Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเงินเพื่อชีวิต 3

การเงินเพื่อชีวิต 3

Published by sguy policy&plan, 2022-06-29 07:01:54

Description: ชุดวิชาการเงิน 3 ระดับ ม. ปลาย

Search

Read the Text Version

91 5. สามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน เช่น คนทำงานรับความเสี่ยงได้มากกว่า คนทีเ่ กษยี ณแลว้ เพราะยงั มรี ายรับเขา้ มาเรอื่ ย ๆ แตว่ ยั เกษียณไมม่ ีรายรับอย่างตอ่ เนื่อง จึงควร ลงทุนในผลิตภณั ฑก์ ารเงนิ ที่มีความเสี่ยงตำ่ เช่น พันธบตั รรัฐบาล 6. ควรกระจายความเสี่ยงอย่างไร ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน เพื่อเฉลี่ยระดับความเสี่ยงที่มากน้อยให้พอเหมาะตามความเสี่ยงที่รับได้ ไม่ควรลงทุนใน สนิ ทรัพย์ทีม่ คี วามเสี่ยงสูงเพยี งอยา่ งเดยี ว 7. ติดตามข่าวสาร ทบทวน และปรับปรุงแผนการลงทุนอยู่เสมอ ให้สอดคล้อง กับสภาพการณ์ เช่น ทุก 6 เดือน หรือเมื่อมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนก็ อาจจะปรบั สดั ส่วนการลงทุน หรือตนเองมรี ายได้มากขน้ึ กอ็ าจจะลงทุนเพิ่มข้ึนได้อกี แหล่งศกึ ษาข้อมูลเพมิ่ เตมิ เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ https://www.setinvestnow.com/th/home แหง่ ประเทศไทย การประกนั ภัย ความหมายของความเสี่ยงภัย ความเส่ียงภัย คือ ความไมแ่ นน่ อนของเหตุการณ์ท่ีอาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผลท่ี จะเกิดข้ึนมคี วามเป็นไปได้ทจี่ ะเบี่ยงเบนไปจากผลท่คี าดหวงั ไว้ และไม่สามารถทราบล่วงหน้าถึง ขนาดของความสูญเสียหรือความเสียหาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปสู่สถานะการเงิน สภาวะ ทางอารมณ์ หรอื ทั้ง 2 อย่างแกผ่ ู้ประสบภยั วิธกี ารจดั การความเส่ยี งภัย 1. หลีกเลี่ยงความเสี่ยง คือ การหลีกเลีย่ งเหตุการณ์หรอื สาเหตุท่ีอาจก่อให้เกิด ความเสยี หาย 2. ลดหรือควบคุมความเสี่ยง คือ การควบคุมหรือป้องกัน เพื่อลดโอกาสที่จะ เกดิ ความเสยี่ ง ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การวางแผนการเงิน

92 3. รับความเสี่ยงไว้เอง คือ การยอมรับผลกระทบท่ีอาจจะเกิดขึ้นจากภัยไว้เอง ท้งั หมดหรอื บางส่วน 4. โอนความเสี่ยง คือ การลดโอกาสที่จะเกิด ลดผลกระทบ โดยการหาผู้ร่วม รับผดิ ชอบความเสย่ี ง ความหมายและประโยชนข์ องการประกันภยั การทำประกันภัยเป็นการจัดการความเสี่ยงภัยวิธีหนึ่ง ซึ่งจะโอนความเสี่ยงภัย ของผู้เอาประกันภัยไปสู่บริษัทประกันภัย เมื่อเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายจาก เหตุการณ์ไม่คาดฝัน บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่ได้รับความคุ้มครองใน กรมธรรม์ประกนั ภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยที่ผู้เอาประกนั ภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยให้แก่ บริษทั ประกนั ภัยตามทไ่ี ดต้ กลงกันไว้ การประกันภัยจะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยและ ครอบครัว กล่าวคือ หากเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อสิ่งที่เอาประกันจะไม่ส่งผล กระทบต่อฐานะการเงินของผู้เอาประกัน นอกจากนี้ การทำประกันภยั ยงั ช่วยใหผ้ เู้ อาประกันภัย คลายความกังวลกับสิ่งที่เหนือการควบคุมหรือคาดเดาได้ยากว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น การทำประกันชีวิต โดยหากผู้เอาประกันเกิดเสียชีวิตขึ้นมาในขณะที่ยังมีภาระดูแล ครอบครัว ผูท้ อ่ี ยู่ขา้ งหลังจะได้รับค่าสินไหมทดแทนในฐานะผู้รับประโยชน์ตามท่ีผู้เอาประกันภัยได้ ตกลงไว้กับบรษิ ทั ประกนั ภยั หลักการพจิ ารณาความจำเปน็ ในการทำประกนั ภัย ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องทำประกันภัยเสมอไป หากตัวเราเองสามารถรับความ เสี่ยงหรือมีแผนการรองรับที่ดีก็ไม่จำเป็นต้องทำประกันภัย โดยมีหลักในการพิจารณาว่า จำเป็นต้องทำประกนั ภยั หรือไม่ดงั น้ี 1. ภาระรับผิดชอบที่มี หากเราเป็นเสาหลักทางการเงินของครอบครัว เช่น เป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายของทุกคนในบ้านหรือมีภาระหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าเกิดปัญหากับเรา จนไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ เช่น เจ็บป่วยหนัก เกิดอุบัติเหตุรุนแรงหรือเสียชีวิต จะสร้าง ภาระให้แก่คนที่อยู่เบื้องหลังมากน้อยแค่ไหน เรามีแผนการรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแล้ว ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชวี ติ 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน

93 หรือไม่ ถ้าเรามีเงินเก็บมากพอ มีทรัพย์สินที่ปลอดภาระแล้ว เช่น เราซื้อด้วยเงินสดหรือผ่อน หมดแล้ว การเสียชีวิตของเราไม่ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเดือดร้อน ประกันภัยก็อาจไม่จำเป็น สำหรบั เรา 2. โอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงหรือประกอบอาชีพทีม่ คี วามเสี่ยง เช่น ต้องอยู่ในเขตก่อสร้าง ผลิตสารเคมี หรือเดินทางบ่อย ย่อมมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ทำงาน ในออฟฟศิ ในกรณนี ้ีกค็ วรทำประกันภัย บคุ คลท่ีเกย่ี วขอ้ งในการประกนั ภัย มี 3 ฝ่าย คือ • ผู้รับประกนั ภัย คอื บริษัททปี่ ระกอบธุรกิจประกนั ภยั • ผู้เอาประกันภัย คือ บุคคลที่ต้องการจะทำประกันภัยและมีหน้าที่จ่าย เบี้ยประกันภัยใหแ้ กผ่ รู้ ับประกนั ภัย • ผู้รับประโยชน์ คือ คนที่จะได้รับสินไหมทดแทนตามที่ผู้เอาประกันภัยระบุไว้ โดยผเู้ อาประกนั ภัยกับผรู้ บั ประโยชน์อาจเป็นคนคนเดียวกันได้ ประเภทของการประกันภยั ก่อนซื้อประกันภัย ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจ เปรียบเทียบ รูปแบบ ความคุ้มครอง และเบี้ยประกนั ภัยของการประกนั ภัยก่อน เพื่อให้ได้รับแบบประกันภัย ที่มีความเหมาะสม ตรงตามความต้องการมากที่สุด ซึ่งสามารถแบ่งประกันภัยออกเป็น ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงนิ

94 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 1) ประกันชีวิต 2) ประกันวินาศภยั โดยแต่ละประเภทก็ยังมีรปู แบบการ ประกันภัยท่ีจำแนกย่อยอีก อนึ่ง หากผู้รับประกันภัยพบว่า ความเสียหายเกิดจากการทุจริตหรือความ ประมาทอย่างร้ายแรง หรือการกระทำโดยเจตนาของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ หรือ แสดงข้อความ เอกสารอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของการประกันภัย ผู้รับ ประกันภัยมีสิทธิปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในความเสียหาย โดยไม่ต้องคืนเบี้ย ประกันภัย 1. ประกันชีวิต คือ การประกันภัยที่การจ่ายเงินอาศัยการทรงชีพ (มีชีวิตอยู่) หรือมรณะ (ตาย) ของบุคคลเป็นเหตุในการจ่าย ซึ่งผู้รับประกันจะจ่ายเงินเอาประกันให้กับ ผู้เอาประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ครบระยะเวลาที่ระบุในสัญญา หรือจ่ายเงิน เอาประกนั ให้ผู้รบั ผลประโยชน์ ถา้ ผู้เอาประกันเสียชีวติ ภายในระยะเวลาท่ีระบใุ นสัญญา แบบการประกันชีวิต 1) แบบการประกนั ชวี ิตพื้นฐาน มีอยู่ 4 แบบ คือ 1.1) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (term insurance) เป็นการ ประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้ เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาเอาประกันภัย วัตถปุ ระสงค์เพื่อคุ้มครองการเสียชวี ิตกอ่ น ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ

95 วัยอันสมควร การประกนั ชีวติ แบบน้ีไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบยี้ ประกนั ภยั จึงต่ำกว่าแบบ อนื่ ๆ และไม่มเี งนิ เหลอื คืนใหห้ ากผู้เอาประกนั ภัยมีชีวติ อยูจ่ นครบกำหนดสัญญา ตวั อยา่ ง ประกันชีวติ แบบช่วั ระยะเวลา เช่น ประกันคุ้มครองสินเชอ่ื (mortgage reducing term assurance - MRTA) ให้ความคุ้มครองกรณีผูเ้ อาประกันภัยมี ภาระหนี้ โดยหากเกิดเหตุกับผู้เอาประกันภัยที่ทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ผู้รับ ประกันภัยจะชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แทนผู้เอาประกันภัยตามเงินเอาประกันภัย ประกัน MRTA จะช่วยลดภาระหน้ีบางสว่ นท่ีครอบครวั และลกู หลานต้องชำระต่อ หรือไม่ต้องประสบปัญหาถูกยึด ที่อยู่อาศัยเพื่อนำเงินไปชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ ธนาคารจึงมักเสนอประกันภัยประเภทนี้แก่ลูกค้า เมื่อขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับธนาคาร โดยมักจะกำหนดให้ลูกค้าทำประกันคุ้มครองวงเงิน สินเชอ่ื ไมต่ ่ำกวา่ 70% ของวงเงนิ สินเชอ่ื ประกัน MRTA จะตา่ งกบั ประกนั อื่นตรงที่ - จำนวนเงนิ เอาประกันภยั จะลดลงทกุ ปตี ามยอดหน้ีทที่ ยอยลดลง และความคมุ้ ครองสิน้ สดุ เม่ือภาระหน้ีหมดลง - จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว แต่หากชำระหนี้หมดก่อนครบ กำหนดค้มุ ครองสามารถขอเวนคนื กรมธรรมไ์ ด้ 1.2) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (whole life) เป็นการประกันชีวิตท่ี บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ภายในระยะเวลาเอาประกันภัย หรือหากผู้เอาประกันภัยมีอายุยืนยาวจนครบกำหนดสัญญา ผู้เอาประกันภัยจะได้รับจำนวนเงินเอาประกันภัย (ระยะเวลาเอาประกันชีวิตแบบตลอดชีพ กำหนดให้ครบกำหนดสัญญาเมือ่ ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 90 ปี ถึง 99 ปี) วัตถุประสงค์เพือ่ คุ้มครองการเสียชีวิต เพื่อให้บุคคลที่อยู่ในความอุปการะของผู้เอาประกันภัยได้รับเงินทุน จำนวนหนึ่งไว้สำหรับจุนเจือ หรือเป็นเงินทุนสำหรับการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายและค่าทำศพ เพ่ือไม่ใหต้ กเปน็ ภาระของคนอนื่ 1.3) ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (endowment) เป็นการประกัน ชวี ิตท่ีบริษทั ประกันชวี ติ จะจา่ ยจำนวนเงนิ เอาประกนั ภัยให้แก่ผู้เอาประกนั ภยั เมอื่ มีชีวติ อยคู่ รบ ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ

96 กำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลง ภายในระยะเวลาเอาประกันภัย วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการเสียชีวิตและการออมทรัพย์ โดยในสว่ นของการออมทรัพย์ ผเู้ อาประกันภัยไดร้ ับเงินคืนในระหวา่ งสญั ญาหรอื เมอื่ สญั ญาครบ กำหนด 1.4) ประกันชีวิตแบบบำนาญ (annuity) เป็นการประกันชีวิตที่ บริษัทประกันชวี ิตจะจ่ายเงินผลประโยชนต์ ามที่ระบุในสัญญาให้ผเู้ อาประกันเป็นรายปีหรือราย เดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป สำหรับ ระยะเวลาการจ่ายเงินผลประโยชน์ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันภัย โดยบริษัท ประกันชีวิตจะเก็บเบี้ยประกันภัยจนถึงอายุหนึ่งซึ่งช่วงระยะเวลาที่เก็บเบี้ยประกันภัยจะอยู่ ในช่วงที่ทำงานหรือช่วงก่อนเกษียณอายุ วัตถุประสงค์เพื่อให้ความคุ้มครองกรณีที่ผู้ เอาประกนั ภัยที่คาดวา่ มอี ายุยนื ยาว และตอ้ งการให้มีเงินไดป้ ระจำหลังจากท่ีเกษียณอายุ 2) แบบการประกันชีวิตควบการลงทุน คือ การประกันชีวิตที่ให้ความ คุ้มครองการเสียชีวิตและการออมทรพั ย์ โดยเบี้ยประกนั ภัยจะแบง่ ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วน ของความคุ้มครอง ส่วนของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และส่วนของการออมทรัพย์ เงินในส่วนของการ ออมทรัพย์ท่ไี ด้รับจะมากหรือนอ้ ยข้ึนอยู่กับผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน มีอยู่ 2 แบบคอื 2.1) ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (universal life) เป็นการ ประกันชีวิตท่ีให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตและการออมทรัพย์ โดยส่วนของการออมทรัพย์ บรษิ ทั ประกนั ชีวิตเปน็ ผู้บริหารการลงทุน • ความค้มุ ครองกรณีผู้เอาประกันภยั เสยี ชีวิต จะได้รบั จำนวนเงิน เอาประกันภัยรวมกับเงินผลประโยชน์ในส่วนของการออมทรัพย์ซึ่งจะได้รับเป็นจำนวน ท่ีมากหรอื นอ้ ยขึน้ กบั ผลตอบแทนจากการลงทนุ ของบริษทั • ความคุ้มครองกรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา จะได้รับ เงินผลประโยชน์ในส่วนของการออมทรัพย์ ซึ่งจะได้รับเป็นจำนวนที่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษทั ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงิน

97 ทงั้ นี้ เงนิ ผลประโยชน์ท่ไี ด้รับท้ังกรณคี วามคุม้ ครองการเสียชีวิต และ กรณีมชี วี ติ อยู่ครบกำหนดสญั ญา ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ เบ้ยี ประกันภยั ที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระไปแล้ว 2.2) ประกันชีวิตแบบควบการลงทนุ (unit link) เป็นการประกันชวี ิต ที่ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตและการออมทรัพย์ โดยส่วนของการออมทรัพย์ ผู้เอาประกนั ภัยเปน็ ผู้เลือกลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ ซงึ่ กองทุนรวมดงั กล่าว บริษัทได้ พิจารณาจัดสรรเพ่ือให้ผเู้ อาประกันภัยไดเ้ ลอื กลงทนุ • ความคุ้มครองกรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต จะได้รับเงิน เอาประกันภัยรวมกับเงินผลประโยชน์ในส่วนของการลงทุนในกองทุนรวม เงินในส่วนของการ ลงทุนที่ได้รับจะมีจำนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนรวมที่ เลือกลงทุน • ความคุ้มครองกรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงิน ผลประโยชน์ในส่วนของการลงทุนในกองทุนรวม เงินในส่วนของการลงทุนที่ได้รับจะมีจำนวน มากหรือนอ้ ยขน้ึ อยกู่ ับผลตอบแทนจากการลงทนุ ของกองทนุ รวมท่ีเลือกลงทุน ทั้งนี้ เงินลงทุนที่ได้อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าเบี้ยประกันภัยใน ส่วนลงทนุ ดังนนั้ เงินครบกำหนดทีไ่ ดร้ ับอาจน้อยกวา่ เบ้ียประกนั ภัยท่ีจ่าย เบ้ยี ประกันชวี ติ เบี้ยประกันชีวิตมีความแตกต่างกันตามแบบประกัน เช่น ประกันชีวิตแบบ สะสมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจะแพงกว่าประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาและแบบตลอดชีพ นอกจากนย้ี ังขนึ้ อยู่กับขอ้ มูลของผู้เอาประกันภัยอีกดว้ ย เช่น เพศ อายุ สัญญาเพิม่ เติมกรมธรรม์ประกันชีวติ เป็นสัญญาเพิม่ เติมที่ผู้เอาประกนั ภัย สามารถเลอื กซอื้ เพ่ิมเติมจากการซ้ือความคมุ้ ครองจากกรมธรรมป์ ระกันชีวิต เชน่ 1) สัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองความทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (สูญเสีย สมรรถภาพในการทำงานอันเกิดจากอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยหรือเชื้อโรคทำให้ไม่สามารถ ประกอบหน้าที่การงานได้แบบถาวร) เช่น สูญเสียสายตา มือหรือเท้าหรือทั้ง 2 ข้างหรืออย่างใด ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน

98 อย่างหนึ่งรวมกันตั้งแต่สองอย่างขึ้นไป สัญญาเพิ่มเติมนี้มักจะเพิ่มไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต ใหโ้ ดยอตั โนมตั ิ และกำหนดผลประโยชนเ์ ทา่ กบั จำนวนเงินเอาประกันภัย 2) สัญญาเพิ่มเติมความคุ้มครองโรคร้ายแรงและการเจ็บป่วยขั้นวิกฤต หากป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือขั้นวิกฤต มักจะมีค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนสูง การทำ ประกันภัยเพื่อความคุ้มครองกรณีดังกล่าวจะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาลงได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด ไตวาย ซึ่งผู้รับประกันภัยอาจทำเพิ่มเป็นอีกหนึ่ง กรมธรรมไ์ ด้ 3) สัญญาเพิ่มเติมการประกันอุบัติเหตุ ให้ความคุ้มครองกรณีที่ ผู้เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ รวมถึงให้ผลประโยชน์ด้านค่า รกั ษาพยาบาลจากการได้รบั อุบัตเิ หตุดว้ ย 4) สัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพ ให้ความคุ้มครองเมื่อต้องเข้าพัก รักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งในสัญญาจะระบุรายการผลประโยชน์ที่จะได้รับ และจำนวนเงินท่ี ผู้รับประกันภัยจะจ่ายให้ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล 1,000 บาทต่อวัน ค่าห้อง ผา่ ตดั 4,000 บาทตอ่ การเขา้ รบั การรกั ษา 1 ครัง้ แบบประกันภัยอ่นื ๆ การประกันภัยรายย่อยหรือไมโครอินชัวรันส์ (micro insurance) คือ การประกันภัยสำหรบั ผู้มีรายได้นอ้ ย - ปานกลาง ซึง่ มลี กั ษณะทส่ี ำคัญดังนี้ - เบ้ยี ประกนั ภยั ราคาไม่แพง - ความค้มุ ครองไม่ซับซอ้ น เข้าใจง่าย - การขอรบั เงนิ คา่ สินไหมทดแทนไม่ย่งุ ยาก - ช่องทางการจำหน่ายหลากหลาย เขา้ ถึงประชาชนทุกกลมุ่ - สามารถเป็นเคร่อื งมอื ในการบริหารความเสย่ี ง ชดุ วชิ าการเงนิ เพือ่ ชีวติ 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ

99 กรมธรรมป์ ระกันภยั 200 สำหรับรายยอ่ ย เปน็ ประกนั ภัยทถ่ี ูกออกแบบมา ให้เหมาะกับผู้มีรายได้น้อย มีขั้นตอนการซื้อง่ายเพียงใช้บัตรประชาชนพร้อมชำระ เบี้ยประกันภัยเพียง 200 บาท ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับใบรับรองการประกันภัย และได้รับ ความคุ้มครองทันทีเมื่อซื้อ โดยแบบประกันภัยนี้มีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี สามารถต่ออายุ ปีถัดไปได้ ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า สายตา หรือทุพพลภาพถาวร สิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพกรณีเสียชีวิตจาก การเจ็บป่วย สามารถซอื้ ได้ไม่เกนิ คนละ 2 กรมธรรม์ สามารถซื้อได้ตามช่องทางการจำหน่ายต่าง ๆ เช่น บริษัทประกันภัยและ สาขาบริษัทประกันภัย ตัวแทนประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/ประกัน วินาศภัย 2. ประกันวินาศภัย คือ การประกันความสญู เสยี หรอื ความเสียหายทีเ่ กิดข้ึนต่อ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของตนเองและบคุ คลภายนอก รวมถึงความรบั ผดิ ตอ่ การบาดเจบ็ และเสียชีวิต ของบคุ คลภายนอกอันเนือ่ งมาจากอุบัติเหตุ แบ่งเป็น 4 ประเภท 1) การประกันอัคคีภัย (fire insurance) คือ การประกันภัยที่คุ้มครอง ความสูญเสียหรือความเสียหายอันเกิดจากอัคคีภัยที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เอาประกัน รวมถึง ความเสียหายสืบเนอื่ ง ซงึ่ ภัยท่ีค้มุ ครอง ได้แก่ ไฟไหม้ ฟ้าผา่ การระเบิดของแก๊สท่ีใช้ในครัวเรอื น และความสูญเสียหรือเสียหายจากสาเหตุใกล้ชิดของอัคคีภัย เช่น ทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำ หรอื สารเคมีที่ใชใ้ นการดับเพลงิ ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ให้ความคุ้มครองการสูญเสียหรือ เสียหายของทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ได้แก่ สิ่งปลูกสร้าง (บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถวสำหรับ อยู่อาศยั โรงรถ กำแพง รวั้ ประตู หอ้ งชดุ สำหรบั อยูอ่ าศัยในแฟลต คอนโดมิเนยี ม ยกเวน้ ฐานราก) และทรัพยส์ นิ ภายในสิ่งปลูกสร้าง ทีเ่ กิดจาก 1) ไฟไหม้ ฟ้าผ่า (รวมถึงความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดจากการ ลัดวงจรจากฟ้าผ่า) ระเบิด ภัยจากการเฉี่ยว และ/หรือการชนของยานพาหนะหรือสัตว์พาหนะ ภยั จากอากาศยาน และ/หรอื วตั ถุที่ตกจากอากาศยาน ภัยเนื่องจากน้ำทเี่ กดิ ขึน้ โดยอบุ ัติเหตจุ าก ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ

100 การปล่อยการรั่วหรือล้นออกมาของน้ำหรือไอน้ำ จากท่อน้ำ ถังน้ำ ฯลฯ ทั้งนี้ บริษัทจะชดใช้ ตามความเสียหายท่เี กิดข้นึ จรงิ แตไ่ ม่เกนิ จำนวนเงนิ เอาประกันภยั 2) กลุ่มภัยธรรมชาติ ได้แก่ ภัยลมพายุ ภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว หรือ ภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นใต้น้ำ หรือสึนามิ และภัยจากลูกเห็บ ทั้งนี้ บริษัทจะชดใช้ตามค วาม เสยี หายที่เกดิ ข้นึ จริง ทุกภยั รวมกันแลว้ ไม่เกนิ 20,000 บาท 3) การขยายความคุ้มครองค่าเช่าที่อยู่อาศัยชั่วคราว กรณีทรัพย์สินที่ เอาประกนั ภัยเป็นสิง่ ปลูกสรา้ งและได้รบั ความเสียหายอนั เนอ่ื งจากภัยตามขอ้ 1) 2) การประกันภยั รถยนต์ (automobile insurance) คือ การประกันภัย ทค่ี มุ้ ครองความสูญเสียหรอื ความเสียหายอันเกดิ จากการใชร้ ถยนต์ ไดแ้ ก่ • ความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ได้แก่ ความเสียหาย บบุ สลาย หรือสูญหายของตัวรถยนต์ • ความสูญเสียหรือเสียหายที่รถยนต์ก่อให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกายและ ทรพั ย์สนิ ของบคุ คลภายนอก รวมทงั้ บคุ คลทโี่ ดยสารอยู่ในรถยนต์ ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ประกันภัย พ.ร.บ.) เป็น ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่เจ้าของรถหรือผู้เช่าซื้อรถต้องจัดทำประกันภัยรถยน ต์ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองให้ความช่วยเหลือ แก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเหตุประสบภัยจากรถ โดย จ่ายชดใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลกรณบี าดเจ็บ หรือเปน็ ค่าทำศพในกรณเี สียชวี ติ อยา่ งไรก็ดี การทำประกันภัยรถยนตภ์ าคบงั คบั หรือประกนั ภัย พ.ร.บ. น้ี จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ดังนั้น ผู้ใช้รถจึงอาจเลือกทำประกันภัย รถยนตเ์ พิม่ เตมิ ได้ ซึ่งเรยี กว่าประกนั ภยั รถยนต์ภาคสมคั รใจ แบ่งเป็น 4 ประเภท • ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 (ประกันชั้น 1) ให้ความคุ้มครองชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ความเสียหายของตัวรถ การสูญหายและไฟไหม้ ตัวรถยนต์ของผูเ้ อาประกนั ภยั ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่อื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ

101 • ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 (ประกันชั้น 2) ให้ความคุ้มครองชีวิต ร่างกายและทรัพยส์ ินของบุคคลภายนอก การสญู หายและไฟไหมต้ ัวรถยนตข์ องผู้เอาประกันภัย • ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 (ประกันชั้น 3) ให้ความคุ้มครองชีวิต รา่ งกายและทรัพยส์ ินของบุคคลภายนอก • ประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย (2+, 3+) ให้ความ คุ้มครองชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ความเสียหายของตัวรถจากการชนกับ ยานพาหนะทางบก การสูญหายและไฟไหม้ตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย นอกจากนี้ ผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่อยู่ในรถยนต์ คันเอาประกันภัยได้ โดยมีความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และการประกนั ตวั ผูข้ ับขใี่ นคดอี าญา 3) การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (marine insurance) คือ การ ประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายของตัวเรือ สินค้าและทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ทางทะเล รวมทงั้ พาหนะและสิง่ อ่นื ๆ ทใ่ี ชใ้ นการขนสง่ ด้วย และยังขยายขอบเขตความคุ้มครอง รวมไปถงึ การขนส่งทางบก ทางอากาศ ซึง่ ต่อเนอ่ื งกบั การขนส่งทางทะเล 4) การประกันภัยเบ็ดเตล็ด (miscellaneous insurance) คือ การ ประกันภัยที่ความคุ้มครองต่อความสูญเสียหรือความเสียหายอันเนื่องมาจากภัยอื่น ๆ ที่อยู่ นอกเหนือจากการคมุ้ ครองของประกนั อคั คภี ัย ประกันภยั รถยนต์ และประกนั ภยั ทางทะเลและขนสง่ เบีย้ ประกันวนิ าศภยั เบี้ยประกันวินาศภัยแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงภัย ระยะเวลาท่ี คมุ้ ครอง และจำนวนเงินเอาประกนั ภัย นอกจากนี้ ยงั มรี ายละเอียดเพิ่มเตมิ เช่น - เบี้ยประกันอัคคีภัย จะพิจารณาปัจจัยจากสถานที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้าง ลักษณะของสิ่งปลูกสร้าง คำนึงถึงความเสี่ยงภัยที่จะเกิด เช่น อยู่ในพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง หนาแน่น การเขา้ ถงึ ได้ของรถดบั เพลงิ หรือส่ิงปลกู สรา้ งเปน็ ไมห้ รือวัสดตุ ิดไฟ ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงิน

102 - เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ผู้รับประกันภัยจะพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น อายุรถยนต์ รุ่นของรถยนต์ ประเภทของรถยนต์ ขนาดของเครือ่ งยนต์ รวมถึงอายุและเพศ ของผ้เู อาประกันภยั ข้อแนะนำในการตัดสินใจเลือกประเภทประกนั ภัย เพอ่ื ให้สามารถเลือกประกนั ภัยไดต้ ามท่ตี ้องการ โดยไม่เกนิ ความสามารถในการ จา่ ยเบ้ยี ประกนั ภัย กอ่ นตดั สนิ ใจทำประกนั ภัย เราควรพจิ ารณาข้อมูลเพ่มิ เตมิ ดังน้ี 1. วัตถุประสงค์ของการทำประกันภัย เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก ต้องรู้กอ่ นว่า “เราตอ้ งการทำประกนั ภัยเพ่อื อะไร” เพ่อื เลือกประกนั ภัยไดต้ รงกับความต้องการ เชน่ • ต้องการป้องกันความเส่ียง ควรจะเลือกประกันภัยโดยดูทีก่ ารคุ้มครอง เป็นหลัก เช่น ถ้ากังวลว่าครอบครัวจะผ่อนบ้านต่อไม่ไหว หากเราซึ่งเป็นผู้หารายได้หลักของ ครอบครัวเสียชีวิตไปก่อน ก็ควรเลือกทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) ถ้ากังวลว่าจะ ไม่มีเงินซือ้ รถใหม่ถ้ารถหาย ก็ควรเลือกทำประกันภยั รถยนตป์ ระเภท 1 หรือ 2 • ตอ้ งการทำประกนั ชวี ิตและเนน้ การออมเงินควบคู่ไปดว้ ย อาจจะเลือก ทำประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ หรือแบบบำนาญที่จะจ่ายคืนเงินก้อนครั้งเดียว หรือทยอยคืน อย่างสมำ่ เสมอหลงั เกษยี ณ • ต้องการทำประกันชีวิตเพื่อให้ลูกหลานไม่ลำบากในอนาคต หากตนเองเสียชีวิตกะทันหัน อาจเลือกทำประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (term insurance) หรือประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (whole life) ซึ่งจะให้ความคุ้มครองชีวิตสูงในขณะที่จ่ายเบี้ย ประกันน้อยกว่า หากเปรยี บเทยี บกับประกันภยั แบบสะสมทรัพยใ์ นกรณีทจี่ ่ายค่าเบย้ี ประกันภัย เท่ากนั 2. การเลือกระยะเวลาทำประกันภัยให้ครอบคลุม ผู้ที่ทำประกันภัยโดยเลือก ระยะเวลาส้นั แตต่ ้องการทำประกันภัยตอ่ เม่ือกรมธรรมส์ ้ินสุด มักต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแพงกว่า การเลือกระยะเวลายาวตั้งแต่แรก เพราะความเสี่ยงของตนเองจะสูงขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ชดุ วชิ าการเงินเพอ่ื ชวี ิต 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ

103 ในกรณีประกันชีวิต หรือในกรณีประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อหากประกันที่ทำไม่ครอบคลุมกับ ระยะเวลาผ่อนหนี้ และต่อมามีเหตุเกิดขึ้นหลังจากที่ประกันภัยหมดสัญญา ผู้ขอสินเชื่อหรือ ลูกหลานก็ตอ้ งเปน็ ผรู้ บั ผิดชอบภาระหนี้เอง 3. ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัย ควรพิจารณาด้วยว่ามี ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัยหรือไม่ แม้ว่าต้องการทำประกันภัยให้ครอบคลุมความ เสยี่ ง แต่หากเกนิ กำลังในการจ่ายเบ้ียประกนั ภัย ก็อาจเลือกเงินเอาประกันภัยที่จำนวนไม่สูงนัก เพ่อื ทอ่ี ยา่ งนอ้ ยจะได้ชว่ ยแบง่ เบาภาระบางส่วนหากเกดิ เหตรุ ้ายขนึ้ จริง 4. การเปรียบเทียบข้อมูล ควรเปรียบเทียบรายละเอียดความคุ้มครอง ระยะเวลาการคุ้มครอง เบี้ยประกันภัยของบริษัทหลาย ๆ แห่ง เพื่อเลือกประกันภัยที่คุ้มค่า ในราคาท่ีเหมาะสม รหู้ รือไม่ว่า กรมธรรม์ประกันภัย คือ เอกสารระหว่างผู้เอาประกันและผู้รับประกัน โดย ต้องมีลายมือชื่อผู้รับประกันภัยพร้อมทั้งระบุรายละเอียดต่าง ๆ เช่น วัตถุที่เอาประกันภัย ภัยที่ผู้รับประกันภัยรับเสี่ยง จำนวนเงินเอาประกันภัย จำนวนเบี้ยประกันภัย วิธีส่งเบ้ีย ประกันภัย กำหนดเวลาเร่มิ ตน้ และเวลาสิน้ สดุ ของสญั ญาประกันภัย เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัย ควรอ่านสาระสำคัญของกรมธรรม์ประกันภัย และตรวจสอบความถกู ต้อง ไดแ้ ก่ ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การวางแผนการเงิน

104 1. ชือ่ - ที่อยขู่ องผู้เอาประกันภัย ทตี่ ้ังของทรัพยส์ ิน 2. ระยะเวลาประกันภยั ไดแ้ ก่ วันท่เี ริ่มตน้ จนถงึ วันทส่ี ิ้นสดุ 3. ข้อมูลของสิ่งที่เอาประกันภัย เช่น กรณีประกันภัยรถยนต์ จะต้องมีข้อมูล ของชือ่ รุน่ เลขทะเบยี นรถยนต์ ขอ้ มลู เลขตัวถัง เลขเคร่อื ง ปี รุ่นที่ผลิต จำนวนทน่ี ั่ง 4. จำนวนเงินเอาประกันภัย และรายละเอียดความคุ้มครอง 5. เบ้ียประกนั ภัยทต่ี อ้ งจ่าย 6. ชื่อผู้รับประโยชน์ 7. เงื่อนไขทั่วไปหรือข้อยกเว้นการคุ้มครอง ในส่วนนี้ควรทำความเข้าใจ รายละเอยี ดความคมุ้ ครองวา่ ตรงกับทีต่ ้องการหรอื ไม่ แหล่งศึกษาข้อมูลเพม่ิ เติม เวบ็ ไซต์สำนักงาน https://www.oic.or.th/th/home คณะกรรมการกำกับและ ส่งเสรมิ การประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นกองทุนการออมภาคสมัครใจที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการออม แห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีสวัสดิการอื่นใดรองรับ ได้มีบำเหน็จบำนาญ มีหลักประกันความมั่นคงให้ชีวิตยามเกษียณของตนเอง โดยมี กอช. เป็นหลักประกันการจ่าย บำเหน็จบำนาญและใหป้ ระโยชนต์ อบแทนเม่ือสิ้นสดุ การเปน็ สมาชกิ ซึ่งผู้ท่ีมีสิทธสิ มัครคือ • คนไทยอายุ 15 – 60 ปี • ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้า แม่ค้า เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป หรือไม่มีอาชพี เชน่ นักเรยี น นกั ศึกษา ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน

105 • ผปู้ ระกันตนมาตรา 40 ทางเลือก 1 ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นข้าราชการประจำหรือสมาชิก กบข. ไม่เป็นพนักงานบริษัท/ องค์กร/รัฐวิสาหกิจหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และไม่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมาย ประกนั สงั คม (ยกเวน้ ผปู้ ระกนั ตนมาตรา 40 ทางเลือก 1) หลักการออมเงนิ ของ กอช. หลักการออมแบง่ เปน็ 2 สว่ น คอื เงนิ ท่สี มาชกิ ออม (เรยี กวา่ เงนิ สะสม) และเงิน ที่รัฐจ่ายสมทบ สมาชิกสามารถออมได้เดือนละ 1 ครั้ง จำนวนเงินออมตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป สงู สดุ ไมเ่ กนิ 13,200 บาทตอ่ ปี โดยรัฐจะจ่ายเงินสมทบใหต้ ามชว่ งอายุดงั น้ี ชว่ งอายุ 15 – 30 ปี มากกวา่ 30 – 50 ปี มากกวา่ 50 – 60 ปี เงนิ สมทบ 50% ของเงนิ สะสม 80% ของเงนิ สะสม 100% ของเงินสะสม (ไม่เกนิ 600 บาทต่อปี) (ไมเ่ กิน 960 บาทต่อปี) (ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี) ทั้งน้ี หากเดอื นใดสมาชิกไมส่ ง่ เงินเข้ากองทนุ รัฐกจ็ ะไม่จ่ายสมทบใหเ้ ชน่ กัน ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชีวติ 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ

106 ยกตัวอย่าง หากวารีอายุ 20 ปี เป็นสมาชิก กอช. รัฐจะให้เงินสมทบในอัตรา 50% ของเงินที่ วารีสง่ สะสม แตจ่ ะไมเ่ กิน 600 บาทต่อปี หากวารีส่งเงินสะสมเดือนละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมเป็นเงิน 1,200 บาทตอ่ ปี วารจี ะไดเ้ งนิ สมทบจากรัฐ (1,200 x 50%) = 600 บาทต่อปี หากวารีส่งเงินสะสมเดือนละ 50 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมเป็นเงิน 600 บาท/ปี วารีจะไดเ้ งนิ สมทบจากรฐั (600 x 50%) = 300 บาทต่อปี การไดร้ บั เงินคนื ของสมาชกิ กอช. 1. กรณีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ได้เงินบำนาญตลอดชีวิตจ่ายเป็น รายเดือนตามเกณฑ์ที่กำหนด หากได้น้อยกว่าเกณฑ์จะได้รับเงินดำรงชีพ 600 บาทต่อเดือน จนกวา่ เงินในบัญชจี ะหมด 2. กรณีทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี สามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินสะสม และผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ โดยให้รับได้เพียงครั้งเดียว ส่วนเงิน สมทบและผลประโยชนข์ องเงนิ สมทบจะจ่ายเมอื่ อายุครบ 60 ปีบรบิ รู ณ์ 3. กรณีลาออกก่อนอายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ของ เงินสะสม โดยจ่ายครั้งเดียวเป็นเงินก้อน ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบตกเป็น ของกองทุน 4. กรณีเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ที่สมาชิกแจ้งชื่อไว้กับ กอช. จะได้รับเงิน สะสม ผลตอบแทนการลงทุนของเงินสะสม เงินสมทบ และผลตอบแทนการลงทนุ ของเงินสมทบ โดยจ่ายคร้ังเดยี วเป็นเงินก้อน แหลง่ ศกึ ษาข้อมูลเพิม่ เตมิ เว็บไซต์กองทนุ การออมแห่งชาติ www.nsf.or.th หรอื โทร. 0 2049 9000 ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชวี ติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การวางแผนการเงิน

107 กองทุนประกันสงั คม กองทุนทใ่ี ห้หลักประกนั แก่ผู้ท่ีอยใู่ นระบบประกันสงั คมใหไ้ ดร้ ับประโยชน์ ทดแทน เมอ่ื ประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย ทพุ พลภาพ หรอื ตาย ซ่งึ ไม่เกิดจากการทำงาน รวมท้งั กรณคี ลอดบตุ ร สงเคราะหบ์ ตุ ร ชราภาพและว่างงาน โดยผู้ประกนั ตนมหี นา้ ทสี่ ง่ เงิน สมทบเข้ากองทนุ ตามอัตราท่สี ำนกั งานประกนั สังคมกำหนดทุกเดอื น ซ่ึงอัตราจะแตกตา่ งกัน ตามลกั ษณะของผปู้ ระกนั ตน สามารถแบง่ ผู้ประกันตน ออกเปน็ 3 มาตรา ไดแ้ ก่ 1. ผปู้ ระกันตนมาตรา 33 คือ พนกั งานเอกชนหรอื ลกู จ้างในสถานประกอบการ - สง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทนุ 5% ของเงนิ เดือน (สงู สดุ 750 บาทต่อเดอื น) - ไดร้ บั ความคมุ้ ครอง 7 กรณดี งั นี้ o กรณีเจบ็ ป่วยหรอื ประสบอนั ตราย o กรณคี ลอดบุตร o กรณีทุพพลภาพ o กรณเี สียชวี ิต o กรณีสงเคราะหบ์ ตุ ร o กรณีชราภาพ o กรณวี ่างงาน 2. ผปู้ ระกันตนมาตรา 39 คอื ผทู้ ี่เคยเปน็ ผ้ปู ระกนั ตนมาตรา 33 มาแลว้ อย่างนอ้ ย 12 เดอื น และสมัครภายใน 6 เดอื น นบั จากวันทอี่ อกจากงาน - สง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทนุ 432 บาทตอ่ เดอื น - ไดร้ บั ความคุ้มครอง 6 กรณดี งั น้ี o กรณเี จบ็ ป่วยหรือประสบอันตราย o กรณคี ลอดบุตร o กรณที พุ พลภาพ o กรณีเสียชวี ิต o กรณสี งเคราะหบ์ ุตร o กรณีชราภาพ ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ

108 3. ผปู้ ระกันตนมาตรา 40 คือ อาชีพอสิ ระหรอื แรงงานนอกระบบ ซึ่งไม่เปน็ ผ้ปู ระกนั ตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 - ทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบ มี 3 ทางเลอื ก o จา่ ยเงนิ สมทบ 70 บาท/เดือน ไดร้ ับความคุ้มครอง 3 กรณี คอื กรณีประสบอนั ตรายหรอื เจ็บป่วย กรณีทพุ พลภาพ และกรณีเสยี ชวี ติ o จา่ ยเงนิ สมทบ 100 บาท/เดอื น ได้รับความคุ้มครอง 4 กรณี คอื กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณที ุพพลภาพ กรณเี สียชวี ิต และกรณีชราภาพ o จ่ายเงินสมทบ 300 บาท/เดือน ได้รับความคมุ้ ครอง 5 กรณี คอื กรณีประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย กรณที ุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีชราภาพ และกรณี สงเคราะห์บตุ ร หมายเหตุ: ผปู้ ระกนั ตนทางเลอื กท่ี 2 และทางเลอื กท่ี 3 สามารถจ่ายเงนิ สมทบเพิ่มเติม (ออมเพ่ิม) ไดไ้ มเ่ กนิ 1,000 บาท/เดอื น ทง้ั น้ี อัตราเงินสมทบหรือความค้มุ ครองและสทิ ธิประโยชนอ์ ื่น ๆ ของผู้ประกันตน อาจเปล่ียนแปลงในอนาคต สามารถศกึ ษาขอ้ มูลเพม่ิ เติมไดจ้ ากกองทุนประกันสงั คม แหลง่ ศกึ ษาขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ เวบ็ ไซต์กองทนุ ประกนั สงั คม www.sso.go.th หรือโทร. 1506 เฟซบุก๊ กองทนุ ประกนั สงั คม https://www.facebook.com/sso fanpage กิจกรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 5 การฝากเงิน และการประกันภัย (ให้ผู้เรียนไปทำกิจกรรมเรือ่ งที่ 5 ทีส่ มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้) ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ

109 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สนิ เชื่อ สาระสำคญั ในยุคปัจจุบันผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีความหลากหลายและประชาชนสามารถเข้าถึง ได้ง่ายข้ึน จึงทำให้การเป็นหนี้เปน็ เรอ่ื งทีพ่ บเห็นไดโ้ ดยท่วั ไป แมก้ ารก่อหนีจ้ ะมปี ระโยชน์ เพราะ เป็นตัวช่วยของหลาย ๆ คนในยามฉุกเฉิน หรือทำให้ได้สิ่งทีต่ ้องการง่ายขึ้น แต่หากเป็นหนี้โดย ขาดความระมัดระวังและการไตรต่ รองที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อเจอสถานการณ์ที่ คิดว่าการก่อหนี้น่าจะเป็นทางออก ก็ควรคิดให้รอบคอบถึงความจำเป็น และความสามารถใน การชำระหนี้ นอกจากนี้ หนี้ที่จะเกิดขึ้นนั้นควรเป็นหนี้ที่ดี คือ เป็นหนี้ที่ช่วยสร้างรายได้ สร้าง อนาคต ในจำนวนทจี่ ่ายไหว เมื่อคิดว่าจะก่อหนี้แล้ว ก็ควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสินเชื่อเพื่อให้สามารถ เลอื กสินเชือ่ ไดต้ รงกับเป้าหมายการใช้เงนิ ได้อตั ราดอกเบย้ี และบริการท่ีเหมาะสม ท่ีสำคัญต้อง มีวินัยทางการเงินเมือ่ ได้รับสินเชื่อ เพื่อให้จ่ายคืนไดต้ รงเวลา เต็มจำนวน และมีประวัติเครดติ ดี แต่หากลูกหน้ีเกิดปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้เพราะภาระหนี้ที่มากเกินกว่าจะจา่ ยได้ หรือเกิด เหตุสุดวิสัย ก็ควรรีบหาทางแก้ไขซึ่งมีหลายวิธี เช่น แก้ไขด้วยตนเอง เจรจากับเจ้าหนี้ หรือขอ คำปรึกษาจากหน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ตวั ช้ีวัด 1. บอกลกั ษณะทส่ี ำคัญของสินเชื่อประเภทตา่ ง ๆ 2. บอกประเภทและวธิ คี ำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ 3. บอกความหมาย บทบาทหน้าท่ี และข้อมลู ตา่ ง ๆ ที่สำคัญเก่ยี วกบั เครดติ บโู ร 4. บอกวิธีการปอ้ งกนั ปัญหาหน้ี 5. บอกวิธแี กไ้ ขปญั หาหนี้ 6. บอกชอ่ งทางในการขอคำปรึกษาวิธีแกไ้ ขปัญหาหน้ี ขอบข่ายเนอื้ หา เร่อื งท่ี 1 การประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสนิ ใจก่อหนี้ เร่ืองที่ 2 ลกั ษณะของสินเช่อื ประเภทตา่ ง ๆ และการคำนวณดอกเบยี้ เรอ่ื งที่ 3 เครดติ บโู ร ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 สินเชอ่ื

110 เรอ่ื งที่ 4 วธิ ีการป้องกนั ปัญหาหน้ี เรือ่ งท่ี 5 วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ เรอ่ื งท่ี 6 หน่วยงานทีใ่ หค้ ำปรึกษาวธิ ีการแกไ้ ขปญั หาหนี้ สือ่ ประกอบการเรียนรู้ 1. ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวิต 3 2. เว็บไซต์ศนู ย์คุ้มครองผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ (ศคง.): www.1213.or.th 3. เฟซบุ๊ก ศคง. 1213: www.facebook.com/hotline1213 เวลาทใ่ี ชใ้ นการศึกษา 36 ชว่ั โมง ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชอ่ื

111 เรอ่ื งที่ 1 การประเมนิ ความเหมาะสมก่อนตดั สินใจก่อหน้ี หากทุกคนสามารถเลือกได้ คงไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่หลายคนก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะความจำเป็นในการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัว หรือบางคนเป็นหนี้เพราะ ตกหลมุ พรางสิ่งล่อตาล่อใจภายนอก ดังนน้ั ก่อนตดั สนิ ใจก่อหนี้กค็ วรทำความรจู้ ักกับหน้ี เพ่ือไม่ให้ หนี้กลายเปน็ ปญั หาในภายหลงั ซง่ึ สามารถแบ่งประเภทตามประโยชนท์ จ่ี ะได้รบั จากการเป็นหน้ี ดงั นี้ 1. หนี้ดี คือ หนี้ที่ช่วยสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงในอนาคต เช่น หนี้เพื่อ การศึกษา หนีเ้ พอื่ การประกอบอาชีพ หน้ีเพอ่ื ทอ่ี ยูอ่ าศยั 2. หนี้พึงระวัง คือ หน้ีที่เกิดจากการนำเงินไปซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือของ ฟมุ่ เฟือย และไม่สรา้ งรายไดใ้ นอนาคต เชน่ หน้ีทเ่ี กิดจากการซอ้ื ของใชร้ าคาแพงเกนิ ฐานะ ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชีวิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สินเช่อื

112 3. หนี้อันตราย คือ หนี้ที่เกิดจากการนำเงินไปใช้กับสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะ ไม่ได้รับเงินคืน เป็นหนี้ที่ต้องละเว้นเด็ดขาด เช่น หนี้หวย หนี้พนัน กู้เงินไปลงทุนผิดกฎหมาย หรือมีความเสี่ยงสงู เกินกว่าทีเ่ ราจะรับไหวหากเกิดความเสียหาย เช่น จะต้องเสียเงินที่ลงทุนไป จนหมด ไม่ว่าจะเป็นหนี้ประเภทใดต้องคำนึงไว้เสมอว่า หนี้ไม่ใช่ของฟรี แต่เป็นสิ่งที่มี ราคาที่ต้องจ่ายในรูปของดอกเบี้ย ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นหนี้ ต้องถามตัวเองอย่างน้อย 2 คำถามก่อนว่า 1) หน้ที จี่ ะก่อ “จำเปน็ หรือไม่” ส่ิงท่ีจำเปน็ คือ สิง่ ที่ตอ้ งใช้ในการดำรงชวี ติ เชน่ ปจั จยั สี่ (อาหาร เครือ่ งนงุ่ ห่ม ยารักษาโรค ทอี่ ย่อู าศยั ) สิ่งท่ีไม่จำเป็น คือ สิ่งที่หากไม่มีก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือมี ส่ิงอื่นทดแทนกนั ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือร่นุ ใหมล่ า่ สุด (แต่เครอื่ งเดมิ ยังใช้ได้อยู่) 2) หนี้ที่จะก่อ “รอได้หรือไม่” หมายถึง หากพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งจำเป็น ขั้นต่อไปก็คือ ไตร่ตรองดูว่าสามารถรอได้หรือไม่ ถ้ายังไม่จำเป็นต้องได้ของมาตอนนี้เลย ก็ควร วางแผนเก็บเงินจนครบก่อน แต่หากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องซื้อของสิ่งนั้นทันที ก็อาจนำเงินออมเผื่อฉุกเฉินออกมาใช้แล้วรีบเก็บเงินเติมเข้าไปใหม่ และหากเงินออม เผื่อฉุกเฉินไม่เพียงพอ จึงค่อยไปกู้ยมื (ถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ เช่น บ้าน รถ ก็ควรเก็บเงนิ ให้ได้มาก ที่สุดก่อน จะได้กู้นอ้ ย ๆ และไม่ต้องเป็นหนแี้ ละเสียดอกเบย้ี มาก) ที่สำคัญ จะต้องประเมินความสามารถในการชำระหนีท้ ี่กำลงั จะเกิดขึ้นด้วย กลา่ วคอื ภาระหนีต้ ่อเดือนทตี่ ้องจ่าย (หนเี้ ดิมที่มอี ยู่แลว้ รวมกับหน้ีที่กำลังจะเกิดข้ึนรวมเงินต้น และดอกเบีย้ ) ไม่ควรเกนิ 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ต่อเดอื น ตัวอย่าง ดวงใจทำงานมีรายได้เดือนละ 21,000 บาท เมื่อแบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วน เงนิ เดือน 1 สว่ นใน 3 สว่ น คือ 7,000 บาท ดังนั้น ถ้าดวงใจจะก่อหนี้ ภาระหนี้ที่จะต้องจ่ายในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 7,000 บาท เพื่อให้สามารถชำระหนีไ้ ด้โดยไม่กระทบกับการใช้จา่ ยในชวี ิตประจำวัน และทำให้ สุขภาพจติ ของตนเองดี ไมต่ อ้ งเครียดวา่ จะมีเงินพอใชต้ ลอดทงั้ เดือนหรือไม่ ในทางตรงกันข้าม หากเรามีหนีม้ ากในขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายในชีวติ ประจำวันกม็ ีมากอย่แู ล้ว อาจทำให้เรามีปัญหา ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวิต 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สินเชอ่ื

113 การเงินและต้องไปก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีก และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ซึ่งมักส่งผลเสียต่อการทำงาน และชวี ิตครอบครัว รหู้ รอื ไม่วา่ การให้เงิน หมายถึง การให้เงินโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน และไม่ได้หวังให้มี การนำเงนิ ดงั กล่าวมาจา่ ยคืนให้ เชน่ พอ่ แม่ใหค้ ่าขนมแกล่ ูก การบรจิ าคเงนิ เพื่อการกศุ ล การให้ยืมเงิน หมายถึง การให้เงินโดยคาดหวังให้มีการจ่ายคืนภายใน ระยะเวลาที่กำหนด และมีการกำหนดอัตราผลตอบแทนของการให้ยืมเงินนั้นด้วย ซึ่งเรียกวา่ “ดอกเบี้ย” เช่น สมชายให้สมหญิงกู้ยืม 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปีและให้ใช้คืน เมือ่ ครบ 1 ปีหมายความวา่ สมหญิงต้องจา่ ยเงนิ คนื สมชาย 10,200 บาท เมื่อครบ 1 ปี จะเห็นว่าการให้เงินเป็นการให้เปล่าไม่ต้องคืน แต่สำหรับการให้ยืมเงินเป็นการคาดหวังให้มี การจ่ายเงินคืน ซึ่งผู้ให้ยืมอาจต้องการดอกเบี้ยหรือไม่ต้องการดอกเบี้ยก็ได้ ดังนั้น ก่อนที่จะ ให้เงินหรือให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรอธิบายให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันว่า ต้องการให้เงิน หรือ ต้องการให้ยืมเงิน ซึ่งหากเป็นการให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรแจ้งอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาที่ต้อง ชำระคืน และควรทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อกั ษรเพื่อเป็นหลักฐานการให้ยืมเงินไว้ดว้ ย ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ ได้กำหนดว่า การกู้ยืมเงินกว่าสองพัน บาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกูย้ ืมเป็นหนังสอื อย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือช่ือผู้ยืม เปน็ สำคัญ จะฟ้องรอ้ งให้บงั คบั คดหี าได้ไม่ ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สินเช่อื

114 เรือ่ งที่ 2 ลักษณะของสินเชือ่ ประเภทต่าง ๆ และการคำนวณดอกเบ้ีย หากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าจำเป็นต้องขอกู้ยืม ในลำดับต่อมา สิ่งที่ต้องทำ คือ หาข้อมลู คดิ และตดั สินใจว่าจะเลือกกยู้ ืมจากแหลง่ ใด ทางเลือกที่ดีทางหนงึ่ คือ เลือกกู้ยืม จากผู้ให้บริการในระบบเพราะมีหน่วยงานของรัฐกำกับดูแล เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อในระบบหลายประเภท ทั้งที่เป็นสถาบัน การเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบัน การเงนิ (non-bank) เชน่ บริษัทผ้ปู ระกอบธรุ กิจสินเช่ือส่วนบุคคลภายใต้การกำกบั ประเภทสนิ เชื่อ สินเชื่อสามารถจำแนกออกได้หลายประเภท โดยอาจแบ่งตามวัตถุประสงค์ ในการขอกู้ เช่น สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค สินเชื่อเพื่อธุรกิจ และในแต่ ละประเภทก็ยังมี ผลิตภัณฑ์สินเชื่อปลีกย่อยลงไปอีก ในบทเรียนนี้จะกล่าวถึงเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวข้องในการ ดำรงชีวิตของประชาชน เชน่ 1. สนิ เชือ่ เพ่ือทอี่ ยอู่ าศัย เป็นสินเชื่อที่สถาบันการเงินให้บุคคล ธรรมดากู้ยืม เพื่อนำเงินไปใช้ในการจัดหาที่อยู่อาศัย เช่น ซื้อที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัย ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซ้ือหอ้ งชุด หรือเพือ่ ปรบั ปรงุ ต่อเติม ซ่อมแซมทีอ่ ย่อู าศยั ลักษณะของสินเชื่อเพือ่ ทอ่ี ยูอ่ าศยั 1) วงเงิน สถาบันการเงินจะอนุมัติวงเงินสินเชื่อตามอัตราส่วนเงินให้สินเช่ือ ประมาณร้อยละ 70-100 ของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัยและ ลักษณะสญั ญา 2) อตั ราดอกเบย้ี สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญม่ กั จะใช้อตั ราดอกเบี้ยคงที่ และอัตราดอกเบ้ียแบบลอยตัว อัตราดอกเบี้ยคงที่ (fixed rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้เป็น ตัวเลขคงท่ีในชว่ งเวลาท่ีกำหนด เช่น ดอกเบี้ยคงท่ี 5% ต่อปีเปน็ ระยะเวลา 3 ปี ดอกเบี้ยคงท่ี 5% ต่อปีตลอดอายุสญั ญา ชดุ วชิ าการเงินเพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 สนิ เชื่อ

115 อัตราดอกเบี้ยลอยตวั (floating rate) คอื อตั ราดอกเบ้ยี ท่ีเปล่ยี นแปลงไป ตามต้นทุนของสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่เห็นได้บ่อย คือ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ของธนาคารพาณิชย์ เช่น - MLR (minimum loan rate) สำหรบั ลกู ค้าสนิ เชื่อรายใหญ่ชนั้ ดี ใช้กบั เงินกู้ระยะยาว ทม่ี กี ำหนดระยะเวลาไวแ้ นน่ อน เช่น สนิ เชอ่ื เพอ่ื การประกอบธุรกจิ - MOR (minimum overdraft rate) สำหรับลูกคา้ รายใหญช่ น้ั ดี ใชก้ บั วงเงนิ เบกิ เกินบญั ชี - MRR (minimum retail rate) สำหรับลูกคา้ รายยอ่ ยช้ันดี เช่น สินเช่ือ สว่ นบุคคล สนิ เช่ือเพื่อท่ีอยู่อาศัย สถาบันการเงินอาจคิดดอกเบี้ยแก่ผู้ขอสินเชื่อแต่ละรายโดยใช้อัตรา ดอกเบี้ยที่แตกต่างกันได้ และอาจสูงหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของ ผขู้ อสินเชอื่ แต่ละราย การกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอาจผสมกันระหว่าง อัตราดอกเบยี้ คงท่ีและอตั ราดอกเบยี้ ลอยตวั กไ็ ด้ เช่น - ปีท่ี 1 - 3 คิดอตั ราดอกเบย้ี แบบคงที่ 2.5% ตอ่ ปี - ปที ่ี 4 เป็นต้นไป คิดอตั ราดอกเบี้ยแบบลอยตัว MRR – 1% ตอ่ ปี ทั้งนี้ ผู้ขอสินเชื่อสามารถดูประกาศอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงได้ ซึ่งจะติด ประกาศไว้ ณ ทท่ี ำการ หรอื ในเว็บไซต์ของสถาบนั การเงนิ ตัวอย่าง ธนาคาร A ประกาศอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง โดย MLR เท่ากับ 4% MOR เท่ากับ 5% และ MRR เท่ากบั 6% เม่อื ต้องการขอสินเช่อื ท่อี ยู่อาศัยกับธนาคาร A - หากธนาคาร A แจ้งว่า คิดอัตราดอกเบ้ีย MRR + 1% หมายความว่า ธนาคาร A จะคิดอัตราดอกเบ้ียเทา่ กบั 7% ตอ่ ปี (6% + 1%) - หากธนาคาร A แจ้งวา่ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 1% หมายความว่า ธนาคาร A จะคิดอัตราดอกเบ้ียเทา่ กับ 5% ต่อปี (6% - 1%) 3) วิธีการคิดดอกเบี้ย คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (effective rate) ซึ่ง เปน็ การคดิ ดอกเบีย้ จากฐานเงนิ ต้นทล่ี ดลง กล่าวคอื เมือ่ เงนิ ตน้ ลดดอกเบ้ียก็จะลดลงด้วย ชดุ วชิ าการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 สินเช่อื

116 ถา้ ผู้ใหส้ นิ เช่อื กำหนดใหต้ อ้ งผ่อนงวดละเท่า ๆ กัน การคำนวณจะเป็นไปตาม ขน้ั ตอนท่ี 1 - 3 ดังน้ี ข้นั ท่ี 1 คำนวณดอกเบย้ี ท่ีตอ้ งจ่ายในงวดน้ัน โดยมีสตู รคำนวณดังน้ี * จำนวนวันใน 1 ปี สถาบันการเงินอาจใช้ 360 วัน หรือ 365 วัน หรือ 366 วันก็ได้ แต่ไม่ว่าจะกำหนด จำนวนวันเป็นเท่าใดก็ตาม สถาบันการเงินจะต้องใช้จำนวนวันเดียวกันสำหรับการคำนวณทั้งดอกเบี้ยจ่าย เช่น เงนิ ฝาก และดอกเบย้ี รบั เช่น สนิ เชื่อ ขนั้ ท่ี 2 คำนวณเงินต้นท่ีลดลงในงวดน้นั ข้ันตอนนใี้ ห้นำเงินค่างวดท่ีต้องจ่าย ในงวดนั้น หักออกด้วยดอกเบี้ยจ่ายที่คำนวณได้จากในขั้นท่ี 1 ยอดที่ได้ก็คือ เงินต้นที่ได้จา่ ยไป ในงวดนั้น ขั้นที่ 3 คำนวณเงินต้นคงเหลือ ขั้นตอนนี้เพื่อหาเงินต้นคงเหลือเพื่อใช้ใน การคำนวณดอกเบี้ยท่ีตอ้ งจา่ ยในงวดถดั ไป ทั้งนี้ หากเป็นการผ่อนชำระด้วยจำนวนเงนิ ต้นเท่ากันทุกเดือน หรือมีการ กำหนดจำนวนเงินต้นท่ตี ้องจ่ายไว้แน่นอน ก็สามารถใชส้ ูตรในข้ันท่ี 1 คำนวณหาดอกเบ้ียท่ีต้อง จา่ ยได้เช่นกัน ตัวอยา่ งการคำนวณดอกเบ้ียแบบลดต้นลดดอก ยอดชายกู้เงินจากธนาคารจำนวน 40,000 บาท ธนาคารกำหนดระยะเวลาผอ่ น ชำระ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยธนาคารให้ ผ่อนชำระงวดละ 3,400 บาท ยกเว้นเดือนสุดท้ายให้ผ่อนชำระ 4,267 บาท ยอดชายจะต้อง จา่ ยดอกเบีย้ เปน็ เงนิ เทา่ ไร ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ิต 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชือ่

117 ขา้ งต้นเปน็ การคำนวณสำหรับงวดท่ี 1 ซึ่งจะตอ้ งคำนวณสำหรับงวดตอ่ ๆ ไป ตามข้นั ตอนขา้ งต้น (ข้ันท่ี 1 - 3) จนครบทกุ งวด กจ็ ะได้ผลลพั ธ์ตามตารางด้านลา่ ง จำนวนผ่อน ชำระดอกเบี้ย ชำระเงินตน้ เงินตน้ คงเหลือ งวด ชำระตอ่ งวด (2) (1) - (2) (1) 0 - - - 40,000 1 3,400 255 3,145 36,855 2 3,400 212 3,188 33,667 3 3,400 214 3,186 30,481 4 3,400 188 3,212 27,269 5 3,400 174 3,226 24,043 6 3,400 148 3,252 20,791 7 3,400 132 3,268 17,523 8 3,400 112 3,288 14,235 9 3,400 88 3,312 10,923 10 3,400 70 3,330 7,593 11 3,400 47 3,353 4,240 12 4,267 27 4,240 0 รวม 1,667 40,000 ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เช่อื

118 จากการคำนวณข้างตน้ จะเหน็ ว่าดอกเบีย้ จะทยอยลดลงตามเงินตน้ ที่ลดลง โดย นายยอดชายจะตอ้ งจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 1,667 บาท 4) การผ่อนชำระ ให้ระยะเวลาผอ่ นนานสว่ นใหญ่มักไม่เกิน 30 ปี ข้อควรรู้ 1) เงินผ่อนชำระที่จ่ายไปนั้น จะนำไปหักค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยก่อน ท่เี หลอื จงึ จะนำไปหักเงินตน้ 2) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลอยตัว หากช่วงใดอัตราดอกเบี้ย ปรับตัวสูงขึ้น จำนวนเงินที่จ่ายในงวดนั้น ๆ อาจถูกนำไปหักเป็นดอกเบี้ยมากขึ้นและเหลือไป ตัดเงนิ ตน้ นอ้ ยลง 3) หากค้างชำระหรือชำระค่างวดล่าช้า อาจถูกคิดดอกเบี้ยในอัตรา ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยปกติ โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินต้น ของงวดทผ่ี ิดนัด รหู้ รือไม่ มีวธิ คี ิดดอกเบ้ยี ผิดนัดชำระหน้ี และมลี ำดบั การตัดชำระหนอ้ี ย่างไร 1) การคิดดอกเบยี้ ผดิ นดั ชำระหน้ี หลักเกณฑ์ ใหใ้ ชก้ บั สนิ เชอ่ื ทมี่ กี ารผ่อนชำระเป็นงวดและสินเชื่อหมุนเวียน สำหรบั ลกู หนีร้ ายยอ่ ย และลูกหน้ีธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม อตั ราดอกเบี้ยผิดนดั ชำระหนี้ ▪ กรณีใช้บริการสินเชื่อที่มีลักษณะของการผ่อนชำระเป็นงวดและ สินเชื่อหมุนเวียน ผู้ให้บริการจะคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้โดยบวกเพิ่มขึ้นจากอัตรา ดอกเบี้ยปกติสูงสุดตามสัญญาได้ไม่เกิน 3% ต่อปี* เช่น อัตราดอกเบี้ยปกติสูงสุดตามสัญญา คือ 5% ผใู้ หบ้ รกิ ารจะกำหนดอัตราดอกเบ้ียผดิ นัดชำระหนี้ไดไ้ ม่เกนิ (5+3) 8% (เพื่อใหอ้ ัตรา ดอกเบ้ียไม่สงู จนเกนิ ไป และลูกหนสี้ ามารถชำระหน้ไี ด)้ ▪ กรณีสินเชื่อที่มีกฎหมายกำหนดอัตรารวมสูงสุดของดอกเบ้ีย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใด ๆ ไว้เป็นการเฉพาะ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การ กำกับ กำหนดอัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าปรับ ค่าบริการและค่าธรรมเนียมใด ๆ ไว้ที่ 25% ต่อปี หากอัตราดอกเบี้ยปกติตามสัญญา ผู้ให้บริการคิดที่ 24% ต่อปี อัตราดอกเบ้ีย ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชือ่

119 ผิดนัดชำระหนี้ที่เรียกเก็บจากลูกหนี้จะได้ไม่เกิน 25% ต่อปี ไม่สามารถบวกเกินกว่าอัตราท่ี กำหนดไวไ้ ด้ ตัวอยา่ งการคดิ ดอกเบี้ยกรณผี ดิ นดั ชำระหน้ี (กรณสี ินเชอ่ื ท่ผี อ่ นชำระเป็นงวด) มาลีกู้สินเชื่อบ้าน 5 ล้านบาท ผ่อนชำระ 20 ปี เดือนละ 37,000 บาท ธนาคาร กำหนดอตั ราดอกเบย้ี ปกติตามสญั ญาในแต่ละปีดงั น้ี ปที ี่ 1-3 (งวดที่ 1-36) ดอกเบ้ยี 3% ตอ่ ปี ปีที่ 4-6 (งวดท่ี 37-72) ดอกเบย้ี 4% ต่อปี ปที ี่ 7-20 (งวดท่ี 73-240) ดอกเบ้ยี 5% ตอ่ ปี ธนาคารกำหนดอตั ราดอกเบยี้ ผิดนัด 8% ต่อปี ต่อมา มาลีผิดนัดชำระงวดที่ 25 เป็นจำนวนเงิน 37,000 บาท ซึ่งเป็นเงินต้น 25,700 บาท และดอกเบี้ยปกติตามสัญญา 11,300 บาท (คำนวณด้วยวิธีลดต้นลดดอก) ดงั นนั้ ในงวดที่ 25 มาลมี ียอดท่ตี อ้ งชำระประกอบดว้ ย 1. เงินต้น 25,700.00 บาท 2. ดอกเบย้ี ปกติตามสัญญา (3%) 11,300.00 บาท 3. ดอกเบ้ยี ส่วนเพม่ิ จากการผิดนดั ชำระหน้ี 105.62 บาท (1) คำนวณหาอตั ราดอกเบ้ยี ส่วนเพิม่ จากการผิดนดั ดอกเบีย้ ผิดนัดชำระหนี้ (8%) - ดอกเบ้ียปกตติ ามสญั ญา (3%) (8-3) = 5% (2) คำนวณหาดอกเบ้ียสว่ นเพ่ิมจากการผิดนดั เงินตน้ (ของงวดทผ่ี ดิ นัด) x อัตราดอกเบ้ีย(ส่วนเพม่ิ จากการผดิ นัด) x จำนวนวัน/365) 25,700 x 5% x 30/365 ยอดที่ต้องชำระหน้รี วมทง้ั สิน้ (1+2+3) 37,105.62 บาท 2) ลำดบั การตดั ชำระหนี้ หลักเกณฑ์ ให้ใช้กับสินเชื่อที่มีการผ่อนชำระเป็นงวด และสินเช่ือ หมนุ เวยี น สำหรับลกู หน้ีทกุ กลุ่ม ▪ สินเชื่อที่มีการผ่อนชำระเป็นงวด เงินที่ได้รับชำระหนี้จะนำไปตัด ชำระหนี้ตามยอดหนี้แต่ละงวด โดยให้ตัดค่างวดที่ค้างชำระนานที่สุดเป็นลำดับแรก โดยจะ ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สนิ เชื่อ

120 ถูกนำไปหักค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และเงินต้นของงวดที่ค้างชำระนานที่สุดก่อน (ทำให้ เงินงวดที่ผ่อนชำระแต่ละเดือนสามารถตัดถึงเงินต้นได้มากข้ึน ให้ลูกหนี้มีกำลังใจในการจ่าย ชำระหนต้ี ่อเนอื่ ง) ตัวอย่าง ลูกหน้ีผ่อนชำระหนี้เดือนละ 10,000 บาท ต่อมาค้างชำระ 3 งวด เป็นเงินทั้งหมด 30,900 บาท ในจำนวนน้ีเปน็ ค่าธรรมเนยี มงวดละ 300 บาท หากลูกหนไี้ ด้นำเงินมาชำระจำนวน 10,000 บาท เงนิ จำนวนน้ีจะถูกนำไปตัด งวดที่ 1 ก่อน ไดแ้ ก่ คา่ ธรรมเนยี ม 300 บาท ดอกเบ้ีย 4,000 บาท ที่เหลือจึงจะนำไปตดั เงินต้น 5,700 บาท ดังนั้น จะเหลือเงินต้นคงค้างของงวด 1 จำนวน 300 บาท รวมกับงวด 2 และ งวดที่ 3 อกี 20,600 บาท รวมคงเหลอื หนท้ี ีค่ ้างชำระ 20,900 บาท ▪ สินเชื่อหมุนเวียน เงินที่ได้รับชำระหนี้จะนำไปตัดชำระหนี้โดยให้ตัด คา่ ธรรมเนียม ดอกเบี้ยและเงินตน้ ที่ค้างชำระท้ังหมดได้ *เปน็ ไปตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่ สกส2. 9/2563 เรอื่ ง การคิดดอกเบ้ยี ผิดนัดชำระหน้ีและการ ตัดชำระหนี้ ซึ่งบังคับใช้กับผู้ให้บริการทางการเงิน ได้แก่ สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบ อาชีพภายใต้การกำกับ บริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินที่ ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การ กำกับ ธรุ กจิ การใหเ้ ช่าแบบลสี ซงิ่ ธรุ กจิ การใหเ้ ช่าซอื้ และบริษัทบรหิ ารสนิ ทรพั ย์ (ไม่รวมผลิตภัณฑใ์ ห้เช่า ซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ และรถจกั รยานยนตเ์ ปน็ ธรุ กจิ ทคี่ วบคมุ สัญญา) มผี ลบงั คับใช้ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เช่ือ

121 แหล่งศึกษาขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents ประกาศธนาคารแห่งประเทศ /FPG/2563/ThaiPDF/25630272.pdf ไทย เร่อื ง การคิดดอกเบี้ย ผิดนดั ชำระหนีแ้ ละการตดั ชำระหน้ี การตัดสินใจที่จะมีบ้านสกั หลัง เป็นการตัดสินใจคร้ังสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่ใน ชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมีมากมาย เชน่ ทำเลทีต่ งั้ จำนวนสมาชิกในครอบครัว ความสะดวกในการเดินทาง ราคา และความน่าเช่ือถือ ของโครงการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในกรณีซื้อบ้านด้วยการขอสินเชื่อก็คือ ความสามารถในการ ผ่อนชำระหนี้ เพราะหากซื้อบ้านท่ีถูกใจแต่เกินกำลังที่จะผ่อนชำระ สุดท้ายก็อาจทำให้เกิด ปัญหาได้ เชน่ บ้านถกู ยึดและขายทอดตลาดเพ่อื ชำระหน้ี ดงั นั้น ก่อนตดั สินใจซ้ือบ้านควรต้อง สำรวจความพรอ้ มของตวั เอง ดงั นี้ - ต้องซื้อตอนนี้เลย หรือรอได้ หรือยังมีทางเลือกอื่นหรือไม่ เช่น เช่าอยู่ก่อน หรืออยู่กับพ่อแม่ไปก่อน โดยระหว่างนี้ก็ “ซ้อมผ่อน” ไปพลาง ๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อ ทดลองดูว่าจะผ่อนไหวหรือไม่ตอนที่จะซื้อจริง (วิธีซ้อมผ่อน เริ่มจากเปิดบัญชีเงินฝาก 1 บัญชี เพ่ือเกบ็ เงนิ ซ้อื บ้านโดยเฉพาะ แล้วนำเงนิ ไปฝากทุกเดอื น เดือนละเท่า ๆ กนั โดยเทา่ กบั จำนวน เงินผ่อนบ้าน ซึ่งสามารถขอข้อมูลได้จากฝ่ายขายของโครงการหมู่บ้านหรือคอนโดมิเนียมที่เรา อยากจะซ้ือ หรอื ลองใชโ้ ปรแกรมคำนวณจากเว็บไซต์ศนู ยค์ มุ้ ครองผูใ้ ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ (ศคง.) เพื่อหาจำนวนเงินผ่อนคร่าว ๆ ที่สำคญั อยา่ ลืมลงมอื ซอ้ มผ่อนจริง ๆ ด้วย) - เลือกบ้านที่ไม่เกินกับความสามารถในการผ่อนชำระหน้ี และมั่นใจว่า จะสามารถผ่อนได้ตลอดรอดฝั่ง (รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับบ้าน เช่น ค่าตกแต่ง ค่าสว่ นกลางหมูบ่ ้าน/คอนโดมิเนียม ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟา้ และคา่ ใชจ้ า่ ยสว่ นตวั ดว้ ย) - ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ท่ี เกย่ี วขอ้ ง เพือ่ เลอื กธนาคารทใี่ หเ้ ง่อื นไขท่ีรับได้ - ควรมีเงินอย่างน้อย 20% ของราคาที่อยูอ่ าศัยเพื่อเป็นเงินดาวน์ (เงินดาวน์ คือ เงินส่วนหนึ่งที่ผู้จะซื้อบ้านจ่ายให้โครงการที่อยู่อาศัย ก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อชำระ ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชีวติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชอ่ื

122 ค่าบ้านทั้งหมด ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยอาจให้ชำระเป็นก้อนเดียว หรือทยอยผ่อนชำระเป็น รายงวด โดยมักกำหนดไว้ประมาณ 15 - 20% ของราคาท่อี ย่อู าศัย) - เตรียมเอกสารเพื่อทำเรื่องขอกู้ให้พร้อม เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนา ทะเบียนบ้าน เอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น ใบรับรองเงินเดือน หลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้าง สมุดเงินฝากธนาคาร - ตั้งเป้าหมายเก็บเงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (นอกจาก เงินดาวนแ์ ละคา่ ผ่อนบ้าน) เช่น 1) ค่าประเมินหลักประกัน เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการประเมินว่าบ้านหรือ หลกั ประกนั มมี ูลคา่ เทา่ ไร 2) ค่าจดจำนองและค่าอากรแสตมป์ ซึ่งต้องจ่ายให้แก่ส่วนราชการ เช่น สำนักงานที่ดิน 3) ค่าประกันภยั เพื่อเป็นการป้องกนั ความเสีย่ งให้กับผู้ขอสินเชื่อ เช่น การ ทำประกันอัคคภี ัย ซ่งึ หากเกดิ ความเสียหายกับทอ่ี ยู่อาศัยก็ยังมีเงนิ กอ้ นหน่ึงจากการประกันภัย มาจ่ายค่าบ้าน ช่วยลดภาระแก่ผู้ขอสินเชื่อ อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่สามารถบังคับให้ ผู้ขอสินเชื่อทำประกันภัยกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะผู้ขอสินเชื่อมีสิทธิที่จะเลือก ทำประกนั ภัยได้อยา่ งอิสระ 4) คา่ ใชจ้ ่ายอนื่ ๆ เกย่ี วกับบา้ น เชน่ คา่ ตกแตง่ คา่ ป๊มั นำ้ คา่ น้ำ ค่าไฟ และ คา่ ส่วนกลาง (ถา้ อยู่ในหมู่บา้ นจดั สรรหรือคอนโดมเิ นยี ม) อย่าลืม...มีแผนสำรองหากผ่อนไม่ไหวกะทันหัน เช่น ออมเงินเผื่อฉุกเฉิน ทกุ เดือน ถ้าเงินไม่พอผ่อนเดอื นไหน กถ็ อนมาจ่ายก่อนหรอื ขายทองทเ่ี ก็บไว้ แหล่งศึกษาข้อมลู เพ่ิมเติม เวบ็ ไซต์ ศคง. https://www.1213.or.th/th/tools/ โปรแกรมคำนวณเงินกู้ programs/Pages/loans.aspx ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชีวิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สินเชอ่ื

123 รีไฟแนนซ.์ .. ทางเลือกลดดอกเบย้ี เมอ่ื เร่ิมต้นขอสินเช่อื บ้าน ธนาคารมักเสนออตั ราดอกเบีย้ ต่ำเพือ่ ดึงดดู ใจให้ผู้กู้มา ใช้บริการสินเช่ือกับธนาคาร แต่อัตราดอกเบี้ยต่ำนีม้ ักจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หากผ่อนบ้าน ไปสัก 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยมักปรับสูงขึ้น ดังนั้น การย้ายไปขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่หรือที่ เรียกว่า “รีไฟแนนซ”์ (refinance) อาจเปน็ ทางเลือกเพ่ือใหไ้ ด้ดอกเบ้ียท่ตี ำ่ ลง อย่างไรก็ดี กอ่ นตดั สนิ ใจรีไฟแนนซ์ ควรเปรยี บเทยี บอตั ราดอกเบี้ยท่ีประหยัดได้ กบั ค่าใช้จ่ายท่จี ะเกดิ ขน้ึ จากการรีไฟแนนซ์วา่ คุม้ ค่าหรือไม่ ➢ ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ เป็นการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยธนาคารเดิมกับ อตั ราดอกเบ้ยี ธนาคารใหม่ ตวั อยา่ งการคำนวณดอกเบย้ี ท่ีประหยัดได้ เงินต้น ใหด้ วู า่ เงนิ ต้นที่จะรีไฟแนนซไ์ ปธนาคารใหม่ประมาณ 2,000,000 บาท เท่าไร สมมตุ ิว่า 2 ล้านบาท 4% อัตราดอกเบ้ยี ที่ ใหน้ ำอตั ราดอกเบ้ียธนาคารเดิม หกั ออกจากอตั รา ประหยัดได้ ดอกเบ้ยี ทีธ่ นาคารใหม่จะให้ เชน่ ธนาคารเดมิ อัตรา จำนวนปที ่ี ดอกเบย้ี 7% ธนาคารใหม่อัตราดอกเบย้ี 3% 3 ปี (7-3 = 4) สมมตุ ิวา่ ธนาคารใหมใ่ ห้อัตราดอกเบย้ี 3% ตอ่ ปี ธนาคารใหม่ให้ เปน็ ระยะเวลา 3 ปี 240,000 บาท อตั ราดอกเบ้ียตำ่ จำนวนดอกเบี้ยทป่ี ระหยดั ได้ (เงินต้นคงคา้ ง x อัตราดอกเบยี้ ท่ปี ระหยดั ได้ x จำนวนปที ไี่ ด้อตั ราดอกเบ้ียตำ่ ) (2,000,000 x 4% x 3) ➢ ค่าใชจ้ ่ายท่ีจะเกดิ ข้ึนหากรไี ฟแนนซ์ เชน่ 1) ค่าปรับกรณไี ถถ่ อนสินเช่ือกอ่ นกำหนด (prepayment fee) ท่ีต้องจ่าย ให้แก่ธนาคารเดิมหากผู้กู้ไถ่ถอนสินเชื่อที่อยู่อาศัยก่อนระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งมักกำหนด ระยะเวลาภายใน 3 ปีหรอื 5 ปนี บั จากวนั ทำสัญญา ยกตัวอย่างเช่น ในสัญญากำหนดว่าจะคิดค่าปรับในอัตรา 3% หากผู้กู้ไถ่ถอนก่อนกำหนดใน ระยะเวลา 3 ปแี รกนับจากวันทำสัญญา ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 สินเชอ่ื

124 หากผู้กู้ทำสัญญาสินเชื่อที่อยู่อาศัย 1 ม.ค. 2562 และจะไถ่ถอนสินเชื่อเพ่ือ ย้ายไปธนาคารอื่นวันที่ 1 ม.ค. 2564 กรณีนี้ผู้กู้จะเสียค่าปรับเพราะไถ่ถอนก่อนครบ 3 ปี โดย จะคำนวณค่าปรับจากยอดเงินต้นคงค้าง ณ วันที่ผู้กู้ไถ่ถอน สมมุติว่ามียอดเงินต้นคงค้าง 2,000,000 บาท ดังนน้ั ผู้กจู้ ะเสียคา่ ปรบั (2,000,000 x 3%) เท่ากับ 60,000 บาท 2) ค่าใช้จ่ายที่เก่ียวกับการขอสินเชือ่ เมื่อเราจะรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ ธนาคารก็จะคดิ ค่าใชจ้ ่ายเช่นเดียวกับการขอสินเชือ่ ใหม่ เช่น ค่าประเมินหลกั ประกัน คา่ จดจำนอง หลักประกนั ค่าอากรแสตมป์ ตัวอยา่ งการคำนวณค่าใช้จ่ายทีจ่ ะเกิดจากรไี ฟแนนซ์ คา่ ปรบั กรณีไถถ่ อน คำนวณค่าปรับจากยอดเงินต้นคงคา้ ง เช่น 60,000 บาท สินเช่ือก่อนกำหนด ยอดเงินคงค้าง 2,000,000 บาท ค่าปรับคิด 3,000 บาท 20,000 บาท อัตรา 3% 1,000 บาท 84,000 บาท (2,000,000 x 3%) คา่ ประเมินหลกั ประกัน สมมตุ วิ า่ ธนาคารใหม่เรียกเกบ็ เปน็ เงนิ คา่ จดจำนอง 1% ของยอดเงินกู้ หลกั ประกัน (2,000,000 x 1%) ค่าอากรแสตมป์ 0.05%ของยอดเงินกู้ (2,000,000 x 0.05%) รวมค่าใชจ้ ่ายทเ่ี กิดจากรไี ฟแนนซ์ เมื่อได้ข้อมูลแล้วให้นำมาเปรียบเทียบดูว่า ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้จากการ รีไฟแนนซ์กับคา่ ใช้จา่ ยท่จี ะเกดิ จากการรไี ฟแนนซ์ รายการไหนสงู กวา่ กนั ดอกเบย้ี ท่ีประหยดั ไดจ้ ากการรีไฟแนนซ์ ค่าใช้จา่ ยท่จี ะเกิดจากการรีไฟแนนซ์ 240,000 บาท 84,000 บาท จากตัวอย่าง จะเห็นว่าดอกเบี้ยที่ประหยัดได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสีย ในกรณนี ้จี ึงมคี วามค้มุ คา่ ทจ่ี ะรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารใหม่ แต่หากประเมินแล้วไม่คุ้มค่าที่จะรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าใช้จ่ายสูงกว่าดอกเบี้ยท่ี ประหยัดได้ หรือดอกเบี้ยที่ประหยัดได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ผู้กู้อาจลองใช้วิธีเจรจา กบั ธนาคารเดมิ เพือ่ ขอลดอตั ราดอกเบย้ี แทนการรไี ฟแนนซ์ได้ ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเชื่อ

125 2. การเชา่ ซื้อ เช่าซื้อ (hire purchase) มีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ โดยผู้เช่าซื้อทำสัญญา กับผู้ใหเ้ ช่าซ้ือว่าจะชำระค่าสินค้าเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาท่ีกำหนด ซึ่งระหว่างนั้น ผู้เช่าซื้อสามารถนำทรัพย์สินที่เช่าซื้อมาใช้งานไดก้ ่อน โดยที่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สนิ ยังเป็นของ ผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าจะจ่ายเงินครบตามสัญญาจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นมาเป็นของ ผูเ้ ช่าซื้อ เชน่ การเช่าซ้ือรถยนตห์ รอื รถจักรยานยนต์ ลสี ซิง่ (leasing) มีลักษณะคล้ายกับสญั ญาเชา่ ซอ้ื คือ จะตอ้ งชำระเงนิ ค่าเช่า เป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่า ต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า สามารถเลอื กได้วา่ จะซ้อื ตอ่ สัญญาเชา่ หรอื ส่งคนื ทรพั ย์ให้แก่ผูใ้ ห้เช่า ส่วนมากผู้ท่ีทำสัญญา ลกั ษณะน้ี มักเปน็ บริษทั หรอื นิตบิ ุคลทต่ี อ้ งการเชา่ ทรัพยส์ ินท่ีมรี าคาแพงหรือเช่าทรัพย์สินใน ปรมิ าณมาก เช่น เครอ่ื งจักร ตวั อย่างการเช่าซ้ือและลีสซ่งิ เช่าซ้อื นายรักชาติ (ผู้เช่าซื้อ) ตัดสินใจจะเช่าซื้อรถยนต์จากบริษัท ABC (ผู้ให้เช่าซื้อ) โดย ผู้เช่าซื้อตกลงชำระเป็นรายงวดตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด รักชาติ สามารถนำรถยนต์มาใช้งานได้ก่อน โดยกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของรักชาติต่อเมื่อได้ ชำระค่ารถยนต์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งบริษัท ABC จะต้องดำเนินการจดทะเบียนโอนรถ ให้เป็นชื่อของรักชาติภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับเอกสารประกอบการจด ทะเบียนครบถว้ น ลสี ซิง่ บริษัทไทยทอผ้าทำสัญญาลีสซิ่งกับบริษัทสำราญลีสซิ่ง เพื่อเช่าเครื่องจักรสำหรับ ทอผ้าจำนวน 10 เครื่อง โดยทำสัญญา 5 ปี ซึ่งบริษัทสำราญลีสซิ่งยินดีเปลี่ยน เครื่องให้หากเครื่องขัดข้อง เมื่อครบกำหนดสัญญา บริษัทไทยทอผ้าเห็นว่า มีเทคโนโลยีการทอผ้าแบบใหม่จากญี่ปุ่นซึ่งต้นทุนต่ำกว่า จึงไม่จำเป็นต้องใช้ เครอื่ งทอผา้ รุ่นเดมิ อีกต่อไป จงึ ตัดสินใจคนื เคร่อื งทอผา้ ใหแ้ ก่บรษิ ทั สำราญลสี ซ่งิ ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สินเชือ่

126 การเช่าซือ้ รถ ลกั ษณะของการเช่าซ้ือรถ 1) วงเงิน กรณีให้เช่าซื้อรถใหม่ ประมาณ 75 - 80% กรณีรถใช้แล้วจะขึ้นอยู่กับ สภาพรถและราคาประเมินรถ 2) ระยะเวลาการผ่อนชำระ ประมาณ 12 - 72 เดอื น 3) อัตราดอกเบี้ย ส่วนใหญ่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (fixed rate) ตลอดอายสุ ัญญา 4) วิธีการคิดดอกเบี้ย ส่วนใหญ่คิดดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ (flat rate) คือ คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นทั้งจำนวนและระยะเวลาในการผ่อนชำระทั้งหมด จากนั้น ผใู้ หเ้ ชา่ ซ้ือจะนำดอกเบ้ยี ท่ีคำนวณไดม้ ารวมกับเงินต้น แลว้ หารดว้ ยจำนวนงวดทจี่ ะผ่อนชำระ ดังนั้น เงินที่ผ่อนชำระจะเท่ากันทุกงวด ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้กำหนดให้ผใู้ ห้เชา่ ซื้อรถยนตแ์ ละรถจักรยานยนตจ์ ดั ทำตารางแสดงภาระหนี้สินตาม สัญญาสำหรับผู้เชา่ ซื้อแต่ละราย โดยใหร้ ะบุอตั ราดอกเบ้ียท่ีแท้จริงต่อปี (effective interest rate) เพอ่ื ให้ผบู้ ริโภคไดร้ ับทราบภาระดอกเบี้ยที่แทจ้ รงิ ต่อปี วธิ คี ำนวณคา่ งวด ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 สนิ เชอ่ื

127 ตัวอย่าง นายยอดชายต้องการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราคา 60,000 บาท ผู้ให้เช่าซ้ือ คดิ อัตราดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ 4% ตอ่ ปี โดยใหร้ ะยะเวลาผอ่ น 60 งวด (5 ปี) จะตอ้ งจา่ ยค่างวด เปน็ เงนิ เท่าไร ขอ้ ควรรู้ 1) หากผู้เช่าซื้อเคยค้างชำระ และงวดต่อมาชำระหนี้ไม่ครอบคลุมยอด หนคี้ งคา้ งของงวดก่อน หรือไมค่ รอบคลุมคา่ ใช้จ่ายตา่ ง ๆ ที่เรียกเก็บ อาจส่งผลให้เงินที่ชำระ ค่างวดนั้นไม่พอตัดเงินต้น และยังคงเป็นหนี้ค้างชำระซึ่งจะถูกคิดเบี้ยปรับและค่าใช้จ่ายในการ ติดตามทวงถามหนี้ในงวดถดั ไปได้อีก (ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 329 ระบุว่า หากเงินที่ลูกหนี้จ่ายเพื่อชำระหนี้ไม่เพียงพอ ให้นำเงินที่ลูกหนี้ชำระนั้นไปหักค่าธรรมเนียม หรอื ค่าใช้จา่ ยอื่น ๆ กอ่ น แลว้ จึงหักดอกเบี้ย ท่เี หลอื จงึ นำไปหกั เงนิ ตน้ ) 2) หากผู้เช่าซื้อต้องการชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีก่อนครบ กำหนด ผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซื้อในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อท่ี ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โดยให้คดิ คำนวณตามมาตรฐานการบญั ชีวา่ ด้วยเรือ่ งสัญญาเช่า 3) ผูใ้ หเ้ ชา่ ซอื้ สามารถบอกเลกิ สญั ญาเช่าซอ้ื ได้ หากผเู้ ชา่ ซื้อผิดนัดชำระ ค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดกัน อย่างไรก็ดี ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ชำระหนี้ ทค่ี า้ งชำระภายใน 30 วันนบั จากวนั ทผี่ เู้ ชา่ ซ้ือได้รับหนงั สือ หากเลยกำหนดและผู้เช่าซ้ือยังไม่มา ชำระ ผู้ให้เช่าซื้อจึงจะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและดำเนินการนำรถกลับคืนได้ แต่หากผูเ้ ช่าซื้อได้ นำเงินไปชำระครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ผู้ให้เช่าซื้อกำหนดไว้ ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิ์ที่จะยึด รถคืนจากผ้เู ชา่ ซือ้ ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สินเชือ่

128 4) การยึดรถจะใช้กำลังขู่เข็ญหรือทำร้ายร่างกายไม่ได้ หากมีการกระทำ ดังกล่าวให้แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ และร้องเรียนตาม พ.ร.บ. การทวงถามหน้ี พ.ศ. 2558 ซึ่งมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ได้แก่ กรมการปกครอง สถานีตำรวจ ท้องที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ทำการปกครองจังหวัด และทว่ี า่ การอำเภอ ข้อควรระวัง กรณีมีผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นผู้ให้เช่าซ้ือ รถมาติดต่อ ผู้เช่าซื้อควรขอตรวจสอบเอกสารแสดงตนว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจจริงหรือไม่ เช่น ใบรับมอบอำนาจ บัตรประจำตัวเจ้าหนา้ ท่ี และโทรศพั ท์ตดิ ตอ่ ผู้ให้เช่าซ้ือโดยตรงว่ามีการ มอบอำนาจให้บุคคลตามที่กล่าวอ้างมายึดรถจริงหรือไม่ด้วย รวมถึงตรวจสอบประวัติการค้าง ชำระของตนเองว่าได้เข้าส่กู ระบวนการยดึ รถแล้วหรือไม่ อยา่ งไร 5) หลังจากผู้ให้เช่าซื้อยึดรถไปแล้ว ก่อนที่จะนำรถออกขาย ต้องแจ้ง ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี) ทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 7 วัน เพื่อให้ผู้เช่าซือ้ ใช้สิทธ์ิซื้อรถคืน หากผู้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธ์ิ ผู้ให้เช่าซื้อก็จะนำออกขายโดยวิธีประมูลหรือขาย ทอดตลาด - หากขายได้ราคามากกว่ายอดหนี้ที่ค้างชำระ ผู้ให้เช่าซื้อต้องคืนเงิน ส่วนเกินให้แก่ผเู้ ช่าซื้อ - หากขายได้ราคาน้อยกว่ายอดหนี้ที่ค้างชำระ ผู้เช่าซื้อยังต้องชำระ หนีส้ ่วนต่างใหแ้ ก่ผใู้ ห้เช่าซอื้ จนครบจำนวน 6) แม้ว่ารถจะให้ความสะดวกสบายแต่ก็มีค่าใช้จ่ายมากมายตามมา นอกเหนือไปจากค่าผ่อนรถในแต่ละเดือน ถ้ายังไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับค่าใช้จ่ายได้ก็ควร ชะลอการซื้อรถออกไปก่อน และใช้เวลาช่วงที่ยังไม่พร้อมนี้เก็บเงินดาวน์เพิ่มขึ้นเพื่อจะได้ ลดภาระค่าผ่อนชำระในอนาคต ชดุ วชิ าการเงินเพอ่ื ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 สนิ เช่อื

129 ตัวอย่างประมาณการค่าใชจ้ า่ ยท่ีเกย่ี วข้องกับรถ* (ไมร่ วมคา่ ผอ่ นรถ) *เป็นเพียงข้อมูลค่าใช้จ่ายประมาณการเบื้องต้น ที่อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ซึ่งขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถ ประเภท อายกุ ารใช้งานของรถ รวมถึงลักษณะการใชง้ านรถทแี่ ตกตา่ งกัน กอ่ นตดั สินใจเช่าซื้อรถสกั คัน ควรสำรวจความพร้อมของตนเอง ดังน้ี - ความสามารถในการผ่อนชำระกับรายได้ตนเอง ภาระผ่อนหนี้เมื่อรวม กับหนอ้ี น่ื ท่มี ที ้งั หมดแล้วไมค่ วรเกนิ 1 ใน 3 ของรายไดต้ ่อเดือน และมคี วามสามารถในการจ่าย ค่าใชจ้ า่ ยต่าง ๆ ท่ีจะตามมาจากการเชา่ ซ้อื รถ - มเี งินออมเพ่ือจ่ายเงินดาวน์ให้ได้มากทสี่ ุด ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบย้ี ที่ ตอ้ งจ่ายลงไปไดอ้ กี มาก - ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ เงื่อนไขอื่น ๆ ของผูใ้ หเ้ ช่าซ้อื หลาย ๆ แหง่ และต้องดูวา่ อัตราดอกเบ้ยี ทเ่ี สนอให้น้นั เป็นอัตราดอกเบ้ยี ต่อเดือน หรอื ต่อปี - เลือกระยะเวลาผ่อนทส่ี น้ั ลง จะช่วยให้ประหยดั ดอกเบ้ียลงไปได้ 3. สนิ เช่ือส่วนบคุ คลภายใตก้ ารกำกับ เป็นสินเชื่อที่ให้กู้ยืมแก่บุคคลธรรมดาและไม่ต้องมีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็น หลักประกัน ซึ่งผู้ให้กู้ที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณา คณุ สมบัตขิ องผกู้ ู้และวงเงนิ ท่ีใหแ้ ตกต่างกนั ไปตามวัตถุประสงคข์ องผู้กู้ โดยสามารถแบ่งเปน็ 1) สินเชื่อทีม่ ีวัตถุประสงค์เพื่อการอุปโภคบริโภค หรือใช้ในการประกอบ อาชีพ ปัจจุบันมีรูปแบบใหบ้ ริการหลากหลาย เช่น ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 สินเชื่อ

130 1.1) เช่าซื้อสินค้ารายชิ้น (ไม่รวมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และ เครื่องจักร) ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลจะออกบัตรสมาชิก หรือที่มักเรียกกันว่า “บัตรผ่อน สินค้า” ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรไปใช้ซือ้ สินค้าและบริการจากร้านค้าท่ีร่วมรายการได้ เช่น ซื้อ เครื่องใช้ไฟฟา้ และต้องชำระเงินแก่ผ้ใู ห้บริการตามงวดที่ตกลงกนั 1.2) วงเงินสำรองพร้อมใช้ผ่านบัตรกดเงินสด หลังจากที่ได้รับอนุมัติ วงเงินสินเชื่อแล้ว ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรไปเบิกถอนเงินออกมา ใชไ้ ดต้ ลอดเวลา ซึ่งผถู้ อื บัตรตอ้ งชำระคืนแกผ่ ู้ให้บริการทุกเดือน โดย สามารถชำระเต็มจำนวน มากกว่าขั้นต่ำ หรือขั้นต่ำตามท่ีผู้ให้บริการ กำหนดได้ 1.3) รับเงินสดทั้งก้อน แล้วทยอยผ่อนชำระ คนื เป็นงวดตามทไี่ ดต้ กลงกับผูใ้ ห้บริการ 2) จำนำทะเบียนรถแบบโอนลอย ผู้กู้ตอ้ งเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิในรถ โดย นำสมุดทะเบียนรถ (blue book) มาวางไว้ที่ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นการโอนลอย ทะเบยี นรถไวล้ ว่ งหน้าเพือ่ เปน็ ประกันการชำระหนี้ โดยผกู้ ูย้ ังสามารถครอบครองรถและใช้รถได้ ตามปกติ ซึง่ ผ้กู จู้ ะไดร้ บั เงินกอ้ นนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และต้องชำระคืนเป็นรายงวด แกผ่ ู้ใหก้ ้ตู ามท่ตี กลงไว้ ขอ้ ควรรู้ 1) คุณสมบตั ิผสู้ มคั ร เปน็ บุคคลที่ผู้ให้สนิ เช่ือพิจารณาแลว้ เห็นว่ามฐี านะ ทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระหนีไ้ ด้ 2) วงเงิน พจิ ารณาตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้ รายได้หรือกระแสเงินสดหมุนเวยี น วงเงนิ อนมุ ัติ เข้าบัญชีเงินฝากเฉล่ยี ต่อเดอื น น้อยกว่า 30,000 บาท ไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้หรือกระแสเงินสด หมนุ เวียนเข้าบัญชีเงนิ ฝากเฉล่ยี ตอ่ เดือนต่อ ผู้ให้บริการ (ขอกู้สูงสดุ ได้ไม่เกิน 3 แหง่ ) ต้งั แต่ 30,000 บาทขึน้ ไป ไมเ่ กิน 5 เท่าของรายได้หรอื กระแสเงนิ สด หมุนเวียนเข้าบญั ชเี งินฝากเฉล่ียตอ่ เดือน ชดุ วิชาการเงนิ เพือ่ ชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สนิ เชื่อ

131 วงเงินขอสินเชื่อทีม่ ีวัตถปุ ระสงค์เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพและสนิ เชื่อ ท่มี ที ะเบยี นรถเปน็ ประกันข้นึ อยกู่ บั ความสามารถในการชำระหนี้ 3) อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้ว ไม่เกิน 25% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (effective rate) สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน และ ไม่เกิน 24% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (effective rate) สำหรับสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็น ประกัน นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้ให้บริการได้จ่ายให้แก่บุคคลภายนอก เช่น ค่าใชจ้ ่ายติดตามทวงถามหนี้ แต่จะเรียกเก็บได้ไมเ่ กินจากทไี่ ด้ประกาศไว้ 4) วธิ ีการคิดดอกเบีย้ คดิ ดอกเบ้ยี แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ควรสำรวจความ พร้อมของตนเองก่อน ดังนี้ - เลือกใช้บริการจากสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาต เนื่องจาก มีข้อดีหลายประการ เช่น ได้รับเงินกู้เต็มจำนวน ดอกเบี้ยถูกกว่าเงินกู้นอกระบบ และมี หน่วยงานทางการกำกบั ดูแล - ศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ คา่ ธรรมเนยี มต่าง ๆ ก่อนการเลอื กใชบ้ ริการ ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชีวติ 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเชอ่ื

132 - ระมัดระวังโฆษณาที่ระบุในทำนองว่า “ดอกเบี้ยน้อยนิด” โดยต้อง ดูว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวใช้หน่วยอะไร เช่น ถ้าเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อเดือน ให้คูณ 12 จึงจะ ได้อตั ราดอกเบี้ยต่อปี - อย่าใช้บริการเพียงเพราะต้องการของแถม 4. บัตรเครดิต เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือผู้ประกอบธุรกิจ บัตรเครดิต (ผู้ออกบัตร) เพื่อให้ผู้บริโภค (ผู้ถือบัตร) นำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแทน เงินสด โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก หรือทำรายการซื้อสินค้าและบริการแบบออนไลนผ์ ่าน อินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งผู้ออกบัตรจะจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าไปก่อน และผู้ถือบัตรสามารถใช้ บัตรเครดิตเบิกถอนเงินสดออกมาใช้ในยามฉุกเฉินได้ด้วย โดยไม่เกินวงเงินที่ผู้ออกบัตร กำหนดไว้ และจะถูกเรยี กเกบ็ เงินพรอ้ มดอกเบ้ีย (ถา้ มี) จากผอู้ อกบตั รตามระยะเวลาทีก่ ำหนด ลักษณะสำคญั ของบัตรเครดิต 1) คุณสมบัติผู้สมัคร มีรายได้ไม่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงิน ฝากหรือสนิ ทรพั ยต์ ามท่ีธนาคารแหง่ ประเทศไทยกำหนด 2) วงเงนิ พิจารณาตามเกณฑด์ ังตอ่ ไปนี้ รายไดต้ ่อเดือน วงเงนิ อนุมตั ิ ตง้ั แต่ 15,000 บาท แตน่ ้อยกวา่ 30,000 บาท 1.5 เทา่ ของรายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดอื น ต้งั แต่ 30,000 บาท แต่นอ้ ยกวา่ 50,000 บาท 3 เทา่ ของรายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดือน ตั้งแต่ 50,000 บาทข้ึนไป 5 เท่าของรายไดเ้ ฉล่ยี ตอ่ เดอื น 3) อตั ราดอกเบ้ยี คา่ ปรบั คา่ บรกิ าร และค่าธรรมเนยี ม รวมกนั แล้วไมเ่ กิน 16% ต่อปี - หากชำระหนี้บัตรเครดิตตรงเวลาและเต็มจำนวน (โดยไม่ได้เบิกถอน เงินสดเลย) จะได้รับระยะเวลาปลอดดอกเบ้ีย ประมาณ 45 – 56 วนั - กรณีเบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิตจะไม่มีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ย และถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเบิกถอนได้อีกไม่เกิน 3% ของจำนวนเงินสดที่ถอน และ ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ 7% ของคา่ ธรรมเนียมการเบกิ ถอน ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 สินเชื่อ

133 - หากชำระหนี้บัตรเครดิตล่าช้า ชำระขั้นต่ำหรือชำระบางส่วน หรือมี การเบิกถอนเงินสด จะถูกคิดดอกเบี้ย โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ (1) คิดเต็มจำนวนตั้งแต่ วันท่ใี ช้บตั รซอ้ื ของ/จา่ ยคา่ บรกิ ารหรอื ถอนเงนิ ถงึ วนั ก่อนหนา้ วนั ชำระเงนิ และ (2) คดิ ตามยอด คงค้างตั้งแต่วันที่ชำระถึงวันสรุปยอดถัดไป (ดูตัวอย่างการคำนวณได้ที่เอกสารประกอบใบแจ้ง หนี้ หรอื เว็บไซต์ของบัตรเครดิต) 4) วธิ กี ารคดิ ดอกเบย้ี เปน็ แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) ข้อควรรู้ 1) การนำบัตรเครดิตไปใช้ในต่างประเทศ ผู้ออกบัตรอาจคิดค่าความเสี่ยง จากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2 – 2.5% ของยอดใช้จ่าย จึงควรศึกษาเงื่อนไขจากผู้ออกบัตร วา่ มกี ารคิดหรอื ไม่ อย่างไร 2) การชำระเงิน ควรชำระเต็มจำนวนและตรงเวลา แต่หากไม่สามารถ ชำระเต็มจำนวนได้ ก็ต้องชำระหนี้ขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออก มาตรการให้ความช่วยเหลอื ลูกหน้ีเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จากเดิมที่ กำหนดอตั ราการผ่อนชำระข้นั ต่ำ 10% ลดลงเหลอื 5% จนถงึ ส้นิ ปี 2565 แล้วปรับข้ึนเป็น 8% สำหรับปี 2566 และ 10% เท่าเดิม ตั้งแต่ปี 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กันยายน 2564) แต่ใน สถานการณ์ปกติ ผู้ออกบัตรอาจกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำไว้ด้วย เช่น ชำระขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 10% ของยอดหนคี้ งคา้ งแตต่ ้องไมน่ อ้ ยกว่า 1,000 บาท อย่างไรก็ดี หากมีรายการผ่อนชำระเงื่อนไข 0% อยู่ในใบแจ้งหนี้ ยอดผ่อนชำระข้ันต่ำอาจจะมากกวา่ ทก่ี ำหนดตามหลักเกณฑ์ได้ ตัวอย่าง หากมกี ารใช้จ่ายซอื้ โซฟา 10,000 บาท และมรี ายการซ้อื เครอื่ งใช้ไฟฟ้า 20,000 บาท ซึ่งตกลงผอ่ นชำระ 0% จำนวน 4 เดือน เดอื นละ 5,000 บาท การคำนวณรายการเรยี กเก็บขนั้ ต่ำ ยอดขัน้ ตำ่ ของรายการซอื้ โซฟา = 1,000 บาท (10,000 x 10%) ยอดผอ่ นชำระรายการซือ้ เครอื่ งใช้ไฟฟา้ = 5,000 บาท ดังนัน้ ยอดขัน้ ต่ำในรอบบลิ น้ันจะเรียกเกบ็ เท่ากบั 6,000 บาท (1,000 + 5,000) ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 สินเชอ่ื

134 3) กรณีค้างชำระบัตรเครดิตติดต่อกันเกินกว่า 3 เดือนนับแต่วันที่ครบ กำหนดชำระ ผู้ออกบัตรสามารถยกเลิกการใช้บัตรเครดิตของผู้ถือบัตรได้ทันที และลูกหนี้อาจ ถูกส่งฟอ้ งศาลเพือ่ เรยี กให้ชำระหนท้ี ี่ค้างอยู่ทงั้ หมด ขอ้ คดิ กอ่ นตัดสินใจมบี ัตรเครดติ 1) ทำความเข้าใจเงื่อนไขก่อนสมคั ร 2) ใช้บัตรเครดติ เทา่ ท่ีจำเป็นและมนั่ ใจว่าจะสามารถจ่ายคืนได้ 3) ชำระเต็มจำนวน ตรงเวลา หรือจ่ายให้ได้มากที่สุด เพื่อให้จ่ายดอกเบี้ย นอ้ ยที่สุด 4) อย่าทำบตั รเพราะเห็นแกข่ องแถม 5. สินเชอ่ื รายยอ่ ยเพื่อการประกอบอาชพี ภายใตก้ ารกำกับ (Nano finance) เป็นสินเชื่อรายย่อยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ขอสินเชื่อนำไปใช้ในการ ประกอบอาชีพโดยที่ไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชวี ิต 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 สนิ เชื่อ

135 วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าปรับ คา่ บริการ คา่ ธรรมเนียมใด ๆ และคา่ ใชจ้ า่ ยอืน่ ๆ รวมกันแลว้ ต้องไม่เกิน 33% ต่อปี แบบลดต้น ลดดอก (effective rate) 6. สนิ เชือ่ รายยอ่ ยระดับจังหวดั ภายใต้การกำกบั (Pico finance) เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ทั้งแบบมีและไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน โดย ผู้ประกอบธุรกิจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง สินเชื่อประเภทน้ีผู้กู้ต้องมี ภูมิลำเนาหรือถิ่นท่ีอยู่ในจังหวัดที่สำนกั งานใหญ่ของผู้ประกอบธรุ กิจตั้งอยู่เท่าน้ัน แต่ไม่รวมถึง สินเชื่อเพื่อการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สินเชื่อเพื่อสวัสดิการพนักงานที่หน่วยงานต้น สังกัดได้มีการทำสัญญากับผปู้ ระกอบธุรกจิ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย คิดอัตรา ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้วไม่เกิน 36% ต่อปี แบบลดต้นลด ดอก (effective rate) 2) สินเชื่อพิโกพลัส วงเงินไม่เกิน 100,000 บาท (ในกรณีขอสินเชื่อเกิน กว่า 50,000 บาท ตอ้ งจดั ทำสญั ญากเู้ งินอยา่ งนอ้ ย 2 สญั ญา โดยวงเงินสินเช่ือตอ่ สญั ญา ไมเ่ กิน สญั ญาละ 50,000 บาท) โดยคิดอตั ราดอกเบ้ยี คา่ ปรบั ค่าบริการ และคา่ ธรรมเนยี มใด ๆ ดังน้ี • วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาทแรก คิดได้ไม่เกิน 36% ต่อปี แบบ ลดตน้ ลดดอก (effective rate) • วงเงินสนิ เช่ือส่วนทเี่ กิน 50,000 บาท แต่ไมเ่ กนิ 100,000 บาท คดิ ได้ ไม่เกิน 28% ต่อปี แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) แหล่งศึกษาข้อมูลเพมิ่ เตมิ เว็บไซต์สำนักงาน http://www.1359.go.th/picodoc/ เศรษฐกจิ การคลงั หรือโทร. 1359 กด 3 ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 สินเชอื่

136 เกณฑ์ในการพิจารณาสนิ เชอื่ ของสถาบันการเงิน การพิจารณาว่าจะให้สินเชื่อหรือไม่นั้น ผู้ให้สินเชื่อจะพิจารณาข้อมูลจากหลายด้าน เช่น คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ อาชีพ แหล่งรายได้ ประวัติการขอสินเชื่อ ประวัติการชำระหน้ี วงเงินที่ขอ และวัตถุประสงค์ในการขอกู้ ซึ่งผู้ให้สินเชื่อจะนำมาพิจารณาว่าสามารถอนุมัติ สินเชอื่ ใหไ้ ดห้ รือไม่ หากถกู ปฏเิ สธสนิ เชื่อ ผู้กู้สามารถขอใหส้ ถาบันการเงินชีแ้ จงเหตุผลของการ ไม่อนุมตั สิ นิ เชือ่ เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ซึ่งจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การปรับปรุงตนเพ่อื ให้ได้รับสินเชื่อ ในอนาคตตอ่ ไป สาเหตุทีส่ ถาบันการเงินปฏิเสธการใหส้ นิ เช่อื อาจเกดิ จาก 1. มีประวัติค้างชำระ หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติค้างชำระหนี้และยังไม่สะสาง ภาระหนี้ ผใู้ หส้ ินเชอ่ื อาจเหน็ ว่ามคี วามเสยี่ งทจี่ ะไมไ่ ด้รบั การชำระคืน จึงไมอ่ นุมัติสินเช่ือ ดังนั้น ควรติดต่อเจ้าหนี้ที่ตนเองมีประวัติค้างชำระเพื่อชำระหนี้ที่ค้างให้เสร็จสิ้น และพยายามสร้าง ประวัติการชำระเงินที่ดีอย่าให้มีประวัติการค้างชำระอีก เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติ สินเช่อื ในอนาคต 2. แหล่งรายได้ขาดความน่าเชื่อถือ อาจเกิดจากผู้ขอสินเชื่อประกอบอาชีพ อิสระหรือมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งผู้ให้สินเชื่ออาจเห็นว่าจะส่งผลต่อการชำระหนี้คืนในอนาคต ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ให้สินเชื่อ ผู้ขอสินเชื่อควรเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน และนำเงนิ ทไ่ี ด้จากการประกอบอาชีพเข้าบญั ชีอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 6 เดือนหรือ 1 ปี เพ่ือ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผขู้ อสนิ เชื่อมีรายไดเ้ พียงพอและมีความสามารถในการชำระหนี้ ขาดความสามารถในการชำระหนี้ สถาบันการเงินอาจเห็นว่า วงเงินสินเชื่อที่ขอสูงเกินกว่า ความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งในกรณนี ้ี ผูข้ อสนิ เชือ่ อาจต้องหารายได้เพม่ิ และนำหลักฐานมา แสดง หรือหาผ้กู ู้ร่วม เพ่ือใหไ้ ด้วงเงนิ สินเชอ่ื ท่ตี อ้ งการ กิจกรรมท้ายเรอื่ งที่ 2 ลกั ษณะของสินเชอื่ ประเภทต่าง ๆ และการคำนวณดอกเบ้ีย (ให้ผู้เรยี นไปทำกิจกรรมเรือ่ งที่ 2 ที่สมุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้) ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 สนิ เชื่อ

137 เร่ืองที่ 3 เครดิตบโู ร คนที่ขอกู้เงินธนาคาร หรือสมัครบัตรเครดิต ซื้อบ้าน ซื้อรถ ผ่อนเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ อาจเคยได้ยินคำว่า “เครดิตบูโร” และสงสัยว่า เครดิตบูโร (credit bureau) น้ี คืออะไร ทำไมต้องมี และมีความสำคญั อยา่ งไร เครดิตบูโร เป็นหน่วยงานที่มีอยู่ในแทบทุกประเทศทั่วโลก มีหน้าท่ีรวบรวม ขอ้ มลู เกี่ยวกับลกู ค้าท่ขี อสนิ เชือ่ จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ สมาชิกของเครดติ บูโรว่า ลูกค้า แต่ละคนมหี นี้อยกู่ บั สถาบนั การเงนิ ใดบ้าง จำนวนมากน้อยเท่าไร และในแต่ละเดือนมีการชำระ หนีห้ รอื ไม่อยา่ งไร ขอ้ มูลที่เกบ็ ไวเ้ รียกว่า “ขอ้ มูลเครดิต” ในประเทศไทยมีเครดิตบูโรเพียงแห่ง เดียว คือ บรษิ ัท ขอ้ มลู เครดติ แห่งชาติ จำกัด (เครดิตบโู ร) ประโยชน์ของเครดิตบโู ร 1. ช่วยคุ้มครองผู้ฝากเงินไม่ให้สถาบันการเงินนำเงินฝากหรือเงินที่กู้ยืมจาก ประชาชนไปปล่อยกโู้ ดยไม่มขี อ้ มลู ภาระหน้ีและประวัติการชำระหน้ขี องลูกค้าอย่างเพียงพอ ซ่ึง หากไม่ได้รับเงินกู้คืนในอนาคต สถาบันการเงินก็จะไม่มีเงินคืนผู้ฝากเงิน ทำให้เกิดวิกฤติทาง การเงิน ระบบสถาบันการเงนิ ของชาตไิ มม่ น่ั คงและประชาชนเดอื ดร้อน 2. ช่วยให้ธนาคาร/สถาบันการเงินมีข้อมูลด้านภาระหนี้สินและประวัติการ ชำระหน้ที ่ีผา่ นมาของลูกค้า เพอื่ ประกอบกับขอ้ มลู อื่นว่าควรใหล้ ูกคา้ กยู้ ืมมากน้อยเพียงใด 3. ชว่ ยให้ผูม้ ปี ระวัติการชำระหนท้ี ด่ี ี (ซึง่ เป็นคนสว่ นใหญข่ องประเทศ) สามารถ กหู้ รือขอสินเชอ่ื ได้รวดเรว็ ดว้ ยตน้ ทุนที่ถกู และได้รับขอ้ เสนอท่ีดี 4. ทำใหค้ นไทยมวี ินัยทางการเงิน โดยจะกู้เงินหรอื ใชจ้ า่ ยบตั รเครดิตเฉพาะเม่ือ มคี วามจำเปน็ เทา่ นั้น และชำระหนต้ี รงเวลา มิฉะนัน้ ประวตั ิที่ดีในเครดิตบโู รจะกลายเปน็ ประวตั ิ ที่ไมด่ ี สมาชิกของเครดติ บูโร หมายถึง สถาบันการเงินที่เครดิตบูโรรับเข้าเป็นสมาชิก ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ทั่วไป ธนาคารของรัฐ (เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์) บริษัทบัตรเครดิต บริษัทไฟแนนซ์รถยนต์ รถจักรยานยนต์ บริษัท ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สนิ เชอื่

138 ให้บริการเงินด่วน/ผ่อนสินค้าต่าง ๆ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต รวมไปถึงนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นเพื่อ ดำเนนิ การทางการเงิน และนติ บิ ุคคลอืน่ ทีป่ ระกอบกิจการให้สนิ เชื่อที่เปน็ ทางการค้าปกติตามที่ ประกาศกำหนด โดยสมาชิกจะส่งข้อมูลเครดิตให้แก่เครดิตบูโรเป็นประจำทุกเดือนไปจนกว่า ลูกค้าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ไม่ว่าในแต่ละเดือนลูกค้าจะชำระหนี้หรือไม่ชำระหนี้ก็ตาม ไม่ได้ส่ง ขอ้ มลู มาเกบ็ เฉพาะเม่ือลกู ค้าค้างชำระหน้ี ข้อมลู เครดิต ความสำคัญของขอ้ มลู เครดติ ข้อมูลเครดิตเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาสินเชือ่ โดยจะแสดงถึงภาระหนี้และ การชำระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนคนนั้นมีพฤติกรรมการเป็นหนี้อย่างไร มีความตั้งใจในการชำระหนแี้ ละความน่าเชื่อถอื เพยี งใด หรือท่ีเรยี กกนั ว่า มี “เครดิต” ดีหรือไม่ นั่นเอง ทำให้มีความสำคัญต่อการทำธุรกรรมต่าง ๆ กับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะการขอกู้เงิน การขอสินเชื่อ และบัตรเครดิต ซึ่งสมาชิกจะเรียกดูข้อมูลเครดิตจากเครดิตบูโร เพื่อนำไป พิจารณาร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ เช่น รายได้ ความสามารถในการชำระหนี้ อาชีพ อายุ และ หลักประกัน เป็นต้น ดังนั้น ย่อมกล่าวได้วา่ ผู้ท่ีมีประวัตกิ ารชำระหนี้ดียอ่ มมโี อกาสได้รบั สินเชอ่ื ในอัตราท่เี หมาะสม ตัวอย่างเชน่ นายแดงเป็นหนี้บ้านกับธนาคาร A 1 ล้านบาท เป็นหนี้รถยนต์กับไฟแนนซ์ B 5 แสนบาท และมีหนี้บัตรเครดิตธนาคาร C 3 หมื่นบาท ต่อมานายแดงไปขอกู้เงินกับธนาคาร D และให้ความยินยอมแก่เครดิตบูโรในการเปิดเผยข้อมูลของตนในเครดิตบูโรแก่ธนาคาร D ธนาคาร D กจ็ ะทราบว่า นายแดงมหี น้อี ย่ถู ึง 3 แหง่ เป็นเงินทงั้ สิ้น 1,530,000 บาท แต่ละแห่ง ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามเวลาที่ตกลงกันหรือไม่ ธนาคาร D ก็จะนำข้อมูลนี้ไปพิจารณา ประกอบกบั ข้อมลู อน่ื ในการพิจารณาอนุมัตเิ งนิ ทข่ี อกู้ ทั้งนี้ สมาชิกจะใช้ขอ้ มลู ดังกลา่ วได้เฉพาะเพือ่ การพิจารณาสินเช่ือ โดยตอ้ งได้รับ ความยินยอมจากลูกคา้ ซึง่ เป็นเจ้าของข้อมูลก่อน และต้องไมเ่ ปิดเผยหรอื เผยแพร่ขอ้ มูลแก่ผูอ้ นื่ ที่ไม่มีสิทธิรับรู้ข้อมูล หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 10 ปี หรือ ปรับไมเ่ กนิ ห้าแสนบาท หรอื ท้ังจำท้งั ปรบั ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 สินเชื่อ

139 ข้อมูลเครดติ ประกอบดว้ ย 2 ส่วน สว่ นที่ 1 ขอ้ มูลส่วนตัวของลูกค้า เช่น ชื่อ นามสกุล ท่อี ยู่ วนั เดือนปีเกิด เลขท่ี บตั รประจำตวั ประชาชน ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลเกยี่ วกับประวัตกิ ารขอ การได้รับอนมุ ตั ิ และประวัติการชำระหน้ี เงนิ กู้ บตั รเครดติ ผ่อนบา้ น รถ สนิ คา้ และบริการต่าง ๆ ลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูล มีสทิ ธิตรวจสอบข้อมูลของตน หากพบว่าไม่ถูกตอ้ ง สามารถแจ้งให้สถาบันการเงนิ แก้ไขได้ โดยจะได้รับแจ้งผลการตรวจสอบหรือแก้ไขข้อมูลพรอ้ ม เหตุผลภายในระยะเวลา 30 วนั หากยังพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง ให้แจ้งบริษัทข้อมูลเครดิตบันทึกข้อโต้แย้งไว้ใน รายงานข้อมูลเครดิตดว้ ย ซึ่งจะทำให้สมาชิกอื่นทีเ่ รียกดูข้อมูลเพือ่ ประกอบการพิจารณาอนุมัติ สินเชื่อทราบข้อโต้แย้งที่บันทึกไว้ นอกจากนี้ ยังสามารถอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลเครดิตหากเห็นว่า ข้อมูลในรายงานข้อมูลเครดิตไม่ถูกต้องและยังไม่ได้รับการแก้ไข โดย ยื่นอุทธรณ์ภายใน 60 วันนับจากวันที่บริษัทข้อมูลเครดิตแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์ต่อเจ้าของ ข้อมูล เครดิตบูโรจะไม่เก็บข้อมูลรายได้ เงินเดือน เงินฝาก ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์ทุกชนิด รวมทั้งข้อมูลของผู้ค้ำประกัน บุคคลล้มละลาย การดำเนินคดีท้ังทางแพ่ง ทางอาญาและล้มละลาย อายกุ ารจดั เกบ็ ข้อมลู เครดิต เครดิตบูโรมีหน้าที่ประมวลผลและจัดทำรายงานข้อมูลเครดิตของลูกหนี้จนกวา่ จะสิ้นสุดสัญญาหรือปิดบัญชี และยังคงต้องดำเนินการต่อตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ซ่ึง เครดติ บโู รจะเก็บข้อมลู เครดติ ไว้ในฐานข้อมลู เปน็ เวลาไมเ่ กนิ 3 ปี (36 เดอื น) ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 สินเช่อื

140 ตัวอย่างรายงานข้อมลู เครดิต* ชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 สินเชือ่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook