Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2020-11-18 17:26:30

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 5-6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2563

Search

Read the Text Version

- ๔๐ - และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ. 1988 ซึ่งอนุสัญญาเหล่านี้มีผลต่อกฎหมายในประเทศไทย นอกจากนี้ หากจะมีการพัฒนาประเทศด้วยการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ มีความจาํ เป็นตอ้ งคุ้มครองและสง่ เสรมิ ภมู ปิ ัญญาและทรัพย์สนิ ทางปัญญาควบคกู่ ันไป ประเทศไทยเป็นภาคีของอนุสัญญาเด่ียวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และพิธีสาร แก้ไขอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961, ค.ศ. 1972 อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธ์ิ ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด และวัตถุออกฤทธ์ิต่อจิตประสาท ค.ศ. 1988 ตามลําดับ โดยเป็นการบูรณาการการควบคุมวัตถุ ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเพื่อไม่ให้มีการใช้สารเสพติดในทางที่มิชอบ รวมทั้งเป็นการปราบปราม การค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ เว้นแต่นําไปใช้เพ่ือวัตถุประสงค์ในทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ และประเทศไทยเป็นภาคีตามหลักอนุสัญญากรุงเวียนนา ค.ศ. 1969 และเป็นการยึดสัญญาต้องเป็น สัญญา (pacta sunt servanda) เป็นหลักกฎหมายท่ัวไป อันถือเป็นหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ที่แท้จริงอันก่อให้เกิดพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยจะกล่าวอ้างกฎหมายภายในประเทศท่ีขัด หลกั การน้ีไม่ได้ การดําเนินการภายใต้อนุสัญญาของสหประชาชาติที่กล่าวมาอยู่ภายใต้สํานักงานว่าด้วย ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Office on Drugs and Crimes : UNODC) ซ่ึงจะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (The International Narcotics Control Board : INCB) โดยประเทศไทยจะมีรายงานไปยัง คณะกรรมการดังกล่าวเป็นประจํา และจะมีการประชุมประจําปี รวมทั้งมีผู้แทนจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องประมาณ ๑๑ หน่วยงาน จํานวน ๗๐ คน ของประเทศไทยเข้าร่วมประชุมด้วย ณ สํานักงานฯ ที่กรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส และเมื่อมีการประชุมแล้วก็จะมีมาตรการ ข้อเสนอแนะ และข้อช้ีนําต่าง ๆ มายังประเทศภาคีสมาชิก อีกท้ังประเด็นยาเสพติดที่กล่าวมามีองค์กรอ่ืนเข้ามาเกี่ยวข้องที่ไม่ใช้ข้อ กฎหมายระหวา่ งประเทศ อาทิ กลมุ่ องค์กรเคลอื่ นไหวทีไ่ มใ่ ช่รฐั และภาคประชาสังคมตา่ ง ๆ ท้ังน้ี บทบาทประเทศไทยในเรื่องยาเสพติดในเวทีระหว่างประเทศถือว่าเป็นผู้นํา และประเทศไทยยังยึดม่ันในพันธกรณีของอนุสัญญาท้ัง ๓ ฉบับ และกลไกหลักในการพิจารณา และแก้ไขปัญหายาเสพติดนี้มีการประชุมมาแล้ว ๖๓ คร้ัง ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกตั้งแต่ ค.ศ. 1961 และประเทศไทยได้รับการเลือกต้ังให้เป็นคณะกรรมการฯ ของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก ประเทศตา่ ง ๆ ให้การยอมรบั บทบาทของประเทศไทย ส่วนสารเสพตดิ ในบัญชีแนบท้ายของอนสุ ญั ญา ข้างต้น อาจจะมีการปรับเปล่ียนโดยการเสนอขององค์การอนามัยโลกเพ่ือนําเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการฯ ซึ่งได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า มีการเล่ือนเร่ืองที่จะปรับกัญชง และสาร CBD ออกจากบัญชีแนบท้ายของอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดถูกเล่ือนออกไปก่อน รวมท้ังมาตรการ การควบคุมกญั ชาด้วย แตค่ าดว่าอาจจะมกี ารประชมุ อกี ครง้ั ตามวงรอบของการประชมุ ประจาํ ปี ตามข้อกําหนดของอนุสัญญากําหนดว่า รัฐภาคีสามารถถอนตัวจากอนุสัญญาได้โดยการทําเปน็ ตราสารเพื่อถอนตัว และเสนอต่อเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งการบอกเลิกจะมีผลในวันที่ ๑ มกราคม ของปีถัดไป แต่ในกรณีที่ย่ืนตราสารล่าช้าอาจจะมีผลล่าช้าตามไปด้วย นอกจากนี้ การเข้าเป็นภาคี ของอนุสัญญาของสหประชาชาติน้ันเป็นการยอมลดอํานาจอธิปไตยของรัฐเพ่ือนําตนไปผูกพันกับ พันธกรณีภายใต้สัญญานั้น ๆ ซึ่งผู้แทนหน่วยงานยังไม่สามารถให้คําตอบที่แน่ชัดถึงบทลงโทษ

- ๔๑ - ตามอนุสัญญาในทางเป็นจริงได้ แต่ในเชิงหลักการรัฐสมาชิกอ่ืนสามารถออกหนังสือประณามประเทศ ทผ่ี ิดตอ่ อนสุ ญั ญาได้ อนุสัญญาเด่ียวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และพิธีแก้ไขอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติด ให้โทษ ค.ศ. 1961, 1972 กําหนดพืชเสพติด ๓ ชนิด ฝิ่น กัญชา โคคา ไม่มีกระท่อม โดยเฉพาะยอด ดอก ผล ยาง หมายถึงพืชกัญชาเป็นยาเสพติดให้หมายถึงดอกและยาง ไม่นับเมล็ดและใบ ส่วนการผลิต นําเข้า ส่งออกท่ีใช้ทางการแพทย์และศึกษาวิจัยทําได้ แต่มีข้อสังเกตว่า ประเทศไทยมีการแปล อนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษขาดหายไป ถ้าในข้อบัญญัติ ๒๘ ต้องมีระบบควบคุมตามข้อบัญญัติ ๒๓ มาบังคับใช้ว่าดว้ ยการควบคุมฝิน่ โดยมีการจดั ตั้งสถาบันอ่ืนใดขึ้น เพ่ือการควบคุมและรายงานให้ องคก์ ารสหประชาชาติทราบ เนื่องจากสาระหลักของอนุสัญญาคือ การควบคุม จํากัดยาเสพติด แต่เปิดช่องให้ใช้ในทาง การแพทย์และศึกษาวิจัยได้ ซึ่งกัญชาอยู่ในบัญชีแนบท้ายของอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดนี้ และเป็น บัญชีที่ ๑ ซ่ึงถือเป็นการควบคุมพิเศษ หรือการควบคุมโดยเข้มงวด แต่ในรัฐภาคีสมาชิกก็มีแนวคิด ที่แตกต่างกัน มีทั้งกลุ่มที่ยังคงให้ควบคุมเข้มงวด กลุ่มท่ีให้ลดทอนทางอาญา รวมทั้งกลุ่มที่จะเสนอให้ เปน็ แบบเสรกี ็มี กลา่ วโดยงา่ ย ณ ขณะนย้ี งั ไม่มีฉนั ทามตจิ ากรฐั ภาคีของอนสุ ัญญา ดังนน้ั ถ้าประเทศไทย ไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาแต่ยังคงสถานะภาคีสมาชิกก็เสมือนไม่ได้อยู่ในอนุสัญญาดังกล่าว ตลอดจน จะต้องมีการช่ังนํ้าหนักผลดี ผลเสียท่ีจะเกิดข้ึน และพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อจะช่วยเหลือพัฒนา ประเทศอน่ื เร่อื งยาเสพติดตามบทบาทท่ปี ระเทศปฏบิ ตั ิอยู่ สําหรับประเด็นเก่ียวกับการควบคุมพืชกระท่อมตามกฎหมายระหว่างประเทศจากการศึกษา ในรายละเอียดพบว่า อนุสัญญาของสหประชาชาติเก่ียวกับยาเสพติดไม่ได้มีการประกาศควบคุมพืช กระท่อมในบัญชีรายชื่อยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้แต่อย่างใด และจากข้อมูล ทางสถิติ ภาพรวมการควบคุมพืชกระท่อมในต่างประเทศ จํานวน ๓๓ ประเทศพบว่า ประเทศที่มี กฎหมายภายในควบคุมพืชกระท่อมมี ๑๘ ประเทศ คิดเป็นร้อยละ ๕๔ จําแนกได้เป็น ๓ กลุ่ม ประกอบด้วย ๑) ควบคุมโดยกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ได้แก่ ไทย พม่า เกาหลีใต้ และอินเดีย ๒) ควบคุมโดยกฎหมายอ่ืน ได้แก่ ๒.๑) กฎหมายเกี่ยวกับยา และการรักษาพยาบาล จํานวน ๔ ประเทศ ๒.๒) กฎหมายว่าด้วยสารพิษหรือสารออกฤทธ์ิต่อระบบประสาท จํานวน ๒ ประเทศ ๒.๓) กฎหมายว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด จํานวน ๒ ประเทศ และ ๓) ควบคุมโดยไม่ระบุกฎหมาย จํานวน ๖ ประเทศ สว่ นประเทศท่ไี มไ่ ด้ควบคมุ พชื กระท่อม โดยไมม่ ีกฎหมายกาํ หนดวา่ เป็นยาเสพติด มี ๑๕ ประเทศ คิดเปน็ ร้อยละ ๔๖ หากพจิ ารณาเฉพาะภูมภิ าคอาเซยี นกับทวปี เอเชยี พบว่า ประเทศ ที่ไม่ได้ควบคุมพืชกระท่อมหรือกําหนดให้พืชดังกล่าวเป็นยาเสพติด ได้แก่ อินโดนีเซีย กัมพูชา ฟลิ ิปปินส์ ลาว และเวียดนาม อยา่ งไรกด็ ี ประเทศไทยและประเทศอนิ โดนเี ซียเคยหารอื รว่ มกันในการ นําเสนอให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จากการสืบค้นเอกสารทางวิชาการพบว่า มีรายงานศึกษาเกี่ยวกับพืชกระท่อมจํานวน ๗ ฉบับ ซ่ึงส่วนใหญ่เสนอแนะให้ยกเลิกพืชกระท่อม จากการเป็นยาเสพติด โดยการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมาย ตลอดจนเสนอให้มีการตราพระราชบัญญัติ เปน็ การเฉพาะ

- ๔๒ - กล่าวโดยสรุป กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดของประเทศไทยควบคุมกัญชา กัญชง และกระท่อม ต้ังแต่ต้นนํ้า กลางน้ํา และปลายนํ้า ซ่ึงส่งผลให้การนําพืชเสพติดดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้อย่างจํากัด รวมทั้งเป็นปัญหาต่อการศึกษา วิจัยและพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจ แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องทางให้ท้ัง ในด้านการแพทย์และศึกษาวิจัยในระดับหน่ึง แต่เป็นการจํากัดการใช้ประโยชน์ในวงแคบ ตลอดจน ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ คณะกรรมาธิการจึงมีข้อเสนอที่สําคัญในการศึกษาคร้ังนี้ คือ การเสนอให้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษหรือยกเลิก กระท่อม กัญชา และกัญชง ออกจาก กฎหมายว่าดว้ ยยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ เพือ่ การนาํ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ย่างเต็มศกั ยภาพต่อไป

บทที่ ๕ บทสรุป ขอ้ เสนอแนะ และข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ ๕.๑ บทสรุป การศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเกี่ยวกับการหาแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบพบว่า กระท่อม กัญชา และกัญชง เป็นพืชสมุนไพรมีคุณค่าและ มีมูลคา่ มหาศาล ซ่งึ สามารถนํามาใชป้ ระโยชน์ได้อย่างหลากหลาย อาทิ การแพทย์ และเศรษฐกิจ เนื่องจากกฎหมายระหว่างประเทศ ประกอบด้วย อนุสัญญาเด่ียวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และพิธีสารแกไ้ ขอนุสญั ญาเด่ียวว่าดว้ ยยาเสพติดใหโ้ ทษ ค.ศ. 1961, ค.ศ. 1972 อนุสัญญา ว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้าน การลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ. 1988 ซึ่งอนุสัญญาเหล่าน้ีมีผลต่อ กฎหมายในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว และอนุสัญญาได้กําหนดให้ กัญชา และกัญชง เป็นยาเสพติดควบคุม ส่วนกระท่อมเป็นการกําหนดให้เป็นยาเสพติดด้วยกฎหมาย ภายในประเทศ แม้ว่าจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดมาแล้ว ซึ่งเปิดช่องให้ใช้ในทาง การแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ แต่พบปัญหาต่างๆ อาทิ ปัญหาในการนําไปใช้ประโยชน์และพัฒนาต่อ โดยหากมกี ารแก้ไขขอ้ จํากัดดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม แต่ตอ้ งคาํ นงึ ถงึ ข้อดีและข้อเสียอยา่ งเป็นระบบ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่เสมอ ทําให้การนําพืชท้ังสามชนิดดังกล่าวไปใช้ได้เต็มศักยภาพ อนั จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคมและเศรษฐกจิ อยา่ งยงั่ ยืน สรุปได้ว่า กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดของประเทศไทยควบคุม กระท่อม กัญชา และกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ํา กลางนํ้า และปลายนํ้า ทําให้การนําพืชเสพติดดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้อย่างจํากัด และเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา วิจัยและพัฒนาในทางการแพทย์ และการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้ในระดับหนึ่ง แต่เป็นการใช้ประโยชน์ในวงแคบ ตลอดจนไม่สอดคล้อง กับสภาพการณ์ท่ีเป็นอยู่ คณะกรรมาธิการวิสามัญจึงมีข้อเสนอท่ีสําคัญในการศึกษาคร้ังน้ี คือ การเสนอ ให้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษหรือยกเลิก กระท่อม กัญชา และกัญชง ออกจากกฎหมาย วา่ ด้วยยาเสพติดใหโ้ ทษ เพ่อื การนําไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ย่างเต็มศกั ยภาพตอ่ ไป ทั้งน้ี จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการวิสามัญมีข้อเสนอแนะ และขอ้ สังเกต ดงั นี้ ๕.๒ ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ๑. การยกร่างกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับกัญชา กัญชง จะต้องระบุไว้ในกฎหมายว่า ต้องชะลอ การขอจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์ภายในประเทศออกไปก่อน เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาและวิจัย ทีเ่ ก่ยี วข้อง ๒. จัดต้ังสถาบันพืชควบคุมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แห่งชาติเข้ามาบริหารจัดการ และกระจายอํานาจการตดั สนิ ใจและควบคมุ ในทอ้ งถิ่นแทนการรวมศูนยจ์ ากสว่ นกลาง ๓. ให้ยกเลิกมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพอื่ ลดการผูกขาดโดยรฐั รวมท้ังควรมีการทบทวนบทเฉพาะกาลของพระราชบญั ญัติยาเสพติดให้โทษ

- ๔๔ - (ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีกําหนดให้ผลิตสาร CBD เฉพาะภายในประเทศเท่าน้ัน เพื่อเพ่ิมโอกาส ในการส่งออกและอุตสาหกรรม ๔. ควรเปิดโอกาสให้มีการนิรโทษกรรมสําหรับผู้ครอบครองกัญชาเพื่อใช้รักษาโรครอบใหม่ เพ่ือการตรวจสอบคัดกรอง วิจัย และเก็บข้อมูล เพ่ือคุ้มครองผู้บริโภคและเปิดโอกาสพัฒนาความรู้ ในการรักษาตนเอง ๕. เสนอให้มีการเปิดกว้างในการศึกษาวิจัยสายพันธ์ุพืชเสพติดเพื่อการแพทย์และอื่น ๆ เพอ่ื การพฒั นาสายพนั ธ์ุและองคค์ วามรทู้ ่ีเก่ยี วเนอ่ื ง ๕.๓ ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ๑. ให้ยกเลิกพืชเสพติด ได้แก่ กัญชา กัญชงและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติด ในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายอื่น ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง ๒. ถ้าจะมีการส่งออกกัญชา กัญชง และกระท่อมภายหลังท่ีกฎหมายในประเทศอนุญาต หรืออนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติด ได้เปิดช่องให้ทําได้ทั้งในทางการแพทย์และ เศรษฐกิจจะต้องมีการประมาณการ ปริมาณการผลิต ความต้องการของตลาด ผลตอบแทน และมี ระบบตดิ ตามตรวจสอบท่ดี ี ๓. การอนุวัติการ (Implementation) กฎหมายภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้มีการคุ้มครอง ทรัพย์สินทางปัญญาของนักปรับปรุงพันธ์ุพืชและบริษัทเมล็ดพันธ์ุท่ีผลักดัน หน่วยงานที่เก่ียวข้อง จําเปน็ จะตอ้ งพิจารณาศกึ ษาอย่างรอบคอบ โดยคาํ นึงถึงประโยชนข์ องประเทศเป็นหลกั ๔. อนุสัญญาของสหประชาชาตวิ ่าด้วยยาเสพติดได้กําหนดให้การควบคุมกัญชาให้เทียบเคียง กับการควบคุมฝิ่น ตามข้อบทที่ ๒๘ ข้อ ๒ ซ่ึงไม่รวมถึงอุตสาหกรรมเส้นใยและเมล็ด แต่กฎหมาย ว่าด้วยยาเสพติดภายในประเทศระบุว่า กัญชงเป็นยาเสพติด ซ่ึงเป็นวัตถุดิบสําคัญในอุตสาหกรรม ของเส้นใยและเมลด็ จึงถูกตีความวา่ เปน็ ยาเสพตดิ ไปดว้ ย ขอ้ สังเกตของคณะกรรมาธกิ ารเก่ยี วกบั กญั ชา ๑. คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ควรต้ังคณะอนุกรรมการในระดับจังหวัด ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ทําหน้าท่ีให้ความเห็นชอบในการ อนุญาตแทนคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกําหนด และเลขาธิการคณะกรรมการ อาหารและยาควรมอบอํานาจในการอนุญาตให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ในเร่ืองการเพาะปลูกกัญชา และการครอบครองให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการอาหารและยา เฉพาะในพ้ืนที่จังหวัด ท่ีรับผดิ ชอบ ๒. กระทรวงสาธารณสุขควรจัดการฝึกอบรมและสอบวัดความรู้ผ่านระบบออนไลน์ให้กับ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์ แผนไทยประยุกต์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และหมอพื้นบ้านให้สามารถสั่งจ่ายยากัญชาได้ โดยให้ได้รับ การขึ้นทะเบยี นจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาหลงั สาํ เร็จการฝกึ อบรม ๓. รัฐบาลควรดําเนินการให้มีกฎหมายข้ึนมาใหม่เป็นการเฉพาะ คือ กฎหมายว่าด้วย พืชควบคมุ เพือ่ ประโยชนท์ างการแพทย์ โดยศกึ ษาแนวทางตามรายงานในภาคผนวกของกรรมาธิการ

- ๔๕ - ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั เกย่ี วกบั กญั ชง ๑. เสนอให้เพิกถอนกัญชง (Hemp) ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท ๕ ที่ระบุไว้ใน พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายอื่น ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง สกู่ ารเป็นพชื เศรษฐกิจใหม่ของไทย ๒. เสนอให้แก้ไข (ร่าง) กฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นําเข้าส่งออก จาํ หน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ เฉพาะกญั ชง (Hemp) พ.ศ. .... ดังน้ี (๑) ให้เพิ่มเติม คํานิยามพืชกัญชง (Hemp) ในพฤกษศาสตร์ (Botany) ด้วยวิธีจําแนก ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Classification) ว่า Cannabis sativa L., และในกฎหมาย (Law) ด้วย วิธีกําหนดค่าทางชีวเคมี (Biochemistry) ของสาร Tetrahydrocannabinol (THC) ในช่อดอกแห้ง ไม่เกนิ รอ้ ยละ ๑.๐๐ โดยนํ้าหนกั แหง้ เพอื่ จําแนกกัญชงออกจากกัญชาอย่างชัดเจน (๒) ให้แก้ไข คํานิยามในบทท่ัวไป คําว่า “ประโยชน์ครัวเรือน” หมายความว่า การใช้ ประโยชน์จากเส้นใย แก้ไขเป็น การใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของพืช ตามประเพณี วัฒนธรรม ตามวิถีชีวิต และใช้ในครอบครัว และ “กําหนดจํานวนพื้นท่ีให้สามารถปลูกได้ ครัวเรือนละไม่เกิน ๑ ไร่” แก้ไขเป็น ครัวเรือนละไม่เกิน ๒๐ ไร่ แต่การอนุญาตให้ผู้ปลูกเอาช่อดอก ดอก ให้เป็นไปตาม ใบอนญุ าตปลกู เท่าน้นั ๓. เสนอให้แก้ไข ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ในการกําหนดปริมาณสารสาํ คัญในพืชกญั ชง (Hemp) ดังนี้ (๑) จากสารสกัดหรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัด ที่มีสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) เป็นส่วนประกอบหลัก และมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกนิ รอ้ ยละ ๐.๒ โดยนํ้าหนกั แกไ้ ขเป็น สารสกดั หรอื ผลติ ภณั ฑจ์ ากสารสกัดทีม่ สี ารแคนนาบไิ ดออล (Cannabidiol, CBD) รวมท้ังสารสกัดอื่น ๆ เช่น CBC CBN CBG Terpene หรือสารอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องและมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydracannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๓ โดยนาํ้ หนกั (๒) ให้พิจารณาระบุตามกฎหมายประกอบการใช้ประโยชน์ของสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol CBD) รวมท้ังสารสกัดอื่น ๆ เช่น CBC CBN CBG Terpene หรือสารอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้อง เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรืออาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่ม หรือเคร่ืองสําอาง ตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรืออาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเคร่ืองดืม่ หรือเครื่องสําอาง ๔. เสนอให้กรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ดําเนินการนํากัญชงพันธ์ุพื้นเมือง หรือพันธุ์พื้นบ้านด้ังเดิมมาขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม และส่งเสริมให้มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตเส้นใย เปลือก แกนลําต้น เมล็ดพันธ์ุ ช่อดอกที่มีสาร CBD สูง มีสาร THC ตํ่า และให้ผลผลิตเมล็ดที่มีคุณค่าสูงทางโภชนาการ และส่งเสริม ให้มีการจดทะเบียนค้มุ ครองพันธ์ุพชื ใหม่ ตามพระราชบญั ญัติคมุ้ ครองพนั ธพ์ุ ืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ท้ังนี้ สายพันธุ์พื้นเมืองหรือสายพันธุ์พ้ืนบ้านด้ังเดิม ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตอัตลักษณ์ ของกลุ่มชาติพันธ์ุม้งในประเทศไทย ขอให้เร่งดําเนินการขึ้นทะเบียนและจดทะเบียนให้เป็นส่ิงบ่งชี้ ทางภูมศิ าสตร์ (GI) รวมทัง้ ใหไ้ ดร้ ับการคุ้มครองทางกฎหมายด้านต่าง ๆ โดยเร็ว

- ๔๖ - ๕. เสนอให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ลดขั้นตอน การขออนุญาตผลิต จําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง กัญชง (Hemp) รวมท้ังปรับปรุงแก้ไขประกาศ กฎกระทรวงฯ ประกาศคณะกรรมการฯ และคําส่งั อน่ื ๆ ทางกฎหมายทเี่ กย่ี วข้อง ๖. เสนอให้สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง สรา้ งทัศนคตทิ ่ีดีต่อพชื กัญชง (Hemp) อยา่ งกวา้ งขวางในการเปน็ พืชเศรษฐกจิ มูลค่าสูง ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจในกฎระเบียบ แนวปฏิบัติ อย่างครอบคลุมและท่ัวถึง ทกุ กลุม่ เปา้ หมาย ๗. เสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุ พืชกัญชง (Hemp) เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทย ให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ในด้านองค์ความรู้ ปัจจัยการผลิต และการแปรรูปกัญชง (Hemp) การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การผลักดันการจัดต้ังสมาคม วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ องค์กรอ่ืน ๆ ตลอดจนสนับสนุนด้านนวัตกรรม และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่าง ๆ รวมท้ังรับการส่งเสริม และสนบั สนุนจาก BOI ในระดับสงู สดุ ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญเกยี่ วกบั กระท่อม ๑. ควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายยาเสพติดโดยยกเลิกพืชกระท่อมออกจาการเป็นยาเสพติด เพ่ือให้สามารถศึกษาวิจัยพืชกระท่อมเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์และพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจ ของประเทศ และลดปัญหาคดีอาญาเกี่ยวกับพืชกระท่อมในกระบวนการยุติธรรมเพ่ือให้การพิจารณา คดีอ่ืนรวดเร็วขึ้น รวมท้ังเพื่อให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศซ่ึงมิได้กําหนดให้ พชื กระทอ่ มเปน็ ยาเสพติด ๒. ควรแก้ไขเพ่ิมเติมกฎกระทรวงฉบับท่ี ๔ พ.ศ. ๒๕๒๒ ออกตามความในพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่องใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออกหรือครอบครองพืชกระท่อม และการต่อใบอนุญาตให้มีหลักเกณฑ์ท่ีแน่นอนและชัดเจน ไม่ควรให้อยู่ในดุลพินิจของกลุ่มบุคคลใด บุคคลหนึ่ง และควรอนุญาตตามระยะเวลาที่สมควร ท้ังโดยคํานึงถึงความต่อเน่ืองในการศึกษาวิจัย พชื กระท่อม ๓. ควรบัญญัติในร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้ยกเลิก พชื กระทอ่ มจากการเป็นยาเสพติดอย่างชัดเจน เพอ่ื ป้องกนั มใิ ห้เกดิ ปญั หาในทางปฏิบตั หิ รอื การออกกฎ ระเบียบหรอื ประกาศกําหนดให้พชื กระท่อมเป็นยาเสพติดในภายหลงั ๔. กฎหมายยาเสพติดของประเทศไทยอาจจะมีการตีความเกินขอบเขตของอนุสัญญาของ สหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยยาเสพติด เนื่องจากอนสุ ญั ญาดงั กล่าวไมไ่ ดร้ ะบวุ า่ กระท่อมเป็นยาเสพติด ๕. สํานักงานตํารวจแห่งชาติควรกําหนดนโยบายผ่อนผันการจับกุมประชาชนผู้บริโภค หรือครอบครองพืชกระท่อมในปริมาณสมควรที่ใช้ในครัวเรือน ซึ่งสามารถทําได้สะดวกกว่า การออกประกาศกําหนดท้องท่ีที่ตามความในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๕๘/๒ ซงึ่ มขี ้นั ตอนยงุ่ ยากและตอ้ งใช้ระยะเวลาในการดําเนินการ





ภาคผนวก



ผนวก ก รายงานของคณะอนุกรรมาธกิ ารพจิ ารณาศึกษา หาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเกย่ี วกับการใชก้ ัญชา อยา่ งเปน็ ระบบ ในคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพจิ ารณาศึกษาหาแนวทาง การแกไ้ ขปัญหาเก่ียวกบั การใชก้ ัญชา กัญชง และกระทอ่ ม อยา่ งเปน็ ระบบ สภาผู้แทนราษฎร



รายงานผลการพิจารณาศกึ ษา เรอื่ ง “การศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหา เก่ยี วกับการใชก้ ัญชาอยา่ งเปน็ ระบบ” ของ คณะอนุกรรมาธกิ ารพจิ ารณาศกึ ษาหาแนวทาง การแกไ้ ขปัญหาเกยี่ วกบั การใชก้ ัญชาอย่างเปน็ ระบบ ในคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญพิจารณาศกึ ษา หาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกย่ี วกับการใชก้ ญั ชา กญั ชง และกระทอ่ มอย่างเป็นระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการสาธารณสขุ สานักกรรมาธิการ ๓ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร



ก บทสรปุ ผู้บริหาร จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่า มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ในโลกมามากกว่า ๕,๐๐๐ ปี กญั ชาเปน็ สว่ นผสมของตารับยาไทยหลายตารับ ในสมยั พระนารายณ์ เม่ือ ๓๖๐ ปกี ่อน ในชว่ งศตวรรษที่ ๑๘ นายแพทย์ William O’Shaughnessy ไปพบเห็นชาวอินเดียใช้กัญชารักษาโรคอย่างได้ผลดีจึงนากลับมา เผยแพร่ท่ีประเทศอังกฤษ นายแพทย์ John Reynolds แพทย์ประจาสานักราชวงศ์ของอังกฤษบันทึก ประสบการณ์การใช้กัญชารักษาโรค ในช่วง ๓๐ ปีของตนว่า กัญชามีสรรพคุณในการรักษาโรคหลายประการ นายแพทย์ Sir William Osler เขียนตาราแพทย์แผนปัจจุบันเล่มแรก เม่ือปี ค.ศ. ๑๘๙๕ บรรยายสรรพคุณ ของกัญชารักษาโรคไว้หลายตอน เภสัชตารับของประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า กัญชามีสรรพคุณรักษาโรค ต่อไปน้ี ปวดเส้นประสาท, โรคเก้าท์, รูมาตอยด์, บาดทะยัก, โรคกลัวน้า, อหิวาตกโรค, โรคลมชัก, เคลื่อนไหว ผิดปกติจากระบบประสาท, บุคลิกภาพผิดปกติ, ซึมเศร้า, ภาวะถอนพิษสุรา, จิตเภท, และเลือดออกจากมดลูก บริษัทยาในศตวรรษท่ี ๑๘ ผลิตยาจากกัญชาวางจาหน่ายตามร้านขายยาอย่างแพร่หลาย ผู้ป่วยซ้ือมาใช้ได้ โดยไมต่ ้องมีใบสั่งแพทย์ แต่แล้วการใช้กัญชาทางการแพทย์กลับสูญหายไป เพราะในช่วงปลายของศตวรรษท่ี ๑๘ ธุรกิจปิโตรเคมีท่ีทรงอิทธิพล มุ่งทาลายคู่แข่งจากธรรมชาติคือกัญชา มีการใส่ร้ายป้ายสี ให้ร้ายกัญชา โดยใช้ งานวิจัยท่ีลาเอียง สร้างภาพยนตร์เผยแพร่ข่าวเท็จ เม่ือประชาชนหลงเช่ือ ก็ออกกฎหมายจัดให้เป็นยาเสพติด รุกคืบผลักดันจนเป็นมติของสหประชาชาติในปี ค.ศ.๑๙๖๑ ให้ทุกประเทศออกกฎหมายบัญญัติให้กัญชา เปน็ สิง่ เสพติดให้โทษ ทงั้ ท่ีมกี ารใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย์มานับร้อยปี เมื่อความจริงเกี่ยวกับกัญชาถูกเปิดเผย ทาให้ประชาชนเกิดตื่นตัว ผลักดันให้แก้ไขกฎหมาย นากัญชามาใช้ทางการแพทยไ์ ดส้ าเร็จแล้วใน ๖๗ ประเทศ และสามารถใช้แบบสันทนาการได้ใน ๓๔ ประเทศ จากการค้นในปี ค.ศ.๒๐๑๙ พบว่ามีผลงานตีพิมพ์เร่ืองกัญชาทางการแพทย์ในฐานข้อมูลของ ห้องสมุดแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา สะสมมากถึง ๒๖,๐๐๐ เร่ือง ข้อค้นพบที่สาคัญคือ เซลล์ในร่างกายของ มนุษย์สามารถสร้างสารกัญชาขึ้นมาได้เอง เรียกว่า สารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ (endocannabinoids) มีหน้าที่ ทาใหร้ ะบบของร่างกายทกุ ระบบทางานไดต้ ามปกติ เกดิ ความสมดุล (Homeostasis) เมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตสารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ได้เพียงพอ ซ่ึงส่วนหน่ึงเป็นเพราะ การได้รับสารพิษสารเคมี (Toxicity) หรือการขาดสารอาหารทจี่ าเป็น (Deficiency) เรียกวา่ ภาวะพร่องเอ็นโด แคนนาบินอยด์ (endocannabinoid deficiency syndrome) การรับสารจากพืชกัญชาเข้าสู่ร่างกาย จะไปกระตุ้นการทางานของระบบกัญชาตามธรรมชาตินี้ ให้สามารถหลั่งสารเอ็นโดแคนนาบินอยด์มากขึ้น ทาให้รา่ งกายเข้าสภู่ าวะสมดลุ อกี ครงั้ กัญชาจึงมีฤทธ์ิกว้างขวาง ในพืชกัญชามีสารออกฤทธิ์มากกว่า ๕๐๐ ชนิด แบ่งเป็น ๑. Cannabinoids ๒.Terpenes ๓. Flavonoids สารกลุ่ม Cannabinoids มีมากกว่า ๑๑๐ ชนิด ท่ีพบมาก คือ Tetrahydrocannabinol (THC) และ Cannabidiol (CBD) และค้นพบว่า THC และ CBD มีสรรพคุณทางการแพทย์หลายประการ THC มีผลทาให้เกิดอาการมึนเมาได้ ในขณะท่ี CBD ไม่มีฤทธิ์มึนเมา แต่ไปช่วยยับย้ังอาการมึนเมาจาก THC ได้ ดังน้ันจึงพบว่า การใช้สารกัญชาสกัดจากพืชแบบรวมๆ มีสารออกฤทธิ์หลายชนิดร่วมกัน จะได้ผลดีกว่าการใช้ สารกัญชาแบบสารออกฤทธชิ์ นดิ เดยี ว เรียกว่า เป็น Entourage effect

ข จากอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.๑๙๖๑ และพิธีแก้ไขอนุสัญญาเด่ียวว่าด้วยยา เสพติดให้โทษ ค.ศ. ๑๙๖๑, ค.ศ.๑๙๗๒ SINGLE CONVENTION ON NARCOTIC DRUGS,1961, AS AMENDED BY THE 1972 PROTOCOL AMENDING THE SINGLE CONVENTION ON NARCOTIC DRUGS,1961 ซึ่งราชอาณาจักรไทยเปน็ ภาคีประเทศ หากจะให้มีการเพาะปลูกและผลิตกัญชาภายในประเทศ จะตอ้ งมหี น่วยงานระดับชาตขิ ้ึนมารบั ผดิ ชอบ การกาหนดพ้ืนท่ีเพาะปลูกและการรับซ้ือ จดั เกบ็ และส่งรายงาน ต่อสหประชาชาติ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมฉบับท่ี ๗ พ.ศ.๒๕๖๒ ได้เปิดโอกาสให้มีการใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้ในประเทศและยังพบปัญหาและข้อปฏิบัติที่ยังส่งผล ให้ประชาชนเขา้ ถึงกญั ชาทางการแพทย์ได้อย่างยากลาบากดงั นี้ ปญั หาการใช้ประโยชนจ์ ากกัญชาทางการแพทย์ จาแนกออกไดด้ งั น้ี ปัญหาของผู้ใช้ ประชาชนท่ัวไป ๑) ผ้ปู ว่ ยสว่ นหน่งึ ต้องไปพึ่งยากญั ชาทไี่ ดผ้ ลแบบไม่ถูกกฎหมาย ๒) การใช้ยากัญชาในการบาบัดรกั ษาตนเองตามภมู ิปัญญาในท้องถิน่ ไมส่ ามารถทาได้ ๓) ยากญั ชาหลายตารับทไ่ี ดผ้ ลแตไ่ ม่ถูกอนญุ าตให้ใช้ ๔) ผู้ป่วยบางสว่ นตอ้ งรบั โทษในการใชย้ ากัญชาบาบัดรกั ษาตนเองทไ่ี ม่ถกู กฎหมาย ผู้มสี ทิ ธส์ิ ่ังจ่ายยากญั ชาตามกฎหมาย ๑) การฝกึ อบรมการส่งั จา่ ยยากญั ชาตามกฎหมาย มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ หก้ ลัวการส่ังจ่ายยากญั ชา ๒) การฝกึ อบรมการสง่ั จา่ ยยากญั ชาตามกฎหมาย กาหนดเง่อื นไขใหม้ ีการจัดสอบวดั ความรู้ หลังจากฝึกอบรม ทาใหต้ อ้ งเสียเวลารอคอยและมีคา่ ใช้จา่ ยเพมิ่ ขึน้ โดยไมจ่ าเป็น ๓) ไม่สามารถส่ังจ่ายยากญั ชาได้ตามความรูท้ ี่มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งต่อเนื่องได้ ๔) ไม่สามารถปรุงยากญั ชาใหก้ บั ผปู้ ่วยเฉพาะรายตามความรู้ใหมท่ ่ีมีการเปลีย่ นแปลงไปได้ ๕) ยากัญชาตามกฎหมายในสถานพยาบาลภาคเอกชนขาดแคลนไมเ่ พียงพอกับความต้องการ ๖) ต้องไดร้ ับโทษทางอาญา หากจ่ายยาทไ่ี ดผ้ ลในการรักษาแตม่ าจากขบวนการผลติ ทีไ่ ม่ได้รบั อนญุ าต ปญั หาของผู้ผลติ ๑) การขออนุญาตในการปลูกกัญชาตามกฎหมาย มีขัน้ ตอนที่ยงุ่ ยากและซบั ซอ้ น คา่ ใชจ้ า่ ย ในการดาเนินการมาก และใช้ระยะเวลานานเกินความเหมาะสม ๒) ผู้ประกอบการภาคเอกชนหรอื เกษตรกรยังไม่ได้ประโยชน์ จากการผลติ กญั ชา ทางการแพทย์ ๓) เกษตรกรทีร่ วมกันเปน็ วสิ าหกิจชุมชนตอ้ งใชเ้ งนิ ลงทุนจานวนมาก แตไ่ ม่สามารถจาหนา่ ย ใหม้ ีรายรับเข้าสวู่ ิสาหกิจชมุ ชนได้ แมจ้ ะสามารถรว่ มมอื กับภาครฐั ตามกฎหมายแลว้ กต็ าม ปญั หาของผปู้ ระกอบการ ๑) ภาคเอกชนยังไม่สามารถนาเข้า ผลิต ส่งออกหรือจาหน่ายได้ ต้องร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ซ่งึ มีหน้าทีต่ ามกฎหมาย ในรูปแบบของวิสาหกิจชมุ ชน ตอ้ งเสียค่าใชจ้ า่ ยโดยไมไ่ ดป้ ระโยชนต์ อบแทน ๒) สถานพยาบาลภาคเอกชนไมม่ ียากญั ชาสาหรบั จาหนา่ ยให้กับผู้ปว่ ย

ค ข้อเสนอในการแกไ้ ขปญั หากญั ชาทางการแพทย์อย่างเปน็ ระบบ ระยะเร่งด่วน ๑) ขอให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ แต่งตั้งอนุกรรมการในระดับจังหวัด ตามมาตรา ๑๔ แหง่ พระราชบัญญัติยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ทาหนา้ ที่ให้ความเห็นชอบในการอนุญาตแทนคณะกรรมการ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกาหนด และขอให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยามอบอานาจ ในการอนุญาตให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ในเรื่องการเพาะปลูกกัญชาและการครอบครองให้เป็นไปตามเง่ือนไข ของคณะกรรมการอาหารและยา เฉพาะในพน้ื ท่ีจงั หวดั ท่ีรับผดิ ชอบ ๒) ขอให้กระทรวงสาธารณสุขจัดการฝึกอบรมและสอบวัดความรู้ผ่านระบบออนไลน์ให้กับผู้ประกอบ วิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ทนั ตแพทย์ เภสชั กร และหมอพนื้ บา้ นให้สามารถส่งั จา่ ยยากัญชาได้ โดยใหไ้ ดร้ ับการขึ้นทะเบียนจากสานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาหลงั สาเร็จการฝกึ อบรม ระยะยาว - เสนอให้มีกฎหมายเฉพาะ คือ ร่างพระราชบัญญัติพืชควบคุมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... โดยเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญข้ึนมาคณะหน่ึง เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ดงั กลา่ ว



ง สารบญั หน้า ก บทสรุปผู้บริหาร ................................................................................................................................... ง สารบัญ ................................................................................................................................................ จ รายนามคณะอนกุ รรมาธกิ าร................................................................................................................ ๑ รายงานการพิจารณาศกึ ษา................................................................................................................... ๑ ๑. การดาเนินงาน ................................................................................................................................ ๓ ๒. หน้าท่แี ละอานาจของคณะอนุกรรมาธิการ....................................................................................... ๓ ๓. การพิจารณาศึกษา ……………………………………………………………………………………………………………. ๕ ๔. หนว่ ยงานและบคุ คลทเ่ี ก่ียวขอ้ ง …………………………………………………………………………………………. ๗ ๕. เอกสารและกฎหมายทเี่ ก่ยี วข้อง ………………………………………………………………………………………… ๗ ๖. ผลการพิจารณาศกึ ษา…………………………………………………………….……………………………………… ๑๑ ๗. ปญั หาการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ ………………………………………………………..……… ๑๒ ๘. ขอ้ เสนอในการแก้ไขปัญหากัญชาทางการแพทย์อยา่ งเป็นระบบ…………………………………………… ภาคผนวก............................................................................................................................... ๑๓ ภาคผนวก ก รา่ งพระราชบัญญตั ิพืชควบคุมเพ่ือประโยชนท์ างการแพทย์ พ.ศ. .... ภาคผนวก ข ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรอ่ื ง ระบชุ อ่ื ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท ๕ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ภาคผนวก ค ความจรงิ เกยี่ วกบั กัญชาทางการแพทย์ ภาคผนวก ง ขอ้ เสนอต่อรัฐสภา เพ่ือให้ “กัญชา” เกิดประโยชน์ต่อคนไทยมากทสี่ ุด ภาคผนวก จ ภาพประกอบการประชมุ ของคณะอนุกรรมาธิการ ภาคผนวก ฉ ภาพประกอบการศึกษาดงู านของคณะอนกุ รรมาธิการ



จ รายนามคณะอนุกรรมาธิการพจิ ารณาศกึ ษาหาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเกีย่ วกบั การใช้ กญั ชาอยา่ งเปน็ ระบบ ในคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแกไ้ ขปญั หาเก่ยี วกบั การใช้ กญั ชา กัญชง และกระทอ่ มอยา่ งเปน็ ระบบ นายอนุรักษ์ ตงั้ ปณธิ านนท์ ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร นายสุชาติ อุสาหะ นายศาสตรา ศรปี าน นายรณเทพ อนุวัฒน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนทีห่ น่งึ คนทส่ี อง คนทีส่ าม นายรัฐพล แสนรกั ษ์ นางชชู ีวี ชพี ชล นายมานติ นพอมรบดี รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ อนุกรรมาธิการ คนที่ส่ี นายชนะ รตั นภักดี นายธีระศักดิ์ แสนวรางกลุ นายเทวญั ธานีรัตน์ อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธกิ าร



รายงานการพิจารณาศกึ ษา เรื่อง “การศกึ ษาหาแนวทางการแกไ้ ขปญั หาเก่ยี วกบั การใชก้ ัญชาอย่างเป็นระบบ” ของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศกึ ษาหาแนวทางการแก้ไขปญั หา เกย่ี วกับการใชก้ ัญชาอยา่ งเปน็ ระบบ ในคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปญั หาเกี่ยวกับ การใช้กัญชา กญั ชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร ---------------------------------------------- ตามที่ท่ีประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้ กัญชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๒ วันพุธท่ี ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ ได้มีมติ ต้ังคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ นั้น คณะอนุกรรมาธิการคณะน้ี ประกอบดว้ ย ๑. นายอนุรักษ์ ตั้งปณธิ านนท์ เป็นอนุกรรมาธิการ ๒. นายสชุ าติ อุสาหะ เปน็ อนุกรรมาธิการ ๓. นายศาสตรา ศรีปาน เปน็ อนกุ รรมาธกิ าร ๔. นายรณเทพ อนุวฒั น์ เปน็ อนกุ รรมาธกิ าร ๕. นายรฐั พล แสนรักษ์ เป็นอนกุ รรมาธิการ ๖. นายบัญญตั ิ เจตนจันทร์ เป็นอนกุ รรมาธิการ ๗. นายเทา่ พภิ พ ล้มิ จติ รกร เปน็ อนุกรรมาธกิ าร ๑. การดาเนินงาน ตามท่ีคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับ การใช้กัญชาอย่าง เป็นระบบ ได้รับมอบหมายให้พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ กระทาการอ่ืนใดตามหน้าท่ีและอานาจ สามารถกระทาได้ตามท่ีกฎหมายกาหนดและจัดทารายงานการศึกษา การแก้ไขปัญหาเกยี่ วกับการใช้กญั ชาอยา่ งเปน็ ระบบ รวมทั้ง ดาเนินการตามท่คี ณะกรรมาธิการมอบหมาย นั้น อน่ึง ทปี่ ระชมุ ไดม้ ีการหารือเกยี่ วกบั การจะเสนอบุคคลเพือ่ ตัง้ เปน็ อนุกรรมาธิการใหค้ รบจานวนสิบคน ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๖ โดยจะเสนอชื่อบุคคลในการประชุมของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อม อยา่ งเปน็ ระบบ เพือ่ ขอมติตัง้ อนกุ รรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการ ได้มีการเสนอรายชื่อ และมีมติแต่งต้ังตาแหน่งต่าง ๆ ในคณะอนุกรรมาธิการ ซง่ึ ประกอบด้วยดังน้ี ๑. นายอนุรกั ษ์ ต้งั ปณธิ านนท์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. นายสุชาติ อสุ าหะ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร คนท่หี น่ึง ๓. นายศาสตรา ศรปี าน รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนท่สี อง ๔. นายรณเทพ อนวุ ฒั น์ รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนที่สาม ๕. นายรฐั พล แสนรักษ์ รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ คนทส่ี ี่

๒ ๖. นายเทวัญ ธานรี ตั น์ เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๗. นางชูชวี ี ชีพชล อนกุ รรมาธกิ าร ๘. นายชนะ รัตนภักดี อนุกรรมาธกิ าร ๙. นายมานิต นพอมรบดี อนุกรรมาธิการ ๑๐. นายธรี ะศกั ดิ์ แสนวรางกลุ อนกุ รรมาธิการ อนึ่ง ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ การใชก้ ัญชา กญั ชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบ คร้งั ที่ ๓ เม่อื วันพุธที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ทปี่ ระชมุ ได้มีมติ ให้นายเทา่ พิภพ ลิ้มจิตรกร อนกุ รรมาธกิ าร พ้นจากตาแหนง่ เนือ่ งจากลาออก และมมี ติแต่งต้ังนางชูชวี ี ชพี ชล เป็นอนุกรรมาธิการ แทนตาแหน่งที่ว่าง และในคราวประชุม ครั้งที่ ๖ วันพุธท่ี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ท่ปี ระชมุ ได้มมี ติให้นายบญั ญตั ิ เจตนจันทร์ เลขานกุ ารคณะอนุกรรมาธิการ พน้ จากตาแหนง่ เนื่องจากลาออก และมมี ติแตง่ ตง้ั นายเทวญั ธานีรัตน์ เปน็ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการแทนตาแหน่งทว่ี ่าง รายชื่อท่ีปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ ารพจิ ารณาศึกษาหาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเก่ยี วกับการใช้กญั ชา อย่างเปน็ ระบบ ๑. ผศ.ทศธน จรญู รตั น์ ๒. นายลอย ชุนพงษ์ทอง ๓. นายอรญั เอเวอร่ี ๔. นายชัยวัฒน์ บานใจ ๕. นายณธกร ทศั นสั ๖. นายตอ่ พงศ์พนั ธ์ กิง่ จนั ทร์ ๗. นางสาวกรพินธ์ุ ณ ระนอง ๘. นายแพทย์กติ ติ โลส่ ุวรรณรักษ์ ๙. พันตารวจเอก ปรัชญ์ ออกบัว ๑๐. พนั ตารวจเอก อนุรักษ์ ประดับมุข ๑๑. นางสาวพชั รธัช โกรัตนะ ๑๒. นายมนุษย์พฒั น์ โลหิตนาวี ๑๓. นางสาวสภุ าภรณ์ ปิตพิ ร ๑๔. นายแพทยบ์ ัญญัติ เจตนจันทร์ ๑๕. นายเทวลิ จรุ ณะโกเศศ ๑๖. นายกาพลศักด์ิ คลงั แสง ๑๗. นายแก้วกา้ ว ถนอมวงศ์ ๑๘. ดร.ศิพมิ พ์ ศรบงั ลงั ก์ ๑๙. ดร.ทิพยส์ ุดา กิจจาพิพฒั น์ ๒๐. นายยอดมนู ภมรมนตรี ๒๑. พล.ต.ต.รมยส์ ทิ ธ์ิ วรี ยิ าสรร ๒๒. นายสงวน พรหมมณี ๒๓. นายนคร ฉิมสกุล

๓ ๒๔. นายสามารถ เจนชยั จิตรวนชิ ๒๕. นายชวษิ ฐา ลิม่ สกุล ๒๖. นายอภริ ักษ์ ปานเนตรแก้ว ๒๗. รศ.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม ๒๘. นายธนาชปิ รัตนโรจน์ ๒๙. นายประจญ ไทรเมอื ง ๓๐. นายภาณวุ ัฒน์ จึงแยม้ ป่ิน ๓๑. นายกฤษณ์ ธรี เกาศลั ย์ ๓๒. นางอุดมลักษณ์ อนุ่ ศรี ๓๓. นางสาวปาจรีย์ จาเนียรกุล ๓๔. รศ.ดร.วิเชยี ร กรี ตนิ จิ กาล ๓๕. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ๓๖. ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ บัดนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้ กัญชาอย่างเป็นระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอนาเสนอรายงานต่อคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทาง การแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชา กญั ชง และกระทอ่ มอย่างเป็นระบบ สภาผแู้ ทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป ๒. หน้าท่แี ละอานาจของคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒.๑ พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ ซ่ึงมุ่งเน้น การพิจารณาศึกษาเก่ียวกับกัญชาในทุกมิติ ทั้งในเชิงวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการนาไปใช้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม โดยคานึงถึงหลักเกณฑ์ภายใน และระหวา่ งประเทศทีม่ ีผลผกู พันกบั ประเทศไทย ๒.๒ กระทาการอืน่ ใดตามหนา้ ที่และอานาจท่ีสามารถกระทาไดต้ ามท่ีกฎหมายกาหนด ๒.๓ จัดทารายงานการศึกษาการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ รวมทั้งดาเนินการ ตามท่คี ณะกรรมาธกิ ารมอบหมาย ๓. การพิจารณาศกึ ษา ๓.๑ กรอบแนวทางการพิจารณาศกึ ษาของคณะอนุกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการได้กาหนดกรอบและแนวทางในการดาเนินงาน โดยได้มีการแสดงความคิดเห็น และสรุปสาระสาคญั ในแตล่ ะประเด็น เปน็ มตขิ องท่ีประชมุ ดงั น้ี (๑) กรอบการพจิ ารณาทหี่ นึ่ง การพจิ ารณารบั ฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้ใช้กัญชา เพื่อประโยชนท์ างการแพทย์และทางเศรษฐกิจ ท้งั ภาครฐั และภาคเอกชน ทั้งผู้ทเี่ ห็นด้วยและไมเ่ ห็นดว้ ย (๒) กรอบการพิจารณาที่สอง การพิจารณารับฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้ปลูก ผ้ผู ลิตท้ังภาครฐั และภาคเอกชน (๓) กรอบการพิจารณาท่ีสาม การศึกษาดงู าน ณ สถานท่ตี ่าง ๆ (๔) กรอบการพจิ ารณาทส่ี ี่ การพิจารณาเก่ียวกบั การเสนอแก้ไขเพม่ิ เติมกฎหมายที่เกีย่ วข้อง

๔ ๓.๒ การประชมุ คณะอนุกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชาอย่างเป็น ระบบ ได้พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ โดยเชิญหน่วยงาน ท่ีเกย่ี วข้องมาร่วมประชุมและศึกษาข้อมลู ข้อเทจ็ จริง ตลอดจนแสดงความคิดเห็น จานวน ๗ คร้ังและมกี ารเดนิ ทาง ไปศึกษาดูงาน จานวน ๑ ครงั้ โดยสรปุ ไดด้ งั น้ี ครัง้ ที่ ๑ วนั องั คารท่ี ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ คร้งั ท่ี ๒ วนั องั คารที่ ๔ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๓ วนั อังคารท่ี ๑๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๔ วนั อังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ คร้งั ท่ี ๕ วนั อังคารที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๖ วันองั คารที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๗ วนั อังคารที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๘ วันอังคารท่ี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๙ วนั อังคารท่ี ๑๖ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๑๐ วันอังคารที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๑๑ วนั องั คารที่ ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๑๒ วันอังคารที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ครง้ั ที่ ๑๓ วนั พุธท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๓.๓ การศึกษาดูงานของคณะอนุกรรมาธิการ ด้วยในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ การใช้กญั ชา กญั ชง และกระทอ่ มอย่างเป็นระบบ สภาผแู้ ทนราษฎร ครง้ั ที่ ๖ วนั พธุ ที่ ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ ท่ีประชุมได้มีมติให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียว กับการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหา เก่ียวกับการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ เดินทางไปศึกษาดูงานเรื่อง “การปลูกและการเก็บเก่ียวกัญชาเพื่อใช้ ประโยชน์อย่างเป็นระบบ” ระหวา่ งวนั พุธที่ ๑๘ ถึงวนั พฤหัสบดีท่ี ๑๙ มนี าคม ๒๕๖๓ ณ จงั หวัดสกลนคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูลการศึกษาวิจัย เพ่ือเป็นแนวทางการผลักดันให้เกษตรกร สามารถปลูกกญั ชาเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ อันจะสง่ ผลดตี ่อสภาพเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศได้ รวมทั้งการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการปลูก การเก็บเก่ียวกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์อย่างเป็นระบบ โดยมีการศกึ ษาดงู านในสถานที่ดังนี้ (๑) มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตเฉลิมพระเกยี รติ จงั หวัดสกลนคร (๒) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตสกลนคร จงั หวัดสกลนคร (๓) โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร (คลนิ กิ กัญชาทางการแพทย์)

๕ ๔. หน่วยงานและบคุ คลทเ่ี กยี่ วข้อง คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชงอย่างเป็นระบบ ได้ดาเนินการเชิญหน่วยงาน บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถ และบุคคลที่เก่ียวข้องมาร่วมประชุมและให้ข้อมูล ข้อเท็จจรงิ ตลอดจนแสดงความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ ดังน้ี ๔.๑ กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๑) นพ.มรุต จริ เศรษฐส์ ริ ิ อธบิ ดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ๒) นางมาลา สร้อยสาโรง ๓) นางสาวณัชชา สาล่ีวรรณ์ ๔.๒ แพทยสภา - นพ.ชาตรี บานช่ืน กรรมการแพทยสภา และประธานอนุกรรมการพิจารณา การใช้ประโยชน์ของสารสกดั กญั ชาทางการแพทย์ ๔.๓ ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย - ผศ.นพ.อภนิ ันท์ อร่ามรัตน์ ประธานราชวทิ ยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครวั แหง่ ประเทศไทย ๔.๔ ราชวทิ ยาลยั กุมารแพทย์แหง่ ประเทศไทย - ศ. นพ.สมศกั ดิ์ โลเ่ ลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แหง่ ประเทศไทย ๔.๕ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น - ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบรู ณ์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ๔.๖ สภากญั ชาแหง่ ประเทศไทย ๑) นายภาณุวัฒน์ จึงแย้มป่นิ ๒) นายกิตตพิ รรชน์ ย่ิงกิจภญิ โญ ๔.๗ มหาวิทยาลยั รังสิต - นายปานเทพ พวั พงษพ์ ันธ์ คณบดสี ถาบันแพทย์แผนบูรณาการ และเวชศาสตร์ ชะลอวัย มหาวิทยาลยั รังสติ ๔.๘ สถาบนั กญั ชาทางการแพทย์ - พญ.สภุ าพร มลี าภ ผู้เช่ียวชาญด้านกัญชาสถาบนั กญั ชาทางการแพทย์ ๔.๙ สภาเกษตรกรแหง่ ชาติ - นายประพัฒน์ ปัญญาชาตริ ักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแหง่ ชาติ ๔.๑๐ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ - ศ.อานัฐ ตันโช ผอู้ านวยการศูนยว์ ิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ ๔.๑๑ โรงพยาบาลคูเมือง - นายกติ ติ โลส่ วุ รรณรกั ษ์ ผู้อานวยการโรงพยาบาลคูเมือง ๔.๑๒ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภเู บศร์ - นางสาวผกากรอง ขวัญขา้ ว เภสัชกรเชยี่ วชาญ หัวหน้ากลุม่ งานเภสัชกรรม

๖ ๔.๑๓ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม อาจารย์ประจาภาควิชาเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์ - ผศ.สมชาย แก้ววังชัย เภสชั กรชานาญการพิเศษกองควบคุมวตั ถุเสพตดิ ๔.๑๔ สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา - นางสาวกรพินธ์ุ ณ ระนอง ๔.๑๕ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑) นายชนิสร์ คล้ายสังข์ ผอู้ านวยการกองกฎหมายสวสั ดิการสังคม ๒) นางอุดมลักษณ์ อุ่นศรี นักกฎหมายกฤษฎีกาชานาญการพิเศษ ฝ่ายกฎหมายสาธารณสุข กองกฎหมายสวัสดิการสังคม ๓) นางสาวปาจรีย์ จาเนียรกุล นกั กฎหมายกฤษฎกี ารชานาญการพิเศษ ฝ่ายกฎหมายสาธารณสุข กองกฎหมายสวัสดิการสังคม ๔.๑๖ ผู้แทนจากบริษัทเอกชน ๑) นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ ๒) นางสาวปริตา ชยั ภทั รวงษ์ ๔.๑๗ ผู้แทนจากภาคประชาชน ๑) นายบณั ฑรู นิยมาภา ๒) รศ.พ.ต.ต.หญิง ฐิชาลักษณ์ ณรงค์วทิ ย์ ๓) นายสุเทพ สวุ รรณเกตุ ๔) นายประทปี ต้งั สหไมตรี ๕) นายณฐั พงศ์ สระประทุม ๖) พ.ต.ท. อมระ ม่ันดี ๗) นางนยั นา วงศ์ศิริเลศิ ชน ๘) นายวชั รชัย วงศศ์ ริ เิ ลศิ ชน ๙) นายต้นนา้ นิยมาภา ๑๐) นางสาวนวลฉวี จฑู ะสวสั ด์ิ ๑๑) นางวราภรณ์ หุ่นทอง ๑๒) นางสดุ ารตั น์ เกดิ มงคล ๑๓) นายธนาธปิ รัตนโรจน์ ๑๔) ดาบตรี อานาจ กนั เกตุ ๑๕) นายรัตนิพล ลีรเศรษฐากร ๑๖) นายสุพัฒน์ พรหมสะอาด ๑๗) นายพากเพียร ตะเคียนศก ๑๘) นายบญั ชา สุวรรณธาดา ๑๙) นายพงศพ์ สนิ ชพี สาทศิ กุล ๒๐) นางวีระวรรณ ตรงต่อศักด์ิ

๗ ๕. เอกสารและกฎหมายทเ่ี ก่ียวข้อง ๑) พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒) พระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓) ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี .. ) พ.ศ. .... ท่ีเสนอโดยสานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา ๔) ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรือ่ ง ระบชุ อื่ ยาเสพติดใหโ้ ทษในประเภท ๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๕) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ๕) เอกสารทีเ่ ก่ียวข้อง ๖. ผลการพิจารณาศึกษา จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่ามีการใช้กัญชาทางการแพทย์ในโลกมามากกว่า ๕,๐๐๐ ปี กัญชาเป็นสว่ นผสมของตารับยาไทยหลายตารับ ในสมยั พระนารายณ์ เม่อื ๓๖๐ ปีก่อน ในชว่ งศตวรรษที่ ๑๘ นายแพทย์ William O’Shaughnessy ไปพบเห็นชาวอินเดียใช้กัญชารักษาโรคอย่างได้ผลดีจึงนากลับมา เผยแพร่ที่ประเทศอังกฤษ นายแพทย์ John Reynolds แพทย์ประจาสานักราชวงศ์ของอังกฤษบันทึก ประสบการณ์การใช้กัญชารักษาโรค ในช่วง ๓๐ ปีของตนว่า กัญชามีสรรพคุณในการรักษาโรคหลายประการ นายแพทย์ Sir William Osler เขียนตาราแพทย์แผนปัจจุบันเล่มแรก เม่ือปี ค.ศ. ๑๘๙๕ บรรยายสรรพคุณ ของกัญชารักษาโรคไว้หลายตอน เภสัชตารับของประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า กัญชามีสรรพคุณรักษาโรค ต่อไปน้ี ปวดเส้นประสาท, โรคเก้าท์, รูมาตอยด์, บาดทะยัก, โรคกลัวน้า, อหิวาตกโรค, โรคลมชัก, เคลื่อนไหว ผิดปกติจากระบบประสาท, บุคลิกภาพผิดปกติ, ซึมเศร้า, ภาวะถอนพิษสุรา, จิตเภท, และเลือดออกจากมดลกู บริษัทยาในศตวรรษที่ ๑๘ ผลิตยาจากกัญชาวางจาหน่ายตามร้านขายยาอย่างแพร่หลาย ผู้ป่วยซ้ือมาใช้ได้ โดยไม่ต้องมใี บสง่ั แพทย์ แต่แล้วการใช้กัญชาทางการแพทย์กลับสูญหายไป เพราะในช่วงปลายของศตวรรษท่ี ๑๘ ธุรกิจปิโตรเคมีที่ทรงอิทธิพล มุ่งทาลายคู่แข่งจากธรรมชาติคือกัญชา มีการใส่ร้ายป้ายสี ให้ร้ายกัญชา โดยใช้ งานวิจัยท่ีลาเอียง สร้างภาพยนตร์เผยแพร่ข่าวเท็จ เม่ือประชาชนหลงเชื่อ ก็ออกกฎหมายจัดให้เป็นยาเสพติด รุกคืบผลักดันจนเป็นมติของสหประชาชาติในปี ค.ศ.๑๙๖๑ ให้ทุกประเทศออกกฎหมายบัญญัติให้กัญชา เปน็ สง่ิ เสพตดิ ใหโ้ ทษ ทง้ั ทมี่ ีการใชป้ ระโยชน์ทางการแพทยม์ านบั ร้อยปี เมื่อความจริงเก่ียวกับกัญชาถูกเปิดเผยทาให้ประชาชนเกิดต่ืนตัว ผลักดันให้แก้ไขกฎหมาย นากัญชามาใช้ทางการแพทย์ไดส้ าเร็จแลว้ ใน ๖๗ ประเทศ และสามารถใชแ้ บบสันทนาการไดใ้ น ๓๔ ประเทศ จากการค้นในปี ค.ศ.๒๐๑๙ พบว่ามีผลงานตีพิมพ์เรื่องกัญชาทางการแพทย์ในฐานข้อมูล ของห้องสมุดแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา สะสมมากถึง ๒๖,๐๐๐ เร่ือง ข้อค้นพบท่ีสาคัญคือ เซลล์ในร่างกาย ของมนุษย์สามารถสร้างสารกัญชาข้ึนมาได้เอง เรียกว่า สารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ (endocannabinoids) มหี นา้ ทที่ าใหร้ ะบบของร่างกายทกุ ระบบทางานไดต้ ามปกติ เกดิ ความสมดลุ (Homeostasis) เม่ือร่างกายไม่สามารถผลิตสารเอ็นโดแคนนาบินอยด์ได้เพียงพอ ซ่ึงส่วนหนึ่งเป็นเพราะ การได้รบั สารพิษสารเคมี (Toxicity) หรือการขาดสารอาหารทีจ่ าเปน็ (Deficiency) เรียกวา่ ภาวะพร่องเอ็นโด แคนนาบินอยด์ (endocannabinoid deficiency syndrome) การรับสารจากพืชกัญชาเข้าสู่ร่างกาย จะไปกระตุ้นการทางานของระบบกัญชาตามธรรมชาตินี้ ให้สามารถหลั่งสารเอ็นโดแคนนาบินอยด์มากข้ึน ทาใหร้ ่างกายเขา้ สูภ่ าวะสมดลุ อีกครัง้ กญั ชาจงึ มีฤทธก์ิ วา้ งขวาง

๘ ในพืชกัญชามีสารออกฤทธ์ิมากกว่า ๕๐๐ ชนิด แบ่งเป็น ๑. Cannabinoids ๒.Terpenes ๓. Flavonoids สารกลุ่ม Cannabinoids มีมากกว่า ๑๑๐ ชนิด ท่ีพบมาก คือ Tetrahydrocannabinol (THC) และ Cannabidiol (CBD) และค้นพบว่า THC และ CBD มีสรรพคุณทางการแพทย์หลายประการ THC มีผลทาให้เกิดอาการมึนเมาได้ ในขณะท่ี CBD ไม่มีฤทธิ์มึนเมา แต่ไปช่วยยับย้ังอาการมึนเมาจาก THC ได้ ดังน้ันจึงพบว่า การใช้สารกัญชาสกัดจากพืชแบบรวมๆ มีสารออกฤทธิ์หลายชนิดร่วมกัน จะได้ผลดีกว่าการใช้ สารกัญชาทม่ี สี ารออกฤทธิ์ชนดิ เดยี ว เรียกวา่ เปน็ Entourage effect จากบันทึกในประวัติศาสตร์ ประสบการณ์ของภาคประชาชนและการศึกษาวิจัย พบว่า ยาจากกัญชามีสรรพคุณรักษาและช่วยบรรเทาอาการของโรคได้หลายโรคแบ่งเป็นกลุ่ม ได้ดังน้ี โรคของระบบ ประสาท เช่น ๑. อาการปวด ท้ังปวดระบบประสาท ปวดไมเกรน ปวดมะเร็ง ปวดจากการอักเสบของแต่ละ อวัยวะ ๒. อาการกล้ามเนื้อ ชัก เกร็ง กระตุก สั่น จากโรคระบบประสาทและไขสันหลัง ๓. ความจาเส่ือม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และภาวะตัวแข็งจากยารักษาโรคจิต ๔. อาการเบื่ออาหาร ๕. การบาดเจ็บที่ศีรษะ ไขสันหลัง โรคทางจิตเวช เช่น ๑. อาการนอนไม่หลับ ๒. อาการวิตกกังวล โรคเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง (Post Traumatic Stress Disorder, PTSD) ๓. อาการทางจิต พฤติกรรมเปลี่ยน เช่น จากโรคจิตเภท โรคออติสติก โรคสมองเสื่อม ๔. อาการลงแดงจากการถอนพิษยาเสพติดอ่ืน เช่น สุรา ยาบ้า เฮโรอีน โรคกลุ่มภูมคิ มุ้ กนั เชน่ ๑. อาการอกั เสบ จากโรคระบบภมู ิคุ้มกันทารา้ ยตนเอง เช่น โรคพุม่ พวง โรครูมาตอยด์ ๒. อาการแพ้ทางผวิ หนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน ๓. ทาให้ร่างกายไม่ปฏิเสธการปลกู ถ่ายอวัยวะ โรคระบบทางเดินอาหาร และการเผาผลาญ เช่น ๑. โรคเบาหวาน ๒. ระบบเผาผลาญอาหารผิดปกติ โรคอ้วน ๓. คล่ืนไส้อาเจียน จากแต่ละสาเหตุรวมทั้งโรคเอดส์ แพ้ยาเคมีบาบัด โรคอื่น ๆ เช่น ๑. โรคความดันโลหิตสูง ๒. แผลเรื้อรัง ๓. ลดความดนั ในลูกตา ในโรคตอ้ หิน ๔. โรคหอบหดื ๕. โรคมะเร็ง คณะอนุกรรมาธิการ ได้มีการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการใช้กัญชา อยา่ งเป็นระบบ โดยสรุปสาระสาคัญได้ดังนี้ ๖.๑ การใช้กญั ชาเพอ่ื ป้องกันโรค โรคสมองเส่ือม การทดลองที่ประเทศอิสราเอล พบว่า เม่ือให้ THC ขนาดต่า เพียง ๐.๐๐๒ mg/kg ในหนูเพียง ๑ ครั้ง หลังจากนั้น ให้สาร lipopolysaccharide (LPS) ซึ่งมีฤทธิ์ทาลายสมอง สามารถ ปกป้องสมองไม่ให้เกิดภาวะ neuroinflammation-induced cognitive damage มีการจดสิทธิบัตรระบุว่า กญั ชามสี รรพคุณปกปอ้ งสมอง และตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ (neuroprotectant and anti-oxidant) โรคเบาหวาน จากการสารวจทางระบาดวิทยาท่ีประเทศสหรัฐอเมริกา ในคนมากกว่า ๑๐,๐๐๐ คน พบวา่ คนอเมริกนั ท่ีบรโิ ภคกัญชามีโอกาสเปน็ โรคเบาหวานนอ้ ยกว่าคนที่ไม่ไดใ้ ช้กญั ชา คนทีไ่ ม่เคยใชก้ ญั ชาเลย เป็นเบาหวาน ร้อยละ ๘.๗, คนที่ใช้กัญชา ๑-๔ ครั้งต่อเดือน เป็นเบาหวาน ร้อยละ ๔.๒, คนที่ใช้กัญชาต้ังแต่ ๕ ครั้งต่อเดือนขน้ึ ไป เปน็ เบาหวาน เพียงรอ้ ยละ ๓.๒ โรคไตเรื้อรัง การรักษาโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงในระยะเวลานาน ในท่ีสุดคนไข้ จะเกิดภาวะโรคไตเรื้อรัง การรักษาเบาหวานและความดันโลหิตสูงแบบธรรมชาติที่ได้ผลดี น่าจะมีส่วนช่วย ลดภาวะโรคไตเรือ้ รัง นอกจากนเ้ี พราะยากญั ชาสามารถรกั ษาบรรเทาอาการปวดเรอื้ รังไดด้ ีมาก ป้องกันการฆ่าตัวตาย การศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า รัฐท่ีแก้กฎหมายให้นากัญชา มาใช้ในทางการแพทย์ได้ จะมีอัตราการฆ่าตัวตายลดลง มากกว่ารัฐที่ยังไม่ได้แก้กฎหมาย เพราะยากัญชา มฤี ทธิ์ในการลดความเครียด ภาวะป่วยทางจติ หลงั เหตุการณร์ ุนแรง (PTSD) และลดอาการปวดทรมานไดด้ ี

๙ ลดผลกระทบตอ่ สุขภาพจากการบริโภคสรุ า หลังจากทรี่ ฐั โคโลราโด สหรัฐอเมริกาแกก้ ฎหมาย ให้สามารถใช้กัญชาเพ่ือสันทนาการได้ ทาให้อัตราการมาห้องฉุกเฉินจากสุราลดลงจาก อัตรา ๔๐ ต่อพัน ในปี ค.ศ. ๒๐๑๑ เป็น อัตรา ๓๗.๕ ต่อพัน ในปี ค.ศ. ๒๐๑๔ เพราะคนใช้กัญชาทดแทนสุรา และลดอาการ ลงแดงจากสุรา ๖.๒ วธิ ใี ชก้ ญั ชาและขนาดยากญั ชา ยาจากกัญชา มีความแตกต่างจากยาแผนปัจจุบัน คือไม่สามารถกาหนดขนาดการใช้ได้ อย่างตายตัว จาเป็นต้องปรับให้เหมาะสมกับแต่ละคน มีปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของกัญชาที่เหมาะสม หลายประการ ได้แก่ ๑) สายพันธุ์กัญชา ยากัญชา ๒ ชนิด ที่มี ขนาดของ THC เท่ากัน แต่ถ้ามีส่วนผสม ของ Terpenes ที่แตกต่างกัน ก็ให้ผลลัพธ์ในการรักษาแตกต่างกัน ๒) ความเข้มข้นของยาสกัด ๓) วิธีใช้ยา ใช้แบบสูบ แบบพ่น แบบหยอดใต้ล้ิน แบบกิน แบบสวนทวาร แบบทาภายนอก หรือการผสมผสานหลายวิธี ๔) โรคที่ผู้ป่วยเป็น รวมถึง ระยะของโรค ระดับความรุนแรง โรคร่วมอื่นๆ ๕) การรักษาแบบอ่ืนที่ได้รับ ๖) การตอบสนองต่อยากัญชาของแต่ละคน ที่มี endocannabinoid tone ไม่เท่ากัน และ ๗) การดื้อยา เมือ่ ใช้ในระยะเวลานาน แต่ปัจจัยท้ังหมดนี้ ถูกนามาพิจารณาประยุกต์ใช้กาหนดขนาดยากัญชา โดยใช้หลักการสาคัญ คอื “เรมิ่ ทีละน้อย แลว้ คอ่ ยๆ เพิ่มขนาดจนควบคุมอาการเจบ็ ป่วยได้ (Titration)” (Start Low, Go slow) ตัวอยา่ งเชน่ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยยากญั ชาที่เจือจางด้วยน้ามันมะพร้าวสกัดเย็นให้เหลือตวั ยากัญชาเพียง ๓% ให้ครั้งละ ๑ หยดใต้ล้ินวันละครั้งก่อนนอน คืนต่อมาเพิ่มเป็น ๒ หยดก่อนนอน แบบนี้ไปเร่ือยๆ จนกัญชาออกฤทธิ์ คือ นอนหลับลึกหรือควบคุมอาการปวดได้ อาจจะมีการให้ยากัญชา เพ่ิมตอนกลางวัน ได้อีก วันละ ๑-๒ คร้ังในตอนกลางวัน ตามอาการ บางคนอาจจะต้องใช้มากถึงวันละรวม ๒๐๐ มิลลิกรัม จงึ จะคมุ อาการเจ็บปว่ ยได้ การดื้อยากัญชา เมื่อใช้ยากัญชาในระยะเวลานานแล้วจะไม่ได้ผล เช่น ไม่หายปวด หรือนอน ไม่หลับ ให้หยุดใช้ยากัญชาอย่างน้อย ๔๘ ช่ัวโมง แล้วเริ่มด้วยขนาดเล็กน้อยใหม่ ตัวรับสารกัญชา (Cannabinoid receptors) จะฟน้ื ตวั ๖.๓ ภาวะแทรกซ้อนและข้อควรระวงั จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ พบว่าภาวะแทรกซ้อนจากการใช้กัญชา ๕ อันดับ แรกได้แก่ อาการวิงเวียน (Dizziness) อาการง่วง (Sedate) อาการหลอน (hallucinations) อาการชวนง่วง (somnolence) อาการคลื่นไส้ (Nausea) ผลเสียและอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น มักจะเกิดจากการใช้ยา กัญชาที่มากเกินไป โดยเฉพาะคนท่ีเพิง่ ใช้คร้ังแรก วิธีแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เม่ือเกิดอาการข้างต้น คือ ๑) ให้ไปนอนพักผ่อน หลับไปเลย ๒) อมเกลือ ๓) อมเมลด็ พริกไทย ๔) กนิ น้าสกดั รางจืด เมื่อร่างกายขจัดยากัญชาออกจากร่างกาย ภายในเวลา ๑๒ – ๒๔ ชว่ั โมง ก็จะหายจากอาการดังกล่าว วิธีป้องกันภาวะแทรกซ้อน ควรเร่ิมใช้ยาขนาดน้อย (เช่น ร้อยละ ๓ เพียง ๑ หยด) และก่อนให้ ยากัญชา ๑๕ นาที ควรดื่มน้า ผสมน้าผ้ึง มะนาว ใส่เกลือเล็กน้อย ๑ แก้ว หรือเลือกใช้วิธีแบบทาภายนอก เชน่ ใชก้ ัญชาผสมนา้ มันมะพรา้ วสกัดเย็นหรอื ยาหมอ่ ง นามาทาบรเิ วณที่ปวด วันละ ๒ - ๓ คร้ัง

๑๐ ผลเสียของกญั ชาทถ่ี กู หกั ลา้ งแล้วว่าไม่เปน็ ความจริง มีการกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสีกัญชามากมาย และตอกย้าความเช่ือผิด ๆ น้ี อย่างต่อเน่ือง แต่ขอ้ กล่าวหาเหลา่ น้ีถูกหักล้างแล้วดว้ ยงานวิจัยจานวนมาก ตัวอยา่ งเชน่ • กัญชาจากธรรมชาติไม่ไดท้ าให้เกดิ โรคจติ แตใ่ ช้รักษาโรคจิตได้ • ประเทศอังกฤษมีคนใช้กัญชาเพ่ิมข้ึนถึง ๒๐ เท่า แต่ความชุกและอุบัติการณ์ของการเป็น โรคจติ กลบั มีแนวโนม้ ลดลง • กัญชามีฤทธ์ิเสพติดน้อยกว่ากาแฟ ไม่ได้นาไปสู่การใช้สารเสพติดรุนแรง แต่กลับทาให้เลิก หรอื ลดการใช้ยาเสพติดรา้ ยแรงอ่ืนลงได้ • กญั ชาไม่ได้ทาให้เดก็ และเยาวชนมปี ญั หาทางทางสมอง งานวิจัยโจมตีกัญชาเรื่องน้มี ักจะไม่ได้ ตัดตัวแปรกวนเรอ่ื งการใช้สารเสพติดตัวอ่นื และปัจจยั ด้านครอบครัว • เด็กที่เป็นโรคลมชักที่ใช้ยาแผนปัจจุบันมากถึง ๗ ขนานก็ไม่หายชัก พอมาใช้กัญชา หยุดอาการชักได้และสมองดขี นึ้ • เด็กทารกที่เกิดจากมารดาท่ีสูบกัญชาในระหว่างการต้ังครรภ์มีสมองและพัฒนาการท่ีดีกว่า กลุ่มควบคุม • ในสหรัฐอเมริกา พบว่ามลรัฐท่ีแก้กฎหมายแล้ว คดีความเก่ียวกับกัญชาลดลง ทาให้ตารวจ และระบบยุติธรรมมีเวลาไปทางานอื่น ๆ ท่ีสาคัญได้มากข้ึน ส่งผลทาให้อาชญากรรมลดลง การตายจาก อุบัติเหตุลดลง ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น นาไปอุดหนุนโรงเรียน เด็กนักเรียนจบการศึกษา เพ่ิมขนึ้ สถิติการตกออกกลางครันลดลง ๖.๔ ตามข้อกฎหมายระหว่างประเทศ จากอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.๑๙๖๑ และพิธีแก้ไขอนุสัญญาเด่ียวว่าด้วยยา เสพติดให้โทษ ค.ศ.๑๙๖๑, ค.ศ.๑๙๗๒ SINGLE CONVENTION ON NARCOTIC DRUGS,1961, AS AMENDED BY THE 1 9 7 2 PROTOCOL AMENDING THE SINGLE CONVENTION ON NARCOTIC DRUGS,1961 ซ่ึงในวนั ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ มีประเทศท่ีเปน็ ภาคี จานวน ๑๘๓ ประเทศ และประเทศไทย ได้เข้าเป็นภาคี โดยภาคยานุวัต อนุสัญญาฉบับน้ี เม่ือวันท่ี ๙ มกราคม ๒๕๑๘ (ค.ศ.๑๙๗๓) โดยสานักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้แปลอนุสัญญาน้ีเป็นภาษาไทยแล้ว เม่ือวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ไดก้ าหนดเง่ือนไขการปฏิบตั ิท่เี กี่ยวข้องกับกัญชาสาหรับแตล่ ะภาคปี ระเทศ ดงั น้ี ภาคีประเทศซึ่งห้ามการเพาะปลูกต้นกัญชาต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพ่ือยึดพืชผล ที่เพาะปลูกโดยผิดกฎหมายและทาลาย เว้นแต่จานวนเล็กน้อยท่ีภาคีประเทศต้องการเพ่ือความมุ่งหมาย ทางวิทยาศาสตร์หรือการวิจัยเท่านั้น หากจะมีการอนุญาตให้มีการเพาะปลูกกัญชาเพื่อการผลิตภัณฑ์จาก กัญชาหรือยางกัญชาต้องจัดต้ังสถาบันกัญชาแห่งชาติเข้ามารับผิดชอบในการกาหนดพ้ืนท่ี ที่จะอนุญาตให้มี การเพาะปลูก โดยใบอนุญาตจะต้องระบุขนาดของท่ีดิน ผู้ท่ีทาการเพาะปลูกจะต้องส่งมอบผลผลิต ต่อสถาบัน กัญชาแห่งชาติ และสถาบันกัญชาแห่งชาติจะต้องซื้อและครอบครองผลผลิตโดยมิชักช้ากว่า ๔ เดือนหลังเก็บ เกี่ยวได้สิ้นสุดลง และสถาบันกัญชาแห่งชาติ มีอานาจเต็มในการที่จะนาเข้า ส่งออก ขายส่งและคงไว้ ซึ่งคลังผลิตภัณฑ์กัญชา และภาคีประเทศ ต้องกาหนดมาตรการเท่าท่ีจาเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีการนาใบกัญชา ไปใชใ้ นทางทีผ่ ดิ

๑๑ ๖.๕ ตามข้อกฎหมายในประเทศไทย กัญชา ถูกระบุในกฎหมายให้เป็นยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ ตามมาตรา ๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ถือเป็นยาเสพติดให้โทษท่ีมิได้เข้าข่ายอยู่ในประเภท ๑ ถึงประเภท ๔ การอนุญาต ให้มีการผลิต นาเข้าหรือส่งออกของกัญชา จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ ตามมาตรา ๖/๒ ก่อนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาจึงจะสามารถอนุญาตได้ สาหรับการอนุญาต ครอบครอง และจาหน่ายนน้ั เลขาธกิ ารคณะกรรมการอาหารและยาหรือผูไ้ ดร้ บั มอบหมายสามารถอนุญาตได้ กัญชาสามารถใช้เสพเพื่อการรักษาโรคตามคาส่ังของแพทย์ ทันตแพทย์ แพทย์แผนไทย แพทยแ์ ผนไทยประยุกต์และหมอพื้นบ้าน ที่ได้รับใบอนุญาต หรอื ใชเ้ สพเพ่ือการศึกษาวิจัยได้เท่านั้นตามมาตรา ๕๘ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๕๖๒ โดยตารับท่ีเสพได้ ต้องเป็นไปตามท่ีรฐั มนตรีประกาศกาหนด ไว้ดังน้ี ๑) ยาที่ได้รับการรับรองจากสานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา ๒) ตารับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ จานวน ๑๖ ตารับ ๓) ตารับที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต ในประเทศ ภายใต้การรักษาโรคกรณีจาเป็นสาหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ๔) ตารับท่ีได้รับอนุญาตภายใต้โครงการ ศึกษาวิจัยท่ีได้รับอนุญาตจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๕) ตารับยาที่หมอพื้นบ้านปรุงขึ้นจาก องค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยท่ีชัดเจนท่ีได้รับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก โดยที่วัตถดุ ิบตอ้ งไม่สามารถแยกเป็นชอ่ ดอก ใบ เพอื่ นาไปใชใ้ นทางที่ผดิ ได้ ในระยะ ๕ ปีแรก ต้ังแต่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จนถึง ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ อนุญาตให้ เฉพาะหน่วยงานรัฐ ผลิต นาเข้า หรือส่งออกได้ หรือหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายร่วมมือกับ แพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ สตั วแพทย์ แพทย์แผนไทย แพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ หรือหมอพนื้ บา้ นตามกฎหมาย หน่วยงานรัฐร่วมกับ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนท่ีมีหน้าที่ศึกษาวิจัยและจัดการเรียนทางการแพทย์ หรือเภสัชศาสตร์ หรือหน่วยงานรัฐร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์การเกษตร ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๕๖๒ ซึ่งภาคเอกชนไม่สามารถดาเนนิ การได้ตามลาพงั ๗. ปญั หาการใช้ประโยชนจ์ ากกญั ชาทางการแพทย์ โดยจาแนกออกได้ดงั นี้ ๗.๑ ปญั หาของผู้ใช้ ประชาชนท่วั ไป ๑) ผู้ปว่ ยสว่ นหนงึ่ ตอ้ งไปพง่ึ ยากญั ชาท่ไี ดผ้ ลแบบไม่ถกู กฎหมาย ๒) การใช้ยากญั ชาในการบาบดั รกั ษาตนเองตามภูมิปัญญาในท้องถ่นิ ไม่สามารถทาได้ ๓) ยากัญชาหลายตารบั ท่ไี ด้ผลแต่ไม่ถูกอนญุ าตใหใ้ ช้ ๔) ผปู้ ่วยบางส่วนตอ้ งรับโทษในการใช้ยากัญชาบาบดั รักษาตนเองท่ีไม่ถูกกฎหมาย ผู้มสี ทิ ธิ์สัง่ จา่ ยยากัญชาตามกฎหมาย ๑) การฝึกอบรมการสงั่ จา่ ยยากญั ชาตามกฎหมาย มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ หก้ ลวั การส่งั จา่ ยยากญั ชา ๒) การฝึกอบรมการสั่งจ่ายยากัญชาตามกฎหมาย กาหนดเงื่อนไขให้มีการจัดสอบวัดความรู้ หลังจากฝกึ อบรม ทาให้ต้องเสยี เวลารอคอยและมีค่าใช้จ่ายเพ่ิมขนึ้ โดยไมจ่ าเปน็ ๓) ไมส่ ามารถสงั่ จ่ายยากัญชาได้ตามความรู้ทมี่ กี ารเปลีย่ นแปลงอยา่ งต่อเนื่องได้ ๔) ไม่สามารถปรงุ ยากัญชาใหก้ บั ผปู้ ว่ ยเฉพาะรายตามความรู้ใหมท่ ่ีมีการเปล่ียนแปลงไปได้ ๕) ยากญั ชาตามกฎหมายในสถานพยาบาลภาคเอกชนขาดแคลนไม่เพียงพอกบั ความต้องการ ๖) ตอ้ งไดร้ บั โทษทางอาญา หากจ่ายยาทไ่ี ดผ้ ลในการรักษาแต่มาจากขบวนการผลิตท่ีไม่ไดร้ บั อนญุ าต

๑๒ ๗.๒ ปัญหาของผู้ผลติ ๑) การขออนุญาตในการปลูกกัญชาตามกฎหมาย มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อน ค่าใช้จ่าย ในการดาเนนิ การมาก และใช้ระยะเวลานานเกนิ ความเหมาะสม ๒) ผู้ประกอบการภาคเอกชนหรือเกษตรกรยังไม่ได้ประโยชน์ จากการผลติ กัญชาทางการแพทย์ ๓) เกษตรกรท่ีรวมกันเป็นวิสาหกิจชุมชนต้องใช้เงินลงทุนจานวนมาก แต่ไม่สามารถจาหน่าย ให้มีรายรบั เข้าส่วู ิสาหกิจชุมชนได้ แม้จะสามารถร่วมมอื กบั ภาครัฐตามกฎหมายแล้วกต็ าม ๘. ข้อเสนอในการแกไ้ ขปญั หากัญชาทางการแพทยอ์ ย่างเป็นระบบ ระยะเร่งด่วน ๑) ขอให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ แต่งต้ังอนุกรรมการในระดับจังหวัด ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ทาหน้าท่ีให้ความเห็นชอบในการอนุญาตแทน คณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกาหนด และขอให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา มอบอานาจในการอนุญาตให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ในเร่ืองการเพาะปลูกกัญชาและการครอบครอง ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการอาหารและยา เฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบ เหตุผล เพื่อลดปัญหา ระยะเวลาในการรอคอย ลดค่าใช้จ่าย ของผู้ขออนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่ ในระยะเวลาภายใน ๕ ปี นับแต่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๕๖๒ บังคับใช้ เป็นหน่วยงานภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียว หรือวิสาหกิจชุมชนร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และ เป็นการลดภาระงานและงบประมาณของหน่วยงานที่รับผิดชอบคือสานักงานคณะกรรมการอาห ารและยา จะสามารถไปทาหนา้ ที่อื่นในการดูแลประชาชนไดเ้ พิ่มขึน้ ตามอานาจหนา้ ท่ใี นกฎหมาย เพราะตามแนวทางของสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาในกรณีพื้นท่ีเพาะปลูก อยู่ในต่างจังหวัด ต้องผ่านการพิจารณาจากผวู้ ่าราชการจังหวัด โดยความเห็นจากคณะกรรมการที่ผูว้ ่าราชการ จังหวัดแต่งตั้งหรือมอบหมายให้พิจารณา หรือคณะทางาน จากศูนย์อานวยการป้องกันและปราบปราม ยาเสพตดิ ระดบั จงั หวดั : ศอ.ปส.(จ) ๒) ขอให้กระทรวงสาธารณสุขจัดการฝึกอบรมและสอบวัดความรู้ผ่านระบบออนไลน์ให้กับ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ทนั ตแพทย์ เภสัชกร และหมอพนื้ บ้านใหส้ ามารถสงั่ จา่ ยยากัญชาได้ โดยใหไ้ ดร้ ับการข้ึนทะเบียนจากสานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาหลังสาเรจ็ การฝกึ อบรม เหตุผล ผู้มีสิทธิส่ังจ่ายยากัญชามีจานวนน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยที่มีความ ประสงค์จะใช้ยากัญชาที่มีอยู่ท่ัวประเทศ เพราะกัญชาสามารถใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างหลากหลายและ สามารถใช้ทดแทนยาบางประเภทที่นาเข้าจากต่างประเทศได้ หากมีใช้ทางการแพทย์ได้อย่างแพร่หลาย จะส่งผลให้ เกิดการสร้างงานสร้างรายได้แก่ประชาชนอีกจานวนหน่ึงได้ หรือช่วยลดปัญหาทางสังคมจากยาเสพติด ชนิดอื่นได้ เน่ืองจากกัญชาน้ันมีสารเสพติดที่มีอันตรายน้อยกว่ากาแฟเม่ือเทียบกันแล้ว หรือน้อยกว่าสุรา หลายเท่า และสามารถนามาใช้ในการบาบดั ผู้ติดยาเสพตดิ ใหโ้ ทษอีกดว้ ย

๑๓ ระยะยาว - เสนอให้มีกฎหมายเฉพาะ คือ ร่างพระราชบัญญัติพืชควบคุมเพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... โดยเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ดังกลา่ ว เหตผุ ล เนื่องจากกัญชา มีสารเสพติดคือสาร THC เพียงชนิดเดียว ท่ีหากเลิกใช้ยาแล้วจะมีอาการถอน พิษยาหรือลงแดงที่รุนแรงน้อยกว่ายาเสพติดชนิดอื่น คือมีอาการนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามตัวหรือปวดศีรษะ เล็กน้อย และมีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าสุรา บุหร่ี หรือกาแฟ ท่ีกฎหมายให้สามารถจาหน่ายได้อย่างเสรี และพบว่าส่วนอื่น หรือแม้กระทั่งสารชนิดอ่ืนในกัญชาอีกมากมาย มีประโยชน์สามารถใช้ในการ ผลิต อาหาร เสริม เครื่องสาอาง หรือยารักษาโรค ใบสดยังสามารถใช้ปรุงเป็นยาแผนไทย สาหรับรักษาผู้ป่วยได้ หรือปรุงอาหารให้อรอ่ ยได้ แต่ประเทศไทยเป็นภาคีประเทศของอนุสัญญาเด่ียวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.๑๙๖๑ และพธิ แี ก้ไขอนสุ ัญญาเดี่ยววา่ ดว้ ยยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ค.ศ.๑๙๖๑, ค.ศ.๑๙๗๒ ซึง่ มีผลบงั คับใช้หากประเทศไทย จะให้มีการปลูกพืชกัญชา จะต้องดาเนินการเง่ือนไขของกฎหมายระหว่างประเทศฉบับนี้ ซึ่งกาหนดให้มี หน่วยงานระดับชาติข้ึนมาดาเนินการผูกขาดการรับซื่อผลิตภัณฑ์กัญชาท้ังประเทศ และให้มีการกาหนดพ้ืนท่ี เพาะปลูกท่ีชัดเจน และรายงานผลการผลิตไปยังหน่วยงานท่ีรับผิดชอบขององค์การสหประชาชาติเป็น ประจาทกุ ปี และกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษของประเทศไทย กาหนดให้สานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา เป็นหน่วยงานทรี่ บั ผิดชอบ ซึ่งมีภาระงานจานวนมากไม่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถ ท่ีเพียงพอในด้านการเกษตรท่ีจะดูแลควบคุมได้อย่างท่ัวถึง จาเป็นต้องมีหน่วยงานเฉพาะมาควบคุม กากับ ดูแล ศึกษา วิจัยและพัฒนา และรับซ้ือผลผลิตทั้งประเทศ ถือเป็นภารกิจท่ีสาคัญท่ีมีปริมาณงานมาก และมีความสลับซับซ้อนและยากลาบากในการปฏิบัติงาน หน่วยงานเดิมที่มีอยู่ไม่อาจสามารถดาเนินการ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ หากประเทศไทยจะใช้พืชกัญชาอีกชนิดหนึ่ง ในการสร้างเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างรายได้ ให้กับประชาชนภายในประเทศ เชน่ เดยี วกบั ขา้ ว ออ้ ยหรอื ยางพารา จึงจาเปน็ ต้องมีกฎหมายวา่ ด้วยพชื กัญชา และพชื อนื่ ทม่ี สี ารเสพตดิ ขน้ึ มาเปน็ การเฉพาะ โดยกาหนดใหม้ ชี ือ่ ว่า กฎหมายว่าด้วยพืชควบคมุ เพื่อประโยชน์ ทางการแพทย์



๑๔ ภาคผนวก



ภาคผนวก ก ร่างพระราชบญั ญตั ิพืชควบคมุ เพือ่ ประโยชน์ทางการแพทย์ พ.ศ. ....



รา่ งพระราชบญั ญตั พิ ชื ควบคุมเพอื่ ประโยชนท์ างการแพทย์ พ.ศ. .... หลกั การ ให้มีกฎหมายว่าด้วยพืชควบคุมเพื่อประโยชนท์ างการแพทย์ เหตผุ ล เน่ืองดว้ ยยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยาเสพตดิ ให้โทษ เปน็ พชื ทใ่ี ห้สาร เสพติด ซ่ึงอาจก่อใหเ้ กิดปญั หาทางสขุ ภาพ หรือปัญหาทางสงั คมได้ หากใชอ้ ยา่ งไมถ่ กู ตอ้ งเหมาะสม แตส่ ารเสพติดที่ไดจ้ ากพืชเหล่านน้ั สามารถนามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ นอกจากนน้ั ยงั พบวา่ สว่ นอนื่ และสารชนิดอ่นื ที่ไดจ้ ากพชื เหลา่ น้ัน สามารถใชเ้ ป็นอาหาร เครื่องสาอาง หรอื แม้กระทั่ง ยารักษาโรค วัสดุอปุ กรณ์ เครื่องใช้ ของใช้ หรืออ่นื ๆ ทส่ี ามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สรา้ งงาน สร้างรายไดใ้ หป้ ระชาชนในประเทศได้ แต่เน่ืองจากมีกฎหมายระหว่างประเทศซึง่ ราชอาณาจักรไทย ตอ้ งปฏบิ ัติตาม ในฐานะภาคีประเทศที่จะต้องมหี นว่ ยงานระดบั ชาติ มารับผดิ ชอบในการควบคมุ กากบั อนญุ าตและกาหนดขนาดพ้ืนท่เี พาะปลกู ใหเ้ หมาะสม จึงจาเป็นตอ้ งตรากฎหมายน้ี



รา่ ง พระราชบัญญัติพชื ควบคมุ เพอื่ ประโยชนท์ างการแพทย์ พ.ศ..... ............................................................ ............................................................ ............................................................ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------- โดยท่เี ปน็ การสมควรมีกฎหมายวา่ ดว้ ยพืชควบคุมเพ่ือประโยชนท์ างการแพทย์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------- ให้ตราพระราชบัญญตั ขิ ้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยนิ ยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญตั ิน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติพชื ควบคมุ เพ่ือประโยชน์ ทางการแพทย์ พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ิน้ีให้ใชบ้ ังคับนบั แต่วันถดั จากวนั ประกาศราชกิจจานุเบกษา เป็นตน้ ไป มาตรา ๓ บรรดาบทบัญญตั ใิ นกฎหมายใดขัดแยง้ กับกฎหมายฉบบั น้กี ่อนท่ีพระราชบัญญัตินี้ ใชบ้ งั คับใหใ้ ช้กฎหมายฉบบั น้ีแทน มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “พชื ควบคุม” หมายความวา่ พชื ทมี่ ีสารเสพติดเปน็ องคป์ ระกอบ ซง่ึ กาหนดโดยพระราช กฤษฎีกา “ผลติ ภณั ฑค์ วบคุม” หมายความว่า ผลิตภัณฑท์ ่ีมสี ารเสพติดซง่ึ ได้จากพชื ควบคุมในปริมาณ หรอื ความเข้มขน้ ที่คณะกรรมการประกาศกาหนดในราชกิจจานุเบกษา และต้องไดร้ บั การสั่งจา่ ยจาก ผูม้ สี ิทธสิ งั่ จ่ายตามพระราชบัญญตั นิ ี้ “บรโิ ภค” หมายความวา่ การนาเขา้ สูร่ ่างกายโดยรู้อยวู่ า่ เป็นผลติ ภัณฑค์ วบคมุ ไมว่ ่าด้วยวธิ ีใด “สถาบนั ” หมายความวา่ สถาบนั พชื ควบคุมเพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์แหง่ ชาติ

-๒- “ปลูก” หมายความวา่ การเพาะพนั ธ์ ขยายพันธ์ให้เจรญิ เติบโตหรอื การกระทาไมว่ ่าวธิ ีใด โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ให้มีจานวนเพิม่ ขนึ้ “แปรรูป” หมายความวา่ การปรงุ แตง่ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพหรือคุณสมบตั ิของ พชื ควบคมุ “ผลิต” หมายความวา่ การทาใหพ้ ชื ควบคมุ เปน็ ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าวิธกี ารใด ๆ “จาหนา่ ย” หมายความว่า ขาย จา่ ย แจก แลกเปลี่ยน ให้ “นาเขา้ ” หมายความว่า นาหรอื สง่ั เขา้ มาในราชอาณาจกั ร “ส่งออก” หมายความวา่ นาหรอื ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร “ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า ผไู้ ดร้ ับใบอนุญาตตามพระราชบัญญตั นิ ้ี “ผูม้ สี ิทธิส่ังจ่าย” หมายความวา่ ผ้ปู ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมตามกฎหมายว่าดว้ ยวชิ าชีพ เวชกรรม ผู้ประกอบวชิ าชพี เภสชั กรรมตามกฎหมายว่าดว้ ยวิชาชพี เภสัชกรรม ผู้ประกอบวชิ าชีพ ทนั ตกรรมตามกฎหมายว่าดว้ ยวิชาชีพทันตกรรม ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพสตั วแพทยต์ ามกฎหมายวา่ ด้วย วิชาชีพสตั วแพทย์ ผูป้ ระกอบวิชาชพี การแพทยแ์ ผนไทยหรือผูป้ ระกอบวชิ าชพี การแพทย์แผนไทย ประยุกต์หรือหมอพ้ืนบ้านตามกฎหมายว่าดว้ ยวชิ าชพี การแพทย์แผนไทย และอน่ื ๆ ตามท่ีกาหนด ในกฎกระทรวง “สถานประกอบการ” หมายความวา่ สถานประกอบการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี “ผอู้ นญุ าต” หมายความว่า ผู้อานวยการสถาบนั พืชควบคุมเพ่อื ประโยชน์ทางการแพทย์ แห่งชาติ หรอื ผู้ซึ่งไดร้ ับมอบหมายจากผ้อู านวยการสถาบนั พืชควบคุมเพอ่ื ประโยชนท์ างการแพทย์ แห่งชาติ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการพืชควบคุมเพ่อื ประโยชนท์ างการแพทย์ แหง่ ชาติตามพระราชบัญญตั ิน้ี “พนักงานเจา้ หนา้ ที่” หมายความว่า ผซู้ ง่ึ รัฐมนตรแี ต่งต้ังให้ปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญัตินี้ “ผอู้ านวยการ” หมายความว่า ผอู้ านวยการสถาบันพชื ควบคมุ เพ่ือประโยชนท์ างการแพทย์ แหง่ ชาติ “รฐั มนตรี” หมายความวา่ รฐั มนตรีผรู้ กั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ มาตรา ๕ พระราชบัญญัติน้ีไม่ให้บงั คบั ใช้แกส่ ถาบนั พชื ควบคมุ เพื่อประโยชนท์ างการแพทย์ แหง่ ชาติ แตใ่ หส้ ถาบนั รายงานการรบั การจ่าย การเกบ็ รกั ษา และวิธีการปฏิบัติอย่างอ่ืนเกี่ยวกับ การควบคมุ พชื ควบคุมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ใหค้ ณะกรรมการทราบทุกหกเดือน แลว้ ให้ คณะกรรมการเสนอความเหน็ ต่อรฐั มนตรเี พื่อสั่งการตอ่ ไป มาตรา ๖ ให้นายกรฐั มนตรีและรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสุขรกั ษาการตาม พระราชบญั ญตั ินแี้ ละให้มอี านาจแต่งตง้ั พนักงานเจา้ หน้าที่ ออกกฎกระทรวงกาหนดค่าธรรมเนียม ไมเ่ กนิ อตั ราตามบญั ชแี นบท้ายพระราชบัญญัติน้ี ยกเวน้ คา่ ธรรมเนยี ม และกาหนดกจิ การอน่ื กับออกประกาศ ท้งั นเี้ พอื่ ปฏิบัติตามพระราชบัญญตั ินี้ กฎกระทรวงและประกาศน้ัน เมอ่ื ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วให้ใช้บังคบั ได้

-๓- หมวด ๑ คณะกรรมการ มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกว่า “คณะกรรมการพชื ควบคุมเพอ่ื ประโยชน์ ทางการแพทย์แหง่ ชาติ” ประกอบด้วย นายกรฐั มนตรี เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรวี ่าการ กระทรวงสาธารณสุขเป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลดั กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงการคลงั ปลัดกระทรวงอุดมศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตกรรม เลขาธิการคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้บญั ชาการตารวจ แหง่ ชาติ อธิบดกี รมอัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎกี า อธบิ ดกี รมโรงงานอุตสาหกรรม อธบิ ดี กรมศลุ กากร อธิบดีกรมสรรพสามติ อธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตร อธิบดีกรมส่งเสรมิ การเกษตร อธิบดี กรมส่งเสรมิ สหกรณ์ อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมสขุ ภาพจิต อธบิ ดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดกี รมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธบิ ดีกรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ เลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา นายกแพทยสภา นายกสภาการแพทย์แผนไทย นายกสภาเภสัชกรรม นายกสภาสัตวแพทย์ ประธานกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนจีน นายกทันตแพทยสภา ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผูท้ รงคุณวุฒิอืน่ อกี ไม่เกินเจ็ดคนซ่ึงนายกรฐั มนตรีแต่งตั้งเปน็ กรรมการ ให้ผู้อานวยการเป็นกรรมการและเลขานุการและขา้ ราชการสถาบันทผี่ ูอ้ านวยการมอบหมาย อกี ไม่เกินสองคนเป็นผู้ชว่ ยเลขานุการ มาตรา ๘ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒอิ ยใู่ นตาแหนง่ คราวละสามปี กรรมการซึ่งพ้นจาก ตาแหน่งอาจไดร้ บั การแต่งตั้งอีกได้ กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิพน้ จากตาแหนง่ ก่อนวาระ เม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) นายกรฐั มนตรใี ห้ออก (๔) เปน็ บุคคลลม้ ละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรอื เสมือนไรค้ วามสามารถ (๖) ไดร้ บั โทษจาคกุ โดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้จาคุก เว้นแตเ่ ปน็ โทษสาหรับความผิดท่ีได้ กระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหโุ ทษ เมือ่ กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิพน้ จากตาแหน่งก่อนวาระ นายกรัฐมนตรอี าจแต่งตงั้ ผูอ้ ่ืน เปน็ กรรมการแทนได้ ในกรณีที่มีการแตง่ ตง้ั กรรมการในระหว่างท่กี รรมการซ่ึงแต่งตงั้ ไว้แลว้ ยังมีวาระอยูใ่ น ตาแหนง่ ไม่ว่าจะเปน็ การแต่งต้ังเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม ให้ผูไ้ ดร้ บั แต่งต้ังนัน้ อยูใ่ นตาแหนง่ เทา่ กับ วาระทเี่ หลืออยขู่ องกรรมการซ่ึงแต่งตง้ั ไว้แล้ว

-๔- มาตรา ๙ การประชุม คณะกรรมการ ตอ้ งมีกรรมการมาประชุมไมน่ ้อยกวา่ ก่ึงหนง่ึ ของจานวนกรรมการทัง้ หมดจงึ จะเปน็ องค์ประชมุ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทไ่ี ด้ ใหร้ องประธานเป็นประธานในท่ปี ระชุม หากรองประธานไม่มาประชมุ หรือไม่อาจ ปฏิบัติหน้าทไ่ี ด้ ใหท้ ่ีประชมุ เลอื กกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานในท่ีประชุม การวินิจฉยั ชีข้ าดของท่ีประชุมใหถ้ ือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงให้มเี สียงหน่ึงในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสยี งเทา่ กนั ใหป้ ระธาน ในทปี่ ระชุมออกเสียงเพ่ิมขนึ้ อีกเสียงหน่งึ เป็นเสยี งชข้ี าด มาตรา ๑๐ ให้คณะกรรมการ มีหนา้ ทแ่ี ละอานาจดงั ต่อไปนี้ (๑) กาหนดประเภท ลกั ษณะและรายละเอียดของสถานประกอบการท่ีได้รบั อนญุ าต (๒) กาหนดหลกั เกณฑ์ วิธีการและเง่อื นไขในการนาเขา้ นาผา่ น ส่งออก ครอบครอง ปลูก แปรรปู ผลิตและจาหนา่ ย (๓) กาหนดประเภทของผลิตพันธุ์ควบคุมสาหรบั ผู้มีสทิ ธสิ งั่ จา่ ยแต่ละประเภท (๔) พิจารณาการพักใบอนุญาต และการเพิกถอนใบอนญุ าต (๕) ใหค้ วามเห็นชอบเกย่ี วกบั การกาหนด ขนาดพ้นื ท่ีเพาะปลกู แหลง่ ปลูกพืชควบคมุ เฉพาะ เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ควบคุมและรายละเอยี ดอนื่ ๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ ง (๖) กาหนดมาตรฐานในการเพาะปลูก การแปรรูป และการผลติ ท่เี กย่ี วขอ้ งกับพชื ควบคุม และผลติ ภัณฑ์ควบคมุ (๗) กาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเง่อื นไขในการรบั รองการตรวจวเิ คราะห์ พชื ควบคมุ ผลติ ภณั ฑแ์ ละผลิตภณั ฑ์ควบคมุ (๘) พิจารณาเสนอความเหน็ ในการกาหนดประเภทพืชควบคุมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ต่อรัฐบาล (๙) พจิ ารณาดาเนนิ การเพ่ือทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตัง้ และพจิ ารณาถอดถอน ผอู้ านวยการ (๑๐) ออกระเบยี บ ข้อบงั คับ และประกาศของสถาบนั เพือ่ ประโยชน์ในการปฏิบัติงานของ สถาบัน (๑๑) ออกระเบยี บขา้ ราชการของสถาบนั และข้อบังคบั ว่าด้วยการบริหารงานบคุ คลของ สถาบนั (๑๒) ให้ความเห็นชอบในการกาหนด กรอบ จานวนอตั รา ระดับ ตาแหน่ง และ ความกา้ วหนา้ ของขา้ ราชการในสถาบนั บรรดาประกาศ หลกั เกณฑ์ วิธกี ารและเงื่อนไข ระเบยี บหรือข้อบังคบั หากประกาศในราช กจิ จานเุ บกษาแลว้ ใช้บงั คบั ได้ มาตรา ๑๑ คณะกรรมการมีอานาจแตง่ ต้งั คณะอนกุ รรมการ หรือที่ปรกึ ษาเพ่ือให้ปฏบิ ัติ หนา้ ทตี่ ามพระราชบัญญัตนิ ้ีหรอื ตามท่ีคณะกรรมการมอบหมาย ให้นาความในมาตรา ๙ มาใชบ้ ังคับ กับการประชุมคณะอนกุ รรมการโดยอนุโลม

-๕- หมวด ๒ สถาบนั พืชควบคุมเพ่อื ประโยชน์ทางการแพทย์แห่งชาติ มาตรา ๑๒ ใหม้ สี ถาบนั พชื ควบคุมเพื่อประโยชนท์ างการแพทย์แหง่ ชาติ เป็นหน่วยงานรัฐ มฐี านะเปน็ นิติบุคคล ซ่ึงไม่เป็นสว่ นราชการตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ไม่เปน็ รัฐวสิ าหกจิ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณและกฎหมายอ่นื อยภู่ ายใตก้ ารกากับดูแลของนายกรฐั มนตรี กิจการของสถาบันไม่อยภู่ ายใต้บงั คับแห่งกฎหมายวา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองแรงงาน กฎหมาย ว่าดว้ ยแรงงานสมั พันธ์ กฎหมายว่าดว้ ยการประกันสงั คม และกฎหมายว่าดว้ ยเงินทดแทน ทัง้ น้ี ขา้ ราชการของสถาบันถือเป็นข้าราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยกองทนุ บาเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ และให้ข้าราชการมสี ิทธแิ ละสวสั ดิการอ่นื ๆ เช่นเดยี วกบั ข้าราชการพลเรือนอนื่ มาตรา ๑๓ ให้สถาบนั พชื ควบคมุ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แห่งชาติต้งั อยูท่ ี่ กรงุ เทพมหานคร หรือในเขตจังหวัดใกลเ้ คยี ง ให้คณะกรรมการมีอานาจในการจดั ตง้ั การรวม การแบ่งหรือการยุบเลิกหนว่ ยงานภายใน หรือสาขาในเขตพืน้ ที่ โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา การจดั ต้งั หนว่ ยงานภายในหรอื สาขาในเขตพ้ืนท่ี ให้คานึงถึงความจาเปน็ ความคุ้มคา่ ในการ ดาเนนิ การเมื่อเปรียบเทยี บกับค่าใช้จา่ ยและใหค้ ณะกรรมการมีอานาจมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน ทาหน้าท่แี ทนสาขาก็ได้ โดยให้ไดร้ ับค่าใช้จ่ายในการดาเนนิ การ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ ทค่ี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๑๔ ให้สถาบนั มีหนา้ ทีแ่ ละอานาจ ดังต่อไปนี้ (๑) รบั ผิดชอบงานธรุ การของคณะกรรมการ (๒) รับซ้อื พชื ควบคุมสาหรับการผลิต ผลิตภัณฑ์ควบคมุ จากผ้รู บั อนญุ าตโดยไม่อยภู่ ายใต้ บงั คบั แห่งกฎหมายว่าดว้ ยการจัดซือ้ จัดจ้างภาครฐั (๓) รบั ซื้อผลติ ภัณฑ์ควบคมุ จากผรู้ ับอนญุ าตโดยไม่อยภู่ ายใต้บงั คบั แหง่ กฎหมายวา่ ดว้ ย การจดั ซอื้ จัดจ้างภาครัฐ (๔) จาหนา่ ยพืชควบคุมและผลิตภัณฑค์ วบคุมให้กบั ผู้มีสิทธิสั่งจา่ ยหรอื ผู้รับอนญุ าต (๕) รบั จดแจ้ง ข้นึ ทะเบยี น เก่ียวกับพชื ควบคมุ และผลติ ภณั ฑค์ วบคมุ ตามที่คณะกรรมการ ประกาศกาหนด (๖) กาหนดขนาดพ้ืนทแ่ี ละรายละเอียดทเ่ี กีย่ วข้อง และพ้นื ท่ีเพาะปลูกพชื ควบคุมสาหรับ การผลติ ผลติ ภณั ฑค์ วบคมุ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ (๗) รับรองมาตรฐานการตรวจวิเคราะหแ์ ละหน่วยวิเคราะห์ ตามท่ีคณะกรรมการกาหนด (๘) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ วจิ ยั และพัฒนาเกี่ยวกับพชื ควบคมุ และผลติ ภัณฑท์ ีเ่ กย่ี วข้อง เพอ่ื ประโยชน์ทางการแพทย์ ทางการพาณชิ ย์ และเศรษฐกิจ

-๖- (๙) ตรวจตดิ ตามประเมินผลการดาเนนิ การของผู้รบั อนุญาต เพือ่ ให้เปน็ ไปตามมาตรฐาน ท่คี ณะกรรมการประกาศกาหนด (๑๐) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมที รัพยสิทธิต่าง ๆ (๑๑) ก่อตั้งสิทธแิ ละทานติ ิกรรมสัญญาหรอื ข้อตกลงใด ๆ เกีย่ วกับทรัพย์สนิ (๑๒) เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือคา่ บรกิ ารในการดาเนนิ กิจการของสถาบัน (๑๓) จัดทารายงานเก่ยี วกบั ผลงานและอุปสรรคในการดาเนินงาน รวมท้ังบญั ชแี ละการเงนิ ทุกประเภทของสถาบนั แลว้ รายงานตอ่ คณะรฐั มนตรี สภาผูแ้ ทนราษฎร และวฒุ สิ ภาเปน็ ประจาทุกปี ภายในหกเดอื นนับแตว่ ันส้ินปีงบประมาณ (๑๔) ปฏบิ ตั ิงานร่วมกบั หน่วยงานระหว่างประเทศในส่วนทีเ่ กยี่ วข้องตามกฎหมายระหว่าง ประเทศ (๑๕) ปฏบิ ัติหน้าที่อนื่ ตามที่พระราชบญั ญตั ิน้หี รอื กฎหมายอ่ืนบัญญัติใหเ้ ปน็ หนา้ ที่และ อานาจของสถาบนั หรือตามที่ไดร้ บั มอบหมาย มาตรา ๑๕ ทรัพยส์ นิ ของสถาบนั ไม่อยูใ่ นความรบั ผิดแหง่ การบงั คบั คดี และรายได้ ของสถาบัน มีดังน้ี (๑) เงินอดุ หนุนท่ัวไปที่รัฐบาลจดั สรรให้เป็นรายปี (๒) ค่าธรรมเนยี มขายในอัตราไมเ่ กนิ รอ้ ยละสิบของราคาผลิตภัณฑ์ควบคมุ ที่ผ้รู ับอนญุ าต จาหน่ายตามทีค่ ณะกรรมการประกาศกาหนดโดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี (๓) คา่ ธรรมเนยี ม ค่าบารงุ ค่าตอบแทน เบ้ยี ปรบั และค่าบรกิ ารต่าง ๆ ของสถาบนั (๔) รายได้จากการจาหน่ายพืชควบคมุ และผลิตภณั ฑ์ควบคุม (๕) รายไดห้ รือผลประโยชนท์ ี่ได้รับมาจากการใช้ท่ีราชพัสดุ หรือจัดหาประโยชนใ์ นที่ ราชพสั ดุ ซงึ่ สถาบนั ปกครอง ดแู ล ใช้ หรือจดั หาประโยชน์ (๖) รายได้หรือผลประโยชนอ์ ยา่ งอน่ื เงินอดุ หนนุ ทั่วไปตาม (๑) นน้ั รฐั บาลพงึ จดั สรรให้แก่สถาบันโดยตรงเป็นจานวนที่เพียงพอ สาหรบั ค่าใชจ้ า่ ยทีจ่ าเปน็ ในการดาเนนิ การตามหน้าทแ่ี ละอานาจ มาตรา ๑๖ รายได้ของสถาบันจานวนกง่ึ หน่งึ ให้นาสง่ คลังเป็นรายได้แผ่นดิน รายไดห้ ลงั จากหักแล้วตามวรรคหนึ่งถอื เปน็ เงินนอกงบประมาณสาหรบั เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ย ในการบรหิ ารงานของสถาบนั ไม่ถือเปน็ รายไดแ้ ผ่นดินตามกฎหมายวา่ ด้วยเงนิ คงคลงั กฎหมาย วา่ ด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น ในการเบกิ จ่ายให้เปน็ ไปตามระเบียบทค่ี ณะกรรมการ กาหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง มาตรา ๑๗ บรรดาอสงั หาริมทรัพยท์ ี่สถาบนั ได้มาโดยมีผู้บริจาคให้ หรอื ไดม้ าโดยการซ้อื หรือแลกเปลีย่ นจากรายได้ของสถาบัน ให้เปน็ กรรมสิทธิ์ของสถาบัน ใหส้ ถาบันมีอานาจในการปกครอง ดูแล บารุงรักษา ใชแ้ ละจัดหาผลประโยชน์จากทรพั ย์สิน ของสถาบัน

-๗- มาตรา ๑๘ ให้คณะกรรมการเสนอขอรับงบประมาณรายจ่ายประจาปีต่อคณะรัฐมนตรี เพอ่ื เปน็ ค่าใชจ้ า่ ยในการบรหิ ารงานของสถาบนั มาตรา ๑๙ การเก็บรักษาและการใช้จา่ ยเงนิ ของสถาบนั ให้เปน็ ไปตามระเบยี บท่ีคณะกรรมการ กาหนด การบัญชีของสถาบนั ให้จดั ทาตามหลกั สากลตามแบบและหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการ กาหนด และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกยี่ วกบั การเงิน การบญั ชี และการพสั ดขุ องสถาบนั ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบใหค้ ณะกรรมการทราบอยา่ งน้อยปลี ะคร้งั มาตรา ๒๐ ให้สถาบนั มีผอู้ านวยการเปน็ ผูร้ บั ผิดชอบการบริหารกิจการของสถาบันให้เปน็ ไป ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ขอ้ กาหนด นโยบาย มติ และประกาศของคณะกรรมการ และเป็น ผูบ้ ังคบั บญั ชาข้าราชการและลกู จ้างของสถาบันทกุ ตาแหนง่ ผอู้ านวยการน้ัน จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดยคาแนะนาของคณะกรรมการ ใหค้ ณะกรรมการคดั เลือกคณะกรรมการสรรหาจานวนหา้ คนซงึ่ ตอ้ งมีคุณสมบตั ิและ ไม่มลี กั ษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๒๑ (๑) (๓) (๔) (๕) (๖) (๙) (๑๐) (๑๑) และ (๑๒) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาทาหนา้ ทส่ี รรหาบุคคลที่มีความรคู้ วามสามารถและประสบการณ์ เหมาะสมที่จะเปน็ ผู้อานวยการซึง่ ต้องมคี ณุ สมบตั ิและไม่มลี กั ษณะต้องหา้ มตามาตรา ๒๑ (๑) (๓) (๔) (๕) (๖) (๙) (๑๐) (๑๑) และ (๑๒) นอกจากน้ี จะต้องไมเ่ ป็นกรรมการในคณะกรรมการและมอี ายุ ไมเ่ กินหกสิบปบี รบิ รู ณใ์ นวันย่ืนใบสมัครเพ่ือเสนอให้คณะกรรมการพจิ ารณาทาสญั ญาจา้ งและแต่งตง้ั เป็นผอู้ านวยการ ท้งั นี้ โดยอาจเสนอชอื่ ผูม้ คี วามเหมาะสมมากกว่าหน่งึ ชอ่ื กไ็ ด้ กรรมการสรรหาไมม่ สี ิทธิได้รับการเสนอชอ่ื เป็นผ้อู านวยการ ให้กรรมการสรรหาประชมุ และเลอื กกนั เองให้คนหนงึ่ เปน็ ประธานในกรรมการสรรหาและ เลอื กอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา ให้สถาบันทาหนา้ ที่เปน็ หนว่ ยธุรการในการดาเนินการสรรหาและคดั เลือกผู้อานวยการ มาตรา ๒๑ ผู้อานวยการต้องมีคณุ สมบตั ิและไมม่ ลี ักษณะต้องห้าม ดงั ต่อไปนี้ (๑) มสี ญั ชาติไทย (๒) สามารถทางานใหแ้ ก่สถาบันไดเ้ ตม็ เวลา (๓) ไมเ่ ป็นบุคคลวิกลจริตหรือจติ ฟนั่ เฟือน (๔) ไมเ่ ป็นหรือเคยเปน็ บคุ คลล้มละลาย (๕) ไม่เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถงึ ท่ีสดุ ใหจ้ าคุก เวน้ แต่เปน็ โทษสาหรบั ความผิด ที่ได้กระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ (๖) ไมเ่ คยต้องคาพิพากษาหรอื คาสงั่ ของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดนิ เพราะรา่ รวย ผิดปกติหรือมีทรัพยส์ นิ เพิ่มข้ึนผิดปกติ (๗) ไมเ่ ป็นผู้บรหิ ารหรือพนักงานของรฐั วสิ าหกิจอ่ืน หรือกิจการอนื่ ที่แสวงหาผลกาไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook