7.2 ภาคจูนเนอร์ (Tuner) ระบบ FM ภาคจนู เนอร์ (Tuner) หรือฟร้อนท์ เอน็ ด์ (Front End) จะเป็นภาคแรกของเครื่องรับ ระบบ FM โดยจะ บรรจุในกระป๋ องหรือกล่องโลหะ เพ่ือป้ องกนั สัญญาณรบกวนต่าง ๆ ท่ีจะเขา้ สู่ ภาคจูนเนอร์ ภาคจูนเนอร์จะ คลา้ ยกบั วงจรอาร์ – เอฟ คอนเวอร์เตอร์ ในระบบ AM การทางานของจูนเนอร์ เลอื กรับสัญญาณความถีย่ ่าน FM (วงจรจูนท่ี 1) ในการส่งความถี่ยา่ น FM ของ FM คือ 88 MHZ - 108 MHZ วธิ ีเลือกรับความถ่ีหรือ เลือกรับสถานีใด สถานีหน่ึง คือจะใชว้ งจรจูน เมื่อเลือกสถานีที่ตอ้ งการไดแ้ ลว้ จะส่งใหภ้ าคอาร์-เอฟ แอมปลิฟายดาเนินการต่อไป 1. ภาค อาร์-เอฟ แอมปลฟิ าย (RF Amplifier) ภาค อาร์-เอฟ แอมปลิฟาย จะนาเอาสัญญาณท่ี วงจรจนู ที่ 1 เลือกรับเขา้ มา ทาการขยายใหม้ ีกาลงั ของ สัญญาณสูงข้ึน แลว้ ส่งสญั ญาณใหภ้ าคมิกเซอร์ ต่อไป 2. ภาคออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) (วงจรจูนที่ 3) ภาคออสซิลเลเตอร์ จะมีหนา้ ที่สร้างความถี่ข้ึนมาท่ีเคร่ืองรับวทิ ยุ ความถี่ท่ี สร้างจะมีเพียงความถ่ีเดียว และความถี่ท่ีสร้างจะสูงกวา่ ความถ่ีท่ีรับเขา้ มา 10.7 KHZ เสมอ เม่ือ ทาการสร้างไดแ้ ลว้ โดย (วงจรจนู ท่ี 3) จะส่ง ใหภ้ าคมิกเซอร์ต่อไป 3. ภาคมกิ เซอร์ (Mixer) ภาคมิกเซอร์จะนาเอาสัญญาณ 2 แหล่งมาดาเนินการ คือ 3.1 สญั ญาณจากภาคอาร์ – เอฟ แอมปลิฟาย คือ วงจรน้ีจะเลือกรับสถานี เขา้ มาดว้ ยวงจรจูนท่ี 1 แลว้ ดาเนินการขยายใน อาร์ - เอฟ แอมปลิฟาย ส่งใหว้ งจรจูนที่ 2 ถ่ายทอดสญั ญาณไปยงั ภาคมิกเซอร์สัญญาณใน ส่วนน้ีเรียกวา่ สญั ญาณ RF 3.2 สญั ญาณจากภาคออสซิลเลเตอร์ คือ การทางานของวงจรจูนที่ 3 วงจร จนู จะสร้างความถี่สูง กวา่ ความถี่ท่ีรับเขา้ มา 10.7 MHZ เสมอ สัญญาณในส่วนน้ีเรียกวา่ สัญญาณ OSC 3.3 ภาคมิกเซอร์จะส่งสญั ญาณจาก 2 แหล่ง จะมาดาเนินการในภาคมิก เซอร์ จะก่อใหเ้ กิด ผลรวมของความถี่ เรียกวา่ “ผลบวก” และหกั ลา้ ง (beat) ความถ่ีเรียกวา่ “ผลตา่ ง” ดงั น้นั ผลจากการทางานจะ ก่อใหเ้ กิดสญั ญาณที่เอาตพ์ ุตของภาคมิกเซอร์ 4 ความถี่ 7.2.1 ภาคออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) ภาคออสซิลเลเตอร์ จะทาหนา้ ที่สร้างความถ่ีข้ึนมาในเครื่องรับวทิ ยุ การ สร้างความถ่ีจะสร้างสูงกวา่ ความถี่เลือกกบั เขา้ มา 10.7 MHZ เสมอ
จุดประสงค์ของภาคภาคออสซิลเลเตอร์ 1. หลกั การสร้างความถี่ 2. วงจรสร้างความถ่ี 3. การถ่ายทอดความถี่ออสซิลเลเตอร์ที่สร้างสู่ภาคมิกเซอร์ 1. หลกั การสร้างความถ่ี หลกั การสร้างความถี่ คือ จะตอ้ งสร้างสูงกวา่ ความถี่ที่เลือกรับเขา้ มา 10.7 MHZ เสมอหรือ ใชส้ ูตร คานวณ 2. วงจรสร้างความถีอ่ อสซิลเลเตอร์ วงจรสร้างความถ่ี จะอาศยั การทางานของวงจรจนู หรือ วงจรแทง้ ค์ (Tank) คือ ถา้ การคานวณออกมาวา่ ค่าวงจรจูน รีโซแนนซ์ กบั คา่ ความถ่ีใด ก็แสดงวา่ วงจรน้นั สร้าง ความถี่ตามที่ค่าคานวณได้ วงจรจนู จะประกอบ ไปดว้ ยวงจรหลกั เพยี งอุปกรณ์ 2 อยา่ ง คือ คาปาซิเตอร์ (C) และขดลวด (L) ภาคมิกเซอร์ ในภาคมิกเซอร์ จะนาสญั ญาณจาก 2 แหล่ง มาดาเนินการตามขบวนการของมิกเซอร์ คือ TR2 ไดม้ าจาก 1 จากภาค อาร์เอฟ แอมป์ คือ TR1 คปั ปลิ้งผา่ น C22 มาเขา้ ขาเบสของมิกเซอร์ 2 จากภาคออสซิลเลเตอร์ คือ TR3 คปั ปลิ้งผา่ น C24 มาเขา้ ขาเบสของมิกเซอร วงจร AFC (Automatic Frequency Control) ในการปรับหาสถานีที่ตอ้ งการรับ บางคร้ังผฟู้ ังนึกวา่ ปรับตรงสถานีท่ีตอ้ งการรับมาก ที่สุดแลว้ เพอ่ื ความเท่ียงตรงและถูกตอ้ งที่สุด ใหท้ ดลองผลกั สวทิ ซ์ AFC มาตาแหน่ง “ON” การ ผลกั สวทิ ซ์ มาตาแหน่ง “ON” คือใหเ้ คร่ืองดาเนิน การปรับความถี่ที่ตอ้ งการรับใหถ้ ูกตอ้ งอยา่ ง อตั โนมตั ิ หรือ แม่นยายงิ่ ข้ึนน้นั คือ ตรงความถ่ี ของสถานีที่ตอ้ งการรับมากที่สุด วธิ ีการของวงจร AFC คือ จะมีแรงไฟ AFC มาจากวงจร เอฟ – เอม็ ดีเทคเตอร์ (FM Detector) ถา้ ตรง สถานีรับมากท่ีสุดแรงไฟ AFC จะสูงสุด แรงไฟ AFC จะยอ้ นกลบั มา ควบคุมวาริแคป (Varicap) คือ D1 วาริแคป (Varicap) คือ อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ชนิดหน่ึงมีคุณสมบตั ิ คือ เมื่อนาแรง ไฟ ดีซี มาป้ อนหรือต่อเขา้ วาริ แคปคา่ แรงไฟ ดีซีจะทาใหค้ ่าความจุเปล่ียนแปลงเหมือนคาปาซิเตอร์ ที่เปลี่ยนค่าไดค้ ่าคาปาซิสเตอร์ของวาริแคป จะเปล่ียนค่าตามแรงไฟท่ีป้ อนใหแ้ ก่วาริแคป จากคุณสมบตั ิของวาริแคปน้ีเองจะมาเปลี่ยนคา่ ของวงจรจูนใหถ้ ูกตอ้ งอยา่ งอตั โนมตั ิ โดยอาศยั แรงไฟจากวงจร AFC (มาจากการทางานของภาค FM ดีเทคเตอร์) การทางานของวงจร AFC เมื่อผลกั สวทิ ซ์ AFC ตาแหน่ง “ON” แรงไฟดีซีจากวงจร AFC คือไดม้ าจากการ ทางานภาคเอฟ - เอม็ ดี เทคเตอร์ จะยอ้ นกลบั ผา่ น R 18 ผา่ น R 11 มาตอ่ เขา้ ท่ีวาริแคป (D1) ทาใหค้ ่าของคาปาซิเตอร์ของวาริแคป (เปลี่ยนค่าได)้ มีคา่ ๆ หน่ึง จะมีผลตอ่ การสร้างความถี่ออส ซิลเลเตอร์ ดูวงจรรูปที่ 7.6 D1 จะต่อระหวา่ ง C28
และ C 26 จะพบวา่ วงจรน้ีจะตอ่ ไปยงั วงจร จนู ท่ี 3 คือวงจรสร้างความถี่ออสซิลเลเตอร์ (C11 และ L3) วธิ ีการน้ี จะทาใหก้ ารรับสถานีท่ีเลือก รับมีความถูกตอ้ งอยา่ งอตั โนมตั ิ 3. การถ่ายทอดความถ่ีออสซิเลเตอร์ สู่ภาคมิกเซอร์ เมื่อวงจรออสซิลเลเตอร์ สร้างความถ่ีไดแ้ ลว้ จะตอ้ งถูกถ่ายทอดไปยงั ภาคมิกเซอร์ จากรูปที่ 7. 9 จะพบวา่ C24 จะ ทาหนา้ ที่ คปั ปลิ้ง สู่ภาคมิกเซอร์ รูปท่ี 7.9 การถ่ายทอดสัญญาณจากภาค อาร์ – เอฟ แอมป์ และจากการออสซิลเลเตอร์ สู่ภาคมกิ เซอร์ 7.2.3 ภาคมกิ เซอร์ ภาคมิกเซอร์ จะนาเอาสญั ญาณจาก 2 แหล่ง มาผสมกนั หรือรวมกนั เพอ่ื ก่อใหเ้ กิดความถ่ีกลางหรือ ความถี่ ไอ – เอฟ ในระบบ FM ความถ่ี ไอ – เอฟ 10.7 MHZ จุดประสงค์ของมิกเซอร์ 1. กรรมวธิ ีของภาคมิกเซอร์ จะนาสญั ญาณจาก 2 แหล่ง มาผสมกนั คือ จาก - ภาค อาร์ – เอฟ แอมปลิฟาย (RF Amplifier) - ภาค ออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) 2. ถ่ายทอดสัญญาณจากภาคมิกเซอร์สู่ภาคขยาย ไอ - เอฟ ที่ 1 ไอ – เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ 1 (IFT 1) จะทาหนา้ ท่ีกรองใหเ้ ฉพาะความถ่ี 10.7 MHz เท่าน้นั ผา่ นวงจรไปได้ หมายความวา่ ความถี่ตา่ ง ๆ ที่มาปรากฏ ทางดา้ น Primary มีถึง 4 ความถ่ี แต่ปรากฏทางดา้ น Secondaryเพียงความถี่เดียวคือ 10.7 MHZ
3. การถ่ายทอดสัญญาณจากภาคมิกเซอร์สู่ภาคขยาย ไอ - เอฟ ที่ 1ไอ –เอฟทรานสฟอร์เมอร์ 1 (IFT 1) เป็นการถ่ายทอดหรือคปั ปลิ้งจากภาค มิกเซอร์สู่ภาคขยาย ไอ –เอฟที่ 1 คือ ขยาย ไอ – เอฟ ท่ี 1 คือความถ่ี 10.7 MHz เทา่ น้นั ท่ีจะ ไปด���ำาเนินการขยายในภาคขยายไอ – เอฟท่ี 1 7.3 อเิ ลก็ ทรอนิกส์จูนเนอร์ เนื่องจากการพฒั นาวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ ไม่วา่ เกี่ยวกบั อุปกรณ์ คุณภาพ ประสิทธิภาพ ในการทางาน สูงข้ึน และทนั สมยั ยงิ่ ข้ึน แมแ้ ตจ่ นู เนอร์ ไม่วา่ จะเป็นของเครื่องรับโทรทศั น์ หรือ ของ วทิ ยุ FM ก่อนน้ี จะมี ขนาดใหญ่มาก ทุกวนั น้ีถูกพฒั นามีขนาดเล็กลงมามาก ท้งั ๆ ท่ีวงจรตา่ ง ๆ ยงั มีเหมือนเดิม เพียงแตพ่ ฒั นา อุปกรณ์ต่าง ๆ มีขนาดเลก็ ลง จนในท่ีสุดเม่ือจนู เนอร์เสีย โอกาส ซ่อมเกือบไม่มีเลย มีแต่เปล่ียนอุปกรณ์สาเร็จรูป ท้งั ชุด (กระป๋ อง จูนเนอร์) 7.3.1 วาริแคป (Varicap) วาริแคป ไดโอด (Varicap Diode) หรือ วาแร็คเตอร์ ไดโอด (Varactor Diode) เรียกช่ือยอ่ วา่ “วาริแคป” อุปกรณ์ชนิดน้ีมาทาหนา้ ท่ีแทน “วาริเอเบิล” โดยใชแ้ รงดนั มา เปล่ียนคา่ การเก็บประจุ เรียกวา่ แรงดนั ไฟจูนน่ิง (BT) หรือ (VT) วาริแคปกเ็ หมือนไดโอดทวั่ ๆ ไป เพียงแต่สร้างใหบ้ ริเวณรอยตอ่ ของ PN (PN Junction) มีคา่ ความจุของ ตวั เก็บประจุ โดยคา่ ความจุสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือสามารถเปล่ียน ค่าได้ เมื่อเราป้ อนแรงเคลื่อนไฟฟ้ า สรุปแบบง่าย ๆ วา่ วาริแคป คลา้ ย ๆ กบั คาปาซิเตอร์ ท่ีเปล่ียนคา่ ได้ เม่ือ เราเปล่ียนแรงไปท่ีป้ อนใหแ้ ก่ วาริแคป 7.3.2 บลอ็ กไดอะแกรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์จูนเนอร์ อิเลก็ ทรอนิกส์จนู เนอร์ มาทาหนา้ ท่ีแทนจูนเนอร์แบบเดิมท่ีศึกษาผา่ นมาแลว้ โดยมีการนามาใชจ้ ูนหา สถานีวทิ ยุ AM และ FM ตลอดจูนเนอร์ของโทรทศั น์ ในจูนเนอร์เคร่ืองรับวทิ ยุ FM จะประกอบดว้ ย 3 ชุด 1. วงจรจูน ชุดท่ี 1 เลือกสถานีจะอยกู่ ่อนการขยาย RF Amp 2. วงจรจนู ชุดที่ 2 เป็นความถี่เอาตพ์ ุต ของวงจร RF Amp 3. วงจรจนู ชุดท่ี 3 เป็นวงจรจนู ความถ่ีออสซิลเลเตอร์ 7.4 ภาคขยายไอ - เอฟ (IF Amplifier) ภาคขยายไอ - เอฟ (IF Amplifier) ระบบ FM จะนาสัญญาณความถี่ ไอ – เอฟ 10.7 MHz มาทาการขยาย ท้งั ส่วนสูง (Amplitude) ของสัญญาณและให้ ความกวา้ งของสัญญาณ ท่ีเรียกวา่ แบนด์วดิ ท์ (Band Width) ผา่ น ไดต้ ลอด ภาคขยาย ไอ – เอฟ จะมี 2 - 3 ภาค การมีภาคขยายมากแสดงถึงประสิทธิภาพ และคุณภาพของเครื่องรับ ยง่ิ มีภาคขยายมากยอ่ มหมายถึงประสิทธิภาพของเครื่องรับน้นั ๆ สูงข้ึน ตามไปดว้ ย 1. ภาคขยายไอ - เอฟท่ี 1 (IF Amp 1) ภาคขยาย ไอ - เอฟที่ 1 จะนาเอาสญั ญาณ ความถ่ี ไอ - เอฟ 10.7 MHZ มาทาการขยายใหม้ ีกาลงั เพมิ่ ข้ึน
น้นั คือ การขยายกาลงั หรือส่วนสูงของสัญญาณ และในขณะ เดียวกนั จะตอ้ งใหค้ วามกวา้ งของสญั ญาณหรือ แบนดว์ ดิ ท์ ผา่ นไดต้ ลอด การขยายจะถูกควบคุมให้เป็ นไปอย่างอตั โนมตั ิ การขยายของวงจรไอ – เอฟที่ 1 จะถูกควบคุมใหก้ ารขยายเป็นไปอยา่ งอตั โนมตั ิโดยจะ ตอ้ งนาเอาแรงไฟ AGC เรียกวา่ IF - AGC แรงไฟ AGC จะไดม้ าจากการทางานของภาค เอฟ เอม็ ดีเทคเตอร์ (FM – Detector) แรง ไฟ IF - AGC มาควบคุมแรงไฟเบสไบอสั เพ่ือใหก้ ารขยาย เป็นไปอยา่ งสม่าเสมอ หมายถึง การรับสถานีใด ๆ ใน ขีดความสามารถ ของเครื่องรับ จะรับสัญญาณ ได้ สถานีส่งวทิ ยรุ ะบบ FM ยอ่ มจะมีระยะทางห่างจากเคร่ืองรับ แตกตา่ งกนั ดงั น้นั จะส่งผลใหก้ าลงั ของสัญญาณแตล่ ะสถานียอ่ มแตกต่างกนั ดว้ ย เม่ือนาสญั ญาณไปขยายเสียง จะทาใหค้ วามดงั แต่ละสถานียอ่ มตา่ งกนั คือ บางสถานีจะดงั มาก บางสถานีจะดงั นอ้ ยลง วธิ ีจะแกไ้ ขหรือ ชดเชย ใหก้ าลงั ของแตล่ ะสถานีกาลงั ใกลเ้ คียงกนั จะนากาลงั ท่ีจะขยายเสียงส่วนหน่ึงมากาหนดเป็นแรง ไฟ AGC เช่น IF AGC ควบคุมการขยายของภาค ไอ – เอฟท่ี 1 RF AGC ควบคุมการขยายของภาค อาร์ เอฟ แอมป์ ในจูนเนอร์ IF AGC จะถูกส่งใหไ้ ปควบคุมการขยายของวงจรขยาย ไอ – เอฟที่ 1 โดยส่งแรง ไฟไปรวมกบั เบส ไบอสั จึงทาใหก้ ารควบคุมการขยายของภาคขยาย ไอ – เอฟที่ 1 เป็นไปอยา่ ง อตั โนมตั ิ ถา้ สถานีที่มีกาลงั เขา้ มามาก สัญญาณหลงั ภาค FM ดีเทคเตอร์กจ็ ะมาก จะนาสญั ญาณมากาหนดเป็นแรง ไฟ AGC ยอ้ นกลบั ไปควบคุมการขยายของภาค ขยาย ไอ – เอฟ ท่ี 1 ใหก้ ารขยายลดลง จะส่งผลใหก้ าลงที่จะ ออกไปขยายเสียงลดลงดว้ ย คือ มีระดบั ปานกลางหรือ ระดบั ท่ีตอ้ งการ ถา้ สถานีที่มีกาลงั เขา้ มานอ้ ย สญั ญาณหลงั ภาค FM ดีเทคเตอร์ก็จะนอ้ ย จะนาสัญญาณมากาหนดเป็นแรง ไฟ AGC ยอ้ นกลบั ไปควบคุมการขยายของภาค ขยาย ไอ – เอฟ ท่ี 1 ใหก้ ารขยายเพ่ิมข้ึน จะส่งผลใหก้ าลงั ที่จะ ออกไปขยายเสียงเพม่ิ ข้ึนดว้ ย คือ มีระดบั ปานกลางหรือ ระดบั ท่ีตอ้ งการ ดงั น้นั แสดงวา่ กาลงั ของสญั ญาณแต่ละสถานีท่ีเคร่ืองรับเลือกเขา้ มาน้นั จะมาก นอ้ ยอยา่ งไรจะมีวงจร แกไ้ ขหรือชดเชยใหก้ าลงั ท่ีจะไปขยายเสียงที่มีขนาดปานกลางหรือระดบั ท่ี ตอ้ งการเสมอ การถ่ายทอดสัญญาณจากภาคขยาย ไอ - เอฟท่ี 1 สู่ภาคขยาย ไอ - เอฟ ที่ 2 การถ่ายทอดสญั ญาณจากภาคขยาย ไอ - เอฟที่ 1 สู่ภาคขยาย ไอ - เอฟ ที่ 2 จะใชว้ ธิ ีการของทรานสฟอร์ เมอร์ คปั ปลิ้ง (Transformer Coupling) น้นั คือ ไอ - เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ 10.7 MHz คือ วงจรจูนของ ไอ - เอฟ ถูกกาหนดไวท้ ่ีคา่ รีโซแนนซ์ท่ี 10.7MHz ดงั น้นั ความถี่ท่ีจะผา่ น ไอ - เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ จะมีค่าเทา่ กบั 10.7 MHz เท่าน้นั ท่ีผา่ น ได้ ความถี่ท่ีนอกจากน้ีจะไม่สามารถผา่ น ไอ – เอฟ ไดเ้ ลย เป็นการกลนั่ กรองเพอ่ื ใหไ้ ด้ ความถ่ีท่ี ผา่ นไดค้ ือ 10.7 MHz อีกคร้ังหน่ึง 2. ภาคขยาย ไอ – เอฟ ท่ี 2 สัญญาณความถี่ ไอ – เอฟ 10.7 MHZ จากภาคขยาย ไอ - เอฟ ท่ี 1 ถูกคปั ป ลิ้งมาสู่ภาคขยายไอ – เอฟท่ี 2 ภาคขยายไอ – เอฟที่ 2 จะขยายกาลงั ของสญั ญาณ คือขยาย ส่วนสูง (Amplitude) ของสัญญาณใหส้ ูงข้ึน ขณะเดียวกนั น้นั จะตอ้ งใหค้ วามกวา้ ง (Band Width) คือ แบนดว์ ดิ ท์ ผา่ นไดด้ ว้ ย
การถ่ายทอดสญั ญาณจากภาคขยายไอ – เอฟท่ี 2 ไปยงั เอฟ เอม็ ดีเทคเตอร์ (FM Detector) การถ่ายทอด สัญญาณจาก ภาคขยายไอ – เอฟที่ 2 ไปยงั เอฟ เอม็ ดีเทคเตอร์ (FM Detector) จะใชว้ ธิ ีการของทรานสฟอร์เมอร์ 10.7 MHZ ดงั น้นั ความถ่ีที่จะผา่ น ไอ – เอฟ ไดค้ ือ 10.7 MHz เทา่ น้นั เพื่อส่งใหภ้ าคเอฟ เอม็ ดีเทคเตอร์ (FM Detector) 7.5 วงจรภาคขยายไอ – เอฟ (IF Amplifier) จากการที่ไดศ้ ึกษาหลกั และวธิ ีการทางานเบ้ืองตน้ ของภาคขยาย ไอ – เอฟ มาแลว้ ในบทเรียนน้ีจะใหศ้ ึกษาวงจร ภาคขยาย ไอ – เอฟ วงจรขยาย ไอ – เอฟ กห็ มายถึงจะนาเอา สญั ญาณความถ่ี ไอ – เอฟ 10.7 MHZ มาดาเนินการ ขยายเป็นข้นั ตอนท่ี 1-2-3 ตามลาดบั ใน วงจรขยาย ไอ – เอฟ ระบบ FM ภาคขยาย 1-2-3 แตล่ ะภาควงจรคลา้ ย ๆ กนั โดยจะศึกษา ลาดบั ดงั น้ี 7.5.1 วงจรขยาย ไอ – เอฟ ใชท้ รานซิสเตอร์ 7.5.2 เซอร์รามคิ ฟิ ลเตอร์ (Ceramic Filter) เน่ืองจากการพฒั นาอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ มีการพฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง เพือ่ ใหม้ ีคุณภาพที่ดีข้ึนเรื่อย ๆ ตลอดขนาดของอุปกรณ์เล็กลง เพือ่ ประหยดั เน้ือท่ีการวางตาแหน่งของ อุปกรณ์ ในภาค ไอ – เอฟ ในระบบ FM หรือในภาคโทรทศั น์ อุปกรณ์ที่เป็นหลกั ของ วงจรก็ คือ ไอ – เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ ผเู้ รียนจะพบวา่ อุปกรณ์ชนิดน้ี จะมีแกนปรับหรือจูน เพอ่ื ใหค้ า่ ความถ่ีสามารถผา่ น ไอ – เอฟ ไดม้ ีค่าถูกตอ้ งแน่นอน แตใ่ นอุปกรณ์ชนิดใหม่ คือ เซอร์รามิค ฟิ ลเตอร์ จะไม่มีแกนปรับหรือตวั จูนใด ๆ ท้งั สิ้น แสดงถึงประสิทธิภาพของการใหค้ วามถี่ผา่ นเท่ียง ตรงมาก แต่จะเสียก็คือ จะเกิดการสูญเสียกาลงั ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ จะตอ้ งสร้างภาคขยาย ใหม้ ีการขยายสูงข้ึนพิเศษ เซอร์รามิคฟิ ลเตอร์ (Ceramic Filter) เป็นอุปกรณ์นามาแทน ไอ – เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ เช่น เซอร์รามิคฟิ ลเตอร์ ระบุไวท้ ี่อุปกรณ์ วา่ 10.7 MHZ แสดงวา่ เซอร์รามิคฟิ ลเตอร์ จะยอมใหเ้ ฉพาะความถี่ 10. 7 MHz ผา่ นไดเ้ ทา่ น้นั และในเคร่ืองรับโทรทศั น์ เซอร์รามิคฟิ ลเตอร์ระบุไวว้ า่ 5.5 MHZ ก็แสดงวา่ เซอร์ รามิคฟิ ลเตอร์ ตวั น้นั จะยอมให้ เฉพาะ 5.5 MHZ เท่าน้นั ที่ผา่ นได้ - ลกั ษณะอุปกรณ์ เซอร์รามิคฟิ ลเตอร 7.6 เอฟ – เอม็ ดีเทคเตอร์ (FM Detector) การดีเทคเตอร์ (Detector) หรือ เรียกอีกชื่อหน่ึงวา่ การดีมอดูเลเตอร์ (De-Modulator) วธิ ีการคือ จะทา การแยกสญั ญาณเสียง (AF: Audio frequency) ออกจากสญั ญาณคลื่นวทิ ยุ (RF: Radio Frequency) หรือคลื่น พาหะ (Carrier) ทบทวนเคร่ืองส่ ง เครื่องส่งจะส่งสญั ญาณเสียง (AF) รวมมากบั คล่ืนพาหะ (Carrier) หรือ คล่ืนวทิ ยุ (RF)
ด้านทกั ษะ+ด้านจิตพสิ ัย (ปฏบิ ตั ิ+ด้านจิตพสิ ัย) (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 4-6) 1. แบบฝึกหดั บทท่ี 7 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 7) 2. รู้จกั ควบคุมปริมาณเคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM และนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาความเขา้ ใจจุดประสงค์ 1. ผู้เรียนศึกษาจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมของ เชิงพฤติกรรมของเอกสารประกอบการสอนวิชา เอกสารประกอบการสอนวิชาทฤษฎีเคร่ืองรับวิทยุ ทฤษฎีเครื่องรับวิทยุ หน่วยที่ 7 เรื่อง เครื่องรับวิทยุ หน่วยที่ 7 เร่ือง เครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM หนา้ ที่ 117 ระบบ FM หนา้ ที่ 117 2. ผูเ้ รียนทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงค์การ 2. ผูส้ อนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของหน่วย เรียนของหน่วยที่ 7 เรื่อง เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM เรียนที่ 7 เรื่อง เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM 3. ผเู้ รียนเขียนลาดบั บล็อกไดอะแกรมเครื่องรับ 3. ผู้ ส อ น ใ ห้ ผู้ เ รี ย น เ ขี ย น ล า ดั บ วิทยุ FM ตามความเขา้ ใจ โดยขอคาแนะนาจากผสู้ อน บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ FM ตามความเขา้ ใจ หรือศึกษาจากเอกสารประกอบการสอนวิชา ทฤษฎี โดยครูเป็นผใู้ หค้ าแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด เครื่องรับวทิ ยุ 2. ข้ันให้ความรู้ (220 นาที) 2. ข้นั ให้ความรู้ (220 นาที ) 1. ผู้สอนแนะนาให้ผู้เรียนอ่านหนังสื อวิชา 1. ผเู้ รียนศึกษาอ่านหนังสือวิชา ทฤษฎีเครื่องรับ ทฤษฎีเคร่ืองรับวิทยุ หน่วยที่ 3 เรื่อง เคร่ืองรับวิทยุ วทิ ยุ หน่วยที่ 7 เรื่อง เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM ระบบ FM 2. ผู้เรี ยนยกตัวอย่างอิเล็กทรอนิกส์ จูนเนอร์ 2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนยกตวั อยา่ งอิเลก็ ทรอนิกส์จูน ตามท่ีไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint เนอร์ตามที่ไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint 3. ผเู้ รียนดูผสู้ อนทดลองแกป้ ัญหาวงจรภาคขยาย 3. ผูส้ อนทดลองแก้ปัญหาวงจรภาคขยายไอ- ไอ-เอฟพร้อมจดบนั ทึกเน้ือหาสาระ เอฟ ใหผ้ เู้ รียนดู พร้อมใหค้ าแนะนะ
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 3. ข้ันประยุกต์ใช้ ( 300 นาที ) 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 300 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรี ยนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน 1. ผู้เรี ยน แบ่ งกลุ่ ม ๆ ละ 4-5 คน ร่ วมกัน ร่วมกนั อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 7 อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 7 2. ผู้สอนให้ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ 2. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาอภิปราย แนวคิดที่ไดจ้ ากบทเรียนหน่วยท่ี 7 ของแต่ละกลุ่ม แนวคิดท่ีได้จากบทเรียนหน่วยท่ี 7 ของกลุ่มตนเอง ใหฟ้ ังหนา้ ช้นั เรียน หนา้ ช้นั เรียน 3. ผู้ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก 3. ผู้เรียนสื บค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรื อ อินเทอร์เน็ตหรือแหล่งความรู้ตา่ งๆ แหล่งความรู้ต่างๆ 4. ข้ันสรุปและประเมินผล (40 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาที ) 1. ผูส้ อนและผูเ้ รียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เรียนเพื่อใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั 2. ผู้สอนและผู้เรียนทาแบบฝึ กหัดบทท่ี 7 2. ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 7 หนา้ 148 - 149 หนา้ 148 - 149 3. ผสู้ อนให้ผูเ้ รียนสลบั กนั ตรวจกิจกรรมและ 3. ผู้ เรี ย น ส ลั บ กั น ต ร ว จ กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซื่อสัตย์ แล้วนา แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซ่ือสัตย์ แล้วนา คะแนนท่ีไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน คะแนนที่ไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน 4. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนศึกษาเพิ่มเติมนอกหอ้ งเรียน 4. ผู้เรี ยนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรี ยน ด้วย ดว้ ย PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-7) (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-7) (รวม 600 นาที หรือ 10 คาบเรียน)
งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร สื่อการเรียนการสอนหน่วยท่ี 7 2. ทาความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์การเรียนของหน่วยที่ 7 และให้ความร่วมมือในการทา แบบฝึกหดั บทท่ี 7 ขณะเรียน 1. ศึกษา PowerPoint และเอกสารประกอบการสอน 7 เร่ือง เครื่องรับวทิ ยุระบบ FM 2. ซกั ถามขอ้ สงสยั ระหวา่ งการเรียนการสอน 3. ปฏิบตั ิตามแบบฝึกหดั ท่ี 7 เรื่อง เครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM หลงั เรียน 1. สรุปเน้ือหา 2. สลบั กนั ตรวจแบบฝึกหดั บทท่ี 7 คาถาม 1. สถานีวทิ ยสุ ่งในระบบ FM ความถี่เท่ากบั 2. สถานีวทิ ยสุ ่งในระบบ FM ความถี่เทา่ กบั 3. ในจูนเนอร์ภาคท่ีเลือกรับสถานี คือ ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทที่ 7 เร่ือง เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM
สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชีพ - เครื่องรับวทิ ยุระบบ FM สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง แบบฝึ กหดั บทท่ี 7 เคร่ืองรับวิทยรุ ะบบ FM ที่จดั ทาข้ึนไดท้ าให้ผเู้ รียนมีความรู้เพ่ิมเก่ียวกบั คล่ืนวิทยุ ตลอดจนการทางานของวิทยุ ทาให้ผเู้ รียนสามารถนาไประยุกต์ใชใ้ นการเรียน การทางาน และสามารถหา รายไดร้ ะหวา่ งการเรียนการสอนช่วยเหลือผปู้ กครองไดใ้ นระดบั หน่ึง สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ ส่ือสิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ทฤษฎีเคร่ืองรับวทิ ยุ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-7) 2. แบบฝึกหดั หลงั เรียน (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-6) 3. แบบประเมินผลงานตามกิจกรรม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 4. แบบเฉลยกิจกรรมการเรียนรู้ ใชป้ ระกอบในข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน และข้นั สรุปและประเมินผล 5. แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2 ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. PowerPoint เรื่อง เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบ FM สื่อของจริง เครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-7)
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาคร การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอน่ื 1. บรู ณาการกบั วชิ าชีวิตและวฒั นธรรมไทย ดา้ นการพดู การอา่ น การเขียน และการฝึกปฏิบตั ิตน ทางสังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรับผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บรู ณาการกบั วชิ าคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
การประเมินผลการเรียนรู้ หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน ความรู้ก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน สังเกตการทางาน หลงั เรียน ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรียน ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทที่ 7 เร่ือง เครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM
รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 เขียนลาดบั บล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ FM ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : เขียนลาดบั บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ FM ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 บอกความหมายภาคจูนเนอร์ระบบ FM ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกความหมายภาคจูนเนอร์ระบบ FM ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 3 ยกตวั อยา่ งอิเล็กทรอนิกส์จูนเนอร์ ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ยกตวั อยา่ งอิเลก็ ทรอนิกส์จนู เนอร์ ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 4 ทานายเช่ือมโยงความสมั พนั ธ์ภาคขยายไอ-เอฟได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ทานายเชื่อมโยงความสัมพนั ธ์ภาคขยายไอ-เอฟได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 5 แกป้ ัญหาวงจรภาคขยายไอ-เอฟ ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : แกป้ ัญหาวงจรภาคขยายไอ-เอฟ ได้ จะได้ 1 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 6 จาแนก เอฟ - เอม็ ดีเทคเตอร์ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จาแนก เอฟ - เอม็ ดีเทคเตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 7 รู้จกั ควบคุมปริมาณเคร่ืองรับวทิ ยุระบบ FM และนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ ถูกตอ้ งเหมาะสม 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : รู้จกั ควบคุมปริมาณเครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM และนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ ถูกตอ้ งเหมาะสม จะได้ 1 คะแนน
แบบฝึ กหัด บทที่ 7 ตอนที่ 1 จงทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อทถ่ี ูกทส่ี ุด 1. สถานีวทิ ยสุ ่งในระบบ FM ความถ่ีเท่ากบั ก. 525 KHz – 1600 KHZ ข. 455 KHZ ค. 88 MHz - 108 MHZ ง. 10.7 MHZ 2. จูนเนอร์ของเครื่องรับวิทยุ FM ประกอบด้วยภาค ก. อาร์ – เอฟ แอมป์ ข. มิกเซอร์ ค. ออสซิลเลเตอร์ ง. ถูกทุกขอ้ 3. ในจูนเนอร์ภาคทเ่ี ลอื กรับสถานี คือ ก. อาร์ – เอฟ แอมป์ ข. มิกเซอร์ ค. ออสซิลเลเตอร์ ง. ถูกทุกขอ้ 4. RF - AGC จะมาควบคุมการทางานของภาค ก. อาร์ – เอฟ แอมป์ ข. มิกเซอร์ ค. ออสซิลเลเตอร์ ง. AFC 5. IF – AGC จะมาควบคุมการทางานของภาค ก. อาร์ – เอฟ แอมป์ ข. มิกเซอร์ ค. ออสซิลเลเตอร์ ง. ขยาย ไอ – เอฟ ท่ี 1 6. ถ้าเลอื กรับสถานีวิทยุ FM ความถี่ 90 MHz ภาคออสซิลเลเตอร์ จะสร้างความถ่ี ก. 90 MHz ข. 100 MHz ค. 100.7 MHz ง. 110.7 MHz 7. จากข้อ 6 เลอื กรับสถานีความถี่ 90 MHz ภาคมกิ เซอร์จะทางาน ความถ่ที เี่ ป็ น “ผลบวก” คอื ก. 90 MHz ข. 100 MHz ค. 100.7 MHz ง. 110.7 MHz
8. จากข้อ 6 เลอื กรับสถานีความถ่ี 90 MHz ภาคมิกเซอร์จะทางาน ความถ่ีทเี่ ป็ น “ผลต่าง” คือ ก. 90 MHz ข. 100 MHz ค. 100.7 MHz ง. 110.7 MHz 9. อปุ กรณ์ทม่ี าทาหน้าทแี่ ทน ไอ – เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ คือ ก. Saw Filter ข. Ceramic Filter ค. Low pass Filter ง. Hight pass Filter 10. เบสไบอสั ของ TR4 คือ ก. R12 ข. R13 ค. R14 ง. ถูกทุกขอ้
เฉลย บทที่ 7 ตอนท่ี 1 จงกาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อทีถ่ ูกทส่ี ุด 1. ค 2. ก 3. ข 4. ก 5. ง 6. ค 7. ง 8. ข 9. ค 10. ง
แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้าเสียง ซ่ึงทาให้ผฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถกู ตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไมค่ รบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอที่น่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แต่ขาด การประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
แบบประเมนิ กระบวนการทางาน ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. 1……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 1 การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 321 2 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานท่ี สื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แตไ่ มต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมีส่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด 1 คะแนน = ทางานไมส่ าเร็จตามเป้ าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แตไ่ มป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไมม่ ีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บันทึกหลงั การสอน หน่วยที่ 7 เครื่องรับวทิ ยรุ ะบบ FM ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. สื่อการสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั เรียนส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิใบงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 2. นกั เรียนกระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาที่กาหนด 3. นกั เรียนรับวทิ ยรุ ะบบ FM ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด
แผนการจัดการเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยท่ี 8 ช่ือวชิ า ทฤษฎีเครื่องรับวทิ ยุ สอนสัปดาหท์ ี่ 12-13 ชื่อหน่วย วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM คาบรวม 65 ช่ือเรื่อง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM จานวนคาบ 10 หัวข้อเรื่อง ดา้ นความรู้ 1. ภาคขยายเสียง ดา้ นทกั ษะ 2. ภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ย ดา้ นจิตพสิ ัย 3. วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 4. รู้จกั ใชว้ งจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ใหอ้ ยบู่ นพ้ืนฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพื่อนร่วม หอ้ ง สาระสาคญั วงจรภาคขยายที่จะศึกษาต่อไปน้ี จะใหศ้ ึกษาเก่ียวกบั ภาคขยายเสียงที่ใชเ้ คร่ืองรับ AM และ FM ธรรมดา ทว่ั ๆ ไป ในภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM หรือ FM ส่วนมากจะมีการขยายกาลงั ต่า มี ภาคขยายเพยี ง 2-3 ภาค การขยาย เสียงกค็ ือ การนาเอาสญั ญาณเสียง ที่ไดม้ าจากภาครับวิทยุ มาทาการขยายใหม้ ีกาลงั สูงมากข้ึนเพียงพอต่อความ ตอ้ งการ สาหรับภาคขยายเสียงท่ีมีคุณภาพสูงจะใหศ้ ึกษาในบทสุดทา้ ยจะกล่าวถึงเครื่องเสียงแบบ มินิคอมโป สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย - ขยายวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM
คาศัพท์สาคญั ความหมายของคาสั่งหรือคาแนะนา ภาคขยายเสียงภาคสุดท้าย ภาคขยายเสียงสุดทา้ ย เรียกวา่ ออดิโอ เอาตพ์ ุต (Audio Out put) หรือเรียกวา่ ภาค ขยายกาลงั ภาคน้ีจะรับ สัญญาณมาจากภาคไดรฟ์ เวอร์ (Driver) มาดาเนินการขยายเสียงในภาค ขยายสุดท้ายก่อนแลว้ ส่งกาลังให้กบั ลาโพง จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. เพอื่ ใหม้ ีความรู้เร่ืองการขยายความภาคขยายเสียง(ด้านความรู้) 2. เพื่อใหม้ ีทกั ษะสาธิตภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ย (ดา้ นทกั ษะ) 3. เพ่อื ใหผ้ เู้รียนตระหนกั ถึงการช้ีวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ (ด้านจิตพิสัย) 4. เพ่อื รู้จกั ใชว้ งจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ใหอ้ ยบู่ นพ้นื ฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพอ่ื น ร่วมหอ้ ง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ขยายความภาคขยายเสียงได้ (ด้านความรู้) 2. สาธิตภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ยได้ (ด้านทักษะ) 3. ช้ีวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยไุ ด้ (ดา้ นจิตพิสัย) 4. รู้จกั ใชว้ งจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ใหอ้ ยบู่ นพ้ืนฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพอื่ นร่วม หอ้ ง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)
เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี 8.1 ภาคขยายเสียง (Audio Amplifier) ภาคขยายเสียงของวทิ ยุ AM-FM จะมีต้งั แต่ 2-3 ภาค ข้ึนอยกู่ บั ความตอ้ งการดงั มาก หรือนอ้ ยและ คุณภาพของเสียงดว้ ย เร่ิมต้งั แต่มี 2 ภาค คือ ภาคขยายที่ 1 และภาคขยายสุดทา้ ย ทางเดนิ ของสัญญาณ สญั ญาณความถี่เสียง (AF) จากภาครับวทิ ยุ AM หรือ FM จะผา่ นวอลลุ่ม คือ VR1 จะ ทาการเร่งลด สัญญาณของความถ่ีเสียง วา่ ตอ้ งการจะนามาทาการขยายมากหรือนอ้ ย น้นั ก็คือ เร่ง – ลด ความดงั ของเสียง น้นั เอง เม่ือปรับระดบั ความตอ้ งการของสัญญาณความถี่เสียงแลว้ สัญญาณ จะผา่ น C1 C1 จะทาการถ่ายทอดสญั ญาณความถ่ีเสียง จากวอลลุ่มใหก้ บั วงจรขยายเสียงภาคท่ี 1 คือ ทรานซิสเตอร์ TR1 โดยสัญญาณจะเขา้ ขาเบสของทรานซิสเตอร์ TR1 TR1 เป็ นทรานซิสเตอร์ขยายภาคท่ี 1 วงจรขยายเสียงภาคที่ 1 จะใชท้ รานซิสเตอร์ชนิด PNP (ใชไ้ ฟลบทางาน) และวงจร เป็นแบบอิมิตเตอร์ ร่วม คือ สัญญาณเขา้ มา หรือ เรียกวา่ อินพทุ จะเขา้ มาที่ขาเบส แลว้ จะดาเนิน การขยายสัญญาณใหม้ ากข้ึน สญั ญาณจะออกที่ขาคอลเลคเตอร์ จากคอลเลคเตอร์ก็จะตอ่ ไปยงั อินพุตท รานสฟอร์เมอร์ (T1) (T1) คอื อนิ พุททรานสฟอร์เมอร์ เมื่อสญั ญาณจากการขยายของทรานซิสเตอร์มาปรากฏที่ T1 ดา้ นขดไพมาร่ี (Primary) จะถูกชกั นาไปสู่ขดเช็คกน่ั ดาร่ี (Secondary) เพอ่ื น���ำาสัญญาณต่อไปยงั ขาเบสของ ทรานซิสเตอร์ภาคขยายสุดทา้ ย ภาคขยายสุดทา้ ย (TR 2 –TR3) ภาคขยายสุดทา้ ยจะใชท้ รานซิสเตอร์ 2 ตวั เป็นการขยายแบบพุช-พลู รายละเอียดและ หลกั การทางานให้ ศึกษาในเร่ืองของการทางานของภาคขยายสุดทา้ ยในบทต่อไป เมื่อทาการขยาย แลว้ จะส่งใหก้ บั เอาตพ์ ตุ ทรานส ฟอร์เมอร์ เอาตพ์ ุต ทรานสฟอร์เมอร์ จะทาการถ่ายทอดสญั ญาณจากภาคขยายสุดทา้ ย โดยสัญญาณจากการขยายของ TR2 และ TR3 จะต่อ สัญญาณเขา้ ทางขดไพมาร่ี (Primary) แลว้ ส่งตอ่ ใหก้ บั ลาโพง
8.2 ภาคขยายเสียงภาคสุดท้าย ภาคขยายเสียงสุดทา้ ย เรียกวา่ ออดิโอ เอาตพ์ ตุ (Audio Out put) หรือเรียกวา่ ภาค ขยายกาลงั ภาคน้ีจะรับ สญั ญาณมาจากภาคไดรฟ์ เวอร์ (Driver) มาดาเนินการขยายเสียงในภาค ขยายสุดทา้ ยกอ่ นแลว้ ส่งกาลงั ใหก้ บั ลาโพง ลกั ษณะวงจรขยายเสียงสุดท้าย ภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ย จะใชท้ รานซิสเตอร์ 2 ตวั ทางานร่วมกนั โดยใชท้ รานซิสเตอร์ สลบั การทางาน ทีละตวั คือ เม่ือทรานซิสเตอร์ตวั ท่ี 1 ทางาน ทรานซิสเตอร์ตวั ท่ี 2 จะหยดุ ทางานพอ จงั หวะตอ่ ไป ตวั ที่ 2 ทางาน ตวั ท่ี 1 จะหยดุ ทางาน ลกั ษณะการทางานแบบน้ีเรียกวา่ การขยายแบบ พชุ -พลู (Push –pull) การขยายแบบพชุ -พูล (Push – pull) การทางานแบบพุช – พลู หมายถึงใชท้ รานซิสเตอร์ 2 ตวั สลบั การทางาน การขยาย แบบพชุ -พลู ท่ีนิยม ใชใ้ นภาคขยายเคร่ืองรับวทิ ยมุ ี 2 แบบ คือ การขยาย พุช – พลู แบบ OPT (Out put Transformer) การขยาย พชุ – พลู แบบ OTL (Out put Transformer Less) 8.2.1 ภาคขยายเสียงภาคสุดท้ายแบบ OPT (Out put Transformer) ภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ยแบบ OPT หมายถึง การถ่ายทอดสญั ญาณจาก ภาคขยายสุดทา้ ยไปยงั ลาโพง คือ จะใชท้ รานสฟอร์เมอร์ เรียกวา่ เอาตพ์ ตุ – ทรานสฟอร์เมอร์ การทางานของภาคขยายสุดท้ายแบบ OPT ภาคขยายภาคสุดทา้ ยใช้ การขยาย พชุ – พลู แบบ OPT จะใชท้ รานซิสเตอร์ 2 ตวั ทางานร่วมกนั โดย สลบั การทางานของแต่ละตวั อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในวงจรขยายเสียง เนื่องจากการทางานของภาคขยายเสียง โดยเฉพาะภาคขยายสุดทา้ ย ภาคขยาย สุดทา้ ยจะตอ้ งขยายกาลงั (Power Amplifier) ใหส้ ูงสุดก่อนท่ีจะป้ อนสัญญาณใหก้ บั ลาโพงน้นั คือ ทรานซิสเตอร์ท่ีทาหนา้ ท่ีขยายกาลงั ให้ สูงสุด เม่ือการทางานอยา่ งต่อเน่ือง จะทาใหท้ รานซิสเตอร์เกิด ความร้อนสะสมมากข้ึนเรื่อย ๆ ถา้ ไมม่ ีวธิ ีแกไ้ ข ทรานซิสเตอร์ยอ่ มชารุดเสียหายไดง้ ่าย ทรานซิสเตอร์ ที่ใชใ้ นภาคขยายเสียงสุดทา้ ยจึงตอ้ งติดท่ีระบายความร้อน ใหก้ บั ทรานซิสเตอร์
รูปที่ 8.10 แผ่นระบายความร้อน (Heat Sink) แผน่ ระบายความร้อน เรียกวา่ ฮีต ซิงค์ (Heat Sink) จะมีหลายรูปแบบ คือ ทรานซิสเตอร์อาจจะเป็นแบบ กลม, แบน, ส่ีเหล่ียม รูปร่างของฮีตซิงค์ ก็ตอ้ งเลือกใหม้ ีขนาดพอดี หรือเหมาะกบั ทรานซีสเตอร์ท่ีตอ้ งใชฮ้ ีตซิงค์ วธิ ีแก้ไข 1. จะเปล่ียนเทอร์มีสเตอร์ (THermister) มาควบคุมแรงไฟเบสไบอสั เทอร์มิสเตอร์ เป็น ความตา้ นทานท่ี เปล่ียนแปลงคา่ ตามอุณหภูมิ โดยจะต่อวงจรอยกู่ บั วงจรเบสไบอสั คือถา้ เบสไบอสั สูง (แรงไฟเบสเพม่ิ มากข้ึน) จะ ทาใหท้ รานซิสเตอร์ทาการขยายมากข้ึน ส่งผลใหท้ รานซิสเตอร์ร้อนผดิ ปกติ อุณหภมู ิของทรานซิสเตอร์จะส่งผล มายงั เทอร์มิสเตอร์ ทาใหค้ ่าของเทอร์มิสเตอร์ลดลงอยา่ ง อตั โนมตั ิ น้นั คือ เบสไบอสั จะลดลงตาม ทาใหก้ าร ทางานของทรานซิสเตอร์ลดลง ความร้อนจึงลด ลงมาดว้ ย 2. จะใชว้ ารีสเตอร์ (Varistor) อุปกรณ์ชนิดน้ีจะเปลี่ยนแปลง ความตา้ นทานตาม อุณหภมู ิคลา้ ยกบั เทอร์มี สเตอร์
รูปท่ี 8.11 การต่อความต้านทานเปลย่ี นแปลงตามอุณหภูมิ
ด้านทกั ษะ+ด้านจิตพสิ ัย (ปฏบิ ัติ+ด้านจิตพสิ ัย) (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 2-3) 1. แบบฝึกหดั บทที่ 8 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 4) 2. รู้จกั ใชว้ งจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ใหอ้ ยบู่ นพ้ืนฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพื่อน ร่วมห้อง
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนอ่านเอกสารประกอบการ 1. ผเู้ รียนศึกษาเอกสารประกอบการสอนวชิ า วชิ า สอนวชิ าทฤษฎีเครื่องรับวทิ ยุ หน่วยที่ 8 เร่ือง วงจร ท ฤ ษ ฎี เค รื่ อ ง รั บ วิ ท ยุ ห น่ ว ย ที่ 8 เรื่ อ ง ว ง จ ร ภาคขยายเสี ยงวิทยุ AM และ FM หน้าที่ 151 ใน ภาคขยายเสียงวิทยุ AM และ FM หน้าท่ี 151 ในส่วน ส่วนของสาระสาคญั ของสาระสาคญั 2. ผสู้ อนแจง้ วตั ถุประสงค์การเรียนของหน่วย 2. ผเู้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั วตั ถุประสงคก์ าร เรียนที่ 8 เร่ืองวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM เรียนของหน่วยเรียนที่ 4 เรื่องวงจรภาคขยายเสียงวิทยุ 3. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนขยายความภาคขยายเสียง AM และ FM 3. ผเู้ รียนขยายความภาคขยายเสียง 2. ข้นั ให้ความรู้ (220 นาที) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนเปิ ดเอกสารประกอบการ 2. ข้ันให้ความรู้ (220 นาที ) สอน ทฤษฎีเครื่องรับวิทยุ หน่วยท่ี 8 เรื่อง วงจร 1. ผูเ้ รียนเปิ ดเอกสารประกอบการสอนเทคนิค ภาคขยายเสียงวิทยุ AM และ FM AM หน้าที่ 152 - ท ฤ ษ ฎี เค ร่ื อ งรั บ วิท ยุ ห น่ ว ย ที่ 8 เร่ื อ ง ว งจ ร 166 พร้อมอธิบายเน้ือหาใหผ้ เู้ รียนฟังทีละหนา้ ภาคขยายเสี ยงวิทยุ AM และ FM หน้าท่ี 152 - 166 2. ผู้สอนอธิบายความรู้เพิ่มเติม เร่ื อง วงจร พร้อมกบั จดบนั ทึกเน้ือหาท่ีไดเ้ รียน ภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM 2. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนอธิบายความรู้เพิ่มเติม เรื่อง 3. ผสู้ อนเปิ ดโอกาส ให้ผเู้ รียนถามปัญหา และ วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ขอ้ สงสัยจากเน้ือหา โดยครูเป็ นผอู้ ธิบาย เร่ือง วงจร 3. ผเู้ รียนซกั ถามขอ้ สงสัยจากเน้ือหาโดยครูเป็ นผู้ ภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM อธิบายเรื่อง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 3. ข้ันประยุกต์ใช้ (300 นาที ) 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ (300 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรี ยนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน 1. ผู้เรี ยน แบ่ งก ลุ่ ม ๆ ล ะ 4-5 คน ร่ วม กัน ร่วมกนั อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 8 อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 8 2. ผู้สอนให้ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ 2. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาอภิปราย แนวคิดที่ไดจ้ ากบทเรียนหน่วยที่ 8 ของแต่ละกลุ่ม แนวคิดท่ีได้จากบทเรียนหน่วยท่ี 8 ของกลุ่มตนเอง ใหฟ้ ังหนา้ ช้นั เรียน หนา้ ช้นั เรียน 3. ผู้ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก 3. ผู้เรียนสื บค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรื อ อินเทอร์เน็ตหรือแหล่งความรู้ต่างๆ แหล่งความรู้ต่างๆ 4. ข้ันสรุปและประเมินผล (40 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาที ) 1. ผูส้ อนและผูเ้ รียนร่วมกันสรุปเน้ือหาท่ีได้ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เรียนเพื่อใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั 2. ผู้สอนและผู้เรียนทาแบบฝึ กหัดบทที่ 8 2. ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 8 หนา้ 167 - 168 หนา้ 167 - 168 3. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนสลบั กนั ตรวจกิจกรรมและ 3. ผู้ เรี ย น ส ลั บ กั น ต ร ว จ กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซื่อสัตย์ แล้วนา แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซ่ือสัตย์ แล้วนา คะแนนที่ไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน คะแนนที่ไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน 4. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนศึกษาเพิ่มเติมนอกหอ้ งเรียน 4. ผู้เรี ยนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรี ยน ด้วย ดว้ ย PowerPoint ที่จดั ทาข้ึน PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-4) (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-4) (รวม 600 นาที หรือ 10 คาบเรียน)
งานท่ีมอบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนหน่วยที่ 8 2. ทาความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียนของหน่วยที่ 8 และให้ความร่วมมือในการทา แบบฝึกหดั บทท่ี 8 ขณะเรียน 1. ศึกษา PowerPoint และเอกสารประกอบการสอน 8 เรื่อง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM 2. ซกั ถามขอ้ สงสยั ระหวา่ งการเรียนการสอน 3. ปฏิบตั ิตามแบบฝึกหดั ท่ี 8 เรื่อง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM หลงั เรียน 1. สรุปเน้ือหา 2. สลบั กนั ตรวจแบบฝึกหดั บทที่ 8 คาถาม 1. ภาคขยายสุดทา้ ย คือ 2. ภาคไดรฟ์ เวอร์ คือ 3. การคปั ปลิ้ง TR1 สู่ TR2 คือ ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทที่ 8 เรื่อง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM
สมรรถนะทพี่ งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชีพ - ขยายวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง แบบฝึ กหัดบทท่ี 8 วงจรภาคขยายเสียงวิทยุ AM และ FMท่ีจดั ทาข้ึนได้ทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้เพิ่ม เกี่ยวกบั คล่ืนวิทยุตลอดจนการทางานของวิทยุ ทาให้ผเู้ รียนสามารถนาไประยุกต์ใชใ้ นการเรียน การทางาน และสามารถหารายไดร้ ะหวา่ งการเรียนการสอนช่วยเหลือผปู้ กครองไดใ้ นระดบั หน่ึง
ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อส่ิงพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ทฤษฎีเครื่องรับวทิ ยุ(ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิง พฤติกรรมขอ้ ที่ 1-4) 2. แบบฝึกหดั หลงั เรียน (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-3) 3. แบบประเมินผลงานตามกิจกรรม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 4. แบบเฉลยกิจกรรมการเรียนรู้ ใชป้ ระกอบในข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน และข้นั สรุปและประเมินผล 5. แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2 สื่อโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. PowerPoint เร่ือง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM สื่อของจริง วงจรภาคขยายเสียงวิทยุ AM และ FM (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-4)
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาคร การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอน่ื 1. บูรณาการกบั วชิ าชีวิตและวฒั นธรรมไทย ดา้ นการพดู การอา่ น การเขียน และการฝึกปฏิบตั ิตน ทางสังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรับผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บรู ณาการกบั วชิ าคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
การประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน ความรู้ก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน สังเกตการทางาน หลงั เรียน ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรียน ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทท่ี 8 เรื่อง วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM
รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 1 ขยายความภาคขยายเสียงได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ขยายความภาคขยายเสียงได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 สาธิตภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ยได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สาธิตภาคขยายเสียงภาคสุดทา้ ยได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 3 ช้ีวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยไุ ด้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ช้ีวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยไุ ด้ จะได้ 3 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 4 รู้จกั ใชว้ งจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ใหอ้ ยบู่ นพ้ืนฐานความ ปลอดภยั ต่อตนเองและเพ่ือนร่วมห้อง 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : รู้จกั ใช้วงจรภาคขยายเสียงวิทยุ AM และ FM ให้อยบู่ นพ้ืนฐานความ ปลอดภยั ต่อตนเองและเพอ่ื นร่วมห้อง จะได้ 3 คะแนน
แบบฝึ กหัด บทท่ี 8 ตอนท่ี 1 จงอ่านวงจรแล้วตอบในคาถามข้อ รูปแสดง วงจรขยายเสียงภาคสุดท้ายแบบ OTL 1. VR1 คือ ข. วอลลุ่ม ง. ถูกขอ้ ก และ ค ก. ความตา้ นทาน ค. ปรับระดบั สัญญาณ F ข. C-Coumpling ง. Electrolytic 2. C1 คอื ข. R2 ก. C-filter ง. R4 ค. C-bypass 3. เบสไบอสั ของTR1คอื ก. R1 ค. R3 4. อมิ ติ เตอร์ ไบอสั ของ TR1 คอื ก. R1 ข. R2 ค. R3 ง. R4
5. คอลเลกเตอร์โหลด คอื ก. R1 ข. R2 ค. R3 ง. R4 6. การคปั ปลงิ้ TR1 สู่ TR2 คือ ก. direct Coupling ข. C-Coupling ค. Transfermer Coupling ง. Impedance Coupling 7. ภาคไดรฟ์ เวอร์ คือ ก. TR1 ข. TR2 ค. TR3 ง. TR4 8. ภาคขยายสุดท้าย คือ ก. TR1 ข. TR ค. TR3 ง. TR4 9. การคัปปลงิ้ จากไดรฟ์ เวอร์สู่ภาคขยายสุดท้าย ก. direct Coupling ข. C-Coupling ค. Transfermer Coupling ง. ถูกขอ้ ข และ ค 10. การขยายสุดท้ายแบบ ก. OPT ข. OTL ค. OCL ง. คอมพลีเมนทรี
เฉลย บทที่ 8 ตอนท่ี 1 จงกาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อทีถ่ ูกทส่ี ุด 1. ข 2. ข 3. ก 4. ข 5. ง 6. ก 7. ก 8. ง 9. ง 10. ก
แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาให้ผฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถกู ตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอที่น่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แต่ขาด การประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
แบบประเมนิ กระบวนการทางาน ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. 1……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 1 การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 321 2 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานท่ี ส่ือ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แตไ่ มต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมีส่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด 1 คะแนน = ทางานไมส่ าเร็จตามเป้ าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แตไ่ มป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไมม่ ีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บันทกึ หลงั การสอน หน่วยท่ี 8 วงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. ส่ือการสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั เรียนส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิใบงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 2. นกั เรียนกระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานเพื่อใหง้ านสาเร็จทนั เวลาท่ีกาหนด 3. นกั เรียนขยายวงจรภาคขยายเสียงวทิ ยุ AM และ FM ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด
แผนการจดั การเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยท่ี 9 ช่ือวชิ า ทฤษฎีเครื่องรับวิทยุ สอนสัปดาหท์ ่ี 14 - 15 ช่ือหน่วย แหล่งจ่ายไฟ คาบรวม 75 ชื่อเรื่อง แหล่งจ่ายไฟ จานวนคาบ 10 หวั ข้อเรื่อง ดา้ นความรู้ 1. แหล่งจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใชแ้ บตเตอร่ี ดา้ นทกั ษะ 2. วงจรจา่ ยไฟ ดี-ซี แบบใชว้ งจรเร็กติฟาย ดา้ นจิตพิสัย 3. แหล่งจ่ายไฟแบบใชแ้ บตเตอร่ีและแบบใชว้ งจรเร็กติฟาย ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 4. ศึกษาความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั แหล่งจ่ายไฟ และนามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม สาระสาคญั แหล่งจา่ ยไฟหรือ เพาเวอร์ซพั พลาย (Power Supply) หมายถึงวงจรจ่ายไฟใหว้ งจร ตา่ ง ๆ ของเครื่องรับ วทิ ยเุ กิดการทางานเพราะวงจรตา่ ง ๆ จะตอ้ งมีไฟดีซีไปป้ อนใหห้ รือไปต่อให้วงจร ตา่ ง ๆ จึงจะเกิดการทางาน วงจรตา่ ง ๆ ของเคร่ืองรับวทิ ยุ จะตอ้ งใชไ้ ฟฟ้ ากระแสตรง หรือเรียกวา่ ไฟ ดีซี (DC : Direct Current) เน่ืองจากเคร่ืองรับวิทยุมีหลายรูปแบบ เช่น แบบกระเป๋ าหิ้ว หรือแบบพกพา ไปในสถานที่ ต่าง ๆ แรงดนั ไฟในส่วนน้ีจะไดม้ าจากถ่านไฟฉายหรือแบตเตอร่ี ส่วนเคร่ืองรับวิทยุที่ใชภ้ ายในบา้ น ท่ีใช้กบั บา้ นพกั อาศยั จะเป็ นไฟ เอ – ซี (AC 220 V) ในเครื่องรับวทิ ยุ จะตอ้ งมีวงจรเร็กติฟาย คือ วงจรเปล่ียนไฟ เอ-ซี มาเป็ น ดี- ซี สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย - เปิ ดใชง้ านแหล่งจา่ ยไฟ
คาศัพท์สาคญั ความหมายของคาสั่งหรือคาแนะนา แหล่งจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใช้แบตเตอร่ี ในเครื่องรับวทิ ยุ ภาคต่าง ๆ ของเคร่ืองรับวทิ ยทุ ุกภาคจะตอ้ งมีไฟ ดี-ซี ไปกาหนดให้ วงจรต่าง ๆ ทางาน น้นั หมายถึงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ทุกอยา่ ง จะตอ้ งนาไฟดี-ซีไปใชง้ าน ถา้ ไมม่ ีไฟ ดี-ซี ไปเล้ียงวงจรใด ๆ ก็ ตาม วงจรน้นั ยอ่ มหยดุ การทางาน วงจรจ่ายไฟ หรือ เรียกวา่ วงจรเพาเวอร์ซพั พลาย (Power Supply) จะตอ้ งสามารถ จา่ ยไฟดี-ซีไป เล้ียงวงจรต่าง ๆ แรงไฟดี-ซี จะไดม้ าจาก เช่น แบตเตอรี่ หรือถ่านไฟฉาย หรือ อาจ จะไดม้ าจากวงจรเร็กติฟาย จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทว่ั ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. เพื่อใหม้ ีความรู้เร่ืองการบอกคุณสมบตั ิแหล่งจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใชแ้ บตเตอร่ี (ด้านความรู้) 2. เพื่อใหม้ ีทกั ษะการซ่อมวงจรจา่ ยไฟ ดี-ซี แบบใชว้ งจรเร็กติฟาย (ด้านทักษะ) 3. เพอื่ ใหผ้ เู้รียนตระหนกั ถึงการเลือกแหล่งจา่ ยไฟแบบใชแ้ บตเตอรี่และแบบใชว้ งจรเร็กติฟาย (ด้านจิต พิสัย) 4. เพ่อื ศึกษาความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั แหล่งจ่ายไฟ และนามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม (ด้านคุณธรรม จริยธรรม) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. บอกคุณสมบตั ิแหล่งจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใชแ้ บตเตอร่ีได้ (ด้านความรู้) 2. ซ่อมวงจรจา่ ยไฟ ดี-ซี แบบใชว้ งจรเร็กติฟายได้ (ด้านทักษะ) 3. เลือกแหล่งจา่ ยไฟแบบใชแ้ บตเตอรี่และแบบใชว้ งจรเร็กติฟายได้ (ดา้ นจิตพสิ ัย) 4. ศึกษาความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั แหล่งจา่ ยไฟ และนามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม (ด้าน คุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)
เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี 9.1 แหล่งจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใช้แบตเตอร่ี ในเครื่องรับวทิ ยุ ภาคตา่ ง ๆ ของเคร่ืองรับวทิ ยทุ ุกภาคจะตอ้ งมีไฟ ดี-ซี ไปกาหนดให้ วงจรตา่ ง ๆ ทางาน น้นั หมายถึงวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ ทุกอยา่ ง จะตอ้ งนาไฟดี-ซีไปใชง้ าน ถา้ ไม่มีไฟ ดี-ซี ไปเล้ียงวงจรใด ๆ กต็ าม วงจรน้นั ยอ่ มหยดุ การทางาน วงจรจา่ ยไฟ หรือ เรียกวา่ วงจรเพาเวอร์ซพั พลาย (Power Supply) จะตอ้ งสามารถ จ่ายไฟดี-ซีไปเล้ียง วงจรตา่ ง ๆ แรงไฟดี-ซี จะไดม้ าจาก เช่น แบตเตอร่ี หรือถ่านไฟฉาย หรือ อาจ จะไดม้ าจากวงจรเร็กติฟาย วงจรจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใช้แบตเตอร่ี วงจรจ่ายไฟดี-ซีแบบใชแ้ บตเตอร่ีในเครื่องรับจะไดม้ าจากถ่านไฟฉาย ถ่านไฟฉายจะ ใหก้ าลงั ไฟ 9.2 วงจรจ่ายไฟ ดี-ซี แบบใช้วงจรเร็กติฟาย (Rectufier) เคร่ืองรับวทิ ยมุ ีบางเครื่องสามารถใชก้ บั ไฟฟ้ าบา้ นได้ ไฟฟ้ าภายในบา้ นที่พกั อาศยั จะ เป็นไฟ เอ-ซี (AC : Alternating Current) หรือเรียกวา่ ไฟฟ้ ากระแสสลบั แต่เคร่ืองรับวทิ ยหุ รือเคร่ือง ท่ีใชอ้ ุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะ ใชไ้ ฟ ดี-ซี (DC : Dierct Current) หรือเรียกวา่ ไฟฟ้ ากระแสตรง ดงั น้นั เคร่ื องรับวิ ทยุ ท่ี สามารถใช้ กั บไฟฟ้ า ภายในบา้ นได้ หรื อใช้ กั บเอ-ซี จะต้ องมี วงจรเปล่ียนไฟ เอ-ซี มาเป็นไฟ ดี-ซี ก่อนท่ีจะนาไปจ่ายไฟใหก้ บั วงจร ต่างๆ วงจรเปลี่ยนจากไฟ เอ-ซี เป็น ไฟ ดี-ซี เรียก วา่ เร็กติฟาย วงจรเร็กติฟาย เป็นวงจรเปลี่ยนไฟ เอ-ซี ใหเ้ ป็นไฟ ดี-ซี มีหลายวธิ ี แต่ที่ใชก้ บั เคร่ือง รับวทิ ยจุ ะใชแ้ บบ พ้ืนฐาน เช่น 1. แบบฮาฟ เวฟ (Half Wave) 2. แบบ พลู เวฟ (Pull Wave) 3. แบบ บริดจ์ 9.2.1 การเร็กติฟาย แบบ ฮาฟ เวฟ(Half Wave) การเร็กติฟาย เป็นวงจรแบบพ้ืนฐาน เรียกวา่ การเร็กติฟายแบบคร่ึงคลื่นคุณภาพท่ีนาไปใชง้ านค่อนขา้ ง จะต่า อุปกรณ์ที่มาทางานกม็ ีจานวนนอ้ ย
รูปท่ี 9.4 วงจรเร็กตฟิ าย แบบ เฮฟ เวฟ นาไฟดซี ี บวกใช้งาน ไฟลบลงกราวด์ การทางาน จากรูปท่ี 9.4 ไฟ เอ-ซี 220 V ผา่ นสวทิ ซ์ (SW) ผา่ นฟิ วส์ (F) ผา่ นทรานสฟอร์เมอร์ (T1) ทางดา้ นไพมาร่ี ครบวงจร จะก่อใหเ้ กิดแรงไฟ เอ-ซี ดา้ นเช็คกนั่ ดาร่ี 6V AC (จะมากหรือนอ้ ย ข้ึนอยกู่ บั จานวนรอบของขดเช็คกน่ั ดาร่ี) แรงไฟ 6 VAC จะตอ้ งผา่ นวงจรเร็กติฟาย วงจรเร็กติฟาย D1 คือ ไดโอด จะทาหนา้ ที่ เร็กติฟาย คือเปล่ียนไฟ เอ-ซี เป็น ดี-ซี คุณสมบตั ิของ ไดโอด เมื่อมี ไฟ เอ-ซี มาท่ีข้วั แอโหนด (A) จะมีไฟ ดี-ซี ออกที่คาโถด (K) วงจรฟิ ลเตอร์ (Filter) วงจรฟิ ลเตอร์ คือวงจรกรองกระแสไฟดี-ซี ใหเ้ รียบ C1 และ C2 จะเป็นวงจรฟิ ลเตอร์ คือกรองกระแสไฟ ใหเ้ รียบข้ึน R1 คือ วงจรฟิ ลเตอร์ C1 และ C2 เรียกวา่ ซี ฟิ ลเตอร์ (C-filter) R1 เรียกวา่ อาร์ ฟิ ลเตอร์ (R-filter)
รูปท่ี 9.6 วงจรเร็กตฟิ าย แบบ ฟูล-เวฟ (Full Wave) การทางาน จากรูปท่ี 9.6 ไฟ เอ-ซี 220 V ผา่ นสวทิ ซ์(SW) ผา่ นฟิ วส์(F) ผา่ นทรานสฟอร์เมอร์ดา้ น ไพมารี่เมื่อครบ วงจรจะทาให้ดา้ นเช็คกนั่ ดาร่ีมีไฟ เอ-ซี 6 โวลท์ (ดา้ นบนและล่าง) ส่วนตรงกลาง คือ เซ็นเตอร์แทป็ คือ OV. แรง ไฟ AC จะต่อเขา้ วงจรเร็กติฟาย วงจรเร็กติฟายเออร์ D1 และ D2 จะทาหนา้ ท่ีเร็กติฟายเออร์ คือ เปล่ียนไฟ เอ-ซี ใหเ้ ป็นไฟ ดี-ซี โดย D1 และ D2 จะสลบั กนั ทางาน ทาใหไ้ ดไ้ ฟ ดี-ซี แบบเตม็ คล่ืน
รูปท่ี 9.8 เป็ นวงจรเร็กติฟาย จ่ายไฟบวกด-ี ซี และ ลบ ด-ี ซี รูปท่ี 9.8 เป็นวงจรเร็กติฟาย จ่ายไฟบวกดี-ซี และลบดี-ซี วงจรจ่ายไฟแบบน้ีจะใชใ้ น กรณีวงจรขยาย เสียงมีทรานซิสเตอร์ 2 ชนิด คือ NPN และ PNP ชุดไฟ ดี-ซี บวก จะใชก้ บั ทรานซิสเตอร์ ชนิด NPN ชุดไฟ ดี-ซี ลบ จะใชท้ รานซิสเตอร์ ชนิด PNP
ด้านทกั ษะ+ด้านจิตพสิ ัย (ปฏบิ ัติ+ด้านจิตพสิ ัย) (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 2-3) 1. แบบฝึกหดั บทที่ 9 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 4) 2. ศึกษาความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั แหล่งจา่ ยไฟ และนามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272