Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเรื่องสั้น-บ้านเรา วันที่ความรักผลิบาน ณ บ้านแห่งเรา

รวมเรื่องสั้น-บ้านเรา วันที่ความรักผลิบาน ณ บ้านแห่งเรา

Description: รวมเรื่องสั้น-บ้านเรา วันที่ความรักผลิบาน ณ บ้านแห่งเรา

Search

Read the Text Version

ว่าววงเดือนเสนห่ ม์ ลายู เดก็ หญิงนูรอลิ ฮัม ดามหู ิ โรงเรยี นพมิ านวิทย์นราธิวาส จงั หวัดนราธิวาส เม่ือเข้าช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตามท้องนาในหมู่บ้านของฉัน จะเห็นเป็น สีเขยี วชอุ่มเต็มทอ้ งทงุ่ นา เพราะเปน็ ชว่ งฤดทู ำ� นา ช่วงนตี้ ้นข้าวกำ� ลงั โต แต่ยงั ไม่ออกรวงข้าว มองไกลๆ เห็นเป็นสีเขยี วเตม็ ไปหมด มองแลว้ เยน็ ตาสบายใจเปน็ ที่สดุ ฉันและเพ่ือนๆ หลังเลิกเรียนตอนเย็นจะพากันไปเล่นที่ทุ่งนา ขออนุญาตอธิบาย ลักษณะท้องนาท่ีหมู่บ้านของฉันว่า ท้องนาของหมู่บ้านฉัน ปัจจุบันจะมีถนนตัดผ่าน แบ่งสายกันเป็นใยแมงมุม ตัดผ่านได้ทะลุทุกซอกทุกมุม บางพื้นท่ีชาวบ้านก็ปลูกยาง บ้างก็ได้ปลูกปาล์ม แต่ก็มีพ้ืนท่ีอีกมากท่ียังปลูกข้าวอยู่ อย่างเช่น ทุ่งนาใกล้ๆ ท่ีหมู่บ้าน ของฉัน ชาวบ้านยังรักการท�ำนาอยู่ อย่างบ่ายวันน้ี อากาศแจ่มใสปลอดโปร่ง บ่ายจัดค่อน ข้างเย็นจะมีลมค่อนข้างแรง เย็นสบายมาก ฉันและเพ่ือนๆ หลังเลิกเรียนจะพากันมาเล่น บนถนนกลางทุ่งนาท่ีไม่มีรถแล่นผ่าน เพราะเป็นถนนสายท่ีตัดผ่านเฉพาะเข้าสวนเท่านั้น พอพวกฉนั อยบู่ นถนน ทง้ั สองขา้ งทางจะเหน็ แตต่ น้ ขา้ วทเ่ี ขยี วเตม็ ทว่ั ทอ้ งทงุ่ และชว่ งบา่ ยแกๆ่ แบบนี้ จะมผี ใู้ หญ่ ทงั้ เดก็ เลก็ เดก็ โต จะพากนั ออกมาเลน่ วา่ วกนั ทขี่ า้ งๆ รมิ ถนนทง้ั สองขา้ งทาง จะมีคนขายไส้กรอก ลูกช้นิ ยำ� นำ้� ป่ัน และอกี สารพัดอย่าง ฉนั และเพอื่ นๆ ไดพ้ าวา่ วมากนั คนละอนั แตด่ เู หมอื นวา่ วา่ วของพวกฉนั ไมส่ วยเลย เมื่อเปรียบเทียบกับว่าวของคนอื่น โดยเฉพาะว่าวของอาแบมะ ว่าวของอาแบมะสวยมาก จะต่างจากว่าวของคนอ่ืน ซ่ึงฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และฉันได้สอบถามช่ือว่าวจากอาแบมะ ได้ค�ำตอบว่า เป็นว่าว “บุหลัน” หรือเรียกอีกอย่างว่า “วาบูแล” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทย ได้ว่า “ว่าววงเดือน” เป็นว่าวที่มีความคล้ายดวงเดือน ส่วนประกอบของตัวว่าวจะมีปีก เขา และดวงเดือนซ่ึงจะอยู่ตรงกลางระหว่างปีกและเขา และตอนกลางของล�ำตัวจะมี เร่ืองเล่าจากบ้านเรา 25

ลวดลายท่ีแปลกตา เป็นลายดอกไม้สีสดใส สะท้อนถึงอัตลักษณ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรม ท้องถ่นิ ของภาคใตบ้ า้ นเรา ท่ีส�ำคญั พอว่าวข้ึนบนยอดฟา้ จะมีเสยี งดังก้องกงั วาน สิง่ ทท่ี �ำให้ เกดิ เสยี งนน้ั มาจากไมไ้ ผ่ ซงึ่ เรยี กวา่ “บซู ”ู ซงึ่ บซู นู จี้ ะชว่ ยใหว้ า่ วเกดิ เสยี งดงั เมอ่ื กระทบกบั ลม ฉนั ดแู ล้วท่งึ และแปลกใจมาก เพราะว่าวทใี่ หญ่อันมีลวดลายท่สี วยงาม ข้นึ ไปอยบู่ นทอ้ งฟ้าที่ สงู และอยนู่ งิ่ โดยทไี่ มโ่ ยกเยกแมแ้ ตน่ อ้ ย และมเี สยี งดงั กงั วาน ซง่ึ เมอื่ ฉนั มองวา่ วของตวั เองแลว้ ฉนั ถอนหายใจเบาๆ อยา่ งไมร่ ตู้ วั เพราะวา่ วของฉนั นนั้ ซอื้ ทร่ี า้ นอนั ละ ๕ บาท มลี วดลายการต์ นู ซ่ึงมันต่างจากของอาแบมะอย่างส้ินเชิง ฉันกับเพื่อนต่างมองหน้ากันและพูดมาพร้อมกันว่า “กลบั เหอะ” เพราะพวกเรารสู้ กึ ไมส่ นกุ แลว้ เพราะวา่ วของพวกเราขน้ึ กไ็ มส่ งู เลย แลว้ กไ็ มส่ วย ดว้ ย แตฉ่ นั คดิ ในใจตอนนนั้ วา่ ฉนั จะตอ้ งไดเ้ ลน่ วา่ วเหมอื นของอาแบมะใหไ้ ด้ และนนั่ คอื ปญั หา ใหญส่ ำ� หรับฉนั ฉนั จะหาว่าวบหุ ลนั ไดท้ ี่ไหน ฉนั คดิ ตลอดระยะเวลาเดินทางกลบั บา้ นของฉัน พอถึงบ้าน ฉนั รีบถามตาของฉนั วา่ “วา่ วบหุ ลันจะซอื้ ได้ทไี่ หนบ้าง” ตาของฉันรบี ตอบกลับอย่างไม่ต้องครุ่นคิดว่า “ไม่มีขาย” เมื่อฉันได้ยินค�ำตอบเช่นนั้น ฉันอยากร้องไห้ เพราะฉันอยากได้ว่าวบุหลันมากๆ ฉันอ้อนให้ตาท�ำ “ท�ำให้หนูหน่อยนะตา นะๆ ตานะ” ตานัง่ นิ่งครู่หน่งึ แลว้ ตอบกลับมาว่า “ได้ แต่ตอ้ งสญั ญาข้อหน่ึงกอ่ น” ฉนั รีบตอบโดยทไี่ ม่ตอ้ ง รรี อว่า “คะ่ ๆ ตาได้ทุกอยา่ งเลยตา ขอแค่ให้ตาทำ� ว่าวให้ฉนั กพ็ อ ตาให้ฉนั สัญญาอะไรล่ะ” “ปีน้ีต้องสอบให้ได้ท่ีหน่ึงนะ” ตากล่าว “ได้อยู่แล้ว หนูต้องสอบได้ท่ีหน่ึงแน่ เพราะเทอม ก่อนหนกู ็ไดท้ สี่ าม ขยันอา่ นหนงั สอื เพมิ่ อกี นดิ ทีห่ นงึ่ คงไม่ยากหรอก” ฉันพดู กับตาแตใ่ นใจ ของฉัน ฉนั กำ� ลังคิดอยวู่ ่า ชา่ งมนั เถอะ ถงึ ไม่ได้ทห่ี นง่ึ ฉันก็ได้เล่นวา่ วแลว้ เพราะกว่าจะสอบ ยังอีกหลายเดือน ฉันแอบย้ิมเบาๆ และตาพูดขึ้นมาว่า “แต่ถ้าไม่ได้ที่หน่ึง ว่าวที่ตาท�ำให้ นั้น ตาจะเอาไปเผาเลยนะ แล้วปีหน้าอย่ามาอ้อนตาให้ท�ำอีก ตาไม่ให้แล้วนะ” ฉันเงียบ เพราะถา้ เปน็ เชน่ น้ันจริงๆ มันแยเ่ ลย เพราะฉนั ต้องการเกบ็ วา่ วบุหลนั ไวเ้ ลน่ ทกุ ๆ ปี หลังเลิกเรียนวันนี้ ฉันรีบกลับบ้านอย่างไวเพ่ือรีบไปดูว่าวที่ตาท�ำ พอถึงบ้าน เห็นตาก�ำลังเหลาไมไ้ ผ่ไว้ท�ำโครงว่าว เหน็ กระดาษสีหลายแผ่นตง้ั เตรียมอยู่ มีทงั้ สีและพู่กัน เพ่ือเตรียมวาดรูปบนกระดาษ ฉันน่ังมองดูตาต้ังแต่ข้ันตอนแรกจนเสร็จ มันก็ยากเหมือน กันนะ เพราะต้องเหลาไม้ไผ่ให้ได้น�้ำหนักเท่ากัน ตาท�ำว่าวให้ฉันอย่างพิถีพิถัน อย่างตั้งใจ มาก ขนาดวา่ วไมไ่ ดใ้ หญน่ กั เลก็ กวา่ วา่ วของอาแบมะเพราะตาวา่ อนั เลก็ ๆ เหมาะสำ� หรบั เดก็ 26 วันท่ีความรกั ผลบิ าน ณ บ้านแห่งเรา

เย็นวันนั้น ตาท�ำว่าวบุหลันจนเสร็จ ว่าวออกมาได้แบบสวยมาก สวยกว่าของ อาแบมะมาก ฉนั รบี เอาวา่ วไปทท่ี งุ่ นา ฉนั รบี ปลอ่ ยวา่ วขนึ้ บนทอ้ งฟา้ โดยมเี พอ่ื นชว่ ยถอื เชอื ก ให้ ปรากฏว่า ว่าวของตาท�ำมันขึ้นสูงอย่างสง่างามมากๆ และมีเสียงดังกังวานจากเสียงบูซู เม่ือกระทบลม ทุกคนต่างมองดูมาท่ีฉันและรีบมาถามฉันว่า ได้ว่าวมาจากไหน ฉันยิ้มและ ตอบอย่างภูมิใจไปวา่ “ตาของฉันเปน็ คนทำ� เอง” เย็นวนั นัน้ ฉันมีความสขุ มากๆ ฉันได้ยนิ คน พูดมาว่า ตาฉนั เปน็ นกั เล่นว่าวทีเ่ ก่งคนหนง่ึ ในอดตี ตาได้ควา้ แชมป์หลายสนาม ไม่แปลกใจ เลยท่ตี าท�ำว่าวได้สวยและดขี นาดน้ี ไดย้ นิ เขาพูดอีกวา่ ท่ที ุง่ นาแหง่ น้ี เม่ือสมัยก่อนทกุ ๆ ปี เมอ่ื ถึงฤดูทำ� นา จะมกี ารแขง่ ขนั เล่นวา่ วประเภทสวยงามและขึ้นสูงมาประกวดกันทกุ ปี และ แชมปข์ องทกุ ปกี ค็ อื ตาของฉนั เอง แตเ่ ดยี๋ วนไี้ มม่ กี ารประกวดเลน่ วา่ วแลว้ แตก่ ย็ งั มคี นมาเลน่ เพอ่ื ความสวยงาม และเปน็ กจิ กรรมยามวา่ งของครอบครวั ของคนในหมบู่ า้ นของฉนั คำ่� วนั นนั้ ฉนั นอนหลบั อยา่ งมคี วามสขุ และรสู้ กึ ภมู ใิ จทตี่ วั เองมคี ณุ ตาทส่ี ามารถทำ� วา่ วบหุ ลนั ไดส้ วยมาก รสู้ ึกว่าคณุ ตาตัวเองเป็นโดเรมอ่ นทส่ี ามารถนริ มติ สิ่งของให้ฉนั ได้ตามตอ้ งการทกุ อย่าง ในช่วงหน้าร้อน หลายคนในพ้ืนท่ีคงไม่อยากออกไปไหน คงจะน่ังหลบแดด นอนสบายตากพัดลมอยู่ในบ้านเพราะกลัวร้อน แต่คนในหมู่บ้านของฉัน ตอนบ่ายแก่จัด จะพากันออกมาเล่นว่าวเต็มท้องทุ่งนา เห็นแต่ภาพว่าวลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเต็มไปหมด มันเป็นภาพท่ีฉันเห็นมาต้ังแต่เด็กๆ จนถึงตอนน้ีก็ยังมีผู้คนมาเล่นว่าวกันอย่างมากมายเพื่อ ผ่อนคลาย และฉันหวังว่า ภายภาคหน้าก็ยังจะมีผู้คนสนใจและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของ บรรพบุรุษของคนเฒ่าคนแก่ของพวกเราสบื ไป เรอ่ื งเล่าจากบา้ นเรา 27

กอและซ่า...ทา้ ให้ชม เด็กชายแวฟริ มนั เจะอเู ซง็ โรงเรียนเทศบาล ๔ (บา้ นทรายทอง) จังหวดั นราธิวาส บ่ายวันท่ีแสงแดดส่องสายน้�ำมา ท�ำให้แสงสะท้อนเหลืองอร่าม ผู้คนเดินเข้าออก ชมุ ชนอยา่ งลน้ หลาม พวกเรากลมุ่ งานเขยี นเรอ่ื งเลา่ จากบา้ นเราเดนิ ผา่ นชมุ ชนอยา่ งครนื้ เครง และนแี่ หละทผี่ มสนใจเป็นพิเศษกค็ อื ...เรือกอและ เรอื กอและ เดมิ เปน็ เรอื ของชาวพนื้ เมอื งปตั ตานี ใชเ้ ปน็ พาหนะในการเดนิ ทาง และ ท�ำการประมงยามว่างจากการประกอบอาชีพในยามคลื่นลมสงบ และเวลามีงานนักขัตฤกษ์ ของทอ้ งถนิ่ ชาวเมอื งปตั ตานจี ะนำ� เรอื กอและเขา้ มาใชป้ ระโยชนใ์ นการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจโดย น�ำมาจัดแข่งขันพายเรือ เพ่อื ชงิ ความเปน็ หน่ึงในด้านความเร็ว จังหวัดปตั ตานีในสมยั โบราณ มีหมู่บ้านท่ีต่อเรือกอและ และมีเรือกอและมากท่ีสุด จนชาวบ้านทุกคนเรียกว่า หมู่บ้าน “กำ� ปงกอและ” ซ่ึงหมายถึงหมู่บา้ นเรือกอและ ปจั จุบนั เปล่ียนชื่อเป็นหมู่บ้าน “สะบารงั ” หรอื เรยี กชอื่ อกี อยา่ งหนง่ึ วา่ “กอื ดาอาเนาะญอ” แปลวา่ ตลาดมะพรา้ ว เปน็ ชอื่ ทไี่ ดใ้ หมเ่ มอ่ื ภายหลังจากการตอ่ เรือกอและลดน้อยลง ท้ังนเี้ พราะในหมบู่ ้านดังกล่าวอย่ตู ดิ แมน่ �้ำปัตตานี จึงมตี ้นมะพร้าวมากพอๆ กบั เรือกอและทจ่ี อดอยตู่ ามชายฝง่ั ตลอดแนวแม่น้�ำ สมัยก่อน จังหวัดปัตตานีมีการแข่งขันเรือกอและในวันรายอเป็นประจ�ำทุกปี ปจั จบุ นั ความนยิ มในการตอ่ เรอื กอและขยายไปเกอื บทกุ จงั หวดั ทอ่ี ยใู่ กลท้ ะเลนบั ตง้ั แตช่ ายฝง่ั ทะเลด้านตะวันออกของอ่าวไทย บริเวณหัวไทร เขตจังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่อยลงมาถึง อำ� เภอเทพา จงั หวัดสง่ ปลา เอ๊ย! สงขลา และอำ� เภอเมอื ง อ�ำเภอยะหริง่ อ�ำเภอปะนาเระ อ�ำเภอสายบุรีของจงั หวัดปัตตานี ตลอดจนอีกหลายอำ� เภอในจังหวัดนราธวิ าส เรือกอและเป็นเรือประมงที่ใช้ในแถบจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง มีลักษณะเป็น เรือยาวท่ีต่อด้วยไม้กระดานโดยท�ำให้ส่วนหัวและท้ายสูงขึ้นจากล�ำเรือให้ดูสวยงาม 28 วนั ทคี่ วามรกั ผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

ทาสีแล้วเขียนลวดลายด้วยสีฉูดฉาดเป็นลายไทยหรือลายอินโดนีเซีย ซ่ึงน�ำมาประยุกต์ให้ เหมาะสมกับลำ� เรอื เรอื กอและมี ๒ แบบคือ ๑. แบบหัวสน้ั ๒. แบบหวั ยาว เรือกอและแบง่ เปน็ ๔ ขนาด โดยยึดความยาวของลำ� เรือเป็นเกณฑ์ในการแบง่ คือ ขนาดใหญ่ ยาว ๒๕ ศอก ขนาดกลาง ยาว ๒๒ ศอก ขนาดเล็ก ยาว ๒๐ ศอก ขนาดเล็กมากเรียกว่า “ลูกเรือกอและ” ยาว ๖ ศอกเองจา้ ! โดยประมาณ และดา้ นนอกซงึ่ คอ่ นขนึ้ ไปทางขอบเรอื ทำ� เปน็ ขอบนนู ออก มาข้างนอก ลกั ษณะเปน็ กันชนของเรือยาวตลอดล�ำเรือ เรยี กวา่ “ปาแปทวู อ” (กระดานแก)่ ท่ีตอนล่างของปาแปทูวอ ท�ำรอยแซะเนื้อไม้ด้วยกบให้เป็นแนวยาวตลอดล�ำเรือ เรียกว่า “กอมา” เรอื ทงั้ ลำ� แบง่ เปน็ ๒ สว่ น ๑. สว่ นหวั เรยี กวา่ “ลแู ว” ๒. สว่ นทา้ ยเรยี กวา่ “ปาเระแต” ถ้าแบ่งออกจะเป็น ๓ ส่วน ส่วนหัว เรียกว่า “ปาลอ” (หัว) ส่วนกลาง (ล�ำเรือ) เรียกว่า “ตอื เงาะฮ” (กลาง) ส่วนทา้ ยเรยี กวา่ “ปูงง” (หาง) เรือกอและทำ� จากไม้ตะเคยี น ในการ แกะสลกั ลายเรอื ตอ้ งรา่ งลายดว้ ยสกี อ่ น โดยจะใชส้ ใี ดกไ็ ด้ จากนน้ั ใชม้ ดี แกะตามลายทรี่ า่ งไว้ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากแบเลาะห์ได้เล่าว่า “การท�ำลวดลายของเรือกอและนั้น มันมีหลาย ขน้ั ตอนมาก เดยี๋ วผมจะเล่าพอท่จี �ำไดน้ ะ การทำ� ลวดลายเรอื กอและจะต้องร่างลวดลายทีจ่ ะ ออกแบบ สีท่ีจะใช้ร่างลวดลายน้ัน จะเป็นสีใดก็ได้ซ่ึงแบเลาะห์น้ันแบจะใช้สีขาวในการร่าง ลวดลาย จากน้ันก็เติมสีที่ชอบ ซึ่งการวาดลวดลายของเรือกอและเน่ียมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ พวกเราดอู ยู่ มนั ต้องใชป้ ระสบการณแ์ ละที่ขาดไม่ได้กค็ ือความร”ู้ แบเลาะห์บอกต่อว่า “ความรู้ส�ำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่มีความรู้ เราก็จะท�ำงาน ไม่ได้เลย ซึ่งระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการตอ่ เรอื กบั วาดลายตอ้ งใชต้ ง้ั ๑ ปนี ะครับ ถา้ เร็วท่สี ุดกค็ อื ๓ เดือน มันอยู่ที่งบประมาณที่เจ้าของเรือส่งมา ซ่ึงมีราคาต่อล�ำหนึ่ง ไม่ใช่ถูกๆ นะ ราคารว่ มหา้ ถงึ หกแสนเลยทีเดียว” ว้าว ว้าว ว้าว!! ถ้าถามว่าเรือกอและเกิดมานานหรือยัง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน สง่ิ เหลา่ นพี้ วกเราควรอนรุ กั ษ์ ถา้ ไมม่ คี นสนใจ สง่ิ นกี้ เ็ ปน็ แคเ่ รอ่ื งเลา่ หรอื อาจจะเปน็ แคน่ ทิ าน ปรัมปรา สุดท้ายน้ี ผมหวงั ว่านอ้ งๆ ลูกๆ หลานๆ ก็คงจะอนรุ ักษ์ส่ิงเหล่านี้ บรรพบรุ ษุ ของ ผองเรากไ็ มไ่ ดห้ วงั อะไรมากหรอกครบั แคห่ วงั อยากใหล้ กู หลานของเราสบื ทอดไปตลอดกาล ตง้ั แต่ผมจำ� ความได้เรือกอและบา้ นเรามีมาต้งั แตเ่ น่นิ นาน คุณพอ่ คณุ แม่ ของผมเคยพาผม และนอ้ งๆ มาเทย่ี วทะเล ณ หาดนราทศั น์ พวกเรากไ็ ดแ้ ตม่ องสองขา้ งฝง่ั แมน่ ำ�้ วา่ มเี รอื ลอยลำ� อยู่ ลวดลายสวยงามแต่ไมเ่ คยรบั รู้ว่ามันส�ำคัญ และมีท่มี าอยา่ งไร เร่อื งเลา่ จากบา้ นเรา 29

มา ณ วันน้ีเมื่อผมได้มีโอกาสท่ีทางส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาสได้มอบ ประสบการณอ์ ันยิ่งใหญค่ รั้งนี้ ทำ� ใหผ้ มไดร้ ับรู้หลายๆ อยา่ งอยา่ งลึกซึง้ ครับ เพราะฉะนน้ั เรา ควรอนรุ ักษไ์ ว้ให้ดที ่ีสุดเพอ่ื เป็นมรดกตกทอดใหร้ นุ่ ลูกรุ่นหลานเราได้เชยชม 30 วนั ที่ความรกั ผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

มโู นะบา้ นฉนั เดก็ หญงิ กลุ ธิดา บิณฑาประสิทธิ์ โรงเรยี นบุณยลาภนฤมิต จังหวดั นราธิวาส เสียงอาซานดงั ขึน้ จากมัสยดิ ใกลบ้ ้าน ปลุกทุกคนใหต้ ่ืนขึ้นมารับวันใหม่ ชาวมุสลมิ ตา่ งเตรยี มตัวกันไปละหมาด ฉันเป็นชาวต�ำบลมูโนะท่ีนับถือศาสนาพุทธ อาศัยอยู่กับคุณแม่ อากง และอาม่า ผคู้ นสว่ นใหญน่ บั ถอื ศาสนาอสิ ลาม รา้ นของฉนั ขายวสั ดกุ อ่ สรา้ งและอปุ กรณก์ ารเกษตร ลกู คา้ ทมี่ าซอ้ื สนิ คา้ จะเรยี กรา้ นของฉนั วา่ “รา้ นอาแซมโู นะ” วนั หนง่ึ ฉนั ออกมานง่ั หนา้ รา้ นกบั อามา่ เจอลูกค้านักเรียนคนหน่ึงพูดว่า “ขอซ้ือกระดุมงองูหน่อยค่ะ” ทีแรกฉันไม่ทราบหรอกค่ะ เมอ่ื อามา่ นกึ ดอู กี ทมี นั กค็ อื เขม็ กลดั นนั่ เอง เพราะลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั พยญั ชนะไทยตวั “ง”ู ฉันจึงนกึ ข�ำในใจว่า “เขาเรียกวา่ กระดมุ งองหู รอ ?” ทฉี่ ันข�ำมนั ไมไ่ ด้มีเหตผุ ลมากมายอะไร หรอก เพยี งแตฉ่ นั เคยไดย้ นิ เปน็ ครง้ั แรกเทา่ นน้ั เอง ทบ่ี า้ นของฉนั มสี นิ คา้ ทวี่ างขายหลายอยา่ ง เช่น จอบ เสยี ม พล่ัว ช้อนปลกู บวั รดน�ำ้ กรรไกร ค้อน ตะปู ฯลฯ สว่ นสถานทแ่ี ละวตั ถโุ บราณนา่ จดจำ� ทฉี่ นั รจู้ กั เคยพบเหน็ ไดแ้ ก่ ซากปกู ลายเปน็ หนิ หรือจะเรียกว่าซากฟอสซิลของปูก็ได้ เรียกสั้นๆ ว่า ปูหิน ก็ดีนะ และได้ส่งไปให้นักวิจัย ชาวต่างชาตติ รวจสอบอายุของปูหนิ ผลจากการตรวจสอบพบวา่ มีอายุประมาณ ๕,๐๐๐ ปี เลยทเี ดยี ว ฉนั นต่ี กตะลงึ กบั อายทุ เี่ กา่ แกย่ าวนานมาก ฉนั ขอเลา่ ประวตั คิ วามเปน็ มาของการ ขุดพบซากปหู ินเลยละกนั อากงของฉนั เลา่ ใหฟ้ งั วา่ “ยอ้ นไปในอดตี สมยั ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถในรชั กาลท่ี ๙ ไดเ้ สดจ็ มาเยย่ี มเยยี นราษฎรในหมบู่ า้ น ทรงมพี ระราชดำ� รใิ หส้ รา้ งคลองสง่ นำ้� ชลประทานในหมบู่ า้ นของฉนั เพอ่ื บรรเทาความเดอื ดรอ้ นให้ กบั ชาวบา้ นในการทำ� ไรท่ ำ� นาและเลยี้ งสตั ว์ ในขณะทชี่ าวบา้ นชว่ ยกนั ขดุ คลองชลประทานกไ็ ดพ้ บ เรอื่ งเล่าจากบา้ นเรา 31

ซากปกู ลายเปน็ หนิ จำ� นวนมาก ชาวบา้ นตา่ งขดุ ขน้ึ มาขาย เพราะเหน็ วา่ เปน็ ของแปลกประหลาด และหายาก” ฉนั ไดม้ โี อกาสเรยี นรปู้ ระวตั คิ วามเปน็ มาของหมบู่ า้ นอนั เปน็ ทรี่ กั ของชาวบา้ นทกุ คน ทำ� ใหฉ้ นั ภมู ใิ จในตำ� บลและถน่ิ ฐานบา้ นเกดิ ของฉนั ฝง่ั ตรงขา้ มของหมบู่ า้ นฉนั คอื ประเทศ มาเลเซยี หมบู่ า้ นบเู กะ๊ ลาตอ มแี มน่ ำ้� สไุ หงโก-ลก กนั้ ระหวา่ งสองหมบู่ า้ น ชาวบา้ นเรยี กแมน่ ำ้� สายนว้ี า่ “แมน่ ำ�้ สองแผน่ ดนิ ” แมน่ ำ้� สายนเี้ ดนิ ทางไปไดห้ ลาย สถานทเ่ี ลยนะ ซง่ึ ทางรฐั บาลไดจ้ ดั เปน็ “จดุ ผอ่ นปรนชายแดนประจำ� ตำ� บล” มที า่ เรอื ไวส้ ำ� หรบั ลำ� เลยี งสนิ คา้ และใหช้ าวบา้ นไดไ้ ปมาหาสกู่ นั ตดิ ตอ่ คา้ ขายและแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ระหวา่ งกนั เชน่ เงาะ ลองกอง มงั คดุ สะตอ ลกู เนยี ง มะมว่ ง สม้ แขก ขา้ วสาร นำ้� ตาลทราย ฯลฯ ชาวบา้ นฝง่ั มาเลเซยี มกั ชอบมาซอื้ เมลด็ พนั ธผ์ุ กั ตา่ งๆ ทรี่ า้ นของฉนั เชน่ sawiputih (ผักกาดขาว) kangkung (ผักบุ้ง) timun (แตงกวา) terung (มะเขอื ) kubis (กะหลำ่� ปลี) ฯลฯ คำ� ศพั ท์ท้งั หมดน้ฉี ันไดเ้ รยี นรมู้ าจากโรงเรยี นบณุ ยลาภนฤมติ เปน็ วชิ าเสรมิ ฉนั ดีใจและภูมใิ จ ทีไ่ ด้เรียนร้วู ิชานอ้ี นั เปน็ ประโยชน์ตอ่ อนาคตท่ีใกลจ้ ะมาถงึ ของฉัน ระยะนช้ี าวบา้ นในตำ� บลนยิ มเลยี้ งไกป่ า่ ฉนั ไดย้ นิ เสยี ไกข่ นั ดงั ไปทวั่ ทกุ เชา้ สาย บา่ ย เยน็ ไมเ่ วน้ แมแ้ ตต่ อนหวั คำ่� ขนั ไดท้ กุ เวลา ถา้ ฉนั พดู ภาษาของไกไ่ ด้ คำ� ถามแรกทฉี่ นั อยากจะ ถาม คอื “ไม่แสบคอกันบ้างหรือ” ฉันพอเดาได้ว่าไก่จะตอบว่า “ฉันก็ไม่ได้อยากขันมากนกั หรอก ทีฉ่ ันขนั ก็เพราะมีคนปรบมอื ใหฉ้ นั ขนั ไงละ่ ฉันก็แสบคอเหมอื นกนั นะ” (จรงิ อย่างทไี่ ก่ พดู เพราะมีคนปรบมอื เรยี กไก่ใหข้ นั ) โอ๊ย! ฉนั นพ่ี ากยเ์ สยี งอยไู่ ด้ จะกลายเป็นนักพากย์เสยี ง แทนนกั เขยี นแลว้ เนยี่ เขา้ เรอื่ งกนั ตอ่ เถอะคะ่ “ไกท่ เี่ คยอยใู่ นปา่ ตอนนถ้ี กู ชาวบา้ นจบั มาขาย ราคาประมาณตัวละ ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ บาท” ชาวบา้ นต่างซ้ือไวเ้ ป็นสตั ว์เล้ยี งเหมือนเราเลยี้ ง สุนขั เลี้ยงแมว เจา้ ของไกจ่ ะนำ� เชอื กทถ่ี กั ทอเปน็ เสน้ เลก็ ๆ ซง่ึ มคี วามเหนยี วและแขง็ แรงมาผกู ขาไก่ แลว้ หาคานใหไ้ กเ่ กาะประชนั เสยี งโตต้ อบไปมา ชาวบา้ นมกั นำ� ไกใ่ สก่ ระเปา๋ สะพายขา้ ง ขบั รถ มอเตอรไ์ ซค์ ไปธุระก็สะพายข้างหว้ิ ไปเปน็ เพื่อนดว้ ย พบเจอคนรูจ้ กั มักอมุ้ ไกอ่ อกมาอวดกัน ทงั้ เสยี งทัง้ สีขนสวยงามและแตกต่างกันออกไป เปน็ ของเล่นใหมข่ องชาวบ้านในต�ำบลฉนั 32 วนั ทค่ี วามรกั ผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

ชมุ ชนเลก็ ๆ อนั สงบสขุ ไมม่ กี ารลกั เลก็ ขโมยนอ้ ย ไมม่ กี ารฉกชงิ วง่ิ ราวเอาทรพั ยส์ นิ กระเป๋าสตางค์ สร้อยคอ ของมีค่า ทุกคนต่างรู้จักหน้าที่ มีจิตใจงดงาม อาจมีการแข่งขัน กันบ้าง แต่ก็ช่วยเหลือกันและเสียสละให้แก่กัน ฉันรักและหวงแหนในถ่ินใต้แดนสะตอ รม่ ใบยาง สวนลองกอง ทีห่ ามิไดใ้ นเมืองใหญ่ เม่อื ฉันเติบโตเปน็ ผใู้ หญ่ในวนั ข้างหน้า ฉนั จะกลับมาพัฒนา มโู นะ บ้านเกดิ ของฉัน “สุดปลายด้ามขวาน สมานใจไทยพทุ ธมสุ ลิม” เรอื่ งเลา่ จากบ้านเรา 33

ตารอี ีนา ณ บ้านสามแยก เดก็ หญงิ ฟรั ฮานา อาแว โรงเรยี นบา้ นไม้ฝาด จังหวัดนราธวิ าส “ตารีอีนา ศิลปะล้�ำค่าแห่งบ้านสามแยก” เมื่อเอ่ยช่ือ ค�ำว่า ตารีอีนา ฉันเชื่อ ว่าน้อยคนนักท่ีจะเคยได้ยินค�ำน้ี ตารีอีนาเป็นช่ือของการแสดงท่ีมีอยู่ในหมู่บ้านของฉัน เป็นศลิ ปะการแสดงท่ีมเี อกลกั ษณโ์ ดดเด่นไม่ซำ�้ ใคร มีเพียงทีเ่ ดยี วในประเทศไทย หมบู่ ้านสามแยก ต�ำบลกายูคละ อำ� เภอแวง้ จงั หวัดนราธิวาส เปน็ อีกหน่ึงหมบู่ า้ น ทมี่ ศี ลิ ปวฒั นธรรมทเี่ ปน็ เอกลกั ษณข์ องตวั เอง การแสดงตารอี นี าในปจั จบุ นั หาชมไดย้ ากมาก ตารอี นี าเปน็ การรา่ ยรำ� ทอี่ อ่ นชอ้ ย และมที ว่ งทา่ สวยงาม เปน็ การแสดงทผ่ี สมผสานกนั ระหวา่ ง “ซลี ะ” ซงึ่ หมายถงึ ศลิ ปะการตอ่ สดู้ ว้ ยมอื เปลา่ กบั “มโนราห”์ การแสดงของภาคใตท้ มี่ ที ว่ งทา่ สวยงาม กลายมาเปน็ ตารอี นี าที่มีเอกลกั ษณโ์ ดดเด่นไมเ่ หมือนใคร มักใชแ้ สดงในงานรนื่ เริง ต่างๆ งานเขา้ สุนัต งานแตง่ งาน เปน็ ตน้ หมู่บ้านสามแยกตั้งอยู่ระหว่างหมู่บ้านฮูแตมาแจกับหมู่บ้านตาฮิบาเดาะ ที่ได้ ช่ือว่าสามแยก เนื่องจากสมัยก่อนมันเป็นสามแยกจริงๆ เลยต้ังช่ือหมู่บ้านตามสภาพถนน แตป่ จั จบุ นั เปลีย่ นเป็นสแ่ี ยกแล้ว แต่ยงั ใช้ช่ือสามแยกตามเดิม หมู่บ้านสามแยก สภาพพนื้ ที่ บางสว่ นมีน้�ำทว่ มในชว่ งฤดนู ้�ำหลาก ชาวบา้ นประกอบอาชีพหลากหลาย เช่น รบั จ้างทว่ั ไป กรดี ยาง คา้ ขาย ชาวบ้านในหมู่บ้านสามแยกด�ำรงชวี ิตโดยยึดหลกั ค�ำสอนของศาสนาอิสลาม มีประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ ได้แก่ ประเพณีการเข้าสุนัต ประเพณีการแต่งงาน ประเพณี ท่ีเก่ียวข้องกับการเกิดและการตาย ผู้คนในหมู่บ้านอยู่ด้วยกันด้วยความรัก ความสามัคคี ทุกคร้ังที่มีงานรื่นเริงในหมู่บ้าน ทุกคนจะพร้อมใจกันช่วยเหลือทั้งแรงกายแรงใจ จนท�ำให้ งานส�ำเรจ็ ลุล่วงไปดว้ ยดี 34 วนั ท่ีความรกั ผลบิ าน ณ บา้ นแห่งเรา

คนื นกี้ เ็ ชน่ เดยี วกนั กบั ทกุ ครงั้ ทผี่ า่ นมา ทา่ มกลางแสงจนั ทรท์ ส่ี อ่ งแสงทว่ั ทอ้ งฟา้ ดวง จนั ทรผ์ ใู้ จดยี งั แบง่ ปนั แสงสวา่ งลงมายงั พนื้ ดนิ คนื นผี้ คู้ นในหมบู่ า้ นตา่ งพากนั มารวมตวั ทบ่ี า้ น ผู้ใหญ่มะแอ เนอ่ื งจากพร่งุ นจี้ ะเป็นวันสำ� คญั คือ งานแต่งงานของก๊ะโนรี ลูกสาวผใู้ หญ่มะแอ ผซู้ ง่ึ มรี ปู ร่างหน้าตาสะสวย ใบหนา้ เรียว ตากลมโต จมกู โด่ง และริมฝีปากเล็กสวย รูปรา่ งสงู โปรง่ ถงึ แมว้ า่ กะ๊ โนรีจะมสี ีผิวคลำ�้ ไปหน่อย แตโ่ ดยรวมแลว้ เป็นผู้หญิงทีส่ วย ดดู ี และมเี สน่ห์ มาก ฉันมองไม่เคยเบื่อและคิดอยากจะสวยเหมือนก๊ะโนรีบ้าง ก๊ะโนรีจะเข้าพิธีแต่งงานกับ ปลดั ซอ๊ บรี ชายหนุ่มตา่ งหมูบ่ ้าน ทัง้ สองคนรกั กนั และอยู่ในสายตาของผ้ใู หญ่มาเกือบสองปี แล้ว โต๊ะดอ ชายแก่สูงอายปุ ระมาณ ๖๐ ปี เป็นลกู ศิษยข์ องเปาะนโิ ก๊ะ เรยี กพวกเรานัก แสดงทง้ั ๕ คนมานงั่ บนแครใ่ ตต้ น้ มะมว่ งเพอื่ ฝกึ ซอ้ มการแสดงตารอี นี าเปน็ ครงั้ สดุ ทา้ ยกอ่ นจะ แสดงจรงิ ในวันพรงุ่ นี้ ก่อนฝกึ ซ้อมการแสดงใหพ้ วกเรา โต๊ะดอกล่าววา่ พวกเธอต้องแสดงให้ ดที ส่ี ดุ เพอ่ื เปน็ ของขวญั ใหก้ ะ๊ โนรี พวกเธอเปน็ คนพเิ ศษสำ� หรบั โตะ๊ ดอ เพราะเปน็ คนทโ่ี ตะ๊ ดอ เลอื กแลว้ ใหเ้ ปน็ ผถู้ า่ ยทอดศลิ ปวฒั นธรรมใหแ้ ขกทม่ี ารว่ มงานกะ๊ โนรี กวา่ จะมาเปน็ การแสดง ตารอี นี าไมใ่ ชเ่ รอ่ื งงา่ ยเลย โตะ๊ ดอรบั การถา่ ยทอดมาจากเปาะนโิ กะ๊ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๑๖ ครง้ั นนั้ เปาะนโิ กะ๊ ซง่ึ เปน็ ชาวมาเลเซยี ไดเ้ ดนิ ทางมาทห่ี มบู่ า้ นสามแยกเพอื่ มาตามหาญาติ และได้ ถา่ ยทอดวิชาความรู้ใหล้ กู ศษิ ยท์ ง้ั ๔ คน ใช้เวลาในการฝึกสอนเป็นเวลา ๑๐๐ วนั กวา่ จะจบ หลักสูตร ขอให้พวกเราท�ำให้ดีที่สุด หลังจากน้ันพวกเราจึงแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อไปพัก ผ่อน เม่ือถึงวันงาน ก๊ะโนรีเจ้าสาวแสนสวยสวมชุดบานงสีครีม มีลูกไม้ประดับประดา อย่างสวยงาม สวมผ้าคลมุ สคี รมี เสริมใบหนา้ ให้ดเู ด่น สวยเหมือนตกุ๊ ตา ส่วนเจา้ บา่ วแตง่ ชุด มลายสู คี รมี มผี า้ สลแี นสนี ำ้� ตาล สวมซอเกาะสดี ำ� ทำ� ใหอ้ าแบปลดั ซอ๊ บรดี เู ดน่ และหลอ่ มากขน้ึ ท้ังคู่ยืนต้อนรับแขกในงานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉันดูทั้งคู่แล้วรู้สึกอยากเป็นเจ้าสาว ข้นึ มาทันที อาหารที่น�ำมาให้แขกรับประทานภายในงาน ประกอบด้วย แกงเน้ือ ปลาเค็ม แกงขเี้ หลก็ และผักพื้นบา้ นหลากหลายชนดิ แขกในงานมารว่ มงานต้ังแตเ่ ช้าจนถึงเย็น เรื่องเลา่ จากบ้านเรา 35

และแล้วก็ถึงเวลาท่ีทุกคนรอคอย ช่วงหน่ึงทุ่มครึ่ง ผู้คนเริ่มทยอยมารวมตัวกัน ที่ลานหน้าบ้านก๊ะโนรี ซึ่งเตรียมไว้ส�ำหรับการแสดงตารีอีนาโดยเฉพาะ พวกเราทั้ง ๕ คน แต่งตัวดว้ ยเส้ือแขนสามสว่ น มีกรองทองสวมทบั เสอื้ สวมกางเกงขายาวถึงตาตมุ่ มีผา้ สลีแน อกี ชน้ั และผา้ พันรอบเอวแทนเขม็ ขดั ทันทีท่ีได้ยินเสียงพิธีกรประกาศเป็นภาษามลายูว่า ต่อไปนี้จะเป็นการแสดง ตารีอีนาของน้องๆ ๕ คน เพื่อมอบเป็นของขวัญในงานแต่งงานของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ฉันและเพ่ือนๆ จึงเดินออกไปท่ีลานแสดงและท�ำการแสดงตารีอีนาตามท่ีโต๊ะดอสอนอย่าง เตม็ ที่ สีหนา้ ย้ิมแย้มมอบความสขุ ให้แขกในงานทกุ คน เมื่อการแสดงจบลง มีเสียงปรบมือดังลั่น มีเสียงกระซิบออกมาว่าสวยงามและ เกง่ มากๆ โตะ๊ ดอยม้ิ หนา้ บานดว้ ยความดใี จ สว่ นพวกฉนั ๕ คนกด็ ใี จทไี่ ดท้ ำ� หนา้ ทอ่ี ยา่ งดที ส่ี ดุ เสรจ็ สิ้นการแสดงตารอี ีนาก็ยังมกี ารแสดงซลี ะให้แขกไดช้ ม จนถงึ ประมาณ ๕ ทุ่ม การแสดงต่างๆ จบลง แขกทุกคนทยอยกลับบา้ นเพ่ือกลบั ไปพักผ่อนหลงั จากทเ่ี หน็ดเหนื่อย มาท้งั วนั เมือ่ ถามความรู้สึกของฉันในการเปน็ สว่ นหนึ่งของการสบื สานการแสดงพ้ืนบา้ น ที่หาชมได้ยากนี้ ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้สืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านของบ้านสามแยกให้ คนอน่ื ได้ชมและไดถ้ ่ายทอดส่ิงดๆี ของบา้ นเรา ฉันอยากถา่ ยทอดการแสดงตารีอนี าใหน้ อ้ งๆ รนุ่ ต่อไป เพอ่ื ไม่ให้สูญหายไปจากหมูบ่ า้ น เพราะตารอี ีนาคอื มรดกท่ีลำ้� ค่า ต้องรักษาใหค้ งอยู่ ค่บู ้านสามแยกตลอดไป 36 วันทีค่ วามรักผลบิ าน ณ บา้ นแห่งเรา

แว้งท่ีรัก...ความรักแห่งฮาลา-บาลา เดก็ หญงิ เมลิสา อาแวและ โรงเรยี นบ้านแวง้ จังหวัดนราธิวาส “ไมง้ าม นำ้� ตก นกเงอื ก” นคี่ อื คำ� ขวญั ของอำ� เภอแวง้ บง่ บอกถงึ ความอดุ มสมบรู ณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้�ำ จากน�้ำตกสิรินธร ท่ีไหลรินผ่านชั้นต่างๆ ตาม โขดหนิ ใหญน่ อ้ ย ไหลลดั เลาะจากทสี่ งู ลงสทู่ ต่ี ำ่� สายนำ�้ ทเ่ี ยน็ จบั ใจใหผ้ คู้ นทม่ี าเยอื นไดล้ งสมั ผสั ความใสเย็นขณะลงเล่นน�้ำ มีเหล่าปลาตัวน้อยแหวกว่ายในสายน้�ำที่เย็น และอยู่ท่ามกลาง ขนุ เขา และแมกไม้ต่างๆ ทำ� ให้ผูค้ นผอ่ นคลายจากความเหนด็ เหนอ่ื ย ได้สดู อากาศทีบ่ ริสุทธ์ิ และเป็นแหลง่ ทอ่ี ยอู่ าศัยของนกเงือก นกท่ีเป็นสญั ลกั ษณแ์ ห่งความรกั วนั นีว้ ันเสาร์เป็นเช้าแห่งความสดใสอกี วันหนึ่งของฉนั และนอ้ งชาย เพราะวันนพ้ี ่อ ของฉัน จะพาฉันและน้องชายไปเท่ียวสถานท่ีแห่งหน่ึง ซ่ึงอยู่ไม่ไกลจากตัวอ�ำเภอเมืองแว้ง นั่นคอื ป่าฮาลา-บาลา ตง้ั อย่ทู บ่ี า้ นบาลา หมทู่ ่ี ๕ ต�ำบลโละจูด ห่างจากตวั อำ� เภอประมาณ ๘ กิโลเมตร เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ต่างๆ มากมาย ต้นทั้งใหญ่และ สงู เทยี มฟา้ เชยี วหละ ฉนั คดิ วา่ ตน้ ไมเ้ หลา่ น้ี เขาคงตอ้ งการความรกั และความเอาใจใสเ่ หมอื น กับแม่ดแู ลฉันและนอ้ ง ฉนั กับน้องกม็ ีชวี ติ ตอ้ งการการดแู ลเอาใจใส่ และที่สำ� คัญคอื เราตอ้ ง ไม่ไปตัดไม้ท�ำลายป่า จะท�ำให้ผืนป่าถูกท�ำลายและจะส่งผลเสียต่อประชาชนมากมาย เช่น เกดิ ความแหง้ แลง้ ฝนไมต่ กตอ้ งตามฤดกู าล และเปน็ การทำ� ลายและแหลง่ กำ� เนดิ ตน้ นำ�้ ทเ่ี ราใช้ ในชวี ติ ประจำ� วนั ลงจากเนนิ ไปเปน็ แหลง่ นำ�้ ธรรมชาติ เปน็ สายธารนำ�้ ตกแหง่ ความชมุ่ ฉำ�่ ตลอด ทงั้ ปี พอ่ เลา่ วา่ ยา่ เคยเลา่ ใหพ้ อ่ ฟงั ตอนนนั้ พอ่ ยงั อายแุ ค่ ๗ ขวบ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารเี สดจ็ เยยี่ มและไดพ้ ระราชทานนามนำ้� ตกแหง่ น้ี เปน็ นำ�้ ตกสริ นิ ธร เมอ่ื วนั ท่ี ๕ กันยายน ๒๕๒๕ ชาวบ้านต่างดีใจมากท่ีพระองค์ทรงต้ังช่ือให้น้�ำตกแห่งนี้ น้ำ� ตกสิรินธร เดิมชื่อว่า น�้ำตกลาตอยือรา ต้ังอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา เป็นน�้ำตกที่มีความ สวยงาม และตง้ั อย่ใู นพน้ื ท่ปี า่ ที่อุดมสมบูรณ์ เร่อื งเลา่ จากบา้ นเรา 37

ในช่วงของวนั หยุดมคี นมาเลน่ นำ�้ กนั อย่างสนกุ สนาน นค่ี อื สิ่งท่ีฉนั และนอ้ งรอคอย มาเกือบทั้งเดือน คือได้มาเล่นน�้ำอย่างมีความสุข พ่อคอยดูแลฉันกับน้องไม่ให้คลาดสายตา เพราะฉนั และนอ้ งวา่ ยนำ้� ไมเ่ ปน็ พอ่ คอยดแู ล คอยบอก คอยเตอื น วา่ ตรงไหนลกึ ตรงไหนตนื้ คอยระวังความปลอดภัยของฉันและน้อง ตอนนี้ก็ใกล้เท่ียงแล้วฉันดูเวลาโทรศัพท์มือถือ พอ่ บอกวา่ นย่ี งั ไมเ่ ทยี่ ง โทรศพั ทม์ อื ถอื ของเราบอกเวลาของฝง่ั มาเลเซยี เพราะอยใู่ กลเ้ ขตแดน ประเทศมาเลเซีย เวลาจะเร็วกว่าของประเทศไทย พ่อบอกว่าหากลูกเหน่ือยแล้ว ก็ข้ึนจาก น้�ำตกมากนิ ข้าวและขนมกันกอ่ น แม่เตรยี มใส่ตะกรา้ มาให้พ่อ มขี องชอบของลกู ๆ ทง้ั น้ันเลย เมนูวันนแี้ มท่ �ำข้าวยำ� ซ่ึงเป็นอาหารท่ีคนในท้องถิ่นนิยมรับประทานคู่กับแตออ (ชาใส่น้�ำตาล) ซึ่งแม่ท�ำเอง เก็บสมุนไพรพื้นบ้านมาท�ำ แม่เอาใบยอ ใบพันสมอ ขมิ้น และดอกอัญชัน มาต�ำรวมกัน บีบเอาน้�ำมาหุงกับข้าวสาร และเก็บผักพ้ืนบ้าน ดา-อง กือซง (ใบผักเส็ม) ปูโจะแตแรฺ (ยอดมะมว่ งหมิ พานต์) ยอดตาเป็ด ตาไก่ และทข่ี าดไม่ไดค้ ือดอกดาหลา น�ำผกั ท้งั หมดมาห่นั เปน็ เสน้ บางๆ นำ� ไปกนิ เปน็ กบั แกลม้ กบั ขา้ วยำ� ใสม่ ะพรา้ วคว่ั ปลาควั่ และราดนำ�้ บดู แู สนอรอ่ ย ฉนั น้อง และพ่อ รบั ประทานกันอย่างเอร็ดอรอ่ ย กนิ ขา้ วเสรจ็ เก็บขยะใส่ถงุ เอาไป ท้ิงในถังขยะด้านล่าง เป็นการช่วยกันรักษาส่ิงแวดล้อมไม่ให้สกปรก พ่อได้เล่าเรื่องราวของ นกเงือกทอี่ าศัยป่าแหง่ นว้ี า่ นกเงอื กทอี่ าศยั อยู่ท่ีปา่ แห่งนี้ มจี �ำนวน ๑๐ ชนดิ การทจ่ี ะได้ชม นกเงือกท่อี าศยั อย่ใู นป่าแห่งนีไ้ มต่ ้องบกุ ป่าเข้าไปตามหา เพราะแค่เพียงเราจอดรถแอบขา้ ง ทางลาดยางท่ีข้นึ มา และนงั่ เงียบๆ กส็ ามารถมองเหน็ นกเงือกได้ นกเงอื ก เปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ ความรกั พอ่ บอกวา่ หากนกเปน็ แฟนกนั แลว้ เกดิ ตวั ใด ไดต้ ายจากไปอกี ตวั กจ็ ะไมม่ คี ใู่ หม่ รกั เดยี วใจเดยี ว จงึ ทำ� ใหอ้ ำ� เภอแวง้ ไดร้ บั การขนานนามวา่ เปน็ อำ� เภอแห่งความรกั รักในความเป็นตัวตน วัฒนธรรมประเพณี รักในศาสนา รักในศิลปะการละเล่น รักธรรมชาติ และรักความสามัคคีกัน บนพื้นฐานแห่งสังคมพหุวัฒนธรรม มีความแตกต่าง แตไ่ มแ่ ตกแยก จงึ ทำ� ใหช้ าวอำ� เภอแวง้ อยกู่ นั อยา่ งสงบสขุ บนพนื้ ฐานของความรกั และมกี าร จดทะเบยี นสมรสในวนั แห่งความรกั ๑๔ กุมภาพนั ธ์ของทุกๆ ปี นแี่ หละคือความรักทเี่ กิดขึน้ ทน่ี .ี่ ..แวง้ ทรี่ ัก...ความรกั แห่งฮาลา-บาลา 38 วันท่ีความรักผลบิ าน ณ บา้ นแหง่ เรา

ปา่ แหง่ ความอดุ มสมบรู ณ์ เดก็ หญงิ จริ วดี วงศ์นราสิน โรงเรยี นสุไหงโก-ลก จังหวดั นราธวิ าส วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส มีเมฆหลายกลุ่มท่ีแสดงถึงความสดใสของวัน และ ยงั เปน็ วันทฉี่ ันและเพ่อื นๆ ไดเ้ ปน็ ตวั แทนของโรงเรยี นไปศึกษาเรียนรูน้ อกห้องเรยี น สถานที่ท่ีฉันไปศึกษาเรียนรู้นอกสถานที่ คือ “ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติ ปา่ พรสุ ริ นิ ธร” หรือท่ีใครๆ เรียกวา่ “ป่าพรุโตะ๊ แดง” ซ่ึงไดช้ ือ่ วา่ เป็นปา่ พรุทมี่ ีความอดุ ม สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ท้ังผืนป่าและผืนน�้ำ มีสัตว์ที่ใกล้ จะสูญพนั ธ์ุ เชน่ นกตะกรมุ ปลากะแมะ และกระรอกบนิ แก้มแดง เป็นตน้ ปจั จยั เหลา่ นจี้ ึง เปน็ ส่ิงท่สี ามารถบง่ ช้ีไดว้ า่ ป่าพรุโตะ๊ แดงของพวกเรามคี วามอุดมสมบูรณ์ไงล่ะ หากทุกคนได้ผ่านที่น่ีละก็ ทุกคนจะเห็นลิงท่ีออกมาเดิน มาปีนต้นไม้ริมถนน ด้วยแหละ แค่ทางเข้าป่าพรุก็เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์แล้ว ฉันอยากจะบอกว่าถ้าหากได้ เดินศึกษาละก็ จะได้ความรู้กลบั ไปอย่างคมุ้ คา่ เชยี วล่ะ ทีน่ ท่ี �ำใหฉ้ ันสามารถสดู ลมหายใจได้ เตม็ ปอดอยา่ งไมต่ อ้ งลงั เล เนอื่ งจากเสน้ ทางทจี่ ะศกึ ษาธรรมชาตนิ น้ั ตอ้ งเดนิ ลดั เลาะเขา้ ไปใน ปา่ พรุ เมอื่ เขา้ ไปแลว้ แทบจะมองไมเ่ หน็ ทอ้ งฟา้ เลย เพราะเตม็ ไปดว้ ยตน้ ไมห้ ลากหลายชนดิ ทงั้ ตน้ โกงกาง หลมุ พี หมากแดง อกี มากมาย ถา้ หากลองเดนิ แบบเงยี บๆ กจ็ ะไดย้ นิ เสยี งทล่ี กึ ลบั นั่นก็คอื เสยี งลงิ ร้อง เสียงนกรอ้ ง เสยี งแมลง เสยี งลมพัดใบไม้ใหส้ นั่ ไหวไปทั่วปา่ นี่ยังเปน็ แค่ บางเรือ่ งเท่านัน้ เพราะสิ่งท่ีคุณครไู ด้บอกกับฉนั และเพือ่ นๆ นนั้ มนั นา่ อศั จรรย์มาก เป็นส่ิงที่ ฉันแทบจะไมเ่ ชื่อหูตวั เองเหมือนกนั ถ้าขึ้นช่ือว่าเป็นป่า ไม่ว่าจะเป็นป่าแบบไหนก็ตาม ท้ังป่าพรุ ป่าชายเลน เป็นต้น ทกุ คนตอ้ งคดิ วา่ ตอ้ งมพี น้ื ทกี่ วา้ งมากแนๆ่ แตใ่ ครจะไปคดิ ละ่ วา่ ปา่ พรโุ ตะ๊ แดงมพี น้ื ทป่ี ระมาณ ๕๐,๐๐๐ ไร่ ซึ่งครอบคลุมพ้ืนที่ ๓ อ�ำเภอในจังหวัดนราธิวาส คือ อ�ำเภอตากใบ อ�ำเภอ สุไหงโก-ลก และอ�ำเภอสุไหงปาดี ไม่อยากจะเช่ือตาตัวเองเหมือนกัน ท่ีเห็นถึงความอุดม สมบูรณ์ของป่าพรุแห่งนี้ จึงท�ำให้เป็นจุดสนใจของคนที่จะมาท่องเท่ียว และชาวนราธิวาส เรอ่ื งเลา่ จากบา้ นเรา 39

ยงั มคี วามภมู ใิ จทส่ี มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เปน็ ผทู้ เี่ สดจ็ มาฟน้ื ฟผู นื ปา่ แหง่ นี้ในทกุ ๆ ปี ถา้ หากวา่ เราทกุ คนอยากจะใหป้ า่ พรโุ ตะ๊ แดง ปา่ พรทุ มี่ คี วามอดุ มสมบรู ณแ์ หง่ นอ้ี ยู่ กับพวกเราตลอดไปน้ัน เราต้องร่วมกันอนุรักษ์ไม่ลักลอบตัดไม้ ท�ำลายป่า ป้องกันการเกิด อัคคีภัย ที่ส่งผลร้ายแรงต่อป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ถ้าหากช่วยกันแค่ไม่ก่ีคนก็อาจลดลง ได้ไม่มาก แต่ถ้าเราทุกแรงร่วมใจกัน ป่าแห่งน้ีก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ตลอดไป นอกจาก ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาส ที่ท�ำให้คนภายนอกหวาดกลัว แต่ถ้าได้ลองมาเยือน นราธิวาสแล้ว คณุ จะหลงรักจนลืมเรอ่ื งน่าหวาดกลวั ของท่นี ไี่ ปเลย 40 วันทค่ี วามรกั ผลิบาน ณ บา้ นแหง่ เรา





ระดบั มัธยมศกึ ษา

อีฎิ้ลฟติ ริ : วันทค่ี วามรกั ผลบิ าน ณ บา้ นแห่งเรา นางสาวฮีดายะห ์ เบญ็ โกบ โรงเรยี นนดิ า้ ศกึ ษาศาสตร์ จังหวดั สตลู (ภมู ลิ ำ� เนา จงั หวัดสงขลา) หลังจากเสร็จส้ินการปฏิบัติศาสนกิจและขอพรจากพระผู้เป็นเจ้ายามอรุณรุ่ง ในช่วงท้ายสุดของเดือนรอมฎอน ฉนั ตงั้ ใจวา่ จะอาสาเขา้ ไปทำ� ความสะอาดหอ้ งทำ� งานเลก็ ๆ ของอาเยาะที่เริ่มมีฝุ่นละอองเข้าครอบครองพื้นที่ เมื่อเข้าไปในนั้น อาจด้วยความบังเอิญ ฉันได้เปิดอัลบ้ัมภาพครอบครัวที่ถูกเก็บรักษาไว้ในล้ินชักโต๊ะท�ำงานของอาเยาะ ภาพถ่าย แรกท่ีสายตาของฉันสัมผัสคือ ภาพเก่าๆ อันมีความหมายภาพหนึ่งเมื่อเกือบ ๑๐ ปีก่อน พลนั เร่ืองราวแห่งความประทบั ใจในวยั เยาว์ก็ปรากฏในเว้งิ ทรงจำ� ของฉนั ครอบครัวของฉันซ่ึงประกอบไปด้วย อาเยาะ (คุณพ่อ) มะ (คุณแม่) ฉัน และพ่ีๆ ทั้ง ๑๐ คนของฉันได้ถ่ายภาพร่วมกันท่ีหน้ามุขของมัสยิดในวัน “อีฎิ้ลฟิตริ” (วันเฉลิมฉลองอันส�ำคัญย่ิงของชาวมุสลิมทั่วโลกหลังจากเสร็จสิ้นการถือศีลอดในเดือน รอมฎอน) ฉันยงั จ�ำได้ดวี า่ นอกจากวนั นั้นจะเป็นวนั รนื่ เรงิ ของพอ่ แม่พน่ี ้องชาวไทยมุสลมิ ทว่ั ประเทศแล้ว ณ วนั นัน้ มาตุภูมิทฉี่ นั รกั ยังมีพี่น้องไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนในหมบู่ า้ น รวมทั้งละแวกใกล้เคียงได้ร่วมแสดงความยินดีและมอบสายใยแห่งความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ต่อ พวกเราทุกคนโดยไร้ซ่ึงช่องว่างความแปลกต่างใดๆ ตอ่ กนั โดยความรสู้ กึ ของฉนั แลว้ วนั นนั้ เสมอื นวา่ ‘บปุ ผชาตแิ หง่ ความรกั อนั บรสิ ทุ ธไิ์ ดผ้ ลบิ านครอบคลมุ พน้ื ทที่ กุ สว่ นอยา่ งทว่ั ถงึ มาก ที่สุดในรอบป’ี ภาพถ่ายใบน้ันได้น�ำพาจิตใจของฉันโบยบินไปสู่วันวานอันล่วงพ้นอีกครั้ง ขณะนั้นฉนั มอี ายเุ พียง ๗ ขวบเทา่ นั้น หลังดวงตะวันลับขอบฟา้ เสียงอาซานอันเป็นถ้อยค�ำ ภาษาอาหรับที่มีความหมายถึงการเรียกร้องอิสลามิกชนให้ไปร่วมชุมนุมกันท่ีมัสยิดได้ดังขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านตื่นตัวและตระเตรียมความพรั่งพร้อมเพื่อต้อนรับวันส�ำคัญท่ีอาจเกิด ข้ึนในวันพรุ่ง 44 วันทีค่ วามรักผลิบาน ณ บ้านแหง่ เรา

ภาพวาดประกอบเร่อื ง เร่อื งเลา่ จากบ้านเรา 45

ไม่ช้านาน ชาวบ้านก็ค่อยๆ ทยอยเดินไปมัสยิดเป็นกลุ่มๆ ครอบครัวใดที่บ้านอยู่ ห่างจากมสั ยิดหนอ่ ยกจ็ ะใช้วธิ ปี ่ันจักรยานและขี่มอเตอรไ์ ซคด์ ว้ ยสหี นา้ ท่ีปร่มิ สุขกว่าทุกวนั เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มัสยิดที่มีผู้คนบางตากลับครึกคร้ืนไปด้วยชาวบ้านนับ ร้อยคน ทุกคนมารวมตัวกันด้วยหัวใจท่ีเบิกบาน ผู้คนทุกช่วงวัยต่างส่งยิ้มให้แก่กันและกัน สิ่งท่ีนา่ ประทบั ใจคือ ทุกๆ ครอบครัวไดเ้ ตรยี มป่นิ โตและภาชนะบรรจุขา้ วปลาอาหารหลาก หลายส�ำรับมาท�ำนูหรี (บริจาคทานด้วยอาหาร) เนื่องในพิธีละศีลอด--ฉันยังจดจ�ำภาพ บรรยากาศการแสดงฝีมือปรุงอาหารพ้ืนเมืองชายแดนใต้ของมะได้ดีว่า เช้าของวันนูหรี มะ ได้ไปจ่ายตลาดกับฉันเพื่อซื้อวัตถุดิบสดๆ มาประกอบอาหาร มะบอกกับฉันเสมอว่า “การ ปรงุ อาหารของเราชาวมุสลิมนบั เปน็ วฒั นธรรมทส่ี ำ� คญั ย่งิ อย่างหนึง่ ลกู รกั ของมะจงจ�ำไวใ้ ห้ ดีว่า ข้าวปลาอาหารที่เราจะน�ำไปท�ำนูหรนี ้ันต้องเป็นของทดี่ ีมีคณุ ภาพ อีกท้งั สงิ่ ท่ีเราปรุงนน้ั เราตอ้ งทมุ่ เท ใส่ใจ และพถิ พี ิถนั ทุกขั้นตอนเพ่ือให้อาหารมรี สชาตดิ ีตามต้นตำ� รับการท�ำนูหรี จงึ จะได้กุศลและเป็นท่ีจดจ�ำ แตถ่ า้ หากเราท�ำในส่ิงที่ตรงข้าม เราย่อมได้รับทงั้ คำ� ตำ� หนิและ ผลบาปตามมา” ค�ำสอนดังกล่าวของมะ เปน็ แรงดลใจส�ำคัญใหฉ้ ันเรียนรทู้ ่จี ะเป็นผใู้ ห้เท่าที่ เรย่ี วแรงและสองมอื ของฉนั ทำ� ได้ อยา่ งนอ้ ยๆ การไดช้ ว่ ยแมป่ ระกอบอาหารในครง้ั นน้ั ทำ� ใหฉ้ นั จดจำ� วธิ กี ารพนื้ ฐานในการปรงุ อาหารพน้ื เมอื งชายแดนใตท้ สี่ ำ� คญั ๆ เพอ่ื ทจ่ี ะสบื ทอดภมู ปิ ญั ญา ด้านอาหารการกินที่สตรีมุสลิมทุกคนต้องท�ำได้ เป็นต้นว่า‘นาซิ เมบู’ (ข้าวย�ำปักษ์ใต้) , ‘นาซิดาเม’ (อาหารท่ีท�ำมาจากข้าวเจ้าผสมข้าวเหนียว) , ‘ตูปะซูตง’ (ปลาหมึกยัดไส้ ข้าวเหนียว) และเมนูท่ีฉันโปรดปรานมากท่ีสุดคือ‘ไก่กอและ’อันเล่ืองชื่อท่ีหากใครได้กล่ิน และลิ้มรสอนั เป็นเอกลักษณ์แลว้ ยากทจ่ี ะหา้ มใจและลมื เลอื นได้ หลังเสร็จส้ินพิธีละหมาดมัฆริบ (ตะวันตกดิน) ประชาสัมพันธ์ประจ�ำมัสยิดได้ ประกาศให้ชาวบ้านท่ีมาร่วมละหมาดเดินออกมารวมตัวที่ระเบียงมัสยิดเพื่อร่วมละศีลอด หลงั จากท่ีงดเวน้ ทัง้ อาหารและเครอื่ งดม่ื มาต้ังแตร่ ่งุ อรณุ ท่ผี ่านมา อาหารและเคร่ืองดื่มสีสัน สวยงามน่ารับประทานถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเพียบพร้อมโดย ‘คณะคฺิดมัต’ (ผู้มีจิตอาสา) –-อาเยาะของฉันในฐานะโต๊ะอิหม่ามได้น�ำอ่านดุอาอฺ (บทขอพร) แก่ชาวบ้านพร้อมทั้งประกาศว่า อีกประมาณ ๑ ชั่วโมงข้างหน้า สัญญาณโทรทัศน์ของ รัฐบาลจะถ่ายทอดสดการประกาศจากส�ำนักจุฬาราชมนตรีเรื่อง ‘ผลการดูดวงจันทร์’ เพ่ือ ท่ีจะก�ำหนด “วันอีฎิ้ลฟิตริ” การละศีลอด ในค�่ำคืนน้ันเป็นความสุขอย่างสูงสุดส�ำหรับฉัน 46 วนั ท่คี วามรกั ผลิบาน ณ บ้านแหง่ เรา

เพราะเป็นห้วงเวลาที่ฉันเห็นอาเยาะยิ้มกว้างอย่างท่ีไม่เคยเป็นมาก่อน และนั่นคือรอยยิ้ม ปร่มิ สขุ ของท่านท่ยี ังตรึงตราในสายตาของฉนั กระท่ังทกุ วันน้ี ในที่สุด ช่วงเวลาที่ทุกๆ คนซ่ึงมาร่วมชุมนุมท่ีมัสยิดรอคอยก็มาถึง จอโทรศัพท์ ขนาดใหญข่ องมสั ยดิ ไดฉ้ ายภาพใบหนา้ ของทา่ นจฬุ าราชมนตรซี ง่ึ ทา่ นไดอ้ า่ นถอ้ ยคำ� ประกาศ โดยมีใจความส�ำคัญว่า “มีผู้พบเห็นฮีลาล (จันทร์เสี้ยว) จึงขอประกาศอย่างเป็นทางการให้ ชาวมุสลิมทั่วประเทศรับทราบว่า วันพรุ่งน้ีคือวันตรุษอีฎิ้ลฟิตริ” สิ้นเสียงประกาศดังกล่าว ชาวบ้านต่างก็มีอาการปล้ืมปีติ บางคนถึงกับหล่ังน�้ำตาที่วันส�ำคัญจะเกิดข้ึนในพรุ่งนี้แล้ว ฉันถึงกับกระโดดโลดเต้นไปกับเพ่ือนๆ เมื่อได้รู้ข่าวส�ำคัญในรอบปี วันที่มุสลิมทุกๆ คน ณ แผน่ ดนิ แหง่ น้เี ฝา้ รอคอย อาเยาะไดเ้ รยี กคณะกรรมการมสั ยดิ และผหู้ ลกั ผใู้ หญใ่ นหมบู่ า้ นเขา้ ประชมุ เกยี่ วกบั การสรา้ งบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ จากนัน้ ฉนั ก็ไดเ้ ห็นจติ อาสาทัง้ หญิงชายหลายสิบคน (หนง่ึ ใน บรรดาผมู้ จี ติ อาสาคือฉนั ด้วย) ทเี่ สยี สละแรงกายแรงใจตระเตรยี มสถานท่ี เครอื่ งเสียง และ อุปกรณ์อ�ำนวยความสะดวกต่างๆ (เคร่ืองมือเครื่องใช้หลายอย่างได้รับความอนุเคราะห์มา จากพนี่ ้องต่างศาสนิกในทอ้ งถ่ินดว้ ย) เพือ่ ใหก้ ิจกรรมต่างๆ ด�ำเนนิ ไปตามโปรแกรมท่วี างไว้ หลายช่ัวโมงลว่ งเลย ทุกๆ อยา่ งกไ็ ด้รบั การจัดระบบจนเสร็จสิ้น แม้การรว่ มกิจกรรมในครัง้ น้ันจะเหน็ดเหน่ือยเมื่อยล้าสักเพียงไหน แต่กลับท�ำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันพองโต และ ยิ่งพองโตมากกวา่ เดิมเมอ่ื ได้เห็นรอยย้ิมของผ้เู ป็นบุพการที ้งั สอง ตลอดจนผู้ใหญห่ ลายๆ คน ที่มอบถอ้ ยคำ� ช่ืนชมฉันก่อนกลับบา้ น มันคือความรู้สึกดีๆ ของเดก็ ผหู้ ญงิ มุสลมิ ตวั นอ้ ยๆ คน หนงึ่ ที่ยากเกนิ กวา่ จะพรรณนาได้ เสียงอาซานละหมาดซุบฮิ (ร่งุ อรณุ ) ท่แี วว่ ดังข้ึน ไดร้ ังสรรค์ท่วงทำ� นองแห่งวถิ ชี วี ิต อนั เรยี บงา่ ยและงดงามของผคู้ นในวนั สดุ สำ� คญั ดวงตะวนั ดเู หมอื นยงั หลบั ใหลตรงเวงิ้ จกั รราศี ทอ้ งฟา้ ยามนย้ี งั ดารดาษดว้ ยแสงดาวระยบิ ระยบั สายลมหนาวไดพ้ ดั พากลนิ่ หอมของขนมและ อาหารพน้ื เมืองลอยลอ่ งไปทวั่ อาณาบรเิ วณ อกี ไมก่ ี่ชว่ั โมงนับจากน้ี สีสนั แห่งวนั อนั เปน็ ท่ีรอ คอยก�ำลังแต่งแต้มทกุ สรรพสง่ิ บนแผ่นดนิ นใ้ี หม้ แี ตค่ วามอภริ มย์และสันตสิ ุข ชาวบ้านทุกช่วงวัยหลั่งไหลกันมาละหมาดท่ีมัสยิดตามนัยยะแห่งเสียงอาซาน อาเยาะท�ำหน้าท่ีอิหม่ามน�ำละหมาดให้แก่ชาวบ้าน น�้ำเสียงอ่านพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน เรอ่ื งเลา่ จากบ้านเรา 47

ของอาเยาะท่ีเปล่งมาจากริมฝีปากทั้งสองของท่านในครั้งนั้นเปี่ยมด้วยความเพราะพริ้ง ทรงพลัง กระทั่งนำ้� ตาของฉนั ค่อยๆ รว่ งรนิ เม่อื อาเยาะอ่านโองการหนง่ึ จากพระมหาคัมภีร์ อัล-กุรอาน (เป็นภาษาอาหรับ) ซ่ึงท่านได้สอนให้ฉันอ่านทุกค่�ำคืนโดยมีใจความส�ำคัญว่า “โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชายและเพศหญิง และเราได้ให้ พวกเจ้าแยกออกเป็นเผ่าพันธุ์ (เช้ือชาติ) และตระกูล เพื่อท่ีสูเจ้าจะได้ท�ำความรู้จักกัน...” จากสารัตถะท่ีปรากฏดังกล่าว ท�ำให้ฉันเรียนรู้ท่ีจะใช้ชีวิตท่ามกลางความแตกต่างหลาก หลายอย่างเข้าใจ และใช้ความรักอันแท้จริงเช่ือมชิดมิตรภาพระหว่างกันและกัน ผลจาก การละหมาดในครานั้น ท�ำใหส้ องแกม้ น้อยๆ ของฉนั เปียกปอนไปด้วยหยาดน�้ำตาแห่งความ ซาบซง้ึ ตรึงใจ กระท่ังดวงตะวันได้เปล่งรัศมีสีทองเจิดจ้าทาบทั่วแผ่นฟ้าตะวันออก หลังเสร็จสิ้น พธิ กี รรมละหมาด ทกุ คนตา่ งกแ็ ยกยา้ ยกลบั ไปยงั ครอบครวั ของตนเพอื่ ตระเตรยี มความพรอ้ ม ทง้ั เรือ่ งการแต่งกาย อาหารและเคร่อื งดม่ื ส�ำหรับต้อนรบั ญาติๆ และแขกผมู้ าเยอื น รวมทัง้ ความสะอาดเรยี บรอ้ ยของอาคารบา้ นเรอื น--การงานทดี่ เู หมอื นมากมายแตก่ ลบั คลคี่ ลายและ ลงตัวอย่างนา่ อศั จรรย์ดว้ ยความรว่ มมือรว่ มใจของบรรดาชาวบ้านผเู้ สยี สละเพ่อื สว่ นรวม สำ� เนยี งอนั พรง่ั พรอ้ มกกึ กอ้ งของผคู้ นทก่ี ลา่ วตกั บรี (ถอ้ ยคำ� สรรเสรญิ พระผเู้ ปน็ เจา้ ) วนั อดี หรอื ทท่ี กุ คนในสงั คมไทยรจู้ กั กนั ในชอ่ื “วนั รายอ” ไดส้ รา้ งบรรยากาศทอี่ บอวลไปดว้ ย ความเป็นหน่ึงเดียวในหมู่บ้าน ทุกคนพร้อมใจแต่งกายด้วยชุดมุสลิมพ้ืนเมืองหลากสีสันเดิน ทางมามสั ยิดตงั้ แต่เนิ่นๆ เพือ่ จะไดพ้ บหนา้ ค่าตากันมอบรอยย้มิ ละมนุ ละไมใหแ้ ก่กนั และกนั บอกเล่าเรือ่ งราวดีๆ ซง่ึ กนั และกัน ขออภัยตอ่ กันในทุกความพลาดพล้ังที่พน้ ผ่านและรับฟัง คตุ บะฮ์ (ธรรมกถา) จากอาเยาะของฉนั ซง่ึ วนั รายอในปนี นั้ ทา่ นไดอ้ รรถาธบิ ายเกยี่ วกบั หวั ขอ้ “การสร้างความรักท่ามกลางสังคมพหุวัฒนธรรม” โดยมีการกระจายเสียงผ่านระบบเสียง ตามสายในชุมชนด้วย--จึงมิอาจปฏิเสธได้ว่า คุตบะฮ์ของอาเยาะคือส่วนหน่ึงของพลังท่ีมี ผลต่อการรังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรมในหมู่บ้านของฉันให้มีความเป็นนำ้� หนงึ่ ใจเดยี วกนั และยังก่อให้เกิดการเรียนรู้และเคารพในอัตลักษณ์ของกันและกัน สิ่งที่ส�ำคัญอย่างยิ่งคือ ทุกๆ ความเคลื่อนไหวอันสร้างสรรค์ในหมู่บ้าน ล้วนเกิดจากพลังที่มาจากแรงกระเพื่อมใน หวั ใจของพวกเราทุกๆ คนทีเ่ ต้นเปน็ จงั หวะเดยี วกันมานานหลายปี 48 วันทีค่ วามรักผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

และแลว้ ภาพความทรงจำ� อนั แสนประทบั ใจไดส้ นิ้ สดุ ลงแตเ่ พยี งนี้ เมอื่ นำ�้ อนุ่ ๆ จาก ดวงตาทง้ั สองของฉนั ไดไ้ หลรนิ ลงเปอ้ื นภาพถา่ ยเกา่ ๆ ใบนน้ั จนเปยี กชมุ่ อนั เปน็ นำ้� ตาทม่ี าจาก ความคดิ ถงึ อาเยาะผใู้ หก้ ำ� เนดิ อยา่ งสดุ ขว้ั หวั ใจ อาเยาะไดพ้ รากจากพวกเราไปตลอดกาลอยา่ ง กะทันหันหลังจากวนั รายอในครานั้นเพียงไมก่ ีว่ ัน ณ เวลานี้...ฉนั ท�ำไดแ้ ตเ่ พียงกอดภาพถ่าย ใบนนั้ ไว้แนบอกด้วยสภาพรอ้ งไหส้ ะอกึ สะอ้นื ในหอ้ งทำ� งานของท่านทยี่ ังทำ� ความสะอาดไม่ เสร็จเรยี บรอ้ ย ‘โอ้อาเยาะของหนู.. ถึงแม้ภายในใจของหนูจะอ้างว้างและเจ็บปวดรวดร้าว เพียงใด แต่อยากให้อาเยาะได้รับรู้ว่า หนูรู้สึกภาคภูมิใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นลูกสาวคนเล็ก ของอาเยาะ ทุกๆ ความเพียรพยายามท่ีอาเยาะทุ่มเท ท้ังชีวิตจิตใจตราบจนวาระสุดท้าย เพื่อค่อยๆ สรรค์สร้างสังคมแห่งความหลากหลายให้มีความอบอุ่นและน่าอยู่ ยังได้รับ การสานต่อจากมะ พี่ๆ ท้ัง ๑๐ ชีวิต และตัวของลูกคนน้ี ตลอดจนชาวบ้านทุกๆ คนที่จะ จดจารกึ ภาพความทรงจำ� ดๆี ไว้เคยี งคหู่ ม่บู ้านอนั ห่างไกลแห่งน้ตี ราบนานเทา่ นาน... โอ้มาตภุ มู ิอันเป็นรักย่ิง...วันอฎี ิ้ลฟติ รปิ นี ้ี..หนูยงั มคี วามหวังวา่ ...มวลบุปผชาติ แหง่ ความรกั อนั บรสิ ุทธจ์ิ ะยังงอกงามและบานสะพรงั่ ณ บา้ นแหง่ เราไปชว่ั นริ นั ดร์.’ เร่ืองเลา่ จากบา้ นเรา 49

วหิ ารทถ่ี ูกลืม นายอุสมาน วาเต๊ะ โรงเรียนประสานวทิ ยามลู นิธิ จังหวัดปัตตานี ตั้งแต่จ�ำความได้ มันหายไปแล้ว มันไม่มีแล้ว มันถูกลืมไปแล้ว และไม่มีใครคิดท่ี จะขุดคุ้ยเร่ืองราวเก่ียวกับมันแล้ว มันเกิดข้ึน พร้อมๆ กับเกิดการเปลี่ยนแปลงคร้ังยิ่งใหญ่ บนผืนแผน่ ดนิ อนั ทรงประวัติศาสตรแ์ ห่งนี้ นับวา่ เปน็ การเปลีย่ นแปลงทีไ่ มส่ ามารถหวนกลับ มาจากเดิมได้ตลอดกาล เบียรา หรือ บียารา เป็นชื่อหมู่บ้านแห่งหน่ึง ต้ังอยู่ในเขตต�ำบลตะลุโบะ อำ� เภอเมอื งจงั หวดั ปตั ตานีเปน็ หมบู่ า้ นทม่ี คี วามเกยี่ วเนอื่ งกบั อดตี กาลและรากเหงา้ ความเปน็ อยู่ ของคนในดินแดนแห่งนี้ท่ีเรียกว่า “มลายูปาตานี” แต่ในปัจจุบัน มันสูญหายไปแล้ว มนั ถูกลมื ไปแลว้ และมนั คอ่ ยๆ จางหายไป โดยทไ่ี ม่มีใครเขา้ มาเหลยี วแล คำ� วา่ บียารา ท่วี ่านนั้ เปน็ ชื่อหมูบ่ ้านท่มี คี วามหมายทางประวัติศาสตร์ของศาสนา พราหมณ-์ ฮนิ ดู และพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน ซง่ึ มรี ากศพั ทเ์ ดมิ มาจากคำ� ในภาษาสนั สกฤต ว่า วิหารา หมายถึง สถานท่ีปฏิบัติธรรมทางศาสนาฮินดู โดยในภาษาไทยหมายถึง วิหาร ดังน้ัน หมู่บ้านเบียรา หรือ บียารา จึงเป็นสถานท่ีๆ มีความส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ ของบรรพชนมลายูโบราณทีไ่ ม่สามารถแยกออกจากกนั ได้ บยี ารา หากย้อนเวลาไปสยู่ ุคสมยั หลายร้อยปีท่ีแลว้ ทีน่ ี่ มนั เคยเปน็ สถาปัตยกรรม มลายูโบราณที่ได้รับอิทธิพลมาจากพราหมณ์-ฮินดู ท่ีเข้ามาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับ ชาวมลายูในสมัยก่อน ซึ่งสถาปัตยกรรมเหล่าน้ันก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นมลายู อย่างเด่นชัด บ้างก็ว่า ศาสนสถานอันศักด์ิสิทธิ์ท่ีหล่อหลอมและยึดเหนี่ยวจิตใจคนมลายู ในตอนนน้ั ถกู สรา้ งขน้ึ ดว้ ยอฐิ ทม่ี สี ว่ นประกอบของนำ�้ ผง้ึ ไข่เปลอื กหอยบดและดนิ เหนยี วทเ่ี ปน็ ส่วนผสมหลัก จนกลายมาเปน็ กอ้ นอิฐทมี่ ลี กั ษณะสีแดงส้มออ่ นๆ มรี ปู ร่างเป็นส่ีเหลย่ี มผนื ผ้า 50 วนั ท่คี วามรักผลิบาน ณ บ้านแหง่ เรา

ภาพวาดประกอบเร่อื ง เร่อื งเลา่ จากบ้านเรา 51

พอเหมาะ จัดเรยี งเปน็ ชั้นๆ จนกลายมาเป็นสถาปตั ยกรรมอนั งดงามและเลอค่า สว่ นภายใน ถกู ประดบั ประดาดว้ ยการแกะสลกั เปน็ ดอกไมม้ ลายอู ยา่ งสมเกยี รตติ ามแบบฉบบั มลายดู ง้ั เดมิ อีกทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังท่ีเล่าถึงเรื่องราวของเทพเจ้าสูงสุดท่ีอวตารแยกร่างออกมาเป็น ๓ องค์ ที่เรียกว่า พระตรีมูรติ พระศิวะ และพระนารายณ์ ท้ังยังมีเร่ืองราวอื่นๆ ทเ่ี กย่ี วเนอื่ งกบั ความเชอ่ื พราหมณ-์ ฮนิ ดู ซง่ึ จติ รกรรมฝาผนงั เหลา่ นน้ั สามารถสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความเลอื่ มใสศรทั ธาของคนมลายูโบราณทม่ี ตี ่อศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูในยคุ สมัยนน้ั บา้ งกว็ า่ มนั ถกู สรา้ งขนึ้ จากไมท้ ง้ั หลงั มกี ารยกพน้ื สงู มงุ หลงั คาดว้ ยกระเบอ้ื งดนิ เผา โดยหลังคามลี กั ษณะพิเศษคือ มีหลงั คา ๓ ชั้น ซอ้ นกนั ซง่ึ ถือวา่ เป็นลักษณะสถาปัตยกรรม แบบชวาผสมมลายโู บราณ ซงึ่ มอี ทิ ธพิ ลมาจากพทุ ธศาสนานกิ ายมหายานและพราหมณ-์ ฮนิ ดู จึงท�ำให้แลดูคล้ายกุฏิ อีกท้ังคนมลายูในยุคสมัยก่อน มักนิยมปลูกบ้านสร้างเรือน ศาลา แมก้ ระทัง่ วิหารด้วยไมท้ ้ังหลังเป็นสว่ นใหญ่ ถึงกระน้ัน ก็ไม่ส�ำคัญว่าวิหารนั้นมันถูกสร้างข้ึนจากอิฐหรือมันถูกสร้างขึ้นจากไม้ หรือมันอาจเกิดขึ้นจากทั้งสองเลยก็เป็นไปได้ ซึ่งประเด็นเร่ือง ท่ีมาของวิหารนั้นมันมีความ ขัดแย้งและมีการถกเถียงอยู่ในแวดวงนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดี อีกท้ังยังไม่มีหลัก ฐานและขอ้ พสิ จู นท์ างประวตั ศิ าสตรท์ แี่ นช่ ดั วา่ มนั ถกู สรา้ งขนึ้ จากอะไรกนั แน่ เพยี งแตท่ ราบ ว่า มนั เป็นเร่ืองราวที่ตดิ ปาก เลา่ ถึงตอ่ ๆ กันมาจากรุ่นสูร่ ุ่น จนถงึ ปจั จุบนั ดงั น้ันมันจึงเป็น ประเดน็ ทนี่ า่ สนใจและทา้ ทายอยา่ งยงิ่ สำ� หรบั นกั ประวตั ศิ าสตร์ นกั โบราณคดแี ละผทู้ ช่ี น่ื ชอบ ในด้านน้เี ป็นพิเศษ ทจ่ี ะตอ้ งทำ� การพิสจู น์และไขความจริงให้กระจ่างต่อไป เมอื่ ตดั ภาพมายงั ปจั จบุ นั แทบจะเปน็ เรอ่ื งราวคนละมว้ นเลยกว็ า่ ได้ เสมอื นกบั มกี าร พลกิ แผ่นดนิ ทัง้ ธรณี เพราะวา่ หลายสง่ิ หลายอยา่ งเปล่ียนแปลงไปจากเดมิ เกือบทั้งหมด โดย เฉพาะศาสนา จากเดมิ ในยคุ สมัยกอ่ น ผู้คนนบั ถือศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู แต่ ณ ปัจจุบนั ผคู้ น เกอื บรอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ สว่ นใหญน่ บั ถอื ศาสนาอสิ ลาม นบั วา่ เปน็ การเปลย่ี นแปลงทสี่ ะเทอื นทง้ั แผน่ ดนิ มลายู และกระผมเชอื่ วา่ หลายคนทก่ี ำ� ลงั อา่ นงานเขยี นชนิ้ นอี้ ยู่ อาจกำ� ลงั ตงั้ ขอ้ สงสยั อยูใ่ นใจวา่ อะไรเล่า เป็นสาเหตทุ ่ที �ำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงท่ียิง่ ใหญ่เชน่ นี้ หากจะเล่าถึงเหตุการณ์ในขณะน้ัน จ�ำเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องย้อนเวลาอีกคร้ัง ในช่วงต่อท่ีศาสนาพราหมณ์-ฮินดูก�ำลังราบร่ืนเป็นไปด้วยดี อีกท้ังบ้านเมืองก็ก�ำลังเจริญ 52 วนั ทค่ี วามรักผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

รุ่งเรืองทางการค้า มีชาวจีน อินเดีย ฝรั่ง เปอร์เซียและชาติอ่ืนๆ มากมาย เข้ามาค้าขาย แลกเปลยี่ นสนิ คา้ นบั วา่ เปน็ ยคุ ทองของอาณาจกั รมลายปู าตานกี ว็ า่ ได้ จนกระทงั่ เกดิ อาเพศ เกิดโรคผิวหนังชนิดหน่ึงต่อกษัตริย์มลายูปาตานีท่ีก�ำลังครองราชย์อยู่ในขณะน้ัน พระองค์ มชี อ่ื วา่ พญาอนิ ทริ า มหาวงั ศา นบั ตงั้ แตน่ น้ั มา มกี ารรกั ษาหลากหลายวธิ ี ทง้ั วธิ ที างการแพทย์ สมัยก่อน และวิธีทางไสยศาสตร์ แต่ก็ยังไม่เกิดผลเสียที ต่อมาได้มีชาวมุสลิมเปอร์เซียท่าน หนงึ่ ทา่ นมชี อื่ วา่ ชยั คมฺ ฮู มั มดั สะอดี อลั -บาซซี า หรอื บคุ คลทวั่ ไปรจู้ กั ทา่ นในนามวา่ โตะ๊ ปาซยั ซึ่งเป็นผู้รู้ในอิสลามและมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ เข้ามาหากษัตริย์เพื่อเสนอ จะท�ำการรักษาโรคแปลกประหลาดดังกล่าว แต่มีข้อแม้ประการหนึ่งว่า หากรักษา โรคนี้จนอาการดีข้ึนแล้ว กษัตริย์จ�ำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาอิสลามแทน และในท่สี ดุ กษตั ริย์จึงรบั ปากวา่ หากโรคน้หี ายจากรา่ งกายตนเองแลว้ จะเข้ารับอิสลามทนั ที นบั วันโรคแปลกประหลาดน้ันกเ็ รมิ่ จางหายและมอี าการดขี ึ้นเร่ือยๆ จนร่างกายแข็งแรงเป็น ปกติ ดว้ ยความเปน็ กษตั รยิ ์ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งรกั ษาคำ� พดู ทไ่ี ดใ้ หค้ ำ� มนั่ สญั ญาไวก้ อ่ นหนา้ นน้ั และ แล้วกษัตรยิ ก์ เ็ อ่ยค�ำกลา่ วปฏญิ าณเข้ารบั ศาสนาอิสลามอยา่ งสมบรู ณ์ ความวา่ “ข้าพเจา้ ขอ ปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอ่ืนใดนอกจากอัลลอฮฺและข้าพเจ้าขอปฏิญาณตนว่า มุฮัมมัด คือศาสนทูตของพระองค์” ท�ำให้ประชาชนปาตานีท่ีอยู่ในการปกครองของพระองค์จ�ำเป็น ตอ้ งเขา้ รับอิสลามโดยปริยาย เมื่อประชาชนเกอื บท้งั หมดเป็นมสุ ลมิ อย่างเต็มใบแลว้ ทำ� ใหม้ ี การสรา้ งศาสนสถานอย่างมสั ยิด สุเหร่า เพม่ิ มากขน้ึ เพ่ือเป็นสถานทีป่ ระกอบพธิ ที างศาสนา เชน่ ละหมาด เปน็ ตน้ เมอื่ เปน็ เชน่ นแี้ ลว้ ศาสนสถานอยา่ ง วหิ าร กฏุ แิ ละอน่ื ๆ ทม่ี คี วามขดั ตอ่ หลกั อสิ ลาม จ�ำเปน็ ตอ้ งรอ้ื ถอนท้ังหมด บ้างกว็ ่ามกี ารทำ� ลาย ถมดนิ จนกลบลงในดนิ อย่างไร ก็ตาม เม่ืออิสลามในดินแดนแห่งนี้มีความสมบูรณ์แล้ว ก็เร่ิมมีการน�ำความรู้และหลักการ ทางศาสนาอสิ ลามมากขึ้น มีการสร้างมัสยดิ มากขน้ึ และมีการสร้างสถานศึกษาอยา่ งสถาบัน ปอเนาะทเี่ ป็นบ่อเกดิ แห่งความรศู้ าสนาอสิ ลามมากข้นึ เร่ือยๆ จนถงึ ปัจจุบนั ณ บยี ารา ในปจั จุบนั มันเป็นเพียงแคช่ ือ่ เรยี กหมบู่ ้านธรรมดาๆ ทีไ่ มค่ ่อยมีใครรูจ้ ัก นกั กลน่ิ อายแหง่ อารยธรรมโบราณกไ็ มม่ ใี หห้ ลงเหลอื แลว้ ชอื่ เสยี งอนั เลอ่ื งลอื ทว่ี า่ เคยมวี หิ าร อนั ทรงศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ เรยี งรายเปน็ จำ� นวนมากในสมยั กอ่ น มผี คู้ นแหเ่ ขา้ มาสกั การะเนอื่ งแนน่ อยา่ ง ไมข่ าดสาย มนั กลายเปน็ แคเ่ รอื่ งราวทพี่ ดู คยุ ตอ่ ๆ กนั มาเทา่ นนั้ ใครๆ กไ็ มอ่ ยากใหค้ วามสนใจ ยง่ิ นบั วนั ก็ย่งิ หายไป และมนั หายไปแลว้ มนั ไม่มแี ลว้ มนั ถกู ลืมไปแล้ว เรื่องเล่าจากบา้ นเรา 53

หอมกลิ่นน�้ำชา ณ ชายแดนแผ่นดินสยาม นายรอมฎอน เบญ็ โกบ โรงเรียนอรณุ ศาสนว์ ิทยามลู นธิ ิ จังหวดั สตลู (ภมู ลิ �ำเนาจังหวัดสงขลา) แงง่ ามแผน่ ดินถ่นิ นี้ มากมเี รื่องเล่าเราผอง ตำ� นานลอื เล่ืองเรืองรอง สอดคล้องสัมพนั ธ์อันดี อัตลักษณม์ ากมีหลากหลาย เราหมายเพือ่ นพ้องน้องพี่ ความตา่ งใดใดทม่ี ี ช้ีนำ� ความเป็นหนึ่งเดยี ว ผมมีความเชื่อประการหน่ึงว่า ในช่ัวชีวิตของมนุษย์ทุกๆ คน แม้จะต้องประสบ พบเจอกับเหตุการณ์ท่ีสร้างความเจ็บปวดหรือเลวร้ายสักเพียงไหน ย่อมต้องมีเรื่องราวอัน เปน็ ทป่ี ระทบั ใจทส่ี ดุ อยา่ งนอ้ ยเรอื่ งหนงึ่ สำ� หรบั ผม เดก็ ชายผนู้ บั ถอื ศาสนาอสิ ลามทถี่ อื กำ� เนดิ ในแผ่นดินชายแดนแห่งสยาม แม้จังหวัดบ้านเกิดของผมจะไม่ใช่พื้นท่ี ๓ จังหวัดชายแดน ใต้ แต่ภาพทรงจ�ำท่ีเก่ียวกับหนึ่งในสามของจังหวัดชายแดนอันไกลห่างที่มีความงดงามทั้ง ภมู ิประเทศ สถานทท่ี อ่ งเทยี่ ว วถิ ีชีวติ ของผคู้ น และวฒั นธรรมอันชวนหลงใหลซ่งึ ยังประทบั ตรึงซง้ึ ใจอยเู่ สมอ จังหวดั ทวี่ า่ นีก้ ค็ ือ “นราธิวาส” นั่นเอง ชว่ งปิดเทอมภาคฤดูร้อนของชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ (ปที แี่ ล้ว) ผมและพ่ีชายล�ำดบั ที่ ๙ (ผมมพี ี่น้องรวมตนเองทัง้ ส้นิ ๑๑ คน) ได้รับอนุญาตจากคณุ แม่ให้ขรี่ ถมอเตอรไ์ ซค์จาก จังหวัดสงขลาไปยังจังหวัดนราธิวาส โดยมีจุดหมายปลายทางคือ บ้านบาเละฮิเล อ�ำเภอ เมือง จังหวดั นราธิวาส อนั เปน็ บา้ นของคณุ น้าซ่งึ รบั ราชการตำ� รวจอย่ใู นทอ้ งทดี่ งั กลา่ ว ด้วย ระยะทางกวา่ ๒๐๐ กโิ ลเมตร อีกทงั้ เป็นการเดินทางไกลโดยรถมอเตอรไ์ ซค์ ซ่ึงนบั เป็นการ เดินทางทภี่ าษาวัยรนุ่ เรยี กกนั จนติดปากวา่ “แอด็ เวนเจอร”์ ทจี่ ะตอ้ งมคี วามพรอ้ มทั้งกาย และใจเตม็ รอ้ ย --เราจงึ วางแผนทจี่ ะออกเดนิ ทางกนั ตงั้ แตเ่ ชา้ ตร—ู่ หลงั จากเขา้ รว่ มละหมาด ซุบฮิ (รุ่งอรุณ) กับชาวบ้านที่มัสยิดเรียบร้อยแล้วเราจึงเตรียมสะพายสัมภาระที่บรรจุอยู่ใน 54 วนั ทีค่ วามรักผลิบาน ณ บา้ นแห่งเรา

เร่อื งเลา่ จากบา้ นเรา 55

กระเปา๋ เปเ้ ปดิ สวติ ชส์ ตารท์ รถ แลว้ บดิ คนั เรง่ มงุ่ สตู่ วั เมอื งนราฯ อนั หา่ งไกล ดว้ ยความตน่ื เตน้ ในการเดนิ ทางสุดพเิ ศษของชวี ติ วยั ร่นุ ดวงตะวนั สาดแสงเจดิ จา้ ทว่ั ทอ้ งฟา้ ตะวนั ออก พช่ี ายทำ� หนา้ ทบ่ี งั คบั รถมอเตอรไ์ ซค์ ด้วยความเร็วเต็มสมรรถนะของรถ อากาศหนาวยามเช้าท�ำให้เราท้ังสองต้องดึงซิปเส้ือคลุม ขึ้นมาจนปิดล�ำคอ สองฝั่งถนนของจังหวัดปัตตานีละลานตาละลานใจไปด้วยทัศนียภาพอัน งดงาม ท้ังมวลบปุ ผชาติ ขุนเขา แมน่ ้ำ� อนั อดุ มพร้อม เราตัดสินใจหยุดพักรถท่ีร้านแห่งหนึ่งในอ�ำเภอสายบุรีเพ่ือรับประทานอาหาร เช้า สนิ ค้าของฝากชอ่ื ดงั ของท้องถ่ินนี ้ อาทิ นำ�้ บดู ู กรอื โปะ๊ และสะตอดองมีจ�ำหน่ายให้แก่ ผเู้ ดนิ ทางผา่ นไปมาเปน็ จดุ ๆ แมบ้ รรยากาศจะดเู ครง่ ขรมึ เนอื่ งจากพเ่ี จา้ หนา้ ทที่ หารขบั รถลาด ตระเวนรกั ษาความปลอดภัยให้แกช่ าวบ้านเป็นระยะๆ แต่ความง่ายงามของวิถีชวี ติ ผู้คนทีใ่ ช้ ชวี ติ ตามแบบฉบบั ของตนเอง ไดส้ รา้ งความประทบั ใจใหแ้ กค่ นตา่ งถน่ิ อยา่ งพวกเราเปน็ อนั มาก ครึ่งช่ัวโมงผ่านไป อาหารพื้นเมืองปัตตานีได้สร้างความอ่ิมหน�ำแก่พวกเราอย่าง เต็มท่ี เม่ือมีพละก�ำลังเพียงพอเราจึงกล่าวถ้อยค�ำอ�ำลาทุกคนในร้านค้าแบบมุสลิมว่า “อัสสลามุอะลยั กุมฯ” พรอ้ มส่งรอยยม้ิ พิมพใ์ จ ในขณะทท่ี ุกคนตรงนัน้ ก็ตอบรบั ค�ำกลา่ วมา ทนั ทวี า่ “วะอะลยั กมุ สุ สลาม” พรอ้ มโบกมอื อำ� ลาพวกเราและสง่ รอยยมิ้ อนั ใสซอ่ื เชน่ เดยี วกนั เราออกรถมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนราธิวาสด้วยความส�ำราญใจ สองข้างทางยังสร้าง ความประทบั ใจใหแ้ กเ่ รา อยเู่ รอื่ ยๆ ดวงตะวนั เพมิ่ ระดบั ความสงู ไปตามชว่ งเวลาและวถิ โี คจร ของมนั ยามสาย...แสงแดดทอประกายผวิ นำ้� ในลำ� คลองดรู ะยบิ ระยบั งามตา ทงุ่ นาสดุ ลกู หลู กู ตาสะพรบึ พรายไปดว้ ยรวงขา้ วสที องอรา่ ม ความงามของมนั ยงั ประจกั ษช์ ดั ในพนื้ ทแ่ี หง่ ความ ทรงจ�ำ เท่ยี งวัน ในทีส่ ุดเราทั้งสองกเ็ ดินทางมาถงึ ยงั อำ� เภอเมืองนราฯ ด้วยความปลอดภัย บัดนี้ ภาพจ�ำเมือ่ หน่งึ ทศวรรษทล่ี ว่ งผ่านได้กลบั กลายสภาพจนแทบสนิ้ ถนนหนทาง อาคาร บ้านเรือน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซ้ือ และความเปล่ียนแปลงอีกนานัปการได้เข้ามา แทนทภ่ี าพเกา่ ทฝ่ี งั จำ� เมอื่ ผมกบั พชี่ ายเรมิ่ รสู้ กึ วา่ กำ� ลงั หลงทศิ ลมื ทาง เราจงึ แวะถามทางผคู้ น อยู่หลายครัง้ ด้วยความใจรอ้ นตามประสาวยั รุ่นผมจึงเปล่ียนวธิ ีการมาพึง่ พาระบบน�ำทางใน 56 วันทีค่ วามรักผลบิ าน ณ บา้ นแหง่ เรา

โทรศัพท์มือถือช่วยบอกทิศทางไปยังหมู่บ้านบาเละฮิเล หมู่บ้านอันเป็นจุดหมายปลายทาง ของเราในคราน้นั เพียงไม่นาน รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจก็หมุนล้อพาเรามาถึงบ้านของคุณน้าจนได้ เสียง อาซานดงั ขน้ึ จากระบบเสยี งตามสายในหมบู่ า้ น ชาวมสุ ลมิ ทก่ี ำ� ลงั กระจดั กระจายตามสถานที่ ตา่ งๆ ไดร้ บี เรง่ เดนิ ทางมายงั มสั ยดิ กลางจงั หวดั นราธวิ าสเพอื่ รว่ มละหมาดซฮุ ริ (ละหมาดบา่ ย) อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในมุมมองของผมซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาชาวมุสลิมเห็นว่า นอกจาก การละหมาดในแตล่ ะชว่ งเวลาจะเปน็ การแสดงออกถงึ การรำ� ลกึ และความกตญั ญทู มี่ ตี อ่ ความ เมตตากรณุ าแหง่ พระผเู้ ปน็ เจา้ แลว้ ยงั เปน็ สอื่ ในการรงั สรรคเ์ อกภาพความสามคั คี และความ รักใคร่ กลมเกลยี วระหว่างกันใหเ้ พม่ิ มากข้ึนอีกด้วย ตกเยน็ หลงั เสรจ็ สนิ้ ภารกจิ ละหมาดอสั ริ (ละหมาดเยน็ ) คณุ นา้ ไดม้ อบชดุ โตป๊ สขี าว และสเี ขยี วใหแ้ ก่เราท้ังสองเพือ่ ใชส้ วมไปเทยี่ ว คณุ นา้ บอกวา่ จะพาเราท้งั สองไปเทย่ี วรา้ นนำ�้ ชาใจกลางเมืองนราฯ ดว้ ยรถกระบะส่วนตวั ของทา่ น ไม่ถงึ ๑๕ นาที เรากเ็ ดินทางมาถงึ รา้ น น�้ำชาชือ่ ดงั ในแถบน้ี ภาพประทบั ใจทีเ่ ราเห็นคือผคู้ นทนี่ ัง่ อย่ภู ายในรา้ น มีท้งั พน่ี ้องไทยพทุ ธ ไทยมุสลมิ และพีน่ อ้ งไทยเช้ือสายจีน ภาพความแตกต่างหลากหลายทสี่ ามารถอยรู่ ่วมกันได้ นบั เปน็ ความงามท่สี ะทอ้ นถงึ ความสันติสุขและปรองดองในพนื้ ทไี่ ด้เป็นอยา่ งดี กล่ินหอมของชาชักลอยล่องอบอวลชวนชิม โรตีหนานุ่มสุกหอมพร้อมเสิร์ฟ เอกลกั ษณด์ า้ นอาหารของพนื้ ทเ่ี ปน็ ทปี่ ระจกั ษแ์ ลว้ แกอ่ าคนั ตกุ ะผมู้ าเยอื น คณุ นา้ แนะนำ� เมนู เดด็ ของรา้ นน้ี คอื ‘โรตมี ะตะบะอนั โอชะ’พวกเราสงั่ ชารอ้ นและเมนทู คี่ ณุ นา้ แนะนำ� ไมก่ อี่ ดึ ใจ สง่ิ ทร่ี อคอยกป็ รากฏบนโตะ๊ อาหารของพวกเรา แคอ่ กึ แรกของชารอ้ นทกี่ ระทบสมั ผสั ของลน้ิ สรา้ งความอศั จรรยส์ ดุ บรรยาย ความเขม้ ข้น ความหอมมนั ของรสชา ช่างแตกต่างกับชารอ้ น ทผ่ี มเคยลม้ิ ลอง ตอ่ มา หลากเครอื่ งเทศทบี่ รรจอุ ยใู่ นเนอื้ แปง้ มะตะบะอนั เปน็ สตู รเฉพาะของ ที่น่ียังกรุ่นหอมยามล้ิมรส รสชาติของมันยากที่ใครจะห้ามใจได้ บรรยากาศม้ือเย็นในวันน้ัน ผมยงั จดจำ� ได้ ทกุ รายละเอียด ผมบอกได้เพียงว่า ชา่ งเปน็ การตดั สินใจอันคุม้ ค่าทอี่ ตุ ส่าหด์ ้ัน ดน้ เดินทางมาไกลจากจงั หวดั สงขลา เสยี งอาซานละหมาดมฆั รบิ (ตะวนั ตกดนิ ) ไดก้ อ้ งกงั วานทวั่ พนื้ ทเ่ี มอื งนราฯ อกี ครงั้ เฉกเช่นทุกวันวาร ผู้คนได้รีบเร่งเดินทางมารวมตัวกันท่ีมัสยิด เพ่ือร่วมพิธีกรรมประจ�ำวัน เร่อื งเลา่ จากบา้ นเรา 57

หลงั ละหมาดเสรจ็ เรยี บรอ้ ย คณุ นา้ แจง้ วา่ จะพาเราไปนง่ั รถเทยี่ วชมเมอื งแสงไฟสองขา้ งถนน ทำ� หนา้ ทขี่ องมนั ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ดว้ ยการฉายภาพวถิ ชี วี ติ อนั หลากหลายของยามคำ่� คนื ทนี่ .่ี .. ช่างตืน่ ตา...สง่างาม ระหวา่ งทางท่ีรถกระบะสปี่ ระตูของคณุ นา้ เคลื่อนทีพ่ าเราไปเท่ียวอยนู่ ้นั ทันใดนั้น เอง ผมสังเกตเห็นอีกหน่ึงความงามของที่นี่ ดวงไฟหลากสีสันได้ถูกประดับสองข้างทางของ ถนน คุณน้าชะลอความเร็วของรถเพื่อให้เราได้มีโอกาสเก็บภาพความประทับใจไว้ในกล้อง ของโทรศพั ท์ เม่อื รถเคล่ือนมาถงึ ทางเข้างานจึงได้รู้ว่า งานสุดอลังการที่เราเห็นคืองานวัดประจ�ำปีของพ้ืนท่ีตรงน้ัน เสียงเพลงลูกทุ่งได้ แวว่ หวานผา่ นสายลม ปา้ ยประกาศขนาดใหญห่ นา้ งานไดร้ ะบโุ ปรแกรมครา่ วๆ ทจี่ ะจดั แสดง ในคนื น้ัน ท้ังการเชิญชวนบรจิ าคตามกำ� ลงั และแรงศรทั ธา การรำ� วงพื้นบ้านการประกวดขับ ร้องเพลงลูกทุ่งและเพลงไทยเดมิ สภาพการจราจรตดิ ขัดพอสมควรเน่ืองจากปรมิ าณรถจ�ำนวนมากทีต่ า่ งจะเขา้ ไป ในงาน หลายครอบครวั เลอื กทจี่ ะจอดรถไวต้ รงไหลท่ างแลว้ เดนิ เขา้ ไปในงานความพรอ้ มพรงั่ ตง้ั ใจของบรรดาพุทธศาสนกิ ชน ทุกใบหนา้ พรมิ้ พรายไปด้วยรอยยมิ้ อ่ิมเอมใจ ภาพดงั กลา่ ว ได้สรา้ งความอบอุ่นใจใหผ้ มที่ได้เห็นสังคมพหวุ ัฒนธรรมอันแท้จริง เราใช้เวลากับการนั่งรถเท่ียวชมความงามของเมืองอยู่ครู่ใหญ่ คุณน้าจึงเอ่ยปาก ชวนพวกเรากลบั ไปทพี่ กั กนั กอ่ น เพอ่ื เตรยี มละหมาดอชี าอฺ (ละหมาดกลางคนื ) ทมี่ สั ยดิ กลาง นราธวิ าส ขากลบั พวกเรายงั พบเหน็ ผคู้ นมาทำ� บญุ และเทย่ี วงานวดั กนั อยา่ งเนอื งแนน่ ไมน่ าน รถกระบะไดเ้ ลยี้ วเขา้ มาจอดตรงหนา้ บา้ นของคณุ นา้ ทบ่ี าเละฮเิ ล คณุ นา้ และเราทงั้ สองเดนิ ไป ละหมาดดว้ ยกนั อยา่ งสุขสันต์ วนั รงุ่ ขนึ้ คณุ นา้ ไดพ้ าครอบครวั และเราทงั้ สองไปสมั ผสั ความวจิ ติ รของธรรมชาตอิ นั อุดมสมบรู ณข์ อง “น�ำ้ ตกปาโจ” อ�ำเภอบาเจาะ อนั เปน็ อัญมณีทรงคุณค่าแหง่ เทือกเขาบูโด เราใชเ้ วลาอยู่ทนี่ นั่ ๓ วันจึงขออนญุ าตกล่าวลาคณุ น้ากลบั สงขลา บา้ นเกิดท่รี กั และคิดถงึ หลายๆ คนอาจคดิ วา่ พน้ื ทส่ี แี ดงอยา่ งนราธวิ าสจะมคี วามนา่ กลวั และไมเ่ ปน็ หนงึ่ ใน ตวั เลอื กของการเดนิ ทางมาพกั ผอ่ นหยอ่ นใจในชว่ งวนั หยดุ หรอื เทศกาลสำ� คญั ๆ แตส่ ำ� หรบั ผม 58 วันทีค่ วามรกั ผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

และพี่ชาย นราธิวาสคือจังหวัดหนึ่งซึ่งมีความวิจิตรงดงามท่ามกลางสังคมที่มีความแตกต่าง หลากหลาย เปน็ พืน้ ท่ที ่รี งั สรรคค์ วามสุข ความสนกุ ความประทบั ใจไม่รู้ลืม และทกุ ๆ ครงั้ ทบ่ี ทเพลงดงั อย่าง “ปักษ์ใตบ้ ้านเรา” ได้ถกู บรรเลงตามสถานที่ตา่ งๆ จะท�ำใหผ้ มได้รำ� ลกึ ถึง จังหวดั สงขลาอนั เป็นบา้ นเกิดเมืองนอนของผมแล้ว บทเพลงนี้ยงั ท�ำใหผ้ มย้อนนึกถงึ จงั หวดั “นราธวิ าส” อกี ดว้ ย เพราะอกี หว้ งแหง่ ความทรงจำ� ดๆี ของผม ไดบ้ นั ทกึ เรอ่ื งราวอนั สดุ แสน ประทับใจท่มี ตี อ่ จงั หวดั ชายแดนใต้นี้ไว.้ ..ตราบนานเท่านาน... เรอ่ื งเลา่ จากบ้านเรา 59

ขาวดำ� ภาพวาดประกอบเร่อื ง เข้ารางวัลชมเชย ขาวดำ� 60 วนั ท่ีความรักผลบิ าน ณ บ้านแห่งเรา

เธอคือผูร้ ังสรรค์รสชาตชิ ีวิต นางสาวสไู วดา สาและ โรงเรยี นตันหยงมัส จังหวัดนราธิวาส แสงอาทิตย์ร้อนระอุส่องแสงลอดผ่านช่องหลังคามาแตะแก้มท้ังสองข้างของฉัน ในยามตะวนั คลอ้ ย อากาศร้อนเป็นพิเศษในเดอื นมีนาคมแบบนรี้ ูส้ ึกอยากไปน่งั ตากลมกลาง ทงุ่ นาใหร้ า่ งกายเยน็ สบาย ไมก่ ไ็ ปเลน่ นำ้� ตกกบั เพอ่ื นๆ ใหส้ ดชนื่ สกั หนอ่ ย แตฉ่ นั กลบั มานง่ั ตรง หนา้ หมอ้ ขนมใบใหญ่พรอ้ มกบั ใบตอง ท่ามกลางอากาศทไี่ มค่ อ่ ยเปน็ ใจ ฉันน่งั หอ่ ขนมตงั้ แต่ บ่ายสองแล้ว เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่นขึ้นและเสียงฝีเท้าหลายคู่กระโดดโลดเต้นบนแผ่นไม ้ ท�ำให้บ้านไม้หลังเก่าเกิดเสียงดังโครมๆ ตามด้วยเสียงบ่นของใครคนหนึ่งดังขึ้น บรรยากาศ ในตอนน้ีเงียบกริบเหมือนถูกมนต์สะกดไว้ ฉันมองไปยังต้นเสียงก็น่ังกล้ันหัวเราะเพราะ ตอนนีเ้ ดก็ ๆ กม้ หนา้ ก้มตาไม่แสดงอาการเหมอื นก่อนหน้านต้ี อ่ หน้าผู้หญิงคนหนง่ึ เธอทำ� ท่า โกรธเด็กๆ และเธอก็พูดขึ้น ‘ท�ำไมไม่ไปว่ิงเล่นหน้าบ้าน มาเล่นในครัวท�ำไม’ บรรยากาศ แบบนี้ท�ำให้ฉันคุ้นชินไปเสียแล้ว ‘ นี่สิน่ะบรรยากาศในช่วงปิดเทอมส�ำหรับฉัน’ ฉันตอบ ในใจพรอ้ มปลอบใจตวั เองเลก็ นอ้ ย ฉันเป็นเด็กสาวคนหน่ึงทีเป็นมุสลิม และมีส่ิงหน่ึงที่ฉันพูดแล้วรู้สึกภูมิใจก็คือ ฉันอาศยั อยู่ทจ่ี ังหวัดนราธิวาสใต้สุดสยาม ทีน่เี ปน็ พนื้ ที่ปลายดา้ มขวานท่ีเพยี บพรอ้ มไปด้วย ธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์ ๑๗ ปีแล้วท่ีฉันอยู่ท่ีนี่กับครอบครัว ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น และ นับวา่ เปน็ ครอบครวั ขนาดใหญ่เพราะมีสมาชิกท้งั หมด ๑๘ คน มเี ดก็ ๆ ซ่ึงเป็นลกู พ่ีลูกน้อง ของฉันรวมถึงน้องของฉัน ๑๒ คนและผู้ใหญ่ ๖ คน บางครั้งเด็กๆ ท่ีบ้านจะเล่นกันแล้ว ทะเลาะกนั แยง่ ของเลน่ กนั แลว้ รอ้ งไหฟ้ มู ฟายกไ็ มใ่ ชเ่ รอื่ งแปลกของเดก็ แมบ้ างครง้ั ทำ� ใหฉ้ นั รสู้ กึ อดึ อดั ใจบา้ ง แตด่ ้วยช่วงเวลาทอี่ ยบู่ า้ นหลังน้ี ท�ำให้ฉนั ผูกพนั และชินไปแล้วหากมใี ครมา ถามวา่ อยไู่ ดอ้ ยา่ งไร มเี พยี งคำ� ตอบเดยี วทฉี่ นั จะตอบ ‘กไ็ มแ่ ปลกกเ็ พราะทน่ี เ่ี ปน็ บา้ นของฉนั ’ เพียงคำ� ตอบส้นั ๆ แตอ่ ธบิ ายได้หลายความหมายเลยทเี ดยี ว เรื่องเล่าจากบ้านเรา 61

ในครอบครัวขนาดใหญ่ท่ีอบอุ่นของฉัน มีผู้หญิงคนหน่ึงท่ีเลี้ยงดูฉันต้ังแต่ยัง แบเบาะ เธอเปรยี บเสมอื นแมค่ นทส่ี องของฉนั และเธอเป็นคนทีส่ ำ� คญั ทสี่ ุดในชวี ติ ของฉัน ทา่ นทง้ั หลายคงอยากทราบวา่ เธอคนนี้มีความส�ำคัญส�ำหรบั ฉนั มากแคไ่ หน....ฉนั จะเลา่ ให้ ฟังนะ เม่ือย้อนไปในวันเรียนปกติของฉันแล้ว เหตกุ ารณ์ทด่ี �ำเนนิ ไปซ�ำ้ ๆ ทกุ ๆ วัน เรยี ก ว่าเป็นส่วนหน่ึงในความทรงจ�ำเลยทีเดียว ช่วงเดินทางกลับบ้านในตอนเลิกเรียน เมื่อรถ มอเตอร์ไซค์ของลุงจอดลงหน้าบ้าน เสียงเพลงดังผ่านเข้าหูของฉัน แน่นอนเธอต้องอยู่ใน ครวั เสียงเพลงอนิ เดยี ท่ีเธอชนื่ ชอบและฟงั เป็นประจำ� ดังจากวิทยุ ฉนั แงม้ ประตอู ย่างเงยี บๆ กา้ วเทา้ ขนึ้ บนบนั ไดไมพ้ รอ้ มมองไปยงั หอ้ งครัว ภาพหญงิ สวมฮญิ าบนั่งบนเส่ือเก่าๆ ประจำ� ตวั ของเธอ เธอกำ� ลงั กม้ หนา้ กม้ ตากบั ของทอ่ี ยใู่ นกะละมงั ใบใหญ่ เธอหอ่ ขา้ วเหนยี วอยนู่ น่ั เอง ภาพของเธอท�ำให้ฉันอดย้มิ ไม่ได้เลย เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาเดินดินตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ชีวิตเธอไม่ได้อยู่สุขสบายแต่ไม่ได้ ล�ำบากใจอะไรมากนัก ปัจจุบนั เธอเป็นแม่ค้าขายขนมไทยโบราณนบั กว่า ๑๐ ปแี ลว้ เพราะ การท�ำขนมเป็นอาชีพหลักของครอบครัวของฉัน และกว่า ๑๐ ปีแล้วเช่นกันท่ีฉันกินขนมท่ี เธอทำ� ตอนนถี้ อื วา่ ฉนั เปน็ นกั กนิ ขนมไทยเกอื บทกุ ชนดิ บนแผงทแ่ี มค่ า้ วางขายตามทอ้ งตลาด ทกุ รสชาตลิ ว้ นแลว้ ตา่ งออกไป หากไดช้ มิ ขนมไทยทเ่ี ธอรงั สรรคข์ นึ้ มาแลว้ ยงิ่ ตา่ งออกไปจาก ขนมไทยทวั่ ไป ฉนั เคยตงั้ ฉายาใหเ้ ธอวา่ “เจา้ แมแ่ หง่ ขนมไทยโบราณ” กไ็ มแ่ ปลกเพราะตลอด ชวี ิตของเธอนัน้ คลกุ คลีกบั การทำ� ขนมต้งั แตเ่ ด็ก เพราะรกั และหลงใหลในเสน่หแ์ หง่ รสชาติ ของขนมไทย แต่เธอเร่ิมท�ำขายในช่วง๑๐ปีก็เพราะก่อนหน้าน้ีเธอมีอาชีพท�ำสวนผลไม้กับ สามีของเธอ แต่หลังจากสามีเสียชีวิตก็ให้ลูกๆ ดูแลสวนผลไม้แทนส่วนเธอก็อายุมากแล้ว เธอตดั สนิ ใจพลิกชีวิตหนั มาทำ� ขนมอยา่ งทเี่ ธอรกั ชว่ งที่ทำ� ขนมเธอก็มักจะเลา่ เรือ่ งราวในวยั เดก็ ของเธอ เธอย้มิ ทุกครงั้ ทีเ่ ล่าถงึ คุณแม่ ช่วงที่อายไุ ด้ ๑๒ ขวบ เธอมกั จะน่งั ขา้ งๆ ตกั ของ คุณแม่ สังเกตคุณแม่ท�ำขนมเป็นประจ�ำจนสามารถลงมือท�ำด้วยตัวเอง ฉันก็สงสัยว่าแค่น่ัง ดจู ะทำ� ได้อยา่ งไร ท�ำไมฉนั นง่ั ดูเธอทำ� ยงั ทำ� ไมไ่ ดเ้ สียที เธอบอกว่าสมัยกอ่ นจะไปคา้ ขายก็ ตอ้ งเดินไปตามทางรถไฟระยะทางหลายกโิ ล แถมแบกข้าวของหนกั ๆ อกี ด้วย แต่เด็กสมัยน้ี แค่ให้เดินไปโรงเรียนไมถ่ ึงกโิ ลก็บน่ ว่าเหน่อื ยแลว้ ฉันกระแอมเลก็ นอ้ ย แล้วบอกเธอไปว่า “ ก็เหน่อื ยจรงิ นคิ ะ่ ” แล้วยิม้ แห้งๆ ใหเ้ ธอ 62 วนั ทค่ี วามรกั ผลบิ าน ณ บา้ นแหง่ เรา

ขนมทีเ่ ธอทำ� เปน็ หลกั คือขนมสอดไส้ (ตัวขนมเป็นน�้ำกะทิกับแปง้ ข้าวเจา้ ผสมปรงุ รสให้เค็มเล็กน้อยน�ำไปกวน ส่วนไส้ท�ำจากมะพร้าวอ่อนค่ัวน้�ำตาลแว่น ห่อไส้ด้วยแป้งข้าว เหนียวบางๆ ตัวขนมห่อด้วยใบตองแล้วน�ำไปน่ึง) เห็นไหมล่ะกว่าจะได้แต่ละห่อต้องผ่าน ข้ันตอนมากแค่ไหน ฉันเคยถามเธอว่าท�ำไมไม่ท�ำขนมอื่นท่ีง่ายกว่าและประหยัดเวลากว่า เธอตอบวา่ ขนมสอดไสเ้ ปน็ ขนมทม่ี คี นทำ� นอ้ ยมาก ในอำ� เภอระแงะ จงั หวดั นราธวิ าส ทเ่ี ราอยู่ นมี้ เี พยี งไมก่ เ่ี จา้ ถงึ ทำ� ยากแตก่ ค็ มุ้ คา่ ฉนั กค็ ดิ แบบนนั้ เพราะเมอื่ กลนิ่ ไอจากหมอ้ นงึ่ ฟงุ้ ออกมา กลนิ่ หอมของใบตองโชยมาสมั ผสั จมกู และเมอ่ื เนอื้ ขนมถกู ตกั เขา้ ปากแลว้ ความเคม็ ไดถ้ กู ตดั ดว้ ยความหวานของไสข้ นม ท�ำใหท้ ุกอยา่ งกลมกลนื นอกจากขนมสอดไส้แล้ว เธอยังท�ำขนมกวน ข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวปิ้ง และ ข้าวเหนียวแดง ขนมที่เธอรังสรรค์ข้ึนมาพร้อมกับความเป็นหญิงปักษ์ใต้ในรูปแบบท่ีเป็นตัว ตนของเธอมากท่ีสุด ท่านเชื่อไหมว่าตอนนี้ฉันท�ำขนมสอดไส้เป็นแล้วนะ ฉันไม่ได้เริ่มต้น จากการสังเกต แต่เริ่มจากการเป็นนักกินขนมทุกๆ วันเพราะทุกเช้าเธอจะเก็บขนมสอดไส้ ให้เด็กๆ กินในตอนเช้า ขนมของเธอจึงเป็นอาหารเช้าของที่บ้านเลยล่ะฉันชอบกินขนม สอดไส้มาก ตอนท่ีฉันยังเป็นเด็กฉันกินแต่ตัวขนมที่มีรสชาติเค็มๆ แต่ตอนน้ีฉันกินไส้ท่ีเป็น มะพรา้ วไดแ้ ล้ว ทส่ี �ำคญั ฉันเรม่ิ ช่วยเหลือเธอ เร่ิมจากเรอื่ งกลว้ ยๆ เช่น เช็ดใบตอง นึง่ ขนม ลา้ งขา้ วเหนยี ว เปน็ ต้น ชว่ งท่ฉี ันเร่ิมชว่ ยเธอเช็ดใบตองครั้งแรก ความรสู้ กึ ตอนน้ันฉันต่นื เต้น มากและคิดว่าต้องสนุกแน่ๆ ฉันกับน้องสาวใช้ผ้าเช็ดใบตองแรงๆ จนขาดหลุดลุ่ยหลายใบ เธอบน่ แล้วบอกว่าอยา่ เช็ดแรงจนเกินไปเดี๋ยวใบตองจะขาด เชด็ เสรจ็ กใ็ หพ้ ับเกบ็ เหมอื นเดมิ (ฉนั กบั นอ้ งอมยม้ิ เพราะใบตองทอี่ ยตู่ รงหนา้ เกอื บจะใชง้ านไมไ่ ดแ้ ลว้ ) พวกเราเชด็ ใบตองหลงั จากทก่ี ลบั จากโรงเรียนเป็นประจ�ำ แตค่ วามรสู้ กึ ต่นื เต้นแบบนัน้ หายไปแลว้ ฉนั ไม่อยากเชด็ ใบตองเลย เวลาเช็ดแล้วจะมฝี ่นุ สขี าวๆ ตดิ ตามกางเกงและมือแถมมกี ล่ินของใบตองมาดว้ ย ฉนั เลยเลอื กทจ่ี ะหอ่ ขนม แลว้ ใหน้ อ้ งเชด็ ใบตองแทน ‘ เหน็ ไหมวา่ ฉนั กส็ ามารถเปน็ เจา้ แมข่ นม ไทยโบราณตามเธอไดเ้ หมอื นกัน ‘ เปน็ ถอ้ ยค�ำจากหัวใจฉนั ในชว่ งเวลานั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา ฉันและเพ่ือนๆ ได้เข้าร่วม โครงการสรา้ งสรรคง์ านเขยี น “ เร่อื งเล่าจากบา้ นเรา” จดั โดย ส�ำนักงานวฒั นธรรมจงั หวดั นราธวิ าส และส�ำนักงานศลิ ปวัฒนธรรมร่วมสมยั พวกเราไดร้ ่วมกันลงพ้ืนทีไ่ ปยังพพิ ธิ ภณั ฑ์ เมอื งนราธวิ าส ตา่ งกพ็ ากนั ศกึ ษาของดที อ่ี ยใู่ นจงั หวดั นราธวิ าส ไมว่ า่ จะเปน็ สถานทท่ี อ่ งเทยี่ ว เร่ืองเลา่ จากบา้ นเรา 63

การละเล่นท่ีมาของจังหวัด อาหารการกิน ฯลฯ ในส่วนของอาหารท้องถิ่นของจังหวัด นราธวิ าสจะมีมากมาย แนน่ อนว่าอร่อยและคงความเป็นปกั ษ์ใตไ้ มแ่ พ้อาหารของจงั หวดั อื่น ทางพิพิธภัณฑ์จะจัดเป็นภาพติดผนังบ้าง เป็นแบบจ�ำลองต้ังโต๊ะบ้าง อาหารท่ีข้ึนชื่อของ จงั หวดั นราธวิ าสจะมขี นมเปียนา, ลอปะตีแก, ละแซ, ตปู ะซูตง เป็นตน้ เม่ือพูดถึงขนมท่ีข้ึนชื่อของจังหวัดนราธิวาสท�ำให้ฉันนึกถึงเธอ เพราะตอนท่ีฉันยัง เป็นเด็กเธอมักจะท�ำตูปะซูตง หรือ หมึกต้มหวาน ที่คนท่ีอยู่แดนใต้คุ้นชินกัน ให้คนที่บ้าน กิน ตอนแรกฉันไม่กล้ากินเพราะสีของขนมออกน�้ำตาลและมีปลาหมึกด้วย ฉันดูไปดูมาก็ คิดว่าเป็นกับขา้ ว มันแปลกมาก ตูปะซูตง (เป็นภาษามลายทู ชี่ าวมสุ ลมิ เรียกกัน) หากเรา นำ� คำ� นมี้ าแยก จะไดส้ องคำ� สองความหมาย คอื ตปู ะ (ในภาษาไทยหมายถงึ ขา้ วตม้ ) และซตู ง (ในภาษาไทยหมายถึงปลาหมึก) สองค�ำน้ีไม่น่าจะรวมกันเป็นขนมหวานเลยใช่ไหมล่ะ คนต่างถิ่นที่ไม่รู้จักก็คงคิดว่าเป็นกับข้าวแน่นอน พอโตข้ึนได้รู้ความจริงก็นึกข�ำกับความ ไรเ้ ดียงสาของตวั เองในยามเดก็ เธอเป็นคนท่ีท�ำตูปะซูตงได้อร่อยและกลมกล่อม ฉันจ�ำวิธีการท�ำได้เพราะฉันช่วย เธอท�ำอยู่บ่อยๆ วิธีท�ำง่ายวัตถุดิบก็ไม่เยอะจนเกินไป เร่ิมจากน�ำข้าวเหนียวที่ผ่านการล้าง แล้วผสมกับน�้ำกะทิ จากนั้นก็ยัดในท้องปลาหมึกท่ีน�ำหัวออก แล้วเอาหัวใส่กลับไว้ข้างใน กลัดตรงคอปลาหมึกด้วยก้านมะพร้าวอย่าให้ข้าวเหนียวหลุดกลับออกมา เสร็จแล้วน�ำไป ต้มใส่กะทิ น�้ำตาลแว่น ใสใ่ บเตยสกั ๒ - ๓ ใบ เพิม่ กลน่ิ หอม จากนน้ั ปรุงรสใหห้ วานเคม็ กลมกล่อมแบบท่ีเธอสอนให้ฉันท�ำ เธอเล่าว่าตูปะซูตงหาซื้อได้ยากตามร้านขนมแถวตลาด ตันหยงมัส (อ.ระแงะ) หากจะกินก็ต้องท�ำเอง น้อยคนนักจะท�ำอร่อย เพราะแบบน้ีสินะ บางคร้งั ตูปะซตู งทฉี่ ันท�ำ มันไหม้บา้ ง ดิบบ้าง เค็มบา้ ง แตเ่ ธอก็พยายามสอนฉนั ทำ� มบี น่ มตี ิก็ เปน็ ธรรมดา ส�ำหรบั เดก็ ร่นุ ใหม่อยา่ งฉนั เธอคนน้ีท่ีฉันเล่าให้ทุกท่านฟังน้ันไม่ใช่คนอ่ืนไกล เธอคือ คุณย่าที่น่ารักของฉัน ปีน้ีย่าของฉันอายุ ๖๗ ปี ย่ายังคงแขง็ แรงและขยนั ทำ� ขนมที่ยา่ รักเหมอื นเดิม ตอนนที้ ุกทา่ น คงทราบแล้วใช่ไหมว่าคุณย่าส�ำคัญส�ำหรับฉันมากแค่ไหน ตอนนี้ฉันได้แต่มองหน้าย่าและ ยิ้มให้ย่า ย่ากลับถามว่ามีอะไรรึเปล่า ‘ ย่าคงยังไม่รู้สินะว่าหลานสาวคนน้ีเล่าเรื่องราวชีวิต ของย่าผ่านหัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้ ‘ ฉนั พูดในใจกอ่ นจะยกหมอ้ ขนมไปล้าง แลว้ มานั่งพูดคุย 64 วนั ท่ีความรกั ผลิบาน ณ บา้ นแห่งเรา

กับย่าที่ก�ำลังห่อข้าวเหนียวอยู่ข้างๆ ฉัน กว่าพวกเราจะท�ำขนมทุกอย่างเสร็จก็ถึงเที่ยงคืน ท�ำไปคุยไป พักบ้างเป็นช่วงๆ พอรุ่งเช้าย่าและน้าสะใภ้ของฉันก็จะออกไปขายขนมที่ตลาด ตนั หยงมสั (อ.ระแงะ) เปน็ แบบนี้ทกุ ๆ วัน การท�ำขนมเหมอื นเปน็ วัฎจักรในชวี ติ ประจ�ำวัน ของเราไปแล้ว ยงิ่ ช่วงปดิ เทอมแบบน้ีฉันยงิ่ มบี ทบาทในการท�ำขนมมากเปน็ พเิ ศษ เร่มิ ตัง้ แต่ ยามสายจนถงึ ตะวนั ลบั ขอบฟา้ เลยละ่ จนฉนั ลมื ไปเลยวา่ ฉนั ทำ� อะไรไมเ่ ปน็ มากอ่ นโดยเฉพาะ การทำ� ขนม ฉนั เคยคดิ ว่าฉนั อยากทำ� ขนมขายเปน็ ของตัวเองเหมอื นกบั ยา่ เพราะฉนั เหน็ ยา่ ตัง้ ใจท�ำในสงิ่ ท่ยี า่ รัก ไมเ่ คยคิดทจ่ี ะลม้ เลกิ แมใ้ นยามทแี่ สนจะเหนือ่ ยล้า ยา่ พยายามปลูกฝัง ใหฉ้ นั ท�ำในส่งิ ท่ฉี นั รกั และดูยา่ เป็นแบบอย่าง ท่สี ำ� คัญยา่ พยายามทำ� ให้ฉนั เหน็ คุณคา่ ในสง่ิ ท่ี ย่ากำ� ลังท�ำอยใู่ นทุกๆ วนั ตอนนี้ฉนั ไม่ไดอ้ ยากเป็นเจ้าแม่ขนมไทยโบราณเหมอื นกบั ย่าแล้ว เพราะฉันไม่ได้อยากยึดอาชีพท�ำขนมเป็นอาชีพหลักเหมือนกับย่า แต่ฉันก็ยังช่วยย่าท�ำขนม ทกุ ๆ วนั พร้อมกบั ยา่ ไม่ใช่เพียงเพราะหนา้ ทข่ี องหลานแม่คา้ ทีค่ วรชว่ ยครอบครวั แตฉ่ ันร้สู ึก รกั การทำ� ขนมและเปน็ ส่วนหนึ่งในชวี ติ ไปแลว้ ห้วงชีวิตที่เดินตามกาลเวลาทุกอย่างท�ำให้ฉันรักและผูกพันกับย่ามาก อยากให้ย่า ได้ยิ้ม อยากให้ย่าบ่นใหฉ้ นั ฟังทกุ ๆ วนั ถงึ ย่าไม่ได้ร่�ำรวยในกองเงินกองทอง แต่ย่าท�ำให้ฉนั สุขใจเมือ่ ได้ใกล้ชิดด้วย ยา่ เป็นผู้หญิงทสี่ วยงามในฉบับของตวั เอง ยา่ เปน็ ครูคนหนึ่งที่ไมเ่ คย สอนดว้ ยทฤษฎี แตเ่ ปน็ ครทู ี่ดีที่สุดเพราะได้สอนบทเรยี นประสบการณใ์ นชวี ิตผา่ นตัวขนมที่ แสนอรอ่ ยของยา่ คอยปลกู ฝงั จติ วญิ ญาณความรกั ในความเปน็ ชาวนราธวิ าส คอยหลอ่ หลอม รสชาตขิ องการใชช้ วี ติ ใหเ้ ดก็ อยา่ งฉนั ไดเ้ ตบิ โตขนึ้ มา ทกุ การดำ� เนนิ ชวี ติ เรยี งรอ้ ยประสบการณ์ ของยา่ นนั้ ยงั คงความเปน็ หญงิ ปกั ษใ์ ต้ และทส่ี ำ� คญั ขนมไทยทยี่ า่ รกั นนั้ เปน็ เสนห่ อ์ ยา่ งหนงึ่ ของ จังหวัดนราธวิ าส อย่างน้อยทุกรสชาติแห่งประสบการณ์ท่ีย่าได้รังสรรค์ให้หลานสาวคนน้ี อาจจะ เป็นอีกแง่มุมมองหน่ึงท่ีชวนให้หลายๆ คนมาสัมผัสกับเสน่ห์ที่อยู่ปลายด้ามขวานแห่งน้ี ซงึ่ ถูกซอ่ นอยู่เบอื้ งหลังฉากอันน่ากลัวในปัจจุบนั นก้ี ็เป็นได้ เรือ่ งเลา่ จากบา้ นเรา 65

ความคดิ ...ทตี่ ายไปแล้ว นางสาวนูรอันดา สาและ โรงเรียนเดชะปตั ตนยานุกูล จงั หวัดปัตตานี สังคมพหุวัฒนธรรม เป็นสังคมที่ประกอบด้วยกลุ่มคนหลากหลายแตกต่างทาง ความคดิ ศาสนาวฒั นธรรมและการใชช้ วี ติ ซง่ึ วา่ กนั วา่ เปน็ ปญั หาหนง่ึ ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ การแบง่ แยกท่ีท�ำใหเ้ กดิ ความไม่สงบข้นึ ในบ้านของฉนั ... ฉนั เกิดในจังหวัดปัตตานี บ้านของฉนั ตดิ อยกู่ ับคา่ ยทหารอันใหญ่โต ในหมบู่ า้ นของฉนั เปน็ สงั คมทป่ี ระสบปญั หาความไมเ่ ขา้ ใจกนั ตงั้ แตว่ ยั เดก็ ฉนั ไมเ่ คย ภูมิใจสักครั้งที่เกิดมาที่น่ี เพราะเป็นสังคมท่ีวุ่นวายผู้คนมากมายเข่นฆ่ากันเพียงเพราะความ ขดั แย้ง ท่ีเกดิ จากกลุ่มคนที่ไมย่ อมรบั ความตา่ งทางความคิดทำ� ให้มกี ารแบง่ พรรคพวกหลาย กลุ่มจนฉันคดิ วา่ ฉนั ควรออกจากทีแ่ หง่ น้ี ฉันอาจมีความสุขมากกว่านี้และมีเรื่องราวมากมายที่ฉันในตอนน้ันคิดว่าคงเป็น เพราะศาสนาท่ีต่างผู้คนรอบตัวฉันไม่ชอบคนต่างศาสนา เพราะพวกเขาได้รับการปลูกฝัง ความคิดว่าความขัดแย้งทั้งหมดเกิดข้ึนเพราะคนต่างศาสนา ท�ำให้ย่ิงเพ่ิมความเกลียดมาก ข้ึนเท่าตัว รวมถึงฉันในตอนนั้นท่ีมีความคิดเป็นเงามืด ชั่วร้ายความเกลียดชังในใจของฉัน มมี มุ มองที่โหดรา้ ย ในความคดิ ของเด็กคนหน่ึงท่ไี มค่ วรม.ี .. ช่วงวัยเด็ก เป็นวัยที่ฉันรักการเท่ียว และต้องการการดูแลในครอบครัว และเร่ิม เขา้ หาสังคมฉนั จำ� ไดว้ า่ ชว่ งมัธยมต้น ฉันเที่ยวไปตามทตี่ ่างๆ ในจงั หวดั ของฉนั ไปทกุ ทท่ี เี่ ขา บอกวา่ ดี ทุกๆ แหง่ ท่สี วยงามและเปน็ แหลง่ ท่องเที่ยวของจังหวัด วันหนึ่งมีอะไรดลจิตดลใจฉันให้รู้สึกอยากในตัวเมืองของจังหวัด ในช่วงค�่ำ ฉันไป ชมโคมไฟเรยี งตวั อย่มู ากมายละลานตาไปหมด แวะชิมอาหารในย่านตลาดอาหารอรอ่ ยท่ีสดุ 66 วันท่ีความรักผลิบาน ณ บ้านแหง่ เรา

สวนทางกบั ผคู้ นในพนื้ ทอ่ี อกมาพบปะสงั สรรคฉ์ นั เดนิ ชมอาหารมากมายทเี่ ปน็ เอกลกั ษณข์ อง คนในพ้ืนท่ี มีท้ังอาหารโบราณดั้งเดิมแสนอร่อยและอาหารสมัยใหม่ประยุกต์ขายในราคา ย่อมเยา ฉนั เดนิ สำ� รวจอย่างเพลิดเพลิน ทันใดนนั้ เสียงปังโครมครามเป็นระยะๆ สะกดให้ ผคู้ นต่างหยุดนิ่ง ในแวบแรกฉันคิดวา่ เป็นเสยี งพลุ แตเ่ ปน็ ความคดิ ทกี่ ลบั กัน เสยี งเหลา่ นน้ั คอื เสยี งระเบดิ ทพ่ี รอ้ มจะพรากชวี ติ คนในครอบครวั ใดครอบครวั หนง่ึ ไปไดโ้ ดยทนั ที รนุ แรงชนดิ ทไ่ี มส่ ามารถเหลอื ความหวงั ใหเ้ ขาสามารถกลบั บา้ นไปหาคนทเี่ ขา รกั ได้อีก... ขณะนนั้ ฉนั กบั พขี่ องฉนั ใจสน่ั และหนา้ ซดี คนในตลาดทเ่ี รม่ิ ถามหากนั วนิ าทน่ี นั้ ฉนั กบั พฉ่ี นั ออกจากตลาดทนั ที ระหวา่ งทางกลบั ไมง่ า่ ยอยา่ งทใี่ จตอ้ งการ ถนนตรงหนา้ ฉนั เตม็ ไป ดว้ ยทหารและตำ� รวจพรอ้ มกลมุ่ ควนั และสงิ่ ของทก่ี ระจดั กระจาย ฉนั รสู้ กึ ตกใจมาก ความคดิ ของฉันมืดแปดด้าน ฉันคิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงว่าคืนนี้ฉันกลับไปหาพ่อแม่และครอบครัวฉัน ได้ไหม ฉันเพียงรู้สึกกลัวว่าฉันจะต้องตายและจะมีระเบิดเป็นในทางข้างหน้าอีกหรือเปล่า หูฉนั อ้อื ไปหมด โชคดที พ่ี ขี่ องฉนั นกึ ออกได้วา่ เรายังมญี าตพิ นี่ ้องในเมือง เราขับรถเพือ่ ไปหา ญาติระหว่างขับรถสายตาฉันเหลือบเห็นรถโรงพยาบาลและรถกู้ภัย ก�ำลังช่วยชายคนหนึ่ง ท่ีมีบาดแผลเต็มตัวไปหมด ภาพที่เพ่ิมความกลัวให้กับฉันมากฉันร้องไห้ทั้งๆ ที่ฉันไม่อยาก รอ้ งไห้ออกมา เมื่อถึงบ้านของญาติฉัน ป้าฉันได้โทรหาคนในครอบครัวทันที ฉันโดนต่อว่าท่ีออก มาเท่ยี วในสถานการณแ์ บบนี้ ท�ำให้ฉนั เครยี ดและเกลียดเหตุการณท์ ีเ่ กดิ ข้นึ แตท่ ่านก็ยังเป็น ห่วงฉนั ฉนั คดิ อย่างนัน้ ชั่วโมงต่อมาไฟท้ังเมืองดับลง ได้ยินแต่เสียงไซเรนของรถโรงพยาบาลและ รถกภู้ ยั ทดี่ งั ผา่ นไปผา่ นมาบนทอ้ งถนนบนอากาศกลบั ไมใ่ ชท่ ขี่ องดวงดาว กลบั ถกู แทนทดี่ ว้ ย เฮลิคอปเตอร์บินว่อนส�ำรวจ เสียงใบพัดดังถ่ีในท่ามกลางความมืดท้ังในใจและรอบกายฉัน ปรากฏแสงตะเกียงเลก็ ๆ ทใี่ หแ้ สงสว่างรบิ หรี่ ณ เชา้ รงุ่ ขนึ้ ฉนั ตน่ื ละหมาดพรอ้ มบอกลาญาติ เพอ่ื เดนิ ทางกลับบา้ น ฉันมคี �ำถาม ในหวั เตม็ ไปหมด ฉนั และพข่ี องฉนั ขบั รถผา่ นหลายพนื้ ทท่ี ฉี่ นั คนุ้ เคยถกู แทนทด่ี ว้ ยเศษกระจก และความเสียหายมากมาย เรอื่ งเลา่ จากบ้านเรา 67

ฉันได้ฟังจากค�ำบอกเล่าจากคนในหมู่บ้านว่า มีผู้คนมากมายล้มตายจากการ โดนระเบิด มันท�ำให้ฉันหดหู่ใจ และซึมแสนเศร้าอยู่หลายวันเหตุการณ์ที่พบเจอ กลบั ตอกยำ�้ ความมดื มดิ ในใจ ทำ� ใหฉ้ นั เกดิ ทศั นคติ ตอ่ คนตา่ งศาสนา วา่ เขาเขา้ มาทำ� รา้ ยพวกเรา ในความคดิ ของฉันตอนน้นั ศาสนาอืน่ คอื ศัตรูท่พี รอ้ มฆ่าเราและทำ� ลายเรา กระทั่งฉันอายุ ๑๓ ปี ฉนั เรยี นอยโู่ รงเรยี นเอกชนสอนศาสนาหรือทีใ่ ครหลายๆ คน เรียกว่าปอเนาะ เป็นสถาบันความรู้ท่ีให้ท้ังศาสนาและสามัญ น�ำไปใช้และปฏิบัติในชีวิต ประจำ� วัน ครูท่านหนึ่งเคยสอนเรื่องความสามัคคีและการอยู่รวมกันในสังคมโดยท่านได้ ยกตัวอย่างจากบทบัญญัติจากอัล-กรุอาน ว่า “การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น สิ่งท่ีจะขาดเสียไม่ได้คือ ความสามัคคี และ การเสียสละเพ่ือส่วนรวมเป็นหลัก เม่ือใดที่สังคมขาดความสามัคคี ไร้การเสียสละเมื่อนั้น สังคมจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความเห็นแก่ตัว เป็นสังคมที่ไม่มีความสงบสุข  สับสน วุ่นวาย ความสามัคคีเป็นส่ิงส�ำคัญท่ีสุดในการใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะสาเหตุของความขัดแย้ง เกิดข้ึนได้มากมาย จนบางครั้งเราไม่รู้กันด้วยซ้�ำว่าเกิดข้ึนและมีต้นตอมาจากอะไร แต่น่ีคือ ความจริง ความจริงที่คนหมู่มากย่อมหนีไม่พ้นความขัดแย้ง ส�ำคัญท่ีสุดคือ เม่ือเกิดขึ้นแล้ว ต้องรู้จักการหาทางแก้ไขในสิ่งที่เกิดข้ึนเพื่อไม่ให้ลุกลามจนในท่ีสุดกลายเป็นรากเหง้าของ ปัญหาที่ยากจะแก้ไข เป็นตน้ วา่ การรจู้ กั ให้อภัยกนั ผอ่ นหนักผ่อนเบา และประนีประนอม รอมชอมกนั ซง่ึ คุณสมบตั ิเหล่านี้ ล้วนเป็นค�ำสอนที่มอี ยู่ในอิสลาม และเปน็ คุณลักษณะของ คนมุอมฺ ินผู้ศรทั ธา” (ซูเราะฮฺอัล-อนั ฟาล อายะฮฺท ี่ ๑) จากซูเราะห์ที่ครูน�ำมาสอนฉัน ท�ำให้ฉันได้นึกถึงวิถีคิดและวิถีปฏิบัติท่ีศาสนา อิสลามได้บัญญัติไว้ รวมถึงนบีมูฮ�ำหมัด และผู้น�ำทางศาสนาที่เป็นแบบอย่างท่ีดีหลาย คน จากการปฎิบัติตัวของนบีมูฮ�ำหมัดที่มีต่อคนต่างศาสนาอ่ืนที่ท�ำพฤติกรรมไม่ดีใส่ท่าน ท่านจะไม่มีพฤติกรรมโกรธหรือเกลียดบุคคลเหล่าน้ัน เพราะท่านได้ปฏิบัติตาม คำ� ภรี อ์ ลั -กรุ อาน และทา่ นกเ็ ปน็ เพยี งมนษุ ยป์ ถุ ชุ นคนหนง่ึ ทย่ี ดึ ถอื คำ� สอนทด่ี งี ามมาโดยตลอด ทำ� ให้ฉนั เร่ิมทจี่ ะเปดิ ใจเรยี นรู้ และปฏบิ ตั ิสง่ิ ตา่ งๆ หลังจากน้ี 68 วันที่ความรักผลิบาน ณ บ้านแหง่ เรา

กระทัง่ อายุ ๑๕ ปฉี ันต้องจากโรงเรยี นเพอื่ หาประสบการณ์เปดิ โลกกว้าง ฉันไดพ้ บ กบั โรงเรยี นเดชะปตั ตนยานกุ ลุ ซงึ่ เปน็ โรงเรยี นทมี่ สี งั คมพหวุ ฒั นธรรมหลายศาสนาความแตก ตา่ งมนั ทำ� ใหฉ้ นั ตอ้ งการพสิ จู นค์ วามคดิ ทเี่ คยคดิ ไวม้ จี รงิ อยหู่ รอื เปลา่ หรอื เปน็ แคค่ วามคดิ ดา้ น มดื ทีไ่ มถ่ กู ต้อง... ภาพท่ฉี นั เหน็ คอื ความต่างของศาสนาไม่ไดเ้ ปน็ อปุ สรรคในการอย่รู ว่ มกนั แตอ่ ยา่ ง ใด ครูและพ่ีๆ เพ่ือนๆ น้องๆ ให้เกียรติซ่ึงกันและกันท�ำให้ความคิดของฉันเร่ิมเปล่ียนไป และคอ่ ยๆ ตายไปจนหมดส้ิน ทุกเช้าคนที่นับถือศาสนาพุทธต้องสวดมนต์และศาสนาอิสลามต้องอ่านดุอาอฺ น่ัน หมายถึงวา่ ทุกคนอยู่ร่วมกันภายใตค้ วามเปน็ คนไทยทีต่ อ้ งรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ผ่านคำ� พดู บทสุดท้ายของการปฏญิ าณตน ในทกุ ๆ เชา้ ของการเขา้ แถว ฉนั มคี รตู า่ งศาสนาคนหนง่ึ ทเ่ี ปน็ ทกุ อยา่ งใหก้ บั ฉนั ดแู ลฉนั รกั ฉนั ใหเ้ กยี รตฉิ นั เมอื่ ครูพาไปเล้ียงอาหารครูมักจะหาร้านดีๆ ที่มีฮาลาล ท�ำให้ฉันอุ่นใจว่าครูคนนี้จะไม่แบ่งแยก ศาสนาและรักลกู ศิษย์เทา่ เทยี มกนั เสมอ ฉันได้เจอสารคดีชีวประวัติของในหลวงรัชกาลท่ี ๙ กับเร่ืองพระสหายแห่งลุ่มน�้ำ สายบุรีเป็นเร่ืองเล่ามิตรภาพของพระราชากับคนธรรมดาท่ีพูดภาษาไทยไม่เป็น ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงเยย่ี มราษฎรเพ่อื สอบถามความเปน็ อยูจ่ นได้พบกบั ลุงวาเด็ง ปูเตะ๊ ซงึ่ เปน็ ชาวบ้านธรรมดาท่ีพูดภาษาไทยไม่เป็นลุงวาเด็ง ปูเต๊ะ ไม่รู้ด้วยซ�้ำว่าชายที่อยู่ต่อหน้าเป็น พระมหากษตั รยิ จ์ นไดท้ ราบจากลา่ มของในหลวง ลงุ วาเดง็ เขยี นภาษาไทยไมไ่ ด้ แตล่ งุ มคี วาม มุ่งมั่นในการเรียนเขียนภาษาไทย ลงนามให้แด่ในหลวงถึงกรุงเทพ ความเป็นมิตรภาพที่ดี ของในหลวงมอบใหแ้ กล่ ุงวาเด็ง ปเู ตะ๊ เปน็ มติ รภาพทด่ี ไี ม่แบ่งแยกชนช้ัน ถึงแม้ว่าลงุ วาเดง็ ปูเตะ๊ จะไม่มชี ีวิตอยแู่ ล้ว แตล่ งุ วาเด็ง ปเู ตะ๊ สร้างความคดิ ท่ดี ใี ห้ กบั ฉนั เปน็ เร่อื งท่ีดที ี่ทำ� ใหฉ้ ันรู้สึกภมู ิใจและโชคดีที่ไดเ้ กิดในแผ่นดินไทย จากเรื่องลุงวาเด็ง ปูเต๊ะ ท�ำให้ฉันสนใจรักบ้านเกิดของตัวเอง และต้ังใจท่ีจะท�ำ ประโยชน์เพ่ือพ้ืนที่และแผ่นดินท่ีฉันอยู่โดยการเข้าร่วมโครงการมากมายที่ส่งเสริมท้องถ่ิน ที่ฉันอยู่ ประชาสมั พนั ธ์ ให้คำ� แนะนำ� แก่ผู้อืน่ ให้อยู่ร่วมกนั อยา่ งสนั ตสิ ขุ พระราชด�ำรัสของ เรอ่ื งเลา่ จากบา้ นเรา 69

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ ๙ ท่พี ระราชทานเพ่อื เชิญอา่ นในพิธี สมั มนาสมาคมสงเคราะหแ์ ห่งประเทศไทยเรอ่ื งการพฒั นาสังคมในดา้ นศลี ธรรมและจิตใจ “ความสามัคคีนั้น อาจหมายความถึงเห็นชอบเห็นพ้องกันโดยไม่แย้งกัน ความจริงงานทุกอย่างหรือการอยู่เป็นสังคมย่อมต้องมีความขัดแย้งกัน ความคิดต่างกัน ซึ่งไม่เสียหาย แต่อยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเราใช้หลักวิชาและความปรองดองด้วยการใช้ปัญญา การแยง้ ตา่ งๆ ยอ่ มเปน็ ประโยชน์ หากมรี ากฐานของความคดิ อยา่ งเดยี วกนั รากฐานของความ คดิ น้นั คอื แต่ละคนจะตอ้ งทำ� ให้บา้ นเมอื งมคี วามมคี วามเปน็ ปึกแผน่ ” พระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๑๗ ฉนั คิดวา่ คนเราสามารถอย่รู ่วมกันภายใต้ความแตกตา่ ง คนเราไมส่ ามารถให้ความ คดิ ของทกุ คนเหมอื นกนั ได้ เราควรทจี่ ะเขา้ ใจในชวี ติ อยา่ เพยี งแตน่ ำ� ความคดิ ของเราเปน็ ใหญ่ ควรรบั ฟงั ผอู้ นื่ และใหเ้ กยี รตใิ นความแตกตา่ งอยา่ เพยี งคดิ ทจ่ี ะสรา้ งกำ� แพงขนึ้ ดว้ ยความอคติ เราตอ้ งมองเขาด้วยความเข้าใจแลว้ สงิ่ ท่ดี ีงามจะตามมา 70 วนั ทคี่ วามรักผลบิ าน ณ บา้ นแห่งเรา

เสยี งน�้ำใจ นางสาวพิชามลชุ์ งามศรีผ่องใส โรงเรยี นเบญจมราชทู ิศ จงั หวดั ปัตตานี สายลมท่ีมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง เปรียบดั่งเสียงสวดมนต์ที่ ดงั กอ้ งไปทว่ั น่นั คอื เสียงของความศรัทธาของชาวบา้ นทีต่ ้นเสียงนนั้ สง่ มาจากวดั เป็นสถาน ท่ีสงบของชาวไทยพุทธ เม่ือสิ้นเสยี งสวดมนต์ เวลาผ่านไปประมาณ ๔ - ๕ ชั่วโมงจากเวลา ๖ โมงเชา้ ที่ผ่านมา เสียงการกล่าวดุอาอฺกเ็ ร่ิมต้นข้ึนดังกอ้ งไปทว่ั ชุมชน นั่นคือ การแสดงให้ เหน็ ถงึ ความศรัทธาในพระเจ้าของชาวไทยมสุ ลมิ ตน้ เสยี งส่งมาจากมสั ยิด สถานทอ่ี นั งดงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยความบรสิ ทุ ธิข์ องชาวไทยมุสลิม ชมุ ชนแดนใต้แห่งนีม้ คี วามเป็นอันหน่งึ อันเดียวกัน ชุมชนท่ีเต็มไปดว้ ยรอยย้มิ และ ความสขุ อนั มาก วัดและมัสยดิ คือ จดุ ที่แสดงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสขุ เมือ่ ลองใหห้ ัวใจ ได้สัมผัสกบั ความรสู้ กึ นค้ี งจะรสู้ กึ ได้ว่าสมั ผสั กบั สง่ิ พิเศษอยูน่ ัน่ เอง เดก็ ชายคนหนงึ่ สวมเสื้อ สขี าวบริสุทธิ์ ผิวพรรณท่ีดูเรียบเนียน นามว่า นาดีม นาดมี มักว่ิงเล่นอยูใ่ นสวนยางของพ่อ เปน็ ประจ�ำทุกวันและแล้วดวงตาของนาดีมก็ตอ้ งหยดุ ชะงักลงเม่ือไดเ้ หน็ เพ่อื นของเขาในชดุ ผ้าเหลอื ง เขาถึงกบั คิดไมถ่ งึ วา่ เพือ่ นจะบวชเปน็ เณรนอ้ ยจริงๆ “ เณรกร ได้บวชตามท่ีใจตอ้ งการแลว้ ดีใจด้วย ” สน้ิ เสียงของนาดีมที่ชนื่ ชมยนิ ดี เณรกร “ เราขอบใจมากนาดมี ท่ีคอยชว่ ยเหลอื เณรเสมอ ” เณรกลา่ วดว้ ยความขอบคุณ “เรากร็ สู้ กึ ดใี จทเ่ี ณรไดท้ ำ� หนา้ ทข่ี องลกู ทดี่ นี ะ”นาดมี ปลาบปลมื้ ยนิ ดใี นสงิ่ ทเ่ี พอื่ นทำ� เณรกรเด็กน้อยท่ีส�ำนึกในพระคุณของพ่อและแม่ที่เล้ียงดูเณรมา การบวช เรอื่ งเล่าจากบา้ นเรา 71

ทดแทนพระคณุ ให้ท้งั พ่อและแม่คงเป็นทางเดียวท่ีเดก็ จะท�ำได้ ท่านทงั้ สองคงมองลงมาจาก สรวงสวรรค์มองเห็นเณรไดบ้ วช คงทำ� ให้ท่านทงั้ สองหมดหว่ งและภูมใิ จในตัวเณร ความคิดของเณรกรนั้นเป็นผู้ใหญ่ข้ึนมาก เณรเลือกที่จะศึกษาต่อในพระธรรม ค�ำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาศาสนาไว้ให้คนต่อๆ ไป สว่ นนาดมี กเ็ ลอื กทจี่ ะศกึ ษาเกยี่ วกบั ศาสนาดว้ ยความตง้ั ใจ เพอื่ รกั ษาศาสนาเอาไวใ้ หค้ นตอ่ ๆ ไปไดศ้ กึ ษาในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง เณรกรและนาดมี นนั้ เปน็ เพอื่ นกนั มานาน จติ ใจอนั ขาวบรสิ ทุ ธขิ์ อง เดก็ ทง้ั สองคนเปรยี บดง่ั ดวงแกว้ อญั มณที สี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ มคี วามคดิ ทจ่ี ะไปในทางเดยี วกนั ถงึ แมว้ า่ จะนบั ถอื ต่างกันก็ตาม ชา่ งหาส่ิงน้ียากมากในหมู่เดก็ อายนุ อ้ ยๆ ใครจะเช่อื ว่าจะมอี ยู่จริง เมฆหมอกทป่ี กคลมุ ไมท่ ว่ั ทอ้ งฟา้ ราวกบั วา่ อยใู่ ตล้ กึ มหาสมทุ ร ชา่ งนา่ กลวั เหลอื เกนิ ไม่นานนักเม็ดฝนก็ตกโปรยปรายลงมาตกกระทบลงบนพ้ืนดิน แม้กล่ินของดินท้ังหอมและ รู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์ในชุมชนอีกทั้งยังท�ำให้นาข้าวของชาวบ้านน้ันมีความเขียวขจ ี แต่ในทางกลับกนั แมจ้ ะมีสิ่งทีส่ วยงามมาใหน้ ่าดีใจแตห่ ารูไ้ มว่ ่าสงิ่ น้นั อาจแฝงมาดว้ ยสง่ิ เลว รา้ ยทพ่ี ลดั พรากชวี ติ ของใครหลายๆ คนไป นนั่ กค็ อื พายทุ เี่ คยครา่ ชวี ติ ทง้ั พอ่ และแมข่ องเณร ไป ก�ำลงั มุ่งตรงมายงั ชุมชนของพวกเรา ส่ิงทที่ กุ คนกลวั ก�ำลงั จะกลบั มาอีกครัง้ พายุก็เหมือน ฝันรา้ ยของเณร มาพรอ้ มลมทแี่ รง ไม่อาจตอ่ สแู้ ละต้านทานได้ ยิ่งต้องสญู เสียทัง้ พ่อและแม่ ไปทำ� ใหเ้ ณรตอ้ งอยตู่ วั คนเดยี วมาตงั้ แตเ่ ลก็ ไดค้ รอบครวั ของนาดมี และชาวบา้ นทใ่ี หก้ ารดแู ล ชว่ ยเหลือ แต่ก็ไม่เท่าความรกั และความอบอุ่นจากการทีม่ ีครอบครวั ทีส่ มบรู ณ์ เช้าวนั ร่งุ ข้นึ หลังจากท่ชี มุ ชนของเราผา่ นพ้นพายอุ นั นา่ กลัวมานน้ั บ้านของนาดีม โดนพายลุ มพดั แรงเกิดความเสียหายมาก เมอื่ ข่าวน้ไี ด้ยินถงึ เณรกร เณรกรจงึ ตัดสนิ ใจอยา่ ง ไมล่ งั เลรบี เขา้ ไปชว่ ยซอ่ มแซมบา้ นใหก้ บั นาดมี เมอื่ เวลาผา่ นไปไมน่ าน บา้ นของนาดมี กเ็ สรจ็ ทุกคนในชุมชนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ นาดีมเห็นว่าเณรกรเหนื่อยมากเลยให้เณรเดิน มาทป่ี ๊ัมโยกนำ้� บาดาลของชมุ ชน ณ ปัม๊ โยกนำ้� บาดาล ค�ำพดู สนั้ ๆ ที่ทำ� ใหค้ นฟังไดย้ ินกร็ สู้ กึ ดี “ ขอบใจมากเณร ” ส้ินเสียงของนาดีม เสียงสายน้�ำท่ีตกกระทบลงบนอุ้มมือ ทั้งสองของเณร เณรกรกด็ ่มื น้�ำจากในอมุ้ มือของตัวเอง สายน้�ำท่ไี หลมาจากก๊อกน�ำ้ บาดาลท่ี 72 วันท่ีความรกั ผลบิ าน ณ บ้านแหง่ เรา

นาดมี เปน็ คนปม๊ั โยกให้ “ เณรต้องช่วยนาดีมเพราะครง้ั ก่อนท่ีบ้านเณรถกู พายุนาดมี ก็มาช่วย ” ถงึ แมว้ า่ จะตา่ งศาสนาแตเ่ ราก็มีน�ำ้ ใจช่วยเหลือกนั ได้ เพราะเราก็คือเพอ่ื นกัน ชุมชนเล็กๆ ที่ไม่เด่น ไม่ดัง ไม่ได้เป็นจุดสนใจแต่เต็มไปด้วยสองศาสนาท่ีอยู่ด้วย กันอย่างสงบ สันติสุข และพร้อมไปด้วยความมีน้�ำใจให้กันและกัน ช่วยเหลือกันเสมอ น่ีแหละคือเสน่ห์ของชาวบ้านถ่ินแดนใต้ ชุมชนแห่งน้ีดีที่สุดในสายตาของฉัน บ้านเกิดของ ฉันอาจไม่ดีในสายตาของคนภายนอกท่ีมองแค่ผิวเผินก็ตัดสินใจไปแล้วว่าน่ากลัว ถ้าคุณ ได้ลองมาสัมผัสและใช้ชีวิตดู คุณจะเห็นในส่ิงที่สวยงามอย่างท่ีฉันได้เห็น แล้วคุณก็จะรัก ในถ่ินแดนใต้โดยไม่รตู้ วั เสียงของความศรทั ธา คอื เสยี งของความสนั ติสขุ เสียงของความสงบสุข คอื เสียงน�้ำใจถ่ินแดนใต้ เร่อื งเลา่ จากบ้านเรา 73

สันติสุขอยหู่ นใด นางสาวสุธาวี สุภาพ โรงเรยี นสะเดา “ขรรคช์ ยั กมั พลานนทอ์ นสุ รณ”์ จงั หวดั สงขลา “ความคิดขัดแย้ง พื้นที่สีแดงชายแดนด้ามขวาน พี่น้องเราเดือดร้อนมานาน ด้วยอุดมการณ์แยกดินแบ่งฟ้า ปักษ์ใต้บ้านเราบัดนี้เงียบเหงาไร้เสียงบินหลา ใครๆ เขา ไมอ่ ยากมา ลกู หลานถามว่าฆา่ กนั ทำ� ไม” นอกจากพาดหวั ขา่ วหนงั สือพมิ พห์ นา้ หนึ่ง ขา่ วในโทรทัศน์แล้ว นกี่ ็ยังเป็นอกี หนง่ึ บทเพลงจากหลายบทเพลงทแี่ ตง่ ขึ้นเก่ียวกบั เหตุการณค์ วามขัดแยง้ ในสามจงั หวดั ชายแดน ใต้ ฉันคิดว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินเรื่องน้ีไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ภาพเด็กน้อย โดนระเบดิ ทหารนอนอยทู่ า่ มกลางกองเลือดคณุ ครโู ดนยิง สถานทรี่ าชการโดนท�ำลาย หรอื อะไรกต็ ามแต่ เมอ่ื พดู ถงึ สามจงั หวดั ชายแดนใตแ้ ลว้ ภาพทท่ี กุ คนนกึ ถงึ คงเปน็ ภาพทคี่ อ่ นขา้ ง โหดรา้ ย นา่ กลวั สงิ่ เหลา่ นหี้ รือเปล่าทท่ี ำ� ให้ใครๆ กไ็ ม่อยากมา สันตสิ ขุ คอื ส่งิ ทีพ่ วกเราหรอื พวกคุณเองก็ปรารถนาที่จะสัมผัส ทุกคนคงคุ้นชนิ กบั ค�ำนี้ แต่จะมีใครกันที่จะเข้าใจว่าแท้ท่ีจริงแล้วความหมายของสันติสุขคืออะไร หน้าตาเป็น แบบไหน ซ่อนอยู่ซอกหลบื ลกึ แคไ่ หนของแผน่ ดิน หรือสงู สักเพียงใดบนทอ้ งฟา้ ในขณะท่ีมีเหตุการณ์ความรุนแรงท�ำให้หลายคนมองข้ามเรื่องราวดีๆ ของสาม จังหวัดชายแดนใต้ ภาษาท่ีไพเราะ ประเพณีวัฒนธรรม รอยยิ้มบนใบหน้า นัยย์ตาท่ีฉาย ความหวัง ถึงแมว้ า่ ความจริงแล้วภมู ิลำ� เนาเดมิ ของฉันจะอยทู่ จ่ี ังหวัดสงขลา และตัวฉันเองก็ นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ แตฉ่ นั ไดม้ โี อกาสไดไ้ ปเทย่ี วทสี่ ายบรุ ี จงั หวดั ปตั ตานอี ยบู่ อ่ ยครงั้ เนอ่ื งจาก ลุงของฉันซง่ึ เปน็ พ่ขี องพ่อ ได้ไปสรา้ งครอบครวั กบั ป้าซึ่งนบั ถอื ศาสนาอิสลามทีส่ ายบุรี ลุงจงึ เป็นมุสลมิ ต้ังแต่นนั้ เปน็ ต้นมา หนง่ึ ค�ำท่ีอยากบอกคอื ค�ำว่ารัก ฉันรักทน่ี ม่ี าก ทกุ ครั้งท่พี ่อพา ฉันและครอบครัวไปบ้านลุง ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ได้เข้าใจในความแตกต่างของ 74 วันที่ความรักผลิบาน ณ บ้านแหง่ เรา