Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์

หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์

Published by Creative Public Wisdom Institute Foundation, 2022-08-29 06:44:17

Description: E-book หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์ หนังสือเล่มนี้ได้ถ่ายทอด "ประวัติศาสตร์" ของกระบวนการทำงานที่มีทั้งหลักคิด และวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบ ของการจัดเก็บ รวบรวม และเผยแพร่เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ จนกลายมาเป็น "หอหมายเหตุดิจิทัล" เพื่อให้ทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวหอจดหมายต่างประเทศแห่งนี้ และหวังว่าจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้วงการศึกษาทางประวัติศาสตร์ ได้มีนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเรียนการสอน

Search

Read the Text Version

“ …เมอื่ วนั ที่ ๒๓ มนี าคม ค.ศ. ๑๙๙๓ ไดไ้ ปท่หี อจดหมายเหตุของ กระทรวงการตา่ งประเทศของรสั เซยี ซ่ึงเกบ็ เอกสารตัง้ แต่ ค.ศ. ๑๗๒๐-๑๙๑๒ คือสมัยท่ียังมพี ระเจ้าซาร์ เอกสารพวกนี้ รวบรวมจากสถานทูต และสถานกงสุลของรัสเซยี ประจ�ำประเทศ ต่างๆ สนธสิ ัญญาทร่ี ัสเซยี ลงนามจนถึงชว่ งปฏวิ ัติ มีจำ� นวนเอกสาร ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ฉบบั ตู้หนงั สอื ยาว ๘ กโิ ลเมตร หอจดหมายเหตุน้ีเปน็ กองหนึ่งของกระทรวงการตา่ งประเทศ มีหน้าท่ี ให้ขอ้ มูลประวัตศิ าสตร์แก่กระทรวงการต่างประเทศ แตก่ ็เปดิ ให้ บคุ คลท่ัวไปใช้บริการได้ มนี ักประวัติศาสตรเ์ ข้ามาท�ำงานไม่นอ้ ยกวา่ ๓๕๐ คนตอ่ ปี มนี ักวิจัยมาจากตา่ งประเทศประมาณปลี ะ ๗๐ คน เชน่ จากประเทศนิวซแี ลนด์ ญ่ีปนุ่ ประเทศยโุ รป เสยี ดายทไ่ี มเ่ คยมี นักประวตั ศิ าสตร์ไทยมาเลย ทัง้ ๆ ท่ีมเี อกสารจ�ำนวนมากเกย่ี วกบั ความสมั พันธ์ระหว่างสยามกบั รัสเซยี นอกจากหอจดหมายเหตุแหง่ นี้ กองยงั มหี อจดหมายเหตอุ ีกแหง่ เก็บเอกสารตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๑๗ จนถึงปจั จบุ ัน เอกสารสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่พี วกเราสนใจก็อยู่ ในหอนั้น… ยังมีอะไรอกี แยะแตเ่ ราไมม่ ีเวลาดู ดูแลว้ กน็ ึกว่าเอกสารทางดา้ น รสั เซยี เปน็ เรือ่ งทีเ่ ราไม่ค่อยมคี วามรู้และไมค่ อ่ ยไดใ้ ช้กัน นา่ จะได้มี โครงการศึกษา อาจจะจา้ งคนมาแปลเปน็ ภาษาองั กฤษ แลว้ เรามา คดั เลอื กกันดูอกี ที อาจารยล์ ดุ มลิ าซึง่ เปน็ ล่ามใหต้ อนน้ันบอกวา่ ภาษารสั เซยี โบราณนนั้ อาจจะยากส�ำหรับคนไทย… ” พลเอกหญงิ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ “บทกลา่ วน�ำ” ในการสมั มนาทางวชิ าการ เรื่อง “๑๒๐ ปแี ห่งความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งราชอาณาจักรไทย-รสั เซยี จากมุมมองของเอกสารรสั เซยี สหรัฐอเมริกา และนักวิชาการไทย-รสั เซียศกึ ษา” ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๐ 100

บทนำ� “บทกล่าวน�ำ” ท่ียกมามีท้ังด้านข้อมูลและพระราชดำ� ริท่ีเก่ียวข้องกัน กับเน้ือหาในบทนี้ และหากผู้อ่านได้อ่านพระราชนิพนธ์นี้อย่างพินิจพิเคราะห์ แล้ว ก็เชอ่ื ว่านอกจากไดร้ ับความรใู้ หมๆ่ จากเอกสารทางรสั เซียแล้ว ท่านยงั จะ พบไดว้ ่า พระองคท์ รงน�ำเสนอ ๒ ประเด็นนไ้ี ปพร้อมกันใน “บทกลา่ วน�ำ” อกี ดว้ ย และ ๒ เรอ่ื งน้ี คอื ทมี่ าของกจิ กรรมสำ� คญั อกี ดา้ นหนงึ่ ใน “หอจดหมายเหตุ ต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย”์ นั่นก็คือ การแปลเอกสารต่างประเทศ เนอ่ื งจาก ๒ เรอื่ งน้ี สะทอ้ นขอ้ เทจ็ จรงิ และพระราชดำ� รจิ ากบทพระราช นิพนธ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน และ ๒ เร่ืองน้ียังมีความเก่ียวพันและมีการ ด�ำเนินการไปกับ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” ที่ พระองค์ทรงริเริ่มและด�ำเนินการมาอย่างต่อเน่ืองตลอดในระยะยาวนานและ ครบสามทศวรรษแลว้ และตรงกับเนื้อหาหลักในบทนพ้ี อดี โดยเฉพาะในสว่ น ที่จะน�ำเสนอในตอนท่ี ๔ น้ี ซงึ่ ก็คอื การแปลเอกสารส�ำคัญจากตา่ งประเทศ 101

การแปลเอกสารจากตา่ งประเทศมคี วามหมาย ความสำ� คญั อยา่ งไร ทำ� ไม ต้องแปล ปกติแลว้ การแปลก็เพอ่ื ทราบความเนอ้ื ใน และจำ� เปน็ สำ� หรับคนไทย ซ่งึ มีความรูภ้ าษาต่างประเทศไมม่ ากนกั ยิ่งโดยเฉพาะในแบบคนเดียวรหู้ ลายๆ ภาษาน้ันก็ย่ิงมีน้อยมาก แต่นัยท่ีส�ำคัญของการแปลยังมีมากกว่าน้ัน น่ันก็คือ เป็นท้ังในฐานะ “เครื่องมือ” ของการเปิดโลกกว้าง และ “วิธีการ” ในการ ตรวจสอบข้อเทจ็ จริง ทเี่ ทียบเคยี งไดก้ ับวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรด์ ้วย ท้ังหมดนี้มีอยู่ในพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ของพระองค์ ซึ่ง สว่ นหนงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ไดจ้ ากการแปลเอกสารของหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ แหง่ น้ี เพอื่ เพม่ิ เตมิ ข้อมลู “วัตถดุ บิ ” ท่มี ีความหลากหลายจากนานาประเทศ และจะไดน้ ำ� เสนอโดยยอ่ เพ่อื คอยช่วยกระตุ้นเตอื นความส�ำคัญหนงึ่ ในภารกิจ ของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ คอื การแปลเอกสาร จากต่างประเทศ ซ่งึ จะไดเ้ รมิ่ จากบทพระราชนพิ นธ์ “บทกลา่ วน�ำ” นั้น จากบทพระราชนิพนธ์ข้างต้น ผู้อ่านคงจะเห็นได้ว่า เน้ือความใน สว่ นแรกทพ่ี ระองคท์ รงเปดิ ประเดน็ ไว้ และถอื เปน็ เรอื่ งสำ� คญั ตอ่ วงวชิ าการไทย นน่ั คอื พระองคท์ รงกลา่ วถงึ ดา้ นขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ และนา่ สนใจยง่ิ โดยเฉพาะ ในแวดวงวิชาการ เช่น ประวตั ศิ าสตร์ไทย ดังใจความท่วี ่า “…เสียดายที่ไม่เคยมีนักประวัติศาสตร์ไทยมาเลย ท้ังๆ ท่ีมี เอกสารจ�ำนวนมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับรัสเซีย นอกจากหอจดหมายเหตแุ หง่ นี้ กองยงั มหี อจดหมายเหตอุ กี แหง่ เกบ็ เอกสารตัง้ แต่ ค.ศ. ๑๙๑๗ จนถึงปัจจบุ นั เอกสารสงครามโลกครัง้ ท่ี ๒ ทพ่ี วกเราสนใจก็อยใู่ นหอนนั้ …” ในขณะเดยี วกนั บทพระราชนพิ นธท์ ไี่ ดย้ กมาแตต่ น้ นน้ั ยงั มอี กี สว่ นหนงึ่ ซึ่งสะท้อนพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ ท่ีทรง มุ่งมั่นในการรวบรวมเอกสารส�ำคัญของไทยจากหอจดหมายเหตุต่างประเทศ 102

ตามโครงการหอจดหมายเหตุ กปศ.สกศ.รร.จปร. ในพระราชด�ำริฯ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๔-๓๕ เป็นตน้ มา และที่สำ� คัญคือ พระองคท์ รงต้องการเผยแพร่เอกสาร สำ� คญั จากต่างประเทศไปสปู่ ระชาชนชาวไทยอย่างทว่ั ถึง ด้วยการแปลแมอ้ าจ ต้องใช/้ อาศยั ผา่ นทางภาษาองั กฤษก็ตาม ดังความอีกตอนหน่งึ วา่ “…ดูแล้วก็นึกว่าเอกสารทางด้านรัสเซียเป็นเรื่องท่ีเราไม่ค่อย มีความรู้และไม่ค่อยได้ใช้กัน น่าจะได้มีโครงการศึกษา อาจจะจ้าง คนมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเรามาคดั เลอื กกันดูอกี ท…ี ” เน้อื ความสน้ั ๆ ในบทนซี้ ึ่งเปน็ ตอนที่ ๔ ในชุด “ทูลกระหม่อมอาจารย์ กับ ๓๐ ปี โครงการเอกสารส�ำคัญทางประวัติศาสตร์จากต่างประเทศใน พระราชด�ำริ” นนั้ จะได้แนะน�ำและนำ� เสนอพระราชดำ� ริและพระราชประสงค์ ของพระองคใ์ นการดำ� เนนิ การเรื่องนต้ี อ่ จากตอนท่แี ล้ว คอื ตอนที่ ๓ “การเผย แพรเ่ อกสารส�ำคญั : การจัดงานสมั มนาทางวิชาการ” มาส่กู ารเผยแพรเ่ อกสาร สำ� คัญในอกี ทางหนึ่ง ซึง่ กค็ ือ การแปลเอกสารสำ� คญั จากตา่ งประเทศ โดยมีทั้ง การแปลจากเอกสารเกาหลีใต้ จนี ญี่ปุ่น รสั เซีย สหรฐั อเมริกา และประเทศ เพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน และสามารถจัดแบ่งการแปลออกเป็นสามช่วงใหญ่ ไดแ้ ก่ ๑) ช่วงแรก เปน็ การแปลเอกสารสำ� คญั จากเอกสารรสั เซยี ๒) ช่วงท่ีสองหรือช่วงหลัง เป็นการแปลเอกสารส�ำคัญจากเอกสาร เกาหลีใต้ จนี ญป่ี ุ่นและสหรฐั อเมริกา ๓) ชว่ งทสี่ าม เปน็ การแปลเอกสารสำ� คญั ในอนาคต : เพอื่ นบา้ นอาเซยี น และชาติมหาอ�ำนาจ ซ่ึงในอนาคตต้ังแต่ปี ๒๕๖๕ มีแนวโน้มท่ีจะมีการแปล เอกสารส�ำคัญมากข้ึน โดยเฉพาะจากประเทศเพ่ือนบ้านในกลุ่มอาเซียน คือ กัมพชู า ลาว และเวยี ดนาม สว่ นชาตมิ หาอำ� นาจอน่ื ๆ นอกจากสหรัฐอเมริกา แล้ว ยงั มจี ีน ฝรั่งเศส ไต้หวัน เยอรมนี (โดยเฉพาะเยอรมนตี ะวันออกเดิม และ 103

กลุ่มยุโรปตะวันออกท่ีเคยอยู่ในค่ายโลกคอมมิวนิสต์) นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี อังกฤษ อินโดนีเซีย และอนิ เดยี อีกด้วย การแปลเอกสารสำ� คญั ในช่วงแรก : รัสเซีย การแปลเอกสารส�ำคัญในช่วงแรกน้ี ทูลกระหม่อมอาจารย์ทรงน�ำร่อง การแปลเอกสารของรัสเซียก่อน คือมาจากความร่วมมือของฝ่ายรัสเซีย-ไทย ผ่านการด�ำเนินการทางหลักฐานจากฝ่ายรัสเซียในโครงการช�ำระเอกสาร ประวัตศิ าสตร์ทางการทตู ระหวา่ งไทยกบั รสั เซยี ตามพระราชด�ำรขิ องพระองค์ และต่อมาการแปลตามโครงการน้ไี ด้รบั การพิมพ์เปน็ หนังสือ ๒ เล่ม คอื (๑) ๑๐๐ ปี ความสมั พันธ์สยาม-รัสเซยี : คำ� แปลเอกสารประวัติศาสตร์ ถอดความจากภาษารสั เซียเปน็ ภาษาไทย (๒๕๔๐) และ (๒) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งไทยกบั รสั เซยี : ประมวลเอกสารจดหมายเหตุ และต้นฉบับเอกสารจดหมายเหตุ ของกระทรวงการต่างประเทศสหพันธรัฐ รสั เซยี พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๕๑๓ (ค.ศ. ๑๙๔๑-๑๙๗๐) (๒๕๕๘) หลงั จากหนงั สอื ทง้ั สองเลม่ นเี้ ผยแพรอ่ อกสผู่ คู้ นในวงกวา้ งแลว้ พระองค์ ทรงเล่าไว้น่าสนใจและทรงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหนังสือสองเล่มนี้ ดังปรากฏใน พระราชนิพนธ์ “บทกล่าวน�ำ” ในการสัมมนาทางวิชาการเร่ือง ๑๒๐ ปีแห่ง ความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย-รัสเซียฯ ทูลกระหม่อมอาจารย์ทรง กลา่ วตอนหน่งึ ไว้ ความวา่ “…เม่ือกลับมาได้เล่าเร่ืองเอกสารจดหมายเหตุรัสเซียให้ ศาสตราจารยน์ รนติ ิ เศรษฐบตุ ร อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ในเวลานน้ั และได้จัดแปลเอกสารสว่ นหนง่ึ พมิ พ์เผยแพรไ่ ปคร้ังหน่ึง แล้ว ตามท่ีนายวัฒนะ คุ้มวงศ์ รองอธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการ ตา่ งประเทศ (ในเวลานนั้ ) ไดม้ าบรรยายในการประชมุ เรอ่ื งจดหมายเหตุ ในคร้ังทแี่ ลว้ 104

หลังจากท่ีพิมพ์เผยแพร่แล้ว ได้ไปร่วมประชุมเนื่องในโอกาส ครบรอบ ๑๐๐ ปคี วามสัมพนั ธไ์ ทย-รสั เซีย ไมป่ รากฏวา่ นักวชิ าการ กล่าวถึงเอกสารแปลน้ีเลย ต่อมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ กระทรวงการตา่ งประเทศไดแ้ ปลและพมิ พเ์ ผยแพรอ่ กี เปน็ เลม่ ทสี่ อง แตก่ ไ็ มป่ รากฏว่ามผี ูส้ นใจนำ� มาวิเคราะหม์ ากนกั สนั นิษฐานวา่ เปน็ เรอ่ื งทไี่ มไ่ ดเ้ ปน็ ประเดน็ ทต่ี รงกบั ความสนใจของนกั วชิ าการไทยมาก พอ…” หลังจากนั้น พระองคย์ ังทรงแปลเอกสารสำ� คญั จากเอกสารรสั เซียไวใ้ น พระราชนิพนธ์ “บทกลา่ วนำ� ” ในการสัมมนาทางวชิ าการเรอ่ื ง “๑๒๐ ปีแหง่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งราชอาณาจกั รไทย-รสั เซยี ฯ” นอ้ี กี ดว้ ย ซง่ึ มขี อ้ มลู นา่ สนใจ และชวนคน้ ชวนตดิ ตามเหตกุ ารณท์ างประวตั ศิ าสตรจ์ ากเอกสารของรสั เซยี ดงั ความตอนหนง่ึ วา่ “…ข้าพเจ้าได้ขอให้ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรงุ มอสโกช่วยหาเอกสารใหเ้ พิม่ เตมิ ข้าราชการท่ีอ่านภาษารสั เซีย ได้ ไดจ้ ดั การหาเอกสารจาก the Russian State Archive สง่ มา ตง้ั แต่เดอื นกรกฎาคม ปีน”้ี (ในการใชห้ อจดหมายเหตตุ อ้ งนดั ลว่ งหนา้ ครง้ั ละสปั ดาหแ์ ละ ขอดูได้จำ� นวนจ�ำกัด) ได้เอกสารมาทีเ่ ปน็ ภาษารสั เซยี (เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๓๕) ล่ามของสถานทูตแปลให้เป็นภาษาไทย อีกฉบับหนึ่งลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๓๔ เป็นภาษาฝร่ังเศส ช่ือว่าสถานการณ์พรรค คอมมวิ นสิ ตส์ ยาม (La situation du parti communiste siamois) (แปลเอง ยงั ไมเ่ สรจ็ ) เนอื้ หาเกย่ี วกบั สถานการณข์ องพรรคคอมมวิ นสิ ต์ สยามท่ีสัมพันธ์กับพรรคในจีน อันนัม มลายู ท่ีมีปัญหาด้านการ 105

ประสานงาน สถานะของ Komsomol (องค์กรเยาวชนของพรรค) และจุดอ่อนของพรรค ฉบบั ทแ่ี ปลเปน็ ภาษาไทย เปน็ เอกสารสง่ ให้ นายออ๊ ตโต วลิ เลม กซู เี นน (Otto Wilhelm Kuusinen) นายกซู เี นนผนู้ เ้ี กดิ ในฟนิ แลนด์ หลงั จากพรรคของเขาแพใ้ นสงครามกลางเมอื ง หนไี ปมอสโก ตงั้ พรรค คอมมิวนิสต์ฟินแลนด์ ท�ำงานให้สตาลิน ภายหลังเม่ือถึงสมัย ครุสชอฟกย็ ังเป็นใหญ่ เป็นสมาชิก โปลิตบูโร มีเอกสารท่ีเป็นข้อเสนอของพรรคคอมมิวนิสต์สยาม ขอการ ตดั สินใจเกย่ี วกบั การบริหารจัดการพรรค เอกสารสถานการณ์ท่ัวไปที่สยาม (ที่ส่งให้นายกูซิเนน) เป็น ขอ้ มูลทางภูมิศาสตร์ ประชากร สาเหตุของการปฏวิ ตั ิ ค.ศ. ๑๙๓๒ (พ.ศ. ๒๔๗๕) สถานะของกองทพั สถานะทางเศรษฐกิจ ข้อมลู ทาง วัฒนธรรม ศาสนาและความเชื่อ การคมนาคมขนส่ง สภาพ ความเป็นอยู่ของคนในสังคม สภาพเศรษฐกิจที่ตกต่�ำท�ำให้เกิด อาชญากรรม กลมุ่ โจร สถานะทวั่ ไปของพรรคคอมมวิ นสิ ตส์ ยามและ การรวมตัวกัน การต้ังพรรคคอมมิวนิสต์สยาม สถานะของกลุ่ม คอมมวิ นิสตจ์ นี ในสยาม สถานะของพรรคสยามหลังจากการรวมตวั ของสมาชิกพรรค องค์กรและการบริหารพรรค ความขัดแย้งทาง แนวความคิดภายในพรรค และการต่อสู้ระหว่างฝ่ายขวาและ ฝ่ายซ้ายของพรรค ตารางแสดงจำ� นวนนกั ปฏิวัตติ ามกลุ่มต่างๆ…” แม้ว่าพระองค์ทรงพยายามน�ำร่องการแปลเอกสารส�ำคัญจากเอกสาร ของรสั เซีย ซึง่ ต่อมามกี ารพมิ พเ์ ป็นหนงั สอื ๒ เลม่ ดงั กล่าวมาแล้ว รวมทั้งทรง แปลอีกบางสว่ นที่ปรากฏในบทพระราชนพิ นธ์ “บทกลา่ วนำ� ” ในการสัมมนา ทางวชิ าการเรอื่ ง ๑๒๐ ปแี หง่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งราชอาณาจกั รไทย-รสั เซยี ฯ นั้นก็ตาม แต่การแปลเอกสารส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยจากเอกสารรัสเซีย 106

ยังคงมีน้อยมาก และปัจจัยส�ำคัญคงเน่ืองมาจากคนไทยยังคงรู้และใช้ภาษา รัสเซยี ไดไ้ มม่ ากนักน่ันเอง ดงั นนั้ จงึ หวงั วา่ ในอนาคต การแปลเอกสารสำ� คญั จากเอกสารของรสั เซยี นา่ จะท�ำไดม้ ากข้นึ เน่ืองจากมนี กั ศึกษาไทยทีไ่ ด้รับทุนของรฐั บาลรัสเซยี และ จบปรญิ ญาเอกทางดา้ นรฐั ศาสตร์ อกั ษรศาสตร์ เอกภาษารสั เซยี และประวตั ศิ าสตร์ กลบั มาเมอื งไทยจำ� นวนหนงึ่ ในจำ� นวนนมี้ ที า่ นหนงึ่ (วา่ ที่ ดร.วงตะวนั นาคโชต)ิ ได้มาร่วมงานเป็นอาจารยข์ องกองวชิ าประวัตศิ าสตรฯ์ ด้วย และหลายท่านได้ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยซ่ึงส่วนหน่ึงก็ได้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของคณะวิจัย/ การคน้ อา่ นเอกสารต่างประเทศ เช่น อาจารย์ ดร.จริ าพร ตรวี เิ ศษศร (รว่ มพงษ์ พฒั นะ) มศว.ประสานมติ ร และอาจารย์ ดร.องั สนา เรอื งดำ� คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย การแปลเอกสารส�ำคัญในช่วงท่ีสอง : เกาหลีใต้ จีน ญ่ีปุ่น และ สหรัฐอเมรกิ า ภายหลงั จากทลู กระหมอ่ มอาจารยท์ รงนำ� รอ่ งการแปลเอกสารของรสั เซยี ก่อนแลว้ ในระยะตอ่ มาโดยเฉพาะในช่วงหลังๆ นบั ตง้ั แต่ช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เป็นตน้ มา จึงเร่ิมมีการแปลเอกสารตา่ งประเทศจาก “คลงั ขอ้ มูล” ดิจทิ ัลของ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” โดยเร่ิมจากเอกสาร เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา อันเน่ืองมาจากการจัดสัมมนาเร่ือง “๗๐ ปี ไทยกบั สงครามเกาหลี” เม่ือปี ๒๕๖๓ และปจั จบุ ันการแปลนไ้ี ด้แลว้ เสรจ็ เพียง ๓ เลม่ คือ เกาหลีใต้ จีน และสหรัฐอเมรกิ า สำ� หรบั งานแปลที่แล้วเสร็จในปี ๒๕๖๔ มจี �ำนวน ๓ ชิน้ /เลม่ นี้ จะได้ แนะนำ� และสรุปเน้ือหาส�ำคญั ของแตล่ ะช้ิน/เล่ม ดงั น้ี (๑) งานแปลเอกสารเกาหลีใต้ เรื่อง “บันทกึ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งไทย กับสาธารณรัฐเกาหลี: ในเอกสารประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐเกาหลี” โดย 107

นางสาวเกษราภรณ์ หาญแกล้ว ผแู้ ปลและจดั ทำ� ผศ.ดร.สุภาพร บญุ รุ่ง คณะ อักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย บรรณาธกิ าร เนื้อหาของงานแปลเอกสารเกาหลีน้ี เน้น “การศึกษาประวัติศาสตร์ ความสมั พนั ธไ์ ทยกบั สาธารณรฐั เกาหลผี า่ นเอกสารราชการ (text)” และเอกสาร ทั้งหมดนี้เป็นเอกสารราชการที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาล สาธารณรฐั เกาหลี ในยคุ หลงั สงครามเกาหลเี พยี งไมก่ ปี่ ี เอกสารเหลา่ นเ้ี ปน็ การ จดั เกบ็ ของรฐั มรี ฐั เปน็ ศนู ยก์ ลาง จงึ หลกี เลย่ี งไมไ่ ดท้ จ่ี ะตอ้ งตคี วามเอกสารจาก ศนู ยก์ ลางหรอื จากบนลงลา่ ง เอกสารเหลา่ นเ้ี ปน็ เอกสารจากกลมุ่ คนทมี่ อี ำ� นาจ สูงสดุ เพียงไม่กี่คนในการตัดสนิ ใจตอ่ ประเด็นน้ันๆ ดังน้ัน การตีความเอกสารเหล่านี้ อาจจะต้องพิจารณาถึงบริบทของ ผูเ้ ขียนหรือผู้บนั ทกึ เอกสารนน้ั ๆ ด้วยวา่ กำ� ลงั อย่ใู นบรบิ ทใด ด้วยเหตุผลทาง การเมอื งแบบใด หรอื ตอ้ งการถ่ายทอดข้อความเหลา่ นั้นไปหาใคร ซ่ึงแนน่ อน วา่ ไมใ่ ชค่ นตัวเล็กตัวน้อยในสงั คม และเป็นเอกสารท่ีไม่ตอ้ งการกระจายขอ้ มลู เหลา่ นนั้ สู่สาธารณะ เอกสารส่วนใหญ่จะเป็นจดหมายโทรเลขของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การตา่ งประเทศ นายกรฐั มนตรี เอกอคั รราชทตู ของสาธารณรฐั เกาหลที ส่ี อ่ื สาร ตอ่ กนั ในชว่ งทศวรรษ ๑๙๖๐-๑๙๗๐ อนั เกยี่ วเนอื่ งกบั ผลประโยชนข์ องสาธารณรฐั เกาหลเี องทสี่ มั พนั ธก์ บั นโยบายตา่ งประเทศ เศรษฐกจิ ความมน่ั คงกบั ประเทศไทย ดังน้นั ผ้ทู ี่ตอ้ งการใช้หรือศึกษาเอกสารเหล่านีเ้ พอ่ื ตีความหรอื วเิ คราะห์ เอกสาร อาจตอ้ งตระหนกั วา่ เอกสารเหลา่ นเี้ ปน็ การอธบิ ายความเพยี งขา้ งเดยี ว จากรัฐบาลสาธารณรฐั เกาหลีเพอ่ื ผลประโยชนข์ องชาตติ น มุมมองท้ังหมดเกดิ ขนึ้ ภายใตน้ โยบายฟน้ื ฟปู ระเทศสาธารณรฐั เกาหลจี ากซากปรกั หกั พงั และตอ้ งการ น�ำประเทศให้พน้ จากความยากจนของนายพลปารค์ จอง-ฮี และคณะรฐั บาล เผดจ็ การ แต่ข้อจ�ำกัดท่ีเกิดขึ้นในงานแปลหลักฐานชั้นต้นเล่มนี้คือ เอกสาร เหลา่ นเี้ ปน็ เอกสารทเ่ี กดิ ขน้ึ หลงั จากทสี่ าธารณรฐั เกาหลสี ถาปนารฐั ชาตไิ ดเ้ พยี ง 108

ไม่ก่ีปี เอกสารทางการหรือเอกสารของรัฐ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อพิมพ์ต่างๆ บางส่วนยังคงถูกตีพิมพ์และบันทึกด้วยภาษาเกาหลีโบราณ (한자) ซ่ึงเป็น วฒั นธรรมทางภาษาของสาธารณรฐั เกาหลแี ตเ่ ดมิ กอ่ นจะมกี ารพฒั นาทางภาษา ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบปจั จบุ นั ดงั นน้ั ในงานชิ้นน้ี เอกสารท่ีน�ำมาแปลเปน็ ภาษาไทย จะเป็นเอกสารท่ี บนั ทกึ ไวใ้ นภาษาเกาหลรี ปู แบบปจั จบุ นั (한글) เทา่ นน้ั และเอกสารทนี่ ำ� มาแปล ในงานครัง้ น้ีเป็นเพยี งเอกสารชน้ั ต้นบางส่วนทส่ี ามารถรวบรวมมาเทา่ น้ัน (๒) งานแปลเอกสารจีน เร่ือง “สงครามเกาหลีในเอกสารจีน” โดย อาจารย์ ชัยพร พยาครุฑ ประจ�ำหลักสูตรจีนศึกษา วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ และอาจารย์ หวังชนุ อ่วี ์ บรรณาธกิ าร การแปลเร่ือง “สงครามเกาหลีในเอกสารจีน” น้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ท�ำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของสงครามเกาหลีและภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ประเทศไทย ผา่ นเอกสารจีน ซึง่ ในแวดวงวิจัยของ ไทยยงั ถอื วา่ มหี ลกั ฐานภาษาจนี อยนู่ อ้ ยและไมเ่ พยี งพอ เพราะเหตวุ า่ นกั วชิ าการ ด้านสังคมศาสตร์ของไทยที่สามารถเข้าถึงเอกสารจีนได้มีอยู่น้อย กอปรกับ ข้อจ�ำกัดทางภาษาซ่ึงเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ช้ันต้นของจีน จึงน�ำมาสู่โครงการรวบรวมเอกสารชั้นต้นจากหนังสือพิมพ์ ประชาชน (เหรินหมินร่ือเป้า) ของจีนที่เก่ียวข้องกับสงครามเกาหลีเพ่ือท�ำ การแปลเปน็ ภาษาไทย กล่าวได้วา่ สงครามเกาหลเี ปน็ ประวัติศาสตร์ยุคแรกของสงครามเย็นที่ ไทยเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม การศกึ ษาสงครามเกาหลใี นมมุ ของเอกสารจนี นนั้ จะทำ� ให้ ภาพประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจกับภูมิภาค เอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชัดเจนขึ้น นอกจากน้ันยังสามารถสะท้อน ความเขา้ ใจในทศั นคตขิ องรัฐบาลจีน ณ ขณะน้นั สง่ิ สำ� คญั ทค่ี วรตระหนกั กค็ ือ หนังสือพิมพ์ประชาชนเปน็ กระบอกเสยี ง ของรัฐจนี ซง่ึ กอ่ นการตีพิมพไ์ ดผ้ า่ นการกล่ันกรองเนื้อหาอย่างละเอยี ด ดงั นั้น 109

ข่าวสารในหนังสือพิมพ์จึงเป็นความหมายของรัฐบาลจีนท่ีต้องการส่งต่อไปยัง ผอู้ า่ น ไมเ่ ฉพาะแตป่ ระชาชนในประเทศจนี แตย่ งั หมายรวมถงึ ผคู้ นทว่ั โลกดว้ ย กลา่ วไดว้ า่ บทแปลทไ่ี ดค้ ดั เลอื กมานส้ี ามารถสะทอ้ นลกั ษณะสำ� คญั ของ จนี ตอ่ สงครามเกาหลีไดอ้ ย่างน้อย ๔ ประการ ได้แก่ ทศั นคตจิ ีนในปฏิบัตกิ าร สงครามเกาหลี มหาอ�ำนาจท่ีเกี่ยวข้องกับสงครามเกาหลี ขบวนการชาตินิยม ของจนี และมุมมองของจนี ทมี่ ตี ่อไทยในช่วงสงครามเกาหลี (๓) การน�ำเสนอเอกสารส�ำคัญของสหรัฐอเมริกา หัวเร่ือง “จากแฟ้ม เอกสารลบั ท่สี ุด : เผย “ข้อมลู ใหม”่ ทางประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั สงครามโลก คร้ังที่ ๒ ของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NARA)” โดยพันเอก ดร.สรศกั ด์ิ งามขจรกุลกจิ ผเู้ ขียน และพนั เอกหญิง ดร.เมธินี เฉลมิ วฒั น์ นปก. ประจำ� รร.จปร. ชว่ ยราชการ กปศ.สกศ.รร.จปร. และปัจจุบันดำ� รงต�ำแหนง่ ผู้อ�ำนวยการกองวชิ าประวตั ศิ าสตร์ฯ เปน็ บรรณาธกิ าร และงานเขยี นเลม่ น้ไี ด้ รับการสนบั สนุนจาก วช. ในการจัดพิมพเ์ ป็นหนงั สือแล้วในชว่ งกลางปี ๒๕๖๔ เพอ่ื เผยแพร่ในวงกว้างขนึ้ ควรบอกกล่าวเน้นไว้ด้วยว่า หนังสือเล่มน้ี คือ “จากแฟ้มเอกสารลับ ที่สดุ ” น้ัน เปน็ ๑ ใน ๔ เล่ม ท่ที ูลกระหม่อมอาจารย์ ทรงมีขอ้ แนะน�ำและ พระราชทานหนังสือให้แก่ น.ส.ตรนี ุช เทยี นทอง รมว.ศกึ ษาธกิ าร เม่อื วันท่ี ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔ เพอ่ื เปน็ แนวทางนำ� ไปใชใ้ นการเรยี นการสอนวชิ าประวตั ศิ าสตร์ ที่เน้นการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบมากกว่าท่องจ�ำ ส�ำหรับนักเรียนและ เยาวชนตอ่ ไป เพราะเท่าที่ทราบจากข่าวของหนังสือพิมพ์หลายสิบฉบับ พบว่า ทลู กระหม่อมอาจารย์ทรงมขี ้อแนะน�ำและพระราชทานหนังสือจ�ำนวน ๔ เลม่ ให้แก่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อเป็นแนวทางน�ำไปใช้ใน การเรยี นการสอนสำ� หรบั นกั เรยี น เมอื่ วนั ท่ี ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔ และควรกลา่ ว ถงึ หนงั สอื ๔ เลม่ ไดแ้ ก่ ๑) เอกสาร “ประวตั ศิ าสตรท์ ้องถน่ิ (Local History HI 5921)” ของ ทูลกระหมอ่ มอาจารย์ 110

๒) หนงั สอื “สายธารแหง่ ประวตั วิ ทิ ยา” (รวมบทพระราชนพิ นธค์ ำ� สอน ณ โรงเรยี นนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้ ในพลเอกหญิง ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมาร)ี ๓) หนงั สอื “จากแฟม้ เอกสารลบั ทส่ี ดุ ” (เผยขอ้ มลู ใหมท่ างประวตั ศิ าสตร์ ไทย สมัยสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา NARA) ของพนั เอก ดร.สรศักดิ์ งามขจรกุลกิจ และ ๔) หนังสือ “เรือ่ งเลา่ จากทหารวชิ าการอาวโุ ส” (การค้นควา้ และอ่าน เอกสารทางประวัติศาสตรเ์ พือ่ สรา้ งคน สร้างชาติ และสรา้ งทหารอาชพี ) ของ พันเอก ดร.สรศกั ด์ิ งามขจรกุลกิจ อันทีจ่ ริงแลว้ เล่มที่ ๓ นี้ คือ หนังสือ “จากแฟม้ เอกสารลบั ทส่ี ดุ ” น้นั มใิ ชเ่ ป็นงานแปลโดยตรง หากเป็นการนำ� เอกสารลบั -ลบั ท่สี ดุ -ลับสุดยอด (top secret) ของสหรัฐอเมรกิ า ในสว่ นทถี่ ือวา่ เป็นเอกสารเด่นทม่ี คี วามสำ� คัญหรือ ในฐานะเป็น “ข้อมูลใหม่” ซึ่งมีทั้งในส่วนที่เป็นเอกสารภาษาไทยและภาษา องั กฤษ สำ� หรบั การศกึ ษาวจิ ัยประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ มา เผยแพร่เป็นการประเดิมครั้งแรกก่อน จากชุดเอกสารของ NARA พร้อมด้วย บทสรปุ วิเคราะห์ประเดน็ ต่างๆ ที่เกีย่ วขอ้ ง เพือ่ แสดงให้เหน็ วา่ “ขอ้ มลู ใหม”่ ชุดนี้มีความหมาย ความส�ำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยในสมัยดังกล่าวและ ตอ่ เนื่องมาในสมัยสงครามเย็น ประเด็นไหน อย่างไร อกี ประการหน่ึงคือ การน�ำเอกสารของ NARA มาเผยแพร่ในคร้งั น้ี มี จุดมุ่งหมายเพ่ือกระตุ้นให้ทีมงานได้ช่วยกันเขียนงานเพื่อเปิดโลกกว้างให้แก่ คนไทย ที่สนใจ ต้องการค้นคว้าเอกสารจากหอจดหมายเหตุต่างประเทศ ได้ เข้าใจตัวระบบการจัดเกบ็ การใหบ้ ริการ วิธกี ารสืบค้นในแต่ละประเทศ ซงึ่ กว่า จะไดข้ อ้ มลู ทตี่ อ้ งการนนั้ อาจมใิ ชเ่ รอื่ งงา่ ยนกั แตค่ งไมย่ ากเกนิ กวา่ ความสามารถ ความอดทนในการ “งมเข็มในมหาสมุทร” จากทีแ่ หง่ นั้นนัน่ เอง “จากแฟ้มเอกสารลับทสี่ ุด” ได้เขียนเล่าขึน้ ดว้ ยจุดประสงค์น้ี และเป็น เพียงตัวอย่างน�ำร่องให้กับเอกสารต่างประเทศจากชาติอื่นๆ ต่อไป โดยได้ 111

คัดเลือกมาจากส่วนหนึ่งท่ีอยู่ใน “คลังข้อมูล” ดิจิทัลของ “หอจดหมายเหตุ ตา่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ และไดน้ ำ� มาเสนอกอ่ นเพยี ง ๓ ชดุ ๕ เรอื่ ง ซึง่ เป็นเอกสารใน RG 226 และ RG 457 ของสหรัฐอเมริกา (NARA) และถอื เปน็ “ขอ้ มูลใหม่” แต่คงเก่าจากนกั วิจยั อ่นื ในแบบทีน่ ิยมวา่ กนั “เกา่ ใคร ใหม่ เรา” “เกา่ ใคร ใหม่เรา” จากเอกสารใน RG 226 ท่ีไดเ้ ลอื กมานำ� เสนอน้ีมี ๒ เรอ่ื งเด่น ไดแ้ ก่ (๑) บนั ทกึ ของนายเตยี ง ศิรขิ นั ธ์ และ (๒) บนั ทกึ ค�ำใหก้ าร/การตอบ ค�ำถามของนายกนตธ์ รี ์ ศภุ มงคล เอกสารทง้ั ๒ ฉบบั นม้ี จี ดุ เดน่ ในแงท่ วี่ า่ เปน็ ขอ้ มลู ใหม่ เพราะแมถ้ อื เปน็ เอกสารเก่าท่ีอยู่ใน NARA มานานมากกว่า ๘๐ ปีแล้ว และเข้าใจว่าน่าจะมี นกั วิจยั ของสหรฐั อเมริกาและชาติอ่ืนๆ ไดเ้ คยพบเคยเห็นมาแลว้ เนอื่ งจากอยู่ ใน RG และ Entry ที่มีข้อมูลเด่นของไทยสมัยสงครามโลกฯ แต่เท่าท่ีทราบ กลับพบว่า ยังไม่เคยมีใครกล่าวถึงในองค์ความรู้เดิมของไทย หรือยังไม่เคยมี การน�ำมาใชจ้ ากนักวิชาการประวัตศิ าสตร์สมยั สงครามโลกฯ มากอ่ นเลย ที่จริง เข้าใจว่าคงมีคนเคยพบเจอมาแล้วก็ได้ แต่ไม่รู้จะท�ำอย่างไรกับ มัน หรอื ใช้มนั ไม่เปน็ ไม่ตรงกบั เคมีของตน จงึ ไมม่ ีวาสนาอยดู่ ว้ ยกนั ในท�ำนอง ทวี่ า่ “คนบางคนมีวาสนาไดเ้ จอกัน แต่ไมม่ วี าสนาไดใ้ ชช้ วี ติ รว่ มกัน” แต่การค้นพบเอกสารชุดน้ี โดยผู้เขียนเม่อื ปี ๒๕๕๖ กลบั มเี คมีตรงกนั อย่างดี คงเพราะความที่สนใจเรอื่ งนี้มานาน จงึ เหน็ ว่าเปน็ ข้อมูลท่พี บใหม่ เป็น “ข้อมูลใหม่” ท่ีจะส่งผลต่อการรื้อถอนค�ำอธิบายประวัติศาสตร์ไทยสมัย สงครามโลกฯ โดยเฉพาะเรอื่ งขบวนการเสรไี ทย จากวาทกรรมเก่า ต�ำนานเดมิ ไปส่แู นวใหมอ่ ยา่ งมนี �้ำหนักดยี งิ่ ขนึ้ ส่วน “ใหม่เรา เกา่ ใคร” ใน RG 457 ซ่ึงถอื ไดว้ า่ เป็น “แหล่งขอ้ มลู ใหม”่ สำ� หรับการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั สงครามโลกครัง้ ที่ ๒ ไดเ้ ชน่ กัน และ ได้เลอื กน�ำมาเสนอ ๓ เรอ่ื งก่อน ท่เี ก่ียวข้องกับเหตกุ ารณ์ภายในของไทยสมัย 112

สงครามโลกฯ คอื เป็นโทรเลขรายงานลับของญ่ปี นุ่ ที่ส่งกลบั ไปทางกรุงโตเกยี ว แต่โทรเลขลับเหล่านี้กลับถูกหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา คือ หนว่ ย OSS ดกั ฟังได้ แปลเปน็ องั กฤษในระหว่างสงครามโลกฯ ไดแ้ ก่ ๑) กรณีการเคล่ือนไหวของกองทัพไทยเข้าสู่บริเวณตอนเหนือประชิด ชายแดนของประเทศจนี และข้อสงสัยการติดต่ออยา่ งลบั ๆ ระหวา่ งทหารไทย กับฝา่ ยจนี ๒) กรณจี อมพล ป. พิบูลสงคราม ยน่ื ใบลาออกจากตำ� แหน่งนายก รัฐมนตรี แตไ่ มย่ อมออก และ ๓) กรณฝี า่ ยญี่ปุน่ พยายามชักชวนใหจ้ อมพล ป. พิบูลสงคราม เดินทางไปญี่ปุ่นหลายคร้ัง แต่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ บา่ ยเบ่ยี งเสมอ ในฐานะ “แหล่งขอ้ มลู ใหม”่ เอกสารของญ่ปี นุ่ ใน RG ชุดน้ี ไดเ้ ผยให้ เหน็ การเมอื งภายในของไทยในอกี แงม่ มุ หนง่ึ ซง่ึ เรามกั ไมร่ ู้ ไมเ่ คยคดิ กนั มากอ่ น เพราะมักเช่ือกันตลอดมาว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม กับฝ่ายญี่ปุ่นเป็นเน้ือ เดียวกัน แต่ข้อมูลนี้กลับแสดงถึงความไม่ไว้วางใจจากฝ่ายญ่ีปุ่นอยู่ตลอดเวลา และยังแสดงใหเ้ หน็ ถงึ “ความชาญฉลาด” และรจู้ ัก “หลอกลอ่ ” ของจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม ในการดำ� เนนิ นโยบายหนา้ ฉากกบั ญป่ี นุ่ ซง่ึ ไมไ่ วใ้ จรฐั บาลจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม มาต้ังแต่ต้น เพราะเหตวุ า่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม มคี วาม เป็นอสิ ระพอควรในการใชม้ าตรการต่างๆ ที่มไิ ด้เอาใจญี่ปุ่นตามทีม่ กั เชอื่ กนั วา่ จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม เป็นฝ่ายนยิ มญ่ปี นุ่ หากมองจากมมุ ของฝา่ ยญป่ี นุ่ นี้ แทนทจี่ ะเหน็ ภาพเดมิ ของการเมอื งไทย ตามความรู้ “กระแสหลัก” กลับพบว่า ความเป็นไปของการเมืองไทยสมัย สงครามโลกฯ น้ัน บ่อยครั้งมาจากปัญหาความขัดแย้งภายในของไทยเราเอง คอื การแขง่ ขนั แยง่ ชงิ อำ� นาจระหวา่ งฝา่ ยตา่ งๆ หลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ เปน็ ตน้ มา มากกวา่ เพราะสาเหตมุ าจากเรอื่ งความนยิ มหรอื ตอ่ ตา้ น ญป่ี นุ่ ตามที่นกั วชิ าการไทยมกั เชื่อและอธบิ ายกนั ตลอดมา ดังนั้น ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม และกลุ่ม ทหารบกกับฝ่ายนายปรีดี พนมยงค์-พลเรือน-ทหารเรือ-เสรีไทย จึงมีอะไรลึก 113

มากกว่านั้น และข้อมูลของญี่ปุ่นจะช่วยไขปริศนานี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งน่าจะได้ เห็นภาพนัน้ อยา่ งสมบรู ณ์ยิ่งขน้ึ อกี ดว้ ย หากมผี สู้ นใจคน้ ขอ้ มลู ฝา่ ยญีป่ ุ่นในชุด RG 457 อยา่ งจริงจังตอ่ ไป โดยสรปุ การแปลเอกสารเกาหลีใต้และจีน รวมทัง้ การน�ำเสนอเอกสาร ลับ-ลบั ท่สี ดุ จำ� นวน ๓ ชดุ ๕ เรอื่ งของสหรัฐอเมรกิ า (NARA) น้ีออกเผยแพร่ ก็เป็นไปตามพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ ใน การรวบรวม จัดเก็บ และเผยแพร่เอกสารส�ำคัญทางประวัติศาสตร์จาก หอจดหมายเหตุต่างประเทศ และที่ส�ำคัญคือ พระองค์ทรงต้องการเผยแพร่ เอกสารสำ� คญั จากตา่ งประเทศไปส่ปู ระชาชนชาวไทยอยา่ งทว่ั ถงึ ด้วยการแปล แมอ้ าจต้องใชผ้ า่ นทางภาษาองั กฤษกต็ าม นอกเหนือจากงานแปลที่ด�ำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๔ จ�ำนวน ๓ เล่มตามทไ่ี ดก้ ล่าวมาแล้ว ยงั มีงานแปลที่อยใู่ นระหว่างการดำ� เนนิ การอกี หลาย เรอื่ ง โดยเฉพาะทเี่ กย่ี วกบั ไทยสมยั สงครามเยน็ และยคุ หลงั สงครามเยน็ อนั เนอ่ื ง มาจากการจัดงานสมั มนาทางวชิ าการ เม่อื ปี ๒๕๖๔ เร่อื ง “๕๔ ปี การกอ่ ตงั้ ‘อาเซยี น’ และปฏกิ ริ ยิ าจากโลกมหาอำ� นาจและเพอื่ นบา้ น : มมุ มองจากเอกสาร หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศและนกั วิชาการอาวโุ ส” ภายหลังจากงานสัมมนาในคร้ังนี้ มีผู้สนใจและเสนอการแปลเอกสาร ส�ำคญั ทัง้ จากเพือ่ นบา้ นอาเซยี นและชาตมิ หาอำ� นาจ เชน่ เอกสารลบั ของ CIA ชดุ CREST ทีม่ ขี อ้ มูลน่าสนใจในส่วนของไทยกบั ประเทศสมาชกิ อาเซยี น ช่วง ทศวรรษ ๑๙๖๐-๑๙๘๐ โดย พ.ท.ผศ.ดร.อภเิ ษก มนเทยี รวิเชยี รฉาย เอกสาร ของเวียดนามที่เกี่ยวข้องกับไทยและอาเซียน ในช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐-๑๙๙๐ โดย ผศ.ดร.ธนนันท์ บุ่นวรรณา และเอกสารฝรั่งเศสกับอาเซียนในสมัย สงครามเยน็ โดยนางสาวณุทยา ณตุ ตรกลุ (มหาวทิ ยาลยั ปารสี 1 ซอรบ์ อ์น) ซ่ึง งานแปลเหลา่ นจี้ ะแล้วเสร็จในกลางปี ๒๕๖๕ ในปี ๒๕๖๕ และอนาคตอนั ใกลน้ ี้ ยงั มงี านแปลชดุ ใหญเ่ กย่ี วกบั เอกสาร ของกมั พูชา ลาว และเวียดนามอกี ดว้ ย และงานแปลชดุ น้ีไดเ้ น้นเอกสารข้อมลู 114

สำ� คญั ในยคุ หลงั สงครามเยน็ เปน็ หลกั โดยเฉพาะการตอบโจทยด์ า้ นปจั จยั ภายใน ของแต่ละประเทศในกลุ่มอินโดจีน ที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียน นอกเหนอื จากด้านปจั จยั ภายนอก คอื การส้ินสุดของสงครามเย็น ทัง้ นก้ี ็เพื่อ ช่วยให้เรามีความเข้าใจเข้าถึงเพื่อนบ้านอินโดจีนอย่างรอบด้าน และถือเป็น เปา้ หมายส�ำคญั หนง่ึ ของการแปลเอกสารสำ� คญั ในอนาคตต่อไป ชว่ งทสี่ าม การแปลเอกสารสำ� คญั ในอนาคต : เพอื่ นบา้ นอาเซยี นและ ชาตมิ หาอำ� นาจ การแปลเอกสารส�ำคัญในอนาคต ซ่ึงถือเป็นช่วงท่ีสามของการแปล เอกสารตา่ งประเทศนนั้ ตามทกี่ ำ� หนดไวแ้ ลว้ จะมกี ารแปลเอกสารตา่ งประเทศ ทห่ี ลากหลายขน้ึ ทง้ั ในสว่ นจากเพอื่ นบา้ นอาเซยี น เอเชยี และจากชาตมิ หาอำ� นาจ เน่ืองจากมีปจั จยั สนบั สนนุ ทง้ั ด้านทุน และองค์ประกอบของคณะผู้ค้นคว้าซงึ่ มี ความสนใจหลากหลายและสามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้อย่างกว้างขวาง กว่าเดิม กลา่ วคือ นอกจากภาษาจีน อังกฤษ ฝรัง่ เศส เกาหลี ญีป่ นุ่ และเยอรมนีแล้ว ยงั มคี ณาจารยอ์ กี หลายทา่ นทอี่ ยใู่ นเครอื ขา่ ยซงึ่ ปจั จบุ นั มจี ำ� นวนไมน่ อ้ ย/มากกวา่ ๑๐๐ ท่าน จากมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ ท่ัวประเทศและต่างประเทศ และคณาจารย์ในเครือข่ายน้ีมีความสามารถในการอ่าน และใช้ภาษา ตา่ งประเทศอืน่ ๆ นอกเหนอื จากทก่ี ลา่ วมาแลว้ เช่น พม่า อินโดนเี ซยี มาเลเซีย บรไู น รัสเซีย ไต้หวัน กมั พูชา ลาว เวยี ดนาม เปน็ ต้น ดงั น้นั ในอนาคตนับจากปี ๒๕๖๕ เป็นตน้ ไป การแปลเอกสารสำ� คญั จากต่างประเทศ จึงมีแนวโน้มจะมีการขยายตัวในการแปลเอกสารส�ำคัญมาก ข้นึ โดยเฉพาะจากเพ่ือนบา้ นในกลมุ่ อาเซยี น คือ กัมพูชา ลาว และเวยี ดนาม และชาตมิ หาอ�ำนาจอ่ืนๆ นอกจากสหรฐั อเมรกิ า ยังมเี กาหลี จนี ญปี่ นุ่ ฝรั่งเศส รัสเซีย ไตห้ วัน เยอรมนี (รวมเยอรมนีตะวันออกเดิมและกลมุ่ ยโุ รปตะวันออก เดิม) นวิ ซแี ลนด์ ออสเตรเลยี อังกฤษ อนิ โดนเี ซีย และอนิ เดีย 115

ทสี่ ำ� คญั คอื คณะผคู้ น้ ควา้ เอกสารมแี นวโนม้ ทจี่ ะไดร้ บั สมาชกิ ใหมๆ่ เพม่ิ ขน้ึ ทกุ ปี ทง้ั นกั วชิ าการ อาจารย์ นสิ ติ นกั ศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปทสี่ นใจและ มีความตอ้ งการค้นคว้าเอกสารตา่ งประเทศจากกลุม่ ประเทศเดมิ ทีม่ ีอย่แู ล้ว ยัง มอี กี สว่ นหนง่ึ ทสี่ นใจและจะมาชว่ ยคน้ ควา้ เอกสารตา่ งประเทศในกลมุ่ ประเทศ จากภูมภิ าคใหม่ หลายประเทศในภูมภิ าคใหม่ ทีย่ งั ไม่เคยไปคน้ คว้าเอกสารอย่างจริงจัง เชน่ ตะวนั ออกกลาง ลาตนิ อเมรกิ า รวมทงั้ อกี หลายประเทศในกลมุ่ ทเี่ คยอยใู่ น ยุโรปตะวนั ออกและสหภาพโซเวยี ตเดิม ปัจจบุ นั เร่มิ มีคณาจารย์ นกั วิชาการใน ทีมงาน คณะผู้ค้นควา้ แลว้ ซงึ่ แม้ยงั มีไมม่ ากนักก็ตาม แตผ่ ู้สนใจในส่วนหลงั นี้ น่าจะมีโอกาสมาร่วมคณะค้นคว้า/วิจัย ในการน�ำเสนอข้อมูลส�ำคัญบนเวที สมั มนาทางวชิ าการประจำ� ปี รวมทงั้ การแปลและการวจิ ยั เชงิ ลกึ หรอื การเขยี น งานสรา้ งสรรคอ์ งคค์ วามรใู้ หมๆ่ ระหวา่ งประเทศไทยกบั ชาตอิ น่ื ๆ นนั้ ในอนาคต อันใกลต้ อ่ ไป บทสรุปและสง่ ทา้ ย พระราชด�ำริและพระราชประสงค์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ ที่ทรง ต้องการเผยแพร่เอกสารส�ำคัญจากต่างประเทศไปสู่ประชาชนชาวไทยอย่าง ทั่วถึง ดว้ ยการแปลแม้อาจตอ้ งใชผ้ ่านทางภาษาองั กฤษกต็ ามน้ัน คงเป็นไปใน ท�ำนองเดียวกันกับส่ิงท่ีพระองค์ทรงริเร่ิมในการรวบรวมและจัดเก็บเอกสาร ส�ำคัญทางประวัติศาสตร์จากหอจดหมายเหตุต่างประเทศ เพื่อเป็นท้ังแหล่ง ขอ้ มลู ในฐานะ “วตั ถดุ บิ ” และยงั เปน็ “เครอื่ งมอื ” ใหค้ นไทยไดเ้ รยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ และฝกึ ฝนการพฒั นาความคิดอา่ นอยา่ งรอบด้านนั่นเอง เพราะความส�ำคัญทั้งสองเรื่องน้ี พระองค์ทรงเน้นให้ตระหนักไว้เสมอ ดงั เชน่ ในฐานะ “วตั ถุดิบ” นั้น การมีแหล่งข้อมูลท่หี ลากหลาย ยอ่ มถือเปน็ ส่ิงจ�ำเป็นในข้นั พน้ื ฐานและจะท�ำให้การศกึ ษาเปน็ ไปอย่างรอบดา้ น 116

“ขอ้ ผดิ พลาดทางประวตั ศิ าสตร์ (historical fallacy) ประการ หนึ่งคือ การมุ่งค้นคว้าหลักฐานประเภทเดียว มองไปในทางเดียว และละเลยหลักฐานอื่นๆ ท่ีมีอยู่ จะท�ำให้ไม่ได้ค�ำอธิบายที่รอบด้าน และมนี ำ้� หนกั นา่ เชอื่ ถอื ” (เอกสารประกอบการทรงสอน จดุ มงุ่ หมาย และขอบเขตการศกึ ษา และวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ วชิ าประวตั ศิ าสตร์ ไทย ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) นอกจากนแ้ี หลง่ ขอ้ มลู ทห่ี ลากหลายนน้ั ยงั มบี ทบาทและอทิ ธพิ ลในฐานะ เปน็ “เครอ่ื งมอื ” ทส่ี ำ� คญั อกี ดว้ ย ซงึ่ เรอ่ื งนพ้ี ระองคท์ รงเนน้ ไวเ้ สมอเชน่ กนั และ ทรงกระตุ้นแนะน�ำใหน้ กั เรียนนายรอ้ ยและผอู้ ่าน ผสู้ นใจทว่ั ไป ได้ตระหนกั ถึง คุณค่าของประวัติศาสตร์ ที่ให้เคร่ืองมือเราได้คิดได้โต้แย้ง เพราะการมีแหล่ง เอกสารตา่ งประเทศ/หลกั ฐานชนั้ ตน้ ทห่ี ลากหลาย มเี รอ่ื งเลา่ และบทเรยี นหลายๆ เรอ่ื ง หลายๆ ดา้ น แนน่ อนวา่ จะชว่ ยใหเ้ หน็ ทางเลอื กมากขน้ึ และอาจจะชว่ ยให้ เราพน้ ภยั กไ็ ด้ ทงั้ นเ้ี พราะเหตวุ า่ ความอยรู่ อดของสงั คมนนั้ อยทู่ กี่ ารพฒั นาความ นึกคิดของผู้คนในสังคมน้ันๆ มิเช่นนั้นทุกคนคงถูกคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย จนไปถึงข้ันถูกโนม้ นา้ วและช้ีน�ำได้ หลกั การในการทรงสอนตามพระราชปรชั ญาประวตั ศิ าสตรน์ ี้ กเ็ ชน่ เดยี ว กบั เปา้ หมายของการดำ� เนนิ การในโครงการหอจดหมายเหตุ กปศ.สกศ.รร.จปร. ในพระราชด�ำริ ฯ และการแปลเอกสารต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยสามารถ เขา้ ถงึ แหลง่ ขอ้ มลู ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งหลากหลายและกวา้ งขวาง ซง่ึ จะชว่ ยใหค้ นไทย มขี อ้ มลู ใหมท่ หี่ ลากหลาย มบี ทเรยี นหลายๆ เรอ่ื ง หลายๆ ดา้ น จงึ จะชว่ ยใหเ้ รา เห็นทางเลอื กมากข้นึ และอาจจะชว่ ยให้เราพ้นภยั กไ็ ด้ เรื่องน้ีอาจเปรียบหรือเทียบเคียงให้เข้าใจง่ายๆ ได้จากหลักคิด พระราชดำ� รทิ ท่ี ลู กระหมอ่ มอาจารยท์ รงสะทอ้ นใหเ้ หน็ ความสำ� คญั ของการเรยี น ภาษาหลายๆ ภาษา คือไม่ถูกผูกขาดจากภาษาใดภาษาหน่ึง เพราะการ คล้อยตามเสียงส่วนใหญเ่ ปน็ ส่งิ ท่ีเกดิ ข้นึ ได้อย่างง่ายดาย 117

ขอยกตัวอย่าง เช่น ในเร่ืองท�ำไมพระองค์ทรงเรียนภาษาจีน โดยทรง เน้นประเดน็ เร่อื งการเรียนรู้ภาษาน้นั ตอ้ งเรียนรูห้ ลายๆ ภาษา เพ่ือการเข้าถงึ แหลง่ ความรหู้ รอื ขอ้ มลู จากหลายๆ แหลง่ เพราะภาษากเ็ ชน่ เดยี วกบั วธิ กี ารทาง ประวัติศาสตร์ คือเปรยี บเสมือนหน่ึงเป็น “เคร่อื งมอื ” ใหก้ บั เราสามารถใช้เป็น เคร่ืองมือในตรวจสอบ ตรวจทานข่าวสารต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งข้อมูล ความรู้ที่หลากหลาย ทั้งยังสามารถน�ำมาใช้ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใช้ใน การทำ� ความเขา้ ใจตวั เรา สงั คม ซงึ่ มคี วามสำ� คญั มากในเชงิ การรเู้ ทา่ ทนั โลกและ เท่าทนั ตวั เราเอง ดังความตอนหนึ่ง เมื่อนักศึกษาสาวชาวจีนขอพระราชทานสัมภาษณ์ พระองค์ เรื่องการศึกษาหลายๆ ภาษา แล้วมาเลือกภาษาตะวันออก เพราะ อะไร พระองค์รบั สัง่ ตอบวา่ “…ภาษาตะวันตกส�ำคญั มาก เพราะหนงั สอื ความร้ตู ่างๆ เป็น ภาษาองั กฤษมากมาย website ตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ ประโยชนส์ ว่ นใหญเ่ ปน็ ภาษาองั กฤษ รภู้ าษาองั กฤษอยา่ งเดยี วกไ็ มพ่ อ เชน่ ดทู วี มี เี หตกุ ารณ์ อย่างหน่ึง โทรทัศน์ของแต่ละประเทศแสดงความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราควรฟังหลายๆ ทาง และมาคดิ ตัดสนิ ใจวา่ เราควรจะคิดอยา่ งไร” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เม่ือข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอก. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นต้ิง แอนด์พับลิชชิ่ง จำ� กัด (มหาชน), ๒๕๔๔, ๒๕๗.) ดังนั้น ถ้าคนไทย นักวิชาการและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้ลองเปลี่ยน มุมมอง และสร้างสรรค์องค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์จากแหล่งข้อมูลท่ี หลากหลายและรอบดา้ นเทา่ ทจ่ี ะเปน็ ไปได้ ตามพระราชดำ� ริ ขอ้ คดิ ขอ้ ตระหนกั ที่พระองค์ทรงเสนอแนะไวข้ ้างตน้ ความว่า “เราควรฟังหลายๆ ทาง และมาคดิ ตัดสินใจว่าเราควรจะคิดอย่างไร” แล้ว แน่นอนว่าย่อมจะช่วยให้คนไทยมี 118

บทเรียนหลายๆ เรือ่ ง หลายๆ ดา้ น และยอ่ มจะชว่ ยให้เราเหน็ ทางเลือกมากขึน้ และอาจจะช่วยใหเ้ ราพน้ ภยั ก็ได้ ทั้งหมดนเี้ ป็นสว่ นหน่งึ และเปน็ ท่ีมาของการแปลเอกสารตา่ งประเทศที่ ส�ำคัญ เช่น เกาหลีใต้ จีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ตามพระราชด�ำริและ พระราชประสงค์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ ในการริเร่ิมและด�ำเนินการอย่าง ตอ่ เนอื่ งของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทูลกระหมอ่ มอาจารย”์ แห่งน้ี ในบทถัดไปจะได้แนะน�ำและน�ำเสนอกิจกรรมส�ำคัญอีกด้านหน่ึงของ การเผยแพรเ่ อกสาร จากหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศแหง่ น้ี ทต่ี อ่ เนอ่ื งจากการ จัดสัมมนาทางวิชาการประจ�ำปี และด�ำเนินการควบคู่กันไปกับการแปล นน่ั กค็ อื การวจิ ยั เชงิ ลึก งานเขยี นสรา้ งสรรคท์ างประวตั ิศาสตรไ์ ทย โดยเฉพาะ จากสมัยสงครามโลกคร้ังที่ ๒ ต่อเนื่องมาในสมัยสงครามเย็นและยุคหลัง สงครามเยน็ 119

120

บทท่ี ๖ การวิจยั เชิงลกึ งานเขยี นสรา้ งสรรค์ ทางประวัตศิ าสตรไ์ ทย : สมยั สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ สมัยสงครามเยน็ และยคุ หลงั สงครามเยน็ 121

“ หวังวา่ นอกจากอาจารยแ์ ละนักเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ จะได้ รบั ประโยชนแ์ ล้ว ผอู้ น่ื โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ผู้ทอ่ี าจจะไมไ่ ด้มีโอกาสไป ศกึ ษาค้นคว้าในต่างประเทศ จะไดอ้ าศัยคน้ ควา้ ใหไ้ ด้ความคิด เบอื้ งต้น เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ รงบันดาลใจใหไ้ ปทำ� งานใหล้ กึ ซงึ้ ยง่ิ ข้ึน ข้าพเจา้ ดีใจท่ีมนี กั ศึกษาสถาบนั ต่างๆ เริม่ มาใช้เอกสารท่เี ราไป รวบรวมมาต้งั แต่เม่อื ๒๐ ปมี าแลว้ และจะพยายามรวบรวมมา เพ่ิมเติมอีก ในครง้ั นี้ไดจ้ ดั การประชมุ วิชาการเร่ืองเอกสาร จดหมายเหตุเป็นครง้ั แรก นอกจากความร่วมแรงรว่ มใจในกองวชิ า ประวตั ิศาสตร์ สว่ นการศึกษา โรงเรยี นนายรอ้ ยพระจุลจอมเกลา้ แลว้ ยงั ไดร้ บั ความสนบั สนุนจากอาจารย์ นักศึกษา และผู้รภู้ ายนอก อกี หลายท่านทชี่ ว่ ยส่งบทความ และมารว่ มประชุมท้ังเป็นผูพ้ ดู และ ผฟู้ ัง ซ่ึงเราหวงั ว่าจะรว่ มคิด ร่วมวิจารณเ์ พื่อให้ความรู้วชิ าการ งอกเงยขนึ้ มาอีก ” พลเอกหญงิ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ “พระราชนพิ นธ์ค�ำน�ำ” ๗๐ ปแี ห่ง การสิ้นสุดสงครามโลกครง้ั ที่ ๒: ไทยจากเอกสารจดหมายเหตุตา่ งประเทศ สหรฐั อเมริกา อังกฤษ ฝรัง่ เศส รสั เซีย เยอรมนี ญี่ปนุ่ ตุรกี และจนี ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๕๘ 122

บทน�ำ ตามพระราชนิพนธ์ท่ียกมาข้างต้น โดยเฉพาะใจความท่ีพระองค์ทรง กล่าวไว้วา่ “หวงั ว่านอกจากอาจารยแ์ ละนกั เรยี นนายร้อยพระจลุ จอมเกลา้ จะ ได้รับประโยชน์แล้ว ผู้อ่ืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ท่ีอาจจะไม่ได้มีโอกาสไปศึกษา ค้นคว้าในตา่ งประเทศ จะได้อาศยั ค้นคว้าใหไ้ ด้ความคิดเบอื้ งตน้ เพือ่ ใหไ้ ด้แรง บนั ดาลใจใหไ้ ปทำ� งานใหล้ กึ ซง้ึ ยงิ่ ขนึ้ ” และความอกี ตอนหนงึ่ วา่ “เราหวงั วา่ จะ รว่ มคดิ รว่ มวจิ ารณเ์ พอื่ ใหค้ วามรวู้ ชิ าการงอกเงยขน้ึ มาอกี ” นนั้ มปี ระเดน็ สำ� คญั และน่าสนใจจากพระองค์ในหลายเร่ือง และเช่ือว่าผู้อ่านก็คงจะเห็นประเด็น หรือเดาได้ว่า พระองค์ทรงส่งสารอะไรมา และสารที่พระองค์ทรงส่งมาน้ีมี ความหมายและส�ำคญั อยา่ งไร เพราะหากผู้รูท้ ีอ่ ยใู่ นวงการ หรอื เคยตดิ ตาม เคยมารว่ มงาน กจิ กรรม ของ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” อยู่บ่อยคร้ัง โดยเฉพาะการสมั มนาทางวิชาการประจำ� ปี คงเขา้ ใจเข้าถงึ เรื่องทพ่ี ระองค์ทรง กล่าวมาน้ัน แต่ถ้าหากผู้อ่านท่านใดที่เพ่ิงมีโอกาสได้พบเจอ ราวกับว่าเสมือน 123

หน่ึงคล้ายคนที่เพ่ิงมาพบเห็นกันเป็นครั้งแรกที่ว่า “เราหวังว่าจะร่วมคิด ร่วม วิจารณ์เพ่อื ให้ความรู้วชิ าการงอกเงยขึน้ มาอีก” นัน้ ก็อาจต้องใชเ้ วลา คืออาจ ยากหน่อย และคงเดาไปได้หลายทาง ตามแต่จะนึกคิดออก แต่บอกตรงนี้ได้ เลยวา่ อยา่ ไดถ้ อื เปน็ เรอื่ งกงั วลมากนกั ถา้ หากทา่ นยงั เดาไมอ่ อก บอกไมถ่ กู วา่ ขอ้ ความตามทพ่ี ระองค์ทรงสง่ สารนนั้ คอื อะไร เพราะทจ่ี รงิ เนอื้ หาของสารทพ่ี ระองคท์ รงสง่ มาน้ี ไมม่ อี ะไรสลบั ซบั ซอ้ น มากนกั เนอ่ื งจากมลี กั ษณะแบบตรงไปตรงมา คอื มปี ระเดน็ สำ� คญั และนา่ สนใจ จากพระองค์ โดยเฉพาะในเร่ืองการท�ำงานวิชาการหรือการสร้างสรรค์ความรู้ ใหก้ า้ วหน้าตอ่ ไปจากฐานข้อมูลท่ีได้มา และผู้เขียนคดิ วา่ ควรนำ� มาขยายความ ในบทน้ใี ห้กระจ่างชดั ขึน้ เพราะตรงกบั ท้องเร่อื งหรอื เนอ้ื หาของบทนพี้ อดี เรื่องเน้ือหาของสารนี้ มีส่ือข้อคิดในเบื้องต้นที่น่าจะกล่าวได้ว่า คือ พระราชดำ� รแิ ละพระราชประสงคข์ องทลู กระหมอ่ มอาจารยใ์ นการสง่ เสรมิ และ สนบั สนนุ การวจิ ยั เชงิ ลกึ งานเขยี นสรา้ งสรรคท์ างประวตั ศิ าสตรไ์ ทย จากเอกสาร ส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ของ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อม อาจารย”์ และตอ่ เนอื่ งมาในโครงการการวจิ ยั เอกสารสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตร์ ไทยสมยั ใหมจ่ ากหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ในปี ๒๕๖๓-๖๕ ของผเู้ ขยี น โดย ได้รับทุนจากส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซ่ึงได้ให้ทุนในระยะแรกมีเวลา วิจยั นาน ๑๐ ปขี ้ึนไป บทนี้มีเนื้อหาส้ันๆ ในการน�ำเสนอพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ ของทลู กระหมอ่ มอาจารยก์ บั ๓๐ ปี “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ ม อาจารย”์ แห่งน้ี ซง่ึ นบั เปน็ ตอนที่ ๕ ท่ีตอ่ จากตอนที่ ๔ และจะได้เนน้ ดา้ นการ วิจัยเชิงลึก งานเขียนสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ๆ ทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยใหม่ โดยเฉพาะสมัยสงครามโลกครั้งท่ี ๒ สมัยสงครามเย็น และยุคหลัง สงครามเยน็ เปน็ หลกั ใหญ่ และขอเรม่ิ จากเรอ่ื งความหมายและความสำ� คญั ของ การวิจยั เชิงลึก งานเขียนสร้างสรรค์ เพื่อท�ำความเข้าใจเขา้ ถึงในภาพกว้างกอ่ น 124

การวจิ ยั เชงิ ลกึ งานเขยี นสร้างสรรค์ : ความหมายและความสำ� คัญ อะไรคือ การวิจัยเชงิ ลกึ และควรตอ้ งมคี วามลกึ ในระดบั ไหน มากน้อย เพียงใด จงึ เข้าหลกั เกณฑท์ วี่ ่าไว้ และประเดน็ ถัดมาก็คือ งานเขียนสรา้ งสรรค์ ควรมีลักษณะเด่นตรงไหน อย่างไร จ�ำเป็นต้องเร่ิมจากค�ำถามท่ีท้าท้ายและ แปลกใหมไ่ หม และทำ� ไมต้อง “สร้างสรรค์” ทีจ่ ริง ค�ำวา่ “สร้างสรรค์” เพียงคำ� เดียวอาจท�ำให้หลายท่านรู้สกึ มนึ งง กไ็ ด้ เพราะสว่ นมากมักน�ำไปผูกติดกับ “นวตั กรรม ส่งิ ประดษิ ฐ”์ และมกั ออก ไปทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือไม่ก็ทางศิลปะ วัฒนธรรม มากกว่า ทางเอกสารทางประวตั ศิ าสตร์ เชน่ ถา้ หากจดั ใหเ้ อกสารตา่ งประเทศเปน็ พระเอก ในการเลา่ เรอื่ งราวโดยตรง ทำ� นองคลา้ ยกบั “เอกสารเกา่ เลา่ ตำ� นาน” จะถอื วา่ เป็นงานสรา้ งสรรค์ได้หรอื ไม่ อยา่ งไร ก่อนจะตอบคำ� ถามเหลา่ นี้ ควรมขี อ้ ตกลงในเบื้องตน้ ก่อนวา่ งานเขยี น “สรา้ งสรรค”์ มคี วามหมายอยา่ งไร วา่ กนั อยา่ งงา่ ยๆ คอื เปน็ งานที่ “มลี กั ษณะ รเิ ริ่มในทางด”ี ก็แล้วกนั เช่น การเขียนน�ำเสนอตวั ระบบและการใหบ้ ริการของ หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทเ่ี คยไปคน้ พรอ้ มดว้ ยขอ้ คดิ เทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ ทจี่ ะชว่ ยใหก้ ารคน้ บรรลตุ ามเปา้ หมายทก่ี ำ� หนดไว้ เพอ่ื ใหผ้ อู้ นื่ ทย่ี งั ไมเ่ คยไป แต่ อยากไปคน้ ไดเ้ หน็ ภาพ มคี วามรู้ มขี อ้ ตระหนกั และควรตอ้ งเตรยี มตวั เตรยี มใจ อย่างไรก่อนไป ย่อมถือเป็นงานท่ีอยู่ในขอบข่ายน้ีได้ เพราะมีความใหม่ “มี ลกั ษณะรเิ รมิ่ ในทางด”ี เปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม แมว้ า่ เปน็ งานเขยี นทเี่ ตม็ ไปดว้ ย ขอ้ คดิ หนกั ๆ มากกว่าเรือ่ งสนกุ แบบเบาๆ ก็ตาม อันที่จริงค�ำถามข้างต้นน่าสนใจและค�ำตอบก็คงไม่แพ้กัน แต่คงไม่จบ งา่ ยๆ นัก คือถา้ จะอภิปรายหรือถกเถียงกันในเชิงแนวคดิ ทฤษฎี ย่อมตอ้ งใช้ เวลาหรอื ใชห้ นา้ กระดาษของหนงั สอื เลม่ นไี้ มน่ อ้ ยทเี ดยี ว แตเ่ พอื่ เปน็ การงา่ ยแก่ การทำ� ความเขา้ ใจเขา้ ถงึ เพอื่ การพฒั นาความรใู้ นเรอ่ื งนตี้ อ่ ไปอยา่ งกระชบั ตาม แนวคดิ กรอบใหญข่ อง “หอจดหมายเหตตุ ่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” จึงขอใช้พระราชด�ำรแิ ละพระราชประสงคข์ องพระองคเ์ ป็นตัวตั้งก็แล้วกัน 125

เพราะอนั ทจี่ รงิ แลว้ ความหมายและความสำ� คญั ของการวจิ ยั เชงิ ลกึ งาน เขยี นสรา้ งสรรค์ ในทน่ี ้ไี ม่มอี ะไรพิเศษหรอื สลบั ซบั ซ้อนไปเกินกว่าเหตุ และคง เทียบได้กบั พระราชดำ� ริ พระราชประสงคข์ องทลู กระหมอ่ มอาจารย์อยา่ งสน้ั ๆ ทยี่ กมาแลว้ นนั่ กค็ อื การอา่ น การใชเ้ อกสารตา่ งประเทศ “เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ รงบนั ดาล ใจใหไ้ ปทำ� งานใหล้ ึกซง้ึ ย่งิ ขนึ้ ” และ “เพือ่ ให้ความร้วู ิชาการงอกเงยขึ้นมาอีก” พนิ ิจจากแงม่ มุ น้ี การวิจัยเชิงลกึ งานเขยี นสรา้ งสรรค์ ก็คือ การสง่ เสริม และสนบั สนนุ ใหน้ กั วชิ าการทง้ั รนุ่ อาวโุ สและรนุ่ ใหม่ รวมทงั้ ผสู้ นใจ นสิ ติ นกั ศกึ ษา และประชาชนทั่วไป ได้มาร่วมกันท�ำงานต่อยอดบนฐานเอกสารส�ำคัญจาก ตา่ งประเทศใน “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ นน่ั เอง ซึ่งอาจเป็นงานที่มีระบบระเบียบทางวิธีการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ หรือเป็น งานเขยี นเชงิ สารคดี การเขียนงานสรา้ งสรรค์ใหค้ วามรู้ใหม่ๆ ก็ไดเ้ ช่นกัน ข้อความสำ� คญั กค็ ือ งานวจิ ัย งานเขียนน้นั ๆ ควรต้องมีขอ้ เสนอใหมๆ่ จากการใชเ้ อกสารตา่ งประเทศชดุ ใหมท่ นี่ ำ� กลบั มาในแตล่ ะปี หรอื ชดุ เดมิ ทเี่ กบ็ ใน “คลังข้อมูล” ดิจิทัลของ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อม อาจารย์” แหง่ น้ี คือเป็นการสรา้ งสรรค์ความรใู้ หมๆ่ ใหก้ ับองคค์ วามรูเ้ ดิมของ ไทยในสมัยสงครามโลกฯ สมยั สงครามเย็น และยุคหลังสงครามเยน็ ซง่ึ เรื่องน้ี ทูลกระหม่อมอาจารยท์ รงสง่ เสริมและสนบั สนุนมานานแลว้ โดยพระองคท์ รง ริเร่ิมจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณาจารย์ของกองวิชาฯ ก่อน และ ต่อมาจึงทรงขยายไปสู่คณาจารย์ นิสติ นกั ศกึ ษาจากมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ อยา่ ง ต่อเน่ืองถงึ ปจั จุบนั และยงั คงมีแนวโน้มจะขยายตวั ต่อไปในอนาคตอีกดว้ ย การดำ� เนนิ การในโครงการใหม่ คอื การวจิ ยั เอกสารสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตร์ ไทยสมัยใหม่จากหอจดหมายเหตุต่างประเทศน้ัน ก็เช่นกันและได้สืบสาน พระราชด�ำริและพระราชประสงค์ข้อน้ีอย่างเต็มท่ีและสมบูรณ์แบบด้วยทุน สนับสนุนในระดับพอควร โดยมีการก�ำหนดไว้ในแผนการบริหารจัดการท�ำ กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย เพ่ือการส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัย ในการศกึ ษาวจิ ัยเพื่อสร้างความรู้ใหมๆ่ จากแหล่งขอ้ มลู ที่จดั เกบ็ กลบั มา 126

แต่ตามแผนน้ีกลับมิได้มีข้อก�ำหนดใดที่เข้มงวดนัก หรือมีเงื่อนไขอะไร เปน็ พเิ ศษ เพราะมไิ ดเ้ จาะจงผมู้ คี วามสามารถพเิ ศษแตป่ ระการใด หากตอ้ งการ ระดมนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีใจรัก พร้อมสร้างสรรค์ร่วมกันในการผลิตความรู้ ใหม่ๆ คอื จุดมงุ่ หมายเพือ่ เปิดกว้างใหน้ ักวิชาการ ผ้สู นใจ ได้ท�ำงานสรา้ งสรรค์ อยา่ งเตม็ ที่ โดยอาจเปน็ งานวจิ ยั ของบคุ คล คณะเปน็ ชดุ โครงการ เชน่ ชดุ สงคราม เกาหลี สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ และไทยกบั สงครามเวียดนาม ฯลฯ หรือเปน็ การ เขียนงานวิชาการ ต�ำรา สารคดี เพ่อื สร้างความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับประเทศ ต่างๆ ท่ีคนไทยให้ความสนใจ เช่น ประเทศสมาชิกอาเซียนกับเพื่อนบ้าน มหาอ�ำนาจกบั อาเซียนในสมยั ประชาคม เป็นตน้ ตัวอย่างเมอ่ื ปี ๒๕๖๓ คณะผู้วิจัย/คน้ คว้าเอกสารได้ก�ำหนดใหก้ ารทำ� วจิ ยั นนั้ มเี งอ่ื นไขเพยี งขอ้ เดยี วคอื ควรตอ้ งใชเ้ อกสารตา่ งประเทศดงั กลา่ ว หรอื เอกสารเดิมของ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” เป็น ฐานของการวิจัยเชิงลึกหรือการเขียนเชิงสร้างสรรค์ที่ให้ความรู้ใหม่ๆ เพ่ือการ ส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยท้ังรุ่นอาวุโสและรุ่นใหม่ รวมทั้งผู้สนใจทั่วไปที่ สนใจท�ำงานวจิ ัยใหมๆ่ หรือนำ� เสนองานเขยี นสร้างสรรคบ์ นฐานของเอกสารท่ี เกบ็ กลบั มาในแตล่ ะปี เพอื่ สรา้ งองคค์ วามรใู้ หม่ ดว้ ยการผลติ งานทดี่ ี มคี ณุ ภาพ และเป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม ในปี ๒๕๖๓-๖๔ ไดต้ กลงใหม้ กี ารวจิ ยั เชงิ ลกึ งานเขยี นสรา้ งสรรค์ จำ� นวน ๓-๔ เร่ืองเชน่ กนั โดยนักวิจัยของคณะผคู้ น้ ควา้ เอกสารดา้ นเกาหลีใต้ จนี ญป่ี ุ่น และสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ด�ำเนินการ และเม่ือปิดโครงการน้ีในปีแรกเม่ือต้นปี ๒๕๖๔ มีงานท่ีเสร็จสมบูรณ์ตามท่ีก�ำหนดไว้ ๓ ช้ินด้วยกัน ได้แก่ เอกสาร เกาหลใี ต้ จนี และสหรัฐอเมริกา ซงึ่ จะได้กล่าวในรายละเอียดตอ่ ไป โดยจะเร่ิม จากการวิจัยเชิงลึก งานเขียนสร้างสรรค์ จากเอกสารลับของสหรัฐอเมริกา (NARA) ในสมยั สงครามโลกฯ เป็นการประเดิมเอาฤกษเ์ อาชัยไปกอ่ น 127

สมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ : การเขยี นงานสรา้ งสรรคค์ วามร้ใู หม่ การเขยี นงานสรา้ งสรรคค์ วามรใู้ หมท่ จี่ ะกลา่ วถงึ นี้ ถอื เปน็ การเขยี นเพอื่ เป็นการน�ำร่องครั้งแรก และเป็นการอาศัยเอกสารลับ-ลับท่ีสุด สมัย สงครามโลกฯ ของสหรฐั อเมรกิ า (NARA) เปน็ ฐานขอ้ มลู สำ� หรบั การเขยี นหนงั สอื ซึ่งมชี ่ือ “เรอ่ื งเล่าจากทหารวิชาการอาวโุ ส : การค้นคว้าและอา่ นเอกสารทาง ประวตั ศิ าสตร์ เพื่อสร้างคน สรา้ งชาติและสรา้ งทหารอาชีพ” โดย พนั เอก ดร. สรศกั ด์ิ งามขจรกลุ กจิ ผูเ้ ขียน พนั เอกหญงิ ดร.เมธินี เฉลมิ วัฒน์ บรรณาธกิ าร และได้รับการสนับสนุนจากส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการจัดพิมพ์ เป็นหนังสอื แล้วในช่วงกลางปี ๒๕๖๔ เพ่ือเผยแพร่ในวงกวา้ งข้ึน ตามทไี่ ด้กล่าวมาแลว้ และควรกลา่ วอีกครัง้ ว่า หนังสือเลม่ นเี้ ป็น ๑ ใน ๔ เลม่ ทพี่ ลเอกหญงิ ศ.เกยี รตคิ ณุ ดร.สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรม ราชกมุ ารี ทรงมขี อ้ แนะนำ� และพระราชทานหนงั สอื ใหแ้ ก่ น.ส.ตรนี ชุ เทยี นทอง รมว.ศกึ ษาธกิ าร เมอื่ วนั ที่ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔ เพอื่ เปน็ แนวทางนำ� ไปใชป้ ระยกุ ต์ ในการเรยี นการสอนวิชาประวตั ิศาสตร์ ที่หนั มาเนน้ การคิดวิเคราะหอ์ ย่างเป็น ระบบมากกว่าท่องจำ� ส�ำหรับนกั เรียนและเยาวชนตอ่ ไป เช่นเดียวกับงานแปล เลม่ ท่ไี ด้กลา่ วมาแลว้ คอื จากแฟม้ เอกสารลบั ทสี่ ดุ ฯ (๒๕๖๔) อันท่ีจริงแล้ว งานเขียนนี้ซ่ึงก็คือหนังสือ “เร่ืองเล่าจากทหาร วิชาการอาวุโสฯ” นั้น มิใช่เป็นงานวิจัยเชิงลึกโดยตรง หากแต่เป็นการเขียน เลา่ เรอ่ื งเพอื่ แนะนำ� การไปคน้ อา่ นเอกสารลบั ของสหรฐั อเมรกิ า (NARA) พรอ้ ม ขอ้ คดิ ขอ้ ตระหนกั ตามหลกั คดิ และวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ จงึ ควรถอื เปน็ การ สร้างสรรคค์ วามร้ใู หมๆ่ จาก NARA ทย่ี งั ไมม่ ีใครเขยี นมากอ่ นเลยก็วา่ ได้ และ นา่ จะเปน็ ประโยชนท์ งั้ ในเชงิ วชิ าการ การพฒั นาความคดิ อา่ นของนกั วจิ ยั นสิ ติ นักศกึ ษา ผู้สนใจท่วั ไป จากการอา่ นเอกสารชน้ั ต้นของ NARA โดยเฉพาะชดุ RG 226 และ RG 457 เอกสารส่วนมากของ RG สองชุดนี้เป็นเอกสารลับ-ลับที่สุด ที่มีความ ส�ำคัญตอ่ การศึกษาประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมัยสงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ และมีเอกสาร 128

สำ� คัญส่วนหน่ึงที่ได้ถกู คน้ พบครัง้ แรก เพราะเทา่ ท่ที ราบในแวดวงวิชาการสมยั สงครามโลกฯ นนั้ ยงั ไมเ่ คยพบวา่ มีนกั วิชาการท่านใดใช้มาก่อน จึงควรน�ำมา เผยแพร่ เพื่อให้ผู้สนใจได้รับรู้และน�ำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ท้ังในการเรียน การสอน การศึกษาวิจัยประวัติศาสตรช์ าติและระดับทอ้ งถิ่นต่อไป แต่เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดความสงสัยใคร่รู้ และเพ่ือร่วมกัน คน้ ควา้ ศกึ ษาวจิ ยั กนั ตอ่ ไป แทนทจี่ ะนำ� เสนอเรอ่ื งนอี้ ยา่ งเปน็ ทางการดงั เชน่ งาน วิชาการทัว่ ไป ผู้เขยี นกลับคดิ วา่ ควรใชว้ ิธกี ารเลา่ เรือ่ งจากประสบการณใ์ นการ คน้ และอา่ นเอกสารอยา่ งไรใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย คอื การคน้ พบขอ้ มลู สำ� คญั ขอ้ มลู ใหม่ ตามท่ตี ้องการหรอื คดิ ไว้ ก็นา่ จะอ่านงา่ ยและมปี ระโยชน์มากกว่า เพราะ คดิ วา่ นา่ จะชว่ ยกระตนุ้ ใหผ้ อู้ า่ นเกดิ การเรยี นรหู้ ลกั คดิ วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ไปในตัวด้วย พร้อมกันน้ันน่าจะเกิดความอยากรู้อยากเห็นตัวเอกสารต้นฉบับ หรอื ฉบบั เตม็ ตอ่ ไป และหากมคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ พรอ้ มดว้ ยตวั หลกั คดิ และ วิธกี ารแล้ว เชือ่ วา่ ยอ่ มส่งผลดีต่อไปอยา่ งไมส่ ิ้นสดุ และถือเปน็ ความส�ำเรจ็ ของ การเขยี น การอา่ น ท่ีส�ำคญั ยง่ิ ในอกี ทางด้วย เพราะการสอน การเขียนเรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตร์ ทสี่ ามารถกระตนุ้ ใหผ้ ู้อา่ น ผูเ้ รยี น เกดิ ความสนใจใครร่ ้ใู ครอ่ า่ นเอกสารหลกั ฐานชนั้ ตน้ นัน้ ควร ถือวา่ เปน็ เรอื่ งดยี ่งิ เนือ่ งจากหากเกิดความอยากรแู้ ลว้ ผเู้ รยี นก็จะมพี ลงั ในการ คน้ หาและพฒั นาการตอ่ ไปอยา่ งไมส่ น้ิ สดุ ดงั ขอ้ คดิ ที่ อลั เบริ ต์ ไอนส์ ไตน์ ไดเ้ คย เล่าไว้มานานว่า “ข้าพเจ้าไม่มีพรสวรรค์พิเศษอะไร ข้าพเจ้าเพียงแค่มีความ กระหายใฝร่ ูอ้ ยูเ่ สมอ ทุ่มเทใหก้ บั สง่ิ ทอี่ ยากรู้ พากเพยี รอย่างทรหดและสำ� รวจ วิจารณ์ความคดิ ของตนเองเป็นประจำ� ปจั จยั เหลา่ นคี้ ือ ทม่ี าของแนวคิดตา่ งๆ ของข้าพเจา้ ” แมจ้ ดุ ประสงคข์ องการเขยี นเลา่ เรอ่ื งนี้ มไิ ดค้ ดิ ไกลไปถงึ ขน้ั ตอ้ งการสรา้ ง ไอน์สไตน์รุ่นใหม่เป็นการเฉพาะ หรือเจาะจงในการสร้างนักคิดนักวิชาการ รุ่นใหม่ในแบบเดียวกันนั้น แต่เพราะด้วยเหตุผลท�ำนองเช่นนี้ แกนกลางของ “เร่ืองเล่าจากทหารวิชาการอาวุโสฯ” จึงเป็นการนำ� เร่ืองต่างๆ ที่เก่ียวข้องมา 129

ผนวกรวมเข้าด้วยกัน แล้วเขียนเล่าไปตามนั้น ตั้งแต่ก่อนไปค้น ควรต้อง เตรียมตวั คิด พรอ้ มด้วยค�ำถาม/ประเดน็ อยา่ งไร จงึ จะคน้ พบข้อมูลใหม่ พร้อมกันนัน้ ผู้เขยี นยงั ไดส้ อดแทรกประเด็นอ่นื ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งเข้าไปใน แตล่ ะชว่ ง เพอื่ มใิ หผ้ อู้ า่ นรสู้ กึ หนกั เกนิ ไป แตก่ ม็ สี าระ มขี อ้ ชวนคดิ ชวนถกเถยี ง ในตัวด้วย ท�ำนองคล้าย “ลับสมอง” ไปพร้อมกัน ตามพระราชด�ำริของ ทูลกระหม่อมอาจารย์ หรือตามปรัชญาจีนโบราณท่ีได้กล่าวมานานแล้ว แต่มี ข้อคิดที่ดีและควรน�ำมากล่าวอีกคร้ัง ดังความที่ทราบกันดีโดยทั่วไปแล้วว่า “การศกึ ษาโดยไม่คดิ ไรป้ ระโยชน์ การคิดโดยไมศ่ ึกษา เป็นอนั ตราย” เพ่ือให้การ “ลับสมอง” ไปในตัว ตามพระราชด�ำริฯ เป็นไปตาม เป้าหมายนี้ คอื มคี วามสมจรงิ เป็นจรงิ เปน็ จัง และมีคณุ ภาพ จึงมีจุดเด่นเนน้ เรื่องเล่าพร้อมด้วยข้อสังเกต การต้ังค�ำถาม การเสนอมุมมองใหม่ๆ และข้อ ตระหนักจากเอกสารสำ� คญั ท่ีคน้ พบจาก NARA อย่างรอบด้าน คือนอกเหนอื จากตัวระบบและวิธีการสืบค้นแล้ว ผู้เขียนต้องการเน้นหลักคิด เทคนิคง่ายๆ ในการค้นเพ่ือบรรลเุ ปา้ หมาย จึงเขยี นเรอื่ งเล่าให้คิด และคิดวเิ คราะห์เปน็ บน ฐานขอ้ มลู ทเี่ ปน็ จรงิ อยา่ งหลากหลายและรอบดา้ น ตามพระราชดำ� รทิ ที่ รงสอน นกั เรยี นนายร้อยเสมอมา ดังหลักคิดในการทรงสอนความตอนหน่ึง ที่เคยกล่าวมาแล้วและควร เนน้ ยำ�้ ไวอ้ กี ครงั้ วา่ “ขอ้ ผดิ พลาดทางประวตั ศิ าสตร์ (historical fallacy) ประการ หนึ่งคือ การมุ่งค้นควา้ หลกั ฐานประเภทเดยี ว มองไปในทางเดยี ว และละเลย หลักฐานอื่นๆ ท่ีมีอยู่ จะท�ำให้ไม่ได้ค�ำอธิบายท่ีรอบด้านและมีน�้ำหนัก น่าเช่ือถือ” และอีกตอนหนึ่งซ่ึงมีความส�ำคัญไม่น้อยเช่นกัน คือ “ขอให้ต้ังใจ เปน็ “นกั ประวตั ิศาสตร์” ทด่ี ี คอื ร้จู กั สงั เกต ไต่ถาม จดจำ� และน�ำสง่ิ ทีศ่ กึ ษา จดจำ� มาได้ มาวเิ คราะห์หาเหตผุ ลที่ถูกต้องต่อไป” หลักคิดในการทรงสอนนี้ คงมิใช่เหมาะสมเฉพาะกับผู้เรียน นักเรียน นายร้อยเท่าน้นั แต่ผ้อู า่ นทว่ั ไปยังจะสามารถนำ� ไปใช้ได้เชน่ กัน จึงเชื่อแนว่ า่ ถ้า หากท่านได้อ่านอย่างเอาใจใส่แล้ว พระราชปรัชญาประวัติศาสตร์และการ 130

ทรงสอนน้ี ยอ่ มมขี อ้ คดิ ขอ้ ตระหนกั ทด่ี ี ทงั้ ตอ่ ผคู้ นในแวดวงวชิ าการและผสู้ นใจ ท่ัวไป เพราะหากมีการศึกษาวิจัยทางประวัติศาสตร์บนฐานคิดนี้อย่างซ่ือตรง คอื ว่ากนั ตามขอ้ เทจ็ จริงอยา่ งสมเหตสุ มผลแล้ว ในทส่ี ดุ ยอ่ มจะได้ความจริง มี ข้อมูลชุดใหม่ ที่จะน�ำไปสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ๆ ได้อย่างมีพลัง คือมีน้�ำหนัก และเปน็ ที่ยอมรบั กันได้ ทั้งในแวดวงวิชาการและสังคมทัว่ ไป และคงไม่ตอ้ งไป กังวลร้อนใจว่า จะมีผู้ใดมาฟ้องร้อง อันเนื่องมาจากการไป “ด้อยค่า” หรือ “กล่าวหา” ให้รา้ ยแก่ผคู้ นในอดีต อนั ท่ีจริง เรอื่ งนีม้ กั เป็นที่ทราบกนั ดมี านานแลว้ ว่า กระบวนการฝกึ คิด และคิดวเิ คราะห์เปน็ ตามที่กลา่ วมานี้ กค็ ือการใช้ “วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์” อยา่ งซื่อตรง ซึ่งเป็นหลักคิด วิธกี ารท�ำงานของนักประวตั ิศาสตร์ท่มี ีมาช้านาน แล้ว คือต้ังแต่ก่อนมนุษย์จะมีวิชาประวัติศาสตร์ด้วยซ�้ำไป และที่ส�ำคัญยิ่งคือ วิธีการนี้ไม่เป็นท่ีสองรองใครในเชิงของการแสวงหาความรู้ การพัฒนา ความคิดอ่านของผู้คนให้มีคุณภาพ มีใจกว้าง มีเหตุผล ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ มี ความคดิ เปน็ ของตนเอง จงึ เชอื่ วา่ ทกุ ทา่ นจะมสี ง่ิ เหลา่ นหี้ ากมี “นกั ประวตั ศิ าสตร”์ ที่ดีในจติ ใจ ด้วยเพราะเหตุผลเช่นท่ีกล่าวมาน้ี จึงควรท�ำความเข้าใจใหม่และควร เข้าใจตรงกนั ก็ยิ่งดีใหญ่ คอื ควรต้องเข้าใจในเบอ้ื งต้นกอ่ นวา่ ความสำ� คญั หรือ “แกน่ ” แทข้ องวชิ าประวตั ศิ าสตรน์ นั้ หาใชอ่ ยทู่ ตี่ วั เนอ้ื หาและการปลกู ฝงั ความ รกั ชาตเิ ทา่ น้ันไม่ เพราะยงั มีอกี เร่ืองหนึ่งที่สูงเดน่ กว่า มีประโยชน์มากกวา่ คือ ความสำ� คญั ทอี่ ยเู่ หนอื ความสำ� คญั ดงั กลา่ วกลบั เปน็ ตวั วธิ กี ารหรอื หลกั คดิ และ เพราะเหตนุ นั้ จงึ ไมแ่ ปลกทจี่ ะสง่ ผลใหส้ องสง่ิ แรกนนั้ เปลยี่ นแปลงไปตามขอ้ มลู ชดุ ใหม่ ความรใู้ หม่ อยา่ งไมส่ นิ้ สดุ และพฒั นามากบั ความอยรู่ อดของมนษุ ยชาติ ตลอดมา มองจากมุมน้ีคงเห็นพ้องตรงกันว่า ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ย่อม เกิดขึ้นได้เสมอ หากมีการค้นพบข้อมูลชุดใหม่ การตีความใหม่ การมีมุมมอง ใหม่ และ/หรอื แมแ้ ต่การเกดิ สถานการณ์ทางการเมืองใหม่กเ็ ชน่ กัน 131

ฉะนน้ั เพอ่ื ความเขา้ ใจเขา้ ถงึ วชิ านใี้ นมติ ใิ หม่ จงึ ไดอ้ าศยั งานของผเู้ ขยี น ซง่ึ ไดว้ จิ ยั ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ ในลกั ษณะ “ทวนกระแส” จากส�ำนกั คดิ เดมิ ความรู้ “กระแสหลัก” โดยเฉพาะความสนใจเรื่องขบวนการ เสรีไทยเป็นพิเศษมานานกว่า ๔๐ ปีแล้วเป็นตัวอย่าง เพราะคิดว่าเขียนเล่า รอ้ ยคำ� พนั คำ� หมนื่ คำ� ไมส่ พู้ สิ จู นใ์ หเ้ หน็ วา่ หากมกี ารพบขอ้ มลู ใหมจ่ าก NARA แล้ว ย่อมมีผลต่อการปรับเปล่ียนเนื้อหาเดิมได้อย่างไร แล้วเรายังจะเช่ือตาม องคค์ วามรเู้ ดมิ วาทกรรมเกา่ หรือ “กระแสหลัก” ในแบบ “ต�ำนานเกา่ ” นนั้ ต่อไปอกี หรือ? ท่ีส�ำคัญคือ ถ้าหากผู้อ่านได้อ่านเร่ืองเล่านี้อย่างพินิจพิเคราะห์แล้ว เชอื่ วา่ นอกจากทา่ นจะไดพ้ บขอ้ มลู ชดุ ใหมจ่ ากเอกสารลบั -ลบั ทสี่ ดุ ของสหรฐั อเมรกิ า (NARA) และความรใู้ หม่ทางประวตั ิศาสตรส์ มยั สงครามโลกคร้ังที่ ๒ แล้ว ทา่ น ยังจะพบเห็นประโยชน์อีกด้านหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ การอ่าน การสอน เพือ่ สร้างคน สรา้ งชาติและสรา้ งทหารอาชีพ ไดอ้ กี ด้วย โดยเฉพาะ การ “อา่ นเป็น” เพอื่ มใิ ห้อำ� นาจจากความรมู้ าครอบง�ำเรา ทำ� ไมจึงเปน็ เชน่ นนั้ และจะทำ� ใหเ้ กิดเชน่ นนั้ ไดอ้ ย่างไร ในเม่ือการเรียน การสอนวชิ าประวัตศิ าสตร์ในประเทศไทย ยงั คงเนน้ การท่องจำ� และ/หรือเช่อื ตามเน้ือหาจากครอู าจารยท์ ส่ี อน หรือต�ำราจากผรู้ ู้เดมิ อย่างตายตัว แตถ่ ้าตอ้ งการจะเปลยี่ นความคิด เพ่ือปรับเรอื่ งนี้อย่างถกู วิธนี นั้ กเ็ ปน็ เรื่องไม่ยากนัก เพราะโดยท่ัวไปเราคงไม่อาจโต้แย้งได้ว่า เรื่องการใช้วิชา ประวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ การน้ี มมี านานและเปน็ เรอ่ื งปกติ เพราะทกุ สงั คมทกุ ยคุ สมยั ต่างได้ใชก้ นั ตลอดมา แต่ควรตอ้ งท�ำให้ถกู หลักวธิ ี คอื การสอนหลักคิด วธิ กี าร นำ� หนา้ ตวั เนอ้ื หาเพอ่ื เขา้ ใจเขา้ ถงึ ทม่ี าของคำ� อธบิ าย “วาทกรรม” (discourse) จากผู้รู้ จากสำ� นกั คิดต่างๆ อย่างพิเคราะห์กอ่ นท่จี ะน�ำไปใช้ตอ่ ไป คืออย่าเชือ่ อะไรง่ายๆ แม้แต่หนังสือเล่มท่ีท่านก�ำลังอ่านน้ี และการอ่านที่ดีน้ัน เราต้อง “อา่ นเปน็ ” คือการท�ำตัวเป็นนายเหนือหนังสือ มิใช่ปลอ่ ยให้เนอื้ หาในหนงั สือ น้นั ๆ มาครอบงำ� คอยบงการความคดิ ความอ่านของเรา 132

การท�ำตัวเป็นนายเหนือความรู้ในหนังสือหรือสื่ออ่ืนๆ นั้น คือหลักใน การอ่านที่ดหี รือ “อ่านเป็น” และหากสงั คมไทยจะใช้ และได้รับประโยชน์จาก วชิ าประวตั ศิ าสตร์อยา่ งดีมีคุณภาพ ตามท่ีไดเ้ กดิ ขน้ึ ในสังคมอ่ืนๆ ทเี่ จรญิ แลว้ มขี ้อแนะนำ� ในเชิงหลกั คดิ ว่า การเรยี นรูจ้ ากวิชาน้ใี นทุกระดับ นอกจากหลักใน เชงิ ข้อบงั คบั คือการเน้นดา้ นหลักคดิ วิธีการแล้ว ควรต้องมเี ร่อื งเล่าท่ีท้าทาย มีคำ� ถามใหม่ๆ มหี ลกั ฐานชนั้ ตน้ ประกอบเสมอ เพอ่ื ใหผ้ ฟู้ ังฝึก “ลับสมอง” คดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ รจู้ กั ตรวจสอบวา่ ควรเชอื่ หรอื ไม่ เพยี งใด มากกวา่ การทอ่ งจำ� เชอื่ ตามเน้ือหาเท่านั้น การเชอื่ ความรู้เปน็ เรอ่ื งดีแน่ แต่ที่ต้องท�ำให้ดีกว่านัน้ นน่ั ก็คือ ก่อนจะ เช่ือ ต้องพินิจพเิ คราะหค์ วามร้อู ยา่ งรอบคอบ ดงั นน้ั การทำ� ความเขา้ ใจเขา้ ถงึ และพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ที่ถูกหลักถูกวิธีน้ี จึงเป็นเร่ือง ส�ำคญั ทจี่ ำ� เปน็ ต้องมีการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้เกดิ ข้นึ ในวงกว้าง ทั้งคนรนุ่ ใหม่ และร่นุ เก่าก็ไม่ควรยกเว้น แต่กับคนรุ่นใหม่ หากจะท�ำจากวันนี้คงยังไม่สาย เพราะมาช้าดีกว่า ไมม่ า และส่วนหน่ึง ครบู าอาจารย์และผสู้ นใจกส็ ามารถกระท�ำเรือ่ งน้ไี ด้อยา่ ง งา่ ยๆ โดยผา่ นการใชเ้ อกสารตน้ ฉบบั หรอื ฉบบั เตม็ จากสหรฐั อเมรกิ า และเอกสาร ตา่ งๆ จากท่วั โลกใน “คลังข้อมลู ” ดิจทิ ลั ของ “หอจดหมายเหตตุ ่างประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ ได้อย่างดี ทั้งในฐานะ “แหล่งขอ้ มูลดบิ ” หรอื หลกั ฐาน ช้ันต้นและในฐานะ “เครอ่ื งมือ” ของการเรยี นการสอนใหม้ คี วามร้เู ปน็ ฐานคดิ หรอื การฝกึ ฝนในการ “ลบั สมอง” คดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ มากกวา่ การเชอื่ การทอ่ งจำ� เนอื้ หาทางประวตั ศิ าสตร์เท่าน้ัน เรือ่ งน้ีผเู้ ขียนเคยทดลองมาหลายครงั้ ในหอ้ งเรียนของนักเรยี นนายร้อย และไดผ้ ลท่นี า่ พอใจ แม้จะไมถ่ งึ ๑๐๐% กต็ าม ตัวอย่างเชน่ ผลจากการฝกึ ฝน ในเรื่องท่ีว่านี้ คือความเปน็ ทหารอาชีพทม่ี คี วามรทู้ างวชิ าการเป็นฐานคดิ นนั้ มี ตัวอย่างท่ีดีและน่าสนใจจากกรณีของสหรัฐอเมริกา คือพบว่ากรณีการฝึกฝน ทหารอาชีพในเรื่องน้ีมีลักษณะเด่นมากในโรงเรียนนายร้อยของรัฐและเอกชน 133

เพราะนอกจากทผี่ เู้ ขยี นเคยพบเหน็ ตอนไปเกบ็ ขอ้ มลู วจิ ยั จากโรงเรยี นนายรอ้ ย สหรัฐอเมริกา ยังพบเห็นได้ว่า วิธีคิดวิธีการท�ำงานของทหารอเมริกัน ที่เป็น ระบบและมีฐานคิดบนความเป็นวิชาการระดับสูง มีอยู่มากในเอกสารของ สหรัฐอเมริกา (NARA) อกี ด้วย กล่าวโดยย่อก็คือ ความเป็นทหารอาชีพของทหารอเมริกันน้ัน มี ความรู้เป็นฐานคิดหรือมีความเป็นวชิ าการอย่างมาก ดังจะพบเหน็ ไดว้ ่า ทหาร อเมรกิ นั เปน็ นกั อา่ น และความเปน็ นกั อา่ น ความเปน็ วชิ าการของทหารอเมรกิ นั นี้ มิใชพ่ บเหน็ เพยี งเฉพาะท ่ี West Point เทา่ นน้ั โรงเรียนนายรอ้ ยเอกชนอีก หลายแหง่ ทผ่ี เู้ ขียนเคยไปเก็บขอ้ มูลวจิ ัย เช่น Norwich University (NU) และ Virginia Military Institute (VMI) ก็เช่นกัน และยังมีร่องรอยปรากฏอย่าง ชัดเจนและสมำ�่ เสมอในเอกสารประวตั ิศาสตร์ของ NARA อีกมาก ดงั นน้ั เหตผุ ลทน่ี ำ� วธิ กี ารเดยี วกนั นม้ี าใชก้ บั คนไทยและนกั เรยี นทหารไทย ด้วยเพราะผ้เู ขียนคดิ และต้องการให้ส่งิ นเ้ี กิดขนึ้ กับผอู้ นื่ ในแวดวงต่างๆ เช่นกัน และไดใ้ ชแ้ นวคดิ นใี้ นการเรยี นการสอนกบั ลกู ศษิ ยเ์ สมอมา แมว้ า่ ลกู ศษิ ยท์ กุ นาย คอื นกั เรียนนายรอ้ ย นา่ จะมิได้เติบโตขึ้นเพื่อรับภารกิจเป็นนกั ประวตั ศิ าสตร์ นกั วชิ าการกต็ าม แตห่ ากไดร้ บั การพฒั นาความคดิ อา่ นทดี่ มี คี ณุ ภาพ เปน็ ผใู้ หญ่ แลว้ คอื รจู้ ักคิด คดิ วิเคราะห์เป็น หรอื มคี วามรู้เป็นฐานคดิ แล้ว เชอื่ ไดว้ ่า มิใช่ เรือ่ งเสียหายแต่ประการใดในการเตบิ โตข้นึ เปน็ ทหารอาชีพ อันท่ีจริงแล้ว ทหารที่มีความรู้เป็นฐานคิด ถือเป็นทหารอาชีพท่ีดี มคี ณุ ภาพ และการฝึกทหารอาชีพทวั่ โลกในประเทศประชาธิปไตยทง้ั หลาย ที่ ผ้เู ขยี นเคยไปเกบ็ ข้อมลู วิจัยเร่ือง “การออกแบบระบบการศกึ ษาทางทหารของ ไทยใหม่ เพ่อื การผลิตทหารอาชพี และการปฏริ ปู กองทัพ” (เมือ่ ปี ๒๕๕๙ ทนุ สกว./สกสว.) ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝร่ังเศส เยอรมนี อิตาลี เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย ไดพ้ บหลักสำ� คัญคลา้ ยๆ กนั ว่า “ปรัชญา” และ “หัวใจ” ของการ ผลติ “ทหารอาชพี ” ในประเทศเหลา่ นค้ี อื การฝกึ ฝนทงั้ ความเขม้ แขง็ ทางรา่ งกาย จิตใจ และความคิดอ่านบนฐานคิดความรตู้ ามหลักวิชาการอย่างเขม้ ข้น ไมต่ ่าง ไปจากมหาวทิ ยาลัยช้นั นำ� 134

ความเขม้ แขง็ ของการฝกึ ฝนในดา้ นความคดิ อา่ นบนฐานความรนู้ ้ี จะเหน็ ไดว้ า่ โรงเรยี นนายรอ้ ยในบรรดาประเทศประชาธปิ ไตยทง้ั หลายนน้ั ตา่ งเอาจรงิ เอาจังมาก คือมีการเน้นภาคการเรียนการสอนทางวชิ าการอย่างเข้มขน้ ไม่ตา่ ง ไปจากมหาวิทยาลัยชั้นน�ำ นอกจากความรู้ในแวดวงวิชาการที่ทันสมัยทัน เหตุการณ์โลกปัจจุบันและอนาคตแล้ว นักเรียนนายร้อยล้วนต่างได้รับการฝึก คดิ คิดวเิ คราะห์เปน็ จากการถกเถียงในชนั้ เรยี น การตงั้ คำ� ถามใหมๆ่ และการ คน้ ควา้ ดว้ ยตนเองในการทำ� การบา้ น การรายงานหนา้ ชั้นเรยี น และการทำ� งาน วิจัยในวิชาสัมมนาต่างๆ แน่นอนว่าภายใต้การฝึกฝนส่ิงเหล่าน้ีมีประโยชน์ต่อ อนาคตของผู้เรียน เพราะย่อมจะช่วยพัฒนาความคิดอ่านของผู้เรียนได้เติบโต ข้นึ ในฐานะบัณฑติ ผ้รู อู้ ยา่ งมคี ุณภาพและย่อมตดิ ไปกับความเป็นทหารอาชีพ อีกด้วย ดว้ ยเหตเุ ชน่ นนั้ ถา้ หากนำ� สงิ่ เหลา่ นมี้ าสอน มาปลกู ฝงั ใหเ้ ยาวชน นกั เรยี น นายรอ้ ยไดฝ้ กึ ฝนและเรยี นรอู้ ยา่ งเขม้ ขน้ ในหลกั สตู รของ รร.จปร. และตอ่ เนอื่ ง ที่สูงข้ึนไปในระบบการศึกษาของสถาบันทางทหารและกองทัพ เช่นเดียวกับ ทหารอาชพี ในสหรฐั อเมรกิ า ยโุ รป และประเทศทเ่ี ปลย่ี นผา่ นไปสปู่ ระชาธปิ ไตย ในลาตนิ อเมรกิ าและเอเชยี แลว้ ความเปน็ วชิ าการหรือ “ทหารวิชาการ” ก็น่า จะบังเกิดในตวั ตนในใจของทหารรุ่นใหม่ได้ไมม่ ากก็น้อย แตค่ วามสำ� เรจ็ ในการสรา้ งสรรค์จิตวญิ ญาณของ “ทหารวิชาการ” ให้ เกดิ แกท่ หารรนุ่ ใหมน่ น้ั คอื การเปน็ ทหารอาชพี ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาความคดิ อา่ น ทดี่ มี คี ณุ ภาพ เปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ รจู้ กั คดิ คดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ แนน่ อนวา่ คงมใิ ชม่ าจาก ทางทหารเพียงฝ่ายเดียว คือมิใชข่ ้นึ อย่กู บั เพยี งผนู้ ำ� ของกองทพั ทหารรุ่นใหม่ และ “ทหารวชิ าการ” เทา่ นนั้ และคงมใิ ชส่ รา้ งเพยี งวนั เดยี วหรอื เพยี งครง้ั เดยี ว กใ็ ช้การได้เลย ในทางเป็นจริงแล้ว ประชาชน สังคม และแวดวงวิชาการในระดับต้น และอดุ มศกึ ษาและสงู ขนึ้ ไป อาทิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (ศธ.) และ อว. สำ� นกั งาน การวิจัยแห่งชาติ (วช.) วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และสถาบัน พระปกเกล้า ต่างล้วนมีส่วนในการปลูกฝังเด็กเยาวชน คนรุ่นใหม่ และควรมี 135

สว่ นรว่ มชว่ ยกนั สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ในการสบื สานพระราชดำ� รแิ ละพระราชประสงค์ ของพระองคไ์ ดเ้ ติบโต ขยายตวั ออกไปในวงกวา้ ง ทง้ั นเ้ี พอื่ พฒั นา “คลงั ขอ้ มลู ” ดจิ ทิ ลั ของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” แห่งนี้ ให้มีความกว้างขวางเป็นฐานคิด ฐานความรู้ ขนาดใหญ่ ในการเรยี นรขู้ องเยาวชน คนรนุ่ ใหม่ ทง้ั สว่ นนกั เรยี นทหาร นกั เรยี น ทัว่ ไป นสิ ติ นกั ศกึ ษา ในระดับโรงเรยี นและมหาวิทยาลยั ตอ่ ไป ดงั พระราชด�ำริ และพระราชประสงค์ส่วนหน่ึง ที่พระองค์ทรงมีข้อแนะน�ำและพระราชทาน หนงั สอื จำ� นวน ๔ เล่ม ให้แก่ น.ส.ตรนี ชุ เทยี นทอง รมว.ศกึ ษาธิการ เพ่ือเปน็ แนวทางน�ำไปใช้ในการเรียนการสอนส�ำหรับนักเรียน เม่ือวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๔ ตามทีไ่ ด้กล่าวมาแลว้ โดยเหตุนั้น การรู้จักใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น เอกสารของ สหรฐั อเมรกิ าและเอกสารอนื่ ๆ ใน “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ ม อาจารย”์ เพ่ือน�ำมาเป็นสว่ นหน่ึงในการฝกึ ฝนและพัฒนาความคดิ อ่าน จึงนบั เป็นสิ่งส�ำคัญย่ิงและถือเป็นส่ิงที่เป็นไปได้ และควรต้องมีการด�ำเนินการต่อไป อย่างจรงิ จงั ในทกุ ระดับของการศกึ ษา ในตอนท้ายของงานเลา่ เร่อื งในส่วนสมัยสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ นี้ ผเู้ ขียน จงึ ขอจบดว้ ยพระราชดำ� รแิ ละปรชั ญาประวตั ศิ าสตรข์ องทลู กระหมอ่ มอาจารย์ ดงั ความว่า “ประโยชนอ์ ยา่ งหนง่ึ ของวชิ าประวตั ศิ าสตร์ คอื ชว่ ยใหผ้ ศู้ กึ ษา ได้รู้จักใช้ความคิด รู้จักหาเหตุผลจากข้อมูลต่างๆ ท่ีมีอยู่ เป็นการ ลบั สมอง และทำ� ใหไ้ ด้รบั ความรู้ อนั เป็นประโยชนใ์ นการดำ� รงชวี ิต และปรับตัวให้เข้ากับส่ิงแวดล้อม ในแง่น้ีประวัติศาสตร์มิได้ข้ึนกับ ขอ้ มูลทร่ี วบรวมไว้เพียงอย่างเดยี ว แตข่ ้ึนกบั การตคี วาม ประเมินค่า ของขอ้ มูลในแงม่ ุมใหม่ ๆ (ซึ่งเปน็ ส่งิ ทที่ ำ� ไดอ้ ย่เู สมอ) รวมทั้งยงั เปน็ การคาดคะเนแนวโนม้ ในอนาคตด้วย…” 136

สมยั สงครามเยน็ : การวจิ ัยเชงิ ลกึ สมัยสงครามเกาหลจี ากเกาหลีใต้ และจนี ส�ำหรับงานเขียนการวิจัยเชิงลึกสมัยสงครามเกาหลีจากเกาหลีใต้และ จีนในสมัยสงครามเย็นนั้น จะได้แนะน�ำและสรุปประเด็นส�ำคัญไว้ในที่น้ี ดังน้ี คอื เรอ่ื งแรก คอื งานวจิ ยั ดา้ นเอกสารเกาหลใี ต้ “สงครามเวยี ดนามและแผน พัฒนาเศรษฐกจิ ฯ: การเปล่ยี นแปลงทางการทตู ไทย-เกาหลใี ต้ ภายใตน้ โยบาย ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ทศวรรษ ๑๙๖๐” จัดท�ำโดยนางสาวเกษราภรณ์ หาญแกล้ว และ รศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั บรรณาธิการ งานวจิ ยั เรอื่ งนมี้ จี ดุ เนน้ และใหภ้ าพในชว่ งทศวรรษ ๑๙๖๐ ประเทศไทย และประเทศเกาหลีใต้ด�ำเนินการตามแบบแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ของสหรฐั อเมรกิ า ขณะทท่ี ง้ั สองประเทศใชร้ ปู แบบการปกครองระบอบเผดจ็ การ ทหาร ประกอบกบั สถานการณภ์ ายใตส้ งครามเวยี ดนาม ไทยไดก้ ลายเปน็ ฐานทพั หลกั ของสหรฐั อเมรกิ า ขณะเดยี วกนั เกาหลใี ตก้ เ็ ปน็ ฐานกองกำ� ลงั พลและอาวธุ ที่สำ� คญั ของสหรัฐอเมรกิ า เม่ือบริบททางการเมืองและสงครามเวียดนามเร่ิมผ่อนคลายลง ส่งผล ให้นโยบายต่อตา้ นคอมมิวนิสตข์ ององค์กรความรว่ มมือ ASPAC ทเ่ี คยเปน็ จุด แขง็ กลายเปน็ จดุ ออ่ นขององคก์ ร ระบบเศรษฐกจิ แบบแบง่ กลมุ่ ชดั เจนแบบโลก ทนุ นยิ มและสงั คมนยิ ม กำ� ลงั จะหายไปเมอ่ื ประธานาธบิ ดนี กิ สนั แหง่ สหรฐั อเมรกิ า เดินทางมาเยอื นสาธารณรัฐประชาชนจนี อย่างเปน็ ทางการในปี ๑๙๗๒ ระบบ ความสมั พนั ธท์ างการทตู ของไทยทมี่ ตี อ่ เกาหลใี ตเ้ ปลย่ี นแปลงไปเชน่ กนั เกาหลใี ต้ กลายเปน็ ผู้เลน่ ในระบบน้ที ีต่ กทนี่ ัง่ ล�ำบากพอๆ กับไต้หวัน เพราะเกาหลใี ต้ไม่ สามารถถอนตัวออกจากประเทศที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ได้จากสถานการณ์ คาบสมุทรเกาหลีทม่ี ีการรกุ รานอยู่เสมอ 137

ส�ำหรับไทยเม่ือสถานการณ์ลมพัดหวน ไทยสามารถประกาศตัว เปน็ กลางและใชอ้ งคก์ รความรว่ มมอื ASEAN ทจ่ี ดั ตง้ั ขน้ึ เพอ่ื ประเทศในภมู ภิ าค เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยเฉพาะการแสดงจดุ ยนื บนเวทที างการเมอื งระหวา่ ง ประเทศต่อมา ท้ายทส่ี ดุ แมว้ า่ ความรว่ มมือ ASPAC จะสน้ิ สดุ ลงในปี ๑๙๗๒ พร้อมการถอนกองก�ำลังทหารของไทยออกจากเกาหลีใต้และการจบลงของ สงครามเวียดนาม อาจกล่าวไดว้ า่ ไทยเป็นหนึ่งในผ้สู นบั สนนุ เกาหลใี ตเ้ สมอมา แมท้ ง้ั สองจะมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเขา้ มาเกยี่ วข้อง ซงึ่ เป็นเร่ืองปกตขิ อง ความสัมพันธ์ทางการทูตท่ีต้องเห็นผลประโยชน์ของชาติเป็นส�ำคัญ เราจึงได้ เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเกาหลีใต้ท่ีดีต่อกันเร่ือยมาจนกระทั่ง เกาหลใี ต้เขา้ รว่ มองคก์ รความรว่ มอาเซียน หรือ ASEAN+๓ ในปจั จบุ ัน สำ� หรบั งานวจิ ยั เรอื่ งทส่ี อง ไดอ้ าศยั เอกสารของจนี คอื เรอ่ื ง “ทศั นะของ จีนตอ่ ไทยและอาเซียนในยุคสงครามเย็น” โดยอาจารย์ ชัยพร พยาครฑุ และ รศ.ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล ผู้อ�ำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา ใน พระราชูปถัมภ์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บรรณาธิการ และได้ข้อสรุปท่ี น่าสนใจว่า จากการศึกษาเอกสารชั้นต้นของจีน อันได้แก่บันทึกผู้น�ำและ หนงั สอื พมิ พก์ ระบอกเสยี งของรฐั บาล รวมทงั้ เอกสารชนั้ รองของนกั วชิ าการจนี ในด้านแรงจูงใจและท่าทีของจีนท่ีเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามเย็น ต้ังแต่กรณี พพิ าทไตห้ วนั ความขดั แยง้ ในคาบสมทุ รเกาหลี สงครามในอนิ โดจนี และปฏบิ ตั ิ การในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ การศึกษาพบว่า จีนมองปฏิสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจระหว่างมหาอ�ำนาจสหรัฐอเมริกา และ ประเทศพันธมิตรในห้วงสงครามเย็นอย่างเกรี้ยวกราด โดยชี้ว่าสหรัฐอเมริกา จะไม่ปล่อยให้ประเทศใต้บงการสามารถตัดสินใจก�ำหนดนโยบายต่างๆ ท่ี ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา เช่นรัฐไทยที่ต้องด�ำเนินนโยบาย สกดั กนั้ และทำ� สงครามปราบปรามคอมมวิ นสิ ตภ์ ายในประเทศและมปี ฏบิ ตั กิ าร สง่ ทหารเขา้ ไปรว่ มรบในประเทศเพอื่ นบา้ น ซงึ่ จนี มองวา่ เปน็ การละเมดิ อธปิ ไตย นอกจากนั้น สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรยังได้สร้างเงื่อนไขผูกพันผ่าน ความร่วมมือในลกั ษณะต่างๆ เช่น องคก์ ารสนธิสญั ญาเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ 138

(SEATO) สมาคมประชาชาตแิ หง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (ASEAN) เปน็ ตน้ จนี มองว่าองค์กรเหล่าน้ีเป็นเคร่ืองมือของสหรัฐอเมริกา ในการแผ่สยายหรือแผ่ ขยายอำ� นาจเพอ่ื สรา้ งอทิ ธพิ ลและแสวงหาผลประโยชน์ ทา่ มกลางกระแสเรยี ก ร้องให้ถอนทหารเพ่ือสลัดคราบอิทธิพลของมหาอ�ำนาจให้ออกไปจากภูมิภาค และจีนมองว่าไทยเป็นฐานทัพให้สหรัฐอเมริกา เพ่ือใช้ในการรุกรานประเทศ เพือ่ นบา้ นในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ และอาเซยี นก็เป็นเครอื่ งมือหนง่ึ ที่สหรัฐอเมริกา ใช้เพื่อผกู มัดประเทศสมาชกิ ใหป้ ฏบิ ัติตามคำ� บัญชา นอกจากงานวิจัย ๒ ชน้ิ นแ้ี ล้ว ยังมีงานวิจัยเชิงลึก งานเขยี นสร้างสรรค์ สมัยสงครามเยน็ ทอี่ ยใู่ นระหว่างการด�ำเนนิ การอีกหลายเรอ่ื ง เช่น (๑) ไทยกบั รัสเซยี อนั เนอ่ื งมาจากการจัดสัมมนาเรอื่ ง “๑๒๐ ปีแห่งความสัมพันธ์ระหว่าง ราชอาณาจกั รไทย-รสั เซยี จากมมุ มองของเอกสารรสั เซีย สหรัฐอเมรกิ า และ นักวิชาการไทย-รัสเซียศึกษา” เม่ือปี ๒๕๖๐ ซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อใหม่ “๑๒๕ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซีย: เร่ืองราวเล็กๆ บางตอนที่ขาดหายไป” (๒๕๖๕) (๒) ไทยกับสงครามเกาหลี จากการจัดสัมมนาเรื่อง “๗๐ ปี ไทยกบั สงครามเกาหลี” เมื่อปี ๒๕๖๓ ภายใตช้ อื่ ใหม่ “๗๒ ปไี ทยกบั สงครามเกาหล:ี สงครามในความทรงจ�ำของใคร ทำ� ไมและอยา่ งไร” (๒๕๖๕) และ (๓) ไทยกับ ก�ำเนิดสมาคมอาเซยี น จากการจัดสัมมนาเรือ่ ง “๕๔ ปี การก่อตั้ง “อาเซียน” และปฏิกิริยาจากโลกมหาอ�ำนาจและเพื่อนบ้าน : มุมมองจากเอกสาร หอจดหมายเหตุตา่ งประเทศและนักวิชาการอาวุโส” เม่ือปี ๒๕๖๔ ชอื่ ใหม่คอื “ไทยกับก�ำเนิดสมาคมอาเซียน: มุมมองจากเอกสารลับของสหรัฐอเมริกา” (๒๕๖๖) งานวิจยั เชิงลึก งานเขยี นสร้างสรรค์ สมัยสงครามเย็น ท่ีอย่ใู นระหวา่ ง การด�ำเนินการขณะน้ี ยังคงได้รับการสนับสนุนให้ด�ำเนินการต่อไป ในขณะ เดียวกันยังมีงานวิจัยเชิงลึก งานเขียนสร้างสรรค์ ในยุคหลังสงครามเย็นที่ได้ เสนอเขา้ มาพรอ้ มกับการจดั งานสัมมนาทจ่ี ะจัดขนึ้ ในชว่ งปลายปี ๒๕๖๕ ซึ่งมี ทั้งงานที่ใช้เอกสารจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอินโดจีน และงานที่ใช้ เอกสารจากชาติมหาอ�ำนาจด้วยเช่นกนั 139

งานทใี่ ชเ้ อกสารจากกลมุ่ ประเทศเพอื่ นบา้ นในกลมุ่ อนิ โดจนี นี้ มที มี งาน ของคณาจารยแ์ ละนสิ ติ นกั ศกึ ษาจากหลายสถาบนั เชน่ มหาวทิ ยาลยั นครพนม (น�ำโดย ผศ.ดร.สุริยา ค�ำหว่าน และคณะ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ผศ.ดร. ธนนันท์ บุ่นวรรณา และคณะ) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ผศ.ดร.ธิบดี บัวค�ำศรี และคณะ) และงานท่ีใช้เอกสารจากชาตมิ หาอำ� นาจ เช่น การศกึ ษา ไทยกบั ประเทศสมาชกิ อาเซียน-อนิ โดจีนจากเอกสารลบั ของ CIA ชุด CREST โดย พ.ท.ผศ.สมโชติ วีรภทั รเวธ (รร.จปร.) นอกจากน้ียงั มีการวจิ ยั เชงิ ลึก งาน เขียนสรา้ งสรรคจ์ ากเอกสารของฝรั่งเศส นวิ ซีแลนด์ ออสเตรเลีย และอินเดีย อกี ดว้ ย ทง้ั นเ้ี พอ่ื รว่ มกนั ตอบโจทยใ์ หญใ่ นเรอ่ื งการตดั สนิ ใจของประเทศในกลมุ่ อนิ โดจนี กบั การเขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ ของประชาคมอาเซยี นในยคุ หลงั สงครามเยน็ ยุคหลังสงครามเย็น : งานวิจยั เชิงลึก งานเขยี นสรา้ งสรรคเ์ พอ่ื นบา้ น อินโดจนี และชาตมิ หาอำ� นาจ งานวจิ ยั เชิงลึก งานเขียนสรา้ งสรรค์ในยุคหลังสงครามเยน็ น้ี ไดเ้ รม่ิ ตน้ เนน้ จากกลมุ่ เพอื่ นบา้ นอนิ โดจนี และชาตมิ หาอำ� นาจทเี่ กยี่ วขอ้ งเปน็ การนำ� รอ่ ง ก่อน เพื่อท�ำความเข้าใจเข้าถึงในระดับลึกเก่ียวกับแนวคิด ท่าที นโยบาย ตลอดจนแนวโนม้ ของแตล่ ะประเทศในกลมุ่ น้ี ไดแ้ ก่ กมั พชู า ลาว และเวยี ดนาม ทไี่ ดต้ ดั สนิ ใจเขา้ รว่ มกบั กลมุ่ ประชาคมอาเซยี นในชว่ งภายหลงั จากสงครามเยน็ ยตุ ลิ ง ในเรื่องนี้ คอื การตดั สินใจเข้าร่วมกับอาเซียนของกลุ่มอินโดจีนนนั้ โดย ทั่วไปแล้ว มักมองเฉพาะจากปัจจัยภายนอกคือ การสิ้นสุดของสงครามเย็น เปน็ หลกั แต่เอาเข้าจรงิ แล้วเชื่อว่า ในแต่ละประเทศน้ตี า่ งกม็ ปี จั จยั ภายในของ แต่ละประเทศเป็นตัวก�ำหนดส�ำคัญอีกด้วย ซึ่งตัวแปรหลังน้ียังไม่มีการศึกษา วิจยั อย่างจรงิ จังมาก่อน จึงหวงั วา่ การค้นคว้าเอกสารหอจดหมายเหตขุ องกลมุ่ น้ี น่าจะพบปัจจัยภายในอะไรท่ีส�ำคัญในการร่วมผลักดนั การตัดสนิ ใจดังกลา่ ว ทง้ั นเี้ พราะในองคค์ วามรเู้ ดมิ ของไทยนน้ั มกั ขาดขอ้ มลู เชงิ ลกึ ในดา้ นปจั จยั ภายใน 140

ของแต่ละประเทศในกลุ่มอินโดจีน และเพ่ือช่วยให้ประชาคมอาเซียนได้ เดนิ หนา้ ตอ่ ไปอยา่ งเขา้ ใจเข้าถงึ ซ่งึ กันและกันในหมู่สมาชิกด้วยกนั เพอื่ การบรรลเุ ปา้ หมายใหญน่ ี้ ทงั้ การเรยี นรจู้ ากเพอ่ื นบา้ นอาเซยี นและ การเรยี นรู้ซง่ึ กันและกันในหมสู่ มาชิกของประชาคมนัน้ นอกจากกลมุ่ อนิ โดจนี แล้ว ในอนาคตยังมีเป้าหมายการวิจัยในลักษณะเดียวกันน้ีกับเพื่อนบ้านทาง เมยี นมาร์ ทางมาเลเซีย บรไู น ฟลิ ิปปนิ ส์ และอินโดนีเซียอีกด้วย ซง่ึ ขณะน้ีคณะ ค้นควา้ การแปลและการวิจยั เชงิ ลกึ การเขียนงานสร้างสรรค์จากเอกสารของ หอจดหมายเหตุ กปศ.สกศ.รร.จปร. ในพระราชด�ำริฯ และโครงการสืบสาน พระราชด�ำริฯ คือการวิจัยเอกสารส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่จาก หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ตา่ งกม็ คี วามพรอ้ มอยแู่ ลว้ ทงั้ ในดา้ นทนุ สนบั สนนุ และทีมงานทางภูมิภาคศกึ ษา อาเซียนศกึ ษา ตวั อยา่ งทมี งานทางอาเซยี นศกึ ษา เชน่ พมา่ ศกึ ษา (เชน่ อาจารย์ กฤษณะ โชตสิ ทุ ธิ์ ม.นเรศวร) มาเลเซยี ศกึ ษา (อาจารย์ ทรรศนะ นวลสมศรี และนางสาว นศิ าชล ชชู ยั ม.วลยั ลกั ษณ์ และ Hara Shintaro นกั วชิ าการอสิ ระและผเู้ ชย่ี วชาญ ด้านมลายูศึกษา) และอินโดนเี ซียศกึ ษา (อาจารย์ เพ็ญศรี พานิช ม.วลัยลกั ษณ์ อาจารย์ตวงทิพย์ พรมเขต ม.ศิลปากร และนายบัญชา ราชมณี นักศึกษา ปริญญาเอก ม.นเรศวร) ทั้งนโ้ี ดยมี รศ.ดร.ทวีศกั ดิ์ เผือกสม ม.นเรศวร เป็นหัวหนา้ คณะและผู้ ประสานงานในการนำ� ทมี อาเซยี นศกึ ษาเขา้ มารว่ มกบั ทมี งานและเครอื ขา่ ยของ โครงการการวจิ ยั เอกสารสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั ใหมจ่ ากหอจดหมายเหตุ ต่างประเทศ ต้ังแต่ปี ๒๕๖๓-๖๔ และปัจจุบันมีบางส่วนได้เข้ามาร่วมงานจัด สมั มนาในปี ๒๕๖๕ ได้แก่ ผศ.ดร.ธิบดี บวั คำ� ศรี (กัมพูชาศกึ ษา) และ ผศ.ดร. สุริยา ค�ำหว่าน (เวียดนามศึกษา) ส่วนการด�ำเนินการในส่วนอ่ืนๆ เช่น พม่า มาเลเซยี และอนิ โดนเี ซยี นนั้ คงตอ้ งรอเพอ่ื ทยอยมารว่ มงานในอนาคต เนอ่ื งจาก มีก�ำหนดการในแต่ละปีเป็นตัวขับเคลื่อนในการจัดงานสัมมนา การแปลและ การวิจัยเชิงลึก ท่ีจะเกี่ยวข้องกับอาเซียนศึกษา ซึ่งอาจเน้นด้านพม่าหรือทาง ภาคใต้ คอื มาเลเซียและอินโดนเี ซียในโอกาสตอ่ ไป 141

บทสรุปและส่งทา้ ย งานเขยี นด้านงานวจิ ยั งานเขยี นสรา้ งสรรค์ ทแี่ ลว้ เสรจ็ ท้ัง ๓ ช้นิ และ งานใหม่ท่ีก�ำลังด�ำเนินการในปี ๒๕๖๕ ที่กล่าวมาแล้ว ต่างได้ใช้เอกสารของ “หอจดหมายเหตุตา่ งประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย”์ และถอื เป็นส่วนหน่ึงที่ บรรลุตามพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ของทูลกระหม่อมอาจารย์ ท่ีทรง สง่ เสริมและสนบั สนนุ การวิจยั เชงิ ลกึ และงานเขียนสรา้ งสรรคอ์ งค์ความรใู้ หมๆ่ ทางประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมยั สงครามโลกคร้งั ที่ ๒ สมัยสงครามเยน็ และยคุ หลงั สงครามเย็น บนฐาน “คลังข้อมูล” ดิจิทัลของหอจดหมายเหตุต่างประเทศ แหง่ นี้ และเพราะเปน็ การทำ� งาน “เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ รงบนั ดาลใจใหไ้ ปทำ� งานใหล้ กึ ซง้ึ ย่ิงขึ้น” และ “เพื่อให้ความร้วู ชิ าการงอกเงยขนึ้ มาอีก” นั่นเอง ในปี ๒๕๖๔-๖๕ การทำ� งานวจิ ยั งานสรา้ งสรรค์ ตามพระราชด�ำรแิ ละ พระราชประสงค์ของทูลกระหม่อมอาจารย์นี้ ยังคงมีอย่างต่อเน่ืองต่อไปและ น่าจะมีจำ� นวนมากข้ึน เนื่องจากมีอาจารยจ์ ากคณะค้นควา้ /วจิ ัยในหวั ข้อเรื่อง “๕๔ ปี การก่อต้ัง “อาเซียน” และปฏิกิริยาจากโลกมหาอ�ำนาจและ เพ่ือนบ้าน : มุมมองจากเอกสารหอจดหมายเหตุต่างประเทศและนักวิชาการ อาวโุ ส” และเรอื่ ง “ไทยกบั อนิ โดจนี สมยั ประชาคมอาเซยี น : มมุ มองจากเอกสาร หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศของเพอื่ นบา้ นและชาตมิ หาอำ� นาจ” ไดแ้ สดงความ ประสงคแ์ ละต้องการทำ� งานต่อเน่อื งจากเอกสารที่ไดร้ ับมา ได้แก่ เอกสารของ เกาหลีใต้ สหรัฐอเมรกิ า ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลยี รสั เซยี ลาว เวียดนาม กัมพชู า และอินเดีย ในอนาคต คงจะไดพ้ บเหน็ การวจิ ัยใหค้ วามร้ใู หมๆ่ ทางประวัตศิ าสตร์ ไทย โดยเฉพาะช่วงรอยต่อระหว่างปลายสมัยสงครามเย็นไปสู่ตอนต้นของยุค หลงั สงครามเยน็ มากขนึ้ ซง่ึ ทผี่ า่ นมาในแวดวงวชิ าการไทยยงั คงมผี ทู้ ใี่ ชเ้ อกสาร ชน้ั ตน้ จากความหลากหลายทางหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ในการทำ� งานวจิ ยั งานเขียนสมัยนี้ออกมาน้อยมาก และการวิจัยน้ีก็เป็นไปตามพระราชด�ำริและ พระราชประสงค์ของทลู กระหม่อมอาจารย์ ดงั ความตอนหน่ึงวา่ 142

“ขา้ พเจา้ คดิ วา่ ถงึ ระยะนี้ นา่ จะไดไ้ ปสำ� รวจเอกสารอกี เนอ่ื งจาก เม่ือหลายปีมาแล้วเอกสารมักจะเกี่ยวกับสมัยสงครามโลกครั้งท่ี ๒ หรอื สมัยสงครามเย็น แต่เอกสารทีเ่ ปดิ ในระยะนนี้ า่ จะเปน็ สมัยหลงั สงครามเยน็ ที่น่าสนใจเชน่ เดยี วกัน เพราะเป็นเหตกุ ารณท์ ่ีมเี งือ่ นไข ต่างจากเหตุการณ์ในยุคก่อน และมีนักวิชาการอ่ืนก็มาช่วยเรา คดั เลอื กเอกสารจากหอจดหมายเหตุอกี หลายแหง่ ดว้ ย” พระราชนพิ นธ์ “คำ� นยิ ม” ในหนงั สอื ชอื่ เรอ่ื ง “จากแฟม้ เอกสารลบั ทส่ี ดุ : เผย “ขอ้ มลู ใหม”่ ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทย สมยั สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ของหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ สหรฐั อเมรกิ า (NARA)” โดย พันเอก ดร.สรศักด์ิ งามขจรกุลกิจ (มูลนิธิสถาบัน สร้างสรรค์ปญั ญาสาธารณะ ส�ำนักงานการวิจยั แห่งชาต,ิ ๒๕๖๔) 143

144

บทที่ ๗ การบรกิ ารความรู้ให้แก่ผ้สู นใจ : นักวชิ าการ นิสิตนกั ศึกษาในกรงุ เทพฯ และตา่ งจงั หวดั 145

“ ขา้ พเจ้าจงึ คิดวา่ เราควรไปคดั เลอื กเอกสารจากตา่ งประเทศ โดยเฉพาะที่ เกยี่ วข้องกบั ประเทศไทยมา จงึ ส่งคณาจารย์กองประวตั ิศาสตรไ์ ปที่ ตา่ งประเทศบอ่ ยเทา่ ท่จี ะพอมกี ำ� ลงั ทจี่ ะท�ำได้ เพอ่ื ให้ผู้ท่อี าจจะไม่มีโอกาสไป วจิ ยั ทีต่ า่ งประเทศได้ประโยชน์ เขียนงานเผยแพรใ่ หค้ วามรสู้ าธารณชน ขา้ พเจ้าทำ� ได้เพียงเทา่ น้ี แตไ่ มไ่ ดส้ ง่ เสริมการใช้เอกสารเปน็ รปู ธรรม พนั เอก ดร.สรศักด์ิ งามขจรกุลกจิ เปน็ อาจารยก์ องประวตั ิศาสตร์ทา่ นหนงึ่ ที่ชว่ ยขา้ พเจ้าคัดเลอื กเอกสารในตา่ งประเทศ และเป็นหวั เรยี่ วหวั แรงใน การประชาสมั พันธ์ใหน้ ักวิชาการได้เขา้ ถงึ เรียนรู้ และใช้ประโยชน์เอกสาร ทที่ กุ ๆ คนไดข้ า้ มน้�ำขา้ มทะเลไปคัดเลอื กมา เพ่ือให้มผี ลงานทีใ่ ห้ความรแู้ ก่ นกั เรียน นกั ศึกษา และสาธารณชน ต่อไป การเขียนบทความหรอื หนงั สือ วิชาการมเี ร่ืองของความคิดเห็นท่ีแต่ละคนมคี วามคิดของตน อาจไม่เหมือน ผู้อืน่ แตใ่ นแง่ขอ้ มลู น่าจะมขี ้อมูลทเ่ี ท่ียงตรงมากท่สี ดุ เท่าที่จะทำ� ได้ ” พระราชนิพนธ์ “คำ� นิยม” หนงั สือ เรอ่ื งเลา่ จากทหารวชิ าการอาวโุ ส: การค้นคว้าและอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์ เพื่อสรา้ งคน สรา้ งชาติและสร้าง ทหารอาชีพ พันเอก ดร.สรศักดิ์ งามขจรกลุ กิจ (มูลนิธสิ ถาบันสรา้ งสรรค์ปญั ญา สาธารณะ ส�ำนักงานการวจิ ยั แห่งชาติ, ๒๕๖๔) 146

บทนำ� ในฐานะคนเก่าคนแก่ของเร่ือง “…ท่ีช่วยข้าพเจ้าคัดเลือกเอกสารใน ต่างประเทศ และเป็นหัวเร่ียวหัวแรงในการประชาสัมพันธ์ให้นักวิชาการได้ เข้าถึง เรียนรู้ และใชป้ ระโยชน์เอกสาร…” ก็คงตามนัน้ เพราะต้ังแตช่ ว่ งต้นท่ี ทรงเรมิ่ ดำ� เนนิ การในเรอ่ื งการรวบรวมเอกสารสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตรน์ ้ี ผเู้ ขยี น ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในน้ันและต่อเนื่องมา โดยทรงส่งเสริม สนับสนุนให้ ผเู้ ขยี นไปค้นควา้ เอกสารของหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ สหรัฐอเมริกา (NARA) ณ กรงุ วอชงิ ตนั ด.ี ซี. ครั้งแรกในปี ๒๕๓๘-๓๙ ต่อมาพระราชทานทุนใหผ้ ูเ้ ขียน ไปเรยี นตอ่ ปรญิ ญาเอก ดา้ นประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ณ มหาวทิ ยาลยั วสิ คอนซนิ แมดสิ นั (University of Wisconsin-Madison) ปี ๒๕๔๑ ในระหวา่ ง ท่ีเรียนปรญิ ญาเอกนน้ั ผูเ้ ขียนยังไดไ้ ปคน้ คว้าอกี ๒-๓ คร้งั ในปี ๒๕๔๓-๔๔ หลังจากจบปริญญาเอกแล้ว พระองค์ยังคงทรงส่งผูเ้ ขยี นไปคน้ คว้า ณ NARA อีกสองครง้ั ในปี ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๙ ซ่ึงในสองครัง้ หลงั นี้มีเวลาคน้ อ่าน นานเกอื บ ๒ เดอื น จงึ ทำ� ให้ค้นพบข้อมูลใหม่สมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ ท้งั จาก 147

RG 226 เชน่ บนั ทกึ ของนายเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ และบนั ทกึ คำ� ใหก้ าร/การตอบคำ� ถาม ของนายกนต์ธีร์ ศุภมงคล และ RG 457 เป็นโทรเลขรายงานลับของญปี่ ่นุ กลบั ไปทางกรงุ โตเกยี ว แตโ่ ทรเลขรายงานลบั เหล่านก้ี ลับถกู หน่วยราชการลับของ สหรัฐอเมริกา คอื หน่วย OSS ดกั ฟังไดแ้ ละแปลเป็นภาษาองั กฤษในระหว่าง สงครามโลกฯ ซง่ึ เอกสารในชดุ หลังน้ียงั คงมีอีกจำ� นวนมหาศาล ที่ผู้เขียนยังไม่ ได้ค้นอ่าน โดยเฉพาะในช่วงท้ายชุดนี้ในปี ๑๙๔๔-๔๖ และต้องการกลับไป ท�ำต่อหากเจา้ COVID-19 ใหโ้ อกาสและสามารถหวนกลับไปมบี รรยากาศกอ่ น ปี ๒๕๖๓ กย็ ่งิ ดี โชคดที ผ่ี เู้ ขยี นไดเ้ รม่ิ ตน้ การคน้ ควา้ เอกสารตา่ งประเทศจาก NARA และ รู้สึกชอบพอกับมันอย่างคนรู้ใจ เพราะถูกชะตากับปรัชญาและการให้บริการ ท่ีน่ี คอื มเี สรีภาพ ความเทา่ เทยี ม และสะดวกเป็นอย่างย่งิ จึงคิดเสมอวา่ ถ้ามี โอกาสจะไปพบเจอกันอกี ให้บ่อยขนึ้ เพราะเม่อื ชอบพอกบั NARA แล้ว กร็ ้สู ึก คลา้ ยกบั “รกั ไมแ่ ปรเปลีย่ น” แต่จะด้วยเพราะความรักหรอื ความส�ำคญั ของ NARA กต็ าม ในขัน้ ตน้ เมอ่ื มโี อกาส จึงไดเ้ สนอโครงการการวจิ ยั เอกสารส�ำคัญทางประวตั ิศาสตร์ไทย สมยั ใหมจ่ ากหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ และไดร้ บั ทนุ สนบั สนนุ จากสำ� นกั งาน การวจิ ัยแห่งชาติ เพอ่ื สืบสานพระราชดำ� ริและพระราชประสงค์ ในการดำ� เนิน การคน้ ควา้ จัดเก็บ และเผยแพรเ่ อกสารสำ� คัญจากตา่ งประเทศอย่างต่อเนอื่ ง ตามโครงการของ “หอจดหมายเหตุตา่ งประเทศ ทูลกระหมอ่ มอาจารย์” เรื่องน้ีทูลกระหม่อมอาจารย์ยังคงทรงเน้นเอกสาร NARA อยู่เสมอ เชน่ กนั โดยพระองคร์ บั สง่ั บอ่ ยครง้ั และรบั สง่ั อกี ครง้ั กบั ผเู้ ขยี นและผอู้ ำ� นวยการ กองวิชาประวัติศาสตร์ฯ (พันเอกหญิง ดร.เมธินี เฉลิมวัฒน์) เม่ือกลางเดือน พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ ไวว้ า่ “คิดอยวู่ า่ เมื่อโควิดดีข้ึน จะไดส้ ่งอาจารยไ์ ปคน้ คว้า อีก” และผู้เขียน ทีมคณาจารย์ของกองฯ ก็พร้อมเสมอส�ำหรับการค้นคว้า ในดา้ นนี ้ 148

แต่เหตุผลท่ีทีมคณาจารย์ของกองฯ พร้อมเสมอน้ัน ใช่ว่าเพราะเหตุ อยากไปเทย่ี ว อยากไปเห็นแสงสีของกรงุ วอชงิ ตนั ดี.ซ.ี กห็ าเป็นเช่นนน้ั ไม่ แต่ จรงิ ๆ แลว้ เปน็ เพราะเอกสารของ NARA นัน้ มีเสน่ห์ดงึ ดดู นกั วิจยั ทัว่ โลกมา นานแล้วและยังคงเสน่ห์เช่นเดิมไว้อย่างไม่แปรเปล่ียน แม้ว่าต้องเผชิญกับเจ้า COVID-19 กต็ าม แต่ NARA ยงั คงเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางจากผู้คนท่ัวโลก อยเู่ สมอ ทง้ั นใี้ นสว่ นของนกั วจิ ยั ไทยกเ็ ปน็ ทเี่ ขา้ ใจไดว้ า่ เพราะเอกสารของ NARA มีมากมายและมีความส�ำคัญ จ�ำเป็นต่อการศึกษาวิจัยประวัติศาสตร์ไทย สมัยใหม่อยา่ งหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้ เป็นที่ทราบกันดีว่า การศึกษาวิจัยประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ จ�ำเป็น ต้องพ่ึงพาเอกสารของ NARA อยู่ไม่น้อย ท่ีผ่านมาเม่ือได้ค้นพบข้อมูลส�ำคัญ ข้อมูลชุดใหม่ท่ีน่าสนใจ ผู้เขียนมิได้เก็บไว้ใช้คนเดียว บางส่วนท่ียังไม่ใช้ ก็ได้ พยายามแนะนำ� ให้ผู้สนใจมาอา่ นและน�ำไปใช้ คือมไิ ดห้ วงขอ้ มลู จาก NARA ใน แบบท่ีว่า “หมาในรางหญ้า” (The Dog in the Manger) ในทางตรงข้าม ผเู้ ขยี นกลบั เชญิ ชวนใหผ้ สู้ นใจมาสบื คน้ และนำ� ไปใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ไปเสมอ ทั้งในด้านการเรียนการสอนและการศึกษาวิจัย ตามพระราชด�ำริและพระราช ประสงค์ของพระองค์ การเชิญชวนให้ผสู้ นใจมาสืบคน้ และนำ� ไปใช้ให้เปน็ ประโยชน์ต่อไป นมี้ ี ทงั้ อยา่ งเปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ โดยเฉพาะกบั คณาจารย์ นสิ ติ นกั ศกึ ษา ปริญญาโท-เอก ซ่งึ ในระยะแรกๆ มักเปน็ สว่ นตัวหรือกลุ่มเลก็ ๆ ๒-๓ คน แต่ ต่อมาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากข้ึน เน่ืองจากในแต่ละปีจากช่วงปี ๒๕๕๖ โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ จากปี ๒๕๖๓-๖๕ เป็นต้นมา การให้บริการด้านนี้มี ผ้สู นใจมากข้ึนจากสถาบนั การศกึ ษาทงั้ ในกรุงเทพฯ และต่างจงั หวดั สว่ นหนงึ่ เพราะมผี สู้ นใจจากตา่ งจงั หวดั มากขน้ึ อกี สว่ นหนงึ่ เปน็ ไปตาม แผนทีก่ �ำหนดไว้ คอื ภายหลงั จากงานสมั มนาฯ แลว้ ได้ด�ำเนินการตามแผนงาน ในขน้ั ต่อๆ มา โดยมกี ารประชุมและแลกเปลยี่ นความเห็นเกี่ยวกับการจดั การ 149