Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3. แผนการจัดการเรียนการสอนรายวิชาชีววิทยา 1 (ว30251)

3. แผนการจัดการเรียนการสอนรายวิชาชีววิทยา 1 (ว30251)

Published by Rawat Yukerd, 2021-07-04 04:00:37

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา 1 (ว30251) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนสรรพยาวิทยา จัดทำโดย นายเรวัตร อยู่เกิด

Search

Read the Text Version

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ความรู้ (K) ขั้นนำ 1. อธบิ าย ลิพิด (lipid) ประกอบด้วยธาตุหลัก คือ 1. ครรู ะบคุ ำถา โครงสรา้ งของลิพดิ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซเิ จน โดยอตั ราส่วน 1.1 โครงสร ได้ (K) ของไฮโดรเจนต่อออกซเิ จน ไม่เท่ากับ 2 ต่อ หลากหลายอย่าง 2. อธิบาย 1 บางชนิดอาจมีธาตุไนโตรเจนและ ความสำคญั ของ ฟอสฟอรสั ด้วย 1.2 ลิพิดมคี 2. ครูใหน้ ักเรยี น ลพิ ดิ ทม่ี ีต่อส่งิ มชี ีวิต ได้ (K) ลพิ ดิ ไมม่ ีลกั ษณะเปน็ มอนอเมอร์ ขัน้ สอน ประเภทของลิพิดอาจจัดกลุ่มไดเ้ ป็น 1. ครูทบทวนคว 1. ลิพิดเชิงเดี่ยว (simple lipid) ไม่มีลกั ษณะเปน็ พ เป็นกรดไขมันและแอลกอฮอล์ เช่น ไขมัน 2. ครูแสดงภาพ คำถามดังน้ี (fat) และไข (wax) 2. ลิพิดเชิงซ้อน (complex lipid) ความแตกต่างกนั เป็นกรดไขมัน แอลกอฮอล์ และสารอื่นมา เชื่อมต่อ เช่น ฟอสโฟลิพิด (phospholipid) นักเรียนจะให้คว และไกลโคลิพดิ (glycolipid) กรดไขมันไมอ่ ่ิมต 3. อนุพันธ์ลิพิด (derived lipid) มี จากคำต โครงสร้างท่ีต่างไปจากลิพิดทัว่ ไป โดยทั่วไปมี ความหมายและแ ลักษณะเป็นวงแหวน 4 วง เช่น สเตอรอยด์ นกั เรยี น (ถา้ มี) ข (steroid)

26 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. สอื่ พาวเวอร์ 1. ประเมินผลการอธบิ าย โครงสรา้ ง และ ามสำคัญ ดังนี้ พ้อยเรอื่ ง ลิพดิ ความสำคญั ของลพิ ดิ จาก แบบประเมนิ ใบงาน/แบบ ร้างของลิพิดอย่างไร และมีความ บันทกึ กิจกรรม งไรบ้าง ความสำคัญอยา่ งไรต่อส่ิงมชี ีวติ นคาดคะเนคำตอบของคำถามสำคัญ วามรู้ที่ว่า ลิพิดเป็นสารชีวโมเลกุลท่ี พอลิเมอร์ พกรดไขมัน 2 ประเภท จากนั้นใช้ 2.1 กรดไขมันทั้ง 2 ประเภทมี นอยา่ งไร 2.2 จากความแตกต่างที่สังเกตได้ วามหมายของกรดไขมันอิ่มตัวและ ตัวไดอ้ ย่างไร ตอบที่ 2.2 ของนักเรียน ครูสรุป แก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของ ของกรดไขมันอมิ่ ตัวและกรดไขมนั ไม่

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ กรดไขมัน (fatty acid) เป็นสาย อม่ิ ตัว และอธิบาย ไฮโดรคาร์บอนที่มีหมู่คาร์บอกซิลอยู่ปลาย form ของกรดไข ด้านหนึ่ง โดยจำนวนคาร์บอนที่มีส่งผลต่อ 3. ครูแสดงภาพ สมบตั ิ พื้นฐานของลิพดิ เ กรดไขมันแบง่ ได้ 2 ประเภท โดยใช้ อย่างไร ชนิดของพันธะระหว่างอะตอมคาร์บอนเป็น เกณฑ์ กับกรดไขมันทั้ง 1. กรดไขมันอิ่มตัว (saturated อะไร fatty acid) มีเฉพาะพันธะเดี่ยวระหว่าง อะตอมคาร์บอน ไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยา ไขมันทีป่ ระกอบ มักพบในไขมันสัตว์ มะพร้าว ปาลม์ ไขมันอม่ิ ตัวหรอื ไ 2 . ก ร ด ไ ข ม ั น ไ ม ่ อ ิ ่ ม ตั ว กลเี ซอไรด์หรอื ไม (unsaturated fatty acid) มีพันธะค่รู ะหวา่ ง เพ่มิ เตมิ เร่ืองไขมัน อะตอมคารบ์ อน วอ่ งไวตอ่ ปฏกิ ริ ิยา มักพบใน 4. ครแู สดงภาพฟ นำ้ มันพืช (oil) ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) คือ อยา่ งไร กรดไขมัน 3 โมเลกุล ที่ทำปฏิกิริยากับ แอลกอฮอล์ท่เี รยี กว่า กลีเซอรอล (glycerol) เหมือนหรอื แตกต เกิดปฏิกิริยาการดึงน้ำออก เกิดพันธะโคเว เลนต์ ช่ือว่า พนั ธะเอสเตอร์ (ester bond) องคป์ ระกอบหลัก

27 กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ยเพ่มิ เตมิ เร่ือง cis form และ trans ขมนั ไมอ่ ิ่มตัว พไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นรูปแบบ เชิงเดี่ยว จากน้นั ใช้คำถามดงั นี้ 3.1 ไตรกลเี ซอไรด์ มีองค์ประกอบ 3.2 กลีเซอรอลหรือแอลอกอฮอล์ 3 โมเลกุล เชื่อมต่อกันด้วยพันธะ 3.3 นักเรียนคิดว่าชนิดของกรด บขึน้ เป็นไตรกลีเซอไรด์ หากเป็นกรด ไมอ่ ่ิม จะส่งผลต่อคุณสมบัติของไตร ม่ อย่างไร จากคำตอบที่ 3.3 ครูอธิบาย นอ่มิ ตัวและไขมันไม่อม่ิ ตวั ฟอสโฟลพิ ดิ จากนนั้ ใช้คำถามดังนี้ 4.1 ฟอสโฟลิพิด มีโครงสร้าง 4.2 โครงสร้างของฟอสโฟลิพิด ตา่ งจากไตรกลเี ซอไรด์ 4.3 โครงสรา้ งท่มี ฟี อสโฟลิพิดเป็น ก คือโครงสร้างใดของสงิ่ มีชวี ติ

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ หน้าท่ขี องฟอสโฟ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 5. ครูอ 1. ความสามารถในการในการสอื่ สาร และไกลโคลิพิด (การพูด การเขยี น) ขนั้ สรุป 2. ความสามารถในการคิด 1. ครูและนักเรีย ประเดน็ สำคญั ดัง (การวิเคราะห์ การสรุป) 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 1.1 โคร 1.2 ควา (กระบวนการกล่มุ ) 1.3 ควา 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา (-) 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (-) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ทกั ษะกระบวนการทำงานเปน็ กลมุ่

28 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ จากนั้นครูสรุปเรื่องโครงสร้างและ ฟลพิ ิด อธิบายเพิ่มเติมเรื่องสเตอรอยด์ ไข ยนร่วมกันสรุปความรู้ด้วยวาจา ใน งน้ี รงสร้างของลิพิด ามหลากหลายของลิพดิ ามสำคญั ของลิพดิ ต่อสงิ่ มชี วี ติ

โรงเรียนสรร กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทย แผนการจัดการเรยี นร ภาคการศกึ ษาตน้ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/พ และ 4/1 สาระชีววทิ ยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของสิ่งมชี ีวติ การศกึ ษาชวี วทิ ยา และ ผลการเรยี นรู้ ของสิ่งมชี วี ิต กลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสรา้ ง และหน้าทข่ี อง เซลล์ ม.4/7 อธิบายโครงสร้างของกรดนวิ คลอี กิ และระบชุ นิด

29 รพยาวทิ ยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รู้ เรอื่ ง กรดนวิ คลอี กี รายวิชา ว30251 ชีววิทยา 1 ผูส้ อน นายเรวัตร อยูเ่ กิด ะวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ สารทีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบของสงิ่ มีชีวติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดับ ดของกรดนิวคลีอิก และความสำคญั ของกรดนิวคลอี กิ ท่ีมตี ่อสง่ิ มีชีวิต

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ความรู้ ข้ันนำ 1. อธิบาย กรดนิวคลิอิก (nucleic acid) เป็นสาร 1. ครูระบุคำถาม โครงสร้างและ โมเลกุลใหญ่ ประกอบขึ้นจากหน่วยย่อยชื่อ 1.1 โครงสรา้ องค์ประกอบของ วา่ นิวคลโี อไทด์ (nucleotide) DNA และ RNA เ นิวคลโี อไทด์ DNA นิวคลโี อไทด์ ประกอบดว้ ย 1.2 โครงสร้า และ RNA ได้ (K) 1. หมู่ฟอสเฟต ทำให้กรดนิวคลีอิก แตกตา่ งกนั อย่าง มปี ระจุลบ และเป็นกรด 2. เปรียบเทียบ 1.3 กรดนิวค ความแตกต่าง อย่างไร 2. น้ำตาลเพนโทส มีแตกต่างกันได้ 2. ครใู ห้นกั เรียน ระหวา่ งโครงสรา้ ง ของ DNA และ 2 ชนดิ คอื น้ำตาลไรโบส (คาร์บอนตำแหน่ง RNA ได้ (K และ P) 2 มีหมู่ไฮดรอกซิล) พบใน RNA และน้ำตาล ข้ันสอน ดีออกซีไรโบส (คาร์บอนตำแหน่ง 2 ไม่มี 1. ครูทบทวนค 3. ระบุ ความสำคัญของกรด หมู่ไฮดรอกซิล) พบใน DNA โมเลกุลที่มีลักษณ นิวคลอิ ิกทม่ี ตี ่อ 3. ไนโตรจีนัสเบส แบ่งได้เป็น 2 คอื นวิ ลโี อไทด์ สิง่ มชี ีวติ (K) กลมุ่ ตามจำนวนวงท่ีเชือ่ มกัน คือ กลุ่มเบสพิ 2. ครูแสดงภาพ วรีน (purine) และกลุ่มเบสไพร ิม ีดีน จากน้นั ใชค้ ำถาม (pyrimidine) แตกต่างกันได้ 5 ชนิด ได้แก่ ไซโทซีน (cytosine) ไทมีน (thymine) ยูรา ซิล (uracil) อะดีนีน (adenine) และกวานนี (guanine) โดย เบสยูราซิล พบเฉพาะ RNA และไทมนี พบเฉพาะ DNA

30 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ 1. สอ่ื พาวเวอร์ 1. ประเมินการอธบิ าย มสำคัญ ดงั น้ี พ้อยเร่ือง โครงสรา้ งและองค์ประกอบ เปรียบเทียบความแตกต่าง างและองคป์ ระกอบของนิวคลีโอไทด์ สารประกอบ ระหวา่ งโครงสร้างของ DNA เป็นอยา่ งไร คารบ์ อนใน และ RNA จากแบบประเมิน ใบงาน/แบบบนั ทึกกิจกรรม างของ DNA และ RNA เหมือนหรือ สง่ิ มชี วี ิต – กรด งไร นวิ คลอิ ิก คลิอิกมีความสำคัญต่อต่อสิ่งมีชีวิต นคาดคะเนคำตอบของคำถามสำคญั ความรู้ที่ว่า กรดนวิ คลอิ ิกเป็นสารชีว ณะเป็นพอลิเมอร์ โดยมีหน่วยย่อย พองค์ประกอบของนิวคลีโอไทด์ ม ดังนี้

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ เมื่อนิวคลีโอไทด์ 2 โมเลกุลมา เชื่อมต่อกัน จะมีการดึงน้ำออก มีการเชื่อม กันของหมู่ไฮดรอกซิลที่คาร์บอนตำแหน่งที่ 3 กับ หมู่ฟอสเฟตที่คาร์บอนตำแหน่งที่ 5 ของอกี นวิ คลีโอไทด์ เกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ท่ีมี ช ื ่ อ เ ฉ พ า ะ ว ่ า ฟ อ ส โ ฟ ไ ด เ อ ส เ ต อ ร์ (phosphodiester bond) โดยนิวคลีโอไทด์ 1.1 โค หลาย ๆ โมเลกุลเชือ่ มต่อ เรยี กว่าพอลินิวคลี ขน้ึ จากอะไรบา้ ง โอไทด์ (polynucleotide) 1.2 น ของ กรดนวิ คลิอิก มี 2 ชนิด 1 . RNA (ribonucleic acid) 1.3 ไน ประกอบด้วยโพลนี ิวคลีโอไทด์ 1 สาย จากนิ ของนวิ คลโี อไทด์ วคลีโอไทด์ที่มีเบส อะดีนีน ยูราซิล กวานีน 1.4 กา และ ไซโทซนี เปน็ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบของ 2. DNA (deoxyribonucleic acid) นวิ คลิอิกอยา่ งไร จากนั้น ประกอบด้วยโพลีนวิ คลโี อไทด์ 2 สาย จากนิ วคลีโอไทด์ที่มีเบส อะดีนีน ไทมีน กวานีน ความรู้และแก้ไ และ ไซโทซีน เรียงสลับทิศทางกัน โดย นักเรยี น (ถา้ มี) ตำแหน่งเบสแต่ละคู่ ยึดกันด้วยพันธะ โอไทด์ ไฮโดรเจน โดยจบั คู่กันอย่างจำเพาะ หรือเบส คู่สม นั่นคือ เบสอะดีนีนจบั พันธะค่กู ับไทมนี

31 กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ครงสร้างของนิวคลีโอไทด์ ประกอบ ้ำตาลเพนโทสที่เป็นองค์ประกอบ นวิ คลไี ทด์ มีกี่ชนดิ อะไรบ้าง นโตรจีนัสเบสที่เป็นองค์ประกอบ มีกี่ชนิด อะไรบา้ ง ารมีชนิดของน้ำตาลที่ต่างกันเป็น งนวิ คลโี อไทด์ สง่ ผลตอ่ ชนดิ ของกรด นคำตอบท่ี 1.4 ของนักเรียน ครูสรุป ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของ เรื่องโครงสร้างและชนดิ ของนวิ คลี

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ และเบสไซโทซีนจับพันธะสามกับกวานีน มี 3. ครูอธิบายเร โครงสร้างเป็นสายคู่ (double helix) บิด ปฏิกิริยาดึงน้ำออ เกลียวคลา้ ยบนั ไดเวยี นขวา ฟอสโฟไดเอสเตอ กรดนิวคลีอิก ทำหน้าที่เป็นข้อมูล ทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่สามารถ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นตลอดจนทำหน้าท่ี ควบคุมการสังเคราะห์โปรตนี ท่ีทำหน้าท่ตี ่าง ๆ ในรา่ งกาย นิวคลีโอไทด์บางชนิด เช่น ATP จัดเป็นสารตัวกลางท่ีสำคัญในการสะสมและ ปลดปล่อยพลังงานและอนุพันธ์ของนิวคลีโอ ไทด์บางชนิด เชน่ NAD+ FAD ทำหน้าที่เป็น 4. ครูแสดงภาพ จากนน้ั ใช้คำถาม ตัวรับและปลดปล่อยอเิ ลก็ ตรอน 4.1 นิว ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ความสามารถในการในการสอื่ สาร น้ำตาลเพนโทสช 4.2 นิว (การพูด การเขียน) นำ้ ตาลเพนโทสช 2. ความสามารถในการคดิ 4.3 นิว (การวิเคราะห์ การสรุป) 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ไนโตรจนี สั เบสชน 4.4 นิว (กระบวนการกลุ่ม) ไนโตรจีนัสเบสชน

32 กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ รื่องการต่อสายของนิวคลีโอไทด์ อก และตำแหน่งของการเกิดพันธะ อร์ พโครงสร้างของ DNA และ RNA มดังน้ี วคลิโอไทด์ของ RNA ประกอบด้วย ชนิดใด วคลิโอไทด์ของ DNA ประกอบด้วย ชนิดใด วคลิโอไทด์ของ RNA ประกอบด้วย นดิ ใดบา้ ง วคลิโอไทด์ของ DNA ประกอบด้วย นิดใดบา้ ง

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ 4.5 RN 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา ไทดก์ ส่ี าย และมีร (-) 4.6 DN 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ไทด์กส่ี าย และมีร (-) จากนั้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ความรู้และแก้ไ ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ นักเรยี น (ถ้าม)ี เร RNA และ DNA 5. ครอู ธบิ ายควา และ DNA ต่อสิ่ง หนา้ ท่ีบางอยา่ งข ขัน้ สรปุ 1. ครแู ละนักเร ประเดน็ สำคัญดัง 1.1 โคร โอไทด์ DNA และ 1.2 คว โครงสร้างของ DN 1.3 คว ส่งิ มีชวี ิต 2. ครูให้นักเรีย เอกสารประกอบ

33 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ NA ประกอบด้วยสายพอลีนิวคลีโอ รูปรา่ งอย่างไร NA ประกอบด้วยสายพอลีนิวคลีโอ รูปร่างอยา่ งไร นคำตอบ ของนักเรียน ครูสรุป ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของ รื่องโครงสรา้ งของกรดนวิ คลอิ กิ ชนิด ามสำคญั ของกรดนวิ คลอิ ิกชนดิ RNA งมีชีวิต และให้ความรู้เพิ่มเติมถึง ของอนุพนั ธข์ องนวิ คลโี อไทด์ รยี นร่วมกันสรปุ ความรู้ดว้ ยวาจา ใน งนี้ รงสร้างและองค์ประกอบของนิวคลี ะ RNA วามเหมือนหรือแตกต่างของ NA และ RNA ว า ม ส ำ ค ั ญ ข อ ง ก ร ด น ิ ว ค ล ิ อ ิ ก ต่ อ ยนทำตัวอย่างข้อสอบระดับชาติใน บการเรียน



34

โรงเรียนสรร กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทย แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง โครงสรา้ งพ ภาคการศกึ ษาตน้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4/พ และ 4/1 สาระชีววทิ ยา 1. เข้าใจธรรมชาติของสิง่ มชี ีวติ การศึกษาชวี วทิ ยา และ ผลการเรยี นรู้ ของสิง่ มชี วี ิต กลอ้ งจลุ ทรรศน์ โครงสรา้ ง และหนา้ ทีข่ อง เซลล์ ม.4/11 อธิบายโครงสรา้ งและหน้าทีข่ องสว่ นทหี่ อ่ หุ้มเซ

35 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี พื้นฐานของเซลล์ และสว่ นห่อห้มุ เซลล์ รายวชิ า ว30251 ชวี วทิ ยา 1 ผสู้ อน นายเรวัตร อยเู่ กดิ ะวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารทเ่ี ปน็ องค์ประกอบของสิ่งมีชวี ติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลยี งสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดับ ซลล์พืช และเซลล์สตั ว์

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความรู้(K) ขนั้ ระบปุ ัญหา 1. ระบโุ ครงสรา้ ง เซลล์(Cell) เป็นหน่วยที่เล็กของสิ่งมีชีวิต 1. ครูให้นักเร พ้นื ฐานของเซลล์ได้ ในร่างกายสิ่งมีชีวิตประกอบไปด้วยเซลล์ Organ System( (K) จำนวนมาก ทม่ี ขี นาดและรูปร่างตา่ ง ๆ กนั ศึกษา ดงั น้ี(สังเก 2. อธิบายหนา้ ที่ เซลล์มีโครงสรา้ งพ้ืนฐานแบง่ ได้เปน็ 3 1.1 หน่วยท ของสว่ นหอ่ ห้มุ เซลล์ สว่ นใหญ่ ๆ คือ (ร่างกายของส่ิงม ได้ (K) 1. ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ 1.2 หนว่ ยท่ีเ 3. ทำงานร่วมกนั (Cell Membrane) และ ผนงั เซลล์ (Cell 1.3 เซลล์ที่อ เป็นกลุม่ ได้ (P) Wall) บรเิ วณมลี ักษณะ 2. ไซโทพลาสซมึ (Cytoplasm) 2. จากน้นั ครูระ 3. นวิ เคลียส (Nucleus) 2.1 นักเรียน ของเซลลป์ ระกอบ สว่ นท่ีหอ่ หมุ้ เซลล์ เปน็ โครงสรา้ งที่อยู่นอก 2.2 นักเรียน สุดของเซลล์ ทำหน้าที่ห่อหุ้มเซลล์ให้คง หนา้ ที่หอ่ หุ้มและ รูปร่างอยไู่ ด้ ประกอบไปด้วย คำถามสำคัญ 1. เยื่อหุ้มเซลล์ ( Cell Membrane, ประกอบด้วยอะ Plasma membrane) แตกตา่ งกันอยา่ ง ประกอบไปด้วยสารพวกฟอสลิพิดเรียงตัว กันเป็น 2 ชั้น และมีคอเลสเตอรอล โปรตีน ข้ันแสวงหาสาร และคาร์โบไฮเดรต แทรกหรือเกาะอยู่ในบาง 1. ครูแจกรูปภ บริเวณด้วย เยื่อหุ้มเซลล์จะพบในเซลล์ของ ให้นักเรียนสังเก สิ่งมีชีวิตทกุ ชนิด ทำหน้าที่เป็นเยื่อเลือกผ่าน ระหวา่ งเซลล์พืชแ

36 กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ 1. สอ่ื พาวเวอร์ 1. ประเมนิ การอธิบาย รียนชมวีดิทัศน์ เรื่อง Cell Tissue พ้อย เร่อื ง ระบโุ ครงสร้างพื้นฐานของ (สิ่งเร้า) โดยกำหนดประเด็นที่จะ โครงสรา้ งพื้นฐาน เซลล์และการเปรยี บเทียบ กต) ของเซลล์และส่วน ความแตกต่างระหว่างเยอ่ื ที่ใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิตคืออะไร หอ่ หมุ้ เซลล์ ห้มุ เซลลแ์ ละผนงั เซลล์โดย มีชีวติ ) 2. ใบงาน เรือ่ ง ใช้แบบประเมินชน้ิ งาน เล็กทส่ี ดุ ของสิ่งมีวิตคอื อะไร (เซลล์) โครงสรา้ งพื้นฐาน 2. ประเมินความมงุ่ มนั่ ใน อยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตแต่ละ ของเซลลแ์ ละส่วน การทำงานโดยใชแ้ บบ ะเหมอื นกันหรอื ไม่ อย่างไร หอ่ หมุ้ เซลล์ ประเมนิ ความมุ่งมน่ั ในการ ะบคุ ำถามสำคัญ ดงั นี้ (สงสัย) ทำงาน นทราบหรือไม่ว่าโครงสร้างพื้นฐาน บไปดว้ ยอะไรบ้าง นคิดว่าโครงสร้างพื้นฐานใดที่ช่วยทำ ะเสรมิ สร้างความแข็งแรงของเซลลไ์ ด้ ญ โครงสร้างพื้นฐานของเซล์ ไรบ้าง, ส่วนห่อหุ้มเซลล์มีอะไรบ้าง งไร รสนเทศ ภาพเซลล์พืชและเซลล์สัตว์อย่างง่าย กตและเปรียบเทียบความแตกต่าง และเซลล์สตั ว์ (วเิ คราะห์)

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ( Semipermeable membrane) ย อ ม ใ ห้ สารบางชนดิ ผา่ นเขา้ ออกได้เทา่ นั้น ผนงั เซลล์ (Cell wall) เป็นโครงสร้างที่อยู่นอกเยื่อหุ้มเซลล์อีก ชั้นหนึ่ง ประกอบด้วยสารจำพวก ภาพที่ 1 ภาพแส คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ เช่น เซลลูโลส จากนนั้ ใชค้ ำถาม ผนังเซลล์มหี น้าทปี่ อ้ งกันและเสรมิ สรา้ งความ 1.1 จากภาพ แข็งแรงให้แก่เซลล์พืชทุกชนิด นอกจากน้ัน ผนังเซลล์ยังสามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตเซลล์ สัตว์มีโรงสร้างใด เดยี ว รา และแบคทีเรียบางชนิด membrane), ไซ นวิ เคลยี ส(Nucle ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) 1.2 นักเรียน 1. ความสามารถในการในการสอื่ สาร พน้ื ฐานของเซลล (การพูด การเขียน) 2. ครูให้นักเรีย 2. ความสามารถในการคิด พื้นฐานของเซล (การสังเกต วเิ คราะห)์ ประเด็นในการสบื 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 2.1 โครงสร้า (กระบวนการกลุ่ม) อะไรบ้าง แต่ละโ 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2.2 โครงสร (-) 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ช่วยเสริมสร้างค เซลล์ (การสืบค้นข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต)

37 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ สดงเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์อย่างงา่ ย ม ดังน้ี พนักเรียนคิดว่าเซลล์พืชและเซลล์ ดเหมือนกันบ้าง (เยื่อหุ้มเซลล์(Cell ซโทพลาสซึม(Cytoplasm) และ eus)) นคิดว่าเราจะสามารถแบ่งโครงสร้าง ลอ์ อกไดเ้ ปน็ กสี่ ่วน อะไรบา้ ง ยนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้าง ลล์จากอินเทอร์เน็ต โดยกำหนด บค้น ดงั นี้ (วางแผน) างพื้นฐานของเซลล์ประกอบไปด้วย โครงสร้างมลี กั ษณะสำคญั อยา่ งไร ้างใดที่อยู่ด้านนอกสุดของเซลล์ ความแข็งแรงและรักษารูปร่างของ

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 3. ครูแจกภาพ มุ่งม่นั ในการทำงาน เซลล์ใหน้ ักเรยี น ภาพที่ 2 ภาพแส จากนั้นใช้คำถา 3.1 จากภาพ หรอื แตกตา่ งกันห 3.2 นักเรียน กล่าวคอื อะไร มหี 4. ครูมอบหมา เยื่อหุ้มเซลล์และ การสืบคน้ ดงั น้ี 4.1 เยื่อหุ้มเซ องคป์ ระกอบเปน็

38 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ พโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์และผนัง สดงโครงสร้างเยอื่ หุม้ เซลล์และผนัง เซลล์ ามดงั น้ี พโครงสร้างทั้งสองมีความเหมือหน หรือไม่ อยา่ งไร น ท ร า บ ห ร ื อ ไ ม ่ ว ่ า โ ค ร ง ส ร ้ า ง ดั ง หนา้ ทอี่ ย่างไรในเซลล์ ายให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ะผนังเซลล์ โดยกำหนดประเด็นใน ซลล์และผนังเซลล์ มีโครงสร้างและ นอย่างไร

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 4.2 เยื่อหุ้ม ความสำคัญอย่าง ขัน้ สรา้ งความร 1. ครูให้นักเร แลกเปลี่ยนควา กำหนดเวลาให้พ นาที 2. ครูให้นักเรีย หนึ่งเป็นกลุ่ม 4 ความรปู้ ระมาณ 3. ครแู จกใบงา และส่วนห่อหุ้ม นักเรียนตอบคำ ครบถว้ น (สอ่ื ควา 4. ครูนำนักเรี พนื้ ฐานของเซลล เวอรพ์ ้อย เร่อื ง โ ห่อหุ้มเซลล์

39 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ มเซลล์และผนังเซลล์ มีหน้าที่/ งไร ภายในเซลล์ รู้ ร ี ย น จ ั บ ค ู ่ ก ั บ เ พ ื ่ อ น ท ี ่ น ั ่ ง ต ิ ด กั น ามรู้ที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลโดย พูดคุยแลกเปลีย่ นความรูป้ ระมาณ 3 ยนที่จับคู่กันแล้วรวมกลุ่มกับอีกคู่ 4 คนจากนั้นให้พูดคุยแลกเปลี่ยน 3 นาที าน เรอ่ื ง โครงสรา้ งพ้นื ฐานของเซลล์ มเซลล์ให้นักเรียนทุกคน โดยให้ ำถามลงในใบงานที่ครูแจกให้ให้ ามหมาย) ยนสรุปความรู้เกี่ยวกับโครงสร้าง ลแ์ ละส่วนห่อห้มุ เซลล์ โดยใช้ส่ือพาว โครงสร้างพ้ืนฐานของเซลล์และส่วน

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ขัน้ สื่อสาร 1. ครูให้นักเร กราฟฟิกสรุป เร ในสมุดบันทึกสว่ กราฟฟกิ ท่ีไดเ้ ปน็ ภาพท่ี 3 ภาพ โครง ข้นั ตอบแทนส 1. ครูมอบหมา แบบจำลองของเ โครงสร้าง/องค หน้าที่ เพื่อใช้เป็น นักเรยี นคนอืน่ ๆ เร่ืองเซลลข์ องตวั

40 กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ รียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสร้างผัง รื่อง โครงสร้างพื้นฐานของเซลล์ ลง วนตัวของตนเอง โดยแนวทางของผัง นดงั น้ี พแสดงแนวทางผังกราฟฟกิ เรื่อง งสรา้ งพนื้ ฐานของเซลล์ สังคม ายให้นักเรียนจบกลุ่มกันเพื่อสร้าง เซลล์จากดินน้ำมัน พร้อมทั้งระบุ ์ประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์และ นสื่อการจัดการเรียนการสอนให้แก่ ๆ และเพ่ือเป็นการเนน้ ย้ำความเขา้ ใจ วนกั เรยี นเอง

โรงเรียนสรร กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทย แผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง ภาคการศกึ ษาต้น ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/พ และ 4/1 สาระชีววิทยา 1. เข้าใจธรรมชาติของสง่ิ มีชีวติ การศึกษาชวี วทิ ยา และ ผลการเรยี นรู้ ของส่ิงมีชีวิต กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้าง และหน้าทข่ี อง เซลล์ ม.4/12 สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และระบุชนดิ และหน้าทข่ี

41 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ง ออรแ์ กเนลล์ทไ่ี มม่ เี ยือ่ ห้มุ รายวิชา ว30251 ชีววทิ ยา 1 ผ้สู อน นายเรวตั ร อยูเ่ กิด ะวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ สารทเ่ี ป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับ ของออร์แกเนลล์

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นกั เรียนสามารถ ด้านความร(ู้ K) ขนั้ ระบุปัญหา 1. ระบุชอื่ ออร์ ออรแ์ กเนลลท์ ีไ่ ม่มีเยอ่ื หุ้ม 1. ครูแสดงภาพ แกเนลล์ที่ไมม่ เี ยอื่ หุ้มได้ (K) 1. ไรโบ โซม ( Ribosome) เป็น อ อ ร์ พื้นฐานของเซลล 2. อธิบายหนา้ ท่ี ของออรแ์ กเนลล์ที่ แกเนลล์ขนาดเล็ก ประกอบด้วยหน่อยย่อย ไม่มีเย่ือหมุ้ ได้ (K) 2 หน่วย คือ หน่วยย่อยขนาดเล็กและหน่วย 3. ทำงานร่วมกัน เป็นกล่มุ ได้ (P) ย่อยขนาดใหญ่มีรูปร่างเป็นก้อน ทำหน้าท่ี 4. เปน็ ผูม้ ีความ สังเคราะห์โปรตีน ไรโบโซมพบ 2 บริเวณใน มุ่งมั่นในการทำงาน เซลล์ คือเกาะอยูท่ ี่ผิวนอกของ ER ทำหน้าที่ (A) เป็นแหล่งสร้างโปรตีนที่ใช้เป็นองค์ประกอบ ภาพท่ี 1 ภาพ ของเซลล์และส่งออกนอกเซลล์ และลอย พ้ืนฐานของเซล กระจายอยูใ่ นไซโทซอลทำหน้าทสี่ ร้างโปรตีน สำหรับใช้ภายในเซลล์ จากนนั้ ครูใช้คำ 2. เซนทริโอล (Centriole) เป็นบริเวณที่ 1.1 นักเรียน ยึดตดิ เส้นใยสปินเดิลชว่ ยในการเคล่ือนท่ีของ ระหว่างภาพทั้ง โครโมโซม และแยกโครมาทิดแต่ละคู่ออก ความคิดเห็นขอ จากกันขณะเซลล์แบ่งตัว เซนทริโอลพบอยู่ คำตอบที่ว่าบริเว เป็นคู่ โดยวางตั้งฉากกัน อยู่ใกล้ๆ เยื่อหุ้ม เพม่ิ เข้ามา) นิวเคลียส เซนทริโอลแต่ละอันประกอบด้วย 1.2 นักเรียน ห ล อ ด เ ล ็ ก ๆ เ ร ี ย ก ว ่ า ไ ม โ ค ร ท ิ ว บูล ดังกล่าวที่อยู่ในบ (microtubule) เรียงตัวกันเปน็ กลุม่ กลุ่มละ ความคิดเห็นของ 3 หลอด มีทั้งหมด 9 กลุ่ม แต่ละกลุ่ม ครูให้ความหมา เชือ่ มตอ่ กันเป็นแท่งทรงกระบอก ใช้ส่อื พาวเวอรพ์ อ้

42 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 1. สือ่ พาวเวอร์ 1. ประเมินการระบชุ อื่ พเปรียบเทียบระหว่างรูปโครงสร้าง พอ้ ย เรอ่ื ง ออร์ ออร์แกเนลลท์ ไ่ี ม่มีเย่อื หุ้ม ล์และรปู เซลลเ์ สมอื นจรงิ (สิ่งเรา้ ) แกเนลล์ท่ีไม่มีเยื่อ และการอธิบายหนา้ ท่ีของ หมุ้ ออร์แกเนลลท์ ีไ่ มม่ เี ยอื่ หมุ้ 2. บัตรขอ้ ความ โดยใชแ้ บบประเมินชนิ้ งาน 3. รูปภาพออร์ 2. ประเมินการทำงาน แกเนลล์ที่ไมม่ เี ย่ือ ร่วมกนั เป็นกลมุ่ โดยใช้แบบ ห้มุ ประเมินทกั ษะกระบวนการ พเปรียบเทยี บระหว่างรูปโครงสรา้ ง 4. แบบบันทึก กลมุ่ ลลแ์ ละรปู เซลล์เสมอื นจรงิ ของเซลล์ กิจกรรม เรื่อง 3. ประเมินความมุง่ มัน่ ใน สัตว์ ออร์แกเนลล์ที่ไม่ การทำงานโดยใชแ้ บบ มเี ยือ่ หมุ้ ประเมนิ ความมุง่ มัน่ ในการ ำถาม ดังน้ี (สงั เกต) นสังเกตเห็นความแตกต่างใดบ้าง 5. ใ บ ค ว า ม รู้ ทำงาน 2 ภาพ (คำถามปลายเปิดตอบตาม เรื่องออร์แกเนลล์ องนักเรียน ครูพยายามนำเข้าสู่ ไม่มเี ยื่อหุม้ วณไซโทพลาสซึมมีองค์ประกอบอื่น นทราบหรือไม่ว่าองค์ประกอบ บริเวณคืออะไร (นักเรียนตอบตาม งตนเอง) ายและประเภทของออรแ์ กเนลล์โดย อย เรอ่ื ง ออรแ์ กเนลล์ทไี่ มม่ เี ยือ่ หุ้ม

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 3. ไซโทสเกเลตอน (cytoskeleton) เปน็ 2. จากน้นั ครูระ เส้นใยโปรตีนที่เชื่อมโยงกันเป็นร่างแห เพ่ือ “นกั เรียนทราบห ค้ำจุนรูปร่างของเซลล์และเปน็ ที่ยึดเกาะของ อะไรบ้าง และแต ออร์แกเนลล์ ให้อยู่ตามตำแหน่งต่างๆ และ (สงสยั ) ทำหน้าที่ลำเลียงออร์แกเนลล์ให้เคลื่อนที่ พร้อมทั้งให้นัก ภายในเซลล์ ไซโทสเกเลตอนในเซลล์พืชและ สำคัญดังกล่าว โ สัตว์แบ่งได้เป็น 3 ชนิด ตามชนิดของหน่วย ตนเอง (สมมตฐิ า ย่อยท่ีเปน็ องค์ประกอบ ได้แก่ คำถามสำคัญ อ 1) ไมโครฟิลาเมนท์ (microfilament) แตล่ ะออรแ์ กเนล หรือ แอกทินฟิลาเมนท์ (actin filament) ประกอบด้วยโปรตีนแอกทิน (actin) ซึ่งมี ข้นั แสวงหาสาร รูปร่างกลมต่อกันเป็นสาย 2 สายพันบิดกัน 1. ครูแบ่งนักเร เปน็ เกลียว คน จากนั้นให้นัก 2 ) ไ ม โ ค ร ท ิ ว บ ู ล ( microtubule) กจิ กรรมหนา้ ห้อง ประกอบด้วยโปรตีนที่เรียกว่า ทิวบูลิน 1.1 บตั รข้อค (tubulin) เรยี งตอ่ กันเป็นสาย 1.2 รปู ภาพอ 3 ) อ ิ น เ ท อ ร ์ ม ี เ ด ี ย ท ฟ ิ ล า เ ม น ท์ 1.3 แบบบันท (intermediate filament) ประกอบดว้ ยเส้น มเี ยอื่ หุ้ม ใยโปรตีนหน่วยย่อยหลาย พบได้ที่โปรตีน 1.4 ใบความร เคราทินที่ผิวหนัง ขนและเล็บของสัตว์เลี้ยง 1.5 ปากกาส ลูกดว้ ยนม

43 กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ะบคุ ำถามสำคัญ ดงั น้ี หรอื ไมว่ า่ ออร์แกเนลล์ทไี่ ม่มีเย่ือหุ้มมี ต่ละออร์แกเนลล์มีหน้าที่อย่างไร” กเรียนตั้งสมมติฐานเพื่อตอบคำถาม โดยบันทึกลงในสมุดประจำวิชาของ าน) ออรแ์ กเนลลท์ ไี่ ม่มีเย่อื หุ้มมีอะไรบ้าง ลลท์ ำหนา้ ทอ่ี ยา่ งไรภายในเซลล์ รสนเทศ รียนออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 กเรียนออกมารับอุปกรณ์ในการทำ ง ซึ่งประกอบไปดว้ ย ความ ออร์แกเนลล์ท่ไี มม่ เี ยื่อหุ้ม ทึกกิจกรรม เรื่อง ออร์แกเนลล์ที่ไม่ ร้เู รอ่ื งออร์แกเนลล์ไม่มเี ยือ่ หมุ้ สี

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 2. ครใู ห้นกั เรีย ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ครูแจกให้นักเร ข้อมูลของออร์แ 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร ข้อความที่ไม่สมบ (การพดู การเขียน) จากอินเตอร์เน็ท 2. ความสามารถในการคดิ เพื่อนำมาเติมล กำหนดประเด็นใ (การสงั เกต วเิ คราะห)์ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 2.1 ชื่อของอ 2.2 บริเวณท (กระบวนการกล่มุ ) เซลล์ 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา 2.3 หนา้ ท่ขี อ (-) 3. เมื่อเติมข้อม ให้นักเรียนพิจา 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี จากนั้นจับคู่บัตร (การสบื คน้ ข้อมูลจากอินเตอรเ์ น็ท) ถกู ตอ้ ง ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) มงุ่ ม่นั ในการทำงาน ข้นั สรา้ งความร 1. ครูให้นักเรยี มีเยือ่ ห้มุ ลงในใบง พร้อมท้งั วาดรูปป

44 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ยนเรม่ิ ทำกิจกรรมโดยบตั รข้อความที่ รียนไปนั้นเป็นบัตรข้อความแสดง แกเนลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม ซึ่งเป็นบัตร บูรณ์ นักเรียนจะต้องสืบค้นข้อมูล ทหรือจากใบความรู้ที่ครูเตรียมให้ ลงในบัตรข้อความให้สมบูรณ์ โดย ในการสบื ค้น ดงั น้ี (วางแผน) ออรแ์ กเนลลด์ งั กล่าว ที่พบออร์แกเนลล์ดังกล่าวภายใน องออร์แกเนลล์ภายในเซลล์ มูลจนได้บัตรข้อความท่ีสมบูรณแ์ ล้ว ารณาข้อความที่สมบูรณ์ดังกล่าง รข้อความกับรูปภาพที่ครูแจกให้ให้ รู้ ยนบนั ทึกข้อมูลของออร์แกเนลล์ท่ีไม่ งาน เรอื่ ง ออรแ์ กเนลล์ทไี่ ม่มีเยื่อหุ้ม ประกอบใหส้ วยงาม(สื่อความหมาย)

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 2. ครูนำนักเรีย ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม โด แกเนลลท์ ่ีไมม่ เี ยือ่ ขั้นสื่อสาร 1. ครูให้ตัวแท นำเสนอบัตรข้อค แกเนลล์ที่คดิ ว่าถ 1 ออร์แกเนลล์ ท ขนั้ ตอบแทนส 1. ครูมอบหมา แบบจำลองของเ โครงสร้าง/องค หน้าที่ เพื่อใช้เป็น นกั เรียนคนอื่น ๆ เร่ืองเซลลข์ องตวั

45 กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ยนสรปุ ความรู้เกี่ยวกับออร์แกเนลล์ ดยใช้สื่อพาวเวอร์พ้อย เรื่อง ออร์ อหุ้ม (สรุป) ทนของนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมา ความของกลุ่มตนเอง โดยเลือกออร์ ถกู ต้องและครบถ้วนที่สุดมานำเสนอ ที่บรเิ วณหนา้ ช้นั เรียน สงั คม ายให้นักเรียนจบกลุ่มกันเพื่อสร้าง เซลล์จากดินน้ำมัน พร้อมทั้งระบุ ์ประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์และ นสื่อการจัดการเรียนการสอนให้แก่ ๆ และเพอ่ื เป็นการเน้นย้ำความเขา้ ใจ วนกั เรียนเอง

โรงเรยี นสรร กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทย แผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง อ ภาคการศกึ ษาตน้ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/พ และ 4/1 สาระชีววทิ ยา 1. เขา้ ใจธรรมชาติของส่งิ มชี ีวิต การศึกษาชีววทิ ยา และ ผลการเรียนรู้ ของส่ิงมชี ีวติ กลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสรา้ ง และหน้าทีข่ อง เซลล์ ม.4/12 สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย และระบุชนิดและหนา้ ทข่ี

46 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออร์แกเนลล์ทม่ี เี ยอ่ื หุ้มช้ันเดยี ว รายวิชา ว30251 ชีววทิ ยา 1 ผูส้ อน นายเรวัตร อยเู่ กดิ ะวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารทีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบของสิ่งมีชวี ิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ งเซลล์ การลำเลยี งสารเข้า และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดับ ของออรแ์ กเนลล์

วัตถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ด้านความร(ู้ K) ขนั้ ระบุปญั หา 1. ระบชุ อื่ ออร์ ออร์แกเนลลท์ ี่มีเยอ่ื หุ้มช้นั เดยี ว 1. ครูแสดงภาพ แกเนลลท์ ม่ี ีเย่ือหุม้ 1. เอนโดพลาสมกิ เรติคิวลมั พนื้ ฐานของเซลล ชน้ั เดียวได้ (K) ( Endoplasmic Reticulum ; ER) มี 2. อธบิ ายหน้าท่ี ลักษณะเป็นท่อแบนใหญ่หรือกลม บาง ของออร์แกเนลล์ที่มี บริเวณโป่งออกเปน็ ถงุ เรยี งขนานและซอ้ นกัน เยือ่ หุ้มชั้นเดยี วได้ เป็นชั้นๆ ภายในเซลล์มีของเหลวบรรจุอยู่ (K) และมีท่อเชื่อมถึงกันเป็นร่างแหอยู่ล้อมรอบ 3. ทำงานร่วมกัน นวิ เคลียสและเชื่อมกับเยอื่ หุ้มนวิ เคลยี ส ภาพท่ี 1 ภาพ เป็นกลมุ่ ได้ (P) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ พ้นื ฐานของเซล 4. เปน็ ผูม้ ีความ 1) เอนโดพลาสมิคเรติคิวลัมแบบผิว มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ขรุขระ(Rough Endoplasmic Reticulum ; จากน้นั ครใู ช้คำ (A) RER) ที่ผิวนอกมีไรโบโซมเกาะติดอยู่ทำให้ 1.1 นักเรียน มองดูคล้ายผิวขรุขระ ทำหน้าที่สังเคราะห์ ระหว่างภาพทั้ง โปรตีน โดยโปรตีนจะถูกห่อหุ้มในเวสิเคิล ความคิดเห็นขอ (Vesicle) และมีการส่งต่อไปยังกอลจิคอม คำตอบที่ว่าบริเว เพล็กซ์ (Golgi complex) จากนั้นลำเลียง เพิม่ เขา้ มา) สง่ ออกนอกเซลล์ 1.2 นักเรียน 2) เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรียบ ดังกล่าวที่อยู่ในบ ( Smooth Endoplasmic Reticulum ; ความคิดเห็นของ RER) มีลักษณะเป็นท่อกลมหรือแบนต่อจาก ครูใหค้ วามหมา เอนโดพลาสมิคเรตคิ ิวลัมแบบผวิ ขรุขระ เอน ใช้สอื่ พาวเวอร์พ้อ

47 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ 1. สอ่ื พาวเวอร์ 1. ประเมินการระบุช่ือ พเปรียบเทียบระหว่างรูปโครงสร้าง พอ้ ย เรือ่ ง ออร์ ออร์แกเนลล์ทที่ ี่มีเยื่อหุ้มชั้น ลแ์ ละรูปเซลลเ์ สมือนจริง (สงิ่ เร้า) แกเนลล์ท่มี ีเย่อื เดียวและการอธิบายหน้าท่ี หมุ้ ชั้นเดยี ว ของออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้ม 2. บัตรขอ้ ความ ชั้นเดยี วโดยใช้แบบประเมิน 3. รูปภาพออร์ ชน้ิ งาน แกเนลล์ที่มีเย่ือ 2. ประเมินการทำงาน ห้มุ ช้ันเดียว ร่วมกนั เป็นกลมุ่ โดยใช้แบบ พเปรยี บเทยี บระหว่างรูปโครงสรา้ ง 4. แบบบันทึก ประเมินทักษะกระบวนการ ลลแ์ ละรปู เซลล์เสมอื นจรงิ ของเซลล์ กิจกรรม เรื่อง กลมุ่ สตั ว์ ออร์แกเนลล์ที่มี 3. ประเมนิ ความมงุ่ มั่นใน เย่อื หุ้มช้นั เดียว การทำงานโดยใชแ้ บบ ำถาม ดงั น้ี (สงั เกต) นสังเกตเห็นความแตกต่างใดบ้าง 5. ใ บ ค ว า ม รู้ ประเมนิ ความมงุ่ ม่ันในการ 2 ภาพ (คำถามปลายเปิดตอบตาม เรื่องออร์แกเนลล์ ทำงาน องนักเรียน ครูพยายามนำเข้าสู่ ที่มีเยื่อหุ้มชั้น วณไซโทพลาสซึมมีองค์ประกอบอื่น เดยี ว นทราบหรือไม่ว่าองค์ประกอบ บริเวณคืออะไร (นักเรียนตอบตาม งตนเอง) ายและประเภทของออร์แกเนลล์โดย อย เร่ือง ออร์แกเนลลท์ ไ่ี มม่ เี ย่ือห้มุ

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ โดพลาสมิคเรติคิวลัมแบบผิวเรียบทำหน้าท่ี 2. จากนนั้ ครรู ะ สังเคราะห์ลิพิด เช่น สาร สเตอรอยด์ พวก “นกั เรยี นทราบห ฮอรโ์ มนเพศ และกำจัดสารพิษและเปน็ แหล่ง อะไรบ้าง และแต สะสมแคลเซียมไอออนในเซลล์ต่างๆ (สงสัย) โดยเฉพาะเซลล์กล้ามเนื้อยึดกระดูกและ พร้อมทั้งให้นัก เซลล์กลา้ มเนอ้ื หัวใจ สำคัญดังกล่าว โ 2. กอลจิคอมเพล็กซ์ หรือ กอลจิบอดี ตนเอง (สมมติฐา หรอื กอลจิแอพพาราตสั คำถามสำคัญ (Golgi Complex หรือ Golgi Body หรือ อะไรบ้าง แตล่ ะอ Golgi Apparatus) เป็นกลุ่มของถุงกลม เซลล์ แบนขนาดใหญ่ บรเิ วณตรงขอบโปง่ พองใหญ่ ขึ้น กอลจิคอมเพล็กซ์มักพบอยู่ใกล้กับ ข้ันแสวงหาสาร เอนโดพลาสมิคเรตคิ ิวลัม ทำหน้าที่เตมิ กลมุ่ 1. ครูแบ่งนักเร คาร์โบไฮเดรตให้กับโปรตีนหรือลิพิดที่ส่งมา คน จากนั้นให้นัก จากเอนโดพลาสมิคเรติคิวลัม เกิดเป็น กิจกรรมหน้าหอ้ ง ไกลโคโปรตีนและไกลโคลิพิด แล้วส่งออกไป 1.1 บัตรข้อค ภายนอกเซลล์หรอื เก็บไวใ้ ช้ภายในเซลล์ 1.2 รูปภาพอ 3. ไลโซโซม (Lysosome) เป็นเวสิเคิลท่ี 1.3 แบบบันท สร้างมาจากกอลจิคอมเพล็กซ์ มลี ักษณะเป็น เย่อื หุ้มชน้ั เดียว ถุงกลมมีเยื่อหุ้มชั้นเดียวในไลโซโซมจะมี 1.4 ใบความ เอนไซม์สำหรับย่อยอาหาร โดยไลโซโซมจะ เดยี ว ไปรวมกับออร์แกเนลล์ที่จะเสื่อมสภาพหรือ 1.5 ปากกาส

48 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ะบคุ ำถามสำคญั ดงั น้ี หรือไมว่ ่าออรแ์ กเนลล์ที่ไม่มีเย่ือหุ้มมี ต่ละออร์แกเนลล์มีหน้าที่อย่างไร” กเรียนตั้งสมมติฐานเพื่อตอบคำถาม โดยบันทึกลงในสมุดประจำวิชาของ าน) ออร์แกเนลล์ที่เยื่อหุ้มชั้นเดียวมี ออรแ์ กเนลลท์ ำหนา้ ท่อี ยา่ งไรภายใน รสนเทศ รียนออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 กเรียนออกมารับอุปกรณ์ในการทำ ง ซึง่ ประกอบไปดว้ ย ความ ออรแ์ กเนลล์ท่ีมีเยอ่ื หมุ้ ชน้ั เดียว ทึกกิจกรรม เรื่อง ออร์แกเนลล์ที่มี มรู้เรื่องออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มชั้น สี

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ฟูดแวคิวโอลที่มีอาหารอยู่ภายในและ 2. ครูใหน้ ักเรีย ทำการย่อย นอกจากนี้ไลโซโซมของสัตว์มี ครูแจกให้นักเร กระดูกสันหลังยังมีเอนไซม์ทำลายส่ิง ข้อมูลของออร์แ แปลกปลอม เช่น ไลโซโซมในเซลลต์ ับ บัตรข้อความที่ไ 4. แวคิวโอล (Vacuole) เป็นถุงที่มี ข้อมลู จากอินเตอ เยือ่ หุ้มชนั้ เดียว รูปรา่ งและขนาดแตกต่างกัน ให้ เพื่อนำมาเติม แวคิวโอลมีหลายชนิดทำหน้าที่แตกต่างกัน กำหนดประเดน็ ใ ได้แก่ 2.1 ช่ือของอ 1) คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล(Contractile 2.2 บริเวณท Vacuole) ทำหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำ พบ เซลล์ ในเซลล์ส่งิ มชี วี ติ เซลลเ์ ดียวเช่น อะมีบา พารา 2.3 หนา้ ที่ขอ มีเซียม เปน็ ต้น 3. เมื่อเติมข้อม 2) ฟูดแวคิวโอล (Food Vacuole) ทำ ให้นักเรียนพิจา หนา้ ท่ีบรรจุอาหารทรี่ บั มาจากภายนอกเซลล์ จากนั้นจบั คบู่ ัตรข เพ่อื ย่อยสลายตอ่ ไป พบในเซลลเ์ มด็ เลือดขาว เย่อื หุม้ ช้ันเดยี วท และสง่ิ มชี วี ิตเซลลเ์ ดยี ว 3) แวคิวโอลที่พบในเซลล์พืชเรียกว่า ขนั้ สร้างความร แซบแวคิวโอล (Sap Vacuole) แวคิวโอล 1. ครใู หน้ ักเรยี ขนาดใหญ่ท่เี กดิ จากการรวมตัวของแวคิวโอล มีเยื่อหุ้มลงในใบ ขนาดเลก็ ทำหน้าที่สะสมสารบางชนดิ เชน่ ชั้นเดียวพร้อม สารสี ไอออน น้ำตาล กรดอะมิโน ผลึกและ (สื่อความหมาย) สารพษิ ต่างๆ

49 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ยนเริม่ ทำกจิ กรรมโดยบตั รข้อความท่ี รียนไปนั้นเป็นบัตรข้อความแสดง แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มชั้นเดียว ซึ่งเป็น ไม่สมบูรณ์ นักเรียนจะต้องสืบค้น อร์เน็ทหรือจากใบความรู้ที่ครูเตรียม มลงในบัตรข้อความให้สมบูรณ์ โดย ในการสืบค้น ดังน้ี (วางแผน) ออร์แกเนลล์ดงั กล่าว ที่พบออร์แกเนลล์ดังกล่าวภายใน องออรแ์ กเนลล์ภายในเซลล์ มูลจนได้บัตรข้อความที่สมบูรณ์แล้ว ารณาข้อความที่สมบูรณ์ดังกล่าว ข้อความกับรูปภาพออร์แกเนลล์ที่มี ทค่ี รูแจกให้ให้ถกู ต้อง รู้ ยนบันทึกข้อมลู ของออรแ์ กเนลล์ท่ีไม่ บงาน เรื่อง ออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้ม ม ทั้ ง ว า ด ร ู ป ป ร ะ ก อ บ ใ ห ้ ส ว ย ง า ม

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ 2. ครูนำนักเรีย ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม ออรแ์ กเนลล์ท่ีมเี ย 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร (การพูด การเขียน) ขน้ั ส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 1. ครูให้ตัวแท นำเสนอบัตรข้อ (การสงั เกต วิเคราะห์) ออร์แกเนลล์ที่ค 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต นำเสนอ 1 ออร์แ (กระบวนการกลมุ่ ) ขั้นตอบแทนส 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา 1. ครูมอบหมา (-) แบบจำลองของเ โครงสร้าง/องค 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี หน้าที่ เพื่อใช้เป็น (การสืบคน้ ขอ้ มลู จากอินเตอรเ์ นท็ ) นกั เรียนคนอื่น ๆ เร่ืองเซลลข์ องตวั ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

50 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ยนสรปุ ความรู้เก่ียวกับออร์แกเนลล์ โดยใช้สื่อพาวเวอร์พ้อย เรื่อง ย่ือหุม้ ชัน้ เดียว (สรุป) ทนของนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมา อความของกลุ่มตนเอง โดยเลือก คิดว่าถูกต้องและครบถ้วนที่สุดมา แกเนลล์ ทีบ่ รเิ วณหนา้ ชัน้ เรยี น สงั คม ายให้นักเรียนจบกลุ่มกันเพื่อสร้าง เซลล์จากดินน้ำมัน พร้อมทั้งระบุ ์ประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์และ นสื่อการจัดการเรียนการสอนให้แก่ ๆ และเพอ่ื เปน็ การเน้นยำ้ ความเข้าใจ วนกั เรียนเอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook