41 เรอื่ งที่ 1 การวางแผนการเงนิ การวางแผนการเงินเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการชีวิตอย่างเป็น ระบบ ให้มีรายไดเ้ พียงพอกับรายจา่ ย มีเงินใช้เมื่อเกดิ เหตุฉกุ เฉนิ มีเงินออมไว้ซื้อสิ่งต่าง ๆ หรือ ลงทนุ รวมไปถงึ มเี งนิ ไวใ้ ชจ้ า่ ยยามแก่ชรา การวางแผนการเงนิ ในแต่ละวยั ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน อายุเท่าใด ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเงิน ดังนั้น ทุกคน จึงควรวางแผนการเงิน แต่อายุที่แตกต่างทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตแตกต่างกันไป คนใน แต่ละวยั จงึ อาจมกี ารวางแผนการเงินทไี่ มเ่ หมือนกัน ลักษณะสำคัญ เป็นวัยที่ยังไม่มีรายได้ แต่อาจมีรายรับเป็นเงินจาก ของขวัญตามเทศกาลต่าง ๆ ส่วนรายจ่ายโดยมากผู้ปกครองจะเป็น ผู้รับผดิ ชอบ การวางแผนการเงิน เหมาะแก่การบ่มเพาะนิสัยการออมอย่าง สม่ำเสมอ ให้รู้จักค่าของเงินและใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผล รวมท้ัง วยั เดก็ ความแตกต่างระหว่าง “จำเป็น” และ “อยากได”้ เชน่ ฝึกให้ออมเงิน ให้ครบก่อนที่จะซื้อของต่าง ๆ หรือฝึกจัดสรรเงินโดยให้เงินเมื่อไปเที่ยว แลว้ ให้วางแผนใชจ้ า่ ยเอง วัยทำงาน ลักษณะสำคัญ เป็นวัยที่เริ่มมีรายได้เป็นของตนเอง มีอิสระในการ ใช้จ่าย แต่ส่วนมากมักเป็นรายจ่ายที่ไปตามกระแสสังคม กิน เที่ยว ซือ้ ของ และเรมิ่ เขา้ ถึงบริการสินเชอ่ื การวางแผนการเงิน ควรวางแผนการใช้จ่ายไม่ให้เกินรายได้ที่มีอยู่ ระมัดระวังการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น และควรเริ่มวางแผนการออมโดย กำหนดเป้าหมายการออมให้ชัดเจน เช่น ออมเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ แตง่ งาน หรอื แม้กระทง่ั เพื่อใช้จา่ ยในวยั ชรา ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงิน
42 ลักษณะสำคัญ เป็นวัยที่มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันรายจ่าย ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะต้องรับผิดชอบสมาชิกในครอบครัว และมักมี ภาระหนท้ี ีต่ ้องจ่าย การวางแผนการเงิน ต้องวางแผนการเงินอย่างรัดกุม ตั้งงบประมาณ สำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทและพยายามใช้จ่ายไม่ให้เกินงบ เพ่ือ ป้องกันปัญหาเงินไม่พอใช้ นอกจากนี้ ควรวางแผนการเงินเพ่ือ วัยสรา้ งครอบครัว การศึกษาของลูก และลงมือทำตามแผนการเงินเพื่อใช้จ่ายในวัยชรา อยา่ งจริงจงั ลักษณะสำคญั เปน็ วัยทรี่ ายได้ลดลงหรือไม่มีรายได้เลย ภาระหน้ีอาจ หมดไปแล้วหรือยังเหลืออยู่ แตย่ งั มรี ายจา่ ยในชีวิตประจำวนั และอาจ มีค่ารกั ษาพยาบาลเพิ่มขึ้น การวางแผนการเงิน วางแผนใช้จ่ายให้ไม่เกินเงินที่มีอยู่ จำกัด วงเงินในการใช้จ่ายแต่ละประเภท และกันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็น ค่ารักษาพยาบาล แต่ทางที่ดีควรออมเงินเพื่อใช้ในยามชราและควร วัยชรา เตรียมความพร้อมเรื่องสวัสดิการหรือการประกันสุขภาพตั้งแต่ยัง หนุม่ สาวจะได้มีชีวิตในวัยชราอย่างสุขสบาย ข้นั ตอนการวางแผนการเงิน ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
43 การวางแผนการเงินแบง่ ออกเปน็ 5 ขั้นตอนดังน้ี 1. ประเมินฐานะการเงิน เพื่อให้ทราบฐานะทางการเงินในปัจจุบัน แล้วใช้ ข้อมูลดังกลา่ วเพอ่ื ตั้งเป้าหมายการเงนิ ในขน้ั ตอนต่อไป 2. ต้งั เป้าหมายการเงิน เพอื่ กำหนดแผนปฏิบตั ิ โดยเป้าหมายท่ดี จี ะต้องชัดเจน และสอดคล้องกับความสามารถทางการเงิน 3. จัดทำแผนการเงิน เพือ่ เป็นแนวทางในการปฏิบัติให้บรรลเุ ป้าหมายการเงนิ ทตี่ ง้ั ไว้ 4. ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด เพราะถึงแม้จะตั้งเป้าหมายไว้ดีอย่างไร แต่หากขาดการปฏบิ ัตจิ รงิ จงั และต่อเน่ือง กอ็ าจเผลอใจไปกบั ส่ิงทอ่ี ยูน่ อกแผนได้ 5. ตรวจสอบและปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ บางครั้งชีวิตเราเกิด ความเปลี่ยนแปลงหรือไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามแผนได้ ก็ควรทบทวน แล้วปรับแผนเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามแผนและบรรลุเป้าหมายโดยไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป แต่ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ควร ปรับแผน โดยเพิม่ เงนิ ออมให้มากขึน้ เพื่อใหส้ ามารถบรรลเุ ปา้ หมายได้เร็วขึ้น กิจกรรมท้ายเรือ่ งที่ 1 การวางแผนการเงนิ (ให้ผ้เู รียนไปทำกิจกรรมเร่อื งท่ี 1 ทสี่ มดุ บันทึกกิจกรรมการเรียนร้)ู ชดุ วิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
44 เรื่องที่ 2 การประเมินฐานะการเงิน การประเมินฐานะการเงินเป็นขั้นตอนแรกในการวางแผนการเงิน โดยเริ่มจาก การพิจารณาว่าเรามีฐานะทางการเงินในปัจจุบันเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ การเงินของตนเอง และสามารถวางแผนการเงินสำหรบั อนาคตได้ การประเมินฐานะการเงนิ การประเมินฐานะการเงินมีประโยชน์และวิธีการหลายแบบ ซึ่งการประเมิน ฐานะทางการเงินทส่ี ำคัญมีดงั น้ี 1. รฐู้ านะการเงิน คำนวณหาความมั่งค่ังสทุ ธิ ซ่งึ ก็คอื มูลคา่ ทเี่ หลืออยู่หลังจาก ท่นี ำทรัพย์สินท้งั หมดลบด้วยหนสี้ ินทงั้ หมด ความมั่งคั่งสุทธิจะบอกฐานะที่แท้จริงของเราว่า มีสินทรัพย์ที่เป็นของเรา จรงิ ๆ เท่าไร โดยสามารถคำนวณความมง่ั คัง่ สทุ ธิได้ตามข้ันตอนดังนี้ 1) คำนวณมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่โดยจดรายการสินทรัพย์แยก ออกเปน็ 3 ประเภท ได้แก่ ▪ สินทรัพยส์ ภาพคล่อง คือ เงินสด และสินทรัพย์ที่เปล่ียนเป็นเงนิ สด ได้งา่ ย เชน่ เงินฝากออมทรัพย์ ▪ สินทรัพย์เพื่อการลงทุน คือ สินทรัพย์ที่ถือครองเพื่อมุ่งหวัง ผลตอบแทน เช่น เงินฝากประจำ สลากออมทรพั ย์ พนั ธบัตรรฐั บาล หุ้นกู้ กองทุนรวม ทองคำแท่ง โดยบันทกึ ในราคาตลาด (ราคาซอื้ ขายในปจั จุบัน) ▪ สินทรัพย์ส่วนตัว คือ สินทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันหรือ เพือ่ สะสม เช่น ทอี่ ย่อู าศยั รถยนต์ เสื้อผ้า เคร่ืองประดับ โดยบันทกึ ในราคาตลาด แลว้ รวมมลู ค่าของสนิ ทรพั ยท์ ง้ั 3 ประเภท ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ
45 2) คำนวณมูลค่าหนีส้ นิ ทั้งหมดทีม่ ีอยู่ โดยแยกหนี้สนิ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ▪ หนี้สินระยะสั้น ได้แก่ หนี้ที่ต้องจ่ายคืนภายในเวลาไม่เกิน 1 ปี ซ่ึง ส่วนใหญเ่ ปน็ หนที้ เี่ กิดจากการอปุ โภคบรโิ ภค เชน่ หน้บี ัตรเครดิต หน้บี ัตรกดเงนิ สด หน้นี อกระบบ ▪ หนี้สินระยะยาว ได้แก่ หนี้ที่มีเวลาผ่อนชำระนานกว่า 1 ปี เช่น หนี้ ทเ่ี กิดจากการซอื้ บา้ นและรถยนต์ แลว้ รวมมลู คา่ ของหนสี้ ินทัง้ 2 ประเภท โดยใชต้ ัวเลขของยอดหนท้ี ่ีเหลืออยู่ 3) คำนวณความมั่งคั่งสุทธิ นำมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดหักออกด้วยมูลค่า หนี้สนิ ทัง้ หมด ส่วนทีเ่ หลอื อยู่กจ็ ะเป็น “ความม่งั คง่ั สุทธ”ิ ตัวอยา่ งการคำนวณความมั่งคงั่ สทุ ธิ ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
46 2. รู้พฤติกรรมการใช้จ่าย จากการบันทึกรายรับ-รายจ่าย จะทำให้ทราบถึง ลักษณะของรายรับและนสิ ัยการใช้จา่ ยของผบู้ ันทกึ 1) ขน้ั ตอนการจดั ทำบนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ย การทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายไม่มีกฎหรือข้อบังคับตายตัว แต่เป็น ประโยชนใ์ นการวางแผนการเงนิ การบนั ทกึ รายรบั -รายจ่ายควรมีขัน้ ตอนดงั น้ี (1) กำหนดระยะเวลาที่จะบันทึก เช่น 1 เดือน 1 ปี หรือตลอดไปโดย จะต้องเลือกระยะเวลาทสี่ ามารถทำได้จริงและสามารถบันทกึ ได้ทุกวัน และเพอื่ ประโยชนใ์ นการ วางแผนการเงินควรบันทกึ ทกุ วนั ตดิ ต่อกนั อย่างน้อย 1 เดอื น ซงึ่ จะทำให้ทราบพฤตกิ รรมใช้จ่าย ทีแ่ ทจ้ ริง (2) เลอื กสมดุ เพอ่ื ใชบ้ ันทึกรายรับ-รายจ่าย เชน่ สมดุ เลม่ เล็กที่สามารถ พกพาได้สะดวก โดยจดลงในสมุดเล่มเล็กในช่วงที่ไปเรียนหรือทำงาน แล้วกลับมาเขียนลงใน สมุดบันทึกหรือคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมบันทึกรายรับ-รายจ่ายที่บ้าน หรือใช้แอปพลิเคชันใน สมารต์ โฟน เพอ่ื บันทึกข้อมูลทนั ทที ่ีเราได้รับหรือจา่ ยเงนิ (3) จดการรับและจา่ ยเงินทุกครั้งลงในบันทึกรายรบั -รายจ่าย ซึ่งไมว่ ่า จะเป็นเงินจำนวนมากหรือน้อยก็ไม่ควรละเลย โดยจะต้องแยกรายจ่ายออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ▪ รายจ่ายจำเป็น หมายถึง รายจ่ายที่ไม่สามารถตัดออกได้ เพราะเปน็ รายจ่ายสำหรับส่ิงที่ใช้ในการดำรงชีวติ เชน่ คา่ อาหาร ค่าผ่อนหรอื เชา่ บา้ น ค่าใช้จ่าย ในการเดนิ ทางไปทำงาน คา่ รักษาพยาบาล ค่าเทอม ▪ รายจ่ายไม่จำเป็น หมายถึง รายจ่ายที่ไม่มีบทบาทสำคัญต่อ การดำรงชีวิต เป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นจากความต้องการหรืออยากได้ ซึ่งถ้าไม่ได้ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ค่าเหล้า ค่าบุหร่ี ค่าหวย ค่าอุปกรณ์แต่งรถ ค่าเสื้อผ้าที่ซื้อมาเพียงเพราะเห็นว่าสวยดีแต่ ไม่ได้ใส่ ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
47 (4) รวมยอดเงินแต่ละประเภท ได้แก่ รายรับ เงินออม รายจ่ายท่ี จำเป็น และรายจา่ ยทไ่ี มจ่ ำเป็น เพือ่ ใชว้ ิเคราะหพ์ ฤตกิ รรมการใช้จา่ ยของตนเอง รหู้ รือไมว่ ่า การพิจารณาว่ารายจ่ายใดเป็นรายจ่ายจำเป็นหรือไม่จำเป็น ส่วนหน่ึง ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลด้วย เพราะรายจ่ายจำเป็นของคนหนึ่งอาจ เป็นรายจ่ายไม่จำเป็นของอีกคนหนึ่ง หรือรายจ่ายไม่จำเป็นของคนหนึ่งอาจมีความจำเป็น สำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้ เช่น ผู้ที่มีอาชีพรับจ้างขนของ รถก็เป็นรายจ่ายที่จำเป็นมาก แต่ สำหรบั อาชพี ครทู ่สี อนอยู่โรงเรยี นใกลบ้ า้ น รายจา่ ยเกย่ี วกับรถอาจเปน็ ส่ิงไมจ่ ำเป็นเลยก็ได้ 2) สว่ นประกอบที่สำคญั ของบนั ทึกรายรบั -รายจ่าย การบันทึกรายรับ-รายจ่ายสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ผู้บันทึก สามารถออกแบบตารางบันทึกได้ตามความถนัดหรือตามที่ตนเองชื่นชอบ แต่การบันทึก รายรับ-รายจ่ายในแตล่ ะเดือนนั้น ควรมีส่วนประกอบดงั น้ี ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชีวติ 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
48 (1) ส่วนที่ใช้บันทึกรายรับ-รายจ่าย ควรเป็นตารางที่มีความยาว เพยี งพอตอ่ การบันทึกตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน (อาจใชก้ ระดาษมากกวา่ 1 หน้า) โดย จะตอ้ งประกอบดว้ ยหวั ข้อดังน้ี ▪ วันท่ี – กรอกวันที่ทมี่ ีรายรบั หรือรายจ่ายเกดิ ข้ึน ▪ รายการ – กรอกรายการรายรับหรอื รายจ่ายท่เี กิดขนึ้ และหาก มคี ำอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ก็สามารถกรอกลงในช่องนไี้ ด้ ▪ รายรับ – กรอกจำนวนเงินสำหรับรายการทเี่ ปน็ รายรับ ▪ เงินออม – กรอกจำนวนเงนิ สำหรับรายการที่เป็นการออมเงิน ▪ รายจ่าย – กรอกจำนวนเงินสำหรับรายการที่เป็นรายจ่าย ซ่ึง ผู้บนั ทึกต้องแยกระหว่างรายจา่ ยจำเป็นและรายจ่ายไมจ่ ำเปน็ -ตวั อยา่ งส่วนทใ่ี ชบ้ นั ทกึ รายรบั -รายจ่าย ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงิน
49 (2) ส่วนสรุปรายรบั -รายจ่าย เพื่อให้ทราบว่าในเดอื นนั้น ๆ เราใช้จ่าย เกินรายรับที่ได้มาหรือไม่ ซึ่งสามารถคำนวณได้จากการนำยอดรวมของรายรับตลอดทั้งเดือน ลบออกด้วยยอดรวมของเงนิ ออมและยอดรวมของรายจ่ายที่เกดิ ขน้ึ ตลอดระยะเวลา 1 เดอื น หากผลลัพธท์ ไ่ี ดเ้ ป็นบวก แสดงว่ามีการออมและการใชจ้ ่ายน้อยกว่า รายรับที่มีอยู่ จึงยังมีเงินเหลือ ดังนั้น เราควรวางแผนว่าจะนำเงินนั้นไปทำอะไร เช่น นำไปเป็น เงินออมเพ่ิมเติมจากท่อี อมไปแล้วเม่ือมีรายได้เข้ามา นำไปบรจิ าค หรอื ต้งั เป็นเงินออมอีกก้อนหน่ึง เพื่อนำเงนิ ไปลงทนุ แต่หากผลลัพธ์ติดลบ แสดงว่ามีการออมและใช้จ่ายเกินรายรับที่มีอยู่ จึงต้องหาสาเหตขุ องการใชเ้ งนิ เกิน เช่น ออมเงินมากเกนิ ไป มีค่าใช้จ่ายบางประเภทมากเกนิ ไป หรือมากกว่าปกติ ดังนั้น จะต้องวางแผนลดรายจา่ ย โดยเริ่มพิจารณาจาก “รายจ่ายไม่จำเป็น” ว่ามีรายการใดที่สามารถลดได้ ในกรณีของ “รายจ่ายจำเป็น” ให้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่ามี รายจ่ายที่ไม่จำเป็นแอบแฝงอยูห่ รือไม่ สามารถลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายลงมาได้อีกหรือไม่ หรือ หากลดไม่ได้ ก็ควรหารายได้เพ่ิม ตัวอยา่ งส่วนสรปุ รายรับ-รายจ่าย ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
50 (3) ส่วนวิเคราะห์รายรับ-รายจ่าย ผู้บันทึกสามารถวิเคราะห์บันทึก รายรับ-รายจา่ ยของตนเองได้ 4 ดา้ นดังน้ี ▪ รายรับ ให้พิจารณาจำนวนและความถี่ของรายรับ เช่น รายวัน ทุก 2 สัปดาห์ รายเดือน ทุกครึ่งปี เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนใช้เงินว่า จะทำอย่างไรให้ พอใช้จา่ ยไปจนกว่าจะไดร้ ับเงนิ รอบใหม่ และหากจำเปน็ ต้องหารายได้เพิม่ จะหารายได้เพิ่มจาก แหลง่ ใด ▪ เงินออม ให้พิจารณาถึงจำนวนและความถี่ของการออมที่ สามารถออมได้ เชน่ ออมทุกวนั วันละ 20 บาท หรือออมสัปดาห์ละคร้ัง คร้ังละ 500 บาท หรือ เดือนละครั้ง ครั้งละ 2,500 บาท ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเพื่อให้บรรลุ เป้าหมาย เช่น ถ้าพบว่าออมเงินอย่างเดียวแล้วยังได้เงินไม่พอสำหรับเป้าหมายที่เราต้องการ จะได้หาทางอ่ืนเพมิ่ เชน่ หาของมาขายออนไลน์ นอกจากนี้ ยอดรวมของเงินออมสามารถนำไปใช้คำนวณ สัดส่วนเงนิ ออมต่อรายได้เพอื่ บอกว่า ตอนนี้เรามเี งินออมเพียงพอแล้วหรือยงั ในแต่ละเดือนเรา ออมเงินได้มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน ถ้าหากพบว่าน้อยเกินไป ก็ควร วางแผนหาเงนิ มาออมเพ่มิ ดว้ ยการลดรายจา่ ยหรือหารายได้เพมิ่ รู้หรือไม่ว่า การออมเงินทันทีที่ได้รับเงิน จะทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ง่ายกว่า เพราะหากนำเงินไปใช้จา่ ยก่อน เรามกั จะใชเ้ งนิ หมดจนไมเ่ หลือเงินมาออม ▪ รายจ่ายไม่จำเป็น โดยเปรียบเทียบกับรายจ่ายจำเป็นว่า รายจ่ายไหนสูงกว่ากัน หากมี “รายจ่ายไม่จำเป็น” สูงกว่า “รายจ่ายจำเป็น” นั่นแสดงว่า ควร ลดรายจ่ายไม่จำเป็นลง โดยเริ่มดูว่ามีรายจ่ายไหนในกลุ่มรายจ่ายนี้สามารถลดได้บ้าง เช่น ค่าหวย ค่าเหล้า ค่าบุหรี่ ค่ากาแฟ ค่าชอปปิงออนไลน์ และลองคำนวณดูว่าหากลดรายจ่าย เหลา่ นี้แล้ว ใน 1 เดือนจะมเี งนิ เหลอื เทา่ ไร ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
51 ▪ รายจ่ายจำเป็น ใหท้ บทวนรายจ่ายจำเปน็ อีกครั้งวา่ ทุกรายการ เป็นรายจ่ายจำเป็นทั้งหมดจริงหรือไม่ สำหรับรายการที่เป็นรายจ่ายจำเป็นแต่จำนวนเงินสูง หากสามารถลดหรอื ซอื้ ของทีถ่ ูกกวา่ ได้ กค็ วรลองลดหรือซ้อื ของท่ถี ูกกว่ามาใชแ้ ทน ตัวอยา่ งส่วนวเิ คราะหร์ ายรบั -รายจ่าย รายรบั และเงนิ ออม รายรบั 9,000 บาท เงินออม 1,000 บาท รายรบั มาจากค่าแรงท่ีได้รบั เดือนละ 1 คร้ัง มกี ารออมเงนิ มากกว่า 10% อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ดังนัน้ จะต้องวางแผนใช้เงนิ ใหพ้ อกับรายจ่ายท่ี อย่างไรก็ดี หากสามารถออมเงนิ ใหไ้ ด้อยา่ งน้อย จะเกิดขนึ้ จนกว่าจะถงึ วนั รับเงินคร้ังถัดไป 1 ใน 4 ของรายรับตอ่ เดือน หรือ 2,250 บาท จะทำใหม้ ีเงินออมเพ่ิมขนึ้ ไวใ้ ชใ้ นอนาคต โดยอาจ ลดรายจ่ายบางรายการลงอกี 1,250 บาท รายจ่าย รายจ่ายจำเป็น 3,500 บาท รายจา่ ยไมจ่ ำเปน็ 5,000 บาท อาจลดค่าอาหารนอกบา้ นลง หรือเปลยี่ นไปใช้ อาจงดน้ำสมุนไพรวันละ 20 บาท 1 เดือน วัตถุดบิ ปรุงอาหารทถ่ี ูกกว่าแทน โดยลดลงอีก จะไดเ้ งนิ 600 บาท เพื่อนำไปเปน็ เงินออม 650 บาท เพื่อนำไปเปน็ เงินออม 3) ประโยชน์ของการบนั ทึกรายรับ-รายจ่าย บันทึกรายรบั -รายจ่ายท่มี ีข้อมลู ครบถว้ น และบันทึกตดิ ต่อกันอย่างน้อย 1 เดือน จะมปี ระโยชนด์ งั น้ี (1) ทำให้รู้พฤติกรรมการใช้จ่ายที่อาจทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอใช้ การบันทึกรายจ่ายที่เกิดขึ้นทุกครั้ง จะทำให้ทราบว่าใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งใดบ้าง เช่น จ่ายค่า สังสรรค์หรือค่าเหล้าเดือนละ 2,000 บาท (1 ปกี ็เป็นเงิน 24,000 บาท) ซอ้ื หวยงวดละ 1,000 บาท (แต่ในระยะเวลา 2 ปี ไม่เคยถูกรางวัลเลย) เมื่อทราบว่าเงินหายไปไหน ก็สามารถวางแผนให้มี เงนิ พอใช้ได้ เชน่ ลดค่าเหล้าเหลอื เดือนละ 1,000 บาท (กจ็ ะได้เงินเกบ็ ปีละ 12,000 บาท) หรือ เลิกดื่มเหล้าตลอดไปเลย ได้ทั้งเงินออม ได้ทั้งสุขภาพแข็งแรง เลิกซื้อหวย แล้วนำเงินมาออมแทน (สิ้นปกี ็เหมือนถกู รางวัล 24,000 บาท 4 ปีกม็ เี งนิ เก็บเกือบแสน) ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
52 (2) ทำให้สามารถวางแผนการเงินที่เหมาะสมกับชีวิตของตนเองได้ เพราะจะทำให้เรารู้จักลักษณะของรายรับและรายจ่ายว่ามีความถี่แค่ไหน จะเกิดขึ้นเมื่อใด จำนวนเท่าไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้เราสามารถเตรียมตัวล่วงหน้า เช่น วางแผน แบ่งรายรับเป็นส่วน ๆ ให้มีพอจ่ายเมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่าย และหากพบว่ารายรับไม่เพียงพอกับ รายจ่าย ก็มาคดิ หาทางลดรายจา่ ยหรอื หารายได้เพ่ิมเพือ่ จะได้ไมต่ อ้ งไปก้ยู มื เงินหรอื กู้ใหน้ ้อยท่สี ดุ (3) ทำให้เห็นสัญญาณของปัญหาทางการเงินและสามารถวางแผน ป้องกันหรือแก้ไขได้ การบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำจะทำให้ทราบทันทีหากมีสัญญาณ ของปัญหาการเงิน เช่น มีรายจ่ายเกินรายรับติดต่อกันหลายเดือนจนต้องก่อหนี้ ต้องจ่ายหนี้ มากกว่า 1 ใน 3 ของรายรับ (อาจทำให้ไม่มีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายอื่น ๆ จนต้องก่อหนี้เพิ่ม หนี้ก็มี มากอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเงินไม่พอจ่าย) ไม่มีเงินออมเลย (เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ก็ต้องก่อหนี้) และเมื่อทราบสัญญาณของปัญหา ก็จะสามารถวางแผนป้องกันหรือแก้ไขก่อนที่ จะกลายเป็นปญั หาใหญโ่ ต 4) หลกั การจัดลำดับความสำคญั ของรายจา่ ย สิ่งสำคัญในการวางแผนการเงินคือ “ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้” แต่เมื่อ บนั ทึกรายรับ-รายจ่ายแลว้ คนส่วนใหญม่ ักพบว่าตนเองมีรายจ่ายมากกว่ารายรบั เพ่ือแก้ปญั หานี้ เราจึงต้องจัดลำดบั ความสำคัญของรายจา่ ย ซงึ่ สามารถทำไดด้ งั น้ี (1) ใหจ้ ่าย “รายจา่ ยจำเป็นและไม่สามารถรอได้” กอ่ น โดยพิจารณาว่า รายจ่ายนั้นเป็นรายจ่ายจำเปน็ ต่อการดำรงชีวติ หรือไม่ และต้องจ่ายวนั น้ีหรือในเร็ววนั นี้หรอื ไม่ หากเป็นรายจ่ายจำเป็นและไม่สามารถรอได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ให้จ่ายรายจ่ายนี้ก่อน และหากมีเงินไม่พอจ่าย ก็อาจต้องกู้ยืมแต่จะต้องวางแผนจ่ายเงินคืน อย่างรัดกุม เพือ่ ป้องกันไมใ่ ห้ก่อให้เกดิ ปัญหาหน้ีตามมาภายหลัง (2) ให้ออมเงินเพื่อจ่าย “รายจ่ายจำเป็นแต่สามารถรอได้” เช่น ค่าเรียนภาษาที่สาม หรือซื้อของใหม่มาแทนของเดิมที่กำลังจะเสีย โดยออมเงินให้ครบก่อน แล้วจึงจะซื้อ หรืออาจนำเงินออมที่มีอยู่แล้วมาจา่ ยก่อนได้ และจะต้องออมเงินคนื ให้เงินออมมี จำนวนเทา่ เดิมโดยเรว็ ซึง่ หากทำได้ กจ็ ะไม่ต้องกอ่ หนเ้ี พอื่ นำเงนิ มาจ่ายค่าใช้จ่ายเหลา่ นี้ ชดุ วชิ าการเงนิ เพอื่ ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ
53 (3) ใหพ้ ยายามตัดใจจาก “รายจ่ายไม่จำเป็น” ซึ่งเปน็ รายจา่ ยสำหรับ สิ่งที่ไม่มผี ลตอ่ การดำรงชีวิต คือ ถึงไม่มีสิง่ นั้นกย็ ังสามารถมชี ีวิตอยู่ได้ แต่หากรู้สึกไม่มคี วามสุข และคดิ ว่าอยากไดจ้ รงิ ๆ ให้ออมเงินให้ครบกอ่ นแล้วจึงจะซื้อ และท่ีสำคญั จะต้องไม่ก่อหน้ีเพ่ือ รายจ่ายประเภทน้ี เพราะเม่อื ถึงคราวจำเปน็ อาจกเู้ งนิ ไดย้ ากขน้ึ หรือกไู้ ดแ้ ตเ่ มอ่ื รวมกับภาระหนี้ เดมิ แลว้ ทำใหม้ ภี าระหน้ีมากเกินไปจนจ่ายไม่ไหว ลกั ษณะของการมสี ขุ ภาพการเงนิ ทดี่ ี การมีสุขภาพทางการเงินที่ดี ก็คล้ายกับการที่เรามีสุขภาพแข็งแรง คือมีความ มั่นคงทางการเงินเพราะมีเงินออมเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิต มีภาระผ่อนหนี้ที่ไม่หนักเกินไป และหากมีเหตุฉุกเฉินที่มากระทบการใช้ชีวิตปกติทำให้ต้องใช้เงินกะทันหันก็จ่ายเองได้ ไม่ต้อง กู้ยืมใคร ลดโอกาสทีจ่ ะเกิดปญั หาการเงิน หรือปญั หาเงนิ ไม่พอใช้ ลกั ษณะของการมีสุขภาพการเงินทดี่ ีมดี ังน้ี 1. มีสัดส่วนภาระผ่อนหนี้ต่อรายได้ไม่เกิน 33% หรือไม่เกิน 1 ใน 3 ของ รายได้ตอ่ เดอื น ซึง่ เปน็ สัดส่วนของหน้ีท่ีคนท่ัวไปพอจะจ่ายไหว แตห่ ากมอี ัตราส่วนหน้ีต่อรายได้ มากกว่าหรอื น้อยกว่านี้ อาจมีความหมายดงั นี้ สดั สว่ น ความหมาย สถานะ คำแนะนำ มากกวา่ 50% ภาระผ่อนหน้ีเริ่มหนักอึ้ง สีแดง • ตอ้ งหาทางปลดหนี้ • เปดิ ใจคุยกับคนใน ครอบครัวหรือหาทป่ี รึกษา • อยา่ กู้เพิ่ม มากกว่า 33% แต่ไม่ ภาระผ่อนหนี้เริ่มเยอะ สีเหลอื ง • หาวิธลี ดรายจา่ ย หารายได้ เกนิ 50% แลว้ พิเศษ • ถ้าเปน็ ไปได้อยา่ ก่อหนเี้ พ่มิ อกี ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
54 สดั สว่ น ความหมาย สถานะ คำแนะนำ น้อยกว่าหรือเท่ากับ ภาระผ่อนหนี้ยังอยู่ใน สเี ขยี ว • ควรเปน็ หน้ีเท่าทีจ่ ำเปน็ 33% เกณฑด์ ี และจ่ายไหว • จา่ ยให้เตม็ จำนวนและตรง เวลา • ไม่จำเป็นอยา่ กู้เพิ่ม ร้หู รือไม่ว่า เราสามารถคิดง่าย ๆ ได้ว่า “ภาระผ่อนหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของ รายได้” ของเราเปน็ เงนิ กบ่ี าท เช่น นาง ก มีรายไดเ้ ดอื นละ 9,000 บาท นาง ก กไ็ มค่ วรมีภาระหน้ีในแต่ละเดือนเกนิ = รายได้ ÷ 3 = 9,000 ÷ 3 = 3,000 บาท 2. มีสัดส่วนเงินออมต่อรายได้อย่างน้อย 25% หรืออย่างน้อย 1 ใน 4 ของ รายได้ ซ่งึ เป็นสดั สว่ นของเงินทค่ี นท่ัวไปควรออมไว้เพื่อเป้าหมายต่าง ๆ แต่หากมีอัตราส่วนเงินออม ต่อรายไดม้ ากกวา่ หรอื น้อยกวา่ น้ี อาจมีความหมายดังน้ี สดั สว่ น ความหมาย สถานะ คำแนะนำ นอ้ ยกว่า 10% ต้องพยายามอกี นดิ สีแดง • อยา่ งน้อยควรออมให้ถงึ 10% ของรายได้ • หาวิธลี ดรายจา่ ยและเพม่ิ รายได้ มากกว่า 10% แต่ไม่ มาถกู ทางแล้ว สีเหลือง • พยายามต่อไปให้ถึง 1 ใน ถงึ 25% 4 ของรายได้ • หาวธิ ีลดรายจ่าย หารายได้ เสริม ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ
สดั ส่วน ความหมาย 55 มากกว่า 25% ยอดเยีย่ มมาก สถานะ คำแนะนำ สเี ขยี ว • แบ่งเงนิ ออมเป็นส่วน ๆ ตามความจำเปน็ และ เป้าหมายในชวี ติ • หาความรู้เรอ่ื งการลงทนุ ที่ ถกู ต้อง รู้หรอื ไมว่ ่า เราสามารถคิดง่าย ๆ ได้ว่า “เราควรออมเงนิ เดือนละ 1 ใน 4 ของรายได้” เป็นจำนวนเงนิ กี่บาท เชน่ นาง ก มีรายได้จากการขายของในตลาดเดือนละ 9,000 บาท นาง ก ก็ควรออมเงินเดอื นละ = รายได้ ÷ 4 = 9,000 ÷ 4 = 2,250 บาท 3. มีเงนิ ออมเผอื่ ฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เทา่ ของรายจา่ ยจำเป็นและภาระผ่อน หนี้ต่อเดือน เงินออมเผื่อฉุกเฉินเป็นเงินท่ีเกบ็ ไว้ใช้ยามจำเป็น เมื่อเกิดเหตุการณ์ไมค่ าดฝันและ ต้องใช้เงินจำนวนมาก เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ รายได้ลดกะทันหัน หรือตกงาน ซึ่งควรมี อยา่ งนอ้ ย 3-6 เท่าของรายจา่ ยจำเปน็ และภาระผ่อนหน้ตี อ่ เดือน จำนวนเทา่ ความหมาย สถานะ คำแนะนำ น้อยกว่า 3 เทา่ คุณตอ้ งออกแรงอีกนิด สแี ดง • เก็บให้ไดอ้ ย่างน้อย 3–6 เทา่ ของค่าใช้จ่ายทีจ่ ำเป็น และภาระผ่อนหนีต้ ่อเดอื น • ถา้ มเี หตุฉุกเฉนิ ตอ้ งใชเ้ งนิ จะไดไ้ ม่ตอ้ งไปยมื ใคร ชดุ วชิ าการเงินเพอ่ื ชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
56 จำนวนเทา่ ความหมาย สถานะ คำแนะนำ มากกว่า 6 เท่า คณุ เย่ียมยอดมาก สเี หลือง • อาจเสียโอกาสท่ีจะได้ เงินออมเผื่อฉุกเฉิน คุณทำดแี ลว้ ผลตอบแทนที่สงู กวา่ 3-6 เทา่ • สว่ นท่ีเกิน 6 เท่า อาจนำไป ฝากประจำหรอื ลงทนุ (อย่าลืมศึกษาขอ้ มลู ก่อน ตดั สินใจ) สีเขียว • ถา้ มีเหตกุ ารณไ์ ม่คาดฝัน กส็ ามารถนำเงินก้อนนมี้ า ใช้จ่าย พง่ึ ตัวเองได้ สบายใจ ตัวอย่าง นาง ก มีรายได้จากการขายของในตลาดเดือนละ 9,000 บาท มีค่าใช้จ่ายจำเป็น และภาระผอ่ นหนีร้ วมกนั ต่อเดอื นละ 4,000 บาท นาง ก ควรมเี งนิ ออมเผื่อฉกุ เฉนิ อย่างน้อยเท่าไร นาง ก ควรมีเงินออมเผื่อฉกุ เฉินอย่างน้อย = ค่าใชจ้ า่ ยจำเป็นและภาระผ่อนหนี้ ตอ่ เดือน x 3 = 4,000 x 3 = 12,000 บาท เม่ือมีความจำเป็นต้องนำเงินออมเผ่ือฉกุ เฉินออกมาใช้ ก็ควรรีบออมเงินคืนให้ได้ 3-6 เท่าเหมือนเดมิ โดยเร็ว เพราะจะไดม้ เี งนิ สำรองไว้สำหรบั เหตฉุ ุกเฉนิ ครง้ั หนา้ เงินออมเผื่อฉุกเฉินควรเก็บไว้ในที่ที่สามารถถอนออกมาใช้ได้ง่าย ทันเวลา เช่น บัญชีออมทรัพย์ ทั้งนี้ ควรมีบัญชีเงินออมเผื่อฉุกเฉินโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้บัญชีเงินเดือน หรือ บัญชีที่ให้ลูกค้าโอนเข้ามา (ในกรณีที่ค้าขายหรือประกอบอาชีพอิสระ) เพื่อเก็บเงินออมเผ่ือ ฉกุ เฉิน เพอื่ แบ่งเงนิ เป็นส่วน ๆ และป้องกนั การถอนเงนิ ออกมาใชจ้ า่ ยฟุม่ เฟือย รหู้ รอื ไม่วา่ เราสามารถรู้จำนวนเงินรายจ่ายจำเป็นของเราจากการจดบันทึกรายรับ- รายจ่ายอยา่ งน้อย 1 เดือน และแยกรายจ่ายเปน็ “รายจ่ายจำเป็น” และ “รายจา่ ยไม่จำเป็น” กิจกรรมท้ายเรื่องที่ 2 การประเมินฐานะการเงิน (ให้ผู้เรียนไปทำกจิ กรรมเรื่องท่ี 2 ทส่ี มดุ บันทึกกิจกรรมการเรยี นร้)ู ชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชวี ติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงิน
57 เรอ่ื งที่ 3 การตงั้ เป้าหมายและจัดทำแผนการเงนิ การประเมินฐานะการเงินของตนเองจะทำให้เรารูจ้ ำนวนรายรับ รายจ่าย ภาระ ผ่อนหนี้ และจำนวนเงินที่เราแบ่งไปออม ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อการตั้งเป้าหมายและ จดั ทำแผนการเงินซึ่งเป็นสว่ นสำคัญในการวางแผนการเงิน การตง้ั เป้าหมายการเงิน เป็นการกำหนดจุดหมายด้านการเงินที่เราต้องการไปให้ถึง โดยต้องอาศัยข้อมลู จากการประเมินฐานะการเงินเพื่อให้ได้เป้าหมายที่สอดคล้องกับความสามารถทางการเงินของ เราเอง เปา้ หมายการเงินมปี ระโยชน์ดงั น้ี 1. ทำให้จัดทำแผนการเงินได้ง่ายข้ึน เช่น มีเป้าหมายทีจ่ ะออมเงินเผื่อฉุกเฉนิ จำนวน 12,000 บาทภายใน 1 ปี ก็จะสามารถจัดทำแผนไดว้ า่ ต้องฝากเงนิ ในบญั ชอี อมทรัพย์ที่ เปิดไว้สำหรับออมเงินเผ่ือฉุกเฉินโดยเฉพาะ (แยกจากบัญชที ่ีใช้รับเงินเดือน) เดอื นละ 1,000 บาท นาน 12 เดอื น 2. ทำให้เกิดความมุ่งมั่นและบรรลุสิ่งที่ต้องการง่ายขึ้น เป้าหมายและ แผนการเงินทช่ี ัดเจนเปรียบเสมอื นแผนทนี่ ำทางชีวติ เพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายโดยไม่เสยี เวลาไปกับ สิ่งล่อใจอื่น ๆ เช่น มีเป้าหมายเงินออมเผื่อฉุกเฉินจำนวน 12,000 บาทภายใน 1 ปี ซึ่งในช่วง ก่อนครบ 1 ปี เราอาจเจอกับสิ่งล่อใจให้ซื้อหรือก่อหนี้เพิ่ม เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ แต่เมื่อ ตั้งเป้าหมายไว้แลว้ ก็จะเกิดการยับยัง้ ช่ังใจขึ้น แทนที่จะซื้อของเหล่านั้นทนั ที ก็อาจเลื่อนไปซอ้ื หลังจากเกบ็ เงินครบตามเป้าหมายแลว้ หรอื ตัดใจไมซ่ อ้ื เลยได้ 3. ทำให้คำนึงถึงอุปสรรคที่อาจทำให้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น มเี ป้าหมายเก็บเงินเพอ่ื ไปเที่ยวจำนวน 24,000 บาทภายใน 1 ปี จงึ วางแผนว่าจะออมเงินเดือนละ 2,000 บาท แตใ่ นระหวา่ งท่ีคิดวางแผนกน็ ึกขึน้ ไดอ้ ีกว่า ในอีก 4 เดอื นขา้ งหนา้ จะต้องจ่ายคา่ ชุด นักเรยี นใหมใ่ หล้ ูก จึงอาจต้องปรบั เป้าหมายและแผนการเที่ยว หรอื ตง้ั เป้าหมายออมเงินเพ่ือซื้อ ชดุ นักเรียนเพมิ่ เติมด้วย ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชีวิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
58 เป้าหมายการเงนิ ท่คี วรมีในชวี ติ คนเราสามารถมีเป้าหมายการเงินได้มากกว่าหนึ่งเป้าหมาย เช่น มีเงินออมเผ่ือ ฉุกเฉิน เรียนต่อ ซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ ปลดหนี้ หรือเพื่ออะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งรายได้หรือเงิน ออมของเราอาจยังไม่พอที่จะทำให้เราได้ทุก ๆ สิ่งในตอนนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกและ จัดลำดับความสำคัญของเปา้ หมายการเงินต่าง ๆ ในชีวติ เพอ่ื ให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ เราตง้ั ใจไว้ การเลือกและจัดลำดบั เป้าหมายการเงินจะพจิ ารณาจากปัจจัยดงั ต่อไปน้ี 1. ความสำคัญของเป้าหมาย พิจารณาว่า เป้าหมายนั้นมีผลกระทบต่อ การดำรงชีวิตหรือไม่ หากมีผล อาจจะจัดลำดับให้เป็นเป้าหมายที่จะต้องบรรลุเป็นอันดับแรก เช่น เป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อจ่ายหนี้ก็ย่อมมีความสำคัญมากกว่าการออมเงินเพื่อซื้อ โทรศัพท์มือถือใหม่ เพราะหากไม่จ่ายหนี้ ก็อาจทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นเพราะดอกเบี้ย และหาก เป็นเงนิ กนู้ อกระบบ ก็มีความเสย่ี งที่จะถูกทวงหนีอ้ ย่างโหดรา้ ย 2. ความสามารถด้านการเงิน พิจารณาว่า มีความสามารถทจ่ี ะออมเงินหรือใช้ จ่ายเงนิ ตามเป้าหมายนน้ั หรอื ไม่ เช่น มีเป้าหมายที่จะซือ้ โทรศัพทม์ อื ถอื ตเู้ ยน็ และรถยนต์ แตม่ ี รายรับเดือนละ 9,000 บาท ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร และส่งเงินให้พ่อแม่ รวมเดือนละ 7,000 บาท ดังนั้น อาจจะต้องเลือกเป้าหมายที่จำเป็นหรือมีความสำคัญที่สุดและอาจจะพอ เป็นไปได้กอ่ น เช่น เลอื กซอื้ ตเู้ ยน็ ใหม่แทนเครื่องเดิมที่เสยี แลว้ ตัวอย่างการเลอื กและจดั ลำดับเปา้ หมายการเงนิ • กรณที ีม่ หี น.ี้ .. • กรณที ไ่ี ม่มีหน.ี้ .. 1. ปลดหน้ไี ปพรอ้ ม ๆ กับออมเผ่ือ 1. ออมเผื่อฉุกเฉิน ฉุกเฉนิ เพ่ือป้องกันการก่อหนเี้ พ่มิ 2. ออมเพอ่ื ใช้จา่ ยในวยั ชรา ในกรณเี กิดเหตฉุ ุกเฉิน 3. ออมเพื่อซ้ือของทอี่ ยากได้ 4. ออมเพื่อลงทุน 2. ลดคา่ ใช้จ่ายเพ่ือกันเงนิ ไว้จา่ ยหนี้ 3. ออมเงินเพื่อใชจ้ า่ ยในวัยชรา 4. ออมเพ่ือซือ้ ของทีอ่ ยากได้ 5. ออมเพอ่ื ลงทุน ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชีวิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
59 ท้ังน้ี หากมีความสามารถทางการเงนิ มาก กอ็ าจมีหลายเปา้ หมายพร้อม ๆ กนั ได้ แต่ควรจัดสรรเงินให้ดี เพื่อไม่ให้การออมที่มากเกินไปสร้างความกดดันในการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ เช่น ออมเงนิ จนไม่มีเงนิ ซื้ออาหารท่ีมปี ระโยชน์ต่อร่างกาย หรอื ตอ้ งไปเบยี ดเบยี นคนอน่ื นอกจากการตั้งเป้าหมายการเงินตามความจำเป็นและความต้องการต่าง ๆ ใน ชวี ิตแลว้ เรายังต้องคำนงึ ถึงระยะเวลาท่จี ะใช้ในการลงมอื ทำตามแผนใหส้ ำเร็จด้วย ไดแ้ ก่ 1. เป้าหมายระยะสั้น เป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ในเวลา 1 ปี เช่น ออมเงินเผ่ือฉุกเฉนิ ให้ได้จำนวน 30,000 บาท ออมเงนิ เพอ่ื ซอ้ื โทรศพั ทม์ อื ถือ 2. เป้าหมายระยะกลาง เป็นเปา้ หมายท่สี ามารถบรรลุได้ในระยะเวลา 1 – 3 ปี เช่น ซ้อื มอเตอร์ไซค์ หรือออมเงินเพื่อดาวนร์ ถยนต์ 3. เป้าหมายระยะยาว เปน็ เป้าหมายทีต่ ้องใช้ระยะเวลามากกว่า 3 ปีเพื่อบรรลุ เป้าหมาย เช่น ออมเงินเพือ่ ดาวนบ์ ้าน ออมเงินไว้ใช้ในยามสูงวยั การตัง้ เป้าหมายการเงนิ ท่ีดี เป้าหมายการเงินที่ชัดเจนและสอดคลอ้ งกับความสามารถทางการเงินจะช่วยให้ เราสามารถกำหนดแผนการเงินท่จี ะทำให้เราสามารถไปถึงจดุ หมายทต่ี ั้งไว้ โดยมีลักษณะดงั น้ี 1. เปา้ หมายคืออะไร 2. จำนวนเงนิ เทา่ ไร 3. ใชร้ ะยะเวลานานแคไ่ หนจึงจะบรรลุเป้าหมาย 4. ทำได้จรงิ หรอื ไม่ ตวั อย่างการตัง้ เป้าหมายการเงนิ เปา้ หมาย ด/ี ไมด่ ี เหตุผล ฉนั จะเก็บเงนิ ใหไ้ ด้ภายในปนี ี้ X ▪ ไมไ่ ดร้ ะบชุ ัดเจนว่าต้องการเก็บเงนิ เพอื่ อะไร ▪ ไม่สามารถวัดผลได้ เพราะไมไ่ ดร้ ะบุจำนวนเงิน ฉันจะเกบ็ เงนิ 2,500 บาท ✓ ▪ เป้าหมายชัดเจน ทุกเดือนเปน็ ระยะเวลา 1 ปี ▪ วัดผลได้ เพ่อื เป็นเงินออมเผือ่ ฉุกเฉิน ▪ มรี ะยะเวลาแน่ชัด (รายไดเ้ ดอื นละ 20,000 บาท) ▪ ทำได้จริง ชดุ วิชาการเงนิ เพ่ือชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
60 ขนั้ ตอนการจดั ทำแผนการเงิน แผนการเงนิ อาจจดั ทำไดห้ ลากหลายรูปแบบ ขึ้นอย่กู บั ความถนัดและความชอบ ของผู้วางแผน แต่ควรมีขน้ั ตอนหลกั ๆ ดงั นี้ 1. ระบุเป้าหมายการเงิน เพื่อบอกจุดมุ่งหมายของแผนทั้งหมด โดยจะต้อง เปน็ ไปตามหลกั เปา้ หมายการเงนิ ทด่ี ี 2. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการ โดยจะต้องระบุเป็นจำนวนเงินหรือตัวเลขให้ ชัดเจนวา่ ตอ้ งใช้เงินเทา่ ไรเพือ่ ให้บรรลุเปา้ หมาย 3. ระบุระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเงิน โดยระบุเป็นจำนวน วนั เดือน หรอื ปี 4. คำนวณจำนวนเงินที่ต้องออม เช่น คำนวณว่าต้องออมเงินเดือนละเท่าไร เพื่อให้ได้จำนวนตามที่ต้องการ สามารถคำนวณได้โดยนำจำนวนเงินที่ต้องการหารด้วย ระยะเวลา (เดือน) ก็จะทำให้ทราบว่าควรเก็บเงินเดือนละเท่าไร เพื่อให้ได้เงินตามจำนวนที่ ต้องการ ตวั อยา่ ง นาง ก ต้องการซอ้ื โทรศพั ท์มือถอื ราคา 8,400 บาทในอีก 12 เดือน นาง ก จะต้องออมเงนิ เดือนละ = จำนวนเงนิ ทตี่ ้องการ ÷ ระยะเวลา (เดือน) = 8,400 ÷ 12 = 700 บาท ดังนั้น แผนการออมของนาง ก ก็คือ จะต้องออมเงินเดือนละ 700 บาทเพื่อให้ ไดซ้ ื้อโทรศพั ท์มือถือราคา 8,400 บาทในอกี 12 เดือนข้างหน้า 5. จัดทำแผน โดยกำหนดแหล่งเงินที่จะใช้เป็นเงินออมในแต่ละเดือน ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการเพิ่มรายรับ (เช่น นำเงินจากค่าจ้างทำงานเสริมทั้งหมดมาเป็นเงินออม เผื่อฉกุ เฉิน) และลดรายจา่ ย (เช่น ลดการด่มื เหล้า เพอ่ื เกบ็ เงินทปี่ ระหยดั ได้ไว้เปน็ ค่าใช้จ่ายของ ลูกตอนเรียนมหาวิทยาลัย) โดยพิจารณารายจ่ายจากการบันทึกรายรับ-รายจ่ายว่า มีรายจ่าย ไมจ่ ำเป็นใดทีส่ ามารถลดหรือเลิกแล้วนำมาเป็นเงินออมได้หรือไม่ เช่น ลดค่ากาแฟจากที่ดื่มทุกวัน เปน็ ด่มื วนั เว้นวัน หากกาแฟราคา 30 บาทตอ่ แก้ว ลดคา่ กาแฟจำนวน 15 วนั จะได้เงิน 450 บาท ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงิน
61 ตัวอยา่ งแผนการเงนิ แผนการเงินของ........น..า..ง....ก................ จัดทำ ณ วนั ท่ี....1...ม...ก..ร..า..ค..ม....2..5..X...X.... เป้าหมายการเงนิ : ซ้อื โทรศพั ท์มอื ถือ บาท จำนวนเงนิ ท่ตี ้องการ: 8,400 เดือนขา้ งหน้า ระยะเวลา: 12 คำนวณจำนวนเงนิ ทตี่ ้องออมตอ่ เดอื น: ……น…า…ง …ก…จ…ะต…อ้…ง…อ…อม…เ…งนิ …เด…ือ…น…ล…ะ……………=…จ…ำ…น…วน…เ…งิน…ท…่ตี …อ้ …งก…า…ร…÷…ร…ะย…ะ…เว…ล…า…(เ…ด…ือน…)…….… ……………………………………………………………=……8,…40…0…÷……12……………………………………………….… ……………………………………………………………=……70…0…บ…า…ท………………………………………………….… ……ด…งั …นั้น……น…าง…ก……จะ…ต…อ้ …งอ…อ…ม…เง…ิน…เด…ือ…น…ละ……70…0…บ…า…ท…เ…ป…็นร…ะ…ย…ะเ…วล…า…1…2…เ…ด…อื น…………………….… แผนการออม: 1. ลดคา่ กาแฟจากทุกวันเหลือวันเว้นวนั (กาแฟแกว้ ละ 30 บาท 450 บาท ลด 15 วัน) ได้เงิน 2. ลดคา่ หวยจากงวดละ 300 บาท เหลืองวดละ 200 บาท 200 บาท (ลดงวดละ 100 บาท จำนวน 2 งวดต่อเดือน) ไดเ้ งิน 3. หารายได้เพม่ิ โดยรับจ้างปักผ้าผืนละ 15 บาท จำนวน 4 ผืน ไดเ้ งนิ 60 บาท ได้เงนิ ออมรวมต่อเดอื นเทา่ กบั 710 บาท กิจกรรมทา้ ยเรอ่ื งที่ 3 การตั้งเป้าหมายและจดั ทำแผนการเงิน (ให้ผู้เรยี นไปทำกจิ กรรมเรื่องท่ี 3 ทส่ี มุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้) ชดุ วิชาการเงนิ เพือ่ ชีวติ 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
62 เร่ืองท่ี 4 การออม การออมเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่มักจะละเลยที่จะทำ เพราะต้องใช้ เวลานานกว่าจะเห็นผล บางคนก็มองว่าการออมเป็นเรื่องของเด็ก แต่แท้จริงแล้วการออมเป็น จดุ เรม่ิ ต้นของความม่นั คงทางการเงนิ และเปน็ เหมอื นวรี บุรษุ ท่ีช่วยเหลอื เราเมื่อมปี ัญหาการเงนิ ความหมายของการออม การออมเป็นการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งในปัจจุบันไปเก็บสะสมไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การเก็บสะสมด้วยตนเอง เช่น หยอดกระปุกออมสิน เก็บสะสมไว้ทบี่ ้าน ไปจนถงึ การนำไปฝากไวก้ ับสถาบันการเงิน ซ่งึ มักอยูใ่ นรูปแบบที่มีความเสยี่ ง ต่อการสูญเสียเงินต้นต่ำ และได้รับผลตอบแทนไม่สูงนักเม่ือเทยี บกับการลงทุน เช่น การฝากใน บญั ชเี งินฝากออมทรัพย์ บัญชเี งินฝากประจำ การซอื้ สลากออมทรพั ย์ ประโยชน์ของการออม การออมอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ผู้ออมมีเงินก้อนสะสมเก็บไว้ ซึ่งมีประโยชน์ หลายประการ เชน่ 1. ช่วยแบ่งเบาภาระเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยไม่ต้องก่อหนี้หรือขอความ ชว่ ยเหลือจากบุคคลอ่ืน เพราะเราสามารถนำเงินออมออกมาใช้ก่อนได้ จึงเป็นการช่วยลดความ เสย่ี งที่จะมีปญั หาการเงนิ ด้วย 2. ช่วยทำให้ความฝันเป็นความจริง เงินออมที่มีอาจนำไปเป็นเงินทุนเพ่ือ ทำกิจการของตนเอง เรียนเพิ่มทักษะหรือวุฒิการศึกษา เป็นเงินดาวน์บ้าน ดาวน์รถ หรือเพื่อ ครอบครัว เชน่ จดั งานแตง่ งาน ส่งลกู เรียนสงู ๆ พาครอบครัวไปเท่ยี ว 3. ช่วยสร้างโอกาสให้มีรายได้มากขึ้น เช่น นำเงินออมไปซื้อหุ้น พันธบัตร กองทุนรวม หรือนำไปลงทนุ ซ้ือหอ้ งแถวใหเ้ ช่า ซึง่ ทำใหม้ ีโอกาสท่เี งินทมี่ อี ยจู่ ะงอกเงยมากขึน้ เปา้ หมายการออม การออมไมต่ า่ งจากการทำเร่ืองอื่นท่ีจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากจะเป็น ประโยชน์ในการจัดทำแผนการเงินแล้ว ยังเปน็ แรงผลักดนั ให้ออมไดส้ ำเร็จ ไมน่ ำเงินไปใช้จ่ายใน เรอ่ื งอ่ืน ชดุ วิชาการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
63 เปา้ หมายการออมสามารถตงั้ ได้หลายอยา่ ง และอาจมหี ลาย ๆ เป้าหมายในเวลา เดียวกนั ซงึ่ เปา้ หมายการออมท่สี ำคญั มดี ังน้ี 1. เงินออมเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เป็นเงินที่ออมไว้ใช้จ่ายหากเกิดเรื่อง ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือรายได้ลดกะทันหัน ซึ่งควรมีเงินออมก้อนนี้อย่างน้อย 3-6 เท่าของรายจา่ ยจำเปน็ และภาระผอ่ นหนตี้ ่อเดอื น เงนิ ออมเผือ่ ฉุกเฉนิ = รายจ่ายจำเป็นและภาระผอ่ นหน้ีต่อเดอื น x 3 สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมีเงินออมเผื่อฉุกเฉินและมีภาระไม่มาก เช่น ยังไม่มี ครอบครัว อาจเริ่มตั้งเป้าหมายที่ 3 เท่าก่อน เพื่อเป็นกำลังใจในการออม แล้วค่อย ๆ ออมเพ่ิม ไปให้ถึง 6 เท่า และหากมีเหตุให้ต้องนำเงินก้อนนี้ออกไปใช้ ก็อย่าลืมเก็บเงินใหม่เพื่อชดเชย ส่วนทีข่ าดไปใหม้ ีเงินออมเท่าเดิมโดยเร็ว 2. เงนิ ออมเพ่ือใช้จ่ายในยามชรา เปน็ เงนิ ท่ีออมไว้ใชจ้ ่ายในยามที่ไม่มีรายได้แล้ว ซึ่งหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่จำนวนเงินที่ต้องใช้จ่ายในยามชรานั้นค่อนข้างสูง จึงต้อง ออมเงนิ ไว้เพือ่ ใชจ้ า่ ยในยามชราต้ังแต่ตอนทีย่ งั มรี ายรบั อยู่ ข้ันตอนการวางแผนการเงนิ เพอื่ ใช้จ่ายในยามชรา 1) ประมาณการอายุที่คาดว่าจะไม่มีรายได้แล้ว เช่น จะเกษียณตอนอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี 2) ประมาณการจำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตหลังจากท่ีไม่มีรายได้แล้ว ซึ่ง คนไทยส่วนมากจะมอี ายยุ ืนถึง 80 - 90 ปี เช่น คาดวา่ จะมีอายถุ ึง 80 ปี จำนวนปีท่ีคาดว่าจะมี ชวี ิตหลังจากไม่มรี ายไดแ้ ลว้ ก็จะเทา่ กับ 20 ปี 3) ประมาณการค่าใช้จ่ายทต่ี อ้ งใชต้ อ่ เดอื นหลังจากท่ไี ม่มรี ายไดแ้ ล้ว เชน่ คาดว่าจะใช้เดือนละ 10,000 บาท แตต่ อ้ งไม่ลมื วา่ อาจมคี า่ รักษาพยาบาลเพม่ิ ในยามชราด้วย 4) คำนวณจำนวนเงนิ ที่ตอ้ งใช้หลังจากทีไ่ ม่มรี ายไดแ้ ล้ว โดยนำค่าใช้จ่าย ที่ต้องใช้ต่อเดือนหลังจากที่ไม่มีรายได้แล้วคูณด้วย 12 เพื่อคำนวณหาจำนวนเงินที่ต้องใช้ต่อปี หลังจากนั้นนำตัวเลขที่ได้ไปคณู กับจำนวนปที ่ีคาดวา่ จะมีชีวิตหลังจากที่ไม่มรี ายได้แล้ว ก็จะได้ จำนวนเงินทต่ี ้องใช้ในยามชรา ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชีวติ 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
64 เงนิ ที่ควรมี = คา่ ใชจ้ า่ ยต่อเดือนในยามชรา x 12 เดือน x จำนวนปีทีค่ าดวา่ จะมีชีวิตหลังจากทไี่ ม่มรี ายได้ ตัวอย่างแผนการออมเพื่อใช้จ่ายในยามชรา นาง ก อายุ 35 ปี คาดว่าจะเลิกขายของใน ตลาดตอนอายุ 55 ปี และคาดวา่ จะมีอายุถงึ 85 ปี ซง่ึ ปัจจุบันเธอมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 5,000 บาท และคาดว่าเมื่อไม่มีรายได้แล้ว เธอจะลดราคาใช้จ่ายเหลือเดือนละ 4,000 บาท นาง ก ควรมี เงินออมเท่าไร เพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่หาเงินไม่ได้แล้ว และจะต้อง ออมเดือนละเทา่ ไร แผนการออมเพื่อใช้จา่ ยในยามชราของ..........น...า..ง...ก.............. จดั ทำ ณ วนั ท่.ี .1...ม...ก..ร..า..ค..ม....2..5..X...X...... เปา้ หมายการเงนิ : ออมเงนิ เพอ่ื ใช้จา่ ยในยามชรา อายใุ นปัจจบุ ัน 35 ปี อายทุ ่คี าดว่าจะไม่มรี ายไดแ้ ลว้ : 55 ปี อายุท่คี าดวา่ จะมชี ีวิตถงึ : 85 ปี จำนวนเงนิ ทคี่ าดวา่ จะใช้ 4,000 บาทตอ่ เดอื น หลังจากทไ่ี มม่ ีรายได้แล้ว: คำนวณจำนวนเงนิ ทตี่ อ้ งใช้หลงั จากที่ไมม่ รี ายได้: …เ…งนิ …ท…ต่ี …อ้ …งใ…ช…ห้ ล…งั …จ…าก…ท…ี่ไม…่ม…ีร…าย…ไ…ด…้ …………………………………………………………………………….… ………………………………………=…จ…ำ…น…วน…เ…งนิ…ท…ีค่ …า…ดว…่า…จ…ะใ…ช…้ x…1…2…x…จ…ำ…น…วน…ป…ีท…ี่ค…าด…ว…่า…จะ…ม…ชี …วี ิต….… ………………………………………=…4…,…00…0…x…1…2…x…3…0…………………………………………………………….… ………………………………………=…1…,…44…0…,0…0…0…บ…าท……………………………………………………………….… …ด…งั น…้นั …น…า…ง…ก…จ…ะ…ต…้อง…ม…เี ง…นิ …1…,4…4…0,…0…00……บา…ท…เพ…่อื…ใ…ชจ้…่า…ย…ใน…ย…าม…ช…ร…า………………………………….… คำนวณจำนวนเงนิ ท่ตี อ้ งออมต่อเดอื น: …ระ…ย…ะ…เว…ล…าใ…น…กา…ร…อ…อม…เ…งนิ ……=…(อ…า…ย…ทุ ี่ค…า…ด…วา่…จ…ะ…ไม…ม่ …รี า…ย…ได…แ้ …ล…ว้ …–…อ…า…ยปุ…จั …จ…ุบ…ัน…) x……12…เ…ด…ือ…น….… ……………………………………=……(5…5…–…3…5…) …x …12……=…2…40……เด…ือ…น…………………………………………….… …จ…ำน…ว…น…เง…นิ …ท…ีต่ ้อ…ง…อ…อม…ต…อ่ …เด…อื …น…=……จำ…น…ว…นเ…งิน…ท…ต่ี …อ้ …งก…า…ร…÷…ร…ะ…ย…ะเ…วล…า…(…เด…ือ…น…) ………………….… ……………………………………………=……1,…4…40…,0…0…0…÷…2…4…0…=…6…,…00…0……………………………………….… …ด…ังน…น้ั……น…าง…ก…จ…ะ…ต…อ้ …งอ…อ…ม…เง…นิ …เด…อื …นล…ะ…6…,…00…0…บ…า…ท…เพ…อื่ …ใช…จ้ …่า…ยใ…น…ย…าม…ช…รา………………………….… ชดุ วชิ าการเงนิ เพอื่ ชวี ิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
65 แต่หาก นาง ก เริ่มออมเพื่อใช้จ่ายในยามชราตั้งแต่อายุ 25 ปี หมายความว่า นาง ก มีเวลาออมเงิน 30 ปี หรือ 360 เดือน นาง ก จะต้องออมเงนิ เดือนละเท่าไรเพื่อให้มีเงนิ ใช้ในยามชราตามท่ีคาดการณ์ไว้ นาง ก จะต้องออมเดอื นละ = 1,440,000 ÷ 360 = 4,000 บาท หาก นาง ก เริ่มออมตอนอายุ 35 ปี เธอจะตอ้ งออมเงนิ ถงึ เดือนละ 6,000 บาท แต่หาก นาง ก เริ่มออมตั้งแต่อายุ 25 ปี จำนวนเงินที่ควรออมก็จะลดลงเหลือเพียงเดือนละ 4,000 บาท จะเห็นได้ว่า หากเริ่มออมเร็วขึ้น จำนวนเงินที่ควรออมต่อครั้งก็จะลดลง ซึ่งทำให้ สามารถออมเงนิ ไดง้ า่ ยข้นึ และไมส่ ร้างความกดดันให้ผู้ออมจนเกินไป ขอ้ ควรคำนึงในการวางแผนเพ่อื ใชจ้ า่ ยในยามชรา 1) ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ไม่ใช่มีเพียงแต่ค่าอาหาร หรือข้าวของ เครอ่ื งใชเ้ ทา่ นั้น จะตอ้ งวางแผนถงึ คา่ รกั ษาพยาบาลทอ่ี าจเพม่ิ สูงข้นึ ในช่วงวยั ชรา 2) ภาระหนี้ หากยังมีหนี้เหลืออยู่เมื่อไม่มีรายได้แล้ว จะต้องวางแผน สำหรับการจ่ายหนี้ส่วนนั้น และหากเป็นภาระหนี้ที่สำคัญ เช่น บ้าน ก็ยิ่งต้องวางแผนให้ รอบคอบ เพราะหากไมจ่ ่าย กอ็ าจไม่มบี า้ นอยู่ในยามชราได้ 3) ที่อยู่อาศยั บางคนอาจอาศยั อยกู่ บั ลกู หลานหรอื อยู่คนเดยี ว แตห่ ากต้อง อยู่บา้ นพกั คนชราหรอื ที่พักเอกชนสำหรับผู้สูงวัย กต็ ้องวางแผนเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะอาจมีค่าท่ีพัก และค่าอำนวยความสะดวกอน่ื ๆ 4) ความช่วยเหลอื จากลกู หลาน หลายคนอาจมีลูกหลานดูแล แตก่ ม็ ีหลาย คนที่ยังต้องคอยช่วยเหลือลูกหลานด้านการเงินอีกด้วย หรือบางคนก็อยากมีมรดกให้ลูกหลาน จงึ ต้องวางแผนการเงนิ ไว้ใชจ้ ่ายในช่วงนน้ั ให้ดี 5) แหล่งเงินช่วยเหลือต่าง ๆ สำรวจดูว่ามีสวัสดิการใด ๆ ที่ช่วยแบ่งเบา ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยได้บ้าง เช่น บำเหนจ็ บำนาญ หรอื เบย้ี ยงั ชีพ 6) ปจั จัยทสี่ ง่ ผลกระทบต่อเงนิ ออม เชน่ เงนิ เฟ้อทีอ่ าจทำให้มูลค่าของเงิน ออมลดลง สนิ ค้าและบริการต่าง ๆ ที่แพงขน้ึ หรือกลโกงของมิจฉาชีพท่ีอาจมาหลอกเพื่อเอาเงินไป ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชีวติ 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
66 3. เงนิ ออมเพอื่ ค่าใชจ้ ่ายจำเป็นท่ีเป็นกอ้ นใหญ่ การวางแผนลว่ งหน้าจะทำให้ ทราบจำนวนเงินที่ต้องใช้จ่ายและวางแผนออมเงินได้ทันเวลา เช่น ค่าเทอมลูก ค่าดาวน์บ้าน ค่าซ่อมบ้าน ซึ่งการวางแผนออมแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เรามีเวลาพอสมควรที่จะทยอยออมและทำให้ ยอดออมต่อครั้ง (เช่น ต่อเดือน) ไม่สูงเกินกำลัง ทำให้ออมเงินได้ง่ายขึ้น ไม่รู้สึกกดดันหรือ เครียดจนเกินไป และเมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายนั้นก็จะไม่เป็นภาระและไม่ต้อง กู้เงินมาจ่าย ตัวอยา่ ง นาง ก ต้องจา่ ยค่าเทอมของลูกจำนวน 6,000 บาทในอีก 6 เดือนข้างหนา้ นาง ก ก็ควรออมเงินเดือนละ = จำนวนเงนิ ท่ตี อ้ งการใช้ ÷ ระยะเวลา = 6,000 ÷ 6 = 1,000 บาท ดังนั้น นาง ก ควรออมเงินเดือนละ 1,000 บาทเพื่อให้มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก จำนวน 6,000 บาทในอีก 6 เดอื นขา้ งหนา้ เปรียบเทียบกับกรณีที่นาง ก มีเวลาเหลือเพียงแค่ 2 เดือน นาง ก จะต้องออม มากถึง 3,000 บาทต่อเดือน 4. เงินออมเพื่อการลงทุน เป็นการออมเงินเพื่อนำไปลงทุนให้เงินงอกเงย ทั้งการทำกิจการส่วนตัว เช่น เปิดร้านขายของ ร้านซักรีด อู่ซ่อมรถ และการลงทุนในผลิตภณั ฑ์ ทางการเงินที่หลากหลายตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง แต่ก่อนจะเลือกผลิตภัณฑ์ ทางการเงินใด ควรศึกษาหาข้อมูล พิจารณาให้รอบคอบ เพื่อทำความเข้าใจก่อนตดั สินใจลงทนุ โดยเลือกใหเ้ หมาะสมกบั ความเส่ยี งทร่ี ับได้ และเป้าหมายทางการเงินท่ตี ั้งไว้ 5. เงินออมเพอื่ ของที่อยากได้ เป็นการออมเพอ่ื นำเงนิ ไปใชจ้ ่ายในสง่ิ ท่ีต้องการ เช่น ท่องเทีย่ ว ซื้อเคร่ืองเสยี ง เครื่องประดับสวย ๆ ซึ่งส่วนมากมกั เปน็ รายจ่ายไม่จำเป็น ดังนน้ั ถ้าอยากได้จรงิ ๆ กต็ อ้ งตงั้ เปา้ หมายการออมเพ่ือซื้อของเหล่าน้ีและลงมอื เก็บเงินจนกว่าจะครบ แล้วค่อยซื้อ ซง่ึ ดีกวา่ การกู้ยืมมาซ้ือเพราะมกั เปน็ สิ่งทีไ่ มส่ ร้างรายได้แต่สร้างภาระหนส้ี ินใหแ้ ก่เรา 6. เงินออมเพื่อปลดหนี้ เป็นการออมเพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายหนี้เพิ่ม เพื่อลด จำนวนเงินต้นและดอกเบ้ยี และทำใหจ้ ่ายหนห้ี มดไดเ้ รว็ ขึ้น ชดุ วิชาการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
67 หลักการออมใหส้ ำเรจ็ การออมสามารถทำได้หลายวิธี ผู้ออมอาจเลือกใช้วิธีการออมที่ตนเองถนัดและ เหมาะสมกับรายรบั -รายจ่ายของตนเอง สำหรบั หลักการออมให้สำเร็จมดี ังนี้ 1. ออมก่อนใช้ เมื่อได้รับเงินมา ควรแบ่งเงินไปออมไว้ทันที เพราะหากใช้ก่อน ออม สุดทา้ ยอาจไม่เหลอื เงินทีจ่ ะนำมาออมตามทตี่ ั้งใจไว้ 2. มีวินัยในการออม คือ ออมอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เทคนิคการออมท่ี สนกุ สนาน ทำได้ง่าย เพอื่ สร้างแรงจูงใจในการออมให้ไดต้ ามทต่ี ง้ั ใจไว้ เชน่ ▪ หยอดกระปกุ ก่อนออกจากบา้ นวันละ 10 บาท ▪ ผกู การออมกับพฤตกิ รรมทช่ี อบทำ เช่น เลน่ เกมชั่วโมงละ 10 บาท ▪ ได้แบงก์ 50 มาเมอ่ื ไร ก็เก็บไวไ้ ปหยอดกระปกุ ไม่นำมาใช้ ▪ ไม่ชอบพกเหรยี ญเพราะมนั หนัก พอไดเ้ หรยี ญทอนมากห็ ยอดกระปกุ ใหห้ มด ▪ ซื้อของไม่จำเป็นไปเท่าไร ก็ให้นำเงินมาออมเท่านั้น เช่น ถ้าซื้อของ ไมจ่ ำเปน็ 1,000 บาท ก็ต้องออมเงนิ ให้ได้ 1,000 บาท ▪ ตงั้ คำส่ังหักเงินอัตโนมัติจากบญั ชเี งนิ เดือนไปฝากเข้าบัญชีเงนิ ออม 3. แบ่งเงินเป็นส่วน ๆ ตามเป้าหมายที่ต้องการใช้ เช่น เงินออมเผื่อฉุกเฉิน เงินออมเพื่อใช้จ่ายในยามชรา เงินออมเพื่อซื้อของที่อยากได้ และใช้เงินตามวัตถปุ ระสงค์น้ัน ๆ ไม่ปะปนกัน ทงั้ น้ี ควรเปิดบญั ชสี ำหรับออมเงนิ โดยเฉพาะ เพ่อื แยกเงินที่ต้องการออมและ เงินสำหรับใช้จ่ายออกจากกนั และอาจเพ่มิ ความยากในการถอนเงนิ เชน่ ไมท่ ำบตั รเดบติ หรือ ฝากเงินไว้ในบัญชีที่จำกัดจำนวนครั้งในการถอน (ถ้าถอนเกินจำนวนครั้งที่กำหนดจะถูกปรับ) ยกเว้นบัญชเี งนิ ออมเผ่ือฉกุ เฉินที่จะตอ้ งถอนง่าย ดอกเบ้ียทบต้น หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ออมก่อน รวยก่อน” ความร่ำรวยดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอานุภาพของดอกเบี้ยทบต้น (compound interest rate) ซึ่งพูดให้ เขา้ ใจง่ายก็คือดอกเบย้ี ของดอกเบ้ยี นั่นเอง ชดุ วชิ าการเงินเพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงิน
68 สมมติว่า เรานำเงิน 100,000 บาท ไปฝากธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารเท่ากับ 4% ตอ่ ปีทกุ ๆ ปี เมือ่ ครบ 1 ปี เงนิ ของเราจะเพิ่มขนึ้ เป็น 104,000 บาท (เงินต้น 100,000 บาท บวกดอกเบี้ย 4,000 บาท) เงิน 104,000 บาทนี้ จะกลายเป็นเงินต้นของปีที่ 2 และเมื่อครบ 2 ปี เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 108,160 บาท (เงินต้น 104,000 บาท บวก ดอกเบ้ีย 4,160 บาท) และในปีถัด ๆ ไปดอกเบยี้ ของปีน้ันจะถูกทบเขา้ กับเงินตน้ และกลายเป็น เงนิ ต้นของปถี ัดไป เปน็ เช่นนไ้ี ปเรื่อย ๆ จะเหน็ ได้ว่า ส่วนท่ีเป็นดอกเบย้ี ไมไ่ ดค้ งท่ีที่ 4,000 บาท แต่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นเพราะเงินต้นของเราก็เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีเช่นกัน เนื่องจากได้เอาดอกเบ้ีย ของปีกอ่ นมารวมเขา้ เป็นเงินต้นด้วยแล้ว น่คี อื เหตผุ ลทคี่ วรเริ่มออมตัง้ แตว่ ันนี้ กจิ กรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 4 การออม (ให้ผู้เรียนไปทำกิจกรรมเรอ่ื งท่ี 4 ท่สี มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้) ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
69 เรอื่ งท่ี 5 การฝากเงนิ การลงทุน และการประกนั ภยั การฝากเงนิ เมื่อมีรายได้ เช่น ได้เงินเดือน ได้เงินจากลูกค้า สิ่งแรกที่ควรทำ คือ แบ่งเงิน บางสว่ นไปเก็บออมเพอื่ วัตถปุ ระสงค์ตา่ ง ๆ เช่น ไวใ้ ช้ยามฉกุ เฉิน เปน็ คา่ ใช้จา่ ยหลงั เกษียณหรือ เลกิ ทำงาน การมองหาแหล่งเก็บรักษาเงินหรือทำให้เงินงอกเงยจงึ เป็นเร่ืองจำเป็น ที่นิยมกันคือ การฝากเงินไว้กับธนาคาร ซ่ึงนอกจากมีความปลอดภัยกว่าการเก็บเงนิ สดไว้กับตัวหรอื ไว้ที่บ้านแล้ว การฝากเงินไวก้ บั ธนาคารยงั ทำให้ไดร้ ับผลตอบแทนในรปู ของดอกเบี้ยเงนิ ฝากด้วย อย่างไรก็ดี การจะได้รับดอกเบี้ยมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเป็นบัญชีเงินฝาก ประเภทใด มเี ง่ือนไขอย่างไร เราจึงจำเปน็ ต้องรจู้ กั บัญชีเงินฝากแตล่ ะประเภท เพ่ือเลือกบัญชีท่ี เหมาะสมและตรงกับความตอ้ งการของเรามากที่สดุ 1. บัญชเี งินฝากออมทรัพย์ ลักษณะ • สามารถฝากหรอื ถอนเงินเม่อื ไรกไ็ ด้ • กำหนดจำนวนเงินฝากขนั้ ตำ่ ไว้ไม่สงู นกั เชน่ 100 - 1,000 บาท • จา่ ยดอกเบย้ี ให้ปีละ 2 ครง้ั ในเดอื นมิถุนายนและธันวาคมของทุกปี ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ิต 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
70 ประโยชน์ • ถ้าดอกเบี้ยรับไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบี้ย ทไ่ี ดร้ บั (รวมรบั จากทกุ สถาบันการเงนิ ใน 1 ป)ี ถา้ เกิน 20,000 บาท ธนาคารจะหักภาษี ณ ท่ีจ่าย ไวเ้ ลยจากบัญชีเงินฝาก • มีบริการบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต สำหรับใช้ถอนหรือโอนเงินที่เครื่อง เอทีเอ็มได้สะดวก (บัตรเดบิตยังสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้ด้วย) แต่หากต้องการ เปิดบญั ชีเพยี งอย่างเดยี วกส็ ามารถทำได้โดยไม่จำเปน็ ต้องทำบัตรใด ๆ ขอ้ จำกัด • อัตราดอกเบ้ยี คอ่ นข้างตำ่ • มีค่าธรรมเนียมกรณีบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหวและมียอดเงินฝาก คงเหลอื น้อยกวา่ ท่ีกำหนด • กรณีทำบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตมักจะต้องเสียค่าทำบัตรและ ค่าธรรมเนียมรายปี บญั ชีนีเ้ หมาะกับใคร • ผทู้ ี่ใช้บริการรับโอนเงินเดอื นหรอื คา่ จ้าง หรอื คา่ สนิ คา้ • ผูท้ เี่ บกิ ถอนบอ่ ยคร้ัง หรือใช้บรกิ ารหักบญั ชีเพอื่ ชำระค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่านำ้ คา่ ไฟ ค่าบัตรเครดติ และคา่ ใช้จ่ายอน่ื ๆ • ผู้ที่ต้องการออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เนื่องจากถอนได้สะดวก (ถอนได้ หลายชอ่ งทางและถอนเม่อื ไรก็ได้) นอกจากนี้ บางธนาคารมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พเิ ศษ ซึง่ ใหอ้ ัตราดอกเบ้ีย ที่สูงกว่าบญั ชีเงินฝากออมทรัพย์ แตจ่ ะมเี งื่อนไขทเ่ี พิม่ ขน้ึ ด้วย เชน่ เงินฝากขัน้ ต่ำ 10,000 บาท ถอนได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน หากถอนตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไปในเดือนนั้นจะถูกคิด ค่าธรรมเนียมครั้งละ 500 บาท ซึ่งบัญชีในลักษณะนี้เหมาะกับการออมเงินมากกว่าที่จะใช้เป็น บัญชีเพอ่ื ชำระคา่ ใช้จ่าย ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
71 คำแนะนำ 1. ควรทำรายการฝาก ถอน หรือโอน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยง การถูกคิดค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีกรณีบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหว และมียอดเงินฝากคงเหลือ นอ้ ยกวา่ ทก่ี ำหนด 2. ปรับสมุดบัญชีอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงพอ สำหรับการหักบัญชีหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดหรือไม่ เช่น ค่าใช้จ่ายที่จะถูกตัดออกจากบัญชี ยอดเงินข้ันต่ำท่ีธนาคารกำหนด เพอ่ื ไม่ให้พลาดการชำระเงินหรือมีเงินไม่พอท่ีจะชำระซึ่งอาจทำให้ ต้องเสียค่าใชจ้ ่ายเพ่ิมเติม 3. หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตควรแจ้งยกเลิก บัตร หรอื แจง้ เจ้าหนา้ ที่วา่ ไม่ต้องการทำบัตร จะช่วยประหยดั ค่าธรรมเนียมทไี่ มจ่ ำเปน็ ได้ ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ติ 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
72 ตวั อยา่ งการคำนวณดอกเบ้ียเงินฝากออมทรัพย์ สำรวยเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ธนาคารมุ่งมั่นเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 58 จำนวน 10,000 บาท ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตรา 3% ต่อปี โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยให้ในวันที่ 30 มิ.ย. และ 31 ธ.ค. ของทกุ ปี หากสำรวยฝากเงินไว้ทั้งปี โดยไม่ถอนเงนิ ออกหรือฝากเงินเพิ่ม และไม่ได้ถอนดอกเบี้ยออกมาใช้ในระหว่างปี หากครบ 1 ปี สำรวยจะมีเงินฝากในบัญชีรวม ดอกเบ้ยี เปน็ เงนิ เทา่ ไร วิธีการคำนวณ 1. ระยะเวลาในการคำนวณจำนวนวันในการฝากเงนิ จะคำนวณถึงวันกอ่ นวนั ที่ จ่ายดอกเบ้ียดังนี้ จา่ ยดอกเบ้ยี 30 ม.ิ ย. 58 จะเรมิ่ นับตั้งแตว่ นั ที่ 1 ม.ค. 58 ถึง 29 มิ.ย. 58 = 180 วัน จ่ายดอกเบี้ย 31 ธ.ค. 58 จะเริ่มนบั ตงั้ แตว่ นั ที่ 30 มิ.ย. 58 ถงึ 30 ธ.ค. 58 = 184 วัน (สำหรับดอกเบี้ยของวันท่ี 31 ธ.ค. 2558 จะถกู นำไปคำนวณจำนวนวันรวมกับการ คดิ ดอกเบ้ียครั้งต่อไป) 2. อัตราดอกเบ้ีย 3% ในท่ีนี้ ดอกเบี้ยเงนิ ฝากออมทรัพย์ไมต่ อ้ งเสียภาษี ณ ทจ่ี ่าย 15% จึงสามารถนำมาคำนวณในสูตรได้ 3. เงนิ ฝากออมทรัพยน์ ีใ้ หด้ อกเบ้ียทบตน้ ดังนน้ั ตอ้ งนำเงินตน้ บวกดอกเบ้ียกอ่ น จากน้นั จงึ นำผลที่ได้ไปเป็นฐานคำนวณดอกเบี้ยสำหรับงวดถดั ไป คำตอบ ณ 31 ธ.ค. 58 สำรวยจะมีเงนิ ต้นบวกดอกเบ้ียทงั้ สิน้ เทา่ กับ 10,301 บาท โดยประมาณ ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
73 ตัวอย่างการคำนวณเงินรวมที่จะได้จากดอกเบี้ยทบต้นอยา่ งง่าย พอใจฝากเงิน 10,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ธนาคารให้อัตราดอกเบี้ย 3% ตอ่ ปี เทา่ กนั ทุกปี โดยจ่ายดอกเบี้ยใหป้ ลี ะครง้ั หากพอใจไมม่ กี ารฝากเพมิ่ ระหว่างปี และไมถ่ อน เงนิ ตน้ หรอื ดอกเบี้ยออกมาใช้ จะสามารถคำนวณเงินรวมเมือ่ ครบ 3 ปตี ามสตู รไดด้ งั น้ี สูตรคำนวณเงินรวมทจ่ี ะได้จากดอกเบ้ยี ทบต้นอย่างงา่ ย ดงั นนั้ เมื่อฝากครบ 3 ปี พอใจจะมีเงินรวมทง้ั สิน้ 10,927 บาทโดยประมาณ 2. บัญชีเงนิ ฝากประจำ มหี ลายรูปแบบ เชน่ 2.1 บญั ชีเงนิ ฝากประจำท่ัวไป ลักษณะ • มีระยะเวลาการฝากหลายแบบ เชน่ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน • ส่วนใหญ่จะกำหนดจำนวนเงนิ ฝากข้นั ตำ่ ไว้ประมาณ 1,000 บาท • การจ่ายดอกเบี้ย แล้วแต่เงื่อนไขธนาคาร เช่น บัญชี 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด บัญชี 24 เดือน และ 36 เดือน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยอาจจะนำดอกเบ้ียที่ได้มาฝากเข้าบัญชีเงินฝากประจำ (ทบต้น) หรืออาจจะโอน ดอกเบี้ยเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ซึ่งธนาคารจะแจ้งให้ทราบ ต้ังแต่ตอนเปิดบญั ชี ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
74 • กรณีถอนก่อนครบกำหนด อาจไม่ได้รับดอกเบี้ย หรือได้รับใน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ เช่น ธนาคารอาจกำหนดว่าหากเลือกฝากประจำ 6 เดือน แต่ฝากยังไม่ถึง 3 เดือนแล้วต้องการถอนออกมาจะไม่ได้รับดอกเบี้ย หรือถอนหลัง 3 เดือนไปแล้ว แต่ยังไม่ครบกำหนด 6 เดือน จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ พร้อมทั้ง ถกู หกั ภาษี ณ ที่จา่ ย นอกจากนี้ บางธนาคารมีรูปแบบการฝากประจำแบบพิเศษ เช่น ให้เลือกระยะเวลาการฝากได้ตามที่สะดวก กำหนดระยะการฝากเป็นจำนวนวัน (เช่น 99 วัน) หรือจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากตั้งแต่วันแรกที่ผู้ฝากเปิดบัญชี โดยอาจมีเงื่อนไขที่กำหนดจำนวนเงิน ฝากท่ีค่อนข้างสูง เช่น 100,000 บาทขนึ้ ไป บัญชนี ้ีเหมาะกับใคร • ผูท้ ตี่ อ้ งการเกบ็ ออมเพ่อื เพิม่ รายไดจ้ ากดอกเบย้ี • ผู้ที่มีเงินก้อนและไม่มีความจำเป็นที่จะใช้เงินที่ออมไว้ในช่วง ระยะเวลาหน่งึ ชดุ วิชาการเงนิ เพือ่ ชีวติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
75 ตวั อย่างการคำนวณดอกเบ้ยี เงนิ ฝากประจำ ร่งุ โรจนเ์ ลอื กเปิดบัญชีเงนิ ฝากประจำ 3 เดอื น จำนวน 10,000 บาท ไดร้ บั อัตรา ดอกเบี้ย 3% ต่อปีแบบทบต้น โดยเริ่มต้นฝากวันที่ 1 ม.ค. 58 และเมื่อครบกำหนด 3 เดือน นายรงุ่ โรจนก์ ย็ ังคงฝากอย่างตอ่ เนื่องไปเร่ือย ๆ โดยไม่มกี ารถอนเงินตน้ และดอกเบ้ีย ให้คำนวณ ว่าเมื่อครบกำหนดทุก 3 เดือนในช่วงเวลา 1 ปี รุ่งโรจน์จะได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเงิน เท่าไร วิธีการคำนวณ 1. ระยะเวลาในการคำนวณจำนวนวันในการฝากเงิน จะคำนวณถึงวันกอ่ นวันท่ี จ่ายดอกเบย้ี ดงั น้ี จ่ายดอกเบยี้ 1 เม.ย. 58 จะเรมิ่ นบั ตง้ั แต่วันที่ 1 ม.ค. 58 ถึง 31 ม.ี ค. 58 รวม 90 วัน จา่ ยดอกเบี้ย 1 ก.ค. 58 จะเรม่ิ นับต้ังแต่วันท่ี 1 เม.ย. 58 ถึง 30 ม.ิ ย. 58 รวม 91 วนั จ่ายดอกเบี้ย 1 ต.ค. 58 จะเรม่ิ นับตัง้ แต่วนั ที่ 1 ก.ค. 58 ถึง 30 ก.ย. 58 รวม 92 วนั จ่ายดอกเบ้ยี 1 ม.ค. 59 จะเร่มิ นับตง้ั แต่วันท่ี 1 ต.ค. 58 ถงึ 31 ธ.ค. 58 รวม 92 วัน 2. ดอกเบย้ี ที่ได้รบั จะถูกหกั ภาษี ณ ที่จา่ ย 15% ดงั นน้ั อตั ราดอกเบี้ยท่รี งุ่ โรจน์ จะไดร้ ับหลงั หักภาษี ณ ท่จี ่าย เทา่ กับ 2.55% (3 x (1 – 15%)) 3. เงินฝากประจำนี้ธนาคารให้ดอกเบี้ยทบต้น ดังนั้น ต้องนำเงินต้นบวก ดอกเบย้ี ก่อน จากน้ันจงึ นำผลท่ไี ดไ้ ปเปน็ ฐานคำนวณดอกเบีย้ สำหรับงวดถัดไป ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
76 คำตอบ รงุ่ โรจน์จะไดร้ บั เงินตน้ และดอกเบี้ยเปน็ เงิน 10,257 บาทโดยประมาณ 2.2 บญั ชเี งินฝากประจำแบบปลอดภาษี ลกั ษณะ • เป็นบัญชีเงินฝากประจำท่ีได้รบั ยกเว้นภาษี แต่เปดิ ได้เพียงบญั ชีเดียว • ตามเกณฑก์ รมสรรพากรไม่ได้มกี ารกำหนดจำนวนเงินฝากขน้ั ตำ่ ไว้ แต่มีเพดานฝากสงู สดุ อย่ทู ่ี 25,000 บาทต่อเดอื น และเมื่อรวมจำนวนเงนิ ท่ฝี ากทกุ เดือนแลว้ ต้องไม่เกิน 600,000 บาท ซ่งึ ต้องฝากตอ่ เน่ืองในจำนวนทีเ่ ท่ากันทกุ ๆ เดือน เดอื นละ 1 คร้ัง เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 24 เดือน • หากเงนิ ฝากครบกำหนด บางธนาคารจะโอนเงินต้นและดอกเบ้ีย เขา้ บญั ชีออมทรพั ยห์ รอื บัญชกี ระแสรายวันตามทล่ี ูกคา้ แจ้งความประสงค์ไว้ตอนเปดิ บัญชี หรอื บางกรณีหากลกู คา้ ไมไ่ ดถ้ อนเงินออก ธนาคารกอ็ าจเปลีย่ นประเภทเป็นบัญชเี งินฝากประจำให้ อัตโนมตั โิ ดยมีเงื่อนไขการฝากเงินและอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารท่ใี ช้อยู่ในขณะนัน้ • ในระหว่างระยะเวลาการฝาก ขาดฝากได้ไมเ่ กนิ 2 คร้ัง และยงั คง ต้องฝากให้ครบตามวงเงนิ ทก่ี ำหนด ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชีวติ 3 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
77 • กรณีถอนก่อนครบกำหนด ส่วนใหญ่มักกำหนดว่าหากฝากไม่ถึง 3 เดือน จะไม่ได้รบั ดอกเบี้ย หากถอนหลังจาก 3 เดือนไปแล้วจะไดร้ ับในอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ออมทรพั ย์ พรอ้ มท้ังถกู หักภาษี ณ ทีจ่ ่าย • จ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการฝาก โดยทั่วไปจะโอน ดอกเบ้ียไปยังบญั ชเี งนิ ฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ประโยชน์ • ได้รับอตั ราดอกเบี้ยเงินฝากสงู กวา่ บัญชเี งนิ ฝากออมทรพั ย์ • ได้ฝกึ วินัยการออม (ตอ้ งนำเงนิ ไปฝากทุกเดอื น เดือนละเทา่ ๆ กัน) • ดอกเบย้ี ท่ีไดร้ บั ไม่ตอ้ งเสยี ภาษี ข้อจำกัด มีข้อจำกัดและเงื่อนไขในการถอน เช่น หากมีการถอนก่อน ระยะเวลาท่กี ำหนดไวอ้ าจไมไ่ ด้รับดอกเบ้ีย และไมไ่ ดร้ บั สทิ ธยิ กเว้นการหกั ภาษี ณ ท่จี ่าย 15% บญั ชนี เ้ี หมาะกบั ใคร • ผ้ทู ตี่ อ้ งการสร้างวนิ ัยการออม และเพ่ิมรายได้จากดอกเบย้ี • ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นที่จะใช้เงินที่ออมไว้ในช่วงระยะเวลาหน่ึง (อย่างน้อย 2 ป)ี ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชีวติ 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ
78 คำแนะนำ ผู้สนใจจะฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำทั้ง 2 ประเภทนี้ ควรศึกษา เงื่อนไขการฝากและถอนเงินให้เขา้ ใจ และต้องม่ันใจว่ายังไม่มคี วามจำเป็นต้องใช้เงินในระหว่าง ที่ฝากเงินไว้กับธนาคาร เพื่อป้องกันปัญหาการไม่ปฏิบัติตามเง่ือนไขและทำให้ไม่ได้รับดอกเบี้ย ตามท่ีกำหนด 3. บัญชเี งินฝากแบบข้ันบันได ลกั ษณะ • จำนวนเงินฝากขั้นต่ำ ส่วนใหญ่มักจะสูงกว่าบัญชีเงินฝากประจำทั่วไป เช่น ไม่นอ้ ยกว่า 5,000 บาท • กำหนดการจ่ายดอกเบี้ยขนึ้ อย่กู ับเง่ือนไขของธนาคาร เช่น จา่ ยดอกเบี้ย ทุกเดือน โดยจะโอนดอกเบี้ยเงนิ ฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรอื กระแสรายวนั ซึ่งธนาคาร จะแจ้งให้ทราบต้งั แตต่ อนเปดิ บญั ชี ชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
79 • มักจูงใจผ้ฝู ากดว้ ยการโฆษณาว่าให้อตั ราดอกเบ้ยี สูงมาก แตใ่ นความจริง แล้วมักเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ (ส่วนใหญ่จะสูงมากเฉพาะเดือนสุดท้าย) และในแต่ละช่วงเวลา การฝากดอกเบ้ียจะคอ่ ย ๆ เพ่ิมสงู ขนึ้ อาทิ เดือนที่ 1 - 5 อัตราดอกเบ้ยี 1% เดือนท่ี 6 - 7 อัตราดอกเบยี้ 1.7% เดือนที่ 8 - 9 อตั ราดอกเบี้ย 1.9% เดอื นท่ี 10 อัตราดอกเบีย้ 8% ดังนั้น ผสู้ นใจฝากควรมองหาอัตราดอกเบีย้ เฉลย่ี ต่อปีของท้ังโครงการที่ ธนาคารต้องระบุไว้ในใบโฆษณา หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารเพิ่มเติมเพื่อขอ รายละเอียดที่ชดั เจน • หากเงินฝากครบกำหนด แล้วไม่ได้ถอนเงินออก ธนาคารมักจะเปลี่ยน ประเภทเป็นบัญชีเงินฝากประจำให้อัตโนมัติโดยมีเงื่อนไขการฝากเงินและอัตราดอกเบี้ยตาม ประกาศของธนาคารทีใ่ ช้อยู่ในขณะน้นั • ข้อกำหนดในเรื่องถอนก่อนครบกำหนดมีหลายรูปแบบ อาทิ อาจต้อง ปิดบัญชีเลย หรือต้องถอนทั้งจำนวนของแต่ละยอดการฝาก เช่น ฝากครั้งแรก 10,000 บาท ครั้งที่ 2 ฝาก 20,000 บาท หากต้องการถอนเงินที่ฝากไว้จะต้องถอนเงินที่ยอด 10,000 บาท หรอื 20,000 บาท เทา่ น้นั ไม่สามารถถอนบางสว่ นได้ • สำหรับเรื่องดอกเบี้ย ผู้ฝากที่ถอนก่อนครบกำหนดอาจได้ดอกเบี้ยตาม อัตราที่กำหนดไว้ในแต่ละช่วงระยะเวลาการฝาก หรืออาจไม่ได้ดอกเบี้ย หรือได้รับอัตรา ดอกเบยี้ เงินฝากออมทรัพย์ ขนึ้ อยู่กับเง่ือนไขทธี่ นาคารกำหนด ขอ้ จำกัด • ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ ในรปู แบบของบญั ชีเงินฝากประจำจงึ จะถกู หักภาษี ณ ทจี่ า่ ย 15% ของดอกเบีย้ ท่ีไดร้ ับ • มีข้อจำกัดและเงื่อนไขในการถอน เช่น กรณีการถอนก่อนครบกำหนด (อย่างที่กล่าวไปแลว้ ) ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
80 บัญชนี ี้เหมาะกับใคร • ผทู้ ต่ี อ้ งการเกบ็ ออมเพ่อื เพิม่ รายไดจ้ ากดอกเบย้ี • ผทู้ ีม่ ีเงินก้อนและไมม่ ีความจำเปน็ ทจี่ ะใชเ้ งนิ ในช่วงระยะเวลาหน่ึง ตัวอย่างการคำนวณดอกเบยี้ เงนิ ฝากแบบขั้นบันได เย็นใจฝากเงินในบัญชีเงินฝากแบบขั้นบันไดประเภทฝากประจำ 10,000 บาท เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 58 โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบีย้ ทุกเดือนเข้าบัญชเี งินฝากออมทรัพย์ (ดอกเบ้ีย ไมน่ ำไปทบกบั เงินต้น) ซงึ่ ธนาคารให้อตั ราดอกเบ้ียแบบข้ันบนั ไดระยะเวลา 5 เดือนดังน้ี เดอื นท่ี 1 – 2 อัตราดอกเบี้ย 1% ตอ่ ปี เดอื นท่ี 3 – 4 อัตราดอกเบี้ย 2% ตอ่ ปี เดอื นที่ 5 อตั ราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ทั้งนี้ ดอกเบีย้ รับจะถกู หักภาษี ณ ทีจ่ า่ ย 15% ให้คำนวณดอกเบย้ี เงนิ ฝากท่ีเย็นใจจะไดร้ ับ ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชีวิต 3 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
81 วิธกี ารคำนวณ 1. ระยะเวลาในการคำนวณจำนวนวันในการฝากเงิน จะคำนวณถึงวันก่อนวันที่ จ่ายดอกเบยี้ ดงั น้ี จ่ายดอกเบย้ี 1 ก.พ. 58 จะเริม่ นบั ตัง้ แต่วนั ท่ี 1 ม.ค. 58 ถึง 31 ม.ค. 58 รวม 31 วนั จา่ ยดอกเบยี้ 1 มี.ค. 58 จะเรม่ิ นับต้งั แตว่ นั ที่ 1 ก.พ. 58 ถึง 28 ก.พ. 58 รวม 28 วนั จา่ ยดอกเบี้ย 1 เม.ย. 58 จะเร่มิ นับตง้ั แตว่ ันท่ี 1 มี.ค. 58 ถงึ 31 ม.ี ค. 58 รวม 31 วัน จา่ ยดอกเบย้ี 1 พ.ค. 58 จะเรมิ่ นบั ตงั้ แตว่ นั ที่ 1 เม.ย. 58 ถงึ 30 เม.ย. 58 รวม 30 วัน จา่ ยดอกเบย้ี 1 ม.ิ ย. 58 จะเร่มิ นบั ตัง้ แตว่ ันท่ี 1 พ.ค. 58 ถงึ 31 พ.ค. 58 รวม 31 วนั 2. ดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับ ตอ้ งนำมาหกั ภาษี ณ ทจี่ า่ ยกอ่ น อัตราดอกเบ้ยี ก่อนหกั ภาษี ณ ท่จี ่าย อัตราดอกเบ้ียหลังหักภาษี ณ ทจี่ า่ ย เดือนที่ 1 – 2 อัตราดอกเบ้ยี 1% ตอ่ ปี (1 x (1 – 15%)) = 0.85% เดอื นท่ี 3 – 4 อตั ราดอกเบ้ยี 2% ต่อปี (2 x (1 – 15%)) = 1.70% เดอื นที่ 5 อตั ราดอกเบย้ี 4% ตอ่ ปี (4 x (1 – 15%)) = 3.40% ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
82 คำตอบ เย็นใจจะได้รับดอกเบี้ยเป็นเงินทั้งสิ้น 71 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณอัตรา ดอกเบีย้ ท่แี ท้จรงิ ทเี่ ย็นใจไดร้ ับจะเทา่ กับ ข้อแนะนำการเลอื กประเภทบัญชีเงินฝาก เมื่อได้ประเภทบัญชีที่ต้องการแล้ว ให้หาข้อมูลบัญชีประเภทเดียวกันจาก ธนาคารหลาย ๆ แห่งเพื่อนำมาเปรียบเทียบ ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของธนาคาร แต่ละแห่ง หรือแผ่นพับหรือโฆษณาที่ธนาคารเผยแพร่ อย่างไรก็ตาม ควรดูประกาศอัตรา ดอกเบ้ยี เงินฝากของธนาคารประกอบดว้ ย เนือ่ งจากจะมีการระบุรายละเอยี ดและเงือ่ นไขในการ จ่ายดอกเบยี้ ต่าง ๆ ในข้อกำหนด โดยขอ้ มูลที่ควรนำมาเปรียบเทยี บมีดงั น้ี 1. อัตราดอกเบี้ย ไม่ควรดูเฉพาะในใบโฆษณา แต่ควรดูจากประกาศอัตรา ดอกเบ้ียในเว็บไซตข์ องธนาคารทเ่ี ราสนใจจะนำเงนิ ไปฝากด้วย เพ่ือใหไ้ ดข้ ้อมลู ทค่ี รบถ้วน 2. ระยะเวลาการฝาก ตอ้ งมั่นใจว่าสามารถฝากไดต้ ามระยะเวลาตามที่กำหนด ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
83 3. เงื่อนไขการใชบ้ รกิ าร หากเป็นเงนิ ฝากที่ใหอ้ ตั ราดอกเบยี้ สงู ก็มกั จะกำหนด จำนวนเงนิ ฝากข้ันตำ่ ไวส้ ูงเช่นกนั และต้องอ่านเงือ่ นไขวา่ เราสามารถทำได้หรือรับไดห้ รือไม่ เช่น ต้องซื้อประกนั สะสมทรพั ย์ด้วย ถอนได้เพยี ง 2 ครั้งต่อเดอื น หากถอนตั้งแต่ครั้งท่ี 3 เป็นต้นไป จะเสียค่าธรรมเนียมการถอนครั้งละ 500 บาทหรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เช่น กรณีบัญชี เงนิ ฝากไม่เคลื่อนไหวหรือมียอดเงินในบัญชีต่ำกว่าท่กี ำหนดจะถูกเรียกเก็บคา่ ธรรมเนียมรกั ษาบัญชี 4. วิธีการจ่ายดอกเบี้ย กรณีบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ธนาคารจะนำดอกเบี้ยเข้า บัญชีเงินฝากไปสมทบกบั เงินต้นให้ แต่หากเป็นบญั ชีเงินฝากประจำบางประเภท ธนาคารอาจจะ โอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันตามที่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบตอนเปิด บัญชี ซึ่งการจ่ายดอกเบี้ยจะมีทั้งจ่ายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการฝาก หรือจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน 5. เงื่อนไขเกี่ยวกับภาษี หาข้อมูลว่าดอกเบี้ยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% หรือไม่ เพราะหากถกู หักภาษี อตั ราดอกเบีย้ ท่จี ะได้รบั ก็จะนอ้ ยกวา่ ที่ธนาคารประกาศไว้ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาในการเปรียบเทียบเงินฝาก คือ ความสะดวกในการใช้บริการ เช่น สาขา บริการ mobile banking ช่องทางการรับโอนเงิน บริการตัดบญั ชีอตั โนมัติ โปรแกรมเปรียบเทียบผลิตภัณฑเ์ งนิ ฝาก นอกจากการหาข้อมลู ผลติ ภัณฑ์เงนิ ฝากจากเว็บไซต์ หรอื แผน่ พับ หรือโฆษณาที่ ธนาคารแตล่ ะแหง่ เผยแพร่แล้ว เรายงั สามารถเปรียบเทียบผลติ ภัณฑ์เงินฝากของธนาคารแต่ละ แห่งได้ในที่เดียวที่เว็บไซต์ ศคง. ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์ท่ีให้บริการสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยจะพบหัวข้อ “เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์” ซึ่งประกอบด้วย เงินฝาก บัตรเดบิต บัตรเครดิต และสินเชื่อ ให้กดที่รูปเงินฝาก เพื่อเข้าไปเลือกดูผลิตภัณฑ์เงินฝากของแต่ละแห่งได้ตามที่ ต้องการ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเพียงผู้รวบรวมข้อมูลและประมวลผลเพ่ือ แสดงข้อมูล หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ขอให้ติดต่อผู้ให้บริการของ ผลติ ภัณฑน์ นั้ ๆ ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
84 แหล่งศกึ ษาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ เว็บไซต์ ศคง. https://www.1213.or.th/th/aboutfcc/Pages การเปรยี บเทียบ /productdisclosure.aspx ผลติ ภณั ฑ์ การคุ้มครองเงินฝาก เป็นการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนท่ีฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็น ระบบสากลที่ประเทศต่าง ๆ นำมาใช้มากกว่า 100 ประเทศ โดยการกำหนดวงเงินที่รับรองว่า ผ้ฝู ากจะไดร้ บั คืนเป็นจำนวนที่แนน่ อนภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยเร็วหากสถาบันการเงิน ถกู ปดิ กจิ การ สำหรับเงนิ ฝากส่วนที่เกินวงเงินดังกล่าว ผฝู้ ากมโี อกาสได้รับเพ่ิมเติมหลังจากการ ขายสินทรพั ย์และชำระบญั ชีสถาบันการเงนิ นั้นแลว้ การคมุ้ ครองเงินฝากในประเทศไทย ในอดีตหากสถาบันการเงินถูกปิดกิจการ ผู้ฝากเงินจะต้องไปดำเนินการฟ้องร้อง เพื่อให้ได้รับเงินฝากคืนเอง ซึ่งไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับเงินคืนหรือไม่ จะได้รับเงินคืนเมื่อใด และจำนวนเท่าใด ดังนั้น ภาครัฐจึงได้จัดให้มีระบบคุ้มครองเงินฝากขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน ผู้ฝากเงินใหไ้ ด้รับเงินฝากคืนภายในเวลาท่รี วดเร็วหากสถาบนั การเงนิ ถกู ปดิ กจิ การ ซงึ่ การมรี ะบบ คุ้มครองเงินฝากจะไม่ก่อให้เกิดภาระกับภาครัฐ เนื่องจากมีการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบัน การเงินต่าง ๆ สะสมไว้ใช้ในการจ่ายคืนเงินให้แก่ประชาชนผู้ฝากเงิน ซึ่งดำเนินการโดยสถาบัน คมุ้ ครองเงินฝาก (Deposit Protection Agency: DPA) สถาบันคุ้มครองเงนิ ฝาก เป็นหน่วยงานของรฐั จดั ตง้ั ขึ้นเม่อื วันที่ 11 สิงหาคม 2551 เพือ่ คุ้มครองประชาชนผู้ฝากเงิน โดยมหี นา้ ท่ีหลกั คือ 1. คุ้มครองเงินฝากให้แก่ผู้ฝากเงิน โดยจ่ายคืนเงินให้แก่ผู้ฝากโดยเร็ว เมื่อสถาบนั การเงนิ ปิดกจิ การ ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชีวิต 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
85 2. เก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครอง เพื่อสะสมไว้เป็น กองทุนคุ้มครองเงินฝาก สำหรับใช้ในการจ่ายคืนเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตามวงเงินและระยะเวลาท่ี กฎหมายกำหนด หากสถาบนั การเงินใดถูกปิด 3. ชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกปิด และนำเงินที่ได้รับจากการชำระบัญชี จ่ายคนื ให้แกผ่ ู้ฝากในกรณีทมี่ ีเงินฝากเกนิ วงเงินทีก่ ำหนด คมุ้ ครองอะไรบา้ ง เงินบาทที่ฝากไว้กับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง (ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แต่ไม่ครอบคลุมถึงเงินที่ฝากไว้กับสถาบันการเงิน เฉพาะกิจของรัฐซึง่ ได้รับการดแู ลโดยเงื่อนไขของรัฐบาล ทั้งนี้ สถาบันการเงินท้ังหมดอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของกระทรวงการคลงั และธนาคารแหง่ ประเทศไทย ซงึ่ จะกำกับดูแลความม่ันคง อยา่ งใกลช้ ดิ และจะป้องกันหรอื แก้ไขปญั หาทอี่ าจเกิดขึ้นมิให้ตอ้ งปดิ กิจการโดยงา่ ย เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ตวั อย่างเงนิ ฝากทไ่ี ม่ไดร้ ับการคุ้มครอง (เปน็ เงินสกลุ บาทและเปน็ บญั ชีเงินฝาก ภายในประเทศ) เงินฝากกระแสรายวัน เงนิ ฝากสกุลเงนิ ตา่ งประเทศ เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากทม่ี อี นุพนั ธแ์ ฝง เงนิ ฝากประจำ เงินฝากระหว่างสถาบนั การเงนิ บตั รเงนิ ฝาก เงนิ ฝากในบญั ชีเงินบาทของผูม้ ถี น่ิ ทอี่ ยู่นอกประเทศ ใบรับฝากเงนิ เงนิ ฝากในสหกรณ์ แคชเชยี ร์เชค็ เงินอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-Money) เงินลงทุนในตราสารตา่ ง ๆ เช่น สลากออมทรัพย์ ต๋วั แลกเงิน พันธบัตรรัฐบาล ห้นุ กู้ กองทุนรวม (เป็น ผลิตภณั ฑ์อ่นื ท่ีมใิ ช่เงินฝากจึงไมไ่ ด้รับการค้มุ ครอง) ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
86 จำนวนเงินทีไ่ ดร้ บั การคุ้มครอง จำนวนเงินฝากรวมดอกเบ้ียทจี่ ะได้รับการค้มุ ครองตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยจะคุ้มครอง 1 รายผู้ฝาก ตอ่ 1 สถาบันการเงิน (ไมใ่ ชต่ ่อ 1 บญั ชี) ปัจจุบนั วงเงนิ คมุ้ ครองเงิน ฝากอยู่ที่ 1 ล้านบาท สำหรับเงินฝากส่วนที่เกินความคุ้มครอง มีโอกาสจะได้รับคืนเพิ่มเติม หลังจากการชำระบัญชสี ถาบนั การเงนิ ทปี่ ดิ กิจการเสรจ็ สิ้น ทั้งนี้ วงเงินคุ้มครองข้างต้นอาจมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต โดยสามารถ สอบถามรายละเอยี ดเพมิ่ เติมไดท้ ่ีสถาบนั คุม้ ครองเงนิ ฝาก โทร. 1158 แหล่งศกึ ษาขอ้ มลู เพม่ิ เติม เวบ็ ไซต์สถาบันค้มุ ครองเงินฝาก www.dpa.or.th สลากออมทรพั ย์ เป็นทางเลือกการออมอย่างหนึ่งของผู้ที่ชอบลุ้นรางวัล แม้จะให้ผลตอบแทน ไม่สูงนัก (หากไม่ถูกรางวัล) แต่จะได้เงินต้นคืนเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนด ซึ่งแตกต่างจากการ ซื้อหวย หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล สถาบันการเงินที่ออกสลากในปัจจุบันเป็นสถาบันการเงิน เฉพาะกิจของรัฐ ได้แก่ สลากออมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สลากออมทรัพย์ของ ธนาคารเพ่อื การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร และสลากออมสนิ ของธนาคารออมสนิ ลักษณะของสลากออมทรัพย์ คือ ขายเป็นจำนวนหน่วยและมีการกำหนดอายุที่ แน่นอน (เช่น อายุ 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี) และมักมีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนหากถือจน ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ออกสลากกำหนด ผู้ซื้อสลากสามารถลุ้นรางวัลได้ทุกงวดจนกว่าสลากจะ หมดอายุ แต่ก็อาจมีสลากบางรุ่นซึ่งหากถอนกอ่ นครบกำหนดอาจไดค้ ืนเงินตน้ นอ้ ยกว่าที่จ่ายไป หรอื มีบริการพิเศษทีส่ ามารถใชส้ ลากค้ำประกนั การกู้เงินได้ดว้ ย ทั้งนี้ เมื่อซื้อสลาก สถาบันการเงินที่ออกสลากมักแนะนำให้เปิดบัญชีเงินฝาก ออมทรพั ย์คูก่ นั เพือ่ เปน็ บญั ชเี งนิ ฝากสำหรับการรับเงินหากถกู รางวลั ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชีวติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การวางแผนการเงนิ
87 ขอ้ จำกดั 1. เงินที่นำมาซื้อสลากออมทรัพย์ควรจะเป็นเงินที่ไม่ต้องการใช้ตลอดอายุของ สลาก เพราะหากถอนสลากก่อนกำหนด อาจไดร้ ับเงินคืนน้อยกว่าจำนวนท่ีซ้อื 2. ควรศึกษาเง่อื นไขใหล้ ะเอยี ดกอ่ นซ้อื 3. เมอื่ ไดส้ ลากมาควรตรวจสอบความถกู ต้องทกุ คร้ัง เชน่ ชอ่ื นามสกลุ จำนวน หน่วย จำนวนเงินทีซ่ ้อื 4. ควรเก็บรกั ษาสลากใหด้ ี หากทำหายตอ้ งไปแจ้งความ และติดต่อขอทำสลาก ใหม่ซงึ่ จะมีค่าธรรมเนียมในการออกสลากใหม่ด้วย 5. ควรพิจารณาและเปรียบเทียบผลตอบแทนของสลากแต่ละประเภท หรือ แต่ละร่นุ ก่อนตัดสินใจซ้อื การลงทนุ ผลิตภัณฑ์การลงทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงและผลตอบแทนสูงต่ำแตกต่าง กันไป แต่สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องคำนึงก็คือ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เหมาะสมกับ ตวั เอง ไมว่ า่ จะเปน็ เป้าหมายการเงนิ ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง และผลตอบแทนท่ี ตอ้ งการ ผลติ ภณั ฑก์ ารลงทนุ ท่ีควรรู้ 1. ตราสารหน้ี คอื ตราสารทางการเงินที่เป็นสัญญาแสดงความเปน็ หนี้ระหว่าง ผู้ออก และผู้ถือ (ผู้ลงทุน) ผู้ออกมีสถานะเป็นลูกหนี้ ผู้ลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ โดยผู้ออกมี หน้าที่จ่ายดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้แก่ผู้ถือ และผู้ถือจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบ กำหนดอายุ ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ เรียกว่า “พันธบัตร” ออกโดยเอกชน เรียกว่า “หุน้ ก”ู้ ข้อดี • พนั ธบตั รรฐั บาลมคี วามเสย่ี งตำ่ ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชีวิต 3 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
88 • ได้รับดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ตามที่ระบุไว้ เหมาะกับคนที่ต้องการรายได้ สม่ำเสมอ • ผลู้ งทนุ ในตราสารหนมี้ สี ิทธไิ ด้รับเงนิ คืนก่อนผลู้ งทุนในหนุ้ ข้อควรรู้ หากต้องการขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน สามารถขายผ่านตลาดรองได้ ซึ่งราคาขายอาจสูงหรือต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ซื้อมา เพราะราคา ของตราสารหน้ผี ันแปรไดต้ ามปจั จัยทางเศรษฐกจิ 2. หุ้น คือ ตราสารทนุ ประเภทหนึง่ ท่กี ิจการออกให้แกผ่ ถู้ ือ เพือ่ ระดมเงินทุนไป ใช้ในกิจการ โดยผู้ถือหุ้นจะมฐี านะเป็น \"เจ้าของ\" ซึ่งจะมีส่วนได้เสยี หรอื มสี ิทธิในทรัพยส์ ินและ รายได้ของกิจการ ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลเมื่อกิจการมีกำไร และหากกิจการมีผลการ ดำเนนิ งานที่ดี ราคาหนุ้ เติบโต ก็จะสามารถทำกำไรไดจ้ ากส่วนตา่ งราคาไดด้ ้วย ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนังสือชี้ชวน เสนอขายหนุ้ งบการเงิน หรอื ขอ้ มลู อ่ืน ๆ ของบริษทั น้ัน ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อดี หากผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดี มีการเลือกหุ้นที่เหมาะสม หุ้นก็เป็นทางเลือกหนึง่ ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกวา่ การลงทุนประเภทอืน่ ๆ โดยเฉพาะในระยะ ยาวจากเงินปันผลและกำไรจากการขายหนุ้ ข้อควรรู้ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ราคาหุ้นจึงมี ความผันผวนไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจและการเมือง ผลประกอบการของ บรษิ ทั หากต้องขายหนุ้ ในชว่ งท่ีราคาห้นุ ตำ่ กวา่ ทีซ่ อ้ื มาก็จะทำใหข้ าดทุน ก่อนซ้อื จงึ ต้องมัน่ ใจว่า เข้าใจและสามารถยอมรบั ความเส่ยี งที่อาจเกิดขน้ึ ได้ 3. กองทุนรวม คือ การลงทุนที่ผู้ลงทุนหลายคนนำเงินลงทุนมารวมกัน โดยมี “ผจู้ ัดการกองทนุ ” นำเงนิ ไปลงทุนในสนิ ทรพั ย์ต่าง ๆ ตามนโยบายของแตล่ ะกองทุน ซ่ึงกองทุน รวมจดั ตง้ั โดยบรษิ ัทหลักทรัพยจ์ ดั การกองทนุ (บลจ.) กองทุนรวมเหมาะสำหรับผู้ลงทุนมือใหม่ทีย่ ังไมม่ ีประสบการณ์ในการลงทนุ ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลการลงทุน รวมทั้งเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้สามารถลงทุนด้วยจำนวน ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชีวติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
89 เงินไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทและรายละเอียดของ กองทุนรวมใหด้ ี เพื่อตัดสินใจใหเ้ หมาะสมกับเปา้ หมายและระยะเวลาในการลงทุน ตวั อยา่ งประเภทของกองทนุ รวม 1) กองทนุ รวมตราสารแหง่ หน้ี (fixed income fund) คือ กองทนุ รวมท่ี ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝากของธนาคาร ตั๋วสัญญา ใช้เงิน ตว๋ั แลกเงนิ หนุ้ กู้ 2) กองทุนรวมตราสารแหง่ ทนุ (equity fund) คอื กองทุนรวมทล่ี งทุนใน ตราสารทุน โดยมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สนิ สุทธิของกองทุนรวม ซึ่งตราสาร ทนุ หมายความถึงหุ้นสามญั และใบสำคัญแสดงสทิ ธทิ จี่ ะซื้อห้นุ 3) กองทุนรวมท่ีใหส้ ิทธิประโยชน์ดา้ นภาษี 3.1 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (retirement mutual fund) หรือ RMF เป็นกองทุนรวมท่ีสง่ เสรมิ การออมไว้ใชใ้ นวัยเกษียณและให้สทิ ธิประโยชนท์ างภาษีแก่ผูล้ งทุน • นโยบายการลงทนุ หลากหลายต้ังแต่ความเส่ียงตำ่ – สงู • ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี (รวมกับกองทุนรวมเพื่อการออม เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุน สำรองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และกองทุนการ ออมแหง่ ชาต)ิ • ไมก่ ำหนดจำนวนเงินลงทนุ ขั้นตำ่ • ลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยที่สุดคือปีเว้นปี ถือไว้ไม่น้อย กวา่ 5 ปี (นับวนั ชนวันท่ลี งทุน) และตอ้ งอายคุ รบ 55 ปี จึงสามารถขายได้ • ช่วงเวลาใชส้ ทิ ธลิ ดหยอ่ นภาษตี ้งั แตป่ ี 2563 เปน็ ต้นไป 3.2 กองทุนรวมเพื่อการออม (super saving fund) หรือ SSF เป็น กองทนุ รวมท่ีส่งเสรมิ การออมระยะยาวและใหส้ ทิ ธปิ ระโยชนท์ างภาษแี ก่ผู้ลงทุน ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ติ 3 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
90 • นโยบายการลงทนุ หลากหลายตัง้ แตค่ วามเสยี่ งต่ำ – สูง • ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี (รวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุน สำรองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และกองทุนการ ออมแหง่ ชาติ ตอ้ งไมเ่ กิน 500,000 บาทตอ่ ปี) • ไม่กำหนดจำนวนเงินลงทนุ ขนั้ ต่ำ • ไม่ต้องลงทุนต่อเนือ่ งทกุ ปี ถอื ไวไ้ ม่นอ้ ยกว่า 10 ปนี บั จากวนั ท่ซี ื้อ จงึ สามารถขายได้ • ชว่ งเวลาใช้สิทธลิ ดหยอ่ นภาษีตงั้ แตป่ ี 2563 - 2567 ข้อควรรู้ ผู้ลงทุนควรศึกษาถึงเงื่อนไขการลงทุน นโยบายการลงทุน สภาพคล่องในการซื้อขาย ผลการดำเนินงานของกองทุน และความสามารถในการบริหาร จัดการกองทนุ ของผูจ้ ัดการกองทนุ ให้รอบดา้ น กอ่ นตดั สินใจลงทนุ ใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง คิดใหร้ อบคอบกอ่ นลงทุน 1. จำไว้เสมอว่าผลตอบแทนทคี่ าดหวังมาพร้อมกับความเสีย่ งเสมอ การลงทุนที่ มโี อกาสใหผ้ ลตอบแทนสูง กจ็ ะมีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย 2. ควรกำหนดเป้าหมายของการลงทุนว่าต้องการเงินเท่าใด เมื่อใด และคำนวณ อตั ราผลตอบแทนท่สี อดคล้องเพ่อื ใหไ้ ด้จำนวนเงินตามเปา้ หมายนั้น 3. มีวินัยในการออมเพ่ือจะได้มีเงินไปลงทุน โดยรู้จกั เก็บก่อนใช้ เช่น หกั รายได้ ไปลงทนุ ตามจำนวนเงนิ ท่ีเราตงั้ เปา้ ไว้กอ่ น ทเ่ี หลอื จงึ ค่อยใช้ 4. เลือกลงทุนโดยพิจารณาทั้งโอกาสของผลตอบแทนที่จะได้รับ และระดับ ความเสี่ยงของการลงทุนที่ยอมรับได้ รวมทั้งประเมินด้วยว่า ถ้าลงทุนแบบที่เลือกจะบรรลุ เปา้ หมายที่วางไวไ้ ดห้ รอื ไม่ ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284