๔๒4324 ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง หนว่ ยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรอื่ ง การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง (๒) รายวิชา ภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาที่ ๒ คําชแ้ี จง นกั เรียนขดี เส้นแบ่งจังหวะการอา่ นและอ่านกลอนสภุ าพท่ีกาํ หนดใหต้ อ่ ไปน้ีใหถ้ กู ตอ้ ง อนั ชาติใดไรศ้ านตสิ ขุ สงบ ต้องมวั รบราญรอนหาผอ่ นไม่ ณ ชาตนิ น้ั นรชนไม่สนใจ ในศิลปะวไิ ลละวาดงาม แตช่ าตใิ ดรงุ่ เรืองเมอื งสงบ วา่ งการรบอริพลอนั ล้นหลาม ยอ่ มจํานงศลิ ปาสงา่ งาม เพอื่ อรา่ มเรืองระยับประดบั ประดา อันชาติใดไร้ชา่ งชํานาญศลิ ป์ เหมือนนารนิ ไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า ใครใครเหน็ ไมเ่ ป็นทจ่ี ําเริญตา เขาจะพากันเย้ยใหอ้ บั อาย ศิลปกรรมนาํ ใจให้สร่างโศก ชว่ ยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหอื ดหาย จาํ เรญิ ตาพาใจใหส้ บาย อกี ร่างกายก็จะพลอยสขุ สราญ แมผ้ ใู้ ดไมน่ ิยมชมส่ิงงาม เมื่อถงึ ยามเศร้าอรุ านา่ สงสาร เพราะขาดเคร่ืองระงับดับราํ คาญ โอสถใดจะสมานซึง่ ดวงใจ เพราะการชา่ งนีส้ ําคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทงั้ นอ้ ยใหญ่ จึงยกยอ่ งศลิ ปกรรมน์ ้นั ท่วั ไป ศรวี ิไลวลิ าศดีเปน็ ศรีเมือง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ท่มี า: บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน วศิ วกรรมา หนังสอื วรรณคดวี ิจกั ษร์ ะดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
๔๓ 3435 แบบประเมิน การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ระดบั คณุ ภาพ ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรบั ปรงุ ) เกณฑก์ ารประเมิน อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อ่านออกเสยี ง อ่านออกเสยี ง อ่านออกเสยี ง บทรอ้ ยกรองประเภท ได้ถกู ต้อง ได้ถกู ตอ้ ง ได้ถกู ต้อง ได้ถูกตอ้ ง กลอนสภุ าพ ตามอกั ขรวธิ ี ตามอกั ขรวิธี ตามอกั ขรวธิ ี ตามอกั ขรวิธี ดว้ ยทํานองเสนาะ เสยี งดังชัดเจน เสยี งดังชัดเจน เสยี งดงั ชดั เจน เสยี งดงั ชัดเจน เว้นจังหวะเหมาะสม เวน้ จงั หวะเหมาะสม เวน้ จังหวะเหมาะสม แต่ยังต้องปรบั ปรงุ สามารถทอดเสยี ง มกี ารทอดเสียง พยายามทอดเสยี ง เร่อื งการเวน้ จังหวะ เออื้ นเสยี ง เอือ้ นเสยี ง เออ้ื นเสียง และทว่ งทํานอง และใชน้ ํ้าเสียง และใชน้ ํ้าเสยี ง และใชน้ า้ํ เสียง ในการอา่ น แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ ไดไ้ พเราะ ในบางจังหวะไดด้ ี ในบางจงั หวะ แต่ยังทาํ ไดไ้ มด่ ีนัก เกณฑก์ ารตดั สิน ดีมาก ระดับคุณภาพ ๔ หมายถงึ ดี ระดบั คณุ ภาพ ๓ หมายถึง พอใช้ ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ ปรบั ปรุง ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถึง เกณฑก์ ารผ่าน ต้ังแต่ระดบั พอใช้ ขน้ึ ไป
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 เร่อื ง การทอ่ งจําบทอาขยาน เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรื่อง ร้อยเรยี งขบั ขาน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ขอบเขตเนือ้ หา รายวิชาภาษาไทย สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ 1. หลกั การทอ่ งจาํ บทอาขยาน 1. บทอาขยาน เร่ือง บทเสภาสามัคคี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ เสวก ตอน วศิ วกรรมา ด้านความรู้ ขนั้ นาํ 2. ใบความรู้ เรื่อง การท่องจําบทอาขยาน 1. บอกความหมายของอาขยานได้ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาถงึ บทเพลงท่ีนกั เรยี นชืน่ ชอบและ ภาระงาน/ชิ้นงาน 2. บอกวัตถุประสงค์ของการทอ่ งอาขยานได้ อยู่ในความทรงจําพร้อมทง้ั บอกเหตุผลท่ชี ่ืนชอบและจดจาํ บทเพลง 1. ทอ่ งจําบทอาขยาน เรอ่ื ง บทเสภา 3. อธบิ ายประโยชนข์ องการทอ่ งจําบทอาขยานได้ นน้ั ๆ จากนั้นครูจึงกล่าวเชอ่ื มโยงเขา้ ส่บู ทเรยี น สามคั คีเสวก ตอน วิศวกรรมา ด้านทกั ษะและกระบวนการ ขัน้ สอน 4. ทอ่ งจาํ บทอาขยาน เรือ่ ง เสภาสามคั คีเสวก 1. นักเรยี นแบง่ กล่มุ 4 กลมุ่ ศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื ง การท่องจาํ ตอน วิศวกรรมาได้ บทอาขยาน แลว้ ระดมความคิดชว่ ยกนั ตอบคาํ ถามต่อไปน้ี ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 2. ครสู มุ่ ถามนกั เรียนในประเด็นดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ - ความหมายของอาขยาน ๒. มวี ินยั - วตั ถุประสงค์ของการท่องอาขยาน ๓.ใใฝฝ่เรเ่ รียียนนรรู้ ู้ - ประโยชน์ของการทอ่ งจาํ บทอาขยาน ๔. ม่งุ มน่ั ในการทํางาน 3. ครตู ิดแถบบทประพันธจ์ ากเร่ืองบทเสภาสามัคคีเสวก ๕. รกั ความเปน็ ไทย ตอน วิศวกรรมา บนกระดาน ดังน้ี ๖. มีจิตสาธารณะ “อันชาติใดไร้ศานติสขุ สงบ ตอ้ งมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่ 7. มีมารยาทในการอ่าน ณ ชาตินัน้ นรชนไม่สนใจ ในกิจศลิ ปะวิไลละวาดงาม 8. มีความตระหนกั ในคณุ ค่า และมีเจตคตทิ ด่ี ตี อ่ แตช่ าติใดรุ่งเรืองเมอื งสงบ วา่ งการรบอริพลอันลน้ หลาม วชิ าภาษาไทย ย่อมจํานงศิลปาสงา่ งาม เพ่ืออรา่ มเรืองระยบั ประดับประดา ๔๔4346
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 เรอื่ ง การท่องจําบทอาขยาน เวลา ๑ ช่วั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง ร้อยเรยี งขบั ขาน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ รายวชิ าภาษาไทย อันชาตใิ ดไรช้ ่างชาํ นาญศลิ ป์ เหมอื นนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า ใครใครเหน็ ไม่เปน็ ที่จาํ เริญตา เขาจะพากนั เย้ยให้อบั อาย ศลิ ปกรรมนําใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย จาํ เริญตาพาใจให้สบาย อกี รา่ งกายก็จะพลอยสุขสราญ แมผ้ ใู้ ดไม่นิยมชมสิง่ งาม เม่ือถึงยามเศร้าอรุ านา่ สงสาร เพราะขาดเคร่ืองระงับดบั ราํ คาญ โอสถใดจะสมานซึง่ ดวงใจ” 4. นักเรยี นอ่านบทประพันธ์เป็นทํานองธรรมดาและทาํ นองเสนาะ อยา่ งละ 1 รอบ จากน้ันครเู สนอแนะทว่ งทาํ นองการแบ่งวรรค การอา่ นทาํ นองเสนาะและการใช้เสยี งสงู ตา่ํ 5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ฝึกทอ่ งจําบทอาขยาน เรือ่ งเสภาสามัคคี เสวก ตอน วิศวกรรมา โดยสลับกันทอ่ งใหเ้ พือ่ นฟงั ๖. ครูแจ้งกําหนดการสอบท่องจําบทอาขยานหลักให้นักเรยี นทราบ ขนั้ สรปุ 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ในประเดน็ ดังต่อไปนี้ - ความหมายของอาขยาน - วัตถุประสงค์ของการทอ่ งอาขยาน - ประโยชนข์ องการทอ่ งจาํ บทอาขยาน 3๔๕7 45
๔๖46 38 การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ สง่ิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ การถาม คําถาม ตอบคําถาม ได้ถูกตอ้ ง ร้อยละ 8๐ ด้านความรู้ การประเมิน ผา่ นเกณฑ์ 1. บอกความหมายของอาขยาน การสงั เกต ได้ แบบประเมนิ ร้อยละ ๘๐ 2. บอกวัตถปุ ระสงค์ของการ การทอ่ งจําบทอาขยาน ผ่านเกณฑ์ ทอ่ งอาขยานได้ 3. อธบิ ายประโยชน์ของการ แบบสงั เกตคณุ ลักษณะ ระดับคุณภาพ ๒ ทอ่ งจําบทอาขยานได้ อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ 1. ท่องจาํ บทอาขยาน เร่ืองเสภาสามคั คีเสวก ตอน วิศวกรรมาได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๑. ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ ๒. มวี ินัย ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๔. ม่งุ ม่ันในการทาํ งาน ๕. รกั ความเปน็ ไทย ๖. มีจติ สาธารณะ 7. มมี ารยาทในการอา่ น 8. มคี วามตระหนักในคณุ ค่า และมเี จตคติทดี่ ตี ่อวิชา ภาษาไทย
๔๗ 4379 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผ้สู อน (.........................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผ้ตู รวจ (...........................................................) วนั ท่.ี .........เดือน..........พ.ศ.............
40 ๔๘48 ใบความรู้ที่ ๑ เรื่อง การท่องจาํ บทอาขยาน หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๕ เรื่อง การทอ่ งจาํ บทอาขยาน รายวิชา ภาษาไทย ๔ รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาท่ี ๒ การทอ่ งจาํ บทอาขยาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕4 ให้นิยามคําว่า \"อาขยาน\" ไว้ว่า บทท่องจํา การบอกเล่า การบอก การสวด เรื่อง นิทาน \"อาขยาน\" อ่านออกเสียงได้ ๒ อย่าง คือ อา - ขะ - หยาน หรอื อา - ขะ -ยยาานน กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายกําหนดให้มีการท่องอาขยานอย่างจริงจังในสถาน ศึกษาตั้งแต่ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๔๒ เปน็ ตน้ ไป โดยมวี ัตถปุ ระสงคข์ องการทอ่ งอาขยาน ดังน้ี ๑. เพื่อให้นักเรยี นตระหนักในคุณคา่ ของภาษาไทย และให้ซาบซึ้งในความไพเราะของบทร้อยกรอง ๒. เพ่อื เป็นพ้นื ฐานในการแตง่ คําประพันธ์ ๓. เพอ่ื เปน็ การส่ือในการถ่ายทอดคุณธรรม คติธรรม และขอ้ คิดทเี่ ป็นประโยชน์แก่เยาวชน ๔. เพือ่ ส่งเสริมให้มจี ิตสาํ นกึ ทางวฒั นธรรมของคนในชาตใิ นฐานะ \"รากรว่ มทางวฒั นธรรม\" ประโยชนข์ องการทอ่ งจําอาขยาน การท่องจําบทอาขานเปรียบเสมือนเป็นบันไดข้ันแรกท่ีนําไปสู่การคิด เม่ือมีข้อมูลตัวอย่างที่ดีซึ่งเป็น คลังความรู้ที่เราเก็บไว้กับตัว ต้องการใช้เมื่อใดเราก็สามารถนําออกมาใช้ได้ทันที นอกจากน้ันการท่องจํา บทอาขยานยังเป็นพื้นฐานท่ีนําไปสู่การเลือกจําบทประพันธ์ที่มีคุณค่าท้ังในเชิงภาษาและเน้ือหาท่ีเราได้พบ ในชวี ิตประจาํ วันอีกดว้ ย การท่องจาํ บทอาขยานมปี ระโยชน์ สรปุ ได้ดังนี้ 1. ชว่ ยใหเ้ กดิ ความซาบซง้ึ ในเรือ่ งท่ีอา่ น 2. ฝกึ การคดิ วิเคราะห์และประเมนิ คา่ เร่อื งท่ีอา่ น 3. เป็นตวั อย่างการใชภ้ าษาที่ไพเราะ 4. ช่วยใหม้ คี ติประจาํ ตวั สอนใจใหไ้ ดร้ ะลกึ ถงึ คุณธรรมทีไ่ ด้จดจํา 5. ช่วยกล่อมเกลาและจรรโลงใจให้มีความประณีตมากข้ึน 6. เปน็ ตัวอย่างการแต่งคําประพันธต์ ามรปู แบบท่ไี ดท้ อ่ งจํา 7. ไดร้ บั ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน 8. สามารถนําไปใช้อ้างองิ ในงานตา่ ง ๆ ได้ ปรับปรงุ มาจาก www.thaigoodview.com
๔๙ ๔4๓19 43 แบบประเมิน การอแบา่ บนปอระอเกมินเสกาียรงทบอ่ งทอารข้อยยานกรอง ระรดะบัดระคบั ดณุ บัคคภณุ ุณาภภพาาพพ ๔ (ด๔ีมาก) ๓ ๓(ดี) ๒ (พ๒อใช้) ๑ (ปร๑บั ปรุง) เเกกเกณณณฑฑฑก์ ก์ ก์าารารปรปรปะรเรมะนิะเมเมินนิ ทออ่านงจอําอบกทเอสาียขงยาน ทอ่อางนจอําอบกทเอสายี ขงยาน ทออ่างนจอาํ อบกทเอสาียขงยาน ทอ่อา่ งนจอาํ อบกทเอสาียขงยาน กอา่ารนทอ่อองกจาํเสยี ง บบกทลทออรานอ้ ขยสยกภุ ารนาอพงประเภท ไไอชไสเเตดมสวดดัอาาน้ถ้่มยี ถ้ เกมมจูกตีจงูกเาอนสตดดิงั ตรักยีท้อหังขถ้อขงชงุกัดวทงคทรัดคะอาํตวกุ ําเเถจธิกดหคูกีหนเาํมสตลาอ้ียน่ ะงงสม ไอไชไเเตมดมวสดดัอาีก้ถ่ม้นยีถ้เกมาจกูตีจงเกู รอนสตดิดงัตทกัยีท้อหขงั ้ออขงชงกุดัวคงทดรคดัะําตวุกเําเเถสกจิธหคูกยีหีนํามตงลา้อน่ ะงสม ไไอชพไเเตดมวสดัดอายถ้่ม้นียเกถ้มจากูตีจงเูกอยนสตดิดงัตักาียท้อขหัง้อมงขงุกชัดวคงททรคดัะําตวุกาํอเเถกจิธหคดูกหีนํามเตลสาอ้ น่ียะงงสม ไยแอไเแเตดรสงัตดอตา้ถไ่ือยี่มกถ้มมย่กู งเงตีูก่ชอสังตกดิดตตดัักียอ้าังขอ้เอ้งขงรชจดัคทงงเรัดนบวาํปกุวเบ้นา้ จคธิรงาจีับนํางังปคหํารวุงะ เวอ้นอ้ื จนังเหสวยี ะงวรรคตอน เวอน้ อ้ื จนงั เหสวยี ะงวรรคตอน เเวอน้ อ้ื จนังเหสวียะงวรรคตอน เแวล้นะจังทห่ววงะทวาํ รนรคอตงอน ดว้ ยทํานองเสนาะ ถแกูลตะ้อใชงทน้ กุ ํา้ วเสรรยี คง ถแกู ลตะ้อใงชท้นุกํา้ วเสรรียคง ถแูกลตะอ้ ใงชเ้นป้ํา็นเสสว่ ียนงใหญ่ ถใูกนตกอ้ างรเอป่า็นนบางวรรค แใไแชดสสร้ ้ไดดะพงงดอเอบัราาาเรสระมยีมณงณ์ ์ ใแแใชนสสร้ ดบดะงาดงองอับาจาเรงัสรมหยีมณงวณ์ะ์ได้ดี แตใแแใชนสาสตร้มดบดย่ะบงาดังงอทงทอบั าจปาเาํรสงัรรไมหียะดมณพงวไ้ณม์ะัน์ด่ธ์นี กั ระดบั เสียงราบเรียบ ตามบทประพันธ์ ตามบทประพนั ธ์ ไมแ่ สดงอารมณ์ เกณฑก์ ารตดั สนิ ไดด้ ีมาก ไดด้ ี ได้พอใช้ ระดบั คณุ ภาพ ๔ หมายถึง ดีมาก ระดับคุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถึง ปรบั ปรผงุ ้ปู ระเมนิ ............................................... เกณฑก์ ารผ่าน ตั้งแต่ระดบั พอใช้ ขึ้นไป
๕๐4520 บทอาขยานหลกั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๒ เรื่องบทเสภาสามคั คเี สวก ตอน วศิ วกรรมา หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๙ เร่ือง เร่ืองท่องจําบทอาขยานบทเสภาสามคั คเี สวก ตอนวศิ วกรรมา รายวชิ าภาษาไทยพืน้ ฐาน ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ ๒ อันชาติใดไร้ศานตสิ ุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผอ่ นไม่ ณ ชาตนิ ัน้ นรชนไม่สนใจ ในกิจศิลปะวไิ ลละวาดงาม แต่ชาตใิ ดร่งุ เรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอนั ลน้ หลาม ย่อมจํานงศิลปาสงา่ งาม เพ่อื อร่ามเรอื งระยับประดับประดา อนั ชาตใิ ดไร้ชา่ งชํานาญศลิ ป์ เหมือนนารนิ ไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า ใครใครเหน็ ไม่เปน็ ทจ่ี าํ เรญิ ตา เขาจะพากนั เย้ยใหอ้ บั อาย ศลิ ปกรรมนาํ ใจใหส้ รา่ งโศก ชว่ ยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหอื ดหาย จาํ เริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ แม้ผใู้ ดไม่นิยมชมสิง่ งาม เม่ือถึงยามเศรา้ อรุ านา่ สงสาร เพราะขาดเครื่องระงบั ดับราํ คาญ โอสถใดจะสมานซ่ึงดวงใจ เพราะการชา่ งน้สี าํ คัญอนั วเิ ศษ ทุกประเทศนานาทัง้ นอ้ ยใหญ่ จงึ ยกย่องศิลปกรรม์น้ันท่ัวไป ศรีวิไลวิลาศดเี ป็นศรีเมอื ง พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว: บทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามคั คเี สวก
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง การอา่ นจบั ใจความสําคญั (1) เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรื่อง รอ้ ยเรียงขบั ขาน ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเนื้อหา รายวิชาภาษาไทย 1. หลักการตัง้ คาํ ถามเพ่ือหาใจความสําคญั ๒. วิธกี ารเขียนสรุปใจความสาํ คญั กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้ันนาํ 1. ใบความรู้ เรอ่ื ง การอ่านจับใจความสาํ คญั ๑. นักเรียนอ่านเร่ือง “ป้อมเด็กดี” ภายใน 5 นาที ครูขอนักเรียน 2. ใบงาน เรอ่ื ง การอา่ นจับใจความสําคญั ดา้ นความรู้ อาสาสมัคร 1 คน ออกมาเล่าเรื่องย่อให้เพ่ือนฟังจากนั้นกล่าว ภาระงาน/ชน้ิ งาน 1. บอกหลักการตัง้ คาํ ถามเพื่อหาใจความสาํ คญั เชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน 1. อ่านจบั ใจความสําคญั ได้ ข้นั สอน 2. เขียนสรุปใจความสําคญั 2. อธบิ ายวธิ ีการเขียนสรุปใจความสําคญั ของ 1. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เร่ือง การอ่านจับใจความสําคัญ พร้อมท้ัง เรื่องได้ ครอู ธิบายประกอบเพมิ่ เติม 2. ครสู มุ่ ถามนกั เรยี นเกี่ยวกบั หลกั การตง้ั คาํ ถามเพอื่ หาใจความสาํ คัญ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ และวธิ ีการเขยี นสรปุ ใจความสําคญั ของเรือ่ ง ๑. อ่านจับใจความสําคัญของเรือ่ งแลว้ ตอบ 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ช่วยกันระดมความคดิ คาํ ถามได้ เขียนสรุปใจความสําคัญของเรื่อง ป้อมเด็กดี และเต่าทะเล ลงใน ๒. เขียนสรปุ ใจความสาํ คญั ของเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ ใบงาน เร่อื ง การอา่ นจับใจความสาํ คญั ๔. นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมานําเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนทุกคนร่วมพิจารณาคําถามและคําตอบ โดยครูคอยให้ ๑. ซ่อื สตั ย์สจุ รติ ข้อสงั เกตการใชค้ ําถามและการเขยี นสรุปสาระสาํ คัญแก่นักเรยี น ๒. มีวนิ ยั ขัน้ สรุป ๓.ใใฝฝเ่ ่เรรยี ียนนรรู้ ู้ 1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ในประเด็นดังต่อไปนี้ ๔. มุง่ มน่ั ในการทาํ งาน - การต้ังคําถามเพอ่ื หาใจความสาํ คัญ ๕. มีจติ สาธารณะ - การเขยี นสรปุ ใจความสาํ คญั 6. มมี ารยาทและนิสยั รักการอ่าน 7. มีมารยาทในการเขยี น ๕๑ 4531
๕๒5424 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอื่ งมือทใี่ ช้ เกณฑ์ สิง่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน การถาม คําถาม ตอบคาํ ถาม ด้านความรู้ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 1. บอกหลกั การตั้งคาํ ถาม การตรวจผลงาน เพื่อหาใจความสาํ คญั ได้ ใบงาน ผ่านเกณฑ์ 2. อธิบายวธิ กี ารเขียน การสังเกต รอ้ ยละ ๘๐ สรปุ ใจความสาํ คญั ของ เร่อื งได้ แบบสงั เกตคณุ ลกั ษณะ ไดผ้ ลจากการสงั เกต ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ คุณลักษณะไมต่ ํ่ากวา่ ๑. อ่านจับใจความสาํ คญั ของเรือ่ งแล้วตอบคาํ ถาม ระดบั ๓ ได้ ๒. เขยี นสรปุ ใจความ สาํ คญั ของเรื่องทีอ่ า่ นได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๑. ซ่ือสตั ย์สจุ รติ ๒. มวี นิ ัย ๓.ใฝใฝ่เรเ่ รียยี นนรรู้ ู้ ๔. ม่งุ มนั่ ในการทาํ งาน ๕. มจี ติ สาธารณะ 6. มีมารยาทและนสิ ัย รักการอ่าน
๕๓ 5435 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.................................................) วันท่ี..........เดือน..........พ.ศ........... 9. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผ้ทู ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (..................................................) วนั ที.่ .........เดือน..........พ.ศ..........
๕๔5446 ใบความรู้ เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความสําคญั หนว่ ยที่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 6 เร่อื ง การอา่ นจบั ใจความสําคญั รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ การตงั้ คาํ ถามเพื่อหาสาระสาํ คญั ของเรื่อง การต้ังคําถามทั้งก่อนอ่านและขณะอ่าน ช่วยให้นักเรียนตั้งจุดประสงค์การอ่าน เกิดความเข้าใจเร่ือง และสรุปสาระสําคัญของเรื่องได้ คําถามได้แก่ “ใคร อะไร ท่ีไหน เม่ือไร อย่างไร ทําไม” การตั้งคําถาม นักเรียนต้ังได้มากมาย เร่ืองยิ่งยาวคําถามก็ตั้งได้มากข้ึน ดังตัวอย่างข้างล่าง แต่ควรคํานึงถึงคําถามท่ีมุ่งถาม สาระสําคัญของเรื่อง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหวั ข้อเรื่องโดยตรงมากกว่าคําถามรายละเอียด ซ่ึงเกี่ยวข้องกับสง่ิ อ่ืน ๆ ไม่เกีย่ วขอ้ งกับหวั ขอ้ เรือ่ งโดยตรง ตัวอยา่ ง คาํ ถาม “ใคร” ๐ เรื่องนีก้ ล่าวถงึ ใคร/อะไร “อะไร” ๐ ใครเปน็ บคุ คลสําคญั เร่อื งนี้ “ท่ไี หน” ๐ เรื่องนเ้ี ก่ียวกบั อะไร (ความคดิ กระทํา เหตุการณ์) “เม่อื ไร” ๐ เรอ่ื งน้ี ตวั ละคร/บคุ คล/สงิ่ มีชีวิต ทําอะไร “อยา่ งไร” ๐ เหตุเกดิ ที่ไหน “ทาํ ไม” ๐ เร่ืองเกดิ เมื่อไร ๐ เรอ่ื งเกดิ เวลาใด ๐ (ตัวละคร) เป็นคนอย่างไร ๐ (ตัวละคร)/(สิ่งทกี่ ล่าวถงึ ) ทาํ อย่างไร ๐ ทําไม..........จึงเปน็ เช่นน้ี ๐ เพราะเหตุใด ๐ เพราะอะไร การเขยี นสรปุ สาระสาํ คญั ของเรอื่ ง
๕๕ 4575 ใบงาน เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั หนว่ ยที่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื ง การอา่ นจบั ใจความสําคญั รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ตอนท่ี 1 คาํ ช้แี จง : อ่านข้อความ/เรอื่ ง แลว้ ตอบคําถามและเขียนสรุปสาระสาํ คญั ป้อมเด็กดี เย็นวันอังคารหลังโรงเรียนเลิก ป้อมรีบวิ่งกลับบ้านไปช่วยแม่ทําสวน ขณะวิ่งกลับบ้าน เขาสะดุด รากไม้ล้มลง เขานึกโมโหรากไม้นั้น แต่ทันใดนั้น ป้อมก็มองเห็นกระเป๋าสตางค์ใบหน่ึงอยู่ใกล้ ้ๆรราากกไม้ เขาเปิดดูเห็นเงินหลายร้อยบาท ขณะเดียวกันป้อมก็เห็นชายคนหน่ึงกําลังมองหาอะไรอยู่ เขาบอกว่ากระเป๋า เงินหาย ป้อมเดินไปหาอย่างไม่รีรอ พร้อมส่งกระเป๋าให้ชายคนน้ันแล้วถามว่า “กระเป๋าใบน้ีใช่ไหมครับ” ชายคนนั้นย้ิมแล้วพูดว่า “ใช่แล้วขอบใจหนูมากนะ หนูเป็นคนดี ฉันจะให้รางวัล” แล้วเขาก็หยิบเงิน จากกระเปา๋ ส่งให้ปอ้ มหนึ่งรอ้ ยบาท ป้อมดใี จกลา่ วขอบคุณแล้วรีบกลับไปเล่าให้แม่ฟงั (เรือ่ ง : วภิ า ตัณฑุลพงษ์) เรอ่ื งนี้กลา่ วถึงใคร………………………………………………………………………………………………………………………………… เขาทําอะไร………………………………………………………………………………………………………………………………………..... เขาทาํ ทไี่ หน………………………………………………………………………………………………………………………………………... เขาทําเมอื่ ไร………………………………………………………………………………………………………………………………………... เขาทาํ อย่างไร………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผลเป็นอย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………… สรุปสาระสําคญั .................................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................................................
๕๖4586 ตอนท่ี 2 เตา่ ทะเล เต่าทะเลเป็นสัตว์ท่ีอาศัยอยู่บนโลกมานานกว่า 150 ล้านปี เต่าทะเลที่พบในไทย ส่วนใหญ่ จะเป็นเต่ามะเฟือง เต่าหญ้า เต่ากระและเต่าตนุ ตามปกติเต่าทะเลจะวางไข่ราวๆๆ เดือนตลุ าคคมมถถงึ ึง มีนาคม และจะข้ึนมาวางไข่บนชายหาดในเวลากลางคืน ในบริเวณท่ีปราศจากการรบกวน แม่เต่าจะ ขุดหลุมวางไข่คราวละ 75-150 ฟอง และจะเกลี่ยดินกลบไว้อย่างมิดชิดก่อนจะคลานลงทะเล ไข่เต่า จะใช้เวลาฟักนาน 50-55 วัน เมื่อฟักเป็นตัวลูก เต่าแรกเกิดจะคลานลงทะเล แต่ตัวมันเล็ก ลําตัว อ่อนน่ิม ระหว่างทางไปสู่ทะเลมันจะถูกสัตว์อน่ื ๆๆ เชน่ สนุ ขั ัข แย้ ตะกวด และปู จับกินเป็นอาหาร ท่ี เหลือรอดลงทะเลเพียง 1 % เท่านั้น นั่นเป็นกระบวนการของธรรมชาติ (นิตยสารหญิงไทย ปีที่ 27 พฤษภาคม 2545 : 65.) เรอ่ื งนี้กลา่ วถงึ ใคร………………………………………………………………………………………………………………………………… เขาทาํ อะไร………………………………………………………………………………………………………………………………………..... เขาทาํ ท่ีไหน………………………………………………………………………………………………………………………………………... เขาทําเม่ือไร………………………………………………………………………………………………………………………………………... เขาทําอยา่ งไร………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผลเป็นอย่างไร……………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ สาระสําคญั .................................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................................................
๕๗ 5479 แบบสังเกตการอ่านจบั ใจความสาํ คญั กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ คําชแ้ี จง ครสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการอ่านจบั ใจความสาํ คัญและให้คะแนนลงในชอ่ งท่ตี รงกับ พฤตกิ รรมของนักเรียน เลขท่ี ชอื่ -สกุล ข้อ ๑ ข้อ ๒ ขอ้ ๓ ขอ้ ๔ รวม สรุปการประเมนิ 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 20 ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ระดบั คณุ ภาพ ๑๖ - ๒๐ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๑ - ๑๕ หมายถึง ดี คะแนน ๖ - ๑๐ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐-๕ หมายถงึ ปรับปรงุ คะแนน (ลงช่ือ) .................................................. (.................................................) ผปู้ ระเมิน
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เร่ือง การอ่านจบั ใจความสําคญั (2) เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เร่อื ง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าภาษาไทย ๑. ลักษณะของย่อหนา้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ 2. ความคิดหลกั หรอื ใจความสาํ คัญ ข้ันนํา ๑. ใบความรู้ เรอ่ื ง ย่อหนา้ และส่วนประกอบ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการอ่านจับใจความสําคัญว่า ของยอ่ หนา้ ดา้ นความรู้ จะใช้เมื่อใดและมปี ระโยชน์อยา่ งไร จากนน้ั ครกู ลา่ วเชอื่ มโยงเข้าส่บู ทเรียน ๒. ใบงาน เรอื่ ง จับใจความยอ่ หนา้ 1. บอกความหมายของย่อหนา้ ได้ ขั้นสอน ภาระงาน/ช้ินงาน 2. อธบิ ายลกั ษณะของความคิดหลักหรือ 1. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื ง ยอ่ หนา้ และส่วนประกอบของยอ่ หนา้ โดย 1. อา่ นจับใจความสาํ คญั ใจความสาํ คญั ได้ ครอู ธิบายประกอบเพม่ิ เตมิ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 2. อาสาสมคั รนกั เรียนตอบคําถามในประเด็น ดงั ต่อไปนี้ 1. อา่ นจบั ใจความสําคัญจากเรื่องที่อา่ นได้ - ความหมายของย่อหน้า ดา้ นคณุ ลกั ษณะ - ลักษณะของความคดิ หลกั หรือใจความสําคัญ ๑. ซื่อสตั ย์สจุ รติ 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆๆกกันนั ทําใบงาน เร่ือง จับใจความ ๒. มวี ินยั ย่อหน้า จากน้ันส่งตัวแทนนําเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน โดยมีนักเรียนกลุ่ม ๓.ใใฝฝเ่ ร่เรยี ียนนรรู้ ู้ อื่นและครูเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ๔. มุง่ มนั่ ในการทาํ งาน ข้นั สรปุ ๕. มีจิตสาธารณะ 1. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ในประเด็นดงั ต่อไปน้ี 6. มมี ารยาทและนสิ ัยรักการอา่ น - ความหมายของยอ่ หน้า 7. มคี วามตระหนกั ในคณุ คา่ และมเี จตคติท่ี - ลักษณะของความคดิ หลักหรือใจความสําคัญ ต่อการอา่ น ๕๘5580
๕๙ 519 การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ส่ิงทต่ี ้องการวดั /ประเมนิ การถาม คําถาม ตอบคาํ ถามได้ถกู ต้อง ดา้ นความรู้ รอ้ ยละ 80 ผา่ นเกณฑ์ 1. บอกความหมายของยอ่ ๑. การสงั เกต หนา้ ได้ ๒.กกาารรตตรรววจจผผลลงงาานน ๑. แบบสงั เกต ๑. ไดผ้ ลจากการสังเกต 2. อธบิ ายลกั ษณะของ การปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ ไมต่ ่ํากวา่ ร้อยละ 8๐ ความคดิ หลักหรือใจความ ๒. ใบงาน ๒. ได้ผลประเมนิ ไมต่ า่ํ กวา่ สาํ คัญได้ ร้อยละ 8๐ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ 1. อ่านจบั ใจความสําคญั จากเรื่องท่อี ่านได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ การสงั เกต แบบสังเกตคุณลกั ษณะ ไดผ้ ลจากการสงั เกต ๑. ซือ่ สัตย์สจุ รติ อันพึงประสงค์ ไม่ต่าํ กวา่ ระดับ ๓ ๒. มวี นิ ยั ๓.ใใฝฝเ่ เ่รยี นรู้ ๔. มงุ่ ม่นั ในการทํางาน ๕. มีจติ สาธารณะ 6. มีมารยาทและนิสยั รกั กกาารรออ่าา่ นน 7. มีความตระหนกั ใน คคณุ ณุ คค่าา่ แแลละะมมเี เีจจตคตทิ ดี่ ตี อ่ กตาอ่รกอา่ รนอา่ น
๖๐5620 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ.......... 9. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผตู้ รวจ (.................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ.............
๖๑ 5631 ใบความรู้ เรือ่ ง ย่อหนา้ และส่วนประกอบของย่อหนา้ หนว่ ยท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เรือ่ ง การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั (2) รายวชิ าภาษาไทย รหสั 22101 ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ย่อหน้า คอื ขอ้ ความที่ประกอบขึน้ ดว้ ยประโยคตัง้ แต่หน่งึ ประโยคหรือมากกวา่ ประโยคเหล่านัน้ มคี วามสมั พนั ธก์ นั เปน็ เร่ืองเดียว และมุ่งใหผ้ อู้ ่านทราบความคิดหลกั หน่ึงความคิด ความคิดหลักนบี้ างครงั้ เรียกวา่ ความคดิ สําคญั หรอื ใจความสําคญั ซึง่ โดยปกติจะเขียนเป็นประโยค สว่ นประกอบของย่อหนา้ แต่ละยอ่ หน้าจะประกอบด้วย 2 สว่ น คอื 1. ความคิดหลกั หรอื ใจความสําคญั 2. รายละเอียดทส่ี นับสนนุ ความคิดหลกั การเขียนขยายความคิดหลกั มหี ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ การอธิบาย ให้ข้อมูล การยกตวั อยา่ ง การเปรียบเทยี บ การนิยามให้คาํ จาํ กัดความ การใหเ้ หตผุ ล ข้อความเหล่านเี้ ขียน เพื่อสนับสนนุ ความคดิ หลักในยอ่ หนา้ น้นั เอง ตัวอยา่ งส่วนประกอบของย่อหน้า กลองแต่ละประเภทมีจังหวะลีลาและท่าทางการตีแตกต่างกันไปตามชนิดของกลอง กลอง บางประเภทมีลีลาและท่าทางตีที่โลดโผน ใช้อวัยวะตีได้หลายส่วน ลีลาของกลองแต่ละชนิดช่วยให้ การแสดงสนุกสนานขน้ึ ความคดิ หลกั คือ ประโยค กลองแตล่ ะประเภทมีจังหวะลลี าและทา่ ทางการตแี ตกต่างกันไปตาม ชนดิ ของกลอง รายละเอียดทส่ี นบั สนนุ ความคิดหลกั มี 2 ประโยคเป็นการเขียนอธบิ ายให้ข้อมูลเพิ่มเติม คอื กลองบางประเภทมีลลี าและทา่ ทางตีทโ่ี ลดโผนใชอ้ วยั วะตไี ดห้ ลายสว่ น ลีลาของกลองแต่ละชนิดช่วยใหก้ ารแสดงสนกุ สนานข้นึ
๖๒6524 ใบงาน เร่ือง การอา่ นจบั ใจความย่อหนา้ หน่วยที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 7 เร่ือง การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั (2) รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ 1. อ่านยอ่ หน้าเร่อื ง “กลอง” แล้วอภิปรายกลุ่มหาความคิดหลัก รายละเอยี ดของเร่อื งทีส่ นับสนนุ ความคดิ หลัก และประโยคใจความสาํ คัญของย่อหนา้ กลอง กลองแต่ละประเภทมีจังหวะลีลาและท่าทางการตีแตกต่างกันไปตามชนิดของกลอง กลอง บางประเภทมีลีลาและท่าทางตีที่โลดโผนใช้อวัยวะตีได้หลายส่วน ลีลาของกลองแต่ละชนิดช่วยให้ การแสดงสนกุ สนานขน้ึ ความคดิ หลกั .......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. รายละเอยี ดทสี่ นบั สนนุ ความคิดหลกั .................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ประโยคใจความสําคญั .......................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. 2. อ่านย่อหน้าเรื่อง “ซีอ๊ิว” แล้วอภิปรายกลุ่มหาความคิดหลัก รายละเอียดของเร่ืองท่ีสนับสนุน ความคดิ หลกั และประโยคใจความสาํ คญั ของยอ่ หนา้ ซอี วิ๊ ซีอ๊ิวขาว คือ ผลิตภัณฑ์ของเหลวท่ีได้จากการย่อยสลายโปรตีนของถั่วเหลืองและ แป้งสาลี ซึ่งนํามาแต่งรส กลิ่น หรือสี ตามแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์นน้ั ๆๆแล้วนําไปผ่านการฆ่าเช้ือด้วย ความร้อนก่อนบรรจุ ควรเลือกซื้อซีอิ๊วขาวท่ีหมักโดยธรรมชาติภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะมี รสชาติกลมกล่อมและกล่ินหอมจากธรรมชาตแิ ท้ๆๆ (เรือ่ ง : วภิ า ตัณฑลุ พงษ)์ ความคดิ หลกั .......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. รายละเอยี ดทสี่ นบั สนนุ ความคิดหลกั .................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ประโยคใจความสําคญั .......................................................................................................................... ..............................................................................................................................................................................
๖๓ 5635 เฉลยข้อท่ี 1 ความคดิ หลกั กลองแตล่ ะประเภทมจี งั หวะลีลาและท่าทางการตีแตกต่างกันไปตามชนิดของกลอง รายละเอยี ดทสี่ นบั สนุนความคิดหลกั กลองบางประเภทมีลลี าและทา่ ทางตีทโ่ี ลดโผนใชอ้ วัยวะตีไดห้ ลายส่วน ลลี าของกลองแตล่ ะชนดิ ชว่ ยให้การแสดงสนกุ สนานขึน้ ประโยคใจความสําคัญ กลองแต่ละประเภทมีจังหวะลีลาและท่าทางการตีแตกต่างกันไปตามชนิด ของกลอง เฉลยข้อท่ี 2 ความคดิ หลกั ซอี ว๊ิ ขาว คอื ผลติ ภณั ฑข์ องเหลวทไ่ี ด้จากการยอ่ ยสลายโปรตนี ของถ่ัวเหลอื งและ แป้งสาลี รายละเอียดท่สี นับสนนุ ความคิดหลกั การแตง่ รส กลิ่น และสี ตามแตช่ นิดของผลิตภัณฑ์ การฆา่ เชอื้ ดว้ ยความรอ้ นกอ่ นบรรจุ การเลือกซื้อซอี วิ๊ ขาวทหี่ มักโดยวธิ ีธรรมชาติในระยะเวลาท่เี หมาะสม เพราะมรี สชาติกลมกลอ่ มและ กลนิ่ หอมจากธรรมชาติแท้ๆ ประโยคใจความสําคัญ ซีอ๊ิวขาว คือ ผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ได้จากการย่อยสลายโปรตีนของถั่วเหลือง และแป้งสาลี
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 8 เรือ่ ง การอา่ นจบั ใจความสําคญั (3) เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เร่ือง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเนอื้ หา รายวิชาภาษาไทย 1. ตําแหนง่ ประโยคใจความสาํ คญั ของยอ่ หน้า จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ ขน้ั นํา 1. ใบความรู้ เร่ือง ตาํ แหนง่ ประโยค ดา้ นความรู้ 1. นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับวิธีการอ่าน ใจความสําคญั ของย่อหน้า 1. บอกลกั ษณะของประโยคใจความสาํ คัญได้ จบั ใจความสาํ คญั จากน้นั ครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรยี น 2. ใบงาน เรื่อง ตาํ แหน่งประโยค 2. บอกลกั ษณะของประโยคขยายความได้ ขน้ั สอน ใจความสําคญั ของย่อหนา้ 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆๆ กัน ศึกษาใบความรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ เร่ือง ตําแหน่งประโยคใจความสําคัญของย่อหน้า แล้วบันทึก 1. อา่ นจับใจความเพ่ือหาตําแหนง่ ประโยค 1. ระบุตาํ แหนง่ ประโยคใจความสําคัญได้ ความรู้ลงในกระดาษท่ีครแู จกให้ ใจความสําคญั ของยอ่ หน้า 2. นักเรียนอาสาสมัครตอบคําถามในประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี ด้านคณุ ลกั ษณะ - ลกั ษณะของประโยคใจความสาํ คญั 1. ซ่ือสัตยส์ จุ รติ - ลกั ษณะของประโยคขยายความ ๒. มวี นิ ยั 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มทําใบงาน เรื่อง ตําแหน่งประโยคใจความ ๓.ใใฝฝเ่ เ่รียนรู้ สําคัญของย่อหน้า จากน้ันส่งตัวแทนนําเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ๔. มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน โดยมีนักเรียนกล่มุ อน่ื และครูรว่ มใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ๕. มีจิตสาธารณะ ขน้ั สรปุ 6. มมี ารยาทและนิสัยรักการอ่าน 1. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ เรือ่ ง ตาํ แหน่งประโยคใจความ 7. มคี วามตระหนกั ในคณุ คา่ และมีเจตคตทิ ่ีดี สาํ คัญของยอ่ หน้า ตต่ออ่ กกาารรออ่าา่ นน ๖๔5646
๖๕ 5675 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่อื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ส่ิงทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ การถาม คาํ ถาม ตอบคําถามได้ถูกต้อง ดา้ นความรู้ ร้อยละ 80 ผา่ นเกณฑ์ 1. บอกลกั ษณะของ ประโยคใจความสําคัญได้ การตรวจผลงาน ใบงาน ทําใบงานได้ถกู ตอ้ ง 2. บอกลักษณะของ ไมต่ ํา่ กว่ารอ้ ยละ 80 ประโยคขยายความได้ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ การสังเกต แบบสังเกตคุณลกั ษณะ ไดผ้ ลจากการสังเกต 1. ระบตุ ําแหน่งประโยค อันพึงประสงค์ ไม่ตาํ่ กวา่ ระดับ 3 ใจความสําคญั ได้ ด้านคณุ ลกั ษณะ 1. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ ๒. มวี นิ ัย ๓.ใใฝฝเ่ เ่รรียยี นนรรู้ ู ๔. มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน ๕. มีจติ สาธารณะ 6. มีมารยาทและนิสยั รกั การอา่ น 7. มีความตระหนกั ใน คณุ คา่ และมเี จตคติทีด่ ี ตอ่ การอา่ น
๖๖5686 8. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (...................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ........... 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผ้ตู รวจ (...................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............
๖๗ 6579 ใบความรู้ เร่ือง ตําแหนง่ ประโยคใจความสําคญั ของย่อหน้า หน่วยท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 8 เร่อื ง การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั (3) รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ย่อหน้าเป็นข้อความตอนหน่ึงอันประกอบยด้วยใจความสําคัญอย่างหน่ึง กับเน้ือความ ขยายให้ชัดเจน ข้อความหน่ึงย่อหน้าจะกล่าวถึงเรื่องเรอื่ งเดยี วเทา่ น้ัน การฝึกจับใจความสาํ คญั ในแต่ละย่อหน้า จึงเป็นพื้นฐาน สาํ คญั ของการจับใจความข้อความยาวๆๆไดเ้ ป็นอย่างดี ข้อความหนงึ่ ย่อหน้าประกอบดว้ ย ๑. ประโยคใจความสาํ คญั หรือประโยคหลกั ท่ีสรุปความคดิ ของขอ้ เขียนตอนน้นั ไว้ท้ังหมด ประโยคทาํ นองนีจ้ ะอยู่สว่ นใดของย่อหนา้ ก็ได้ แต่ท่นี ยิ มมากคือ อยู่ตน้ หรือท้ายย่อหน้า อยา่ งไรก็ตาม ขอ้ เขียนบางย่อหนา้ อาจไม่มีประโยคใจความสําคัญเลยกไ็ ด้ ในกรณีนผ้ี อู้ ่านจะต้องสรุปใจความสําคญั เอง ๒. ประโยคขยายความ เปน็ ข้อความขยายสนบั สนุนประโยคใจความสําคญั ให้ชัดเจนข้นึ ตวั อย่าง ๑) ใจความสาํ คญั อยตู่ น้ ยอ่ หน้า ความแตกตา่ งของมนษุ ยแ์ ละสัตวอ์ ีกประการหน่ึงทเ่ี ห็นเดน่ ชัด คือเรือ่ งของการใชภ้ าษา มนษุ ย์ สามารถถา่ ยทอดความร้คู วามคิดออกมาเปน็ ตัวเขยี น คอื เปน็ ภาษาหนงั สอื สําหรบั ใหผ้ อู้ ื่นอา่ นและเข้าใจตรง ตามทตี่ ้องการ แตส่ ตั วใ์ ชไ้ ดแ้ ต่เสยี งเท่าน้นั ในการส่ือสาร แมแ้ ตเ่ สยี งหลายทา่ นก็ยงั มีความเห็นว่าสตั ว์จะทํา เสยี งเพ่ือแสดงความรู้สึก เชน่ โกรธ หวิ เจ็บปวด เทา่ นั้น เสยี งของสัตวไ์ มอ่ าจส่อื ความหมายได้ ละเอียดลออเท่าภาษาพูดของมนษุ ย์ (จันทร์ศรี นิตยฤกษ์ ๒๕๒๕,๔-๕) ๒) ใจความสาํ คญั อยทู่ า้ ยยอ่ หน้า ภายในวงงานศิลปะประเภทหนง่ึ ๆๆมรี ูปแบบของศลิ ปะนน้ั แยกออกไป จติ รกรรมกม็ กี ารวาดและ ระบายสีบนฝาผนงั วาดเปน็ เส้นบนกระดาษ วาดและระบายเป็นภาพเล็กเปน็ ภาพใหญเ่ ป็นรปู คนรปู ภมู ิ ประเทศและอน่ื ๆๆวรรณคดีกเ็ ข้าในลกั ษณะน้ี รูปแบบของวรรณคดีไทยกม็ ีหลายแบบ ถ้านบั วรรณคดี ตา่ งประเทศท่วั โลกกม็ รี ปู แบบเกือบจะนับไมถ่ ้วน คุณภาพของวรรณคดีข้นึ อยกู่ ับรูปแบบจะมีความดีหรือ ความบกพร่องภายในวงของรูปแบบแตล่ ะรปู แบบ การพจิ ารณาวรรณคดจี ึงเป็นไปตามรูปแบบแต่ละรปู ๆๆน้นั (บญุ เหลอื เทพยสวุ รรณ ๒๕๑๗,๒) ๓) ใจความสาํ คญั อยกู่ ลางย่อหนา้ ดงั ไดก้ ล่าวมาแล้วว่า การทจ่ี ะเป็นผู้ฟงั ท่ีดีได้นั้นจะตอ้ งมีการฝึกฝนจนเรยี นรู้ ฉะนน้ั ครจู งึ เปน็ ผทู้ ่มี ี โอกาสดีกวา่ คนอ่ืนๆ ในการฝึกนสิ ัยการฟังทดี่ ใี หแ้ กเ่ ยาวชนท่จี ะเป็นผนู้ ําของชาติในอนาคตครูไม่ควรมองข้าม ความสําคญั ของการฟงั ไป ควรระลึกไว้เสมอวา่ การฟงั มีความสําคัญเท่าๆๆ กับการพูด การอ่านและการ เขยี น ถา้ ผ้ฟู งั รจู้ กั ฟงั แลว้ การฟงั กจ็ ะมปี ระโยชน์มาก แตถ่ ้าผูฟ้ ังไมร่ ู้จกั การฟัง ผู้ฟงั กจ็ ะไมไ่ ด้รับผลอะไรเลย แต่ในทางตรงกนั ขา้ มบางครั้งกอ็ าจจะมโี ทษอันรา้ ยแรงเกิดขนึ้ อีกด้วย (ฉตั รวรณุ ตันนะรัตน์ ๒๕๑๙,๖๘) ๔) ใจความสาํ คญั อยตู่ น้ และทา้ ยยอ่ หน้า ศลิ ปวฒั นธรรมในบ้านเมอื งเรามกั จะสอดคล้องกับการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วัน ตวั อยา่ งบางคนชอบ ปลกู ไม้ดอกไมผ้ ล เม่อื เกิดดอกออกผลกช็ นื่ ใจ เกิดความคิดทีจ่ ะทาํ ดอกผลน้ันใหง้ ดงามน่าดูยง่ิ ขน้ึ จึงมีผนู้ ํา ผลไมม้ าประดษิ ฐ์ลวดลาย แลว้ จดั วางในภาชนะใหม้ องดูแปลกตาน่ารับประทานลวดลายน้นั เกดิ จากการตัด ผา่ ผปา่ อปกอคกวคา้ วนา้ แนลแะลแะกแะกสะสลลกั กั ส่วนไมด้ อกท่อี อกดอก กน็ ํามาผกู มัดเป็นชอ่ บ้าง เปน็ พวงเป็นพู่บ้าง เสยี บเป็นพุ่ม หรอื ปกั ลงในแจกนั ก็ไดต้ ามแตจ่ ะเหน็ งาม ชวี ิตชาวไทยกบั ศลิ ปะความงามจงึ แยกกนั ไม่ออก (การเตรียมเพ่ือการพูดและการเขยี น, ฉตั รวรุณ ตันนะรตั น)์
๖๘6680 ใบงาน เร่ือง ตาํ แหนง่ ประโยคใจความสาํ คญั ของยอ่ หนา้ หน่วยที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 8 เร่ือง การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั (3) รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ คําช้แี จง: ขดี เส้นใตป้ ระโยคใจความสําคัญแตล่ ะย่อหน้า ๑. ดนตรีไทยเป็นสัญญาณบอกถึงการดําเนินกิจกรรมตา่ งๆๆในพิธฤีกตกริ รมรมเชเช่นน่ ในงานทําบุญเล้ียงพระ เม่ือเพลงโหมโรงเช้าดังขึ้น ก็จะทราบกันว่าพระมาถึงแล้ว เวลาพระจะกลับป่ีพาทย์ก็บรรเลงเพลง กราวรํา ในการเทศน์มหาชาติ ถ้าเล่นเพลงเซ่นเหล้าก็แสดงว่าจบการเทศน์กัณฑ์ชูชก แต่ละกัณฑ์จะ มีเพลงประจํา เพลงเป็นส่ิงที่บอกให้เจ้าของกัณฑ์ต่อไปได้เตรียมตัวด้วยหรือในงานพระราชพิธี ถ้า แตรสังข์ดังข้ึนก็แสดงว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแล้ว ถ้าจะทรงลุกไปจุดเทียน ปี่พาทย์ก็จะบรรเลงเพลง สาธุการ ดังนั้นไม่ว่าพิธีกรรมตามขั้นตอนของชีวิต พิธีทางศาสนาหรือพระราชพิธีจะมีดนตรีไทยเป็น เครือ่ งบอกลกั ษณะ หรอื ขั้นตอนในพิธีเสมอ (มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช ๒๕๒๓,๗๔) ๒. ในสังคมไทยมีการละเล่นมากมายหลายประเภทให้เด็กๆๆไไดด้เเ้ลล่นน่ กันเพ่ือความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ เรามีการละเล่นของเด็กหญิง เช่น อีตัก ขายของ มีการละเล่นของเด็กชาย เช่น ลูกหิน ทอยกอง มีการละเล่นท่ีเล่นเป็นกลุ่ม เช่น มอญซ่อนผ้า โพงพาง เชา้ าๆ อยู่ในนบบ้า้านนเดเดก็ ็กๆๆ ก็เล่นหมากเก็บ พอเยน็ ๆๆแดดรม่ ลมตกก็ออกไปเล่นวิ่งเป้ียว รีรีข้างสาร ชักคะเย่อ กันบริเวณลานบ้าน การละเล่นน้ัน มีเพลงร้องประกอบ เช่น แม่งู จีจ่อเจ๊ียบ บางชนิดก็ไม่เป็นเพลง เช่น ห่วงยาว ข่ีม้าก้านกล้วย เดก็ ๆๆใในนสสังั คมไทยจะไม่ ”เหงา\" เพราะมีของให้เล่น อยู่คนเดียวก็เล่นได้เช่น ไปเก็บใบไม้มาเล่น ขายของ ถ้ามีเพื่อนสักคนก็เล่นแมงมุม เล่นจ้ําจี้ได้ เล่นเป่ายิงชุ้บได้ ถ้ามีเพ่ือนเล่นหลายคนก็อาจ ชักชวนกันเลน่ ลงิ ชงิ หลัก กาฟักไข่หรอื วง่ิ เปีย้ ว (มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช ๒๕๒๓,๑๙) ๓. หลังจากลิเกบันตนก็เกิดมี ลิเกลูกบท ซึ่งเกิดจากมีผู้คิดนําเอาการแสดงลิเกเข้าไปผสมกับการ บรรเลงป่พี าทย์ กล่าวคือในการบรรเลงปี่พาทย์แบบหนึ่งนนั้ จะเริ่มร้องและบรรเลงเพลงสามช้ันก่อน เป็นเพลงแม่บท เมอ่ื จบแลว้ จจะะหหาาเเพพลลงงสสั้นั้นๆ มาบรรเลงต่อท้ายเรียกว่า ลูกบท แล้วจึงออกลูกหมด เป็นอันว่าจบกระบวนในตอนหน่ึง ในระหว่างท่ีป่ีพาทย์บรรเลงเพลงลูกบทซึ่งมักทําเป็นเพลงภาษา ต่างๆๆ มีผู้คิดปล่อยผู้แสดงซ่ึงแต่งตัวเป็นทํานองเดียวกับลิเกออกภาษามาแสดงประกอบแต่ใช้ ป่ี พาทย์รับแทนลกู คู่ท่ตี ีกลองรํามะนาในลเิ กบันตน เมอ่ื เหมมื่อดหชมดุ ดผชแู้ ุดสดผงู้แกสจ็ ดะงเขกา้ ็เฉขาา้ กฉไปากปไพ่ีปาทปยี่พ์ จาะทบยร์รเลงเพจละง เบพรลรงเลแงมเ่บพทลตงแอ่ มไป่บใทหตม่อ่ แไปลใะหเมื่อถแึงลเะพเลมง่อื ลถูกึงบเพทลเปงลน็ ูกภบาทษเาปใด็นกภป็าษลอ่าใยดตกัว็ปแลสอ่ดยงอตอัวแกสมดาองอกี อกมาอกี (มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช ๒๕๒๓, ๑๓๔)
๖๙ 619 ๔. ร้อนจัดหรือเย็นจัดเป็นส่ิงขัดขวางในการรู้รสอย่างมาก ถ้ามิตรไม่เคยกินอาหารร้อนจัดก็แสดงว่า มิตรไม่เคยรู้รสอาหารทุกรสในทํานองเดียวกัน ถ้าเราเอาก้อนน้ําแข็งวางบนล้ิน ตอนแรกจะรู้สึกเย็น แต่ลน้ิ ไม่รู้รสจนกว่าจะได้รบั ความอบอนุ่ นน่ั คือลิ้นจะรรู้ สต่อเมือ่ นาํ้ แข็งทใ่ี สบ่ นล้นิ ละลาย (วริ ิยะ สิรสิ ิงห ๒๕๒๕, ๘๔) ๕. เห็นชื่อของโรคท่ีทําให้ตายแล้วคงมีหลายคนไม่รู้จักโรคนี้ แม้พวกหมอเองก็เถอะ น้อยคนที่จะเคย ได้ยินช่ือของโรคน้ี แต่คนท่ีเคยบวชเคยเรียนมาแล้วก็คงจะพอรู้จักกันบ้าง อีตอนที่กระทําพิธี ขอบวชน้ัน เมื่อเวลาท่ีองค์อุปัชฌาย์ถามว่า \"อปมาโร\" นาคก็จะต้องตอบว่า \"นัตถิ ภันเต\" อันว่า \"อปมาโรค\" นี้แปลว่า \"ลมบา้ หมู\" (เสนอ อนิ ทรสุขศรี ๒๕๑๔,๘๔)
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๙ เร่ือง การอา่ นสรปุ ความ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่ือง ร้อยเรยี งขับขาน เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนร/ู้ สอื่ ๑. ความหมายการอา่ นสรปุ ความ ขั้นนํา ๑. ใบความรู้ เรอื่ ง การอ่านสรุปความ ๒. หลักและวิธีการอา่ นสรุปความ ๑. นักเรียนร่วมสนทนาตอบคําถามว่า “เคยอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ๒. ใบงาน เร่ือง การอา่ นสรุปความ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นวนิยาย หรอื การต์ นู แล้วมาเล่าให้เพอ่ื นฟังหรอื ไม”่ ภาระงาน/ชน้ิ งาน ด้านความรู้ ๒. นักเรียนและครูแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมในประเด็นท่ีว่า “นักเรยี น 1. เขยี นสรปุ ความเรอ่ื ง ประดับเมือง ๑. บอกความหมายการอา่ นสรุปความได้ สังเกตหรือไม่ว่าเรื่องท่ีนักเรียนนํามาเล่าน้ันจะมีการเรียบเรียงเน้ือหาใหม่ เหลอื งอร่ามวันเฉลิมฯ ๒. อธบิ ายวิธีการอ่านสรปุ ความได้ ด้านทกั ษะและกระบวนการ ใหส้ น้ั กระชบั เพอื่ ให้เพอ่ื นเขา้ ใจได้ง่าย” นักเรียนและครูสรปุ ความเห็นว่า ๑. อา่ นสรปุ ความได้ “การที่นักเรียนสามารถทําเช่นนั้นได้แสดงว่านักเรียนมีทักษะการสรุป ด้านคณุ ลักษณะ ความ” จากนั้นจงึ กลา่ วเชือ่ มโยงเข้าส่บู ทเรียน ๑. ซ่ือสัตย์สจุ รติ ขัน้ สอน ๒. มวี นิ ัย ๑. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔ กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆๆ ศศึกึกษาใบความรู้ เรื่องการอ่าน ๓.ใใฝฝ่เ่เรรยี ียนนรรู้ ู้ สรุปความ แล้วบันทกึ ความร้ลู งในกระดาษที่ครแู จกให้ ๔. ม่งุ มน่ั ในการทํางาน ๒. อาสาสมคั รนักเรยี นบอกความหมายและอธบิ ายวธิ ีการอา่ นสรุปความ ๕. มีจิตสาธารณะ ๓. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ทําใบงาน เร่อื ง การอ่านสรปุ ความ เมอ่ื เสรจ็ แล้ว ๖. มมี ารยาทในการอา่ น สง่ ตัวแทนมานาํ เสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน ๔. นักเรยี นและครทู ี่นงั่ ฟงั การนําเสนอช่วยกนั เสนอแนะข้อบกพรอ่ ง เพ่อื นาํ ไปปรับปรุง 672๗0๐
๔. นักเรียนและครูที่นัง่ ฟังการนําเสนอช่วยกนั เสนอแนะข้อบกพรอ่ ง เพื่อนาํ ไปปรับปรงุ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๙ เรื่อง การอ่านสรุปความ เวลา ๑ ชว่ั โมง 7๗0๐ 63 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรอ่ื ง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ รายวชิ าภาษาไทย ข้ันสรปุ ๑. นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ เน้อื หา เร่อื ง การอา่ นสรปุ ความในประเด็น ดังต่อไปน้ี - ความหมายของการอ่านสรุปความ - วิธีการอา่ นสรปุ ความ
762๗4๒ การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครอื่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ส่ิงที่ตอ้ งการวดั /ประเมนิ การถาม คําถาม ตอบคาํ ถาม ได้ถกู ตอ้ ง ร้อยละ ๘๐ ด้านความรู้ ผ่านเกณฑ์ ๑. บอกความหมายการอา่ นสรุปความ ได้ ๒. อธบิ ายวิธีการอา่ นสรุปความได้ ดา้ นทักษะและกระบวนการ การตรวจผลงาน แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ ๒ ๑. อ่านสรปุ ความได้ การอ่านสรปุ ความ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๑. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ การประเมิน แบบประเมิน ระดับคุณภาพ ๒ ๒. มีวนิ ยั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ๓.ใฝใฝ่เร่เรยี ยี นนรรู้ ู้ อันพึงประสงค์ ๔. มงุ่ มัน่ ในการทาํ งาน ๕. มีจิตสาธารณะ ๖. มีมารยาทในการอ่าน
๗76๓35 ใบความรู้ เรื่อง การอา่ นสรปุ ความ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๙ เรื่อง การอา่ นสรปุ ความ รายวชิ า ภาษาไทย รหัส ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาท่ี ๒ การอา่ นสรปุ ความ การสรปุ ความ หมายถงึ การนําใจความสําคญั มาเขยี นเรยี บเรยี งใหม่แบบส้นั ๆๆด้วดยว้ ภยาภษาาษขาอขงอตงนตเนอเงอง โดยคลอบคลมุ เน้อื หาทงั้ หมด ทีท่ ําใหผ้ ้อู ่านเขา้ ใจ วิธกี ารอ่านสรปุ ความ ๑. อ่านรอบแรกดชู อ่ื เร่อื งก่อน แล้วอ่านโดยมีคําถามในใจวา่ ใคร ทําอะไร ทไ่ี หน เมอ่ื ไร อย่างไร ผลเป็นอยา่ งไร ขอ้ ความใดสําคญั ให้ขดี เส้นใตไ้ ว้ ๒. อา่ นอีกคร้ังดูรายละเอยี ดของเน้ือหา ๓. สามารถอา่ นเพม่ิ ไดจ้ นกว่าจะเขา้ ใจเนื้อหามากยง่ิ ขึ้น ๔. ใหส้ รปุ ใจความสําคญั เพียงใจความเดียวของแต่ละย่อหน้าไว้ ๕. นําใจความสาํ คญั ท่รี วบรวมไว้มาเขยี นเรียบเรียงใหมอ่ ยา่ งละเอียดและสละสลวยโดยใช้ สํานวนของตนเอง ๖. ทบทวนการสรปุ ความอกี ครงั้ เพ่อื พิจารณาหาส่วนท่ตี ้องแก้ไขหรอื ตอ้ งการเพิม่ เตมิ ตวั อยา่ งการสรปุ ความ เร่ือง ลดอว้ น (ได)้ โดยไม่พ่ึงยา ยุคปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยาลดความอ้วน ท่ีโฆษณาเกินจริง ว่ากินแล้วทําให้หุ่นดี น้ําหนักลด ซง่ึ ทําใหป้ ระชาชนบางคนหลงเชือ่ แบบผิดๆๆจจนนสส่งง่ ผผลลกกรระะททบบตต่อ่อสสขุ ุขภภาาพพตตาามมมมาา ทัง้ ๆๆทท่ีจ่ีจรริงิงๆๆแแลล้วว้ การลดนํ้าหนักเพ่ือแก้ปัญหาโรคอ้วนท่ีดีที่สุด ควรเน้นวิธีการทางธรรมชาติซ่ึงเป็น วิธีที่เหมาะสมกับทุกคน คือ การปรับเปล่ียนพฤติกรรมการกินด้วยการควบคุมปริมาณและชนิดของอาหาร ควบค่กู บั การออกกาํ ลงั กาย (ที่มา: นติ ยสารกุลสตรี ฉบับที่ ๑๑๑๘ ปที ี่ ๔๘ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ หนา้ ๑๔ ) วิธีสรปุ ความ ใคร ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ทาํ อะไร ยาลดความอ้วน เมอื่ ไร ยุคปจั จุบนั อย่างไร โฆษณาเกนิ จรงิ ผลเปน็ อยา่ งไร ประชาชนบางคนหลงเชือ่ แบบผดิ ๆๆ สรปุ ความได้ ดังนี้ ผลิตภัณฑอ์ าหารเสริมยาลดความอว้ น ในยคุ ปัจจุบนั ไดโ้ ฆษณาเกนิ จริง ทาํ ให้ประชาชนบางคนหลงเชื่อ แบบผดิ ๆๆ
76๗46๔ ใบงาน เรือ่ ง การอ่านสรปุ ความ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๙ เร่ือง การอา่ นสรปุ ความ รายวิชาใบภงาาษนาไท๑ย.๑รหกสั ารทส๒ร๒ปุ ๑ค๐ว๑ามภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาท่ี ๒ คําชีแ้ จง นกั เรียนอ่านบทความแลว้ เขียนสรปุ ความโดยเรียบเรียงใจความใหส้ ละสลวย ลายมอื อา่ นงา่ ยสวยงาม เรื่อง ประดบั เมืองเหลอื งอรา่ มวนั เฉลมิ ฯ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อม งานวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันที่ ๒๘ ก.ค. ๖๑ โดยกล่าวว่า กทม. ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ท้องสนามหลวงและรอบเกาะรัตนโกสินทร์เพ่ือเตรียมงานวันเฉลิม พระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยพื้นที่ท้องสนามหลวงนั้น กทม. ดําเนินการปรับปรุงพื้นท่ีและปรบั ระดบั พ้ืนดินงานวางระบบระบายนาํ้ ใต้พน้ื ท้องสนามหลวง......... (ท่มี า: นสพ.เดลินวิ ส์ ฉบับวันอังคารท่ี 17 กรกฎาคม 2561 หนา้ 14) วิธีสรปุ ความ ……………………………………………………………………………………………………………………… ใคร ……………………………………………………………………………………………………………………… ทาํ อะไร ……………………………………………………………………………………………………………………… เมอ่ื ไร ……………………………………………………………………………………………………………………… อยา่ งไร สรุปความได้ ดงั น้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชอ่ื กลมุ่ ............................................................ชั้น............................
๗76๕75 เฉลยใบงาน เร่ือง การอา่ นสรปุ ความ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๙ เรอื่ ง การอ่านสรุปความ รายวิชา ภาษาไทย รหัส ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาที่ ๒ คําส่ัง ใหน้ กั เรยี นอา่ นบทความแลว้ เขยี นสรปุ ความ โดยเรยี บเรยี งใจความให้สละสลวย ลายมอื อา่ นงา่ ยสวยงาม เรอ่ื ง ประดบั เมอื งเหลอื งอร่ามวันเฉลิมฯ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อม งานวนั เฉลมิ พระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ในวนั ที่ ๒๘ ก.ค. ๖๑ โดยกล่าวว่า กทม. ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ท้องสนามหลวงและรอบเกาะรัตนโกสินทร์เพ่ือเตรียมงานวันเฉลิม พระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยพื้นที่ท้องสนามหลวงนั้น กทม. ดําเนินการปรบั ปรุงพน้ื ที่และปรบั ระดบั พน้ื ดินงานวางระบบระบายน้ําใต้พื้นท้องสนามหลวง......... วธิ สี รปุ ความ ใคร พล.ต.อ.อัศวนิ ขวัญเมือง ผวู้ ่าราราชการกรงุ เทพมหานคร ทาํ อะไร เตรยี มความพรอ้ มงานวนั เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั มหาวชริ า- ลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร เมอื่ ไร วันที่ ๒๘ ก.ค. ๖๑ อยา่ งไร ปรบั ปรงุ ภมู ทิ ศั น์ทอ้ งสนามหลวงและรอบเกาะรัตนโกสนิ ทร์ ผลเป็นอย่างไร - สรุปความได ดงั นี้ พล.ต.อ.อศั วิน ขวัญเมืองผวู าราชการกรุงเทพมหานครเตรียมความพร้อมการจัดงานวันเฉลิม พระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันที่ ๒๘ ก.ค. ๖๑ ได มกี ารปรบั ปรุงภูมทิ ศั นท์ อ งสนามหลวงและรอบเกาะรตั นโกสินทร์ หรืออยูในดุลยพินิจของครู
67๗86๖ แบบประเมนิ กระบวนการกลุ่ม ประเมินกลมุ่ ท.่ี ........................................ ผลงานกลุ่ม............................. ช่ือผู้ประเมนิ ..................................................................................................ช้นั ............................................. ลําดับ รายการประเมิน ๔๓๒๑ ที่ ๑ ความรบั ผิดชอบของสมาชกิ ในกลมุ่ ๒ การแสดงความคดิ เหน็ ในการทาํ งาน ๓ การทาํ งานเสรจ็ ตามเวลากาํ หนด ๔ การนําเสนอผลงานของกลมุ่ หนา้ ชั้นเรียน ๕ ความมคี ณุ ภาพของผลงานกลมุ่ รวมคะแนนทีไ่ ด้ เกณฑ์การประเมนิ ดีมาก ๔ หมายถงึ ดี ๓ หมายถึง พอใช้ ๒ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ๑ หมายถงึ
๗7๗679 แบบประเมนิ การอ่านสรปุ ความ ชื่อผูป้ ระเมนิ .......................................................................................ช้นั ...........หอ้ ง............เลขที.่ ............ ลําดบั ข้อความ ๔๓๒๑ ท่ี ๑ สรปุ ความได้สอดคลอ้ งกบั เนื้อหา ๒. สาํ นวนทเี่ รียบเรียงอย่างสละสลวย ๓. เขยี นสะกดคาํ ไดถ้ กู ตอ้ งชัดเจน ๔ ใช้ภาษาที่ชัดเจนเข้าใจง่าย ๕ สะอาด เรียบรอ้ ย เกณฑ์การประเมิน ลงชอื่ .................................................... ๔ หมายถึง ผปู้ ระเมนิ ๓ หมายถงึ ๒ หมายถึง ดีมาก ๑ หมายถึง ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 10 เรอื่ ง การเขยี นสรปุ ความ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรอื่ ง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน เวลา ๑ ช่ัวโมง รายวชิ าภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเน้ือหา 1. หลักการเขยี นสรปุ ความ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขั้นนํา 1. ใบความรู้ เรอื่ ง การเขยี นสรปุ ความ ดา้ นความรู้ 1. ครูตั้งคําถาม “ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทําไม อย่างไร” 2. ใบงานที่ เรอื่ ง การเขยี นสรปุ ความ 1. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั หลักการเขยี น เพื่อโยงมาสู่การเขา้ ใจเร่ืองและการเขียนสรุปความ สรปุ ความ ขั้นสอน ภาระงาน/ช้ินงาน 2. บอกความหมายของการเขยี นสรุปความได้ 1. เขียนสรปุ ความจากเรื่องท่ีอา่ น 3. อธิบายหลักการเขียนสรปุ ความได้ 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่มละเท่า ๆ กัน ศึกษาใบความรู้ เร่ือง 2. ตีความจากคาํ ประพนั ธ์ การเขียนสรุปความ แล้วระดมความคิด ช่วยกันอธิบายในประเด็น ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1. เขียนสรุปความได้ ดังตอ่ ไปน้ี 2. ตีความจากคําประพนั ธไ์ ด้ - ความหมายของการเขียนสรปุ ความ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๑. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ - วิธกี ารเขียนสรปุ ความ ๒. มีวินยั ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มทําใบงาน เรื่อง การเขียนสรุปความ แล้วส่ง ๔. มงุ่ มั่นในการทํางาน ๕. มีจิตสาธารณะ ตัวแทนนําเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากนั้นครูและเพ่ือนกลุ่มอ่ืน ๖. มีมารยาทในการอ่าน ร่วมกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม 3. นักเรยี นฝึกตคี วามจากบทประพนั ธ์ ดังน้ี โดยบันทึกลงสมุด “ ถงึ บา้ นงว้ิ ง้ิวต้นแตพ่ น้ หนาม ไมง่ อกงามเหมอื นแมง่ ้ิวที่ผวิ เหลอื ง เมอื่ แลพบหลบพกั ตรจ์ กั ชาํ เลอื ง ดูปลดเปลอ้ื งเปล่งปลัง่ กําลังโลม ” 7780 (นิราศวัดเจ้าฟ้า ของสนุ ทภ)ู่ ๗๘
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 10 เรอ่ื ง การเขยี นสรปุ ความ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรื่อง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ รายวชิ าภาษาไทย ๗. ตระหนักในคณุ ค่าและมเี จตคตทิ ีด่ ีตอ่ การ อ่าน และการเขียน 4. อาสาสมัครนักเรียนนําเสนอการตีความ นักเรียนและครู อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิม่ เติม 5. นักเรียนเช่ือมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบทร้อยกรอง ที่อ่านกับประสบการณ์จริงว่านักเรียนเคยรู้เรื่องอะไรบ้าง ท่ีเหมือนกับบทร้อยกรองนี้ผู้อ่านจะต้องมีความรู้เก่ยี วกับอะไรบา้ ง จึงจะทําให้ตีความบทประพันธ์น้ีได้อย่างชัดเจนว่าผู้เขียนมีเจตนา อย่างไร ข้นั สรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ในประเดน็ ดังต่อไปน้ี - ความหมายของการเขียนสรุปความ - วิธกี ารเขยี นสรุปความ 71 ๗๙ 79
การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือทใี่ ช้ ๘๐ 7820 ส่ิงทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ การถาม คาํ ถาม ดา้ นความรู้ เกณฑ์ 1. มีความรู้ความเข้าใจ การประเมนิ ตอบคําถามได้ถูกต้อง การสงั เกต ร้อยละ 80 ผา่ นเกณฑ์ เกยี่ วกับหลกั การเขยี น สรุปความ แบบประเมินผลการนาํ เสนอ ได้คะแนนไมต่ า่ํ กวา่ 2. บอกความหมายของ ผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น รอ้ ยละ 80 การเขียนสรปุ ความได้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่ ไดผ้ ลจากการสังเกต 3. อธิบายหลกั การเขียน พฤตกิ รรมกลุ่ม สรปุ ความได้ ไมต่ ํา่ กวา่ ระดับ ๓ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 1. เขยี นสรุปความได้ 2. คิดวิเคราะหต์ ีความ จากคาํ ประพันธ์ได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ การสังเกต แบบสงั เกตคุณลกั ษณะ ได้ผลจากการสงั เกต ๑. ซอื่ สัตย์สจุ รติ คุณลกั ษณะไมต่ ่ํากวา่ ๒. มีวนิ ยั ๓.ใใฝฝ่เเ่รรยี ียนนรรู้ ู้ ระดับ ๓ ๔. มุ่งม่ันในการทํางาน ๕. มีจติ สาธารณะ ๖. มีมารยาทในการอ่าน ๗. ตระหนักในคุณคา่ และ มเี จตคตทิ ดี่ ีตอ่ การ อา่ น และการเขยี น
๘๑ 7831 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ.............
๘๒ 8724 ใบความรู้ เรือ่ ง การเขียนสรปุ ความ หน่วยที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๗ เร่ือง การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ การสรปุ ความ การฝึกอ่านแล้วเขียนสรุปความช่วยให้ผู้อ่านมีความเข้าใจในการอ่านย่ิงขึ้น การสรุปความเป็น การแยกแยะเน้ือหาท่ีอ่านออกเป็นสาระสําคัญ และรายละเอียดของเรื่อง แล้วพิจารณาเฉพาะสาระสําคัญ นํามาพูดหรอื เขียนเป็นขอ้ ความสั้นๆๆททีส่ ส่ี าามมาารรถถถถ่า่ายยททออดดใใหหผ้ ผ้ อู้ ู้อื่นน่ื เขเข้า้าใใจจ วธิ ีการเขยี นสรปุ ความ มขี ั้นตอนการเขียนสรปุ ความดงั น้ี 1) ข้ันอ่าน อา่ นข้อความหรอื เรอ่ื งราวใหต้ ลอดเรื่อง 2) ขั้นคิด ต้ังคําถามสั้นๆๆเเพพ่ืออ่ื ทดสอบความเขขา้ ้าใใจจ โดยตั้งคําถามกับตัวเองเกี่ยวกับจุดสําคัญของเร่ือง ได้แก่ เรอ่ื งอะไร ใครเป็นผู้เขยี น มีความว่าอยา่ งไร ใคร อะไร ทีไ่ หน เมอื่ ไหร่ อย่างไร ทําไม สาระสําคัญของเร่ืองจะสัมพันธ์กับหัวข้อเรื่องมากท่ีสุด ส่วนรายละเอียดจะสัมพันธ์กับ สาระสาํ คญั อกี ต่อหนึ่ง คาํ ถามทจ่ี ะตัง้ จึงควรถามหาสาระสําคัญ ซ่งึ เปน็ จุดสําคญั ของเรอ่ื ง 3) ข้ันเขยี น เรียบเรยี งสาระสาํ คัญของเร่ืองมาสรุปความโดย นําสาระสาํ คัญทจ่ี ดบนั ทกึ ไว้แต่ละตอนมาเรียบเรียงใหม่ เขยี นด้วยสํานวนของตนเอง ใชภ้ าษาให้ถกู ต้อง กระชับ คาํ สรรพนามท่ใี ช้ให้เปลี่ยนเป็นบรุ ษุ ท่ี 3 คาํ ท่ยี ากและยาวในเรอ่ื งเดมิ ควรเปลยี่ นใช้คาํ ธรรมดาท่ีทุกคนเข้าใจง่าย ประโยคส้ันๆ ทกุ ประโยคตอ้ งเชือ่ มโยงกนั โดยอาจใชบ้ พุ บท สันธาน หรือวลมี าเช่อื ม 4) ขนั้ ตรวจ สอบการเขยี นสรปุ ความเม่อื เขยี นเสรจ็ แลว้ ควรทบทวน ดังนี้ มีสารสนเทศสาํ คัญครบถ้วน โดยเปรียบเทยี บกบั เร่ืองเดิม ใช้ประโยคสมบรู ณ์หรอื ไม่ มรี ายละเอยี ดของเรอื่ งความติดมาบ้างหรือไม่ มีข้อความใดทผ่ี ดิ เพ้ียนไปจากเร่อื งเดิมบา้ ง ประโยคตา่ งๆๆเเชชอื่ ื่อมมโโยยงงดดว้ ้วยยถถ้อ้อยยคคํา�ำ ทท่ีเเ่ีหหมมาาะะสสมม หลักภาษา และการสะกดคําถูกต้อง
อะไร ๘๓ 8735 ที่ไหน ใบงาน เร่อื ง การเขียนสรปุ ความ หนว่ ยท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 เรอื่ ง การเขียนสรปุ ความ รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ตอนท่ี 1 อ่านเร่ืองแล้วตั้งคําถาม และเขียนคําตอบ “ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไร ทําไม อย่างไร” ลงในมือ นักสรปุ ความและสรุปความเร่ืองท่อี ่าน เรอ่ื งบา้ นโปง่ ’ราํ ลกึ 52 ปพี ระบารมปี กเกลา้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันท่ี 13 กันยายน 2549 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ. ราชบุรี นายธนน เวชกรกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดงาน “52 ปี พระบารมี ปกเกลา้ ชาวบา้ นโป่ง” นายธนน เปิดเผยว่า อ. บ้านโป่ง เป็นอําเภอใหญ่และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมด้านอู่ต่อรถยนต์ ประดับยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุปลาสวยงามป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ “คร้ังหน่ึงเมื่อวันท่ี 13 กันยายน 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดาํ เนินเปน็ การสว่ นพระองค์ เพ่ือเยีย่ มเยยี นราษฎร อ. บา้ นโปง่ ผู้ปผระู้ปสรบะภสัยบพภิบัยตัพจิ ิบาัตกิเจหาตกเุ เพหลติงุ เไพหลมิง้คไรห้งั มให้คญรั้งท่ ใส่ีหดุญใ่ทนีป่สุดระในวัตปิศราะสวตั ริศ์ านสับตเปร์็นนพับรเะปม็นหพารกะรมณุ หาาธกิครณุ ุณทา่ีมธตีิคอุ่ณปทรี่มะชีตา่อชปนรชะาชวาบช้านนชโาปว่งบอ้ายนา่ งโปมา่งกอยใ่านงกมาารกนี้ ใทนากงาภรานคี้รทาาชงกภาารค-ปรารชะกชารช-นปจรงึะรช่วามชกนนั จจึงดัรงว่ ามนกขัน้ึนจดั ังกาลนา่ขว้ึน”ดงั กลา่ ว” (หนังสอื พมิ พ์ เดลินิวส์ ฉบบั วันท่ี 14 กันยายน 2549 อยา่ งไร …………………………………………………….. ………………………………………………………. ……………………………………………………………….. สรปุ ความ…………………………………………………. …………………………………………………………..…… ……………………………………………………………. …………………………………………………………
๘๔ 8746 ตอนท่ี 2 สรุปความโดยบอกความหมายของถอ้ ยคาํ สํานวน และเจตนาของผสู้ ่งสารได้ คําชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นอา่ นคาํ ประพนั ธต์ ่อไปน้ีแล้วสรปุ ความ ชดุ ที่ 1 เพ็ญพระจนั ทรน์ ้ันสวา่ งแต่ขา้ งขน้ึ กระต่ายมึนเมาเพญ็ จนเป็นบ้า อนั ทรามวยั ใสสกุ ทุกเวลา นํา้ ใจขา้ เมามืนทั้งข้ึนแรม (นทิ านเวตาล) ชดุ ที่ 2 “ผมมีนํา้ ผง้ึ ในปาก แต่ไม่มีมดี ในหวั ใจ (รงค์ วงษ์สวรรค)์
๘๕ 7875 แบบประเมนิ การนาํ เสนองานหนา้ ชนั้ เรยี น หนว่ ยที่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 เรอื่ ง การเขียนสรปุ ความ รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ชื่อกลมุ่ ………………….....................................……เลขท่…ี ………………..ชัน้ ………………….. ท่ี พฤติกรรมทีป่ ระเมิน ผลการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ 1 ความพร้อมในการพดู 2 ความสมบูรณ์ในเน้ือหา 4 3 2 0-1 3 การสรปุ ใจความสําคญั 4 การแสดงความคดิ เห็น 5 การตอบคาํ ซกั ถาม 6 บุคลกิ ความเชอื่ ม่ัน รวม รวมคะแนน ความคิดเหน็ เพ่ิมเตมิ ……………………………………………………………........................................................ …………………………………………………………………………………................................................................ (ลงชอ่ื )………………………………ผปู้ ระเมนิ (…………………………………………….)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 11 เรอื่ ง การอ่านวเิ คราะห์และประเมินค่าวรรณกรรม เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรอ่ื ง ร้อยเรียงขบั ขาน ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชาภาษาไทย ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ 1. ความหมายของการอา่ นวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ค่า ข้นั นํา ๑. ป้ายนเิ ทศบทประพนั ธ์ เรื่อง 2. หลักการวิเคราะหง์ านประพนั ธ์ ๑. นักเรียนและครูร่วมสนทนาและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับ กวีสง่าแม้นมณีสาร 3. เกณฑ์ในการเลือกวรรณกรรม การอ่านหนังสอื พิมพ์หรือนิตยสารตา่ ง ๆ ดังนี้ ๒. ใบความรเู้ ร่ือง “การอ่าน จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิเคราะหแ์ ละประเมนิ คา่ - ประเภทของเรือ่ งทีน่ ักเรยี นชอบอา่ น งานประพันธ์” ด้านความรู้ - สารประโยชน์ทีน่ กั เรียนได้รบั จากการอา่ น ภาระงาน/ช้ินงาน 1. บอกความหมายของการอ่านวเิ คราะห์และ จากน้ันครูจงึ กล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน 1. อ่านวเิ คราะหแ์ ละประเมินคา่ ประเมนิ คา่ ได้ ขน้ั สอน บทประพนั ธ์ เร่ือง กวีสง่าแม้น 2. บอกหลักวิธกี ารวเิ คราะห์งานประพนั ธ์ได้ 1. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง การอ่านวิเคราะห์และประเมินค่า มณีสาร 3. บอกเกณฑ์ในการเลือกวรรณกรรมได้ วรรณกรรม 2. อาสาสมคั รนกั เรียนตอบคําถามในประเด็นดังต่อไปนี้ ดา้ นทักษะและกระบวนการ - ความหมายของการอ่านวเิ คราะหแ์ ละประเมินคา่ 1. อา่ นวิเคราะหแ์ ละประเมินค่าวรรณกรรมได้ - หลักการวเิ คราะห์งานประพนั ธ์ - เกณฑ์ในการเลอื กวรรณกรรม ด้านคุณลักษณะ 3. นักเรียนดูป้ายนิเทศตัวอย่างคําประพันธ์ที่กระดาน แล้วอ่าน ๑. ซือ่ สตั ย์สุจริต ออกเสียงพร้อมกันดงั น้ี ๒. มีวนิ ยั ๓.ใใฝฝ่เร่เรียยี นนรรู้ ู้ ๔. มุ่งม่ันในการทํางาน ๕. มีจติ สาธารณะ ๖. มีมารยาทและนิสัยในการอา่ น 7886 ๘๖
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 เร่อื ง การอ่านวเิ คราะห์และประเมินค่าวรรณกรรม เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรอื่ ง ร้อยเรียงขบั ขาน ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย หากเรียบกวีแลว้ เชน่ ดังดวงแกว้ วาวแววแพรวใส 8779 หมดจดงดงาม วับวามเน้ือใน ส่องแสงแรงไกล เลื่องลือคือมณี ๘๗ แตท่ ผี่ ิดกนั แกว้งอาจแตก มลายส้ินอินทรีย์ หากชื่อกวีฝัง จวบทงั่ ธานี สลายเป็นผงคลี แตกดับลบั ไป (นายพเิ ชฏฐ ทาศรี) 4. นักเรียนช่วยกันตอบคําถามจากคาํ ประพันธ์ ดังน้ี 4.๑ ใจความสําคญั ของคําประพนั ธ์มีว่าอย่างไร แนวคําตอบ (กวีเปรียบเหมือนแก้วมณีทงี่ ามสุกใสแต่แตกต่างกัน ท่ีแก้วมณีอาจแตกได้ แต่ชื่อเสียงของกวียังคงอยู่คู่บ้านเมืองไม่มี วันแตกดับ) 4.๒ ลกั ษณะคําประพันธป์ ระเภทใด แนวคําตอบ (กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘) 4.๓ อะไรคือจุดม่งุ หมายของผู้แต่ง แนวคําตอบ (ให้มองเห็นคุณค่าและความสําคัญของกวีท่ี สรา้ งสรรคผ์ ลงานประพันธ์เอาไว้) 4.๔ แนวคดิ สําคญั ของบทประพนั ธน์ ค้ี ืออะไร แนวคําตอบ (คุณประโยชน์ท่ีกวีได้สรรค์สร้าง เปรียบเหมือน คุณความดที ่มี นุษยส์ ร้างไว้ซงึ่ ไมม่ วี ันดับสลาย)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 11 เรือ่ ง การอ่านวิเคราะห์และประเมนิ ค่าวรรณกรรม เวลา ๑ ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรือ่ ง ร้อยเรียงขบั ขาน ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชาภาษาไทย 5. นักเรียนบันทึกความรแู้ ละคําตอบลงในสมุดงาน ข้นั สรปุ 1. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปในประเด็นดังต่อไปน้ี - ความหมายของการอ่านวิเคราะหแ์ ละประเมินค่า - หลักการวเิ คราะห์งานประพันธ์ - เกณฑ์ในการเลอื กวรรณกรรม 80
819 ๘๙ การวัดและประเมินผล วธิ ีการ เคร่ืองมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ สิง่ ท่ตี ้องการวัด/ประเมิน คาํ ถาม ตอบคําถามได้ถูกต้อง ดา้ นความรู้ ร้อยละ 80 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 1. บอกความหมายของ การถาม การอ่านวิเคราะหแ์ ละ ประเมินค่าได้ 2. บอกหลักวิธีการ วเิ คราะหง์ านประพันธ์ 3. บอกเกณฑ์ในการเลือก วรรณกรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ 1. อา่ นวิเคราะหแ์ ละ 1. การถาม 1. คําถาม 1. ตอบคําถามได้ถูกต้อง ประเมนิ คา่ วรรณกรรมได้ 2. การตรวจผลงาน 2. สมดุ งาน รอ้ ยละ 80 ข้ึนไป ผ่านเกณฑ์ 2. ได้คะแนนร้อยละ 80 ข้นึ ไป ผ่านเกณฑ์ ดา้ นคุณลักษณะ การสงั เกต แบบสังเกต ได้ผลจากการสงั เกต ๑. ซือ่ สัตย์สุจริต คุณลักษณะ ไม่ตา่ํ กว่าระดับ 3 ๒. มีวนิ ยั อันพึงประสงค์ ๓.ใฝใฝ่เร่เรียียนนรรู้ ู้ ๔. มุ่งมน่ั ในการทํางาน ๕. มีจติ สาธารณะ ๖. มีมารยาทในการอ่าน
8920 ๙๐ 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผู้สอน (...................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรือผ้ทู ่ีไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ.............
8931 ๙๑ ป้ายนิเทศคําประพนั ธ์ หนว่ ยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๘ เร่ืองอ่านวิเคราะหแ์ ละประเมินค่าวรรณกรรม รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ จุดประสงค์การเรียนรู้ อา่ นวิเคราะห์และประเมินค่าวรรณกรรมที่กําหนดให้ได้ กวีสง่าแม้นมณีสาร หากเรียบกวีแลว้ เช่นดังดวงแก้ว วาวแววแพรวใส หมดจดงดงาม วับวามเนื้อใน ส่องแสงแรงไกล เลื่องลือคือมณี แต่ทีผ่ ดิ กนั แก้วงอาจแตก มลายสน้ิ อนิ ทรีย์ หากชื่อกวีฝัง จวบทัง่ ธานี สลายเป็นผงคลี แตกดบั ลบั ไป (นายพิเชฏฐ ทาศร)ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436