โดยเฉพาะผคู้ นในกลมุ่ นที้ ไี่ มม่ โี อกาสมารว่ มงานสมั มนา หรอื ไมม่ โี อกาส ไดพ้ บ ไดเ้ ห็นเอกสารส�ำคัญจากต่างประเทศ ท้ังจากต้นฉบับและฉบบั ส�ำเนาที่ ถูกน�ำกลับมาเกบ็ ไวใ้ น “คลงั ขอ้ มลู ” ดจิ ิทัลของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” เร่ืองนี้แม้ยังไม่เคยออกส�ำรวจจากมิตรสหายและ เครอื ขา่ ยโดยตรง แตค่ งเชอื่ ไดแ้ นว่ า่ พวกเขากค็ งตน่ื เตน้ และตอ้ งการหาอา่ น ไม่ แตกต่างไปจากบรรดานกั การทูต/อดีตเอกอคั รราชทตู ท้ังหลายน่ันเอง ด้วยเหตุนี้ ภายหลังจากได้รับเอกสารตา่ งประเทศในแตล่ ะปแี ลว้ เรือ่ ง สำ� คญั ทม่ี กั ตอ้ งรบี ทำ� ถดั มา กค็ อื การนำ� ไปสกู่ ารเผยแพรใ่ หผ้ สู้ นใจในวงกวา้ ง ทงั้ ระดบั นกั วชิ าการ อาจารย์ นสิ ติ นกั ศกึ ษา และประชาชนทวั่ ไป สามารถรบั รแู้ ละ เขา้ ถึงได้ในรูปแบบตา่ งๆ นอกจากการจดั สัมมนาทางวชิ าการประจำ� ปแี ล้ว ยัง ได้ด�ำเนินการเพ่ือรวบรวมและจัดเก็บเข้าระบบทันสมัยเพื่อเปิดบริการทาง ห้องสมุด ทง้ั ในระบบ on-site และ online การแปลเอกสารสำ� คัญบางส่วน และเผยแพรใ่ นรปู หนงั สอื การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหน้ กั วจิ ยั อาจารย์ ผสู้ นใจ ได้น�ำเอกสารดังกล่าวไปศึกษาวิจัยเชิงลึก งานเขียนสร้างสรรค์ และการน�ำ เอกสารเขา้ สรู่ ะบบการใหบ้ รกิ ารความรแู้ กอ่ าจารย์ นสิ ติ นกั ศกึ ษาทง้ั ในกรงุ เทพฯ และต่างจงั หวดั อกี ด้วย ผลจากการน�ำเอกสารต่างประเทศน้ีออกสผู่ ู้สนใจในวงกวา้ งนน้ั ล้วนได้ รบั การตอบรบั อยา่ งดจี ากผสู้ นใจทงั้ ในแวดวงวชิ าการและประชาชนทว่ั ไป และ เปน็ ที่เช่ือไดว้ า่ ดอกผลของเอกสารชดุ น้ีจะเตบิ โตและเจริญงอกงามตอ่ ไปอย่าง ดยี งิ่ หากยดึ หลกั ตามพระราชนพิ นธท์ พ่ี ระองคท์ รงกลา่ วไวว้ า่ “หวงั วา่ นอกจาก อาจารยแ์ ละนกั เรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ จะไดร้ บั ประโยชนแ์ ลว้ ผอู้ น่ื โดย เฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสไปศึกษาค้นคว้าในต่างประเทศ จะได้ อาศัยค้นคว้าให้ได้ความคิดเบื้องต้น เพ่ือให้ได้แรงบันดาลใจให้ไปท�ำงานให้ ลึกซง้ึ ยิ่งขึน้ ” และความอกี ตอนหน่งึ วา่ “เราหวังวา่ จะร่วมคดิ รว่ มวจิ ารณเ์ พอื่ ให้ความรูว้ ชิ าการงอกเงยข้ึนมาอกี ” 250
เพราะการไดอ้ า่ น ไดใ้ ชเ้ อกสารตา่ งประเทศ “เพอ่ื ใหไ้ ดแ้ รงบนั ดาลใจให้ ไปท�ำงานให้ลึกซ้ึงย่ิงขึ้น” และ “เพื่อให้ความรู้วิชาการงอกเงยขึ้นมาอีก” น้ี ยอ่ มสง่ ตอ่ ไปใหด้ อกผลของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ มีประโยชนห์ ลากหลายทิศทาง คอื ใช้ในทางตรง ในทางวิชาการก็ได้ เชน่ การ วิจัยเชิงลึก และน�ำไปใช้ในทางพัฒนาความคิดอ่านของผู้เรียนผู้ฟังก็ย่ิงดีใหญ่ โดยเฉพาะการนำ� เอกสารตา่ งประเทศไปประกอบการเรยี นการสอนในวชิ าตา่ งๆ ในดา้ นประวตั ศิ าสตร์ รวมถงึ สาขาอน่ื ๆ ทางมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ เชน่ รฐั ศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ การกอ่ เกดิ ผลในเชงิ ทางภมู ปิ ญั ญา กระบวนการพฒั นาความ คิดอ่านที่เกิดข้ึนนั้น แน่นอนว่าคงมิใช่เพียงจ�ำกัดตัวอยู่เฉพาะในแวดวงของ วิชาการเทา่ นั้น หากทจ่ี ริงแลว้ ยอ่ มเกดิ ขึน้ กับประชาชนผู้สนใจทว่ั ไปไดเ้ ช่นกัน ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นใครก็ตาม ถ้ามีความสนใจ ใจรักในการแสวงหา ความรแู้ ลว้ การมโี อกาสเขา้ ถงึ เอกสารสำ� คญั จากตา่ งประเทศดงั กลา่ ว ยอ่ มชว่ ย ให้กอ่ เกดิ ความรอบรูใ้ หมๆ่ เสมอ และหากนำ� ผลท่ีไดน้ ้ันเผยแพร่ออกส่สู งั คมก็ ยิ่งดีเป็นทวีคูณ เพราะเท่ากับเป็นการเพ่ิมเติมความรู้ใหม่ๆ ให้กับองค์ความรู้ เดิมของไทยกันตอ่ ๆ ไป หากเป็นเช่นน้ันจริง แน่นอนว่าย่อมตรงตามพระราชด�ำริและพระราช ประสงคข์ องพระองค์ ทที่ รงสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ความตอ่ เนอื่ งในการรวบรวม จดั เกบ็ และเผยแพรเ่ อกสารทางประวตั ศิ าสตรจ์ ากหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ เพอ่ื เปดิ บรกิ ารใหแ้ กผ่ สู้ นใจทว่ั ไป ไดม้ โี อกาส สามารถเขา้ ถงึ และนำ� ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ทั้งต่อตนเอง สังคม และชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ องค์ความรใู้ หมๆ่ ทางประวัตศิ าสตรใ์ ห้เกิดข้ึนเสมอ การสรา้ งสรรคท์ างภมู ปิ ญั ญาน้ี แมอ้ าจเรม่ิ จากวงแคบๆ ของนกั วชิ าการ ก่อน แต่ในบ้ันปลายแล้วย่อมน�ำไปสู่ประชาชนผู้สนใจในวงกว้างย่ิงขึ้น หากมี การด�ำเนินการอย่างต่อเน่ืองตามแนวพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ของ พระองค์ ทงั้ ในดา้ นการรวบรวมและจดั เกบ็ การแปล การศกึ ษาวจิ ยั เชงิ ลกึ และ 251
การเปดิ บรกิ ารใหผ้ สู้ นใจสามารถอา่ นและใชเ้ อกสารสำ� คญั จากตา่ งประเทศอยา่ ง ทั่วถงึ ต่อไปในระยะยาว เช่นเดียวกับการลงทุนดา้ นการศกึ ษา หรือการพฒั นา ทรัพยากรมนุษย์ เพราะถือเป็นพันธกิจส�ำคัญท่ีภาครัฐและองค์กรต่างๆ ควร ต้องใสใ่ จย่ิง เราจึงไม่อาจโต้แย้งได้ว่า การด�ำเนินการตามแนวพระราชด�ำริและ พระราชประสงค์ในเรอ่ื งน้อี ย่างต่อเนอ่ื งนั้น ยอ่ มมีผลดีมากกว่าผลเสยี และผล ทไ่ี ดย้ อ่ มคมุ้ กบั เงนิ ทนุ ทตี่ อ้ งจา่ ยไป เนอื่ งจากดอกผลในเชงิ นามธรรมทไี่ ดร้ บั จาก รูปธรรม หรือผลในระยะยาวที่ได้รับจากผลในระยะส้ันน้ัน ก็เช่นเดียวกับการ ลงทุนด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกสังคมทุก ประเทศในทุกยุคสมัย จ�ำเป็นต้องท�ำต้องลงทุนทั้งส้ิน หากต้องการให้ผู้คน พลเมอื งของตนเองมคี ณุ ภาพในการพฒั นาสงั คม ชาตบิ า้ นเมอื งไปสคู่ วามกา้ วหนา้ และการมชี วี ิตทด่ี มี ีความสุขสงบ ดังนัน้ สง่ิ ทตี่ อ่ เนื่องจากขอ้ ท้าทา้ ยของการดำ� เนนิ การของสองโครงการ นี้ ซึ่งมีตัวอย่างทางข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ทางผลและประโยชน์ ทั้งในด้าน รูปธรรมและนามธรรม หรอื มีทง้ั ในเชงิ ระยะสัน้ และระยะยาวแลว้ สงิ่ ที่ตามมา ก็คือ การขยายผลการวิจยั น้ีออกไปใหก้ วา้ งยง่ิ ขนึ้ เพราะการวิจัยตามโครงการ นย้ี อ่ มเหมือนกิจกรรมอน่ื ๆ คือมใิ ชจ่ บแล้วจบเลยในตวั ของมนั เอง หากแต่กลับ สง่ ผลตอ่ ๆ กนั ไปอยา่ งไมส่ น้ิ สดุ ทำ� นองคลา้ ยชวี ติ ของคนเรา มจี ากไปกม็ มี าใหม่ และเราสามารถน�ำผลการวิจัยนีไ้ ปใช้หรือพฒั นาตอ่ ไดใ้ นหลายทิศทางดว้ ยกนั ตวั อยา่ งส�ำคญั คอื การจดั ท�ำโครงสร้างพ้นื ฐานท่ีส�ำคญั จากฐานแหล่ง เอกสารขอ้ มูลตา่ งประเทศหรือ “คลงั ข้อมูล” ดจิ ิทลั ทีพ่ ระองค์ทรงด�ำเนินการ มานานกวา่ สามทศวรรษแลว้ และโครงการวจิ ยั นไี้ ดพ้ ยายามสานตอ่ และตอ่ เตมิ ใหเ้ ต็มจากเอกสารของเกาหลใี ต้ จีน ญป่ี ุ่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียใน กรณีของสงครามเกาหลี และยังคงต่อเน่ืองมาในเร่ืองอาเซียนจากสมาคมสู่ ประชาคม จากเอกสารตา่ งประเทศอกี มากกวา่ ๑๐ ประเทศเชน่ กนั โดยเฉพาะ เอกสารจำ� นวนมากจากฝร่ังเศส สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย 252
ทส่ี ำ� คญั กค็ อื ผลของโครงการวจิ ยั นไี้ มต่ า่ งไปจากงานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ คอื ยังคงต่อยอดต่อไปท้ังในการสานต่อโดยทางตรงหรือ ทางออ้ ม ในขั้นท้ายสุดของบทน้ี จงึ มที ง้ั เสนอแนะเกย่ี วกบั การวิจัยในขนั้ ต่อไป ตลอดจนประโยชน์ในทางประยุกต์ของผลงานวิจัยท่ีได้ โดยมีแกนกลางของ ขอ้ เสนอแนะในเชงิ ทา้ ทายการวจิ ยั ของไทยวา่ เราควรจะตอ้ งสบื สานพระราชดำ� ริ และพระราชประสงค์ของพระองคน์ ตี้ ่อไปหรอื ไม่ อย่างไรดี และท�ำไมควรต้อง มาช่วยกนั ? อย่างไรก็ดี ก่อนจะตอบคำ� ถามขา้ งต้น ผู้อา่ นควรตอ้ งทบทวนอกี คร้ังให้ ชดั เจนกอ่ นวา่ การดำ� เนนิ การของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ ม อาจารย”์ นน้ั พระองคท์ รงมงุ่ ผลในระยะยาว คอื ความตอ่ เนื่องในการรวบรวม จัดเก็บ และเผยแพร่เอกสารส�ำคัญทางประวัติศาสตร์จากหอจดหมายเหตุ ตา่ งประเทศ ซง่ึ แนน่ อนว่าเปน็ งานที่ไม่รู้จักจบสิ้น เมื่อเปน็ งานทไ่ี มม่ ีการสิ้นสดุ จึงจำ� เป็นตอ้ งอาศัยแหล่งเงินทนุ ก�ำลังคน มาเพมิ่ เตมิ และกำ� ลงั มองหาคนมาตอ่ เนอื่ งสำ� หรบั งานทไี่ มร่ จู้ กั จบสน้ิ น้ี จากรนุ่ หน่ึงสู่รุ่นใหม่อีกหลายๆ รุ่น ต่อไป และกิจกรรมหลายส่วนที่ต่อเน่ืองของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ นี้ จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั เวลา เช่นกัน เน่ืองจากการศึกษาวิจัยเชิงลึกจากแหล่งข้อมูลต่างประเทศน้ี คงไม่ได้ เกดิ ผลทนั ทใี นเชงิ ของการผลติ หรอื สรา้ งความรใู้ หมๆ่ แตจ่ ะตดิ ตามมาหลงั จาก โครงการน้ีด�ำเนินการผ่านไปในระยะหน่งึ แล้ว และย่อมจะส่งผลต่อเนือ่ งกันไป ในระยะต่อๆ ไปอย่างมีนัยส�ำคัญ หากมีการด�ำเนินการในลักษณะน้ีอย่าง ตอ่ เนอื่ งจากปแี รกตอ่ ไปเปน็ ชว่ ง ชว่ งละอยา่ งนอ้ ยอกี ๑๐-๒๐ ปี โดยหมนุ เวยี น ทมี คน้ ควา้ และประเทศอ่นื ๆ ทเี่ ก่ียวข้องกบั เหตกุ ารณ์ส�ำคญั ทางประวตั ิศาสตร์ ไทยสมัยใหมใ่ นปตี ่อๆ ไป ถา้ หากมกี ารดำ� เนนิ การในลกั ษณะนอ้ี ยา่ งตอ่ เนอ่ื งตามแผนในระยะแรก ๑๐ ปีแล้ว “คลังข้อมูล” ดิจิทัลย่อมมีเอกสารต่างประเทศเพ่ิมขึ้น โดยส่งทีม คน้ ควา้ ไปจดั เกบ็ เอกสารสำ� คญั จากประเทศมหาอำ� นาจ และเพอ่ื นบา้ นในภมู ภิ าค 253
เอเชยี ทเ่ี กยี่ วกบั ไทยในแตล่ ะชว่ งสมยั ซง่ึ ตามทก่ี ำ� หนดไวใ้ นแผนมจี ำ� นวนมากกวา่ ๒๔ ประเทศ คือ จีน ญปี่ นุ่ เกาหลีใต้ ไตห้ วัน อนิ เดยี แคนาดา เยอรมนี ฝรงั่ เศส โปรตเุ กส สเปน สหภาพโซเวยี ต/รัสเซีย นิวซแี ลนด์ อังกฤษ ออสเตรเลยี สำ� นกั วาตกิ นั และสหรฐั อเมรกิ า และเพอ่ื นบา้ นในอาเซยี น ไดแ้ ก่ กมั พชู า ลาว เวยี ดนาม เมียนมา (พม่า) มาเลเซีย ฟลิ ิปปนิ ส์ สิงคโปร์ และอนิ โดนเี ซีย (ทง้ั น้ยี ังไม่นับ ประเทศในภูมภิ าคตะวนั ออกกลาง ลาตินอเมรกิ า แอฟริกา และประเทศเกิด ใหม่หลงั จากการล่มสลายของสหภาพโซเวยี ตและยุโรปตะวันออกเดมิ ) เมื่อจบโครงการในแตล่ ะระยะเวลาทกี่ �ำหนดไว้ ๑๐-๒๐ ปแี ลว้ ยอ่ มจะ ทำ� ใหก้ ารจดั ทำ� ฐานขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยจากเอกสารตา่ งประเทศมขี นาด ใหญ่กว้างขวางยิ่งขึ้น และย่อมจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความคิดอ่าน ความรคู้ วามเขา้ ใจทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยในบรบิ ทสงั คมโลกและในบรบิ ทสงั คม ไทยอย่างลึกซึง้ ตอ่ ไป หากท�ำเช่นน้ันจริง คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผลกระทบ (impact) ของ โครงการนใี้ นระยะยาว ย่อมสง่ ผลส่นั สะเทอื นทด่ี ีในหลายประการจากรากฐาน ทง้ั ในดา้ นการพฒั นาความรทู้ างวชิ าการและความคดิ อา่ นของคนไทย เพราะใน ระหว่างการด�ำเนินงานตามโครงการไปในระยะหน่ึงและโดยเฉพาะหลังจาก โครงการนี้จบในช่วง ๑๐ ปีแรกแล้ว สังคมไทยย่อมจะมีระบบฐานข้อมูลทาง ประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่จากต่างประเทศในขนาดใหญ่ และเป็นส่ิงที่ไม่เคย เกดิ ขน้ึ มากอ่ นเลยก็ว่าได้ ด้วยเพราะเปน็ ส่งิ ทไ่ี มเ่ คยเกดิ ข้ึนมากอ่ น และในระบบฐานขอ้ มูลขนาด ใหญน่ ้ี มขี อ้ มูลทว่ั ไป ขอ้ มลู ส�ำคัญ ขอ้ มลู ใหมๆ่ ตงั้ แตส่ มัยรัชกาลที่ ๔ จนถึง ประมาณช่วงต้นของยคุ หลังสงครามเยน็ (ทศวรรษ ๑๙๙๐) และมกี ารจดั เก็บ ข้อมูลและการสร้างระบบเอกสารที่ทันสมัย เพ่ือเปิดให้ประชาชนสามารถเข้า มาใชไ้ ดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ และเทา่ เทยี มนนั้ แนน่ อนวา่ ยอ่ มสรา้ งผลกระทบตอ่ สงั คมใน วงกวา้ งและลกึ ซึ้งอยา่ งหลกี เล่ยี งไมไ่ ด้ 254
ท้ังนี้เพราะ งานนี้ถือเป็นการกระจายข้อมูล ความรู้จากเอกสาร ตา่ งประเทศไปสผู่ คู้ นในวงกวา้ งอยา่ งทไ่ี มเ่ คยปรากฏมากอ่ น เนอื่ งจากกลมุ่ ผใู้ ช้ ผู้ได้รับประโยชน์ คงมิใช่เพียงนักประวัติศาสตร์ หากรวมถึงอาจารย์ นักวิจัย ด้านมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตรด์ ้วย และท่สี ำ� คัญคือ ผ้ใู ช้ผู้ไดร้ บั ประโยชน์ คงมิใชจ่ �ำกัดเพียงเฉพาะในแวดวงของนักวิชาการ นิสติ นักศึกษาเทา่ น้ัน ยงั รวม ถึงประชาชนทว่ั ไปก็สามารถเข้ามาใช้แหลง่ ขอ้ มลู นอี้ ยา่ งทั่วถงึ เชน่ กัน ส่ิงท่จี ะตามมาคือ การสร้างองคค์ วามรทู้ างประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั ใหม่ ยอ่ มมมี ติ ขิ องความลมุ่ ลกึ รอบดา้ น และทนั สมยั ทนั เหตกุ ารณย์ งิ่ ขนึ้ และสามารถ ตอบสนองความรู้ความต้องการของสงั คมไทยสมัยปจั จบุ ันได้เปน็ อย่างดี ทั้งใน ดา้ นการพฒั นาความรู้ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรฐั ตอ่ รฐั กบั มหาอำ� นาจและประเทศ เพอื่ นบา้ นในเอเชยี และอาเซยี น และความเขา้ ใจเขา้ ถงึ ผคู้ นตา่ งๆ ทเี่ ขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง กับประเทศไทยอย่างมีรากฐานที่ถูกต้องและตรงกับสมัยปัจจุบันมากท่ีสุด เนื่องจากความรู้ความเข้าใจจากมิติทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้านน้ัน คือ รากฐานส�ำคัญของการมองเรื่องปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตอย่างมีเหตุผล และถูกทิศทางตามสภาพความจรงิ ทผ่ี า่ นมา ดังนน้ั การรู้ลึกรูจ้ รงิ ในอดตี จงึ เป็นรากฐานทีส่ �ำคัญ หากเราต้องการให้ ปัจจบุ นั และอนาคตมอี นาคตทถ่ี ูกตอ้ งบนฐานของความรู้ และการจะรู้ลึกรูจ้ ริง ในอดีตน้ัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจ�ำเป็นต้องมีแหล่งข้อมูลท่ีดี มีความหลากหลาย และทกุ คนสามารถเขา้ ใช้ไดอ้ ย่างสะดวกและทว่ั ถึงอยา่ งเท่าเทียมกนั ท้ังหมดน้ี คอื เปา้ หมายและผลกระทบส�ำคัญของโครงการน้ี ซง่ึ เปน็ การ ทา้ ทา้ ยในการรเิ รมิ่ สง่ิ ใหมแ่ ละมคี วามสำ� คญั นนั่ กค็ อื การกอ่ เกดิ ระบบฐานขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั ใหมจ่ ากตา่ งประเทศในขนาดใหญ่ ทำ� นองคลา้ ยการ จดั ทำ� โครงสรา้ งพนื้ ฐานทส่ี ำ� คญั ในอนาคตตอ่ ไป สำ� หรบั การวจิ ยั ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ ไทย รวมทงั้ การวจิ ัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และศาสตรส์ าขาอืน่ ๆ ท่เี กย่ี วข้อง 255
การดำ� เนนิ การในเรอ่ื งน้ี จงึ มลี กั ษณะตรงกนั ขา้ มกนั กบั สำ� นวนไทยทมี่ กั พบบอ่ ยๆ ว่า “ขชี่ า้ งจบั ต๊ักแตน” เพราะพระองค์ทรงเรมิ่ จากจดุ เล็กๆ แต่ส่งผล ดมี ปี ระโยชนใ์ นระดบั กวา้ งและลกึ ตอ่ สงั คม คอื เปน็ การลงทนุ ครงั้ เดยี ว จากกลมุ่ คนเล็กๆ ตามพระราชด�ำรแิ ละพระราชประสงค์ของพระองค์ อย่างต่อเน่อื งใน รอบ ๓๐ ปที ผ่ี า่ นมา แตป่ ระชาชนทวั่ ประเทศสามารถเขา้ ถงึ และนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ ไดห้ ลายหลากทศิ ทาง ดงั นน้ั ผลทไ่ี ด้ จงึ มลี กั ษณะคลา้ ยขตี่ ก๊ั แตนแตจ่ บั ชา้ งไดท้ งั้ โขลงกไ็ ด้ เพราะ เมอื่ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ และมสี ว่ นรว่ มในการเขยี นในการสรา้ งประวตั ศิ าสตร์ ชาตจิ ากทกุ มมุ มอง หรอื จากผคู้ นส่วนใหญใ่ นสังคมแล้ว แนน่ อนวา่ ย่อมส่งผล กระทบในทางที่ดีต่อส่วนต่างๆ ของสังคมไทยต่อไปอย่างไม่ส้ินสุด และเพียง เฉพาะดชั นชี ้วี ัดเพยี งดา้ นน้ีตวั เดียวกถ็ ือว่าคมุ้ คา่ แล้ว ส�ำหรบั สิง่ ท่ีพระองคท์ รง ริเร่ิมและมานะในการด�ำเนินการมาอย่างต่อเน่ือง จนเป็นรูปเป็นร่างดังช่ือที่ ปรากฏในปัจจุบัน เมื่อต้นปี ๒๕๖๕ คือ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหมอ่ มอาจารย์” กอ่ นจบการทบทวนนี้ มบี ทสง่ ทา้ ยทตี่ อ้ งการเนน้ ใหเ้ หน็ วา่ โครงการวจิ ยั น้ีเป็นการท�ำงานอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มคนท่ีมีหัวใจเดียวกัน คือสนใจ มีใจรัก ประวตั ศิ าสตรแ์ ละตอ้ งการผลกั ดนั ใหป้ ระวตั ศิ าสตรเ์ ปน็ ทนี่ า่ สนใจของประชาชน ท่ัวไป ซึ่งมีการด�ำเนินการมามากกว่าสามทศวรรษแล้ว และยังคงมีการ ด�ำเนินการต่อไปอยา่ งต่อเนอ่ื งในอนาคตอกี ยาวไกล เพราะเปน็ โครงการวจิ ัยที่มเี ป้าหมายและหวังผลในระยะยาวและกวา้ ง เพอื่ การสร้างองค์ความรทู้ างประวัติศาสตร์ชาตริ ว่ มกันอย่างรอบดา้ น คอื มิใช่ การเชดิ ชฝู า่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ เปน็ พเิ ศษหรอื ทำ� ใหใ้ ครเปน็ “พระเอก”ของเหตกุ ารณ์ ทางประวัติศาสตร์นั้น ในขณะเดียวกันก็มิได้ต้องการค้นหา “แพะ” หรือ กล่าวหา “ผู้ร้าย” ในทางประวัติศาสตร์เช่นกัน เพราะความผิดพลาดในอดีต เปน็ สง่ิ ทยี่ อมรบั กนั ได้ และเรากส็ ามารถกา้ วขา้ มอดตี นน้ั ดว้ ยการใหค้ วามหมาย ใหมใ่ นแบบ “ประวตั ศิ าสตร์ทางเลอื ก” (alternate history or alternative 256
history) เพ่ือนำ� มาเปน็ บทเรียนและสามารถนำ� ไปใชใ้ ห้เป็นประโยชนต์ อ่ ไปทัง้ ในปัจจบุ นั และอนาคตได้ อะไรคอื “ประวตั ศิ าสตรท์ างเลอื ก” อา่ นฟงั แลว้ อาจไมค่ นุ้ หู แตค่ งเขา้ ใจ ได้ไม่ยากนัก เพราะมีความหมายง่ายๆ คือเป็น “ทางเลือก” ในการมอง ประวัติศาสตร์ต่างๆ อย่างเข้าใจง่ายๆ จากจุดยืน การมองต่างมุมในลักษณะ “ทวนกระแส” หรอื การมมี มุ มองใหมๆ่ ทแ่ี ตกตา่ งไปจากความรู้ “กระแสหลกั ” หรอื แนวเดิมอยา่ งสิ้นเชงิ เช่น การมองจากมุมสงครามไปสู่สนั ติภาพ จากการ ใช้ความรุนแรงไปสู่สนั ติวธิ ี จากความเกลยี ดชังไปสูค่ วามเปน็ มติ รตอ่ กนั ดังตัวอย่างเช่น พระองค์ทรงนิพนธ์สารคดีท่องเท่ียวจ�ำนวนมากในเชิง “ประวัติศาสตรท์ างเลือก” เช่น ทรงปรับเปลย่ี นเรอ่ื งส�ำคญั จาก “ไทยรบพม่า” มาเป็น “ไทยเท่ยี วพมา่ ” เมอื่ ปี ๒๕๒๙ กอ่ นทีโ่ ลกคอมมวิ นสิ ตจ์ ะลม่ สลายและ ประชาคมอาเซียนถือก�ำเนิดขึ้น ในการนี้จึงทรงเป็น “ผู้น�ำ” ในการน�ำเสนอ แนวทาง “ประวตั ศิ าสตรท์ างเลอื ก” การ “ทวนกระแส” อยา่ งเดน่ ชดั เมอ่ื เทยี บ กบั กระแสความรหู้ ลักของสงั คมไทยในยุคน้นั ในยคุ สงครามเย็น ในสมัยก่อนจะมแี นวคิดเรอื่ ง “ประชาคมอาเซียน” น้ัน พระองค์ทรงเล่าเร่ืองราวของความสัมพันธ์ไทยกับพม่าในความหมายใหม่ จากโลกเกา่ เพอื่ เปน็ “ทางเลอื ก” ใหแ้ กท่ ง้ั คนไทย คนพมา่ รวมทงั้ ผคู้ นในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตแ้ ละภมู ภิ าคอน่ื ๆ ทวั่ โลก ทลี่ ว้ นตา่ งมเี พอื่ นบา้ น และไมส่ ามารถ ย้ายหนีไปจากเพื่อนบ้านได้ ดังนั้น หากยังคงสอนส่ังผ่านวาทกรรมเดิม สร้าง ความ “เกลียดชัง” กย็ อ่ มมปี ัญหาต่อกนั อยู่เสมอ แต่ถ้าหากเราเห็นพ้องว่า วิชาประวัติศาสตร์มีประโยชน์ มีทางเลือก โดยเฉพาะในแงก่ ารฝกึ หดั การคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ มจี ติ สำ� นกึ ของ ความเป็นนกั ประวัติศาสตร์ทด่ี ีในเชงิ สรา้ งสรรค์ตามแบบของพระองค์ และคดิ ว่าประวัติศาสตร์ให้บทเรียนอันมีคุณค่าแก่เราแล้ว ก็ย่อมจะได้ประโยชน์และ บทเรียนน้นั จาก “พระสไตล”์ การทรงสอนของทูลกระหมอ่ มอาจารย์ ทงั้ ใน ชน้ั เรียนและนอกห้องเรียนหรือสารคดีท่องโลกกวา้ งเป็นอยา่ งดียิง่ 257
ปรชั ญาประวตั ศิ าสตรข์ องโครงการวจิ ยั นี้ กไ็ ดเ้ จรญิ รอยตามพระราชดำ� ริ และพระราชประสงคใ์ นการเรยี นการสอนของทลู กระหมอ่ มอาจารยน์ น้ั เชน่ กนั และอาจเปน็ ไปหรอื มลี กั ษณะคลา้ ยๆ กบั ความตามสำ� นวนฮติ หนงึ่ ในโลก online ทว่ี า่ “มองไปข้างหน้าอยา่ งมีความหวงั มองไปขา้ งหลงั อยา่ งมีบทเรยี น” อะไร ท�ำนองน้นั เพื่อการน้ี จึงมีความจ�ำเป็นต้องมีการจ�ำลองเหตุการณ์ในอดีตให้ ใกลเ้ คยี งกบั ความจรงิ ทส่ี ดุ เทา่ ทจ่ี ะเปน็ ไปได้ และพยายามเขา้ ใจเขา้ ถงึ การตดั สนิ ใจของทุกฝา่ ยในเหตุการณน์ น้ั ๆ อยา่ งรอบดา้ น เพ่ือค้นหาบทสรุป บทเรียนทม่ี ี ค่าส�ำหรับปัจจุบันและอนาคต อันจะเป็นรากฐานส�ำคัญส�ำหรับการก�ำหนด ทศิ ทางหรอื วางแนวทาง ทีถ่ กู ตอ้ งตรงกบั ขอ้ เทจ็ ริงอย่างมีเหตมุ ีผลใหก้ ับคนรุ่น ใหมแ่ ละประเทศชาตติ ่อไป ทจี่ รงิ การรวบรวมเอกสารและการจดั สมั มนาเรอื่ ง ๗๐ ปี ไทยกบั สงคราม เกาหลี และเร่ืองอาเซยี นจากสมาคมสปู่ ระชาคม ตามโครงการวจิ ยั ทัง้ สองนกี้ ็มี ความม่งุ หมายนนั้ เชน่ กนั คือจดุ ประสงคห์ ลกั มใิ ชเ่ พ่อื หาขอ้ ยุติเกยี่ วกับไทยกับ สงครามเกาหลี ไทยกับอาเซียน หรือการกล่าวโทษฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดโดยเฉพาะ แม้ว่าได้มกี ารเปดิ เผยความจรงิ ในบางด้านทร่ี า้ ย ไม่ดี ของประเทศทเ่ี ก่ยี วข้อง เช่น บทบาทและอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา ท่ีมีต่อไทยในสงครามเกาหลีและ อาเซียน หากตอ้ งการเปดิ ประเดน็ และมมุ มองใหมๆ่ เพอื่ กระต้นุ ให้มีการศกึ ษา วิจัยในเร่ืองนี้และอ่ืนๆ ให้มีความรอบด้าน ก้าวหน้าจากหลักฐานต่างๆ ของ ตา่ งประเทศท่ีเก่ียวขอ้ งทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ที่ส�ำคัญคือ การรวบรวมเอกสารและการจัดสัมมนาประจ�ำปีท่ีผ่านมา จ�ำนวนไม่น้อยกว่า ๔-๕ ครั้งแล้วน้ัน ก็เพื่อต้องการจะบอกกล่าวเล่าถึง ความเปน็ มาของ “หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ ทลู กระหมอ่ มอาจารย”์ ในการ ดำ� เนนิ การอยา่ งตอ่ เนอื่ งในการรวบรวม จดั เกบ็ และเผยแพรเ่ อกสารสำ� คญั ทาง ประวตั ศิ าสตรจ์ ากหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ และการสบื สานพระราชปณธิ าน ของพระองค์ และเพราะด้วยการสนับสนุนจากส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติใน 258
รอบ ๒-๓ ปีท่ีผ่านมานี้ ท้ังด้านเงินทุนและผู้เชี่ยวชาญ นักสารสนเทศด้าน บรรณารักษ์ เพื่อให้การจัดเก็บฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์อยู่ในระบบที่ ทนั สมยั และเปิดบริการใหน้ กั วิชาการ นิสติ นักศกึ ษา และผสู้ นใจทว่ั ไปสามารถ เขา้ ถงึ แหล่งข้อมูลทางประวตั ศิ าสตรน์ อ้ี ย่างสะดวกยง่ิ ขึ้นนนั้ จงึ เปน็ ไปไดอ้ ยา่ ง จรงิ จงั และสำ� เร็จไปอกี ขั้นหนึ่งแล้ว เมื่อมีแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่และประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายแล้ว แน่นอนว่าการสรา้ งสรรคค์ วามรูท้ างประวัติศาสตร์ ยอ่ มเปิดกวา้ งใหก้ บั ทกุ คน จึงมีความเป็นไปได้มากว่าประชาชนย่อมจะมีส่วนร่วมในการแสวงหาความรู้ และสรา้ งองคค์ วามรใู้ หก้ บั สงั คมในดา้ นตา่ งๆ อยา่ งมคี ณุ ภาพ และเปน็ พลเมอื ง ท่มี ีคณุ ภาพของสังคม และสงั คมไทยก็จะก้าวไปสู่การเปน็ สังคมแหง่ ความรู้ คอื มีความรู้ในการน�ำทางให้กบั สังคมและประเทศชาตกิ ันต่อๆ ไป อนั ทจ่ี รงิ แลว้ การสรา้ งพลเมอื งทดี่ ี มคี ณุ ภาพในการแสวงหาความรเู้ ปน็ เรอ่ื งสำ� คญั และเปน็ ทต่ี อ้ งการของทกุ สงั คมทกุ ยคุ สมยั และทกุ สงั คมทกุ ยคุ สมยั ไมว่ ่าทางฝ่ายตะวันตก ยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือทางฝ่ายตะวันออกทางเอเชยี ก็ตาม ล้วนต่างก็มรี ะบบการตระเตรียมและอบรมพลเมืองทด่ี ีมีคณุ ภาพตลอด มา นอกจากตอ้ งมกี ารฝกึ ฝนพลเมอื งทดี่ ี มคี ณุ ภาพ และมวี ธิ กี ารหรอื แหลง่ ขอ้ มลู ความรทู้ ดี่ แี ลว้ ยงั ตอ้ งขนึ้ อยกู่ บั วตั ถดุ บิ หรอื แหลง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารรอบดา้ นอกี ดว้ ย ในการสร้างพลเมืองท่ีดี มีคุณภาพ และสามารถแสวงหาและผลิต ความรู้ทางประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน ดังความตอนหนึ่งในเอกสารประกอบการ ทรงสอนของพลเอกหญิง ศ.เกียรติคุณ ดร.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ความว่า “การศกึ ษาเรอ่ื งราวในอดตี จำ� เปน็ อยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะตอ้ งพงึ่ หลกั ฐาน เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มลู หรอื ขอ้ สนเทศทจี่ ะนำ� มาใชใ้ นการศึกษาวจิ ยั การหา ขอ้ มลู มไี ดห้ ลายวธิ ี อาจใชก้ ารอา่ นหลกั ฐานทเี่ ปน็ เอกสารลายลกั ษณ์ การสัมภาษณ์ การสังเกต การส�ำรวจพ้ืนท่ีร่องรอยท่ีเกิดเหตุ 259
ตรวจดสู งิ่ ของเครอ่ื งใช้ ภาพแผนท่ี ทงั้ นขี้ น้ึ อยกู่ บั หวั ขอ้ ทเี่ ราจะศกึ ษา ค้นคว้า การหาขอ้ มลู หรอื หลกั ฐาน ควรหาหลกั ฐานใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ และ หลากหลาย เพอ่ื ตรวจสอบ ตรวจทานกนั และกนั ใหม้ นั่ ใจวา่ จะจำ� ลอง ภาพในอดตี ไดใ้ กลเ้ คยี ง ขอ้ ผิดพลาดทางประวตั ิศาสตร์ (historical fallacy) ประการ หน่ึงคือ การมุ่งค้นคว้าหลักฐานประเภทเดียว มองไปในทางเดียว และละเลยหลกั ฐานอนื่ ๆ ท่มี อี ยู่ จะท�ำใหไ้ ม่ไดค้ ำ� อธิบายทร่ี อบด้าน และมีน�้ำหนกั นา่ เชอ่ื ถือ” (จุดมุ่งหมายและขอบเขตการศึกษา และวิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์ วิชาประวัตศิ าสตร์ไทย ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) อยา่ งไรกต็ าม การใชป้ ระโยชนใ์ นทางประยกุ ตจ์ ากผลงานวจิ ยั ทไ่ี ดน้ ี้ คง มใิ ชเ่ พยี งเฉพาะรปู ธรรมหรอื ผลในระยะสนั้ คอื การเพม่ิ ขนึ้ ของเอกสารชดุ ใหมๆ่ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง เชน่ เกาหลใี ต้ จนี ญปี่ นุ่ เวยี ดนาม สหรฐั อเมรกิ า ฝรงั่ เศส องั กฤษ อินเดีย และออสเตรเลีย และ/หรือเพียงในด้านการศึกษาวิจัยและการเรียน การสอนทางประวัตศิ าสตร์เทา่ นั้น หากยงั มผี ลในเชิงนามธรรมหรือดอกผลใน ระยะยาวอีกด้วย เพราะสามารถน�ำดอกผลจากการวิจัยนี้ไปใช้ในทางพัฒนา ความคิดอ่านของผูค้ นให้มคี ุณภาพ คือ คดิ วิเคราะหเ์ ปน็ มเี หตุมีผล และไม่เชอื่ อะไรง่ายๆ ให้ติดเป็นนิสัยและมีวินัยในตนเองเสมอ อีกท้ังยังมีการสร้างสรรค์ ความรูใ้ หมท่ ั้งในเชงิ ลกึ และกวา้ งข้นึ อีกด้วย ด้วยเหตุนั้น การใช้ประโยชน์จากโครงการวิจัยน้ี จึงมิใช่เพียงด้านการ ศึกษาวิจัยและการเรียนการสอนทางประวัติศาสตร์เท่าน้ัน หากยังสามารถนำ� ไปประยุกต์ใช้ในทางพัฒนาความคิดอ่านของผู้คนให้มีคุณภาพ ซ่ึงย่อมเท่ากับ เปน็ การสร้างคน สรา้ งชาติ และสรา้ งทหารอาชีพไปในตัวได้เปน็ อยา่ งดอี กี ด้วย แต่การประยุกต์ใช้นี้จะมีผลอย่างจริงจัง ก็ต่อเม่ือมีการกระจายตัวของแหล่ง 260
ข้อมูลความรู้จากเอกสารต่างประเทศออกไปในวงกว้าง หรือท�ำให้ประชาชน สามารถเขา้ ถึงเอกสารดงั กล่าวได้อยา่ งท่ัวถึง ทงั้ ทาง on-site และทาง online ซง่ึ เป็นเรื่องท้าท้าย ตอ้ งอาศัยเงินทนุ เวลา ก�ำลงั คนและเทคโนโลยีเขา้ ช่วย การทำ� ใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ถงึ เอกสารดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ นนั้ ถอื เป็นเป้าหมายส�ำคัญหน่ึงของการด�ำเนินการ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” แม้ท่ีผ่านมาหลายครั้ง รวมทั้งในรอบ ๒-๓ ปีน้ีจาก โครงการวิจัย ซ่ึงได้มีความพยายามเผยแพร่เร่ืองต่างๆ ของเอกสารส�ำคัญ เหลา่ นอ้ี อกไปสผู่ สู้ นใจในวงกวา้ ง เชน่ การจดั สมั มนาและการใหบ้ รกิ ารเอกสาร ตามสถาบนั การศึกษา ฯลฯ แต่ก็ยงั ไปไมท่ ่วั ถึง เนอ่ื งจากการรับร้ยู งั คงจำ� กัดใน วงแคบอย่ดู ี คือมไิ ดส้ ร้างความสนใจให้เกิดหรือเปดิ ให้คนท่ัวไปได้เข้ามามสี ว่ น ร่วมมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสเข้าถึงและน�ำ เอกสารดงั กล่าวไปใช้ ประยุกต์ใช้อยา่ งจรงิ จงั แตก่ อ่ นจะไปถงึ จุดนน้ั เร่ืองน้ีเป็นปัญหาใหญใ่ นระดบั ชาติกว็ ่าได้ และ จำ� เปน็ ต้องสรา้ งรากฐานให้คนรุ่นใหม่ คนท่วั ไป ได้หนั มาสนใจและรว่ มศึกษา เพอ่ื ผลิตความรทู้ างประวตั ศิ าสตร์ให้เกิดขึ้น และหน่ึงในนั้นซง่ึ ประเทศท่ีเจรญิ แลว้ ไดใ้ ชต้ ลอดมา นน่ั กค็ อื การเปดิ ใหป้ ระชาชนมบี ทบาทมอี ทิ ธพิ ลรว่ มกำ� หนด องคค์ วามรปู้ ระวตั ศิ าสตรช์ าติ หรอื เปน็ การเขยี นประวตั ศิ าสตรช์ าตริ ว่ มกนั ของ ทกุ ฝา่ ย จากทกุ มมุ มอง แตไ่ มจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมาเขยี นในโครงการเดยี วกนั โดยรฐั เปน็ ฝ่ายก�ำกับ หากทุกฝ่ายทุกกลุ่มมีอิสระในการสร้างความรู้นั้นบนฐานข้อมูลท่ี หลากหลายอยา่ งสมเหตุสมผล สง่ิ หน่ึงทจ่ี ะชว่ ยท�ำให้เกดิ บรรยากาศและสร้างสภาพความเปน็ ไปได้ใน เรอื่ งน้ี นนั่ กค็ อื การเรม่ิ จากการเปดิ โอกาสใหท้ กุ คนทส่ี นใจ ใจรกั สามารถเขา้ ถงึ แหล่งข้อมูลหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้อย่างทั่วถึง เพื่อผลิตความรู้สู่สังคม และเป็นสว่ นหนงึ่ ขององค์ความรขู้ องสังคมต่อไป และทง้ั หมดนีก้ ็เปน็ ที่มาของ โครงการวจิ ยั รวบรวมและจดั เกบ็ เอกสารไทยจากตา่ งประเทศ ตามพระราชดำ� ริ และพระราชประสงคข์ องทลู กระหม่อมอาจารย์ 261
อย่างไรก็ดี ในเรอ่ื งการเข้าถึงและใชเ้ อกสารตา่ งประเทศนี้ แทนทจ่ี ะมี เพยี งการเผยแพรใ่ นรปู แบบตา่ งๆ ตามทเี่ สนอมา เชน่ การจดั สมั มนาทางวชิ าการ การแปล การวิจัยเชิงลึก และการเปิดบริการทาง on-site และทางห้องสมุด online (ทงั้ ผา่ นระบบ intranet รร.จปร. และระบบ internet ท่ัวไป) แลว้ ใน ฐานะหวั หนา้ โครงการวจิ ยั นมี้ ขี อ้ เสนอแนะอกี เรอื่ งหนง่ึ ซง่ึ ผเู้ ขยี นเคยทำ� มาแลว้ นั่นก็คือ การเขยี นเล่าเรอื่ งราวทางวธิ กี าร หลักในการคน้ คว้าและการเขา้ ใจตัว ระบบการจัดเอกสารของ NARA เพื่อเผยแพร่ในเชิงความรู้ด้านวิธีการทาง ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการเรยี นรใู้ นอกี มติ หิ นงึ่ ของการคน้ ควา้ เอกสารตา่ งประเทศ ซึ่งก็ได้รบั การตอบรับจากผู้สนใจเปน็ อย่างดี ในเร่ืองท�ำนองเชน่ น้ี จงึ เห็นควรสง่ เสรมิ และสนับสนุนให้คณะคน้ ควา้ / วิจัย คืออาจารย์ นักวิจัยแต่ละท่าน ท่ีรับผิดชอบหรือมีความรู้เกี่ยวกับ หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติของประเทศนั้นๆ ได้กรณุ าช่วยกันเขยี นเร่ืองเล่าเก่ยี ว กับระบบหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติของประเทศนน้ั ๆ เช่น จนี รัสเซยี เยอรมนี ญป่ี นุ่ ฝรงั่ เศส ออสเตรเลยี องั กฤษ อนิ เดยี เพอื่ นบา้ นกลมุ่ อาเซยี น เชน่ กมั พชู า ลาว เวียดนาม พรอ้ มด้วยขอ้ คิด เทคนคิ ต่างๆ รวมทั้งประสบการณจ์ ากการคน้ อ่านวิเคราะห์เอกสารเหล่านั้น เพ่ือการเผยแพร่ในอีกทางหนึ่งด้วยก็ย่ิงดี คือ เปน็ การสรา้ งแบบอยา่ ง (model) หรอื เปน็ ชดุ ความรใู้ นการคน้ ควา้ เอกสารจาก หอจดหมายเหตุต่างประเทศในแต่ละแห่งแตล่ ะประเทศ การเขียนเล่าเรื่องในลักษณะน้ี ถือเป็นการถ่ายทอดทางประสบการณ์ และมีประโยชน์กับผู้สนใจไม่น้อย และคงเปรียบได้กับการจัดการความรู้ (Knowledge Management, KM) หรอื เปน็ การสรา้ งสรรคใ์ นเชงิ “นวตั กรรม” ของการสืบค้น รวบรวม และจัดเก็บเอกสารจากหอจดหมายเหตุต่างประเทศ ที่ไดก้ ลา่ วมาแลว้ น่ันเอง นอกจากนี้ ยังควรต้องมีกิจกรรมอ่ืนๆ เพ่ือเผยแพร่ท้ังตัวเอกสาร ความรู้และระบบของหอจดหมายเหตุในแต่ละประเทศไปสู่ผู้สนใจในวงกว้าง โดยผา่ นชอ่ งทางของอนิ เทอรเ์ นต็ เชน่ Live Zoom ผา่ น Facebook, YouTube 262
เช่น การน�ำเสนอตัวเอกสารส�ำคัญของแต่ละประเทศ แต่ละยุคสมัย เช่น สงครามโลกฯ สงครามเยน็ หรอื หวั ขอ้ เดน่ ๆ เชน่ สงครามเกาหลี สมาคมอาเซยี น และสงครามเวียดนาม มาจัดแสดงคล้าย “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” เพ่ือให้เอกสาร สำ� คญั ต่างๆ สามารถเล่าเร่ืองเองตามแบบ “เอกสารเก่าเล่าต�ำนาน” และอาจ อาศัยเทคนิคบางส่วนจากระบบของโลกเสมือนจริงมาเป็นตัวช่วย เพ่ือช่วยให้ คนร่นุ ใหม่ สนุกกบั การเรียนร้เู อกสารตา่ งประเทศไปในตวั อีกทางหน่ึงที่ควรต้องท�ำคือ การน�ำความรู้จากเอกสารส�ำคัญ และตัว ระบบของหอจดหมายเหตุในแต่ละประเทศ มาเผยแพร่เป็นตอนๆ คล้ายการ พูดคุยกลุ่มย่อยและไม่จ�ำกัดผู้ฟังทาง Zoom/Facebook ด�ำเนินการโดย ผู้รับผิดชอบของ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” โดย ขอพระราชทานจากพระองคเ์ ป็นจุดเริม่ ตน้ เช่น พระองคท์ รงเล่าถึงความเปน็ มา พระราชด�ำริและพระราชประสงค์ในการด�ำเนินการต่อไปในปัจจุบันและ อนาคต และเปา้ หมายใหญท่ ี่พระองค์ทรงวางไว้ ฯลฯ จากนน้ั จงึ ตอ่ ดว้ ยประสบการณแ์ ละความรจู้ ากทมี งาน คณะคน้ ควา้ โดย อาจเป็นการสัมภาษณ์สดจากทีมงานของประเทศน้ันๆ เป็นกลุ่มเล็กหรือราย บุคคล และเปิดใหผ้ ูช้ มสามารถซกั ถามผ่าน Live Zoom เป็นต้น และกจิ กรรม เหล่านีค้ วรต้องท�ำอย่างต่อเนื่อง คอื มีตารางกำ� หนดไวล้ ่วงหน้าเปน็ อาทติ ยห์ รือ เดือน และสามารถชมซ้ำ� ผ่านทาง YouTube หรอื ช่องทางอน่ื ๆ กไ็ ด้ ทง้ั นี้ เพ่อื เผยแพร่ส่ิงทเ่ี ป็นประโยชน์ใหก้ ับคนไทย ทั้งในแวดวงวชิ าการ และประชาชนทวั่ ไป ทไ่ี มเ่ คยไปคน้ คว้า ไมเ่ คยรบั รูเ้ รอื่ งราวเหลา่ นี้ จะได้เข้าใจ หลักคดิ วิธีการ ตลอดจนตวั ระบบของหอจดหมายเหตุฯ นน้ั ๆ พร้อมกันน้นั ก็ เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยในการกระตุ้นให้ผู้สนใจมีข้อคิด ข้อตระหนัก ความ รอบรู้เก่ียวกับเอกสารช้ันต้นและข้อระมัดระวังการน�ำไปใช้ โดยอาศัยการเล่า เรื่องนั้นผ่านหลักคิด วิธีการทางประวัติศาสตร์ ให้มีความรู้ทางระบบของ หอจดหมายเหตซุ ง่ึ มคี วามแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะประเทศ รวมทงั้ ความรทู้ างวชิ าการ และรู้จักการตรวจสอบข้อมูลและรู้จักธรรมชาติของหลักฐานเอกสารดังกล่าว 263
ในเบ้ืองต้น คือเป็นเรื่องเล่าก่ึงวิชาการท่ีมีสาระมีข้อชวนคิดชวนถกเถียงในตัว ดว้ ย ทำ� นองคลา้ ยเรอ่ื ง “ลบั สมอง” ไปในตวั ตามพระราชดำ� รฯิ หรอื ตามปรชั ญา จนี โบราณทเี่ คยกลา่ วมาแล้ว แตค่ วรต้องเนน้ ไวเ้ สมอวา่ “การศกึ ษาโดยไมค่ ดิ ไร้ประโยชน์ การคิดโดยไม่ศกึ ษา เป็นอันตราย” ในงานน้ี จงึ มขี ้อเสนอแนะในเชงิ สรุปอีกคร้งั ท่อี งิ ไปกับพระราชดำ� ริใน การทรงสอนของพลเอกหญงิ ศ.เกยี รตคิ ณุ ดร.สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คือต้องการให้มีการเขียน เร่ืองเล่าความรู้จากการค้นคว้าเอกสารต่างประเทศในแต่ละประเทศ เพ่ือให้ ผู้อ่านผู้สนใจได้ข้อคิด และคิดวิเคราะห์เป็น บนหลักฐานข้อมูลท่ีเป็นจริงและ มีเหตุมีผล ดังแนวทางตามพระราชด�ำริที่ทรงสอนนักเรียนนายร้อยเสมอมา ใจความตอนหนงึ่ ทว่ี า่ “ขอใหต้ ง้ั ใจเปน็ “นกั ประวตั ศิ าสตร”์ ทดี่ ี คอื รจู้ กั สงั เกต ไต่ถาม จดจ�ำและน�ำสิ่งที่ศึกษาจดจ�ำมาได้ มาวิเคราะห์หาเหตุผลที่ถูกต้อง ต่อไป” (พระราชนพิ นธค์ �ำน�ำ ในอสี านเหนอื , ๒๕๓๒) หากมีการท�ำงานบนฐานคิดน้ีอย่างซื่อตรงแล้ว ในท่ีสุดนอกจากจะได้ องค์ความรู้ทางระบบของหอจดหมายเหตุต่างประเทศแล้ว ยังมีความรู้ที่มี คุณภาพจากข้อมูลต่างประเทศท่ีได้มาน้ันอีกหลากหลายด้วย และเม่ือผ่าน กระบวนการฝกึ คดิ คดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ แลว้ ยอ่ มจะไดค้ วามจรงิ มขี อ้ มลู ใหม่ ทจี่ ะ น�ำไปสรา้ งสรรค์ความรใู้ หมๆ่ หรือสรา้ งเรือ่ งราวต่างๆ ไดอ้ ยา่ งมีพลงั มนี ้ำ� หนัก และเปน็ ท่ียอมรับกนั ได้ ทงั้ ในแวดวงวิชาการและสังคมทัว่ ไป กระบวนการฝึกคิดและคิดวิเคราะห์เป็นน้ี อาจเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร”์ ซงึ่ เปน็ หลกั คดิ และวธิ กี ารทำ� งานของนกั ประวตั ศิ าสตร์ ที่มมี านานแลว้ และวิธกี ารนีไ้ มเ่ ปน็ ทส่ี องรองใครในเชงิ ของการแสวงหาความรู้ และการพัฒนาความคิดอ่านของผูค้ นให้มคี ุณภาพ มีใจกวา้ ง มีเหตผุ ล ไมเ่ ชอ่ื อะไรงา่ ยๆ และมคี วามคดิ เปน็ ของตนเอง และเชอื่ วา่ ทกุ ทา่ นจะมสี งิ่ เหลา่ นห้ี าก มี “นกั ประวัตศิ าสตร”์ ท่ีดีในจิตใจ 264
ดงั น้ัน หลกั สตู รและวิธกี ารในการศกึ ษาในเมืองไทย จึงควรปรบั เปล่ยี น ทงั้ ดา้ นวธิ กี ารและเนอ้ื หาในการเรยี นการสอนวชิ าประวตั ศิ าสตรเ์ สยี ใหม่ เพราะ หากยังยึดแบบเก่าแบบเดิมแล้ว สังคมไทยก็จะขาดโอกาสในการใช้ประโยชน์ ในอกี ดา้ นหน่ึงของวิชานีไ้ ปอย่างน่าเสยี ดาย คอื เปน็ เร่อื งความเขา้ ใจผดิ อยมู่ าก หากคิดเพียงว่าความส�ำคัญของวิชาประวัติศาสตร์อยู่ที่ตัวเนื้อหาและการ ปลกู ฝงั ความรกั ชาติเท่านัน้ เพราะอันที่จริงแล้ว สองส่ิงส�ำคัญนี้คือ ผล และเปล่ียนแปลงได้เสมอ แตค่ วามสำ� คญั ทอี่ ยเู่ หนอื ความสำ� คญั ดงั กลา่ วกลบั เปน็ ตวั วธิ กี าร ซงึ่ จะสง่ ผลให้ สองสง่ิ แรกนน้ั เกดิ ความเปลย่ี นแปลงไปตามหลกั ฐานขอ้ มลู ใหม่ ความรใู้ หม่ และ ความรู้ใหม่ทางประวตั ศิ าสตร์ยอ่ มเกดิ ข้นึ เสมอ หากมีการคน้ พบข้อมูลชดุ ใหม่ การตีความใหม่ การมีมุมมองใหม่ หรอื แม้แตก่ ารเกดิ สถานการณ์ทางการเมอื ง ใหม่ เช่นนีแ้ ลว้ เนอื้ หาทางประวัตศิ าสตรจ์ ึงมกั ไม่ตายตวั นกั ทำ� ไมเนอ้ื หาทางประวตั ิศาสตร์ จึงมักไมต่ ายตัว คืออาจเปลี่ยนแปลงไป ตามยุคสมยั ได้ หากมอี ะไรใหม่ๆ เกิดขนึ้ ค�ำถามนฟ้ี ังดแู ล้วนา่ จะเข้าใจยากมาก อยู่ หากไม่มตี วั อย่างเชิงประจักษ์ประกอบใหช้ ดั เจน และเพอื่ ความเขา้ ใจเข้าถงึ วชิ าประวตั ศิ าสตรใ์ นมติ ใิ หมน่ ้ี ผอู้ า่ นกส็ ามารถประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการ วจิ ัยนไ้ี ดเ้ ปน็ อย่างดี โดยอาศัยตวั เอกสารสำ� คัญจากต่างประเทศเปน็ แกนกลาง เรอ่ื ง เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ วา่ หากมกี ารคน้ พบขอ้ มลู ชดุ ใหม่ ดงั ตวั อยา่ งขอ้ มลู ลบั -ลบั ทสี่ ดุ ของสหรฐั อเมรกิ า (NARA) ในสมยั สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ สมยั สงครามเกาหลี หรือในสมัยอาเซียนจากสมาคมสู่ประชาคมนั้น จะส่งผลกระทบต่อค�ำอธิบาย เดิมในประวัติศาสตรไ์ ทยทีผ่ ่านมาอยา่ งไร แนน่ อนวา่ การนำ� ขอ้ มลู ใหมจ่ ากเอกสารตา่ งประเทศนไ้ี ปใช้ ไปเผยแพร่ ไปแสดงในเชิงของการทบทวน “ทวนกระแส” ความรู้เดิม และแสดงให้เห็น อย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุผลว่า ความรู้เดิมนั้นสามารถถูก ปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงได้เสมอจากการพบข้อมูลชุดใหม่ และมีตัวอย่าง มากมายในประวตั ิศาสตรไ์ ทยสมัยใหม่ 265
ดังตัวอย่างเช่น การพิสูจน์ให้เห็นว่าการค้นพบข้อมูลชุดใหม่น้ันได้ส่ง ผลกระทบตอ่ ค�ำอธบิ ายเกา่ เนือ้ หาท่ีมคี วามเชือ่ กันตลอดมาว่า เปน็ ความจริง นัน้ เชน่ ก�ำลงั พลของขบวนการเสรไี ทยมีขนาดใหญ่เป็นแสนคนน้นั กลับกลาย เปน็ เรอ่ื งไมจ่ รงิ อยา่ งมเี หตมุ ผี ล มนี ำ้� หนกั แลว้ เพราะมขี อ้ มลู ลบั ทสี่ ดุ จาก NARA ยืนยันชัดเจนว่า ตัวเลขเป็นแสนคนนั้นไม่เป็นความจริง หากเป็นแค่เพียงการ ประเมนิ ขน้ั สงู สดุ จากผนู้ ำ� เสรไี ทยภายในไทยและสง่ ผา่ นทางทตู ใตด้ นิ ดงั จะเหน็ ได้จากเอกสารลับท่ีสุด จากบันทึกค�ำให้การของนายกนต์ธีร์ ศุภมงคล ใน RG 226 จากกรณีน้ี แม้เพียงตัวอย่างเดียว ก็เพียงพอแล้วท่ีจะช่วยท�ำให้ผู้ฟัง ผอู้ า่ นเขา้ ใจเขา้ ถงึ ทง้ั ตวั วธิ กี าร เนอ้ื หาและความสำ� คญั ของหลกั ฐานประวตั ศิ าสตร์ โดยเฉพาะในแง่ของความจ�ำเป็นท่ีจะต้องค้นหาหลักฐานต่างๆ ให้รอบด้าน คน้ หาหลักฐานเอกสารใหมๆ่ เสมอ ตามรากฐานทางความหมายของการวจิ ยั ที่ ว่า “การค้นซ้�ำ” “การคน้ ใหม่” จากกองเอกสารเกา่ เพอ่ื ให้การอธิบายเป็นไป อย่างรอบด้าน มคี วามสมบูรณ์และทันสมัยทนั ตอ่ เหตกุ ารณย์ ิ่งๆ ขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การประยุกต์ใช้ประโยชน์ของโครงการวิจัยนี้ เรา สามารถนำ� เอาตวั เอกสารสำ� คญั จากตา่ งประเทศซงึ่ มจี ำ� นวนมากมายและหลาก หลายนนั้ มาแสดงเปน็ ตวั อยา่ ง เปน็ กรณศี กึ ษาในการชว่ ยเสรมิ สรา้ งและพฒั นา หลักคิดวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดียิ่ง โดยผ่านวิธีการหรือ หลักคิดตามกระบวนการท�ำงานของนักประวัติศาสตร์ ซึ่งโดยธรรมชาติก็มีอยู่ ในตัวตนของเราทกุ คนอยู่แล้ว ดงั วธิ กี ารในการตรวจสอบหาความจรงิ ในชีวติ ประจ�ำวนั ก็มตี วั อย่างอยู่ มากมาย เช่น เพื่อนสองคนทะเลาะกัน แล้วเราจะเช่ือฝ่ายไหนดี เพ่ือเข้าใจ เหตุการณ์รอบด้านและหาสาเหตุที่ขัดแย้งกันได้ เพ่ือการนี้ย่อมจ�ำเป็นต้องฟัง ความจากทง้ั สองฝา่ ย และหาหลกั ฐานอืน่ ๆ ประกอบด้วย ยิง่ ไดค้ นกลางหรือ หลักฐานอิสระมาเป็นพยานกย็ ่ิงดใี หญ่ ในทางตรงกนั ขา้ ม หากมกี ารเชอื่ ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ เปน็ การเฉพาะ หรอื ให้ นำ�้ หนกั กบั ฝา่ ยทเี่ ราสนบั สนนุ ยอ่ มจะทำ� ใหข้ อ้ สรปุ ทไี่ ดน้ น้ั ไมน่ า่ เชอื่ ถอื และอาจ 266
น�ำไปสู่การต่อต้านได้ โดยเฉพาะในสังคมที่มีความรู้เป็นฐานคิด ดังเรื่อง “วาทกรรมใหม่ บดิ เบอื นประวตั ศิ าสตร์ เลา่ เรอ่ื งดา้ นเดยี ว?” ทำ� ไมคนเกาหลใี ต้ ถงึ แบนซีรีส์ “Snowdrop” เพ่ือมิให้ซ�้ำรอยเร่ืองนี้ เริ่มต้นได้จากความหมาย ความส�ำคัญของ หลักฐานชั้นต้น โดยเฉพาะการใช้เอกสารจากต่างประเทศในการตรวจสอบ ความรเู้ ดมิ ทม่ี กั อา้ งองิ กบั ฝา่ ยหนง่ึ ฝา่ ยใดในความขดั แยง้ นนั้ และเชอ่ื กนั วา่ เปน็ ความจรงิ ตลอดมา และหากสามารถคน้ พบขอ้ มลู ใหมท่ หี่ กั ลา้ งอกี ฝา่ ยหนงึ่ ได้ ก็ ย่อมจะท�ำให้มีความรู้ใหม่จากเดิม ดังกรณีเอกสารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกฯ RG 457 เป็นหลกั ฐานอสิ ระในการเมอื งภายในไทยไดเ้ ปน็ อยา่ งดี พินิจในแง่นี้ บทบาทและอิทธิพลของข้อมูลชุดใหม่นั้น ย่อมสามารถ เปลย่ี นแปลงเนอ้ื หาทางประวตั ศิ าสตรไ์ ดเ้ สมอ ดงั ทไ่ี ดย้ กตวั อยา่ งหลายกรณใี น ประวัติศาสตรไ์ ทยสมัยสงครามโลกฯ ซึง่ ผลในข้อหลังนค้ี ือ การเขา้ ใจเขา้ ถงึ ตวั วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างมีรูปธรรมและเข้าใจง่ายๆ จากการใช้เอกสาร ตา่ งประเทศนั้นได้ดีเชน่ กนั หากผู้อ่านสามารถท�ำได้เช่นน้ีแล้ว แน่นอนว่าจะช่วยเสริมสร้าง เคร่อื งมือในการคดิ คดิ วิเคราะห์เป็น ให้กบั ผ้ฟู งั ผ้อู า่ นไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และย่อม จะชว่ ยทำ� ใหผ้ คู้ นเหน็ ประโยชนอ์ กี ดา้ นหนง่ึ ของวชิ าประวตั ศิ าสตร์ คอื การพฒั นา ความคดิ อา่ นท่มี คี ุณภาพใหก้ ับผู้คน ซึ่งก็คือ การพัฒนาเพอื่ สร้างคน สร้างชาติ และสรา้ งทหารอาชีพได้อยา่ งดี ทจ่ี รงิ แลว้ เรอ่ื งการใชว้ ชิ าประวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ การน้ี มมี านานและถอื เปน็ เรอื่ งปกตใิ นประเทศทางตะวนั ตกและทางตะวนั ออก เพราะทกุ สงั คมทกุ ยคุ สมยั ล้วนต่างใช้กันตลอดมา หากแต่ควรต้องท�ำให้ถูกวิธี คือการสอนหลักคิด วิธี การน�ำหน้าตัวเนอื้ หาทางประวัตศิ าสตร์ เพือ่ ให้เข้าใจเขา้ ถงึ ท่ีมาและท่ีไป และ เมือ่ เข้าใจเข้าถึงแลว้ จะทำ� อย่างไรตอ่ ไปนั้น กเ็ ป็นเร่อื งของผูเ้ รยี นผ้อู า่ น แต่เช่ือ ว่าการเรียนการสอนเช่นนี้ ผลดีย่อมตกอยู่กับผู้เรียนเสมอ เพราะนอกจากได้ เรยี นรู้วิธกี าร ยังสามารถจะใช้วิธกี ารนัน้ ไปตรวจสอบ ไปแสวงหาความรู้ใหมๆ่ อกี ตอ่ ไปได้ด้วย 267
พระราชด�ำริและพระราชประสงค์ที่ทรงริเร่ิม “หอจดหมายเหตุ ต่างประเทศ ทูลกระหม่อมอาจารย์” และทรงด�ำเนินการมาอย่างต่อเน่ืองน้ัน กม็ าจากฐานคดิ เช่นน้ี เนอ่ื งจากทรงวางอยบู่ นหลกั การนี้ และแนวทางการทรง สอนวชิ าประวัตศิ าสตร์ก็เชน่ กนั เพราะสง่ิ ส�ำคัญทพี่ ระองค์ทรงเนน้ เสมอมา ก็ คอื การใชต้ วั หลกั ฐานชน้ั ตน้ ทงั้ เอกสารของไทยและตา่ งประเทศเปน็ สอื่ ประกอบ ในการเรียนการสอน เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนเข้าใจเขา้ ถงึ ท้ังเนื้อหาและวธิ ีการไปในตัว เพราะเรอ่ื งทต่ี อ้ งทำ� ควบคไู่ ปกบั การใชห้ ลกั ฐานนนั้ กค็ อื การสอนวธิ กี าร ดว้ ย เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นผฟู้ งั สนกุ และเรยี นรกู้ ระบวนการทำ� งานของนกั ประวตั ศิ าสตร์ ไปในตัว และสงิ่ ทไ่ี ดน้ ี้คอื หลักคิด เคร่ืองมอื ในการช่วยคิดวเิ คราะหเ์ ป็น ย่อม จะติดตัวไปกับผู้เรียนผู้ฟังเสมอ และจะมีประโยชน์ต่อไปในกาลข้างหน้า เมื่อ เยาวชนคนรนุ่ ใหมเ่ ตบิ โตขน้ึ เพราะสงั คมโลกในอนาคตยอ่ มตอ้ งเผชญิ กบั ขอ้ มลู มากมายหลากหลายข้ึน หรอื ปัญหาเรอ่ื งอ่ืนๆ อีกมากในชวี ติ จริง ดังน้ัน สิ่งที่ได้จากโครงการวิจัยนี้และ “หอจดหมายเหตุต่างประเทศ ทูลกระหมอ่ มอาจารย”์ จงึ มีความสำ� คัญอย่างน้อย ๒-๓ ดา้ น กล่าวคือ นอก เหนอื จากตวั ระบบในเชงิ สรา้ งสรรค์ “ตน้ แบบ” หรอื “นวตั กรรม” ในการคน้ ควา้ รวบรวมและจดั เกบ็ เอกสารตา่ งประเทศจากทวั่ โลกแลว้ ยงั มอี กี ๒ สว่ นทตี่ อ้ งการ เน้นในทน่ี ้ีคอื (๑) ตัวเอกสารหลักฐาน และ (๒) การน�ำไปใช/้ ประยุกตใ์ ช้ ซึ่งท้ัง ๒ ด้านน้มี คี วามส�ำคญั พอๆ กนั และต่างสง่ เสริมซึง่ กันและกนั อยา่ งดี ในดา้ นการนำ� เอกสารตา่ งประเทศไปใช/้ ประยกุ ตใ์ ชน้ น้ั กลา่ วไดว้ า่ มที ง้ั ทางตรงและออ้ ม ทางตรงทเี่ หน็ ไดช้ ดั เจนกค็ อื การเรยี นการสอน การศกึ ษาวจิ ยั ส่วนทางออ้ มคอื การประยุกตใ์ ชใ้ นทางการพฒั นาความคิดอา่ น ฝกึ ฝนการคิด คิดวิเคราะห์เป็น ส�ำหรับในด้านตัวเอกสารหลักฐานน้ันเป็นฐานรองรับให้กับ การนำ� ไปใช้ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งบรหิ ารจดั การใหเ้ อกสารหลกั ฐานนซี้ งึ่ มจี ำ� นวนมากมาย และหลากหลายน้ัน ใหม้ ีระบบและสะดวกแกก่ ารค้นคว้าและเข้าถงึ หรอื จัดท�ำ เป็นระบบทท่ี ันสมยั เพอื่ การนำ� ไปใช้ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สะดวกและทว่ั ถึง ผลทไ่ี ด้ทัง้ ๒ ดา้ นนจี้ ึงล้วนมปี ระโยชน์ตอ่ ประชาชนท้ังในระดับบคุ คล สงั คมและประเทศ หากแหลง่ เอกสารสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตรจ์ ากตา่ งประเทศ 268
หรือ “คลังข้อมูล” ดิจิทัลน้ีได้รับการพัฒนาไปสู่การมีระบบท่ีทันสมัยอย่าง สมบรู ณ์ และประชาชนสามารถเขา้ ถงึ รจู้ กั นำ� ไปใช้ ประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ ปน็ ยอ่ มเกดิ การพฒั นากนั ตอ่ ๆ ไป ในฐานะคนไทย ไม่ว่าท่านจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม จึงควรอย่างยิ่งที่จะ ร่วมมือร่วมใจกันรักษาและสืบสานพระราชด�ำริและพระราชประสงค์ในเร่ืองน้ี ต่อๆ ไป เพอ่ื ขยายข่ายงานทีท่ รงวางรากฐานไว้แล้วใหเ้ ติบโตย่ิงๆ ขน้ึ ทัง้ ในการ รวบรวม จดั เกบ็ และเผยแพรเ่ อกสารสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตรจ์ ากหอจดหมายเหตุ ต่างประเทศ และการน�ำไปใช้หรือประยุกต์ใช้ให้เป็น ก็ย่อมจะเกิดประโยชน์ เกิดการพฒั นา ท้งั ในดา้ นอาชีพการงานและชวี ิตประจ�ำวัน ที่ส�ำคัญและถือเป็นงานใหญ่ที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ส�ำนักงาน การวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.) และสถาบนั การศึกษาตา่ งๆ และผสู้ นใจควรตอ้ งมารวม พลังกัน น่ันก็คือ การจับมือและร่วมกันสร้างสรรค์ในการพัฒนาต่อยอดจาก แหล่งเอกสารข้อมูลต่างประเทศหรือ “คลังข้อมูล” ดิจิทัล ท่ีพระองค์ทรง ด�ำเนินการมาอย่างยาวนานกว่าสามทศวรรษ เพอื่ การจัดทำ� โครงสรา้ งพืน้ ฐาน ทส่ี ำ� คัญ (Critical Research Infrastructure) ต่อไปในอนาคต ในเรื่องส�ำคัญเช่นนี้ก็เชื่อว่า ผู้อ่านแต่ละท่านที่มีคติชีวิตในท�ำนองที่ คิดเหน็ ว่า “ชวี ติ ทที่ �ำเพื่อคนอน่ื เท่านั้น ทมี่ ีคณุ ค่าตอ่ การมชี ีวติ ” (Only a life lived for others is a life worthwhile. Albert Einstein, July 3, 1949) ก็ คงมีขอ้ สรปุ ในใจของท่านอยแู่ ล้ว ขอเพยี งทา่ นไดช้ ่วยกนั สง่ เสรมิ และสนบั สนุน หอจดหมายเหตุต่างประเทศแห่งน้ีต่อไป แล้วเราคงจะได้พบกันใหม่ เพ่ือการ เอาใจใสใ่ นจติ วญิ ญาณของการคน้ ควา้ อยา่ สนใจชอื่ เสยี ง ขอ้ สรปุ ของผเู้ ขยี นจงึ ควรเกบ็ ไว้ในใจ แต่เพอ่ื ช่วยยำ�้ เตือนใจอกี ครั้งจึงควรกล่าวไว้วา่ ทำ� ไมเราจึงควร ต้องมีการด�ำเนินการตามโครงการสืบสานพระราชด�ำริฯ ต่อๆ ไปอย่างต่อ เน่ืองจากปี ๒๕๖๕-๖๖ เป็นต้นไปในระยะยาว แมว้ า่ ในระยะเวลายาวนั้น ทง้ั ผู้เขียนและผู้ร่วมงานอีกหลายท่าน คงมิได้อยู่หรือทันได้เห็นความส�ำเร็จของ เปา้ หมายใหญท่ วี่ า่ นี้กต็ าม 269
ภาคผนวก ข้อเขียน ๑ และ ๒ ข้อเขยี น ๑ ความเห็นจากการเข้าร่วมสัมมนา “การแนะน�ำเอกสารส�ำคัญทาง ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย จากหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศสหรฐั อเมรกิ า (NARA) การ เปิดตัวเอกสารบนั ทึกลับของนายเตียง ศิรขิ นั ธ์ เอกสารส�ำคัญสมัยสงครามโลก ครั้งท่ีสอง” ณ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร และมหาวิทยาลยั นครพนม (30 กันยายน-1 ตุลาคม 64) นายวรี ภทั ร ผวิ ผอ่ ง นสิ ติ ปรญิ ญาโท ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะอกั ษร ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั เตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ คอื ผทู้ ม่ี บี ทบาทสำ� คญั ทง้ั ในฐานะสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั สกลนครหลายสมยั เปน็ ผทู้ เ่ี ปน็ หลกั สำ� คญั ในการดำ� เนนิ การเสรไี ทยสาย อสี าน และยังเปน็ ผู้ท่ีมีบทบาทในการต่อตา้ นอ�ำนาจรฐั เผดจ็ การอีกดว้ ย เตียง ศริ ิขันธ์ ไม่ใชเ่ พยี งผทู้ มี่ ีบทบาทในพื้นทจี่ งั หวดั สกลนคร อันเปน็ ภมู ิล�ำเนาของ ตนเองเท่านน้ั แต่ยังมบี ทบาทในจังหวัดอน่ื ๆ ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ไม่ ว่าจะเปน็ อดุ รธานี นครพนม กาฬสนิ ธ์ุ ฯลฯ การเดนิ ทางเข้ารว่ มสัมมนา “การ แนะนำ� เอกสารส�ำคัญทางประวตั ิศาสตรไ์ ทย จากหอจดหมายเหตุตา่ งประเทศ สหรัฐอเมริกา (NARA) การเปิดตัวเอกสารบันทึกลับของนายเตียง ศิริขันธ์ เอกสารสำ� คญั สมยั สงครามโลกครัง้ ท่ีสอง” ท่จี งั หวัด สกลนคร และนครพนม น้ัน ท�ำให้ได้เห็นว่าเร่ืองราวของนายเตียง ศิริขันธ์ แม้จะได้รับความสนใจใน ระดับหนงึ่ แตก่ ็ยังคงเป็นเพยี งความสนใจในวงแคบเท่านน้ั ในกลมุ่ นักวชิ าการ นกั ประวัติศาสตร์ทอ้ งถน่ิ การศึกษาเรอ่ื งราวของเตยี ง ศิรขิ ันธ์ ยงั คงไมไ่ ด้รบั การศกึ ษามากเท่าท่ี ควร หรือ อาจกล่าวได้ว่าประเด็นที่ศึกษาน้ันยังสามารถขยายออกไปได้กว้าง ขวางมากกวา่ ทเี่ ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั เพราะสำ� หรบั จงั หวดั สกลนครนนั้ ภาพลกั ษณ์ ของเตียง ศิริขันธ์ เป็นภาพลักษณ์ของการเป็นวีรบุรุษ เป็นคนท้องถิ่นที่มีช่ือ 270
เสยี ง และท�ำประโยชน์เพอ่ื บา้ นเมือง ทั้งที่การศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ หรือ การ ศกึ ษาประวตั ขิ องบคุ คลผทู้ มี่ บี ทบาทสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตร์ ทง้ั ประวตั ศิ าสตร์ การเมืองไทย และประวัติศาสตร์ท้องถ่ินอย่างเตียง ศิริขันธ์ นั้น ควรจะต้อง เปน็ การศึกษาอยา่ งรอบดา้ น ไม่ใชก่ ารศึกษาแตเ่ พยี งดา้ นเดียว หรอื มมุ ใดมมุ หน่งึ เท่านนั้ โดยสว่ นตวั นน้ั จากกรณขี องจงั หวดั สกลนคร ผเู้ ขยี นมคี วามเหน็ วา่ ปญั หา ในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ทเ่ี กีย่ วกบั เตียง ศิรขิ นั ธ์ หรอื ประวัตศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในภาพรวมนั้น มีปัญหาในการศึกษาสอง ประการดว้ ยกัน ประการแรก การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถนิ่ ยงั ไมม่ คี วามเปน็ อสิ ระมาก พอ ยังคงมีอทิ ธพิ ลจากการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์จากส่วนกลางคอ่ นข้างมาก ทัง้ ในแงข่ องวิธวี ทิ ยา และ การใชห้ ลักฐานอา้ งอิง หากเปรียบเทียบแลว้ นั้น ผู้เขียน เหน็ วา่ ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ (ในกรณขี องจงั หวดั สกลนคร) นนั้ มลี กั ษณะทค่ี อ่ น ไปในทางประวตั ศิ าสตรแ์ บบอาณานคิ ม คอื เขยี นถงึ ความสามารถของสว่ นกลาง อยา่ งกรงุ เทพ มากกวา่ ทจ่ี ะเขยี นถงึ สกลนครในฐานะเปน็ องคป์ ระธานหลกั ของ การศกึ ษา1 แตส่ กลนครเปน็ เพยี งสว่ นหนงึ่ ทไ่ี มม่ อี สิ ระและวาระเปน็ ของตนเอง ความเปน็ ไปขน้ึ อยกู่ บั สว่ นกลางเปน็ หลกั ซงึ่ ความจรงิ แลว้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ เชน่ นน้ั ทงั้ หมด ประการท่ีสอง คอื ปัญหาอันเกิดจากการใช้หลักฐานทไ่ี ม่รอบดา้ นและ หลากหลาย โดยเฉพาะหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับท้องถ่ินที่มาจากแหล่งข้อมูล อ่นื ๆ เชน่ หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ หรอื หอจดหมายเหตุต่างประเทศ เพราะ การเขยี นประวัตศิ าสตรท์ ้องถ่ินโดยใหเ้ ปน็ อิสระ และใหเ้ ปน็ ตัวของตัวเองทส่ี ดุ น้ัน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องปฏิเสธหลักฐานจากส่วนกลาง หรือ หลักฐาน จากแหลง่ ขอ้ มลู อื่น ๆ โดยส้นิ เชงิ และใช้เฉพาะหลกั ฐานทีม่ ีจากท้องถิ่นเท่าน้ัน 1 Smail, John R. W. “On the Possibility of an Autonomous History of Modern Southeast Asia.” Journal of Southeast Asian History 2, 2 (1961): 78-79 271
เพราะอยา่ งไรกต็ ามทอ้ งถนิ่ นน้ั ไมไ่ ดด้ ำ� รงอยเู่ ปน็ เอกเทศ โดดเดย่ี ว หาก แตย่ งั มปี ฏิสัมพันธก์ ับพน้ื ท่ีอ่ืน ๆ โดยเฉพาะพ้นื ทีส่ ่วนกลางซง่ึ มีหน้าทก่ี �ำหนด นโยบาย ควบคุมดแู ล และปกครองทอ้ งถน่ิ ดงั นนั้ การศึกษาประวัติศาสตรท์ ้อง ถ่ินนั้นจึงจ�ำเป็นต้องใช้หลักฐานที่เก่ียวข้องจากพ้ืนท่ีอื่น ๆ เพ่ือความสมบูรณ์ ของงานประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ นนั่ เอง เพยี งแตว่ า่ การใชห้ ลกั ฐานจากแหลง่ ขอ้ มลู อื่น ๆ น้ัน สามารถที่จะน�ำมาอ่านด้วยมุมมองใหม่ โดยเน้นไปท่ีบทบาทของ ท้องถน่ิ ในฐานะทเ่ี ป็นผ้กู ระท�ำ (Actor) กส็ ามารถนำ� มาใชเ้ ขยี นประวัตศิ าสตร์ ทอ้ งถ่นิ ท่ีเปน็ อิสระและเป็นตวั ของตวั เองได้ด้วยเช่นกนั นอกจากน้ี ปัญหาของหลักฐานท่ีได้จากท้องถิ่นคือ หลักฐานส่วนมาก น้ันไม่ใช่หลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษร แต่โดยมากเป็นค�ำบอกเล่า (Oral History) หลักฐานประเภทนแ้ี ม้มปี ระโยชน์ แต่วิธีการใช้นัน้ จำ� เป็นตอ้ งกวดขนั ในการตรวจสอบอย่างมาก เพราะมีโอกาสในการคลาดเคลื่อนสูงมากน่ันเอง แนน่ อนวา่ หลกั ฐานประเภทลายลกั ษณอ์ กั ษรจากแหลง่ ขอ้ มลู อนื่ ๆ นน้ั ยอ่ มเปน็ สง่ิ ทช่ี ว่ ยเตมิ เตม็ และชว่ ยตรวจสอบความนา่ เชอ่ื ถอื และความคลาดเคลอ่ื นของ หลักฐานประเภท Oral History ได้เป็นอยา่ งดี ปัญหาของการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทั้งสองข้อน้ันนับเป็นผลที่ สืบเน่ืองกัน เพราะวิธีวิทยาในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นส่งผลให้การหา ขอ้ มลู หลกั ฐานในการทำ� งานประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถนิ่ นนั้ คอ่ นขา้ งมคี วามคบั แคบ ตามไปด้วย อกี เหตผุ ลหนึง่ นน้ั คือ อาจเป็นด้วยเพราะเหตุผลด้านงบประมาณที่ ไมม่ เี พยี งพอใหผ้ ทู้ ท่ี ำ� งานประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถนิ่ ออกไปศกึ ษาหาขอ้ มลู หลกั ฐาน ทหี่ ลากหลายมากกว่าเดมิ นน่ั เอง บนั ทกึ ของเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ ทค่ี น้ พบจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ สหรฐั อเมรกิ า (NARA) นั้นนับเป็นข้อมูลส�ำคัญ และทรงคุณค่าต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ ท้องถิ่น โดยเฉพาะเมื่อจัดพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือแล้วนั้นก็ย่ิงท�ำให้ง่ายต่อ การศกึ ษามากยง่ิ ขึ้น บนั ทกึ ของเตยี ง ศิริขนั ธ์ ไมเ่ พียงแต่เปน็ บันทกึ ที่กล่าวถึง การต่อสู้ของขบวนการเสรไี ทย สายอีสานเทา่ นน้ั ส�ำหรับผ้เู ขียนแลว้ น้นั เหน็ ว่า 272
รายละเอยี ดในบนั ทกึ ฉบับนี้ มปี ระเด็นที่หลากหลายมากกว่าประเดน็ การเมือง แต่ยงั มรี ายละเอียดของผู้คนอกี จำ� นวนมาก เราสามารถเห็นความเคลอ่ื นไหวที่ ไม่ใช่เฉพาะของเตยี ง ศริ ขิ ันธ์ แต่เป็นความเคลอ่ื นไหว ความรู้สกึ นกึ คิดของคน ท้องถิน่ อกี จำ� นวนมาก เช่น เรื่องของทัศนคติ ความรู้สึกของผคู้ นในภาคตะวัน ออกเฉยี งเหนอื ในชว่ งเวลานน้ั เกยี่ วกบั สถานการณส์ งครามโลกครง้ั ที่ 2 เหน็ ถงึ รูปแบบการเดินทางคมนาคมขนส่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงยุคสมัย ดงั กลา่ ว รวมถงึ ทำ� ใหเ้ หน็ ปฏสิ มั พนั ธข์ องผคู้ นในพน้ื ทภี่ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบนทมี่ ีความหลากหลายเชอ้ื ชาติ หลากหลายชาติพนั ธุอ์ ีกด้วย ดังปรากฏ ให้เห็นจากการติดต่อระหว่างนายเตียง ศิริขันธ์ กับนายหุ้นชวน เจ้าของโรงสี อำ� เภอสว่างแดนดนิ และนายชุน พ่อค้าในจังหวัดสกลนคร เพ่ือขอกเู้ งินมาเปน็ คา่ ใช้จ่ายส�ำหรับการดำ� เนินงานของขบวนการเสรีไทย2 นายชนุ ทีป่ รากฏในบันทกึ ของเตียง ศริ ิขันธ์ นัน้ คอื นายชุน ศรีดามา ซ่ึง เป็นพ่อค้าคหบดใี นเขต อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดสกลนคร ตระกูลศรดี ามา น้ันเป็น ตระกลู ทม่ี บี ทบาททางการคา้ ในจงั หวดั สกลนครมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน และ ยงั มเี ชอื้ สายเวยี ดนามอกี ดว้ ย3 แมว้ า่ ตระกลู ศรดี ามานนั้ จะจดั อยใู่ นกลมุ่ “ญวน เกา่ ” คอื เปน็ ชาวเวยี ดนามทอี่ พยพเขา้ มาอาศยั อยใู่ นจงั หวดั สกลนครตง้ั แตช่ ว่ ง กอ่ นสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 และถกู ผสมผสานกลนื กลายเปน็ คนไทย ตา่ งจากกลมุ่ “ญวนใหม”่ หรอื “ญวนอพยพ” ทอี่ พยพเขา้ มาในประเทศไทยชว่ งหลงั สงครามโลก ครั้งที่ 2 ซ่ึงเป็นกลุ่มท่ีไม่ได้รับสัญชาติไทย ไม่ได้รับการผสมผสานกลืนกลาย และมอี ัตลกั ษณช์ าตินยิ มเวียดนามคอ่ นขา้ งสงู 4 2 สรศกั ดิ์ งามขจรกุลกจิ , พ.อ., จากแฟม้ เอกสารลับท่ีสุด: เผย “ข้อมลู ใหม”่ ทาง ประวัตศิ าสตร์ไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NARA) (กรงุ เทพฯ: สำ�นกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.), 2564), หน้า 120 3 ข้อมูลจากการสมั ภาษณ์หนง่ึ ในทายาทตระกูลศรีดามา อายุ 67 ปี, 1 ตลุ าคม 2564. 4 Peter A. Poole, The Vietnamese in Thailand: A Historical Perspective (Ithaca: Cornell University Press, 1970), pp.124-125 273
แตก่ ระนน้ั เร่อื งราวปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งนายชุน ศรดี ามา ซึ่งเปน็ ตระกลู ญวนเก่า กับ เตยี ง ศิริขนั ธ์ น้ัน ก็ชวนให้นึกถงึ บทบาทของเตียง ศิรขิ นั ธ์ ในการ ให้ความชว่ ยเหลือกลุม่ ชาวเวยี ดนามอพยพ หรือ ญวนใหม่ท่เี ขา้ มาในช่วงหลงั สงครามโลกครงั้ ทส่ี องดว้ ยเชน่ กนั เพราะเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ นนั้ นบั วา่ มบี ทบาทอยา่ ง มากในการตอบสนองตอ่ นโยบายของรฐั บาลปรดี ี พนมยงค์ ทใ่ี หค้ วามชว่ ยเหลอื ชาวเวยี ดนามอพยพหลายหมนื่ คนทอ่ี พยพมาจากประเทศลาวหลงั จากทฝี่ รงั่ เศส กลับเข้ามาท�ำสงครามยึดอินโดจีนในปี 1946 ในครั้งนั้นชาวเวียดนามอพยพ เหล่านี้ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีจากรัฐบาลปรีดี พนมยงค์5 ซ่ึงนอกจากจะ อนญุ าตใหช้ าวเวยี ดนามลภี้ ยั ในประเทศไทยโดยไมต่ อ้ งเสยี คา่ ธรรมเนยี มตา่ งดา้ ว แลว้ นน้ั ยงั ไดร้ บั โอกาสท่ีจะเปน็ พลเมอื งไทยมีทด่ี ินท�ำกนิ รวมถึงมีเงนิ ก้ยู มื เปน็ กองทนุ จำ� นวน 1,000,000 บาทอีกดว้ ย6 โดยผทู้ ่ีมบี ทบาทสำ� คัญในการให้ ความช่วยเหลือชาวเวียดนามอพยพ ก็คือนักการเมืองท้องถ่ินจังหวัดสกลนคร อยา่ งนายเตียง ศริ ิขันธ์7 ซึง่ การชว่ ยเหลือของเตยี ง ศิรขิ ันธ์ตอ่ ชาวเวยี ดนาม อพยพน้ัน ชาวเวียดนามอพยพในจังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ยังคง จดจ�ำได้ และระลึกถงึ อยู่เสมอ 5 Chan Ansuchote, “The Vietnamese refugees in Thailand : A case study in decision-making,” (Master of Arts Faculty of the Institute of Public Administra- tion Thammasat University, 1960), p.10 6 ธนนนั ท์ บุน่ วรรณา, “นโยบายชาวเวียดนามอพยพของรฐั บาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ.2491-2500,” (วิทยานพิ นธอ์ กั ษรศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะอกั ษร ศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2545) หน้า 46-47 7 Christopher E. Goscha, Thailand and the Southeast Asian Networks of the Vietnamese Revolution, 1885–1954 , p.155 จากการศึกษาของธงชยั พ่งึ กนั ไทย ยังระบุว่ารัฐบาลไทยนัน้ มอบให้นายเตียง ศริ ิขันธ์เป็น ผู้ช่วยเหลือพวกญวนอพยพ โดยให้เงนิ ชว่ ยเหลอื ในปแี รก 3 ลา้ นบาท สว่ นปตี ่อ ๆ ไปใหป้ ลี ะ 5 ล้านบาท (อ้างองิ : ธงชยั พงึ่ กนั ไทย, “ลัทธคิ อมมวิ นิสต์ และนโยบายตอ่ ต้านของรัฐบาล ไทย พ.ศ. 2468-2500,” (วทิ ยานพิ นธ์อักษรศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประวตั ิศาสตร์ คณะ อกั ษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2521) หนา้ 236) 274
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังเห็นว่าในการเดินทางจากนครพนมไปยังฮานอย และไฮฟองของเวยี ดนามนน้ั 8 กอ็ าจมคี วามเปน็ ไปไดว้ า่ เตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ และจำ� กดั พลางกรู อาจไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากชาวเวยี ดนามอพยพทเ่ี ปน็ ฝา่ ยเวยี ดมนิ ห์ ในการนำ� ทาง หรอื ชแ้ี นะเสน้ ทางในการเดนิ ทางดว้ ยเชน่ กนั เพราะชาวเวยี ดนาม อพยพนน้ั เปน็ ผทู้ ช่ี ำ� นาญในพนื้ ทกี่ ารเดนิ ทางบรเิ วณดงั กลา่ วเปน็ อยา่ งดี แมช้ ว่ ง เวลานนั้ จะยงั ไมเ่ กดิ การอพยพครง้ั ใหญข่ องชาวเวยี ดนามเขา้ มาในประเทศไทย แตก่ ม็ ชี าวเวยี ดนามทเ่ี ดนิ ทางตดิ ตอ่ ไปมาระหวา่ งไทย และลาวอยแู่ ลว้ เปน็ เรอื่ ง ปกติ โดยเฉพาะชาวเวียดนามที่เป็นกลุ่มขบวนการเวียดมินห์ซึ่งเข้ามาด�ำเนิน การใต้ดินในพื้นท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนอยู่ก่อนแล้วเป็นระยะเวลา นาน9 เรอ่ื งราวของเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ กบั ชาวเวยี ดนามในพน้ื ทจ่ี งั หวดั สกลนครนนั้ เปน็ เพยี งหนง่ึ ตวั อยา่ งทผ่ี เู้ ขยี นยกขนึ้ มาเพอื่ แสดงใหเ้ หน็ เทา่ นน้ั เนอ่ื งจากมคี วาม เกี่ยวเน่ืองบางส่วนกับเน้ือหาวิทยานิพนธ์ที่ผู้เขียนก�ำลังด�ำเนินงานอยู่ แต่ยังมี รายละเอียดเรื่องราวอีกมากมายเก่ียวกับท้องถ่ิน ท่ีบันทึกของเตียง ศิริขันธ์ สามารถนำ� พาเราไปไดใ้ นพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประวตั ศิ าสตรแ์ ขนงอน่ื ๆ และทแี่ นน่ อน คอื บนั ทกึ ฉบบั นไี้ ดแ้ สดงใหเ้ หน็ ทศั นคตทิ างการเมอื งของเจา้ ตวั ตอ่ การเมอื งการ ปกครองในช่วงเวลานั้น ดังจะเห็นไดจ้ ากการวพิ ากษว์ จิ ารณร์ ฐั บาลจอมพล ป. พิบลู สงคราม ซ่งึ เปน็ นายกรฐั มนตรใี นขณะนนั้ หลากหลายประเดน็ ดว้ ยกัน ไม่ 8 สรศกั ดิ์ งามขจรกลุ กจิ , พ.อ., เร่อื งเดียวกนั , หน้า 127-128 9 ชาวเวียดนามอพยพนนั้ เป็นกล่มุ ท่ถี ูกรัฐบาลไทยช่วงทศวรรษ 2490 เป็นตน้ มาจับจอ้ งมาก เป็นพิเศษ เพราะความกลวั ภยั คอมมวิ นสิ ต์ นอกจากนี้ยังอาจดว้ ยเพราะมีความสัมพันธ์กบั ขบวนการเสรไี ทยอกี ด้วย ดังปรากฏว่าใน ปี 2491 ได้มีคณะผแู้ ทนชาวเวยี ดนามในประเทศ ไทย เขียนจดหมายชแี้ จงไปยังกระทรวงการตา่ งประเทศ เพ่ือปฏเิ สธว่าได้รว่ มมอื กบั ขบวนการ เสรไี ทยในการตอ่ ตา้ นรัฐบาล แมเ้ น้อื ความหลกั จะเป็นการปฏิเสธความร่วมมอื ดงั กล่าว แต่ ในจดหมายชีแ้ จงฉบบั น้กี ็มกี ารระบวุ ่าในกลุ่มชาวเวยี ดนามอพยพในประเทศไทยนั้นก็มีความ สัมพนั ธก์ ับรฐั มนตรบี างคนในคณะรฐั บาลชุดเก่า (รฐั บาลปรดี ี พนมยงค์) (อ้างองิ : หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ. กต.81.4/3 เรือ่ ง คณะเวยี ดนามในประเทศไทยปฏเิ สธข่าวลือวา่ ได้ รว่ มมอื กับเสรีไทยเพือ่ คิดรา้ ยต่อรัฐบาลใหม่ (กุมภาพนั ธ์ 2491)) 275
ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องการด�ำเนินนโยบายต่างประเทศ การด�ำเนินนโยบาย ภายในประเทศ10 ในแง่นี้บันทึกฉบับน้ีจึงเป็นอีกหลักฐานท่ีสามารถใช้ในการ ศึกษาประวัติศาสตร์การเมอื งไทยไดอ้ กี ดว้ ย โดยสรปุ แลว้ นนั้ บนั ทกึ ของเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ เปน็ หลกั ฐานสำ� คญั ทมี่ คี ณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตรต์ อ่ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื งไทย และ ประวตั ศิ าสตร์ ทอ้ งถน่ิ นอกจากนห้ี ากพจิ ารณาใหถ้ ถ่ี ว้ นอาจสามารถเปน็ หลกั ฐานในการศกึ ษา ประวตั ศิ าสตรแ์ ขนงอน่ื ๆ ไดอ้ กี ดว้ ย เพยี งแตใ่ นแงข่ องการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ ทอ้ งถน่ิ นนั้ นกั ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถนิ่ จะตอ้ งมมี มุ มองทก่ี วา้ งขวาง และไมต่ ดิ อยู่ ในรปู แบบการเขยี นประวตั ิศาสตรจ์ ากสว่ นกลาง หรือการเขยี นประวตั ิศาสตร์ ในสกุลแบบเดมิ นอกจากนต้ี อ้ งศกึ ษาเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ ในฐานะของบคุ คลทางประวตั ศิ าสตร์ ทมี่ แี งม่ มุ ทแี่ ตกตา่ งหลากหลาย ไมใ่ ชศ่ กึ ษาเฉพาะในแงม่ มุ ของวรี บรุ ษุ ทต่ี อ้ งการ ยกยอ่ งแตเ่ พยี งอยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ หลกั ฐานชนิ้ นจี้ งึ จะสามารถกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ สงู สดุ ทางวชิ าการ และผเู้ ขยี นเหน็ วา่ จะเปน็ สงิ่ ทต่ี รงตอ่ เจตนารมณข์ องเตยี ง ศริ ิ ขนั ธ์ ในฐานะของผทู้ ่ีมีอุดมการณ์ประชาธปิ ไตย มีความกล้าหาญทางจรยิ ธรรม ในการกล้าวิพากษว์ ิจารณ์ทา้ ทายอำ� นาจเผด็จการอยา่ งตรงไปตรงมา อกี ด้วย 10 สรศกั ดิ์ งามขจรกลุ กิจ, พ.อ., เรอ่ื งเดียวกัน, หนา้ 122-126 276
ขอ้ เขียน 2 ทศั นะของนางสาวภัททากร สุทธิสมณะ จากการตดิ ตามฟังบรรยาย ณ คณะศิลปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั นครพนม 1 ตุลาคม 2564 ซึง่ บรรยายโดย พันเอก ดร.สรศกั ดิ์ งามขจรกุลกิจ การบรรยายภายใต้โครงการวิจัยเอกสารส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย จากหอจดหมายเหตุต่างประเทศ ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยประเด็นใหญ่ 2 ประเดน็ หลกั ทีน่ า่ สนใจย่งิ ประเด็นแรก คือ การแนะนำ� เอกสารส�ำคญั ทางประวตั ิศาสตร์ไทย จาก หอจดหมายเหตุต่างประเทศ อนั เป็นโครงการในพระราชด�ำริของ พลเอกหญิง ศ.เกยี รตคิ ณุ ดร.สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทีท่ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ให้คณาจารย์ในกองวิชาประวัติศาสตร์ เดินทางไปรวบรวม หลักฐาน เอกสาร และจดหมายเหตุท่ีมีความเก่ียวข้องกับประเทศไทย จาก หอจดหมายเหตใุ นประเทศตา่ ง ๆ โดยในการบรรยายคร้งั นี้ พันเอก ดร.สรศกั ด์ิ ได้น�ำเสนอตัวอยา่ งเอกสารจากหอจดหมายเหตสุ หรฐั อเมริกา (NARA) และได้ แนะน�ำการสืบคน้ เอกสารผา่ นระบบดจิ ติ อล ทีไ่ ด้ร่วมมือกบั ทางส�ำนักงานการ วิจยั แห่งชาติ (วช.) ในการรวบรวมเอกสารทัง้ หมดไวใ้ นเวบ็ ไซตอ์ ย่างเปน็ ระบบ เพอื่ ทใี่ นอนาคตอนั ใกลน้ บ้ี รรดานกั วชิ าการ นกั ศกึ ษา และผสู้ นใจประวตั ศิ าสตร์ จะไดน้ ำ� เอกสารตา่ ง ๆ ไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในทางวิชาการต่อไป ประเดน็ ท่ี 2 คอื การเปดิ ตวั เอกสาร “บนั ทกึ ลบั ” ของนายเตยี ง ศริ ขิ นั ธ์ ในชว่ งเหตุการณส์ งครามโลกครงั้ ที่ 2 ซงึ่ สร้างความตื่นเตน้ ใหบ้ รรดาคณาจารย์ นกั วชิ าการ ปราชญท์ อ้ งถนิ่ และนกั ศกึ ษาทสี่ นใจประวตั ศิ าสตรใ์ นดนิ แดนอสี าน เหนือเป็นอย่างมาก เพราะนายเตยี งเป็น 1 ใน 4 เสือ ส.ส.อสี านผยู้ ิ่งใหญท่ ี่อุทศิ ชีวิตเพื่อประชาธิปไตยแท้จริง อีกทั้งในเหตุการณ์สงครามโลกคร้ังที่ 2 นาย เตียงรับหน้าท่ีเป็นผู้น�ำพลพรรคเสรีไทยในภาคอีสานท่ีมีบทบาทโดดเด่น โดย ในขบวนการเสรีไทย นายเตียงได้ใช้ชื่อรหัสว่า “พลูโต” และมีผลงานเป็นที่ 277
ประจกั ษจ์ นไดร้ บั สมญานามวา่ “ขนุ พลภพู าน” ในประเดน็ การบรรยายถงึ นาย เตยี ง ผทู้ ี่มสี ถานะเปรยี บดังวีรบรุ ุษประชาธปิ ไตยแห่งแดนอสี าน เมือ่ นำ� ข้อมูล ทงั้ จากในเอกสารตา่ งชาติ (สหรฐั อเมรกิ า) และขอ้ มลู ทอ้ งถนิ่ มาเชอื่ มโยงเขา้ หา กัน จึงเปน็ เรอ่ื งราวท่นี ่าตดิ ตามและน่าตอ่ ยอดคน้ หาอยา่ งที่สุด ในช่วงต้นถึงกลางของการบรรยาย พันเอก ดร.สรศักด์ิ ได้ยกกรณี ใหม่ ๆ และประเด็นใหม่ ๆ ท่ีน่าสนใจที่พบเจอจากหลักฐานเอกสารของ สหรัฐอเมริกามาบอกเล่า เห็นได้ชัดว่าข้อมูลท่ีถูกค้นพบใหม่นี้ได้ท้ิงประเด็นท่ี น่าสนใจเอาไว้ให้แก่บรรดาผู้เข้าฟังไปสืบค้นต่อหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็น หลกั ฐานการสง่ “รหสั ลบั ” ของญปี่ นุ่ ในชว่ งระหวา่ งสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ทญ่ี ป่ี นุ่ ไดค้ ดิ ค้นวิธีการส่งขา่ วสารแบบลับ ๆ จากฐานทพั ญี่ปนุ่ ในพน้ื ทป่ี ระเทศตา่ ง ๆ กลับไปยังแผ่นดินแม่ โดยใช้ช่ือว่า “รหัสม่วง” ท่ีสหรัฐอเมริกาสามารถแอบ “ดกั จับ” ไวไ้ ด้ ทำ� ใหข้ ้อมูลลับของญป่ี นุ่ กลายเปน็ เรื่องไมล่ บั ตอ่ สหรฐั อเมริกา อกี ตอ่ ไป โดยทญ่ี ปี่ นุ่ เองกไ็ มไ่ ดร้ ตู้ วั วา่ กำ� ลงั ถกู ปลน้ ความลบั อยใู่ นทกุ การสนทนา ฝ่ายสหรัฐอเมริกาได้ท�ำการถอดและแปลรหัสม่วงของญ่ีปุ่นออกมาเป็นภาษา องั กฤษ และเกบ็ รวบรวมเอาไวอ้ ยา่ งดจี นถงึ ปจั จบุ นั ในหอจดหมายเหตสุ หรฐั อเมรกิ า (NARA) จากหลกั ฐานดงั กลา่ ว มปี ระเดน็ ทน่ี า่ สนใจยงิ่ เกย่ี วกบั รฐั บาลไทยในชว่ ง สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ภายใต้การปกครองของจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม กล่าว คือ ข้อมลู ลับท่สี หรัฐอเมรกิ าแอบดกั ฟังจากญปี่ ่นุ มาไดแ้ สดงให้เห็นวา่ “ญป่ี นุ่ ไมเ่ คยไวใ้ จจอมพล ป. เลย” แมว้ ่าในฉากหน้าทงั้ ฝั่งจอมพล ป. และญ่ีปนุ่ จะจบั มอื และสง่ ยมิ้ ใหก้ นั อยา่ งมติ รแท้ แตญ่ ป่ี นุ่ กลบั จบั ไดว้ า่ ลบั หลงั ญปี่ นุ่ จอมพล ป. ได้แอบไปท�ำข้อตกลงบางประการกับจีนอย่างลับ ๆ เพ่ือต่อต้านญ่ีปุ่นแบบ ลกึ ๆ ในข้อนี้ พันเอก ดร.สรศักดิ์ ชช้ี วนให้ต้ังข้อสังเกตเก่ียวกับเรื่อง “ความรกั ชาตแิ บบจอมพล ป.” จากทีผ่ ่านมาจอมพล ป. มกั ถกู ก่นดา่ ถูกทำ� ใหม้ องใน ทางย�่ำแย่มาเสมอในเรื่องการตัดสินใจจับมือกับญ่ีปุ่น แต่จากหลักฐานที่ กลา่ วถึง แสดงให้เหน็ ว่าอันทจ่ี ริงแล้วจอมพล ป. เองก็มิไดเ้ ต็มใจในการกระท�ำ ดังกลา่ วอยา่ งเตม็ รอ้ ย ทง้ั ยงั พยายามหาทางออกทางอน่ื ๆ ไว้ เพื่อปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ 278
ไทยถูกญ่ีปุ่นกลืนกินได้โดยง่าย นั่นหมายความว่าจอมพล ป. เองก็มีความ “รกั ชาติ” เป็นทย่ี ง่ิ และไมไ่ ด้คิดขายชาตอิ ยา่ งท่ีหลายคนวพิ ากษก์ ันอย่างดุดนั อกี ทง้ั การเจรจากบั จนี ลบั หลงั ญป่ี นุ่ นก้ี ส็ ะทอ้ นผลในทางทด่ี อี อกมาชดั เจน เพราะ จีนเป็น “ชาติแรก” ท่ีประกาศรับรองเอกราชของไทยเม่ือตอนที่ญี่ปุ่นบุกเข้า ไทยไดส้ �ำเร็จ ประเด็นถัดมาทนี่ า่ สนใจคอื พนั เอก ดร.สรศักดิ์ ไดน้ ำ� เสนอถึงเอกสาร ท่ีสหรัฐอเมริกาแอบ “ดักจับ” ข้อมูลจากสหภาพโซเวียตมาได้ และความใน เอกสารบางสว่ นนบี้ อกชดั ว่า ในชว่ งสงครามเยน็ มี “นกั เรียนไทยไดร้ ับทนุ จาก สหภาพโซเวยี ต” ใหเ้ ดนิ ทางไปเรยี นทส่ี หภาพโซเวยี ต ความนา่ สนใจในประเดน็ น้ีมีอยู่ว่า “ไทยไม่มีข้อมูลชุดนี้” ไม่พบเอกสาร ไม่พบหลักฐานการรายงาน ใด ๆ ท้ังส้ิน แม้แตจ่ ะหาขอ้ มลู เรือ่ งนี้ ณ ปัจจบุ ันนี้กพ็ บเนอ้ื หาอยเู่ พยี งไมถ่ งึ 1 บรรทัดจากเวบ็ ไซต์ของสถานเอกอคั รราชทูต ณ กรงุ มอสโก และเว็บไซต์ของ สถานทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจ�ำราชอาณาจักรไทย ในขณะที่สหรัฐอเมริกา สามารถดกั ขอ้ มลู ดังกลา่ วมาไดแ้ บบทนั ทีทันควัน และเกบ็ รวบรวมไว้อยา่ งเป็น ระบบ ตอ้ งยอมรับวา่ การขา่ วของสหรฐั อเมริกาล�ำ้ เลศิ จริง ๆ อย่างไรก็ตาม พันเอก ดร.สรศักด์ิ ได้วิเคราะห์ว่า ในช่วงสงครามเย็น ผนู้ ำ� ไทยมคี วามอดึ อดั ใจในการรว่ มมอื กบั สหรฐั อเมรกิ าอยมู่ ากพอสมควร เพราะ ในทางปฏิบัติ สหรัฐอเมริกาห้ามไม่ให้ไทยท�ำการค้าขายร่วมกับประเทศโลก คอมมิวนิสตอ์ ย่างเด็ดขาด อีกทง้ั ไทยยังต้องท�ำรายงานเรือ่ งการค้าต่าง ๆ ส่งให้ ทางสหรฐั อเมรกิ าทราบเปน็ ประจำ� ทกุ เดอื น นจ่ี งึ เปน็ การบบี ใหไ้ ทยตอ้ ง “แอบ” ท�ำการค้ากบั ฝา่ ยประเทศโลกคอมมวิ นิสต์ “อย่างลบั ๆ” ลบั หลังสหรฐั อเมริกา แต่ด้วยความล้�ำหน้าทางการข่าวของสหรัฐอเมริกาก็ท�ำให้เรื่องลับเป็นเร่ืองไม่ ลบั ไดอ้ ยดู่ ี แถมยังทง้ิ หลกั ฐานเอาไวใ้ หไ้ ทยต้องมาตามสบื เรอ่ื งราวของประเทศ ตนเองผา่ นเอกสารของสหรฐั อเมรกิ าอีกดว้ ย จากเอกสารและการวเิ คราะห์ท่ี พนั เอก ดร.สรศักด์ิ หยบิ ยกข้นึ มาเป็น ตัวอย่าง ได้ทิ้งประเด็นอันน่าต้ังข้อสังเกตต่อยอดไว้อย่างหลากหลาย ซึ่งหาก 279
เจาะเข้าไปในแต่ละจุด ก็อาจท�ำให้สามารถกะเทาะเจอประเด็นท่ีน่าต่อยอด พฒั นาใหเ้ กดิ เปน็ องคค์ วามรใู้ หม่ ๆ ในทางวชิ าการประวตั ศิ าสตรไ์ ดอ้ ยา่ งลกึ ซง้ึ อาทิ ประเดน็ เรอ่ื งความรกั ชาตฉิ บบั จอมพล ป. ทน่ี า่ สนใจนำ� มาปดั ฝนุ่ ศกึ ษากนั อยา่ งเปน็ เรอ่ื งเปน็ ราว จากทแี่ ตเ่ ดมิ มกี ารถกเถยี งกนั ไวอ้ ยา่ งดดุ นั และดเู ดอื ดดาล ไปด้วยอคติที่มาพร้อมกับความเห็นต่างทางการเมือง อาจจะถึงเวลาแล้วที่จะ ต้องมาหา “ตรงกลาง” ให้กับการตัดสินใจในการบริหารบ้านเมืองและใน สถานการณต์ ่าง ๆ อนั น่าจับสังเกตของจอมพล ป. อยา่ งจรงิ จังดสู กั ครา หรอื แมแ้ ตป่ ระเดน็ เรอื่ งหนว่ ยขา่ วของสหรฐั อเมรกิ า ทน่ี า่ สนใจวา่ ทางสหรฐั อเมรกิ า ใชก้ ลวธิ ใี ดในการทะลวงเอาขอ้ มลู ของฝา่ ยตา่ ง ๆ มาไดม้ ากมายขนาดนี้ และยงั มีเรื่องของประเทศไทยเรื่องไหนอีกท่ีสหรัฐอเมริการู้ แต่คนไทยไม่เคยรู้ และ เหตผุ ลท่คี นไทยไมม่ ีโอกาสไดร้ ู้เปน็ เพราะอะไรแน่ แนน่ อนวา่ ประเดน็ ตา่ ง ๆ เหลา่ นจี้ ะสามารถศกึ ษาตอ่ และหาทางคลค่ี ลาย ให้กระจ่างชัดขึ้นได้ หากแต่ผู้สนใจต้องมีโอกาสเข้าถึงเอกสารหลักฐานอันจะ เปน็ กญุ แจสำ� คญั ในการไขปรศิ นาไปทลี ะบาน ซงึ่ กเ็ ปน็ โอกาสทด่ี ที ใ่ี นอนาคตอนั ใกลน้ ที้ างหอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศ กองวชิ าประวตั ศิ าสตรฯ์ รว่ มกบั สำ� นกั งาน การวิจัยแห่งชาติ (วช.) จะได้เปิดให้เข้าถึงเอกสารจากหลากหลายประเทศให้ บรรดาผู้สนใจประวัติศาสตร์สามารถน�ำไปใช้ในการศึกษาวิจัย เพ่ือสร้างคุณ ประโยชนใ์ ห้แก่วงวชิ าการประวตั ศิ าสตร์สืบตอ่ ไป ตอนช่วงกลางของการบรรยาย พันเอก ดร.สรศักด์ิ น�ำเสนอเร่อื งความ ล�ำบากในช่วงต้นของการก่อตั้งประชาคมอาเซียน โดยมีใจความส�ำคัญว่าการ ด�ำเนินงานของประชาคมอาเซียนในช่วงแรกเป็นไปอย่างยากล�ำบาก เพราะ นอกจากปญั หาความขดั แยง้ ของประเทศในภมู ภิ าคเองแลว้ ยงั ตอ้ งประสบปญั หา เรอื่ งการไมเ่ ปน็ ทยี่ อมรบั ไมเ่ ปน็ ทน่ี า่ สนบั สนนุ จากนานาชาตดิ ว้ ย ผนู้ ำ� ประเทศ 5 ประเทศแรกในประชาคมอาเซียนจ�ำเป็นต้องแอบท�ำการค้ากับประเทศโลก คอมมิวนิสตแ์ บบไม่ใหส้ หรฐั อเมริการู้ ในขณะทปี่ ระเทศโลกคอมมิวนสิ ตต์ า่ ง ๆ กไ็ มค่ อ่ ยยนิ ดที จ่ี ะรว่ มสงั ฆกรรม หรอื ใหก้ ารสนบั สนนุ ประชาคมอาเซยี นยคุ แรก นกั เพราะมองวา่ อาเซียนเป็นเสมอื นลกู สมุนของสหรฐั อเมริกา จึงไมค่ อ่ ยมใี คร 280
ให้ความไว้เนอ้ื เชอื่ ใจที่จะมปี ฏิสมั พันธร์ ว่ ม เรยี กไดว้ ่าประชาคมอาเซียนตกอยู่ ในท่ีนั่งล�ำบาก เพราะนอกจากจะไม่มีประเทศมหาอ�ำนาจใดสนับสนุนเลยสัก ฝ่ายเดยี ว ยงั มีแต่คนจอ้ งดูถกู และจ้องจบั ผดิ อยู่ตลอดเวลาเสยี อกี ประเดน็ นกี้ เ็ ปน็ อกี ประเดน็ หนงึ่ ทน่ี า่ ทำ� การศกึ ษาหาความกระจา่ ง เพราะ มันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ประชาคมอาเซียนท่ีควรจารึกไว้ในประชาคม อาเซยี นวา่ กวา่ ทจี่ ะตอ่ สมู้ าจนถงึ วนั นี้ วนั ทโี่ ลกใหก้ ารยอมรบั ประชาคมอาเซยี น กอ่ นหน้านบี้ รรดาผู้นำ� ประเทศตา่ ง ๆ ตอ้ งใช้พลงั และความสามารถมากเพยี ง ใด กวา่ จะตอ่ กรกบั นานาประเทศไดส้ ำ� เรจ็ แมว้ า่ ในปจั จบุ นั การดำ� เนนิ กจิ กรรม และกจิ การภายในอาเซยี นยงั ไมบ่ รรลไุ ปตามเปา้ ประสงคท์ ตี่ งั้ ไวไ้ ดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ เพราะติดด้วยข้อจ�ำกัดหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรมที่ต่างกัน แต่ก็นับว่ามาไกลเกินกว่าท่ีจะกลับหลัง และหาก ประวตั ศิ าสตรก์ ารตอ่ สเู้ พอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ ประชาคมอาเซยี นเกดิ มขี น้ึ ได้ กอ็ าจเปน็ การ ตอกย�้ำให้บรรดาชาตสิ มาชิกตระหนกั ได้วา่ เราท้ังหลายต้องเดินหนา้ ไปด้วยกนั รว่ มมือร่วมใจกนั อยา่ งเหนียวแนน่ เพ่อื ใหป้ ระชาคมอาเซียนเติบโตไดม้ ากกวา่ น้ี ไปไกลไดย้ งิ่ กวา่ น้ี และกลายเปน็ ประชาคมทแ่ี ขง็ แรง แขง็ แกรง่ สบื ตอ่ ไปอยา่ ง ยั่งยืน ช่วงกลางถงึ ปลายของการบรรยาย มีอาจารย์ทา่ นหนึง่ ไดต้ ัง้ กระทถู้ าม ข้ึนว่า “เป็นไปได้หรือไม่ท่ีการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถ่ิน ประวัติศาสตร์ ประชาธปิ ไตย จะเปน็ อสิ ระจากสว่ นกลาง” ถอื เปน็ ประเดน็ คำ� ถามทด่ี ยี ง่ิ เพราะ การต้ังค�ำถามเช่นน้ีเป็นภาพสะท้อนให้ย้อนคิดว่า ณ บัดนี้ ผู้คนตามท้องถิ่น ต่าง ๆ ไดต้ ่ืนตัวขึ้นและตระหนกั มากกวา่ เดิมแล้วว่าสิง่ ท่ีสว่ นกลางจัดแจงไว้ให้ ไมเ่ คยสอดคลอ้ งกบั ชวี ติ หรอื ความตอ้ งการแทจ้ รงิ ของพวกเขา จากกระทคู้ ำ� ถาม ดงั กล่าว พนั เอก ดร.สรศักด์ิ ไดท้ ้งิ ข้อเสนอท่ดี มี ากเอาไว้หลายประการ ทีล่ ้วน แล้วแต่จะเป็นประโยชน์ในทางวิชาการประวัติศาสตร์ และอาจสามารถเป็น ประโยชน์ในทศิ ทางการเมอื ง “การประชาธปิ ไตย” ในยคุ ปัจจบุ ันไดเ้ ปน็ อยา่ ง ดี ซ่ึงจะขออธิบายรายละเอียดในประเด็นท่ีน่าสนใจย่ิงน้ีแบบแตกออกเป็น 2 หวั ข้อ ดงั น้ี 281
1. ประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถนิ่ เพอ่ื วางรากฐานการพัฒนาทอ้ งถนิ่ มีประโยคหนึ่งที่ พันเอก ดร.สรศักด์ิ ได้พูดเกร่ินไว้ต้ังแต่ก่อนเริ่มการ บรรยายในช่วงแรกว่า “...ต้องกลับมุมใหม่ ต้องให้ผู้น�ำท้องถ่ินในแต่ละท่ีเป็น ผนู้ ำ� ในทางประวัตศิ าสตร์...” ประโยคนี้มเี สน่ห์ในตัวเองอยา่ งมาก เปน็ เสมอื น การปลุกวญิ ญาณเหลา่ บรรพชนตามท้องถ่นิ ตา่ ง ๆ ใหฟ้ ้นื คนื ชีพ ประโยคดัง กล่าวท�ำให้ต้องชะงักคิดถึงเร่ืองท่ีต้องยอมรับว่าแต่เดิม “ประวัติศาสตร์ไทย” ถกู ผกู ติดอยู่กบั “สว่ นกลาง” ชนดิ ท่แี ยกกนั ไม่ได้ ไม่วา่ จะคนภาคเหนอื คน ภาคใต้ หรอื คนภาคอสี าน ตา่ งกต็ อ้ งเรยี นประวตั ศิ าสตรแ์ บบเดยี วกนั ผา่ นระบบ การศกึ ษาข้ันพื้นฐานทถี่ กู จัดสรา้ งขึน้ โดยรัฐ แมว้ ่าเรือ่ งเหลา่ นนั้ แทบจะไม่เคย โยงไปถงึ ตวั ของพวกเขา ความเปน็ มาของพวกเขา หรอื การมอี ยขู่ องพวกเขาเลย ก็ตาม การสร้างภาพตัวแทนวีรบุรุษของแต่ละจังหวัดช่วยให้แต่ละท้องถิ่นมี บทบาท มตี วั ตน และมีชีวติ ใน “ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย” มากข้ึน แต่ก็ไม่เคยถกู ให้ ความส�ำคัญเกินไปกว่าการรับรู้แค่ว่า “มีอยู่” เสียงจากท้องถ่ินไม่เคยดังพอท่ี จะไปถึงส่วนกลาง ตัวตนของคนท้องถ่ินไม่เคยใหญ่และสูงพอที่รัฐจะมองเห็น ปฏเิ สธไม่ได้เลยวา่ ความเป็นท้องถนิ่ ถกู รฐั กดทับดว้ ยความเปน็ ไทยแบบ “ส่วน กลาง” มาโดยตลอด และมีแต่คนในทอ้ งถน่ิ ดว้ ยกันเองเท่านัน้ ทย่ี งั คงพยายาม “รกั ษา” เอกลักษณข์ องความเปน็ ตวั ตน และความเป็นท้องถน่ิ เอาไวไ้ ม่ให้ถูก กลืนกนิ ไปตามกาลสมัย การเปดิ ประโยคขา้ งตน้ ขน้ึ มาเปน็ เครอื่ งยนื ยนั ทดี่ วี า่ ถงึ เวลาแลว้ ท่ี “ทอ้ ง ถิ่น” ควรมีบทบาทมากกว่าที่เป็นอยู่ เสียงของพวกเขาควรดังกว่านี้ ร่างของ พวกเขาควรใหญก่ ว่าน้ี ประวตั ิศาสตรข์ องพวกเขาควรมคี ุณคา่ มากกวา่ น้ี และ แต่ละท้องถ่ินควรพฒั นาไปได้ไกลกวา่ นี้ ซึ่งการเริ่มต้นด้วยการให้ความสำ� คัญ กบั การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทด่ี จี ะตอ่ ยอดการวางรากฐาน การพัฒนาท้องถ่ิน เพราะประวัติศาสตร์จะเป็นสิ่งท่ีตอบเราได้ว่าท่ีผ่านมา บรรพบุรุษของแต่ละพื้นท่ีมองเห็นปัญหาอะไร พวกเขามีความต้องการอะไร และจากวันน้นั จวบจนวันนี้ ปญั หาเหลา่ นน้ั ถูกแกไ้ ข หรือถูกพฒั นาแลว้ หรอื ยัง 282
ผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นจะเข้าใจดีท่ีสุดว่า แต่ละท้องที่ต้องการส่ิงใด หรือไม่ ต้องการอะไร การให้คนในท้องถิ่น “คิดเอง” จึงดีกว่าการให้คนนอกท้องถิ่น “คดิ แทน” วา่ แต่ละท่แี ตล่ ะถน่ิ สมควรทจ่ี ะ “ไดร้ ับ” หรอื “รบั ได”้ กบั ส่งิ ใด แต่ ถงึ แม้จะคิดได้ กอ็ าจไม่ใช่เรอ่ื งทท่ี �ำได้โดยงา่ ยและเรว็ เหตเุ พราะความเปน็ ทอ้ ง ถิ่นถูกรัฐกดทับมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่แทบไม่ถูกพูดถึงใน ประวัติศาสตร์กระแสหลักท่ีถูกผลิตโดยรัฐเลยด้วยซำ้� ต่างจากภาคเหนือและ ภาคใตท้ ยี่ งั มบี ทบาทใหเ้ หน็ มากกวา่ ในหนา้ ประวตั ศิ าสตรช์ าติ ทำ� ใหก้ ารแสดงออก ผ่านวถิ ชี ีวติ ของคนอสี านส่วนมากเป็นไปอยา่ งเรอ่ื ย ๆ ไม่หวือหวา ตา่ งจากชาว เหนอื หรอื ชาวใต้ ท่พี ยายามแสดงเอกลกั ษณท์ างชาติพนั ธแ์ุ ละสรา้ งตัวตนทาง ประวัติศาสตร์อย่างเข้มข้นมากข้ึนทุกขณะ การฉายภาพของคนเหนือและคน ใตใ้ นปจั จบุ นั จงึ ปะปนภาพตวั ตนทางประวตั ศิ าสตรเ์ ขา้ ไปอยดู่ ว้ ยเสมอ ในขณะ ท่ีการฉายภาพของคนอีสานยังคงมีแค่บทบาทของเกษตรกรเป็นหลักใหญ่ ซ่ึง ปญั หานจี้ ะแกไ้ ดด้ ว้ ยการผลกั ดนั ใหป้ ระวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ กลายเปน็ เรอ่ื งสำ� คญั ของคนทอ้ งถน่ิ สงิ่ สำ� คญั ทสี่ ดุ คอื ควรทำ� ใหป้ ระวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถนิ่ เปน็ อสิ ระจาก กรอบคิดอนั คบั แคบของรฐั เพื่อปลกุ สำ� นกึ คดิ ของคนในทอ้ งถิ่นให้ยอ้ นกลบั ไป มองอดีต แล้วกลบั มาตง้ั ค�ำถามกบั ปัจจุบัน และวางแผนการ ตอ่ ยอดพัฒนา ทอ้ งถน่ิ เพอ่ื อนาคตที่ดีขน้ึ และแสดงตัวตนทางประวัตศิ าสตร์ได้เดน่ ชดั ขึน้ 2. เสยี งเรียกหาประชาธิปไตยจากท้องถน่ิ ถึงสว่ นกลาง ตอ้ งยอมรบั ว่าในปจั จุบนั “ผู้คน” หรือทหี่ ลายคนนิยมเรียกกันว่า “คน รุ่นใหม่” หันมาสนใจศึกษาประวัติศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะประเด็นเร่ือง “ประชาธปิ ไตย” มากขน้ึ ประวตั ศิ าสตรก์ ารตอ่ สทู้ างการเมอื งเพอื่ การเรยี กรอ้ ง ประชาธิปไตยถูกปลุกให้ต่ืนขึ้นอีกคร้ัง และเพิ่มพละก�ำลังมากขึ้นกว่าเดิมเป็น เท่าทวี แต่หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์กระแสรองในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในท้องถ่ินอีสาน จะสัมผัสได้ว่าคนอีสานมีความตื่นตัวต่อเรื่อง ประชาธปิ ไตยอยา่ งสูงมาโดยตลอด 283
พันเอก ดร.สรศกั ดิ์ กลา่ วเอาไว้ในระหว่างการบรรยายช่วงน้ีวา่ “...คน อสี านคดิ เรอื่ งประชาธปิ ไตย อาจจะกา้ วหนา้ กวา่ คนในกรงุ เทพฯ...” เมอ่ื พจิ ารณา ตามอยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลแลว้ สงิ่ ท่ี พนั เอก ดร.สรศกั ดิ์ กลา่ วไวเ้ ปน็ เรอื่ งจรงิ ไมม่ ี ผิดเลยแมแ้ ตน่ อ้ ย เหตผุ ลก็เพราะคนกรงุ เทพฯ มชี ีวิตอยู่ใกลส้ ่วนกลาง อยใู่ กล้ การปกครอง และโดยสว่ นใหญ่เปน็ กลมุ่ ชนชนั้ กลางที่มีฐานะกลางคอ่ นไปทาง สูง สายตาของคนกรงุ เทพฯ ส่วนใหญ่จึงเป็นมุมมองของคนท่อี ยูใ่ นความเจรญิ อยแู่ ลว้ เพราะไมว่ า่ อะไรกต็ ามทเี่ กดิ ขนึ้ ใหม่ พฒั นาใหม่ คนกรงุ เทพฯ จะไดส้ ทิ ธ์ิ นน้ั กอ่ นคนทอี่ น่ื เสมอ ในขณะท่คี นนอกกรงุ เทพฯ จะตัง้ ตารอคอยความเจรญิ เหลา่ นั้นไปอกี สักระยะ ซึ่งมักจะใช้เวลานานนบั ปี นับสิบปี สามสิบปี หรอื อาจ จะนานกว่าน้ัน เพราะมสี ถานะเปน็ เสมอื นคนท่ถี ูกรัฐลืม ย่ิงอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเท่าไหร่ ก็ต้องย่ิงรอคอยไปนานเท่านาน ความพยายามขวนขวายเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความเจรญิ ของคนกรงุ เทพฯ และคนนอก กรุงเทพฯ จงึ ตา่ งกันลบิ ลับ แบบที่อาจกล่าวดัง ๆ ไดเ้ ลยว่าคนกรงุ เทพฯ ไม่เคย เขา้ ใจปญั หาเชงิ โครงสรา้ งและความเหลอ่ื มลำ�้ อยา่ งแทจ้ รงิ แมจ้ ะผา่ นการศกึ ษา หาทฤษฎที างสงั คมศาสตรม์ ากมายมากลา่ วอา้ ง ตา่ งกบั คนในทอ้ งถนิ่ ตา่ ง ๆ โดย เฉพาะคนอีสานท่ีถูกรัฐกดทับตัวตนมาโดยตลอด แม้แต่ในหน้าประวัติศาสตร์ รัฐไทยก็แทบไม่เคยให้พ้ืนท่ีในการแสดงบทบาทที่โดดเด่น คนอีสานแทบไม่ จ�ำเป็นต้องพ่ึงพาทฤษฎีทางวิชาการใด ๆ ใช้เพียงประสบการณ์ชีวิตที่ต้องเฝ้า รอคอยความเจรญิ ทนี่ าน ๆ ทจี ะไดแ้ วะเวยี นผา่ นมาสกั ครงั้ กเ็ พยี งพอทจ่ี ะทำ� ให้ เขา้ ใจว่าเป้าหมายสงู สดุ ที่พวกเขาตอ้ งการคืออะไร พันเอก ดร.สรศักดิ์ อธิบายวา่ “ส.ส.อสี านเป็นกลุ่มที่ผลกั ดันและเรยี ก รอ้ งประชาธปิ ไตยอย่างลกึ ซง้ึ กว่าคนในกรงุ เทพฯ หลายเทา่ ” จากประวตั ชิ ีวติ และประวตั ิการต่อสู่เพ่อื ประชาธปิ ไตยของ 4 ส.ส.อีสาน อยา่ งนายทองอนิ ทร์ ภูริพัฒน ์ นายจ�ำลอง ดาวเรือง นายถวลิ อุดล และนายเตยี ง ศิริขันธ์ ท�ำใหพ้ อ เข้าใจว่าเหตุท่ีพวกเขาดิ้นรนทุกหนทางเพื่อให้ได้มาซ่ึงประชาธิปไตยแท้จริงที่ ใฝ่ฝันกเ็ พราะเขาเหล่านนั้ “เข้าใจปญั หา” พวกเขาเห็นปญั หา มีปญั หา ใชช้ วี ติ อยู่กับปัญหา จึงต้องหาทางแก้ปัญหา และพบว่าการมี “ประชาธิปไตยท่ีแท้ 284
จริง” คอื ทางแกป้ ญั หาที่ตรงจุดเกดิ เหตุ บรรดา ส.ส. อีสานจึงอาสาทำ� หน้าท่ี เปน็ ปากเป็นเสียงของ “คนไกลส่วนกลาง” พันเอก ดร.สรศักดิ์ ยังได้อธิบายต่อว่า “คนอีสานต้องการความเป็น ประชาธิปไตยมากกวา่ คนในกรงุ เทพฯ หลายเท่า แต่ถูกอ�ำนาจรฐั กดทับมาโดย ตลอด ถงึ กระนัน้ คนอีสานก็สูม้ าตลอด แมจ้ ะเสยี งดงั ไมไ่ ด้มาก แต่ก็ไมเ่ คยลด น้อยลงจนถึงปัจจุบัน” นับเป็นเร่ืองน่าสลดที่สาเหตุที่เสียงไม่ดังมากนั้น ไม่ใช่ เพราะไมส่ ู้ หากแตส่ มู้ าตลอด แตต่ ลอดมารฐั กไ็ มเ่ คยใหค้ วามสนใจเสยี งของพวก เขา และที่น่าเศร้ากว่าก็คือ เสียงคนอีสานหลายคนกลับไม่เคยดังเท่าเสียงผู้มี อำ� นาจรฐั คนเดยี ว ในประเดน็ นี้ พนั เอก ดร.สรศกั ดิ์ ตงั้ ขอ้ สงั เกตไวอ้ ยา่ งนา่ สนใจ วา่ อนั ทจี่ รงิ แลว้ ไมค่ วรยกความดคี วามชอบเรอ่ื งแนวคดิ เกย่ี วกบั ประชาธปิ ไตย ท้ังหมดให้ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เพราะเป็นไปไดว้ า่ ดร.ปรดี ี อาจจะเอาแนวคดิ จาก ส.ส.อสี านมาอกี ที แตก่ เ็ ขา้ ใจอยวู่ า่ ดร.ปรดี ี อยใู่ นฐานะผนู้ ำ� รฐั บาล มเี ครอื ข่ายมากในวงสังคมการเมืองท้ังในและต่างประเทศ มีโอกาสและมีบทบาทใน เวทีโลก จงึ ควรทจ่ี ะใหเ้ ครดิตกบั ดร.ปรดี ี มากกว่าผอู้ ื่น แม้ว่าในความเปน็ จริง 4 ส.ส.อสี านคอื ผทู้ ผี่ ลกั ดนั ใหเ้ กดิ ประชาธปิ ไตยแทจ้ รงิ อยา่ งจรงิ จงั มาโดยตลอด ประเด็นเรื่องเสียงที่ไม่เท่ากันของคนนับเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานมา ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ กี่ศตวรรษ แต่เสียงของ ประชาชนบางกลมุ่ ไมเ่ คยดังเท่ารัฐ แต่ทสี่ รา้ งปัญหาอยา่ งย่งิ ยวดก็คือเสียงของ ประชาชนท่ี “ไมเ่ คยดงั ถงึ รฐั ” เพราะรฐั เลอื กทจี่ ะไมไ่ ดย้ นิ เสยี งของพวกเขา เมอื่ เปน็ เช่นน้ี ปญั หาจงึ ไมเ่ คยถูกแก้ เพราะเม่อื ผู้มีอำ� นาจไมค่ ิดทจี่ ะฟงั เลอื กทจ่ี ะ ไม่รับรู้ ก็จะไม่มีวันเข้าใจว่าความต้องการที่แท้จริงของผู้คนคืออะไร ไม่แปลก เลยทแ่ี มค้ นอสี านหรอื คนในทอ้ งถนิ่ ตา่ ง ๆ จะพยายามเรยี กรอ้ งหาประชาธปิ ไตย แท้จริงมานบั ศตวรรษแต่รฐั ไม่เคยสนใจ ขอ้ สังเกตที่น่าสนใจคือ เมอื่ ไหร่รฐั จะ ยอมลดตวั ลงมาฟังเสียงทไี่ มด่ งั ของคนที่ไม่เดน่ เหลา่ นอ้ี ย่างจริงจงั เสยี ที การบรรยายในช่วงสุดท้าย ได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมฟังบรรยาย รว่ มซักถามหรือตัง้ ประเดน็ สนทนากัน อาจารย์ทา่ นหนงึ่ ได้กล่าวข้นึ ว่า ณ ตอน 285
น้ีมีแผนความคิดท่ีอยากจะจัดต้ัง “หอจดหมายเหตุเพ่ือประชาธิปไตยในท้อง ถิน่ อสี าน” เพ่อื ใช้ท�ำหนา้ ที่เปน็ แหล่งรวบรวมเอกสารชนั้ ตน้ หรือหลกั ฐานชน้ั ตน้ ตา่ ง ๆ ทส่ี ะทอ้ นความคดิ เกยี่ วกบั ประชาธปิ ไตย ประวตั ศิ าสตรก์ ารเรยี กรอ้ ง ประชาธิปไตยของคนอีสาน ซึง่ ถอื เปน็ เรอื่ งทน่ี ่าใหก้ ารสนับสนุนเป็นอยา่ งมาก เพราะหากเกดิ ขน้ึ ไดจ้ รงิ จะทำ� ใหเ้ รามแี หลง่ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื ง ทดี่ ีมากเพ่ิมขึ้นอกี หนึง่ แหลง่ เพราะการต่อสเู้ พ่ือเรียกรอ้ งประชาธปิ ไตยในทอ้ ง ถิ่นอีสาน แม้จะไม่เคยดังถึงรัฐ แต่ก็ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่องอย่างมี เสนห่ ์ บรรพบรุ ษุ คนอสี านทำ� การแทรกซมึ การปลกู ฝงั ความคดิ ความเขา้ ใจเรอ่ื ง ประชาธิปไตยเอาไว้อย่างแยบยล พวกเขามักใช้ส่ือความบันเทิงแบบฉบับ วัฒนธรรมอสี านมาเปน็ ตวั กลางในการส่ือสารทางการเมือง ซ่งึ ส่ือทถ่ี ูกใช้อยา่ ง แพร่หลายที่สุด และมีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ คอื การ “ขับกลอนล�ำ” โดย “หมอลำ� กลอน” ถือว่าต้องเป็นผู้ทรงความรู้ดี เพราะในการขับกลอนล�ำจะต้องท�ำการ แสดงเรอื่ งราวหลากหลายในทกุ ครง้ั เพอื่ ใหผ้ คู้ นไดร้ บั ความรขู้ อ้ มลู ตงั้ แตใ่ นอดตี ถงึ ปัจจุบัน ให้ความเขา้ ใจเร่อื งการเมืองการประชาธปิ ไตย ท้ังยังต้องสอดแทรก ธรรมะ ความรเู้ รอ่ื งผิด ชอบ ช่วั ดี และท่สี �ำคัญต้องไมล่ ะทงิ้ ความบนั เทงิ เพื่อ ทำ� ใหผ้ ฟู้ งั คอ่ ย ๆ ไดร้ บั สารตงั้ ตน้ ทางความคดิ ไปทลี ะเลก็ ละนอ้ ยอยา่ งแยบคาย แลว้ ค่อย ๆ หลอมรวมกันกลายเป็นมวลความคดิ ประชาธปิ ไตยขนาดใหญ่ที่ฝัง แนน่ กลอนล�ำอีสานจะถูกปรับแต่งข้ึนใหม่อยู่เสมอตามข่าวสารสถานการณ์ บา้ นเมอื ง ไม่ไดม้ ีบทร้องตายตัว หมอลำ� กลอนจะตอ้ งศึกษาความรู้ท้งั เกา่ และ ใหม่อยู่ตลอด เพื่อน�ำมาปรับแต่งให้เป็นกลอนล�ำที่สมบูรณ์ เน้ือหาของกลอน ลำ� จงึ เปน็ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรช์ นั้ เลศิ อยา่ งหนงึ่ ทจ่ี ะทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ ววิ ฒั นาการ ทางความคิด ทางการเมืองของคนท้องถิ่นอีสาน ทั้งยังให้ภาพวิถีชีวิต สภาพ ความเป็นอยขู่ องคนอีสาน ณ หว้ งเวลาตา่ ง ๆ ได้อยา่ งแจ่มชดั เปน็ ดั่งลายแทง ชน้ั เยี่ยมทจี่ ะท�ำให้สามารถสืบค้นประวตั ศิ าสตร์อีสานได้อยา่ งรอบด้านและลกึ ซึ้ง 286
นอกจากกลอนล�ำ คนอีสานยังน�ำต�ำนานหรือนิทานพื้นบ้านด้ังเดิมมา ปรับปรุงเนื้อหาใหม่ให้สอดรับกับยุคสมัย โดยการแทรกซึมเน้ือหาเกี่ยวกับ ประชาธปิ ไตยเข้าไปแบบเนยี น ๆ อาทิ เร่อื งทา้ วก่�ำกาดำ� ทา้ วสนิ ไซ ความน่า สนใจอยทู่ น่ี ทิ านเร่ืองเดมิ มเี นื้อหาเดมิ เปน็ โครงเรอื่ ง แต่ในแตล่ ะยุคสมัยจะถูก ปรบั เนอื้ หาอยา่ งละนดิ จดุ ละหนอ่ ยเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ททางสงั คม-การเมอื ง ณ ขณะนนั้ พฒั นาการของตำ� นานหรอื นทิ านพนื้ บา้ นเหลา่ นจี้ งึ เปน็ อกี เรอ่ื งทน่ี า่ จบั ตามองว่าบรรพบุรุษอีสานมีกลวธิ ใี นการสอดแทรกความเป็นประชาธปิ ไตย อย่างไรให้โครงเร่อื งเดิมไมเ่ สียหาย แต่บรรลเุ ป้าหมายทางการเมือง จุดมุ่งหมายในการต้ังหอจดหมายเหตุดังกล่าว ไม่ใช่เพียงเพื่อรวบรวม เอกสารชน้ั ตน้ ทอ้ งถนิ่ อสี านเกยี่ วกบั การเรยี กรอ้ งประชาธปิ ไตยเทา่ นน้ั อาจารย์ ท่านน้ันกล่าวอีกจุดประสงค์ว่า เพื่อรวบรวมประวัติศาสตร์และผลงานต่าง ๆ ของบรรพชนอีสานท่ีท�ำการต่อสู้เพ่ือประชาธิปไตย เพราะในดินแดนอีสานไม่ ไดม้ ีเพียงแต่ 4 เสือ ส.ส.อสี านเท่าน้นั ทที่ �ำการเรยี กรอ้ งประชาธิปไตยอย่างสดุ ก�ำลัง แต่ยังมีผู้อ่ืน เช่น ครูอ่�ำ บุญไทย ผู้ลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัด อบุ ลราชธานี เมื่อ พ.ศ. 2476 ครูอ่ำ� เติบโตมาในยคุ รฐั ไทยระบบเก่าบนแผ่นดนิ แดนอีสาน จึงเป็นอีกผู้หน่ึงที่เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างในท้องถ่ินเป็นอย่างดี หรือหากกล่าวให้ถูกอีกที ก็คงต้องกล่าวว่าครูอ�่ำเข้าใจปัญหาตั้งแต่ระดับท้อง ถ่ินท่สี ามารถโยงไปถงึ ระดับชาติ ครูอ�่ำเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ “กฤดาการบนท่ีราบสูง” ซึ่งครูอ�่ำแต่ง หนงั สอื เลม่ นขี้ นึ้ เพอื่ ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในชว่ งหาเสยี ง รายละเอยี ดของหนงั สอื เตม็ ไปดว้ ยความรใู้ นเรอื่ งเศรษฐกจิ ทอ้ งถนิ่ อสี าน ทเ่ี ปน็ ปญั หาเรอื้ รงั ฉดุ รง้ั ความเจรญิ ของคนในดนิ แดนทรี่ าบสงู ทง้ั ยงั อภปิ รายถงึ “หนา้ ทขี่ องผแู้ ทนราษฎร” วา่ ควร จะตอ้ งมคี ณุ สมบัตอิ ย่างไร ตอ้ งทำ� หนา้ ทอ่ี ะไร และตอ้ ง “ท�ำเพ่ือใคร” กนั แน่ กรณีตัวอยา่ งของครอู ำ่� บญุ ไทย ทำ� ใหน้ า่ สนใจคดิ ว่า แลว้ บรรพชนท่าน อนื่ ๆ ทมี่ งุ่ มน่ั ตอ่ สเู้ พอื่ เรยี กรอ้ งประชาธปิ ไตยไดท้ ง้ิ สมบตั ทิ างความคดิ ของทา่ น เอาไว้ผ่านสือ่ ใดบ้าง ครอู ่�ำแตง่ หนงั สอื หมอล�ำกลอนแตง่ กลอนลำ� แล้วยงั มีสิง่ 287
ใดอกี ไหมทถ่ี กู ใชเ้ ปน็ แหลง่ สรา้ งวฒั นธรรมความคดิ ทางการเมอื งของชาวอสี าน แนน่ อนวา่ คนในทอ้ งทตี่ อ้ งรดู้ ที สี่ ดุ ควรคา่ ทจี่ ะมอบหมายใหเ้ ปน็ หนา้ ทข่ี องพวก เขาในการรวบรวมหลกั ฐานวัฒนธรรมความคิดเหลา่ น้ใี ห้สำ� เรจ็ และภาคส่วนท่ี เก่ียวข้องควรให้การสนับสนุนเจตนารมณ์นี้ให้ลุล่วง เพ่ือเป็นหนึ่งส่วนในการ พฒั นาทอ้ งถน่ิ พฒั นาวงการวชิ าการสงั คมศาสตร์ ตลอดไปจนพฒั นาประชาธปิ ไตย ใหง้ อกงามในแนวทางที่เหมาะควร สรุปสง่ ทา้ ย การบรรยายในครงั้ นี้ สำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปไดอ้ ยา่ งนา่ ประทบั ใจ เราไดเ้ หน็ ภาพ ความตื่นตัวของคนท้องถิ่นในด้านประวัติศาสตร์จากมุมต่าง ๆ ตลอดจนได้ ประเด็นท่ีนา่ น�ำกลบั ไปขบคิดและศึกษาค้นควา้ อย่หู ลายเร่ือง จากหลักฐานช้ัน ต้นและองค์ความรูข้ องคนในท้องถ่ินท่ีมอี ยู่ เป็นพืน้ ฐานขอ้ มูลทด่ี ีท่ีจะท�ำให้คน ท้องถ่ินศึกษาย้อนกลับไปท�ำความเข้าใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์ เพ่ือสืบหา ทมี่ าท่ีไปของปัจจุบนั และให้ทอ้ งถ่นิ สามารถวางแผนพัฒนาตอ่ ยอดอนาคตให้ รงุ่ เรืองต่อไปได้ เม่ือมีพ้ืนฐานท้องถิ่นที่แข็งแรงแล้ว ก็จ�ำเป็นอย่างมากที่คนท้องถิ่นจะ ตอ้ งตอ่ ยอดทำ� ความเขา้ ใจบรบิ ทรอบขา้ งในโลกทศั นท์ ใี่ หญข่ นึ้ ทงั้ ในระดบั ภาค ระดับประเทศ ระดบั ภูมภิ าค เร่ือยไปจนถึงระดับโลก เพราะประวัติศาสตร์ทกุ ระดบั มคี วามเชอื่ มโยงถงึ กนั อยา่ งมมี ติ ิ ในจดุ นตี้ อ้ งอาศยั “เอกสารนอกทอ้ งถน่ิ ” เปน็ เคร่ืองมือในการช่วยผสานเนอ้ื หาในหน้าประวัติศาสตรท์ ั้งหมดให้รอ้ ยเรียง เขา้ หากนั อย่างถูกตอ้ ง พลเอกหญงิ ศ.เกยี รติคุณ ดร.สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตระหนักในวิธีการทาง ประวัติศาสตร์อย่างเลิศล้�ำ ด้วยพระองค์ทรงเป็นนักประวัติศาสตร์ท่ีทรงพระ ปรชี าสามารถอยา่ งยงิ่ จงึ มพี ระราชดำ� รเิ หน็ วา่ เอกสาร/หลกั ฐานจากตา่ งประเทศ เป็นเครื่องมือส�ำคัญที่เหล่านักประวัติศาสตร์ทั้งหลายจ�ำเป็นต้องเข้าถึงได้โดย 288
สะดวก เพือ่ ให้ผลการศกึ ษาคน้ คว้าวจิ ยั ทางประวตั ศิ าสตร์เปน็ ไปอยา่ งสมบูรณ์ แบบ ครอบคลุมทุกมุมมองเทา่ ทจ่ี ะเป็นไปได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ จดั ตงั้ หอจดหมายเหตตุ า่ งประเทศขนึ้ ณ กองวชิ าประวตั ศิ าสตร์ สว่ นการศกึ ษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และได้รับความร่วมมือจากส�ำนักงานการ วจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.) ในการนำ� เอกสารตา่ งประเทศเหลา่ นน้ั เขา้ สรู่ ะบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ทง้ั น้ีก็เพื่อใหป้ ระชาชนในทกุ ภาคสว่ น ทีไ่ มว่ ่าจะอยู่ในท้องถ่นิ ใด หรือสงั กัดใด ก็ตาม ได้มีโอกาสและสามารถเข้าถึงเอกสารต่างประเทศเหล่าน้ีได้อย่างเสมอ ภาค เพ่ือเป็นประโยชน์ในการศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ท่ีสามารถ ท�ำใหท้ อ้ งถ่ินท่วั ไทยพัฒนากา้ วตามทนั บริบทสงั คมโลก เปา้ หมายสงู สดุ ของการบรรยายครง้ั นี้ คอื การเดนิ ทางไปกระจายขา่ วสาร ให้ทราบโดยทั่วกันว่า ณ บัดนี้ ประเทศไทยของเรามีทรัพยากรทางวิชาการที่มี ค่าย่ิงพร้อมให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนทวั่ ทุกภมู ิภาคของไทยแลว้ โดย พันเอก ดร. สรศกั ดิ์ ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ ผสู้ ง่ ขา่ วไดอ้ ยา่ งสงา่ งาม และหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ ในอนาคต อนั ใกลน้ ปี้ ระเทศของเราจะมีงานศกึ ษาวิจัยทางประวัติศาสตร์ในระดบั ท้องถนิ่ ทีถ่ กู วิเคราะหด์ ้วยเอกสารตา่ งประเทศมากข้นึ เพราะน่นั จะเป็นจดุ เร่ิมต้น เป็น กา้ วสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหร้ ากฐานความคดิ ทางวชิ าการประวตั ศิ าสตรข์ องคนไทยเตบิ โต กว้างไกล ทะลุกรอบคิดแบบเดิม และพร้อมต่อการรองรับองค์ความรู้ใหม่ที่ พฒั นาเพ่มิ ขึ้นอยู่ตลอดเวลาในปัจจบุ ัน 289
ประวัตผิ ้เู ขยี น พนั เอก ดร.สรศักดิ์ งามขจรกุลกจิ การศกึ ษา ระดับปริญญาตรี การเมืองการปกครอง คณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ระดับปรญิ ญาโท ประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ระดับปริญญาเอก ประวัติศาสตรเ์ อเชียตะวันออกเฉยี งใต้ U of Wisconsin-Madison, USA ผลงานวชิ าการ (บางสว่ นท่เี ดน่ ๆ ) (๑) The New History of the Seri Thai Movement (Institute of Asian Studies Chulalongkorn University, 2010) (๒) เสรีไทย: ตำ�นานใหม่ของขบวนการเสรไี ทย (สถาบันเอเชียศึกษา จฬุ าฯ ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๗) (๓) นกั รบสันติวธิ :ี ประวัติศาสตร์ ตำ�ราและวาทกรรมทหารไทย (สำ�นกั พมิ พ์ ม.ธรรมศาสตร์ ๒๕๕๘) (๔) เรือ่ งเลา่ จากทหารวชิ าการอาวุโสฯ (สำ�นักงานการวจิ ยั แห่งชาติ ๒๕๖๔) (๕) จากแฟ้มเอกสารลับทีส่ ุดฯ (สำ�นักงานการวจิ ยั แห่งชาติ ๒๕๖๔) (๖) “พระสไตล์” การทรงสอนประวัติศาสตร์ (สำ�นกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ ๒๕๖๔) งานวิจยั ทผี่ ่านมาและงานวจิ ยั ทด่ี ำ�เนนิ การอยใู่ นปัจจบุ ัน (ภายใน 5 ปี) (1) เรื่อง “การปฏริ ูปกองทัพกับการออกแบบระบบการศึกษาทางทหารของไทย ในโครงการวจิ ยั การ ออกแบบประเทศไทยใหม่” ร่วมกับคณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ โดยการสนบั สนนุ ของสำ�นักงาน กองทุนสนับสนนุ การวิจยั (๒๕๖๑ สกว.) (2) เรื่อง “การวจิ ยั เอกสารสำ�คญั ทางประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั ใหม่จากหอจดหมายเหตุต่างประเทศ” (Research on Significant Historical Documents of Modern Thai History From Overseas Archives) โดยไดร้ บั ทนุ อดุ หนนุ จากสำ�นกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) ประจำ�ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๔ 290
291
292
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294