Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

Published by elibraryraja33, 2021-08-18 03:31:36

Description: 64-08-18-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ภาษาไทย ม.2

Search

Read the Text Version

๒2๙๒8924 การวดั และประเมินผล ส่ิงที่ต้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ใช้คาถาม คาถาม ตอบคาถามซักถามได้ ๑. มคี วามรู้ความเขา้ ใจ โคลงพันทา้ ยนรสิงห์ถวาย ใช้คาถาม คาถาม ตอบคาถามซักถามได้ ชีวติ ๒. อธบิ ายรายละเอียดจาก การอา่ นโคลงพนั ทา้ ย - นรสิงห์ถวายชวี ติ ได้ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ใบงาน เรอื่ ง โคลงภาพ เกณฑ์การประเมิน ผลจากการสงั เกต ๑. จบั ใจความสาคญั พระราชพงศาวดาร ภาพ ใบงาน เร่ือง โคลง พฤติกรรมรายบุคคล สาระสาคัญ เหตุการณ์ของ ท่ี ๕๖ พันท้ายนรสิงห์ ภาพพระราช ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไปถือวา่ เรือ่ ง จากการอา่ นโคลงพนั ถวายชีวิต พงศาวดาร ภาพที่ ผา่ นเกณฑ์ ท้ายนรสิงห์ถวายชีวิตได้ ๕๖ พนั ทา้ ยนรสงิ ห์ ถวายชีวติ ด้านคุณลกั ษณะ แบบสังเกต ได้ผลจากการสงั เกต ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ สังเกตคณุ ลักษณะ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะแตล่ ะข้อ ๒. มวี ินัย อนั พงึ ประสงค์ ไม่ต่ากว่าระดับ ๒ ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มงุ่ มั่นในการทางาน ๕. มมี ารยาทในการอ่าน

๒๙๓28935 ๙. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................... .................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ๑๐. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผูท้ ่ีได้รับมอบหมาย ........................................................................................................................... ........................................ ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ.............

๒๙2๔8946 ใบความรู้ บทประพันธ์ เร่อื ง โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ ๕๖ พนั ทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวติ หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๓ เร่ือง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพพนั ทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวิต รายวิชาภาษาไทย ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี๒ สรรเพชญทีแ่ ปดเจ้า อยธุ ยา เสดจ็ ประพาสทรงปลา ปากนา้ ลอ่ งเรอื เอกไชยมา ถึงโคก ขามพ่อ คลองคดโขนเรือคา้ ขดั ไมห้ ักสลาย พันทา้ ยตกประหมา่ สิน้ สตคิ ดิ โดดจากเรอื ทลู อุทิศ โทษร้อง พันทา้ ยนรสงิ ห์ผดิ บทฆ่า เสยี เทอญ หัวกบั โขนเรือต้อง คู่เสน้ ทาศาล ภูบาลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ พนั ไม่ยอมอยยู่ อม มอดม้วย พระโปรดเปล่ยี นโทษปลอม ฟันรปู แทนพอ่ พันกราบทลู ทดั ดว้ ย ท่านท้ิงประเพณี ขอบรร ลยั พ่อ ภมู ปี ลอบกลบั ตั้ง ฟาดเกลา้ จาสัง่ เพชฌฆาตฟนั เซ่นที่ ศาลแล โขนเรอื กบั หวั พนั คติไว้ในสยาม ศาลสืบกฤติคณุ เค้า

๒๙๕228975 ใบงาน เร่ือง โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพท่ี ๕๖ พนั ทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวิต แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑๓ เรือ่ ง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพพนั ทา้ ยนรสงิ หถ์ วายชีวติ รายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ คาสง่ั ให้นกั เรยี นสรุปใจความสาคญั โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพท่ี ๕๖ พนั ท้ายนรสิงหถ์ วายชีวติ สรรเพชญที่แปดเจ้า อยธุ ยา เสดจ็ ประพาสทรงปลา ปากนา้ ล่องเรือเอกไชยมา ถึงโคก ขามพ่อ คลองคดโขนเรอื คา้ ขดั ไม้หักสลาย ความว่า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… พนั ทา้ ยตกประหม่าสิน้ สตคิ ิด โดดจากเรอื ทูลอุทิศ โทษรอ้ ง พันท้ายนรสงิ หผ์ ิด บทฆ่า เสยี เทอญ หัวกบั โขนเรือตอ้ ง คูเ่ ส้นทาศาล ความว่า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ภบู าลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ พนั ไมย่ อมอยู่ยอม มอดม้วย พระโปรดเปลีย่ นโทษปลอม ฟันรปู แทนพอ่ พนั กราบทูลทัดด้วย ทา่ นท้ิงประเพณี ความว่า ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ภมู ีปลอบกลบั ตั้ง ขอบรร ลยั พ่อ จาสง่ั เพชฌฆาตฟัน ฟาดเกล้า โขนเรือกับหัวพนั เซน่ ท่ี ศาลแล ศาลสบื กฤติคุณเคา้ คตไิ ว้ในสยาม ความวา่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒2๙2๖8986 เฉลยใบงาน เรื่อง โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ ๕๖ พนั ท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวิต แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๓ เรอ่ื ง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพพันทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวิต รายวิชาภาษาไทย ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ คาสั่ง ใหน้ กั เรยี นสรุปใจความสาคญั โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ ๕๖ พันท้ายนรสงิ หถ์ วายชีวติ สรรเพชญท่ีแปดเจา้ อยุธยา เสดจ็ ประพาสทรงปลา ปากนา้ ล่องเรือเอกไชยมา ถึงโคก ขามพ่อ คลองคดโขนเรอื ค้า ขดั ไม้หักสลาย ความวา่ พระเจา้ สรรเพชญ์ท่แี ปดกษตั ริยแ์ หง่ กรงุ ศรีอยธุ ยาเสด็จประพาสทรงตกปลาทปี่ ากน้า ล่องเรอื เอกไชย มาถึงตาบลโคกขามทม่ี ลี าคลองคดเคี้ยวทาให้หัวเรือพระท่ีนงั่ ขดั เข้ากับก่ิงไมห้ ักลง พันท้ายตกประหมา่ สิ้น สตคิ ิด โดดจากเรอื ทลู อทุ ิศ โทษรอ้ ง พันทา้ ยนรสงิ หผ์ ิด บทฆ่า เสียเทอญ หวั กับโขนเรือตอ้ ง คู่เส้นทาศาล ความว่า พันทา้ ยนรสิงหต์ กประหม่าจนขาดสติ โดดลงจากเรอื ทลู ขอพระราชทานโทษประหารชีวิตตาม ความผิดในกฎมนเทียรบาล ใหต้ ัดศีรษะตง้ั คู่กับโขนเรือไว้ท่ีศาลเพียงตา ภบู าลบาเหนจ็ ให้ โทษถนอม ใจนอ พนั ไมย่ อมอยูย่ อม มอดมว้ ย พระโปรดเปลย่ี นโทษปลอม ฟันรูป แทนพ่อ พนั กราบทลู ทัดด้วย ทา่ นท้ิงประเพณี ความว่า พระเจา้ สรรเพชญท์ แ่ี ปดทรงพระราชทานอภัยโทษใหแ้ ตพ่ ันท้ายนรสิงหไ์ มย่ อมรบั จะยอมตาย แมพ้ ระองค์จะใหป้ น้ั รูปพันท้ายนรสงิ ห์แล้วฟันรูปปัน้ แทนแตพ่ นั ทา้ ยนรสงิ หท์ ัดทานว่าจะผดิ พระราชประเพณี ภูมปี ลอบกลบั ตง้ั ขอบรร ลยั พ่อ จาสง่ั เพชฌฆาตฟัน ฟาดเกลา้ โขนเรอื กบั หัวพนั เซน่ ท่ี ศาลแล ศาลสบื กฤติคุณเค้า คตไิ ว้ในสยาม ความว่า พระเจ้าสรรเพชญ์ทแ่ี ปดเมอ่ื ได้ฟังเหตุผลของพันท้ายนรสิงหเ์ ชน่ นัน้ จงึ จาพระทยั รับส่งั ให้เพชฌฆาต ประหารชวี ติ พันท้ายนรสงิ ห์ แลว้ นาโขนเรือกับศรี ษะของพันทา้ ยนรสิงห์ ไว้ที่ศาลเพียงตาเพอ่ื เป็นการประกาศ คณุ ความดีของพันทา้ ยนรสงิ ห์ใหค้ นไดเ้ หน็ เป็นแบบอย่างต่อไป

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๔ เรอื่ ง คณุ คา่ และขอ้ คิดวรรณคดโี คลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพที่ ๕๖ พนั ทา้ ยนรสิงห์ถวายชวี ติ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ เร่ือง พาทีทั่วถน่ิ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ ๑. คณุ ค่าวรรณคดโี คลงภาพพระราชพงศาวดาร ขน้ั นา ๑. หนงั สือแบบเรยี นรายวิชาภาษาไทย ๑. นักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเห็น โดยครูถาม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาพที่ ๕๖ พันท้ายนรสงิ หถ์ วายชีวิต นกั เรยี นว่า นักเรยี นคิดว่าวรรณกรรมมีคุณคา่ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ๒. รูปภาพประกอบโคลง ๒. ขอ้ คดิ วรรณคดีโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ข้ันสอน ภาระงาน/ชิ้นงาน ภาพที่ ๕๖ พนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชีวิต ๑. นักเรียนศึกษาการพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีและ บันทึกใบความรู้ลงสมุด จุดประสงค์การเรียนรู้ วรรณกรรมแล้วร่วมกันสนทนาว่า การพิจารณาคุณค่าของ ดา้ นความรู้ วรรณคดีและวรรณกรรมสามารถพิจารณาได้กี่ด้าน อะไรบ้าง (๔ ด้าน ได้แก่ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คุณค่าด้านแนวคิด คุณค่า ๑. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับหลกั การ ด้านเนื้อหา คุณค่าด้านสงั คม) พิจารณาคุณค่าของวรรณคดี ๒. นักเรียนศึกษา เรื่องการพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีเรื่อง โคลงพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี ๕๖ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวาย ๒. อธิบายหลักการพจิ ารณาคณุ คา่ ของวรรณคดี ชีวิต ประเด็นตอ่ ไปน้ี พรอ้ มกบั ใหน้ ักเรียนบนั ทึกเนอ้ื หาลงสมุด และวรรณกรรมได้ ๒.๑ คณุ คา่ ด้านเน้ือหาของโคลงพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต ด้านทักษะและกระบวนการ ๒.๒ คณุ คา่ ด้านวรรณศิลปข์ องโคลงพันท้ายนรสิงห์ถวายชวี ิต ๑. วิเคราะห์คณุ ค่าของโคลงภาพพระราช พงศาวดารภาพพนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชีวติ ได้ ดา้ นคุณลักษณะ ๑. มวี ินัย ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๒๙๗28979

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑๔ เร่ือง คณุ ค่าและขอ้ คดิ วรรณคดีโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพที่ ๕๖ พนั ท้ายนรสิงหถ์ วายชีวิต หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรื่อง พาทีท่ัวถิน่ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๓. มุ่งมั่นในการทางาน กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันสอน ๒.๓ คุณคา่ ดา้ นสงั คมของโคลงพันทา้ ยนรสิงหถ์ วายชวี ติ ๒.๔ สรุปความรู้และขอ้ คดิ จากโคลงพนั ท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต ๒.๕ นกั เรยี นร่วมสนทนาถงึ แนวคิดและศลิ ปะการประพนั ธ์ จากโคลงประกอบภาพ เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต แล้วทา กิจกรรมต่อไปน้ี ๑. ยกตัวอย่างการนาข้อคิดท่ีได้จากเร่ืองไปประยุกต์ใช้ในชีวิต จรงิ ๒. พจิ ารณาคาประพนั ธท์ ่มี ีศิลปะการใชภ้ าษาที่ใชค้ าน้อยแต่กิน ความมากและแสดงภาพไดช้ ดั เจน พรอ้ มแสดงเหตผุ ล ๓. นักเรียนส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน เพ่ือนๆ ในช้ัน เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหส้ มบรู ณ์ ๔. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ แล้วให้นักเรียนตอบ คาถามต่อไปนี้ นักเรียนคิดว่า ในสังคมปัจจุบันมีบุคคล เช่น พนั ท้ายนรสิงห์อยูม่ ากหรือน้อยเพยี งใด เพราะเหตใุ ด - นักเรียนคิดว่า พันท้ายนรสิงห์ เป็นแบบอย่างท่ีดีสาหรับ เด็กในวัยเดียวกบั นักเรยี นในเรื่องใด ๒๙22๘9980

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๔ เร่อื ง คุณคา่ และขอ้ คิดวรรณคดโี คลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี ๕๖ พนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชีวติ ๒๙๘ ๒๙๙291 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรื่อง พาทที ัว่ ถิน่ เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สอน - นักเรียนคิดว่า ข้อคิดท่ีได้จากเรื่อง โคลงภาพพระราช แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๔ เรอื่ ง พคงณุ ศาคว่าดแาลระขภ้อาคพิดพวันรทร้าณยคนดรีโสคิงลหง์ถภวาาพยพชีวริตะรานชาพไปงใศชา้ใวนดชาีวริตจภราิงพไทด้ี่ ๕๖ พันทา้ ยนรสิงหถ์ วายชีวติ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ อยา่ งไร เรื่อง พาทีทวั่ ถ่ิน เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ข้ันสรปุ รายวชิ าภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ขกจพดจิั้นนั๑บกสท.-รันอ้ารนทนยนมนกััึกกกรเลเราสรงียรีสิงยเนหมรนแ์ถียดุ คลวนิดะารคยวู้ ่ชราูชีวข่วิต้ยอเกคขันิยีดสนทรเี่ไปปุ ด็นโ้จคแาลผกงนปเภรรื่าอะพกงคอโวบคาภมลาคงพภดิ เราื่อพงพระราช พงศาวดาร ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต นาไปใช้ในชีวิตจริงได้ อย่างไร ข้นั สรุป ๑. นกั เรียนและครูชว่ ยกนั สรุปโคลงประกอบภาพเร่ือง พนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชวี ิต เขยี นเปน็ แผนภาพความคดิ จดบันทกึ ลงสมุด

๓2๐3๐9020 การวัดและประเมนิ ผล ส่งิ ทตี่ ้องการวัด/ประเมนิ วิธีการ เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ใช้คาถาม คาถาม ตอบคาถามซักถามได้ ๑. มคี วามร้คู วามเขา้ ใจ เกย่ี วกบั หลักการพจิ ารณา ใชค้ าถาม คาถาม ตอบคาถามซักถามได้ คุณคา่ ของวรรณคดี ๒. อธบิ ายหลกั การพิจารณา คณุ คา่ ของวรรณคดแี ละ วรรณกรรมได้ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ใช้คาถาม คาถาม ผลจากการสังเกต ๑. วิเคราะห์คุณคา่ ของโคลง พฤติกรรมรายบุคคล ภาพพระราชพงศาวดารภาพ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไปถือวา่ พนั ทา้ ยนรสงิ หถ์ วายชีวิตได้ ผา่ นเกณฑ์ ด้านคุณลกั ษณะ สงั เกตคุณลักษณะ แบบสงั เกต ได้ผลจากการสังเกต ๑. มีวนิ ัย คุณลักษณะ คุณลกั ษณะแตล่ ะข้อ ๒. ใฝเ่ รียนรู้ อันพงึ ประสงค์ ไมต่ ่ากว่าระดับ ๒ ๓. ม่งุ มนั่ ในการทางาน

239031 ๓๐๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ สรา้ งคานาไปใช้ รหสั วิชา ท๒๒๑๐๑ รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๒ ช่วั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ท๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ ภาษา และพลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตวั ชว้ี ดั ท ๔.๑ ม.๒/๑ การสร้างคาในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวมและประโยคซอ้ น ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทร้อยกรอง ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การสรา้ งคาใหมโ่ ดยการนาคาบาลีสนั สกฤตตัง้ แต่ ๒ คาข้ึนไป มารวมกันเป็นคาเดียวกันให้มีความหมาย เก่ียวเนื่องกัน คาท่ีเกิดจากการสร้างคาวิธีนี้เรียกว่า คาสมาส แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ คาสมาสที่ไม่มี การกลมกลืนเสียง เรยี กว่า คาสมาส คาสมาสทม่ี ีการกลมกลืนเสียงเรยี กวา่ คาสมาสแบบมสี นธิ ประโยคท่ีมีโครงสร้างพ้ืนฐาน เป็นประโยคที่ไม่มีประโยคย่อยหรือประโยคเล็กๆๆ หหลายประโยคคมมาา ประกอบกนั ประโยคเล็กทีเ่ ปน็ สว่ นหน่งึ ของประโยครวมอนปุ ระโยค ในประโยคซ้อนตอ้ งมอี นุประโยคอยู่ด้วยเสมอ อนุประโยคอาจใช้เปน็ ส่วนหนึง่ ของประโยคซอ้ นหรือใชข้ ายสว่ นใดส่วนส่วนหนึง่ ของประโยคซอ้ นก็ได้ ประโยคซ้อน คือ ประโยคท่มี ปี ระโยคเลก็ ๆๆปปรระะกกออบบอยู่ดว้ ย ประโยคคเเลลก็ ็กๆ มีคาเชื่อม เช่น ท่ี ซึ่ง อัน ว่า ฯลฯ นาหนา้ คาเชอื่ มเหล่านรี้ วมกับประโยคเลก็ ๆๆเเรรียกว่า อนปุ ระโยค การแต่งคาประพันธ์ประเภทบทร้อยกรองให้ไพเราะถูกต้อง ผู้แต่งจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ลกั ษณะบงั คับของคาประพนั ธ์แตล่ ะประเภท ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. รแู้ ละเข้าใจลกั ษณะของคาสมาส และวิธกี ารสรา้ งคาสมาส ๒. ร้แู ละเข้าใจวิธีการสร้างคาสมาสแบบมีสนธิดว้ ยวธิ ีสระสนธิ พยัญชนะสนธิ และนฤคหิตสนธิ ๓. รู้และเขา้ ใจเข้าใจลกั ษณะของประโยครวม ประโยคซอ้ น และการสรา้ งประโยครวม ประโยคซอ้ น

320924 ๓๐๒ ๔. รูแ้ ละเข้าใจเขา้ ใจความหมายและฉันทลกั ษณ์ของกลอนสภุ าพ หลักการใช้เสียงวรรณยกุ ตท์ ้ายวรรค และหลกั การแตง่ กลอนสภุ าพ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. สรา้ งและอธิบายความหมายคาสมาสไดถ้ ูกต้อง ๒. แยกสว่ นประกอบ วิเคราะห์โครงสรา้ งประโยค และสร้างประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง ๓. อธิบายฉันทลกั ษณ์ แตง่ กลอนกลอนสุภาพ และประเมินกลอนสุภาพไดถ้ กู ตอ้ งตามฉันทลักษณ์ เจตคติ ๑. มเี จตคตทิ ีด่ ีต่อวิชาภาษาไทย ๒. ตระหนักเหน็ คณุ คา่ ของวชิ าภาษาไทย ๓. มีความรบั ผดิ ชอบ ๔. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๕. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. มีวนิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๔. มีจิตสาธารณะ ๕. รกั ความเป็นไทย ๖. การประเมินผลรวบยอด ช้ืนงานหรือภาระงาน ๖.๑ แบบทดสอบความรู้เรื่องคาสมาสแบบมสี นธิ ๖.๒ กลอนสภุ าพ “Who am I”

3๓0๐3๓ 295 เกณฑ์การประเมนิ ผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเมินเรื่อง แตง่ บทร้อยกรอง ประเด็นการ ๔ (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรบั ปรงุ ) ประเมิน ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) เน้อื หาบกพรอ่ ง ไม่ เนอื้ หาครบถ้วน เนือ้ หาถูกตอ้ ง เนอ้ื หาบกพรอ่ ง มคี วามสอดคลอ้ ง เนื้อหาในการแตง่ สมบรู ณ์ ตรง สอดคลอ้ งกบั หัวข้อ บางส่วน ไม่ กบั หวั ขอ้ ประเด็น ตามหัวข้อ สมั ผสั คล้องจอง และน่าสนใจ สอดคลอ้ งกบั หวั ขอ้ สัมผสั คลอ้ งจอง ผดิ พลาดมากกวา่ อกั ขรวธิ ี สมั ผัสคล้องจอง สัมผัสคลอ้ งจอง สมั ผัสคล้องจอง ๒ ตาแหนง่ ถกู ตอ้ งตาม เสียงพยญั ชนะทา้ ย ฉันทลักษณ์ทุก ถูกต้อง ผดิ พลาด ๑ ผิดพลาด ๒ เขยี นผิดมากกวา่ วรรค ตาแหนง่ ๔ คา ตาแหน่ง ตาแหนง่ เสรจ็ ตรงตามเวลา เขยี นถกู ต้องตาม เสียงพยญั ชนะท้าย กาหนด อักขรวธิ ี สมบรู ณ์ เขยี นผดิ ๑ -๒ คา เขยี นผดิ ๓ -๔ คา วรรคผิดพลาด ทุกคา มากกวา่ ๖ เสียงพยัญชนะท้าย เสียงพยัญชนะท้าย ตาแหนง่ เสียงพยญั ชนะท้าย วรรคผดิ พลาด วรรคผิดพลาด ไม่เสรจ็ หรอื เสรจ็ ชา้ วรรคถกู ต้อง ๑ -๓ ตาแหนง่ ตัง้ แต่ ๔ – ๖ กวา่ เวลาทก่ี าหนด เหมาะสม ตาแหนง่ มากกว่า ๑๐ นาที ทกุ ตาแหน่ง เสรจ็ ช้ากวา่ เวลาท่ี กาหนด ๕ นาที ไม่เสร็จหรอื เสรจ็ ช้า เสรจ็ ตรงตามเวลา กวา่ เวลาทีก่ าหนด กาหนดหรอื เรว็ กว่า ๑๐ นาที เวลากาหนด เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนน ๑๕ – ๒๐ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๑๐ – ๑๔ หมายถงึ ดี คะแนน ๕ – ๙ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดับ พอใชข้ ึ้นไป

30๓42๐๔96 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง :ใหผ้ สู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ล�ำาดบั ช่ือ-สกลุ ของผรู้ ับ ความมี ความมี การรบั ฟงั การแสดง การตรง รรววมม บทท่ี ่ี การประเมนิ วินัย นา้ ใจ ความ ความ ตอ่ เวลา ๒๒๐o เอ้อื เฟ้อื คดิ เห็น คดิ เห็น คคะคะแะนแน นแนน เสียสละ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑ ๔๓๒๑ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ............../.................../................ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรับปรงุ

3๓๐05๕297 แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ชอ่ื กลุม่ ................................................................................................ ช้นั .................................................... คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๓๒ ๔ ๑ ๑ ๑ การแบ่งหน้าทก่ี นั อย่างเหมาะสม ๒ ๒ ความร่วมมอื กันทางาน ๓ ๓ การแสดงความคดิ เห็น ๔ ๔ การรบั ฟังความคิดเหน็ ๕ ๕ ความมีน้าใจชว่ ยเหลอื กนั รวม รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ ๑ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั ให้ เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ

30๓26๐9๖8 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงค์ดา้ น ๔๓๒๑ ๑.รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเมอื่ ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธิบาย กษัตริย์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธิและหน้าทีข่ องนกั เรยี น ๑.๓ ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชั้นเรยี น ๑.๔ เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่สรา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ โรงเรยี นและชมุ ชน ๑.๕ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา ๑.๖ เข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทีโ่ รงเรยี น และชมุ ชนจัดขน้ึ ๒.ซื่อสตั ย์ สุจรติ ๒.๑ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจรงิ ๒.๒ปปฏฏิบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถ่ีถกู กู ตตอ้ ้องงลละะออาายยแแลละะเกเรกงรกงลกวัลทัวจ่ีทะจี่ ทะ�ำ ทผาดิ คทวา�ำ ตมาผมดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี ีต่ นนใใหหไ้ วไ้ วก้ ้กบั บั เพเพอ่ื น่อื นพอพ่ แ่อมแห่ มรห่ อื รผอื ปู้ ผกปู้ คกรคอรงอแงลแะคลระูครู ๒.๓ ปฏิบตั ิตอ่ ผอู้ น่ื ด้วยความซ่อื ตรง ๓.มวี นิ ัย รับผิดชอบ ๓.๑ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั ๔.ใฝ่เรียนรู้ ๔.๑ แแสสววงงหหาาข้อมลู จากแหลง่ การเรยี นรตู้ า่ งๆๆ ๔.๒มมกี กีาราจรจดดบบันนั ททกึ กึคคววาามมรรอู้ ู้อยย่า่างงเปเป็นน็ รระะบบบบ ๔.๓ สรุปความร้ไู ดอ้ ย่างมีเหตผุ ล ๕.อย่อู ย่างพอเพียง ๕.๑ใชใช้ท้ทรรัพัพยยส์ ์สนิ นิ ขขอองงตตนนเอเองงเชเช่นน่ สส่งิ ง่ิ ขขอองงเเคครรือ่ ื่องงใใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยัด คุ้มคา่ และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอยา่างปปรระะหหยยดั ดั คคมุ้ ุม้ คคา่ ่าแแลละะเกเกบ็ บ็ รรกั กัษษาาดดแู ูแลล อยา่ งดดี ี ๕๕..๓๓ปฏบิ ตั ติ นแแลละะะตตัดดั สสินนิ ใใจดว้ ยความรอบคคออบบมมเี เหี หตตผุ ผุ ลล ๕.๔ไมเ่ อาเปรยี บผอู้ ู้อน่ื ื่นแแลละะไมไมท่ ท่�ำ ใาหใหผ้ อู้ผน่ือู้ เ่นื ดเอื ดดือรดอ้ รน้อพนรพอ้ รม้อใหมอ้ใหภอย้ั เภมยั อ่ื เมอ่ื ผอู้้อน่ื น่ื กกรระะทท�ำ าผผดิ ิดพพลลาดาด

3๓0๐7๗ 299 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น ๔๓๒๑ ๕๕.๕.๕วางแผนการเรียน การทางานและการใช้ชีวติ ประจาวันบนพืน้ ฐาน ของความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร ๕๕.๖.๖รเู้ ทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับ และปรบั ตัว อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมคี วามสุข ๖๖..มุ่งมั่นในการ ๖๖.๑.๑มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย ทางาน ๖๖.๒.๒มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งานสาเร็จ ๗๗..รักความเปน็ ไทย ๗๗.๑.๑ มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย ๗๗.๒.๒ เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘๘..มจี ิตสาธารณะ ๘.๑ รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคิด ชว่ ยทา และแบ่งปนั สง่ิ ของใหผ้ ูอ้ นื่ ๘.๓ รู้จกั ดแู ล รักษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน ๘.๔ เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ๙๑ – ๑๐๘ ดีมาก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ต่ากว่า ๕๔ ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรื่อง คาสมาส เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ เร่ือง สรา้ งคานาไปใช้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา การสมาสคาบาลีสันสกฤต กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ ขน้ั นา ๑. บัตรคา จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ เสดจ็ เค้ก ศตวรรษ วชิ ชา กมิ จิ ยโู ด ๒. บัตรคาภาษาบาลแี ละสนั สกฤต อธิบายลกั ษณะของคาสมาส ครูติดบัตรคาบนกระดาน ถามนักเรียนว่า คาดังกล่าวมา ๓. ใบความรู้เรื่องคาสมาส ด้านทักษะและกระบวนการ จากภาษาอะไร เช่อื มโยงสเู่ รื่องการสมาสคาจากบาลสี นั สกฤต ภาระงาน/ช้ินงาน จบั ค่คู าและอธบิ ายความหมาย นกั เรยี นสมาสคาจากบาลสี นั สกฤตได้ถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ ข้นั สอน ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๑. นักเรยี นศึกษาใบความรู้เรอ่ื งคาสมาส ๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๒. ครูแจกบตั รคาบาลีและสันสกฤต ให้นักเรียน คนละ ๑ บตั ร คา จากนน้ั นาบตั รคาท่ีได้รบั มาจับค่กู นั พรอ้ มอธบิ ายความหมาย ของคาที่สรา้ งขนึ้ เชน่ คาวา่ “วรี ะ” และ “ชน” มารวมกัน ไดเ้ ป็น คาวา่ วีรชน ขน้ั สรปุ นักเรียนรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะของคาสมาส ครูอธิบายความรู้ เพ่ิมเตมิ 330๓08๐0๘

301 309 ๓๐๙ การวัดและประเมินผล ส่ิงที่ตอ้ งการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เคร่อื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ แบบสงั เกตการตอบ รอ้ ยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ ด้านความรู้ สังเกตการตอบคาถาม คาถาม ถกู ต้องรอ้ ยละ ๘๐ อธิบายลกั ษณะของคาสมาส บัตรคา ขึ้นไป ด้านทกั ษะ/กระบวนการ สงั เกตการทากจิ กรรม นกั เรยี นสมาสคาจากบาลสี ันสกฤต การต่อบตั รคา ได้ถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ได้ระดบั คุณภาพ ๒ ทกุ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ด้านคณุ ลักษณะ รทากุ ยรกาายรกขา้ึนรไขปน้ึ ไถปอื วถา่อื วา่ ๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ผา่ น 8. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

330120 ๓๑๐ บัตรคา เรอื่ ง คาสมาส หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑ เรอื่ ง คาสมาส รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ คาสมาส ๑ คาชี้แจง : ให้นักเรียนรวมคาเหลา่ นใ้ี ห้เป็นคาสมาสทีถ่ กู ตอ้ ง ๑. ภมู ิ + ธรรม จะไดค้ าวา่ ............................. (ภูมธิ รรม) ๒. พระ + หัตถ์ จะได้คาวา่ ............................. (พระหตั ถ)์ ๓. ยทุ ธ + วิธี จะไดค้ าว่า ............................. (ยทุ ธวิธ)ี ๔. สุข + ภาพ จะไดค้ าว่า ............................. (สุขภาพ) ๕. เวช + กรรม จะได้คาวา่ ............................. (เวชกรรม) ๖. ราช + โอรส จะได้คาวา่ ............................. (ราชโอรส) ๗. กาย + กรรม จะได้คาว่า ............................. (กายกรรม) ๘. สนั ติ + ภาพ จะได้คาวา่ ............................. (สันตภิ าพ) ๙. เกษตร + กรรม จะได้คาว่า ............................. (เกษตรกรรม) ๑๐. ราช + ทณั ฑ์ จะได้คาวา่ ............................. (ราชทัณฑ)์ ๑๑. ศลิ ปะ + ศาสตร์ จะได้คาวา่ ............................. (ศลิ ปศาสตร์) ๑๒. ปญั ญา + ชน จะไดค้ าว่า ............................. (ปญั ญาชน) ๑๓. สาร + คดี จะได้คาวา่ ............................. (สารคด)ี ๑๔. วฒั น + ธรรม จะไดค้ าว่า ............................. (วัฒนธรรม) ๑๕. เสรี + ภาพ จะไดค้ าว่า ............................. (เสรีภาพ) ๑๖. หตั ถ + กรรม จะได้คาว่า ............................. (หัตถกรรม) ๑๗. ราช + การ จะได้คาว่า ............................. (ราชการ) ๑๘. วรี ะ + ชน จะได้คาว่า ............................. (วรี ชน) ๑๙. วาต + ภยั จะไดค้ าว่า ............................. (วาตภัย) ๒๐. มหา + ชาติ จะไดค้ าว่า ............................. (มหาชาติ)

331031 ๓๑๑ ใบความรูเ้ รอ่ื ง คาสมาส หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง คาสมาส ๑ รายวิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ คาสมาส คาสมาส หมายถึง คาประสมแบบภาษาบาลีและสันสกฤต คาสมาสเป็นคาใหม่ท่ีเกิดจากคาที่ใช้อยู่เดิม ๒ คาขนึ้ ไปมารวมกันในภาษาบาลี คาสมาสจะต้องนาคาทีม่ ีใชอ้ ยู่ในภาษาบาลีเท่าน้ันมารวมกัน คาสมาสท่ียมื มาจากภาษาบาลี กตัญญู “รูบ้ ญุ คณุ ผอู้ น่ื ” ยืมมาจากภาษาบาลีว่า กตญญฺ ู (กต + (ญ)ฺ ญ)ู ตถาคต “คาท่พี ระพุทธเจ้าใชเ้ รยี กพระองคเ์ อง” ยมื มาจากภาษาบาลวี า่ ตถาคต (ตถา + อาคต) คาสมาสทีย่ ืมมาจากภาษาสันสกฤต กรรมกร “ผู้รับจา้ งใช้แรงงาน” ยืมมาจากภาษาสันสกฤตวา่ กรรมกร (กรฺม + กร) ยุทโธปกรณ์ “เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นการรบ” ยมื มาจากภาษาสันสกฤตวา่ ยทุ ฺโธปกรณ์ (ยุทธฺ + อปุ กรณ) ปรปักษ์ “ฝ่ายอน่ื ศตั รู” ยืมมาจากภาษาสันสกฤตว่า ปรปกษฺ (ปร + ปกฺษ) เทวรปู “รปู ปัน้ รปู แกะ หรือรูปหล่อเทวดา” ยมื มาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤตวา่ เทวรปู (เทว + รูป) คาสมาสที่ไม่มีสนธิอาจออกเสียง สระ /อะ อิ อุ/ ท่ีท้ายคาหน้าตามแบบคาในภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมอ่ื การออกเสยี งน้นั ไมข่ ัดกับระบบการออกเสยี งของภาษาไทย เช่น ผลติ / ผะ - หฺลดิ ” ผลิตภัณฑ์ /ผะ – หลฺ ิด – ตะ - พัน/ อนาคต / อะ – นา – คต/ ” อนาคตกาล / อะ – นา – คด – ตะ – กาน/ คาสมาสที่มสี นธิ คาสมาสทีม่ สี นธิมกั ใช้สระเสียงยาว /อา อู เอ โอ/ เป็นเสยี งสระทเี่ ช่อื มประสานระหวา่ งคา ภาษาบาลแี ละภาษาสนั สกฤตทีม่ ารวมกัน เชน่ สุรยิ ะ (บ.) + อินทรา (ส.) = สุรเิ ยนทรา นระ (บ. ส.) + อิศวร (ส.) = นเรศวร มสี ่วนนอ้ ยทจ่ี ะใชส้ ระเสียงสั้น /อะ/ หรือ /อ/ิ เป็นเสยี งเชือ่ มประสาน เชน่ ภัย (บ. ส.) + อนั ตราย (บ. ส.) = ภยนั ตราย ธรณี (บ. ส.) + อินทร์ (ส.) = ธรณินทร์ คาสมาสส่วนใหญม่ คี วามหมายหลกั อยู่ท่คี าหลัง ดังนนั้ เมอื่ ตอ้ งแปลความหมายตามรปู ศัพทข์ องคาสมาส จึงมกั แปลความหมายของคาหลงั ก่อน แลว้ จึงแปลความหมายของคาหน้า ใหค้ วามหมายของคาหลงั กบั คาหนา้ มคี วามสัมพนั ธท์ างวากยสัมพนั ธ์ในลกั ษณะใดลกั ษณะหน่งึ ตามความหมายแทจ้ รงิ ของคาสมาสน้ัน

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง คาสมาส หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๔ เร่ือง สร้างคานาไปใช้ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การสรา้ งคาสมาส ขั้นนา ใบงาน เร่อื ง คาสมาส ๒ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความความคิดเห็น จากคาถามตอ่ ไปน้ี ภาระงาน/ชิ้นงาน ด้านความรู้ นักเรยี นคดิ วา่ คณติ +ศาสตร์ ร่วมกันจะไดเ้ ป็นคาวา่ อะไร ค้นหา-รวบรวม และบอกความหมาย ๑. นักเรียนอธบิ ายหลักการสร้างคาสมาสได้ ๒. นักเรียนบอกความหมายของคาสมาสได้ นักเรียนคิดว่า ราช + โอวาท รวมกันจะไดเ้ ป็นคาวา่ อะไร คาสมาสได้ถกู ตอ้ ง ด้านทักษะและกระบวนการ ๑. นกั เรยี นสรา้ งคาสมาสวิธสี มาสไดถ้ ูกตอ้ ง วิธกี ารรวมคาของศิลปศาสตร์และราโชวาท เหมอื นหรอื ๒. นักเรยี นอธบิ ายความหมายของคาสมาสได้ ด้านคุณลักษณะ แตกต่างกนั อยา่ งไร (ตอบ ต่างกนั คณิตศาสตร์ สระอะในคาวา่ ม่งุ ม่นั ในการทางานและการคดิ วเิ คราะห์ คณติ หายไป ส่วนราโชวาท ตวั อ ในคาว่าโอวาท หายไป) ข้นั สอน ๑. นักเรียนฟงั ครูอธบิ ายวธิ ีการสร้างคาสมาสเพิ่มเตมิ และให้ นกั เรยี นยกตวั อยา่ งคาสมาสแบบสมาส คนละ ๕ คาจดบันทกึ ลง สมุด ร่วมกันอภิปรายวธิ ีการสรา้ งคาสมาสแบบสมาสทแี่ ตล่ ะคนได้ ยกตวั อย่างไว้ พร้อมทัง้ บอกความหมายโดยครคู อยใหค้ าแนะนา ๒. นักเรยี นทาใบงานเรอื่ ง คาสมาส ๒ ครแู ละนักเรียนร่วมกัน เฉลยครูอธบิ ายเพมิ่ เติม ขั้นสรุป นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ วิธกี ารสร้างคาสมาส เช่ือมโยงสูก่ าร นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั 3310๓24๑๒

331035 ๓๑๓ การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงทต่ี อ้ งการวดั /ประเมนิ วิธกี าร เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ แบบสงั เกตการตอบ รอ้ ยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นความรู้ สังเกตการตอบคาถาม คาถาม รู้และเข้าใจวิธกี ารสรา้ ง คาสมาสวิธสี มาส ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ตรวจใบงาน ใบงาน เรอื่ ง คาสมาส ๒ ถูกตอ้ งรอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป สร้างคาสมาสวธิ สี มาสได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ไดร้ ะดบั คุณภาพ ๒ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ด้านคุณลักษณะ ทกุ รายการขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น ๒. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ.............

331046 ๓๑๔ ใบงานเรือ่ ง คาสมาส หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง คาสมาส ๒ รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ คาสมาส คาช้ีแจง : ให้นักเรียนเติมคาหรือข้อความลงในชอ่ งวา่ งให้ถกู ต้อง คาสมาส เป็นการสร้างคาขน้ึ มาใหม่ โดยนาคาทีม่ าจากภาษา............(บาล)ี หรอื .............(สันสกฤต) มา รวมกันหลักสงั เกตคาสมาส ๑. ต้องเป็นคาทม่ี าจากภาษา...........(บาล)ี หรอื ...............(สนั สกฤต) เท่านั้น ราช + การ จะไดค้ าว่า ...................(ราชการ) วาต + ภัย จะไดค้ าว่า ...................(วาตภัย) ๒. การอา่ นออกเสียงคาสมาส จะตอ้ งอา่ นออกเสยี งต่อเนื่องกันแม้ไมม่ รี ปู สระกากบั เทพบตุ ร อา่ นว่า ...................(เทบ – พะ –บุด) อายรุ กรรม อ่านวา่ .....................(อา – ยุ – ระ – กา) ๓. การแปลความหมายจะแปลจากคา..........(หลงั ) ไปคา ............(หนา้ ) วรี บุรษุ หมายถึง ...........................(ชายทีไ่ ด้รับการยกยอ่ งวา่ กล้าหาญ) วรรณคดี หมายถงึ ...........................(เร่ืองที่ไดร้ ับการยกยอ่ งว่าแตง่ ดี) ๔. คาสมาสต้องไมป่ ระวิสรรชนยี ์และไมม่ ีไม้ทัณฑฆาตระหวา่ งคา ศิลปะ + กรรม จะไดค้ าว่า ................... (ศลิ ปกรรม) เจดีย์ + สถาน จะได้คาวา่ ................... (เจดียสถาน) ๕. คาสมาสมกั ลงทา้ ยด้วยคาวา่ “กรรม ศาสตร์ ภาพ ภัย” วศิ วกรรม..............(ศาสตร)์ วาต.............(ภัย) คณุ ..............(ภาพ) อคั ค.ี ..........(ภัย) วทิ ยา...............(ศาสตร)์ อุตสาห...............(กรรม)

๓๑๕ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๓ เร่ือง คาสมาสแบบมสี นธิ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ เรือ่ ง สร้างคานาไปใช้ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ การสรา้ งคาสมาสแบบมสี นธิ (สระสนธ)ิ ขน้ั นา ๑. ห้องสมุดโรงเรียน/ชมุ ชน/ประชาชน จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนร่วมกนั แสดงความความคดิ เหน็ จากคาถามต่อไปน้ี ๒. ใบงานเรือ่ ง คาสมาสแบบมีสนธิ ดา้ นความรู้ นกั เรียนคิดวา่ เทศะ+อภบิ าล รวมกันจะเปน็ คาวา่ อะไร ภาระงาน/ช้ินงาน ๑. นกั เรียนอธบิ ายวธิ กี ารสร้างคาสมาสแบบมี (ตอบ เทศาภบิ าล) รวบรวม สบื ค้นคาสมาสแบบมสี นธิ (สระ สนธิ นักเรียนคิดว่า ยสส + ธร รวมกนั จะเปน็ คาว่าอะไร (ตอบ ส(สนรธะิ)สบนอธ)ิกบปอระกโปยรชะนโย์ไดช้นไ์ ด้ ๒. นักเรยี นบอกความหมายของคาสมาสแบบมี ยโสธร) สนธิ (สระสนธิ) วิธีการรวมคาของราชานุภาพและอายุรแพทย์ เหมือนหรือ ด้านทักษะและกระบวนการ แตกต่างกันอย่างไร (ตอบ ต่างกัน เทศาภิบาล ตัว อ ในคาว่า ๑. นกั เรยี นสรา้ งคาสมาสแบบมสี นธิ (สระสนธ)ิ อภิบาล หายไป สว่ น ยโสธร ตัว ส ซึ่งอยใู่ นคาว่า ยสส หายไป) ๒. นักเรียนบอกความหมายคา สมาสแบบมี ขน้ั สอน สนธิ (สระสนธิ) ๑. นักเรียนฟังครูอธิบายวิธีการสร้างคาสมาสแบบมีสนธิ ด้วย ๓. นักเรยี นสบื คน้ คาสมาสแบบมีสนธิ (สระ วิธีการใช้สระสนธิ นักเรียนร่วมกันอภิปรายวิธีการสร้างคาสมาส สนธ)ิ แบบมสี นธิ (สระสนธิ) ด้านคุณลักษณะ ๒. แบ่งนักเรียนเป็น ๔ กลุ่ม นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นคาสมาส ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทางาน และมีทักษะในการ แบบมีสนธิ(สระสนธิ) มาให้ได้มากที่สุด แล้วนามาเสนอหน้าชั้น แสวงหาความรู้ เรียน และบอกว่าคาดังกล่าวเกี่ยวข้องหรือมีประโยชน์กับ ชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไร 31075

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรอ่ื ง คาสมาสแบบมีสนธิ ๓๑๖ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เร่อื ง สร้างคานาไปใช้ รายวิชาภาษาไทย เวลา ๑ ชั่วโมง ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มทาใบงาน ร่วมกันเฉลย ครูแนะนา เพมิ่ เตมิ ขัน้ สรปุ ๑. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ วธิ กี ารสร้างคาสมาสแบบมีสนธิ (สระสนธ)ิ ๒. มอบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ไปค้นคว้าความร้เู พิ่มเตมิ ในประเดน็ คาสมาสแบบมสี นธิ (พยัญชนะสนธิและนฤคหติ สนธิ) 308

๓๑๗331079 การวัดและประเมินผล ส่งิ ท่ตี ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เคร่อื งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ร้อยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์ ๑.นักเรยี นอธบิ ายวธิ ีการสร้าง สังเกตการณต์ อบคาถาม แบบสแงับเกบตสังเกต รอ้ ยละ ๘o ผา่ นเกณฑ์ กากรตารอตบอคบ�ำ ถคามถาม คาสมาสแบบมสี นธิ ใบงาน ใบงาน ๒.นกั เรียนบอกความหมาย ตรวจใบงาน ของคาสมาสแบบมสี นธิ (สระ ส(สนรธะิ)สนธิ) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ๑.นกั เรียนสรา้ งคาสมาสแบบ สงั เกตการณต์ อบคาถาม ใบงาน ถกู ต้องร้อยละ ๘๐ มีสนธิ (สระสนธิ) และตรวจใบงาน ขน้ึ ไป ๒.นักเรียนบอกความหมายคา ใบงาน ถกู ต้องรอ้ ยละ ๘๐ สมาสแบบมสี นธิ (สระสนธิ) ขึ้นไป ๓.นกั เรียนจาแนกคาสมาส แบบมสี นธิ (สระสนธิ) ได้ ถูกต้อง ดา้ นคุณลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ไดร้ ะดับคณุ ภาพ ๒ ทุก ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน สงั เกตพฤตกิ รรม แพบฤบตสิกังรเกรมตดพา้ฤนติกรรม ไรดา้รยะกดาบั รขคน้ึุณไภปาพถือ๒ว่าผ่าน และมที ักษะในการแสวงหา ดค้าณุนคลุณกั ษลณกั ษะณะ ทุกรายการขนึ้ ไป ถอื ว่า ความรู้ ผ่าน

๓3๑3๘1180 8. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย ................................................................................................................................... ........................................ ลงช่อื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ.............

๓๑๙3119 ใบงานเรือ่ ง คาสมาสแบบมสี นธิ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เรือ่ ง คาสมาสแบบมสี นธิ ๑ รายวชิ าภาษาไทยพนื้ ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ คาสมาสแบบมีสนธิ ๑ คาช้แี จง : ให้นักเรยี นเติมคาหรือข้อความลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง การสมาสแบบมีสนธิคือ การสมาสคาโดยการเชื่อมคาเข้าระหว่างพยางค์หลังของคาหน้ากับพยางค์ หน้าของคาหลงั เปน็ การย่ออกั ขระใหน้ ้อยลงเวลาอ่านจะเกดิ เสยี งกลมกลนื เปน็ คาเดยี วกนั การสนธแิ บ่งเป็น ๓ ประเภท คือ ๑. ............ (สระสนธิ) ๒. .............. (พยัญชนะสนธิ) ๓. ............ (นฤคหติ สนธิ)..................(สระสนธิ) คอื การนาคาทล่ี งทา้ ยด้วยสระไปสนธกิ ับคาท่ขี ้นึ ตน้ ด้วยสระ ซึ่งเม่อื สนธิ แล้วจะมีการเปลย่ี นแปลงรปู สระตามกฎเกณฑ์ ๑. ตัดสระพยางค์ท้ายคาหน้า แลว้ ใชส้ ระพยางค์หน้าคาหลัง ราช + อานภุ าพ จะได้คาว่า ............................. (ราชานภุ าพ) หมายถึง........................................... นลิ + อุบล จะได้คาว่า ............................. (นิลุบล) หมายถึง................................................... ๒. ตดั สระพยางคท์ ้ายคาหนา้ และใชส้ ระพยางค์ต้นของคาหลัง โดยเปล่ียนสระพยางค์ตน้ ของคาหลัง อะ เปน็ ..........(อา) อิ เป็น...........(เอ) อุ เป็น............(โอ) อุ,อู เปน็ ..............(โอ) ปรม + อินทร์ จะได้คาวา่ ............................. (ปรเมนทร)์ หมายถงึ ........................................... พงศ + อวตาร จะได้คาวา่ ............................. (พงศาวดาร) หมายถึง........................................... มหา + อสิ ี จะได้คาวา่ ............................. (มเหสี) หมายถึง........................................... ๓. เปล่ียนสระพยางค์ท้ายของคาหน้าเป็นพยัญชนะ คือ อิ อี เป็น ย , อุ อู เป็น ว ใช้สระพยางค์ต้นของคา หลังซ่ึงอาจเปลี่ยนรูปหรือไม่เปล่ียนรูปก็ได้ ในกรณีที่สระพยางค์ต้นของคาหลังไม่ใช่ อิ อี อุ อู อย่างสระตรง พยางคท์ ้ายของคาหนา้ กิตติ + อากร จะได้คาว่า ............................. (กติ ติยากร) หมายถึง........................................... ธนู + อาคม จะได้คาว่า ............................. (ธนั วาคม) หมายถึง........................................... ๔. บางคาไม่เปลี่ยนสระ อิ อี เป็น ย แต่ตดั ท้ิง ทง้ั สระพยางค์หนา้ คาหลงั จะไม่มี อิ อี ด้วยกนั ราชนิ ี + อุปถัมภ์ จะไดค้ าว่า ............................. (ราชินูปถมั ภ์) หมายถงึ ........................................... ศกั ดิ + อานภุ าพ จะได้คาวา่ ............................. (ศักดานุภาพ) หมายถงึ ...........................................

๓๒๐ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เร่อื ง คาสมาสแบบมสี นธิ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เร่อื ง สรา้ งคานาไปใช้ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ การสรา้ งคาสมาสแบบมสี นธิ (พยัญชนะสนธิ ข้ันนา ๑. แบบทดสอบความรู้ เรื่องคาสมาสแบบ และนฤคหิตสนธิ) ๑. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความความคดิ เห็น จากคาถามตอ่ ไปนี้ มสี นธิ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรยี นคดิ วา่ นสิ + ภัย รวมกันจะเป็นคาว่าอะไร (ตอบ นิรภยั ) ๒. ใบงานคาสมาสแบบสนธิ (พยัญชนะ ด้านความรู้ นักเรยี นคิดว่า ส +ธาน รวมกนั จะเปน็ คาวา่ อะไร (ตอบ สนั ธาน) และนฤคหิต) ๑. นักเรยี นอธบิ ายวธิ ีการสร้างคาสมาสแบบมี วธิ ีการรวมคาของนิรภยั และสนั ธาน เหมือนหรือแตกต่างกัน ภาระงาน/ชน้ิ งาน สนธิ (พยญั ชนะสนธิและนฤคหิตสนธิ) อย่างไร (ตอบ นริ ภัย เป็นพยัญชนะสนธิ สันธาน นฤคหิตสนธิ) อภปิ รายวิธีการสร้างคาสมาสแบบสนธิ ๒. นกั เรยี นบอกความหมายคาสมาสแบบมี ขั้นสอน (พยัญชนะและนฤคหิต) สนธิ (พยญั ชนะสนธแิ ละนฤคหิตสนธิ) ๑. นักเรยี นฟงั ครูอธบิ ายวิธกี ารสรา้ งคาสมาสแบบมสี นธิ ดว้ ยวธิ ี ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ พยัญชนะสนธิและนฤคหิตสนธิ นักเรียนรว่ มกันอภิปรายวธิ กี าร ๑. นกั เรยี นระบหุ ลกั การสรา้ งคาสมาสแบบมี สร้างคาสมาสแบบมีสนธิ ดว้ ยวิธพี ยัญชนะสนธิและนฤคหติ สนธิ สนธิ (พยัญชนะสนธิและนฤคหติ สนธิ) ได้ ซกั ถามครูในประด็นทส่ี าคญั เช่น ประโยชน์ของคาสมาส แบบมี ๒. นกั เรียนระบุคาสมาสแบบมสี นธิ (พยญั ชนะ สนธิ (พยัญชนะสนธิและนฤคหิตสนธิ) ทพ่ี บใช้ชีวิตประจาวัน สนธแิ ละนฤคหติ สนธิ) ได้ ๒. นักเรียนร่วมกันทาใบงานคาสมาสแบบสนธิ (พยญั ชนะ ๓. นกั เรียนบอกความหมายของคาสมาสแบบมี และนฤคหิต) แลว้ เฉลยในห้องเรยี น สนธิ (พยัญชนะสนธแิ ละนฤคหิตสนธิ) ได้ ข้นั สรปุ ดา้ นคุณลักษณะ ๑. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปวิธีการสร้างคาสมาสแบบมสี นธิ ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มัน่ ในการทางาน และมจี ิตสาธารณะ ดว้ ยวธิ ีพยญั ชนะสนธแิ ละนฤคหิตสนธิ ๒. นักเรียนทาแบบทดสอบวัดความรู้เรื่องคาสมาสแบบมสี นธิ 31220

313 321 ๓๒๑ การวัดและประเมินผล สง่ิ ทต่ี อ้ งการวัด/ประเมิน วิธกี าร เคร่ืองมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ แบบทดสอบ ร้อยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์ ด้านความรู้ ทดสอบ แบบทดสอบ รอ้ ยละ ๘o ผา่ นเกณฑ์ ๑.นกั เรยี นอธบิ ายวิธกี ารสรา้ งคาสมาส ทดสอบ ใบงาน ถกู ตอ้ งร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป แบบมสี นธิ (พยัญชนะสนธแิ ละนฤคหิต ใบงาน ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ๘o ขน้ึ ไป สนธ)ิ แบบสงั เกต ได้ระดับคุณภาพ ๒ แบบพสฤงั ตเกกิ ตรรม ไดทร้กุ ะรดาบัยคกณาุ รภขานึ้ พไป๒ถอื วา่ ๒.นกั เรียนบอกความหมายคาสมาสแบบมี พดฤ้าตนกิ ครุณรมลักษณะ รายการขน้ึ ผไป่านถอื วา่ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ผา่ น สนธิ (พยัญชนะสนธิและนฤคหติ สนธิ) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ สังเกตการตอบ ๑.นักเรยี นระบหุ ลกั การสรา้ งคาสมาสแบบ สงั เกคตากถาารมตอบ มสี นธิ (พยัญชนะสนธิและนฤคหติ สนธิ) ได้ ค�ำ ถาม ๒.นักเรยี นระบุคาสมาสแบบมสี นธิ (พยัญชนะสนธิและนฤคหิตสนธิ) ได้ ๓.นกั เรยี นบอกความหมายของคาสมาส แบบมสี นธิ (พยญั ชนะสนธแิ ละนฤคหติ สนธิ) ได้ ด้านคุณลกั ษณะ สังเกตพฤติกรรม ๑.๑ใ.ฝใเ่ รฝยีเ่ รนียรนู้ รู้ ๒.๒ม.งุ่ มมงุ่ นั่ มใน่ั ใกนากราทรำ�ทงาางนาน สงั เกตพฤตกิ รรม ๓.๓ม.จี มติ ีจสติ าสธาาธราณรณะ ะ

314 322 ๓๒๒ ๘. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ.............

315 323 ๓๒๓ แบบทดสอบเรือ่ ง คาสมาสแบบมสี นธิ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๔ เร่ือง คาสมาสแบบมสี นธิ รายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ๑. ขอ้ ใดมคี าสนธิ ๗. ขอ้ ใดประกอบด้วยคา ๓ คา ก. กรรมกร ข. ทรัพยากร ก. ไตรเพทางคศาสตร์ ข. อนนั ตนาคราช ค. รัชนกี ร ง. วทิ ยากร ค. พิพธิ ภัณฑสถาน ง. ปลาสนาการ ๒. ขอ้ ใดมคี าสระสนธิ ๘. “เหตวาเนกรรถประโยค” คาข้างต้นประกอบด้วยคาใด ก. สัญจร ข. มเหสี ก. เหตุ + อเน + อรรถ + ประโยค ค. ราชการ ง. มโนธรรม ข. เหตว + อเน + กรรถ + ประโยค ๓. ขอ้ ใดมีคาพยญั ชนะสนธิ ค. เหต + วาเน + กรรถ + ประโยค ก. ยโสธร ข. กินนร ง. เหตุ + อน + เอก + อรรถ + ประโยค ค. ทิวงคต ง. ศาสตราวุธ ๙. “ราชนิ ”ี สนธิกับ “อนสุ รณ์” จะได้คาใด ๔. ขอ้ ใดมคี านฤคหิตสนธิ ก. ราชนิ ีนุสรณ์ ข. ราชินยานุสรณ์ ก. สมาคม ข. นริ ภยั ค. ราชโิ นนุสรณ์ ง. ราชนิ ูนสุ รณ์ ค. ธันวาคม ง. คุณปู การ ๑๐. “วโนทยาน” ประกอบมาจากคาใด ๕. ข้อใดมีคาสนธทิ กุ คา ก. วิทยาธร ศิลปากร ก. สนธิจาก วนา + ทยาน ข. ราชดาเนนิ ราโชบาย ข. สนธิจาก วน + อุทยาน ค. ราชานุภาพ วทิ ยาลยั ค. สมาสจาก วนทฺ + ยาน ง. วิทยาศาสตร์ สญั ญา ง. สมาสจาก วโน + ทยาน ๖. ข้อใดมีคาสนธิทุกคา ก. จุฬาลงกรณ์ ธรรมศาสตร์ ข. สจุ ริต สทิ ธิบตั ร ค. สมั มาอาชพี กรรมกร ง. จราจร จราจล

316 324 ๓๒๔ ใบงานคาสมาสแบบสนธิ (พยัญชนะและนฤคหติ ) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ เรือ่ ง คาสมาสแบบมสี นธิ ๒ รายวิชาภาษาไทยพ้นื ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ คาสมาสแบบมีสนธิ๒ คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาหรือข้อความลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง .......................(พยัญชนะสนธ)ิ คือการเช่ือมคาดว้ ยพยัญชนะเปน็ การเชื่อมเสยี ง พยัญชนะในพยางคท์ า้ ย ของคาแรกกบั เสยี งพยญั ชนะหรือสระในพยางคแ์ รก ของคาหลงั สนธเิ ขา้ ด้วยวิธี .................... (โลโป) คือลบพยางคส์ ุดทา้ ยของคาหนา้ ทง้ิ นิรส + ภัย จะไดค้ าวา่ ............................. (นริ ภยั ) ทุรส + พล จะไดค้ าว่า ............................. (ทุรพล) สนธิเขา้ ด้วยวิธี ....................... (อาเสโท) คอื แปลงพยัญชนะทา้ ยของคาหนา้ เป็นสระ โอ แล้วสนธิ ตามปกติ มนส + ภาพ จะได้คาวา่ ............................. (มโนภาพ) รสห + ฐาน จะไดค้ าว่า ............................. (รโหฐาน) .........................(นฤคหติ สนธ)ิ คือ การเชื่อมคาด้วยนฤคหติ เป็นการเชื่อมเมือ่ พยางคห์ ลังของคาแรก เป็นนฤคหิตกบั เสยี งสระในพยางคแ์ รกของคาหลงั มี ..........(๓) วธิ ี คอื ๑. นฤคหิตสนธกิ ับสระ ใหเ้ ปลีย่ นนฤคหติ เปน็ ม แลว้ สนธิกนั ส + อาคม = สม + อาคม จะไดค้ าว่า ............................. (สมาคม) ส + อทุ ัย = สม + อุทัย จะได้คาว่า ............................. (สมุทยั ) ๒. นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะของวรรค ให้เปล่ียนนฤคหิตเป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของพยัญชนะในแต่ละวรรค ได้แก่ วรรคกะ เปล่ียนนฤคหิตเป็น ง วรรคจะ เปล่ียนนฤคหิตเป็น ญ วรรคตะ เปลี่ยนนฤคหิตเป็น น วรรคฏะ เปล่ียนนฤคหิตเป็น ณ วรรคปะ เปล่ยี นนฤคหิตเป็น ม ส + จร = สญ + จร จะไดค้ าวา่ ............................. (สัญจร) ส + ธาน = สน + ธาน จะไดค้ าวา่ ............................. (สันธาน) ๓. นฤคหติ สนธิกับพยัญชนะเศษวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิต เปน็ ง ส + สาร จะไดค้ าว่า ............................. (สงสาร) ส + หรณ์ จะไดค้ าว่า ............................. (สงั หรณ)์

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ เรื่อง ประโยคสามัญ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ เร่ือง สร้างคานาไปใช้ เวลา ๑ ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ขนั้ นา ๑. การแยกส่วนประกอบของประโยค ๑. บัตรคา ๒. การวเิ คราะหล์ กั ษณะของประโยคสามญั ๑. ครูนาบัตรคาตดิ ลงบนกระดานโดยเรยี งลาดับนี้ ๒. ใบความรู้เร่ืองประโยคสามญั ๓. การแต่งประโยคสามัญได้ ผหู้ ญงิ ชอบ ดอกไม้ ๓. ใบงานเรอ่ื ง แยกส่วนประกอบของประโยค จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน ด้านความรู้ ลม พดั แรง แยกสว่ นประกอบของประโยค นกั เรยี นอธบิ ายโครงสรา้ งของประโยค และ ลกั ษณะของประโยคสามญั ๒. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ วา่ ขอ้ ความท่ีตดิ บน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ กระดานนั้นเปน็ ประโยคหรือไม่ (เป็นประโยค เพราะเป็นขอ้ ความ นักเรยี นแยกส่วนประกอบ วเิ คราะหล์ กั ษณะ ทส่ี อ่ื สารกนั แล้วมใี จความครบถ้วน) ประโยค และแต่งประโยคสามัญได้ ๓. ครใู ชค้ าถามกระตุ้นความคดิ ดงั น้ี ดา้ นคุณลักษณะ - คาใดทาหน้าทีเ่ ป็นประธาน ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการทางาน และทางานเปน็ ทีม - คาใดทาหนา้ ทเี่ ป็นกริยา - คาใดทาหน้าทีเ่ ปน็ กรรม ขั้นสอน ๑. นักเรียนแบ่งกล่มุ ออกเปน็ กลมุ่ ละ ๔ คน เลือกประธานกลุ่ม รองประธานกลุ่มและเลขานกุ ารกลมุ่ แตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาเรอ่ื ง ความหมายของประโยค สว่ นประกอบของประโยคสามัญจากใบ คจาวกามใบรคู้ทวี่ ๑ามเรรทู้ ่ือ่ี ง๑ปเรอ่ื ะงโยปครสะาโยมคญั สามญั ๓๒3๕31275

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรื่อง ประโยคสามัญ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรอื่ ง สร้างคานาไปใช้ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ สอน(ต่อ) ๒. ครูขออาสาสมัครนกั เรยี นแตง่ ประโยคสามัญใหเ้ พ่อื นดบู น กระดานตามประเดน็ ที่กาหนด (กีฬา, อาหาร, โรงเรยี น) ๓. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ฝกึ ทาใบงานเร่อื ง แยกส่วนประกอบของ ประโยค จากนน้ั ให้นักเรียนส่งตัวแทนอธิบายความรเู้ รื่องประโยค สามญั พรอ้ มแยกสว่ นประกอบของประโยคสามัญ ๔. นักเรยี นกลุ่มอ่ืนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นและอภปิ รายถงึ ลักษณะของประโยคสามญั ทเ่ี พอื่ นนาเสนอ โดยมคี รเู ปน็ ผู้ให้ คใหาค้แ�ำนแะนนะานเพ�ำ เมิ่ พเม่ิตเมิ ตมิ ขน้ั สรปุ นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรปุ ความรเู้ รอ่ื งประโยคสามญั 31๓8๒3๖26

๓๒๗332179 การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงทต่ี อ้ งการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ สังเกตการตอบคาถาม แบบสงั เกตการตอบ ร้อยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นอธบิ ายโครงสร้างของ คาถาม สงั เกตการตอบคาถาม ถกู ต้องรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ประโยค และลักษณะของ ใบงาน ประโยคสามญั สังเกตพฤติกรรม ได้ระดับคณุ ภาพ ๒ แบบสงั เกต ทุกรายการขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น ด้านทกั ษะ/กระบวนการ พฤตกิ รรม นกั เรียนแยกส่วนประกอบ ด้านคุณลกั ษณะ วเิ คราะหล์ กั ษณะประโยค และแตง่ ประโยคสามัญได้ ด้านคุณลกั ษณะ ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการทางาน และทางานเป็นทีม ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ.............

๓3๒3๘2280 ใบงานเร่ือง การแยกส่วนประกอบของประโยค หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๔ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๕ เร่ือง ประโยคสามญั รายวิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ใบงาน เรอ่ื ง การแยกสว่ นประกอบของประโยค คาชแี้ จง : ให้นกั เรยี นแยกส่วนประกอบของประโยคตอ่ ไปน้ี ประโยค ประธาน กรยิ า กรรม ส่วนขยาย ๑. ฝนตกหนกั มาก ๒. ดนัยถูกคุณพ่อดุ ๓. นกบนิ บนทอ้ งฟา้ ๔. เบิรด์ ร้องเพลงเพราะมาก ๕. แก้วนา้ ตกแตก ๖. ไกข่ นั ตอนใกล้รงุ่ ๗. แมข่ องฉันซอ้ื กระเปา๋ ๘. เดก็ ผู้ชายชอบเลน่ ฟตุ บอล ๙. วีรภาพพดู กบั นอ้ ยอย่างสภุ าพ ๑๐. หนา้ หนาวปนี หี้ นาวมาก

๓๒๙3219 ใบความรู้เรอ่ื ง เร่ืองประโยคสามญั หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๕ เรือ่ ง ประโยคสามัญ รายวชิ าภาษาไทยพน้ื ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ประโยคสามัญ ประโยค คือข้อความที่สื่อสารได้เรื่องราว ทาให้รู้ว่าผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการบอกเล่าเรื่องอะไร โดยปกตปิ ระโยคประกอบด้วยขอ้ ความ ๒ ส่วน แต่ละส่วนเรยี กว่า วลี ทาหน้าท่เี ป็นสว่ นประกอบของประโยค ทส่ี าคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบของประโยคท่ีมีคานามเปน็ หลกั เรยี กวา่ นามวลี กับสว่ นประกอบของประโยคที่มี คากริยาเป็นหลัก เรียกว่า กริยาวลี นามวลีจะทาหน้าท่ีเป็นภาคประธาน ส่วนกริยาวลีจะทาหน้าท่ีเป็นภาค แสดง ประโยคจะประกอบดว้ ยภาคประธานและภาคแสดงโดยสมบูรณ์ คือประกอบด้วยนามวลี กับกริยาวลี หรือจะประกอบด้วยภาคแสดงหรือกริยาวลีแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้ แต่จะประกอบด้วยภาคประธาน หรอื นามวลีแต่เพยี งอย่างเดียวไม่ได้ ๑. ภาคประธาน คอื สว่ นท่ีเป็นผกู้ ระทาและอาจมสี ว่ นขยายหรือไมม่ กี ไ็ ด้ เช่น อรพรรณ กิน บะหมห่ี มแู ดง นักเรยี น เล่นเกมโดมิโนอยา่ งสนกุ สนาน ๒. ภาคแสดง คอื สว่ นทีบ่ อกอาการ หรือบอกสภาพขอประธาน อาจมีส่วนขยายหรอื ไมม่ กี ไ็ ด้ เช่น นอ้ งร้องไห้ นกพิราบบินบนทอ้ งฟ้า (ส่วนขยาย อาจเป็นคาหรอื กลมุ่ คาอยู่ในภาคประธาน อยใู่ นภาคแสดงก็ได้ ซ่ึงอาจเปน็ การขยาย กริยา ขยายกรรม หรอื ขยายส่วนเติมเต็ม) ประโยคสามัญ (เอกรรถประโยค) ประโยคทม่ี ีใจความสาคญั เพยี งใจความเดียว มปี ระธานตัวเดยี ว มี มกี รยิ าตวั เดียว จะมีกรรมมาขยายหรือไมม่ กี ไ็ ด้ เชน่ - แกว้ แตก - ฝนตกหนกั - นา้ ผ้ึงไปซื้อกระเป๋าที่สาเพ็ง - ควายกินหญ้า - ฉนั อา่ นหนงั สอื

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๖ เร่อื ง ประโยครวม ๑ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ เรือ่ ง สร้างคานาไปใช้ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ขน้ั นา ๑. แถบประโยค การวิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยครวม ๒. ใบงานเรือ่ ง โครงสรา้ งของประโยครวม ภาระงาน/ช้นิ งาน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. ครูตดิ แถบประโยค “แย่แลว้ ” อา่ นออกเสียงใหฟ้ งั และให้ อธิบายลกั ษณะ วิเคราะห์และแยก ดา้ นความรู้ นกั เรียนตอบคาถามว่าประโยคทค่ี รูพดู ตอ้ งการสือ่ ถงึ อะไร และมี โครงสร้างประโยครวม นกั เรยี นอธบิ ายลักษณะของประโยครวมได้ ใจความสมบูรณห์ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด จากนนั้ ครสู มุ่ เรียกนกั เรียน ด้านทักษะและกระบวนการ ๒-๓ คน ออกมาแสดงความคิดเห็นทห่ี นา้ ชั้นเรียน (นักเรียนตอบ ๑. นักเรียนจาแนกประโยครวมได้ ว่า...ครูต้องการสอื่ ใหเ้ หน็ ว่าครูกาลังตกใจ ถอื วา่ ๒. นกั เรียนวิเคราะหโ์ ครงสร้างของประโยครวม ยงั มีใจความไมส่ มบรู ณ์ เพราะไม่มรี ายละเอียดวา่ อะไรทแ่ี ย่) ได้ ขั้นสอน ดา้ นคุณลกั ษณะ ๑. นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายความรู้เรอื่ ง ประโยครวม ใฝ่เรยี นรแู้ ละมีความสามารถในการคิด ๒. ครตู ดิ แถบประโยคดังต่อไปนบี้ นกระดาน ครูประจกั ษใ์ จดีแตต่ เี จบ็ ไม่แตงโมก็น้อยหนา่ จะต้องไปพดู หน้าหอ้ ง เพราะหัวหนิ เปน็ เมืองท่องเท่ียวจงึ มชี าวต่างชาติมา เท่ียวมาก เม่อื เลกิ เรยี นฉันจงึ กลบั บ้าน ๓. นักเรียนช่วยกันวเิ คราะหว์ ่าประโยครวมท่ีครูยกตัวอยา่ ง ประกอบไปด้วยประโยคสามัญอะไรบา้ ง ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ๓3๓3๐2320

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ เรื่อง ประโยครวม ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เร่ือง สรา้ งคานาไปใช้ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวชิ าพื้นฐานภาษาไทย กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นสรปุ ๑. นกั เรยี นทาใบงานเรอ่ื ง โครงสร้างของประโยครวม โดยให้ แยกโครงสร้างของประโยคท่ีกาหนดให้ ๒. นกั เรียนออกมาเฉลยคาตอบท่หี น้าช้นั เรยี น เพอ่ื นนกั เรยี น ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ครูอธบิ ายเพม่ิ เติม ๓. ร่วมกันสรุปเร่ืองประโยควา่ สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ น ชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร 323

๓3๓๒3224 การวัดผลและการประเมินผล ส่งิ ทต่ี ้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ สงั เสกงัตเกกาตรกตาอรบตคอ�ำ บถคาามถาม แบบแสงบั เบกตสงั เกต รอ้ ยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ มีความร้คู วามเขา้ ใจเรอื่ ง กากรตารอตบอคบ�ำ ถคามถาม ประโยครวม สสงั เงั กเกตตกจาราตกอกบารคต�ำ อถบามคาถาม ใบงาน ใบงาน รอ้ ยละ ๘o ผา่ นเกณฑ์ การปกราะรเปมนิระใบเมงินานใบงาน ด้านทักษะ/กระบวนการ ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ๑. นกั เรยี นจาแนกประโยค สังเกตพฤติกรรม ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ๘o ขน้ึ ไป รวมได้ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ได้ระดบั คุณภาพ ๒ ๒. นักเรียนวิเคราะห์ โครงสร้างของประโยครวม แบบพสฤงัตเิกตรรพมฤดตา้ กิ นรรม ไทดุกร้ ระาดยบั กคาณุ รขภ้นึ าไพป๒ถอื วา่ ผ่าน ได้ ดา้ นคณุณลลกั ักษษณณะะ รายการขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น ด้านคุณลกั ษณะ ๑. ใฝเ่ รียนรู้ ๒. ม่งุ มน่ั ในการทางาน .๘......บ..ผ.นั ..ลท..ก.ึก..าผ..ร.ล.เ.รห..ยี .ล.น.ัง..รส..ู้อ...น..............ส..งั..เ.ก..ต...พ..ฤ...ต..กิ..ร..ร..ม.........แดพ..บา้.ฤ.น.บต..คกิส..ณุ.รงั .เร.ล.กม.ก.ัต..ษ..ณ....ะ..........ไรผ..ดาา.่ .ร้ยน..ะก..ด.า.บั.ร.ข.ค.น้ึ.ณุ ..ไ.ภป...า.ถ.พ.อื...๒ว..า่ ................................ ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............

๓๓๓33235 ใบงานเร่อื ง โครงสร้างของประโยครวม หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง ประโยครวม ๑ รายวชิ าภาษาไทยพน้ื ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โครงสร้างของประโยครวม คาช้ีแจง ให้นักเรียนแยกโครงสรา้ งของประโยคต่อไปน้ใี หถ้ กู ต้อง ๑. นา้ ผ้ึงจะไปรา้ นหนังสอื แต่ผกั กาดจะไปตลาดนัด ๒. หนุ่ม หงส์ และบีไปชมละครเวที ๓. ครมี อา่ นหนงั สือทุกวันดงั นนั้ ครมี จงึ สอบผา่ นทกุ วชิ า ๔. เธอจะเรยี นสายสามญั หรอื สายอาชวี ศึกษา ๕. เพราะเขาซกุ ซนจงึ ได้รับบาดเจ็บ ช่อื -สกลุ ................................................................................ชนั้ ............................เลขท่.ี ...................

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๗ เร่อื ง ประโยครวม ๒ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรื่อง สร้างคานาไปใช้ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรียนรู้ การสรา้ งประโยครวม ขั้นนา ๑. บัตรคาเชื่อม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสังเกตประโยคทค่ี รเู ขยี นบนกระดาน ๒. ใบงานเรื่อง ประโยคสามญั รว่ มใจใฝ่รู้ ด้านความรู้ นักเรียนอธบิ ายหลกั การสรา้ งประโยครวม “ตกั๊ เปน็ ดาราและนักรอ้ ง” และ “เธอจะกนิ ขา้ วหรอื ขนม” ภาระงาน/ช้นิ งาน ด้านทกั ษะและกระบวนการ ๑. นกั เรยี นระบุหลกั การลกั ษณะของประโยค จากนน้ั ชว่ ยกนั บอกวา่ ทง้ั สองประโยคมลี ักษณะสาคัญอย่างไร แตง่ ประโยคความรวม รวมได้ (ประโยคแรกคลอ้ ยตามกัน ประโยคทสี่ องเลือกอยา่ งใดอย่างหน่งึ ) ๒. นักเรยี นแตง่ ประโยครวมได้ถกู ตอ้ ง ด้านคุณลกั ษณะ ข้นั สอน มุ่งม่นั ในการทางานและเขยี นสอื่ สารอยา่ ง ๑. นักเรียนฟงั ครูอธบิ ายเรอ่ื งชนิดของประโยค ไดแ้ ก่ สรา้ งสรรค์ ๑.๑ ประโยครวมที่มีเนอื้ ความคล้อยตามกันจะมีสนั ธานที่ แสดงลาดบั การกระทาก่อนหลงั เชน่ และ แล้ว แล้ว….ก็ พอ…ก็ ครน้ั ..จงึ ฯลฯ เช่น พอฟา้ ร้เู รอ่ื งผลสอบเธอกด็ ใี จมาก ๑.๒ ประโยครวมท่ีมีเน้อื ความขัดแยง้ จะมีสันธาน แต่ แต่ ทวา่ กวา่ …ก็ แมว้ า่ เป็นตัวเชอ่ื ม เชน่ กว่าถ่ัวจะสกุ งากไ็ หม้ ๑.๓ ประโยครวมท่มี ีเนอ้ื ความใหเ้ ลือกอย่างใดอยา่ ง จะมี สันธาน หรือ หรอื ไม่ก็ มิฉะน้ัน…ก็ ฯลฯ เป็นตัวเชอื่ ม เช่น พรุ่งนเี้ ธอจะทารายงานหรอื ไม่ ๑.๔ ประโยครวมท่ีมีเน้ือความเป็นเหตุผล จะมสี นั ธาน จึง ฉะนนั้ ดงั นั้น เพราะฉะนนั้ เป็นตวั เชอ่ื ม เชน่ เพราะเราเป็นเพ่อื น กนั เราจึงช่วยเหลอื กันเสมอ ๓๓3๔3246

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๗ เรื่อง ประโยครวม ๒ เวลา ๑ ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรอ่ื ง สรา้ งคานาไปใช้ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย ขัน้ สรปุ ๑. นักเรียนทาใบงาน เรือ่ ง ประโยครวมรว่ มใจใฝร่ ู้ ๒. ตวั แทนนกั เรยี นออกมาเฉลยคาตอบของตนเองทห่ี นา้ ชัน้ เรยี น โดยครูและเพ่ือนชว่ ยตรวจสอบความถูกตอ้ ง 327

๓3๓3๖2386 การวัดผลและประเมนิ ผล ส่งิ ที่ต้องการวัด/ประเมนิ วิธกี าร เคร่อื งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สงั เกตการตอบคาถาม ร้อยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นอธบิ ายหลกั การสร้าง สังเกตการตอบคาถาม แบบสงั เกตการตอบ รอ้ ยละ ๘o ผา่ นเกณฑ์ ประโยครวม คาถาม สังเกตพฤติกรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ ใบงาน ถกู ต้องรอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ๑.นกั เรียนระบหุ ลักการ ลกั ษณะของประโยครวมได้ แบบสงั เกต ไดร้ ะดบั คณุ ภาพ ๒ พฤตกิ รรมด้าน ทุกรายการขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น ๒.นกั เรียนแต่งประโยครวมได้ คณุ ลักษณะ ถกู ตอ้ ง ด้านคุณลกั ษณะ มงุ่ มั่นในการทางานและเขยี น สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ 8. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรอื ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชือ่ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

๓๓๗33279 ใบงานเรือ่ ง ประโยครวมรว่ มใจใฝร่ ู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ ๓๓๗337 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๗ เรอื่ ง ประโยครวม ๒ 7ค3าค3ชา้ีแ๗ช๓จ้ีแ๓งจงใหใน้ หกั น้ เรักียรเรนา๒ยีรสนาวรที่ ยสชิ้าปี วงราปาิช้าภใษง๔รบาาปะกภงษที่รโศึาายาแะรู้นษมไค๒โผนเทยยารรนยไธคยมว่อื ทกรีัมมรพวงเายวนรชรืน้รปมพาคนช้ัฐจชกรื้นยดิาัดะนยโฐลน๑กโะวดิาะยารน่ลทนที่ครป๓ะห๒เนรทรงว๒๓ปยยี๒อมปู้รรี๑รน๒รื่ฝ่ปรเระ๐รคเว่ใ๑ะรโทู้๑จายมโะ๐๗ภ่ียใคโใ๗๑มยภคจคที่๑ควารใยภรู้ฝค่ร๐วเโรนามมเ่ระ๑อ่ืรคยู้วร๒ียงเีรรปหรน๒เคปยีรนท๓ทยารน่วี่โะกท๑ะยนะโดลรกี่ยาัจ๑ปดาฐคชรนิรนร้ันางเชชว้ืพรอกมมม้ันยียน่รืธั วนเมทผย๒นรรัธไแมคาูท้ายศยงษ่ีมบโึก๔าะศษใภรึกาปาษปชงาาทีวิ ป้ร่ียสีท๒าน่ีร๒ยีรเกัน้หใ งจแ้ีชาค เนือ้ ความคล้อยตามกัน ประโยคมรววรมคยโะรป เนื้อความขดั แยง้ กนั ...เ.น...้อื ..ค...ว..า..ม...ค..ล..อ้...ย..ต...า..ม..ก...ัน............... .เ..น..ือ้...ค..ว..า.น.ม..ัก.ข.ม..ัด.า.แ.ต.ย.ย..ง้ อ..ก.้ล.ัน.ค...ม..า..ว..ค...อ..น้ื...เ.... .................................................................................................มเ...................ฉ...................ีเ.................................................ลนมเ...........................................ฉ.......................ย...........ื้อีเ................................................................ลน.............................................ค.................................................ย.......................อ้ื.........................ว.....................(...................................................................พค...........................า.........................................................................ว......................(....................ม.จิ...................................................พ.............................น.า.........................าใ..................................................................................................ม.ิจ.ห....กั....ร........................................................................................................า.ใ..ณ.....................ง.เ้...........................................................................ล.ห.......ร.....................ย้..............................................................................า.......อื.ณ....................ล...เ้....................แ..................................................ล..ต.............................ก.................ผ...ด...........................................า....ือ.....................า......................อ...ุต.....................ัข................ต.....................ม...ก......................................ย....................ห..ม...................า....................ผ.อ........................................า่.....................เม....................า.....................ย..ลน..................ง........................................ว.ผ........................................า่ใ.ง...ป.็......................................ค....................ด..ล................า..ง.........................................เ.......................อ................ใ..อนง..ม...........................................................ด...................นา..ื้...ย...................ข.........า.................................อน...................เ...า่........ว..อ.................................ย.................ข.ง..ค......................ง..........................่าห.....อ......น.............อ..............................ง........น..................ง...น.ื้.ัก....................ห............น................่ึง.........เเ....................น................ร...ัก.......................ย.ี.่ึง........เ..............ร..น.................ย.ี...................นโ..........ด.........โย...ดใหยสใอ้ รหรย)ส้วาน้อู่ใรงมรนยอ^้วปางูใ่สดงม_่มราน^ปู้ผลุย_งะาวด_่ยรูรนาวโ_ยลุยยค_ะพค_ดิีดยคนโ_ง^คนิเ^ยเพอดค_ดดิยจิค_ข^ยีวินิเนโขด_คะวจาจิยอ_ยมีวรินขา_งวาปงพิ่อมค^งมงยราวคลผูร้ รรุดสสู้ ูผนอสู้ นใอ่ยู )อนห้) ใ..........ย..................................................ด...........................................................งโ....................เ..........................................................น่ึ.......................................น.......................................ือ้ห....................เ..........................................................นย.......................................คง.......................................รี..้ือ.....................................า.ว.....................................เ........................................ค.่ย....ก.า....................................................................................ว....อ................ม...................นั......................................................า...................................ด...เ....ง.............................................ป..................ม............................อ.ใ................................................................................................ง..็..เน.............................................ข............ป............................................า...................................................เ.........น...............................................่ย.ห..็..น....................................................................................................า.......อ.........................ต...................เ........................................................ง.ห...............................ก.........................ผุ..............................................ล...................................ต......................อ...........ล...............................................ผ...................................................ุผ....ื.ล..............................................................................................ม...............ล........................................เ.........................................................ห.้..า...........................................................................................................ต..........................ใ..................................................................................ม........................า.............................................................................................................................ณ..า..........................................................................................................ว..........................................................ร...............................................ค.............................า..................................อ.......................จ........................................น..้ื..............พิ......................................เ....................(....ีม..............................................................ย..................ล......

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๘ เร่อื ง ประโยคซอ้ น ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรอ่ื ง สร้างคานาไปใช้ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเน้ือหา สือ่ /แหล่งเรียนรู้ การแตง่ ประโยคซอ้ น กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. แถบประโยค ขั้นนา ๒. บัตรคา จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓. ใบความรู้ เรอื่ งประโยคซอ้ น ดา้ นความรู้ ๑. ครูให้นกั เรยี นวิเคราะห์โครงสรา้ งประโยค ภาคประธานและ ๔. ใบงาน เรอ่ื ง พิจารณาประโยคความซ้อน ภาคแสดง จากแถบประโยคทกี่ าหนดให้ ภาระงาน/ช้นิ งาน นกั เรียนอธบิ ายลักษณะของประโยคซอ้ น อธบิ าย สรุปลักษณะ และแต่งประโยคซ้อน ด้านทักษะและกระบวนการ ๒. ครูจดั กลมุ่ นกั เรียนกล่มุ ละ ๕ คน แลว้ แจกบัตรคาให้ ได้ นกั เรยี นคนละ ๑ บตั รคา จากนน้ั คาท่ไี ด้มาแตง่ เปน็ ประโยคท่ี ๑. นกั เรยี นสรปุ ลกั ษณะประโยคซอ้ นได้ถูกตอ้ ง สมบรู ณ์ ๒. นักเรียนแตง่ ประโยคซอ้ นไดถ้ ูกต้อง ด้านคุณลกั ษณะ ใฝเ่ รียนรู้ และมจี ติ สาธารณะ ๓3๓3๘3380

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๘ เรอ่ื ง ประโยคซอ้ น ๑ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เรอ่ื ง สรา้ งคานาไปใช้ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สอน ๑. นกั เรียนศกึ ษาใบความร้เู รอ่ื ง ประโยคซอ้ น ๒. ครูซกั ถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจในบทเรยี น และอธบิ าย ความรู้เพม่ิ เติมใหแ้ กน่ ักเรยี น ๓. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ทาใบงาน เร่อื ง พิจารณาประโยค ความซอ้ น ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลย และให้คาแนะนาเพมิ่ เตมิ กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นสรุป นกั เรียนและครรู ่วมสรุปลกั ษณะของประโยคซ้อน และ ประโยชนข์ องการนาไปโยชน์ความซ้อนไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ครู อธบิ ายเพ่มิ เตมิ และ 331 ๓๓๙339

๓3๔3๐3420 การวัดผลและประเมินผล สิ่งทีต่ อ้ งการวัด/ประเมนิ วิธีการ เครื่องมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นกั เรียนอธบิ ายลักษณะของ สงั เกตการตณอ์ตบอคบ�ำ คถามถาม แบบสแงับเบกตสงั เกต รอ้ ยรล้อะยล๘ะo๘ผ๐า่ นผเา่กนณเฑกณ์ ฑ์ ประโยคซ้อน ตรวจใบงาน กากรตารอตบอคบ�ำ ถคามถาม ตรวจใบงาน ใบงาน ใบงาน ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ๑.นกั เรยี นสรปุ ลกั ษณะ สงั เกตการตณอ์ตบอคบ�ำ คถามถาม ใบงานคาถาม ถกูถตูกอ้ตง้อรงอ้ รย้อลยะละ๘o๘๐ขน้ึ ขไนึ้ปไป ประโยคซอ้ นไดถ้ ูกต้อง การปรตะรเวมจนิ ใใบงาน ใบงาน ๒.นกั เรียนแตง่ ประโยคซอ้ นได้ ถกู ตอ้ ง ด้านคุณลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ สงั เกสตังพเกฤตตพกิ ฤรตรมิกรรม แบบสแงั บเกบตสพงั ฤเกตตกิ รรม ไดร้ ะไดดบั ร้ คะณุดับภคาพุณภ๒าพ ๒ ดา้ นพคฤณุ ตลิกกั รษรมณดะา้ น รทาุกยรกายรกขน้ึารไปขึ้นถไอืปวา่ถผือา่ วนา่ ผา่ น คุณลักษณะ ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ....................................................................................................................................................................... .... ลงชอ่ื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ.............

๓๔๑33431 ใบความรู้เรอ่ื ง ประโยคซอ้ น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๘ เร่อื ง ประโยคซอ้ น ๑ รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ประโยคซ้อน คือประโยคทมี่ เี ล็กๆ ประกอบอยดู่ ว้ ย ประโยคเลก็ ๆ มีคาเช่ือม เช่น ที่ ซึ่ง อัน ว่า ฯลฯ นาหน้า คาเช่ือมเหล่าน้ีรวมกับประโยคเล็กๆ เรียกว่า อนุประโยค คาเชื่อมเหล่านี้จึงเรียกว่า คาเช่ือม อนปุ ระโยค ในประโยคซ้อนต้องมีอนุประโยคอยู่ด้วยเสมอ อนุประโยคอาจใช้เป็นส่วนหน่ึงของประโยคซ้อน หรือใช้ขยายส่วนใดสว่ นหนงึ่ ของประโยคซอ้ นก็ได้ เชน่ ตัวอย่าง ครตู าหนนิ ักเรียน (ประโยคสามญั ) เพม่ิ ประโยคย่อยมาขยายเป็น ประโยคหลกั คือ “ครตู าหนินักเรยี น” ครตู าหนินกั เรียนท่คี ุยกัน ประโยคย่อย คือ“ที่ (นกั เรียน) คยุ กนั ” องคป์ ระกอบของประโยคซ้อน ประโยคซ้อนประกอบดว้ ยสว่ นประกอบ ๒ สว่ น คอื ๑. ประโยคหลกั ๒. ประโยคยอ่ ย ประโยคหลัก (มุขยประโยค) คอื ประโยคหวั หน้าหรือประโยคหลัก เป็นประโยคสาคัญซึ่งจะขาดไม่ได้ และมไี ด้เพยี งประโยคเดียวตอ่ หนึ่งประโยคเทา่ นน้ั ดงั ตวั อย่างท่พี มิ พต์ วั หนาตอ่ ไปน้ี องคป์ ระกอบของประโยคซ้อน ประโยคซ้อนประกอบดว้ ยสว่ นประกอบ ๒ ส่วน คอื ๑. ประโยคหลกั ๒. ประโยคย่อย ประโยคยอ่ ย (อนปุ ระโยค) คือประโยคเลก็ ทที่ าหน้าท่ีแตง่ มขุ ยประโยคให้ได้ความดีขนึ้ แบง่ ออกเป็น ๓ ชนิด คือ ๑. นามานปุ ระโยค ๒. คณุ านปุ ระโยค ๓. วิเศษณานปุ ระโยค นามานปุ ระโยค คือ ประโยคย่อยทที่ าหน้าทีค่ ล้ายกับนาม อาจเป็นบทประธาน บทกรรม หรอื บท ขยายก็ได้ มักเชอ่ื มดว้ ยคา “ว่า” “ให้” “สาหรบั ” “ของ” บางทีก็ไมม่ ีตัวเชื่อม เช่น ๑. ทาหนา้ ท่เี ป็นบทประธาน คือ ทาหนา้ ทเ่ี ป็นบทประธานหรอื ภาคประธานของมุขยประโยค ตัวอยา่ ง ภราดรเล่นเทนนสิ ถูกใจคนดู - ภราดรเล่นเทนนสิ (ประโยคยอ่ ยทาหน้าที่เปน็ บทประธานของประโยคหลกั ) - ภราดรถูกใจคนดู (ประโยคหลัก) ๒. ทาหน้าท่เี ป็นบทกรรม คือ ทาหนา้ ทีเ่ ปน็ บทกรรมของมุขยประโยค ตัวอย่าง ฉันเห็นตารวจไลจ่ บั ผรู้ ้าย - ฉนั เหน็ ตารวจ (ประโยคหลกั กรรมของประโยคหลกั คือ ตารวจ) - ตารวจไลจ่ บั ผรู้ ้าย (ประโยคย่อยทาหนา้ ท่ีเป็นกรรมของประโยคหลกั )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook