หนงั สือประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารหน่วยเคลืิ่อนท่ีเรว็ ระบบโทรศพั ทพ์ ื้นฐาน โทรสาร โทรศพั ทม์ อื ถอื และเครือข่ายมหาดไทย โทรศัพท์พ้นื ฐาน : 0 2251 7853-6 ตอ่ 2209-2211 โทรศัพท์มหาดไทย : 51373 โทรสาร : 0 2252 7976 โทรศัพท์มือถือ : 08 6780 2097 เครือขา่ ยมหาดไทย : • สถานีกาชาดท่ี 1 จังหวัดสุรนิ ทร์ 37795 • สถานีกาชาดท่ี 4 จงั หวดั นครราชสมี า 36495 • สถานกี าชาดท่ี 7 จงั หวัดอุบลราชธาน ี 38995 • สถานกี าชาดที่ 8 จงั หวดั เพชรบรุ ี 63595 • สถานกี าชาดท่ี 13 จงั หวัดตาก 23595 ระบบวทิ ยสุ ่ือสาร / Application ระบบ Zello และระบบ E – Radio ปัจจุบันศูนย์ไนติงเกล ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพให้สามารถติดต่อประสานงานได้ครอบคลุม ทวั่ ทงั้ สภากาชาดไทย หนว่ ยงานราชการ และหนว่ ยงานภาคเี ครอื ขา่ ยตา่ งๆ ทงั้ ในยามปกติ และในยาม เกิดภัยพิบตั ิ มีลกู ขา่ ยมากกว่า 900 สัญญาณเรยี กขาน ซ่งึ โดยท่วั ไปใช้สญั ญาณเรยี กขานว่า ไนตงิ เกล ตามดว้ ยหมายเลขซง่ึ ไดร้ บั มอบหมายเปน็ ทางการ ส�ำหรบั สถานกี าชาด 13 แหง่ ศนู ยฉ์ กุ เฉนิ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย ศูนย์ เวชศาสตรฟ์ ื้นฟสู วางคนิวาส และเรือพระราชทานเวชพาหน์ มสี ัญญาณเรยี กขานแตกต่างออกไป ดงั น้ี • เรือพระราชทาน “เวชพาหน์” ใชส้ ัญญาณเรียกขาน “นางนวล” • ศนู ย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ ใชส้ ัญญาณเรยี กขาน “ฉกุ เฉินจุฬา” • โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี ใชส้ ญั ญาณเรียกขาน “ล่ันทม” • ศนู ยร์ าชการุณยส์ ภากาชาดไทย จ.ตราด ใช้สญั ญาณเรยี กขาน “เขาล้าน” • ศูนย์เวชศาสตร์ฟน้ื ฟสู วางคนิวาส จ.สมุทรปราการ ใชส้ ญั ญาณเรียกขาน “ฟนื้ ฟู” • สถานีกาชาดที่ 1 จังหวัดสรุ นิ ทร์ ใช้สญั ญาณเรยี กขาน “พนมรงุ้ ” • สถานกี าชาดท่ี 2 แพรง่ ภธู ร กรุงเทพฯ ใช้สญั ญาณเรยี กขาน “ดอกแกว้ ” • สถานกี าชาดท่ี 3 จังหวัดเชียงใหม่ ใช้สญั ญาณเรียกขาน “เอ้ืองฟา้ ” • สถานกี าชาดที่ 4 จงั หวัดนครราชสีมา ใชส้ ัญญาณเรียกขาน “พิมาย” • สถานีกาชาดที่ 5 สวางคนิวาส จังหวัดสมุทรปราการ ใชส้ ญั ญาณเรียกขาน “พระสมทุ ร” • สถานีกาชาดที่ 6 อรญั ประเทศ จังหวดั สระแกว้ ใชส้ ัญญาณเรียกขาน “วนาล”ี • สถานีกาชาดท่ี 7 จงั หวดั อุบลราชธานี ใช้สญั ญาณเรยี กขาน “บณุ ฑริกา” • สถานีกาชาดที่ 8 จงั หวัดเพชรบรุ ี ใช้สัญญาณเรยี กขาน “เขาวงั ” • สถานกี าชาดที่ 10 หัวหนิ ฯ จงั หวดั ประจวบครี ีขันธ์ ใช้สญั ญาณเรียกขาน “กลั ปงั หา” • สถานกี าชาดที่ 11 วเิ ศษนิยม บางแค กรงุ เทพฯ ใช้สัญญาณเรียกขาน “ดอกแค” 100
Nationnal Disaster Response Team Handbook • สถานกี าชาดสริ นิ ธร (สถานกี าชาดที่ 12 ทงุ่ สง จงั หวดั นครศรธี รรมราช) ใชส้ ญั ญาณเรยี กขาน “หนองหงส”์ • สถานีกาชาดเทพรัตน์ (สถานีกาชาดที่ 13 จังหวัดตาก) ใชส้ ญั ญาณเรยี กขาน “ดอกเสย้ี ว” • สถานีกาชาดที่ 14 พงั งาเฉลมิ พระเกียรตฯิ (สถานกี าชาดที่ 14 จังหวัดพังงา) ใชส้ ญั ญาณ เรียกขาน “พงิ กัน” ประสานหน่วยงานราชการ และภาคเี ครือข่ายต่างๆ เช่น • ศนู ยว์ ทิ ยปุ ทมุ วัน (ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาต)ิ • ศนู ย์วิทยุพระราม (ส�ำนกั ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรงุ เทพมหานคร) • ศูนยว์ ิทยอุ มั รนิ ทร์ (กรุงเทพมหานคร) • ศนู ยว์ ทิ ยุนเรนทร (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉนิ แหง่ ชาติ กระทรวงสาธารณสขุ ) • ศูนยเ์ อราวัณ (ส�ำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร) • ศูนย์วิทยุ บก.จร. 02 (กองบงั คบั การต�ำรวจจราจร) • ศูนยว์ ทิ ยุต�ำรวจทางหลวง • ศูนยน์ ริ ภยั (กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ) • นกั วทิ ยสุ มัครเล่น • มูลนธิ ฯิ และเครือขา่ ยกระทรวงมหาดไทย จงั หวดั ตา่ ง ๆ ตามสถานการณ์ท่เี กดิ ภยั พิบตั ิ 101
หนังสือประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการหน่วยเคลื่ิอนทเ่ี ร็ว 91 ศแูนผนยทส์ ส่อื่ีแแภสสผาดากนรงาทกสชแ่ีาภาสรดาตดไกิดทงาตกยชอ่า(าสศรดตืู่นอไสทดิยไ์ยาตนรอ่ (ตศสศิงูน่ือนูเกยสยล์สาไ์ น)ร่ือตสงิ าเรกล) สสาํ ำ� นนกั กั งงาานนบบรรรเทเทาทาทุกขกุ แ์ขล์และปะปรระะชชาานนาามมยั ัยพพทิ กัทิ ษกั ์ษ์ สสภภาากกาชาาชดาไดทไทยย หศูนศนหนูย่วนเ์ยยอ่วเ์รงยอาางรวานาณนั วภภัณาาคคีี ศูนศนูยน์ยเ์นรเนรทนรทร ศูศนนูยพ์ยร์พะรระารมาม ศูนศยูนน์ ยิรน์ภยัริ ภยั ศูนศยนู ป์ยทป์ ุมทวมุ นั วนั บก.จร. ((บบกก..0022)) ววทิ ิทยยสุ ุสมมคั ัครรเลเล่นน่ มมูลูลนนธิ ิธฯิฯกกชู้ ชู้ีพีพกกภู้ ภู้ ัยยั การติดตอ่ ทางวทิ ยสุ ่ือสาร ระบบ HF/SSB ติดตอ่ กบั สถานีกาชาดท่ี 1, 3, 4, 6, 7, 10, 12, 13, 14, ศูนยร์ าชการุณยส์ ภากาชาดไทย และรถส่ือสารสภากาชาดไทย การติดตอ่ ทางวทิ ยสุ ื่อสาร ระบบ VHF/FM ติดต่อกบั สถานีกาชาดท่ี 2, 5, 8, 10, 11, รพ.สมเดจ็ ฯ ณ ศรีราชา ศูนยเ์ วชศาสตร์ฟ้ื นฟ,ู รพ.จุฬาฯ, เจา้ หนา้ ที่สภากาชาดไทย, รถสื่อสารสภากาชาดไทย และหน่วยงานภาคีเครือข่าย การติดต่อทางระบบโทรศพั ท์ โทรสาร Video conference Zello E-Radio Social Network ติดต่อกบั ทุกสถานี 102
Nationnal Disaster Response Team Handbook รถสอ่ื สารสภากาชาดไทย เป็นศูนย์ส่ือสารเฉพาะกิจส่วนหน้าในพ้ืนท่ีประสบภัยพิบัติสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายสื่อสาร มายังส่วนกลาง • สามารถตดิ ตอ่ ผ่านระบบวิทยสุ อื่ สาร VHF/FM และ HF/SSB • สามารถตดิ ต่อสื่อสารไดก้ บั ข่ายโทรศัพทพ์ ื้นฐาน โทรศัพทม์ อื ถือ • สามารถรบั ชมข่าวสารจากระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม • สามารถรบั สง่ ข้อมูลผา่ นทางอนิ เทอร์เนต็ และ WIFI • สนับสนุนงานเอกสาร สามารถแสกน ส่ังพิมพ์ ท�ำส�ำเนา • รองรบั ระบบ VDO Conference เพอื่ การติดตอ่ ประสานงานและการประชมุ ทางไกล • มีเครือ่ งก�ำเนิดไฟฟา้ (generator) เพ่ือเปน็ พลังงานส�ำรองกรณีไฟฟ้าดบั สามารถจา่ ยให้กับ อุปกรณต์ ่างๆเทา่ ท่ีจ�ำเปน็ 103
หนงั สือประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ ารหนว่ ยเคลอ่ิื นทเี่ ร็ว ระบบการแจง้ ข่าว สถานการณ์ (SMS / Line) มาตรฐานและรปู แบบการสง่ ขอ้ ความการแจง้ ขา่ ว สถานการณ์ ผา่ นระบบ SMS / Line โดยเฉพาะ ช่วงเกิดภัยพิบัติ จะแจ้งข่าวทุก 1-2 ชั่วโมง เพ่ือความรวดเร็ว และถูกต้องในการรับข้อมูลข่าวสาร การแจง้ ข่าว สถานการณภ์ ยั พบิ ัติ ระดับความรุนแรงของภัยพบิ ัติ รายงานการให้ความชว่ ยเหลือ และ การออกปฏิบตั งิ านบรรเทาทกุ ข์ผู้ประสบภัย ระบบประชุมทางไกล (VDO Conference) ระบบประชมุ ทางไกล ผา่ นโปรแกรม Video Conference บนเครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ เพอื่ เชอื่ มโยง การสอื่ สารภายในหน่วยงานของสภากาชาดไทย (สถานีกาชาด 13 แหง่ ) เม่อื เกิดภัยพิบตั ขิ นาดใหญ่ ศนู ยป์ ฏิบตั ิการภยั พบิ ัตสิ ภากาชาดไทย จะกลายเป็นศนู ย์ปฏบิ ตั กิ าร (Operation Room) มีการตั้งศูนย์ บญั ชาการขึ้น (Incident Commander) โดยมผี ู้บรหิ ารทง้ั ในส�ำนกั งานบรรเทาทกุ ข์ฯ และส�ำนักงานอน่ื ท่ีเกย่ี วขอ้ ง เพอ่ื ประชมุ สถานการณ์ และสง่ั การ ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 • ระบบเทคโนโลยหี อ้ งประชมุ ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารภยั พบิ ตั สิ ภากาชาดไทย (ภาพท่ี 1) สามารถรองรบั การประชมุ ทางไกลจากระบบอ่ืนๆ เชน่ ระบบ GIN Conference , Skype ได้ และรองรับ การประชมุ ในรูปแบบโทรศพั ท์มอื ถือ • การประชุมทางไกล จากห้องประชุมศูนยป์ ฏิบัติการภยั พิบัติสภากาชาดไทย (ภาพท่ี 2) กับ สถานีกาชาด 13 แห่ง การมีและการใชเ้ ครอ่ื งวิทยคุ มนาคม การมีและการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมน้ันจะต้องทราบและรู้กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับเคร่ืองวิทยุ คมนาคม ประมวลรหสั โคด้ ว. ตา่ งๆ การรบั -สง่ ขา่ ว การใชง้ านเครอ่ื งวทิ ยคุ มนาคม การดแู ลบ�ำรงุ รกั ษา และมารยาทในการใชเ้ คร่อื งวทิ ยุ ฯลฯ พระราชบญั ญตั วิ ิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ภูมพิ ลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2498 เปน็ ปที ี่ 10 ในรัชกาลปัจจบุ นั มาตรา 4 • “คลน่ื แฮรตเซียน” หมายความวา่ คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ทม่ี คี วามถี่ระหวา่ ง 10 กิโลไซเกิลต่อ วนิ าที และ 3,000,000 เมกกาไซเกิลต่อวนิ าที 104
Nationnal Disaster Response Team Handbook • “วิทยุคมนาคม” หมายความวา่ การสง่ หรือการรบั เคร่อื งหมาย สัญญาณ ตวั หนงั สอื ภาพ และเสียงหรอื การอน่ื ใดซ่งึ สามารถใหเ้ ข้าใจความหมายไดด้ ว้ ยคลนื่ แฮรตเซยี น • “เคร่อื งวิทยคุ มนาคม” หมายความว่า เครื่องส่งวิทยคุ มนาคม เครื่องรับวทิ ยคุ มนาคม หรอื เคร่ืองรับและส่งวิทยุคมนาคม แต่ไม่รวมตลอดถึง เคร่ืองรับวิทยุกระจายเสียง เครื่องรับ วทิ ยโุ ทรทศั น์ และเครอื่ งสง่ เครอื่ งรบั หรอื เครอ่ื งรบั และสง่ วทิ ยคุ มนาคมดว้ ยคลน่ื แฮรตเซยี น ตามลกั ษณะหรอื ประเภท ทก่ี �ำหนดในกฎกระทรวง เพอ่ื ประโยชนใ์ นการควบคมุ การใชเ้ ครอ่ื ง วทิ ยคุ มนาคม ใหถ้ อื วา่ อปุ กรณ์ใดๆ ของเครอื่ งวทิ ยุคมนาคมตามท่ีก�ำหนดในกฎกระทรวง เป็นเครื่องวทิ ยุคมนาคมดว้ ย • “พนักงานวทิ ยุคมนาคม” หมายความว่า ผใู้ ช้เคร่อื งวิทยคุ มนาคม • “สถานวี ิทยุคมนาคม” หมายความวา่ ท่สี ง่ วทิ ยุคมนาคม ทร่ี บั วิทยุคมนาคม หรือทส่ี ง่ และ รับวทิ ยคุ มนาคม • “ท�ำ” หมายความรวมตลอดถึงการประกอบข้นึ การแปรสภาพหรือ การกลบั สรา้ งใหม่ • “น�ำเข้า” หมายความวา่ น�ำเข้าในราชอาณาจกั ร “น�ำออก” หมายความวา่ น�ำออกนอกราชอาณาจักร • “ค้า” หมายความรวมถงึ การมไี ว้ในครอบครองเพ่ือขายหรือ ซ่อมแซมด้วย • “เจา้ พนกั งานผอู้ อกใบอนญุ าต” หมายความวา่ เจา้ พนกั งานซงึ่ รฐั มนตรแี ตง่ ตง้ั ตามพระราช บัญญตั นิ ้ี • “รัฐมนตร”ี หมายความวา่ รฐั มนตรีผ้รู ักษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้ มาตรา 6 หา้ มมิใหผ้ ูใ้ ด ท�ำ มี ใช้ น�ำเข้า น�ำออก หรอื ค้าซง่ึ เครอ่ื งวทิ ยุคมนาคม เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั ใบ อนุญาตจากเจ้าพนักงานผอู้ อกใบอนญุ าต มาตรา 11 ห้ามมิให้ผู้ใดต้ังสถานีวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบ อนุญาต มาตรา 16 ห้ามมใิ ห้ผู้ใดส่งหรอื จัดให้ส่งขอ้ ความใด ๆ โดยวิทยคุ มนาคมอนั ตนรู้อยูว่ า่ เป็นเทจ็ หรอื ข้อความอ่นื ใดท่มี ไิ ดร้ บั อนญุ าตจากพนกั งาน เจ้าหนา้ ท่ี ซึง่ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ประเทศชาติ หรอื ประชาชน มาตรา 17 หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดดกั รบั ไว้ ใชป้ ระโยชน์ หรอื เปดิ เผยโดยมชิ อบดว้ ยกฎหมาย ซง่ึ ขา่ ววทิ ยคุ มนาคม ทม่ี ไิ ดม้ งุ่ หมายเพอื่ ประโยชนส์ าธารณะ หรอื ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกป่ ระเทศชาตหิ รอื ประชาชน มาตรา 23 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 6 มาตรา 11 หรือ มาตรา 16 มคี วามผดิ ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท หรอื จ�ำคกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรือ ทั้งปรับทง้ั จ�ำ มาตรา 26 ผู้ใดจงใจกระท�ำให้เกิดการรบกวน หรือขดั ขวางตอ่ การวทิ ยคุ มนาคมมคี วามผิดต้องระวาง โทษปรบั ไมเ่ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรือจ�ำคกุ ไมเ่ กินหา้ ปี หรือทั้งปรับท้ังจ�ำ เลม่ 72 ตอนท่ี 11 ราชกิจจานเุ บกษา 8 กุมภาพันธ์ 2498 พระราชบญั ญตั ิ วทิ ยคุ มนาคม พ.ศ. 2498 https://ictlawcenter.etda.or.th/files/law/file/46/a7b4e1506e11c9692db58e0bcc92154b.pdf 105
หนังสือประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการหน่วยเคล่ือิ นทเี่ ร็ว คลน่ื ความถส่ี ําหรบั การประสานงานร่วม คลนื่ ความถ่ีสําหรบั การประสานงานรว่ มระหว่างหน่วยงานของรฐั และประชาชน ยา่ นความถ่/ี ระบบ คล่ืนความถ่ี (เมกะเฮิรตซ์) การใชง้ าน HF/SSB หรอื HF/AM 27.155 ชอ่ งเรยี กขานและแจ้งเหตุฉุกเฉนิ หรอื HF/FM 27.215 (เฉพาะสถานใี นกจิ การทางทะเลเทา่ นน้ั ) (ความกวา้ ง แถบความถี่ 78.5 ช่องเรียกขานและแจ้งเหตุฉุกเฉนิ ไมเ่ กนิ 10 กิโลเฮริ ตซ)์ 145.000 ชอ่ งเรียกขานและแจง้ เหตฉุ กุ เฉิน 245.000 ช่องเรียกขานและแจ้งเหตฉุ ุกเฉิน VHF/FM 245.500 ชอ่ งเรยี กขานและแจง้ เหตุฉกุ เฉนิ (ความกว้างแถบความถ่ี 161.200 ช่องเรยี กขานและแจ้งเหตุฉุกเฉนิ ไม่เกิน12.5 กโิ ลเฮิรตซ)์ (เฉพาะนิติบุคคล หรอื หนว่ ยงาน ของรฐั ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คลน่ื ความถ่ยี ่าน VHF แลว้ เท่าน้นั ) คลน่ื ความถ่ีสาํ หรบั การประสานงานร่วม คลื่นความถีส่ าํ หรบั การประสานงานรว่ มระหว่างหน่วยงานของรัฐและมลู นิธิหรือสมาคม ท่ีจดทะเบยี นเพอ่ื ดําเนินการทเี่ กีย่ วข้องกบั สาธารณกุศลหรอื สาธารณภยั ยา่ นความถ่ี/ระบบ คลนื่ ความถี่ (เมกะเฮริ ตซ)์ การใชง้ าน HF/SSB หรอื HF/AM หรอื HF/ 161.225 ชอ่ งเรยี กขานและแจง้ เหตฉุ ุกเฉิน FM (ความกวา้ ง แถบความถไี่ ม่ ชอ่ งส่ือสาร เกิน 10 กิโลเฮิรตซ)์ 106
Nationnal Disaster Response Team Handbook คล่นื ความถส่ี ําหรบั การประสานงานร่วม คลน่ื ความถีส่ ําหรับการประสานงานร่วมระหว่างหน่วยงานของรฐั ยา่ นความถ่ี/ระบบ คลืน่ ความถี่ (เมกะเฮริ ตซ์) การใชง้ าน HF/SSB 4.866 ช่องเรยี กขานและแจง้ เหตฉุ ุกเฉนิ (ความกวา้ งแถบความถี่ 4.869 ชอ่ งสอ่ื สาร ไม่เกิน 7.2 กโิ ลเฮริ ตซ)์ 7.529 ชอ่ งสือ่ สาร 7.715 ชอ่ งส่อื สาร 9.916 ช่องสือ่ สาร VHF/FM 137.425/142.425/ ช่องส่ือสาร (Simplex) (ความกวา้ งแถบความถี่ 147.425 ชอ่ งเรยี กขานและแจ้งเหตฉุ กุ เฉิน ไมเ่ กิน 5.12 กิโลเฮริ ตซ์) 161.200 166.475/171.425 ชอ่ งส่ือสาร (Simplex) UHF/FM 449.025 ชอ่ งเรียกขานและแจ้งเหตุฉกุ เฉิน (ความกวา้ งแถบความถ่ี 444.025 ช่องสื่อสาร ไม่เกิน 5.12 กโิ ลเฮริ ตซ์) หน้า 44 เล่ม 134 ตอนพเิ ศษ 220 ง ราชกิจจานเุ บกษา 6 กันยายน 2560 ประกาศคณะกรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กิจการโทรทัศนแ์ ละกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรอ่ื ง หลักเกณฑก์ ารใชค้ ลื่นความถเ่ี พ่อื สนบั สนุนภารกิจปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย และในกรณีท่เี กิดเหตฉุ กุ เฉินและภัยพิบตั ิ 107
หนังสือประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ ารหนว่ ยเคลิอ่ื นท่เี ร็ว ประมวล รหสั โค้ด ว. รหสั ความหมายของรหัส รหสั ความหมายของรหัส ว.00 คอยกอ่ น / คอยสักครู่ ว.21 ออกเดินทางจาก ว.0 ขอรบั ค�ำสง่ั / ค�ำสั่ง ว.22 ถงึ สถานท่ี ว.1 อย่ทู ไ่ี หน / อยทู่ ี่ ว.23 ว.2 ไดย้ ินแลว้ ตอบด้วย / ไดย้ นิ หรือไม่ ว.24 ผา่ น (สถานทใ่ี ด) ว.3 ทวนขอ้ ความอกี คร้งั ว.25 เวลา / ขอทราบเวลา ว.4 ปฏบิ ัตหิ น้าท่ี / ออกปฏิบตั งิ าน ว.26 ว.5 ราชการลับ / ความลับ ว.27 ไปยงั สถานท่ี ว.6 ขอติดตอ่ โดยครงกับ... ว.28 ให้ตดิ ต่อทางวิทยนุ อ้ ยทสี่ ดุ ว.7 ขอความชว่ ยเหลือ ว.29 ใหต้ ิดตอ่ ทางเคร่อื งโทรพมิ พ์ ว.8 ข่าวสาร / ขา่ วที่มีขอ้ ความยาว ว.30 ว.9 มเี หตุฉกุ เฉนิ ว.31 ประชุม ว.10 อยปู่ ระจ�ำที่ / ตดิ ต่อทาง ว. ได้ ว.32 มรี าชการ / ธรุ ะ ว.11 หยดุ พัก / ตดิ ต่อทาง ว.ได้ ว.33 ขอทราบจ�ำนวน ว.12 หยุดพัก / ติดตอ่ ทาง ว. ไม่ได้ ว.34 เปล่ียนไปใช้ความถี่ช่องท่ี 1 ว.13 ติดตอ่ ทางโทรศัพท์ ว.35 เปลยี่ นไปใชค้ วามถี่ช่องท่ี 2 ว.14 ปิดสถานี ว.36 เปลี่ยนไปใช้ความถีช่ อ่ งท่ี 3 ว.15 พบ / ใหไ้ ปพบ ว.37 เปลี่ยนไปใชค้ วามถช่ี ่องที่ 4 ว.16 ทดสอบสญั ญาณวทิ ยุ ว.38 เตรียมพรอ้ มเพ่ือปฏิบัติการ ว.16-1 จบั ใจความไมไ่ ด้ ว.39 เตรียมพร้อมเตม็ อัตรา ว.16-2 เสยี งไม่ชัดเจน ว.40 เตรียมพร้อมครงึ่ อัตรา ว.16-3 เสียงชดั เจนพอใช้ ว.41 เตรียมพรอ้ ม 1/ 3 อัตรา ว.16-4 เสยี งชัดเจนดี ว.42 สภาพการจราจรคบั คั่ง ว.16-5 เสยี งชัดเจนดมี าก ว.43 มีอบุ ตั เิ หตุ / รถยนต์ ฯลฯ ว.17 มีอนั ตรายห้ามผา่ น ว.44 สัญญาณไฟจราจร ว.18 รถยนตข์ ดั ขอ้ ง /น�ำรถออกทดลอง ว.61 ขบวน / จัดพาหนะน�ำขบวน จุดตรวจยานพาหนะ เครือ่ งยนต์ ว.62 ตดิ ต่อทางเครอ่ื งโทรสาร (FAX) ว.19 สถานีถกู ยดึ / ถูกโจมตี ว.63 ขอบคุณ ว.20 ตรวจค้น / จับกุม สง่ิ ของ บ้าน 108
Nationnal Disaster Response Team Handbook มาตรฐานการอ่านออกเสยี งตัวอกั ษรภาษาอังกฤษ (Phonetic Alphabet) ตัวอักษร การออกเสยี ง อ่านวา่ A ALFA อลั ฟา่ B BRAVO บราโว่ C CHARLIE ชาลี D DELTA เดลต้า E ECHO เอค-โค่ F FOXTROT ฟอค-ทรอท G GOLF กอลฟ์ H HOTEL โฮเตล็ I INDIA อินเดยี J JULIETT จเู ลยี ส K KILO กิโล L LIMA ลิมา่ M MIKE ไมค์ N NOVEMBER โนเวมเบอร์ O OSCAR ออสก้า P PAPA ปาปา้ Q QUEBEC ควิ -เบค R ROMEO โรเมโอ S SIERRA เซยี ร่า T TANGO แทงโก้ U UNIFORM ยนู ิฟอร์ม V VICTOR วกิ เตอร์ W WHISKEY วิสก้ี X X-RAY เอก็ ซเรย์ Y YANKEE แยงกี้ Z ZULU ซูลู 109
หนงั สอื ประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารหน่วยเคลอ่ืิ นทเี่ ร็ว ชนิดของเครื่องวทิ ยุคมนาคมประเภทต่าง ๆ 1.เครอ่ื งวิทยุคมนาคมสงั เคราะห์ความถี่ประเภท 1 2.เครือ่ งวทิ ยคุ มนาคมสงั เคราะหค์ วามถป่ี ระเภท 2 3.เครือ่ งวิทยุคมนาคมประเภท CB (ภาคประชาชน) 4.เครอื่ งวิทยุคมนาคมสงั เคราะห์ความถ่ปี ระเภท HF/SSB 110
Nationnal Disaster Response Team Handbook ส่วนประกอบตา่ งๆ ของเคร่อื งวทิ ยุคมนาคมชนิดมอื ถอื ปมุ่ ควบคุมการท�ำงานของเครอ่ื ง 1. สายอากาศ (Antenna) 2. ไฟแสดงผลการส่งสญั ญาณและรบั สญั ญาณ 3. ปมุ่ ปรบั เปลยี่ นชอ่ งสญั ญาณ/ปรบั เพอื่ เลอื กรปู แบบการใชง้ าน 4. ปุ่มเปิด/ปิดเคร่ืองและปรับความดังของเสียง หมุนปุ่มน้ีตาม เขม็ นาฬกิ าจนกระทง่ั มเี สยี งดงั “คลกิ ” เพอื่ เปดิ เครอื่ ง หมนุ ปมุ่ น้ี ทวนเข็มนาฬิกาเพื่อปิดเคร่ืองในขณะท่ีเครื่องท�ำงานอยู่ สามารถหมนุ ปุม่ น้เี พื่อเพมิ่ หรือลดเสียงได้ 5. ปมุ่ PTT (Push To Talk) กดปมุ่ นค้ี า้ งไว้ เพื่อทจ่ี ะสง่ สญั ญาณ ไปยังผู้รับแล้วปล่อยปุ่มน้ี เพื่อรอรับสัญญาณตอบกลับมา เมอ่ื ตอ้ งการพดู ขอ้ ความทต่ี ้องการพูดอย่าง เพื่อใหผ้ ูร้ บั ฟัง ขอ้ ความไดช้ ดั เจน เมอ่ื หมดขอ้ ความ สนทนาใหป้ ลอ่ ยเพอ่ื รบั ฟงั ขอ้ ความตอบกลบั เมอ่ื กดปมุ่ PTT อยา่ พดู ทนั ทใี หก้ ดคา้ งไว้ 2 วนิ าที แลว้ ค่อยพูดเพราะข้อความชว่ งแรกจะขาดหายได้ 6. ปุ่ม (Lamp) ไฟสอ่ งสวา่ ง 7. ป่มุ (Monitor) กดปุ่มน้ีเพอ่ื รับสญั ญาณโดยตรง 8. แบตเตอร่ี 9. ไมโครโฟน (Microphone) 10. ล�ำโพง (Speaker) 11. หน้าจอ (LCD Display) จอแสดงผลแสดงสถานะ การท�ำงานตา่ งๆ ของ เครอ่ื งวิทยุ 12. แปน้ ปุม่ กด (Key Pad) ปมุ่ 0-9 5*, # เชน่ ปรบั เลือกช่อง สญั ญาณ 13. ทีเ่ สยี บแจ็คล�ำโพง (Speaker Jack) ชอ่ งตอ่ อุปกรณ์เสริมภายนอก 14. ที่เสยี บแจ็คไมค์ (Mic Jack) ชอ่ งต่ออุปกรณ์เสรมิ ภายนอก 15. สลักปลดล็อคแบตเตอรีแ่ พ็ค การชาร์จแบตเตอรี่ 1. การชารจ์ แบตเตอรแ่ี บบพรอ้ มเครอ่ื ง น�ำเครอ่ื งพรอ้ มแบตเตอรแี่ พค็ น�ำไปวางบนแทน่ ชารจ์ ใน แนวตงั้ เพอ่ื ท�ำการชารจ์ 2. การชาร์จแบตเตอร่ีแบบแพ็คหรือแบบเฉพาะตอนน�ำแบตเตอร่ีแพ็ควางลงในที่ชาร์จให้ถูกต้องเพื่อ ท�ำการชาร์จ 3. น�ำแบตเตอร่ีแพ็ควางประกอบด้านหลังของตวั เคร่อื งโดยท�ำการใสใ่ หถ้ ูกตอ้ ง 4. เลอ่ื นแบตเตอรแ่ี พค็ ทว่ี างอยู่ด้านหลงั ของตวั เครื่อง โดยเลอ่ื นเข้าไปจนสดุ จนกระทั่งไดย้ นิ เสียง คลกิ แสดงแบตเตอร่ีล็อคกบั ตัวเคร่ืองสนทิ 111
หนังสือประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการหนว่ ยเคล่ืิอนทเี่ รว็ หมายเหตุ : • วางแบตเตอรี่ใหถ้ กู ตอ้ งเพ่ือท่ีจะได้ชารจ์ ได้เปน็ อย่างดี • จะมไี ฟสีแดงขน้ึ ตลอดระหวา่ งการชาร์จ • จะมไี ฟสีเขียวเมอ่ื การชารจ์ สมบูรณ์ การใสแ่ บตเตอรแ่ี ละการถอดแบตเตอรี่ 1. กดป่มุ สลักลอ็ คแบตเตอรี่ ทด่ี า้ นบนของตัวครอ่ื ง 2. เล่ือนแบคเตอร่แี พค็ ทวี่ าง อยูด่ ้านหลงั ของตัวเครอ่ื งออก ข้นั ตอนการใช้งานเครื่องวิทยคุ มนาคม • ตรวจเชค็ สายอากาศวา่ แนน่ หรอื ไม่ กอ่ นท�ำการสง่ ออกอากาศทกุ ครัง้ ให้ตรวจสายอากาศให้ แน่ใจเสียกอ่ น • ตรวจเช็คแบตเตอร่ีแพ็ควา่ แน่นหรือไม่ • ตรวจสอบช่องความถใี่ ชง้ านวา่ ตรงหรือไม่ • ตรวจสอบปุ่ม vol ไว้ในต�ำแหน่งประมาณกึง่ กลาง • ตรวจสอบปุม่ sql (เครอ่ื งประเภท 1) ไปท่ีต�ำแหนง่ เสยี งซู่ โดยการหมุนไปทางซา้ ยมอื หรอื ทวนเขม็ นาฬกิ า จากนั้นแล้วหมนุ กลบั ดา้ นขวามอื หรอื ตามเขม็ นาฬิกา ให้หยุดที่ต�ำแหนง่ เสยี ง ซู่หายต�ำแหน่งแรก • จากนัน้ กส็ ามารถกดคยี พ์ ดู ส่งออกอากาศไดเ้ ลย • อย่าเปดิ ไฟหนา้ ปทั ม์ทง้ิ ไว้นาน • ในการตดิ ต่อส่ือสารควรเลือกใชก้ �ำลงั สง่ ที่นอ้ ยทีส่ ุดเท่าท่จี ะติดตอ่ กนั ได้ • การต่อไฟ DC จากภายนอกเขา้ เครอ่ื งจะต้องมีอปุ กรณ์รกั ษาแรงดันไฟ (saver) • ในกรณที ใี่ ช้สายอากาศแบบสไลด์ เวลาส่งตอ้ งชักสายอากาศใหส้ ุดทุกครั้ง • การเลอื กสายอากาศจะตอ้ งใหไ้ ดย้ ่านความถีท่ ีใ่ ช้งานหรอื ใกล้เคยี งมากท่สี ดุ • ห้ามท�ำการปรับจูน แก้ไข เครอ่ื งวทิ ยคุ มนาคม นอกจากชา่ งเทคนิคทม่ี คี วามรคู้ วามช�ำนาญใน การตรวจซ่อม • หลีกเลี่ยงขณะท่ีชาร์จแบตเตอรี่ไม่ควรเปิดเครื่องวิทยุคมนาคมอาจท�ำให้เครื่องวิทยุคมนาคม ช�ำรดุ ได้ • ไม่ควรชารจ์ แบตเตอร่ใี นขณะท่แี รงดันไฟยังไม่หมด เพราะจะท�ำให้แบตเตอร่เี สอ่ื มสภาพเร็ว กว่าปกติ 112
Nationnal Disaster Response Team Handbook การปฏบิ ัติในการรบั -ส่งขา่ วทางวทิ ยคุ มนาคม • กดคีย์ท่ีไมโครโฟนค้างไวป้ ระมาณ 3 วนิ าที แล้วจงึ พดู สง่ สัญญาณโดยไม่ปลอ่ ยคยี ์ เมื่อหมด ค�ำพูดแล้วให้ปลอ่ ยคยี โ์ ดยคา้ งไว้ประมาณ 3 วนิ าทีแล้วปลอ่ ยคยี ์ออก • ขณะท�ำการพดู ส่งสัญญาณให้ไมโครโฟนอยูห่ ่างจากปากประมาณ 3 นิ้ว • การเรยี กคู่สถานตี อ้ งใช้รหัส (code) ในการเรยี กขานเสมอ (สภากาชาดไทยเป็นผูก้ �ำหนดให้) • วิธีการเรยี กคู่สถานใี ห้ใช้ชอ่ื รหสั สถานที ่ถี ูกเรียกขึน้ กอ่ น แล้วตามดว้ ยช่อื รหสั สถานีทเี่ รียก โดย ใช้ค�ำวา่ “จาก” เช่ือม แล้วตามด้วย “ว.2 เปล่ยี น” เช่น “ไนติงเกล 207 จากไนตงิ เกล ว.2 เปลย่ี น” (ศนู ยไ์ นติงเกล เรียกไนติงเกล 207) • การตอบคู่สถานใี ห้ใชร้ หสั สถานถี กู เรียกกอ่ นข้ึนกอ่ น แล้วตามดว้ ยชื่อรหัสสถานีท่ีเรยี ก โดยใช้ ค�ำวา่ “ตอบ” หรอื ว.2 เชอ่ื มแลว้ ตามดว้ ย “เปลยี่ น” เชน่ “ไนตงิ เกล 207 ตอบ หรอื ว.2 ไนตงิ เกล เปลย่ี น” (ไนตงิ เกล207 ตอบศูนยไ์ นตงิ เกล) • การสง่ ขอ้ ความขา่ วใหใ้ ชค้ �ำพดู ทชี่ า้ และชดั เจน (ใชภ้ าษากลาง หา้ มใชภ้ าษาถน่ิ ) พดู ประโยคสนั้ ไดใ้ จความ • ถา้ ขอ้ ความขา่ วทสี่ ง่ มคี วามยาวมาก ใหแ้ บง่ ขอ้ ความออกเปน็ วรรคๆ แลว้ จงึ พดู สง่ ขา่ วไปอยา่ งนอ้ ย วรรคละ 2 คร้ัง • ไม่ควรกดคีย์ท่ไี มโครโฟนตดิ ตอ่ กนั นานเกนิ กว่า 30 วนิ าที เพราะถ้าเกนิ กวา่ นอ้ี าจท�ำให้เกิด การช�ำรุดของเครอ่ื งวทิ ยุคมนาคมได้งา่ ย • ในขณะท�ำการรบั -สง่ ขา่ ว หากรบั ฟงั ขอ้ ความตอนใดไมช่ ดั เจนใหผ้ สู้ ง่ นน้ั ทวนขอ้ ความขา่ วใหม่ อีกคร้ังหน่งึ โดยใชร้ หสั วา่ (ว.3) • การส่งขา่ วทีเ่ ป็นตัวเลข 11.11, 31.21 และ 17.11 ให้อา่ นวา่ สบิ หนึ่งจุดหน่งึ หนึ่ง,สามสบิ หนึ่ง จุดสองหน่ึง และสบิ เจ็ดจุดหนึง่ หนึ่ง • เมอ่ื ท�ำการรับ-สง่ ข่าวเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว เพือ่ ความถกู ต้องและแน่นอนของข่าวนั้นๆจะต้องมี การทบทวนขอ้ ความขา่ ว โดยใหผ้ รู้ บั ขา่ วเปน็ ผทู้ �ำการทวนขา่ วไปยงั ผสู้ ง่ ขา่ ว เมอื่ ทวนเสรจ็ แลว้ ใหถ้ ามผ้สู ่งวา่ “ถกู ตอ้ งหรอื ไม”่ ถา้ ขอ้ ความน้ันถูกตอ้ งผู้ส่งก็บอกว่า “ถูกต้อง” ถา้ ข้อความ ไม่ถูกตอ้ งผ้สู ง่ ก็บอก “ไมถ่ ูกต้อง” • เม่ือต้องการเลกิ ติดตอ่ กับคสู่ ถานใี ห้บอกวา่ “ขอ ว.14” ตกลงหรอื ไม่ ถา้ ค่สู ถานีตอ้ งการจะ เลิกตดิ ตอ่ ด้วยกใ็ หบ้ อกวา่ “ตกลง” หรือคู่สถานียังไม่ตอ้ งการเลิกติดต่อก็บอกว่า “ไมต่ กลง” การบ�ำรงุ รกั ษาเครื่องวิทยคุ มนาคม • ควรตรวจนอ๊ ตยึดตวั เครือ่ ง, ยดึ ข้อต่อสายอากาศ (BN ) ยึด Clip Belt • ตรวจเชค็ แบตเตอรแี่ พ็คชารจ์ ทุกๆสปั ดาหว์ า่ มีคราบสกปรกบรเิ วณขว้ั แบตเตอรีห่ รือไม่ • ตรวจเชค็ แบตเตอร่ี +,- (บวก,ลบ) ภายในเครือ่ งว่ามีความสกปรกหรือไม่ • ตรวจเชค็ สายอากาศวา่ ผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะชนิดสไลด์ (เสาชกั ) • ตรวจแทน่ ชาร์จแบตเตอรี่ว่ามคี ราบสกปรกหรือไม 113
หนังสอื ประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการหนว่ ยเคลอืิ่ นทเ่ี รว็ กRาeรliจeัดf กMาaรnดa้าgนeกmารeบnรtรเทาทุกข์ พันธท์ ิพย์ อธิปัญจพงษ์ ผ้ชู �ำนาญการพิเศษ พยาบาล 7 ส�ำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทกั ษ์ 1.ความสำ� คัญของการจัดการด้านบรรเทาทุกข์ จากเหตกุ ารณ์สาธารณภยั ที่ผ่านมา เมื่อเกดิ สาธารณภัยขนาดใหญ่ การช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภัย มักจะเป็นไปอยา่ งเรง่ ด่วน หากขาดการบริหารจดั การท่ีดี ไม่ไดม้ กี ารประสานงานกบั ตัวแทนชมุ ชน หรอื หน่วยงานในท้องถ่นิ จะท�ำให้การชว่ ยเหลอื มีความซำ้� ซ้อนไม่ครอบคลุมกลมุ่ เปา้ หมาย บางกรณี เกดิ ความขดั แยง้ ภายในชมุ ชนเอง หากไมใ่ ชพ่ วกพอ้ งตนเองอาจจะไมไ่ ดร้ บั สงิ่ ของไมไ่ ดเ้ ตรยี มการวางแผน ในการแจกจา่ ยสิง่ ของบรรเทาทกุ ข์ ขาดการประสานงาน การเตรียมส่ิงของบรรเทาทกุ ข์ไปไม่เพยี งพอ ต่อจ�ำนวนผ้ปู ระสบภยั ที่ได้รบั ผลกระทบอาจเกดิ ปัญหาความไมพ่ อใจ ปญั หาความไม่เทา่ เทยี มกนั เชน่ คนไทย คนต่างดา้ ว การช่วยเหลอื และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผปู้ ระสบสาธารณภัย จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งมี การบรหิ ารจดั การดา้ นการบรรเทาทกุ ข์ เพอ่ื ใหก้ ารแจกจา่ ยสง่ิ ของบรรเทาทกุ ขเ์ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ครอบคลุมกลุม่ เป้าหมาย ตามสิทธิมนุษยชนขนั้ พน้ื ฐานในการด�ำรงชีวิตอย่างมศี ักดศ์ิ รี 114
Nationnal Disaster Response Team Handbook 2. ความหมายของการบรรเทาทุกข์ การบรรเทาทกุ ข์ คือเคร่ืองมอื ในการตอบสนองภัยพบิ ตั ิ โดยการมอบส่ิงของบรรเทาทุกขท์ จี่ �ำเป็นแก่ ผู้ประสบภยั เพอ่ื ตอบสนองความต้องการท่จี �ำเปน็ อย่างมมี าตรฐานและคุณภาพโดยค�ำนงึ ถึงหลักการ พน้ื ฐานดา้ นมนษุ ยธรรม ใหค้ วามส�ำคญั กับสทิ ธิของประชาชนทไี่ ดร้ ับผลกระทบจากภยั พิบัติและความ ขัดแยง้ ในดา้ นการมชี ีวิตอยู่อยา่ งมีศกั ดิ์ศรี การได้รบั ความช่วยเหลอื ด้านมนษุ ยธรรม และสทิ ธใิ นการ คุ้มครองและความปลอดภยั (1) ซ่ึงประกอบดว้ ยการประเมนิ การวางแผนการฝกึ อบรม การน�ำแผนไป ปฏบิ ตั ิ การติดตามและประเมนิ ผล 3. วตั ถปุ ระสงค์ในการบรรเทาทุกข์ 3.1 วัตถุประสงคท์ ว่ั ไป เพอื่ ระบสุ ง่ิ ทก่ี ารบรรเทาทุกข์ต้องด�ำเนนิ การเพ่ือให้ผ้ปู ระสบภยั ได้รับ การตอบสนองความตอ้ งการ 3.2 วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะ ก�ำหนดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั่วไป ซง่ึ จะส�ำเรจ็ ไดโ้ ดยการด�ำเนนิ กจิ กรรมต่างๆ ที่เกย่ี วข้องกบั ทรัพยากรบคุ คล โลจิสติกส์ การบริหารจดั การ การเงนิ วัสดุ สิง่ ของต่างๆ เปน็ ต้น 4. รปู แบบและวธิ กี ารช่วยเหลือด้านบรรเทาทุกข์ 4.1 รปู แบบการช่วยเหลือดา้ นบรรเทาทกุ ข์ คอื การก�ำหนดกจิ กรรมบรรเทาทกุ ข์ เช่นประเภท การชว่ ยเหลือ การคดั เลอื กผปู้ ระสบภยั ความถ่ีในการชว่ ยเหลอื โดยน�ำมาตรฐานขนั้ ตำ่� ในการบรรเทา ทกุ ข์มาพิจารณาในการก�ำหนดรูปแบบ ประเภทของการชว่ ยเหลือทพ่ี บบอ่ ย คอื 4.1.1 การช่วยเหลือส่งิ ของเคร่ืองใชจ้ �ำเปน็ ส�ำหรบั ครัวเรือน คอื • เสอ้ื ผา้ และเครอ่ื งนอน เชน่ ผา้ หม่ พลาสตกิ ปนู อนทเ่ี หมาะสมกบั อากาศวฒั นธรรม และช่วงวัยของผปู้ ระสบภัย • อปุ กรณค์ รวั เชน่ หมอ้ ส�ำหรบั หงุ ตม้ จาน ชาม ชอ้ น ภาชนะบรรจนุ ำ�้ เตาเชอ้ื เพลงิ เทียนไข ไมข้ ีดไฟ ตะเกียง เปน็ ต้น 4.1.2 การช่วยเหลือด้านสุขภาพ สขุ าภิบาลน้�ำ เช่น • การจดั หานำ�้ สะอาดส�ำหรบั ดมื่ และใช้ ภาชนะบรรจนุ ำ�้ ชดุ อนามยั เชน่ สบู่ ยาสฟี นั แปรงสฟี ัน ฯลฯ สุขา การจัดเก็บขยะ มุ้ง ถังนำ้� 4.1.3 การชว่ ยเหลอื ดา้ นอาหาร สามารถให้การชว่ ยเหลือทง้ั อาหารปรุงสุกและอาหารแหง้ ท้ังนข้ี ึน้ อยูก่ บั ความต้องการของผปู้ ระสบภยั ศักยภาพของเหลา่ กาชาดจังหวดั และ สถานกี าชาด 4.1.4 ที่พักอาศยั ฉุกเฉนิ ชั่วคราวทพ่ี ักอาศัยในระยะฉกุ เฉินจะมุง่ เน้นการช่วยเหลือท่ีท�ำให้ สามารถด�ำรงชวี ติ อยไู่ ด้ คอื การปอ้ งกนั จากภมู อิ ากาศ ความมน่ั คงและความปลอดภยั ส่วนบคุ คลส่งเสรมิ ให้มีความตา้ นทานต่อความเจบ็ ป่วยและโรคภัยต่างๆ สนบั สนุน การด�ำรงชีวิตของครอบครัวและชมุ ชน ด�ำรงศักดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์ และคงความ เป็นสว่ นตัวและการมีสุขภาพดี การช่วยเหลอื ดา้ นทพี่ กั อาศยั ฉกุ เฉิน เช่น เต็นท์ ผ้า พลาสตกิ เชือก และเคร่อื งมอื ส�ำหรบั ท�ำความสะอาด ซอ่ มแซมหรอื สร้างบ้าน 115
หนังสือประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารหน่วยเคลิอื่ นทีเ่ ร็ว 4.1.5 วสั ดจุ �ำเปน็ ในการประกอบอาชพี สว่ นใหญจ่ ะด�ำเนนิ การในชว่ งฟน้ื ฟบู รู ณะ แตใ่ นระยะ ฉกุ เฉิน สามารถด�ำเนินการได้ขนึ้ อยกู่ บั ความตอ้ งการของผปู้ ระสบภยั และ ศกั ยภาพ ของแตล่ ะสถานกี าชาด การชว่ ยเหลอื วสั ดจุ �ำเปน็ ในการประกอบอาชพี ในระยะฉกุ เฉนิ ควรมุ่งเน้นตามการประกอบอาชีพท่ีมีเดิมหรือก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติและกิจกรรมท่ี กอ่ ให้เกดิ รายได้ 4.2 วธิ ีการในการชว่ ยเหลอื บรรเทาทกุ ข์ จ�ำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ 4.2.1 การแจกจา่ ยสง่ิ ของบรรเทาทกุ ขต์ า่ งๆ แกผ่ ปู้ ระสบภยั ทง้ั โดยตรงทางออ้ ม หรอื บรจิ าค ให้แก่องคก์ รต่างๆ 4.2.2 ระบบบตั รรับของ ซงึ่ ผปู้ ระสบภยั จะน�ำบัตรทีไ่ ด้รับแจกไปแลกเป็นสิ่งขอจากสถานท่ี ในการกระจาย เชน่ คลัง ร้านคา้ เอกชน เปน็ ตน้ 4.2.3 การบรรเทาทกุ ขด์ ว้ ยเงนิ ผปู้ ระสบภยั จะไดร้ บั เงนิ สดและน�ำไปซอื้ สง่ิ ของบรรเทาทกุ ข์ ที่ตนเองต้องการ การบรรเทาทุกข์จะใช้วิธีการใดข้ึนอยู่กับ สถานการณ์ ศักยภาพ ของเหล่ากาชาดจงั หวดั และสถานกี าชาด ตลอดจนนโยบายในการช่วยเหลอื ปัจจัย ด้านโลจิสตกิ ส์ ฯลฯ 4.3 ความถใ่ี นการบรรเทาทกุ ข์ ขน้ึ อยกู่ บั ประเภทของภยั ความตอ้ งการของผปู้ ระสบภยั ประเภท การชว่ ยเหลอื พฤติกรรมและขนบธรรมเนยี มของผู้ประสบภยั ความต้องการของผบู้ ริจาค ภูมิประเทศ เปน็ ตน้ การชว่ ยเหลอื ดา้ นบรรเทาทกุ ขจ์ ะด�ำเนนิ การหลงั จากมกี ารประเมนิ และมกี ารวางแผนการชว่ ยเหลอื แลว้ และจะตอ้ งประสานอยา่ งใกลช้ ดิ กบั ทมี งานดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ ในการเตรยี มและด�ำเนนิ การการชว่ ยเหลอื การก�ำหนดเป้าหมายในการช่วยเหลอื ผู้ประสบภัย ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของภัย ศักยภาพ ของแต่ละหนว่ ยงาน ซ่งึ การชว่ ยเหลือควรให้ครอบคลมุ กลมุ่ ผปู้ ระสบภัยทัง้ หมดโดยเฉพาะผ้ปู ระสบภัย กลมุ่ เสย่ี ง หรอื กลมุ่ เปราะบางที่จ�ำเปน็ ต้องได้รบั ความช่วยเหลือ 116
Nationnal Disaster Response Team Handbook 5. การวางแผนชว่ ยเหลือบรรเทาทกุ ข์ กระบวนการวางแผนและการก�ำหนดรปู แบบการช่วยเหลอื เปน็ ส่งิ ส�ำคัญส�ำหรับการบรรเทา ทุกข์ โดยการส�ำรวจข้อมลู ประเมนิ ความเสียหาย และความต้องการการช่วยเหลือ แล้วน�ำขอ้ มูลที่ได้ มาวางแผนก�ำหนดการใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพื่อตอบสนองใหต้ รงกบั ความต้องการของผูป้ ระสบภยั มาก ทสี่ ดุ ก�ำหนดเป้าหมายในการชว่ ยเหลือผู้ประสบภัย ระยะเวลาของกจิ กรรมการชว่ ยเหลอื ซ่ึงจะขึ้นอยู่ กับประเภท ความรุนแรงของภยั ศักยภาพของแต่ละหน่วยงานตามบทบาทหน้าทีท่ ี่ได้รบั มอบหมาย และชุมชนต้องเห็นดว้ ยโดยจัดท�ำในรูปของแผนปฏิบัติการ มีการประสานงานดา้ นโลจิสตกิ สเ์ พ่ือเตรยี ม การในการบรรเทาทุกข์ กบั หน่วยงานต่างๆทเี่ ก่ียวข้อง โดยการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ต้องครอบคลุมผู้ได้ รบั ผลกระทบท้งั หมด 6. การคัดเลอื กและลงทะเบียนผ้ปู ระสบภยั เพ่อื ก�ำหนดกลุ่มเป้าหมายในการใหค้ วามช่วยเหลือ โดยชมุ ชนตอ้ งเหน็ ด้วยกบั เกณฑ์ในการคัด เลอื กกลุ่มเป้าหมายทเ่ี หล่ากาชาดจังหวัดหรือส�ำนกั งานบรรเทาทุกขฯ์ ก�ำหนดข้นึ ทงั้ นค้ี วรประสานกบั หนว่ ยงานในท้องถ่ินเกย่ี วกบั เกณฑ์ดังกลา่ วด้วย 6.1 กล่มุ เปา้ หมาย 1. กลมุ่ ทว่ั ไป คอื ประชาชนทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากภยั พบิ ตั ทิ ส่ี ามารถดแู ลตนเองได้ แตต่ อ้ งการ ความช่วยเหลือเพ่อื ฟ้ืนฟูสภู่ าวะปกติ 2. กลุม่ เฉพาะ หมายถึงกลุ่มเส่ียง หรอื กลุ่มเปราะบาง เชน่ เด็ก ผู้สงู อายุ หญิงตง้ั ครรภ์ ผพู้ ิการ ผูด้ อ้ ยโอกาสท่ปี ระสบภยั พิบตั ิ เปน็ ต้น 6.2 การก�ำหนดกลุ่มเป้าหมายมี 3 รปู แบบ 1. การประเมินรายครัวเรือนถงึ ความเสียหายทีไ่ ด้รับ 2. ประเมินตามระดับความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกรายท่ีอาศัยอยู่ใน ชมุ ชน 3. แบบผสมผสาน คอื เลือกชุมชนทไี่ ดร้ ับความเสียหายมากท่ีสุด ต่อจากน้ันประเมนิ เปน็ รายครัวเรอื น 6.3 การระบผุ ปู้ ระสบภัยทจ่ี ะได้รบั การชว่ ยเหลือ ควรด�ำเนินการกอ่ นหรอื ระหว่างการชว่ ยเหลอื บรรเทาทกุ ข์ แต่ในระยะฉกุ เฉนิ หลังเกิดภัยบาง คร้ังมีความยากล�ำบากในการด�ำเนินการเน่ืองจากต้องบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยด้วยความรวดเร็วท่ีสุดท่ี สามารถกระท�ำได้ การระบุผู้ประสบภัยท่ีได้รับการช่วยเหลือ คือการรวบรวมและบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของ ผูป้ ระสบภัย ได้แก่ ช่ือ-นามสกุลหวั หน้าครอบครัว จ�ำนวนสมาชิกในครอบครวั ที่อยู่หรอื สถานท่ที ีใ่ ช้ พกั อาศยั ในกรณที ม่ี กี ารแจกจา่ ยสงิ่ ของบรรเทาทกุ ขจ์ �ำนวนหลายครงั้ หรอื เปน็ การด�ำเนนิ การการชว่ ยเหลอื ในระยะยาวควรมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมของสมาชิกในครอบครัว คือ รายชื่อ เพศ อายุ เลขที่บัตร ประชาชน และวันที่ท�ำบัตร สามารถด�ำเนนิ การ ณ บา้ นหรือทพ่ี ักอาศยั หรือทส่ี าธารณะของชุมชน และควรนัดหมายชมุ ชนและให้ข้อมลู แกผ่ ู้ประสบภัยก่อนมีการด�ำเนินการ 117
หนังสือประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัติการหน่วยเคลื่อิ นท่เี รว็ การระบุผ้ปู ระสบภัยที่ควรไดร้ บั ความช่วยเหลือ มีเป้าประสงค์ 2 ประการ คือ 1) การระบุเป็นรายบุคคล ท�ำให้หน่วยงานทีใ่ ห้ความชว่ ยเหลอื ตดิ ตามประเมินผลได้งา่ ย 2) เปน็ การประกนั การใช้ทรัพยากร มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้และค�ำนึงถงึ ผปู้ ระสบภัย เป็นส�ำคญั 6.4 การลงทะเบยี นผู้ประสบภัย มี 3 รูปแบบ 1. ลงทะเบยี นเปน็ หมบู่ า้ น หรอื ชุมชน ประกอบด้วยข้อมูลดงั น้ี จ�ำนวนครวั เรือน สมาชกิ โดยเฉล่ยี ตอ่ ครวั เรือน เพศ เดก็ ความตอ้ งการเฉพาะด้านทีเ่ ก่ียวข้องกบั วฒั นธรรม 2. การแบ่งเปน็ ครัวเรือนประกอบด้วยข้อมูลดังน้ี ชอื่ หัวหนา้ ครอบครวั สถานทตี่ ัง้ จ�ำนวน สมาชิก จ�ำแนกตามเพศ ผ้ใู หญ่ และเด็ก อาชีพและทักษะ ความต้องการด้านวฒั นธรรม 3. การลงทะเบียนเป็นกลุม่ /พ้ืนที่ ประกอบด้วยขอ้ มลู ดังน้ี สถานท่ีตั้งบา้ นเรอื น จ�ำนวน สมาชิกในครวั เรอื น จ�ำแนกเพศ ผใู้ หญ่ และเด็ก ความตอ้ งการดา้ นวัฒนธรรม 6.5 การจดั ท�ำเอกสารท่ีใชใ้ นการระบุตวั การจดั ท�ำเอกสารเพอ่ื ใช้ในการระบตุ วั ขน้ึ อยกู่ บั การบรรเทาทกุ ขว์ า่ จะใช้วธิ กี ารใด เชน่ แจก จ่ายโดยตรงหรือทางอ้อม การบรจิ าคใหอ้ งค์กรอนื่ สามารถจดั ท�ำได้ 3 รปู แบบ 1) บัญชรี ายชอื่ ผปู้ ระสบภยั ท่ีไดร้ บั การลงทะเบียนแลว้ ณ จุดที่จะท�ำการแจกจ่ายสิง่ ของ 2) บัตรรับของหรือคูปองส�ำหรับแต่ละครอบครัวท่ีต้องได้รับการประทับตราหรือท�ำ เคร่ืองหมายทุกครง้ั ที่ไดร้ ับการแจกจา่ ย 3) บัญชีการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ จะต้องมีลายเซ็นต์รับของจากผู้ประสบภัยหรือ ผู้แทนหรอื พิมพล์ ายนวิ้ มอื หากไม่สามารถเขียนได้ 118
Nationnal Disaster Response Team Handbook 7. ระบบการแจกจ่าย (Distribution system) ระบบการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ 1. การแจกจา่ ยโดยรวมไวท้ จ่ี ดุ ๆ เดยี ว หรอื กระจายไปยงั หนว่ ยตา่ งๆ (Centralized distribution vs Decentralized distribution) 1.1 การน�ำส่ิงของมารวมไว้ที่จุดๆเดียวเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการบริหารจัดการและควบคุม เหมาะส�ำหรบั แจกจ่ายผปู้ ระสบภยั กลุม่ เล็ก มีพ้ืนท่นี อ้ ย ผ้ปู ระสบภัยสามารถมารบั สิ่งของบรรเทาทกุ ข์ไดง้ ่าย 1.2 การกระจายสง่ิ ของจากศูนย์กลางไปยังหน่วยยอ่ ย เป็นระบบที่ใชง้ านไดจ้ รงิ สะดวกใน การบริหารจัดการในกรณีที่มีผู้ประสบภัยจ�ำนวนมากหรือพ้ืนที่ท่ีประสบภัยเป็นบริเวณ กวา้ งขวางมาก 2. การแจกจา่ ยโดยตรง และทางออ้ ม (Direct and Indirect distribution) 2.1 การแจกจ่ายโดยตรง เปน็ การมอบส่งิ ของบรรเทาทุกขแ์ กผ่ ปู้ ระสบภัยโดยตรง ขอ้ ดี สามารถควบคุมการแจกจา่ ยได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ด�ำเนินการไดท้ นั ทีที่พรอ้ ม ข้อดอ้ ย ตอ้ งใชเ้ วลาในการด�ำเนินการ ต้องการระบบสาธารณปู โภคท่ีดี และเจ้าหนา้ ที่ หรอื อาสาสมัครที่มีประสบการณ์ 2.2 การแจกจา่ ยทางออ้ มโดยมอบสงิ่ ของแกผ่ แู้ ทนชมุ ชน หรอื หมบู่ า้ น น�ำไปมอบใหผ้ ปู้ ระสบภยั ในชมุ ชนทร่ี ับผดิ ชอบ ข้อดี ผปู้ ระสบภัยมีส่วนเก่ยี วขอ้ งในกระบวนการแจกจา่ ย และสามารถท�ำใหแ้ จกจา่ ย สิ่งของไดเ้ ร็วขึน้ ทัง้ ปริมาณส่งิ ของและจ�ำนวนผู้ได้รบั ความช่วยเหลอื ข้อด้อย อาจเกิดการล�ำเอียงในการแจกจ่ายได้ หรือในบางแห่งการแบ่งปันส่ิงของ บรรเทาทุกขร์ ะหว่างสมาชกิ ในชมุ ชนเป็นเร่อื งที่ปกติ ควรมีกลไกการตดิ ตามตรวจสอบ เพื่อให้แนใ่ จว่าผูป้ ระสบภัยไดร้ ับความชว่ ยเหลือจรงิ 3. การแจกจ่ายโดยมอบผ่านสถาบัน หรือองค์กรในกรณีท่ีการแจกจ่ายไม่สามารถกระท�ำ ไดก้ ารบรจิ าคใหแ้ กอ่ งคก์ รตา่ งๆ เชน่ โรงพยาบาล หรอื สถานเลย้ี งเดก็ ก�ำพรา้ ซง่ึ สงิ่ ของเหลา่ น้ี จะถูกน�ำไปใชใ้ นการด�ำเนินงานตามปกติของหน่วยงานเหลา่ น้ี ขอ้ ดี ต้องการการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์น้อยไม่เสียเวลาในการระบุตัวผู้รับ และเป็นวิธีที่ ง่ายท่สี ดุ ข้อด้อย ตำ�่ ต้องมกี ารตดิ ตามตรวจสอบ เสยี่ งตอ่ การล�ำเอียง 119
หนังสอื ประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการหน่วยเคลืิ่อนทเี่ รว็ 8. การกำ� หนดพน้ื ทีด่ �ำเนินการแจกจา่ ยสิ่งของ (Setup distribution point) การก�ำหนดจดุ แจกจา่ ย สถานทท่ี ใ่ี ชใ้ นการแจกจา่ ยสว่ นมากจะเลอื กทอี่ ยใู่ นตวั เมอื งหรอื ศนู ยก์ ลาง ของชุมชน หรืออาจอย่ใู นศูนยอ์ พยพ ผู้ประสบภัยสามารถเขา้ ถงึ ไดง้ ่าย ควรค�ำนงึ ถึงระยะเวลาในการ เขา้ ถงึ จดุ แจกจา่ ย ปจั จยั ดา้ นโลจสิ ตกิ สต์ า่ งๆความมนั่ คงปลอดภยั ทง้ั ตอ่ ทมี ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน และผปู้ ระสบภยั โดยเฉพาะกลมุ่ เปราะบางและผดู้ อ้ ยโอกาส จ�ำนวนผู้ประสบภัย สถานท่กี ว้างขวางเพียงพอทีจ่ ะรองรับ จ�ำนวนผ้ปู ระสบภยั สงิ่ อ�ำนวยความสะดวกตา่ งๆ เชน่ หอ้ งน้�ำ มีนำ�้ ด่มื เพียงพอ ถ้าเปน็ ไปได้ควรมีพ้ืนท่ี ที่สามารถจัดเปน็ คลงั ชัว่ คราวได้ ปจั จยั ทีค่ วรพจิ ารณาในการก�ำหนดพื้นที่แจกจ่าย 1. สามารถเหน็ ไดช้ ัดเจน (Visibility) เช่น มีปา้ ยบอกทศิ ทาง ธงกาชาด อืน่ ๆ 2. สามารถควบคุมฝงู ชนได้ (Crowd control) 3. ดา้ นความปลอดภยั (Security) ในเรือ่ งชีวติ ทรพั ย์สิน อบุ ตั ิเหตุ การจราจร ฯลฯ 4. ชุมชนมีส่วนรว่ ม (Involve local community) สามารถบริหารจดั การควบคมุ การแจกจ่ายได้ 5. เป็นบรเิ วณที่สามารถใชเ้ สียงได้ (Loudspeaker) 120
Nationnal Disaster Response Team Handbook 9. การบรหิ ารจดั การและควบคุมการแจกจา่ ยส่งิ ของบรรเทาทกุ ข์ (Organizing and controlling) ก่อนมีการแจกจ่ายควรมีการส�ำรวจจุดแจกจ่ายเพื่อตรวจสอบความพร้อมของสถานท่ี มีการ ประสานงานรว่ มกนั กบั หนว่ ยงานตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ ง และตัวแทนจากชมุ ชนท้องถนิ่ เพอื่ ท�ำความเข้าใจ บทบาทหน้าที่ และกระบวนการตา่ งๆ วนั เวลา สถานทแี่ ละวิธีการในการแจกจา่ ยโดยค�ำนึงถงึ ศักดศ์ิ รี ความเป็นมนุษย์ และใหเ้ หมาะสมกบั ประเพณี และวฒั นธรรมของชมุ ชนนัน้ ๆ กระบวนการการแจกจ่ายต้องมีการจัดสถานท่ีส�ำหรับนั่งรอโต๊ะลงทะเบียนและตรวจสอบ เอกสาร บริเวณแจกจา่ ยของ ทางออก ควรจะเปน็ การเขา้ ออกทางเดียวเพื่อใหส้ ามารถควบคมุ ได้ง่าย มีจุดรับค�ำร้องเรยี นหรอื กล่องใสค่ วามคดิ เห็น โดยให้ผ้ปู ระสบภัยทีไ่ ดร้ บั ความช่วยเหลือ เซ็นตช์ ื่อหรอื พิมพ์ลายนว้ิ มือหลงั ได้รบั สิ่งของบรรเทาทกุ ขแ์ ลว้ และควรมีการจดั เตรียมอาหารและน�้ำดืม่ ส�ำหรับทีม บรรเทาทุกข์ดว้ ย หากมีส่ิงของทเ่ี หลอื จากการแจกจา่ ยอาจมอบใหแ้ ก่ผูน้ �ำชมุ ชนเพอื่ จัดการตามความ เหมาะสม หรืออาจน�ำกลบั คืนคลังของหนว่ ยงาน ขอ้ พจิ ารณาในการจัดการและควบคุมการแจกจา่ ย • ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื ของต�ำรวจทอ้ งที่ ตวั แทนทอ้ งถนิ่ ผนู้ �ำชมุ ชน หรอื ผนู้ �ำของผปู้ ระสบภยั • การอ�ำนวยความสะดวกให้กลมุ่ เปราะบาง เช่นหญิงตัง้ ครรภ์ ผู้สงู อายุ ผู้พิการ มารดาที่มา กบั ลูกออ่ น ผเู้ จบ็ ป่วย พยายามลดระยะเวลาการรอใหส้ ัน้ ที่สุด • เจ้าหน้าทีท่ ี่เกยี่ วขอ้ งในการควบคมุ ฝงู ชน ควรอยใู่ นบรเิ วณท่ขี อความร่วมมือได้งา่ ย และอยู่ ในเครอ่ื งแบบทีส่ ีเหน็ ไดช้ ัดเจน และไมค่ วรเปน็ ชดุ ทหาร • กรณีทีเ่ กิดความวุ่นวายขน้ึ ตอ้ งพร้อมทจ่ี ะเคลื่อนตวั ออกจากสถานท่ีแจกของทนั ที โดยไม่ ให้ผูอ้ ่นื สังเกตได้ นัน่ คอื เหตุผลว่าท�ำไมจึงมักแจกจา่ ยสงิ่ ของจากทา้ ยรถบรรทุก • ดแู ลรักษาเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การแจกจา่ ยเพอ่ื น�ำมาจดั ท�ำรายงาน 121
หนังสอื ประกอบการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารหนว่ ยเคล่ืิอนทเ่ี รว็ 10. กลยทุ ธ์ด้านความปลอดภยั ในการปฏบิ ัตงิ าน ความมัน่ คงปลอดภยั ระหว่างการใหค้ วามชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยดว้ ยการแจกจ่ายสิ่งของ บรรเทาทุกข์ จากจ�ำนวนผปู้ ระสบภัยทม่ี จี �ำนวนมาก อาจเกดิ เหตกุ ารณ์วุน่ วาย ไม่มีความเปน็ ระเบียบ เพื่อให้การปฏบิ ัตงิ านเป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ควรค�ำนงึ ถงึ การปฏิบตั งิ านเพอ่ื ความความสะดวก ราบร่ืนดังนี้ 1. การวางแผนและการสื่อสารที่ถูกต้อง ให้ผปู้ ระสบภัยรบั ทราบแผนการแจกจ่าย สิง่ ของทีจ่ ะ ได้รบั ด้วยความชัดเจนและโปรง่ ใส 2. หลกี เลี่ยงความวนุ่ วายสบั สนในการแจกจ่าย ตอ้ งมีจ�ำนวนอาสาสมคั รเพยี งพอทจ่ี ะขนยา้ ย ส่งิ ของ 3. การมสี ่วนรว่ มของผนู้ �ำท้องถ่นิ หรอื ตวั แทน ตลอดระยะการแจกจ่าย 4. พื้นท่ีปฏิบัติงานแจกจ่ายต้องกว้างขวาง และมีความมั่นคงปลอดภัยเพียงพอผู้ประสบภัย สามารถเข้าถงึ ไดง้ า่ ย และสะดวก ระมดั ระวงั อุบตั ิเหตจุ ากการจราจร 5. การแกไ้ ขสถานการณ์ฉกุ เฉนิ หวั หนา้ ชุมชน หนว่ ยงานทอ้ งถิ่นและทมี บรรเทาทุกขจ์ ะเป็น บคุ คลกลุม่ แรกทต่ี อ้ งควบคมุ ฝูงชน จดั ให้มียามรกั ษาความปลอดภัยหากจ�ำเปน็ ในกรณที ี่ไม่ สามารถควบคมุ สถานการณไ์ ด้ ใหใ้ ชท้ างออกฉกุ เฉนิ ทเี่ ตรยี มการไวแ้ ละมนั่ ใจวา่ ทกุ คนในทมี 11. การรายงาน องคป์ ระกอบของรายงาน ประกอบดว้ ย ชอ่ื ภารกจิ วนั เวลา สถานท่ี และจดุ แจกจา่ ย ประเภทของ ส่ิงของบรรเทาทกุ ข์ พร้อมปรมิ าณทแี่ จกจา่ ย จ�ำนวนผู้ประสบภัยเปา้ หมาย และจ�ำนวนผูป้ ระสบภัยท่ี ได้รับส่ิงของบรรเทาทุกข์ บัญชีรายช่ือ หรือเอกสารรับรองที่ออกโดยหน่วยงานราชการท่ีรับผิดชอบ ตลอดจนเอกสารอนื่ ๆทเี่ ก่ยี วขอ้ ง เชน่ ใบส่งของ ใบรับของ หลักฐานการส่งของตา่ งๆ เป็นตน้ การจดั การดา้ นบรรเทาทกุ ขเ์ ปน็ ส่งิ จ�ำเปน็ เพ่อื ตอบสนองภยั พบิ ัติ ซ่งึ เป็นส่งิ ส�ำคัญที่จะท�ำให้ ผปู้ ระสบภยั ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื ตามมาตรฐานขน้ั ตำ�่ ตอ้ งมกี ารประเมนิ ความเสยี หายและความตอ้ งการ เพอื่ ให้ได้ขอ้ มูลในการตัดสนิ ใจ ตลอดจนวางแผนใหค้ วามชว่ ยเหลือ แจกจา่ ยสง่ิ ของบรรเทาทกุ ข์ โดย การระบตุ ัวผูป้ ระสบภัยท่คี วรไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื มเี กณฑ์ในการคดั เลอื กและลงทะเบียน การวางแผน การแจกจา่ ยสง่ิ ของบรรเทาทกุ ข์ ควรได้รับการจัดการอยา่ งเหมาะสมและครอบคลมุ ทุกกลมุ่ เป้าหมาย โดยเฉพาะในกลมุ่ เปราะบาง สามารถตอบสนองความตอ้ งการขน้ั พนื้ ฐานดา้ นมนษุ ยธรรม และค�ำนงึ ถงึ ศักดิ์ศรขี องความเป็นมนษุ ย์ 122
Nationnal Disaster Response Team Handbook เอกสารอา้ งอิง 1. ส�ำนกั งานบรรเทาทกุ ขแ์ ละประชานามยั พทิ กั ษ์ สภากาชาดไทย. โครงการสเฟยี ร์ กฎบตั รมนษุ ยธรรม และมาตรฐานขั้นตำ�่ ในการตอบสนองตอ่ ภัยพิบัติ. พิมพ์ครง้ั ท่ี 3 กรงุ เทพฯ : ม.ป.ท. ; 2558 2. IFRC. Relief supply distribution. 13 Jun 2018. Available from http://www.ifrc.org/en/what we-do/health/water-sanitation-and-hygiene-promotion/hygiene-promotion/ 3. วรรณเพ็ญ อินทร์แก้ว และคณะ. การพยาบาลสาธารณภัย. กรุงเทพฯ : ภาควิชาการพยาบาล สาธารณสุข วิทยาลยั พยาบาลสภากาชาดไทย; 2548. 4. นฤมล สมรรคเสว.ี ภาวะวกิ ฤตจากภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตกิ บั บทบาทพยาบาล. [สบื คน้ เมอื่ 13 มถิ นุ ายน 2561], จาก https://tcithaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/24623 ปีท่ี 28 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม 2557 5. วรวรรณ์ ทพิ ยว์ ารรี มย.์ บทบาทพยาบาลสาธารณสขุ กบั การจดั การภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาต.ิ [สบื คน้ เมอื่ 13 มถิ ุนายน 2561]. จาก: http://phpn.ph.mahidol.ac.th/Journal/txt/no3 /09.pdf 6. อรพรรณ โตสิงห์. สภาการพยาบาลกับการรับมือภัยพิบัติ. [สืบค้นเม่ือ 13 มิถุนายน 2561]. จาก http://www.thaicne.com/images/sub_1333175250/final%20TNMC.pdf 123
หนังสือประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ ารหน่วยเคลิื่อนท่ีเร็ว Dกาisรaใหst้คeวrาMมชe่วdยicเหalลืEอmด้าeนrgกeาnรแcพy ทRยe์ใsนpภoาnวsะeภัยTพeaิบmัติ นายแพทยป์ ญั ญวฒั น์ แหนบนาค นายแพทย์ 7 ส�ำนกั งานบรรเทาทุกขแ์ ละประชานามยั พทิ กั ษ์ สภากาชาดไทย DMERT (Disaster Medical Emergency Response Team) คือ กลมุ่ แพทย์ พยาบาล และ บุคลากร ทางการแพทย์ ที่รวมตัวกันเพือ่ จุดประสงคใ์ นการปฏบิ ตั ิงานเคล่อื นทีเ่ รว็ ในภาวะฉุกเฉนิ เพอื่ ตอบโต้ภัยพิบัติทุกรูปแบบที่เกิดข้ึนโดยสามารถปฏิบัติงานได้ตามล�ำพังตลอด 72 ช่ัวโมง ซ่ึงจ�ำนวน สมาชกิ ในทมี มคี วามแตกตา่ งกนั ไปทรพั ยากรบคุ คลทจ่ี ะสามารถจดั สรรได้ แตโ่ ดยสว่ นใหญแ่ ลว้ มสี มาชกิ ต้ังแต่ 11 คนข้ึนไป ซึ่งสมาชิกหลักประกอบไปด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน แพทย์ที่รับผิดชอบงาน ดา้ นสาธารณภยั หรอื แพทย์ทัว่ ไป จ�ำนวน 2 คน พยาบาลวิชาชพี ท่ีปฏิบัติงานดา้ นการแพทยฉ์ ุกเฉิน หรอื สาธารณภัย จ�ำนวน 4 คน เจ้าพนักงานฉุกเฉินทางการแพทย์ (EMT-I) เจ้าพนักงานสาธารณสขุ ชมุ ชน หรือ ผูช้ ่วยพยาบาล จ�ำนวน 2 คน เจา้ พนกั งานฉุกเฉินทางการแพทย์ (EMT-2) หรืออาสาสมคั ร ฉกุ เฉินทางการแพทย์ (FR) จ�ำนวน 3 คน 124
Nationnal Disaster Response Team Handbook นอกจากนย้ี งั มีอุปกรณ์ ยา และเครอ่ื งมอื ทางการแพทยท์ ีใ่ ชช้ ว่ ยเหลือผู้ประสบภัย ซง่ึ สามารถ เคลอื่ นยา้ ยโดยทางรถยนตเ์ พอื่ ไปตงั้ เปน็ โรงพยาบาลสนาม (Hospital field) ใกลบ้ รเิ วณ ณ จดุ เกดิ เหตไุ ด้ อนั ประกอบไปดว้ ย เตน็ ทส์ นาม เตยี งสนาม เตยี งพยาบาล เครอ่ื งปน่ั ไฟ เครอ่ื งมอื สอ่ื สาร ชดุ ออกปฏบิ ตั กิ าร เสาะหาและก้ชู พี ข้นั ตน้ ผู้ประสบภัย เป็นต้น แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน 1. ระยะกอ่ นเกดิ ภยั พบิ ัติ (Disaster preparedness phase) 1.1. เตรยี มพรอ้ มทมี ปฏบิ ตั งิ านใหส้ ามารถออกปฏบิ ตั งิ านไดท้ นั ทว่ งที โดยถงึ จดุ เกดิ เหตภุ ายหลงั ได้รบั การแจ้งเหตุภายในระยะเวลา 6-24 ชั่วโมง โดยทีมปฏบิ ัตงิ านตอ้ งมีความพรอ้ มทัง้ ใน ดา้ นทรพั ยากรมนษุ ย์ และทรพั ยากรวตั ถทุ นี่ �ำไปใชช้ ว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ดังน้ี 1.1.1 ดา้ นทรพั ยากรมนษุ ย์ หมายถงึ บคุ ลากรทางการแพทยท์ งั้ หมดทเ่ี ขา้ รว่ มในการปฏบิ ตั งิ าน โดยตอ้ งค�ำนงึ ถึงหลักดงั น้ี 1.1.1.1 สภาพร่างกายของแต่ละบคุ คล บคุ ลากรทกุ คนในทมี ปฏบิ ตั งิ าน ตอ้ งมคี วามพรอ้ มทง้ั ทางดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ กลา่ วคอื ดา้ นรา่ งกาย 1. ตอ้ งมสี ขุ ภาพกายทสี่ มบรู ณแ์ ขง็ แรง ไมเ่ จบ็ ปว่ ยหรอื มภี าวะทอ่ี าจเปน็ อปุ สรรค ตอ่ การปฏิบัตงิ านได้ เช่น โรคข้อ โรคกลา้ มเนอ้ื อ่อนแรง โรคหลอดเลือด สมอง โรคลมชกั โรคหอบหืด เป็นตน้ 2. สมรรถภาพร่างกายสมบรู ณ์และเหมาะสมตามวยั โดยจะเนน้ เร่อื งความ สามารถในการใช้ร่างกายเพ่ือปฏิบัติงานได้ในทุกสถานที่และทุก สถานการณ์เป็นระยะเวลายาวนานโดยไม่เกิดการเมื่อยล้า ซึ่งต้องอาศัย 125
หนังสอื ประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการหน่วยเคลิ่ือนท่ีเร็ว สมรรถภาพร่างกายทางในด้านต่างๆ เช่น ความสามารถในการยืดหยุ่น กลา้ มเน้ือและขอ้ ความแขง็ แรงและทนทานของกลา้ มเนือ้ และหวั ใจ ความ สามารถในการหายใจ เปน็ ต้น 3. ระบบภมู คิ ุ้มกันในรา่ งกายต้องพร้อมทจี่ ะรับมอื กับโรคตา่ งๆ ทีอ่ าจจะเกดิ ขึน้ จากการปฏิบตั ิงานไดใ้ นทุกสถานการณ์ เช่น การเดินทางไปปฏบิ ตั ิงาน ต่างประเทศ หรอื ในท่ที ี่มโี รคระบาดอยู่ รา่ งกายตอ้ งมีการรับวคั ซนี ก่อน เดนิ ทางเพ่อื ป้องกันการติดโรคระบาดในพื้นทที่ ีป่ ฏบิ ัติงาน เปน็ ตน้ 4. ร่างกายต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนปฏิบัติงาน เพ่ือป้องการ เกดิ อุบตั เิ หตหุ รือความผดิ พลาดขณะปฏบิ ตั ิงานได้ 5. ในกรณีท่ีมีการใช้ยาหรือสารบางอย่างที่อาจมีผลต่อร่างกายในขณะปฏิบัติ งาน ควรหลกี เลี่ยงการใชก้ อ่ นการปฏบิ ตั ิงาน เช่น สุรายาแก้แพห้ รอื ยาลด น้�ำมูก เป็นต้น ด้านจติ ใจ 1. ตอ้ งมีสขุ ภาพใจทปี่ กติสมบรู ณไ์ มม่ ีโรคหรือภาวะทางจติ ทีอ่ าจเปน็ อปุ สรรค ตอ่ การปฏบิ ัตงิ านได้ เชน่ โรคจติ เภท ภาวะซมึ เศรา้ เปน็ ต้น 2. ไม่มีการใช้ยาหรือสารบางอย่างท่ีมีผลต่อสภาวะทางจิตใจหรือสติในขณะ ปฏบิ ตั งิ าน เช่น ยานอนหลับ กาแฟ เป็นตน้ 1.1.1.2 ปริมาณบคุ ลากรทอี่ อกปฏบิ ตั งิ าน ต้องมีจ�ำนวนบุคลากรที่พอเหมาะและมากพอที่จะบริหารจัดการกับ สถานการณภ์ ยั พิบัติน้นั ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ โดยมงุ่ เน้นท่สี ามารถปฏิบัติ งานต่อเน่ืองอย่างไม่ออ่ นลา้ ไดน้ าน 72 ชัว่ โมง จนกวา่ จะมีอกี ทมี มาเปล่ยี น 126
Nationnal Disaster Response Team Handbook 1.1.1.3 หนา้ ท่ีต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน เนอื่ งจากบคุ ลากรทกุ คนทเี่ ขา้ รว่ มทมี สว่ นใหญม่ หี นา้ ทแี่ ตกตา่ งกนั แตเ่ นอื่ งจาก งานที่รับผิดชอบต้องอาศัยความเข้าใจในงานหน้าท่ีอื่นด้วยจึงจะสามารถ ประสานงานรว่ มกันอย่างเป็นทีมทมี่ ีประสทิ ธภิ าพได้ ท�ำใหต้ ้องมกี ารเรยี นรู้ งานในดา้ นอน่ื ๆ รว่ มดว้ ย ประกอบกบั ในกรณที บี่ คุ ลากรบางคนเกดิ อบุ ตั เิ หตุ หรอื เจบ็ ปว่ ยกะทนั หนั ในขณะ ปฏบิ ตั งิ านบคุ ลากรคนอนื่ ในงานกจ็ ะสามารถ ชว่ ยสานงานตอ่ ไปได้ ดังนนั้ บุคลากรทกุ คนในงานควรจะสามารถปฏบิ ตั งิ าน ไดห้ ลายอย่าง นอกเหนอื จากหนา้ ทห่ี ลักของตน 1.1.2 ดา้ นทรพั ยากรวตั ถุ หมายถงึ เครอื่ งมอื อปุ กรณ์ ยา เวชภณั ฑ์ ตา่ งๆ ทน่ี �ำไปใชช้ ว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั โดยตอ้ งค�ำนงึ ถงึ หลกั ดงั น้ี 1.1.2.1 คณุ ภาพของวัตถุที่น�ำไปใชช้ ว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภัย • เครื่องมือ อุปกรณ์ ยา เวชภัณฑ์ ต่างๆท่ีน�ำไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ต้องมีคุณภาพท่ีดีและพร้อมท่ีจะใช้งานได้เสมอ มีการหม่ันตรวจเช็คและ น�ำวตั ถทุ ช่ี �ำรุดไปซ่อมก่อนใชง้ านจริงอย่างนอ้ ยปลี ะครง้ั 1.1.2.2 ปรมิ าณวตั ถทุ ่นี �ำไปใชช้ ว่ ยเหลือผู้ประสบภัย • เคร่ืองมือ อุปกรณ์ ยา เวชภัณฑ์ ต่างๆ ท่ีน�ำไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ต้องมีจ�ำนวนที่เหมาะสมมากพอกับความต้องการของบุคลากร ผู้ใช้งาน และผปู้ ระสบภยั ต่อการปฏบิ ัตงิ านในแตล่ ะครง้ั รวมถึงมีส�ำรองไวใ้ นกรณีท่ี ช�ำรุดในขณะหรือหลังการออกปฏิบัติงาน 1.2 อบรมและพฒั นาทมี ปฏบิ ตั งิ านใหม้ ที กั ษะและความรคู้ วามช�ำนาญในตอบโตภ้ ยั พบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ ในชว่ งเวลาทย่ี งั ไมเ่ กดิ ภยั 127
หนังสอื ประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการหน่วยเคลิื่อนทเี่ รว็ • ในแตล่ ะปี ทมี แพทย์เคล่ือนท่เี ร็วในภาวะฉุกเฉนิ เพ่อื ตอบโต้ภัยพบิ ัติ ควรไดร้ บั การอบรม และฝึกภาคปฏบิ ัติ เพ่อื ความช�ำนาญและความกา้ วหนา้ ในการช่วยเหลือผูป้ ระสบภัย ซ่งึ โดยปกตแิ ล้ว บุคคลากรในทมี จะตอ้ งมคี วามรู้ความช�ำนาญอนั เป็นพืน้ ฐานในการเข้าชว่ ย เหลอื ผูป้ ระสบภยั ในดา้ นตา่ งๆ กัน ดังนี้ 1. การคัดแยกผ้ปู ว่ ยนอกโรงพยาบาล ( Field triage) 2. ระบบบญั ชาการสถานการณ์ ( Incident Command System : ICS ) 3. การจัดการอบุ ัตภิ ยั หมู่ ( Mass casualty management ) 4. การประเมนิ และลดความเสยี่ งจากภยั พบิ ตั ิ (Disaster risk assessment and risk reductiuon) 5. การดแู ลจดั การทางการแพทย์ในสถานการณ์ท่มี กี ารรวมกันของคนจ�ำนวนมาก (Mass gathering medical care) 6. การเข้าจดั การกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural disaster approach) เชน่ แผ่นดนิ ไหว อุทกภยั อัคคภี ยั พายุ เป็นตน้ 7. การเขา้ จัดการกบั ภยั พิบัติทม่ี นุษยส์ รา้ งขนึ้ ( Human made disaster approach) เช่น การก่อการร้าย ก๊าซพิษ อาวุธปืนและระเบิด สารกัมมันตภาพรังสี อาวุธชีวภาพ กระแสไฟฟา้ อุบัติเหตจุ ราจร เป็นต้น 8. การขนยา้ ยผู้ประสบภยั ในสถานการณ์ตา่ งๆ (Disaster victims transportation) ได้แก่ การขนย้ายผู้ประสบภัยทางบก ทางน�ำ้ และ ทางอากาศ 9. การช่วยกูช้ ีพขนั้ พ้ืนฐานและขนั้ พัฒนา (Basic and advanced life support) 10. ปฏกิ ริ ยิ าทางจติ ใจตอบสนองตอ่ ภยั พบิ ตั ิ (Psychological responses and implementation in disaster) 11. การบรหิ ารจดั การศพ และพสิ จู นเ์ อกลกั ษณบ์ คุ คลในเหตภุ ยั พบิ ตั ิ (Dead body manage- ment and Disaster victim identification) 128
Nationnal Disaster Response Team Handbook 2. ระยะเกดิ ภัยพบิ ัติ (Disaster response phase) สามารถปฏิบัติงานเคลื่อนที่เร็วในภาวะฉุกเฉินเพ่ือตอบโต้ภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบอย่างมี ประสิทธภิ าพ เม่อื เกดิ ภยั พิบตั ิ โดยมขี อ้ ปฏบิ ัติ ดงั นี้ ข้ันตอนในการออกปฏบิ ตั ิงานเมือ่ เกดิ ภยั พบิ ัติ • เมื่อได้รับการอนุมัติให้ออกท�ำการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทีมปฏิบัติงานออกเดินทางพร้อม อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและอุปกรณ์ยังชีพส่วนตัวไป ณ จุดเกิดเหตุอย่างทันท่วงที ภายในเวลา 6-24 ช่วั โมง • ทจ่ี ดุ เกดิ เหตุ ทมี ปฏบิ ตั งิ านเขา้ รายงายตวั กบั Incident commander ในขณะนน้ั เพอื่ รบั ทราบ ถงึ ปญั หาและแนวทางในการช่วยเหลือผ้ปู ระสบภัย • จดั ต้งั ศูนยส์ ั่งการทจ่ี ุดเกิดเหตุ (Command post) ใหอ้ ยใู่ นบรเิ วณทีป่ ลอดภยั (Cold zone) • สง่ ทมี เสาะหาและกู้ชพี เบือ้ งตน้ (search and rescue team) เป็นทมี ย่อยทป่ี ระกอบไปดว้ ย ผชู้ ว่ ยพยาบาล หรอื เจา้ พนกั งานฉกุ เฉนิ ทางการแพทย์ จ�ำนวน 2 คน ออกปฏบิ ตั งิ านเสาะหา และชว่ ยชวี ติ เบ้ืองตน้ แก่ผปู้ ระสบภยั ณ จดุ เกดิ เหตุ โดยอาศยั หลกั การ “Save at Scene” • ทมี เสาะหาและกู้ชพี เบือ้ งต้น (search and rescue team) ท�ำการคดั แยกผ้ปู ระสบภัยข้ันตน้ (Primary triage) ตามหลัก Triage sieve ซงึ่ หลักการคอื พยายามแยกเอาผ้ปู ระสบภัยที่ สามารถชว่ ยชวี ติ ตอ่ ได้ออกมาจากที่เกดิ เหตุใหม้ ากท่ีสดุ โดยพาผู้ประสบภยั มายังบรเิ วณท่ี ปลอดภัย (Cold zone) • ท�ำการคดั แยกผูป้ ระสบภยั ข้นั ท่ี 2 (Secondary triage) ทบ่ี รเิ วณปลอดภัย (Cold zone) โดย อาศัยหลกั การ Triage sort 129
หนงั สือประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการหนว่ ยเคลอิ่ื นที่เร็ว • น�ำผปู้ ระสบภยั เขา้ สพู่ นื้ ทขี่ องการรกั ษา (Treatment zone) เพอ่ื ท�ำการรกั ษาตอ่ เนอื่ งโดยแพทย์ และพยาบาล • ท�ำการเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ระสบภยั ในกรณที ไ่ี มส่ ามารถท�ำการรกั ษาตอ่ เนอื่ งไดท้ ่ี Treatment zone โดยสง่ ตวั ตามระบบการขนยา้ ยผปู้ ว่ ยเขา้ สโู่ รงพยาบาล (Referral system) ซงึ่ ตอ้ งพจิ ารณาวา่ จะท�ำการขนส่งผู้ประสบภยั (Disaster victims transportation) ผ่านทางเสน้ ทางใด (ทางบก ทางนำ�้ หรอื ทางอากาศ) โดยพาหนะอะไร จึงจะรวดเรว็ และปลอดภัยที่สดุ • เมือ่ สนิ้ สดุ ภารกิจในแต่ละวัน จะตอ้ งประชุมทมี ปฏิบัติงานเพื่อสรปุ ข้อมลู ผู้ประสบภัยวา่ มี จ�ำนวนเทา่ ใด บาดเจบ็ บรเิ วณใด รกั ษาอยา่ งไร และขนยา้ ยไปทใ่ี ดเพอ่ื รกั ษาตอ่ เนอ่ื ง ทส่ี �ำคญั ต้องส�ำรวจทรพั ยากรทั้งมนุษย์และวัตถุทม่ี อี ยู่ว่า ยังเพยี งพอต่อความตอ้ งการหรือไม่ หรือ ต้องแกไ้ ขจดุ ใดบา้ งส�ำหรับในวนั ถดั ไป 3. ระยะหลังเกดิ ภัยพิบัติ (Disaster recovery phase) ในระยะน้ี เป็นช่วงเวลาภายหลังการเกิดภัยพิบัติ ประมาณ 72 ช่ัวโมง ซึ่งจะมีปัญหาเรื่อง โรคระบาด ภาวะทางจติ การข่มขืน การกอ่ เหตโุ จรกรรม มากขึ้นตามล�ำดบั สาเหตุสืบเนอ่ื งจากการ เกิดภยั พิบตั นิ �ำมาซง่ึ การสญู เสยี หลายอย่าง เช่น ทรัพย์สมบัติ ทีอ่ ยู่อาศยั อวัยวะ หรอื แมก้ ระทงั่ ชวี ิต เป็นต้น ท�ำให้ผู้ประสบภัยหลายคนต้องอาศัยรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ความแออัด อากาศถ่ายเท ไม่สะดวก ขาดอาหาร ความเครียด วติ กกังวล สง่ิ ต่างๆ เหลา่ นี้ท�ำใหเ้ กดิ ปญั หาดังกลา่ วขา้ งตน้ ดังนั้นการปฏิบัติงานในระยะนี้จึงเน้น เร่ือง การเฝ้าระวังโรคระบาดที่อาจเกิดข้ึนได้ เช่น โรคอจุ จาระรว่ ง โรคตาแดง โรคผิวหนงั เปน็ ต้น การใหค้ �ำปรึกษาแนะน�ำในเรอ่ื งการผ่อนคลายความ วติ กกงั วลและการฟน้ื ฟสู ภาพจติ จากภาวะเครยี ดภายหลงั การสญู เสยี จากภยั พบิ ตั ิ (Posttraumatic stress disorder : PTSD) การแบ่งบรเิ วณระหวา่ งชายและหญิงอยา่ งชดั เจนในพื้นทีส่ �ำหรับพักฟืน้ ภายหลงั การ เกิดภัยพิบัติ การเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิตของทีมปฏิบัติงานและผู้ประสบภัย โดยจัดเวรคอยตรวจตรายามค�ำ่ คนื ในท่ีพกั ผู้ประสบภัยและพ้นื ท่ศี ูนย์สง่ั การ โดยสรปุ แลว้ DMERT หรอื หนว่ ยแพทยเ์ คลอ่ื นทเ่ี รว็ ในภาวะฉกุ เฉนิ เพอื่ ตอบโตภ้ ยั พบิ ตั ิ มหี นา้ ท่ี อันส�ำคัญในการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติที่เกิดข้ึนในทุกรูปแบบ ซ่ึงในปัจจุบันนี้ทางสถาบัน การแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ได้พยายามสร้างและพัฒนา DMERT ให้มีมากข้ึนในทุกจังหวัด โดยทาง ส�ำนกั งานบรรเทาทกุ ขแ์ ละประชานามยั พทิ กั ษ์ สภากาชาดไทย ไดเ้ ลง็ เหน็ ประโยชนข์ องการเขา้ ฝกึ อบรม และร่วมปฏิบัติงานในกรณีทีเ่ กิดภัยพบิ ัติ จึงได้จัดตั้ง DMERT ข้นึ ครัง้ แรกตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2555 โดยมี สมาชกิ ทัง้ หมด 12 คน และใหเ้ ข้าฝึกอบรมกบั ทาง สพฉ อีกจ�ำนวน 3 ครง้ั ครัง้ แรกท่ี สนามบนิ ดอนเมอื ง ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2556 ทว่ี นพทุ ธอทุ ยานนำ�้ ตกเขาอโี ต้ จังหวดั ปราจนี บรุ ี และคร้ังที่ 3 ปี พ.ศ.2556 ท่ี ค่ายพระราม 6 จังหวัดเพชรบรุ ี นอกจากนี้ ยงั ไดส้ ง่ แพทยแ์ ละผชู้ ว่ ยพยาบาลจ�ำนวน 2 คน เขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ Thailand medical response team เพอื่ ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั แผ่นดินไหว ณ ประเทศเนปาล อกี ดว้ ย 130
Nationnal Disaster Response Team Handbook การให้ความช่วยเหลอื ด้านนำ�้ สุขาภบิ าลและการสง่ เสริมสุขอนามยั ในเหตุการณภ์ ัยพิบตั สิ ำ� หรบั พยาบาลสภากาชาดไทย Water, Sanitation and Hygiene Promotion for the Thai Red Cross Nurse นางสาวแนง่ น้อย จไุ ธสง ผชู้ �ำนาญการพเิ ศษ พยาบาล 7 ส�ำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ความเป็นมา ปัจจบุ ันสาธารณภัยมแี นวโน้มทจ่ี ะเกดิ มากขน้ึ ทงั้ ความถ่ใี นการเกดิ และความรนุ แรง ซึง่ น�ำมา ซงึ่ ความสญู เสยี ทง้ั ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ แกม่ วลมนษุ ยชาตอิ ยา่ งมหาศาล ไมว่ า่ จะเปน็ ภยั ธรรมชาตหิ รอื จาก นำ�้ มอื มนษุ ย์ โดยกอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบส�ำคญั ตอ่ ชีวติ ความเป็นอยู่ สภาพเศรษฐกจิ สังคม การเมือง การ คมนาคมขนส่ง และสิง่ แวดล้อม นอกจากนสี้ าธารณภัยยังเปน็ สาเหตุส�ำคัญที่ท�ำใหร้ ะบบสาธารณปู โภค ระบบการรกั ษาพยาบาลไดร้ ับความเสยี หายจนสง่ ผลให้เกดิ การระบาดของโรคต่างๆ ท้งั โรคประจ�ำถ่ิน และโรคอุบัติใหม่ หรือเกิดจากเชื้อโรคที่เคยระบาดในอดีตและสงบไปหลายปีแล้ว แต่กลับมาระบาด ใหม่ได(้ 1) 131
หนงั สือประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการหน่วยเคล่ิือนทีเ่ ร็ว จากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลกในปี 2560 พบวา่ โรคทอ้ งรว่ งเปน็ หนง่ึ ในโรคทพ่ี บบอ่ ยทสี่ ดุ ท่ีเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในประเทศที่ก�ำลังพัฒนา ซ่ึงพบว่ามีเด็กอายุต่�ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตราว 525,000 คนในแตล่ ะปี และยงั พบวา่ การมนี ำ้� ทส่ี ะอาด การสขุ าภบิ าลทเ่ี หมาะสม รวมไปถงึ การมสี ขุ อนามยั ที่ดจี ะชว่ ยป้องกนั โรคท้องเสยี ได้อย่างมนี ยั ส�ำคญั (2) “พยาบาล” เปน็ บคุ ลากรทางการแพทยท์ มี่ บี ทบาทสาํ คญั อยา่ งมากในการดแู ลผปู้ ระสบสาธารณภยั โดยมีบทบาทหนา้ ท่กี ารทํางานและสามารถปฏบิ ตั งิ านไดห้ ลายรปู แบบ ดงั นน้ั พยาบาลควรมคี วาม สามารถในการจัดการสาธารณภัยเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดข้ึนได้ตลอดเวลา ท้ังในระยะก่อนเกิด ขณะเกดิ และหลังเกิดสาธารณภัย เพือ่ ป้องกันและ/หรือ ลดความสูญเสียท่ีจะเกิด กบั ชวี ิตและทรพั ยส์ นิ รวมทั้งการฟ้นื ฟสู ภาพรา่ งกายและจติ ใจของผปู้ ระสบสาธารณภยั และญาต(ิ 3) ทง้ั นบี้ ทบาทส�ำคัญทสี่ ุดท่ีมีค่าใช้จา่ ยนอ้ ยและได้ผลเป็นทน่ี ่าพอใจ คอื บทบาทของการให้ความรู้ในการ ปฏบิ ัตติ นอยา่ งถกู สุขอนามยั แกป่ ระชาชนทไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากสาธารณภัย การให้ความชว่ ยเหลือด้านน�้ำ สุขาภบิ าลและการสง่ เสริมสุขอนามัยตามโครงการสเฟียร์ การให้ความชว่ ยเหลอื ตามโครงการสเฟียร์ (SPHERE Project) พยาบาลสภากาชาดไทย สามารถปฏบิ ตั ิงานทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศในการใหค้ วามชว่ ย เหลอื ทัง้ ด้านการแพทย์ และบรรเทาทุกข์แก่ผปู้ ระสบความทุกข์ยากเดือดรอ้ นจากสาธารณภัยรว่ มกับ กลมุ่ กระบวนการกาชาด (Red Cross Movement) ดงั นน้ั เพอ่ื ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านมคี วามเปน็ มาตรฐานสากล มีแนวทางในการปฏิบัติไปในทางเดียวกันผู้เขียนจึงได้น�ำหลักการของสเฟียร์มาใช้ส�ำหรับเป็นมาตรฐาน ในการชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภัย สเฟียร์โปรเจค็ (SPHERE Project)(4) เป็นการให้ความช่วยเหลอื ด้านมนษุ ยธรรมในระยะตอบ สนองต่อสาธารณภยั โดยยดึ หลักปรัชญา 2 ขอ้ คือ 1. ผปู้ ระสบภยั พบิ ตั มิ สี ทิ ธใิ นการมชี วี ติ อยดู่ ว้ ยความมศี กั ดศิ์ รี และมสี ทิ ธใิ นการไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื 2. เป็นการกล่าวถงึ ข้ันตอนในการชว่ ยเหลือทงั้ หมดทม่ี ีความเป็นไปไดใ้ นการบรรเทาทุกขท์ ่ีเกิด ข้นึ จากภัยพิบัติและความขดั แยง้ 132
Nationnal Disaster Response Team Handbook ทั้งน้ีรากฐานส�ำคัญของโครงการสเฟียร์มาจากกฎบัตรมนุษยธรรมว่าด้วยหลักการและ บทบัญญตั ขิ องกฎหมายมนษุ ยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) สนธสิ ัญญา หลักด้านสทิ ธมิ นษุ ยชนระหว่างประเทศ (Core international human rights treaties) อนุสญั ญาว่าดว้ ย สถานภาพผลู้ ภ้ี ยั (Convention Relating to the Status of Refugees) และหลกั ปฏบิ ตั ขิ องกลมุ่ องคก์ รอสิ ระ ดา้ นมนษุ ยธรรม (Humanitarian NGOs) และสหพนั ธส์ ภากาชาดและสภาเสย้ี ววงเดอื นแดงระหวา่ งประเทศ (International Federation of Red Cross and Red Crescent Societies : IFRC) ในการบรรเทาทุกข์ ผปู้ ระสบภยั โดยการวางกรอบกฎบตั รมนษุ ยธรรมและก�ำหนดมาตรฐานขนั้ ตำ�่ ส�ำหรบั การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในเหตุการณภ์ ยั พบิ ตั ิ 5 เรอื่ ง ได้แก่ 1. มาตรฐานกลางในการให้ความช่วยเหลอื ในทกุ ๆ ด้าน 2. มาตรฐานข้ันตำ่� เรือ่ งนำ�้ สุขาภบิ าล และการส่งเสริมสขุ อนามยั 3. มาตรฐานขน้ั ต�ำ่ เร่ืองความม่นั คงทางอาหาร โภชนาการ และการชว่ ยเหลือด้านอาหาร 4. มาตรฐานข้นั ต่�ำเรื่องท่พี ักพงิ ทอ่ี ยอู่ าศยั และเคร่อื งอปุ โภคบรโิ ภค 5. มาตรฐานขั้นต�่ำเร่อื งการบรกิ ารดา้ นสุขภาพ ส�ำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ได้ก�ำหนดระเบียบปฏิบัติส�ำหรับการให้ความ ช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยตามกรอบกฎบัตรมนุษยธรรมและก�ำหนดมาตรฐานข้ันต่�ำ เม่อื เกิดเหตุการณ์สาธารณภัยไว้ ตามแผนผังที่ 1 แผนผงั ท่ี 1 ผังสรปุ การตดิ ตอ่ และการประสานงาน ทม่ี า : คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านดา้ นนำ�้ สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั ในสถานการณภ์ ยั พบิ ตั สิ �ำหรบั พยาบาลและเจา้ หนา้ ท่ี ทเี่ กี่ยวขอ้ งของสภากาชาดไทย, 2555(5) บทบาทของพยาบาลในการจัดการสาธารณภยั 133
หนงั สอื ประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการหน่วยเคลิอ่ื นทีเ่ ร็ว พยาบาลทป่ี ฏบิ ตั งิ านในสถานการณส์ าธารณภยั มคี วามส�ำคญั อยา่ งยงิ่ ในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบสาธารณภัยในระยะปฐมภูมทิ ง้ั ด้านสุขภาพและการสง่ เสริมสขุ อนามัย เน่อื งจากเปน็ บุคลากร ทปี่ ฏบิ ตั งิ านอยา่ งใกลช้ ดิ กบั ประชาชนหรอื ผปู้ ระสบสาธารณภยั มากทสี่ ดุ นอกจากน้ี วรรณเพญ็ อนิ ทรแ์ กว้ (6) ยังได้กลา่ วเพิ่มเติมอกี ว่าการพยาบาลในสถานการณ์ภยั พิบัติ หรอื การพยาบาลสาธารณภยั มลี ักษณะ เฉพาะทแี่ ตกตา่ งจากพยาบาลในหอผปู้ ว่ ย เนอื่ งจากเปน็ การใหบ้ รกิ ารพยาบาลแกค่ นหมมู่ ากพรอ้ มๆ กนั โดยใชว้ ธิ ีการจ�ำแนกผ้บู าดเจ็บ การใหก้ ารพยาบาลฉุกเฉนิ และการท�ำงานรว่ มกันของทีมสุขภาพ ท้งั น้ี ผปู้ ฏบิ ตั กิ ารพยาบาลจะตอ้ งมคี วามรู้ ความสามารถ ความฉบั ไว มคี วามตน่ื ตวั ตลอดเวลา มที กั ษะในการ ตัดสินใจทดี่ ี สามารถประเมินปญั หาได้ และแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ทั้งมีทกั ษะ เป็นผู้ประสานงานท่ีดี และสามารถปฏิบัติงานได้ดีทั้งในระยะเตรียมพร้อมก่อนเกิดภัย ระยะฉุกเฉิน ขณะเกิดภัย และระยะหลงั เกิดภยั ซ่ึงส�ำนักงานบรรเทาทุกขแ์ ละประชานามัยพทิ ักษ์ ได้ก�ำหนดขน้ั ตอน ในการปฏิบัตงิ านส�ำหรบั พยาบาลไวด้ ังนี้ ข้ันตอนการปฏบิ ัตงิ าน การเตรียมพร้อมกอ่ นเกิดภยั (Disaster Preparedness) 1. การเตรยี มพร้อมดา้ นบคุ ลากร 1.1 จดั เจา้ หนา้ ทพี่ ยาบาล และเจา้ หนา้ ท่ี ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเขา้ รบั การอบรมการใชค้ มู่ อื ปฏบิ ตั งิ าน ดา้ นน้ำ� สุขาภบิ าล และการส่งเสรมิ สุขอนามัย 1.2 จัดเจ้าหน้าที่พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ท่เี กี่ยวข้องเข้ารับการอบรมการตอบสนองตอ่ ภยั พบิ ตั ริ ะดบั ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ้ นดา้ นนำ้� และสขุ าภบิ าล (Regional Disaster Response Team Southeast Asia for Water and Sanitation) 134
Nationnal Disaster Response Team Handbook 1.3 จดั เจา้ หนา้ ท่ี ทผี่ า่ นการอบรมการใชค้ มู่ อื ปฏบิ ตั งิ านดา้ นนำ�้ สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั และหรอื การอบรมการตอบสนองตอ่ ภยั พบิ ตั ริ ะดบั ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก เฉยี งใตใ้ นดา้ นนำ�้ และสขุ าภบิ าล (Regional Disaster Response Team Southeast Asia for Water and Sanitation) จ�ำนวน 1 ทีม เพื่อประเมินและให้ความรู้เก่ียวกับน้�ำ สุขาภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามัย ซงึ่ ประกอบดว้ ย 1.3.1 พยาบาลหัวหน้าทีม จ�ำนวน 1 คน 1.3.2 พยาบาลหรือผ้ชู ่วยพยาบาล จ�ำนวน 1 คน 1.3.3 พนักงานขับรถ จ�ำนวน 1 คน 1.4 จัดเจา้ หน้าทตี่ ามขอ้ 1.3 ปฏบิ ัติงานใน 2 ระยะ คอื 1.4.1 ระยะท่ี 1 ปฏบิ ัตงิ านเป็นระยะเวลา 3 วนั (การประเมนิ ความต้องการดา้ นนำ้� สุขาภิบาลและการส่งเสริมสุขอนามัยเบ้ืองต้น)โดยการประเมินสถานการณ์ ความตอ้ งการ และความเสยี หาย ตลอดจนรวบรวมขอ้ มูล เพอ่ื รายงานผบู้ รหิ าร เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาการให้ความชว่ ยเหลอื ดา้ นนำ้� สขุ าภิบาล และการสง่ เสรมิ สุขอนามยั 1.4.2 ระยะที่ 2 ปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 5 วนั (ปฏิบตั งิ านภายหลังการประเมินระยะ ท่ี 1) ปฏิบัตงิ านใหค้ วามช่วยเหลือด้วยเครอ่ื งอุปโภคบริโภคท่ีจ�ำเปน็ น�ำ้ สะอาด ชดุ ยาสามัญประจ�ำบา้ น ชดุ สขุ อนามยั พืน้ ฐาน รวมไปถึงการใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั สขุ ภาพ โรคทเี่ กิดจากสาธารณภัย การประเมนิ สขุ ภาพ การดแู ลสุขภาพส่วน บคุ คล ครอบครัว ชมุ ชน ร่วมกบั การส่งเสรมิ ดา้ นการสขุ าภิบาลสิ่งแวดลอ้ ม และ การปรับพฤติกรรมด้านสุขอนามัยที่ถูกสุขลักษณะด้วยการจัดท�ำคู่มือการปฏิบัติ ตนตามหลกั สขุ อนามยั ในเหตุการณ์สาธารณภยั ส�ำหรบั ผูป้ ระสบภัย การจดั ท�ำ แผน่ พับให้ความรู้ การท�ำโปสเตอรร์ ณรงค์เพือ่ สุขอนามยั และการปฐมพยาบาล เบื้องต้น เป็นตน้ 2. การเตรยี มพรอ้ มด้านวัสดอุ ปุ กรณ์ 2.1 จดั เตรยี มกระเปา๋ ยา ยา และเวชภณั ฑอ์ ยา่ งละ 1 ใบส�ำหรบั การปฐมพยาบาลเบอื้ งตน้ 2.2 เตรียมเอกสารท่ีเก่ียวข้องได้แก่ แบบประเมินด้านน�้ำ สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุข อนามยั เบอ้ื งตน้ และคมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านดา้ นนำ�้ สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั เปน็ ตน้ 2.3 แผนที่ประเทศไทย หรืออุปกรณ์ติดตามผ่านดาวเทียม GPS เพ่ือน�ำทางเข้าสู่พ้ืนที่ ประสบภยั 2.4 จดั รถขับเคล่ือน 4 ล้อ (Four Wheel Drive) ท่มี ีเครอื่ งหมายตรากาชาดเพอื่ ปฏิบตั งิ าน ในพน้ื ที่ 2.5 วิทยุส่อื สารสารระบบ High Frequency หรือระบบ Very High Frequency พร้อมสาย อากาศแบบพบั ฐานได้ แบตเตอร่ี และอปุ กรณต์ อ่ พว่ ง จ�ำนวน 2 ชดุ 2.6 โทรศพั ทม์ อื ถอื หรอื Smart Phone พรอ้ มแทน่ ชารจ์ แบตเตอร่ี จ�ำนวน 1 ชดุ (สามารถ สง่ ขอ้ ความอเี ลก็ ทรอนกิ ส์ และขอ้ ความรปู ภาพ) 2.7 หนว่ ยงานในจงั หวดั 135
หนงั สอื ประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการหนว่ ยเคลือิ่ นทีเ่ ร็ว 2.8 กลอ้ งถา่ ยรปู พรอ้ มแทน่ ชารจ์ และอปุ กรณต์ อ่ พว่ ง 1 ชดุ 2.9 ไฟฉายแบบหลอดฮาโลเจน พรอ้ มถา่ น 1 ชดุ 2.10 รองเทา้ บทู๊ แบบยาวและเสอื้ ชชู พี อยา่ งละ 1 ชดุ 2.11 ยาและเวชภณั ฑท์ จ่ี �ำเปน็ เชน่ ยาทากนั ยงุ แอลกอฮอลเ์ จล ถงุ มอื Disposable เปน็ ตน้ 2.12 เงนิ รองจา่ ยอยา่ งนอ้ ย 5,000 บาท (หรอื ขน้ึ กบั ระดบั ความรนุ แรงของสาธารณภยั ) 3. การประสานงาน 3.1 ประสานงานกบั นายกเหลา่ กาชาดจงั หวดั ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั และหนว่ ยงานสว่ นปกครอง จงั หวดั ในการวางแผนการใหค้ วามช่วยเหลอื 3.2 ประสานงานกับหน่วยงานส่วนท้องถ่ินท้ังภาครัฐและเอกชนเพื่อเตรียมสถานท่ี ชุมชน และวัสดุอุปกรณ์ การตอบสนองขณะเกดิ ภัย (Disaster Response) 1. ประชมุ War Room รว่ มกบั หนว่ ยตา่ งๆ โดยเฉพาะหนว่ ยเคลอ่ื นทเี่ รว็ และหนว่ ยรถผลติ นำ้� ดมื่ 2. ก�ำหนดสถานทป่ี ฏบิ ตั ิงานโดยมเี กณฑใ์ นการคดั เลือก ดงั นี้ 2.1 ฝา่ ยบรรเทาทกุ ขผ์ ปู้ ระสบภยั ปฏบิ ตั งิ านในพนื้ ที่ 20 จงั หวดั ภาคกลาง ไดแ้ ก่ กรงุ เทพมหานคร ชยั นาท นครนายก นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงหบ์ รุ ี สพุ รรณบุรี อยธุ ยา อา่ งทอง อุทยั ธานี นนทบุรี ปทมุ ธานี นครปฐม กาญจนบุรี เพชรบูรณ์ ชลบรุ ี ฉะเชงิ เทรา ระยอง และจังหวดั สมทุ รสาคร 2.2 ฝา่ ยประสานงานสถานีกาชาดปฏบิ ัตงิ านในพน้ื ท่ี 57 จงั หวดั 2.3 เปน็ พื้นท่ที ่จี ังหวัดประกาศเปน็ เขตพน้ื ทีภ่ ยั พบิ ตั ิอทุ กภยั ภยั แลง้ หรือแมแ้ ต่ภัยจากการ สู้รบทีเ่ ปน็ เหตุใหม้ ีผอู้ พยพอยู่รวมกันภายในสถานพกั พิง หรอื ศนู ยพ์ ักพงิ 2.4 เป็นสถานท่ีทส่ี ามารถเกบ็ ชดุ สขุ อนามัย รายการส่งิ ของดา้ นสุขอนามัย และของขวญั ของรางวัลได้อย่างปลอดภัย 2.5 เป็นจังหวัดท่ีมีความต้องการความช่วยเหลือด้านน้�ำ สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุข อนามัย 3. การคัดเลือกผู้เข้าร่วมกจิ กรรม 3.1 เปน็ ประชาชนทีไ่ ด้รับผลกระทบจากสาธารณภัย 3.2 ไมจ่ �ำกดั เพศ และวยั แตค่ วรเปน็ กลมุ่ ทม่ี คี วามเปราะบาง ไดแ้ ก่ เดก็ ผพู้ กิ าร ผดู้ อ้ ยโอกาส หญิงมคี รรภ์ หญิงให้นมบุตร เปน็ ตน้ 3.3 จัดให้มีอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือเป็นแกนน�ำการถ่ายทอด ความรู้เกีย่ วกบั การดแู ลสุขภาพในชุมชนในเหตกุ ารณ์สาธารณภัย 4. ประสานไปยังผ้วู า่ ราชการจงั หวดั และ/หรือ นายกเหลา่ กาชาดจังหวดั ในพ้ืนทป่ี ระสบภยั 5. ประสานขอความร่วมมอื ไปยังหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องในพืน้ ท่ปี ระสบภัย เช่น องคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถน่ิ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (แผนผังท่ี 2) 136
Nationnal Disaster Response Team Handbook แผนผงั ท่ี 2 ผังขนั้ ตอนประสานการปฏบิ ตั งิ านด้านนำ้� สุขาภิบาล และการสง่ เสรมิ สุขอนามัย ผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งานบรรเทาทุกขฯ์ (War room) ค�ำสงั่ ปฏิบตั งิ าน การปฏิบตั งิ านดา้ นน้�ำ สขุ าภิบาล และการสง่ เสริมสขุ อนามยั (WATSAN) ประสานงานกบั ผวู้ า่ ราชการจังหวดั /นายกเหลา่ กาชาดจังหวดั ตอบรับการช่วยเหลือ ไมต่ อบรับ รายงานผล ประสานงานกับหน่วยงานราชการในพ้ืนที่ การปฏิบตั ิงาน ได้แก่ อ�ำเภอ โรงเรยี น องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบล สาธารณสุขอ�ำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพต�ำบล (รพสต.) เป็นตน้ ท�ำหนังสือขออนมุ ัติเจ้าหนา้ ที่ออกปฏิบัติงานในพื้นท่ี ปฏบิ ัตงิ านประเมนิ ให้ความรู้ และความช่วยเหลือด้านน้�ำ สุขาภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั เขียนรายงานสรุปผลการปฏิบตั งิ าน ประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน ท่มี า : คู่มอื ปฏิบตั งิ านด้านน�้ำ สขุ าภิบาล และการส่งเสรมิ สขุ อนามยั ในสถานการณ์ภัยพิบตั ิ ส�ำหรบั พยาบาลและเจ้าหนา้ ทีท่ ี่เกีย่ วข้องของสภากาชาดไทย. 2555(5) 137
หนงั สือประกอบการอบรมเชิงปฏิบตั ิการหนว่ ยเคล่ิือนทีเ่ รว็ 6. การปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเน้นกระบวนการพยาบาล 5 ด้าน และ ทฤษฎีการพยาบาลเป็นเครื่องมือหรือวิธีการให้การพยาบาลอย่างเป็นระบบโดยยึดปัญหา ของประชาชนหรือผู้ประสบภัยเป็นศูนย์กลาง ควบคู่ไปกับการใช้กฎบัตรมนุษยธรรมและ ก�ำหนดมาตรฐานขนั้ ตำ�่ ของโครงการสเฟยี รใ์ นดา้ นนำ้� สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั แกผ่ ้ปู ระสบภัย ดงั น้ี กระบวนการพยาบาลในการให้ความชว่ ยเหลอื ดา้ นน�ำ้ สขุ าภบิ าล และการสง่ เสริมสขุ อนามัย(7) ในการปฏบิ ตั งิ านใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดา้ นนำ�้ สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั ตามโครงการสเฟยี ร์ ส�ำนกั งานบรรเทาทุกข์และประชานามยั พทิ ักษไ์ ดป้ รบั ใชก้ ระบวนการพยาบาลในการด�ำเนินการ ดงั น้ี 1. การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพ (Assessment) เปน็ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภาวะสขุ ภาพของ ประชาชนหรอื ผปู้ ระสบภยั ด้วยวธิ กี ารสมั ภาษณ์ การส�ำรวจพื้นทป่ี ระสบภัย และการขอ ขอ้ มลู การรายงานจากสว่ นราชการทเี่ กย่ี วขอ้ งเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ครอบคลมุ ความตอ้ งการดา้ นนำ้� สุขาภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั ตามโครงการสเฟยี ร์ โดยใช้แบบฟอรม์ การประเมิน ด้านน้�ำ สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุขอนามัยเบื้องต้น ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งจะ ท�ำให้ทราบถงึ ปญั หาดา้ นสขุ ภาพท่ีส�ำคัญ ความเส่ียงด้านสขุ ภาพ ความเจ็บป่วยด้วยโรคที่ เกิดจากภัยพิบัติ ความต้องการด้านสุขภาพอนามัยและสภาพแวดล้อม ทัศนคติ แนวคิด การด�ำเนินชวี ิต การปฏิบัติตน ตลอดจนโครงสร้างและสัมพนั ธภาพทางสงั คมของชมุ ชน หรือกลุ่มคนทไี่ ดร้ ับผลกระทบจากภยั พิบัติ โดยค�ำนงึ ถึงความมีศักดศ์ิ รีของประชาชนหรือ ผ้ปู ระสบภยั 2. การก�ำหนดข้อวินจิ ฉยั ทางการพยาบาล (Diagnosis) เป็นการน�ำข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการประเมิน สภาพทวั่ ไป และการน�ำขอ้ มลู จากแบบฟอรม์ การประเมนิ ดา้ นนำ้� สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั ในดา้ นตา่ งๆ ตามโครงการสเฟียร์ มาวเิ คราะห์ขอ้ มูลหาปญั หาดา้ นสขุ ภาพอนามยั และสง่ิ แวดลอ้ มของผปู้ ระสบภยั โดยจดั ล�ำดบั ความส�ำคญั ตามความตอ้ งการของ ผปู้ ระสบภยั และให้ผู้ประสบภัยมีส่วนร่วมในการก�ำหนดปัญหาและความต้องการ ทั้งน้ีอาจเป็นปัญหา สขุ ภาพทีเ่ กิดขึน้ แลว้ หรือมีภาวะเสีย่ ง หรือมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ด้วยการประยกุ ตใ์ ชท้ ฤษฎี การพยาบาล 3. การวางแผนปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล (Planning) เปน็ การน�ำขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการประเมนิ สภาพของ ชุมชนหรอื ผูป้ ระสบภัย และการวินิจฉัยปญั หามาก�ำหนดแนวทางในการใหค้ วามชว่ ยเหลือ ดา้ นสขุ ภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม โดยค�ำนึงถึงความแตกต่างของบุคคล ทรัพยากรทมี่ อี ยู่ ในชุมชน แนวคดิ และค่านิยม ตลอดจนความตอ้ งการของชมุ ชนมาเปน็ ส่วนประกอบใน การตัดสินใจวางแผนการให้ความช่วยเหลือต่อไป ทั้งนี้จะต้องให้ชุมชน หรือผู้ประสบภัย มสี ว่ นรว่ มในการวางแผนการใหค้ วามชว่ ยเหลอื จงึ จะท�ำใหแ้ ผนเกดิ ความส�ำเรจ็ และผปู้ ระสบภยั ตระหนักถึงความส�ำคัญของการให้ความชว่ ยเหลือ 4. การปฏบิ ตั ิการพยาบาล (Implementing) เปน็ การน�ำแผนการพยาบาลไปสูก่ ารปฏิบตั ิโดยใช้ ความรู้จากศาสตร์สาขาต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประชาชนหรือผู้ประสบภัย แตล่ ะราย ซงึ่ ในคมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านนจ้ี ะกลา่ วเนน้ ไปทกี่ ารใหค้ วามชว่ ยเหลอื ตามหลกั การสเฟยี ร์ 138
Nationnal Disaster Response Team Handbook ด้านน�้ำ สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุขอนามัย 7 ด้าน ควบคู่ไปกับกระบวนการพยาบาล และทฤษฎีการพยาบาล 5. การประเมินผล (Evaluating) เป็นการประเมินกิจกรรม และการให้ความช่วยเหลือกับ ประชาชนหรือผ้ปู ระสบภยั ว่าภายหลังการให้ด�ำเนินการในเร่อื งตา่ งๆ แลว้ ประชาชนหรอื ผ้ปู ระสบภัยมีการปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมอย่างไร หรอื มคี วามตอ้ งการดา้ นใดบ้างที่ยงั ไม่ได้ รับการตอบสนอง หรือมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจดา้ นสขุ ภาพเรอ่ื งใดบา้ งที่ยงั เป็นปญั หาควรไดร้ บั การแกไ้ ข เพอ่ื น�ำไปปรบั ปรงุ แกไ้ ขแผนการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดา้ นสขุ ภาพอนามยั ใหเ้ หมาะสม กับสภาพปัญหาของประชาชนหรอื ผปู้ ระสบภยั ต่อไป 6. ออกปฏิบตั ิงานร่วมกบั หน่วยต่างๆ ได้แก่ หนว่ ยรถผลิตนำ้� หนว่ ยครัวเคล่อื นที่ และหนว่ ย บรกิ ารทางการแพทย์ เปน็ ตน้ เพอื่ ให้ความรดู้ ้านนำ้� สุขาภบิ าล และการส่งเสริมสขุ อนามัย ในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณภัย ตามโครงการสเฟยี ร์ ด้านนำ�้ สุขาภิบาล และการส่งเสรมิ สุข อนามัย 7 ด้าน ตามแผนผังที่ 3 แผนผังท่ี 3 ผังมาตรฐานขน้ั ตำ่� ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านน้ำ� สขุ าภิบาล และการส่งเสรมิ สุขอนามัย น้ำ� สขุ าภบิ าล และการสง่ เสริมสขุ อนามยั WASH การสง่ เสรมิ น้�ำ การก�ำจัด การควบคมุ การขจยัดะการ การระบายน้�ำ สุขอนามัย ส่งิ ขับถ่าย พาหะน�ำโรค มาตรฐานท่ี 1 มาตรฐานท่ี 1 มาตรฐานท่ี 1 มาตรฐานที่ 1 มาตรฐานที่ 1 มาตรฐานท่ี 1 มาตรฐานท่ี 1 การออกแบบ การออกแบบ ปริมาณนำ้� สภาพ การปอ้ งกนั สว่ น การเกบ็ และการ งานระบายน�ำ้ โครงการ และการน�ำแผน และการเข้าถึง แวดลอ้ ม บคุ คลและ ก�ำจดั ขยะ WASH และ สง่ เสรมิ สขุ ภาพ ปราศจาก ครอบครวั การน�ำแผน ไปปฏิบตั ิ สงิ่ ขบั ถ่าย ไปปฏิบัติ ของมนษุ ย์ มาตรฐานที่ 2 มาตรฐานท่ี 2 มาตรฐานท่ี 2 มาตรฐานที่ 2 การระบุและ คณุ ภาพน้�ำ สงิ่ อ�ำนวย มาตรการ การใช้รายการ ความสะดวก ปอ้ งกนั หรือวัสดุ ด้านสขุ ามีความ ทางกายภาพ อุปกรณด์ า้ น เหมาะสมและ สิ่งแวดลอ้ ม สขุ อนามัย เพียงพอ และสารเคมี มาตรฐานที่ 3 มาตรฐานท่ี 3 อุปกรณ์และ การควบคมุ ส่งิ อ�ำนวย ความปลอดภัย ความสะดวก จากการใช้ ในการใชน้ ำ�้ สารเคมี ทมี่ า : Sphere Project Handbook, 2011 139
หนังสอื ประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการหน่วยเคลิอ่ื นท่ีเรว็ จากแผนผงั ท่ี 3 สามารถอธิบายถงึ มาตรฐานข้นั ต�่ำในการให้ความชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภยั ได้ดังนีค้ อื 6.1 ดา้ นโครงการ Water Supply, Sanitation and Hygiene Promotion (WASH) มมี าตรฐาน ในการปฏบิ ัตคิ อื การจดั ท�ำโครงการ/แผนงาน ตลอดจนการน�ำแผนงานไปปฏบิ ัตใิ น ดา้ นน�้ำสขุ าภบิ าล และการปรับปรงุ สุขอนามยั ในภาวะฉกุ เฉนิ เปน็ ตน้ 6.2 ดา้ นการส่งเสริมสุขอนามยั (Hygiene Promotion) มมี าตรฐานในการปฏบิ ัติ ไดแ้ ก่ 6.2.1 การน�ำแผนการสง่ เสริมสุขอนามยั ไปปฏิบตั ิ 6.2.2 การระบุ และการใช้ประโยชน์จากรายการส่ิงของเคร่ืองใช้ด้านสุขอนามัย ตามตารางดา้ นลา่ ง รายการดา้ นสขุ อนามัยข้นั พื้นฐาน ภาชนะบรรจุน้ำ� ส�ำหรบั เคลอ่ื นยา้ ยท่ีมคี วามจขุ นาด 10-20 ลติ ร 1 ภาชนะ / 1 ครวั เรือน ภาชนะเกบ็ กักนำ�้ ท่มี คี วามจขุ นาด 10-20 ลิตร 1 ภาชนะ / 1 ครวั เรือน สบ่สู �ำหรับใชใ้ นห้องน้ำ� จ�ำนวน 250 กรัม 1 กอ้ น / 1 คน / 1 เดือน สบูส่ �ำหรับใช้ซกั ผา้ จ�ำนวน 200 กรัม 1 ก้อน / 1 คน / 1 เดือน วัสดอุ ืน่ ที่สามารถใช้ได้เมือ่ มีประจ�ำเดอื น เชน่ ผา้ ฝา้ ยทซ่ี กั แลว้ 1 ชนิ้ / 1 คน สามารถน�ำกลับมาใช้ได้ ท่มี า : The Sphere Project Handbook, 2011(8) 140
Nationnal Disaster Response Team Handbook 6.3 ด้านน�้ำ (Water Supply) มีมาตรฐานในการปฏบิ ตั ิ ได้แก่ 6.3.1 ปรมิ าณนำ้� และการเขา้ ถงึ เชน่ การเลอื กแหลง่ นำ้� ตอ้ งเปน็ สถานทที่ ม่ี นี ำ้� เพยี งพอ ไมห่ า่ งไกลจากทพี่ กั ของผปู้ ระสบภยั อนงึ่ จดุ จา่ ยนำ้� ทใี่ กลท้ ส่ี ดุ ตอ้ งหา่ งจากทพ่ี กั อาศัยไมเ่ กิน 500 เมตร ตารางแจกแจงความตอ้ งการน้�ำเพ่ือความอยรู่ อดข้ันพื้นฐาน ความตอ้ งการน�้ำเพอ่ื การอยรู่ อด : 2.5-3 ลิตร/วัน ขึ้นกบั สภาพภูมิอากาศ (น้�ำส�ำหรบั บรโิ ภค และประกอบอาหาร) และสรีรภาพส่วนบุคคล สขุ อนามยั พ้นื ฐาน 2-6 ลิตร/วัน ขึน้ กบั สภาพสงั คม และวัฒนธรรม ความตอ้ งการพ้นื ฐาน 3-6 ลิตร/วัน ขึ้นกบั ชนดิ ของอาหาร สังคมและ ในการประกอบอาหาร บรรทดั ฐานทางวฒั นธรรม รวมความต้องการน้�ำขน้ั พ้ืนฐาน 7.5-15 ลติ ร/วัน 250 คน / 1 ท่อน�ำ้ ก๊อก ค�ำนวณจากอัตราการไหลของน�ำ้ 7.5 ลิตร/นาที 500 คน / 1 เครือ่ งปั๊มน้ำ� ด้วยมือ ค�ำนวณจากอัตราการไหลของนำ้� 17 ลิตร/นาที 400 คน / 1 บอ่ น�ำ้ ค�ำนวณจากอตั ราการไหลของน�้ำ 12.5 ลิตร/นาที ท่ีมา : The Sphere Project Handbook, 2011(8) 6.3.2 คณุ ภาพนำ�้ เชน่ การปอ้ งกนั หรอื ลดความเสยี่ งของการเกดิ การระบาดโรค อจุ จาระรว่ งจะตอ้ งใหน้ ำ�้ ตามทอ่ ประปามจี �ำนวนคลอรนี ตกคา้ ง 0.5 มลิ ลกิ รมั / ลติ รและความขนุ่ ของนำ�้ ตอ้ งมคี า่ ตำ่� กวา่ 5 NTU (Nephelolometric turbidity units) และกรณที มี่ กี ารระบาดของโรคอจุ จาระรว่ งอยแู่ ลว้ ใหม้ จี �ำนวนคลอรนี ตกคา้ ง 1.0 มลิ ลกิ รมั /ลติ ร ในขณะเดยี วกนั ตอ้ งไมม่ เี ชอื้ จลุ ชพี จากอจุ จาระตอ่ 100 ซซี ี ของนำ้� ในจดุ แจกจา่ ย เปน็ ตน้ 6.3.3 การอ�ำนวยความสะดวกดา้ นนำ้� เชน่ การอ�ำนวยความสะดวกในการเกบ็ นำ�้ การ อ�ำนวยความสะดวกแกก่ ลมุ่ ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบ ทงั้ นใี้ นแตล่ ะครวั เรอื นควรมถี งั เกบ็ นำ�้ ทส่ี ะอาดอยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ จ�ำนวน 2 ถงั (10-20ลติ ร/ถงั ) จดั ใหม้ อี า่ งซกั ลา้ ง อยา่ งนอ้ ย จ�ำนวน 1 แหง่ /ประชากร 100 คน และมพี น้ื ทซ่ี กั ลา้ งหรอื อาบนำ�้ สว่ น ตวั ส�ำหรบั สตรี เปน็ ตน้ 6.4 ดา้ นการก�ำจัดสิ่งขับถา่ ย (Excreta Disposal) มมี าตรฐานในปฏบิ ัติ ได้แก่ 6.4.1สภาพแวดลอ้ มปราศจากสง่ิ ขบั ถา่ ยของมนษุ ย์ เชน่ มมี าตรการในการด�ำเนนิ การ เกย่ี วกบั การก�ำจดั สง่ิ ขบั ถา่ ยอยา่ งทนั ที สถานทต่ี งั้ ของหอ้ งสขุ าตอ้ งมรี ะยะหา่ ง อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ 30 เมตรจากแหลง่ นำ�้ บนพน้ื ดนิ และมคี วามลกึ อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ 1.5 เมตร 141
หนังสือประกอบการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารหน่วยเคล่ือิ นทเี่ รว็ 6.4.2 สง่ิ อ�ำนวยความสะดวกในดา้ นสขุ ามคี วามเหมาะสมและทวั่ ถงึ เชน่ จดั ใหม้ หี อ้ ง สขุ า 1 หอ้ ง/ประชากร 20 คน (ในสถานการณฉ์ กุ เฉนิ 50 คน) มหี อ้ งสขุ าแยกตาม ครวั เรอื น หรอื แยกตามเพศ เปน็ ตน้ 6.5 การควบคมุ พาหะน�ำโรค (Vector Control) มาตรฐานในการปฏบิ ัติ ไดแ้ ก่ 6.5.1 การปอ้ งกนั สว่ นบคุ คลและครอบครวั เชน่ สง่ เสรมิ สขุ อนามยั ใหป้ ระชาชนทมี่ ี ความเส่ียงต่อโรคที่เกิดจากพาหะน�ำโรคเข้าใจการแพร่กระจายและการป้องกัน จดั ให้ประชาชนมีทพี่ กั พิงทไี่ มเ่ ปน็ แหลง่ อาศยั หรอื แหลง่ เพาะพนั ธข์ุ องพาหะน�ำ โรคและมมี าตรการควบคมุ พาหะน�ำโรคอยา่ งเหมาะสม เปน็ ตน้ ตารางแสดงทางเลือกอน่ื ๆ สำ� หรับการกำ� จัดสิง่ ขบั ถ่ายท่ีปลอดภยั (สว้ ม) ล�ำดับ ชนิดขทอปี่ งลกอารดกภ�ำยั จัด(สสว้ ิง่ มข)บั ถ่าย ข้อสงั เกตการใช้งาน 1 พน้ื ท่ีทกี่ �ำหนดใหเ้ ปน็ เขตส�ำหรับ ระยะแรก : ใช้ใน 2-3 วันแรกเมอื่ มีผูป้ ระสบ การขับถ่าย (มผี ้าปดิ คลมุ /บงั ไว้) สาธารณภัยขนาดใหญ่เปน็ จ�ำนวนมากและต้องการ ส่ิงอ�ำนวยความสะดวกอยา่ งเร่งดว่ น 2 ส้วมแบบคูระบายนำ้� ระยะแรก : ใช้ในระยะเวลา 2 เดอื น 3 ส้วมหลมุ แบบธรรมดา ใชเ้ มอื่ มกี ารวางแผนไวต้ ง้ั แตร่ ะยะเรม่ิ จนถงึ ระยะยาว 4 สว้ มทมี่ กี ารปรบั ปรงุ ชอ่ งระบายอากาศ ใช้ในการตอบสนองระยะกลางจนถึงระยะยาว (Ventilation Improved Pit) 5 สุขาภบิ าลเชิงนเิ วศวทิ ยา (Ecosan) ใช้ต้งั แตร่ ะยะเร่มิ ตน้ ระยะกลาง ไปจนถึงระยะยาว 6 ถังบ�ำบดั น้ำ� เสยี ใช้ในระยะกลางไปจนถงึ ระยะยาวของการเกดิ ภยั ท่ีมา : The Sphere Project Handbook 2011(8) 6.5.2 มาตรการในการป้องกนั ทางกายภาพ สภาวะแวดล้อม และสารเคมี เช่น มีการ ก�ำจดั แหล่งวางไข่ หรอื รงั ของพาหะน�ำโรค มีการควบคุมแมลงวันรบกวนเพ่ือ ปอ้ งกันการระบาดของโรคอจุ จาระรว่ ง เปน็ ต้น 6.5.3 การควบคุมสารเคมีให้อยู่ในระดับปลอดภัย เช่นฝึกอบรมให้บุคลากร หรือ ประชากร ไดร้ บั การป้องกนั ทป่ี ลอดภยั ไดแ้ ก่ การใสช่ ุดปอ้ งกัน การใชอ้ ุปกรณ์ ที่เหมาะสม เปน็ ต้น 142
Nationnal Disaster Response Team Handbook 6.6 การจดั การขยะมลู ฝอย (Solid Waste Management) มมี าตรฐานในการปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ การเกบ็ และการก�ำจดั ขยะ เชน่ จดั ใหป้ ระชาชนหรือผู้ประสบภยั มสี ่วนรว่ มในการจดั ท�ำแผน หรือโครงการในการก�ำจดั ขยะ และก�ำจัดขยะจากครวั เรอื นทกุ วนั โดยการน�ำ ไปเผาหรอื ฝงั ไว้ในสถานท่ที ีจ่ ัดไว้ เปน็ ต้น 6.7 การระบายนำ้� (Drainage) เชน่ บรเิ วณรอบทพี่ กั อาศยั และจดุ แจกนำ�้ ตอ้ งไมม่ นี ำ�้ เสยี ขงั อยู่ และมกี ารระบายนำ้� จากพายฝุ น บริเวณทีพ่ กั พิง ถนน มีการวางแผนกอ่ สรา้ งและดูแล รกั ษาจดุ ระบายนำ�้ อยา่ งดี รวมถงึ การระบายนำ้� จากสถานซกั ลา้ งและโดยนำ�้ ทผ่ี า่ นการ ระบายตอ้ งไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ มลพษิ ตอ่ นำ้� ผวิ ดนิ และแหลง่ นำ้� ใตด้ นิ หรอื ท�ำใหเ้ กดิ การกดั เซาะ เปน็ ตน้ 7. สรปุ รายงานการปฏบิ ัติงาน การฟืน้ ฟูหลังเกดิ ภยั แบง่ ออกเป็น 2 ระยะ ไดแ้ ก่ ระยะส้นั 1. รวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกบั สถานการณต์ า่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ รวมทงั้ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกผ่ ปู้ ระสบ สาธารณภยั 2. จดั ท�ำรายงานเสนอผูบ้ ังคับบญั ชา 3. ประเมินผลการปฏิบัติงาน ปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงาน พร้อมท้ังข้อเสนอแนะต่างๆ จากผรู้ ่วมปฏิบตั ิงานเพอ่ื น�ำไปปรบั ใช้ และปรบั ปรุงรูปแบบการปฏบิ ัติงานในครั้งตอ่ ไปให้มี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ 4. ร่วมอบรม/สมั มนาสรปุ บทเรยี นทีไ่ ด้จากการปฏบิ ตั ิงานกับหน่วยงานที่เกยี่ วข้อง ระยะยาว 1. จดั ท�ำแผนงานหรอื โครงการฟน้ื ฟรู ะยะยาวเพอื่ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ไดแ้ ก่ 1.1 การให้ความรู้และข้อปฏิบัติตนแก่ผู้ประสบสาธารณภัย หรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบ จากการเกดิ ภัย 1.2 จดั ท�ำคมู่ อื การใหค้ วามรแู้ ละขอ้ ปฏบิ ตั ติ นดา้ นนำ้� สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั เพอื่ เผยแพรใ่ นชมุ ชน เชน่ คมู่ อื การปฏบิ ตั ติ นอยา่ งถกู สขุ ลกั ษณะส�ำหรบั ประชาชนทวั่ ไป 2. การจัดท�ำโครงการการมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการสุขาภิบาลและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ ถกู หลกั อนามยั (Participatory Hygiene and Sanitation Transformation : PHAST) ได้แก่ การระบปุ ญั หาการวเิ คราะหป์ ญั หา การวางแผนเพอื่ แกไ้ ขปญั หา การคดั เลอื กวธิ กี ารแกป้ ญั หา การวางแผนเพอ่ื ปรบั ปรงุ ระบบสขุ าภบิ าลและปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม การวางแผนเพอ่ื ตดิ ตาม และประเมินผล การประเมินผลอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม 143
หนงั สือประกอบการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารหน่วยเคล่ิือนทเี่ ร็ว บทบาทและหน้าทขี่ องบุคลากรในทีม (Job description) การปฏบิ ตั งิ านดา้ นนำ้� สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุขอนามัยในสถานการณ์ภยั พบิ ัติ จะมกี าร แบง่ ระยะเป็นการปฏิบตั งิ าน 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ระยะประเมนิ (ปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 3 วัน) หลังได้รบั ค�ำสัง่ จากผบู้ ังคับบัญชาให้ลงพื้นท่ี ปฏิบัตงิ านประเมนิ พ้ืนทปี่ ระสบภยั ตามแบบฟอร์มประเมินความตอ้ งการดา้ นนำ้� สขุ าภบิ าล และการส่งเสรมิ สุขอนามยั เบอื้ งตน้ โดยการประเมินสถานการณ์ความต้องการความเสยี หาย ตลอดจนรวบรวมข้อมูล เพอื่ รายงานผ้บู รหิ ารเพอื่ ประกอบการพจิ ารณาในการใหค้ วาม ช่วยเหลอื ดา้ นน้ำ� สุขาภบิ าล และการสง่ เสริมสุขอนามยั ระยะท่ี 2 ระยะปฏิบัติงานใหค้ วามช่วยเหลอื (ปฏบิ ตั ิงานเปน็ ระยะเวลา 5 วนั ) เป็นการปฏบิ ัตงิ านภาย หลังการประเมนิ ในระยะที่ 1 ตามหลักการของสเฟยี ร์ โดยการมอบเครอ่ื งอุปโภคบรโิ ภคที่ จ�ำเป็น นำ�้ สะอาด ชุดยาสามญั ประจ�ำบ้าน ชดุ สุขอนามยั พ้นื ฐาน รวมไปถึงการให้ความรู้ เก่ียวกับสขุ ภาพ โรคภัยที่เกิดจากภยั พบิ ตั ิ การประเมนิ สุขภาพ การดูแลสขุ ภาพสว่ นบคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน ร่วมกบั การสง่ เสรมิ ดา้ นการสขุ าภิบาลสงิ่ แวดลอ้ มและการปรบั พฤติกรรม ด้านสุขอนามัยท่ีถูกสุขลักษณะด้วยการจัดท�ำคู่มือการปฏิบัติตนตามหลักสุขอนามัยใน สถานการณ์ภัยพิบัตสิ �ำหรบั ผู้ประสบภัย การจัดท�ำแผน่ พบั ให้ความรู้ การท�ำโปสเตอร์ รณรงคเ์ พอื่ สุขอนามัย และการปฐมพยาบาลเบือ้ งต้น เป็นตน้ 144
Nationnal Disaster Response Team Handbook บทบาทหนา้ ท่ีในระยะที่ 1 ระยะประเมิน ได้แก่ 1. บทบาทหนา้ ทข่ี องหวั หน้าทีม Team leader (พยาบาล1) 1.1 ประสานงานเหลา่ กาชาดจังหวดั ผวู้ ่าราชการจังหวัด และหน่วยงานในพืน้ ที่ 1.2 ประเมนิ ความเสยี หายและความตอ้ งการดา้ นน�้ำ สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุขอนามัย ตามแบบฟอรม์ การประเมนิ ความตอ้ งการดา้ นนำ�้ สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั เบ้ืองตน้ 1.3 ประชุมวางแผนงานรว่ มกบั สมาชกิ ทมี ทงั้ กอ่ นและหลังการปฏบิ ตั ิงาน 1.4 มอบหมายงานแกส่ มาชกิ ทีม 1.5 สรุปรายงานการประเมินพ้ืนท่ีเสนอผู้บริหารพร้อมทั้งเสนอแนะข้อคิดเห็นท่ีเป็น ประโยชน์ 2. บทบาทหน้าทีข่ องสมาชกิ ทมี Team member (พยาบาล2 / ผู้ชว่ ยพยาบาล) 2.1 รว่ มประเมนิ ความเสยี หายและความตอ้ งการดา้ นนำ้� สขุ าภบิ าล และการสง่ เสรมิ สขุ อนามยั ตามแบบฟอร์มการประเมนิ ด้านน้�ำ สขุ าภิบาล และการส่งเสริมสขุ อนามัยเบ้ืองตน้ 2.2 ตรวจสอบรายการยา และเวชภัณฑ์ พรอ้ มทง้ั เอกสารสอ่ื การสอน และส่ิงของท่นี �ำไปใช้ ในการปฏบิ ัตงิ านใหอ้ ยู่ในสภาพดี พร้อมใช้ตลอดเวลา 2.3 การประสานงานกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ไดแ้ ก่ เหลา่ กาชาดจังหวดั สว่ นราชการท่ี เก่ยี วขอ้ ง ส�ำนกั อนามัยสาธารณสขุ อ�ำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพต�ำบล องค์การ บริหารส่วนต�ำบล และอาสาสมคั รสาธารณสุขในพ้นื ที่ เป็นต้น 2.4 ปฏบิ ัติงานอื่นๆ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมายจากหวั หนา้ ทมี 3. บทบาทหน้าท่ีของพนกั งานขบั รถ 3.1 เตรียมพรอ้ มยานพาหนะใหอ้ ยใู่ นสภาพดี ปลอดภัย และพร้อมใช้งาน 3.2 ศกึ ษาเสน้ ทางการเดนิ ทางปฏบิ ตั งิ านจากแผนท่ี และการใชโ้ ปรแกรมน�ำทางดว้ ยเครอื่ ง GPS 3.3 ขับรถตามกฎจราจรอย่างเหมาะสม และอยใู่ นความควบคุมของหัวหนา้ ทมี ปฏบิ ตั งิ าน 3.4 ดูแลเรื่องความปลอดภยั และช่วยอ�ำนวยความสะดวก เช่น อุม้ ยก เคลอื่ นยา้ ยสงิ่ ของ ระหวา่ งการปฏบิ ัตงิ าน 3.5 ปฏบิ ตั งิ านอื่นๆ ตามที่ได้รบั มอบหมายจากหัวหนา้ ทีม บทบาทหนา้ ที่ในระยะที่ 2 ระยะปฏบิ ัติงานให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ 1. บทบาทหน้าทข่ี องหวั หน้าทมี Team leader (พยาบาล1) 1.1 ประสานงานเหล่ากาชาดจังหวดั ผวู้ า่ ราชการจงั หวัด และหน่วยงานในพ้ืนที่ 1.2 ปฏิบตั งิ านใหค้ วามช่วยเหลอื ด้วยเคร่ืองอุปโภคบริโภคท่ีจ�ำเปน็ นำ�้ สะอาด ชุดยาสามัญ ประจ�ำบ้าน ชุดสุขอนามยั พ้นื ฐาน รวมไปถึงการให้ความรเู้ กย่ี วกบั สขุ ภาพ โรคภยั ท่เี กิด จากภยั พิบัติ การประเมนิ สขุ ภาพ การดแู ลสขุ ภาพส่วนบุคคล ครอบครวั ชุมชน ร่วมกบั การสง่ เสรมิ ในด้านการสขุ าภิบาลสิ่งแวดล้อม และการปรบั พฤตกิ รรมในด้านสขุ อนามยั ที่ถูกสุขลักษณะด้วยการจัดท�ำคู่มือการปฏิบัติตนตามหลักสุขอนามัยในสถานการณ์ภัย พบิ ตั ิส�ำหรบั ผ้ปู ระสบสาธารณภยั การจดั ท�ำแผน่ พับให้ความรู้ การท�ำโปสเตอร์รณรงค์ เพื่อสขุ อนามัย และการปฐมพยาบาลเบื้องตน้ เป็นต้น 145
หนงั สือประกอบการอบรมเชงิ ปฏิบัติการหน่วยเคล่ิือนท่ีเรว็ 1.3 มอบหมายงานแก่สมาชิกทีม 1.4 ประชุมวางแผนงานร่วมกับสมาชกิ ทมี ทั้งก่อนและหลงั การปฏบิ ตั ิงาน 1.5 สรปุ รายงานการปฏบิ ตั งิ านใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพอื่ เสนอผบู้ รหิ ารตามล�ำดบั ขนั้ พรอ้ มทง้ั ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ส�ำหรับการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ ในดา้ นอืน่ ๆ 2. บทบาทหน้าทข่ี องสมาชิกทีม Team member (พยาบาล2 / ผ้ชู ว่ ยพยาบาล) 2.1 รว่ มปฏบิ ตั งิ านใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดว้ ยเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคทจี่ �ำเปน็ นำ้� สะอาด ชดุ ยาสามญั ประจ�ำบา้ น ชดุ สขุ อนามยั พนื้ ฐาน รวมไปถงึ การใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั สขุ ภาพ โรคภยั ที่เกิด จากภัยพิบตั ิ การประเมินสุขภาพ การดูแลสขุ ภาพส่วนบุคคล ครอบครวั ชมุ ชน ร่วมกับ การสง่ เสริมในด้านการสขุ าภิบาลส่ิงแวดลอ้ ม และการปรบั พฤตกิ รรมในดา้ นสขุ อนามยั ท่ีถูกสุขลักษณะ การจัดท�ำแผ่นพับให้ความรู้ การท�ำโปสเตอร์รณรงค์เพื่อสุขอนามัย และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นตน้ 2.2 จดั รายการสง่ิ ของทนี่ �ำไปมอบแกผ่ ปู้ ระสบภยั ไดแ้ ก่ เครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคทจ่ี �ำเปน็ ชดุ ยา สามัญ ชดุ สุขอนามัยพื้นฐาน พร้อมท้งั เอกสารส่อื การสอน และสง่ิ ของทน่ี �ำไปใชใ้ นการ ปฏิบตั งิ านให้ครบถ้วน 2.3 ร่วมประสานงานกบั หนว่ ยงานภาคีเครอื ขา่ ย ได้แก่ เหลา่ กาชาดจังหวดั ส่วนราชการ จังหวดั ส�ำนกั อนามยั สาธารณสุขจงั หวดั องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบล และอาสาสมัคร สาธารณสุขในพื้นท่ี เปน็ ตน้ 2.4 ปฏิบตั ิงานอื่นๆ ตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากหัวหนา้ ทีม 3. บทบาทหนา้ ท่ีของพนกั งานขับรถ 3.1 ดแู ลยานพาหนะใหอ้ ยู่ในสภาพดี ปลอดภยั และพร้อมใช้งาน 3.2 ศกึ ษาเสน้ ทางการเดนิ ทางปฏบิ ตั งิ านจากแผนท่ี และการใชโ้ ปรแกรมน�ำทางดว้ ยเครอ่ื ง GPS 3.3 ขับรถตามกฎจราจรอยา่ งเหมาะสม และอยใู่ นความควบคมุ ของหวั หน้าทีมปฏบิ ตั งิ าน 3.4 รว่ มปฏบิ ตั งิ านใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดว้ ยเครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภคทจี่ �ำเปน็ นำ�้ สะอาด ชดุ ยาสามญั ประจ�ำบา้ น ชุดสขุ อนามยั พื้นฐาน รวมไปถงึ การให้ความรเู้ กี่ยวกับสุขภาพ โรคภัยทีเ่ กดิ จากภัยพิบัติ การประเมินสุขภาพ การดแู ลสุขภาพส่วนบคุ คล ครอบครวั ชุมชน รว่ มกบั การส่งเสริมในดา้ นการสขุ าภบิ าลส่งิ แวดล้อม และการปรับพฤติกรรมในด้านสุขอนามัย ที่ถูกสุขลักษณะ และการปฐมพยาบาลเบือ้ งต้น เปน็ ตน้ 3.5 ดแู ลเรือ่ งความปลอดภัย และชว่ ยอ�ำนวยความสะดวก เชน่ อุม้ ยก เคล่อื นย้ายส่งิ ของ ระหว่างการปฏิบตั งิ าน 3.6 ปฏบิ ัติงานอน่ื ๆ ตามท่ไี ด้รบั มอบหมายจากหวั หนา้ ทีม 146
Nationnal Disaster Response Team Handbook เอกสารอ้างองิ 1. กระทรวงสาธารณสุข.(2557). สาธารณภัยที่เก่ียวข้องกับภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข. โรงพิมพ์ ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่ง ประเทศไทย จ�ำกดั ส�ำนักโรคติดต่อน�ำโดยแมลง, 1-146. 2. UNICEF. (2015). Water, Sanitation and Hygiene Manual WASH Training for Hygiene Promotion Staff : UNICEF; [cited 2018 May 9]. Retrieved from file:///C:/Users/nangnoy/Downloads/ Water_Sanitation_and_Hygiene_Manual_WASH_Training_for_Hygiene_Promotion_Staff.pdf. 3. ก�ำไลรตั น์ เยน็ สจุ ติ ร. (2553). พยาบาลกบั การจดั การสาธารณภยั . เอกสารประกอบการสมั มนาพยาบาล กบั การจดั การสาธารณภยั . 4. The Sphere Project. (2011). The Sphere Project 2011 Humanitarian Charter and Minimum Standards in Humanitarian Response. 3rd edition. United Kingdom. 5. แน่งน้อย จุไธสง. (2561). คู่มือการปฏิบัติงานด้านน้�ำ สุขาภิบาล และการส่งเสริมสุขอนามัยส�ำหรับ พยาบาลและเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องของสภากาชาดไทย. ส�ำนักงานบรรเทาทุกข์และประชา นามยั พิทกั ษ์สภากาชาดไทย:ส�ำนกั งานบรรเทาทกุ ข์และประชานามยั พทิ กั ษ์สภากาชาดไทย. 6. วนั เพ็ญ อนิ ทรแกว้ และสมจนิ ดา ชมพูนชุ . (2557). การพยาบาลสาธารณภยั . พมิ พค์ ร้งั ท่ี 1. บรษิ ัท บยี อนด์ พบั ลิสซ่ิง จ�ำกัด. กรงุ เทพฯ. 7. อรนนั ท์ หาญยทุ ธ. (2557). กระบวนการพยาบาลและการน�ำไปใช้ Nursing Process and Implications. วารสารพยาบาลทหารบก.ปที ี่ 15 ฉบับท่ี 3 (ก.ย. - ธ.ค.):137-43. 8. Project TS. The Sphere Project 2011 Humanitarian Charter and Minimum Standards in Humanitarian Response. 3rd, editor: The Sphere Project; 2011. 203 p. 147
หนังสือประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ ารหนว่ ยเคล่อืิ นทีเ่ ร็ว กTeาmรบpรoิหrาaรrจyัดsกhาeรltศeูนrยm์พaักnพaิงgชeั่วmคeรnาtว กฤวิสรา ธนเพ่ิมพร* อารีรักษ์ บญุ มีประเสรฐิ ** ผู้ช�ำนาญการพิเศษ พยาบาล 7* พยาบาล 6** ส�ำนักงานบรรเทาทุกขแ์ ละประชานามยั พทิ ักษ์ สภากาชาดไทย หลกั การและแนวคดิ เกีย่ วกับการจัดการศูนยพ์ ักพงิ ชว่ั คราว ศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาเร่ืองที่อยู่อาศัยจากสถานการณ์วิกฤต หรือ สาธารณภยั จดุ ทนี่ �ำมาใชเ้ ปน็ ศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว มอี ยหู่ ลายประเภทดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ โรงเรยี น โรงพยาบาล ศาสนสถาน ปอ้ มต�ำรวจ รวมทัง้ คา่ ยทหาร เปน็ ต้น(1) ในหลายประเทศท่ีมกี ารเกิดวิกฤตทางธรรมชาติ อย่างรนุ แรงข้นึ บ่อยครั้ง มีการเตรยี มแผนรบั มือสถานการณ์ฉกุ เฉิน และก�ำหนดจดุ ที่จะน�ำมาใช้เป็น ศนู ยพ์ กั พงิ ชวั่ คราวไวล้ ว่ งหนา้ จ�ำเปน็ ตอ้ งเลง็ เหน็ ความส�ำคญั ของการบรหิ ารจดั การศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว เนื่องจากการอาศัยในศูนย์พักพิงช่ัวคราวมีผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็น มนุษย์ของผู้ประสบภัย จึงควรมีการเตรียมพร้อมเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ตลอดจนการเตรียม ความพรอ้ มใหก้ บั ผปู้ ระสบภยั หลงั จากออกจากศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว ดงั นนั้ การก�ำหนดมาตรฐานการบรหิ าร จดั การศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว จงึ เปน็ ปจั จยั ส�ำคญั ทจี่ ะชว่ ยใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั งิ านไดน้ �ำมาตรฐานไปใชป้ ฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ท้งั ดา้ นการติดตอ่ ประสานงานและบรหิ ารจดั การศูนย์พักพงิ ช่วั คราว โดยค�ำนงึ ถึงสทิ ธขิ องผปู้ ระสบภัย เปน็ หลัก ตลอดจน การบรหิ ารจดั การศูนยพ์ กั พิงช่ัวคราวใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีระบบและมปี ระสทิ ธิภาพ(2) 148
Nationnal Disaster Response Team Handbook 1. ความหมายของศนู ย์พกั พงิ ชว่ั คราว ส�ำนกั นโยบายปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวง มหาดไทย(3) ไดใ้ หค้ วามหมายศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว คอื สถานทซี่ งึ่ ไดจ้ ดั เตรยี มไวส้ �ำหรบั ผปู้ ระสบภยั ทต่ี อ้ ง ยา้ ยออกจากทอี่ ยอู่ าศยั เดมิ ซง่ึ ไดร้ บั ผลกระทบจากอทุ กภยั หรอื สาธารณภยั ประเภทอน่ื ๆ จนไมส่ ามารถ อาศยั อยไู่ ด้ มาอาศยั พักพงิ ชว่ั คราวอยจู่ นกว่าสถานการณ์ภัยพิบตั จิ ะยตุ แิ ละมกี ารอพยพกลบั ท่ีตง้ั เดิม ด้วยความเรียบรอ้ ย ศรณั ยา องั คณานนท(์4) และกระทรวงการพฒั นาสังคมและความม่ันคงของมนุษย(์5) กล่าววา่ ศูนย์พักพิงช่ัวคราว หมายถึง สถานท่ีซึ่งได้จัดเตรียมไว้ส�ำหรับผู้ประสบภัยที่ต้องย้ายออกจากท่ีอยู่ อาศัยเดมิ ซง่ึ ไดร้ ับผลกระทบจากอทุ กภัยหรอื สาธารณภยั ประเภทอน่ื ๆ จนไมส่ ามารถอาศัยอยู่ไดม้ า อาศัยพักพิงช่ัวคราวอยู่จนกว่าสถานการณ์ภัยพิบัติจะยุติและมีการอพยพกลับที่ต้ังเดิมด้วยความ เรียบรอ้ ย ศนู ยพ์ กั พงิ ชว่ั คราว คอื อาคารสง่ิ กอ่ สรา้ งเดมิ ทถี่ กู น�ำมาใชเ้ ปน็ ทพ่ี กั อาศยั ชว่ั คราวส�ำหรบั ชมุ ชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ(6) การใช้ศูนย์พักพิงเป็นท่ี รองรับการอยอู่ าศยั ชัว่ คราวนนั้ มที ง้ั ในบริบทของการพลดั ถ่ินภายในประเทศ (IDPs) และการพลดั ถน่ิ ขา้ มประเทศ หรอื ทเ่ี รามกั เรยี กวา่ ผลู้ ภ้ี ยั (Refugee) โดยทว่ั ไปศนู ยพ์ กั พงิ ชวั่ คราวแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ข้ึนอยู่กับลักษณะการเร่ิมเข้าพักพิง หรือการเข้าครอบครองศูนย์ 1) ศูนย์พักพิงชั่วคราวในระบบ คือ ศูนย์พักพิงที่หน่วยงานที่มีอ�ำนาจหน้าที่ความผิดชอบ (เช่น ภาครัฐ)ได้จัดหาอาคารแห่งใดแห่งหนึ่งไว้ รองรับผู้ท่ีจ�ำเป็นต้องโยกย้ายที่อยู่อาศัย และมีการจัดเตรียมสถานที่ไว้ส�ำหรับเป็นท่ีอยู่อาศัยชั่วคราว 2) ศนู ยพ์ กั พงิ ชวั่ คราวนอกระบบ คอื ศนู ย์ที่ผอู้ พยพโยกยา้ ยที่อยอู่ าศยั ไดร้ ิเร่ิมก่อตั้งข้นึ มาด้วยตนเอง โดยไม่ได้รบั อนุญาตหรือตดิ ตอ่ ประสานงานอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐ(7) 149
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212