194 176 คาถามท้ายกจิ กรรม 1. ขวดแก้วเปลีย่ นเสมอื นอวัยวะใดในร่างกายมนษุ ย์ 2. กล่องพลาสติกที่ต่อกับท่อยางและบหุ ร่เี ปรยี บเสมือนอวัยวะใดในรา่ งกายมนุษย์ 3. ไส้กรองบหุ รแี่ ละสาลีในกล่องพลาสติกมีสีใด เหมือนหรือตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร 4. เม่อื เราบบี ทป่ี ัม้ ลม มีควันออกมาจากท่อปั้มลมหรือไม่ 5. เม่ือบุหรีห่ มดมวนแล้ว ในขวดแกว้ ยังมคี วนั เหลืออย่หู รือไม่
195 177 ใบความรูท้ ่ี 6.1 ความสาคญั ของระบบหายใจ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 เร่ือง ระบบหายใจ รายวรชิ าายวชิทายาวศทิ ายสาตศราพ์ ส้ืนตฐรา์ นร3หัสวริชหาัสวิช22า1ว02111ภ0า3คเภรียานคเทร่ีย1นทชี่1ั้นมัธชยัน้ มมศธั กึ ยษมาศปึกีทษ่ีา2ปที ่ี 2 คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ต่อไปนี้ ความสาคัญของระบบหายใจ 1. แลกเปลีย่ นแกส๊ ออกซเิ จนกับคารบ์ อนไดออกไซดร์ ะหวา่ งปอดกับอากาศภายนอก 2. ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย 3. ช่วยในการรับกลิน่ เนอื่ งจากทจี่ มูกมเี ซลล์และประสาทรับกลนิ่ อยู่ดว้ ย 4. ชว่ ยในการขบั สารเคมีบางชนดิ เมือ่ เขา้ สรู่ า่ งกาย 5. ช่วยทาให้เกิดเสยี งโดยอาศัยหลอดเสยี ง ซ่ึงเปน็ อวัยวะในระบบหายใจ การสรา้ งเสรมิ และดารงประสิทธิภาพการทางานของระบบหายใจ การสร้างเสริมและดารงประสทิ ธภิ าพการทางานของระบบหายใจนน้ั สามารถดาเนินการได้ดังต่อไปนี้ 1. ออกกาลังกายเป็นประจาสม่าเสมอ จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ทาหน้าที่หายใจแข็งแรง และมีกาลัง เพิ่มข้ึน ปอดขยายใหญ่ขึ้น มีปริมาณความจุปอดเพ่ิมขึ้น ทาให้ปอดสามารถรองรับอากาศได้มากขึ้น จึงมีแก๊ส ออกซิเจนไปเล้ยี งส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายมากขนึ้ ด้วย 2. หลีกเล่ียงการอยู่ในสถานท่ีแออัดและสถานท่ีทีม่ ีมลพิษทางอากาศปนเป้ือนอยู่สูง เพราะสารมลพิษ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง แก๊สท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น แก๊สคาร์บอนมอนนอกไซด์ แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นต้น และเช้ือโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อ โรคหวัด เช้ือโรควัณโรค ปอด เป็นต้น หากร่างกายได้รับเข้าไปมากหรือเป็นระยะเวลานาน อาจทาให้เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดิน หายใจได้ เชน่ โรคหวดั วณั โรคปอด โรคหลอดลมอกั เสบ เปน็ ต้น 3. งดสูบบุหร่ี ในบุหรี่มีสารท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่หลายชนิด เช่น สารทาร์ นิโคติน สารก่อ มะเร็ง เป็นต้น ทาให้ผู้ที่สูบบุหร่ีมีสมรรถภาพความจุปอดลดลง จึงเหนื่อยง่าย และยังเป็นตัวก่อให้เกิดโรค ระบบทางเดินหายใจ และโรคอ่ืน ๆ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็งที่ปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคความดัน เลอื ดสูง เปน็ ต้น 4. รักษาสขุ ภาพให้ดอี ย่เู สมอ โดยการรับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ 5. เม่ือมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ควรรักษาความอบอุ่นของร่างกายอยู่เสมอ ไม่ตากน้าค้างหรือ ตากฝน เพ่อื ป้องกนั การเป็นหวดั 6. หลีกเลี่ยงการอยูใ่ กล้ชิดกับผปู้ ว่ ยทางเดินหายใจ 7. ปิดปากและจมกู เวลาไอหรือจาม 8. ไม่ควรใชเ้ สอ้ื ผ้า สง่ิ ของรว่ มกบั ผอู้ ่ืน โดยเฉพาะเมื่อปว่ ยเปน็ โรคทางเดินหายใจ 9. ระวงั อุบตั ิเหตุ โดยเฉพาะการกระแทกหน้าอก เพราะอาจเปน็ อนั ตรายต่อระบบทางเดนิ หายใจได้ 10. เมอ่ื เกิดความผิดปกตติ ่อระบบทางเดนิ หายใจ ควรรบี พบแพทย์ทันที
178 หลอด ลม โรคหอบหืด พบว่าคนไทยป่วยโรคหอบหดื กวา่ 10 -13 % สาเหตหุ ลกั ๆ เกดิ จากการหดตัวหรือตบี ตัน ของช่องทางเดนิ หายใจส่วนหลอดลม ทาใหอ้ ากาศเขา้ ส่ปู อดนอ้ ยลง ปจั จัยทที่ �ำ ให้เกิดการตบี ตันของหลอดลม คอื การหดตัว ของกลา้ มเนอื้ รอบ ๆ หลอดลม การบวมอักเสบของเย่อื บุภายในหลอดลม และเสมหะจ�ำ นวน มากทคี่ ่งั คา้ งอย่ภู ายในหลอดลม สงิ่ แวดลอ้ มเปน็ ตัวกระตุน้ ท�ำ ใหห้ ลอดลม เยือ่ บุหลอดลมอกั เสบและบวม เสมหะมากข้ึนและเหนียว รวมท้งั ทำ�ให้กล้ามเนื้อหลอดลมหดตัว หลอดลมตีบลง อากาศเข้า-ออกจากปอดได้น้อยลง อาการของโรคจะรุนแรง หรือไม่แล้วแต่ว่าหลอดลมตีบตันมากหรือน้อย กล้ามเนื้อบุหลอดลมอาจคลายตัวได้เอง แม้จะไม่ได้รับ การรักษา แต่การรกั ษาท่ถี ูกวิธจี ะช่วยท�ำ ใหอ้ าการดีเร็วขึน้ และปอ้ งกันการเกดิ อาการของโรคก�ำ เรบิ หรือแม้แต่ ท�ำ ใหอ้ าการของโรคคอ่ ยๆ ดีขึ้น และหายเปน็ ปกตไิ ด้ ํ
197 179 การรกั ษา 1. หลีกเลย่ี งสารทแ่ี พ้ ไดแ้ ก่ ไมม่ สี ตั วเ์ ลี้ยงในบ้าน , หลีกเล่ียงควันบหุ ร่ี , พืน้ ไม่ต้องปพู รม ,ท่ีนอน และหมอนไม่ควรทาดว้ ยวัสดปุ ระเภทฟาง, ซกั ผา้ ห่มและผา้ คลุมเตยี งด้วยนา้ ร้อนและตากแดด (เพ่ือกาจดั ไร ฝนุ่ ) อย่างน้อยสัปดาหล์ ะครั้งเปน็ ตน้ 2. ยาสดู รกั ษาโรคหืดท่จี าเปน็ มี 2 ประเภท คือ 2.1. ยาสูดขยายหลอดลม ไดแ้ ก่ เวนโตลนิ รูปพ่น ใช้เปน็ ครั้งคราว เม่ือเกิดการจับหดื 2.2. ยาสดู ลดการอักเสบ ไดแ้ ก่ สเตียรอยด์รปู พ่น ใช้เป็นประจา เพื่อป้องกันการจบั หืด ภาพที่ 6.2 แสดงผปู้ ่วยโรคหอบหืด ท่มี า: สาระสุขภาพ. สบื ค้นเมื่อวนั ท่ี 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/naLQgw โรรคคถถุงุงลลมมโโปป่ง่งพพอองง((eemmpphhyysseemmaa)) คคอื ือโโรรคคททผี่ ่ีผนนังังถถุงุงลลมมทที่เสี่เสียียคคววามามยยืดืดหหยยนุ่ ุ่นแแลละเะปเปราระางะ่างย่าทยำ�ทใหาถ้ใหงุ ล้ถมุง สลญูมสเสูญยี เหสนียา้ หทน่ีใน้าทกา่ีในรแกลากรเแปลลกีย่ เนปอลา่ียกนาอศากนาศอกนจอากนจาีผ้ กนนังขี้ผอนงังถขงุ อลงมถทุง่เี ลปมรทาะี่เปยังรมาีกะายรังแมตีกกาทรแะลตุกททะำ�ลใหุ ทถ้ างุ ใลหม้ถขุงนลามด เขลน็กาๆดเหลล็กาๆยๆหลอานัยๆรวอมันตวัรเวปม็นตถัวุงเปลม็นทถ่ีโุงปล่งมพทอ่ีโงปแ่งลพะอพงกิแาลระพสิกง่ ผารลใสห่ง้กผาลรใแหล้กกาเปรแลลย่ี กนเอปอลก่ียซนเิ จอนอลกดซลิเจงนทล�ำดใลหงผ้ ู้ปทว่ายใหม้ี อผาู้ปก่วายรมหอี อากบาเหร นหื่ออยบเหหานย่ือใจยลหำ�บายาใกจลาบาก สาเหตุของโรค ที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การสูบบุหรี่ นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากการสูดดมสิ่งที่เป็นพิษ เช่น มลภาวะ ไอเสีย ฝุ่น สารเคมี เป็นระยะเวลานานๆ โดยปกติแล้วทางเดินหายใจมีลักษณะเหมอื นกับต้นไม้ กลับหัว โดยกิ่งก้านต้นไม้เปรียบเสมือนหลอดลม และมีถุงลมต่อลงมาจากหลอดลมส่วนปลาย ในคนท่ัวไป หหลลออดดลลมมจจะะโลโลง่ แ่งและลเะปเิดปอิดยอตู่ ยลู่ตอลดอเวดลเวาลาส่วสน่วถนงุ ถลมุงลกม็จะกเจ็ ปะ็นเปท่ีแน็ ลทกแ่ี เลปกลีย่เปนลอีย่อนกอซิเอจกนซใหเิ จก้ นบั ใรห่า้กงกบั ารย่างกในาผยปู้ ใ่วนยผโรูป้ ค่วถยงุ โลรมคโถปุง่ พลอมงโปท่งาพงเอดงินทหายงเใดจแนิ ลหะาถยุงใลจมแขลาะดถปงุ รละมสขทิ าธดภิ ปารพะทสำ�ิทใหธก้ิภาารพแทลากใเหปลก้ ี่ยานรแอลากาเปศจละย่ี เนปอน็ าไปกไาดศย้ จาะกเปน็ ไปไดย้ าก
198 180 ภาพที่ 6.3 แสดงลักษณะโรคถงุ ลมโป่งพอง ทมี่ า: Firstphysico clinic. สบื คน้ เมอื่ วนั ท่ี 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/gghJ7p โรคมะเร็งปอด (lung cancer) หมายถึง อุบัติการณ์ที่เซลล์ของเนื้อปอดมีการแบ่งตัวท่ีมากเกินปกติ จนไม่สามารถควบคุมได้และมีการเจรญิ เติบโตลุกลามรวมกันเปน็ เนื้องอก และยังแพร่กระจายไปยังอวยั วะอ่ืน ไไดด้ ม้ ะเรง็ ปอด เป็นมะเร็งท่พี บไดม้ ากในประเทศไทย โดยพบมากเปน็ อันดับ 2 ในเพศชาย อันดบั 4 ในเพศหญิง ตรวจพบในระยะเริ่มแรกได้ยากเพราะอาการจะไมป่ รากฏ คนทีม่ าพบแพทยส์ ่วนใหญ่ก็จะมีอาการทโ่ี รคลกุ ลาม แล้ว อย่างไรก็ตามไม่ว่าระยะใดก็มีหนทางในการดูแลรักษา และส่งผลให้มีชีวิตท่ียืนยาวหรือดารงชีวิตได้ดีขึ้น เมอื่ ได้รบั การวินจิ ฉัยระยะและมกี ารรกั ษาท่ถี ูกต้อง ปัจจยั เส่ียงมะเรง็ ปอด ไดแ้ ก่ 1. บุหรี่ พบว่าประมาณ 85% หรือมากกวา่ ของผู้ป่วยมะเร็งปอดมปี ระวัติการสูบบุหรี่ สารในบุหรี่น้ันมี ผลกระทบโดยตรงต่อปอด มีประมาณ 60 ชนดิ ทเี่ ป็นสารพิษและก่อมะเรง็ แม้ว่าหยุดสบู ไปแลว้ แตค่ วามเส่ยี งก็ ยังคงมีอยู่ พบว่าผู้สบู บหุ รมี่ ีความเส่ียงในการเกิดมะเร็งปอดสงู ขน้ึ 10 เทา่ ย่ิงสูบมาก สบู นานความเสยี่ งยิง่ เพิ่ม สูงข้ึน ท้ังน้ีรวมถึงผู้ได้รับควันบุหร่ีด้วย (ร้อยละ 30 ของผู้ท่ีไม่สูบบุหรี่แต่ตายจากมะเร็งปอด จะเป็นผู้ท่ีอยู่ ใกล้ชิดผูส้ บู บุหรี่)
199 181 ภาพท่ี 6.4 แสดงลักษณะโรคมะเร็งปอด ทม่ี า: Department of desease control. สืบค้นเม่ือวันท่ี 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/iLNMFQ 2. ซกิ ารแ์ ละไปป์ เพ่มิ ความเส่ียงต่อการเกิดมะเรง็ ปอดได้เชน่ กัน 3. แออสสเเบบสสททออสสหรหือรแือรแใ่ ยรห่ใยนิ หใินชเ้ ใปช็น้เวปัต็นถวุไวัตไถฟุไวแไผฟน่ กแันผค่นวกามันรค้อวนาตมารม้ออนาคตารมอฉนาควนาบราฉงนชนวดินบางชนิด อุตสาหกรรมสงิ่ ทอ เปน็ ตน้ การสูดดมแอสเบสทอสเข้าไปจะก่อใหเ้ กิดการระคายเคอื งตอ่ ปอด 4. เรดอน เปน็ แกส๊ ไไมม่มม่ ีสสี ี ี ไไมมม่ ่มกี ีกลลน่ิ ่นิ พพบบไไดด้ท้ทัว่ ัว่ ไไปปตตาามมแแหหลล่ง่งดดนิ ินในในธธรรมรมชชาตาติ หิ หรือรือบบริเรวเิ ณวณททม่ี ีแม่ รแี ่ยรูเ่ยรูเรนเียนมยี ม โดยเรดอนจะระเหยขนึ้ มาจากพนื้ ดิน แก๊สน้ีจะทาอันตรายต่อปอด 5. สารรออนื่ ่ืนๆๆเเชชน่ ่นโคโครรเมเมียียมมนนกิ เิกกเิลกิลฝุน่ ฝจุ่นาจกาอกุตอสุตาสหากหรกรมรหรมนหกั นไักอสไาอรสราะรเหระยเหนย้ามนนั ้�ำเมขันมา่ เคขวมนั ่าตค่าวงันๆต่างๆ รวมถึงมลภาวะทางอากาศทไ่ี มบ่ รสิ ทุ ธ์ิ 6. โรคเกี่ยวกับปอด ผทู้ ีเ่ ป็นวัณโรคปอดจะมโี อกาสเกดิ โรคมะเร็งปอดมากขึน้ โดยมะเรง็ ปอดจะเกิดข้ึน ที่ตาแหน่งรอยแผลเป็นจากการเกดิ เชอื้ วณั โรคปอด วัณโรค (tuberculosis) ววัณณั โโรรคค((TTuubbeercrcuulolosisi)s)หหรอืรอืโรโครTคBTBเกเิดกจิดาจกาเกชเอ้ื ชแ้ือบแคบทคเี รทียเี รชียื่อชM่อื yMcoycboacbtaecrtiuemriumTubTeurbceulrocusilsos(AisFB, a(AcFidB, facsitd bfaasctilbli)acซilงึ่liเ)ชอ้ืซนง่ึ เีจ้ ชะอ้ื ไนด้รีจับะตไดิ ร้ตบั่อตเขดิ ้าตสอ่รู า่เขงก้าาสย่รู ไา่ ดง้โกดายยผไ่าดน้โทดายงผเดา่ นิ ทหายงเใดจนิในหราูปยลใะจอในองรเปู สลมะหอะองแเลสะมนห�ำ้ ะลาย ซแ่งึลอะอนกา้ มลาาจยากซกึ่งาอรอไอกมจาาจมากหกราอืรกไอารจพาดู มคยุหรขืออกงาผรทู้ พ่ีปดู ่วคยยุ เปขน็ อวงณั ผโทู้ รปี่ค่วโยดเยปเน็ ฉวพัณาะโถรค้าอโยดู่ใยนเสฉถพาานะทถอี่ า้ บั อยอใู่ านกสาถศาไนมถ่ทา่ีอยับเท แอสางกแาดศดไมสอ่ถง่าไยมเ่ถทึงแสแงลแะดถด้าสมเีอ่ ชงื้อไนม้ีอถ่ ยึง่ใู แนลอะากถา้ ศมเี ชเอื้มน่ืออี้เรยาู่ใหนาอยาใจกเาอศาเชเม้อื ่อืวเณั ราโรหคาเขยา้ใจไปเอจาะเทช�ำ้ือใวหัณ้มีโอรกคาเขศ้าตไิดปเชจ้ือะไทดา้ ใหแ้มลีะ กโอากรตาิดศเตชิดื้อเวชณั ้อื โไรดค้ ไแมลจ่ ะ�ำ กเปา็นรตดิ้อเงชเกือ้ ดิ วทณั ่ีปโอรดคเไสมมจ่ อาไเปน็ อตวัยอ้ วงะเกอิดน่ื ทกีป่็สาอมดาเรสถมตอิดไเปชอ้ื อไวดยั้ เวชะน่ อต่ืน่อกม็สนา�้ำมเาหรลถือตงดิ สเมชอื้ งไดแ้ ลเชะน่ลำ�ไส้ เตปอ่ น็ มตนน้ ้าเคห้นลพอื บงคสรงั้มแอรงกใแนลปะี ลพา.ศไส. ้2เ4ป1น็ 5ตโน้ ดยคน้ Dพr.Rบoคbรeงั้ แrtรKกoในchปี พ.ศ. 2415 โดย Dr.Robert Koch อาการ ได้แก่ มีไข้ เหงอื่ ออกตอนกลางคนื ไอ (มอี าการมากว่า 2 อาทิตย์ขนึ้ ไป) นา้ หนักลดเสมหะมี เลอื ดปน ถา้ มีอาการเหลา่ นีค้ วรรบี ไปพบแพทยต์ รวจวินจิ ฉัย การติดตอ่ คนบางคนไม่มีความระมดั ระวงั ชอบถ่มนา้ ลายลงพื้นหรอื ในทชี่ ุมชน หรอื ตามขา้ งถนน
200 182 เช้ือโรคจึงคลุกเคล้ากับฝุ่นละออง เม่ือคนเดินผ่านมาฝุ่นละอองเหล่านั้นก็จะถูกสูดเข้าไปกับการหายใจหรือติด ไปกับพ้ืนรองเท้าเด็กๆ ท่ีเลน่ กันในบริเวณน้ัน มืออาจเปรอะเปื้อนเชื้อโรค แล้วเอามือเข้าปาก นอกจากนั้นเช้ือ โรคอาจติดอยู่ในช้อน แก้วน้า นกหวีด หรือดินสอ คนต่อมาก็จะเอาสิ่งของเหล่านั้นเข้าปาก แต่ร้ายแรงกว่าคือ เมอ่ื คนตดิ โรคจากผู้ปว่ ยโดยตรง มารดาท่ีเป็นวณั โรค หากเธอจมุ พติ บตุ รที่ปาก เด็กจะตอ้ งได้รับเช้ือจากมารดา อย่างแน่นอน เช้ือวัณโรคติดต่อไปสู่ผู้อ่ืนได้จากการไอ จาม หรือทางเสมหะ เชื้อวัณโรคติดต่อกันได้ทางลม หายใจ แต่ไม่ติดต่อทางการสัมผัสด้วยมือ จาน ชาม หรอื เคร่ืองใช้อืน่ ๆ เมื่อคนหายใจจะได้รับเชื้อนนั้ เข้าในถุง ลมในปอด (alveoli) หากรา่ งกายแขง็ แรงภมู คิ ้มุ กันปกติร่างกายก็สามารถกาจัดเชื้อนั้นได้ ภาพ 6.5 อาการวณั โรค ท่ีมา: Department of desease control. สบื คน้ เมอื่ วันที่ 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/xx6VQR กกาารรรรักักษษาา วิธวีทธิ ที่ดีทด่ ีท่สุดี่สดุ คือคือหาหกาพกบพวบ่ามวีกา่ มารีกตาิดรเตชดิื้อเนชี้ ้อืแนละ้ี แไดล้ระับไดการ้ รับรกักาษรารดกั ้วษยายดาว้ ผยู้ปย่วายจผำ�ู้ปเว่ปย็นจตา้อเงปรน็ับตป้อระงทาน รยับาใปหร้คะรทบาอนยย่าางใตหอ่ ้คเนรื่อบงอยต่างมตท่อีแ่ เพนทือ่ ยง์สต่งั าไมมทว่ ่แีาอพาทกยาส์รัง่ตา่ ไงมว่ๆ่าจอะาไกมา่ปรรตา่ากงฏๆแลจว้ ะกไ็ตมา่ปมราแกลฏะแทลส่ี ว้ำ�กคต็ญั าคมือตแอ้ลงะไทปี่สพาบคแญั พคทอื ย์ ตา้อมงไกปำ�พหบนแดพนัดททยุก์ตคามรั้งกาเหพนื่อทดนี่ดดัูอาทกุกาครรอ้งั ย่าเพงใอ่ื กทล่ีด้ชูอิดากวิธาีกรอารยวา่ ินงใิจกฉลัย้ชแิดละวติธิดีกตาราวมนิผิจลฉทัยำ�แไดล้โะดตยดิ เอตกามซเผรลยท์ปาอไดดหโ้ ดรยือตรวจ เสอมกหซเะรยเพ์ปื่ออเดช็คหวร่าือเตชรื้อวแจบเคสทมีเหระียหเมพดือ่ ไเปชหค็ รวือา่ เยชังอื้ กแาบรครทักษเี รายี วหัณมโดรคไปใหห้หราือยยขงั าดกนารั้นรักเปษ็นาไวปัณไดโร้แคตใ่ หช้หระายยะขเาวดลนานน้ั านเปเป็น็นไปี ไจดึงตแ้ อ้ตง่ใอชดร้ ะทยนะแเลวะลดาแูนลาสนุขเภปาน็ พปใีหจแ้ ึงขตง็ ้อแงรองมดีอทนนาแมลัยะอดยแูา่ ลงเสคุขรภง่ คารพดั ให้แข็งแรงมีอนามัยอยา่ งเคร่งครัด
183 ใบงานที่ 6.1 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว22101 ภาคเรียนที่ 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2
184 ว22101
203 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 ร่างกายมนุษย์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 7 เวลา 2 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่อื ง ระบบขับถา่ ย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ขอบเขตเน้อื หา แหล่งเรยี นรู้ รายวิชราวยิทวชิยาวศิทาสยตาศรพ์าส้ืนตฐรา์น 3 1. หอ้ งเรียนวิทยาศาสตรโ์ รงเรยี น ระบบขับถา่ ย มีอวยั วะทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 23-24 คอื ไต ท่อไต กระเพาะปสั สาวะ และท่อ ขน้ั นา 2. ห้องสมดุ โรงเรยี น ปัสสาวะโดยมไี ตทาหน้าทกี่ าจดั ของเสีย เชน่ ยเู รีย แอมโมเนยี กรดยรู ิก รวมท้ัง 1. ครนู านกั เรยี นอภิปรายโดยใชค้ าถามว่า หลงั จากทร่ี า่ งกายนาสารอาหารไปใช้ประโยชน์ 3. แหลง่ เรยี นร้อู อนไลน์ สารที่ร่างกายไม่ต้องการออกจาก เลอื ด และควบคุมสารที่มมี ากหรือน้อยเกินไป แล้ว ของเสียทเ่ี ป็นอันตรายต่อรา่ งกายท่ีจะเกดิ ขนึ้ จะถูกกาจดั อยา่ งไร สอ่ื เชน่ นา้ โดยขบั ออกมาในรูปของ 1. ใบความรทู้ ี่ 7.1 ปัสสาวะ 2. ครนู านักเรียนอภปิ รายตอ่ ไปวา่ การดารงชวี ิตของคนโดยทั่วไป จะมปี ฏกิ ิริยาเคมตี ่างๆ 2. ใบกจิ กรรมที่ 7.1 จุดประสงค์การเรียนรู้ เกิดข้ึนในเซลล์ของร่างกาย เปน็ ผลให้เกิดผลิตภณั ฑท์ ่ีมีประโยชนแ์ ละของเสยี ทต่ี ้องกาจัดออก ด้านความรู้ 3. ใบงานท่ี 7.1 1. ระบอุ วัยวะของระบบขับถ่ายของ ด้วยการขบั ถา่ ย มนุษย์ได้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน 2. อธิบายหนา้ ทข่ี องอวยั วะในระบบ ขั้นสอน 1. ใบกิจกรรมที่ 7.1 ขบั ถ่ายของมนษุ ย์ได้ 1. นนกั กั เเรรียียนนศศกึ ึกษษาใาบใบควคาวมารมู้ทร่ี ู้ท7ี่.17.เ1ร่ือเรง่อื รงะบรบะบขบั ถขา่ับยถเา่ พยอ่ื เศพึกอื่ ษศากึโคษรางโสครรา้ งสแรล้าะงหแนลา้ ะทหก่ี นารา้ ท�ำี่กงาารน 2. ใบงานที่ 7.1 ขทอางงราะนบขบอขงับรถะ่าบยบเขปับ็นถเวา่ ลยาเ1ป0น็ นเวาลทาี 10 นาที 2. คครรนู นู ำ�าบบัตัตรรภภาาพพแแสสดดงงตต�ำ าแแหหนนง่ ่งขขอองงไไตตใในนรร่า่างงกกาายยมมนนษุ ษุ ยยม์ ม์ าาใใหห้น้นกั ักเรเรียยีนนดดู พู พร้อรอ้มมออธบิธิบายายปประรกะกออบบ ภภาาพพเเพพ่อื ่อื ใใหห้นน้ กั กั เเรรยี ยี นนเเกกดิ ดิ คคววาามมเขเข้า้าใจใจมมาากกยยิง่ งิ่ขข้ึนึ้น 3. นักเรียนศกึ ษาใบกจิ กรรมที่ 7.1 เร่ือง การท�ำางานของไต โดยครูใหต้ ัวแทนนักเรยียนนมมายกตะกรา้ ออุปุปกกรรณณ์ ์พพรร้ออ้ มมททง้ั ้ังออธธบิ ิบาายยขข้นั นั้ ตตออนนกกาารรททดดลลอองง 4. นักเรยี นปฏบิ ตั กิ ารทดลอง และบันทกึกผผลลกกาารททดดลออง 55.. ครแู ละนกั เรรยี ยี นนรร่วว่ มมกกนั นั ออภภปิ ิปรารยาผยลผกลากราทรดทลดอลงอตงาตมใาบมกใบิจกริจรกมรทร่ีม7ท.1ี่ 7เพ.1ือ่ ใเหพข้ือ่ ้อใหสร้ขุป้อทสี่วรา่ปุ ท่วี ่า “การกรอง กรวด ทราย แป้ง และน้า ดว้ ยตะแกรง และผา้ ขาวบางมีลกั ษณะเดียวกับการ กรองสารของไต กรวดและทรายเปล่ยี นเสมือนสารที่ไตกรองและดดู กลบั ส่วนแป้งและนา้ 185
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายมนษุ ย์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 204 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง ระบบขับถ่าย ด้านกระบวนการ เวลา 2 ชั่วโมง 1. การสังเกต รายวิชราวยทิวชิยาวศทิาสยตาศร์พาสืน้ ตฐรา์น 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 คือส่วนทีไ่ ตปล่อยออกมา น่ันคือนา้ ปสั สาวะ” 2. การทดลอง 6. นักเรียนศึกษาใบงานท่ี 7.1 เร่อื ง ระบบขบั ถ่าย เปน็ เวลา 15 นาที 3. การลงความเหน็ ข้อมลู 7. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลยใบงานท่ี 7.1 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นใฝร่ ู้ และมคี วามมุ่งม่ันในการ ข้นั สรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายใบงานท่ี 7.1 และใบความรทู้ ่ี 7.1 เพอื่ ให้ได้ขอ้ สรปุ ที่ว่า ทางาน “ระบบขับถา่ ยมอี วยั วะทีเ่ กี่ยวขอ้ ง คือ ไต ท่อไตกระเพาะปสั สาวะ และท่อปสั สาวะ โดยมี 2. การทางานเป็นทมี ไตท้าหน้าทก่ี ้าจัดของเสีย เช่น ยูเรีย แอมโมเนยี กรดยรู ิก รวมทังสารทรี่ ่างกายไม่ต้องการ ออกจากเลือด และควบคุมสารท่มี มี ากหรือนอ้ ยเกินไปเชน่ น้า โดยขบั ออกมาในรูปของ ปสั สาวะ” 2. ครใู หน้ ักเรียนสรปุ ความรทู้ ีไ่ ด้จากการเรยี นเปน็ sketch note ลงในสมุด 186
การวัดและประเมนิ ผล 205 ส่งิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เครื่องมือที่ใช้ 187 ด้านความรู้ - ใบงานท่ี 7.1 1. ระบอุ วัยวะของระบบ - ประเมินการตอบ - ใบกิจกรรมท่ี 7.1 เกณฑ์ ขบั ถา่ ยของมนุษย์ได้ คาถามในใบงานท่ี 7.1 2. อธบิ ายหนา้ ทข่ี องอวยั วะ - ประเมนิ จากการตอบ - ใบกจิ กรรม นกั เรยี นทาถูก ในระบบขับถา่ ยของมนษุ ยไ์ ด้ คาถามในใบกจิ กรรมท่ี ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 7.1 - แบบประเมนิ ขน้ึ ไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ 1. ทกั ษะการลงความเห็น - ประเมินการ นักเรยี นตอบคาถาม ปฏิบัติการทดลอง ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ขอ้ มูล ขนึ้ ไป 2. ทกั ษะการทดลอง - สงั เกตพฤติกรรม ดา้ นคุณลกั ษณะ ไดร้ ะดบั คุณภาพ 2 1. มีวินัย ทุกรายการขน้ึ ไป 2. ใฝเ่ รียนรู้ ถือว่าผา่ น 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
206 188 บันทึกผลหลังสอน ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… (ลงชอ่ื )…….............…………………..………… (...................................................) ตาแหน่ง ..................................................... วันที่.........เดือน.........................พ.ศ............ ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… (ลงช่อื )…….............…………………..………… (...................................................) ตาแหน่ง ..................................................... วันท่ี.........เดือน.........................พ.ศ............
207 189 ใบความรทู้ ่ี 7.1 ระบบขับถา่ ย (excretory system) หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 7 เร่อื ง ระบบขับถา่ ย รายวริชาายวิชทายาวศิทายสาตศราพ์ สน้ื ตฐรา์ นรห3สั วริชหาสั วิช22า1ว02111ภ0า3คเภรยีานคทเร่ี ยี 1นชทั้นี่ 1มธัชยัน้ มมศธั ึกยษมาศปกึ ทีษี่ า2ปีที่ 2 ระบบขขับับถถ่าา่ ยย((EExxccrreetotoryrySSyystsetemm) )เปเ็นปรน็ ะรบะบบซบ่งึ ซทึ่ง�ำ ทหานห้านท้าี่ กท�ำี่ จกดัาแจลัดะแขลับะถขา่บั ยถข่าอยงขเสอยี งทเสี่เหียลทอื ่ีเหใชล้จอื าใกชกจ้ าารกเผา กอาหรเาผราในอราา่หงากราใยนเรพา่ อ่ื งใกหา้เกยดิเพพ่ือลใังหงา้เกนดิแพละลสังะงสานมพและังงสาะนสมนพ่นั ลกงั ค็ งือานกนานั่รกกำ�็คจือัดขกอางรเกสายี จทดั เี่ กขิดอจงาเสกีปยทฏกิ่ีเกิรดิยจาเาคกมปภี ฏาิกยริในยิ เาซลล์ เซค่ึงมเรีภียากยวใา่ นเเมซแลทลบซ์ อ่ึงเลริซียมึ กว(M่า eเมtaแbทoบlอisลmิซ)มึ (Metabolism) การขับบถถ่าา่ ยย (Excretionn)) หหมมายถงึ กกาารรกกาำ�จจัดัดขของเสยี ทีเ่ กดิดขขึน้ ึ้นจจาากกกกรระะบบววนนกการาเรปเลป่ียลนีย่ แนปแลปงลทงาทงเาคงมเคีตมา่ งี ๆ ตขอา่ งเๆซลขลอใ์ งนเสซงิ่ลมลีชใ์ ีวนติ สซ่ิง่งึมเปีช็นีวิตผซลิตึง่ เภปัณ็นฑผ์ทลีเ่ิตซภลัณลไ์ ฑม์ท่ตอ้ี่เซงลกาลรไ์ มต่จึง้อจง�ำกเาปร็นตจอ้ึงจงขาบัเปอ็นอตก้อทงาขงรบั ะอบอบกขทบั าถงา่ รยะสบาบรทขรี่บั ่าถงา่กยายสตาร้อทงกี่ �ำ จัด รอ่าองกกมายีอตยู่้อ2งกปารจะัดเภอทอก มีอยู่ 2 ประเภท 1. สารทเ่ี ปน็ พิษต่อรา่ งกาย เชน่ คารบ์ อนไดออกไซด์ ของเสียทเ่ี ปน็ สารประกอบไนโตรเจน 2. สารทีม่ ปี รมิ าณมากเกินความต้องการ เช่น นา้ ภาพที่ 7.1 โครงสรา้ งของระบบขบั ถา่ ย ทมี่ า: Biology 11. สบื ค้นเมอ่ื วนั ที่ 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/GdXHXC การกาจัดของเสีย ในระบบร่างกาย กาจดั โดยไต ผวิ หนงั และปอด มนุษยจ์ ะขบั ถา่ ยของเสียท่ีมีธาตไุ นโตรเจนเปน็ องค์ประกอบซึง่ เกิดจากการสลายสารอาหารพวก โปรตนี ในรปู ของยเู รียทางปสั สาวะ
208 190 1. ส่วนประกอบของระบบขับถา่ ย 1.1 ไไตต ((kkididnneeyy))เปเปน็ น็ออววยั ัยววะะสสาค�ำ คญั ญั ททส่ี ี่สดุ ุดขขอองรงะระบบบนนี้ มี้ ีม2ี 2อันอรันูปร่าปู งรคา่ ลงา้คยลเ้ามยลเมด็ ถลัว่ด็ ดถาัว่ ขดน�ำ ขาดนา1ด0 1x0 x 5.5 เซนตเิ มตร อยู่บริเวณในช่องทอ้ งสองข้างของกระดกู สันหลังระดบั เอว ททำ�าหหนนา้ ้าททีก่ กี่ รรอองงสสาารรดดดู ูดซซับบั นน�้ำ า้ ไอออน แไอลอะอสนารแอลน่ื ะๆสาทรอีจ่ นื่ำ�เๆปน็ทต่จี อ่าเรป่า็นงกตา่อยรกา่ ลงกับาเขยา้กสลูก่ับรเะขแ้าสูก่เลรอืะดแสเแลลือะดขบัแลไอะอขอับนไออแอลนะสแาลระอส่นื าๆรอ่ืนทๆ่ีรา่ ทงก่ีรา่ งยกไมายต่ ไอ้ มง่การ หตอ้รอืงกมารกเหกรินอื พมอาอกอเกกนิ จพากอรอา่ องกจาายกรเา่ พงอ่ืกกายารเปพรือ่ ับกสามรดปุลรบั สคมวดามุลเปคว็นากมรเดป–น็ เบกรสดข–อเงบรส่าขงกอางยร่างโกดายยไตโดจยะไขตบั จปะัสขสับาวะ อปอสั กสมาวาะเรออื่ อยกๆมปารเระ่ือมยาๆณป1ระมมิลาลณลิ ติ 1รม/นิลาลทิลีติ สรทู่ /อ่นไาตทที ส้ังสทู่ อ่ งไขต้าทง้ังสองขา้ ง 1.2 ท่อไต (ureters ) เปน็ ท่อ 2 อนั ทนี่ ำ�าน้ำ�าปัสสาวะออกมาจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ 1.3 กระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder) เปน็ ถงุ ทเี่ ก็บสะสมนา้�ำ ปัสสาวะ ผวิ ด้านในมีรอยย่นเรยี ก รแู ก ซซึ่งงึ่ จจะะขขยยาายยออออกกไไดด้ ้กกรระะเพเพาาะะปปสั ัสสสาาววะะปปกกตตมิ ิมีคีคววาามมจจุไดไุ ด้ปป้ รระะมมาาณณ50500ลูกลบูกาบศากศ์เกซ์เนซตนิเตมิเตมรตรเมื่อเมม่อื ีปมสั ีปสสั าสวาะวะ ประมาณ 221100--330000มมิลลิ ลลิลลิ ติ ติ รรจะจระสู้รึกสู้ ปึกปวดวอดยอายกาถกา่ถย่าปยปัสสั าสวาะวเะนเนอื่ งอ่ื จงาจกาปกปัสสั าสวาะวไะปไปกรกะรตะ้นุตุ้นปปลาลยาปยประรสะาสทาททีผ่ นผ่ี นัง งั กระเพาะปสั สาวะ ทาำ�ใหก้ ระเพาะปัสสาวะหดและบีบตัวเอาปัสสาวะออกมาทางท่อปัสสาวะ urethra) เเพพ่ือ่อื ขขับบั ออกนอกรา่ งกาย ผใู้ หญ่ปกติจะถา่ ยปัสสาวะ 600-1600 มมลิ ิลลลลิ ิลติ ติ รร//ววนั นั ใในนเเดด็กก็ ไไมมส่ ่สาามมาารรถถกกลล้ันน้ั ปปัสสั สสาาววะะไไดด้ ้เพราะ รเพะรบาบะปรระะบสบาปทรยะังสไามทส่ ยมงับไูรมณ่สม์ บูรณ์ 1.4 ทอ่ ปัสสาวะ (urethra) เป็นทอ่ ทนี่ าปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะออกจากร่างกาย 2. ไต (kidney) การอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมใดๆ ก็ตามต้องมีการรักษาสมดุลระหว่างการนาเข้าสารที่ เปน็ ปจั จยั จาเปน็ และมีการกาจัดของเสีย ภาพท่ี 7.2 ไต (kidney) ทม่ี า: kidney failure. สืบค้นเมอ่ื วันที่ 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/1G57Lu โครงสร้างของไต : ในแตล่ ะวันจะมเี ลือดผ่านเข้ามาฟอกในไตเพ่ือกรองประมาณ 180 ลิตร แตม่ ีการ ขบั ปสั สาวะออกนอกร่างกายเพยี งแค่วนั ละ 2.5 ลติ รเทา่ น้ัน เน่อื งจากไตจะต้องทาการดดู น้าและสารต่างๆๆกลบั ไกปลปบั รไิมปาปณรมิมาากณมาก
209 191 ภาพท่ี 7.3 ไตผา่ ตามยาว ท่มี า: kidney fucntion. สืบค้นเมือ่ วนั ที่ 15 มกราคม 2562,จาก https://goo.gl/hSwQUX โครงสรา้ งของไต ลกั ษณะ ส่วนประกอบ หรือหน้าที่ 1. โครงสรา้ งภายนอก คลา้ ยเมล็ดถั่ว มี 1 คู่ อยูใ่ นช่องท้อง 2 ขา้ งของกระดกู สนั หลงั ระดบั เอว มขี นาดยาวประมาณ 10 – 13 cm กวา้ ง 6 cm และหนา 3 cm 2. โครงสรา้ งภายใน - ตรงกลางเว้าเปน็ กรวยไต (pelvis) ตดิ ต่อกบั ทอ่ ไต (Ureter) - มีเนอ้ื ไต 2 ชัน้ คือ เปลือกไตชนั้ นอก (Kidney Cortex) และ เปลือกไตช้ันใน (Kidney Medulla) - ภายในเนอื้ ไตแต่ละข้างประกอบดว้ ยหนว่ ยไต (Nephron) ประมาณ ปร1ะลม้าานณหน่วย เป็นท่อทีข่ ดไปมาโดยมปี ลายทอ่ ดา้ นหน่ึงตนั เรยี ก 1ปลลา้ายนทหอ่ นท่วตี่ ยันเนปวี้ ็นา่ ท“อ่ โทบ่ีขวด์แไมปนมแาคโดปยซมูลีป”ล(าBยoทw่อmดา้aนnห’sนcงึ่ aตpันsuเรlียeก) ซึง่ ปลมาีลยกั ษณะเปน็ แอ่งคล้ายถว้ ย ภายในแอ่งจะมีกลุม่ หลอดเลือดฝอย ทพอ่ันทก่ตีนั นัเปน็นว้ี กา่ ร“ะโจบุกวเแ์รยีมกนวแ่าค“ปโซกูลล”เม(Bอoรลูwัสm”a(nG’lsomcaeprsuulules) ซึง่ ทม�ำี ลหักนษ้าทณี่กะรเปอง็นขแออง่งเคสลยี ้าอยอถก้วจยากภเาลยือใดนทแ่ีไอห่งลจผะ่ามนีกไลตมุ่ หลอดเลือดฝอยพนั กันเป็นกระจุกเรียกวา่ “โกลเมอรลู สั ” (Glomerulus) ซ่ึงทาหน้าท่ี กรองของเสียออกจากเลือดทไ่ี หลผ่านไต
210 192 โครงสร้างภายในของไต ถา้ ผ่าไตตามยาว ไตจะประกอบดว้ ยส่วนต่างๆ ดังน้ี 1. เนอ้ื ไต1ป. รเนะกอื้ อไบตดปว้ รยะ2กอสบว่ นด้วคยือ2 สว่ น คอื 1.1 เน้ือไ1ต.1ช้ันเนอ้ื กไตเชรีย้นั กนวอ่ากคเอรรีย์เทกวก่าซ์ ค(cอoรrเ์tทeกx)ซจ์ (ะcพoบrteโกx)ลเจมะอพรบลู ัสโกโบลวเมแ์ อมรนูลสัสแ์ คโปบซวลูแ์ มทน่อสขแ์ ดคสปว่ นซตูลน้ ทแอ่ ลขะดทสอ่ ว่ ขนด ตส่ว้นนแปละายท่อขดสว่ นปลาย 1.2 เน้อื ไต1ช.2ัน้ ใเน้ือเรไยีตกชวนั้ ่าใเนมดเลัรลยี ากว(mา่ eเมdดuัลllลa)าจ(ะmพeบdทu่อllรaว)มจทะงั้ พชน้ับคทอ่รอ์เรทวกมซท์ แ้ังลชะนั้ เคมอดรัล์เลทากปซร์ ะแกลอะบเมดด้วยัลลหาน่วยย่อย ปขอรงะไกตอทบี่ทด�ำ ว้หยน้าหทน่ีสว่รย้างยป่อสั ยสขาอวงะไตคทอื ่ีทหานหว่ นยา้ ไทตส่ี (รn้าeงpปhสั rสoาnว)ะ คือ หนว่ ยไต (nephron) 2. กรวยไ2ต. (กrรeวnยaไlตpe(rlevins)al pelvis) สว่ นปลายสขว่ อนงปเมลดาัลยลขาอจงะเยมื่นดเัลขล้าไาปจจะรยดน่ื กเับขสา้ ไ่วปนจทรีเ่ ปด็นกโับพสรว่ งนททเ่ี รีเ่ยปก็นวโ่าพกรรงวทยเี่ รไตยี กซวงึ่ า่ท�ำกหรนวา้ยทไ่รีตอซงรงึ่ ับทนาา้ํหปนสั ้าสทา่รีวอะงแรลับว้ สง่ นต่อา้ ปเขัสา้ สทา่อวไตะแลว้ ส่งตอ่ เข้าทอ่ ไต 3. รีนัล อ3า.เทรอนี รลั ร์ ีอ(rาeเทnaอlรร์aีr(treeryn)aนl ำ�aเrลtอื eดrทy)ี่มขีนอางเเลสือียดมทาก่มี รีขอองงแเลสะียนม�ำ าเกลรอื อดงมแาลเละย้ี นงาไตเลือดมาเล้ียงไต 4. รนี ลั เว4น. ร(ีนreัลnaเวlนve(irne)nนa�ำ lเลvอื eดinท)ี่กรนอางเแลลอื ้วดกทลี่กบั รสอ่หู งวั แใลจว้ ใกนลแบัต่ลสะู่หววั ันใจะใมนเี แลอืตด่ลมะาวกันรจอะงมทีเไ่ ลตือปดรมะมากาณรอ1ง8ท0่ีไตลิตรและ ปร่ารงะกมาายณจะข1บั80ปสั ลสติ ารวะแอลอะกรม่าางปกราะยมจาะณขบั 1ป.5ัสลสิตารวะแอสอดกงวมา่ าไปตมระีกมาราดณดู น1�้ำ.5และติ สราแรตส่าดงงๆว่ากไลตบั มคีกนื าบรรดเิ ูดวณนา้ทอ่แขลอะงสหานร่วยไต ตแลา่ งะๆทอ่ กรลวับมคนื บรเิ วณท่อของหน่วยไตและท่อรวม หลอดเลือด หน้าที่ ออกซเิ จน คารบ์ อนไดออกไซด์ ยเู รยี สงู ต่า สูง รนี ัล อาเทอร์รี นาเลอื ดเข้าสู่ไต ต่า สูง ตา่ รนี ลั เวน นาเลือดออกจากไต 5. ทอ่ ของหนว่ ยไต ประกอบด้วย 5.1 ท่อขดส่วนต้น (proximal convoluted tubule) ลักษณะเป็นท่อขดไปมา เป็นบริเวณท่มี ี การดูดสารกลบั คนื มากท่สี ดุ 5.2 หว่ งเฮนเล (loop of henle) มีลกั ษณะเปน็ รูปตัวยู 5.3 ทอ่ ขดสว่ นปลาย (distal convoluted tubule) ซ่งึ ปลายสดุ ของท่อจะไปเปิดท่ที ่อรวม 6. ทอ่ รวม (collecting tubule) เป็นบรเิ วณทที่ ่อขดส่วนปลายของหนว่ ยไตมาเปิดรวมกัน เพื่อนา ปัสสาวะออกสูก่ รวยไต โดยหนว่ ยไตหลายๆ หน่วยใชร้ ว่ มกนั ได้
211 193 ภาพที่ 7.4 การทางานของไต ที่มา: วิกิพเี ดีย. สืบค้นเมอ่ื วนั ที่ 15 มกราคม 2562,จาก https://goo.gl/AthPga. การทางานของไต เกิดขึน้ ทห่ี น่วยไต ประกอบด้วย 1. การกรอง (filtration) เลือดซง่ึ รบั ของเสยี ที่เกิดจากการเปล่ียนแปลงทางเคมขี องเซลล์ท่ัวรา่ งกายปะปนมาด้วย เข้าสู่ไต ทางเส้นเลือดรีนัล อาร์เทอรี พาสารต่าง ๆ มากรองออก จะเคล่ือนที่ไปตามหลอดเลือดที่แตกแขนงเล็กๆ แล้ว เขา้ สูก่ ลมุ่ หลอดเลือดฝอยท่ีเรียกว่า โกลเมอรูลัส ซง่ึ ถกู ห้มุ โดยโบว์แมน แคปซูล โกลเมอรูรสั ทีม่ ีรูพรุนทาหน้าท่ี กรองเลือด สารส่วนใหญ่จะผ่านได้ เช่น น้า เกลือแร่ กลูโคส กรดอะมิโน ยูเรีย กรดยูริค ยกเว้นสารท่ีมีขนาด ใหญ่ เช่น โปรตนี ในเลือด เมด็ เลือดแดง เมด็ เลอื ดขาว ทางเดินปัสสาวะ โกลเมอรูลัส โบว์แมนสแ์ คปซูล ท่อขดส่วนต้น หว่ งเฮนเล รีนลั อาเทอรี ท่อปัสสาวะ กระเพาะปสั สาวะ ท่อไต กรวยไต ท่อรวม ท่อขดสว่ นปลาย ไตแตล่ละะขขา้ ้างงปปรระะกกออบบดดว้ ยว้ หยหนว่นย่วไยตไตปรปะรมะามณาณ1 ล1้านลห้าน่วหยนห่วยนว่ หยนไต่วทย�ำไตหทน้าทหี่กนร้าอทง่ีกขรอองเงสขยี อองอเสกียจอากอเกลจือาดกรวมกัน เปลอื็นดน้าํ รปวสั มสกานัวะเปแ็นลน้วา้สปง่ มัสาสราววมะกนัแทลว้่ีกสรว่งยมไาตรวสมง่ เกขนั ้าทส่ทูีก่อรไวตยทไต่ี ่อสจง่ าเกขไ้าตสททู่ งั้ ่อสไอตงทข้า่ตี ง่อเจกา็บกพไตักไทวั้งทส่ีกอรงะขเพ้างาะเปกสั็บสพากั วไะวแ้ทลี่ ้วขบั ถา่ ย กออระกเนพอากะรป่าัสงกสาายวทะางแทล่อ้วปขสับสถา่าวยะอหอนก่วนยอไกตรแ่าตงล่ กะาหยนทว่ ายงปทรอ่ ะปกัสอบสาดว้ ะยโหครนง่วสยรไา้ ตงแตตา่ งล่ ๆะหดังนน่วี้ยประกอบดว้ ยโครงสร้าง ต่างๆ ดังนี้
212 194 1. โบววแ์ ์แมมนนสส์แแ์ คคปปซซูลูล(B(Boowwmmanan,s,scacpaspusluel)eอ)ยอใู่ ยน่ใู เนเอื้ นไื้อตไชตนั้ ชนน้ั อนกอกเปเน็ปส็นว่สน่วทนี่มทีล่มักลี ษกั ณษณะคะลค้าลย้าถยว้ถยว้ มยผี นัง บมาีผงนๆังบ2าชงๆน้ั 2ภาชยนั้ ในภมาีกยรใะนจมุกกี เรสะน้ จเุกลเอื สดน้ ฝเอลยอื โดกฝลอเยมโอกรลลู เัสมอขรอลู งัสเหขลอวงทเหก่ี รลอวงทไ่กีดร้จอะงผไ่าดนจ้ มะาผย่างันบมราเิ ยวณงั บนร้ีิเวณน้ี 2. โโกลเมอรูลัส ((gglloomerulus)) เปน็ กลุม่ หลอดเลอื ดฝอยพันกนั เป็นกอ้ นกลมท่ีอยใู่ นโบว์แมนส์แคปซูล ทแ�ำคหปนซ้าลู ทก่ี รองเลอื ด ทาหนา้ ทขก่ี อรงอเงหเลลวือทดีอ่ ยใู่ นโบว์แมนแคปซูล เรียกวา่ ของเหลวท่ีกรองได้ (filtrate) เลอื ดส่วนที่เหลือจะไหลไปเลีย้ ง สว่ นตา่ งๆขอขงอเงหทล่อวหทนี่อ่วยยใู่ นไตโบแลวแ์้วเมปนลแ่ยี คนปเปซลูน็ เเลรือยี ดกดวำ�่า ไขหอลงอเหอลกวจทาก่ีกรไตอกงไลดับ้ ส(fหู่iltวั rใaจtทeา) งเหลือลดอสด่วเลนอื ทดี่เหรีนลัลอื จเวะนไหล ไปเลยี้ งสว่ นตา่ งๆ ของท่อหน่วยไตแล้วเปลย่ี นเป็นเลอื ดดา ไหลออกจากไตกลับสู่หัวใจทางหลอดเลือดรีนัล เวน ภาพท่ี 7.5 โครงสร้างของหน่วยไต ท่มี า: สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. สบื ค้นเมือ่ วนั ท่ี 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/UXaz6a. 2. การดูดกลลบั ับ((rreeaabbssoorprptitoion)n) สสาราทรที่ดดูี่ กดู ลกบั ลสบั าสราทรเี่ ปทน็ีเ่ ปปน็ รปะโรยะชโนยจ์ชะนเจ์ปะ็นเบปรน็ ิเวบณรไเิ วตณชั้นไตนชอน้ักนไดอแ้กกไ่ ดสา้แรกอ่ าสหาารรอพาวหกากรลพูโวคกสกลรดโู คอสะมิโน และ วิตการมดินอะแมลิโะนดดูแกลละบัวติ NาaมCนิ l แทลัง้ สะาดรดู อกาลหับารNแลaะClNทaัง้Cสlาถรกู อดาดูหกาลรบัแแลบะบNแaอCกlทถฟี กูทดรูดานกสลปบั อแรบ์ตบสแ่วอนกนท้ําีฟKท+ราแนลสะปHอCรOต์ 3- ดสดู ว่กนลับนแา้ บKบ+พแาลสะซฟี HทCรOาน3-สปดอูดรก์ตลับแบบพาสซีฟทรานสปอรต์ 3. การขบับถถ่าา่ ยย((eexxccreretitoionn) ) ททำ�ใาหใหข้ อ้ขงอเงหเลหวลมวคี มวีคาวมาเขมม้ เข้มนขกน้ ลากยลเปาย็นเนป�้ำ น็ ปนสั ้าสปาวสั ะสาไปวะตาไมปทตอ่ าไมตทเ่อกไ็บตไวเ้ทกีก่บ็ รไะวเ้ทพ่ีการะะปเสั พสาาะวปะัสสาวะ
213 195 ภาพท่ี 7.6 โครงสร้างของหน่วยไต ท่ีมา: Jane B. Reece . . . [et al.]., 2012, p 511 4. การคดั หลง่ั (secretion) การคัดหล่ังเป็นการขับสารทีเ่ ป็นของเสยี เช่น ยาและสารเสพติด เขา้ สกู่ ารสร้างปสั สาวะ ตารางแสดงปรมิ าณของสารต่างๆ จากการคัดหลง่ั สาร นา้ เลอื ด (plasma) ของเหลวทก่ี รองผา่ น น้าปสั สาวะ โกลเมอรูลสั (filtrate) (urine) กลโู คส 100 100 0 โปรตนี อลั บมู ิน 5,000 00 ยูเรีย 26 26 1,820 กรดยรู ิค 4 4 53 ความเขม้ ข้น (มิลลิกรัม/100 มิลลลิ ติ ร) ความเข้มข้นของยเู รียและกรดยรู ิคทเี่ พิ่มขน้ึ ในปัสสาวะ เกิดจากการดดู น้ากลบั คนื บริเวณท่อของ หน่วยไตเป็นปริมาณมาก ตารางแสดงปรมิ าณของสารต่างๆ ทีพ่ บในปสั สาวะในเวลา 1 วนั สารในปสั สาวะ ปรมิ าณ (กรัมต่อวนั ) ยูเรีย 30 เกลือแกง 15 กรดฟอสฟอรกิ 3.5 โพแทสเซยี ม 2.0 กามะถนั 1.2 กรดยูริก 0.8 กรณีที่ไตทางานผิดปกติ การกรองและการลาเลยี งสารต่างๆ ทีห่ น่วยไตอาจบกพร่องไป ทาใหม้ สี ง่ิ แปลกปลอมบางชนิดปะปนออกมากับปสั สาวะ เชน่ เมด็ เลอื ดแดง โปรตนี น้าตาล เป็นตน้ ถา้ มนี า้ ตาลออก มากับปัสสาวะแสดงว่าเป็นโรคเบาหวาน
214 196 ใบกิจกรรมท่ี 7.1 โครงสร้างและการทางานของไต หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 7 เรือ่ ง ระบบขับถ่าย รายวชิ ราายววิทิชยาาศวาทิ สยตารศ์พาืน้สตฐาร์นรห3สั รวหิชัสาววิช2า2ว12011ภ0า3คภเรายี คนเรทยี ่ี น1ท่ี ช1้นั2มชธั ้ันยมมธั ศยกึ มษศากึ ปษที าี่ ป2ีที่ 2 ตอนที่ 1 การทางานของไต จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม 1. นกั เรยี นอธบิ ายบทบาทของไตเก่ียวกบั การกรองของเสียออกจากเลือดได้ 2. นกั เรยี นอธบิ ายผลติ ภณั ฑ์ทไ่ี ดจ้ ากขับถ่ายได้ 3. นกั เรยี นยกตวั อยา่ งหลักการกรองของเสยี ของไต ท่ีออกแบบโดยวศิ วกรเช่นเครือ่ งฟอกไตได้ เวลาในการทากิจกรรม 50 นาที รูปแบบกิจกรรม การทดลอง วสั ดอุ ุปกรณ์ 1. ตาข่ายลวดทมี่ คี วามถีข่ องตาข่ายไมเ่ ท่ากนั ขนาด 15 x 15 cm จานวน 3 แผ่น 2. ผ้าขาวบาง ขนาด 15 x 15 cm จานวน 1 แผ่น 3. กระดาษแขง็ ขนาด 15 x 15 cm ตดั ดา้ นในขนาด 10 x 10 cm จานวน 8 แผ่น 4. เทปกาว หรอื ตัวเยบ็ กระดาษ จานวน 1 ม้วน 5. กรวด จานวน 20 cm3 6. ทรายหยาบ จานวน 20 cm3 7. ทรายละเอยี ด จานวน 20 cm3 8. ผงแป้ง จานวน 20 cm3 8. ถาดกระดาษ จานวน 1 ถาด 9. ส้อม จานวน 1 อนั 10. นา้ จานวน 50 cm3 11. ถ้วย จานวน 1 ใบ
215 197 กอ่ นทากจิ กรรม 1. ตัดตาขา่ ยลวดขนาด 15 x 15 cm และผ้าขาวบางขนาด 15 x 15 cm นาแผน่ กระดาษแขง็ ท่ีตดั แลว้ ขนาด 10 x 10 cm มาประกบตาขา่ ยท้ังสองดา้ นโดยติดดว้ ยเทปกาวรอบขอบกับกระดาษแขง็ ดงั ภาพ ภาพท่ี 7.7 การกรองสารผ่านแผ่นกรองตาขา่ ย ทม่ี า: ระบบขบั ถ่าย. สบื คน้ เมอื่ วนั ที่ 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/AthPga. การดาเนินกิจกรรม การจาลองการทางานของไต 1. ผสมทรายกรวดและแปง้ เตมิ นา้ ลงในถว้ ย จานวน 50 cm3 2. เทของผสมผา่ นตาข่ายลวด และผา้ ขาวบางที่มขี นาด แตกตา่ งกนั ลงในถาด ดรู ูปที่ 4.6 สงั เกตการกรองผ่าน ของแข็งใน ตาขา่ ย ขนาดของแข็งที่ไมผ่ า่ นตาข่ายลงมา ขา้ งล่างเปรียบเทียบว่าเปน็ สว่ นประกอบใดของเลือด เลือดมีสแี ดงแตท่ าไมปัสสาวะจงึ ใส หรือมสี ีเหลือง 3. ใหน้ ักเรยี นบนั ทึกส่งิ ทสี่ ังเกตได้ และส่งิ ที่ฉนั สงสัย ลงใน แบบบนั ทึกตอนที่ 1 4. สรุปความแตกต่างระหว่างการกรองธรรมดากับการกรองของไต ภาพที่ 7.8 การกรองสารผ่านแผ่นกรองตาขา่ ย ทีม่ า: ระบบขับถา่ ย. สืบคน้ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/AthPga .
216 198 ผลการทดลอง .................................................................................... ........................................................... ............................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................(2 คะแนน) สรุปผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ...........................................................................................................................................................(2 คะแนน) คาถามหลงั การทดลอง 1. สารที่กรองผา่ นตะแกรงในกจิ กรรมนี้ เปน็ ตัวแทนของส่ิงใด................................................................. …………………………………………………………………………………………………..…………….………….(1 คะแนน) 2. สารใดทท่ี าใหน้ า้ ปสั สาวะมสี ีเหลอื ง……………………………………………………………….………….(1 คะแนน) ตอนที่ 2 ให้นักเรียนเตมิ คาลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง
217 199 ใบงานที่ 7.1 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 7 เรอื่ ง ระบบขบั ถ่าย รายวรชิ าายวชิทายาวศิทายสาตศราพ์ สืน้ ตฐรา์ รนห3ัสวรชิ หาัสวิช2า21ว02111ภ0า3คเภรียานคเทรี่ย1นทช่ี 1ัน้ 2มธัชยนั้ มมศัธึกยษมาศปกึ ทีษ่ี า2ปีที่ 2 ตอนที่ 1 การกรองของไต ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ นปเจจน ป สากัรำ�กัรียนะนเะเรรวมวมยียีนานานนณวณวจจนั1ไนัไ_1าตำ�ต1)ใ1_)ใเนเเน.เปอ._ปกอ5ก5หห_ยน็ือย็นอื ลน_ลานตบาตบติ_กึ่งิตก่งึอ้จ้อจป_รทปรทงะงะต_ีตรีใใรเ_เ_อ่ชชรา่อราx__ยีบต้วต้ียบว__ัน_กวัวกัวันว___คไา่คไา่_ตด_ด_ตเูณูณเ_ล_ลัง้้ว_ว้ัง้ _อืแขข_่าแือ_า่ _ทตอด_อท_ตดงเ่ถง_าเ่ำ�ถจจกกจจงูก_งกูาาดิาาิด�ำากกกก=นนจนนจรนรนนไววนไออ_้ันมมน้ันนตตง_งนม่ม่นเลโเลโ_ลลดวีาวีด�ำออ_ือจันอืยันจยด_ดดาดไห�ำหไช_ชตนตทนทยยวี_ีวปวปผ่ีว่ีผุดติุด_ตินลีนีล่าา่เขเขหะลเนหนะเอลอลเติมเกมกทงอืทงือรอืาือเาเด่าดรา่รรนรนไทาไทากกหกหกี่กรี่กรรับับรอรอร่ ่หหององัวโงโัวงดดใใใใจนจยนยหไไหโโตตดนดนยยง่ึจจง่ึ วกกวาำ�ันรนนัรนอคอวควงูณงนนูณเเลลลลกกติือิตือับับรดรดจจใใานน�ำ44นนห5ห5ววนนลนลนึง่ึง่ิติตววววนัรรนันันั ตตใในอ่น่อ__หว_ว_หัน_ัน_นน__่งึง่ึแแ__ปปลล__ีีะะด__ดขข__ังงั ับนบันแแ้ีขข้ี ลลออะะงงเสยี _2_)_อ_ย_า_ก_ท_รxาบ_จ_�ำ_น_ว_น_ข__อง=เส_ีย_จ_า_ก_เล__ือ_ดถลูกติ ขรบั ออกทางไตในหนงึ่ ปี นักเรียนจ2�ำ)เอปยน็ าตกอ้ ทงรใชาบ้ตจวั คานณู วขนอขงอจง�ำ เนสวยี นจขากอเงลเสือียดจถาูกกขเบัลือดอทกท่ถี กูางขไบั ตโใดนยหไนตึ่งจป�ำี นวนลติ รในหนงึ่ วัน ________ นแกัลเะรจีย�ำ นนจวานเปวนั็ ใตนอ้ หงนใชึ่ง้ตปวั ี _ค_ูณ_ข_อ_ง_จ_า_นจวานกขนอัน้ งเนส�ำ ียจจ�ำ านกวเนลืเอลดือทด่ีถทูก่ีกขรับอโงดใยนไหตนจึ่งวานั ควนณู ลกติ ับรจใน�ำ นหวนนึ่งวนั ใน__ห_น_่ึง_ป_ี _ด_ังนี้ แ ละจานว_น_ว_นั_ใ_น_ห__นึ่งxป_ี ________ จ=าก__น_้ัน_น_า_จ_า_น_วนลติเลรอื ดท่ีกรองในหนง่ึ วันคณู กบั จานวนวนั ในหน่งึ ปี ดังนี้ _3_)_ส_ม_ม_ต_วิ_า่ xถ้า_น_กั_เ_ร_ีย_น_ม_อี _า=ยขุ _ัย__1_0_0_ป__ี เ_ลอื ลดิตจระผ่านการกรองของไตท้งั หมดก่ีลิตร 3_44___))__)_สส__ส___มมม___มมม___ตตุตุ___วิวิิว___า่า่่าถถxถxxา้้า้า___นนน___ัักกกั___เเเ_รร__ร_ียยี__ยี _นน__น___มมม___ีีออีอ_าา=า=ยยย=_ุขุข_ขุ _ั__ัยยัย___11_1__00_0___000_____ปปป___ีีี_เไลไลลต_ตติิตอืจจรลรดะะติ ขจขระับับผขขา่ออนงงกเเสสายียีรอกออรออกกงจจขาาอกกงเเลไลตืออื ทดดั้งททหั้ง้งั มหหดมมกดด่ีลกกิตีล่ี่ลริตติ รร ________ x _________ = _________ ลติ ร
218 200 ตอนที่ 2 ใหน้ ักเรียนเขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษและคาแปลใหต้ รงกบั ภาพที่กาหนด
219 201 ตอนท่ี 3 ให้นักเรยี นสารวจและสืบค้นขอ้ มูลจากใบความรูเ้ ขียนคาตอบลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง 1. สว่ นประกอบทยี่ ่อยทส่ี ดุ ของไต คือ 2. ไตมีเน้อื ทแี่ ตกตา่ งกันกชี่ ั้น เรยี กว่าอะไรบา้ ง 3. การทางานของไตประกอบด้วยกี่ขัน้ ตอน อะไรบ้าง 4. สารใดในเลอื ดทจี่ ะไมพ่ บในนา้ ปสั สาวะ 5. กระบวนการกรองเกดิ ข้ึนท่ีสว่ นใดของหน่วยไต 6. ปัสสาวะมีกลน่ิ ฉนุ เกิดจากสารประกอบใด 7. ระบบขบั ถา่ ยของคนจะประกอบด้วย อวยั วะใดบ้าง 8. หากตอ้ งการตรวจหายาบา้ ในร่างกาย วิธกี ารทน่ี ยิ มตรวจจาก 9. ถ้าในปัสสาวะพบน้าตาล เปน็ อาการบ่งชีว้ า่ คนนน้ั เป็น 10. หากวนั ไหนดื่มนา้ น้อย และทานเน้ือมาก ปสั สาวะจะเป็นอยา่ งไร
202 กระเพาะปัสสาวะ ทอ่ ปสั สาวะ
203 ประมาณ 1.5 ลิตรต่อวนั ต้งั แตเ่ กดิ จนตลอดชวี ติ ของเรา
222 204 ตอนท่ี 2 ให้นกั เรียนเขยี นคาศัพท์ภาษาอังกฤษและคาแปลใหต้ รงกบั ภาพท่ีกาหนด Kidney ไต ureter ท่อไต bladder กระเพาะปัสสาวะ urine นา้ ปัสสาวะ filtration การกรอง renal pelvis กรวยไต
223 205 ตอนที่ 3 ให้นกั เรยี นสารวจและสืบคน้ ขอ้ มลู จากใบความรเู้ ขียนคาตอบลงในช่องว่างใหถ้ ูกต้อง 1. สว่ นประกอบท่ีย่อยทส่ี ุดของไต คอื หนว่ ยไต 2. ไตมเี นือ้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ก่ชี นั้ เรียกว่าอะไรบา้ ง 2 ช้นั ชน้ั นอก เรยี กวา่ คอร์เทกซ์ ชัน้ ใน เรียกวา่ เมดลั ลา 3. การทางานของไตประกอบด้วยก่ีข้ันตอน อะไรบ้าง 3 ขนั้ ตอน ได้แก่ การกรอง การดดู กลับ และการขับถ่าย 4. สารใดในเลือดทจ่ี ะไม่พบในน้าปสั สาวะ เมด็ เลือด โปรตนี กลโู คส 5. กระบวนการกรองเกิดขน้ึ ท่ีสว่ นใดของหนว่ ยไต โกลเมอรลู ัส 6. ปสั สาวะมกี ล่นิ ฉนุ เกดิ จากสารประกอบใด ยเู รีย 7. ระบบขับถา่ ยของคนจะประกอบดว้ ย อวัยวะใดบ้าง ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และทอ่ ปัสสาวะ 8. หากต้องการตรวจหายาบา้ ในรา่ งกาย วิธีการที่นยิ มตรวจจาก น้าปสั สาวะ 9. ถ้าในปัสสาวะพบนา้ ตาล เป็นอาการบ่งช้วี ่าคนนัน้ เปน็ ดื่มน้านอ้ ย 10. หากวนั ไหนดม่ื น้าน้อย และทานเนื้อมาก ปสั สาวะจะเปน็ อยา่ งไร ปัสสาวะมสี ีเหลืองหรอื น้าตาลและมกี ลน่ิ ฉนุ
รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ทกั ษะและกระบวนการ 206
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 รา่ งกายมนุษย์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 8 225 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เรือ่ ง ระบบขับถา่ ย ท้างาน เวลา 1 ช่วั โมง รายวชิ ราวยิทวชิยาศวาทิ สยตารศ์พาสื้นตฐรา์น 3 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 2) การทา้ งานเป็นทีม น้าสะอาดใหเ้ พยี งพอ เป็นแนวทางหนง่ึ ท่ชี ่วยใหร้ ะบบขับถ่ายทาหน้าที่ได้อยา่ งปกติ” 2. ใหน้ กั เรียนสรุปความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการเรียนเปน็ sketch note ลงในสมดุ 207
226 208 การวัดและประเมินผล สง่ิ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ - ประเมินการตอบ - ใบงานที่ 8.1 1. ตระหนักถงึ ความสา้ คญั ของ คา้ ถามในใบงานที่ 8.1 นักเรียนท้าถูก ระบบขบั ถา่ ยในการกา้ จดั ของ - ใบงานที่ 8.1 ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 เสียทางไต โดยการบอก - ประเมินการตอบใบ ขึนไป แนวทางในการปฏบิ ัติตนทีช่ ่วย งานท่ี 8.1 ให้ระบบขับถา่ ยทา้ หน้าท่ีได้ นกั เรียนตอบค้าถาม อยา่ งปกติ ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ขนึ ไป ด้านทกั ษะ/กระบวนการ 1. ทกั ษะการลงความเห็น ได้ระดับคณุ ภาพ 2 ทกุ รายการขนึ ไป ข้อมลู ถือว่าผา่ น ด้านคณุ ลักษณะ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมิน 1. มีวินัย คุณลกั ษณะ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทา้ งาน
227 209 บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ปญั หา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… (ลงช่ือ)…….............…………………..………… (...................................................) ต้าแหนง่ ..................................................... วันท.ี่ ........เดอื น.........................พ.ศ............ ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… (ลงช่ือ)…….............…………………..………… (...................................................) ตา้ แหน่ง ..................................................... วันที.่ ........เดือน.........................พ.ศ...........
228 210 ใบความรทู้ ่ี 8.1 การดแู ลรักษาไต หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 8 เร่ือง ระบบขบั ถ่าย รายวรชิ าายวชิทายาวศิทายสาตศรา์พส้นื ตฐรา์ นรห3สั วรชิ หาัสวิช22า1ว02111ภ0า3คเภรยีานคเทร่ีย1นชท้ันี่ 1มัธชย้ันมมศัธึกยษมาศปกึ ทีษ่ี า2ปีที่ 2 วิธกี ารดแู ลไต 11.. ดมื่ดนม่ื ำ้�นใา้ หใเ้หพ้เพียงยี พงพอตออ่ตร่อา่ รงา่ กงากยาย การดก่มื านรด้�ำ ท่ืมเี่นพ้ายี ทงีเ่ พอียนงพน้ั อเปนรนั ยี เบปเรสียมบือเนสมกาือรนชกว่ ายรใชห่ว้ไยตใไหม้ไต่ ตอ้ ไงมท่ตำ�อ้ งงาทน้าหงนานกั หเนกัอื่ งเจนาือ่ กงไจมาต่กอ้ไมงก่ตรอ้ องงกนรํ้าอเงลอื ด ท่ี ขนน้ ้าหเลนอื ืดดทค่ีขำ�แน้ นหะนนืด�ำ ทคา้วั่ แไปนคะอืนคา้ ทวรว่ั ดไปื่มคนือำ้�ค8ว-ร1ด0มื่ แนกา้ ว้ 8ป-1ร0ะมแากณ้ว ป2ระลมติ ารณ) ต2อ่ วลันติ รห)รตอื ่อตวาันมทหี่รIือnตstาitมuทt่ีeInostfitMuteedcoifne (MIOeMd)icปinรeะเ(ทIOศMสห) รปฐั รอะเเมทรศกิ สาหแรนัฐะอนเม�ำ รคกิ อื าแคนวะรนด้า่มื นค�ำ้ือเฉคลวยี่รด3่ืม.7นา้ ลเฉติ ลรตย่ี อ่ 3ว.นั7ใลนิตผรชู้ ตาอ่ยวแันลในะผเฉชู้ ลา่ียย 2แ.ล7ะลเฉติ ลรีย่ ตอ่2ว.7นั ในผู้ หเคลกลญติาวอื ราริงดเมตรกสบัดอ่ ิดงู นัปวค2ไนัเ2รทมวล.ะใ.า�ำ่ทอืนกทมใดาผาหไาดนมกสรหู้นไ้ันรท่อูงาตญอใับราทานทางิรหนปำ�หรหา้บั อางรับใานปารหะารปนว่รหทรแ้ไรยสตหะาลาะไจททรนนะตทัดราา้กัใอสาสชโงนขาูงนดาจอ้ อึน้ขหนอยัดาานึาาหเหโหฉรดเหานแพทาพยารลักรื่อเ่ีเราเหะขฉทสเแะพเึนพรม่ีเอลกหมิิม่าาะาดิเมอะกะพหใกชสอยาาาอื่าะรอ้าา่มรรเกสหงาพทรเรหมา่ัวิม่หี่เอรคาขกมทงร็มอาาโเี่เงซจรสะคโกัดเสร็มปดรมิเมจรยีกออตัดมิดงยีนเโแผกา่ซใลลงดินเะเดเผหปสนียลีมยัส้ำ�มเตสาสสแะา่อว่ยีลสวนไตะะตมเอ่นกมจไา้นิาาตสกกขจว่ขกอานนึกางเรรกกนา่ทานิ งอรี่มขกทกีกอาจี่มายงาีกรรกคา่าผนรงั่งลกคีขยทาั่งอังยขตี่ งกอานผรมง้ําะลนมแตทา้าลนุ้ ี่ตแคะใาลอืคหมะกว้ มาาารมคเดกือันิด ครว่าางมกาดยนั ในหนว่ ยไตสงู ขน้ึ และเกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะมากข้ึน นอกจากนี้ ยงั กระตนุ้ ใหร้ า่ งกายสร้าง สสารร้าบงสางาอรยบา่างงซอึ่งยม่าีผงซล่งึทมำ�ีผใหล้ไทตา้ เใสหือ่ ไ้ มตเเรส็ว่ือขมึน้ เร็วขึน 33.. ปอ้ปงอ้ กงนักกันากรากรรกะรทะบทกบรกะรแะทแกทบกรบิเรวิเณวณสขีสา้ีขง้าง การถูกตารีหถรกู ือตไดหี ้รับอื บไดาร้ดับเจบ็บาบดเรจิเวบ็ ณบสรเิีขว้าณงอสาขี จ้าเงปอ็นาสจาเเปห็นตสุทาำ�เใหหต้เกทุ ิดา้ ใโรหคเ้ กไติดวโราคยไตดว้เนา่ือยไงดจเ้านก่ือเปงจ็นาตกำ�เแปหน็ น่งของ ไตต้าแดหงั นน้ัน่งขจองึ คงไวตรหดลงั กีนเันลจ่ยี งึ คอวันรตหรลาีกยเหลรยี่ ืองอุบันัติเรหาตยุทหอี่รือาจอจบุ ะัตเิเกหดิ ตขุทนึ้ อ่ี เาชจน่ จกะาเกรเิดหขยึนียบเชห่นรอืกกาารรเหตยอ่ ียตบัวหโดรยือกใชา้บรตร่อเิ วตณวั หลัง ขโดอยงรา่ งกายเปน็ ฐาน เป็นต้น เสใปโชรชมน่รค้บํา่ ะอเรจสโยิเา้รมว่าตคณองก4วัเ4สบห.าเ.มเนราลตช้า่ื่ตอหังรน่กเขงรตสววาจวอโามรจรราจนงวตสอคกรรจรขุ เ่าย่าเวสบหนภงงาจุขากรกส่ือารหภือาพา่วง่ายวโจยานงเรเาปาพกเใปคนปกหาน็เคน็ ็ปนยยญปหวฐาเปน็ ่าปรราสไรปมือะนน็มว่ ะจดรโนไ่ปรจเะด�ำันปใรคำ�จร้หเะน็เคลากัปญจตวือษ็้านา่น้ดาเไมสปสมทด่ิงงูน็่ไี่ตทันดสน้ ่ีคร้เค่งิลเักวทหวือษรร่ีคตดกาปวขุสรทฏรอูงะีต่กบิงทคน้รโตั รำ�ะวเติคหอทรัวยปต้าแตู่แขุอฏลาลอยิบะม้งวู่แกัตคโใลาิตรำ�นว้รคแวั กใไตนนมาแาะรก่ดลมนดาแูะค�ำรูแลกา้ขดลราแอแูักสรนงลไษุขโมะสรภาน่ดุขคโาราู้แภนพคขลา้นัสปอรพๆำ�งักรหโะษสรจรใ้าาคชับ�ำหโน้ยรตผรนัคาัวบัู้ทคๆปทผี่มวรี่ ้ทูใีโบะชรี่มคจคย้ โี้าุมปารตโคครรวั วะคทบจอี่ คำ�ยตมุ า่ ัวง ยยกกตตัววั ออยยา่ ่างงไไปปนน้นั นั จจะะสส่ง่งผผลลใใหหไ้ ไ้ ตตททำ�า้ งงาานนไไดด้แแ้ ยยล่ ่ลงง 55.. งดงบดหุบรุห่ี รเคี่ เรคอ่ื รงอ่ื ดง่มืดทมื่ ่มีทีส่ีม่วสี น่วปนรปะรกะอกบอขบอขงอแงอแลอกลอกฮออฮลอ์ลแ์ ลแะลเะคเรคอื่ รงื่อดงม่ืดทื่มม่ีทีสม่ี ่วีสน่วปนรปะรกะอกบอขบอขงอคงาเฟอีน สารนคิโาคเตฟนิ อนี(nicotine) ในบหุ รี่ และคาเฟอีนในขนาดสงู มีผลทำ�ให้ความดันเลอื ดเพิม่ สูงขึน้ ซึง่ เปน็ หน่งึ ในอกี หลายๆ สกาลรไนกโิทค่ีทตำ�นิ ให(n้เกicดิ oพtิษinตeอ่ )ไใตนบแหุละร่ีเชแน่ละเดคยี าวเฟกบัอนีคาในเฟขอนีนากดาสรูงดมมื่ ผี เคลรทื่อา้ งใดห่ืม้คทวา่มี มีสดว่ ันเปลรือะดกเอพบ่ิมสูงขึน ซง่ึ เปน็ หน่งึ ในอีกหลายๆ กลไกท่ที า้ ใหเ้ กดิ พษิ ต่อไต และเช่นเดียวกบั คาเฟอีน การดืม่ เครอ่ื งด่มื ทมี่ ี สว่ นประกอบ
229 211 ของแอลกอฮอลใ์ นปริมาณมากๆ ทา้ ให้เกิดการสลายตัวของกลา้ มเนอื และเกดิ ไตวายเฉยี บพลันตามมาใชย้ า อย่างระมดั ระวงั การกาจดั ของเสยี ทางผิวหนัง การขับถ่ายทางผวิ หนงั ผิวหนงั มตี ่อมเหงือ่ ซง่ึ ประกอบดว้ ยทอ่ เลก็ ๆ ขดไปมารอบทอ่ มกี ล่มุ ่มเเสส้น้นเเลลือือดด ฝอยมาพนั อยู่ การกรองของเสยี ออกจากเลือดจะเกิดทต่ี ่อมเหงือ่ นี ของเสยี ในเหงื่อได้แก่ ยเู รีย เกลอื แรแ่ ละนา้ จะผา่ นท่อออกจากตอ่ มเหงื่อมาสภู่ ายนอกร่างกายที่รูต่อมเหงื่อบนผิวหนงั เหง่อื ประกอบดว้ ยนา้ 99% นอกนนั เปน็ เกลือโซเดยี มคลอไรด์ ยเู รยี แอมโมเนีย กรดอะมิโน นา้ ตาล และกรดแล็กตกิ ผวิ หนังมีการระบายความร้อนออกจากรา่ งกายทางต่อมเหงื่อประมาณ 87.5 เปเปออร์เรซ์เ็นวต็น์ ต์่อตม่อเหมงเ่ือหงื่อ บางสว่ นถูกควบคุมด้วยระบบประสาทอัตโนมัติ เมอ่ื มกี ารตกใจหรือมีความเครยี ดจะมีการกระตนุ้ ใหเ้ หง่ือื่อออออกก มากกวา่ ปกติ ผ้ทู ่อี อกกา้ ลงั กายมาก ๆ จะเสยี น้าและโซเดยี มคลอไรดไ์ ปทางเหงื่อ จงึ ตอ้ งดม่ื่มนน�ำ้ ้าแแลละะเเกกลลอื ือโซเดยี ม คโซลเอดไียรมดค์ทลดอแไทรนดท์ ดแทน ภาพท่ี 4.11 ตต่ออ่ มมเหเงหือ่ ขงออื่ งมขนอุษยง์มนุษย ์ ทมี่ า: ระบบผวิ หนัง. สืบคน้ เม่ือวันที่ 30 เมษายน 2559, จาก https://goo.gl/YAUexZ การกาจดั ของเสียทางปอด ของเสียท่ีถกู ก้าจัดออกจากรา่ งกายทางปอด ได้แก่ นา้ และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซม์ ทเ่ี กดิ จาก กระบวนการหายใจของเซลลใ์ นร่างกาย ขนั ตอนในการก้าจัดของเสียออกจากรา่ งกายทางปอด มดี ังนี 1.นนา้ํ า้แแลละะแแกกส๊ ส๊คคาราบ์รบ์ออนนไดไอดอกอไกซไมซท์มเ่ี์ทกี่เดิ กขิดน้ึ ขแนึ พแรพอ่ รอ่อกอจกากจาเซกลเซลเ์ลขลา้ ์เสขหู่ ้าลสอหู่ ดลเอลดอื เดลโอืดดยจโะดลยะจละาลยะปลนาอยยปใู่ นอเลยอื ู่ ด ใ2น. เลอื ดท่มี ขี องเสียละลายอยจู่ ะถกู ล�ำ เลยี งไปยังปอด โดยการล�ำ เลียงผา่ นหัวใจเพ่ือสง่ ผ่านไปแลกเปลยี่ น เแลกอื ๊สดทป่ี อด 23. เลือดทม่ี ขี องเสยี ละลายอปยนู่จอะยถเู่ มกู ่ือลไ้าปเลถยี งึ งปไอปดยังขปอองดเสโยี ดตยา่ กงาๆรลทา้ ่ีสเละยี สงมผอา่ ยนใู่ หนวั เลใจอื เดพจ่ือะสแ่งพผา่รน่ผ่าไปนผนังของ แลกเปลย่ี นแกส๊ ท่ีปอด 3. เลือดท่ีมีของเสยี ละลายปนอยู่เม่ือไปถึงปอด ของเสยี ต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในเลือดจะแพร่ผ่านผนังของ
230 212 หลอดเลือดเขา้ สูถ่ ุงลมของปอด แลว้ ล้าเลยี งไปตามหลอดลม เพื่อก้าจดั ออกจากรา่ งกายทางจมูก พร้อมกบั ลม หายใจออก (ก) (ข) ภาพท่ี 4.12 (ก) ปอดและถุงลม (ข) การแลกเปล่ียนแก๊สระหวา่ งหลอดเลอื ดฝอยและถุงลม ที่มา: วทิ ยาศาสตรพ์ นื ฐาน ม.2. สบื คน้ เมือ่ วันท่ี 30 เมษายน 2559, จาก https://goo.gl/zzG3Vc ความผิดปกติของระบบขับถ่าย 1. โรคน่วิ ในไต : เกดิ จากการมสี ารก่อนิ่วในปัสสาวะสงู กว่าระดบั สารยบั ยงั น่วิ รว่ มกับปัจจัยเสริมคอื ปรมิ าตรของปัสสาวะนอ้ ย และการรบั ประทานอาหารที่มีสารออกซาเลตสูง เช่น งา ผกั โขม ถั่วตา่ ง ๆ ทําให้ เกิดตะกอนของแร่ธาตุในปสั สาวะรวมตัวกันเปน็ ก้อนอุดตนั ทางเดินปัสสาวะ 2. โรคไตวาย : อาจเกดิ จากการติดเชือ หรอื การเป็นเบาหวานและเป็นนิ่วเปน็ เวลานาน ท้าใหไ้ ตไม่ ทา้ งาน ท้าใหร้ ่างกายเกดิ การสะสมของเสยี เกดิ ความผดิ ปกตใิ นการรักษาสมดลุ ของร่างกาย 3. โรคกระเพาะปสั สาวะอกั เสบ : สว่ นมากเกดิ ในเพศหญงิ เกิดจากการติดเชอื แบคทเี รยี หรอื อัน ปสั สาวะนานนๆๆ
213 ใบใงบางนาทนี่ท8ี่ .81.1กกาารรดดูแแู ลลรรกั กั ษาไต หนว่ หยนก่วายรกเรารยี เนรียร้ทูนรี่ 2ูท้ ี่ แ2ผแนผกนากราจรจดั ดักกาารรเรเรยี ยี นนรรู้ททู้ ่ี 8 เรือ่ ง รระะบบบบขขบั บั ถถา่ ยา่ ย รายววชิชิ าาววทิ ทิ ยยาศาศาสาตสรตพ์ รื้น์ ฐราหนัส3วิชราหวัสว2ชิ2า10ว211ภ10า3คเรภียานคทเรี่ ยี 1นชท่ีั้น1มชัธนั้ ยมมัธศยึกมษศาึกปษีทาปี่ 2ที ่ี 2 ตตออนนทที่ 1่ี 1 ใหใหน้ น้กั กัเรเียรียนนสสำร�ำ วรจวแจลแะลสะบื สคบื ้นคข้นอ้ ขมอ้ ูลมจูลาจกาใบกคใบวาคมวราู้แมลระูแ้ เลขะียเนขคียำนตคอ�ำ บตลองบในลชงใ่อนงชวา่องงใวห่า้ถงกู ใตหอ้ถงูกต้อง 1. จากความหมายของการขบั ถา่ ย นักเรียนคดิ วา่ การถา่ ยอจุ จาระจัดเป็นการขบั ถา่ ยหรอื ไม่ จงอธบิ าย .......................................................................................................................................................(1 คะแนน) 2. สารใดพบในปัสสาวะมากกว่าในน้ำเลอื ด ........................................................................................................................................................(1 คะแนน) 3. สารใดพบในนำ้ เลอื ดแต่ไม่พบในปัสสาวะของคนปกติ ........................................................................................................................................................(1 คะแนน) 4. การทำงานของไตจะวิเคราะหจ์ ากการตรวจปสั สาวะได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด .......................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................(1 คะแนน) 5. ไตวาย คือ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................(1 คะแนน) 6. โรคน่วิ คอื .......................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................(1 คะแนน) ตอนที่ 2 จงอธิบายการทำงานของไตเทยี ม (Artificial Kidney) ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………(2 คะแนน)
232 214 ตอนท่ี 3 จากภาพจงบอกจับคอู่ กั ษรส่วนประกอบโครงสรา้ งของผิวหนงั กบั คาศัพท์ให้ถูกตอ้ ง Oil gland (ต่อมไขมัน) Epidermis (ผวิ หนงั ชั้นนอก) Dermis (ผิวหนังชน้ั ใน) Sweat gland (ต่อมเหง่ือ) Fatty tissue (เนือ้ เยอื่ ไขมัน) Nerve (ระบบประสาท) Follicle (ขน)
233 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ร่างกายมนุษย์ แผนแกผานรจกดั ากรจารัดเกราียรนเรียู้ทน่ี 9รทู้ ี่ 9 เวลา 2 ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เรือ่เรงือ่ ทงี่ ท2ี่ 2ระรบะบบปบรปะรสะาสทาท ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 รายรวาิชยาววิชิทายวาทิ ศยาาสศตารส์พตนื้ รฐ์ าน 3 ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 18-19 สอื่ /แหล่งเรียนรู้ ระบบประสาทส่วนกลาง ขนั้ นา 1. ห้องเรียนวิทยาศาสตรโ์ รงเรียน ประกอบดว้ ยสมองและไขสนั หลงั จะทา 1. ครใู หน้ กั เรียนแสดงพฤตกิ รรม เม่อื เจอส่ิงเร้าตา่ ง ๆ เช่น แสงจ้า วัตถแุ หลมคมบน 2. ห้องสมดุ โรงเรียน หนา้ ที่รว่ มกบั เซลล์ประสาท ซ่ึงเปน็ ทางเดิน เสียงหวีดในห้องเรยี น เมอ่ื สัมผสั กบั วัตถุร้อน เป็นต้น เพอื่ เป็นตัวอย่าง 3. ใบกจิ กรรมที่ 4 แผนภาพระบบ ระบบประสาทรอบนอกในการควบคมุ เกย่ี วกบั กลไกของรา่ งกายเมื่อกระทบกับสิง่ เร้า ประสาทส่วนกลาง การทางานของอวยั วะต่าง ๆ รวมถึงการ 2. นอกจากตัวอย่างส่ิงเร้าทคี่ รูยกตวั อยา่ งแลว้ นักเรียนยังเคยตอบสนองตอ่ เหตุการณ์อ่ืน 4. ใบความรทู้ ี่ 4.1 ระบบประสาทของ แสดงพฤติกรรมเพ่ือการตอบสนองตอ่ สงิ่ อืน่ ๆๆที่ยงั ทาให้นักเรยี นจาได้ถงึ วันน้ีอีกหรือไม่ (ใหน้ ักเรียนรว่ มถ่ายทอดประสบการณ์ มนุษย์ เร้า เพ่ิมเติมจากตวั อยา่ งของครู) 5. ใบความร้ทู ่ี 4.2 เซลลป์ ระสาท และ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. ครถู ามนักเรยี นเพื่อสรา้ งความสนใจอยากร้วู า่ พฤติกรรมดังกล่าวเปน็ ผลจากการทางาน พฤติกรรมทีต่ อบสนองส่งิ เรา้ ของมนุษย์ ของระบบใดในรา่ งกาย ใหโ้ อกาสนกั เรียนแสดงความเหน็ 5. แหล่งเรียนรอู้ อนไลน์ ด้านความรู้ (ระบบประสาท สมอง เส้นประสาท เปน็ ตน้ ) 1) ระบุอวัยวะและบรรยายหนา้ ท่ขี อง ขั้นสอน ภาระงาน/ช้ินงาน อวัยวะใน ระบบประสาทส่วนกลาง 1. ให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 3 คน คละกันตามความสามารถ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ศึกษา 1. ใบงานที่ 4.1 องคป์ ระกอบของ ในการควบคุมการทางานต่างๆ ของ ความรู้จากแผนภาพโครงสร้างระบบประสาทส่วนกลาง เพ่ือศกึ ษาเกยี่ วกับอวัยวะใน ระบบประสาทส่วนกลาง ร่างกาย โครงสรา้ งระบบประสาทสว่ นกลาง จากในความร้ทู ี่ 4.1 และใบความรู้ท่ี 4.2 แลว้ 2. ใบกิจกรรมท่ี 4.1 Brain Hat ดา้ นทกั ษะกระบวนการ เขยี นสรุป โดยใหม้ ปี ระเด็นสาคญั ดงั นี้ 3. ใบกจิ กรรมที่ 4.2 Nerve - ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ องค์ประกอบของอวัยวะในระบบประสาทสว่ นกลาง Necklace หน้าทข่ี องอวัยวะที่เปน็ องคป์ ระกอบของระบบประสาทส่วนกลาง 215
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ร่างกายมนุษย์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 9 234 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื งที่ 2 ระบบประสาท 1) ใฝเ่ รียนรู้ รราายยววิชชิ าาววทิ ทิ ยยาาศศาาสสตตรร์พ์ น้ื ฐาน 3 เวลา 2 ช่ัวโมง ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 2) มุ่งม่นั ในการทางาน 2. นักเรียนเขยี นสรปุ ผลการศึกษา ในใบงานท่ี 4.1 3. นกั เรียนทากิจกรรมการเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ เร่ืองสมองและหน้าทข่ี องสมอง จากกิจกรรมที่ 4.1 Brain Hat ดังน้ี ครแู จกใบกิจกรรมใหน้ ักเรยี น คนละ 1 ชดุ หรือคลู่ ะ 1 ชุด ตามความเหมาะสม (ระบายสีหรอื ไม่กไ็ ด้ ตามความตอ้ งการของผู้เรยี น) ตัดกระดาษตามใบงาน โดยตัดตามเส้นทึบ นากระดาษชนิ้ ส่วนที่มีข้อความ Hearing(การได้ยนิ ) Smell(การไดก้ ล่นิ ) Movement(การเคลอื่ นไหว) Speech(การพูด) Touch(การสัมผสั ) Sight(การ มองเหน็ ) Taste(รสชาติ) ตดิ ลงในกระดาษรูปสมองทต่ี ัดออกมา โดยมจี ุดสงั เกตคอื รูปร่างของกระดาษทใี่ ช้ปะ จะมีรปู ร่างเหมอื นกบั บริเวณบนสมอง เพราะฉะนัน้ นกั เรยี นสามารถคน้ พบความรไู้ ด้จากการหาบรเิ วณบนสมองที่เปน็ จกิ้ ซอว์กับกระดาษ ท่ใี ชต้ ิด เมอื่ นกั เรยี นปะเรยี บร้อยแล้ว ใหม้ ว้ นกระดาษรูปสมองทีต่ ดั เป็นชิน้ ๆ แลว้ ตดิ กบั กระดาษคาดศรี ษะ จากน้นั ติดกาว สวมศรี ษะ นักเรยี นสรุปกิจกรรมร่วมกบั ครูดงั นี้ 216
หหกหกกลลลนนนุม่มุุ่่ม่่วววสสสยยยาาากกกรรราาาะะะรรรกกกเเเรรราาายียียี รรรนนนเเเรรรรรรยียีียทููู้้้ททนนนี่ี่ี่ รรร222ว้วููู้้วรรริิิททท่่า่าายยยงงงาาากกกศศศาาาาาายยยสสสมมมตตตนนนรรรษษุุุษ์์์ ยยย์์์ ปปปรรระะะสสส---าาา444ททท...-นทค-เมคนทนเคเน-นมเเมตตนเนทนนตจจจคชชคคชกกไไอออกไนนนััดดดัรรรอออกาักกาักัาัักกัาาาสสสขขขาาาืือืออวววรรรลลลัักกกั แแแูููเเเงงงเงเงเเเเเเเมมมสสสกกกะะะัยัยัยซซซกกกืืออ่่อื่ซซซรรรรรรเเเาาาเเเจจจนัันันอออรรรแแแกกกหหหวววลลลียียีีียยยียฟฟฟนนนนนนลลลกกกยยยีีี งงงหหหะะะสสสจิจิจิ ลลล็นน็นนนนนนน็ ลลลขขขไไไาาาใใใเเเนนนตตตกกกหหหไไไลลลบบบป์์ปป์ปปปงงงสรสรรสป์ป์ป์อออฟฟฟกกกทททา่่า่ารรรกกกัังังงะะะวววรรรรรรกกกน็็นน็งงงรรรงงงฟฟฟรรรเเเาาาาาารรร็็็บบบไไไุุุปปปรรระะะะะะจิจิิจปปอออดดดมมมรรรกกกาา่่่า่า่าา่้้าา้าสสสๆๆๆาาาสสสกกกกกกววว็น็นน็ไไไงงง้้้ทททงงงจิจจิิ ยยยาาาดดดาาาจิจจิิรรรเเเยัััยยสสสกกกกกกศศศขขขกกกปปป่ี่่ีีทททสสสทททรรรย้ย้้ยกกกวววงง่ง่่444าาาาาาูนูนูนอออรรร็น็็นนมมมีเีีเเทททจจจตตตนนิิินะะะรรรยยยยยย...ซซซรรรงงงยยย222ทททลลลรรราาาใใใตี่ีต่ีต่่่่อออมมมรรรลลล์์์กกกนนนกกกมมมกกกมมมกักกัั ่่ีีี่ััดดดจจจา่่า่าNNNลลลกกก444ลลลรรราาารรรใใใีสสีสีษษษาาางงงแแแeee์์์ปปปาาาบบบ...รรระะะาาาว่่ว่วกกกกกว่่วว่222ลลลณณณรรรrrrไไไงงงบบบรรรมมมงงงนนนาาาเเเvvvดดด้้้วววเเเรรราาาะะะซซซใใใะะะกกกบบบรรรยยยeeeทททมมมววว้้้กกกหหหนนนสสสลลลสสสีียียยบบับััแแแปปปบบบ่คี่คคีี่าาาลลลแเเเ้้้นนนเเเาาาNNNลลลรรรนนนผผผซซซคคคปปปเมมมรรรวววรรรน่ิิน่ิน่ทททผ้้อ้ออรััักกก์์์หหหeeeรรระะะลลลรรรรนนน้ววว้้รรรวววเเเบบบน็็็นน่อื(((ยยยนเเเ้เ้เ้เูููรรรcccนนนดูดดููสสสาแแแลลลาาานนนกกกมมมรรรพพพกกกคคคชชชงคคค่ือื่อือ่kkkกย่งึงึ่ึ่งยยยงัังงัาาาลลลยียยีีป์ป์ป์าาาเเเตตตาาาท้นน้ินิ้ิมุมุมุ่ิม่ิมมิ่lllออองงงซซซไไไนนนาทททวรรรวววนนนวว้้ว้aaaรรรรรรดิดดิิ ปปปกกกเเเททท่ี รลลลไไไีี้้้ีชิสสสแแแิิิcccชชชตตตๆๆๆจจจะะะ2คคคกกกดดดาาายยยจี่่ี่ีลลลeeeตตต่ว่่ววาสสสมมิมิิาาาดัดดัันนนาาา222รรร้รร้้งังังัดั ป์์์ปปรนนนววววค่่่คคาาาวววเเเทททกกกเเเบัับับลลลดดดะกรรรซซซทททรรรรรริทกกกททิทิิวววาาาาาาะะะรรรงัังังบ่ื่่ืือออแแแาะะะะะะลลลาาาลลลจจจยรรรยยยงงงนนนสสสงงงลลลรบบบสสสมมม111ลลลาาาาาาเเเาาาาาชชชเเเ้ี้ี้ีเรรร้ว้ว้วาาานนนนนนตตตบบบงงงซซซ์์์อออปรศศศศาาาชชชยีียยีรรรทททีย้้อออ้ลลลแแแื่น่ื่ืนนวววปปปาราาาตตตททท้ออ้อุุ้ดดดุนนนจจจนนนนงงงตตตลลละสสสสรรริิิ าาายยยๆๆๆรรราาากกกกกกส์์์ปปปมมมกกรหหหตะะะตตตหหหเเเทททููู้้้นนนาาาาาาู้ทาปปปตตตสสสาาารรรรรรรรรรทททนนนรรรวววี่่่ีีรรรทกกกะะะ์ออือืืาาา่่่ี่็น็็นนาาา์์์พพพ999ี่ออ่ีอ่ีขขข้าา้้านนนพพพ9งงงสสสสสสทททเเเททท้ืืื้น้นนยยยอออมมมคคคกกกสสสููดดูดาาา่่่งงงู่่่ตููตตเีเ่ีี่เ่งงงฐฐฐูลู่ลู่ล่าาานนันััสสส้้นน้นทททปปปคคคกกกดิดิิดาาากกกะะะญััญญั เเเแแแ็็็นนนรรรไไไาาานนนดดดกกกลลลดดดญญญคคคููู---รรร111ศศศียียียันนันั นนนะะะ้้แแแ้สสส333วววูนนููนวววาาาชชชหหหกักักั กกกบบบมััมมั จจจณณณกกกยยยุุดดุดเเเนนน่่่ผผผนนนคคคัันันนกกก์์์รรรสสสปปป้า้า้าััสัสสมมุุมุีียยียถถถตตตลลลดดด่่วว่วรรรทททนนนกกกงึงึึงาาาาาา้วว้ว้นนนแแแะะะ่ีีข่ีขข่อออมมมงงงาาา)))ยยยทททสสสลลลคคคอออวววรรรคคคเเเาาาะะะคค่คี่ี่ี ชชชยััยัยทททวววงงงวววทททกกกวววเเเอืออืืบบบวววาาาาาาซซซใใใาาาบบบะะะกกกงงงมมมคคคนนนลลลรรราาาเเเคคคผผผเเเมุุมุมปปปลลลรรรนนนหหหุมุมมุา้า้า้ กกกูปปูปู ์์์้า้าา้ ขขขมมมกกกาาาหหหหหหอออาาาาาารรรมมมรรระะะงงงรรรือืออื าาาสสสยยยมมม 235 235 235 ชชชนนั้ัั้น้ มมมธธััธั เเเยยยวววมมมลลลศศศาาากึึึกก222ษษษชชชาาาปปป่วั่วััว่ โโโีีีทททมมมี่ี่่ี งงง222 217
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ร่างกายมนุษย์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 236 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เรอื่ เรงือ่ทงี่ ท2่ี ร2ะรบะบบปบรปะรสะาสทาท รราายยววชิ ิชาาววทิ ทิ ยยาาศศาาสสตตรร์ ์พน้ื ฐาน 3 เวลา 2 ชัว่ โมง ขน้ั สรุป ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 1. .คครรูแแู จจกกกกรระะดดาษาษใหใหน้ ัก้นเักรเยี รนียคนนคลนะล2ะแ2ผ่นแผ(น่คร(ูตคัดรเตู ัดรียเตมรไวยี ้ มโดไวย้ตโัดกยรตะัดดการษะดA4าษตาAม4แนตวามแนว ขวางของกระดาษเปน็ ชิน้ ๆ ตามความเหมาะสม) 2. ใหน้ กั เรยี นเขียนคาใบ้ของ “สมอง และไขสนั หลัง(เซลล์ประสาท)” ลงในกระดาษท่คี รู แจก 3. เมอ่ื เขยี นเสร็จแล้ว ให้นักเรยี นนามาหย่อนรวมในกลอ่ งเดยี วกัน ในกล่องหนา้ ชั้นเรียน (ครูเตรียมกล่องหย่อนกระดาษ 1 ใบ อาจทาจากกล่องลังกระดาษ A4 ) 4. ครใู ห้นกั เรียนทาไม้คาตอบ ด้วยการเขยี นคาว่า “สมอง” และ “ไขสนั หลัง” นากระดาษ ท่ีเขียนสองใบมาประกบหลงั ปะกาวกับไมเ้ สียบลูกชิ้น 5. เมื่อครหู ยบิ กระดาษท่นี ักเรียนเขียนคาใบ้ขึน้ มาอ่าน นักเรียนมเี วลาพิจารณาขอ้ ความที่ ครูอา่ น 10 วนิ าที หลงั จากน้ันต้องพลิกไมค้ าตอบเลือกว่าเปน็ คาใบห้ นา้ ท่ีของสมอง หรอื ไขสนั หลัง หากเปน็ คาใบ้ของสมอง ให้พลิกไมค้ าตอบด้านท่ีเขียนว่าสมอง หาก เป็นคาใบข้ องไขสนั หลงั ให้พลกิ ไม้คาตอบด้านทเี่ ขียนว่าไขสนั หลงั 6. เมื่อนักเรียนยกคาตอบหมดแล้ว ครจู ึงตรวจคาตอบของนกั เรียน 218
237 219 การวัดและประเมนิ ผล สงิ่ ท่ีต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ นกั เรียนทาถูก - ประเมินการตอบ ใบงานท่ี 4.1 เรือ่ ง การ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ระบอุ วยั วะและบรรยาย ขน้ึ ไป หนา้ ท่ขี องอวัยวะใน ระบบ คาถามในใบงานท่ี 4.1 ทางานของระบบ ประสาทสว่ นกลาง - ในการควบคุมการทางาน เรื่อง อวยั วะในระระบบ ประสาท ตา่ งๆ ของร่างกาย ได้ระดบั คณุ ภาพ 2 ประสาทส่วนกลาง และใบงานที่ 4.2 เรือ่ ง ทุกรายการขึ้นไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ ด้านคณุ ลักษณะ และ ใบงานท่ี 4.2 พฤติกรรมการ 1. ใฝ่เรยี นรู้ พฤติกรรมการ ตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้า 2. มงุ่ มัน่ ในการทางาน ตอบสนองส่งิ เร้า -- สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
238 220 บันทึกผลหลังสอน ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… (ลงช่ือ)…….............…………………..………… (...................................................) ตาแหนง่ ..................................................... วันที่.........เดือน.........................พ.ศ............ ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….…………….………………………………… (ลงชอ่ื )…….............…………………..………… (...................................................) ตาแหนง่ ..................................................... วนั ท่.ี ........เดือน.........................พ.ศ............
239 221 ใบกจิ กรรมเตรยี มความพร้อมสาหรับครู แผนภาพระบบประสาทสว่ นกลาง (Central Nervous System) ส่ือการสอนสาหรับครู คาชแ้ี จง ให้ครูนาภาพสอื่ ดังกล่าวดัดแปลงใหม้ ีขนาดใหญ่ข้ึน สามารถให้นกั เรยี นทั้งห้อง มองเหน็ เม่อื ติดต้งั ที่ หน้าหอ้ ง หรือ สามารถหาภาพท่มี ีแนวคดิ เดียวกันกบั ภาพนแ้ี ทนได้
240 222 ใบความรูท้ ่ี 9.1 ระบบประสาทของมนุษย์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ร่างกายมนุษย์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9 เรือ่ งท่ี 2 ระบบประสาท รายวชิ ราวยิทวยชิ าศวาทิ สยตารศพ์ าสื้นตฐรา์นรห3สั รวหชิ สั าววชิ 2า2ว12011ภ0า3คภเราียคนเรทยี ี่ น1ทช่ี น้ั1มชัธัน้ ยมัธศยกึ มษศาึกปษที าี่ ป2ีที่ 2 ระบบประสาท (Nervous System) ประกอบด้วยสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท ซ่ึงทาหน้าที่ ควบคุมและประสานการทางานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้ดาเนินไปด้วยดี โดยมีสมองเป็นอวัยวะหลัก ระบบประสาทจึงมีความสาคัญต่อภาวะสุขภาพ การเจริญเติบโตของร่างกาย และพัฒนาการด้านต่าง ๆ คือ เป็นตัวควบคมุ การทางานและรับความรู้สึกของอวัยวะทกุ ส่วนในร่างกาย รวมถึงความร้สู ึกนึกคิด อารมณ์ และ ความทรงจาต่าง ๆ ซง่ึ เมือ่ ได้รับการกระตุ้นจากภายในและภายนอก จะมีการสง่ กระแสประสาทกลับไปกลับมา ระหว่างสสมมอองงแแลละะออววัยัยววะะสส่ว่วนนตต่าง่างๆๆใหให้ท้ทางำ�างนาตนาตมาทมี่ตท้อี่ตง้อกงากราเรช่นเชก่นารกเาครลเคื่อนลืไ่อหนวไหขวองขออวงัยอววะัยในวะอใิรนิยอาบิริยถาตบ่างถ ๆตา่ ทงๆางทานำ�งนานอกนจอากจนา้ันกยนัง้นัคยวบงั คควุมบกคาุมรเกตา้นรขเตอน้ งขหอัวงใจหวั อใัตจราอกัตารราหกาายรใหจาคยใวจามคดวันามโลดหนั ิตโลอหุณติ หอภณุ ูมหิในภรมู ่าิใงนกราา่ ยงกกาายร ยก่อารยยออ่ ายหอาารหแาลระแกลาะรทการงาทนำ�ขงาอนงขระอบงรบะอบ่ืนบๆอ่นื ขอๆงขร่าองงกรา่ ยงกาย โครงสรา้ งของระบบประสาท ระบบบปปรระะสสาาททเปเปน็ ็นระรบะบบศบนู ศยูน์กยล์กางลทาี่คงวทบี่คควุมบกคาุมรทกางราทนำ�ขงอางนรข่างอกงารย่างเปก็นายระเบปบ็นทรที่ ะาบหบนท้าที่ ่ีำ�รหบั น้าที่ รับ ความรสู้ กึ คคววบบคคมุ มุ คคววาามมคคิดดิ ถถ้า้ามมีอีอันนั ตตรราายยใดใดๆๆเกดิเกขดิ ึ้นขกึน้ บั กสบั มสอมงอกงจ็ ะกท็จะาใทหำ�ร้ ใ่าหงร้ กา่ างยกพายิกพารกิ หารือหเรสอื ยี เชสวียติชไวี ดิต้ ไรดะ้ บรบะบ ประสาทแแบบง่ ่งเปเปน็ น็ รระะบบบบปปรระะสสาาททสสว่ ่วนนกกลลาางง(C(CeennttrarallNNeervrvoouussSSyysstteemm))แแลละะรระะบบบบปปรระะสสาาททสสว่ ่วนนปปลลาายย (Pe- r(PipehreiprhalerNaelrNvoeruvsoSuyssSteymste) m) 1) ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System) ไดแ้ ก่ สมอง และไขสนั หลัง (1) สมอง (Brain) สมองของคนหนักประมาณ 1.4 กิโลกรมั มเี ย้ือหุ้ม 3 ชน้ั เรียกกว่า Meninges 1. ชนั้ นอก (Pura mater): เหนยี ว แขง็ แรงมากโดยมีหน้าท่ีป้องกันการกระทบกระเทือน 2. ช้ันกลาง (Arachoid mater): เปน็ เย่อื บางๆ เกิดจากเส้นใยสานเปน็ ร่างแห และไม่มหี ลอดเลือดอยู่ 3. ชัน้ ใน ((PPiaiammaatteer)r:):มมเี สีเส้น้นเลเลืออืดดดาจำ�จา�ำนนววนนมมาากกททาหำ�หนนา้ ท้าที่ ส่ี ่งสอง่ าอหาาหราไรปไเปลเย้ีลงยี้ สงมสอมงอมงขีมอขี งอเงหเลหวลทวี่ท่ี เรยี ก วเา่ รยีนกาํ้ วเลา่ ้ยี นง้าสเมลอีย้ งแสลมะอไงขแสลนั ะหไขลสงั นั (หCeลrังe(bCreorsepbinroaslpFinluaildF:luCidSF:)CอSยFรู่)ะอหยวู่ร่าะงหชว่อา่ งงวชา่ ่องใงนวา่สงมใอนงสแมลอะงไแขลสะันไหขลสังนหชล่วงัย หชลว่ อ่ ยเลหย้ีลง่อเรละย้ี บงารยะขบอางยเสขียองแเลสะยี กแันลกะรกะนัเทกือรนะเใทหือ้กนบั ใรหะ้กบับบรปะรบะบสปาทระสส่วานทกสลว่ านงก(ลCาNงS)(CสNมSอ)งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คอื สสมมอองสงแ่วบนง่หอนอา้ กสเปม็นอง3ส่วสน่วกนลคาอื งสแมลอะงสสม่วอนงหสน่วนา้ ทส้ามยองดสงั ่วภนากพลทา่ี ง4.แ1ละสมองสว่ นทา้ ย ดงั ภาพที่ 4.1 ภาพท่ี 4.1 โครงสร้างของสมอง
241 223 1. สมองส่วนหนา้ (Forebrain) ประกอบด้วย เซรบี รัม (Cerebrum) ทาลามัส (Thaiamus) และ ไฮโพทาลามสั (Hypothalamus) เซรีบรัมม ((CCeerreebbrruumm))ททาห�ำหนน้าท้าท่ีด้า่ีดน้าคนวคาวมาคมดิ คิดควคาวมาจมาจเ�ชำาเวชนาป์วนัญ์ปญัญาญเปาน็ เศปนู ็นยศ์กูนลยา์กงลาง ควบคมุ การทางานด้านตา่ ง ๆ การสัมผัส การพูด การมองเห็น รับรส การได้ยิน การดมกล่ิน และการทางาน ของกลา้ มเน้ือ ทาลามสั (Thaiamus) ทาหน้าท่เี ปน็ ศูนยร์ วบรวมกระแสประสาททีผ่ า่ นเข้าออกและแยก กระแสประสาทไปยงั สมอง ไฮโพทาลามสั (Hypothalamus) เปน็ ศนู ย์ควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ของรา่ งกาย เช่น การทางานพนื้ ฐานของร่างกาย ไดแ้ ก่ ความหวิ ความดันโลหติ ความต้องการทางเพศ การหล่งั ฮอร์โมนของ ต่อมไรท้ ่อ และการแสดง อารมณค์ วามรสู้ ึก 2. สมองส่วนกลาง (Midbrain) ทาหนา้ ที่เกยี่ วกบั การมองเหน็ การได้ยนิ และการสัมผัส 3. สมองส่วนทา้ ย (Hindbrain) ประกอบด้วย พอนส์ (Pons) เมดลั ลาออบลองกาตา (Medulla Oblongata) และเซรเี บลลมั (Cerebellum) พอนส์ ท�าำหน้าทเี่ กีย่ วกับ กกาารรเเคค้ียยี้ ววออาาหหาารรกกาารรหหลลง่ั ง่ันน้�ำา้ลลาายยกกาารรเคเคลลอ่ื ่ือนนไหไหวขวขอองใงบใบหหนน้าา้ แลแะละ ควบคุมการหายใจ เมดัลลลาาออออบบลลอองงกกาาตตาาททำ�หานหา้นทา้ ีค่ทวี่คบวคบมุ คกุมากรทารำ�งทาานงขาอนงขรอะงบรบะปบรบะปสราทะสอาัตทโนอมัตัตโินเชมน่ ตั ิกเชาร่นหกายาใรจ หควาายมใจดนั คโวลาหมติดันกโาลรหกิตลืนกากรากรลจืนามกการาจราสมะอกึการแสละะอกึการแอลาะเจกียารนอาเจยี น เซรเี บลลลมั ัม ทท�ำ าหหนน้าา้ ททป่ี ีป่ รระะสสาานนกกาารรเคเคลล่อื อื่นนไหไหวขวอขงอรง่ารง่ากงากยายแลแะลคะวคบวคบมุ คกุมากราทรรทงตรงัวตขัวอขงรอา่งงรกา่ างยกาย ภาพท่ี 4.2 สมอง ทม่ี า: Lobar Anatomy. สืบคน้ เม่อื วันท่ี 16 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/SQZ9Bi.
242 224 (2) ไขสันหลัง (Spinal Cord) เป็นเน้ือเยื่อประสาททอดยาวจากสมองไปภายในโพรงกระดูกสันหลัง กระแสประสาทสว่ นตา่ งๆ ของร่างกายจะผ่านไขสนั หลงั มีท้ังกระแสประสาทเข้าและกระแสประสาทออกจาก สมอง และกระแสประสาทที่ติดต่อกับไขสันหลังโดยตรง ลักษณะเป็นรูปแท่งทรงกระบอกและมีเย่ือหุ้มไขสัน หลังปกคลุมอยู่ มีลักษณะคล้ายผีเสื้อ (Butterfly shape) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ มีเนื้อสีขาวด้านนอก (White matter) ไม่มีเซลล์ประสาท มีเฉพาะใยประสาทท่ีมีเยื่อไมอิลินหุ้ม และมีสีเทาด้านใน (Grey matter) มเี ซลล์ประสาทอยู่หนาแนน่ จะถกู ล้อมรอบดว้ ยเน้ือสีขาว ภาพที่ 4.3 กไขาสรันแหลลกงัเปลย่ี นแก๊สท่ถี งุ ลมปอด ทม่ี า: ระบบบบปหราะยสใาจท. สบื ค้นเมื่อวันท่ี 16 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/feU61G. สมองและไขสันหลังจะเปน็ ศูนย์กลางการรับรู้ และกระตุ้นความรู้สกึ จากสง่ิ เร้าท้ังภายใน และภายนอก แล้วสง่ ผ่านไปยังเสน้ ประสาทที่กระจายตามสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย
243 225 ใบความร้ทู ี่ 9.2 ส่วนประกอบของเซลล์ประสาทและพฤติกรรมการตอบสนองต่อสิ่งเร้า หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายมนษุ ย์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 9 เรอื่ งท่ี 2 ระบบประสาท รายวชิ ราวยิทวยิชาศวาิทสยตารศพ์ าสน้ื ตฐรานรห3ัสรวหิชัสาววิช2า2ว12011ภ0า3คภเราียคนเรทยี ่ี น1ทชี่ ้นั1มชัธัน้ ยมธัศยกึ มษศากึ ปษที าี่ ป2ีที่ 2 เซลลป์ ระสาท (Neuron): ทาหน้าที่ส่งสัญญาณประสาท ประกอบด้วย 2 ส่วนสาคญั ดงั นี้ 1.ตัวเซลล์(Cell Body / Soma) : คลา้ ยเซลล์ทว่ั ไป มนี ิวเคลยี ส ไมโทคอนเดรยี กอลจบิ อดี มีหน้าท่ี ่ สสรร้า้างงพพลลงั ังงาานนสสังเังคเคราระาหะห์โป์โรปตรีนตเีนปเ็นปส็นาสราสรื่อสปื่อรปะรสะาสทากทารกเาจรรเญิจรเติญิบเโตติบแโลตะแเลมะแเทมบแอทลบิซอึมลขิซอึมงเขซอลงลเซ์ ลล์ ประสาท 2.ใยประสาท (Nerve Fiber)::เป็นสว่ นของเซลล์ท่ีย่นื ออกมาจากตวั เซลล์เปน็ แขนงเล็กๆ มี 2 ชนดิ คือ 2.1 เดนไดรต์ (Dendrite) : เป็นใยประสาทท่ีนากระแสประสาทเขา้ สตู่ วั เซลล์ 2.2 แอกซอน (AAxxoonn))::เเปป็น็นใใยยปปรระะสสาาทททที่นี่นาำ�กกรระะแแสสปประรสะาสทาทออกอจกาจกาตกัวตเัวซเลซล์ลโด์ โยดย1 1ตัวตัว เซลล์มี 1 แอกซอนนเเทท่า่านนัน้ ั้นมมีคีคววาามมยยาาววมมาากกกกวว่า่าเดเดรนรนไดไดรตรต์ แ์ ลแะลมะีเมยีเ่ือยไื่อมไอมลีอินีลิน(M(MyeyleinlinShSehaethat)hท)ี่สทรี่ส้างรจ้าางกจาก เซลล์ชวาน (Schwann Cell) ห่อหุ้มรอบแอกซอนน เเยย่อื ื่อไไมมออีลลี นิ นิ เเปป็น็นสสาารรพพววกกไไขขมมนั ันมมคี ีคววาามมเเปปน็ ็นฉฉนนววนนไไฟฟฟฟา้ า้ ทท่ดี ด่ี ี ี ทาใหก้ ระแสประสาทในแอกซอนเคลือ่ นทอี่ ย่างรวดเร็ว และนอกจากนส้ี ว่ นทเ่ี ปน็ รอยต่อของเซลล์ชวานแต่ละ เซลล์จะไม่มีเย่อื ไมอีลินหมุ้ ภาพที่ 4.4 โครงสรา้ งเซลลป์ ระสาท ท่ีมา: The Nervous system. สบื คน้ เมอื่ วันท่ี 16 มกราคม 2562, จาก https://goo.gl/R4wzjg.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400