สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั การเคร่ืองส่งวทิ ยเุ บ้ืองตน้ 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชีพ - ผสมคล่ืนระหวา่ งไซดแ์ บนวิทยรุ ะบบ AM และ FM สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง แบบฝึ กหัดบทที่ 2 หลกั การเคร่ืองส่งวิทยุเบ้ืองตน้ ท่ีจดั ทาข้ึนไดท้ าให้ผูเ้ รียนมีความรู้เพ่ิมเกี่ยวกบั คล่ืนวิทยุตลอดจนการทางานของวิทยุ ทาให้ผูเ้ รียนสามารถนาไประยุกต์ใช้ในการเรียน การทางาน และ สามารถหารายไดร้ ะหวา่ งการเรียนการสอนช่วยเหลือผปู้ กครองไดใ้ นระดบั หน่ึง
ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อสิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ทฤษฎีเครื่องรับวทิ ยุ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-5) 2. แบบฝึกหดั หลงั เรียน (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-4) 3. แบบประเมินผลงานตามกิจกรรม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 4. แบบเฉลยกิจกรรมการเรียนรู้ ใชป้ ระกอบในข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน และข้นั สรุปและประเมินผล 5. แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2 ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. PowerPoint เรื่อง หลกั การเคร่ืองส่งวทิ ยเุ บ้ืองตน้ ส่ือของจริง หลกั การเครื่องส่งวทิ ยเุ บ้ืองตน้ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-5)
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาคร การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอน่ื 1. บูรณาการกบั วชิ าชีวิตและวฒั นธรรมไทย ดา้ นการพดู การอา่ น การเขียน และการฝึกปฏิบตั ิตน ทางสังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรับผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บรู ณาการกบั วชิ าคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
การประเมินผลการเรียนรู้ หลกั การประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน ความรู้ก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน สงั เกตการทางาน หลงั เรียน ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรียน ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทที่ 2 เร่ือง หลกั การเคร่ืองส่งวทิ ยเุ บ้ืองตน้
รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 อธิบายหลกั การเคร่ืองส่งวทิ ยเุ บ้ืองตน้ ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายหลกั การเครื่องส่งวทิ ยเุ บ้ืองตน้ ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 2 บอกความแตกต่างของไซดแ์ บนของวทิ ยุระบบ AM และ FM ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกความแตกตา่ งของไซดแ์ บนของวทิ ยรุ ะบบ AM และ FM ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 3 แกป้ ัญหาเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบ AM และ FM ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : แกป้ ัญหาเคร่ืองส่งวทิ ยรุ ะบบ AM และ FM ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 ผสมผสานการผสมคล่ืนได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ผสมผสานการผสมคล่ืนได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 5 รู้ถึงหลกั การเครื่องส่งวิทยเุ บ้ืองและนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : รู้ถึงหลกั การเครื่องส่งวทิ ยเุ บ้ืองและนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ จะ ได้ 2 คะแนน
แบบฝึ กหดั บทที่ 2 ตอนที่ 1 จงทาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อทถี่ ูกทสี่ ุด 1. ความถีเ่ สียง จะมคี วามถร่ี ะหว่าง ก. 20 Hz - 200 HZ ข. 20 Hz - 2,000 HZ ค. 20 Hz - 20,000 HZ ง. 20 Hz - 200,000 HZ 2. คลน่ื วทิ ยุ จะมีความถ่ีต้งั แต่ ก. 50 KHZ ข. 40 KHZ ค. 30 KHZ ง. 20 KHZ 3. ความถี่เสียง คอื ก. AF ข. RF ค. Audio Signal ง. ถูกขอ้ ก. และ ค. 4. ความถีค่ ลน่ื พาหะ คอื ก. AF ข. RF ค. Carrier ง. ถูกขอ้ ข. และ ค. 5. อปุ กรณ์ทเ่ี ปลี่ยนเสียงจากอปุ กรณ์ต่าง ๆ มาเป็ นสัญญาณทางไฟฟ้ าของเสียง ก. ไมโครโฟน ข. ทรานสฟอร์เมอร์ ค. ลาโพง ง. ถูกขอ้ ก. และ ค 6. อุปกรณ์ทเ่ี ปล่ยี นสัญญาณทางไฟฟ้ าของเสียง มาเป็ นเสียง ก. ไมโครโฟน ข. ทรานซิสเตอร์ ค. ทรานสฟอร์เมอร์ ง. ลาโพง 7. ภาคขยายเสียง เรียกว่า ก. เอ-เอฟ แอมป์ ข. ออดิโอ แอมป์ ค. อาร์ –เอฟ แอมป์ ง. ถูกขอ้ ก. และ ข.
8. วงจรสร้างคลน่ื พาหะ เรียกวงจร ก. อาร์ –เอฟ แอมป์ ข. บพั เฟอร์ ค. ออสซิลเลเตอร์ ง. มิกเซอร์ 9. เครื่องส่งแบบ AM เรียกการผสมแบบ ก. Amplitude Mod ข. Frequency Mod ค. Phase Mod ง. ถูกขอ้ ก. และ ข. 10. เคร่ืองส่งแบบ FM เรียกการผสมแบบ ก. Amplitude Mod ข. Frequency Mod ค. Phase Mod ง. ถูกขอ้ ก. และ ค. 11. การนาเครื่องเสียงให้สามารถออกอากาศได้จะต้องนาไปรวมกบั ก. AF ข. RF ค. Carrier ง. ถูกขอ้ ข. และ ค. 12. ในเคร่ืองรับภาคตัดทต่ี ดั คลน่ื พาหะออกทงิ้ ไป คือ ก. ไอ –เอฟ ข. ดีเทคเตอร์ ค. ออสซิลเลเตอร์ ง. มิกเซอร์ 13. ในเครื่องรับวทิ ยวุ งจรเลอื กรับสถานีวทิ ยุ คอื วงจร ก. วงจรออสซิลเลเตอร์ ข. วงจรดีเทคเตอร์ ค. วงจรจูน ง. วงจรมิกเซอร์ 14. ในเครื่องรับวทิ ยวุ งจรทท่ี าให้รับความถ่กี ลาง คอื ก. วงจรออสซิลเลเตอร์ ข. วงจรดีเทคเตอร์ ค. วงจรจูน ง. วงจรมิกเซอร์ 15. ความสูงของสัญญาณ เรียกว่า ก. Upper Side band ข. Band Width ค. Amplitude ง. Lower Side band 16. ความกว้างของสัญญาณ เรียกว่า ก. Upper Side band ข. Lower Side band ค. Amplitude ง. Band Width
17. ไซด์แบนด์ ด้านความถีส่ ูง เรียกว่า ก. Band Width ข. Amplitude ค. Lower Side band ง. Upper Side band 18. คลน่ื วทิ ยจุ ากสถานีส่งวทิ ยุ จะไปสู่สายอากาศเครื่องรับมีผลต่อการรับดีทส่ี ุด ก. คลื่นดิน ข. คลื่นสะทอ้ นพ้ืนดิน ค. คลื่นสะทอ้ นเพดานฟ้ า ง. คล่ืน
เฉลย บทท่ี 2 ตอนที่ 1 จงกาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อทถี่ ูกทส่ี ุด 1. ค 2. ค 3. ข 4. ง 5. ก 6. ง 7. ค 8. ก 9. ก 10. ข 11. ง 12. ข 13. ข 14. ง 15. ค 16. ง 17. ง 18. ง
แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาให้ผฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถกู ตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอที่น่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แต่ขาด การประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
แบบประเมนิ กระบวนการทางาน ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. 1……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 1 การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 321 2 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานท่ี ส่ือ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แตไ่ มต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมีส่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด 1 คะแนน = ทางานไมส่ าเร็จตามเป้ าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แตไ่ มป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไมม่ ีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บันทกึ หลงั การสอน หน่วยที่ 2 หลกั การเครื่องส่งวทิ ยเุ บอื้ งต้น ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. สื่อการสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั เรียนส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิใบงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 2. นกั เรียนกระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานเพ่อื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาที่กาหนด 3. นกั เรียนผสมคล่ืนระหวา่ งไซดแ์ บนวทิ ยรุ ะบบ AM และ FM ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด
แผนการจัดการเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยที่ 3 ชื่อวชิ า ทฤษฎีเครื่องรับวิทยุ สอนสปั ดาหท์ ่ี 3-4 ชื่อหน่วย บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM คาบรวม 20 ชื่อเรื่อง บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM จานวนคาบ 10 หัวข้อเร่ือง ดา้ นความรู้ 1. ความหมายบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ ดา้ นทกั ษะ 2. ปรุงบลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยแุ บบซุปเปอร์เฮทเทอโรดายน์ ดา้ นจิตพิสยั 3. บลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 4. ควบคุมปริมาณบล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุและนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ กิดประโยชน์สูงสุด สาระสาคญั เคร่ืองรับวทิ ยเุ ขา้ มาสู่ประเทศไทย เริ่มตน้ คือวทิ ยแุ ร่ ตอ่ มาเป็นเคร่ืองรับวทิ ยแุ บบ หลอดแบบ TRF มี คุณภาพสูงกวา่ แบบวทิ ยแุ ร่ แต่ยงั มีขอ้ ที่ ตอ้ งปรับปรุงอีกหลายประการ ตอ่ มา เป็นเครื่องรับวทิ ยแุ บบ ซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ (Super Heterodyne) เครื่องรับแบบซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์นบั วา่ เป็นเครื่องรับวทิ ยมุ ี ประสิทธิภาพสูงมากใชม้ าจนถึงปัจจุบนั น้ี ในบทเรียนน้ีจะศึกษาบล็อกไดอะแกรมของเครื่องรับวทิ ยแุ บบแร่ วทิ ยุแบบน้ีเป็ นการประกอบ สาหรับผู้ เริ่มเรียนวทิ ยุ ส่วนต่อมาจะศึกษาบล็อกของวทิ ยแุ บบซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย - วดั ผลความรู้เกี่ยวกบั บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ AM
คาศัพท์สาคญั ความหมายของคาส่ังหรือคาแนะนา บลอ็ กไดอะแกรมวิทยุแร่ วทิ ยแุ ร่ ถือเป็นวทิ ยยุ คุ แรก ๆ แตก่ ถ็ ือเป็นพ้ืนฐานในการเรียนรู้ หลกั การหรือวธิ ีการ ของเคร่ืองรับวทิ ยุ AM อยา่ งง่าย การส่งวิทยุระบบ AM จะส่งในยา่ นความถ่ี 525 KHz ถึง 1605 KHz1 จะประกอบ ดว้ ยสถานีส่งหลาย ๆ สถานี เคร่ืองรับจะตอ้ งเลือกรับความถี่จากสญั ญาณใด ๆ สถานีหน่ึงเขา้ มา รับฟัง จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. เพือ่ ใหม้ ีความรู้เร่ืองสรุปความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั คล่ืนวทิ ยุ (ด้านความรู้) 2. เพื่อใหม้ ีทกั ษะแกป้ ัญหาการแบ่งยา่ นความถี่วทิ ยุ (ดา้ นทกั ษะ) 3. เพื่อใหผ้ เู้รียนตระหนกั ถึงการนามาใชก้ ระจายคล่ืนวทิ ยุ (ดา้ นจิตพิสัย) 4. เพือ่ ควบคุมปริมาณบล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยแุ ละนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ กิดประโยชน์สูงสุด (ด้าน คุณธรรม จริยธรรม) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. แปลความหมายบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ได้ (ด้านความรู้) 2. ปรับปรุงบล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยแุ บบซุปเปอร์เฮทเทอโรดายน์ได้ (ด้านทักษะ) 3. จดั ระเบียบบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ได้ (ดา้ นจิตพิสัย) 4. ควบคุมปริมาณบล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยแุ ละนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ กิดประโยชน์สูงสุด (ด้าน คุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)
เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี 3.1 บลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุแร่ วทิ ยแุ ร่ ถือเป็นวทิ ยยุ คุ แรก ๆ แต่กถ็ ือเป็ นพ้ืนฐานในการเรียนรู้ หลกั การหรือวธิ ีการ ของเคร่ืองรับวทิ ยุ AM อยา่ งง่าย การส่งวทิ ยรุ ะบบ AM จะส่งในยา่ นความถี่ 525 KHz ถึง 1605 KHz1 จะประกอบ ดว้ ยสถานีส่งหลาย ๆ สถานี เครื่องรับจะตอ้ งเลือกรับความถ่ีจากสัญญาณใด ๆ สถานีหน่ึงเขา้ มา รับฟัง สายอากาศ สายอากาศเป็นส่วนรับสัญญาณวทิ ยุ สาหรับสายวทิ ยแุ ร่ตอ้ งมีการคานวณความยาวของ สายอากาศให้ เหมาะสมกบั คล่ืนระบบ AM เพราะเครื่องรับวทิ ยยุ คุ แรก ๆ กาลงั ต่า และเครื่องรับ สญั ญาณวทิ ยแุ บบแร่คุณภาพก็ ต่ามากดว้ ย คือไม่มีการขยายความถี่ที่เลือกรับเขา้ มา ถา้ สายอากาศ ไมด่ ีการรับก็รับไมไ่ ดเ้ ลย ภาคดเี ทคเตอร์ ภาคดีเทคเตอร์ จะดาเนินการตดั สญั ญาณพาหะ (carrier) หรือ RF ออกทิง้ ไป หรือ เรียกวา่ บายพาส RF ลงกราวด์ จึงเหลือเฉพาะสัญญาณเสียง คือ AF หูฟัง หูฟังท่ีใชก้ บั วทิ ยแุ ร่ตอ้ งเป็นแบบคริสตอลเท่าน้นั เม่ือสัญญาณความถ่ีเสียงมา ปรากฏที่ หูฟัง หูฟังก็จะเปล่ียน สัญญาณความถ่ีเสียง เป็นเสียง รูปท่ี 3.2 วงจรวทิ ยแุ ร่
หมายเหตุ สาหรับผทู้ ี่ตอ้ งการทดลองประกอบวงจร อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ยงั มีจาหน่ายในทอ้ งตลาด สาหรับ หูฟังตอ้ ง ระบบเป็นวทิ ยแุ ร่ หรือแบบคริสตอลเทา่ น้นั อุปกรณ์จริงของวทิ ยุแร่ 1. สายอากาศ ควรเป็นลวดทองแดงยาวประมาณ 5 เมตร 2. คอยลอ์ ากาศ ใชค้ อยลอ์ ากาศของเคร่ืองรับวทิ ยุ AM ชุดท่ีมีขดลวดมากรอบท่ีสุด (L2) 3. วาริเอเบิล ใชข้ องเคร่ืองรับวทิ ยุ AM (ข้วั A ต่อสายอากาศ ข้วั G ตอ่ ดิน) 4. หูฟัง ตอ้ เป็นแบบใชก้ บั วทิ ยแุ ร่ หรือคริสตอลเท่าน้นั 5. ไดโอดเบอร์ 1N 60 6. C แบบเซอร์รามิค 100 pF 3.2 บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุแบบซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ (Super Heterodyne) เคร่ืองรับแบบซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ มีคุณสมบตั ิพิเศษ คือ จะตอ้ งเปล่ียนความถ่ีท่ี รับเขา้ มา เปล่ียนเป็นความถี่กลาง หรือ ความถี่ไอ – เอฟ (IF: Intermediate frequency) วธิ ีการ เปลี่ยนความถ่ีรับเขา้ มาเป็น ความถี่ ไอ-เอฟ ยงั นาวธิ ีการน้ีไปใชก้ บั เครื่องรับตา่ ง ๆ เช่น - เคร่ืองรับวทิ ยแุ บบ FM - เคร่ืองรับโทรทศั น์ เคร่ืองรับแบบซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ จึงมีความสาคญั ที่จะศึกษารายละเอียด การทางานแตล่ ะภาคใน เบ้ืองตน้ จะใหศ้ ึกษาถึงเรื่องบลอ็ กไดอะแกรม และเน้ือหาเบ้ืองตน้ ของแตล่ ะ ภาค บลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุ AM จะ ประกอบดว้ ยภาคตา่ งๆ - อาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ (RF Converter) - ขยาย ไอ-เอฟ (IF Amplifier) - ดีเทคเตอร์ (detector) - ขยายสญั ญาณเสียง (Audio Amplifier) - แหล่งจา่ ยไฟ (Power Supply 3.2.1 การทางานเบอื้ งต้นของแต่ละภาค 1. ภาค อาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ (RF Converter) อาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ หรือ วงจร คอนเวอร์เตอร์ เป็นภาคแรกของเครื่องรับ วทิ ยรุ ะบบ AM จะ ประกอบดว้ ยวงจรต่าง ๆ คือ 1.1 วงจรจนู (tuned)
1.2 วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) 1.3 วงจรมิกเซอร์ (Mixer) 1.1 วงจรจูน (tuned) จะทาหนา้ ท่ีเลือกรับสญั ญาณความถ่ีวทิ ยุ ในระบบ AM ยา่ นความถ่ี 525 KHZ- 1605 KHZจะ ประกอบดว้ ยสถานีหลายสถานี แต่ละสถานีจะมีความถี่เฉพาะของแตล่ ะสถานี น้นั ๆ วงจรจูนจะทาหนา้ ที่เลือก สถานีที่ตอ้ งการรับฟัง คือ สามารถเลือกรับความถ่ีใด ๆ ก็ไดใ้ น ยา่ นระบบ AM สมมุติเลือกรับสถานีวทิ ยกุ ระจาย แห่งหน่ึงส่งความถ่ี 1000 KHz สญั ญาณความถี่ จะส่งเขา้ วงจรมิกเซอร์ (Mixer) 1.2 วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) จะทาหนา้ ที่สร้างความถี่มาในคล่ืนวทิ ยุ การสร้างจะใชว้ งจรจูน (tuned) หรือ วงจรรีโซแนนซ์ (Resonance) ความถี่ท่ีสร้างข้ึนจะสูงกวา่ ความถี่ท่ีรับเขา้ มา 455 KHz เสมอ สมมุติ วงจรจนู (tuned) เลือกรับ ความถี่สถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงแห่งหน่ึงส่งความถี่ 1000 KHz วงจรออส ซิลเลเตอร์ จะสร้าง 1455 KHz ความถ่ีที่ สร้างข้ึนมาจะสง่ั ใหภ้ าคมิกเซอร์ (Mixer) 2. ภาคขยาย ไอ – เอฟท่ี 1 (IFT1) จะนาความถี่ ไอ-เอฟ 455 KHz มาดาเนินการขยายสัญญาณใหม้ ีกาลงั สูงข้ึน การ ขยายจะขยายท้งั ส่วนสูง (Amplitude) ของสญั ญาณ และยอมใหค้ วามกวา้ ง (band width) ผา่ น ไดต้ ลอดดว้ ย การขยายสญั ญาณของภาค ไอ-เอฟ ท่ี 1 จะเป็นไปอยา่ งอตั โนมตั ิ โดยการนาเอาแรง ไฟ AGC มาควบคุม การขยายแรงไฟ AGC จะไดม้ าจากวงจรดีเทคดเตอร์ การถ่ายทอดสญั ญาณจากภาคขยาย ไอ-เอฟ ที่ 1 สู่ภายไอ-เอฟ ที่ 2 ใช้ ไอ – เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ที่ 2 (IFT 2) ไอ – เอฟ ท่ี 2 ก็จะทาการจนู ใหเ้ ฉพาะความถี่ 455 KHz เท่าน้นั ที่ผา่ นได้ คือ นาสญั ญาณความถ่ี 455 KHz ไปขยายในภาคไอ-เอฟที่ 2 3. ภาคขยาย ไอ – เอฟที่ 2 (IFT2) จะนาสัญญาณความถี่ 455 KHz มาดาเนินการขยายสัญญาณใหม้ ีกาลงั สูงเพียงพอ ตอ่ ความตอ้ งการ การ ขยายจะดาเนินการขยายส่วนสูงของสัญญาณ และ ความกวา้ งของสญั ญาณ จะตอ้ งผา่ นไดโ้ ดยตลอด การถ่ายทอดสญั ญาณจากภาคขยาย ไอ-เอฟ ท่ี 2 สู่ภาคดีเทคเตอร์ การถ่ายทอดสัญญาณจากภาคขยาย ไอ-เอฟ ที่ 2 สู่ภาคดีเทคเตอร์จะใชไ้ อ – เอฟ ทรานสฟอร์เมอร์ที่ 3 (IFT 3) ไอ-เอฟ ท่ี 3 จะทาหนา้ ท่ีจนู ใหเ้ ฉพาะความถ่ี 455 KHz เท่าน้นั ท่ีผา่ น ไดเ้ พ่ือส่งสัญญาณใหแ้ ก่ภาคดีเทค เตอร์ 4. ภาคดเี ทคเตอร์ (Detector) ภาคดีเทคเตอร์ หรือ ภาคดี-มอดูเลเตอร์ (DE- Modulator) จะทาการตดั คลื่นพาหะ (Carrier) หรือ คล่ืนวทิ ยุ (RF) ออกจากคลื่นเสียงหรือความถ่ีเสียง (AF) คือจะตอ้ งนาคลื่นพาหะ หรือคล่ืนวทิ ยลุ งดิน (ground) จะเหลือเฉพาะคลื่นเสียงหรือความถ่ีเสียง (AF) ภาคดีเทคเตอร์จะตอ้ งสร้างแรงไฟ AGC เพือ่ ควบคุมการขยายภาค ไอ-เอฟท่ี 1 จะ ทาใหก้ ารขยาย ไอ-
เอฟท่ี 1 เป็นไปอยา่ งอตั โนมตั ิ ภาคดีเทคเตอร์เมื่อเหลือคล่ืนสียงหรือความถ่ีเสียง (AF) จะนาเอาความถ่ีเสียง (AF) ไปขยายยงั ภาคขยายเสียงตลอดไป 5. ภาคขยายเสียง (AF Amplifier) ภาคขยายเสียง เรียกวา่ AF Amplifier หรือ Audio Amplifier จะมีการขยาย 1-3 ภาค หรือการขยายจะ มากหรือจะนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั ของผฟู้ ัง ถา้ ตอ้ งการขยายมากก็จะมีการขยาย หลาย ๆ ภาคถา้ เป็น เครื่องวทิ ยขุ นาดเลก็ จะมี 1-2 ภาค 6. ลาโพง (Lound Speaker) ลาโพง เรียกวา่ Lound Speaker หรือ Speaker จะทาหนา้ ท่ีเปล่ียนความถี่เสียง (AF) เป็นเสียงท่ีมนุษย์ สามารถไดย้ นิ 7. แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) แหล่งจ่ายไฟ จะเป็นวงจรจ่ายแรงดนั ไฟฟ้ า หรือจา่ ยแรงคลื่นไฟฟ้ า แรงไฟฟ้ าที่ใช้ ในเคร่ืองรับวทิ ยุ จะตอ้ งเป็ นไฟฟ้ าคือ ไฟดีซี คือ 3VDC, 6VDC, 9VDC, 12 VDC แลว้ แตค่ วาม ตอ้ งการของวงจร ถา้ เป็นเคร่ืองท่ีใชก้ บั ไฟบา้ น 220 VAC จะตอ้ งมีวงจรเปลี่ยนวงจรจาก เอซี (AC) มา เป็นไฟ ดีซี (DC) เรียกวงจร เรกติฟายเออร์ (Rectifier)
ด้านทกั ษะ+ด้านจติ พสิ ัย (ปฏบิ ัติ+ด้านจิตพสิ ัย) (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 2-3) 1. แบบฝึกหดั บทที่ 3 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 4) 1. ควบคุมปริมาณบลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยแุ ละนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ กิดประโยชน์สูงสุด
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาความเข้าใจจุดประสงค์ 1. ผูเ้ รียนศึกษาจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมของ เชิงพฤติกรรมของเอกสารประกอบการสอนวิชา เอกสารประกอบการสอนวิชาทฤษฎีเครื่องรับวิทยุ ท ฤ ษ ฎี เค รื่ อ ง รั บ วิ ท ยุ ห น่ ว ย ที่ 3 เรื่ อ ง หน่วยท่ี 3 เร่ือง บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวิทยุ AM บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM หนา้ ท่ี 43 หนา้ ท่ี 43 2. ผูส้ อนแจง้ จุดประสงค์การเรียนของหน่วย 2. ผูเ้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงค์การ เรียนที่ 3 เรื่อง บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ AM เรียนของหน่วยที่ 3 เร่ือง การฟังการดูสารในงาน 3. ผู้ ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น แ ป ล ค ว า ม ห ม า ย อาชีพจากส่ือส่ิงพมิ พ์ บล็อกไดอะแกรมวิทยุแร่ ตามความเขา้ ใจ โดยครู 3. ผูเ้ รียนแปลความหมายบล็อกไดอะแกรมวิทยุ เป็นผใู้ หค้ าแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด แร่ ตามความเขา้ ใจ โดยขอคาแนะนาจากผูส้ อนหรือ ศึกษาจากเอกสารป ระกอบการสอนวิชา ทฤษฎี 2. ข้นั ให้ความรู้ (220 นาที) เครื่องรับวทิ ยุ 1. ผู้สอนแนะนาให้ผู้เรียนอ่านหนังสื อวิชา ทฤษฎีเครื่องรับวิทยุ หน่วยท่ี 3 บล็อกไดอะแกรม 2. ข้นั ให้ความรู้ (220 นาที ) เครื่องรับวทิ ยุ AM 1. ผเู้ รียนศึกษาอ่านหนงั สือวิชา ทฤษฎีเครื่องรับ 2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนจดั ระเบียบบล็อกไดอะแกรม วิทยุ หน่วยที่ 3 เร่ืองบล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวิทยุ วทิ ยแุ ร่ตามท่ีไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint AM 3. ผสู้ อนทดลองสาธิตวธิ ีปฏิบตั ิในการรับคาส่ัง 2. ผูเ้ รียนจัดระเบียบบล็อกไดอะแกรมวิทยุแร่ ใหผ้ เู้ รียนดู พร้อมใหค้ าแนะนะ ตามที่ไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint 3. ผูเ้ รียนดูผูส้ อนทดลองสาธิตวิธีปฏิบตั ิในการ รับคาส่ังพร้อมจดบนั ทึกเน้ือหาสาระ
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 300 นาที ) 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 300 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรี ยนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน 1. ผู้เรี ยน แบ่ งก ลุ่ ม ๆ ล ะ 4-5 คน ร่ วม กัน ร่วมกนั อภิปรายบทเรียนหน่วยท่ี 3 อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 3 2. ผู้สอนให้ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ 2. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาอภิปราย แนวคิดท่ีไดจ้ ากบทเรียนหน่วยท่ี 3 ของแต่ละกลุ่ม แนวคิดท่ีได้จากบทเรียนหน่วยที่ 3 ของกลุ่มตนเอง ใหฟ้ ังหนา้ ช้นั เรียน หนา้ ช้นั เรียน 3. ผู้ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก 3. ผู้เรียนสื บค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรื อ อินเทอร์เน็ตหรือแหล่งความรู้ต่างๆ แหล่งความรู้ต่างๆ 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาที ) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 40 นาที ) 1. ผูส้ อนและผูเ้ รียนร่วมกันสรุปเน้ือหาท่ีได้ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาท่ีได้ เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เรียนเพือ่ ใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั 2. ผู้สอนและผู้เรียนทาแบบฝึ กหัดบทที่ 3 2. ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 3 หนา้ 52 - 53 หนา้ 52 - 53 3. ผสู้ อนให้ผูเ้ รียนสลบั กนั ตรวจกิจกรรมและ 3. ผู้ เรี ย น ส ลั บ กั น ต ร ว จ กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซ่ือสัตย์ แล้วนา แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซ่ือสัตย์ แล้วนา คะแนนที่ไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน คะแนนที่ไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน 4. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน 4. ผู้เรี ยนศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรี ยน ด้วย ดว้ ย PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-4) (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-4) (รวม 600 นาที หรือ 1 คาบเรียน)
งานทีม่ อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร สื่อการเรียนการสอนหน่วยท่ี 3 2. ทาความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์การเรียนของหน่วยที่ 3 และให้ความร่วมมือในการทา แบบฝึกหดั บทที่ 3 ขณะเรียน 1. ศึกษา PowerPoint และเอกสารประกอบการสอน 3 เร่ือง บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM 2. ซกั ถามขอ้ สงสยั ระหวา่ งการเรียนการสอน 3. ปฏิบตั ิตามแบบฝึกหดั ที่ 3 เรื่อง บล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ AM หลงั เรียน 1. สรุปเน้ือหา 2. สลบั กนั ตรวจแบบฝึกหดั บทที่ 3 คาถาม 1. การดีเทอร์เตอร์จะทาการตดั สัญญาณอะไรลงกราวด์ 2. วงจรสร้างความถี่ข้ึนมาในวงจรเครื่องรับวทิ ยุ คือ 3. วงจรเลือกความถ่ีท่ีตอ้ งการรับ คือ ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทท่ี 3 เร่ือง บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ AM
สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ัตงิ านอาชีพ - วดั ผลความรู้เก่ียวกบั บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง แบบฝึ กหัดบทที่ 3 วดั ผลความรู้เกี่ยวกบั บล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวิทยุ AM ที่จดั ทาข้ึนไดท้ าให้ ผเู้ รียนมีความรู้เพิ่มเกี่ยวกบั คลื่นวิทยตุ ลอดจนการทางานของวิทยุ ทาให้ผเู้ รียนสามารถนาไประยุกตใ์ ชใ้ นการ เรียน การทางาน และสามารถหารายไดร้ ะหวา่ งการเรียนการสอนช่วยเหลือผปู้ กครองไดใ้ นระดบั หน่ึง
ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อสิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ทฤษฎีเครื่องรับวทิ ยุ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-4) 2. แบบฝึกหดั หลงั เรียน (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-3) 3. แบบประเมินผลงานตามกิจกรรม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 4. แบบเฉลยกิจกรรมการเรียนรู้ ใชป้ ระกอบในข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน และข้นั สรุปและประเมินผล 5. แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2 ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. PowerPoint เร่ือง วดั ผลความรู้เก่ียวกบั บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ AM สื่อของจริง วดั ผลความรู้เกี่ยวกบั บล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวิทยุ AM (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-4)
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาคร การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอน่ื 1. บูรณาการกบั วชิ าชีวิตและวฒั นธรรมไทย ดา้ นการพดู การอา่ น การเขียน และการฝึกปฏิบตั ิตน ทางสังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรับผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บรู ณาการกบั วชิ าคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
การประเมินผลการเรียนรู้ หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน ความรู้ก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน สังเกตการทางาน หลงั เรียน ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรียน ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทท่ี 3 เรื่อง วดั ผลความรู้เก่ียวกบั บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM
รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 แปลความหมายบล็อกไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : แปลความหมายบล็อกไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 ปรับปรุงบล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยแุ บบซุปเปอร์เฮทเทอโรดายน์ ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ปรับปรุงบล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยแุ บบซุปเปอร์เฮทเทอโรดายน์ ได้ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 3 จดั ระเบียบบล็อกไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จดั ระเบียบบล็อกไดอะแกรมวทิ ยแุ ร่ได้ จะได้ 3 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 4 ควบคุมปริมาณบลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยแุ ละนามาประยกุ ตใ์ ช้ ไดเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ควบคุมปริมาณบล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยแุ ละนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ เกิดประโยชนส์ ูงสุด ได้ จะได้ 3 คะแนน
แบบฝึ กหดั บทที่ 3 ตอนที่ 1 จงเขียนบลอ็ กไดอะแกรมวิทยุ AM 1. เขียนวิทยุบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุ AM เครื่องรับวิทยแุ ร่ ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 2. เขยี นบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุ AM เคร่ืองรับวิทยุแบบ Super Heterodyne ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ตอนท่ี 2 จงทาเคร่ืองหมาย (X) ลงหน้าเลขทถ่ี ูกต้อง 1. ภาคแรกของเคร่ืองรับวทิ ยุ คอื ก. มิกเซอร์ ข. ออสซิลเลเตอร์ ค. คอนเวอร์เตอร์ ง. ไอ – เอฟ
2. วงจรเลอื กความถท่ี ตี่ ้องการรับ คอื ก. วงจรจูน ข. วงจรออสซิลเลเตอร์ ค. วงจรขยาย ไอ-เอฟ ง. วงจรมิกซ์ 3. วงจรสร้างความถีข่ ึน้ มาในวงจรเคร่ืองรับวทิ ยุ คอื ก. วงจรจูน ข. วงจรออสซิลเลเตอร์ ค. วงจรขยาย ไอ-เอฟ ง. วงจรมิกซ์ 4. วงจรที่ทาให้เกดิ ความถ่ี ไอ-เอฟ คือ ก. วงจรจูน ข. วงจรออสซิลเลเตอร์ ค. วงจรขยาย ไอ-เอฟ ง. วงจรมิกซ์ 5. ย่านความถว่ี ทิ ยุ AM คอื ก. 500 KHz – 1600 KHz ข. 500 KHz – 1000 KHz ค. 100 KHz – 1000 KHz ง. 100 KHz – 500 KHz 6. ภาคขยาย ไอ-เอฟ ท่ี 1 จะขยายสัญญาณความถ่ี ก. 355 KHz ข. 455 KHz ค. 100 KHz ง. 255 KHz 7. ภาคขยาย ไอ-เอฟ ท่ี 2 จะขยายสัญญาณความถี่ ก. 355 KHz ข. 455 KHz ค. 100 KHz ง. 255 KHz 8. การดเี ทอร์เตอร์จะทาการตดั สัญญาณอะไรลงกราวด์ ก. Carrier ข. RF ค. AF ง. ถูกขอ้ ก และ ข. 9. ภาคขยายเสียงจะขยายสัญญาณ ก. Carrier ข. RF ค. AF ง. ถูกขอ้ ก และ ข 10. ลาโพงทาหน้าทเี่ ปลยี่ นสัญญาณเสียงจากหัวข้อใดมาเป็ นสียง ก. Sound Signal ข. RF ค. AF ง. ถูกขอ้ ข และ ค
ตอนที่ 3 จงเขยี นช่ือเตม็ และอธิบายความหมาย 1. AM ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง.............................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 2. FM ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง....................................................................................................... .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 3. RF ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง............................................................................................................ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 4. AF ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง............................................................................................................ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 5. IF ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง............................................................................................................ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 6. AGC ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง............................................................................................................ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. 7. OSC ยอ่ มาจาก........................................................................................................... หมายถึง............................................................................................................ .............................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................
ตอนท่ี 1 จงเขยี นบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุ AM 1. เขียนวทิ ยบุ ลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุ AM เคร่ืองรับวทิ ยแุ ร่ ตอบ 2. เขียนบลอ็ กไดอะแกรมวทิ ยุ AM เคร่ืองรับวทิ ยแุ บบ Super Heterodyne ตอบ
ตอนท่ี 2 จงทาเครื่องหมาย (X) ลงหน้าเลขทถ่ี ูกต้อง 1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ข 6. ข 7. ข 8. ง 9. ค 10. ค
ตอนที่ 3 จงเขยี นช่ือเต็มและอธิบายความหมาย 1. AM ยอ่ มาจาก (Amplitude Modulation) หมายถึง การผสมคล่ืนทางความสูง 2. FM ยอ่ มาจาก ( Frequency Modulation) หมายถึง การผสมคล่ืนทางความถ่ี 3. RF ยอ่ มาจาก (Radio frequency) หมายถึง ความถ่ีวทิ ยุ 4. AF ยอ่ มาจาก ( Audio frequency) หมายถึง ความถี่สียง 5. IF ยอ่ มาจาก (Intermediate Frequency) หมายถึง ความถี่กลาง 6. AGC ยอ่ มาจาก (Automatic Gain Control) หมายถึง การปรับอตั ราการขยายของสญั ญาณโดยใช้หลกั การการตรวจสอบความสวา่ งของภาพ มีประโยนช์เมอื่ ภาพมีแสงสวา่ งน้อย 7. OSC ยอ่ มาจาก (Oscillator) หมายถึง วงจรออสซิลเลเตอร์
แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขท่ี……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาใหผ้ ูฟ้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถกู ตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มีการใชเ้ ทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอท่ีน่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แต่ขาด การประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
แบบประเมนิ กระบวนการทางาน ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. 1……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 1 การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 321 2 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานท่ี ส่ือ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แตไ่ มต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมีส่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด 1 คะแนน = ทางานไม่สาเร็จตามเป้ าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แตไ่ มป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไมม่ ีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บันทึกหลงั การสอน หน่วยที่ 3 บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. ส่ือการสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั เรียนส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิใบงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 2. นกั เรียนกระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาท่ีกาหนด 3. นกั เรียนวดั ผลความรู้เก่ียวกบั บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ AM ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาที่กาหนด
แผนการจดั การเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยที่ 4 ช่ือวชิ า ทฤษฎีเคร่ืองรับวทิ ยุ สอนสปั ดาหท์ ่ี 5-6 ช่ือหน่วย เคร่ืองรับวิทยุ AM คาบรวม 30 ช่ือเรื่อง เคร่ืองรับวทิ ยุ AM จานวนคาบ 10 หวั ข้อเรื่อง ดา้ นความรู้ 1. ภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์เตอร์ 2. ภาคขยายความถี่ ไอ- เอฟ 3. เอ จี ซี (AGC) ดา้ นทกั ษะ 4. ดีเทคเตอร์ ดา้ นจิตพสิ ยั 5. การอา่ นวงจรภาครับวทิ ยุ AM ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 6. รู้จกั ใชเ้ ครื่องรับวทิ ยใุ หอ้ ยบู่ นพ้ืนฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพื่อนร่วมห้อง สาระสาคญั เคร่ืองรับวทิ ยรุ ะบบAM เป็นระบบแรกที่ นามาใชใ้ นประเทศไทย เคร่ืองรับวทิ ยกุ ็เร่ิมตน้ ต้งั แตว่ ทิ ยแุ บบ แร่ วทิ ยแุ บบแร่ประสิทธิภาพการรับสัญญาณต่ามาก จะรับฟังไดจ้ ะตอ้ งใชห้ ูฟัง ตอ่ มาจึงมีการนาเอาเครื่องรับ แบบ TRF เครื่องรับแบบน้ีใชห้ ลอดสูญญากาศประสิทธิภาพจะสูงกวา่ แบบแร่ เน่ืองจากยคุ แรก ๆ เคร่ืองส่งวทิ ยมุ ี อยใู่ นกรุงเทพสถานีส่งวทิ ยกุ ็มีไมม่ าก เครื่องรับแบบ TRF จึงอยใู่ นระดบั ใชไ้ ด้ ต่อมาการพฒั นาเครื่องรับวทิ ยไุ ดค้ น้ พบระบบเคร่ืองรับแบบซุปเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ มี ประสิทธิภาพใน การรับสูงมาก ระบบดงั กล่าวน้ีถูกใชม้ าถึงปัจจุบนั สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย - ใชเ้ ครื่องรับวทิ ยใุ นส่วนของภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์เตอร์
คาศัพท์สาคญั ความหมายของคาสั่งหรือคาแนะนา เครื่องรับวทิ ยแุ บบซุปเปอร์ เฮอเทอโรดายน์ ภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ เป็นภาค แรกของเคร่ืองรับวทิ ยุ ระบบ AM เริ่มจากสายอากาศกจ็ ะมาตอ่ กบั ชุดอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ เม่ือ การดาเนินการในภาคอาร์-เอฟ คอน เวอร์เตอร์เรียบร้อยแลว้ จะส่งสญั ญาณความถี่ ไอ-เอฟ 455 KHz ใหก้ บั ภาคขยาย ไอ-เอฟ ต่อไป องคป์ ระกอบของภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ ภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ จะประกอบดว้ ยวงจรต่าง ๆ คือ 1. วงจรจนู (tuned) 2. วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) 3. วงจรมิกเซอร์ (Mixer) จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. เพือ่ ใหม้ ีความรู้เร่ืองสรุปความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั คลื่นวทิ ยุ (ด้านความรู้) 2. เพ่ือใหม้ ีความรู้เก่ียวกบั ภาคขยายความถ่ี ไอ- เอฟ (ด้านความรู้) 3. เพ่อื ใหม้ ีความรู้เกี่ยวกบั เอ จี ซี (AGC) (ด้านความรู้) 4. เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะแกป้ ัญหาการแบง่ ยา่ นความถ่ีวทิ ยุ (ดา้ นทกั ษะ) 5. เพ่อื ใหผ้ เู้รียนตระหนกั ถึงการนามาใชก้ ระจายคลื่นวทิ ยุ (ดา้ นจิตพิสัย) 6. เพอื่ รู้จกั ใชเ้ คร่ืองรับวทิ ยใุ ห้อยบู่ นพ้ืนฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพอ่ื นร่วมหอ้ ง(ด้านคุณธรรม จริ ยธรรม) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ระบุภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์เตอร์ได้ (ด้านความรู้) 2. บรรยายภาคขยายความถี่ ไอ- เอฟได้ (ด้านความรู้) 3. แปลความหมาย เอ จี ซี (AGC) ได้ (ด้านความรู้) 4. คานวณดีเทคเตอร์ได้ (ด้านทักษะ) 5. จาแนกการอา่ นวงจรภาครับวิทยุ AM ได้ (ดา้ นจิตพิสัย) 6. รู้จกั ใชเ้ คร่ืองรับวทิ ยใุ หอ้ ยบู่ นพ้นื ฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพื่อนร่วมห้อง(ด้านคุณธรรม จริ ยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)
เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี 4.1 ภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ (RF Converter) เครื่องรับวทิ ยแุ บบซุปเปอร์ เฮอเทอโรดายน์ ภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ เป็นภาค แรกของเคร่ืองรับวทิ ยุ ระบบ AM เร่ิมจากสายอากาศกจ็ ะมาตอ่ กบั ชุดอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ เมื่อ การดาเนินการในภาคอาร์-เอฟ คอน เวอร์เตอร์เรียบร้อยแลว้ จะส่งสญั ญาณความถี่ ไอ-เอฟ 455 KHz ใหก้ บั ภาคขยาย ไอ-เอฟ ตอ่ ไป องคป์ ระกอบของภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ ภาคอาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ จะประกอบดว้ ยวงจรต่าง ๆ คือ 1. วงจรจูน (tuned) 2. วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) 3. วงจรมิกเซอร์ (Mixer) 1. วงจรจูน วงจรจูน หรือวงจรแทง้ ค์ หรือวงจรรีโซแนนซ์ (Resonance) หมายถึงวงจรเลือก รับความถี่ที่ตอ้ งการ เน่ืองจากในระบบ เอ-เอม็ (AM) ความถ่ียา่ น 525 KHZ -1605 KHz ประกอบ ดว้ ยสถานีวทิ ยหุ ลายสถานีแต่ละ สถานีก็มีความถ่ีเฉพาะของสถานีน้นั ๆ การเลอื กรับความถีใ่ ด ๆ หรือเลอื กสถานีวทิ ยุทาได้อย่างไร การเลือกวงจรจูน คือถา้ วงจรจนู มีความถ่ีรีโซแนนซ์กบั ความถ่ีใด กจ็ ะยอมให้ ความถ่ีท่ีรีโซแนนซ์ผา่ น ได้ แต่ถา้ ความถ่ีที่ไม่รีโซแนนซ์ ไม่สามารถผา่ นได้ น้นั คือ วงจรจูนจะ รีโซแนนซ์กบั ความถี่ใดความถี่หน่ึงเทา่ น้นั แลว้ ส่งใหก้ บั มิกเซอร์ 2. วงจรออสซิลเลเตอร์ วธิ ีการจะสร้างความถี่ข้ึนมาความถ่ีใดความถ่ีหน่ึง ความถี่ที่สร้างข้ึนมาจะใชว้ งจร จนู หรือวงจรแทง้ ค์ ความถี่ที่สร้างข้ึนมาจะเป็นเพียงความถี่ใดความถี่หน่ึง แต่ความถ่ีท่ีสร้างข้ึนน้ี จะสูงกวา่ ความถ่ีท่ีรับเขา้ มา 455 KHz เสมอ แลว้ ส่งไปยงั มิกเซอร์ 3. วงจรมกิ เซอร์ จะนาสัญญาณ 2 แหล่ง คอื 1. วงจรจูน คือ วงจรเลือกความถี่ที่ตอ้ งการรับ 2. วงจรออสซิลเลเตอร์ คือ วงจรที่สร้างข้ึนที่เคร่ืองรับ (Osc)
องค์ประกอบของวงจรจูน วงจรจูน จะประกอบดว้ ยอุปกรณ์หลกั อยู่ 2 อยา่ งคือ 1. คาปาซิเตอร์ (C) 2. อินดกั เตอร์ (L) คาปาซิเตอร์ เรียกช่ือยอ่ วา่ C ทาหนา้ ที่เกบ็ ประจุ เรียกวา่ ชาร์จ (charge) และ จ่ายประจุเรียกวา่ ดีสชาร์จ (dis- charge) มีหน่วยเป็นฟาราด (F-Farad) อินดกั เตอร์ หรือขดลวด เรียกช่ือยอ่ L คือค่าความสามารถในกาเหนี่ยวนามีหน่วย เป็นเฮนรี (Henry = H) การรีโซแนนซ์ การรีโซแนนซ์ หมายถึง สภาวะของวงจรท่ียอมใหค้ วามถี่หน่ึงความถ่ีใดผา่ น หรือ ความถี่ท่ีเกิดข้ึนที่ วงจรจูน วงจรจูนใช้ L และ C จะทาใหเ้ กิดการรีโซแนนซ์เม่ือ XC = XL L คือ ขดลวด หรือ อินดกั แตน้ ซ์ (Inductance) คือคา่ ความสามารถใน การเหน่ียวนามีหน่วยเป็นเฮนรี (Henry = H) C คือ คาปาซิแตน้ ซ์ (Capacitance) คือ ค่าความสามารถในการเก็บประจุและ คายประจุมีหน่วยเป็นฟา ราด (F = Farad) XC คือ Capacitive Reactance คือ คา่ ความตา้ นทานของคาปาซิเตอร์ ที่มีตอ่ กระแสสลบั มีหน่วยเป็น โอห์ม (Ohm) XL คือ Inductive Reactance คือ ค่าความตา้ นทานของขดลวด (coil) ท่ีมีต่อ ไฟฟ้ ากระแสสลบั มีหน่วยวดั เป็น โอห์ม (Ohm) สภาวะรีโซแนนซ์ (Resonance) วงจรจูน ประกอบดว้ ย L และ C ในขณะวงจรถึงจุดรีโซแนนซ์ หรือ สภาวะ รีโซแนนซ์ คือ XC =XL รูปท่ี 4.2 วงจรจูนในสภาวะรีโซแนนซ
การนาเอาความถี่ออสซิลเลเตอร์ไปรวมกบั มิกเซอร์ จะนิยมอยู่ 2 แบบ คือ 1. การนาความถ่อี อสซิลเลเตอร์ส่งไปยงั มิกเซอร์ทขี่ าอมิ ิเตอร์ การนาเอาความถี่ออสซิลเลเตอร์ไปรวมกบั มิกเซอร์ จากรูปท่ี 4.12 เม่ือวงจรออสซิลเลเตอร์ คือ ทรานซิสเตอร์ (TR_2) และ L4 , L5 , และ C4 กาเนิด ความถี่ออสซิลเลเตอร์ หรือความถี่รีโซแนนซ์ ไดแ้ ลว้ จะคปั ปลิ้งคือ C3เขา้ สู่ขาอิมิตเตอร์ของภาคมิก เซอร์ที่ TR 2. การนาความถ่อี อสซิลเลเตอร์ส่งไปมกิ เซอร์ทข่ี าเบส วธิ ีการนาเอาความถี่จากออสซิลเลเตอร์ไปรวมท่ีขาเบส จากรูปที่ 4.14 ความถี่ออส ซิลเลเตอร์ถูกสร้างท่ี L4, L5, และ C4 จะคปั ปลิ้งผา่ น C3 ผา่ น L3 เขา้ ขาเบสของ (TR1) ส่วนความถี่จากวงจรจูนจะคปั ปลิ้งจาก L2 สู่ L3 เขา้ ขาเบสของ TR1เช่นกนั สัญญาณท้งั 4 สัญญาณ จะไดค้ วามถ่ีที่แตกต่างกนั 4 ความถี่ จะตอ้ งเป็ นเอาตพ์ ุต ของภาคมิกเซอร์ จะ ต่อไปยงั ไอ – เอฟท่ี 1 (IFT1) ไอ – เอฟที่ 1 (IFT1) ไอ – เอฟที่ 1 (IFT1) จะอยใู่ นวงจรเอา้ ตพ์ ุตของมิกเซอร์ ไอ – เอฟที่ 1 จะจนู ใหเ้ ฉพาะ ความถ่ี 455 KHz เท่าน้นั ท่ีผา่ นได้ ดงั น้นั สญั ญาณท่ีเป็นเอาตพ์ ุตของมิกเซอร์มีถึง 4 สญั ญาณ หรือ 4 ความถ่ี (ดงั ตวั อยา่ ง) แต่จะผา่ นไอ – เอฟที่ 1 เพียงความถ่ีเดียวคือ 455 KHz จะส่งไปยงั ภาคขยาย ไอ – เอฟ ต่อไป 4.1.4 วงจร อาร์ – เอฟ คอนเวอร์เตอร์ จากการท่ีไดศ้ ึกษาหลกั การวงจร อาร์-เอฟ คอนเวอร์เตอร์ผา่ นมาแลว้ จากน้ีจะให้ ศึกษาวงจรจริง การศึกษาวงจรต่าง ๆ เบ้ืองตน้ อาจจะสับสนอยบู่ า้ งเพราะผเู้ รียนเริ่มเรียนวทิ ยุ ดงั น้นั ผเู้ ขียนจะอธิบายท้งั เชิง วชิ าการและจากประสบการณ์ วงจรตา่ ง ๆ จะเอาเฉพาะท่ียงั มีจาหน่าย ในทอ้ งตลาด การทางานของวงจรจูน การถ่ายทอดสญั ญาณจาก L1 สู่ L2 สัญญาณวทิ ยจุ ากสถานีส่งตา่ ง ๆ จะถูกซกั นาเขา้ ขดลวด L1 ลกั ษณะการชกั นาจะ คลา้ ยกบั ทรานส เฟอร์เมอร์สถานีวทิ ยจุ ะเปรียบเสมือนขดไพมารี่ ส่วนขดลวด L1 จะเปรียบเสมือ นขดเช็กกนั่ ดาร่ี เม่ือสถานีส่ง ส่ง สญั ญาณวทิ ยกุ จ็ ะเกิดการชกั นามายงั ขดลวด L1 สัญญาณวทิ ยุ ท่ีปรากฏมายงั L1 จะประกอบดว้ ยสถานีวทิ ยตุ ่าง ๆ มากมาย ท่ีเคร่ืองรับสามารถรับสญั ญาณได้ L1 = คือ ขดลวด เป็นชุดคอยลอ์ ากาศมีจานวนรอบ 40-60 รอบพนั บนแกนเฟอร์ไรต์ อยรู่ วมกบั คอยล์ ชุด L2 และ L3
4.2 ภาคขยายความถ่ี ไอ-เอฟ ภาคขยาย ไอ-เอฟ จะมี 2-3 ภาค ถา้ จานวนภาค ไอ-เอฟ มีจานวนหลายภาคแสดง ถึงคุณภาพเคร่ืองมือมี คุณภาพและประสิทธิภาพในการรับส่งสูง ภาคขยายสัญญาณ ไอ-เอฟ จะ รับสัญญาณวิทยซุ ่ึงเป็นความถี่กลางใน ระบบ AM คือความถี่ ไอ-เอฟ 455 KHz ซ่ึงเป็นหลกั การ ของเคร่ืองรับแบบซูเปอร์ เฮทเทอโรดายน์ มาดาเนินการ ขยายตามข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี ลกั ษณะการทางาน 1. มีประสิทธิภาพ ในการเลือกรับสญั ญาณคือ มี Selectivity ท่ีดี คือการมีวงจร จูนหลายภาค เป็นการ คดั เลือกใหเ้ ลือกความถี่มีเพยี งความถี่เดียว คือ 455 KHz ผา่ น น้นั คือไม่ ใหค้ วามถ่ีอ่ืน หรือสถานีอื่นแทรกเขา้ มา 2. จะขยายสญั ญาณความถ่ีกลางหรือความถี่ ไอ-เอฟ คือ 455 KHz ใหม้ ีกาลงั เพียง พอตามความตอ้ งการ คือ การขยายส่วนสู่งของสัญญาณ (Amplitude) 3. จะขยายดา้ นความกวา้ งของแบนดว์ ดิ ท์ (Band width) หมายความวา่ วงจรจะ ยอมใหส้ ัญญาณความ กวา้ งของสญั ญาณ คือแบนด์วดิ ทผ์ า่ นไดต้ ลอด การส่งระบบ AM จะมีแบน ดว์ ดิ ท์ = 10KHz หรือ ความถี่ 455 KHz ± 5 KHz โดยมีไซดแ์ บนด์ 2 ขา้ ง - ไซดแ์ บนดด์ า้ นต่าเรียกวา่ โลเวอร์ ไซดแ์ บนด์ (Lower Side band) - ไซดแ์ บนดด์ า้ นสูงเรียกวา่ อพั เปอร์ ไซดแ์ บนด์ (Upper Side band) 4.3 ภาคดเี ทคเตอร์ การดีเทคเตอร์ คือ การตดั คล่ืนพาหะ (Carrier) หรือ RF ออกไปน้นั คือ เรียกวา่ การ บายพาส (By-pass) RF ลงกราวด์ จะพบวา่ สญั ญาณส่วนท่ีเหลือ คือสญั ญาณ AF(Audio frequency) หรือ Sound Signal เพอื่ นาเอา AF ไปขยายในภาคขยายเสียงตอ่ ไป 1. แบบไบอสั ตรง (forward bias) หมายถึง ไดโอดสามารถนากระแสหรือใหก้ ระแสผา่ นไดจ้ ะตอ้ งใหม้ ีแรงเคลื่อนต่อเขา้ อะโหนด (A = Anode) เป็นบวกมากกวา่ ทางดา้ นคาโถด (K= Cathode) ลกั ษณะน้ีจะไดก้ ระแส หรือสญั ญาณออกจากคาโถด ในช่วงบวกของสัญญาณ 2. แบบไบอสั กลบั (Reverse bias) หมายถึงสภาวะที่ไดโอดไมส่ ามารถนากระแส คือ ถา้ ใหส้ ญั ญาณหรือแรงเคลื่อนทา งดา้ นอะโหนด มี ศกั ด์ิเป็นลบใหค้ าโถดมีศกั ด์ิเป็นบวกลกั ษณะน้ีจะไม่มีกระแสหรือสญั ญาณไหลผา่ น ออกทางคาโถดเลย
วงจรดีเทคเตอร์แบบ AM (AM Detector) วงจรดีเทคเตอร์แบบ AM มีอยู่ 2 ลกั ษณะ คือ 1. ตอ้ งการสัญญาณดา้ นบวก 2. ตอ้ งการสัญญาดา้ นลบ เหตุท่ีเลือกกเ็ พราะวา่ ตอ้ งคานึงถึงลกั ษณะการใหไ้ บอสั ของทรานซิสเตอร์เพราะ ทรานซิสเตอร์ชนิด PNP และ NPN ใหไ้ บอสั แตกต่างกนั ในส่วนของสัญญาณจะบวกหรือลบจะ ตอ้ งไปกาหนดเป็ นแรงไฟ AGC ถา้ สญั ญาณช่วงบวก ก็จะไดแ้ รงไฟ AGC เป็นบวก ถา้ สัญญาณ ช่วงลบก็จะไดแ้ รงไฟ AGC เป็นลบ การควบคุมการขยายวงจร IF จากการท่ีทราบวา่ วงจร AGC สามารถเลือกได้ 2 ลกั ษณะ คือ AGC เป็นไฟบวก หรือ AGC เป็นไฟลบ การจะเลือกวา่ จะใชแ้ บบ AGC บวกหรือ AGC ลบ จะตอ้ งคานึงถึงวงจร วา่ ลกั ษณะการใหแ้ รงไฟเบสไบอสั ของ วงจร ไอ-เอฟ เป็นบวกหรือลบและจะทาการหกั ลา้ งหรือเสริม แรงไฟเบสไบอสั การขยายจะเพม่ิ ข้ึนหรือลดลง การนาเอา AGC แบบบวกไปใชง้ านเครื่องรับวทิ ยทุ ี่ใชท้ รานซิสเตอร์ชนิด PNP การใช้ เบสไบอสั จะใช้ ไฟลบส่วนไฟบวกจะตอ้ งลงกราวด์ วธิ ีการขยายหรือควบคุมการขยายเบสไบอสั เพ่มิ (ลบมาก) ข้ึนการขยายก็ เพมิ่ ข้ึนถา้ เบสไบอสั ลดลง (ลบนอ้ ยลง) การขยายก็ลดลง ด้านทกั ษะ+ด้านจิตพสิ ัย (ปฏบิ ตั ิ+ด้านจิตพสิ ัย) (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 4-5) 1. แบบฝึกหดั บทที่ 4 ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 6) 2. รู้จกั ใชเ้ ครื่องรับวทิ ยใุ หอ้ ยบู่ นพ้นื ฐานความปลอดภยั ต่อตนเองและเพื่อนร่วมหอ้ ง
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (40 นาที ) 1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนอ่านเอกสารประกอบการ 1. ผเู้ รียนศึกษาเอกสารประกอบการสอนวชิ า วชิ า สอนวิชาทฤษฎีเคร่ืองรับวิทยุ หน่วยที่ 4 เรื่ อง ทฤษฎีเคร่ืองรับวิทยุ หน่วยท่ี 4 เรื่อง เครื่องรับวิทยุ เค ร่ื อ งรั บ วิ ท ยุ AM ห น้ าที่ 55 ใ น ส่ ว น ข อ ง AM หนา้ ท่ี 37 ในส่วนของสาระสาคญั สาระสาคญั 2. ผเู้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั วตั ถุประสงคก์ าร 2. ผสู้ อนแจง้ วตั ถุประสงค์การเรียนของหน่วย เรียนของหน่วยเรียนท่ี 4 เรื่องเครื่องรับวทิ ยุ AM เรียนที่ 4 เร่ืองเคร่ืองรับวทิ ยุ AM 3. ผเู้ รียนระบุภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์เตอร์ 3. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนระบุภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์ เตอร์ 2. ข้ันให้ความรู้ (220 นาที ) 1. ผูเ้ รียนเปิ ดเอกสารประกอบการสอนเทคนิค 2. ข้ันให้ความรู้ (220 นาที) ทฤษฎีเคร่ืองรับวิทยุ หน่วยท่ี 4 เรื่อง เคร่ืองรับวิทยุ 1. ผูส้ อนให้ผู้เรียนเปิ ดเอกสารประกอบการ AM หน้าท่ี 56 - 90 พร้อมกับจดบันทึกเน้ือหาท่ีได้ สอน ทฤษฎีเครื่องรับวทิ ยุ หน่วยที่ 4 เรื่อง เครื่องรับ เรียน วทิ ยุ AM 56 - 90 พร้อมอธิบายเน้ือหาให้ผูเ้ รียนฟัง 2. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนอธิบายความรู้เพ่ิมเติม เรื่อง ทีละหนา้ เครื่องรับวทิ ยุ AM 2. ผสู้ อนอธิบายความรู้เพ่ิมเติม เร่ือง เครื่องรับ 3. ผเู้ รียนซกั ถามขอ้ สงสัยจากเน้ือหาโดยครูเป็ นผู้ วทิ ยุ AM อธิบายเร่ือง เครื่องรับวทิ ยุ AM 3. ผสู้ อนเปิ ดโอกาส ให้ผเู้ รียนถามปัญหา และ ข้อสงสัยจากเน้ื อหา โดยครูเป็ นผู้อธิบาย เร่ื อง เคร่ืองรับวทิ ยุ AM
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 3. ข้ันประยุกต์ใช้ (300 นาที ) 3. ข้ันประยุกต์ใช้ (300 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรี ยนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน 1. ผู้เรี ยน แบ่ งกลุ่ ม ๆ ละ 4-5 คน ร่ วมกัน ร่วมกนั อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 4 อภิปรายบทเรียนหน่วยที่ 4 2. ผู้สอนให้ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ 2. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาอภิปราย แนวคิดที่ได้จากบทเรียนหน่วยท่ี 4 ของแต่ละกลุ่ม แนวคิดท่ีได้จากบทเรียนหน่วยท่ี 4 ของกลุ่มตนเอง ใหฟ้ ังหนา้ ช้นั เรียน หนา้ ช้นั เรียน 3. ผู้ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก 3. ผู้เรียนสื บค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรื อ อินเทอร์เน็ตหรือแหล่งความรู้ตา่ งๆ แหล่งความรู้ต่างๆ 4. ข้ันสรุปและประเมินผล (40 นาที ) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 40 นาที ) 1. ผูส้ อนและผูเ้ รียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เรียนเพอ่ื ใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั 2. ผู้สอนและผู้เรียนทาแบบฝึ กหัดบทที่ 4 2. ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 4 หนา้ 91 - 93 หนา้ 91 - 93 3. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนสลบั กนั ตรวจกิจกรรมและ 3. ผู้ เรี ย น ส ลั บ กั น ต ร ว จ กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซื่อสัตย์ แล้วนา แบบทดสอบหลังเรียน ด้วยความซื่อสัตย์ แล้วนา คะแนนท่ีไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน คะแนนท่ีไดบ้ นั ทึกลงในแบบบนั ทึกคะแนน 4. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกหอ้ งเรียน 4. ผู้เรี ยนศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรี ยน ด้วย ดว้ ย PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน PowerPoint ที่จดั ทาข้ึน (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-7) (รวม 600 นาที หรือ 1 คาบเรียน)
งานท่ีมอบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนหน่วยท่ี 4 2. ทาความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียนของหน่วยท่ี 4 และให้ความร่วมมือในการทา แบบฝึกหดั บทท่ี 4 ขณะเรียน 1. ศึกษา PowerPoint และเอกสารประกอบการสอน 4 เร่ือง เคร่ืองรับวทิ ยุ AM 2. ซกั ถามขอ้ สงสัยระหวา่ งการเรียนการสอน 3. ปฏิบตั ิตามแบบฝึกหดั ท่ี 4 เร่ือง เครื่องรับวทิ ยุ AM หลงั เรียน 1. สรุปเน้ือหา 2. สลบั กนั ตรวจแบบฝึกหดั บทที่ 4 คาถาม 1. วงจรจูนเลือกสถานีวทิ ยุ ถา้ ขดลวด (L) ค่าคงที่ จะเปล่ียนคา่ C.C ท่ีใชใ้ นวงจรจูนคือ 2. Coil อากาศ แกนเฟอร์ไรต์ ของวทิ ยุ AM มีก่ีชุด 3. ความถี่เกดิ จากการทางานภาคมิกเซอร์ ความถี่อะไรทผ่ี ่าน IFT1 ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทที่ 4 เรื่อง เครื่องรับวทิ ยุ AM
สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเกี่ยวกบั เคร่ืองรับวทิ ยุ AM 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ัตงิ านอาชีพ - ใชเ้ ครื่องรับวทิ ยใุ นส่วนของภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์เตอร์ สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง แบบฝึ กหัดบทที่ 4 ใช้เคร่ืองรับวิทยุในส่วนของภาคอาร์- เอฟ คอนเวอร์เตอร์ ท่ีจดั ทาข้ึนไดท้ าให้ ผเู้ รียนมีความรู้เพิ่มเก่ียวกบั คล่ืนวิทยุตลอดจนการทางานของวิทยุ ทาใหผ้ เู้ รียนสามารถนาไประยุกตใ์ ชใ้ นการ เรียน การทางาน และสามารถหารายไดร้ ะหวา่ งการเรียนการสอนช่วยเหลือผปู้ กครองไดใ้ นระดบั หน่ึง สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ ส่ือสิ่งพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ภทฤษฎีเคร่ืองรับวทิ ยุ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-6) 2. แบบฝึกหดั หลงั เรียน (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-5) 3. แบบประเมินผลงานตามกิจกรรม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 4. แบบเฉลยกิจกรรมการเรียนรู้ ใชป้ ระกอบในข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน และข้นั สรุปและประเมินผล 5. แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2 สื่อโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. PowerPoint เร่ือง เครื่องรับวทิ ยุ AM สื่อของจริง เคร่ืองรับวทิ ยุ AM (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-6)
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาคร การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอน่ื 1. บูรณาการกบั วชิ าชีวิตและวฒั นธรรมไทย ดา้ นการพดู การอา่ น การเขียน และการฝึกปฏิบตั ิตน ทางสังคมดา้ นการเตรียมความพร้อม ความรับผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บรู ณาการกบั วชิ าคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
การประเมินผลการเรียนรู้ หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน ความรู้ก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน สงั เกตการทางาน หลงั เรียน ตรวจแบบฝึกหดั หลงั เรียน ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน แบบฝึกหดั บทที่ 4 เร่ือง เคร่ืองรับวทิ ยุ AM
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272