Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

Published by elibraryraja33, 2021-08-18 03:31:36

Description: 64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

Search

Read the Text Version

8924 ๙๒ ใบความรู้ เร่ือง การอ่านวิเคราะห์และประเมินค่างานประพันธ์ หนว่ ยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 11 เรื่องอ่านวิเคราะห์และประเมินค่าวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ การอ่านวิเคราะห์เป็นกระบวนการท่ีดําเนินต่อเนื่องภายในสมองมนุษย์โดยอาศัยความรู้ทางภาษา ประสบการณ์ตลอดจนวิจารณญาณของผู้อ่าน เป็นการอ่านท่ีต้องใช้สติปัญญาสูงกว่าการอ่านจับใจความ คือ ต้องอ่านอย่างพิจารณา ไตร่ตรองแยกแยะหาเหตุผล เพื่อให้เข้าใจเจตนาของผู้เขียน และเข้าใจเน้ือเร่ือง อันจะส่งผลให้เป็นผู้ได้รับความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซ้ึง มีเหตุผล และสามารถนําประโยชน์จากการอ่านไปใช้ใน การดําเนนิ ชวี ติ ได้ ประเมินค่า คือ การประเมินค่าเป็นการตัดสินความถูกต้องเท่ียงตรงและคุณค่าของเรื่องที่อ่านว่าถูกต้อง ชัดเจนหรอื ไม่ เช่ือถอื ได้มากน้อยเพียงใด มคี ุณค่าหรือไม่ อย่างไร โดยพิจารณา เนอื้ หา วิธีการนาํ เสนอ และการใช้ ภาษา การประเมินค่า จึงต้องทําอย่างผู้มีสติปัญญา คือจะต้องมีข้อมูล หลักเกณฑ์ และเหตุผล การประเมินค่า อาจพิจารณาตามประเภท การวเิ คราะห์งานประพนั ธ์แบง่ เปน็ ขั้นตอน ดงั นี้ 1. ดูรูปแบบงานประพันธน์ ้นั วา่ เป็นงานประเภทใด 2. แยกเนื้อหาออกเป็นสว่ นๆ ให้เหน็ ว่า ใครทาํ อะไร ท่ีไหน อยา่ งไร เมื่อไร 3. แยกพิจารณาแตล่ ะส่วนใหล้ ะเอียดว่าประกอบกันอย่างไร หรือประกอบด้วยอะไรบ้าง 4. พิจารณาว่าผู้เขียนใช้กลวิธีอย่างไรในการนําเสนอเร่ือง เกณฑ์ในการเลือกวรรณกรรม 1. การเลือกวรรณกรรมท่ีมีเน้ือหาสาระตรงกับความสนใจและความต้องการ ผู้อ่านจะต้องถามตัวเอง วา่ ตอ้ งการอ่านอะไร อ่านทําไม หรอื อา่ นเพื่ออะไร 2. การเลือกวรรณกรรมท่ีดที มี่ ีคุณค่า ควรคาํ นงึ ถงึ หัวข้อต่อไปน้ี 2.1 เนื้อหาความดี หมายถึง วรรณกรรมที่ผู้แต่งมีความมุ่งหมายในการแต่งดี และมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ความมุ่งหมายที่ว่าดีคือ ความคิดบริสุทธิ์ คํานึงความถูกต้อง ความดีงาม ความเป็นธรรม ไม่มอมเมา ให้ผู้อื่นหลงผิด ส่วนความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์คือ ความคิดท่ีมุ่งประโยชน์เพ่ือยกระดับจิตใจของผู้อ่านให้ตระหนัก ในคณุ ธรรม ความดี ความถูกต้อง ยตุ ธิ รรม 2.2 กลวิธีในการแตง่ ดี โดยพจิ ารณาจากการใชภ้ าษาและองคป์ ระกอบอนื่ ๆๆคคอื อื ๒2.๒2.1๑ ถกู ต้องงตตาามมลลักกั ษษณณะะภภาาไษทายไทย 2.2.2 ส่อื ความหมายได้ตามต้องการ 2.2.3 มคี วามเหมาะสมประการต่างๆๆคคอื ือ ใช้ภาษษาาเเหพมราะะสสมมกกบั ับผผู้ออู้ ่า่านน 2.2.4 ใช้ภาษาอยา่ งละเอียด 2.2.5 เลอื กวธิ เี ขียนเหมาะสมกับประเภทหนงั สือและเนื้อหา 2.2.6 เลอื กใช้สว่ นระกอบของเน้ือหาอย่างเหมาะสม 2.2.7 การจัดระบบดี คือ ระบบจําแนกหัวข้อ การใช้ขนาดและตัวอักษร ความถูกต้องชัดเจน ในการพมิ พ์ รวมทง้ั การจดั หน้าละรปู เล่ม

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 12 เรื่อง การอา่ นเพอ่ื ประเมนิ คา่ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรอ่ื ง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา รายวิชาภาษาไทย ๑. หลกั การอา่ นเพ่อื ประเมนิ ค่า กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขนั้ นํา 1. ใบงาน เร่ือง การอ่านเพอื่ ประเมินคา่ 1. นั ก เ รี ย น ฟั ง ส ถ า น ก า ร ณ์ ดั ง ต่ อ ไ ป นี้ ถ้ า นั ก เ รี ย น ภาระงาน/ชิ้นงาน ดา้ นความรู้ มีเงิน ๕๐๐ บาท ไปซ้ือหนังสือคู่มือเตรียมสอบที่พ่อค้านําสินค้า 1. อ่านเพอื่ ประเมนิ ค่าวรรณกรรม 1. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั หลักการอา่ นเพอื่ มาเสนอราคาท้ังเงินสดและเงินผ่อน หากซื้อเงินสดขายชุดละ เร่ือง เพียงสามคาํ ประเมนิ คา่ ๔๐๐ บาท หากซ้ือเงินผ่อน ๕ เดือน ราคา ๘๐๐ บาท นักเรียน จะตัดสินใจซื้อเงินสดหรือเงินผ่อน(นักเรียนบางคนอาจเลือกซ้ือ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ เงนิ สด แตน่ กั เรยี นบางคนอาจเลือกซ้อื เงนิ ผอ่ น 1. อา่ นวเิ คราะหว์ รรณกรรมที่กาํ หนดให้ได้ ๒. ครูเสนอแนะว่าก่อนจะตัดสินใจซ้ือ ต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีก่อน แยกแยะข้อดี ข้อเสียของการซ้ือทั้งสองแบบ ถ้าข้อดีของการซ้ือ ด้านคณุ ลักษณะ แบบใดมากกว่าก็ตัดสินใจเลือกซ้ือแบบนั้นจึงจะทําให้เกิด ๑. ซ่ือสัตยส์ ุจรติ ประโยชนล์ ะคุ้มค่า จากนนั้ จงึ กล่าวเชือ่ มโยงเขา้ สูบ่ ทเรียน ๒. มีวินยั ขัน้ สอน ๓. ใฝ่เรียนรู้ 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม รับใบงานเรื่อง “การอ่านวิเคราะห์ ๔. มุ่งมัน่ ในการทํางาน งานเขียนและเอกสารความรู้เร่ือง เพียงสามคํา แล้วไปร่วมกัน ๕. มีจติ สาธารณะ วางแผนและลงมือปฏิบตั ิตามใบงาน จากน้ันส่งตัวแทน จับฉลาก ๖. มีมารยาทและนสิ ยั ในการอา่ น หมายเลขลาํ ดับทแ่ี ละหวั ข้อเร่ืองทจ่ี ะนําเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน 2. ตัวแทนแต่ละกลุ่มนําเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนตาม ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงาน โดยนําเสนอตามลําดับที่จับฉลาก ได้ ซึ่งมีหวั ข้อ ดังน้ี 8935 ๙๓

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 12 เรอ่ื ง การอ่านเพ่อื ประเมนิ คา่ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เร่ือง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ รายวิชาภาษาไทย กลุ่มที่ ๑ (ข้อท่ี ๑) สรุปใจความสําคัญ เรื่อง เพียงสามคํา พร้อมกับแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเนื้อเรื่อง และ รวบรวมคําศพั ท์ยากต่าง ๆ ในเรอ่ื ง พรอ้ มหาความหมายของศพั ท์ และแสดงขอ้ คิดเห็นเก่ยี วกับคําศพั ท์ตา่ ง ๆ ท่ีปรากฏในเรอ่ื ง กลุ่มที่ 2 (ข้อที่ 2) ค้นหาสํานวนโวหารที่ปรากฏ ในเรื่อง อธิบายและแสดงความคิดเห็น และค้นหาแนวคิดและ สารประโยชนไ์ ดร้ บั จากเรอื่ งพร้อมแสดงความคดิ เห็น กลุ่มท่ี 3 (ข้อท่ี ๔) ความเหมาะสมในการใช้สํานวน ภาษาและลกั ษณะคําประพนั ธ์พร้อมแสดงความคดิ เห็น กลุ่มท่ี 4 (ข้อที่ ๕) ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายและการ นาํ เสนอในเรือ่ งใดเปน็ สําคญั ใหแ้ สดงความคดิ เห็น 3. นักเรียนกลุ่มอ่ืนและครูให้คําชมเชยและร่วมกันเสนอแนะ เพ่มิ เติม ข้นั สรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปหลักเกณฑ์แนวทางและประโยชน์ ของการอา่ นวเิ คราะห์ 86 ๙๔ 94

87 ๙๕ 95 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เครื่องมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ สง่ิ ท่ีต้องการวัด/ประเมิน 1. การนาํ เสนองาน 1. แบบประเมนิ 1. ผลการนาํ เสนองาน ด้านความรู้ หน้าช้ันเรยี น การนําเสนองาน ไมต่ าํ่ ร้อยละ 8๐ 1. มีความรู้ความเข้าใจ หน้าช้ันเรยี น เกี่ยวกบั หลักการอ่านเพ่ือ ๑. การสังเกตการปฏบิ ตั ิงาน ๑. แบบสังเกต ๑. ได้ผลจากการสงั เกต ประเมินค่า กลมุ่ การปฏบิ ัติงานกลมุ่ การปฏิบัตงิ านกล่มุ ไมต่ า่ํ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ๒. การนาํ เสนองาน ๒. แบบประเมนิ กว่าระดบั ๓ 1. อา่ นวิเคราะห์ หนา้ ช้นั เรยี น การนาํ เสนองาน ๒. ประเมนิ ผลการ วรรณกรรมที่กําหนดให้ได้ หนา้ ช้นั เรยี น นาํ เสนองานร้อยละ ๖๐ ด้านคุณลักษณะ 1. การสังเกต 1. แบบสังเกต 1. ได้ผลจากการสังเกต ๑. ซอื่ สตั ย์สจุ ริต คุณลักษณะอันพึง ไมต่ ่าํ กว่าระดับ ๓ ๒. มีวินยั ประสงค์ ๓.ใฝใฝ่เร่เรียยี นนรรู้ ู้ ๔. มุ่งม่ันในการทาํ งาน ๕. มีจติ สาธารณะ ๖. มีมารยาทและนสิ ัยใน การอ่าน

๙๖8986 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (...................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............ 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ.............

๙๗ 8979 ใบงาน เร่ือง การอา่ นเพ่ือประเมินค่า หน่วยท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 12 เร่ือง การอ่านเพื่อประเมินค่า รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ คาํ ชี้แจง 1. อ่านเรื่อง เพียงสามคํา แล้วช่วยกันระดมความคิดตอบคําถามแสดงข้อคิดและเหตุผล ตอบคําถาม ซึ่งคําถามมี 4 ข้อ ดังน้ี 1.๑ สรุปใจความสําคัญของเรื่องท่ีอ่าน และรวบรวมคําศัพท์ยากต่าง ๆ พร้อมกับหาความหมายขขอองง คาํ ศพั ทแ์ ละแสดงข้อคดิ เหน็ เกี่ยวกบั คําศพั ทต์ ่างๆๆททีป่ ป่ี รราากกฏฏในในเรเอ่ืรอื่งง 1.๒ ค้นหาสํานวนโวหารท่ีปรากฏในเร่ือง อธิบายและแสดงความคิดเห็น และค้นหาแนวคิดและ สาระประโยชน์ที่ได้รบั จากเร่ืองพร้อมแสดงความคดิ เห็น 1.3 ความเหมาะสมในการใช้สํานวนภาษาและลกั ษณะคาํ ประพันธ์พรอ้ มแสดงความคิดเห็น (ถ้าเปน็ คําประเภทร้อยกรองให้เขียนแผนผังประกอบคําอธิบายด้วย) 1.4 ผเู้ ขียนมีจุดมุ่งหมายและการนาํ เสนอในเร่ืองใดเป็นสาํ คญั ให้แสดงความคิดเห็น 2. รวบรวมคําตอบท้ัง 4 ข้อ แล้วสรุปใจความบนั ทึกลงแบบบันทึกทคี่ รูแจกใหแ้ ละนําไปติดป้ายนเิ ทศ เพ่ือแลกเปล่ียนเรยี นรู้ 3. ทกุ กล่มุ ส่งตวั แทน ๑ – ๒ คน นาํ เสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียนโดยแต่ละกลมุ่ จบั ฉลากนําเสนอเพียงหวั ข้อ 4. เปิดโอกาสให้เพือ่ นซักถามหลงั จากทน่ี ําเสนอผลงานจบสิ้นลง 5. นักเรยี นในกลมุ่ ทน่ี ําเสนอผลงานร่วมกันตอบคําถาม ....................................................................................................................................................................................

90 เพยี งสามคำ� ความสขุ ของคนเรานน้ั บางทกี เ็ กดิ จากสง่ิ งา่ ย ๆ คอื เกดิ จากความคดิ ความเขา้ ใจของตวั เอง ส�ำ คญั อยทู่ ว่ี า่ คดิ อยา่ งไรเทา่ นน้ั “ปณธิ าน” ไดฟ้ งั นทิ านมาเรอ่ื งหนง่ึ เปน็ เรอ่ื งทน่ี า่ คดิ จงึ จะขอน�ำ มาเลา่ สกู่ นั ฟงั ดงั ตอ่ ไปน้ี กริ ดงั ไดส้ ดบั มา มชี ายนายหนง่ึ เดนิ ทางรอ่ นเรก่ ระเซอะกระเซงิ เขา้ ไปในเมอื งหลวงของประเทศหนง่ึ ตะแก ตน่ื ตาตน่ื ใจในความงามของเมอื งเปน็ อนั มาก เดนิ ชมเมอื งอยา่ งเพลดิ เพลนิ ไมน่ านกม็ าหยดุ ยนื อยหู่ นา้ บา้ น ๆ หนง่ึ ซง่ึ สวยงามในใจของตะแกกค็ ดิ วา่ “บา้ นใครหนอชา่ งสวยงามอะไรอยา่ งน้ี เรานต้ี ายแลว้ เกดิ ใหมก่ ค็ งไมม่ วี นั ไดม้ บี า้ น สวยงามเชน่ นแ้ี น”่ ขณะทย่ี นื ร�ำ พงึ อยกู่ ม็ คี นเดนิ ผา่ นมากลมุ่ หนง่ึ ตะแกกร็ อ้ งถามคนกลมุ่ นน้ั วา่ “พอ่ เอย๋ ชว่ ยบอกฉนั ที ไดไ้ หมวา่ ใครเปน็ เจา้ ของบา้ นงามหลงั น”้ี แตห่ ามใี ครฟงั เขา้ ใจไม่ คนหนง่ึ ในกลมุ่ นน้ั กพ็ ดู อะไรออกมา ๒–๓ ค�ำ ซง่ึ ตะแกกฟ็ งั ไมเ่ ขา้ ใจกน็ กึ วา่ เขาบอกชอ่ื เจา้ ของบา้ นกข็ อบใจเขาแลว้ กเ็ ดนิ ตอ่ ไป สกั พกั ใหญก่ เ็ ดนิ มาถงึ ทา่ เรอื เหน็ เรือลำ�ใหญ่ทอดสมออยู่ที่ท่าประมาณราคาแล้วก็เป็นมูลค่าอเนกอนันต์ ตะแกก็ยืนรำ�พึง“อุแม่เจ้า ใครหนอเป็น เจา้ ของเรอื ล�ำ น้ี เราตายแลว้ เกดิ ใหมก่ ไ็ มม่ วี นั รวยไดอ้ ยา่ งน”้ี พอดมี คี นกลมุ่ หนง่ึ เดนิ ผา่ นมาตะแกกร็ อ้ งถามเขาไป อกี วา่ ใครเปน็ เจา้ ของเรอื ล�ำ นน้ั คนกลมุ่ นน้ั ไมเ่ ขา้ ใจวา่ แกถามวา่ อะไร จงึ ตอบดว้ ยค�ำ ๒–๓ ค�ำ เหมอื นคนกลมุ่ แรก ตอบ ตะแกไดย้ นิ ๒–๓ ค�ำ นน้ั ซ�ำ้ อกี กเ็ ขา้ ใจวา่ เปน็ ชอ่ื เจา้ ของเรอื จงึ นกึ วา่ “บญุ อะไรของทา่ นหนอ จงึ มบี า้ นสวยและ เรอื สนิ คา้ ใหญโ่ ตเชน่ น”้ี แลว้ กเ็ ดนิ ตอ่ ไปอกี ครใู่ หญก่ เ็ หน็ ขบวนแหศ่ พมาตามถนน ดจู ะเปน็ ศพของคนมง่ั มี เพราะมี ขบวนยดื ยาว กต็ ะโกนถามวา่ เปน็ ศพของใคร คนกลมุ่ นน้ั ฟงั ค�ำ ถามของแกไมร่ เู้ รอ่ื งกต็ อบดว้ ยค�ำ ๒–๓ ค�ำ เหมอื น คนกลมุ่ กอ่ นๆ ตะแกกเ็ ขา้ ใจวา่ เปน็ ชอ่ื ของผตู้ าย จงึ ร�ำ พงึ ในใจวา่ “อพโิ ธเ่ อย๋ ดทู รี มึ บี า้ นสวย มเี รอื สนิ คา้ ใหญโ่ ต แต่ กลบั ไมไ่ ดม้ ชี วี ติ อยชู่ น่ื ชมทรพั ยส์ มบตั เิ ลยนแ่ี หละหนอ อนจิ จงั ไมเ่ ทย่ี ง เออ เรานก่ี โ็ ชคดที ย่ี งั มชี วี ติ อยดู่ โู ลกตอ่ ไป ถงึ เราจะยากจนไมม่ บี า้ นสวย ไมร่ �ำ่ รวยอะไรกบั เขา เรากเ็ ปน็ สขุ ตามประสายาจกของเราแลว้ ” คดิ ไดเ้ ทา่ นน้ั ตะแกก็ ผวิ ปากอยา่ งรา่ เรงิ เดนิ ชมกรงุ ตอ่ ไป โดยหารไู้ มว่ า่ ค�ำ ๒–๓ ค�ำ ทแ่ี กเขา้ ใจวา่ เปน็ ชอ่ื ของบคุ คลผเู้ ปน็ เจา้ ของบา้ น สวยและเปน็ เจา้ ของเรอื สนิ คา้ อนั มง่ั คง่ั นน้ั ทแ่ี ทเ้ ปน็ ค�ำ พดู ทแ่ี ปลไดค้ วามวา่ “ฉนั ไมเ่ ขา้ ใจภาษาทท่ี า่ นพดู ” ความสขุ ของกระทาชายนายนเ้ี กดิ ขน้ึ ไดด้ ว้ ยการทค่ี ดิ เอาเองจนเกดิ ปลงตก จติ ใจกม็ สี นั โดษ พอใจในสภาพ ความเปน็ อยขู่ องตน เลกิ อจิ ฉาคนทม่ี ง่ั มกี วา่ เพราะแกคดิ เสยี วา่ ถงึ อยา่ งไร แกกย็ งั มชี วี ติ อยดู่ กี วา่ คนมง่ั มที อ่ี ายสุ น้ั เคลด็ ลบั ของการมคี วามสขุ นน้ั ทา่ นวา่ อยทู่ ใ่ี จของเราเอง ถา้ ใจเราคดิ อะไร มองอะไร ในทางดี และเกดิ ความ“พอใจ” แลว้ เรากห็ าความสขุ ไดไ้ มย่ ากนกั กอ่ นจบ ขอฝากกลอนๆ บทหนง่ึ ไวใ้ หค้ ดิ ดงั น้ี เทย่ี วดน้ คน้ ควา้ หาสขุ พบทกุ ขแ์ ทนทน่ี ไ่ี ฉน เลกิ แสวงสขุ หนอพอใจ สขุ ซาบซา่ นในใจเอง (จากนทิ านประกอบเรยี งความ ของ ปณธิ าน)

๙๙ 919 เกณฑ์การสงั เกตพฤติกรรมกลุม่ ประเด็นการสังเกต เกณฑ์การให้ระดับคะแนน ๑ ๑. การกําหนด ๔ ๓๒ ขาดองค์ประกอบ บทบาทหนา้ ท่ี มปี ระธาน เลขานกุ าร ขาดองค์ประกอบ ขาดองค์ประกอบ ๓ อยา่ ง ๒. ความรับผิดชอบ ผ้นู าํ เสนอ ผูร้ ว่ มงาน ๑ อยา่ ง ๒ อยา่ ง มผี ู้มหี นา้ ที่แต่ไม่ ตอ่ หน้าที่ ทกุ คนมีหน้าที่และความ มีผู้มหี นา้ ที่แต่ไม่ มผี ู้มหี น้าท่แี ต่ไม่ รับผิดชอบ ๒ คน ๓. ขัน้ ตอนการ รับผิดชอบต่อหน้าท่ี รับผิดชอบ ๑ คน รับผิดชอบ ๒ คน ข้ึนไป ทํางาน ของตน ขาด มากกวา่ ๑. คัดเลือกเรอ่ื งราวได้ ขาด ๑ ขนั้ ตอน ขาด ๒ ข้ันตอน ๒ ขน้ั ตอนข้นึ ไป ๔. เวลาในการ เหมาะสม หรือไม่ชดั เจน หรือไม่ชัดเจน เสร็จไมท่ นั กําหนด ทํางาน ๒. วางแผนการทาํ งาน และงานไม่มี ๕. ความรว่ มมือใน ๓. เตรียมวัสดุอุปกรณ์ เสร็จตามกาํ หนด เสรจ็ ไม่ทันกําหนด คุณภาพ การทํางาน ๔. ปฏิบตั ิตามแผนและ และงานมีคุณภาพ แตง่ านมีคุณภาพ ตาํ่ กวา่ ๕๐ % พัฒนางาน ๗๐ % ของกลุ่ม ๖๐ % ของกลุ่ม ของกลุ่มมีสว่ นร่วม เสรจ็ ก่อนกําหนดและ มีส่วนร่วมและให้ มีส่วนรว่ มและให้ และใหค้ วามร่วมมือ งานมีคุณภาพ ความรว่ มมือ ความร่วมมือ ทุกคนมีสว่ นร่วมและ ใหค้ วามร่วมมอื อย่างเต็มท่ี ระดับคณุ ภาพ ๑๖-๒๐ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๑-๑๕ หมายถงึ ดี คะแนน ๖-๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐-๕ หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน

๑๐19๐020 แบบสงั เกต การปฏิบัติงานกลมุ่ หนว่ ยท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 เรื่อง การอ่านเพ่ือประเมินค่า รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ เรอ่ื ง อ่านวิเคราะหว์ รรณกรรมท่ีกําหนดให้ได้ รายการประเมิน เลขท่ี ชือ่ - สกุล ความสนใจ คะแนนรวม การมี ่สวน ่รวม ีมมารยาท ี่ท ีด การ ัรบมอหมายงาน การ ่รวมวาแผน ๕๒ ๕ ๓ ๕ ๒๐ บนั ทกึ เพิ่มเติม…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)……………………………………..ผปู้ ระเมิน (……………..……………………………….)

๑๐๑19031 แบบประเมิน เรื่อง การนําเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี น หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 12 เร่ือง การอ่านเพื่อประเมินค่า รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ จุดประสงค์การเรียนรู้ อ่านวเิ คราะหว์ รรณกรรมทีก่ ําหนดให้ได้ ชื่อกลุ่ม……………………………………………………………เลขท่…ี ………………..ชน้ั ………………… ที่ พฤติกรรมทป่ี ระเมิน ผลการประเมิน ๑ ความพร้อมในการพูด ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๒ ความสมบูรณ์ในเนือ้ หา ๓ การสรุปใจความสําคัญ ๔ ๓ ๒ ๐-๑ ๔ การแสดงความคิดเหน็ ๕ การตอบคําซักถาม รวม รวมคะแนน ความคดิ เห็นเพม่ิ เติม………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่ือ)………………….………………………ผู้ประเมนิ (..................................................)

๑1๐๒0924 เกณฑ์การการนาํ เสนอผลงานหน้าช้ันเรียน ประเด็นการสังเกต ๔ เกณฑ์การใหร้ ะดบั คะแนน ๑ ๓๒ ขาดการเตรียมตัว ๑. ความพร้อมในการพูด ความพร้อมในการพูด ขาด ขาดองค์ประกอบ ความสมบูรณ์ใน การเตรียมตัว สื่อ องค์ประกอบ ๒ อยา่ ง เนื้อหาไม่สมบูรณ์ อุปกรณป์ ระกอบ ๑ อย่าง การพูดครบ ๒. ความสมบรู ณ์ ความสมบูรณ์ในเน้ือหา ความสมบรู ณ์ใน ความสมบูรณ์ ในเนื้อหา ครบทกุ ประเด็น เน้อื หาขาดบาง ในเน้ือหาขา้ มไป ประเด็น ขา้ มมา ๓. การสรุปใจความ การสรปุ ใจความสําคัญ ขาด ๑ ข้นั ตอน ขาด ๒ ขั้นตอน ขาด มากกวา่ สาํ คัญ ได้ครบทุกข้อความ หรือไม่ชัดเจน หรอื ไมช่ ดั เจน ๒ ขนั้ ตอนขน้ึ ไป ๔. การแสดงความ การแสดงความคิดเห็น การแสดงความ การแสดงความ การแสดงความ คิดเหน็ มเี หตุผลนา่ เชื่อถือ คิดเห็นมีเหตุผล คดิ เหน็ มเี หตุผล คิดเหน็ มเี หตุผล ๕. การตอบคาํ ซักถาม ทุกคนมีสว่ นร่วมและ บางข้อความ มคี วามนา่ เช่ือถือบา้ ง ขาดความน่าเช่ือถือ ใหค้ วามร่วมมืออย่าง ๗๐ % ของกลุ่ม ๖๐ % ของกลุ่ม ตาํ่ กว่า ๕๐ % ระดับคุณภาพ เตม็ ที่ในการตอบ มสี ่วนรว่ มและให้ มสี ่วนรว่ มและให้ ของกลุ่มมีสว่ นร่วม คะแนน คําถาม ความร่วมมือ ความรว่ มมือ และให้ความร่วมมือ คะแนน คะแนน ๑๖-๒๐ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๑-๑๕ หมายถึง ดี ๖-๑๐ หมายถึง พอใช้ ๐-๕ หมายถงึ ปรับปรุง

10935 ๑๐๓ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ ชือ่ -สกุลนักเรียน..................................................................................................ช้ัน/หอ้ ง............................ เลขที่........................ คาชแ้ี จง:ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด / ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน ระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ 321 0 อนั พึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 มคี วามรัก และภมู ใิ จในความเปน็ ชาติ กษตั รยิ ์ 1.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภกั ดตี ่อสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ 2. ซื่อสัตย์สจุ รติ 2.1 ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บการสอน และไมล่ อกการบา้ น 3. มวี ินยั 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเอง 4. ใฝ่เรยี นรู้ 2.3 ประพฤติ ปฏิบตั ิตรงตอ่ ความเป็นจริงต่อผู้อน่ื 5. อยู่อย่างพอเพยี ง 3.1 เข้าเรียนตรงเวลา 6. มุง่ มั่นในการ 3.2 แตง่ กายเรยี บรอ้ ยเหมาะสม 3.3 ปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บทีว่ างไว้ ทางาน 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นร้ตู ่างๆ 7. รกั ความเปน็ ไทย 4.2 มกี ารจดบันทกึ ความร้อู ยา่ งเปน็ ระบบ 8. มจี ติ สาธารณะ 4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ย่างมเี หตผุ ล 5.1 ใช้ทรัพย์สินและส่งิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ุณคา่ 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน 6.1 มคี วามต้ังใจ และพยายามในการทางานที่ได้รบั มอบหมาย 6.2มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 ร้จู กั การให้เพอื่ ส่วนรวม และเพอื่ ผู้อืน่ 8.2 แสดงออกถงึ การมนี ้าใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลอื ผูอ้ นื่ 8.3 เข้าร่วมกิจกรรมบาเพ็ญตนเพื่อสว่ นรวมเมือ่ มโี อกาส รวม รวมคะแนน/เฉล่ีย หมายเหตุ คะแนน 50 - 66 ระดับคณุ ภาพ ดเี ย่ยี ม …………………………………………………………………………………………………………………… คะแนน 40 - 49 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนน 20 - 39 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ เ…ก…ณ…ฑ…์ก…า…ร…ให…ค้ …ะ…แ…น…น…………………………………………………………………………………… คะแนน 0 - 19 ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง - พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน สรุปผลการประเมนิ ระดับ  ดเี ย่ยี ม - พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน  ดี - พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั ิบางคร้งั ให้ 1 คะแนน  พอใช้  ปรบั ปรุง - พฤตกิ รรมทไี่ ม่ได้ปฏบิ ัติ ให้ 0 คะแนน ลงชื่อ.............................................................................ผปู้ ระเมนิ (.....................................................................) ........... /................................/.....................

10946 ๑๐๔ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง เรียงถ้อยร้อยความ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๒๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๑ ชั่วโมง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ดั สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียน เร่ืองราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษา ค้นควา้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวช้วี ัด ม.๒/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจงครง่ึ บรรทัด ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา ม.๒/๓ เขียนเรยี งความ ม.๒/๖ เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการ เขียน ๒ .สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การคัดลายมือและการเขียนสื่อสารในรูปแบบของ การเขียนบรรยาย การเขียนเรียงความ การเขียน จดหมายกิจธุระโดยใช้ถ้อยคาถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม สละสลวย และถูกต้องตามหลักภาษา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ สง่ิ ทีต่ อ้ งการสือ่ ด้วยความประณตี สวยงามของงานเขียน ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. นักเรียนสามารถอธิบายหลกั การและขนั้ ตอนการคัดลายมือตัวบรรจงคร่งึ บรรทัดได้ ๒. บอกความหมายของการเขยี นบรรยายได้ ๓. บอกลกั ษณะการเขียนบรรยายและพรรณนาได้ ๔. นกั เรยี นบอกองค์ประกอบของการเขียนเรยี งความได้ ๕. นกั เรียนบอกประโยชนข์ องการวางโครงเร่ืองได้ ๖. นักเรียนสามารถนาความรู้ เรอ่ื ง การเขียนเรยี งความไปเขยี นเรือ่ งความได้ ๘. นกั เรียนอธบิ ายความหมายของการเขยี นจดหมายกิจธุระ

19075 ๑๐๕ ทักษะ/กระบวนการ ๑. คดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทัดไดถ้ ูกต้องตามรูปแบบกระทรวงศึกษาธิการ ๒. สามารถเขยี นบรรยายเรอ่ื งจากเหตกุ ารณ์ต่างๆๆไดได้ ้ ๓. สามารถเขียนพรรณนาเรอ่ื งจากภาพและจากบทรอ้ ยกรองได้ ๔. เปรียบเทียบการเขยี นบรรยายและพรรณนาได้ ๕. สามารถวางโครงเรอ่ื งในการเขยี นเรยี งความได้ ๖. สามารถเขียนโครงเร่ืองการเขียนเรยี งความจากเรื่องท่ีกาหนดให้ได้ ๗. สามารถเขียนเรียงความ จากเร่ืองท่ีกาหนดให้ได้ ๘. สามารถเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะได้ เจตคติ ๑. มีเจตคติทด่ี ีตอ่ วชิ าภาษาไทย ๒. ตระหนักเหน็ คุณคา่ ของวชิ าภาษาไทย ๓. มีความรบั ผิดชอบ ๔. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด เขยี นและส่ือสารได้ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. รกั ความเป็นไทย ๔.คคววาามมซซอื่ ือ่ สสตั ัตยย์ ์ ๕.จจิติตสสาาธธาารรณณะะ ๖.มมมี ีมาารรยยาาททในในกกาารรเขเขียยีนน ๖. การประเมินผลรวบยอด ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ภาระงาน ๑. ใบงานที่ ๑ เรื่อง การเขยี นบรรยายเร่ืองท่ีแตง่ ขนึ้ จากเหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดข้นึ ๒. ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง การเขยี นเรยี งความ เรอ่ื ง “ภาษาไทยกับวยั รนุ่ ในปัจจบุ นั ” ๓. ใบงานที่ ๑ เเรรอ่ื ือ่ งงกกาารรเขเขยี ียนนจจดดหหมมาายยขขออคควาวมามออนนุเคุเรคาระาหะ์ห์

19086 ๑๐๖ ชิ้นงาน ๑. เขียนบรรยายเร่ืองทแี่ ต่งจากเหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ข้นึ ๒. เขยี นพรรณนาจากภาพและบทร้อยกรอง ๓. เรียงความ เรื่อง “ภาษาไทยกับวัยรุน่ ในปจั จบุ นั ” ๔. จดหมายกิจธุระ

10979 ๑๐๗ เกณฑ์การประเมินผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเมินชิน้ งานการเขยี นเรียงความ ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรงุ ) รูปแบบและเน้ือหา รปู แบบถูกต้องและ รูปแบบถูกต้องและ รปู แบบถูกต้อง รูปแบบไม่ถกู ต้อง การนาเสนอ มเี นอื้ หาตรงทุก เนื้อหาตรงประเดน็ อยา่ งน้อย ๒ ส่วน และเนือ้ หาไม่ตรง ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ และเนื้อหามีสว่ นที่ ประเดน็ การเขยี นถูกต้อง ตรงประเด็นบา้ ง ตามอักขรวธิ ี นาเสนอความรหู้ รือ นาเสนอความรู้หรือ นาเสนอความรหู้ รือ นาเสนอความรหู้ รือ ความคดิ เห็นได้ ความคดิ เหน็ ได้ ความคิดเห็นไดโ้ ดย ความคดิ เห็นไดแ้ ต่ น่าสนใจ คอ่ นข้างน่าสนใจ มสี ว่ นทน่ี ่าสนใจ ไมน่ ่าสนใจและไม่มี มกี ารยกตวั อย่าง มกี ารยกตัวอย่าง บา้ งแต่ขาดตวั อย่าง ตัวอยา่ งประกอบ ประกอบ ประกอบ ประกอบ เขียนสะกดคา เขยี นสะกดคา เขยี นสะกดคา เขยี นสะกดคา ถกู ต้องตามอักขรวธิ ี ถูกต้องเปน็ สว่ น ถกู ต้องพอใช้ โดยมี ถกู ต้องน้อย โดยมี ท้ังหมด ใหญ่ โดยมคี าท่ี คาที่เขียนผิด คาท่เี ขียนผดิ เขยี นผดิ นอ้ ยกวา่ ๕ มากกวา่ ๕ แห่ง แต่ มากกวา่ ๑๐ แหง่ แห่ง ไม่เกิน ๑๐ แหง่ เกณฑ์การตัดสนิ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๑๐- ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๗- ๙ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๔ - ๖ หมายถงึ ปรับปรุง คะแนน ๑ - ๓ คะแนนขึน้ ไป เกณฑ์การผ่าน ตั้งแตร่ ะดบั ๔

110080 ๑๐๘ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาช้ีแจง :ให้ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดั ชอ่ื -สกลุ ของผรู้ ับ ความมี ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม บ ท่ี การประเมิน วินัย นา้ ใจ ความ ความ เวลา ๒๐ เอ้อื เฟอื้ คิดเห็น คดิ เห็น คะแ- เสยี สละ แนนนน ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ............../.................../................ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต่ากวา่ ๑๐ ปรับปรงุ

1019 ๑๐๙ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ชอื่ กล่มุ ................................................................................................ ชั้น .................................................... คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่อง ทตี่ รงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ๔ (ดมี าก) ระดับคะแนน ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ ๑ การแบ่งหนา้ ท่ีกันอยา่ งเหมาะสม ๒ ความร่วมมือกันทางาน (ปรบั ปรุง) ๓ การแสดงความคิดเห็น ๔ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ๕ ความมีนา้ ใจชว่ ยเหลือกัน รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต่ากว่า ๑๐ ปรับปรงุ

102 110 ๑๑๐ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน ๑.๑ ยนื ตรงเมอ่ื ได้ยนิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธบิ าย ๔๓๒๑ ๑.รักชาติ ศาสน์ ความหมายของ เพลงชาติ กษตั รยิ ์ ๑.๒ ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของนักเรียน ๑.๓ ให้ความรว่ มมอื ร่วมใจ ในการทางานกับสมาชิกในชน้ั เรยี น ๒.ซ่ือสัตย์ สจุ ริต ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ๓.มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ ตอ่ โรงเรยี นและชมุ ชน ๔.ใฝ่เรียนรู้ ๑.๕ เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตนตามหลักของ ๕.อยูอ่ ย่างพอเพียง ศาสนา ๑.๖ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามท่โี รงเรียน และชุมชนจดั ขน้ึ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ท่ีถูกต้อง และเปน็ จรงิ ๒.๒ปปฏฏบิ บิ ตั ตั ใิ ใินนสสง่ิ ง่ิ ทที่ถถ่ี กูกู ตต้ออ้ งง ลละอาายย และเกรงกลัวทีจ่ ะทา�ำ ความผิด ทา�ำ ตาม สญั ญาทีต่ นให้ไว้กบั เพ่ือน พ่อแม่หรอื ผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบัติต่อผู้อ่นื ดว้ ยความซื่อตรง ๓.๑ ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจาวนั ๔.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรูต้ ่างๆ ๔.๒มมกี กี าารรจจดดบบนั นั ททกึ กึ คคววาามมรรู้ออู้ ยย่าา่ งงเเปป็นน็ รระะบบบบ ๔.๓ สรปุ ความรู้ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล ๕.๑ใใชชท้ ท้ รรัพพั ยยส์ ส์ ินนิ ขขอองงตตนนเเอองงเเช่น สิง่ ของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คุม้ ค่า และเกบ็ รักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ใใชช้ทท้ รรัพพั ยยาากกรรขขอองงสส่วว่นนรรววมมออยย่างา่ ปงประรหะหยัดยดั คุ้มคคมุ้ ่าคา่แลแะลเะกเ็บกรบ็ กั รษกั าษดาูแดลแู ล อยา่ งดี ๕.๓ปปฏฏบิ บิ ัตตั ิตติ นนแแลละะตตัดดั สสินนิ ใใจจดดว้ว้ ยยคคววาามมรรออบบคคออบบมมีเเีหหตุผล ๕.๔ไไมม่เเ่ออาาเเปปรรียยี บบผผู้ออู้ ื่นน่ื แแลละะไไมม่ทท่ า�ำ ใหผ้ ู้อ่นื เดือดร้อน พร้อมใหอ้ ภยั เมอ่ื ผู้อนื่ กระทาผดิ พลาด

103 111 ๑๑๑ คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ด้าน ๔๓๒๑ ๕.๕ววาางงแแผผนนกกาารรเเรรียยี นนกกาารรททา�ำ งงาานนแแลละะกกาารรใใชช้ ีวติ ประจา�ำ วันบนพืน้ ฐาน ของความรู้ ข้อมูล ขา่ วสาร ๕.๖รรูเ้ เู้ททา่ า่ ททันนั กกาารรเเปปลลย่ี ย่ี นนแแปปลลงงททาางงสสังงั คคมมแแลละะสสภภาาพพแแววดดลล้ออ้ มม ยยออมมรรบับ และปรบั ตัว อยรู่ ่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมีความสขุ ๖.มุ่งมน่ั ในการ ๖.๑มมคี คี ววาามมตต้งั ง้ั ใใจจแแลละะพพยยาายยาามมใในนกกาารรททา�ำ งงาานนททไี่ไ่ี ดด้รับมอบหมาย ทางาน ๖.๒มมคี คี ววาามมออดดททนนแแลละะไไมมท่ ท่ ้ออ้ แแททต้ ต้ ่ออ่ ออุปปุ สสรรรรคคเเพพ่ืออ่ื ใใหห้งง้ าานนสสา�ำ เเร็จ ๗.รกั ความเปน็ ไทย ๗.๑ มจี ิตสานึกในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย ๗.๒ เหน็ คุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘.มีจติ สาธารณะ ๘.๑ ร้จู ักชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคิด ช่วยทา และแบ่งปันส่งิ ของให้ผอู้ ื่น ๘.๓ รูจ้ ักดแู ล รกั ษาทรพั ย์สมบัตแิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน ๘.๔ เข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ............../.................../................ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 1๙๑ – ๑๐๘ ดมี าก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ตา่ กวา่ ๕๔ ปรับปรงุ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง การคัดลายมือจากบทร้อยกรอง เวลา ๑ ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง เรียงถอ้ ยร้อยความ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาภาษาไทย ๑. ความสาคัญของการคัดลายมือ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ ๒. การเขยี นพยัญชนะไทย สระ รปู วรรณยกุ ต์ ข้นั นา ๑. ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การคัดลายมือ และตวั เลขไทย ๒. ใบงาน เรื่อง คัดลายมือโดยใช้ตัวอักษร ๓. การคดั ลายมอื ๑. ให้อาสาสมัครนักเรียน ๒-๓ คน ออกมาเขียนช่ือและ การคัดลายมือแบบกระทรวงศกึ ษาธิการ ๔. อักษรไทยในการคัดลายมอื นามสกุลของนกั เรยี นดว้ ยลายมอื ตวั บรรจงคร่ึงบรรทัดบนกระดาน หวั กลม ตวั มน ๕. ประโยชนข์ องการคัดลายมอื หนา้ ช้ันเรียนและให้เพ่อื น ๆ ในช้ันเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ภาระงาน/ชน้ิ งาน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ และช่วยกันพิจารณาลักษณะตัวอักษร การวางสระและ ภาระงาน ดา้ นความรู้ รปู วรรณยุกต์ สรุปหลักการและขนั้ ตอนการคดั ลายมือโดย นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและ การบันทกึ ลงสมุด การคดั ลายมือตัวบรรจงคร่งึ บรรทดั ได้ ๒. นักเรียนฟังครูอธิบายเก่ียวกับการเขียนตัวหนังสือด้วย ชน้ิ งาน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ลายมือที่สวยงามทาให้งานเขียนมีระเบียบ ชัดเจนและน่าอ่าน ๑. ผลงานการคดั ลายมอื ใบงาน เรื่อง นักเรียนคัดลายมือตัวบรรจงครงึ่ บรรทัด นอกจากนี้ยังส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้เขียนว่าเป็นผู้มีภูมิรู้ทาง คดั ลายมอื โดยใช้ตวั อกั ษรการคดั ลายมือแบบ ได้ถูกต้องตามรูปแบบกระทรวงศกึ ษาธิการ ภาษาและใช้ภาษาไทยไดอ้ ย่างถูกต้อง กระทรวงศกึ ษาธิการ หวั กลม ตัวมน ด้านคุณลักษณะ ขนั้ สอน ๑. มุ่งมั่นในการทางาน ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๑. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง หลกั การคดั ลายมอื ๓. รักความเปน็ ไทย ๒. นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็น เกีย่ วกบั แบบของตัวอักษรไทยทถี่ ูกต้องซงึ่ บ่งบอกถึงการรักความเป็นไทย และครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เรื่องแบบตัวอักษร ในการคัดลายมือ มแี บบ การคดั ตัวอักษรไทยหลายแบบในการสอนคัดลายมือแกน่ ักเรยี น ทกุ ระดับช้นั จะใชต้ วั อักษรแบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ซ่งึ เรียกตาม โครงสร้างของตวั อกั ษร หวั กลม ตัวมน ประกอบดว้ ยพยัญชนะ ไทย สระ วรรณยุกต์และตวั เลขไทย ๑๑11๒1024

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง การคัดลายมือจากบทร้อยกรอง เวลา ๑ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอื่ ง เรียงถอ้ ยร้อยความ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ๓.นกั เรียนทกุ คนฝึกคัดลายมือจากใบงาน เร่ือง คัดลายมือ โดย ใ ช้ ตั ว อั ก ษ ร แ บ บ ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร หั ว ก ล ม ตัวมน ขณะท่ีนักเรียนฝึกคัดลายมือ ๔.นักเรียนจับคู่พิจารณาการคัดลายมือของเพื่อน และปรับปรุง วธิ กี ารคดั ลายมือให้สวยงามตามแบบ ๕.ครูสุ่มผลงานนักเรียน เสนอเป็นตัวอย่างและพูดชื่นชมใน ผลงานนักเรียน ข้ันสรปุ ๑ .นั ก เ รี ย น แ ล ะ ค รู ช่ ว ย กั น ส รุ ป ห ลั ก ก า ร แ ล ะ ขั้ น ต อ น ก า ร คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดและจดบันทึกในสมุดบันทึกของ นกั เรียน 105 ๑๑๓11

๑๑11๔1046 การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ส่งิ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ ดา้ นความรู้ - ตรวจใบงาน - แบบประเมิน - นักเรียนไดค้ ะแนน - การทาใบงาน เรื่อง เรื่อง คดั ลายมือโดย ใบงาน เร่ืองคัด ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป คัดลายมอื โดยใชต้ ัวอักษร ใชต้ ัวอักษรการคัด ลายมอื โดยใช้ ถือว่าผ่านเกณฑ์ แบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลายมือแบบ ตัวอกั ษรการคดั หวั กลม ตัวมน กระทรวงศึกษาธิการ ลายมือแบบ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ หัวกลม ตวั มน กระทรวงศึกษาธกิ าร - สงั เกตการทาใบงาน หวั กลม ตวั มน การคดั ลายมือจาก สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ผลจากการสงั เกต บทรอ้ ยกรอง การทางานรายบคุ คล พฤติกรรม พฤติกรรมการทางาน ดา้ นคุณลักษณะ การทางานรายบุคคล รายบุคคลรอ้ ยละ ๘๐ - สังเกตคุณลกั ษณะ ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ สังเกตคุณลักษณะ แบบสงั เกต ได้ผลจากการสงั เกต ๑. มงุ่ ม่ัน คุณลักษณะ คุณลักษณะแต่ละข้อ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ ไมต่ า่ กวา่ ระดับ ๒ ๒. ใฝร่ ้ใู ฝเ่ รยี น ๓. รกั ความเป็นไทย

๑๑๕11075 ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. .......................................................... ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ..................................................................................................................... .................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ลงช่ือ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

๑๑1๖0186 ใบความรู้ ๑ เร่ือง หลักการคัดลายมอื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เร่ือง การคดั ลายมือจากบทร้อยกรอง รายวชิ าภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นักเรียนสามารถอธิบายหลกั การและขั้นตอนการคัดลายมือได้ ๑. ความสาคญั ของการคดั ลายมอื การคัดลายมือเป็นการคัดตัวอักษรไทย มีมาแต่ราชสานักเริ่มมีตัวอักษรไทย การ “จาร” หรือ “จารึก” เปน็ การคัดตวั อกั ษรไทยลงในหนิ ศลิ า จึงเรยี กว่า ศิลาจารึก บา้ งก็ “เขยี นอยา่ งบรรจง” คือ คัดลง ในคัมภีร์โบราณท่ีทาจากใบลาน เป็นบทสวดต่างๆ คาสอน คติธรรม ตารา ประเพณี วัฒนธรรม ประวตั ิศาสตร์ ซง่ึ เรยี กว่า คัมภีร์ใบลาน วสั ดทุ ใี่ ชใ้ นการคัดลายมือ ประกอบดว้ ย ๑. วัสดุรองรับการคัดหรือเขียนอย่างบรรจง เช่น หิน กระดานชนวน ใบลาน ผืนผ้า ผืนหนัง กระดาษ ฯลฯ ๒. วสั ดทุ ี่ใช้คัดหรือเขยี นอยา่ งบรรจง เช่น แท่งหิน แท่งเหล็ก แทง่ ไม้ พ่กู ัน ดนิ สอ ปากกา ฯลฯ ๓. วัสดุ “สี” ซึ่งบางคร้ังการคัดก็ต้องใช้สี เช่น แท่งไม้ พู่กัน จึงจะเห็นลายเส้นตัวอักษร แต่วัสดุ บางอย่างก็ไม่ต้องใช้สี เช่น หินชนวนกบั กระดานชนวน ด้วยความสาคัญของการคัดลายมือที่คู่ชาติ คู่อักษรไทยมาแต่ดั่งเดิม จึงเกิดการต้ังหน่วยงาน สาหรับคัดลายมือ บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งหน่วยงานนี้จะต้องมีผู้คัดลอก และผู้คัดลอกต้องมีความรู้ใน ดา้ นภาษา มลี ายมอื สวย อ่านงา่ ย ชดั เจน ซ่ึงเรียกว่า เป็นอาลักษณ์ คือ พนักงานผู้คัดลอก และหน่วยงาน น้ีปัจจุบันเป็นแผนกอาลักษณ์ กองประกาศิต สานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมี การพัฒนาการพิมพ์ตัวอักษรไทยที่สวยงามขึ้นมาใช้แทน แต่คุณค่าของการคัดลายมือยังได้รับการเชิดชูไว้ สงู สุด ไดแ้ ก่ การคดั ลายมอื ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นต้น ๒. รู้จกั พยัญชนะไทย เมือ่ สงั เกตตัวพยญั ชนะจะพบความแตกตา่ ง ดงั นี้ ๒.๑ ขนาดของตัวพยญั ชนะ พยัญชนะมีความกวา้ งน้อยที่สุด ไดแ้ ก่ ข ฃ ง จ ช ซ ฐ ธ ร ว พยัญชนะมคี วามกว้างขนาดกลาง ไดแ้ ก่ ก ค ฅ ฆ ฉ ฎ ฏ ฑ ด ต ถ ท น บ ผ ฝ พ ฟ ภ ม ยมลยศล ษศ สษ หส หฬ ฬอ อฮ ฮ พยัญชนะทมี่ คี วามกวา้ งท่สี ุด ไดแ้ ก่ ฌ ญ ฒ ณ ๒.๒ สว่ นหวั ของพยัญชนะ ๑) พยัญชนะท่ไี ม่มีหวั ได้แก่ ก ธ ๒) พยัญชนะที่มีหวั ออกข้างบน ได้แก่ ง ช น บ ป พ ฟ ม ห ฬ ๓) พยญั ชนะท่มี หี ัวออกขา้ งล่าง ได้แก่ ภ ๔) พยัญชนะทีม่ ีหวั เข้าข้างบน ได้แก่ ผ ฝ ๕) พยญั ชนะทีม่ ีหวั เขา้ ขา้ งลา่ ง ได้แก่ ถ

๑๑๗111079 ๖) พยญั ชนะทีม่ ีหวั ซ้อน ๒ ช้ัน ไดแ้ ก่ ข ฃ ช ซ ๗) พยญั ชนะทมี่ ีหวั เข้าข้างในตัว ไดแ้ ก่ ค ฅ ศ อ ฮ ๘) พยญั ชนะที่มีหัวออกขา้ งในตวั ได้แก่ ฉ ด ต ๙) พยัญชนะทม่ี ีหางยาว ไดแ้ ก่ ช ซ ป ฝ ฟ ศ ส ๑๐) พยัญชนะทม่ี ีหางมว้ น ได้แก่ ฬ ฮ ๑๑) พยัญชนะที่มีหวั หยกั (แตก) ไดแ้ ก่ ฃ ซ ฆ ฑ ๑๒) พยัญชนะทม่ี สี ่วนหยกั ด้านบนอักษร ไดแ้ ก่ ฅ ต ๑๓) พยญั ชนะทม่ี เี ชงิ ฐาน ไดแ้ ก่ ฐ ฎ ฏ ๑๔) พยญั ชนะท่มี สี ว่ นหยักดา้ นข้าง ไดแ้ ก่ ย ๑๕) พยัญชนะท่ีฐานลา่ งหยกั เข้าตวั เปน็ ฟนั ปลา ได้แก่ ผ ฝ พ ฟ ฬ ๑๖) พยญั ชนะทม่ี ไี สใ้ นตัว ไดแ้ ก่ ษ ๒.๓ โครงสร้างของพยญั ชนะท่คี ลา้ ยกนั กลมุ่ ท่ี ๑ ก ถ ภ กลมุ่ ท่ี ๒ ง จ ว กลุ่มที่ ๓ ค ด ต กลุ่มที่ ๔ ร ธ กลุ่มที่ ๕ ผ ฝ พ ฟ กลุม่ ที่ ๖ บ ป กลมุ่ ที่ ๗ ญ ฌ ณ กล่มุ ท่ี ๘ ท ศ กลุ่มที่ ๙ ล ส ฉ อ กล่มุ ท่ี ๑๐ ฬ ฮ ษ กล่มุ ที่ ๑๑ ย ฅ กลุ่มที่ ๑๒ น ม ห กลุม่ ท่ี ๑๓ ข ฃ ช ซ กลุ่มท่ี ๑๔ ฎ ฏ ฐ กลมุ่ ที่ ๑๕ ฒ ฑ ๒.๔ เส้นกากับตวั อักษรทเ่ี รยี กวา่ “บรรทัด ๕ เส้น” เส้นกากับตัวอักษรใช้ในการกากับความสูงของตัวอักษรเม่ือแรก เริ่มฝึกมีประโยชน์แก่ ผเู้ ร่มิ ฝกึ ให้สงั เกตและกาหนดการวางหวั อักษรบน ล่าง กลางตัว การหยักเส้นข้าง เส้นฟันปลาหยักเส้นบน ตัวอกั ษร เสน้ เฉยี ง ฯลฯ บรรทดั ๕ เสน้ จะชว่ ยให้ตัวอกั ษรเปน็ ระเบียบในแบบเดยี วกนั ๓. หลักการคัดลายมอื ๑. น่ังตัวตรง เขียนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายวางบนกระดาษที่เขียน เพ่ือมิให้กระดาษเล่ือนไปมา ขอ้ ศอกขวาวางบนโตะ๊ ขณะท่นี ง่ั เขยี น สายตาหา่ งจากกระดาษทเ่ี ขียนประมาณ ๑ ฟตุ

๑๑11๘1180 ๒. จับดินสอหรือปากกาให้ถูกต้อง โดยดินสอหรือปากกาจะอยู่ท่ีนิ้วกลาง ส่วนนิ้วนางกับน้ิวก้อย งอไวใ้ นฝ่ามือ ๓. การเขียนตัวอักษรให้เขียนให้ถูกส่วน ตัวอักษรตั้งตรง การเขียนพยัญชนะไทยทุกตัวต้องเร่ิม เขียนหัวก่อน ยกเว้นตัว ก และ ธ ซ่ึงไม่มีหัว เว้นช่องไฟและวรรคตอนให้พองาม วางเคร่ืองมือให้ถูกต้อง ตามตาแหนง่ ๔. การวางพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ สระทุกตวั มีตาแหน่งซงึ่ สมั พนั ธก์ ับพยัญชนะ เชน่ ๔.๑ สระทีอ่ ยู่หนา้ พยญั ชนะ ไดแ้ ก่ เ- แ- ไ- ใ- ไ- ๔.๒ สระทอ่ี ย่หู ลงั พยัญชนะ ได้แก่ –ะ -า ๔.๓ สระทีอ่ ยู่เหนอื พยญั ชนะ ได้แก่ สระอิ สระอี สระอึ สระออื ๔.๔ ไม้หนั อากาศ ไม้ไตค่ ู้ นิคหิต จะวางเหนือพยญั ชนะตรงกลาง ๔.๕ สระทีอ่ ยู่ใต้พยญั ชนะ สระอุ สระอู การคัดลายมือ เป็นทักษะชีวิตติดตัวแต่เด็กจนโต หากลายมือสวยงามตอนเด็ก ก็ย่อมมีลายมือ สวยงามติดตัวไปจนโตได้ จึงควรมีการสอนคัดลายมือบ่อย ๆ ทุกวัน จนเกิดความรักในความสวยงามของ อกั ษรไทย ๔. อักษรไทยในการคัดลายมือ การคัดลายมือ มีแบบการคัดตัวอักษรไทยหลายแบบ ที่พัฒนารูปแบบขึ้นมาจากหน่วยงานทาง การศึกษา จากหน่วยงานทางราชการ หรือจากสานักพิมพ์ต่าง ๆ ในการสอนคัดลายมือนักเรียนระดับ ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาท่ีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จะใช้ฝึกรูปแบบตัวอักษรแบบ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร รูปแบบตวั อกั ษรของกระทรวงศกึ ษาธิการ การคัดลายมือแบบกระทรวงศกึ ษาธิการน้ี เรยี กตามโครงสร้างของตัวอักษรว่า “หัวกลม ตัวมน” ประกอบด้วย รูปแบบพยัญชนะไทย สระ วรรณยุกต์ และรูปแบบตัวเลขไทย ๔.๑ อักษรไทยทเ่ี ปน็ ตวั พยัญชนะ ๑) รปู แบบตัวพยัญชนะไทย (กระทรวงศึกษาธิการ)

๑๑๙1119 ๔.๒ อักษรไทยท่เี ป็นตัวสระ ๑) รปู แบบตวั สระไทย (กระทรวงศึกษาธกิ าร) ๔.๓ อักษรไทยทเ่ี ปน็ วรรณยกุ ต์ ๑) รูปแบบตวั วรรณยุกต์ ๒) ช่อื เรียกวรรณยกุ ต์ เรยี ก ไม้เอก เรียก ไมโ้ ท เรียก ไม้ตรี เรยี ก ไมจ้ ตั วา ๔.๔ อักษรไทยท่เี ปน็ ตวั เลข ๑) รปู แบบตวั เลข (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร) ๕. ประโยชน์ของการคัดลายมอื ๑) สืบสานมรดกไทยไวค้ ูช่ าติสืบไป ๒) ฝึกสมาธิ และความแน่วแน่ของจติ ใหน้ ง่ิ ไมว่ อกแวก ๓) เป็นพ้นื ฐานในการประดิษฐอ์ ักษรไทยต่อไป ๔) การคัดลายมือเกิดความประทบั ใจกวา่ การพมิ พ์ในโอกาสสาคญั ตา่ ง ๆ ๕) บคุ คลทีล่ ายมืองามเป็นบุคคลพเิ ศษทีม่ ักจะได้รับความช่ืนชม ๖) มีความแม่นยาในคา และข้อความ

๑๒1๐1220 ใบงาน เรือ่ ง การคัดลายมอื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรอ่ื ง การคดั ลายมือ รายวชิ าภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. คัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัดไดถ้ ูกต้องตามรูปแบบกระทรวงศึกษาธกิ าร คาช้แี จง จากขอ้ ความต่อไปนี้ ให้นกั เรยี นคดั ลายมือดว้ ยตัวบรรจงครึ่งบรรทดั โดยใชต้ ัวอักษร การคัดลายมือแบบกระทรวงศึกษาธิการ หัวกลม ตัวมน การละเล่นพืน้ บา้ น การละเล่นพื้นบ้าน หมายถึง มหรสพหรือการแสดงต่าง ๆ ของชาวบ้าน จัดข้ึนเพ่ือ ความสนุกสนานร่ืนเริงของผู้เล่น และผู้ชมในท้องถิ่น ทั้งยังช่วยสร้างความสามัคคีให้แก่คนในแต่ละภาค การละเล่นพ้ืนบ้านมีสืบต่อกันมาช้านาน แต่ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่ทราบท่ีมา การละเล่นพื้นบ้านมีหลายรูปแบบ ท้ังการละเล่นแบบกิจกรรมร่ืนเริง เช่น ราวง กลองยาว แอ่ว เซิ้ง ลเิ กฮลู ู โนรา การละเลน่ ในลักษณะเพลงพ้ืนบ้านและเพลงปฏพิ ากยต์ ่าง ๆ เช่น เพลงพวงมาลัย เพลงเก่ียว ข้าว เพลงเรือ เพลงฉ่อย เพลงอีแซว การละเล่นพื้นเมืองท่ีเป็นการแข่งขัน เช่น วิ่งควาย แข่งขันกิจกรรม ต่าง ๆ เพื่อความสนกุ สนาน เช่น แขง่ กนิ อาหาร แขง่ ร้อยมาลัย เปน็ ตน้ กระทรวงศึกษาธิการ วิวิธภาษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒. กรุงเทพฯ : สานักวิชาการและ มาตรฐานการศึกษา, ๒๕๕๔

๑๒๑12131 ช่ือ……………………………………นามสกลุ …………………………………..ช้นั …………………..เลขท่ี…………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒ เร่ือง การคัดลายมือจากบทรอยกรอง เวลา ๑ ชวั่ โมง กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาไทย เรื่อง เรียงถอยรอยความ ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี ๒ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาภาษาไทย การคดั ลายมอื จากบทรอยกรอง กิจกรรมการเรียนรู สอื่ /แหลงเรยี นรู จดุ ประสงคการเรยี นรู ข้ันนาํ ๑. ตัวอยางการคดั ลายมือท่ชี นะเลิศ ดานความรู ครูนําผลงานชนะเลิศการประกวดการคัดลายมือตัวบรรจงครึ่ง การแขงขัน บ ร ร ทั ด ใ ห นั ก เ รี ย น ดู แ ล ะ ร ว ม กั น พิ จ า ร ณ า ต า ม ห ลั ก เ ก ณ ฑ ๒. ใบงาน การคดั ลายมือ นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและวิธกี ารคัด การคัดลายมือครูอธิบายเพมิ่ เติมชีแ้ นะแนวทางคดั ลายมือที่ถูกตอง จากบทรอ ยกรอง ลายมอื ได ใหนกั เรยี นทราบอกี คร้งั ภาระงาน/ชน้ิ งาน ดา นทกั ษะและกระบวนการ ข้นั สอน ภาระงาน ๑. นักเรียนฝกหัดคัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัดตามหลักการ -สรุปหลักการและวธิ ีการคดั ลายมือลงสมดุ นกั เรียนคัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทดั จากบท คัดลายมือโดยใชตัวอักษรแบบกระทรวงศึกษาธิการ หัวกลม รอ ยกรองไดถูกตองตามรูปแบบ ตัวมน โดยใชคําประพันธในใบงาน ในการคัดลายมือจาก ช้ินงาน กระทรวงศึกษาธิการ บทรอ ยกรอง - ผลงานการคดั ลายมือ ดา นคุณลักษณะ ๒. ระหวางการฝกปฏิบัติ ครูสังเกตการคัดลายมือของนักเรียน ๑. มุงม่ันในการทาํ งาน และใหคําแนะนํานักเรียน เพื่อปรับปรุงแกไขเปนรายบุคคล ๒. ใฝเรียนรู นอกจากน้ันสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคลและบันทึก ๓. รกั ความเปน ไทย คะแนนลงในแบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ๓. นักเรียนคัดลายมือเสร็จแลวตรวจทานประเมินผลงานของ ๔.ซซ่ืออ่ื สสตั ตั ยยสส์ุจจุรรติ ติ ตนเอง และจับคูประเมินผลงานของเพ่ือน และปรับปรุงลายมือ กอ นสง ใหค รตู รวจ 112124 Ģ๒๒

หนวยการเรียนรูที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรูท ่ี ๒ เรอ่ื ง การคัดลายมือจากบทรอ ยกรอง เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย เร่ือง เรยี งถอยรอยความ ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ ๒ รายวิชาภาษาไทย กิจกรรมการเรยี นรู ข้นั สอน ๔. นักเรียนและครูรวมกันประเมินผลงานการคัดลายมือ แลว ชวยกันจัดนิทรรศการที่ปายนิเทศหนาช้ันเรียนเพื่อเปนตัวอยาง การคดั ลายมอื ของนกั เรียน ๕. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคและประเมิน สมรรถนะสําคญั ของนักเรียนทุกคน ขัน้ สรปุ ๑. นักเรียนระดมความคิดสรุปหลักการและวิธีการคัดลายมือ ตัวบรรจงคร่ึงบรรทัดลงในสมุดเพื่อนําไปใชเปนทางในการ คัดลายมือและใชเขียนตัวหนังสือของนักเรียนใหเปนระเบียบ สวยงาม 115 Ģ๒๓

112146 Ģ๒๔ การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัดและ เคร่ืองมอื วัดผลและ เกณฑก ารวดั และ รายการประเมิน ประเมนิ /หลกั ฐาน ประเมนิ ผล ประเมินผล ๑. ดา นความรู : การเรยี นรู แบบตรวจผลงาน นกั เรียนไดคะแนน - การทําใบงาน (ภาระช้ินงาน ) ใบงาน เรอ่ื ง รอยละ ๘๐ ขน้ึ ไป การคดั ลายมือจาก ตรวจใบงาน การคัดลายมือ ถือวา ผา นเกณฑ บทรอยกรอง เรอ่ื ง การคัดลายมือ จากบทรอ ยกรอง จากบทรอยกรอง ๒. ดา นทกั ษะ/ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ผลจากการสงั เกต กระบวนการ การทํางานรายบคุ คล พฤติกรรม พฤติกรรมการท - สังเกตการทาํ ใบงาน การทํางานรายบุคคล ทํางานรายบุคคล การคดั ลายมือจาก รอ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป บทรอ ยกรอง ถอื วา ผานเกณฑ ๓. ดา นคณุ ลักษณะ - สังเกตคณุ ลักษณะ สังเกตคณุ ลักษณะ แบบสังเกต ไดผลจากการสังเกต อันพึงประสงค ๑. มุงม่ัน คุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะแตล ะขอ ในการทํางาน อนั พงึ ประสงค ไมต า่ํ กวา ระดับ ๒ ๒. ใฝร ูใฝเรยี น ๓. รกั ความเปนไทย

12175 Ģ๒๕ ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ปญ หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ขอ เสนอแนะและแนวทางแกไข .................................................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. .......................................................... ลงชอ่ื ......................................ผูสอน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเหน็ /ขอเสนอแนะของผูบริหารหรือผูที่ไดรับมอบหมาย ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผูตรวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ.............

11286 Ģ๒๖ ตวั อยางการคัดลายมือ เรอ่ื ง การคดั ลายมือจากบทรอ ยกรอง หนว ยการเรียนรูที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒ เร่อื ง เรียงถอ ยรอยความ รายวชิ าภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ ๒

112179 Ģ๒๗ หนงั สอื พมิ พออนไลน ขา วสด สืบคน เม่อื ๒๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ ,จาก https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_671154

112280 Ģģ๘ ใบงาน เรอื่ ง การคดั ลายมือจากบทรอยกรอง หนว ยการเรยี นรูที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๒ เรอ่ื ง เรียงถอ ยรอ ยความ รายวิชาภาษาไทย ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี ๒ จุดประสงคการเรียนรู ๑. คัดลายมือตัวบรรจงครง่ึ บรรทัดจากบทรอยกรองไดถ ูกตองตามรูปแบบกระทรวงศึกษาธกิ าร คาํ ช้แี จง ใหนักเรียนคดั ลายมือดว ยตวั บรรจงครึง่ บรรทดั จากบทรอยกรองในบทเรยี น เรื่อง กลอนดอกสรอยรําพงึ ในปา ชา จาํ นวน ๒ บท โดยใชต วั อกั ษรการคัดลายมือแบบ กระทรวงศกึ ษาธิการ หวั กลม ตวั มน กลอนดอกสรอย รําพงึ ในปา ชา นกเอย นกแสก จบั จองรอ งแจกเพียงแถกขวญั อยูบนยอดหอระฆงั บงั แสงจนั ทร มเี ถาวลั ยร งุ รงั ถงึ หลงั คา เหมอื นมันฟอ งดวงจันทรใหผ ันดู คนมาสซู องพักมนั รักษา ถอื เปน ทรี่ โหฐานนมนานมา ใหเ ส่ือมผาสุกสันตของมนั เอย สูงใหญร ากยอยหอ ยระยา ตนเอย ตนไทร มเี นินหญาใตตน เกล่ือนกลน ไป และตนโพธิพ์ ุมแจแผฉ ายา ดุษณีนอนราย ณ ภายใต ลว นรางคนในเขตประเทศน้ี เรายิง่ ใกลห ลมุ น้ันทุกวนั เอย แหงหลมุ ลกึ ลานสลดระทดใจ ทม่ี า : หนังสอื เรียนวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย วรรณคดวี ิจักษ ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ ๒ สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน

1219 Ģģ๙ ช่ือ.................................................นามสกลุ .......................................ช้นั .....................เลขที.่ ............... ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................... ................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... ...................................................................................................................................... ................................. ................................................................................................ ....................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................... ................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... .................................................................................................................................................... ................... .............................................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................................................................................... ............ ..................................................................................................................... .................................................. ............................................................................................................................. .......................................... .................................................................................................................................................................. ..... ............................................................................................................................ ........................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... .................................................................................................................................... ................................... ............................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................................................................... ............................ ...................................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ................................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................. .........................................................

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ เร่ือง การเขียนบรรยาย เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอื่ ง เรียงถอ้ ยรอ้ ยความ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าภาษาไทย ๑. ความหมายของการเขียนบรรยาย กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ - จุดมงุ่ หมายของการเขยี นบรรยาย ขัน้ นา ๑. รปู ภาพทงุ่ นา จานวน ๑ ภาพ - ประเภทของการเขยี นบรรยาย ๑. นารูปภาพท่งุ นาตดิ บนกระดานให้นักเรยี นดู ๒. ใบความรู้ เรื่อง การเขียนบรรยาย - ข้อสังเกตของการเขียนบรรยาย ๒. นักเรียนทุกคนช่วยกันสังเกตว่าภาพท่ีเห็นคือภาพอะไรและ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ตอบคาถามจากภาพ โดยครูสุ่มถามนักเรียนประมาณ ๒ - ๓ คน ดา้ นความรู้ ดังต่อไปนี้ ภาระงาน/ชิน้ งาน นกั เรยี นบอกความหมายของการเขียนบรรยาย ภาระงาน ได้ ๒.๑ นกั เรยี นเหน็ อะไรในภาพนบ้ี ้าง - ด้านทักษะและกระบวนการ ๒.๒ ถ้านักเรียนอยู่ในภาพเหล่าน้ี นักเรียนรู้สึกอย่างไร ชนิ้ งาน นกั เรียนสามารถเขยี นบรรยายเรอื่ ง และอยากทาอะไรบ้าง - การเขยี นบรรยายเร่อื งสถานท่ที ่องเที่ยวใน จากเหตุการณ์ทีเ่ กิดขนึ้ ได้ ข้นั สอน ชุมชนของตนเองในประเดน็ เทีย่ วได้ทุกวนั ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๑. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๔ กลุ่ม ศึกษาใบความรู้ เร่ือง เท่ียวได้ทกุ วยั ๑. มุ่งมน่ั ในการทางาน การเขยี นบรรยายและระดมความคดิ และตอบคาถามดังน้ี ทกุ วยั ๒. ใฝุเรียนรู้ - ลักษณะของการเขียนบรรยาย ๓.จจิตติ สสาาธธาารณะ ๔.มมีมมี าารรยยาาททใในนกกาารรเขียน - ในการเขยี นบรรยายเราตอ้ งคานงึ ถงึ ส่งิ ใดเปน็ สาคัญ - วธิ ีเขียนบรรยายทาอยา่ งไร ๒. ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มตอบคาถามและอภิปราย เพิ่มเตมิ 112320 ๑๓๐

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ เรื่อง การเขยี นบรรยาย เวลา ๑ ช่ัวโมง หกลนมุ่วสยากราะรกเราียรนเรรียู้ทน่ี ร๒ภู้ าษาไทย แผนการจัดกเารรอื่ เรงยี สนืบรสทู้ าี่ ๓นวเรร่ือณง ศกิลารปเ์ขียนบรรยาย ชเว้ันลมาัธยม๑ศกึชษั่วโามปงีท่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รเรา่อื ยงวชิสาืบภสาาษนาวไรทรยณศิลป์ กิจกรรมการเรียนรู้ รายวชิ าภาษาไทย กจิ ๓ก.รรสมุ่มกนาัรกเเรรียียนนรกู้ ลุ่มละ ๑ คน ให้เล่าเหตุการณ์กับการไป ท่ อ๓ง. เ สทุ่ มี ยนวั กสเถรีายน กทลี่ ตุ่ ม่ าลงะๆ๑ ทคี่ นนั กใเหรี้ เยลน่ าเ คหยตุ กไ ปา ร ณเ ช์ก่ นั บ กนา้ ารตไปก สทว่อนงสเาทธ่ียารวณสถะ าสนวทน่ีสตน่าุกง ทๆะเทลี่นโัดกยเรใหีย้นนักเเครียนไปเล่าเเชห่นตุกนา้ราณต์ทกี่ สเกวิดนขสึ้นาใธนาลรักณษะณะสกวานรสบนรุกรยทายะเล โดยให้นักเรียนเล่าเหตุการณ์ท่ี เกิด๔ข. ึ้นนใักนเลรักียษนณและะกคารูบร่วรมรยกาันยแสดงความคิดเห็นแนะนา วิธีการเล่า เรื่อ๔ง.จนาักเรหียตนุกแาลระณค์ทรีู่เรก่วิดมขกึ้นั แเสพดื่องใคหว้นาักมเคริดียเนหน็นาแมนาะเขนียานวิธบีกรารรยเาลย่า เหรื่อตงกุ จาารกณเ์ทหี่เตกุกดิ าไรดณถ้ กู์ทต่ีเกอ้ งิดขึ้น เพื่อให้นักเรียนนามาเขียนบรรยาย เหต๕ุก. ารณนัก์ทเ่ีเรกียดิ นไดทถ้ าูกใบตอ้งางน เรื่อง การเขียนบรรยายเรื่อง สถานที่ ท่อ๕ง.เที่ยนวักในเรชียุมนชทนาขใอบงงตานนเอเงรใ่ือนงปกราะรเดเข็นีย“นเบทร่ียรวยไาดย้ทเุกรวื่อันง สเทถ่ียาวนไทดี่้ ทกุ่อวงเัยท”่ียควใวนามชุยมาชวนข๑อ๐ง-ต๑น๕เอบงรใรนทปดั ระเด็น “เท่ียวได้ทุกวัน เที่ยวได้ ทุก๖ว.ัย” นคัวกาเรมียนาวรว๑บ๐ร-ว๑ม๕แลบะรจรทัดัดกลุ่มผลงานเขียนเพื่อจัดทาเป็น หน๖ัง.สือแนนักะเรนียานสรถวาบนรทว่ีทม่อแงลเทะ่ีจยัดวใกนลชุ่มุมผชลนงแานละเขจียัดนแเสพดื่องจผัดลทงานเปใ็น ชหั้นเังรสยี ือนแนะนาสถานท่ีท่องเท่ียวในชุมชนและจัดแสดงผลงานใน ชัน้ ขเรน้ั ียสนรปุ ๑.ขนั้นกั สเรียปุ นและครูสรุปหลักการเขียนบรรยายเพ่ือที่จะให้นักเรียน ส๑า.มนาักรเถรนียานไแปลเขะียคนรูสบรุปรยหาลยักไกดาอ้ รยเา่ขงียถนกู บตรอ้ รงยายเพื่อที่จะให้นักเรียน สามารถนาไปเขยี นบรรยายได้อย่างถูกตอ้ ง 123131 ๑๓๑๑๓๑

๑1๓๒3224 การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั และ เครอ่ื งมือวักผล เกณฑก์ ารวดั และ รายการประเมนิ ประเมนิ /หลักฐานการ และประเมนิ ผล ประเมินผล แบบตรวจผลงาน ๑. ดา้ นความรู้ : เรยี นรู้ ใบงานท่ี ๑ นักเรยี นได้คะแนน - การทาใบงานท่ี ๑ (ภาระชน้ิ งาน ) การเขียนบรรยาย ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป การเขียนบรรยายเรื่อง ตรวจใบงานที่ ๑ เรื่องสถานท่ี ถือว่า ผ่านเกณฑ์ สถานที่ท่องเท่ียวในชุมชน การเขยี นบรรยายเรื่อง ท่องเที่ยวในชุมชน ของตนเองในประเด็น สถานที่ท่องเทย่ี ว นักเรยี นได้คะแนน เทย่ี วไดท้ ุกวนั เท่ยี วได้ ในชุมชน แบบสังเกต ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ทุกวัย สงั เกตพฤตกิ รรมการ พฤติกรรมการ ถือว่า ผา่ นเกณฑ์ ๒. ดา้ นทกั ษะ/ ทางานรายบุคคล ทางานรายบคุ คล ไดผ้ ลจากการสังเกต กระบวนการ : สังเกตคุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะแต่ละขอ้ - สังเกตพฤติกรรม ๑. มุ่งมน่ั แบบสงั เกต ไม่ต่ากวา่ ระดบั ๒ การทางานรายบคุ คล ในการทางาน คุณลักษณะ ในการทางานที่ ๑ การเขียน ๒. ใฝุรูใ้ ฝเุ รยี น อันพึงประสงค์ บรรยายเรื่องสถานท่ี ๓.มมี ารยาทใน ท่องเทย่ี วในชมุ ชน การเขียน ๓. ด้านคณุ ลกั ษณะ : สงั เกตคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์

๑๓๓13235 ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ................................................ ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ................................................................................................................................................ ........................... ....................................................................................................... ...................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. .................................................................................... ....................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ที.่ .........เดือน..........พ.ศ.............

๑๓1๔3246 ภาพประกอบ เรือ่ ง การเขียนบรรยายในข้นั นา หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓ เร่ือง การเขยี นบรรยาย รายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาพทงุ่ นา

๑๓๕12375 ใบความรู้ เร่ือง การเขยี นบรรยาย หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๓ เรือ่ ง การเขยี นบรรยาย รายวชิ าภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกความหมายของการเขียนบรรยายได้ การเขียนบรรยาย การเขียนบรรยาย เป็นการเขียนเล่าเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หน่ึงที่เกิดขึ้น เพ่ือให้ ผู้อ่านเห็นภาพ เหตุการณ์ ลาดับเวลา สถานท่ี บุคคล ผู้เขียนควรกล่าวถึง เหตุการณ์ให้ ชัดเจน โดยมีข้อมูลและเนื้อหาสาระ ของเร่ืองท่ีจะแสดงความคดิ บางคร้ังอาจแทรกบท สนทนาตัวละครทาให้ผู้อ่านเข้าใจลักษณะอารมณ์ความคิด ของตวั ละครและเขา้ ใจเรอ่ื ง ทง้ั หมด ข้อสังเกตการเขียนบรรยาย การเขียนบรรยายกล่าวข้างต้น เป็นการเขียนบรรยายตามความจริง สามารถใช้เป็น หลักฐานอ้างอิง ไมม่ กี ารสอดแทรกอารมณห์ รอื ความร้สู ึกลงไปในงานเขียน จุดมุ่งหมายของการเขยี นบรรยาย การเขียนบรรยายใช้แสดงความคิดเห็นได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้ในคาประพันธ์แบบ เล่าเร่ือง เล่าเหตุการณ์ การเขียนชีวประวัติ การเขียนบันทึก การให้ข้อมูล การรายงานข่าว เป็นต้น การเขียนบรรยาย เปน็ การเขียนเล่าขอ้ เท็จจริงหรอื รายละเอียดของเร่ืองตามท่ี เป็นอยู่โดยคานงึ ถงึ ความต่อเนือ่ ง ประเภทของเรอ่ื งทใ่ี ช้วธิ ีการเขยี นบรรยาย ๑. อตั ชีวประวตั หิ รือการเลา่ ประวัตชิ วี ติ บุคคลต่าง ๆ ๒. ขอ้ เทจ็ จริงหรอื เหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์ ๓. เรื่องทีแ่ ตง่ ข้นึ หรอื เหตกุ ารณ์ท่เี กิดขน้ึ ๔. เรื่องแนะนาสถานท่ที ่องเทีย่ ว ๕. การบรรยายภาพและวธิ ีการ ที่มา : หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทยวรรณคดวี จิ ักษ์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน.

๑1๓1๖2386 ตัวอย่าง การเขียนบรรยายอัตชีวประวัตหิ รอื เลา่ ประวตั บิ ุคคลตา่ ง ๆ ดอกไม้สด “ดอกไมส ด” เปนนามปากกาของนกั เขียนสตรี ช่ือและสกุลจรงิ คือหมอมหลวงบุปผา นิมมานเหมินห นามสกุลเดิมคือ กญุ ชร ดอกไมสดเกิดเม่อื วันท่ี ๑๗ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๔๘๘ ทว่ี งั บานหมอ เปน ธิดาเจา พระยา เทเวศวิวัฒน (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) และหมอ มมาลัย ดอกไมสดสมรสกับนายสกุ ิจ นมิ มาน เหมนิ ท และถงึ แก กรรมดวยโรคหวั ใจวาย เมอื่ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๖ ดอกไมส ดเขา เรียนหนังสอื ท่โี รงเรียนเซนตโ ยเซฟคอนแวนตจนกระทง่ั ชั้นมธั ยมปที่ ๖ ดานภาษา ฝรั่งเศส ขณะทีศ่ กึ ษาในโรงเรยี นไดฝ ก ฝนกริ ิยามารยาทและปลกู ฝง นิสยั ใหรกั การอาน ทําใหดอกไมส ดอยาก แตง หนังสอื ในเวลาตอมา เร่ืองทดี่ อกไมสดหัดแตงคร้ังแรกเปน บทละครเรอ่ื ง “ดฝี อ” เมื่อแตง แลว ไดส งไปลงพิมพ ในหนังสือพิมพ ไทยเกษม ตอมาเห็นวาบทละครไมใ ชส าํ หรับอาน จึงเปลย่ี นมาลองเขียนนวนิยาย ผลงานเขยี น ของ “ดอกไมส ด” ไดรบั การยกยอ งวา เปนวรรณกรรมที่งดงามดวยภาษาและเนอ้ื ความ ผลงานแตล ะเร่ืองจะ แทรกหลกั ธรรมคําสง่ั สอนทางพระพทุ ธศาสนาเปน เคร่อื งเตอื นใจและชวยยกระดบั ความนึกคดิ ของผูอา น ปจจบุ ันสถาบันการศกึ ษาหลาย แหง ไดค ดั เลือกผลงานเขียนของดอกไมส ดมาประกอบการศึกษาดว ย ขอ สงั เกต ๑. ในการเขยี นบรรยายไมวาจะเปน เรอื่ งราวในแนวใด ผเู ขยี นตองมีความคดิ หลกั และความคิดเสรมิ ท่ี ทําใหเ รือ่ งราวมคี วามตอ เนอื่ ง และส่ือความหมายไดช ัดเจน ๒. ประเดน็ ในเร่ืองดอกไมสด ผูเ ขยี นบรรยายถงึ ประวัตดิ อกไมส ดตามลําดบั และพฤตกิ รรมทีแ่ สดง ให เหน็ ความเปน นกั เรยี นของดอกไมสด ท่ีมา : หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทยวรรณคดวี จิ กั ษ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ ๓ กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน.

๑๓๗13279 ตวั อย่าง ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื เหตกุ ารณ์ทางประวัตศิ าสตร์ เรอ่ื ง จงั หวดั สกลนคร จังหวัดสกลนคร สันนิษฐานกันว่า ตั้งข้ึนในสมัยขอมเป็นใหญ่ เพราะยังปรากฏซากโบราณสถานสมัย ขอมอยู่เป็นอนั มาก มีตานานเล่าวา่ เดิมมโี อรสเจ้ากรงุ อินทปตั ต์องคห์ นงึ่ ชื่อ ขุนขอม พาบริวารมาสร้างเมืองอยู่ หนองหาร ขุนขอมมีโอรสองค์หน่ึง ช่ือ สุระอุทก ได้เป็นเจ้าเมืองต่อมา เจ้าสุระอุทกมีโอรส 2 องค์ช่ือภิงคาระ และดาแดง ตอ่ มาไดท้ าสงครามกับพญานาคแหง่ เมืองหนองหาร แล้วขึ้นเป็นเจ้าเมือง มีนามว่า พระยาสุวรรณ ภิงคาระ มีมเหสี ช่ือ นางนารายณ์เจงเวง พระยาสุวรรณภิงคาระได้สร้างพระเจดีย์สวมรอบพระพุทธบาท ๔ รอบ ลงไว้ที่คูน้ารอบเชิงชุม นางนารายณ์เจงเวงได้สร้างพระเกตุนาเองไว้ท่ีสวนนอกเมือง เม่ือพระยาสุวรรณ ภิงคาระถงึ แก่กรรมแลว้ ก็มีผูป้ กครองต่อมา ครั้งหน่ึงเกิดฝนแล้ง ๗ ปี ราษฎรอดยากพากันอพยพไปท่ีอื่นหมดสิ้น เมืองหนองหารร้างอยู่นาน จน ราษฎรทอ่ี ยู่ไม่เรยี กว่าเมอื ง เรียกวา่ บา้ นธาตเุ ชิงชมุ ต่อมาสมัยรัตนโกสินทร์ โปรดให้อุปราชเมืองกาฬสินธุ์ รักษาบ้านธาตุเชิงชุมจนมีราษฎรมาตั้ง บา้ นเรอื นมากขึ้น ถึงปี พ.ศ. ๒๓๘๑ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจา้ อยูห่ วั จึงเปลยี่ นชอื่ เป็นสกลนคร ที่มา : วารสารการทอ่ งเทยี่ วแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๔๓ ข้อสังเกต ๑. ในการเขียนจะเห็นว่ามีการย้อนเล่าเรื่องราวในสมัยโบราณ และมีบางส่วนเป็นตานาน ที่สะท้อน ใหเ้ ห็นอิทธพิ ลของพระพทุ ธศาสนา จนถงึ กบั มกี ารสร้างเจดยี บ์ รรจุพระธาตไุ ว้สกั การบชู า ๒. ในการเขียนเล่าประวัติ ผู้เขียนมีการค้นคว้าข้อมูลและหลักฐาน และเรียงลาดับเรื่อง ทาให้เรื่อง นา่ เชื่อถือ

๑1๓1๘3380 ตัวอย่าง เรอื่ งทแี่ ตง่ ขึน้ หรือเหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ ข้นึ กล้วยคอหัก ปีน้ีแล้งโหดร้ายเหลือ แควยมท่ีไหลผ่านหน้าบ้านผมขอดแห้งจนเดินข้ามไปได้ ได้ข่าวว่า ช่วงใกล้ ้ๆ ต้นนา้ น้าถึงกบั ขาดห้วงเอาเลยคนปลายแควอยา่ งผมยังไม่ถึงกับเดือดร้อนเลวร้ายจนเกินไปก็เพราะมีแควน่าน คอยเกื้อหนุนประคับประคอง ผืนดินของผมเฝูารอคอยฝนโปรยปราย ปีนี้แม้แต่ต้นยางนายังไม่ค่อยออกลูก ฤดแู ล้งไมม่ มี หกรรมการโบยบินของลกู ยาง ผมปลูกกล้วยไว้หลายกอ แตกหน่อหลายรุ่นแล้ว แม้แต่กล้วยก็ยังเห่ียวแห้งอ่อนระโหย ออกปลีมา ให้หวี ไม่ถึงสิบ แต่ละหวีมีผลเล็กอมแคระแกร็น ปีน้ีฝนล่า กลางพฤษภาคมแล้วยังไม่ตกเลยมีแต่ลมกระโชก แรงเหมือนแกล้ง แว่วเสียงฟูาร้องคารามไกล ๆ ดังคร่าครวญคราง กล้วยของผมคอหักพับพ่ายแรงลม ผมตัด เครือมาแขวนบ่ม การแขวนเครือกล้วยให้คว่าหัวจุกลง เพ่ือเวลามันสุกผลจะได้ไม่หัก กล้วยน้าหว้ากาลังห่าม เหมาะจะนามาปง้ิ หรอื แกงบวดถ้าเปน็ กลว้ ยสุกมกั ปง้ิ ท้ังเปลือก เมื่อป้ิงแล้วนามาปอกใส่โถแก้วราดน้าผ้ึงลงไป พอฉา่ ช่มุ เก็บไวก้ ิน คุณตาของลูกชายแกงกล้วยดิบให้กินบ่อยๆๆผผมมเเคยกินแตไ่ มเ่ คยแกกงง ไว้หัดทาก่อนค่อยนามาเล่าให้ฟัง ครับ แต่ละท้องถ่ินแห่งท่ีมีวิธีการทากินต่างกันไป แกงกล้วยดิบเป็นรายการอาหารพ้ืนบ้านท่ัวไป ไม่ใช่ ของแปลกพิสดารแต่ประการใด ลูกชายผมชอบตัดก้านกล้วยมาทาเป็นปืนกลและทาม้าก้านกล้วยขี่เล่น กล้วยยังคงเป็นพืชประจาวิถีชวี ิต สนทิ สนมผูกพนั ไม่มวี ันเปลี่ยนแปลงตลอดมาตลอดไปตลอดกาล ทมี่ า : นิตยสาร ชีวจติ ปีท่ี ๑๒ ฉบับท่ี ๒๗๒วันที่ ๑ กรกาคม ๒๕๕๓ หนา้ ๖๒ ข้อสังเกต ๑. การที่จะเขียนบรรยายเรื่องราวหรือเหตุการณ์ใด ๆ น้ัน ผู้เขียนจะต้องรู้จักต้ังประเด็นในเนื้อเร่ือง ทเี่ ขยี น ๒. ประเด็นในเร่ืองกล้วยคอหัก คือ ความแห้งแล้ง และการปรับตัวของผู้เขียนในการใช้ประโยชน์ ของกลว้ ย

๑๓๙1319 ใบงาน เรื่อง การเขียนบรรยายเรือ่ งจากเหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ข้นึ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ เรือ่ ง การเขียนบรรยาย รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายเร่อื งสถานท่ที ้องเท่ยี วในชมุ ชน ชื่อ.......................................................นามสกุล................................................ชัน้ ................เลขที่................ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นบรรยายเร่อื ง สถานท่ีทอ่ งเทยี่ วในชมุ ชน ตอ่ จากที่ประโยคท่ีกาหนดให้เป็นเร่อื งราว ให้ได้ใจความพรอ้ มตงั้ ช่อื เร่ือง ความยาว ๑๐-๑๕ บรรทดั เร่อื ง...................................................................................... สถานทที่ อ่ งเทีย่ วในชมุ ชนของฉนั ซ่งึ เป็นสถานทเ่ี ทย่ี วไดท้ ุกวนั เที่ยวได้ทุกวัย ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรือ่ ง การเขยี นพรรณนา เวลา ๑ ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ เรื่อง เรยี งถ้อยร้อยความ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าภาษาไทย ๑. ความหมายของการเขียนพรรณนา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ ๒. หลักการเขียนพรรณนา ขน้ั นา ๑. รูปภาพการละเล่นราวงจานวน ๑ ภาพ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. ครูนารูปภาพการละเล่นราวงติดบนกระดาน ให้นักเรียน ๒. แผ่นข้อความเชิงพรรณนา ด้านความรู้ ช่วยกันพูดบรรยายภาพ ลักษณะของภาพ เหตุการณ์ และ จานวน ๒ ข้อความ นักเรยี นบอกความหมายและหลกั การของการ ความรสู้ กึ ต่อภาพ โดยยกมอื ที่ละคน ๓. ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขยี นพรรณนา เขยี นพรรณนาได้ ๒. ในขณะที่นักเรียนพูดบรรยายภาพ ครูให้นักเรียนทุกคนจด ภาระงาน/ชน้ิ งาน ด้านทักษะและกระบวนการ บันทึกประโยคที่ช่วยกันบรรยาย และสุ่มนักเรียนอ่านประโยคที่ ภาระงาน นกั เรยี นเขียนพรรณนาจากภาพที่กาหนดได้ จดบันทกึ ได้ -บนั ทึกประโยคจากรูปภาพ ด้านคุณลกั ษณะ ขั้นสอน ชน้ิ งาน ๑. มุ่งม่นั ในการทางาน ๑. นักเรียนจับคู่ศึกษาแถบข้อความเชิงพรรณนา ๒ ข้อความ -ผลงานการทาใบงานท่ี ๑ การเขียนพรรณนา ๒. ใฝเ่ รียนรู้ โดยใหพ้ ิจารณาคาในข้อความว่า มีคาหรือวลีใดบ้าง ท่ีอ่านแล้วทา จากรปู ภาพที่กาหนดให้ ๓.มมมี มี าารรยยาาททใในนกการเขียน ให้เห็นภาพ (เสมือนมองเห็น, ได้ยิน, รู้สึก, ได้กล่ิน และสะเทือน ใจ) ๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เร่ือง การเขียนพรรณนา และเปิด โอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามเม่ือมีข้อสงสัยหรอื ไม่เข้าใจ ครูคอยชี้แนะ และอธิบายเพม่ิ เตมิ ๑1๔13๐420

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ เร่ือง การเขียนพรรณนา เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ท๒๒๑๐๑ เรื่อง สืบสานวรรณศลิ ป์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันสอน ๓. สุ่มตัวแทนนักเรียนออกมาอ่านข้อความให้เพื่อนฟังหน้าชั้น เรียนและบอกคาท่ีผู้อ่านอ่านแล้วทาให้เห็นภาพและเกิดอารมณ์ สะเทอื นใจใหเ้ พ่ือน ๆ ทราบ ๔. ครูเฉลยคาตอบใหน้ กั เรียนทราบและอธิบายเพิ่มเติม ๕. นักเรียนทาใบงาน เร่ือง การเขียนพรรณนาจากภาพที่ กาหนดให้ ๖.นกั เรียนและครูร่วมกนั เฉลยใบงานและอภิปรายเพมิ่ เติม ขัน้ สรปุ ๑. นักเรียนและครูสรุปหลักการเขียนพรรณนาเพื่อท่ีจะให้ นกั เรยี นสามารถนาไปเขยี นพรรณนาได้อย่างถูกต้อง 133 ๑๔๑1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook