Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 7 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

เล่ม 7 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2021-11-05 11:26:43

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 22 ธันวาคม 2565

Search

Read the Text Version

๘๒ ลาดับ หน่วยงาน รายละเอยี ด / การดาเนินการ หมายเหตุ การก่อสร้างในช่วงระยะท่ี ๒เพื่อจัดลาดับความสาคัญใหม่ อย่างเป็นระบบซึง่ ไม่ใช่ MR-MAP ทจ่ี ะสรา้ งทกุ อยา่ งพร้อมกันแต่ ต้องมีแบบจาลองที่น่าเช่ือถือมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบใน รูปแบบ scenarios analysis เช่น DoNothing , A, B, C, AB, AC, BC, ABC เป็นตน้ ๕ - กระทรวง พ้ืนท่ีบริเวณอาเภอปากช่องและอาเภอสีคิ้ว มีโครงการคมนาคม ควรดาเนินการ คมนาคม ขนาดใหญ่ผ่าน จึงควรมีแผนการพัฒนาเชิงพื้นท่ีรองรับอย่าง ใหแ้ ล้วเสร็จ - สานกั งาน สภาพัฒนาฯ ชัดเจน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ ภายใน ๕ ปี - การรถไฟ ประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนั้น จึงควรให้หน่วยงานท่ีมีหน้าท่ี แห่งประเทศไทย- ดาเนินการเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และสังคม เช่น สานักงาน - สานกั งาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ดาเนนิ การ นโยบายและ สรา้ งการรับรู้แกป่ ระชาชน แผนการขนสง่ และจราจร ๖ - กระทรวง ต้องมีความชัดเจนในแผนงานของหน่วยงานท่ีจะดูแลเรื่องรถไฟ ควรดาเนนิ การ คมนาคม ความเร็วสูงต่อไป - กรมการขนสง่ ใหแ้ ล้วเสรจ็ ทางราง ภายใน ๒ ปี - การรถไฟ แห่งประเทศไทย ๗. -กรมการขนสง่ ควรมกี ารกาหนดมาตรฐานกลางทจ่ี ะใชใ้ นประเทศในอนาคต ควรดาเนนิ การ ให้แล้วเสร็จ ทางราง ภายใน ๒ ปี - การรถไฟ แหง่ ประเทศไทย ๘. -กรมการขนสง่ ช่วงบางซ่ือ - ดอนเมือง ซึ่งทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูง ควรดาเนินการ ทางราง เชื่อม ๓ สนามบิน ยังไม่มีความชัดเจน ควรมีการวิเคราะห์ ให้แลว้ เสร็จ - การรถไฟ แหง่ ประเทศไทย Redundant Cost จากงานโครงสร้างและงานระบบของช่วงท่ี ภายใน ๒ ปี ทับซ้อนอย่างละเอียดเพื่อเรียนรู้จากปัญหาในอดีตและป้องกัน ไม่ให้เกิดข้ึนอีกในอนาคตจากการที่สร้างเป็นสาย ๆ โดยไม่มี มาตรฐานกลาง ๙. - กระทรวง ควรมีการลงทุนร่วมกันระหวางรัฐกบั เอกชน เพอ่ื ไมใ่ ห้รฐั รบั ภาระ ควรดาเนนิ การ แต่เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะในช่วงสภาวะเศรษฐกิจท่ีมีการแพร่ ใหแ้ ลว้ เสรจ็ คมนาคม ระบาดโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อไม่ให้ ภายใน ๒ ปี - กระทรวง เปน็ ภาระของประเทศในอนาคต การคลัง



บรรณานกุ รม เอกสาร สานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (๒๕๖๓) รายงานโครงการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคล่ือน ติดตาม และประเมินผลการดาเนนิ โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหวา่ งไทย-จีน ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๓ เอกสารการประชุม บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม คร้ังที่ ๒๙ วันพฤหัสบดีที่ ๓ กันยายน พ.ศ .๒๕๖๓ ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธกิ าร (สผ.) ๔๑๒ ชน้ั ๔ อาคารรัฐสภา บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม ครั้งท่ี ๓๐ วันพฤหัสบดีท่ี ๑๐ กันยายน พ.ศ .๒๕๖๓ ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.) ๔๑๒ ช้นั ๔ อาคารรฐั สภา บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม คร้ังที่ ๓๑ เม่ือวันพฤหัสบดีท่ี ๒๔ กันยายน พ.ศ .๒๕๖๓ ณ หอ้ งประชมุ คณะกรรมาธิการ (สผ.) ๔๑๒ ชั้น ๔ อาคารรัฐสภา บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม คร้ังที่ ๓๒ เมื่อวันพฤหัสบดีท่ี ๘ ตุลาคม พ.ศ .๒๕๖๓ ณ หอ้ งประชมุ คณะกรรมาธิการ (สผ.) ๔๑๒ ชน้ั ๔ อาคารรัฐสภา บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม คร้ังท่ี ๓๓ วันพฤหัสบดีที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ .๒๕๖๓ ณ ห้องประชมุ คณะกรรมาธกิ าร (สผ.) ๔๑๒ ชั้น ๔ อาคารรัฐสภา บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม คร้ังท่ี ๓๕ วันอังคารท่ี ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ .๒๕๖๓ ณ หอ้ งประชุม สานักงานสนามโครงการรถไฟความเร็วสงู ไทย - จนี (ปากชอ่ ง) บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการคมนาคม คร้ังท่ี ๔๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ หอ้ งประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.) ๔๑๒ ชน้ั ๔ อาคารรฐั สภา หนังสือราชการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ รฟ ๑/๒๑๐๓/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ เร่ือง ขอนาส่งข้อมูล โครงการรถไฟความเรว็ สูงชว่ งกรงุ เทพมหานคร - นครราขสีมา และชว่ งนครราชสีมา - หนองคาย

๘๕ ภาคผนวก

๘๖ ญตั ติเพื่อพิจารณาศกึ ษา ตรวจสอบ และตดิ ตาม การดาเนนิ โครงการรถไฟความเร็วสงู ชว่ งกรุงเทพมหานคร – นครราชสมี า และชว่ งนครราชสีมา – หนองคาย

๘๗ ญตั ตดิ ว่ น เรอ่ื ง ขอใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรตง้ั คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั เพอื่ ศึกษาตรวจสอบ และติดตามการดาเนินการโครงการรถไฟ ความเรว็ สูงชว่ ง กรงุ เทพ – นครราชสมี า และ ชว่ ง นครราชสีมา – หนองคาย (นายวนิ ท์ สธุ รี ชัย และนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผเู้ สนอ)

๘๘

๘๙

๙๐

๙๑ ญตั ติ เรอ่ื ง ขอใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรตงั้ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ตดิ ตามการดาเนนิ งานกอ่ สร้างรถไฟความเรว็ สูง ชว่ งกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา และนครราชสมี า – หนองคาย (นายประเสรฐิ จนั ทรรวงทอง และนายอุบลศักด์ิ บวั หลวงงาม ผเู้ สนอ)

๙๒

๙๓

๙๔ รายชอื่ ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ---------------------------------- กลุ่มงานคณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม สานักกรรมาธิการ ๑ ๑. นางสาวจนั ทิมา ทองชาติ ผูบ้ ังคับบัญชากล่มุ งานคณะกรรมาธกิ ารการคมนาคม ๒. นายพงศ์พนั ธ์ุ จติ รานุกิจ วิทยากรเชีย่ วชาญ ๓. นายสธุ ี เพญ็ ศศิธร นิตกิ รชานาญการพิเศษ ๔. นางปวีณา ศรีสาทร นิติกรชานาญการพิเศษ ๕. นางสาวมนี า ไพรวัลย์ วิทยากรชานาญการพิเศษ ๖. นายประเสรฐิ วงศ์ภูธร วทิ ยากรชานาญการ ๗. นายธรี พล ประดิษฐบรรจง วทิ ยากรชานาญการ ๘. พันจ่าอากาศโท ฤทธิชัย จันทา นติ ิกรชานาญการ ๙ นางฉัตรกนกวรรณ จันทา นติ กิ รชานาญการ ๑๐. นางแววตา ปะดอตา เจา้ พนักงานธรุ การชานาญงาน ๑๑. นางสาวณภัทร์ แสงสว่าง เจา้ พนกั งานธุรการชานาญงาน ๑๒. นายพงศส์ นั ต์ แซ่ลิม้ เจา้ พนักงานธรุ การชานาญงาน ๑๓. นางสาววิไลลกั ษณ์ บุญเทียน เจา้ พนกั งานธุรการปฏบิ ัติงาน ๑๔. นางสาววิรยิ ามน ลิม่ สงวน นักวิชาการสนบั สนนุ งานนติ ิบัญญตั ิ *****************************

236 ก่อน พ.ศ. ๒๕๖๐ หลงั พ.ศ. ๒๕๖๐ เหมืองประเภทท่ี ๓ : กรณีเหมืองใตด้ ิน กาหนดมาตรการส่งิ แวดล้อมตาม EIA / EHIA ๑. กองทนุ เฝา้ ระวังสุขภาพ : ๑. กองทนุ เฝา้ ระวงั สุขภาพ : ๑.๑ กรณีแรห่ นิ อุตสาหกรรมเกบ็ ๐.๕ บาท / ๑.๑ กรณีแร่หินอุตสาหกรรมเกบ็ ๐.๕ บาท / เมตริกตัน (ข้ันตา่ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ต่อป)ี เมตริกตัน (ขั้นตา่ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปี) ๑.๒ กรณีแรอ่ ื่นคิดตามมูลค่าการผลิต จัดเก็บ ๑.๒ กรณีแรอ่ ่ืนคิดตามมูลค่าการผลิต จดั เก็บ ๑๐๐,๐๐๐ / ๒๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปี ๑๐๐,๐๐๐ / ๒๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปี ๒. กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพนื้ ที่เหมืองแร่ : ๒. กองทนุ พัฒนาหมู่บ้านรอบพนื้ ที่เหมืองแร่ : ๒.๑ กรณีแร่หินอุตสาหกรรม เก็บ ๐.๑ บาท / ๒.๑ กรณีแร่หนิ อุตสาหกรรม เก็บ ๐.๑ บาท / เมตริกตัน (ข้ันต่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่อป)ี เมตริกตัน (ข้ันต่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่อป)ี ๒.๒ กรณีแร่อ่ืน คดิ ตามมูลค่าการผลิต จัดเก็บ ๒.๒ กรณีแรอ่ ื่น คดิ ตามมลู ค่าการผลิต จัดเก็บ ๒๕๐,๐๐๐ / ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปี ๒๕๐,๐๐๐ / ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปี ๓. กองทุนฟื้นฟูพนื้ ท่ีเหมืองแร่ : วงเงินฟื้นฟตู าม EIA / ๓. หลักประกนั การฟื้นฟูและการเยียวยา EHIA ๓.๑ วงเงนิ ฟื้นฟูตาม EIA / EHIA ๓.๒ วงเงนิ เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๔. ประกันภยั : วงเงินประกันภัย ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๕. เงนิ ค่าทดแทนสาหรับการทาเหมืองใต้ดนิ สรุปผลการพิจารณาศึกษาแนวทางการดาเนินการจัดตั้งกองทุนและการบริหารจัดการกองทุนต่าง ๆ ระหวา่ งผูถ้ อื ประทานบัตรกับชมุ ชนในพื้นท่ี ตามประกาศการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นท่ีเหมืองแร่ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซ่ึงนิยาม กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ หมายถงึ เงินท่ีผู้ถือประทานบัตรหรือผู้รับชว่ งการทาเหมืองจัดเก็บเข้า กองทุนตามจานวนและช่วงเวลาที่กาหนดไว้ในมาตรการ (มาตรการดังกล่าวครอบคลุมการจัดทา EIA / EHIA ) ปอ้ งกันและแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดล้อม หรือเงอื่ นไขแนบท้ายการอนุญาตประทานบัตรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสาหรับ ดาเนินกิจกรรม การพัฒนาสาธารณประโยชน์ การศึกษา ประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชนโดยรอบพ้ืนท่ี ประทานบัตรและพื้นที่ที่เก่ียวข้องกับประทานบัตร ซ่ึงตามมาตรการได้กาหนดช่ือต่าง ๆ กัน เช่น กองทุน หมู่บ้านรอบพ้ืนท่ีเหมืองแร่ กองทุนพัฒนาชุมชนรอบพ้ืนที่เหมืองแร่ กองทุนพัฒนาชุมชน และกองทุนมวลชน สัมพันธ์ เป็นต้น วัตถุประสงค์เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในการดาเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาหมู่บ้านรอบพ้ืนที่ ประทานบัตร และพื้นทีท่ ี่เกี่ยวข้องกับประทานบัตร การบรหิ ารจัดการกองทุนและการจัดการเงนิ กองทนุ ในช่วง ปีแรกที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรหรือต่ออายุประทานบัตรหรือต้ังแต่ได้รับเงื่อนไขให้มีการจัดต้ังกองทุน ให้ผู้ ถือประทานบัตรหรือผู้รับช่วงการทาเหมืองจะต้องดาเนินกิจกรรมหรือโครงการท่ีกาหนดไว้ให้แล้วเสร็จก่อนเปิด ทาการเหมอื ง ดังน้ี 1. จัดตั้งคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์ตามองค์ประกอบที่กาหนดไว้ในมาตราการป้องกันและแก้ไข ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้เพ่ิมเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข พัฒนากรประจาท้องที่ ผู้แทนวัดและสถานศึกษา ในพ้ืนที่ ร่วมเป็นกรรมการและที่ปรึกษา หากประทานบัตรใดไม่มีข้อกาหนดเกี่ยวกับการจัดต้ังคณะกรรมการ มวลชนสัมพันธ์ให้ผู้ถือประทานบัตรดาเนินการจัดตั้งคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์และผู้แทนส่วนราชการ ท้องถิ่น โดยให้มีเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข พัฒนากรประจาท้องท่ี ผู้แทนวัด และสถานศึกษาในพื้นท่ีร่วมเป็น กรรมการและท่ีปรึกษา กรณีพื้นท่ีประทานบัตรตั้งแต่ 2 แปลงข้ึนไป มีพ้ืนท่ีต่อเนื่องการหรืออยู่ใกล้เคียงกันใน ลกั ษณะหมเู่ หมือง หากผ้ถู ือประทานบตั รหรือผู้รับชว่ งการทาเหมืองในพ้ืนท่ีหม่เู มืองดังกล่าว มีความประสงค์จะ

237 จัดตั้งคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์ร่วมกันเป็นหมู่เหมืองก็ได้ โดยให้ผู้ถือประทานบัตรหรือผู้รับช่วงการทา เหมอื งหรือผแู้ ทนทุกรายต้องเข้ารว่ มในคณะกรรมการดว้ ย 2. จัดทาแผนงานโครงการหรือกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านโดยรอบพื้นท่ีเหมืองแร่ เสนอให้กรรมการมวลชน สัมพันธ์พิจารณาโดยกาหนดขอบเขตพ้ืนที่ในรัศมี 1 ถึง 3 กิโลเมตร หรือเป็นไปตามท่ีคณะกรรมการมวลชน สมั พนั ธ์กาหนด หรอื เปน็ ไปตามทก่ี าหนดไว้ในมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสง่ิ แวดล้อม ๓. ประชมุ คณะกรรมการมวลชนสัมพันธอ์ ย่างน้อย 1 ครง้ั 3.1 พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานการดาเนินกิจกรรมหรือโครงการพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นท่ี เหมืองแร่ 3.2 จัดทาระเบียบว่าด้วยกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นท่ีเหมืองแร่ โดยกาหนดให้เป็นพ้ืนท่ี ครอบคลุมพ้ืนท่ีดาเนินกิจกรรมหรือโครงการการขอและพิจารณาอนุมัติใช้เงินทุน และวิธีการเบิกจ่ายเงินเพ่ือ เป็นแนวทางปฏิบัติให้คณะกรรมการและผู้เก่ียวข้องทราบ โดยการเบิกจ่ายเงินทุนจะต้องแต่งต้ังคณะกรรมการ จากผู้แทนภาคประชาชนเป็นผู้ร่วมลงชื่อกับกรรมการอื่นตามที่คณะกรรมการแต่งตั้งให้เป็นผู้มีสิทธ์ิเบิกจ่าย กองทุน อีกทั้ง ประกาศกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ เร่ือง แนวทางการบริหารจัดการกองทุน เฝ้าระวังสุขภาพสาหรับโครงการเหมืองแร่ พ.ศ. 2559 นิยาม กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ หมายถึง เงินท่ีผู้ถือ ประทานบัตรหรือผู้รับช่วงการทาเหมืองจัดเก็บเข้ากองทุนตามจานวนและช่วงเวลาท่ีกาหนดไว้ในมาตรการ ป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมการเฝ้าระวังสุขภาพอนามัยของประชาชนท่ีอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง พ้ืนที่ประทานบัตร และพ้ืนท่ีท่ีเกี่ยวข้องกับประทานบัตร ซึ่งตามมาตรการได้กาหนดชื่อต่าง ๆ กัน เช่น กองทุน ส่งเสริมสุขภาพและอนามัยของชุมชน กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพของชุมชน กองทุน เฝ้าระวังภาวะสุขภาพและอนามัยของชุมชน และกองทุนสุขภาพอนามัยของประชาชน เป็นต้น วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสาหรับดาเนินกิจกรรมการเฝ้าระวังสุขภาพอนามัยหรือตรวจสุขภาพของประชาชน รวมทั้ง สนับสนนุ กิจกรรมที่เก่ยี วข้องกับสาธารณสุขของชมุ ชน กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพและกองทุนพฒั นาหมู่บ้านรอบพ้ืนท่ีเหมืองแร่ ไดม้ ีการกาหนดไว้ในรายงาน EIA และประกาศของกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ โดยกาหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายการขออนุญาต ประทานบัตรเหมืองแร่ ส่วนกฎหมายใหม่ได้เพ่ิมเติมในมาตรา ๖๘ (๙) ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มี ๒ เรื่อง คอื การวางหลักประกันฟ้ืนฟูและการเยียวยา และการกาหนดวงเงนิ ประกันภัย ดังน้ัน หลักเกณฑ์การ คดิ วงเงินหลักประกัน โดยเหมืองแร่ทุกประเภทต้องวางหลักประกัน แต่จะมีวงเงนิ หลักประกันท่ีแตกต่างกันตาม ประเภทของเหมืองแร่ ซึ่งมีหลักการคิดวงเงินหลักประกันจาก ๒ ส่วน ได้แก่ วงเงินหลักประกันการฟื้นฟูพ้ืนที่ ตามแผนการฟื้นฟูท่ีทาเหมืองของแต่ละโครงการ และวงเงินหลักประกันการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทา เหมืองของเหมืองแต่ละโครงการ จะเท่ากับวงเงินหลักประกัน ซ่ึงนาไปฝากไว้ท่ีธนาคารเพื่อค้าประกัน จากน้ันได้ ชแ้ี จงเกย่ี วการวางหลักประกนั การฟ้ืนฟูสภาพพ้ืนท่ีการทาเหมืองและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทาเหมือง สาหรับการทาเหมืองประเภทท่ี ๒ และประเภทท่ี ๓ ท่ีกาหนดวงเงินประกันภัย โดยได้เสนอขอ้ มูลตัวอย่างการใช้ เงินกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากการทาเหมืองหินในพื้นท่ี ตาบลหน้าพระลาน จังหวัด สระบุรี ในอดีตท่ีผ่านมาได้ตั้งกองทุน ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ซ่ึงการกาเนิดของกองทุนเร่ิมจาก เง่ือนไขที่กาหนดแนบท้ายการขออนุญาตประทานบัตรเหมืองแรใ่ นรายงาน EIA โดยกาหนดเริ่มตน้ ประกอบด้วย กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ ได้เป็นผู้กาหนดมาตรการเพื่อเป็นหลักการไว้ในส่วนของจานวนเงิน และวงเงินตามชนิดแร่ เนื่องจากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้อ้างอิงประเภทของเหมืองแร่ แบ่งได้

238 ๓ ประเภท แต่อดีตจะมีกองทุนอยู่ ๓ กองทุน โดยเหมืองแร่ทั่วไปจะมี ๓ กองทุน ยกเว้นเหมืองแร่เฉพาะกิจ เช่น เหมืองแร่ใต้ดิน เหมืองแร่โพแทช เหมืองแร่ทองคา ได้กาหนดกองทุนเพ่ิมเติมขึ้นมาจากท่ีกฎหมายกาหนด ไว้ จึงไม่ขอชี้แจงเหมืองแร่เฉพาะในการนาเสนอข้อมูลในคร้ังน้ี แต่จะนาเสนอข้อมูลเหมืองแร่ทั่วไปจะมี ๓ กองทุนเท่านั้น ได้แก่ (๑) กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพซึ่งมีการเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามรายงาน EIA หากเก่ียวกับ สขุ ภาพให้ตั้งชอื่ ว่า กองทุนเฝ้าระวงั สุขภาพ ในส่วนวิธกี ารใชเ้ งนิ กองทุนจะมีประกาศของกรม ฯ มารองรับการใช้ กองทุน เช่น ผู้มีส่วนได้เสียเป็นใครบ้าง ผู้ใดมีอานาจใช้เงินกองทุน คณะกรรมการกาหนดโดยผู้ใด วัตถุประสงค์ ของกองทุนใช้อะไรได้บ้าง เป็นต้น (๒) กองทนุ พัฒนาหมู่บา้ น ฯ ในอดตี มีกองทุนฟื้นฟูพื้นท่เี หมืองแร่รวมอยู่ด้วย เพื่อฟ้ืนฟูเหมืองแร่ โดยดาเนินการตามแผนฟื้นฟูที่ได้จัดทารายงาน EIA อาจแบ่งการฟื้นฟูในแต่ละปีตามอายุ การขออนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ โดยให้ผู้ประกอบการบริษัทเปิดบัญชีธนาคารด้วยตนเองโดยใช้ช่ือกองทุน แตเ่ น่อื งจากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ไมก่ าหนดจัดต้งั เปน็ กองทุนแล้วและเปลี่ยนแปลงให้วางหลักประกัน กับธนาคารแทน หากบรษิ ทั ไมด่ าเนนิ การฟน้ื ฟูกรม ฯ จะนาเงนิ ในธนาคารทค่ี ้าประกันไวไ้ ปดาเนนิ การแทน สรุปผลการพิจารณาศึกษากระบวนการการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ กรณี การจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ ตามพระราชบัญญัติกาหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอานาจให้แก่องค์กร ปกครองสว่ นท้องถนิ่ พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้มีการกระจายรายได้เข้า ไปสู่ท้องถ่ิน ซึ่งไม่ใช่อานาจตามพระราชบัญญัติแร่ แต่เป็นอานาจตามพระราชบัญญัติกาหนดแผนและ ข้ันตอนการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมถึงฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2549 ซงึ่ กรมสง่ เสรมิ การปกครองส่วนท้องถนิ่ จะใหข้ ้อมลู รายละเอียดต่อไป โดยปจั จุบันหน่วยงานได้ ใช้ระเบียบเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่เดิมอยู่และได้ทราบว่ากาลังดาเนินการปรับปรุงระเบียบใหม่ เช่น อัตราการจัดสรร ขอบเขตผู้มีส่วนได้เสีย โดยค่าภาคหลวงแร่หรือภาษีของรัฐจะกระจายสู่ท้องถิ่น อย่างไร เป็นต้น อยา่ งไรก็ดี ในเบ้ืองต้นทราบว่าสัดสว่ นค่าภาคหลวงแรซ่ ่ึงท้องถิ่นเห็นว่าไม่เพียงพอควรปรับ สดั ส่วนการจัดสรรค่าภาคหลวง ซ่ึงบางองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ทใ่ี กลเ้ คียงไดร้ บั ผลกระทบดว้ ย กรณีศึกษา : ตัวอย่างการจัดสรรงบประมาณให้กับประชาชนในพื้นที่ท่ีประกอบกิจการเหมืองแร่เพ่ือ การมสี ่วนรว่ มของประชาชนในการประกอบกจิ การเหมอื งแร่ ดงั นี้ 1. ตวั อยา่ งการกาหนดกองทุนใน EIA (บริษทั ปญั จะพฒั นาวิศวกรรมและพานิชย์การ จากดั ) บริษัท ปญั จะพัฒนาวิศวกรรมและพานิชยก์ าร จากัด คาขอประทานบัตรที่ 30348/16420 ชนิด แร่ยิปซัมและแอนไฮไดรต์ ตั้งอยู่ท่ี ต.เขานิพันธ์ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่ 104-3-73 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าไม้ 2484 เต็มทั้งแปลง ซ่ึงเป็นการขอประทานบัตรรอบใหม่ทับในพื้นที่ประทานบัตรเดิม โดยเป็นคาขอที่ 2/2560 EIA ได้รับความเห็น ชอบจาก คชก. ในการประชุมคร้ังที่ 28/2562 เม่ือวันท่ี 10 กันยายน ๒๕62 ไดร้ บั อนุญาตประทานบัตร มอี ายุ 17 ปี (19 มิถนุ ายน ๒๕63 – 18 มิถนุ ายน ๒๕80) ๑.๑ ตามแผนการผลิต ปลี ะ 400,000 เมตริกตนั ๑.๒ สัดสว่ นการนาเงินเข้ากองทนุ เฝา้ ระวงั สุขภาพ ตามมูลค่าผลติ 200,000 บาทต่อปี ๑.๓ สัดสว่ นนาเงินเข้ากองทนุ พฒั นาหมู่บ้านรอบพ้นื ท่เี หมืองแร่ ตามมลู ค่าผลติ 500,000 บาท/ปี ตวั อยา่ ง การจดั สรรผลประโยชนร์ ว่ ม (ร้อยละ ๒๕ / ๗๕) - กรณีจัดสรรให้ครัวเรือนในรัศมี 0.5 กิโลเมตร ร้อยละ 25 => 125,000/7 = 17,857 บาท/ ครวั เรอื น/ปี

239 - กรณจี ัดสรรให้ครวั เรอื นในรัศมี 0.5 -3กโิ ลเมตรรอ้ ยละ75=> 375,000/747 = 502 บาท/ครัวเรือน/ปี ตวั อยา่ ง การจดั สรรผลประโยชนร์ ว่ ม (ร้อยละ ๕๐) - กรณีจัดสรรให้ครัวเรือนรัศมี 0.5 กิโลเมตร รอ้ ยละ 50 => 250,000/7 = 35,714 บาท/ครวั เรือน/ปี - กรณีจัดสรรให้ครัวเรอื นรัศมี 0.5 - 3 กิโลเมตร รอ้ ยละ 50 => 250,000/747 = 335 บาท/ครัวเรอื น/ปี 2. ตวั อย่างการกาหนดกองทุนใน EIA (บริษทั สรุ าษฎร์ผาทอง จากัด) คาขอประทานบัตรท่ี 30328/16342 ชนิดแร่หินปูนเพ่ืออุตสาหกรรมก่อสร้างต้ังอยู่ที่ หมูท่ ่ี 8 ต. กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี มีเนื้อท่ี 265-2-80 ไร่ เป็นการขอประทานบัตรใหม่ทับในพื้นที่ประทาน บัตรเดิม (ส้ินอายุ 26 มีนาคม ๒๕61) โดยเป็นคาขอท่ี 17/2557 EIA ได้รับความเห็นชอบจาก คชก. ในการ ประชุมคร้ังที่ 45/2560 เมื่อวันท่ี 21 พฤศจิกายน ๒๕60 ได้รับอนุญาตประทานบัตร มีอายุ 30 ปี (15 มนี าคม ๒๕62 – 14 มนี าคม ๒๕92) ๒.๑ ตามแผนการผลิต ปลี ะ 600,000 เมตริกตัน ๒.๒ สัดส่วนการนาเงินเข้ากองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ 0.5 บาท/เมตริกตนั (ขั้นต่า 200,000 บาทต่อปี) ดังนัน้ นาเงนิ เขา้ กองทุนเฝ้าระวังสขุ ภาพปีละ ประมาณ 0.5 x 600,000 บาท = 300,000 บาท ๒.๓ สัดส่วนการนาเงินเข้ากองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพ้ืนที่เหมืองแร่ 1.0 บาท/เมตริกตัน (ขั้นต่า 500,000 บาทต่อปี) ดังนั้น นาเงินเข้ากองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพ้ืนท่ีเหมืองแร่ ปีละ ประมาณ 1.0 x 600,000 บาท = 600,000 บาท ตัวอย่าง การจัดสรรผลประโยชน์ร่วม (รอ้ ยละ ๒๕ / ๗๕) - กรณีจัดสรรให้ครัวเรือนในรัศมี 0.5 กิโลเมตร ร้อยละ 25 => 150,000/56 = 2,678 บาท/ ครัวเรอื น/ปี - กรณีจัดสรรให้ครัวเรือนในรัศมี 0.5 - 3 กิโลเมตร ร้อยละ 75 => 450,000/1,381 = 325 บาท/ครัวเรือน/ปี ตวั อย่าง การจดั สรรผลประโยชน์รว่ ม (ร้อยละ ๕๐) - กรณีจัดสรรให้ครัวเรือนในรัศมี 0.5 กิโลเมตร ร้อยละ 50 => 300,000/56 = 5,357 บาท/ ครัวเรือน/ปี - กรณีจัดสรรให้ครัวเรือนในรัศมี 0.5 - 3 กิโลเมตร ร้อยละ 50 => 300,000/1,381 = 217 บาท/ครัวเรอื น/ปี ตัวอยา่ ง การจัดสรรผลประโยชน์ร่วม - กรณจี ดั สรรให้ 1,487 ครวั เรือน (ในรศั มี 0.5 ก.ม. มี 56 ครวั เรือน ) => 600,000/1,487 = 403 บาท/ครัวเรอื น/ปี - กรณีเพ่ิมวงเงินในการจัดสรรเป็น 6,000 บาท/ครัวเรือน/ปี ตอ้ งใช้วงเงนิ กองทนุ ปลี ะ ประมาณ 6,000 x 1,487 บาท = 8,922,000 บาท หรือ เกบ็ ในสัดส่วน 8,922,000/600,000 = 14 บาท/ เมตริกตัน - กรณีเพ่ิมวงเงินจัดสรรเป็น 12,000 บาท/ครัวเรือน/ปี ต้องใช้วงเงินกองทุน ปีละ ประมาณ 12,000 x 1,487 บาท = 17,044,000 บาท หรือในสดั ส่วน 17,044,000/600,000 = 30 บาท/ เมตรกิ ตนั ๓. ตวั อย่างการกาหนดกองทุนใน EIA (บริษทั สยามสโตน แอก๊ กรเิ กรท จากดั ) คาขอประทานบัตรที่ 31264/16351 ชนิดแร่หินแอนดีไซต์ เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างตั้งอยู่ท่ี หมู่ท่ี 8 ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเกด็ จ.เชยี งใหม่ มเี นื้อท่ี 299-3-94 ไร่ ต้ังอยู่ในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติป่าขุนแม่กวาง

240 ซ่ึงเป็นพื้นท่ีป่าเศรษฐกิจ (Zone E) เป็นการขอประทานบัตรใหม่ในพ้ืนที่ประทานบัตรเดิม (29 กรกฎาคม ๒๕41 - 28 กรกฎาคม ๒๕61) โดยเป็นคาขอท่ี 2/2557 EIA ได้รับความเห็นชอบจาก คชก. ในการประชุม ครั้งท่ี 30/2560 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ๒๕60 ได้รับอนุญาตประทานบัตร มีอายุ 27 ปี (7 พฤษภาคม ๒๕62 – 6 พฤษภาคม ๒๕89) ๓.๑ ตามแผนการผลิต ปลี ะ 2,000,000 เมตริกตัน ๓.๒ สัดส่วนการนาเงนิ เข้ากองทนุ เฝ้าระวังสุขภาพ 0.5 บาท/เมตรกิ ตัน (ขน้ั ตา่ 200,000 บาทต่อ ปี) ดังนน้ั นาเงนิ เขา้ กองทุนเฝา้ ระวังสขุ ภาพ ปีละ ประมาณ 0.5 x 2,000,000 บาท = 1,000,000 บาท ๓.๓ สัดส่วนการนาเงินเข้ากองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ 1.0 บาท/เมตริกตัน (ขั้นต่า 500,000 บาทต่อปี) ดังน้ัน นาเงินเข้ากองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพ้ืนท่ีเหมืองแร่ ปีละ ประมาณ 1.0 x 2,000,000 บาท = 2,000,000 บาท ตัวอยา่ ง การจดั สรรผลประโยชนร์ ่วม - กรณีจัดสรรให้ 392 ครัวเรือน (ไม่มีบ้านเรือนในรัศมี 0.5 กิโลเมตร) => 2,000,000/392 = 5,102 บาท/ครัวเรอื น/ปี - กรณี เพิ่ มวงเงินในการจัดสรรเป็ น 6,000 บาท/ครัวเรือน/ปี ต้ องใช้ วงเงินกองทุ น ปีละ ประมาณ 6,000 x 392 บาท = 2,352,000 บาท หรือ เก็บในสัดส่วน 2,352,000/2,000,000 = 1.18 บาท/เมตริกตัน - กรณี เพ่ิ มวงเงินในการจัดสรรเป็ น 12 ,000 บาท/ครัวเรือน/ปี ต้องใช้วงเงินกองทุ น ปลี ะ ประมาณ 12,000 x 392 บาท = 4,704,000 บาท หรือ เก็บในสัดส่วน 4,704,000/2,000,000 = 2.35 บาท/เมตริกตัน 7.๖ พน้ื ที่กนั ชน (Buffer Zone) ในการประกอบอุตสาหกรรมเหมอื งแร่ ๗.๖.1 พ้ืนท่ีกนั ชนตามท่กี าหนดในแผนผังโครงการ 1) กรณที ว่ั ไปทุกโครงการ การออกแบบแผนผังโครงการทาเหมืองทุกแปลงตามมาตรฐานท่ีกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ตั้งหลักเกณฑ์ไว้ จะกาหนดให้เว้นไม่ทาเหมืองชิดขอบแปลงประทานบัตรตลอด แนวทุกด้านในระยะ 10 เมตร เพ่ือเป็นพ้ืนที่เว้นไม่ทาเหมืองและใช้ประโยชน์เพื่อการปลูกต้นไม้ป้องกัน มมุ มองเห็นจากภายนอก รวมถงึ ป้องกันความปลอดภัยจากบคุ คลภายนอก 2) กรณีมีถนนหรอื ทางน้าสาธารณะอยใู่ นพนื้ ที่โครงการ การออกแบบแผนผังโครงการทาเหมือง หากมีถนนหรือทางน้าสาธารณะอยู่ใน พื้นที่โครงการ จะกาหนดให้เว้นไมท่ าเหมืองเข้าใกลใ้ นระยะ 100 เมตร สาหรับการทาเหมืองประเภทที่ ๑ และภายในระยะ 300 เมตร สาหรับการทาเหมืองประเภทท่ี ๒ และประเภทที่ ๓ ท้ัง 2 ด้าน เว้นแต่ ประทานบัตรกาหนดให้ทาได้หรือได้รับอนุญ าตให้เปลี่ยนแผนผั งโครงการ (มาตรา 68 (3) แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560) โดยพ้ืนที่เว้นไม่ทาเหมืองจะใช้ประโยชน์เพื่อการปลูกต้นไม้ เพือ่ ป้องกันมิให้ส่งผลกระทบตอ่ ผใู้ ชป้ ระโยชนน์ ้นั ๆ 3) กรณมี ถี นนหรอื ทางนา้ สาธารณะอยู่ตดิ พนื้ ทีโ่ ครงการ การออกแบบแผนผังโครงการทาเหมือง หากมีถนนหรือทางน้าสาธารณะอยู่ติด หรือชิดพ้ืนที่โครงการ จะกาหนดให้เว้นไม่ทาเหมืองด้านในพ้ืนท่ีโครงการให้อยู่ห่างจากทางหรือทางน้า สาธารณะดังกล่าวในระยะ 100 เมตร สาหรับการทาเหมืองประเภทที่ ๑ และภายในระยะ 300 เมตร สาหรับการทาเหมอื งประเภทที่ ๒ และประเภทที่ ๓ เว้นแต่ประทานบัตรกาหนดให้ทาได้หรือได้รับอนุญาต

241 ให้เปลี่ยนแผนผังโครงการ (มาตรา 68 (3) แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560) และใช้ประโยชน์เพ่ือการ ปลูกต้นไม้เพอื่ ป้องกันมใิ หส้ ่งผลกระทบตอ่ ผูใ้ ชป้ ระโยชนน์ ัน้ ๆ โดยข้อมูลพ้ืนท่ีกันชน (Buffer Zone) ทุกกรณี จะนาไปประกอบในรายงาน การประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) เพื่อให้สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม พิจารณาความเหมาะสมด้านการใช้พ้ืนท่ี การป้องกันผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม และความ ปลอดภัยจากการใช้ประโยชน์สาธารณะน้ัน ๆ หากมีการเปลีย่ นแปลงระยะท่ีแตกต่างจากเดิม จะตอ้ งได้รับ ความเห็นขอบจากสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อน หน่วยงานอนุญาต จะนาความเหน็ มาประกอบการอนญุ าต ๗.๖.2 พ้ืนทกี่ นั ชนทก่ี าหนดเพ่ิมเติม เป็นการกาหนดพื้นที่กันชนเพ่ิมเติมนอกเหนือจากการกาหนดตามแผนผังโครงการ ทาเหมือง สามารถดาเนินการได้ โดยอาศัยอานาจหน้าท่ีของสานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) ที่จะกาหนดเง่ือนไขให้เว้นพ้ืนท่ีไม่ทาเหมืองในพื้นที่โครงการเพ่ิมเติมในระยะที่มากข้ึน เพื่อให้พ้ืนที่โครงการอยู่ห่างจากชุมชนหรือสิ่งก่อสร้างที่สาคัญหรืออาจกาหนดให้พ้นรัศมีที่จะได้รับ ผลกระทบจากการประกอบกิจการ ท้ังนี้ หากเห็นว่าไม่สามารถเว้นระยะแนวกันชนเพ่ือลดผลกระทบ สิ่งแวดล้อม อาจจะพิจารณาไม่ให้ความเห็นชอบรายงานฯ ได้ โดยการจัดทารายงานทุกฉบับจะมีการ ประเมินผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อมทุกด้าน ตามผลการศึกษาสภาพภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม และ ตาแหน่งท่ีตั้งชุมชนโดยรอบในรศั มี 3 กิโลเมตร ร่วมกับรายละเอียดการดาเนินโครงการ ซง่ึ จะระบุลักษณะ ธรณีวิทยาแหล่งแร่ วิธีการทาเหมือง การใช้วัตถุระเบิด และการขนส่งแร่ นามาพิจารณาประกอบกัน จึงสามารถกาหนดเขตพื้นท่ีกันชนในแต่ละแปลงได้อย่างเหมาะสมมากกว่าการกาหนดเขตพ้ืนที่ในภาพรวม ทัว่ ไป บทบญั ญัติตามพระราชบัญญตั แิ ร่ พ.ศ. 2560 ท่ีเก่ยี วข้อง มาตรา ๑๙ เพ่ือประโยชน์ในการบริหารจัดการแร่ การอนุญาตให้ทาเหมืองให้พิจารณาอนุญาตได้ เฉพาะในพ้ืนท่ีท่ีแผนแม่บทการบริหารแร่กาหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพ่ือการทาเหมืองมีความคุ้มค่าในทาง เศรษฐกิจ และสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ที่กาหนดไว้ในแผนแม่บทการบรหิ ารแร่ และในกรณีที่ แหล่งแร่ใดมีศักยภาพในการพัฒนา แต่เทคโนโลยีท่ีจะใช้ในการทาเหมืองและมาตรการป้องกันผลกระทบ ต่อคุณภาพส่ิงแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนยังไม่เหมาะสม ให้สงวนแหล่งแร่นั้นไว้จนกว่าจะมี เทคโนโลยี และมาตรการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพส่ิงแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่เหมาะสม ในกรณีการทาเหมืองที่อาจสง่ ผลกระทบต่อคุณภาพส่ิงแวดล้อมและสขุ ภาพของประชาชนสงู ในการอนุญาต ต้องกาหนดให้มีการจัดทาแนวพ้ืนท่ีกันชนการทาเหมือง และจัดทาข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและ สขุ ภาพของประชาชนดว้ ย ภายใต้บังคับวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีอานาจประกาศกาหนดให้การอนุญาตและการกาหนด เง่ือนไขใด ๆ ในการออกประทานบัตรให้ทาเหมืองในพื้นที่และชนิดแร่ใดต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการก่อนการอนุญาต เพื่อพิจารณาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความเหมาะสมของเทคโนโลยีท่ีใช้ ในการทาเหมือง มาตรการในการปอ้ งกันผลกระทบตอ่ คุณภาพสงิ่ แวดล้อมและสุขภาพของประชาชนรวมท้ัง ผลกระทบสะสมตอ่ คุณภาพสงิ่ แวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

242 มาตรา ๖๘ ผู้ถอื ประทานบตั รมีหน้าที่ตอ้ งปฏิบตั ิ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ทาเหมอื งตามวิธกี ารทาเหมือง แผนผัง โครงการ และเง่อื นไขที่กาหนดไวใ้ นการออกประทานบัตร... ... (๓) ห้ามทาเหมืองใกล้ทางหลวงท่ีได้ลงทะเบียนไว้ตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง หรือทางน้า สาธารณะภายในระยะหน่ึงร้อยเมตรสาหรับการทาเหมืองประเภทท่ี ๑ และภายในระยะสามร้อยเมตร สาหรับการทาเหมืองประเภทท่ี ๒ และประเภทท่ี ๓ เวน้ แต่ประทานบัตรกาหนดให้ทาได้หรอื ได้รับอนุญาต ให้เปล่ยี นแผนผังโครงการ ที่มา : สืบเน่ืองจากนายวาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๖ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ในประเด็น ดงั ต่อไปนี้ ๑) ประเด็นความรับผิดชอบของผู้รับประทานบัตร ซึ่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้กาหนดให้ผู้รับประทานบัตรต้องรับความผิดของการกระทาน้ัน แต่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ผู้รับประทานบัตรต้องรับความผิดชดใช้ค่าเสียหาย รวมทั้งประเด็นการฟ้ืนฟูสภาพการทาเหมืองแร่และ หลกั ประกันในเขตพ้ืนทท่ี าเหมืองแร่ โดยกาหนดในเขตพ้ืนท่ีทาเหมืองแร่เทา่ นนั้ ไม่รวมพ้นื ที่โดยรอบ ๒) ประเด็นการยกเว้นค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะผู้ประกอบการซ่ึงจัดทาโครงการความรับผิดชอบ ต่อสังคมและส่ิงแวดล้อมขององค์กร (Corporate Social Responsibility: CSR) หรือยกเว้นให้ในกรณี อุบัตเิ หตแุ ละอบุ ตั ิภยั ๓) ประเด็นแนวกันชน ในมาตรา ๑๙ แนวพนื้ ท่กี นั ชนสาหรับการทาเหมืองแร่ และมาตรา ๓๒ โดย ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนามประกาศกาหนดแนวกันชน แต่ประกาศกระทวง อุตสาหกรรมในปัจจุบันกาหนดให้แนวกันชนประเภทท่ี ๓ ซึ่งต้องจัดทารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมสาหรับโครงการหรือกิจการท่ีอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง (Environmental and Health Impact Assessment: EHIA) และการทาเหมืองแร่กัมมันตรังสีเท่าน้ัน รวมท้ังรายละเอียด ของแนวกันชน ซึ่งกาหนดระยะห่างบ่อเหมืองไปถึงชุมชน ระยะไม่น้อยกว่า ๓๐๐ เมตร โรงแต่งแร่หรือโรง ประกอบโลหกรรม ระยะ ๕๐๐ เมตร พื้นที่กักเก็บแร่หรือกักเก็บโลหกรรม ระยะ ๕๐๐ เมตร พ้ืนที่เก็บมูล ดินทราย ระยะ ๒๐๐ เมตร ซ่ึงเห็นได้ว่ารัศมีท่ีได้กาหนดมีน้อยเกินไปอาจจะต้องศึกษาและกาหนดรัศมใี ห้มี ความเหมาะสมและปลอดภัยต่อชุมชน อีกประการตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับนี้ไม่ได้ กาหนดการทาแนวกันชนกับทุกเหมืองแร่ แต่กาหนดเฉพาะเหมืองแร่ที่ต้องจัดทา EHIA และการทาเหมือง แร่กัมมันตรังสีเท่านั้น จึงได้มีข้อสังเกตว่าเหมืองในชุมชนอื่น ๆ และทรัพยากรสิ่งแวดล้อมไม่กาหนดพื้นที่ แนวกนั ชนไว้ จากนั้นคณะกรรมาธิการได้เชิญนายวาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาให้ข้อมูล ขอ้ เทจ็ จริงกับคณะกรรมาธิการ สรุปผลการพจิ ารณามีรายละเอียด ดงั นี้ แนวพนื้ ทีก่ ันชน (Buffer Zone) ตามจาแนกการทาเหมืองประเภทที่ ๑ การทาเหมอื งประเภทท่ี ๒ และการทาเหมอื งประเภทท่ี ๓ ในมาตรา ๖๘ อนุสาม ได้กาหนดแนวพน้ื ทีก่ ันชน แต่เป็นแนวพนื้ ทก่ี ันชนใน ลักษณะห่างจากทางหลวง หรือห่างจากทางน้า ท้ังน้ี ได้มีข้อกังวลเก่ียวกับชุมชนเป็นสาคัญ หากกาหนด แนวพ้ืนท่ีกันชนสาหรับการทาเหมืองประเภทที่ ๑ มีขนาดพื้นท่ีเล็กซึ่งไม่มีผลกระทบจึงไม่กังวลมากเท่าไร แต่การทาเหมืองประเภทที่ ๒ ซึ่งประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กาหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทาแนว พื้นที่กันชนการทาเหมือง แต่ในรายละเอียดกาหนดการทาเหมืองแร่ไว้เป็นเฉพาะกรณีซึ่งมีขนาดพื้นที่ใหญ่ ประมาณ ๖๒๕ ไร่ โดยขนาดของความลึกก็ไม่ได้กาหนดระบุไว้ หากการทาเหมืองประเภทท่ี ๒ ไม่กาหนด แนวพื้นที่กันชนไว้ อาจสมมติฐานได้ว่าการทาเหมืองแร่ตั้งข้างชุมชนก็สามารถดาเนินการได้ อย่างไรก็ดี ประเด็นเร่ืองเสียง ฝุ่นละออง ซึ่งการจัดทารายงาน EIA อาจจะผ่านการตรวจสอบเน่ืองจากมุ่งเน้นด้าน สงิ่ แวดล้อม แต่ปัญหาของชุมชนมีความสาคัญ เช่น เสียง ฝุ่นละออง เป็นต้น โดยการกาหนดระยะห่างจาก

243 ทางหลวงก็เกี่ยวกับด้านคมนาคม และการกาหนดระยะห่างจากลาน้าสาธารณะเก่ียวกับด้านทางน้า แต่พิจารณาแล้วพบว่าไม่ได้มุ่งเน้นที่ชุมชนเท่าไรนักจึงมีข้อกังวลในประเด็นนี้ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ได้อธิบายเพื่อความชัดเจนว่าระยะที่กล่าวถึงน้ัน คือ ระยะร่น หรือ Suggested Between Agriculture โดยเสนอให้กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่มีแนวทางการกาหนดเหมืองประเภทท่ี ๑ และประเภทที่ ๒ ในการกาหนดระยะห่างของขอบเขตการทาเหมืองแร่ (Buffer Zone) หา่ งจากชมุ ชนอยา่ งน้อย ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ เมตร ผลการพจิ ารณาศกึ ษาข้อมูลจากหนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้อง 1) กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) โครงการเหมืองแร่มีความเกี่ยวข้องกับหลายเร่ืองและหลายหน่วยงานในสาระสาคัญ ซ่ึงต้อง เร่ิมจากการสารวจพื้นทีก่ ่อนจนพิสูจน์ได้ว่ามีแร่ในพื้นท่ี และโครงการเหมืองแร่เกี่ยวขอ้ งในหลายมิติท้ังด้าน วิทยาศาสตร์หลายสาขาวิชา ด้านธรณีวิทยา ด้านวิศวกรรม ด้านความปลอดภัย และด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนจะดาเนินการกาหนดพ้ืนท่ีกันชน โดยกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ได้ปรับปรุงกฎหมาย มาหลายรอบแลว้ ซง่ึ ยงั คงหลกั การเดิม เรมิ่ จาก ๑.๑) การจัดทารายงานธรณีวิทยาแหล่งแร่ประกอบกับภูมิประเทศด้านบนหากข้อมูลมีความ ชัดเจน ๑.๒) จัดทาแผนผังโครงการทาเหมือง มี ๓ ประเด็น เลือกเทคโนโลยีการผลิตและการป้องกัน ผลกระทบ เลือกเครื่องจักรและอุปกรณท์ ่ีเหมาะสมรวมท้ังมีความคุ้มคา่ ต้นทุนต่า และชว่ ยลดผลกระทบต่อ สง่ิ แวดล้อม และกาหนด Mine Layout ที่เหมาะสม เปน็ การวางแผนตั้งแต่เริ่มแรกกาหนดพ้ืนท่ีผลติ แร่บริเวณไหน ระยะห่าง พ้ืนท่ีแนวกันชน พ้ืนที่เก็บกองแร่ พื้นที่บ่อตะกอน พื้นท่ีปลูกต้นไม้เป็นแนวป้องกันฝุ่น ซึ่งจะมี ที่มาที่ไปอย่างต่อเนื่องกัน หากการจัดทารายงานธรณีวิทยาแหล่งแร่และจัดทาแผนผังโครงการทาเหมืองมี ความถกู ต้องและชดั เจน ๑.๓) จะนามาสู่การจัดทารายงานการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม มี ๒ ประเด็น จัดทา มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบและมีระบบการติดตามและตรวจสอบ จากนั้นหากโครงการใดมี ผลกระทบค่อนข้างสูงจะกาหนดแนวพื้นท่ีกันชนสาหรับการทาเหมืองประเภทโครงการหรือกิจการท่ีมี ผลกระทบสูง เพื่อช่วยลดผลกระทบท่ีอาจเกิดจากกิจกรรมการทาเหมืองกับชุมชน โครงการเหมืองแร่เป็น ๑ ใน ๓๕ กิจการโครงการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสานักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม (สผ.) ได้จาแนกประเภทเพอื่ จัดทารายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA) แบ่งออกได้เป็น ๓ กลุ่ม เน่ืองจากเหมืองแร่มีความหลากหลายข้ึนอยู่กับองค์ประกอบใน แร่ วิธกี ารทาเหมืองแร่ ขนาดพ้ืนท่ี และวิธกี ารผลติ ซ่ึงการจาแนกผลกระทบของโครงการเหมืองแร่ ไดแ้ ก่ ๑.3.๑) ประเภทโครงการหรือกิจการท่ีมีผลกระทบค่อนข้างสูง ต้องจัดทารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมสาหรับโครงการหรือกิจการท่ีอาจก่อให้เกิดผล กระทบต่อชุมชนอย่าง รนุ แรง (Environmental and Health Impact Assessment: EHIA) ไดแ้ ก่ (๑) เหมืองแร่ใต้ดินเฉพาะที่ออกแบบให้โครงสร้างมีการยุบตัวภายหลังการทา เหมอื งโดยไม่มีคา้ ยันและไมม่ ีการใสค่ ืนวัสดทุ ดแทนเพ่อื ป้องกนั การยบุ ตัว (ทุกขนาด) (๒) เหมืองแร่ตะกั่ว เหมืองแร่สังกะสี หรือเหมืองแร่โลหะอื่นซ่ึงใช้สารเคมี ไซยาไนต์ ปรอท ตะกั่วไนเตรตในกระบวนการผลิต หรือเหมืองแร่โลหะอ่ืนที่มีอาร์ซิโนไพไรด์ เป็นแร่ ประกอบ (ทุกขนาด) (๓) เหมืองแร่ถ่านหนิ ขนาดท่ัวไปดาเนนิ จัดทา EIA แตเ่ ฉพาะท่ีมกี ารลาเลียงแร่ ถ่านหินออกนอกพื้นท่ีโครงการด้วยรถยนต์ (ถ้ามีขนาดกาลังการผลิตและขนส่งออกนอกเหมืองตั้งแต่ ๒๐๐,๐๐๐ ตัน/เดอื น หรือต้ังแต่ ๒,๔๐๐,๐๐๐ ตนั /ปี ขึน้ ไป) ต้องจดั ทา EHIA (๔) เหมืองแรใ่ นทะเล (ทกุ ขนาด)

244 ๑.3.๒) ประเภทโครงการหรือกิจการที่มีผลกระทบปานกลาง ต้องจัดทารายงาน การวิเคราะหผ์ ลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม (Environmental Impact Assessment: EIA) สาหรับโครงการเหมืองแร่ ไดแ้ ก่ (๑) เหมอื งแร่ถา่ นหิน (ทุกขนาด) (๒) เหมืองแร่โพแทช (ทกุ ขนาด) (๓) เหมืองแร่เกลือหนิ (ทกุ ขนาด) (๔) เหมืองแร่หนิ ปูนเพอ่ื อุตสาหกรรมปนู ซเิ มนต์ (ทกุ ขนาด) (๕) เหมอื งแร่โลหะทกุ ชนดิ (ทุกขนาด) โครงการเหมอื งแร่ใตด้ ิน (ทุกขนาด) (6) โครงการเหมอื งแรท่ กุ ชนดิ ท่ีอยูใ่ นพนื้ ที่ ได้แก่ (6.๑) พนื้ ทีช่ น้ั คณุ ภาพลมุ่ น้าชนั้ ๑ ตามมติคณะรฐั มนตรี (ทุกขนาด) (6.๒) พ้นื ทป่ี ่าอนุรกั ษเ์ พิ่มเตมิ ตามมติคณะรฐั มนตรี (ทกุ ขนาด) (6.๓) พื้นท่ชี มุ่ น้าทม่ี ีความสาคัญระหวา่ งประเทศ (ทุกขนาด) (6.๔) พื้นที่ที่อยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรือ อุทยานประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แหล่งมรดกโลก ที่ขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกตามอนุสัญญาระหว่างประเทศในระยะทาง ๒ กิโลเมตร (ทุกขนาด) (7) โครงการเหมอื งแร่ทม่ี ีการใชว้ ัตถรุ ะเบดิ (ทกุ ขนาด) ๑.๓.๓) ประเภทโครงการหรือกิจการที่มีผลกระทบต่า ต้องจัดทารายงานผลกระทบ ส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ (Initial Environmental Examination : IEE) ๑.๓.4) ประเภทโครงการหรือกิจการที่ไม่ต้องจัดทารายงานด้านส่ิงแวดล้อม โดยใช้หลัก ปฏิบัติ (Code of Practice หรือ CoP) เป็นโครงการเหมืองแร่ ๗ ชนิดแร่ทุกขนาด ได้แก่ แร่ทรายแก้ว หรือทรายซิลิก้า ดินเหนียวสี ดินอตุ สาหกรรมชนิดดินซีเมนต์ ดินมารล์ บอลเคลย์ ดนิ ทนไฟ ดนิ เบา ท้ังนี้ ประเด็นแนวพ้ืนที่กันชน (Buffer Zone) ในพื้นท่ีทาเหมืองแร่ ซึ่งกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ได้มีการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวหลายคร้ังในการจัดทาพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งในช้ันการพิจารณาของคณะกรรมาธิการและได้ศึกษาข้อมูลของต่างประเทศ อย่างไรก็ดี แนวพ้ืนที่กันชนซึ่งการศึกษาข้อมูลจากต่างประเทศทั่วโลกไม่มีการกาหนดระบุไว้ชดั เจน แต่จะใช้คาว่าแนว พ้ื น ที่ กั น ช น (Buffer Zone) ห รือ ระ ย ะ ห่ างอุ ต ส าห ก รรม (Industrial Separation Distance) โดยพิจารณาจากกิจกรรมใดที่มีผลกระทบต่ออะไร และจะกาหนดระยะห่างจานวนเท่าไรน้ัน ซึ่งการ ออกแบบเหมืองจะกาหนดไว้อย่างชัดเจน แต่ไม่มีกฎระเบียบระบุไว้ เริ่มจากเป็นแนวทางปฏิบัติ การวาง แผนผังโครงการทาเหมือง และตามมาตรการท่ีคณะกรรมการผู้ชานาญการในการพิจารณารายงาน EIA ของโครงการเหมอื งแร่ได้กาหนดไว้ การจาแนกผลกระทบส่ิงแวดล้อมและสุขภาพจากโครงการเหมืองแร่ ซึ่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ไม่ได้จาแนกประเภทของการทาเหมืองแร่ไว้ แต่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้จาแนก เป็น ๓ ประเภท โดยจาแนกตามขนาดของพื้นที่และคานึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคน ในชุมชน ดังน้ัน ได้นาผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อมและสุขภาพของคนในชุมชนตามการจาแนกของสานักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) มาแบ่งประเภทการทาเหมืองอีกชั้นหนึ่งควบคู่ ไปกับขนาดของพื้นท่ี เช่น ใน ๗ ชนิดแร่ ซงึ่ ส่งผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อมค่อนข้างต่ากอ็ าจดาเนินการจัดทา รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น (Initial Environmental Examination: IEE) หรือประมวลหลัก ปฏิบัติ (Code of Practice หรือ CoP) ในกรณีการตักดินเหนียว ภายในจานวน ๑๐๐ ไร่ กาหนดอยู่ ในประเภทที่ ๑ หากเกินจานวน ๑๐๐ ไร่ พิจารณากาหนดในประเภทท่ี ๒ จากนั้นมาพิจารณาว่าโครงการ

245 เหมืองแร่ประเภทใดจาเป็นต้องดาเนินการจัดทาแนวพ้ืนที่กันชน (Buffer Zone) ซ่ึงจะมีที่มาและท่ีไป ค่อนข้างชดั เจนในเรือ่ งดงั กล่าวในแนวคิดและการออกแบบเหมืองแร่ การทาเหมืองประเภทที่ ๓ มี ๘ ประเภท ได้แก่ (๑) การทาเหมืองท่ีไมใ่ ช่การทาเหมืองประเภทที่ ๑ หรือการทาเหมอื งประเภทท่ี ๒ (๒) การทาเหมืองแร่ในทะเล เน่ืองจากไม่มีขอบเขตเป็นเหมืองแร่ท่ีประเทศ ไทยไม่ได้รับการอนุญาต (๓) การทาเหมืองแร่ใต้ดิน เนื่องจากดาเนินการอยู่ใต้ดินกาหนดแนวพ้ืนท่ีกันชน ไม่ได้ (๔) การเหมืองแร่ทองคา (๕) การทาเหมืองแรถ่ ่านหิน (๖) การทาเหมืองแร่กัมมันตรงั สี (๗) โครงการ ทาเหมืองแร่ท่ีจะต้องขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี และ (๘) การทาเหมืองแร่ที่มีกิจกรรมโดยตรงหรือมี กิจกรรมที่เก่ียวเนื่องกับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่า งรุนแรงท้ังทางด้าน คณุ ภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ท้ังนี้ ประเภทของเหมืองแร่ท่ีต้องจัดทาแนวพื้นท่ีกันชน (Buffer Zone) เฉพาะใน ๒ กรณี คือ (๖) การทาเหมืองแร่กัมมันตรังสี และ (๘) การทาเหมืองแร่ที่มีกิจกรรมโดยตรงหรือมีกิจกรรมท่ีเก่ียวเนื่อง กับโครงการหรือกิจการท่ีอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงท้ังทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทัง้ เหมืองแรท่ องคาและเหมืองแร่ถ่านหินซง่ึ อยู่ในประเภทท่ี (๘) ด้วย อย่างไรก็ดี ใน (๖) การทาเหมืองแร่กัมมันตรังสี ปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดย่ืนขอการทาเหมืองดังกล่าว โดยกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ได้กาหนดให้ครอบคลุมไว้ถ้ามีผู้ใดมาย่ืนขอทาเหมืองจะได้ เป็นแนวทางดาเนินการ ประกอบกับการจัดทาเหมืองแร่ตามมติคณะรัฐมนตรีจะต้องดาเนินการจัดทา EIA/EHIA อยู่แล้ว ดงั นั้น กรมอตุ สาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จึงกาหนดประเภทของเหมืองแร่ที่ต้อง จัดทาแนวพื้นท่ีกันชน (Buffer Zone) โดยเฉพาะใน ๒ กรณีเท่าน้ัน โดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่ือง กาหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทาแนวพ้ืนท่ีกันชนการทาเหมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ มีความสอดคล้องกับ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๙ และมาตรา ๓๒ ซึ่งกาหนดการทาข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพ และการทาแนวพื้นที่กันชนให้จัดทากับเหมืองแร่ที่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสูง โดยกรมอุตสาหกรรม พน้ื ฐานและการเหมอื งแร่ได้ประเมินความเหมาะสมแล้วเหน็ วา่ เหมอื งแร่ที่ต้องจัดทา EHIA ๑.๔) การกาหนดแนวพนื้ ทกี่ นั ชนสาหรบั การทาเหมือง (Buffer Zone) พจิ ารณาไดด้ งั นี้ ๑.๔.๑) กจิ กรรมทาเหมืองและผลกระทบทส่ี าคัญ ได้แก่ ส่วนที่ ๑ พื้นที่บ่อเหมืองซ่ึงมีการเจาะและระเบิด เสียงและคล่ืนอัดอากาศ ความสั่นสะเทอื น หินปลิวกระเดน็ ฝนุ่ ละออง ส่วนที่ ๒ โรงแต่งแร่ หรอื โรงประกอบโลหกรรม สารเคมี โลหะหนกั สว่ นท่ี ๓ พื้นทเ่ี ก็บกักหางแร่ หรอื กากโลหกรรม มีสารเคมี และโลหะหนกั สว่ นที่ ๔ พ้ืนที่เก็บกองมูลดินทราย มีฝุ่นละออง การร่ัวซึมของสภาพความเป็นกรดใต้ผิว ดนิ หรือการรว่ั ซึมจากการชะล้างความเป็นกรดจากกองมูลหินบนผวิ ดินท่ีมีศักยภาพทาให้เกดิ กรด ๑.๔.๒) มาตรการป้องกนั ผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มและสุขภาพ ตามหลกั วศิ วกรรม ส่วนที่ ๑ พ้ืนที่บ่อเหมืองสามารถป้องกันผลกระทบได้ โดยให้มีการออกแบบหรือ ควบคุมการเจาะและการระเบิดท่ีถูกต้องตามหลักวิศวกรรม รวมท้ังจากัดปริมาณการใช้ปริมาณวัตถุระเบิด ใหเ้ หมาะสม สว่ นท่ี ๒ โรงแต่งแร่ หรือโรงประกอบโลหกรรม สามารถป้อกันผลกระทบไดโ้ ดยให้มี การออกแบบระบบและมาตรการป้องกันผลกระทบท่ีเหมาะสมตามหลักวศิ วกรรมและส่งิ แวดล้อม รวมทงั้ มี กาแพงกนั้ ป้องกันการรว่ั ไหลของสารเคมีออกนอกพืน้ ที่ โรงแต่งแร่ หรือโรงประกอบโลหกรรมดว้ ย ส่วนที่ ๓ พื้นท่ีเก็บกักหางแร่ หรือกากโลหกรรม สามารถป้องกันผลกระทบได้โดยให้มี การออกแบบบ่อเก็บกักหางแร่ หรือกากโลหกรรมที่เหมาะสมตามหลักวิศวกรรม รวมทั้งมีการปูพื้นบ่อด้วย วัสดุ HDPE Sheet ทีม่ คี ุณภาพและเหมาะสม

246 ส่วนที่ ๔ พ้ืนท่ีเก็บกองมูลดินทราย สามารถป้องกันผลกระทบได้ โดยให้มี การแยกประเภทมูลดินทรายท่ีมีศักยภาพทาให้เกิดกรดออกจากมูลดินทรายท่ีไม่มีศักยภาพทาให้เกิดกรด และออกแบบระบบและจัดทามาตรการป้องกันผลกระทบตามหลักวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม กบั มูลดนิ ทรายแตล่ ะประเภท ๑.๔.๓) การกาหนดระยะห่างหรือแนวพนื้ ทีก่ นั ชนตามมาตรฐานท่วั โลก สว่ นท่ี ๑ พื้นท่บี ่อเหมือง จานวน ๓๐๐ เมตร ส่วนที่ ๒ โรงแตง่ แร่ หรือโรงประกอบโลหกรรม จานวน ๕๐๐ เมตร สว่ นที่ ๓ พ้นื ที่เกบ็ กกั หางแร่ หรือกากโลหกรรม จานวน ๕๐๐ เมตร ส่วนท่ี ๔ พน้ื ทเี่ กบ็ กองมลู ดนิ ทราย จานวน ๒๐๐ เมตร 2) สานกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม (สผ.) ประเด็นแนวพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ซึ่งการออกแบบในการทาเหมืองได้เว้นระยะห่าง หรือการเว้นว่างไม่ทาเหมือง ประมาณ ๑๐ เมตร ในทุกแปลงประทานบัตรจะเว้นระยะห่างหรือแนวพ้ืนท่ี กันชนในการออกแบบอยู่แล้ว แต่การออกแบบทาเหมืองทุกแปลงกาหนดระยะห่างไว้ ๑๐ เมตรโดยรอบ จากพ้ืนท่ีบ้านหรือพื้นท่ีทาการเกษตรของชุมชนอาจมีพ้ืนที่พังทลาย ตามท่ีผู้แทนจากกรมอุตสาหกรรม พ้ืนฐานและการเหมืองแร่ได้ให้ข้อมูลมาเกี่ยวกับคณะกรรมการผู้ชานาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) โครงการเหมืองแร่ ได้เว้นระยะห่างหรือแนวพ้ืนท่ีกนั ชนตามกฎหมายแร่ ซง่ึ ใน อดีตใช้คาวา่ ทางสาธารณะหรอื ทางน้าสาธารณะ ซึง่ ทางสาธารณะไม่ใช้แค่ทางในพนื้ ท่ที าเหมืองรวมถึงทางที่ ประชาชนเขา้ ไปในพ้ืนท่ีเกษตรกรรมด้วยให้เว้นระยะ ๕๐ เมตร หากทางนั้นผ่านเขตพ้ืนท่ีประทานบัตรก็ให้ เว้นทง้ั ด้านซา้ ยและด้านขวา อย่างละ ๕๐ เมตร แต่บรเิ วณขอบเหมืองเวน้ ระยะ ๕๐ เมตร โดยท่ผี า่ นมาเป็น อย่างนั้น ทั้งน้ี คณะกรรมการผู้ชานาญการพิจารณาเร่ืองเล่มรายงาน EIA มีการประเมินผลกระทบ ส่ิงแวดล้อม เช่น หินปลิวกระเด็น เสียง ความส่ันสะเทือน การอัดอากาศ และทัศนียภาพ ซ่ึงเหมืองแร่ใน จังหวัดนครราชสีมาไม่เห็นหน้าเหมือง เน่ืองจากภูเขาคลุมทั้งหมด แต่หากมีบางเขาด้านหน้าติดถนน กาหนดให้เว้นระยะห่างไปคร่ึงเขา และกาหนดให้ทาเหมืองแร่อีกด้านหน่ึงของเขาเพ่ือเน้นเรื่องทัศนียภาพ ไมเ่ พยี งแค่ ๕๐ เมตร อาจเว้นระยะถึง ๕๐๐ เมตร ก็เป็นได้ตามความเหมาะสมและผลกระทบ ตามรายงาน EIA ถ้าบ้านอยู่ใกล้และได้รับผลกระทบจากหินปลิวกระเด็น มีเสียงดังเกินมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการผู้ชานาญการอาจพิจาณาให้เว้นระยะมากข้ึน หรือลดปริมาณระเบิดลงก็ได้เพื่อไม่ให้เกิด ผลกระทบตอ่ บ้านเรือนใกล้เคยี ง ซ่งึ รายงาน EIA มีหลักการให้ยกเว้นระยะห่างไว้อยู่แล้วในกรณมี ีผลกระทบ ต่อชุมชน แต่ละโครงการเหมืองแร่ไม่มีข้อกาหนดชัดเจนว่าจะกาหนดให้เว้นระยะเท่าไรโดยข้ึนอยู่กับ สภาพแวดล้อมโดยรอบมีความเหมาะสมอย่างไร แม้ว่าวิศวกรเหมืองแร่กาหนดให้เว้นระยะแต่ คณะกรรมการผู้ชานาญการอาจปรับให้เป็นพ้ืนท่ีกันชนก็ได้ หรือให้ไปปรับปรุงแผนผังการทาเหมืองแร่ก็ได้ ซึ่งคณะกรรมการผู้ชานาญการมีอานาจค่อนข้างสูงในการพิจารณานอกเหนือจากวิศวกรได้กาหนดไว้แล้ว ข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมเป็นกรณีไป สรปุ ผลการพิจารณาพน้ื ทีก่ นั ชน (Buffer Zone) ในการประกอบอุตสาหกรรมเหมอื งแร่ ๑. แนวพ้ืนท่ีกันชน (Buffer Zone) จะพิจารณาจากการจาแนกผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก โครงการเหมืองแร่ โดยแนวพื้นท่ีกันชน เร่ิมจากการวางแผนผังการทาเหมือง และการกาหนดมาตรการตาม รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยคณะกรรมการผู้ชานาญการเป็นผู้พิจารณา ซ่ึงจะพิจารณาจาก สภาพแวดล้อมและพื้นที่การทาเหมือง มีภูเขาก้ัน หรือกาหนดให้จัดทารั้ว ดังนั้นการพิจารณาจัดทาเหมืองซ่ึงมี รายละเอียดแตกต่างกันการกาหนดแนวพื้นท่ีกันชนก็มีความแตกต่างกันในแต่ละกรณี เช่น เหมืองแร่ใต้ดิน ซ่ึงไม่ต้องกาหนดแนวพื้นท่ีกันชน หรือเหมืองแร่ในทะเลซึ่งไม่ต้องกาหนดแนวพ้ืนท่ีกันชน เป็นต้น ทั้งนี้

247 การกาหนดแนวพื้นที่กันชน (Buffer Zone) จะพบว่ามีความชัดเจนและมีความสอดคล้องตามลักษณะพ้ืนท่ีและ การทาเหมือง อาจไม่จาเป็นต้องจัดทาทุกพื้นท่ีพิจารณาตามความเหมะสมในแต่ละเหมือง โดยเร่ิมจากการวาง แผนผังเหมืองแร่เป็นส่วนแรกที่มีกาหนด และส่วนท่ีสองได้มากาหนดในมาตรการตามรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีกประกอบกับสภาพแวดล้อมของเหมืองซ่ึงมีภูเขาเป็นแนวก้ันไว้อยู่แล้วโดยใช้ธรรชาติ เป็นแนวพ้ืนท่ีกันชน หรืออาจกาหนดให้ทาร้ัวหรือคันดินสูงก็ได้ ซ่ึงเป็นมาตรการท่ีหลากหลาย แต่ในส่วนแนว พ้ืนที่กันชน (Buffer Zone) ตามกฎหมายจะกาหนดอีกส่วนหน่ึงต่อไป นอกจากน้ี ได้ยกตัวอย่าง เหมืองแร่ที่ไม่ ต้องทาแนวพ้ืนที่กันชน (Buffer Zone) เช่น เหมืองแร่ใต้ดิน มีความลึกกว่า ๑๐๐ เมตร จึงไม่ส่งผลกระทบ ในการทาเหมอื งจงึ ไม่ต้องมีแนวพืน้ ท่ีกนั ชน และเหมอื งในทะเล ซึ่งประเทศไทยไม่มีการทาเหมืองดังกล่าวมานานแล้ว ๒. การแบ่งประเภทการทาเหมืองไม่ได้แบ่งเพ่ือให้จัดทาแนวพ้ืนที่กันชน (Buffer Zone) เป็นการแบ่ง ประเภทการทาเหมืองตามกฎหมายพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีหลักเกณฑ์จากขนาดพ้ืนที่และ ผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม พิจารณาจากส่วนท่ี ๑ ซ่ึงแบ่งตามขนาดพ้ืนท่ี เปน็ การทาเหมืองประเภทท่ี ๑ มีขนาด พื้นที่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ การทาเหมืองประเภทที่ ๒ มีขนาดพ้ืนท่ีเกิน ๑๐๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๖๒๕ ไร่ และการทา เหมืองประเภทที่ ๓ หากมีขนาดพื้นท่ีเกินกว่า ๖๒๕ ไร่ พิจารณาจากส่วนท่ี ๒ วิธีการจัดทาเหมืองแร่ และ พิจารณาส่วนท่ี ๓ ผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม เช่น เหมืองแร่ในทะเลหากทาในทะเลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมี ขนาดกว้างและรุนแรง จึงจัดให้อยู่ในการทาเหมืองประเภทท่ี ๓ เหมืองใต้ดินมีผลกระทบรุนแรงกว่าในการทา เหมืองประเภทท่ี ๑ และการทาเหมืองประเภทท่ี ๒ จึงกาหนดให้อยู่ในประเภทที่ ๓ เหมืองแร่ทองคามี ผลกระทบรุนแรงกว่าแร่ในชนิดอ่ืน ๆ จึงกาหนดให้อยู่ในประเภทท่ี ๓ การทาเหมืองแร่ถ่านหินมีผลกระทบ รุนแรงจึงกาหนดให้อยู่ในประเภทที่ ๓ โดยการทาเหมืองแร่ประเภทท่ี ๓ จะต้องจัดทารายงาน EIA หรือจัดทา รายงาน EHIA แล้วแต่กรณี โดยแนวพ้ืนท่ีกันชน (Buffer Zone) จะถูกกาหนดภายใต้การพิจารณาในการวาง แผนผังและการออกแบบ รวมท้ังการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชานาญการ อย่างไรก็ดี พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กาหนดให้จัดทาแนวพื้นท่ีกันชนเพ่ิมเติม โดยเฉพาะ ๒ กรณี ในการทาเหมืองประเภทที่ ๓ ได้แก่ การทาเหมืองแร่ใน (๖) และ (๘) และได้ชี้แจงเพ่ิมเติมว่าตามข้อความใน (๘) หน่วยงานได้มีความมุ่งหมาย เพื่อกาหนดในเชิงป้องกันเพื่อครอบคลุมชนิดแร่ไว้ในอนาคตหากมีชนิดแร่อ่ืน ๆ นอกเหนือจากการทาเหมืองแร่ ประเภทท่ี ๓ เช่น การทาเหมืองแร่จะเป็นกิจกรรมโดยตรงหรือกิจกรรมต่อเนื่องก็ให้รวมอยู่ในการทาเหมือง ประเภทท่ี ๓ ด้วย ๓. โครงการทาเหมืองแร่ จะเริ่มจากกระบวนการทางธรณี ต้องได้รับรองจากนักธรณีวิทยาที่ได้รับ ใบอนุญาตทางวิชาชีพ หากโครงการประเภทขนาดย่อม ๆ ก็ลงนามโดยสามัญหรือภาคี โครงการประเภทขนาด กลางลงนามโดยสามัญ โครงการประเภทขนาดใหญ่ลงนามโดยวุฒิวิศวกรเหมืองแร่เท่าน้ัน ซึ่งแต่ละโครงการจะมี ผรู้ บั ผดิ ชอบ ๔. การทาแนวพ้ืนท่ีกันชน (Buffer Zone) จะต้องจัดทารายงาน EIA/EHIA ประกอบกับการพิจารณา ของคณะกรรมการผู้ชานาญการ ท้ังน้ี ทุกประเภทโครงการทาเหมืองแร่ต้องมีการออกแบบและได้รับรองจาก วิศวกร โดยเหมืองแร่ทุกประเภท ทุกขนาดพ้ืนที่ และทุกผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จะต้องได้รับการออกแบบ แผนผังโครงการทาเหมืองจากนักธรณีวิทยาที่ได้รับอนุญาตทางวิชาชีพ การแบ่งประเภทโคงการทาเหมือง แบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ประเภทโครงการท่ีมีผลกระทบต่า ต้องจัดทารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น (Initial Environmental Examination: IEE) หรือประมวลหลักปฏิบัติ (Code of Practiceหรือ CoP) สาหรับ 7 ชนิดแร่ ซ่ึงด้านส่ิงแวดล้อมได้มีการออกแบบเหมือง เช่น ระยะห่างมีเท่าไร มีความลาดชันเท่าไร มีมาตรการ สิ่งแวดล้อมอะไรบ้าง ซึ่งจะเป็นหลักปฏิบัติในการดาเนินการต่อไป โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมือง แร่และสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมร่วมกันพิจารณาและให้กรมอุตสาหกรรม พ้ืนฐานและการเหมืองแร่เป็นผู้กาหนดประเภทโครงการเหมืองแร่ ส่วนประเภทโครงการที่มีผลกระทบปานกลาง ต้องจัดทารายงาน EIA โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่งต้ังผู้ชานาญการในแต่ละคณะขึ้นมาพิจารณา

248 ในเรื่องต่าง ๆ เช่น โครงการเหมืองแร่ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านเหมืองแร่ ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้าน ธรณีวิทยา ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการจัดการมลพิษต่าง ๆ หากจัดทา EHIA จะต้องเพิ่มเติมผู้ทรงคุณวุฒิทางด้าน สขุ ภาพดว้ ย โดยผูท้ รงคุณวฒุ ิจะสมัครเข้าไปโดยการคัดเลือกจากคณะกรรมการสิง่ แวดล้อมแห่งชาติ ๕. ประเภทโครงการเหมืองแร่ใดที่ไม่ต้องจัดทา EIA หรือ IEE ก็ให้ดาเนินการจัดทาประมวลหลักปฏิบัติ (Code of Practiceหรือ CoP) เนื่องจากมีผลกระทบต่า เช่น โครงการเหมืองแร่ทรายแก้ว และโครงการเหมือง แร่ดินอุตสาหกรรม 6 ชนิด จะไม่มีการใช้วัตถุระเบิด เพียงดาเนินการนารถเข้าไปไถพ้ืนที่เปิดเปลือกดินแล้วตัก ดินทรายใส่รถบรรทุก โดยมีระเบียบกาหนดไว้ให้ต้องทาตามข้อกาหนดอะไรบ้าง ความลาดชันมีระยะเท่าไร ระยะหา่ งจากถนนเท่าไร ระยะห่างจากพนื้ ท่ีบุคคลอ่ืน ๆ เทา่ ไร ๖. การกาหนดแนวพื้นที่กันชน (Buffer Zone) มีเฉพาะ ๒ กรณี คือ ๑) การทาเหมืองแร่กัมมันตรังสี และ ๒) การทาเหมืองแร่ท่ีมีกิจกรรมโดยตรงหรือมีกิจกรรมที่เก่ียวเน่ืองกับโครงการหรือกิจการท่ีอาจก่อให้เกิด ผลกระทบตอ่ ชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในโครงการทาเหมือง แร่ท่ีมีผลกระทบปานกลาง ต้องจัดทารายงาน EIA ซ่ึงเหมืองแร่ถ่านหินทุกขนาดจะต้องทารายงาน EIA แต่หากจัดทารายงาน EHIA ตามประกาศของกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เฉพาะการ ลาเลียงถ่านหินออกนอกพื้นที่โครงการด้วยรถยนต์เท่าน้ัน โดยเหมืองแร่ถ่านหินที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ของชุมชนอย่างสูง และสาเหตุท่ีไม่กาหนดเหมืองแร่ถ่านหินเข้าไปในประเภทของเหมืองแร่ที่ต้องจัดทาแนว พ้ืนที่กันชน เนื่องจากกรณีเหมืองถ่านหินทุกประเภทต้องทารายงาน EIA หากมีขนาดพ้ืนที่ใหญ่เป็นการทา เหมืองประเภทท่ี ๓ มีขนาดพื้นท่ีเกินกว่า ๖๒๕ ไร่ ต้องจัดทารายงาน EHIA และถ้ามีการขนลาเลียงถ่านหิน ต้ังแต่ ๒๐๐,๐๐๐ ตันขึ้นไป ก็ต้องทารายงาน EHIA รวมทั้งต้องจัดทาแนวพ้ืนท่ีกันชนตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เน่ืองจากเข้าข่ายตามการทาเหมืองประเภทท่ี ๓ (๘) แต่กรณีเหมืองถ่านหินท่ีไม่เข้าข่ายให้จัดทา EHIA ซึ่งมีขนาดพ้ืนที่เล็กโดยการกาหนดแนวพื้นที่กันชนจะอยู่ภายใต้การจัดทา EIA อยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ตามหลักการจะกาหนดแนวพื้นท่ีกันชนทุกโครงการแต่ไม่ได้เป็นกฎหมายเฉพาะแยกออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งน้ี ต้องระบุกิจกรรมซึ่งกิจกรรมก่อให้เกิดผลกระทบ เน่ืองจากการออกแบบวางแผนผังเหมือง หากไม่มี ขอบเขตกาหนดก็จะไม่สอดคล้องตามหลักการวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เช่น บริษัทปูนซีเมนต์มีเน้ือที่ ๔,๐๐๐ ไร่ ออกแบบบ่อเหมอื งไว้ตรงกลางพ้ืนที่ ระยะประมาณ ๓ กิโลเมตรมาถึงชุมชน ซึ่งวัตถุประสงค์ของแนวพ้ืนท่ีกันชน หรือระยะหา่ งของผลกระทบมุ่งเนน้ จุดท่ีเกิดกิจกรรมเป็นหลัก และตามหลักการสากลทวั่ โลกท่ีใช้หลักการนี้ ๗. ควรทาให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจากผลกระทบต่อโครงการทาเหมือง อาจกาหนดระยะห่างให้มีความชัดเจนเพื่อป้องกันผลกระทบต่อชุมชน หากจะนาหลักการวิศวกรรมส่ิงแวดล้อม มาอ้างอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ควรสร้างความไว้วางใจจากประชาชนด้วย ซ่ึงจะกาหนดระเบียบอย่างไรให้ชุมชน ไว้วางใจได้ต่อไป ดังนั้น เห็นควรให้มีการกาหนดระยะห่างหรือแนวพ้ืนที่กันชนให้มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเดิมพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ กาหนดข้อห้ามหรือระยห่างหรือแนวพื้นท่ีกันชน โดยห้ามทา เหมืองใกลล้ าน้าสาธารณะและทางหลวง ในระยะ ๕๐ เมตร ตอ่ มาพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ การทาเหมือง แร่ประเภทท่ี ๑ ในระยะ ๑๐๐ เมตร การทาเหมืองแร่ประเภทท่ี ๒ และการทาเหมืองแร่ประเภทท่ี ๓ ในระยะ ๓๐๐ เมตร โดยแนวพน้ื ทก่ี ันชนกบั ระยะห่างมีความหมายเดียวกันแตข่ อ้ หา้ มได้กาหนดระยะหา่ งไวอ้ ย่างชดั เจนแลว้ ๘. จากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๓๑/๑ วรรค ๒ “ในกรณีท่ีเกิดความเสียหายข้ึน ในเขตท่ีได้รับอนุญาตให้สันนิษฐานว่าความเสียหายนั้นเกิดจากการกระทาของผู้ถืออาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตนั้น” แต่จากพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๙ วรรค ๒ “ในกรณีท่ีความเสียหาย เกิดข้ึนในเขตท่ีได้รับอนุญาต ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการกระทาของผู้ได้รับ อนุญาตรายนั้น และมาตรา 68 ผู้ถือประทานบัตรมีหน้าที่ต้องปฏิบัติดังต่อไปน้ี (8) ฟื้นฟูสภาพพ้ืนท่ีการทา เหมืองตามแผนการฟื้นฟูการพัฒนาการใช้ประโยชน์และการเฝ้าระวังผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและ สุขภาพของประชาชน ในระหว่างที่มีการทาเหมืองและหลังจากปิดเหมืองท่ีได้รับความเห็นชอบจาก

249 คณะกรรมการแร่ 9) วางหลักประกันการฟื้นฟูสภาพพ้ืนท่ีการทาเหมืองและเยยี วยาผู้ได้รบั ผลกระทบจากการทา เหมืองตามที่คณะกรรมการและกาหนด ...” จากการแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่าผู้ประกอบการต้อง ฟ้ืนฟูเฉพาะพื้นท่ีเหมืองซ่ึงเป็นการลดภาระความรับผิดชอบของผู้ประกอบการเหมืองแร่ อีกทั้ง บทลงโทษตาม พระราชบัญญัติค่อนข้างน้อยจึงจาเป็นต้องมีการปรับปรุงการกาหนดขอบเขตพ้ืนที่ในการรับผิดชอบฟื้นฟูให้ ชัดเจน ย่ิงไปกว่าน้ันมีการกาหนดการวางหลักประกันการฟื้นฟูสภาพพ้ืนท่ี กรณีไม่ฟื้นฟูตามแผนฯ ไม่เยียวยา ผไู้ ดร้ บั ผลกระทบ ภาครัฐจะนาเงินที่ได้จากหลักประกนั หรือสนิ ไหมทดแทนจากประกนั ภัยมาดาเนินการทนั ที ๙. พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๑๒ การพัฒนาและส่งเสริมมาตรา ๑๓๗ “เพ่ือประโยชน์ ในการพัฒนาและส่งเสริมการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ รฐั มนตรโี ดยคาแนะนาของคณะกรรมการแร่ อาจออกกฎกระทรวงยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียม รวมท้ังกาหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับ ยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมในเร่ืองดังกล่าว” ยกเว้นเพ่ือการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปฏิบัติ ตามกฎหมายได้สงู กว่าตามมาตรฐานท่ีกฎหมายกาหนด ฯลฯ (๑) ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ หรือผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ท่ีประกอบ กจิ การรบั ผดิ ชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสูงกว่ามาตรฐานท่ีกฎหมายกาหนด (๒) เหตุภยั พบิ ัติทางธรรมชาติ หรืออุบัติภัย (๓) เหตุอื่นอันสมควร ๑๐. การรับฟังความคิดเห็นในกระบวนการข้ันตอนการจัดทาอาชญาบัตร เพื่อป้องกันปัญหาข้อ ขัดแย้งระหว่างชุมชนในพ้ืนที่และผู้ประกอบการเหมืองแร่ พื้นท่ีในการสารวจแร่หรือการขออาชญาบัตร สารวจแร่นั้นเป็นพ้ืนที่ที่มีขนาดใหญ่มาก เช่น ๒,๕๐๐ ไร่ ถึง ๑๐,๐๐๐ ไร่ต่อ ๑ คาขอ การรับฟังความ คิดเห็นในพ้ืนที่ดังกล่าวจึงไม่สามารถครอบคลุมในพ้ืนท่ีได้ทั้งหมด ดังนั้น หากไม่สามารถทาการรับฟังความ คิดเห็นในกระบวนการขออาชญาบัตรได้ ควรมีการแก้ไขปัญหาโดยการเพิ่มการประชาสัมพันธ์ การให้ ความร้คู วามเขา้ ใจกบั ประชาชนในพืน้ ที่ เพอ่ื เปน็ การลดข้อขัดแยง้ หรอื เปน็ การแก้ไขปญั หาในเร่ืองดังกลา่ ว ๗.7 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการประกอบกจิ การเหมืองแร่ ๗.7.1 การมีสว่ นร่วมในแผนการจดั การบริหารจัดการแร่ จากประกาศคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (ฉบับที่ 2) เรื่อง หลักเกณฑ์การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการบริหารจัดการแร่ อาศัย อานาจตามมาตรา ๑๒ (๔) (๕) และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีบทบัญญัติที่เปิด โอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในแผนบริหารจัดการแร่ที่จะกาหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพ่ือการทาเหมือง และเปดิ เผยข้อมลู ใหส้ าธารณชนทราบเปน็ ระยะ มาตรา 17 “ให้คณะกรรมการจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ ซึ่งอย่างน้อยต้อง ประกอบด้วย การสารวจทรพั ยากรแร่ แหล่งแร่สารอง การจาแนกเขตพื้นท่ีศักยภาพแร่ พื้นท่ีหรือชนดิ แร่ท่ี สมควรสงวนหวงห้ามหรืออนุรักษ์ไว้ และพ้ืนที่ที่มีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์และมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงท่ีจะ กาหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทาเหมือง เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการแร่ให้เหมาะสมและเกิด ประโยชน์สงู สดุ ภายใตด้ ลุ ยภาพด้านเศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดล้อม และสขุ ภาพของประชาชน โดยการจดั ทา ต้องมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนทราบเป็นระยะ เว้นแต่ข้อมูล ของแร่ประเภทท่ีอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และให้มีการจัดทาหรือปรับปรุงแผนแม่บท การบรหิ ารแร่ทกุ หา้ ปี” คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ จึงกาหนดหลักเกณฑ์การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการบรหิ ารจดั การแร่ไวด้ งั ต่อไปน้ี

250 ข้อ ๑ ให้คณะอนุกรรมการภายใต้การดาเนินการของคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่ แ ห่ ง ช า ติ ที่ รั บ ผิ ด ช อ บ ใ น แ ต่ ล ะ เรื่ อ ง เปิ ด เผ ย ข้ อ มู ล ท่ั ว ไป ที่ เก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร แ ร่ เช่น การสารวจทรัพยากรแร่ แหล่งแร่สารอง การจาแนกเขตพ้ืนที่ศักยภาพแร่ พื้นท่ีหรือชนิดแร่ที่สมควร สงวนหวงห้ามหรืออนุรักษ์ไว้ พ้ืนท่ีที่มีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์และมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงท่ีจะกาหนดให้เป็น เขตแหล่งแร่เพื่อการทาเหมือง หลักเกณฑ์ในการกาหนดวิธีการทาเหมือง ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจ เกิดข้ึนจากการทาเหมือง และมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดล้อม เป็นต้น หรือข้อมูล อ่ืนท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั ในเร่ืองท่ีรับผดิ ชอบตามทค่ี ณะอนกุ รรมการเหน็ สมควร โดยผ่านส่อื ไมน่ อ้ ยกว่า ๒ ชอ่ งทาง ข้อ ๒ ในกรณีที่การเปิดเผยข้อมูลเพื่อจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้มีการประชาสัมพันธ์ หรือการให้ข้อมูลตามข้อ ๑ ในช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ของกรมทรัพยากรธรณีและกรมอุตสาหกรรม พ้ืนฐานและการเหมืองแร่ การแถลงข่าว สื่อของกรมประชาสัมพันธ์ และส่ือสังคมออนไลน์ (Social Media) เปน็ ต้น โดยต้องมีระยะเวลาในการเปดิ เผยข้อมูลไมน่ ้อยกว่า ๑๕ วนั ก่อนเริ่มดาเนินการรับฟังความคิดเห็น ของประชาชน ตามระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลทาหน้าท่ีในการบริหารจัดการข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็น ผา่ นชอ่ งทางต่าง ๆ ข้อ ๓ ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามข้อ ๒ กรณีการจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ ให้ดาเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้มีการจัดประชุมปรึกษาหารือทางเทคนิค (Technical Meeting) เพื่อรับฟัง ความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้ง ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มท่ีมีข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมเหมืองแร่ กลุ่มท่ีสนับสนุนการพัฒนาเหมืองแร่ และหน่วยงานราชการที่เก่ียวข้องและ/หรือสถาบันทางวิชาการ ไม่น้อยกว่ากลุ่มละ ๑ ครั้ง ภายใน ๖๐วัน นับแต่วันที่เสร็จส้ินการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร จัดการแร่ โดยมจี านวนผเู้ ขา้ ร่วมประชุมไม่นอ้ ยกว่า ๑๕ คน (๒) ให้รวบรวมความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามข้อ ๓ (๑) และการแสดงความ คิดเห็นผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามข้อ ๒ มาสรปุ ประมวลผล เพื่อจัดทา (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารแร่ให้แล้ว เสร็จภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันท่ีเริ่มการประชาสัมพันธ์หรือการให้ข้อมูลตามข้อ ๒ และให้เปิดเผย (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารแร่ผ่านส่อื ตา่ ง ๆ ไม่น้อยกว่า ๑๕ วันตามชอ่ งทางทีไ่ ดด้ าเนนิ การข้อ ๒ (๓) ให้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อประเด็นท่ีเป็น สาระสาคัญ (Focus Group) ไม่น้อยกว่า ๓ ประเด็น โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า ๑๕ คน ภายใน ๔๕ วัน นบั แตว่ ันทไ่ี ดด้ าเนินการตามข้อ ๓ (๒) แลว้ เสรจ็ (๔) ให้มีการจัดประชุมเวทีสาธารณะ (Public Hearing) เพื่อรับฟังความคิดเห็นจานวน ๑ ครั้ง ภายใน ๓๐ วัน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน นับแต่วันท่ีได้ดาเนินการตามข้อ ๓ (๓) แล้ว เสร็จ หรืออาจดาเนินการร่วมกับข้อ ๓ (๓) ไปพร้อมกันก็ได้ โดยให้ดาเนินการแล้วเสร็จภายใน ๗๕ วัน นับ แต่วันที่ดาเนินการตามข้อ ๓ (๒) แล้วเสร็จการดาเนินการตามข้อ ๓ (๑) (๓) และ (๔) ให้มีกรรมการจาก คณะอนกุ รรมการทเี่ ก่ยี วขอ้ งเข้าร่วมรับฟงั ความคิดเหน็ แต่ละครั้งไมน่ ้อยกว่า ๓ คน ขอ้ ๔ ในการรบั ฟังความคิดเห็นของประชาชนตามข้อ ๒ กรณอี ื่นทเี่ กีย่ วกบั การบรหิ ารจัดการแร่แต่ ไม่ใช่การจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ หากมีความจาเป็นอาจใช้วิธีการอย่างหน่ึงหรอื หลายอย่าง ตามข้อ ๓ ไดโ้ ดยอนโุ ลม ทั้งนี้ ตอ้ งดาเนินการให้แลว้ เสรจ็ ไม่เกินกรอบระยะเวลา ทัง้ หมดตามที่กาหนดในข้อ ๓

251 โดยกระบวนการจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ ฉบับท่ี ๒ พ.ศ. 2565 – 2569 การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ ฉบับท่ี ๒ มกี ระบวนการดังน้ี ขน้ั ที่ ๑ เปิดเผยข้อมูลทัว่ ไปเพือ่ รบั ฟงั ความคดิ เห็นผา่ นช่องทางตา่ ง ๆ ข้ันท่ี ๒ จัดประชุมหารือทางเทคนิค (Technical Meeting) ต่อแนวทางการจัดทา (ร่าง) แม่บทการบรหิ ารจัดการแร่ ฉบับที่ ๒ (กลุ่มผู้สนับสนุนการพัฒนาเหมืองแร่ วันพุธที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔, กลุ่มหน่วยงานราชการที่เก่ียวข้องและ/หรือสถาบันทางวิชาการ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔, กลุ่มผ้ทู ่ีมีข้อวติ กกังวลเกย่ี วกับกจิ การเหมืองแร่ วนั ศกุ ร์ที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๔) ขั้นที่ ๓ จดั ประชมุ รับฟังความคดิ เหน็ ของผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสยี ต่อประเดน็ ที่เปน็ สาระ (Focus Group) ขนั้ ท่ี ๔ จัดประชุมเวทีสาธารณะ (Public Hearing) ท้ังน้ี ในปัจจุบันกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของ คณะอนุกรรมการด้านจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ ภายใต้กากับของคณะกรรมการนโยบายบริหาร จัดการแร่แห่งชาติ ได้จัดทาแบบรวบรวมข้อมูล ข้อเสนอแนะทิศทางในการจัดทาแผนแม่บทการบริหารแร่ ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2565 – 2569 วัตถุประสงค์เพ่ือรวบรวมข้อมูลความคิดเหน็ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการ บริหารจดั การแร่ในเบ้ืองต้น สาหรบั นาไปประกอบการพจิ ารณากาหนดทิศทางการจัดทาร่างแผนแม่บทการ บริหารแร่ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 – 2569 ๗.7.2 การมสี ว่ นร่วมในการขอสารวจแร่ ในขั้นตอนการขอสารวจแร่ตามบทบัญญัติหลักของพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ไม่มี การกาหนดการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ แต่กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ได้กาหนด เปน็ แนวนโยบายใหเ้ จา้ หนา้ ทดี่ าเนนิ การ ดังน้ี ตารางท่ี ๑๗ : การมสี ว่ นร่วมของผูน้ าชมุ ชนและภาคประชาชนในการขอสารวจแร่ กจิ กรรม ก่อนการอนญุ าต ภายหลงั การอนญุ าต อาชญาบตั ร - - สารวจแร่ อาชญาบตั ร กานันท้องทยี่ นื ยนั ไมม่ กี ารรอ้ งเรียน ปดิ ประกาศคาขอให้ทราบ ไม่นอ้ ยกว่า 30 วัน ผกู ขาดสารวจแร่ ณ สถานที่ 5 แห่ง ได้แก่ สานักงานเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ ที่ว่าการอาเภอ ท่ี ทาการกานัน ที่ทาการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทาการ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ อาชญาบตั ร กานนั ทอ้ งทยี่ นื ยันไม่มีการร้องเรียน ปิดประกาศคาขอให้ทราบ ไม่นอ้ ยกวา่ 30 วัน พเิ ศษ ณ สถานท่ี 5 แห่ง ได้แก่ สานักงานเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ ท่ีว่าการอาเภอ ท่ีทาการกานัน ท่ีทาการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทาการ องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ

252 กิจกรรม ก่อนการอนุญาต ภายหลงั การอนุญาต อาชญาบัตรพิเศษ ปิดประกาศคาขออาชญาบัตรพิเศษ ปิ ด ป ระก าศ อ าช ญ าบั ต รพิ เศ ษ พ ร้อ ม เฉพาะแร่ทองคา ใหท้ ราบไม่น้อยกวา่ 30 วัน ณ สถานที่ รายละเอียดท่ีเกี่ยวข้องให้ทราบ ไม่น้อยกว่า 30 5 แห่ง ได้แก่ สานักงานเจ้าพนักงาน วัน ณ สถานที่ 5 แห่ง ได้แก่ สานักงานเจ้า อุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ ท่ีว่าการ พนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ ที่ว่าการ อาเภ อ ท่ี ท าก ารก านั น ท่ี ท าการ อาเภอท่ีทาการกานัน ที่ทาการผู้ใหญ่บ้าน และท่ี ผู้ให ญ่ บ้ าน แ ละที่ ท าก ารอ งค์ ก ร ทาการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีการย่ืนคา ปกครองส่วนท้องถ่ิน ที่มีการยื่นคาขอ ขอโดยต้องดาเนินการภายใน 30 วัน นับจากวัน โดยต้องดาเนินการภายใน 30 วัน นับ รับอาชญาบัตร จากวนั รบั คาขออาชญาบตั รพิเศษ ๗.7.3 การมีส่วนร่วมในการทาเหมอื งแร่ 1) ช่วงการขออนุญาตประทานบตั ร 1.1) ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ในขั้นตอนการขออนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ตามบทบัญญัติมาตรา 56 วรรค 2 และ วรรค 3 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 กาหนดขั้นตอนให้เจ้าหน้าท่ีดาเนินการเพ่ือให้ ประชาชนในพื้นทม่ี ีสว่ นรว่ มใน 3 ขนั้ ตอน ดังน้ี (1) การปิดประกาศ : เม่ือรังวัดกาหนดเขตคาขอประทานบัตรเสร็จส้ิน ใหท้ าการ ประกาศการขอประทานบัตรโดยปิดประกาศไม่น้อยกว่าสามสิบวันไว้ในที่เปิดเผย 5 แห่ง ณ สานักงาน เจา้ พนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ ท่ีวา่ การอาเภอ ท่ีทาการกานนั ทท่ี าการผู้ใหญ่บ้าน และที่ทาการ องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ท่ีมีการย่ืนขอประทานบัตร (2) การจัดรับฟังความเห็นชุมชน : เม่ือครบกาหนดเวลาปิดประกาศ ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตามหลักเกณฑ์และ วธิ กี ารที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด และนาเสนอใหส้ ภาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ (3) การจดั ทาประชามติ : ในกรณีประชาชนในชุมชนไมเ่ หน็ ด้วยกับการทาเหมอื ง และผู้ออกประทานบัตรไม่สามารถวินิจฉัยให้ได้ข้อยุติ จะส่ังให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่จัด ให้มีการทาประชามติของประชาชนในพ้ืนท่ีท่ีขอประทานบัตร โดยผู้ย่ืนคาขอประทานบัตรต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายก็ได้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และค่าใช้จ่ายในการทาประชามติให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรี ประกาศกาหนด (4) การยืนยันไม่มีปัญหาร้องเรียน : เป็นข้ันตอนตามนโยบายของหน่วยงาน อนุญาตเพื่อประกอบการพิจารณา ในขั้นตอนที่สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจะประมวลเรื่องราวการ อนุญาตประทานบัตรเพ่ือเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาลงนาม จะต้องให้กานันท้องท่ีตรวจสอบยืนยัน ว่าไม่มีปญั หาการร้องเรียนในพนื้ ทห่ี รือมีการแกไ้ ขปญั หาจบสนิ้ แลว้ (5) ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการแร่และคณะกรรมการแร่จังหวัด : เป็นบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มาตรา 23 วรรคสี่ และมาตรา 28 ที่เพ่ิมเติมให้ผู้แทน องค์กรเอกชนและผู้แทนองค์กรชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมของในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ

253 แร่และคณะกรรมการแร่จังหวัด มีอานาจหน้าที่หลักในการให้ความเห็นชอบการอนุญาตหรือไม่อนุญาต การต่ออายุ การโอน การเพิกถอนและกาหนดเงื่อนไขใด ๆ เก่ียวกับประทานบัตรสาหรับการทาเหมือง และอาชญาบตั รพเิ ศษ รวมถงึ พจิ ารณาข้อรอ้ งเรยี นหรอื ผลกระทบจากการทาเหมือง และอืน่ ๆ บทบญั ญตั ติ ามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มาตรา ๒๓ ให้มคี ณะกรรมการคณะหน่ึง เรยี กว่า “คณะกรรมการแร่” ประกอบดว้ ยปลัดกระทรวง อตุ สาหกรรมเปน็ ประธานกรรมการ อธิบดกี รมการปกครอง อธบิ ดกี รมควบคุมมลพิษ อธิบดกี รมควบคุมโรค อธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมท่ีดิน อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมศิลปากร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการ สานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เลขาธิการสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการโดยตาแหน่งและ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้งจานวนไม่เกินแปดคน เป็นกรรมการ ให้อธิบดี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นเลขานุการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่งให้แต่งตั้ง จากบุคคล ดงั ต่อไปนี้ (๑) ผแู้ ทนองคก์ รเอกชน จานวนไมเ่ กินสองคน (๒) ผแู้ ทนองค์กรชมุ ชน จานวนไมเ่ กนิ สองคน (๓) ผู้ซึ่งมีความรู้ ความเช่ียวชาญ หรือมีประสบการณ์ด้านการสารวจและการทา เหมืองดา้ นสงั คมศาสตร์ ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม และด้านสขุ ภาพ ดา้ นละหนง่ึ คน หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขในการแตง่ ตง้ั กรรมการผูท้ รงคณุ วฒุ ิตามวรรคหนึ่ง ให้เปน็ ไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง10 มาตรา ๒๘ ในจังหวัดที่จะมีการออกประทานบัตรสาหรับการทาเหมืองประเภทท่ี ๑ ให้มี คณะกรรมการแร่จังหวัด ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ ผู้อานวยการสานักงาน ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจังหวัด เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ปฏิรูป ที่ดินจังหวัด ผู้แทนกรมเจ้าท่า ผู้แทนกรมทรัพยากรธรณี ผู้แทนกรมศิลปากร ผู้แทนกรมอุตสาหกรรม พ้นื ฐานและการเหมืองแร่ นายอาเภอและผแู้ ทนองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ในท้องที่ทข่ี อประทานบตั ร และ ผู้แทนสภาการเหมืองแร่ เป็นกรรมการโดยตาแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งต้ังจานวน ไมเ่ กนิ แปดคน เป็นกรรมการ ใหเ้ จ้าพนักงานอตุ สาหกรรมแรป่ ระจาทอ้ งที่เป็นเลขานุการ กรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิตามวรรคหนึง่ ให้แต่งต้งั จากบคุ คลดงั ต่อไปนี้ (๑) ผู้แทนองค์กรเอกชน จานวนไม่เกนิ สองคน (๒) ผแู้ ทนองคก์ รชมุ ชน จานวนไม่เกนิ สองคน (๓) ผู้ซ่ึงมีความรู้ ความเช่ียวชาญ หรือมีประสบการณ์ ด้านการเหมืองแร่ ด้านสังคมศาสตร์ ด้านส่งิ แวดล้อม และดา้ นสุขภาพ ดา้ นละหนงึ่ คน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ให้เปน็ ไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง11 10 กฎกระทรวง การแตง่ ต้ังกรรมการผทู้ รงคณุ วุฒใิ นคณะกรรมการแร่ พ.ศ. ๒๕๖๑ 11 กฎกระทรวง การแตง่ ตง้ั กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิในคณะกรรมการแรจ่ งั หวดั พ.ศ. ๒๕๖๑

254 มาตรา ๕๖ เม่ือได้รับคาขอประทานบัตรแล้ว ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องท่ีกาหนด เขตพื้นทปี่ ระทานบตั ร โดยวิธีการรงั วดั หรือวิธีการอื่นใดตามมาตรา ๑๑๙ เม่ือได้กาหนดเขตพืน้ ท่ีตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาทอ้ งที่ ป ระก าศ การ ขอ ป ระท าน บั ต รขอ งผู้ ยื่ น คา ขอ โด ย ปิ ด ป ร ะ กา ศเป็ น ร ะย ะเว ล า ไม่ น้ อย กว่ าส าม สิ บ วั น ไว้ ในท่ีเปิดเผย ณ สานักงานเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ ท่ีว่าการอาเภอ ท่ีทาการกานัน ที่ทาการผู้ใหญ่บ้านและท่ีทาการองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่ีมีการย่ืนขอประทานบัตร เมื่อครบ กาหนดเวลาให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนตาม หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศกาหนด ในกรณีที่ประชาชนในชุมชนไม่เห็นด้วยกับการทาเหมือง และผู้ออกประทานบัตร ไม่สามารถวินิจฉัยให้ได้ขอ้ ยตุ ิจะสงั่ ให้เจ้าพนักงานอตุ สาหกรรมแร่ประจาท้องท่ีจดั ให้มีการทาประชามติของ ประชาชนในพืน้ ทีท่ ข่ี อประทานบตั รโดยผูย้ ื่นคาขอประทานบตั รต้องรับผิดชอบค่าใชจ้ า่ ยก็ได้ หลักเกณฑ์ วิธกี าร และคา่ ใช้จ่ายในการทาประชามตใิ ห้เป็นไปตามท่รี ัฐมนตรปี ระกาศกาหนด 1.2) ตามพระราชบญั ญัตสิ ง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. 2535 และท่ี แกไ้ ขฉบับเพ่มิ เตมิ การมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียสาหรับโครงการเหมืองแร่จะ เกี่ยวข้องในการจัดทารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพ่ือประกอบการอนุญาตประทานบัตร ซึ่งทุกโครงการจะต้องดาเนินการจัดทารายงานดังกล่าว เป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม เรื่อง กาหนดโครงการกิจการ หรือการดาเนินการ ซ่ึงต้องจัดทารายงานการประเมินผล กระทบส่ิงแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการจัดทารายงานการประเมินผลกระทบ ส่ิงแวดล้อม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยเฉพาะข้อ ๘ (๑) (ค) ในหัวข้อ สภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน กาหนดใหม้ ีรายละเอยี ดของผลการศกึ ษาด้านเศรษฐกิจสังคมและการมีสว่ นร่วมของประชาชน ข้อ ๘ การจัดทารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะต้องประกอบไป ดว้ ยสาระสาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) รายงานฉบบั หลัก มีดังนี้ ... (ค) สภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน ให้แสดงรายละเอียดพร้อมภาพถ่าย ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ ทางชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต โดยต้องมีรายละเอียดของผลการศึกษาด้านเศรษฐกิจสังคมและการมีส่วนร่วม ของประชาชน ตลอดจนสภาพปัญหาปัจจุบัน พร้อมกับให้แสดงแผนท่ีสภาพแวดล้อม และการใช้ประโยชน์ ที่ดินโดยรอบ ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการดาเนินการ ทั้งนี้ การดาเนินการ เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนสาหรับโครงการ กิจการ หรือการดาเนินการ ให้เป็นไปตามแนวทาง ที่สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมประกาศกาหนด สานักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม จึงได้ออกประกาศสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เร่ือง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทารายงานการประเมินผล กระทบสิง่ แวดล้อม ประกาศ ณ วนั ที่ 8 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 มผี ลสรุปทเี่ กีย่ วขอ้ งดงั นี้ “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม” หมายถึง กระบวนการท่ีจัดให้มีขึ้นในการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อมของโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ ประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ท่ีได้รับผลกระทบจากโครงการ สามารถเข้าร่วม

255 แสดงความคิดเห็น นาเสนอข้อมูล ข้อโต้แย้ง หรือข้อเสนอแนะท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินผลกระทบ สิง่ แวดล้อมของโครงการน้นั อนั เป็นการสือ่ สารสองทาง องค์ประกอบหลักของการเปิดเผยขอ้ มูล การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารของโครงการ โดยต้องจดั ใหม้ ีการเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร โครงการอย่างครบถ้วน ท้ังในด้านประโยชน์ท่ีจะได้รับและด้านผลกระทบทางลบ ให้ผู้มีส่วนได้เสียและ สาธารณชนทวั่ ไปไดร้ บั ทราบ โดยข้อมลู ท่ีเจ้าของโครงการจะตอ้ งเผยแพรแ่ ก่ประชาชน จะต้องประกอบด้วย (๑) เหตุผลความจาเปน็ และวตั ถุประสงค์ของโครงการ (2) สาระสาคัญของโครงการ/ผลผลติ และผลลัพธ์ของโครงการ (๓) ผดู้ าเนนิ การ (๔) สถานท่ดี าเนนิ การ (๕) ข้นั ตอนและระยะเวลาดาเนินการ (๖) ผลกระทบด้านบวกหรอื ผลประโยชน์ทีผ่ มู้ สี ว่ นได้เสยี แตล่ ะกลุ่มจะได้รับ (๗) ผลกระทบด้านลบท่ีเกิดข้ึนต่อส่ิงแวดล้อม และประชาชน รวมทั้งมาตรการ ป้องกันและแก้ไข ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการชดเชยเยียวยาความเดือดร้อนหรือความเสียหายที่อาจ เกิดขนึ้ จากผลกระทบดงั กล่าว ผู้มีส่วนได้เสีย (Steakholder) ท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม จากกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและบทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวขอ้ งในแต่ละข้ันตอน สามารถ จัดกลุ่มผมู้ ีสว่ นได้เสยี ในขัน้ ตอนการจัดทารายงานฯ ออกเปน็ ๗ กลุม่ ดงั น้ี (๑) ผู้ได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มผู้เสียประโยชน์ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก โครงการในด้านลบทั้งทางตรงและทางอ้อม กลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ เป็นกลุ่มท่ีได้รับผลกระทบจาก โครงการในด้านบวกทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม (๒) ผทู้ ี่รับผิดชอบจดั ทารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ เจ้าของ โครงการ ในที่นี้อาจหมายถึง หน่วยงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ หรือภาคเอกชนท่ีเป็นผู้ดาเนินโครงการ ซ่ึงรวมถึง กรณีการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน “ผู้จัดทารายงานการประเมินผลกระทบ ส่ิงแวดล้อมท่ีได้รับอนุญาตตามกฎหมาย” ทั้งน้ี เจ้าของโครงการและผู้จัดทารายงานฯ จะต้องดาเนินการ รว่ มกนั ในทุกข้ันตอนของการประเมนิ ผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม (๓) ผู้ท่ีทาหน้าที่พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม (สผ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของ คณะกรรมการผชู้ านาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) หรอื หน่วยงานของ รัฐ ตามท่ีคณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่แทน และผู้ท่ีมีหน้าที่ ตัดสินใจอนุมัติอนุญาตโครงการ เช่น คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ผู้มี อานาจอนญุ าตตามกฎหมาย (๔) หน่วยงานราชการในระดับต่างๆ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นท่ี เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น สานักงานสาธารณสุขจังหวัด สานักงานส่ิงแวดล้อมภาค สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดลอ้ มจังหวดั เปน็ ต้น

256 (๕) องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองส่ิงแวดล้อม องค์กรพัฒ นาเอกชน สถาบันการศึกษา และ นักวิชาการอิสระ องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ที่ข้ึนทะเบียนกับกรม ส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดลอ้ ม หรอื องค์กรชุมชนทสี่ นใจและทางานด้านสิ่งแวดล้อม หรือองค์กรพัฒนาเอกชน หรอื กลุ่มองคก์ รตา่ งๆ ที่อย่ใู นเขต พื้นทหี่ รอื เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นท่ี สถาบันการศกึ ษาในระดบั อดุ มศกึ ษา ท่อี ยภู่ ายในพน้ื ที่ศกึ ษา หรอื บรเิ วณใกลเ้ คียง นกั วิชาการอิสระ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นและนกั วชิ าการต่าง ๆ (๖) สื่อมวลชน ทั้งในระดับท้องถ่ินและส่วนกลาง ซึ่งมีบทบาทในการนาเสนอ ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับโครงการ ผลกระทบของโครงการและความก้าวหน้าในการจัดทารายงานการ ประเมนิ ผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม (๗) ประชาชนทั่วไป ท่ีสนใจและมคี วามตอ้ งการเขา้ มามสี ่วนร่วม เทคนิคการมสี ่วนร่วมของประชาชน วิธีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อาจใช้วิธีการอย่างหน่ึงหรือหลายอย่าง ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) การสารวจความคดิ เหน็ (๑.๑) การสมั ภาษณร์ ายบุคคล (๑.๒) การเปิดให้แสดงความคิดเห็นทางไปรษณีย์ ทางโทรศัพท์หรือโทรสาร ทางระบบเครอื ข่าย สารสนเทศ หรือทางอื่นใด (๑.๓) การเปิดโอกาสให้ประชาชนมารับข้อมูลและแสดงความคิดเห็นต่อ หนว่ ยงานของรฐั ทรี่ ับผดิ ชอบโครงการ (๑.๔) การสนทนากลุ่มย่อย (๒) การประชุมหารือ (๒.๑) การประชาพิจารณ์ (๒.๒) การอภปิ รายสาธารณะ (๒.๓) การแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร (๒.๔) การประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ าร (๒.๕) การประชมุ ระดบั ตัวแทนของกลมุ่ บุคคลทเ่ี กีย่ วข้องหรือมีส่วนได้เสยี (๓) วิธกี ารอื่นท่สี านกั งานปลัดสานกั นายกรฐั มนตรีกาหนด ประชากร ขนาดตวั อย่าง การสมุ่ ตัวอยา่ งในการสารวจภาคสนาม (1) หน่วยราชการที่เกีย่ วข้อง เลอื กตัวอยา่ งแบบเจาะจง จากหนว่ ยงานราชการที่ อยู่ในขอบเขตพื้นทีศ่ กึ ษาและหน่วยงานท่เี กย่ี วข้องท้ังระดบั จังหวัดและระดบั อาเภอ (2) ผู้นาชุมชน เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง จากผู้นาชุมชนในขอบเขตพ้ืนท่ีศึกษา เช่น ประธานชมุ ชน กานนั ผใู้ หญ่บา้ น อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้าน (อสม.) (3) กลุ่มพื้นที่อ่อนไหว เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง จากกลุ่มพื้นท่ีอ่อนไหว ในขอบเขตพ้นื ที่ศึกษา เช่น วดั โบสถ์ มสั ยิด สถาบนั การศึกษา ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก หน่วยงานสาธารณสขุ (4) กลุม่ ครวั เรอื น (๔.๑) ในรัศมีไม่เกิน 500 เมตร เลอื กตวั อย่างจากจานวนประชากรท้งั หมด

257 (๔.๒) ในรัศมีไม่เกิน 500 - 3,000 เมตร กาหนดขนาดตัวอย่างตามหลัก วิชาการทางสงั คมศาสตร์ (๔.๓) สองข้างทางขนส่งแร่ ศึกษาจากขอบข้างทางข้างละ 50 เมตร ตลอด เสน้ ทางขนสง่ ท่ีเก่ียวข้องกบั ผลกระทบจากการขนสง่ ของโครงการโดยตรง ตารางท่ี ๑๘ : รายละเอยี ดและวตั ถปุ ระสงค์การจดั เวทรี ับฟังความคดิ เหน็ ในแต่ละครงั้ การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ผเู้ กย่ี วขอ้ ง/วตั ถปุ ระสงค์ 1. จดั เวทรี บั ฟงั ความคิดเห็น ครั้งท่ี 1 - ผู้มสี ว่ นได้เสยี 7 กลุ่ม * การดาเนินการเป็นการเปิดให้บุคคลที่มี - รับฟังความคิดเห็นต่อร่างข้อเสนอ รายละเอียด ส่วนได้เสีย และบุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ โครงการ ขอบเขตการศึกษา การประเมินผลกระทบ โดยมกี ารประชาสัมพันธ์ผา่ นช่องทางต่าง ๆ และนาข้อคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะ มาประกอบการจัดทา รายงาน 2. การสารวจข้อมูลภาคสนาม 2 ครั้ง - หนว่ ยงานราชการ ผู้นาชุมชน พืน้ ท่ีอ่อนไหว และ 2.1 คร้งั ที่ 1 รายครวั เรือน 2.2 ครงั้ ท่ี 2 - ครงั้ ที่ 1 การรับรโู้ ครงการและความวติ กกงั วล ผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม - ครั้งท่ี 2 ความคิดเหน็ ต่อมาตรการป้องกันและแก้ไข ผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มและมาตรการตดิ ตาม ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม 3. จัดเวทีรับฟงั ความคดิ เหน็ ครัง้ ที่ 2 - ผู้มีสว่ นได้เสยี 7 กลุ่ม * การดาเนินการเป็นการเปิดให้บุคคลที่มี - รบั ฟังความคดิ เหน็ ตอ่ รา่ งรายงาน และมาตรการป้องกนั ส่วนได้เสีย และบุคคลทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ และแก้ไขผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มและมาตรการติดตาม โดยมกี ารประชาสัมพนั ธผ์ า่ นช่องทางต่าง ๆ ตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อม 2) ชว่ งระหวา่ งการทาเหมือง การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในชว่ งระหว่างการทาเหมือง จะเก่ียวข้องกับการแก้ไขปัญหา การร้องเรียนจากการประกอบกิจการ การกากับดูแลการทาเหมืองในเบ้ืองต้น และการบริหารจัดการ กองทุน ผ่านทางคณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์ เนื่องจากการอนุญาตประทานบัตรเพื่อทาเหมืองแร่ จะมี เงื่อนไขกาหนดในมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมประกอบการพิจารณาอนุญาต ให้จัดต้ัง คณะกรรมการมวลชนสัมพันธ์ ซึ่งมีองค์ประกอบในลักษณะไตรภาคี ประกอบด้วย ภาคเอกชนเจ้าของ โครงการ ภาคประชาชนและผู้นาชุมชนในพื้นท่ี และภาครัฐหน่วยงานท้องถิ่น มีอานาจหน้าที่ร่วมกันรับฟัง ปัญหาผลกระทบท่ีเกิดข้ึนและแก้ไขปัญหา บริหารจัดการกองทุนโครงการเหมืองแร่ รับทราบผลการ ตรวจวัดคุณภาพส่ิงแวดล้อมและความคืบหน้าการฟ้ืนฟูสภาพพื้นที่ รวมท้ังมีการกระจายอานาจให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิน่ ท่ตี ้งั เหมืองมีส่วนร่วมในการกากบั ตรวจสอบและรายงานการทาเหมืองท่ีผดิ เง่ือนไขหรือ สร้างผลกระทบอย่างเด่นชัด นอกจากนั้น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ยังมีนโยบายให้ ภาคประชาชนในพื้นที่ท่ีมีจิตสาธารณะจัดตั้งเป็นเครือข่ายสิ่งแวดล้อม ให้ตรวจสอบและแจ้งข่าวการ ประกอบกจิ การอตุ สาหกรรมเหมอื งแร่ทก่ี ระทาผดิ เพื่อจะไดแ้ ก้ไขปญั หาได้อย่างรวดเรว็ ทนั เหตกุ ารณ์

258 ตารางที่ ๑๙ : การจดั รบั ฟังความคิดเห็นตามประเภทรายงานการประเมนิ ผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม รายงาน จานวนครง้ั การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ วตั ถปุ ระสงค์ (อยา่ งน้อย) IEE 1 ครงั้ ครั้งที่ 1 ในระหวา่ งการจดั ทารายงาน - ให้ความเห็นข้อหว่ งกังวล เพื่อนามา กาหนดมาตรการ EIA 2 ครัง้ ครง้ั ท่ี 1 รับฟังความคดิ เหน็ ต่อร่าง - ให้ขอ้ มูลโครงการและผลกระทบ ขอ้ เสนอโครงการ รายละเอยี ดโครงการ ทางตรงและอ้อม รวมทั้งขอบเขต ขอบเขตการศกึ ษาทางเลือก การศึกษาและการประเมนิ ทางเลอื ก นาข้อคดิ เห็น มาประกอบการศึกษา และการจดั ทารายงาน ครง้ั ที่ 2 รับฟงั ความเหน็ ต่อร่าง - เพ่ือใหป้ ระชาชนมัน่ ใจในรายงาน รายงานและมาตรการฯ และมาตรการ และปรับปรุงรายงานฯ และมาตรการฯ EHIA 3 คร้ัง ครัง้ ที่ 1 เพ่ือกาหนดขอบเขต - ให้ขอ้ มลู ประชาชนและหน่วยงาน และแนวทางการประเมินผลกระทบ นาความเหน็ มาประกอบการศึกษา และการจดั ทารายงานฯ ให้ครบถว้ น ครั้งที่ 2 รบั ฟังความคดิ เหน็ ในขั้นตอน - เพ่อื ให้เกดิ การมสี ว่ นร่วม การรับ การประเมนิ และการจดั ทารายงาน ฟังความคิดเห็นและข้อห่วงกังวล ครงั้ ที่ 3 รับฟังความคิดเห็นเพือ่ - ให้ผ้มู สี ว่ นไดเ้ สียและหน่วยงาน ทบทวนร่างรายงานและมาตรการ ตรวจสอบความถูกต้อง และนามา ปรับปรงุ รายงานฯ และมาตรการฯ 3) ช่วงสิน้ สดุ การทาเหมือง การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในช่วงส้ินสุดการทาเหมือง จะเกี่ยวข้องกับการติดตาม ความคืบหน้าการดาเนินงานการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ในระหว่างการปิดเหมือง ผ่านทางคณะกรรมการมวลชน สัมพันธ์ของแต่ละโครงการ ซ่ึงผู้นาชุมชนและผู้แทนภาคประชาชนในพ้ืนท่ีร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย และ การเสนอความเห็นรูปแบบการฟ้ืนฟูสภาพพื้นท่ีในภาพรวมสุดท้ายของการทาเหมืองใ ห้เหมาะสมกับ ความต้องการที่จะใช้ประโยชน์ต่อเน่ืองของประชาชนในพื้นท่ี ยกเว้นพื้นที่กรรมสิทธ์ิต้องได้รับความยินยอม ให้มกี ารใชป้ ระโยชน์ในพน้ื ท่ีได้

259 ตารางที่ 2๐ : การมีสว่ นร่วมของประชาชนในขน้ั ตอนการทาเหมอื งแร่ ชว่ งเวลาดาเนนิ การ กพร. สผ. ตามแนวทางการจดั ทารายงาน EIA การขออนุญาตประทานบัตร ตามกฎหมาย/นโยบาย 1. จดั รบั ฟงั ความคิดเห็นประชาชน ระหวา่ งการทาเหมอื ง สน้ิ สุดการทาเหมือง 1. ปดิ ประกาศคาขอ จานวน 2 คร้งั 2. สารวจขอ้ มลู ภาคสนาม 2 ครั้ง 2. รบั ฟงั ความเห็นชมุ ชน เงือ่ นไขมาตรการดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม 3. การจัดทาประชามติ ให้ผู้ถือประทานบตั รต้องดาเนินการ สารวจดา้ นเศรษฐกิจ สงั คมและ 4. การตรวจสอบร้องเรียน ทศั นคติ ชมุ ชนโดยรอบตามที่ กาหนดในเง่ือนไข 5. รว่ มพจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบการ - อนุญาตประทานบัตร/อาชญาบตั รพิเศษ 1. กากบั ดแู ลการทาเหมอื ง 2. บริหารจัดการกองทุน 3. แกไ้ ขปญั หารอ้ งเรียน 4. ความคืบหนา้ การฟื้นฟพู ืน้ ที่ โดยคณะกรรมการมวลชนสมั พนั ธ์ (1-4) องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ (1, 3) เครอื ข่ายด้านสิง่ แวดล้อม (1) ผลการดาเนนิ การฟ้ืนฟูพื้นทภ่ี ายหลังการ ปิดเหมือง 7.8 รปู แบบการฟ้นื ฟูพน้ื ทเ่ี หมอื งแรเ่ มอื่ สน้ิ สุดการทาเหมอื ง การประกอบอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เป็นกิจกรรมท่ีมีการขุดเอาแร่ออกนอกพื้นที่เพื่อนาไปใช้ ประโยชน์ สภาพพ้ืนที่จึงมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิม โดยมีการตัดฟันต้นไม้เพ่ือเปิดพ้ืนท่ีทาให้ โล่งเตียนงา่ ยตอ่ การชะลา้ งดินตะกอนลงส่พู ืน้ ที่ลมุ่ ใกลเ้ คียง และสภาพพื้นทล่ี กั ษณะเปน็ ภูเขาจะถูกลดระดับ ความสูงลงมา ส่วนสภาพพ้ืนที่ราบจะเปลี่ยนแปลงลึกลงมาเป็นขุมบ่อเหมือง ซ่ึงภาคประชาชนส่วนใหญ่ จะมองว่าเป็นการทาลายป่าไม้และทาให้มีการเปล่ียนแปลงลักษณะภูมิประเทศแตกต่างไปจากเดิม จงึ มที ศั นคติเปน็ ลบตอ่ การทาเหมืองแร่ เนื่องจากการทาเหมืองท่ผี ่านมาจะทาการฟ้ืนฟูพนื้ ทเี่ มื่อเสร็จสน้ิ การ ทาเหมือง และระยะเวลาทาเหมืองตามอายุประทานบัตร 25 ปี มีระยะเวลายาวนาน โดยกฎระเบียบ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งด้านการฟนื้ ฟูพนื้ ท่ีมบี ทลงโทษปรับในอตั ราท่ตี า่ และแนวทางการตรวจสอบยังไม่เขม้ งวด พื้นทจี่ ึง ถูกท้ิงร้างไว้โดยขาดการจัดการฟื้นฟูที่เหมาะสม และจากผู้ประกอบการบางรายที่อาจละเลยหรือขาด ความรู้ความเข้าใจในการจัดการพ้ืนที่ ส่งผลให้พ้ืนท่ีเกิดการชะล้างพังทลาย เป็นพ้ืนที่เส่ียงและอาจส่งผล กระทบต่อส่ิงแวดล้อมข้างเคียง ท้ังแหล่งน้า ป่าไม้ สภาพดิน และชุมชนในพื้นท่ีใกล้เคียง มีการยินยอมรับ โทษให้ปรับเงินโดยไม่มีการฟื้นฟูพื้นที่ ต่อมาได้มีการพัฒนากฎหมายแร่และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมให้ ทันสมัยเหมาะสมมากย่ิงขึ้น โดยให้ผู้ถือประทานบัตรต้องดาเนินการฟื้นฟูพ้ืนท่ีควบคู่พร้อมไปกับการทา เหมือง และเม่ือส้ินสุดการทาเหมืองก็จะต้องมีแผนดาเนินการปิดเหมือง เพิ่มบทลงโทษและเข้มงวดในการ กากับดูแลพร้อมต้องเสนอแผนการฟื้นฟูพ้ืนที่ทาเหมืองต้ังแต่ช่วงการทาเหมืองจนสิ้นสุดการทาเหมือง ต้องจัดต้ังกองทุนฟื้นฟูพ้ืนที่ทาเหมืองเพ่ือเป็นเงินงบประมาณมาใช้ในการฟื้นฟูพ้ืนที่ในแต่ละปี จนถึง ปัจจุบันได้พัฒนาปรับเปล่ียนมาเป็นการวางหลักประกันการฟ้ืนฟู เพ่ือให้มั่นใจว่าผู้ถือประทานบัตรจะต้อง ดาเนินการฟ้ืนฟูพื้นท่ีตามแผนงานที่กาหนด และต้องมีการรายงานผลในแต่ละช่วงเวลาให้หน่วยงานที่

260 เกี่ยวข้องทราบ ภาพลักษณ์ของการทาเหมืองแร่ท่ีปล่อยให้สภาพพ้ืนที่ทาเหมืองรกร้างจะเป็นการทาเหมือง ในอดีตเป็นส่วนใหญ่ แต่พ้ืนท่ีบางแห่งจะมีการฟ้ืนคืนสภาพตามธรรมชาติและสภาพแวดล้อมใกล้เคียง บางแห่งจะมกี ารฟ้นื ฟูพื้นท่ตี ามความตอ้ งการของชุมชนและความรับผิดชอบของผู้ประกอบการก็จะเห็นการ พฒั นาหรือฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของพื้นที่ทาเหมืองและพ้ืนท่ี โดยรอบ ส่วนภาครัฐนาโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ในฐานะหน่วยงาน อนุญาต ได้ดาเนินการพัฒ นาพื้ นที่ที่ผ่านการทาเหมืองแร่แล้วหลายแห่งส่งต่อให้องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น รบั ผดิ ชอบดแู ลต่อเนอื่ ง เพ่อื นาพน้ื ทม่ี าใชป้ ระโยชน์ให้แกช่ ุมชนและทอ้ งถ่ินใกลเ้ คยี ง 7.8.1 กฎระเบียบท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การฟนื้ ฟูพนื้ ท่ีทาเหมอื ง 1) การดาเนินตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ตามบทบัญญัติมาตรา 68 ข้อท่ี 8 กาหนดให้ผู้ถอื ประทานบัตรมีหน้าที่ต้องฟื้นฟูสภาพพน้ื ท่ีการทาเหมืองตามแผนการฟนื้ ฟู การพัฒนา การ ใช้ประโยชน์ และการเฝ้าระวังผลกระทบต่อคุณภาพส่ิงแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระหว่างท่ีมี การทาเหมืองและหลังจากปดิ เหมอื ง ทไ่ี ดร้ บั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการแร่ 2) ข้อกาหนดเงือ่ นไขแนบท้ายตามใบอนญุ าตประทานบัตร 3) ข้อกาหนดเงื่อนไขแนบท้ายใบอนญุ าตใชพ้ น้ื ที่ปา่ ไม้ 4) แผนการฟื้นฟูพ้ืนที่ท่ีกาหนดในมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบส่ิงแวดล้อม ประกอบการเห็นชอบรายงานการประเมนิ ผลกระทบ ส่ิงแวดล้อม 7.8.2 รปู แบบการฟ้ืนฟพู ้ืนทีเ่ หมอื งแร่ภายหลงั เสร็จส้ินการทาเหมอื ง การทาเหมืองแร่ยุคเฟ่ืองฟูในอดีตจะเป็นการทาเหมืองแร่ดีบุกเป็นส่วนใหญ่ มีการทา เหมืองแร่ตั้งแต่ภาคเหนือพ้ืนที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อเน่ืองมาตามแนวเทือกเขาแกรนิตด้านตะวันตกในเขต จังหวัดตาก กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และต่อเนื่องลงมาทางพื้นที่จังหวัด ภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นท่ีศักยภาพแร่ดีบุกแหล่งใหญ่ของประเทศในพื้นท่ีจังหวัดชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบ่ี ยะลา นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส และมีการทาเหมืองแร่โลหะในบาง พนื้ ท่ี สภาพแหล่งแร่ดบี ุกจะพบท้ังแบบแหลง่ สายแร่และแหล่งลานแร่ในพืน้ ทภี่ ูเขาและทรี่ าบเชิงเขา และใช้ วธิ ีการทาเหมืองตามลกั ษณะแหล่งแร่ เช่น ทาเหมอื งฉดี เรือขุด เป็นตน้ แร่ดีบุกไดส้ รา้ งมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้แก่ประเทศ มีการบุกเบิกพ้ืนที่เข้าไปทาเหมืองแร่ในพื้นที่ป่าไม้และพัฒนามาเป็นชุมชนขนาดเล็กจนถึง ขนาดใหญ่ระดับอาเภอ และเมื่อแร่ดีบุกเร่ิมลดมูลค่าและความสาคัญลง ส่งผลให้การทาเหมืองแร่ดีบุก ซบเซาผู้ประกอบการจึงเปล่ียนไปประกอบอาชีพอ่ืน แต่ผู้ประกอบการบางส่วนรวมทั้งชุมชนเหมืองแร่เดิม ยังอยู่จับจองพ้ืนท่ีทาเหมืองแร่ที่สิ้นอายุและบริเวณใกล้เคียง สภาพพื้นท่ีทาเหมืองเดิมจึงมีการปล่อยพ้ืนที่ ฟ้ืนคืนสภาพเดิมหรือมีการดาเนินการปรับเปลี่ยนสภาพพื้นท่ีไปตามความสาคัญและลักษณะภูมิประเทศ ของพน้ื ท่ี โดยมรี ูปแบบการพฒั นาและฟ้ืนฟูพื้นท่ีทาเหมืองทีผ่ า่ นมา สรุปได้ดงั นี้ 1) ปรบั ปรงุ พัฒนาพืน้ ที่เป็นรูปแบบพืน้ ท่เี กษตรกรรม การพัฒนาพื้นท่ีเหมืองแร่เก่ามาเป็นรูปแบบพื้นที่เกษตรกรรม เป็นพ้ืนที่สวนผลไม้ ทุเรียน เงาะ ยางพารา และสวนผสม จะพบในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรัง พังงา เป็นต้น เนื่องจาก บริเวณพ้ืนที่เหมืองแร่ จะมขี ุมเหมืองทห่ี ลงเหลืออยู่สามารถเป็นแหล่งน้าใหแ้ ก่พ้ืนทเ่ี กษตรกรรมทีน่ ามาปลูก ได้ และเลือกพ้ืนท่ีในบริเวณท่ีมีความเหมาะสม บางแห่งปรับปรุงพื้นท่ีและเพ่ิมความอุดมสมบูรณ์ในดิน รูปแบบการพัฒนาพืน้ ทีแ่ บบน้ีถ้าไมร่ ู้ประวตั ิของพ้ืนที่จะไมท่ ราบว่าเป็นพื้นที่เหมืองแร่เก่า

261 2) ปรับปรงุ พฒั นาพน้ื ที่เป็นที่อยอู่ าศัยหรอื พืน้ ที่ราชการ การพัฒนาพ้ืนที่เหมืองแร่เก่ามาเป็นท่ีอยู่อาศัยหรือพื้นที่ราชการ เน่ืองจากประชากร เพ่มิ จานวนมากขน้ึ การจัดหาท่ีอยู่อาศัยและมูลคา่ ทีด่ ินก็เพ่ิมตามไปด้วย ดังนนั้ จึงมีการพัฒนาโครงการเข้า ไปในพ้ืนที่เหมืองแร่เก่าที่มีสภาพรกร้าง แต่มีขุมเหมืองเก่าซ่ึงเป็นแหล่งน้าหลงเหลืออยู่ โดยปรับเกล่ียพ้ืนท่ี รกร้างและใช้ประโยชน์จากแหล่งน้าในขุมเหมอื งเก่า จะพบเห็นหมู่บ้านจัดสรรในพ้ืนที่อาเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา ศนู ย์ราชการจังหวัดระนอง และสนามบินจังหวดั ระนอง เป็นต้น 3) ปรบั ปรุงพัฒนาพ้นื ท่เี ป็นรปู แบบพนื้ ทส่ี วนสาธารณะ การพัฒนาพื้นท่ีเหมืองแร่เก่ามาเป็นพ้ืนท่ีสวนสาธารณะ รูปแบบนี้จะประสบ ความสาเร็จหรือไม่ ต้องพิจารณาถึงตาแหน่งท่ีต้ังใกล้ไกลจากผู้ท่ีจะมาใช้ประโยชน์ และหน่วยงานท่ี รับผิดชอบดแู ลต่อเน่ือง เน่ืองจากมภี าระค่าใช้จา่ ยที่ตอ้ งใช้ประกอบการดูแลพื้นที่ การพัฒนาพื้นท่ีรปู แบบน้ี ส่วนใหญ่ดาเนินการโดยภาครัฐและเนื่องจากตาแหน่งที่ต้ังเหมาะสมจึงทาให้มีชาวบ้านบุกรุกจับจองพื้นที่ ทาใหเ้ ป็นอปุ สรรคต่อการพัฒนาพ้ืนที่ โดยพ้ืนที่พัฒนาท่ีประสบความสาเร็จมีผู้ใช้ประโยชน์เพื่อพักผ่อนหย่อน ใจ ออกกาลังกาย และท่องเท่ียวจานวนมาก ได้แก่ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ (สวนหลวง ร.9) จังหวัด ภูเก็ต สวนเฉลมิ พระเกยี รตนิ วมินทราชินี จงั หวัดระนอง เปน็ ตน้ 4) ปรับปรงุ พฒั นาพนื้ ที่เป็นรูปแบบแหล่งกกั เก็บนา้ สาธารณะ การพัฒนาพื้นที่เหมืองแร่เก่ามาเป็นแหล่งกักเก็บน้าสาธารณะ เป็นการฟ้ืนฟูพ้ืนที่ทา เหมืองรูปแบบน้ีเป็นส่วนใหญ่ เน่ืองจากพื้นท่ีท่ีผ่านการทาเหมืองแร่แล้วจะหลงเหลือขุมน้าขนาดใหญ่และมี น้าขังอยู่ตลอด ส่วนพื้นที่กิจกรรมทาเหมืองใกล้เคียงเป็นท่ีรกร้างโล่งเตียนไม่ได้รับการพัฒนา การนาน้ามา ใช้ประโยชน์ในด้านการอุปโภคหรือเกษตรกรรมจึงสะดวกต่อการดาเนินการและใช้งบประมาณไม่มาก แต่ต้องพิจารณาถึงคุณภาพน้าท่ีจะนาไปใช้ในแต่ละวัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้ประโยชน์ โดยพบในหลายพ้ืนที่ของจงั หวัดตรัง พังงา และภูเกต็ เป็นตน้ 5) ปรบั ปรุงพัฒนาพน้ื ทีเ่ ปน็ รปู แบบพืน้ ท่ีสวนปา่ การพัฒนาพ้ืนท่ีเหมืองแร่เก่ามาเป็นพ้ืนท่ีสวนป่าปลูก เป็นรูปแบบการฟื้นฟูที่ ดาเนนิ การในชว่ งกอ่ นสิ้นอายปุ ระทานบตั รต่อเนอ่ื งจนถงึ ส้ินอายุประทานบัตร มีการปลูกไม้โตเร็วเป็นไม้เบิก นาแล้วปลูกไม้ท้องถิ่นเพิ่มเติมและหว่านพืชคลุมดิน โดยใช้ประโยชน์จากน้าขุมเหมืองเป็นแหล่งน้าให้พ้ืนท่ี สวนป่า การใช้ประโยชน์พื้นที่จึงเป็นรูปแบบเพื่องานวิจัยไม้เบิกนา การเพ่ิมพ้ืนที่สีเขียว และลดผลกระทบ การชะลา้ งดนิ ตะกอนในพนื้ ท่ีเป็นสว่ นใหญ่ จะพบในพ้นื ทเี่ หมอื งแรเ่ ก่าบริเวณอาเภอตะกว่ั ปา่ จงั หวัดพังงา 6) ปรับปรุงพัฒนาพื้นที่เปน็ รปู แบบพ้ืนทที่ อ่ งเทยี่ วหรอื ศนู ย์การเรยี นรู้ การพัฒนาพื้นที่เหมืองแร่เก่ามาเป็นพื้นท่ีท่องเท่ียวหรือศูนย์การเรียนรู้ จะต้อง พิจารณาถึงจุดเด่นของพื้นท่ีและประวตั ิความเป็นมาของทรัพยากรแหล่งแร่ในพ้ืนท่ีบริเวณน้ัน โดยบางแห่ง ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งอยู่ใกล้แหล่งชมุ ชนเสมอไป การนาเสนอจุดเดน่ ของพ้ืนท่ีจะช่วยประชาสัมพนั ธใ์ ห้นกั ท่องเท่ียว ท่ัวไปอยากเข้าไปเย่ียมชม โดยพ้ืนท่ีพัฒนาท่ีมีผู้ไปใช้ประโยชน์ท่องเท่ียว ตัวอย่างเช่น สวนสาธารณะลิวง จงั หวดั สงขลา และพิพิธภณั ฑ์เหมอื งทองคาบ้านบ่อทอง อาเภอกบนิ ทร์บุรี จังหวดั ปราจนี บุรี เป็นต้น 7) ปรับปรงุ พฒั นาพื้นที่เปน็ พืน้ ที่กลบฝังขยะหรือสารพิษ การพัฒนาพื้นท่ีเหมืองแร่เก่ามาเป็นพื้นที่กลบฝังขยะหรือสารพิษ การฟื้นฟูพ้ืนที่ รูปแบบนี้จะต้องมีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตามวัตถุประสงค์ โดยจะต้องพิจารณาความเหมาะสมของพ้ืนที่ ในด้านตาแหน่งที่ตั้ง ลักษณะธรณีวิทยา แหล่งน้าใต้ดิน และสภาพแวดล้อมใกล้เคียง รวมถึงความพึงพอใจ ของชุมชน และการดาเนินการจะต้องใช้หลักการทางวิศวกรรมประกอบแผนการตรวจสอบอย่างต่อเนื่ อง การฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีรูปแบบนี้ ได้แก่ พื้นท่ีฝังกลบแร่อาร์เซโนไพไรต์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นท่ีฝังกลบแร่กากแร่ ดีบกุ ตะกว่ั จงั หวดั ยะลา เปน็ ต้น

262 7.8.3 ตัวอยา่ งการฟนื้ ฟูพืน้ ทีเ่ หมอื งแรภ่ ายหลังเสร็จส้นิ การทาเหมอื ง 1) ดาเนนิ การโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ 1.1) สวนสาธารณะเฉลิมพระเกยี รติ (สวนหลวง ร.9), อาเภอเมือง จังหวัดภเู กต็ เป็นพื้นท่ีประทานบัตรเก่าท่ีผ่านการทาเหมืองแร่ดีบุกมาแล้ว จานวน 4 แปลง มีเนื้อท่ีประมาณ 350 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตาบลวิชิต อาเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นที่ราชพัสดุอยู่ในความดูแลของ กรมทรัพยากรธรณี ภายหลังส้ินสุดการทาเหมือง (ก่อน พ.ศ. 2530) มีราษฎรบุกรุกจับจองเพื่อสร้างท่ีอยู่ อาศัยหลายราย ภาครัฐพิจารณาแลว้ หากปลอ่ ยทิ้งไวโ้ ดยไม่ทาประโยชน์ จะกอ่ ให้เกดิ ปัญหาการบุกรกุ มากข้ึน นอกจากนี้ ยังพบการกัดเซาะพังทลายของดินซึ่งไม่มีสิ่งปกคลุม และเกิดปัญหาน้าท่วมในบริเวณพ้ืนท่ี ตอนล่างในฤดูฝนเน่ืองจากทางระบายน้าต้ืนเขิน ดังน้ัน กรมทรัพยากรธรณีในขณะนั้นจึงมีแนวคิดในการ พัฒนาพ้ืนที่ดังกล่าวให้เป็นสวนสาธารณะ เพื่อเป็นการแก้ไขและป้องกันปัญหาการบุกรุกของราษฎร เพ่ือสง่ เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพอ่ื เฉลิมพระเกียรตใิ นหลวงรัชกาลท่ี 9 เน่ืองในวโรกาสพระราช พิธีเฉลิมพระชมพรรษา 60 พรรษา ในปี พ.ศ. 2530 โดยจังหวัดภูเก็ตได้เห็นชอบและสนับสนุนงาน ก่อสร้างสวนสาธารณะน้ี ซ่ึงถือว่าใหญ่ท่ีสุดในบรรดาสวนสาธารณะท้ังหมดในจังหวัดภูเก็ต รวมใช้ งบประมาณดาเนินการประมาณ 10 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปี พร้อมดูแลต่อเนื่องอีก 2 ปี ก่อนส่งมอบ ให้เทศบาลเมืองภูเกต็ จังหวดั ภูเกต็ ดแู ลรับผดิ ชอบต่อไป 1.2) สวนเฉลมิ พระเกยี รตนิ วมนิ ทราชินี อาเภอเมอื ง จงั หวดั ระนอง เป็นสวนสาธารณะท่ีต้ังอยู่ในเขตหมู่ที่ 3 ริมถนนเพชรเกษม ตาบลบางริ้น อาเภอเมือง จังหวัดระนอง (ตรงข้ามศูนย์ราชการจังหวัดระนอง) เป็นพื้นท่ีเหมืองแร่ดีบุกที่ผ่านการทา เหมืองแร่มาแล้ว อยู่ใกล้แหล่งท่องเท่ียวน้าตกหงาว กรมทรัพยากรธรณีได้มาดาเนินการฟื้นฟูพ้ืนท่ีเป็น สวนสาธารณะแห่งที่ 2 ต่อจากจังหวัดภูเก็ต แต่เน่ืองจากในขณะนั้นตาแหน่งท่ีตั้งจะอยู่ห่างจากตัวจังหวัด ระนอง ผู้ใชป้ ระโยชนพ์ ื้นทส่ี วนสาธารณะแห่งน้จี ึงมีไมม่ าก และองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ทรี่ บั ผิดชอบขาด งบประมาณดูแล แต่ปัจจุบันมีการขยายเมืองมาทางตาบลบางร้ิน มีการสร้างสนามบินจังหวัดระนอง มีการ สร้างเส้นทางจักรยานสู่แหล่งน้าพุร้อนใกล้เคียง จึงมีประชาชนนิยมมาใช้ประโยชน์เพ่ือการออกกาลังกาย และเป็นสถานท่ีพักผ่อนสาหรับครอบครวั ภายในมีพนั ธ์ุไม้ยืนต้นและดอกไม้นานาชนิด รวมท้งั สระน้าซึง่ มา จากขุมเหมืองเกา่ โดยในแต่ละปีจะมีการปล่อยพนั ธป์ุ ลาเพ่อื เป็นการอนรุ ักษ์สัตว์น้าในสถานทด่ี ังกลา่ วนีด้ ว้ ย 1.3) สวนสาธารณะลวิ ง อาเภอจะนะ จงั หวดั สงขลา เป็นพื้นที่เหมืองแร่ดีบุกเก่าชื่อแหล่งแร่ลิวงของจังหวัดสงขลา สภาพพ้ืนที่เม่ือ ส้ินสุดการทาเหมืองแร่แล้วจะหลงเหลือขุมบ่อเหมือง ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีได้จัดทาโครงการปลูกป่าสน ล้อมรอบขุมเหมืองเกา่ และปรบั ปรุงพ้ืนที่ขมุ เหมอื งให้มีความลาดชันปลอดภัยเหมาะสมเปน็ แหลง่ ทอ่ งเที่ยว โดยปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลาที่เร่ิมจะมีช่ือเสียงโด่งดังข้ึนมาในช่วงนี้ มีการ ประชาสัมพนั ธผ์ ่านภาพถ่ายท่ีงดงามสะดุดตาทาให้ดงึ ดูดใหน้ ักท่องเท่ยี วเดินทางมาทน่ี ่ี 1.4) พิพธิ ภัณฑเ์ หมืองทองคาบ้านบ่อทอง อาเภอกบินทรบ์ รุ ี จังหวดั ปราจนี บุรี พื้นท่ีแหล่งแร่ทองคาท่ีตาบลบ่อทอง อาเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พบคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2414 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดยเจ้าเมืองปราจีนบุรีในสมัยนั้นเป็นผู้ดาเนินการทาเหมืองด้วยการขุดเจาะเป็นหลุมลึกลงไปเป็นอุโมงค์ใต้ ดิน จากน้ันมีบริษัทของชาวต่างประเทศร่วมกับชาวไทยเข้ามาดาเนินการทาเหมืองใต้ดินระดับลึกอีกครั้ง แต่เน่ืองจากสินแร่ท่ีมีความสมบูรณ์เริ่มหมดลงไป และผลกระทบอันเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จงึ ได้ หยุดดาเนินการไป ต่อมากรมโลหกิจหรือกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ในปัจจุบัน ได้จัดตั้ง ศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ข้ึน และดาเนินการผลิตแร่ทองคาต่อในช่วงระหว่างปีพุทธศักราช 2493 - 2500 ในครั้งนั้นได้แร่ทองคามากถึง 55 กิโลกรัม จากประวัติความเป็นมาท่ียาวนานกว่าร้อยปีของการทา

263 เหมืองทองคาที่บ้านบ่อทอง และยังมีการพบซากปรักหักพังปรากฏอยู่ในหลายบริเวณโดยรอบพื้นที่ที่ผ่าน การทาเหมืองแร่ทองคา ซ่ึงอยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตาบลบ่อทอง กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่จึงดาเนินการฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีที่ผ่านการทาเหมืองแร่ในบริเวณน้ีข้ึน โดยจัดทาเป็นพิพธิ ภัณฑ์เหมืองแร่ทองคาและปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบเพ่ือให้เป็นศนู ย์วัฒนธรรมเป็น ทร่ี วบรวมวัสดุส่งิ ของ เครอื่ งมือ เครื่องใช้ และเป็นอนุสรณ์ ตลอดจนแหลง่ ความรู้เก่ียวกับประวัตศิ าสตรก์ าร ทาเหมืองแร่ทองคาท่ีสาคัญของไทยรวมถึงเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวที่สาคัญภายในจังหวัดปราจีนบุรี อกี แหง่ หนึ่ง โดยในปี พ.ศ. 2548 เร่ิมเปดิ พพิ ิธภณั ฑ์เหมืองทองคาบ้านบอ่ ทองอยา่ งเปน็ ทางการ 2) ดาเนินการโดยผปู้ ระกอบการเหมืองแร่ 2.1) โครงการพัฒนาเหมอื งตน้ แบบโดยเอสซีจี เพ่อื วถิ ีชมุ ชน เปน็ กลุ่มพน้ื ที่เหมอื งแรเ่ ก่าท่เี สร็จสิน้ การทาเหมืองแล้ว ซ่ึงบรษิ ัท เอสซจี ี ซีเมนต์ จากัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานการทาเหมือง โดยบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ คือ ใช้แนวทางการพัฒนาอย่างย่ังยืน มุ่งมั่นสร้างประโยชน์อย่างสมดุลท้ังด้านเศรษฐกิจสังคมและส่ิงแวดล้อม ภายใต้หลักบรรษัทภิบาล และมี นโยบายการฟื้นฟูเหมืองและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้การฟื้นฟูสภาพพื้นท่ีที่ผ่านการทาเหมือง ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพท้ังในและต่างประเทศ เมื่อไม่มีการใช้ประโยชนพ์ ื้นท่ีเพอ่ื การทาเหมอื งแล้ว จึงจดั ทาโครงการตอบแทนคืนสูส่ งั คมและชุมชนท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์และเป้าหมาย เพ่ือฟ้ืนฟูสภาพพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างย่ังยืนให้เกิดความปลอดภัยมี เสถียรภาพ ปรับปรุงพ้ืนท่ีให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรณีวิทยา วิศวกรรมการทาเหมือง เทคนิควิธีการการทาเหมืองที่ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ตัวอย่างโครงการท่ีผ่านมา อาทิ พ้ืนท่ีเหมืองแร่ถ่านหิน อาเภอลี้ จังหวัดลาพูน โดยบริจาคที่ดินให้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดลาพูน จัดทาเป็นแหล่งน้าสารองให้แก่ชุมชน (แก้ปัญหาภัยแล้ง) เป็นแหล่งประมง แหล่งน้าเพื่อการเกษตร และเป็นแหล่งท่องเที่ยว พ้ืนท่ีเหมืองแร่ถ่านหินแม่ทาน จังหวัดลาปาง พัฒนาเป็น แหล่งเก็บน้าให้ชุมชน โครงการแก้มลิงทะเลสาบบ้านหมอ อาเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เดิมเป็นพนื้ ที่บ่อ เหมืองดินมาร์ล และบริษัทฯ ได้บริจาคท่ีดินเน้ือที่ประมาณ 900 ไร่ ให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนาใช้เป็นโครงการ แก้มลิง พื้นที่เหมืองแม่น้าเป็นโครงการทาเหมืองแร่ดินอุตสาหกรรมชนิดินซีเมนต์ เขตอาเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พัฒนาเป็นพื้นท่ีท่องเที่ยว และศูนย์เรียนรู้เหมืองหินปูนลาปาง จังหวัดลาปาง ที่เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับการฟ้ืนฟูเหมือง และเหมืองแร่ตัวอย่างในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง คือ เหมืองแม่ทาน จังหวัดลาปาง ท่ีสามารถใช้เป็นพ้ืนที่ศึกษาดูงานได้ รวมถึงโครงการทาเหมืองแร่หิน ปูนซีเมนต์ในพนื้ ที่จังหวัดสระบรุ ีและจงั หวัดนครศรธี รรมราชทีย่ งั ไม่เสรจ็ ส้ินการทาเหมอื ง โดยจัดสรรพน้ื ท่ีที่ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทาเหมืองนามาฟ้ืนฟูพื้นท่ีในการทดลองศึกษาวิจัย การใช้พันธ์ุไม้หรือพืชคลุมดินท่ี เหมาะสมในการปลูกในพื้นที่ลาดชัน เพ่ือลดปัญหาการชะล้างดินพังทลาย การจัดหาไม้ท้องถ่ินในพื้นท่ี ซง่ึ มคี วามหลากหลายทางชวี ภาพนามาขยายต้นพันธุเ์ พ่ือนาไปปลูกในพน้ื ทีท่ จี่ ัดเตรยี มไว้ 2.2) โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพ่ือการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดตาก เป็นพ้ืนท่ีทาเหมืองแร่สังกะสีเก่า ของ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จากัด (มหาชน) ชนิดแร่สังกะสี มีเน้ือที่ประมาณ 2,078 ไร่ โดยผลิตแร่สังกะสีจนหมดศักยภาพของแหล่งแร่ แต่ประทาน บัตรยังมีอายุจนถึงปี 2565 แต่บริษัทฯ ไม่ประสงค์จะดาเนินการต่อ จึงดาเนินการในข้ันตอนที่กาหนด ในเง่ือนไขมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว และกาหนดแผนการปิดเหมืองและฟ้ืนฟูพื้นที่ โดยชว่ งแรกจดั ทาเปน็ พ้ืนที่สวนพฤกษศาสตร์ เนอื้ ท่ีรวม 970 ไร่ แบง่ เปน็ 5 โซน คือ ๒.๒.๑) โซน A เน้ือที่ 200 ไร่ เป็นพื้นท่ีขุมเหมืองด้านก้นอ่าง ป่าดึกดาบรรพ์ สระมรกต ที่จอดรถ ศนู ยบ์ รกิ าร

264 ๒.๒.๒) โซน B เน้ือท่ี 100 ไร่ เป็นพ้ืนท่ีผนังและด้านบนขุมเหมืองน้าตก เส้นทางชมทิวทัศนแ์ ละศกึ ษาธรรมชาติ ๒.๒.๓) โซน C เนื้อที่ 200 ไร่ เป็นกลุ่มอาคารเรือนกระจก กลุ่มเรือนกระจก ศนู ยบ์ รกิ าร หอพรรณไม้ ที่จอดรถ ๒.๒.๔) โซน D เนอื้ ท่ี 300 ไร่ เปน็ พืน้ ที่ปลกู ป่าฟน้ื คืนระบบนเิ วศ ๒.๒.๕) โซน E เนื้อที่ 170 ไร่ เปน็ อา่ งเกบ็ นา้ ผาแดง ในอนาคตเม่ือจดั ทาโครงการตามแผนงานแล้วเสร็จจะเปน็ ศนู ย์เรยี นรู้ขนาดใหญ่ และแหล่งทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ี่สาคัญของประเทศ 2.3) ระนองแคนยอ่ น ตาบลหาดสม้ แปน้ อาเภอเมอื ง จงั หวดั ระนอง เป็นพื้นที่ท่ีผ่านการทาเหมืองแร่ดีบุกเก่าและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการฟื้นคืน สภาพตามธรรมชาติ สภาพพื้นที่จะมีบ่อน้าขุมเหมืองหลงเหลืออยู่ ชาวบ้านใกล้เคียงจะเรียกว่า บึงมรกต สภาพพ้ืนที่จะเกิดจากวิธีการทาเหมืองโดยใช้น้าฉีดแยกแร่ดีบุก ทาให้เกิดการชะล้างหน้าดินหายไป กลายเป็นแท่ง แอ่งหุบลึก เม่ือเลิกกิจการทาเหมืองไปจึงกลายเป็นพื้นท่ีรกร้างโล่งเตียน และจากสภาพ ภมู ิอากาศท่ีมีฝนตกยาวนานทาให้เกิดการกัดเซาะพ้ืนที่เป็นภูมิประเทศอันแปลกตา พ้ืนที่จะรายลอ้ มไปด้วย หน้าผาดิน หนิ สูงใหญ่มากมาย นอกจากน้ใี นบึงนา้ ยังมีพันธุป์ ลามากมาย เชน่ ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลานิล เปน็ ต้น ปัจจุบัน ระนองแคนยอ่ น อยู่ภายใตก้ ารดูแลขององคก์ ารบริหารส่วนตาบลหาดส้มแป้น สามารถเข้า ไปเท่ียวชมได้ตลอดปี โดยไม่เสียค่าเข้าชม ซ่ึงโดยรอบพ้ืนท่ียังมีศาลาพักผ่อนหย่อนใจ สนามเด็กเล่น และกจิ กรรมการใหอ้ าหารปลา 2.4) สนามกอลฟ์ กระทะทอง รีสอร์ท แอนด์ สปา อาเภอเมือง จงั หวัดพงั งา เป็นพื้นที่ที่เหมืองแร่ดีบุกเก่า เน้ือท่ีประมาณ 274 ไร่ ต้ังอยู่บริเวณท่ีราบเชิงเขา มีเทือกเขาล้อมรอบและทางด้านทิศตะวันออกเป็นภูเขาท่ีมีลักษณะคล้ายกระทะคว่า จึงได้ชื่อว่า ภูเขากระทะทอง ดาเนินการทาเหมืองประเภทเหมืองฉีด โดยการชักน้าจากแหล่งน้าบนภูเขาผ่านท่อเหล็กระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร มาใช้ในการฉีดหน้าดินหรือหน้าเหมือง และดูดมวลดินทราย แร่ผ่านมากับน้า ส่งขึ้นรางกู้แร่ ที่มีความสูงจากระดับพื้นดิน การทาเหมืองวิธีนี้เป็นที่นิยมในการทาเหมืองบริเวณแหล่งลานแร่ในพื้นท่ี ภาคใต้ เนื่องจากจะประหยัดพลังงาน มีการใช้เครื่องจักรกลหนักน้อย แต่มีข้อจากัดของผลผลิตเพราะใช้ พลังน้าจากธรรมชาติ ซ่ึงข้ึนกับปริมาณน้าและแรงดันของน้าจากภูเขา แต่พ้ืนท่ีเหมืองแร่น้ีมีการเปลี่ยน เจ้าของและเปล่ียนวิธีการทาเหมืองมาเป็นเหมืองหาบ นาเคร่ืองจักรกลหนักมาใช้ สามารถผลิตแร่ดีบุกได้ เพิ่มมากขึ้น และได้หยุดกิจการลงเพราะสภาวะราคาแร่ดีบุกตกต่าและเหลือพื้นท่ีที่มีแร่ความสมบูรณ์ต่า จึงได้มีการพัฒนาพื้นที่ท่ีผ่านการทาเหมืองแร่แล้ว เป็นพื้นท่ีเพื่อการเกษตร และปรับปรุงทัศนียภาพ จนพัฒนาเป็นพ้ืนที่สนามกอล์ฟ ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 3-4 ปี มีการนาอุปกรณ์การทาเหมือง แร่ในอดีตมาตกแต่งโดยรอบสนามกอล์ฟ และพนักงานส่วนหนึ่งเป็นพนักงานท่ีเคยทาเหมืองในพื้นที่นี้มา ก่อน และพัฒนาพ้ืนท่ีเพ่ิมเติมเป็นรีสอร์ทและสปา กรรมสิทธ์ิในท่ีดินโครงการน้ีแจ้งว่าเป็นพ้ืนท่ีกรรมสิทธิ์ ของ บริษัท กระทะทอง จากัด ตั้งอยู่ที่ตาบลทุ่งคาโงก อาเภอเมือง จังหวัดพังงา เปิดให้บริการเป็นสถานท่ี ทอ่ งเทย่ี ว ทงั้ ในสว่ นสนามกอลฟ์ จานวน 18 หลมุ โรงแรม ท่ีพกั ห้องสัมมนา เป็นต้น

265 7.8.4 ผลการพจิ ารณาศึกษาข้อมลู จากหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วข้อง มีประเด็นข้อคิดเห็นที่ยังไม่ชัดเจน ในเร่ืองการออกเอกสารสิทธิท่ีดินหลังจากการปิด การประกอบกิจการเหมืองแร่ การไม่คืนพ้ืนท่ีที่ป่าชายเลนของผู้ประกอบการเอกชน หลังจากหมด สัมปทาน การให้เอกชนเช่าพื้นที่ป่าไม้เพ่ือนามาใช้ประโยชน์ เมื่อหมดอายุการเช่าแล้วไม่มีการคืนพื้นที่ การชาระเงินค่าธรรมเนียมให้กรมป่าไม้เพ่ือปลูกป่าทดแทน และกลบขุมเหมือง สาหรับผู้ประกอบการ เหมอื งแร่ แตก่ รมป่าไม้ไม่ดาเนินการปลูกปา่ ทดแทนในพื้นที่ดงั กล่าว 1) กรมอตุ สาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมืองแร่ หลักการในการทาเหมืองในพ้ืนท่ีประทานบัตรเหมืองแร่ในพ้ืนที่ใด จะต้องได้รับ อนุญาตจากเจ้าของพ้ืนท่ีนัน้ ๆ หากเปน็ พ้นื ท่ีที่มเี อกสารสิทธิกต็ ้องไดร้ ับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธ์ิ หากเป็นพื้นท่ีของรัฐจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่กากับดูแลพ้ืนที่น้ัน อาทิ พ้ืนที่ป่าไม้ ต้องได้รับ อนุญาตจากกรมป่าไม้ เม่ือได้รับการอนุญาตให้ทาเหมืองแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม ระเบียบ กฎเกณฑ์ที่กาหนด ปฏิบัติตามแผนผังการทาเหมือง รวมทั้งปฏิบัติตามรายงานผลกระทบ ส่ิงแวดล้อม หรือมาตรการท่ีได้รับอนุญาตจากสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งมีแผนการฟ้ืนฟูกากับอยู่ด้วย โดยเริ่มต้ังแต่ก่อนการทาเหมือง ระหว่างการทาเหมือง และหลังการปิดเหมือง โดยพื้นท่ีภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นการทาเหมืองดีบุกบนพ้ืนท่ีราบ เม่ือทาเหมืองจึงเกิด เป็นขุมเหมือง ซ่ึงโดยหลักการเม่ือทาเหมืองเสร็จจะต้องมีการถมขุมเหมือง โดยในพื้นท่ีจังหวัดภูเก็ตซ่ึงเป็น แหล่งท่องเท่ียวและขาดแคลนน้า ผู้ประกอบการเหมืองแร่บนพ้ืนท่ีกรรมสิทธิ์อาจขอยกเว้นไม่ฟ้ืนฟูพ้ืนที่ เน่ืองจากจะเก็บขุมเหมืองไว้ใช้น้า หรือแม้กระทั่งพื้นท่ีของรัฐก็มีการขอเก็บขุมเหมืองไว้ ซึ่งปัจจุบันมีการ สนับสนุนให้การนาน้าจากขุมเหมืองไปใช้ประโยชน์แก้ปัญหาภัยแล้ง และในส่วนของการทาเหมืองแร่ใน พ้ืนที่ป่าไม้แล้วนาไปออกเอกสารสิทธินั้นจะเป็นอานาจหน้าที่ของกรมท่ีดินท่ีจะต้องพิจารณาว่าครบ องค์ประกอบในการออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ 2) สานักงานอตุ สาหกรรมจงั หวดั ภเู ก็ต ข้อมูลประทานบัตรที่ส้ินอายุและเวนคืนในเขตพ้ืนที่จังหวัดภูเก็ต มีจานวน 72 แปลง ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตไม่มีประทานบัตร คาขอประทานบัตร และคาขอต่ออายุประทานบัตร ซึ่งมีข้ันตอน การดาเนินการในกรณีประทานบัตรส้ินอายุ ดังน้ี 1) เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องท่ีจังหวัดภเู ก็ต แจ้งสานักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 4 ภูเก็ต ตรวจสอบประทานบัตรส้ินอายุหรือ เวนคืนประทานบัตร 2) สานักงานอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่เขต 4 ภูเก็ต แจ้งผลการ ตรวจสอบประทานบัตรส้ินอายุหรือเวนคืนประทานบัตรให้สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต 3) สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทราบกรณีประทานบัตรส้ินอายุ คือ อาเภอในพื้นที่ประทานบัตร องค์กรปกครองท้องถิ่นในเขตพ้ืนท่ีประทานบัตร กรณีเป็นพื้น ท่ีป่าแจ้ง สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต และ 4) สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ประมวลเรอื่ งสง่ กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ เพ่ือประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา 3). สานักงานทีด่ ินจงั หวัดภูเกต็ การออกเอกสารสิทธิในพ้ืนท่ีประกอบกิจการเหมืองแร่ท่ีสิ้นอายุประทานบัตรแล้วน้ัน โดยหลักการคือ การประกอบกจิ การเหมืองแร่ผู้ประกอบการเหมอื งแร่ไม่ทาให้ได้รับสิทธิครอบครองในพื้นท่ีนั้น ๆ และไม่อาจยกการครอบครองตามอายปุ ระทานบัตรข้นึ เปน็ ข้อต่อสกู้ ับรัฐได้ แตม่ ีขอ้ ยกเวน้ คือหากมีสทิ ธิการ ครอบครองอยู่ก่อนได้รับประทานบัตรก็สามารถนามาหักล้างได้ โดยหลักเกณฑ์ทั่วไปในการออกเอกสาร สิทธิ คือ ตอ้ งพิจารณาว่าเป็นท่ีดินตอ้ งหา้ มหรือไม่ ผู้นน้ั เปน็ ผู้มสี ิทธิในท่ดี ินหรอื ไม่ และอย่ใู นเงอ่ื นไข วิธีการ ที่กฎหมายกาหนดหรือไม่ ทั้งน้ีจะออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ต้องพิจารณาตามกฎกระทรวงที่กาหนดไว้ว่า

266 ท่ีดินที่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ก็คือผู้นั้นมีสิทธิในที่ดินและได้ครอบครองทาประโยชน์ในที่ดิน เว้นแต่ ทด่ี ินดังตอ่ ไปน้ี ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ ๓.๑.) ท่ีดนิ พลเมอื งใช้รว่ มกัน เช่น ทางน้า ๓.2) เป็นที่ภูเขาหรือท่ีรัฐมนตรีประกาศห้าม ตามมาตรา 9 (2) เว้นแต่ได้มาโดยชอบ ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ๓.3) ทีเ่ กาะ เวน้ แต่มเี อกสาร นส. 3 สค. 1 หรอื ใบจอง ๓.4) ที่ดินสงวนหวงห้ามไว้ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายท่ีดิน มาตรา 10 คือ ที่ดินซ่ึงได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า พ.ศ. 2479 ๓.5) ทด่ี ินท่รี ฐั มนตรหี วงห้ามไว้ 4) สานกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม จุดมุ่งหมายการปิดเหมือง (Mine Closure) และการฟื้นฟูพื้นที่จากการทาเหมืองแร่ (Rehabilitation Plan) ๔.1) เพอ่ื นาพืน้ ท่ีภายหลังสิ้นสุดการทาเหมืองมาปรับปรงุ หรือฟน้ื ฟสู ภาพ เพ่ือนาไปใช้ ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น หน่วยงานหรือ เจ้าของกรรมสิทธ์ิในพื้นท่ี ส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้อง องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน ชุมชนและประชาชนใน พืน้ ท่ี เป็นต้น ๔.๒) ความปลอดภัยของสภาพพนื้ ที่ ๔.3) ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมและชุมชนท่ีอาจเกิดขึ้นจากการทาเหมืองในพ้ืนท่ี ดังน้ัน แผนการปิดเหมืองและการฟ้ืนฟูพื้นที่จากการทาเหมืองแร่ จาเป็นต้องมีการวางแผนและออกแบบ อย่างเหมาะสม ตั้งแต่เร่ิมต้นการทาเหมือง ให้มีความสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ข้อมูลธรณีวิทยาแหล่งแร่ แผนผังโครงการทาเหมือง และการร่วมแผนผังโครงการทาเหมืองกับโครงการเหมืองแร่อ่ืน ซึ่งอยู่ในเขต แหล่งแร่เดียวกัน โดยในการออกแบบการทาเหมือง (Mine Design) การวางแผนปิดเหมือง และการฟ้ืนฟู พื้นท่ีจากการทาเหมืองแร่ อาจต้องพิจารณาถึงภาพรวมของลักษณะบ่อเหมือง (Final Pit Limit) ในช่วง สุดท้ายเมื่อมีการทาเหมืองจนหมดศักยภาพของแหล่งแร่นั้นด้วย ท้ังนี้ การออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์พ้ืนท่ี จากการทาเหมืองแร่ต้องคานึงถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ โดยไม่เป็นการลงทุนท่ีสูญเปล่าหรือเป็นการ เพิม่ ภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป รายงานการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อมโครงการเหมืองแร่ ส่วนท่ีเก่ียวข้องกับ แผนการปิดเหมืองและการฟ้ืนฟูพื้นท่ีจากการทาเหมืองแร่ มีองค์ประกอบเน้ือหา และรายละเอียดที่สาคัญ 5 ส่วน ได้แก่ (1) วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และรูปแบบของการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีภายหลังสิ้นสุดการ ทาเหมอื งแร่ (2) การออกแบบการทาเหมือง แผนการปิดเหมือง และประสานร่วมกับโครงการเหมืองแร่ อน่ื ซ่ึงอย่ใู นเขตแหลง่ แรเ่ ดยี วกัน (3) แสดงการดาเนินการฟ้นื ฟพู ืน้ ทจ่ี ากการทาเหมืองแร่ ในช่วงที่ผา่ นมา (4) เสนอแผนการฟ้นื ฟูพ้ืนทจ่ี ากการทาเหมืองแร่ ในชว่ งตอ่ ไป (5) มีการทบทวนและการปรับปรุงแผนการปิดเหมืองและการฟ้ืนฟูพื้นท่ีจากการทาเหมือง แร่ โดยรายละเอียดที่เสนอในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่ ต้องพิจารณา ขอ้ มลู ดังน้ี

267 (5.1) ต้องมีรูปแบบของการใช้ประโยชน์พื้นท่ีภายหลังส้ินสุดการทาเหมืองแร่ท่ี ชัดเจน เช่น เพ่ือพัฒนาเป็นแหล่งน้าของชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นสวนสาธารณะ เพื่อการปลูกป่า เพอื่ เป็นท่อี ย่อู าศัยและเพอื่ การพกั ผ่อนหย่อนใจ เปน็ ตน้ (5.2) ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน เกี่ยวกับลักษณะของพ้ืนที่ท่ีจะฟื้นฟู และการ เตรียมพื้นที่ เช่น พื้นที่กองดินและพ้ืนท่ีถมกลับคืนภายในบ่อเหมือง พ้ืนท่ีบ่อเหมือง พ้ืนที่ใช้ในกิจกรรม ตา่ ง ๆ เช่น อาคาร โรงซ่อมบารุง รวมทงั้ พื้นท่ีไมไ่ ด้ใช้ประโยชนใ์ นกิจกรรมเหมอื งแร่ (5.3) ต้องมีรายละเอียดแผนการดาเนินงานบุคลากร งบประมาณ และระยะเวลา ในการดาเนินการด้วย ซึ่งอาจทาเป็นตารางสรุปรายละเอียดของแผนการดาเนินงาน พ้ืนที่ ระยะเวลา และ งบประมาณ (5.4) กรณีเป็นการขอทาเหมืองแร่ในพื้นท่ีเดิม หรือการขอในพื้นที่ใหม่แต่มี ระยะเวลาในการทาเหมืองมากกว่า 30 ปี ต้องแสดงรายละเอียดของการดาเนินการท่ีผ่านมา หรือการ วางแผนสาหรับการดาเนนิ การในอนาคตดว้ ย (5.5) กรณีการร่วมแผนผงั โครงการทาเหมืองเดยี วกัน หรอื กรณีการทาเหมอื งแร่ท่ี มีหลายโครงการอยู่ในเขตแหล่งแร่เดียวกันต้องมีเพิ่มเติมรายละเอียดของการดาเนินการฟ้ืนฟูพ้ืนที่จากการ ทาเหมืองแร่ รว่ มกบั โครงการเหมืองแรอ่ ื่น ซึ่งอยูใ่ นเขตแหล่งแรเ่ ดียวกนั ทงั้ หมด (5.6) ต้องนาเสนอภาพหน้าเหมืองสุดท้ายของการทาเหมืองแร่ของโครงการ และ แผนการฟ้ืนฟูการทาเหมืองท่ีนาเสนอต้องสอดคลอ้ งกบั หนา้ เหมืองสุดท้ายของการทาเหมืองแร่ดว้ ย (5.7) ต้องกาหนดระยะเวลาในแผนการฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีจากการทาเหมืองแร่ ให้แล้ว เสร็จกอ่ นประทานบตั รสนิ้ อายุ (5.8) ชนิดของพันธ์ุไม้ท่ีจะใช้ในการฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีจากการทาเหมืองแร่ ควรเป็นพันธุ์ ไมท้ อ้ งถิน่ หรอื ต้นไมป้ ระจาจังหวัด เพราะสามารถเจรญิ เติบโตได้ดใี นพนื้ ท่แี ละมีอัตราการอยู่รอดสงู (5.9) ต้องมีแผนด้านความปลอดภัยภายหลังส้ินสุดการทาเหมืองแร่ เช่น จัดทา แนวคันดินล้อมรอบพร้อมปลูกต้นไม้ตามแนวคันดินเพ่ือป้องกันการตกลงไปในพ้ืนท่ีขุมเหมือง หรือบ่อดัก ตะกอน ตดิ ตัง้ ป้ายเตือนกรณคี ุณภาพน้าในขมุ เหมืองไมม่ คี วามปลอดภัยในการนามาใช้อุปโภค-บรโิ ภค เป็นตน้ (5.10) ควรมีการทบทวนและปรับปรุงแผนการปิดเหมืองและการฟื้นฟูพื้นท่ีจาก การทาเหมืองแร่อยู่เสมอ เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับเงื่อนไขในแต่ช่วงเวลา โดยช่วง ระยะเวลาที่เหมาะสม คือ ช่วงระยะเวลา ๑๐ ปี หรือเม่ือมีการเปล่ียนแปลงแผนผังโครงการทาเหมืองแร่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขอ่ืนใดท่ีส่งผลกระทบต่อแผนการปิดเหมืองและการฟื้นฟูพื้นที่จากการทา เหมืองแรเ่ ดมิ (5.11) ให้รายงานผลการดาเนินการตามแผนงานด้านการฟื้นฟูพื้นท่ีจากการทา เหมอื งแร่มาที่ สผ. และ กพร. ทราบทุกปี (กรณีท่ีเปน็ เหมืองท่ีมีผลกระทบรุนแรงตอ่ สุขภาพประชาชน อาจ ตอ้ งมมี าตรการตดิ ตามผลกระทบสิง่ แวดล้อมกาหนดไวต้ ่อเนอื่ ง)

268 ๗.9 โครงสรา้ งและอัตรากาลังส่วนราชการที่เกยี่ วขอ้ ง หน่วยงานหลักท่ีมีภารกิจหน้าที่เก่ียวข้องโดยตรงกับเรื่องการอนุญาตและการกากับดูแลการ ประกอบกิจการเหมืองแร่ คือ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ และสานักงานอตุ สาหกรรมจงั หวัด ๗.9.๑ โครงสรา้ งและอตั รากาลงั ของกรมอตุ สาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) มีภารกิจเกย่ี วกับการจัดหาและบริหาร จัดการวัตถุดิบ โดยการส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ โลหกรรม อุตสาหกรรม พ้ืนฐาน และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ ให้มีการใช้ประโยชน์แร่และโลหะอย่างมี ประสิทธภิ าพ และรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม รักษาคุณภาพสง่ิ แวดล้อมและความปลอดภัย อย่างย่ังยืน โดยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวง อตุ สาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้มหี น้าที่และอานาจ ดังต่อไปน้ี ๑) ดาเนินการตามกฎหมายว่าด้วยแร่ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรม และ กฎหมายทเี่ ก่ยี วข้อง ๒) เสนอแนะนโยบาย มาตรการ แนวทางและความเห็น เพ่ือประกอบการพิจารณาในการ กาหนดนโยบายการบริหารและการจัดการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพ้ืนฐาน และอุตสาหกรรม ตอ่ เน่อื ง ให้สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนพัฒนาของประเทศ ๓) กาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพืน้ ฐาน และอตุ สาหกรรมต่อเน่ือง ใหส้ อดรบั กับความต้องการของภาคอตุ สาหกรรม ๔) ดาเนินการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบ ให้สอดรับกับความต้องการ ของภาคอตุ สาหกรรม ท้งั ในปจั จุบนั และในอนาคต ๕) ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัย เพ่ือพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพ้ืนฐาน และอุตสาหกรรมตอ่ เน่ือง รวมทงั้ สนับสนนุ การให้บรกิ ารทางวิชาการและสารสนเทศ ๖) ดาเนินเกี่ยวกับการส่งเสริม สนับสนุนการเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิต ความปลอดภัย ของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพ้ืนฐาน และอุตสาหกรรมต่อเน่ือง และควบคุมระดับผลกระทบ ส่ิงแวดลอ้ มต่อชุมชน ๗) ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกาหนดให้เป็นหน้าท่ีและอานาจของกรม หรือตามท่ี รฐั มนตรี คณะรฐั มนตรมี อบหมาย กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ ได้มีการจัดแบ่งส่วนราชการภายในออกเป็น ๑๗ หน่วย โดยเป็นโครงสร้างที่อยู่ในส่วนกลาง จานวน ๑๐ หน่วย ได้แก่ กลุ่มตรวจสอบภายใน สานักงาน เลขานุการกรม กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กองกฎหมาย กองวิศวกรรมบริการ กองบริการงานอนุญาต กองบริหารส่ิงแวดล้อม กองบริหารจัดการวัตถุดิบอุตสาหกรรม กองนวัตกรรมวัตถุดิบและอุตสาหกรรม ต่อเนื่อง และศูนย์สารสนเทศและการส่ือสาร ดังแสดงในแผนภาพท่ี 14 นอกจากน้ี ยังมีโครงสร้างท่ีอยู่ใน ส่วนภูมิภาคอีก จานวน ๗ หน่วย ได้แก่ หน่วยงานตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๐ จานวน ๓ หน่วย คือ สานักงาน อุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่เขต ๑ – ๓ และหน่วยงานท่ีจัดตั้งขึ้นเป็นการภายใน ๔ หน่วย คือ สานักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต ๔ – ๗ เพ่ือให้มีพ้ืนที่ความรับผิดชอบสอดคล้องกับ การกระจายตัวของเหมืองแร่ทั่วทุกภูมิภาคและสอดคล้องกับเขตพ้ืนที่ความรับผิดชอบของสานักงาน อตุ สาหกรรมจงั หวัดทั่วประเทศ ดงั แสดงในแผนภาพ ๑๕

269 ภาพที่ ๑๔ โครงสรา้ งและอัตรากาลงั ของกรมอุตสาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร่ ทัง้ หนว่ ยงานในสว่ นกลางและในสว่ นภูมิภาค

270 ภาพที่ ๑5 โครงสรา้ งและอัตรากาลงั ของกรมอตุ สาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมืองแร่เฉพาะหน่วยงานในส่วนภมู ภิ าค ๗.9.๒ โครงสรา้ งและอตั รากาลงั ของสานักงานอุตสาหกรรมจงั หวดั สานักงานอุตสาหกรรมจงั หวดั (สอจ.) เป็นหนว่ ยงานราชการบริหารสว่ นภมู ิภาค ทาหนา้ ที่ เป็นตัวแทนของกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ในจังหวัด บูรณาการการปฏิบัติงานครอบคลุมทุกภารกิจของ ส่วนราชการในสังกัด โดยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวง อตุ สาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดใหม้ ีหน้าทีแ่ ละอานาจ ดังตอ่ ไปนี้ ๑) ปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะตัวแทนของกระทรวงในส่วนภูมิภาค รวมท้ังประสาน และ สนบั สนุนการปฏบิ ัตงิ านดา้ นอตุ สาหกรรมในเขตพ้ืนท่จี งั หวัดและกลุ่มจงั หวดั ๒) ส่งเสริม สนับสนุน กากับ ดแู ล การดาเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่า ด้วยแร่ กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม

271 ๓) จัดทาแผน ส่งเสริม และพัฒนาอุตสาหกรรมระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้ง ประสานและติดตามประเมนิ ผลการดาเนินงานตามแผนดังกล่าว ๔) ดาเนินการเก่ียวกับการจัดทาและวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศด้านอุตสาหกรรมในเขต พน้ื ทจ่ี งั หวัดและกลุ่มจงั หวัด ๕) ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมให้กับ ผปู้ ระกอบการในเขตพืน้ ท่จี ังหวดั และกล่มุ จงั หวดั ๖) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับ มอบหมาย สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัด มีการจัดแบ่งโครงสร้างภายในเป็น ๔ กลุ่มงาน ได้แก่ (๑) กลุ่มนโยบายและแผนงาน (๒) กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม (๓) กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม และ (๔) กลุ่มอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจานวนอัตรากาลังของข้าราชการของกลุ่มอุตสาหกรรมพ้ืนฐาน และการเหมืองแร่ สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งมีหน้าท่ีบริหารจัดการเหมืองแร่ในจังหวัดท่ีรับผิดชอบ มจี านวนไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการแรใ่ นพ้ืนท่ีท่ีรับผิดชอบ สง่ ผลให้กระทรวงอุตสาหกรรมไม่สามารถ จัดโครงสร้างดังกล่าว ให้เป็นระนาบและมีลักษณะรูปแบบเดียวกันในทุกจังหวัดท่ีมีการประกอบการ เหมืองแร่ได้ ดังน้ัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเบ้ืองต้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้แบ่ง ประเภทจังหวัดและจัดสรรอัตรากาลังของเจ้าหน้าท่ีกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สานักงาน อุตสาหกรรมจังหวัด ให้สามารถปฏิบัติหน้าท่ีด้านอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็นเปน็ ๓ ลกั ษณะ ได้แก่ (๑) จังหวัดเด่ียว คือ จังหวัดที่มีจานวนสถานประกอบการเหมืองแร่ หรือมีการประกอบ กิจการด้านอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในจังหวัดเป็นจานวนมาก กระทรวง อุตสาหกรรมจึงได้กาหนดให้มีกลุ่มอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ พร้อมอัตราเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ ตอ่ การปฏิบัตภิ ารกิจเบ็ดเสร็จในจังหวดั ของตนเอง ประกอบด้วย ๑๑ จงั หวัด ได้แก่ กระบี่ นครศรธี รรมราช บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี เลย ลาปาง ลาพูน สระบุรี สุราษฎร์ธานี และสุรินทร์ โดยมีอัตรารวม ทั้งหมด ๑๗๙ อัตรา แบ่งเป็นข้าราชการ ๑๕๐ อัตรา พนักงานราชการ ๑๖ อัตรา และลูกจ้างประจา ๑๓ อตั รา (รายละเอียดตามภาพที่ 1๖) (๒) จังหวัดหลัก คือ จังหวัดที่มีจานวนสถานประกอบการเหมืองแร่ หรือมีการประกอบ กิจการด้านอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในจังหวัดเป็นจานวนปานกลาง กระทรวง อุตสาหกรรมได้กาหนดใหม้ ีกลุ่มอตุ สาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ พร้อมอัตราเจา้ หน้าที่ใหเ้ พยี งพอต่อ การปฏิบัติหน้าที่ในจงั หวัดของตนเองและจังหวัดใกล้เคียงทเ่ี รยี กว่าจังหวัดรองหรือจังหวัดพื้นท่ี โดยจังหวัด หลักมีจานวน ๒๔ จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ขอนแก่น ชลบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตาก นครราชสีมา นครสวรรค์ ปราจีนบุรี พังงา เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สกลนคร สงขลา สุพรรณบุรี อุดรธานี อตุ รดิตถ์ และ อุบลราชธานี ดังแสดงในภาพที่ ๑๖ (๓) จงั หวัดรองหรือจงั หวัดพ้ืนที่ คือ จังหวดั ท่ีมจี านวนสถานประกอบการเหมอื งแร่ หรอื มี การประกอบกิจการด้านอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จานวนมากไม่มากนัก กอรปกับ อตั รากาลังของกระทรวงอุตสาหกรรมในภาพรวมมีจากัด จึงไม่สามารถจัดต้ังกลุ่มอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและ

272 การเหมืองแร่ ภายใต้สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ในจังหวัดประเภทน้ีได้ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ กาหนดให้กลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ของจังหวัดหลักปฏิบัติหน้าท่ีเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม พ้ืนฐานและการเหมืองแร่ของจังหวัดรองด้วย ประกอบด้วยจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ นครปฐม กาฬสินธ์ุ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ระนอง พะเยา แม่ฮ่องสอน พัทลุง กาแพงเพชร ชัยภูมิ ชัยนาท อุทัยธานี นครนายก สระแก้ว ภูเก็ต พิจิตร น่าน นราธิวาส ปัตตานี จันทบุรี ตราด สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สิงห์บุรี นครพนม บึงกาฬ มุกดาหาร สตูล นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อ่างทอง หนองคาย หนองบัวลาภู พิษณโุ ลก สุโขทัย ศรสี ะเกษ ยโสธร และอานาจเจรญิ ดงั แสดงในภาพที่ ๑๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook