โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทย แผนการจดั การเรยี นรู้ เรื่อง ออร์แกเ ภาคการศกึ ษาตน้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/พ และ 4/1 สาระชีววทิ ยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของสง่ิ มีชีวิต การศกึ ษาชีววิทยา และ ผลการเรยี นรู้ ของสิง่ มชี ีวติ กลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสรา้ ง และหนา้ ท่ีของ เซลล์ ม.4/12 สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และระบุชนดิ และหน้าทข่ี ม.4/13 อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ขี องนิวเคลยี ส
51 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนลล์ทมี่ เี ยือ่ หมุ้ สองช้นั และนิวเคลยี ส รายวชิ า ว30251 ชีววทิ ยา 1 ผสู้ อน นายเรวัตร อย่เู กิด ะวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ สารท่ีเป็นองค์ประกอบของส่ิงมีชีวติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลยี งสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับ ของออรแ์ กเนลล์
วัตถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ด้านความร(ู้ K) ขนั้ ระบุปญั หา 1. ระบชุ ่อื ออร์ ออร์แกเนลล์ท่ีมีเยื่อหุ้มชนั้ เดียว 1. ครูแสดงภา แกเนลล์ท่มี ีเย่ือห้มุ l ออรแ์ กเนลล์ทม่ี ีเย่ือหุ้ม 2 ชน้ั ไดแ้ ก่ ไมโท ภาพของไลโซโซม สองช้นั ได้ (K) คอนเดรยี คลอโรพลาสต์ 2. อธิบายหน้าท่ี ไมโทคอนเดรีย(Mitochondria) เป็น ของออร์แกเนลลท์ ่มี ี แหล่งผลิต ATP ให้แก่เซลล์ มีรูปร่างหลาย เยอ่ื หุ้มสองช้นั และ แบบขึ้นกับชนิดของเซลล์ ไมโทคอนเดรียมี นวิ เคลียสได้ (K) เยื่อหุ้ม 2 ชั้น เยื่อชั้นนอกมีลักษณะเรียบ 3. ทำงานร่วมกัน เยื่อชั้นในจะพับเป็นทบแล้วยื่นเข้าไปด้านใน ภาพที่ 1 ภาพ เปน็ กลุม่ ได้ (P) เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว เรียกว่า คริสตี(Cristae) คลอ 4. เป็นผู้มีความ ของเหลวบรรจุอยู่เรียกว่า เมทริกซ์(Matrix) จากนน้ั ครูใชค้ ำ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน ซึ่งจะพบเอนไซม์ทีเ่ กี่ยวข้องกับกระบวนการ 1.1 นักเรียน (A) หายใจระดับเซลลแ์ ละการจำลองตัวของไมโท กันอย่างไร (ตอบ คอนเดรียอีกด้วย 1.2 นอกจาก คลอโรพลาสต(์ Chloroplast) โครงสร้างพื้นฐาน มสี เี ขียว เน่ืองจากมีสารสี ชนดิ คลอโรฟิลล์ (นวิ เคลยี ส) (Chlorophyll) เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ 2. จากนัน้ ครนู คลอโรพลาสต์เป็นแหล่งสร้างอาหารของ 2.1ออร์แกเน เซลล์พืชและโพรทิสต์บางชนิด ภายในมี ละออรแ์ กเนลล์ม โครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายถุงแบน ๆ มีเย่ือ 2.2 นวิ เคลยี ส หุ้ม เรียกว่า ไทลาคอยด(์ Thylakoid) และ ไท ลาคอยด์เรียงซ้อนกันเป็นตั้ง เรียกว่า
52 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. สื่อพาวเวอร์ 1. ประเมินการระบุชื่อ าพคลอโรพลาสต์ เปรียบเทียบกับ พ้อย เรื่อง ออร์ ออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มสอง ม (สิง่ เรา้ ) แกเนลล์ท่ีมีเยื่อ ชั้นและการอธิบายหน้าที่ หุ้มสองชั้นและ ของออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้ม นิวเคลยี ส สองชนั้ และนิวเคลียส 2. บัตรขอ้ ความ โดยใชแ้ บบประเมินช้นิ งาน 3. รูปภาพออร์ 2. ประเมินการทำงาน แกเนลล์ที่มีเยื่อ รว่ มกันเป็นกลุ่มโดยใชแ้ บบ พแสดงการเปรยี บเทียบระหว่าง หุ้มสองชั้นและ ประเมินทักษะกระบวนการ อโรพลาสตแ์ ละไลโซโซม นวิ เคลยี ส กล่มุ ำถาม ดงั นี้ (สังเกต) 4. แบบบันทึก 3. ประเมนิ ความมุง่ มนั่ ใน นคิดว่าออร์แกเนลล์ในภาพแตกต่าง กิจกรรม เรื่อง การทำงานโดยใชแ้ บบ บตามประสบการณ์ของนักเรยี น) ออร์แกเนลล์ที่มี ประเมนิ ความมงุ่ มนั่ ในการ กออร์แกเนลล์ต่าง ๆ แล้วเซลล์ยังมี เยื่อหุ้มสอง ช้ัน ทำงาน นใดอีกบ้างที่นักเรียนยังไม่ได้ศึกษา และนิวเคลยี ส 5. ใ บ ค ว า ม รู้ นำเข้าสู่คำถามสำคญั ดังนี้ เรื่องออร์แกเนลล์ นลล์ทม่ี ีเย่อื หุ้มสองชั้นมีอะไรบ้าง แต่ ที่มีเยื่อหุ้มสองช้ัน มีหน้าทอ่ี ยา่ งไร และนวิ เคลยี ส สมีหน้าท่อี ย่างไรในเซลล์
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ กรานุม(Granum) แต่ละกรานุมมีโครงสร้าง คำถามสำคัญ อ เชื่อมต่อถึงกัน บนไทลาคอยด์มีสารสีและ อะไรบ้าง แต่ล โปรตีนที่ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วย นิวเคลียสมหี นา้ ท แสง เช่น คลอโรฟิลล์ แคโรทีนอยด์ ข้นั แสวงหาสาร (Carotenoid) และมีของเหลวที่เรียกว่า 1. ครูแบ่งนักเร สโตรมา(Stroma) อยู่โดยรอบไทลาคอยด์ คน จากนั้นให้นัก และในของเหลวนี้จะมีเอนไซม์ทเี่ กี่ยวข้องกับ กจิ กรรมหนา้ ห้อง กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 1.1 บัตรข้อค นิวเคลียส(Nucleus) เป็นโครงสร้างที่ 1.2 รูปภาพอ มักพบอยู่ตรงกลางเซลล์ เมื่อย้อมสีก็จะติด นิวเคลยี ส สีเข้มทึบสังเกตได้ชัดเจน ปกติเซลล์ของ 1.3 แบบบันท สงิ่ มชี วี ิตท่วั ไปจะมีนวิ เคลยี สเพยี ง 1 เยอื่ หมุ้ สองช้ันแล นิวเคลียส โครง สร้างของนิวเคลียส 1.4 ใบความ ประกอบดว้ ย ช้นั และนิวเคลียส เยื่อหุ้มนิวเคลียส(Nuclear envelope 1.5 ปากกาส หรือ Nuclear membrane) มีลักษณะ 2. ครใู หน้ กั เรีย เปน็ เยอื่ บาง ๆ 2 ชนั้ ทำหนา้ ท่ีเป็นทางผ่าน ครูแจกให้นักเร เข้าออก ของสารระหว่างนิวเคลียสและ ข้อมูลของออร ไซโทพลาสซมึ นวิ เคลียส ซง่ึ เปน็ นิวคลีโอลสั (Nucleolus) เปน็ บรเิ วณที่มี จะต้องสืบค้นข้ ลักษณะทึบแสง ประกอบด้วยโปรตีนและ ความรู้ที่ครูเตร กรดนิวคลีอิกชนิด RNA เป็นส่วนใหญ่ และมี
53 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ออร์แกเนลลที่มีเยื่อหุ้มสองชั้นมี ละออร์แกเนลล์มีหน้าที่อย่างไร, ทีอ่ ยา่ งไรในเซลล์ รสนเทศ รียนออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 กเรียนออกมารับอุปกรณ์ในการทำ ง ซง่ึ ประกอบไปด้วย ความ ออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มสองชั้นและ ทึกกิจกรรม เรื่อง ออร์แกเนลล์ที่มี ละนวิ เคลียส มรู้เรื่องออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มสอง ส สี ยนเริ่มทำกิจกรรมโดยบตั รข้อความที่ รียนไปนั้นเป็นบัตรข้อความแสดง ร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้สองชั้นและ นบตั รข้อความท่ไี มส่ มบูรณ์ นักเรียน อมูลจากอินเตอร์เน็ทหรือจากใบ รียมให้ เพื่อนำมาเติมลงในบัตร
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ DNA ซึ่งสร้าง RNA รวมกับโปรตีนประกอบ ข้อความให้สมบ เป็นไรโบโซม ในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการ สืบค้น ดงั นี้ (วาง สงั เคราะหโ์ ปรตนี มักมนี วิ คลโี อลสั ขนาดใหญ่ 2.1 ชื่อของอ โครมาทิน(Chromatin) เป็นสาย DNA 2.2 บริเวณท ที่ขดพันกันไปมาอยู่ในนิวเคลียส และเมื่อ เซลล์ นิวเคลียสมีการแบ่งตัวโครมาทินจะขดตัว 2.3 หนา้ ท่ขี อ แน่นทำให้หนาขึ้นและสั้นลง เรียกว่า 3. เมื่อเติมข้อม โ ค ร โ ม โ ซ ม ( Chromosome) ส ำ ห รั บ ให้นักเรียนพิจา เ ซ ล ล ์ โ พ ร ค า ร ิ โ อ ต DNA จ ะ อ ย ู ่ ใ น จากน้นั จับค่บู ตั รข ไซโทพลาสซึมเน่ืองจากไมม่ เี ยอ่ื หุ้มนวิ เคลยี ส เยื่อหมุ้ สองชั้นแล ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ขน้ั สรา้ งความร 1. ความสามารถในการในการส่อื สาร 1. ครูให้นักเรีย (การพดู การเขียน) เยื่อหุ้มสองชั้นแล 2. ความสามารถในการคดิ แกเนลล์ที่มีเยื่อ (การสังเกต วิเคราะห)์ วาดรูปประกอบใ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 2. ครูนำนักเรีย (กระบวนการกลมุ่ ) ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ออร์แกเนลล์ทมี่ ีเย (-) (สรุป) 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (การสืบค้นขอ้ มลู จากอนิ เตอร์เน็ท)
54 กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ บูรณ์ โดยกำหนดประเด็นในการ งแผน) ออรแ์ กเนลลด์ งั กลา่ ว ที่พบออร์แกเนลล์ดังกล่าวภายใน องออร์แกเนลล์ภายในเซลล์ มูลจนได้บัตรข้อความที่สมบรู ณแ์ ล้ว ารณาข้อความที่สมบูรณ์ดังกล่าว ข้อความกับรูปภาพออร์แกเนลล์ท่ีมี ละนวิ เคลยี สท่ีครูแจกให้ให้ถกู ตอ้ ง รู้ ยนบันทึกขอ้ มลู ของออร์แกเนลล์ที่มี ละนิวเคลียสลงในใบงาน เรื่อง ออร์ อหุ้มสองชั้นและนิวเคลียสพร้อมท้ัง ให้สวยงาม (สื่อความหมาย) ยนสรุปความรู้เกี่ยวกับออร์แกเนลล์ โดยใช้สื่อพาวเวอร์พ้อย เรื่อง ยอ่ื ห้มุ สองชั้นและนิวเคลียส
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ขน้ั สื่อสาร มุ่งมน่ั ในการทำงาน 1. ครูให้ตัวแท นำเสนอบัตรข้อ ออร์แกเนลล์ที่ค นำเสนอ 1 ออร์แ ขั้นตอบแทนส 1. ครูมอบหมา แบบจำลองของเ โครงสร้าง/องค หน้าที่ เพื่อใช้เป็น นกั เรียนคนอืน่ ๆ เรื่องเซลลข์ องตัว
55 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ ทนของนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมา อความของกลุ่มตนเอง โดยเลือก คิดว่าถูกต้องและครบถ้วนที่สุดมา แกเนลล์ ท่บี ริเวณหน้าชัน้ เรียน สงั คม ายให้นักเรียนจบกลุ่มกันเพื่อสร้าง เซลล์จากดินน้ำมัน พร้อมทั้งระบุ ์ประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์และ นสื่อการจัดการเรียนการสอนให้แก่ ๆ และเพ่ือเป็นการเน้นย้ำความเข้าใจ วนักเรยี นเอง
โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทย แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาคการศึกษาตน้ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4/พ และ 4/1 สาระชวี วทิ ยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของส่ิงมชี ีวิต การศกึ ษาชวี วทิ ยา และ ผลการเรียนรู้ ของส่งิ มีชีวติ กล้องจุลทรรศน์ โครงสรา้ ง และหนา้ ทีข่ อง เซลล์ ม.4/10 บอกวิธีการ และเตรียมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อศ ภายใต้กลอ้ ง บอกวิธกี ารใช้ และการดแู ลรักษากลอ้ งจลุ ท
56 รพยาวทิ ยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ รายวชิ า ว30251 ชีววิทยา 1 ผ้สู อน นายเรวัตร อย่เู กิด ะวิธีการทางวิทยาศาสตร์ สารทเ่ี ปน็ องค์ประกอบของสง่ิ มีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดับ ศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง วัดขนาดโดยประมาณ และวาดภาพที่ปรากฎ ทรรศนใ์ ชแ้ สงทถ่ี ูกต้อง
วัตถุประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นักเรยี นสามารถ ด้านความรู้(K) ขน้ั ระบุปัญหา 1. ระบุประเภท คือ เครื่องมือขยายขอบเขตประสาทสัมผัส 1. ครูแสดงภา ของกลอ้ งจลุ ทรรศน์ ตา ใหเ้ ห็นสงิ่ ท่ีไมส่ ามารถมองเห็นดว้ ย ตา สิ่งมชี ีวติ แต่ละชน ได้ (K) เปลา่ ได้ เช่น จุลนิ ทรยี ์ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง ซึ่ง 3. เปรียบเทียบ กล้องจุลทรรศน์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ความแตกต่าง ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ ระหว่างกลอ้ ง 1. กล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง จุลทรรศนแ์ ต่ละ (Light Microscope) ประเภทได้ (P) 2. กลอ้ งจุลทรรศน์อิเลก็ ตรอน 4. เลอื กใชก้ ล้อง (Electron Microscope) จลุ ทรรศนใ์ ห้ ประเภทของกล้องจุลทรรศน์ เหมาะสมกับงานได้ 1.กลอ้ งจุลทรรศน์แบบใชแ้ สง ภาพที่ 1 ภาพแส (P) (Light Microscope) 5. เปน็ ผมู้ ีความ แสงที่ใช้ส่องวัตถุเป็นแสงขาวซึ่งอาจเป็น มงุ่ มน่ั ในการทำงาน แสงจากหลอดไฟหรือแสงธรรมชาติ เลนส์ท่ี จากนัน้ ครใู ชค้ ำ (A) ใช้เป็นเลนส์แก้ว รับภาพทางตาได้โดยตรง 1.1 จากภาพ สามารถศึกษาตัวอยา่ งได้ทั้งที่มีชีวิตและไมม่ ี อย่างไรเมือ่ เทยี บ ชีวิต กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงแบ่ง 1.2 โดยทวั่ ไป ได้ดว้ ยตาเปล่าหร ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1.1 กล้อ งจุลทรรศน์ใช้แสงแบบ 1.3 นักเรียน ธ ร ร ม ด า ( Compound Light การศึกษาเซลลข์ อ Microscope) ค ื อ ก ล ้ อ ง ท ี ่ อ ย ู ่ ใ น 2. ครแู สดงภาพ
57 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. สื่อพาวเวอร์ 1. ประเมินการระบุ าพเปรียบเทียบขนาดของเซลล์กับ พ้อย เรื่อง กล้อง ประเภทของกลอ้ ง นดิ แตล่ ะขนาด (สง่ิ เรา้ ) จลุ ทรรศน์ จุลทรรศน์ การเปรียบเทยี บ 2. รปู ภาพกล้อง ความแตกตา่ งระหว่างกล้อง จุลทรรศน์ใช้แสง จุลทรรศน์ และการเลอื กใช้ แบบสเตอรโิ อ กล้องจุลทรรศนใ์ ห้ 3. รูปภาพกล้อง เหมาะสมกบั งาน จุลทรรศน์ใช้แสง โดยใช้แบบประเมนิ ช้ินงาน แบบธรรมดา 2. ประเมนิ ความมุ่งมั่นใน 4. ร ู ป ภ า พ การทำงานโดยใชแ้ บบ กล้องจุลทรรศน์ ประเมนิ ความม่งุ ม่ันในการ อิเล็กตรอนแบบ ทำงาน สดงการเปรียบเทยี บขนาดของเซลล์ สอ่ งผ่าน กบั ส่งิ มีชวี ิต 5. รูปภาพกล้อง ำถาม ดังน้ี (สงั เกต) จ ุ ล ท ร ร ศ น์ พนักเรียนคิดว่าเซลล์มีขนาดเป็น อิเล็กตรอนแบบ บกบั มนุษย์ (เล็ก) สอ่ งกราด ปแลว้ นกั เรียนสามารถมองเห็นเซลล์ 6. ภาพถ่ายจาก รือไม่ (ไม่ได)้ กล้องจุลทรรศน์ นทราบหรือไม่ว่าเราใช้อุปกรณ์ใดใน แต่ละชนิด องสง่ิ มชี วี ติ (กล้องจลุ ทรรศน)์ 7. ใบงาน เรื่อง พกล้องจลุ ทรรศน์แต่ละประเภท กล้องจลุ ทรรศน์
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ห้องปฏิบัติการทั่วไป เหมาะสำหรับศึกษา สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เนื้อเยื่อชนิดต่าง ๆ สว่ นประกอบของกลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใชแ้ สง 1. ส่วนทที่ ำหน้าท่ีขยายภาพ ประกอบดว้ ย 1.1เลนส์ใกล้วัตถุ (Objective lens) เป็น เลนสน์ ูนมกี ำลังขยายขนาดต่าง ๆ กันคอื 4x 10x 40x และ 100x ทำหน้าที่รับแสงที่ สะท้อนจากวตั ถสุ ง่ ไปยังเลนสใ์ กลต้ า 1.2เ ล น ส ์ ใ ก ล ้ ต า ( Eyepiece) เ ป็ น เลนส์นูนมีกำลังขยายเป็น 10x 15x และ 25x ทำหน้าที่ขยายภาพจากเลนสใ์ กลว้ ตั ถุ ภาพท่ี 2 ภาพแ 2. ส่วนทท่ี ำหนา้ ท่ีปรับภาพ ประกอบดว้ ย 2.1ป่มุ ปรบั ภาพหยาบ 3. จากนั้นครูน (Coarse adjustment knob) เป็นปุ่มขนาด 3.1 กล้องจลุ ใหญใ่ ช้ในการปรบั หาระยะของภาพ 3.2 กล้องจุล 2.2ป่มุ ปรบั ภาพละเอยี ด โดยท่วั ไปคอื ชนดิ (Fine adjustment knob) ใช้ในการปรับ 3.3 องค์ประ ภาพใหช้ ัดเจนยิ่งขึน้ ห้องปฏบิ ัตกิ ารโด 3. ส่วนทีท่ ำหนา้ ทร่ี ับแสง ประกอบด้วย คำถามสำคัญ 3.1 เลนสร์ วมแสง (Condenser) ประเภท, องค์ปร ทำหน้าท่รี วบรวมแสงจากแหล่งกำเนดิ แสง แสงธรรมดามีอะไ
58 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ แสดงกล้องจุลทรรศน์แต่ละประเภท นำเขา้ สู้คำถามสำคัญ ดงั นี้ ลทรรศนแ์ บ่งออกเปน็ กปี่ ระเภท ลทรรศน์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ดใด ะกอบของกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ใน ดยท่ัวไปมีอะไรบ้าง กล้องจุลทรรศน์แบ่งออกเป็นกี่ ระกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้ ไรบา้ ง
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 3.2 ไอริส ไดอะแฟรม (Iris dia-phragm) ข้ันแสวงหาสาร ทำหนา้ ทคี่ วบคมุ ปริมาณแสง 1. ครูแบ่งนักเร 4. สว่ นท่ีเปน็ ตัวกลอ้ ง ประกอบดว้ ย คน จากนั้นให้น 4.1 ฐาน (Base) เป็นส่วนที่รับน้ำหนัก อุปกรณใ์ นการทำ ทั้งหมดของกล้อง 1.1 รปู ภาพก 4.2 ลำกล้อง (Body tube) เป็นส่วนท่ี 1.2 รปู ภาพก เชื่อมระหว่างเลนส์ใกล้ตากบั เลนส์ใกล้วตั ถุ 1.3 รปู ภาพก 4.3 แขน (Arm) เป็นส่วนที่ยึดฐานลำ ผ่าน กลอ้ งกบั ฐานเขา้ ด้วยกัน 1.4 รปู ภาพก 4.4 จานหมนุ เลนส์ กราด (Revolving nosepiece) ใช้ในการหมุนเพ่ือ 1.5 ภาพถ่าย ปรบั กำลังขยายของเลนส์ใกลว้ ัตถุ 2. ครูให้นักเร 4.5 แท่นวางสไลด์ (Stage) เป็นแท่น จุลทรรศน์จากอิน สำหรบั วางสไลดท์ ่ีตอ้ งการศึกษา การสบื คน้ ดงั น้ี ( 4.6 ที่หนีบสไลด์ (Stage clip) ใช้หนีบ 2.1 ประเภท สไลด์ใหต้ ิดกบั แท่นวางสไลด์ 2.2 การใชง้ า 4.7 แหล่งกำเนิดแสง (Light source) ให้ 3. จากนั้นให้น กำเนิดแสงเพื่อส่องผ่านวัตถุที่ต้องการศึกษา จุลทรรศน์ โดย ทำใหเ้ หน็ ภาพวตั ถุ (วางแผน) 1.2 กลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้แสงแบบสเตอรโิ อ 3.1 การใช้ง (Stereoscopic microscope) เป็นกลอ้ งที่ แตกตา่ งกนั หรือไ สามารถสอ่ งได้ทงั้ วัตถุท่โี ปรง่ แสงและทบึ แสง
59 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ รสนเทศ รียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 น ั ก เ ร ี ย น ต ั ว แ ท น ก ล ุ ่ ม อ อ ก ม า รั บ ำกิจกรรม ดังนี้ กล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสงแบบสเตอริโอ กล้องจลุ ทรรศนใ์ ช้แสงแบบธรรมดา กล้องจุลทรรศนอ์ ิเลก็ ตรอนแบบส่อง กลอ้ งจุลทรรศนอ์ ิเลก็ ตรอนแบบส่อง ยจากกลอ้ งจลุ ทรรศน์แต่ละแบบ รียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกล้อง นเทอร์เน็ต โดยกำหนดประเด็นใน (วางแผน) ทของกลอ้ งจุลทรรศน์ านกล้องจลุ ทรรศน์แต่ละประเภท นักเรียนชมวีดิทัศน์ เรื่อง กล้อง ยกำหนดประเด็นที่จะศึกษาดังนี้ งานกล้องจุลทรรศน์แต่ละแบบ ไม่ อยา่ งไร
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ เหมาะสำหรับศกึ ษาโครงสร้างขนาดใหญ่ของ 4. ครูให้นักเรีย สิ่งมีชีวติ เชน่ อวยั วะ เปน็ ต้น สบื ค้นจากอินเตอ เหมือนหรือแตก 2.กล้องจลุ ทรรศนอ์ ิเลก็ ตรอน นักเรียนสรุปเป (Electron Microscope) จลุ ทรรศน์ของกล ใช้ลำแสงอิเล็กตรอน และใช้เลนส์ แม่เหล็กไฟฟ้าแทนเลนส์แก้ว โดยลำแสง ขั้นสร้างความร อิเล็กตรอนจะถูกยิงจากปืนยิงผ่านเลนส์ 1. ครูให้นักเรีย แม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้เกิดภาพบนจอรับภาพ แต่ละประเภท ใ ซึ่งกล้องจลุ ทรรศน์อเิ ลก็ ตรอนสามารถส่องได้ (สื่อความหมาย) เฉพาะส่ิงไม่มีชีวิตเท่าน้ัน และมกี ำลงั ขยายสูง 2. ครูให้นักเร กว่ากลอ้ งจุลทรรศน์แบบใชแ้ สง โดยกลอ้ ง กล้องจลุ ทรรศน์ จุลทรรศนอ์ เิ ล็กตรอนแบง่ ออกเป็น 2. ครูนำนักเร 2.1 กล้องจลุ ทรรศนอ์ เิ ล็กตรอนชนิดส่อง จลุ ทรรศน์แต่ละป ผา่ น พอ้ ย เรือ่ ง กลอ้ ง (Transmission Electron Microscope) (สรุป) สามารถมองเห็นองค์ประกอบภายในของ เซลล์ได้ชัดเจน มีกำลงั ขยายสูงมาก ข้ันสือ่ สาร 2.2 กลอ้ งจลุ ทรรศน์อิเล็กตรอนชนดิ ส่อง 1. ครูให้ตัวแท กราด นำเสนอข้อมูลเ (Scanning Electron Microscope) ใช้ ตนเอง โดยให้นกั ทคี่ ดิ วา่ สมบูรณแ์ ล
60 กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ยนเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากการ อร์เน็ทและการชมวีดิทัศน์ว่ามีความ กต่างกันหรือไม่อย่างไร จากนั้นให้ ป็นประเภทและการใช้งานกล้อง ลุ่มตนเอง รู้ ยนจับคู่ภาพถ่ายจากกลอ้ งจุลทรรศน์ ให้เข้ากับประเภทกล้องให้ถูกต้อง รียนตอบคำถามลงในใบงาน เรื่อง (ส่อื ความหมาย) รียนสรุปความรู้เกี่ยวกับกล้อง ประเภท โดยใช้สอ่ื นำเสนอพาวเวอร์ จุลทรรศน์ ทนของนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมา เกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์ของกลุ่ม กเรยี นเลือกนำเสนอกลอ้ งจุลทรรศน์ ละครบถว้ นท่สี ุด
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ขนั้ ตอบแทนส ศึกษารปู ร่างโครงสร้างและพน้ื ผิวของเซลล์ 1. ครูมอบหม ภายนอก ไมเ่ ห็นองค์ประกอบดา้ นใน ข้อมูลประเภ องค์ประกอบขอ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) นกั เรียนและครูใน 1. ความสามารถในการในการส่ือสาร (การพูด การเขียน) 2. ความสามารถในการคดิ (การสงั เกต วเิ คราะห)์ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต (กระบวนการกลุ่ม) 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา (-) 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (การสบื คน้ ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ท) ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) ม่งุ ม่ันในการทำงาน
61 กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ สังคม ายให้นักเรียนทำโปสเตอร์แสดง ทของกล้องจุลทรรศน์ และ องกล้องจุลทรรศน์เพื่อเผยแพร่แก่ นโรงเรยี น
โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทย แผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง กา ภาคการศกึ ษาต้น ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/พ และ 4/1 สาระชวี วทิ ยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของส่งิ มีชีวิต การศกึ ษาชวี วิทยา และ ผลการเรยี นรู้ ของส่ิงมชี วี ติ กลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสรา้ ง และหนา้ ที่ของ เซลล์ ม.4/14 อธิบาย และเปรียบเทยี บการแพร่ ออสโมซิส ก
62 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ารลำเลยี งสารผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ รายวิชา ว30251 ชีววทิ ยา 1 ผสู้ อน นายเรวัตร อยู่เกิด ะวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารที่เปน็ องค์ประกอบของสง่ิ มีชวี ติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดับ การแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต
วัตถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความร(ู้ K) ข้นั ระบุปญั หา 1. ระบปุ ระเภท การลำเลียงสารผ่านเซลล์ แบ่งออกเป็น 1. ครูให้นักเรีย ของการลำเลียงสาร 2 ประเภท ดังนี้ demonstration ผา่ นเยื่อหุ้มเซลล์ได้ 1. การลำเลียงสารผา่ นเย่อื ห้มุ เซลล์ ประเดน็ ในการศกึ (K) 1.1 ไข่ที่แช่อ 2. อธิบายลกั ษณะ 2. การลำเลียงสารโดยการสรา้ งถุงจาก ไม่มีสมี ีลักษณะเป เยอื่ หุม้ เซลล์ สำคญั ของการ 1.2 น ั ก เ ร ี ย ลำเลยี งสารผา่ นเย่ือ 1. การลำเลยี งสารผา่ นเยือ่ หุ้มเซลล์ เปล่ยี นแปลงไปใน หุ้มเซลล์แตล่ ะ 2. จากนนั้ ครนู 1.1การลำเลยี งแบบไมใ่ ชพ้ ลงั งาน ประเภทได้ (K) (Passive transport) เกิดขึน้ เมอ่ื มี 2.1 นักเรียน 3. เปรียบเทยี บ ความแตกต่างระหว่างความเข้มข้นของสาร ท่เี ก่ยี วข้องกับกา ภายนอกกับภายในเซลล์ สารจะเคล่ือนท่ีจาก ความแตกต่างของ ด ้ า น ท ี ่ ม ี ค ว า ม เ ข ้ ม ข ้ น ส ู ง ไ ป ย ั ง ด ้ า น ท ี ่ มี คำถามสำคัญ ก การลำเลียงสารผา่ น ความเข้มข้นต่ำ ประเภท เยื่อหมุ้ เซลล์แตล่ ะ โดยให้นักเรียน การแพร่ (Diffusion) เป็นการเคลื่อนที่ ประเภทได้ (P) ประจำรายวิชาขอ 4. เป็นผมู้ ีความ ของอนุภาคสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้น ขน้ั แสวงหาสาร มุ่งมน่ั ในการทำงาน ของสารสูงไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นของ 1. ครูให้นักเรีย (A) สารต่ำ Facilitated Di การออสโมซิส (Osmosis) เป็นการแพร่ Movement acr ของน้ำผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากบริเวณที่มีความ กำหนดประเด็นใ 1.1 จากวีดิท เข้มข้นของสารละลายต่ำ (น้ำมาก) ไปยัง หุ้มเซลลแ์ บ่วออก
63 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ 1. วีดิทศั น์ เรื่อง 1. ประเมินการระบุ ยนชมวดี ิทัศน์ เรอื่ ง Osmosis Osmosis ประเภทของการลำเลยี งสาร n with the raw egg โดยกำหน ด demonstration ผ่านเย่อื หุ้มเซลล์, การ กษา ดงั น้ี (สงิ่ เร้าและสงั เกต) with the raw อธิบายลกั ษณะสำคญั และ อยู่ในสารสีน้ำตาลและสารละลายท่ี egg การเปรยี บเทยี บความ ปลีย่ นแปลงไปอย่างไรบ้าง 2. วีดิทัศน์ เรือ่ ง แตกต่างของการลำเลยี งสาร ย น ค ิ ด ว ่ า เ พ ร าะ เ หต ุ ใ ด ไ ข่จึง Diffusion, ผา่ นเยื่อหมุ้ เซลลแ์ บบต่าง ๆ นลักษณะดังกล่าว Facilitated โดยใชแ้ บบประเมินชิน้ งาน นำเข้าสู่คำถามสำคัญ ดงั น้ี Diffusion & 2. ประเมนิ การทำงาน นทราบหรือไม่ว่ากระบวนการใดบ้าง Active รว่ มกันเปน็ กลุ่มโดยใชแ้ บบ ารเคล่อื นทขี่ องสารผ่านเข้าออกเซลล์ Transport- ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์มกี ี่ Movement กลมุ่ across the Cell 3. ประเมินความม่งุ มั่นใน นคาดคะเนคำตอบลงในสมุดบันทึก Membrane การทำงานโดยใชแ้ บบ องตนเอง (สงสัยและสมมตฐิ าน) 3. บตั รขอ้ ความ ประเมนิ ความมงุ่ มั่นในการ รสนเทศ 4. รูปภาพการ ทำงาน ยนศึกษาวีดิทัศน์ เรื่อง Diffusion, ลำเลียงสารผ่าน iffusion & Active Transport- เยื่อหุ้มเซลล์แบบ ross the Cell Membrane โ ด ย ตา่ ง ๆ ในการศึกษา ดงั น้ี (วางแผน) ทัศน์ การเคลื่อนที่ของสารผ่านเย่ือ กเป็นกป่ี ระเภท
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารละลายสูง 1.2 ให้นักเร (นำ้ น้อย) โมเลกลุ สารแต่ละ การแพรแ่ บบฟาซิลเิ ทต หรือไม่ อยา่ งไร (Facilitated diffusion) เป็นการแพร่ พร้อมทั้งบันท ของสารท่ไี ม่สามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ ประจำรายวชิ าขอ 2. ครแู บง่ นักเร โดยตรง ต้องเคลื่อนผ่านช่องโปรตีนหรือ 4-5 คน จากน้นั ใ โปรตีนตัวพาภายในเยื่อหุ้มเซลล์ การแพร่ ทำกจิ กรรม ดังน้ี แบบฟาซิลิเทตมีอัตราการแพร่เร็วกว่าการ 2.1 บัตรข้อค แพร่แบบธรรมดาหลายเท่าตัวและเป็น ผา่ นเยือ่ หุม้ เซลลแ์ 2.2 รูปภาพแ กระบวนการที่มีความจำเพาะต่อสารชนิดใด เซลลแ์ บบตา่ ง ๆ ชนดิ หน่ึง 3. ครูให้นักเรยี นำมาเติมข้อควา 1.2การลำเ ลียงแ บ บ ใ ช้พ ลั ง ง า น (Active transport) เป็นการลำเลียงสาร ท้งั จับคู่บตั รขอ้ คว ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จากบริเวณที่มีความเข้มข้น โดยกำหนดประเด ต่ำไปสู่บริเวณที่มีความเข้มข้นสูง โดยอาศัย พลงั งานจากการสลายสารอาหารมาใช้ 3.1 ทศิ ทางแ แตล่ ะประเภท 4. ครูให้นักเรยี อินเทอร์เน็ตแล เหมือนหรือแตกต
64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ รียนสังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ของ 5. ใบงาน เรื่อง ะประเภทว่าเหมอื น หรือแตกตา่ งกนั การลำเลียงสาร ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ ทึกข้อมูลที่ได้ลงในสมุดจดยันทึก แบบต่าง ๆ องตนเอง รยี นออกเป็น 5 กล่มุ จำนวนกลุ่มละ ใหน้ กั เรยี นออกมารับอุปกรณ์ในการ ความแสดงข้อมูลการลำเลียงสาร แบบต่าง ๆ แสดงการลำเลียงสารผ่านเยื่อหุ้ม ยนสบื คน้ ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ท เพ่ือ ามในบัตรขอ้ ความใหส้ มบูรณ์ พร้อม วามกับรูปภาพใหถ้ กู ตอ้ ง ด็นใมการสืบค้นดังนี้ และลกั ษณะสำคัญในการลำเลียงสาร ยนเปรียบเทียบขอ้ มูลท่ีสืบค้นได้จาก ละจากการชมวีดิทัศน์ ว่ามีความ ต่างกันอย่างไร จากนั้นให้นักเรียน
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ สรุปเป็นข้อมูลท ด้านทักษะกระบวนการ (P) สมบรู ณท์ ่สี ุดลงใน 1. ความสามารถในการในการสอ่ื สาร ขน้ั สรา้ งความร (การพดู การเขยี น) 1. ครูให้นักเรีย 2. ความสามารถในการคดิ A3 ที่ครูแจกให้ โ ในผงั กราฟฟกิ ดงั (การสังเกต วิเคราะห์) 1.1 ประเภท 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต เซลล์ 1.2 ลักษณะ (กระบวนการกลมุ่ ) ประเภท (สอ่ื ควา 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 2. ครูสรุปความ (-) เร่อื ง การลำเลียง 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ขั้นสื่อสาร (การสืบค้นข้อมูลจากอนิ เตอรเ์ น็ท) 1. ครูให้นักเร กราฟฟกิ ของหลุ่ม ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) มุง่ มน่ั ในการทำงาน ข้ันตอบแทนสงั 1. ครูให้นักเร ถูกต้องและสวย เพื่อใหน้ ักเรียนแต
65 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ที่นักเรียนคิดว่าถูกต้องและครบถ้วน นสมดุ บันทึกอกี ครง้ั (วิเคราะห์) รู้ ยนสร้างผังกราฟฟิกลงในกระดาษ โดยกำหนดประเดน็ ท่ีจะตอ้ งปรากฎ งนี้ ทของการลำเลียงสารผ่านเยื่อหุ้ม ะสำคัญของการลำเลียงสารแต่ละ ามหมาย) มรู้ที่ถูกต้องโดยใช้สื่อพาวเวอร์พอ้ ย งสารผา่ นเย่ือหุ้มเซลล์ (สรุป) รียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผัง มตนเองทบ่ี รเิ วณหน้าชั้นเรยี น งคม รียนร่วมกันคัดเลือกผังกราฟฟิกท่ี ยงามที่สุดติดแสดงภายในห้องเรียน ตล่ ะคนได้ศึกษาข้อมลู ท่ีถูกตอ้ ง
โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทย แผนการจัดการเรียนรู้ เรอื่ ง การลำเลยี ภาคการศกึ ษาตน้ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/พ และ 4/1 สาระชีววทิ ยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของสงิ่ มชี ีวติ การศกึ ษาชวี วทิ ยา และ ผลการเรยี นรู้ ของสงิ่ มชี ีวิต กลอ้ งจลุ ทรรศน์ โครงสร้าง และหน้าที่ของ เซลล์ ม.4/15 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนภาพการ ลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์ดว้ ยกระบวนการเอนโ
66 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยงสารโดยการสร้างถุงจากเยือ่ ห้มุ เซลล์ รายวชิ า ว30251 ชีววิทยา 1 ผู้สอน นายเรวัตร อยู่เกดิ ะวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารท่เี ปน็ องค์ประกอบของส่ิงมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดับ รลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ด้วยกระบวนการเอกโซไซโทซิส และการ โตไซโทซสิ
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความรู้(K) ขั้นระบุปญั หา 1. ระบุประเภท การลำเลียงสารผ่านเซลล์ แบ่งออกเป็น 1. ครูแสดงภาพ ของการลำเลียงสาร 2 ประเภท ดังน้ี สารผ่านเยื่อหุ้ม โดยการสร้างถุงจาก 3. การลำเลยี งสารผ่านเย่ือห้มุ เซลล์ สรา้ งถงุ จากเยอื่ ห เย่ือหุ้มเซลลไ์ ด้ (K) 2. อธบิ ายลกั ษณะ 4. การลำเลียงสารโดยการสรา้ งถุงจาก เยอ่ื หมุ้ เซลล์ สำคัญของการ ลำเลียงสารโดยการ 2. การลำเลียงสารโดยการสรา้ งถุงจากเยอื่ สรา้ งถุงจากเย่ือหุ้ม หุ้มเ ซล ล์ เยื่อ หุ้มเซ ลล์มีลิพ ิดเป็ น เซลล์ได้ (K) องค์ประกอบทำให้เยื่อหุ้มสามารถคอดหรือ ภาพที่ 1 ภาพเป 3. เปรียบเทยี บ หลุดออกเป็นเวสิเคิล ทำให้สามารถลำเลียง ห้มุ เซลลแ์ ละการ ความแตกตา่ งของ สารเข้าหรือออกจากเซลล์ได้ แบ่งออกเป็น จากนั้นครูใชค้ ำ การลำเลียงสารโดย 2 ประเภทคอื 1.1 จากภาพ การสรา้ งถงุ จากเยอื่ 2.1 เอกโซไซโทซสิ (Exocytosis) เป็น แดงและโมเลกุลส ห้มุ เซลล์ แต่ละ การลำเลียงสารขนาดใหญ่ออกจากเซลล์ใน หรือไม่ อย่างไร ประเภทได้ (P) รูปของเวสิเคิล เคลื่อนที่ผ่านเยื 4. เปน็ ผมู้ ีความ 2.2 เอนโดไซโทซิส (Endocytosis) สีเขียวต้องมีการ มุ่งมน่ั ในการทำงาน เป็นการลำเลียงสารขนาดใหญ่เข้าสู่เซลล์ ลำเลยี งเขา้ สเู่ ซลล (A) กลไกการลำเลยี ง ไดแ้ ก่ 1.2 การลำเล ฟาโกไซโทซิส (Phagocytosis) เป็นการ (3 ประเภท ได้แ ลำเลียงสารเข้าสู่เซลล์โดยยื่นไซโทพลาซึม และการลำเลยี งส
67 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 1. รปู ภาพแสดง 1. ประเมนิ การระบุ พเปรียบเทียบระหว่างการลำเลียง การลำเลยี งสาร ประเภท, การอธิบาย เซลล์และการลำเลียงสารโดยการ โดยการสรา้ งถงุ ลักษณะสำคัญและการ หมุ้ เซลล์ (ส่ิงเรา้ ) จากเย่ือห้มุ เซลล์ เปรียบเทียบความแตกต่าง แต่ละประเภท ของการลำเลยี งสารโดยการ 2. ใบความรู้ สร้างถงุ จากเยื่อหมุ้ เซลล์ เร่ือง การลำเลยี ง จากแบบประเมินชิน้ งาน สารโดยการสรา้ ง 2. ประเมินความม่งุ มั่นใน ปรยี บเทียบการลำเลียงสารผ่านเยอื่ ถงุ จากเยือ่ ห้มุ การทำงานโดยใชแ้ บบ ประเมนิ ความมงุ่ มน่ั ในการ รลำเลยี งสารโดยการสร้างถงุ จากเย่ือ เซลล์ ทำงาน หุ้มเซลล์ 3. กระดาษ A3 ำถาม ดงั นี้ (สังเกต) 4. ปากกาสี 5. ใบงาน เรื่อง พนกั เรียนคดิ วา่ การลำเลยี งโมเลกุลสี การลำเลียงสาร สีเขียว ใช้วธิ กี ารลำเลียงแตกต่างกัน ผ่านเข้าออกเซลล์ (แตกต่างกัน โมเลกุลสีแดงสามารถ 6. สื่อพาวเวอร์ ่อหุ้มเซลล์ได้โดยตรง ส่วนโมเลกุล รเข้าไปอยู่ในถุงก่อนจึงจะสามารถ พ้อย เรื่อง การ ลำเลียงสารโดย ลไ์ ด้) การสร้างถุงจาก ลียงสารผ่านเยื่อหุ้มเซลลม์ ีก่ีประเภท เยื่อหุ้มเซลล์ แก่ การแพร่ การแพร่แบบฟาซิลิเทต สารโดยใชพ้ ลงั งาน)
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ออกมาล้อมอนุภาคของสารที่มีขนาดใหญใ่ น 2. จากนน้ั ครูระ รูปของแวคิวโอล (การกินของเซลล์) “นักเรียนทราบ พิโนไซโทซิส (Pinocytosis) เป็นการ สร้างถุงจากเย่ือห โดยให้นักเรียน ลำเลียงสารเข้าสู่เซลล์โดยเว้าเยื่อหุ้มเซลล์ ประจำรายวชิ าขอ เข้าข้างในจนกลายเป็นถุงเล็กๆและหลุดเข้า คำถามสำคัญ ก ไปในไซโทพลาซึม เย่อื ห้มุ เซลล์มกี ี่ป การนำสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัยตัวรับ (receptor mediated endocytosis) ข้นั แสวงหาสาร เป็นการลำเลียงสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัย 1. ครูแบ่งนักเร โปรตีนตัวรับบนเยื่อหุ้มเซลล์จับกับสารแล้ว คน จากนั้นให้น จึงเว้าส่วนของเยื่อหุ้มเซลล์เข้าสู่เซลล์ สารที่ อุปกรณ์ในการทำ ถูกลำเลียงเข้าสู่เซลล์ด้วยวิธีนี้จะต้องมี 1.1 รูปภาพแ ความจำเพาะกับโปรตีนตัวรับที่อยู่บน ถงุ จากเยอ่ื หุ้มเซล เยือ่ หมุ้ เซลล์ ภาพท่ี 2 ภาพแส จากเย
68 กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ ะบุคำถามสำคัญ ดังนี้ บหรือไม่ว่าการลำเลียงสารโดยการ หมุ้ เซลล์มกี ่ีประเภท อะไรบา้ ง” นคาดคะเนคำตอบลงในสมุดบันทึก องตนเอง (สงสยั และสมมติฐาน) การลำเลียงสารโดยการสร้างถุงจาก ประเภท อะไรบ้าง รสนเทศ รียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 น ั ก เ ร ี ย น ต ั ว แ ท น ก ล ุ ่ ม อ อ ก ม า รั บ ำกจิ กรรม ดงั นี้ แสดงการลำเลียงสารโดยการสร้าง ลลแ์ ตล่ ะประเภท สดงการลำเลยี งสารโดยการสร้างถุง ยอื่ หุ้มเซลลแ์ ต่ละประเภท
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 1.2 ใบความร ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ถุงจากเย่ือหมุ้ เซล 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร 1.3 กระดาษ (การพูด การเขยี น) 1.4 ปากกาส 2. ความสามารถในการคิด 2. ครูให้นักเรีย เปรียบเทียบควา (การสังเกต วิเคราะห)์ โดยการสร้างถุงจ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต นักเรียนเขียนร เตรียมให้ (วเิ ครา (กระบวนการกลมุ่ ) 3. ครูให้นักเรีย 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา สารโดยการสร้าง (-) ครูเตรียมให้ และ การสืบคน้ ดังน้ี ( 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3.1 การลำเล (การสืบค้นขอ้ มลู จากอนิ เตอร์เน็ท) เซลล์ แบ่งออกเป 3.2 การลำเ ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) แตกตา่ งกนั หรือไ มุง่ ม่นั ในการทำงาน ให้นักเรียนบ รายวชิ าของตนเอ
69 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ รู้ เร่อื ง การลำเลียงสารโดยการสรา้ ง ลล์ ษ A3 สี ยนแต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกต และ ามแตกต่างระหว่างการลำเลียงสาร จากเยื่อหุ้มเซลล์แต่ละแบบ โดยให้ ระบุความแตกต่างลงในภาพที่ครู าะห)์ ยนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการลำเลียง งถุงจากเยื่อหุ้มเซลล์จากใบความรู้ท่ี ะอนิ เทอรเ์ น็ต โดยกำหนดประเดน็ ใน (วางแผน) ลียงสารโดยการสร้างถุงจากเยื่อหุ้ม ป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง เลียงสารแต่ละประเภทมีความ ไม่ อยา่ งไร บันทึกข้อมูลที่ได้ลงในสมุดประจำ อง
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ขน้ั สรา้ งความร 1. ครูให้นักเร กราฟฟิกลงในก กำหนดประเด็นท 1.1 ประเภท จากเยอื่ หมุ้ เซลล์ 1.2 ลักษณะ สร้างถงุ จากเย่ือห 2. ครูสรุปความ เรื่อง การลำเลีย เซลล์ (สรุป) ขัน้ สอื่ สาร 1. ครูให้นักเรีย ระหว่างการลำเล เซลลแ์ ต่ละแบบต 2. ครูให้นักเรีย ประเภทและลักษ การสร้างถุงจาก เรยี น
70 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รู้ รียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้างผัง กระดาษ A3 ที่ครูเตรียมให้ โดย ท่ีจะตอ้ งปรากฎในผงั กราฟฟิก ดงั น้ี ทของการลำเลียงสารโดยการสร้างถุง สำคัญของการลำเลียงสารโดยการ หุ้มเซลล์ (ส่ือความหมาย) มรู้ที่ถูกต้องโดยใช้สื่อพาวเวอร์พอ้ ย ยงสารโดยการสร้างถุงจากเยื่อหุ้ม ยนแต่ละกลุ่มนำเสนอความแตกต่าง ลียงสารโดยการสร้างถุงจากเยื่อหุ้ม ตามความคดิ เหน็ ของกลมุ่ ตนเอง ยนออกมานำเสนอผังกราฟฟิกแสดง ษณะสำคัญของการลำเลียงสารโดย กเยื่อหุ้มเซลล์ ด้วยวาจาที่หน้าช้ัน
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ขน้ั ตอบแทนสัง 1. ครูให้นักเร ถกู ตอ้ งท่ีสุดตดิ แส แต่ละคนไดศ้ ึกษา 2. ครูมอบหม ลำเลียงสารผ่านเข
71 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ งคม รียนร่วมกันคัดเลือกผังกราฟฟิกที่ สดงภายในหอ้ งเรียน เพื่อใหน้ กั เรียน าข้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ ง มายให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การ ข้าออกเซลล์
โรงเรียนสรร กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทย แผนการจดั การเรียนร ภาคการศึกษาตน้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4/พ และ 4/1 สาระชีววิทยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของสิง่ มีชีวิต การศึกษาชวี วทิ ยา และ ผลการเรยี นรู้ ของส่ิงมีชวี ิต กล้องจลุ ทรรศน์ โครงสรา้ ง และหน้าทีข่ อง เซลล์ ม.4/14 อธิบาย และเปรยี บเทยี บการแพร่ ออสโมซสิ ก
72 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รู้ เร่อื ง การออสโมซิส รายวชิ า ว30251 ชีววทิ ยา 1 ผู้สอน นายเรวตั ร อยู่เกิด ะวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ สารทีเ่ ป็นองค์ประกอบของส่ิงมีชีวติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับ การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต และแอกทีฟทรานสปอรต์
วัตถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นกั เรียนสามารถ ด้านความร(ู้ K) ข้ันระบปุ ัญหา 1. บอก ก า ร อ อ ส โ ม ซ ิ ส ( Osmosis) ห ม า ย ถึ ง 1. ครใู หน้ ักเรีย ความหมายของการ ออสโมซสิ ได้ (K) กระบวนการแพร่ของน้ำจากบริเวณที่มี demonstration โมเลกุลน้ำมาก ไปยังบริเวณที่มีโมเลกุลน้ำ ประเดน็ ในการศึก 2. ระบุประเภท 1.1 ไข่ที่แช่อ ของสารละลายท่ี นอ้ ย ใสมีลกั ษณะเปลย่ี สารละลายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ เกย่ี วข้องกบั การ 1.2 นักเรยี นค ออสโมซิสได้ (K) ออสโมซสิ ไดแ้ ก่ 3. สรา้ งผงั กับอะไร 1. สารละลายไฮเพอร์โทนิค (Hypertonic 1.3 จากวดี ิท กราฟฟิกเกย่ี วกับ กระบวนการ solution) เปน็ สารละลายที่มคี วามเข้มข้นสูง ดงั กล่าว เกี่ยวขอ้ กว่าภายในเซลล์ จึงทำให้น้ำแพร่ออกจาก 2. ครูระบคุ ำถา ออสโมซสิ ได้ (P) “นักเรียนทราบ 4. เป็นผู้มีความ เซลล์ทำให้เซลล์เกิดอาการเหี่ยว เรียก และสารละลายท ม่งุ มน่ั ในการทำงาน ปรากฎการณท์ ่ีเซลล์เหย่ี วน้วี ่า พลาสโมไลซิส ซสิ มีอะไรบา้ ง” (Plasmolysis) (A) ครูเปิดโอกาสใ 2. สารละลายไฮโพโทนิค (Hypotonic สมุดบันทึกประจ solution) เป็นสารละลายที่มีความเข้มข้นต่ำ สมมตฐิ าน) กว่าภายในเซลล์ จึงทำให้น้ำแพร่เข้าสู่เซลล์ คำถามสำคญั คว ทำให้เซลล์เกิดอาการเต่ง ถ้าหากเป็นเซลล์ กบั กระบวนการอ สตั วเ์ ซลลอ์ าจจะแตกได้ เรยี ก พลาสโมไทซิส (Plasmoptysis)
73 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. รปู ภาพแสดง 1. ประเมินการบอก ยนชมวดี ทิ ศั น์ เร่ือง Osmosis การเปล่ียนแปลง ความหมายของการออสโม n with the raw egg โดยกำหน ด ข อ ง เ ซ ล ล ์ ใ น ซสิ , การระบุประเภทของ กษา ดงั น้ี (สิง่ เร้าและสงั เกต) สารละลายแบบ สารละลายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั อยู่ในสารสีน้ำตาลและสารละลายสี ตา่ ง ๆ การออสโมซสิ และการ ยนแปลงไปอยา่ งไรบ้าง 2. กระดาษ A3 สรา้ งผังกราฟฟิก โดยใช้ คดิ วา่ การเปลย่ี นแปลงของไข่ข้ึนอยู่ 3. ปากกาสี แบบประเมินผงั กราฟฟกิ 4. สื่อพาวเวอร์ 2. ประเมนิ ความมุ่งมนั่ ใน ทัศน์ นกั เรียนทราบหรอื ไมว่ า่ วีดิทัศน์ พ้อย เรื่อง การ การทำงานโดยใช้แบบ องกบั กระบวนการใด ออสโมซิส ประเมนิ ความมุ่งม่ันในการ ามสำคญั ดงั น้ี ทำงาน บหรือไม่ว่าการออสโมซิส คืออะไร ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการออสโม- ให้นักเรียนเขียนตอบคำถามลงใน จำรายวิชาของตนเอง (สงสัยและ วามหมายและสารละลายทเ่ี กี่ยวข้อง ออสโมซิส
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 3. สาร ละ ลายไ อ โ ซ โ ท น ิก ( Isotonic ขน้ั แสวงหาสาร solution) สารละลายทีม่ ีความเข้มขน้ เท่ากัน 1. ครูแบ่งนักเร กับภายในเซลล์ จึงทำให้อัตราการแพร่เข้า คน จากนั้นให้น อปุ กรณใ์ นการทำ แพร่ออกของน้ำเท่ากนั 1.1 รูปภาพแ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สารละลายแบบต 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร (การพูด การเขียน) 2. ความสามารถในการคดิ (การสังเกต วิเคราะห)์ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (กระบวนการกลุ่ม) 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา ภาพท่ี 1 ภาพ (-) ในส 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 1.2 ใบความร (การสืบค้นข้อมลู จากอนิ เตอร์เนท็ ) ถุงจากเยือ่ หมุ้ เซล 1.3 กระดาษ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1.4 ปากกาส ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 2. ครูให้นักเรีย เปรียบเทียบควา คอลมั ภ์ โดยใหน้ ภาพทค่ี รูเตรียมให
74 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รสนเทศ รียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 น ั ก เ ร ี ย น ต ั ว แ ท น ก ล ุ ่ ม อ อ ก ม า รั บ ำกจิ กรรม ดังน้ี แสดงการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ใน ต่าง ๆ พแสดงการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ สารละลายแบบตา่ ง ๆ รู้ เรื่อง การลำเลยี งสารโดยการสรา้ ง ลล์ ษ A3 สี ยนแต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกต และ ามแตกต่างระหว่างเซลล์ในแต่ละ นกั เรียนเขยี นระบคุ วามแตกต่างลงใน ห้ (วเิ คราะห์)
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 3. ครูให้นักเรีย ซิสจากอินเทอร สืบคน้ ดังน้ี (วาง 3.1 การออส 3.2 สารละล ออสโมซสิ มกี ่ีประ 3.3 เซลล์ที่อ เปลี่ยนแปลงไปอ ขนั้ สรา้ งความร 1. ครูให้นักเร กราฟฟิกลงในก กำหนดประเดน็ ท 1.1 ความหม 1.2 ประเภท กระบวนการออส 1.3 การเปล สารละลายแตล่ ะ 2. ครูสรุปความ เร่อื ง การออสโมซ
75 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ยนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการออสโม ร์เน็ต โดยกำหนดประเด็นในการ งแผน) สโมซสิ หมายถึงอะไร ลายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ะเภท อะไรบ้าง อยู่ในสารละลายแต่ละประเภทมกี าร อยา่ งไร รู้ รียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้างผัง กระดาษ A3 ที่ครูเตรียมให้ โดย ที่จะตอ้ งปรากฎในผงั กราฟฟิก ดงั นี้ มายของการออสโมซิส ท ข อ ง ส า ร ล ะ ล า ย ท ี ่ เ ก ี ่ ย ว ข ้ อ ง กั บ สโมซสิ ลี่ยนแปลงของเซลล์เมื่ออยู่ใน ะประเภท (ส่ือความหมาย) มรู้ที่ถูกต้องโดยใช้สื่อพาวเวอร์พอ้ ย ซสิ (สรปุ )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261