Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ถุงยาง_5e

ถุงยาง_5e

Published by da.rat203, 2021-05-28 09:16:02

Description: ถุงยาง_5e

Search

Read the Text Version

ถุงยางอนามยั กบั การด�าเนนิ ชวี ิตทางเพศในสังคมไทย นิวตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ. รายงานในชดุ โครงการ ‘การวจิ ยั เพ่ือวางรากฐานองค์ความรสู้ กู่ ารขับเคลอื่ นนโยบายสุขภาวะทางเพศ’ ดา� เนินการโดย สถาบนั วิจยั ประชากรและสังคม (วปส.) มหาวิทยาลัยมหิดล และมลู นธิ ิสรา้ งความเข้าใจเร่ืองสขุ ภาพผหู้ ญิง (สคส.) สนบั สนนุ โดย แผนงานสรา้ งเสริมสขุ ภาวะทางเพศ สา� นักงานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) ขอ้ มูลทางบรรณานุกรม ถุงยางอนามัยกับการดา� เนนิ ชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย / นิวัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ . พิมพค์ รง้ั ท ่ี 1. กรงุ เทพฯ: มลู นิธิสรา้ งความเขา้ ใจเรอื่ งสขุ ภาพผหู้ ญงิ (สคส.) และสถาบันวิจัยประชากร และสังคม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล, 2555. (เอกสารทางวชิ าการ / สถาบนั วิจยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลัยมหิดล ; หมายเลข 400) (รายงานในชุดโครงการ ‘การวิจยั เพื่อวางรากฐานองคค์ วามรสู้ ูก่ ารขบั เคลอ่ื นนโยบายสขุ ภาวะทางเพศ’) 240 หน้า. 1. ถงุ ยางอนามยั . 2. โรคตดิ ตอ่ ทางเพศ -- การป้องกันและควบคมุ . 3. เพศสมั พันธ์. I. นิวัตร สุวรรณพัฒนา. II. กาญจนา แถลงกิจ. III. มลู นิธิสร้างความเขา้ ใจเร่อื งสขุ ภาพผ้หู ญิง (สคส.). IV. มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. สถาบนั วิจัยประชากรและสงั คม. V. ช่ือชดุ . ISBN 978-616-279-159-8 WC144 ถ499 2555 พมิ พค์ รัง้ ที่ 1 : ธนั วาคม 2555 จา� นวน 500 เล่ม © สงวนลขิ สทิ ธิต์ ามกฎหมาย จัดพิมพโ์ ดย : มลู นิธสิ รา้ งความเข้าใจเร่ืองสุขภาพผหู้ ญิง (สคส.) 12/12 ถ.เทศบาลสงเคราะห ์ ลาดยาว จตจุ กั ร กรุงเทพฯ 10900 โทรศพั ท ์ 02 5911224 − 5; 02 5911099 ทุนสนับสนนุ โดย : แผนงานสร้างเสรมิ สขุ ภาวะทางเพศ สา� นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) website : http://www.whaf.or.th บรรณาธิการเล่ม : กลุ ภา วจนสาระ และกฤตยา อาชวนจิ กลุ ปกและรูปเล่ม : สกุ ัญญา พรหมทรพั ย์ http://khunnaipui.multiply.com/ พมิ พ์ท่ี : โรงพิมพเ์ ดือนตุลา 39/204 − 206 ซอยวิภาวดีรงั สิต 84 แขวงสนามบนิ เขตดอนเมอื ง กรงุ เทพฯ 10210 โทรศัพท์ 02 − 996 − 7392 − 4 โทรสาร 02 − 996 − 7395

สารบญั ค�านา� แผนงานสร้างเสริมสขุ ภาวะทางเพศ vii ix ค�านา� หัวหนา้ ชดุ โครงการ xix คา� น�า ผู้เขยี น 3 1เร่มิ จากจุดท่มี องเหน็ และคุ้นเคย 6 และเร่ืองถุงยางอนามัย 10 16 1.1 สถานะและความหมายของถุงยางอนามยั 1.2 สถานะและความหมายของถงุ ยางอนามัย ในยุคสมัยแห่งเอดส ์ 1.3 การรับรู้และความเข้าใจเร่อื งถุงยางอนามัย ในสงั คมไทย

2ถุงยางอนามัยกับเพศวถิ ี 27 ในยคุ สมัยแห่งเอดส์ 2.1 จุดจบแหง่ ความสุขความพงึ พอใจเรื่องเพศ 29 ในยคุ สมัยเอดส์ 35 2.2 กรอบคดิ เรือ่ งเพศถกู จ�ำกดั ไว้อย่างไร 42 2.3 สามประสานกบั การปฏวิ ตั ิกระชบั พนื้ ทเ่ี รอ่ื งเพศ 61 ในยุคสมยั เอดส์ 2.4 การน�ำเรื่องเพศ ความสุขความพึงพอใจทางเพศ 67 และถงุ ยางอนามัยกลบั คนื มาในยคุ สมยั เอดส์ 68 3การรณรงคส์ ่งเสริมการใชถ้ งุ ยางอนามัย 84 ในสังคมไทย 93 3.1 การรณรงค์ส่งเสรมิ เรอ่ื งถุงยางอนามัยผา่ นนโยบาย และการดำ� เนินโครงการขนาดใหญใ่ นประเทศไทย 101 133 3.2 การจัดกระบวนการเรยี นรเู้ รือ่ งเพศ เอดส์ และถุงยางอนามยั ในพื้นท่ ี 4เพศวถิ ี กับถุงยางอนามัย 4.1 บรรทัดฐานทางสังคมวัฒนธรรมในเรอ่ื งเพศ กับการใช้ถุงยางอนามัย 4.2 ความสมั พนั ธเ์ ชิงอ�ำนาจในเร่อื งเพศ กับการใช้ถงุ ยางอนามยั

4.3 ศาสนาและวัฒนธรรมความเชอ่ื ในเรอื่ งเพศ กับการใช้ถุงยางอนามยั 161 4.4 ความสุขความพงึ พอใจและความเชอื่ สว่ นบุคคล ในเร่อื งถงุ ยางอนามยั 164 4.5 กฎหมายและนโยบายเรอื่ งเพศกับการใชถ้ ุงยางอนามัย 170 5ความสุขและความปลอดภัย 177 กับถุงยางในสงั คมไทย 5.1 ความสขุ ความพึงพอใจทางเพศถอื เปน็ 178 องค์ประกอบส�ำคญั ของสขุ ภาพทางเพศ 5.2 การสง่ เสรมิ การใช้ถุงยางอนามัยกับความจ�ำเป็น ในการรอ้ื สร้างเพศวถิ ี 186 5.3 เค้าโครงกระบวนการเรยี นรเู้ รื่องเพศวถิ แี ละ ถงุ ยางอนามยั 192 5.4 ข้อสงั เกตจากการทดลองเติมมติ ิเรอ่ื งความสขุ ความพงึ พอใจทางเพศเข้าไปในงานรณรงค์สาธารณะ 196 5.5 บทสรปุ ปิดทา้ ย 211 เอกสารอ้างองิ 213



ค�าน�า แผนงานสรา้ งเสริมสุขภาวะทางเพศ เชอ� วา่ สงั คมไทยในปจั จบุ นั ยงั มคี นจา� นวนไมน่ อ้ ยทม่ี อง “เรอื่ งเพศ” เปน็ เรอ่ื งนา่ อาย ไมค่ วรถกู หยบิ ยกมาพดู ในทส่ี าธารณะ ไมค่ วร น�ามาเปน็ หัวขอ้ ในการเรียนร ู้ และเปน็ เรื่องก่งึ ๆ “ตอ้ งหา้ ม” คนท่ีแสดงความสนใจในเรื่องเพศก็มักถูกมองไปในทางลบ และแม้แต่ หนว่ ยงานอย่างสา� นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ หรือ สสส. เองกอ็ าจถกู มองวา่ ไมน่ า่ เสยี เวลาและงบประมาณมาทา� งานสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะ “ทางเพศ” แต่ภารกิจในการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนท�าให้ สสส. ต้อง “สนใจเร่ืองเพศ” เพราะความเป็นจริงของสังคมไทย คือ “การมีเพศสัมพันธ์ ไม่ปลอดภัย” เป็นสาเหตุหลักของการเสียสุขภาพและเสียชีวิตโดยไม่จ�าเป็น ที่ว่า “ไมจ่ �าเป็น” นั้นเป็นเพราะเราสามารถปอ้ งกันหรอื ลดระดบั ความรนุ แรง ของสถานการณน์ ไี้ ด ้ เพยี งแตต่ อ้ งระดมสรรพกา� ลงั มาชว่ ยกนั ทง้ั งานวชิ าการ งานปฏิบัติการในพื้นท่ี งานรณรงค์สังคม ไปจนถึงงานนโยบายและการจัด บริการสาธารณะตา่ งๆ ให้ประชาชน ถงุ ยางอนามยั กับการด�าเนินชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย vii

ทง้ั หมดนกี้ เ็ พอื่ ใหค้ นมที ศั นคตทิ ถี่ กู ตอ้ งตอ่ เรอื่ งเพศ มคี วามรทู้ เี่ พยี งพอ และไม่บิดเบือนเพื่อให้เกิด “ปัญญา” ในการตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตทางเพศ ให้เหมาะแก่สถานการณ์ชีวิตของตน ได้รับบริการต่างๆ ท่ีเก้ือหนุนให้เกิด สวสั ดภิ าพ และปลอดภยั จากการถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ ชดุ โครงการ ‘การวจิ ยั เพื่อวางรากฐานองค์ความรู้สู่การขับเคลื่อนนโยบายสุขภาวะทางเพศ’ จึงมี ความส�าคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศไปสู่ เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ด้วยแนวคิดเบ้ืองหลังการออกแบบชุดโครงการวิจัยดังท่ี หัวหน้าโครงการได้กลา่ วไว้ในคา� นา� แผนงานสร้างเสริมสขุ ภาวะทางเพศ สสส. ขอขอบพระคณุ การท�างาน หนกั ดว้ ยความอดทนของ รศ.ดร.กฤตยา อาชวนจิ กลุ หวั หนา้ ชดุ โครงการวจิ ยั คุณนิวัตร สุวรรณพัฒนา และคุณกาญจนา แถลงกิจ นักวิจัย ตลอดจน คณะนักวชิ าการและนักวจิ ยั ทกุ คนทีไ่ ม่สามารถกล่าวนามได้ครบ ณ ท่นี ี้ และขอเชอ้ื เชิญให้ผูป้ ฏิบตั ิงานทีเ่ กีย่ วข้องกบั งานเรือ่ งเพศ ไม่วา่ จะเป็น เร่ืองเพศศึกษา บรกิ ารสุขภาพ บรกิ ารดา้ นสังคม ประชาสังคม/องค์กรชุมชน ท้องถิ่น ผู้ก�าหนดนโยบายในระดับต่างๆ ตลอดจนสื่อมวลชน ใช้ประโยชน์ จากฐานความรเู้ หลา่ นอ้ี ยา่ งเตม็ ทเ่ี พอื่ รว่ มเปลยี่ นแปลงสงั คมไทยใหเ้ ปน็ สงั คม ทเี่ ออื้ ใหผ้ คู้ นทกุ เพศ ทกุ วยั ทกุ ชาตพิ นั ธ ์ุ สามารถอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งม ี “สขุ ภาวะ ทางเพศ” ณฐั ยา บุญภักดี แผนงานสรา้ งเสริมสขุ ภาวะทางเพศ ส�านักงานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) และมูลนธิ สิ ร้างความเข้าใจเรือ่ งสขุ ภาพผู้หญงิ (สคส.) viii นิวตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ

ค�านา� หัวหน้าชุดโครงการ ‘การวจิ ัยเพ่อื วางรากฐานองค์ความรู้ สกู่ ารขบั เคลื่อนนโยบายสขุ ภาวะทางเพศ’ หัวใจของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ คือ การขับเคลื่อน ขบวนการเคลอ่ื นไหวทางสงั คมทส่ี นบั สนนุ ใหบ้ คุ คลมสี ขุ ภาวะทาง เพศทด่ี ที งั้ ทางกาย จติ ปญั ญา และสงั คม (sexual wellbeing) โดยเปา้ ประสงค์ ส�าคัญของการศึกษาวิจัยของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ ระยะที่ 2 คอื เพือ่ เพิ่มชุดความรใู้ นประเด็นเพศวิถแี ละสขุ ภาวะ ทม่ี กี ารเชือ่ มโยงความรู้ สกู่ ารกา� หนดทศิ ทางนโยบาย และ/หรอื การพฒั นามาตรการเพอื่ นา� ไปสปู่ ฏบิ ตั ิ การตา่ งๆ (intervention) เพอื่ สง่ เสรมิ และคมุ้ ครองสขุ ภาวะทางเพศของประชากร ท้ังเชิงกลุ่มและเชงิ พ้นื ที ่ ผลการด�าเนินงานของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศระยะแรก ได้ข้อสรุปว่า การสร้างเง่ือนไขให้เกิดสุขภาวะทางเพศท่ีรอบด้าน ต้องมี หลายปัจจยั มาประกอบเข้าดว้ ยกนั นบั ตั้งแต่ตวั บคุ คล ผู้คนทเ่ี ขา้ มาเกี่ยวข้อง ในความสัมพันธ์ และการมีสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือให้เกิดความปลอดภัยซ่ึง ถุงยางอนามัยกับการด�าเนนิ ชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย ix

ครอบคลุมทั้งสภาพแวดล้อมเชิงกายภาพ เชิงวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม บรรทัดฐานของสังคม นโยบายสาธารณะ การบริการสุขภาพ การสื่อสาร สาธารณะ และการเคารพศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ โดยคานงดั ทสี่ ำ� คญั ในเรอื่ ง นคี้ ือ การขยับ/ปรบั ฐานคิดหรอื มุมมองตอ่ เรือ่ งเพศของบคุ คลและสังคม ชุดโครงการวิจัยน้ีเชื่อม่ันว่า กระบวนการวิจัยเร่ืองเพศที่ตั้งใจสร้าง องค์ความรู้ และต้ังใจเสนอทางเลือกเชิงนโยบาย และตั้งใจลงมือปฏิบัติการ คือเครื่องมือส�ำคัญในการช่วยปรับฐานคิดของบุคคลและสังคม ท่ีส่งผลต่อ การปรบั มุมมองได้ในระดบั ทงั้ ลึกและกวา้ ง และสามารถน�ำไปรณรงคส์ านต่อ ไดใ้ นอนาคตหลากหลายรปู แบบ รวมถงึ นำ� ไปปรบั ใชใ้ นกลมุ่ ผทู้ ำ� งานขบั เคลอ่ื น เร่อื งสขุ ภาวะทางเพศ ไมว่ า่ จะเปน็ เร่อื งเพศศกึ ษา ความหลากหลายทางเพศ เร่ืองเพศกับเอดส์ เรื่องท้องไม่พร้อม ความรุนแรงทางเพศ และการบริการ สุขภาพท่ีเก่ียวข้องกับสุขภาวะทางเพศ ฯลฯ ความเชื่อมั่นเหล่าน้ีน�ำไปสู ่ ข้อเสนอเพอื่ การวจิ ัยในประเด็นต่อไปนี้ (1) ในมิติเกี่ยวกับการเรียนรู้เร่ืองเพศ ข้อเสนอเก่ียวกับการจัดให้มี เพศศกึ ษา นบั เปน็ สงิ่ ทถี่ กู เรยี กรอ้ งมาตลอดนานกวา่ 50 ปี และปจั จบุ นั ไดเ้ กดิ ขนึ้ จรงิ ในหลายระดบั แตใ่ นทา่ มกลางกระแสวฒั นธรรมบรโิ ภคในปจั จบุ นั มติ ิ เร่ืองเพศวิถีและเพศภาวะ ถูกท�ำให้กลายเป็นสินค้าภายใต้ระบบสัญญะท ่ี ซับซอ้ นและมีรปู แบบทห่ี ลากหลาย โดยมไิ ด้มีเปา้ หมายอยู่ท่ีสุขภาวะทางเพศ (sexual health) ของผู้บริโภค ผู้บริโภคจ�ำนวนมากจึงตกอยู่ในฐานะ เปราะบางและเสี่ยงต่อการท่ีจะเลือกบริโภคสินค้าท่ีเป็นอันตรายกับสุขภาวะ ทางเพศของตนเอง ในวฒั นธรรมทีเ่ ร่งเรา้ การบริโภคเช่นนี้ ข้อเสนอเรื่องเพศ ศึกษาจึงไม่น่าจะเพียงพอท่ีจะสร้างให้บุคคลและสังคมมีภูมิคุ้มกันเร่ืองเพศ ได้มากพอ การวิจัยเรื่อง ‘การสร้างเสริมความฉลาดรู้เร่ืองเพศในสังคมไทย’ ในชุดโครงการนี้จงึ มีเปา้ หมายเพื่อขจัดความไมร่ ู้ ไมเ่ หน็ ไมเ่ ขา้ ใจในเร่อื ง เพศในสังคมไทยและสร้างความฉลาดรู้ในเรื่องเพศ (sexual literacy) x นิวตั ร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ

งานวจิ ยั นนี้ ำ� โดย รองศาสตราจารย์ ดร.นภาภรณ์ หะวานนท์ อดตี รองอธกิ ารบดี ฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และคณะ คือ ดร.กิตติกร สันคติประภา ดร.อุษณีย์ ธโนศวรรย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวัลย์ วรรธโนทยั (2) ในมิติการถกเถียงเรื่องนโยบายสาธารณะเก่ียวกับเร่ืองเพศ กระบวนการก�ำหนดนโยบายสาธารณะด้านน้ีก็เหมือนกับเร่ืองอื่นๆ คือ สว่ นใหญม่ ลี กั ษณะผกู ขาดโดยผเู้ ชย่ี วชาญและขา้ ราชการ ดว้ ยวธิ กี ำ� หนดจาก เบื้องบนลงสู่เบื้องล่างโดยกลุ่มคนท่ีมีความเช่ือแบบเดียว และไม่ฟังเสียงท ่ี หลากหลาย นโยบายสาธารณะเก่ียวกับเร่ืองเพศหลายเรื่องจึงวนเวียน เปน็ ปญั หาเร้ือรงั ทีไ่ มร่ ู้จบ เพราะเกี่ยวพนั อยา่ งซบั ซอ้ นกับค่านยิ มและฐานคติ ที่แตกต่างของผู้คนมากมาย แนวนโยบายเปลี่ยนแปลงไปตามการข้ึนลงของ ความเชอื่ ตา่ งๆ ประเดน็ เหลา่ นส้ี ะทอ้ นการปะทะของคา่ นยิ มสำ� คญั ทเี่ ลอื กหรอื จัดล�ำดับความส�ำคญั ไดย้ าก เพราะหลายแง่มุมของพฤติกรรมและวิถชี ีวิตทาง เพศกระตนุ้ เรา้ ความโกรธและความกลวั สำ� หรบั คนทเ่ี ชอื่ มโยงความเปน็ ระเบยี บ ในทางเพศกับศีลธรรม นโยบาย/มาตรการของรัฐในเรื่องเพศจึงมีแนวโน้ม ที่จะยึดโยงความกลัวเชิงศีลธรรมเป็นหลัก มากกว่าจะท�ำความเข้าใจฐาน ความเชื่อท่ีแตกต่างของข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่างๆ มาตรการที่ไม่ได้ฟัง เสยี งทแ่ี ตกตา่ งใหร้ อบด้านได้สร้างปัญหาอื่นๆ ตามมา เพื่อฝ่าขวากหนามดังกล่าว ชุดโครงการวิจัยนี้จึงต้องการตรวจสอบ การโตเ้ ถยี งสาธารณะในประเดน็ ทเี่ กย่ี วกบั เรอ่ื งเพศทมี่ กั ถกู นำ� ไปเชอ่ื มโยง กับมาตรฐานทางศีลธรรมของสังคมไทย 2 หัวข้อวิจัยคือ เร่ือง ‘ท้อง ไม่พร้อม’ และ ‘การค้าบริการทางเพศ’ เพื่อท�ำความเข้าใจและแยกแยะ การมองประเด็นและข้อเสนอเชิงนโยบายที่ถูกน�ำเสนอ โดยเช่ือมโยงกับฐาน ความเชอื่ ทแี่ ตกตา่ ง เพอ่ื ใหไ้ ดภ้ าพรวมของการเรยี กรอ้ งเชงิ นโยบายทจ่ี ะทำ� ให้ ผตู้ ดั สนิ ใจทางการเมอื งไดเ้ หน็ ความหลากหลายและทางเลอื กตา่ งๆ ทางเลอื ก เหลา่ นน้ี า่ จะเปน็ ประโยชนใ์ นการพจิ ารณากำ� หนดหรอื การเปลย่ี นแปลงกตกิ า ถุงยางอนามัยกบั การดำ� เนินชีวติ ทางเพศในสังคมไทย xi

และนโยบายสาธารณะใน 2 ประเดน็ น้ี เพอ่ื ลดความทกุ ขย์ ากของผคู้ นทเี่ กยี่ วขอ้ ง และสะท้อนความเห็นหลักของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคม งานวิจัยสองหัวข้อนี้ ผรู้ บั ผดิ ชอบ คอื รองศาสตราจารย์ ดร.ชลดิ าภรณ์ สง่ สมั พนั ธ์ แหง่ คณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ (3) ในมิติเร่ืองความรุนแรงทางเพศ และความรุนแรงบนฐานของ เพศภาวะ (gender − based violence) จากฐานข้อมลู ข่าวเรื่องเพศในรอบ 10 ปี (พ.ศ.  2541 − 2550) และหนงั สือและรายงานวจิ ัยเร่อื งเพศในห้องสมดุ (กุลภา 2551) ช้ีสอดคล้องกันว่า หนึ่ง ขนาดของการกระท�ำรุนแรงทางเพศ มสี งู มาก และ สอง สดั สว่ นของความรนุ แรงในชวี ติ คแู่ ละในครอบครวั กส็ งู มาก เชน่ กนั ในเรอ่ื งแรกพบวา่ จำ� นวนหนงั สอื และรายงานวจิ ยั ทง้ั หมดนไี้ มม่ ตี ำ� รา เกย่ี วกบั เรอ่ื งความรุนแรงทางเพศเลยสักเลม่ เดยี ว ขณะที่ความรุนแรงบนฐาน ของเพศภาวะท่ีเกิดจากความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจระหว่างคู่ชาย − หญิง ได้รับ ความสนใจเชิงนโยบายจากรัฐบาลมาต้ังแต่  พ.ศ.  2542 น�ำไปสู่การเปิด ‘ศนู ย์พง่ึ ได’้ เพ่ือใหบ้ ริการผู้ถูกกระท�ำรุนแรงที่จดุ เดยี วครบวงจร (One Stop Crisis Center − OSCC) โดยปจั จบุ นั ไดข้ ยายไปสโู่ รงพยาบาลจงั หวดั ทว่ั ประเทศ ใน  พ.ศ.  2550 ได้มีการตราพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วย ความรุนแรงในครอบครัว มีผลบังคบั ใช้ในเดือนสงิ หาคม 2550 ซงึ่ เป็นหน่ึง ใน ‘กฎหมายรุ่นใหม่’ ที่เป็นผลพวงของกระแสความคิดและการผลักดัน เรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศเพื่อขจัดความรุนแรงบนฐานของเพศภาวะ (gender − based violence) เพอื่ ใหเ้ หน็ ความคบื หนา้ ในทางปฏบิ ตั ขิ องการเกดิ กฎหมายใหมข่ า้ งตน้ นี้ ชดุ โครงการนจี้ งึ เสนองานวจิ ยั เพอื่ ศกึ ษาฐานความคดิ โอกาส และอปุ สรรค ในการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำความรุนแรงในครอบครัว โดยมุ่งหวังท่ีจะสร้างข้อวิเคราะห์เชิงทฤษฎีเร่ืองฐานความคิดด้านเพศภาวะ กับความรุนแรงในสังคมไทยโดยอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์ข้างต้น ในงานวิจัย เรื่อง กฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยความรุนแรงในครอบครัว: xii นิวตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

ฐานความคิด โอกาส และอปุ สรรค ผูร้ ับผดิ ชอบ คอื ดร.วราภรณ์ แช่มสนทิ แห่งสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะ คอื ดร.ศิรจิ ติ สุนนั ตะ๊ ช่นื สุข อาศัยธรรมกลุ และพมิ พ์ธรรม เออื้ เฟอ้ื อีกหน่ึงข้อเสนอคือ การวิจัยเพื่อเขียนหนังสือในลักษณะต�ำราเร่ือง ‘ความรนุ แรงทางเพศในสงั คมไทย’ เพอื่ จดั การความรใู้ นเรอ่ื งนท้ี กี่ ระจดั กระจาย ให้เป็นระบบ และเป็นการสร้างความรู้ท่ีเน้นมุมมองใหม่ต่อผู้ถูกกระท�ำความ รนุ แรงทางเพศ คอื ไมต่ ตี รา แตต่ อ้ งสรา้ งเสรมิ พลงั อำ� นาจใหผ้ ถู้ กู กระทำ� สามารถ ก้าวข้ามผ่านปัญหาไปได้ และเพ่ือสร้างเสริมความเข้าใจและตระหนักถึง รากเหง้าของความรุนแรง/การละเมิดทางเพศว่า มาจากความสัมพันธ์เชิง อ�ำนาจระหว่างผู้กระท�ำกับผู้ถูกกระท�ำ ที่ส�ำคัญท่ีสุด คือ การเสริมสร้าง วัฒนธรรมท่ีไม่ยอมรับเร่ืองความรุนแรงทางเพศทุกรูปแบบ ที่เป็นแนวทาง ในการแกไ้ ขปญั หานใี้ นระยะยาวอยา่ งยง่ั ยนื ผรู้ บั ผดิ ชอบ คอื รองศาสตราจารย์ ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล แห่งสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัย มหดิ ล (4) ในมิติเร่ืององค์ความรู้เก่ียวกับเพศวิถี แม้สังคมไทยจะเร่ิมเปิดใจ ยอมรับเรื่องเพศท่ีสาม เพศท่ีส่ีมากข้ึน แต่ก็ยังคงมีความเชื่อฝังแน่นเรื่องของ ‘ชายจริงหญิงแท’้ อยู่ เนอื่ งจากความคิดเรอื่ งเพศที่ผ่านมาตกอยใู่ ตค้ วามคดิ ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ท�ำให้คนส่วนใหญ่ยังมองเพศบนฐานการ ตัดสินเชิงสรีระ และน�ำไปเชื่อมโยงกับการให้ความหมายว่าปกติหรือผิดปกติ กล่าวคือ เพศชายและเพศหญิงเป็นเพศที่สังคมยอมรับและมองเป็นเร่ืองปกติ เป็นความถูกต้อง ส่วนเพศอ่ืนๆ ได้แก่ กะเทย เกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กส์ชวล คนขา้ มเพศ และคนสองเพศ เปน็ ตน้ จะถกู มองวา่ แปลกประหลาดและผดิ ปกติ ด้วยความคิดดังกล่าวน้ีท�ำให้แนวคิดเร่ือง ‘ความหลากหลายทางเพศ’ น่าสนใจยิ่ง เพราะเป็นแนวคิดท่ีต้องการลบการแบ่งแยกกีดกัน โดยชูคุณค่า เร่ืองเพศและอัตลกั ษณท์ างเพศของบุคคลอยา่ งเทา่ เทียมกนั ถงุ ยางอนามัยกับการดำ� เนินชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย xiii

ด้วยช่องว่างของความรู้เก่ียวกับความเป็นเพศของมนุษย์น้ีเอง ท�ำให้ เพศท่ีเป็นอื่น หรือเราคุ้นเคยกันว่า คือ ‘เพศที่สาม’ ยังขาดการดูแลในเร่ือง สขุ ภาวะทางเพศอยา่ งจรงิ จงั ทงั้ ในระดบั ปจั เจกและระดบั สงั คม เพอื่ เปดิ พนื้ ที่ และมุมมองใหม่เก่ียวกับ ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ชุดโครงการวิจัยน้ี เสนอให้สร้างความรู้เรื่อง ‘ความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย’ ขึ้น โดยการทบทวนองคค์ วามรแู้ ละงานวจิ ยั ในแนวทางตา่ งๆ วา่ มคี วามครอบคลมุ อย่างไร ความรู้เหล่าน้ันได้สะท้อนถึงสถานการณ์ในสังคมเก่ียวกับสุขภาวะ ทางเพศทหี่ ลากหลายอย่างไร และมีนัยอย่างไรตอ่ สุขภาวะทางเพศ ไม่วา่ จะ เป็นความรู้เก่ยี วกบั อตั ลกั ษณ์ พฤติกรรม เพศสมั พันธ์ วฒั นธรรมและวถิ ชี วี ติ ขณะเดยี วกนั กน็ ำ� เสนอใหเ้ หน็ ถงึ การเปลย่ี นแปลงวธิ คี ดิ การขบั เคลอ่ื นแนวคดิ สกู่ ารตอ่ สแู้ ละการเคลอื่ นไหวทางสงั คมในการเปดิ พน้ื ทท่ี างสงั คม ปกปอ้ งสทิ ธิ และศักด์ิศรีในฐานะมนุษย์ เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาประเด็นของสุขภาวะ ทางเพศในสงั คมไทยใหค้ รอบคลมุ กวา้ งขวางกวา่ เพศกระแสหลกั ชาย − หญงิ ซง่ึ จะนำ� สู่การให้ความหมายอยา่ งครอบคลุมต่อสุขภาวะทางเพศ บนพืน้ ฐาน ของความหลากหลายทางเพศ ผู้รับผิดชอบเป็นบรรณาธิการหนังสือเล่มนี้ ซ่ึงมีหน้าท่ีร้อยเรียงและประมวลแนวคิดและข้อเท็จจริงจากบทความต่างๆ มากกว่า 10 บทความ คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชาดา ทวีสิทธ์ิ แห่ง สถาบันวจิ ยั ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล (5) ในมิติเร่ืองเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ‘ถุงยางอนามัย’ ถูกมองว่า เป็นเครื่องมือส�ำคัญในการช่วยให้เกิดความปลอดภัยเม่ือมีเพศสัมพันธ ์ โดยเฉพาะการลดโอกาสเสยี่ งทจี่ ะตดิ เชอ้ื กามโรคและเอชไอว/ี เอดส์ ตลอดระยะ เวลาท่ีเกิดการระบาดของเอดส์ต้ังแต่ประมาณ  พ.ศ.  2530 เป็นต้นมา ได้มี ความพยายามในการสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ของทงั้ องคก์ รพฒั นาเอกชน และหน่วยงานราชการ ผ่านการด�ำเนินงานโครงการส่งเสริมการป้องกัน การไดร้ ับเชอื้ เอชไอวี อาทิ การดำ� เนนิ งานโครงการเพศศึกษาในกลุ่มเยาวชน ในระบบโรงเรียนและเยาวชนในชุมชน รวมท้ังเยาวชนในสถานประกอบการ ซ่ึงเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากส�ำนักงาน xiv นิวตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

กองทุนโลก และมีการด�ำเนินงานอย่างต่อเนื่องมาต้ังแต่ปี 2546 มาจนถึง ปจั จบุ นั (2554) กย็ งั คงมคี วามพยายามในการพฒั นามาตรการการดำ� เนนิ งาน เพอื่ สง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ใหเ้ ปน็ มาตรการสำ� คญั หนงึ่ ในหลายๆ มาตรการ ผ่านรูปแบบการสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัย วิธีการใช้ถุงยางอนามัย การส่งเสริมการเข้าถึงถุงยางอนามัยทั้งผ่านรูปแบบเพ่ือนช่วยเพื่อนและ ตจู้ ำ� หนา่ ยถุงยางอนามัยอตั โนมัติ แตก่ พ็ บว่าการใช้ถงุ ยางอนามยั ยงั คงไมไ่ ด้ เปน็ บรรทดั ฐานในชีวิตทางเพศของคนไทยแต่อยา่ งใด การศึกษาเพ่ือหาแนวทางในการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยให้เป็น ส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตทางเพศในสังคมไทย จึงเป็นเร่ืองท้าทายอย่างยิ่ง และ เปน็ ทม่ี าของงานวจิ ยั เรอื่ ง การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื สรา้ งความจรงิ ชดุ ใหม่ เรื่องถุงยางอนามัยในการด�ำเนินชีวิตทางเพศในสังคมไทย โดยมีคณะ นกั วิจยั ที่รับผิดชอบคอื นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ ซึ่งเป็น ทง้ั นักวิจยั อสิ ระและนักกจิ กรรมทท่ี �ำงานด้านเอดสม์ ายาวนาน (6) ในมิตกิ ารสร้างฐานข้อมลู เร่อื งเพศ เพ่อื เป็นสรา้ งความต่อเนอ่ื ง ของงานฐานขอ้ มลู จากแผนงานระยะแรก ชดุ โครงการวจิ ยั นไ้ี ดร้ วบรวมขอ้ มลู ข่าวเรอ่ื งเพศต่อเนือ่ งจากปี 2550 ออกไปอีก 3 ปี คือ  พ.ศ.  2551 − 2553 ใน สี่หัวข้อข่าว คือ ข่มขืน ความรุนแรงทางเพศ อนามัยเจริญพันธุ์ และท้อง ไมพ่ รอ้ ม รวมจำ� นวนทง้ั สนิ้ 6,574 รายการ ไดผ้ ลออกมาเปน็ หนงั สอื ชอ่ื “เรอื่ ง” เพศจากข่าว 3 ปี: ข่มขืน ท้องไม่พร้อม แม่วัยรุ่น และเทคโนโลยีช่วย เจรญิ พนั ธ์ุ นกั วจิ ยั ทเี่ ขยี นหนงั สอื คอื กลุ ภา วจนสาระ ซงึ่ เปน็ นกั วจิ ยั ประจำ� ชุดโครงการวิจัยนี้ จากเป้าหมายหลักของชุดโครงการวิจัยท่ีระบุว่า เพ่ือช่วยเสริม การบรรลุเป้าหมายของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศท่ีมุ่งเปล่ียนแปลง ฐานคิดหรือมุมมองต่อเร่ืองเพศของบุคคลและสังคม ได้แยกเป็นวัตถุประสงค์ ยอ่ ยดงั นี้ ถุงยางอนามัยกับการด�ำเนนิ ชีวิตทางเพศในสังคมไทย xv

(1) วิเคราะห์ประสบการณ์ชีวิตของบุคคลในลักษณะต่างๆ ว่ารู้หรือรู้ ไมเ่ ทา่ ทนั ในเรอ่ื งเพศทแี่ ตกตา่ งและหลากหลายอยา่ งไร เพอื่ นำ� ไป สูข่ ้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการขจดั ความไมร่ ู้ ไมเ่ หน็ ไม่เข้าใจ ในเรื่องเพศในสงั คมไทย และสรา้ งความฉลาดรใู้ นเร่ืองเพศ (2) วิเคราะห์ให้เห็นภาพท่ีสลับซับซ้อนของการโต้เถียงสาธารณะว่า ด้วยปรากฏการณ์ท้องไม่พร้อม และทางเลือกนโยบายที่รวม เอาเสยี งตา่ งๆ ที่เกย่ี วข้องไว้ (3) วเิ คราะหต์ รวจสอบการโตเ้ ถยี งสาธารณะในประเดน็ การคา้ บรกิ าร ทางเพศ เพ่ือท�ำความเข้าใจและแยกแยะการมองประเด็นและ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายทถ่ี กู นำ� เสนอ โดยเชือ่ มโยงกบั ฐานความเชอ่ื ท่ีแตกต่างเพ่ือให้ได้ภาพรวมของการเรียกร้องเชิงนโยบายท่ีจะ ท�ำให้ผู้ตัดสินใจทางการเมืองได้เห็นความหลากหลายและ ทางเลอื กต่างๆ เหลา่ น้ี (4) วเิ คราะหเ์ ชงิ ทฤษฎเี รอื่ งฐานความคดิ ดา้ นเพศภาวะกบั ความรนุ แรง ในสงั คมไทย โดยใชข้ อ้ มลู เชงิ ประจกั ษท์ เ่ี ชอ่ื มโยงกบั ปรากฏการณ์ ท่ีเป็นจริงในสังคมไทย เพ่ือจัดท�ำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง การจัดการกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัวโดยมาตรการ ทางกฎหมาย (5) วิเคราะห์กรอบแนวคิดทฤษฎี และสถานการณ์ความรุนแรง ทางเพศในสังคมไทยแบบต่างๆ การให้บริการต่อผู้ถูกละเมิดจาก ภาครัฐและเอกชน และกระบวนการนิติรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ เพ่ือ น�ำไปสู่การเขียนหนังสือต�ำราความรุนแรงทางเพศเล่มแรก ในประเทศไทย (6) วิเคราะห์กรอบแนวคิดทฤษฎีและกระบวนทัศน์ท่ีใช้ศึกษาเร่ือง เพศภาวะและเพศวถิ ี งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ความหลากหลายทาง xvi นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

เพศในสังคมไทย และขบวนการเคล่ือนไหวทางสังคมเรื่อง ความหลากหลายทางเพศ เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารเขยี นหนงั สอื รวมบทความ ความหลากหลายทางเพศเลม่ แรกในประเทศไทย (7) วเิ คราะห์กระบวนการสร้างความหมาย การรบั รู้ และความเขา้ ใจ เร่ืองถุงยางอนามัยในกลุ่มคนที่มีรูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศ แบบตา่ งๆ ในการด�ำเนนิ วถิ ชี ีวิตทางเพศของตน เพอ่ื หาแนวทาง ในการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยให้เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต ทางเพศในสงั คมไทย (8) เพอ่ื สรา้ งฐานขอ้ มลู สขุ ภาวะทางเพศอยา่ งตอ่ เนอื่ งและเปน็ ปจั จบุ นั คณะนักวิจัยทุกคนท่ีมีส่วนร่วมสร้างงานในชุดโครงการน้ีคาดหวังว่า หนังสือรายงานวิจัยทุกเล่มคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อการขับเคลื่อน ทางความคดิ รว่ มเปน็ สว่ นหนง่ึ ของขบวนการเคลอื่ นไหวทางสงั คมทส่ี นบั สนนุ ทกุ ผคู้ นมชี วี ติ ทางเพศทมี่ สี ขุ ภาวะ และการปรบั เปลย่ี นวฒั นธรรมทางเพศและ โครงสรา้ งคา่ นยิ มของสงั คมใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมตอ่ ผทู้ ถี่ กู เลอื กปฏบิ ตั ใิ นทาง เพศดงั กลา่ วมาแลว้ เพอื่ ใหอ้ คตทิ างเพศและประเดน็ ปญั หาตา่ งๆ นานาอนั เกดิ จากทัศนะทางเพศสองมาตรฐาน ท่ีให้ความส�ำคัญและนิยมความเป็นชาย มากกวา่ หญงิ ในสังคมไทยบรรเทาเบาบางลง หากผอู้ า่ นพบขอ้ บกพรอ่ งไมส่ มบรู ณห์ รอื มคี วามเหน็ ตอ่ หนงั สอื รายงาน วิจัย ไม่ว่าในทางใด ขออย่าได้ลังเลท่ีจะสะท้อนกลับมายังผู้รับผิดชอบ เราน้อมใจรับฟังดว้ ยความยนิ ดยี ิง่ กฤตยา อาชวนจิ กลุ ตลุ าคม 2555 ถุงยางอนามัยกับการดำ� เนนิ ชีวิตทางเพศในสงั คมไทย xvii



ค�าน�า จากผเู้ ขียน เปาหมายหลักของโครงการวิจัยช้ินน้ีคือ การหาแนวทางส่งเสริม การใชถ้ งุ ยางอนามยั ใหเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ในวถิ ชี วี ติ ทางเพศของคนใน สังคมไทย ปัญหาพื้นฐานหนึ่งคือการที่คนไม่นิยมใช้ถุงยางอนามัย และ สมมตฐิ านหนงึ่ คอื การใช/้ หรอื ไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั นนั้ เกย่ี วขอ้ งกบั การกา� หนด ความหมายและคุณค่าเร่ืองเพศวิถีของผู้คนในสังคม จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทีง่ านช้ินน้ีตอ้ งให้ความสนใจกับฐานความคิดความเชื่อเร่ืองเพศในสังคมไทย ว่า ผู้คนนิยามเรื่องเพศสัมพันธ์กับเพศวิถีต่างๆ ที่มีอยู่อย่างไร สัมพันธ์กับ การตดั สนิ ใจเลอื กใช ้ หรือไม่ใช ้ ถงุ ยางอนามัยอยา่ งไร ท่ีผ่านมา การพูดคุยสื่อสารเร่ืองเพศมีแต่เรื่องอันตราย ความเสี่ยง เชอ้ื โรค และความตาย เรอ่ื งเพศของเรากลายเปน็ เรอ่ื งความกงั วล ไมไ่ วว้ างใจ การส่ือสารเพ่ือส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยเน้นไปท่ีการเป็นเครื่องมือ ปอ้ งกนั โรคและการทอ้ งไมพ่ รอ้ ม เปน็ เครอ่ื งมอื ในการมเี พศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั กว่า (safer sex) แตค่ นกไ็ มพ่ รอ้ มท่จี ะทา� ใหถ้ ุงยางอนามัยเปน็ สว่ นหนง่ึ ใน การดา� เนนิ ชีวิตทางเพศของตน ถงุ ยางอนามัยกบั การดา� เนินชวี ิตทางเพศในสังคมไทย xix

ทผี่ า่ นมาเราถกู ทำ� ใหร้ บั รแู้ ละเชอื่ วา่ เพศสมั พนั ธท์ ด่ี ี ปกติ และปลอดภยั มีเพียงรูปแบบเดียวคือ เพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายในสถาบันการแต่งงาน เพื่อสร้างสถาบันครอบครัวสืบลูกสืบหลานต่อไป ขณะท่ีความสัมพันธ์และ เพศวิถอี ื่นๆ กลายเป็นเรอ่ื งอนั ตรายและความเสีย่ ง แล้วถุงยางฯ กถ็ กู จดั วาง ให้อยู่กับเพศสัมพันธ์ท่ีอันตรายและเสี่ยงเหล่านี้ ท�ำให้การส่งเสริมการใช ้ ถุงยางอนามัยท่ีผ่านมาไม่ได้กลายเป็นส่วนหน่ึงในวิถีชีวิตทางเพศท ี่ หลากหลายในสังคมไทย หลายผคู้ นหลากกลมุ่ ที่ทมี วจิ ยั ได้เข้าไปพูดคุยด้วย มองถุงยางอนามยั และเพศวิถีจากความคิดและความเช่ือแบบที่ถูกบอกต่อๆ กันมาว่า “ปกติ” และ “ไม่ปกติ” จนน�ำไปสู่การตัดสินและให้คุณค่าเพศวีถีและถุงยางอนามัย ด้วยการ “ยอมรบั ” และ “ไมย่ อมรบั ” น่าสนใจว่าในหลายกรณพี วกเขาเลือก “ไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ” เพยี งเพอื่ ตอ้ งการการยอมรบั จากสงั คม และไมต่ อ้ งการ ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ท่ีมีเพศสัมพันธ์ มีเพศวิถี ท่ีผิดปกติ ผิดธรรมชาติตามท่ี สงั คมให้ความหมาย เมอ่ื คดิ ไปคดิ มาแลว้ จากเดมิ ทเ่ี รมิ่ ตน้ มองเหน็ ปญั หาคนไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั กลับกลายเป็นว่า...จุดเปล่ียนส�ำคัญท่ีน�ำเราไปสู่สังคมท่ีมีสุขภาวะทางเพศ ได้ในท้ายที่สุดคือ การท�ำให้สังคมไทยมองเห็นและยอมรับเพศวิถีท่ีมีอยู่ว่า มีความแตกตา่ ง หลากหลาย และลืน่ ไหล เมอ่ื ถึงเวลานน้ั ถงุ ยางอนามัยน่าจะ เปน็ คำ� ตอบสำ� หรบั ทกุ คนไดอ้ ยา่ งไมต่ ะขดิ ตะขวงใจ และไมส่ รา้ งความอดึ อดั ใจ ใหใ้ ครต่อใครอกี ต่อไป นวิ ตั ร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ พฤศจิกายน 2555 xx นิวัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ





เรม่ิ จากจุดทม่ี องเหน็ และค้นุ เคย และเรื่องถุงยางอนามยั จากสภาวะการเผชญิ ปญั หาเรอ่ื งทอ้ งทไี่ มไ่ ดว้ างแผน การท�าแท้งและอันตรายเน่ืองจากการท�าแท้ง และปัญหาที่เก่ียวเน่ืองกับเรื่องสุขภาวะทางเพศและ อนามัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะการท�าแท้งน้ันยังคง ถือเป็นเร่ืองผิดกฎหมายในสังคมไทย ส่งผลให้มี ความพยายามส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ที่นับว่า เปน็ เครอื่ งมอื ประเภทหนง่ึ ในการคมุ กา� เนดิ ในสงั คมไทย อยา่ งกวา้ งขวาง ถุงยางอนามัยกบั การดา� เนินชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 3

ขณะเดียวกัน สังคมไทยยังเผชิญกับปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของ เชื้อเอชไอวี ทชี่ อ่ งทางหลักยงั คงเป็นการแพร่ระบาดผา่ นการมเี พศสมั พนั ธก์ ับ ผทู้ มี่ เี ชอื้ เอชไอวโี ดยไมไ่ ดป้ อ้ งกนั ทำ� ใหม้ กี ารพฒั นาการดำ� เนนิ งานเพอื่ ปอ้ งกนั การแพร่ระบาดของเช้ือเอชไอวีโดยส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งถือว่า เป็นวธิ ปี ้องกันท่สี �ำคญั มากวธิ หี นงึ่ ถงุ ยางอนามัยจงึ กลายมาเป็นส่วนสำ� คญั ในการป้องกันและแก้ไขปญั หาการแพร่ระบาดของเช้อื เอชไอวี แม้ข้อเท็จจริงข้างต้นจะส่งผลให้มีการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยใน สงั คมไทยอยา่ งกวา้ งขวาง และตอ่ เนอ่ื งมานานกวา่ 20 ปแี ลว้ กต็ าม แตถ่ งุ ยาง อนามัยยังไม่เป็นที่นิยมใช้กัน ดังจะเห็นได้จากสภาพปัญหาการท้องไม่ได้ วางแผน การทำ� แทง้ และการไดร้ บั เชอ้ื เอชไอวขี องคนกลมุ่ ตา่ งๆ ในสงั คมไทย ท่ียังคงมีอยู่สูง ส่งผลให้การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในเพศสัมพันธ์ของ คนกลุ่มต่างๆ ในสังคมไทย กลายเปน็ ประเด็นท้าทาย และเปน็ คำ� ถามสำ� คญั วา่ ตอ้ งคดิ และทำ� อะไรอยา่ งไรจงึ จะทำ� ใหเ้ กดิ การยอมรบั และมกี ารใชถ้ งุ ยาง อนามัยในสังคมไทยไดใ้ นทส่ี ดุ มีงานวิจัยท่ีกล่าวถึงการสร้างค่านิยมใหม่เรื่องการใช้ถุงยางอนามัย ในสังคมไทยไว้ว่า นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเช้ือเอชไอวี และปัญหา ความเจ็บป่วยด้วยอาการท่ีสัมพันธ์กับเอดส์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากมาย ในสังคมไทยน้ัน ได้มีการจัดท�ำรายงานการศึกษาวิจัยเก่ียวกับเอดส์ใน สาขาวิชาตา่ งๆ มากกวา่ หน่ึงหม่นื เรื่อง (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550) จนมี รายงานที่ประมวลและสังเคราะห์ความรู้งานวิจัยเอดส์ท่ีเก่ียวกับเร่ืองเพศและ การใชถ้ ุงยางอนามัยหลายฉบับ ท่ีส�ำคัญได้แก่ องค์ความรขู้ องงานวจิ ัยเอดส์ ดา้ นสังคมศาสตรแ์ ละพฤตกิ รรมศาสตร์ (พมิ พวลั ย์, เพญ็ จันทร์ และศันสนยี ์, 2541) การประมวลและสังเคราะห์องค์ความรู้ด้านระบาดวิทยาโรคเอดส ์ ในประเทศไทย: กรณกี ารเฝา้ ระวงั โรค (คำ� นวณ และคณะ, 2541) และ Gender, Sexuality and Reproductive Health in Thailand (Gray&Punpuing, 1999) เป็นต้น งานวิจัยเหล่าน้ีมีข้อสรุปตรงกันในเร่ืองถุงยางอนามัยว่า มาตรการ 4 นวิ ตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

เชิงนโยบายที่ส�ำคัญคือ ต้องสร้างค่านิยมให้สังคมไทยยอมรับการใช้ถุงยาง อนามัยเพื่อลดพฤติกรรมเสยี่ งทางเพศ แม้จะมีการกล่าวถึงข้อสรุปท่ีชัดเจนไว้เช่นน้ีแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพบว่า การใช้ถุงยางอนามัยในสังคมไทยยังไม่เป็นท่ีนิยมแพร่หลาย และสังคมไทย ยังคงเผชิญกับปัญหาการตั้งครรภ์ท่ีไม่ได้วางแผน และการแพร่ระบาดของ เช้ือเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง อันเป็นภาพสะท้อนความไม่ประสบผลส�ำเร็จเท่าที่ ควรของการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย จึงควรมีการศึกษาวิจัยว่า การใช้ หรอื ไมใ่ ช้ถุงยางอนามยั ของคนกล่มุ ต่างๆ ทีเ่ ป็นกลุ่มเปา้ หมายในการรณรงค์ สง่ เสรมิ เรอื่ งการใชถ้ งุ ยางอนามยั ในสงั คมไทยนน้ั สมั พนั ธก์ บั เงอื่ นไขและปจั จยั ใดบา้ ง รวมทงั้ มคี วามคดิ และการรบั รตู้ อ่ ถงุ ยางอนามยั อยา่ งไรบา้ ง เพอ่ื นำ� ไป สู่การพัฒนาแนวทางการส่งเสริมให้มีการใช้ถุงยางอนามัยในชีวิตทางเพศ ของสังคมไทย ขา้ งตน้ เปน็ ขอ้ ความทเี่ ขยี นไวใ้ น “นยั สำ� คญั ของเรอ่ื ง” เมอื่ ตอนเรมิ่ ตน้ งานวิจัยเชิงปฏิบัติการในแบบการท�ำวิจัยไป − เรียนรู้ไป − ท�ำวิจัยต่อของ ผู้เขียน1 เมื่อย้อนกลับไปอ่านทั้งในส่วนสมมติฐานและข้อมูลสนับสนุนท่ีใช ้ ก็จะเห็นวิธีคิดวิธีวิเคราะห์ท่ีใช้ในการท�ำงานวิจัยช้ินน้ี คือเริ่มต้นจาก การยกสภาพปญั หาทคี่ ดิ วา่ เปน็ ผลกระทบทน่ี า่ กงั วลจากการไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั มาเสนอ ทั้งปัญหาการท้องไม่พร้อม ท่ีส่งผลเรื่อยไปจนถึงการหาทางยุติ การตง้ั ครรภห์ รอื ทำ� แทง้ ทยี่ งั ถอื วา่ ผดิ กฎหมาย และปญั หาการไดร้ บั  − ถา่ ยทอด เช้อื โรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ รวมทง้ั เชือ้ ไวรสั เอชไอวี ท่ีน�ำไปสกู่ ารเจบ็ ปว่ ย ด้วยอาการภมู ิคุม้ กันบกพรอ่ งหรอื ทร่ี ู้จักกันว่า “เอดส”์ ด้วย 1 ในท่ีนหี้ มายถึงทีมวจิ ัย คือ นิวตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนินชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 5

การเขา้ ไปคลกุ คลกี บั สภาพปญั หาและหาแนวทางดำ� เนนิ งานเพอื่ แกไ้ ข ปัญหาด้านสขุ ภาพของผู้เขยี น อาจใช้วิธกี ารมองสภาพปัญหาหลักๆ ไม่ต่าง จากบุคลากรที่ท�ำงานในสายแพทย์และสาธารณสุขอ่ืนๆ ซึ่งถือเป็นเร่ืองปกติ สภาพปัญหาและผลกระทบที่ระบุไว้ก็เป็นข้อเท็จจริงและความจริงท่ีเห็นได้ ทั่วไป แต่เม่ือเริ่มท�ำไปเรียนรู้ไป ก็ท�ำให้แง่มุมต่างๆ ท่ีเคยคิดไว้ปรากฏชัด ขึน้ มาทีละเล็กละนอ้ ย แงม่ มุ ทวี่ า่ นี้ ตอ้ งอาศยั การพยายามมองทะลอุ อกไปนอกกรอบการแพทย์ และการสาธารณสุข เพื่อเข้าถึงพ้ืนฐานของมนุษย์ท่ีมีชีวิตจิตใจ มีอารมณ์ ความร้สู ึก เพราะเร่ืองท่ีกำ� ลังเขียนต่อไปน้เี ป็นเรื่องเพศสมั พนั ธ์ สัมพันธภาพ ทางเพศ การดำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศ การกำ� หนดตวั ตน อตั ลกั ษณ์ และวถิ ที างเพศ หรือการด�ำรงชีวิตในฐานะเพศ/เพศภาวะหน่ึงๆ อยา่ งไรกต็ าม แมจ้ ะพยายามมองทะลกุ รอบที่ว่านอ้ี อกไป แต่ไม่ได้ถงึ กบั ทะลทุ ะลวงหลดุ ออกไปอยา่ งสนิ้ เชงิ เพราะทา้ ยสดุ แลว้ ผเู้ ขยี นกไ็ มส่ ามารถ ละทิ้งกรอบคิดทางการแพทย์และการสาธารณสุขได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะ การพฒั นาวธิ คี ดิ ทต่ี อ้ งมองเชอื่ มโยงหลายๆ กรอบคดิ ดว้ ยกนั หรอื เพราะอทิ ธพิ ล ของวิธีคิดทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ีสลัดหลุดได้ยาก หรือเพราะ ความอ่อนด้อยของประสบการณ์ในการพัฒนาวิธีคิดวิธีมองของผู้เขียนเอง กต็ าม ดงั นนั้ ผ้เู ขียนจงึ ขอเรม่ิ ตน้ จากจุดทม่ี องเหน็ และคนุ้ เคย นัน่ คอื สถานะ และความหมายของถงุ ยางอนามยั 1.1 สถานะและความหมายของถงุ ยางอนามัย งานวิจัยจ�ำนวนไม่น้อยได้ศึกษาถุงยางอนามัยในหัวข้อต่างๆ หลากหลาย อาทิ ความร้คู วามเข้าใจของผู้บรโิ ภคในเขตกรงุ เทพมหานครท่ีมี 6 นิวัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ

ผลต่อพฤติกรรมการซ้ือและการใช้ถุงยางอนามัย (วิศิษฐ, 2546) หรือปัจจัย ทมี่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมการใชถ้ งุ ยางอนามยั ของนกั เรยี นชาย ในวทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษา จังหวัดตาก (บุณยานุช, 2544) ฯลฯ ซึ่งถือเป็นประเด็นท่ีงานวิจัยช้ินน้ี ให้ความสนใจเช่นกัน แต่ส่ิงท่ีแตกต่างกันก็คือ งานวิจัยเหล่านั้นส่วนใหญ ่ ไม่ได้ต้ังค�ำถามถึงสถานะและความหมายของถุงยางอนามัยในสังคมไทย ในแงท่ วี่ า่ ถงุ ยางอนามยั ดำ� รงคงอยใู่ นสถานะความหมายใด และความหมาย นัน้ ๆ ถกู สรา้ ง ถกู เสรมิ ข้ึนมาจนปรากฏเปน็ ทีร่ ับรจู้ นเคยชินได้อยา่ งไร หากเริ่มต้นด้วยค�ำถามว่า ถุงยางอนามัยคืออะไร เชื่อว่าหลายท่าน คงเดาค�ำตอบได้ว่าคือ “เครื่องมือป้องกันการต้ังท้อง” และ “เคร่ืองมือ ปอ้ งกนั โรค” แมค้ ำ� ตอบเบอ้ื งตน้ ทไ่ี ดอ้ าจแตกตา่ งไปบา้ งในแงข่ องคำ� ทใ่ี ชเ้ รยี ก แตเ่ ชื่อได้ว่า ความหมายของถงุ ยางอนามยั ไม่นา่ จะแตกต่างไปจากน้ีมากนัก กจิ กรรมหน่งึ ในงานวจิ ัยทผี่ เู้ ขยี นไดท้ ดลองทำ� กบั เพ่ือนในกลุ่มท�ำงาน ด้านเอชไอวี/เอดส์ และงานด้านการส่งเสริมสุขภาวะทางเพศและอนามัย เจริญพันธุ์กับกลุ่มเยาวชนและคนกลุ่มต่างๆ (พร้อมพนักงานโรงแรมที่ เฝา้ สงั เกตการณ์แบบถกู ชวนให้เข้ามามสี ว่ นร่วม) คอื การระดมคำ� เรยี ก 3 คำ� คอื “อวัยวะเพศชาย” “อวยั วะเพศหญงิ ” และ “ถุงยางอนามยั ” เหน็ ได้ชดั ว่า จ�ำนวนค�ำเรียกถุงยางอนามัยน้ันมีอยู่น้อยถึงน้อยมาก เม่ือเปรียบเทียบกับ คำ� เรยี กอวยั วะเพศชายและอวยั วะเพศหญิง นอกจากนน้ั เมอ่ื นำ� มาเปรยี บเทยี บกนั ในมติ ขิ องความหมายแลว้ พบวา่ ค�ำเรยี กถงุ ยางอนามัยน้นั ไม่หลากหลายนกั อาทิ ถงุ ปลอก ขาดอารมณ์ และไร้ซึ่งจนิ ตนาการ ไมส่ นุก ไม่เรา้ ใจ อาทิ อปุ กรณป์ อ้ งกัน จนมีการสรปุ กันทเี ลน่ ทีจริงในท้ายกิจกรรมว่า ถุงยางอนามัยขาดอนาคตดว้ ย ถุงยางอนามัยกับการด�ำเนินชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 7

ตัวอย่างค�ำเรียก ตัวอย่างคำ� เรยี ก ตวั อย่างค�ำเรียก อวยั วะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ถุงยางอนามัย กิจกรรมดังกล่าวเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ท�ำให้คนท�ำงานส่งเสริมการใช้ ถุงยางอนามัยได้ฉุกคิดถึงสถานะและความหมายของถุงยางอนามัยใน สังคมไทย ว่าผูกยึดติดโยงอยู่กับลักษณะแข็งท่ือตายตัว ในแง่ที่เป็นอุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์เพ่ือป้องกันการตั้งท้องและการรับ − ถ่ายทอด เช้ือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมถึงเชื้อเอชไอวีเท่าน้ัน ความหมายดังกล่าว ชดั เจนมากเสยี จนทำ� ใหส้ ถานะของถงุ ยางอนามยั ถกู ตรงึ เอาไวอ้ ยา่ งแนน่ หนา ในการรับรู้ของคนในสังคม และสัมพันธ์ต่อเน่ืองไปถึงการตัดสินใจใช้หรือไม่ ใช้ถุงยางอนามัยในการด�ำเนินชีวิตทางเพศในชีวิตประจ�ำวันของคนใน สงั คมไทย หากถามต่อว่า ระหว่างการป้องกันการตั้งท้องกับการป้องกันโรคนั้น คนไทยมองและรบั รู้วา่ ถงุ ยางอนามัยเปน็ อะไรมากกวา่ กัน ซึ่งยากจะคาดเดา ดว้ ยเหตุทขี่ นึ้ อยู่กบั วา่ ไปถามใคร คนกล่มุ ไหน และในช่วงระยะเวลาไหน ก่ปี ี ทผ่ี า่ นมา หรอื ปัจจบุ นั ทกี่ ลา่ วเชน่ นเี้ ปน็ เพราะหากยอ้ นหลงั ไปหลายสบิ ปกี อ่ น ถงุ ยางอนามยั ถูกมองและรับรู้ว่าเป็นเคร่ืองมืออย่างหน่ึงที่ใช้ในการคุมก�ำเนิดเพื่อป้องกัน การตั้งท้อง มากกว่าเป็นการใช้เพ่ือป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถึงแม้ 8 นวิ ตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

จะมีการกล่าวถึงสถานะของถุงยางอนามัยในเร่ืองนี้อยู่บ้างก็ตาม แต่ไม่ โดดเด่นมากเท่ากับการปอ้ งกนั การต้งั ทอ้ ง ข้อมูลจากเวบ็ ไซต์วกิ ิพีเดีย สารานกุ รมเสร2ี ระบวุ ่า “ถงุ ยางอนามัย เปน็ อปุ กรณ์คุมก�ำเนดิ ท่ีนิยมใชก้ นั มากทส่ี ุดใน ขณะร่วมเพศ ท�ำด้วยวสั ดจุ ากยางพารา หรือโพลียูรเี ทน โดยมี ทง้ั แบบสำ� หรบั ผชู้ ายและผหู้ ญงิ สว่ นใหญฝ่ า่ ยชายจะเปน็ ฝา่ ยใช้ โดยใช้สวมครอบอวัยวะเพศชายท่ีก�ำลังแข็งตัวในขณะร่วมเพศ เมอื่ ฝา่ ยชายหลง่ั นำ้� อสจุ แิ ลว้ นำ้� อสจุ จิ ะถกู เกบ็ ไวใ้ นถงุ ยางอนามยั ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศ สัมพนั ธ์ เชน่ ซิฟิลิส หนองใน และเอดสไ์ ด้ด้วย ถุงยางอนามัยถูกน�ำมาใช้งานในรูปแบบอื่นๆ มากมายเพราะ คณุ สมบัติท่ีทนทาน กันน้�ำ และยืดหย่นุ ไดด้ ี โดยนำ� มาใชผ้ ลิต ไมโครโฟนกนั น�้ำ เร่อื ยไปจนใช้กันปืนไรเฟิลติดขดั ถงุ ยางอนามยั สมยั ใหมส่ ว่ นมากผลติ จากยางพารา แตก่ ม็ บี า้ งท่ี ผลติ จากวสั ดุอน่ื เช่น โพลยี รู เี ทน หรอื ลำ� ไส้ของลูกแกะ ถุงยาง อนามัยส�ำหรับสตรีมักจะผลิตจากโพลียูรีเทน ถุงยางอนามัย ส�ำหรับชายเป็นอุปกรณ์คุมก�ำเนิดท่ีราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ผลข้างเคียงน้อย และใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได ้ ถ้าใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและใช้ทุกครั้งท่ีมีเพศสัมพันธ ์ จะทำ� ให้มีโอกาสต้งั ครรภ์ได้เพียง 2% ตอ่ ปี 2 ค้นจาก http://th.wikipedia.org/wiki/ถุงยางอนามยั ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนินชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 9

มีหลักฐานการใช้ถุงยางอนามัยครั้งแรกสุดในประวัติศาสตร ์ อยา่ งนอ้ ย 400 ปที แ่ี ลว้ การใชถ้ งุ ยางอนามยั เปน็ วธิ กี ารคมุ กำ� เนดิ ท่ีได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่คริสต์ศตวรรษท่ี 19 แต่ในขณะ เดียวกันก็ยังมีอีกแง่มุมหนึ่งท่ีเป็นปัญหา เช่น การท้ิงถุงยาง อนามัยอย่างไม่เหมาะสมท�ำให้เกิดปัญหาขยะ และศาสนจักร โรมันคาทอลกิ ต่อต้านการใช้ถงุ ยางอนามยั ในประเทศไทย นายมชี ยั วรี ะไวทยะ เคยเปน็ ผนู้ ำ� การรณรงค์ ให้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อการคุมก�ำเนิด จนชาวบ้านเรียกว่า ถงุ มชี ยั ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2550 กระทรวงสาธารณสขุ ใชโ้ ครงการ “ยืดอก พกถุง” สร้างค่านิยมคนไทยและวัยรุ่น กล้าซ้ือถุงยาง อนามยั เพอื่ ปอ้ งกนั โรคเอดสแ์ ละโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธอ์ นื่ ๆ เนื่องจากวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยป้องกันน้อย โดยมีสาเหตุ สว่ นหนง่ึ เปน็ เพราะอายผขู้ าย ไมก่ ลา้ ซอ้ื ไมก่ ลา้ พกพา และกลวั ถกู มองวา่ เซก็ สจ์ ดั ” ขอ้ ความทย่ี กมาขา้ งตน้ นที้ ำ� ใหเ้ หน็ และยนื ยนั ไดเ้ บอ้ื งตน้ วา่ ในการรบั ร้ ู ของสังคมไทย ถุงยางอนามัยมีสถานะและความหมายท่ีชัดเจนว่าเป็นเพียง เครอื่ งมอื /อปุ กรณช์ นดิ หนง่ึ เพอ่ื การคมุ กำ� เนดิ และการปอ้ งกนั การรบั  − ถา่ ยทอด เชอ้ื โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์รวมท้งั เช้อื เอชไอวี 1.2 สถานะและความหมายของถุงยางอนามัย ในยุคสมัย แห่งเอดส์ กว่า 30 ปีท่ีผ่านมา เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี ท่ีน�ำไปสู่ความเจ็บป่วยและหรือเสียชีวิตด้วยอาการสัมพันธ์กับเอดส์ ถุงยาง อนามัยได้รับการส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักกันมากข้ึนในฐานะเคร่ืองมือป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวีทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในช่วง 10 นวิ ัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

15 − 10 ปหี ลงั น้ี มกี ารรณรงคส์ ง่ เสรมิ และกระตนุ้ กนั มากขนึ้ ทงั้ ในระดบั นานาชาติ และระดบั ประเทศ ท่ีกล่าวเช่นนี้เน่ืองจากในช่วงแรกๆ ของการเผชิญปัญหาเอดส์น้ัน หลายชาติ หลายประเทศ รวมทงั้ หนว่ ยงานระดบั นานาชาตหิ ลายแหง่ ยงั รสู้ กึ ไม่สะดวกใจที่จะออกมาพูดเสียงดังๆ ถึงการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีทางเพศสัมพันธ์ เพราะอาจเท่ากับ เป็นการยอมรับว่า ประชากรในประเทศของตนเองมีปัญหาเร่ืองการม ี เพศสัมพันธ์ อันเป็นเร่ืองที่หลายสังคมไม่อยากยอมรับและกล่าวถึงโดยตรง เชน่ หลายประเทศในทวปี แอฟรกิ า รวมทงั้ ประเทศไทยทพี่ ยายามชภู าพลกั ษณ์ ของการเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาและมีวิถีปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ท�ำให้การออกมายอมรับเร่ืองเอดส์ที่เก่ียวข้องกับเพศสัมพันธ์และการใช้ ยาเสพติดเปน็ ไปไดย้ าก เพราะกงั วลวา่ จะกระทบตอ่ ภาพลกั ษณ์ของประเทศ อยา่ งไรกต็ าม นบั ตง้ั แตม่ กี ารจดั ประชมุ สหประชาชาตวิ าระพเิ ศษวา่ ดว้ ย เรอ่ื งเอชไอว/ี เอดส์ (UNGASS) ข้นึ ในปี 2544 ปญั หาเอชไอว/ี เอดสถ์ ูกหยิบขึน้ มากล่าวถึงและกระตุ้นให้มีการด�ำเนินการตอบสนองต่อการป้องกันและแก้ไข ปัญหามากข้ึน ท�ำให้การกล่าวถึงถุงยางอนามัยในฐานะเคร่ืองมือป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เร่ิมมีเสียงดังและชัดเจนมากขึ้น ท้ังน้ีเนื่องจาก ยังไมม่ ีวิธีการหรือเครอ่ื งมอื ใดๆ ที่จะมปี ระสทิ ธิภาพสงู เทา่ กบั ถุงยางอนามยั ดังที่ได้ต้ังค�ำถามไว้ตอนต้นว่า ความหมายของถุงยางอนามัย อยตู่ รงไหน ระหวา่ งการเปน็ เครอ่ื งมอื ปอ้ งกนั โรคกบั การเปน็ เครอ่ื งมอื ปอ้ งกนั การตง้ั ท้อง แมใ้ นยคุ สมยั น้ี ผู้เขียนกไ็ มส่ ามารถฟนั ธงได้ เพราะขนึ้ อยู่กบั วา่ ถามใครในช่วงเวลาใด อาทิ หากไปถามวัยรุ่น ค�ำตอบท่ีได้ก็อาจเป็น เครอื่ งมอื ปอ้ งกนั การตง้ั ทอ้ ง เนอื่ งจากความกงั วลของวยั รนุ่ ตอ่ การมเี พศสมั พนั ธ์ น้ันยังคงเป็นเร่ืองการต้ังท้องมากกว่าการรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีหรือ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธอ์ นื่ ๆ แตห่ ากไปถามวยั รนุ่ ชายทม่ี เี พศสมั พนั ธก์ บั ชาย ถุงยางอนามัยก็อาจมีความหมายในฐานะเครื่องมือป้องกันเช้ือโรคติดต่อ ถงุ ยางอนามัยกบั การด�ำเนนิ ชีวิตทางเพศในสังคมไทย 11

ทางเพศสมั พนั ธร์ วมเอชไอวี เพราะพวกเขาไมไ่ ดม้ คี วามกงั วลเรอ่ื งการตง้ั ทอ้ ง จากการมีเพศสัมพนั ธใ์ นวิถเี พศของตนเอง หากพิจารณาถึงสถานะของถุงยางอนามัยในยุคสมัยแห่งเอดส ์ โดยเฉพาะในช่วง 10 − 15 ปีหลังนี้ จะเห็นได้ว่า มีการกล่าวถึงและส่งเสริม การใชถ้ งุ ยางอนามยั ไวอ้ ยา่ งชดั เจนในฐานะเครอ่ื งมอื ปอ้ งกนั การรบั  − ถา่ ยทอด เชอื้ เอชไอวี จากเอกสารของโครงการโรคเอดสแ์ หง่ สหประชาชาติ (UNAIDS) องคก์ าร อนามัยโลก (WHO) และกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ในปี 2552 เร่ืองสถานะของถุงยางอนามัย ได้กล่าวถึงถุงยางอนามัยชายไว้ว่า เป็นเครื่องมือในการป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี และควรมีการส่ง เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ทงั้ ในงานดา้ นการปอ้ งกนั และการดแู ลรกั ษาพรอ้ มๆ กนั ไปดว้ ย (UNAIDS, 2009) เอกสารชน้ิ นแ้ี สดงใหเ้ หน็ วา่ UNAIDS, WHO และ UNFPA ใหค้ วามสำ� คญั กับถุงยางอนามัยชาย ในฐานะที่เป็นส่วนส�ำคัญของการด�ำเนินงานป้องกัน และการดูแลรักษาเอชไอวีที่รอบด้าน มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยระบุว่า ถุงยางอนามัยเป็นเทคโนโลยีเดียวท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกัน การรับ − ถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวี และเช้ือโรคติดต่อทางเพศสมั พันธช์ นดิ อื่นๆ ท้ังสามหน่วยงานออกมายืนยันว่า ในช่วงกว่า 30 ปีท่ีผ่านมา ได้ม ี ความพยายามพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อการป้องกัน การรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี อาทิ การพัฒนาคิดค้นวัคซีนไมโครบิไซด์ (สารหลอ่ ลน่ื สำ� หรบั เคลอื บชอ่ งคลอดและรทู วาร เพอื่ ปอ้ งกนั การรบั  − ถา่ ยทอด เช้ือฯ) การขลบิ หนังหุม้ ปลายอวัยวะเพศ ล่าสดุ คือการทดลองวจิ ัยทีใ่ ช้วธิ ีการ ใหก้ นิ ยาตา้ นไวรสั ชอ่ื ทรวู าดา้ (TDF/FTC) เพอ่ื ปอ้ งกนั กอ่ นมโี อกาสสมั ผสั เชอื้ ฯ (PrEP − Pre Exposure Prophylaxis) ซ่ึงได้ประกาศประสิทธิผลไปเม่ือ ชว่ งปลายเดอื นพฤศจกิ ายน 2553 และพอเปน็ ความหวงั ในการปอ้ งกนั ไดบ้ า้ ง 12 นวิ ตั ร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ

แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์เหล่าน้ี ยังต้องมีการวิจัยและพัฒนากันอย่าง ต่อเนื่องต่อไปอีก โดยไม่อาจคาดเดาเวลาได้ว่าเม่ือไหร่จึงจะน�ำมาขยายผล ใช้เปน็ ทางเลอื กเพิม่ เตมิ ไดใ้ นสังคม ถงุ ยางอนามยั จงึ ยงั คงเปน็ เครอ่ื งมอื ดา้ นการปอ้ งกนั การรบั  − ถา่ ยทอด เชื้อเอชไอวีท่ีคงสถานะความส�ำคัญในอีกหลายๆ ปีข้างหน้าต่อจากนี้ไป ดังที่เห็นได้จากการด�ำเนินงานที่ผ่านมา ถุงยางอนามัยเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ ที่มีบทบาทอย่างชัดเจนในการป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวีใน หลายประเทศ ทัง้ ในประเทศที่เกิดปญั หาแล้ว และในประเทศทยี่ ังคงมปี ัญหา การแพรร่ ะบาดของเชือ้ เอชไอวเี กิดขน้ึ ในประชากรเฉพาะบางกล่มุ อยู่ ต่อค�ำถามว่า ท�ำไมถุงยางอนามัยจึงได้รับการระบุว่าเป็นเคร่ืองมือ ที่ส�ำคัญมากด้านการป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวีน้ัน มีค�ำอธิบาย ขยายความดงั น้ี “มีหลักฐานที่รวบรวมจากงานวิจัยไว้อย่างชัดเจนว่า ในคู่รัก ตา่ งเพศทฝี่ า่ ยหนงึ่ มเี ชอ้ื เอชไอวี หากมกี ารใชถ้ งุ ยางอนามยั อยา่ ง ถกู ตอ้ งและสมำ�่ เสมอ จะชว่ ยลดความเสย่ี งในการรบั  − ถา่ ยทอด เช้ือจากชายไปยังหญิงหรือหญิงไปยังชายได้อย่างมีนัยส�ำคัญ โดยการศกึ ษาทางหอ้ งทดลองปฏบิ ตั กิ ารยนื ยนั วา่ ถงุ ยางอนามยั ชายช่วยป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งจากอวัยวะสืบพันธุ์ซึมผ่าน ไปได้” (UNAIDS, 2009) นอกจากคณุ สมบตั ขิ า้ งตน้ แลว้ ถงุ ยางอนามยั ยงั ถกู นบั เปน็ องคป์ ระกอบ สำ� คญั ของยทุ ธศาสตรด์ า้ นการปอ้ งกนั แบบผสมผสานทรี่ อบดา้ น เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ทบ่ี คุ คลสามารถเลอื กใชไ้ ดส้ ะดวกในแตล่ ะชว่ งเวลาของการดำ� เนนิ ชวี ติ เพื่อลดความเสี่ยงจากการไดร้ บั เชื้อเอชไอวี โดยทางเลือกต่างๆ ประกอบด้วย “การชะลอการมีเพศสัมพันธ์ การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ การสร้าง ความปลอดภัยโดยการซ่ือสัตย์กับคู่คนเดียว (ทั้งน้ีทั้งนั้น ท้ังคู่จะต้องไม่มี ถุงยางอนามยั กบั การด�ำเนินชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 13

เช้ือเอชไอวีและมีความซื่อสัตย์ต่อกันอย่างต่อเน่ือง) การลดจ�ำนวนคู่นอน การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและสม�่ำเสมอ และการขลิบหนังหุ้มปลาย อวยั วะเพศชาย” (UNAIDS, 2009) ค�ำอธิบายข้างต้นคงพอสะท้อนให้เห็นว่า ถุงยางอนามัยถูกวางไว้ ในสถานะของ หนง่ึ การเปน็ เครอ่ื งมอื ทางการแพทย์ พรอ้ มขยายความคณุ สมบตั เิ รอื่ ง การปอ้ งกนั การซมึ ผา่ นของเชอ้ื ฯ ทอ่ี ยใู่ นสารคดั หลงั่ จากอวยั วะเพศทใี่ ชส้ บื พนั ธ์ุ สอง การเปน็ องคป์ ระกอบสำ� คญั ของยทุ ธศาสตรด์ า้ นการปอ้ งกนั แบบ ผสมผสาน ร่วมกบั วธิ กี ารหรอื ทางเลือกอืน่ ๆ และยังสามารถเลือกใช้ไดอ้ ยา่ ง สะดวกในแตล่ ะชว่ งเวลาของการดำ� เนนิ ชวี ติ ทบี่ างครงั้ อาจเลอื กวธิ กี ารปอ้ งกนั ท่ีแตกตา่ งกนั ไป เอกสารชิ้นน้ีเป็นเอกสารท่ี UNAIDS และภาคีได้ปรับปรุงข้ึนมาใหม ่ จากเอกสารช้ินเดิมท่ีเคยเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2547 โดยเพิ่มเติมให้เห็นว่า ในยคุ ปจั จบุ นั การดแู ลรกั ษามคี วามเปลย่ี นแปลงกา้ วหนา้ ไปมาก ผมู้ เี ชอ้ื เอชไอว ี และผู้ป่วยเอดส์ท่ัวโลกเข้าถึงและได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพ่ิมมากขึ้น อยา่ งตอ่ เนอื่ ง สง่ ผลใหม้ ชี วี ติ อยรู่ ว่ มกบั เชอ้ื เอชไอวยี นื ยาวขนึ้ ลดความเจบ็ ปว่ ย และการเสียชีวิตลง สามารถกลับมาใช้ชีวิตด้วยสุขภาพท่ีแข็งแรงตามปกต ิ ในสังคมเชน่ คนอื่นๆ ความเปล่ียนแปลงดังกล่าวยิ่งย้�ำให้เห็นความส�ำคัญและจ�ำเป็นของ การใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเชื้อฯ ทั้งที่เป็นการรับ เชอื้ ฯ ใหม่ และการรบั เชอ้ื ฯ เพ่ิม การป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจึงนับว่าเป็นส่วนท่ีม ี ความสำ� คญั ในการปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาเอดส์ และถงุ ยางอนามยั ควรถกู นบั เปน็ 14 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ

สว่ นสำ� คญั ทต่ี อ้ งผนวกรวมเขา้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของโปรแกรมดา้ นการปอ้ งกนั และ ดแู ลรกั ษาด้วย โดยต้องมีการเรง่ สง่ เสรมิ การใช้ถงุ ยางอนามัยให้เพม่ิ มากขึน้ ผู้เขียนใคร่ขอตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นไว้ตรงน้ีว่า ภาษาที่ใช้ในเอกสาร ชิ้นน้ี อาทิ คำ� วา่ “การปอ้ งกนั การซมึ ผ่านของเช้อื ฯ ทอี่ ยใู่ นสารคดั หล่งั จาก อวัยวะเพศทใ่ี ชส้ บื พนั ธ”์ุ และคำ� อื่นๆ อาทิ “การซอื่ สัตย์กบั ค่คู นเดียว” หรอื “การซื่อสัตย์ต่อกันอย่างต่อเนื่อง” นั้น เป็นศัพท์ภาษาท่ีมีทั้งความเป็น วิทยาศาสตรแ์ ละศาสนา มรี ะบบคุณคา่ ก�ำกับ ส่งผลใหเ้ กิดการมองและตัดสิน ความผดิ ถกู จากอคตขิ องผมู้ อง ทง้ั ยงั เปน็ ประเดน็ การเมอื งในการกำ� หนดคณุ คา่ และความสมั พนั ธอ์ ยเู่ บอื้ งหลงั อกี ดว้ ย โดยเฉพาะการเมอื งเรอ่ื งเพศทเี่ กย่ี วขอ้ ง กับเรื่องถุงยางอนามยั คงพอเห็นแล้วว่า ความหมายและสถานะของถุงยางอนามัยตั้งแต ่ ต้นยุคสมัยของเอดส์เม่ือร่วม 30 ปีก่อน ปรับเปลี่ยนไปด้วยการสร้างซ้�ำ ความหมายเดิมที่มีอยู่ให้ปรากฏเด่นชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานะ เครือ่ งมอื ปอ้ งกนั โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ แม้หลายคนอาจมองว่า ความหมายและสถานะของถุงยางอนามัย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การระบุว่าถุงยางปรับเปลี่ยนความหมายใหม่ จากท่ีเป็นอุปกรณ์คุมก�ำเนิดไปสู่การเป็นเคร่ืองมือป้องกันโรคฯ ซ่ึงเป็นความ หมายทถี่ กู ใหค้ วามสำ� คญั มากกวา่ นน้ั เปน็ เพยี งแคก่ ารตหี รอื เลน่ สำ� นวนเฉยๆ ผเู้ ขยี นจงึ อยากชวนใหม้ องตอ่ ไปอกี วา่ ในกระบวนการสรา้ งและสถาปนา ความหมายและสถานะของถงุ ยางอนามยั ในยคุ สมยั ของเอดสน์ นั้ มรี ายละเอยี ด ท่ีน่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่ของกระบวนการสร้างความรู้ความจริงเก่ียวกับ ถุงยางอนามยั ซึ่งเกี่ยวขอ้ งกับเรอ่ื งเพศสัมพนั ธ์ อ�ำนาจ และการเมือง ถุงยางอนามัยกบั การด�ำเนนิ ชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 15

1.3 การรบั รแู้ ละความเขา้ ใจเรอ่ื งถงุ ยางอนามยั ในสงั คมไทย หากจัดแบ่งช่วงเวลาในการรับรู้และความเข้าใจเร่ืองถุงยางอนามัย ในสังคมไทย ผ่านการด�ำเนินงานส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย อาจจัดแบ่ง ออกไดต้ ามล�ำดบั ดงั น้ี 1. ชว่ งก่อนปี พ.ศ. 2530 ในชว่ งกอ่ นการแพรร่ ะบาดของเชอื้ เอชไอวี ถงุ ยางอนามยั ไมเ่ คยปรากฏ ตัวอยู่ในปริมณฑลเรื่องเพศของสังคมไทยมาก่อน หรือหากเคย ก็น่าจะเป็น ไปในลักษณะที่ไม่มีหรือแทบไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยในอาณาบริเวณเรื่อง เพศเลย ในงานวเิ คราะหว์ ธิ คี ดิ วทิ ยาในงานวจิ ยั เรอ่ื งเพศภาวะ และเพศวถิ ี กบั เอดสศ์ กึ ษาของกฤตยาและกนกวรรณ (2550) ไดร้ ะบถุ งึ งานวิจยั ของ อภิชาติ และคณะ เรอื่ งการสำ� รวจภาวะคมุ กำ� เนดิ ในประเทศไทย พ.ศ. 2539 ทร่ี ายงาน ผลการส�ำรวจว่า “คนไทยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ไหนแต่ไรมา ต้ังแต่ก่อน ที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี ได้มีการเรียนรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่เคยคิดถึงเรื่องถุงยางอนามัย ท�ำให้ไม่คุ้นเคยและรู้สึกว่าการใช้ถุงยาง อนามัยลดทอนอรรถรสของการมีเพศสัมพันธ์ไปอักโข ซึ่งความไม่ชอบใช้ ถงุ ยางอนามยั น้ี ไมใ่ ชเ่ กดิ ขนึ้ เฉพาะกบั ผชู้ ายเทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ ทง้ั ผหู้ ญงิ และผชู้ าย ท่ีไม่ชอบใช้ถุงยางอนามัย” (อภิชาติ และคณะ, 2540 อ้างใน กฤตยา และ กนกวรรณ, 2550: 123 − 124) แม้จะมีความพยายามส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยก่อนท่ีจะมี ปรากฏการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในสังคมไทยต้ังแต่ก่อนหน้า ปี 2528 ทม่ี รี ายงานการได้รับเชือ้ เอชไอวีรายแรกของคนไทยก็ตาม แต่ภาพ ของถุงยางอนามัยท่ีถูกน�ำเสนอและแสดงให้เห็นน้ัน เป็นภาพของการเป็น เครื่องมือทางการแพทย์ ที่ถูกส่งเสริมให้น�ำไปใช้เพื่อป้องกันการรับเชื้อโรค 16 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

ตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ และใชเ้ มอื่ มเี พศสมั พนั ธก์ บั หญงิ บรกิ ารในสถานบรกิ าร ทางเพศ โดยนัยว่า การมีเพศสัมพันธ์กับหญิงบริการท�ำให้มีความเสี่ยงต่อ การไดร้ บั เชอื้ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ทำ� ใหถ้ งุ ยางอนามยั เรมิ่ ถกู นำ� มาสอื่ สาร กับสังคมไทยภายในปริมณฑลเร่ืองเพศนอกกรอบศีลธรรมและจริยธรรม ซงึ่ เกีย่ วโยงผูกติดอยู่กับภาพของเพศสมั พันธ์ที่เป็นอันตราย ต่อมามีความพยายามส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ด้วยการส่ือสาร กับสังคมสาธารณะว่าเป็นหน่ึงในเครื่องมือคุมก�ำเนิด เช่นที่คนในสังคมช่วง 30 กว่าปกี อ่ นรบั รแู้ ละร้จู ัก “มีชยั วรี ะไวทยะ” ในฐานะนายกสมาคมพัฒนา ประชากรและชุมชน ท่ีออกมารณรงค์ให้มีการคุมก�ำเนิดด้วยการใช้ถุงยาง อนามยั จนเป็นภาพตดิ ตาเรยี กขานนายมีชัยว่าเปน็ “มสิ เตอรค์ อนดอม” และ เรียกถุงยางอนามัยหลากสีท่ีใช้ในการรณรงค์ครั้งน้ันว่า “ถุงมีชัยสายรุ้ง” แตภ่ าพของถงุ ยางอนามยั ทถ่ี กู นำ� เสนอยงั คงสะทอ้ นภาพถงุ ยางอนามยั ในมติ ิ หรอื ฐานะท่เี ปน็ เครอ่ื งมือทางการแพทยเ์ พ่ือการคุมกำ� เนดิ เปน็ หลัก การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในลักษณะน้ีท�ำให้เริ่มเห็นภาพ กระบวนการที่ถงุ ยางอนามยั ถูกสร้างความหมาย และอยภู่ ายใต้การรบั รู้ของ สงั คมไทยวา่ เปน็ เครอื่ งมอื แพทยท์ ใ่ี ชป้ อ้ งกนั เวลาทมี่ เี พศสมั พนั ธ์ ไมว่ า่ จะเจตนา หรือไม่ก็ตาม ได้สะท้อนความหมายแฝงว่าถุงยางอนามัยใช้ส�ำหรับป้องกัน เวลามีเพศสัมพันธ์ท่ีเป็นอันตราย อันหมายถึง การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส นอกกรอบศีลธรรมและจริยธรรม และผลพวงของการกระท�ำดังกล่าวอาจน�ำ ไปสู่การได้รับเชื้อโรคและความเจ็บป่วย รวมทั้งการต้ังครรภ์ท่ีไม่ได้วางแผน และการทำ� แท้ง ถงุ ยางอนามัยกับการด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 17

2. ช่วงหลงั ปี พ.ศ. 2530 ถงึ ปัจจุบนั เปน็ ชว่ งทม่ี กี ารแพรร่ ะบาดของเชอ้ื เอชไอวี อาจแบง่ ครา่ วๆ ไดอ้ อกเปน็ 2 ช่วงใหญ่ คือช่วงปี 2530 − 2540 หรือทศวรรษแรกของการแพร่ระบาด และช่วงปี 2540 − ปัจจุบัน ซึ่งเป็นทศวรรษท่ีสองของการเผชิญปัญหาเอดส์ ในสังคมไทย ช่วงทศวรรษแรกของการแพร่ระบาดของเช้ือเอชไอวี รายงาน การเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาพบอัตราการได้รับเช้ือเอชไอวีในกลุ่มหญิง บริการทางเพศและทหารเกณฑ์ในสัดส่วนท่ีสูง ท�ำให้รัฐบาลไทยในยุคน้ัน โดยกระทรวงสาธารณสุข ด�ำเนินนโยบายและโครงการถุงยางอนามัย 100% กล่าวคือ ด�ำเนินมาตรการส่งเสริมแกมบังคับในรูปการขอความร่วมมือให ้ สถานบริการทางเพศทุกแห่ง โดยเฉพาะในสถานบริการทางเพศระบบปิด หรือทเ่ี รยี กกันว่า “ซ่อง” ตอ้ งให้ชายนกั เที่ยวทุกคนใชถ้ งุ ยางอนามยั เจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสขุ ในระดบั พนื้ ทไี่ ดแ้ จกจา่ ยถงุ ยางอนามยั ใหส้ ถาน บรกิ ารและเฝา้ ตดิ ตามผลการใช้ โดยเจรจาขอความรว่ มมอื อยา่ งเครง่ ครดั จาก เจา้ ของสถานบรกิ าร และมเี จา้ หนา้ ทตี่ ำ� รวจเขา้ มารว่ มตดิ ตามกำ� กบั เรอื่ งนดี้ ว้ ย เพ่ือให้เกิดมาตรการท่ีเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี ผ่านกลุ่มหญิงบริการทางเพศในสถานบริการทางเพศแบบปิด (กฤตยา และ กนกวรรณ, 2550: 124) ผลของการด�ำเนินนโยบายและโครงการดังกล่าวท�ำให้การได้รับเชื้อ เอชไอวใี นกลมุ่ ประชากรหญงิ บรกิ ารและชายนกั เทยี่ วลดปรมิ าณลง ประเทศไทย ได้รับเสียงช่ืนชมและการยอมรับจากนานาประเทศว่าประสบผลส�ำเร็จ ในการด�ำเนินงานป้องกัน และได้น�ำไปพัฒนาและส่งเสริมโครงการในอีก หลายประเทศ ทงั้ ในแถบเอเชยี และแอฟรกิ าใต้ โดยในชว่ งกา้ วเขา้ สทู่ ศวรรษที่ สองของการต่อสู้และตอบสนองกับปัญหาเอดส์ รัฐบาลไทยสามารถลดอัตรา การได้รบั เช้ือรายใหม่ในแต่ละปีลงได้อยา่ งน่าชนื่ ชม จากที่มีผู้ติดเช้ือรายใหม่ ในแต่ละปีเปน็ จ�ำนวนเรอื นแสนลดลงเหลือเพยี งหลักหมืน่ 18 นวิ ตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ

แต่ภายใต้การยกย่องความส�ำเร็จดังกล่าวยังคงมีข้อถกเถียงและสงสัย หลายประการ อาทิ ความถกู ตอ้ งของตวั เลขการเฝา้ ระวงั และการคาดประมาณ ผนวกดว้ ยความหว่ งกงั วลเรอื่ งอตั ราการไดร้ บั เชอ้ื เอชไอวรี ายใหมท่ เี่ รมิ่ กลบั มา เพ่ิมสูงขึ้นอยู่อย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรวัยรุ่น แม้ว่าจะไม่สูง มากและเร็วเช่นทศวรรษแรก ภายหลังผลส�ำเร็จของการด�ำเนินนโยบายและโครงการถุงยางอนามัย 100% ในสถานบรกิ ารทางเพศแบบปดิ กระทรวงสาธารณสขุ ไดพ้ ยายามดำ� เนนิ นโยบายสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในกลมุ่ ประชากรทว่ั ไป อาทิ กลมุ่ แมบ่ า้ น และกลุ่มเยาวชน แต่ไม่ส�ำเร็จในระดับท่ีจะน�ำมากล่าวอ้างได้ เนื่องจาก ไม่ปรากฏว่ามีการใช้ถุงยางอนามัยในเพศสัมพันธ์ของแม่บ้าน กลุ่มเยาวชน และกลุ่มประชากรอ่ืนๆ ที่อยู่นอกบริบทของเพศสัมพันธ์ในสถานบริการ ทางเพศแบบปดิ ทำ� ใหม้ ขี อ้ สงั เกตเรอ่ื งผลสำ� เรจ็ ของการดำ� เนนิ โครงการถงุ ยาง อนามยั 100% ว่าอาจสัมพนั ธอ์ ย่างยง่ิ กบั ปัจจัยเรือ่ งความสัมพนั ธ์เชิงอ�ำนาจ ระหวา่ งตำ� รวจกบั เจา้ ของ “ซอ่ ง” และระหวา่ ง เจา้ ของ “ซอ่ ง” กบั หญงิ บรกิ าร ข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่น่าสนใจคือ การด�ำเนินโครงการถุงยางอนามัย 100% ส่งผลกระทบหลายด้าน ประเด็นหน่ึงที่มักถูกหยิบมากล่าวถึงคือ การด�ำเนินโครงการนี้ส่งผลให้เกิดการตีตราว่าหญิงบริการเป็นต้นเหตุของ การแพร่ระบาดของเช้ือเอชไอวี ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่าเป็นการสร้าง ความเข้าใจท่ีเป็นมายาคติในการป้องกันการแพร่ระบาดของเอชไอวีว่าเป็น เร่ืองของ “กลุ่มเสี่ยง” มากกว่าจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเข้าใจและ ความตระหนกั เรอื่ ง “พฤติกรรมเส่ยี ง” นอกจากน้ี ยงั มผี ลกระทบตอ่ เนอื่ งอน่ื ๆ แตม่ กั ไมไ่ ดถ้ กู หยบิ ยกมาวพิ ากษ์ วจิ ารณก์ ันมากนกั คอื ผลกระทบตอ่ การตีตรา ตอกย�ำ้ และกกั ขังความหมาย ของการรับรู้เร่ืองถุงยางอนามัยในสังคมไทยว่า เป็นเคร่ืองมือทางการแพทย ์ ที่ใช้เวลามีเพศสัมพันธ์เฉพาะกับกลุ่มเส่ียง ซ่ึงถือว่าเป็นเพศสัมพันธ์ท่ีเป็น อันตราย ดังเช่นงานวิจัยที่สรุปว่า “การรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยกับหญิง ถงุ ยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 19

บรกิ ารในยคุ เอดส์ระบาดช่วง 10 ปีแรก ไดส้ ถาปนาความเขา้ ใจในประชาชน ทว่ั ไปออกมาเปน็ สมการไดว้ า่ ถงุ ยางอนามยั =ผหู้ ญงิ บรกิ ารทางเพศ” (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550: 125) เป็นอีกภาพสะท้อนหนึ่งของกระบวนการที่ คนจำ� นวนหน่ึงในสงั คมไทยถูกทำ� ใหเ้ ชือ่ หรือถูกท�ำให้คิดเรื่องเกี่ยวกับถงุ ยาง อนามัย ทศวรรษทส่ี องของการแพรร่ ะบาดและการตอบสนองตอ่ ปญั หาเอดส์ ในประเทศไทย เปน็ ชว่ งทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากอทิ ธพิ ลของประเทศสหรฐั อเมรกิ า ท่ีให้เงินอุดหนุนการด�ำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์มากที่สุดในโลก ดว้ ยเสยี งวพิ ากษว์ จิ ารณว์ า่ นโยบายและมาตรการดา้ นการปอ้ งกนั ของสหรฐั ฯ น้ันพัฒนาขึ้นมาจากการน�ำเอาความรู้ความจริงบางด้านของฐานคิดทาง ระบาดวทิ ยา มาผนวกเขา้ กบั การเมอื งเรอ่ื งเพศและความพยายามกำ� กบั ควบคมุ ศีลธรรมของกลุ่มคริสต์ศาสนาขวาจัด เพ่ือกำ� หนดเป็นนโยบายพร้อมกับระบุ กรอบเงอ่ื นไขในการสนบั สนนุ งบประมาณใหก้ บั องคก์ ร/หนว่ ยงาน และประเทศ ตา่ งๆ ทต่ี ้องการรบั การสนบั สนุนทนุ ชว่ ยเหลือในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา เอดส์จากประเทศสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากการด�ำเนิน แนวนโยบายดังกลา่ วนี้เช่นกนั ภายใตก้ ารดำ� เนนิ งานของ PEPFAR (President Emergency Plan for AIDS Relief) หรือแผนฉุกเฉินของประธานาธิบดีเพื่อการบรรเทาปัญหาเอดส์ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไดก้ ำ� หนดกรอบการพจิ ารณาใหเ้ งนิ งบประมาณอดุ หนนุ ว่า จะต้องมีการด�ำเนินนโยบายการป้องกันตามแนวทางท่ีเรียกว่า ABC ซ่ึง A=Abstinent หรือการละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ ที่มีนัยหมายถึงการชะลอ การมเี พศสัมพันธ์ก่อนวยั อนั ควรของเยาวชน B=Be faithful หรือการสตั ยซ์ ่ือ กบั คู่ ที่มีนัยหมายถงึ การซ่อื สัตย์กบั คสู่ ัมพันธ์ทางเพศคนเดียวภายใต้สถาบนั การแตง่ งาน และ C=Condom use หรอื การใชถ้ งุ ยางอนามยั ทม่ี นี ยั หมายถงึ 20 นวิ ตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

การใชถ้ งุ ยางอนามยั เมอ่ื มเี พศสมั พนั ธ์ (นอกสมรส) ของกลมุ่ คนทมี่ คี วามเสย่ี งสงู เชน่ หญงิ บรกิ าร ชายทม่ี เี พศสมั พนั ธก์ บั ชาย และผใู้ ชย้ าเสพตดิ ชนดิ ฉดี (นวิ ตั ร และคณะ, 2547) ABC กลายมาเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเอชไอวี ที่ถูก ก�ำหนดให้เป็นแนวทางท่ีต้องน�ำไปปฏิบัติส่งเสริมในประเทศต่างๆ รวมถึง บางสว่ นของประเทศไทย ขณะเดยี วกนั กไ็ ดม้ กี ารนำ� เสนอแนวคดิ การกำ� หนด หรอื ระบกุ ลมุ่ ประชากรสำ� คญั ทถ่ี กู มองวา่ เปน็ กลมุ่ ประชากรทมี่ คี วามเสยี่ งสงู สดุ ต่อการไดร้ บั เช้อื เอชไอวี (Most At Risk Populations/MARPs) ควบคกู่ ันไป กับการด�ำเนินนโยบายเรื่อง ABC ด้วย ท�ำให้เป็นการตอกย้�ำและตีตราภาพ เรือ่ ง “กลุม่ เสย่ี ง” อกี คร้งั พร้อมๆ กบั การขีดเส้นแบง่ ระหว่างเพศสัมพนั ธท์ ี่ดี กับการป้องกันในกลุ่มคนดีๆ กับเพศสัมพันธ์ที่ไม่ดีหรือเพศสัมพันธ์อันตราย กับมาตรการปอ้ งกนั ในกล่มุ เส่ยี งสูงสุด ในบทความชอ่ื ABC Program for HIV Prevention in Thailand: Empirical Evidences and Policy Implications ของ อภชิ าติ จำ� รสั ฤทธิรงค์ ไดร้ ะบุ ถงึ การด�ำเนนิ มาตรการ ABC ของสหรฐั อเมรกิ า ภายใต้ PEPFAR ที่ก�ำหนด ใหใ้ ช้ “A” ส�ำหรบั เยาวชน และ “C” ส�ำหรบั กลมุ่ ประชากรท่ีมคี วามเสีย่ งสงู ในการรับและถ่ายทอดเช้ือเอชไอวี (Chamratrithirong, 2009: 182) ท�ำให ้ เหน็ ภาพวา่ ตวั ถงุ ยางอนามยั เองกไ็ ดร้ บั ผลกระทบทาง “การเมอื งเรอ่ื งเพศและ ศลี ธรรม” ในสหรฐั อเมรกิ า ผา่ นการถกู กำ� หนดวา่ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการปอ้ งกนั ท่ีเหมาะกบั คนบางกลมุ่ และไม่เหมาะกับคนบางกล่มุ PWP (Prevention with Positive) หรอื การด�ำเนนิ การป้องกันการรบั และถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มผู้ท่ีมีเช้ือเอชไอวี ด้วยการส่งเสริมการละเว้น การมีเพศสัมพันธ์ และหากละเว้นไม่ได้ก็ให้มีการใช้ถุงยางอนามัย เป็นอีก มาตรการหนึ่งท่เี กิดข้ึนไลห่ ลงั มาในชว่ งระยะเวลาเดยี วกนั คือ ปี 2547 ถุงยางอนามัยกบั การดำ� เนินชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 21

ความกงั วลเรอื่ งการรบั และถา่ ยทอดเชอ้ื เพมิ่ (Re − infection) จากกลมุ่ ผู้ที่มีเช้ือเอชไอวี ท่ีเริ่มเข้าถึงและได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่าง กว้างขวางมากข้ึน ทำ� ให้มีการสง่ เสรมิ การพฒั นานโยบายและมาตรการดา้ น การปอ้ งกนั ขนึ้ ในหลายประเทศรวมถงึ ประเทศไทย และถงุ ยางอนามยั กไ็ ดถ้ กู กลา่ วถงึ อกี ครงั้ ในฐานะของเครอื่ งมอื ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคและปอ้ งกนั การต้ังครรภข์ องผูท้ มี่ เี ช้อื เอชไอวี นอกจากน้ี แม้จะมคี วามพยายามส่งเสรมิ การใช้ถุงยางอนามยั ของทัง้ องคก์ รพฒั นาเอกชนและหนว่ ยงานราชการ ผา่ นโครงการสง่ เสรมิ การปอ้ งกนั การไดร้ บั เชอ้ื เอชไอวใี นชว่ งหลายปที ผี่ า่ นมา อาทิ โครงการเพศศกึ ษาในกลมุ่ เยาวชนในระบบโรงเรยี น เยาวชนในชมุ ชน รวมทง้ั เยาวชนในสถานประกอบการ ซ่ึงเป็นโครงการขนาดใหญ่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากส�ำนักงาน กองทุนโลก และด�ำเนินงานต่อเน่ืองมาต้ังแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน ก็ได้ พยายามพฒั นามาตรการดำ� เนนิ งาน เพอ่ื สง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ใหเ้ ปน็ มาตรการสำ� คญั หนง่ึ ผา่ นรปู แบบการสอนเรอื่ งเพศสมั พนั ธท์ ปี่ ลอดภยั วธิ กี าร ใชถ้ งุ ยางอนามยั สง่ เสรมิ การเขา้ ถงึ ถงุ ยางอนามยั ทง้ั ในรปู แบบเพอ่ื นชว่ ยเพอ่ื น และการจ�ำหน่ายถุงยางอนามัยในราคาถูกผ่านตู้จ�ำหน่ายอัตโนมัติ ซึ่งแม้ จะเกดิ การกระตนุ้ การใช้ถงุ ยางอนามยั ในปริมาณท่เี พ่มิ มากขึ้น แตก่ ็ยงั พบว่า การใชถ้ ุงยางอนามยั ไม่ได้เปน็ ท่ีนิยมแพร่หลาย การด�ำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ ข้างต้น เพ่ือป้องกันการแพร่ ระบาดของเช้ือเอชไอวีต้ังแต่ช่วงหลังปี 2540 เป็นต้นมาน้ัน ได้ตอกย�้ำภาพ ของถุงยางอนามัยให้ตกอยู่ในวังวนเดิมของการรับรู้ของสังคมไทยว่า เป็นเครื่องมือทางการแพทย์เพ่ือป้องกันโรค และใช้กับประชากรกลุ่มที่มี ความเส่ียงสูงสุด ท่ีด�ำเนินชีวิตทางเพศคาบเก่ียวหมิ่นเหม่กับศีลธรรมและ จริยธรรมอันดีงาม และอาจเป็นสาเหตุส�ำคัญของการไม่ยอมรับ และไม่ใช ้ 22 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ

ถงุ ยางอนามยั ใหเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของการดำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศของคนในสงั คมไทย การเรยี นรจู้ ากกลมุ่ ประชากรกลมุ่ ตา่ งๆ ทถ่ี กู ระบเุ ปน็ กลมุ่ เปา้ หมายของ การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามยั จงึ เปน็ ความจำ� เป็น เพื่อท�ำใหเ้ กดิ การเรียนรู้ จากมมุ มองของกลมุ่ ประชากรนน้ั ๆ เองวา่ ไดม้ กี ารใหค้ วามหมาย คณุ คา่ และ การรับรู้เร่ืองถุงยางอนามัยอย่างไร เป็นความหมายและการรับรู้ที่อยู่ภายใต้ อิทธพิ ลทางความคดิ ท่กี ลา่ วมาแลว้ ขา้ งต้น หรือว่ามีมุมมองทีแ่ ตกตา่ งออกไป นอกจากนี้ยังเป็นความท้าทายในการทลายกรอบก�ำแพงท่ีกักขัง การรับรเู้ รือ่ งถงุ ยางอนามัยของสังคมไทย ซง่ึ น่าจะสง่ ผลอย่างมนี ัยสำ� คญั ต่อ การไม่ใช้หรือใช้ถุงยางอนามัยน้อยมากในเพศสัมพันธ์ของคนในสังคมไทย เพื่อมองหาความพยายามในการเปลี่ยนแปลงความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ และการรบั รเู้ รอื่ งถุงยางอนามัยในสังคมไทยเสยี ใหม่ การรับรู้และความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์และเพศวิถีท่ีหลากหลาย ในสังคมไทย นับเป็นอีกส่วนส�ำคัญท่ีสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับการส่งเสริมการใช้ ถงุ ยางอนามยั กลา่ วคอื จากขบวนการเคลอ่ื นไหวทางสงั คมและการเมอื งเรอ่ื ง สทิ ธทิ างเพศทเ่ี กดิ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งในระยะหลงั ๆ นบั ตง้ั แตม่ กี ารเผชญิ กบั ปญั หา เอดส์ ทำ� ให้เกดิ การเรยี นรู้ และมีขอ้ ถกเถียงเร่อื งการยอมรบั หรือปฏเิ สธตวั ตน ของกลมุ่ คนทม่ี วี ถิ ชี วี ติ ทางเพศแตกตา่ งไปจากรกั ตา่ งเพศระหวา่ งชายกบั หญงิ หรอื วถิ ชี วี ติ ทางเพศกระแสหลกั โดยการศกึ ษาเรอ่ื งเพศของสงั คมไทยกลา่ วถงึ กลุม่ คนรกั เพศเดียวกนั วา่ เป็นกลมุ่ ที่มกี ารด�ำเนินชีวิตแตกตา่ งไปจากกลุ่มคน รักต่างเพศ การด�ำเนินชีวิตทางเพศของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันก็ยังมี ความแตกต่างหลากหลายออกไปอีก ดังเช่นท่ีกล่าวถึงกลุ่มชายรักชายที่ม ี ตัวตน อัตลักษณ์ทางเพศ วิถีชีวิตทางเพศที่หลากหลาย โดยใช้ภาษาเรียก หลากหลาย มที งั้ ทแ่ี สดงนยั ในทางลบ ดถู กู ประณามวา่ ไมเ่ ปน็ ธรรมชาตอิ ยา่ ง ทคี่ นอื่นเขาเปน็ กนั (นพพร, 2551ก: 194 − 207) ถงุ ยางอนามยั กับการดำ� เนินชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 23

การมีตัวตนหรืออัตลักษณ์เป็น ‘เกย์’ น้ันยังมีวิถีทางเพศท่ีแตกต่าง หลากหลายออกไปอีก โดยเกย์บางคนอาจมีเพศวิถีท่ีระบุว่าเป็นเกย์คิงหรือ เกย์ควีน (เป็นการจ�ำลองบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์แบบการเป็นผู้สอดใส่/ เปน็ ชาย กบั การเปน็ ผถู้ กู สอดใส/่ เปน็ หญงิ มาใช)้ หรอื เกยค์ วงิ เกยโ์ บธ้ ทส่ี ามารถ ปรบั เปลยี่ นบทบาทในการมเี พศสมั พนั ธใ์ หล้ นื่ ไหลไปมาไดร้ ะหวา่ งชายและหญงิ การดำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศในรปู แบบของกะเทย สาวประเภทสอง ยงั สามารถ ระบุตัวตนแยกย่อยออกไปได้อีกเช่นกันว่า เป็นสาวประเภทสองที่เปลี่ยนเพศ ภาวะเป็นหญิงและแสดงบทบาทเป็นหญิงขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือเป็นสาว ประเภทสองท่ียังไม่ได้เปล่ียนเพศภาวะเป็นหญิง แต่แสดงบทบาทเป็นหญิง ขณะมเี พศสมั พนั ธ์ หรอื เปน็ สาวประเภทสองทเ่ี ปน็ ผสู้ อดใสข่ ณะมเี พศสมั พนั ธ์ ท่ีเรียกกนั วา่ “สาวเสยี บ” ทีแ่ มจ้ ะมกี ารเปลี่ยนเพศภาวะให้ดูเปน็ หญิง แตย่ งั ไม่ได้ผ่าตัดเปล่ียนแปลงอวัยวะเพศให้เป็นหญิง เพราะต้องการคงบทบาท ในการเป็นผู้สอดใสเ่ วลามเี พศสมั พนั ธไ์ วอ้ ยู่ การรับรู้เร่ืองเพศวิถีท่ีหลากหลายข้างต้น แม้จะยังไม่ได้มีการเรียนรู ้ ท่ีกว้างขวางและชัดเจนในสังคมไทย อันเน่ืองมาจากการปฏิเสธไม่ยอมรับ อีกท้ังยังไม่มีองค์ความรู้ในเรื่องนี้ท่ีชัดเจน แต่ก็สะท้อนความส�ำคัญของ การเรยี นรเู้ รอื่ งเพศวถิ ที ห่ี ลากหลายในสงั คมไทย ดว้ ยการเปดิ พนื้ ทก่ี ารเรยี นรู้ เรื่องเหล่านี้เพิ่มเติมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ว่ากลุ่มคนที่ถูกระบุว่าม ี ความแตกต่างทางเพศวิถี เป็นกลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์ท่ีเป็นอันตราย เป็น กลุม่ เส่ียง เป็นกลุ่มเป้าหมายในการรณรงค์ส่งเสรมิ เรือ่ งการใช้ถงุ ยางอนามยั นั้น ถูกจัดวางตำ� แหน่งแห่งทีไ่ วก้ บั ถุงยางอนามยั ตรงไหน อย่างไร อีกส่วนหน่ึงท่ีส�ำคัญและสัมพันธ์กับความหลากหลายของเพศวิถี คือ รปู แบบความสมั พนั ธท์ างเพศ ซงึ่ ปรากฏวา่ หลากหลายเชน่ กนั ไมว่ า่ จะเกดิ ขนึ้ ภายในหรือภายนอกสถาบันสมรส/ครอบครัว หรือการกล่าวถึงรูปแบบ ความสัมพันธ์ทางเพศในลักษณะท่ีเป็นคู่แต่งงาน (married sex) คู่ชั่วคราว 24 นวิ ัตร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ

(casual sex) คู่ค้างคืนเดียว (one night stand) หรือความสัมพันธ์ทางเพศ แบบบังคบั (forced sex) แบบฉันทค์ นรัก (intimate sex) แบบตา่ งตอบแทน หรือแลกเปลี่ยน แบบพึงพอใจ แบบ “ไม่เต็มใจและไม่ได้เต็มตัว” หรือแม้แต่ แบบ “น้�ำแตกแล้วแยกทาง” ที่ไม่มีการผูกมัดกัน (อันเป็นแบบท่ีเพื่อนเกย ์ รนุ่ นอ้ งของผเู้ ขยี นกลา่ ววา่ เปน็ รปู แบบการมเี พศสมั พนั ธป์ ระจำ� ตวั ของเขาและ เพ่ือนเกย์หลายคน) เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า มีรูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศ ท่ีแตกต่างหลากหลายในสังคมไทย ทับซ้อนอยู่ภายใต้การด�ำเนินวิถีชีวิต ทางเพศทแี่ ตกตา่ งหลากหลาย และนา่ เชอ่ื ไดว้ า่ รปู แบบความสมั พนั ธท์ างเพศ เหล่าน้ีล่ืนไหลไปมาได้ เช่นเดียวกับการด�ำเนินวิถีชีวิตทางเพศที่ปรากฏ ความล่ืนไหลไปมาใหเ้ หน็ อยูด่ ้วยเสมอ งานเขียนชนิ้ น้ีเป็นผลจากการด�ำเนนิ งานวจิ ัยเร่อื ง “ถุงยางอนามัยใน การด�ำเนินชีวิตทางเพศในสังคมไทย” ท่ีก�ำหนดขอบเขตการศึกษาอยู่ในช่วง การด�ำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์ในประเทศไทย โดยมีค�ำถามส�ำคัญ วา่ ถงุ ยางอนามยั อยตู่ รงไหนในรปู แบบความสมั พนั ธท์ างเพศทห่ี ลากหลาย ซ้อนทับอยู่บนวิถีทางเพศที่แตกต่างหลากหลายและล่ืนไหลเหล่าน ี้ กลมุ่ ประชากรตา่ งๆ ทที่ ำ� การศกึ ษาวจิ ยั ใหค้ วามหมายและกำ� หนดเงอ่ื นไข รูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศต่างๆ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และ ถุงยางอนามัยอยู่ตรงไหนในความสัมพันธ์ทางเพศในรูปแบบและลักษณะ ต่างๆ ของกลุ่มประชากรท่ที �ำการศึกษาวิจยั การศึกษาเรียนรู้บนชุดค�ำถามดังกล่าว เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ ระหวา่ งถงุ ยางอนามัยกับอัตลักษณ์ทางเพศและเพศวิถี รวมทงั้ ความสัมพันธ์ ทางเพศรูปแบบต่างๆ ที่น่าจะช่วยให้เห็นแนวทางการสร้างความหมายใหม่ ของถุงยางอนามัยในสังคมไทย รวมท้ังการวางความหมายใหม่ของถุงยาง อนามัยลงไปในการด�ำเนินชีวิตทางเพศที่หลากหลายของสังคมไทยได้ โครงการวิจยั ฯ ไดก้ �ำหนดวัตถุประสงค์งานวิจยั ไว้ 3 ข้อคอื ถงุ ยางอนามยั กับการดำ� เนินชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 25

1. เพื่อท�าความเข้าใจกระบวนการสร้างความหมาย การรับรู้ และ ความเข้าใจเร่ืองถุงยางอนามัย ในกลุ่มคนท่ีเป็นเป้าหมายของ การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ภายใต้การส่งเสริมการมี เพศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั เพอื่ ดา� เนนิ งานปอ้ งกนั การรบั และถา่ ยทอด เชอ้ื เอชไอวี 2. เพอ่ื ทา� ความเขา้ ใจการใหค้ วามหมายและมมุ มองตอ่ “การใช”้ และ “ไมใ่ ช”้ ถงุ ยางอนามยั ของกลมุ่ คนทเี่ ปน็ เปา้ หมายของการสง่ เสรมิ การใช้ถุงยางอนามยั 3. เพื่อท�าความเข้าใจว่า คนกลุ่มต่างๆ ได้ก�าหนดความหมายของ “ถงุ ยางอนามยั ” ไว้อยา่ งไร ภายใต้รปู แบบความสมั พันธท์ างเพศ แบบต่างๆ ในการดา� เนินวถิ ชี วี ิตทางเพศของตน ท้ังน้ี เป้าหมายหลักของโครงการคือ เพื่อหาแนวทางส่งเสริมการใช้ ถุงยางอนามัยให้เป็นส่วนหนึ่งในวถิ ชี ีวิตทางเพศของคนในสงั คมไทย การศึกษาวิจัยคร้ังน้ีด�าเนินการในรูปของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ใน ลกั ษณะดา� เนนิ การวจิ ยั ไปเรยี นรไู้ ปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยใชก้ ระบวนการสมั ภาษณ ์ พดู คุย ทง้ั ในแบบเด่ยี วและแบบกลุ่ม การจดั กจิ กรรมกลมุ่ สมั พันธ์ การปรกึ ษา หารอื กบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน แกนนา� ของกลมุ่ ชมุ ชน และเจา้ หนา้ ทขี่ ององคก์ รพฒั นา เอกชนในฐานะทีมวิจัยภาคสนาม และมีการประชุมปรึกษาหารือกับทีมวิจัย สว่ นกลางเปน็ ระยะตลอดชว่ งการดา� เนนิ งานวจิ ยั จากนนั้ จงึ ไดน้ า� มาเรยี บเรยี ง เขียนออกมาเปน็ เอกสารชิน้ น้ ี 26 นวิ ตั ร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ

ถงุ ยางอนามัยกบั เพศวถิ ี 2ในยุคสมัยแหง่ เอดส์ แม้ว่าสังคมไทยจะเข้าสู่ยุคสมัยแห่งเอดส์ ต้ังแต่กว่า 30 ปีก่อน แต่จนถึงปัจจุบัน มคี นจา� นวนมากยงั คงเสยี ชวี ติ ดว้ ยอาการสมั พนั ธ์ กับเอดส์ และมีผู้ได้รับเชื้อเอชไอวีรายใหม่ เพมิ่ จา� นวนขน้ึ อยา่ งมากตอ่ เนอ่ื งทกุ ป ี ทว่ั โลก ยงั คงเผชญิ ปญั หาความสญู เสยี อยา่ งมากจาก เอชไอว/ี เอดส ์ ในป ี 2544 องคก์ ารสหประชาชาติ ได้จัดประชุมวาระพิเศษเรื่องเอชไอวี/เอดส์ นัยว่าเพื่อยกระดับปัญหาเอดส์ให้เป็นวาระ ระดับโลก ท�าให้เกิดการระดมทรัพยากร ความรว่ มมอื และการดา� เนนิ การปอ้ งกนั แกไ้ ข ปญั หาเอดสจ์ ากประเทศตา่ งๆ รว่ ม 200 ประเทศ ที่ลงนามรับรองในปฏิญญาข้อตกลงว่าด้วย เร่ืองเอชไอว/ี เอดส ์ 2 ฉบบั คือ ถุงยางอนามัยกับการดา� เนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 27

ปฏญิ ญาวา่ ดว้ ยพนั ธกรณเี รอื่ งโรคเอดสใ์ นปี 2544 (ค.ศ. 2001) ปฏญิ ญา การเมอื งว่าดว้ ยพนั ธกรณีเรอ่ื งโรคเอดสใ์ นปี 2549 (ค.ศ. 2006) และล่าสุดใน การประชุมผูน้ �ำระดบั สงู ที่ส�ำนักงานสหประชาชาตใิ นเดือนมถิ นุ ายน ปี 2554 กไ็ ดม้ ีการลงนามในปฏญิ ญาการเมืองวา่ ด้วยพนั ธกรณเี ร่อื งโรคเอดส์ปี 2554 อกี ครงั้ เพอ่ื เรยี กรอ้ งความรว่ มมอื ทางการเมอื งในการปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาเอดส์ กว่า 30 ปีท่ีเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี การปว่ ยและเสยี ชวี ติ จากอาการสมั พนั ธก์ บั เอดส์ ผเู้ ขยี นสนใจวา่ การดำ� เนนิ งาน เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการเรียนรู้พูดคุยเรื่องเพศ และถงุ ยางอนามยั ไปอยา่ งไรบา้ ง และเพอื่ ตอบคำ� ถามวา่ ทำ� ไมถงุ ยางอนามยั จงึ มคี วามหมายและถกู ผลติ ซำ�้ เพยี งเปน็ เครอื่ งมอื ทางการแพทยเ์ พอ่ื ปอ้ งกนั โรคร้ายและการตั้งครรภ์ อันเน่ืองมาจากเพศภาวะ/เพศวิถีที่ผิดศีลธรรม และอนั ตราย ผเู้ ขยี นจะพายอ้ นไปดวู า่ ในยคุ สมยั แหง่ เอดส์ เพศวถิ ถี กู กำ� หนด ให้อยู่ภายใตก้ รอบการจดั การเร่ืองเพศอยา่ งไร เพือ่ ดูว่าขณะทีบ่ างมติ ขิ อง เรอื่ งเพศถกู ผลติ ซำ�้ แตใ่ นอกี บางมติ ขิ องเรอื่ งเพศกลบั ถกู ควบคมุ และทำ� ให้ หายไปและเร่ืองนี้สัมพันธ์กับความหมายและสถานะของถุงยางอนามัยใน มิติท่ีถกู ผลิตซ�้ำข้ึนมาอยา่ งไร ในบทนี้มีเนื้อหา 4 ประเด็นหลักๆ ดงั นีค้ ือ 1. จุดจบแหง่ ความสุขความพึงพอใจเร่ืองเพศในยุคสมัยเอดส์ 2. กรอบคดิ เร่อื งเพศถูกจำ� กดั ไว้อย่างไร 3. สามประสานกบั การปฏวิ ตั ิกระชับพน้ื ท่ีเรื่องเพศในยคุ สมัยเอดส์ 4. การนำ� เรอื่ งเพศ ความสขุ ความพงึ พอใจทางเพศ และถงุ ยางอนามยั กลบั คืนมาในยคุ สมยั เอดส์ ชว่ ง 10 ปที ผี่ า่ นมานี้ มกี ารกลา่ วถงึ แนวคดิ เรอื่ งความสขุ ความพงึ พอใจ ทางเพศ (sexual pleasure) มากข้ึนในการท�ำงานส่งเสริมเพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัย (safe sex) และในการท�ำงานด้านเอดส์ ผ่านการประชุมระดับ 28 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ

นานาชาตติ า่ งๆ ความสุขความพึงพอใจทางเพศ ถกู มองว่าเปน็ สว่ นทห่ี ายไป ในการท�ำงานส่งเสริมเพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัย ผู้เขียนจะชวนย้อนรอยไปดูว่า ท�ำไมจงึ เปน็ เชน่ นน้ั 2.1 จุดจบแห่งความสุขความพึงพอใจเรื่องเพศในยุคสมัย เอดส์ ในยคุ สมยั ของเอดส์ มมุ มองเรอื่ งเพศไดถ้ กู ทำ� ใหเ้ ปลยี่ นแปลงไป เรอ่ื ง เพศ (sex) ที่แต่เดิมถือว่าเป็นรางวัลที่ได้รับมาพร้อมกับการมีชีวิต ถูกท�ำให้ กลายเป็นผู้ท�ำลายล้างชีวิตอย่างไร้ความปราณี เอดส์ที่ถูกแทนค่าด้วย ความตายได้เปลี่ยนโฉมหน้าและความหมายของเรื่องเพศไป โดยเอดส์ กลายเป็นความหมายพ้ืนฐานใหม่ของค�ำว่าเซ็กส์ ที่หมายถึง บาปและ การลงทัณฑ์ ในบทความช่ือ “จุดจบแห่งความสุขความพึงพอใจเร่ืองเพศใน ยคุ สมยั แหง่ เอดส”์ โดย Abramson & Pinkerton (2002) กลา่ วถงึ เรอื่ งนไ้ี วว้ า่ โบสถ์คาทอลิก นักการเมือง และกลุ่มคริสเตียนอนุรักษ์นิยม มองเอดส์ว่าเป็นโอกาสของการหมุนเวลาย้อนกลับไปสู่ช่วง กอ่ นการปฏวิ ตั เิ รอ่ื งเพศ ในยคุ ทเ่ี รอื่ งเพศถกู ทำ� ใหก้ ลายเปน็ เรอื่ ง ส่วนตัวในแง่ท่ีเป็นความลับ เป็นเรื่องที่ต้องข่มใจ ปกปิดไว้ คนกลมุ่ นมี้ องและอธบิ ายวา่ เอดสค์ อื การลงทณั ฑข์ องพระผเู้ ปน็ เจา้ ต่อผกู้ ระทำ� ผิดบาปเร่ืองเพศ โดยเฉพาะกลุ่มคนรักเพศเดยี วกนั และกลมุ่ เสรนี ยิ มเรอื่ งเพศทเ่ี กดิ ขนึ้ ในยคุ ทศวรรษ 1960 และ 1970 นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับการส่งเสริม เรอ่ื งเพศสมั พนั ธท์ ปี่ ลอดภยั โดยเสนอใหเ้ นน้ สง่ เสรมิ การละเวน้ เพศสัมพันธ์และให้มีความสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียว (Abramson & Pinkerton, 2002: 148 − 156) ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 29


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook