Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 3 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

เล่ม 3 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2023-01-19 11:43:43

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

~ ๕๘ ~ ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย และ ๒) Pool Gas เป็นก๊าซธรรมชาติที่จาหน่ายให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย IPP และ SPP เป็นแหลง่ กา๊ ซธรรมชาตติ ่างประเทศ Gulf Gas Pool Gas กฟผ. IPP ยโู นแคล Gulf Gas SPP บงกช ก๊าซพมา่ ทานตะวนั เบญจมาศ LNG ไพลนิ JDA นาเขา้ NGV อื่นๆ (อื่นๆ) โรงแยกกา๊ ซ ภาพท่ี ๒๔ ราคาเฉล่ียของเน้ือกา๊ ซธรรมชาตทิ สี่ ง่ เขา้ ระบบส่งกา๊ ซธรรมชาติ ๒ แหลง่ Gulf Gas และ Pool Gas S = อัตราค่าบริการสาหรับการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ประกอบด้วย S1 คือ คา่ ใชจ้ า่ ยสาหรับการจดั หาและคา้ ส่งกา๊ ซธรรมชาติ รวมทง้ั ค่าตอบแทนในการดาเนนิ การ และ S2 คอื ค่าความเสี่ยงในการรับประกันคุณภาพก๊าซธรรมชาติและการส่งก๊าซธรรมชาติให้ได้ตามปริมาณท่ี กาหนดภายใตส้ ัญญาฯ รวมถงึ ค่าความเสย่ี งอื่น ๆ คณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้กาหนดค่าตอบแทนในการจัดหาและ จาหน่ายก๊าซธรรมชาติ โดยกาหนดตามประเภทผู้ใชก้ ๊าซ โดยคิดเปน็ อัตราร้อยละของราคาเฉลย่ี ของ เนอ้ื ก๊าซธรรมชาติ ดังนี้ - การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อัตรารอ้ ยละ ๑.๗๕ ของราคาเฉลย่ี ของ เนอ้ื ก๊าซ แต่ไมส่ งู กว่า ๒.๑๕๒๕ บาทตอ่ ลา้ นบีทยี ู - ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) อัตราร้อยละ ๑.๗๕ ของราคาเฉลี่ยของเนื้อก๊าซ แต่ไมส่ งู กวา่ ๒.๑๕๒๕ บาทตอ่ ลา้ นบที ียู - ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) อัตราร้อยละ ๙.๓๓ ของราคาเฉล่ียของเน้ือก๊าซ แตไ่ มส่ ูงกวา่ ๑๑.๔๗๕๙ บาทต่อล้านบีทยี ู

~ ๕๙ ~ T = อัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติ มีหน่วยเป็นบาทต่อล้านบีทียู แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ๑) ค่าบริการส่วนของต้นทุนคงท่ี (Demand Charge : Td) และ ๒) ค่าบริการ ส่วนของต้นทุนผันแปร (Commodity Charge : Tc) โดยแยกอัตราค่าบริการท่ีเรียกเก็บจากผู้ซื้อ ก๊าซธรรมชาติ เป็น ๕ พื้นท่ี (Zone) โดยคิดค่าบริการตามการใช้ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ผซู้ อื้ ก๊าซธรรมชาติ ดังน้ี ภาพท่ี ๒๕ ราคาอัตราคา่ บรกิ ารระบบส่งกา๊ ซธรรมชาตทิ เี่ รียกเกบ็ จากผซู้ ้อื กา๊ ซธรรมชาติ เป็น ๕ พ้นื ที่ (Zone)

~ ๖๐ ~ โครงสร้างอัตราราคาก๊าซธรรมชาติแยกตามประเภทผซู้ ้อื กา๊ ซธรรมชาติ ตารางที่ ๑๐ โครงสร้างอตั ราราคาก๊าซธรรมชาตแิ ยกตามประเภทผูซ้ อื้ กา๊ ซธรรมชาติ รายละเอยี ด การไฟฟ้าฝ่ายผลติ ผู้ผลติ ไฟฟ้าอสิ ระ หนว่ ย : บาทต่อลา้ นบีทยี ู แหง่ ประเทศไทย (IPP) - TC ผ้ผู ลติ ไฟฟ้ารายเล็ก - ค่าผ่านท่อกา๊ ซฯ Zone ๓ (EGAT) (SPP) ๑.๓๐๔๕ ๑.๓๐๔๕ ๑.๓๐๔๕ ๑๒.๐๖๕๔ ๑๒.๐๖๕๔ ๑๒.๐๖๕๔ - คา่ ผ่านทอ่ กา๊ ซฯ Zone ๑ ๘.๕๘๙๙ ๘.๕๘๙๙ ๘.๕๘๙๙ - ค่าจดั หากา๊ ซฯ ๒.๑๕๒๕ ๒.๑๕๒๕ ๑๑.๔๗๕๙ - Pool Gas ๒๔๐.๑๕๕๓ ๒๔๐.๑๕๕๓ ๒๔๐.๑๕๕๓ ๒๖๔.๒๖๗๖ ๒๖๔.๒๖๗๖ ๒๗๓.๕๙๑๐ รวม ๓.๗ การผลิตไฟฟ้าจากพลงั งานหมุนเวยี นและพลงั งานทดแทน ปัจจุบันก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานที่สาคัญของประเทศในการผลิตไฟฟ้า เน่ืองจากมีสัดส่วนการใช้เป็นเช้ือเพลิงในการผลิตไฟฟ้าถึงร้อยละ ๕๕ (ในปี ๒๕๖๓) และยังต้อง พึ่งพาเช้อื เพลงิ อื่น ๆ เพือ่ ให้เกดิ ความมั่นคงทางด้านพลงั งาน ภาครฐั จึงมีนโยบายสนบั สนุนการจัดหา แหล่งพลังงานใหม่ทใี่ ช้ทรัพยากรหรือวัตถุดบิ ภายในประเทศเป็นหลัก ซ่ึงเป้าหมายของแผนพลงั งาน ทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ (AEDP 2018) โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน การใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกในรูปของพลังงานไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิง ชีวภาพ ต่อการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายท่ีร้อยละ ๓๐ ในปี ๒๕๘๐ เม่ือเทียบกับปี ๒๕๕๓ โดยการประเมินศักยภาพพลังงานตามธรรมชาติ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงาน ทดแทนคงเหลือ เชน่ ชีวมวล เปน็ ต้น พลังงานแสงอาทติ ย์ เซลล์แสงอาทติ ย์ ปจั จุบนั นยิ มใชก้ นั ๓ เทคโนโลยี คือ ๑) โมโนคริสไลน์ (Monocrystalline Solar Cells) เป็นช่องส่ีเหล่ียมตัดมุม เรียงต่อกัน ผลิตจากซิลิคอนที่มีความบริสุทธ์ิสูง ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงประมาณ ร้อยละ ๑๗ - ๒๐ มีความทดทานใชไ้ ดน้ าน ๒๕ ปี ๒) โพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline Solar Cells) มีคุณภาพรองลงมาจากแผง โมโน ใช้ซิลิคอนอัดรวมกันเป็นแผง ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงประมาณร้อยละ ๑๕ - ๑๙ อายกุ ารใช้งานประมาณ ๒๕ ปี

~ ๖๑ ~ ๓) อมอร์ฟัส (Amorphous Solar Cell) แผงแบบน้ีไม่ได้ใช้ซิลิคอนผลิต แต่เป็นการใช้ Thin Film Technology เคลือบสารที่สามารถเปล่ียนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า ได้อยา่ งรวดเรว็ และสามารถทางานไดแ้ ม้แสงนอ้ ย นาไปปรับใชก้ ับพ้ืนที่มีความโคง้ มนได้ ปัจจุบันเซลล์แสงอาทิตย์คุ้มค่าต่อการลงทุน แต่สาหรับภาคเกษตรกรรมยังมี ความจาเป็นท่ีรัฐต้องสนับสนุนด้านงบประมาณ โดยเฉพาะอย่างย่ิงโซล่าร์เซลล์สูบน้าบาดาลและ โซล่าร์รูฟภาคประชาชน ซึ่งการไฟฟ้าฯ รับซ้ือไฟฟ้าส่วนเกิน ๒.๒ บาทต่อหน่วย ระยะเวลา ๑๐ ปี สาหรบั ผใู้ ช้ไฟฟ้าประเภทที่ ๑ บ้านพักอาศยั ภาพท่ี ๒๕ โซลา่ ร์เซลล์สูบน้าบาดาล และโซลา่ รร์ ูฟภาคประชาชน Solar Floating อีกหน่ึงพลังงานเซลล์แสงอาทติ ย์ เนื่องจากเมด็ พลาสติกทใ่ี ช้ผลิต ทุ่นลอยน้าเป็นวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ นอกจากนี้โซล่าเซลล์ไม่ต้องใช้พื้นท่ีบนพื้นดินหรือหลังคา โรงงาน / อาคาร ยกตัวอย่าง โซล่าร์เซลล์ลอยน้าไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทางานร่วมกันระหว่าง พลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ (ช่วงเวลากลางวัน) และพลังงานจากน้าในเขื่อน (ช่วงเวลากลางคืน) ขนาดกาลังผลิต ๔๕ เมกะวัตต์ ซึ่งต้ังอยู่บริเวณอ่างเก็บเหนือเขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยแผงโซล่าร์เซลล์เป็นชนิด Double Glass ทนต่อ

~ ๖๒ ~ ความช้ืนได้ดี ทนุ่ ลอยนา้ ชนดิ HDPE เป็นมิตรกับส่งิ แวดล้อมและสตั วน์ า้ ต้นทนุ คา่ ไฟฟา้ ไมเ่ กนิ ๒.๔๔ บาทต่อหน่วย มูลค่าการลงทุน ๘๔๒ ล้านบาท สามารถลด Co2 ได้ถึง ๔๗,๐๐๐ ตันต่อปี ทส่ี าคัญคือ โซลา่ ร์เซลล์ลอยนา้ ไฮบริด จะเริ่มผลิตไฟฟา้ ในปี ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ภาพที่ ๒๖ โซลา่ ร์เซลล์ลอยน้าไฮบรดิ ขนาด ๔๕ เมกะวตั ต์ บรเิ วณอา่ งเกบ็ เหนือเขือ่ นสริ นิ ธร จังหวดั อบุ ลราชธานี พลังงานลม ลมเปน็ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึง่ เกิดจากความแตกตา่ งของอณุ หภมู ิ ความกด บรรยากาศ และแรงจากการหมุนของโลก ส่ิงเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเร็วลมและกาลังลม ซ่ึงเป็นพลังงานรูปหนึ่งที่มีอยู่ในตัวเองและมีอยู่โดยทั่วไป เป็นพลังงานสะอาดไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการผลติ ไฟฟ้าและประโยชนอ์ ืน่ ๆ อย่างไมร่ ูจ้ ักหมดส้นิ กังหันลม คือ เคร่ืองจักรชนิดหนึ่งท่ีสามารถรับพลังงานจลน์จากการเคลื่อนท่ีของ ลมให้เป็นพลังงานกลมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เช่น การสูบน้า หรือการผลิตไฟฟ้า เป็นต้น โดยการออกแบบกังหันลมจะต้องอาศัยความรู้ทางพลศาสตร์ของลม และหลักวิศวกรรมในแขนง ต่าง ๆ เพ่อื ให้ไดก้ าลงั งาน พลังงาน และประสิทธิภาพสงู สดุ ชนดิ ของกงั หนั ลม ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีกังหันลมเพ่ือใช้สาหรับผลิตไฟฟ้าได้รับการพัฒนา อย่างต่อเน่ือง กังหันลมท่ีได้มีการพัฒนากันข้ึนจะมีลักษณะและรูปร่างแตกต่างกันออกไป แต่ถา้ จาแนกตามลกั ษณะแนวแกนหมุนของกังหันลมจะได้ ๒ แบบ คือ

~ ๖๓ ~ ๑) กงั หนั ลมแนวแกนนอน (Horizontal Axis Wind Turbine) เป็นกังหันลมที่มีแกนหมุนขนานกับทิศทางของลมโดยมีใบพัดเป็นตัวต้ังฉากรับ แรงลม มีอุปกรณ์ควบคุมกังหันลมให้หันไปตามทิศทางของกระแสลมเรียกว่า หางเสือ และ มอี ุปกรณป์ อ้ งกนั กังหันชารุดเสียหายขณะเกดิ ลมพดั แรง ภาพที่ ๒๗ กงั หนั ลมแนวแกนนอน (Horizontal Axis Wind Turbine) ๒) กังหันลมแนวแกนต้ัง (Vertical Axis Wind Turbine) เป็นกังหันลมที่มีแกนหมุนและใบพัดตั้งฉากกับการเคล่ือนที่ของลมในแนวราบ ซ่งึ ทาใหส้ ามารถรบั ลมในแนวราบได้ทกุ ทิศทาง ภาพที่ ๒๘ กังหนั ลมแนวแกนตง้ั (Vertical Axis Wind Turbine) กังหันลมแบบแนวแกนนอนเป็นแบบท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนมาก ออกแบบให้เป็นชนิดท่ีขับใบกังหันด้วยแรงยก แต่อย่างไรก็ตาม กังหันลมแบบแนวแกนต้ัง ซ่ึงได้รับการพัฒนามากในระยะหลัง เนื่องจากมีข้อดีมากกว่าแบบแกนนอน คือ ในแนวแกนต้ังน้ัน ไม่ว่าลมจะเข้ามาทิศทางใดกังหันลมก็ยังหมุนได้ โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ควบคุมให้กังหัน หันหน้าเข้าหาลม นอกจากนี้แล้วแบบแนวแกนตั้ง เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าและระบบการส่งกาลังวางไว้ ใกลพ้ ืน้ ดนิ มากกวา่ แบบแกนนอน เวลาเกดิ ปญั หาแกไ้ ขง่ายกว่าแบบแกนนอนทต่ี ดิ อยู่บนหอคอยสูง

~ ๖๔ ~ กงั หนั ลมกับการผลติ ไฟฟ้า หลกั การทางานทว่ั ไปของกงั หนั ลมผลติ ไฟฟา้ เม่อื มกี ระแสลมพดั มาปะทะกบั ใบพัด ของกังหันลม กังหันลมจะทาหน้าที่เปลี่ยนพลังงานลมท่ีอยู่ในรูปแบบของพลังงานจลน์ไปเป็น พลังงานกล ใบพัดเกิดการหมุนแรงจากการหมุนของใบพัดนี้จะถกู ส่งผ่านเพลาแกนหมนุ ทาให้เฟือง ขับเคลื่อนหรือเฟืองเกียร์ ท่ีติดอยู่กบั เพลาแกนหมุน ๆ ตามไปดว้ ย เม่ือเฟืองขับเคล่ือนของกังหันลม เกดิ การหมนุ จะขบั เคลอื่ นให้เพลาแกนหมนุ ทีต่ อ่ เช่ือมอยู่กบั เครอ่ื งกาเนิดไฟฟา้ ออกมาปรมิ าณไฟฟ้า ทีผ่ ลิตไดจ้ ะขน้ึ อยูก่ ับความเรว็ ของลม ความยาวของใบพัด และสถานทที่ ่ตี ดิ ต้งั กงั หันลม ภาพท่ี ๒๙ กงั หนั ลมกบั การผลติ ไฟฟ้า ศักยภาพพลงั งานลมในประเทศไทย ประเทศไทยต้ังอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร ลมที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศของไทย คือ ลมประจาปี ลมประจาฤดู และลมประจาเวลา ดังน้ี ๑) ลมประจาปี คือ ลมท่ีพัดอยู่เปน็ ประจาตลอดทั้งปใี นภูมิภาคสว่ นต่าง ๆ ของโลก ซงึ่ มคี วามแตกต่างของความเรว็ ลมกันไปในแตล่ ะเขตละตจิ ูด ๒) ลมประจาฤดู คือ ลมท่พี ัดเปลีย่ นทศิ ทางตามฤดูกาล เรยี กวา่ ลมมรสมุ ได้แก่ - ลมประจาฤดูรอ้ น พัดในแนวทิศใต้ และตะวนั ตกเฉียงใต้ ในช่วงเดือนมิถนุ ายน - เดือนสิงหาคม

~ ๖๕ ~ - ลมประจาฤดูหนาว พัดในแนวทิศเหนอื และตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ในชว่ งเดอื น ธนั วาคม - เดือนกุมภาพันธ์ ๓) ลมประจาเวลา คือ ลมที่เกิดขึ้นเน่ืองจากการเปล่ียนแปลงความกดอากาศ ระหว่าง ๒ บริเวณในระยะเวลาสัน้ ๆ ได้แก่ ลมบก ลมทะเล ลมภเู ขา จากภูมิประเทศของประเทศไทย ความเร็วลมเฉลี่ยของประเทศอยู่ในระดับ ปานกลาง - ต่า มคี วามเร็วลมเฉลย่ี ต่ากวา่ ๔ เมตรต่อวินาที ภาพที่ ๓๐ ตาราง Power Class แสดงระดบั ความเรว็ ลมในพ้นื ทป่ี ระเทศไทย ตวั อยา่ งโครงการผลิตไฟฟา้ จากพลงั งานลม โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ณ บริเวณอ่างพักน้าตอนบนโรงไฟฟา้ ลาตะคองชลภาวัฒนา อาเภอสีค้ิว จังหวัดนครราชสีมา ซ่ึงมีศักยภาพพลังงานลมดีท่ีสุดแห่งหน่ึง ในประเทศไทย มีลมพัด ๒ ช่วง คือ ช่วงฤดลู มมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ระหวา่ งเดอื นพฤศจกิ ายน ถึงปลายเดอื นมีนาคม) และลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้ (ระหวา่ งเดือนพฤษภาคมถงึ กลางเดอื นตลุ าคม) มีความเร็วลมเฉล่ียทั้งปีประมาณ ๕ - ๖ เมตรต่อวินาที โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดาเนินการติดตง้ั กังหันลมร่นุ D๖ - ๑๒๕๐ ผลิตในประเทศจีน มีขนาดกาลังผลิตไฟฟา้ จานวน ๑,๒๕๐ กิโลวัตต์ เป็นกังหันลมชนิดแกนนอน ประกอบด้วย ใบกังหันลม ๓ ใบ ใบกังหันลม ทาด้วยวัสดสุ ังเคราะห์เสรมิ ใยแก้ว เส้นผ่าศูนย์กลางการหมุนของใบกังหันลม ๖๔ เมตร ความสงู ของ เสากังหันลม ๖๘ เมตร การทางานของกังหันลมจะเร่ิมผลิตไฟฟ้าที่ความเร็วลม ๒.๘ เมตรต่อวินาที และสูงสุดท่ีความเร็วลม ๑๒.๕ เมตรต่อวินาที ส่วนความเร็วลมสูงสุดที่กังหันลมสามารถต้านทาน ได้อยู่ที่ ๕๐.๕ เมตรต่อวินาที กังหันลมรุ่นน้ีมีความเร็วรอบสูงสุดของใบกังหันลม ๒๒ รอบต่อนาที

~ ๖๖ ~ ความเร็วรอบของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า ๑,๑๐๐ รอบต่อนาที แรงดันไฟฟ้า ๖๙๐ โวลต์ ๓ เฟส ส่วนการหมุนของกังหันลมจะใช้มอเตอร์ไฮโดรลิกส์ขับชุดเกียร์ ระบบเบรกจะมีท้ังแบบเบรก ด้วยอากาศพลศาสตร์ คือ เบรกแบบปรบั มุมใบกงั หันลมและเบรกแบบโดยใช้จานเบรก โดยสามารถ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณปีละ ๔.๖๐ ล้านหน่วย ทดแทนการใช้น้ามันเชื้อเพลิงได้ ๑.๑ ล้านลิตรต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรอื นกระจกได้ จานวน ๒,๓๐๐ ตนั ตอ่ ปี ภาพที่ ๓๑ กงั หันลมรุ่น D๖ - ๑๒๕๐ มขี นาดกาลงั ผลติ ไฟฟา้ ๑,๒๕๐ กโิ ลวตั ต์ ๓.๘ กองทนุ พฒั นาไฟฟ้า มาตรา ๙๗ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า เป็นกองทุนท่ีจัดตั้งตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการ พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ (มีผลบังคับใช้เม่ือวันท่ี ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐) โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ๑) เป็นทุนสนับสนุนให้มีการให้บริการไฟฟ้าไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ๒) กระจายความเจริญ ไปสู่ท้องถิ่น ๓) พัฒนาชุมชนในท้องถ่ินท่ีได้รับผลกระทบจากการดาเนินงานของโรงไฟฟ้า และ ๔) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อ ส่งิ แวดลอ้ ม โดยคานึงถึงความสมดลุ ของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสรา้ งความเปน็ ธรรมใหก้ ับผใู้ ช้ไฟฟา้ พระราชบัญญตั ดิ งั กล่าวกาหนดให้รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงพลงั งาน มอี านาจหนา้ ที่ เสนอนโยบายการนาส่งเงนิ และการใช้จ่ายเงินกองทุนพฒั นาไฟฟ้าตอ่ คณะกรรมการนโยบายพลงั งาน แห่งชาติ (กพช.) เพอื่ ใหค้ ณะกรรมการกากบั กจิ การพลังงาน (กกพ.) ซึง่ เป็นองคก์ รกลางในการกากับ ดแู ลกจิ การพลังงาน ใชเ้ ป็นแนวทางในการออกระเบยี บ หรอื ประกาศกาหนดหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และ เงื่อนไขการนาส่งเงินและการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับนโยบายของ กพช. ตอ่ ไป เมื่อ กพช. มีนโยบายการนาส่งเงินและการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าให้ กกพ. แล้ว กกพ. จะดาเนินการจัดทาร่างระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับนโยบายของ กพช. แล้วนา

~ ๖๗ ~ ร่ า ง ร ะ เ บี ย บ ดั ง ก ล่ า ว ไ ป รั บ ฟั ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น จ า ก ผู้ ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง แ ล ะ ผู้ มี ส่ ว น ไ ด้ ส่ ว น เ สี ย เพ่ือนาความคิดเห็นที่เป็นเป็นประโยชน์มาปรับปรุงร่างระเบียบ ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพ่ือบังคับใชต้ อ่ ไป ตามพระราชบัญญตั กิ ารประกอบกจิ การพลงั งาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดก้ าหนดหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การนาส่งเงินเข้ากองทุน จัดให้มีการแยกบัญชีตามกิจการที่กาหนดไว้ ในมาตรา ๙๗ (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) อยา่ งชดั เจน โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ผู้ใชไ้ ฟฟา้ ทีไ่ ดร้ ับภาระ ในการที่ผูร้ บั ใบอนญุ าตประกอบกิจการไฟฟา้ นาสง่ เงินเขา้ กองทุน มาตรา ๙๗ เงนิ กองทุนใหใ้ ช้จ่ายเพือ่ กจิ การ ดังน้ี ๑) เพ่ือชดเชยและอุดหนุนผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า ซ่ึงได้ให้บริการแก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าท่ีด้อยโอกาส หรือเพ่ือให้มีการให้บริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึง หรือเพื่อส่งเสริมนโยบาย ในการกระจายความเจรญิ ไปสภู่ ูมิภาค ๒) เพ่ือการชดเชยผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งต้องจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าแพงข้ึน จากการท่ีผู้รับ ใบอนุญาตที่มศี นู ยค์ วบคมุ ระบบไฟฟา้ ดาเนนิ การผลิตไฟฟ้าอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม ๓) เพื่อการพัฒนาหรือฟ้ืนฟูท้องถ่ินที่ได้รับผลกระทบจากการดาเนินงานของ โรงไฟฟ้า เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้ามาตรา ๙๗ (๓) หรือเงินกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้า ในพื้นท่ีประกาศ เป็นเงินได้ท่ี กกพ. เรียกเก็บจาก ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าประเภท ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า หรือผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า เพ่ือนาส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า โดยเรียกเกบ็ จาก - ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้ารายใหม่ หมายถึง ผู้รับใบอนุญาตผลิ ตไฟฟ้า ท่ีได้รับอนุญาตเก่ียวกับการปลูกสร้างอาคาร หรือการต้ังโรงงาน ต้ังแต่วันที่ระเบียบกองทุนฯ มีผลบงั คับใช้ตง้ั แต่วันท่ี ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา - ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้ารายเดือน หมายถึง ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า ที่ได้รับใบอนุญาตเก่ียวกับการปลูกสร้างอาคาร หรือการตั้งโรงงาน ก่อนวันที่ระเบียบกองทุนฯ มีผลบังคบั ใช้ โดยผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า มีหน้าที่ต้องนาส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้า แบง่ ออกเปน็ ๒ ช่วง ดงั นี้ ๑. ช่วงระหว่างการก่อสร้าง นับตั้งแต่วันท่ีเริ่มดาเนินการการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ตามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาเพ่ือดาเนินการก่อสร้าง จนถึงวันที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ให้นาส่งเงินเป็นรายปีตามกาลังการผลิตติดตั้งของ โรงไฟฟ้า ในอัตรา ๕๐,๐๐๐ บาทตอ่ เมกะวตั ต์ตอ่ ปี ๒. ช่วงระหว่างการผลิตไฟฟ้า (นับตั้งแต่วนั ที่เริ่ม COD เป็นต้นไป) ให้นาส่งเงินเป็น รายเดือน ตามปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าท่ีผลิตเพ่ือจาหน่าย ตามชนิดของเช้ือเพลิงท่ีใช้ ในการผลติ ไฟฟา้

~ ๖๘ ~ ตารางท่ี ๑๑ ตารางเงนิ นาสง่ รายเดือนเข้ากองทนุ พฒั นาโรงไฟฟ้า สตางค์ / หนว่ ยไฟฟา้ ทผ่ี ลิตไดใ้ นแต่ละเดอื น เช้อื เพลิง ๑.๐ กา๊ ซธรรมชาติ ๑.๕ น้ามันเตา, ดเี ซล ๒.๐ ถ่านหิน, ลิกไนต์ ๑.๐ พลงั งานหมุนเวียนประเภทลมและแสงอาทิตย์ ๒.๐ พลังงานหมนุ เวยี นประเภทพลงั งานน้า ๑.๐ ลมรอ้ นทง้ิ พลังงานหมนุ เวียนประเภทอื่นๆ เชน่ กา๊ ซชีวภาพ ชวี มวล กากและ ๑.๐ เศษวัสดเุ หลือใช้ ขยะชุมชน ขยะอตุ สาหกรรม และอ่นื ๆ ภาพท่ี ๓๒ การบรหิ ารเงนิ กองทุนเพอ่ื กิจการตามมาตรา ๙๗ (๓) ๔) การดาเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพ่ือกิจการตามมาตรา ๙๗(๔) เพ่ือการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าท่ีมี ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม กกพ. ได้ดาเนินการตามกรอบนโยบายของ กพช. โดย ๑) กกพ. ได้ออก ประกาศคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน เร่ือง การนาส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สาหรับ ผู้รับใบอนุญาตจาหน่ายไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ ในการประกอบกิจการไฟฟ้าท่ีมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย พ.ศ. ๒๕๕๗ กาหนดให้ผู้ได้รับ ใบอนุญาตจาหน่ายไฟฟ้า ต้องนาส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า ในอัตรา ๐.๕ สตางค์ต่อหน่วย

~ ๖๙ ~ จาหน่ายไฟฟ้า ๒) กกพ. ได้ออกประกาศคณะกรรมการกากับกิจการพลงั งาน เรื่อง การนาสง่ เงินเขา้ กองทุนพัฒนาไฟฟา้ สาหรบั ผรู้ ับใบอนุญาตจาหนา่ ยไฟฟ้า เพือ่ สง่ เสริมการใชพ้ ลังงานหมนุ เวยี น และ เทคโนโลยีท่ีใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมผี ลบังคับใช้ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นมา ตารางที่ ๑๒ สรปุ ภาพรวมการดาเนนิ งานกองทนุ พฒั นาไฟฟา้ เพ่ือกจิ การตามมาตรา ๙๗ (๔) กรอบการจัดสรรเงิน ประเด็น รายละเอียด (รอ้ ยละของ งบประมาณ) ผนู้ าสง่ เงินเขา้ กองทุน ผรู้ ับใบอนุญาตจาหน่ายไฟฟ้า - อตั ราเงินนาสง่ เขา้ ๐.๕ สตางค์ต่อหนว่ ยจาหนา่ ยไฟฟ้า - กองทุน ประมาณการเงินนาส่ง ๘๕๐ – ๑,๐๐๐ ล้านบาทตอ่ ปี - เข้ากองทุน ประเภทแผนงานที่มี จาแนกเปน็ ๕ แผนงาน ดงั นี้ - สิทธขิ อรบั การจดั สรรเงินจาก ๑. แผนงานส่งเสริมและสาธติ การใช้พลังงานหมุนเวียน ไมเ่ กนิ ร้อยละ ๓๐ กองทุน ในการประกอบกิจการไฟฟา้ ๒. แผนงานพฒั นาและปรบั ปรุงเทคโนโลยีในการ ไม่เกินร้อยละ ๓๐ ประกอบกจิ การไฟฟ้าให้มปี ระสิทธภิ าพและเกดิ ผล กระทบต่อสง่ิ แวดล้อมน้อย ๓. แผนงานศึกษาและวิจัย ด้านพลังงานทดแทน หมุนเวียน และเทคโนโลยีในการประกอบกจิ การไฟฟ้า ไม่เกินร้อยละ ๒๕ ท่ีมปี ระสิทธิภาพและมีผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อมน้อย ๔. แผนงานการบริหารจดั การ เพือ่ เป็นค่าใชจ้ ่าย ไม่เกนิ ร้อยละ ๑๕ สนบั สนุนการปฏบิ ัติงาน ๕. แผนงานอนื่ ๆ ทส่ี อดคล้องกับวตั ถปุ ระสงคข์ อง - กองทนุ ตามมาตรา ๙๗ (๕) ๕) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ กาหนดวัตถุประสงค์ การใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา ๙๗ (๕) เพ่ือการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มี ความรู้ ความตระหนัก และมสี ว่ นร่วมทางดา้ นไฟฟ้า กพช. ไดม้ ีนโยบายเหน็ ชอบนาส่งเงินเข้ากองทุน พัฒนาไฟฟ้าจากผู้รับใบอนุญาตจาหน่ายไฟฟ้า ในอัตราไม่เกิน ๐.๒ สตางค์ต่อหน่วยจาหน่าย โดยมี ผลบังคับใช้ต้ังแต่วันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซ่ึงได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วนั ท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๙ เปน็ ต้นมา

~ ๗๐ ~ ตารางท่ี ๑๓ สรปุ ภาพรวมการดาเนนิ งานกองทุนพฒั นาไฟฟา้ เพ่อื กิจการตามมาตรา ๙๗ (๕) ประเดน็ รายละเอยี ด ผนู้ าส่งเงินเข้ากองทุน ผูร้ บั ใบอนุญาตจาหนา่ ยไฟฟา้ อัตราเงนิ นาส่งเข้ากองทนุ ๐.๒ สตางคต์ ่อหนว่ ยจาหนา่ ยไฟฟา้ ประมาณการเงินนาส่งเข้า ๓๕๐ – ๔๐๐ ล้านบาทต่อปี กองทุน ประเภทแผนงานท่ีมีสทิ ธิขอรับ จาแนกเปน็ ๖ แผนงาน ดังน้ี การจัดสรรเงนิ จากกองทุน ๑. แผนงานส่งเสรมิ ศักยภาพ และพัฒนาความรู้ดา้ นไฟฟ้าให้แก่ ประชาชนเป็นการพัฒนาความสามารถและศักยภาพแก่ บุคลากรในหน่วยงานของรัฐ และประชาชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจทางด้านไฟฟ้า ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา องค์ความรู้ ๒. แผนงานประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านไฟฟ้า เพื่อปลูกจิตสานึก และการมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้าแก่ ประชาชน ๓. แผนงานส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า เพื่อสร้าง เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน การแลกเปลี่ยน ความคดิ เห็น การรับทราบปญั หา การส่งตอ่ ความรใู้ ห้แกก่ นั ๔. แผนงานสนับสนุนสร้างความม่ันคง และเตรียมความพร้อม รับสถานการณ์ไม่ปกติด้านฟ้า สร้างภูมิคุ้มกันและเตรียม ความพร้อมรับทุกสถานการณ์คามความจาเป็นเร่งด่วน / เฉพาะหน้า ๕. แผนงานการบริหารจัดการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุน การปฏิบัติงาน เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการปฏิบัติงาน ค่ า ต อ บ แ ท น ค่ า จ้ า ง ค่ า ใ ช้ ส อ ย แ ล ะ ค่ า ใ ช้ จ่ า ย อื่ นๆ ในการบรหิ ารจัดการทวั่ ไปของกองทุนตามมาตรา ๙๗ (๕) ๖. แผนงานอื่นๆ ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุน ตามมาตรา ๙๗ (๕) ขอ้ เสนอแนะของคณะอนกุ รรมาธกิ าร ควรกาหนดเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของกองทุน และมีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการในกรณีที่ค่าไฟฟ้า ค่า Ft ที่สูงขึ้นจนอาจกระทบต่อความเป็นอยู่ของ ประชาชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ

~ ๗๑ ~ ๓.๙ คา่ ไฟฟ้าผันแปร (Ft.) ค่า Ft. ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าท่ีสานักงานกากับ กิจการพลังงาน (กกพ.) ใช้คิดคานวณตามสูตร เพ่ือเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งประกอบ ไปดว้ ย คา่ ไฟฟา้ ฐาน + คา่ Ft. + ภาษมี ูลค่าเพ่ิม โดยค่าไฟฟ้าฐาน เป็นค่าไฟฟ้าท่ีสะท้อนรายจ่ายของ ๓ การไฟฟ้า ท้ังการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใน ๓ สว่ นหลกั ๆ คอื ต้นทุนทางการเงินทก่ี ารไฟฟา้ ใช้ในการกอ่ สรา้ งขยายระบบผลติ ระบบส่ง และ ระบบจาหน่ายในอนาคต ค่า Ft ถือเป็นกลไกกาหนดอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติที่ปรับทุก ๔ เดือน เพ่ือสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคา ค่าเช้ือเพลิง อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปล่ียนเงินตราต่างประเทศ ค่าซ้ือไฟฟ้า และค่าใช้จ่าย ตามนโยบายของรฐั สาหรับประโยชน์ของค่า Ft คือ หากในการคานวณอัตราค่าไฟฟ้าได้คาดการณ์ ราคาเช้ือเพลิงไว้สูง แต่ ๔ เดือนต่อมาราคาค่าเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง หากไม่มีค่า Ft มาสะท้อน ต้นทุนท่ีลดลงน้ัน ประชาชนอาจเสียประโยชน์เพราะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพง แต่ในทางกลับกัน หากการคาดการณ์ค่าเชื้อเพลิงต่าเกินไป และต่อมาราคาค่าเชื้อเพลิงปรับขึ้น หากไม่มีค่า Ft มาช่วย ก็อาจกระทบต่อรายได้ของการไฟฟ้า และการลงทุนเพื่อพัฒนาการผลิตไฟฟ้าเพ่ือรองรับ ความตอ้ งการในอนาคต และความม่นั คงทางไฟฟ้าของประเทศ ค่า Ft จะมีปัจจัยการปรับข้ึนหรือลง คือ ราคาต้นทุนค่าเช้ือเพลิงเป็นหลัก โดยเฉพาะราคากา๊ ซธรรมชาติ ซ่ึงเป็นเชื้อเพลงิ หลกั ในการผลิตไฟฟ้า ดังน้ันการนาปัจจัยคา่ เชื้อเพลงิ มาคานวณผ่านกลไกสูตร Ft ทุก ๆ ๔ เดือน จึงทาให้เกิดความคล่องตัวในการปรับราคาค่าไฟฟ้า สะท้อนตน้ ทนุ ที่มีประสทิ ธิภาพช่วยสะท้อนราคาคา่ ไฟฟา้ ที่เหมาะสม ท้ังน้ี กกพ. ได้ปรับข้ึนค่า Ft ครั้งแรกในรอบ ๒ ปี คือ เดือนมกราคม - เมษายน ๒๕๖๕ โดยเรียกเก็บที่ ๑.๓๙ สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราไฟฟ้าเฉลี่ย ๓.๗๘ บาทต่อหน่วย หรือ เพ่ิมข้ึนร้อยละ ๔.๖๓ จากงวดปัจจุบัน จากปัจจัยปัญหาโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และความต้องการใช้พลังงานสูง และปริมาณการนาเขา้ ก๊าซธรรมชาตใิ นปรมิ าณมาก และมีราคาสูง ตามกลไกตลาดโลกจากปัญหาการเมืองของประเทศรัสเซยี - ประเทศยูเครน ส่งผลให้ กกพ. ได้ปรบั เพม่ิ คา่ Ft เดอื นพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕ ท่ี ๒๔.๗๗ สตางค์ตอ่ หน่วย สง่ ผลให้อตั ราไฟฟ้า เฉลยี่ ๔.๐๐ บาทต่อหนว่ ย โดยมีปจั จัยประกอบ ดงั นี้ ๑) ความต้องการพลังงานไฟฟ้า ช่วงเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕ เท่ากับ ๖๘,๗๓๑ ล้านหน่วย เพ่ิมข้ึนจากเดือนมกราคม – เดือนเมษายน ๒๕๖๕ ท่ีคาดว่าจะมี ความตอ้ งการพลังงานไฟฟา้ เท่ากับ ๖๕,๓๒๕ หนว่ ยหรือเพ่ิมขึน้ ร้อยละ ๕.๒๑ ๒) สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงท่ีใช้ในการผลิตไฟฟ้า ช่วงเดือนพฤษภาคม - เดือน สงิ หาคม ๒๕๖๕ ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเปน็ เช้ือเพลงิ หลักคดิ เปน็ ร้อยละ ๕๕.๑๑ ของเช้ือเพลิงท่ีใช้ใน

~ ๗๒ ~ การผลิตไฟฟ้าท้ังหมด นอกจากน้ีเป็นการซ้ือไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ประเทศลาว และประเทศ มาเลเซีย) รวมรอ้ ยละ ๑๙.๔๖ และลิกไนตข์ อง กฟผ. ร้อยละ ๘.๓๒ เชือ้ เพลิงถ่านหนิ นาเขา้ โรงไฟฟา้ เอกชน ร้อยละ ๘.๐๘ พลังน้าของ กฟผ. ร้อยละ ๒.๕๘ น้ามันเตา (กฟผ. และ IPP) ร้อยละ ๐.๐๑ นา้ มนั ดีเซล (กฟผ. และ IPP) รอ้ ยละ ๐.๑๙ และอนื่ ๆ อกี รอ้ ยละ ๖.๒๕ ๓) ราคาเชื้อเพลิงเฉลีย่ ทใ่ี ช้ในการคานวณค่า Ft เดือนพฤษภาคม – เดือนสงิ หาคม ๒๕๖๕ เปล่ียนแปลงจากการประมาณการในเดือนมกราคม – เดือนเมษายน ๒๕๖๕ โดยราคา เช้ือเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า และราคาถ่านหินนาเข้าเฉลี่ยปรับตัว สูงข้ึนมากจากการคาดการณ์ในรอบเดือนมกราคม – เดือนเมษายน ๒๕๖๕ โดยท่ีเชื้อเพลิงอ่ืน ๆ มกี ารปรับตัวขน้ึ เลก็ นอ้ ย ๔) อัตราแลกเปล่ียนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ ๑ - ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕) เท่ากับ ๓๓.๒๐ บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากประมาณการในงวดเดือนมกราคม - เดอื นเมษายน ๒๕๖๕ ท่ผี ่านมา ทีป่ ระมาณการไวท้ ี่ ๓๓.๐๐ บาทตอ่ ดอลลาร์ ๓.๑๐ ไฟฟ้าสาธารณะ ไฟฟา้ สาธารณะ หมายถึงการติดตงั้ โคมไฟสอ่ งสว่าง ระบบแรงตา่ ๒๒๐ - ๒๓๐ โวลต์ (๑ เฟส) และ ๓๘๐-๔๐๐ โวลต์ (๓ เฟส) ในเขตองค์การบริหารส่วนตาบลและเทศบาล ในบริเวณ แนวถนนสายหลัก สายรอง ทางแยก วงเวียนที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร สะพาน สะพานลอย ทางเดินเท้า (ฟุตบาท) ทางม้าลาย ลานจอดรถตลาด สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ลานกีฬา ชุมชน ศาลาที่พักผู้โดยสารประจาทาง และป้ายจอดรถสาธารณะ ซ่ึงเป็นการให้บริการไฟฟ้าสาธารณะ เป็นการบริการข้ันพ้ืนฐานท่ีประชาชนพึงได้รับจากภาครัฐ เพราะเป็นสิ่งจาเป็นในการดารงชีวิตของ ประชาชน เพ่ืออานวยความสะดวกและเพ่ิมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคไม่เรียกเก็บค่าบริการใด ๆ ในส่วนที่ต่ากว่าร้อยละ ๑๐ ของหน่วยจาหน่ายประเภท ที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็กในแต่ละท้องถ่ิน แต่ไม่เกิน ๒๕๐ หน่วยต่อหน่วย ตามมติ คณะรฐั มนตรี เม่อื วันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๒ โดยพ้ืนที่ท่ีติดตั้งไฟสาธารณะไม่เป็นพ้ืนที่แสวงหารายได้ของหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่มีสิทธ์ิในการขอใช้ไฟฟ้าสาธารณะต้องแจ้งให้การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค ในพื้นท่ีทราบ เพื่อพิจารณาจัดการไฟฟ้าให้เป็นไฟฟ้าสาธารณะ ซึ่งหน่วยงานท่ีขอใช้ ไฟฟ้าสาธารณะจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย เช่น ค่าโคมไฟ อุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ และ ค่าตรวจสอบการติดตั้ง เป็นต้น หน่วยงานที่จะยื่นขอใช้ไฟฟ้าสาธารณะจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะประกอบไปด้วยหน่วยงาน จาแนกผู้ใช้เป็น ๒ ประเภทคือ ๑) องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน (อบต., เทศบาล, อบจ.) ที่ใช้ไฟฟ้าสาหรับไฟฟา้ ส่องสว่างตามถนน ไฟฟ้าสาหรับสวนสาธารณะ สนามกีฬา เป็นต้น การขอใช้ไฟฟ้าสาธารณะของ องค์การปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ต้องไมเ่ กินร้อยละ ๑๐ ของหน่วยจาหน่ายไฟฟ้าประเภททอี่ ยูอ่ าศยั และ กจิ การขนาดเล็กในแตล่ ะท้องถ่ิน

~ ๗๓ ~ ๒) กรมทางหลวง ท่ีใช้ไฟฟ้าสาหรับไฟฟ้าส่องสว่างตามถนน สะพาน สัญญาณ จราจร โดยได้รับสทิ ธิ์ใชไ้ ฟฟา้ โดยไมค่ ิดมลู ค่าทง้ั หมด ในส่วนหน่วยงานท่ีจะยื่นขอใช้ไฟฟ้าสาธารณะจากการไฟฟ้านครหลวง จะประกอบไปดว้ ยหนว่ ยงาน (๑) กรุงเทพมหานคร (๒) องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน ในจังหวัดนนทบุรี และจังหวัด สมุทรปราการ (๓) กรมทางหลวง (๔) กรมทางหลวงชนบท หน่วยไฟฟ้าสาธารณะของการไฟฟ้าสว่ นภูมิภาค ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ - ๒๕๖๔ มีรายละเอยี ดดงั นี้ (๑) ภาคเหนอื ไฟฟา้ สาธารณะขององค์การปกครองส่วนท้องถน่ิ (อปท.) - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๓๓๗.๕๗ ล้านหนว่ ย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๓๓๐.๕๕ ลา้ นหนว่ ย ไฟฟ้าสาธารณะของกรมทางหลวง - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๓๓๕.๗๐ ลา้ นหนว่ ย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๓๗๖.๐๒ ล้านหนว่ ย (๒) ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ไฟฟา้ สาธารณะขององค์การปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๔๒๔.๗๕ ล้านหนว่ ย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๔๔๒.๒๐ ล้านหนว่ ย ไฟฟา้ สาธารณะของกรมทางหลวง - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๓๔๙.๒๐ ล้านหน่วย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๓๒๑.๖๔ ล้านหนว่ ย (๓) ภาคกลาง ไฟฟา้ สาธารณะขององค์การปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๔๔๘.๗๘ ลา้ นหน่วย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๕๐๔.๗๕ ล้านหนว่ ย ไฟฟ้าสาธารณะของกรมทางหลวง - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๒๗๕.๒๐ ล้านหน่วย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๓๑๔.๗๐ ล้านหนว่ ย (๔) ภาคใต้ ไฟฟา้ สาธารณะขององคก์ ารปกครองสว่ นท้องถนิ่ (อปท.)

~ ๗๔ ~ - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๓๗๗.๖๗ ลา้ นหน่วย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๓๗๙.๓๘ ล้านหนว่ ย ไฟฟ้าสาธารณะของกรมทางหลวง - ปี ๒๕๖๓ จานวน ๒๘๖.๐๕ ลา้ นหนว่ ย - ปี ๒๕๖๔ จานวน ๓๓๖.๒๑ ล้านหน่วย ภาพที่ ๓๓ ไฟฟ้าสาธารณะ เปดิ ต้ังแต่เวลา ๑๘.๐๐ – ๐๖.๐๐ นาฬกิ า ตลอด ๓๖๕ วนั ข้อเสนอแนะของคณะอนกุ รรมาธิการ ๑. การไฟฟ้าฝ่ายจาหน่าย (การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) / การไฟฟ้า ส่วนภูมภิ าค (กฟภ.)) ควรคดิ อัตราคา่ ไฟฟา้ สาธารณะและจดั เก็บค่าไฟฟ้าในอัตราท่เี หมาะสมโดยไมม่ ี ข้อยกเว้นใด ๆ เช่น ไม่เกิน ๒๕๐ หน่วยต่อหน่วยจาหน่ายประเภทท่ีอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก ในแต่ละท้องถ่ินกับหน่วยงานในกากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และกรมทางหลวง เน่ืองจากการไฟฟ้าฝ่ายจาหน่าย มีต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้าขายส่งจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนามาคดิ เปน็ คา่ ไฟฟ้าฐานกบั ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทตา่ ง ๆ ซึ่งค่าไฟฟ้าฐาน ได้รวมต้นทุนท้ังหมดท่ีการไฟฟ้าฝ่ายจาหน่าย รับซื้อมา ซึ่งหมายถึงผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ เป็นผู้แบกความรับผิดชอบค่าไฟฟ้าสาธารณะแทนทั้งสองหน่วยงาน เพราะท้ังสองหน่วยงาน มีงบประมาณสาธารณูปโภคจากหน่วยงานต้นสังกัดอยู่แล้ว รวมท้ังงบประมาณรายจ่ายประจาปี อื่น ๆ ทสี่ ามารถเข้ามาชดเชยค่าไฟฟา้ สาธารณะได้ ๒. นารายได้จากการจัดเก็บค่าไฟฟ้าสาธารณะของการไฟฟ้าฝ่ายจาหน่าย เข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า นาไปบริหารจัดการค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เพ่ือมิให้ราคาค่าไฟฟ้าสูงเพ่ิมขึ้น เพราะจะทาให้คา่ ไฟฟ้าของท้ังประเทศไมส่ ามารถแขง่ ขนั ทางเศรษฐกจิ กบั ประเทศอื่นได้ และกระทบ คา่ ครองชพี ความเป็นอยู่ และเปน็ ภาระของประชาชน

~ ๗๕ ~ ๓.๑๑ การประหยดั พลงั งาน ตน้ ทุนราคา และเช้ือเพลิง บริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company : ESCO) เป็นบริษัท ท่ีให้บริการในด้านการอนุรักษ์พลังงาน / พลังงานทดแทน โดยการบริการจะครอบคลุมถึง การให้คาปรึกษา การเสนอโครงการ การออกแบบทางวิศวกรรม วิเคราะห์การใช้พลังงาน ติดตั้ง อุปกรณ์ และดาเนินงานสาหรับโครงการอนุรักษ์ / พลังงานทดแทน การจัดหาแหล่งเงินทุนสาหรับ โครงการด้านพลังงาน เป็นต้น โดยการบริการของ ESCO จะต้องมีสัญญารับประกันผล การดาเนินงานที่มีกระบวนการตรวจวัดและพิสูจน์ผลการดาเนินการอย่างชัดเจน เพื่อสร้าง ความม่ันใจว่าความเส่ียงด้านเทคนิคของการดาเนินการการอนุรักษ์พลังงานได้ถูกรับปร ะกัน โดย ESCO ตลอดระยะเวลาสัญญาบริการ อันถือเป็นหลักสาคัญของการดาเนินการการอนุรักษ์ พลงั งาน บริษทั จดั การพลังงานประกอบดว้ ยผเู้ กยี่ วข้อง ๓ สว่ น ได้แก่ ๑) ผู้ให้บริการ ได้แก่ บริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company : ESCO) ๒) ผู้รับบริการ ได้แก่ ผู้ประกอบการต่าง ๆ ท่ีต้องใช้บริการด้านการอนุรักษ์ พลังงาน / พลังงานทดแทนจาก ESCO ๓) แหล่งทุนเปน็ ผใู้ หก้ ารสนับสนนุ เงินลงทุนเพ่ือการอนุรกั ษพ์ ลงั งานหรอื พลังงาน ทดแทน ได้แก่ สถาบันการเงิน ธนาคาร หรือ ESCO เป็นตน้ การให้บรกิ ารที่ครบวงจรของบรษิ ทั จดั การพลงั งาน ๑) ตรวจสอบ ตรวจวดั และวิเคราะห์การใชพ้ ลงั งาน ๒) จดั เตรยี มเอกสารเสนอโครงการและออกแบบด้านวศิ วกรรม ๓) จดั หาเงินทุนสนบั สนนุ สาหรบั ค่าใชจ้ ่ายทั้งหมดของโครงการ ๔) จัดหาอปุ กรณ์ กอ่ สร้าง ติดต้งั ควบคมุ การติดตง้ั และซอ่ มบารงุ ๕) บริหารโครงการ ๖) ตรวจสอบและประเมินผลการประหยดั พลงั งานของโครงการ ๗) รับประกนั ผลการประหยดั พลังงาน ๘) ชดเชยสว่ นต่าง กรณกี ารรบั ประกนั ผลการประหยดั ไม่เปน็ ตามขอ้ ตกลง รปู แบบการลงทุนเพือ่ การอนุรักษ์พลงั งาน ๑)การรบั ประกนั ผลการประหยัด (Guaranteed Saving) ผู้รับบริการลงทุนมีแหล่งเงินทุนโดยตรง หรือให้ ESCO หาแหล่งทุนให้ โดย ESCO รบั ประกนั ผลการประหยัดพลังงานใหผ้ รู้ บั บริการวา่ ค่าพลังงานทส่ี ามารถประหยดั ได้ของ โครงการจะเท่ากับหรือมากกว่าค่าใช้จ่ายที่ผู้รับบริการจะต้องจ่ายในการลงทุน ถ้าหากค่าพลังงาน ที่ประหยัดไดจ้ รงิ ต่ากวา่ ผลการประหยัดทีก่ าหนดในสัญญารบั ประกันฯ แลว้ ESCO จะเปน็ ผู้ออกเงนิ ส่วนทีข่ าดให้กบั ผ้รู บั บริการ

~ ๗๖ ~ ภาพที่ ๓๔ รปู แบบการรบั ประกนั ผลการประหยัด (Guaranteed Saving) ๒)การแบ่งปันผลการประหยดั (Shared Saving) เงินทุนที่ใช้ในโครงการเป็นของ ESCO หรือหาแหล่งเงินทุนมาลงทุนให้ผู้รับ การบริการท้ังหมด และดาเนินการตามแผนประหยัดพลังงาน โดยผู้รับบริการมีหน้าท่ีจ่ายเงิน ตอบแทนเป็นค่าบริการ และนาเอาค่าพลังงานที่ประหยัดได้มาแบ่งผลประโยชน์ ที่เรียกว่า Shared Saving สัดส่วนของจานวนเงินตอบแทนจากการประหยัดพลังงานที่ต้องแบ่งให้ ESCO จะมากกว่า รูปแบบการรบั ประกันผลการประหยัด (Guaranteed Saving) เพราะ ESCO ต้องแบกรบั ความเส่ยี ง และค่าใช้จา่ ยท่ีไดล้ งทุนให้ก่อน ภาพท่ี ๓๕ รปู แบบการแบง่ ปันผลการประหยดั (Shared Saving)

~ ๗๗ ~ ๓)การประกนั สว่ นต่างคา่ พลังงาน (Guaranteed Rebate) เงินทุนท่ีใช้ในโครงการเป็นของ ESCO หรือหาแหล่งเงินทุนมาลงทุน ให้ผู้รับบริการทั้งหมด และเข้าปรับปรุงอุปกรณ์เป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงานท้ังหมด โดยผู้รับ การบริการมีหน้าท่ีจ่ายเงินตอบแทนเป็นค่าพลังงานต่อหน่วยที่ต่ากว่าค่าไฟฟ้าฐานเดิม เรียกว่า Guaranteed Rebate ภาพที่ ๓๖ รปู แบบการประกนั สว่ นตา่ งค่าพลงั งาน (Guaranteed Rebate) คณุ สมบัติบรษิ ัทจัดการพลงั งาน (Energy Service Company : ESCO) ๑. สัญญาพลงั งาน (Energy Performance Contracting : EPC) สัญญารับประกันผลการประหยัดด้านพลังงานท่ี ESCO ออกให้แก่ผู้รับการบริการ ต้องมกี ารรับประกนั ผลการประหยดั ท่ีชดั เจน โดยสญั ญาพลงั งานตอ้ งมีความชัดเจนครบ ๘ ขอ้ ดังน้ี ๑.๑ วตั ถุประสงค์ของสญั ญา ๑.๒ วธิ ีการดาเนินการตามโครงการ ๑.๓ การรับประกันผลประหยดั / แบ่งผลประหยดั / เงอื่ นไขในการรบั ประกัน ๑.๔ การจัดการพลงั งานตามโครงการ ๑.๕ ขอบเขตความรบั ผิดชอบของผรู้ ับการบรกิ ารและผู้ให้บรกิ าร (ESCO) ๑.๖ ระยะเวลาการรบั ประกันผลตอบแทน / ผลประโยชน์ ๑.๗ การวางหลกั ประกนั การปฏบิ ัติตามสัญญา ๑.๘ เงือ่ นไขการบอกเลกิ สญั ญา / การแกไ้ ขสัญญา / ค่าปรบั ๑.๙ การรบั ผดิ ชอบค่าเสยี หาย / การขยายเวลาการรบั ประกัน

~ ๗๘ ~ ๒. การตรวจวัดและพิสูจน์ผลการประหยัดพลังงาน (Measurement & Verification : M&V) ESCO จะต้องมีคุณสมบัติ มีความสามารถในการออกแบบ หรือมีหน่วยงาน ท่ีเป็นกลาง เช่น สถานศึกษา หน่วยงานราชการท่ีเกี่ยวข้อง หรือผู้เช่ียวชาญด้านพลังงาน เป็นต้น ในการดาเนินการกระบวนการตรวจวัดและพิสูจน์ผลประหยัด (M&V) ท่ีได้มาตรฐานและ เปน็ ท่ียอมรบั ได้ของผรู้ บั การบริการ ๒.๑ จัดทาข้อตกลงการตรวจวัดและพิสูจน์ผลการประหยัด โดยแนบท้ายสัญญา พลงั งาน เพ่อื เปน็ ส่วนหน่งึ ของสญั ญา ๒.๒ แสดงข้อมูลพลังงานและรายละเอียดมาตรการประหยัดพลังงาน สถานประกอบการของผู้รับการบริการในรายงานการตรวจวัดฯ ๒.๓ เลือกแนวทางการตรวจวัดและพิสูจนผ์ ลการประหยัดที่เหมาะสมกับมาตรการ ประหยัดพลงั งานน้ัน ๆ และจดั ทา M&V Plan ๒.๔ ตรวจวดั และวิเคราะห์การใชพ้ ลังงานก่อนปรบั ปรุง และหลังปรับปรุง ๒.๕ จดั ทารายงานการตรวจวดั และพิสจู นผ์ ลการประหยัด พร้อมกบั รบั รองรายงาน การตรวจวัดและพสิ จู น์ผลการประหยดั ๓. ความสามารถทางด้านเทคนคิ ๓.๑ บุคลากรท่ีดาเนินการของ ESCO ต้องมี๘ความรู้ความสามารถ ความเช่ียวชาญ และมีผลงานเป็นที่ยอมรับและได้รับการรับรองจากองค์กรวิชาชีพทางด้าน วิศวกรรม หรือ ทางดา้ นพลงั งาน ประจาในองค์กร ๓.๒ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง / ใบประกาศเกียรติคุณที่เก่ียวข้อง / มีผล การประหยดั พลังงานเทียบกบั สัญญาพลังงาน ๓.๓ ความรับผิดชอบความเสี่ยงทางเทคนิคด้านผลการประหยัดของโครงการ สามารถประเมินการใช้พลังงาน การวิเคราะห์ และออกแบบด้านวิศวกรรม การคัดเลือกชนิดและ เทคโนโลยี การบริหารโรงการ (มิใช่เพียงรับประกันประสิทธิภาพของมาตรการเทคโนโลยีมาตรการ อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน) ซ่ึงหากผลการประหยัดของโครงการทีท่ ่ีสามารถดาเนนิ การไดจ้ ริงต่ากว่า ผลประหยดั ทกี่ าหนดในสญั ญาพลังงาน ESCO จะเป็นผู้ชดเชยส่วนทีข่ าดใหก้ ับผูร้ บั การบรกิ าร ๓.๔ ความรับผิดชอบความเส่ียงทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพของเครื่องจักร / เทคโนโลยี มาตรการอปุ กรณ์ประหยัดพลงั งาน โดยรบั ผิดชอบตลอดระยะเวลาในการรับประกัน ๓.๕ ESCO สามารถให้คาแนะนา หรือให้ข้อมูลในเร่ืองแหล่งเงินทุน และเข้าถึง แหล่งเงินทุน ได้แก่ สถาบันการเงิน ธนาคาร เป็นต้น สาหรับโครงการอนุรักษ์พลังงาน ทาให้ ลดการสูญเสียโอกาสในการอนุรกั ษพ์ ลังงาน ๓.๖ ESCO สามารถออกหนังสอื คา้ ประกันจากสถาบนั การเงนิ ธนาคาร (B/G) หรือ กรมธรรม์ประกันภัยสาหรับธุรกิจ ESCO (Insurance Policy) เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติ ตามสญั ญาพลังงาน

~ ๗๙ ~ ๔. บริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) แตกต่างกับ Supplier อย่างไร บริษัทจัดการ พลังงาน (ESCO) มคี วามสามารถ ดังนี้ ๔.๑ วิเคราะหก์ ารใช้พลงั งาน ออกแบบดา้ นวศิ วกรรม และควบคมุ งานติดต้งั ๔.๒ จดั หา / แนะนาแหลง่ เงนิ ทนุ ๔.๓ รบั ประกันคุณภาพอุปกรณ์ ๔.๔ มีสญั ญาพลังงานรบั ประกันผลการประหยัด ๔.๕ ชดเชยส่วนต่าง ให้ผู้รับการบริการ หากผลการประหยัดพลังงานไม่เป็นไป ตามขอ้ ตกลงในสญั ญาพลังงาน ๔.๖ มีการตรวจวัดและพิสูจน์ผลการประหยัด (M&V) ท่ีระบุในสัญญาพลังงาน ซึ่งเป็นการตรวจวัดค่าการใช้พลังงาน ก่อนปรับปรุงและหลังปรับปรุง เพื่อเป็นการยืนยันผล การประหยดั ทไ่ี ดร้ ับ Supplier หรือผู้ผลติ / ตวั แทนจาหนา่ ย มคี วามสามารถ ดังน้ี ๔.๑ วเิ คราะหก์ ารใชพ้ ลงั งาน ออกแบบด้านวศิ วกรรม และควบคมุ งานตดิ ตง้ั ๔.๒ จัดหา / แนะนาแหลง่ เงินทุน ๔.๓ รบั ประกนั คณุ ภาพอุปกรณ์ ๔.๔ ไม่มี สญั ญาพลงั งานรบั ประกนั ผลการประหยัด ๔.๕ ไม่มีการชดเชยส่วนต่าง ให้ผู้รับการบริการ หากผลการประหยัดพลังงาน ไม่เปน็ ไปตามข้อตกลงในสัญญาพลงั งาน ๔.๖ ไม่มีการตรวจวัดและพิสูจน์ผลการประหยัด (M&V) ท่ีระบุในสัญญาพลังงาน ซึง่ เปน็ การตรวจวดั ขอ้ เสนอแนะของคณะอนกุ รรมาธิการ ๑) เร่งต่อสัญญาสัมปทานให้ผู้ได้รับสัมปทานในการนาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย มาผลิตไฟฟ้า ทดแทนการนาเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas : LNG) และ ใชเ้ ชือ้ เพลิงกา๊ ซธรรมชาติเปน็ หลักในการผลิตไฟฟ้า ๒) ควรลดข้ันตอน กฎระเบียบ และวิธีการในการนาเข้าก๊าซธรรมชาติให้กับ ผู้ประกอบการนาเข้าเพ่ือให้มีการแข่งขนั เสรีในการนาเข้า อันจะทาให้ราคาก๊าซธรรมชาติมีราคาทถ่ี กู ลง ๓) ควรนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนมาผลิตไฟฟ้า เช่น โซล่าเซลล์จากพลังงาน งานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น มาแบ่งเบาต้นทนุ การผลิตไฟฟ้าในปจั จุบนั ให้มากขน้ึ พร้อมทง้ั ควรเรง่ รดั ใหเ้ กดิ โครงขา่ ยอจั ฉรยิ ะโดยเรว็ เพื่อรองรับไฟฟ้าทเ่ี กดิ จากพลงั งานหมุนเวยี น ๔) ปัจจุบันมีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบกับจาหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ กฟผ. และ มีราคาขึ้น - ลง ตามสถานการณ์ในแต่ละเวลา ซ่ึงหน่วยงานที่รับผิดชอบควรเป็นผู้รับผิดชอบอัตรา แลกเปลี่ยน สูตรการคานวณค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ไม่ควรนาอัตราแลกเปล่ียนมาเป็นต้นทุนในสูตร การคานวณ

~ ๘๐ ~ ๕) การนาหลักเกณฑ์ Energy Pool Price คือ ต้นทนุ นา้ มนั เตาหรือน้ามนั ดเี ซลและ LNG นาเขา้ กลุ่ม Regulated Market มาเฉลี่ยกับกา๊ ซธรรมชาตใิ น Pool Gas ถงึ จะลดต้นทนุ ในสตู ร ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ไม่ได้มาก แตก่ เ็ ปน็ สิ่งทดี่ ี และควรนามาใช้ในชว่ งปกติ ทดแทนช่วงเวลาวิกฤต ๖) ไม่ควรนาค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ (Policy Expense : PE) ในส่วนต่าง ท่ีสูงกว่าราคาไฟฟ้าขายส่ง และเงินนาส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามมาตรา ๙๗ (๓) (๔) และ (๕) มารวมคิดในสตู รการคานวณ ค่าไฟฟา้ ผนั แปร (Ft) ๗) การนาค่าปรับปรุงส่วนต่างค่า Ft (Accumulated Factor : AF) มาเป็นต้นทุน ในการคานวณ ซงึ่ ควรเป็นความรับผิดชอบของหนว่ ยงานทม่ี กี ารประมาณการท่ผี ดิ พลาด ๔. ข้อสงั เกตของคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๔.๑ การ จัด ทาแ ผน พัฒนากาลังผลิตไ ฟฟ้าข องปร ะเทศไทย (PDP2018) ฉบับปรับปรุง คร้ังท่ี ๑ ควรต้องมีการบูรณาการของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องร่วมกันในการพิจารณา กาลังการผลิตไฟฟ้าและการใช้ไฟฟ้าของประเทศให้มีความถูกต้องและแม่นยาท่ีสุด ซ่ึงควรให้มี ปริมาณไฟฟ้าสารอง คดิ เปน็ ประมาณร้อยละ ๑๕ ของปรมิ าณความต้องการใชไ้ ฟฟา้ ของประเทศ ๔.๒ ควรเร่งรัดการกาหนดการเปิดให้ใช้หรือเช่ือมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าแก่บุคคล ท่ีสาม (Third Party Access Code : TPA Code) และอัตราค่าเช่ือมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge) ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว รวมทั้งควรกาหนดอัตราค่าเช่ือมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge) ที่เหมาะสม และลดการซ้าซ้อนการบริหารจัดการในเร่ืองต้นทุนของระบบ โครงข่ายไฟฟ้า เพ่ือให้เกิดรายได้ที่สามารถนาไปลดต้นทุนโครงสร้างไฟฟ้าที่เก่ียวข้องกับระบบ โครงข่ายไฟฟ้า ซ่ึงจะทาให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ นอกจากน้ัน เห็นควรเร่งรัดโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ให้เกิดข้ึนโดยเร็ว เพ่ือให้มีการผลิตและการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพในแต่ละพื้นที่ รวมถงึ เปน็ การส่งเสรมิ ให้มกี ารผลติ ไฟฟ้าจากเชื้อเพลงิ พลังงานทดแทนในแตล่ ะพ้ืนทอ่ี ยา่ งเหมาะสม ๔.๓ ผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย และ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม มีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าไฟฟ้าสาธารณะ เพ่ือมิให้เป็นการผลัก ภาระกับประชาชน โดยคานงึ ถึงความสามารถและศกั ยภาพของแตล่ ะท้องถ่นิ ดว้ ย ๔.๔ ควรแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ในส่วนท่ีเก่ียวกับกองทุนพัฒนาไฟฟ้า โดยการเพิ่มวัตถุประสงค์ของกองทุน และมีการจัดเก็บเงินเข้า กองทุน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการในกรณีที่มีค่าไฟฟ้าจากค่า Ft ท่ีสูงข้ึนจนอาจกระทบต่อความ เปน็ อยขู่ องประชาชน สงั คม เศรษฐกจิ ของประเทศ

~ ๘๑ ~ ๔.๕ การเปิดรับซ้ือไฟฟ้าตามนโยบายรัฐ อัตราค่าไฟฟ้าในการรับซื้อ ในส่วนที่เกิน / สูงกว่าราคาค่าไฟฟ้าขายส่ง รัฐควรรับผิดชอบ ไม่ควรส่งผ่านราคาค่าไฟฟ้าขายส่งมายังโครงสร้าง ราคาไฟฟ้า ๔.๖ ควรเร่งรัดใหเ้ กิดโครงการมาตรการบริษทั จัดการพลังงาน (ESCO) โดยเร็ว เพื่อให้ ภาครฐั ไดป้ ระหยัดงบประมาณรายจ่ายจากคา่ ใชพ้ ลังงานไฟฟา้

ฝา่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ ารการพลังงาน ๑. นางสาวอรวรรณ สงั ขวารี ผู้บังคบั บญั ชากลมุ่ งานคณะกรรมาธกิ ารการพลงั งาน ๒. นายนพิ นธ์ เล็กใบ นิตกิ รชานาญการพิเศษ ๓. นางสาวธญั ญรัตน์ ม่วงศริ ิ วทิ ยากรชานาญการพเิ ศษ ๔. นายเจรญิ พร มลู วงศ์ นิตกิ รชานาญการ ๕. นางสาวพชั รินทร์ อิ่มพนั ธ์ วิทยากรชานาญการ ๖. นายกติ ตพิ งศ์ คงเรือง นิติกรชานาญการ ๗. นายลอราช บุญศริ ิ วิทยากรชานาญการ ๘. นายอาพล ป้นั ม่วง นิตกิ รชานาญการ ๙. นางสาวกัญญ์จริ า มนัสไชยกุล นติ กิ รปฏบิ ัติการ ๑๐. นางปาลดิ า วราอิศกลุ เจ้าพนักงานธรุ การอาวุโส ๑๑. นางสาวโสพศิ ขวญั สกลุ เจ้าพนกั งานธรุ การชานาญงาน ๑๒. นายปรรณพัชร์ เหลา่ กลุ ประสทิ ธิ์ เจา้ พนักงานธุรการชานาญงาน ๑๓. นางสาววัชรภี รณ์ เทศสมบูรณ์ เจ้าพนักงานธุรการชานาญงาน กลุ่มงานคณะกรรมาธกิ ารการพลงั งาน สานกั กรรมาธิการ ๑ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ ตอ่ ๖๑๗๑ E-mail: [email protected]







รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรื่อง ญัตติแนวทางในการสง่ เสรมิ แก้ไขปญั หา และพฒั นาการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดย คณะกรรมาธกิ ารการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร กล่มุ งานคณะกรรมาธกิ ารการทอ่ งเทย่ี ว สานกั กรรมาธิการ ๓ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร

รายงานการพิจารณาศกึ ษา เร่อื ง ญตั ติแนวทางในการสง่ เสริม แกไ้ ขปญั หา และพัฒนา การทอ่ งเท่ียวของประเทศไทย โดย คณะกรรมาธิการการทอ่ งเที่ยว สภาผแู้ ทนราษฎร กลมุ่ งานคณะกรรมาธิการการท่องเทย่ี ว สานักกรรมาธกิ าร ๓ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร









ก–๑ สารบัญ หน้า สารบัญ ก-๑ สารบัญภาพ ก-๒ รายนามคณะกรรมาธิการ ข-๑ บทสรุปผบู้ ริหาร ค-๑ รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา ๑ ๑. การดาเนนิ งาน ๒ ๒. ผ้ซู ง่ึ คณะกรรมาธกิ ารได้เชิญมาชแ้ี จงแสดงความคิดเหน็ ๒ ๓. ผู้เสนอญตั ติ ๘ ๔. การพิจารณาของคณะกรรมาธกิ าร ๘ ๕. ผลการพจิ ารณาศึกษา ๑๐ ๕.๑ สถานการณแ์ ละมาตรการท่องเที่ยวของไทย ๑๐ ๕.๒ ผลการศกึ ษาแนวทางของหนว่ ยงาน ๒๑ ๕.๓ ผลการพิจารณาศึกษาเชงิ พื้นที่แยกตามกลมุ่ จงั หวดั ๒๕ ๕.๔ สภาพปญั หาเกย่ี วกับการทอ่ งเทยี่ วทางนา้ และทางทะเล และแนวทางการแกไ้ ข ๘๒ ๕.๕ สภาพปญั หาการประกอบธรุ กจิ โรงแรมและแนวทางการแกไ้ ข ๙๒ ๖. ข้อเสนอแนะและขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธิการ ๙๕ ๖.๑ ขอ้ เสนอแนะ ๙๕ ๖.๒ ข้อสงั เกต ๙๖ ภาคผนวก ภาคผนวก ก ญตั ติแนวทางในการสง่ เสรมิ แกไ้ ขปญั หา และพัฒนา การท่องเทยี่ วของประเทศไทย ภาคผนวก ข ประกาศตั้งคณะอนกุ รรมาธกิ ารและประกาศแตง่ ตงั้ ที่ปรึกษาประจาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ภาคผนวก ค หนงั สอื ขอขยายระยะเวลาการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธกิ าร ภาคผนวก ง ประมวลภาพการประชมุ คณะกรรมาธิการ ภาคผนวก จ ประมวลภาพการเดินทางไปศึกษาดงู านเพอื่ รบั ทราบขอ้ เท็จจริง และประชมุ รว่ มกบั หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งในพ้นื ที่ ภาคผนวก ฉ รายนามผู้จดั ทา

กก –– ๒๒ สารบัญภาพ ภาพท่ี ๑ อตั ราการขยายตวั ของนกั ทอ่ งเทย่ี วชาวต่างชาตริ ายภูมภิ าค หนา้ ภาพท่ี ๒ เดอื นกรกฎาคม ๒๕๖๒ ๑๑ ภาพที่ ๓ อัตราการลดลงของจานวนนกั ทอ่ งเที่ยวต่างชาติท่ีเดนิ ทาง ๑๓ เขา้ ประเทศตา่ ง ๆ ปี ๒๕๖๓ ๑๘ แสดงจานวนนักท่องเทย่ี วตา่ งชาตทิ เี่ ดนิ ทางเขา้ มาท่องเที่ยว ในประเทศไทยปี ๒๕๖๔

๑ รายนามคณะกรรมาธกิ าร นายสรุ ศักดิ์ พันธเ์ จริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการ นางสริ นิ ทร รามสตู นายนัทธี ถน่ิ สาคู นางสาวศลิ ัมพา เลิศนุวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่หนงึ่ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทสี่ าม นายอนสุ รณ์ ป้ันทอง นายจรี เดช ศรีวริ าช นายคงกฤษ ฉัตรมาลรี ตั น์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร

๒ นายศรณั ย์ ทิมสุวรรณ นายกูเฮง ยาวอหะซัน นางสาวชนก จนั ทาทอง ทีป่ รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร นางสาวกานต์กนษิ ฐ์ แหว้ สนั ตติ นายววิ รรธน์ นลิ วชั รมณี นายกฤติเดช สนั ติวชริ ะกุล โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธิการ นางสาวสรัสนนั ท์ อรรณนพพร นางสาวสณุ ฐั ชา โลส่ ถาพรพพิ ธิ โฆษกคณะกรรมาธิการ เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ

ค-๑ บทสรุปผบู้ ริหาร ในปัจจุบันสถานการณ์การท่องเท่ียวของประเทศไทยอยู่ในสภาวะฟ้ืนตัวอย่าง รวดเร็ว โดยจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า ณ วันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ มีจานวนนักท่องเท่ียวไทยมากถึง ๒๐๐ ล้านคนคร้ัง และมีรายได้ที่เกิดขึ้นจากการ ท่องเที่ยวมูลค่าสูงถึง ๘ แสนล้านบาท ในขณะท่ีตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติท่ีเดินทางมาไทย มีอัตราส่วนที่เพ่ิมขึ้นเช่นเดียวกัน ซ่ึงจากข้อมูลมีมากกว่า ๗ ล้านคน (สอดคล้องกับการ คาดการณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ท่ีคาดว่าตลอดปี ๒๕๖๕ จะมีนักท่องเท่ียว ชาวต่างชาติเข้ามาไทยประมาณ ๑๐ ล้านคน) และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า ๕ แสนล้านบาท ซ่ึงถือว่ามีแนวโน้มฟ้ืนตัวอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสท่ีภาคส่วนการท่องเที่ยว จะกลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่มั่นคงอีกคร้ังดังเช่นก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในปี ๒๕๖๒ โดยจากการสารวจแนวโน้มการท่องเท่ียวโลกในปัจจุบัน กระแสการท่องเท่ียว อย่างสานึกรบั ผิดชอบ และการทอ่ งเทย่ี วอย่างย่งั ยืน คอื กระแสหลักของตลาดนกั ท่องเทยี่ วโลก ในปัจจุบัน ที่มีเป้าหมายของประชาคมโลกในเร่ือง SDG’s Goal ร่วมกัน ซึ่งการท่องเที่ยวไทย ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สาคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาตลอดหลายสิบปีท่ีผ่านมา และสอดรับกับการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยสามารถ วัดไดจ้ ากตวั เลขนักท่องเที่ยวท่ีเตบิ โตอย่างตอ่ เน่อื งจนถงึ ช่วงกอ่ นเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 จากผลกระทบของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ทาให้เกิดความเปล่ียนแปลง ในภาคการท่องเท่ียวอย่างรุนแรงทั้งในด้านพฤติกรรมนักท่องเที่ยว และทรัพยากรด้านการ ทอ่ งเทยี่ ว ซึ่งได้รับการฟ้นื ฟทู างธรรมชาติอยา่ งชดั เจน ตามข้อมลู เชงิ ประจักษท์ ง้ั ในประเทศไทย และต่างประเทศ ทาให้นักท่องเท่ียวทั่วโลกเร่ิมตระหนักถึงความสาคัญ ด้านสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายของการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน ท้ังในมิติสังคม เศรษฐกิจ และ สงิ่ แวดลอ้ ม ความปลอดภยั ในการปอ้ งกันโรคตดิ ตอ่ ทาให้นักทอ่ งเทีย่ วตอ้ งการความเปน็ สว่ นตวั มากข้ึน และดัชนีด้านสาธารณสุขเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลือกเดินทางร่วมกับความสวยงาม ทางธรรมชาติ ความสะดวกสบาย และความประทับใจในศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความมีน้าใจของเจ้าบ้านที่สร้างความอบอุ่น ปลอดภัยของนักท่องเท่ียว การนาเสนอ ทรัพยากรด้านการท่องเท่ียวในด้านต่าง ๆ ผ่านส่ือประชาสัมพันธ์ท้ังแบบออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการจดจาและความต้องการในการเดินทางไปยังเป้าหมายนั้น ๆ ต่างเป็นสิ่งท่ีจาเปน็ และนามาเป็นหลักเกณฑ์ของการทางานของคณะกรรมาธกิ ารการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ในวาระนี้

ค-๒ จากกระบวนการทางานที่นาเสนอในรายละเอียดและข้ันตอนการทางาน ที่บรรจุไว้ในรายงานนั้น โดยคณะอนุกรรมาธิการท้ังสองคณะได้ลงพ้ืนที่สารวจความคิดเห็น ในแหล่งท่องเที่ยวทุกภูมิภาค โดยมีการดาเนินการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่เป็น ผู้ประกอบการ ชุมชนแหล่งท่องเที่ยว และภาคประชาชนโดยตรง รวมทั้งเชิญผู้แทนหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องจากภาครัฐและภาควิชาการ มาให้ข้อมูลในทุกมิติเพื่อให้เกิดมุมมองที่หลากหลาย และครบถว้ น ซ่งึ ทาใหไ้ ด้ทราบถึงปญั หาและอปุ สรรคในแต่ละภมู ภิ าคทม่ี ที ั้งความใกล้เคยี งกนั ใน เชิงโครงสรา้ ง เช่น กฎหมาย บคุ ลากร งบประมาณ หรือการเงินของภาคเอกชน ระบบเทคโนโลยี และระบบคมนาคม รวมถึงการบูรณาการการทางานระหว่างหน่วยงานในพื้นท่ีต่าง ๆ และ ความแตกต่างที่เป็นลักษณะเฉพาะทางในรายละเอียดเชิงพื้นท่ี หรือสาขาอาชีพท่ีเกี่ยวข้อง ในภาคการท่องเท่ยี ว ซ่ึงในรายงานฉบับนีไ้ ด้นาเสนอภาพรวมของการแก้ไขในประเด็นโครงสรา้ ง ท่ีสามารถใช้แนวทางไปประยุกต์ใช้ร่วมกันในทุกภูมิภาค และปัญหาในเฉพาะพ้ืนท่ีตามลักษณะ ภูมิภาค หรือสิ่งแวดล้อมท่ีเป็นเร่ืองเฉพาะท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดาเนินการ แกไ้ ข และพัฒนาภาคการท่องเทย่ี วไทยสเู่ ป้าหมายของการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืนตามประชาคมโลก ที่ไทยรว่ มเป็นสมาชิกตอ่ ไป

รายงานการพจิ ารณาศกึ ษา เรอ่ื ง ญัตติแนวทางในการส่งเสรมิ แก้ไขปญั หา และพฒั นาการท่องเทยี่ วของประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการท่องเทย่ี ว สภาผแู้ ทนราษฎร ตามที่ทีป่ ระชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปที ่ี ๒ ครง้ั ที่ ๒๕ (สมัยสามญั ประจาปีครัง้ ท่ีหน่ึง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติให้ส่งญัตติ เร่ือง ขอให้ต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการดาเนินการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวของภาคใต้ (นางสาวพมิ พ์ภัทรา วชิ ยั กุล เป็นผ้เู สนอ) ญตั ติ เร่อื ง ขอให้สภาผ้แู ทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พิจารณาศึกษาแนวทาง ในการจัดให้มแี ผนพฒั นาการทอ่ งเท่ียวของภาคใต้ (นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหา และการพฒั นาการท่องเที่ยวของประเทศไทย (นายนริศ ขานุรักษ์ และนายอัครเดช วงษ์พิทกั ษ์โรจน์ เป็นผู้เสนอ) และญัตติ เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา การทอ่ งเที่ยวเชงิ เอกลักษณ์ และตามอัตลักษณ์ในแตล่ ะพ้นื ทีท่ ั่วทุกภมู ิภาค (นายจาตุรงค์ เพง็ นรพัฒน์ เปน็ ผ้เู สนอ) แก่คณะกรรมาธิการการท่องเท่ียว พิจารณาตามข้อบงั คับการประชมุ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๐ โดยกาหนดระยะเวลาในการพิจารณาศึกษาไว้ ๖๐ วนั นั้น ซึ่งกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบดว้ ย ๑. นายสรุ ศกั ดิ์ พนั ธ์เจริญวรกลุ ประธานคณะกรรมาธกิ าร ๒. นางสริ ินทร รามสูต รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่หนึง่ ๓. นายนัทธี ถ่นิ สาคู รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทีส่ อง ๔. นางสาวศลิ ัมพา เลศิ นวุ ัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่ีสาม ๕. นายกเู ฮง ยาวอหะซนั ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธิการ ๖. นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๗. นายจรี เดช ศรีวริ าช ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๘. นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ๙. นายอนสุ รณ์ ป้นั ทอง ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ๑๐. นายกฤติเดช สนั ติวชริ ะกลุ โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๑. นางสาวกานต์กนษิ ฐ์ แห้วสนั ตติ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๑๒. นางสาวชนก จันทาทอง โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๓. นายววิ รรธน์ นิลวชั รมณี โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๑๔. นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๕. นางสาวสณุ ฐั ชา โล่สถาพรพพิ ธิ เลขานุการคณะกรรมาธกิ าร

๒ บดั นี้ คณะกรรมาธิการได้ดาเนนิ การพิจารณาศึกษา เรอื่ ง ญตั ตแิ นวทางในการส่งเสริม แก้ไข ปัญหา และพัฒนาการท่องเท่ียวของประเทศไทย เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการพิจารณา ศึกษาเร่ืองดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๑๐๔ ดังนี้ ๑. การดาเนินงาน - ๒. ผซู้ ่งึ คณะกรรมาธิการได้เชิญมาชแ้ี จงแสดงความคิดเห็น คอื ๒.๑ กระทรวงการท่องเทยี่ วและกีฬา (๑) นางสาววภิ ารตั น์ ธาราธีรภาพ ผู้อานวยการกองยุทธศาสตรแ์ ผนงาน (๒) นางสาววรรษวรรณ โภวาที นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน ชานาญการ สานักงานปลดั กระทรวง การทอ่ งเที่ยวและกฬี า (๓) นายบุญผล รกั ษาศรี นักวเิ คราะห์นโยบายและ แผนปฏิบตั ิการ สานักงานปลัดกระทรวง การท่องเทย่ี วและกฬี า (๔) นางสาวธัชญาณี รจนา นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน ๒.๒ กระทรวงการตา่ งประเทศ นายจาตรุ นต์ ไชยะคา รองอธบิ ดกี รมการกงสลุ ๒.๓ การทอ่ งเท่ยี วแห่งประเทศไทย (๑) นางสาวสรสั วดี อาสาสรรพกจิ ผ้อู านวยการภูมภิ าคภาคเหนอื (๒) นายสมชาย ชมภนู อ้ ย ผอู้ านวยการภูมภิ าค ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (๓) นางสาวจุฑาทิพย์ เจรญิ ลาภ ผูอ้ านวยการภูมิภาคภาคกลาง (๔) นายวิบูลย์ นมิ ติ รวานชิ ผู้อานวยการภูมิภาคภาคตะวันออก (๕) นางปนิ่ นาถ เจริญผล ผอู้ านวยการภูมภิ าคภาคใต้ (๖) นายสัญชัย ธรรมโหร รองผู้อานวยการภูมิภาคภาคเหนอื (๗) นางสาวปทิตตา ตันติเวชกลุ รองผูอ้ านวยการภมู ภิ าค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (๘) นายมรกต สุดดี ผอู้ านวยการกองตลาด ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ (๙) นายรณพล จนั ทราโชติ เลขานกุ ารภมู ิภาค ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ

๓ (๑๐) นายสกั ดา ชา้ งคนมี พนักงานการตลาด (๑๑) นายวุฒิพงศ์ พรหมปรุง พนกั งานการตลาด ๒.๔ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน (องค์การ มหาชน) (อพท.) (๑) นายชูวิทย์ มิตรชอบ รองผ้อู านวยการ อพท. (๒) นายพลากร บปุ ผาธนากร รกั ษาการแทนผูอ้ านวยการ อพท. ผอู้ านวยการสานกั บริหาร (๓) นางสาววาสนา พงศาปาน ยทุ ธศาสตร์ (รบั ผดิ ชอบพ้ืนท่พี ิเศษ (๔) นายกฤษณ์ ภูมสิ วุ รรณ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ) (๕) นายสมเกยี รติ อานวยสุวรรณ ผอู้ านวยการสานักพัฒนา (๖) นายศุภชัย งามศิริกุล ขีดความสามารถการท่องเท่ียว (๗) นางสาวนุชสรา เทียนไชย ผอู้ านวยการฝา่ ยปฏบิ ตั กิ าร (๘) นางสาวดรณุ ี วริ ิยะเอ่ยี มพิกุล รักษาการรองผูจ้ ดั การ อพท. ๓ (๙) นางสาวชุตมิ า แสงสวัสด์ิ ผูอ้ านวยการฝา่ ยปฏบิ ตั กิ าร อพท. ๗ (๑๐) นางสาววชิ ชุดา เขียวเกตุ หวั หนา้ งานแผนปฏิบัตกิ าร (๑๑) นางสาวนพมาศ ทติ ระกูล และงบประมาณ ๒.๕ สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ หวั หน้างานมาตรฐานการทอ่ งเทีย่ ว (๑) พนั ตารวจเอก แมน ประทีป อยา่ งยง่ั ยนื (๒) พนั ตารวจเอก ศภุ โชค หยงสตาร์ เจา้ หนา้ ทพ่ี ฒั นาพนื้ ทพี่ ิเศษ อพท. ๗ (๓) พนั ตารวจเอก ธานินทร์ อินทพรต เจา้ หนา้ ทพ่ี ัฒนาพนื้ ทพ่ี เิ ศษ อพท. ๙ ๒.๖ กรุงเทพมหานคร เจ้าหนา้ ทพ่ี ัฒนาพนื้ ทพี่ ิเศษ อพท. ๙ (๑) นายธนิต ตนั บัวคลี่ เจ้าหนา้ ท่ีพัฒนาพนื้ ทพี่ เิ ศษ (๒) นางสาวอมรรตั น์ นาคสขุ กองบังคับการตรวจคนเขา้ เมอื ง ๒ (๓) นางสาวธรี วรรณ วรศกั ด์ิ (ตม.เชียงใหม)่ รองผ้บู งั คบั การตรวจคนเขา้ เมือง ๕ (ตม.ภาคเหนือ) ผู้กากับการตรวจคนเข้าเมอื ง จงั หวดั หนองคาย รองผู้อานวยการสานกั วัฒนธรรมกฬี า และการทอ่ งเทีย่ ว นักพัฒนาการทอ่ งเที่ยว ชานาญการพิเศษ นกั พฒั นาการท่องเท่ยี วชานาญการ

๔ ๒.๗ สานักงานนโยบายและแผนการขนสง่ และจราจร (๑) นางวไิ ลรตั น์ ศิริโสภณศิลป์ รองผอู้ านวยการสานักงาน นโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (๒) นางสาวกฤติกา บรู ณะดิษ นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผน ชานาญการพเิ ศษ (๓) นายชพู งษ์ พพิ ัฒน์ไชยศริ ิ นักวเิ คราะหน์ โยบายและแผน ชานาญการ (๔) นางสาวคณติ า เกียรติเลิศศรี นักวเิ คราะหน์ โยบายและแผนปฏิบัติการ ๒.๘ การรถไฟแห่งประเทศไทย (๑) นายกาพล บญุ ชม รองวิศวกรใหญ่ ดา้ นโครงการพิเศษ (๒) นางสาวอรทยั สุวรรณเทศ หวั หนา้ กองบรหิ ารรถโดยสาร เชงิ พาณิชย์ ๒.๙ บรษิ ัท ทา่ อากาศยานไทย จากัด (มหาชน) (๑) นายกติ ตพิ งษ์ พวงเงิน ผู้อานวยการสว่ นกากับพนื้ ท่ี นอกเขตการบนิ ท่าอากาศยาน สวุ รรณภมู ิ (๒) นางนาตยา ใยเจรญิ เจา้ หนา้ ทบ่ี รหิ าร ๗ ฝ่ายการทา่ อากาศยานฯ ดอนเมือง (๓) นายเสฏฐวฒุ ิ มธี นาถาวร เจา้ หนา้ ท่ีเทคนคิ รักษาความปลอดภยั ท่าอากาศยานดอนเมือง ๒.๑๐ กรมทางหลวง (๑) นายสุรชยั อมั ภวาสุวรรณ วิศวกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานกั แผนงาน (๒) นายอาทติ ย์ สบื ศริ ิวิรยิ ะกุล วิศวกรโยธาชานาญการพิเศษ สานักแผนงาน ๒.๑๑ กรมทางหลวงชนบท (๑) นายโกสนิ ทร์ พทิ ยะเวสต์สนุ ทร วิศวกรใหญ่ (๒) นายชัยสัมพันธ์ โพธศิ์ รี วิศวกรโยธาชานาญการพเิ ศษ (๓) นายวรพจน์ มาลาวงษ์ วิศวกรโยธาปฏิบัตกิ าร ๒.๑๒ สานักงานคณะกรรมการสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม (๑) ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยส์ ุภาวดี โพธยิ ะราช ผูอ้ านวยการภารกิจการจัดทา แผนงบประมาณ (๒) นางสาวฉัตรฉวี คงดี ผูช้ ว่ ยผู้อานวยการภารกิจการ จัดทาแผนงบประมาณ

๕ (๓) ผู้ช่วยศาสตราจารยเ์ กศรา สกุ เพชร อาจารย์ประจาคณะการจัดการ การทอ่ งเท่ียว สถาบนั บัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร์ (๔) รองศาสตราจารยว์ ัชรพล ชยประเสริฐ อาจารยป์ ระจามหาวทิ ยาลัย เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน (๕) นางวรรณพร สาราญรมย์ นกั วิชาการระดับต้น ๒.๑๓ สานกั งานจงั หวัดหนองคาย นายณัฐพงศ์ คาวงศป์ นิ หวั หน้าสานักงานจงั หวดั หนองคาย ๒.๑๔ สานกั งานจังหวดั เลย นายชาญชยั คงทนั หวั หนา้ สานกั งานจงั หวัดเลย ๒.๑๕ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา (๑) นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้วา่ ราชการ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา (๒) นายกฤษฎา บวั รังสี นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน ชานาญการ (๓) นายณฐั วุฒิ กจิ โสภี นักวเิ คราะห์นโยบายและแผน ปฏบิ ตั กิ าร ๒.๑๖ การท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย สานกั งานพระนครศรอี ยุธยา (๑) นายพัฒนพงษ์ พงษท์ องเจริญ ผู้อานวยการการท่องเท่ียว แหง่ ประเทศไทย สานักงานพระนครศรีอยุธยา (๒) นายภานพุ งษ์ แพ่งกุล ลกู จ้างสานกั งานการทอ่ งเทีย่ ว แห่งประเทศไทย ๒.๑๗ จังหวดั อ่างทอง รองผู้ว่าราชการจงั หวดั อ่างทอง (๑) นายสชุ น ภัยธริ าช (๒) นายสรุ เชษ นมิ่ กุล นายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั อ่างทอง (๓) นายสนุ ทร ชนานศุ ริ ิ ประธานสภาอตุ สาหกรรม ทอ่ งเที่ยว จังหวดั อา่ งทอง (๔) นายสรุ ัตน์ ภูวประภาชาติ ประธานหอการคา้ จังหวดั อ่างทอง (๕) นายเรอื งชัย ลิปิบูรณพนั ธ์ หอการคา้ จงั หวัดอา่ งทอง (๖) นางสาวนฏฐพร คงมที รัพย์ เจ้าหนา้ ทีห่ อการค้าจังหวัด อ่างทอง

๖ (๗) นางสาวพชั ราภรณ์ กุหลาบ สานกั งานจงั หวัดอ่างทอง (๘) นางสาววริษญา ชอุม่ นักวิเคราะหน์ โยบายและแผน ชานาญการ (๙) นายบรรเจิด ไชยารกั ษ์ เลขานกุ ารอุตสาหกรรม จังหวดั อ่างทอง ๒.๑๘ จงั หวัดชัยนาท (๑) นางศุภรนิ ทร์ เสนาธง รองผู้ว่าราชการจงั หวดั ชัยนาท (๒) นางสาวจรี ประภา สาระประจวบ ผู้อานวยการกล่มุ งานยุทธศาสตร์ และขอ้ มูลเพ่ือการพฒั นา จังหวัดชัยนาท (๓) นางสาวนรศิ รา ฤทธิเรืองเดช หวั หนา้ ฝา่ ยบริหารงานทัว่ ไป องค์การบริหารส่วนจงั หวดั ชัยนาท ๒.๑๙ สานกั งานการท่องเที่ยวและกฬี าจังหวดั ชยั นาท (๑) นายมนทิ ธร โคกเกษม ทอ่ งเทย่ี วและกีฬาจังหวัดชัยนาท (๒) นางสาวณัฐธดิ า วรรณสินธ์ เจ้าหนา้ ท่สี นบั สนนุ งานพัสดุ ๒.๒๐ สานักงานการท่องเทย่ี วและกีฬาจังหวดั สงิ หบ์ ุรี (๑) นางสาวอนชุ ดิ า อ้วนสกลุ ท่องเท่ียวและกีฬาจังหวัดสิงหบ์ ุรี (๒) นายอรรถพร พนู นชุ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน ๒.๒๑ สานกั งานการท่องเทย่ี วและกฬี าจังหวัดสระบุรี นายสกุ ฤษ์ ศิลปอนนั ต์ ท่องเทย่ี วและกีฬาจงั หวัดสระบุรี ๒.๒๒ องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดสระบุรี รองปลดั องค์การบริหารส่วน นายสุจนิ บญุ มาเลศิ จังหวัดสระบรุ ี ๒.๒๓ จงั หวัดลพบรุ ี ผู้เช่ียวชาญพเิ ศษฯ (๑) นายสันธนะ บัวชาติ (แทน ประธานสนั นิบาตจงั หวัดลพบรุ ี) รองผู้อานวยการท่องเทยี่ ว (๒) นางอารีย์ ฤกษส์ ภาพ จังหวดั ลพบุรี เจา้ หนา้ ท่ีการทอ่ งเท่ยี วฯ (๓) นางสาววีรยา เสาวภา สานักงานลพบุรี

๗ ๒.๒๔ สมาคมสนั นบิ าตเทศบาลแหง่ ประเทศไทย (๑) นางสาวสมใจ สวุ รรณศภุ พนา นายกเทศมนตรนี ครภเู กต็ (๒) นายธนศักดิ์ มาคะสิระ นายกเทศมนตรีตาบลวัดเพลง (๓) นายสุนทร เข้มนาค นายกเทศมนตรตี าบลหนองแค ประธานสันนิบาตจงั หวัดสระบุรี (๔) นางสาวเพ็ญภา ศรีเงินดี รองปลดั เทศบาลตาบลหนองแค (๕) นายจักรสาน จงึ รักมีพานิช ผู้อานวยการกองการศกึ ษา เทศบาลตาบลหนองแค (๖) นางสาวบญุ ฑริกา น้อยแก้ว หวั หน้าฝา่ ยแผนงานและงบประมาณ (๗) นางสาวสริ ิลักษณ์ ถาวรจกั ร์ เจ้าหนา้ ท่บี ริหารงานทัว่ ไป (๘) นายมนต์สิทธ์ิ วฒุ ฑยากร พนกั งานประชาสมั พันธ์ ๒.๒๕ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร (๑) ผู้ช่วยศาสตราจารยบ์ ญุ ทรัพย์ พานิชการ รองอธิการบดี (๒) ผู้ช่วยศาสตราจารยภ์ ูพงษ์ พงษเ์ จริญ ผชู้ ว่ ยอธิการบดี ๒.๒๖ มหาวทิ ยาลยั พะเยา ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ประกอบศิริ ภกั ดีพินจิ คณะบดีคณะบริหารธุรกิจ และนิเทศศาสตร์ ๒.๒๗ สมาคมสมาพนั ธ์ธรุ กจิ การท่องเท่ียวส่วนภูมภิ าคแห่งประเทศไทย นางวาสิตา นอ้ ยพรหม รองประธานสมาคมสมาพนั ธธ์ ุรกจิ การท่องเท่ียวส่วนภูมภิ าคแหง่ ประเทศไทย ๒.๒๘ หอการค้าจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา (๑) นายจรญู ศักดิ์ ศรีโภชน์สมบูรณ์ ประธานหอการคา้ ฯ (๒) นางณฐั ณิชา สอนดี เลขาธกิ ารฯ ๒.๒๙ สมาคมธรุ กจิ การท่องเท่ยี วจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา นายธนกฤต กิตตธิ รรมกูล นายกสมาคมธุรกจิ การท่องเทีย่ วฯ ๒.๓๐ สมาคมการท่องเที่ยวจงั หวดั ชยั นาท นางฉลอม สงลา่ นายกสมาคมการท่องเทีย่ ว จังหวดั ชยั นาท ๒.๓๑ หอการค้าจงั หวัดสงิ หบ์ ุรี วา่ ทรี่ ้อยเอก ณฐั พิสิฐ เจริญถริ วสิ ิฐ ประธานหอการคา้ จงั หวัดสงิ ห์บรุ ี

๘ ๒.๓๒ สภาอตุ สาหกรรมทอ่ งเท่ียวจังหวัดสิงหบ์ รุ ี (๑) นายวัชรินทร์ เรืองฤทธ์ิกุล สภาอตุ สาหกรรมท่องเท่ยี วสิงหบ์ รุ ี (๒) นายชัยยะ มหาปราม หัวหนา้ ฝา่ ยสง่ เสริมฯ ๒.๓๓ อุทยานแห่งชาตนิ ้าตกเจด็ สาวน้อย (๑) นายณรงคศ์ ักดิ์ นามตาปี นักวชิ าการป่าไมช้ านาญการพิเศษ (๒) นายสิทธิชัย สาเภาพล คณะกรรมการท่ีปรึกษา อทุ ยานแหง่ ชาตินา้ ตกเจด็ สาวนอ้ ย ๒.๓๔ สภาอตุ สาหกรรมท่องเทีย่ วจงั หวดั สระบุรี (๑) นางรศั นญพร มโนศรบี ญุ รัตธ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเท่ยี ว จงั หวดั สระบุรี (๒) นางสาวฐติ ิมา มีมะโน เลขาธิการสภาอตุ สาหกรรมท่องเท่ียว จังหวดั สระบุรี ๒.๓๕ สมาคมการท่องเทยี่ วจงั หวัดสระบรุ ี (๑) นายปุณวิทย์ พงศกร กรรมการฝา่ ยกิจกรรมและท่องเที่ยว (๒) นางสาวณชิ านนั ท์ วงษธ์ นชยั สิริ เหรัญญกิ ๓. ผเู้ สนอญตั ติ (๑) นางสาวพิมพ์ภทั รา วชิ ัยกุล สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปตั ย์ (๒) นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวตั ร์ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ (๓) นายนริศ ขานุรักษ์ และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปตั ย์ (๔) นายจาตุรงค์ เพง็ นรพัฒน์ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พรรคเพอื่ ไทย ๔. การพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ าร คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมพิจารณาศึกษา เรื่อง ญัตติแนวทางในการส่งเสริม แก้ไขปัญหา และพัฒนาการทอ่ งเที่ยวของประเทศไทย ซึง่ สรุปสาระสาคัญได้ ดังนี้ ๔.๑ คณะกรรมาธิการได้มีการประชุมเพ่ือพิจารณาศึกษาสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ แนวทางในการส่งเสริม แก้ไขปัญหา และพัฒนาการท่องเท่ียวของประเทศไทย และเชิญหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องมาร่วมประชุมเพอื่ ให้ข้อมลู ข้อเท็จจริง ตลอดจนชี้แจงแสดงความเห็นต่าง ๆ รวมจานวน ๑๖ ครั้ง ไดแ้ ก่ - ครง้ั ที่ ๑ วนั พธุ ท่ี ๒๘ ตลุ าคม ๒๕๖๓ - ครง้ั ที่ ๒ วันพธุ ท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓

๙ - ครั้งท่ี ๓ วนั พธุ ที่ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓ - ครั้งท่ี ๔ วนั พธุ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ - ครง้ั ที่ ๕ วันพธุ ที่ ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓ - ครง้ั ที่ ๖ วันพุธท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ - ครั้งที่ ๗ วันพฤหสั บดที ี่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ - ครงั้ ท่ี ๘ วนั พุธที่ ๑๖ ธนั วาคม ๒๕๖๓ - ครงั้ ท่ี ๙ วันพฤหสั บดที ่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ - คร้งั ท่ี ๑๐ วันศกุ รท์ ่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๔ - ครงั้ ท่ี ๑๑ วันพุธที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ - ครง้ั ท่ี ๑๒ วันพธุ ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๔ - ครั้งท่ี ๑๓ วันพธุ ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ - ครง้ั ท่ี ๑๔ วันพุธท่ี ๑๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ - ครั้งที่ ๑๕ วันพุธที่ ๒๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ - ครง้ั ที่ ๑๖ วันพฤหัสบดีที่ ๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๕ ๔.๒ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อมูลจากเอกสาร และคาชี้แจงจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังรายละเอียดจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนามาประกอบ การศกึ ษาของคณะกรรมาธิการ ๔.๓ คณะกรรมาธิการได้มีมติเดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงและประชุม รว่ มกบั ผเู้ ก่ยี วข้องในพื้นท่ี จานวน ๑๑ ครง้ั ไดแ้ ก่ - ครั้งท่ี ๑ การศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเท่ยี วในพ้ืนท่ีกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ณ จังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ และ จังหวัดลาปาง ระหวา่ งวันอาทติ ยท์ ี่ ๒๒ ถงึ วันองั คารที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ - คร้ังท่ี ๒ การศึกษาดูงานเก่ียวกับการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสภาพ ปญั หาการจัดการด้านการท่องเทีย่ วในพ้นื ที่กล่มุ จงั หวดั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบน ณ จงั หวัด หนองคาย และจังหวดั เลย ระหว่างวันอาทติ ย์ท่ี ๑๓ ถงึ วันอังคารท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ - คร้ังที่ ๓ การศึกษาดูงานเกี่ยวกับ “การบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเท่ียวในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน” ระหว่างวันจันทร์ที่ ๑ ถงึ วันพุธท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๖๔ ณ จังหวดั ตรัง จังหวัดกระบี่ จงั หวัดพงั งา และจังหวัดภูเกต็ - ครั้งที่ ๔ การศึกษาดูงานเก่ียวกับ “การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเที่ยวในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝ่ังอ่าวไทย” ระหว่างวันจันทร์ท่ี ๘ ถงึ วนั พุธท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๔ ณ จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี จังหวัดนครศรธี รรมราช และจงั หวดั สงขลา - ครั้งท่ี ๕ การศึกษาดูงานเก่ียวกับ “การบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเท่ียวในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน” ระหว่างวันอาทิตย์ท่ี ๒๑ ถงึ วนั องั คารท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ จังหวดั สงขลา จังหวดั ปัตตานี และจังหวดั ยะลา

๑๐ - ครั้งที่ ๖ การศึกษาดูงานเกี่ยวกับ “การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง” ระหว่างวันเสาร์ท่ี ๒๗ ถงึ วันจนั ทร์ที่ ๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดกาญจนบุรี และจงั หวดั ราชบรุ ี - คร้ังท่ี ๗ การศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลาพูน และจงั หวัดเชยี งราย ระหวา่ งวันอาทิตย์ที่ ๒๘ ถึงวันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ - ครั้งท่ี ๘ การศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเที่ยวในพื้นท่ีกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ณ จังหวัด อุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ ระหว่างวนั เสาร์ที่ ๑๘ ถงึ วันจันทรท์ ่ี ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ - คร้ังที่ ๙ การศึกษาดูงานเกี่ยวกับ “การบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเท่ียวในพ้ืนที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก” ระหว่างวันเสาร์ที่ ๒๕ ถงึ วันจนั ทร์ท่ี ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ จังหวดั ฉะเชิงเทรา จังหวดั ระยอง และจังหวดั จันทบุรี - ครั้งท่ี ๑๐ การศึกษาดูงานเก่ียวกับ “การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเท่ียวในพ้ืนท่ีจังหวัดสมุทรสาคร” ระหว่างวันจันทร์ที่ ๒๑ ถงึ วนั อังคารที่ ๒๒ มนี าคม ๒๕๖๕ ณ จงั หวดั สมทุ รสาคร - ครั้งที่ ๑๑ การศึกษาดูงานเก่ียวกับการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและสภาพ ปัญหาการจัดการด้านการท่องเท่ียวในพ้ืนท่ีกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอนและ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวนั ศุกรท์ ่ี ๒๐ ถงึ วนั จนั ทร์ท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ๕. ผลการพจิ ารณาศกึ ษา คณะกรรมาธิการไดจ้ ัดทารายงานผลการพจิ ารณาศึกษา เรอ่ื ง ญตั ตแิ นวทางในการสง่ เสริม แกไ้ ขปญั หา และพัฒนาการทอ่ งเท่ยี วของประเทศไทย ปรากฏผลการดาเนนิ การ ซึง่ สรุปได้ ดงั นี้ ๕.๑ สถานการณ์และมาตรการทอ่ งเท่ียวของไทย ๕.๑.๑ สถานการณ์ด้านการท่องเท่ียวก่อนเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในช่วงกลางปี ๒๕๖๒ ประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวของการท่องเท่ียว ในระดับดีอยา่ งต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม พบวา่ มีนักท่องเทย่ี วชาวต่างชาตเิ ดินทาง มาท่องเท่ียวในประเทศไทยเป็นจานวนถึง ๓.๓ ล้านคน ซ่ึงเป็นการขยายตัวร้อยละ ๔.๑๘ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากปริมาณการเพ่ิมข้ึนของจานวน นักท่องเท่ียวดังกล่าวส่งผลให้ในช่วงเวลาเดียวกันประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเท่ียว ๐.๑๗๖ ลา้ นลา้ นบาท ซงึ่ ถือวา่ ขยายตวั รอ้ ยละ ๔.๘๐ เม่อื เปรยี บเทยี บกบั ชว่ งเวลาเดยี วกนั ของปีท่ผี า่ นมา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook