๑๑ ภาพที่ ๑ แสดงอัตราการขยายตัวของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติรายภมู ภิ าค ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ (กองเศรษฐกิจการท่องเท่ียวและกฬี า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ๒๕๖๒) จากสถานการณ์ข้างต้นส่งผลให้ตั้งแต่ในช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม ๒๕๖๒ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจานวน ๒๓.๐๗ ล้านคน มีการขยายตัวร้อยละ ๑.๘๕ และภาคการท่องเท่ียวสามารถสร้างรายได้ถึง ๑.๑๙ ล้านล้านบาท ซ่ึงถือว่าเป็นการขยายตัวถึงร้อยละ ๑.๔๙ และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ กล่าวคือ หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมามีนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเท่ียวในประเทศไทยถึง ๓๙.๗๙ ล้านคน มีการขยายตัวร้อยละ ๔.๒๔ และมีรายได้ จากการท่องเท่ียว ๑.๙๓ ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตัวร้อยละ ๓.๐๕ ถึงแม้ว่าในช่วงเดือน ธันวาคม ๒๕๖๒ พบว่าในดา้ นของรายไดภ้ าคการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้เพียง ๐.๑๙ ลา้ นล้านบาท เท่านั้น ซึ่งหดตัวร้อยละ ๒.๒๕ อันมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัวและ เปน็ ผลมาจากคา่ เงนิ บาทท่ียงั คงแข็งคา่ กต็ าม ในขณะที่สัดส่วนของนักท่องเที่ยวชาวไทย พบว่าในช่วงเดือนมกราคม - ธันวาคม ๒๕๖๒ มีจานวนนักท่องเที่ยวท่ีเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจานวนท้ังสิ้น ๑๖๖.๘๔ ล้านคน - ครั้ง หดตัวที่ร้อยละ ๐.๐๖ มีรายได้จากการท่องเที่ยว ๑.๐๘ ล้านล้านบาท และมีการขยายตัว ร้อยละ ๑.๑๘ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยจังหวัดท่ีจานวนนักท่องเท่ียวชาวไทย ขยายตัว ๓ อนั ดับแรก ได้แก่ จงั หวัดสโุ ขทยั จงั หวัดศรสี ะเกษ และจังหวัดตาก ตามลาดับ
๑๒ ๕.๑.๒ สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวหลังเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงเดือน ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งพบคร้ังแรกในนครอู่ฮ่ัน เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และมกี ารแพร่ระบาดอยา่ งรวดเร็วในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยไดพ้ บผปู้ ่วยทตี่ ดิ เช้ือจากการ แพร่เชื้อในประเทศเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องท่ีท่ัวราชอาณาจักร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ถึงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ รวมท้ังกาหนดข้อห้ามหรือมาตรการเพื่อกากับและควบคุมการแพร่ระบาดของ โรคในหลายประการเช่น ข้อห้ามและข้อจากัดเกี่ยวกับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ห้ามม่ัวสมุ ชุมนุม ห้ามเข้าพื้นที่เขตกาหนดตามคาสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น จากสถานการณ์ดังกล่าวทาให้ ในปี ๒๕๖๓ มีนักท่องเท่ียวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพียง ๖.๗๐ ล้านคน ลดลงถึง ๓๓ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๓.๒๑ จากปีที่ผ่านมา และมีรายได้ที่เกิดข้ึนจากการท่องเที่ยวเพียง ๐.๓๓ ล้านล้านบาท ซ่ึงถือว่าหดตัวร้อยละ ๘๒.๖๓ จากปีที่ผ่านมา ในขณะท่ีสัดส่วนของการท่องเท่ียว ภายในประเทศก็มีอัตราส่วนท่ีลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก โดยจากข้อมูลพบว่าในช่วงระหว่างเดือน มกราคม - ธันวาคม ๒๕๖๓ มีนักท่องเท่ียวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจานวนท้ังสิ้น ๙๐.๕๖ ล้านคน - ครั้ง ลดลง ๘๒ ล้านคน - คร้ัง หดตัวร้อยละ ๔๗.๕๘ จากปีที่ผ่านมา และมีรายได้ สะสมจากการท่องเท่ียวเพียง ๐.๔๘ ล้านล้านบาท ซ่ึงถือว่าหดตัวร้อยละ ๕๕.๔๐ จากปีท่ีผ่านมา นอกจากนี้ จากวิกฤตของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังส่งผลกระทบให้การท่องเที่ยวท่ัวโลกหดตัว รุนแรงเช่นเดียวกับประเทศไทย โดยข้อมูลจากองค์การการท่องเท่ียวโลก (World Tourism Organization : UNWTO) ในช่วง ๘ เดือนแรกของปี ๒๕๖๓ พบว่า การเดินทางท่องเท่ียวระหว่าง ประเทศทั่วโลกหดตัวลงร้อยละ ๗๐ โดยประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียต่างก็ได้รับผลกระทบ ในระดับที่ใกล้เคียงกัน เช่น ฮ่องกง (ลดลงร้อยละ ๙๓) ญ่ีปุ่น (ลดลงร้อยละ ๘๒) สิงคโปร์ (ลดลงรอ้ ยละ ๗๙) เวียดนาม (ลดลงรอ้ ยละ ๗๑)
๑๓ ภาพท่ี ๒ อัตราการลดลงของจานวนนักทอ่ งเทีย่ วตา่ งชาติทเ่ี ดนิ ทางเข้าประเทศต่าง ๆ ปี ๒๕๖๓ (กองเศรษฐกจิ การท่องเท่ียวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ๒๕๖๓) ดัชนกี ารพัฒนาการเดนิ ทางและการท่องเท่ียว หรือ Travel & Tourism Development Index ซ่ึงจัดทาโดย World Economic Forum ได้จัดอันดับประเทศต่าง ๆ ว่า มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่อันดับ ๓๖ โดยได้คะแนนเฉลี่ย ท่ี ๔.๓ ซึง่ ค่าเฉลี่ยทวั่ โลกในปี ๒๐๒๑ อยทู่ ่ี ๔ คะแนนจาก ๗ คะแนน สาหรบั ดชั นกี ารพฒั นาการเดินทางและการท่องเท่ียว World Economic Forum ได้พัฒนามาจากดัชนี Travel and Tourism Competitiveness Index โดยดัชนีดังกล่าว แสดงถึงความสามารถในการแขง่ ขันในเรือ่ งการทอ่ งเท่ยี วของแตล่ ะประเทศ อันดับของประเทศไทยในปี ๒๐๒๑ นั้นได้อันดับต่ากว่าปี ๒๐๑๙ ซ่ึงอยู่อันดับท่ี ๓๕ จากประเทศที่ World Economic Forum ทาการจัดอันดับ ๑๑๗ ประเทศท่ัวโลก โดยตวั ชว้ี ัดของไทยทที่ าได้ดีในปี ๒๐๒๑ เม่อื เทยี บเป็นอันดับออกมา ดังน้ี ๑) การเปิดกว้างกับชาวต่างชาติ - อันดบั ที่ ๕๗ ๒) ทรพั ยากรธรรมชาติ - อนั ดับที่ ๑๔ ๓) การแข่งขันดา้ นราคา - อันดบั ที่ ๓๙ ๔) ด้านทรพั ยากรมนุษยแ์ ละตลาดแรงงาน - อันดบั ที่ ๕๓ ๕) โครงสร้างพื้นฐานสาหรับสนามบิน ท่าเรือ ท่ารถ - อันดับที่ ๑๓ และอนั ดับที่ ๔๘
๑๔ ในขณะท่ีตัวชี้วัดของไทยที่ลดลงในปี ๒๐๒๑ เม่ือเทียบเป็นอันดับ คือ สภาพแวดล้อมของธุรกิจ อันดับที่ ๕๘ ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย อันดับที่ ๙๒ การใหค้ วามสาคญั กับนักท่องเท่ียว อันดับที่ ๘๘ และทรัพยากรท่ไี ม่เกย่ี วกบั การท่องเท่ียว อนั ดับท่ี ๑๖ หากดูอันดับของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน อันดับ ๑ นามาด้วย สงิ คโปรอ์ ยอู่ ันดับ ๙ (คงเดมิ ) ขณะทีอ่ นิ โดนเี ซียอยู่อันดบั ท่ี ๓๒ (ขน้ึ มา ๑๒ อนั ดบั ) มาเลเซยี อนั ดับ ที่ ๓๙ (ตกลงมา ๙ อันดับ) เวียดนามอยู่อันดับที่ ๔๒ (ข้ึนมา ๘ อันดับ) ฟิลิปปินส์อันดับ ท่ี ๗๕ กัมพูชา ๗๙ ขณะท่ีลาวได้อันดับท้ายในอาเซียนโดยอยู่อันดับท่ี ๙๓ ส่วนอันดับ ๑ ของโลก ในดัชนีน้ีคือ ญ่ีปุ่น โดยได้คะแนน ๕.๒ คะแนน เอาชนะสหรัฐอเมริกาซึ่งอันดับในดัชนีปี ๒๐๒๑ ได้อันดับ ๒ อยา่ งไรก็ดี World Economic Forum ไดช้ ว้ี า่ การเกบ็ คะแนนและจัดอันดับ ในปี ๒๐๒๑ น้ีมหี ลายประเทศท่ไี ม่อยู่ในดชั นดี ังกลา่ ว เช่น บรไู น จนี รัสเซีย ยเู ครน นอร์เวย์ โอมาน เป็นตน้ และได้เก็บข้อมูลและจดั อนั ดบั ก่อนท่จี ะเกิดสงครามระหว่างรสั เซยี และยูเครน ๕.๑.๓ สถานการณ์ภาพรวมดา้ นการท่องเที่ยวทางทะเลของไทย (ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก และภาคใต้) จากการศึกษาพบว่า ประเทศไทยมีจังหวัดติดชายฝ่ังทะเลท้ังด้าน อันดามันและอ่าวไทย รวม ๒๓ จังหวัด มีความยาวชายฝ่ังทะเล ๓,๑๔๘ กิโลเมตร (อ่าวไทย ๒,๐๕๕ กิโลเมตร ๑๗ จังหวัด จากจังหวัดตราดไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส และชายฝ่ังอันดามัน ๑,๐๙๓ กโิ ลเมตร ๖ จงั หวัด จากจังหวัดระนองถงึ จังหวัดสตูล) โดยข้อมูลจากกรมการท่องเทย่ี ว ประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวประเภทชายหาด ๒๗๘ แห่ง และแหล่งท่องเท่ียวประเภทเกาะ ๑๓๙ แห่ง ดังน้ัน แหล่งท่องเท่ียวทางทะเลจึงเป็นแหล่งท่องเทย่ี วหลักของไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวประมาณร้อยละ ๘๐ - ๙๐ มาท่องเที่ยวเพ่ือการพักผ่อนตามชายทะเล โดยในปี ๒๕๖๒ ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีนักท่องเท่ียวมาเท่ียวใน ๒๓ จังหวัด รวมทั้งสิ้น ๑๗๕ ล้านคน (คนไทย ๑๐๙ ล้านคน ต่างชาติ ๖๕ ล้านคน สร้างรายได้ ๒.๓ ล้านล้านบาท ประมาณร้อยละ ๗๖.๐ ของรายได้ท้ังหมด โดยท่องเท่ียวในจังหวัดชลบุรี (พัทยา) ประมาณ ๑๘.๖ ล้านคน สร้างรายได้ ๒๗๖,๓๒๘ ลา้ นบาท อยใู่ นลาดบั ที่ ๓ รองจากกรงุ เทพฯ และภเู กต็ นอกจากน้ี ผลการสารวจข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติและความพึงพอใจ ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงข้อมูลการสารวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวตลาด กลุ่มเป้าหมายของกระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬาท่ีมีประจาทุกปี ได้ชี้ให้เห็นปัจจัยสาคัญที่ใช้ ประกอบในการตดั สนิ ใจเลือกเดนิ ทางมาเท่ียวไทย คือ ความสวยงามของแหล่งท่องเท่ียวหรือสถานทีท่ ่องเท่ียว (ร้อยละ ๘๗) และวัตถุประสงค์หลักของการเดินทางมาท่องเท่ียวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือ พักผ่อนตามธรรมชาติ ชายหาด ชายทะเลในวันหยุด ร้อยละ ๙๐ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจว่าทาไม
๑๕ แหล่งท่องเทย่ี วของประเทศไทยตดิ อันดับยอดนยิ มของตลาดท่องเที่ยวโลกมาโดยตลอด ทั้งกรงุ เทพฯ ภูเก็ต (ชายหาดท่ีดีที่สุดไข่มุกอันดามัน) กระบี่ เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน หัวหิน - ชะอา และพัทยา เมืองท่ีเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ตราด (เกาะกูด เกาะช้าง เกาะหมาก) หมู่เกาะท่ีนิยม ในวันวาเลนไทน์ และช่วงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ พบว่า พัทยา ชลบุรี เป็นเมืองจุดหมายปลายทาง ท่ีมีการคน้ หามากทีส่ ดุ ของนกั ทอ่ งเท่ยี วไทย รองลงมา คอื กรุงเทพฯ และหวั หนิ อย่างไรก็ตาม แหล่งท่องเที่ยวประเภทชายหาด ทะเล เกาะ มีความเปราะบางต่อกิจกรรมของมนุษย์ (การขยายตัวธุรกิจ ชุมชน พฤติกรรมนักท่องเท่ียวที่ขาด จิตสานึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม) และการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศในแต่ละปี โดยเฉพาะ แหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศ ท้ังภูเก็ต กระบ่ี เกาะสมุย หัวหิน - ชะอา ชลบุรี - พัทยา ตราด - เกาะช้าง จนบางแหง่ อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมเกนิ ขีดความสามารถในการรองรบั บางแหลง่ เกดิ ปญั หา การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นต้น ดังนั้น จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องดูแล รักษา และฟ้ืนฟูชายหาด ทะเล และเกาะเหล่านี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศ เพ่ือให้เป็นแหล่งสร้างรายได้และ กระจายรายได้สู่ชุมชนและท้องถิ่นและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป (การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเท่ียวของโลกโดยสภาเศรษฐกิจโลกหรือ World Economic Forum ในปี ๒๕๖๒ ไทยอยู่ในอันดับ ๓๑ ของโลก จาก ๑๔๐ ประเทศ (ทรพั ยากรธรรมชาติ อันดับ ๑๐ และความยง่ั ยนื ของสิ่งแวดล้อม อนั ดบั ๑๓๐) ๕.๑.๔ การศกึ ษาในเชิงนโยบายและมาตรการของภาครัฐ ๑) มาตรการด้านการท่องเที่ยวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ๑.๑) มาตรการดา้ นการเขา้ เมือง ในชว่ งสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 รัฐบาลกาหนดการเข้า - ออกเมืองเฉพาะช่องทางที่กาหนดเท่านัน้ (เฉพาะช่องทางอากาศ) และวัตถุประสงค์การเข้าเมืองจะต้องเป็นคนต่างด้าวท่ีเข้ามาเพื่อ วัตถุประสงค์ท่ีกาหนดเท่านั้น (จานวน ๙ - ๑๑ วัตถุประสงค์) ซ่ึงจะต้องทาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข ท่ีกาหนด เช่น การลงทะเบียนกับสถานทูต สถานกงสุล (COE) หรือการลงทะเบียนในระบบของ ประเทศไทย การตรวจหาเชื้อไวรัสก่อนเขา้ ประเทศ การตรวจคดั กรองเบ้ืองต้น ณ ท่าอากาศยาน และ การแจ้งสถานที่สาหรบั การกักตัว เปน็ ต้น ๑.๒) มาตรการเปดิ ประเทศเพอื่ กระตุน้ เศรษฐกจิ และฟ้ืนฟูการทอ่ งเทย่ี ว ๑.๒.๑) มาตรการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่นาร่อง ในการเปิดให้นักท่องเท่ียวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยภายใต้หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น เดนิ ทางมาจากประเทศ หรือพ้ืนท่ีซง่ึ ศนู ยบ์ ริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศบค.) หรือศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ
๑๖ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกาหนด โดยการเสนอของกระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา และการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย ปฏิบตั ิตามมาตรการตรวจคัดกรองอาการและการดาเนินพิธีการ ตรวจคนเข้าเมือง ใช้ระบบติดตามหรือติดต้ัง Application ตามท่ีทางราชการกาหนด โดยให้เปิด ระบบติดตามดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เพ่ือเฝ้าระวังหรือติดตามอาการระหว่างท่ีผู้เดินทางพานักอยู่ใน พ้ืนท่ีจังหวัดนาร่องด้านการท่องเที่ยว ให้มีการตรวจหาเชื้อของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย วิธี RT - PCR ณ สถานท่ีที่ทางราชการกาหนด ในกรณีผู้เดินทางออกจากพ้ืนท่ีจังหวัดนาร่องด้าน การท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร ให้ผู้เดินทางแสดงหลักฐานการพานักที่อยู่ใน พ้ืนท่ีจังหวัดนาร่องด้านการท่องเท่ียว พร้อมหลักฐานผลการตรวจหาเช้ือของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยวิธี RT - PCR ต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดต้นทาง และจังหวัดปลายทางตามหลกั เกณฑห์ รือแนวทางท่ีทางราชการกาหนด เปน็ ต้น ๑.๒.๒) โครงการ “สมุย พลัส โมเดล” (Samui Plus Model) เป็นโครงการทีม่ ีลักษณะเช่นเดียวกับโครงการภเู กต็ แซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) โดยเร่มิ ดาเนิน โครงการตั้งแต่วันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ สาหรับผู้เดินทางท้ังคนไทยและต่างชาติจากทุกประเทศ/ พ้นื ท่ี ซึ่งฉีดวคั ซนี ครบโดสไมน่ ้อยกว่า ๑๔ วนั ก่อนเดนิ ทาง โดยไมต่ อ้ งกักตัว แต่ต้องอยูใ่ นพน้ื ท่ีสมุย ก่อนที่จะเดินทางไปจังหวัดอ่ืน ทั้งน้ี โดยมีเง่ือนไขและรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ผู้เดินทางต้องมี เอกสารรบั รองการฉีดวัคซนี กล่าวคอื วคั ซีนท่ีได้รบั น้ันจะต้องเปน็ วัคซนี ทไี่ ด้รับการรบั รองจากองค์การ อนามัยโลก (WHO) หรือกระทรวงสาธารณสุขของไทยแล้วเท่านั้น ต้องมีประกันสุขภาพครอบคลุม การรักษาของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้เดินทางต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยวิธี RT - PCR ผู้เดินทางต้องจองโรงแรมท่ีผ่านมาตรฐาน Samui SHA+ ผู้เดินทางต้องดาวน์โหลดและ ใช้ Application ติดตามการเดินทางท่รี ฐั บาลกาหนด เปน็ ต้น ๑.๒.๓) โครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ๗ + ๗ (Phuket Extension) เปน็ โครงการท่ีอนญุ าตใหน้ ักท่องเที่ยวที่ได้รับวคั ซีนครบโดสแลว้ เดินทางเข้าประเทศไทย ได้โดยไม่ต้องกักตัว รวมถึงเป็นโครงการที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ภูเกต็ กับพ้ืนท่ีนาร่องอืน่ ๆ เพมิ่ เติม และเกาะตา่ ง ๆ ในพื้นท่จี ังหวัดสุราษฎรธ์ านี จงั หวดั กระบ่ี และ จังหวัดพังงา โดยโครงการดังกล่าวเร่ิมดาเนินการตั้งแต่วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ภายใต้เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น ลงทะเบียนสาหรับ Certificate of Entry (COE) ที่ออกโดยสถาน เอกอัครราชทูตฯ /สถานกงสุลใหญ่ฯ ฉีดวัคซีนป้องกันของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครบโดส ก่อนออกเดินทางไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน โดยวัคซีนท่ีผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือ ทางการไทย ผู้เดินทางต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ จองห้องพักของ โรงแรมที่ได้รับการอนุมัติ SHA Plus Hotels และชาระเงินเต็มจานวน แสดงผลการตรวจโควิด - 19 แบบ RT - PCR ท่ีเป็นลบ (COVID - 19 - Free Health Certificate) ซึ่งได้รับการรับรองหรือออกให้ ไม่เกิน ๗๒ ช่วั โมงก่อนออกเดินทาง เข้าพกั ในจงั หวดั กระบ่ี พงั งา หรอื สรุ าษฎร์ธานีไม่น้อยกว่า ๗ วนั ก่อนเดนิ ทางไปจังหวัดอน่ื
๑๗ ทั้งนี้ จากผลของการดาเนินโครงการ ณ วันที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๔ พบวา่ โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) มีจานวนนักท่องเที่ยวสะสมจานวน ๓๙,๔๐๑ คน โดยในจานวนดังกล่าวพบผู้ติดเช้ือจากการคัดกรอง คิดเป็นร้อยละ ๐.๓ ของนักท่องเท่ียวท้ังหมด ในขณะท่จี านวนการจองทีพ่ กั SHA+ Phuket Sandbox สาหรบั การเข้าพกั ระหว่างเดอื นกรกฎาคม ๒๕๖๔ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ อยู่ท่ี ๗๒๓,๙๙๐ คืน ส่วนโครงการสมุยพลัส (Samui Plus) และโครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ๗ + ๗ (Phuket Extension) มีจานวนนักท่องเท่ียว สะสม ทั้งสน้ิ ๙๓๙ คน และ ๓๙๙ คน ตามลาดบั ท้ังนี้ มลู คา่ ทางเศรษฐกิจทเี่ กิดขน้ึ สาหรับโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ณ วันท่ี ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔ อยู่ท่ีประมาณ ๒,๒๕๔ ล้านบาท โครงการสมุยพลัส อยทู่ ี่ ๖๖.๕๘ ลา้ นบาท และสาหรบั โครงการส่วนขยายของภูเกต็ แซนด์บอ็ กซ์อยู่ท่ี ๑๒.๑๖ ลา้ นบาท รวมสรา้ งมลู คา่ ทางเศรษฐกิจกว่า ๒,๓๓๐ ลา้ นบาท ๑.๒.๔) ระบบ Thailand Pass เป็นระบบทช่ี ว่ ยอานวยความสะดวก ในการเดินทางเข้าประเทศไทย ซ่ึงเริ่มใช้ต้ังแต่วันท่ี ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยจะแบ่งผู้เดินทาง เข้าประเทศออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ ๑) Test and Go ๒) Sandbox Programme และ ๓) กักตัว หรือ Alternative Quarantine โดยมรี ายละเอียดและหลักเกณฑ์ ดงั น้ี กลุ่มแรก “Test and Go” คือ ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจาก ๔๕ ประเทศ + ฮ่องกง และต้องพานักอยู่ในประเทศกลุ่มน้ีไม่ต่ากว่า ๒๑ วัน ต้องมีผลการตรวจ RT - PCR ภายใน ๗๒ ช่ัวโมงก่อนออกเดินทาง ต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อนออกเดินทาง ๑๔ วัน และต้องมีประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และไม่ต้องกักตัว เมอื่ มาถึงไทย แตต่ ้องจองโรงแรมกลุ่ม SHA+ หรือ AQ ๑ วัน เพอื่ รอผลตรวจ RT - PCR กลุ่มท่ีสอง คือ ผู้ท่ีเดินทางมาจากประเทศใดก็ได้ ไม่ได้รับ วัคซีนครบโดสก่อนออกเดนิ ทาง ๑๔ วนั มีหลักฐานการจองท่พี กั SHA+ ในพน้ื ท่ี Sandbox จานวน ๗ วัน ต้องมีประกนั วงเงนิ คมุ้ ครองไม่นอ้ ยกวา่ ๕๐,๐๐๐ ดอลลารส์ หรฐั กลุ่มที่สาม คือ ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศใดก็ได้ ไม่ได้รับ วัคซีนหรือได้รับไม่ครบโดส โดยต้องกักตัวอยู่ในสถานกักตัวทางเลือก (Alternative Quarantine หรือ AQ) เป็นเวลา ๑๐ วัน มีหลักฐานการจองที่พัก AQ และต้องมีประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครอง ไมน่ ้อยกวา่ ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๕ มีการยกเลิกการลงทะเบียนขอ COE (Certificate of Entry) เข้าประเทศ ผ่านระบบ Thailand Pass ช่ัวคราว และเปิดใช้ระบบ Test & Go ในวันท่ี ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ กอ่ นท่ีจะมกี ารยกเลิก Test & Go ในวันท่ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ และยกเลกิ ระบบ Thailand Pass สาหรับคนไทย เมื่อวันท่ี ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ และยกเลิกระบบ Thailand Pass สาหรับคนต่างชาติ ในวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ตามลาดับ
๑๘ จากข้อมลู เชงิ สถิติของกระทรวงการท่องเท่ยี วและกฬี าพบว่าในช่วง ปี ๒๕๖๔ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวรวมจานวน ๔๒๗,๘๖๙ คน โดยเฉพาะ ในช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยผ่านโครงการ Test & Go ในรูปแบบไม่ต้องกักตัว รวมถึงโครงการ Sandbox และโครงการ Alternative Quarantine มีจานวนสูงถึง ๒๓๐,๔๙๗ คน ซ่ึงถือว่ามีการขยายตัวร้อยละ ๑๕๒.๕๙ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ทีผ่ ่านมา ภาพที่ ๓ แสดงจานวนนกั ทอ่ งเทีย่ วตา่ งชาติที่เดนิ ทางเขา้ มาท่องเทยี่ วในประเทศไทยปี ๒๕๖๔ ทีม่ า : กองกลยุทธ์การตลาด การท่องเท่ยี วแหง่ ประเทศไทย ๑.๓) มาตรการด้านการท่องเท่ยี วภายในประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นานาประเทศได้จากัดการเข้า - ออกประเทศ ประเทศไทยจึงได้กาหนดโครงการส่งเสริมการ ทอ่ งเทีย่ วในประเทศใหม้ ากย่งิ ข้นึ ดงั น้ี ๑.๓.๑) โครงการเท่ียวปันสุข เป็นการจัดโครงการกระตุ้น การท่องเท่ียวภายในประเทศ เพ่ือการฟ้ืนฟูภาคธุรกิจท่องเท่ียว โดยใช้งบประมาณในการดาเนินการ ประมาณ ๒๒,๔๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย แพ็คเกจเราเที่ยวด้วยกันและแพ็คเกจกาลังใจ โดยแพ็คเกจเราเท่ียวด้วยกัน เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนผ่าน การท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยเพ่ิมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจท่ี เกี่ยวเนื่อง รวมถึงสนับสนุนการสร้างงานและฟืน้ ฟเู ศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม โดยเร่ิมดาเนิน โครงการระยะที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ถึงวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้ โดยให้
๑๙ สิทธิแก่ผู้เข้าร่วมโครงการใน ๓ ประการ ประกอบด้วย (๑) ส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ ไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาทต่อห้องต่อคืน จากัดสิทธิ์คนละไม่เกิน ๑๐ ห้อง หรอื ๑๐ คนื (๒) สว่ นลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานทีท่ ่องเทีย่ ว มลู คา่ ๙๐๐ บาทตอ่ หอ้ งตอ่ คืน โดยประชาชนชาระ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ และรัฐบาลสนับสนุนอีก ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ผ่านการตัดเงินจาก คูปอง และ (๓) สนับสนุนค่าต๋ัวเคร่ืองบิน ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ของราคาค่าต๋ัว ทั้งน้ี ไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท ต่อท่นี ่ัง สว่ นแพค็ เกจกาลงั ใจจะเป็นการจัดโครงการเพอ่ื ตอบแทน บุคลากรแนวหน้าในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเฉพาะกลุ่ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (รพ.สต.) รวมจานวน ๑.๒ ล้านคน ในวงเงิน ๒,๔๐๐ ล้านบาท สาหรับการท่องเท่ียวและศึกษา ดูงานในต่างจังหวัด ซ่ึงบริษัทนาเท่ียวในแต่ละจังหวัดจะออกแบบแพ็คเกจนาเที่ยว ๒ วัน ๑ คืน ไม่เกนิ ๒,๐๐๐ บาท ท้ังน้ี สาหรับโครงการเราเท่ียวด้วยกันในระยะเวลา ต่อมามีการดาเนินโครงการดังกล่าวต่อเนื่องอีก ๓ ระยะ ประกอบด้วย ระยะท่ี ๒ ระหว่างวันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถงึ วันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ระยะท่ี ๓ ระหว่างวันท่ี ๒๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ถึงวนั ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ และระยะท่ี ๔ ระหว่างวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ ถึงวนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๖๕ ๑.๓.๒) โครงการทัวร์เที่ยวไทย เป็นโครงการท่ีรัฐบาลจัดข้ึน เพ่ือช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการนาเท่ียวและธุรกิจที่เกี่ยวเน่ือง เพื่อสนับสนุนการสร้างงาน และฟ้ืนฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าแพ็คเกจท่องเที่ยวให้ ๔๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ หรือสูงสุดไม่เกนิ ๕,๐๐๐ บาท ใหค้ นไทยเดนิ ทางเที่ยวในประเทศผ่านบรษิ ัทนาเที่ยว โดยกาหนด ๑ สิทธิต่อคน จานวน ๑ ล้านสิทธิ โดยเริ่มโครงการต้ังแต่วันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ (มีการขยายระยะเวลาในการใช้สิทธิเพ่ิมเติมถึงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕) อย่างไรก็ดี รัฐบาลมีงบประมาณในการแก้ไขปัญหา เยียวยา ผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างจากัด เน่ืองจากงบประมาณรายจ่ายประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจาเป็นได้ใช้ในการแก้ไขปัญหา โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระยะแรกและโครงการฉุกเฉินอ่ืนไปแล้ว ขณะท่ีการโอน งบประมาณรายจ่ายประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในรายการท่ีไม่มีความจาเป็นมาเป็นงบกลางตาม ร่างพระราชบัญญตั ิโอนงบประมาณรายจา่ ย พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็มีจานวนเงนิ ไม่มากนัก จึงจาเป็นต้องใช้ เงินกู้จากพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟ้ืนฟู เศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ในส่วนของแผนงานหรือโครงการท่ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับ ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรอบวงเงิน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยใชเ้ งินกรู้ วมทั้งส้ิน ๑,๐๐๐ ลา้ นบาท (ปรับตามมตคิ ณะรฐั มนตรี วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๕)
๒๐ ต่อมามีมติคณะรัฐมนตรี ในวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ ให้ขยายระยะเวลาในการเดินทางเพิ่มเติมตามโครงการดังกล่าวอีกครั้งต้ังแต่วันท่ี ๑๘ กรกฎาคม ถงึ วนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๖๕ และขยายระยะเวลาเบิกจา่ ยเงินถงึ วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๖๕ ผลการดาเนินโครงการ ข้อมูล ณ วันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ มีผปู้ ระกอบธุรกิจนาเท่ียวสมัครเข้าร่วมโครงการ ๘๔๕ ราย และมผี ้ปู ระกอบธุรกิจนาเทยี่ วที่เสนอขาย ๔๒๖ ราย โดยมีรายการนาเที่ยวท่ีส่งเข้าระบบ ๓,๘๑๖ รายการ เปิดขาย Online ได้ จานวน ๓,๔๖๘ รายการ ณ ปัจจุบัน มีผลการใช้สิทธิแล้ว ๑๓๑,๙๕๘ สิทธิ มีสิทธิคงเหลือ ๖๘,๐๔๒ สิทธิ มีจานวนนักท่องเที่ยวเดินทางทั้งส้ิน จานวน ๑๒๒,๙๐๔ คน ท้ังนี้ จานวนเงินที่รัฐสนับสนุน (๔๐ เปอร์เซ็นต์) โดยในเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ ได้เบิกจ่ายเงิน ๑๑๘,๒๑๕,๔๙๔ บาท เป็นการเบิก จ่ายเงนิ รวมทัง้ สิ้น ๔๒๔,๖๐๓,๖๒๘.๔๐ บาท อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้รับ ความนิยมจากผู้ประกอบการและนักท่องเท่ียวมากนัก เนื่องจากมีเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการ ปฏิบัตทิ ยี่ งุ่ ยาก ส่งผลให้คนไทยสว่ นใหญไ่ มน่ ิยมการทอ่ งเทีย่ วผ่านบรษิ ัททวั ร์ ๒) มาตรการดา้ นการท่องเท่ยี วภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 นับต้ังแต่วันท่ี ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ รัฐบาลได้ประกาศยกเลิก การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินท่ีมีการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 อันเป็นการ ยกเลกิ มาตรการดา้ นกฎหมายในการควบคมุ ผ่อนคลายและยกเลิกหลักเกณฑ์ เง่อื นไขต่าง ๆ กลับสู่ สภาวะปกติ ประกอบกับได้กาหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพ่ือกระตุ้นและดึงดูดนกั ทอ่ งเท่ียวให้ เขา้ ประเทศไทยอย่างรวดเร็ว โดยมมี าตรการทส่ี าคญั ดงั น้ี ๒.๑) มาตรการด้านการเข้าเมือง รัฐบาลได้มีการเปิดช่องทางการ เข้าเมืองทุกช่องทางท้ังทางอากาศ ทางน้า และทางบก และมาตรการระงับการกรอกแบบรายการ โดยให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร เฉพาะโดยพาหนะทางอากาศ ได้รับยกเว้นการย่ืนรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซ่ึงเดินทางเข้ามาในหรือออกไป นอกราชอาณาจักร (ตม. ๖) ตั้งแต่วันท่ี ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ การขยายระยะเวลาการอยู่ ในราชอาณาจักรของประเทศที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราจากเดิม ๑๕ วัน ขยายระยะเวลา เป็น ๓๐ วันและประเทศที่ได้รับการอยู่ต่อประเภทการท่องเที่ยวจากเดิม ๓๐ วัน ขยายระยะเวลา เปน็ ๔๕ วัน เพือ่ ส่งเสรมิ และกระตนุ้ การท่องเท่ยี ว ๒.๒) มาตรการดา้ นการลงทุน คณะรัฐมนตรีปรับเกณฑว์ ซี ่าระยะยาว (LTR Visa) ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ๔ กลุ่มเป้าหมาย เข้าไทย ๑ ล้านคน โดยมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ได้เห็นชอบปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติท่ีมีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (Long -Term Resident Visa : LTR Visa) ให้มีความครอบคลุมและยืดหยุ่นมากย่ิงข้ึน ตามที่สานักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) เสนอ เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติท่ีมีฐานะทางเศรษฐกิจสูง
๒๑ หรือมีความรู้ ความเช่ียวชาญให้เข้ามาพานักหรือทางานในไทยระยะยาว จานวน ๑ ล้านคน ใน ๔ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ๑) กลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมัง่ คั่งสงู ๒) กลมุ่ ผเู้ กษียณอายุจากตา่ งประเทศ ๓) กล่มุ ทีต่ อ้ งการทางานจากประเทศไทย และ ๔) กลมุ่ ผ้มู ีทกั ษะเช่ยี วชาญ ๒.๓) มาตรการด้านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รัฐบาลส่งเสริมให้มีการ จดั การประชุม หรือการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่เพ่ือให้มกี ารกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ ความพรอ้ มด้านการท่องเท่ียวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 เช่น การจัดการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจพิเศษเอเปค และการประชุมระดับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างที่ประเทศไทยเป็นเจา้ ภาพ พ.ศ.๒๕๖๕ เป็นต้น โดยมอบหมายใหก้ ระทรวงการทอ่ งเท่ยี ว และกีฬาบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเตรียมความพร้อมรองรับนักทอ่ งเทยี่ วต่อเนื่องจากที่ ได้มีการดาเนินการขับเคล่ือนให้ปี ๒๕๖๕ เป็น “ปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย” Visit Thailand Year ๒๐๒๒ โดยพิจารณาปรับเปลี่ยนแผนงานโครงการต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมและมีความสอดคล้องกับ สถานสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน เช่น จัดให้มีแผนการส่งเสริมการตลาดในประเทศกลุ่มเป้าหมาย จัดกิจกรรม Roadshow Thailand ๒๐๒๓ เพ่ือรองรับและกระตุ้นนักท่องเท่ียวที่จะเดินทางเข้ามา ในอนาคต ตลอดจนแผนการปรับปรุงแหล่งท่องเท่ียว โดยพิจารณาความพร้อมและศักยภาพของ ประเทศในทุกด้านควบคู่ด้วย และดาเนินการในเร่ืองการส่งเสริมการลงทุน EEC การส่งเสริม เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ การพัฒนาทรัพยากรในประเทศควบคู่กับการดึงผู้มีความรู้ ความสามารถและศักยภาพสูงเข้ามาช่วยขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมายในอนาคต โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาแบบพ่งุ เป้าในด้านต่าง ๆ ทั้งน้ี กรณีการผ่อนผัน แก้ไขระเบียบ คาสั่ง และ/ หรือข้อบังคับท่ีเก่ียวข้องเป็นการช่ัวคราวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเหมาะสมและ ยืดหยุ่นนั้น นายกรัฐมนตรมี อบหมายให้กระทรวงการคลัง กรมบญั ชีกลาง และหนว่ ยงานที่เกย่ี วขอ้ ง ไปพิจารณาดาเนินการให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ในการน้ีกระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา และ ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเท่ียวได้นาเสนอ ได้แก่ มาตรการ ABC ฟื้นฟูประเทศและพลิกโฉม การท่องเที่ยวไทย เพ่ือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้อย่างทั่วถึงตลอดห่วงโซ่อุปทาน ในอุตสาหกรรมท่องเท่ียว ต้ังแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ก่อให้เกิดการจ้างงาน รวมท้ังเป็นการรักษา ขดี ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๕.๒ ผลการศึกษาแนวทางของหนว่ ยงาน ๕.๒.๑ การทอ่ งเทย่ี วแห่งประเทศไทย การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวตามทิศทาง การพัฒนาในแต่ละภาคตามช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๕) ดงั ตอ่ ไปนี้
๒๒ ๑) ภาคเหนอื วสิ ัยทัศน์ : “เลา่ ขานล้านนา อารยธรรมมีชีวิต ๔.๐ สสู่ ากล” เปา้ หมายการทอ่ งเท่ียว : เพอื่ เพมิ่ มลู ค่าภาคเหนอื ดว้ ยอารยธรรมล้านนา เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อวิถีในการดาเนนิ ชีวิตของชาวเหนือและผลักดันอารยธรรม ลา้ นนาให้เป็นที่รู้จักทั้งในไทยและสากล ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ สร้างความโดดเด่นทางการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ กลยุทธ์ท่ี ๑ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานระดับสากล กลยุทธ์ที่ ๒ พัฒนาและส่งเสริม การท่องเที่ยวอย่างมีอัตลักษณ์ กลยุทธ์ที่ ๓ ส่งเสริมและอนุรักษ์การท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ และ กลยทุ ธท์ ่ี ๔ เชื่อมโยงการท่องเทีย่ วจากเมืองหลกั สเู่ มืองรอง ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ พัฒนาธุรกิจท่องเท่ียวอย่างสร้างสรรค์ กลยุทธ์ที่ ๑ สง่ เสรมิ และพัฒนาธุรกิจและผู้ประกอบการทางการท่องเท่ียว กลยทุ ธ์ท่ี ๒ ยกระดบั บุคลากรทางการ ทอ่ งเท่ียวอยา่ งมีศักยภาพ และกลยทุ ธ์ที่ ๓ ยกระดับธรุ กิจชมุ ชนเพ่อื รองรบั การท่องเทยี่ ว ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ บริหารจัดการและขับเคล่ือนการท่องเท่ียวด้วยระบบ ดิจิทัล กลยุทธ์ที่ ๑ ส่งเสริมการบริหารจัดการ และจากัดจานวนนักท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีท่องเท่ียวท่ีมี ความออ่ นไหว และกลยทุ ธ์ที่ ๒ พฒั นาฐานข้อมลู ดิจทิ ลั เพอ่ื การทอ่ งเทย่ี ว ๒) ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื วิสัยทัศน์ : “ประตูมิติด่านแรกสู่อนุภมู ภิ าค ลมุ่ แมน่ า้ โขง (One Single Gateway)” เป้าหมายการท่องเท่ียว : พัฒนาและสนับสนุนการท่องเท่ียวเชื่อมโยง ผ่านการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศเพ่ือนบ้าน ให้จังหวัดในประเทศไทยเป็นด่านแรกท่ีนักท่องเที่ยว เลือกท่ีจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทาง เพ่ือเพิ่มฐานเศรษฐกิจการท่องเท่ียวในระดับภูมิภาคและ เพื่อผลักดันแหล่งทอ่ งเทยี่ วเชิงอารยธรรมไทยให้เป็นท่รี จู้ ัก ท้งั ในไทยและสากล ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวให้มีศักยภาพและได้มาตรฐาน ระดับสากล กลยุทธ์ที่ ๑ ปรับปรุงและพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวกของแหล่งท่องเท่ียว และกลยุทธ์ ท่ี ๒ ส่งเสรมิ และพัฒนาแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วท่ีมีศักยภาพใหเ้ ป็นแม่เหล็กทางการทอ่ งเที่ยวของภูมิภาค ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสู่สากล กลยุทธ์ ท่ี ๑ ยกระดบั เทศกาลเชงิ วัฒนธรรมอีสานสู่ระดับสากล และกลยทุ ธท์ ี่ ๒ สง่ เสรมิ การท่องเที่ยวเช่ือมโยง ทางวัฒนธรรมในกลุ่มอนุภูมิภาคลมุ่ น้าโขง ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ พัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจด้านการท่องเที่ยว กลยุทธ์ท่ี ๑ สง่ เสริมการบริหารจดั การ และจากัดจานวนนกั ท่องเทยี่ วในพืน้ ทท่ี อ่ งเท่ียวท่ีมคี วามอ่อนไหว กลยุทธ์ที่ ๒ ยกระดับธุรกิจขนส่งให้มีเพียงพอและได้มาตรฐาน กลยุทธ์ที่ ๓ ปลูกจิตสานึกทางการ ทอ่ งเทย่ี วอยา่ งยั่งยืน และกลยทุ ธท์ ่ี ๔ เสริมสร้างทกั ษะผู้ประกอบการและบุคลากรทางการท่องเท่ียว
๒๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ขับเคลื่อนการท่องเท่ียวด้วยระบบดิจิทัล กลยุทธ์ท่ี ๑ พัฒนาฐานขอ้ มลู ดิจทิ ัลเพ่ือการท่องเทย่ี ว ๓) ภาคกลาง วิสัยทัศน์ : “เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก (World - Class Tourism Hub) ทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตท้องถิ่น การแพทย์แผนไทย และอาหาร” เป้าหมายการท่องเที่ยว : ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเท่ียว ระดับนานาชาติ อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ชะอา - หัวหิน สนามกอล์ฟระดับโลกในเพชรบุรี กาญจนบุรี และพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นฐานการกระจายรายได้และการสร้างงาน โดยยกระดับ คุณภาพของธุรกิจบริการด้านการท่องเท่ียวใหไ้ ด้มาตรฐานระดับนานาชาติและเปน็ ที่ประทับใจของ นักท่องเท่ียว พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาอย่างยั่งยืน โดยฟ้ืนฟูบูรณะ โบราณสถานและสามารถรองรับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ิมมาตรฐานแหล่งท่องเท่ียว ท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน เช่น ตลาดเก่า ตลาดน้า อุทยานแห่งชาติ ฯลฯ โดยปรับปรุง ส่งิ อานวยความสะดวก กิจกรรมการท่องเที่ยว สินคา้ และบริการดา้ นการท่องเท่ียวให้ได้มาตรฐานสากล พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวท่ีมีศักยภาพกลุ่มต่าง ๆ ให้มีคุณค่าและมูลค่าเพ่ิม มีความหลากหลาย และเช่ือมโยงการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดอย่างย่ังยืน และพัฒนาการเข้าถึงแหล่งท่องเท่ียวชุมชน แหล่งผลติ สนิ คา้ OTOP และแหลง่ ท่องเที่ยวเชงิ เกษตร เพอ่ื ให้มีเสน้ ทางหรือเครือข่ายการคมนาคม ที่สามารถเดินทางเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัยเป็นการขยายเส้นทาง การท่องเท่ียวและกระจายรายได้สู่ชุมชน ตลอดจนใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ สนบั สนุนการท่องเทย่ี วให้งา่ ยต่อการเขา้ ถึงข้อมลู และสามารถแขง่ ขันไดอ้ ยา่ งย่ังยืน ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวสู่ระดับนานาชาติ กลยุทธ์ที่ ๑ การปรับปรุงและพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวกของแหล่งท่องเท่ียวทม่ี ีช่ือเสียง กลยทุ ธ์ที่ ๒ การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวท่ีดี กลยุทธ์ที่ ๓ การพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และกลยุทธ์ท่ี ๔ การกระจายการทอ่ งเทยี่ วจากแหลง่ ท่องเท่ียวหลกั ส่แู หลง่ ทอ่ งเทยี่ วรอง ยุทธศาสตรท์ ่ี ๒ สง่ เสรมิ คุณภาพบคุ ลากรทางการท่องเท่ยี วในภาพรวม ของภาค กลยุทธ์ท่ี ๑ ส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในภาคกลาง และกลยุทธ์ ท่ี ๒ ส่งเสรมิ คุณภาพบุคลากรทางการท่องเที่ยวในภาคกลาง ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ ส่งเสริมนวัตกรรมทางการท่องเท่ียว กลยุทธ์ท่ี ๑ พัฒนา และส่งเสรมิ สนิ คา้ และบรกิ ารของชุมชนอยา่ งมีนวัตกรรม และกลยทุ ธ์ท่ี ๒ ผลักดนั เทคโนโลยที างการ ท่องเท่ยี วสู่การทอ่ งเที่ยวทท่ี ันสมยั ๔) ภาคตะวันออก วิสัยทัศน์ : “เป็นแหล่งท่องเท่ียวเพ่ือพักผ่อนและเป็น ศนู ย์กลางการจัดประชมุ ชนั้ นาของอาเซียน”
๒๔ เป้าหมายการท่องเที่ยว : ส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองสู่การท่องเท่ียวระดับโลกอย่างยั่งยนื เพื่อรองรับนกั ท่องเท่ียวทมี่ ีรายไดด้ ี นกั ท่องเท่ียว ทมี่ ารว่ มประชุมและนักท่องเท่ียวเชงิ สุขภาพ มพี ทั ยา สตั หบี และระยองเป็นวงแหวนการท่องเที่ยวหลัก ก่อนกระจายสู่แหล่งท่องเท่ียวรอง เช่น ฉะเชิงเทราที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ จนั ทบรุ ี ปราจีนบุรี และตราดทีเ่ ปน็ แหล่งท่องเทีย่ วเชิงสขุ ภาพ ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ สง่ เสรมิ และพัฒนาคุณภาพแหลง่ ท่องเทีย่ วอยา่ งยงั่ ยืน กลยุทธ์ที่ ๑ พัฒนาสิ่งอานวยความสะดวกเพ่ือสนับสนุนการท่องเท่ียว กลยุทธ์ที่ ๒ พัฒนา ฟื้นฟู และอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวอย่างสมดุลและย่ังยืน กลยุทธ์ท่ี ๓ พัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวรอง สู่การเป็นจุดหมายใหม่ทางการท่องเที่ยว และ กลยุทธ์ท่ี ๔ ส่งเสริมและพัฒนาภาคตะวันออกสู่การ เป็นเมอื งจดั ประชมุ ช้นั นา ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ พัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจด้านการท่องเที่ยว กลยทุ ธ์ท่ี ๑ สง่ เสริมทกั ษะผปู้ ระกอบการ และบุคลากรทางการท่องเท่ยี ว และกลยุทธ์ที่ ๒ ยกระดับ สนิ ค้าและบริการทางการทอ่ งเที่ยวเชิงเกษตร ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ขับเคล่ือนการท่องเที่ยวด้วยระบบดจิ ทิ ัล กลยทุ ธ์ที่ ๑ พัฒนาฐานขอ้ มูลดิจิทัลเพอ่ื การท่องเทยี่ ว ๕) ภาคใต้ วสิ ยั ทศั น์ : “ปลายทางการพกั ผ่อนตากอากาศระดับโลก” เป้าหมายการท่องเที่ยว : ภาคใต้มีแหลง่ ท่องเท่ียวทางทะเลที่มีชื่อเสียง ระดับโลกและแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสามารถสร้างรายได้ให้กับภาคใต้ได้ท้ังพ้ืนท่ีตอนในและ ชายฝงั่ ทะเลทัง้ สองด้าน ดงั นนั้ การพฒั นาภาคใตค้ วรพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วใหเ้ ป็นมาตรฐานสากลเพ่ือ รักษาความมีชื่อเสียงของแหล่งท่องเท่ียวระดับโลก พร้อมกับพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวท่ีมีศักยภาพให้ เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการยกระดับมาตรฐานการ บริการให้ไปสู่ระดับสากล ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเท่ียวสู่การเป็น ปลายทางตากอากาศระดับโลก กลยุทธ์ที่ ๑ พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวหลักสู่การเป็นท่ีพักตากอากาศ ระดับสากล และกลยทุ ธท์ ่ี ๒ ยกระดบั แหล่งทอ่ งเทยี่ วรองอย่างสรา้ งสรรค์ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันบุคลากร ทางการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน กลยุทธ์ท่ี ๑ ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว อย่างสร้างสรรค์ กลยุทธ์ท่ี ๒ ยกระดับศักยภาพบุคลากรทางการท่องเท่ียว และกลยุทธ์ท่ี ๓ ปลกู จิตสานกึ ทางการท่องเที่ยวอยา่ งยั่งยืน
๒๕ ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ การบริหารจัดการการท่องเท่ียวและส่งเสริมการตลาด กลยุทธ์ท่ี ๑ สง่ เสรมิ และพัฒนาความปลอดภัยในการท่องเท่ียว กลยทุ ธท์ ี่ ๒ สง่ เสริมการบริหารจัดการ และจากัดจานวนนักท่องเที่ยวในพื้นท่ีท่องเท่ียวท่ีมีความอ่อนไหว กลยุทธ์ที่ ๓ สร้างและพัฒนา เครือข่ายทางการท่องเที่ยวอย่างเข้มแข็ง กลยุทธ์ท่ี ๔ พัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อการท่องเท่ียว และ กลยุทธ์ท่ี ๕ ส่งเสรมิ การตลาดด้านการท่องเท่ียวอย่างมีเอกลกั ษณ์ ๕.๒.๒ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะในการ ส่งเสริม และแก้ไขปัญหาในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเบื้องต้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเท่ียวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ว่าควรมีการแก้ไขระเบียบการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินให้สามารถ นาไปใช้ในการส่งเสริมหรือสนับสนุนเพ่ือให้เกิดการเดินทางท่องเท่ียวภายในประเทศได้ โดยมี ขอ้ เสนอมอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน กระทรวงมหาดไทย รับไปดาเนนิ งาน ๕.๓ ผลการพจิ ารณาศึกษาเชงิ พ้นื ที่แยกตามกล่มุ จังหวัด เพอ่ื ให้การพจิ ารณาศึกษาข้อมลู ต่าง ๆ เปน็ ไปอย่างครอบคลมุ และครบถ้วน รวมถึง เพื่อให้เห็นถึงสภาพปัญหา และแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียวของประเทศไทย ให้ชัดเจนและละเอียดยิ่งข้ึน คณะกรรมาธิการจึงขอนาเสนอถึงสภาพปัญหา และแนวทางในการ พฒั นาและส่งเสริมการทอ่ งเที่ยวแยกตามกลุ่มจงั หวัด ดังน้ี ภาคเหนือ ประกอบด้วย ๑๗ จังหวัด ได้แก่ ๑) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลาปาง และจังหวัดลาพูน ๒) กลุ่มจังหวัด ภาคเหนือตอนบน ๒ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ ๓) กลุ่มจังหวัดภาคเหนอื ตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวัดตาก จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จงั หวดั สโุ ขทยั และจงั หวัดอุตรดติ ถ์ และ ๔) กลมุ่ จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนล่าง ๒ ประกอบด้วย จงั หวดั กาแพงเพชร จงั หวัดนครสวรรค์ จงั หวัดพจิ ิตร และจังหวัดอทุ ยั ธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย ๒๐ จังหวัด ได้แก่ ๑) กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ ประกอบด้วย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลาภู และจังหวัดอุดรธานี ๒) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ ประกอบดว้ ย จังหวัดนครพนม จังหวดั มุกดาหาร และจงั หวดั สกลนคร ๓) กลุ่มจังหวดั ภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และ จังหวัดร้อยเอ็ด ๔) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ และ ๕) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง ๒ ประกอบด้วย จังหวดั ยโสธร จังหวดั ศรสี ะเกษ จงั หวดั อานาจเจริญ และจังหวดั อบุ ลราชธานี
๒๖ ภาคกลาง ประกอบด้วย ๑๘ จังหวัด ได้แก่ ๑) กรุงเทพมหานคร ๒) กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัด สระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดนนทบุรี ๓) กลุ่มจงั หวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวดั กาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวดั สุพรรณบุรี และ ๔) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวดั สมุทรสงคราม จังหวดั สมุทรสาคร และจงั หวัดสมุทรปราการ ภาคตะวันออก ประกอบด้วย ๘ จังหวัด ได้แก่ ๑) กลุ่มภาคตะวันออก ๑ ประกอบด้วย จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และ ๒) กลุ่มภาคตะวันออก ๒ ประกอบด้วย จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา จงั หวดั นครนายก จังหวดั ปราจีนบุรี และจงั หวัดสระแก้ว ภาคใต้ ประกอบด้วย ๑๔ จังหวัด ได้แก่ ๑) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝ่ังอ่าวไทย ประกอบด้วย จงั หวัดชุมพร จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี จงั หวดั นครศรีธรรมราช จงั หวดั พทั ลงุ จงั หวัดสงขลา ๒) กลุ่มจังหวัดภาคใตฝ้ ่ังอนั ดามัน ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวดั พังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดสตูล ๓) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัด ปตั ตานี และจงั หวัดยะลา โดยมผี ลการศกึ ษาเชงิ พ้นื ท่ีจาแนกตามรายกลุม่ จงั หวดั ดังน้ี ๕.๓.๑ ภาคเหนอื ๑) กลมุ่ จังหวดั ภาคเหนอื ตอนบน ๑ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จงั หวัด แม่ฮอ่ งสอน จังหวดั ลาปาง และจังหวดั ลาพูน สภาพปญั หา o ปัญหาการปลอ่ ยโคมลอยในเขตอากาศยานปลอดภยั ตามพระราชบัญญัติ การเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงคาสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เช่น ปัญหาการขออนุญาต ปัญหาการตีความกฎหมายของ หน่วยงานท่ีเก่ยี วขอ้ ง เปน็ ตน้ o ในภาวะวิกฤตหน่วยงานภาครัฐไม่สามารถเข้าไปช่วยแกไ้ ขปัญหาไดท้ ัน สถานการณ์ เนื่องจากติดขัดกฎระเบียบของทางราชการ เช่น คาส่ังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศ และคาสั่งของจังหวัด เปน็ ตน้ o ผู้ประกอบการร้านอาหารท่ีได้รบั ความเดือดร้อนจานวนมากเขา้ ไม่ถงึ สนิ เช่ือ เนือ่ งจากตดิ เครคิตบูโรและขาดรายไดใ้ นชว่ งการแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 o ผู้ประกอบการทั้งในส่วนของท่ีพักและแหล่งท่องเที่ยวทุกประเภทไม่ได้ รบั การช่วยเหลือเยียวยาทตี่ รงกับความตอ้ งการ เช่น การพักชาระหน้ีและดอกเบย้ี เปน็ ตน้ o ผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยว เช่น ปางช้างในจังหวัดเชียงใหม่เกือบ หนึ่งร้อยปาง มีช้างในการดแู ลกวา่ พันเชอื ก ซ่ึงมากที่สุดในประเทศไทย มีค่าใช้จ่าย (ค่าอาหาร) วันละ
๒๗ ประมาณ 300 กิโลกรัมต่อเชือก ดังนั้น จึงขอให้ภาครัฐช่วยเหลือโดยให้ใช้ต๋ัวรูปพรรณในการ ขอสินเชื่อ ท้ังนี้ เพื่อให้มีเงนิ หมนุ เวียนในการซื้ออาหารให้กับชา้ งและเป็นคา่ ตอบแทนให้กบั ควาญช้าง และผูด้ ูแลช้าง รวมทั้งเพอื่ ให้ปางช้างอยู่รอดตอ่ ไปได้ o ปัญหาการขาดแคลนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเท่ียวชาวจีน ซ่ึงเคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่จานวนมาก แต่ปัจจุบันรัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้ คนจีนเดินทางออกนอกประเทศ o ปัญหาความเดือดร้อนของมัคคุเทศก์ เช่น ปัญหาการต่ออายุบัตร มัคคุเทศก์ ซ่ึงมีการกาหนดไว้วา่ ต้องหมดอายุไม่เกนิ 120 วัน ถ้าเกินจากนนั้ ต้องเขา้ รับใหม่ ทาให้ ต้องกลับไปเข้ารับการอบรมและเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งปัญหาการอัพเกรดบัตรมัคคุเทศก์ เฉพาะพ้ืนที่ เป็นบัตรมัคคุเทศก์ภูมิภาค ซ่ึงมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาท ขณะที่กรมการท่องเที่ยว ยังไม่มีแนวทางอานวยความสะดวกในการออกบัตรมัคคุเทศก์ท่ีบัตรหมดอายุ เช่น การต่ออายุ ออนไลน์ ทาให้มีมัคคุเทศกจ์ านวนมากได้รบั ความเดอื ดรอ้ น เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จา่ ยจานวนมาก ทง้ั ๆ ที่ช่วงเวลาท่ผี า่ นมาขาดรายได้เนอ่ื งจากการแพร่ระบาดของโรคตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 o ท้องถิน่ ไมส่ ามารถพัฒนาพน้ื ทใ่ี นความรบั ผิดชอบเพอื่ การท่องเที่ยวได้ เนื่องจากบางแห่งอยู่ในเขตพื้นท่ีป่าไม้ หรือเป็นเขตติดต่อ ส่งผลให้การพัฒนาด้านการท่องเท่ียว ไมส่ ามารถทาได้อย่างเตม็ ท่ี o จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนแม่สามแลบชายแดนไทย - พม่า บริเวณ ตาบลแม่สามแลบ อาเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่อนสอน ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 สามารถสร้างมูลค่าทางการค้าได้ปีละกว่า ๙๐๐ ล้านบาท แต่ไม่ สามารถนางบประมาณดังกลา่ วมาใช้สาหรบั การพัฒนาพ้ืนท่ีได้ เช่น ถนน ระบบสาธารณปู โภค การพฒั นา หน้าด่าน เพ่ือยกระดับการนาเข้าและส่งออกสินค้า เป็นต้น เน่ืองจากเป็นพ้ืนท่ีท่ีอยู่ในความ รบั ผดิ ชอบของหลายหนว่ ยงาน ส่งผลให้ขาดการพฒั นาและกลายเปน็ พื้นที่เสื่อมโทรม o กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยมีโครงการจะร้ือถอนอาคารเกา่ สมยั สงครามโลกครั้งท่ี 2 บนพ้ืนที่การรถไฟฯ สร้างอาคารพาณิชย์ทดแทน ทาให้กลุ่มชาวบ้านชุมชน รถไฟลาปางรวมตวั คัดค้าน เนอื่ งจากเป็นอาคารประวตั ศิ าสตรค์ วรค่าแก่การอนุรกั ษ์ o กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของจังหวัดลาปางส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ชาวไทย จึงควรผลักดันให้มีการเปดิ ตลาดท่องเท่ยี วใหม่ ๆ เช่น นักท่องเท่ียวเมียนมา ซึ่งมีความสนใจ ผา้ ทอของไทย o ชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดลาปางหลายพ้ืนท่มี ีความโดดเด่น แต่ยังขาด การส่งเสริมและพัฒนาอย่างเปน็ รปู ธรรม แม้ว่าจะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ท่ีเห็นคณุ ค่าอตั ลักษณท์ างวัฒนธรรม ของท้องถิ่นบ้านเกิด เช่น กลุ่มกิ่วลมชมละคร ซึ่งพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวของชุมชนของตน นาเสนอผ่าน New Media ต่าง ๆ แตย่ ังขาดการสนบั สนนุ อย่างจริงจังจากภาครัฐ
๒๘ o ขาดการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานและสิ่งอานวยความสะดวกในแหล่ง ท่องเที่ยว รวมถึงขาดแคลนแหล่งเงินทุนสาหรับการพัฒนาพื้นท่ีทั้งในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวและ การพัฒนาเส้นทางการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในการ ร่วมพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียวในพ้ืนที่ที่มากพอเหมือนดังเช่นจังหวัดเชียงใหม่ซ่ึงเป็นจังหวัด ขนาดใหญ่ o ผ้าไหมลาพูนเปน็ เอกลักษณท์ โี่ ดดเดน่ ของจังหวัดลาพนู แต่ในปัจจุบัน การสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้ามักไม่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ ดังน้ัน จะต้องมีการกาหนด แนวทางเพอ่ื สานต่อและสืบทอดวัฒนธรรมดังกล่าวใหก้ บั คนรุ่นใหม่ เพ่อื มิให้วฒั นธรรมและเอกลักษณ์ อนั ทรงคุณค่าของจังหวดั ลาพูนสญู หายไป o เน่ืองจากจังหวัดลาพูนเป็นพื้นท่ีซ่ึงอยู่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้น จงึ เสียเปรียบเกี่ยวกบั ความพร้อมในด้านของโครงสรา้ งพนื้ ฐานและส่ิงอานวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น สนามบิน ที่พัก ร้านอาหาร เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่สามารถดึงดูดหรือสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเท่ียว พานกั หรอื ท่องเทีย่ วในพนื้ ทจี่ ังหวัดลาพูนได้มากนัก ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ทีเ่ ก่ยี วข้อง o ขอให้ผ่อนคลายมาตรการห้ามปล่อยโคมลอย เนื่องจากเป็นกิจกรรม ไฮไลท์อย่างหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ หรือการจากัดเวลาการจุดโคมท่ีแน่นอน เช่น พิจารณาจาก ระยะเวลาเที่ยวบินสดุ ท้ายท่ีลงจอดทีท่ ่าอากาศยานเชียงใหม่ ฯลฯ o ขอใหส้ ง่ เสริมและสนับสนุนการท่องเทย่ี วภายในประเทศ โดยเฉพาะ การสัมมนาของหน่วยงานภาครัฐในส่วนภูมิภาคให้ชัดเจน นอกเหนือจากโครงการทัวร์เท่ียวไทย เราเท่ียวด้วยกัน o ขอให้ออกมาตรการที่ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือ ด้านการเงินได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยยกเว้นข้อกาหนดบางอย่างเพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความชว่ ยเหลือ o ขอให้รัฐบาลออกมาตรการเพ่ือบรรเทาความเดือดร้อนเช่นเดียวกับการ พักชาระหนใ้ี หก้ ับเกษตรกรในปี 2543 ในเขตพืน้ ทีก่ รงุ เทพฯ พทั ยา เชยี งใหม่ กระบ่ี สุราษฎรธ์ านี โดยใช้งบประมาณซ้ือหนี้ไปพักไว้กับธนาคารของรัฐ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เอสเอ็มอี เอ็กซิมแบงค์ ธนาคารอิสลาม ฯลฯ ประมาณ 3 ปี เพ่ือรอการท่องเท่ียวฟ้ืนตัวเพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการต้อง รับภาระในการผ่อนชาระทั้งเงินต้นและดอกเบ้ียกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ท้ังท่ีอยู่ในสภาวะ ที่ขาดแคลนเงนิ ทนุ และรายไดใ้ นชว่ งการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019
๒๙ o ขอให้ภาครัฐหาแนวทางหรือมาตรการแก้ไขปัญหาในระดับรัฐบาล เพ่ือใหน้ ักทอ่ งเที่ยวชาวจนี เดนิ ทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย o ขอให้กรมการท่องเที่ยวพิจารณาทบทวนแนวทางการต่ออายุและ การอัพเกรดบัตรมัคคุเทศก์ โดยควรคานึงถึงความสะดวกและต้องไม่เป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายของ มคั คุเทศก์มากจนเกินไป o เสนอแนะใหภ้ าคส่วนทเี่ ก่ียวข้องกบั แหลง่ ท่องเท่ียวปางชา้ ง นาเสนอ ข้อมูลขอ้ เท็จจริงตามหลกั วิชาการ เพ่อื โตแ้ ย้งข้อมลู จากตา่ งประเทศท่มี ีการนาเสนอประเด็นเก่ียวกับ ปางช้างในประเทศไทยในแง่ลบ โดยขอให้ระมัดระวังไม่ใช้ความรู้สึกในการโต้แย้ง เพ่ือให้ข้อมูล มีน้าหนักมากพอ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางแก้ไขปัญหา รวมทั้งเป็นผลดีต่อการหา มาตรการชว่ ยเหลอื และเกิดผลดีตอ่ ภาพลักษณ์ของประเทศ o การพัฒนาและการอนุรักษ์จะต้องกระทาควบคู่กันไป โดยเฉพาะ หากเป็นกรณีท่ีเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวมในพื้นท่ี ดังนั้น หน่วยงานซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแล พื้นท่ีป่าไม้และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะต้องประสานความเข้าใจและร่วมมือกันในการพัฒนา พ้ืนท่ี เช่น กาหนดเขตพืน้ ทีส่ าหรับการพัฒนา และระบุถึงวัตถุประสงคก์ ารใชป้ ระโยชน์ทีช่ ดั เจน เปน็ ต้น o หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องทั้งในส่วนของกรมทางหลวงชนบท กรมป่าไม้ กรมศุลกากร และหน่วยงานในระดับท้องถน่ิ จะต้องบูรณาการร่วมกันในการพัฒนาพน้ื ทีจ่ ุดผ่อนปรน การค้าชายแดนแม่สามแลบ อาเภอสบเมย ท้ังนี้ เพ่ือพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของด่านชายแดน ให้มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน รวมถึงสามารถนางบประมาณมาใช้สาหรับการพัฒนาเชิงพ้ืนท่ีและ ประชาชนได้รับประโยชน์ o เนื่องจากจังหวัดลาปาง มีอาคารโบราณท่ีควรค่าแก่การอนุรักษ์ หลายแห่ง จึงขอให้ภาคส่วนท่ีเก่ียวข้องพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการและอนุรักษ์ โดยทาความเขา้ ใจและรบั ฟงั ความคิดเห็นจากชมุ ชนและภาคสว่ นที่เกย่ี วขอ้ ง o ควรผลักดันให้มีการจัด Events ต่าง ๆ เพ่ือกระตุ้นการท่องเท่ียว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวซงึ่ เปน็ ชว่ งทส่ี ภาพภูมิอากาศในพน้ื ทีภ่ าคเหนือเหมาะกบั การท่องเที่ยว o ขอให้ช่วยผลักดันกลยุทธ์การส่งเสริมและพัฒนาอัตลักษณ์ชุมชน ทอ้ งถนิ่ ของจังหวดั ลาปาง โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนาเสนอรูปแบบใหม่ ๆ o นกั ทอ่ งเทย่ี วรุ่นใหม่มคี วามนยิ ม (Trend) การท่องเทีย่ วในรูปแบบใหม่ ๆ ดังนั้น จังหวัดลาพูนจะต้องมีการนาเสนอแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบท่ีคนรุ่นใหม่ต้องการและสนใจ เช่น แหล่งท่องเที่ยว Unseen เป็นต้น ท้ังนี้ เพื่ออาศัยกลุ่มนักท่องเท่ียวดังกล่าวหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพล บนส่อื โซเชียล (Influencer) เป็นตวั ชว่ ยในการเผยแพรแ่ ละประชาสัมพันธ์แหลง่ ท่องเที่ยวผา่ นทางสื่อ สังคมออนไลน์ซึง่ จะช่วยให้ข้อมลู ขา่ วสารแพร่กระจายไปสูน่ ักท่องเท่ียวกลมุ่ ตา่ ง ๆ ไดร้ วดเร็วยง่ิ ข้ึน o การท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติเป็นการท่องเท่ียวท่ีกลุ่มจังหวัดภาคเหนอื มคี วามได้เปรยี บจังหวดั อน่ื ๆ เนอื่ งจากสภาพทางภมู ศิ าสตร์ ซึ่งถอื เปน็ โอกาสอันดใี นการนามาพัฒนา
๓๐ เป็นจุดเด่น โดยเฉพาะในปัจจุบันการท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติกาลังได้รับความสนใจมากข้ึนท้ังในส่วน ของนกั ท่องเทีย่ วชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ o การเพ่ิมมูลค่าทางการท่องเท่ียว โดยการนาประวัติศาสตร์ในอดีตมา ร้อยเรียงเรื่องราว เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลาพูน เส้นทางล่องชลธี ของพระนางจามเทวี วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ ๗ กลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดลาพูน เส้นทางผ้า เป็นต้น ท้ังน้ี เพื่อสร้างความน่าสนใจและทาให้นักท่องเท่ียวมีความรู้ความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ ความเปน็ มาของจังหวัดลาพูนและพ้ืนที่เช่อื มโยงได้ดยี งิ่ ขึน้ o จังหวัดลาพูนแม้เป็นจังหวัดขนาดเล็ก แต่พบว่ามีทรัพยากรด้านการ ท่องเที่ยวท่ีหลากหลาย อาทิ แหล่งท่องเท่ียวทางประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ท่ีสวยงาม วัฒนธรรม ประเพณี สถาปัตยกรรมโบราณ และสินค้าหัตถกรรม ดังน้ัน จึงต้องพยายาม สร้างความโดดเด่นของสินค้าและบริการท่ีมีอยู่ให้นักท่องเท่ียวได้รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงอาศัย ทรัพยากรของจังหวัดใหญ่ซ่ึงเป็นพื้นที่ใกล้เคียง เช่น สนามบินจังหวัดเชียงใหม่ หรือสถานีรถไฟ ของจังหวัดลาปาง เป็นต้น เพ่ือดึงดูดให้นักท่องเท่ียวเดินทางกระจายเข้ามาสู่พ้ืนที่จังหวัดลาพูน ใหม้ ากย่ิงขึ้น o ควรมีการจัดทางานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเส้นทางการคมนาคม ทางบกระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลาพูน เช่น เส้นทางรถรางจากจังหวัดเชียงใหม่มายัง จงั หวดั ลาพนู หรอื โครงการก่อสร้างถนนส่เี ลนจากอาเภอเถนิ จงั หวดั ลาปาง ผา่ นอาเภอลี้ อาเภอบ้านโฮง่ อาเภอป่าซาง อาเภอเมืองลาพูน จังหวดั ลาพูน เขา้ สู่จงั หวัดเชียงใหม่ เป็นตน้ เพอื่ ดงึ ดูดนกั ท่องเที่ยว จากจงั หวดั เชียงใหมแ่ ละจังหวดั ลาปางให้เดนิ ทางมาทอ่ งเที่ยวในจังหวัดลาพนู เพ่มิ มากข้นึ ๒) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวดั น่าน จังหวัดพะเยา และจงั หวดั แพร่ สภาพปญั หา o ขณะที่แหล่งท่องเท่ียวต่าง ๆ ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาเพ่ือ กระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น ถนนหนทางมีความสะดวกมากขึ้น แต่ปัญหาเอกสารสิทธิในท่ีดินของ ผู้ประกอบการท่องเท่ียวในจังหวัดเชียงราย ซ่ึงส่วนใหญ่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทาให้เกิดปัญหา ความไม่พร้อมของสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น น้ากินน้าใช้ โดยเฉพาะในช่วง High Season ทาให้ นักท่องเท่ียวไม่ไดร้ บั ความสะดวก รวมทั้งปัญหาการจัดการขยะ เน่ืองจากผ้ปู ระกอบการไมส่ ามารถ สร้างเตาเผาขยะได้ หากไมไ่ ดร้ ับอนญุ าตจากทางราชการ ตลอดจนปัญหาการจัดการเกี่ยวกับ GMP การเข้าถึงความช่วยเหลือด้านการเงินจากภาครฐั ซงึ่ ต้องมีเอกสารสทิ ธิ์ จึงจะสามารถดาเนินการได้ o ภาคเอกชนด้านการท่องเท่ียวในจังหวัดเชียงรายได้ดาเนินการ ผลักดันให้แหล่งท่องเที่ยวท่ีมีความพร้อมเป็น Coffee Village และ Tea Village โดยใช้กาแฟ และชามาใช้ในการกระตุ้นการท่องเท่ียว เช่น กาแฟท่ีดอยช้าง โดยเฉพาะชาที่อาเภอแม่สะลอง
๓๑ ซึ่งไดร้ ับรางวัล Grand Gold Prize จากประเทศญปี่ ุ่น ซ่ึงเปน็ รางวลั ระดบั โลก และจงั หวัดเชยี งราย เป็นจงั หวดั เดยี วของไทยทไี่ ดร้ บั รางวัล จงึ ขอให้ภาครัฐชว่ ยผลักดันอยา่ งเป็นรูปธรรม o ปจั จุบนั ถา้ หลวงขนุ นา้ นางนอน เป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวทเี่ ป็นท่รี จู้ ักทว่ั โลก และคณะรัฐมนตรี กาหนดให้การพัฒนาถ้าหลวงต้องมีแผนแม่บท (Master Plan) ท่ีชัดเจน ซึ่งขณะน้ภี าคส่วนท่เี ก่ยี วข้องได้จดั ทาแผนแม่บทฯ เสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว แต่ยังไม่มีแนวทางการขบั เคล่อื น ใหเ้ กิดผลทีเ่ ป็นรูปธรรม o เน่ืองจากรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายลดลงประมาณ คร่ึงหนึ่งของสถานการณ์ปกติ ทาให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ รายย่อย ซ่ึงไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านการเงิน เน่ืองจากมีข้อกาหนดท่ีต้องใช้เอกสาร ประกอบการพจิ ารณาจานวนมาก และตอ้ งเข้าหลกั เกณฑ์มีเครดติ ดี ซึง่ ไมส่ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์ ที่ผู้ประกอบการเกือบท้ังหมดขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรสั โคโรนา 2019 ใหผ้ ยู้ น่ื ก้สู ่วนใหญไ่ มผ่ า่ นการพิจารณา และยงั คงไดร้ ับความเดือดร้อน o ที่ผ่านมาในสถานการณ์ปกติ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ได้จ่ายเงินเขา้ กองทนุ ประกันสังคมตามที่กฎหมายกาหนดมาโดยตลอด แต่เม่ือได้รับความเดือดรอ้ น กลบั ไม่ไดค้ วามชว่ ยเหลือจากกองทุนดังกล่าว o เนอื่ งจากในสถานการณ์ปกตกิ ลุ่มนักท่องเท่ยี วหลกั ของจังหวัดเชียงราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ประมาณร้อยละ 70 - 80 ประกอบกับจังหวัดเชียงราย มีศักยภาพ ด้านการท่องเท่ียวทั้งแหล่งท่องเท่ียวธรรมชาติ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และความหลากหลาย ด้านการท่องเที่ยว ดังน้ัน หากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการท่องเท่ียวภายในประเทศท่ีมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับช่วงเวลา เช่น ช่วงปลายปี จะช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ฟนื้ ตัวกลับมาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ตงั้ แตเ่ ดือนพฤศจิกายนเป็นตน้ ไป เชน่ โครงการเราเท่ียวด้วยกนั ฯลฯ o จังหวัดเชียงราย มีจุดเด่น 7 สายน้า 35 ขุนเขา 33 ชนเผ่า อีกทงั้ เป็นแหล่งประวัติศาสตร์สมัยเชียงแสนที่ค้นคว้า ซึ่งตอบโจทย์การท่องเท่ียวทั้งด้านวัฒนธรรมและ ธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งปลูกชา กาแฟ ท่ีเป็นจุดกาเนิดของแบรนด์ท่ีมีช่ือเสียงหลายยี่ห้อ แต่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งเหล่านี้ ยังไม่มี Coffee Village หรือ Tea Village อย่างเป็น รูปธรรม เม่ือเทียบกับต่างประเทศ เช่น เมืองกังหันท่ีประเทศเนเธอร์แลนด์ Village of Cheese/Milk/Tea ทปี่ ระเทศสวิสเซอร์แลนด์ ถา้ สามารถใชจ้ ดุ แขง็ เหล่าน้ใี ห้เกิดประโยชน์จะทาให้ จงั หวัดเชียงรายมีจุดขายใหม่ ๆ นอกจากการเปน็ เมอื งสายหมอก เมืองแห่งขนุ เขา ซงึ่ จะสรา้ งความ แตกต่างจากแหล่งทอ่ งเทยี่ วอ่นื ๆ ในภาคเหนอื o ขอให้แก้ไขปัญหาผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายเล็ก ๆ (Micro Size) ซ่ึงมียอดขายไม่สูงมาก และมีการกระจายตัวทั่วทั้งจังหวัด และส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อน จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019
๓๒ o จังหวัดเชียงรายได้ขับเคลื่อนในการนาผ้าทอมาพัฒนาโดยนา อัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีความหลากหลายด้านชาติพันธุ์กว่า 30 ชาติพันธ์ุ ถักทอลงบน ผืนผ้า โดยใช้สี โดยจะผลักดันให้จังหวัดเชียงรายเปน็ เมืองแฟชั่น โดยดึงจุดเดน่ อืน่ ๆ ของจังหวดั มา รอ้ ยเรียงด้วยกนั ไดแ้ ก่ ผ้าทอ อาหาร แหล่งท่องเท่ียว ชา กาแฟ o เน่ืองจากจังหวัดเชียงรายเป็น Destination การท่องเที่ยวท่ีมีคุณภาพ โดยเฉพาะประเด็น Green Tourism ซึ่งตอบโจทย์การแก้ไขปญั หาเรื่อง Climate Change ซ่ึงเป็น Trend ทอ่ งเทยี่ วทว่ั โลก o ในฤดูการท่องเท่ียว ซ่ึงนักท่องเท่ียวเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัด น่านเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะในปี ๒๕๖๒ มีคนเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดน่านมากถึง ๑ ล้านคน ส่งผลใหท้ รัพยากรด้านการท่องเที่ยวไม่สามารถรองรับนักท่องเทย่ี วได้อยา่ งเพียงพอ เชน่ โรงแรม ทพี่ กั ร้านอาหาร เป็นต้น แม้มีความพยายามกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่แหล่งท่องเที่ยวของชุมชนต่าง ๆ แตย่ ังมีความกงั วลเกีย่ วกบั ความพรอ้ มของพืน้ ทีแ่ ละศักยภาพของชมุ ชนในการรองรบั นักท่องเท่ียว o ในฤดูร้อนและในช่วงท่ีมีปัญหาเก่ียวกับสภาพหมอกควันในพื้นท่ี ส่งผลให้มีนักท่องเท่ียวเดินทางมาท่องเท่ียวในจังหวัดน่านเป็นจานวนน้อย ดังน้ัน จึงต้องมีแนวทาง รบั มอื หรือกาหนดพนื้ ทโี่ ซนปลอดภัยสาหรบั การท่องเที่ยวในช่วงเวลาดงั กลา่ ว o ปัญหาความเสื่อมโทรมของส่ิงแวดล้อมและปัญหาขยะมูลฝอยและ ส่ิงปฏิกูลในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จากการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเท่ียว รวมถึงวิถีชีวิตของชุมชน ด้ังเดมิ ทไี่ ด้รบั ผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลงในพื้นที่ o ปญั หาการควบคุมการก่อสร้างโรงแรมหรือท่ีพักในพ้นื ทีห่ ้ามก่อสร้าง เช่น ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม เปน็ ต้น o ปัญหาเก่ียวกับการจัดระบบการควบคุมรถรางว่ิงชมเมือง และ ความปลอดภยั o กว๊านพะเยาเป็นพื้นท่ีท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน ทั้งในส่วนของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม และกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทาให้ การพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเท่ียวไม่สามารถกระทาได้อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากติดขัดปัญหา ดา้ นกฎหมาย o จงั หวดั พะเยามแี หลง่ ท่องเท่ียวทางธรรมชาติท่มี ีช่ือเสยี งและโดดเด่น เช่น ภูลังกา เป็นต้น แต่ติดขัดปัญหาการจัดการพื้นที่ เช่น การสร้างถนนเพ่ืออานวยความสะดวก แก่นกั ทอ่ งเทยี่ ว การกอ่ สรา้ งโรงแรมหรือท่ีพกั เปน็ ต้น เพราะเปน็ พ้ืนทท่ี ี่อยู่ในเขตป่าไม้
๓๓ o จังหวัดพะเยามีลักษณะเป็นเมืองผ่าน ดังนั้น จึงไม่สามารถดึงดูด หรอื สร้างแรงจงู ใจให้นกั ท่องเทยี่ วเดินทางท่องเทยี่ วหรือพักคา้ งคืนได้ o จงั หวัดพะเยาไมม่ สี นามบินเหมือนดงั เชน่ จงั หวัดอ่ืนทอี่ ยใู่ กลเ้ คียงกัน อาทิ จงั หวดั เชยี งราย จงั หวัดน่าน ทาใหก้ ารเดนิ ทางมาท่องเทีย่ วจงั หวดั พะเยาไมไ่ ด้รบั ความสะดวก o จังหวัดแพร่มีทรัพยากรทางการท่องเท่ียวและแหล่งท่องเท่ียวน้อย โดยเฉพาะเม่ือเปรียบเทียบกับจังหวัดในพ้ืนที่ภาคเหนือ นักท่องเที่ยวจึงเลือกเดินทางไปท่องเท่ียว ในจังหวัดอื่น ๆ เช่น จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงรายมากกว่าจังหวัดแพร่ จึงเป็น จังหวัดทางผ่านเทา่ น้ัน ซง่ึ ทาให้มีการใชจ้ ่ายเงนิ ในพื้นท่ีจงั หวดั นอ้ ย o ระบบการขนส่งและการเดินทางไปยังสถานท่ีท่องเที่ยวในจังหวัด ยังไม่มีความสะดวกและไม่เอ้ือต่อการเดินทางท่องเท่ียว ต้ังแต่ถนน ป้ายบอกทาง ที่จอดรถ และ อ่ืน ๆ เช่น กรณีแหล่งท่องเท่ียวบ้านนาคูหา พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ (พระธาตุอินทร์แขวน จาลอง) ไม่มีท่จี อดรถและรถขนาดใหญ่ไมส่ ามารถเดนิ ทางไปได้ o พืน้ ทแ่ี หล่งท่องเทีย่ วอยใู่ นความดแู ลรบั ผิดชอบของหลายหนว่ ยงาน ตั้งแต่กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน กอ่ ใหเ้ กิดปญั หาในการบริหารจัดการและพัฒนาแหล่งท่องเทย่ี วในพื้นท่ีจงั หวดั o การบริหารจัดการแหล่งท่องเทย่ี วยังขาดความรู้ความเขา้ ใจที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในพื้นทจ่ี งั หวัดแพร่ซึ่งมีแหลง่ ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมเปน็ จานวนมาก เช่น การบริหาร จัดการอาคารบอมเบยเ์ บอรม์ า การบริหารจดั การคุ้มเจา้ หลวงแพร่ เป็นตน้ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ที่เก่ียวข้อง o หน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งควรแกไ้ ขปรบั ปรุงกฎระเบยี บ เก่ียวกับการออก เอกสารสิทธิเพ่ือใหผ้ ู้ประกอบการสามารถนาไปใช้ในการปรับปรงุ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดสาหรับนักท่องเที่ยว โดยต้องเร่งทาก่อนการเปิดประเทศหลังช่วงโควิด เพื่อให้มี แนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เพราะประเด็นนี้ ผู้ประกอบการพยายามนาเสนอเพ่ือขอให้ ภาครัฐแก้ไขปญั หามาเปน็ เวลานาน แตย่ ังไมม่ คี วามคืบหน้าเท่าทค่ี วร o ขอให้หน่วยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งจัดใหม้ ีเงนิ ก้ดู อกเบีย้ ต่า (Soft loan) โดย ผ่อนคลายมาตรการและข้อกาหนดต่าง ๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ ที่ได้รับความ เดือดร้อนอย่างแท้จริง รวมทั้งเพ่ิมมาตรการช่วยเหลือโดยการพักเงินต้นและดอกเบี้ยในระยะยาว เนื่องจากท่ีผ่านมา มีมาตรการพักต้นพักดอกเพียง 2 - 3 เดือน ซึ่งไม่เพียงพอและไม่สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบันซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องหยุดกิจการกันเป็นปี โดยอย่างน้อยควรพักหน้ี 6 เดอื นถงึ 1 ปี หรอื ถา้ เปน็ ไปได้ 2 ปี
๓๔ o ขอให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องจัดสรรเงินจากกองทุนประกันสงั คมเพ่ือให้ ความช่วยเหลือเยยี วยาความเดือดร้อนภาคธุรกิจท่องเทยี่ ว o ขอให้ดาเนินนโยบายเร่งด่วนในการสนับสนุนให้ภาครัฐจัดประชุม สัมมนาในส่วนภูมิภาค ในลักษณะข้ามภูมิภาค เช่น การประชุมองค์การบริหารส่วนตาบล องค์การ บรหิ ารส่วนจังหวดั จากภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มาประชมุ สัมมนาทภ่ี าคเหนอื เปน็ ต้น o ขอให้ภาครัฐลดหรืองดเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ในการติดต้ัง GPS ของผู้ประกอบการด้านขนส่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถ Restart ธุรกิจ ท่ีหยุดชะงักไปในช่วงการแพร่ระบาดโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ได้ และเมื่อผู้ประกอบการฟ้ืนตัว แล้วจงึ คอ่ ยเรยี กเก็บตามอัตราเดมิ o ควรวางแนวทางเพ่ิมพ้ืนที่สีเขียวในจังหวัดเชียงราย เพื่อให้จังหวัด เชยี งรายมศี กั ยภาพดา้ นการท่องเท่ยี ว Green Tourism อย่างยั่งยืน โดยจะช่วยแก้ไขปญั หาหมอกควนั และไฟปา่ และใชเ้ ปน็ สถานท่จี ดั ประชมุ และศึกษาดงู าน o ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันให้เกิดการ Movement ระหว่างภูมิภาค โดยเริ่มที่หน่วยงานสว่ นทอ้ งถ่นิ ให้เดนิ ทางจากภาคใต้มาภาคเหนอื หรอื ภาคเหนอื ไปยังภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ฯลฯ เพ่ือสร้างความเช่อื มั่น และกระตนุ้ เศรษฐกิจ o ควรประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นพ้ืนที่เศรษฐกิจพิเศษ และพื้นที่ ท่องเที่ยวพิเศษ ท้ังส่วนของนักท่องเที่ยว (การออกวีซ่า/พาสปอร์ต) และยานพาหนะ (รถยนต์) ซ่ึงถ้าสามารถดาเนินการได้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้มหาศาลให้กับจังหวัดเชียงราย โดยสามารถดาเนินการไปพรอ้ ม ๆ กบั การจดั ตง้ั คาสิโนขนึ้ ในประเทศไทย o เพ่ิมสัดส่วนของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติให้มาท่องเท่ียวในจังหวัดน่าน มากขน้ึ เพือ่ เพิ่มอัตราคา่ ใชจ้ า่ ยต่อคนต่อหวั รวมถึงเพ่อื เปน็ การกระจายรายได้ไปส่ชู มุ ชนใหม้ ากขนึ้ o ควรพัฒนาศักยภาพพื้นท่ีเพื่อรองรับการท่องเที่ยวข้ามแดนระหว่าง ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวบริเวณด่านห้วยโก๋น โดยเฉพาะทางถนน เพือ่ เชือ่ มตอ่ เสน้ ทางการท่องเที่ยวกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจนี - ลาว o ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถงึ ร่วมดแู ลและรักษาความสะอาดของแหลง่ ท่องเทยี่ ว เพอื่ ใหเ้ ห็นถงึ คุณคา่ และประโยชนท์ ี่ชุมชน ไดร้ บั จากการทอ่ งเทยี่ ว o จังหวัดแพร่และจังหวัดพะเยาควรสร้างและพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว เพิ่มขึน้ และใช้ส่ิงท่ีเป็นอัตลักษณ์และจุดเดน่ ของจังหวัดมาเป็นจุดขายหรือสร้างเร่ืองราว (Story) ข้ึน โดยอาจดาเนินการในรูปแบบเส้นทางท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม ความเชื่อทางศาสนา และอื่น ๆ เพ่ือจงู ใจให้นักทอ่ งเท่ียวเดินทางมาทอ่ งเทย่ี วและพกั ค้างคืนในจงั หวัดเพิ่มมากขน้ึ
๓๕ ๓) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวัดตาก จงั หวดั พษิ ณโุ ลก จังหวดั เพชรบูรณ์ จังหวดั สุโขทยั และจังหวดั อุตรดิตถ์ สภาพปัญหา o ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดตากในบางช่วง เช่น การเตรียมพ้ืนท่ีเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวพืชผล เป็นต้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศ ด้านการท่องเทย่ี ว o ในพื้นท่ีจังหวัดตากแหล่งท่องเท่ียวแต่ละแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ท่ีอยู่ ห่างไกลกันและบางแห่งเป็นพื้นที่ทุรกันดารจึงทาให้การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานกระทาได้ยาก เนื่องจากสภาพพ้ืนทแ่ี ละข้อจากดั ของงบประมาณ o ขาดการสร้างเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเท่ียวระหว่างกลุ่มจังหวัด เพ่ือกระจายนักท่องเท่ียวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอ่ืน รวมถงึ การกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนหรือประชาชน ในพนื้ ที่ o พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถ เข้าไปพัฒนาพ้ืนท่ีได้ เนื่องจากมีชุมชนอยู่อาศัย ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบอุทยานกลายเป็นพื้นที่ เส่ือมโทรม o ปัญหารถรางชมเมืองในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยซึ่งไม่มีทะเบียน ควบคมุ การใช้รถ สง่ ผลต่อความปลอดภัยและความเช่ือม่นั ของผู้ใช้บริการและนักท่องเท่ยี ว o แหล่งท่องเท่ียวทางประวัติศาสตร์บางแห่งขาดการดูแลและบารุง รักษา เนื่องจากงบประมาณของหน่วยงานท่ีดูแลรับผิดชอบ เช่น กรมศิลปากร เป็นต้น ไม่เพียงพอหรือ มจี ากัด o ในจังหวัดอุตรดิตถ์มีสถานท่ีท่องเท่ียวท่ีนักท่องเที่ยวรู้จักหรือได้รับ ความนิยมมีน้อย รวมถึงโรงแรมหรือท่ีพักในบางพื้นที่ยังไม่มีมาตรฐาน ซึ่งไม่สามารถดึงดูดหรือสร้าง ความน่าสนใจให้นักท่องเท่ียวเข้าพัก ประกอบกับลักษณะของพื้นที่เป็นเมืองผ่าน ดังนั้น นักท่องเที่ยว ส่วนใหญจ่ ึงไม่นยิ มพักคา้ งคืน o ปัญหาการบุกรุกพ้ืนท่ีป่า โดยเฉพาะในพ้ืนที่แหล่งท่องเท่ียวภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในลักษณะท่ีพัก รีสอร์ท ร้านอาหาร และร้านค้า เพ่ือประโยชน์ในทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการทาลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการสร้าง มลภาวะ o ปัญหาการประกอบกิจการโรงแรมหรือท่ีพักในเขตพ้ืนท่ีห้ามก่อสร้าง เช่น ในเขตพื้นที่ป่าไม้ เขตพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์และพ้ืนที่ป่าชุมชน พื้นที่ท่ีได้รับการจัดสรรเพ่ือให้เป็นที่อยู่
๓๖ อาศัยและพื้นท่ีทากนิ ทางการเกษตร เป็นต้น ส่งผลให้ไมส่ ามารถขอรับใบอนญุ าตประกอบธุรกิจโรงแรม ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงแรมได้ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ที่เกย่ี วขอ้ ง o จัดทาเส้นทางการท่องเท่ียวในกลุ่มจังหวัดท่ีมีแหล่งท่องเท่ียว คล้ายคลงึ กนั เชน่ แหล่งท่องเทย่ี วเชิงศิลปวัฒนธรรม แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยว เชิงธรรมชาติ แหล่งท่องเท่ียวเชิงเกษตรหรือวิถีชีวิต เป็นต้น เพ่ือดึงดูดนักท่องเท่ียวเฉพาะกลุ่มให้ เดนิ ทางมาทอ่ งเทยี่ วในพนื้ ทเี่ พิ่มมากข้นึ o ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อพัฒนาและ ยกระดบั ดา้ นการท่องเท่ียวในพนื้ ท่เี มืองรองใหม้ ศี ักยภาพมากข้นึ o ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทในการร่วมอนุรักษ์แหล่ง ท่องเท่ียวต่าง ๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม เป็นต้น รวมถึง การจัดสรรผลประโยชน์และกระจายรายได้เพ่ือให้ชุมชนเห็นถึงคุณค่าของการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว ในพ้นื ที่ o ป้องกันปัญหาการบุกรุกป่าหรือการก่อสร้างส่ิงปลูกสร้างในสถานท่ี หวงห้าม โดยการให้ชุมชนหรือประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการในพื้นท่ี ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐที่ควบคุมดูแล รวมถึงกาหนดพื้นท่ีผ่อนปรนหรือขอบเขตพ้ืนท่ีสาหรับการพัฒนาเป็น แหลง่ ท่องเที่ยวทช่ี ัดเจน ๔) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ ประกอบด้วย จังหวัดกาแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จงั หวัดพิจติ ร และจังหวัดอทุ ยั ธานี สภาพปญั หา o แหล่งท่องเท่ียวในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดพิจิตร จังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น ไม่เป็นท่ีรู้จักของนักท่องเท่ียว เพราะขาดการประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ข้อมูลผ่านส่ือ ประชาสมั พนั ธใ์ นช่องทางตา่ ง ๆ เชน่ สือ่ สงั คมออนไลน์ เป็นตน้ o แหล่งท่องเที่ยวที่มีช่ือเสียงบางจังหวัดมีน้อย เช่น จังหวัดกาแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น ส่งผลให้ไม่เป็นท่ีสนใจของนักท่องเท่ียว และกลายเป็น เสน้ ทางผา่ นของนกั ทอ่ งเทยี่ วเพอ่ื เดนิ ทางไปสจู่ ังหวัดอื่น ๆ o ขาดการวางระบบเสน้ ทางการท่องเท่ียวเชื่อมโยงระหว่างกลมุ่ จังหวัด เชน่ แหลง่ ทอ่ งเที่ยวทางธรรมชาติ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ววิถีชุมชน แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วเชิงวัฒนธรรม หรือแหล่ง ท่องเท่ียวทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น รวมถึงการอานวยความสะดวกแก่นักท่องเท่ียวในการเข้าถึง แหล่งท่องเทย่ี วต่าง ๆ ในพน้ื ที่ เชน่ ปา้ ยบอกทาง ระบบสาธารณูปโภคขัน้ พื้นฐาน เปน็ ต้น
๓๗ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ที่เก่ยี วขอ้ ง o ควรมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคข้ันพื้นฐาน เช่น ถนน ประปา ไฟฟ้า เป็นต้น ให้ครอบคลุมในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ท้ังนี้ เพ่ืออานวยความสะดวกให้แก่นักท่องเท่ียว ซง่ึ จะส่งผลให้แหลง่ ท่องเท่ียวดงั กล่าวเป็นที่รู้จักมากขนึ้ และมีนักท่องเท่ียวเดินทางเขา้ ไปมากขน้ึ o เพ่ิมการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักแหล่ง ท่องเท่ียวต่าง ๆ เช่น ส่ือประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐด้านการ ทอ่ งเทย่ี ว หรือสอ่ื สงั คมออนไลน์ เปน็ ต้น เพ่อื สรา้ งความนา่ สนใจและดึงดดู ให้คนออกมาทอ่ งเทยี่ ว o เพิ่มแหล่งท่องเท่ียวที่มนุษย์สร้างข้ึน เพ่ือความหลากหลายของแหล่ง ท่องเที่ยวและสร้างความน่าสนใจ โดยเฉพาะในพื้นท่ีจังหวัดท่ีมีแหล่งท่องเที่ยวน้อย หรือจังหวัดท่ีเป็น ทางผ่าน ๕.๓.๒ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ๑) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ ประกอบด้วย จังหวัด บงึ กาฬ จงั หวัดเลย จังหวดั หนองคาย จงั หวัดหนองบัวลาภู และจังหวัดอุดรธานี สภาพปญั หา o ข้อจากัดในการก่อสร้างท่าอากาศยานในพื้นท่ี เน่ืองจากอยู่ใกล้ กรุงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่งผลให้การเดินทาง โดยเคร่อื งบนิ เพ่ือเข้าสู่จงั หวดั หนองคายต้องใช้ระยะเวลาในการเดนิ ทางเพิ่มมากขึ้น เพราะทา่ อากาศยาน ซึ่งใกลเ้ คยี งทส่ี ุดตัง้ อยใู่ นพนื้ ที่จงั หวดั อุดรธานี o ขาดการวางแผนสาหรับการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานและระบบ เส้นทางการขนส่งในพื้นที่จังหวัดหนองคายและพ้ืนท่ีเช่ือมต่อเพื่อรองรับโครงการรถไฟความเร็วสูง จนี - ลาว ซงึ่ มกี ารเปดิ ตวั อย่างเป็นทางการเมอ่ื วันที่ ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๔ สง่ ผลให้ไทยตอ้ งเสยี โอกาส สาหรับการพฒั นาด้านเศรษฐกจิ และการท่องเที่ยวในพื้นท่ี o การพัฒนาส่ิงรองรับด้านการท่องเที่ยว (Supply) ยังมีไม่เพียงพอ และไมไ่ ดม้ าตรฐาน เช่น ท่ีพัก ร้านอาหาร เปน็ ต้น โดยเฉพาะในพื้นท่ีแหล่งท่องเที่ยวอ่นื นอกตัวเมือง รวมถึงขาดการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและการวางแผนเก่ียวกับการกระจายนักท่องเที่ยวไป ยังแหล่งท่องเที่ยวอ่ืน ๆ ในพ้ืนที่ เพ่ือให้เกิดการกระจายรายได้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่ เฉพาะในบางพน้ื ที่ o ไม่มีระบบฐานข้อมูลเก่ียวกับแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางเช่ือมโยง ระหวา่ งแหล่งทอ่ งเท่ียวต่าง ๆ ที่นกั ท่องเทย่ี วสามารถคน้ หาข้อมลู ได้อยา่ งสะดวกและรวดเรว็
๓๘ o ขาดแคลนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นบางภาษา เช่น ภาษาจีน เป็นต้น ซ่ึงอาจ ก่อใหเ้ กิดปญั หาขน้ึ ได้ในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงท่นี ักท่องเท่ียวจากจนี หล่ังไหลเขา้ มาผ่านช่องทาง รถไฟความเรว็ สูงจนี - ลาว o สว่ นกลางควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพ่มิ เติมให้กับกล่มุ จังหวัด สาหรับการจัดกิจกรรมหรือเทศกาลต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเท่ียว เช่น งานเคาท์ดาวน์ บนสะพานมติ รภาพไทย - ลาว เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ และเทศกาลลอยเรือไฟกาบกลว้ ย เนื่องจาก ในปัจจบุ ันไดร้ บั การสนับสนุนงบประมาณจากทอ้ งถ่ินอยา่ งเดยี วซงึ่ ยังไม่เพียงพอ o รถสาธารณะบางประเภท เช่น รถสามล้อสกายแลป เป็นต้น ยังเป็น รถที่ไม่มีทะเบียนควบคุม รวมถึงมีอุปกรณ์ส่วนควบท่ีอาจมีผลต่อความปลอดภัยของคนโดยสาร ซึ่งจะมีผลต่อความปลอดภยั และความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวด้วย ดังน้ัน จึงควรมีการจัดระเบียบให้ ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย อาทิ การมีใบอนญุ าตขับข่ีที่ถูกต้อง มกี ารจดั ทาประกนั ภัยให้กับตัวรถ o การเข้าร่วมโครงการเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐบางอย่าง เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น ผู้ประกอบการท่ีพักบางแห่งไม่สามารถรับการช่วยเหลือได้ เน่ืองจากติดขัดในเร่ืองของการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการท่ีถูกต้อง ตามกฎหมายตามเงอ่ื นไขของโครงการ o ปัญหาการร้องเรียนจากนักท่องเท่ียวกรณีผู้ประกอบการบางส่วน กาหนดราคาคา่ ท่ีพัก ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายในการเดินทางในพื้นท่อี าเภอเชียงคานไวค้ ่อนข้างสงู กวา่ ทีค่ วร โดยเฉพาะในช่วง High Season เป็นการเอารดั เอาเปรยี บนกั ท่องเที่ยว o ชมุ ชนไทยดาถนนเขา้ หมบู่ า้ นมลี กั ษณะมืด แคบและค่อนข้างเปลยี่ ว ประกอบกับปา้ ยประชาสมั พันธข์ ้อมูลการท่องเทีย่ วไมช่ ัดเจน ทาใหม้ ีนักทอ่ งเทย่ี วเดนิ ทางเข้ามาจานวน ไมม่ ากเท่าที่ควร o การเดินทางเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวบริเวณภูป่าเปาะ ไม่สะดวก เทา่ ทค่ี วร o การรองรับนักท่องเที่ยวจานวนมากยังไม่มีความพร้อมเท่าท่ีควร เนอ่ื งจากยังขาดงบประมาณ ทาให้การดาเนินการพัฒนาบางสว่ นไม่ตอ่ เนือ่ ง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง o ภายหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของโครงการรถไฟความเร็วสูง จีน - ลาว ในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ และการดาเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย ช่วงท่ี ๑ (กรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) ซ่ึงคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๘ - ๒๕๖๙ และช่วงท่ี ๒ (นครราชสีมา - หนองคาย) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๗๑ กลุ่มจังหวัดดังกล่าวและพ้ืนท่ี
๓๙ เช่ือมโยงจะต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านท้ังในส่วนของภาคการท่องเที่ยว การค้าชายแดน และ ภาคการเกษตร ท้ังน้ี เพ่ือสร้างโอกาสสาหรับการเป็นจุดศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว การเปลี่ยนเมือง ผา่ นเปน็ เมืองพัก การค้า การลงทุนในระดับภมู ภิ าค o ควรพัฒนาระบบการผ่านแดนเพื่อรองรับการเดินทางเข้าสู่จังหวัด หนองคาย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่อาจ เดินทางเข้ามาท่องเท่ียวในประเทศไทยเพ่ิมมากขึ้นจากโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน - ลาว ทั้งนี้ โดยการศึกษาระบบการข้ามแดนของฮ่องกง - เซินเจ้ิน เพื่อนามาเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการ ระบบการผ่านแดน เชน่ ระบบเช่ือมโยงของรถไฟระหวา่ งเมือง การผ่านแดนทางเรือและการจัดต้ังด่าน ตรวจคนเข้าเมืองระหวา่ งชายแดนท้ังสองฝง่ั เปน็ ตน้ รวมถึงนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ ระบบ Face Recognition หรือ Artificial Intelligence (AI) เข้ามาทดแทนระบบเดิม ซึ่งจะช่วยทาให้การ ตรวจลงตราหรือระบบการขา้ มแดนมีความสะดวกและรวดเร็วมากยง่ิ ขน้ึ o เห็นควรให้เพิ่มจุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว อีก ๑ จุด ในจังหวัดหนองคาย เพ่ือเช่ือมต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน - ลาว กับประเทศไทย โดยแยกเส้นทาง การเดินรถระหว่างขบวนรถไฟท่ีขนส่งคนโดยสารและขนส่งสินค้าออกจากกัน ซ่ึงจะช่วยให้ระบบ การคมนาคมขนสง่ ระหวา่ งประเทศรวดเร็วมากยิง่ ข้นึ o ควรมีนโยบายเร่งด่วนเก่ียวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม การขอตรวจลงตราเพื่อเข้าประเทศ (Visa On Arrival หรือ VOA) ให้แก่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านด่านพรมแดนหนองคาย จังหวัดหนองคาย ซึ่งจากการคาดการณ์ คาดว่าภายหลังการเปิดประเทศของจีนจะมีนักท่องเท่ียวเดินทางมาท่องเที่ยวผ่านเส้นทางรถไฟ ความเร็วสูงจนี - ลาว ไม่น้อยกวา่ ๕ ลา้ นคน/ปี ทั้งน้ี เพอื่ เปน็ การลดภาระคา่ ใช้จ่าย และลดกระบวนการ ด้านการผ่านแดนให้น้อยลง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ทอ่ งเทย่ี วในประเทศเพ่ิมมากขึน้ o การส่งเสริมการท่องเท่ียวในพ้ืนท่ีควรร่วมมือกันแบบกลุ่มจังหวัด (Cluster) เช่น จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร เน่ืองจากสอดคล้องกับแนวนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ นอกจากนี้ควรมีการพัฒนาในองค์ประกอบต่าง ๆ ในหลายประการร่วมด้วย เช่น การจัดทาระบบมาตรวัดความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวในพ้ืนที่ การออกแบบผังเมืองใหเ้ กิดความสมดลุ การออกเทศบัญญตั ิตา่ ง ๆ เพ่ือควบคุมโครงสรา้ งของเมืองและ เขตพื้นที่ การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้สอดคล้องกับจานวนนักท่องเที่ยว การศึกษาพฤติกรรม นกั ทอ่ งเที่ยวคนไทย/คนตา่ งชาติ การเปิดโอกาสให้นักวิชาการและมหาวทิ ยาลัยในพน้ื ทเ่ี ข้ามาช่วยเหลือ ในการศึกษาวจิ ัย ใหค้ วามรู้ และใหข้ ้อเสนอแนะเกี่ยวกบั การพฒั นาการท่องเทย่ี ว เปน็ ตน้
๔๐ o ควรมีการส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงสุขภาพ เช่น นวดแผนไทย การแพทย์ทางเลือก เป็นต้น และควรปรับสถานท่ีในการให้บริการเสมือนเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพ่ือให้ นกั ท่องเที่ยวรูส้ กึ ผ่อนคลายเสมือนการพักผ่อนในแหลง่ ท่องเท่ยี ว o นอกจากการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ควรมีการสร้างเนื้อหา (Content) หรือเร่ืองราว (Story) เกี่ยวกับความเช่ือความศรัทธาเพ่ือดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว เช่น ความเชอ่ื ความศรัทธาเก่ียวกับพญานาค การเชื่อมโยงระบบการเดินทางระหว่างจงั หวัดและกลุ่มจังหวัด การจัดระบบที่พักให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพ่ือรองรับปริมาณนักท่องเท่ียวที่จะเดินทางเข้ามาภายหลัง การเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน - ลาว การสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการต่าง ๆ เพ่ือ ยกระดบั สินค้าในท้องถ่นิ และการกระจายรายได้ในพ้ืนที่ o การพัฒนาศักยภาพของจังหวัดหนองคายเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการ จัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) รวมถึงเป็นศูนย์กลางสาหรับการเจรจาการค้า การลงทุน และการ จัดงานเทศกาลต่าง ๆ เนอ่ื งจากเหน็ ว่าจังหวัดหนองคายมีศักยภาพและมีโรงแรมหรือสถานทท่ี ีส่ ามารถ รองรบั การจดั กิจกรรมหรือนทิ รรศการต่าง ๆ ได้ ทง้ั น้ี เพื่อเปน็ ทางเลือกนอกจากจงั หวัดอุดรธานี o ขอให้ภาคสว่ นท่เี กี่ยวข้อง ทง้ั หนว่ ยงานภาครฐั และท้องถิน่ ร่วมมือกนั รักษาอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถ่ินท่ีมีความโดดเด่นของจังหวัดเลยให้ดารงอยู่ต่อไป และสอดคล้อง กับแนวทางพัฒนาดา้ นการทอ่ งเทยี่ วที่ยัง่ ยนื o ขอให้ระมัดระวังการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของชุมชนในแหล่ง ท่องเที่ยวสาคัญ ๆ จนอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคตอันใกล้ ทั้งมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้า ฯลฯ โดยสามารถเรียนรู้จากบทเรยี นของเมอื งท่องเท่ยี วสาคัญทั้งในประเทศไทยและ ต่างประเทศ และนาแนวทางดังกล่าวมาปรับให้สอดคล้องกับบรบิ ทของชุมชน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย ต่อระบบนิเวศ เช่น ท่ีอุทยานแห่งชาติภูเรือ มีการมอบเกียรติบัตรสาหรับนักท่องเท่ียวที่เก็บขยะ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะเป็น Model ท่ีชุมชนท่องเท่ียวอ่ืน ๆ นาไปเป็นตวั อย่างในการบริหารจดั การขยะ และสอดคล้องกบั Trend การท่องเที่ยวหลังโควดิ ซ่ึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมแี นวโน้มจะ ให้ความสาคญั กบั สิ่งแวดลอ้ มมากขนึ้ โดยสามารถนามาเปน็ จดุ ขายของจงั หวัดไดเ้ ป็นอย่างดี o ควรริเร่ิมจัดทา “ปฏญิ ญาจงั หวดั เลย” ขนึ้ โดยต้องกาหนดแนวทาง ท่ีคนจังหวัดเลยต้องการให้ชัดเจน เช่น ถ้าต้องการจะเป็นจังหวัดที่มีอากาศดีที่สุด ต้องทาอย่างไร เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น โดยระบแุ นวทางย่อยท้งั การขนสง่ การสาธารณสุข ระบบสาธารณปู โภคพน้ื ฐาน การบรหิ ารจัดการสิง่ แวดล้อม ฯลฯ ซึง่ จะทาใหก้ ารพฒั นาจงั หวัดเลยมีความมน่ั คงและยัง่ ยืน o จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร จงั หวดั บงึ กาฬ และจงั หวัดอุดรธานี ซ่ึงเป็นพืน้ ที่ทีจ่ ะได้รบั อานิสงส์เมอ่ื รถไฟความเรว็ สูงจากจีนมายัง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวแล้วเสร็จ ดังนั้น จึงควรบูรณาการการทางานร่วมกัน
๔๑ โดยเฉพาะในส่วนของการบริหารจัดการงบประมาณในการพัฒนา เพื่อให้เกิดความต่อเน่ือง ในการดาเนินการ โดยจัดทา Road Map เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย “จังหวัดท่ีมีอากาศดีที่สุด ในประเทศไทย” 10 - 20 ปขี า้ งหนา้ o ขอให้หน่วยงานท้องถิ่นร่วมกับชาวบ้านเตรียมความพร้อมในการ รองรับนักท่องเท่ียวหลังโควิด ซึ่งคาดว่าจะเดินทางมายังภูป่าเปาะจานวนมาก ท้ังในเรื่องการ สาธารณสขุ การอานวยความสะดวกด้านตา่ ง ๆ ๒) กลมุ่ จังหวัดภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนบน ๒ ประกอบดว้ ย จังหวัด นครพนม จังหวดั มกุ ดาหาร และจังหวดั สกลนคร สภาพปัญหา o การทอ่ งเที่ยวในกลมุ่ จังหวัดดังกล่าว ส่วนใหญเ่ ปน็ กลุ่มนักท่องเที่ยว ภายในประเทศ หรือกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม เปน็ ตน้ ดงั นัน้ แหลง่ ท่องเท่ยี วส่วนใหญ่จงึ ไม่เป็นที่รูจ้ ักของนักท่องเท่ียวในกลุ่มทวปี อน่ื มากนัก เชน่ ทวีปยุโรป เอเชียใต้ เอเชยี ตะวนั ออก เปน็ ตน้ o แหล่งท่องเท่ียวส่วนใหญ่มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันในหลายพื้นท่ี จึงจาเป็นท่ีจะต้องมีการสร้างอัตลักษณ์หรือเอกลักษณ์เฉพาะเพ่ือดึงดูดหรือสร้างความน่าสนใจแก่ นักท่องเที่ยว o ขาดการพัฒนาโครงสรา้ งพืน้ ฐานและการพฒั นาเสน้ ทางสู่แหลง่ ท่องเที่ยว เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา ป้ายบอกทาง สัญญาณจราจร เป็นต้น แหล่งท่องเท่ียวหลายแห่งยังไม่ได้ มาตรฐาน การพัฒนาแหล่งทอ่ งเทีย่ วไมม่ ีระบบ ไม่เป็นทน่ี า่ สนใจและดึงดดู ใจของนักท่องเท่ียว o มีปัญหาในการบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวที่เป็นมาตรฐาน ขาดงบประมาณสาหรับการปรับปรงุ และพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว o ขาดการนาเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรือรูปแบบใหม่ เพื่อให้ สอดคล้องกับความนิยม (Trend) ของนักท่องเท่ียวที่เปลี่ยนแปลงไป เชน่ แหล่งทอ่ งเทีย่ ว Unseen เส้นทางการท่องเที่ยวข้ามแดนระหว่างจังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร และสาธารณรัฐ ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว เชอ่ื มตอ่ กบั เสน้ ทางการทอ่ งเทยี่ วในกลุม่ จงั หวดั อืน่ o แหล่งท่องเทีย่ วบางแหง่ ไม่มีการพัฒนามาตรฐานดา้ นสินคา้ และบริการ ทางการท่องเท่ียว เช่น มาตรฐานด้านโรงแรมและที่พัก คุณภาพของสินค้า ระบบรถขนส่งสาธารณะ การนาเสนอขอ้ มูลแหลง่ ท่องเทยี่ วไม่มคี วามน่าสนใจ เป็นตน้ o ปัญหาความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเท่ียวและส่ิงแวดล้อม เช่น ขยะมลู ฝอย การปล่อยน้าเสีย เป็นตน้ รวมถึงปัญหาการวางระบบผังเมือง
๔๒ o ระบบการจัดเกบ็ และพฒั นาฐานข้อมลู ดา้ นการท่องเท่ียวของหน่วยงาน ภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพ ขาดการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ส่งผลให้นักท่องเท่ียว ไมส่ ามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลต่าง ๆ ไดโ้ ดยสะดวก o การได้รับการจัดสรรงบประมาณของกลุ่มจังหวัดในการพัฒนาการ ท่องเทย่ี วที่ค่อนข้างน้อยทาให้ไม่สามารถพฒั นาการท่องเที่ยวในลักษณะการเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดได้ มากนัก o ปัญหาการปิดด่านชายแดน ทาให้ไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่าง สองประเทศได้ สง่ ผลกระทบต่อเร่ืองการท่องเทยี่ ว การคา้ ธุรกจิ ชายแดน และเศรษฐกิจ o บางจังหวัดมีแหล่งท่องเท่ียวน้อย ส่งผลให้สามารถท่องเท่ียวภายใน วนั เดยี วหรือเท่ยี วแบบไป - กลบั ดังน้นั จงึ ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจใหน้ ักท่องเท่ยี วพานักในจังหวดั และ กระตนุ้ การใชจ้ า่ ยให้เพิ่มมากขึ้นได้ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ที่เกยี่ วขอ้ ง o ควรมีการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของแหล่งท่องเท่ียวให้ ดูน่าสนใจ มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐานและระบบโลจิสติกส์เพ่ืออานวยความสะดวก และความปลอดภยั ของนักท่องเท่ียว o ส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนระหว่างจังหวัดนครพนม จังหวัด มุกดาหาร และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมถึงพัฒนาเส้นทางการคมนาคมและระบบ รถบริการสาธารณะเช่ือมต่อกับจังหวัดหนองคาย เพ่ือรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่อาจเดินทางเข้ามา ทอ่ งเทีย่ วมากขน้ึ จากการเปดิ โครงการรถไฟความเรว็ สูงจีน - ลาว o พัฒนาระบบฐานข้อมูลแหล่งท่องเท่ียว รวมถึงนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศเข้ามาใช้ในหน่วยงานภาครัฐ เพ่ือสร้างการรับรู้ และการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ใหส้ อดรบั กับกลมุ่ เป้าหมาย o เพ่ิมสัดส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้มาท่องเท่ียวในกลุ่มจังหวัด เพ่อื เพมิ่ อัตราค่าใช้จ่ายต่อคนต่อหวั รวมถึงเพื่อเปน็ การกระจายรายไดไ้ ปสู่ชมุ ชนให้มากขน้ึ o พัฒนาเส้นทางเช่ือมโยงแหล่งท่องเที่ยวระหว่างจังหวัด จัดเส้นทาง (Route) ของการท่องเท่ียว เช่น แหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน แหล่งท่องเท่ียวเชิงศิลปวัฒนธรรม และแหล่ง ท่องเท่ียวเก่ียวกับความเช่ือความศรัทธา เป็นต้น ทั้งน้ี เพ่ือความสะดวกของนักท่องเที่ยวสาหรับ การวางแผนการเดินทาง และสอดคลอ้ งกับความสนใจของนกั ทอ่ งเท่ยี วแต่ละกลุ่ม
๔๓ o ควรมีการจดั อบรมและพัฒนาบคุ ลากรชุมชนดา้ นการท่องเทยี่ วและ บริการ รวมถึงยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวด้านต่าง ๆ โดยเพ่ิมเติมความรู้และทักษะให้กับ บุคลากรดา้ นการทอ่ งเทยี่ วและบรกิ าร เพื่อรองรบั การทอ่ งเที่ยววถิ ีใหม่ (New Normal) o ส่งเสริมและยกระดับการท่องเท่ียวงานเทศกาล งานประเพณีในกลุ่ม จังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้และเพ่ือกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเท่ียวให้เข้ามาท่องเที่ยวมากข้ึน ทงั้ ในส่วนของนกั ทอ่ งเท่ียวชาวไทยและชาวตา่ งชาติ o ยกระดับ และพัฒนามาตรฐานด้านสินค้าและการบริการ เพ่ือสร้าง มลู ค่าทางเศรษฐกิจ และกระต้นุ การใชจ้ า่ ยของนักทอ่ งเทย่ี วใหเ้ พมิ่ มากขึน้ o ในเร่ืองการท่องเที่ยวชุมชนในพ้ืนที่ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ควรให้ความสาคญั และสง่ เสริมการท่องเทีย่ วชมุ ชนในกลุม่ จังหวัดดงั กลา่ วให้เข้มข้นย่งิ ข้นึ ควรมีการ ขยายขอบเขตหรือข้อจากัดด้านกฎระเบียบของหน่วยงานให้สามารถดาเนินการส่งเสรมิ สนับสนุนให้ เกิดความยั่งยืนได้มากขึ้น ตลอดจนให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการคดิ และวางแผนการบรหิ ารจัดการด้านการทอ่ งเทีย่ ว ๓) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย จังหวัด กาฬสนิ ธุ์ จังหวัดขอนแกน่ จงั หวัดมหาสารคาม และจังหวดั ร้อยเอด็ สภาพปญั หา o แหล่งท่องเท่ียวส่วนใหญอ่ ยู่แบบกระจัดกระจาย ทาให้การเดินทาง ไปทอ่ งเท่ียวในแตล่ ะพ้นื ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเดนิ ทาง ประกอบกับระบบการคมนาคมเชื่อมโยง ระหว่างจังหวัดบางเส้นทางยังขาดการพัฒนา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่าการเดินทางไป ท่องเที่ยวไมค่ ุ้มค่า o มีความเหล่ือมล้าระหว่างจังหวัดใหญ่และจังหวัดเล็ก เช่น ระหว่าง จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดกาฬสินธ์ุ เป็นต้น ทั้งในส่วนของระบบโครงสร้างพื้นฐาน งบประมาณ และสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการตดั สนิ ใจของนกั ท่องเท่ียว o ขาดการนาเสนอเสน้ ทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรอื รูปแบบใหม่ เพ่อื ให้ สอดคล้องกบั ความนิยม (Trend) ของนกั ท่องเที่ยวท่ีเปล่ียนแปลงไป เช่น แหล่งท่องเทย่ี ว Unseen แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชิงประวัติศาสตร์ แหลง่ ท่องเท่ียวเชงิ นิเวศ หรอื แหล่งทอ่ งเท่ียวเพ่ือการนนั ทนาการ เปน็ ตน้ o การส่งเสริมและการจัดกิจกรรมทางการท่องเท่ียวมนี อ้ ย รวมถึงไม่มี ความหลากหลายของกิจกรรมในแหล่งท่องเท่ียว ทาให้ไม่ดึงดูดใจให้นักท่องเท่ียวอยู่นานขึ้นและ ไมน่ า่ สนใจ o ขาดบุคลากรทางการท่องเที่ยวในการให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเท่ียว
๔๔ o ขาดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวท่ีมีมาตรฐาน รวมถึงสิ่งอานวย ความสะดวกในแหลง่ ท่องเที่ยว เชน่ รา้ นค้า รา้ นอาหาร ระบบอินเตอร์เนต็ ห้องนา้ เปน็ ตน้ o ขาดงบประมาณในการดูแลและบารุงรักษาแหล่งท่องเที่ยว รวมถึง ขาดการบูรณาการร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะในกรณีท่ีแหล่งท่องเท่ียวอยู่ในความ รับผิดชอบของหลายหน่วยงาน หรือเป็นพื้นที่ทับซ้อน เช่น ระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดและ องค์การบรหิ ารสว่ นตาบล เปน็ ต้น o ไม่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเท่ียวบางแห่งให้เกิดความ สวยงาม และดูน่าสนใจ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ท่เี กี่ยวข้อง o ควรมีการจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพ่ือ เป็นการสง่ เสรมิ การท่องเท่ียวของจังหวัด รวมถึงเพือ่ เป็นการกระตุน้ ใหเ้ กิดการเดนิ ทางมาท่องเท่ียว และมีการกระจายรายไดไ้ ปสชู่ มุ ชนมากขึ้น o ส่งเสริมการท่องเท่ียวระหว่างเมอื งหลักและเมืองรอง เพื่อยกระดับ ด้านการท่องเท่ียวในกลุ่มจังหวัดเมืองรอง ตลอดจนเพื่อกระจายนักท่องเท่ียวและรายได้จากการ ทอ่ งเท่ยี วออกไปสพู่ นื้ ทอ่ี ่นื มากข้ึน o ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้หลากหลายขึ้น และมคี วามน่าสนใจ รวมถงึ สง่ เสริมการจัดงานเทศกาล งานประเพณี หรือวัฒนธรรมประจาท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเท่ียวมากข้ึน เพ่ือส่งเสริมการท่องเท่ียวภายในจังหวัดและสร้างงาน สร้างรายได้ใหแ้ กช่ ุมชนและประชาชนในพน้ื ที่ o ส่งเสรมิ การท่องเท่ียวข้ามภูมภิ าค เช่น ระหว่างภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เป็นต้น เพ่ือเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ดา้ นการท่องเท่ยี ว o เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เพ่ือความหลากหลายของแหล่ง ท่องเท่ียวและสร้างความน่าสนใจ โดยเฉพาะในพ้ืนที่จังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวน้อย หรือจังหวัดท่ีเป็น ทางผ่าน o ควรมีการยกระดับคุณภาพของการท่องเท่ียวโดยชุมชนให้สามารถ จัดการการท่องเที่ยวของตนเอง จนมีขดี ความสามารถในการแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวทงั้ ในและ ต่างประเทศ เช่น การพัฒนาบุคลากร การส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานการท่องเที่ยว ในระดับสากล เป็นตน้ o พัฒนาและยกระดับประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลภาครัฐ เพื่อ อานวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการสืบค้นข้อมูล รวมถงึ เพื่อการบริหารจัดการดา้ นการท่องเที่ยว ที่มีประสทิ ธิภาพ
๔๕ o จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเท่ียว เพือ่ ให้ขอ้ มลู ท่ีถูกต้อง เก่ียวกับการท่องเที่ยวในพื้นท่ี รวมถึงเพ่ือเพ่ิมความสามารถในการสร้างการรับรู้และการประชาสัมพันธ์ ขอ้ มูลด้านการท่องเท่ียวแก่นักท่องเท่ียวกลุ่มตา่ ง ๆ เช่น การประชาสัมพนั ธ์แหล่งท่องเที่ยวท่เี หมาะสม กบั ชว่ งเวลาและฤดกู าล เส้นทางเชื่อมโยงแหลง่ ท่องเทยี่ วตา่ ง ๆ เป็นต้น o การพัฒนาสินคา้ ชมุ ชน - สนิ คา้ OTOP ให้มีมลู ค่าเพ่มิ มากข้ึน o สง่ เสริมจงั หวัดที่มีความพร้อมและมีศักยภาพ เชน่ จงั หวดั ขอนแก่น เป็นตน้ เพอื่ พัฒนาอตุ สาหกรรม MICE ๔) กลมุ่ จงั หวดั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จงั หวัด ชัยภมู ิ จังหวัดนครราชสีมา จงั หวัดบุรีรัมย์ และจังหวดั สุรนิ ทร์ สภาพปญั หา o มุมมองภาพลักษณ์ (Perception) ของคนส่วนใหญท่ ม่ี ตี ่อภาคตะวนั ออก เฉยี งเหนือยงั คงเปน็ เรื่องของความไมท่ นั สมยั แห้งแลง้ รอ้ น และไม่สรา้ งแรงบันดาลใจ o ในแต่ละจังหวัดมพี ื้นท่ีขนาดใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแหง่ ในพนื้ ท่ี อย่ไู กลกันและใช้ระยะเวลาในการเดินทางมากทาให้สัดส่วนการเดนิ ทางเช่ือมโยงท่องเท่ียวหลายจังหวัด มีน้อย ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้ในภาพรวมของภูมภิ าค o ระบบขนส่งสาธารณะเช่ือมโยงในพื้นท่สี ่วนใหญ่ไม่อย่ใู นเกณฑม์ าตรฐาน และมีจานวนไม่เพียงพอต่อความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในกลุ่ม FIT (Free Independent Travelers) สง่ ผลใหน้ ักทอ่ งเท่ียวต้องใช้รถยนตส์ ่วนตัวในการเดนิ ทางและเกิดความ แออัดของสภาพการจราจรในแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว o สินคา้ และบรกิ ารทางการทอ่ งเทีย่ วส่วนใหญ่ยังไม่อย่ใู นเกณฑม์ าตรฐาน และขาดแคลนการพัฒนาหรือนวัตกรรมเพ่ือสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ท่ีพักไม่สะอาดและรูปแบบ ไมน่ ่าสนใจจงึ ไม่จูงใจนักท่องเทย่ี วให้เกดิ ความต้องการพกั คา้ งคืน เปน็ ต้น o ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ และผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้านที่สามารถ ตอบสนองนโยบายของเมืองที่จะส่งเสรมิ การทอ่ งเที่ยวให้มีมาตรฐานสากล เชน่ มัคคุเทศก์ เปน็ ตน้ o การกระจายนักท่องเทยี่ วจากจังหวัดใหญ่ เชน่ จากจงั หวดั บุรีรัมย์ไป จังหวัดสุรินทร์ จากจังหวัดนครราชสีมาไปจังหวัดชัยภูมิ เป็นต้น ยังค่อนข้างน้อย ส่งผลให้เกิดการ กระจุกตัวของนกั ท่องเทย่ี วอยู่เฉพาะในจังหวดั ใหญ่ ๆ o ขาดการส่งเสริมรูปแบบการท่องเท่ียวใหม่ ๆ เช่น การท่องเที่ยว ในรูปแบบเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ท่องเที่ยวเรียนรู้ สารวจ ผจญภัย สัมผัสวิถีท้องถ่ิน (Live Like Local) หรือกระแสการทางานไปด้วยแล้วเท่ียวไปด้วย (Bleisure/Workation) ซ่ึงกาลังได้รับ ความนยิ ม เปน็ ตน้
๔๖ o แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งเสื่อมโทรมและขาดงบประมาณในการ บารุงรักษา เช่น แหล่งท่องเท่ียวในความดูแลของกรมศิลปากร หรือท่ีอยู่ในความดูแลขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ เป็นตน้ o ขาดการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางการบินระหว่างภูมิภาค เช่น ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนล่าง ๑ กบั กลุ่มจงั หวดั อันดามนั เป็นต้น o ขาดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวท่ีมีมาตรฐาน รวมถึงสิ่งอานวย ความสะดวก ในแหล่งทอ่ งเท่ยี ว เช่น ร้านคา้ รา้ นอาหาร ระบบอนิ เตอรเ์ น็ต ห้องนา้ เป็นตน้ o ระบบการจดั เก็บและพัฒนาฐานข้อมลู ด้านการท่องเที่ยวของหนว่ ยงาน ภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพ ขาดการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ส่งผลให้นักท่องเที่ยว ไม่สามารถเข้าถงึ ข้อมูลตา่ ง ๆ ได้โดยสะดวก ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ทีเ่ กี่ยวข้อง o ควรมีการผลักดนั ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานและสาธารณูปโภคให้มีความพร้อม รวมถึงการคมนาคมขนส่งต่าง ๆ เพ่ือเป็นการเช่ือมโยง เส้นทางท่องเที่ยวใหน้ กั ท่องเทีย่ วสามารถเดนิ ทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวได้งา่ ยและสะดวกขึน้ o พัฒนาและยกระดับประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลภาครัฐ เพ่ือ อานวยความสะดวกแก่นักท่องเท่ียวในการสืบค้นข้อมูล รวมถึงเพื่อการบริหารจัดการด้านการท่องเท่ียว ทม่ี ีประสิทธิภาพ o พัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียวเมืองรอง เพ่ือกระจายการเดินทาง ของนักทอ่ งเท่ยี ว รวมถงึ รายได้ออกไปส่พู ้ืนท่อี น่ื ในกลมุ่ จังหวัด เชน่ ระหว่างจังหวดั บรุ ีรัมย์และจังหวัด สุรินทร์ เปน็ ต้น o ส่งเสริมกิจกรรมทางการท่องเท่ียวให้มีความหลากหลาย เพ่ือสร้าง ความน่าสนใจและกระตุ้นใหเ้ กดิ การเดินทางและการใชจ้ ่ายของนักท่องเที่ยว o พฒั นาสินคา้ และบริการใหม้ มี าตรฐาน เพ่อื สรา้ งมูลคา่ ทางเศรษฐกิจ และเพ่ิมรายได้ให้มากข้ึน o ส่งเสริมและยกระดับงานเทศกาล งานประเพณี หรือวัฒนธรรม ในท้องถิ่นเพื่อให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเท่ียวเพิ่มมากข้ึน เช่น มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ งานฉลองอนุสาวรยี เ์ จ้าพ่อพญาแล จงั หวัดชยั ภูมิ งานเทศกาลดนตรี จงั หวดั นครราชสีมา เป็นต้น ท้งั น้ี เพ่อื กระตุ้นใหเ้ กิดการเดินทางทอ่ งเท่ียวในประเทศเพม่ิ มากขนึ้ o จัดทาปฏิทินการท่องเท่ียวรายปีของแต่ละจังหวัด เพื่อส่งเสริม การทอ่ งเทีย่ ว และเพอ่ื กระตุ้นใหเ้ กิดการเดนิ ทางตลอดท้งั ปี
๔๗ o เปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนมีส่วนร่วมในการ บริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวในพ้ืนที่ ท้ังน้ี เพื่อปลูกจิตสานึกในการร่วมอนุรักษ์และดูแลรักษา แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วและทรพั ยากรทางการท่องเทีย่ วให้เกิดความย่ังยนื o ให้หนว่ ยงานท่มี ีศกั ยภาพด้านบุคลากรและงบประมาณเข้ามาดูแลหรือ บารงุ รักษาแหล่งท่องเที่ยว ทง้ั น้ี เพ่ือมใิ ห้เส่ือมโทรมหรือถูกทาลาย รวมถงึ ควรมีการจัดสรรงบประมาณ ที่เพียงพอให้แก่หน่วยงานภาครัฐสาหรับการบริหารจัดการแหล่งท่องเท่ียวท่ีอยู่ในความรับผิดชอบหรือ ในความดแู ล ๕) กลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๒ ประกอบด้วย จงั หวัด ยโสธร จงั หวัดศรีสะเกษ จังหวดั อานาจเจริญ และจังหวัดอบุ ลราชธานี สภาพปญั หา o ปญั หาเกยี่ วกบั โครงสร้างพื้นฐานและสง่ิ อานวยความสะดวก เพ่ือรองรับ การขยายตวั ของอตุ สาหกรรมการท่องเทย่ี ว o การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและสนับสนุนการมี ส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยว การสรา้ งเครือขา่ ยทเ่ี ป็นรปู ธรรม o ความต่อเนื่องในการจัดสรรงบประมาณ ท้ังในส่วนของกิจกรรม ทางการทอ่ งเท่ยี ว โครงสร้างพน้ื ฐาน และการพฒั นาบุคลากร o ความซับซ้อนของกฎหมายตา่ ง ๆ มีขนั้ ตอนเป็นจานวนมาก ไม่มกี าร ลดขั้นตอนเพ่ือให้รวดเร็วข้นึ และกฎหมายบางฉบับไมม่ กี ารปรบั ปรุงใหท้ ันสมัย o ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐสาหรับการส่งเสริมและพัฒนาการ ท่องเที่ยวโดยชุมชน เช่น ถนนคนเดินเขมราฐ เป็นต้น ท้ังในส่วนของงบประมาณการสร้างการมี ส่วนรว่ มของชุมชน และการพฒั นาบุคลากรดา้ นการท่องเทย่ี ว o ปญั หาด้านโรงแรมที่พักที่ประกอบการโดยไมไ่ ด้รบั ใบอนุญาต รวมถึง มาตรฐานของโรงแรมหรอื ท่พี กั ในแหล่งทอ่ งเทย่ี ว o แหล่งท่องเท่ียวในจังหวัดต่าง ๆ ส่วนมากอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทาให้การบริหารจัดการ บารุงรักษา และพัฒนา แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว จะตอ้ งผา่ นขัน้ ตอนตามระเบียบและกฎหมายท่ีเกีย่ วข้อง o ระบบการขนส่งและการเดินทางไปยังสถานท่ีท่องเที่ยวยังไม่มีความ สะดวกและไม่เอื้อต่อการเดินทางท่องเทยี่ ว โดยเฉพาะปา้ ยบอกทางและรถรับจ้างในการเดินทางไป แหลง่ ท่องเทยี่ ว o แหล่งท่องเท่ียวหลายแห่งเส่ือมโทรมและขาดงบประมาณในการ บารงุ รักษา
๔๘ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ทีเ่ กีย่ วข้อง o การพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวกในแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติ เช่น ห้องน้า พื้นท่ีจอดรถ ถนน น้าประปา ระบบบริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และพัฒนาบุคลากร ทางด้านการท่องเท่ยี ว o จัดทาแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวท่ีเชื่อมโยงกันท้ังเส้นทางท่องเท่ียว ธรรมชาติ เสน้ ทางท่องเท่ยี ววฒั นธรรม หรอื เส้นทางเพ่ือการทาธุรกจิ ภายในจงั หวดั o จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเน่ือง เพื่อใหก้ ลายเป็นกิจกรรมหลกั ในการดึงดดู นักทอ่ งเท่ียวให้เข้ามาในพน้ื ทีอ่ ย่างตอ่ เนือ่ ง เชน่ กจิ กรรม ว่ิงครอสคันทรี/ว่ิงเทรล/Music Festival/ว่ิงเปิดฟ้า พิชิตผาชะนะได รวมถึงการส่งเสริมการท่องเท่ียว โดยชุมชนและการผลกั ดันใหก้ ารทอ่ งเท่ยี วชุมชนเขา้ สู่มาตรฐาน o กาหนด Theme การท่องเท่ียวในแต่ละปีและส่งเสริมให้จัดกิจกรรม ที่สอดคล้องกับ Theme ของจังหวัด เช่น อุบลราชธานีท่องเท่ียว ๓ ฤดู/อีสานเขียวเที่ยวทั้งปี/ อบุ ลราชธานีเมอื ง ๔ แสง/คดิ ถึงนา้ คิดถึงเขา คิดถึงเราอบุ ลราชธานี o การพัฒนาการท่องเท่ียวในด้านการตลาดท่ีครอบคลุมทั้งด้านเน้ือหา ดา้ นเทคนคิ วิธีการและสามารถเช่ือมโยงข้อมูลเพื่อให้สามารถวางแผนการเดนิ ทางท่องเท่ียวได้อย่าง มีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อมูลด้านภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะข้อมูลภาษาอังกฤษท้ังทางออนไลน์ และออฟไลน์ เพ่ือให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติมากขึ้นและรองรับความเป็นสากล มากขึ้น o การจบั คจู่ ังหวัดทอ่ งเท่ียวสาหรับนกั ทอ่ งเที่ยวทไี่ ดร้ ับการฉีดวคั ซีนแล้ว o การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สาหรับนักท่องเท่ียวเฉพาะกลุ่ม ทั้งนี้ เพื่อเพ่ิมทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ ไปสู่ชมุ ชน o จังหวัดศรีสะเกษมีอัตลักษณ์และมีจุดเด่นในหลาย ๆ เร่ืองที่สามารถ บริหารจัดการและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ เช่น มีโบราณสถานและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงาม และมีคุณค่า มีแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติท่ีสวยงามและอุดมสมบูรณ์ มีอาณาเขตติดต่อกับ ประเทศเพื่อนบา้ น และถกู ประกาศให้เปน็ เมอื งกีฬา (Sports City) ๑ ใน ๖ เมืองของประเทศ จึงควร มีการสง่ เสรมิ และผลกั ดนั การท่องเท่ียวในเรอ่ื งดงั กล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
๔๙ ๕.๓.๓ ภาคกลาง ๑) กลุม่ กรงุ เทพมหานคร และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัด อา่ งทอง จงั หวดั ปทมุ ธานี จังหวัดนนทบรุ ี และจงั หวัดนครปฐม สภาพปัญหา o แหล่งท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีส่วนใหญ่อยู่ในความรับผิดชอบของภาครัฐอ่ืน และภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ ผู้ประกอบการรายย่อย (SME) รวมถึงภาคประชาชน ผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสยี ในพ้ืนท่ี o การดาเนินงานด้านการท่องเท่ียวในพ้ืนที่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบหลาย หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย องค์การบริหาร การพัฒนาพ้นื ทพ่ี ิเศษเพ่ือการท่องเท่ยี วอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เปน็ ตน้ o การดาเนินนโยบายด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวไม่ต่อเน่ือง โดยอาจ เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ด้านการเมือง ด้านสังคม ด้านกายภาพ เป็นต้น นโยบายภาครัฐและ ผู้บรหิ ารในแต่ละยคุ สมยั มีการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา o การดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู พัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียว ตอ้ งใช้ระยะเวลาในการดาเนนิ งานอย่างต่อเน่ือง ท้งั ดา้ นนโยบาย ด้านบคุ ลากร และดา้ นงบประมาณ หากดาเนนิ การไมต่ ่อเนื่องการพัฒนาแหลง่ ท่องเทย่ี วอาจเปน็ ไปอยา่ งลา่ ชา้ o กรุงเทพมหานคร ไมม่ ีอานาจในการปราบปราม จบั กมุ ผกู้ ระทาความผดิ ต่อนกั ท่องเท่ียวที่อยู่ในพืน้ ท่ีกรงุ เทพมหานคร โดยเปน็ เพียงผูป้ ระสานงานและการช่วยเหลือ ตลอดจน อานวยความสะดวกแก่นกั ท่องเท่ยี วเท่านัน้ o จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปัญหาที่สาคัญในการบริหารจัดการ การท่องเท่ียวภายในพ้ืนที่ คือ นักท่องเท่ียวส่วนใหญ่เดินทางมาท่องเที่ยวแบบไปเช้า - เย็นกลับ ไม่ได้พัก ค้างคืน ทาให้ไม่สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับชุมชนในพื้นท่ที ่องเทย่ี วเท่าท่ีควร อีกท้ัง มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทาง ท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาลดลง นอกจากน้ียังมีปัญหาในการบริหารจัดการแหล่ง ท่องเที่ยว ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานซ่ึงอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ทาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการหรือรักษาแหล่งท่องเท่ียวดังกลา่ ว ได้อย่างสะดวก รวมถึงปัญหาเก่ียวกับการคมนาคมขนส่งในการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวของ นักท่องเทีย่ ว
๕๐ o ในพื้นท่ีจังหวัดอ่างทองนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาท่องเท่ียว แบบไปเช้า - เย็นกลับ ไม่ได้พักค้างคืน ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ส่งผลให้นกั ทอ่ งเที่ยวเดนิ ทางมาทอ่ งเท่ียวในจังหวดั อา่ งทองลดลง o ท่ีพักที่ให้บริการในจังหวัดอ่างทองยังไม่ได้มาตรฐาน และเพียงพอ ในการรองรับต่อจานวนนักท่องเที่ยว รวมถึงการคมนาคมขนส่งไม่สะดวกในการเดินทางเข้าถึงแหล่ง ทอ่ งเที่ยว นกั ทอ่ งเที่ยวจะต้องเดินทางเขา้ ถึงแหลง่ ท่องเที่ยวโดยรถยนตด์ ้วยตนเอง นอกจากน้ีห้องน้า ในแหล่งท่องเท่ียวยังไม่เพียงพอ และขาดแคลนมัคคุเทศก์ที่จะบรรยายให้ความรู้ในแหล่งท่องเที่ยว ทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ รวมท้งั ผู้ประกอบธรุ กจิ นาเท่ียวในจงั หวดั อา่ งทองมีจานวนนอ้ ย o ในพน้ื ที่จงั หวดั ชยั นาทมีปญั หาเก่ยี วกบั สภาพพ้ืนท่ี กลา่ วคือ สถานที่ บางแห่งยังต้องมีการพัฒนา (Renovate) ปรับปรุงสถานท่ี รวมถึงการปรับภูมิทัศน์ให้มีความ สวยงามซ่ึงในปัจจุบนั ยงั ขาดงบประมาณสนับสนุน รองรับกจิ กรรมท่องเที่ยว รวมถงึ ป้ายแสดงข้อมูล ข่าวสารและสิ่งอานวยความสะดวกให้มีความพร้อมรับการท่องเท่ียววิถีใหม่ในพ้ืนที่ เช่น สวนนก ชยั นาท เข่อื นเรียงหินหน้าศาลากลาง บงึ กระจบั ใหญ่ (อาเภอหนั คา) สวนสาธารณะหนองหวาย (ทา่ ชัย) อาเภอเมือง เขาพลอง อาเภอเมืองชัยนาท รวมถึงการปรับภูมทิ ัศน์ตลอดเส้นทาง ๒ ข้างทาง (ถนน หมายเลข ๑ สายเอเชยี เขา้ จังหวดั ชยั นาท) เป็นตน้ o การเข้าร่วมโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐาน ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ของผู้ประกอบการจังหวัดชัยนาทยังมีจานวนไม่มากนัก และ ข้อจากัดในการเดินทางคมนาคมของนักท่องเที่ยวในการใช้บริการคมนาคมสาธารณะ ท่ีต้องอาศัย กรุ๊ปทัวร์ และการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง ในส่วนของการปรับปรุงเส้นทาง คมนาคม (ถนน) ทีใ่ ชใ้ นการเดนิ ทางมาท่องเทีย่ วจังหวัดชยั นาท เช่น การเดินทางบนถนนสายเอเชีย ท่ีมาทางจังหวัดนครสวรรค์ ยังไม่สะดวกในการเดินทาง โดยในทางปฏบิ ัติต้องไปกลับรถ ณ บริเวณ จุดกลับรถทาให้การเดินทางยังไม่สะดวกในการเข้าพ้ืนที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ประกอบกับระบบ แสงสวา่ งท่ีเชือ่ มทางเข้าออกยงั ไมม่ ีเพยี งพอท่ีจะเห็นได้ชดั นอกจากน้ี การเดนิ ทางเช่ือมโยงระหว่าง แหล่งท่องเท่ียวท่ีอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ยังไม่มีระบบการขนส่งรองรับการเดินทางนักท่องเท่ียว ทีจ่ ะไปแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วอื่น ๆ o เน่ืองจากจังหวัดชัยนาทมีสถานท่ีท่องเท่ียวท่ีไม่โดดเด่นมากนัก เมื่อเทียบกับจังหวัดใกล้เคียงกันในกลุ่มภาคกลาง การสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวต้องอาศัย ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนและต้องดาเนินการส่งเสริมโดยใช้เคร่ืองมือการประชาสัมพันธ์ การตลาด การจัดกิจกรรม การท่องเที่ยวด้วยงบตามแผนพัฒนาจังหวัดเป็นประจาทุกปี งบภารกิจ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา งบการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซ่ึงได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี สามารถกระตุ้นและส่งเสริมการจัดกิจกรรมได้อย่างต่อเน่ือง ท้ังในลักษณะโครงการด้านโครงสร้าง
๕๑ พื้นฐาน/ถนน/เส้นทางจักรยาน การสนับสนุนกิจกรรมประเพณีประจาปีของจังหวัดชัยนาท เช่น งานมหกรรมหุ่นฟางนกและของดีศรีท้องถิ่นจังหวัดชัยนาท งานแข่งเรือยาวเข้าพรรษาจังหวัด ชัยนาท งานวันส้มโอขาวแตงกวาและของดีศรีท้องถ่ินจังหวัดชัยนาท งานมหกรรมเดินป่า ชมพรรณไม้ ย้อนตานานเสือร้าย กินหน่อไม้เขาราวเทียน งานย้อนรอยเล่าขานตานานเมืองแพรกศรีราชา ถน่ิ วีรชนขุนสรรค์ วีรบุรษุ แห่งลุ่มแมน่ า้ นอ้ ย เปน็ ต้น o จากสถิติจานวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเท่ียวจังหวัดชัยนาท และรายได้จากการท่องเท่ียวท่ีเกิดขึ้นในระยะ ๓ ปี ที่ผ่านมา (ปี ๒๕๖o - ๖๕๖๒) ข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา ในปี ๒๕๖๐ มจี านวนนักท่องเที่ยว ๘๒๕,๕๙๖ คน เพม่ิ ขึน้ ร้อยละ ๓.๘๐ มีรายได้เท่ากับ ๑,๒๓๖.๓๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๑.๕๕ ปี ๖๕๖๑ มีจานวน นักท่องเที่ยว ๘๕๐,๘๓๙ คน เพิ่มข้ึนร้อยละ ๗.๕๔ มีรายได้เท่กับ ๑,๓๒๑.๕๙ ล้านบาท เพ่ิมขึ้น ร้อยละ ๖.๘๗ และในปี ๖๕๖๒ มีจานวนนักท่องเท่ียว ๘๔๗,๕๑๙ คน เพ่ิมขึ้น ร้อยละ ๓.๐๖ มีรายได้เท่ากับ ๑,๓๓๒.๐๒ ล้านบาท เพ่ิมขึ้นร้อยละ ๐.๗๙ จะเห็นว่าจานวนนักท่องเท่ียวและ รายได้จากการท่องเท่ียวเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในสัดส่วนอัตราเพิ่มข้ึนท่ีลดลง โดยในปี ๒๕๖๓ มีจานวน นักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเท่ียวลดลงอย่างมาก สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สะท้อนใหเ้ หน็ วา่ การสรา้ งการรับรู้และการประชาสัมพนั ธ์การท่องเท่ียวของ จังหวดั ชยั นาท รวมถงึ การส่งเสริมกิจกรรมดา้ นการท่องเท่ยี วยงั เปน็ สงิ่ ทีท่ า้ ทายในการจัดทาโครงการ ให้ตอบรับกับความต้องการของนักท่องเท่ียว และสอดคล้องกับสภาพพ้ืนฐานของจังหวัด ตลอดจน โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น มหกรรมสินค้า อาหาร สินค้าเกษตร กิจกรรมกฬี าส่งเสริมการท่องเท่ียว เปน็ ตน้ o จังหวัดสิงห์บุรีมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเส้นทางการเช่ือมโยงแหล่ง ท่องเที่ยวในแต่ละพ้ืนท่ี กล่าวคือ แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสิงห์บุรีจะกระจุกอยู่เพียงภายในตัวเมือง และข้ามอาเภอออกไป ซึ่งในแต่ละเส้นทางมิได้เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางจากตัวเมืองสู่แหล่ง ท่องเทยี่ วทางธรรมชาติ o ระบบขนส่ง (โลจิสติกส์) การคมนาคม ขนส่ง พบปัญหาเก่ียวกับ เส้นทางไม่มีความเช่ือมโยงระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด ซึ่งส่งผลทาให้นักท่องเท่ียวที่นิยมขับรถยนต์ มาดว้ ยตนเองเกดิ ความสบั สน และตอ้ งสอบถามเสน้ ทางเข้าจงั หวัดสิงห์บุรี o สถานที่ท่องเที่ยวบางแหง่ ของจังหวัดสิงห์บุรี อย่ภู ายใต้การบริหารงาน ของกรมศิลปากร ซึง่ บางกรณีมีงบประมาณในการปรับปรุงสถานทท่ี ่องเที่ยวไม่สามารถดาเนนิ การได้ ตอ้ งไดร้ ับการอนุญาตจากหน่วยงานที่กากบั ดูก่อน o จังหวัดสิงหบ์ ุรีมขี ้อบกพร่องทคี่ วรปรับปรุง คือ ๑) ส่ิงปลูกสร้างจาก งบประมาณของทางราชการท่ีสร้างขึ้นและไม่ประสบความสาเร็จ เช่น เทวลัยพระพรหมสิงห์บุรี
๕๒ อาคาร พ้ืนที่ห้องน้าไม่ได้ประโยชน์แต่ประการใด หากจะทาการบูรณะบริเวณเทวลัยพระพรหม ไม่สามารถดาเนนิ การได้ ๒) ลาน้าเจ้าพระยา ขณะนี้มีต้นไม้ปกคลุม ดินต้ืนเขิน ไม่เหมาะสมกับการ เป็นลาน้าหลักของเจ้าพระยา ดังน้ันขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดาเนินการปรับปรุง ๒ ริมฝ่ังให้เป็น ลาน้าท่ีสะอาด และข้อเสนอให้ร้ือฟื้นเส้นทางเสด็จประภาสของรัชกาลท่ี ๕ เพ่ือให้เยาวชนรุ่นหลัง รบั ทราบประวัติความเปน็ มา ตลอดจนเป็นการส่งเสรมิ แหล่งท่องเที่ยวเสน้ ทางสายนา้ ได้ o จังหวัดสระบุรีมีแหล่งท่องเท่ียวบางแหล่งอยู่ในพื้นท่ีดูแลของ กรมศิลปากร เช่น พระพุทธฉาย หากจะปรับปรุงหรือจัดกิจกรรมใด ๆ จึงดาเนินการได้ค่อนข้าง ยากลาบาก นอกจากนี้พ้ืนท่ีส่วนใหญ่ของจังหวัดสระบุรีตอนบนจะเป็นพื้นที่ดูแลของสานักงาน การปฏิรูปทด่ี ินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดังนั้น หากจะดาเนนิ การทาโฮมสเตย์ หรอื เป็นแหล่งท่ีพัก ดา้ นการทอ่ งเทีย่ วจะไม่สามารถดาเนินการได้ o สภาพปญั หาดา้ นการทอ่ งเท่ียวของจงั หวดั ลพบรุ ี ประกอบดว้ ย ก. เส้นทางการเช่ือมโยงแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละพ้ืนท่ี กล่าวคือ แหล่ง ท่องเที่ยวในจังหวัดลพบุรีจะกระจุกอยู่เพียงภายในตัวเมือง และข้ามอาเภอออกไป ซ่ึงในแต่ละ เส้นทางมิไดเ้ ป็นเสน้ ทางหลักในการเดนิ ทางจากตัวเมืองสแู่ หลง่ ท่องเทยี่ วทางธรรมชาติ ข. การทอ่ งเทีย่ วชมุ ชนของจงั หวัดลพบุรี ยงั ไมม่ กี ารรบั รองมาตรฐาน ซึ่งในทางปฏิบัติน้ัน หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้ลงพื้นท่ีเพื่อสัมภาษณ์บุคคลภายในชุมชน ซ่ึงพบว่า ชมุ ชนยงั ไม่มคี วามพร้อมสาหรบั การประเมนิ และรวมไปถึงการเปิดธรุ กจิ ทพ่ี กั อยา่ งเปน็ ทางการ ค. งบประมาณและวิธีการใช้งบประมาณสาหรับพัฒนาด้านการ ท่องเที่ยว ขาดความคล่องตัวซึ่งมีหน่วยตรวจสอบที่ซับซ้อน หลายข้ันตอน ส่งผลต่อการปฏิบัติงาน ซึง่ เปน็ ไปอยา่ งลา่ ชา้ ส่งผลตอ่ การขบั เคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด ลพบรุ ี ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ท่ีเกี่ยวขอ้ ง o ผลักดันการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งด้วยการ “รวมกลุ่ม” โดยทาให้ ชาวบา้ นมีจิตสานกึ ทแี่ จม่ ชัดในวัฒนธรรม และภมู ปิ ญั ญาตนเอง o ดาเนินการพัฒนาศักยภาพของชุมชนในย่านต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ ในด้านการท่องเทยี่ ว o กระจายการพัฒนาและส่งเสรมิ การทอ่ งเท่ยี วออกมายงั พนื้ ท่เี ขตรอบ นอกกรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยแบ่งเบาจานวนนักท่องเที่ยวไม่แออัดในเมือง และบริหารจัดการ จราจรใหค้ ล่องตวั o อนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มภายในแหล่งทอ่ งเทย่ี ว
๕๓ o พัฒนาพื้นที่ท่องเท่ียวเพื่อเพ่ิมความปลอดภัย โดยเพ่ิมไฟส่องสว่าง ตามทางสัญจร ราวก้ันทางเดินสาหรับกันตกหรือยึดจับ และกล้องวงจรปิด (CCTV) บริเวณเสน้ ทาง สัญจรในแหล่งทอ่ งเท่ยี ว o ปรับปรุงส่ิงอานวยความสะดวก อาทิเช่น จัดทาทางลาดสาหรับผู้พิการ จัดทาป้าย สอื่ ความหมายทบี่ ง่ บอกความเปน็ มาของสถานที่ต่าง ๆ รวมไปถึงการพฒั นาหรือปรบั ปรงุ ห้องสขุ าให้ได้มาตรฐานและมคี วามสะอาดน่าใช้ o พัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้มีความพร้อมในการรับมือ นักท่องเที่ยว เช่น การจัดโครงการศึกษาแลกเปล่ียนความรู้นอกสถานที่หรือการจัดอบรมเสริม ศักยภาพความรใู้ ห้กบั คนในชมุ ชนและผทู้ ี่มบี ทบาทดา้ นการท่องเทีย่ วในพนื้ ที่ o การจัดกจิ กรรมถนนคนเดิน (Walking Street) เพือ่ เปน็ การเปิดโอกาส ให้ผู้ประกอบการและชุมชนท่ีมีศักยภาพมีพื้นท่ีในการค้าขาย รวมถึงส่งเสริมการท่องเท่ียวและ กระตนุ้ เศรษฐกิจฐานราก o การจัดทาเส้นทางการทอ่ งเที่ยวกรุงเทพมหานคร ๕๐ เขต ออกแบบ เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว ๑ เขต ๑ เส้นทาง ตลอดจนเส้นทางการท่องเที่ยวภายในกลุ่มเขต และเสน้ ทางการท่องเทย่ี วระหวา่ งเขต เสน้ ทางการทอ่ งเที่ยวท้งั ๖ กลุ่มเขต o การประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร โดยการจัดทา ส่ือประชาสัมพันธ์เพ่ือกระตุ้นการท่องเท่ียว รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกรุงเทพมหานคร ผ่านส่ือประชาสัมพันธ์ตา่ ง ๆ เช่น ส่ือโทรทัศน์ (สารคดี สปอต วีดิทัศน์) ส่ือโซเชียลมีเดยี (Web Site YouTube Facebook ) Infographic ซ่ึงสามารถเผยแพร่ให้ประชาชนและนักท่องเท่ียวรับทราบโดยตรง รวดเร็ว และเขา้ ใจง่าย การประชาสมั พนั ธ์การท่องเท่ียวผ่าน Facebook Fan Page ในชื่อ Bangkok Tourism Division สว่ นการทอ่ งเที่ยวกรงุ เทพมหานคร เพอ่ื สร้างภาพลกั ษณท์ ี่ดขี องหน่วยงาน และ ประชาสมั พนั ธก์ ารท่องเท่ียวกรงุ เทพมหานครโดยให้ความรู้ของสถานทีท่ ่องเที่ยว รวมถงึ ประวัติศาสตร์ ของกรงุ เทพมหานคร o การบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวภายในพ้ืนที่ ควรมีการพัฒนาและ ส่งเสริมการท่องเท่ียวในรูปแบบการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน ระมัดระวังเร่ืองผลกระทบต่อวิถีชุมชน ดั้งเดิม ซ่ึงที่ผ่านมาในหลายพ้ืนท่ีเม่ือมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียววิถีชุมชนมีการเปล่ียนแปลง จากเดมิ ท่เี นน้ ความสมั พนั ธ์ระหว่างคนในชมุ ชนที่มีความสามัคคีแนน่ แฟน้ เกิดเปน็ การดาเนนิ กิจกรรม ในเชิงธุรกิจมากขึ้น หรือการเข้าไปซื้อท่ีพักของชุมชนดั้งเดิม เพ่ือพัฒนาเป็นร้านค้าต่าง ๆ ซ่ึงจะ ทาให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนขาดหายไป นอกจากนี้การพัฒนาที่เน้นแต่ทางกายภาพ เช่น การสร้างหรือต่อเติมอาคาร โดยขาดความสนใจในด้านส่ิงแวดล้อมและผลกระทบท่ีอาจเกิดข้ึน โดยรอบ ก่อให้เกิดความแปลกแยกทางวัฒนธรรม และทาให้สภาพแวดล้อมด้ังเดิมสูญเสียไป และต้องพ่ึงพารายได้จากการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เมื่อเกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยไมค่ านึงผลกระทบที่ตามมา อาจทาให้เกดิ แหลง่ ท่องเที่ยวเกิดใหม่ข้นึ ในพ้นื ท่ีใกลเ้ คียงซ่ึงจะส่งผล
๕๔ ให้นักท่องเที่ยวเบี่ยงเบนความสนใจจากชุมชนท่องเที่ยวเดิม เป็นผลให้สถานที่ท่องเท่ียวชุมชนต้อง ปดิ ตวั ลงในที่สุด o ในจังหวัดอ่างทองควรมีการพัฒนาแหลง่ ท่องเทย่ี วเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม ศาสนา และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้เป็นท่ีรู้จักเพ่ิมมากข้ึน ตลอดจนนาเสนอการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่า (Low Carbon Tourism) ท่ีเป็นมิตรกับสงิ่ แวดล้อม ตามแหล่งท่องเท่ียวในจังหวัด เช่น ปลูกป่า และป่ันจักรยาน เป็นต้น ซ่ึงจะเป็นการส่งเสริมและ ช่วยสรา้ งจติ สานึกในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและระบบนิเวศในแหล่งท่องเทีย่ วใหด้ ารงอยู่ถึง อนุชนร่นุ หลังได้ใช้ประโยชน์อยา่ งยัง่ ยืน o พัฒนาผูป้ ระกอบการธุรกิจ มคั คุเทศก์ และบุคลากรด้านการท่องเท่ียว วิถีชีวิตลุ่มแม่น้าเจ้าพระยาตอนกลางให้มีศักยภาพในการแข่งขันต่อความต้องการของตล าด ตามวิถีใหม่ (New Normal) เช่น ศูนย์ชุมชนบ้านแห ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบเพ่ือนพึ่ง (ภา) ยามยาก ศูนยต์ กุ๊ ตาชาวบ้านบางเสดจ็ ศนู ย์เรียนรจู้ ักสานบางเจ้าฉ่า บา้ นทากลองเอกราช ฟาร์มสุขทวี ชมุ ชน ท่องเท่ียวบา้ นปะขาว เป็นต้น o พัฒนาส่ิงอานวยความสะดวกรองรับความต้องการของนักท่องเท่ียว ใหเ้ พียงพอ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายและสร้างความประทบั ใจแก่นักท่องเที่ยว เชน่ ที่พักนักเดนิ ทาง (Home Lodge) โฮมสเตย์คลองน้าเช่ียว โฮมสเตย์บางเจ้าฉ่า และโฮมสเตย์บ้านบางเสด็จ เป็นต้น หอ้ งน้า สาธารณะ ปา้ ยบอกทางและป้ายข้อมลู แหล่งท่องเท่ยี วตา่ ง ๆ เปน็ ต้น o พัฒนาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ วถิ ีชวี ิตลุ่มแมน่ ้าเจา้ พระยาตอนกลาง เชน่ จดั กจิ กรรมทอ่ งเทีย่ วในรปู แบบ Gastronomy Tourism ใช้วิถีการกินในการสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น เดินหน้าตอกย้าความเป็นจุดหมายปลายทางการ ทอ่ งเท่ียวที่โดดเดน่ เรื่องอาหาร เช่น ชมุ ชนคลองนา้ เชี่ยว ชมุ ชนบางเจ้าฉ่า และชมุ ชนบ้านบางเสด็จ รวมท้ังต่อยอดวิถีไทยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์วิถีชีวิตชุมชนท้องถ่ิน ( Local Experience) โดยเดินทางไปท่องเท่ียวยังแหล่งท่องเท่ียวชุมชนท่ีมีศักยภาพ และมีอัตลักษณ์ของ ชุมชนทโี่ ดดเดน่ จะชว่ ยกระจายรายไดส้ ชู่ ุมชนและเกิดการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ อย่างย่ังยืนยงิ่ ขึ้น o สง่ เสรมิ การมีสว่ นรว่ มในการบริหารจดั การสารสนเทศดา้ นการทอ่ งเท่ยี ว วิถีชีวิตลุ่มแม่น้าเจ้าพระยา ตอนกลางของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชน โดยประชาสัมพนั ธ์และสร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวใหม่ในพืน้ ทจ่ี ังหวัดอ่างทอง ผ่านสือ่ ช่องทางตา่ ง ๆ ท้ังออนไลน์และออฟไลน์ o บูรณาการและเช่ือมโยงรูปแบบการท่องเท่ียวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ วถิ ีชวี ติ ลมุ่ แม่น้าเจา้ พระยา ตอนกลางอย่างมสี ่วนร่วมตามวิถีใหม่ (New Normal) โดยเนน้ ความสะอาด และปลอดภยั เพ่ือสรา้ งความเชือ่ มั่นให้แกน่ ักท่องเท่ยี ว o การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเท่ียววิถีชีวิตลุ่มแม่น้าเจ้าพระยา ตอนกลางให้มีศักยภาพในการแข่งขนั ต่อความต้องการของตลาดตามวิถีใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะ
๕๕ มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบการธุรกิจนาเที่ยว ปราชญ์ชาวบ้าน มัคคุเทศก์น้อย และนักสื่อความหมาย เพอ่ื ตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วในฐานะเจา้ บ้านท่ีดี o การกระตุ้นการท่องเท่ียวภายในจังหวัดอ่างทอง โดยจดั ปฏทิ ินกิจกรรม ท่องเที่ยวจังหวัดอ่างทอง เพ่ือเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเท่ียวจังหวัดอ่างทองตลอดท้ังปี ทุกฤดูกาล เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างความประทับใจและประสบการณ์ อันมริ ลู้ ืม o ควรมีการจัดอบรมด้านความปลอดภยั แกบ่ ุคลากรดา้ นการท่องเที่ยว ภายในจังหวัดอ่างทอง โดยเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่หน่วยงานด้านการท่องเท่ียวที่เกี่ยวข้อง โดยการสาธิตการปฐมพยาบาลเบอ้ื งต้น การช่วยเหลือนักท่องเท่ียวกรณีประสบอุบัติเหตุก่อนนาสง่ โรงพยาบาล และการอพยพหรือเคล่ือนย้ายผ้ปู ่วย เปน็ ตน้ o จังหวัดอ่างทอง ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านงบประมาณ และดา้ นอนื่ ๆ เพอื่ การพัฒนาการทอ่ งเทยี่ ว ดงั น้ี ก. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดาเนินการจัดอบรมเพื่อ พัฒนาเครือข่ายด้านการท่องเท่ียว ซ่ึงจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและบูรณาการด้านการ ท่องเท่ียวเพ่ิมมากข้นึ ข. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพ่ือการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ในการพัฒนาและเชื่อมโยงแหล่งท่องเท่ียวในจังหวัดอ่างทองให้เป็นท่ีรู้จักเพ่ิมมากขึ้น เช่น การทา ระบบ “Wifi” ในแหลง่ ท่องเท่ียวทสี่ าคญั การพฒั นา Application ใหม่ ๆ ในการดาวนโ์ หลดข้อมูล หรือ QR Code การจัดกิจกรรมเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในจังหวัดอ่างทอง เช่น โครงการ ประชาสัมพันธ์และพัฒนาศักยภาพชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านสวนมะม่วง อาเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง และการจัด Fam Trip เพื่อเชิญสือ่ มวลชนเข้าร่วมกจิ กรรมดา้ นการท่องเท่ียวต่าง ๆ ค. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพ่ือการส่งเสริมและฟื้นฟูแหล่ง ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพ่ือให้เกิดการอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าท่ีมีมา อย่างยาวนานและกระตุ้นให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสืบสานความดีงามให้คงอยู่ต่อไป เช่น งานราลึกสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช งานสดดุ ีคนดีศรีแผน่ ดนิ ถิน่ นรสิงห์ “พันท้ายนรสิงห์” งานราลึก วีรชนแขวงเมืองวเิ ศษไชยชาญ มหกรรมกลองนานาชาตแิ ละพธิ ีไหวค้ รกู ลอง เปน็ ตน้ ง. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและ ระบบสาธารณูปโภค ประกอบด้วย โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนบางเสด็จ อาเภอป่าโมก โครงการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวชุมชนบางเจ้าฉ่า อาเภอโพธิ์ทอง โครงการก่อสร้างห้องน้า ชาย - หญงิ พิพิธภณั ฑ์เรอื นไทย อาเภอวเิ ศษไชยชาญ โครงการส่งเสรมิ และต่อยอดชมุ ชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวิถี บ้านปะขาว อาเภอป่าโมก โครงการสะพานชมทุ่ง @ รามะสัก และโครงการก่อสร้าง แพท่ีพักนักท่องเท่ียว ตาบลรามะสัก อาเภอโพธิ์ทอง โครงการส่งเสริมส่ิงอานวยความสะดวกให้แก่ นกั ท่องเทยี่ ว ชุมชนบา้ นคลองน้าเชยี่ วโฮมสเตย์ อาเภอวเิ ศษไชยชาญ
๕๖ o จังหวัดชัยนาทควรมีการพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยว สนิ ค้าและ บริการด้านการท่องเที่ยวเพ่ือการเรียนรู้และวิถีชีวิตชุมชนให้มีคุณภาพเกิดความสมดุลและเกิดความ ย่ังยืน ย่านการค้าเมืองเก่า วิถีชีวิตลุ่มน้า สินค้าชุมชน อาหารไทย และแพทย์แผนไทย เพ่ือนามา สร้างสรรค์คุณค่าและมูลค่าผ่านองค์ความรู้นวัตกรรม เทคโนโลยี และการออกแบบเพื่อสร้างสรรค์ เปน็ สินคา้ รวมถงึ การพัฒนากิจกรรมและบริการรูปแบบใหม่ ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว เช่น การทอ่ งเท่ียว เชงิ เกษตรการทอ่ งเทยี่ วโดยชุมชน การทอ่ งเทีย่ วเชิงนเิ วศ การทอ่ งเท่ยี ววถิ พี ุทธ เป็นตน้ o การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่ิงอานวยความสะดวกด้านการ ท่องเที่ยว เช่น ปรับภูมิทัศน์ พัฒนาและยกระดับคุณภาพส่ิงอานวยความสะดวกในพ้ืนที่แหล่ง ทอ่ งเทีย่ ว เป็นตน้ o การเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรม การทอ่ งเทีย่ ว เพื่อใหม้ ที กั ษะและองค์ความรู้ในธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทานของการท่องเที่ยว ท้งั ดา้ น การออกแบบ การวจิ ัยและพัฒนา การสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี การบรหิ ารจัดการธุรกิจและการตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างและความโดดเด่นของสินค้าและบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการของ ตลาดท่องเที่ยว o การส่งเสริมกิจกรรมการท่องเท่ียวเพื่อการเรียนรู้และวิถีชุมชน เช่น สง่ เสรมิ และยกระดับกจิ กรรมเทศกาลประเพณีท้องถิน่ เขา้ สู่ตลาดท่องเท่ยี วระดบั ประเทศ และสรา้ ง ความเชอ่ื มโยงกิจกรรมทอ่ งเท่ียวภายนอกพน้ื ท่ี เปน็ ตน้ o การบูรณาการบริหารจัดการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาด ท่องเที่ยว เช่น การประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยว Online/Offline และการจัดทา ระบบข้อมลู สารสนเทศส่งเสรมิ การท่องเทีย่ ว สรา้ งนวตั กรรมทอ่ งเทีย่ ว เปน็ ต้น o สร้างความเช่ือม่ัน ส่ือสารให้นักท่องเที่ยว ผู้เดินทางให้เกิดการรับรู้ โดยความร่วมมือช่วยกันตาม Supply Chain ต้ังแต่นักท่องเท่ียววางแผนการเดินทางท่องเท่ียว การใชเ้ ส้นทางคมนาคม ที่พักโรงแรม ร้านอาหาร แหลง่ ทอ่ งเที่ยว กจิ กรรมการท่องเทีย่ ว การสง่ เสริม และสนับสนุนให้เครือข่ายการท่องเท่ียวทุกกลุ่มเข้าขอรับการรับรองมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว จากหน่วยงานตา่ ง ๆ เพอื่ การนั ตใี หน้ ักท่องเท่ยี วเกิดความเชื่อม่ัน เช่น โครงการยกระดบั อุตสาหกรรม ท่องเทีย่ วไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสขุ อนามัย (SHA) o สร้างคุณค่าโดยให้นักท่องเท่ียวผู้เดินทางมีความรู้สึกว่าต้องคุ้มค่า กบั การเดนิ ทางมาทอ่ งเที่ยว ค้มุ คา่ ท้ังเงนิ เวลา ความพยายาม o สร้างประสบการณ์ ท่ีตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของ กลุ่มนักท่องเท่ียว (ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย) เช่น การได้สัมผัสวิถีท้องถ่ิน ชุมชน เช่น การกิน การถ่ายรูปธรรมชาติ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวเชิงศรัทธา สภาพแวดล้อม บรรยากาศที่บริสุทธ์ิผ่านการ จัดกิจกรรมสง่ เสริมการทอ่ งเทย่ี วต่าง ๆ ต่อไป
๕๗ o สร้างความแตกต่าง การพฒั นาแหล่งท่องเท่ียวใหม้ ีแรงดงึ ดูดทน่ี ่าสนใจ อยา่ งท่ีเหน็ ได้ชดั เช่น สวนนกชัยนาท เขือ่ นเจ้าพระยา เปน็ ตน้ ยกระดับการท่องเท่ยี วโดยการพัฒนา ภูมทิ ัศน์ หรอื จัดกิจกรรมส่งเสรมิ ใหเ้ ป็นงานระดับประเทศ ในโอกาสต่อไป o จังหวัดชัยนาทขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านงบประมาณ และดา้ นอื่น ๆ เพือ่ พัฒนาการท่องเทีย่ วในจังหวดั ดงั นี้ ก. โครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศ (เงินกู้ ๔ แสนล้านบาท) จานวน ๑๒ โครงการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาจัดสรร งบประมาณ และพร้อมดาเนนิ การไดท้ ันที เรียงตามลาดบั ความสาคญั เร่งด่วนของปญั หา ข. โครงการตามแผนพัฒนาจังหวัดโดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ (ไม่ได้รบั การสนบั สนนุ งบประมาณ กจิ กรรมสง่ เสริมการปั่นจกั รยานตามเสน้ ทางท่องเที่ยววิถชี ุมชน) นอกจากนี้ จังหวดั ชยั นาทยงั มีศักยภาพในการจัดกิจกรรมกีฬาสง่ เสริม การท่องเทย่ี ว เช่น กจิ กรรม Sport Tourism วิง่ เทรลศึกษาเสน้ ทางธรรมชาติป่าเขาราวเทยี น/เส้นทาง เกษตรแหล่งผลติ พันธ์ุข้าว กิจกรรมเดินวิ่ง มินิมาราธอน จักรยานเสือภูเขา กิจกรรมทางน้า เป็นตน้ การดาเนนิ กิจกรรมดงั กลา่ ว เมือ่ ไดร้ บั การสนับสนนุ งบประมาณ จงั หวดั มคี วามพร้อมที่จะดาเนนิ การ จดั กจิ กรรมได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ค. การขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านงบประมาณ และ ด้านอ่ืน ๆ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดชัยนาท ประกอบด้วย ๑) การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ๒) การพัฒนาการบริการด้านการท่องเท่ียว และ ๓) การประชาสัมพันธ์และการตลาดส่งเสริม การทอ่ งเทีย่ ว o จงั หวดั สงิ หบ์ ุรีมีแนวทางในการพัฒนาส่งเสรมิ การท่องเที่ยวในหลายด้าน เช่น ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางมีลักษณะแหล่งท่องเท่ียวที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้น จึงต้องนาความ โดดเด่นของแต่ละจังหวัดออกมา เพราะการท่องเที่ยวต้องการนักท่องเที่ยวเข้ามา การสร้างความ เชื่อมั่นให้กับนักท่องเท่ียว การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ขับเคล่ือนกลไกของจังหวัดเพื่อสร้าง เครือข่าย วางแผนงานในอนาคตเกี่ยวกับการสร้างแพ็คเกจการท่องเที่ยว ระบบ Application ซึ่งจังหวัดสิงห์บรุ ีมุ่งเน้นกลุ่มผู้สูงอายุมากข้ึน เป็นต้น รวมถึงมีแนวนโยบายที่ชัดเจน อาทิ พักอาศัย อยู่จังหวัดสิงห์บุรีต้องมีอายุยืน ๑๐๐ ปี ด้วยความปลอดภัย สุขภาพดี อาหารดี มีความเป็น คนอธั ยาศัยดี o ในพืน้ ที่จงั หวดั สระบุรี ควรมีการพัฒนาบุคลากรใหม้ ีองค์ความรู้ต่าง ๆ รวมถงึ การพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว ผลิตภณั ฑ์ และอนรุ ักษอ์ ัตลักษณ์ในพื้นทท่ี ่องเท่ยี วอยา่ งยง่ั ยืนเป็น วถิ ีชวี ติ ของชุมชน ตลอดจนการประชาสมั พันธ์ในแหล่งท่องเที่ยว และการจัดกจิ กรรมงานต่าง ๆ เพอื่ สรา้ งการรบั ร้ขู องนักท่องเทยี่ ว o ในพ้ืนที่จังหวัดสระบุรีควรมีการวางแผนสาหรับการรักษาสมดุลและ ความยัง่ ยนื ของแหล่งท่องเท่ียว โดยเฉพาะอทุ ยานแหง่ ชาตนิ า้ ตกเจด็ สาวน้อยท่ีจงั หวัดสระบุรีมีแนวคิด
๕๘ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาลุ่มน้ามวกเหล็ก เพื่อยกระดับความสาคัญในภูมิภาค เพื่อรักษาปริมาณและ คณุ ภาพนา้ เพอื่ นาไปสู่การใช้นา้ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ o ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่การท่องเท่ียว เชิงประวัตศิ าสตรร์ อบบรเิ วณวัดพระพทุ ธฉาย และวดั พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี o ควรมีการออกนโยบายกระตุ้นการจัดประชุม สัมมนาของภาครัฐ ในสถานที่เอกชนเพ่ิมข้ึน รวมถึงดาเนินโครงการเพ่ือส่งเสริมการท่องเท่ียวภายในประเทศ เช่น โครงการเราเท่ียวด้วยกนั ซงึ่ ถอื ว่าเป็นโครงการทช่ี ่วยเหลอื ผ้ปู ระกอบการโรงแรมได้เป็นอยา่ งดี o จังหวัดลพบุรีมีข้อเสนอแนะเพื่อประกอบแนวทางในการแก้ไขปัญหา และการบรหิ ารจัดการดา้ นการท่องเทยี่ ว ดังนี้ ก. จากนโยบายการท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี ให้ความสาคัญกับ นักท่องเท่ียวทุกเพศ ทุกวัยหรือที่เรียกว่า Tourist for All เพ่ือให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าได้ทุกพื้นท่ี ซ่ึงจังหวดั ลพบุรใี หค้ วามสาคญั และสนับสนนุ การท่องเทยี่ วด้านอารยสถาปตั ย์ ข. สง่ เสรมิ การท่องเที่ยวเมืองประวัติศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม เนือ่ งจาก จังหวัดลพบุรีมีต้นทุนทางประวัติศาสตร์ เช่น พระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระปรางค์สามยอด บ้านหลวง รับราชทูต (บ้านพระยาวิชาเยนทร์) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุและกาแพงเมืองเก่าลพบุรี เป็นต้น และ ทุนทางวัฒนธรรมท่ีเข้มแข็ง เชน่ กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ เชน่ ไทยเบิ้ง ไทยรามัญ และไทยพวน เปน็ ต้น ค. ส่งเสรมิ การท่องเทีย่ วทางธรรมชาตแิ ละสิง่ ท่ีมนุษยส์ ร้างขน้ึ ได้แก่ เขตรักษาพนั ธุส์ ัตว์ปา่ ชับลังกา เขอื่ นปา่ สกั ชลสิทธ์ิ ซ่ึงเปน็ ท่รี ูจ้ ักอย่างกว้างขวางและยงั มีทุ่งทานตะวัน ทม่ี ที วิ ทศั น์สวยงาม ง. สง่ เสริมการท่องเทีย่ วเชิงสุขภาพ จ. รัฐบาลควรกาหนดนโยบายให้มีความชัดเจนพร้อมทั้งสนับสนุน การท่องเที่ยวเชิงชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากย่งิ ข้นึ ซง่ึ ปจั จุบันทพ่ี กั ภายในชุมชนยังไม่ผ่านการประเมิน โฮมสเตย์ และการประเมนิ การท่องเท่ียวชุมชน จากทอ่ งเทีย่ วและกีฬาจงั หวัด แม้แต่ชมุ ชนเดยี ว ฉ. ส่งเสริมและพัฒนาในด้านอ่ืน ๆ ประกอบด้วย ๑) พัฒนาฟ้ืนฟูและ ยกระดับแหล่งทอ่ งเท่ียวเปน็ เมอื งประวัติศาสตร์ เมืองเก่า และเมืองแห่งอารยธรรม ๒) ส่งเสริมการ สร้างแรงดึงดูดนักท่องเท่ียว ๓) สร้างโอกาสในการพัฒนาสินค้าบริการและปัจจัยสนับสนุนการ ท่องเที่ยว ๔) สร้างความเช่ือม่ันด้านภาพลักษณ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว ๕) พัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานงานสนับสนุนการท่องเที่ยว ๖) พัฒนาศักยภาพการรวมกลุ่มผู้ประกอบการการท่องเที่ยว ๗) ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว ๘) การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ทั้งระบบ ๙) การพัฒนาการประชาสัมพันธ์ข้อมูลและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ๑๐) การจัด กิจกรรมสง่ เสริมการท่องเที่ยว เพอ่ื ส่งเสริมและประชาสัมพนั ธ์การท่องเที่ยวแบบเชิงรุก ๑๑) การพัฒนา โครงสร้างพ้ืนฐานในแหล่งท่องเท่ียวทุกแหล่งเพ่ือให้มีความพร้อมในการต้อนรับดูแลนักท่องเท่ียว Tourism for All ๑๒) การยกระดับกิจกรรมการท่องเที่ยวในภายในจงั หวัด ตั้งแต่กิจกรรมในระดับ ทอ้ งถนิ่ ระดับภมู ิภาค ไปส่รู ะดับประเทศ
๕๙ ๒) กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร และ จังหวดั สมุทรปราการ สภาพปัญหา o ปัญหาพื้นที่ท่องเท่ียวส่วนใหญ่ อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติ และกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม อยู่ในพื้นทก่ี ารรถไฟแหง่ ประเทศไทย อยู่ในพน้ื ที่ เขตทหาร อยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนและพ้ืนที่เขตสานักงานปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม (สปก.) การดาเนินการปิดพื้นท่ีหรือจากัดการเข้าพื้นที่ท่องเท่ียวต่าง ๆ ของหน่วยงาน ส่งผลกระทบต่อ ผ้ปู ระกอบการดา้ นการท่องเทีย่ ว o เส้นทางการเช่ือมโยงแหล่งท่องเท่ียวในแต่ละพืน้ ที่ ยงั ขาดการเช่ือมโยง การทอ่ งเทย่ี วในกลุ่มจงั หวดั รวมถึงขาดการสรา้ งเส้นทางการท่องเทย่ี วในกลุ่มภมู ภิ าค o โครงสร้างพ้ืนฐานโดยเฉพาะถนนไปสู่สถานท่ีท่องเท่ียวยังไม่เอื้อต่อ การเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี ว o การดาเนินการท่ีเก่ียวข้องในด้านการท่องเที่ยวยังมีปัญหาในเรื่อง ขาดการบูรณาการและการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานท้ังภาครัฐและภาคเอกชน กล่าวคือ เป็นไป ในลกั ษณะตา่ งคนต่างทา o จังหวัดกาญจนบุรีประสบปัญหาเร่ืองคุณภาพของแหล่งน้า เช่น แม่น้า แควน้อย แม่น้าแควใหญ่ ซ่ึงเป็นต้นน้าของแม่น้าแม่กลอง และแม่น้าหลาย ๆ สายของกลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนล่าง ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ท่เี กย่ี วขอ้ ง o ควรส่งเสริมการบริหารจัดการท่องเที่ยวอย่างเป็นระเบียบ การจัด กิจกรรม และการส่งเสริมการท่องเทีย่ วใหส้ อดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม พัฒนา ระบบสาธารณสุขให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกนั พรอ้ มรบั นักทอ่ งเที่ยวอยา่ งมคี ุณภาพ o ควรมีการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพ่ือตอบสนอง ความต้องการของนกั ท่องเท่ียว เชน่ การออกแบบถุงผ้าควรใหม้ ีความโดดเด่น มีความทันสมัย เป็นต้น o ควรมีการพัฒนาการท่องเที่ยวใหม่ เพิ่มศักยภาพแหล่งท่องเท่ียว เพื่อเช่ือมไปยังแหล่งท่องเท่ียว คือ น้าตกไทรโยค สรรคบุรี ทองผาภูมิ โดยเฉพาะเช่ือมโยงมายัง เขตเมอื งทีม่ จี านวนท่พี กั และรา้ นอาหารเปน็ จานวนมาก เพ่อื กระตนุ้ สนิ คา้ และบริการด้านการท่องเท่ียว o ควรมีการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเท่ียว พัฒนาความรู้ ความ สามารถด้านตา่ ง ๆ เช่น ด้านภาษา เปน็ ตน้ เพือ่ เปน็ การยกระดบั ผู้ประกอบการ
๖๐ ๕.๓.๔ กล่มุ จงั หวดั ภาคตะวันออก ๑) กลุ่มภาคตะวันออก ๑ ประกอบด้วย จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวดั จันทบุรี และจังหวัดตราด สภาพปัญหา o การขออนุญาตใช้พ้ืนที่ในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวหรือบริเวณอื่น ๆ เพอ่ื การพฒั นาหรือเพื่อการสนับสนนุ ด้านสาธารณปู โภค มักมขี อ้ ติดขดั ในเรื่องการพิจารณาอนุญาต ของหน่วยงานเจ้าของพื้นท่ี ทาให้ไม่สามารถพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพ้ืนฐานด้านการ ท่องเท่ียวได้ o จังหวัดจันทบุรีมีปัญหาในเรื่องระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุม และโครงสรา้ งพื้นฐานทย่ี ังเขา้ ถึงแหลง่ ท่องเท่ียวไดไ้ ม่ครบถ้วน หน่วยงานที่เกยี่ วข้องควรเรง่ ผลักดัน และขับเคลือ่ นให้เกิดการพฒั นาในพื้นทโี่ ดยเรว็ o พ้ืนที่อุทยานแห่งชาติบางแห่ง ยังมีงบประมาณท่ีจากัดในด้านการ พัฒนาสิง่ อานวยความสะดวกและการพัฒนาระบบปอ้ งกันความปลอดภัย o ปัญหาการปิดด่านชายแดน ทาให้ไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่าง สองประเทศได้ ส่งผลกระทบต่อเรื่องการท่องเท่ียว การค้าธุรกิจชายแดน และการท่องเที่ยว เชงิ สุขภาพท่ีมีการเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และหน่วยงาน ทเ่ี ก่ียวข้อง o รัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณในด้านการท่องเท่ียวอย่างเต็มท่ี ไม่ควรปรับลดงบประมาณของภาคการท่องเทยี่ ว และควรผอ่ นคลายกฎระเบียบและข้อจากัดตา่ ง ๆ ให้จังหวัดและภาคเอกชนสามารถดาเนินโครงการต่าง ๆ ได้ โดยหลายโครงการไม่สามารถพัฒนาได้ เนอื่ งจากตดิ ขดั กบั ระเบียบและมาตรการต่าง ๆ o ควรมีการแก้ไขปัญหาในเร่ืองการจราจรในพ้ืนท่ี และการรักษา มาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐาน SHA Plus ของสถานประกอบการ รวมทั้งการปฏิบัติ ตามมาตรการ เพ่ือไมใ่ หม้ ีการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 o ภาครัฐควรสนับสนุนให้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ยังคงมีต่อไป เนื่องจากเป็นตัวช่วยสาคัญของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ท่ีทาให้ยังสามารถ ดาเนนิ กจิ การตอ่ ไปได้ o ควรหาแนวทางในการรองรับชุมชนพื้นท่ีบางชันซึ่งเป็นหมู่บ้านกลาง ทะเล เพอ่ื ให้ชมุ ชนสามารถคงอยู่ได้อยา่ งถูกต้องตามกฎหมายและยังสามารถคงเสนห่ ์ทส่ี มบูรณ์ของ ชุมชนไวไ้ ด้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 654
Pages: