Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 3 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

เล่ม 3 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2023-01-19 11:43:43

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

๑๒๑ โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) รวมทั้งเพ่ือเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้หรือการประกอบอาชีพ หลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) และสามารถต่อยอดในการ ประกอบอาชีพหรือทาเป็นอาชีพเสริมหลังผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาดของเช้ือไวรัส (๑๐.๕) ควรมกี ารแก้ไขพระราชบญั ญัตสิ หกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ ผลักดันให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพ่ื อ ให้ ส ห ก ร ณ์ ร ว บ ร ว ม แ ล ะ เปิ ด เผ ย ข้ อ มู ล บั ญ ชี ลู ก ห นี้ ท่ี อ ยู่ ใน ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ ข อ ง แ ต่ ล ะ ส ห ก ร ณ์ ใหส้ ถาบนั การเงนิ รับทราบ หรือให้มีการรายงานหนส้ี ินตอ่ หนว่ ยงานกลาง เพื่อเปน็ การลดการปล่อยสินเชื่อ ที่ซ้าซ้อนอันเป็นสาเหตุที่ทาให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างยั่งยืน (๑๐.๖) การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ครัวเรือนในการให้ความรูใ้ นการบริหาร จัดการหนสี้ นิ การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ครัวเรือนโดยการให้ความรู้ในการ บริหารจัดการหนี้สิน เช่น รณรงค์การจัดทาองค์กรทางการเงินท่ีดี (Happy Money Organization) ให้หนว่ ยงานต่าง ๆ จัดทาโครงการสวัสดิการให้ความรู้การบริหารทางการเงิน องค์กรปลอดหนี้ หรือชมรม ท่ีมีกิจกรรมช่วยเหลือกันและกันในกลุ่มสมาชิกท่ีเป็นหน้ี การให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่ในระดับนักศึกษา และในระดับประถมเพ่ือสร้างพลเมืองรุ่นใหม่ห่างไกลหนี้ เป็นต้น นอกจากนี้ กลไกการฟ้ืนฟูหนี้สิน ตามกฎหมายก็เปน็ สว่ นหนึ่งในการสร้างวนิ ยั แกล่ ูกหนีท้ ี่ตอ้ งใช้จา่ ยเงนิ ภายใต้แผนฟ้ืนฟหู น้สี ินเปน็ การฝกึ อบรม วินยั ทางการเงนิ ไปด้วยพร้อมกบั การชาระหนี้ ๔.๓.๒ หนีส้ าธารณะ (หนีส้ ินภาครฐั ) (๑) สถานการณ์หนสี้ าธารณะ (๑.๑) ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในช่วง ๖ เดือนแรก ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (เดือนตุลาคม - เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓) มีรายได้ที่นาส่งคลังจานวน ๓๔๘,๕๕๔ ล้านบาท และมีรายจ่ายจานวน ๗๓๔,๓๓๒ ล้านบาท ซ่ึงรัฐบาลได้ดาเนินการกู้เงินเพื่อชดเชย การขาดดุลดงั กล่าวเปน็ จานวน ๑๕๗,๖๐๐ ล้านบาท ปัจจบุ ันฐานะการคลังของรัฐบาลมีเงินคงคลงั จานวน ๓๗๖,๑๕๕ ล้านบาท โดยจานวนเงินคงคลังดังกล่าวยังเพียงพอต่อการดาเนินการตามนโยบายต่าง ๆ ของรฐั บาล (๑.๒) สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ มีจานวน หนี้คงค้าง ๙,๓๓๗,๕๔๓.๐๒ ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ ร้อยละ ๙๘.๒๐ และหนี้ต่างประเทศ ร้อยละ ๑.๘๐ ของหน้ีสาธารณะคงค้างท้ังหมด และเม่ือแบ่งตามอายุคงเหลือสามารถแบ่งออกเป็น หน้ีระยะยาว ร้อยละ ๘๖.๔๒ และหน้ีระยะสั้น ร้อยละ ๑๓.๕๘ ของหน้ีสาธารณะคงค้างทั้งหมด โดยรายละเอียดของหน้ีสาธารณะแบ่งเป็น หน้ีรัฐบาล จานวน ๘,๒๐๓,๖๙๘.๖๗ ล้านบาท หนี้รฐั วิสาหกิจ จานวน ๘๔๕,๖๓๙.๙๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจท่ีทาธุรกิจในภาคการเงิน (รัฐบาลค้าประกัน) จานวน ๒๘๑,๐๔๑.๖๒ ลา้ นบาท และหนีห้ นว่ ยงานของรฐั จานวน ๗,๑๖๒.๘๒ ลา้ นบาท (๒) หน้ีสาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) หน้ีสาธารณะของไทย ณ เดอื นกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๙๘ ของ GDP โดยสัดส่วนของหน้ีสาธารณะต่อ DGP ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เพิ่มสูงขึ้นเม่ือเทียบกับ

๑๒๒ ข้อมูลย้อนหลัง ๑๐ ปี และมีแนวโน้มท่ีจะเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ืองจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) โดยสัดส่วนหน้ีสาธารณะต่อ GDP ของประเทศไทย เม่ือเทียบกับ ตา่ งประเทศโดยเฉพาะอย่างยงิ่ กล่มุ ประเทศเศรษฐกจิ เกิดใหมแ่ ละกลุ่มประเทศกาลงั พัฒนาในภูมภิ าคเอเชีย มีค่าเฉล่ียอยู่ที่ร้อยละ ๖๒.๘๙ และคาดว่าจะเพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ ๖๖.๙๒ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งยังอยู่ ในเกณฑ์เฉลี่ยเม่ือเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศกาลังพัฒนาด้วยกัน สาหรับประเทศไทย World Population Review ไดจ้ ดั ไวเ้ ป็นอันดบั ท่ี ๑๒๐ ดว้ ยอตั ราหนสี้ ินของประเทศอย่ทู ี่ร้อยละ ๔๑.๔๗ ของ GDP ภาพท่ี ๒๐ แผนภาพแสดงสดั สว่ นหนี้สาธารณะตอ่ GDP ในประเทศอาเซยี น (๓) การบรหิ ารหนสี้ าธารณะ (๓.๑) โครงสรา้ งของหนสี้ าธารณะ ประกอบดว้ ยหนี้ ๕ ประเภท ดงั นี้ (๓.๑.๑) หน้ีท่ีรัฐบาลก่อข้ึนโดยตรง ตามแผนงาน นโยบาย และแผน งบประมาณประจาปี ประกอบดว้ ย ๑) หน้ีท่ีรัฐกู้โดยตรง เช่น หนี้ต่างประเทศ เงินกู้หน้ี ต่างประเทศ เงินกู้เพื่อใช้ในแผนงาน/โครงการของรัฐบาล เงินกู้ให้กู้ต่อ หนี้ในประเทศ เงินกู้ชดเชย การขาดดุลงบประมาณ และการบริหารหน้ีเงินกู้เพื่อฟ้ืนฟูและเสริมสร้างความม่ันคงทางเศรษฐกิจ เงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. COVID - ๑๙ เงินกู้เพื่อนาเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัย เงินกู้เพ่ือวางระบบ บรหิ ารจัดการน้า เป็นตน้ ๒) หนท้ี ร่ี ฐั บาลกเู้ พอื่ ชดใช้ความเสยี หายให้แก่กองทุนฟืน้ ฟู (๓.๑.๒) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลเป็นผู้ค้าประกันเงินกู้ ท้ังท่ีเป็น หน้ีในประเทศ และหนีต้ ่างประเทศ (๓.๑.๓) หนี้รัฐวิสาหกิจที่ทาธุรกิจในภาคการเงิน โดยรัฐบาล ค้าประกันทั้งทเ่ี ปน็ หน้ใี นประเทศ และหน้ีตา่ งประเทศ (๓.๑.๔) หนี้กองทนุ เพอื่ การฟ้นื ฟฯู ท่รี ัฐบาลคา้ ประกันและไมค่ า้ ประกนั (๓.๑.๕) หน้หี นว่ ยงานของรัฐ ทรี่ ัฐบาลคา้ ประกนั และไม่ค้าประกัน

๑๒๓ (๓.๒) การบรหิ ารหน้ีสาธารณะ การรักษาวินัยทางการคลังและกรอบความยั่งยืนทางการคลัง ต้ อ งด าเนิ น ก าร ต าม เก ณ ฑ์ ที่ ค ณ ะ ก รร ม ก า รน โย บ าย ก าร เงิน ก าร ค ลั ง ข อ งรัฐ ป ร ะ ก า ศ ก าห น ด ต า ม พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๐ และพระราชบัญญัติการบริหาร หนส้ี าธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ แบ่งออกเปน็ ๒ ระดบั ดังนี้ (๓.๒.๑) กรอบนโยบายในการกอ่ หน้สี าธารณะ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๐ กาหนดให้คณะกรรมการกาหนดนโยบายการการเงินการคลังของรัฐ มีอานาจหน้าที่กาหนด สดั ส่วนเพอื่ ใชเ้ ป็นกรอบในการบริหารหน้ีสาธารณะ ดังต่อไปนี้ (๑) สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไม่เกินร้อยละ ๖๐ โดยสัดส่วนท่ีเกิดขึ้นจริง คือ ร้อยละ ๔๙.๓๔ (ทั้งนี้ ปัจจุบันได้ปรับเพ่ิมเป็นไม่เกิน รอ้ ยละ ๗๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔) (๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ ประจาปีงบประมาณ ไม่เกินร้อยละ ๓๕ และสัดส่วนที่เกิดข้ึนจริง คือ ร้อยละ ๒๕.๓๘ (๓) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อ หนส้ี าธารณะทงั้ หมด ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ ๑๐ และสัดส่วนทเ่ี กิดขึ้นจริง คอื ร้อยละ ๑.๗๘ (๔) สัดส่วนภาระหน้ีสาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ไม่เกินร้อยละ ๕ และสัดส่วนท่ีเกิดข้ึนจริง คือ ร้อยละ ๐.๐๑ ทั้งน้ี ให้มีการทบทวนสัดส่วนที่กาหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยทุกสามปี และรายงานให้คณะรัฐมนตรที ราบดว้ ย (๓.๒.๒) การบริหารหน้ีสาธารณะ พระราชบัญญัติการบริหารหน้ีสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๓๖ กาหนดให้ “สานักงานบริหารหนี้สาธารณะ” รับผิดชอบดาเนินการในกิจการท่ัวไปของ คณะกรรมการนโยบายและกากบั การบรหิ ารหนี้สาธารณะ และมีอานาจหน้าที่บริหารหนี้สาธารณะ จัดหา แหล่งเงินทุนและวางแผนการระดมทุนให้กับภาครัฐ บริหารความเส่ียงผ่านการปรับโครงสร้างหนี้และ การบริหารความเสย่ี งด้านอตั ราแลกเปลยี่ นและอตั ราดอกเบย้ี กากับ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลโครงการเงนิ กู้ และชาระหนเี้ พือ่ ให้การบรหิ ารหนีส้ าธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเสรมิ สร้างความยง่ั ยนื ทางการคลงั (๓.๒.๓) กองทนุ เพอ่ื การปรับโครงสร้างหนสี้ าธารณะ การปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะนั้น พระราชบัญญัติ การบริหารหนสี้ าธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ไดก้ าหนดให้มกี ารจัดตงั้ “กองทนุ บริหารเงนิ กเู้ พือ่ การปรับโครงสรา้ ง หน้ีสาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ” ข้ึน โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง มีวัตถปุ ระสงคใ์ นการบริหารเงินทีไ่ ดร้ บั จากกระทรวงการคลัง ๒ แหลง่ (มาตรา ๓๖/๑) คอื ๑) เงินกู้เพ่ือปรับโครงสร้างหนีส้ าธารณะล่วงหนา้ (Prefunding) ตามมาตรา ๒๔/๑ ๒) เงินกู้เพ่ือพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ตามมาตรา ๒๕/๑

๑๒๔ การดาเนินงานของกองทุนฯ จะต้องบริหารเงินภายใต้ กรอบการลงทุนที่กฎหมายกาหนด โดยคานึงถึงความมั่นคง ผลตอบแทน และความเส่ียงท่ีเหมาะสม โดยกองทนุ ฯ สามารถนาเงนิ ไปลงทุนได้ (มาตรา ๓๖/๘) ดังน้ี กรณีลงทุนในประเทศ กรณีลงทุนตา่ งประเทศ - ตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลงั ออก/คา้ ประกนั - ตราสารหน้ีที่ออกเป็นเงินตราสกุลหลักที่มีการจัด - ตราสารหนท้ี ธี่ นาคารแห่งประเทศไทยออก อันดับความน่าเช่ือถือสูงสุดซึ่งออกหรือค้าประกันโดย - ตราสารหน้ีทมี่ กี ารจดั อนั ดับความนา่ เช่ือถือสูงสุด รั ฐ บ า ล ต่ า ง ป ร ะ เท ศ / ส ถ า บั น ก า ร เงิ น ข อ ง รั ฐ บ า ล - ทาธุรกรรมซ้ือโดยมสี ญั ญาจะขายคนื ตราสารหนีท้ ี่ ต่างประเทศ/สถาบนั การเงินระหว่างประเทศ กระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยออก - เงนิ ฝาก/บัตรเงินฝากของสถาบนั การเงินภาครฐั หรือ ธนาคารพาณิชย์ ตารางที่ ๑๒ นาเงนิ ไปลงทนุ ตามมาตรา ๓๖/๘ อยา่ งไรกต็ าม ในการบริหารเงนิ ข้างตน้ กองทนุ ฯ จะบริหารด้วยตนเอง หรือดาเนินการว่าจ้างผู้บริหารสินทรัพย์ภายนอก (Asset Management) เพื่อทาหน้าท่ีบริหารแทนก็ได้ (มาตรา ๓๖/๑๖) โดยภายใต้ระเบียบ ข้อบังคับของกองทุนฯ ในปัจจุบันมีโครงสร้างการบริหารงานของ กองทุนฯ ดงั น้ี ภาพท่ี ๒๑ แผนภาพแสดงโครงสรา้ งการบรหิ ารงานของกองทนุ เพื่อการปรับโครงสรา้ งหนส้ี าธารณะ

๑๒๕ (๓.๓) แผนการบรหิ ารหนส้ี าธารณะประจา้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เม่ือวันท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแผน การบริหารหน้ีสาธารณะประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามท่ีกระทรวงการคลังเสนอ โดยคานึงถึง ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) ตลอดจนการกาหนดกลยทุ ธ์ในการบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลางสาหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ - พ.ศ. ๒๕๖๙ เพ่ือให้สอดคล้องกับความต้องการกู้เงินท่ีเพิ่มสูงข้ึนของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ และสภาวะตลาดการเงินที่มีความผันผวนสูง เพื่อกากับการบริหารหน้ีสาธารณะให้อยู่ในกรอบต้นทุน และความเสีย่ งท่เี หมาะสม ดังน้ี (๓.๓.๑) แผนการบริหารหน้ีสาธารณะประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย แผนการก่อหน้ีใหม่ วงเงินรวม ๑,๓๔๔,๗๘๓.๘๔ ล้านบาท แผนการบริหารหน้ีเดิม วงเงินรวม ๑,๕๐๕,๓๖๙.๖๔ ล้านบาท และแผนการชาระหน้ี วงเงินรวม ๓๓๙,๒๙๑.๘๗ ล้านบาท โดยภายใต้แผน การบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าว กระทรวงการคลังคาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือน กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ จะอยู่ท่ีร้อยละ ๖๒.๖๙ ซึ่งกระทรวงการคลังประเมินว่าการลงทุนในแผนงาน โครงการต่าง ๆ ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะจะช่วยเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทาให้เกิดการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ เพ่ือรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายหลังจากท่ีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) มีแนวโนม้ คล่ีคลาย (๓.๓.๒) เม่ือวันท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ คณะกรรมการกาหนด นโยบายการเงินการคลังของรัฐได้มีมติเห็นชอบให้มีการทบทวนกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมในประเทศจากเดิมไม่เกินร้อยละ ๖๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๗๐ เพื่อเป็นการเพ่ิมพ้ืนท่ีทางการคลัง ให้กบั รัฐบาลและไมเ่ ป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจาเป็นต้องกู้เงินเพ่ือดาเนินนโยบายการคลังระยะปานกลาง โดยยังคงมคี วามสามารถในการชาระหนอ้ี ยูใ่ นเกณฑ์ (๔) การด้าเนินงานของสา้ นักงานบรหิ ารหน้สี าธารณะ สานักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ดาเนินการบริหารหนี้สาธารณะ สรุปได้ ดงั น้ี (๔.๑) การจัดท้าแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เม่ือวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแผน การบริหารหนี้สาธารณะประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยคานึงถึง ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ตลอดจนการกาหนดกลยุทธ์ในการบริหารหน้ีสาธารณะระยะปานกลางสาหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ – พ.ศ. ๒๕๖๙ เพ่ือให้สอดคล้องกับความต้องการกู้เงินที่เพิ่มสูงข้ึนของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐและสภาวะ ตลาดการเงินท่ีมีความผันผวนสูง เพื่อกากับการบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ในกรอบต้นทุนและความเสี่ยง ที่เหมาะสม โดยจัดทาแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย แผนการก่อหน้ีใหม่ แผนการบริหารหนี้เดิม และแผนการชาระหน้ี และทบทวนกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจากเดิมไม่เกินร้อยละ ๖๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๗๐ เพื่อเป็นการเพิ่มพ้ืนท่ี

๑๒๖ ทางการคลงั ให้กบั รฐั บาลและไมเ่ ปน็ อุปสรรคหากรฐั บาลมีความจาเปน็ ตอ้ งกเู้ งินเพ่ือดาเนนิ นโยบายการคลัง ระยะปานกลาง โดยยงั คงมคี วามสามารถในการชาระหน้ีอยู่ในเกณฑ์ (๔.๒) การกู้เงินเพ่ือแก้ไขผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณแผ่นดินในการป้องกันการแพร่ระบาด การรักษาผู้ป่วย ตลอดจนการจัดหา วัคซนี ป้องกนั อปุ กรณ์สถานท่ี และพาหนะต่าง ๆ จานวนมาก นอกจากน้ี มาตรการลอ็ คดาวนต์ า่ ง ๆ ทาให้ เกิดผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการจานวนมาก รัฐบาลจึงต้องจัดสรรเงินช่วยเหลือเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว เช่น มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ โครงการคนละครึ่ง โครงการช่วยเหลือ ลูกจ้างแรงงาน โครงการเงินกู้ระยะสั้น (Soft Loan) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นต้น ทาให้รัฐบาลจาเป็นต้อง ตราพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพ่ือแก้ไข เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ท่ีได้รบั ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ได้แก่ (๔.๒.๑) พระราชก้าหนดให้อ้านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพ่ือแก้ไข เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมสี าระสา้ คญั ดังน้ี ๑) การกู้เงนิ ของกระทรวงการคลังและการใช้จ่ายเงินกู้ ๑.๑) กระทรวงการคลังโดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติทาการ กู้เงินบาทหรือเงินตราตา่ งประเทศ วงเงินไมเ่ กิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ลา้ นบาท เพ่ือใชใ้ นการแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสงั คมทีไ่ ด้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID ๑๙) โดยให้กระทรวงการคลังลงนามในสัญญากู้เงินหรือออกตราสารหนี้ ภายในกาหนดเวลาไม่เกินวันท่ี ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๔ (มาตรา ๓) ๑.๒) เงินกู้ให้นาไปใช้จ่ายภายใต้แผนงานหรือโครงการ ทค่ี ณะรฐั มนตรอี นุมัติตามบญั ชที ้าย พ.ร.ก. เพอ่ื การดงั ต่อไปนี้ (มาตรา ๕) ๑.๒.๑) เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ ๑.๒.๒) เพ่ือช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ ภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ ๑.๒.๓) เพ่ือฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับ ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ๑.๓) การกู้เงินเพ่ือการตามข้อ ๑.๒ (๑) และ (๒) ให้มี มูลค่ารวมกันไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินเพ่ือการตามข้อ ๑.๒ (๓) ให้มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน ๔๐๐,๐๐๐ ลา้ นบาท (มาตรา ๖ วรรคหน่ึง) ๑.๔) ในกรณีจาเป็นคณะรัฐมนตรีจะมีมติให้นาวงเงินกู้ เพ่ือการตามข้อ ๑.๒ (๒) มาใช้เพ่อื การตามข้อ ๑.๒ (๑) ได้ (มาตรา ๖ วรรคสอง)

๑๒๗ ๑.๕) ในกรณที ี่จาเปน็ อันมิอาจหลีกเล่ยี งได้คณะรัฐมนตรี มีมติให้นาวงเงินกู้เพื่อการตามข้อ ๑.๒ (๓) มาใช้เพ่ือการตามข้อ ๑.๒ (๑) และ (๒) เพ่ิมเติมได้ แต่รวมวงเงิน กแู้ ลว้ ตอ้ งไม่เกนิ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ลา้ นบาท (มาตรา ๖ วรรคสาม) ๒) การบริหารและจัดการการกูเ้ งิน และการอ่ืนใดท่ีเก่ียวข้อง ให้สานักงานบริหารหน้ีสาธารณะมีหน้าที่ดาเนินการ เกี่ยวกับการบริหารและจัดการการกู้เงิน การเบิกจ่ายเงินกู้ การชาระหน้ี และการอื่นใดท่ีเก่ียวกับการกู้เงิน และให้นากฎหมายวา่ ดว้ ยการบริหารหนี้สาธารณะมาใช้บงั คบั ดว้ ยโดยอนโุ ลม (มาตรา ๙) ๓) การกลั่นกรองแผนงานหรอื โครงการใชจ้ า่ ยเงนิ กู้ ให้มีคณะกรรมการกล่ันกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คณะกรรมการ กลั่นกรองฯ) เพื่อพิจารณากลั่นกรองและอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ หน้าท่ีและอานาจของคณะกรรมการ กลั่นกรองฯ (มาตรา ๘) ดงั น้ี ๓.๑) พิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการให้เป็นไป ตามแผนงานหรอื โครงการตามบญั ชที า้ ย พ.ร.ก. กอ่ นเสนอคณะรฐั มนตรอี นมุ ตั ิ ๓.๒) กากับดูแลการดาเนินงานตามแผนงานหรอื โครงการ ท่ใี ช้เงินกู้และรายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยทุก ๓ เดือน ๓.๓) กาหนดวงเงินสาหรับรายการเงินสารองจ่ายตาม แผนงานหรือโครงการที่กาหนดไวใ้ นบญั ชีท้ายพระราชกาหนด ๓.๔) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณามีมติตาม ขอ้ ๑.๔ และขอ้ ๑.๕ ๓.๕) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทางาน เพื่อปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย ๓.๖) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อวางระเบียบเกี่ยวกับ การดาเนินการตามแผนงานหรอื โครงการท่ใี ช้เงนิ ก้ตู าม พ.ร.ก. ๓.๗) ปฏิบัติการอื่นตามทค่ี ณะรัฐมนตรหี รอื นายกรัฐมนตรี มอบหมาย โดยให้คณะกรรมการกล่ันกรองฯ พิจารณาแผนงาน หรอื โครงการให้แล้วเสรจ็ ไมช่ ้ากวา่ ๒๐ วัน นับแตว่ นั ที่ได้รับเร่ือง ๔) การดาเนินการตามแผนงานหรือโครงการ และรายงานผล การใชจ้ า่ ยเงินกู้ ๔.๑) การดาเนินการตามแผนงานหรอื โครงการให้เป็นไป ตามระเบยี บทน่ี ายกรัฐมนตรกี าหนดโดยขอ้ เสนอของคณะกรรมการกลน่ั กรองฯ (มาตรา ๗ วรรคสาม) ๔.๒) ภายใน ๖๐ วันนั บแต่วันส้ินปี งบประมาณ ให้กระทรวงการคลังรายงานการกู้เงินตาม พ.ร.ก. น้ี ท่ีกระทาในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้วให้รัฐสภาทราบ โดยรายงานดังกล่าวอย่างน้อยต้องระบุรายละเอียดของการกู้เงิน วัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกู้ รวมถึงผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ไดร้ บั หรอื คาดวา่ จะไดร้ บั (มาตรา ๑๐)

๑๒๘ ๕) บัญชีแนบท้ายพระราชกาหนดฯ ประกอบดว้ ยแผนงานหรอื โครงการ หนว่ ยงานท่รี ับผิดชอบ ในการดาเนนิ งานและวงเงินทใ่ี ช้ในการดาเนนิ งาน สรปุ ได้ดงั น้ี ตารางท่ี ๑๓ แผนงานโครงการตามพระราชกาหนดกาหนดใหอ้ านาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพอื่ แกไ้ ข เยียวยา และฟนื้ ฟูเศรษฐกจิ และสงั คม ท่ีได้รบั ผลกระทบจากการระบาดของโรคตดิ เชื้อ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๔.๒.๒) พระราชก้าหนดให้อ้านาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพ่ือแก้ไข ปญั หาเศรษฐกจิ และสังคมจากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ เพม่ิ เตมิ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่ อ ป ร ะ โย ช น์ ใน ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า เศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม จากการระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) ซ่งึ ยงั ไม่ยุติลง โดยมสี าระสาคัญ ดงั นี้ ๑) ให้กระทรวงการคลังโดยคณะรัฐมนตรีมีอานาจอนุมัติ กู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ หรือออกตราสารหนี้ ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย มีมูลค่า รวมกันไม่เกินห้าแสนล้านบาท โดยต้องลงนามในสัญญากู้เงิน หรือออกตราสารหน้ี ภายในวันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ (มาตรา ๓) ทั้งน้ี วงเงินกู้ดังกล่าวไม่กระทบต่ออานาจการกู้เงินหรือ ออกตราสารหนี้ของกระทรวงการคลังตามพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลงั กเู้ งินเพอื่ แกไ้ ขปัญหา เยยี วยา และฟนื้ ฟเู ศรษฐกิจและสงั คม ทีไ่ ดร้ ับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒) ให้การกู้เงินตามพระราชกาหนดน้ี เป็นการกู้เงินตาม มาตรา ๕๓ แหง่ พระราชบัญญตั วิ ินยั การเงนิ การคลงั ของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ (มาตรา ๔)

๑๒๙ ๓) เงินกู้ตามพระราชกาหนดน้ี จะนาไปใชเ้ พ่อื การอืน่ นอกจาก การดงั ต่อไปน้ีมิได้ ๓.๑) เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ ๓.๒) เพ่ือช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชน ทุกสาขาอาชีพ ซ่ึงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ๓.๓) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาก การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ แผนงานหรือโครงการใช้จ่ายเงินกู้เพ่ือการตามวรรคหน่ึง ให้เปน็ ไปตามท่ีคณะรัฐมนตรีอนุมตั ิ ตามบญั ชีท้ายพระราชกาหนดนี้ (มาตรา ๕) ๔) การกู้เงินตามพระราชกาหนดนี้ ให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติเท่าที่จาเป็น โดยคานึงถึงขีดความสามารถของรัฐในการชาระหนี้คืนประกอบด้วย ในกรณี จาเป็นคณะรัฐมนตรจี ะมมี ติใหป้ รบั วงเงินกู้ท่กี าหนดไว้ตามบัญชีท้ายพระราชกาหนดนี้เพ่ือการตามมาตรา ๕ (๑) (๒) และ (๓) ก็ได้ แต่เมือ่ รวมวงเงินกทู้ ง้ั หมดต้องไม่เกนิ หา้ แสนลา้ นบาท (มาตรา ๖) ๕) เพ่ือประโยชน์ในการพิจารณากลั่นกรองและอนุมัติ การใช้จ่ายเงินกู้ให้เป็นไป ให้คณะกรรมการกล่ันกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกาหนดให้อานาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาก การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มหี น้าท่ีและอานาจในการพจิ ารณากล่ันกรอง เพ่อื เสนอคณะรฐั มนตรพี จิ ารณา และใหน้ าความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกาหนดใหอ้ านาจกระทรวงการคลัง กเู้ งินเพอื่ แก้ไขปัญหา เยยี วยา และฟ้นื ฟูเศรษฐกจิ และสังคม ที่ไดร้ ับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม (มาตรา ๗) ๖) การดาเนินการเก่ียวกับการบริหารและจัดการการกู้เงิน การเบิกจา่ ยเงนิ กกู้ ารชาระหนี้ การรายงานการกู้เงนิ และการอ่นื ใดท่ีเกีย่ วกบั การก้เู งินตามพระราชกาหนดน้ี ให้นาความในมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชกาหนดใหอ้ านาจกระทรวงการคลงั กู้เงินเพ่ือแกไ้ ขปัญหา เยียวยา และฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคม ท่ีได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มาใชบ้ งั คับด้วยโดยอนโุ ลม ๗) บัญชีแนบท้ายพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบดว้ ยแผนงานหรอื โครงการ ดังน้ี

๑๓๐ ตารางท่ี ๑๔ แผนงานโครงการตามพระราชกาหนดใหอ้ านาจกระทรวงการคลงั กู้เงนิ เพื่อแก้ไขปญั หาเศรษฐกิจและสงั คมจากการระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพม่ิ เติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ท้ังน้ี เม่ือวันท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ คณะกรรมการ กาหนดนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้มีมติเห็นชอบให้มีการทบทวนกรอบสัดส่วนหน้ีสาธารณะ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจากเดิมไม่เกินร้อยละ ๖๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๗๐ เพ่ือเป็นการเพิ่มพื้นที่ ทางการคลังให้กับรัฐบาลและไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจาเป็นต้องกู้เงินเพ่ือดาเนินนโยบายการคลัง ระยะปานกลาง โดยยังคงมีความสามารถในการชาระหน้ีอยู่ในเกณฑ์ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ ๐.๒๕ ต่อปี จากเดิมร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี เป็นร้อยละ ๐.๗๕ ต่อปี นับเป็นการข้ึนดอกเบี้ยนโยบายคร้ังแรกหลังจาก คงดอกเบี้ยไวใ้ นระดบั ต่าสุดเป็นประวัตกิ ารณ์ตั้งแตเ่ ดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยการปรบั ขึ้นดอกเบ้ีย นโยบายครั้งนี้เปน็ ผลมาจากเศรษฐกิจไทยมแี นวโนม้ การฟน้ื ตัวอย่างตอ่ เนื่องทชี่ ัดเจนมากข้ึนและเปน็ ช่วงเวลา ที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะเงินเฟ้อและมีความเสี่ยงที่จะปรับสูงข้ึน จึงมีความจาเป็นต้องดาเนินนโยบาย การเงินโดยการปรับอัตราดอกเบ้ียนโยบายเพ่ือดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระยะต่าและไม่ผันผวนโดยจะเอื้อต่อ การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยนื ในระยะยาว และความกนิ ดอี ยู่ดีของประชาชน ซ่ึงเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแนวโน้มการเพิ่มข้ึนของอัตราดอกเบี้ยย่อมทาให้ต้นทุนการกู้ของรัฐบาล สูงข้ึน แต่สานักงานบรหิ ารหนสี้ าธารณะไดม้ แี ผนการบริหารความเสีย่ งโดยดาเนนิ การเปลยี่ นการกเู้ งนิ ระยะส้ัน

๑๓๑ ที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) มาเป็นอัตราดอกเบ้ียแบบคงท่ี (Fix Rate) มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ ๘๒ ส่วนผลกระทบจากอัตราแลกเปล่ียนนั้นไม่มี เพราะรัฐบาลมีหนี้ต่างประเทศเพียงร้อยละ ๑.๘ และไดด้ าเนนิ การปิดความเสย่ี งทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ เรียบร้อยแล้ว (๕) สรุปผลการวิเคราะหห์ นสี้ าธารณะ (๕.๑) บรบิ ทและเงอ่ื นไข (๕.๑.๑) พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม นับเป็นกฎหมายที่มีความสาคัญต่อประเทศไทยในแต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างมาก อันเน่ืองมาจากในช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมาก่อนมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงส่งผลให้หน้ีสาธารณะเพ่ิมสูงขึ้น อย่างรวด เร็วใน ช่วงระยะเวลาอัน สั้น จึงมี ค วาม จาเป็ น ต้องมี การบ ริห าร หนี้ สาธารณะอย่างเป็ นระบบ และมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการก่อหนี้ การค้าประกัน และการปรับโครงสร้างหนี้ ได้กระจัดกระจายอยู่ในกฎหมายหลายฉบับ และมีหนว่ ยงานท่มี หี นา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบในการบรหิ ารหนส้ี าธารณะ อยู่หลายหน่วยงานจึงได้มีการตราพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้นึ เพื่อปรับปรุงระบบ การบริหารหนี้สาธารณะของประเทศให้เป็นระบบและมีหน่วยงานกลางเพียงหน่วยงานเดียว เพ่ือรับผิดชอบ การบริหารหน้ีสาธารณะ ควบคุมดูแลการก่อหนี้โดยรวมของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับฐานะการเงินการคลังของประเทศ แต่อย่างไรก็ดี ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการบรหิ ารหน้สี าธารณะอีกหลายคร้งั เพ่ือกาหนดขอบเขตของหนี้สาธารณะใหม้ ีความชัดเจน เพ่ิมเติมอานาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินและบริหารจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน จัดตั้งกองทุน บริหารเงินกู้เพ่ือการปรับโครงสร้างหน้ีสาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ และปรับปรุงกลไก การกากับดูแลหนขี้ องหน่วยงานภาครฐั ตา่ ง ๆ ให้มีความรอบคอบรัดกุม (๕.๑.๒) ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันโดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจ และสงั คมท่ีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ส่งผลให้ภาครัฐจาเป็นต้องใช้งบประมาณในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ และบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด ๑๙ ให้แก่ภาคประชาชน ผู้ประกอบการ และทุกภาคส่วน ผ่านมาตรการ ทางการคลัง ซึ่งไดแ้ ก่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชบญั ญตั ิ งบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินกูจ้ านวน ๑ ล้านล้านบาท พระราชกาหนดใหอ้ านาจ กระทรวงการคลังก้เู งินเพ่ือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงินกู้จานวน ๕ แสนล้านบาท รวมทั้งการกู้เงินขาดดุลงบประมาณที่มีแนวโน้ม อยู่ในระดับสูง โดยเงินกู้ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นผลมาจากสัดส่วน GDP ของประเทศไทยหดตัวเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงถึงร้อยละ ๖๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ซ่ึงเมื่อพิจารณา ประเด็นปัญหาดังกล่าวจะทาให้เห็นว่าการบริหารงานของรัฐอาจจะขัดต่อกฎการคลัง (Fiscal rule) ตามท่ี พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้กาหนดไว้ว่าหน้ีสาธารณะต่อ GDP ไม่เกิน ร้อยละ ๖๐ ภาระหน้ีของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ไม่เกินร้อยละ ๓๕ หนี้สาธารณะที่ออกด้วยสกุลเงิน ต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะท้ังหมดไม่เกินร้อยละ ๑๐ และภาระหนี้สาธารณะท่ีเป็นเงินตราต่างประเทศ

๑๓๒ ตอ่ รายได้การส่งออกสินคา้ และบรกิ ารไมเ่ กนิ รอ้ ยละ ๕ ดังนั้น จากสภาพปัญหาดังกลา่ ว คณะกรรมการวินัย การเงินการคลั งจึงได้ มี มติ เห็ น ช อ บ ข ยายก รอ บ เพ ด าน ห นี้ ส าธารณ ะจาก เดิ ม ที่ ก าห น ด เป็ น สั ด ส่ ว น หนี้สาธารณะต่อ GDP ต้องไม่เกินร้อยละ ๗๐ (ประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เร่ือง กาหนดกรอบในการบรหิ ารหนี้สาธารณะ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔) เพื่อเพมิ่ พนื้ ทที่ างการคลงั ใหก้ บั รัฐบาล และไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจาเป็นต้องกู้เงินเพ่ือดาเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง โดยยังคงมีความสามารถในการชาระอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ การทบทวนกรอบสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะ ในครั้งน้ีเป็นไปตามความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ท่กี าหนดให้มีการทบทวนสัดสว่ นตา่ ง ๆ อย่างน้อยทกุ ๓ ปี (๕.๒) ระบบและกลไกการกเู้ งนิ พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม มาตรา ๔ ได้กาหนดขอบเขตนิยามคาว่า หนี้สาธารณะ ประกอบด้วย หน้ีท่ีกระทรวงการคลัง หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจกู้ หรือหนี้ท่ีกระทรวงการคลังค้าประกัน แต่ไม่รวมถึงหนี้ของรัฐวิสาหกิจ ที่ทาธุรกิจให้กู้ยืมเงิน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือธุรกิจประกันสินเช่ือที่เกิดขึ้นโดยกระทรวงการคลัง ไม่ได้ค้าประกัน และหน้ีของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้กาหนดนิยาม การบริหาร หน้ีสาธารณะครอบคลุมถึงการก่อหน้ี โดยวิธีการกู้เงินหรือการค้าประกัน การชาระหนี้ การปรับโครงสรา้ งหน้ี และการดาเนินการอ่ืนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหน้ีสาธารณะ และการกาหนดนิยามหน่วยงานภาครัฐ ประเภทต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกากับดูแลของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รฐั วิสาหกิจ และสถาบนั การเงนิ ภาครัฐ ไวด้ ้วย มาตรา ๗ กาหนดให้กระทรวงการคลังเป็นผูม้ อี านาจในการ กู้เงินหรือค้าประกันในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย โดยการดาเนินการดังกล่าวจะต้องผ่านการอนุมัติ คณะรัฐมนตรี ซ่ึงกระทรวงการคลังจะกู้เงินได้เฉพาะวัตถุประสงค์อย่างหน่ึงอย่างใด ได้แก่ มาตรา ๒๑ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ โดยต้องกู้เป็นเงินบาทและนาส่งคลัง เพื่อใช้จ่ายในกระบวนการงบประมาณ มาตรา ๒๑/๑ เพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง ให้กู้เป็นเงินบาท โดยวิธีการออกตั๋วเงินคงคลังที่มีอายุไม่เกิน ๑๒๐ วัน และจะต้องแยกกับต๋ัวเงินคลังที่กู้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น มาตรา ๒๒ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตอ้ งกู้เปน็ เงนิ ตราตา่ งประเทศเพ่อื ใช้ในกรณที ่มี ีความจาเปน็ ตอ้ ง ใช้จ่ายเงินนอกเหนือจากงบประมาณรายจ่ายประจาปี และต้องใช้เป็นเงินตราต่างประเทศ หรือจาเป็นต้องกู้ เพ่ือเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ โดยต้องกาหนดวัตถุประสงค์การใช้เงินอย่างชัดเจน แต่ในกรณีท่ีตลาดการเงินในประเทศเอื้ออานวย อาจดาเนินการกู้เป็นเงินบาทโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้ (มาตรา ๒๓) มาตรา ๒๔ เพ่ือปรับโครงสร้างหน้ีสาธารณะ เฉพาะเป็นการประหยัด ลดความเสี่ยง ในอัตราแลกเปลี่ยน หรือการกระจายภาระการชาระหนี้ ซ่ึงสามารถกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ได้ทั้งหน้ี ของกระทรวงการคลังเอง และหน้ีท่ีกระทรวงการคลังค้าประกัน มาตรา ๒๕ เพื่อให้หน่วยงานอ่ืนกู้ต่อ โดยกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อนามาให้หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกากับดูแลของรัฐ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ กู้ต่อสาหรับใช้ในโครงการหรือแผนงานท่ีรัฐบาลเห็นว่า มีความจาเป็นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และมาตรา ๒๕/๑ เพ่ือพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ เมื่อมีความจาเป็นในการสร้างอัตราดอกเบ้ียอ้างอิงสาหรับใช้ในการพัฒ นา ตลาดตราสารหนี้ในประเทศ โดยการกู้เงินดังกล่าวจะต้องนาส่งเข้ากองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสรา้ งหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาด ตราสารหนี้ในประเทศเพ่ือนาไปลงทุนภายใต้กรอบท่ีกฎหมายกาหนด ซ่ึงเมื่อพิจารณาขอบเขตของ

๑๓๓ หนี้สาธารณะ การบริหารหน้ีสาธารณะ วัตถุประสงค์การกู้เงิน และผู้มีอานาจในการกู้เงิน จะทาให้เห็นว่า ระบบและกลไกการกู้เงินของกระทรวงการคลังดังกล่าวข้างต้นจะต้องดาเนินการภายใต้กรอบเพดานการกู้เงิน ตามพระราชบัญญัติการบริหารหน้ีสาธารณะฯ กาหนด โดยจาแนกเป็น การกู้เพื่อบริหารสภาพคล่อง ของเงินคงคลัง (บาท) ตามมาตรา ๒๑/๑ ต้องไม่เกินร้อยละ ๓ ของงบประมาณและงบประมาณเพิ่มเติม การกเู้ พอ่ื ชดเชยขาดดุลฯ (บาท) ตามมาตรา ๒๑ การกู้เพอ่ื ปรับโครงสร้างหน้คี ้าประกนั (บาท) ตามมาตรา ๒๔ และการกู้เพ่ือพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ (บาท) ตามมาตรา ๒๕/๑ ต้องไม่เกินร้อยละ ๘๐ ของงบชาระคืนต้นเงินกู้ และไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของงบประมาณและงบประมาณเพ่ิมเติม การกู้เพ่ือพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม (ต่างประเทศ/บาท) ตามมาตรา ๒๒ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหน้ีที่ค้าประกัน (ต่างประเทศ) ตามมาตรา ๒๔ และการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ (ต่างประเทศ) ตามมาตรา ๒๕/๑ ต้องไม่เกิน ร้อยละ ๑๐ ของงบประมาณ การกู้เงินเพ่ือให้กู้ต่อ (บาท) ตามมาตรา ๒๕/๒ และการค้าประกันตามมาตรา ๒๘ ต้องไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของงบประมาณและงบประมาณเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก การดาเนินการก่อหน้ีสาธารณะเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลังจาเป็นต้องบริหารจัดการหน้ีสาธารณะ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยมาตรา ๒๔ ให้กระทรวงการคลังมีอานาจในการบริหารจัดการหน้ีคงค้าง โดยการปรับโครงสร้างหน้ีสาธารณะภายใต้เคร่ืองมือและวิธีการ อันได้แก่ การกู้เงินรายใหม่เพ่ือชาระหน้ีเดิม (Refinance) การแปลงหน้ี (Swap) การชาระหนี้ก่อนถึงกาหนดชาระ (Prepayment) การขยายหรือ ย่นระยะเวลาการชาระหนี้ (Extending Shortening) การต่ออายุ (Roll- over) การซ้ือคืน (Buyback) การไถ่ถอนตราสารหนี้ (Redemption) และมาตรา ๑๓ กาหนดให้การชาระคืนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนจากการกู้เงิน ให้ตั้งจากงบประมาณรายจ่ายประจาปี สาหรับกรณีการกู้ด้วยวิธี การออกตั๋วเงินคลังซึ่งเป็นตราสารหน้ีระยะสั้นที่ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารสภาพคล่องของรัฐบาล สามารถนาเงินคงคลังมาชาระคืนได้ ซึ่งนับเป็นข้ันตอนและวิธีการก่อหนี้สาธารณะและการบริหาร หน้ีสาธารณะที่รอบคอบและรัดกุม โดยมีสานักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้รับผิดชอบ (มาตรา ๓๖) ในการบริหารหน้ีสาธารณะ ควบคุมดูแลการก่อหนี้โดยรวมของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับท่ีสอดคล้องกับฐานะการเงินการคลังของประเทศ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป (๕.๓) การกอ่ หนีส้ าธารณะกบั ความจ้าเปน็ ประเทศไทยเป็นประเทศกาลังพัฒนาจาเป็นต้องดาเนินนโยบาย การคลังแบบขยายตัวเพื่อยกระดับการพัฒนาของประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้น ในช่วง ที่ ผ่ า น ม า ภ า ค รั ฐ ได้ มี ก า ร ก่ อ ห น้ี สาธารณะเพื่ อ ส นั บ ส นุ น ก า ร ล ง ทุ น ข อ ง ส่ วนราชการและรั ฐวิ สาห กิ จ ผ่านการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเป็นสาคัญ เช่น ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – พ.ศ. ๒๕๖๔ รัฐบาลมีโครงการลงทุนโครงสร้างพ้ืนฐานท่ีสาคัญ จานวน ๑๗๘ โครงการ วงเงินกว่า ๒.๖ ล้านล้านบาท ครอบคลุมทุกสาขาท้ังด้านคมนาคม สาธารณูปการ พลังงาน สังคม และการพัฒนาพื้นท่ีทุกภูมิภาค และในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ – พ.ศ. ๒๕๖๙ รัฐบาลมีแผนท่ีจะลงทุนเพ่ือรองรับโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต อย่างต่อเน่ือง วงเงินประมาณ ๘๔๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีเหตุผลความจาเป็น ท่ีจะต้องก่อหนี้สาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีสง่ ผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวติ และสุขภาพอนามัยของประชาชนทุกสาขาอาชีพ เป็นวงกว้าง ซ่ึงในการดาเนินมาตรการควบคุมและยับย้ังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙

๑๓๔ (COVID - ๑๙) ได้ส่งผลให้การดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทุกภาคส่วนเกิดภาวะหยุดชะงัก อย่างฉับพลัน และยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงขยายเป็นวงกว้าง รัฐบาลจึงได้ดาเนินนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ อันได้แก่ พระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งให้อานาจกระทรวงการคลังตราพระราชกาหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพ่ือแก้ไข ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด ๑๙ เช่น พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมท่ี ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินกู้จานวน ๑ ล้านล้านบาท และพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงินกู้ จานวน ๕ แสนล้านบาท เป็นต้น ซึ่งเม่ือพิจารณาถึงเหตุผลความจาเป็นในการก่อหนี้สาธารณะที่ผ่านมา จะทาให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีความจาเป็นต้องกู้เงินเพ่ือพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาในสภาวะท่ี เกิดภยั พบิ ัติหรือเกิดโรคระบาด ดังน้ัน ระดับหน้สี าธารณะ และสัดส่วนหน้ีสาธารณะตอ่ GDP จะเพิ่มสงู ขึ้น อย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในการกู้เงินแต่ละครั้งจะมีสานักงานบริหารหน้ีสาธารณะจะจัดทา แผนการบริหารหน้ีสาธารณะประจาปีซ่ึงในแผนจะประกอบด้วย แผนการก่อหน้ีใหม่เพ่ือการลงทุน และบริหารสภาพคล่อง แผนการบริหารหน้ีคงค้างเพ่ือบริหารความเส่ียง และแผนการชาระหนี้ จากงบประมาณและแหล่งเงินอ่ืน โดยเป็นการดาเนินการภายใต้กลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะ ระดับปานกลาง (Medium Term Debt Strategy) ที่พิจารณาความเส่ียงด้านอตั ราดอกเบ้ีย อัตราแลกเปล่ียน และการปรับโครงสร้างหน้ี อีกทั้งยังต้องจัดทาแผนภายใต้กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง และกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเคร่งครัด ซึ่งแผนการบริหารหน้ีสาธารณะ ประจาปี จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและกากับการบริหารหนี้สาธารณะ ก่อนนาเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ นอกจากนี้ ในการกู้แต่ละคร้ังได้พิจารณาถึงต้นทุนการระดมทุน วงเงินกู้ รวมถึงประเภทของตราสารหน้ีซ่ึงนับเป็นการใช้เคร่ืองมือการกู้ท่ีหลากหลาย และพิจารณาช่วงเวลาการกู้ ให้สอดคล้องกับการเบิกจ่ายเงินเพ่ือหลีกเล่ียงการแย่งชิงเม็ดเงินจากภาคเอกชน (Crowding Out Effect) ในประเทศ ป้องกันไม่ให้ตลาดการเงินเกิดความผันผวน ภายใต้ต้นทุนและความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม และไมก่ ระทบต่อความเสี่ยงในการปรับโครงสรา้ งหนี้ในอนาคต ทั้งน้ี แม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกตินับตั้งแต่ มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) ซ่ึงรัฐบาลจาเป็นต้องให้การช่วยเหลือ ภาคส่วนท่ีได้รับผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมโดยเร็วผ่านการดาเนินนโยบายการคลัง จึงจาเป็นต้องเพิ่มพ้ืนที่ทางการคลัง (Fiscal space) โดยการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะเพ่ือให้สามารถ รองรับกรณีการกู้เงินเพ่ิมเติมสาหรับการดาเนินนโยบายการคลังและแผนพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจในอนาคต และถ้าหากในอนาคตสถานการณ์กลับมาเป็นปกติรัฐบาลสามารถทบทวนความเหมาะสมของเพดาน หน้ีสาธารณะได้ทุก ๓ ปี ตามท่ีพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กาหนดไว้ แต่ระดับหนี้สาธารณะในปจั จบุ ันของประเทศไทยยงั ไมก่ ่อใหเ้ กิดปัญหาการคลังแตอ่ ยา่ งใดเนือ่ งจากรัฐบาล ยังมีความสามารถในการชาระหน้ี (Debt affordability) และจากการประมาณการสัดส่วนภาระดอกเบี้ย ของรัฐบาลต่อรายได้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๘ และในอีก ๕ ปี

๑๓๕ ข้างหน้ายังคงต่ากว่าระดับเกณฑ์มาตรฐานสากลท่ีกาหนดไว้ไม่เกินร้อยละ ๑๐ นอกจากน้ี บริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) บริษัทจัดอันดับความน่าเช่ือถือจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้คงอันดับ ความน่าเชื่อถอื ของประเทศไทยอย่ทู รี่ ะดบั BBB+ และมุมมองมเี สถยี รภาพ (Stable Outlook) เมอื่ วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยเชื่อมั่นว่า แม้หนี้รัฐบาลเพ่ิมสูงขึ้น แต่ตัวชี้วัดภาคการคลังและหนี้สาธารณะ ยังคงแข็งแกร่ง เม่ือเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเช่ือถือในระดับเดียวกันและมีแนวโน้ม ท่ีจะรักษาระดับความแข็งแกร่งดังกล่าวต่อไปได้ อีกท้ังยังคาดการณ์ว่าในช่วง ๒ – ๓ ปีข้างหน้า รัฐบาล จะยังคงดาเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลายเพ่ือส่งเสริม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีความเปราะบาง และเม่ือเศรษฐกิจฟ้ืนตัวจะส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณและภาระหน้ีลดลง รวมถึงจะทาให้ต้นทุน การกู้เงินต่าลงและจะช่วยให้ประเทศไทยมีความสามารถในการชาระหนี้อยู่ในระดับสูง (High Debt Affordability) (๖) ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ แผนการบริหารหน้ีสาธารณะประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ท่ีได้รับ ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ได้ระบุถึงแผนการก่อหน้ีใหม่ของรัฐบาลท่ีรัฐบาลกู้มาเพ่ือดาเนินการ แผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพ่ือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสังคมจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่นามาใช้เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ดังกล่าว โดยการใช้เงินงบประมาณในส่วนนี้ได้ส่งผลให้สัดส่วนหน้ีสาธารณะต่อ GDP ของประเทศไทยสูงขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ ดังน้ัน ในอนาคตหากรัฐบาลจะมีแผนการก่อหนี้สาธารณะใหม่ รัฐบาลควรพิจารณาตรวจสอบความคุ้มค่า ความเหมาะสม และประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณ อยา่ งรอบคอบ เพอ่ื ไมใ่ ห้เป็นการสร้างภาระใหแ้ กค่ นรุ่นหลงั ในอนาคตมากจนเกนิ ควร ๔.๓.๓. ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธิการ (๑) ด้านหนสี้ ินในครัวเรือน (๑.๑) รัฐบาลควรออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระ แห่งชาติด้วยการกาหนดให้มีกลไกในการแก้ไขปัญหาหนี้สินแบบองค์รวม (Holistic Debt Management System) ทงั้ ปัญหาหน้ีสนิ ของสถาบันการเงนิ และหนสี้ ินท่ีไม่ใช่สถาบนั การเงิน เช่น กองทุนฟื้นฟูและพฒั นา เกษตรกร กองทุนหมู่บา้ นและชุมชนเมือง กองทุนหมุนเวยี นเพ่ือการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน สหกรณ์ ต่าง ๆ สถาบันการเงินชุมชน เป็นต้น โดยให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง ยุติธรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ร่วมกันจัดต้ังศูนย์การจัดการหน้ีสิน ภาคครัวเรือนแห่งชาติ และจัดทาร่างกฎหมายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนทั้งระบบ อาทิ กฎหมาย ว่าด้วยการฟื้นฟูหนี้บุคคลธรรมดา ตามร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ปรากฏอยู่ใน ภาคผนวก ข (๑.๒) กระทรวงยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาวิธีการบังคับคดี เพื่อให้ลูกหน้ีได้เงินมาชาระหนี้ตามคาพิพากษาท่ีปัจจุบันจากัดเพียงวิธีการขายทอดตลาดวิธีการเดียว โดยแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในส่วนท่ีว่าด้วยการบังคับคดี ตลอดจนแก้ไขระเบียบ ว่าด้วยการบังคับคดีให้มีความหลากหลายเพิ่มมากข้ึน เช่น หากทรัพย์สินของลูกหน้ีตามคาพิพากษา

๑๓๖ ที่ยึดและอายัดไว้มีราคาประเมินเกินกว่าท่ีกาหนดไว้ อาจให้ผู้ขายทอดตลาดเอกชนท่ีได้รับอนุญาต (Authorized auctioneer) ดาเนินการขายทอดตลาดแทนได้ หรือการใช้หลัก Power of Sale ตามหลัก ของประเทศอังกฤษ กรณีผู้จานองทรัพย์สินมีปัญหาไม่สามารถชาระหน้ีได้ผู้รับจานองทรัพย์สินสามารถ ขายทรัพย์สินได้โดยไม่ต้องผ่านการบังคับคดี เป็นต้น อันจะทาให้การบังคับคดีสามารถทาให้เจ้าหนี้ ได้รับการชาระหน้ีตามคาพิพากษาได้มากที่สุด และลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ในจานวนเงินท่ีเป็นธรรมจาก การบงั คบั คดี (๑.๓) ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ควรร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ภาคประชาชน ครัวเรือนไทย โดยการจัดให้มี วิชาเรียนในหลกั สูตรการเรยี นการสอนต้ังแตร่ ะดบั ประถม มัธยม และปริญญาตรี เพอ่ื ให้ความรูก้ ารวางแผน ทางการเงิน การสร้างวินัยทางการเงิน และการบริหารจัดการหนี้สินแก่คนรุ่นใหม่ทุกระดับการศึกษา รวมถึงการรณรงค์ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างความรู้และความเข้าใจอย่างทั่วถึงเร่ืองการบริหาร จัดการหนี้ อันเปน็ การสร้างพลเมอื งคนรนุ่ ใหม่ใหห้ า่ งไกลหน้ีสินอยา่ งยัง่ ยนื (๑.๔) รัฐบาลควรมีการกากับ ติดตาม และดูแลการปล่อยสินเชื่อของ สถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ ในช่วงท่ีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับ อตั ราดอกเบ้ียนโยบาย เพ่ือไมใ่ ห้สถาบันการเงนิ ของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ ฉวยโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะกลุม่ ลกู หน้ีท่ีได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - ๑๙) และยังไม่มีศักยภาพในการชาระหนี้ (๒) ด้านหนส้ี าธารณะ รฐั บาลควรมีมาตรการด้านอืน่ ๆ นอกจากการใช้กลไกการกอ่ หนส้ี าธารณะ เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID ๑๙) เพ่ือให้รองรับการแก้ไขปัญหาการฟ้ืนฟูด้านเศรษฐกิจและสังคมท่ีจะเกิดในอนาคตได้มากขึ้น อาทิ เร่งรัด การหามาตรการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนในการดารงชีพตามปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียง และลดการพ่ึงพาจากภาครฐั เพอ่ื ให้เกิดการแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งย่งั ยืน (นายสัมฤทธิ์ แทนทรพั ย์) เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก ญตั ติ

C nkdfiaulun3iad~syuanii~~wu~iywngd3~scqd m (R~uRI~~~~z<I~ Fltdd~EI.1T) ~ ~ w ~ Gm~S~UfIlSJ'lFlzU ~b k S m d d 3 ~ ~ ~ 1 & ~ 9 1 3 ~ 1d$8m.1 ?~ l~ E I ~ $ ~ ~ I ~ L L M U ~ I ~ ~ J ~ w ww ~ a n n r c n 3 s u l ~ n l s ~ a i ~ ~ ~ o i 3 ~ i ~ n w i i l ~ M i~M6~2~uun~ iu3nnau~Ga~wbiin~saoauiiwga o i n . j i n i ~ i 5 uLLERIvldi (uiunuanv huhiuana iiuncur r?Iuious) nazEiuAl$iannrznssuiSni~ u ~ T \" I I ~ ~ ~ M I M $ ~ u ~ L P ~ ~ \" I I I G~~ ~l i~uI ~$~ a~ I~ a ~ u n i ~ d ~ r y u a n - W~.R~. ~b~bwbu$a~ idwo g ~

aniQ~~~usiwgs ~~uudszGw\"nwwju. mod00

b. uiu~~fivikZ~ % E % u d. u i u ~ ~ s s a +i?i535u b. uiu?aGu< aus5--YwPdb 6 d. ~l~\"1l2GP?-i V U ~ W ~ cao. ~12197~1flLO9Y ~? I W ~ UIW5W49W ab. ~ 1 ~ ~ \" l l a \" Ri?~J?P~-iPldb ad. uiuasi?w$ Ca4iGuw\" ab. uiuasd\"u6 fl%u{ ad. Ulungul~P-idaa$lju & bo. UIURU%F~ b ~ ~ f l 9

ภาคผนวก ข รา่ ง พระราชบัญญัตลิ ม้ ละลายว่าดว้ ยการฟ้ืนฟหู น้บี คุ คล

รา่ ง พระราชบัญญัติลม้ ละลาย วา่ ด้วยการฟน้ื ฟูหน้บี ุคคล ----------------------------- ร่าง พระราชบัญญัติลม้ ละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ----------------------------- มาตรา ๑ พระราชบญั ญัตนิ เ้ี รียกว่า “พระราชบัญญัติลม้ ละลาย (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... ” มาตรา ๒ พระราชบญั ญัติน้ีใหใ้ ชบ้ งั คับตงั้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นหมวด ๓/๔ กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูหนี้สินของลูกหน้ี มาตรา ๙๐/๑๔๒ ถงึ มาตรา ๙๐/....... แหง่ พระราชบัญญตั ิล้มละลาย พทุ ธศักราช ๒๔๘๓ หมวด ๓/๔ กระบวนพจิ ารณาเก่ียวกบั การฟน้ื ฟูหน้สี นิ ของลกู หน้ี ----------------------------- สว่ นท่ี ๑ บทนิยาม ------------------- มาตรา ๙๐/๑๔๒ ในหมวดน้ี เวน้ แต่ขอ้ ความจะแสดงให้เหน็ เปน็ อย่างอ่ืน “ เจา้ หน้ี” หมายถึง เจา้ หน้มี ปี ระกันและเจา้ หนไี้ มม่ ปี ระกนั “ลูกหน้ี” หมายถึง ลูกหนี้ที่เป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล มลู นิธิ สมาคม สหกรณ์ หรือนิติบุคคลอื่น ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง “ ฟ้ืนฟหู น้สี นิ ” หมายถึง การแก้ไขให้ลูกหนที้ ม่ี ีหนี้สินสามารถชาระหนีแ้ ก่เจา้ หนี้ตามหมวดน้ี “คารอ้ งขอ” หมายความวา่ คารอ้ งขอให้ศาลมคี าสง่ั ให้ฟื้นฟหู นสี้ นิ และเหน็ ชอบแผน “ผ้รู ้องขอ” หมายความวา่ ผ้ยู ื่นคาร้องขอให้ศาลมคี าสง่ั ให้ฟื้นฟูหนีส้ นิ และเหน็ ชอบแผน “แผน” หมายความว่า แผนฟ้ืนฟูหนีส้ นิ ของลูกหนี้ “คาขอ” หมายถึง คาขอทีล่ กู หนี้ประสงคใ์ ห้เจ้าพนักงานทาการฟน้ื ฟูหนี้สนิ กบั เจ้าหนี้ให้แก่ลกู หน้ี “เจา้ พนักงาน” หมายถงึ เจ้าหนา้ ทีผ่ ้ทู าหนา้ ที่ฟนื้ ฟูหนส้ี ินของลูกหน้ี ไดแ้ ก่ (๑) พนักงานอัยการ” หมายความว่า พนักงานอัยการ สานักงานอัยการสูงสุด ที่ได้รับ มอบหมายจากอัยการสงู สดุ ให้ดาเนินการเก่ยี วกบั การฟื้นฟูหนีส้ ินของลูกหน้ี (๒) เจ้าพนักงานคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม ที่ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการเกี่ยวกับ การฟื้นฟหู นี้สนิ ของลูกหน้ี

๒ (๓) เจ้าหน้าท่ีหรือพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการ เก่ียวกับการฟ้ืนฟูหนี้สินของลูกหน้ี รวมถึงเจ้าหน้าท่ีของมูลนิธิหรือสมาคมท่ีได้จดทะเบียนต่อนายทะเบียน และมวี ัตถุประสงค์เพอื่ การแกไ้ ขหน้ีสินของลกู หน้ี ส่วนท่ี ๒ การฟน้ื ฟูหนส้ี ินและการจัดทาแผน --------------------------------------- มาตรา ๙๐/๑๔๓ ลูกหนี้ที่มีหนี้สินต่อเจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนรวมกันไม่เกินสิบล้านบาท และไม่อยู่ในสถานะที่จะชาระหนี้ได้ตามมาตรา ๙๐/๙๒ วรรคสอง อาจยื่นคาขอต่อเจ้าพนักงานที่ ณ สถานที่ ที่ลูกหน้ีมีภูมิลาเนาอยู่ หรือ ณ สถานท่ีต้ังหรือที่ทาการของเจ้าหน้าที่แล้วแต่กรณีเพ่ือให้ทาการฟื้นฟูหน้ีสิน ของตนได้ เมื่อเจ้าพนักงานได้รับคาขอฟ้ืนฟูหนี้สินของลูกหนี้ ให้พิจารณาคาขอของลูกหน้ีโดยเร็ว ถ้าได้ความตามมาตรา ๙๐/๑๔๓ และมีเหตุสมควรและช่องทางที่จะทาการฟ้ืนฟูหน้ีสินแก่ลูกหน้ีได้ ใหม้ คี าส่งั รบั คาขอและให้แจ้งใหล้ ูกหน้แี ละเจา้ หน้ีทราบภายในสามวันนบั แตม่ คี าสงั่ มาตรา ๙๐/๑๔๔ กรณีท่ีมีเหตุสมควร เจ้าพนักงานอาจยื่นคาขอฝ่ายเดียวโดยทาเป็นคาร้อง ตามมาตรา ๙๐/๙๘ เพ่ือให้ศาลมีคาสั่งจากัดสิทธิตาม มาตรา ๙๐/๑๐๒ เพ่ือคุ้มครองทรัพย์สินของลูกหน้ี ในระหวา่ งการดาเนนิ การฟ้ืนฟหู นีส้ นิ มาตรา ๙๐/๑๔๕ ให้เจ้าพนักงานมีอานาจออกหมายเรียก ลูกหน้ี เจ้าหน้ี หรือบุคคลที่เก่ียวข้อง มาสอบสวนมูลเหตุแห่งหนี้ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สิน หนี้สิน และพยานหลักฐานต่างๆอันเกี่ยวข้องกับ หน้ีสินของลูกหน้ี รายได้ รายจ่าย สมุดบัญชี ของลูกหน้ี เพ่ือใช้ในการฟ้ืนฟูหน้ีสินและกาหนดเง่ือนในการ ชาระหนส้ี ิน ให้เจ้าพนักงานและลูกหน้ีร่วมกันจัดทาแผนให้แล้วเสรจ็ โดยเร็ว ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันท่ี เจา้ พนกั งานได้มคี าสัง่ รบั คาขอจากลกู หนี้ มาตรา ๙๐/๑๔๖ ในแผน ใหม้ รี ายการต่อไปน้ี เปน็ อยา่ งน้อย (๑) เหตผุ ลทีท่ าให้มีการพ้นื ฟูหนี้สนิ (๒) รายละเอยี ดแหง่ สินทรพั ย์ หนสี้ นิ และภาระผกู พันต่างๆของลกู หน้ใี นขณะที่ ย่ืนคาร้องขอ (๓) หลักการและวิธีการฟ้นื ฟูหน้ีสิน (ก) ข้นั ตอนของการฟน้ื ฟูหนสี้ ิน (ข) การชาระหนี้ การยืดกาหนดเวลาชาระหน้ี การลดจานวนหน้ีลง และการจัดกลุ่มเจ้าหน้ี โดยสิทธิของเจ้าหนี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันต้องได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน เว้นแต่เจ้าหน้ีผู้ได้รับการปฏิบัติ ท่เี สียเปรียบในกล่มุ นนั้ จะให้ความยนิ ยอมเป็นหนงั สือ (ค) วิธีการฟ้ืนฟูหนี้สินของลูกหนี้ เช่น การลดทุนและเพ่ิมทุน การก่อหน้ี และระดมเงินทุน การจดั การและการหาประโยชนจ์ ากทรัพยส์ ินของลูกหน้ี (๔) ระยะเวลาดาเนินการตามแผนซงึ่ ไม่เกินห้าปี

๓ (๕) การไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหน้ีหรือสิทธิตามสัญญา ในกรณีท่ีทรัพย์สิน ของลูกหนี้หรือสิทธิ ตามสัญญามีภาระเกินควรกวา่ ประโยชนท์ จี่ ะพงึ ได้ เพื่อประโยชน์ในการจัดทาแผน เจ้าพนักงานอาจนัดลูกหนี้และเจ้าหนี้บางรายมาหารือในการ จดั ทาเง่อื นไขการฟ้ืนฟหู น้สี นิ ตามแผนของเจา้ หน้ีรายน้นั ได้ มาตรา ๙๐/๑๔๗ เม่ือจัดทาแผนเสร็จแล้ว ให้เจ้าพนักงานกาหนดวันนัดประชุมเจ้าหนี้ เพื่อพิจารณาแผนโดยเร็ว และให้ส่งสาเนาแผนให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ทราบก่อนวันนัดประชุมไกล่เกล่ีย หนี้ลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่าเจด็ วัน มาตรา ๙๐/๑๔๘ เจ้าหนี้ อาจยื่นขอแก้ไขแผนโดยย่ืนคาขอแก้ไขต่อเจ้าพนักงานก่อนวันประชุม เจา้ หน้ีไมน่ อ้ ยกวา่ สิบวัน กรณีมีการยื่นคาขอแก้ไขแผนตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานนัดประชุม ลูกหนี้และเจ้าหน้ี รายท่ียื่นคาขอแก้ไขเพ่ือพิจารณาว่าสมควรจะแก้ไขแผนหรือไม่ หากลูกหน้ียินยอมให้แก้ไขให้เจ้าพนักงาน ทาการแกไ้ ขแผน หากลูกหน้หี รอื เจ้าหนี้ไมย่ นิ ยอมแก้ไขแผนตามทีเ่ จ้าหนี้ย่ืนคาขอแกไ้ ข ให้ใช้แผนตามเดิม มาตรา ๙๐/๑๔๘ มติยอมรับแผนของท่ปี ระชุมเจ้าหน้ตี ามมาตรา ๙๐/๑๔๗ ต้องเปน็ ไปดงั น้ี (๑) เจ้าหนี้ทุกกลมุ่ มมี ติยอมรับแผน หรอื (๒) ที่ประชุมเจ้าหนี้อย่างน้อยหน่ึงกลุ่ม และเม่ือนับรวมจานวนหนี้ของเจ้าหน้ีที่ยอมรับแผน ในท่ีประชุมเจ้าหนี้ทุกกลุ่มแล้ว มีจานวนไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบแห่งจานวนหนี้ของเจ้าหนี้ซ่ึงได้เข้าประชุม ด้วยตนเองหรือมอบฉนั ทะให้ผ้อู ืน่ เข้าประชุมแทนในทป่ี ระชมุ เจ้าหนแี้ ละไดอ้ อกเสยี งลงคะแนนในมตนิ ั้น มาตรา ๙๐/๑๔๙ ถ้าที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติตามมาตรา ๙๐/๑๔๘ ยอมรับแผนให้เจ้าพนักงาน ยื่นคาร้องขอต่อศาลเพื่อมีคาส่ังให้ฟ้ืนฟูหนี้สินและเห็นชอบแผน ตามมาตรา ๙๐/๑๕๒ หรือพิจารณา ทาสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างลูกหน้ีและเจ้าหน้ีตามแผนหรือดาเนินการอ่ืน ๆ ตามที่เห็นสมควร เพื่อการฟื้นฟหู น้ีสินสาเรจ็ ถ้าที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่มีมติตามมาตรา ๑๔๘ ยอมรับแผนหรือไม่มีเจ้าหนี้มาประชุมให้ลูกหนี้ และเจ้าพนักงานประชุมปรึกษากับเจ้าหนี้ที่มีมติไม่ยอมรับแผน เพ่ือแก้ไขแผนตามที่เห็นสมควร และให้ นัดประชมุ เจ้าหน้ีอีกครัง้ ให้นาความในมาตรา ๙๐/๑๔๖ วรรคหนงึ่ มาใช้บังคบั และให้ถือว่า ลกู หน้ีและเจ้าหน้ี ทง้ั หลายได้ทราบนดั แล้ว เจ้าหน้ีตามวรรคสามรายใดไม่มาประชุมเจ้าหนี้โดยไม่มีเหตุอันสมควรและจาเป็น ให้ถือว่า เจ้าหน้ีน้ันมีมติยอมรับแผน เว้นแต่ จะแสดงให้เห็นว่า ลูกหน้ีไม่ได้แจ้งความเป็นเจ้าหนี้ให้เจ้าพนักงานทราบ และไม่มรี ายชอื่ เจ้าหน้นี ั้นในแผน การนัดประชุมเจ้าหนี้ตามวรรคสอง หากที่ประชุมเจ้าหนี้คร้ังท่ีสองยังมีมติไม่ยอมรับแผน ไกล่เกลี่ย ให้เจ้าพนักงานยุติการดาเนินการเพ่ือฟ้ืนฟูหน้ีสิน หากท่ีประชุมมีมติยอมรับแผนให้ดาเนินการ ตามวรรคหนึง่ คาส่ังให้ยุติการฟื้นฟูหน้ีสินตามวรรคหนึ่ง ไม่ตัดสิทธิของลูกหน้ีในการยื่นคาร้องขอ ตามหมวด ๓/๒ และหมวด ๓/๓ รวมถึง การขอให้เจ้าพนักงานดาเนินการฟื้นฟูหน้ีสินของตนใหม่ เมือ่ พ้นระยะเวลานบั จากครัง้ กอ่ นไมน่ อ้ ยกว่าหกเดอื น มาตรา ๙๐/๑๕๐ เพ่ือประโยชน์ในการสอบสวนและการจัดทาแผนตามมาตรา ๙๐/๑๔๕ และ มาตรา ๙๐/๑๔๖ ให้เจ้าพนักงานมีอานาจออกหมายเรียก เจ้าหน้ี ลูกหน้ี หรือบุคคลหน่ึงบุคคลใด ซ่ึงเห็นว่า

๔ สามารถแจ้งข้อความเก่ียวกับกจิ การหรือทรัพย์สินของลกู หน้ีมาพบตนเพื่อสอบถามหรือขอให้ศาลสง่ั ให้บุคคล น้ัน ๆ ส่งเอกสารหรือวัตถุพยานซ่ึงอยู่ในความยึดถือหรืออานาจของผู้นั้นอันเก่ียวกับกิจการหรือทรัพย์สิน ของลกู หนมี้ าให้ตนกไ็ ด้ หมายเรยี กตามวรรคหนึ่ง ใหถ้ ือเป็นคาส่ังของเจา้ พนักงานตามกฎหมายอาญา ส่วนท่ี ๓ การขอให้ฟ้ืนฟหู นี้สินของลูกหนี้และเหน็ ชอบแผน ---------------------------------- มาตรา ๙๐/๑๕๑ กรณีที่เจ้าพนักงานเห็นสมควรและจาเป็นต้องย่ืนคาร้องขอ เจ้าพนักงานอาจยื่น คาร้องขอต่อศาลให้มีการฟืน้ ฟูหนี้สินและเห็นชอบแผนตามมาตรา ๙๐/๑๕๙ ได้ โดยแนบแผนพร้อมหลักฐาน แสดงวา่ เจา้ หนไ้ี ด้มมี ตยิ อมรบั แผนแล้วตามมาตรา ๙๐/๑๔๘ มาตรา ๙๐/๑๕๒ ในการร้องขอฟื้นฟูหน้ีสิน ผู้ร้องขอต้องชาระค่าขน้ึ ศาลห้าร้อยบาทและต้องวางเงิน ประกันค่าใช้จ่ายที่ผู้ร้องขอต้องรับผิดชอบในการขอฟื้นฟูหน้ีสินไว้ต่อศาลเป็นจานวนหนึ่งพันบาท ในขณะ ย่นื คาร้องขอ หากค่าใช้จ่ายนั้นไม่เพียงพอ ศาลจะมีคาสั่งให้ผู้ร้องขอวางเงินประกันค่าใช้จ่ายเพ่ิมข้ึนตามจานวน ที่เห็นสมควรก็ได้ ในกรณีท่ีผู้ร้องขอไม่ยอมวางเงินประกันเพ่ิมตามวรรคหน่ึง ถ้าศาลยังไม่มีคาสั่งให้ฟื้นฟู หน้ีสิน ใหถ้ ือว่าผู้รอ้ งขอท้ิงคาร้องขอ ให้ศาลจาหนา่ ยคดอี อกจากสารบบความ กรณีที่ผู้ร้องขอเป็นผู้ยากไร้หรือมีรายได้น้อย ผู้ร้องขออาจย่ืนคาร้องต่อศาลเพ่ือพิจารณายกเว้น หรือกาหนดค่าข้ึนศาลและเงินประกันค่าใช้จา่ ยตามวรรคหนงึ่ ตามจานวนที่ศาลเหน็ สมควรก็ได้ ให้ลูกหน้เี ป็นผู้รับผดิ ชอบเงินคา่ ข้นึ ศาลและเงินประกนั ตามวรรคหนง่ึ มาตรา ๙๐/๑๕๓ ผู้ร้องขอจะถอนคาร้องขอไม่ได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต แต่ถ้าศาลได้มีคาสั่งให้ ฟื้นฟูหนีส้ นิ และเห็นชอบด้วยแผนแลว้ ศาลจะอนุญาตใหถ้ อนคารอ้ งขอไมไ่ ด้ สว่ นที่ ๔ การพิจารณาคารอ้ งขอใหฟ้ ้นื ฟหู น้ีสินและเห็นชอบแผน ----------------------------- มาตรา ๙๐/๑๕๔ เมื่อศาลส่ังรับคาร้องขอแล้ว ให้กาหนดวันนัดไต่สวนเป็นการด่วน ให้หมายเรียก และส่งสาเนาคาร้องขอไปยังลูกหนี้และเจ้าหน้ีทั้งหลายให้ทราบก่อนวันไต่สวน ทั้งนี้ ให้ส่งก่อนวันไต่สวน ไมน่ อ้ ยกวา่ เจ็ดวัน เจ้าหนี้อาจย่ืนคาคัดค้านก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่าสามวัน เว้นแต่เจ้าหนี้ที่ได้มีมติ ยอมรบั แผนหรอื ไม่มาประชุมเจา้ หนีต้ ามมาตรา ๙๐/๑๔๙ ใหน้ าบทบญั ญตั มิ าตรา ๙๐/๑๑ มาใช้บงั คบั กบั การไตส่ วนคารอ้ งขอของศาลโดยอนโุ ลม มาตรา ๙๐/๑๕๕ ในการไตส่ วนคาร้องขอ ศาลต้องไตส่ วนเอาความจริง ตามท่ีบญั ญตั ิไว้ในมาตรา ๙๐/๑๔๓ และแผนเข้าหลกั เกณฑ์ทีศ่ าลจะพจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบได้ตามมาตรา ๙๐/๑๕๙

๕ ถ้าได้ความจริงและแผนเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งผู้ร้องขอย่ืนคาร้องขอโดยสุจริต ให้ศาล มีคาสั่งใหฟ้ ้ืนฟหู นส้ี ินและเห็นชอบแผน โดยใหล้ กู หนเ้ี ปน็ ผู้บริหารแผน มฉิ ะน้นั ให้มคี าสงั่ ให้ยกคาร้องขอ ในกรณีที่ไม่มีผู้คัดค้านคาร้องขอ ถ้าศาลเห็นสมควรจะงดการไต่สวนและมีคาสั่งตามวรรคหน่ึง หรือวรรคสอง แลว้ แตก่ รณกี ไ็ ด้ มาตรา ๙๐/๑๕๖ ก่อนศาลมีสั่งเห็นชอบด้วยแผน หากมีเจ้าหนี้ย่ืนคาร้องต่อศาล เกี่ยวกับมูลหนี้ ท่ีได้เกิดขึ้นก่อนวันท่ีศาลมีคาส่ังให้ฟ้ืนฟูกิจการว่า ลูกหน้ีไม่แสดงรายละเอียดแห่งหนี้สินของตน หรือแสดง จานวนหน้ีที่ค้างชาระของเจ้าหน้ีท้ังหลายไม่ถูกต้อง ให้ศาลส่งสาเนาคาร้องแก่เจ้าหนี้ท้ังหลาย เจ้าพนักงาน หรือลูกหน้ี และศาลอาจมีคาสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจสอบเก่ียวกับมูลหน้ีของเจ้าหน้ีท้ังหมด หรือแต่บางส่วน หรอื จะมีคาสั่งตามทเี่ หน็ สมควรก็ได้ หากศาลไต่สวนแล้วได้ความจริงตามที่เจ้าหนี้ร้องขอตามวรรคหน่ึง ให้ศาลสอบถาม เจ้าพนักงาน หรือลูกหนี้ถึงเหตุดังกล่าว ถ้าศาลเห็นว่าหน้ีที่มิได้แสดงหรือท่ีได้แสดงไว้ในรายละเอียดแห่งหนี้สินนั้น เป็นข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย ก็ให้ศาลมีคาส่ังให้เจ้าพนักงานหรือลูกหน้ี แก้ไขแผนสาหรับหน้ี ที่ขาดหายไป หรือแก้ไขข้อผิดพลาดเช่นว่านั้นให้ถูกต้อง และให้ถือว่าแผนยังมีผลผูกพันเจ้าหน้ีท้ังหลายต่อไป ถ้าศาลเห็นว่าหนี้ที่มิได้แสดงหรือท่ีได้แสดงไว่ในรายละเอียด แห่งหนี้สินน้ันเป็นข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลง ในสาระสาคัญก็ใหศ้ าลมคี าส่ังยกคาร้องขอ คาส่ังศาลใหเ้ จ้าพนักงานพทิ กั ษ์ทรพั ย์ตรวจสอบเกยี่ วกับมลู หน้ขี องเจา้ หนี้ ตามวรรคหน่ึงไมเ่ ปน็ เหตุให้ ศาลรอการไต่สวนคาร้องขอตามมาตรา ๙๐/๑๕๕ มาตรา ๙๐/๑๕๗ ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๙๐/๑๐๒ และมาตรา ๙๐/๑๐๓ มาใช้บังคับในการร้องขอ ฟื้นฟูหน้สี นิ ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๙๐/๑๓ มาตรา ๙๐/๑๔ และมาตรา ๙๐/๑๕ มาใช้บังคับกับการ แก้ไขเปลย่ี นแปลงหรือยกเลกิ ข้อจากัดสิทธิของเจ้าหนี้ การดาเนินการทีถ่ ือเป็นการให้ความคุ้มครองแก่เจ้าหน้ี มีประกัน อายุความและระยะเวลาเกี่ยวกับการดาเนินกระบวนพิจารณาและการบังคับคดี และระยะเวลา เก่ียวกบั การเสนอขอ้ พพิ าทต่ออนญุ าโตตุลาการโดยอนโุ ลม มาตรา ๙๐/๑๕๘ การทศ่ี าลจะพิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบแผน มหี ลักเกณฑ์ ดงั ต่อไปน้ี (๑) แผนมรี ายการครบถว้ นตามมาตรา ๙๐/๑๔๖ (๒) เมื่อการดาเนินการตามแผนสาเร็จจะทาให้เจ้าหน้ีได้รับชาระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีท่ีศาลมี คาพิพากษาใหล้ ูกหน้ีล้มละลาย และ (๓) เจ้าหน้ีท่ีอยู่ในกลุ่มเดียวกันต้องได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน เว้นแต่เจ้าหน้ีผู้ได้รับการ ปฏบิ ตั ทิ เี่ สยี เปรียบในกล่มุ น้นั จะใหค้ วามยนิ ยอมเปน็ หนงั สอื (๔) แผนได้รับความเหน็ ชอบจากท่ปี ระชมุ เจา้ หน้ี มาตรา ๙๐/๑๕๙ เม่ือศาลมีคาส่ังให้ฟ้ืนฟูหน้ีสินและเห็นชอบแผน ให้ศาลแจ้งคาสั่งดังกล่าวให้เจ้า พนักงาน ลูกหนี้และเจ้าหนี้ทราบเป็นหนังสือหรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิสก์อ่ืนๆตามที่ศาลเห็นสมควร และให้ศาลแจ้งคาสั่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์เพื่อประกาศคาสั่งให้ฟ้ืนฟูหนี้สินและเห็นชอบด้วยแผนของศาล ในเว็บไซต์ของกรมบังคบั คดีหรอื โดยวธิ กี ารทางอิเลก็ ทรอนิสก์อ่ืน

๖ ในกรณีท่ีศาลมีคาสั่งยกคาร้องขอฟื้นฟหู น้ีสินและเห็นชอบแผน เพราะแผนไม่เข้าหลักเกณฑ์ ท่ีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ ลูกหน้ีอาจย่ืนคาร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามหมวดนี้หรือ ตามหมวด ๓/๒ แล้วแต่กรณอี ีกได้ โดยนาหลกั เกณฑ์เร่ืองระยะเวลาตามมาตรา ๙๐/๔๓(๓) มาบังคับใช้ ส่วนท่ี ๕ การดาเนนิ การภายหลงั ศาลมคี าสัง่ ให้ฟน้ื ฟหู นีส้ นิ และเหน็ ชอบด้วยแผน ----------------------------------------- มาตรา ๙๐/๑๖๐ แผนซึ่งศาลมีคาสั่งเห็นชอบแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ท้ังหลายในหนี้ของตน แต่ไม่ผูกมัด เจ้าหนี้ทั้งหลายท่ีลูกหนี้ไม่ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานทราบและเรียกให้เข้าประชุมเพื่อพิจารณาแผนหรือมิได้ มีรายการเจา้ หนี้น้ันไวใ้ นแผน คาส่ังของศาลท่ีเห็นชอบด้วยแผน ให้มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดของบุคคลซ่ึงเป็นผู้ค้าประกันหรือ อยู่ในลกั ษณะอย่างผู้ค้าประกันของลูกหน้ีที่มีอยู่กอ่ นวนั ท่ีศาลมีคาส่ังดังกล่าวเท่าที่ลูกหน้ีตอ้ งรบั ผดิ ต่อเจ้าหนี้ ตามแผน ทั้งนี้ ไม่มผี ลเปล่ียนแปลงความรับผดิ ของบคุ คลผรู้ บั ผดิ รว่ มกบั ลูกหนี้ มาตรา ๙๐/๑๖๑ เมื่อศาลมีคาส่ังให้ฟ้ืนฟูหน้ีสินและเห็นชอบด้วยแผนแล้ว ให้เจ้าพนักงานชี้แจง รายละเอียดของแผน หน้าท่ีและการปฏิบัติตามแผน ตลอดจนเหตุและปัจจัยท่ีทาให้ต้องมีการฟื้นฟูหน้ีสิน ให้แก่ลูกหนี้ และใหม้ อี านาจตดิ ตามการปฏบิ ัติตามแผนของลกู หนีแ้ ละดาเนนิ การตามมาตรา ๙๐/๑๖๒ มาตรา ๙๐/๑๖๓ เมอ่ื ศาลมคี าส่ังใหฟ้ ้ืนฟหู น้ีสินและเห็นชอบด้วยแผนแล้ว ถ้ามีความจาเป็นต้องแกไ้ ข แผนเพื่อให้การฟื้นฟูหน้ีสินสาเร็จไปได้ ลูกหนี้หรือเจ้าพนักงาน อาจยื่นขอแก้ไขแผนได้ ในกรณีเช่นว่าน้ี ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๙๐/๑๔๗ มาตรา ๙๐/๑๔๘ มาตรา ๙๐/๑๔๙ มาตรา ๙๐/๑๕๐ มาตรา ๙๐/๑๕๕ มาตรา ๙๐/๑๕๖ มาตรา ๙๐/๑๕๘ และมาตรา ๙๐/๑๖๐ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม มาตรา ๙๐/๑๖๔ ให้ลูกหน้ีจัดทารายงานการปฏิบัติงานตามแผนเสนอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนกั งานทกุ รอบสามเดือนตามรปู แบบทเ่ี จ้าพนักงานพทิ กั ษ์ทรัพยก์ าหนด สว่ นที่ ๖ การยกเลิกการฟนื้ ฟูหน้ีสิน ------------------------------------------- มาตรา ๙๐/๑๖๔ ถ้าลูกหนี้หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แล้วแต่กรณี เห็นว่าการฟ้ืนฟูหนี้สินได้ ดาเนินการเป็นผลสาเร็จตามแผนแล้ว ให้รายงานขอให้ศาลมีคาส่ังยกเลิกการฟื้นฟูหน้ีสินโดยไม่ซักช้า และใหศ้ าลนดั พิจารณา หากไดค้ วามว่าการฟื้นฟหู นส้ี นิ ได้ดาเนนิ การเปน็ ผลสาเร็จตามแผน กใ็ หศ้ าลมคี าสั่ง ยกเลิกการฟื้นฟูหน้ีสินโดยไม่ซักช้า แต่ถ้าได้ความว่าการฟ้ืนฟูหน้ีสินยังไม่เป็นผลสาเร็จตามแผน ในกรณีที่ ยังเหลือระยะเวลาดาเนินการตามแผน ก็ให้ศาลมีคาส่ังให้ดาเนินการฟ้ืนฟูหนี้สินต่อไปภายในกาหนด ระยะเวลาตามแผน ถา้ ในระหว่างนนั้ ระยะเวลาดาเนินการ ตามแผนสิ้นสุดลงแล้ว แตเ่ ปน็ ท่ีเห็นไดแ้ นช่ ัดว่า แผนได้ดาเนินการมาใกล้จะสาเร็จแล้ว ศาลจะขยายระยะเวลาดาเนินการตามแผนต่อไปอีกตามควรแก่ กรณีกไ็ ด้

๗ มาตรา ๙๐/๑๖๕ ถ้าลูกหนี้ผิดนัดไม่ชาระหน้ีตามท่ีได้ตกลงไว้ในแผนก็ดี หรือปรากฏแก่ศาล โดยมีพยานหลักฐานว่า การชาระหนี้ตามแผนนั้นไม่อาจดาเนินไปได้ โดยปราศจากอยุติธรรมหรือจะเป็น การเนิ่นช้าเกินสมควรก็ดี หรือการที่ศาลได้มีคาส่ังเห็นชอบด้วยน้ัน เป็นเพราะลูกหลอกลวงทุจริตก็ดี เม่ือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงาน หรือ เจ้าพนักงาน หรือ เจ้าหน้ีคนใดมีคาขอ โดยทาเป็นคาร้อง ศาลมีอานาจยกเลิกการฟื้นฟูหนี้สิน แต่ทั้งนี้ไม่กระทบถึงการใดที่ได้ กระทาไปแล้วตามแผนนั้น และให้นา มาตรา ๙๐/๑๒๓ และมาตรา ๙๐/๑๒๔ มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม” มาตรา ๙๐/๑๖๖ ในกรณีท่ีศาลมีคาสั่งยกเลิกการฟ้ืนฟูหน้ีสิน ให้ศาลแจ้งคาสั่งดังกล่าว แกเ่ จา้ พนักงานพทิ ักษ์ทรัพยแ์ ละลูกหนโ้ี ดยไม่ซกั ช้า ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๙๐/๑๙๕ วรรคหน่ึง มาใช้บังคับแก่การแจ้งคาส่ัง และประกาศคาส่ัง โดยอนโุ ลม มาตรา ๙๐/๑๖๗ คาสั่งยกเลิกการฟ้ืนฟูหนี้สิน ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความผูกพันในหน้ีของลูกหนี้ กับเจา้ หน้ตี ามแผน เจ้าหน้ีที่ลูกหนี้มิได้แสดงไว้ในรายละเอียดแห่งหน้ีสิน และเจ้าหน้ีที่ผู้ทาแผน มิได้เรียกให้ ประชุมเจา้ หนี้เพ่อื พจิ ารณาแผน ย่อมมีสทิ ธติ ามมูลหนี้เดมิ ของตน มาตรา ๙๐/๑๖๘ ในระหวา่ งการปฏิบัตติ ามแผนถ้าลกู หนี้ถึงแก่ความตาย หรอื พิการ ทุกพลภาพหรือ เจ็บป่วยไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ เจ้าพนักงาน หรือเจ้าหน้ี ยื่นคาร้อง ต่อศาลเพ่ือขอให้แต่งตั้งทายาทหรือผู้จัดการมรดกหรือผู้ปกครองทรัพย์ของลูกหน้ีแล้วแต่กรณี เป็นผู้ปฏิบัติ ตามแผนแทนลูกหนี้ กรณี ตามวรรคหน่ึง หากเจา้ หนป้ี ระสงคจ์ ะคดั ค้าน ให้ย่ืนคาคัดค้านก่อนวันนดั ไต่สวนไม่น้อย กว่าสามวนั มาตรา ๙๐/๑๖๙ กรณีท่ีศาลมีคาส่ังแต่งต้ังผู้ปฏิบัติตามแผนแทนลูกหน้ีตามมาตรา ๙๐/๑๖๘ เม่ือมี เหตุจาเป็น บุคคลดังกล่าวอาจย่ืนคารอ้ งต่อศาลขอแก้ไขแผนได้ และให้นาบทบัญญัตติ ามมาตรา ๙๐/๑๖๓ มา ใช้บังคับโดยอนุโลม ส่วนที่ ๗ การปลดจากการปฏิบตั ติ ามแผนฟืน้ ฟหู นี้สนิ ------------------------------------------------------- มาตรา ๙๐/๑๗๐ กรณีที่ผู้ปฏิบัติตามแผนตามมาตรา ๙๐/๑๖๘ มีเหตุที่จาเป็นทาให้ไม่สามารถ ปฏิบัติตามแผนให้สาเร็จได้แม้จะมีการแก้ไขแผนแล้วก็ดี หรือ ไม่สามารถปฏิบัติตามแผนได้โดยวิธีการแก้ไข แผนกด็ ี ผูป้ ฏบิ ตั ติ ามแผนอาจย่ืนคาร้องขอต่อศาลเพื่อของปลดลูกหนจ้ี ากการปฏิบตั ิตามแผนได้ มาตรา ๙๐/๑๗๑ เมื่อศาลได้รับคาร้องของผูบ้ ริหารแผนตามมาตรา ๙๐/๑๗๐ ให้ศาลนัดไต่สวน โดยเร็ว ให้นาบทบญั ญัตใิ นมาตรา ๙๐/๑๕๔ มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม มาตรา ๙๐/๑๗๒ เมือ่ ศาลไตส่ วนคารอ้ งตามมาตรา ๙๐/๑๗๐ และฟงั ได้วา่ ทายาทหรือผจู้ ดั การมรดก หรือผู้ปกครองทรัพย์ของลูกหนี้ หรือ ลูกหนี้ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารแผนให้สาเร็จได้ ให้ศาล มคี าส่ังปลดลูกหนจี้ ากการปฏิบัติตามแผน

๘ มาตรา ๙๐/๑๗๓ เหตุจาเป็นท่ศี าลมคี าสั่งปลดลกู หนีจ้ ากการปฏิบตั ติ ามแผน มี ดังต่อไปนี้ (๑) ทายาทเป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือ คู่สมรสซึ่งไม่มีรายได้ประจาพอที่จะปฏิบัติ ตามแผนให้สาเร็จไดด้ ้วยการแกไ้ ขแผน (๒) ลูกหนผ้ี ู้ตายไมม่ ที รัพยม์ รดกใดท่ีจะนาชาระหน้ีตามแผนได้ (๓) เหตุอนื่ ๆ ท่ีทาใหก้ ารปฏบิ ัตติ ามแผนต่อไปไมอ่ าจสาเร็จไปได้ ตามท่ศี าลเห็นสมควร มาตรา ๙๐/๑๗๔ คาสั่งปลดลูกหนี้จากการปฏิบัติตามแผน ให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้สินท้ังปวง ตามแผน รวมถงึ หนข้ี องเจ้าหนตี้ ามมาตรา ๙๐/๑๗๖ วรรคสอง มาตรา ๙๐/๑๗๔ ใหน้ าบทบัญญตั ิมาตรา ๙๐/๑๒๖ ถึงมาตรา ๙๐/๑๓๑ มาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม หมายเหตุ ร่างฉบับนี้ เป็นการร่างให้สอดคล้องกับ ร่างพระราชบญั ญัตลิ ้มละลาย (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ใน การพิจารณาของสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และได้มีการรับฟังความคิดเห็นเสร็จแล้ว โดยเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมบทบัญญัติในหมวด 3/2 และเพิ่ม หมวด 3/3 ร่างกฎหมายฉบับนี้ จงึ เป็นการแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ โดยเพ่ิมเป็น หมวด 3/4

ภาคผนวก ค ประมวลภาพการดาเนินงานของคณะกรรมาธิการ

ประมวลภาพการดาเนนิ งานของคณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปัญหาหนี้สินแหง่ ชาติ การประชมุ คณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปญั หาหนส้ี นิ แห่งชาติ

การประชมุ คณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปัญหาหนี้สนิ แห่งชาติ

การประชมุ คณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปัญหาหนี้สนิ แห่งชาติ

การประชมุ คณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปัญหาหนี้สนิ แห่งชาติ

การประชุมคณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปญั หาหนส้ี ินแห่งชาติ  การประชมุ คณะอนุกรรมาธกิ ารพิจารณาศกึ ษาปัญหาหน้สี นิ ภาคครวั เรอื น หน้สี นิ ภาครัฐ รวมถึงคา่ ครองชพี สงู

การประชุมคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปญั หาหนสี้ นิ ภาคครวั เรอื น หน้สี ินภาครัฐ รวมถงึ ค่าครองชพี สูง

การประชุมคณะอนุกรรมาธิการพจิ ารณาศึกษาปญั หาหนสี้ นิ ภาคครวั เรอื น หน้สี ินภาครัฐ รวมถึงคา่ ครองชพี สูง

การประชุมคณะอนุกรรมาธิการพจิ ารณาศึกษาปญั หาหนสี้ นิ ภาคครวั เรอื น หน้สี ินภาครัฐ รวมถึงคา่ ครองชพี สูง

ภาคผนวก ง รายนามฝา่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ าร

รายนามฝ่ายเลขานุการคณะกรรมาธิการแกไ้ ขปญั หาหนีส้ นิ แหง่ ชาติ สภาผู้แทนราษฎร ๑. พนั จ่าอากาศเอก ศกั ดส์ิ ิทธ์ิ ภ่สู โิ รรังษี ผู้บงั คบั บญั ชากลุ่มงาน คณะกรรมาธิการแก้ไขปญั หาหน้สี นิ แหง่ ชาติ ๒. นางสาวพิสมยั แนบสนทิ วทิ ยากรชานาญการพิเศษ ๓. นายเมธี มณีรัตน์ วทิ ยากรชานาญการ ๔. นายพงศกร คเชนทรพรรค นติ ิกรชานาญการ ๕. นางสาวพินพงษ์ สมัครเขตการณ์ เจา้ พนักงานธุรการอาวโุ ส ๖. นางสาวพิทยาภรณ์ เภาศรี เจา้ พนักงานธุรการชานาญงาน -----------------------------------

กล่มุ งานคณะกรรมาธกิ ารแกไ้ ขปัญหาหน้ีสินแห่งชาติ สานักกรรมาธิการ ๑ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร





รายงานผลการพิจารณาศกึ ษา เรื่อง ญัตตเิ พอ่ื พจิ ารณาศกึ ษาการปรับโครงสร้าง ราคาพลงั งานและกองทุนนา้ มนั ใหเ้ ปน็ ระบบและยัง่ ยืน ของคณะกรรมาธิการการพลงั งาน สภาผ้แู ทนราษฎร กลุ่มงานคณะกรรมาธกิ ารการพลงั งาน ส้านกั กรรมาธิการ ๑ ส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

รายงานผลการพิจารณาศกึ ษา เรื่อง ญัตตเิ พอ่ื พจิ ารณาศกึ ษาการปรับโครงสร้าง ราคาพลงั งานและกองทุนนา้ มนั ใหเ้ ปน็ ระบบและยัง่ ยืน ของคณะกรรมาธิการการพลงั งาน สภาผ้แู ทนราษฎร กลุ่มงานคณะกรรมาธกิ ารการพลงั งาน ส้านกั กรรมาธิการ ๑ ส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

(aiitn) H Piai^niiuiBniinTa^^'ru yi (TfW ooGxri.owl/ wmm nm. ^oenoo ^ iscTbct: lIq^ ,5i£j^iiuwam<3'H^man^nw a/ 2/ ci i^ na'3vicucu0i3j<uWi,fJ<u<3t:,u‘uu,a^mS,u nmuLl^j^ iJisiQi'ueifnmi.vitmyf]^ «u 1l i/ ?i/iiw2SLm‘U‘3icw<ri£3 i<lefaj ^ cff^^m' a^anion^nw m^‘iJTuI{si^?ifn^cn<sn^^^n,uua^na^^^cu0n3Jtulm{Jui^ucULia^ii^8ii 4i\\nv, © m ss (?nu8<8\\J^U?!/l1WtLyi<U11‘W/]‘5 Is^lJ b af^yi ben (?i3JEJ?n34UJlJ‘3^a'ltJa^<8vi,n^) bo ^vnmj bd^ben l^aiianfy^fi lIq^ 6yaW?ffnwLivru‘3i‘w/]‘5^(5iai^ni<3un5fm qj a d tu V dj o <u (‘unai^d ^npiQui^ia LcZ'U'uVwma) ry^^<i^ =ila»^<(u^aH2?/ia2iwyLLyitu<3W/]iMQj aa!^fm3JiBniii?!i3djJaj^an‘3and^nwfmcUQfJ<uIm^?iVfn^ii(sn^^^i,u LLci^na^vnj**i0Iia*Jjii (■unEQj&-/<a=^i Gk LciZJ<uwVi?n4a) aQiJVifi idla^ 2^2/ QJ 1 rfa1) etas US' 2S UitJ (U s ua^d^/ Sdti (‘unaeiudmai^ Vtf^nqyiBna LcZiJ'uVw^'ua) sduJ m idla^ 6i)aWV?!/inmV mi<!‘3i^f],3^^^ai2in‘3iunsm'3 aanaT^aiimn^nwrmiJf'UL^w^j'unnn^w^Wi^a^'iJ^LVi^lvia v^.^i. berb® - b^o (PDP2018) maWii^n'^^^itiluiJ^mPilyiaLviui^fiuLLa^ia^fijmnjj^a^fm'ija^iJ^iw (■uiaijqjaa LiJ'uwLei'ua) ila^ 6fjaW?iaifl,L^‘uii'w/]‘5^aai^n‘5‘3jjn5rmim3Tqj^aiioji^n<wnfm<iJ?uIssi^?i?n-3 aviSain LiJ'uwi^'ua) ila^ ^aWff/nwuvi'uii'ygi^ ^mj^rmu'isfma?nsjuj^ai^and^nwm<5iJq!j/<ulfi^?i1!/,i^‘5iFn^^d^f 'n4ua^n0^yaj'u%on3<zjj'ua8in^tiJcZi<!‘5^<uu <u <\\ (inEjaiq^^ iwurvmm tiJ,uwi?!tua) LLa^Su^d^W^fu^rmunBmim^^^nwaniaii n'mJ<5^saaj?ifnwLLvicu‘3i^qi ^.^i. bd:bb ^a <^o feannvi'u^isia^nan'waiianSm^nH bo tu ^^acu^nmjism'al^a'yaiai^a^nailtirm^aiiajn^nw ma^a,in?iai\\4mia3rmim‘5i2iuna6ua^ Iia^^i^abMalitn 2019 (COVID-19) LLa^ma^aiiaii^n,yi^0ija^amaa^t8ai\\jm<ULi>a^iatim^ amwvimma^yindna h\\n\\i nam^a af^uin ^iuiv, bo in af^yi^a^ hxmi ©bo qu •IJ 2 a/ i if ^ ^ qj d If o df df d df df d ci mw?mj antnt! g^o au antnu do in iixnn tio ou a^nvin g^o in af^vna^i ai'ui'u ©bo in 2/ i qj s' d limn tio a'ulaaa^aiunnvi'u^l'uaiia'uyii^ ^ ^q^iama'u bctrbd: wn^iuiBrm^icu^fl ili^nau^na ©) ‘unan^i^m Ifi'wq'uvi's 'Ui^snuaai^ni'aaj'iBrm b) ■una^ayid wvinwn'fefi ^_l _j. ,3a^iJi^5i£u^ai^n,3‘3jJi5rm m) uajLla^ la^ilissi'u^cu^niiunBmi awfia^ *a s k si) tna^ijad f^naiJ^rm /(T) mu...

-Is- &) <U1051‘51 tJm^^ mm b) 141^111171111 fi'ldlJl^^l mv\\m d) l410?iULn01^ 10141^01 mv\\m Cs) 14101471^10 Uienffl G<) 14101^1 U10QU100 ^iJln‘wiPiai^n^^unBm‘3 G)o) 1410U140J 011^^01^14 (9)G)) TH^TOII^lI 101V}7I>1^14^ G)b) 141^011ll0^156«0 ^0^lTI16a k'wnfiaisini^iBfm Iwnpia^fmuismi \\ <=* O' O' ®m) 1410171^1044 0101041(^14 ©s:) 141001014 0000151400 G)&) 010^0000 W00111O4 L06ui<uni‘50aj^n^^nBm,5 s S oj Ji q M ua a <si o/Qiacj cf io-'S' v 000 00424011015011107101104100741 1101 Cy00ma7l^)1104100741011lJl0l0110111 11017l01110lL0240ai700O100lm{j012400ll)0240100 101111001001101 110110l1000imal0llJl0 0O1L0000lJl246«0001WLL001174f]1 ma7111041110110U02463'a01L006tJai004240110150110allJ 6U0U00i0ii0000aa0ii0i (01^a) 00001 10110071 (01000001 101100711) IJ12451000424011015011011701110 001WLL701174/11 <U *4 0100011015011 S) 000110004240110150110117101110 S 171. o bbs4k) &otoo 00 b®)6Tl(9) 1^17404001,007110000 ener§y.23committee@gmaiLcom 01L010*u 0001 9-J.rri)lrm. (011011lJl010104 IL01I00) W010100110100011015011 ®) uiigniTO^^i ajjwus/i^ 007105/^447 7n-3fman55a! einaviTu ^ Qy tf 1 V^ af-37 b U1Ejn(?1^7-3Pl a^Lla-3 cn 7n-3?nifTqjrfiii

ก-๑ รายนามคณะกรรมาธิการการพลังงาน นายกิตติกร โลห่ ส์ นุ ทร ประธานคณะกรรมาธกิ าร นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพลั ลภ นายประเสรฐิ บญุ เรอื ง รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ีหน่ึง รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่สี อง นายพิบลู ย์ รชั กจิ ประการ นายธารา ปติ เุ ตชะ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทีส่ าม รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่ส่ี นางนันทนา สงฆ์ประชา นายสมเกยี รติ วอนเพยี ร รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทห่ี า้ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่หี ก นายนพดล มาตรศรี นายระวี มาศฉมาดล รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทเี่ จด็ ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร

ก-๒ นายมนญู สวิ าภริ มยร์ ตั น์ นางพชิ ชารตั น์ เลาหพงศ์ชนะ ทีป่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร นางสาวปิยะรฐั ชย์ ติยะไพรชั นายเพชรภมู ิ อาภรณร์ ตั น์ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร นายภาคนิ สมมิตรธนกลุ นายชยั ยันต์ ผลสวุ รรณ์ กรรมาธิการ เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook