๑๓ ประชาชนและจัดทาข้อเสนอสู่รัฐบาล จากการต้ังคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง เป็นโอกาสท่ีเปิดให้มีการ นาเสนอเร่ืองการกระจายอานาจของจังหวัดจัดการตนเอง ในการประชุมสมัชชาปฏิรูประดับชาติครั้งที่ 1 ปี 2554 มีผู้นาเสนอ ประเด็นต่างๆมากมาย รวมถึงข้อเสนอเร่ืองการกระจายอานาจ บทบาทของ คณะกรรมการปฏิรูปเป็นเสมือนเวทีรับฟังความคิดเห็นและนามาสรุปข้อเสนอ คณะกรรมการปฏิรูปได้ช่วย ผลักดันเสนอนโยบายต่อผู้มีอานาจในการตัดสินใจ จากความต้องการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งทาง การเมืองมีการนาเรื่องการกระจายอานาจในรูปแบบจังหวัดจดั การตนเอง เข้าไปเป็นหนึ่งในทางออกของความ ขัดแยง้ ด้วย ช่วงเวลาดงั กลา่ วจงึ เปน็ เสมอื นจุดเรม่ิ ต้นของกระแสการกระจายอานาจกระแสใหม่ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเกิดขึ้นมาจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พุทธศักราช 2550 ตามบทบัญญัติเก่ียวกับแนวนโยบายแห่งรัฐว่าด้วยกฎหมายและการยุติธรรม มาตรา 81 (3) ที่บัญญัติให้รัฐต้องดาเนินการให้มีกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรเพ่ือการปฏิรูปกฎหมายที่ดาเนินการเป็น อิสระ เพื่อปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศ รวมท้ังการปรับปรุงกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายน้ันประกอบด้วย และมาตรา 308 ที่ได้ กาหนดให้ คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จากเจตนารมณ์ของ รฐั ธรรมนูญดังกลา่ ว ทาใหต้ ่อมามกี ารยกร่างกฎหมายเพ่ือจัดต้ังองค์กรเพ่ือการปฏริ ูปกฎหมาย โดยมี ผลบังคับ ใชเ้ ป็นพระราชบญั ญัตคิ ณะกรรมการปฏิรปู กฎหมาย พ.ศ. 2553 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายกับจังหวัดจัดการตนเอง เร่ิมต้นข้ึนในปี พ.ศ. 2555 จากการนาเสนอกฎหมายโดยกลมุ่ จงั หวดั จดั การตนเอง ลกั ษณะความสมั พันธ์ระหว่าง ทง้ั สองกลุ่ม จะอยู่ในรูปของการที่จังหวัดจัดการตนเองรับฟังความคิดเห็นจากประเด็นปัญหาที่แต่ละจังหวดั นาเสนอ พร้อม ให้แนวทางในการร่างพระราชบัญญัติด้วยการยกร่างพระบัญญัติตัวอย่าง หรือ เรียกว่า ร่างพระราชบัญญัติ กลาง ให้จังหวัดจัดการตนเองนาไปศึกษาข้อมูล ซ่ึงคณะกรรมการที่มีบทบาท รับผิดชอบในการรับฟังความ คิดเห็นและใหค้ าปรึกษายกรา่ งพระราชบัญญัตจิ งั หวัดจัดการตนเองคือ นายไพโรจน์ พลเพชร และนายบรรเจิด สิงคะเนติ โดยร่างฯของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายมีบทบัญญัติด้วยกัน 10 หมวด 135 มาตรา ซึ่งเป็นร่างฯ ท่คี ณะอนกุ รรมาธกิ าร ไดน้ ามาพิจารณาในคณะอนุกรรมาธกิ ารน้ี โดยมี สาระสาคญั ดังนี้ 1. แบ่งการปกครองท้องถ่ินเป็นสองระดับ คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับบน โดยมี จังหวัดจัดการตนเอง เป็นหน่วยการปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับ ล่าง แบ่งเป็นเทศบาลและ องค์การบริหารส่วนตาบล เพื่อแบ่งเขตการปกครองจากระดับจังหวัด (มาตรา 12) ประเด็นนี้ คณะอนุ กรรมาธิการ พิจารณาเห็นว่า บางจังหวัดนอกจากจะมีเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตาบลแล้ว ยังมีองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบอื่นท่ีมีอยู่แล้ว เช่น เมืองพัทยา และในอนาคตอาจมีการยกฐานะเป็นท้องถ่ิน รปู แบบพเิ ศษเพ่ิมเติม จึงกาหนดให้ทอ้ งถนิ่ ระดบั ล่างรวมถงึ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ รปู แบบพเิ ศษด้วย 2. ตาแหน่งผู้บริหารสูงสุดจังหวัดจัดการตนเอง คือผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการตนเองซึ่งมา จากการเลือกต้งั (มาตรา 32) เชน่ เดยี วกบั สภาจังหวัดจดั การตนเอง (มาตรา 17 - 18) 3. มีข้อกาหนดการจัดตั้งสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเอง (มาตรา 44) สภาพลเมือง เทศบาล (มาตรา 48) และสภาพลเมืององค์การบริหารส่วนตาบล (มาตรา 49) เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการ กาหนดนโยบาย วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดและท้องถิ่น รวมถึงตรวจสอบการทางานขององค์กร ปกครองส่วนจังหวัดและสว่ นท้องถ่นิ
๑๔ ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ข้อเสนอมีความคล้ายคลึงกันกับร่าง พระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการเชียงใหม่มหานคร เช่นการกาหนดให้มีการเลือกต้ังผู้ว่าราชการจังหวัด การออกแบบโครงสร้าง การปกครองท้องถ่ินในสองระดับ คือ จังหวัด และเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตาบล และการยกเลิก ราชการส่วนภูมิภาค คงเหลือแต่กานันผู้ใหญ่บ้าน นอกจากนี้ยังมีการบรรจุเรื่องการจัดต้ังสภาพลเมืองในทุก ระดบั ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ ๔.๕ ผลการพิจารณาศึกษา แนวความคิด“จังหวัดจัดการตนเอง” ท่ีเป็นแนวความคิดเก่ียวกับการปฏิรูปการกระจาย อานาจให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นกระบวนการในการปฏิรูปประเทศแนวใหม่ โดยมิได้มุ่งเน้นไปท่ี การจัดโครงสร้างสถาบันการเมืองที่ส่วนกลาง หากแต่เป็นการมุ่งเน้นการจัดความสัมพันธ์ใหม่ในระดับจังหวัด โดยให้ความสาคัญกับเจตนารมณ์ของประชาชนในพ้ืนท่ี และยกเลิกราชการบริหารในจังหวัดท่ีได้จัดตั้งเป็น “จังหวัดจัดการตนเอง” ดังนั้น พื้นที่หน่ึงพื้นที่ใดจะเป็น “จังหวัดจัดการตนเอง” จะต้องเกิดจากเจตนารมณ์ ของประชาชนในพื้นที่ จะตอ้ งมกี ารสร้างความรู้ความเขา้ ใจในพื้นที่เพ่ือทจี่ ะนาไปสู่การเกิด “จังหวดั จดั การตนเอง” สาหรับร่างกฎหมายเก่ียวกับเรื่องการยกฐานะจังหวดั เป็นจังหวัดจัดการตนเองนั้น มีการยก ร่างไว้หลายฉบับ ทั้งในรูปแบบร่างพระราชบัญญัติยกฐานะขึ้นเป็นรายจังหวัด และในรูปแบบร่าง พระราชบัญญัติที่เป็นกฎหมายกลาง โดยร่างกฎหมายฉบบั ท่ีออกแบบมาในฐานะเป็นกฎหมายกลาง ฉบับท่ีมี การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนครอบคลุมมากที่สุด คือ ร่าง พระราชบัญญัติการบริหารจังหวัดปกครอง ตนเอง ฉบับของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน กรรมการ ซ่ึงมีหลักการในการให้อานาจในแต่ละจังหวัดไปกาหนดรายละเอียดให้สอดคล้องกับความต้องการ ของคนในพื้นที่ เพียงแต่ร่างกฎหมายฉบับนี้กาหนด “มาตรฐานขั้นต่า” สาหรับเป็นแนวทางในการผลักดันให้ เกิดจังหวัดจัดการตนเองเท่าน้ัน เพราะฉะน้ันการปฏิรูปประเทศไทยอาจสาเร็จได้ด้วยการย้อนกลับไปหาพลัง ของบคุ คลในพ้ืนท่ีแล้วจึงค่อยทาให้พ้ืนทเ่ี หลา่ นั้นเข้มแข็งไปทีละจงั หวดั และสง่ิ น้ีจะเป็นการปฏริ ูปประเทศไทย โดยใช้พ้ืนท่ีของท้องถิ่นทีละจังหวัดเป็นฐานในการปฏิรูป โดยต้องการเปลี่ยนแปลงความขัดแย้งในการเมือง ระดบั ชาติมาเป็นการศกึ ษาปัญหาในท้องถ่นิ และร่วมแก้ไขไปพร้อมกนั ซงึ่ จะทาให้เกิดความร่วมมือและร่วมกัน คดิ แกป้ ัญหาไปด้วยกันโดยไม่คานึงถงึ ความแตกต่างทางความคิดในเร่ืองปัญหาการเมืองระดับชาติ อนึ่ง ในร่างฯที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายได้ใช้คาว่า “จังหวัดปกครองตนเอง”แทน” จังหวัดจัดการตนเอง”โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้อความตามมาตรา 281 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕50 แต่ในช้ันของคณะอนุกรรมาธกิ ารฯได้กลับไปใช้”จังหวัดจดั การตนเอง”ตามหลักการเดิมท่ี มีมาตัง้ แต่ครงั้ แรกเริ่ม และเห็นว่าเป็นขอ้ ความเชิงบวกมากวา่ คาว่า”ปกครองตนเอง” หลักคิดดังกล่าวริเร่ิมจากกลุ่ม “เชียงใหม่จัดการตนเอง” ซ่ึงมีนายชานาญ จันทร์เรือง เป็นแกน หลักของกลุ่ม มีการนาปัญหาในท้องถิ่นมาพูดคุย และหาวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่าน้ัน ซึ่งได้ข้อสรุปของปัญหา คือประชาชนไม่มีอานาจทางการเมืองมากพอท่ีจะจัดการตนเอง ทาให้ปัญหาต่างๆไปรวมศูนย์อยู่ท่ีกรุงเทพมหานคร อันเป็นเมืองหลวงของประเทศและทีต่ ง้ั ของรฐั บาล การนาเสนอร้องเรยี นความเดือดร้อนตา่ งๆ กต็ อ้ งพ่ึงพาอานาจของ ผู้แทนราษฎร หรือไม่ก็รัฐราชการส่วนกลางไปท้ังหมด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ไม่สามารถช่วยเหลือ ทอ้ งถิน่ ได้อย่างเต็มท่ี และเม่อื เกิดปัญหาทางการเมืองระดบั ชาติขึ้น กลไกการทางานต่างๆ ก็ย่อมชะงกั และส่งผล เสียไปยังท้องถ่ินดว้ ย จึงเห็นว่าควรเปล่ียนแปลงการบริหารงานท้องถิ่น เสียใหม่ โดยยกเลิกการบริหารราชการส่วน ภมู ภิ าค เพือ่ ให้แต่ละจังหวัดสามารถเลือกผวู้ ่าราชการจังหวัดได้เอง รวมถึงนาเสนอการตัง้ สภาชุมชน อันเปน็ องค์กร ภาคประชาชนที่จะตรวจสอบการ ทางานของผูบ้ รหิ ารจังหวัด
๑๕ ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักของจังหวัดจัดการตนเอง คือการเปล่ียนแปลงรูปแบบการปกครอง ส่วนท้องถ่ิน ด้วยการยกเลิกการปกครองส่วนภูมิภาคท้ังหมด โดยจะอาศัยกฎหมายโอนอานาจการบริหาร ให้กับการปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านการเสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร พ.ศ. …. เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ต่อมากระบวนการจัดทาร่างพระราชบัญญัติจังหวัดจัดการตนเอง ได้กลายเป็นวิธีการแม่แบบให้กลุ่มจังหวัดจัดการตนเองของจังหวัดต่างๆ นาร่าง พระราชบัญญัติเชียงใหม่มหา นครไปศึกษาปรับปรุงรูปแบบให้สอดคล้องกันในแต่ละจังหวัดรูปแบบของจังหวัดจัดการตนเอง คือการบริหาร ส่วนท้องถ่ินระดับจังหวดั ท่ีตัดขาดจากโครงสร้างการบริหารงานแผ่นดินส่วนท้องถ่ินของราชการส่วนกลาง โดย ปรับเปลี่ยนให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และหน่วยราชการส่วนภูมิภาครวมเข้ามาเป็นองค์กรเดียว มีอานาจหน้าที่ในการบริหารราชการส่วนท้องถ่ินท้ังหมด โดยการจัดสรรงบประมาณจากภาษีต่างๆท่ีเก็บได้ ภายในจังหวัดท่ี หักลบหลังจากส่งคืนให้ราชการส่วนกลางแล้ว สาหรับโครงสร้างในจังหวัดจะแบ่งระดับของ การปกครองออกเป็นสองช้ันคือ ชั้น บนจะเป็นเชียงใหม่มหานคร ส่วนช้ันล่างจะเป็นเทศบาล หรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิน่ ระดับลา่ ง โดยมรี ายละเอียดของโครงสร้างองค์กรดังนี้ ฝ่ายบริหาร มีผู้ว่าราชการจังหวัดท่ีมาจากการเลือกต้ังเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ผู้ว่าราชการ เชียงใหม่มหานคร มีท่ีมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ดารงตาแหน่งวาระละ 4 ปี และไม่สามารถ ดารงตาแหนง่ เกนิ สองวาระติดตอ่ กนั โดยมีอานาจ ดังน้ี (ภาคขี บั เคลอ่ื น เชียงใหม่จดั การตนเอง, 2556) 1. กาหนดนโยบายและบรหิ ารราชการของเชียงใหมม่ หานครใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย 2. สง่ั อนญุ าต อนุมตั ิ เก่ยี วกับราชการของเชียงใหมม่ หานคร 3. แต่งตั้งและถอดถอนรองผู้ว่าราชการเชียงใหม่มหานคร เลขานุการผู้ว่าราชการเชียงใหม่ มหานคร ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการเชียงใหม่มหานคร และแต่งตั้งและถอดถอนผู้ทรงคุณวุฒิเป็น ประธาน ที่ปรึกษา ที่ปรึกษาหรือคณะท่ีปรึกษาของผู้ว่าราชการเชียงใหม่มหานคร หรือเป็น คณะกรรมการเพ่ือปฏิบัติ ราชการใดๆ 4. ปฏิบัติราชการตามทค่ี ณะรฐั มนตรหี รือนายกรฐั มนตรมี อบหมาย 5. วางระเบียบเพือ่ ใหง้ านของเชยี งใหมม่ หานครเป็นไปโดยเรยี บรอ้ ย 6. รกั ษาการใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบญั ญตั เิ ชียงใหม่มหานคร 7. ยุบสภาเชียงใหม่มหานครในกรณีที่ข้อบัญญัติงบประมาณประจาปีไม่ผ่านการพิจารณา ของสภาฯ 8. ประสานงานและความร่วมมือกับข้าราชการทหาร ข้าราชการฝา่ ยตลุ าการ ข้าราชการฝ่าย อัยการ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสานักงานตรวจเงินแผ่นดินในการพัฒนา เชียงใหม่ มหานครหรือป้องปัดภัยพิบัตสิ าธารณะ 9. เข้าร่วมประชุมสภาพลเมืองเพ่ือรับฟังหรือชี้แจงข้อมูลต่อสภาพลเมืองเม่ือได้รับแจ้งอย่าง เปน็ ทางการจากสภาพลเมือง 10. อานาจหนา้ ท่อี น่ื ตามท่บี ัญญัตไิ ว้ในพระราชบญั ญัตินี้และกฎหมายอ่นื สภาเชียงใหม่มหานคร ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับเลือกต้ังจากแต่ละเขต เขตละหนึ่งคน (ยังไม่ได้กาหนดว่าท้ังหมดมีก่ีเขต) มีอานาจ ในการเสนอและพิจารณาร่างข้อบัญญัติ ท้องถิ่นต่างๆ การเสนอ ญัตติ การปรึกษา การอภิปราย การลงมติ การตั้งกระทู้ถาม การเปิดอภิปราย ท่ัวไป การรักษาระเบียบและ ความเรียบรอ้ ย
๑๖ สภาพลเมืองเป็นตัวแทนฝ่ายภาคประชาชนที่ถูกระบุเข้ามาในโครงสร้างการบรหิ าร มีอานาจ ในการตรวจสอบถ่วงดุลทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายสภา และมีส่วนร่วมในการพิจารณาแผนพัฒนาจังหวัด สมาชิก จะมาจากตัวแทนภาคประชาสงั คมภายในจงั หวดั โดยจะมฐี านะทัดเทยี มกับผู้ว่าราชการเชยี งใหมม่ หานคร และ สภาเชียงใหม่มหานคร มสี มาชิกไมน่ อ้ ยกวา่ 200 คน โดยมาจากการคดั เลือกกนั เองตาม สัดสว่ นดังนี้ 1. มาจากสภาพลเมืองในเขตปกครองท้องถิ่นระดับล่าง 3 เขตพน้ื ที่ในสัดสว่ นเท่ากัน จานวน ไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 25 2. มาจากองค์กรสาธารณะประโยชนไ์ ม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 25 3. มาจากตวั แทนกลมุ่ วชิ าชีพและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 25 4. มาจากผู้ทรงคณุ วฒุ ิไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 10 5. ผ้สู มัครมาจากการขึ้นทะเบยี นองคก์ ร และเลือกกนั เอง สภาพลเมืองมีอานาจหน้าท่ีในการดูแลนโยบาย ให้คาแนะนา ข้อเสนอแนะต่อสภาเชียงใหม่ มหานครหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เพ่ือนาไปจัดทาเป็นแผนพัฒนา ทาหน้าที่ตรวจสอบ โครงการต่างๆ ทม่ี ผี ลกระทบต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมทงั้ ตรวจสอบนักการเมืองท้องถ่ิน ข้าราชการประจา เพือ่ นาคดีขึ้น สู่ศาลได้ นอกจากนส้ี ภาพลเมอื งยังสามารถเปิดเวทีให้มีการประชมุ ปรกึ ษาหารือเพ่อื ส่งเสริมการมสี ว่ นรว่ มของ ประชาชน หรอื จัดการไตส่ วนสาธารณะกรณีมกี ารรอ้ งเรยี นเรื่องทุจรติ เกดิ ขึ้นได้ด้วย มีการจัดตั้งกองทุนท่ีเรียกว่า “กองทุนพัฒนาสภาพลเมอื ง” ข้ึนในสภาพลเมือง เพื่อสนับสนนุ การดาเนินงานของสภาพลเมือง กองทุนน้ีมีรายได้จากเงิน และทรัพย์สินท่ีหักจากรายได้ของเชยี งใหม่มหานคร ในระยะสองปีแรกจะหักสัดสว่ นร้อยละ 0.5 ปที ่ี สามถึงหา้ จะหักร้อยละ 1 และในปีที่ห้าขนึ้ ไปจะหักร้อยละ 2 ไปตลอด โดยมีสานักงานเลขาธิการสภาพลเมืองทาหน้าท่ีบรหิ ารงานบุคคล จัดการงบประมาณ และดาเนินงาน อื่นๆ เพอ่ื สนบั สนนุ การทางานของสภาพลเมอื ง จากเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติจะเห็นได้ว่าโครงสร้างการปกครองส่วนภูมิภาคและการ ปกครองท้องถิ่นจะถูกเปล่ียนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก โดยจะแบ่งโครงสร้างการบริหารออกเป็นสามส่วน มีเชียงใหม่มหานครเป็นองค์กรปกครองสูงสุด มีผู้ว่าราชการเชียงใหม่มหานครท่ีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง เป็นผบู้ รหิ ารสงู สุด ทางานร่วมกับสภาเชยี งใหม่มหานครทม่ี าจากการเลือกต้ัง เชน่ เดยี วกัน สาหรับการปกครอง ส่วนภูมิภาคเดิม จะกาหนดให้มีการถ่ายโอนข้าราชการที่เคยสังกัดราชการส่วนภูมิภาคมาสังกัดราชการ ส่วนท้องถ่ิน โดยความสมัครใจ สาหรับการบริหารการคลัง เชียงใหม่มหานครจะมีอานาจจัดเก็บภาษีท้ังหมด ตง้ั แต่ภาษีมูลค่าเพ่ิม ภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดา ภาษนี ิติบคุ คล ภาษมี รดก และค่าธรรมเนยี มต่างๆ โดยจะส่งคืน รัฐส่วนกลาง ในอัตราร้อยละ 30 เช่นเดียวกับภาษี ค่าธรรมเนียม และภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เชียงใหม่มหานครก็มีอานาจในการจัดเก็บภาษีเช่นกัน โดยมีสานักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบการ เกบ็ ภาษี และการใชจ้ า่ ยของเชียงใหมม่ หานคร ขณะเดยี วกันประชาชนสามารถมสี ว่ นร่วม ในการตรวจสอบการ ทางานของผู้บริหารเชยี งใหม่มหานครและสภาเชยี งใหม่มหานครผา่ นสภาพลเมือง ต่อมาคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายได้นาหลักการตามร่างพระราชบัญญัติเชียงใหม่มหานคร ดังกล่าว มาจัดทาเป็นร่างกฎหมายกลางข้ึนซ่ึงเปิดโอกาสให้แก่ประชาชนในจังหวัดที่มีความพร้อมได้แสดง เจตนารมณ์ในการยกฐานะจงั หวัดตนเอง โดยอาศยั อานาจจากกฎหมายกลาง ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
๑๗ นอกจากน้ี ยังมีนักวิชาการที่เคลื่อนไหวสนับสนุนแนวคิดการกระจายอานาจในเวทีรับฟัง ความคิดเห็นต่างๆ อย่างเช่นในที่ประชุมสมัชชาปฏิรูป เม่ือวันท่ี 30 มีนาคม พ.ศ. 2555 ประกอบไปด้วย นายเอนก เหล่าธรรมทศั น์ และศาสตราจารย์ ดร.จรัส สุวรรณมาลา ซงึ่ นกั วชิ าการทง้ั สองท่านไดก้ ล่าวถงึ ปัญหา เรื่อง ความเป็นอิสระของท้องถ่ิน และความแตกต่างทางด้านสมดุลอานาจระหว่างรัฐกับท้องถ่ิน (สานักงาน ปฏิรูป (สปร.), 2556) เม่ือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องการแก้ปัญหา หรือดาเนินการใด ๆ เพ่ือการ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น แต่กลับติดปัญหาในด้านกฎหมายท่ีขัดกับนโยบาย ของส่วนกลาง รวมถึงงบประมาณที่ได้รับการถ่ายโอนมาก็ไม่ตรงกับความต้องการของท้องถ่ิน ในขณะท่ีรัฐมี อานาจมากกว่า แต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของท้องถ่ินได้ทันท่วงที ดังน้ัน นักวิชาการท้ังสองท่าน จึงมีความคิดเห็นร่วมกัน ว่า ประชาชนในจังหวัดจะต้องออกมาต่อสู้ด้วยตนเองเพ่ือพิสูจน์ความพร้อม ในการจัดการตนเอง และ คิดคน้ วธิ กี ารใช้อานาจตอ่ รองกับรัฐใหไ้ ด้ ๔.๖ ประโยชนจ์ ากการยกฐานะจงั หวัด เปน็ จงั หวัดจดั การตนเอง จากผลการพิจารณาศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการ การยกฐานะจังหวัด ตามแนวคิด เร่ือง จงั หวดั จดั การตนเอง ก่อให้เกดิ ประโยชน์ท้ังตอ่ ประชาชน และการบรหิ ารราชการ ดังนี้ (๑) แก้ปัญหาทุกส่วนราชการในพ้ืนที่จังหวัด ซ่ึงปัจจุบันยังมีความซ้าซ้อน ท้ังด้านภารกิจ ด้านบุคลากร และด้านงบประมาณ เพ่ือบูรณาการให้เกิดเอกภาพ ลดจ่ายประจาภาครัฐที่มีความซ้าซ้อน และ ทาใหเ้ หลืองบสาหรับพฒั นาเพ่มิ ข้ึน (๒) ลดการบริหารจากส่วนกลางลงมาอยู่ท่ีจังหวัด ทาให้ประชาชนในจังหวัดได้มีส่วนร่วม ตัดสินใจกาหนดทิศทางการพัฒนา การจัดสรรทรัพยากร การบริหารจัดการจังหวัดตนเองทุกด้าน ไม่ว่า การเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม สุขภาวะทางร่างกายจิตใจ ท่ีสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการ ทาให้ชุมชนระดับล่างมีความเข้มแข็ง สามารถจัดการปัญหาต่าง ๆ ในระดับพืน้ ท่ีได้ทนั ที ทนั ต่อสถานการณ์ปัญหา (๓) แก้ปัญหาขนาดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีความสามารถหรือ สมรรถนะจัดทาบริการสาธารณะขนาดใหญ่ (๔) ชว่ ยลดปญั หาความเหลือ่ มล้า (๕) ช่วยสร้างระบบตรวจสอบจากภาคประชาชน แก้ปัญหาทุจริต สร้างความโปร่งใส ในการบรหิ ารงาน ๔.๗ ขอ้ เสนอแนะในการจดั ทากฎหมาย คณะอนกุ รรมาธกิ าร ไดพ้ ิจารณายกร่างพระราชบัญญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการจังหวดั จัดการ ตนเอง พ.ศ. .... เพอ่ื ประกอบรายงานคณะอนกุ รรมาธกิ าร ฉบบั นี้ โดยมหี ลกั การและเน้ือหา ดงั น้ี สรุป สาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการจังหวัดจัดการตนเอง พ.ศ. .... มที ้ังหมด ๑๓๔ มาตรา แบ่งออกเป็น ๑๐ หมวด ดังนี้ (๑) หมวด ๑ ว่าดว้ ยบทท่วั ไป (๒) หมวด ๒ วา่ ดว้ ยจงั หวดั จดั การตนเอง (๓) หมวด ๓ ว่าด้วยการบรหิ ารราชการจงั หวดั จดั การตนเอง (๔) หมวด ๔ วา่ ด้วยการบริหารเทศบาลหรือองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล (๕) หมวด ๕ ว่าด้วยอานาจหน้าท่ีของจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลและองค์การบริหาร ส่วนตาบล
๑๘ (๖) หมวด ๖ ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับจังหวัดจัดการตนเองและจังหวัดจัดการ ตนเองกบั เทศบาลและองคก์ ารบริหารส่วนตาบล (๗) หมวด ๗ วา่ ด้วยการคลังและรายได้ (๘) หมวด ๘ ว่าดว้ ยการมีส่วนร่วมของประชาชน (๙) หมวด ๙ วา่ ด้วยคณะกรรมการตรวจสอบ (๑๐) หมวด ๑๐ ว่าด้วยคณะกรรมการสง่ เสริมการบรหิ ารจงั หวัดจัดการตนเอง (๑๑) ว่าด้วยบทเฉพาะกาล โดยควรมีสาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการจังหวัดจัดการตนเอง พ.ศ. …. ดงั น้ี การจัดต้ังจงั หวัดจดั การตนเอง กาหนดให้พระราชบัญญัตนิ ี้ มลี กั ษณะเปน็ กฎหมายกลาง กล่าวคอื เมอื่ ประชาชนในจังหวัดใด มีความพร้อมตามเจตนารมณ์ของประชาชนในจังหวัดนั้น มีสิทธิแสดงเจตนารมณ์เพ่ือจัดตั้งจังหวัดจัดการ ตนเอง โดยการจัดต้ังจงั หวัดปกครอง(จดั การ)ตนเองนน้ั ใหต้ ราเปน็ พระราชกฤษฎกี าจัดตั้งจังหวัดจัดการตนเอง ตามพระราชบัญญัติน้ี การแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนเพ่ือจัดต้งั จังหวัดจัดการตนเองนัน้ ใหก้ ระทาโดยการ ออกเสยี งประชามตติ ามกฎหมายว่าดว้ ยการออกเสียงประชามติ กระบวนการเสนอให้มีการออกเสียงประชามติสามารถกระทาได้โดย ประชาชนผู้ มีสิ ทธิ เลือกตั้งภายในจังหวัดจานวนไม่น้อยกว่าห้าพันคนเข้าช่ือเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการจัดทาประชามติ จัดต้ังจังหวัดจัดการตนเอง ในขั้นตอนการออกเสียงประชามติต้องมีผู้มาออกเสียงเกินก่ึงหนึ่งของผู้มีสิทธิออก เสียงในจังหวัดนั้น และต้องมีผลคะแนนออกเสียงประชามติจานวนสามในห้าของผู้มาออกเสียงเห็นชอบ ใหจ้ ดั ตงั้ จงั หวัดจัดการตนเอง และเม่อื ประชาชนในจังหวัดใดลงประชามติเหน็ ชอบให้มีการจัดต้ังจังหวดั จัดการ ตนเองแล้ว ให้มีการดาเนินการออกพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังตามพระราชบัญญัติน้ีภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวัน นบั แตว่ นั ทไ่ี ด้ประกาศผลการออกเสยี งประชามติ การกาหนดใหย้ กเลกิ ราชการสว่ นภมู ิภาคในจงั หวดั ทไ่ี ด้จัดตัง้ เป็นจงั หวัดจดั การตนเอง กาหนดให้เมอื่ มกี ารประกาศใชพ้ ระราชกฤษฎีกาจัดตั้งจังหวัดจดั การตนเองในจงั หวัดใด ใหถ้ ือ วา่ พระราชบญั ญตั ิน้ีมผี ลยกเลิกกฎหมายวา่ ดว้ ยการจัดต้ังจังหวัดนัน้ กล่าวคอื เมื่อจังหวดั ใดได้จัดต้งั เป็นจังหวัด จัดการตนเองตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว โดยผลของพระราชบัญญัตินี้จะทาให้จังหวัดและอาเภอในฐานะท่ีเป็น ราชการส่วนภูมิภาคตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินน้ันยกเลิกไป ตัวอย่างเช่น เม่ือกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้บังคับแล้ว หากประชาชนในจังหวัดใดแสดงเจตนารมณ์ผ่านการออกเสียง ประชามติต้องการให้จังหวัดนั้นเปล่ียนรูปแบบมาเป็นองค์การปกครองส่วนท้องถ่ินขนาดใหญ่ทั้งจังหวัด และ เมอ่ื คณะรฐั มนตรีดาเนินการออกพระราชกฤษฎกี าจัดต้ังจังหวัดจัดการตนเองข้นึ ในจังหวดั นนั้ แล้ว เมอ่ื พระราช กฤษฎีกาดังกล่าวประกาศใช้บังคับแล้วก็จะเป็นเงื่อนไขให้กฎหมายว่าด้วยการตั้งจังหวัดน้ัน ตลอดจนอาเภอ ตา่ งๆ ในจังหวัดนัน้ ในฐานะท่ีเปน็ ราชการสว่ นภูมิภาคถกู ยกเลิกไปโดยผลของพระราชบัญญัติฉบับนี้ นอกจากน้ี เมอ่ื ไดป้ ระกาศใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังจงั หวดั จัดการตนเองในจังหวดั ใดแลว้ กจ็ ะทาให้พระราชบัญญัติ ฉบับน้ีก่อต้ังฐานะนิติบุคคลให้กับจังหวัดจัดการตนเองนั้น โดยถือว่าจังหวัดจัดการตนเองท่ีได้ก่อตั้งข้ึน เป็น ราชการส่วนท้องถ่ินตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และมีอาณาเขตท้องท่ี ตามพน้ื ท่ที ี่จงั หวัดนน้ั มีอยู่เดิม
๑๙ การกาหนดหลกั การพนื้ ฐานของการปกครองสว่ นท้องถน่ิ กาหนดให้จังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มคี วามเปน็ อสิ ระในการกาหนดนโยบาย การบรหิ าร การจดั บรกิ ารสาธารณะ การบรหิ ารงานบุคคลการเงินการ คลังและการงบประมาณ รวมทั้งมีอานาจหน้าท่ีในการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพที่อยู่ในเขตพ้ืนท่ีอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการพ้ืนฐานท่ัวไปของการปกครองส่วนท้องถ่ินตามหลักการแห่งการกระจาย อานาจท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยให้การรับรอง เมื่อรัฐส่วนกลางกระจายอานาจให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินนั้นมีความเป็นอิสระ ทั้งในการจัดทาบริการสาธารณะ งานบริหารงานท่ัวไปตามอานาจหน้าที่การ บริหารงบประมาณและการบริหารงานบุคคลแล้ว รัฐส่วนกลางจะคงไว้ซ่ึงอานาจกากับดูแล โดยการกากับดแู ล องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินต้องทาเท่าท่ีจาเป็นและมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีชัดเจนสอดคล้องและ เหมาะสมกับรูปแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินโดยต้องเป็นไปเพ่ือการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน ในท้องถิ่นหรอื ประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม และจะกระทบถึงสาระสาคัญแห่งหลักการจัดการตนเองตาม เจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถ่ิน หรือนอกเหนอื จากทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิไวม้ ิได้ การกาหนดหลักการทว่ั ไปของจังหวดั จัดการตนเอง กาหนดให้การปกครองส่วนท้องถิ่นภายในจังหวัดจัดการตนเองมีสองระดับ คือ องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินระดับบน ได้แก่จังหวัดปกครองตนเองมีเขตพ้ืนที่การปกครองครอบคลุมท้ังจังหวัดและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง ได้แก่ เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลมีเขตพ้ืนที่การปกครอง บางส่วนของจังหวัด นอกจากน้ี ยังกาหนดให้จัดต้ังสภาพลเมืองข้ึนภายในจังหวัดจัดการตนเองเทศบาล และ องคก์ ารบริหารส่วนตาบล กาหนดหลักการพ้ืนฐานทั่วไปในเร่ืองอานาจหน้าที่ของจังหวัดจัดการตนเองซ่ึงเป็นองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นระดับบน โดยกาหนดให้จงั หวดั จดั การตนเองมีอานาจหนา้ ที่ในการจดั ทาบริการสาธารณะ และภารกจิ อน่ื เฉพาะในส่วนทกี่ ่อให้เกดิ ประโยชนต์ ่อประชาชน ทั้งพืน้ ที่การปกครองครอบคลุมทง้ั จงั หวดั หรือ ภารกิจท่ีจังหวัดจัดการตนเองเป็นผู้จัดทาจะก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดและการลงทุน ซ่ึงเทศบาลไม่ สามารถดาเนินการในลักษณะน้ีได้ หรือหากเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลดาเนินการจะไม่เกิด ผลประโยชน์คุ้มค่า เม่ือเทียบกับการให้จังหวัดจัดการตนเองเป็นผู้จัดทา หรือให้การสนับสนุนภารกิจของ เทศบาล หรือองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลตามทมี่ ีการร้องขอ หรืออาจจัดทาบริการสาธารณะอน่ื ตามความตกลง รว่ มกนั กบั เทศบาลหรอื องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล ทงั้ น้ี ตามท่ีกาหนดในพระราชบัญญัตินี้และพระราชกฤษฎีกา จัดต้ัง ส่วนรายละเอียดอานาจหน้าที่ของจังหวัดจัดการตนเองนั้น กาหนดไว้ในหมวดว่าด้วยอานาจหน้าที่ของ จงั หวัดจดั การตนเอง กาหนดหลักการพื้นฐานท่ัวไปในเร่ืองอานาจหน้าที่ของเทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตาบล ซ่ึงเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง โดยกาหนดให้มีอานาจหน้าท่ีในการจัดทาบริการ สาธารณะและภารกิจอื่น เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในเขตพื้นที่และมีอานาจขอให้จังหวัดจัดการตนเอง สนับสนุนการจัดทาบริการสาธารณะ หรือภารกิจอื่นท่ีจาเป็น หรืออาจจัดทาบริการสาธารณะอ่ืนตามความตกลง รว่ มกนั กบั จังหวดั จัดการตนเอง ทั้งนี้ ตามท่กี าหนดในพระราชบัญญัตินี้และพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง
๒๐ การกาหนดให้การบริหารจังหวดั จดั การตนเอง ประกอบด้วยโครงสร้าง ๓ ส่วน ส่วนท่ี ๑ สภาจังหวดั จัดการตนเอง กาหนดให้สภาจังหวัดจัดการตนเองมีหน้าที่ที่สาคัญ คือ การให้ความเห็นชอบแผนพัฒนา จังหวัดและร่างข้อบัญญัติ การควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการตนเอง และการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความร่วมมือกับสภาพลเมือง ทั้งนี้ สมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองมีที่มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงของประชาชน มีวาระคราวละสี่ปี โดยการกาหนดเขตเลือกตั้งและจานวนสมาชิกสภาจังหวัดจัดการ ตนเองต้องคานึงถึงเขตพนื้ ที่และจานวนประชาชน สว่ นที่ ๒ ผู้ว่าราชการจงั หวดั กาหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีท่ีมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน โดยใช้เขตจังหวัด จัดการตนเองเป็นเขตเลือกต้ัง มีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสี่ปี แต่จะดารงตาแหน่งติดต่อกันเกินกว่าสอง วาระไม่ได้ โดยกาหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเสนอช่ือบุคคลท่ีจะดารงตาแหน่งรอง ผู้วา่ ราชการจังหวัดด้วย โดยกาหนดให้ผู้วา่ ราชการจังหวัดมีอานาจหนา้ ทีท่ ส่ี าคัญ เชน่ กาหนดนโยบายและการ บริหารจังหวัดจัดการตนเอง พิจารณาและออกประกาศใช้แผนพัฒนาจังหวัดจัดการตนเอง เป็นผู้บังคับบัญชา พนักงานเจ้าหน้าที่ของจังหวัดจัดการตนเอง และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของจังหวัดจัดการตนเอง เป็นต้น โดยเหตุที่จะทาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจะพ้นจากตาแหน่งที่สาคัญ คือ การที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ในเขตจังหวัดจัดการตนเองได้เข้าช่ือเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และเพ่ือให้การบริหารงานในระหว่างที่ไม่มีผู้ว่า ราชการจังหวดั ขาดความต่อเนือ่ ง ให้หัวหน้าสานกั งานจังหวัดจัดการตนเองปฏบิ ตั หิ น้าทขี่ องผู้วา่ ราชการจังหวัด เทา่ ทจี่ าเปน็ ไดเ้ ปน็ การช่วั คราว สว่ นท่ี ๓ สภาพลเมืองจังหวดั จดั การตนเอง กาหนดให้สมาชิกสภาพลเมือง ประกอบด้วย บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถ และ ประสบการณ์จากองค์กร ภาคชุมชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาชีพ ภาควิชาการ โดยท่ีสมาชิกสภาพลเมือง มีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสี่ปี ซ่ึงเป็นการออกแบบโครงสร้างท่ีเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วน ร่วมในการบรหิ ารท้องถิ่น โดยสภาพลเมืองจังหวดั จัดการตนเอง มีอานาจหน้าท่ีทส่ี าคัญในการกาหนดนโยบาย และวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในด้านต่างๆ การตัดสินใจทางการเมือง การจัดทาบริการสาธารณะ จัดประชุมสมัชชาพลเมือง ตลอดจนการตรวจสอบการใช้อานาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการเสนอ ช่ือบุคคลเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ โดยกาหนดให้สภาพลเมืองสามารถมีหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารสว่ นตาบล สภาองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐ หน่วยงาน เอกชน หรือบุคคลใด ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพ่ือประกอบการพิจารณาของสภาพลเมืองได้ และกาหนดใหม้ สี านักงานสภาพลเมืองจังหวัดจดั การตนเองรบั ผิดชอบงานธุรการของสภาพลเมอื ง การกาหนดให้การบริหารเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบล ประกอบด้วยโครงสร้าง ๓ ส่วน เช่นเดยี วกันกับโครงสร้างการบรหิ ารจังหวดั จดั การตนเอง ร่างพระราชบัญญัติฉบับท่ีคณะอนุกรรมาธิการยกร่างน้ี ได้กาหนดหลักการร่วมกันของ เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลไว้ ในกรณีการกาหนดจานวนและอาณาเขตพื้นท่ีรับผิดชอบ ว่าจะต้อง พิจารณาถึงจานวนและอาณาเขตพื้นท่ีรับผิดชอบเดิมของเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาลหรืออาณาเขต พื้นทร่ี ับผิดชอบเดิมขององค์การบริหารสว่ นตาบลตามกฎหมายว่าดว้ ยสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล ที่เคยประกาศใช้บังคับในเขตจังหวัดเดิม โดยท่ีจานวนและอาณาเขตพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลหรือองค์การ บรหิ ารส่วนตาบลภายในเขตจังหวดั จดั การตนเอง ให้เป็นไปตามทก่ี าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎกี าจัดตง้ั
๒๑ • สว่ นท่ี ๑ สภาเทศบาลหรือสภาองค์การบรหิ ารส่วนตาบล กาหนดให้สมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล มาจากการเลือกต้ัง โดยตรงของประชาชน ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถ่ิน มีวาระการ ดารงตาแหน่งคราวละ ๔ ปี และกาหนดให้ใช้เขตเทศบาลหรือสภาองค์การบริหารส่วนตาบลเป็นเขตเลือกตั้ง โดยจานวนสมาชิกเทา่ ใดใหเ้ ป็นไปตามพระราชกฤษฎกี าจัดต้ัง สภาเทศบาล หรอื สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล มีอานาจหน้าท่ี เช่น การให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การควบคุมการปฏิบัติงาน ของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การส่งเสริม สนับสนุน ให้ความร่วมมือ รวมตลอดจนอนุมัติ งบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดาเนินการแก่สภาพลเมืองเทศบาล หรือสภาพลเมืององค์การบริหาร สว่ นตาบล • ส่วนท่ี ๒ นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบล กาหนดให้นายกเทศมนตรแี ละนายกองค์การบริหารสว่ นตาบลมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชน โดยใช้เขตเทศบาลหรือเขตองค์การบริหารสว่ นตาบลเป็นเขตเลือกตั้ง มีวาระการดารงตาแหน่งคราว ละสป่ี ี แต่จะดารงตาแหน่งติดตอ่ กนั เกินกวา่ สองวาระมิได้ ท้งั นี้ ในการลงสมัครรบั เลือกตัง้ กาหนดใหผ้ สู้ มคั รรับ เลือกต้ังเสนอชื่อบุคคลท่ีจะดารงตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีหรือรองนายกองค์การบริหารส่วนตาบลด้วย โดยกาหนดให้นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบล มีอานาจและหน้าท่ี เช่น การกาหนด นโยบายและการบริหารเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบล การประกาศใช้แผนพัฒนาเทศบาลหรือ แผนพฒั นาองคก์ ารบริหารส่วนตาบล การพิจารณาอุดหนนุ คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนนิ การของสภาพลเมืองเทศบาล หรือสภาพลเมืององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล • ส่วนท่ี ๓ สภาพลเมืองเทศบาลหรอื สภาพลเมืององค์การบรหิ ารส่วนตาบล กาหนดให้นาบทบัญญัติว่าด้วยสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเอง ในส่วนท่ี ๓ หมวด ๓ แห่ง พระราชบญั ญัตินี้ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม การกาหนดอานาจหน้าท่ีของจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลและองค์การบริหาร ส่วนตาบล • อานาจหน้าท่ขี องจงั หวัดจัดการตนเอง กาหนดอานาจหน้าท่ีของจังหวัดจัดการตนเองในลักษณะที่เป็นอานาจหน้าที่ของตนเอง โดยท่ัวไป กล่าวคือ จังหวัดจัดการตนเองย่อมมีอานาจหน้าท่ีทุกประการภายในเขตพ้ืนท่ีของตน ยกเว้นอานาจ หน้าที่ ๔ ประการ ได้แก่ ประการแรก อานาจหน้าท่ีด้านการป้องกันประเทศ ประการท่ีสอง อานาจหน้าที่ ในดา้ นการคลงั ของรัฐและระบบเงินตรา ประการที่สาม อานาจหนา้ ท่ีด้านการศาล และประการสุดท้ายอานาจ หน้าท่ีด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังกาหนดให้จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหน้าท่ีในการ บารุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอันดีของท้องถ่ิน การฝึกอาชีพ การจัดการศึกษา และการส่งเสริมและรักษาคณุ ภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีอานาจฝ่ายเดยี ว หรือร่วมกบั หน่วยงานของรัฐ ในการ จัดทาบริการสาธารณะที่จัดทาข้ึนภายในเขตพื้นท่ีของจังหวัดจัดการตนเอง หรือมีความเกี่ยวเน่ืองกับจังหวัด จัดการตนเอง หรือกรณีจัดทาขึ้นนอกเขตพ้ืนที่แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่จังหวัดจัดการตนเองนั้น นอกจากน้ี จังหวัดจัดการตนเองยังมีอานาจฝ่ายเดียว หรือร่วมประกอบกิจการพาณิชย์กับหน่วยงานของรัฐ ท่ีมีสถานท่ี ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดจัดการตนเองนั้น และให้จังหวัดจัดการตนเองมีสานักงานจังหวัดจัดการตนเองและการ บริหารงานบคุ คลในรูปของคณะกรรมการบริหารงานบุคคลท่ีมีองค์ประกอบหลายฝา่ ย
๒๒ • อานาจหนา้ ท่ีของเทศบาลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล กาหนดให้เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลมีความเป็นอิสระในการกาหนดนโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะการบริหารงานบุคคล การเงิน การคลังและงบประมาณ รวมท้ังมีอานาจ หน้าที่ในการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ในเขตพ้ืนท่ี ตามทเี่ คยมอี านาจหน้าทใ่ี นกฎหมายว่าดว้ ยเทศบาล การกาหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และระหว่าง องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ดว้ ยกนั เอง • การกากับดแู ลองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน กาหนดให้นายกรัฐมนตรีมีอานาจกากับดูแลการปฏิบัติราชการตามอานาจหน้าที่ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติน้ใี ห้เป็นไปตามกฎหมาย กล่าวคือ นายกรัฐมนตรีมีอานาจกากับดแู ล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายฉบับนี้ ท้ังสามรูปแบบ คือ จังหวัดจัดการตนเอง เทศบาล และ องค์การบริหารส่วนตาบล ซึ่งต่างจากกฎหมายจัดต้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบัน กล่าวคือ ในกฎหมายว่าด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวดั กาหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอานาจกากับดูแลองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด ในกฎหมายว่าด้วยเทศบาลกาหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอานาจกากับดูแลเทศบาลนคร และ เทศบาลเมือง ส่วนเทศบาลตาบลน้ัน กาหนดให้นายอาเภอมีหน้าที่ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดในการกากับดูแล และในกฎหมายว่าด้วยสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบลกาหนดให้นายอาเภอกากบั ดูแล ซ่งึ ในกฎหมาย ปจั จุบันเป็นการกากับดูแลก่อนการกระทาเป็นหลัก เช่น ก่อนที่องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินจะประกาศใช้บังคับ ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปี ต้องให้ผู้กากับดูแลเห็นชอบก่อนจึงจะประกาศใช้บังคับได้ หรือการท่ี กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบว่าด้วยการลา โดยกาหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการลา ประเภทต่างๆ ของ ผู้บริหารท้องถ่ินไว้อย่างเคร่งครัด เช่น ผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใดจะเดินทางไปปฏบิ ัติราชการต่างจังหวดั หรือปฏิบัติ ราชการ ณ กรุงเทพมหานคร จะต้องขออนุญาตผู้กากับดูแลลว่ งหนา้ เปน็ ตน้ ดงั นัน้ หลักการเกยี่ วกับการกากับ ดูแลตามรา่ งพระราชบัญญตั ิฉบบั นี้จึงบัญญัติข้นึ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกาหนดให้นายกรัฐมนตรที าหน้าท่ี กากับดูแลได้ตามที่กฎหมายกาหนดเท่าน้ัน หลักการดังกล่าวเน้นไปที่การกากับดูแลหลังการกระทาเป็นหลัก เพือ่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ มคี วามเปน็ อสิ ระในการจดั ทาบริการสาธารณะภายใต้การกากบั ตามกฎหมาย การกาหนดความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดจัดการตนเอง กับเทศบาลและองค์การบริหาร สว่ นตาบล • กาหนดให้เพื่อประโยชน์แก่การจัดทาบริการสาธารณะท่ีมีความเก่ียวเน่ืองกันหลายท้องถ่ิน หรอื เพ่อื ความค้มุ ค่าในการจัดทาบริการสาธารณะในท้องถ่ินน้ัน ใหจ้ ังหวัดจดั การตนเองมีอานาจทาความตกลง ร่วมกับเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลที่เก่ียวข้อง ในการจัดทาบริการสาธารณะภายในเขตพ้ืนท่ี เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตาบล โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานแผน นอกจากนี้ ยงั กาหนดใหจ้ งั หวัดจดั การตนเองมหี น้าท่ชี ว่ ยเหลือ ส่งเสริม สนบั สนนุ การจดั ทาบรกิ ารสาธารณะของเทศบาล และองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลตามทีไ่ ด้มกี ารรอ้ งขอ • กาหนดหลักการให้จังหวัดจัดการตนเองจัดสรรงบประมาณ เป็นเงินอุดหนุนให้กับเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตาบลอย่างเพียงพอต่อการจัดทาบริการสาธารณะ โดยคานึงถึงเขตพ้ืนท่ีและลักษณะ ของพืน้ ท่ี จานวนประชากร รายไดข้ องทอ้ งถิน่ น้นั ประกอบดว้ ยซึ่งการจัดสรรเงินอุดหนนุ ต้องคานึงถึงหลักความ เสมอภาคและเปน็ ธรรม
๒๓ การกาหนดหลักการในเร่ืองการคลงั และรายได้ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ • การกาหนดหนา้ ที่ของรัฐตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินในเรื่องการคลังและรายได้กาหนดให้ รัฐมีหน้าที่ต้องให้การสนับสนุนการจัดทาบริการสาธารณะของจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลและองค์การ บริหารส่วนตาบล โดยคานึงถึงหลกั การจดั ทาบรกิ ารสาธารณะข้ันต่าอย่างเท่าเทียมกัน และต้องให้การอุดหนุน งบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีความสามารถในการจัดเก็บรายได้น้อยเพ่ือให้สามารถมีรายได้ เพียงพอต่อการจัดทาบริการสาธารณะตามอานาจหน้าที่นอกจากน้ียังกาหนดให้มี “คณะกรรมการบริหารภาษี ระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ซึ่งมีองค์ประกอบจากหลายฝ่ายเพื่อทาหน้าท่ีบริหารจัดการการ จัดเก็บภาษี กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการการจัดเก็บภาษีและจัดแบ่งภาษีระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถิ่นตามสดั ส่วนทก่ี าหนดไวใ้ นพระราชบัญญตั ิน้ี การกาหนดภาษีและรายได้อนื่ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ กาหนดหลักการให้อานาจจังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหน้าที่หลักในการจัดเก็บภาษีอากร และรายไดอ้ ่นื ๆ โดยให้จงั หวัดจัดการตนเองมีอานาจในการจดั เกบ็ ภาษีและรายได้ตามรา่ งพระราชบญั ญัติฉบับ น้ี ซึ่งมีการแบ่งอานาจการจัดรายได้ออกเป็น ๒ ประเภทหลักๆ คือ ภาษีที่ใช้ฐานร่วมระหว่างรัฐกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินหรือภาษีอ่ืนท่ีมิใช่ภาษีท้องถ่ิน โดยเม่ือจัดเก็บแล้วให้เก็บไว้เป็นรายได้ของจังหวัดจัดการ ตนเองร้อยละเจ็ดสิบของรายได้ทง้ั หมด และใหน้ าส่งรายได้รอ้ ยละสามสิบเป็นรายไดข้ องแผ่นดิน แตอ่ ยา่ งไรก็ดี ภาษีท้องถิ่นตามท่ีกาหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้และตามที่มีกฎหมายกาหนด เมื่อจัดเก็บแล้วให้เก็บไว้เป็น รายได้ของจังหวดั จดั การตนเองทัง้ หมด การกาหนดหลักการมสี ่วนรว่ มของประชาชน กาหนดหลักการการมสี ่วนรว่ มของประชาชนผมู้ สี ิทธเิ ลือกต้ังในจงั หวัดจัดการตนเอง เทศบาล หรอื องค์การบริหารส่วนตาบลในเร่ืองตา่ ง ๆ เชน่ สิทธิลงคะแนนเสยี งถอดถอนสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหาร ท้องถ่นิ ผ้นู ้ันพน้ จากตาแหน่ง สทิ ธิในการเข้าช่ือเสนอข้อบัญญัติทอ้ งถิ่น สทิ ธิการมสี ่วนรว่ มในการบริหารกิจการ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สิทธิในการได้รับทราบข้อมูลรายละเอียดในกรณีท่ีการกระทาขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่นในสาระสาคัญ ตลอดจน กาหนดสิทธิให้ประชาชนในท้องถิ่นออกเสียงประชามติเพ่ือตัดสินใจเก่ียวกับการกระทาของรัฐในเขตพ้ืนท่ี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนการกระทาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่อาจกระทบต่อชีวิตความ เป็นอยู่ของประชาชนในท้องถ่ินในสาระสาคัญ และสิทธิในการได้รับทราบข้อมูลการดาเนินงานขององค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ เปน็ ต้น การกาหนดใหม้ ี “คณะกรรมการตรวจสอบ” ขึน้ ในจงั หวดั จัดการตนเอง กาหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งในจังหวัดจัดการตนเองเรียกว่า “คณะกรรมการ ตรวจสอบ” ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่ง และกรรมการอื่นอีกแปดคน ซ่ึงสภาจังหวัดจัดการตนเอง ให้ความเห็นชอบตามที่สภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองเสนอจากบุคคลผู้มีความรู้และประสบการณ์เป็นท่ี ประจักษ์ในดา้ นตา่ งๆ อนั เป็นประโยชน์แก่การตรวจสอบกจิ การของจังหวดั จดั การตนเองจากผู้มีสิทธิเลือกต้ังใน เขตจังหวัดจัดการตนเองตามที่กฎหมายกาหนด โดยคณะกรรมการตรวจสอบมีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการ ตรวจสอบการดาเนินงานภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเร่ืองเกี่ยวกับการเงินการบัญชี การใช้จ่ายเงิน งบประมาณ การจัดซอ้ื จดั จา้ ง ประสทิ ธิภาพการบริหารงาน และการตรวจสอบภายในอ่นื ๆ พิจารณาข้อร้องเรียน
๒๔ จากประชาชนในท้องถ่นิ และสภาพลเมอื งเก่ียวกับการดาเนนิ การตามอานาจหนา้ ท่ี โดยใหเ้ ปน็ ไปตามท่กี าหนด ในพระราชกฤษฎีกาจัดตง้ั นอกจากน้ียงั ได้กาหนดหน้าท่ีให้คณะกรรมการตรวจสอบเสนอรายงานการตรวจสอบ ตอ่ ผวู้ า่ ราชการจังหวดั และสภาจังหวัดจัดการตนเองอย่างน้อยปีงบประมาณละสองครัง้ การกาหนดให้มี “คณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเอง” ข้ึนตาม พระราชบัญญัตฉิ บับนี้ กาหนดให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกว่า “คณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัด จัดการตนเอง” ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิผู้แทนราชการบริหารส่วนกลาง และผู้แทนองค์การปกครอง ส่วนท้องถ่ิน โดยมีอานาจหน้าท่ี สนับสนุนการดาเนินการจัดตั้งจังหวัดจัดการตนเอง สนับสนุนคณะรัฐมนตรี ในการดาเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังจังหวัดจัดการตนเอง ตลอดจนกาหนดหลักเกณฑ์อันเป็น มาตรฐานกลางเพ่ือเป็นแนวทางให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดาเนินการตามอานาจหน้าท่ี และให้จัดตั้ง สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเองเพ่ือรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เห็นว่าร่างกฎหมายฉบับน้ีจะเป็นแผนการหรือวิธีการปฏิรูปกฎหมายในด้าน ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอานาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการปฏิรูปในเชิง โครงสร้างอานาจรัฐ เพ่ือให้อานาจทางปกครองได้ถูกกระจายมาสู่ท้องถ่ินตามความพร้อมและตามเจตนารมณ์ ของแต่ละท้องถิ่นเพื่อใหป้ ระชาชนในทอ้ งถน่ิ ได้จดั การตนเองตามสทิ ธขิ องประชาชน ๕. บทสรุปและข้อเสนอแนะ จากการศึกษา คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาเห็นว่า แนวความคิด “จังหวัดจัดการตนเอง” เป็นแนวความคิดเก่ียวกับการกระบวนการในการปฏิรูปประเทศ ที่มิได้มุ่งเน้นไปท่ีการจัดโครงสร้างสถาบัน การเมืองท่ีส่วนกลาง หากแต่เป็นการมุ่งเน้นการจัดความสัมพันธ์ใหม่ในระดับจังหวัด โดยให้ความสาคัญ กบั เจตนารมณ์ของประชาชนในพน้ื ที่ เพ่ือใหอ้ านาจทางปกครองได้ถูกกระจายมาสู่ท้องถ่นิ ตามความพร้อมและ ตามเจตนารมณ์ของแต่ละท้องถิ่นเพ่ือให้ประชาชนในท้องถิ่นได้จัดการตนเองตามสิทธิของประชาชน โดยมุ่งเน้นให้ เกิดการปฏิรูปการกระจายอานาจในระดับพื้นท่ีจังหวัดของแต่ละจังหวัดเป็นสาคัญ ท้ังไม่ได้ทาให้ทุกจังหวัด เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองท้องถิ่นเป็นรูปแบบ “จังหวัดจัดการตนเอง” ข้ึนพร้อมๆ กันท้ังประเทศ ในคราวเดียวกนั คณะอนุกรรมาธิการ ไดเ้ ชิญผู้แทนหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องหลายแห่ง แม้ข้าราชการฝ่ายปกครอง ในสังกัดราชการส่วนภูมิภาค และในระดับท้องที่บางส่วนจะไม่เห็นด้วย แต่เหตุผลหลักที่ไม่เห็นด้วยดังกล่าว ได้แสดงข้อกังวลในประเด็นเก่ียวกับความม่ันคง ซ่ึงในประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงดังกล่าว คณะอนุ กรรมาธิการได้เชิญผแู้ ทนจากสานักงานเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการจังหวัดจัดการตนเอง พ.ศ.... ด้วย ผู้แทนจากสานักงานเลขาธิการสภาความม่ันคง แห่งชาติ มีความเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไม่กระทบต่อความม่ันคงของประเทศ และเห็นด้วยกับเรื่องการ กระจายอานาจ ซึ่งเป็นความเห็นที่สอดคล้องกับข้อเสนอของ คณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ซ่ึงมี ๒ ชุด คือ ชุดท่ีหน่ึงมี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน และชุดที่สองมีนายแพทย์ประเวศ วะสี เป็น ประธาน ที่แต่ง ต้ังขึ้น ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูป พ.ศ. 2553 ตลอดทั้งสอดคล้องกับข้อเสนอของ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งเป็น องค์กรอิสระตามเจตนารมณ์ มาตรา 81 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2550 ท่ตี งั้ ขึ้นมาเพอ่ื แสวงหาแนวทางแกป้ ัญหาวิกฤติ ในชว่ งทีบ่ า้ นเมอื งมีการ แบ่งฝักฝ่าย แบ่งสี และความขัดแย้งอย่างรุนแรง ซ่ึงได้เสนอทางออกของปัญหาด้วยการกระจายอานาจด้วย
๒๕ รูปแบบ\"จังหวัดจัดการตนเอง\" ซึ่งนอกจากเป็นไปเพ่ือกระจายอานาจเกิดการบูรณาการการทางานในพ้ืนที่ จังหวัดอย่างเป็นเอกภาพแล้ว ยังเป็นข้อเสนอด้านความม่ันคงอย่างหนึ่ง โดยเป็นไปเพ่ือป้องกันการแบ่งแยก ประเทศอันเกิดจากความขัดแย้งภายในประเทศ และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศโดยตรง เน่ืองจาก เหตุการณ์ท่ีเคยเกิดปัญหาการเมืองระดับชาติที่มีการลุกลามออกไปในพื้นที่ ท่ีกฎหมายไม่สามารถควบคุมได้ เกิดการต่อสู้กันนอกกติกา เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนกับประชาชน พอกระทบกระทั่งกันแรงข้ึนๆ กฎหมายคุมไม่อยู่ และนาไปสู่การสู้กันนอกกฎหมายมากขึ้น มีการแบ่งพวกแบ่งข้างมากข้ึน มีการโฆษณา เอาคนมาเป็นพวกของตัวเองมากข้ึนก็ยิ่งจะเกิดความรุนแรง และมีความเสี่ยงที่จะนาไปสู่การแบ่งประเทศ รปู แบบจังหวัดจัดการตนเอง เป็นข้อเสนอท่ีทาใหศ้ ูนยก์ ลางทางการเมืองย่อมาสทู่ ้องถนิ่ ซง่ึ เปน็ พ้นื ที่ท่ีสามารถ ปรึกษาหารือและทาความเขา้ ใจกนั ได้มากกว่า เปน็ การช่วยคานอานาจระหวา่ งรฐั บาลกับท้องถ่ินในการกาหนด นโยบายการพฒั นา และโครงการของรัฐ ใหท้ อ้ งถ่นิ มสี ่วนร่วมเขา้ ไปตดั สินใจดว้ ย โดยการจัดตง้ั จงั หวดั จัดการ ตนเองน้ัน เป็นการรวมศูนย์อานาจใหม่จะทาให้ส่วนกลางมีอานาจจัดการพ้ืนท่ีน้อยลง และอานาจดังกล่าวจะ ลงมายังภายในจังหวัดให้ตัดสินใจด้วยตนเอง เป็นไปเพื่อเปลี่ยนความขัดแย้งทางการเมืองในระดับชาติมาให้ ความสนใจในปญั หาท้องถน่ิ ทาใหศ้ ูนยก์ ลางอานาจเล็กลง แลว้ ไปสร้างอานาจให้ประชาชนในท้องถิน่ เป็นการ แก้ไขปัญหาให้ยุติตั้งแต่ระดับพ้ืนท่ี ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งในการเมืองระดับชาติอย่างท่ี เคยเกิดขน้ึ ในชว่ งเวลาที่ผา่ นมา นอกจากน้ัน จากการพิจารณาศึกษา พบว่า รากเหง้าปัญหาจากความเหล่ือมล้าและความไม่ เป็นธรรมการพัฒนาของประเทศไทยท่ีผ่านมา เกิดจากการเน้นเป้าหมายเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยรัฐส่งเสริมให้ผู้ลงทุนขยายกาลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตออกไปสู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้ ทรัพยากรจากท้องถ่ินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยท่ีประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ทั้งไม่ได้คานึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมท่ีท้องถิ่นได้รับผลกระทบตามไปด้วย แต่การเปล่ียนแปลงเก่ียวกับการ ปกครองของประเทศไทยที่ผ่านมา เน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของการปกครองส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เป็นหลัก มากกว่าท่ีจะเน้นเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ยุทธศาสตร์ที่ผ่านมา จึงเป็นการผสานระหว่างนโยบายการขยายกาลังการผลิตและการส่งเสริมความเข้มแข็งของการปกครอง ส่วนภูมภิ าค หรือการปกครองแบบรวมศูนยอ์ านาจ แนวคิดเดิมที่เข้าใจว่า รัฐรวมศูนย์อานาจจะสามารถทาหน้าที่ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจสังคม ระหว่าง พ้ืนที่ที่เจริญหรือร่ารวย กับพ้ืนที่ยากจนหรือด้อยพัฒนาได้ดี เพราะสามารถใช้อานาจรัฐส่วนกลางดึง ทรัพยากรจาก พ้ืนท่ีท่ีร่ารวย ไปเกล่ียให้กับพื้นท่ีที่ยากจนได้ ในช่วงเวลาหลายสิบปที ี่ผ่านมาระบบราชการและ การเมืองไทย จึงยกระดับการรวมศูนย์ของรัฐไทยให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น แต่นอกจากจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว ยังกลายเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทางสังคมการเมืองในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในทางด้านเศรษฐกิจ ซ่ึงปรากฏ ข้อเท็จจริงว่าความแตกต่าง หรอื ชอ่ งว่างทางเศรษฐกจิ สังคมระหว่างจังหวดั ทง้ั แนวตงั้ และแนวนอน การเมือง ระดบั ชาติ หรือรฐั รวมศูนย์อานาจ มีความเหลอ่ื มลา้ ยิง่ ขึ้น และแก้ปัญหาเฉพาะพืน้ ทไ่ี ม่ได้ ทงั้ นี้ ถา้ รัฐรวมศนู ย์ สามารถทาหน้าที่ลดชอ่ งวา่ งทางเศรษฐกิจสงั คมระหว่างพื้นที่จังหวัดต่างๆ ปัจจุบันน้ีประชาชนในแต่ละจังหวดั ก็ควรจะมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวไม่แตกต่างกันมากนัก การกระจายอานาจโดยการจัดทากฎหมายเรื่องจังหวัด จดั การตนเอง จึงเป็นความจาเปน็ เรง่ ด่วนของประเทศเพอื่ แกไ้ ขปัญหาท่เี ปน็ อยู่ในปจั จบุ ัน
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก รา่ งพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการจงั หวดั จดั การตนเอง พ.ศ. ....
บนั ทึกหลักการและเหตผุ ล ประกอบรา่ งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการจังหวัดจดั การตนเอง พ.ศ. …. ---------------------------- หลกั การ ใหม้ กี ฎหมายว่าด้วยระเบียบบรหิ ารราชการจังหวดั จัดการตนเอง เหตผุ ล โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๙ กาหนดให้มีการจัดการปกครองท้องถิ่นตาม หลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น ซ่ึงรัฐต้องกระจายอานาจให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นพ่ึงตนเองและตัดสินใจในกิจการของท้องถ่ินได้เอง ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีส่วนร่วมในการดาเนินการให้ท่ัวถึงและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ รวมท้ังพัฒนาจังหวัดที่มีความพร้อมให้เป็น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ โดยคานึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในจังหวัดน้ัน แต่เนื่องจาก ปจั จุบนั ยังไม่มีกฎหมายรองรับหลกั การดังกล่าว อีกท้ังการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ใน รูปแบบปัจจุบันตามท่ีกาหนดในกฎหมายต่าง ๆ ยังไม่ส่งเสริมให้เกิดการกระจายอานาจไปสู่ท้องถ่ินอย่าง แท้จริง ดังนั้น เพื่อให้การปกครองส่วนท้องถิ่นบรรลุเจตนารมณ์ของรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๙ ถึงมาตรา ๒๕๔ ท่ีต้องการให้ความเป็นอิสระแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครอง ต น เอ ง ต า ม เจ ต น า ร ม ณ์ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ใน ท้ อ ง ถิ่ น ภ า ย ใต้ ห ลั ก ค ว า ม เป็ น รั ฐ เดี่ ย ว ต า ม รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ห่ ง ราชอาณาจักรไทย ตลอดจนเพ่ือแกไ้ ขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับกลไกการปกครองสว่ นท้องถ่ินในปจั จบุ ัน อัน จะนาไปสู่การส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นหน่วยงานหลกั ในการจัดทาบริการสาธารณะ และการ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ปัญหาในพ้ืนที่เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในท้องถิ่น ตลอดจนการพัฒนา จังหวัดท่ีมีความพร้อมให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ตามเจตนารมณ์ของประชาชนในจังหวัด น้ัน จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั ิน้ี
-๒- ร่างพระราชบญั ญตั ิ ระเบียบบริหารราชการจังหวดั จัดการตนเอง พ.ศ. .... ----------------------- ............................................................................................................................. ..................... ........................................................................................................................................... ................................... ................................................................................................ .............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. โดยท่ีเป็นการสมควรใหม้ ีกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บบรหิ ารราชการจงั หวดั จดั การตนเอง พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซ่งึ มาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย บญั ญัติให้กระทาได้โดยอาศยั อานาจตามบทบัญญัติของ กฎหมาย ……………………………………………………………………………………………………………………………….. มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ ี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการจังหวดั จัดการ ตนเอง พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ินใี้ ห้ใช้บังคับต้ังแตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็น ตน้ ไป มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตนิ ี้ “จังหวัดจัดการตนเอง” หมายความว่า จังหวัดท่ีมีความพร้อมโดยประชาชนในจังหวัดได้ แสดงเจตนารมณ์เพ่ือจัดตั้งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ทั้งจังหวัดตามหลักแห่งการปกครอง ตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในทอ้ งถน่ิ ทีร่ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยให้การรับรอง “เทศบาล” หมายความว่า เทศบาลตามพระราชบญั ญตั ิน้ี “องค์การบรหิ ารส่วนตาบล” หมายความวา่ องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี “พระราชกฤษฎกี าจดั ตงั้ ” หมายความวา่ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งจงั หวัดจดั การตนเอง “ผู้วา่ ราชการจังหวดั ” หมายความว่า ผู้ว่าราชการจงั หวัดจดั การตนเอง “จงั หวัด” หมายความว่า จังหวดั ตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า จังหวัดจัดการตนเอง เทศบาล และองค์การ บริหารสว่ นตาบลตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
-๓- “สภาพลเมือง” หมายความว่า กระบวนการที่ให้ประชาชนภายในเขตองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นได้ร่วมกันถกแถลงแลกเปล่ียนองค์ความรู้ ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อเท็จจริง หรือสภาพปัญหา อย่างสมานฉันท์ เก่ียวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ สภาพเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และสภาพ การเมืองการปกครอง เพ่ือนาไปสู่ข้อเสนอแนะหรือแนวนโยบายพ้ืนฐานระยะยาวขององค์กรปกครองส่วน ท้องถนิ่ โดยจัดใหม้ ีการประชุมอยา่ งเป็นระบบและอย่างมีส่วนรว่ ม “พนักงานเจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า พนักงานและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามพระราชบญั ญตั ิน้แี ล้วแตก่ รณี “คณะกรรมการประสานแผน” หมายความว่า คณะกรรมการประสานแผนและทิศทางการ พฒั นาองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น “ผู้บริหารท้องถ่ิน” หมายความว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี และนายกองค์การ บริหารส่วนตาบลตามพระราชบัญญตั ิน้ี “สมาชิกสภาท้องถ่ิน” หมายความว่า สมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเอง สมาชิกสภาเทศบาล และสมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนตาบล มาตรา ๔ บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคาสั่งอ่ืนใดที่อ้างถึง จังหวดั อาเภอ ตาบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบล ให้ถือว่าบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคาส่ังนั้น อ้างถึงจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลและองค์การ บริหารส่วนตาบลตามพระราชบัญญตั นิ ี้แล้วแตก่ รณี เทา่ ท่ีไมข่ ัดหรอื แยง้ กบั พระราชบญั ญัตนิ ี้ บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคาส่ังใดท่ีอ้างถึงตาแหน่งผู้ว่า ราชการจังหวัด หรือนายอาเภอ ใหถ้ ือวา่ บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ข้อบงั คับ ประกาศหรือคาสง่ั นั้น อ้างถึงตาแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบลตาม พระราชบัญญัติน้ีแล้วแตก่ รณี เท่าทไ่ี ม่ขดั หรือแยง้ กบั พระราชบัญญตั นิ ้ี มาตรา ๕ ใหน้ ายกรัฐมนตรรี ักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มอี านาจออกกฎกระทรวง ประกาศและระเบียบ เพอ่ื ปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี กฎกระทรวง ประกาศและระเบยี บนนั้ เมอ่ื ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว้ ให้ใช้บังคบั ได้ หมวด ๑ บทท่ัวไป ----------------------------- มาตรา ๖ เม่ือประชาชนในจังหวัดใดมีความพร้อมตามเจตนารมณ์ของประชาชนในจังหวัด นนั้ มีสิทธจิ ัดตง้ั จงั หวัดจดั การตนเอง โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาจดั ตง้ั การแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนเพื่อจัดต้ังจังหวัดจัดการตนเอง ให้กระทาโดยการออก เสยี งประชามติ
-๔- ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังภายในจังหวัดจานวนไม่น้อยกว่าห้าพันคน มีสิทธิเข้าช่ือเสนอต่อ นายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการจัดทาประชามติจัดต้ังจังหวัดจัดการตนเองโดยให้จัดทาประชามติภายในหกสิบวัน นบั แตว่ นั ทีไ่ ด้รับรายช่อื ทง้ั นี้ การออกเสยี งประชามตใิ หเ้ ป็นไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการออกเสยี งประชามติ การออกเสียงประชามติต้องมีผู้มาออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงในจังหวัดน้ัน และต้องมีผลคะแนนออกเสียงประชามติจานวนสามในห้าของผู้มาออกเสียงเห็นชอบให้จัดต้ังจังหวัดจัดการ ตนเอง เมื่อประชาชนในจังหวัดลงประชามติเห็นชอบให้มีการจัดต้ังจังหวัดจัดการตนเองตามวรรค หนึง่ แล้ว ให้ดาเนินการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งตามพระราชบัญญตั ิน้ภี ายในหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ ไดป้ ระกาศผลการออกเสยี งประชามติ เมื่อประชาชนในจังหวัดใดลงประชามติแล้ว ผลการออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบให้มีการ จัดตั้งจังหวัดจัดการตนเอง หากประชาชนในจังหวัดต้องการแสดงเจตนารมณ์จัดตั้งจังหวัดจัดการตนเองคร้ัง ตอ่ ไป ให้กระทาได้เมื่อพ้นระยะเวลาสองปีนับแตว่ ันออกเสยี งประชามติครง้ั ก่อน มาตรา ๗ เมื่อมีการประกาศใช้พระราชกฤษฎกี าจัดตั้งในจังหวัดใด ให้ถือว่าพระราชบัญญัติ นมี้ ีผลยกเลกิ กฎหมายว่าดว้ ยการจัดตัง้ จังหวดั น้ัน มาตรา ๘ ให้จังหวดั จัดการตนเองมีฐานะเปน็ นิติบคุ คล ให้จังหวัดจัดการตนเองเป็นราชการบริหารส่วนท้องถ่ินตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหาร ราชการแผน่ ดิน ให้จังหวัดจัดการตนเองท่ีจัดต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้มีอาณาเขตท้องที่ตามท่ีจังหวัดนั้นมี อยู่เดิมตามพระราชบัญญัติจัดต้ังจังหวัด มาตรา ๙ ให้จังหวัดจัดการตนเอง เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบลและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินรูปแบบพิเศษในพื้นที่ตามพระราชบัญญัตินี้มีความเป็นอิสระตามหลักการปกครองท้องถ่ินในการ กาหนดนโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะการจัดการศึกษาการบริหารงาน บุคคล การเงินการคลังและงบประมาณ รวมท้ังมีอานาจหน้าท่ีในการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมความหลากหลายทางชีวภาพท่ีอยู่ในเขตพื้นท่ีอย่างสมดุล และยั่งยืน มาตรา ๑๐ การกากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินต้องทาเพียงเท่าท่ีจาเป็นและมี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ชัดเจนสอดคล้องและเหมาะสมกับรูปแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยต้องเป็นไปเพื่อการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นหรือประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม และจะกระทบถึงสาระสาคัญแห่งหลักการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถ่ิน หรือ นอกเหนอื จากทีก่ ฎหมายบัญญตั ไิ วม้ ไิ ด้
-๕- หมวด ๒ จังหวัดจดั การตนเอง ----------------------------- มาตรา ๑๑ ให้การปกครองส่วนท้องถ่ินภายในจังหวัดมีสองระดับคือ องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นระดับจังหวัด ได้แก่ จังหวัดจัดการตนเองมีเขตพื้นที่การปกครองครอบคลุมท้ังจังหวัด และองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นระดับพื้นท่ี ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบลและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รปู แบบพเิ ศษในพื้นท่ี มาตรา ๑๒ ให้จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหน้าท่ีในการจัดทาบริการสาธารณะและ กิจกรรมสาธารณะ รวมถึงภารกิจอื่นเฉพาะในส่วนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งพ้ืนท่ีการปกครอง ครอบคลุมทั้งจังหวัด หรือภารกิจทจี่ ังหวดั จัดการตนเองเป็นผู้จัดทาจะก่อใหเ้ กิดการประหยดั ต่อขนาดและการ ลงทุนซึ่งเทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบลและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบพิเศษในพ้ืนท่ี ไม่สามารถ ดาเนินการได้เอง หรือจะไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการให้จังหวัดจัดการตนเองเป็นผู้จัดทา หรือให้การสนับสนุนภารกิจของเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลตามที่มีการร้องขอ หรืออาจจัดทาบริการ สาธารณะอื่นตามความตกลงร่วมกันกับเทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบลและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รูปแบบพิเศษในพน้ื ท่ี ทั้งนี้ ตามที่กาหนดในพระราชบญั ญตั ินแ้ี ละพระราชกฤษฎกี าจัดตงั้ มาตรา ๑๓ ให้เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบลและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบ พิเศษในพ้ืนที่มีอานาจหน้าท่ีในการจัดทาบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะ รวมถึงภารกิจอ่ืนเพื่อ ประโยชน์สุขของประชาชนในเขตพื้นท่ี และมีอานาจขอให้จังหวัดจัดการตนเองสนับสนุนการจัดทาบริการ สาธารณะและกิจกรรมสาธารณะ รวมถึงภารกิจอื่นที่จาเป็น หรืออาจจัดทาบริการสาธารณะอื่นตามความตก ลงรว่ มกันกับจังหวัดจัดการตนเอง ทั้งน้ี ตามทกี่ าหนดในพระราชบัญญัตนิ ้ีและพระราชกฤษฎกี าจดั ต้งั หมวด ๓ การบริหารราชการจังหวัดจัดการตนเอง ---------------------------------------- มาตรา ๑๔ จงั หวดั จดั การตนเอง ประกอบดว้ ย (๑) สภาจงั หวดั จัดการตนเอง (๒) ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดจัดการตนเอง (๓) สภาพลเมืองจงั หวดั จัดการตนเอง
-๖- สว่ นท่ี ๑ สภาจงั หวดั จดั การตนเอง มาตรา ๑๕ สมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเอง มาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน ตามกฎหมายวา่ ด้วยการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรอื ผ้บู ริหารทอ้ งถ่นิ มาตรา ๑๖ การเลือกต้ังสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองให้เป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการ เลอื กต้งั สมาชิกท้องถิ่นหรอื ผบู้ รหิ ารท้องถ่ิน มาตรา ๑๗ การกาหนดเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองให้คานึงถึงเขตพ้ืนท่ี และจานวนราษฎรเป็นเกณฑ์ โดยพยายามจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจานวนราษฎรใกล้เคียงกันเท่าที่จะเป็นไปได้ ท้งั นี้ การกาหนดเขตเลอื กตง้ั ให้เป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการเลือกตัง้ สมาชิกสภาท้องถ่นิ หรือผู้บรหิ ารท้องถ่นิ การเลือกต้ังสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเอง ให้ถือเกณฑ์จานวนราษฎรแต่ละจังหวดั จัดการ ตนเอง ตามหลกั ฐานการทะเบียนราษฎรทีป่ ระกาศในปสี ุดทา้ ยก่อนปีท่ีมีการเลือกต้งั ดงั น้ี (๑) กรณมี รี าษฏรไมเ่ กนิ หา้ แสนคน ให้มสี มาชกิ สภาจังหวัดจัดการตนเองไดส้ ามสบิ คน (๒) กรณีมีราษฎรเกินห้าแสนคนแต่ไม่เกินหน่ึงล้านคน ให้มีสมาชิกสภาจังหวัดจัดการ ตนเองสามสิบหกคน (๓) กรณีมีราษฏรเกินหนึ่งล้านคนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนคน ให้มีสมาชิกสภาจังหวัด จัดการตนเองไดส้ ีส่ บิ สองคน (๔) กรณีมีราษฏรเกินหน่ึงล้านห้าแสนคนแต่ไม่เกินสองล้านคน ให้มีสมาชิกสภาจังหวัด จัดการตนเองไดส้ ีส่ บิ แปดคน (๕) กรณีมีราษฏรเกินสองล้านคนข้ึนไป ให้มีสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองได้ห้าสิบสี่ คน มาตรา ๑๘ การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกต้ังของจังหวัดจัดการตนเองให้เป็นไปตามกฎหมายว่า ดว้ ยการเลือกต้ังสมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ หรอื ผบู้ ริหารทอ้ งถิน่ มาตรา ๑๙ ผู้มสี ทิ ธิเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาจังหวดั จดั การตนเองตอ้ งมคี ุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ตอ้ งห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาทอ้ งถิน่ หรือผบู้ ริหารท้องถน่ิ มาตรา ๒๐ ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองต้องมีคุณสมบัติ และไมม่ ีลกั ษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรในเขตจังหวัดจัดการ ตนเองท่ลี งสมัครรบั เลอื กตัง้ เปน็ เวลาติดตอ่ กันไมน่ ้อยกวา่ หน่ึงปีนับถงึ วนั สมคั รเลือกต้งั (๒) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจรติ ตอ่ หน้าท่ี หรือถอื วา่ กระทาการทจุ ริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (๓) มีคุณสมบตั ิและไม่มีลักษณะตอ้ งห้ามประการอืน่ ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาท้องถิ่นหรอื ผู้บริหารทอ้ งถิน่ มาตรา ๒๑ อายขุ องสภาจังหวดั จดั การตนเองมกี าหนดคราวละสป่ี ีนบั แตว่ นั เลอื กต้ัง สมาชิกภาพของสมาชกิ สภาจงั หวัดจัดการตนเองเรม่ิ แตว่ นั เลือกตัง้
-๗- มาตรา ๒๒ สมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อมในสญั ญาท่ีจังหวดั จัดการตนเองเป็นคู่สญั ญา หรือในกิจการท่ีกระทาให้แก่จังหวัดจดั การตนเอง หรอื ที่ จงั หวดั จดั การตนเองกระทา สมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองต้องไม่ดารงตาแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รฐั วิสาหกจิ หรือหนว่ ยงานเอกชนอันเปน็ การขดั กนั ของตาแหนง่ หนา้ ท่ี มาตรา ๒๓ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองส้ินสุดลงด้วยเหตุใดเหตุหน่ึง ดังต่อไปน้ี (๑) ถึงคราวออกตามอายุของสภาจังหวัดจัดการตนเองหรือมีการยุบสภาจังหวัดจัดการ ตนเอง (๒) ตาย (๓) ลาออกโดยยนื่ หนงั สอื ลาออกตอ่ ประธานสภา (๔) เมื่อองค์กรตามมาตรา ๒๔ มคี าวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา๒๐ (๕) เมอื่ องค์กรตามมาตรา ๒๔ มีคาวนิ จิ ฉัยว่ากระทาการอันเปน็ การตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๒๒ (๖) ขาดประชมุ สภาจังหวัดจัดการตนเองสามคร้ังตดิ ต่อกนั โดยไมม่ ีเหตผุ ลอนั สมควร (๗) สภาจังหวัดจัดการตนเองมีมติให้พ้นจากตาแหน่งเพราะมีความประพฤติในทางที่จะ นามาซึ่งความเสื่อมเสีย หรือกระทาการอันเส่ือมเสียประโยชน์ของสภาจังหวัดจัดการตนเอง โดยมีสมาชิก จานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกเท่าท่ีมีอยู่เข้าช่ือเสนอให้สภาจังหวัดจัดการตนเองพิจารณา และมติ ดงั กล่าวต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในส่ีของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ ท้ังน้ี ให้สมาชิกภาพสิ้นสุด ลงนบั แต่วันที่สภาจงั หวัดจัดการตนเองมีมติ (๘) ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังในเขตจังหวัดจัดการตนเองได้ลงคะแนนเสียงให้พ้นจาก ตาแหน่งตามกฎหมายว่าดว้ ยการลงคะแนนเสยี งเพือ่ ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถ่นิ หรือผ้บู ริหารทอ้ งถนิ่ มาตรา ๒๔ เมื่อมีกรณีสงสัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ใดสิ้นสุดลงตามมาตรา ๒๓ ให้ องค์กรดงั ต่อไปนีม้ ีอานาจสอบสวนและวนิ ิจฉยั โดยเร็ว (๑) กรณีมีเหตุสงสัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ใดสิ้นสุดลงตาม มาตรา ๒๓ (๓๔) ให้เป็น อานาจของคณะกรรมการการเลือกต้ังตามกฎหมายวา่ ด้วยการเลือกตั้งสมาชกิ สภาท้องถน่ิ หรือผ้บู ริหารท้องถิ่น (๒) กรณีมีเหตุสงสัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ใดส้ินสุดลงตามมาตรา ๒๓ (๔๕) และ มาตรา ๒๓ (๕๖) ให้เป็นอานาจของนายกรฐั มนตรี มาตรา ๒๕ ให้สภาจังหวัดจัดการตนเองเลือกสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองเป็น ประธานสภาจังหวัดจัดการตนเองคนหนึ่ง และรองประธานสภาจังหวัดจัดการตนเองสองคน และให้เลือก สมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองคนหนึ่งเป็นเลขานุการสภาจังหวัดจัดการตนเอง และให้หัวหน้าสานักงาน กิจการสภาจังหวัดจัดการตนเองคนหน่ึงเป็นผู้ช่วยเลขานุการสภาจังหวัดจัดการตนเองและให้มีอานาจแต่งตั้ง
-๘- พนักงานเจ้าหน้าท่ีของสานักงานกิจการสภาจังหวัดจัดการตนเองจานวนสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการสภา จงั หวัดจัดการตนเอง ให้สภาจังหวัดจัดการตนเองมีอานาจเลือกสมาชิกของสภาต้ังเป็นคณะกรรมาธิการประจา สภา เพ่ือกระทากจิ การพิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเร่ืองใด ๆ อันอยูใ่ นอานาจหน้าที่ของสภาแล้วรายงานต่อ สภา ให้สภาจังหวัดจัดการตนเองมีอานาจในการออกข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติ หน้าที่ของประธานสภา รองประธานสภา เรื่องหรือกิจการอันเป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมาธิการ วิธีการ ประชุม การเสนอและพิจารณาข้อบัญญัติ การเสนอญัตติ การปรึกษา การอภิปราย การลงมติ การบันทึกการ ลงมติ การเปิดเผยการลงมติ การต้ังกระทู้ถาม การเปิดอภิปรายทั่วไป การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย ของการประชมุ สภาและการอน่ื ท่ีเก่ียวขอ้ ง รวมท้ังมีอานาจในการตราข้อบังคับเก่ียวกับประมวลจริยธรรมของ สมาชิกสภาจังหวดั จัดการตนเอง มาตรา ๒๖ ให้มีสานักงานกิจการสภาจังหวัดจัดการตนเองทาหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของ สภา และเป็นหน่วยงานที่เป็นอิสระจากสานักงาน จังหวัดจัดการตนเองในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการอนื่ ท้ังน้ี ตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎกี าจัดตัง้ ให้สานกั งานกจิ การสภาตามวรรคหนึ่ง ทาหนา้ ท่ีธุรการของสภาและสง่ เสริมสนับสนุนกิจการ ของสภา ทง้ั น้ี อานาจหนา้ ทข่ี องสานกั งานกจิ การสภาใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกาจัดต้ัง มาตรา ๒๗ ใหส้ ภาจังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหนา้ ท่ี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัดจัดการตนเอง เพ่ือเป็นแนวทางในการบรหิ ารกิจการ ของจงั หวดั จดั การตนเอง (๒) พิจารณาและใหค้ วามเหน็ ชอบร่างขอ้ บัญญตั ิ (๓) ควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการตนเอง ให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย และแผนพัฒนาจังหวดั จัดการตนเอง (๔) ส่งเสรมิ สนับสนนุ และให้ความร่วมมอื รวมตลอดท้ังช้ีแจงทาความเข้าใจแกส่ ภาพลเมอื ง (๕) อนุมัติงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดาเนินการของสานักงานกิจการสภาจังหวัด จัดการตนเองและสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการ ตนเองเสนอ (๖) พิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้ดารงตาแหน่งคณะกรรมการตรวจสอบตามที่ สภาพลเมอื งจงั หวดั จดั การตนเองเสนอ (๖/๑) ตั้งคณะกรรมการสามัญหรือกรรมการวิสามัญเพ่ือกระทากิจการ พิจารณาสอบหา ข้อเท็จจริงหรอื ศกึ ษาเรอ่ื งใดๆ และรายงานใหส้ ภาจงั หวดั จดั การตนเองทราบ (๗) ปฏิบัตกิ ารอื่นตามที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญตั นิ ีแ้ ละกฎหมายอืน่ ในการดาเนินการตามอานาจหน้าท่ีของสภาจังหวัดจัดการตนเองและคณะกรรมการท่ีสภา จังหวัดจัดการตนเองแต่งต้ังขึ้น ให้มีอานาจเรียกบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ ให้มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดง ความคดิ เห็นหรอื สง่ เอกสารหลักฐานใดๆ เพือ่ ประกอบการพิจารณา
-๙- มาตรา ๒๘ ให้ประธาน รองประธานสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเอง กรรมการสามัญ และ กรรมการวิสามัญ ได้รบั เงินประจาตาแหนง่ เงินค่าเบ้ียประชุม และเงินตอบแทนหรือประโยชนต์ อบแทนอย่าง อนื่ ตามทกี่ าหนดในพระราชกฤษฎกี าจดั ตงั้ มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติน้ีหรือตามกฎหมายอ่ืน ให้สมาชิกสภา จังหวัดจัดการตนเองเป็นเจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา สว่ นท่ี ๒ ผู้วา่ ราชการจังหวัด มาตรา ๓๐ ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน ตามกฎหมายว่า ด้วยการเลือกตงั้ สมาชิกสภาท้องถิน่ หรือผบู้ ริหารทอ้ งถิ่น การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดให้ใช้วิธีการออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ โดยใช้เขต จังหวดั จดั การตนเองเป็นเขตเลอื กตั้ง มาตรา ๓๑ ผวู้ ่าราชการจังหวดั อาจแต่งต้งั รองผู้ว่าราชการจังหวัดตามจานวนดังตอ่ ไปนี้ (๑) ในกรณีที่สภาจังหวัดจัดการตนเองมีสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองสามสิบคน ให้ แตง่ ต้ังรองผู้วา่ ราชการจงั หวดั ไดไ้ ม่เกนิ สามคน (๒) ในกรณที ี่สภาจังหวัดจัดการตนเองมีสมาชิกสภาจังหวดั จัดการตนเองสามสบิ หกคนหรือ สส่ี ิบสองคน ให้แตง่ ตงั้ รองผู้วา่ ราชจังหวดั ได้ไมเ่ กินสค่ี น (๓) ในกรณีที่สภาจังหวัดจัดการตนเองมีสมาชิกสภาจังหวัดจัดการตนเองส่ีสิบแปดคนหรือ ห้าสบิ ส่ี ให้แตง่ ตง้ั รองผู้วา่ ราชการจงั หวัดไดไ้ มเ่ กินหา้ คน ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจแต่งต้ังเลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัด และที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ จังหวัด จากผู้ท่ีมิได้ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าท่ีของรัฐและสมาชิกสภาพลเมือง เป็น ผู้ช่วยเหลือในการบริหารงานของจังหวัดจัดการตนเองตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายได้ตามพระราช กฤษฎีกาจัดต้ัง รองผู้ว่าราชการจังหวัด เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัด และที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไม่ เปน็ สมาชกิ สภาพลเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดให้นาบทบัญญัติว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ว่าราชการ จังหวดั ตามพระราชบญั ญัติน้ี มาใชบ้ งั คับ โดยอนโุ ลม มาตรา ๓๒ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การเลือกตงั้ สมาชิกสภาท้องถ่ิน หรอื ผู้บริหารท้องถ่ิน มาตรา ๓๓ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง ให้เป็นไปตาม มาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา ๓๔ ผวู้ ่าราชการจังหวดั มีวาระการดารงตาแหนง่ คราวละส่ีปีนบั แต่วันเลือกตั้ง แต่จะ ดารงตาแหนง่ ติดต่อกันเกินกว่าสองวาระมไิ ด้
-๑๐- มาตรา ๓๕ ผู้ว่าราชการจงั หวัด รองผูว้ ่าราชการจังหวดั ตอ้ งไม่กระทาการฝ่าฝืนมาตรา ๒๒ มาตรา ๓๖ ผู้วา่ ราชการจังหวดั จงั หวดั พ้นจากตาแหนง่ เมื่อ (๑) ถึงคราวออกตามวาระ (๒) ตาย (๓) ลาออก โดยยนื่ หนงั สอื ลาออกตอ่ นายกรัฐมนตรี (๔) ขาดคณุ สมบัติหรอื มลี กั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๒๐ (๕) กระทาการฝา่ ฝืนมาตรา ๒๒ (๖) ตอ้ งคาพพิ ากษาให้จาคุกและถูกคุมขังโดยหมายของศาล (๗) ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตจังหวัดจัดการตนเองได้ลงคะแนนเสียงให้พ้นจากตาแหน่ง ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าช่ือเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาทอ้ งถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นมีจานวนไม่น้อยกว่าห้าพัน คนมีสิทธิเข้าชื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เม่ือเห็นว่าผู้ว่าราชการจังหวัดไม่สมควรดารงตาแหน่งต่อไป โดยต้อง ระบุพฤตกิ ารณท์ ีก่ ลา่ วหาวา่ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั กระทาผดิ เป็นข้อ ๆ ให้ชดั เจน เมื่อมีกรณีสงสัยเกี่ยวกับความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสิ้นสุดลงตาม (๔) ให้อานาจ คณะกรรมการการเลือกต้ังตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่ิน หรือผู้บริหารท้องถ่ินทาการ สอบสวนและวินจิ ฉัยโดยเรว็ หรือส้ินสดุ ลงตาม (๕) ให้อานาจนายกรฐั มนตรที าการสอบสวนและวินิจฉัยโดยเร็ว คาวินิจฉัยของคณะกรรมการดงั กล่าวหรอื คาวนิ ิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นทีส่ ุด ในระหว่างท่ีไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัด ให้หัวหน้าสานักงานจังหวัด จัดการตนเองปฏิบัติหน้าท่ีของผู้ว่าราชการจังหวัด เท่าท่ีจาเป็นได้เป็นการชั่วคราว จนถึงวันประกาศผลการ เลือกต้งั ผวู้ ่าราชการจังหวดั ทั้งน้ี ตามทีก่ าหนดในพระราชกฤษฎีกาจดั ตั้ง มาตรา ๓๗ รองผู้ว่าราชการจงั หวัดพ้นจากตาแหนง่ เม่ือ (๑) ผู้วา่ ราชการจงั หวัดพ้นจากตาแหน่ง (๒) ผู้ว่าราชการจังหวดั มีคาสง่ั ให้พน้ จากตาแหน่ง (๓) ตาย (๔) ลาออก โดยย่นื หนังสอื ลาออกตอ่ ผู้วา่ ราชการจังหวดั (๕) ขาดคุณสมบตั ิหรอื มลี กั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๒๐ (๖) กระทาการฝ่าฝืนมาตรา ๒๒ (๗) ตอ้ งคาพิพากษาให้จาคุกและถกู คมุ ขงั โดยหมายของศาล กรณีมีเหตุแห่งการพ้นจากตาแหน่งตาม (๕) และ (๖) ให้นาความในวรรคสองของมาตรา ๓๖ มาใชบ้ งั คบั โดยอุโลม เม่ือรองผู้ว่าราชการจังหวัดพ้นจากตาแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจแต่งต้ังบุคคลดารง ตาแหนง่ แทนตาแหน่งท่ีว่างลง มาตรา ๓๘ ให้ผู้ว่าราชการจงั หวดั มอี านาจหน้าท่ดี ังต่อไปนี้ (๑) กาหนดนโยบายและการบริหารจงั หวดั จดั การตนเอง (๒) พิจารณาและออกประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ และข้อบัญญัติ ของจังหวัดจัดการตนเอง ในกรณีที่พระราชบัญญัติน้ีหรือกฎหมายอ่ืนกาหนดให้กิจการใดต้องเป็นอานาจหน้าท่ีของจังหวั ดจัดการ ตนเอง
-๑๑- (๓) ประกาศใช้แผนพัฒนาจงั หวัดจัดการตนเอง ทีผ่ ่านความเห็นชอบจากสภาจังหวัดจัดการ ตนเอง (๔) สง่ั อนญุ าต อนุมตั ิเก่ยี วกับกจิ การของจงั หวดั จัดการตนเอง (๕) ให้การสนับสนุน ให้คาปรึกษาและแนะนาการบริหารงานของเทศบาลและองค์การ บรหิ ารส่วนตาบลในเขตจงั หวดั จดั การตนเอง (๖) แต่งตั้งและถอดถอนรองผู้ว่าราชการจังหวัด เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัด เลขานุการ รองผวู้ า่ ราชการจังหวดั ทปี่ รึกษาผ้วู ่าราชการจงั หวดั และท่ปี รึกษารองผวู้ ่าราชการจังหวดั (๗) บริหารงานตามท่คี ณะรฐั มนตรหี รือนายกรฐั มนตรีมอบหมาย (๘) วางระเบียบเพือ่ ใหก้ ิจการของจงั หวดั จดั การตนเองเป็นไปโดยเรยี บร้อย (๙) วางระเบียบการเงิน การคลัง การงบประมาณ การทรพั ย์สิน การจดั หาผลประโยชน์จาก ทรพั ย์สิน การจ้าง การบริหารบคุ คล และการพสั ดุของจงั หวัดจัดการตนเอง (๑๐) รักษาการใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บญั ญัติ (๑๑) พิจารณาอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดาเนินการของสภาพลเมืองเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปไม่ นอ้ ยกวา่ ร้อยละหนงึ่ ของงบประมาณรายจา่ ยประจาปี (๑๒) อานาจหน้าที่อื่นตามท่ีกาหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง หรือตามท่ีกฎหมายอ่ืน กาหนด มาตรา ๓๙ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการตนเองเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเจ้าหน้าที่ของ จังหวัดจดั การตนเอง และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของจงั หวัดจัดการตนเอง และให้มีอานาจหน้าที่ตาม กฎหมายอ่ืนท่ีกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด แล้วแต่ กรณีโดยอนุโลม ทง้ั นเ้ี วน้ แตพ่ ระราชบญั ญตั ินีจ้ ะได้บัญญัติไวเ้ ปน็ อย่างอ่ืน มาตรา ๔๐ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรองผู้ว่าราชการจังหวัด เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัด เลขานุการรองผู้ว่าราชการจังหวัด ท่ีปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดและท่ีปรึกษารองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้รับ เงินเดือน เงินประจาตาแหน่ง เงินค่าตอบแทนหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นตามท่ีกาหนดในพระราช กฤษฎกี าจัดต้งั มาตรา ๔๑ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติน้ีหรือตามกฎหมายอื่น ให้ผู้ว่าราชการ จงั หวดั และรองผู้วา่ ราชการจงั หวัด เปน็ เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ส่วนท่ี ๓ สภาพลเมอื งจังหวดั จดั การตนเอง มาตรา ๔๒ ให้มีสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและ สนับสนุนให้ประชาชนมีสว่ นร่วมในการกาหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดบั ท้องถ่ิน การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม รวมท้ังการจัดทาบริการสาธารณะ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบ การใช้อานาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ จากองค์กร ภาคชุมชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาชีพ ภาควิชาการ และภาคส่วนอ่ืนที่เป็นประโยชน์ในการ ดาเนินงานของสภาพลเมือง จานวนสมาชิกสภาพลเมืองเท่าท่ีจะพึงมีตามท่ีกาหนดในข้อบัญญัติ โดยคานึงถึง
-๑๒- สัดส่วนความเท่าเทียมระหว่างเพศ กลุ่มชาติพันธ์ุ และผู้ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย ท้ังน้ี คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาและการพ้นจากตาแหน่งสมาชิกสภาพลเมือง ให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ใน ข้อบญั ญตั ิ ใหส้ มาชิกสภาพลเมืองได้รับเบ้ียประชุมและคา่ ตอบแทนอยา่ งอืน่ ตามทก่ี าหนดโดยขอ้ บัญญัติ จากงบประมาณของสภาพลเมืองจังหวัดจดั การตนเอง ใหน้ าบทบัญญตั ใิ นมาตรา ๒๔ มาใชบ้ งั คับกบั สมาชกิ สภาพลเมอื งโดยอนโุ ลม มาตรา ๔๓ วาระของสมาชิกสภาพลเมืองมีกาหนดคราวละสปี่ ีนบั แตว่ ันที่ไดร้ บั แต่งต้ัง สมาชกิ ภาพของสมาชิกสภาพลเมืองเร่มิ ตงั้ แตว่ ันทีไ่ ดร้ ับการสรรหา มาตรา ๔๔ สภาพลเมอื งมอี านาจหน้าท่ี ดงั ต่อไปนี้ (๑) กาหนดทิศทางและการจัดทาแผนพัฒนาท้องถิ่นในด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้าน การศึกษา ดา้ นวฒั นธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม และดา้ นอ่นื รว่ มกบั ผูว้ า่ ราชการจงั หวัด (๒) ติดตามตรวจสอบการดาเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามทิศทาง และแผนการพัฒนาทอ้ งถนิ่ ตาม (๑) (๓) เสนอชือ่ บคุ คลเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ (๔) ประสานการดาเนินงาน ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติตามแนวนโยบายและ แผนพัฒนาทอ้ งถ่ิน (๕) ส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกาหนดทิศทางและการทาแผนพัฒนา ท้องถ่ินตาม (๑) การติดตามตรวจสอบการดาเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม (๒) รวมทั้งการ ส่งเสรมิ และสนบั สนุนกระบวนการเรียนร้หู รือการศึกษาประชาธิปไตย (๖) จัดประชุมสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองเพื่อวัตถุประสงค์ตาม (๑) และ (๒) อย่าง นอ้ ยปลี ะหน่งึ ครั้ง (๗) หน้าทอ่ี ่นื ตามท่ีกาหนดในข้อบญั ญตั ิ การกาหนดทศิ ทางและการจัดทาแผนพัฒนาท้องถิ่นตาม (๑) ต้องเกิดข้นึ จากกระบวนรว่ มกัน ของสภาพลเมืองและผู้วา่ ราชการจังหวัด ในการปฏิบัติหน้าที่ของสภาพลเมืองตามพระราชบัญญัติน้ี ให้สภาพลเมืองมีหนังสือให้ผู้ว่า ราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตาบล สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงาน ของรัฐ หน่วยงานเอกชน หรือบุคคลใด ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือส่งเอกสารท่ีเก่ียวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา ของสภาพลเมอื งได้ มาตรา ๔๕ ให้มีสานักงานสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองรับผิดชอบงานธุรการของสภา พลเมือง ตลอดจนสารวจ ศึกษาและวิเคราะห์เร่ืองที่อยู่ในหน้าท่ีของสภาพลเมือง พร้อมท้ังจัดทารายงาน ประจาปีเก่ียวกับผลงานและอุปสรรคในการดาเนินงานของสภาพลเมืองเพ่ือเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด สภา จังหวดั จัดการตนเอง และสมัชชาพลเมืองจงั หวดั จดั การตนเอง
-๑๓- หมวด ๔ การบรหิ ารเทศบาลหรอื องค์การบรหิ ารส่วนตาบล ---------------------------------------- มาตรา ๔๖ เทศบาลประกอบดว้ ย (๑) สภาเทศบาล (๒) นายกเทศมนตรี (๓) สภาพลเมอื งเทศบาล มาตรา ๔๗ องค์การบริหารส่วนตาบลประกอบด้วย (๑) สภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล (๒) นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล (๓) สภาพลเมืององค์การบรหิ ารส่วนตาบล มาตรา ๔๘ การกาหนดจานวนและอาณาเขตพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลหรือองค์การ บริหารส่วนตาบลภายในเขตจังหวัดจัดการตนเองใด ให้พิจารณาถึงจานวนและอาณาเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบเดิม ของเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาลหรืออาณาเขตพ้ืนทรี่ ับผิดชอบเดิมขององค์การบริหารส่วนตาบลตาม กฎหมายวา่ ด้วยสภาตาบลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล ท่เี คยประกาศใช้บงั คับในเขตจังหวัดเดมิ จานวนและอาณาเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบของเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลภายในเขต จงั หวัดจัดการตนเอง ให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจดั ตั้ง มาตรา ๔๙ เพ่ือประโยชน์แก่การปกครองท้องถิ่นและการจัดทาบริหารสาธารณะที่ทั่วถึง แก่ประชาชนในท้องถ่ิน การจัดต้ัง การเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนท่ีหรือการเปล่ียนแปลงรูปแบบเทศบาลหรือ องค์การบริหารส่วนตาบลขึ้นใหม่ในเขตจังหวัดจัดการตนเอง ให้กระทาได้โดยออกเป็นประกาศจังหวัดจัดการ ตนเอง ท้งั น้ี เง่ือนไขและวธิ กี ารใหมใ่ ห้เปน็ ไปตามที่กาหนดไว้ในพระราชกฤษฎกี าจดั ตงั้ สว่ นท่ี ๑ สภาเทศบาลหรือสภาองคก์ ารบริหารส่วนตาบล มาตรา ๕๐ สภาเทศบาลหรือสภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลประกอบดว้ ยสมาชิกสภามาจาก การเลอื กตั้งโดยตรงของประชาชนในเขตเลือกตง้ั ตามกฎหมายว่าด้วยการเลอื กตั้งสมาชิกสภาทอ้ งถิน่ และ ผบู้ รหิ ารทอ้ งถ่นิ การเลือกต้ังสมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบลให้ใช้วิธีการออก เสียงลงคะแนนโดยตรงและลบั โดยใชเ้ ขตเทศบาลหรอื สภาองค์การบริหารส่วนตาบลเป็นเขตเลอื กตง้ั มาตรา ๕๑ การกาหนดเขตเลือกตง้ั สมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน ตาบลใหเ้ ปน็ ไปตามทคี่ ณะกรรมการการเลือกต้ังตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตง้ั กาหนด
-๑๔- ในสภาเทศบาลใดหรือสภาองค์การบริหารส่วนตาบลใด ภายในเขตจังหวัดจัดการตนเอง จะ พึงมจี านวนสมาชกิ เทา่ ใดให้เปน็ ไปตามพระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั มาตรา ๕๒ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังสมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบล ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหาร ท้องถิ่น มาตรา ๕๓ ให้นาความในมาตรา ๒๐ มาใช้บังคับกับการกาหนดคุณสมบัติและลักษณะ ต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบลโดย อนโุ ลม มาตรา ๕๔ อายุของสภาเทศบาลหรือสภาองค์การบริหารส่วนตาบลมีกาหนดคราวละสี่ปี นับแตว่ ันเลอื กต้ัง สมาชกิ ภาพของสมาชกิ สภาเทศบาลหรอื สภาองค์การบริหารสว่ นตาบลเริ่มแต่วนั เลอื กตัง้ มาตรา ๕๕ ให้นาความในมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับกับการพ้นจากตาแหน่ง ของสมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลโดยอนโุ ลม มาตรา ๕๖ สมาชิกสภาเทศบาลหรือสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบลจะต้องไม่กระทา การฝ่าฝืนมาตรา ๒๒ โดยอนโุ ลม มาตรา ๕๗ ใหส้ ภาเทศบาลหรือสภาองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลแล้วแต่กรณเี ลือกสมาชิกสภา เป็นประธานสภาคนหน่ึง และรองประสภาสองคน และให้เลือกสมาชิกสภาอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการ และให้ เลือกพนักงานเจ้าหน้าท่ขี องสานักงานกจิ การสภาคนหนง่ึ เป็นผชู้ ว่ ยเลขานุการสภา มาตรา ๕๘ ใหม้ ีสานักงานกจิ การสภาเทศบาลหรือสานกั งานกจิ การสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ น ตาบลแล้วแต่กรณี ทาหน้าท่ีเป็นฝา่ ยเลขานุการของสภา และเป็นหน่วยงานท่ีเป็นอิสระจากสานักงานเทศบาล หรือสานักงานองค์การบริหารส่วนตาบลในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการอื่น ทั้งนี้ ตาม ท่ี กาหนดในพระราชกฤษฎีกาจัดต้งั ให้สานกั งานกิจการสภาตามวรรคหนึ่ง ทาหน้าท่ีธรุ การของสภาและส่งเสรมิ สนับสนนุ กิจการ ของสภา ทง้ั นี้ อานาจหนา้ ทข่ี องสานักงานกจิ การให้เปน็ ไปตามที่กาหนดในพระราชกฤษฎกี าจดั ต้ัง มาตรา ๕๙ สภาเทศบาลหรือสภาองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณี มีอานาจหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เพ่ือเป็นแนวทางในการบริหาร กจิ การขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินน้นั (๒) พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติ ร่างข้อบัญญัติว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย ประจาปี และรา่ งขอ้ บญั ญัตวิ า่ ด้วยงบประมาณรายจา่ ยเพมิ่ เติม (๓) ควบคุมการปฏิบัติงานของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ให้เป็นไปตาม กฎหมาย นโยบาย แผนพัฒนาท้องถิ่นองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ข้อบัญญัติ กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของ องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ (๔) ส่งเสริม สนับสนนุ และให้ความร่วมมอื รวมตลอดท้ังช้ีแจงทาความเข้าใจแก่สภาพลเมอื ง เทศบาลหรอื สภาพลเมืององค์การบรหิ ารส่วนตาบล
-๑๕- (๕) อนุมัตงิ บประมาณอุดหนนุ ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการของสภาพลเมืองเทศบาล หรือสภา พลเมอื งองค์การบริหารส่วนตาบลเปน็ เงนิ อดุ หนุนทั่วไปตามทผ่ี บู้ รหิ ารองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ นน้ั เสนอ (๖) ปฏิบตั กิ ารอื่นตามทีก่ าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎีกาจัดตง้ั และกฎหมายอืน่ สว่ นที่ ๒ นายกเทศมนตรีหรอื นายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบล มาตรา ๖๐ นายกเทศมนตรีและนายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบลจากการเลอื กตั้งโดยตรงของ ประชาชนในเขตเลอื กตง้ั การเลือกต้ังนายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารส่วนตาบลให้ใช้วิธีการออกเสียง ลงคะแนนโดยตรงและลับ โดยใชเ้ ขตเทศบาลหรอื เขตองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลแลว้ แต่กรณเี ป็นเขตเลือกตัง้ การ เลื อกต้ั ง น าย ก เท ศ มน ต รีห รือ น าย กอ งค์ก ารบ ริ ห าร ส่ ว น ต าบ ล ให้ ถือเขต องค์อ งค์ก ร ปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นนนั้ เป็นเขตเลอื กต้งั มาตรา ๖๑ นายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารส่วนตาบลอาจแต่งต้ังรอง นายกเทศมนตรีหรือรองนายกองค์การบริหารส่วนตาบล จากผู้ที่มิได้ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าท่ีของรัฐและสมาชิกสภาพลเมือง ตามจานวนท่ีกาหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดต้ัง โดยต้องคานึงถึง สัดส่วนความเสมอภาคระหว่างเพศด้วย ในการลงสมัครรบั เลือกต้งั เปน็ นายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารสว่ นตาบล ให้ผ้สู มคั ร รับเลือกตั้งเสนอชื่อบุคคลที่จะดารงตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีหรือรองนายกองค์การบริหารส่วนตาบล แล้วแต่กรณี โดยเสนอช่ือได้ไม่เกินตามจานวนที่กฎหมายกาหนด และต้องมีหลักฐานท่ีแสดงให้เห็นว่าบุคคล ดังกล่าวพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ และให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยส่งเอกสาร หลกั ฐานดังกลา่ วในวันที่ลงสมัครรับเลอื กตง้ั มาตรา ๖๒ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารส่วนตาบลต้องมี คณุ สมบตั ิและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าดว้ ยการเลือกตัง้ สมาชกิ สภาทอ้ งถิ่นและผบู้ ริหารท้องถิ่น มาตรา ๖๓ ให้นาความในมาตรา ๒๐ มาใช้บังคับกับการกาหนดคุณสมบัติและลักษณะ ต้องหา้ มของผู้มีสทิ ธิสมัครรบั เลือกตง้ั เปน็ นายกเทศมนตรีและนายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบล โดยอนโุ ลม มาตรา ๖๔ นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบลมีวาระการดารงตาแหน่ง คราวละสี่ปีนับแตว่ นั เลอื กตงั้ แต่จะดารงตาแหน่งติดตอ่ กนั เกินกว่าสองวาระมิได้ มาตรา ๖๕ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตาบลจะต้องไม่กระทาการฝ่าฝืน มาตรา ๒๒ โดยอนุโลม มาตรา ๖๖ ให้นาความในมาตรา ๓๖ มาใช้บังคับกับการพ้นจากตาแหน่งของ นายกเทศมนตรีและนายกองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลโดยอนุโลม
-๑๖- มาตรา ๖๗ ให้นาความในมาตรา ๓๗ มาใช้บังคับกับการพ้นจากตาแหน่งของรอง นายกเทศมนตรีและรองนายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลโดยอนุโลม มาตรา ๖๘ ให้นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบล มีอานาจและหน้าที่ ดังต่อไปน้ี (๑) กาหนดนโยบายและการบรหิ ารเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณี โดย ไมข่ ดั ต่อกฎหมาย (๒) พิจารณาและออกประกาศของเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณี ใน กรณีที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกาหนดให้กิจการใดต้องเป็นอานาจหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วน ท้องถน่ิ น้ัน (๓) ประกาศใช้แผนพัฒนาเทศบาลหรือแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตาบล ท่ีผ่านความ เหน็ ชอบจากสภาองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ นัน้ แล้วแต่กรณี (๔) สง่ั อนญุ าต อนุมัตเิ ก่ยี วกบั กิจการขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ นน้ั แลว้ แต่กรณี (๕) แต่งตั้งและถอดถอนรองนายกเทศมนตรี รองนายกองค์การบริหารส่วนตาบล เลขานุการนายกเทศมนตรีหรือเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตาบล ท่ีปรึกษานายกเทศมนตรีหรือท่ี ปรึกษานายกองค์การบริหารสว่ นตาบลนัน้ แลว้ แต่กรณี (๖) บรหิ ารงานตามทค่ี ณะรัฐมนตรีหรอื นายกรัฐมนตรมี อบหมาย (๗) วางระเบียบเพอ่ื ใหก้ จิ การขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นนน้ั ให้เป็นไปโดยเรยี บร้อย (๘) วางระเบียบการเงิน การคลัง การงบประมาณ การทรัพย์สิน การจัดหาผลประโยชน์ จากทรัพยส์ ิน การจา้ ง การบรหิ ารบุคคล และการพสั ดุขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นน้ัน (๙) รักษาการให้เปน็ ไปตามเทศบญั ญัตหิ รือข้อบญั ญตั ิ (๑๐) พิจารณาอุดหนุนค่าใชจ้ า่ ยในการดาเนนิ การของสภาพลเมอื งเทศบาลหรอื สภาพลเมอื ง องค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณีเป็นเงินอุดหนุนท่ัวไปไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งของงบประมาณรายจ่าย ประจาปี (๑๑) อานาจหน้าท่ีอื่นตามที่กาหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง หรือตามที่กฎหมายอ่ืน กาหนด สว่ นที่ ๓ สภาพลเมืองเทศบาลหรอื สภาพลเมืององคก์ ารบริหารสว่ นตาบล มาตรา ๖๙ ให้นาบทบัญญัติวา่ ด้วยสภาพลเมืองตามส่วนที่ ๓ หมวด ๓ แห่งพระราชบัญญัติ น้ี มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลมกับสภาพลเมอื งเทศบาลหรอื สภาพลเมอื งองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลแล้วแต่กรณี หมวด ๕ อานาจหน้าที่ของจงั หวดั จัดการตนเอง เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบล ------------------------------
-๑๗- สว่ นท่ี ๑ อานาจหน้าท่ีของจงั หวัดจัดการตนเอง มาตรา ๗๐ จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหน้าท่ีท้ังปวงในการดูแลและจัดทาบริการ สาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นและการพาณิชย์หรือการหาประโยชน์จากทรั พย์สินและ ทรัพยากรในเขตพ้ืนที่ รวมท้ังมีอานาจในการออกข้อบัญญัติเพ่ือประโยชน์ในการดังกล่าว ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุนการจัดทาบริการสาธารณะ ในเขตพืน้ ที่จงั หวดั จัดการตนเอง ในข้อบัญญัติจังหวัดจัดการตนเองจะกาหนดโทษผู้ละเมิดข้อบัญญัติไว้ด้วยก็ได้ แต่มิให้ กาหนดโทษปรับทางปกครองเกินหนึ่งแสนบาทสาหรับบุคคลธรรมดาและปรับอีกวันละไม่เกินหน่ึงหม่ืนบาท ตลอดเวลาท่ียังมิได้ปฏิบัติตามข้อบัญญัติ และมิให้กาหนดโทษปรับทางปกครองเกินหนึ่งล้านบาทสาหรับนิติ บุคคลและปรับอีกวันละไม่เกินหน่ึงแสนบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติตามข้อบัญญัติ เว้นแต่จะมีกฎหมาย บัญญตั ิไวเ้ ปน็ อย่างอ่นื อานาจหนา้ ทต่ี ามวรรคหนงึ่ ให้หมายรวมถึงบรรดาอานาจหนา้ ท่อี น่ื ตามท่กี ฎหมายกาหนด อานาจหนา้ ที่ของจงั หวดั จัดการตนเองตามวรรคหน่ึง ไมร่ วมถึงกิจการดังตอ่ ไปน้ี (๑) ดา้ นการป้องกันประเทศ (๒) ด้านการคลังของรัฐและระบบเงินตรา (๓) ดา้ นกระบวนการยตุ ิธรรม ยกเว้น การรกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยภายในทอ้ งถ่ิน (๔) ด้านความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศ มาตรา ๗๑ ให้จังหวดั จัดการตนเองมีอานาจหนา้ ทีบ่ ารุงรกั ษาศิลปะ จารีตประเพณี ภมู ิ ปัญญาท้องถ่นิ และวฒั นธรรมอันดีของท้องถ่นิ จงั หวดั จดั การตนเองย่อมมสี ิทธทิ ี่จะจดั การศึกษาอบรม และการฝึกอาชีพตามความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถิ่นน้ัน และเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอบรมของรัฐ โดยคานึงถึงความ สอดคล้องกับมาตรฐานและระบบการศกึ ษาของชาติ การจัดการศึกษาอบรมภายในจังหวัดจัดการตนเองตามวรรคสอง ต้องคานึงถึงการ บารงุ รกั ษาศิลปะ จารตี ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถนิ่ และวัฒนธรรมอันดขี องทอ้ งถ่นิ ด้วย มาตรา ๗๒ ให้จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดงั นี้ (๑) การจัดการ การบารุงรกั ษา และการใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่อยใู่ นเขตพื้นท่ี (๒) การเข้าไปมีส่วนร่วมในการบารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ีอยู่นอกเขต พื้นท่ี เฉพาะในกรณที ่ีอาจมีผลกระทบต่อการดารงชีวิตของประชาชนในพนื้ ท่ีของตน (๓) การมีส่วนร่วมในการพิจารณาเพ่ือริเริ่มโครงการหรือกิจกรรมใดนอกเขตพ้ืนที่ซึ่งอาจมี ผลกระทบต่อคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มหรอื สขุ ภาพอนามัยของประชาชนในพื้นท่ี (๔) การติดตามตรวจสอบและเปิดเผยข้อมลู ที่เกี่ยวข้องกับคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มในท้องถน่ิ การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามวรรคหนึ่งต้องให้ประชาชนในท้องถ่ินมีส่วน ร่วม
-๑๘- มาตรา ๗๓ จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจในการจัดทาบริการสาธารณะฝ่ายเดียว หรือ ร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอ่ืนในการจัดทา บริการสาธารณะที่จัดทาข้ึนภายในเขตพื้นท่ีของจังหวัดจัดการตนเองนั้น หรือมีความเกี่ยวเน่ืองจังหวัดจัดการ ตนเองนนั้ หรือในกรณจี ัดทาขน้ึ นอกเขตพนื้ ที่แตเ่ ป็นไปเพื่อประโยชนแ์ ก่จงั หวัดจัดการตนเองน้นั มาตรา ๗๔ ให้จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจในการประกอบกิจการเองฝ่ายเดียวหรือการ ร่วมประกอบกิจการพาณิชย์กับหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ที่มีสถานที่ต้ังอยู่ในเขตจังหวัด จัดการตนเองน้ัน ๆ สว่ นท่ี ๒ สานกั งานจังหวัดจดั การตนเอง มาตรา ๗๕ ให้จังหวัดจัดการตนเองมีสานักงานจังหวัดจัดการตนเองเป็นหน่วยธุรการ ทา หน้าที่อานวยการและสนบั สนุนภารกจิ ทั้งปวงตามอานาจหนา้ ท่ีของจงั หวัดจัดการตนเองขึ้นตรงตอ่ ผู้วา่ ราชการ จงั หวดั สานักงานจังหวดั จดั การตนเองมีหัวหน้าสานักงานจังหวัดจัดการตนเองทาหนา้ ท่ีบังคับบญั ชา กิจการของสานักงานจังหวัดจัดการตนเอง และเป็นผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการตนเองในการบังคับบัญชา พนักงานเจา้ หนา้ ท่ีของสานักงานจังหวดั จัดการตนเอง หัวหน้าสานักงานจังหวัดจัดการตนเองให้มาจากการสรรหาของผู้ว่าราชการจังหวัด จากผู้มี ความรู้ ความซื่อสัตย์สุจริตและประสบการณ์เช่ียวชาญด้านการบริหารองค์กรเป็นที่ประจักษ์ ตลอดจนมีความ เขา้ ใจในด้านการปกครองท้องถ่ินเป็นอย่างดี การสรรหาหัวหน้าสานักงานจังหวดั จัดการตนเองให้เป็นไปตามท่ี กาหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎกี าจัดตง้ั หัวหน้าสานักงานจังหวัดจัดการตนเองมีวาระในการดารงตาแหน่งคราวละส่ีปีและอาจได้รับ สรรหาใหมอ่ กี ได้ เงินค่าตอบแทนหัวหน้าสานักงานจังหวัดจัดการตนเองให้เป็นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด กาหนด มาตรา ๗๖ การแบ่งส่วนองค์กรภายในสานักงานจังหวัดจัดการตนเอง ให้เป็นไปตามท่ี กาหนดไว้ในพระราชกฤษฎกี าจัดตั้งและข้อบัญญัติ ส่วนที่ ๓ อานาจหนา้ ทีข่ องเทศบาลและองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล มาตรา ๗๗ ให้เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลมีความเป็นอิสระในการกาหนด นโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงิน การคลังและงบประมาณ รวมท้ัง มีอานาจหน้าท่ีในการจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพท่ีอยู่ในเขตพื้นที่ อย่างสมดุลและย่ังยืน รวมทั้งมีอานาจในการออกเทศบัญญัติ หรอื ข้อบญั ญัตเิ พ่อื ประโยชนใ์ นการดงั กล่าว
-๑๙- ในเทศบัญญัตหิ รือข้อบัญญัตจิ ะกาหนดโทษผู้ละเมิดเทศบัญญัติหรอื ข้อบัญญัติไวด้ ้วยก็ได้ แต่ มิให้กาหนดโทษปรับทางปกครองเกินหนึ่งแสนบาทสาหรับบุคคลธรรมดาและปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่น บาทตลอดเวลาท่ียังมิได้ปฏิบัติตามเทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติ และมิให้กาหนดโทษปรับทางปกครองเกินหน่ึง ลา้ นบาทสาหรับนิตบิ ุคคลและปรับอกี วันละไม่เกินหน่งึ แสนบาทตลอดเวลาท่ยี ังมิได้ปฏิบัติตามเทศบญั ญัตหิ รือ ข้อบัญญตั ิ เวน้ แตจ่ ะมกี ฎหมายบญั ญตั ไิ วเ้ ปน็ อยา่ งอื่น มาตรา ๗๘ ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติน้ีให้เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลเป็น นิติบุคคล มีอานาจหน้าท่ีตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยเทศบาลมาตรา ๕๐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ และมาตรา ๕๖ และอานาจหนา้ ท่ีตามทีก่ าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎีกาจัดตง้ั อานาจหน้าท่ีอ่ืนท่ีนอกจากวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามความตกลงร่วมกันระหว่างจังหวัดจัดการ ตนเองกบั เทศบาลหรอื องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลแล้วแตก่ รณี มาตรา ๗๙ ให้เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลมีสานักงานเทศบาลหรือสานักงาน องค์การบริหารส่วนตาบลเป็นหนว่ ยธรุ การ ทาหน้าท่ีอานวยการและสนับสนนุ ภารกิจท้ังปวงตามอานาจหน้าที่ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ นน้ั ข้นึ ตรงตอ่ นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบลแลว้ แต่กรณี ให้สานักงานเทศบาลหรือสานักงานองค์การบริหารส่วนตาบลมีหัวหน้าสานักงานทาหน้าท่ี บั ง คั บ บั ญ ช า กิ จ ก า ร ข อ งส า นั ก ง า น เท ศ บ า ล ห รื อ ส า นั ก ง า น อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น ต า บ ล แ ล ะ เป็ น ผู้ ช่ ว ย นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณี ในการบังคับบัญชาพนักงานเจ้าหน้าที่ของ องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ น้ัน ให้หัวหน้าสานักงานเทศบาลหรือสานักงานองค์การบริหารส่วนตาบลให้มาจากการสรรหา ของนายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณี จากผู้มีความรู้ ความซ่ือสัตย์สุจริตและ ประสบการณ์เช่ียวชาญด้านการบริหารองค์กรเป็นท่ีประจักษ์ ตลอดจนมีความเข้าใจในด้านการปกครอง ท้องถ่ินเป็นอย่างดี การสรรหาหัวหน้าสานักงานเทศบาลหรือสานักงานองค์การบริหารส่วนตาบลให้เป็นไป ตามท่กี าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎกี าจดั ตงั้ ให้หัวหน้าสานักงานเทศบาลและหัวหน้าสานักงานองค์การบริหารส่วนตาบลมีวาระในการ ดารงตาแหนง่ คราวละส่ปี แี ละอาจได้รับการสรรหาใหม่อกี ได้ เงินค่าตอบแทนหัวหน้าสานักงานเทศบาลและหัวหน้าสานกั งานองค์การบริหารสว่ นตาบลให้ เป็นตามทนี่ ายกเทศมนตรหี รอื นายกองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแตก่ รณีกาหนด หมวด ๖ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งรฐั บาลกบั จงั หวัดจัดการตนเอง และจังหวดั จัดการตนเองกบั เทศบาลและองค์การบริหารสว่ นตาบล -------------------------------------------- ส่วนท่ี ๑ ความสมั พนั ธ์ระหว่างรัฐบาลกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่
-๒๐- มาตรา ๘๐ ให้นายกรัฐมนตรีมีอานาจกากับดูแลการปฏิบัติราชการตามอานาจหน้าที่ของ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินตามพระราชบญั ญตั ิน้ีให้เป็นไปตามกฎหมาย สว่ นท่ี ๒ ความสมั พันธร์ ะหว่างจังหวัดจดั การตนเองกับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบล มาตรา ๘๑ ให้มคี ณะกรรมการคณะหนึ่งขึน้ ในจังหวัดจัดการตนเอง เรียกว่า “คณะกรรมการ ประสานแผนและทิศทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการ ตนเอง ผู้แทนสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเอง ผู้แทนเทศบาลและผู้แทนองค์การบริหารส่วนตาบล เพ่ือทา หนา้ ที่ประสานอานาจหนา้ ที่ระหว่างองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ประสานแผนและทิศทางในการพัฒนาองคก์ ร ปกครองส่วนท้องถิ่น การจัดสรรงบประมาณระหว่างจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบล และสภาพลเมือง ตลอดจนมีอานาจในการไกล่เกล่ียระงับข้อพิพาทที่เกิดข้ึนระหว่างองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่นิ ตามกฎหมายน้ี ทัง้ นี้ ตามทกี่ าหนดในพระราชกฤษฎกี าจัดต้งั การกาหนดโครงการ แผนงานและทิศทางการพัฒนาในเขตพื้นท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ใด จะตอ้ งเปน็ ไปเพ่อื การคุ้มครองประโยชนข์ องประชาชนในพ้ืนท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนนั้ เป็นสาคญั มาตรา ๘๒ เพ่ือประโยชน์แก่การจดั ทาบรกิ ารสาธารณะที่มคี วามเก่ียวเนื่องกนั หลายทอ้ งถ่ิน หรอื เพือ่ ความคุ้มคา่ ในการจัดทาบริการสาธารณะในทอ้ งถน่ิ นัน้ ให้จังหวัดจัดการตนเองมีอานาจทาความตกลง ร่วมกับเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลท่ีเก่ียวข้องในการจัดทาบริการสาธารณะภายในเขตพื้นท่ี เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบล โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานแผน ให้จังหวัดจัดการตนเองช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน การจัดทาบริการสาธารณะของเทศบาล และองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลตามทไ่ี ดม้ กี ารรอ้ งขอ มาตรา ๘๓ ให้จังหวัดจัดการตนเองจัดสรรรายได้จากการจัดเก็บให้แก่เทศบาลและองค์การ บริหารส่วนตาบลอย่างเพยี งพอต่อการจัดทาบรกิ ารสาธารณะและภารกิจตามอานาจหน้าท่ี โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการประสานแผน การจัดสรรรายได้ระหว่างจังหวัดจัดการตนเองกับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลให้ คานึงถึงการดาเนินงานตามอานาจหน้าที่ในการจัดทาบริการสาธารณะ เขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบ จานวนประชากร ในท้องถ่ิน และอานาจในการจัดเก็บรายได้ของเทศบาลและองค์การบรหิ ารส่วนตาบล ทั้งนี้ หลกั เกณฑ์ วิธีการ เงอ่ื นไขการกาหนดสดั สว่ นการจดั สรรให้เป็นไปตามท่ีพระราชกฤษฎกี าจัดตัง้ กาหนด มาตรา ๘๔ ให้จังหวัดจัดการตนเองจัดสรรงบประมาณ เป็นเงินอุดหนุนให้กับเทศบาลและ องค์การบริหารส่วนตาบลอย่างเพียงพอต่อการจัดทาบริการสาธารณะ โดยคานึงถึงเขตพ้ืนท่ีและลักษณะของ พ้นื ท่ี จานวนประชากร รายได้ของท้องถ่นิ นนั้ ประกอบดว้ ย ทง้ั น้ี การจดั สรรเงินอุดหนุนตามวรรคหนึ่งตอ้ งคานงึ ถึงหลกั ความเสมอภาคและเป็นธรรม
-๒๑- หมวด ๗ การคลังและรายได้ ------------------------------------- ส่วนท่ี ๑ หน้าทีข่ องรัฐตอ่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตรา ๘๕ รัฐต้องให้การสนับสนุนการจัดทาบริการสาธารณะของจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบล โดยคานึงถึงหลักการจัดทาบริการสาธารณะขั้นต่าอย่างเท่าเทียมกัน และต้องให้การอุดหนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีความสามารถในการจัดเก็บรายได้น้อย เพ่ือใหส้ ามารถมีรายไดเ้ พยี งพอต่อการจัดทาบริการสาธารณะตามอานาจหนา้ ที่ สว่ นท่ี ๒ คณะกรรมการบริหารภาษีระหวา่ งรฐั กบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตรา ๘๖ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงขึ้นตามพระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “คณะกรรมการ บรหิ ารภาษรี ะหวา่ งรัฐกบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ” ประกอบด้วย (๑) นายกรฐั มนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรซี ่งึ นายกรฐั มนตรีมอบหมายเปน็ ประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อานวยการสานักงบประมาณ อธิบดกี รมสรรพากร อธบิ ดีกรมสรรพสามติ อธบิ ดีกรมศุลกากร (๓) กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตามพระราชบัญญัติน้ี ได้แก่ ผู้แทนผู้ว่า ราชการจังหวัดซ่ึงผู้ว่าราชการจังหวัดคัดเลือกกันเองจานวนสามคน ผู้แทนนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดับล่างซึ่งนายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารส่วนตาบลคัดเลือกกันเองจานวนสามคน ทั้งน้ี ตาม หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทน่ี ายกรฐั มนตรีกาหนด (๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซ่ึงนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคลที่กรรมการตาม (๒) และ (๓) คัดเลือกจากผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ด้านภาษีอากร ด้านการคลังท้องถ่ิน ด้านนิติศาสตร์ และดา้ นการปกครองสว่ นท้องถ่นิ ดา้ นละหนึง่ คน ให้ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเอง ทาหน้าที่ เป็นกรรมการและเลขานกุ าร และให้มีอานาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การบรหิ าร จงั หวัดจัดการตนเองเปน็ ผู้ช่วยเลขานกุ ารจานวนไมเ่ กนิ สามคน มาตรา ๘๗ กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ติ อ้ งมีคณุ สมบัตแิ ละไมม่ ีลกั ษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มสี ญั ชาตไิ ทย (๒) มีอายุไมต่ า่ กว่าสามสบิ ห้าปีบริบูรณ์
-๒๒- (๓) ไม่เป็นข้าราชการซ่ึงมีตาแหน่งหรือเงินเดือนประจา พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วย ราชการ หน่วยงานของรฐั รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ เวน้ แต่เป็นผู้สอนในสถาบันอุดมศึกษา ของรฐั (๔) ไม่เป็นผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง (๕) ไม่เป็นสมาชิกสภาทอ้ งถ่นิ หรอื ผู้บริหารท้องถิ่น (๖) ไม่เป็นเจ้าหน้าทห่ี รือผ้มู ีตาแหนง่ ใด ๆ ในพรรคการเมอื ง มาตรา ๘๘ กรรมการตามมาตรา ๘๖ (๔) พ้นจากตาแหนง่ เมื่อลาออก โดยยน่ื หนงั สอื ลาออก ต่อประธานกรรมการหรือพ้นจากการเปน็ ผ้บู รหิ ารทอ้ งถิ่น มาตรา ๘๙ กรรมการตามมาตรา ๘๖ (๓) มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละส่ีปี และอาจได้รับ แตง่ ต้งั เปน็ กรรมการอกี ไดไ้ มเ่ กินสองวาระติดต่อกัน ถ้ากรรมการตามวรรคหน่ึงว่างลง ให้แต่งต้ังกรรมการแทน และให้ผู้ซ่ึงได้รับการแต่งตั้งอยู่ใน ตาแหนง่ เทา่ กบั ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของผซู้ ง่ึ ตนแทน ในระหว่างท่ียังมิได้แต่งตั้งกรรมการแทนตาแหน่งที่ว่างตามวรรคสอง และยังมีกรรมการ เหลืออยเู่ กินกงึ่ หน่ึง ให้กรรมการที่เหลอื อยปู่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทีต่ ่อไปได้ มาตรา ๙๐ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตาแหน่ง เมือ่ (๑) ตาย (๒) ลาออกโดยยนื่ หนงั สอื ลาออกต่อประธานกรรมการ (๓) เป็นบุคคลลม้ ละลาย (๔) เป็นคนไรค้ วามสามารถหรอื คนเสมอื นไร้ความสามารถ (๕) ขาดคณุ สมบัตหิ รอื มลี กั ษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๘๗ (๖) ได้รบั โทษจาคกุ โดยคาพพิ ากษาถงึ ที่สุดให้จาคุก มาตรา ๙๑ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่งของ จานวนกรรมการทง้ั หมดจงึ จะเป็นองค์ประชุม ในการประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้ที่ ประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึงทาหนา้ ท่เี ปน็ ประธานในทป่ี ระชมุ การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถ้า คะแนนเสียงเทา่ กนั ใหป้ ระธานในทป่ี ระชุมออกเสียงเพ่มิ ขึ้นอกี เสยี งหนง่ึ เปน็ เสยี งชี้ขาด มาตรา ๙๒ ให้คณะกรรมการมอี านาจและหนา้ ที่ดงั ต่อไปน้ี (๑) จดั ทาแผนการจัดเก็บภาษีอากรและรายไดอ้ ่ืนขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน (๒) กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษีอากรและรายได้อ่ืนขององค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถิ่น (๓) กากบั การจดั แบ่งภาษอี ากร และรายได้อื่นระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ให้ เป็นไปตามพระราชบญั ญัติน้ี (๔) ปรับปรงุ สดั สว่ นภาษอี ากรและรายได้อืน่ ระหวา่ งรฐั กบั องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน
-๒๓- (๕) เสนอแนะหรือกาหนดหลักเกณฑ์การจัดแบ่งรายได้ระหว่างจังหวัดจัดการตนเองกับ เทศบาลหรอื องค์การบริหารส่วนตาบล แกค่ ณะกรรมการประสานแผน (๖) เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร การงบประมาณ และการ รักษาวนิ ยั ทางการเงนิ การคลังขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ (๗) เสนอแนะเก่ียวกับมาตรการการเพ่ิมรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อ นายกรฐั มนตรี (๘) เสนอแนะเก่ียวกับการจัดจัดเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยคานึงถึง หลกั การจัดทาบริการสาธารณะขนั้ ต่าอยา่ งเท่าเทียมกัน ต่อคณะรัฐมนตรี (๙) ปฏิบตั ิการอน่ื ตามท่ีกาหนดไวใ้ นพระราชบัญญัตนิ ีแ้ ละกฎหมายอืน่ มาตรา ๙๓ คณะกรรมการอาจแต่งต้ังคณะอนุกรรมการเพื่อการดาเนินการใด ๆ ตามที่ คณะกรรมการมอบหมาย ใหน้ าบทบญั ญตั มิ าตรา ๙๓ มาใช้บงั คบั กับการประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม มาตรา ๙๔ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการมีอานาจออกคาสั่ง เปน็ หนังสือเรียกใหส้ ว่ นราชการ หน่วยงานของรัฐ รฐั วิสาหกจิ และเจ้าหนา้ ที่ของรัฐ ส่งขอ้ มูลหรือเอกสารใด ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องมาเพือ่ ใช้ประกอบการพิจารณาได้ ในการน้อี าจเรยี กบคุ คลใด ๆ มาช้ีแจงดว้ ยกไ็ ด้ สว่ นที่ ๓ ภาษีอากรและรายได้อน่ื ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น มาตรา ๙๕ ให้จงั หวัดจดั การตนเองมีอานาจในการจัดเก็บภาษีและรายได้ตามหมวดนี้ ภาษีท่ีใช้ฐานร่วมระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหรือภาษีอ่ืนที่มิใช่ภาษีท้องถ่ิน เม่ือจัดเก็บแล้วให้เก็บไว้เป็นรายได้ของจังหวัดจัดการตนเองร้อยละห้าสิบของรายได้ทั้งหมด และให้นาส่ง รายไดร้ ้อยละห้าสบิ เปน็ รายได้ของแผน่ ดนิ ภาษีท้องถน่ิ ตามท่ีกาหนดไว้ในพระราชบัญญัติน้ีและตามทม่ี ีกฎหมายกาหนด เมือ่ จัดเก็บแล้ว ให้เก็บไว้เป็นรายได้ของจังหวดั จัดการตนเองท้ังหมด รายได้ของจังหวัดจัดการตนเองตามหมวดน้ี รวมท้ังเบี้ยปรับท่ีเกิดจากการดาเนินการตาม วัตถุประสงค์ของจังหวัดจัดการตนเองไม่เป็นรายได้ท่ีต้องนาส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคง คลงั และกฎหมายวา่ ด้วยวิธีการงบประมาณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจมอบอานาจให้หน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้อง ทาหน้าที่จัดเก็บ ภาษีและรายได้ตามหมวดนี้ก็ได้ โดยหักค่าใช้จ่ายร้อยละหน่ึงของเงินภาษีที่จัดเก็บได้หรือตามท่ีมีกฎหมาย เฉพาะบญั ญัตไิ ว้ มาตรา ๙๖ รายไดข้ ององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ประกอบด้วย (๑) รายไดป้ ระเภทภาษีอากร (ก) ภาษีทอ้ งถน่ิ (ข) ภาษที ่ีใชฐ้ านร่วมระหวา่ งรฐั กบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน
-๒๔- (ค) ภาษีที่รฐั จัดสรรใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ (ง) ภาษีอืน่ ๆ ตามที่มีกฎหมายกาหนด (๒) รายไดท้ ี่มใิ ช่ภาษีอากร (ก) รายได้จากเงินอุดหนุนจากรัฐ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ อ่ืน (ข) คา่ ธรรมเนยี ม คา่ ใบอนญุ าต ค่าปรบั (ค) รายได้จากทรัพย์สนิ (ง) รายไดจ้ ากการพาณิชย์หรอื วสิ าหกจิ ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ (จ) คา่ ตอบแทนหรือค่าบริการ (ฉ) เงนิ และทรัพยส์ นิ ทม่ี ผี บู้ ริจาคหรืออุทศิ ให้ (ช) เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ องค์การต่างประเทศ หรือองค์การระหว่าง ประเทศ (ซ) รายได้จากทรัพย์สินของแผ่นดินหรือรายได้จากทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจท่ี ดาเนินการเพื่อมุ่งหากาไรในเขตองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ (ฌ) รายได้จากเงนิ กู้ เงินลงทุน หรือการจาหน่ายพันธบัตรโดยคานงึ ถึงหลักวินัยทาง การเงนิ การคลงั ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทกี่ าหนดไว้ในพระราชกฤษฎกี าจัดตั้ง (ญ) รายได้อ่นื ๆ ตามที่มีกฎหมายกาหนด มาตรา ๙๗ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ มีอานาจจัดเกบ็ ภาษีท้องถ่นิ ดังนี้ (๑) ภาษรี ถยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายวา่ ดว้ ยการขนส่งทางบก (๒) ภาษีค้าปลีกน้ามันเบนซินและน้ามันที่คล้ายกัน น้ามันดีเซลและน้ามันท่ีคล้ายกัน กาาซ ปิโตรเลยี มท่ีใช้เป็นเช้ือเพลิงสาหรับรถยนต์ซึ่งเก็บจากการค้าปลีกในเขตจงั หวัดจัดการตนเอง ตามท่ีมีกฎหมาย บัญญตั ิ (๓) ภาษีค้าปลีกยาสูบ ซง่ึ เก็บจากการคา้ ปลีกในเขตจงั หวัดจัดการตนเอง ตามทมี่ ีกฎหมาย บัญญตั ิ (๔) ภาษีการเข้าพักโรงแรมตามที่มีกฎหมายบัญญตั ิ (๕) อากรรังนกอีแอน่ ตามกฎหมายว่าด้วยอากรรังนกอีแอน่ (๖) ภาษสี ่งิ แวดลอ้ มตามท่ีมีกฎหมายบัญญตั ิ (๗) ภาษเี พ่ือการศึกษาตามกฎหมายวา่ ด้วยการศกึ ษาแห่งชาติ (๘) ภาษีโรงเรอื นและทด่ี นิ ตามกฎหมายว่าดว้ ยภาษโี รงเรือน และท่ีดิน (๙) ภาษบี ารงุ ท้องทต่ี ามกฎหมายว่าด้วยภาษบี ารุงท้องท่ี (๑๐) ภาษีการโอนอสงั หาริมทรัพยต์ ามกฎหมายว่าด้วยภาษีการโอนอสังหาริมทรัพย์ (๑๑) ภาษีปา้ ยตามกฎหมายว่าดว้ ยภาษปี า้ ย (๑๒) ภาษีการพนัน (๑๓) อากรฆา่ สตั ว์ ตามกฎหมายว่าด้วยการฆา่ สัตว์และการจาหน่ายเนอื้ สัตว์ (๑๔) ภาษีอนื่ ๆ ตามทกี่ ฎหมายกาหนด มาตรา ๙๘ เพอ่ื ประโยชน์แห่งพระราชบัญญัติน้ภี าษฐี านร่วม ได้แก่ (๑) ภาษเี งินไดส้ ว่ นบุคคลธรรมดา
-๒๕- (๒) ภาษีเงนิ ไดน้ ิตบิ ุคคล (๓) ภาษีมูลค่าเพ่ิม (๔) ภาษธี ุรกจิ เฉพาะ (๕) ภาษีสรรพสามิต (๖) ภาษสี รุ า (๗) ภาษียาสูบ (๘) ค่าภาคหลวงปโิ ตรเลยี ม (๙) คา่ ภาคหลวงแร่ (๑๐)ภาษีอ่ืนๆ ตามที่กฎหมายกาหนด มาตรา ๙๙ กรณีทร่ี ัฐเหน็ สมควร รฐั จะจัดสรรภาษีอืน่ ๆ ของรัฐให้แก่จังหวดั จดั การตนเองก็ ได้ ทั้งนี้ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ เง่ือนไข และวธิ กี ารท่ีกระทรวงการคลังกาหนด มาตรา ๑๐๐ ในการกาหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีอานาจในการจัดเก็บภาษีและ รายไดป้ ระเภทใหม่ ตอ้ งดาเนนิ การตามหลกั การดังตอ่ ไปนี้ (๑) ตอ้ งมีกฎหมายกาหนดรายได้ใดเปน็ รายไดข้ องทอ้ งถ่นิ แตล่ ะประเภทอยา่ งชดั เจน (๒) ตอ้ งคานึงถงึ สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของท้องถนิ่ (๓) ตอ้ งคานึงถงึ ผลกระทบต่อส่วนราชการส่วนรวมของประเทศ (๔) ต้องสามารถสะท้อนต้นทนุ หรือภาระค่าใชจ้ ่าย (๕) รายได้ประเภทใหมท่ ่ีมิใช่ภาษีอาจมีอัตราที่แตกตา่ งกันของแตล่ ะองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถิน่ (๖) การจดั เก็บภาษีไม่เปน็ การสร้างภาระให้กบั รฐั หรือท้องถ่นิ อ่ืน มาตรา ๑๐๑ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีรายได้ประเภทอื่น โดยออกข้อบัญญัติจัดเก็บ เพม่ิ ข้นึ ในอัตราไม่เกนิ ร้อยละสบิ ของคา่ ธรรมเนียมทีม่ ีการจดั เกบ็ ตามกฎหมายว่าด้วยการน้นั ดงั ต่อไปนี้ (๑) คา่ ธรรมเนยี มใบอนญุ าตขายสุราตามกฎหมายว่าดว้ ยสรุ า (๒) ค่าธรรมเนียมใบอนญุ าตเล่นการพนันตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการพนัน (๓) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยยาสูบ มาตรา ๑๐๒ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ มรี ายได้ประเภทอ่ืนที่เป็นฐานร่วม โดยออก ข้อบญั ญัตจิ ัดเกบ็ เพม่ิ ขึน้ ในอัตราไมเ่ กินร้อยละสบิ ของคา่ ธรรมเนยี มท่ีมีการจดั เก็บตามกฎหมายว่าดว้ ยการน้ัน ดังตอ่ ไปน้ี (๑) คา่ ธรรมเนียมการอนุญาตใหค้ นตา่ งด้าวทางานในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมาย ว่าด้วยการทางานของคนต่างดา้ ว (๒) ค่าธรรมเนียมสนามบินตามกฎหมายวา่ ด้วยการเดนิ อากาศ มาตรา ๑๐๓ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอานาจจัดเก็บค่าธรรมเนียมกิจการหรือ บรกิ ารท่อี งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นไดจ้ ัดทาหรือจดั ให้มีข้ึนจากผใู้ ชบ้ รกิ ารโดยตราเปน็ ข้อบัญญัติ
-๒๖- หมวด ๘ การมสี ่วนร่วมของประชาชน ----------------------------------- มาตรา ๑๐๔ ประชาชนผู้มสี ิทธิเลือกต้งั ในจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลหรือองค์การบริหาร ส่วนตาบลใดเห็นว่าสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้ใด ไม่สมควรดารงตาแหน่งต่อไป ให้มีสิทธิ ลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถ่ินผู้นั้นพ้นจากตาแหน่ง ทั้งน้ี จานวนผู้มีสิทธิ เข้าช่ือ หลักเกณฑ์และวิธีการเข้าชื่อ การตรวจสอบรายชื่อ และการลงคะแนนเสียง ให้เป็นไปตามท่ีกฎหมาย บัญญัติ มาตรา ๑๐๕ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอ ตอ่ ประธานสภาทอ้ งถนิ่ เพือ่ ให้สภาทอ้ งถ่ินพจิ ารณาออกข้อบญั ญตั ิทอ้ งถิ่นได้ จานวนผู้มีสิทธิเขา้ ชอื่ หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารเข้าชอ่ื รวมท้ังการตรวจสอบรายชื่อ ใหเ้ ป็นไป ตามที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา ๑๐๖ ประชาชนในท้องถิ่นมีสิทธิมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการขององคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจัดให้มีวิธีการที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมดังกล่าวได้ด้วย ทั้งน้ี ตามท่กี าหนดในขอ้ บญั ญตั ิ มาตรา ๑๐๗ ในกรณีที่การกระทาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะมีผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่นในสาระสาคญั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องแจ้งข้อมูลรายละเอียดให้ ประชาชนทราบก่อนกระทาการเป็นเวลาพอสมควร และในกรณีที่เห็นสมควรหรือได้รับการร้องขอจาก ประชาชนผมู้ ีสิทธเิ ลอื กตงั้ ในองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ต้องจัดใหม้ กี ารรับฟังความคิดเห็นกอ่ นการกระทาน้ัน หลกั เกณฑ์และวิธีการรับฟังความคดิ เหน็ ตามวรรคหนงึ่ อาจกาหนดเป็นข้อบัญญตั กิ ็ได้ มาตรา ๑๐๘ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจให้ประชาชนในท้องถ่ินออกเสียงประชามติ เพ่อื ตดั สินใจเก่ียวกบั การกระทาของรฐั ในเขตพ้ืนท่ีองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ตลอดจนการกระทาขององค์กร ปกครองสว่ นท้องถิ่นที่อาจมีกระทบต่อชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องประชาชนในท้องถนิ่ ในสาระสาคญั ทง้ั นี้ ใหเ้ ป็นไป ตามทกี่ าหนดไวใ้ นข้อบัญญัติ มาตรา ๑๐๙ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรายงานการดาเนินงานต่อสภาท้องถิ่นและ ประชาชนท่ัวไปในเร่ืองการจัดทางบดุล งบประมาณ การใช้จ่าย และผลการดาเนินงานในรอบปี เพ่ือให้สภา ทอ้ งถนิ่ และประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและกากบั การบริหารจดั การขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น หมวด ๙ คณะกรรมการตรวจสอบ ---------------------------------
-๒๗- มาตรา ๑๑๐ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงในจังหวดั จัดการตนเอง เรียกว่า “คณะกรรมการ ตรวจสอบ” ประกอบดว้ ยประธานกรรมการคนหน่ึง และกรรมการอื่นอีกแปดคน ซ่ึงสภาจงั หวดั จัดการตนเอง ให้ความเห็นชอบตามที่สภาพลเมอื งจังหวัดจัดการตนเองเสนอ โดยต้องคานึงถึงสัดส่วนความเทา่ เทียมระหว่าง เพศด้วย ให้สภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองเสนอรายช่ือบุคคลผู้มีความรู้และประสบการณ์เป็นท่ี ประจักษ์ในด้านนิติศาสตร์ ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านการเงิน การคลังและงบประมาณ ด้านการโยธาธิการและผังเมือง ด้านการบัญชีและการตรวจสอบภายใน ด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านอ่ืน อันเป็นประโยชน์แก่การตรวจสอบกิจการของจังหวดั จัดการ ตนเองจากผู้มีสิทธิเลอื กต้งั ในเขตจังหวัดจัดการตนเองนัน้ ดา้ นละสองคน เม่ือสภาพลเมืองจังหวัดจัดการตนเองเสนอรายช่ือบุคคลตามวรรคก่อนแล้ว ให้ส่งรายช่ือ บุคคลดังกล่าวแก่สภาจังหวัดจัดการตนเองเพ่ือพิจารณาคัดเลือกให้เหลือจานวนเก้าคนเพื่อแต่งตั้งเป็น กรรมการตรวจสอบ มาตรา ๑๑๑ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การถอดถอน การกาหนดค่าตอบแทน รายละเอียดเกี่ยวกับการประชุม และรายละเอียดวิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบ ให้เป็นไปตามพระ ราชกฤษฎกี าจดั ตงั้ มาตรา ๑๑๒ คณะกรรมการตรวจสอบต้องปฏิบัติหน้าท่ีของตนอย่างเป็นอิสระและต้อง คานึงถงึ ผลประโยชน์สว่ นรวมของประชาชนในองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นเป็นสาคัญ ให้นาบทบญั ญัติในมาตรา ๒๒ มาใชบ้ งั คบั กบั คณะกรรมการตรวจสอบ โดยอนโุ ลม มาตรา ๑๑๓ คณะกรรมการตรวจสอบมีวาระดารงตาแหนง่ คราวละส่ปี ีนบั แต่วันแต่งต้ังและ โดยคณะกรรมการตรวจสอบจะดารงตาแหนง่ ตดิ ตอ่ กันเกนิ หนง่ึ วาระไม่ได้ มาตรา ๑๑๔ ให้คณะกรรมการตรวจสอบมีอานาจหน้าท่ีเก่ียวกับการตรวจสอบการ ดาเนินงานภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การใช้จ่ายเงินงบประมาณ การจดั ซอื้ จัดจา้ งประสิทธภิ าพการบริหารงาน การตรวจสอบภายในอื่น พิจารณาขอ้ ร้องเรยี นจากประชาชนใน ท้องถ่ินและสภาพลเมืองเก่ียวกับการดาเนินการตามอานาจหน้าท่ี ทั้งน้ี ให้เป็นไปตามท่ีกาหนดในพระราช กฤษฎกี าจัดตงั้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบเสนอรายงานการตรวจสอบต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและสภา จงั หวัดจดั การตนเองอย่างน้อยปีงบประมาณละสองครง้ั ให้สานักงานกิจการสภาจังหวัดจัดการตนเองทาหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ ตรวจสอบ หมวด ๑๐ คณะกรรมการส่งเสรมิ การบริหารจงั หวดั จัดการตนเอง ------------------------------- มาตรา ๑๑๕ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการส่งเสริมการบริหาร จงั หวัดจัดการตนเอง” ประกอบด้วย
-๒๘- (๑) ประธานกรรมการ ซึ่งกรรมการเลือกกันเองจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งเป็น ประธาน (๒) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการ กฤษฎีกา เลขาธกิ าร ก.พ.ร. ผูอ้ านวยการสานกั งบประมาณ และอธิบดกี รมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ (๓) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจานวนเก้าคน ได้แก่ บุคคลซ่ึงมีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านการ บริหารราชการแผ่นดิน ด้านการพัฒนาท้องถ่ิน ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นในสาขา รัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ด้านกฎหมาย ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านบัญชี ด้านภาษีอากร ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ด้านละหนึ่งคน ทั้งน้ี การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธกี ารที่นายกรฐั มนตรกี าหนด ให้ ผู้ อ าน ว ย ก ารส านั ก งาน ค ณ ะก รรม ก ารส่ งเส ริม ก ารบ ริห าร จังห วั ด จัด ก ารต น เอ ง เป็ น กรรมการและเลขานุการ มาตรา ๑๑๖ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมคี ุณสมบตั แิ ละไม่มีลักษณะต้องหา้ ม ดังตอ่ ไปนี้ (๑) มีสญั ชาตไิ ทย (๒) มีอายุไมต่ า่ กว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์ (๓) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตาแหน่งหรือเงินเดือนประจา พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วย ราชการ หน่วยงานของรฐั รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ เว้นแต่เปน็ ผู้สอนในสถาบันอุดมศึกษา ของรฐั (๔) ไมเ่ ปน็ ผ้ดู ารงตาแหน่งทางการเมอื ง (๕) ไม่เป็นสมาชิกสภาทอ้ งถ่ินหรอื ผบู้ รหิ ารท้องถ่ิน (๖) ไม่เป็นเจ้าหนา้ ทหี่ รือผมู้ ตี าแหนง่ ใด ๆ ในพรรคการเมือง มาตรา ๑๑๗ กรรมการตามมาตรา ๑๑๕ (๓) มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสี่ปี และอาจ ได้รับสรรหาเปน็ กรรมการอกี ได้ไมเ่ กนิ สองวาระติดต่อกนั ถ้ากรรมการตามวรรคหน่ึงว่างลง ให้สรรหากรรมการแทน และให้ผู้ซึ่งได้รับสรรหาอยู่ใน ตาแหน่งเทา่ กบั ระยะเวลาทเี่ หลอื อยู่ของผซู้ ่งึ ตนแทน ในระหว่างท่ียังมิได้สรรหากรรมการแทนตาแหน่งท่ีว่างตามวรรคสอง และยังมีกรรมการ เหลืออย่เู กินกง่ึ หนงึ่ ใหก้ รรมการที่เหลอื อยูป่ ฏิบัตหิ น้าท่ตี อ่ ไปได้ ตาแหนง่ เม่ือ มาตรา ๑๑๘ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจาก (๑) ตาย (๒) ลาออกโดยยน่ื หนงั สอื ลาออกต่อประธานกรรมการ (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรอื คนเสมือนไรค้ วามสามารถ (๕) ขาดคณุ สมบัติหรือมลี กั ษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๑๑๖ (๖) ได้รบั โทษจาคกุ โดยคาพิพากษาถงึ ท่ีสุดให้จาคุก มาตรา ๑๑๙ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่ง ของจานวนกรรมการทงั้ หมดจึงจะเปน็ องค์ประชมุ
-๒๙- ในการประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในท่ีประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ท่ี ประชุมเลอื กกรรมการคนหน่ึงทาหนา้ ที่เปน็ ประธานในท่ปี ระชมุ การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้า คะแนนเสียงเท่ากนั ให้ประธานในทป่ี ระชุมออกเสยี งเพิ่มข้ึนอีกเสยี งหนง่ึ เปน็ เสยี งชี้ขาด มาตรา ๑๒๐ ให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายอ่ืนในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ นายกรัฐมนตรีกาหนด มาตรา ๑๒๑ คณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเองมีอานาจหน้าที่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) สนบั สนุนการดาเนนิ การจัดต้ังจังหวดั จดั การตนเองตามพระราชบัญญัติน้ี (๒) สนับสนุนคณะรัฐมนตรีในการดาเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งจังหวัดจัดการ ตนเองตามมาตรา ๖ ของพระราชบัญญัติน้ี โดยต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดนั้น ด้วย (๓)สนับสนุนการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สินและเงินงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถน่ิ ให้เป็นไปตามมาตรา ๑๓๑ ของพระราชบัญญตั ินี้ (๔) เสนอการจัดโครงสร้าง องค์กร การแบ่งส่วนงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม พระราชบญั ญัตนิ ี้ (๕) เสนอการจัดระบบบริหารหารงานบุคคลแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เป็นไป ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี (๖) เสนอแนะเก่ียวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ และคาส่ังท่ีบังคับ ใช้อยู่ในส่วนท่เี กี่ยวข้องกับการดาเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เพ่อื ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ นตี้ ่อคณะรัฐมนตรี (๗) กาหนดหลักเกณฑ์อันเป็นมาตรฐานกลางเพื่อเป็นแนวทางให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินตามพระราชบัญญัตินี้ ในการออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อบัญญัติ เทศบัญญัติ หรือประกาศ ที่อยู่ใน อานาจหน้าที่ในเรื่องต่าง ๆ ข้อบังคับเพื่อประโยชน์แก่การดาเนินงานของสภาท้องถ่ิน การจัดทาบริการ สาธารณะตามอานาจหน้าที่ การบริหารงานท่ัวไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและ ทรัพย์สิน การตรวจสอบภายใน การสรรหาหัวหน้าสานักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การรักษาการแทน และการปฏิบัติการแทน การกาหนดอัตราเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์อย่างอ่ืนของ หวั หน้าสานักงานองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ พนักงานและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ (๘) แตง่ ตงั้ คณะอนกุ รรมการเพ่ือการดาเนนิ การใด ๆ ตามท่คี ณะกรรมการมอบหมาย (๙) อานาจหนา้ ท่ีอ่ืนตามท่ีกฎหมายกาหนด มาตรา ๑๒๒ ให้สานักงานคณะกรรมการการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ิน เป็นสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเองจนกว่าจะมีการจัดตั้งสานักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเองตามพระราชบัญญัติน้ี ซึ่งต้องดาเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในหนึง่ ร้อยแปดสิบวัน นบั แต่วันที่พระราชบัญญตั ิน้ใี ช้บังคบั ให้ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถ่ินทาหน้าท่ีผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบรหิ ารจังหวัดจัดการตนเองจนกว่าจะมีการ แตง่ ต้ังผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจงั หวัดจัดการตนเองพระราชบญั ญัตนิ ้ี
-๓๐- มาตรา ๑๒๓ ให้มีสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเองเป็น หน่วยงานของรัฐมีฐานะเป็นนิติบุคคลภายในสานักนายกรัฐมนตรี และอยู่ภายใต้การกากับดูแลของ นายกรัฐมนตรี ทาหน้าท่ีเป็นสานักงานเลขานุการของคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเอง และคณะกรรมการบรหิ ารภาษรี ะหว่างรัฐกบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ โดยมีอานาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเองและ คณะกรรมการบรหิ ารภาษีระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ (๒) รวบรวมข้อมูล ศึกษา และวิเคราะห์เกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครองท้องถ่ินท้องถ่ินเพ่ือ ประโยชน์ตามพระราชบัญญัติน้ี และข้อมูลตา่ ง ๆ เกยี่ วกับงานของคณะกรรมการ (๓) ร่วมมือและประสานงานกบั ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภมู ภิ าค องค์กรปกครองส่วน ท้องถนิ่ และรัฐวิสาหกิจ เพ่ือดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญัตินี้ (๔) ตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ัตติ ามแผนตามท่ีคณะกรรมการมอบหมาย (๕) ปฏิบัติหน้าที่อ่ืนตามท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็นหน้าท่ีของสานักงานคณะกรรมการ สง่ เสริมการบริหารจงั หวัดจดั การตนเอง หรือตามทีค่ ณะกรรมการมอบหมาย มาตรา ๑๒๔ ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานของสานักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการบริหารจังหวัดจัดการตนเอง นายกรัฐมนตรีอาจมีคาส่ังให้ข้าราชการ พนักงานหรือ ลูกจ้างของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการบริหาร จังหวัดจัดการตนเองอาจขอให้นายกรัฐมนตรีมีคาสั่งให้ข้าราชการพนักงานหรือลูกจ้างของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจไปช่วยปฏิบัติหน้าท่ีเป็นเจ้าหน้าท่ีของสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ บริหารจังหวัดจัดการตนเองได้ โดยถือว่าเป็นการปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานตามปกติ โดยจะให้ไปช่วย ปฏิบตั งิ านเตม็ เวลา บางเวลา หรือนอกเวลากไ็ ด้ บทเฉพาะกาล ----------------------- มาตรา ๑๒๕ ให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ท่ีปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกองค์การ บรหิ ารส่วนจังหวัด ซ่ึงดารงตาแหน่งอยู่ก่อนวันที่มีการจัดต้ังเป็นจังหวัดจัดการตนเอง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด และสมาชิกสภาจังหวัด จัดการตนเองแลว้ แตก่ รณี จนกวา่ จะมกี ารเลือกตั้งผู้วา่ ราชการจังหวัดและสมาชกิ สภาจังหวัดจดั การตนเองตาม พระราชบัญญตั นิ ้ี มาตรา ๑๒๖ เมื่อได้มีการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการต้ังจังหวัดด้วยผลของมาตรา ๖ แห่ง พระราชบัญญัตินี้ ให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีปฏิบัติงานสังกัดราชการส่วนภูมิภาคซ่ึงเคยปฏิบัติงาน
-๓๑- อยู่ในจังหวัดท่ีได้มีการจัดตั้งเป็นจังหวัดจัดการตนเอง แสดงความจานงว่าจะโอนย้ายกลับไปสังกัดหน่วยงาน เดมิ ที่ตนสังกัดอยู่ หรือมีความประสงค์จะโอนยา้ ยมาสังกดั เปน็ พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีของจังหวดั จัดการตนเอง มาตรา ๑๒๗ ตาแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ค่าตอบแทนอย่างอ่ืน หรือสิทธิประโยชน์ของ เจ้าหน้าทขี่ องรฐั ตามมาตรา ๑๒๖ ทโ่ี อนยา้ ยมาสงั กัดเป็นพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ของจังหวดั จดั การตนเองจะตอ้ งไม่ นอ้ ยกวา่ สถานะเดมิ ของข้าราชการหรอื เจา้ หน้าท่ีของรฐั ผูน้ ั้น มาตรา ๑๒๘ ในจังหวดั ใดเมอ่ื มีการจดั ตัง้ เป็นจังหวดั จดั การตนเอง โดยมีการประกาศใชพ้ ระ ราชกฤษฎีกาจัดตั้งตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ให้กฎหมายว่าด้วยการจัดต้งั องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นทง้ั หลาย ในส่วนที่พระราชบัญญัติน้ีมิได้กาหนดให้นาบทบัญญัตินั้นมาใช้บังคับภายในเขตพื้นท่ีจังหวัดเดิม ไม่มีผลใช้ บงั คับนบั ตัง้ แต่วันท่ีไดม้ กี ารประกาศใช้พระราชกฤษฎกี าจดั ตั้งตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี มาตรา ๑๒๙ เพ่ือประโยชน์ในการบริหารงานของจังหวัดจัดการตนเอง ผู้ว่าราชการจังหวัด อาจขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมาปฏิบัติงานเป็นพนักงานเจ้าหน้าท่ีในสานักงานจังหวัดจัดการตนเองเป็นการ ช่วั คราวได้ ทั้งนีเ้ ม่อื ได้รบั อนุมัตจิ ากผู้บงั คบั บัญชาของผู้นัน้ หากมีความจาเป็นกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐอื่นใดอาจส่งข้าราชการหรือ เจ้าหน้าท่ีของรัฐมาประจายังจงั หวัดจัดการตนเอง เพ่ือปฏิบัติราชการในหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม หรือ หนว่ ยงานของรฐั ย่อมกระทาได้ โดยความตกลงกับจงั หวัดจดั การตนเอง มาตรา ๑๓๐ ใหเ้ ทศบาลและองค์การบรหิ ารส่วนตาบลในจงั หวดั ทีไ่ ด้จัดตั้งข้นึ ก่อนทพี่ ระราช กฤษฎีกาจัดตั้งตามพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ เป็นเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตาบลตาม พระราชบัญญัตินี้ โดยให้ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถ่ิน เลขานุการผู้บริหารท้องถ่ิน ที่ปรึกษาผู้บริหาร ท้องถนิ่ และสมาชกิ สภาของถนิ่ แล้วแตก่ รณี ดารงตาแหน่งเปน็ ผบู้ รหิ ารทอ้ งถ่ิน รองผูบ้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ เลขานุการ ผูบ้ ริหารทอ้ งถิน่ ท่ีปรึกษาผ้บู รหิ ารท้องถนิ่ และสมาชิกสภาของถ่นิ ตามพระราชบัญญัตินี้อยู่ตอ่ ไปจนกว่าจะครบ วาระ มาตรา ๑๓๑ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สินและเงินงบประมาณขององค์การ บริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตาบล ท้ังหลายภายในเขตพ้ืนที่จังหวัดเดิม ไปเป็นของ จงั หวัดจัดการตนเอง เทศบาลหรือองค์การบรหิ ารส่วนตาบลตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีแล้วแต่กรณี ทง้ั นี้ ให้เป็นไป ตามที่กาหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎีกาจัดตง้ั มาตรา ๑๓๒ ให้บรรดาข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินทั้งหลายภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดิม โอนมาเป็นพนักงานเจ้าหน้าท่ีของจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตาบลตามพระราชบัญญัตินี้แล้วแต่กรณี โดยตาแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ค่าตอบแทน อย่างอ่ืนหรือสวัสดิการของบรรดาข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือเจ้าหน้าท่ีที่โอนย้ายมาสังกัดเป็นพนักงาน เจ้าหน้าที่ของจังหวัดจัดการตนเอง เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตาบลจะต้องไม่น้อยกว่าสถานะเดิมของ ผู้น้นั ทง้ั น้ี ให้เปน็ ไปตามทกี่ าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎีกาจดั ต้งั มาตรา ๑๓๓ ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ ให้อานาจหน้าที่ของ นายอาเภ อ แล ะผู้ ว่าราช การจังหวัด ตาม กฎ ห มายว่าด้วยลักษ ณ ะปกครองท้องท่ีเป็ น อาน าจห น้าท่ี ของ ผวู้ ่าราชการจังหวดั แลว้ แต่กรณี
-๓๒- มาตรา ๑๓๔ ให้กานัน ผ้ใู หญบ่ ้าน ผ้ชู ่วยผู้ใหญบ่ ้าน แพทย์ประจาตาบล และสารวตั รกานัน ตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องท่ีในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติน้ีดารง ตาแหนง่ อยตู่ ่อไป และให้มอี านาจหน้าทเ่ี พ่มิ เตมิ ตามทบ่ี ัญญตั ิไวใ้ นข้อบัญญัตทิ ้องถ่นิ ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ ................................. นายกรฐั มนตรี
ภาคผนวก ข รูปภาพประกอบการพิจารณา
คณะอนุกรรมาธกิ ารการปกครองท้องถิ่นและการกระจายอานาจพจิ ารณาศกึ ษารายงานผลการพจิ ารณาศกึ ษา การบรหิ ารราชการรปู แบบจงั หวดั จัดการตนเอง (Self-governing Province)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 584
Pages: