Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 3 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

เล่ม 3 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2023-01-19 11:43:43

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

๗๘ ดังน้ัน หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการปลูกปาล์มจะต้องวางแผนและส่งสัญญาณ ให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มทราบถึงแนวโน้มและทิศทางของการใช้น้ามันปาล์มในอนาคต เพ่ือไม่ให้ผลผลิต ปาล์มล้นตลาดและราคาตกต่า นอกจากนี้ ควรมีการส่งเสริมการส่งออกปาล์มไปยังตลาดในประเทศต่าง ๆ ให้มากข้ึน รวมทั้งการนาไปใช้ในการสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ เพ่ือสร้างมูลค่าเพ่ิม ทั้งน้ี เพ่ือช่วยกระจายผลผลิตปาล์มและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพ่ือเป็นทางเลือกนอกจากการนามาผลิตเป็น ไบโอดเี ซล ๓) ความเห็นต่อขอ้ สงั เกตและข้อเสนอแนะเก่ียวกบั การปรับโครงสร้างราคานา้ มนั เชือ้ เพลงิ ของคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๓.๑) ความเหน็ ต่อมาตรการระยะส้นั (๑) ภาพรวมของมาตรการระยะส้ัน กระทรวงพลังงานเห็นด้วยกับ ข้อเสนอทุกข้อในมาตรการในระยะส้ัน แต่บางข้อจะต้องมีหน่วยงานที่เก่ียวข้องเข้ามารั บผิดชอบ ดาเนินการ เช่น การลดภาษีสรรพสามิตน้ามันลง ๒ บาทต่อลิตร กระทรวงพลังงานเห็นด้วย แต่ไม่อาจ ดาเนินการเองได้เนื่องจากเป็นอานาจของกระทรวงการคลังที่จะพิจารณาดาเนินการในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มีการประสานไปยังกระทรวงการคลังเพ่ือให้พิจารณาลดภาษีสรรพสามิตลง ในอัตราทเี่ หมาะสม (๒) การลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพ่ือส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลงั งานไดด้ าเนินการลดการจัดเกบ็ แลว้ โดยลดการจดั เก็บเหลือเพียง ๐.๕ สตางค์ต่อลิตร โดย ให้มีผลเป็นเวลา ๑ ปี ซึง่ ต่างกับข้อเสนอของคณะอนกุ รรมาธิการทใ่ี ห้เหลอื เพยี ง ๐.๑ สตางค์ตอ่ ลติ ร (๓) การสารองน้ามันเชื้อเพลิงในอัตราเท่าเดิม อยู่ในอานาจของกรม ธุรกิจพลงั งาน โดยได้มกี ารหารือในเร่ืองดงั กล่าว ซึ่งสานักงานนโยบายและแผนพลังงานไม่ได้รับผิดชอบ ในเร่อื งน้ี (๔) การพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ในภาวะวิกฤตด้านราคาน้ามันเช้ือเพลิงมีความห่วงใยและตระหนั กถึงภาระของประชาชนผู้ใช้น้ามัน อันเป็นผลมาจากการปรบั ตวั สงู ข้นึ ของราคาไบโอดีเซล ซงึ่ ปจั จุบนั มีราคาสงู ถึงลติ รละประมาณ ๕๐ บาท ๓.๒) ความเหน็ ต่อมาตรการระยะยาว (๑) การลดชนิดน้ามัน เห็นด้วยที่จะให้มีการดาเนินการในเรื่องนี้ แต่การดาเนินการในทางปฏิบัติจะต้องมีการหารือกับผู้ค้าน้ามันเชื้อเพลิงเพื่อทราบถึงความเป็นไปได้ ในการดาเนินการ (๒) การเสนอให้ต้ังคณะกรรมการเพ่ือศึกษาการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ รถยนต์สันดาปภายในเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันได้มีการตั้งคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าเพ่ือศึกษา ผลกระทบและการเตรียมความพร้อมไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตอันใกล้น้ีการใช้ เช้อื เพลิงชีวภาพ และผู้ประกอบการทเี่ ก่ยี วข้อง รวมท้ังโรงกลั่นน้ามนั จะต้องมีการปรับตัวในการเปลี่ยน ผา่ นไปส่กู ารใช้ยานยนตไ์ ฟฟา้ แทนยานยนตท์ ใี่ ช้น้ามนั (๓) การปรับเปล่ียนยานยนต์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร ๔ กรมธุรกิจพลงั งานเป็นผูร้ ับผดิ ชอบในเรอ่ื งน้ี ซึ่งรถที่มีอายุการใช้งานนานอาจมีปัญหาในการปรับเปลี่ยน เครือ่ งยนต์เพ่อื ให้เป็นไปตามมาตรฐานดังกลา่ ว

๗๙ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า การกาหนดราคาขายปลีกน้ามันเช้ือเพลิงที่เป็น ราคาเดียวกนั ท้ังประเทศสามารถดาเนินการไดห้ รอื ไม่ ผู้แทนจาก สนพ. ได้ตอบประเด็นซักถามว่า การดาเนินการเพ่ือให้ราคาขายปลีก น้ามันเชื้อเพลิงมีราคาเดียวกันทั้งประเทศจะเกิดขึ้นได้ หากมีการพัฒนาระบบการขนส่งน้ามันทางท่อ กระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ซ่ึงจะมีต้นทุนต่ากว่าการขนส่งโดยรถท่ีใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นถ้ามีระบบ ขนสง่ นา้ มันทางทอ่ กจ็ ะสามารถกาหนดราคาใหเ้ ป็นราคาเดยี วกันทัง้ ประเทศได้ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า การเก็บภาษีเทศบาลในน้ามันเช้ือเพลิงท่ีมี การจัดเก็บในอัตรารอ้ ยละ ๑๐ ของภาษสี รรพสามติ น้ัน หนว่ ยงานใดเป็นผู้จดั เกบ็ ผู้แทนจาก สนพ. ได้ตอบประเด็นซักถามว่า การเก็บภาษีเทศบาลในน้ามัน เชื้อเพลิงท่ีจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๑๐ ของภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิตเป็นผู้จัดเก็บให้ และส่งให้ กระทรวงมหาดไทยเพือ่ นาไปใชใ้ นการพัฒนาท้องถิน่ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า สนพ. ได้มีข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงานเพอ่ื แก้ปัญหาวกิ ฤตนา้ มนั แพงในด้านใดบ้าง ผู้แทนจาก สนพ. ได้ตอบประเด็นซักถามว่า สนพ. ได้มีการติดตามสถานการณ์ การปรับข้ึนลงของราคาน้ามันอย่างใกล้ชิด และใช้กลไกผ่านทางกองทุนน้ามันเช้ือเพลิงในการตรึงราคา น้ามัน รวมท้ังกระทรวงพลังงานได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อขอให้พิจารณาปรับลดภาษี สรรพสามิตนา้ มันลง หากราคาน้ามันยงั ปรับตัวสงู ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๓.๒.๑๙ สถานการณ์ราคาและแนวโน้มการใช้ก๊าซธรรมชาติส้าหรับยานยนต์ (NGV) และก๊าซปโิ ตรเลยี มเหลว (LPG) ผู้แทนส้านกั งานนโยบายและแผนพลงั งาน (สนพ.) ได้ใหข้ ้อมลู โดยสรุป ดงั นี้ ๑) สถานการณ์ราคาและการใช้ก๊าซ NGV ของประเทศไทย ปัจจุบันตามโครงสร้างราคาของก๊าซธรรมชาติ และโครงสร้างราคาขายปลีก NGV นัน้ ราคา NGV จะข้ึนอยู่กบั ราคากา๊ ซธรรมชาตเิ หลว (LNG) ตลาดโลก จากข้อมลู ตงั้ แต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน (กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ – กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) จะเห็นได้ว่า ภาครัฐดูแลราคาขายปลีกก๊าซ NGV มาโดยตลอด โดยการตรึงราคาขายปลกี NGV สาหรบั รถท่ัวไปและรถโดยสารสาธารณะ โดยในปี ๒๕๖๕ มีการคาดการณ์ว่า ราคา NGV อาจจะปรับสูงข้ึนถึงระดับ ๒๓ บาทต่อกิโลกรัม ซ่ึงปัจจุบันภาครัฐได้มี การช่วยเหลือโดยการตรึงราคาก๊าซ NGV สาหรับรถทั่วไปและรถโดยสารสาธารณะ อยู่ท่ีระดับราคา ๑๕.๕๙ บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ บรษิ ัท ปตท. จากดั (มหาชน) ได้ดาเนินโครงการ “NGV ลมหายใจ เดยี วกัน” เพ่ือช่วยเหลอื รถแท็กซี่ในเขตพืน้ ที่กรงุ เทพฯ และปริมณฑล ให้สามารถซ้ือก๊าซ NGV ในราคา ๑๓.๖๒ บาทต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา ๔ เดือน สาหรับภาพรวมการใช้ก๊าซ NGV ของประเทศไทย ต้งั แตป่ ี ๒๕๔๘ – ๒๕๖๔ พบว่า จากปี ๒๕๔๘ มีปริมาณการใช้กา๊ ซ NGV เพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ๒๕๕๗ และมีแนวโน้มการใช้กา๊ ซ NGV ลดลงจนถึงปี ๒๕๖๔ เนื่องจากมีจานวนรถที่ใช้กา๊ ซ NGV ลดลง ซ่ึงขอ้ มูล ณ วนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ มจี านวนรถใชก้ า๊ ซ NGV สะสม ประมาณ ๓๒๑,๑๓๙ คัน

๘๐ ๒) มาตรการช่วยเหลอื ผู้ใช้ก๊าซ NGV ภาคขนส่ง และทิศทางการสนับสนุนการใช้ กา๊ ซ NGV ในอนาคต มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ก๊าซ NGV ในปัจจุบัน คณะกรรมการบริหารนโยบาย พลงั งาน (กบง.) ได้มมี ติเมอื่ วนั ท่ี ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และวนั ท่ี ๑๑ มกราคม ๒๕๖๕ เหน็ ชอบให้คง ราคาขายปลีก NGV สาหรบั รถทั่วไปและรถโดยสารสาธารณะ อยู่ท่ีระดบั ราคา ๑๕.๕๙ บาทตอ่ กิโลกรัม เป็นระยะเวลา ๔ เดือน (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕) นอกจากน้ี ปตท. ได้ดาเนิน โครงการ “NGV เพ่ือลมหายใจเดียวกนั ” เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซ่ี ในเขตพ้ืนที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยซื้อก๊าซ NGV ท่ีราคา ๑๓.๖๒ บาทต่อกิโลกรัม วงเงินท่ีได้รับ ส่วนลดไมเ่ กิน ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน มีผลตั้งแต่วนั ท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ – ๑๕ มนี าคม ๒๕๖๕ ในส่วนของทิศทางการสนบั สนุนการใช้กา๊ ซ NGV เนื่องจากในปัจจบุ ันมกี ารใช้ ก๊าซ NGV กับรถทุกประเภท ได้แก่ รถโดยสารประจาทาง รถบัส รถบรรทุก รถตู้โดยสารประจาทาง รถบ้าน และรถแท็กซ่ี ซึ่งในอนาคตจะมีการปรับปรุงให้เป็นเช้ือเพลิงสะอาดท่ีเหมาะสมกับรถแต่ละ ประเภท โดยรถท่ีใช้ก๊าซ NGV จะต้องเป็นรถที่คุ้มค่าในการใช้งาน คือ รถโดยสารประจาทาง รถบัส รถบรรทุก และรถตู้โดยสารประจาทาง สาหรับก๊าซ LNG จะใช้กับรถขนาดใหญ่ คือ รถโดยสารประจา ทาง รถบัส และรถบรรทุก รวมทั้งมีการปรับทิศทางให้รถบ้านและรถแท็กซี่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึง่ ปจั จุบันไดเ้ ริม่ ติดต้งั สถานอี ัดประจไุ ฟฟ้าในสถานีบรกิ ารกา๊ ซ NGV บางแหง่ แลว้ ๓) สถานการณแ์ นวโน้มราคาและการใชก้ ๊าซ LPG สถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๓ เป็นต้นมา ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ต่อถัง ๑๕ กิโลกรัม อยู่ท่ี ระดับเกิน ๔๐๐ บาทตอ่ ถัง ซึ่งขอ้ มลู ณ เดือนมกราคม ๒๕๖๕ อยทู่ ่ีราคา ๔๓๒ บาทตอ่ ถัง ๑๕ กโิ ลกรัม โดยภาครัฐได้ใช้เงินกองทุนน้ามันเชื้อเพลิงอุดหนุนเพ่ือเป็นการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในประเทศ ให้อยู่ในระดับที่ ๓๑๘ บาทต่อถัง ๑๕ กิโลกรัม ต้ังแต่ปี ๒๕๖๓ จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลาประมาณ ๒๓ เดอื น สง่ ผลใหม้ ีเงนิ ไหลออกจากกองทุนนา้ มนั เช้อื เพลงิ ประมาณ ๗๐ ล้านบาทตอ่ วัน หรือประมาณ ๑,๙๖๓ ล้านบาทต่อเดือน ทาให้ฐานะกองทุนน้ามันเช้ือเพลิง บัญชี LPG ในเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ติดลบอยู่ที่ประมาณ ๒๔,๖๖๙ ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้มีการทบทวนการกาหนดราคา LPG โดยมติ กบง. เมื่อวันท่ี ๑๑ มกราคม ๒๕๖๕ ได้เห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ซ่ึงไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม อยู่ท่ี ๑๔.๓๗๕๘ บาทต่อกิโลกรัม โดยมกี รอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ ประมาณ ๓๑๘ บาทต่อถัง ๑๕ กิโลกรัม ท้ังน้ี ให้มีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ในส่วนของภาพรวมการใช้ก๊าซ LPG จากข้อมูลปี ๒๕๕๕ – ๒๕๖๔ พบว่า ต้ังแต่ปี ๒๕๕๘ เป็นต้นมา การใช้ก๊าซ LPG ในภาคขนส่งและภาคครัวเรือนมีปริมาณลดลง โดยในปี ๒๕๖๔ ภาคครัวเรือนมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ ๓๓ และภาคขนส่งมีสัดส่วนอยู่ท่ีร้อยละ ๑๑ ของปริมาณ การใช้ท้ังหมด นอกจากนี้ ปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ในปี ๒๕๖๕ เปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๓ มีสัดส่วน ทเ่ี พิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๗

๘๑ ๔) หลักการและกลไกราคา LPG ปจั จุบนั การจดั หา LPG มาจาก ๓ แหล่ง ได้แก่ (๑) โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ ๕๕ (๒) โรงกล่ันน้ามัน ร้อยละ ๓๖ และ (๓) การนาเข้า ร้อยละ ๙ ซึ่งในส่วนของโรงกล่ันน้ามันและ การนาเข้า มีต้นทุนการผลิตตามตลาดโลก ในขณะที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติใช้วัตถุดิบเป็นก๊าซธรรมชาติ ท่ีมาจากอ่าวไทย ทาให้มีต้นทุนการผลิตต่ากว่าการนาเข้า ภาครัฐจึงใช้กลไกกองทุนน้ามันเชื้อเพลิงเก็บ เงินส่วนต่างจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และนารายได้ดังกล่าวมาตรึงราคาขายปลีก LPG ในประเทศ สาหรับการอา้ งองิ ราคา LPG ตลาดโลก ซง่ึ ราคา LPG ของประเทศไทยจะปรับขึน้ ลงตามราคาตลาดโลก ในส่วนของราคา ณ โรงกล่ัน กาหนดให้เปลี่ยนแปลงทกุ ๒ สปั ดาห์ เพือ่ ลดความผนั ผวน ซึ่งอ้างอิงราคา นาเขา้ เพ่อื ให้สามารถนาเขา้ LPG ได้อย่างเสรีในการรองรับการผลิตจากโรงแยกก๊าซธรรมชาตทิ จี่ ะลดลง ในอนาคต ทั้งนี้ โครงสร้างราคา LPG อ้างอิงราคาตลาดโลกจาก LPG Cargo (ข้อมูลของ Platts) เฉล่ีย ๒ สัปดาห์ย้อนหลัง ในส่วนของราคาเนื้อก๊าซ LPG จะใช้ระบบอ้างอิงราคานาเข้าแต่ราคาที่จ่ายจริง ต่ากว่า ซ่ึงมาจากการอุดหนุนด้วยเงินท่ีเก็บจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดยมีหลักการที่สาคัญ ดังน้ี (๑) อ้างอิงราคานาเข้าเพือ่ ใหส้ ามารถนาเข้า LPG มาแข่งขันกับผูผ้ ลิตในประเทศไดอ้ ยา่ งเสรี และเพิม่ ระดับ การแข่งขันในตลาด (๒) โรงแยกก๊าซธรรมชาติจะต้องโดนเก็บเงินส่วนต่างให้มีต้นทุนใกล้เคียงกับผู้นาเข้า รายอ่ืน เพื่อให้เกิดการแข่งขันบนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน (๓) นารายรับท่ีได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ มาอุดหนุนราคาขายปลกี LPG ในประเทศให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และ (๔) แม้ว่าจะมีการอ้างอิงราคา เนอื้ กา๊ ซ LPG ด้วยราคานาเข้า แตร่ าคาจรงิ ที่ประชาชนตอ้ งจา่ ยยังคงมกี ลไกภาครัฐช่วยดแู ล ผู้แทนจากบริษัท ปตท. จ้ากัด (มหาชน) ไดใ้ ห้ขอ้ มูลโดยสรปุ ดังนี้ ๑) ภาพรวมการผลติ และจาหน่าย NGV การจัดหาก๊าซธรรมชาติในการผลิต NGV มาจาก ๓ แหล่ง ได้แก่ (๑) ก๊าซ ธรรมชาติจากอ่าวไทย (๒) การนาเข้า LNG และ (๓) ก๊าซธรรมชาติจากประเทศเมียนมาร์ ส่งผ่านท่อก๊าซ ธรรมชาติ ซึ่งก๊าซธรรมชาติตรงส่วนนี้มีโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติจากแนวท่อ ที่กาหนดโดย คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.) จากนั้น ก็จะเข้าสู่กระบวนการของ NGV ซึ่งเรียกวา่ การปรบั คุณภาพ (Quality Modification) เน่ืองจากกรมธรุ กิจ พลังงานได้กาหนดคุณภาพของก๊าซ NGV เพ่ือควบคุมค่าความร้อนให้เหมาะสมกับการนามาใช้กับรถยนต์ ทกุ ประเภท กอ่ นจาหนา่ ยไปยงั สถานีบรกิ าร NGV ตอ่ ไป สาหรับสถานีบริการ NGV ท่อี ยู่ใกล้แนวทอ่ จะมีการต้ังสถานปี รับคุณภาพและ ดาเนินการจาหน่ายก๊าซ NGV ได้ทันที ในสว่ นของสถานีบริการ NGV ที่ไม่ได้อยู่ในแนวท่อจะมีสถานีแม่ หรือคลัง (Mother Station) เพื่อบรรจุก๊าซ โดยใชร้ ถขนส่งไปยังสถานบี ริการ NGV ต่อไป ซ่ึงโครงสร้าง ราคาขายปลกี NGV ตรงสว่ นน้ีกาหนดโดย กพช. และ กบง. น อก จาก น้ี ยังมี สถ านี บ ริก าร NGV ท่ี เรีย กว่า Ex-Pipeline ซึ่ งเป็ น ผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ซื้อก๊าซจากแนวท่อตามนโยบายของภาครัฐเพ่ือลดการผูกขาดการจาหน่าย ก๊าซ NGV ของ ปตท. ไม่ให้มีเพียงเจ้าเดียว โดยใช้โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติจากแนวท่อสาหรับ ภาคขนส่ง (Ex-Pipeline) ท่ีกาหนดโดย กพช. และ กบง. สาหรับจานวนสถานีบริการ NGV ในปัจจุบัน

๘๒ ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ มีจานวนทั้งส้ิน ๓๖๔ สถานี แบ่งออกเป็น สถานีบริการท่ี ปตท. ดูแล จานวน ๒๗๐ สถานี และสถานบี ริการเอกชนทไ่ี มไ่ ดใ้ ช้แบรนด์ ปตท. จานวน ๙๔ สถานี ๒) สถานการณ์ราคาและแนวโนม้ การใช้ NGV จากข้อมูลปริมาณจาหน่าย NGV ต้ังแต่ปี ๒๕๔๘ – ๒๕๕๗ พบว่า มีอัตรา การเติบโตท่รี วดเรว็ มาก จากปริมาณ ๑๕๒ ตันต่อวัน เพิม่ ข้นึ จนถงึ ๘,๘๐๘ ตนั ตอ่ วัน หลังจากในช่วงปี ๒๕๕๘ เป็นต้นมา เมื่อราคาขายปลีกน้ามันเช้ือเพลิงลดลง ทาให้ปริมาณการจาหน่าย NGV ลดลงตาม ไปด้วย ซึ่งราคาขายปลีก NGV ในปี ๒๕๖๔ จะเห็นได้ว่า ในเดือนมกราคม ๒๕๖๔ มีราคาอยทู่ ่ี ๑๓.๓๕ บาทต่อกิโลกรัม และเริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีราคาสะท้อนต้นทุนแท้จริง อยู่ที่ ๑๘.๕๔ บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากการจัดหาก๊าซธรรมชาติประสบปัญหาการลดกาลังการผลิต ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยในชว่ งการเปล่ียนแปลงผู้รบั สัมปทานปโิ ตรเลียม เม่อื ปรมิ าณก๊าซธรรมชาตจิ าก แหล่งอ่าวไทยลดลง ทาให้ต้องมีการนาเข้า LNG เพิ่มข้ึน รวมทั้งในอนาคตอาจจะมีปัญหาการจัดหา กา๊ ซธรรมชาตจิ ากแหล่งเมยี นมาร์ด้วย ซงึ่ ปตท. ได้ประมาณการราคาขายปลกี NGV ในปี ๒๕๖๕ จะอยู่ ในชว่ งราคา ๑๙ – ๒๒ บาทต่อกิโลกรมั ๓) การกาหนดราคา NGV โดย กพช. และ กบง. ๓.๑) โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ Ex-Pipeline ประกอบด้วย Pool Gas + S + ค่าผ่านท่อ + X + Vat โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (๑) Pool Gas หมายถึง ราคาเฉล่ียก๊าซธรรมชาติ จากอ่าวไทย เมียนมาร์ และ LNG (๒) S หมายถึง อัตราค่าบริการสาหรับการจัดหาและค่าส่งก๊าซ ธรรมชาติ ซ่ึงปัจจุบันเท่ากับร้อยละ ๑.๗๕ ของ Pool Gas (๓) ค่าผ่านท่อ หมายถึง อัตราค่าบริการ ส่งก๊าซทางท่อในส่วนค่าบริการส่วนของต้นทุนคงท่ี (Demand Charge) สาหรับระบบท่อนอกชายฝั่ง ที่ระยอง (Zone 1) และระบบท่อบนฝั่ง (Zone 3) และอัตราค่าบริการส่งก๊าซทางท่อในส่วนค่าบริการ ของต้นทุนผันแปร (Commodity Charge) และ (๔) X หมายถึง ค่าบริหารจัดการในการขายส่งก๊าซ ธรรมชาติจากแนวท่อสาหรับภาคขนส่ง ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร + ค่าใช้จ่าย ในการบารุงรักษาระบบท่อ สถานีควบคุมความดัน และวัดปริมาตรก๊าซ ซ่ึงปัจจุบัน กบง. ได้กาหนดไว้ เท่ากับ ๓.๗๓๓๖ บาทต่อลา้ นบที ียู หรอื ประมาณ ๐.๑๘ บาทต่อกิโลกรัม ท้ังน้ี โครงสรา้ งราคาดังกล่าว จะมกี ารคานวณราคาเป็นรายเดือน โดยใช้ราคา Pool Gas ของเดอื นกอ่ นหน้า ๓.๒) โครงสร้างราคาขายปลีก NGV ประกอบด้วย Pool Gas + S + ค่าผ่าน ทอ่ + ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการในรัศมี ๕๐ กิโลเมตร + ค่าขนส่งส่วนเกิน ๕๐ กิโลเมตร + Vat โดยมี รายละเอียด ดังน้ี (๑) Pool Gas หมายถึง ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย เมียนมาร์ และ LNG (๒) S หมายถึง อัตราคา่ บรกิ ารสาหรับการจัดหาและคา่ สง่ กา๊ ซธรรมชาติ ซึง่ ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ ๑.๗๕ ของ Pool Gas (๓) ค่าผ่านท่อ หมายถึง อัตราค่าบริการส่งก๊าซทางท่อในส่วนค่าบริการส่วนของต้นทุน คงที่ (Demand Charge) สาหรับระบบท่อนอกชายฝ่ังท่ีระยอง (Zone 1) และระบบท่อบนฝ่ัง (Zone 3) และอัตราค่าบริการส่งก๊าซทางท่อในส่วนของค่าบริการของต้นทุนผันแปร (Commodity Charge) (๔) ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการในรัศมี ๕๐ กิโลเมตร หมายถึง ต้นทุนการดาเนินกิจการ NGV รวมค่า ขนส่งภายในรัศมี ๕๐ กิโลเมตร ซงึ่ ปัจจุบัน กบง. กาหนดไวท้ ี่ ๓.๘๙ บาทตอ่ กิโลกรัม และ (๕) คา่ ขนส่ง ส่วนเกิน ๕๐ กิโลเมตร หมายถึง ค่าขนส่งส่วนเกิน ๕๐ กิโลเมตร จากสถานีหลัก ซ่ึงปัจจุบัน กบง.

๘๓ กาหนดกรอบไว้ไม่เกิน ๔ บาท ทั้งน้ี โครงสร้างราคาดังกล่าวจะมีการปรับราคาทุกวันที่ ๑๖ ของเดือน โดยใชร้ าคา Pool Gas ของเดอื นก่อนหน้า ๔) แนวทางการปรับลดราคา NGV และมาตรการชว่ ยเหลอื จากข้อมูล ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ ปตท. มีภาระขาดทุนสะสมจาก การอุดหนุนราคาขายปลีก NGV จานวน ๑๔๐,๔๔๑ ล้านบาท แบ่งออกเป็น (๑) ภาระจากโครงสร้าง ราคา NGV ทไี่ ม่สะทอ้ นต้นทนุ จานวน ๑๒๒,๔๒๓ ล้านบาท และ (๒) การช่วยเหลอื ราคา NGV สาหรับ กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ จานวน ๑๘,๐๑๘ ล้านบาท ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือราคาขายปลีก NGV ในปจั จุบนั ตามมติ กบง. ได้ขอความอนุเคราะหใ์ ห้ ปตท. ดาเนินการ ดังน้ี (๑) ใหช้ ่วยเหลือส่วนลด ราคา NGV สาหรบั ผขู้ ับขี่รถแท็กซี่ โดยจาหนา่ ยท่รี าคา ๑๓.๖๒ บาทตอ่ กโิ ลกรมั เปน็ ระยะเวลา ๔ เดือน ครึ่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ และ (๒) คงราคาขายปลีก NGV อยู่ที่ ๑๕.๕๙ บาทต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา ๔ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ทัง้ น้ี หากราคาขายปลีก NGV มีการปรับตามโครงสรา้ งราคาขายปลีก NGV จะทาใหร้ าคาในชว่ ง วันที่ ๑๖ มกราคม – ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ อยู่ท่ี ๑๙.๑๖ บาทต่อกิโลกรัม และในช่วงวันที่ ๑๖ กมุ ภาพนั ธ์ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ประมาณการราคาไวท้ ่ี ๒๑.๐๘ บาทต่อกิโลกรมั ๕) ภาพรวมการจดั หาและการใช้ LPG จากข้อมูลภาพรวมการจัดหาและการใช้ LPG ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ – ๒๕๖๓ มีความสอดคล้องกับข้อมูลของสานักงานนโยบายและแผนพลังงาน คือ สัดส่วนการจัดหาและ การใช้ LPG ลดลง โดยการจัดหา LPG ลดลงร้อยละ ๒.๗ และการใช้ LPG ลดลงร้อยละ ๒.๖ ท้ังน้ี จากข้อมูลในปี ๒๕๖๔ (เดือนมกราคม –พฤศจิกายน) มีสัดส่วนการจดั หา LPG รวมท้ังสน้ิ ๕๑๗ พันตัน ต่อเดือน แบ่งออกเป็น โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ ๕๔ โรงกลั่น ร้อยละ ๓๗ และนาเข้า ร้อยละ ๙ ในส่วนของการใช้ LPG มีสัดส่วนรวมท้ังสิ้น ๕๒๓ พันตันต่อเดือน แบ่งออกเป็น ปิโตรเคมี ร้อยละ ๔๓ ครวั เรอื น รอ้ ยละ ๓๒ อุตสาหกรรม รอ้ ยละ ๑๑ ขนสง่ รอ้ ยละ ๑๐ สง่ ออก ร้อยละ ๓ และใชเ้ อง (ผู้ผลิต ใช้เป็นเช้อื เพลิงในกระบวนการผลติ เอง) รอ้ ยละ ๑ ๖) มาตรการช่วยเหลือผ้ใู ช้กา๊ ซ LPG และทิศทางและแนวโน้มการสนับสนุนการใช้ LPG เป็นเชอื้ เพลิงในภาคขนส่ง ปตท. ได้มีมาตรการช่วยเหลือในส่วนของราคาขายปลีก LPG ดังน้ี (๑) ดาเนนิ การใหก้ ารช่วยเหลอื สว่ นลดคา่ กา๊ ซ LPG สาหรับกลุ่มผ้มู รี ายได้นอ้ ย ภายใต้โครงการประชารัฐ สวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จานวน ๔๕ บาทต่อคนต่อ ๓ เดือน ซึ่งสนับสนุนงบประมาณ โดยกระทรวงการคลัง ต้ังแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป และ (๒) ดาเนินการให้การช่วยเหลือ ส่วนลดคา่ ก๊าซ LPG สาหรับกลุ่มรา้ นค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ท่ีมบี ัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จานวน ๑๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ซ่ึงสนับสนุนงบประมาณโดย ปตท. ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป สาหรับ ทศิ ทางและแนวโนม้ การสนบั สนนุ การใช้ LPG เป็นเช้ือเพลิงในภาคขนส่ง ตามแนวทางการบรหิ ารจัดการ น้ามันเชื้อเพลิง (Oil Plan 2018) ได้กาหนดทิศทางการใช้ LPG ในอนาคตไว้ โดยในปี ๒๕๘๐ ได้คาดการณ์ปริมาณการใช้ LPG ภาคขนส่งให้อยู่ท่ี ๐.๒๘ ล้านกิโลกรัมต่อวัน หรือลดลงร้อยละ ๑๒ ตอ่ ปี และมเี ปา้ หมายใหร้ ถยนตท์ ตี่ ิดตัง้ LPG ออกจากตลาดภายในปี ๒๕๘๐

๘๔ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า ปัจจุบันการกาหนดโครงสร้างราคา NGV อ้างอิง จากราคานา้ มนั ดเี ซลหรือไม่ อยา่ งไร ผแู้ ทนจาก สนพ. ตอบประเดน็ ข้อซักถามวา่ ในอดีตโครงสร้างราคา NGV ไม่ได้มี การอ้างอิงราคาใด โดยปัจจุบันได้กาหนดแนวทางให้มีการอ้างอิงราคาน้ามันดีเซล แต่ยังไม่สามารถ ดาเนนิ การได้ เนื่องจากราคานา้ มันมีการปรบั ตวั สงู ข้ึนอยา่ งต่อเนอื่ ง ผูแ้ ทนจาก ปตท. ตอบประเด็นข้อซักถามวา่ การกาหนดราคา NGV ตั้งแต่เร่ิมต้น ในช่วงปี ๒๕๔๔ เพื่อเป็นการเชิญชวนให้มีการใช้ NGV จึงมีการอ้างอิงราคาน้ามันดีเซล โดยต้ังราคา NGV ในระดับราคาร้อยละ ๕๐ ของราคานา้ มนั ดเี ซลในขณะน้นั ซงึ่ ปตท. ได้จดั ทาแผนการกาหนดราคา NGV ร่วมกับ สนพ. และ กพช. ได้มีมติให้ใช้การอ้างอิงราคาดังกล่าวจนถึงปี ๒๕๕๐ ต่อมาในปี ๒๕๕๔ กพช. ได้จัดทาโครงสร้างราคา NGV เป็นลักษณะ Cost Plus คือ การกาหนดราคาจากต้นทุน โดย นาต้นทุนมาบวกกันเพ่ือไม่ให้การใช้ NGV ถูกบิดเบือนจากผู้ประกอบการ ซ่ึงโครงสร้างราคาดังกล่าว ได้กาหนดไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ แต่มีการประกาศใช้จริงในปี ๒๕๕๙ จากน้ัน ในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓ สนพ. ได้มีการหารือกับ ปตท. ว่า จะดาเนินการจัดทาโครงสร้าง NGV โดยอ้างอิงราคาน้ามัน ดีเซล ซึ่งในขณะนั้นราคาน้ามันดีเซลอยู่ที่ประมาณ ๒๐ บาทต่อลิตร และได้เสนอต่อ กบง. แล้ว แต่ยัง ไม่ได้มีการประกาศใช้โครงสร้างราคาดังกล่าว โดยหลังจากน้ันตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ เป็นต้นมา ราคาน้ามัน มีการปรับตัวสูงข้ึนอย่างต่อเนื่อง ทาให้มีการชะลอโครงสร้างราคา NGV ที่อา้ งอิงราคาน้ามันดเี ซลเอาไว้ ก่อน ทาใหป้ จั จุบนั โครงสร้างราคา NGV เปน็ ราคาแบบ Cost Plus คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า จากข้อมูลภาพรวมการจัดหา LPG ในปี ๒๕๖๔ สดั สว่ นของโรงแยกกา๊ ซธรรมชาติ รอ้ ยละ ๕๔ เปน็ ก๊าซทมี่ าจากแหล่งใด ผู้แทนจากบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ตอบประเด็นข้อซักถามว่า การจัดหา LPG ในสัดส่วนของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ ๕๔ เป็นก๊าซท่ีมาจากแหล่งอ่าวไทย เมียนมาร์ และพ้ืนที่ พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) ซึ่งเป็นภาพรวมทั้งหมด สาหรับสัดส่วนของก๊าซท่ีมาจากแต่ละแหล่ง เป็นเท่าใด ต้องตรวจสอบตัวเลขใหแ้ นช่ ดั กอ่ นแล้วจะแจ้งข้อมลู ให้ทราบต่อไป คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า แนวโน้มการใช้ NGV และ LPG เป็นเช้ือเพลิงในภาค ขนส่ง ในระยะเวลาอีก ๕ ปขี า้ งหน้าสามารถคาดการณไ์ ด้หรอื ไมว่ ่าจะมที ศิ ทางเปน็ อย่างไร ผู้แทนจากบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ตอบประเด็นข้อซักถามว่า แนวโน้มการใช้ NGV และ LPG เป็นเช้ือเพลิงในภาคขนส่ง ในระยะเวลาอีก ๕ ปีข้างหน้า ได้มีการคานวณปริมาณ ความต้องการใช้ NGV และ LPG แล้ว พบว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสาคัญ โดยหากเป็นช่วง ระยะเวลาท่ีมากกว่าน้ัน คาดว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอันเน่ืองมาจากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และ พลังงานทดแทนอื่น ๆ ท่ีมีต้นทุนมากข้ึน อย่างก็ตาม ในอนาคตปริมาณความต้องการใช้ NGV และ LPG จะลดลงอย่างแน่นอน เนือ่ งจากมียานยนตไ์ ฟฟ้า LNG และเชอ้ื เพลิงประเภทอื่นมาทดแทน และหากตลาด ให้การยอมรับเช้ือเพลิงเหล่าน้ีก็จะมาแทนท่ีการใช้ NGV และ LPG ซ่ึงจะทาให้ NGV และ LPG เป็นเช้ือเพลิงท่ีรอการเปล่ียนผ่านเท่านั้น ทั้งน้ี ในส่วนของ NGV อาจจะยังมีปริมาณความต้องการใช้ ในสัดส่วนที่ไม่มากและหากโครงสร้างราคา NGV สามารถสะท้อนต้นทุนท่ีแท้จริงแล้ว ก็จะทาให้มี การพจิ ารณาเลอื กใชพ้ ลงั งานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

๘๕ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า จากข้อมูลภาพรวมการใช้ LPG ในปี ๒๕๖๔ สดั สว่ นของการส่งออก ร้อยละ ๓ และใชเ้ อง รอ้ ยละ ๑ หมายความว่าอยา่ งไร ผู้แทนจากบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ตอบประเด็นข้อซักถามว่า เนื่องจาก การพิจารณาภาพรวมของการใช้ LPG ไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณการใช้ที่แน่นอนได้ ทาให้มีปริมาณ ส่วนเกินสะสมเพ่ิมขึ้นจึงต้องมีการส่งออก โดยกระทรวงพลังงานได้ให้ความสาคัญกับความเพียงพอของ LPG ในประเทศ ทาให้มีกระบวนการที่กาหนดให้ผู้ค้าทุกรายจะต้องมีการรายงานความต้องการใช้และ การผลิตไปท่ีกรมธุรกิจพลังงานเพื่อพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลความเพียงพอของ LPG ในประเทศ ก่อนอนุมัติให้มีการส่งออกต่อไป ซ่ึงผู้ค้าจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าเป็นระยะเวลาประมาณ ๒ เดือน สาหรบั สัดสว่ นของการใช้เอง ร้อยละ ๑ เปน็ การใชเ้ องในกระบวนการผลติ ของโรงกลั่น ๓.๒.๒๐ ภาพรวมการจัดหา การผลิต และการบริหารจัดการแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติ ทมี่ ผี ลต่อโครงสร้างราคาน้ามนั เช้ือเพลิง ผแู้ ทนกรมเชอื้ เพลิงธรรมชาติ ไดใ้ หข้ อ้ มูลโดยสรปุ ดงั น้ี ๑) ภาพรวมการจัดหาและการใช้ปิโตรเลยี มในประเทศ ในปี ๒๕๖๔ ประเทศไทยมีการจัดหาปโิ ตรเลียมท้ังส้ิน ๑,๘๘๘ พนั บาร์เรลต่อ วันเทียบเท่าน้ามันดิบ มีการใช้และการจัดหาปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันลดลง เม่ือเทียบกับปี ๒๕๖๔ ซึ่งการแสดงผลของหน่วยของข้อมูลที่แถลงต่อที่ประชุมนี้ มีการนาค่าความร้อนมาแปลงหน่วยจาก ก๊าซธรรมชาติใหเ้ ทียบเทา่ น้ามันดิบหนึ่งบารเ์ รล ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ ๑๖๐ ลิตร โดยประเทศไทยสามารถ ผลิตน้ามันดิบในประเทศได้อยู่ที่ ๙๘ พันบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยสามารถผลิต น้ามันดิบได้ประมาณวันละหน่ึงแสนบาร์เรลต่อวัน แต่ความต้องการใช้น้ามันดิบในประเทศสูงถึง ประมาณหนึง่ ล้านบารเ์ รลตอ่ วนั สว่ นของการผลติ ก๊าซธรรมชาตเิ หลวในประเทศอย่ทู ่ี ๗๙ พันบาร์เรลตอ่ วนั เทียบเท่านา้ มันดิบ และผลติ ก๊าซธรรมชาติในประเทศอยู่ท่ี ๕๑๘ พนั บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ามันดิบ ซึ่งรวมการผลิตปิโตรเลียมในประเทศท้ังส้ินอยู่ท่ี ๖๙๕ พันบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ามันดิบ หรือ ประมาณร้อยละ ๓๗ ของการจัดหาปิโตรเลียมท้ังหมดของประเทศ ซึ่งมีการนาเข้าน้ามันดิบ น้ามัน สาเร็จรูป LNG และก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ ๑,๑๙๓ พันบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ามันดิบ หรือประมาณ ร้อยละ ๖๓ ของการจัดหาปิโตรเลียมท้ังหมดของประเทศ และมีการใช้ก๊าซธรรมชาติ และน้ามัน สาเร็จรูปอยู่ท่ี ๑,๘๒๕ พันบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ามันดิบ และมีการส่งออกน้ามันดิบและน้ามัน สาเร็จรปู อยูท่ ่ี ๒๒๒ พันบารเ์ รลต่อวันเทียบเท่าน้ามนั ดิบ ๒) การดาเนินงานของกรมเชื้อเพลงิ ธรรมชาติ การให้สิทธิสารวจและผลิตปโิ ตรเลียมจากการเปดิ ใหย้ ืน่ เพ่ือขอรับสิทธิ จานวน ๒๓ รอบ ในระบบสัมปทานตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และต้ังแต่ปี ๒๕๑๔ – ๒๕๖๔ มีสัมปทานท่ียังดาเนินงานรวม ๓๗ สัมปทาน จานวน ๕๘ แปลงสารวจ แบ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมบนบก จานวน ๑๘ แปลง และแหล่งปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย จานวน ๔๐ แปลง ไม่มีแหล่งปิโตรเลียม ในทะเลฝงั่ อันดามัน แมว้ ่าจะมีการสารวจแตไ่ ม่สามารถมีการพฒั นาใหเ้ ป็นแหลง่ ปิโตรเลียมได้ นอกจากระบบสัมปทานปิโตรเลียมดังกล่าวแล้ว ประเทศไทยมีการใช้ระบบ สัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract: PSC) ตามพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๓๓ องค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย MTJDA ซ่ึงมีการดาเนินกิจการ ๓ แปลง ได้แก่ แปลง

๘๖ A-17 แปลง B-17 และแปลง A-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย (Joint Development Area: JDA) ซึง่ เป็นพน้ื ทีใ่ ตท้ ะเลบริเวณไหล่ทวีประหวา่ งประเทศไทยและมาเลเซียในบริเวณอ่าวไทยตอนลา่ ง ในส่วนของการดาเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านของแปลง G1/61 หรือแหล่ง ก๊าซธรรมชาติเอราวัณแปลง G2/61 หรือแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช ใช้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับท่ี ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีผู้รับสัญญา ได้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ย่ี ดีเวลลอปเมนท์ จากัด หรือปตท.สผ. อีดี ร่วมทุนกับบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศ ไทย) จากัด ซงึ่ ผ้รู ับสัญญาอย่ใู นช่วงเตรียมการ (๒๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ – ๒๓ เมษายน ๒๕๖๕) และเรม่ิ ระยะเวลาสารวจปิโตรเลยี ม ต้ังแต่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๕ ๓) สถานการณ์การผลิตปโิ ตรเลยี ม มกราคม – ธนั วาคม ๒๕๖๔ ประเทศไทยมีการผลติ ปิโตรเลยี มวนั ละ ๖๙๕,๑๗๖ บารเ์ รลเทยี บเท่านา้ มนั ดบิ โดยสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เฉล่ียวันละ ๒,๙๗๑ ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือประมาณ ๕๑๘,๒๒๗ บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ามันดิบ มาจากแหล่งปิโตรเลียมบนบกร้อยละ ๖ และมาจากแหล่งปิโตรเลียม ในทะเลร้อยละ ๙๖ ของการผลิตก๊าซธรรมชาตทิ ่ีได้ท้ังหมด สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวเฉลี่ยวันละ ประมาณ ๘๙,๒๗๒ บาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ามันดิบ มาจากแหล่งปิโตรเลียมในทะเลร้อยละ ๙๙ ของ การผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่ได้ท้ังหมด และสามารถผลิตน้ามันดิบวันละ ๙๗,๖๗๗ บาร์เรลต่อวัน เทียบเท่าน้ามันดิบ มาจากแหล่งปิโตรเลียมบนบกร้อยละ ๓๒ และจากแหล่งปิโตรเลียมในทะเลร้อยละ ๖๘ ของการผลิตนา้ มนั ดบิ ทไี่ ดใ้ นประเทศทั้งหมด ๔) การบริหารจัดการการจัดหากา๊ ซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่านของแปลง G1/61 ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้รับสัญญาของแปลง G1/61 อาจมีความเส่ียงด้าน การส่ือสารหรืออาจเกิดเหตุการณ์ที่ทาให้ไม่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติตามเป้าในช่วงแรกของสัญญา แบ่งปันผลผลิต อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดย คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานมกี ารต้งั คณะอนุกรรมการบริการจดั การรองรบั สถานการณฉ์ ุกเฉิน ด้านพลังงาน โดยมีมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ ซึ่งอาจมีการจัดหาก๊าซธรรมชาติเพ่ิมเติมจาก แหล่งกา๊ ซที่มศี ักยภาพหรอื จากแหล่งอาทิตย์ แปลง B8/32 แปลง G2/61 และอยู่ระหว่างการเจรจาเพ่ือ จัดหาก๊าซธรรมชาติมาเพิ่มเติมจากแหล่งพื้นท่ีพัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ไดป้ ระสานผู้รบั สัมปทานให้เตรียมความพร้อมในการเรียกรับก๊าซธรรมชาติเต็มความสามารถตามสัญญา ซือ้ ขายกา๊ ซธรรมชาติ หรอื อาจเปล่ียนไปใชถ้ ่านหิน นา้ มันเช้อื เพลิง พลงั งานทดแทน หรอื เชอื้ เพลงิ อน่ื ๆ เพ่ือบรหิ ารจดั การตน้ ทุนการผลติ ไฟฟา้ ๕) ปรมิ าณสารองปิโตรเลยี มของไทย จากรายงานประจาปขี องกรมเชอื้ เพลิงธรรมชาติ ณ สิ้นปี ๒๕๖๓ ประเทศไทย มีการผลิตก๊าซธรรมชาติ ท้ังสิ้น ประมาณ ๑.๑๖ ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ปิโตรเลียมชนิดก๊าซธรรมชาติ มีปริมาณสารองที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserves) หรือ P1 ประมาณ ๓.๙๔๗ ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่าจะสามารถใช้ได้อีกประมาณ ๓.๔ ปี และมีปริมาณสารองท่ีคาดว่าจะพบก๊าซธรรมชาติ (Probable Reserves) หรือ P2 ประมาณ ๓.๖๑๗ ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่าจะสามารถใช้ได้อีก ประมาณ ๖.๕ ปี และ 2P (P1+P2) ท้ังสิ้น ประมาณ ๗.๕๖๔ ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ปิโตรเลียมชนิด คอนเดนเสท (Condensate) มีปริมาณสารองที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserves) หรือ P1 ประมาณ

๘๗ ๑๐๒.๖๕ ล้านล้านบาร์เรล และมีปริมาณสารองที่คาดว่าจะพบคอนเดนเสท (Probable Reserves) หรือ P2 ประมาณ ๑๒๙.๘๒ ล้านล้านบาร์เรล และ 2P (P1+P2) ท้ังสิ้น ประมาณ ๒๓๒.๔๗ ล้านล้าน บาร์เรล ปิโตรเลียมชนิดน้ามันดบิ มปี รมิ าณสารองท่ีพสิ ูจน์แลว้ (Proved Reserves) หรอื P1 ประมาณ ๙๒.๔๔ ล้านลา้ นบาร์เรล และมีปริมาณสารองทค่ี าดวา่ จะพบน้ามันดิบ (Probable Reserves) หรอื P2 ประมาณ ๘๑.๖๗ ล้านล้านบาร์เรล และ 2P (P1+P2) ทั้งส้ิน ประมาณ ๑๗๔.๑๑ ล้านล้านบาร์เรล หากผู้รบั สัมปทานไม่มกี ารลงทุนสารวจและพัฒนาแหล่งปโิ ตรเลียมเพิ่มเติม หรือไม่มีการค้นพบปริมาณ สารองเพ่ิมเติม และอัตราการผลิตปิโตรเลียมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทรัพยากรให้เป็นปริมาณสารอง ประเทศไทยจะมีปโิ ตรเลยี มใช้ ในอัตราน้ีไดอ้ กี ประมาณ ๔ ปี ท้ังนี้ ปัญหาการดาเนินกิจกรรมการสารวจและผลิตปิโตรเลียมบนบกในพื้นท่ี ท่ีมีศักยภาพทางธรณีวิทยายังมีอุปสรรค เน่ืองจากกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม มีวตั ถุประสงคใ์ ช้ท่ดี นิ เพ่อื การเกษตร มิใชเ่ พือ่ กจิ การสารวจปิโตรเลียม ๖) รายไดร้ ัฐจากการสารวจและผลติ ปโิ ตรเลียม กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทาหน้าท่ีดาเนินการจัดเก็บ รายไดจ้ ากการสารวจและผลิตปโิ ตรเลียม แบง่ ประเภทรายได้ ไดด้ ังนี้ (๑) การจัดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ – ๒๕๕๗ ท้ังสิ้น ๖๐๓,๔๖๕ ลา้ นบาท และข้อมลู การจดั เก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลยี มย้อนหลัง ไดแ้ ก่ ปี ๒๕๕๘ มกี ารจัดเก็บคา่ ภาคหลวงปิโตรเลยี มได้ ๕๐,๐๙๑ ล้านบาท ปี ๒๕๕๙ มีการจดั เกบ็ คา่ ภาคหลวงปโิ ตรเลียมได้ ๔๑,๙๔๔ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๐ มกี ารจดั เก็บค่าภาคหลวงปโิ ตรเลยี มได้ ๔๐,๒๓๒ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๑ มีการจดั เก็บคา่ ภาคหลวงปิโตรเลียมได้ ๔๔,๕๕๖ ล้านบาท ปี ๒๕๖๒ มีการจัดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียมได้ ๔๕,๑๑๐ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๓ มีการจดั เก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียมได้ ๓๖,๓๗๕ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๔ มีการจัดเก็บค่าภาคหลวงปโิ ตรเลียมได้ ๓๘,๘๐๔ ล้านบาท รวมรายได้ของรัฐจากการจัดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ท้ังส้ิน ๘๙๖,๕๗๘ ลา้ นบาท (๒) การจัดเก็บเงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ - ๒๕๕๗ ท้ังส้ิน ๔๗,๒๒๕ ล้านบาท และข้อมลู การจัดเกบ็ เงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษยอ้ นหลัง ได้แก่ ปี ๒๕๕๘ มกี ารจดั เกบ็ เงินผลประโยชน์ตอบแทนพเิ ศษได้ ๒,๕๑๔ ล้านบาท ปี ๒๕๕๙ มีการจดั เกบ็ เงินผลประโยชนต์ อบแทนพิเศษได้ ๑,๑๐๒ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๐ มีการจัดเก็บเงินผลประโยชน์ตอบแทนพเิ ศษได้ ๖๕ ล้านบาท ปี ๒๕๖๑ มกี ารจัดเก็บเงินผลประโยชนต์ อบแทนพิเศษได้ ๔๕๖ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๒ มีการจัดเกบ็ เงนิ ผลประโยชนต์ อบแทนพเิ ศษได้ ๑,๑๕๑ ล้านบาท ปี ๒๕๖๓ มกี ารจัดเกบ็ เงินผลประโยชน์ตอบแทนพเิ ศษได้ ๓๙ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๔ มกี ารจัดเก็บเงินผลประโยชนต์ อบแทนพเิ ศษได้ ๑๔๕ ลา้ นบาท รวมรายไดข้ องรัฐจากการจดั เก็บเงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษได้ ทั้งส้ิน ๕๒,๗๓๖ ล้านบาท

๘๘ (๓) รายได้จากองค์กรร่วมไทย–มาเลเซีย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ - ๒๕๕๗ ท้ังส้ิน ๑๐๐,๐๒๗ ลา้ นบาท และขอ้ มลู การจดั เก็บเงนิ ผลประโยชนต์ อบแทนพเิ ศษยอ้ นหลงั ได้แก่ รายไดจ้ ากองค์กรรว่ มไทย–มาเลเซีย ปี ๒๕๕๘ จานวน ๑๘,๓๓๙ ล้านบาท รายได้จากองคก์ รรว่ มไทย–มาเลเซยี ปี ๒๕๕๙ จานวน ๑๘,๕๐๘ ลา้ นบาท รายไดจ้ ากองคก์ รรว่ มไทย–มาเลเซีย ปี ๒๕๖๐ จานวน ๑๑,๖๓๓ ลา้ นบาท รายไดจ้ ากองค์กรร่วมไทย–มาเลเซยี ปี ๒๕๖๑ จานวน ๑๒,๘๐๒ ลา้ นบาท รายได้จากองคก์ รรว่ มไทย–มาเลเซยี ปี ๒๕๖๒ จานวน ๑๒,๕๓๙ ลา้ นบาท รายไดจ้ ากองคก์ รร่วมไทย–มาเลเซยี ปี ๒๕๖๓ จานวน ๑๑,๙๑๒ ล้านบาท รายไดจ้ ากองคก์ รร่วมไทย–มาเลเซีย ปี ๒๕๖๔ จานวน ๑๑,๓๔๙ ลา้ นบาท รวมรายได้จากองค์กรร่วมไทย–มาเลเซยี ทั้งสิ้น จานวน ๑๙๗,๑๑๐ ล้านบาท (๔) รายได้อ่ืนจากค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาการผลิตของแหล่งเอราวัณ บงกช NC SW1 PTTEP1 BB/32 EU1 และ E5 ต้ังแต่ปี ๒๕๕๐ - ๒๕๕๗ ทั้งสิ้น ๑๑,๓๑๑ ล้านบาท และ ขอ้ มูลรายไดอ้ ่ืน ไดแ้ ก่ ปี ๒๕๕๘ มีรายได้อื่น จานวน ๖,๓๐๗ ลา้ นบาท ปี ๒๕๕๙ มรี ายไดอ้ น่ื จานวน ๕,๙๑๓ ล้านบาท ปี ๒๕๖๐ มรี ายได้อ่นื จานวน ๗,๑๔๔ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๑ มีรายไดอ้ นื่ จานวน ๗,๓๘๖ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๒ มรี ายได้อื่น จานวน ๗,๗๘๖ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๓ มีรายได้อน่ื จานวน ๗,๐๕๖ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๔ มีรายได้อืน่ จานวน ๗,๓๓๙ ลา้ นบาท รวมรายไดอ้ ่ืน ทง้ั ส้นิ จานวน ๖๐,๓๑๗ ล้านบาท รายได้จาก (๑) การจัดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียม (๒) การจัดเก็บเงิน ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ (๓) รายได้จากองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย และ (๔) รายได้อ่ืนจาก ค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาการผลิตของแหล่งเอราวัณ บงกช NC SW1 PTTEP1 BB/32 EU1 และ E5 ตั้งแตป่ ี ๒๕๒๔ - ๒๕๕๗ ท้งั ส้ิน ๗๖๒,๐๕๘ ลา้ นบาท ดงั น้ี ปี ๒๕๕๘ จานวน ๗๗,๒๕๒ ล้านบาท ปี ๒๕๕๙ จานวน ๖๗,๔๖๗ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๐ จานวน ๕๙,๐๗๔ ล้านบาท ปี ๒๕๖๑ จานวน ๖๕,๒๐๙ ล้านบาท ปี ๒๕๖๒ จานวน ๖๖,๕๘๗ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๓ จานวน ๕๕,๓๘๓ ล้านบาท ปี ๒๕๖๔ จานวน ๕๓,๖๓๗ ลา้ นบาท รายได้จาก (๑) ภาคหลวงปิโตรเลียม (๒) เงนิ ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ (๓) รายได้จากองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย (๔) รายได้อ่ืนจากค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาการผลิตของ แหล่งเอราวัณ บงกช NC SW1 PTTEP1 BB/32 EU1 และ E5 ท้ังส้ิน จานวน ๑,๒๐๖,๗๔๐ ล้านบาท

๘๙ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นกฎหมายหลัก ท่เี กี่ยวข้องกับการดาเนินงานของกรมเชือ้ เพลิงธรรมชาติ โดยมีการจดั เกบ็ ภาษีเงินได้ปโิ ตรเลียม ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ - ๒๕๕๗ ได้ทั้งส้ิน ๙๓๐,๔๔๕ ล้านบาท และข้อมูลการจัดเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียมย้อนหลัง มีดังนี้ ปี ๒๕๕๘ มกี ารจัดเกบ็ ภาษเี งินได้ปิโตรเลยี มได้ ๘๑,๗๔๘ ล้านบาท ปี ๒๕๕๙ มกี ารจัดเก็บภาษเี งนิ ไดป้ โิ ตรเลียมได้ ๔๖,๑๖๔ ล้านบาท ปี ๒๕๖๐ มีการจัดเก็บภาษีเงนิ ได้ปิโตรเลยี มได้ ๓๘,๔๖๑ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๑ มีการจัดเกบ็ ภาษเี งนิ ได้ปิโตรเลยี มได้ ๖๖,๘๑๖ ล้านบาท ปี ๒๕๖๒ มีการจดั เกบ็ ภาษีเงินไดป้ โิ ตรเลียมได้ ๘๔,๑๖๗ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๓ มกี ารจดั เกบ็ ภาษีเงินได้ปิโตรเลยี มได้ ๗๐,๙๕๘ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๔ มกี ารจดั เกบ็ ภาษีเงินได้ปโิ ตรเลยี มได้ ๔๙,๙๔๘ ลา้ นบาท รวมรายไดข้ องรฐั จากภาษีเงินได้ปโิ ตรเลียม ทง้ั สิน้ ๑,๓๖๘,๗๐๗ ลา้ นบาท รายได้จาก (๑) การจัดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียม (๒) การจัดเก็บเงิน ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ (๓) รายได้จากองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย (๔) รายได้อื่นจากค่าตอบแทน การต่อระยะเวลาการผลิตของแหล่งเอราวัณ บงกช NC SW1 PTTEP1 BB/32 EU1 และ E5 และ (๕) การจัดเก็บภาษเี งนิ ได้ปิโตรเลียมต้ังแต่ปี ๒๕๒๔ - ๒๕๕๗ ทั้งสนิ้ ๑,๖๙๒,๕๐๓ ลา้ นบาท และข้อมูล รายไดร้ ัฐจากการสารวจและผลิตปิโตรเลยี ม ยอ้ นหลัง มีดังน้ี ปี ๒๕๕๘ มรี ายไดร้ ฐั จากการสารวจและผลิตปโิ ตรเลียม ๑๕๙,๐๐๐ ลา้ นบาท ปี ๒๕๕๙ มีรายไดร้ ัฐจากการสารวจและผลติ ปิโตรเลียม ๑๑๓,๖๓๑ ล้านบาท ปี ๒๕๖๐ มีรายไดร้ ฐั จากการสารวจและผลิตปิโตรเลยี ม ๙๗,๕๓๔ ล้านบาท ปี ๒๕๖๑ มรี ายไดร้ ัฐจากการสารวจและผลติ ปิโตรเลยี ม ๑๓๒,๐๒๕ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๒ มีรายไดร้ ัฐจากการสารวจและผลติ ปิโตรเลียม ๑๕๐,๗๕๔ ลา้ นบาท ปี ๒๕๖๓ มีรายได้รัฐจากการสารวจและผลติ ปโิ ตรเลียม ๑๒๖,๓๔๑ ล้านบาท ปี ๒๕๖๔ มรี ายไดร้ ัฐจากการสารวจและผลติ ปิโตรเลียม ๑๐๓,๕๘๕ ลา้ นบาท รวมรายได้รัฐจากการสารวจและผลิตปิโตรเลียมย้อนหลังต้ังแต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน ท้งั ส้นิ จานวน ๒,๕๗๕,๔๔๗ ลา้ นบาท คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า เหตุใดข้อมูลตัวเลขการจัดหาและการใช้ ปโิ ตรเลียมในประเทศไมต่ รงกัน ไม่เหมือนกัน หรอื ไมเ่ ป็นตัวเลขเดียวกนั ผู้แทนกรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า ข้อมูล คือ การประมวลผลของทั้งปีของแต่หน่วยงาน และเป็นข้อมูลเทียบเท่าการใช้น้ามันดิบต่อวัน ส่วนข้อมูล การจัดหาเป็นข้อมลู ของแตล่ ะเดือน ทีผ่ ู้ค้าน้ามันมีการนาเขา้ และเก็บปิโตรเลียมไว้ในคลังน้ามันหรือคลัง บรรจุก๊าซธรรมชาติเหลวยังไม่ได้มีการนามาใช้ ดงั น้ัน ข้อมูลตัวเลขการจัดหาและการใช้หรอื การส่งออก จึงไม่ตรงกนั

๙๐ คณะอนุกรรมาธกิ ารซักถามวา่ กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติสามารถคดิ คานวณตวั เลข ได้หรือไม่ว่าส่วนที่เป็นรายได้ของรัฐจากกิจการสารวจและผลิตปิโตรเลียม ในน้ามันเชื้อเพลิงคิดเป็น ลติ รละกบี่ าท ผู้แทนกรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า กรมเชื้อเพลิง ธรรมชาติดาเนินการจัดเก็บรายได้ของรัฐจากกิจการสารวจและผลิตปิโตรเลียมข้ึนอยู่กับสถานการณ์ ราคาข้ึนลงของน้ามันในตลาดโลก และการจัดเก็บค่าภาคหลวงปิโตรเลียมและการจัดเก็บเงิน ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ ไม่ได้จัดเก็บรายได้โดยใช้หน่วยเป็นปริมาตรหรือเป็นลิตร ซ่ึงระบบจัดเก็บ รายไดม้ ีพัฒนาการมาเพอ่ื ความคุม้ ค่าทางพาณชิ ย์และเศรษฐศาสตร์ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีอานาจหน้าที่ ในการกากบั ดูแลผู้รับสัมปทานว่ามีการลกั ลอบขนถ่ายนา้ มนั ดิบในแหล่งปิโตรเลียมทางรถบรรทกุ โดยไม่ ชาระคา่ ภาคหลวงหรือไม่ และมีมาตรการกากบั ดูแลดา้ นคณุ ภาพน้ามนั ดิบ มาตรการด้านความปลอดภัย ในการกากับดูแลการขนถ่ายน้ามันดิบ เพ่ือไม่ให้มีการรั่วไหลก่อให้เกิดมลพิษทางทะเลหรือไม่ อย่างไร และมกี ารกากับดูแลการนาเข้าก๊าซธรรมชาติ LNG หรือไมอ่ ยา่ งไร ผู้แทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า การกากับดูแลกจิ การ ปิโตรเลียมเป็นระบบปิด มีการรายงานข้อมูลต่อกระทรวงพลังงานทุกวัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะมี การลักลอบขนถ่ายน้ามนั ดิบเพ่ือนาไปทดสอบ หรอื โดยไม่แจง้ เจ้าหนา้ ที่ หรือไมผ่ ่านจดุ ซ้ือขาย หากจะมี การลักลอบก็ไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติจากแหล่งปิโตรเลียมในทะเลมีการขนส่งทางท่อส่งก๊าซ เท่านั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีการลักลอบโดยไม่ผ่านจุดซ้ือขาย ปิโตรเลียมจากหลุมที่ผลิตได้อาจมี กระบ วน ก ารขุ ด เจาะโด ยใช้แ รงดั น ขอ งน้ ามั น ดิบ ใส่กลั บ ไป ใน ห ลุม ผลิต เพื่ อ ผลัก ดัน น้ ามัน ดิ บ ห รือ ปิโตรเลียมให้ไหลขึ้นมา ซึ่งปิโตรเลียมท่ีผลิตได้หากไม่มีการซื้อขายก็จะไม่มีการรับชาระค่าภาคหลวง ส่วนมาตรการด้านความปลอดภัยในการกากับดแู ลการขนถ่ายน้ามันดิบติดไฟยากคงไม่เกดิ อุบัติเหตุงา่ ย แท่นขุดเจาะในทะเลใช้เงินลงทุนมากใช้เทคโนโลยีช้ันสูงและมีความแข็งแรงมั่นคงปลอดภัย การซ่อม บารุงรักษาท่อสง่ ก๊าซธรรมชาติในทะเลมีการตรวจสอบโดยเจา้ ของท่อ คือ บริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ใช้อุปกรณ์วิ่งเข้าไปภายในท่อเพ่ือหารอยร่ัว และตามประกาศของกองทัพเรือได้กาหนดเส้นทางเดินเรือ ขนส่งสินค้า และเขตห้ามเดินเรือเข้ามาในแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เพ่ือป้องกันการกระทาที่เป็น การก่อวินาศกรรมสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลส่วนคุณภาพน้ามันดิบหากมีการปนเป้ือนสารปรอท มีผลต่อราคาซ้ือขาย เนื่องจากโรงกล่ันอาจไม่รับซื้อและหากผู้รับสัมปทานจะมีการส่งออกน้ามันดิบ ผู้รับสัมปทานต้องมีการแจ้งหรือต้องรายงานต่อกรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ และหากมีการนาเข้าก๊าซ ธรรมชาติเหลว LNG ทางเรือ กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติไม่มีหน้าท่ีในการกากับดูแลและการนาเข้าก๊าซ ธรรมชาติจากประเทศเมียนมา ไมม่ กี ารจัดเกบ็ รายได้เขา้ รฐั คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีการบริหารจัดการ กรณกี ารร้อื ถอนแทน่ ผลิตปโิ ตรเลียมในทะเลหลังสิ้นอายุสัมปทานอยา่ งไร ผู้แทนกรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า พระราชบัญญัติ ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ไม่ได้มีการกาหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การร้ือถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมหลังสิ้น อายุสัมปทาน ซ่ึงเป็นประเด็นที่ต้องมีการเจรจาถึงความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการร้ือถอนแท่นผลิต ปโิ ตรเลยี มในทะเล

๙๑ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า คาส่ังของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เม่ือปี ๒๕๖๐ ได้แก้ไขปัญหาและอุปสรรค ในการดาเนินกิจกรรมการสารวจและผลิตปิโตรเลียมบนบก ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏริ ปู ทด่ี ินเพ่อื เกษตรกรรมแล้วใช่หรอื ไม่ ผู้แทนกรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า คาส่ังหัวหน้าคณะ รกั ษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง การใช้ที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร และประโยชน์ สาธารณะของประเทศ ซง่ึ การใช้อานาจตามมาตรา ๔๔ ของรฐั ธรรมนูญ ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดนิ เพ่ือ เกษตรกรรมมีอานาจพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินเพ่ือการประกอบกิจการปิโตรเลียม การสารวจแร่ การทาเหมือง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยแก้ไขปัญหาให้เฉพาะผู้ที่ได้รับสัมปทาน ปิโตรเลยี มจากรัฐกอ่ นแลว้ สว่ นผู้ท่ียน่ื ขอสัมปทานเป็นรายใหม่ จะไม่อยู่ในเง่อื นไขของกฎหมายดังกล่าว คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้รับการจัดสรร ค่าภาคหลวงแรแ่ ละคา่ ภาคหลวงปิโตรเลียม อย่างไร ผู้แทนกรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถาม ว่า ประกาศ คณะกรรมการการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เร่ือง การจัดสรรค่าภาคหลวงแร่ และค่าภาคหลวงปิโตรเลียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้จัดสรรค่าภาคหลวงปิโตรเลียมให้แก่ องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน กรณีองค์การบริหารส่วนตาบลและเทศบาล องค์การปกครองส่วนตาบล หรือเทศบาลที่มีพื้นท่ีครอบคลุมพ้ืนท่ีสัมปทานให้ได้รับการจัดสรรในอัตราร้อยละยี่สิบของค่าภาคหล วง ปิโตรเลียมที่จัดเก็บได้ภายในเขต องค์การบริหารส่วนตาบลหรือเทศบาลอื่นที่อยู่ในจังหวัดที่มีพื้นที่ ครอบคลุมพ้ืนท่ีตามสัมปทานให้ได้รับการจัดสรรในอัตราร้อยละสิบของค่าภาคหลวงที่จัดเก็บได้ภายใน เขตองค์การบริหารส่วนตาบลและเทศบาลในจังหวัดอื่น ให้ได้รับการจัดสรรในอัตราร้อยละสิบของ คา่ ภาคหลวงปดิ เลยี มทจี่ ัดเกบ็ ได้ภายในเขต กรณขี ององคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ใหจ้ ดั สรรค่าภาคหลวงปโิ ตรเลยี มในอัตราร้อย ละ ๒๐ ของคา่ ภาคหลวงปโิ ตรเลยี มท่ีจัดเกบ็ ไดภ้ ายในเขตองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั และสานักงานปลดั สานักนายกรัฐมนตรี ได้นาเสนอร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ พ.ศ. .... ซึ่งจะมี การแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรค่าภาคหลวงปิโตรเลียมให้แก่องค์การบริหารส่วนท้องถ่ิน ตามแนวทางของแผนปฏริ ูปประเทศ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติมีภารกิจเกี่ยวกับ การสนับสนุนเชอ้ื เพลิงประเภทถา่ นหนิ หรอื ไม่อย่างไร ผู้แทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า ถ่านหินเป็นพลังงาน ทางเลือกท่ีสาคัญและมีปริมาณสารองอยู่มาก มีหน่วยงานอื่นท่ีเก่ียวข้องอยู่ ๙ กระทรวง และ ๒๐ หน่วยงาน ไม่มีหน่วยงานหลักรับผิดชอบ และเป็นหน้าท่ีและภารกิจของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและ การเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า การพัฒนาของเทคโนโลยีรถ EV หรือรถยนต์ พลังงานไฟฟ้า จะทาให้ปริมาณการใช้น้ามันเช้ือเพลิงลดลงจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐจากกิจการ สารวจและผลติ ปิโตรเลยี มหรอื ไม่

๙๒ ผู้แทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซักถามว่า การพัฒนาของ เทคโนโลยีรถ EV หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไม่กระทบต่อรายได้ของรัฐจากกิจการสารวจและผลิต ปโิ ตรเลียม ทง้ั น้ีข้ึนอยู่กบั ราคาพลังงานในตลาดและการเลอื กใช้พลงั งานของผ้บู ริโภค คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติมีความคืบหน้า การเจรจาสารวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นท่ที ับซ้อนไทย – กัมพูชา หรือไม่ ผูแ้ ทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ตอบประเด็นข้อซกั ถามวา่ ต้ังแตป่ ี ๒๕๑๘ พน้ื ท่ี ทบั ซ้อนไทย – กัมพูชา ยังไมไ่ ด้มกี ารสารวจเพิ่มเติม เน่ืองจากเร่อื งดังกลา่ วเป็นเรื่องของฝา่ ยความมั่นคง ต้องกระทาการภายใต้กรอบการเจรจาและยึดบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพ้ืนที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Memorandum of Understanding between the Royal Thai Government and the Royal Government of Cambodia regarding the Area of their Overlapping Maritime Claims to the Continental Shelf: MOU ๒๕๔๔) และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทาให้การจดั ประชมุ ระหวา่ งประเทศเกดิ ยากข้นึ ๓.๒.๒๑ การกา้ หนดสัดสว่ นการผสมไบโอดเี ซลที่มผี ลต่อโครงสร้างราคาน้ามันเช้อื เพลงิ ผู้แทนกรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน ได้ให้ขอ้ มูลโดยสรปุ ดงั นี้ ๑) สดั ส่วนสูตรผสมไบโอดีเซล B100 ในนา้ มันดเี ซลท่เี หมาะสม จากการศึกษาสมรรถนะทางเทคนิคและการสึกหรอของเครื่องยนต์ดีเซลหรือ ในรถบรรทกุ ขนาดใหญ่ กรณบี ้านเมอื งอยู่ในภาวะปกตธิ รรมดา สามารถผสมไบโอดีเซล ไดส้ ูงสุดถึง B20 หรือสามารถผสมไบโอดีเซล B100 ในน้ามันดีเซลได้สูงสุดถึงร้อยละ ๒๐ แต่สภาพความเป็นจริง ทางปฏิบัติประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงต้องพิจารณาต้นทุนของประเทศจากผลิตผล ทางการเกษตร และมีสูตรผสม ไบโอดีเซล B100 ในน้ามันดีเซลเพ่ือรองรับกรณีการผันผวนของราคา นา้ มันเชื้อเพลิงในภาวะวิกฤติ นอกจากน้ี จากการประชมุ คณะกรรมการบรหิ ารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ ได้มีการต้ังคณะทางานพิจารณาการกาหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล โดยองคป์ ระกอบของคณะทางานดงั กล่าว มผี ูแ้ ทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สานกั งานเศรษฐกิจ การเกษตร ผู้แทนจากกระทรวงพาณชิ ย์ กรมการค้าภายใน ผ้แู ทนจากกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่ง ทางบก ผู้ทรงคุณวุฒิ และมีอธิบดีกรมธุรกิจพลังงานกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะทางาน เพื่อพิจารณาสัดส่วนผสมการผสมไบโอดีเซลในภาวะวิกฤตด้านราคาน้ามันเชื้อเพลิง โดยรัฐบาลได้มี มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ามันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงข้ึนในระยะสั้นกาหนดสัดส่วน การผสมไบโอดีเซลในน้ามันดีเซลจาก B7 เหลือเกรดเดียว คือ B5 ต้ังแต่วันท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ถึง วนั ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ๒) สัดส่วนสตู รผสมไบโอดเี ซล ปจั จบุ ันจาหน่ายดีเซล B5 เกรดเดยี ว ตั้งแตว่ นั ท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ จะสามารถปรับสัดสว่ นลงไดอ้ ีกหรือไม่ อย่างไร กบง. พจิ ารณาจากราคาของไบโอดเี ซลกับราคาเนอ้ื นา้ มนั ดเี ซล ณ โรงกลนั่ ว่า สูงกว่าหรือเกินกว่า ๑.๕ เท่าหรือไม่ ถ้าราคาไบโอดีเซล B100 สูงกว่าหรือเกินกว่า ๑.๕ เท่า ให้เสนอ ท่ีประชุม กบง. ผสมเป็นสูตร B5 และถ้าสูงเกินกว่า ๒.๕ เท่า ให้เสนอที่ประชุม กบง. ผสมเป็นสูตร B3 โดยภาวะปัจจุบัน ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๕ ราคาเนื้อน้ามัน ณ โรงกล่ัน อยู่ท่ี ๒๗.๓๙ บาทต่อลิตร

๙๓ บวกกับเงินของกองทุนน้ามันเช้ือเพลิงที่อุดหนุนแล้ว ราคาขายปลีกน้ามันดีเซล อยู่ท่ี ๓๗.๗๑ บาท ต่อลิตร ในขณะท่ีราคา B100 อยู่ท่ี ๕๖.๕๘ บาทต่อลิตร เม่ือเทียบกันจะอยู่ที่ ๒.๐๖ เท่า ยังไม่ถึง ๒.๕ เท่า ที่ประชุม กบง. จึงยังไม่มีมติไม่ลดสัดส่วนสูตรผสมไบโอดีเซล ยังคงให้ใช้ผสมเป็นสูตร B5 ไปก่อน ทงั้ นี้ ตง้ั แตว่ นั ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๕ ถงึ วันท่ี ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ ๓) หากมีการเสนอให้ลดชนิดน้ามันเชื้อเพลิงในกลุ่มน้ามันดีเซลลงเหลือ ๑ ชนิด คือ น้ามันดีเซล โดยกาหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลอยู่ในช่วงร้อยละ ๑ – ๑๐ ท้ังน้ี ขึ้นอยู่กับสต็อก และราคาของนา้ มันปาล์มดิบ (CPO) ในขณะนั้น จะสามารถทาได้หรอื ไม่ การผสมไบโอดีเซล ต้ังแต่ B1 – B20 ย่อมกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของน้ามัน ปาล์ม ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงหลายกลุ่ม ต้ังแต่เกษตรกร ผู้ประกอบกิจการลานเท โรงงานสกัด พ่อค้า ท่ีรับน้ามนั ปาล์มจากโรงงานสกัดมาขายต่อ ผู้ผลิตน้ามันพืช และผู้ผลิตไบโอดีเซล อย่างไรก็ตาม ผู้บรโิ ภค และเครื่องยนตข์ องค่ายรถยนตต์ ่าง ๆ นิยมเลือกใช้ B7 และไมค่ วรใชส้ ตู รไบโอดีเซลท่ีตา่ กวา่ B2 เน่อื งจาก สามารถลดมลู ค่าการนาเขา้ ผลติ ภณั ฑ์แอดดิทีฟ หรือสารเตมิ แตง่ หล่อลื่นในนา้ มนั ดเี ซลพ้นื ฐาน ๔) หากจะลดการผสมไบโอดีเซลให้สอดคล้องกับผลผลติ ปาล์มนา้ มัน ในชว่ งเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม โดยให้ลดสัดส่วนการผสมลง เน่ืองจากมีผลผลิตปาล์มน้ามันในปริมาณน้อย ทาให้ไบโอดีเซลมีราคาสูงมากในปัจจุบัน และเสนอให้เลือกสูตรน้ามันดีเซลเป็นสองท างเลือก คือ (๑) สตู ร B5 จะชว่ ยทาให้ราคาน้ามันดเี ซลลดลง ประมาณ ๕๐ สตางค์ตอ่ ลติ ร และ (๒) สตู ร B3 จะช่วย ทาใหร้ าคานา้ มนั ดีเซลลดลง ประมาณ ๑ บาทต่อลติ ร เป็นระยะเวลา ๓ เดอื นสามารถทาไดห้ รือไม่ การเลือกสูตรผสม เป็นสูตร B3 หรือเป็นสูตร B5 ข้ึนอยู่กับสถานการณ์ราคา นา้ มันเช้ือเพลิงกับสถานการณ์ราคาน้ามันไบโอดีเซล B100 โดยมีการจาลองข้อมูลตัวเลขถ้าไม่ผสมเป็น สูตร B7 และลดลงเหลือ B5 ราคาขายปลีกน้ามันดีเซลสามารถลดลงมาได้ ๔๙ – ๕๐ สตางค์ต่อลิตร และถ้าเปน็ B3 จะลดลงไดอ้ กี ๓๐ สตางคต์ อ่ ลติ ร รวมแลว้ ไมถ่ ึง ๑ บาทต่อลติ ร ผ้แู ทนกรมการคา้ ภายใน ได้ให้ข้อมูลโดยสรุป ดังนี้ ๑) การบริหารจัดการระหว่างน้ามันพืชเพื่อบริโภคและปาล์มเพื่อเชื้อเพลิง ชีวภาพไบโอดเี ซล คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ามันแห่งชาติ (กนป.) มีอานาจกาหนดนโยบาย และแผนการบริหารตลาดน้ามันปาล์มท้ังระบบ และพัฒนาปาล์มน้ามันของประเทศ โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและสานักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นกรรมการ และเลขานุการ ซ่งึ ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าดว้ ยราคาสนิ ค้าและบรกิ าร (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ กาหนดให้ผลปาล์มน้ามันเป็นสินค้าควบคุม ผู้ผลิต ผู้ประกอบการลานเท ผู้ผลิตไบโอดีเซล ผู้เก็บของ ในคลังสินค้า ต้องจัดทาบัญชีควบคุมสินค้า สถานท่ีจัดเก็บสินค้า และต้องแจง้ ข้อมูลน้ามันปาล์มคงเหลือ เป็นประจาทุกเดือน ภายในวนั ที่ ๕ ของเดือนถัดไป โดยให้เจ้าหน้าท่ีตรวจสอบราคาจาหน่ายเขม้ งวดและ ต่อเน่ือง โดยวิธีการบริหารน้ามันพืชเพ่ือบริโภคจะบริหารตามสถานการณ์เป็นประจาทุกวันให้ราคา จาหนา่ ยขายปลกี สอดคลอ้ งกบั ตน้ ทนุ การผลติ และการกากับดูแลใหเ้ พยี งพอตอ่ ความต้องการของผบู้ ริโภค ในเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ ราคา CPO อยู่ท่ีประมาณ ๕๑ – ๕๓ บาท น้ามันปาล์มอยู่ที่ราคาขวดละ ๖๘ – ๗๐ บาท แต่ว่ากระทรวงพาณิชยไ์ ด้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกหรือค้าส่ง จาหน่ายน้ามนั ปาลม์ ไมค่ วรเกินโครงสรา้ งราคาตน้ ทุนท่ขี วดละ ๖๐ – ๖๓ บาท

๙๔ ๒) หากจะกาหนดช่วงราคาน้ามันปาล์มดิบ CPO ที่เหมาะสม โดยการกาหนด กรอบการประกันราคาขน้ั ต่าและการจากดั ราคาข้นั สูง สามารถดาเนนิ การได้หรอื ไม่ รัฐบาลดาเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ามัน โดย จ่ายเงินประกันรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ามันอย่างต่อเน่ือง ครัวเรือนละไม่เกิน ๒๕ ไร่ กิโลกรัมละ ๔ บาท ท่ีคุณภาพ ๑๘ เปอร์เซ็นต์ ส่วนราคาน้ามันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil: CPO) เป็นไปตามกลไกตลาด โดยรฐั จะไมเ่ ขา้ ไปเก่ียวข้องกับการเจรจาธุรกิจของเอกชน ๓) หากจะลดการผสมไบโอดีเซลใหส้ อดคล้องกับผลผลติ ปาล์มน้ามนั ในชว่ งเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม โดยให้ลดสัดส่วนการผสมลง เน่ืองจากมีผลผลิตปาล์มน้ามันในปริมาณน้อย ทาให้ไบโอดีเซลมีราคาสูงมากในปัจจุบัน และเสนอให้เลือกสูตรน้ามันดีเซลเป็นสองทางเลือก คือ (๑) สตู ร B5 จะช่วยทาใหร้ าคาน้ามันดีเซลลดลง ประมาณ ๕๐ สตางค์ต่อลิตร และ (๒) สูตร B3 จะชว่ ย ทาให้ราคาน้ามันดีเซลลดลง ประมาณ ๑ บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา ๓ เดือนสามารถดาเนินการ ได้หรอื ไม่ การลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้มีผลกระทบ ต่อรายได้ของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ามัน เน่ืองจากการลดจาก B5 เป็น B3 จะส่งผลให้ประมาณ CPO เข้าสู่ระบบเพ่ิมข้ึนประมาณ ๒๐,๐๐๐ ตันต่อเดือน ปริมาณคงเหลือส่วนเกินดังกล่าวไม่สามารถ นามาใชบ้ รโิ ภคภายในประเทศไดห้ มด และจะทาให้ผลผลติ ปาลม์ มรี าคาตกต่า ๔) การส่งเสริมการส่งออกพืชพลังงานเพ่ือหาตลาดในการกระจายสินค้าให้มาก ข้ึน และให้เกษตรกรที่ปลูกพืชพลังงาน มีผลผลิตต่อไร่ในสัดส่วนที่สูง เพื่อให้เกษตรกรมีความคุ้มค่า ในการลงทุนสามารถดาเนินการได้หรือไม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าท่ีในการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ามัน ให้เหมาะสมกับพ้ืนที่ เพ่ือให้ผลผลิตต่อไร่ได้มากในต้นทุนท่ีต่า และต้องพิจารณาถึงสินค้าเกษตรภายใต้ เงื่อนไขด้านปัญหาส่ิงแวดลอ้ มตามแนวทางขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนาน้ามันปาล์ม ปริมาณคงเหลือจากที่ใช้บริโภคภายในประเทศผลักดันส่งออกไปขายต่างประเทศ โดยการลดสัดส่วน ผสมไบโอดีเซล เพื่อให้น้ามันดีเซลมีราคาขายปลีกลดลง การทาหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมกากับดูแล ราคาอาหารสัตว์ ปุ๋ยยา เคมีภัณฑ์การเกษตร การส่งเสริมพืชท่ีไม่ต้องให้รัฐบาลมาอุดหนุนราคา เช่น สตอเบอรี่ กาแฟ เปน็ ต้น ผู้แทนกรมการค้าภายใน ได้ตอบประเด็นซักถามว่า ผลผลิตปาล์มน้ามันเพ่ือใช้ใน การบริโภคและอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศ ประมาณร้อยละ ๖๐ ของปาล์มน้ามันทั้งหมด และ ช่วยดูดซับน้ามันปาล์มดิบส่วนเกินในระบบด้วยการนาไปใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพหรือผลิตไบโอดีเซล ประมาณรอ้ ยละ ๔๐ ของปาล์มน้ามันท้ังหมด แต่เน่ืองจากสภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรงขึ้นในระยะ หลังส่งผลให้ผลผลิตภาคเกษตรไทยมีความไม่แน่นอน อาจมีผลผลิตได้มาก แม้จะมีการนาไปใช้เป็น เช้ือเพลิงชีวภาพหรือผลิตไบโอดีเซล แต่ก็ยังมีน้ามันปาล์มดิบส่วนเกินในระบบอยู่มาก โดย กนป. ได้กาหนดน้ามันปาล์มคงคลังสารอง จานวน ๑.๕ เท่าของปริมาณการใช้ต่อเดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ มีการใช้ต่อเดือน ๒ แสนตัน จึงต้องมีการสารอง ๓ แสนตันต่อเดือน ถ้าสต็อกน้ามันปาล์มดิบ คงเหลือมากกว่า ๓ แสนตันต่อเดือน เกิดปัญหาสินค้าราคาเกษตรตกต่า และทาให้เกษตรกรชาวสวน

๙๕ ปาล์มเดือดร้อน จึงต้องมีการดาเนินการดูดซับน้ามันปาล์มดิบออกจากตลาด เพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ควบคกู่ ับการดาเนนิ โครงการผลกั ดนั การสง่ ออกนา้ มันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน แมป้ ระเทศไทยมปี ริมาณการผลิตเปน็ อันดับ ๓ ของโลก ผลติ ไดจ้ านวน ๑.๓๐ ล้าน ตัน แต่ก็มีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมาก ประมาณร้อยละ ๓ – ๔ เท่านั้น เมื่อเทียบกับมาเลเซียและ อินโดนีเซีย ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ ๘๐ การส่งออกของไทยต้องอยู่ในช่วงที่ราคา สามารถแข่งขันได้เท่านั้น เน่ืองจากการระบาดของโควดิ เกดิ ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอตุ สาหกรรมการ ผลิตน้ามันปาล์มมาเลเซียทาให้น้ามันปาล์มออกสู่ตลาดน้อย ราคาตลาดโลกจึงสูงข้ึน ประเทศไทยจึง สามารถส่งออกได้มากขึ้น เกษตรกรไทยจึงนิยมปลูกปาล์มน้ามัน คาดว่าอีก ๓ ปี ผลผลิตน้ามันปาล์ม จะออกสู่ตลาดมากอย่างแน่นอน การบริหารจัดการระหว่างน้ามันพืชเพื่อบริโภคและปาล์มเพื่อเช้ือเพลิง ชีวภาพไบโอดีเซล จึงต้องเร่ิมต้นต้ังแต่ภาคการผลิตให้เหมาะสม ในระยะยาวเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ควรหนั ไปปลูกพืชชนดิ อืน่ ๆ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า การบริหารจัดการระหว่างน้ามันพืชเพื่อบริโภค และปาล์มเพ่ือเชื้อเพลิงชีวภาพไบโอดีเซลและหากนาเข้าผลิตภัณฑ์สารเติมแต่งหล่อลื่น (Additives) ในนา้ มันดีเซลพน้ื ฐานจากตา่ งประเทศจะมมี ูลค่าแตกตา่ งกบั ปาลม์ น้ามนั ในประเทศทผ่ี สมเปน็ ไบโอดีเซล มากหรือไม่ อย่างไร มีความเป็นไปได้หรือไม่ท่ีจะมีการจาหน่ายน้ามันดีเซล ท่ีไม่ใช่น้ามันดีเซลพรีเมียม B7 โดยไมต่ อ้ งมกี ารผสมเชอ้ื เพลิงชีวภาพไดห้ รอื ไม่ ผแู้ ทนกรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้ตอบประเด็นซกั ถามว่า ปัญหาน้ีเร่ิมต้ังแต่การนาปาล์มไปใช้เป็นน้ามันพืชเพื่อบริโภคก่อน หรือจะนาปาล์มไปใช้เป็นเช้ือเพลิง ชีวภาพ ท่ีผ่านมาการแก้ปัญหาด้วยการส่งออกไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างต่อเน่ือง สถานการณ์ปาล์ม มีจานวนน้อยไม่ขาย ตอนที่มีปาล์มจานวนมาก ผู้ซ้ือต่างประเทศไม่ให้ความสนใจ กระทรวงพลังงาน จึงเป็นฝ่ายท่ีจะต้องแก้ไขปัญหาความผันผวนของราคาพืชอยู่เสมอ ด้วยการนาน้ามันปาล์มผลิตเป็น น้ามันไบโอดีเซลชนิดต่าง ๆ ให้มากข้ึน เป็นการเร่งดูดซับน้ามันปาล์มดิบท่ีมีปริมาณล้นตลาด โดยมอบหมายใหก้ ารไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย กฟผ. นาน้ามันปาล์มดบิ จานวน ๒ แสนตันไปผลติ ไฟฟ้า สูญเสียเงินของประเทศไปจานวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท และให้บริษัท ปตท.จากัด (มหาชน) จดั ซื้อ น้ามันปาล์มดิบ เพื่อเพ่ิมปริมาณการผลิตน้ามันดีเซล B20 ดังน้ัน การช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ใช้ น้ามันเบนซิน หรือกลุ่มผู้ใช้น้ามันดีเซลหรือไม่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานมีหน้าท่ี ต้องปฏิบัติตามนโยบายการส่งเสริมพลังงานทดแทน ของรัฐบาล และความสาคัญด้านจิตวิทยาสาหรับ เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่จะเข้าใจการสนับสนุนหรือส่ิงที่เคยได้รับจากนโยบายของรัฐบาลอาจเกิด การตอ่ ต้านคดั ค้านการปรบั ลดสูตรการผสมไบโอดเี ซล ในส่วนของผลิตภัณฑ์สารเติมแต่ง (Additives) หล่อล่ืนในน้ามันดีเซลต้องนาเข้า จากต่างประเทศไม่สามารถผลิตได้เองในประเทศ ปัจจุบันแอดดิทีฟมีราคาสูงกว่าของในประเทศ ข้อมูล ในทางเทคนิคพบว่าการผสมแอดดิทีฟลงไปในน้ามันดีเซลเพ่ือให้มีความเหมาะสมขึ้น และการผสม ไบโอดีเซลหรือเช้ือเพลิงชีวภาพจะทาให้คุณภาพไอเสียดีขึ้นตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน และได้มี การศึกษาผลกระทบและมีการทดสอบค่าปริมาณสารมลพิษตามมาตรฐานยูโร 5 ค่ากามะถัน 10 PPM ของนา้ มนั เช้ือเพลิงชวี ภาพไปโอดีเซล B7 ในรถยนต์ขนาดเล็ก ทจ่ี ะมผี ลเรมิ่ บังคับใชใ้ นปี ๒๕๖๗

๙๖ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า ทิศทางการพัฒนาของเทคโนโลยีรถ EV หรือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะทาให้ปริมาณการใช้น้ามันเชื้อเพลิงลดลง ส่งผลต่อการพัฒนาน้ามันเชื้อเพลิง ชีวภาพหรอื พลังงานทดแทนอยา่ งไร และพืชพลงั งานชนิดใดท่มี ตี น้ ทนุ ราคาถกู เพื่อลดต้นทนุ คา่ ไฟฟา้ และ ตน้ ทนุ พลังงาน หรอื จะไดร้ บั การส่งเสริมหรือสนบั สนุนจากรัฐบาลในอนาคต ผแู้ ทนกรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน ได้ตอบประเดน็ ซักถามว่า มาตรการส่งเสรมิ ยานยนตไ์ ฟฟา้ รถอีวอี าจกระทบต่อสัดส่วนการใช้น้ามันเช้ือเพลิงชีวภาพท่จี ะเกีย่ วโยง ไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตร เน่ืองจากปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการใช้น้ามันไบโอดีเซล และสง่ เสริมการนาเอทานอลมาผสมกบั เบนซนิ เปน็ แกส๊ โซฮอล์ จึงตอ้ งมกี ารศึกษาถึงภาพรวมในอนาคต ๓.๒.๒๒ การกา้ หนดสัดส่วนการผสมเอทานอลท่มี ผี ลตอ่ โครงสร้างราคาน้ามนั เช้อื เพลงิ ผู้แทนจากกรมธรุ กิจพลงั งาน ได้ใหข้ อ้ มูลโดยสรุป ดังน้ี การกาหนดมาตรฐานและคุณภาพของน้ามันแก๊สโซฮอล์ ในปัจจุบันมีการกาหนด มาตรฐานและคุณภาพของน้ามันแก๊สโซฮอล์ท่ีจาหน่ายในสถานีบริการ แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ (๑) น้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 มีสัดส่วนการผสมเอทานอลร้อยละ ๙ – ๑๐ โดยน้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 จะประกอบด้วย ๒ ชนิดย่อย คือ น้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน ๙๑ และน้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน ๙๕ (๒) น้ามันแก๊สโซฮอล์ E20 มีสดั ส่วนการผสมเอทานอล ร้อยละ ๑๙ – ๒๐ และ (๓) น้ามัน แก๊สโซฮอล์ E85 มีสัดส่วนการผสมเอทานอลไม่ต่ากว่าร้อยละ ๘๕ ท้ังนี้ กระบวนการและขั้นตอนในการ กาหนดมาตรฐานและคุณภาพน้ามันแก๊สโซฮอล์ กรมธุรกิจพลังงานจะมีการหารือร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามันปิโตรเลียม กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เพื่อให้การกาหนดมาตรฐานดังกล่าวมีความเหมาะสมท่ีจะใช้งานกับ เครื่องยนต์ และไมม่ ีผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มดว้ ย ในส่วนของการกาหนดลักษณะคุณภาพของน้ามันเบนซินพื้นฐาน (G-Base) เนื่องจากน้ามันแก๊สโซฮอล์เกิดข้ึนจากการผสมระหว่างน้ามันเบนซินพ้ืนฐานและเอทานอล เพ่ือให้ การผลิตน้ามนั แก๊สโซฮอลเ์ ป็นไปตามคณุ ภาพและมาตรฐานทจ่ี าหนา่ ยในสถานีบรกิ าร จงึ ได้มกี ารกาหนด มาตรฐานของน้ามันเบนซินพ้ืนฐานขึ้น เพื่อให้การนาไปผสมกับเอทานอลในสัดส่วนท่ีกาหนดไว้แล้ว จะได้ออกมาเป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 E20 และ E85 ท่ีมีคุณภาพตามที่กาหนดไว้ ทั้งน้ี การกาหนด ลักษณะคุณภาพของน้ามันเบนซินพ้ืนฐาน (G-Base) จะแบ่งออกเป็น (๑) น้ามันเบนซินพ้ืนฐานชนิดที่ ๑ (G-Base 1) จะมีคา่ ออกเทนตา่ เพ่ือนาไปผลติ เป็นน้ามันแกส๊ โซฮอล์ท่ีมคี ่าออกเทนประมาณร้อยละ ๙๑ คือ น้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน ๙๑ และ (๒) น้ามันเบนซินพ้ืนฐานชนิดที่ ๒ (G-Base 2) จะมี ค่าออกเทนสูง เพื่อนาไปผลิตเป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ที่มีค่าออกเทนร้อยละ ๙๕ ได้แก่ น้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน ๙๕ นา้ มันแกส๊ โซฮอล์ E20 และน้ามนั แก๊สโซฮอล์ E85 ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลโดยสรปุ ดงั น้ี ๑) กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกล่ันน้ามันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย ประกอบด้วยโรงกล่นั น้ามันปิโตรเลยี มในประเทศทง้ั หมด จานวน ๖ โรงกล่ัน แต่จะมีจานวน ๕ โรงกล่ัน เท่านั้นท่ีมีการผลิตน้ามันเบนซินพื้นฐาน (G-Base) ทั้งในส่วนของน้ามันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ หรือ G-Base 1 และน้ามันเบนซินพ้ืนฐานชนิดท่ี ๒ หรือ G-Base 2 โดยน้ามัน G-Base 1 ท่ีมีค่าออกเทนต่า

๙๗ โดยส่วนใหญ่จะนามาผลิตเป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน ๙๑ ปัจจุบันมีปริมาณการใช้ทั้งหมด ในประเทศเหลอื อยูป่ ระมาณรอ้ ยละ ๒๐ ซ่ึงอาจจะมโี รงกลน่ั บางแห่งทส่ี ามารถนานา้ มัน G-Base 1 ผลิต เป็นนา้ มันแกส๊ โซฮอล์ E20 ได้ แตย่ ังมปี รมิ าณการผลติ ทไี่ มม่ ากนัก ในสว่ นของนา้ มนั G-Base 2 จะนาไป ผลิตเป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน ๙๕ น้ามันแก๊สโซฮอล์ E20 และน้ามันแก๊สโซฮอล์ E85 ท้ังน้ี การผลิตน้ามัน G-Base ของกล่มุ โรงกลั่น ก็เพ่ือรองรับปลายทางคอื น้ามนั แก๊สโซฮอล์ตา่ ง ๆ ซ่ึงปกตแิ ลว้ จะมีการใช้ตัวเอทานอลท่ีผสมเข้าไปในน้ามัน G-Base เป็นตัวบูทค่าออกเทนท่ีประกอบด้วยค่า RON และค่า MON โดยน้ามัน G-Base 1 ของโรงกล่ันจะผลิตให้มีค่าออกเทนอยู่ท่ีประมาณ ๘๗ แต่จะใช้ เอทานอลมาบสู ค่าออกเทนให้เป็น ๙๑ เช่นเดยี วกับตวั น้ามัน G-Base 2 ของโรงกล่ันจะผลิตให้มคี า่ ออก เทนอยู่ที่ประมาณ ๙๑ – ๙๒ แต่จะใช้ตัวเอทานอลมาบูทค่าออกเทนให้เป็น ๙๕ รวมทั้งยังมีน้ามัน องค์ประกอบอีกหลายชนดิ มาเปน็ ตวั กาหนดดว้ ย ดังนั้น น้ามัน G-Base จึงต้องผลิตมาเพ่ือรองรับผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปปลายทาง ซ่งึ กว่าจะไดค้ ุณสมบัติหรือลักษณะตา่ ง ๆ ทต่ี ้องการ โรงกลนั่ ฯ และผู้ค้าน้ามันจะตอ้ งไปดาเนินการถอด ค่าองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ได้คุณสมบัติตามที่กรมธุรกิจพลังงานและกลุ่มยานยนต์กาหนด โดยเฉพาะ ค่า RON และค่า MON เพราะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ท้ังนี้ ข้อสรุปของ สัดส่วนที่เหมาะสมอาจจะต้องใช้เวลาในการหารือกับทุกภาคส่วนท่ีเก่ียวข้องในการปรับปรุงสเปคของ นา้ มันแก๊สโซฮอลแ์ ละน้ามัน G-Base แต่สิ่งท่ีต้องคานึงถึงในอนาคต คือ แผนระยาวของประเทศไทยว่า น้ามนั กลมุ่ เบนซนิ โดยเฉพาะน้ามนั แกส๊ โซฮอลภ์ าครฐั มองวา่ จะมที ิศทางเปน็ อยา่ งไร ยงั เป็นเป้าหมายเดิม อยู่หรือไม่ ในการผลักดันให้น้ามันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นเกรดพ้ืนฐานในกลุ่มน้ามันเบนซิน และจะมี การยกเลิกน้ามันแก๊สโซฮอล์ E10 บางชนดิ หรือไม่ ซึง่ มีความสาคญั ตอ่ การปรบั สภาพคุณภาพนา้ มนั และ จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมโรงกลน่ั ท่ีจะตอ้ งสรา้ งความสมดุลวา่ ผลติ ภณั ฑ์ใดไมส่ ามารถใช้ในประเทศไดก้ ็มี ความจาเปน็ ต้องส่งออก ๒) นโยบายส่งเสริมการใช้เอทานอลทาให้ความต้องการน้ามันแก๊สโซฮอล์เพิ่มข้ึน อยา่ งต่อเน่อื ง โดยภาครัฐเรม่ิ มีการสง่ เสริมการใช้นา้ มนั แก๊สโซฮอลใ์ นประเทศและเร่ิมจาหนา่ ยมาต้ังแตป่ ี ๒๕๔๔ และมีการยกเลิกการจาหน่ายน้ามันเบนซนิ ๙๑ ในปี ๒๕๕๖ เพ่ือส่งเสรมิ การใช้แกส๊ โซฮอล์และ เอทานอล ซึ่งปัจจุบันจะมีน้ามันแก๊สโซฮอล์ จานวน ๔ ชนิด คือ น้ามันแก็สโซฮอล์ ๙๕ E10 น้ามัน แก๊สโซฮอล์ ๙๑ E10 น้ามันแก็สโซฮอล์ ๙๕ E20 และน้ามันแก๊สโซฮอล์ E85 คงเหลือน้ามันเบนซิน ธรรมดาท่ีไม่มีการเติมเอทานอลเพียงชนิดเดียวคือ น้ามันเบนซิน ๙๕ ซึ่งมีสัดส่วนการใช้ท่ีลดลงเหลือ เพียงร้อยละ ๓ เท่าน้ัน ส่วนท่ีเหลืออีกกว่าร้อยละ ๙๐ จะเป็นแก๊สโซฮอล์ทั้งหมด คือ มีการผสมของ เอทานอลแตกตา่ งกันตามสัดสว่ นทน่ี ามาผสม ๓) การนาเข้าน้ามันเบนซินพื้นฐาน หรือ G-Base ของประเทศไทยเพิ่มขึน้ อยา่ งมี นยั สาคญั เนือ่ งจากการกาหนดคุณภาพน้ามัน G-Base ท่ีเข้มงวด ทาใหโ้ รงกลั่นในประเทศมาไม่สามารถ เพิ่มการผลิตน้ามันเบนซินพ้ืนฐานเพ่ือรองรับความต้องการใช้ที่สูงข้ึน ส่งผลให้ต้องมีการนาเข้าน้ามัน G-Base เพิ่มขึน้ และต้องสง่ ออกนา้ มนั เบนซนิ ที่มคี ณุ ภาพไมเ่ ปน็ ไปตามขอ้ กาหนดของกรมธุรกจิ พลงั งาน นอกจากน้ี การผสมเอทานอลในสัดส่วนที่เพิ่มข้ึนและแตกต่างจากมาตรฐานคุณภาพเดิม จะต้ องมี การทบทวนและพิจารณาปรับปรุงข้อกาหนดและคุณลักษณะของน้ามันเบนซินพ้ืนฐานชนิดใหม่ ให้มี มาตรฐานคณุ ภาพนา้ มนั เชื้อเพลิงท่สี อดคล้องกับมาตรฐานเคร่ืองยนต์

๙๘ ๔) กระบวนการผลิตน้ามัน G-Base ต้องใช้น้ามันองค์ประกอบหลายชนิด และ หน่วยปรับปรุงคุณภาพหลายหน่วยท่ีมีการลงทุนสูง โรงกล่ันจะผลิตน้ามันเบนซินพื้นฐาน โดยการนา น้ามันองค์ประกอบท่ีหลากหลาย ได้แก่ นอร์มัลบิวเทน แนฟทา ไอโซเมอเรท แรฟฟิเนท รีฟอร์เมท แอลคิเลท แคทแนฟทา Coker แนฟทา และอ่ืน ๆ มาผสมเพ่ือให้ได้เป็นน้ามันเบนซินพ้ืนฐานตามสเปค ของกรมธุรกิจพลังงานท่ีกาหนดไว้ เพื่อรองรับการผสมเอทานอลและการเติมสารเติมแต่งออกมาเป็น แกส๊ โซฮอลต์ อ่ ไป ในส่วนของสตู รการผลติ น้ามันเบนซนิ พื้นฐาน มีนา้ มนั องคป์ ระกอบหลายชนิด ที่มีคุณภาพแตกต่างกัน ทาให้ต้องหาสูตรผสมที่เหมาะสมและสมดุลมากท่ีสุดในการผลิตน้ามันเบนซิน พื้นฐาน ซ่ึงคุณภาพของค่าออกเทน ประเภท MON ความดันไอ และอุณหภูมิการระเหยท่ี ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นข้อจากัดหลักในการกาหนดสูตรผสมน้ามันเบนซินพื้นฐาน รวมทั้งสูตรการผลิตน้ามัน เบนซินพ้ืนฐานจะผันแปรไปตามประเภทของน้ามันดิบท่ีเข้ากล่ันในแต่ละช่วงเวลา โดยตัวอยา่ งคุณภาพ นา้ มันเบนซินองค์ประกอบหลัก เชน่ รีฟอร์เมท มีค่าออกเทนที่มคี ุณภาพดี แต่มคี ่าอะโรมาตกิ เบนซีนสูง ซ่ึงเป็นสารก่อมะเร็ง ทาให้มีคุณภาพด้อย แนฟทาเบา มีค่าอะโรมาติกเบนซีนที่มีคุณภาพดี แต่มี ค่าออกเทนต่า เป็นต้น ดังนั้น จึงเป็นความยากของผู้ผลิตในการบริหารจัดการน้ามันองค์ประกอบ ทโ่ี รงกลั่นผลติ ได้ ซึ่งจะตอ้ งปรับสตู รผสมน้ามันเบนซนิ พนื้ ฐานให้เป็นไปตามมาตรฐานท่กี าหนด ๕) อุปสรรคและข้อจากัดจากการสนับสนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ เน่ืองจากเอทานอล มีคณุ สมบตั ิที่แตกตา่ งจากนา้ มนั เบนซนิ จึงจาเป็นตอ้ งกาหนดมาตรฐานคณุ ภาพน้ามนั เบนซนิ พน้ื ฐานเพอื่ รองรับการผสมเป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ โดยเอทานอลมคี ่าออกเทนสูง ค่าความดันไอต่า และมจี ุดเดือดต่า หากไม่มีการปรับปรุงคุณภาพน้ามันเบนซินพื้นฐาน เม่ือผสมเอทานอลจะทาให้ความดันไอสูงขึ้น และ ค่าการระเหยท่ี ๕๐ เปอร์เซ็นต์ต่าลง หากต้องการให้น้ามันแก๊สโซฮอล์ที่ผลิตได้เป็นไปตามมาตรฐาน คณุ ภาพของกรมธุรกจิ พลังงาน จะตอ้ งมกี ารกาหนดมาตรฐานน้ามันเบนซนิ พ้ืนฐานใหม้ คี า่ ความดันไอต่า และค่าการระเหยท่ี ๕๐ เปอร์เซ็นต์สูง ดังน้ัน การกาหนดมาตรฐานคุณภาพน้ามันเบนซินพื้นฐาน ทีเ่ ข้มงวดในประเทศไทย สง่ ผลใหเ้ กดิ ความไมส่ มดลุ ของกลุม่ นา้ มนั เบนซิน ทาใหต้ ้องนาเขา้ นา้ มันเบนซิน พ้ืนฐานเพิ่มข้ึน และต้องส่งออกน้ามันเบนซินที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามข้อกาหนดของกรมธุรกิจ พลังงาน ๖) การกาหนดมาตรฐานคุณภาพน้ามันเบนซินพ้ืนฐานเพื่อรองรับการผสม เอทานอล ทาให้โรงกลั่นน้ามันต้องผลิตน้ามันเบนซินพื้นฐานเพื่อรองรับการผสมเอทานอลให้เป็นน้ามัน แก๊สโซฮอล์ตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน โดยมีการผลิตน้ามันเบนซินพื้นฐานท่ีมีคุณภาพสูงกว่า ข้อกาหนดของกรมธุรกิจพลังงานและตลาดสิงคโปร์ (Platts) โดยมีองค์ประกอบรายการหลักที่เป็น ขอ้ จากดั ในการผลติ ซง่ึ มตี ัวอยา่ ง ดังนี้ ๖.๑) ค่า RON เป็นตัวกาหนดค่าออกเทนประเภทหนึ่ง ในกรณี G-Base 1 ที่นาไปผลิตน้ามันแก๊สโซฮอล์ ๙๑ จะมีค่าออกเทนประมาณ ๘๗ ผสมเอทานอลในสัดส่วนร้อยละ ๑๐ ค่าออกเทนก็จะเพมิ่ ข้ึนเป็น ๙๑ ตามขอ้ กาหนดของกรมธรุ กิจพลงั งาน สาหรบั G-Base 2 โรงกลน่ั น้ามัน จะผลิตให้ไดค้ ่าออกเทน ๙๑ ผสมเอทานอลในสัดส่วนรอ้ ยละ ๑๐ ค่าออกเทนกจ็ ะเพม่ิ ขนึ้ เปน็ ๙๕ ตามที่ กรมธุรกิจพลังงานกาหนด

๙๙ ๖.๒) ค่า MON เป็นตัวกาหนดค่าออกเทนประเภทหน่ึงที่มีลักษณะข้ึนลง เช่นเดยี วกบั ค่า RON แตจ่ ะเป็นอีกมาตรวดั หนึง่ ที่กรมธรุ พลังงานกาหนดไว้ ๖.๓) T50 คือ จุดกล่ันท่ี ๕๐ เปอร์เซนต์ ซ่ึงจะเป็นตัววัดว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์ มีระดับอุณหภูมิก่ีองศาเซลเซียสที่น้ามันเผาไหม้ไปคร่ึงหน่ึง โดยกรมธุรกิจพลังงานกาหนดจุดกลั่นไว้ท่ี ๙๐ – ๑๑๐ องศาเซลเซียส เม่ือเปรียบเทียบกับข้อกาหนดของประเทศสิงคโปร์ จะกาหนดไว้ท่ี ๘๐ – ๑๒๗ องศาเซลเซียส แสดงให้เห็นว่า สเปคมีความยืดหยุ่นและมีการกาหนดช่วงระยะท่ีกว้างมากกว่า สเปคของประเทศไทย ซึ่งมีช่วงระยะท่ีมีความแคบมากกว่าทาให้ผลิตยากขึน้ และจุดต่าสุดของสิงคโปร์ อยทู่ ี่ ๘๐ องศาเซลเซยี ส แตป่ ระเทศไทยจดุ ต่าสุดอยู่ท่ี ๙๐ องศาเซลเซียส ทาให้โรงกลั่นจะตอ้ งปรับสูตร การผลิตให้พิเศษขึ้นไปอีกตามที่กรมธุรกิจพลังงานกาหนด ซ่ึงในการส่งออกสามารถผลิตให้ได้ระดับที่ ๘๐ องศาเซลเซียส เทา่ นน้ั ๖.๔) คา่ RVP คือ ค่าความดันไอ จะเป็นตวั วัดเรอ่ื งความหนกั เบาของตัวนา้ มนั เม่ือเปรียบเทียบกับประเทศสิงคโปร์จะกาหนดไว้ท่ี ๖๒ ซ่ึงประเทศไทยต้องเอา G-Base มาผสมกับ เอทานอล ทาใหต้ อ้ งทาให้นา้ มนั เบนซนิ พ้นื ฐานใหม้ ีคา่ ความดนั ไอตา่ พเิ ศษ กเ็ ลยต้องผลิตให้ไมเ่ กนิ ๕๔.๕ ผู้แทนจากสมาคมอตุ สาหกรรมยานยนต์ไทย ได้ให้ข้อมูลโดยสรปุ ดงั น้ี การใช้เอทานอลมาผสมในน้ามันเบนซินของประเทศไทย ในอดีตเร่ิมต้นจาก E0 E5 E10 จนถึงระดับ E20 โดยสมาคมได้มีการหารือกับกรมธุรกิจพลังงาน และโรงกลั่นน้ามัน ก่อนที่ ผูผ้ ลิตและภาครัฐได้ขอ้ สรุปเป็นคณุ สมบัตทิ ่ีเฉพาะ ซึ่งผูผ้ ลติ รถยนตก์ ็จะนาไปพัฒนารถยนต์ใหส้ ามารถใช้ งานได้โดยที่ไม่มีปัญหา โดยที่ไม่ได้จากัดเฉพาะด้านการใช้งานอย่างเดียว สมาคมยังพิจารณาถึง การเคลื่อนไหวของตวั รถ การเผาไหม้ การจดุ ระเบิด รวมถงึ มลพิษทป่ี ลอ่ ยออกมาจากรถยนตด์ ว้ ย ดงั นั้น การกาหนดมาตรฐานและคุณภาพของน้ามันแก๊สโซฮอล์จึงต้องมี การพูดคุยและหาข้อสรุปให้ชัดเจน เพ่ือให้แต่ละบริษัทผู้ผลิตรถยนต์นาไปพัฒนาและทดลองว่า สามารถใช้งานได้จริงไหม เช่น น้ามันแก๊ส โซฮอล์ E20 มีการใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศจะไม่ได้มีการใช้น้ามันแก๊สโซฮอล์ E20 ในส่วนของ E85 แม้ว่ายุโรปจะมีมาตรฐานเบ้ืองต้นมาให้ปรับใช้ อย่างไรก็ตาม ในเร่ืองสัดส่วนการผสมของ เอทานอลก็จะมีสเปคที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นกอ่ นมีการนาไปใชส้ มาคมกจ็ ะมีการพูดคุยและหารือ ในลกั ษณะเช่นเดียวกบั นา้ มนั แกส๊ โซฮอล์ E20 เปน็ ตน้ ซ่งึ ตรงนก้ี ไ็ ดบ้ ทสรปุ มาแล้ววา่ สเปคของประเทศไทย E0 E10 E20 และ E85 คุณสมบัติของน้ามันเป็นอย่างไร ซึ่งก็ทาให้ทุกบริษัทผู้ผลิตรถยนต์นาไปศึกษา ทดลอง ทาใหบ้ างบรษิ ัทผผู้ ลิตรถยนตจ์ งึ ใช้ E85 ได้ และบางบรษิ ัทผผู้ ลติ รถยนตก์ ็อาจจะใชไ้ มไ่ ด้ ในส่วนของน้ามนั เบนซินพ้ืนฐาน (G-Base) เป็นน้ามันพ้ืนฐานก่อนท่ีจะนาไปผสม เอทานอล เพ่ือให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ามันปลายทาง ในอุตสาหกรรมยานยนตไ์ ม่ได้ให้ความสนใจกับเรอื่ งของ G-Base แต่จะให้ความสาคัญกับสเปคผลิตภัณฑ์น้ามันข้ันสุดท้ายที่ประกาศโดยกรมธุรกิจพลังงาน อย่างไรก็ตาม ก็มีความสัมพันธ์กนั ถ้า G-Base ไม่มีความสอดคล้องก็จะทาการผสมเอทานอลแล้วสเปค ผลิตภัณฑ์น้ามันข้ันสุดท้ายอาจจะไม่ได้ตามมาตรฐานที่กาหนดไว้ เพราะฉะนั้นสมาคมจึงมีจุดสนใจว่า ถ้าสเปคผลิตภัณฑ์น้ามันขั้นสุดท้ายยังคงเดิม ในส่วนของรถท่ีผู้ผลิตพัฒนาแล้วในขณะนี้ก็สามารถใช้ได้ ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ หากมีการปรับเปล่ียนสเปค G-Base แล้วทาให้สเปคผลิตภัณฑ์น้ามันขั้นสุดท้าย เปล่ียนแปลงไป ซึ่งสมาคมจะต้องขอระยะเวลาในการไปพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของรถยนต์ ปัจจุบันและรถยนต์ในอนาคต เนื่องจากต้องทดสอบว่าการเปล่ียนแปลงสเปคน้ามัน รถยนต์รุ่นใหม่

๑๐๐ อาจจะใช้ได้ แตร่ ถยนต์รุ่นเก่าที่จาหน่ายไปแล้ว ผู้ผลติ จะไมส่ ามารถการันตีได้ว่าจะสามารถใช้ได้หรอื ไม่ และปัญหามนั อาจจะเกดิ ขึน้ ในระยะสน้ั หรือระยะยาวจึงต้องมีการพจิ ารณากอ่ น คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า หากมีการนาน้ามันเบนซิน ๙๑ และ ๙๕ ท่ีโรงกล่ันน้ามันผลิตได้ในประเทศตามกระบวนการกล่ันโดยปกติ มาผสมกับเอทานอลเป็นน้ามัน แกส๊ โซฮอล์ สามารถดาเนินการไดห้ รือไม่ อย่างไร เพื่อให้สามารถใช้น้ามนั ท่กี ลั่นไดใ้ นประเทศได้เพ่ิมขึ้น ลดการนาเข้าและการสง่ ออกตา่ งประเทศ ซึง่ อาจจะทาให้ราคาน้ามนั เชื้อเพลงิ ลดลง ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามันปิโตรเลียม ตอบประเด็นซักถามว่า หากใช้น้ามันเบนซิน ๙๑ และ ๙๕ ท่ีโรงกลั่นน้ามันผลิตได้มาผสมกับเอทานอล องค์ประกอบน้ามัน บางชนิดอาจจะไม่เหมาะสมกับสเปคของน้ามันแก๊สโซฮอล์ ตัวอย่างเช่น ค่าความดันไอ หรือ RVP จะผลติ อยทู่ ่ีระดับ ๖๒ เมอื่ นามาผสมกับเอทานอลแล้วจะทาให้คา่ RVP มีปริมาณมากเกินไป กจ็ ะส่งผล กระทบต่อการใช้งานของรถยนต์ และจุดกลั่นที่ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ หรือ T50 จะมีค่าลดลง เมื่อเติม เอทานอลท่ีมีจุดกลั่นต่าลงไป ซ่ึงจะส่งผลกระทบต่อการใช้งานของรถยนต์เช่นเดีย วกัน รวมท้ังค่า ออกเทนจะเพิ่มข้ึนเกนิ ความจาเป็นท่ีรถยนต์ต้องการ เป็นต้น สาหรับแนวทางการแก้ปัญหาและการลด การนาเข้านั้น ในช่วงปี ๒๕๖๓ กลุ่มโรงกลั่นน้ามันได้มีการหารือร่วมกับกรมธุรกิจพลังงานเก่ียวกับ นโยบายการส่งเสริมนา้ มนั แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นนา้ มันเกรดพ้ืนฐานกลุ่มเบนซนิ ซ่งึ ปัจจุบันมีการใชน้ า้ มัน G-Base 2 มาผลิตน้ามนั แกส๊ โซฮอล์ E20 ในปริมาณคอ่ นข้างสงู โดยหากมีการผลิตตามสเปคทก่ี าหนดไว้ อาจจะต้องมีการน้าเข้าน้ามัน G-Base 2 เพ่ิมมากขึ้น กลุ่มโรงกล่ันจึงมีการหารือกับกรมธุรกิจพลังงาน ให้มกี ารปรับสเปคของน้ามัน G-Base เพ่ือให้น้ามนั G-Base 1 มารองรับการผลิตนา้ มนั แก๊สโซฮอล์ E20 ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีการนาเข้าน้ามันลดลง แต่เนื่องจากได้มีการชะลอนโยบาย การส่งเสริมน้ามันแก๊สโซฮอล์ E20 ไว้ก่อน จึงยังไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าวต่อ ดังน้ัน ความชัดเจน ด้านนโยบายของกระทรวงพลังงานจึงมีความสาคัญต่อการกาหนดแผนการดาเนินงานในเร่ืองน้ามัน แกส๊ โซฮอลว์ ่าจะมีทิศทางเปน็ อยา่ งไร เพอ่ื มกี ารหารอื ร่วมกนั วา่ ควรมกี ารปรบั ข้อกาหนด หรอื ผอ่ นคลาย สเปคอย่างไรตอ่ ไป ผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตอบประเด็นซักถามว่า ในส่วนของ อุตสาหกรรมยานยนต์จะให้ความสาคัญกับสเปคปลายทางของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งการนาน้ามัน เบนซินธรรมดามาผสมกับเอทานอลในสัดส่วนที่แตกต่างกันเป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ จะเป็นไปตามข้อมูล ของกลุ่มโรงกลั่นว่า จะทาให้ไม่ได้สเปคท่ีมีความเหมาะสมและน้ามันองค์ประกอบบางชนิดจะส่ง ผลกระทบต่อการใชง้ านของรถยนตไ์ ด้ ดงั น้ัน สมาคมมีความเห็นวา่ การดาเนนิ การดังกลา่ วกอ็ าจจะเกิด ปัญหาในอนาคตได้ ผู้แทนจากกรมธุรกิจพลังงาน ตอบประเด็นซักถามว่า การนาน้ามันเบนซิน ๙๑ และ ๙๕ มาผสมกับเอทานอลตามสัดส่วนท่ีตอ้ งการเพือ่ ผลิตเปน็ น้ามันแกส๊ โซฮอล์ หากพิจารณาในแงม่ ุม ของคุณสมบัติในเรื่องค่าออกเทนจะไม่มีปัญหาต่อการใช้งาน แต่จะมีคุณสมบัติของ ๒ รายการหลัก คือ คา่ T50 และคา่ RVP ซงึ่ จะมปี ญั หาหากมกี ารนาไปใช้โดยตรง ซึ่งค่า T50 จะสง่ ผลกระทบตอ่ อตั ราการเรง่ ของรถยนต์ และค่า RVP หากเติมเอทานอลลงไปเพิ่มโดยที่ไม่ได้มีการดึงค่า RVP ของน้ามันเบนซิน พื้นฐานลง จะทาให้ค่า RVP เกินความเหมาะสม ทาให้มีปัญหาด้านการใช้งานของเคร่ืองยนต์ รวมทั้ง ส่งผลกระทบดา้ นส่ิงแวดล้อมดว้ ย ในสว่ นของประเด็นเกย่ี วกับมาตรฐานน้ามันเบนซนิ พ้ืนฐานของประเทศ

๑๐๑ ไทยที่มคี วามแตกต่างกับประเทศสิงคโปร์นน้ั เน่อื งจากประเทศไทยมนี โยบายท่ีจะส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิง ชวี ภาพ โดยมีแนวทางในการแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรมีราคาตกต่า หากสามารถนาพืชการเกษตร มาแปลงเปน็ พลังงานทดแทนกจ็ ะช่วยใหส้ ามารถรักษาเสถียรภาพราคาของสินค้าเกษตรได้ และเกษตรกร มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากข้ึน จึงเป็นเหตุผลให้ประเทศไทยมีสเปคผลิตภัณฑ์น้ามันท่ีแตกต่างจากประเทศ สิงคโปร์ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า ในกรณีของสหรัฐอเมริกาได้มีการกาหนดน้ามัน G-Base ในลักษณะเดียวกับประเทศไทยหรือไม่ และสามารถนาแนวทางการกาหนดมาตรฐานสเปค น้ามนั ของสหรฐั อเมรกิ ามาใชไ้ ดห้ รือไม่ อยา่ งไร ผู้แทนจากกรมธุรกิจพลังงาน ตอบประเด็นซักถามว่า ในกรณีของสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีการกาหนดสเปคน้ามัน G-Base แต่จะมีการกาหนดสเปคของผลผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายเท่าน้ัน สาหรับประเทศไทยการกาหนดมาตรฐานของน้ามัน G-Base มีลักษณะเป็นมาตรการหน่ึงในการสร้าง ความมั่นใจว่า น้ามันแก๊สโซฮอล์ที่ผลิตข้ึนมานั้นมีคุณภาพและเป็นไปตามกาหนดไว้ จึงทาให้มีการล็อค สเปคน้ามัน G-Base ไว้อีกชั้นหน่ึง ในส่วนของการกาหนดเฉพาะสเปคของผลผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ตามแนวทางของสหรัฐอเมรกิ านน้ั โดยในหลกั การสามารถดาเนินการกาหนดมาตรฐานเฉพาะผลติ ภณั ฑ์ สาเร็จรูปหรือน้ามันแก๊สโซฮอล์ได้ และประเด็นดังกล่าวกรมธุรกิจพลังงานได้เคยมีการหารือร่วมกันกับ กลุ่มโรงกล่ัน และกลุ่มผู้ค้าน้ามันแล้ว ซึ่งในวิธีการปฏิบัติน้ัน พบว่า มีข้อจากัดของผู้ค้าน้ามันท่ีมีการนา เอทานอลมาผสมเพ่ือผลิตน้ามันแก๊สโซฮอล์ เน่ืองจากปัจจุบันผู้ค้าน้ามันจะสามารถนาน้ามัน G-Base ตามท่ีกรมธุรกจิ พลังงานกาหนดแล้วจะได้เป็นน้ามันแก๊สโซฮอล์ท่ีมีคุณภาพเพื่อจาหน่ายในสถานีบรกิ าร ตามกรมธุรกิจพลังงานกาหนดไว้ ในทางกลับกัน หากไม่มีการกาหนดสเปคน้ามัน G-Base ผู้ท่ีจะผลิต หรือนาไปใช้ผสมกับเอทานอลเป็นแก๊สโซฮอล์ที่จะต้องมีการคานวณสัดส่วนของเอทานอลที่ใช้ ในการผสมเพ่ือให้ได้น้ามันแก๊สโซฮอล์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานกาหนด จึงเป็นการสร้างความยุ่งยาก ในการผลติ นา้ มนั แกส๊ โซฮอล์ ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามันปิโตรเลียม ตอบประเด็นซักถามว่า บริบทของสหรัฐอเมริกาประกอบด้วยหลายรัฐ ทาให้ในแต่ละรัฐจึงมีการกาหนดมาตรฐานท่ีแตกต่างกัน ตามบริบทของแต่ละรัฐด้วย สาหรับประเทศไทยอาจจะพิจารณากาหนดขอบเขตของการควบคุม มาตรฐานว่าจะอยู่ตรงส่วนใด ซ่ึงท่ีผ่านมาจากการดาเนินงานร่วมกับกรมธุรกิจพลังงานมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่า มีความห่วงใยครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้บริโภค ทาให้มีการกาหนดมาตรฐานและคุณภาพ ที่เข้มงวด หากดาเนนิ การตามแนวทางของสหรฐั อเมรกิ ากจ็ ะเป็นความรับผดิ ชอบของผู้บริโภคเอง ทาให้ การควบคุมมาตรฐานลดลง และสเปคนา้ มันมคี วามผอ่ นคลายมากขึ้น คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า การปรับสัดส่วนการผสมเอทานอล และ การกาหนดมาตรฐานคุณภาพน้ามัน G-Base เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและทันต่อสถานการณ์ ความผนั ผวนของราคานา้ มนั เชื้อเพลงิ สามารถดาเนนิ การได้หรือไม่ อย่างไร ผู้แทนจากกรมธรุ กจิ พลังงาน ตอบประเด็นซักถามว่า การกาหนดสเปคของน้ามัน G-Base และน้ามันแก๊สโซฮอล์ที่กรมธุกิจพลังงานกาหนดน้ัน เป็นการกาหนดมาตรฐานของสินค้า ในลักษณะเช่นเดียวกับการดาเนินงานของสานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในขณะเดียวกันผู้ค้าน้ามันจะเลือกผลติ สินค้าตัวไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด โครงสร้างราคา

๑๐๒ น้ามันในขณะนั้น หากน้ามันชนิดใดมีราคาถูกและรถยนต์ของผู้บริโภครองรับได้ก็จะเลือกใช้น้ามันชนิด น้ันได้ ในส่วนของความยืดหยุ่นของการกาหนดสเปคของน้ามัน G-Base กรมธุรกิจพลังงานได้เคยมี การหารือรว่ มกับกลุ่มโรงกล่ัน ผู้คา้ น้ามัน และกลุ่มยานยนต์ เกี่ยวกบั การยกเลิกสเปคดังกล่าวแลว้ และ ไมม่ ีความขดั ข้องหากจะกาหนดมาตรฐานและคุณภาพเฉพาะผลติ ภณั ฑข์ ั้นสุดทา้ ย ซ่ึงจากผลการประชุม คอื ผู้คา้ น้ามนั มขี ้อจากดั และสเปคดังกล่าวยงั มคี วามจาเปน็ สาหรบั การผลติ นา้ มนั แก๊สโซฮอล์ ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามันปิโตรเลียม ตอบประเด็นซักถามว่า ผลการประชุมหารือร่วมกันเก่ียวกับความจาเป็นของการกาหนดสเปคของน้ามัน G-Base มีท้ังเห็นด้วย และไม่เหน็ ดว้ ย แตเ่ สียงสว่ นใหญก่ เ็ ห็นว่ายงั มีความจาเปน็ ท่จี ะตอ้ งกาหนดสเปคดงั กล่าว เนือ่ งจากน้ามนั G-Base ไม่ได้ผลิตมาจากโรงกล่ันในประเทศเท่านั้น ยังมีผู้ค้าน้ามันท่ีมีการนาเข้า G-Base จาก ตา่ งประเทศด้วย จงึ ทาให้ตอ้ งมกี ารกาหนดสเปคเพ่อื มารองรับการผลติ เพ่ือใหไ้ ดม้ าตรฐานท่กี าหนด ๓.๒.๒๓ ผลกระทบจากการยกเลกิ มาตรการตรึงราคาน้ามนั ดีเซล ๓๐ บาทตอ่ ลติ ร ผู้แทนจากสหพนั ธ์การขนส่งแห่งประเทศไทย ได้ให้ขอ้ มูลโดยสรปุ ดังนี้ จากกรณีท่ีกระทรวงพลังงานได้มีนโยบายยกเลิกมาตรการตรึงราคาน้ามันดีเซล ที่ ๓๐ บาทต่อลิตร โดยให้มีผลต้ังแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ น้ัน กลุ่มผู้ประกอบการภาคขนส่งได้มี ข้อเสนอในการบรรเทาผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว เพื่อเป็นการชะลอการปรับข้ึนราคาค่าขนส่ง สินค้าในชว่ งสถานการณว์ ิกฤตดา้ นราคานา้ มันดีเซล ดังนี้ ๑) เสนอให้มีการพิจารณาลดการผสมไบโอดีเซลในน้ามันดีเซลเป็น B0 ซึ่งจะ ทาใหร้ าคาน้ามันดเี ซลลดลงไดป้ ระมาณ ๒ บาทตอ่ ลติ ร ๒) เสนอให้มีการพิจารณาองค์ประกอบของราคา ณ โรงกลั่น ในส่วนของ ค่าใช้จ่ายในการนาเข้า ซง่ึ มีการอา้ งอิงคา่ ขนส่งน้ามันจากสิงคโปร์มายงั ประเทศไทย โดยใหม้ ีการปรับลด ค่าใชจ้ ่ายดังกล่าวลงประมาณ ๑ บาทต่อลติ ร ๓) เสนอให้มีการพิจารณาปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลลง ๓ บาทตอ่ ลติ ร ซ่ึงจะทาใหอ้ ตั ราการจัดเกบ็ ภาษสี รรพสามิตนา้ มนั ดเี ซลอยทู่ ี่ ๒๐ สตางค์ต่อลิตร ๔) เสนอให้มีการพจิ ารณาปรับลดค่าการตลาดลง ประมาณ ๗๐ – ๘๐ สตางค์ต่อลติ ร ท้ังนี้ ในช่วงสถานการณ์ความผันผวนของราคาน้ามันดีเซลท่ีผ่านมา กลุ่ม ผู้ประกอบภาคขนส่งของสหพันธ์ฯ ได้ดาเนินการพยุงราคาค่าขนส่งสินค้ามาโดยตลอด โดยคานึงถึง ตน้ ทุนของราคาสนิ คา้ ท่จี ะปรบั ข้นึ และส่งผลกระทบกบั ผ้บู รโิ ภค อยา่ งไรกต็ าม การปรับข้ึนราคาคา่ ขนสง่ ในปัจจุบันจะอยู่ในส่วนของบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ท่ีมีการผลิตสินค้าของตนเอง และมีการจัดต้ัง บริษัทมาดาเนนิ ขนส่งสนิ คา้ โดยตรงเทา่ นน้ั คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า หากภาครัฐไม่สามารถควบคุมราคาน้ามันดีเซล ได้ ในมุมมองของกลุ่มผูป้ ระกอบการขนส่งมีข้อเสนอใหภ้ าครัฐช่วยลดภาระในด้านอ่ืน ๆ นอกเหนือจาก การปรบั ลดราคานา้ มนั เช้อื เพลิงหรอื ไม่ อยา่ งไร ผู้แทนจากสหพันธ์การขนส่งแห่งประเทศไทย ตอบประเด็นซักถามว่า การลด ค่าใช้จ่ายที่เก่ียวข้องกับภาษีทะเบียนรถ อาจจะไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมและไม่ได้ช่วยลดภาระให้กับ ผู้ประกอบการ โดยข้อเสนอหลักท่ีสาคัญ คือ การลดการผสมไบโอดีเซลในน้ามันดีเซลเป็น B0 และ ต้นทนุ ราคา ณ โรงกล่นั

๑๐๓ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า เพราะเหตุใดจึงมีข้อเสนอให้ลดการผสม ไบโอดเี ซลในน้ามันดเี ซลเปน็ B0 ผู้แทนจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ตอบประเด็นซักถามว่า เนื่องจากการผสมไบโอดีเซลส่งผลให้น้ามันเครื่องดาและไส้กรองน้ามันเครื่องเส่ือมสภาพ จึงทาให้ต้องมี การซ่อมบารุงอุปกรณด์ ังกล่าวบ่อยครั้งข้ึน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทาให้กลุ่มผปู้ ระกอบการขนส่ง มีต้นทุนแฝงหรือต้นทุนผันแปรเพิ่มขึ้นประมาณ ๗๐๐ – ๘๐๐ บาทต่อเดือน ดังน้ัน ในช่วงสถานการณ์ วกิ ฤตดา้ นราคาน้ามนั ดเี ซลในปัจจุบนั จึงควรพจิ ารณายกเลิกการผสมไบโอดีเซลในน้ามันดีเซลออกไปกอ่ น คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่าการปรับเปลี่ยนเคร่ืองยนต์ของรถขนส่งจาก เครื่องยนตด์ ีเซลเป็นเครื่องยนต์ไฟฟ้า กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งมีข้อเสนอใหภ้ าครัฐดาเนินการช่วยเหลือ หรอื ไม่ อยา่ งไร ผู้แทนจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ตอบประเด็นซักถามว่า หากภาครัฐสนับสนุนให้มีการนาเข้ามอเตอร์และแบตเตอรี่เพ่ือแปลงสภาพเครื่องยนต์ของรถเก่าให้เป็น ยานยนต์ไฟฟ้าก็จะทาให้ประหยัดต้นทุนค่าขนส่งได้ ซ่ึงปัจจุบันราคารถขนส่งเครื่องยนต์ไฟฟ้าอยู่ท่ี ประมาณ ๔ – ๕ ล้านบาท ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลมรี าคาอยทู่ ่ีประมาณ ๒ ล้านบาท ทาให้การนาเข้า รถขนส่งเครอ่ื งยนตไ์ ฟฟา้ ยังเปน็ ค่าใชจ้ ่ายท่สี งู อยู่ ๓.๒.๒๔ มาตรการช่วยเหลือด้านภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซล และการติดตาม ผลการดา้ เนินงานเกี่ยวกบั มาตรการด้านภาษีของยานยนต์ไฟฟ้า ผ้แู ทนกรมสรรพสามิต ได้ใหข้ ้อมลู โดยสรปุ ดงั นี้ ๑) ตามที่ปรากฏข่าวตามส่ือกระแสหลักและสื่อสังคมออนไลน์เก่ียวกับการลด อตั ราภาษนี ้ามัน โดยมติคณะรฐั มนตรมี อบหมายใหก้ รมสรรพสามติ ดาเนินมาตรการภาษเี พอ่ื ช่วยบรรเทา ความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงที่ระดับราคาน้ามันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพและต้นทุนในการประกอบกิจการต่าง ๆ โดยปรับลด อตั ราภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลลง ๓ บาทต่อลิตร ต้งั แต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และจะสิ้นสุดลง ในวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ กรมสรรพสามิตได้ทาการศึกษาวิเคราะห์ข้อพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ โดยเสนอความเห็นตอ่ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั เก่ยี วกับผลกระทบและข้อจากัดทางด้านการคลัง ตอ่ การจะขยายระยะเวลาการลดอตั ราภาษีน้ามนั ดเี ซล หลงั จากวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ โดยคาดว่า คณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวนี้ ในวันอังคารท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕ อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตมีหนา้ ทจ่ี ัดเก็บรายได้สรรพสามิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซ่ึงมาตรการปรบั ลดอตั ราภาษี สรรพสามิตน้ามันดีเซลลง ๑ บาทต่อลิตร กระทบต่อรายได้ของรัฐบาลประมาณ ๑,๙๐๐ ล้านบาท ต่อเดือน ซึ่งจะเห็นได้ว่า การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลลง ๓ บาทต่อลิตร จะกระทบต่อ รายไดข้ องรฐั บาลประมาณ ๕,๔๐๐ – ๕,๕๐๐ ล้านบาทตอ่ เดือน สญู เสยี รายได้ทง้ั สิน้ ประมาณ ๑๓,๕๐๐ ล้านบาท และเน่ืองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในชว่ งทผ่ี ่านมา และคาส่ังปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทาใหย้ อดจัดเก็บภาษขี าย ไพ่ สุรา ยาสูบ และเครื่องดื่มต่ากว่าเป้าหมายเป็นอย่างมาก หากจะดาเนินมาตรการลดอัตราภาษี สรรพสามิตน้ามันดีเซลเพ่ือบรรเทาภาระค่าน้ามันดีเซลที่มีราคาแพง รัฐบาลควรจะดาเนินการ เป็นมาตรการระยะสั้น ๆ ครั้งหน่ึงไม่เกินคราวละ ๓ เดือน เพ่ือไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษี

๑๐๔ สรรพสามติ น้ามนั และผลติ ภณั ฑ์นา้ มนั ซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลกั ของรัฐบาล และควรเปน็ ทางเลอื กสุดท้าย เพ่ือไม่ให้การสูญเสียรายได้ไปส่งผลกระทบต่อแผนการจัดเก็บรายได้จากภาษี และแผนการใช้จ่ายเงิน งบประมาณของรฐั ๒) มาตรการส่งเสริมยานยนตไ์ ฟฟา้ ในประเทศ ระยะท่ี ๓ มีผู้ประกอบอุตสาหกรรม รถยนต์ไฟฟ้าท่ีเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ยอดจองมีจานวนท้ังส้ิน ๕,๔๗๓ คัน เป็นการส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์ แบตเตอร่ี เงื่อนไขในราคาคันละไม่เกิน ๒ ล้านบาท เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Battery Electric Vehicle หรือรถ BEV โดยเม่ือวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ งานบางกอก มอเตอร์โชว์ อินแพค เมืองทองธานี ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้นาเข้ารถยนต์ รว่ มลงนามขอ้ ตกลงตามมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จานวน ๓ ราย ได้แก่ (๑) บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอร่ิงไทย (ประเทศไทย) จากัด (๒) บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จากัด และ (๓) บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จากัด จากน้ัน เมื่อวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด ได้ลงนามข้อตกลง และผู้ประกอบ อุตสาหกรรมนาเข้ารถจักรยานยนต์ที่ลงนามข้อตกลงกับสรรพสามิตแล้ว จานวน ๑ ราย คือ บริษัท เดโก กรีน เอนเนอรจ์ ี จากดั เม่ือวนั ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ณ กรมสรรพสามติ ๓) ในทุกปีจะมีการจาหน่ายน้ามันเชื้อเพลิงสาหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่อง (โครงการน้ามันเขียว) จาหน่ายผ่านเรือสถานีบริการน้ามัน (Tanker) หรือเรือแทงเกอร์ เฉล่ียปีละ ประมาณ ๖๐๐ ล้านลิตร หรือในทุก ๆ เดือน จะมีค่าเฉลี่ยประมาณขายได้ประมาณ เดือนละ ๕๐ ล้านลิตร คิดประมาณการภาษีต่าง ๆ ท่ีได้รับการยกเว้นให้ประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี โดย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรือประมงที่เข้าร่วมโครงการ มีจานวน ๘.๔๔๕ ลา และในช่วงท่ีผ่านมา กรมสรรพสามิต สานักงานตารวจแห่งชาติ และหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ได้เข้าไปกากับดูแลการจาหน่าย น้ามันดีเซลเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ ดาเนินคดีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ทาใหก้ ารใช้นา้ มันเชอื้ เพลิงสาหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องลดลง เหลือเพยี งเดอื นละ ๒๐ ล้านลิตร ประกอบกับมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามติ นา้ มันดีเซล ๓ บาทต่อลิตร ทาให้น้ามนั สาหรับ ชาวประมงในเขตต่อเน่ืองและน้ามันดีเซลบนบก มีราคาใกล้เคียงกันมาก แตกต่างกันประมาณ ๒ - ๓ บาทต่อลิตร ทาใหช้ าวประมงหนั มาเติมน้ามนั บนฝัง่ มากขึน้ ๔) รัฐธรรมนูญได้กาหนดหลักวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฐานะ ทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืน กรมสรรพสามิตมีการจัดเก็บภาษีจาก การขายไพ่ สุรา ยาสูบ ต้องนาส่งเข้าคลังตามกฎหมาย ความเห็นเก่ียวกับการดาเนินงานทุนหมุนเวียน กรณีของกองทุนน้ามันเชื้อเพลิง แม้ว่าจะมีกฎหมายกาหนดวัตถุประสงค์การใช้เงินอย่างชัดเจน แต่เงิน ท่ีสง่ เข้ากองทนุ จากผู้ใชน้ ้ามนั ไมไ่ ดน้ าสง่ คลังแผน่ ดินตามกฎหมาย และการใชจ้ ่ายเงินของกองทุนไม่ผา่ น การพิจารณาอนุมัติงบประมาณโดยระบบรัฐสภา จึงไม่สอดคล้องกับหลักการคลังสมัยใหม่ท่ีกาหนดให้มี การจัดสรรงบประมาณในแต่ละเรอ่ื งเปน็ ครัง้ ละปี ๆ ไป คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า แนวโน้มทิศทางการขยายเวลาการลดอัตราภาษี นา้ มันดเี ซล หลังจากวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ กรมสรรพสามติ คาดว่ารัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลัง จะมคี วามเหน็ เสนอต่อท่ีประชมุ คณะรัฐมนตรี และรัฐบาลจะตัดสนิ ใจอยา่ งไร

๑๐๕ ผแู้ ทนจากกรมสรรพสามิต ตอบประเดน็ ซกั ถามว่า กรมสรรพสามติ ไมท่ ราบเลยวา่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะมีความเห็นในเร่ืองนี้อย่างไร จะเลือกปรับลดลดอัตราลงก่ีบาท เป็นระยะเวลานานกี่เดือน หากสูงสุดก็คงประมาณ ๕ บาทตอ่ ลิตร แต่จะเปน็ ๐ บาทต่อลิตรคงจะไม่ได้ เน่ืองจากตอ้ งเหลอื เศษ ๙๙ สตางค์ ให้ส่วนราชการไว้ติดตอ่ กับผู้ประกอบการเพื่อเก็บสถิติการค้านา้ มัน ในท้ายท่ีสุด คาดว่ารัฐบาลอาจจะมีมาตรการปรัดลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลลง ๓ บาทต่อลิตร หรือไม่ต่ากว่า ๓ บาทต่อลิตร หลงั จากมาตรการเดิม จะส้ินสุดในวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เพื่อบรรเทา ภาระน้ามันแพง หากวันองั คารท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ทป่ี ระชมุ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรบั ลดอัตรา ภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลลง มาตรการดังกล่าวก็จะมีความต่อเนื่อง สามารถเร่ิมมาตรการให้มีผลต้ังแต่ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ต่อเนื่องไปได้ นอกจากนี้ ต้องติดตามรายงานของสานักงานสภาพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๕ และแนวโน้ม เศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๕ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) จะอยทู่ ี่เทา่ ใด และพิจารณาข้อสัง่ การเพิม่ เตมิ ของนายกรฐั มนตรดี ้วย คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการกาหนดอัตรา ภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลเกรดพรีเม่ียมให้สูงกว่าน้ามันดีเซลธรรมดาทั่วไปเพ่ือให้เป็นตัวเลื อกแก่ผู้ใช้ น้ามัน หรือควรมีน้ามันเบนซินพิเศษสาหรับกลุ่มรถหรูและมีกาลังซ้ือ สามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ไดใ้ นลักษณะเป็นสินคา้ ฟมุ่ เฟือย ก็จะทาใหร้ ัฐบาล มีรายได้เพม่ิ ซึ่งคนกลุ่มนม้ี กี าลังซ้ืออยูแ่ ลว้ และนา้ มัน ดีเซลเป็นสนิ ค้าจาเปน็ ปัจจบุ ันเก็บภาษสี รรพสามิตนา้ มันดีเซลสูงถึง ๕ - ๖ บาทตอ่ ลิตร ใช้ฐานคิดอัตรา อยา่ งไร และสนามกอลฟ์ มกี ารกาหนดพกิ ดั อัตราภาษสี รรพสามิตอย่างไร ผู้แทนจากกรมสรรพสามิต ตอบประเด็นซักถามว่า กระทรวงการคลังเป็น หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดเก็บสรรพสามิตจากสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต โดยการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตนา้ มันดีเซลทมี่ ีไบโอดีเซลเกนิ กว่ารอ้ ยละ ๔ แต่ไม่เกินร้อยละ ๗ ทุกชนิด เป็นสินค้าเดียวกันจัดเก็บตามปริมาณ ณ ท่ีโรงกล่ัน ในอัตราเดียวกัน ส่วนผู้ประกอบกิจการค้าน้ามัน นาน้ามันดีเซล B7 ไปใสส่ ารเติมแตง่ สามารถพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ขายเปน็ น้ามนั ดีเซล B7 เกรดพรีเมียม และ ปัจจุบันโครงสร้างภาษีน้ามันเก็บภาษีจากค่าความร้อนตามอัตราปริมาณต่อลิตร และสนามกอล์ฟ มีการกาหนดพิกัดอตั ราภาษีสรรพสามิต ร้อยละ ๑๐ จากค่าสมาชิก และอีกร้อยละ ๑๐ จากรายได้ของ การให้บรกิ ารสนามกอลฟ์ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า การดาเนินมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ในประเทศ มีการส่งเสริมและมีค่ายรถจากยุโรปเข้าร่วมในโครงการหรือไม่ และมีมาตรการช่วยเหลือ รถบรรทุก NGV ให้ดัดแปลงมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ และเม่ือโลกเข้าสู่กระแสของยานยนต์ไฟฟ้า รายไดข้ องรัฐจากภาษีสรรพสามติ นา้ มนั และผลติ ภณั ฑน์ า้ มนั จะต้องลดลง กรมสรรพสามิตมีแผนการคลงั ท่จี ะต้องรับมอื กบั เรือ่ งนใี้ นอนาคตอยา่ งไร ผู้แทนจากกรมสรรพสามิต ตอบประเด็นซักถามว่า ค่ายรถยุโรปได้มีการขอรับ การสนับสนุนในลักษณะของสง่ เสริมการลงทุน BOI เก่ียวกับสิทธิประโยชน์ต้ังฐานการผลติ ยานพาหนะไฟฟ้า ชิน้ ส่วน และอุปกรณ์สาหรับยานพาหนะไฟฟ้า ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และแนวทาง การดาเนินการส่งเสรมิ ยานยนต์ไฟฟ้าทีผ่ ลิตหรอื ประกอบในประเทศจะไดร้ ับการสง่ เสริมใหใ้ ช้ชน้ิ สว่ นนาเข้า ในช่วงระยะเวลา ปี ๒๕๖๕ - ๒๕๖๘ ซ่ึงปัจจุบันแบตเตอร่ีทุกชนิด เช่น ถ่านไฟฉาย ถ่านนาฬิกา ท่ีสามารถ

๑๐๖ เก็บพลังงานและให้พลังงานไฟฟ้าได้ มีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตเก็บตามมูลค่าร้อยละ ๘ และกรณีของ รถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิง ไม่ได้อยู่ในพิกัดอัตราสรรพสามิตรถยนต์ตามพระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎกระทรวงได้กาหนดพิกดั อตั ราภาษีเฉพาะรถยนต์ รถเก๋งที่มผี ู้โดยสาร ไม่เกินสิบคน รถยนต์กระบะ เนื่องจากสมัยก่อนถือเป็นสินค้าท่ีมีลักษณะฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ตาม เมื่อมี ผู้ประกอบการรถบรรทุกท่ีเดือดร้อนได้ทาหนังสือร้องเรียนขอให้ช่วยเหลือกรมสรรพสามิตได้นาเร่ือง เรียนคณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ในคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ซึ่งมีอานาจหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมหรือออกมาตรการช่วยเหลอื รถบรรทุก NGV ใหด้ ัดแปลงมาเป็น รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่ีมีสัญชาติไทยเพ่ือพัฒนาไปเป็นอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ทผ่ี ลติ ยานยนตไ์ ฟฟ้า สาหรับทิศทางการจัดเก็บภาษีพลังงานในอนาคตจะจัดเก็บตามปริมาณและ ค่าสัมประสิทธิ์ เชื้อเพลิงท่ีมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงก็จะมีภาระภาษีสูงกว่าเชื้อเพลิง ท่ีปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่า การพัฒนาระบบเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าท่ีเป็นมิตร ต่อส่ิงแวดล้อม ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีการพัฒนาแผนการ กาหนดอัตราภาษีใหม่เพ่ือส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า และควบคุมและลดการบริโภคสินค้าที่มีน้าตาล เพ่ือ เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคความหวานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสังคม การรณรงค์ของกระทรวง สาธารณสุขไมไ่ ด้ผลตอ้ งใช้เคร่อื งมือทางภาษี ขณะเดียวกันเมื่อโลกพฒั นาไปสู่ยุคพลังงานสะอาด รายไดข้ อง รฐั ทเ่ี คยมีจากภาษสี รรพสามิตน้ามันเบนซินและนา้ มันดเี ซลอาจจะหายไป ซ่งึ โจทยใ์ หญข่ องกรมสรรพสามิต ตามแผนการของสหภาพยุโป หรือ EU จะนา CBAM มาเป็นเง่ือนไขในการเจรจา FTA โดยใช้มาตรการ ทางการคลังกับสินค้าจากประเทศที่สาม ได้แก่ เหล็กกล้า โลหะ อะลูมิเนียม ซีเมนต์ปูน ปุ๋ยเคมี พลังงาน เพ่ือบรรลุเป้าหมายด้านก๊าซเรือนกระจกและการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ซึ่งผู้ประกอบการของไทย ตอ้ งเตรียมพร้อมกบั ต้นทุนทเ่ี พ่มิ สูงขึ้น คณะอนุกรรมาธกิ ารซักถามว่า น้ามนั เช้ือเพลิงสาหรบั ชาวประมงในเขตต่อเน่ือง (โครงการน้ามนั เขยี ว) แตกตา่ งกับนา้ มนั บนบกอยา่ งไร และมาจากโรงกลัน่ แหง่ ใด และประมาณการภาษี ท่ีได้รับการยกเวน้ ใหก้ บั เรอื ประมงในโครงการปีงบประมาณ ๒๕๖๓ เพราะเหตุใดจงึ สงู กวา่ ปีงบประมาณ อื่น ทั้งท่ีจานวนเรือประมงท่ีเข้าร่วมโครงการลดลง และการลักลอบนาเข้าน้ามันเชื้อเพลิงจะทาให้รัฐ สญู เสียภาษีสรรพสามิตต่อปเี ท่าไหร่ ผู้แทนจากกรมสรรพสามิต ตอบประเด็นซักถามว่า โรงกลั่นน้ามัน ไอ อาร์ พี ซี เป็น ผู้ผลิตน้ามันแห่งเดียวที่ผลิตให้กับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจประมงในโครงการ ซึ่งน้ามันเช้ือเพลิงสาหรับ ชาวประมงเป็นน้ามันดีเซลเกรดต่า ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน เติมสารสีเขียวหรือสารมาร์คเกอร์ (Marker) ลงไป เพ่ือให้สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นสินค้าน้ามนั ดีเซลที่ได้รบั การยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ามัน ลดความเสี่ยงในการลักลอบนาน้ามันเขียวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อประโยชน์ของประเทศ และ ได้มีการดาเนินคดีกับผู้ขายหรือครอบครองน้ามันดีเซล เพื่อจะลักลอบนาน้ามันดีเซลส่งออกกลับเข้ามาขาย ในประเทศ เหตุที่น้ามันมาเลเซียอาจจะถูกกว่าของไทย เน่ืองจากรัฐบาลมาเลเซียมีการอุดหนุนราคาน้ามัน เช้ือเพลิงเช่นเดียวกับของไทย ส่วนข้อมูลปริมาณน้ามันที่จาหน่ายในโครงการเป็นข้อมูลจากโรงกล่ันน้ามัน ทกี่ ากับดแู ลเรือประมงทกุ ลาต้องได้รบั การรับรองจากสมาคมการประมงแหง่ ประเทศไทยจึงมีการเพม่ิ หรอื ลด ทกุ ปี ราคาของแตล่ ะชว่ งเวลา ๑๐ ปีที่ผ่านมา อตั ราภาษีสรรพสามติ ของนา้ มนั ดีเซลไมเ่ ท่ากัน

๑๐๗ ๓.๒.๒๕ แนวโนม้ ของคา่ การกล่นั ทมี่ ผี ลต่อโครงสรา้ งราคานา้ มนั เชอ้ื เพลิง ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกล่ันน้ามันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย ได้ให้ขอ้ มลู โดยสรุป ดังนี้ ๑) สัดส่วนการผลิตน้ามันสาเร็จรูป และส่วนต่างราคาน้ามันสาเร็จรูป โดยโรงกลั่น น้ามันผลิตนา้ มนั สาเรจ็ รปู ไดห้ ลายชนดิ ซ่งึ แตล่ ะชนดิ กม็ ีส่วนต่างราคาท่ีแตกต่างกนั ไป และบางชนิดมรี าคา ทีน่ อ้ ยกวา่ ราคาน้ามนั ดบิ ท่ีนามากลน่ั เช่น ก๊าซ LPG และกลมุ่ น้ามนั เตา เปน็ ตน้ ๒) จากข้อมูลเปรียบเทียบค่าการกล่ันน้ามันของสานักงานนโยบายและแผน พลังงาน (สนพ.) และโรงกลั่นน้ามัน ในช่วงปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๕ จะเห็นได้ว่า ค่าการกลั่นของโรงกลั่นน้ามัน มีค่าอยู่ในระดับต่ากว่าที่ สนพ. ประกาศ เนื่องจากค่าการกลั่นของ สนพ. ยังไม่ได้หักลบต้นทุนอ่ืน ๆ เช่น ค่าพรีเมียมของน้ามันดิบ ค่าเช้ือเพลิง และค่าไฟฟ้า เป็นต้น โดยค่ากลั่นขึ้นอยู่กับอุปสงค์และ อุปทานของน้ามันดิบและน้ามันสาเร็จรูป และค่าการกลนั่ ท่ีปรับตัวสูงขึ้นเกิดจากภาวะสงครามระหว่าง รัสเซยี - ยูเครน ซง่ึ เป็นเพยี งเหตกุ ารณ์ท่เี กดิ ขึน้ ในขณะน้ีเทา่ นน้ั ทง้ั นี้ ค่าการกลัน่ ของกลมุ่ โรงกลน่ั น้ามนั ในชว่ งการแพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) จนถงึ ปัจจุบนั ยงั อยู่ในระดับตา่ ๓) คา่ การกล่ันของโรงกลั่นน้ามัน ยังไม่ใชก่ าไรที่แทจ้ ริงท่ีโรงกล่ันได้รับ เนื่องจาก ยงั ไมไ่ ด้หักลบตน้ ทนุ อื่น ๆ เช่น คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนินการ ดอกเบยี้ ภาษี กาไร/ขาดทุนจากการบริหาร ความเส่ียง และกาไร/ขาดทุนจากสตอ็ กน้ามนั เป็นต้น โดยองคป์ ระกอบในการคานวณกาไรของโรงกลั่น น้ามัน มีดังนี้ (๑) ราคาน้ามันสาเร็จรูป (๒) ราคาน้ามันดิบอ้างอิง (๓) ค่าขนส่งน้ามันดิบ/ค่าประกันภัย (๔) ค่าพรีเมียมน้ามันดิบ (๕) ค่าน้า/ค่าไฟ (๖) ค่าพลังงาน/ค่าสูญเสีย (๗) ค่าการกล่ันโรงกล่ันน้ามัน (๘) ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (๙) กาไร/(ขาดทุน) จากการป้องกันความเส่ียง (Hedging) และ (๑๐) กาไรก่อนหัก กาไร/(ขาดทนุ ) จากสต็อกนา้ มัน ๔) สรุปขอ้ มลู ข้อเทจ็ จริงเกีย่ วกับสถานการณค์ ่าการกลัน่ ของโรงกลนั่ น้ามนั ๔.๑) ค่าการกล่ันข้ึนอยู่กับอุปสงค์อุปทานของน้ามันในตลาด เป็นไปตามกลไก การค้าเสรี และไม่ได้อ้างอิงโครงสร้างราคาน้ามันเชื้อเพลิงท่ีประกาศโดย สนพ. สาหรับใช้ในการซื้อ-ขาย รวมทั้งยังข้ึนอยู่กับภูมิศาสตร์การเมือง (Geopolitical) ซึ่งมีผลต่ออุปทานน้ามัน และสถานการณ์อ่ืน ๆ เช่น การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นต้น ๔.๒) ค่าการกลั่นของโรงกลั่นน้ามัน ยังไม่ใช่กาไรท่ีแท้จริงท่ีโรงกลั่นได้รับ เน่ืองจากยังไม่ได้หักลบต้นทุนอ่ืน ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ ดอกเบี้ย ภาษี กาไร/ขาดทุนจาก การบรหิ ารความเสี่ยง และกาไร/ขาดทนุ จากสต็อกนา้ มัน เป็นต้น ๔.๓) ค่าการกลั่นท่ีปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน เกิดจากสภาวะสงครามระหว่าง รสั เซยี -ยเู ครน ซง่ึ เป็นเพียงเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ ในขณะนี้เท่าน้นั ๔.๔) โรงกลน่ั น้ามันเป็นธรุ กิจท่ีมีความสามารถในการทากาไรต่า เมื่อเทียบกับ รายไดท้ ี่โรงกล่ันไดร้ บั ๔.๕) กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกล่นั น้ามนั ไดม้ ีการลงทนุ ในโครงการตา่ ง ๆ เพือ่ เพิ่ม ประสิทธิภาพในการผลิตให้สามารถแข่งขันกับโรงกลั่นน้ามันต่าง ๆ ในภูมิภาคได้ และเพื่อให้สามารถ ปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาครัฐ และกฎหมายด้านส่ิงแวดล้อม เช่น โครงการผลิตน้ามันยูโร ๕ ท่ีมี เงนิ ลงทุนกวา่ ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นต้น

๑๐๘ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า โรงกลั่นน้ามันมีการกาหนดระยะเวลาในการซ้ือ นา้ มนั ดิบอยา่ งไร ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามัน ตอบประเด็นข้อถามว่า โรงกล่ันน้ามัน มีหน้าที่ในการซ้ือน้ามันดิบมากล่ันเป็นน้ามันสาเร็จรูป เพ่ือขายหน้าโรงกล่ันในราคาขายส่ง โดยการซื้อ น้ามันดิบของโรงกล่ันน้ามัน เป็นการวางแผนการซื้อล่วงหน้า โดยใช้ระยะเวลา ๒ – ๓ เดือน ข้ึนอยู่กับ น้ามันดิบที่จะซ้ือว่ามาจากแหล่งใด และส่วนใหญ่การซื้อน้ามันดิบจะไม่สามารถทราบราคาที่ซ้ือจริง ได้ เพราะราคาท่ีซื้อจริงจะเกิดข้ึน ณ วันท่ีผู้ผลิตส่งมอบน้ามันดิบให้กับโรงกล่ันแล้ว ซึ่งการตกลงราคา ในการซ้ือน้ามันดิบล่วงหน้า จะเป็นการตกลงในราคาท่ีเรียกว่า ค่าพรีเมียมน้ามันดิบ ดังนั้น จึงทาให้ โรงกลั่นน้ามันต้องมีการบริหารความเส่ียง ท้ังในส่วนของราคาขายผลิตภัณฑ์กับราคาซ้ือน้ามันดิบ ซึ่งอยู่ ในช่วงคนละเวลากนั ดว้ ย คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า ค่าการกลั่นเป็นราคาน้ามันสาเร็จรูปท่ีโรงกล่ัน ขายจริงไม่ได้อ้างอิงโครงสร้างราคาน้ามันเช้ือเพลิงท่ีประกาศโดย สนพ. ใช่หรือไม่ และราคาดังกล่าว มีความแตกตา่ งกนั อย่างไร ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกล่ันน้ามัน ตอบประเด็นซักถามว่า ราคาตาม โครงสร้างราคาน้ามันเช้ือเพลิงที่ สนพ. ประกาศนั้น เป็นเพียงแนวทางในการชี้นา (Guideline) เท่านั้น โดยหลักการและภาพรวมในการขายน้ามันสาเร็จรูปของโรงกลั่นให้กับผู้ค้าน้ามันเช้ือเพลิงแต่ละรายน้ัน จะกาหนดราคาขายท่ีไม่เท่ากัน โดยในกรณีท่ีเป็นผู้ค้าน้ามันรายใหญ่จะขายในราคาที่มีส่วนลด และ ในกรณีท่ีเปน็ ผคู้ ้าน้ามนั รายยอ่ ยจะขายในอกี ราคาหนึ่ง นอกจากน้ี ในชว่ งที่ราคาน้ามันมีแนวโนม้ ท่สี งู ขึ้น หากมีการขายน้ามันสาเร็จรูปที่มีการกาหนดระยะเวลาก็อาจจะมีการขายในอัตราท่ีต่ากว่าราคาปกติ เพราะเป็นการตกลงการขายล่วงหน้า แต่หากอยู่ในช่วงราคาน้ามันมีแนวโน้มลดลง จะทาให้การขาย นา้ มันสาเรจ็ รูปท่ีมีการกาหนดระยะเวลาล่วงหนา้ อยู่ในระดับที่ดีกว่า อย่างไรกต็ าม ราคานา้ มันสาเรจ็ รูป ท่โี รงกลั่นขายจริง และราคาท่ี สนพ. ประกาศ ไม่ได้มีความแตกต่างกนั มากนัก ซึ่งอยูใ่ นอตั ราที่เป็นหลัก สตางคต์ อ่ ลิตรเท่านนั้ คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า ค่าการกล่ันของโรงกลั่นน้ามัน เป็นการคานวณ ที่มาจากผลิตภณั ฑ์ในภาพรวม หรือจาแนกแตล่ ะผลิตภณั ฑ์ ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามัน ตอบประเด็นซักถามว่า ค่าการกลั่นของ โรงกลน่ั นา้ มันทมี่ ีการอ้างองิ น้ัน เปน็ ค่าการกล่ันของโรงกล่ันนา้ มันในประเทศไทย จานวน ๖ แห่งเทา่ นั้น โรงกลัน่ น้ามันแตล่ ะแหง่ จะมีคา่ การกล่ันท่ไี มเ่ ท่ากนั ซง่ึ คา่ การกลน่ั จะเป็นค่าเฉลย่ี ตามผลิตภณั ฑท์ ผ่ี ลิตได้ และขายจริง โดยที่โรงกล่ันแต่ละแห่งมีความสามารถในการกล่ันท่ีไม่เหมือนกัน ดังน้ัน จึงทาให้ คา่ การกลน่ั ของโรงกลน่ั น้ามนั ทั้ง ๖ แหง่ อยู่ในระดับทแ่ี ตกต่างกัน คณะอนุกรรมาธิการซักถามว่า ค่าการกลั่นสามารถอยู่ในระดับคงที่ โดยไม่มี การปรับขึ้นลงตามราคาน้ามันดิบได้หรือไม่ แม้ว่าราคาน้ามันดิบจะเป็นต้นทุนในการผลิต แต่ค่าใช้จ่าย ในกระบวนการกลนั่ ไม่ได้มีการเปล่ยี นแปลงตามไปดว้ ย ผูแ้ ทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ามัน ตอบประเด็นซักถามว่า การกลน่ั น้ามัน เปน็ การกลนั่ นา้ มันดบิ ทีไ่ ด้ผลติ ภณั ฑท์ เี่ ปน็ ของเสยี และผลติ ภัณฑ์ทเ่ี ปน็ นา้ มนั องคป์ ระกอบซ่ึงไม่สามารถ นาไปผลิตเป็นน้ามันสาเร็จรูปได้ด้วย ทาให้โรงกล่ันต้องมีการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในราคาท่ีมีส่วนลด

๑๐๙ นอกจากนี้ ในกระบวนการกลั่นน้ามันจะดาเนินการกลั่นน้ามันทุกชนิดพร้อมกันแบบต่อเน่ืองตลอด ๒๔ ชัว่ โมง ซึง่ การกลน่ั จะขนึ้ อย่กู ับนา้ มนั ดบิ แตล่ ะชนดิ และโครงสร้างองคป์ ระกอบของแตล่ ะโรงกล่นั วา่ จะสามารถผลติ น้ามนั ได้เป็นผลิตภณั ฑแ์ ตล่ ะชนิดในสดั ส่วนเทา่ ใด จึงทาให้โรงกล่ันไม่สามารถแยกต้นทุน ของน้ามันแต่ละชนิดได้ เพราะกล่ันได้เป็นผลิตภัณฑ์ทุกชนิดพร้อมกันท้ังหมด นอกจากนี้ ต้นทุนในการ ผลติ ยงั ประกอบดว้ ยสว่ นอืน่ ๆ เชน่ สารเร่งปฏิกริ ิยา สารเคมี คา่ พลงั งาน ค่าน้า คา่ ไฟ เป็นต้น ซ่งึ ต้นทนุ เหลา่ น้ไี มไ่ ด้เป็นคา่ ใชจ้ ่ายคงที่ และข้ึนอยู่กับนา้ มันดิบท่นี ามาใช้ในการกลั่นดว้ ย ๓.๓ ความเหน็ ของคณะอนุกรรมาธกิ าร จากการรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง และความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ จากหน่วยงาน ทเ่ี ก่ียวข้อง คณะอนุกรรมาธกิ ารมคี วามเห็น ดงั นี้ ๓.๓.๑ การก้าหนดราคา ณ โรงกลัน่ ๑) ควรศึกษาให้มีกลไกดูแลราคาหน้าโรงกลั่นให้มีความเหมาะสม ท้ังในช่วงท่ีราคา นา้ มันปรบั ตัวสงู ขึน้ หรือลดลง เพื่อให้ได้คา่ การกล่นั ทีม่ ีความเหมาะสมและเปน็ ธรรมตอ่ ทุกฝ่าย ๒) ควรปรับปรุงข้อกาหนดเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระหว่างการนาเข้าและ การผลิตนา้ มันเช้อื เพลิงในประเทศ ๓) นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ามัน มีความมุ่งหมายเพ่ือลดการนาเข้าหรือ พ่ึงพาน้ามันเช้ือเพลิงจากต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน จึงจาเป็นต้องมีการกาหนด ราคาซื้อขายน้ามันสาเร็จรูปเทียบตลาดสิงคโปร์บวกค่าขนส่งจากสิงคโปร์ถึงศรีราชา เพ่ือจูงใจหรือ สง่ เสริมกิจการโรงกล่ันน้ามนั ในประเทศ ซึ่งอตุ สาหกรรมโรงกลั่นนา้ มนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ตลาดของผู้ขาย และเป็น อุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก อย่างไรก็ตาม สานักงานนโยบายและแผนพลังงาน มีอานาจ หน้าทค่ี วบคุมกากบั ดูแลสูตรโครงสรา้ งราคาในเรอ่ื งคา่ ใชจ้ ่ายท่เี ป็นตน้ ทนุ ของโรงกลัน่ น้ามันอยแู่ ลว้ ๔) น้ามันเชื้อเพลิงชีวภาพ ทั้งกลุ่มน้ามันดีเซลและกลุ่มน้ามันเบนซินมีปัญหา ที่เหมือนกัน คือ เร่ืองสัดส่วนท่ีเหมาะสมในการผสมไบโอชีวภาพ โดยผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ นโยบายปาล์มน้ามันแห่งชาติ ได้มีความเห็นว่า อุตสาหกรรมไบโอดีเซล สามารถนาไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์ สารหล่อลืน่ น้ามันเครือ่ งยนต์ รวมทง้ั ใชใ้ นอตุ สาหกรรมผงซกั ฟอกได้ ๓.๓.๒ การปรบั ลดภาษสี รรพสามิตน้ามันเชอื้ เพลงิ ๑) ในช่วงท่ีเศรษฐกิจชะลอตัว แม้ราคาน้ามันดิบตลาดโลกจะไม่สูงถึง ๑๓๐ เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเม่ือเทียบกับวิกฤติน้ามันหลายครั้งที่ผ่านมา แต่ขณะน้ีกาลังซื้อของผู้บริโภค ท่ัวโลกลดลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการไปจนถึงผู้มีรายได้น้อยจากปัจจัยการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนั้น มาตรการทางภาษีอาจเข้ามามีบทบาทในการลดราคาน้ามัน เชื้อเพลิง เพอ่ื บรรเทาปัญหาความเดอื ดรอ้ นหรือลดภาระค่าใช้จา่ ยของประชาชน ๒) หากราคาน้ามันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจนถึงประมาณ ๑๐๐ เหรียญดอลลาร์ สหรัฐต่อบาร์เรล รัฐบาลควรใช้มาตรการทางภาษีสรรพสามิตน้ามัน มาเป็นเครื่องมือลดราคาขายปลีก น้ามันเช้ือเพลิงไดอ้ ีกทางหน่ึง เพื่อไม่ให้ราคาน้ามันส่งผลกระทบตอ่ ประชาชน หรือเพื่อไม่ให้ราคานา้ มัน เชื้อเพลิงในประเทศปรบั ตวั สงู ขึ้นไปดว้ ย

๑๑๐ ๓) การพิจารณาผลกระทบด้านเศรษฐศาสตร์จากการปรับโครงสร้างราคาน้ามัน เชื้อเพลิง แม้ว่าส่วนที่เป็นภาษีของโครงสร้างราคาน้ามันเชื้อเพลิงจะมีสัดส่วนท่ีสูงถึงประมาณ ๕ บาท ต่อลิตรหรือร้อยละ ๒๐ - ๒๕ ของราคาน้ามันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม วิธีการปรับลดอัตราภาษี สรรพสามติ อาจสง่ ผลกระทบตอ่ สถานะทางการคลังของประเทศได้ จงึ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ๔) รัฐบาลมีมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลลง ๓ บาทต่อลิตร จากอัตราภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลเดิม ประมาณ ๖ บาทต่อลิตร ส่งผลกระทบทางการคลังหรือ กระทบต่อรายได้รัฐบาล จึงควรใช้กองทุนน้ามันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือดาเนินการก่อน เพื่อไม่ให้ราคา ขายปลีกน้ามันดีเซล มรี าคาเกินกว่า ๓๒ - ๓๕ บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม กองทุนน้ามันเชื้อเพลงิ กาลัง อยู่ในภาวะขั้นวิกฤตเหลอื เงินสดคงเหลือในบัญชเี พยี ง ๑๒,๙๓๒ ล้านบาท สามารถตรงึ ราคาน้ามันดีเซล ได้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ และยังไม่มีสถาบันทางการเงินใดยินยอมอนุมัติเงินกู้ ทั้งนี้ ยังมี อีกทางเลือกหนึ่ง คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจต้องมีการหารือถึงกลไกเพ่ือเสนอให้ นายกรฐั มนตรีมีข้อส่ังการให้ท่ีประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมตั ิงบประมาณรายจา่ ยประจาปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ในส่วนของงบกลาง รายการเงินสารองจ่ายเพ่ือกรณีฉุกเฉินจาเป็นเพ่ือบรรเทาภาระน้ามันดีเซล มรี าคาแพง ๕) ภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีท่ีจาเป็นต้องจัดเก็บจากสินค้าและบริการที่อาจ ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและศีลธรรมอันดี มีลักษณะฟุ่มเฟือย ซึ่งควรจะต้องมีอัตราท่ีเหมาะสม โดยเฉพาะในชว่ งทก่ี าลงั ซอ้ื ของผู้บรโิ ภคไมม่ ี เศรษฐกจิ ของประเทศไม่ดี กไ็ มค่ วรต้องเก็บภาษสี รรพสามติ ในอัตราสูงก็ได้ หรือหากจะลดภาษีเพื่อจัดเก็บในอัตราที่ไม่สูงมาก เช่น กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราค าถูก ผู้บริโภคจะซื้อรถคันใหม่มากข้ึน กระทรวงการคลังอาจสูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิต แต่จะทาให้ เกิดการใชจ้ ่ายหมนุ เวียนเงินมากขึน้ และรัฐบาลจะมรี ายไดจ้ ากภาษมี ลู คา่ เพ่มิ ขนึ้ หากมีการซือ้ ขายสนิ คา้ หรือพัฒนาเมืองต่าง ๆ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกับประเทศ ฮ่องกงและสิงคโปร์ รวมทั้งหากต้นทุนค่าขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศต่ากว่าประเทศเพื่อนบ้านก็จะ สามารถแข่งขนั ได้ ๖) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าท่ีเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมยานยนต์ ไฟฟา้ ในประเทศ เม่อื ระยะเวลาการเข้ารว่ มโครงการผ่านมาแล้วสามเดอื น ควรเรง่ ดาเนินการแจ้งราคาขาย รถยนต์ไฟฟ้าให้กับผบู้ ริโภคได้ทราบ และมาตรการส่งเสริมยานยนตไ์ ฟฟา้ ในประเทศระยะต่อไป ควรเพิ่ม การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทางานร่วมกับเคร่ืองยนต์สันดาป ภายใน หรือรถ PHEV และควรมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนสถานีชาร์จ ระบบป้องกันเครื่องชาร์จจาก นา้ ท่วมกรุงเทพมหานคร และกระแสโลกของยุคท่ีน้ามันมีราคาแพง ผู้บรโิ ภคอาจตัดสนิ ใจเลือกซื้อรถยนต์ ไฮบรดิ หรอื รถยนต์ไฟฟา้ มากขึน้ ประเทศก็จะมีรายได้จากภาษีสรรพสามติ รถยนต์เพมิ่ ขนึ้ ๗) ในช่วงที่ราคาน้ามันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงข้ึน หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับ เศรษฐกิจควรศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจาหน่ายน้ามั นเบนซินและน้ามันดีเซลต้นทุนต่า (Low – Cost) โดยไม่กาหนดสัดส่วนผสมเชื้อเพลิงชีวภาพ และไม่กาหนดคุณภาพมาตรฐานยูโร ๔ และยูโร ๕ เพ่ือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค และจาหน่ายน้ามันเชื้อเพลิงต้นทุนต่าให้กับ ประชาชนในราคาถูก ระยะเวลาส้ัน ๆ เพียง ๒ - ๓ เดือน แต่ก็ยังคงเก็บภาษีสรรพสามิตน้ามันและ ผลติ ภณั ฑน์ ้ามนั ตามปกติ

๑๑๑ ๓.๓.๓ การด้าเนนิ งานของกองทนุ น้ามันเช้อื เพลงิ ๑) สานักงานกองทุนน้ามันเช้ือเพลิง (สกนช.) ได้มีแผนการลดการจ่ายเงินชดเชย น้ามันเช้ือเพลิงท่ีมีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ซ่ึงจะเริ่มดาเนินการในปี ๒๕๖๕ โดยในระหว่างนี้ สกนช. อาจเสนอแผนการดาเนินงานระยะส้ันในชว่ ง ๓ เดอื น หรอื ๖ เดือน หรือ ๑ ปี เพื่อนาเงินชดเชย ตรงสว่ นนีไ้ ปดาเนินการอุดหนนุ ในสว่ นอน่ื ๆ ซึ่งอาจจะทาใหม้ ีการใชจ้ ่ายเงินกองทนุ นา้ มนั เชอื้ เพลงิ ลดลง จากแนวทางการอุดหนุนในรูปแบบเดิม เช่น การอุดหนุนเงินให้กับเกษตรกรเพื่อยกเลิกการปลูกพืช เชอ้ื เพลิงชวี ภาพ เป็นต้น ๒) การอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรควรดาเนินการโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในภาคการเกษตรท่ีต้องดูแลรับผิดชอบโดยตรง โดยไม่ควรใช้เงินจากภาคพลังงาน คือ กองทุนน้ามัน เช้ือเพลิงไปอุดหนุนราคาสินค้าเกษตร เนื่องจากไม่เป็นธรรมกับประชาชนผู้ใช้น้ามัน โดยกองทุนน้ามัน เช้ือเพลิงควรเป็นกองทุนท่ีมีวัตถุประสงค์ในการแทรกแซงราคาน้ามันช่วงราคาน้ามันปรับตัวสูงขึ้น เพยี งประการเดียว ๓) หากราคาน้ามันเช้ือเพลิงในประเทศปรับตัวสูงขึ้น กองทุนน้ามันเช้ือเพลิงควรมี กลไกลในการเข้าแทรกแซงราคาท่ีรวดเร็ว เพื่อพยุงราคาน้ามันไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน โดย กองทนุ น้ามนั เช้ือเพลิงควรมกี ารปรบั ปรุงหลักเกณฑใ์ นการเขา้ แทรกแซงราคานา้ มนั จากเดิมที่กาหนดไว้ วา่ หากราคาน้ามันปรบั ตัวสูงข้ึนเกิน ๕ เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราคาสูงข้ึนเกิน ๓๐ บาท ต่อลิตร โดยควรกาหนดหลักเกณฑ์ใหม่ เช่น หากราคาน้ามันสูงข้ึนเกินลิตรละ ๒๕ หรือ ๒๖ บาท กองทุนน้ามันเชื้อเพลิงต้องเข้ามาอุดหนุนราคาทันที หรือปรับปรุงหลักเกณฑ์อ่ืน ๆ เพื่อให้สามารถ ตอบสนองตอ่ การปรับตัวสงู ขนึ้ ของราคานา้ มันในประเทศไดอ้ ย่างรวดเรว็ ๔) หากมีการจัดต้ังกองทุนปาล์มน้ามันและน้ามันปาล์ม ตามร่างพระราชบัญญัติ ปาล์มน้ามันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ามัน พ.ศ. .... จะทาให้มีการส่งเสริมหรือสนับสนุนเกษตรกร ชาวสวนปาล์มในการผลิตและการตลาด เพื่อลดภาระการใช้เงินของกองทุนน้ามันเช้ือเพลิงไปสนับสนุน เช้อื เพลงิ ชวี ภาพ ๓.๓.๔ ราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ (เอทานอลและไบโอดีเซล) และการก้าหนดสัดส่วน การผสมเชือ้ เพลิงชวี ภาพ (เอทานอลและไบโอดเี ซล) ในนา้ มันเชอ้ื เพลงิ ๑) เน่ืองจากปัจจุบันราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ (เอทานอลและไบโอดีเซล) มีราคาสูง เมอ่ื นามาผสมกับน้ามันเบนซินและดีเซลพื้นฐาน จึงส่งผลให้ราคาขายปลีกของกลุ่มน้ามนั ดีเซลและกลุ่ม เบนซินมีราคาสูง ซึ่งขัดกับหลักการในอดีตที่น้ามันเชื้อเพลิงมีราคาแพงจึงมีการนาเชื้อเพลิงชีวภาพ มาผสม เพื่อทาให้ราคาน้ามันเช้ือเพลิงมีราคาที่ถูกลง จึงควรปรับแนวทางการดาเนินการให้สอดคล้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปจั จบุ นั ๒) ในอนาคตหากมีการยกเลกิ การสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชเพื่อนามาใช้เป็น เชื้อเพลิงชีวภาพแล้ว ภาครัฐก็ควรมีทางออกให้กับเกษตรกรกลุ่มนี้ โดยอาจปรับเปล่ียนให้มีการนาพืช เหลา่ น้ีไปใชใ้ นกลุ่มอตุ สาหกรรมอื่นเพือ่ เพมิ่ มูลคา่ เช่น กรณเี อทานอลอาจสนบั สนุนใหใ้ ชใ้ นอุตสาหกรรม การผลิตสรุ า และกรณีปาลม์ อาจสนบั สนนุ ใหน้ าไปใช้การผลิตเครือ่ งสาอาง นา้ มนั ปาล์มสาหรับประกอบ อาหาร เป็นต้น นอกจากน้ี ภาครัฐควรมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้ รับทราบถึง

๑๑๒ แนวโน้มในการนาพืชมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพท่ีลดลง เพ่ือให้เกษตรกรสามารถปรับตัวได้ทันกับ ความเปลี่ยนแปลงทจี่ ะเกิดขน้ึ ๓) การส่ือสารให้ประชาชนเข้าใจถึงโครงสร้างราคาน้ามันเชื้อเพลิงเป็นเรื่องสาคัญ หากรัฐบาลมีนโยบายการปรับลดราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ามัน อาจทาให้เกษตรกร เดือดร้อน ดังนั้น การสนับสนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพต้องมีการศึกษาอย่างชัดเจนว่าเกษตรกรได้รับ ประโยชน์อย่างไร เพ่ือให้รัฐบาลมีเป้าหมายและทิศทางในการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่ได้โดยตรง และ อุดหนุนราคาน้ามันเช้ือเพลิงได้โดยตรงด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคสามารถใช้น้ามันเช้ือเพลิงในราคา ท่ีลดลง ซึง่ จะสง่ ผลไปถึงคา่ ขนสง่ และราคาสินค้าอุปโภคบรโิ ภค ๔) ควรมีการพิจารณาเพ่ือลดสัดส่วนการผสมเอทานอลและไบโอดีเซลในน้ามัน เชือ้ เพลงิ พนื้ ฐาน เนือ่ งจากมีต้นทนุ สงู และเปน็ สาเหตสุ าคัญทท่ี าใหร้ าคานา้ มันเช้ือเพลงิ ในประเทศมรี าคา แพง หรืออาจมีการพิจารณายกเลิกการใช้น้ามันแก๊สโซฮอล์ E85 ออกไปก่อน เน่ืองจากมีการผสม เอทานอลซึ่งมรี าคาแพงในสดั ส่วนทสี่ งู เกินไป ๕) ภาครัฐควรสนับสนุนการส่งออกปาล์มน้ามันและเอทานอลไปขายยัง ตา่ งประเทศ และสง่ เสริมการนาผลผลิตปาล์มและเอทานอลไปใชใ้ นการสรา้ งผลิตภัณฑใ์ หม่ ๆ เพ่ือสรา้ ง มูลค่าเพ่ิมและต่อยอดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปาล์มน้ามันและเอทานอล เพ่ือทดแทนการนามาผลิต เปน็ ไบโอดีเซลในภาคพลงั งาน ๖) การนาเช้ือเพลิงชีวภาพไบโอดีเซลซึ่งมีราคาสูงถึงประมาณ ๕๐ บาท ต่อลิตร มาผสมกับน้ามันดีเซลพื้นฐานซ่ึงมีราคาถูกกว่า (ราคาประมาณ ๒๐ บาทต่อลิตร) ทาให้ราคาน้ามนั ดเี ซล มีราคาสูงขึ้น แม้ว่าแนวทางดังกล่าวจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มในการกระจายสินค้า ทางการเกษตร แต่ทาให้ประชาชนผู้ใช้น้ามันต้องแบกรับภาระค่าน้ามันท่ีสูงขึ้น ดังน้ัน จึงควรมี การทบทวนความเหมาะสมของสดั ส่วนในการใช้ไบโอดีเซลในภาคพลงั งาน เพื่อแกป้ ัญหาวิกฤตดา้ นราคา น้ามันเช้ือเพลิงในปัจจุบัน และลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ของ ประเทศ ท้ังน้ี หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการเก่ียวกับการปลูกปาล์มและการกระจายสินค้า ซึ่งได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ จะต้องร่วมกันปรึกษาหารือเพ่ือวางแผน การบรหิ ารจดั การตงั้ แต่การปลูกปาล์มจนถงึ การจาหนา่ ย โดยกระทรวงพลังงานอยใู่ นชว่ งปลายนา้ ทด่ี ูแล เกีย่ วกับการนาปาลม์ น้ามนั มาใชผ้ สมเปน็ นา้ มันเชอ้ื เพลงิ ในภาคพลงั งานเทา่ นัน้ ๗) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตอ้ งร่วมกันส่งสัญญาณให้เกษตรกรผู้ปลูกปาลม์ ทราบ ถึงทิศทางและแนวโน้มของการใช้น้ามันปาล์มในภาคพลังงาน ซ่ึงจะมีการยกเลิกการอุดหนุนเช้ือเพลิง ชีวภาพ และการเข้ามาแทนที่ของยานยนต์ไฟฟ้าแทนยานยนต์ที่ใช้น้ามันเชื้อเพลิง ซึ่งจะทาให้ราคา ผลปาล์มดิบมีแนวโน้มของราคาท่ีต่าลง ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องจะต้องมีการปรับตัวการเปลี่ยนแปลง ทีจ่ ะเกดิ ข้ึนในอนาคตอนั ใกล้นี้ ๘) การกาหนดสัดสว่ นการผสมไบโอดีเซลในน้ามนั ดีเซลท่ีเหมาะสม แผนระยะยาวของประเทศในอนาคต เมื่อราคาของไบโอดเี ซลมีราคาแพงควรลด สัดสว่ นสูตรผสมไบโอดเี ซลลง เพ่อื ให้นา้ มันดเี ซลมรี าคาขายปลกี ไมส่ ูงขึ้นมาก หากไบโอดเี ซลมีราคาถูกและ เนื้อนา้ มันดีเซลมีราคาแพง ควรเพิ่มสดั ส่วนสตู รผสมไบโอดีเซลให้มากขึ้น เพ่ือให้น้ามันดีเซลมีราคาขาย ปลีกไม่สูงข้ึน และหากราคาเนื้อน้ามันกับน้ามันปาล์มมีราคาเท่ากันหรือใกล้เคียงกันสามารถผสมได้

๑๑๓ เน่ืองจากต้นทุนการผลิตเท่ากัน แต่เมื่อใดราคาน้ามันปาล์มมีราคาสูงมาก เป็นไปได้หรือไม่ท่ีไม่ผสม เป็นไบโอดีเซลเลย และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะลดข้ันตอนการนาเสนอเร่ืองต่อที่ประชุมคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพ่ือลดความล่าช้า การเสียโอกาสและการแข่งขัน ซึ่งเป็นต้นทุนของ ประเทศ จงึ ควรกาหนดใหม้ กี ารปรับเพมิ่ หรอื ลดสัดส่วนสตู รผสมไบโอดีเซลท่ียดื หยนุ่ ไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ เพื่อ ไม่ให้เกิดปัญหาภาวะเงนิ เฟ้อหรือสภาวะทสี่ ินค้าและบรกิ ารท่มี ีแนวโน้มการปรับราคาขายปลกี เพิม่ ขึ้น ๙) การกาหนดสดั ส่วนการผสมเอทานอลในนา้ มันเบนซนิ ท่ีเหมาะสม ในอนาคตภาครฐั ควรมีการกาหนดสดั สว่ นการผสมเอทานอล และการควบคุม มาตรฐานและคุณภาพในการผลิตน้ามันแก๊สโซฮอล์ให้มีความยืดหยุ่นมากข้ึน เพ่ือรองรับความผันผวน ของราคาและปริมาณพืชผลการเกษตรทม่ี ีความไมแ่ นน่ อน และทันตอ่ สถานการณค์ วามผันผวนของราคา น้ามนั เชื้อเพลิง รวมทงั้ ใหเ้ กดิ ความคลอ่ งตวั ในการบรหิ ารจัดการของภาคธรุ กิจน้ามัน โดยไมม่ ีผลกระทบ ตอ่ ผูใ้ ช้รถยนตด์ ว้ ย ๓.๓.๕ การกา้ หนดคุณภาพและชนดิ น้ามนั เช้ือเพลิง ๑) การปรับลดชนิดของน้ามันเช้ือเพลิงอาจส่งผลให้ค่าการตลาดและต้นทุนของ สถานีบริการน้ามันลดลง รวมทั้งการสง่ เสรมิ การแขง่ ขันเสรีในการดาเนินธรุ กิจน้ามนั เชื้อเพลงิ จะสง่ ผลให้ ธุรกิจดังกล่าวของประเทศไทยมีประสิทธิภาพและมีส่วนช่วยให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดย ภาครฐั ควรกาหนดมาตรการท่ีชัดเจนในการกากับดแู ลราคาน้ามนั เช้ือเพลิง ๒) กรมธุรกิจพลังงาน สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ โรงกล่ันน้ามัน และหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้อง ควรจะได้มีการประชุมเพื่อหารือและทาความเข้าใจร่วมกันเพ่ือพิจารณาว่า หากมีการปรับลด คุณภาพมาตรฐานของน้ามัน จะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียอย่างไรบ้าง ทั้งน้ี เพ่ือนาไปสู่การลดต้นทุน การผลิตน้ามัน และเพื่อให้ราคาน้ามันของประเทศมีราคาถูกลง โดยในการพิจารณาปรับลดคุณภาพ มาตรฐานของน้ามันควรมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับคิดเป็นจานวนเงิน เท่าใด สามารถลดการนาเข้าน้ามันดิบได้ปีละเท่าใด และสามารถลดราคาน้ามันได้ประมาณเท่าใด ซงึ่ ควรศึกษาประเดน็ ขอ้ ดี ขอ้ เสีย เหลา่ นใ้ี ห้ชัดเจน เพ่อื หาแนวทางในการดาเนนิ การทเี่ หมาะสมตอ่ ไป ๓) สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศ ไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ที่กาหนดให้มีการบังคับใช้ มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร ๕ ในปี ๒๕๖๔ และมาตรฐานยูโร ๖ ในปี ๒๕๖๕ รวมทั้งการบังคับใช้มาตรฐานคุณภาพน้ามันเชื้อเพลิงให้เทียบเท่ามาตรฐานยูโร ๕ ในปี ๒๕๖๗ น้ัน ควรเสนอข้อเรียกร้องให้ภาครัฐพิจารณาทบทวนกาหนดระยะเวลาการบังคับใช้ มาตรฐานยูโร ๕ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และกลุ่ม ผู้ประกอบการขนสง่ ยังไมม่ คี วามพร้อมในการดาเนนิ การตามมาตรฐานดงั กล่าว ๔) การกาหนดลักษณะและคุณภาพของ G-Base และน้ามันเช้ือเพลิงท่ีผสม เช้อื เพลงิ ชีวภาพท่หี ลากหลายชนดิ ทง้ั ในกลุ่มเบนซนิ และกล่มุ ดีเซล มีผลต่อการปรับขึ้นลงของราคาขาย ปลีกน้ามันเช้ือเพลิง ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานควรพิจารณาปรับแนวทางการดาเนินการให้มีความยืดหยุ่น และมีความเหมาะสมกบั สถานการณ์ทเ่ี กิดข้ึน โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพืชผลทางการเกษตรที่นามาผลิต เป็นเช้ือเพลิงชวี ภาพมีราคาสงู กว่าน้ามันพ้ืนฐาน ก็ควรลดสดั สว่ นการนามาผลิตเป็นน้ามนั เช้ือเพลิง และ

๑๑๔ เพมิ่ สัดสว่ นเชอื้ เพลิงชีวภาพใหม้ ากขนึ้ ในชว่ งที่ราคาพืชผลทางการเกษตรมรี าคาตกต่า ซ่ึงจะทาให้ต้นทุน การผลติ นา้ มนั เชือ้ เพลงิ ลดลง ๕) การปรับเปล่ียนมาตรฐานคุณภาพน้ามันจากน้ามันยูโร ๔ มาเป็นน้ามันยูโร ๕ จะก่อให้เกิดผลดีต่อการลดมลพิษทางอากาศ แต่กรมควบคุมมลพิษควรจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อ ราคาน้ามันเช้ือเพลิง ซ่ึงจะทาให้มีราคาสูงข้ึนถึงลิตรละประมาณ ๕๐ สตางค์ ถึง ๑ บาท โดยราคาน้ามัน ท่ีสูงขึ้นนี้จะก่อให้เกิดภาระของประชาชนผู้ใช้น้ามัน ดังนั้น จึงควรพิจารณาชะลอหรือขยายระยะเวลา ในการบังคับใช้มาตรฐานคุณภาพน้ามันยูโร ๕ ออกไปก่อน เพื่อลดผลกระทบค่าครองชพี ให้กบั ประชาชน นอกจากน้ี เม่ือนาน้ามันมาตรฐานยูโร ๕ มาผสมกับน้ามันเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโอดีเซลและเอทานอล) ก็จะย่ิงทาให้ราคาน้ามันต่อลิตรมีราคาสูงขึ้น รวมทั้งควรพิจารณาว่าจะมีกระบวนการผลิตหรือวิธีการ อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มราคาน้ามัน ซ่ึงจะก่อให้เกิดภาระกับประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษควรพิจารณาแนวทางอื่น ๆ ในการลดพิษทางอากาศท่ีนอกเหนือจากการปรับเปลี่ยน มาตรฐานน้ามันเชื้อเพลิง เช่น การควบคุมปริมาณฝุ่นละอองในเขตพื้นที่ก่อสร้าง การควบคมุ การเผาไหม้ เศษวัสดตุ ่าง ๆ การปลูกต้นไม้ในพื้นที่ต่าง ๆ หรือการสร้างพ้ืนทีส่ ีเขยี วในอาคารตา่ ง ๆ เพื่อเป็นการกรอง ฝนุ่ ละออง เปน็ ต้น ๖) ควรมีการพิจารณาลดชนิดน้ามันเช้ือเพลิง ทั้งในกลุ่มน้ามันดีเซลและน้ามัน เบนซินให้เหลือน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดค่าบริหารจัดการของผู้ค้าน้ามัน เช่น ค่าถังเก็บ ค่าหัวจ่ายน้ามัน เป็นต้น และเม่ือผู้ประกอบการมตี น้ ทนุ ที่ลดตา่ ลงแล้วกจ็ ะสามารถตอ่ รองเพอ่ื ลดค่าการตลาดได้ ๓.๓.๖ การอุดหนุนราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และแนวโน้มการใช้ ก๊าซธรรมชาตสิ า้ หรบั ยานยนต์ (NGV) และกา๊ ซปโิ ตรเลียมเหลว (LPG) ๑) การอุดหนุนและชดเชยราคากา๊ ซ LPG ควรอดุ หนุนเฉพาะภาคครวั เรอื นเท่านัน้ ๒) ควรมีการพิจารณาแนวทางสาหรับการดาเนินการเพื่อลดการอุดหนุนราคา ก๊าซหุงต้ม (LPG) และการอุดหนุนจะต้องมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายท่ีชัดเจนโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เน่ืองจากการใช้เงินกองทุนน้ามันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนราคาก๊าซ LPG ซึ่งเป็นการอุดหนุนข้ามประเภท จะก่อให้เกิดภาระและไม่เป็นธรรมกับประชาชนผู้ใช้น้ามันที่ถูกจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ามัน เชื้อเพลิง อกี ท้ังการอุดหนนุ ดังกล่าวทาให้กองทนุ นา้ มันเชือ้ เพลงิ มภี าระในการจ่ายเงินชดเชยเป็นจานวนมาก ๓) กระทรวงพลังงาน และ ปตท. ควรมีการหารือแนวทางการลดการใช้ NGV และ LPG เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง โดยพิจารณาทางเลือกในการนาไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น เพื่อเป็น การเพ่ิมมลู คา่ มากกว่าการใช้เปน็ เชอื้ เพลิงในภาคขนส่ง ๓.๓.๗ ภาพรวมการจัดหา การผลิต และการบริหารจัดการแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติ ท่มี ีผลตอ่ โครงสร้างราคาน้ามันเชือ้ เพลงิ ๑) ในช่วงสถานการณ์ราคานา้ มนั ตลาดโลกปรบั ตวั สงู ข้ึนจากวิกฤตการสรู้ บระหว่าง รัสเซียและยูเครนและการคว่าบาตรของชาติตะวันตก รัฐบาลควรเจรจาสารวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ ทบั ซ้อนไทย – กัมพูชา เป็นเรื่องสาคัญเร่งดว่ น ๒) กรมเช้ือเพลิงธรรมชาตคิ วรส่งขอ้ มลู แผนทีข่ องแหลง่ ปโิ ตรเลียมท่คี าดว่าน่าจะ มีศักยภาพทางธรณีวิทยาให้แก่คณะกรรมาธิการ เพ่ือช่วยทาหน้าท่ีในการผลักดันให้เกิดการทา ประชาพิจารณแ์ ละพัฒนาแหลง่ สารวจและผลิตปโิ ตรเลยี มในประเทศ

๑๑๕ ๓) ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มในประเทศหรือก๊าซแอลพีจีจะมีราคาสูงข้ึนตาม สถานการณ์ราคาน้ามันในตลาดโลก กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติควรมีแนวทางรองรับราคาพลังงานท่ีจะ ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตด้วยการนาก๊าซธรรมชาติท่ีผลิตได้เองในประเทศมาให้ประชาชนใช้ในราคาถูก จะสามารถลดต้นทุนของประเทศได้ โดยหาวิธีใดก็ได้ที่จะไม่ทาให้รายได้ของรัฐที่จัดเก็บจากผู้ประกอบ กจิ การสารวจและผลติ ปโิ ตรเลยี มลดลง ๔) กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติควรมีการศึกษาโครงสร้างราคาน้ามันและก๊าซ ปโิ ตรเลียมเหลวของไทยเปรียบเทียบกบั ของมาเลเซยี เพ่ือให้ประชาชนได้ใชก้ ๊าซปิโตรเลยี มเหลวในราคา ทีเ่ หมาะสม ๓.๓.๘ ผลกระทบจากการยกเลิกมาตรการตรงึ ราคานา้ มันดีเซล ๓๐ บาทตอ่ ลิตร สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยควรมีการผลักดันข้อเสนอไปยัง หน่วยงานอื่น ๆ ที่เก่ียวข้อง นอกเหนือจากกระทรวงพลังงานด้วย เพื่อให้การเรียกร้องของกลุ่ม ผู้ประกอบการขนส่งสามารถเกิดผลเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น อาทิ การผลักดันข้อเสนอไปยังกระทรวง พาณิชย์และคณะกรรมการปาล์มน้ามันแห่งชาติเพื่อให้มีการสนับสนุนการส่งออกไบโอดีเซล B100 ในสัดส่วนที่เพ่ิมขึ้นมากกว่าการสนับสนุนให้ใช้ภายในประเทศ การผลักดันข้อเสนอไปยัง กระทรวงการคลงั เพอื่ ให้ลดการจัดเกบ็ ภาษีสรรพสามติ ลง เป็นตน้ ๔. ขอ้ สังเกตของคณะอนกุ รรมาธิการ จากผลการศึกษาการปรับโครงสร้างราคาน้ามันเช้ือเพลิง คณะอนุกรรมาธิการขอเสนอ แนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ามันเชื้อเพลิงให้เป็นระบบและย่ังยืน เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติด้านราคา น้ามนั เช้ือเพลงิ ดงั น้ี ๔.๑ มาตรการระยะสั้น ๔.๑.๑ ในสถานการณ์ที่ราคาน้ามันยังคงอยู่ในระดับสูง และต้องใช้เงินจากกองทุนนา้ มัน เช้ือเพลิงเพ่ือจ่ายชดเชยหรือชะลอการข้ึนราคาน้ามันนั้น เสนอให้ลดอัตราภาษีสรรพสามิต กองทุนเพื่อ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ภาษีเทศบาล ของน้ามันกลุ่มเบนซินและดีเซลลงเหลือในระดับต่า เท่าท่ีเหมาะสม เป็นการช่ัวคราว เพื่อช่วยลดภาระเงินชดเชยของกองทุนน้ามันเช้ือเพลิง และบรรเทา ความเดือดร้อนแก่ประชาชน ๔.๑.๒ กรณีท่ีราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ (เอทานอลและไบโอดีเซล) มีราคาสูงกว่าเชื้อเพลิง ฟอสซิล (นา้ มันเบนซินพน้ื ฐานและดเี ซลพน้ื ฐาน) มาก เสนอให้ (๑) ใช้กลไกราคาในการกาหนดอัตรากองทุนน้ามัน โดยกาหนดราคาขายปลีกน้ามัน แก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ให้ถูกกว่า E10 โดยให้มีส่วนต่างที่แคบลงเป็นการชั่วคราว เพื่อลดแรงจูงใจ ของผูใ้ ชร้ ถยนต์ในการเลือกใชน้ ้ามนั ทีม่ ีเอทานอลผสมในสัดสว่ นสงู (๒) ปรับการกาหนดคุณภาพน้ามันเชื้อเพลิงดีเซล โดยลดสัดส่วนการผสม ไบโอดีเซลลงจากสัดส่วนปกติ B7 B10 B20 ให้เหลือเพียงเกรดเดียวคือ B5 เป็นการชั่วคราว เพ่ือช่วย ลดตน้ ทุนน้ามัน

๑๑๖ ๔.๑.๓ บรหิ ารการจดั เกบ็ เงินสง่ เข้ากองทุนนา้ มนั เช้ือเพลงิ จากนา้ มันดีเซลพรีเมยี ม (เร่มิ มี การจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ามันเชื้อเพลิงจากน้ามันดีเซลพรีเมียม อัตรา ๑ บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕) เพอื่ ใหฐ้ านะกองทุนนา้ มนั เชื้อเพลงิ มภี าระการจ่ายชดเชยนอ้ ยท่ีสดุ ๔.๑.๔ กาหนดมาตรการเป็นการช่ัวคราวเพื่อลดภาระต้นทุนดาเนินการของผู้ค้าน้ามัน และต้นทุนการผลิตเช้ือเพลิงของโรงกลั่น เช่น ลดอัตราการสารองน้ามันเช้ือเพลิงตามกฎหมายหรือ ปรับเปล่ียนกาหนดคุณภาพน้ามันเชื้อเพลิงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานเครื่องยนต์ แต่สามารถ ลดตน้ ทุนการผลิตได้ ๔.๑.๕ ภาครัฐพิจารณาหาแนวทางในการให้โรงกลั่นในประเทศสามารถจัดหาน้ามันดิบ จากประเทศทมี่ ีราคาถูกโดยเรว็ เช่น อิหรา่ น รสั เซีย เปน็ ต้น ๔.๒ มาตรการระยะยาว ๔.๒.๑ เสนอให้ลดชนิดน้ามันเชื้อเพลิงหลักในกลุ่มน้ามันเบนซินลงเหลือ ๒ ชนิด คือ แก๊สโซฮอล์ ๙๕ และแก๊สโซฮอล์ ๙๑ เพ่ือเป็นทางเลือกของผู้ใช้น้ามันท่ีไม่มีความจาเป็นต้องใช้น้ามัน คา่ ออกเทนสูง เพือ่ ให้เกดิ ความประหยดั ทั้งนี้ การสนบั สนุนการใช้ E20 ควรพิจารณานามาใชเ้ ป็นนา้ มัน เชือ้ เพลิงหลักเมอื่ ราคาเอทานอลตา่ กว่านา้ มนั เบนซินพื้นฐานมาก ๔.๒.๒ เสนอใหล้ ดชนิดน้ามันเช้อื เพลิงในกลมุ่ น้ามันดีเซล B7 B10 B20 ลงเหลือ ๑ ชนิด คือ น้ามันดีเซล โดยกาหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลให้มีความยืดหยุ่นในช่วงร้อยละ ๕ – ๑๐ ทั้งน้ี ขึน้ อยู่กบั สถานการณ์สตอ็ กและราคาของนา้ มันปาลม์ ดิบ (CPO) ในขณะนั้น โดยในชว่ งทร่ี าคาไบโอดเี ซล B100 สูงกว่าราคาน้ามันดีเซลพื้นฐาน ผู้ค้าน้ามันก็จะลดสัดส่วนผสมให้เหลือในระดับต่า และ ในทางกลบั กันช่วงที่ราคาไบโอดเี ซล B100 ต่ากวา่ นา้ มันดีเซลพืน้ ฐาน กจ็ ะเพมิ่ สัดสว่ นการผสม ๔.๒.๓ เสนอให้ใช้งบประมาณจากกองทุนเพ่ือส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อ ปรบั เปลี่ยนยานยนต์ขนสง่ ให้มปี ระสิทธิภาพมากขึ้น เพ่ือรองรับการบังคับใชม้ าตรฐานการระบายมลพิษ ทางอากาศและคณุ ภาพนา้ มันเชื้อเพลิง ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานยโู ร ๔ ๔.๒.๔ เสนอให้มีการส่งเสริมการนาพืชพลังงาน (ปาล์มน้ามัน อ้อย มันสาปะหลัง) ไปใช้ ในการสรา้ งผลิตภณั ฑ์ใหม่ ๆ ท่มี ีมลู คา่ เพมิ่ ต่อยอดจากผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรมเชื้อเพลงิ พืชพลงั งาน และ ส่งเสริมให้มกี ารสง่ ออกพชื พลงั งานไปยงั ตลาดต่างประเทศ ๔.๒.๕ เน่ืองจากสถานการณ์ด้านราคาและแนวโน้มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต เสนอให้ลดการส่งเสริมการใช้ก๊าซ LPG และก๊าซ NGV ในภาคขนส่งลง เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มี การปรับตัว และรัฐบาลควรมีการส่งเสริมความรู้ให้กับผู้ประกอบการท่ีใช้เช้ือเพลิงดังกล่าว เพื่อ ปรับเปลี่ยนเครอื่ งยนตใ์ หม่ใหใ้ ชง้ านกบั เช้ือเพลงิ ประเภทอนื่ ๆ แทน ทง้ั นี้ ภาครัฐไมค่ วรสนับสนุนการนา เช้ือเพลิงท่ีมีราคาแพงมาใช้เป็นของราคาถูก แม้ว่าเช้ือเพลิงทั้งสองประเภทดังกล่าวจะก่อให้เกิดมลพิษ น้อยกว่าน้ามันเช้ือเพลิง แต่มีแนวโน้มว่าในอนาคตจะมีราคาที่สูงขึ้น และเหมาะสมสาหรับประเทศท่ีมี ฐานะทางเศรษฐกจิ ดี ๔.๒.๖ เสนอให้มีการศึกษาถึงความเหมาะสม และผลกระทบของแนวคิดในการจัดเก็บ ภาษีลาภลอย (Windfall Taxes) ในชว่ งท่รี ะดับราคานา้ มันหรือค่าการกลัน่ เพ่มิ สงู ขึ้นผดิ ปกติ และศึกษา ถึงแนวทางหรือความจาเปน็ ในการส่งเสริมกลไกการนาเขา้ นา้ มนั เชอื้ เพลงิ จากตา่ งประเทศ ใหแ้ ข่งขันกับ น้ามันเชื้อเพลิงทีผ่ ลติ จากโรงกลน่ั ในประเทศไดม้ ากขนึ้

๑๑๗ ๔.๒.๗ ควรมีการศึกษาการกากับดูแลน้ามันเช้ือเพลิงในปัจจุบันว่า ยังมีปัญหาและ ไม่รัดกุมเพียงพอกับสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วหรือไม่ หรือควรให้เป็นอานาจหน้าท่ีของ คณะกรรมการกากบั กิจการพลังงาน (กกพ.) ในการกากบั ดแู ลราคานา้ มนั ในอนาคต ๔.๒.๘ ควรมีการเปิดเผยข้อมูลการผลิตน้ามันดิบและรายได้ในการขุดเจาะน้ามันจาก แหล่งผลิตปิโตรเลียมบนบกและอ่าวไทยว่า มีการจัดสรรรายได้ให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเท่าใด การจัดเก็บค่าภาคหลวงท้ังรายเดือนและรายปี เพ่ือให้สาธารณชนได้รับทราบราคาปิโตรเลียมในประเทศ ๔.๒.๙ ควรนารายได้จากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาช่วยอุดหนุนกองทุนน้ามันเช้ือเพลิง ในกรณีกองทนุ นา้ มันเชอ้ื เพลิงติดลบเกนิ ห้าหม่นื ลา้ นบาท ๔.๒.๑๐ ควรนารายได้จากค่าภาคหลวงก๊าซธรรมชาติมาช่วยอุดหนุนก๊าซ LPG ภาค ครวั เรือน

ภาคผนวก ข รายงานผลการพจิ ารณาศกึ ษาการปรับโครงสรา้ งราคาไฟฟา้

รายงานผลการพจิ ารณาศกึ ษา เรื่อง การศึกษาการปรับโครงสรา้ งราคาไฟฟ้า ของคณะอนกุ รรมาธิการศกึ ษาการปรับโครงสรา้ ง ราคาไฟฟา้ ในคณะกรรมาธกิ ารการพลงั งาน สภาผแู้ ทนราษฎร กล่มุ งานคณะกรรมาธกิ ารการพลังงาน สานกั กรรมาธกิ าร ๑ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร

สารบัญ หนา้ บทสรุปผู้บริหาร ๒ ๑. การดาเนนิ งาน ๓ ๒. วธิ กี ารพิจารณาศกึ ษา ๘ ๓. ผลการพจิ ารณาศกึ ษา ๘ ๑๕ ๓.๑ แผนพฒั นากาลงั ผลติ ไฟฟา้ ของประเทศไทย (PDP2018) ฉบบั ปรับปรุง ครง้ั ที่ ๑ ๑๘ ๓.๑.๑ การพยากรณ์การใช้ไฟฟา้ ของประเทศไทย ๒๗ ๓.๑.๒ แผนพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า ๓๔ ๓๖ ๓.๒ แผนพัฒนาระบบโครงขา่ ยไฟฟา้ ๓.๓ ตน้ ทุนการผลติ ไฟฟา้ แตล่ ะประเภท ๔๗ ๓.๔ ต้นทุนค่าไฟฟ้าจาแนก ๔ ส่วน คอื ต้นทนุ การผลติ ต้นทนุ จากระบบสง่ ๔๘ ๔๘ ตน้ ทนุ จากระบบจาหน่ายและผู้ใช้ไฟฟ้า ๔๙ ๓.๕ ประเภทผูใ้ ช้ไฟฟา้ และอตั ราค่าไฟฟา้ แตล่ ะประเภท ๕๐ ๕๑ ๑) ประเภทบ้านพกั อาศัย (Residential) ๕๒ ๒) ประเภทกจิ การขนาดเล็ก (Small General) ๕๓ ๓) ประเภทกจิ การขนาดกลาง (Medium General) ๕๔ ๔) ประเภทกิจการขนาดใหญ่ (Large General) ๕๔ ๕) ประเภทกิจการเฉพาะอย่าง (Specific Business) ๖๐ ๖) ประเภทส่วนราชการและองค์กรท่ไี มแ่ สวงหากาไร (Government and Nonprofit) ๖๖ ๗) ประเภทสูบนา้ เพ่ือการเกษตร (Agriculture Pumping) ๗๑ ๘) ประเภทผใู้ ช้ไฟฟ้าช่วั คราว (Temporary) ๗๒ ๓.๖ แผนบรหิ ารจัดการกา๊ ซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐ (Gas Plan 2018) ๗๕ ๓.๗ การผลติ ไฟฟา้ จากพลงั งานหมนุ เวยี นและพลังงานทดแทน ๗๕ ๓.๘ กองทุนพฒั นาไฟฟ้า มาตรา ๙๗ ๗๗ ๓.๙ ค่าไฟฟา้ ผันแปร (Ft) ๘๐ ๓.๑๐ ไฟฟ้าสาธารณะ ๓.๑๑ การประหยัดพลงั งาน ตน้ ทนุ ราคา และเช้ือเพลิง รปู แบบการลงทนุ เพื่อการอนุรักษ์พลงั งาน คณุ สมบัติบรษิ ัทจัดการพลงั งาน (Energy Service Company : ESCO) ๔. ขอ้ สังเกตของคณะอนกุ รรมาธิการ

รายงานผลการพจิ ารณาศกึ ษา เรือ่ ง “การศึกษาการปรับโครงสรา้ งราคาไฟฟา้ ” ของคณะอนกุ รรมาธกิ ารศกึ ษาการปรบั โครงสรา้ งราคาไฟฟา้ ในคณะกรรมาธกิ ารการพลงั งาน สภาผแู้ ทนราษฎร ------------------------------------- ตามที่ท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งท่ี ๒๑ (สมัยสามัญประจาปี ครั้งท่ีหน่ึง) วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ ท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติต้ังคณะกรรมาธิการ การพลงั งาน ตามขอ้ บังคับการประชมุ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๐ (๒๓) เพอ่ื ให้มหี นา้ ทแี่ ละ อานาจกระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเร่ืองใด ๆ ที่เก่ียวกับการบริหาร การพัฒนา การจัดหา การใช้ การอนุรักษ์พลังงาน และผลกระทบจากการจัดหาและการใช้พลังงาน รวมทง้ั การแสวงหาพลงั งานทดแทนและพลังงานทางเลอื ก น้ัน ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปี ๒ คร้ังท่ี ๒๓ (สมัยสามัญประจาปี คร้ังท่ีหนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาญัตติเพ่ือพิจารณาศึกษา การปรบั โครงสรา้ งราคาพลงั งานและกองทนุ นา้ มนั ให้เป็นระบบและย่งั ยนื และที่ประชุมไดม้ มี ติให้สง่ ญัตติดังกล่าวให้คณะกรรมาธิการการพลังงานรับเรื่องไว้พิจารณา และให้พิจารณาแล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน ซึ่งในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ครั้งท่ี ๔๖ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปรับ โครงสร้างราคาไฟฟ้าขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อปฏิบัติหน้าท่ีในการพิจารณาศึกษาการปรับโครงสร้าง ราคาไฟฟ้าให้เป็นระบบและยั่งยืน โดยมีกาหนดระยะเวลาการดาเนินงานภายใน ๑๒๐ วัน ต่อมา ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน ครั้งท่ี ๕๖ เม่ือวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ท่ีประชุมได้มีมติขยายระยะเวลาการปฏิบัติหนา้ ท่ีของคณะอนุกรรมาธิการออกไป ๙๐ วัน (ครั้งท่ี ๑) ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน ครั้งที่ ๖๐ เม่ือวันพฤหัสบดีที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ที่ประชมุ ได้มมี ตขิ ยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าท่ีของคณะอนุกรรมาธกิ ารออกไป ๙๐ วัน (คร้ังที่ ๒) ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน ครั้งที่ ๖๗ เมื่อวันพฤหัสบดีท่ี ๑๖ กันยายน ๒๕๖๔ ท่ีประชุมไดม้ มี ตขิ ยายระยะเวลาการปฏิบตั ิหนา้ ที่ของคณะอนกุ รรมาธกิ ารออกไป ๙๐ วัน (ครั้งท่ี ๓) ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน คร้ังท่ี ๗๔ เม่ือวันพฤหัสบดีท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ ท่ีประชุมไดม้ ีมตขิ ยายระยะเวลาการปฏิบตั หิ น้าท่ีของคณะอนุกรรมาธกิ ารออกไป ๙๐ วัน (ครั้งที่ ๔) ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน ครั้งที่ ๘๖ เม่ือวันพุธที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ ที่ประชุม ได้มีมติขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าท่ีของคณะอนุกรรมาธิการออกไป ๑๒๐ วัน (ครั้งท่ี ๕) และ ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน ครั้งที่ ๙๘ เม่ือวันพฤหัสบดีท่ี ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ที่ประชุมได้มมี ตขิ ยายระยะเวลาการปฏบิ ัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมาธกิ ารออกไป ๙๐ วนั (ครงั้ ท่ี ๖)

~๒~ บัดน้ี คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปรับโครงสร้างราคาไฟฟ้าได้พิจารณาศึกษา เร่ือง “การศึกษาการปรับโครงสร้างราคาไฟฟ้า” เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการพิจารณา ศึกษาเร่ืองดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุม สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๖ ดงั น้ี ๑. การดาเนินงาน คณะกรรมาธิการการพลังงานได้มีมติต้ังคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปรับโครงสร้าง ราคาไฟฟ้า เพื่อทาหน้าท่ีในการพิจารณาศกึ ษาการปรับโครงสร้างราคาไฟฟ้าใหเ้ ปน็ ระบบและยง่ั ยืน ซึ่งอนุกรรมาธกิ ารคณะนี้ ประกอบด้วย (๑) นายชยั ยนั ต์ ผลสวุ รรณ์ ประธานคณะอนกุ รรมาธิการ (๒) นางสาวปิยะรัฐชย์ ตยิ ะไพรัช รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนทหี่ น่ึง (๓) นางสาวจารวุ รรณ ศรณั ยเ์ กตุ รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนทสี่ อง (๔) นายชศู กั ดิ์ วงษส์ วัสด์ิ รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนทส่ี าม (๕) นายไพทูร ไพศาลสขุ วทิ ยา อนกุ รรมาธกิ าร (๖) ผูช้ ่วยศาสตราจารย์นนิ นาท ราชประดิษฐ์ อนุกรรมาธกิ าร (๗) นายสมบตั ิ วนชิ ประภา อนุกรรมาธกิ าร (๘) นายภวู ดล สนุ ทรวิภาต อนุกรรมาธิการ (๙) รองศาสตราจารยต์ ฤณ แสงสวุ รรณ อนุกรรมาธิการ (๑๐) นายจักรวาล อนุ่ สินมน่ั เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธกิ าร ในคราวประชุมคณะกรรมาธกิ ารการพลังงาน คร้ังที่ ๗๗ เมอ่ื วนั พฤหัสบดีที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมได้มีมติให้ นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ เป็นอนุกรรมาธิการแทน รองศาสตราจารย์ตฤณ แสงสุวรรณ และคณะกรรมาธิการการพลังงาน ได้มีมติตั้งเป็นท่ีปรึกษา คณะอนุกรรมาธกิ าร เพื่อให้มีหนา้ ท่ีและความรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั งิ านทางวชิ าการ ให้คาปรึกษา ข้อเสนอแนะ จัดทารายงาน ความเห็นและสรุปประเด็นเรื่องต่าง ๆ อันอยู่ในอานาจหน้าท่ีของ คณะอนกุ รรมาธิการ ประกอบด้วย (๑) นายชูวทิ ย์ พทิ กั ษพ์ รพัลลภ (๒) นายประเสริฐ บุญเรอื ง (๓) นายสมเกียรติ วอนเพียร (๔) นายพบิ ูลย์ รัชกจิ ประการ (๕) นางพชิ ชารัตน์ เลาหพงศช์ นะ (๖) นายประจกั ษ์ กติ ติรัตนววิ ัฒน์ (๗) นายคณภัทร ธนนันทนสกุล (๘) นายวิพธุ ศรีวะอไุ ร (๙) นายนพดล เหลอื งวิชชเจริญ (๑๐) นางสาวณิชาภา โกวิทานนท์ (๑๑) นายพรลภัส กองธนาศิรกิ ลุ (๑๒) นายประเสริฐศกั ดิ์ เชงิ ชวโน (๑๓) นายสมนกึ จอมคาศรี (๑๔) นายสรวชิ ญ์ เปรมชืน่ (๑๕) นายพโยมสฤษฎ์ ศรีพัฒนานนท์ (๑๖) นางสาวณิชเบญญา จันทนจลุ กะ ฤกษ์หร่าย (๑๗) นางอัญชลี ชวนชิ ย์ (๑๘) รองศาสตราจารยภ์ ูวนิดา คุนผลนิ

~๓~ (๑๙) นายอนาวิล รัตนสถาพร (๒๐) นายอนสุ รณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ (๒๑) นายธนกร รอดสุทธิ (๒๒) นายจรสั โรจน์ บถดาริห์ (๒๓) นายคณิศร อุ่นแสงจนั ทร์ (๒๔) นายเมธา ขาดี (๒๕) นายณัฐนันท์ ขาดี (๒๖) นางสาวศรโี สภา โกฏคาลอื (๒๗) นางสาวภทั รณรนิ ทร์ กิตติโชคไชยศิริ (๒๘) นายศภุ กิจ งามจติ รเจริญ (๒๙) พลตรี ชานาญ มาสาราญ (๓๐) นายคมสนั ปญุ ศริ ิ (๓๑) นายยศ ดีเลิศม่ันคงกิจ (๓๒) นายประภัสร์ ลิมานันท์ (๓๓) นายเยาวเรศ เจริญผล (๓๔) นายธนันท์วรุต ล้มิ ทรงพรต (๓๕) นางสาวมรรษพร กรรณสตู (๓๖) นายธนาคาร โกฏิคาลอื (๓๗) นางธวลั รตั น์ หอสัจจกุล (๓๘) นายชยั อนนั ต์ มานะกุล (๓๙) นายอรรถ พยอมหอม (๔๐) รองศาสตราจารยต์ ฤณ แสงสุวรรณ ๒. วิธีการพจิ ารณาศึกษา ๒.๑ การประชมุ คณะกรรมาธกิ าร คณะอนุกรรมาธิการการไดจ้ ัดให้มกี ารประชมุ จานวน ๓๐ คร้งั ดังนี้ (๑) ครั้งท่ี ๑ วนั พฤหัสบดที ี่ ๓ ธนั วาคม ๒๕๖๓ (๒) ครง้ั ท่ี ๒ วันพฤหสั บดที ี่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ (๓) ครง้ั ท่ี ๓ วนั พฤหัสบดีที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ (๔) คร้งั ท่ี ๔ วันพฤหสั บดที ่ี ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔ (๕) คร้งั ท่ี ๕ วนั พฤหสั บดีที่ ๔ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔ (๖) คร้ังที่ ๖ วนั พฤหัสบดีท่ี ๑๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๔ (๗) คร้ังท่ี ๗ วันพฤหสั บดีที่ ๒๖ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๔ (๘) ครงั้ ท่ี ๘ วนั พฤหัสบดีท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ (๙) ครั้งที่ ๙ วนั พฤหัสบดีที่ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔ (๑๐) ครง้ั ท่ี ๑๐ วันพฤหัสบดีท่ี ๑๙ มนี าคม ๒๕๖๔ (๑๑) ครง้ั ท่ี ๑๑ วนั พฤหสั บดีที่ ๒๕ มนี าคม ๒๕๖๔ (๑๒) ครง้ั ที่ ๑๒ วนั พฤหัสบดที ี่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ (๑๓) คร้งั ท่ี ๑๓ วนั พฤหสั บดที ี่ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ (๑๔) ครั้งที่ ๑๔ วันพฤหัสบดที ่ี ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ (๑๕) ครง้ั ที่ ๑๕ วนั พฤหสั บดที ่ี ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ (๑๖) ครั้งท่ี ๑๖ วันพฤหสั บดที ี่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ (๑๗) ครงั้ ที่ ๑๗ วันพฤหสั บดีท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ (๑๘) ครงั้ ที่ ๑๘ วนั พุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๕ (๑๙) ครั้งท่ี ๑๙ วันพุธที่ ๙ มนี าคม ๒๕๖๕

~๔~ (๒๐) ครั้งท่ี ๒๐ วนั พุธที่ ๑๖ มนี าคม ๒๕๖๕ (๒๑) ครั้งท่ี ๒๑ วันพุธท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ (๒๒) คร้ังท่ี ๒๒ วันพฤหัสบดที ่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๖๕ (๒๓) ครัง้ ที่ ๒๓ วันพุธท่ี ๒๗ เมษายน ๒๕๖๕ (๒๔) ครั้งท่ี ๒๔ วนั พฤหสั บดที ่ี ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ (๒๕) ครง้ั ท่ี ๒๕ วันพฤหสั บดีท่ี ๙ มิถนุ ายน ๒๕๖๕ (๒๖) ครง้ั ท่ี ๒๖ วนั พธุ ท่ี ๑๕ มิถนุ ายน ๒๕๖๕ (๒๗) ครั้งที่ ๒๗ วนั พฤหสั บดีที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ (๒๘) ครง้ั ท่ี ๒๘ วันพฤหสั บดีที่ ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๖๕ (๒๙) ครง้ั ที่ ๒๙ วันพฤหัสบดที ี่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (๓๐) ครง้ั ท่ี ๓๐ วันพุธท่ี ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ๒.๒ คณะอนุกรรมาธิการได้ดาเนินการโดยเชิญหน่วยงานมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และแสดงความคดิ เหน็ เพื่อประกอบการพิจารณา ดงั น้ี ๑) กระทรวงการคลัง ๑.๑) กรมบัญชีกลาง (๑) นางอัมพวรรณ พุกดา นติ กิ รชานาญการ (๒) นางสาวปิยพร แสงศรีลม นติ ิกรปฏบิ ัตกิ าร ๑.๒) สานกั งานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (๑) นางสาวปยิ วรรณ ลา่ มกิจจา ท่ปี รึกษาดา้ นพัฒนารัฐวิสาหกิจ (๒) นางสาวณัฐนภิ า เหลอื งสมบูรณ์ นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจชานาญการ พเิ ศษ (๓) นางสาวอภิญดา เสรวี ฒั น์ นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจชานาญการ พเิ ศษ ๒) กระทรวงพลังงาน ๒.๑) กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษพ์ ลังงาน (๑) นายสุรยี ์ จรูญศักด์ิ ผู้ อ า น ว ย ก า ร ก อ ง พั ฒ น า พ ลั ง ง า น แสงอาทิตย์ (๒) นายสารฐั ประกอบชาติ ผู้อานวยการกองกากับและอนุรักษ์ พลังงาน (๓) นายวรยทุ ธ คงบญุ วิศวกรชานาญการพเิ ศษ ๒.๒) สานกั งานนโยบายและแผนพลังงาน (๑) นายวรี พฒั น์ เกียรตเิ ฟอื่ งฟู ผูอ้ านวยการกองนโยบายไฟฟ้า (๒) นางสาวสพุ ิตร คากลดั ผอู้ านวยการศูนย์เทคโนโลยี สารสนเทศและการสอื่ สาร

~๕~ (๓) นางศริ นิ า อนิ แก้ว นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญ การพเิ ศษ (๔) นายวัชรนิ ทร์ ยกยอ่ ง นกั วิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการ (๕) นางสาวภมุ รินทร์ สกุ าวาสน์ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผนพลงั งาน ๒.๓) สานักงานคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (๑) นายประสทิ ธ์ิ สริ ิทิพย์รศั มี ผชู้ ว่ ยเลขาธกิ ารสานกั งาน คณะกรรมการกากับกิจการพลงั งาน (๒) นายมนยศ วรรธนะภตู ิ ผูช้ ว่ ยเลขาธิการสานักงาน คณะกรรมการกากบั กิจการพลังงาน (๓) นายภวู นารถ ชุณหปราณ ผู้ช่วยเลขาธิการด้านกากับกิจการ ก๊าซธรรมชาติและส่งเสริมการแข่งขนั ในกิจการพลังงาน (๔) นางสาวจีรวรรณ โรจน์เจรญิ ชัย ผู้ช่วยเลขาธิการดา้ นกากบั กิจการไฟฟ้า และอตั ราคา่ บริการพลังงาน (๕) นางปยิ วรรณ สขุ ใส ผอู้ านวยการฝา่ ยอตั ราคา่ บรกิ าร พลังงาน (๖) นายชาญชยั อมรวภิ าส ผชู้ านาญการพเิ ศษ (๗) นางสาวมรรษพร กรรณสูต ผชู้ านาญการพิเศษ (๘) นายเอกรินทร์ โบษกรนฎั ผชู้ านาญการเฉพาะด้านไฟฟ้า (๙) นางสาวลักษกิ า ตึกดี วศิ วกรปฏิบัติการ ๒.๔) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (๑) นายกติ ติ เพ็ชรสันทัด ผชู้ ว่ ยผู้วา่ การปฏิบตั ิการควบคมุ ระบบ (๒) นายสาธิต ครองสัตย์ ผู้ ช่ ว ย ผู้ ว่ า ก า ร ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ อ ง ค์ ก ร ( ซ่ึ ง เ ป็ น ต า แ ห น่ งเ ดิ ม ใ น ขณะท่ี คณะอนุกรรมาธกิ ารเชญิ มาชี้แจง) (๓) นายนิทัศน์ วรพนพิพฒั น์ ผชู้ ่วยผวู้ ่าการยทุ ธศาสตรอ์ งค์กร (๔) นายธวชั ชยั สาราญวานิช ผอู้ านวยการฝ่ายเศรษฐกจิ พลังงาน (๕) นายธวัชชยั พัฒนพกิ ิจไพศาล ผู้อานวยการฝ่ายเศรษฐกิจกาลัง การผลติ (๖) นายธวัชชัย สาราญวานชิ ผู้อานวยการฝา่ ยเศรษฐกจิ พลงั งาน (๗) นายสเุ จตน์ สปุ ราณี หัวหน้ากองวางแผนรูปแบบกิจการ ไฟฟ้า (๘) นายตอ่ สกลุ โอภธิ าภรณ์ หวั หนา้ แผนกวางแผนการลงทนุ ระบบสง่ (๙) นายฐนดล สังข์ทอง วิศวกร ระดบั ๑๑

~๖~ (๑๐) นางสาวสพุ นดิ า วงษ์สมบรู ณ์ นกั บญั ชี ระดับ ๙ ๒.๕) บรษิ ัท ปตท. จากัด (มหาชน) (๑) นางสุณี อารีกลุ ผชู้ ่วยกรรมการผูจ้ ดั การใหญ่ สว่ นแผนงาน (๒) นางสาวจิตรโสภา สืบศิริ พนักงานวเิ คราะหแ์ ละวางแผน ๓) กระทรวงมหาดไทย ๓.๑) การไฟฟ้านครหลวง (๑) นายสมศกั ด์ิ บารงุ วัด ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กรและ ความย่งั ยนื (๒) นายอาพล สงวนวงศ์ ผู้อานวยการฝา่ ยเศรษฐกิจพลังไฟฟ้า (๓) นายชูเกยี รติ ย่งั ยืนบางชนั ผู้ช่วยผู้อานวยการฝ่ายวางแผนระบบ ไฟฟา้ (๔) นางสุภาวดี เสมอวงษ์ ผชู้ ่วยผู้อานวยการกองอัตรา ค่าไฟฟ้าและพยากรณ์พลังไฟฟา้ (๕) นายสิงห์ เผือกพลู ผู้ช่วยผู้อานวยการกองมาตรฐานงาน บรกิ ารระบบจาหนา่ ย (๖) นางสุนนั ท์ สดุ ยโู ซะ๊ ผชู้ ว่ ยผ้อู านวยการกองบญั ชที รัพย์สนิ (๗) นายสทิ ธินนท์ ทองกลุ ภัทร์ ผู้ช่วยผู้อานวยการกองวางแผนระบบ ไฟฟ้า (๘) นางสาวอารยา ภมู ลี วศิ วกรไฟฟ้า ๘ (๙) นางสาวคะรินยา พนั ธ์พฤกษ์ นักการเงนิ ๘ ๓.๒) การไฟฟ้าสว่ นภูมิภาค (๑) นายอิสเรส เจนศุภการ รองผวู้ า่ การบัญชแี ละการเงิน (๒) นายประดษิ ฐ์ เฟอ่ื งฟู ผู้ชว่ ยผู้ว่าการการไฟฟ้าสว่ นภมู ภิ าค (๓) นางสาวภสู ุดา สงคศริ ิ ผู้อานวยการฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจ พลังงาน (๔) นายทรงวุฒิ ขันดี ผู้อานวยการฝ่ายวางแผนระบบไฟฟา้ (๕) นางปนดั ดา สขุ เสน รองผู้อานวยการฝา่ ยงบประมาณ (๖) นายธนทั พงศ์ ปราโมทย์ รองผู้อานวยการฝ่ายควบคุมระบบ ไฟฟ้า (๗) นางสาวฐติ ิพร วรี ะธัญญา รองผู้อานวยการฝา่ ยนโยบาย เศรษฐกจิ พลังงาน (๘) นางสาวสุชาดา คงธรรม รองผู้อานวยการฝ่ายนโยบาย เศรษฐกิจพลงั งาน

~๗~ (๙) นายณฐั วฒุ ิ สิรแิ สงสวา่ ง ผ้อู านวยการกองโครงการ (๑๐) นายพรพิสษิ ฐ์ ลาเพาพงษ์ รองผู้อานวยการกองอัตราและธุรกิจ ไฟฟา้ (๑๑) นายสุธันว์ สมบัตติ ะวนิช รองผ้อู านวยการกองรายได้ (๑๒) นายจักรพงษ์ ชโยดมเดชา รองผอู้ านวยการกองโครงการ (๑๓) นายบัณฑิต โสดาบันดุ์ รองผู้อานวยการกองอัตราและธุรกิจ ไฟฟ้า (๑๔) วา่ ทร่ี อ้ ยตรี สเุ มต สวุ รรณพรหม วิศวกร ระดบั ๑๑ (๑๕) นางสาวปณยา สาสนสั หัวหน้าแผนกเร่งรัดหน้ีสินผู้ใช้ไฟฟ้า เอกชน (๑๖) นายกรณฐั ธรรมศริ ิ หัวหน้าแผนกวิเคราะห์ต้นทุนและ รายได้ (๑๗) นางสาวศศิภารชั ต์ ตง้ั จิตรถาวรกลุ หัวหนา้ แผนกโครงการภาค ๓ (ภาคกลาง) ๔) สมาคมและสถาบันด้านพลังงาน ๔.๑) สมาคมอตุ สาหกรรมเซลลแ์ สงอาทิตย์ไทย ศาสตราจารย์ดสุ ติ เครอื งาม นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์ แสงอาทติ ยไ์ ทย ๔.๒) สมาคมพลงั งานลม (ประเทศไทย) (๑) นายอิศเรศร์ ภมรนยิ ม นายกสมาคมพลงั งานลม (ประเทศไทย) (๒) นายวชั รพงศ์ เข็มแกว้ อุปนายก (๓) นายธฤติ บุณยายน กรรมการและเหรัญญิก (๔) นายวรวิทย์ วิสูตรชยั กรรมการ ๔.๓) สมาคมผูผ้ ลติ ไฟฟ้าเอกชน (๑) นายมนัสชัย คงรกั ษก์ วนิ บรษิ ทั โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอรย์ ่ี จากดั (มหาชน) (๒) นายมารตุ ยิบกาญจนา บรษิ ัท บางกอก โคเจนเนอเรช่ัน จากดั (๓) นางสาวรงั สิมา พักเกาะ บรษิ ัท บี. กริม เพาเวอร์ (ดบั บลิว เอชเอ) ๑ จากัด (๔) นางสาวเกษรนิ ทร์ อุ่นเสนีย์ ผ้จู ัดการสมาคมผู้ผลิตไฟฟา้ เอกชน (๕) นายพงษธนา นโิ รภาคี ผู้จดั การฝ่ายรฐั สัมพนั ธ์ BUBP ๔.๔) สถาบันพลงั งานเพ่ืออตุ สาหกรรม (๑) นายอาทิตย์ เวชกิจ กรรมการและเลขานุการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook