Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (3) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(3) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2021-02-03 01:28:47

Description: (3) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบ การประชมุ ร่วมกันของรฐั สภา เรอ่ื งที่คณะกรรมาธกิ าร พจิ ารณาเสร็จแล้ว กลุ่มงานระเบยี บวาระ สานักการประชุม







ท่ี สผ ๐๐๑๘.๑๓/ (สำเนำ) รฐั สภา ถนนสามเสน เขตดสุ ิต กทม. ๑๐๓๐๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เรื่อง ร่างรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ ..) พทุ ธศักราช .... (แก้ไขเพมิ่ เติมมาตรา ๒๕๖ และเพม่ิ หมวด ๑๕/๑) กราบเรียน ประธานรฐั สภา สง่ิ ท่ีสง่ มาด้วย ร่างรฐั ธรรมนูญดังกลา่ วข้างต้น พร้อมด้วยรายงานของคณะกรรมาธิการ จานวน ๑ ชุด ตามท่ีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ลงมติรับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๕๖ และเพิ่มหมวด ๑๕/๑) (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่ิ มเติม (ฉบับที่ ..) พทุ ธศกั ราช .... (แก้ไขเพม่ิ เติมมาตรา ๒๕๖ และเพมิ่ หมวด ๑๕/๑) (นายวริ ัช รตั นเศรษฐ กบั คณะ เปน็ ผ้เู สนอ) และต้งั กรรมาธิการขึ้นคณะหน่ึงเพ่อื พิจารณา ซึ่งกรรมาธิการคณะน้ีประกอบด้วย ๑. นางกรณิศ งามสุคนธร์ ตั นา ๒. นายกล้านรงค์ จนั ทกิ ๓. ศาสตราจารย์พิเศษกาญจนารตั น์ ลวี ิโรจน์ ๔. นายโกศล ปทั มะ ๕. นายคานณู สิทธิสมาน ๖. นายจเดจ็ อนิ สวา่ ง ๗. นายจริ วฒั น์ อรณั ยกานนท์ ๘. นางสาวจริ าพร สินธุไพร ๙. นายเจตน์ ศิรธรานนท์ ๑๐. นายชลนา่ น ศรแี ก้ว ๑๑. นายชินวรณ์ บุณยเกยี รติ ๑๒. นายฐติ นิ ันท์ แสงนาค ๑๓. นายดเิ รกฤทธิ์ เจนครองธรรม ๑๔. นายถวลิ เปลีย่ นศรี ๑๕. พนั ตารวจเอก ทวี สอดสอ่ ง ๑๖. นายธีรจั ชัย พนั ธมุ าศ ๑๗. นายนิกร จานง ๑๘. นายบัญญตั ิ บรรทดั ฐาน ๑๙. นายบญุ สงิ ห์ วรนิ ทร์รกั ษ์ ๒๐. นางสาวปิยฉฏั ฐ์ วันเฉลมิ ๒๑. นางสาวเพชรดาว โตะ๊ มีนา ๒๒. นายไพบลู ย์ นิตติ ะวนั ๒๓. นายมนูญ สิวาภิรมยร์ ตั น์ ๒๔. นายมหรรณพ เดชวทิ กั ษ์ ๒๕. พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ๒๖. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ๒๗. รองศาสตราจารย์รงค์ บุญสวยขวญั ๒๘. นายรงั สกิ ร ทมิ าตฤกะ ๒๙. นายรังสมิ นั ต์ โรม ๓๐. พลเอก เลิศรัตน์ รตั นวานิช ๓๑. นายวชั รา ณ วังขนาย ๓๒. นายวเิ ชียร ชวลติ ๓๓. นายวิรชั รตั นเศรษฐ ๓๔. นายวรี ะกร คาประกอบ ๓๕. นายวรี ะศกั ดิ์ โควสุรัตน์ ๓๖. นายศภุ ชยั ใจสมุทร ๓๗. นายสงคราม กจิ เลิศไพโรจน์ ๓๘. นายสงวน พงษม์ ณี ๓๙. นายสมคิด เช้ือคง ๔๐. นายสมชาย แสวงการ ๔๑. นายสิระ เจนจาคะ ๔๒. นายสทุ ัศน์ เงนิ หมื่น ๔๓. นางสวุ รรณี สิรเิ วชชะพันธ์ ๔๔. นายเสรี สวุ รรณภานนท์ ๔๕. นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ /บดั นี้ ...

-๒- บดั น้ี คณะกรรมาธิการได้ดาเนินการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวเสร็จแล้ว จึงกราบเรียนมา เพื่อไดโ้ ปรดนาเสนอต่อท่ีประชุมรัฐสภาพิจารณาตอ่ ไป ขอแสดงความนับถืออย่างยงิ่ (ลงช่ือ) วิรชั รตั นเศรษฐ (นายวิรัช รัตนเศรษฐ) ประธานคณะกรรมาธิการ พิจารณารา่ งรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี ..) พทุ ธศกั ราช .... (แกไ้ ขเพิ่มเติมมาตรา ๒๕๖ และเพิ่มหมวด ๑๕/๑) สานกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร สานักกรรมาธิการ ๒ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ ตอ่ ๖๓๑๐ สาเนาถกู ต้อง (นางสาวกัลยรชั ต์ ขาวสาอางค์) ผู้อานวยการสานกั กรรมาธิการ ๒ จนิ ดารักษ์ แสงกาญจนวนิช/รา่ ง ตรที พิ ยนิภา ธานี/พิมพ์ จนิ ดารักษ์ แสงกาญจนวนิช/ตรวจ ตรวจทาน ครั้งท่ี ๑ อจั ฉรา สวนสมุทร, เผ่าพนั ธุ์ นวลส่ง ครง้ั ท่ี ๒ รฐั ภูมิ คาศร,ี เฉลมิ ศกั ด์ิ ใจชานิ คร้ังท่ี ๓ จินดารักษ์ แสงกาญจนวนิช, จินดาภรณ์ รา่ ร่ืน

รายงานคณะกรรมาธิการ ตามท่ีท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังท่ี ๑ (สมัยสามัญประจาปีคร้ังท่ีสอง) วันอังคาร ท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และวันพุธท่ี ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ได้พิจารณาและลงมติรับหลักการแห่ง ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๕๖ และเพม่ิ หมวด ๑๕/๑) (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับที่ ..) พุทธศกั ราช .... (แกไ้ ขเพิ่มเติมมาตรา ๒๕๖ และเพ่ิมหมวด ๑๕/๑) (นายวิรัช รัตนเศรษฐ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และต้ังกรรมาธิการข้ึนคณะหนึ่งเพ่ือพิจารณา กาหนดการแปรญัตติภายใน ๑๕ วัน โดยให้ถือเอาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา ๒๕๖ และเพิม่ หมวด ๑๕/๑) ของนายวิรัช รัตนเศรษฐ กับคณะ เปน็ หลักในการพิจารณา น้ัน บดั น้ี คณะกรรมาธกิ ารได้ดาเนินการแล้ว ปรากฏผลดงั นี้ ๑. คณะกรรมาธิการไดม้ ีมตเิ ลอื กตั้ง (๑) นายวริ ชั รตั นเศรษฐ เปน็ ประธานคณะกรรมาธิการ (๒) นายมหรรณพ เดชวิทกั ษ์ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง (๓) นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ อง (๔) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่สาม (๕) นายสมชาย แสวงการ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ส่ี (๖) นายศุภชัย ใจสมทุ ร เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทห่ี ้า (๗) นายธรี จั ชัย พันธมุ าศ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนทห่ี ก (๘) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทเ่ี จด็ (๙) นายวเิ ชียร ชวลิต เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทแ่ี ปด (๑๐) นายวัชรา ณ วงั ขนาย เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทเี่ ก้า (๑๑) นายกล้านรงค์ จันทิก เปน็ กรรมาธิการและที่ปรึกษา (๑๒) ศาสตราจารย์พิเศษกาญจนารตั น์ ลวี โิ รจน์ เป็นกรรมาธกิ ารและท่ีปรึกษา (๑๓) นายชลน่าน ศรแี ก้ว เป็นกรรมาธกิ ารและท่ีปรึกษา (๑๔) พนั ตารวจเอก ทวี สอดส่อง เป็นกรรมาธิการและทีป่ รึกษา (๑๕) นายสุทัศน์ เงินหมน่ื เป็นกรรมาธิการและทป่ี รึกษา (๑๖) นายเสรี สุวรรณภานนท์ เปน็ กรรมาธกิ ารและทีป่ รึกษา (๑๗) นายดเิ รกฤทธ์ิ เจนครองธรรม เปน็ โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๘) นายสมคดิ เช้ือคง เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๙) นายสริ ะ เจนจาคะ เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ (๒๐) นายนิกร จานง เปน็ เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร (๒๑) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา เป็นผู้ช่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ คนทห่ี น่งึ (๒๒) นางสาวเพชรดาว โตะ๊ มีนา เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธกิ าร คนทสี่ อง (๒๓) นางสาวจิราพร สินธุไพร เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ คนท่สี าม

(๒) (๒๔) นายจริ วัฒน์ อรณั ยกานนท์ เป็นผู้ชว่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ คนทส่ี ่ี (๒๕) นายโกศล ปัทมะ เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ คนทหี่ า้ (๒๖) นายฐติ นิ ันท์ แสงนาค เปน็ ผู้ช่วยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ คนท่หี ก ๒. คณะกรรมาธิการได้มีมติต้ัง นางสาวจินดารักษ์ แสงกาญจนวนิช ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน บริการเอกสารอ้างอิง สานักกรรมาธิการ ๒ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เป็น ผู้ชว่ ยเลขานกุ ารในคณะกรรมาธิการ ตามข้อบงั คับการประชมุ รฐั สภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ขอ้ ๗๐ ๓. ผ้ซู ง่ึ คณะรัฐมนตรีไดม้ อบหมายใหม้ าช้ีแจงแสดงความคดิ เห็น คือ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๑) นายธนาวฒั น์ สงั ข์ทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (๒) นายกติ ตศิ กั ดิ์ จลุ สารวล ผู้อานวยการกองหลักนิตบิ ญั ญตั ิ (๓) นายพชั โรดม ลิมปษิ เฐียร ผู้อานวยการฝา่ ยกฎหมาย เทคโนโลยีและพลงั งาน (๔) นายธวิ ากร ยอดชาญ ผู้อานวยการฝา่ ยนติ บิ ัญญตั ิ (๕) นายวิชญ์พล ฉวีวรรณ นกั กฎหมายกฤษฎกี าชานาญการพเิ ศษ (๖) นายธติ ิ สายเช้อื นกั กฎหมายกฤษฎีกาชานาญการพิเศษ ๔. ผู้ซึง่ คณะกรรมาธิการไดเ้ ชิญมาชีแ้ จงแสดงความคิดเห็น คอื (๑) นายจอน อ๊ึงภากรณ์ ผู้เสนอรา่ งรัฐธรรมนญู แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ท่ีประชาชนผมู้ สี ทิ ธิเลอื กตัง้ เข้าชอื่ เสนอ (๒) นางสาวบณุ ยนุช มทั ธจุ กั ร ผ้เู สนอร่างรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพม่ิ เตมิ ทป่ี ระชาชนผ้มู ีสทิ ธิเลือกตั้งเขา้ ชอ่ื เสนอ (๓) ศาสตราจารยอ์ ุดม รัฐอมฤต อดตี กรรมการร่างรัฐธรรมนญู ๕. การรบั ฟงั ความคิดเหน็ คณะกรรมาธิการได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพ่ือนามาประกอบการพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๕๖ และเพม่ิ หมวด ๑๕/๑) ผา่ นเว็บไซตข์ องรัฐสภา จานวน ๗๗๐ ความเห็น และชอ่ งทางอ่นื ๆ จานวน ๕ ความเหน็ ๖. ร่างรฐั ธรรมนญู ฉบบั น้ี มีผูเ้ สนอคาแปรญตั ติ จานวน ๑๐๙ คน คอื (๑) นายกมลศักด์ิ ลีวาเมาะ (๒) นายกัญจน์พงศ์ จงสทุ ธนามณี (๓) นายกติ ติศกั ด์ิ คณาสวัสด์ิ (๔) นายเกรียงศกั ด์ิ ฝ้ายสงี าม (๕) นายเกษมสนั ต์ มีทิพย์

(๓) (๖) ศาสตราจารยโ์ กวิทย์ พวงงาม (๗) นายขจติ ร ชัยนิคม (๘) นายขวัญเลศิ พานิชมาท (๙) นายเขตรฐั เหล่าธรรมทัศน์ (๑๐) นายครูมานิตย์ สงั ข์พุ่ม (๑๑) นายคารม พลพรกลาง (๑๒) นายคาพอง เทพาคา (๑๓) นายคุณากร ปรีชาชนะชยั (๑๔) นายจรัส คุ้มไข่น้า (๑๕) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ (๑๖) นายจริ ายุ หว่ งทรพั ย์ (๑๗) นางจุฑาพตั ธน์ เมนะสวัสด์ิ (๑๘) นายจลุ พันธ์ อมรวิวฒั น์ (๑๙) นายเฉลมิ ชัย เฟ่ืองคอน (๒๐) นางสาวชนก จันทาทอง (๒๑) นายชวลติ วิชยสุทธ์ิ (๒๒) พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ (๒๓) นายชูวทิ ย์ พิทกั ษ์พรพัลลภ (๒๔) นายไชยา พรหมา (๒๕) นายซกู ารโ์ น มะทา (๒๖) นางสาวญาณธชิ า บัวเผือ่ น (๒๗) นางสาวณธีภัสร์ กลุ เศรษฐสทิ ธิ์ (๒๘) นายณฐั ชา บุญไชยอนิ สวสั ด์ิ (๒๙) นายณฐั พงษ์ เรอื งปญั ญาวฒุ ิ (๓๐) นายณฐั วุฒิ บัวประทุม (๓๑) พลเอก ดนัย มีชูเวท (๓๒) นายทวศี กั ด์ิ ทักษิณ (๓๓) นายทศพร ทองศริ ิ (๓๔) นายทองแดง เบญ็ จะปัก (๓๕) นางสาวทัศนีย์ บรู ณุปกรณ์ (๓๖) นายเท่าพภิ พ ลม้ิ จิตรกร (๓๗) นางเทียบจุฑา ขาวขา (๓๘) นายธญั วัจน์ กมลวงศ์วฒั น์ (๓๙) นายธานี อ่อนละเอยี ด (๔๐) นางสาวธรี รัตน์ สาเรจ็ วาณชิ ย์ (๔๑) นายนคิ ม บุญวิเศษ

(๔) (๔๒) นายนติ ิพล ผิวเหมาะ (๔๓) นายนยิ ม เวชกามา (๔๔) นายนริ มติ สุจารี (๔๕) นายบุญแกว้ สมวงศ์ (๔๖) นายบญุ ฐิณ ประทุมลี (๔๗) นางบญุ รื่น ศรีธเรศ (๔๘) นางสาวเบญจา แสงจันทร์ (๔๙) นายปกรณว์ ฒุ ิ อดุ มพิพัฒน์สกุล (๕๐) นายปดพิ ัทธ์ สันตภิ าดา (๕๑) นายประเดิมชยั บุญช่วยเหลือ (๕๒) นายประสิทธ์ิ ปทมุ ารักษ์ (๕๓) นายประเสรฐิ จันทรรวงทอง (๕๔) นายประเสรฐิ บญุ เรอื ง (๕๕) นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวตั ร์ (๕๖) นายปริญญา ชว่ ยเกตุ ครี ีรัตน์ (๕๗) นายพรเทพ วสิ ุทธิว์ ฒั นศักด์ิ (๕๘) นายพัฒนา สพั โส (๕๙) นายพจิ ารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ (๖๐) นายพิเชษฐ์ เชอื้ เมืองพาน (๖๑) นายพิธา ล้ิมเจริญรตั น์ (๖๒) นายพีรเดช คาสมทุ ร (๖๓) นายไพจิต ศรวี รขาน (๖๔) นายมณเฑยี ร บญุ ตัน (๖๕) นายมานพ ครี ภี ูวดล (๖๖) นางมุกดา พงษ์สมบตั ิ (๖๗) นางสาวละออง ติยะไพรัช (๖๘) นายเลิศศกั ด์ิ พฒั นชยั กุล (๖๙) นายวรภพ วิรยิ ะโรจน์ (๗๐) นางสาววรรณวรี ตะลอ่ มสนิ (๗๑) นางสาววรรณวภิ า ไม้สน (๗๒) นายวาโย อศั วรุ่งเรอื ง (๗๓) นายวิโรจน์ ลกั ขณาอดิศร (๗๔) นายววิ รรธน์ แสงสุรยิ ะฉตั ร (๗๕) นายวิวฒั น์ชยั โหตระไวศยะ (๗๖) นายวสิ าร เตชะธรี าวัฒน์ (๗๗) นายวฒุ ินันท์ บญุ ชู

(๕) (๗๘) นายศรณั ย์ ทมิ สวุ รรณ (๗๙) นายศราวุธ เพชรพนมพร (๘๐) นายศักดินยั นมุ่ หนู (๘๑) นางสาวศิรกิ ญั ญา ตันสกลุ (๘๒) นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล (๘๓) นายสมเกยี รติ ถนอมสินธ์ุ (๘๔) นายสมชาย ฝั่งชลจิตร (๘๕) นายสมศักดิ์ คณุ เงิน (๘๖) นายสยาม หัตถสงเคราะห์ (๘๗) นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร (๘๘) นายสัญชัย จลุ มนต์ (๘๙) นายสิงหภณ ดีนาง (๙๐) พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร (๙๑) นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยธุ ยา (๙๒) นายสุทิน คลงั แสง (๙๓) นายสเุ ทพ อู่อ้น (๙๔) พลตารวจตรี สพุ ศิ าล ภักดนี ฤนาถ (๙๕) นางสภุ าภรณ์ คงวุฒปิ ญั ญา (๙๖) นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ (๙๗) รองศาสตราจารยส์ รุ วาท ทองบุ (๙๘) นายสรุ วิทย์ คนสมบูรณ์ (๙๙) นายองค์การ ชัยบุตร (๑๐๐) นายองอาจ วงษป์ ระยรู (๑๐๑) นายอนรุ ักษ์ ตงั้ ปณิธานนท์ (๑๐๒) นางอนรุ กั ษ์ บญุ ศล (๑๐๓) นายอภิชาติ ตรี สวัสดชิ ยั (๑๐๔) นายอภิชาติ ศริ ิสุนทร (๑๐๕) นางอมรตั น์ โชคปมติ ตก์ ุล (๑๐๖) นายอบั ดุลอายี สาแม็ง (๑๐๗) นางอาภรณ์ สาราคา (๑๐๘) นายอุบลศักดิ์ บวั หลวงงาม (๑๐๙) นายเอกภพ เพียรพิเศษ อน่ึง นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ขอถอนคาแปรญัตติท่ี ๗๔/๒๕๖๓ ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๓๙

(๖) ๗. ผลการพจิ ารณา ไม่มกี ารแก้ไข ช่ือร่างรัฐธรรมนญู ไมม่ ีการแก้ไข คาปรารภ ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๑ ไม่มกี ารแกไ้ ข มาตรา ๒ มาตรา ๓ แกไ้ ขมาตรา ๒๕๖ มีการแก้ไข มผี ู้แปรญตั ติขอสงวนคาแปรญัตติ นายเขตรฐั เหล่าธรรมทศั น์ ขอแปรญตั ติแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๓ เป็นดังน้ี “มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๕๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน มาตรา ๒๕๖ มกี ารแกไ้ ข มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น และผู้แปรญัตตขิ อสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยใหแ้ กไ้ ขเพิม่ เติมความในมาตรา ๒๕๖ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการ ดงั ต่อไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้งั สองสภา หรอื จากประชาชนผมู้ ีสิทธเิ ลือกตง้ั จานวนไมน่ ้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายวา่ ด้วยการเข้าช่ือ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพิจารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหน่ึงขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามในห้ากึ่งหนึ่ง ของจานวนสมาชิกทง้ั หมดเทา่ ที่มีอยขู่ องท้งั สองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองข้ันพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระ ท่ีสองน้ีให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชน เป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสจัดให้ผู้แทนของมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ท่เี ข้าชื่อกนั ได้แสดงความคดิ เหน็ เสนอร่างรัฐธรรมนญู แกไ้ ขเพม่ิ เติมดว้ ย

(๗) (๕) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีนั้นแล้ว ใหร้ ฐั สภาพิจารณาในวาระที่สามตอ่ ไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในหา้ กงึ่ หน่งึ ของจานวนสมาชกิ ทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖)ได้เป็นไปตามท่ีกล่าวแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงให้นารา่ งรฐั ธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทลู เกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในบทบัญญัติมาตรา ๘๑ วรรคสอง มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเก่ียวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒสิ ภา หรือสมาชกิ ท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไมน่ ้อยกว่าหนึง่ ในสบิ ห้า ของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกัน เสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขดั ต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมลี กั ษณะตาม (๘) และให้ประธานแหง่ สภาที่ได้รับเร่ืองดังกล่าวสง่ ความเห็น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนญู นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรฐั ธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว ข้ึนทลู เกล้าทูลกระหม่อมถวายเพอื่ พระมหากษัตรยิ ์ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมิได้” นายธีรัจชัย พันธุมาศ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธกี าร ดังต่อไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมด เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจานวนไม่น้อยกว่าห้าหม่ืนคนตามกฎหมาย วา่ ดว้ ยการเข้าชอื่ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพิจารณาเป็นสามวาระ

(๘) (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหน่ึง ของจานวนสมาชกิ ทัง้ หมดเท่าท่มี ีอยู่ของท้งั สองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยต้องจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึง โดยเปิดให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และเป็นธรรม การออกเสียงในวาระที่สองน้ีให้ถือเสียงข้างมากเปน็ ประมาณ แต่ในกรณีทีเ่ ป็นรา่ งรฐั ธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนท่ีเข้าช่ือกันได้แสดง ความคดิ เห็นด้วย (๕) เม่ือการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดนี้แล้ว ให้รฐั สภาพิจารณาในวาระที่สามตอ่ ไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในห้ากึ่งหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา โดยในจานวนนี้ต้องมีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองท่ีสมาชิกมิได้ดารงตาแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรอื รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบดว้ ยไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละย่สี บิ ของทุกพรรคการเมืองดงั กลา่ วรวมกัน (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เก่ียวกับคุณสมบัติหรือ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร หรือสมาชกิ วุฒสิ ภา หรอื สมาชิกทัง้ สองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่าหนงึ่ ในสิบห้า ของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าช่ือกั น เสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขดั ต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลกั ษณะตาม (๘) และใหป้ ระธานแห่งสภาทไ่ี ด้รบั เร่ืองดังกล่าวส่งความเห็น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว ข้ึนทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเพอ่ื พระมหากษตั รยิ ์ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมิได้”

(๙) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายสุทัศน์ เงินหม่ืน นายคานูณ สิทธิสมาน และนายบัญญัติ บรรทดั ฐาน (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้คงความในมาตรา ๒๕๖ (๓) และ (๖) ไวต้ ามรา่ งเดมิ ดังน้ี “(๓) การออกเสยี งลงคะแนนในวาระท่ีหนึ่งขน้ั รบั หลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามในห้าของจานวน สมาชกิ ทง้ั หมดเท่าท่ีมอี ย่ขู องทงั้ สองสภา” “(๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่าสามในห้า ของจานวนสมาชกิ ท้งั หมดเท่าทีม่ อี ยูข่ องทงั้ สองสภา” นายชลน่าน ศรีแก้ว (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๒๕๖ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี าร ดงั ต่อไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ของทง้ั สองสภา หรอื จากประชาชนผู้มีสทิ ธิเลือกตงั้ จานวนไม่น้อยกว่าห้าหม่ืนคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพจิ ารณาเป็นสามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามในห้ากึ่งหน่ึง ของจานวนสมาชิกทัง้ หมดเทา่ ท่มี ีอย่ขู องทั้งสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระทส่ี องขั้นพิจารณาเรยี งลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระท่ีสองนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปิดโอกาสใหผ้ ู้แทนของประชาชนทเ่ี ข้าชื่อกันได้แสดงความคดิ เหน็ ดว้ ย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดนี้แล้ว ให้รัฐสภาพจิ ารณาในวาระทสี่ ามตอ่ ไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในหา้ กึ่งหน่งึ ของจานวนสมาชกิ ท้งั หมดเท่าท่ีมีอยูข่ องทั้งสองสภา (๗) เม่ือมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แกไ้ ขเพิม่ เติมขึน้ ทูลเกล้าทลู กระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม

(๑๐) (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เก่ียวกับหน้าท่ีหรืออา นาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ต่อไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบ ของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าช่ือกันเสนอ ความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘)กระบวนการตราข้ึนไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเร่ืองดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเร่ือง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธยมไิ ด”้ พันตารวจเอก ทวี สอดส่อง (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี าร ดังต่อไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งใน ห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมด เท่าท่มี อี ยู่ของทง้ั สองสภา หรือจากประชาชนผมู้ ีสิทธิเลือกตงั้ จานวนไม่น้อยกว่าห้าหม่ืนคนตามกฎหมายว่าด้วย การเข้าช่อื เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพจิ ารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้ากึ่งหน่ึง ของจานวนสมาชกิ ท้ังหมดเทา่ ทมี่ ีอยูข่ องทง้ั สองสภา (๔) การพจิ ารณาในวาระท่สี องขน้ั พิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระท่ีสองน้ี ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีท่ีเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมท่ีประชาชนเป็นผู้เสนอ ตอ้ งเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนท่เี ข้าชอ่ื กันได้แสดงความคิดเห็นดว้ ย (๕) เม่ือการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เม่ือพ้นกาหนดน้ีแล้ว ให้รัฐสภาพจิ ารณาในวาระท่สี ามต่อไป

(๑๑) (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่าสามในห้า ของจานวนสมาชกิ ท้ังหมดเท่าทีม่ อี ย่ขู องทงั้ สองสภา (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แกไ้ ขเพิ่มเติมขึน้ ทูลเกล้าทลู กระหมอ่ มถวาย และใหน้ าความในมาตรา ๘๑ มาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม (๘) ในกรณรี า่ งรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพิ่มเตมิ เปน็ การแก้ไขเพิม่ เติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะ ต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เก่ียวกับหน้าที่หรืออานาจของศาล หรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าท่ีห รืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกบั ร่างรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพ่ิมเติม จึงใหด้ าเนนิ การตาม (๗) ต่อไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่า หน่ึงในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิ เข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้ รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี จะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้” นายสมคิด เช้ือคง (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖ (๓) เปน็ ดงั น้ี “(๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระทีห่ นึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธเี รียกชอื่ และลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้ากึ่งหนึ่ง ของจานวนสมาชิกทง้ั หมดเท่าทม่ี ีอยูข่ องทั้งสองสภา” นายรังสิมันต์ โรม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ของทั้งสองสภา หรอื จากประชาชนผู้มีสทิ ธิเลือกต้งั จานวนไมน่ ้อยกวา่ ห้าหม่ืนคนตามกฎหมายวา่ ด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย

(๑๒) (๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพจิ ารณาเป็นสามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหน่ึง ของจานวนสมาชิกทงั้ หมดเทา่ ท่มี ีอยขู่ องท้งั สองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองข้ันพิจารณาเรียงลาดับมาตรา ต้องจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึง โดยเปิดให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และเป็นธรรม โดยการออกเสียงในวาระที่สองน้ีให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็น ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมท่ีประชาชนเป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนท่ีเข้าชื่อกัน ได้แสดงความคิดเห็นด้วย (๕) เม่ือการพิจารณาวาระที่สองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดนี้แล้ว ให้รฐั สภาพิจารณาในวาระทส่ี ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในห้าก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา โดยในจานวนนี้ต้องมีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดารงตาแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรอื รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เหน็ ชอบดว้ ยไม่นอ้ ยกว่าร้อยละยี่สบิ ของทกุ พรรคการเมืองดังกล่าวรวมกนั (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แกไ้ ขเพม่ิ เติมขน้ึ ทูลเกล้าทลู กระหม่อมถวาย และใหน้ าความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับคุณสมบัติหรือ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเกี่ยวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร หรอื สมาชกิ วฒุ ิสภา หรอื สมาชิกทั้งสองสภารวมกนั มจี านวนไมน่ อ้ ยกว่าหนง่ึ ในสบิ ห้า ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอ ความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเร่ืองดังกล่าวส่งความเห็นไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเร่ือง ในระหว่าง การพิจารณาวินจิ ฉัยของศาลรัฐธรรมนญู นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวข้ึนทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายเพือ่ พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมิได้”

(๑๓) นายสงวน พงษ์มณี (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๒๕๖ (๘) เปน็ ดังน้ี “(๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บททั่วไป หรือหมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เกี่ยวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับหน้าที่หรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสยี งประชามติเห็นชอบดว้ ยกับรา่ งรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพิ่มเติม จงึ ใหด้ าเนนิ การตาม (๗) ตอ่ ไป” นางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการ ดังต่อไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ของท้ังสองสภา หรอื จากประชาชนผ้มู ีสิทธเิ ลือกตั้งจานวนไม่น้อยกวา่ ห้าหม่ืนคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพจิ ารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหน่ึงขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหน่ึง ของจานวนสมาชิกทง้ั หมดเท่าที่มีอยู่ของทัง้ สองสภา (๔) การพจิ ารณาในวาระที่สองขนั้ พิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสยี งในวาระทส่ี องนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีท่ีเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ตอ้ งเปิดโอกาสให้ผแู้ ทนของประชาชนที่เขา้ ช่ือกันไดแ้ สดงความคิดเหน็ ดว้ ย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เม่ือพ้นกาหนดน้ีแล้ว ให้รฐั สภาพิจารณาในวาระทีส่ ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในหา้ กง่ึ หน่ึงของจานวนสมาชกิ ท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา (๗) เม่ือมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แกไ้ ขเพ่ิมเติมขน้ึ ทลู เกลา้ ทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ เป็นการแกไ้ ขเพมิ่ เติมหมวด ๑ บททวั่ ไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะ ต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเกี่ยวกับหน้าท่ีหรืออานาจของศาลหรือ

(๑๔) องคก์ รอสิ ระ หรือเรื่องท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไมอ่ าจปฏิบตั ิตามหน้าท่หี รืออานาจได้ ก่อนดาเนินการ ตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียง ประชามตเิ ห็นชอบดว้ ยกบั รา่ งรฐั ธรรมนูญแก้ไขเพ่มิ เตมิ จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอ ความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) หรือกระบวนการตราขึ้นไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่ือพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้” นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ของทงั้ สองสภา หรอื จากประชาชนผมู้ ีสทิ ธิเลือกตง้ั จานวนไม่น้อยกวา่ หา้ หมื่นคนตามกฎหมายวา่ ด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพิจารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหนึ่ง ของจานวนสมาชกิ ทัง้ หมดเท่าท่มี ีอยู่ของท้ังสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระ ที่สองน้ีให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมท่ีประชาช น เป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสจัดให้ผู้แทนของมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทเี่ ข้าชือ่ กันได้แสดงความคิดเห็นเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมด้วย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เม่ือพ้นกาหนดน้ีน้ันแล้ว ใหร้ ัฐสภาพิจารณาในวาระทส่ี ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในหา้ กึ่งหนง่ึ ของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าทีม่ ีอยู่ของท้ังสองสภา

(๑๕) (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖)ได้เป็นไปตามท่ีกล่าวแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึง นาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในบทบัญญัติมาตรา ๘๑ วรรคสอง มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เก่ียวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเหน็ ชอบดว้ ยกับรา่ งรฐั ธรรมนญู แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ จึงใหด้ าเนนิ การตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชกิ วฒุ สิ ภา หรือสมาชกิ ทงั้ สองสภารวมกัน มีจานวนไม่นอ้ ยกวา่ หนง่ึ ในสบิ ห้า ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าช่ือกันเสนอ ความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเร่ือง ในระหว่าง การพจิ ารณาวินิจฉยั ของศาลรัฐธรรมนญู นายกรัฐมนตรจี ะนาร่างรฐั ธรรมนญู แก้ไขเพมิ่ เติมดังกลา่ วขึน้ ทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายเพอ่ื พระมหากษตั ริย์ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมิได้” นายเฉลมิ ชยั เฟื่องคอน ขอแปรญตั ติแก้ไขเพิม่ เติมความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการ ดังต่อไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของ ทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังจานวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพจิ ารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามสองในห้าสามของ จานวนสมาชิกทั้งหมดเทา่ ท่ีมอี ยูข่ องท้ังสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระทีส่ องน้ี ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปดิ โอกาสใหผ้ แู้ ทนของประชาชนทเ่ี ขา้ ช่ือกนั ได้แสดงความคดิ เหน็ ดว้ ย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดนี้แล้ว ใหร้ ฐั สภาพิจารณาในวาระท่ีสามตอ่ ไป

(๑๖) (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า สามสองในห้าสามของจานวนสมาชกิ ทัง้ หมดเท่าท่ีมีอยขู่ องทั้งสองสภา (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ข้ึนทลู เกล้าทูลกระหมอ่ มถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม (๘) ในกรณีรา่ งรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิม่ เติมเป็นการแกไ้ ขเพมิ่ เติมหมวด ๑ บททว่ั ไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเกี่ยวกับหน้าที่หรืออานาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรอื เรื่องทีท่ าให้ศาลหรือองค์กรอสิ ระไมอ่ าจปฏิบัตติ ามหนา้ ที่หรอื อานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มี การออกเสียงประชามตติ ามกฎหมายวา่ ด้วยการออกเสยี งประชามติ ถา้ ผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย กบั ร่างรัฐธรรมนูญแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ จงึ ใหด้ าเนนิ การตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบ ของสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกัน เสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรจี ะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าว ขึน้ ทลู เกลา้ ทลู กระหม่อมถวายเพอื่ พระมหากษตั รยิ ์ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้” คณะกรรมาธกิ ารได้ชีแ้ จงแลว้ ผ้แู ปรญตั ติพอใจ นายจิรายุ ห่วงทรพั ย์ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๒๕๖ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ของท้ังสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังจานวนไม่น้อยกว่าห้าสามหม่ืนคนตามกฎหมายว่าด้วย การเขา้ ช่อื เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพจิ ารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้ากึ่งหนึ่ง ของจานวนสมาชิกทงั้ หมดเท่าที่มอี ยูข่ องทั้งสองสภา

(๑๗) (๔) การพจิ ารณาในวาระท่ีสองข้นั พิจารณาเรยี งลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระทสี่ องนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่ไม่ได้เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนท่ีเคยเข้าชื่อกันยื่นแก้ไขเพิ่มเติมได้แสดงความคิดเห็นด้วยไม่น้อยกว่า สิบคน โดยให้มีความหลากหลายท้ังวยั วุฒิ คุณวฒุ ิ และเพศ (๕) เมื่อการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าเจ็ดวัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้ว ใหร้ ัฐสภาพจิ ารณาในวาระทีส่ ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในห้ากงึ่ หนึง่ ของจานวนสมาชิกท้งั หมดเท่าทีม่ ีอยู่ของท้ังสองสภา (๗) เมื่อมกี ารลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าเจ็ดวนั แล้วจึงนารา่ งรัฐธรรมนูญ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ข้ึนทลู เกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับหน้าที่หรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่า หน่ึงในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิ เข้าช่ือกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาที่ได้ รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นาย กรัฐมนตรี จะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่ือพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมไิ ด้” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ด้วย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน นายศราวุธ เพชรพนมพร ขอแปรญัตตแิ ก้ไขเพิม่ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี าร ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้ังสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังจานวนไม่น้อยกว่าห้าสามหมื่นห้าพันคนตามกฎหมาย วา่ ด้วยการเข้าช่ือเสนอกฎหมาย

(๑๘) (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพิจารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หน่ึงข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามในห้ากึ่งหนึ่ง ของจานวนสมาชิกท้ังหมดเทา่ ท่มี ีอยขู่ องทั้งสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระทสี่ องขน้ั พิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสยี งในวาระท่ีสองนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีท่ีไม่ได้เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมท่ีประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนท่ีเคยเข้าช่ือกันย่ืนแก้ไขได้แสดงความคิดเห็นด้วยไม่น้อยกว่าสิบคน โดยให้มีความหลากหลายทง้ั วยั วุฒิ คุณวุฒิ และเพศสภาพ (๕) เม่ือการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าเจ็ดวัน เมื่อพ้นกาหนดนี้แล้ว ให้รฐั สภาพิจารณาในวาระทส่ี ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในห้ากึ่งหน่ึงของจานวนสมาชิกทง้ั หมดเท่าทม่ี ีอยู่ของท้ังสองสภา (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าเจ็ดวัน แล้วจึงนา ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับ คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเก่ียวกับหน้าที่ หรืออานาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่ หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วย การออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม จึงให้ดาเนนิ การตาม (๗) ต่อไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่า หน่ึงในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิ เข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้ รับเร่ืองดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี จะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้” คณะกรรมาธิการไม่เห็นดว้ ย ผูแ้ ปรญตั ติขอสงวน

(๑๙) นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธ์ิ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ วงษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสด์ิ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายกิตติศักด์ิ คณาสวัสด์ิ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นายกมลศักด์ิ ลีวาเมาะ นางอนุรักษ์ บุญศล นายอุบลศักด์ิ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เช้ือเมืองพาน นายอนุรักษ์ ต้ังปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนิคม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารี นายพรเทพ วิสุทธ์ิวัฒนศักด์ิ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรสั นนั ท์ อรรณนพพร ขอแปรญตั ตแิ กไ้ ขเพิม่ เติมความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจานวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วย การเข้าชือ่ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รัฐสภาพิจารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หน่ึงข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมน้ัน ไม่น้อยมากกว่าสามในห้าก่ึงหนึ่ง ของจานวนสมาชิกท้งั หมดเท่าทม่ี ีอย่ขู องทั้งสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่สี องขัน้ พิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสยี งในวาระที่สองนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีท่ีเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมท่ีประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปดิ โอกาสใหผ้ แู้ ทนของประชาชนท่เี ขา้ ชอ่ื กันไดแ้ สดงความคิดเห็นดว้ ย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้ว ใหร้ ัฐสภาพจิ ารณาในวาระท่สี ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในหา้ กึง่ หนึ่งของจานวนสมาชิกทัง้ หมดเท่าท่มี ีอย่ขู องท้ังสองสภา (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพ่ิมเติมข้ึนทูลเกล้าทูลกระหมอ่ มถวาย และใหน้ าความในมาตรา ๘๑ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเก่ียวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเกี่ยวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออานาจได้

(๒๐) ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ต่อไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ ของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าช่ือกัน เสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมลี ักษณะตาม (๘) และให้ประธานแหง่ สภาท่ไี ด้รบั เรื่องดังกล่าวส่งความเห็น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว ขึ้นทลู เกล้าทูลกระหมอ่ มถวายเพอื่ พระมหากษตั รยิ ์ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ดว้ ย ผู้แปรญตั ติขอสงวน นายขจิตร ชัยนิคม และนายไพจิต ศรีวรขาน ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความใน มาตรา ๒๕๖ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้ังสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังจานวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วย การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพจิ ารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หน่ึงขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหน่ึง ของจานวนสมาชกิ ทั้งหมดเทา่ ที่มอี ยขู่ องท้ังสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระทส่ี องนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีท่ีเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ตอ้ งเปิดโอกาสใหผ้ ู้แทนของประชาชนทีเ่ ขา้ ชื่อกนั ไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ดว้ ย (๕) เม่ือการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้ว ให้รฐั สภาพิจารณาในวาระที่สามตอ่ ไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหน่ึง ของจานวนสมาชกิ ทั้งหมดเท่าทีม่ อี ยขู่ องท้งั สองสภา

(๒๑) (๗) เม่ือมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิม่ เตมิ ข้ึนทลู เกล้าทลู กระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เก่ียวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เก่ียวกับหน้าที่หรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวน ไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธาน แห่งสภาที่ได้รับเร่ืองดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเร่ือง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ น า ย ก รั ฐ ม น ต รี จ ะ น า ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ก้ ไ ข เ พิ่ ม เ ติ ม ดั ง ก ล่ า ว ข้ึ น ทู ล เ ก ล้ า ทู ล ก ร ะ ห ม่ อ ม ถ ว า ย เพื่อพระมหากษัตรยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธยมิได้” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญัตตขิ อสงวน นายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผ่ือน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธ์ิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่ม หนู นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายสุเทพ อู่อ้น พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝั่งชลจิตร นายเอกภพ เพียรพิเศษ นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักดิ์ ทกั ษิณ นายธัญวจั น์ กมลวงศว์ ัฒน์ นายนติ ิพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันตภิ าดา นายพิจารณ์ เชาวพฒั นวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารย์สุรวาท ทองบุ นายอภิชาติ ศริ สิ ุนทร และนายคารม พลพรกลาง ขอแปรญัตตแิ ก้ไขเพิม่ เติมความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าสิบของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิก

(๒๒) สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าสิบของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจานวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพจิ ารณาเป็นสามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหน่ึง ของจานวนสมาชกิ ทง้ั หมดเท่าทีม่ อี ย่ขู องทั้งสองสภา (๔) การพิจารณาในวาระที่สองข้ันพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยต้องจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึง โดยเปิดให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และเป็นธรรม การออกเสียงในวาระท่ีสองนี้ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีทีเ่ ป็นรา่ งรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนท่ีเข้าชื่อกันได้แสดง ความคดิ เหน็ ด้วย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดนี้แล้ว ใหร้ ัฐสภาพจิ ารณาในวาระทีส่ ามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีสามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในห้าก่ึงหนึ่งของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของทั้งสองสภา โดยในจานวนนี้ต้องมีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองท่ีสมาชิกมิได้ดารงตาแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรอื รองประธานสภาผแู้ ทนราษฎร เห็นชอบดว้ ยไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละย่สี บิ ของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกนั (๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เก่ียวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มจี านวนไม่นอ้ ยกว่าหน่ึงในสบิ ห้า ของสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าช่ือกัน เสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลกั ษณะตาม (๘) และใหป้ ระธานแห่งสภาทไ่ี ด้รบั เร่ืองดังกล่าวสง่ ความเห็น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเร่ือง

(๒๓) ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรจี ะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าว ข้นึ ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ นายพัฒนา สัพโส นายประเสริฐ บุญเรือง นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย นายบุญแก้ว สมวงศ์ และนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี าร ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของทง้ั สองสภา หรอื จากประชาชนผ้มู ีสิทธเิ ลือกตั้งจานวนไม่น้อยกวา่ ห้าหม่ืนคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อ เสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้ รฐั สภาพจิ ารณาเปน็ สามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหนึ่งข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามในห้าก่ึงหนึ่ง ของจานวนสมาชกิ ทั้งหมดเทา่ ที่มอี ยู่ของทงั้ สองสภา (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองข้ันพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียง ในวาระที่สองน้ีให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมที่ประชาชน เป็นผเู้ สนอต้องเปิดโอกาสใหผ้ แู้ ทนของประชาชนทเี่ ข้าชอ่ื กันได้แสดงความคิดเหน็ ดว้ ย (๕) เม่ือการพิจารณาวาระที่สองเสร็จส้ินแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เม่ือพ้นกาหนดน้ีแล้ว ให้รฐั สภาพจิ ารณาในวาระท่ีสามต่อไป (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามข้ันสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญไม่น้อยมากกว่า สามในหา้ กึ่งหน่ึงของจานวนสมาชกิ ทงั้ หมดเท่าที่มีอยูข่ องทั้งสองสภา (๗) เม่ือมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไวส้ ิบห้าวัน แลว้ จึงนาร่างรฐั ธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเตมิ ขนึ้ ทูลเกลา้ ทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเกี่ยวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ต่อไป

(๒๔) (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่า หนึ่งในสิบของสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิ เข้าช่ือกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับ เรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเร่ือง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี จะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่ือพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธยมไิ ด้” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน นายเขตรัฐ เหลา่ ธรรมทศั น์ ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี าร ดังต่อไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจาก สมาชิ กส ภาผู้ แทนราษ ฎร แ ล ะ ส ม า ชิ ก วุ ฒิ ส ภ า จ า น ว น ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ า ห นึ่ ง ใ น ห้ า ข อ ง จ า น ว น ส ม า ชิ ก ท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจานวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมายการแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิกสาระสาคัญในมาตรา ๒๕๕ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมขุ หรือเปล่ยี นแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทามิได้ (๒) ญัตติขอการแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญท่ีมีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม ต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาพิจารณาเป็นสามวาระหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ รวมทั้ง บทบัญญัติในหมวดอ่ืน ๆ ทุกมาตราท่ีเก่ียวกับพระราชอานาจ พระราชสถานะ และพระราชกรณียกิจ ของพระมหากษตั รยิ ใ์ นฐานะทรงเป็นประมขุ แหง่ รัฐ จะกระทามิได้ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระท่ีหนึ่งข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและ ลงคะแนนโดยเปิดเผย และตอ้ งมีคะแนนเสยี งเห็นชอบด้วยในการแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ น้ัน ไม่นอ้ ยกว่าสามในห้า ของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของทั้งสองสภาการแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไข เพ่ิมเติมหลักการพื้นฐานสาคญั ท่ีบญั ญัติไว้ในรฐั ธรรมนญู น้ี จะกระทามไิ ด้ หลักการพนื้ ฐานสาคญั ตามวรรคหน่ึง หมายถึง (ก) หลักประกันเพือ่ คุม้ ครองสิทธเิ สรภี าพและการมสี ่วนรว่ มของประชาชนทางการเมือง (ข) โครงสร้างของสถาบันการเมือง ซึ่งได้แก่ การมีสองสภา องค์ประกอบของแต่ละสภา การตรวจสอบถ่วงดลุ ระหวา่ งฝา่ ยบรหิ ารและฝ่ายนิติบญั ญัติ (ค) กลไกเพ่อื การรกั ษาวนิ ัยทางการเงิน การคลงั และการงบประมาณ (ง) สาระสาคัญของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๐ หมวด ๑๑ และหมวด ๑๒ อนั วา่ ด้วยหลกั นติ ธิ รรม ศาล และองคก์ รตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐ

(๒๕) (จ) สาระสาคัญของบทบญั ญัตใิ นรัฐธรรมนญู หมวด ๑๖ อนั ว่าดว้ ยการปฏิรปู ประเทศ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญเพ่ือขยายหรือเพ่ิมสิทธิเสรีภาพหรือการมีส่วนร่วม ของประชาชนทางการเมือง หรือเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินงานของศาลหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทม่ี หี น้าทีต่ รวจสอบการใชอ้ านาจรฐั ไม่ถือเปน็ การแกไ้ ขเพ่มิ เติมหลักการพื้นฐานสาคัญตามมาตราน้ี (๔) การพิจารณาในวาระท่ีสองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียง ในวาระที่สองน้ีให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม ท่ีประชาชนเป็นผู้เสนอต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนที่เข้าช่ือกันได้แสดงความคิดเห็นด้วย ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องมาจากคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในส่ี ของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่มี ีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในส่ีของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิ เลอื กตง้ั จานวนไม่นอ้ ยกวา่ หา้ หมื่นคน (๕) เม่ือการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้ว ใ ห้ รัฐ ส ภา พิ จา รณ าใ นว า ระท่ี ส าม ต่ อ ไ ป ญั ต ติ แ ก้ ไ ข เ พ่ิ ม เ ติ ม รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ต้ อ ง เ ส น อ เ ป็ น ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แก้ไขเพมิ่ เตมิ ตอ่ รัฐสภาและใหร้ ฐั สภาพิจารณาเปน็ สามวาระ (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามหนึ่งข้ันสุดท้ายรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อ และลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญ ไมน่ ้อยกวา่ สามสองในหา้ สามของจานวนสมาชกิ ทั้งหมดเทา่ ท่ีมีอยู่ของท้งั สองสภา (๗) เม่ือมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม การพิจารณาในวาระท่ีสองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา ในกรณีท่ีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อเสนอ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าช่ือเสนอ รา่ งรฐั ธรรมนญู แกไ้ ขเพิ่มเติมนั้นดว้ ย การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สองข้ันพิจารณาเรียงลาดับมาตราจะต้องได้รับคะแนนเสียง เห็นชอบเกินกวา่ ก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกรัฐสภาทีม่ อี ยู่ในขณะนน้ั (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บทท่ัวไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองที่เก่ียวกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเก่ียวกับหน้าท่ีหรืออานาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเร่ืองท่ีทาให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม จึงให้ดาเนินการตาม (๗) ต่อไปเมื่อพิจารณาในวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกาหนดน้ีแล้วให้รัฐสภาพิจารณา ในวาระท่ีสามต่อไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกท้ังสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่า หน่ึงในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิ เข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี

(๒๖) ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาท่ีได้รับ เร่ืองดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเร่ือง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี จะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่ือพระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สาม ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และตอ้ งไดร้ ับคะแนนเสยี งเหน็ ชอบไมน่ ้อยกว่าสองในสามของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าทีม่ ีอยู่ของทั้งสองสภา (๑๐) เม่ือการลงมติได้เป็นไปตามท่ีกล่าวข้างต้นแล้ว ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมที่รัฐสภาเห็นชอบแล้วนั้น ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ได้จดั ทาขึ้นโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญน้ี หรือมคี วามขัดหรือแยง้ ต่อมาตรา ๒๕๕ หรือไม่ หรือเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม หลักการพ้ืนฐานสาคัญตามมาตรา ๓ หรือไม่ ซ่ึงศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวัน นับแต่วันท่ีได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ในกรณีท่ีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างรัฐธรรมนูญน้ันได้จัดทาข้ึน โดยไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ หรือมีความขัดหรือแย้งต่อมาตรา ๒๕๕ หรือในกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักการพ้ืนฐานสาคัญตามมาตรา ๓ ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ส่งรา่ งแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ รฐั ธรรมนูญน้นั กลับคนื ใหร้ ัฐสภาเพอ่ื พิจารณาแก้ไขตามคาวนิ ิจฉัยของศาลรฐั ธรรมนูญ (๑๑) เม่ือร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาดังกล่าวแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่าได้จัดทาข้ึนโดยชอบด้วยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญน้ี ให้ประธานรัฐสภา ส่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมนั้น ไปยังประธานกรรมการการเลือกต้ังเพ่ือให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง จดั ใหม้ ีการออกเสยี งลงประชามติ (๑๒) ถ้าผลการออกเสียงลงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม โดยได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบเกินก่ึงหนึ่งของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งท่ีมาออกเสียงลงประชามติ ให้ประธานรัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมท่ีผ่านการออกเสียงลงประชามติข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ภ า ย ใ น ส า ม สิ บ วั น นั บ แ ต่ วั น ท่ี มี ก า ร อ อ ก เ สี ย ง ล ง ป ร ะ ช า ม ติ เ พื่ อ พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์ ท ร ง ล ง พ ร ะ ป ร ม า ภิ ไ ธ ย และเม่อื ได้ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว้ ให้ใชบ้ งั คบั ได้” คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน มาตรา ๔ เพมิ่ หมวด ๑๕/๑ การจดั ทารฐั ธรรมนูญฉบับใหม่ มีการแก้ไข มาตรา ๒๕๖/๑ ถงึ มาตรา ๒๕๖/๑๙ มผี ้แู ปรญัตติขอสงวนคาแปรญตั ติ นายบุญฐณิ ประทุมลี ขอแปรญตั ติแกไ้ ขเพิ่มเตมิ ความในมาตรา ๔ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นหมวด ๑๕/๑ การจัดทารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ มาตรา ๒๕๖/๑ ถงึ มาตรา ๒๕๖/๑๙ ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผู้แปรญัตติขอสงวน

(๒๗) นายเขตรัฐ เหลา่ ธรรมทศั น์ ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขเพิม่ เตมิ ความในมาตรา ๔ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๔ ให้เพ่ิมยกเลิกความต่อไปน้ีเป็นในหมวด ๑๕/๑ การจัดทาแก้ไขเพ่ิมเติม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา ๒๕๖/๑ ถึงมาตรา ๒๕๖/๑๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ ใช้ความต่อไปนแี้ ทน” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ด้วย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน หมวด ๑๕/๑ การจดั ทารฐั ธรรมนญู ฉบับใหม่ ไม่มกี ารแก้ไข มีผู้แปรญตั ติขอสงวนคาแปรญัตติ นายบญุ ฐิณ ประทุมลี ขอแปรญัตตแิ ก้ไขเพิ่มเตมิ ชอื่ หมวด ๑๕/๑ เปน็ ดังนี้ ““หมวด ๑๕/๑ การจัดทารฐั ธรรมนญู ฉบับใหม่แก้ไขเพ่มิ เติม”” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายเขตรฐั เหล่าธรรมทศั น์ ขอแปรญัตตแิ ก้ไขเพิ่มเตมิ ชอื่ หมวด ๑๕/๑ เป็นดงั นี้ ““หมวด ๑๕/๑ การจัดทาแกไ้ ขเพ่ิมเติมรฐั ธรรมนญู ฉบับใหม่”” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผ้แู ปรญตั ติขอสงวน มาตรา ๒๕๖/๑ มีการแก้ไข มกี รรมาธิการขอสงวนความเห็น และผู้แปรญัตติขอสงวนคาแปรญตั ติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเห็น โดยขอใหแ้ ก้ไขเพมิ่ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปนี้ซ่ึงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ในแต่ละจงั หวัด (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หน่ึงรอ้ ยห้าสบิ คน (๒) สมาชิกซ่ึงรฐั สภาคัดเลือกจานวนย่สี ิบคน (๓) สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผ้มู ปี ระสบการณด์ ้านการเมือง การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ หรือการร่างรฐั ธรรมนูญ จานวนสิบคน (๔) สมาชกิ ซ่งึ คัดเลือกจากนกั เรียน นสิ ิต หรอื นกั ศกึ ษา จานวนสิบคน การคานวณจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้ใช้จานวนราษฎร ท้ั ง ป ร ะ เ ท ศ ต า ม ห ลั ก ฐ า น ก า ร ท ะ เ บี ย น ร า ษ ฎ ร ท่ี ป ร ะ ก า ศ ใ น ปี สุ ด ท้ า ย ก่ อ น มี ก า ร เ ลื อ ก ต้ั ง ส ม า ชิ ก

(๒๘) สภาร่างรัฐธรรมนูญเฉลี่ยด้วยจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจานวนสองร้อยคน จานวนท่ีได้รับให้ถือว่า เป็นจานวนราษฎรต่อสมาชกิ สภาร่างรัฐธรรมนญู หน่ึงคน จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหนึ่งคน ตามวรรคสอง ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดน้ันได้หนึ่งคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินจานวนราษฎร ต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดน้ันเพิ่มขึ้นอีกหน่ึงคน ทกุ จานวนราษฎรทถี่ งึ เกณฑจ์ านวนราษฎรตอ่ สมาชกิ สภารา่ งรัฐธรรมนญู หน่งึ คน เม่ือได้จานวนสมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญของแตล่ ะจังหวัดตามวรรคสองและวรรคสามแล้ว ถ้าจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ครบสองร้อยคน จังหวัดใดที่มีเศษที่เหลือจากการคานวณ ตามวรรคสองมากท่ีสุด ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มข้ึนอีกหนึ่งคน และให้เพิ่มสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู ตามวิธีการดงั กลา่ วแก่จังหวัดท่มี ีเศษที่เหลอื จากการคานวณนัน้ ในลาดบั รองลงมาตามลาดับ จนครบจานวนสองร้อยคน ในการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนญู ใหใ้ ช้เขตจงั หวัดเปน็ เขตเลือกตงั้ ” นายสมชาย แสวงการ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอใหค้ งความในมาตรา ๒๕๖/๑ ไวต้ ามรา่ งเดิม ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปน้ี (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย ห้าสบิ คน (๒) สมาชิกซ่งึ รฐั สภาคดั เลอื กจานวนยีส่ ิบคน (๓) สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณ์ดา้ นการเมือง การบริหารราชการแผน่ ดนิ หรอื การรา่ งรฐั ธรรมนญู จานวนสิบคน (๔) สมาชกิ ซ่งึ คดั เลอื กจากนักเรียน นิสิต หรอื นกั ศึกษา จานวนสิบคน” นายศุภชัย ใจสมุทร นายวิเชียร ชวลิต นายกล้านรงค์ จันทิก และนางกรณิศ งามสคุ นธ์รตั นา (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเห็น โดยขอใหแ้ ก้ไขเพมิ่ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑ เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบดว้ ยสมาชกิ ซ่ึงมาจากการเลอื กตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตัง้ จานวนสองร้อยคน ดังตอ่ ไปน้ี (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หน่ึงร้อยห้าสิบคน (๒) สมาชกิ ซึง่ รฐั สภาคดั เลือกจานวนยสี่ ิบคน (๓) สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผูม้ ีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรือการร่างรัฐธรรมนูญ จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซ่ึงคัดเลือกจากนกั เรียน นิสิต หรอื นักศึกษา จานวนสิบคน”

(๒๙) นายธีรจั ชยั พันธมุ าศ และนายรังสิมนั ต์ โรม (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้ แก้ไขเพ่มิ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑ และเพิ่มความเป็นมาตรา ๒๕๖/๑/๑ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปนี้มาจากการเลือกต้ังของประชาชน โดยให้ใช้ ประเทศเปน็ เขตเลือกตั้ง (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หน่ึงร้อยหา้ สิบคน (๒) สมาชกิ ซ่ึงรัฐสภาคัดเลอื กจานวนย่สี ิบคน (๓) สมาชิกซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผ้มู ีประสบการณ์ด้านการเมอื ง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรือการร่างรัฐธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซง่ึ คัดเลอื กจากนกั เรยี น นสิ ติ หรือนักศกึ ษา จานวนสบิ คน ผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อาจสมัครเป็นรายบุคคลหรือสมัคร เป็นกลุ่มบุคคลรวมจานวนไม่เกินกลุ่มละสองร้อยคนก็ได้ โดยต้องแถลงแนวทางและข้อเสนอในการจัดทา ร่างรฐั ธรรมนูญของแต่ละบคุ คลหรอื กลุ่มบคุ คลให้ประชาชนทราบได้ชดั เจนขณะท่ีสมัครรบั เลอื กตงั้ มาตรา ๒๕๖/๑/๑ การคานวณหาจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ดาเนินการ ตามหลกั เกณฑ์ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) นาจานวนผมู้ าใช้สทิ ธิเลอื กตงั้ ท้ังประเทศ เป็นตัวตงั้ แลว้ หารด้วยสองร้อย (๒) นาผลลพั ธต์ าม (๑) ไปหารคะแนนรวมทัง้ ประเทศทีแ่ ต่ละบคุ คลหรือกลุ่มบุคคลไดร้ ับ (๓) ผลลัพธ์ตาม (๒) เฉพาะจานวนเต็ม คือ จานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของ แต่ละกลุ่มบุคคลหรือบุคคล หากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นรายบุคคล และได้ผลลัพธ์มากกว่าหน่ึง ให้ถือว่าผู้สมัคร ผู้น้ันได้รับการเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหน่ึงคน หากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นกลุ่มบุคคลเสนอช่ือ ผู้สมัครไว้มากกว่าผลลัพธ์ที่ได้ ให้ผู้สมัครในกลุ่มน้ันได้เป็นสมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนูญเรียงตามลาดับหมายเลข หากเสนอช่ือผู้สมัครไว้น้อยกว่าผลลัพธ์ท่ีได้ ให้ผู้สมัครทุกคนในกลุ่มน้ันได้รับการเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภารา่ งรัฐธรรมนญู (๔) หากคานวณแล้วจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ถึงสองร้อยคน ให้ผู้สมัคร บุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีมีเศษทศนิยมสูงท่ีสุดจากการคานวณตาม (๒) ได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เรยี งตามลาดบั ไปเรอื่ ย ๆ จนกว่าจะครบสองร้อยคน” นายชลน่าน ศรีแก้ว และนางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวนสองร้อยคน ดังต่อไปน้ีซงึ่ มาจากการเลือกตัง้ โดยตรงของประชาชน (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หนึง่ รอ้ ยห้าสิบคน (๒) สมาชกิ ซึง่ รฐั สภาคดั เลอื กจานวนยส่ี บิ คน

(๓๐) (๓) สมาชิกซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณด์ า้ นการเมอื ง การบริหารราชการแผ่นดิน หรอื การร่างรฐั ธรรมนูญ จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซง่ึ คดั เลอื กจากนักเรยี น นิสิต หรอื นักศึกษา จานวนสบิ คน” พันตารวจเอก ทวี สอดส่อง (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปนี้ซ่ึงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยให้ใชป้ ระเทศเป็นเขตเลอื กต้ัง (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย หา้ สบิ คน (๒) สมาชิกซ่งึ รฐั สภาคดั เลือกจานวนย่สี ิบคน (๓) สมาชิกซ่ึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผมู้ ีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรอื การร่างรฐั ธรรมนูญ จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซึ่งคัดเลอื กจากนักเรยี น นสิ ิต หรอื นักศึกษา จานวนสิบคน ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อาจสมัครเป็นรายบุคคลหรือสมัคร เป็นกลมุ่ บุคคลตามจานวนกลุ่มเขตการปกครองกลมุ่ ละไม่เกนิ ห้าสิบคนก็ได้ โดยตอ้ งแถลงแนวทางและขอ้ เสนอ ในการจดั ทาร่างรัฐธรรมนูญของแตล่ ะบคุ คลหรือกลมุ่ บคุ คลให้ประชาชนทราบไดช้ ัดเจนขณะท่สี มัครรับเลือกตัง้ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกต้ังผู้สมัคร รบั เลือกตัง้ ได้หนง่ึ คนหรอื หนง่ึ กลมุ่ การเลือกตั้งให้ใชว้ ิธีออกเสยี งลงคะแนนโดยตรงและลบั ” นายวีระกร คาประกอบ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย ห้าเก้าสิบคน (๒) สมาชิกซึง่ รัฐสภาคัดเลือกจานวนยส่ี ิบคน (๓) สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือกจาก ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผมู้ ีประสบการณด์ า้ นการเมอื ง การบริหารราชการแผน่ ดนิ หรอื การรา่ งรฐั ธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชกิ ซึง่ คัดเลือกจากนักเรียน นสิ ติ หรือนกั ศึกษา จานวนสิบคน”

(๓๑) นายเฉลิมชัย เฟ่อื งคอน ขอแปรญตั ตแิ ก้ไขเพิม่ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) เปน็ ดังน้ี “(๒) สมาชิกซ่ึงรัฐสภาผู้แทนราษฎรคัดเลือกจานวนย่ีสิบสามคน และวุฒิสภาคัดเลือก จานวนเจด็ คน” คณะกรรมาธกิ ารได้ชีแ้ จงแล้ว ผ้แู ปรญตั ติพอใจ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ขอแปรญัตตแิ ก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชกิ จานวนสองรอ้ ยหา้ สบิ คน ดังตอ่ ไปน้ี (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หน่ึงสองรอ้ ยหา้ สิบคน (๒) สมาชิกซ่ึงรัฐสภาคัดเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยห้ามมิให้ผู้ที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ และนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และพวกบริวารว่านเครือ เข้ามา มสี ว่ นเกีย่ วข้อง (๓) ให้สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบห้าคน และจาก ผมู้ ปี ระสบการณ์ด้านการเมอื ง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรือการร่างรัฐธรรมนูญ จานวนสบิ คน โดยต้อง ไม่มีประวัตใิ นการสง่ เสริมการทารฐั ประหาร หรือมีสว่ นเก่ียวข้องกบั คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) (๔) สมาชิกซ่ึงคัดเลือกมาจากนกั เรียน นิสิต หรือนักศึกษาท่ีมีอายุไม่เกินย่ีสิบห้าปี จานวน สบิ หา้ คน โดยแบง่ ไปตามภาคของประเทศให้สมดลุ ตามประชากรของประเทศ โดยให้ผูท้ ี่มคี วามสนใจในระบอบ การเมืองการปกครองในรปู แบบประชาธปิ ไตย” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นดว้ ย ผู้แปรญัตตขิ อสงวน นายศราวธุ เพชรพนมพร ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่มิ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบด้วยสมาชกิ จานวนสองรอ้ ยหา้ สบิ ห้าคน ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานว น หน่ึงสองร้อยห้าสิบคน (๒) สมาชกิ ซง่ึ รฐั สภาคดั เลือกจานวนยีส่ บิ ห้าคน (๓) สมาชิกซึ่งท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มปี ระสบการณ์ด้านการเมอื ง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรอื การร่างรัฐธรรมนูญ จานวนสิบคน (๔) สมาชกิ ซงึ่ คัดเลือกจากนกั เรียน นสิ ิต หรอื นักศึกษา จานวนสิบคน” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน

(๓๒) นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธ์ิ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ ว งษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายกิตติศักดิ์ คณาสวัสด์ิ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ นางอนุรักษ์ บุญศล นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนิคม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารี นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ขอแปรญตั ตแิ ก้ไขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปนี้ซึ่งมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน ในแต่ละจงั หวัด (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หน่งึ รอ้ ยหา้ สิบคน (๒) สมาชกิ ซง่ึ รัฐสภาคดั เลือกจานวนยี่สบิ คน (๓) สมาชิกซ่ึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผมู้ ีประสบการณด์ ้านการเมอื ง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการรา่ งรฐั ธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซึ่งคดั เลอื กจากนักเรยี น นสิ ิต หรอื นักศึกษา จานวนสิบคน” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ด้วย ผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวน นายบญุ ฐณิ ประทมุ ลี ขอแปรญตั ตแิ ก้ไขเพิ่มเตมิ ความในมาตรา 256/1 เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แกไ้ ขเพมิ่ เติมตามหมวดน้ี ประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนสองรอ้ ยคน ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย หา้ สบิ คน (๒) สมาชิกซงึ่ รัฐสภาคดั เลือกจานวนยส่ี บิ คน (๓) สมาชิกซ่ึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณ์ดา้ นการเมอื ง การบรหิ ารราชการแผ่นดิน หรอื การรา่ งรฐั ธรรมนูญ จานวนสิบคน (๔) สมาชกิ ซง่ึ คัดเลือกจากนกั เรยี น นิสิต หรอื นกั ศึกษา จานวนสิบคน” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นด้วย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน

(๓๓) นายมณเฑยี ร บญุ ตนั ขอแปรญตั ตแิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ความในมาตรา 256/1 เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวนสองร้อยคน ดังตอ่ ไปนี้ (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย ห้าสบิ คน (๒) สมาชิกซึ่งรัฐสภาคัดมาจากการเลือกกันเองและการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน โดยให้ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้งจานวนยี่ห้าสิบคน โดยแบ่งเป็นภาควิชาการด้านสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ภาครัฐ ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคประชาสังคม ภาคละสิบคน ทง้ั น้ี ต้องคานึงถึงการมีส่วนร่วมของกลมุ่ บุคคล ทม่ี ีความหลากหลายในสงั คมพหวุ ัฒนธรรม (๓) สมาชิกซ่ึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรอื การรา่ งรัฐธรรมนูญ จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซ่ึงคดั เลอื กจากนักเรยี น นิสติ หรอื นักศึกษา จานวนสบิ คน” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ด้วย ผแู้ ปรญัตตขิ อสงวน นายเกรียงศกั ดิ์ ฝ้ายสงี าม ขอแปรญตั ติแก้ไขเพ่มิ เตมิ ความในมาตรา 256/๑ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ไม่มีการบล็อกโหวต สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ควรมาจากการเลือกต้งั โดยตรงของประชาชน ดังตอ่ ไปนี้ (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย ห้าสิบคน (๒) สมาชิกซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจานวนยี่สิบคน (๓) สมาชิกซึ่งท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณ์ดา้ นการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรอื การรา่ งรัฐธรรมนญู จานวนสิบคน (๔) สมาชิกซงึ่ คดั เลอื กจากนกั เรียน นิสติ หรอื นกั ศกึ ษา จานวนสิบคน” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผ้แู ปรญัตตขิ อสงวน นายประเสรฐิ จนั ทรรวงทอง ขอแปรญัตติแก้ไขเพม่ิ เติมความในมาตรา 256/1 เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปนี้ทั้งน้ี ต้องมาจากการเลือกต้ังโดยตรง ของประชาชนแตล่ ะจังหวดั (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หนึง่ รอ้ ยหา้ สบิ คน (๒) สมาชิกซึง่ รัฐสภาคัดเลือกจานวนยีส่ บิ คน

(๓๔) (๓) สมาชิกซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณ์ดา้ นการเมือง การบรหิ ารราชการแผ่นดิน หรือการรา่ งรฐั ธรรมนญู จานวนสิบคน (๔) สมาชิกซ่งึ คัดเลอื กจากนกั เรียน นิสิต หรอื นักศึกษา จานวนสบิ คน” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นด้วย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน นายขจิตร ชัยนิคม และนายไพจิต ศรีวรขาน ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวนสองส่ีรอ้ ยคน ดังต่อไปนี้ (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หนงึ่ สองรอ้ ยหา้ สิบคน (๒) สมาชิกซง่ึ รฐั สภาคดั เลือกจานวนยส่ี บิ คน (๓) สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และลับ จากอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนทั้งหมด จานวนแปดสิบคน และจากผู้มีประสบการณ์ ดา้ นการเมือง การบรหิ ารราชการแผ่นดิน หรือการรา่ งรัฐธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซึ่งคัดเลือกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงและลับของนักเรียน นิสิต หรือนกั ศึกษา จานวนสบิ หน่ึงรอ้ ยคน” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผู้แปรญัตติขอสงวน นายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธ์ิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ล้ิมเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศริ ิกัญญา ตันสกลุ นายสมเกียรติ ถนอมสนิ ธ์ุ นางสาวสุทธวรรณ สบุ รรณ ณ อยธุ ยา นายสเุ ทพ ออู่ ้น พลตารวจตรี สุพศิ าล ภกั ดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวณี วงศว์ ุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝั่งชลจิตร และนายเอกภพ เพียรพิเศษ ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ และเพิม่ ความเปน็ มาตรา ๒๕๖/๑/๑ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปน้ีมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยใหใ้ ชป้ ระเทศเปน็ เขตเลอื กต้ัง (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหน่ึงร้อย ห้าสบิ คน (๒) สมาชกิ ซงึ่ รฐั สภาคดั เลือกจานวนย่ีสิบคน

(๓๕) (๓) สมาชิกซึ่งท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผมู้ ปี ระสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรอื การร่างรฐั ธรรมนูญ จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซึง่ คัดเลอื กจากนกั เรียน นสิ ติ หรือนกั ศกึ ษา จานวนสิบคน ผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อาจสมัครเป็นรายบุคคลหรือสมัคร เป็นกลุ่มบุคคลรวมจานวนไม่เกินกลุ่มละสองร้อยคนก็ได้ โดยต้องแถลงแนวทางและข้อเสนอในการจัดทา รา่ งรัฐธรรมนญู ของแต่ละบุคคลหรือกลุม่ บุคคลให้ประชาชนทราบได้ชดั เจนขณะทส่ี มัครรบั เลอื กต้ัง มาตรา ๒๕๖/๑/๑ การคานวณหาจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ดาเนินการ ตามหลกั เกณฑ์ดงั ต่อไปน้ี (๑) นาจานวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทัง้ ประเทศ เปน็ ตวั ต้ังแล้วหารด้วยสองร้อย (๒) นาผลลัพธต์ าม (๑) ไปหารคะแนนรวมทงั้ ประเทศทแ่ี ต่ละบุคคลหรอื กลุ่มบุคคลได้รับ (๓) ผลลัพธ์ตาม (๒) เฉพาะจานวนเต็ม คือ จานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของ แต่ละกลุ่มบุคคลหรือบุคคล หากผู้สมัครรับเลือกตั้งเปน็ รายบุคคล และได้ผลลัพธ์มากกว่าหน่ึง ให้ถือว่าผู้สมัคร ผู้นั้นได้รับการเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหน่ึงคน หากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นกลุ่มบุคคลเสนอช่ือ ผู้สมัครไว้มากกว่าผลลัพธ์ท่ีได้ ให้ผู้สมัครในกลุ่มน้ันได้เป็นสมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนูญเรียงตามลาดับหมายเลข หากเสนอชื่อผู้สมัครไว้น้อยกว่าผลลัพธ์ท่ีได้ ให้ผู้สมัครทุกคนในกลุ่มน้ันได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู (๔) หากคานวณแล้วจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ถึงสองร้อยคน ให้ผู้สมัคร บุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีมีเศษทศนิยมสูงท่ีสุดจากการคานวณตาม (๒) ได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เรยี งตามลาดับไปเรื่อย ๆ จนกวา่ จะครบสองรอ้ ยคน” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ นายพัฒนา สัพโส นายประเสริฐ บุญเรือง นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย นายบุญแก้ว สมวงศ์ และนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา 256/๑ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ดังต่อไปน้ีซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ในแต่ละจงั หวดั (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวน หนึง่ รอ้ ยหา้ สิบคน (๒) สมาชกิ ซ่งึ รัฐสภาคัดเลอื กจานวนยส่ี บิ คน (๓) สมาชิกซึ่งท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มีประสบการณด์ ้านการเมอื ง การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ หรือการร่างรฐั ธรรมนญู จานวนสิบคน (๔) สมาชิกซง่ึ คัดเลือกจากนกั เรยี น นสิ ิต หรือนกั ศึกษา จานวนสิบคน

(๓๖) การคานวณจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญท่ีแต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้ใช้จานวน ราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรท่ีประกาศในปีสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้งสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญเฉล่ียด้วยจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจานวนสองร้อยคน จานวนท่ีได้รับให้ถือว่า เป็นจานวนราษฎรตอ่ สมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนูญหนึ่งคน จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหน่ึงคน ตามวรรคสอง ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดน้ันได้หนึ่งคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินจานวนราษฎร ต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดนั้นเพ่ิมขึ้นอีกหน่ึงคน ทุกจานวนราษฎรท่ถี งึ เกณฑ์จานวนราษฎรตอ่ สมาชกิ สภาร่างรฐั ธรรมนูญหนงึ่ คน เมื่อไดจ้ านวนสมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญของแตล่ ะจังหวัดตามวรรคสองและวรรคสามแล้ว ถ้าจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ครบสองร้อยคน จังหวัดใดที่มีเศษท่ีเหลือจากการคานวณ ตามวรรคสามมากที่สุด ให้จังหวัดน้ันมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพ่ิมข้ึนอีกหน่ึงคน และให้เพิ่มสมาชิก สภารา่ งรัฐธรรมนญู ตามวธิ ีการดงั กลา่ วแกจ่ ังหวัดที่มเี ศษท่เี หลอื จากการคานวณนั้นในลาดับรองลงมาตามลาดับ จนครบจานวนสองรอ้ ยคน ในการเลือกตง้ั สมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนญู ใหใ้ ชเ้ ขตจงั หวดั เป็นเขตเลอื กตง้ั ” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผู้แปรญัตติขอสงวน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักดิ์ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารย์สุรวาท ทองบุ นายอภิชาติ ศิริสุนทร และนายคารม พลพรกลาง ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ และเพิ่มความ เปน็ มาตรา ๒๕๖/๑/๑ และมาตรา ๒๕๖/๑/๒ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนี้ ประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนสองรอ้ ยคนมาจากการเลือกต้ังของประชาชน ดังต่อไปนี้ (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดใช้เขตประเทศ เปน็ เขตเลอื กตั้งจานวนหนง่ึ ร้อยห้าสิบคน (๒) สมาชิกซ่ึงรัฐสภาคัดมาจากการเลือกต้ังโดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งจานวนยี่สิบ หน่งึ รอ้ ยคน (๓) สมาชิกซ่ึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผมู้ ีประสบการณด์ า้ นการเมือง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรือการรา่ งรฐั ธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซึง่ คดั เลอื กจากนักเรยี น นสิ ติ หรอื นกั ศึกษา จานวนสิบคน ผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อาจสมัครเป็นรายบุคคลหรือสมัคร เป็นกลุ่มบุคคลรวมจานวนไม่เกินกลุ่มละหนึ่งร้อยคนหรือจานวนท่ีจังหวัดนั้นพึงมีก็ได้ โดยต้องแถลงแนวทาง และข้อเสนอในการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มบุคคลให้ประชาชนทราบได้ชัดเจน ขณะท่สี มัครรบั เลอื กต้ัง

(๓๗) มาตรา ๒๕๖/๑/๑ การคานวณหาจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซ่ึงมาจาก การเลอื กตงั้ โดยใชเ้ ขตประเทศเปน็ เขตเลอื กต้งั ใหด้ าเนนิ การตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (๑) นาจานวนผมู้ าใช้สทิ ธเิ ลือกต้งั ทัง้ ประเทศ เปน็ ตัวตงั้ แลว้ หารดว้ ยหนึ่งร้อย (๒) นาผลลัพธต์ าม (๑) ไปหารคะแนนรวมทง้ั ประเทศทแ่ี ต่ละบุคคลหรอื กลุม่ บุคคลไดร้ บั (๓) ผลลัพธ์ตาม (๒) เฉพาะจานวนเต็ม คือ จานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ของแต่ละกลุ่มบุคคลหรือบุคคล หากผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นรายบุคคลและได้ผลลัพธ์มากกว่าหนึ่ง ให้ถือว่า ผู้สมัครผู้น้ันได้รับการเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหน่ึงคน หากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นกลุ่มบุคคล เสนอชื่อผู้สมัครไว้มากกว่าผลลัพธ์ท่ีได้ ให้ผู้สมัครในกลุ่มนั้นได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเรียงตามลาดับ หมายเลข หากเสนอช่ือผู้สมคั รไว้น้อยกว่าผลลัพธ์ท่ีได้ ให้ผู้สมัครทุกคนในกลุ่มน้ันได้รบั การเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภารา่ งรฐั ธรรมนูญ (๔) หากคานวณแล้วจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ให้ผู้สมัคร บุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีมีเศษทศนิยมสูงท่ีสุดจากการคานวณตาม (๒) ได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เรยี งตามลาดับไปเรอ่ื ย ๆ จนกวา่ จะครบหนงึ่ ร้อยคน มาตรา ๒๕๖/๑/๒ การกาหนดจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซ่ึงมาจากการเลือกตั้ง โดยใช้เขตจังหวดั เปน็ เขตเลอื กต้ังที่ในแตล่ ะจังหวดั จะพึงมี ใหด้ าเนนิ การตามหลกั เกณฑด์ ังต่อไปนี้ (๑) ให้ใช้จานวนราษฎรทัง้ ประเทศตามหลกั ฐานการทะเบียนราษฎรท่ปี ระกาศในปีสุดทา้ ย ก่อนปีท่ีมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เฉลี่ยด้วยจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจานวน หนง่ึ ร้อยคน จานวนที่ไดร้ บั ใหถ้ ือว่าเป็นจานวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนญู หนงึ่ คน (๒) จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหนึ่งคน ตาม (๑) ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดน้ันได้หน่ึงคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินจานวนราษฎร ต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นอีกหน่ึงคน ทุกจานวนราษฎรที่ถงึ เกณฑจ์ านวนราษฎรต่อสมาชิกสภารา่ งรฐั ธรรมนญู หนึ่งคน เมื่อได้จานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของแต่ละจังหวัดตาม (๑) และ (๒) แล้ว ถ้าจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ครบหนึ่งร้อยคน จังหวัดใดมีเศษท่ีเหลือจากการคานวณ ตาม (๒) มากท่ีสุดให้จังหวัดน้ันมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มข้ึนอีกหนึ่งคน และให้เพ่ิมสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญตามวิธีการดงั กลา่ วแก่จังหวัดท่ีมีเศษท่ีเหลอื จากการคานวณนน้ั ในลาดบั รองลงมาตามลาดับ จนครบจานวนหนง่ึ รอ้ ยคน” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน นายสมศกั ดิ์ คณุ เงนิ ขอแปรญัตติแกไ้ ขเพ่ิมเติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบด้วยสมาชิกจานวนสองรอ้ ยคน ดังต่อไปนี้ (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหนึ่งร้อย หา้ สิบคน (๒) สมาชิกซง่ึ รัฐสภาคัดเลอื กจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนยสี่ บิ หา้ คน

(๓๘) (๓) สมาชิกซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผมู้ ีประสบการณ์ดา้ นการเมอื ง การบริหารราชการแผ่นดนิ หรือการรา่ งรัฐธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชกิ ซ่ึงคดั เลอื กจากนักเรยี น นิสิต หรือนักศกึ ษา จานวนสบิ ห้าคน” คณะกรรมาธกิ ารไดช้ ี้แจงแล้ว ผูแ้ ปรญตั ติพอใจ นายเขตรฐั เหลา่ ธรรมทศั น์ ขอแปรญัตติแกไ้ ขเพ่มิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีเมื่อรัฐสภาได้มีมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าที่จัดทา แก้ไขเพิ่มเติมในวาระแรกแล้ว ให้รัฐสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดนแี้ ก้ไขเพ่ิมเตมิ ประกอบด้วยสมาชกิ จานวนสองร้อยคนบคุ คล ดังตอ่ ไปนี้ (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัด สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซ่ึงสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมาธิการ จานวน หนึ่งร้อยห้าสิบคน ประกอบด้วยบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวนห้าสิบคน และบุคคลภายนอก ที่มาจากการเสนอชื่อของสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร จานวนหา้ สิบคน มติของสภาผู้แทนราษฎรท่ีเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมาธิการ ต้องกระทา โดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย (๒) สมาชิกซึ่งรัฐวุฒิสภาคัดเลือกพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งต้ัง เป็นคณะกรรมาธิการจานวนยี่เจ็ดสิบคน ประกอบด้วยบุคคลซ่ึงเป็นสมาชิกวุฒิสภาจานวนสามสิบห้าคน และบคุ คลภายนอกทมี่ าจากการเสนอชอื่ ของสมาชิกวุฒสิ ภาจานวนสามสบิ หา้ คน มติของวุฒิสภาท่ีเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมาธิการ ต้องกระทา โดยการลงคะแนนโดยเปดิ เผย (๓) สมาชิกซ่ึงท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ บุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมาธิการจานวนย่ีสามสิบคน โดยคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญ สาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจากผู้มีประสบการณ์ ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญจานวนยี่สิบคนท่ีมาจากการเสนอชื่อ ของคณะรัฐมนตรี มติของรัฐสภาที่เห็นชอบการแต่งต้ังบุคคลเป็นคณะกรรมาธิการ ต้องกระทาโดย การลงคะแนนโดยเปิดเผย (๔) สมาชิกซึ่งคัดเลือกจากนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม มีประธานคณะกรรมาธิการคนหน่ึง และรองประธานคณะกรรมาธิการ จานวนสิบส่ีคน ตามมตขิ องคณะกรรมาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการ และรองประธานคณะกรรมาธิการ มีหน้าที่และอานาจ ในการดาเนินการเพ่ือให้คณะกรรมาธิการสามารถพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมให้แล้วเสร็จ เพอ่ื เสนอรฐั สภาพจิ ารณาภายในกาหนดสองร้อยสส่ี บิ วัน

(๓๙) (๕) ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม แต่งต้ัง คณะอนุกรรมาธิการ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ ความถกู ต้องเหมาะสมในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในแต่ละหมวด แต่ละมาตรา และจัดทารายงานการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง และการวิเคราะห์ผลกระทบ เสนอต่อ คณะกรรมาธิการเพอื่ ประกอบการพิจารณา การดาเนินงานของคณะกรรมาธิการในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม การประชมุ การลงมติ การแตง่ ตง้ั คณะอนุกรรมาธกิ าร ให้นาขอ้ บงั คับของรัฐสภามาบังคับใชโ้ ดยอนุโลม (๖) ให้รัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมท่ีคณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ ให้แลว้ เสรจ็ ภายในสามสิบวัน เพอื่ ใหค้ วามเหน็ ชอบรา่ งรัฐธรรมนญู แก้ไขเพิ่มเตมิ แต่ละมาตรา มติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมแต่ละมาตราจะต้องได้รับคะแนนเสียง เหน็ ชอบไม่น้อยกวา่ สองในสามของจานวนสมาชกิ ทงั้ หมดเทา่ ที่มอี ยู่ของรฐั สภา” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผแู้ ปรญัตตขิ อสงวน ศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 256/๑ เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี ประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวนสองรอ้ ยคน ดังต่อไปน้ี (๑) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหน่ึงร้อย หา้ สามสบิ ห้าคน (๒) สมาชิกซึง่ รัฐสภาคัดเลอื กจานวนย่สี บิ ห้าคน (๓) สมาชิกซึ่งท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนยี่สิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เช่ียวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผู้มปี ระสบการณด์ ้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการรา่ งรัฐธรรมนญู จานวนสบิ คน (๔) สมาชิกซงึ่ คัดเลอื กจากนกั เรียน นสิ ิต หรอื นกั ศกึ ษา จานวนสิบคน (๕) สมาชิกซ่ึงมาจากกลุ่มตัวแทนวิชาชีพ และกลุ่มองค์กรที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นพิเศษ เช่น กลุม่ คนพิการ ผสู้ ูงอายุ และกลุ่มวชิ าชีพอืน่ ๆ จานวนสิบคน” คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน มาตรา ๒๕๖/๒ มีการแก้ไข มีกรรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยขอให้แกไ้ ขความในมาตรา ๒๕๖/๒ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผ้มู ีคุณสมบตั ิดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกิด (๒) มีอายไุ มต่ า่ กวา่ สิบแปดปบี ริบูรณใ์ นวันเลือกตงั้

(๔๐) (๓) มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ังมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง หรือเคยศึกษา ในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ังเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรือเคย รับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ัง แลว้ แตก่ รณี เปน็ เวลาติดตอ่ กนั ไมน่ อ้ ยกวา่ ห้าปี” นายธีรัจชัย พันธมุ าศ และนายรังสมิ นั ต์ โรม (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้ แกไ้ ขความในมาตรา ๒๕๖/๒ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผมู้ ีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มสี ญั ชาติไทยโดยการเกดิ (๒) มอี ายไุ ม่ตา่ กวา่ สบิ แปดปีบรบิ ูรณใ์ นวนั เลือกตง้ั (๓) มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกต้ัง หรือเป็นบุคคลท่ีเกิดในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ัง หรือเคย ศึกษาในสถานศึกษาท่ีต้ังอยู่ในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ังเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรือเคยรบั ราชการหรือปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ใี นหน่วยงานของรฐั หรือเคยมีช่ืออย่ใู นทะเบียนบา้ นในจังหวดั ทสี่ มคั ร รบั เลือกต้งั แลว้ แต่กรณี เป็นเวลาตดิ ตอ่ กันไมน่ ้อยกว่าห้าปี” พันตารวจเอก ทวี สอดส่อง (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๒ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปน้ี เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภารา่ งรฐั ธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มีสญั ชาติไทยโดยการเกดิ (๒) มีอายุไมต่ ่ากว่าสบิ แปดปีบรบิ รู ณ์ในวันเลอื กต้ัง (๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกต้ัง หรือเป็นบุคคลท่ีเกิดในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ัง หรือเคย ศึกษาในสถานศึกษาที่ต้ังอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ังเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรอื เคยรบั ราชการหรือปฏิบัติหน้าทีใ่ นหน่วยงานของรัฐหรือเคยมชี อ่ื อยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดทส่ี มคั ร รบั เลือกต้ัง แล้วแตก่ รณี เปน็ เวลาติดต่อกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี” นายวีระกร คาประกอบ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๒ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผ้มู ีคุณสมบตั ิดังต่อไปน้ี เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มสี ัญชาติไทยโดยการเกิด (๒) มอี ายุไมต่ า่ กว่าสิบแปดปบี ริบรู ณใ์ นวนั เลอื กตัง้

(๔๑) (๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกวา่ หา้ สามปนี บั ถงึ วันสมัครรบั เลือกตงั้ หรือเป็นบุคคลท่ีเกิดในจังหวัดท่ีสมคั รรับเลือกต้งั หรือเคยศึกษา ในสถานศึกษาท่ีตั้งอยู่ในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ังเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าสามปีการศึกษา หรือเคย รับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ัง แล้วแตก่ รณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหา้ สามปี” นายเกรยี งศกั ด์ิ ฝ้ายสีงาม ขอแปรญตั ติแก้ไขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา 256/๒ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปน้ี เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) ต้องมีสัญชาตไิ ทยโดยการเกิด (๒) ตอ้ งมอี ายไุ ม่ต่ากว่าสิบแปดปบี รบิ รู ณ์ในวันเลอื กตัง้ (๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกต้ัง หรือเป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ัง หรือเคยศึกษา ในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรือเคย รับราชการหรือปฏิบัติหน้าท่ีในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกตั้ง แลว้ แตก่ รณี เปน็ เวลาติดตอ่ กนั ไม่นอ้ ยกว่าห้าปี” คณะกรรมาธิการไม่เห็นดว้ ย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายขจิตร ชัยนิคม และนายไพจิต ศรีวรขาน ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๒ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๒) (๓) (๔) (๑) มสี ญั ชาติไทยโดยการเกิด (๒) มอี ายุไม่ตา่ กว่าสิบแปดปบี ริบูรณ์ในวันเลอื กต้ัง (๓) มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ัง หรือเคยศึกษา ในสถานศึกษาท่ีต้ังอยู่ในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ังเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรือเคย รับราชการหรือปฏิบัติหน้าท่ีในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง แล้วแตก่ รณี เป็นเวลาตดิ ต่อกันไมน่ ้อยกว่าหา้ ปีหรอื (๔) มีชื่อเป็นอาจารย์มหาวทิ ยาลยั ในวันประกาศรับสมัครเลือกต้ัง (๕) มีชือ่ เป็นนักเรียน นิสิต นกั ศึกษา ในสถานศึกษา ในวันรับสมัครรับเลอื กตง้ั ” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผ้แู ปรญตั ติขอสงวน นายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผ่ือน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสด์ิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา

(๔๒) แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ล้ิมเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศิรกิ ัญญา ตนั สกลุ นายสมเกียรติ ถนอมสนิ ธุ์ นางสาวสุทธวรรณ สบุ รรณ ณ อยุธยา นายสเุ ทพ ออู่ น้ พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวณี วงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายพรี เดช คาสมทุ ร นายสมชาย ฝัง่ ชลจติ ร และนายเอกภพ เพียรพิเศษ ขอแปรญัตตแิ ก้ไขความในมาตรา ๒๕๖/๒ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผู้มีคุณสมบตั ิดังต่อไปน้ี เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มสี ญั ชาติไทยโดยการเกดิ (๒) มอี ายุไมต่ ่ากวา่ สบิ แปดปีบรบิ ูรณใ์ นวันเลือกต้งั (๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ังมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ัง หรือเคยศึกษาในสถานศึกษาท่ีตั้งอยู่ในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี การศึกษา หรือเคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้าน ในจังหวดั ท่ีสมัครรับเลือกตง้ั แล้วแตก่ รณี เปน็ เวลาตดิ ตอ่ กนั ไม่นอ้ ยกวา่ ห้าปี” คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นด้วย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักด์ิ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารย์สุรวาท ทองบุ นายอภิชาติ ศิริสุนทร และนายคารม พลพรกลาง ขอแปรญตั ตแิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๒ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผมู้ ีคุณสมบตั ิดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภารา่ งรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกดิ (๒) มีอายุไมต่ ่ากวา่ สิบแปดปีบริบรู ณใ์ นวนั เลือกต้งั (๓) เฉพาะสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง มีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกต้ังมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า ห้าหนึ่งปีนับถึง วันสมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ัง หรือเคยศึกษาในสถานศึกษา ท่ีต้ังอยู่ในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกต้ังเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าสามปีการศึกษา หรือเคยรับราชการ หรือปฏบิ ัติหน้าท่ีในหน่วยงานของรัฐหรอื เคยมชี ื่ออยู่ในทะเบียนบา้ นในจงั หวัดที่สมัครรับเลอื กตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นเวลาตดิ ตอ่ กนั ไมน่ อ้ ยกว่าห้าสามปี” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นด้วย ผูแ้ ปรญัตติขอสงวน นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ขอแปรญตั ติตดั มาตรา ๒๕๖/๒ ออกทั้งมาตรา คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญัตตขิ อสงวน

(๔๓) มาตรา ๒๕๖/๓ มกี ารแก้ไข มีกรรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยขอให้แกไ้ ขความในมาตรา ๒๕๖/๓ เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รับเลือกต้ังเปน็ สมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) เป็นบุคคลซ่ึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๕) (๑๖) (๑๗) หรอื (๑๘) (๒) เป็นขา้ ราชการการเมือง (๓) เปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชกิ วฒุ ิสภา หรือรฐั มนตรี” พันตารวจเอก ทวี สอดส่อง (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๓ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รบั เลือกตงั้ เป็นสมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) เป็นบุคคลซ่ึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๕) และ (๑๖) (๑๗) หรอื (๑๘) (๒) เปน็ ขา้ ราชการการเมอื ง (๓) เปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒสิ ภา หรอื รฐั มนตรี” นายรังสิมันต์ โรม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๓ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปน้ี เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รับเลือกตัง้ เปน็ สมาชกิ สภาร่างรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๕) หรอื (๑๖) (๑๗) หรือ (๑๘) (๒) เป็นข้าราชการการเมอื ง (๓) เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชิกวุฒสิ ภา หรอื รฐั มนตรี (๔) เคยดารงตาแหน่งสมาชกิ วฒุ ิสภาตามรฐั ธรรมนญู น้ี (๕) เคยดารงตาแหนง่ สมาชิกสภานิตบิ ัญญตั แิ ห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ (๖) เคยดารงตาแหน่งในคณะรฐั มนตรี คณะที่ ๖๑ (๗) เคยดารงตาแหนง่ สมาชกิ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (๘) เคยดารงตาแหน่งในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ช่วั คราว) พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ (๙) เคยดารงตาแหน่งในคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.)”

(๔๔) นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๓ เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปน้ี เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รบั เลือกตง้ั เปน็ สมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๔) (๑๕) (๑๖) (๑๗) หรอื (๑๘) (๒) เป็นข้าราชการการเมือง (๓) เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวฒุ ิสภา หรอื รฐั มนตรี” นายจิรายุ ห่วงทรพั ย์ ขอแปรญัตตเิ พ่มิ ความเป็นมาตรา 256/3 (4) ดงั น้ี “(4) เคยเป็นผู้ฝักใฝ่การทารัฐประหาร ให้การสนับสนุนการรัฐประหาร หรือมีส่วนเก่ียวข้อง กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือเคยเป็นรัฐมนตรี หรือเป็นผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ทกุ ตาแหนง่ ในรฐั บาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ดว้ ย ผู้แปรญัตติขอสงวน นายศราวธุ เพชรพนมพร ขอแปรญัตตเิ พ่มิ ความเปน็ มาตรา 256/3 (4) ดงั น้ี “(4) เคยเป็นผู้ฝักใฝ่การทารัฐประหาร ให้การสนับสนุนการรัฐประหาร หรือมีส่วนเก่ียวข้อง กับคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.)” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ดว้ ย ผูแ้ ปรญัตติขอสงวน นายขจิตร ชัยนิคม และนายไพจิต ศรีวรขาน ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๓ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปน้ี เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รบั เลอื กต้งั เปน็ สมาชกิ สภาร่างรัฐธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๒) (๓) (๔) (๑) เป็นบุคคลซ่ึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๕) (๑๖) หรอื (๑๗) หรอื (๑๘) (๒) เป็นข้าราชการการเมือง (๓) เปน็ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร สมาชกิ วุฒิสภา หรอื รัฐมนตรี” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นดว้ ย ผู้แปรญัตตขิ อสงวน นายขวัญเลิศ พานชิ มาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผ่ือน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสด์ิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศิริกญั ญา ตนั สกลุ นายสมเกียรติ ถนอมสนิ ธุ์ นางสาวสทุ ธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายสเุ ทพ อ่อู ้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook