Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

Published by elibraryraja33, 2021-08-18 03:31:36

Description: 64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

Search

Read the Text Version

๓3๔๒4324 ๓. หน้าท่ีเปน็ บทขยาย คอื ทาหน้าท่ขี ยายนามของประโยคหลกั คาเชื่อม ไดแ้ ก่ ของ สาหรับ หรือ อาจไมม่ คี าเชือ่ มก็ได้ ตัวอย่าง การเงนิ ของพอ่ ค้าขายของชาฝดื เคอื งมาก - การเงนิ ฝืดเคอื งมาก (ประโยคหลัก) - ของพอ่ คา้ ขายของชา (ประโยคยอ่ ยทาหนา้ ท่ีขยายนาม การเงนิ ซง่ึ เป็นประธานของ ประโยคหลกั คาเชอ่ื ม คือ ของ) - คนเร่มิ ตน้ คดิ โครงการน้ี (ประโยคยอ่ ยทาหน้าทส่ี ่วนเติมเตม็ ประโยคซ้อนชนดิ คุณานุประโยค คณุ านุประโยค คือ ประโยคย่อยท่ที าหนา้ ทีเ่ หมอื นคาวิเศษณ์ขยายนามหรือสรรพนามของประโยคหลัก โดยมปี ระพนั ธสรรพนามเปน็ ตวั เช่ือม เช่น “ท่ี” “ซ่ึง” “อัน” “ผู้” โดยที่ประโยคย่อยน้ีจะอยู่หลังและติดกับ คาเช่ือมดงั กลา่ ว ตัวอย่าง ครชู อบเดก็ ทมี่ ีความประพฤติดี - ครชู อบเด็ก (ประโยคหลกั ) - ที่ (เด็ก) มคี วามประพฤตดิ ี (ประโยคยอ่ ย) - คาเชื่อม คอื ท่ี ประโยคซอ้ นชนดิ วิเศษณานุประโยค วิเศษณานุประโยค คือ ประโยคย่อยทที่ าหนา้ ทเี่ หมือนคาวิเศษณข์ ยายกริยาหรอื วิเศษณข์ องประโยค หลกั ใหไ้ ดใ้ จความชัดเจนข้นึ โดยมีคาเช่ือมให้สงั เกต ดังน้ี ประพันธวิเศษณ์ ได้แก่ “ที่” “ซ่งึ ” “อัน” ท้ัง ๓ คาน้จี ะตอ้ งอยู่หลังและติดกับคากริยาหรือวิเศษณ์ เท่าน้นั คาบุพบท ได้แก่ จน ตาม เพราะ ขณะท่ี ระหว่างที่ เมอ่ื จนกระทง่ั ตั้งแต่ สาหรบั เพอ่ื ฯลฯ ตัวอย่าง นกั เรียนไปโรงเรียนเพื่อเรยี นหนงั สอื - นักเรียนไปโรงเรียน (ประโยคหลัก) - เรียนหนงั สอื (ประโยคยอ่ ย)

๓๔๓33435 ใบงานเรื่อง ประโยคซ้อน หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๘ เรอ่ื ง ประโยคซอ้ น ๑ รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ คาชแี้ จง จงสรปุ ความรเู้ รื่องประโยคความซอ้ นเป็นแผนภาพความคดิ พรอ้ มยกตวั อย่างประโยคซอ้ นชัดเจน และถกู ตอ้ ง

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๙ เรือ่ ง ประโยคซอ้ น ๒ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรอื่ ง สร้างคานาไปใช้ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขัน้ นา ใบงานประโยคซอ้ น การแต่งประโยคซอ้ น ภาระงาน/ชน้ิ งาน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ครูซักถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจในบทเรียน วา่ “ประโยค แตง่ และวเิ คราะหป์ ระโยคซ้อน ด้านความรู้ ซ้อนมลี ักษณะอยา่ งไร” นักเรียนบอกลกั ษณะของประโยคซ้อน ขนั้ สอน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๑. นกั เรียนแตล่ ะคนเขา้ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๕ คนชว่ ยกันระดมความคดิ นกั เรียนอธบิ ายลกั ษณะ และแตง่ ประโยคซ้อน ทาใบงาน ประโยคซอ้ น ไดถ้ ูกตอ้ ง ๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยแบบฝึกหัด ดา้ นคุณลกั ษณะ ขน้ั สรปุ ม่งุ มั่นในการทางาน และใช้ทักษะในการส่ือสาร ๑.นักเรียนแตง่ ประโยคซอ้ นคนละ ๒ ประโยคบันทกึ ลงสมดุ และ สุ่มนักเรยี นออกมา ๕ คน มาเขยี นประโยคของตนเองบนกระดาน ๒. ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี น จานวน ๕ คน ให้มาวิเคราะห์ประโยคที่ เพอื่ นแต่ง หน้าห้องเรียน ในประเดน็ ดงั นี้ (เป็นประโยคซอ้ นหรอื ไม,่ เป็นหรือไมเ่ ป็นเพราะอะไร) ๓. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมประเดน็ ทีน่ ักเรียนสงสยั ๓๔3๔4346

๓๔๕33475 การวดั ผลและประเมนิ ผล สงิ่ ทีต่ ้องการวดั /ประเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ สสงั งั เเกกตตกกาารรตตออบบคค�ำ าถถาามม แแบบบสงัสเงักเตกตการตอบ รอ้ รยอ้ลยะล๘ะo๘ผ๐า่ นผเ่ากนณเกฑณ์ ฑ์ มคี วามร้คู วามเขา้ ใจลกั ษณะ การตอบคคา�ำ ถถาามม ถถกู ูกตอต้ ง้อรงอ้ รยอ้ ลยะละ๘o๘๐ขน้ึ ขไน้ึปไป ตรวจใตบรงวาจนใบงาน ใบงาน ใบงาน ไดร้ ะไดบั ร้ คะณดุ บั ภคาุณพภ๒าพ ๒ ของประโยคซ้อน สงั เสกังตเพกฤตตพกิ ฤรตริกมรรม รทาุกยรกาายรกขาน้ึ รไขป้ึนถไปอื วถา่ ผือา่วนา่ ผ่าน แแบบบบสสงั งัเกเกตตพพฤฤตตกิ กิรรรมม ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ดา้ นดคา้ ณุนคลณุกั ษลณักษะณะ นักเรียนอธบิ ายลักษณะ และ แต่งประโยคซ้อนได้ถูกต้อง ดา้ นคุณลักษณะ มุ่งม่นั ในการทางาน และใช้ทักษะในการสอ่ื สาร ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ.............

๓3๔3๖3486 ใบงานเรื่อง ประโยคซอ้ น หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๙ เรอ่ื ง ประโยคซอ้ น ๒ รายวชิ าภาษาไทยพน้ื ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ตอนที่ ๑ คาช้ีแจง ให้นักเรยี นระบุว่าประโยคท่กี าหนดใหเ้ ปน็ รูปประโยคชนิดใด โดยนาตัวอกั ษรหนา้ คาตอบตอ่ ไปนไี้ ปใสห่ นา้ คาถามให้ถูกตอ้ ง ก. ประโยคยอ่ ยท่ที าหนา้ ทเี่ ปน็ บทประธาน ข. ประโยคยอ่ ยทท่ี าหน้าทเี่ ปน็ บทกรรม ค. ประโยคทที่ าหน้าทเี่ ป็นบทขยาย ....................... ๑. กุก๊ ไก่เห็นสุนัขตกน้า ....................... ๒. อาจารยส์ อนวิชาศลิ ปะไมม่ าโรงเรียน ....................... ๓. นกแสกบินผา่ นบา้ นเป็นลางรา้ ย ....................... ๔. ครูไม่ชอบนกั เรยี นเล่นกันในเวลาเรยี น ....................... ๕. ร่มของแมค่ ้าขายสม้ ตาคนั ใหญม่ าก ....................... ๖. ยายเหน็ ตารวจไล่จบั ผรู้ ้าย ....................... ๗. นกแสกคอื นกหากินในเวลากลางคนื ....................... ๘. หน้าตาของพอ่ เหมอื นคนมีความกงั วล ....................... ๙. ลมพายุพดั ผา่ นภาคกลางทาให้มฝี นตกหนัก ....................... ๑๐. เขาทาใหฉ้ นั ตกใจ ตอนท่ี ๒ คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนแตง่ ประโยคยอ่ ยทท่ี าหนา้ ทเ่ี หมือนคานามมาเติมลงในช่องว่าง เพ่อื ทาหน้าท่ีเปน็ บทประธาน บทกรรม และบทขยาย ของประโยคหลกั ตอ่ ไปน้ี ๑. คน ......................................................................... เป็นคนนา่ ยกยอ่ ง ๒. วงการแพทย์ ........................................................ เรอื่ งยารักษาโรคเอดส์ ๓. พอ่ สอนวา่ .................................................................... ๔. แม.่ ........................................... นอ้ งรบี เข้านอนแต่หวั ค่า ๕. ฉันเห็นคณุ พอ่ ...................................................

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑๐ เรอื่ ง กลอนสุภาพ ๑ เวลา ๑ ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เร่ือง สรา้ งคานาไปใช้ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเน้ือหา สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ๑. ความหมายความหมายและฉนั ทลกั ษณ์ของ กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. แผนผังกลอนสุภาพ ขัน้ นา ๒. บทกลอน “พอใจใหส้ ขุ ” กลอนสภุ าพ ของฐะปะนยี ์ นาครทรรพ ๒. หลักการใช้เสียงวรรณยุกตท์ ้ายวรรคได้ ๑. ครูยกบทกลอน “พอใจใหส้ ขุ ” ของฐะปะนีย์ นาครทรรพ ภาระงาน/ชิน้ งาน อันจะเป็นสงิ่ ใดไม่ประหลาด กาเนิดชาตดิ ที รามตามวิถี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ถือสันโดษบาเพญ็ ใหเ้ ด่นดี ในสงิ่ ท่ีเราเป็นเช่นนั้นเทอญ -สมุดบันทึกบทกลอน ด้านความรู้ นกั เรียนบอกความหมายและฉันทลกั ษณ์ของ ๒. นักเรยี นอ่านคาประพันธ์พรอ้ มกนั และตอบคาถามวา่ เปน็ คา กลอนสภุ าพ ประพันธป์ ระเภทใด (ตอบ กลอนสุภาพ) ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ข้นั สอน นกั เรียนอธบิ ายความหมายและฉนั ทลักษณ์ของ กลอนสุภาพได้ถูกต้อง ๑. นักเรยี นศึกษาแผนผังฉันทลกั ษณ์กลอนสุภาพท่ีครเู ตรยี มมาให้ ด้านคุณลกั ษณะ จดบนั ทกึ ลงสมุด พร้อมทงั้ สงั เกตลกั ษณะของกลอนสภุ าพ ดังนี้ ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความเปน็ ไทย และมมี ารยาทในการ ๑.๑ จานวนคาในแตล่ ะวรรค เขยี น ๑.๒ คาคล้องจอง สมั ผสั นอก และสมั ผสั ใน ๑.๓ การใช้เสยี งวรรณยกุ ตท์ า้ ยวรรค ๒. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายถงึ ลกั ษณะของกลอนสภุ าพ ๓. นักเรยี นจดบนั ทกึ แผนผงั ลักษณะคาประพนั ธแ์ ละความร้ตู า่ งๆ ท่ีครเู สรมิ ใหล้ งในสมุด ขัน้ สรุป ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะของกลอนสภุ าพ ๓๔๗34379

๓3๔3๘4480 ๗. การวดั ผลและประเมนิ ผล สิ่งท่ตี อ้ งการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สงั เกตการตอบคาถาม คาถาม ถกู ต้องรอ้ ยละ ๘๐ นกั เรียนบอกความหมายและ สงั เกตการตอบค�ำ ถาม ฉนั ทลกั ษณ์ของกลอนสภุ าพ ค�ำ ถาม รอ้ ยละ ๘oขึน้ ผไา่ ปนเกณฑ์ สังเกตการตอบคาถาม ทา้ ยวรรค สงั เกตการตอบค�ำ ถาม คาถาม ถูกต้องรอ้ ยละ ๘๐ การประเมนิ ใบงาน ค�ำ ถาม ถกู ตอ้ งรอ้ ยขลึ้นะไป๘o ขน้ึ ไป ด้านทักษะ/กระบวนการ นกั เรยี นอธบิ ายความหมาย สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ทุก สงั เกตพฤตกิ รรม แบบพสฤงั ตเกิ ตรพรมฤดตา้กิ นรรม ไรดาร้ยะกดาบั รคขณุึ้นไภปาพถอื ๒ว่าผา่ น และฉนั ทลกั ษณข์ องกลอน ดา้ นคคณุ ุณลลกั ักษษณณะะ รายการขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น สภุ าพไดถ้ กู ตอ้ ง ด้านคุณลักษณะ ใฝเ่ รยี นรู้ รักความเป็นไทย และมมี ารยาทในการเขยี น ๘. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ขอ เสนอแนะของผูบ รหิ ารหรอื ผูท่ีไดร บั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ.............

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑ เรื่อง กลอนสภุ าพ ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เร่ือง สรา้ งคานาไปใช้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเนอ้ื หา สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ ๑. หลกั การแตง่ กลอนสุภาพ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ตวั อย่างกลอน “Who am I” ขน้ั นา ๒. กระดานไวท์บอร์ด/กระดานดา ๒. ฉนั ทลกั ษณก์ ลอนสภุ าพ ภาระงาน/ช้ินงาน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ครทู บทวนความรูเ้ ก่ยี วกับฉนั ทลกั ษณ์กลอนสภุ าพ ดา้ นความรู้ ขนั้ สอน กลอนสุภาพ “Who am I” นักเรียนอธิบายหลักการแต่งกลอนสุภาพ ด้านทักษะและกระบวนการ ๑. ครอู ธบิ ายกตกิ าเกม “Who am I” คือการแตง่ กลอนสุภาพ นักเรียนแตง่ กลอนสภุ าพได้ถกู ต้องตรงตาม เกยี่ วกบั ลักษณะพิเศษหรอื ลักษณะเฉพาะของตนเอง โดยห้ามใส่ ชอ่ื ของตนลงไปในบทกลอน แลว้ จบกลอนด้วยคาถามว่า ฉนั คอื ฉนั ทลักษณ์ ใคร? เชน่ ตัวอย่างกลอน “Who am I” ด้านคณุ ลักษณะ มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย เขยี นสื่อสาร ตวั พนี่ แี้ สนดีแถมยังโสด ไมเ่ คยโหดมาโปรโมทด้วยยิ้มใส จมกู โด่งดใู หด้ งี ามที่ใจ พคี่ นนี้คอื ใครจงทายมา อย่างสรา้ งสรรค์ และมีมารยาทในการเขยี น ๒. ครมู อบหมายภาระงานใหน้ กั เรียนแต่งกลอนสภุ าพ เร่ือง “Who am I” ลงในกระดาษ จานวน ๒ บท ๓. นักเรยี นสลับกันอ่านกลอนแล้วให้เพื่อนในชนั้ เรยี นรว่ มกัน ๓๔๙3419 ตอบวา่ คนท่ีถูกกลา่ วถงึ ในกลอนนัน้ คือใคร พร้อมสุ่มตวั อย่าง กลอนสุภาพท่นี ักเรยี นแต่งบนกระดาน ๔. นกั เรยี นและครูรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั ความ ถกู ต้องของฉนั ทลักษณ์จากกลอนสุภาพทีเ่ พือ่ นแตง่ ข้นั สรุป ๑. ครูและนกั เรียนอภปิ รายเพื่อสรปุ ลกั ษณะของกลอนสุภาพ

๓3๕3๐4520 การวัดผลและประเมนิ ผล ส่งิ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วิธกี าร เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สังเกตการตอบคาถาม คาถาม ร้อยละ ๘๐ผ่านเกณฑ์ สงั เกตการตอบค�ำ ถาม นกั เรียนอธิบายหลักการ ค�ำ ถาม รอ้ ยละ ๘o ผา่ นเกณฑ์ แตง่ กลอนสุภาพ การแตง่ กลอนสุภาพ แตง่ กลอนสภุ าพ แบบประเมนิ การรแแตตง่ ่ง ถูกต้องร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ กลอนกลสภุอนาพสุภาพ ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ๘o ขน้ึ ไป นกั เรยี นแต่งกลอนสภุ าพได้ สงั เกตพฤติกรรม “wh“oWahmo aI”m I” ถกู ต้องตรงตาม สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้ระดบั คณุ ภาพ ๒ แบดบ้าสนงั คเกุณตลพักฤษตณกิ ระรม ทไดกุ ร้ ระาดยบั กคาณุรขภึ้นาไพป๒ถอื ว่าผ่าน ดา้ นคุณลกั ษณะ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ รายการขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น มุง่ ม่ันในการทางาน รักความ เปน็ ไทย และเขยี นส่ือสาร อยา่ งสร้างสรรค์ ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ. ............

๓๕๑34531 ผลงานกลอนสุภาพ “Who am I” ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ชอ่ื .......................................................นามสกุล.........................................เลขท่.ี ..............ชัน้ ...................

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรือ่ ง พินจิ กลอนสุภาพ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เร่ือง สรา้ งคานาไปใช้ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ รายวชิ าภาษาไทย ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ข้นั นา - หลักการแต่งกลอนสภุ าพ ๑. ครูทบทวนความรู้เก่ียวกับฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพ ภาระงาน/ชนิ้ งาน โดยสุม่ นกั เรียนถามทีละคน เขียนคาตอบของนักเรียนบน ประเมินความถกู ต้องของกลอนสภุ าพ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กระดาน ดา้ นความรู้ ๑. นักเรียนอธบิ ายฉนั ทลกั ษณ์กลอนสุภาพได้ ๒. นักเรียนประเมนิ ความถกู ต้องกลอนสภุ าพได้ ๒. นักเรียนและครสู รุปความรู้ร่วมกัน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ข้นั สอน นักเรยี นพิจารณาและตัดสินกลอนสภุ าพได้ ๑. ให้นกั เรยี นจับค่แู ลว้ ผลัดกนั พจิ ารณาผลงานกลอนสภุ าพ ถูกตอ้ งตามฉนั ทลักษณ์ ของเพ่อื นตามหัวขอ้ ของแบบประเมินการแต่งบทรอ้ ยกรอง ด้านคุณลักษณะ ๒. สะท้อนผลใบประเมนิ ใหเ้ พอ่ื นฟงั รกั ความเปน็ ไทย การคิดสรา้ งสรรค์ และมี ๓. นักเรียนสลบั กันอ่านกลอนแล้วให้เพอื่ นในชัน้ เรยี นร่วมกนั มารยาทในการเขียน ตอบว่าคนทีถ่ ูกกลา่ วถงึ ในกลอนนน้ั คือใคร ขนั้ สรุป ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ผลการประเมนิ บทรอ้ ยกรอง ขอ้ ผดิ พลาดท่ีพบบอ่ ยและขอ้ ชืน่ ชม เพ่อื เป็นแนวทางปรบั ปรุง ผลงานการแตง่ กลอนสภุ าพใหส้ มบูรณ์ตอ่ ไป ๓3๕๒5424

๓๕๓35435 การวดั ผลและประเมนิ ผล สง่ิ ท่ตี ้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑.นักเรียนอธิบายฉนั ทลักษณ์ สงั เกตการตอบคาถาม คาถาม รอ้ ยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ กลอนสุภาพได้ ๒.นกั เรยี นประเมนิ ความ ถกู ตอ้ งกลอนสุภาพได้ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียนพจิ ารณาและตัดสนิ การแตง่ กลอนสุภาพ แบบประเมนิ การแต่ง ถูกต้องรอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป กลอนสุภาพได้ถกู ตอ้ งตาม กลอนสุภาพ ฉันทลักษณ์ ด้านคุณลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ไดร้ ะดับคณุ ภาพ ๒ รกั ความเป็นไทย การคิด สงั เกตพฤตกิ รรม แดบ้านบคสุณงั เกลตกั พษฤณตะกิ รรม ไทดุกร้ ะราดยบั กคาณุ รภข้ึนาพไป๒ถือว่าผ่าน ดา้ นคณุ ลกั ษณะ รายการขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น สร้างสรรค์ และมมี ารยาทใน การเขยี น ๘. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ.............

๓3๕๔5446 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ คณุ คา่ งานวรรณคดี รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๑ ชว่ั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วัด สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทย อย่างเห็นคณุ คา่ และ นำ�ามมาาปปรระะยยกุ ุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ตวั ช้ีวัด ม.๒/๑ สรุปเนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่านในระดับทยี่ ากข้ึน ม.๒/๒ วเิ คราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิน่ ท่ีอ่าน พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ม.๒/๓ อธิบายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๒/๔ สรปุ ความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ม.๒/๕ ท่องจำ�าบบททอาขยานตามทก่ี ำ�าหหนนดดแแลละะบบททรร้อ้อยยกกรรอองงททีม่ ี่มีคคี ุณณุ คค่าา่ ตตาามมคคววาามมสสนนใใจจ ๒.สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด วรรณคดีและวรรณกรรมเป็นบันทึกทางสังคมและสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในคทณุ ั้งคค่าุณค่า ดา้ นอารมณ์และคุณคา่ ทางความคดิ นาไปพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของตนเอง สังคม และประเทศชาติยคุ ๆ นน้ั ผ่านตัวลยะุครนทั้นี่สๆร้าผง่าตนามตจัวินลตะนคารกทาี่สรรข้าองงตผาู้แมตจ่งินผตู้เรนียานกคาวรรขศอึกงษผาู้แเรตีย่งนผรู้เู้ถรึีงยคนุณคคว่ารแศลึกะษคาวเารมียงนดรงู้าถมึงทคุาณงคภ่าษแลา ะ ตคลวอามดงจดนงคาุณมคท่าใงนภแางษ่มาุมตตล่าองดๆจนเพคุื่ณอใคห่า้เใกนิดแคงว่มาุมตซ่างบซๆึ้งผเพูกื่อพใันหก้เักบิดเอคกวลาักมษซณาบ์ขซอึ้งงผคูกวพามันเกปับ็นเไอทกยลรัก่วษมณก์ขันอ- ง อคนวาุรมักเษป์แน็ ลไทะสยืบรส่วามนกมันรอดนกรุ อักันษล์แํ้าลคะ่าสนบื ี้ใสหา้คนงมอรยดู่คกู่คอวนั าลมํ้าาเคปคา่ ่า็นนไ้ีใทใี้หหยค้ ้คตงอลยอ่คูดคู่ ไปวามเปน็ ไทยตลอดไป ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. มีความรู้และเข้าใจในการสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๒. บอกข้อคดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ ๓. อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๔. บอกประโยชนท์ ่ีได้จากการวเิ คราะหค์ ณุ คา่ วรรณคดวี รรณกรรมที่สามารถน�ำ าไปปรบั ใชไ้ ด้ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. สรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ ๒. บอกข้อคดิ ที่ได้จากการอ่าน และน�ำ าไไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริงได้ ๓. วเิ คราะห์คุณคา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ เจตคติ ๑. ตระหนักและเหน็ คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ๒. มคี วามรับผดิ ชอบ

๓๕๕34575 ๔. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๑. ความส๑า.มคาวราถมในสกามาราสรถื่อใสนากรารสื่อสาร ๒. ความส๒า.มคาวราถมในสกามาราครถิดในการคิด ๓. ความส๓า.มคาวราถมในสกามาราแรถกใป้ นัญกหาราแกป้ ัญหา 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓3. มงุ่ ม่ันในการท�ำ างาน ๔.มมีจจี ติ ิตสสาาธธาารรณณะะ ๕.มมีเเีจจตตคคตติททิ ่ีด่ดี ตี ตี ่ออ่ กกาารรออา่ ่านน 6. การประเมินผลรวบยอด ชน้ิื งานหรือภาระงาน ใบงาในบเงราื่อนงเรก่ือางรวกเิ คารวาิเะคหร์คาุณะหค์คา่ ุณทาคงา่ วทรารงณวครรดณีแลคะดวีแรลระณวกรรณรมกรรม

๓๕๖ ๓3๕๖4586 เกณฑเกก์ ณารฑป์กราะรเปมรินะผเมลชินนิ้ผงลาชนิ้นหงราอืนภหารรือะภงารนะงาน ประเปมรินะเรเมื่อินงเกร่ือารงวกิเคาราวะเิ คหรค์ าุณะหค์คา่ ทุณาคง่าวทรารงณวครรดณีแลคะดวแี รลระณวกรรณรมกรรม ประเปดร็นะกเาดร็นการ ระดบั รคะุณดับภคาุณพภาพ ประเปมรนิ ะเมนิ ๔ ๔(ดีมา(กด)ีมาก) ๓ (ด๓ี) (ดี) ๒ (พ๒อใ(ชพ้)อใช้) ๑ (ป๑รับ(ปรุงบั )ปรุง) ๑.กา๑รส.กราปุ รสรปุ มสี ารมะสี สาราะคสัญ�ำ าคคญั ญั มสี ารมะีสสาราะคสัญ�ำ าคคญั ญั มีสารมะีสสาราะคสัญ�ำ าคคญั ญั มีสารมะีสสาราะคสญั �ำ าคคญั ญั สาระสสาราะคสญั ำ�าคคัญญั ถกู ต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดร็นะเดถน็ กู ต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดร็นะเดถ็นูกต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดรน็ ะเดถน็ ูกต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดร็นะเด็น ทีต่ อ้ งทก่ตี าอ้ รงทกงั้ าหรมทด้งั หมดเป็นสเ่วปนน็ ใสห่วญน่ใหญ่ เปน็ บเปาง็นสบ่วานงส่วน เป็นสเ่วปน็นนส้อว่ ยนน้อย ๒.กา๒รน.การเสนนำ�าอเเสสนนออ มีการมนกี ารเสนำ�อาเสเสนอ มีการมนีการเสนำ�อาเสเสนอ มกี ารมนกี ารเสนำ�อาเเสสนอ มีการมนกี ารเสนน�ำ อาเสเสนอ ความคควดิ าสมคาดิคญสั แำ�าคลคัญะั แลคะวามคควิดาสมคาดิคญสั แ�ำ าคตคัญ่ ั แตค่ วามคควิดาสมคาดิคญสั บำ�าคาคญังั บาคงวามคควดิ าสมคาิดคญสั ำ�แาคตคญั่ ั แต่ มีการมขีกยาารยขคยวาายมคทวี่ ามทข่ี าดกขาารดขกยาารยขคยวาายมควาปมระเปดรน็ ะขเดา็นดกขาารดการไมช่ ดั ไเมจช่นดั ขเจานดกขาารดการ ท าใหทผ้ �ำ อู้ าใา่ใหน้ผเู้อก่าิดนเกดิ บางสบว่ านงทส่ีทวนาทใหที่ ้ �ำ าใหใ ้ ขยายขคยวาายมควมาีขม้อมลูีขอ้ มขูลยายขคยวาายมควมาีขมอ้ มูลีข้อมูล ความคเชวาือ่ มมเัน่ชใ่อื นมผัน่ ลในผลผอู้ า่ นผไอู้ ดา่ ้รนบั ไขดอ้ ร้ มบั ูลขไ้อมม่ ูลไบมา่ งสบ่วานงสแ่วตน่ไมแ่ ต่ไม่ บางสบ่วานงสแ่วตนไ่ มแ่ ตไ่ ม่ ของกขาอรงศกึกาษราศึกษา ชดั เจชนดั ขเาจดนคขวาาดมความ ชดั เจชนดั เจน ชดั เจชนดั เจน เชอื่ มเ่ันชใ่อื นมผน่ั ลใขนอผงลของ การศกกึ าษราศกึ ษา ๓.กา๓รใ.กชา้ภราใษชา้ภาษา ๑.ใชถ้๑อ้.ใยชค้ถ้อายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวนน๑ว.ใชถ้๑้อ.ใยชค้ถอ้ ายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวน๑นว.ใชถ้๑อ้.ใยชคถ้ ้อายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวนนใวช้ถ้อใยชค้ถอ้ ายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวนนว ถกู ต้อถงูกเตห้อมงาเะหสมมาะสม ถกู ต้อถงูกเตห้อมงาเะหสมมาะสม ถกู ต้อถงกู เตห้อมงาเะหสมมาะสม ถูกต้อถงูกเตห้อมงาเะหสมมาะสม ๒.พูด๒แ.ลพะูดเแขลยี ะนเสขื่อยี นส่ือ๒.พดู ๒แ.ลพะดู เแขลียะนเสข่ือียนส่ือ๒.พดู ๒แ.ลพะดู เแขลยี ะนเสข่ือยี นสื่อ ความคหวมาามยหไมดา้ ยได้ ความคหวมาามยหไมดา้ ยได้ ความคหวมาามยหไมดา้ ยได้ ชดั เจชนัดเจน ชดั เจชนดั เจน ชดั เจชนดั เจน ๓.ใช้ภ๓า.ใษชา้ภถาูกษตา้อถงกู ตอ้ ง๓.ใช้ภ๓า.ใษชา้ภถากู ษตาอ้ ถงูกตอ้ ง ๔.มมี ๔า.รมยมี าาทรใยนากทาใรนการ พูดแลพะูดเแขลียะนเขยี น ๔.กา๔รว.กิเคาราวะเิ คหร์ าะห์ วเิ คราวะเิ คหรไ์ าดะ้ หไ์ ด้ วเิ คราวะิเคหร์ไาดะ้ ห์ได้ วเิ คราวะเิ คหร์ไาดะ้ไหม์ไ่ ด้ไม่ วเิ คราวะเิ คหร์ไาดะ้ไหมไ์่ ด้ไม่ คุณคค่าทณุ าคงา่ วทรารงณวครรดณี คคดรี อบคครลอุมบแคละุมมแี ละมี ครอบคครลอุมบแคตล่ขุมาแดตข่ าดครอบคครลอุมบแคละุมขแาลดะขาดครอบคครลอุมบแคละุมไแมลม่ ะี ไมม่ ี และวแรลระณวกรรรณมกรรม รายลระาเยอลียะดเทอกุยี แดงท่ ุกแงร่ ายลระาเยอลียะดเบอายี งดบาง รายลระาเยอลยี ะดเอียด รายลระาเยอลยี ะดเอยี ด ทกุ มมุทุกมมุ ประเบปดาร็นงะปเดรน็ ะเด็น เกณฑเก์กณารฑต์กัดาสรนิตดั สิน คะแนคนะแน๑น๒ –๑๑๒๖– ๑๖ หมายหถมงึ ายดถีมึงากดมี าก คะแนคนะแนน๘– ๑๘๑– ๑๑ หมายหถมึงายดถี งึ ดี คะแนคนะแนน๔– ๗๔– ๗ หมายหถมงึ ายพถองึ ใชพ้ อใช้ คะแนคนะแนน๑– ๓๑– ๓ หมายหถมึงายปถรึงบั ปรงุบั ปรงุ เกณฑเก์กณารฑผ์ก่าานรผา่ ตนัง้ แตตร่ ง้ั ะแดตบั ่ระพดอับใชพ้ขอ้นึ ใไชป้ขน้ึ ไป

๓๕๗357349 แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คำชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ำ้ น 4321 1. รกั ชำติ ศำสน์ 1.1 ยนื ตรงเมื่อไดย้ ินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบาย ความหมายของเพลงชาติ กษัตริย์ 1.2 ปฏิบัตติ นและชักชวนผูอ้ น่ื ปฏบิ ัตติ ามสิทธิและหนา้ ท่ีของ พลเมือง 2. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทากจิ กรรมกบั สมาชกิ ใน 3. มีวนิ ัย รับผิดชอบ โรงเรยี น ชุมชนและสงั คม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เปน็ ผนู้ าหรือเปน็ แบบอย่างในการจดั กจิ กรรมท่ีสร้างความ 5. อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง สามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชนต์ ่อโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม ช่นื ชม ปกป้องความเป็นชาติไทย 1.5 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ ปฏบิ ัติตนตามหลัก ของศาสนาและเป็นตวั อย่างที่ดีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้ารว่ มกจิ กรรมและมสี ว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมทีเ่ ก่ียวข้อง กับสถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทีโ่ รงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ช่ืนชม ในพระราชกรณียกิจพระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และ พระราชวงศ์ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ กู ตอ้ ง ละอายและเกรงกลัวท่จี ะกระทา ความผิดทาตามสัญญาท่ีตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอยา่ งท่ดี ดี า้ นความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบัตติ นต่อผู้อืน่ ด้วยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ ไม่ถูกต้องและเป็นแบบอยา่ งทด่ี ีแก่เพอ่ื นดา้ นความซื่อสัตย์ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ ครอบครัวโรงเรยี น และสงั คม ไมล่ ะเมิดสิทธิของผูอ้ นื่ ตรงต่อ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจาวนั แลรบั ผิดชอบ ในการทางาน ปฏบิ ตั ิเปน็ ปกติวิสยั และเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ การเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความร้ไู ด้อยา่ งมีเหตุผล 5.1 ใช้ทรพั ย์สินของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อย่าง ประหยดั คุ้มคา่ และเกบ็ รักษาดแู ลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ ง เหมาะสม

๓3๕3๘5580 คุณลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ ำ้ น 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บ 4321 รกั ษาดูแลอย่างดี 6. มุง่ มน่ั ในกำร 5.3 ปฏบิ ัติตนและตดั สินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล ทำงำน 5.4 ไมเ่ อาเปรยี บผูอ้ น่ื และไมท่ าให้ผ้อู ืน่ เดือดร้อน พร้อมให้อภัย 7. รกั ควำมเป็นไทย เมื่อผู้อน่ื กระทาผดิ พลาด 8. มีจติ สำธำรณะ 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ ีวิตประจาวันบน บพน้ื พฐาื้นนฐขานองขคอวงาคมวราู้มขร้อู้ มขูลอ้ มขูลา่ วขสา่ าวรสาร 5.6 รู้เท่าทนั การเปล่ียนแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรบั ตัว อย่รู ว่ มกับผอู้ ่นื ได้อย่างมีความสขุ 6.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบตั ิหนา้ ที่ที่ได้รับมอบหมาย 6.2 ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการทางานใหส้ าเรจ็ 6.3 ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานอยา่ งรอบคอบ 6.4 ทมุ่ เท ทางาน อดทน ไม่ท้อต่อปญั หาและอุปสรรค 6.5 พยายามแก้ปัญหาและอปุ สรรคในการทางานใหส้ าเร็จ 6.6 ชนื่ ชมผลงานความสาเรจ็ ด้วยความภาคภูมใิ จ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ชว่ ยคิด ช่วยทา แบง่ ปันสงิ่ ของ ทรัพยส์ นิ และ อน่ื ๆๆพพรร้อ้อมมชช่วว่ ยยแแกกป้ ป้ ญั ัญหหาา 8.3 ดแู ล รกั ษาทรัพยส์ ินของห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เข้าร่วมกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของ โรงเรยี น ชุมชนเพื่อแก้ปัญหาหรือรว่ มสร้างสิง่ ท่ดี ีงามตาม สถานการณ์ท่ีเกิดข้นึ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑก์ ำรให้คะแนน ............../.................../................ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน

๓๕๙3519 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน กลุ่มท่.ี ............................. ๒..................................................... สมาชิกของกลุม่ ๑...................................................... ๔..................................................... ๖..................................................... ๓...................................................... ๕...................................................... คุณภำพกำรปฏิบตั ิ ๔๓๒๑ ลำดบั ที่ รำยกำรประเมนิ รวม ๑ ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ๒ การใชภ้ าษา ............../.................../............... ๓ วธิ กี ารนาเสนอ เกณฑ์กำรตดั สนิ คุณภำพ ๔ ความคดิ สร้างสรรค์ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 5 การมีสว่ นรว่ มในการทางาน ๑๘--๒๒๐o ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี เกณฑก์ ำรให้คะแนน ๔ ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ดีมาก = ๓ ตา่ กว่า ๑๐ ปรับปรงุ ดี = ๒ พอใช้ = ๑ ปรับปรุง =

แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ ลำดบั ท่ี ชือ่ – สกลุ ควำมตรงตอ่ เวลำ กำรแสดงควำม กำรรับฟังควำม กำรตัง้ ใจทำงำน กำรร่วมปรับปรุง รวม 20 ของผรู้ ับกำรประเมนิ คดิ เหน็ คดิ เห็น ผลงำนกล่มุ คะแนน 4321432143214321432 1 เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน 4 เกณฑ์กำรตดั สนิ คณุ ภำพ ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ดีมาก = 3 ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ ............../.................../................ ดี = 2 ๑1๘8--2๒0o ดีมาก หมายเหตุ ครอู าจใชว้ ธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหนา้ กลมุ่ เปน็ ผปู้ ระเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลมุ่ ผลัด พอใช้ = 1 ๑1๔4- 1๑7๗ ดี กนั ประเมิน หรือใหม้ ีการประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนักเรยี นเอง ตามความเหมาะสมก็ได้ ปรับปรุง = ๑1o0--1๑3๓ พอใช้ หรือให้มกี ารประเมินโดยเพ่ือน โดยตวั นกั เรียนเอง ตามความเหมาะสมกไ็ ด้ 33๖3๐5620 ตํ่ากวา่ ๑1o0 ปรับปรุง

3๖๑335631 แบบประเมินกำรอำ่ นทำนองเสนำะ รายการประเมนิ / ระดบั คุณภาพ ความถกู ต้องชดั เจน การออกเสยี งอกั ขระ จงั หวะลีลาและ การทอดเสยี ง ผอ่ นเสยี ง ความ ช่อื คล่องแคลว่ และควบกลา้ การเว้นวรรค การใชอ้ ัตราเรว็ เหมาะสม คดิ เหน็ กับเน้ือหาตลอดเร่ือง ๔ ๓ ๒๑ ๔๓๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ผู้ประเมนิ ...............................................

33๖๒6524 เกณฑ์คณุ ภำพ รำยกำรประเมนิ ดมี ำก (๔) ดี(๓) พอใช้(๒) ปรับปรุง(๑) ๑. ควำมถกู ต้อง อ่านถูกตอ้ งตามหลกั อา่ นถูกตอ้ งตาม อ่านถูกต้องตาม อ่านถูกต้องตาม ชัดเจนคลอ่ งแคล่ว การอา่ นทานองเสนาะ หลกั การอ่าน หลกั การอ่าน หลักการอ่าน ทัง้ หมด นา้ เสยี งชดั เจน ทานองเสนาะ ทานองเสนาะ ทานองเสนาะ มีความคล่องแคล่วใน เป็นส่วนใหญ่ พอใช้ได้ โดยมีคา นอ้ ย โดยมีคาท่ี การอา่ น โดยมีสว่ นทอ่ี า่ น ท่ีอา่ นผดิ ๔–๗ อ่านผดิ มากกว่า ผิด น้อยกวา่ ๔ แหง่ น้าเสยี ง ๗ แหง่ นา้ เสียงไม่ แห่ง นา้ เสยี ง ชัดเจนบางช่วง แต่ ชดั เจน และขาด ชัดเจน และ ขาดความ ความคล่องแคล่ว มีความ คล่องแคล่วใน ในการอ่าน คลอ่ งแคล่ว การอา่ น ในการอ่าน ๒.กำรออกเสยี ง ออกเสียงอักขระและ ออกเสียงอักขระ ออกเสียงอักขระ ออกเสยี งอักขระ อักขระและคำควบ คาควบกล้าถูกต้องทุกคา และคาควบกล้า และคาควบกลา้ และคาควบกล้า กล้ำ ถกู ต้องเปน็ สว่ น ถกู ต้องพอใช้ โดย ถูกต้องนอ้ ย โดยมี ใหญ่ โดยมีท่ี มคี าท่ีอา่ นผิด คาทอ่ี ่านผิด อ่านผิดนอ้ ยกวา่ ๔ – ๗ คา มากกว่า ๗ คา ๔ คา ๓. จังหวะ ลลี ำและ มีจงั หวะลีลาและ มจี ังหวะลีลาและ มจี ังหวะลีลาและ มจี ังหวะลีลาและ กำรเวน้ วรรค การเวน้ วรรคถกู ต้อง การเวน้ วรรค การเว้นวรรค การเว้นวรรค ไม่ ถูกต้องเปน็ ส่วน ถูกตอ้ งเปน็ บางชว่ ง ถกู ต้อง มากกว่า ใหญ่ โดยมีทผ่ี ดิ โดยมีทีผ่ ิดมากกวา่ ๔ แหง่ ไม่เกิน ๒ แหง่ ๒ แห่ง แตไ่ ม่เกนิ ๔ แห่ง ๔. กำรทอดเสียง ผอ่ น มีการทอดเสียง มกี ารทอดเสียง มีการทอดเสยี ง มกี ารทอดเสยี ง เสียง กำรใช้อัตรำเร็ว ผอ่ นเสยี ง ใชอ้ ัตราเรว็ ผ่อนเสียง ใช้ ผอ่ นเสยี งใช้ ผ่อนเสียง ใช้ เหมำะสมกบั เนอื้ หำ เหมาะสมกับเนือ้ หา อตั ราเร็ว อตั ราเร็ว เหมาะสม อตั ราเร็ว ตลอดเร่ือง ตลอดเร่ือง เหมาะสมกบั กับเนอ้ื หาเปน็ บาง เหมาะสมกับ เนอ้ื หาเป็นส่วน ช่วง โดยมีท่ผี ดิ เนือ้ หาน้อย โดยมี ใหญ่ โดยมีทผี่ ิด มากกวา่ ๒ แห่ง แต่ ทีผ่ ิดมากกว่า ไม่เกิน ๒ แหง่ ไม่เกนิ ๔ แหง่ ๔ แห่ง เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ๑๔ - ๑๖ คะแนน อยู่ในระดับ ดีมาก ๑๑ - ๑๓ คะแนน อยู่ในระดับ ดี ๘ - ๑๐ คะแนน อยู่ในระดับ พอใช้ ๐ - ๗ คะแนน อยู่ในระดับ ปรับปรงุ

3๖๓35635 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนรำยบคุ คล คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงใน ช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี ชอ่ื -สกุล ควำมมีวินยั ควำมมนี ้ำใจ กำรรบั ฟงั ควำม กำรแสดงควำม กำรตรงตอ่ เวลำ รวม ของผู้รบั กำร 4321 เอ้ือเฟือ้ คิดเหน็ คดิ เหน็ 20 เสียสละ คะแนน ประเมนิ 4321 4321 43214321 ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ เกณฑก์ ำรตดั สนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กว่า 10 ปรบั ปรุง

หน่วยการเรียนรทู ี่ ๕ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๑ เร่อื ง บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรรมา ๑ เวลา ๑ ชวั่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรอื่ ง คุณค่างานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวชิ าภาษาไทย ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง เรยี นรู ประวัตผิ ู้แตง่ วรรณคดบี ทเสภาสามคั คีเสวก ตอน ขั้นนาํ ๑. ใบความรู เรื่องเรื่องประวตั ผิ ูทรงพระราช วศิ วกรรมาและสามัคคเี สวก ๑. นักเรียนอานบทประพนั ธ ดงั ตอ ไปน้ี นพิ นธ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรร จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ “อันชาตใิ ดไรช างชํานาญศลิ ป เหมือนนารนิ ไรโฉมบรรโลมสงา ” มาและสามคั คเี สวก ด้านความรู้ ๒. นกั เรียนและครูรว มกันสนทนาถงึ บทประพันธที่กลา วขางตน วามา ๒. ใบงาน เร่อื ง ประวตั ิผูแตงบทเสภา ประวัติผู้แต่งของวรรณคดบี ทเสภาสามคั คเี สวก จากวรรณคดีเรอื่ งใดและใครเปนผูประพนั ธบ ทเสภาสามคั คเี สวก สามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคี ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คีเสวก เสวก ดา นทักษะและกระบวนการ (ตอบ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวก อธิบายเกยี่ วกบั ประวัตผิ ู แตงของวรรณคดีบ ท -พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยหู วั ) ภาระงาน/ชน้ิ งาน เสภา สามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคี ขนั้ สอน สมดุ บนั ทึกนามปากกาผแู ตง เสวก ๑. นักเรียนศกึ ษาประวตั ิผแู ตงจากใบความรูเรอื่ งประวตั ผิ ทู รง ดา นคณุ ลกั ษณะ พระราชนิพนธ และรวมกนั สนทนาถึงประวัตขิ องผูแตงบทเสภา ๑. รกั ชาติ ศาสน กษัตรยิ  สามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคีเสวก ๒. ใฝเรียนรู ๒. นกั เรียนตั้งคาํ ถามเก่ียวกบั ประวัตขิ องผแู ตงและผลงานของผแู ตง ๓. มงุ มัน่ ในการทาํ งาน รวมถึงนามปากกาท่นี กั เรียนคนุ เคย ๔. มเี จตคตทิ ่ีดีตอ การอาน ๓. ครใู หน ักเรยี นทําใบงาน เร่ือง ประวตั ิผแู ตงบทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก โดยการตอบคาํ ถามส้นั ๆ ข้นั สรุป ๑. นกั เรยี นและครรู วมกนั อภิปรายและสรุปความรูเ กี่ยวกับประวัติ ผู แตง บทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก ครูให นกั เรยี นรวบรวมนามปากกาของผูแตง ทมี่ ที งั้ หมด 36๓๖4๔ 356

335675 3๖๕ การวัดและประเมินผล สง่ิ ท่ีต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ การตอบคาถาม คาถาม ผ่านเกณฑร์ ะดับพอใช้ บอกประวัตคิ วามเป็นมา ประวัติ ขน้ึ ไปผ่าน ผู้แตง่ ของวรรณคดบี ทเสภา การตอบคาถาม คาถาม สามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมาได้ การตอบคำ�ถาม ค�ำ ถาม ผลจากการตอบคาถาม ผา่ น ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เกณฑร์ ้อยละ ๘๐ อธบิ ายเกีย่ วกับประวัตผิ ูแ้ ตง่ ของ สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ วรรณคดีบทเสภาสามัคคีเสวก คณุ ลกั ษณะ ได้ผลจากการสังเกต ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะไม่ต่ากวา่ ระดับ ดานคณุ ลกั ษณะ ๓ ๑. รักชาติ ศาสน กษตั รยิ  ๒. ใฝเรยี นรู ๓. มงุ ม่นั ในการทํางาน ๔. มีเจตคตทิ ่ีดตี อการอาน 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................... ...................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผ้ทู ่ีไดรับมอบหมาย ......................................................................................................................................... .................................. ลงชอื่ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท่ี..........เดือน..........พ.ศ............

33๖5๖8 ใบความรู้ เรือ่ ง ประวตั ิพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ วั หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรอื่ งคณุ ค่างานวรรณคดี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง บทเสภา สามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมา ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ มีพระบรมราชสมภพเม่ือวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเร่ิมศึกษาเบ้ืองต้น ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาได้เสด็จ พระราชดาเนินไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ โดยทรงศึกษาวิชาทหาร วิชาพลเรือน และภาษาฝร่ังเศส หลังจากน้ันได้เสด็จเข้าศึกษาท่ีโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ เม่ือทรงสาเร็จการศึกษาวิชาทหารแล้วยัง ทรงศึกษาวิชาประวัติศาสตร์และกฎหมายที่วิทยาลัยไครสต์เชิชแห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดด้วยระหว่างที่ พระองค์ศึกษาท่ีประเทศอังกฤษน้ัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามกุฎร าชกุมาร สิ้นพระชนม์ พระองค์จึงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามกุฎราชกุมาร ก่อนเสดจ็ นิวัตประเทศไทยได้เสด็จพระราชดาเนินเยือนประเทศต่างๆๆ และทรงศึกษางานและเจริญพพรระะรราาชชไไมมตตรรี ี กับผู้นำ�าต่างงๆ ในประเททศศยยุโุโรรปป สหรัฐอเมริกา และญ่ีปุ่นพระองค์เสด็จพระราชดาเนินกลับประเทศไทย เมือ่ พ.ศ. ๒๔๔๕ เสดจ็ ขนึ้ ครองราชยส์ มบัตใิ นพ.ศ. ๒๔๕๓ และเสดจ็ สวรรคตเม่อื พ.ศ. ๒๔๖๘ พระราชกรณียกิจของพระองค์มีอเนกประการ ท้ังด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจการศึกษา สื่อสารมวลชน ศิลปะ และอักษรศาสตร์ มีผลให้ประเทศพัฒนาและก้าวทันเทคโนโลยีของตะวันตก ด้านอักษรศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชนิพนธ์ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ เร่ือง แบ่งได้เป็นหลายประเภท ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น สารคดี บทความ นิทาน นิยาย เร่ืองส้ัน พระบรมราโชวาท พระราชหัตถเลขา บทพระราชนิพนธท์ ค่ี นไทยร้จู ักดี เชน่ โคลนติดล้อ ยิวแหง่ บูรพาทิศ บทเสภา สามัคคีเสวก มัทนะพาธาคาฉันท์ พระนลคาหลวง ศกุนตลา สาวิตรี เรื่องมัทนะพาธาคาฉันท์ได้รับยกย่องจาก วรรณคดสี โมสรวา่ เป็นยอดของบทละครพดู คาฉันท์ ส่วนเรื่องหัวใจนักรบได้รับยกย่องให้เป็นยอดของบทละครพูด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้พระนามแฝงในพระราชนิพนธ์มากกว่า ๑๐๐ พระนาม มีท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ท่ีเป็นพระนามแฝงภาษาไทย เช่นนอัศวพาหุ รราามมจจิติตตติ ศิ ศรรอี ีอยยธุ ยุธายานานยาแยกแ้วก้ว นายขวัญ พันแหลม พระขรรค์เพชร ท่ีเป็นพระนามแฝงภาษาอังกฤษ เช่นYoung Tommy, Tom Toby, DiltonMarsh,Carlton H. Terris พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับพระสมัญญานามว่าพระมหาธีรราชเจ้าอันสืบ เน่ืองมาจากความเป็นปราชญ์ในทางอักษรศาสตร์ เนื่องในวาระฉลองวันพระบรมราชสมภพครบ ๑๐๐ พรรษา เมื่อวันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องพระองคว์ ่าทรงเปน็ นักปราชญ์ของโลก

367 3๖๗359 ใบงาน เรอ่ื ง ประวัติผู้แตง่ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คเี สวก หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรอ่ื งคณุ ค่างานวรรณคดี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่ือง บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมา ๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ ๑. ใครคือผแู้ ต่งบทเสภาสามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวก ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. ผู้แต่งเปน็ พระราชโอรสของใคร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. ผู้แต่งพระราชสมภพเมื่อใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. เมอื่ พระราชสมภพ ทรงมพี ระนามเดิมวา่ อะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. ผู้แต่งเดินทางไปศึกษาต่อ ณ ประเทศใด และทรงศึกษาในสาขาใดบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๖. ผแู้ ตง่ ทรงศึกษาในด้านใดทีว่ ิทยาลยั ไครสต์เชชิ แห่งมหาวิทยาลยั ออกซ์ฟอร์ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๗. ผูแ้ ต่งทรงมีความเชี่ยวชาญในด้านใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๘. เรอ่ื งใดบา้ งของผู้แต่งท่ไี ด้รับการยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๙. ผู้แต่งทรงใชพ้ ระนามแฝงในพระราชนพิ นธ์ ท่ีเปน็ พระนามแฝงภาษาไทย อะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑๐.ผแู้ ตง่ ทรงไดร้ บั พระสมญั ญานามว่าอะไร เนอ่ื งจากอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

368 3๖3๘60 เฉลยใบงาน เร่อื ง ประวตั ิผแู้ ตง่ บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คเี สวก หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เร่ืองคุณคา่ งานวรรณคดี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมา ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ๑. ใครคือผู้แต่งบทเสภาสามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คีเสวก ………………พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั ………………………………………………………………………….. ๒. ผแู้ ต่งเปน็ พระราชโอรสของใคร …เปน็ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั กบั สมเด็จพระศรีพชั รินทราบรมราชินีนาถ ๓. ผู้แต่งพระราชสมภพเมอื่ ใด …………………เม่ือวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓………………………………………………………………………………….. ๔. เมื่อพระราชสมภพ ทรงมีพระนามเดมิ ว่า อะไร ……………สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชริ าวธุ ………………………………………………………………………… ๕. ผู้แตง่ เดนิ ทางไปศึกษาต่อ ณ ประเทศใด และทรงศึกษาในสาขาใดบา้ ง …………ประเทศอังกฤษ ทรงศึกษาวิชาทหาร วชิ าพลเรอื น และภาษาฝร่ังเศส……………………………………….. ๖. ผ้แู ตง่ ทรงศึกษาในดา้ นใดทีว่ ิทยาลัยไครสต์เชชิ แห่งมหาวิทยาลยั ออกซ์ฟอร์ด …………ทรงศึกษาวชิ าประวตั ิศาสตร์และกฎหมาย……………………………………………………………………………… ๗. ผ้แู ต่งทรงมีความเชย่ี วชาญในดา้ นใด ……………ด้านอักษรศาสตร์ …………………………………………………………………………………………………………… ๘. เร่ืองใดบ้างของผู้แต่งท่ไี ด้รบั การยกย่องจากวรรณคดสี โมสร ………มทั นะพาธาคาฉนั ท์และหัวใจนักรบ………………………………………………………………………………………… ๙. ผแู้ ตง่ ทรงใชพ้ ระนามแฝงในพระราชนพิ นธ์ ทเี่ ป็นพระนามแฝงภาษาไทย อะไรบ้าง …………อศั วพาหุ รามจิตติ ศรีอยุธยา นายแกว้ นายขวัญ พันแหลม พระขรรค์เพชร……………………………….. ๑๐.ผแู้ ตง่ ทรงได้รับพระสมญั ญานามวา่ อะไร เพราะเหตุใด …………พระมหาธรี ราชเจ้า เน่อื งมาจากความเป็นปราชญ์ในทางอักษรศาสตร์ ………………………………………

๓๖๙ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง บทเสภาสามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมา ๒ เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เร่ือง คุณคา่ งานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคี ขน้ั นา ๑.หนังสือเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ม.๒ เสวก ๑.นกั เรียนอ่านข้อความนีบ้ นกระดาน แต่กรงุ ไทยศรวี ิไลทันเพอ่ื น ๒.ใบงาน เร่อื ง บทเสภาสามคั คเี สวก ตอน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ บ้าน จึงมชี า่ งชานาญวเิ ลขา ท้ังช่างป้ันชา่ งเขียนเพียรวชิ า อีก วิศวกรรมาและสามคั คเี สวก ด้านความรู้ ช่างสถาปนาถกู ทานอง ๓.ไฟล์เสยี งการขับเสภา อธิบายเนอ้ื หาของบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน ๒. นักเรียนร่วมกนั พิจารณาข้อความบนกระดาน ครูสนทนากับ ภาระงาน/ชิน้ งาน วิศวกรรมาและสามคั คีเสวกได้ นกั เรียน โดยใชค้ าถาม นักเรียนคดิ ว่าขอ้ ความข้างตน้ มชี ่าง สมุดบันทึกความรู้เพ่ิมเติม ด้านทกั ษะและกระบวนการ อะไรบ้าง (ตอบชา่ งชานาญวิเลขา ช่างปัน้ ชา่ งเขยี น ๑. แสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับบทเสภาสามคั คีเสวก ช่างสถาปนา ) ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวกได้ ๓.นักเรยี นสังเกตลักษณะคาประพนั ธว์ า่ เปน็ คาประพันธ์ประเภท ๒. สรุปความรจู้ ากบทเสภาสามัคคเี สวก ตอน ใด (ตอบกลอนสภุ าพ กลอนเสภา) วิศวกรรมาและสามัคคเี สวกไดท้ ่อี ่านได้ ข้ันสอน ด้านคณุ ลักษณะ ๑. เปิดไฟลเ์ สยี งการขับเสภาใหน้ ักเรียนฟงั พร้อมท้ังครอู ธิบาย ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ลักษณะกลอนเสภาเพ่ือใหน้ ักเรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจมากยิง่ ขนึ้ ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒. นักเรยี นอา่ นออกเสียงบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมา ๓.มม่งุ งุ่ มมั่นั่นใในนกกาารรททา�ำ งงาานน พร้อมกนั เม่ือนักเรียนอา่ นจบแลว้ ช่วยกันหาคาสมั ผัสจาก ๔.มมเี เีจจตตคคตติทิทด่ี ่ีดตี ตี ่อ่อกกาารรออ่า่านน บทประพนั ธ์ 369 361

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรื่อง บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมา ๒ ๓๗๐ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๕ เรื่องคุณคา่ งานวรรณคดี กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑ ช่ัวโมง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ สอน ๓.นกั เรยี นทาใบงานเร่ืองบทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและ สามคั คเี สวก ขน้ั สรปุ ๑.นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรเู้ กีย่ วกบั บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมาและสามคั คเี สวก พร้อมอธิบายความรูเ้ พิ่มเติม และจดความรู้ท่ีได้ลงสมุด 362

37631 ๓๗๑ การวัดและประเมนิ ผล สง่ิ ทต่ี ้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เครื่องมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ อธบิ ายเนอื้ หาของบทเสภาสามคั คี การตอบคาถาม คาถาม ผา่ นเกณฑร์ ะดับพอใช้ เสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคี ขน้ึ ไปผา่ น เสวก ด้านทักษะ/กระบวนการ ๑. แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับบท -สังเกตพฤตกิ รรม คาถาม ผลจากการตอบคาถาม เสภาสามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมา -การต้งั คาถาม ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ และสามคั คีเสวก ๒. สรุปความรจู้ ากบทเสภาสามัคคี เสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคี เสวกได้ท่ีอ่าน ดา้ นคณุ ลักษณะ ได้ผลจากการสงั เกต ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ไค๓คดณุ ุณผ้ ลลลักักจษษากณณกะะาไไรมมส่ตต่ งั ่าํา่เกกกตวว่าา่ ระดับ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะอันพึง ระดบั ๓ ๓.มมุง่ ุง่มมน่ั น่ั ในในกกาารทรทางำ�างนาน ประสงค์ ๔.มมเี จีเจตตคคตตทิ ิทดี่ ่ดีตตี่ออ่กการาอรอา่ นา่ น 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................................. .............................. ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............

364 372 ๓๗๒ ใบงาน เรื่อง บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคีเสวก หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เร่ืองคณุ ค่างานวรรณคดี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง บทเสภา สามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมา ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ คาชีแ้ จง ให้นักเรียนโยงสัมผัสนอกของบทเสภาสามัคคเี สวก ตอ่ ไปนี้ อันชาติใดไร้ศานติสขุ สงบ ต้องมวั รบราญรอนหาผ่อนไม่ ณ ชาติน้ันนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวไิ ลละวาดงาม แต่ชาตใิ ดรงุ่ เรอื งเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันลน้ หลาม ยอ่ มจานงศลิ ปาสง่างาม เพอ่ื อร่ามเรืองระยบั ประดับประดา อันชาติใดไร้ชา่ งชานาญศลิ ป์ เหมือนนารินไรโ้ ฉมบรรโลมสงา่ ใครใครเหน็ ไม่เป็นทีจ่ าเรญิ ตา เขาจะพากันเยย้ ใหอ้ บั อาย ศลิ ปกรรมนาใจให้สร่างโศก ชว่ ยบรรเทาทุกขใ์ นโลกใหเ้ หือดหาย จาเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสขุ สราญ แมผ้ ใู้ ดไมน่ ิยมชมสิง่ งาม เมื่อถึงยามเศรา้ อุราน่าสงสาร เพราะขาดเครื่องระงับดับราคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ

365 373 ๓๗๓ เฉลยใบงาน เรอ่ื ง บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคีเสวก หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่องคณุ ค่างานวรรณคดี แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ เร่อื ง บทเสภา สามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมา ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ อันชาติใดไร้ศานตสิ ุขสงบ ตอ้ งมวั รบราญรอนหาผอ่ นไม่ ณ ชาตินัน้ นรชนไม่สนใจ ในศลิ ปะวิไลละวาดงาม แต่ชาติใดรงุ่ เรอื งเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม ย่อมจานงศลิ ปาสง่างาม เพ่ืออรา่ มเรืองระยบั ประดับประดา อันชาตใิ ดไร้ชา่ งชานาญศิลป์ เหมอื นนารนิ ไร้โฉมบรรโลมสงา่ ใครใครเหน็ ไมเ่ ป็นทีจ่ าเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อบั อาย ศิลปกรรมนาใจใหส้ รา่ งโศก ชว่ ยบรรเทาทุกขใ์ นโลกให้เหือดหาย จาเริญตาพาใจให้สบาย อกี ร่างกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ แม้ผใู้ ดไมน่ ยิ มชมสง่ิ งาม เม่ือถึงยามเศร้าอรุ าน่าสงสาร เพราะขาดเคร่ืองระงบั ดบั ราคาญ โอสถใดจะสมานซงึ่ ดวงใจ

หนว่ ยการเรียนรทู ่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรูท ี่ ๓ เร่ือง บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคีเสวก เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เร่ือง คุณคา่ งานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรียนรู ส่อื /แหลง เรยี นรู เน้อื หาของบทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมา ขั้นนํา ๑. หนังสือเรียนวรรณคดวี จิ ักษ ม.๒ และสามคั คีเสวก ๑. นักเรียนและครูสนทนาเกยี่ วกับขาวความสามัคคีของคนในชาติท่ี ๒. ใบงาน เรื่อง ถอดคําประพันธบ ทเสภา จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เกิดขนึ้ ในแตล ะวัน โดยยกตัวอยา งขา วเหตกุ ารณท ีเ่ กิดขึน้ เกีย่ วกบั สามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมา ด้านความรู้ ความสามคั คใี นประเทศไทย ภาระงาน/ชน้ิ งาน ๑.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับเนื้อหาของบทเสภา ๒. นักเรยี นและครูรวมกันอภิปรายถึงลักษณะของความรักและ สมดุ บนั ทกึ การถอดคําประพนั ธ สามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก ความสามคั คีกอใหเ กิดม่นั คงภายในชาติ ๒.อธบิ ายเนื้อหาของบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน ขนั้ สอน วศิ วกรรมาและสามัคคเี สวกได้ ๑. นักเรียนศกึ ษาบทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมา โดยให ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ นกั เรยี นอา นอออกเสยี งพรอ มกนั ๑. แสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับบทเสภาสามัคคีเสวก ๒. นกั เรยี นแบงกลุม ๔ กลมุ เลือกประธาน รองประธานและ ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวกได้ เลขานกุ าร ครแู บงเนอ้ื หาคาํ ประพนั ธ ใหแ ตล ะกลมุ ถอดคาํ ๒. สรุปความรู้จากบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน ประพนั ธ ใหแตล ะกลุมรว มกันถอดคําประพันธบทเสภาสามัคคี วศิ วกรรมาและสามัคคีเสวกไดท้ ่ีอา่ นได้ เสวก ตอนวศิ วกรรมา ดานคณุ ลกั ษณะ ๓. สุมตัวแทน ๒ กลมุ นาํ เสนอการถอดคําประพันธห นาช้นั เรียน ๑. รักชาติ ศาสน กษัตรยิ  เพื่อนกลุมอื่นรว มกนั อภิปรายและแสดงความคดิ เหน็ ๒. ใฝเ รียนรู ขั้นสรุป ๓. มงุ ม่นั ในการทาํ งาน ๑. นักเรียนและครูรว มกันสรุปถงึ ความรูท ไ่ี ดร ับจากการถอดคํา ๔. มีเจตคตทิ ด่ี ีตอ การอาน ประพันธอ กี ครง้ั และใหน ักเรียนบันทกึ การถอดคําประพันธลงสมดุ ๓๗3๔74 366

๓๗๕37675 การวัดและประเมินผล สิ่งท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ วิธกี าร เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ คาถาม ผ่านเกณฑร์ ะดบั พอใช้ อธบิ ายเนอ้ื หาของบทเสภาสามคั คี การตอบคาถาม -คาถาม ขึน้ ไปผา่ น เสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคี -สมุดบันทกึ ผลจากการตอบคาถาม เสวก ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ แบบประเมิน ๑. แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับบท -สงั เกตพฤติกรรม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ได้ผลจากการสังเกต เสภาสามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมา -การตัง้ คาถาม ประสงค์ ไคดณุ ้ผลจักาษกณกะารไมส่ตังเ่ากกตวา่ ๒. สรุปความร้จู ากบทเสภาสามคั คี -บนั ทกึ การถอดคา ครณุะดลบั ักษ๓ณะไมต่ ํา่ กว่า เสวก ตอนวิศวกรรมาได้ท่ีอา่ น ประพนั ธ์ ระดับ ๓ ๓. ด้านคณุ ลกั ษณะ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ สงั เกตพฤติกรรม ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓.มม่งุ งุ่มม่นั น่ั ในในกกาารรททาำ�งงาานน ๔.มมีเจีเจตตคคตตทิ ิทดี่ ด่ี ีตีต่อ่อกกาารรออ่าา่นน 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ.........

๓๗3๖6786 ใบงาน เรือ่ ง ถอดคาประพันธบ์ ทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมา หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๕ เรื่องคุณค่างานวรรณคดี แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง บทเสภา สามคั คเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คีเสวก ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นถอดคาประพนั ธต์ ่อไปน้ีให้ไดใ้ จความสมบรู ณถ์ ูกตอ้ ง อันชาติใดไร้ศานตสิ ขุ สงบ ตอ้ งมัวรบราญรอนหาผอ่ นไม่ ณ ชาติน้ันนรชนไมส่ นใจ ในกิจศลิ ปะวไิ ลละวาดงาม แตช่ าติใดร่งุ เรอื งเมืองสงบ วา่ งการรบอริพลอนั ล้นหลาม ยอ่ มจานงศลิ ปาสงา่ งาม เพ่ืออร่ามเรืองระยับประดับประดา อันชาตใิ ดไร้ช่างชานาญศลิ ป์ เหมอื นนารินไรโ้ ฉมบรรโลมสงา่ ใครใครเห็นไมเ่ ปน็ ท่จี าเรญิ ตา เขาจะพากนั เย้ยใหอ้ บั อาย ศิลปกรรมนาใจใหส้ รา่ งโศก ช่วยบรรเทาทกุ ข์ในโลกใหเ้ หือดหาย จาเรญิ ตาพาใจใหส้ บาย อกี รา่ งกายกจ็ ะพลอยสขุ สราญ แมผ้ ใู้ ดไม่นยิ มชมสิง่ งาม เม่ือถึงยามเศร้าอรุ าน่าสงสาร เพราะขาดเครื่องระงับดบั ราคาญ โอสถใดจะสมานซงึ่ ดวงใจ เพราะการชา่ งนีส้ าคัญอนั วิเศษ ทุกประเทศนานาท้ังน้อยใหญ่ จึงยกยอ่ งศลิ ปกรรมน์ ้ันทว่ั ไป ศรวี ิไลวิลาสดเี ป็นศรีเมือง ใครดถู ูกผ้ชู านาญในการช่าง ความคดิ ขวางเฉไฉไมเ่ ขา้ เร่ือง เหมือนคนป่าคนไพรไม่รงุ่ เรือง จะพดู ด้วยน้ันกเ็ ปลอื งซงึ่ วาจา แต่กรุงไทยศรวี ไิ ลทันเพ่ือนบา้ น จึงมีช่างชานาญวเิ ลขา ทัง้ ชา่ งป้นั ชา่ งเขียนเพยี รวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทานอง ทงั้ ชา่ งรูปพรรณสวุ รรณกิจ ชา่ งประดิษฐ์รัชดาสงา่ ผอ่ ง อกี ช่างถมลายลักษณะจาลอง อกี ช่าชองเชงิ รัตนประกร ควรไทยเราชว่ ยบารงุ วชิ าช่าง เครื่องสาอางแบบไทยสโมสร ช่วยบารงุ ชา่ งไทยให้ถาวร อยา่ ให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย อนั ของชาติไพรัชชา่ งจดั สรร เป็นหลายอย่างตา่ งพรรณเข้ามาขาย เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ตอ้ งใช้ทรัพยส์ ุรยุ่ สุรา่ ยเป็นกา่ ยกอง แมพ้ วกเราชาวไทยต้ังใจช่วย เอออานวยชา่ งไทยให้ทาของ ช่างคงใฝ่ใจผูกถกู ทานอง และทาของงามงามขน้ึ ตามกาล เราชว่ ยช่างเหมือนอยา่ งช่วยบ้านเมอื ง ได้ประเทอื งเทศไทยอันไพศาล สมเป็นเมอื งใหญโ่ ตมโหฬาร พอไม่อายเพ่ือนบ้านจง่ึ จะดี กระทรวงศึกษาธิการ, หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทยวรรณคดีวจิ กั ษ์ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค,๒๕๕๔), ๓๙.

๓๗๗337679 เฉลยใบงาน เร่ือง ถอดคาประพนั ธ์บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน วศิ วกรรมา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เร่อื งคณุ คา่ งานวรรณคดี แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง บทเสภา สามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคเี สวก ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ชาติใดท่ีมีศึกสงครามไม่มีความสงบสุขในแผ่นดิน ประชาชนย่อมไม่มีจิตใจสนใจความงดงาม ของศิลปะ แต่หากชาติใด บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงครามประชาชนก็จะทานุบารุงการศิลปกรรมท้ังปวง ให้เจริญรุ่งเรืองชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่มีความงามไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจ ของใคร มีแต่จะถูกเยาะเย้ยให้ได้อับอาย ศิลปกรรมนั้นช่วยทาให้จิตใจคลายเศร้าช่วยทาให้ความทุกข์หมด ทาให้จิตใจของเรามีความสุขซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วยต รงกันข้ามหากใครไม่เห็นคุณค่าความงาม ของศิลปะเม่ือเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีส่ิงใดมาเป็นยาช่วยสมานบาดแผลของจิตใจเขาเหล่าน้ันจึงเป็นคน ท่ีน่าสงสารย่ิงนักเพราะความรู้ทางช่างศิลป์สาคัญเช่นน้ีนานาประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะ และความสามารถเชงิ ชา่ งของช่างศลิ ป์วา่ เป็นเกยี รตยิ ศ ความรุ่งเรืองของแผ่นดินคนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็ เหมือนคนป่าคนดง พูดด้วยก็เปลืองน้าลายเปล่า แต่ประเทศไทยของเราน้ันเห็นคุณค่าของงานช่างศิลป์ เช่นชา่ งปนั้ ชา่ งเขยี น ช่างสถาปัตยกรรม ช่างทองรปู พรรณ ช่างเงิน ช่างถมและชา่ งอัญมณี เราจึงควรสนับสนุนงานช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่าให้ด้อยน้อยหน้ากว่านานาประเทศ ชาวต่างชาติเม่ือมาเยือนเมืองไทยจะได้ซ้ือหางานศิลปะเหล่าน้ีกลับไปเพราะเห็นในคุณค่าการช่วยสนับสนุน งานศิลปกรรม และส่งเสริมช่างศิลปะไทยให้สร้างสรรค์งานศิลปะข้ึนจึงเท่ากับได้ช่วยพัฒนาชาติ ให้เจริญ พัฒนาอยา่ งถาวร

หน่วยการเรยี นรทู ี่ ๕ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๔ เรือ่ ง บทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวก เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง คณุ ค่างานวรรณคดี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวชิ าภาษาไทย ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู ส่อื /แหลง เรยี นรู เน้อื หาของบทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมา ขั้นนํา ๑. หนังสือเรียนวรรณคดวี ิจักษ ม.๒ และสามคั คเี สวก ๑. นกั เรียนและครูรว มกันอภปิ รายเก่ียวกับแนวทางการสรางความ ๒. ใบงาน เรื่อง ถอดคําประพันธบ ทเสภา จุดประสงคก ารเรียนรู สามัคคีใหกับคนในสงั คม สามัคคเี สวก ตอน สามัคคเี สวก ดา นความรู ขนั้ สอน ภาระงาน/ช้ินงาน ๑. มีความรคู วามเขา ใจเก่ียวกบั เน้ือหาของบทเสภา ๑. นกั เรยี นศึกษาบทเสภาสามัคคีเสวก ตอนสามัคคีเสวก โดยให สมดุ บนั ทกึ การถอดคาํ ประพนั ธ สามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คเี สวก นกั เรียนอานอออกเสียงพรอ มกัน ๒. อธิบายเน้อื หาของบทเสภาสามคั คเี สวก ตอน ๒. นกั เรยี นแบงกลุม ๔ กลมุ เลอื กประธาน รองประธานและ วศิ วกรรมาและสามคั คเี สวกได เลขานกุ าร ครูแบง เนอ้ื หาคําประพันธ ใหแ ตล ะกลุมถอดคํา ดานทกั ษะและกระบวนการ ประพนั ธ ใหแ ตล ะกลมุ รวมกนั ถอดคําประพนั ธบ ทเสภาสามัคคี ๑. แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั บทเสภาสามัคคีเสวก เสวก ตอนวิศวกรรมา ตอนวิศวกรรมาและสามคั คีเสวกได ๓. สุมตัวแทน ๒ กลมุ นําเสนอการถอดคาํ ประพันธห นา ชัน้ เรียน ๒. สรปุ ความรจู ากบทเสภาสามคั คเี สวก ตอนวิศว เพอื่ นกลมุ อนื่ รวมกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เห็น กรรมาและสามัคคีเสวกไดทีอ่ า นได ขั้นสรุป ดา นคณุ ลกั ษณะ ๑. นกั เรยี นและครูรวมกนั สรปุ ถงึ ความรทู ไี่ ดรับจากการถอดคํา ๑. ใฝเรียนรู ประพนั ธอ ีกคร้งั และใหน กั เรียนบนั ทึกการถอดคําประพันธลงสมดุ ๒. มุง มนั่ ในการทํางาน ๓. มีจติ สาธารณะ ๔. มีเจตคติทีด่ ีตอการอาน ๓๗3๘78 370

๓๗๙3719 การวดั และประเมินผล ส่งิ ท่ตี ้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา นความรู ๑. มคี วามรูความเขาใจเก่ียวกบั การตอบคาถาม คาถาม ผ่านเกณฑร์ ะดับพอใช้ เน้อื หาของบทเสภาสามคั คีเสวก ขึ้นไปผา่ น ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวก ๒. อธบิ ายเน้อื หาของบทเสภา สามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและ สามัคคเี สวกได ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ๑. แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับบท -สังเกตพฤติกรรม -คาถาม ผลจากการตอบคาถาม เสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมา -การตง้ั คาถาม -สมดุ บนั ทกึ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ และสามัคคเี สวก -บนั ทกึ การถอด ๒. สรุปความร้จู ากบทเสภาสามคั คี คาประพนั ธ์ เสวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คี เสวกไดทอ่ี า น ๓. ถอดคาประพนั ธ์ ดานคณุ ลักษณะ ได้ผลจากการสังเกต ๑. รกั ชาติ ศาสน กษัตรยิ  สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ไคดณุ ้ผลกัจษากณกะาไรมส่ตัง่าเกตวา่ ๒. ใฝเ รียนรู คุณลกั ษณะอันพงึ คระุณดลบั ักษ๓ณะไม่ต่ํากว่า ๓. มงุ มั่นในการทาํ งาน ประสงค์ ระดับ ๓ ๔. มเี จตคตทิ ่ีดีตอการอา น 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ..................................................................................................................................................................... ......... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .......................................................................................... ................................................................................. ... ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................................................... ................................ ลงชอ่ื ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ.............

๓3๘3๐7820 ใบงาน เรอ่ื ง ถอดคาประพนั ธบ์ ทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคเี สวก หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๕ เรื่องคุณค่างานวรรณคดี แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๔ เรื่อง บทเสภา สามคั คเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคีเสวก ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ประการหนึ่งพึงคิดในจติ มัน่ ว่าทรงธรรมเ์ หมอื นบิดาบงั เกิดหวั ควรเคารพยาเยงและเกรงกลัว ประโยชนต์ ัวนกึ น้อยหน่อยจะดี ควรนกึ วา่ บรรดาขา้ พระบาท ลว้ นเป็นราชบรพิ ารพระทรงศรี เหมือนลกู เรืออยู่ในกลางหว่างวารี จาต้องมีมติ รจติ รสนิทกนั แม้ลูกเรอื เชอ่ื ถือผู้เป็นนาย ต้องมุง่ หมายชว่ ยแรงโดยแข็งขัน คอยต้ังใจฟงั บังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล แม้ลกู เรอื อวดดีมีทิฐิ และเรมิ่ ริเฉโกยุ่งโยเส เมอื่ คลืน่ ลมแรงจัดซดั โซเซ เรือจะเหลร่ ะยาควา่ ไป แม้ต่างคนตา่ งเถยี งเก่ยี งแก่งแย่ง นายเรอื จะเอาแรงมาแต่ไหน แมไ้ ม่ถอื เครง่ คงตรงวนิ ัย เมอ่ื ถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง นายจะส่ังสิง่ ใดไมเ่ ข้าจิต จะตอ้ งตดิ ตันใจให้ขดั ขวาง จะยงุ่ แลว้ ยุ่งเลา่ ไม่เขา้ ทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร ถงึ เสวที ่ีเปน็ ขา้ ฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสานักพระภธู ร เหมอื นเรือแลน่ สาครสมุทรไทย เหล่าเสวกตกท่ีกะลาสี ควรคดิ ถงึ หน้าท่ีนน้ั เป็นใหญ่ รักษาตนเคร่งคงตรงวนิ ัย สมานใจจงรักพระจักรี ไมค่ วรเลอื กท่ีรักมกั ทชี่ งั สามคั คีเปน็ กาลงั พลงั ศรี ควรปรองดองในหม่รู าชเสวี ใหส้ มท่ีรว่ มพระเจ้าเราองค์เดียว กระทรวงศึกษาธิการ, หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานภาษาไทยวรรณคดีวจิ กั ษ์ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค,๒๕๕๔), ๔๐.

๓๘๑37831 ใบงาน เร่ือง ถอดคาประพันธบ์ ทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามคั คเี สวก หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรอื่ งคณุ ค่างานวรรณคดี แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๔ เรอื่ ง บทเสภา สามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คีเสวก ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ สิ่งหนึง่ ท่เี ราควรมีไว้ในจิตใจคือพระเจ้าแผ่นดนิ เปรียบเสมือนพ่อบงั เกิดเกล้าทเ่ี ราควรเกรงใจและ เคารพนบั ถอื เราต้องไมเ่ ห็นแก่ประโยชน์สว่ นตัวมากเกินไป ควรนึกวา่ พวกเรากเ็ ปน็ ขา้ รับใชข้ องพระเจ้าแผน่ ดนิ คนหนึง่ เหมือนลูกเรอื ท่ีอยู่ในเรือกลางทะเลจาเป็นทจี่ ะต้องมคี วามสามัคคีต่อกนั และกัน ถ้าลกู เรือเชื่อฟังกัปตนั ก็จะต้องชว่ ยกัปตนั อยา่ งแข็งขนั ตอ้ งต้งั ใจฟังคาสั่งของกัปตันเรอื ก็จะรอดไปถึงจุดหมาย แตถ่ ้าลูกเรือไมเ่ ชื่อฟงั กัปตันและเร่ิมแตกคอกนั เวลาคลืน่ ลมแรงเรือกจ็ ะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกนั กปั ตนั ก็จะไมม่ ีกาลังมาต่อสู้ ถา้ ไม่เครง่ ครดั ตอ่ กฎระเบยี บเวลาทเี่ กิดภัยอะไรข้ึนจะเดือดร้อน กัปตนั สงั่ อะไรก็ ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแยง้ ต่อมากจ็ ะเกดิ เหตุการณ์วนุ่ วายขึ้น ในทส่ี ุดเรอื กจ็ ะล่มกลางทะเล ถึงจะเป็นขา้ รบั ใช้ของพระเจ้าแผน่ ดินก็ไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตกุ ารณ์ในพระราชสานักก็เปรียบเสมือนเรือท่ี แลน่ อยู่ตามทะเลมหาสมทุ ร เหล่าข้าราชการในราชสานักก็เหมือนเป็นกะลาสีควรให้ความสาคัญกับหนา้ ที่ที่ ต้องทาเป็นหลัก ปฏิบัติตนตามกฎตามระเบียบวินยั อย่างเครง่ ครัดและสามัคคจี งรักภักดีต่อพระเจ้าแผน่ ดิน ไม่ควรแยกฝา่ ยเลอื กทีจ่ ะเคารพเช่ือฟงั ใคร ควรที่จะสามัคคีปรองดองกันในหม่ขู า้ ราชการเพื่อเป็นพลงั ในการ ทาความดใี ห้สม กับที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองคเ์ ดียวกนั

หน่วยการเรียนรทู ่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๕ เรอื่ ง บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คเี สวก เวลา ๑ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรอื่ ง คุณค่างานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลงเรยี นรู เนอื้ หาของบทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมา ขนั้ นา ๑. แนวการตอบคาํ ถาม เร่อื ง การพนิ ิจคณุ คา และสามคั คีเสวก ๑. นกั เรียนดภู าพพระวิศวกรรม บนกระดานแลว้ ครูต้งั คาถามดงั น้ี วรรณคดี จุดประสงคการเรียนรู - นกั เรียนรจู กั เทวดาองคน หี้ รอื ไม ทานมชี ือ่ วาอะไร ๒. ภาพพระวศิ วกรรม ดานความรู - เทวดาองคน ีท้ านมหี นาท่ีอะไร ๓. แถบขอ ความ อธิบายเน้อื หาของบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน ๒. นักเรียนและครูสนทนาเพมิ่ เตมิ โดยครนู ําแถบขอความช่อื เตม็ ภาระงาน/ช้นิ งาน วิศวกรรมาและสามคั คเี สวกได ของกรุงเทพมหานครมาใหน กั เรียนไดอา นและสนทนาถงึ พระ สมุดบนั ทึกความรู ดา นทักษะและกระบวนการ พวิศรวะกวิศรรวมกเรกรย่ี มวเกับ่ยี วเปกนบั เทปพน็ ผเทูส พราผงู้สรา้ ง ๑. แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั บทเสภาสามคั คเี สวก ขั้นสอน ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคเี สวกได ๑. นกั เรียนและครูรวมกันอภิปรายในเรือ่ งของวรรณศลิ ปใน ๒. สรุปความรูจ ากบทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศว วรรณคดไี ทยจากเรื่องบทเสภาสามัคคีเสวก กวรศิ รวมการแรลมะาสแาลมะคัสคามเี สัควคกีเไสดวท กี่อทา ไี่ นดไ้อด่าน ๒. นักเรียนแบงกลมุ ๔ กลมุ ครูมอบหมายใหน ักเรยี นแตละกลมุ ดา นคุณลักษณะ ยกบทประพันธเ ร่อื งบทเสภาสามคั คีเสวกทนี่ กั เรียนเหน็ วา ไพเราะ ๑. ใฝเ รียนรู มีความหมายกนิ ใจ พรอมทัง้ อธิบายเหตผุ ล และสรปุ สาระสําคญั ๒. มุงม่นั ในการทํางาน ขอ คิดท่ไี ดร ับ และคุณคา บทเสภาสามคั คีเสวกในดานตา่ งๆๆเชเชน่น ๓. มีจิตสาธารณะ คณุ คาดานศิลปะ คณุ คาดานวรรณศลิ ป ๔. มีเจตคติทด่ี ตี อ การอา น ๓. นกั เรียนแตล ะกลุมออกมาอภปิ รายงานตามทีม่ อบหมายหนา ชัน้ เรียน โดยนักเรยี นทุกคนจดบนั ทึกสง่ิ ที่เพื่อนแตละกลมุ รวมกนั อภิปรายลงในสมดุ ๔. นกั เรียนกลมุ อ่ืนและครรู วมกนั ตรวจสอบความถกู ตองและ แสดงความคิดเหน็ เพมิ่ เติม ๓3๘3๒8724

หนว่ ยการเรยี นรทู ่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๕ เรอ่ื ง บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคเี สวก เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรื่องคณุ ค่างานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑ ชั่วโมง ขัน้ สรุป ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ๑. นักเรียนและครูรวมกันสรุปความรเู รือ่ งบทเสภาสามคั คี ตอน วิศวกรรมาและสามคั คเี สวก หนว่ ยการเรียนรูท ่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๕ เร่ือง บทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คเี สวก กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เร่อื งคุณคา่ งานวรรณคดี รายวชิ าภาษาไทย ข้ันสรุป ๑. นกั เรยี นและครรู วมกันสรุปความรเู ร่ืองบทเสภาสามคั คี ตอน วิศวกรรมาและสามัคคเี สวก ๓๘๓ 375

๓3๘๔8746 การวัดและประเมินผล สิ่งทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ คาถาม ผ่านเกณฑ์ระดบั พอใช้ อธิบายเนือ้ หาของบทเสภา การตอบคาถาม ข้นึ ไปผ่าน สามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมาและ สามัคคเี สวก ด้านทักษะ/กระบวนการ ๑. แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับบท -สังเกตพฤติกรรม การทางานเป็นกลุม่ พฤติกรรมการทางาน เสภาสามัคคีเสวก -การทางานกลุ่ม กลุ่มผ่านเกณฑ์ ตอน วิศวกรรมาและสามคั คเี สวก รอ้ ยละ ๘๐ ๒. สรุปความรจู้ ากบทเสภา สามัคคีเสวก ตอนวิศวกรรมาและ สามคั คเี สวกไดท้ ่ีอา่ น ดานคณุ ลกั ษณะ ไดผ้ ลจากการสงั เกต ๑. ใฝเรียนรู สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมิน ไคดุณ้ผลักจาษกณกะาไรมส่ตงั ่าเกกตวา่ ๒. มุงม่นั ในการทํางาน คณุ ลกั ษณะ ครุณะดลับักษ๓ณะไม่ต่าํ กวา่ ๓. มีจติ สาธารณะ อนั พงึ ประสงค์ ระดบั ๓ ๔. มเี จตคตทิ ่ีดีตอ การอา น

377 385 ๓๘๕ 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................ ............... ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ................................................................................................................................................................... ........ ลงชื่อ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

37886 ๓๘๖ แนวการตอบคาถาม เร่ือง การพนิ ิจคุณค่าวรรณคดี หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๕ เรือ่ งคุณค่างานวรรณคดี แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๕ เร่อื ง บทเสภาสามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คีเสวก ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ๑.คณุ ค่าท่ไี ดร้ บั ดา้ นสังคม เหน็ ถึงคณุ ค่าของงานศลิ ปะ ซ่ึงงานศลิ ปะน้ีสามารถทาให้เราสบายใจได้ เหน็ ถึงความตง้ั ใจของช่างสาขาต่างๆท่ที างานศลิ ปะ ดา้ นอารมณ์ ศลิ ปะทาให้เรามีความสุขและหากเราไมม่ ศี ิลปะในหัวใจจะทาใหเ้ ราไมม่ สี ่งิ สวยงามเพอ่ื ยึดเหน่ียวจิตใจและไม่มีความสุข ความแจม่ ใส ด้านวรรณศลิ ป์ มีการใชภ้ าษาท่สี ละสลวย มกี ารเล่นคา การเลน่ เสยี งและการใชภ้ าพพจน์ - การเล่นคา เช่น เหมือนคนปา่ คนไพรไมร่ ุ่งเรือง จะพดู ด้วยนัน้ กเ็ ปลืองซงึ่ วาจา ทั้งชา่ งรูปพรรณสุวรรณกิจ ชา่ งประดิษฐ์รัชดาสง่าผอ่ ง อีกชา่ งถมลายลักษณะจาลอง อีกช่าชองเชงิ รัตนประกร เราชว่ ยช่างเหมือนอย่างชว่ ยบา้ นเมอื ง ให้ประเทืองเทศไทยอนั ไพศาล - การเล่นเสียง การเล่นเสียงพยญั ชนะ เช่น ต้องมวั รบราญรอนหาผ่อนไม่ จงึ ยกย่องศลิ ปะกรรมน์ ้นั ท่ัวไป อยา่ ให้หยอ่ นกว่าเขาเราจะอาย พอไมอ่ ายเพื่อนบ้านจ่งึ จะดี - การเล่นเสียงสระ เช่น อนั ชาติใดไร้ศานตสิ ขุ สงบ ตอ้ งมวั รบราญรอนหาผ่อนไม่ ใครใครเหน็ ไมเ่ ปน็ ทจ่ี าเรญิ ตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย เพราะขาดเคร่ืองระงับดับราคาญ โอสถใดจะสมานซง่ึ ดวงใจ ใครดถู ูกผู้ชานาญในการชา่ ง ความคดิ ขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง - การใช้ภาพพจน์ ศลิ ปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก ชว่ ยบรรเทาทุกข์ในโลกใหเ้ หือดหาย เปน็ การใช้ภาพพจน์ที่กลา่ วเกินจรงิ เหมอื นคนป่าคนไพรไมร่ ่งุ เรือง จะพูดด้วยนน้ั กเ็ ปลอื งซึ่งวาจา เป็นการใชอ้ ปุ มาโวหา

338779 ๓๘๗ ขอ้ คิดที่ได้รบั ๑. หากเรามศี ลิ ปะอยูในใจก็เหมอื นกบั เรามีเครอื่ งผอ นคลายความทุกขอยดู ว ย ๒. ศิลปกรรมเปนสง่ิ ทีส่ วยงามจาํ เรญิ ตา จาํ เริญใจเราจึงควรทจ่ี ะชว ยกนั สง เสรมิ และสนับสนนุ ๓. ชาติท่มี ีความเจรญิ รุงเรือง จะมศี ิลปะประจาํ ชาติ ศลิ ปะหมายถงึ ภาพสะทอนของความสุขสงบของ ประเทศ ๔. ชาตทิ ่ีไมม ีชา งทางดา นศิลปะ เหมอื นผหู ญิงทไี่ มมคี วามงาม ๕. ใครดูถกู งานศลิ ปะ เหมือนคนปาคนดง ไมส มควรคบคาสมาคมดว ย ๖. คนไทยควรชวยรกั ษาศลิ ปะและอนรุ กั ษไวใ หรุง เรืองตลอดไป เพือ่ แสดงความเปน ชาติทมี่ ีวัฒนธรรม มายาวนาน บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนสามคั คเี สวก คุณคา่ ทีไ่ ดร้ ับ คุณคา่ ทางดา้ นสงั คม บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมาและตอนสามัคคีเสวก ดังนี้ ๑. สะท้อนความงามทางด้านศิลปะคือศิลปะย่อมทาให้ผู้คนเกิดความเพลินตาเตือนใจจากการท่ีได้พบ เห็น ซ่ึงเป็นผลงานท่ีศิลปินหรือช่างแขนงต่าง ๆๆ ตามที่รัชชกกาาลลทที่ ๖ี่ ๖กลก่าลว่าถวึงถเปึง็นเปต็นัวอตยัว่าองยค่าือง ชค่าืองชป่าั้นงปั้น ช่างเขียน ช่างก่อสร้าง ช่างทอง ช่างเงิน ช่างถม ช่างทาอัญมณี ได้บรรจงสร้างสรร ค์อย่างประณีตสวยงาม และเมื่อเกิดความสบายใจแล้วร่างกายก็จะเป็นสุข ซึ่งหมายความไปถึงการมีกาลังที่จะทาประโยชน์และ ความเจรญิ ให้แก่ตนเองและประเทศชาตติ ่อไป ๒. สะท้อนความรุ่งเรืองของบ้านเมืองคือผลงานท่ีศิลปินและช่างทั้งหลายได้ประดิษฐ์คิดค้นข้ึนย่อมเป็น เคร่ืองมือที่ช่วย “บารุงแดนดิน ” หรือแสดงให้เห็นถึงคว ามเจริญรุ่ง เรืองของบ้านเมืองอีกท้ังยัง ภูมิปัญญาและเกียรติภมู ิของชาติ ด้วยเหตุน้ีนานาประเทศจึงต่างยกย่องศิลปะว่าเป็นส่ิง “ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง” คือ ศิลปะเป็นสิ่ง แสดงความเจริญของบ้านเมือง เป็นส่ิงที่สวยงามและเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ประเทศชาตินอกจากนี้ศิลปะยังเป็นส่ิง แสดงถึงความสงบสุขของชาติ ซึ่งหากชาติใดไม่มีความสงบสุข คนในชาติก็จะมุ่งต่อสู้ทาศึกสงครามจนไม่มีความ สนใจในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ แต่หากชาติใดบ้านเมืองสงบสุข คนในชาติก็ย่อมสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อประดับ ประดาบ้านเมืองให้งดงาม ศิลปะจึงมีคุณค่าในฐานะเป็นเพื่อนแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชาติและคนในชาติ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยูห่ ัวจงึ มพี ระราชประสงคท์ จี่ ะเหน็ คนไทยให้ความสาคัญกบั ศิลปะและวิชาช่างแขนงต่างๆๆดด้วว้ยย การชว่ ยกันสนบั สนนุ ศลิ ปินและบารงุ ศิลปะตลอดจนวิชาชา่ งของไทยให้มคี วามมั่นคงถาวรสืบไป ดังกล่าวท่ีว่า “เรา ช่วยชา่ งเหมอื นอยา่ งช่วยบ้านเมอื งใหป้ ระเทอื งประเทศอันไพศาล” ๓. สะท้อนคุณธรรมหน้าท่ีและความสามัคคี บทเสภา ตอน สามัคคีเสวก มุ่งแสดงความคิดท่ีว่า ชาติจะดารงอยู่ได้อย่างมั่นคง ข้าราชการต้องพร้อมใจการปฏิบัติหน้าที่ในตาแหน่งของตนด้วยความพยายาม ไม่ คานึงถึงความสุขส่วนตัว ตลอดจนมีความเคร่งครัดในระเบียบวินัย ซ่ึงล้วนแต่เป็นความประพฤติที่แสดงถึงความ จงรกั ภักดที ขี่ า้ ราชการพงึ มตี ่อพระมหากษัตริยผ์ ู้ทรงเปน็

380 388 ๓๘๘ “เหมือนบิดาบังเกิดหัว” และท่ีสาคัญที่สุดคือต้องมีความสามัคคีปรองดองให้สมกับเป็นข้าราชการใน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวองคเ์ ดียวกนั ขอ้ คดิ ที่สามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ๑.ใหม้ คี วามรักและภูมิใจในศลิ ปะของชาติ กล่าวคอื ศิลปะเป็นส่งิ ที่มนุษย์สรา้ งสรรคข์ ้ึนถ่ายทอดจากรุ่นสู่ ร่นุ จนกระทงั่ เป็นมรดกทางวฒั นธรรม เกิดเปน็ ความงามทมี่ ีเอกลักษณข์ องชนชาติ ทัง้ ด้านจิตรกรรม ประติมากรรม หัตถกรรม ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศการสร้างเจตคติท่ีดีต่อศิลปะปลูกฝังจิตสานึกให้เยาวชนรักศิลปะ ย่อมจะทาใหศ้ ลิ ปะของชาติดารงอยู่ได้ ๒. ใหต้ ระหนักในหนา้ ที่ของตน ประเทศชาติจะพัฒนาได้ย่อมต้องอาศัยบุคคลภายในชาติเป็นกลไกสาคัญ เน่ืองด้วยแต่ละบุคคลจะดารงสถานภาพและแสดงบทบาททางสังคมที่แตกต่างกัน โดยที่ทุกสถานภาพล้วนมี คว ามสาคัญเท่าเทียมกัน หากบุคคลขาดคว ามตระหนักในหน้าที่ของตนเอง บ่ายเบ่ียงหน้าที่ ความรบั ผิดชอบย่อมไมส่ ามารถสร้างความเจริญรุง่ เรอื งให้กบั ชาติได้ ๓.ให้เห็นถึงความสาคัญของความสามัคคี ประเทศชาติประกอบด้วยบุคคลจานวนมากการจะทาให้ ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า ความสามัคคีของคนในชาติเป็นส่ิงสาคัญ ต้องไม่คิดร้ายแก่งแย่งชิงดีหรือเห็นแก่ ประโยชน์ส่วนตนเป็นท่ีตั้ง เป็นเร่ืองรองลงมาจากผลประโยชน์ส่วนตัวย่อมทาให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายได้ ความสามัคคีจะเป็นเครื่องผูกรวมจิตใจของคนในชาติ ๔.ให้เกิดความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เน่ืองจากพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อ บ้านเมืองและข้าราชบริพาร ทรงเป็น “เหมือนกัปปิตัน” ท่ีนาพาเรือฝ่าคล่ืนพายุท่ีรุนแรงไปยังจุดมุ่งหมาย น่นั คือ ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและความผาสุกของราษฎรทั้งมวลดังน้ัน ประชาชนทุกคนจึงควรประพฤติ ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทรู้จักหน้าที่ของตนเองและปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมท้ังมี ระเบียบวนิ ัยและมีความสมัครสมานสามัคคกี นั บา้ นเมืองกจ็ ะมีความสงบสขุ และมคี วามเจริญรุ่งเรือง

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ เร่ือง สรุปเนอ้ื หาวรรณคดีและวรรณกรรม เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง คณุ ค่างานวรรณคดี ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ๑. การสรุปเน้ือหาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน ขัน้ นา ๑. หนงั สือวรรณคดี วรรณกรรม รามเกียรติ์ ๒. การสรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากการอ่าน ๑. ครนู าตวั อยา่ งในหนงั สอื วรรณคดแี ละหนงั สอื วรรณกรรมมาให้ อเิ หนา พระอภยั มณี ราชาธริ าช ขนุ ชา้ ง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรยี นดูขออาสาสมัคร นักเรียนชว่ ยกนั ประเภทหนังสือและ ขุนแผน ลกู อสี าน ความสขุ ของกะทิ ลับแล ดา้ นความรู้ พิจารณาลกั ษณะความแตกต่างของวรรณคดแี ละวรรณกรรม แก่งคอย ก่อกองทราย คาพิพากษา อธิบายเน้ือหาวรรณคดแี ละวรรณกรรม ๒. นกั เรยี นและครูแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับขอ้ แตกตา่ งของ ๒. ใบงาน เร่ือง สรุปเนอ้ื หาวรรณคดแี ละ ด้านทกั ษะและกระบวนการ วรรณคดีและวรรณกรรม วรรณกรรม สรุปเน้อื หาวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ข้นั สอน ด้านคุณลักษณะ ๑. ครูอธิบายเก่ียวกับความหมายของวรรณคดแี ละวรรณกรรม ภาระงาน/ชิน้ งาน ๑. ใฝเ่ รียนรู้ ๒. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ ๔ กลุ่ม ครนู าวรรณคดแี ละ สมุดบนั ทกึ ความรู้ ๒. มุ่งมน่ั ในการทางาน วรรณกรรมมาใหน้ ักเรยี นเลอื กตามความสนใจ ได้แก่ รามเกียรต์ิ ๓. มีจติ สาธารณะ อิเหนา พระอภยั มณี ราชาธิราช ขนุ ชา้ งขนุ แผน ลกู อีสาน ๔. มีเจตคติทด่ี ีต่อการอ่าน ความสุขของกะทิ ลับแลแก่งคอย ก่อกองทราย คาพิพากษา นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ อ่านและทาความเข้าใจเรอื่ ง ในประเด็นดงั นี้ -ผ้แู ตง่ และลักษณะคาประพนั ธ์ -ข้อคิดทีป่ รากฏ -จุดประสงค์การแต่ง -เนือ้ หา (โครงเรอื่ ง) ๓. นกั เรยี นรวบรวมขอ้ มูลท่ไี ด้ พร้อมทั้งออกแบบและเขยี น แผนผังความคิด ให้นา่ สนใจและสร้างสรรคเ์ หมาะสมกบั เนื้อหา ๓๘๙389 381

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๕ เรื่อง สรปุ เนื้อหาวรรณคดแี ละวรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เร่ือง คณุ ค่างานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ รายวิชาภาษาไทย กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สรุป ๑. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายและสรปุ ความรู้เกย่ี วกับ วรรณคดแี ละวรรณกรรมและให้นักเรยี นบันทึกลงสมุด 382

๓๙๑338931 การวัดและประเมนิ ผล สิ่งทีต่ ้องการวัด/ประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมือที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ผ่านเกณฑ์ระดับ อธบิ ายเนือ้ หาของบทเสภาสามคั คี การตอบคาถาม คาถาม พอใช้ขน้ึ ไปผา่ น เสวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คี เสวก ผลจากการสงั เกต ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ พฤติกรรมการ ๑. แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับบท สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ทการงทานำ�งกาลนุ่มกลุ่ม เสภาสามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมา การทางานเป็นกล่มุ การทางานเป็นกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ และสามัคคีเสวก ร้อยละ ๘๐ ๒. สรปุ ความรู้จากบทเสภาสามัคคี ไดผ้ ลจากการ เสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คี ไสดังผ้เกลตจคากณุ กลาักรษณะ เสวกได้ที่อ่าน สไมังเ่ตก่าตกควุณ่ารละกั ดษบั ณ๓ะ ดา นคุณลักษณะ ไม่ต่าํ กว่าระดบั ๓ ๑. ใฝเรียนรู สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ๒. มุงมนั่ ในการทํางาน คณุ ลักษณะ ๓. มจี ติ สาธารณะ อนั พงึ ประสงค์ ๔. มเี จตคติท่ีดตี อการอาน เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook