65ตารางที่ 5 การกาหนดนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผิดปกติของวัยรุํน ตามกรอบทฤษฎไี ทรอาดกิ ในกลํุมอทิ ธพิ ลของปัจจัยอื่น ปัจจยั นิยามของปจั จัยอืน่ นยิ ามของปจั จัยอธบิ ายการดม่ื เครอื่ งดมื่ ตามทฤษฎอี ิทธิพลไทรอาดกิพฤตกิ รรมอื่นท่ี การกระทาอน่ื ๆของวยั รํนุ ท่ีมคี วามเกย่ี วข๎อง แอลกอฮอล์แบบผดิ ปกติเกยี่ วข๎อง สัมพันธ์กับการกระทาทมี่ ผี ลตํอสขุ ภาพ การกระทาอน่ื ๆท่มี คี วามสมั พันธก์ ับการการตดั สินใจ ความพรอ๎ ม และต้ังใจแสดงพฤตกิ รรม ดื่มเครื่องดมื่ แอลกอฮอล์แบบผดิ ปกติ ความพรอ๎ ม และตัง้ ใจดมื่ เครื่องดม่ืพฤตกิ รรมของ การกระทาของวยั รํนุ ท่มี ผี ลตํอสขุ ภาพและ แอลกอฮอล์แบบผิดปกติวัยรํนุ แสดงออกมาดว๎ ยความต้งั ใจ การดื่มเคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์มากเกินกวํา ระดบั ท่ีปลอดภัย มคี วามเส่ยี งตํอการเกิด อนั ตราย หรือมีอันตรายตอํ สขุ ภาพ (Flay, 1999; Flay & Petraitis, 1994) จากตารางที่ 2 3 4 และ5 ได๎นิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติ 21 ปจั จยั ในสวํ นปัจจัยส่งิ แวดล๎อมทางวฒั นธรรมได๎นิยามรวม ข๎อมูล/โอกาสการรับข๎อมูลและศาสนา/วัฒนธรรม เข๎าไว๎ด๎วยกัน จากน้ันเพื่อยืนยันวําปัจจัยท่ีได๎นิยามขึ้นใหมํมีความเก่ียวข๎องกับการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติ ผ๎ูวิจัยทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข๎องกับการด่ืมที่มากเกินกวําระดับที่ปลอดภัยท้ังในประเทศและตํางประเทศระหวํางปี พ.ศ. 2540-2553พบงานวิจัย 20 เรื่อง รายงานถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลตํอการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยํางหนักในโอกาสเดียว (Binge drinking)/การด่ืมอยํางหนัก (Heavy drinking) และการดื่มแบบเสี่ยง (Riskydrinking or hazardous drinking) ในวยั รํนุ ผลการศกึ ษาจานวนดงั กลําวช้ใี ห๎เห็นปัจจัยที่มีอิทธิพลตํอการด่ืมทีม่ ากเกินกวําระดบั ที่ปลอดภยั ดังตารางท่ี 6
66ตารางท่ี 6 ปจั จัยท่มี ีอทิ ธิพลตอํ การด่มื ท่มี ากเกนิ กวาํ ระดบั ที่ปลอดภัย การดม่ื ทีม่ ากเกนิ กวา่ ระดบั ทป่ี ลอดภยั ปจั จยั การดม่ื แบบเส่ียง การด่มื หนกั ในโอกาสเดยี ว/ การดม่ื หนักการแสวงหาความทา๎ ทายความกังวลในการเข๎าสังคม -การยบั ย้ังการดืม่สมรรถนะแหํงตนในการปฏเิ สธการดม่ื เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ -การมเี พอ่ื นดืม่ เคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์การด่มื เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลข์ องสมาชิกในครอบครัว -บรรทดั ฐานทางสงั คมด๎านการดมื่ เคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์การรวํ มกจิ กรรมทางศาสนา ความรูด๎ า๎ นการดมื่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์การคาดหวงั ผลในการดืม่ เครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์ในทางทด่ี ี การประเมินคําผลจากการดมื่ เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ทัศนคติตํอการดื่มเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์ -การสบู บุหร่ี - - - - จากตารางท่ี 6 เหน็ ได๎วาํ ปจั จัยสมรรถนะแหงํ ตนในการปฏิเสธการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์การมีเพื่อนด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ การรํวมกิจกรรมทางศาสนา การคาดหวังผลในการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ในทางท่ีดี และการสูบบุหร่ีมีอิทธิพลตํอการดื่มแบบเสี่ยงเหมือนกับการด่ืมหนักในโอกาสเดียว/การดื่มหนัก ในขณะที่ปัจจัยความกังวลในการเข๎าสังคม การยับยั้งการดื่มการประเมินคําผลจากการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ และทัศนคติตํอการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์มีอิทธิพลตํอการดื่มแบบเส่ียง แตํปัจจัยการแสวงหาความท๎าทาย การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครวั บรรทดั ฐานทางสังคมด๎านการด่มื เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ และความรู๎ด๎านการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์มีอิทธิพลตํอการด่ืมหนักในโอกาสเดียว/การดื่มหนัก ปัจจัยดังกลําวมีนิยามและเคร่ืองมือวัดแสดงดังตารางท่ี 7
ตารางที่ 7 นยิ าม และเครื่องมือวัดของปัจจัยที่มอี ทิ ธพิ ลตอํ การดมื่ ท่มี ากเกินกวาํ ระ นยิ ามของปจั จยั การด่มื ทีม่ ากเกินกวา่ เคร่ืองมอื ท่ีใช้วดั ปัจจัย นิยาม ระดบั ปลอดภยั วัดโดยถามความถข่ี องการ ท ดื่มอยาํ งหนกั ในโอกาสการด่มื อยา่ งหนกั ในโอกาสเดียว หมายถงึ เดียว ในชํวง 30 วนั การแสวงหาความท้าการดื่มเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ตง้ั แตํ 5 ด่ืม ท่ีผํานมา หมายถึง ลกั ษณะความาตรฐาน ในชวํ งโอกาสหนงึ่ ในชวํ ง 30 ความซบั ซ๎อน และปรวันทผี่ ํานมา (Cardenal & Adell, 2000; ในความเสย่ี งทางรํางColder et al., 1997; Durkin, Wolfe, & 4 ดา๎ น คือ ด๎านความรClark, 1999; Engels et al., 2005; K. W. (Thrill and adventureGriffin, G. J. Botvin, & J. A. Epstein, แสวงหาหรือสารวจส2000; Jessor et al., 2006; Katz et al., ช่งั ใจหรอื ขํมใจ (Disi2000; Luczak et al., 2003; Raffaelli et หนาํ ย (boredom suscal., 2007; Van Beurden et al., 2005; al., 2000; Van BeurdVickers et al., 2004)
67ะดบั ทีป่ ลอดภยัมของปัจจยั ทมี่ อี ิทธิพลต่อการดื่ม เครือ่ งมอื ท่ใี ช้วัดปัจจัยทม่ี ากเกนิ กว่าระดบั ท่ีปลอดภยัาทาย 1. แบบประเมินบุคลกิ ภาพของามตอ๎ งการความแตกตาํ ง ความแปลกใหมํ ซคั เคอร์แมนและคหุ ์ลแมน-3ระสบการณ์ท๎าทาย ด๎วยการนาตนเองเขา๎ ไปอยํู ฉบับปรับปรุง (Zuckerman-งกาย สงั คม กฎหมาย และการเงนิ ของวัยรํนุ ใน Kuhlman Personalityรสู๎ กึ ชอบในสิง่ ท่ตี ื่นเต๎นเรา๎ ใจและเสย่ี งภยั Questionnaire III-Revised:e) ดา๎ นความตอ๎ งการประสบการณใ์ นการ ZKPQ-IIIR) เฉพาะดา๎ นการสิ่งใหมํ (Experience seeking) ด๎านการไมยํ บั ยงั้ แสวงหาความท๎าทาย จานวน 10inhibition) ดา๎ นความรสู๎ กึ ท่ไี วตอํ ความนําเบ่ือ ข๎อ (Zuckerman et al., 1993)ceptibility) (Hittner & Swickert, 2006; Katz et 2. แบบวัดการแสวงหาความท๎าden et al., 2005) ทายของซคั เคอรแ์ มนแบบฟอร์ม 5 (Zuckerman Sensation Seeking Scale-Form V) จานวน 40 ข๎อ (Zuckerman, Eysenck, & Eysenck, 1978) 67
68ตารางที่ 7 นิยาม และเคร่อื งมือวดั ของปจั จัยทม่ี ีอิทธพิ ลตอํ การดม่ื ท่มี ากเกนิ กวาํ ระ นยิ ามของปัจจยั การด่ืมที่มากเกนิ กว่า เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้วดั ปจั จัย นยิ า ระดับปลอดภยั ทการด่มื อยํางหนักในโอกาสเดยี ว สมรรถนะแหง่ ตนใน หมายถึง การรับร๎ูคว ปฏเิ สธ/ตา๎ นการด่มื เ การด่ืม (Gilles, Turk การมเี พ่ือนดมื่ เครอ่ื ง หมายถงึ จานวนเพื่อ (Griffin et al., 2000;
ะดับท่ปี ลอดภัย (ตํอ) 68 68ามของปัจจยั ท่มี ีอิทธพิ ลต่อการดม่ื เครือ่ งมอื ทใ่ี ชว้ ดั ปจั จยัท่มี ากเกนิ กวา่ ระดบั ทปี่ ลอดภัยนการปฏเิ สธการดม่ื เครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์ แบบสอบถามความเชื่อมัน่ ในวามเชือ่ มนั่ ในความสามารถของตนเองในการ สถานการณฉ์ บับปรบั ปรุง (Theเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลใ์ นสถานการณ์ตาํ งๆที่เอ้อื ตํอ Situational Confidencek, & Fresco, 2006) Questionnaire-Revised: SCQ- R) จานวน 26 ขอ๎ ของบรู ์คและงดมื่ แอลกอฮอล์ สตเี ฟน (Burke & Stephens,อนท่ดี ื่มเครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ 1997 อ๎างถึงใน Gilles et al.,; Vickers et al., 2004) 2006) คาถามทีถ่ ามถงึ จานวนเพ่ือนที่ ดมื่ แอลกอฮอล์ คาตอบแบํงเปน็ ไมํมเี พอื่ นด่มื และ เพอ่ื นตง้ั แตํ 1 คนขน้ึ ไป ดมื่ (Cardenal & Adell, 2000)
ตารางที่ 7 นยิ าม และเครอ่ื งมือวัดของปัจจัยที่มีอิทธพิ ลตํอการดมื่ ที่มากเกินกวาํ ระ นิยามของปจั จัยการด่มื เครอ่ื งมอื ที่ใช้ นิยามของป ท่ีมากเกนิ กว่าระดบั ปลอดภยั วัดปจั จัย ที่มากเกการดม่ื อยํางหนกั ในโอกาสเดยี ว การดื่มเคร่ืองดมื่ แอลกอฮอลข์ อง หมายถึง การรับรค๎ู วามถ่ขี องการดื่ม ในชํวง 1 ปที ่ผี ํานมา (Colder et al., บรรทดั ฐานทางสังคมด้านการดมื่ หมายถึง การรับรป๎ู รมิ าณการดืม่ เ เดยี วกนั และ การรบั รร๎ู ะดบั ความ แอลกอฮอลจ์ าก พํอแมํหรอื ผ๎ปู กค Fossos, & Larimer, 2007) การร่วมกิจกรรมทางศาสนา หมายถึง ความถขี่ องการปฏบิ ตั ิก (Luczak et al., 2003) ความรู้ด้านการดืม่ เคร่ืองด่ืมแอล หมายถึง การระลึกข๎อมูลเน้ือหา ผลจากการด่ืมแอลกอฮอล์ (Griff
69ะดบั ทีป่ ลอดภยั (ตอํ )ปัจจัยทีม่ ีอิทธพิ ลตอ่ การดมื่ เครือ่ งมือทใี่ ชว้ ดั ปัจจยักินกว่าระดบั ที่ปลอดภัย เป็นคาถามท่ีถามถงึ ความถข่ี องการงสมาชกิ ในครอบครัว ด่ืมของผปู๎ กครอง แบงํ เป็น 6 ระดับมเครื่องดม่ื แอลกอฮอลข์ องผ๎ใู หญใํ นครอบครัว จากไมํเคยดื่มเลย ถงึ ด่ืมทุกวนั 1997; Raffaelli et al., 2007; Yeh, 2006) งานวิจยั ใหข๎ อบเขตของเครอ่ื งมือ ไวก๎ ว๎างๆ และไมสํ ามารถเขา๎ ถึงมเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์ เครือ่ งมอื ฉบับเตม็ ได๎เคร่ืองด่มื แอลกอฮอลโ์ ดยทั่วไปของผูท๎ ี่อยูใํ นวยัมยินยอมหรอื การยอมรบั เร่อื งการด่มื เคร่อื งดืม่ครอง และเพื่อน (Neighbors, Lee, Lewis, เปน็ คาถามท่ถี ามถึงความถี่ของกจิ กรรมทางศาสนาในปที ผ่ี ํานมา การเขา๎ รวํ มกจิ กรรมทางศาสนาใน ปที ่ีผํานมา คาตอบแบงํ เปน็ 4 ระดบั เร่มิ ทไี่ มํเคยเลยถึงทาเปน็ ประจาลกอฮอล์ งานวิจัยให๎ขอบเขตของเครื่องมือาที่เป็นความร๎ูเก่ียวกับเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์และ ไว๎กว๎างๆ และไมํสามารถเข๎าถึงfin, Botvin, & Epstein, 2000) เครื่องมือฉบับเต็มได๎ 69
70ตารางท่ี 7 นิยาม และเครอ่ื งมอื วดั ของปัจจัยที่มีอทิ ธพิ ลตํอการดื่มทีม่ ากเกนิ กวาํ ระ นิยามของปัจจยั การด่ืมทมี่ ากเกินกวา่ เคร่อื งมอื ท่ีใช้วดั ปจั จยั นิยา ระดับปลอดภยั ทการด่ืมอยาํ งหนักในโอกาสเดียว การคาดหวงั ผลในกา หมายถงึ ความเชือ่ /ค แอลกอฮอลใ์ นทางท ด๎านการลดความตึงเ (Liquid courage) ด๎า (Colder et al., 1997; al., 2000)
ะดบั ท่ีปลอดภัย (ตอํ ) 70 70ามของปัจจยั ท่มี อี ิทธิพลต่อการดื่ม เครอื่ งมือท่ีใชว้ ัดปจั จยัที่มากเกินกว่าระดบั ท่ปี ลอดภยั 1. แบบสอบถามการคาดหวงั ผล ในการด่ืมเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ารดมื่ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ในทางที่ดี แบบสมบรู ณ์ (Theคาดหวงั ในผลท่จี ะเกิดขนึ้ จากการด่ืมเครื่องดืม่ Comprehensive Effects ofทีด่ ี 4 ด๎าน ไดแ๎ กํ ดา๎ นการเข๎าสงั คม (Sociability) Alcohol Questionnaire: CEOA)เครยี ด (Tension reduction) ดา๎ นความกลา๎ หาญ จานวน 20 ขอ๎ (Fromme, Stroot,านความสามารถทางเพศ (Sexuality) & Kaplan, 1993); Engels et al., 2005; Gilles et al., 2006; Griffin et 2. แบบสอบถามการคาดหวงั ผล จากการดม่ื แอลกอฮอล์สาหรับ วยั รนุํ (the Alcohol Expectancy Questionnaire-Adolescent: AEQ-A) ฉบบั ยอํ 21 ข๎อ ของ โกลด์แมน และคณะ (Goldman, Brown & Christiansen อา๎ งถึง ใน Cardenal & Adell, 2000)
ตารางท่ี 7 นยิ าม และเครือ่ งมอื วดั ของปจั จัยทีม่ อี ทิ ธพิ ลตํอการดมื่ ท่ีมากเกนิ กวาํ ระ นิยามของปัจจยั การดม่ื ท่มี ากเกนิ กว่า เครือ่ งมอื ท่ีใช้วัดปจั จัย นยิ า ระดบั ปลอดภัย ทการดม่ื อยํางหนกั ในโอกาสเดยี ว การสบู บหุ ร่ี หมายถงึ การสูบบหุ 2000; Vickers et al.,การด่ืมแบบเส่ยี ง ได๎ถูกนิยามใน 3 ความกงั วลในการเขรูปแบบ หมายถึง การมคี วามรูปแบบท่ี 1 การด่ืมแบบเส่ียง หมายถึง การวดั ในรปู แบบท่ี 1 วดั เปน็ เพ่ือนรวํ มชั้นเรียการด่ืมเครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์ใน 3 ลกั ษณะ โดยการถามความถี่ของ รวมถงึ ความกลวั การไดแ๎ กํ การดม่ื เครื่องด่มื แอลกอฮอล์ตั้งแตํ 5 การดื่มอยาํ งหนกั ในโอกาส แสดงออกถงึ ความเปด่ืมมาตรฐาน ในชวํ งโอกาสหนง่ึ ในชวํ ง เดียว ในชํวง 30 วันทผี่ ําน ตอบสนองบคุ คลอนื่30 วนั ทผี่ าํ นมา มา ถามความถี่ของการเมา ยอมรับ (Gilles et alการด่ืมจนมอี าการเมาสรุ า และ สุรา และใช๎แบบสอบถามการดื่มจนมปี ญั หาจากการดื่ม ประเมนิ ปญั หาจากการดม่ื(Bellis et al., 2007; Reboussin, Song, ของเรบอสสินและคณะShrestha, Lohman, & Wolfson, 2006 ) (Reboussin et al., 2006 )
71ะดบั ทป่ี ลอดภยั (ตํอ)ามของปจั จัยที่มอี ิทธิพลตอ่ การดืม่ เครื่องมอื ที่ใช้วัดปจั จยั ที่มากเกนิ กวา่ ระดบั ทีป่ ลอดภัย งานวจิ ัยใหข๎ อบเขตของหรีใ่ นชวํ ง 1 เดอื นทผ่ี าํ นมา (Cardenal & Adell, เคร่อื งมือไว๎กวา๎ งๆ และไมํ , 2004) สามารถเขา๎ ถึงเครือ่ งมอื ฉบบั เตม็ ได๎ข้าสงั คม แบบประเมนิ ความกงั วลตอํ การมยํุงยากใจเม่ือพบปะและพดู กบั บคุ คลอนื่ ซงึ่ อาจ มีปฏสิ ัมพันธ์ทางสังคม (Theยน บคุ คลเพศตรงข๎าม หรอื คนทีไ่ มรํ ๎ูจกั ค๎ุนเคย Social Interaction Anxiety รพูดไมํเกงํ กลวั ถกู หาวําเปน็ คนท่ีนําเบื่อ กลวั จะ Scale: SIAS) จานวน 19 ขอ๎ปนิ่ ในสังคม ไมํรวู๎ ําจะพูดอะไรหรือไมํรู๎วําจะ (Mattick & Clarke, 1998)นในสงั คมอยํางไร และกงั วลวาํ จะไมไํ ดร๎ ับการl., 2006) 71
72ตารางที่ 7 นิยาม และเคร่อื งมอื วัดของปจั จัยที่มอี ทิ ธพิ ลตํอการดืม่ ท่มี ากเกินกวําระ นยิ ามของปจั จยั การดืม่ ทมี่ ากเกนิ กวา่ เครอ่ื งมอื ที่ใช้วดั ปัจจยั การยับย้งั การด หมายถงึ ความพ ระดับปลอดภยั การวัดในรูปแบบที่ 2 วดั ด๎วย ตนเองใน 2 ลกัรูปแบบท่ี 2 การด่มื แบบเส่ยี ง หมายถึง แบบคดั กรองภาวะผิดปกติจาก ความโน๎มเอียงการดม่ื เครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ที่มากกวํา การดม่ื สรุ า (Alcohol Use คือ การถูกยั่วยวระดบั การดมื่ ทป่ี ลอดภัยแตํยงั ไมํไดร๎ ับ Disorders Identification Test: การควบคุมการดอันตรายจากสุขภาพ AUDIT) จานวน 10 ขอ๎ การควบคุมการ(Faulkner et al., 2006; Kypri, 2002; พยายาม และกาThomas & McCambridge, 2008; (Palfal, 2001; RZamboanga, 2006; ณัฐจาพร พิชัยณรงค,์วศิ ิษฎ์ ฉวพี จนก์ าจร, & สณุ ๏รตั น์ ยัง่ ยืน,2553)
ะดบั ทปี่ ลอดภัย (ตํอ) 72 72นยิ ามของปจั จัยท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ การด่ืม เครอื่ งมือท่ีใชว้ ัดปจั จัย ทม่ี ากเกินกวา่ ระดบั ทป่ี ลอดภัยดม่ื แบบสอบถามความยวนใจในพยายามยบั ยงั้ การด่ืมเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ดว๎ ย การดื่มและการจากดั การดมื่กษณะ ได๎แกํ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ (Theงที่จะดื่ม (Cognitive emotional preoccupation: CEP) Temptation and Restraintวนดว๎ ยการคดิ ถึงการดื่มตลอดเวลา การรบั รูความยากตอํ Inventory: TRI) ของโคลลินรด่ืม และการคิดถงึ การดืม่ เพ่อื ลดอารมณ์ขํนุ มัว และแลปป์ (Collins & Lapp)รดืม่ (Cognitive behavioral control: CBC) คือ ความ (1992) จานวน 15 ข๎อารวางแผนลดการด่มื ลงRicciardelli et al., 2001 )
ตารางท่ี 7 นิยาม และเครอ่ื งมอื วัดของปัจจยั ที่มอี ิทธิพลตํอการด่มื ทมี่ ากเกนิ กวําระ นยิ ามของปัจจยั การด่มื ท่มี ากเกนิ กว่า เครอื่ งมอื ที่ใช้วัดปัจจัย สมรรถนะแห หมายถึง การ ระดบั ปลอดภัย การวดั ในรปู แบบที่ 3 การถาม ตนเองในการรูปแบบที่ 3 การด่ืมแบบเส่ียง หมายถงึ การ ปริมาณการด่ืมในชํวงวันทด่ี มื่ สถานการณ์ตดืม่ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ที่ได๎รบั ปรมิ าณ (Aekplakorn et al., 2008; สถานการณ์ทแอลกอฮอลบ์ ริสทุ ธเ์ิ ฉล่ยี ต้งั แตํ 40 กรมั ถงึ Grotmol et al., 2010; Tyssen et คลายอารมณ60 กรัมตํอวันในผช๎ู าย และปริมาณต้ังแตํ 20 al., 1998) เออื้ ตํอการด่มืกรัมถึง 40 กรมั ตํอวันในผ๎ูหญงิ (Aekplakorn (Ricciardelliet al., 2008; Grotmol et al., 2010; Tyssen etal., 1998) การมเี พ่ือนด หมายถงึ การ (Griffin et al
73ะดบั ทปี่ ลอดภัย (ตอํ ) นยิ ามของปัจจัยท่ีมีอทิ ธพิ ลตอ่ การดื่ม เคร่ืองมือท่ีใชว้ ดั ปัจจัย ท่ีมากเกนิ กวา่ ระดบั ที่ปลอดภยั แบบสอบถามสมรรถนะแหงํ ตน ในการปฏเิ สธการด่ืมเครื่องดื่มหง่ ตนในการปฏิเสธการดืม่ เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ (the Drinkingรรบั ร๎ูระดบั ความเช่ือมั่นในความสามารถของ Refusal Self-Efficacyรปฏเิ สธ/ตา๎ นการดื่มเครือ่ งดมื่ แอลกอฮอลใ์ น Questionnaire: DRSEQ) ของตาํ งๆทเ่ี อื้อตํอการดื่ม 3 สถานการณ์ ไดแ๎ กํ ยังและโออี (Young & Oei,ทีม่ ีความกดดันทางสงั คม สถานการณท์ ม่ี ีการผอํ น 1996 อา๎ งถงึ ใน Ricciardelli etณแ์ ละความร๎ูสึก และสถานการณท์ ่ีเปน็ โอกาสท่ี al., 2001) จานวน 31 ข๎อม คาถามทถี่ ามถึงจานวนเพือ่ นที่i et al., 2001 ) ดื่มแอลกอฮอล์ คาตอบแบงํ กลํมุ เปน็ ไมํมีเพื่อนดืม่ เพ่อื น 2-3ดมื่ เคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์ คนด่มื และครงึ่ หนึง่ ของกลมุํรับร๎ูจานวนเพอ่ื นทด่ี มื่ เคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ เพอ่ื นดมื่ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์l., 2000; Reboussina et al., 2006 ) (Griffin et al., 2000; Reboussina et al., 2006 ) 73
74ตารางที่ 7 นิยาม และเครอื่ งมือวดั ของปจั จยั ทมี่ อี ิทธิพลตํอการด่มื ท่มี ากเกนิ กวาํ ระนยิ ามของปจั จยั การด่ืมทม่ี ากเกนิ กวา่ เคร่ืองมอื ทใี่ ช้วดั ปจั จัย นิยามขอ ระดบั ปลอดภยั ท่ีมากการด่มื แบบเส่ียง การรว่ มกจิ กรรมทางศ หมายถึง การเข๎าไปกระ (Tyssen et al., 1998) การคาดหวังผลในการด หมายถงึ หมายถงึ ความ ดื่มเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอ สงั คม (Sociability) ด๎า reduction) ดา๎ นความก ความสามารถทางเพศ (Grotmol et al., 2010;
ะดับท่ปี ลอดภัย (ตํอ) 74 74องปจั จัยทม่ี ีอิทธิพลต่อการดื่ม เครอื่ งมือทใ่ี ช้วดั ปจั จยักเกินกว่าระดบั ที่ปลอดภัยศาสนา คาถามถามถงึ ความถขี่ องการเข๎ารวํ มะทากิจกรรมทางศาสนา กิจกรรมทางศาสนา แบงํ คาตอบเปน็ 6 ลาดบั จาก ไมํเคยเลยถึงเขา๎ รํวมทกุดม่ื เครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ในทางที่ดี กิจกรรม (Tyssen et al., 1998) มเช่อื /คาดหวังในผลที่จะเกิดขึ้นจากการ 1. แบบสอบถามการคาดหวังผลในการอล์ในทางทดี่ ี 4 ด๎าน ไดแ๎ กํ ด๎านการเขา๎ ดืม่ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์แบบสมบรู ณ์านการลดความตึงเครียด (Tension (The Comprehensive Effects ofกล๎าหาญ (Liquid courage) ดา๎ น Alcohol Questionnaire: CEOA) (Sexuality) จานวน 20 ขอ๎ (Fromme et al., 1993) Zamboanga, 2006) 2. แบบสอบถามการคาดหวังผลจากการ ดื่มแอลกอฮอล์สาหรบั วยั รนํุ (the Alcohol Expectancy Questionnaire- Adolescent: AEQ-A) จานวน 100 ขอ๎ ของบราวน์ ครสิ เตยี นเสน และโกลด์ แมน (Brown, Christiansen & Goldman) (อ๎างถงึ ใน Grotmol et al., 2010)
ตารางท่ี 7 นิยาม และเคร่อื งมือวัดของปัจจัยทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอํ การดม่ื ท่มี ากเกนิ กวาํ ระนยิ ามของปัจจัยการด่มื ทมี่ ากเกนิ กวา่ ระดับ เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้วดั ปจั จัย น ปลอดภยั การประเมินการดื่มแบบเส่ยี ง หมายถึง กา แอลกอฮอล (Zamboang ทศั นคตติ อ่ หมายถงึ คว ดม่ื ด่มื เคร่อื มผี ลตํอการ al., 2006) การสบู บุหร หมายถงึ ปร (Aekplakor 2006 )
75ะดบั ท่ปี ลอดภัย (ตํอ)นยิ ามของปัจจยั ที่มอี ทิ ธิพลตอ่ การดมื่ เครือ่ งมือทใี่ ชว้ ัดปัจจยั ท่ีมากเกินกวา่ ระดบั ท่ีปลอดภยันค่าผลจากการดม่ื เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ 1. แบบสอบถามการคาดหวงั ผลารตีคําผลทค่ี าดวําจะเกดิ จากการดื่มเคร่อื งด่มื ในการดื่มเคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์ล์ในทางท่ีดี จากไมดํ จี นถึงดี แบบสมบรู ณ์ (The Comprehensivega, 2006) Effects of Alcohol Questionnaire: CEOA) จานวน 38 ขอ๎ (Fromme et al., 1993)อการด่ืมเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ งานวจิ ยั ใหข๎ อบเขตของเครือ่ งมอืวามเชื่อและการตคี าํ ผลท่ีคาดวาํ จะเกดิ จากการ ไว๎กว๎างๆ และไมํสามารถเข๎าถงึองดื่มแอลกอฮอล์ในทางใหป๎ ระโยชนห์ รอื โทษท่ี เครอื่ งมือฉบบั เตม็ ได๎รตัดสนิ ใจในเรอ่ื งจานวนการดืม่ (Faulkner etรี่ งานวิจัยใหข๎ อบเขตของเคร่อื งมือระสบการณ์การสบู บหุ ร่ีในชํวง 30 วัน ที่ผาํ นมา ไว๎กว๎างๆ และไมสํ ามารถเขา๎ ถึงrn et al., 2008; Kypri, 2002; Reboussin et al., เครอื่ งมือฉบบั เต็มได๎ 75
76ในตารางท่ี 7 ผู๎วิจัยได๎แสดงให๎เห็นถึงนิยามของการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ท่ีมากเกินกวําระดับท่ีปลอดภัย 2 กลุํม ไดแ๎ กํ การด่ืมอยํางหนกั ในโอกาสเดียว และการดมื่ แบบเส่ียง งานวจิ ัยท่ีศกึ ษาได๎ให๎คานิยามการด่มื อยาํ งหนักในโอกาสเดยี วตรงกันโดยใช๎ปริมาณที่ด่ืมเป็นหลัก สํวนการด่ืมแบบเส่ียงถกู นิยามใน 3 รูปแบบ คือ รูปแบบท่ี 1 ได๎รวมการด่มื หนกั ในโอกาสเดยี วไว๎กับผลเสียที่เกิดจากการด่ืม รูปแบบท่ี 2 เพิ่มจากรูปแบบที่ 1 ตรงที่ถามถึงปริมาณ และความถ่ีของการดื่ม สํวนรูปแบบที่ 3เน๎นที่ระดับของแอลกอฮอล์ที่เข๎าสูํรํางกายเพียงอยํางเดียว นอกจากน้ีตารางน้ียังแสดงให๎เห็นถึงนิยามของปัจจัยที่มีอิทธิพลตํอการด่ืมท่ีมากเกินกวําระดับท่ีปลอดภัย จานวน 13 ปัจจัย คือการแสวงหาความท๎าทาย ความกังวลในการเข๎าสังคม ความโน๎มเอียงท่ีจะด่ืม การควบคุมการด่ืมสมรรถนะแหํงตนในการปฏิเสธการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ การมีเพื่อนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์การด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว บรรทัดฐานทางสังคมด๎านการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ การรํวมกิจกรรมทางศาสนา ความร๎ูด๎านการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ การคาดหวังผลในการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ การประเมินคําผลจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทัศนคติตํอการดม่ื เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ และการสูบบหุ รี่ ปจั จยั การยับย้ังการดื่ม มีการนิยามแยกเป็นสองกลุํมยํอยและมีการวัดท่ีแยกจากกัน บางปัจจัยผู๎วิจัยเข๎าไมํถึงรายละเอียดของเครื่องมือที่ใช๎วัดจึงมิได๎ระบุไว๎ในตาราง ผู๎วิจัยนานิยามของปัจจัยที่ได๎จากการทบทวนวรรณกรรม ตามตารางท่ี 7 มาเปรียบเทียบกับคานิยามใหมํท่ีถูกกาหนดขึ้นจากตารางท่ี 2 3 4 และ 5 การเปรียบเทียบแสดงดังตารางที่ 8 9 10และ 11
77ตารางท่ี 8 การเปรียบเทียบนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติใน กลมุํ อทิ ธพิ ลภายในตวั บุคคลกบั นยิ ามของปัจจยั ทไี่ ดจ๎ ากการทบทวนวรรณกรรมนิยามของปจั จัยอธบิ ายการดมื่ เคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์ นิยามของปัจจยั ทีไ่ ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม แบบผดิ ปกติในกลุ่มอิทธพิ ลภายในตัวบคุ คลลกั ษณะทางชีวเคมแี ละบคุ ลิกภาพ การแสวงหาความทา้ ทายหมายถงึ ลักษณะของวยั รนุํ ทม่ี าจากการเปลยี่ นแปลงทาง หมายถงึ ลกั ษณะความต๎องการความแตกตําง ความชวี เคมี สรีระราํ งกาย หรือไดร๎ บั การสงํ ถํายพันธุกรรม แปลกใหมํ ความซับซ๎อน และประสบการณท์ ๎าทายของวัยรุนํ ทส่ี ํงผลใหด๎ ื่มเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลม์ ากข้นึ ด๎วยการนาตนเองเขา๎ ไปอยํใู นความเส่ียงทางรํางกายหรอื ขดั ขวางการดืม่ สังคม กฎหมาย และการเงินของวยั รํุน ใน 4 ด๎านการร้จู กั ตนเอง คอื ดา๎ นความร๎สู กึ ชอบในสงิ่ ท่ตี น่ื เตน๎ เร๎าใจและเส่ียงหมายถึง การนึกคดิ เกีย่ วกับตนเองโดยท่วั ไปของวยั รํนุ ท่ี ภยั (Thrill and adventure) ด๎านความตอ๎ งการสนับสนุนให๎วัยรนํุ กาหนดขอบเขตของตนเองในการดมื่ ประสบการณ์ในการแสวงหาหรอื สารวจส่งิ ใหมํเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ (Experience seeking) ดา๎ นการไมยํ บั ย้ังชง่ั ใจหรือขํม ใจ (Disinhibition) ด๎านความรู๎สกึ ที่ไวตอํ ความนําเบือ่ หนาํ ย (boredom susceptibility) (Hittner & Swickert, 2006; Katz et al., 2000; Van Beurden et al., 2005)สมรรถนะทางสังคม ความกงั วลในการเขา้ สงั คมหมายถึง ความสามารถในการอยูํกับบคุ คลอื่นในสงั คม หมายถึง การมคี วามยุงํ ยากใจเม่อื พบปะและพูดกบัทงั้ ในการแสดงพฤตกิ รรมและการแสดงอารมณ์ บุคคลอ่ืนซ่งึ อาจเปน็ เพอื่ นรวํ มชน้ั เรียน บคุ คลเพศโดยทว่ั ไป ทอี่ าจบกพรอํ ง/เออ้ื ตํอการดืม่ เคร่ืองดมื่ ตรงข๎าม หรือคนท่ไี มํรูจ๎ ักคุ๎นเคย รวมถงึ ความกลัวแอลกอฮอล์ การพูดไมเํ กงํ กลัวถกู หาวาํ เปน็ คนทน่ี าํ เบื่อ กลัวจะทักษะทางสงั คม แสดงออกถึงความเปน่ิ ในสงั คม ไมํรู๎วําจะพูดอะไรหมายถงึ การใช๎ความสามารถในการแสดงพฤติกรรม หรือไมํรูว๎ าํ จะตอบสนองบคุ คลอื่นในสงั คมอยํางไรและแสดงอารมณ์ในสงั คมอยํางเช่ียวชาญในการมี และกงั วลวาํ จะไมํได๎รับการยอมรบั (Gilles et al.,ปฏิสัมพนั ธแ์ ละสื่อสารกับบคุ คลอืน่ ของวัยรนํุ ที่เออ้ื / 2006)ขัดขวางตอํ การดื่มเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์
78ตารางที่ 8 การเปรียบเทียบนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติใน กลุํมอทิ ธิพลภายในตัวบคุ คลกบั นิยามของปจั จัยทีไ่ ดจ๎ ากการทบทวนวรรณกรรม (ตอํ ) นยิ ามของปจั จยั อธิบายการดืม่ เครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ นยิ ามของปัจจยั ทไี่ ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม แบบผดิ ปกติในกล่มุ อิทธพิ ลภายในตวั บคุ คลการกาหนดตนเอง ความโน้มเอียงทีจ่ ะดม่ืหมายถึง การควบคมุ หรือกาหนดระดับความสามารถ/ หมายถึง การคดิ คานงึ ถงึ การด่ืมเครอื่ งดืม่ แอลกอฮอลใ์ นขอบเขตของตนเองในการด่มื เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์ 3 ประการ คอื การคดิ ถงึ การดม่ื ตลอดเวลา การรบั รู๎ ความยากในการควบคุมการดื่ม และการคิดถึงการดม่ื เพอ่ื ลดอารมณข์ นํุ มวั (Palfal, 2001; Ricciardelli et al., 2001) การควบคมุ การดม่ื หมายถึง การคดิ คานงึ ถึงความพยายาม และการวางแผน ลดการด่ืมลง (Palfal, 2001; Ricciardelli et al., 2001 )สมรรถนะแหง่ ตนในการควบคุมการดืม่ เครอ่ื งดม่ื สมรรถนะแหง่ ตนในการปฏิเสธการด่ืมเครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์หมายถึง ความเช่ือในความสามารถของตนเองของ หมายถึง การรับร๎รู ะดบั ความเชอ่ื มั่นในความสามารถวัยรนุํ ในการตา๎ นการดม่ื เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของตนเองในการปฏเิ สธ/ต๎านการดม่ื เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ในสถานการณ์ตํางๆทเ่ี ออ้ื ตํอการดมื่ 3 สถานการณ์ ไดแ๎ กํ สถานการณ์ที่มีความกดดนั ทาง สงั คม สถานการณ์ท่มี ีการผอํ นคลายอารมณ์และ ความรูส๎ ึก และสถานการณ์ท่เี ป็นโอกาสท่ีเออื้ ตอํ การดืม่ (Ricciardelli et al., 2001 )
79ตารางที่ 9 การเปรียบเทียบนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติ ในกลุมํ อทิ ธพิ ลบริบททางสงั คมกบั นิยามของปัจจยั ท่ีไดจ๎ ากการทบทวนวรรณกรรมนิยามของปัจจยั อธิบายการดม่ื เครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ นิยามของปัจจยั ทีไ่ ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม แบบผิดปกติในกลมุ่ อทิ ธพิ ลบรบิ ททางสงั คมบรบิ ท/สถานการณ์ทางสงั คม การด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอลข์ องสมาชกิ ในหมายถึง สงิ่ แวดล๎อมรอบตัววยั รํนุ ท่ีวยั รุนํ ใกล๎ชดิ และ ครอบครวัคน๎ุ เคย ไดแ๎ กคํ รอบครัวและโรงเรยี นท่สี นบั สนนุ หรือ หมายถงึ การรับรค๎ู วามถขี่ องการดืม่ เคร่อื งดื่มขัดขวางการดม่ื เคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์ แอลกอฮอลข์ องผ๎ูใหญํในครอบครัวในชวํ ง 1 ปีที่ความผูกพนั ทางสังคม ผํานมา (Colder et al., 1997; Raffaelli et al., 2007;หมายถงึ ความรูส๎ กึ ผูกพันทางอารมณ์กับบุคคลท่ใี กล๎ชดิ Yeh, 2006)คน๎ุ เคย และยึดถอื เปน็ ตวั แบบ ทม่ี ีอทิ ธิพลสํงเสรมิ /ขัดขวางการดมื่ เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์พฤติกรรมและทศั นคตขิ องบุคคลอื่น การมเี พือ่ นดม่ื เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์หมายถงึ พฤติกรรมการดมื่ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลแ์ ละ หมายถงึ การบั รูจ๎ านวนเพอื่ นทด่ี ม่ื เครอ่ื งด่ืมทศั นคตติ อํ การดม่ื เครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ของผู๎ท่วี ยั รํนุ แอลกอฮอล์ (Griffin et al., 2000; Reboussina et al.,ใกล๎ชิดคุน๎ เคย หรือยดึ เปน็ ตัวแบบท่มี ีอทิ ธพิ ลตํอการดม่ื 2006 )เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์การจูงใจให้กระทาตามหมายถงึ อิทธิพลหรอื แรงจูงใจจากบุคคลทีว่ ยั รุํนใกลช๎ ดิคุน๎ เคยและถอื เป็นตัวแบบใหว๎ ยั รนุํ ด่มื หรอื ลดการดมื่แอลกอฮอล์บรรทดั ฐานของสงั คม ตามการรบั รขู้ องวยั รุ่น บรรทดั ฐานทางสังคมด้านการดม่ื เคร่อื งด่มืหมายถงึ การรบั ร๎คู วามกดดนั จากสังคม/ความเชอ่ื บคุ คลท่ี แอลกอฮอล์วยั รุํนใกล๎ชิดคุ๎นเคย และยึดถอื เป็นตวั แบบเกยี่ วกับการด่มื หมายถึง การรบั ร๎ูปริมาณการด่ืมเคร่ืองด่ืมเครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ แอลกอฮอลโ์ ดยทวั่ ไปของผูท๎ ีอ่ ยใํู นวยั เดียวกัน และความเช่อื ในบรรทดั ฐานของสงั คม การรับรร๎ู ะดบั ความยนิ ยอมหรือการยอมรับเรือ่ งการหมายถงึ ความเชอ่ื ถอื /ยดึ ถือของวยั รนุํ ในเร่ืองการดมื่ ดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์จาก พํอแมํหรอื ผป๎ู กครองเคร่อื งดม่ื แอลกอฮอลท์ ่ีบคุ คลอน่ื ๆที่ใกล๎ชดิ คนุ๎ เคย หรอื และเพ่ือน (Neighbors et al., 2007)เปน็ ตวั แบบเช่อื และปฏบิ ตั ิ
80ตารางที่ 10 การเปรียบเทียบนิยามของปัจจัยอธิบายการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติใน กลุํมอิทธิพลสิ่งแวดล๎อมทางวัฒนธรรมกับนิยามของปัจจัยที่ได๎จากการทบทวน วรรณกรรม นิยามของปัจจัยอธบิ ายการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ นิยามของปัจจัยท่ีได้จากการทบทวนวรรณกรรมแบบผดิ ปกติในกลุม่ อิทธพิ ลสงิ่ แวดลอ้ มทางวฒั นธรรมสง่ิ แวดลอ้ มทางวฒั นธรรม การรว่ มกจิ กรรมทางศาสนาหมายถึง ส่ิงแวดล๎อมทางสังคมวัฒนธรรมที่ให๎ข๎อมูล หมายถึง ความถข่ี องการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางศาสนาในและโอกาสในการสํงเสริม หรือขัดขวางการด่ืม ปที ่ีผํานมา (Luczak et al., 2003; Tyssen et al., 1998)เครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์ ของวัยรํุน ได๎แกํ ศาสนาโรงเรียนสื่อสารมวลชน และบุคคลที่วัยรํุนร๎ูจักแตํไมํได๎ติดตํอประจาความรู้ด้านการด่มื เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ ความรู้ดา้ นการด่มื เครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์หมายถึง การระลึกข๎อมูลท่ีวัยรุํนรับรู๎เก่ียวกับเครื่องด่ืม หมายถึง การระลึกข๎อมูลเน้ือหาที่เป็นความร๎ูเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ และผลจากการดืม่ เคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Griffin et al., 2000)คา่ นยิ มด้านการดื่มเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ ไมํมีหมายถึง การให๎คุณคํา ความสาคัญ การยอมรับและพร๎อมท่ีจะปฏิบัติตามคุณคําท่ีบุคคลอื่นๆในสังคมมีตํอการดม่ื เครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์การคาดหวังผลจากการดื่มเครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์ การคาดหวังผลในการด่มื เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ในทางหมายถึง ความเชื่อหรือการคิดถึงผลที่เกิดจากการดื่ม ท่ดี ีเครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ หมายถึง ความเช่ือ/คาดหวังในผลที่จะเกิดข้ึนจากการ ดมื่ เครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ในทางท่ีดี 4 ด๎าน ได๎แกํ ด๎าน การเข๎าสังคม (Sociability) ด๎านการลดความตึงเครียด (Tension reduction) ด๎านความกล๎าหาญ (Liquid courage) ด๎านความสามารถทางเพศ (Sexuality) (Colder et al., 1997; Engels et al., 2005; Gilles et al., 2006; Griffin et al., 2000; Grotmol et al., 2010; Zamboanga, 2006)
81ตารางท่ี 10 การเปรียบเทียบนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผิดปกติใน กลํุมอิทธิพลส่ิงแวดล๎อมทางวัฒนธรรมกับนิยามของปัจจัยท่ีได๎จากการทบทวน วรรณกรรม (ตอํ ) นิยามของปัจจัยอธิบายการดม่ื เครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ นิยามของปัจจัยทไ่ี ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรมแบบผิดปกติในกลุม่ อทิ ธพิ ลสงิ่ แวดลอ้ มทางวัฒนธรรมการประเมนิ คา่ ผลจากการด่มื เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์ การประเมนิ คา่ ผลจากการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์หมายถึง การตีคาํ ผลท่คี าดวาํ จะเกิดจากการดื่มเครื่องดื่ม หมายถึง การตีคําผลที่คาดวําจะเกิดจากการด่ืมแอลกอฮอลใ์ นทางที่ ดี- ไมํดี เครื่องดื่มแอลกอฮอลใ์ นทางที่ดี จากไมํดีจนถงึ ดี (Zamboanga, 2006)ทศั นคติตอ่ การการดืม่ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ ทัศนคติตอ่ การดม่ื เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์หมายถึง ความเชอื่ และการตคี ําในผลที่คาดวําจะเกิดจาก หมายถึง ความเชื่อและการตีคําผลที่คาดวําจะเกิดจากการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางให๎ประโยชน์หรือ การด่ืมดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในทางให๎ประโยชน์โทษ ชอบหรอื ไมชํ อบ หรือโทษที่มีผลตอํ การตัดสินใจในเร่ืองจานวนการด่ืม (Faulkner et al., 2006)ตารางที่ 11 การเปรียบเทียบนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติอื่นๆ กับนยิ ามของปจั จยั ท่ไี ด๎จากการทบทวนวรรณกรรม นยิ ามของปจั จัยอธบิ ายการดืม่ นิยามของปจั จยั ทีไ่ ด้จากการทบทวนวรรณกรรม เครื่องด่มื แอลกอฮอลแ์ บบผิดปกตอิ ืน่พฤติกรรมอน่ื ท่ีเกย่ี วขอ้ ง การสูบบุหร่ีหมายถึง การกระทาอนื่ ๆท่ีมคี วามสมั พันธ์กบั การด่มื หมายถึง ประสบการณก์ ารสูบบหุ รีใ่ นชวํ ง 30 วนัเครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์แบบผดิ ปกติ ที่ผํานมา (Aekplakorn et al., 2008; Cardenal & Adell, 2000; Kypri, 2002; Reboussin et al., 2006 ; Vickers etการตัดสินใจด่ืมเครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ al., 2004)หมายถงึ ความพร๎อม และตง้ั ใจดม่ื เคร่อื งด่มืแอลกอฮอล์แบบผิดปกติ ไมํมี
82ตารางท่ี 11 การเปรยี บเทียบนิยามของปจั จัยอธิบายการดื่มเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์แบบผิดปกติอ่ืนกับ นยิ ามของปจั จยั ที่ได๎จากการทบทวนวรรณกรรม (ตอํ ) นิยามของปจั จัยอธิบายการด่มื นิยามของปัจจยั ท่ไี ด้จากการทบทวนวรรณกรรม เครือ่ งด่ืมแอลกอฮอลแ์ บบผิดปกติอน่ื การดืม่ อยา่ งหนกั ในโอกาสเดียวการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลแ์ บบผดิ ปกติ หมายถึง การด่มื เครือ่ งดืม่ แอลกอฮอลต์ ้ังแตํ 5 ด่ืมมาตรฐานหมายถงึ การดม่ื เคร่อื งดื่มแอลกอฮอลม์ ากเกินกวํา ในชํวงโอกาสหน่ึง ในชํวง 30 วนั ท่ีผาํ นมาระดับท่ปี ลอดภัย มีความเสีย่ งตํอการเกิดอนั ตราย (Cardenal & Adell, 2000; Colder et al., 1997; Durkin et al.,หรอื มอี นั ตรายตํอสขุ ภาพ 1999; Engels et al., 2005; K. W. Griffin et al., 2000; Jessor et al., 2006; Katz et al., 2000; Luczak et al., 2003; Raffaelli et al., 2007; Van Beurden et al., 2005; Vickers et al., 2004) การด่มื แบบเส่ียง หมายถึง 1. การด่ืมเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์ใน 3 ลกั ษณะ ได๎แกํ การดม่ื เคร่อื งดืม่ แอลกอฮอลต์ ้ังแตํ 5 ดื่มมาตรฐาน ในชวํ งโอกาส หน่ึง ในชวํ ง 30 วันทผ่ี ํานมา การดืม่ จนมอี าการเมาสุรา และ การดม่ื จนมีปญั หาจากการดื่ม (Bellis et al., 2007; Reboussin et al., 2006) การด่ืมแบบเสยี่ ง หมายถงึ 2. การดืม่ เครื่องด่มื แอลกอฮอลท์ มี่ ากกวาํ ระดับการด่มื ที่ ปลอดภยั แตยํ ังไมไํ ดร๎ บั อันตรายจากสขุ ภาพ (Faulkner et al., 2006; Kypri, 2002; Thomas & McCambridge, 2008; Zamboanga, 2006; ณฐั จาพร พชิ ัย ณรงค์ et al., 2553) 3. หมายถึง การดืม่ เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์ทีไ่ ด๎รับปริมาณ แอลกอฮอล์บริสุทธเิ์ ฉล่ีย ตัง้ แตํ 40 กรัมถงึ 60 กรมั ตอํ วันใน ผู๎ชาย และปริมาณตั้งแตํ 20 กรัมถึง 40 กรมั ตํอวนั ในผู๎หญงิ (Aekplakorn et al., 2008; Grotmol et al., 2010; Tyssen et al., 1998) ตารางที่ 8 แสดงใหเ๎ หน็ วํานิยามของปจั จัยทไ่ี ดจ๎ ากการทบทวนวรรณกรรม จานวน 3 ปัจจัยได๎แกํ ความโน๎มเอียงที่จะด่ืม การควบคุมการด่ืม และ สมรรถนะแหํงตนในการปฏิเสธการด่ืม
83เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปขยายความให๎แกํนิยามของปัจจัยอธิบายการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ท่ีถูกกาหนดขึ้น ได๎แกํ ปัจจัยการกาหนดตนเอง และ สมรรถนะแหํงตนในการควบคุมการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ให๎มีความเป็นรูปธรรมมากย่ิงข้ึน นิยามของปัจจัยความโน๎มเอียงท่ีจะดื่มและการควบคุมการดม่ื มคี วามเก่ียวเนอ่ื งไปถึงปจั จยั การกาหนดตนเอง กลําวคือ หากบอกได๎วําวัยรุํนมีความโน๎มเอียงที่จะดื่มมากและมีการควบคุมการด่ืมของตนเองน๎อย การนึกถึงตนเองในการกาหนดขอบเขตของการด่ืมจะน๎อยเชํนเดียวกัน ผ๎ูวิจัยจึงได๎เลือกปัจจัยความโน๎มเอียงที่จะด่ืม การควบคุมการด่ืม และสมรรถนะแหงํ ตนในการปฏิเสธการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว๎ในโมเดล (Model) ท่ีจะทาการทดสอบ นิยามของปัจจัยลักษณะทางชีวเคมีและบุคลิกภาพท่ีถูกกาหนดข้ึนโดยมีทฤษฎีไทรอาดิกเป็นกรอบชี้นามขี อบเขตที่กวา๎ ง ซ่ึงเม่ือเทียบกับนิยามของปัจจัยการแสวงหาความท๎าทายที่มาจากการศึกษาวิจัยแล๎ว การแสวงหาความท๎ายทายเป็นสํวนหนึ่งท่ีวัดและประเมินได๎และเป็นคณุ ลักษณะหน่งึ ทโี่ ดดเดํนของวัยรนํุ ทส่ี งํ ผลตอํ การดม่ื ทม่ี ากเกินระดับท่ีปลอดภัย ในสํวนปัจจัยการรู๎จักตนเองคานิยามมีขอบเขตกว๎างเชํนกันและหากพิจารณาประกอบกรอบแนวคิดของทฤษฎีในภาพที่ 10 แล๎ว จะเห็นวําหากนาปัจจัยการแสวงหาความท๎าทายเป็นปัจจัยเริ่มต๎นของกลุํมอิทธิพลนี้นิยามของการแสวงหาความท๎าทายมีความเกี่ยวเน่ืองไปถึงการร๎ูจักตนเอง กลําวคือ หากวัยรํุนมีการแสวงหาความทา๎ ทายสงู มีความเป็นไปไดอ๎ ยํางมากท่วี ัยรํุนจะนึกถึงการกาหนดขอบเขตการดื่มของตนเองน๎อย ผู๎วิจัยจึงเห็นวําหากคงการแสวงหาความท๎าทายไว๎ในโมเดลเพ่ืออธิบายการดื่มแบบผิดปกติของวัยรํุนจะครอบคลุมไปถึงปัจจัยการรู๎จักตนเอง สาหรับนิยามของปัจจัยสมรรถนะทางสังคม และทักษะทางสังคมมีความสอดคล๎องกับนิยามของปัจจัยความกังวลในการเข๎าสังคมนิยามความกังวลในการเข๎าสังคมแสดงให๎เห็นวําปัจจัยนี้เป็นสํวนหน่ึงของสมรรถนะทางสังค มขณะเดียวกันยังขยายความไปถึงปัจจัยทักษะทางสังคม หากวัยรุํนมีความกังวลในการเข๎าสังคมสูงเป็นไปได๎มากวําความสามารถในการแสดงพฤติกรรมและอารมณ์ในสังคมยํอมไมํดีไปด๎วย ผ๎ูวิจัยจึงเห็นวําการนาปัจจัยความกังวลในการเข๎าสังคมเข๎ามารํวมในการศึกษาจะให๎ความหมายที่ครอบคลุมความหมายปัจจัยสมรรถนะทางสงั คม และทกั ษะทางสงั คม ตารางท่ี 9 แสดงให๎เห็นวํา ปัจจัยที่ได๎จากการทบทวนวรรณกรรมจานวน 3 ปัจจัยมีนิยามท่ีสอดคล๎องกับนิยามของปัจจัยท่ีถูกกาหนดขึ้นในกลํุมอิทธิพลบริบททางสังคม คือ การด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว การมีเพ่ือนดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ และบรรทัดฐานทางสังคมด๎านการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ นิยามของปัจจัยการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ของสมาชกิ ในครอบครัว และการมีเพื่อนด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ตรงกับนิยามพฤติกรรมและทัศนคติของบุคคลอื่น ขณะเดียวกันขอบเขตนิยามยังครอบคลุมไปถึงปัจจัยบริบท/สถานการณ์ทางสังคมและเกี่ยวเนื่องไปยังปัจจัยการจูงใจให๎กระทาตาม เน่ืองจากสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนเป็น
84บุคคลท่ีวัยรํุนใกล๎ชิดและเลียนแบบ อีกทั้งพยายามทาตามเพ่ือให๎ได๎รับการยอมรับ (ปรีชาคัมภีรปกรณ์, 2547) สํวนปัจจัยบรรทัดฐานทางสังคมด๎านการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์มีขอบเขตสอดคลอ๎ งกับนยิ ามของปจั จัยบรรทัดฐานของสงั คมตามการรับร๎ูของวัยรนุํ และเก่ยี วโยงไปถึงปัจจัยความเช่ือในบรรทัดฐานทางสังคม ดังนั้นผ๎ูวิจัยจึงนาปัจจัยท้ัง 3 ซ่ึงได๎แกํ การดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว การมีเพื่อนด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ และบรรทัดฐานทางสังคมด๎านการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ เข๎ารํวมในโมเดลการศึกษา สาหรับปัจจัยความผูกพันทางสังคม การศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยท่ีมีอิทธิพลตํอพฤติกรรมการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของวัยรุํนท่ีผํานมาช้ีให๎เห็นวาํ อิทธิพลจากเพือ่ นมสี งู กวําความผูกพันในครอบครัวอยํางมาก (Kuntsche, 2006)วยั รุนํ มคี วามผูกพนั กบั กลมํุ เพ่ือนมากกวาํ ดงั นนั้ จงึ เกย่ี วเน่ืองกบั การรบั ร๎ูจานวนเพือ่ นท่ีด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ผู๎วิจัยจึงเห็นวําโมเดลการศึกษาท่ีประกอบด๎วย การด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว การมีเพ่ือนด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบรรทัดฐานทางสังคมด๎านการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความหมายเพียงพอสาหรับอิทธิพลจากบริบททางสังคมในการอธิบายการด่ืมแบบผดิ ปกติของวัยรุํน ตารางท่ี 10 ชี้ให๎เห็นวํา นิยามของปัจจัยที่ได๎จากการทบทวนวรรณกรรมจานวน 5 ปัจจัยสอดคล๎องกบั นยิ ามของปจั จัยจากอิทธิพลสิ่งแวดล๎อมทางวัฒนธรรม ยกเว๎นนิยามของปัจจัยคํานิยมด๎านการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ แตํเนื่องด๎วยปัจจัยคํานิยมด๎านการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยหลักของกลุํมอิทธิพลส่ิงแวดล๎อมทางวัฒนธรรม อีกท้ังจากผลการศึกษาการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของนักเรียนไทยท่ีผํานมาพบวําคาํ นิยมมีสํวนเก่ยี วขอ๎ งกับการด่ืมของนักเรียน (บุญเล้ียงทุมทอง, วราภรณ์ กุประดิษฐ์, รํุงเรือง ล้ิมไพบูลย์, & นฤมล อเนกวิทย์, 2549; ประกิจ โพธิอาศน์,2541) ดังนั้นผู๎วิจัยจึงนาปัจจัยนี้มาศึกษาและปรับคานิยามให๎เป็นนิยามเชิงปฏิบัติการเพื่อนาสูํการพัฒนาเครอื่ งมอื วดั และทดสอบความสัมพนั ธ์ การดมื่ เครือ่ งด่มื แอลกอฮอลแ์ บบผิดปกติเป็นมโนทศั น์หลกั ที่ผู๎วิจัยต๎องการศึกษา ผู๎วิจัยได๎ใหน๎ ยิ ามตามวรรณกรรมทไ่ี ดท๎ บทวนมาดังแสดงในตารางท่ี 11 วรรณกรรมเหลําน้ีสํวนใหญํวัดการดื่มแบบผิดปกติจากปริมาณเครื่องด่ืมท่ีดื่มและผลที่ได๎รับจากการด่ืมที่สะท๎อนให๎เห็นถึงระดับอันตรายท่ีได๎รับแยกสํวนกัน ยกเว๎นแบบคัดกรองภาวะผิดปกติจากการดื่มสุราหรือแบบคัดกรองออดิทมีการถามได๎ครอบคลุมทั้งด๎านปริมาณและผลท่ีได๎รับจากการดื่ม และมีการประมวลคะแนนแบํงระดับการด่ืมได๎สอดคล๎องกับนิยาม อีกท้ังผํานการตรวจสอบความตรงและความเชื่อมั่นจนมีมาตรฐาน (ดูในภาคผนวก ค) และมีการแปลไปใช๎หลายภาษารวมท้ังภาษาไทย ดังนั้นสาหรับการศึกษานี้ผ๎ูวิจัยจึงวัดมโนทัศน์การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติด๎วยแบบคัดกรองภาวะผดิ ปกตจิ ากการดม่ื สรุ า ในสํวนของพฤติกรรมอน่ื ทเ่ี กี่ยวขอ๎ งพบวาํ การสบู บหุ ร่ีในชวํ ง 1 เดือนที่ผําน
85มีความสัมพันธ์กับการดื่มแบบผิดปกติ ผ๎ูวิจัยจึงนาปัจจัยการสูบบุหร่ีนี้เข๎าสูํโมเดลการทดสอบความสัมพันธ์ แตํเน่ืองด๎วยการตัดสินใจกระทาพฤติกรรมกับการแสดงพฤติกรรมมีความสัมพันธ์อยํางใกล๎ชิดกันมากตามความเชื่อของทฤษฎีกระทาตามแผน ดังน้ันเมื่อผ๎ูวิจัยเลือกศึกษามโนทัศน์การด่ืมแบบผิดปกตแิ ล๎วจึงไมํได๎นาปัจจัยการตัดสินใจด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์เข๎ามารํวมในโมเดลการศึกษา การศึกษาอิทธิพลของปัจจัยที่ได๎มาจากการชี้นาของทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิกท่ีมีตํอการด่ืมเคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์แบบผิดปกติของวัยรุํนจึงประกอบด๎วยปัจจัยตั้งต๎น จานวน 15 ปัจจัย แบํงตามกลุมํ อิทธพิ ลดงั นี้ 1) ปจั จยั จากภายในตวั บคุ คล จานวน 5 ปจั จัย ไดแ๎ กํ การแสวงหาความท๎าทาย ความกังวลในการเข๎าสังคม ความโน๎มเอียงท่ีจะด่ืม การควบคุมการด่ืม และสมรรถนะแหํงตนในการปฏิเสธการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ท้ังหมดมีเครื่องมือมาตรฐานที่ใช๎ในการวิจัยที่ได๎จากการทบทวนวรรณกรรม และผู๎วิจัยสามารถเข๎าถึงได๎ ในกรณีท่ีปัจจัยน้ันมีเครื่องมือวัดมากกวํา 1 ชิ้น เชํน ปัจจัยการแสวงหาความท๎าทาย เป็นต๎น นอกจากจะตรวจสอบความครอบคลุมในเนื้อหาท่ีวัด ความตรงและความเชื่อมั่นของเคร่ืองมือแล๎วผู๎วิจัยพิจารณาคุณสมบัติของเครื่องมือให๎มีความเหมาะสมกับวัยรุนํ ซ่ึงเปน็ ผตู๎ อบ ไดแ๎ กํ มจี านวนข๎อไมมํ าก ใชเ๎ วลาในการตอบไมมํ าก และมคี วามซับซ๎อนในการตอบนอ๎ ย (รายละเอยี ดเครอ่ื งมอื ดงั ภาคผนวก ค) 2) ปัจจยั จากบริบททางสังคม จานวน 3 ปัจจัย ได๎แกํ การมีเพ่ือนด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์การด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว และบรรทัดฐานทางสังคมด๎านการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ผู๎วิจัยไมํสามารถเข๎าถึงเครื่องมือมาตรฐาน ผู๎วิจัยจึงสร๎างเคร่ืองมือข้ึนเองจากนิยามและการวัดท่ีได๎จากงานวิจัยในตารางท่ี 7 และ 9 เปน็ หลัก 3) ปัจจัยจากส่ิงแวดล๎อมทางวัฒนธรรม จานวน 6 ปัจจัย ได๎แกํ การรํวมกิจกรรมทางศาสนา ความรู๎ด๎านการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์คํานิยมด๎านการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์การคาดหวังผลในการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ในทางท่ีดี การประเมินคําผลจากการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ และทัศนคติตํอการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ในจานวนปัจจัยทั้ง 6 ปัจจัยน้ีมีเพียงการคาดหวังผลในการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในทางท่ีดีและการประเมินคําผลจากการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ เทํานั้นที่มีเครื่องมือมาตรฐาน (รายละเอียดดูในภาคผนวก ค) ปัจจัยท่ีเหลือไมํสามารถเข๎าถึงได๎ ผูว๎ จิ ยั จงึ สรา๎ งเคร่ืองมือขน้ึ เองจากนยิ ามและการวัดทไ่ี ดจ๎ ากงานวิจยั ในตารางท่ี 7 และ 10 4) พฤติกรรมอื่นท่ีเกี่ยวข๎อง ได๎แกํ การสูบบุหรี่ ผ๎ูวิจัยสร๎างคาถามขึ้นเองโดยใช๎ขอบเขตความหมายจากการศึกษาของคาร์ดีนัลและอเดลล์ (Cardenal & Adell, 2000) และของกริฟฟินและคณะ (Griffin et al., 2000) เปน็ หลัก
86 จากความต๎องสร๎างองค์ความรู๎ในระดับกลางเพ่ืออธิบายปรากฏการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผดิ ปกติของวัยรนํุ อันจะนาไปสํูการป้องกันอันตรายจากการด่ืมและการลดการด่ืมในวัยรุํนตํอไป ผ๎ูวิจัยจึงเลือกทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิกเป็นกรอบในการกาหนดนิยามของปัจจัยที่คาดวําจะมีอิทธิพลตํอการดื่มแบบผิดปกติ ทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิกให๎ปัจจัยและนิยาม จานวน20 ปจั จัย หลงั จากเปรียบเทียบขอบเขตนิยามของปัจจัย 20 ปัจจัย กับนิยามของปัจจัยท่ีมีอิทธิพลตํอการด่ืมแบบผิดปกติของวัยรํุนจากการทบทวนวรรณกรรมแล๎วพบวํานิยามของปัจจัยที่มาจากการทบทวนวรรณกรรม จานวน 14 ปัจจัย มีขอบเขตครอบคลุมนิยามของปัจจัยท่ีมาจากการช้ีนาของทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิก จานวน 19 ปัจจัย ยกเว๎นปัจจัยคํานิยมด๎านการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ผู๎วิจัยจึงนาปัจจัย 14 ปัจจัย เข๎าสํูโมเดลการศึกษา รวมท้ังปัจจัยคํานิยมด๎านการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ด๎วย รวมเป็น 15 ปัจจัย ได๎แกํ การแสวงหาความท๎าทาย ความกังวลในการเข๎าสังคมความโน๎มเอียงที่จะดื่ม การควบคุมการด่ืม สมรรถนะแหํงตนในการปฏิเสธการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ การมีเพื่อนด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ การด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว บรรทัดฐานทางสังคมด๎านการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ การรํวมกิจกรรมทางศาสนาความร๎ูดา๎ นการดม่ื เครอื่ งด่มื แอลกอฮอล์ คาํ นิยมด๎านการดม่ื เครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์ การคาดหวังผลในการด่มื เคร่อื งดม่ื แอลกอฮอลใ์ นทางทดี่ ี การประเมินคําผลจากการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ทัศนคติตํอการดืม่ เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ และการสูบบหุ รี่ การวัดปัจจัยเหลํานบ้ี างสํวนใช๎เคร่ืองมือมาตรฐานท่ีมีผู๎สร๎างข้ึนแล๎ว แตํบางสํวนผ๎ูวิจัยสร๎างเคร่ืองมือวัดข้ึนเอง สํวนมโนทัศน์การด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผิดปกติใช๎แบบคัดกรองภาวะผิดปกติจากการด่ืมสุราเป็นเคร่ืองมือวัด เน่ืองด๎วยปัจจัยตั้งต๎นมาจากกลุํมอิทธิพลแตกตํางกัน และไมํสามารถบอกได๎วํากลุํมอิทธิพลใดมีความสัมพันธ์กํอนหรือหลัง ดังนั้นผ๎ูวิจัยจึงทดสอบความสัมพันธ์ตามกลุํมอิทธิพล ทั้งนี้ผู๎วิจัยคานึงถึงอิทธิพลของเพศและวัยด๎วยเนื่องจากงานวิจัยที่ผํานมาพบวําเพศมีอิทธิพลตํอการด่ืมสุราแบบเสี่ยงหรือดื่มสุราอยํางหนัก โดยเพศชายมีโอกาสเป็นผ๎ูด่ืมสุราแบบเสี่ยงสูงกวําเพศหญิง(Bellis et al., 2007; K.W. Griffin et al., 2000; Reboussina et al., 2006; Tyssen et al., 1998) ผ๎ูท่ีมีอายุตั้งแตํ 15 ปีขึ้นไปมีผลตํอการเพิ่มการดื่มแบบเส่ียง (Cardenal & Adell, 2000) ผู๎วิจัยแยกกลํุมตัวอยํางวิเคราะห์เป็น 2 กลํุม คือกลุํมเพศชาย และกลํุมเพศหญิง และมีอายุต้ังแตํ 15 ปี ขึ้นไปรายละเอียดจะนาเสนอในบทตํอไป รูปแบบของความสัมพันธ์ท่ีคาดวําจะเกิดขึ้นของท้ังกลํุมวัยรุํนหญิงและวัยรุํนชายและเป็นโมเดลท่ีเหมือนกันเป็นไปดังกรอบการวิเคราะห์ท่ี 1-4 แสดงดังภาพที่11-14
กรอบการวเิ คราะห์ที่ 1 อิทธพิ ลจากภายในตวั บุคคล SIA SS CEP CBC DRSEภาพที่ 11 กรอบการวเิ คราะหค์ วามสมั พันธ์ระหวํางปจั จัยจากอทิ ธิพลภายในตวั บคุ
87 DRSE คือ สมรรถนะแหงํ ตนในการปฏิเสธการด่ืมเคร่อื งดืม่ แอลกอฮอล์ CEP คอื ความโน๎มเอียงทจ่ี ะด่มื CBC คอื การควบคมุ การดืม่ SIA คือ ความกงั วลในการเข๎าสงั คม SS คอื การแสวงหาความท๎าทาย PD คอื การดม่ื เครือ่ งดืม่ แอลกอฮอลแ์ บบผิดปกติ PDคคลกับการด่มื เครือ่ งดมื่ แอลกอฮอลแ์ บบผิดปกติ 87
88 กรอบการวเิ คราะห์ท่ี 2 PDN คอื บรรทดั ฐานทางสงั คมดา๎ นการดม่ื เคร่อื งดืม่ แอลกอฮอล์ PaD คอื การด่มื เครื่องด่มื แอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว PeD คือ การมีเพอ่ื นด่มื เคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์ PD คอื การด่ืมเครอื่ งด่มื แอลกอฮอลแ์ บบผิดปกติภาพท่ี 12 กรอบการวิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ระหวาํ งปจั จัยจากอิทธพิ ลบรบิ ททางสงั ค
อิทธพิ ลจากบรบิ ททางสงั คม 88 88 PeD PaD PDN PDคมกบั การด่มื เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์แบบผิดปกติ
กรอบการวเิ คราะห์ที่ 3 ATA คือ ทศั นคตติ อํ การดืม่ เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ PAE คอื การคาดหวังผลในการดม่ื เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์ ในทางทดี่ ี EV คอื การประเมินคําผลจากการดื่มเคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์ VAU คือ คาํ นยิ มดา๎ นการดมื่ เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์ KDA คอื ความร๎ูดา๎ นการดืม่ เครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์ RA คือ การรํวมกิจกรรมทางศาสนา PD คอื การดมื่ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลแ์ บบผดิ ปกติ PDภาพที่ 13 กรอบการวิเคราะหค์ วามสัมพันธร์ ะหวาํ งปัจจัยจากอิทธพิ ลส่ิงแวดลอ๎ มท
89 อิทธิพลจากสิ่งแวดลอ้ มทางวัฒนธรรม RA KDA VAU EV PAE ATAทางวฒั นธรรมกับการดม่ื เครื่องดื่มแอลกอฮอลแ์ บบผดิ ปกติ 89
90 กรอบการวิเคราะห์ที่ 4 Smภาพที่ 14 กรอบการวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวํางการสบู บุหรีก่ บั การดื่มเคร่อื งด
PD 90 90 Sm คอื การสบู บหุ รี่ PD คอื การดมื่ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์แบบผดิ ปกติด่มื แอลกอฮอล์แบบผดิ ปกติ
บทที่ 3 ระเบยี บวธิ วี ิจยั การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเพื่อทดสอบอิทธิพลของปัจจัยตามกรอบทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิกที่มีต่อการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติของวัยรุ่นในจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ข้อค้นพบเชื่อถือได้ และให้ผลเชิงประจักษ์และพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยมีรูปแบบการวิจัย และดาเนนิ การวจิ ยั วจิ ยั ดงั น้ี1. รูปแบบการวิจยั การวิจัยน้ีเป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบตัดขวาง (Analytical cross-sectional study) เพ่ือทดสอบอิทธิพลของปัจจัยตามกรอบทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิก ที่มีต่อการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผดิ ปกตขิ องวัยร่นุ ชาย และหญิง ในจังหวดั ขอนแกน่2. ประชากรและตัวอยา่ ง 2.1 ประชากร ประชากรเป็นนักเรียนสายอาชีพหญิงและชาย อายุ 15-19 ปี เรียนในสถาบันการศึกษาท่ีสอนทางด้านสายอาชีพ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ของจังหวัดขอนแก่นปีการศกึ ษา 2553 จานวน 15,752 คน เป็นชาย 9,455 คน หญิง 6,297 คน (สานักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา, 2552) 2.2 กลุ่มตัวอยา่ ง ตัวอย่างแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักเรียนหญิง และกลุ่มนักเรียนชาย ทั้งสองกลุ่มมีเกณฑก์ ารคัดเลอื กตัวอยา่ งเขา้ ศึกษาดงั นี้ 1) อายุ 15-19 ปี 2) เ รี ย น อ ยู่ ใ น ส ถ า บั น ก า ร ศึ ก ษ า ที่ ส อ น ท า ง ด้ า น ส า ย อ า ชี พ สั ง กั ดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ของจงั หวดั ขอนแก่น ปกี ารศึกษา 2553 3) นักเรียน และผู้ปกครองยินดเี ข้าร่วมในการวจิ ยั 2.2.1 ขนาดตัวอยา่ ง เนื่องด้วยการศึกษาน้ีเป็นไปเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระหลายตัวแปรกับตัวแปรตามเชิงกลุ่ม ดังน้ันผู้วิจัยจึงประมาณขนาดตัวอย่างโดยการประยุกต์การ
92กาหนดขนาดตัวอย่างตามวิธีการของการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก (Logistic regression) ตามกฎรูลออฟธัมบ์ (The rule of thumb) Vittinghoff & McCulloch (2006) and Peduzzi, Concato, Kemper,Holford, & Feinstein (1996) เสนอแนะไว้ว่าถ้ามีตัวแปรทานาย 1 ตัว ควรมีขนาดตัวอย่างที่เกิดเหตกุ ารณท์ ีส่ นใจศึกษา (outcome events) อยา่ งนอ้ ยท่ีสุด 10 เหตุการณ์ เพราะจะให้การประมาณค่าสัมประสิทธ์ิถดถอยน่าเชื่อถือ และมีช่วงความเชื่อม่ันของการประมาณกระชับ ในการวิจัยนี้มีตัวแปรทานายหลัก 15 ตัว จึงต้องการจานวนตัวอย่างท่ีเกิดเหตุการณ์ที่สนใจซึ่งก็คือ การดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบเสี่ยง แบบอันตราย และติดสุรา ของวัยรุ่นอย่างน้อยที่สุด 150 เหตุการณ์/ราย และเน่ืองจากผู้วิจัยมีแนวคิดว่าการด่ืมสุราของวัยรุ่นชายและหญิงแตกต่างกันซึ่งควรวิเคราะห์แยกจากกันดังน้ันขนาดตัวอย่างจึงแบ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นหญิงและชายท่ีด่ืมแบบผิดปกติจานวนอย่างน้อยเพศละ 150 ราย แต่เนอ่ื งดว้ ยไมส่ ามารถระบผุ ูด้ ื่มแบบผดิ ปกตไิ ด้ เนื่องจากเป็นการเปิดเผยสถานะของกลุ่มตัวอย่างต่อสาธารณะ ผู้วิจัยจึงต้องเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างท่ีเป็นนักเรียนสายอาชีพทั่วไป และเป็นการถ่วงน้าหนักของโอกาสเกิดการดื่มแบบผิดปกติของวัยรุ่นชายท่ีมีมากกว่าวัยรุ่นหญิง ดังนั้นขนาดตัวอย่างข้างต้นจึงต้องนามาคานวณเทียบสัดส่วนกับความชุกของการด่ืมแบบผิดปกติจากการศึกษาท่ีผ่านมาเพ่ือหาจานวนกลุ่มตัวอย่างท่ัวไปที่ให้โอกา สพบผู้ด่ืมแบบผดิ ปกติอย่างนอ้ ยกล่มุ เพศละ 150 ราย จากการสารวจสถานภาพการบริโภคสุราในปี 2550 ของคณะกรรมการบริหารเครือข่ายวิชาการสารเสพติด (2551) พบว่า วัยรุ่นชายไทยอายุ 12-19 ปีดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเส่ียง แบบอันตราย และติดสุรา ร้อยละ 34 วัยรุ่นหญิงไทยอายุ 12-19 ปีด่มื เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์แบบเสย่ี ง แบบอันตราย และติดสุรา ร้อยละ 16 จากข้อค้นพบนี้ผู้วิจัยนาไปคานวณขนาดตวั อย่าง ดงั นี้ 1) วัยรุ่นหญิงไทยอายุ 12-19 ปี ด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเสี่ยงแบบอันตราย และติดสุรา ร้อยละ 16 เม่ือผู้วิจัยต้องการจานวนเหตุการณ์การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบเส่ียง แบบอันตราย และติดสุรา ของวัยรุ่นหญิง 150 ราย ผู้วิจัยจะต้องถามกลุ่มตัวอย่างหญิงอย่างน้อย (100*150)/16 = 937 คน นั่นคือ ผู้วิจัยถามนักเรียนหญิง 937 คน จึงจะพบเหตุการณ์การด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเส่ียง แบบอันตราย และติดสุรา เกิดข้ึนอย่างน้อย150 ราย 2) วัยรุ่นชายไทยอายุ 12-19 ปี ดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์แบบเสี่ยงแบบอันตราย และติดสุรา ร้อยละ 34 เม่ือผู้วิจัยต้องการจานวนเหตุการณ์การด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเส่ียง แบบอันตราย และติดสุรา ของวัยรุ่นชาย 150 ราย ผู้วิจัยจะต้องถามกลุ่ม
93ตัวอย่างชายอย่างน้อย (100*150)/34 = 441 คน นั่นคือ ผู้วิจัยถามนักเรียนชาย 441 คน จึงจะพบเหตุการณ์การด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบเสี่ยง แบบอันตราย และติดสุรา เกิดข้ึนอย่างน้อย150 ราย รวมจานวนกลุ่มตัวอย่างท่ีเป็นนักเรียนหญิงและนักเรียนชายท้ังหมด 1,378 คน ผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1,378 คน ชาย 441 คน หญิง 937 คน กลุ่มตวั อย่างและผู้ปกครองปฏิเสธการเข้าร่วมวิจัย 22 คน กลุ่มตัวอย่างจานวน 1,356 คน ตอบแบบสอบถามครบถ้วน จานวน 1,149 คนคิดเปน็ ร้อยละ 83.38 เปน็ ชาย 409 คน และหญงิ 740 คน ในจานวนนเ้ี ป็นนักเรียนชายที่ด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอลแ์ บบเสีย่ ง แบบอันตราย และตดิ สุราจานวน 223 คน และหญิง จานวน 195 คน 2.2.2 การสุม่ ตวั อยา่ ง ส ถ าบั นก า รศึ กษ า ที่เ ปิด ส อน ทา งด้ า นส าย อ าชี พสั ง กัด สัง กั ดกระทรวงศึกษาธิการในจังหวัดขอนแก่น มีจานวน 11 สถาบันการศึกษา อยู่ในเขตอาเภอเมืองจานวน 3 แห่ง และอยู่ในอาเภออ่ืนๆ 8 แห่ง รายละเอียดสถาบันการศึกษาและจานวนนักเรียนหญิงและนักเรยี นชาย อายุ 15-19 ปี แสดงดงั ตารางท่ี 12ตารางท่ี 12 สถาบนั การศกึ ษาที่เปดิ สอนทางสายอาชพี สงั กัดสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในจังหวัด ขอนแก่น และจานวนนกั เรยี นหญงิ และนักเรยี นชาย อายุ 15-19 ปี สถาบนั การศกึ ษา จานวนนักเรียน (คน) รวม ชาย หญงิ 3,341อยใู่ นเขตอาเภอเมือง 2,162 6341. วทิ ยาลัยที่1 2,970 371 1,3552. วทิ ยาลัยท่ี 2 281 1,881 1,778 1,5203. วิทยาลยั ที่ 3 458 176 1,684 979อยู่ในเขตอาเภออนื่ ๆ 1025 1,1161.วิทยาลยั ท่ี 4 853 502 1572.วิทยาลยั ท่ี 5 1,028 7513. วิทยาลัยท่ี 6 899 6214. วิทยาลยั ท่ี 7 1,181 5035.วทิ ยาลยั ท่ี 8 399 5806. วทิ ยาลยั ท่ี 9 566 4597.วิทยาลัยที่ 10 717 3998.วิทยาลัยที่ 11 103 54ท่ีมา: สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ข้อมลู ณ วันท่ี 15 กนั ยายน 2552
94 เน่ืองด้วยสภาพแวดล้อมมีผลต่อการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ดังน้ันผู้วิจัยจงึ ควบคมุ ตัวแปรรบกวนอ่นื ๆโดยสุ่มกลุ่มตัวอย่างจานวน 1,378 คน เป็นชาย 441 คน หญิง 937 คนจากสถาบนั การศกึ ษาทัง้ เขตในเขตอาเภอเมือง และสถาบนั การศกึ ษานอกเขตอาเภอเมอื ง ดงั นี้ 1. เลือกสถาบันการศึกษาในเขตอาเภอเมืองท่ีมีนักเรียนชาย และนักเรียนหญิงมากท่ีสุดอย่างละ 1 แห่ง คือ วิทยาลัยท่ี 1 และวิทยาลัยที่ 2 และสถาบันการศึกษานอกเขตอาเภอเมืองท่ีมีนักเรียนชาย และนักเรียนหญิงมากที่สุดอีกอย่างละ 1 แห่งเช่นกัน คือ วิทยาลัยที่ 5 และวทิ ยาลยั ที่ 7 รวม 4 แห่ง 2. คานวณขนาดตัวอย่างชายและหญิง แต่ละสถาบันจากสัดส่วนของจานวนนักเรียนหญงิ และนักเรียนชายทั้งหมดของแต่ละสถาบันการศึกษาตามข้อ 1 เพ่ือสุ่มกลุ่มตัวอย่างในแต่ละสถาบนั การศึกษา ดงั น้ี จานวนนักเรียนชายจากทั้ง 4 สถาบันการศึกษา = 2,970+281+1,181+1,028 =5,460 คน ขนาดกลมุ่ ตวั อย่างชายที่ตอ้ งการสุ่มทงั้ หมด = 441 คน จานวนนักเรยี นชายจาก วทิ ยาลัยที่ 1 = 2,970 คน จานวนนักเรียนชายจาก วทิ ยาลัยท่ี 2 = 281 คน จานวนนกั เรยี นชายจาก วทิ ยาลยั ท่ี 5 = 1,028 คน จานวนนกั เรยี นชายจาก วทิ ยาลยั ท่ี 7 = 1,181 คน ขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ งชายจาก วิทยาลยั ที่ 1 = (2,970*441)/5,460 = 239.8ประมาณ 240 คน ขนาดกล่มุ ตวั อย่างชายจาก วทิ ยาลัยท่ี 2 = (281*441)/ 5,460 = 22.69 ประมาณ 23 คน ขนาดกลมุ่ ตัวอย่างชายจาก วทิ ยาลยั ที่ 5 = (1,028*441)/ 5,460 = 83.03 ประมาณ 83 คน ขนาดกลุ่มตวั อย่างชายจาก วทิ ยาลัยท่ี 7 = (1,181*441)/ 5,460 = 95.38 ประมาณ 95 คน จานวนนักเรยี นหญิงจากท้งั 4 สถาบนั การศึกษา = 371+1,881+503+751 = 3,506 คน ขนาดกลุ่มตวั อยา่ งหญงิ ท่ีตอ้ งการส่มุ ท้ังหมด = 937 คน จานวนนกั เรยี นหญงิ จาก วทิ ยาลัยท่ี 1 = 371 คน จานวนนักเรยี นหญิงจาก วิทยาลัยที่ 2 = 1,881 คน จานวนนักเรยี นหญิงจาก วิทยาลยั ท่ี 5 = 751 คน จานวนนักเรียนหญิงจาก วิทยาลยั ท่ี 7 = 503 คน ขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ งหญิงจาก วิทยาลัยท่ี 1 = (371*937)/ 3,506 = 99.15 ประมาณ 99 คน ขนาดกลุ่มตัวอย่างหญิงจาก วิทยาลัยที่ 2 = (1,881*937)/ 3,506 = 502.70ประมาณ 503 คน
95 ขนาดกลุ่มตัวอย่างหญิงจาก วิทยาลัยที่ 5 = (751*937)/ 3,506 = 200.70 ประมาณ201 คน ขนาดกลุ่มตัวอย่างหญิงจาก วิทยาลัยที่ 7 = (503*937)/ 3,506 = 134.42 ประมาณ134 คน 3. ผู้วิจัยสุ่มกลุ่มตัวอย่างอย่างง่ายจากรายช่ือนักเรียนชายและนักเรียนหญิงในสาขาวิชาท่มี ีนกั เรียนอายุไมเ่ กิน 19 ปี เรียน รายละเอยี ดดังนี้ (1) วทิ ยาลยั ที่ 1 มสี าขาวิชาท่มี ีนักเรียนหญิงเรียน 3 สาขาวิชา สุ่มรายช่ือมาสาขาวิชาละ 33 คน มีนักเรยี นชายเรยี น 6 สาขาวิชา สมุ่ รายชอ่ื มาสาขาวชิ าละ 40 คน (2) วิทยาลัยท่ี 2 มีสาขาวิชาที่มีนักเรียนหญิงเรียน 8 สาขาวิชา สุ่มรายช่ือมาสาขาวิชาละ 62-63 คน มีสาขาวชิ าทม่ี นี กั เรยี นชายเรียน 4 สาขาวชิ า สุ่มรายชื่อมาสาขาวิชาละ 5-6 คน (3) วทิ ยาลยั ที่ 5 มีสาขาวชิ าทมี่ ีนักเรียนหญิงเรียน 4 สาขาวิชา สุ่มรายชื่อมาสาขาวิชาละ 50-51 คน มีสาขาวิชาท่ีมีนักเรียนชายเรียน 3 สาขาวิชา สุ่มรายช่ือมาสาขาวิชาละ 27-28 คน (4) วิทยาลัยท่ี 7 สาขาวิชาท่ีมีนักเรียนหญิงเรียน 2 สาขาวิชา สุ่มรายช่ือมาสาขาวชิ าละ 67 คน มสี าขาวชิ าทีม่ นี กั เรยี นชายเรยี น 4 สาขาวิชา สมุ่ รายชอื่ มาสาขาวิชาละ 23-24 คน ขั้นตอนของการสุ่มตวั อยา่ งท้ังหมดสรปุ ภาพรวมดงั ภาพท่ี 15
96 วทิ ยาลัย ในจงั หวดั ขอนแกน่ 11 วิทยาลัย วทิ ยาลยั ในเขตอาเภอเมอื ง วิทยาลัยนอกเขตอาเภอเมอื ง 3 วิทยาลัย 8 วทิ ยาลยั วิทยาลัยท่มี จี านวน วทิ ยาลัยทมี่ จี านวน วิทยาลยั ที่มีจานวน วิทยาลยั ทม่ี จี านวน นักเรียนชายมากทส่ี ุด นกั เรยี นหญงิ มากท่ีสุด นักเรยี นชายมากทส่ี ุด นักเรยี นหญงิ มากทีส่ ดุ 1 วิทยาลัย 1 วิทยาลยั 1 วิทยาลยั 1 วทิ ยาลยั วิทยาลัยที่ 1 วิทยาลัยที่ 2 วทิ ยาลัยท่ี 7 วทิ ยาลัยที่ 5 สมุ่ นร.ช. 240 คน สมุ่ นร.ช. 23 คน สุ่ม นร.ช. 95 คน สุ่ม นร.ช. 83 คน ส่มุ นร.ญ. 99 คน สมุ่ นร.ญ. 503 คน สมุ่ นร.ญ.134 คน สุ่ม นร.ญ. 201 คนนร.ญ.จาก 3 นร.ช.จาก 6 นร.ญ.จาก 8 นร.ช.จาก4 นร.ญ.จาก 2 นร.ช.จาก4 นร.ญ.จาก 4 นร.ช.จาก 3สาขาวิชา สาขาวชิ า สาขาวิชา สาขาวิชา สาขาวิชา สาขาวชิ า สาขาวชิ า สาขาวิชาสุม่ สาขาวิชา สุ่มสาขาวิชา สมุ่ สาขาวิชา สุ่มสาขาวชิ า สมุ่ สาขาวิชา สมุ่ สาขาวิชา สุม่ สาขาวิชา สมุ่ สาขาวิชาละ 33 คน ละ 40 คน ละ 62-63คน ละ 5-6 คน ละ 67 คน ละ 23-24 คน ละ 50-51 คน ละ 27-28 คนภาพท่ี 15 แผนภมู กิ ารสมุ่ ตวั อยา่ ง ดว้ ยเหตทุ ีน่ กั เรยี นของวทิ ยาลัยท่ี 5 ฝึกงานนอกสถาบัน ผู้วิจัยจึงเก็บข้อมูลได้เพียง19 คน ผู้วิจัยได้เลือกวิทยาลัยท่ีมีจานวนนักเรียนหญิงมากเป็นอันดับรองลงมาและอยู่ในบริบทที่ใกล้เคียงกันคือ วทิ ยาลัยท่ี 6 โดยใชว้ ิธกี ารส่มุ กล่มุ ตวั อยา่ งและขนาดตวั อยา่ งเดียวกับวิทยาลยั ที่ 53. ตัวแปรและการวดั ตัวแปร 3.1 ตัวแปรตาม ตัวแปรตามของการวิจัยน้ี คือ การดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แบบผิดปกติของวัยรุ่นหมายถงึ การด่มื เครื่องดมื่ ทุกชนิดท่ีมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่มากเกินกว่าระดับที่ปลอดภัย มีความเส่ียงต่อการเกดิ อนั ตราย หรือมีอนั ตรายต่อสุขภาพ ประเมินและแยกระดับด้วยคะแนนจากแบบคัดกรองภาวะผิดปกติจากการด่ืมสุรา (The Alcohol Use Disorders Identification Test) ฉบับภาษาไทยท่ีแปลโดยกรมสุขภาพจิต (2547) ท้ังน้ีใช้เกณฑ์ในการแบ่งระดับของ Babor, Higgins-Biddle,
97Saunders, & Monteiro (2001) ได้แก่ 1) คะแนน 0-7 คะแนน เป็นผู้ด่ืมแบบเส่ียงน้อย (Low riskdrinking) 2) คะแนน 8-15 คะแนน เป็นผู้ด่ืมแบบเสี่ยง (Hazardous drinking) 3) คะแนน 16-19คะแนน เป็นผู้ด่ืมแบบอันตราย (Harmful drinking) 4) คะแนน 20-40 คะแนน เป็นผู้ดื่มแบบพึ่งพิงสุรา (Alcohol dependence) จากคะแนนท่ีไดจ้ ากกลุ่มตัวอย่างนามาแบ่งระดับการดื่ม 4 กลุ่มดังกล่าวได้จานวนกล่มุ ตัวอยา่ งชายและหญงิ ทีม่ ีการดม่ื แบบอันตราย และแบบติดสุราน้อย กลุ่มตัวอย่างชายและหญิงมีระดับการด่ืมแบบอันตราย และแบบติดสุราไม่ถึง 50 คน ทาให้มีผลต่อการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในทางสถิติ เพ่ือให้มีจานวนกลุ่มตัวอย่างเพียงพอในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางสถิติ ดงั นน้ั ผวู้ จิ ัยจงึ แบ่งระดับการดมื่ ของกลมุ่ ตวั อย่างชายเปน็ 3 ระดบั ได้แก่การดืม่ แบบเสี่ยงน้อย คอื ผทู้ ไ่ี ด้คะแนน 0-7 คะแนนการด่ืมแบบเสี่ยง คือ ผู้ท่ีไดค้ ะแนน 8-15 คะแนนการดืม่ แบบอนั ตรายถึงตดิ สรุ า คือ ผ้ทู ไ่ี ด้คะแนน 16 คะแนนข้นึ ไปแบ่งระดับการดื่มของกลมุ่ ตัวอยา่ งตัวอย่างหญิงแบง่ เปน็ 2 ระดับ ไดแ้ ก่การดมื่ แบบเสย่ี งน้อย คือ ผู้ที่ได้คะแนน 0-7 คะแนนการด่ืมแบบเสย่ี งจนถึงติดสุรา คอื ผทู้ ่ไี ดค้ ะแนน 8 คะแนนขนึ้ ไปผ้วู ิจัยให้คา่ ตัวแปรสาหรับการวิเคราะห์ดังน้ีกล่มุ ตัวอยา่ งชาย กลุ่มตวั อย่างหญิง0 = ดมื่ แบบเสย่ี งนอ้ ย 0 = ดมื่ แบบเสย่ี งนอ้ ย1 = ดม่ื แบบเส่ียง 1 = ดื่มแบบเส่ียงถึง2 = ดม่ื แบบอันตรายถงึ ตดิ สุรา ตดิ สุรา3.2 ตวั แปรทานายการวิจัยน้ีใช้ทฤษฎีอิทธิพลไทรอาดิกเป็นกรอบช้ีนาในการค้นหาปัจจัย ผู้วิจัยได้ปัจจัยท่ีคาดว่าจะมีความสัมพันธ์กับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผิดปกติ จากกลุ่มอิทธิพล4 กลุ่ม ได้แก่ ปัจจัยจากภายในตัวบุคคล ปัจจัยจากบริบททางสังคม ปัจจัยจากส่ิงแวดล้อมทางวัฒนธรรม และพฤติกรรมอื่นท่ีเกีย่ วข้อง ดงั น้ี3.2.1 ปจั จัยจากภายในตัวบคุ คลปจั จัยจากภายในตัวบุคคล ได้แก่ การแสวงหาความท้าทาย ความกังวลในการเข้าสังคม ความโน้มเอียงที่จะดื่ม การควบคุมการดื่ม และสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์มีการวัดตัวแปรด้วยแบบสอบถามที่แปลจากแบบสอบถามมาตรฐานต้นฉบบั ภาษาองั กฤษ ซ่ึงมีรายละเอยี ดการวดั ดงั น้ี
98 3.2.1.1 การแสวงหาความท้าทาย (X1) หมายถึง ลักษณะความต้องการความแตกต่าง ความแปลกใหม่ ความซับซ้อน และประสบการณ์ท้าทาย ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมท่ีเสี่ยงทางร่างกาย สังคม กฎหมาย และการเงินของวัยรุ่นชายและหญิงใน 4 ด้าน คือ ด้านความรู้สึกชอบในส่ิงท่ีต่ืนเต้นเร้าใจและเสี่ยงภัย (Thrill and adventure) ด้านความต้องการประสบการณ์ในการแสวงหาหรือสารวจสิ่งใหม่ (Experience seeking) ด้านการไม่ยับย้ังชั่งใจหรือข่มใจ(Disinhibition)ด้านความรู้สึกที่ไวต่อความน่าเบ่ือหน่าย (boredom susceptibility) วัดจากแบบสอบถามบุคลิกภาพแบบแสวงหาความท้าทาย (Sensation Seeking Personality Questionnaire:SSPQ) ของวีณา คันฉ้อง (Chanchong, 2004) มีระดับการวัดแบบช่วงสเกล (Interval scale) แต่สาหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในการศึกษานี้เพ่ือให้ตัวแปรมีความหมายในทางปฏิบัติผู้วิจั ยกาหนดระดบั การวดั เป็นอนั ดบั สเกล (Ordinal scale) 2 อันดับ โดยพิจารณาการกระจายของคะแนนของกลุ่มตัวอย่างเป็นหลัก ผู้วิจัยจัดกลุ่มอันดับด้วยค่ามัธยฐาน (Median) ของคะแนนกลุ่มตัวอย่างชาย และหญิง ดังนี้ อนั ดบั 1 ก า ร แ ส ว ง ห า ค ว า ม ท้ า ท า ย ต่ า เ ป็ น ผู้ ที่ มี ค ะ แ น น จ า กแบบสอบถามบุคลิกภาพแบบแสวงหาความท้าทายอยู่ในช่วง 10-16 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ10-18 สาหรบั ชาย ใหค้ า่ เปน็ 0 อันดับ 2 กา ร แ ส ว งห า ค ว า ม ท้า ท า ย สู ง เ ป็ น ผู้ ที่ มี คะ แ น น จ า กแบบสอบถามบุคลิกภาพแบบแสวงหาความท้าทายอยู่ในช่วง 17-30 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ19-30 สาหรบั ชาย ให้ค่าเป็น 1 3.2.1.2 ความกังวลในการเข้าสังคม (X2) หมายถึง ความยุ่งยากใจของวัยรุ่นชายหรือหญิงเม่ือพบปะและพูดกับบุคคลอื่น ได้แก่ เพื่อนร่วมช้ันเรียน เพศตรงข้าม หรือคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคย ประเมินโดยแบบประเมินที่แปลมาจากแบบประเมินความกังวลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (The Social Interaction Anxiety Scale: SIAS) ของแมททิค และคลาร์ค (Mattick & Clarke,1998) มีระดับการวัดแบบช่วงสเกล แต่สาหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในการศึกษานี้เพื่อให้ตัวแปรมีความหมายในทางปฏิบัติผู้วิจัยกาหนดระดับการวัดเป็นอันดับสเกล 2 อันดับ โดยพิจารณาการกระจายของคะแนนของกลุ่มตัวอย่างเป็นหลัก ผู้วิจัยจัดกลุ่มอันดับด้วยค่ามัธยฐานของคะแนนกลมุ่ ตัวอย่างชาย และหญิง ดงั นี้ อนั ดับ 1 ความกังวลในการเข้าสังคมต่า เป็นผู้ที่มีคะแนนจากแบบประเมินความกังวลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอยู่ในช่วง 0-23 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ0-25 สาหรับชาย ใหค้ า่ เป็น 0
99 อนั ดับ 2 ความกังวลในการเข้าสังคมสูง เป็นผู้ที่มีคะแนนจากแบบประเมินความกังวลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอยู่ในช่วง 24-76 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ26-76 สาหรับชาย ใหค้ ่าเป็น 1 3.2.1.3 ความโน้มเอียงที่จะด่ืม (X3) หมายถึง การคิดคานึงถึงการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ใน 3 ประการ คือ การคิดถึงการด่ืมตลอดเวลา การรับรู้ความยากในการควบคุมการดื่มและการคิดถึงการดมื่ เพ่ือลดอารมณข์ ุน่ มวั ประเมินโดยแบบสอบถามที่แปลมาจากชุดแบบสอบถามความยวนใจในการด่ืมและการจากัดการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ (The Temptation and RestraintInventory: TRI) ของโคลลินและแลปป์ (Collins & Lapp) (Collins & Lapp, 1992) มีระดับการวัดแบบช่วงสเกล แต่สาหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในการศึกษาน้ีเพ่ือให้ตัวแปรมีความหมายในทางปฏิบัติผู้วิจัยกาหนดระดับการวัดเป็นอันดับสเกล 2 อันดับ โดยพิจารณาการกระจายของคะแนนของกล่มุ ตัวอยา่ งเป็นหลัก ผู้วิจัยจัดกลุ่มอันดับด้วยค่ามัธยฐานของคะแนนกลุ่มตัวอย่างชายและหญงิ ดงั นี้ อนั ดบั 1 ความโน้มเอียงท่ีจะดื่มต่า เป็นผู้ท่ีมีคะแนนจากแบบสอบถามส่วนท่ีวัดความยวนใจในการด่ืมอยู่ในช่วง 9-16 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ 9-22 สาหรับชายใหค้ า่ เป็น 0 อันดับ 2 ความโน้มเอียงที่จะด่ืมสูง เป็นผู้ท่ีมีคะแนนจากแบบสอบถามสว่ นที่วัดความยวนใจในการดื่มอยู่ในช่วง 17-45 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ 23-45 สาหรับชายใหค้ ่าเปน็ 1 3.2.1.4 การควบคุมการด่ืม (X4) หมายถึง การคิดคานึงถึงความพยายามและการวางแผนลดการดืม่ ลงประเมนิ โดยแบบสอบถามทแี่ ปลมาจากชุดแบบสอบถามความยวนใจในการด่ืมและการจากัดการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ (The Temptation and Restraint Inventory:TRI) ของโคลลินและแลปป์ (Collins & Lapp) (Collins & Lapp, 1992) มีระดับการวัดแบบช่วงสเกล แตส่ าหรับการวิเคราะห์ความสมั พันธใ์ นการศกึ ษาน้ีเพื่อให้ตัวแปรมีความหมายในทางปฏิบัติผู้วิจัยกาหนดระดับการวัดเป็นอันดับสเกล 2 อันดับ โดยพิจารณาการกระจายของคะแนนของกลุ่มตัวอยา่ งเปน็ หลัก ผู้วจิ ัยจดั กลุ่มอันดับด้วยค่ามัธยฐานของคะแนนกลุ่มตวั อยา่ งชาย และหญงิ ดงั นี้ อนั ดบั 1 กา ร ค ว บคุ ม ก า ร ด่ืม ต่ า เ ป็น ผู้ ท่ี มี ค ะ แ น น จ า กแบบสอบถามส่วนที่วัดการควบคุมการด่ืม อยู่ในช่วง 6-18 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ 6-17สาหรบั ชาย ใหค้ ่าเปน็ 0
100 อันดับ 2 การ คว บคุ มก าร ดื่ม สูง เ ป็น ผู้ท่ี มีค ะ แ นน จา กแบบสอบถามส่วนท่ีวัดการควบคุมการด่ืม อยู่ในช่วง 19-30 สาหรับกลุ่มตัวอย่างหญิง และ 18-30สาหรบั ชาย ให้ค่าเป็น 1 3.2.1.5 สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ (X5)หมายถึง การรับรูร้ ะดับความเช่ือมั่นในความสามารถของวัยรุ่นในการปฏิเสธ/ต้านการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานการณ์ต่างๆท่ีเอ้ือต่อการด่ืม 3 สถานการณ์ ได้แก่ สถานการณ์ที่มีความกดดันทางสังคม สถานการณ์ท่ีมีการผ่อนคลายอารมณ์และความรู้สึก และสถานการณ์ท่ีเป็นโอกาสที่เอื้อต่อการด่ืม ประเมินโดยแบบสอบถามที่แปลมาจากแบบสอบถามสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ฉบับปรับปรุง (the Drinking Refusal Self-Efficacy Questionnaire-Revised: DRSEQ-R) ของโออี แฮสกิง และยัง (Oei, Hasking & Young) (Oei, Hasking, & Young,2005) มีระดับการวัดแบบช่วงสเกล แต่สาหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในการศึกษานี้เพื่อให้ตัวแปรมีความหมายในทางปฏิบัติผู้วิจัยกาหนดระดับการวัดเป็นอันดับสเกล 2 อันดับ โดยพิจารณาการกระจายของคะแนนของกลุ่มตัวอย่างเป็นหลัก ผู้วิจัยจัดกลุ่มอันดับด้วยค่ามัธยฐานของคะแนนกลุ่มตวั อย่างชาย และหญิง ดังนี้ อนั ดบั 1 สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ต่าเป็นผู้ท่ีมีคะแนนจากแบบสอบถามสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในชว่ ง 19-101 สาหรับกล่มุ ตวั อย่างหญิง และ 19-86 สาหรบั ชาย ให้คา่ เปน็ 0 อนั ดับ 2 สมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์สงู เปน็ ผู้ทม่ี คี ะแนนจากแบบสอบถามสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์อยู่ในช่วง 102-114 สาหรับกลุม่ ตวั อยา่ งหญิง และ 87-114 สาหรับชาย ให้ค่าเปน็ 1 3.2.2 ปัจจัยจากบริบททางสงั คม ปัจจัยจากบริบททางสังคม ได้แก่ การมีเพ่ือนด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์การดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว และบรรทัดฐานทางสังคมด้านการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มกี ารวดั ตวั แปรด้วยแบบสอบถามทผี่ ู้วิจยั สรา้ งข้นึ เอง มีรายละเอยี ดของการวดั ดงั นี้ 3.2.2.1 การมีเพ่อื นด่มื เครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์ (X6) หมายถึง การับรู้จานวนเพ่ือนทีด่ ืม่ เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของวัยรุ่นชายและหญิง ใน 3 ระดับ ได้แก่ ไม่มีเพ่ือนดื่ม เพ่ือน 2-3คนด่ืม และคร่ึงหนึ่งของกลุ่มเพ่ือนดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ (Griffin, Botvin, & Epstein, 2000;Reboussina, Songa, Shresthab, Lohmana, & Wolfson, 2006) มีระดับการวัดแบบอันดับสเกลแบง่ เปน็ 3 อนั ดับ ได้แก่
101 อันดับ 1 ไมม่ เี พื่อนดืม่ ใหค้ า่ เปน็ 0 อันดบั 2 เพอ่ื น 2-3 คนด่มื ให้คา่ เปน็ 1 อันดับ 3 ครง่ึ หน่ึงของกลุ่มเพื่อนด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ให้ค่าเป็น 2 3.2.2.2 การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของสมาชิกในครอบครัว (X7)การับรู้ความถี่ของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ใหญ่ในครอบครัว ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของวยั ร่นุ ชายและหญิง มีระดับการวัดแบบอันดับสเกล แบ่งเป็น 2 อันดับ ปรับมาจากช่วงการตอบของเยห์ (Yeh) (Yeh, 2006) ไดแ้ ก่ อันดบั 1 ไม่เคยด่ืมเลย- ดื่ม 1 ครั้ง/เดือน ให้คา่ เปน็ 0 อนั ดับ 2 มากกว่า 1 คร้งั /เดือน- ดืม่ ทุกวัน ให้คา่ เป็น 1 3.2.2.3 บรรทัดฐานทางสังคมด้านการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ (X8)หมายถงึ การรับรู้ของวัยรุ่นชายและหญิงเกี่ยวกับปริมาณเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์โดยทั่วไปที่เพ่ือนวัยเดียวกัน และการรับรู้ระดับความยินยอมหรือการยอมรับเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากพ่อแม่หรือผู้ปกครองและเพ่ือน (Neighbors, Lee, Lewis, Fossos, & Larimer, 2007) ประเมินโดย แบบประเมินบรรทัดฐานทางสงั คมด้านการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ท่ีผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเอง มีระดับการวัดแบบช่วงสเกล แต่สาหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในการศึกษานี้เพื่อให้ตัวแปรมีความหมายในทางปฏิบัติผู้วิจัยกาหนดระดับการวัดเป็นอันดับสเกล 2 อันดับ โดยพิจารณาการกระจายของคะแนนของกลมุ่ ตวั อย่างเป็นหลัก ผู้วิจัยจัดกลุ่มอันดับด้วยค่ามัธยฐานของคะแนนกลุ่มตัวอย่างชายและหญงิ ดังน้ี อันดับ 1 บร ร ทั ด ฐ า น ท า ง สั ง ค มด้ า น ก า ร ด่ื ม เ ค รื่ อ ง ดื่ มแอลกอฮอล์ต่า เป็นผู้ท่ีมีคะแนนจากแบบสอบถามบรรทัดฐานทางสังคมด้านการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์อย่ใู นช่วง 12-28 สาหรับกลุ่มตวั อย่างหญงิ และ 12-33 สาหรบั ชาย ใหค้ ่าเป็น 0 อนั ดบั 2 บร ร ทั ด ฐ า น ท า ง สั ง ค มด้ า น ก า ร ดื่ ม เ ค รื่ อ ง ด่ื มแอลกอฮอล์สูง เป็นผู้ที่มีคะแนนจากแบบสอบถามบรรทัดฐานทางสังคมด้านการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์อยใู่ นช่วง 29-60 สาหรบั กลุ่มตวั อย่างหญิง และ 34-60 สาหรบั ชาย ให้ค่าเป็น 1 3.2.3 ปจั จัยจากสิง่ แวดล้อมทางวฒั นธรรม ปัจจัยจากส่ิงแวดล้อมทางวัฒนธรรม ได้แก่ การร่วมกิจกรรมทางศาสนาความรูด้ า้ นการด่ืมเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์ ค่านยิ มดา้ นการดืม่ เคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์ การคาดหวังผลในการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ในทางท่ีดี การประเมินค่าผลจากการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ และ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307