Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2.แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ว30107)

2.แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ว30107)

Published by Rawat Yukerd, 2021-07-04 03:52:07

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ว30107) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนสรรพยาวิทยา จัดทำโดย นายเรวัตร อยู่เกิด

Search

Read the Text Version

75 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ 2.2 แอลลลี 2.4 เด่นพันธุ์แท้ ธแ์ุ ท้ 2.6 พนั ทาง ป์ 2.8 โครโมโซม รู้ ยนแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยการส่งต่อ ไปยังกลุ่มถัดไป โดยกำหนดใหแ้ ต่ละ ณ์ประจำกลุ่ม เมื่อได้รับผลงานของ ศัพท์ใดที่นักเรียนสืบค้น และมี อนหรือใกล้เคียงกัน ให้นักเรียนทำ ะจำกลุ่มลองตนเอง ลงบนกระดาษฟ ณท่มี ีคำศพั ทด์ งั กลา่ ว ูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย นำ คำศัพท์แต่ละคำที่นักเรียนสืบค้นได้ และนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ โดย ย เรื่อง โครโมโซม ยีน แอลลีล จีโน ป์ ยนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการทำใบ าอกั ษรไขว้ ทคี่ รูแจกให้

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ขน้ั ตอบแทนสังค 1. ครูมอบหมา ไปอธิบายให้คน เกี่ยวกับความสัม ยีน

76 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ งคม ายให้นกั เรยี นแต่ละคนนำความรู้ที่ได้ นในครอบครัวของตนเองเข้าใจ มพันธ์ของโครโมโซม ดีเอ็นเอ และ

โรงเรยี นสรร กลุม่ สาระการเรีย แผนการจดั การเรยี นรู้ เรื่อง กฎของค ภาคการศึกษาต้น ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว1.3 เข้าใจกระบวนการ และความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทาง หลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ฒั นาการของสิ่งมีชวี ติ รวมทงั้ นำความ ตัวชว้ี ดั ม.4/1 อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งยีน การสังเคราะหโ์ ปรตนี และล

77 รพยาวทิ ยา ยนรูว้ ิทยาศาสตร์ ความน่าจะเปน็ และกฎแหง่ การแยก รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวัตร อยู่เกดิ งพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความ มรู้ไปใช้ประโยชน์ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม

วัตถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ ความรู้ (K) ขั้นระบุปัญหา 1. อธบิ ายกฎของ 1. กฎของความน่าจะเปน็ คือ 1. ครูแสดงว ความน่าจะเป็นได้ กฎที่เมนเดลใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูลจากผล เกี่ยวกับการศึกษ (K) การทดลองเพื่ออธบิ ายอัตราส่วนของลักษณะ ทบทวนคำศพั ทท์ 2. อธิบายกฎแห่ง ที่ปรากฏในรุน่ ลูก มี 2 ข้อ ดงั นี้ 2. ครูแสดงอัต การแยกได้ (K) 1.1 กฎการคูณ ใช้กับเหตุการณ์ตา่ งๆ ไทป์ 3 แบบ คือ 3. นำกฎของเมน ที่สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน เหตุการณ์ใดๆ 1 และมี เดลไปใชใ้ นการหา ที่ต่างเป็นอิสระต่อกัน โอกาสที่เหตุการณ์ ฟีโนไทป์ 2 แบบ อตั ราส่วนของจโี น เหลา่ นนั้ จะเกิดขนึ้ ไดพ้ ร้อมกันมคี า่ เทา่ กบั ผล 3 : 1 จากนั้นคร ไทป์ และฟีโนไทป์ คูณของโอกาสท่จี ะเกิดขึ้นแตล่ ะเหตุการณ์ 2.1 นักเรี จากการผสม 1.2 กฎการบวก ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ และอัตราส่วนฟีโ พิจารณาลกั ษณะ ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน ความน่าจะ หลักการหรือวิธีก เดียวได้ (P) เป็นของการเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หน่ึง 3. ครกู ลา่ วว่า 4. เป็นผู้มคี วาม หรือเหตุการณ์ที่สองจะเท่ากับความน่าจะ การผสมพันธุ์ถั่วล มุง่ มน่ั ในการทำงาน เป็นของการเกิดเหตุการณ์ที่หนึ่งบวกด้วย คณติ ศาสตร์และส และมีสว่ นรว่ มในช้ัน ความน่าจะเป็นของการเกดิ เหตกุ ารณ์ที่สอง กฎการถ่ายทอดล เรยี น (A) 2. กฎแห่งการแยก คอื จากคำกล่าวของค กฎที่ใช้อธิบายว่า ยีนที่อยู่เป็นคู่จะแยกออก คำถามสำคญั จากกนั ในระหวา่ งการสรา้ งเซลล์สืบพันธุ์ โดย กฎการถา่ ยทอดล เซลล์สืบพันธ์ุแตล่ ะเซลล์จะไดร้ บั เพียงแอลลีล คืออะไร ใดแอลลีลหน่ึง จากกฎดงั กลา่ วทำให้สามารถ

78 กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ 1. โปรแกรม 1. ประเมินการอธบิ าย วีดิทัศน์เพื่อทบทวนความรู้เดิม นำเสนอ Power อธบิ ายกฎของความนา่ จะ เปน็ โดยใช้การตอบคำถาม ษาพนั ธุศาสตร์ของเมนเดล จากนั้น point ในหอ้ งเรยี น ที่เก่ยี วข้องกบั บทเรยี น เรอ่ื ง กฎของ 2. ประเมินการอธิบายกฎ แห่งการแยกโดยใช้การ ตราส่วนในถั่วลันเตารุ่น F2 ที่มีจีโน ความน่าจะเปน็ ตอบคำถามในหอ้ งเรยี น GG, Gg , gg ในอตั ราส่วน 1 : 2 : 2. วดี ทิ ัศน์ 3. ประเมนิ การหา อัตราสว่ นของจีโนไทป์ การศึกษา และฟีโนไทป์ จากการผสม บ คือ ตน้ สูง กับ ต้นเต้ยี ในอตั ราส่วน พนั ธุศาสตรข์ อง พจิ ารณาลักษณะเดยี วโดย รูใช้คำถาม ดงั น้ี เมนเดล ใชก้ ารนำเสนอหน้าชนั้ เรียน 4. ประเมินความมุ่งมั่นใน ยนคิดว่าเหตุใดอัตราส่วนจีโนไทป์ 3. เหรยี ญ 10 การทำงานโดยใช้แบบ โนไทป์ของถั่วลันเตาจึงเป็นเช่นนี้ มี บาท 2 เหรียญ ประเมินความมุ่งมั่นในการ ทำงาน การคดิ อยา่ งไร “ เราสามารถอธบิ ายอตั ราส่วนของ ลันเตาของเมนเดลได้ด้วยหลักทาง สถิติ เรือ่ งความน่าจะเป็น ท่ีนำไปสู่ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล” ครนู ักเรยี นมีขอ้ สงสัยใดเพมิ่ เตมิ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของเมนเดล

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ทำนายลักษณะในรุ่น F1 ได้ เมื่อทราบจีโน ขนั้ แสวงหาสารส ไทป์ในรุ่นพอ่ แม่ 1. ครูมอบหม สงั เกตผล โดยมีข ทักษะสำคญั (P) กรณีที่ 1 โยนเห  ความสามารถในการในการสอ่ื สาร อยา่ งอิสระ (การพดู การเขียน การอ่าน) กรณีที่ 2 โยนเหร  ความสามารถในการคิด ให้ตกอย่างอิสระ (การวเิ คราะห์ สงั เคราะห)์ ดังน้ี ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 1.1 ถา้ โยน  ความสามารถในการแกป้ ัญหา อย่างอิสระ เหรีย  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี กับก้อย) โอกา อย่างไร (เทา่ กนั คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1.2 ถ้าโยน มุ่งม่ันในการทำงาน ปล่อยให้ตกอย่าง ต่างๆ ได้กี่แบบ ออกหัวทั้งสองเห อย่างละเหรยี ญ แ 1.3 จากข้อ แบบ คือ แบบที่ ออกหัวและกอ้ ย ทั้งสองเหรียญ แ

79 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ สนเทศ มายให้นักเรียนโยนเหรียญ และ ข้อกำหนด คือ หรียญ 1 เหรียญ แล้วปล่อยให้ตก รยี ญ 2 เหรยี ญพรอ้ มกนั แลว้ ปล่อย ะ จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถาม นเหรียญ 1 เหรยี ญ แล้วปลอ่ ยให้ตก ยญมีโอกาสจะออกด้านใดบ้าง (หัว าสเท่ากันหรือไม่ และมีอัตราส่วน น อัตราสว่ นคอื ด้านละ 1/2) นเหรียญ 2 เหรียญพร้อมกัน แล้ว งอิสระ เหรียญมีโอกาสจะออกด้าน อะไรบ้าง (3 แบบ คือ แบบที่ 1 หรียญ แบบที่ 2 ออกหัวและก้อย แบบท่ี 3 ออกก้อยทัง้ สองเหรียญ) อ 1.2 โอกาสจะออกดา้ นต่างๆได้ 3 1 ออกหัวทั้งสองเหรียญ แบบที่ 2 ยอย่างละเหรียญ แบบที่ 3 ออกก้อย และหากครูกำหนดให้ด้านหัว คือ H

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ และ ด้านก้อย ค อย่างไร (HH : Hh : hh = 2. ครูเช่ือมโยง กับการทดลองขอ อัตราส่วนของดา้ ท่ี 3 เท่ากับ 1: 2: 1 ซึ่งเทียบ เดล จากนั้นครูแ เขยี วในรนุ่ F1 แล ในรุ่น F2 ซึง่ มีค่าเ ไทปซ์ งึ่ มีคา่ เท่ากับ ภาพท่ี 1 อตั

80 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ คือ h นักเรียนคิดว่ามีอัตราส่วนเปน็ = 1 : 2 : 1) งความน่าจะเปน็ ของการโยนเหรียญ องเมนเดล โดยครูกล่าวเพิ่มเติมว่า านเหรียญแบบที่ 1: แบบที่ 2: แบบ บได้กับการผสมถั่วลันเตาของเมน แสดงภาพตัวอย่างการผสมถั่วฝักสี ลว้ อธิบายอตั ราสว่ นการเกิดจีโนไทป์ เท่ากับ 1: 2: 1 และอัตราส่วนฟีโน บ 3: 1 ตราสว่ นจโี นไทปข์ องถวั่ ลนั เตา

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 3. ครูอธิบายเก ข้อ ไดแ้ ก่ กฎการ ยกตัวอย่าง ตวั อย่าง ก. ในการโย โอกาสที่จะเหรยี ญ เทา่ ไร วธิ คี ิด การโ หน้าหัว = ½ ออ เหรียญพร้อมกนั เหรยี ญ คือ ½ x ข. ในการโย โอกาสทเ่ี หรียญจ วธิ ีคิด การโ หน้าก้อย = ½ อ โอกาสท่จี ะออกห 4. ครนู ำนกั เรีย ทางพนั ธุกรรมขอ แยก โดยการใช้ค การผสมโดยพิจา

81 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กี่ยวกบั กฎความนา่ จะเปน็ ซงึ่ มี 2 รคูณและกฎการบวก พรอ้ ม ยนเหรยี ญ 2 เหรยี ญพรอ้ มกัน มี ญทัง้ 2 จะออกหนา้ หัวเป็นสัดส่วน โยน 1 เหรยี ญ โอกาสในการออก อกหน้าก้อย = ½ หากโยน 2 โอกาสทจ่ี ะออกหนา้ ก้อยทั้ง 2 x½=¼ ยนเหรียญ 1 เหรยี ญ 2 คร้งั มี จะออกหน้าก้อย เปน็ สัดสว่ นเทา่ ใด โยน 1 เหรยี ญ โอกาสในการออก ออกหนา้ หัว = ½ หากโยน 2 คร้ัง หน้าก้อย คือ ½ + ½ = 1 ยนเข้าส่กู ฎการถ่ายทอดลักษณะ องเมนเดล ในหวั ข้อ กฎแห่งการ คำถามให้นกั เรียนอยากทราบว่า ารณาเพียง 1 ลักษณะในการทดลอง

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ของเมนเดล เหตุใ เปน็ 3: 1 5. ครแู สดงภา กบั ฝกั สเี หลอื ง เพ และกฎแหง่ การแ ภาพที่ 2 การผส จากน้ันใชค้ ำถาม 5.1 รุน่ F1 อะไรบา้ ง (รนุ่ F1 เพศผู้ 2 แบบ คอื ของต้นเพศเมยี 2

82 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ใดจงึ มอี ัตราส่วนฟีโนไทป์ในรนุ่ F2 าพการผสมพนั ธ์ถุ ัว่ ลนั เตาฝักสีเขียว พอ่ื เชอื่ มโยงกฎของความนา่ จะเป็น แยกของเมนเดล สมพนั ธถุ์ ัว่ ลันเตาฝักสีเขียวกับฝกั สี เหลอื ง มดงั นี้ 1 มโี อกาสสรา้ งเซลล์สืบพันธุ์กีแ่ บบ 1 มโี อกาสสรา้ งเซลล์สบื พนั ธขุ์ องตน้ อ G และ g หรือสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ 2 แบบ คือ G และ g)

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 5.2 ร่นุ F2 อะไรบ้าง และมอี 3 แบบ คือ GG G มฟี ีโนไทป์ 2 แบบ ลักษณะฝักสีเหลือ 5.3 การเข ความนา่ จะเป็นอ (ยนี G ของตน้ เพ เพศเมีย = 1/2 x ยีน G ของตน้ เพศ เพศเมีย = (1/2 ยีน g ของต้นเพศ เพศเมยี = 1/2 x 6. ครูอธิบายว ดังกล่าวเป็นไป เนื่องจากการแย ยีนที่เขา้ คู่กันเมื่อ จะมีโอกาสปราก ที่ยีนนั้นอยู่ในสภ แบบเดยี ว แตถ่ ้าย

83 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ 2 มีจโี นไทป์และฟโี นไทป์ก่ีแบบ อัตราส่วนเทา่ ใด (รุน่ F2 มจี ีโนไทป์ Gg และ gg อตั ราส่วน 1: 2: 1 และ บ คอื ลักษณะฝกั สีเขียวและ อง อัตราส่วน 3: 1) ข้าคกู่ ันของยีนเปน็ ไปตามกฎของ อย่างไร พศผู้ มโี อกาสไปรวมกบั ยนี G ของตน้ x 1/2 = 1/4 ศผู้ มโี อกาสไปรวมกบั ยีน g ของต้น x 1/2) + (1/2 x 1/2) = 2/4 ศผู้ มีโอกาสไปรวมกับยีน g ของต้น x 1/2 = 1/4) ว่าขั้นตอนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ปตามกฎแห่งการแยกของเมนเดล ยกของยีนซึ่งอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ นั้น อแยกออกจากกันไปยังเซลล์สบื พันธุ์ กฏในเซลลส์ ืบพนั ธุ์ได้เทา่ ๆ กัน กรณี ภาพฮอมอไซกัส เซลล์สืบพันธุ์จะมี ยนี นัน้ อย่ใู นสภาพ

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ เฮเทอโรไซกัส เซ แบบมีโอกาสเกิด ขั้นสร้างความรู้ 1. ครูให้นักเร ปัญหาเร่ืองพันธศุ 2. ครูอภิปราย แยกโดยแสดงภา เฮเทอโรไซกสั เพอ่ื ข้ันสอื่ สาร 1. ครูมอบหม การแก้โจทย์ปัญ กจิ กรรม 15.1 2. ครูให้นักเร เรื่องพันธุศาสต นักเรยี นไดร้ ับมอ 3. ครูและนักเ การแก้โจทย์ปัญ กิจกรรม 15.1 ปัญหาที่ถูกตอ้ งใน

84 กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ซลล์สืบพันธุ์จะมียีน 2 แบบ แต่ละ ดเทา่ กับ ½ รียนทำกิจกรรม 15.1 การแก้โจทย์ ศาสตรข์ องเมนเดล ยร่วมกับนกั เรยี นเกี่ยวกบั กฎแห่งการ าพการผสมกันของถ่วั ฝักสีเขียวทเ่ี ป็น อสรปุ บทเรยี น มายให้นักเรียนออกมาแสดงวิธีคิด ญหาเรื่องพันธุศาสตร์ของเมนเดล รยี นอธิบายวธิ คี ิดการแก้โจทย์ปัญหา ตร์ของเมนเดลกิจกรรม 15.1 ที่ อบหมาย เรียนอภปิ รายร่วมกนั เกี่ยวกับวธิ ีคดิ ญหาเรื่องพันธุศาสตร์ของเมนเดล และสรุปเป็นรูปแบบการแก้โจทย์ นแต่ละขอ้

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ 4. ครูสุ่มเรี ความหมายขอ ความหมายของก 5. ครูอธิบายส ความน่าจะเปน็ แ ขนั้ ตอบแทนสงั ค 1. ครูมอบหม เรื่อง พันธุศาสต จากนั้นให้นำมาอ ถัดไป เพอ่ื แลกเป

85 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ยกตัวแทนนักเรียนให้ อธิบาย องกฎของความน่าจะเป็น และ กฎแห่งการแยก สรุปเกี่ยวกบั ความหมายของกฎของ และความหมายของกฎแห่งการแยก คม มายให้นักเรียนสืบค้นโจทย์ปัญหา ตร์ของเมนเดล พร้อมแสดงวิธีทำ อธบิ ายนำเสนอหน้าชั้นเรียนในคาบ ปล่ียนความรกู้ ับเพื่อนในชัน้ เรยี น

โรงเรยี นสรร กลุ่มสาระการเรีย แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง การถา่ ยทอดล ภาคการศึกษาตน้ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว1.3 เข้าใจกระบวนการ และความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทาง หลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ัฒนาการของสิง่ มชี วี ิต รวมทั้งนำความ ตัวชีว้ ัด ม.4/1 อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างยนี การสังเคราะหโ์ ปรตีน และล

86 รพยาวิทยา ยนรวู้ ิทยาศาสตร์ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมนอกเหนือกฎเมนเดล รายวชิ า วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวตั ร อยู่เกิด งพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความ มรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ลักษณะทางพันธกุ รรม

วัตถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ ความรู้ (K) ขนั้ ระบุปญั หา 1. อธบิ ายและ มลั ตเิ ปลิ แอลลีล (Multiple alleles) คอื 1. ครูแสดงว ยกตัวอย่างการ ลกั ษณะของยนี ท่คี วบคุมดว้ ย เกี่ยวกับการศึกษ ถ่ายทอดลกั ษณะ แอลลีลมากกว่า 2 แอลลีลใน 1 โลคัส ทบทวนคำศพั ทท์ ทางพันธุกรรมทไ่ี ม่ ตัวอยา่ ง 2. ครูแสดงอัต เป็นไปตามกฎของ ยีนควบคุมการแสดงออกของหมู่เลือดระบบ ไทป์ 3 แบบ คือ เมนเดลรูปแบบมัลติ ABO ในมนษุ ย์ ประกอบสาม 1 และมี เปลิ แอลลีลบน 1 โลคัสที่แสดงออก ได้แก่ แอล ฟโี นไทป์ 2 แบบ ลลี IA , IB และ i แอลลีลได้ (K) 3 : 1 จากนนั้ คร 2. เปน็ ผมู้ คี วาม 2.1 นักเรี มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ทักษะสำคัญ (P) และอัตราส่วนฟีโ (A)  ความสามารถในการในการสื่อสาร หลักการหรือวิธีก (การพดู การเขียน การอา่ น) 3. ครูกล่าววา่  ความสามารถในการคิด การผสมพันธุ์ถั่วล (การวิเคราะห์ สงั เคราะห)์ คณติ ศาสตร์และส ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ กฎการถ่ายทอดล  ความสามารถในการแกป้ ญั หา จากคำกล่าวของค  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คำถามหลัก กฎการถ่ายทอดล คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) คอื อะไร มงุ่ ม่ันในการทำงาน

87 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ว ี ดิ ท ั ศ น ์ เ พ ื ่ อ ท บ ท ว น ค ว า ม ร ู ้ เ ดิ ม 1. สือ่ พาวเวอร์ 1. ประเมินการอธบิ าย ษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล จากนั้น ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั บทเรยี น พอ้ ย เรื่อง การ อธิบายกฎของความนา่ จะ ตราส่วนในถั่วลันเตารุ่น F2 ที่มีจีโน ถ่ายทอดลักษณะ เป็นโดยใช้การตอบคำถาม GG, Gg , gg ในอัตราส่วน 1 : 2 : ทางพันธกุ รรม ในห้องเรยี น บ คือ ตน้ สูง กับ ตน้ เตี้ย ในอตั ราสว่ น นอกเหนอื กฎเมน 2. ประเมินการอธิบายกฎ รใู ช้คำถาม ดังน้ี เดล แห่งการแยกโดยใช้การ ยนคิดว่าเหตุใดอัตราส่วนจีโนไทป์ โนไทป์ของถัว่ ลันเตาจึงเป็นเช่นนี้ มี 2. วีดทิ ัศน์ ตอบคำถามในห้องเรยี น การคดิ อยา่ งไร การศึกษา 3. ประเมนิ การหา “ เราสามารถอธบิ ายอตั ราส่วนของ พนั ธุศาสตร์ของ อตั ราสว่ นของจีโนไทป์ ลันเตาของเมนเดลได้ด้วยหลักทาง สถิติ เรือ่ งความนา่ จะเป็น ที่นำไปสู่ เมนเดล และฟีโนไทป์ จากการผสม ลกั ษณะทางพันธุกรรมของเมนเดล” 3. เหรียญ 10 พจิ ารณาลักษณะเดยี วโดย ครนู กั เรียนมขี ้อสงสัยใดเพม่ิ เตมิ บาท 2 เหรียญ ใช้การนำเสนอหน้าชนั้ เรียน 4. ประเมินความมุ่งมั่นใน การทำงานโดยใช้แบบ ประเมินความมุ่งมั่นในการ ทำงาน ลักษณะทางพนั ธกุ รรมของเมนเดล

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ข้ันแสวงหาสารส 1. ครูมอบหม สังเกตผล โดยมีข กรณีที่ 1 โยนเห อยา่ งอิสระ กรณีท่ี 2 โยนเหร ให้ตกอย่างอิสระ ดงั นี้ 1.1 ถา้ โยน อย่างอิสระ เหรีย กับก้อย) โอกา อยา่ งไร (เท่ากัน 1.2 ถ้าโยน ปล่อยให้ตกอย่าง ต่างๆ ได้กี่แบบ ออกหัวทั้งสองเห อย่างละเหรยี ญ แ 1.3 จากขอ้ แบบ คือ แบบที่ ออกหัวและกอ้ ย ทั้งสองเหรียญ แ

88 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ สนเทศ มายให้นักเรียนโยนเหรียญ และ ข้อกำหนด คือ หรียญ 1 เหรียญ แล้วปล่อยให้ตก รยี ญ 2 เหรยี ญพรอ้ มกนั แลว้ ปล่อย ะ จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถาม นเหรียญ 1 เหรยี ญ แล้วปลอ่ ยให้ตก ยญมีโอกาสจะออกด้านใดบ้าง (หัว าสเท่ากันหรือไม่ และมีอัตราส่วน น อัตราสว่ นคอื ด้านละ 1/2) นเหรียญ 2 เหรียญพร้อมกัน แล้ว งอิสระ เหรียญมีโอกาสจะออกด้าน อะไรบ้าง (3 แบบ คือ แบบที่ 1 หรียญ แบบที่ 2 ออกหัวและก้อย แบบท่ี 3 ออกก้อยทัง้ สองเหรียญ) อ 1.2 โอกาสจะออกดา้ นต่างๆได้ 3 1 ออกหัวทั้งสองเหรียญ แบบที่ 2 ยอย่างละเหรียญ แบบที่ 3 ออกก้อย และหากครูกำหนดให้ด้านหัว คือ H

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ และ ด้านก้อย ค อย่างไร (HH : Hh : hh = 2. ครูเช่ือมโยง กับการทดลองขอ อัตราส่วนของด้า ท่ี 3 เท่ากับ 1: 2: 1 ซึ่งเทียบ เดล จากนั้นครูแ เขยี วในรนุ่ F1 แล ในรุ่น F2 ซึง่ มีค่าเ ไทปซ์ งึ่ มีคา่ เท่ากับ ภาพท่ี 1 อตั

89 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ คือ h นักเรียนคิดว่ามีอัตราส่วนเปน็ = 1 : 2 : 1) งความน่าจะเปน็ ของการโยนเหรียญ องเมนเดล โดยครูกล่าวเพิ่มเติมว่า านเหรียญแบบที่ 1: แบบที่ 2: แบบ บได้กับการผสมถั่วลันเตาของเมน แสดงภาพตัวอย่างการผสมถั่วฝักสี ลว้ อธิบายอตั ราส่วนการเกิดจีโนไทป์ เทา่ กับ 1: 2: 1 และอตั ราส่วนฟีโน บ 3: 1 ตราสว่ นจโี นไทป์ของถ่ัวลันเตา

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 3. ครูอธิบายเก ข้อ ไดแ้ ก่ กฎการ ยกตัวอย่าง ตวั อย่าง ก. ในการโย โอกาสที่จะเหรยี ญ เทา่ ไร วธิ คี ิด การโ หน้าหัว = ½ ออ เหรียญพร้อมกนั เหรยี ญ คือ ½ x ข. ในการโย โอกาสทเ่ี หรียญจ วธิ ีคิด การโ หน้าก้อย = ½ อ โอกาสท่จี ะออกห 4. ครนู ำนกั เรีย ทางพนั ธุกรรมขอ แยก โดยการใช้ค การผสมโดยพิจา

90 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กี่ยวกบั กฎความนา่ จะเปน็ ซงึ่ มี 2 รคูณและกฎการบวก พรอ้ ม ยนเหรยี ญ 2 เหรยี ญพรอ้ มกัน มี ญทัง้ 2 จะออกหนา้ หัวเปน็ สัดส่วน โยน 1 เหรยี ญ โอกาสในการออก อกหน้าก้อย = ½ หากโยน 2 โอกาสทจ่ี ะออกหนา้ ก้อยทั้ง 2 x½=¼ ยนเหรียญ 1 เหรยี ญ 2 คร้งั มี จะออกหน้าก้อย เปน็ สัดสว่ นเทา่ ใด โยน 1 เหรยี ญ โอกาสในการออก ออกหนา้ หัว = ½ หากโยน 2 คร้ัง หน้าก้อย คือ ½ + ½ = 1 ยนเข้าส่กู ฎการถ่ายทอดลักษณะ องเมนเดล ในหัวข้อ กฎแห่งการ คำถามให้นกั เรยี นอยากทราบว่า ารณาเพยี ง 1 ลักษณะในการทดลอง

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ของเมนเดล เหตุใ เปน็ 3: 1 5. ครูแสดงภา กับฝกั สีเหลอื ง เพ และกฎแหง่ การแ

91 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ใดจึงมีอัตราส่วนฟีโนไทป์ในรุ่น F2 าพการผสมพนั ธถุ์ ัว่ ลนั เตาฝกั สีเขยี ว พ่ือเช่อื มโยงกฎของความน่าจะเป็น แยกของเมนเดล

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ภาพที่ 2 การผส จากน้นั ใช้คำถาม 5.1 รนุ่ F1 อะไรบา้ ง (รุ่น F1 เพศผู้ 2 แบบ คอื ของต้นเพศเมีย 2 5.2 รุ่น F2 อะไรบ้าง และมีอ 3 แบบ คือ GG G มีฟีโนไทป์ 2 แบบ ลักษณะฝกั สเี หลือ

92 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ สมพนั ธถุ์ ว่ั ลนั เตาฝักสีเขียวกับฝกั สี เหลือง มดงั น้ี 1 มีโอกาสสร้างเซลล์สบื พนั ธก์ุ ี่แบบ 1 มีโอกาสสรา้ งเซลลส์ บื พันธขุ์ องตน้ อ G และ g หรอื สรา้ งเซลลส์ บื พนั ธ์ุ 2 แบบ คือ G และ g) 2 มีจีโนไทปแ์ ละฟโี นไทปก์ ี่แบบ อัตราสว่ นเทา่ ใด (รนุ่ F2 มจี ีโนไทป์ Gg และ gg อตั ราส่วน 1: 2: 1 และ บ คือ ลกั ษณะฝักสีเขียวและ อง อัตราสว่ น 3: 1)

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 5.3 การเข ความนา่ จะเป็นอ (ยีน G ของตน้ เพ เพศเมยี = 1/2 x ยนี G ของต้นเพศ เพศเมยี = (1/2 ยีน g ของต้นเพศ เพศเมยี = 1/2 x 6. ครูอธิบายว ดังกล่าวเป็นไป เนื่องจากการแย ยีนที่เข้าคู่กันเม่ือ จะมีโอกาสปราก ที่ยีนนั้นอยู่ในสภ แบบเดยี ว แต่ถ้าย เฮเทอโรไซกัส เซ แบบมโี อกาสเกิด

93 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ ข้าคกู่ นั ของยีนเป็นไปตามกฎของ อยา่ งไร พศผู้ มโี อกาสไปรวมกับยีน G ของตน้ x 1/2 = 1/4 ศผู้ มโี อกาสไปรวมกบั ยนี g ของต้น x 1/2) + (1/2 x 1/2) = 2/4 ศผู้ มีโอกาสไปรวมกับยีน g ของต้น x 1/2 = 1/4) ว่าขั้นตอนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ปตามกฎแห่งการแยกของเมนเดล ยกของยีนซึ่งอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ นั้น อแยกออกจากกันไปยังเซลล์สบื พันธุ์ กฏในเซลล์สืบพนั ธุ์ได้เทา่ ๆ กัน กรณี ภาพฮอมอไซกัส เซลล์สืบพันธุ์จะมี ยีนนน้ั อยู่ในสภาพ ซลล์สืบพันธุ์จะมียีน 2 แบบ แต่ละ ดเทา่ กับ ½

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ข้นั สร้างความรู้ 1. ครูให้นักเร ปญั หาเรื่องพันธุศ 2. ครูอภปิ ราย แยกโดยแสดงภา เฮเทอโรไซกสั เพอื่ ขนั้ ส่อื สาร 1. ครูมอบหม การแก้โจทย์ปัญ กิจกรรม 15.1 2. ครูให้นักเร เรื่องพันธุศาสต นกั เรยี นได้รับมอ 3. ครูและนักเ การแก้โจทย์ปัญ กิจกรรม 15.1 ปญั หาทีถ่ กู ตอ้ งใน 4. ครูสุ่มเรี ความหมายขอ ความหมายของก

94 กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รียนทำกิจกรรม 15.1 การแก้โจทย์ ศาสตร์ของเมนเดล ยร่วมกบั นกั เรยี นเกีย่ วกับกฎแห่งการ าพการผสมกันของถัว่ ฝกั สเี ขียวทเ่ี ป็น อสรปุ บทเรียน มายให้นักเรียนออกมาแสดงวิธีคิด ญหาเรื่องพันธุศาสตร์ของเมนเดล รยี นอธิบายวธิ คี ิดการแกโ้ จทยป์ ัญหา ตร์ของเมนเดลกิจกรรม 15.1 ท่ี อบหมาย เรียนอภิปรายร่วมกนั เกี่ยวกับวิธีคิด ญหาเรื่องพันธุศาสตร์ของเมนเดล และสรุปเป็นรูปแบบการแก้โจทย์ นแตล่ ะขอ้ ยกตัวแทนนักเรียนให้อธิบาย องกฎของความน่าจะเป็น และ กฎแห่งการแยก

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ 5. ครูอธิบายส ความนา่ จะเป็น แ ขั้นตอบแทนสงั ค 1. ครูมอบหม เรื่อง พันธุศาสต จากนั้นให้นำมาอ ถัดไป เพื่อแลกเป

95 กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ สรุปเกี่ยวกับความหมายของกฎของ และความหมายของกฎแหง่ การแยก คม มายให้นักเรียนสืบค้นโจทย์ปัญหา ตร์ของเมนเดล พร้อมแสดงวิธีทำ อธิบายนำเสนอหน้าชั้นเรียนในคาบ ปลีย่ นความรกู้ ับเพอ่ื นในชั้นเรยี น

โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรีย แผนการจดั การเรยี นร ภาคการศกึ ษาต้น ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสงิ่ ไมม่ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความห ปัญหาส่งิ แวดล้อม รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวช้วี ัด ม.4/1 สบื คน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายความสมั พนั ธข์ องสภาพทางภมู ศิ าสต

96 รพยาวิทยา ยนรวู้ ิทยาศาสตร์ รู้ เร่อื ง ไบโอมบนบก รายวชิ า วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวัตร อย่เู กิด มีชวี ติ กบั ส่งิ มชี ีวติ และความสัมพันธ์ระหวา่ งส่งิ มีชวี ติ กบั สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ หมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ตรบ์ นโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตวั อยา่ งไบโอมชนิดต่าง ๆ

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นักเรยี นสามารถ ด้านความรู้(K) ข้นั ระบปุ ัญหา 1. ระบุประเภท ไบโอมในน้ำ ที่พบเป็นองค์ประกอบหลัก 1. ครแู สดงภาพ ของไบโอมบนบกได้ ในไบโอสเฟยี ร์นั้นประกอบดว้ ย ไบโอมแหลง่ (K) น้ำจืดและไบโอมแหล่งน้ำเค็ม และพบ 2. ระบุบรเิ วณท่ีถูก กระจายอยู่ทวั่ เขตภูมิศาสตรใ์ นโลกนี้ แบ่งตามไบโอม บน ไบโอมน้ำจืด โลกได้ (A) โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่ง เช่น 3. มีทักษะการ สระ หนองหรือบึง และทะเลสาบ กับแหล่ง น ำเสน อหน ้ า ชั้ น น้ำไหลซึ่งได้แก่ ธารน้ำไหลและแม่น้ำ เป็นตน้ เรียน (P) ไบโอมแหลง่ นำ้ เค็ม ภาพที่ 1 ภ ประกอบด้วยทะเลสาบ ทะเล และ จากน้ันใชค้ ำถาม มหาสมุทร ซึ่งพบในปริมาณมากมีถึงร้อยละ 1.1 จากภาพด 71 ของพื้นที่ผิวโลกและมีความลึกมาก โดย ใ ด บ ้ า ง ( ท ะ เ มีความลึกเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร แหล่ง ทุ่งหญ้าสะวันนา น้ำเค็มจะแตกต่างกบั แหล่งน้ำจืด โดยที่มีน้ำ อบอุ่น และปา่ สน ขึน้ และนำ้ ลง เปน็ ปัจจัยทางกายภาพที่สำคญั 1.2 ไบโอมเหล ระบบนิเวศในน้ำ บรเิ วณใด (บนบก แบ่งออกได้ตามลักษณะแหล่งที่เกิดได้เป็น 1.3 นักเรียนคดิ จะรวมกันเป็นโล แหล่งน้ำจดื แหล่งนำ้ กร่อย และแหล่งน้ำเค็ม รวมกันของไบโอ การแบ่งแหล่งน้ำออกเป็นประเภทต่าง ๆ น้ี

97 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ พไบโอมบนบกแบบตา่ ง ๆ การเรียนรู้ 1. วีดิทัศน์ เรื่อง 1. ประเมินการสร้างผัง ไบโอมในน้ำ กราฟฟิก โดยการใช้แบบ 2. กระดาษฟลิป ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร ส ร ้ า ง ผั ง ชาร์ท กราฟฟกิ 3. ปากกาสี 2. ประเมินประเมินทักษะ 4. สื่อพาวเวอร์ การทำงานเปน็ กลมุ่ พ้อย เรื่อง ไบโอม โดยใชแ้ บบประเมนิ ทกั ษะ ในน้ำ การทำงานเปน็ กลุม่ ภาพแสดงไบโอมบนบกแบบตา่ ง ๆ ม ดงั น้ี ดังกล่าว นักเรียนสังเกตเห็นไบโอม เ ล ท ร า ย ท ุ ่ ง ห ญ ่ า เ ข ต อ บ อุ่ น า ทุนดรา ป่าดิบชื้น ป่าผลัดใบเขต น) ล่านี้จัดเป็นไบโอมที่มีที่ตั้งอยู่ใน ก) ดว่า การที่สง่ิ แวดล้อมหรอื ธรรมชาติ ลกของสิ่งมีชีวิตได้นั้นเกิดจากการ อมบนบกอย่างเดียวหรือไม่ อย่างไร

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นยิ มใชค้ ่าความเค็มเป็นตัวกำหนด โดยท่ัวไป (คำถามปลายเป แหล่งน้ำจืดจะมีเกลือน้อยกว่าร้อยละ 0.1 คำตอบที่ว่านอก หรือน้อยกว่าร้อยละ 1% และแหล่งน้ำเค็ม ส่ิงแวดลอ้ มหรอื ธ จะมีเกลือเฉลี่ยประมาณร้อยละ 3.5 หรือ ของสง่ิ มีชีวติ ไดน้ 35% สำหรบั แหล่งนำ้ กรอ่ ยจะมีคา่ ความเค็ม 1.4 นักเรียนท อยู่ในช่วงกว้างและพบแปรผันในรอบวัน ไปด้วยไบโอมชน เนื่องจากมีกระแสน้ำขึ้นน้ำลงมาเกี่ยวข้อง สำคญั อย่างไร ด้วย โดยทั่วไปจะมีค่าความเค็มน้อยกว่าค่า ข้นั แสวงหาสาร ความเค็มของแหล่งน้ำเค็ม และระดับผิวน้ำ 1. ครูให้นักเรีย มกั มคี ่าความเคม็ นอ้ ยกว่าทร่ี ะดบั ลึกลงไป โดยตั้งคำถามเพ ระบบนเิ วศแหลง่ นำ้ จดื ศกึ ษา ดงั น้ี แบ่งได้เป็นแหล่งน้ำนิ่งและแหล่งน้ำไหล ระบบนิเวศแหล่งน้ำจืดที่เป็นแหล่งน้ำนิ่ง 1.1 ไบโอมใน 1.2 ไบโอมใ สามารถแบ่งออกเป็น บริเวณต่าง ๆ 3 บริเวณ ได้แก่ บริเวณชายฝั่ง บริเวณผิวน้ำ อะไรบา้ ง 1.3 ระบบนิ และบริเวณน้ำชนั้ ล่าง ระบบนิเวศแหล่งน้ำจืดที่เป็นแหล่งน้ำไหล นเิ วศถูกแบง่ ออก สามารถแบง่ ออก 2 บรเิ วณ คือ บริเวณท่เี ป็น หลังจากชมวีด ตอบคำถามขา้ งต เกาะแก่งหรอื บริเวณน้ำไหลเชยี่ ว และบริเวณ ที่เป็นแอ่งน้ำ โดยสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใน

98 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ปิด ครูพยายามนำนักเรียนเข้าสู่ กจากจะมีไบโอมบนบกแล้ว การท่ี ธรรมชาติจะรวมกันจนกลายเป็นโลก น้ั จะต้องมีไบโอมในน้ำด้วย) ทราบหรอื ใม่ว่าไบโอมในน้ำประกอบ นิดใดบ้าง แต่ละชนิดมีลักษณะท่ี รสนเทศ ยนศึกษาวีดิทัศน์ เรื่อง ไบโอมในน้ำ พื่อกำหนดประเด็นที่จะให้นักเรียน นน้ำแบ่งออกเปน็ กปี่ ระเภทอะไรบา้ ง นน้ำประกอบไปด้วยระบบนิเวศ เวศที่พบในไบโอมน้ำแต่ละระบบ กเป็นบริเวณย่อย ๆ หรอื ไม่ อยา่ งไร ดิทัศน์เรียบร้อยแล้ว ครูสุ่มนักเรียน ต้น

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ บริเวณแหล่งน้ำไหลต้องมีการปรับตัวเพ่ือ ขัน้ สร้างความร ความอยรู่ อด บางชนดิ มรี ูปรา่ งเพรียวเพ่ือลด 1. ครูแบ่งนัก ความต้านทานของกระแสน้ำ เช่น ปลาที่มี ประมาณ 7 คน รูปร่างแบนราบไปกับพ้นื ทีผ่ ิว นกั เรยี นแตล่ ะกล ระบบนเิ วศแหล่งน้ำกร่อย 2. ครูให้นักเรีย เป็นบริเวณที่มีน้ำจืดและน้ำเค็มมาบรรจบ ความรู้เกี่ยวกับป กัน มักพบบริเวณปากแม่น้ำ ปากอ่าว และ นิเวศในน้ำ ลงในก ชอ่ งแคบเป็นตน้ นอกจากนีแ้ หลง่ น้ำกร่อยยัง ขนั้ ส่ือสาร เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธาตุ 1. ครูให้นักเรียน อาหารสูง ดังนั้นจึงพบสิ่งมีชีวิตหลากหลาย ของกลุ่มตนเองห ชนิดในบรเิ วณน้ี โดยเฉพาะสตั ว์น้ำทม่ี ีค่าทาง ประเภทของไบโอ เศรษฐกิจ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาตา่ ง ๆ ของระบบนิเวศใ ระบบนเิ วศแหล่งนำ้ เคม็ ระบบนเิ วศแต่ละ ได้แก่ทะเลและมหาสมุทร เป็นระบบนิเวศ 2. ครูและนัก ขนาดใหญ่มพี ืน้ ท่ีประมาณ 3 ใน 4 สว่ นของ ประเภทของไบโอ ของระบบนิเวศใ ผิวโลก สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ คือ บริเวณชายฝ่งั ทะเล และบรเิ วณทะเลเปิด ระบบนิเวศแต่ละ โดยบริเวณทะเลเปิดสามารถแบ่งออกเป็น ส่ือพาวเวอร์พ้อย เขตต่าง ๆ ได้ 3 เขต คือ เขตที่แสงส่องถึง 3. ครูเปิดโอก เขตทมี่ แี สงนอ้ ย และเขตทไ่ี ม่มีแสง ประเด็นที่สนใจใ

99 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ รู้ กเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ จากนั้นแจกกระดาษฟลิปชาร์ทให้ ลุ่ม ยนแตล่ ะกลุม่ ทำแผนผังความคิดสรุป ประเภทของไบโอมในน้ำ และระบบ กระดาษฟลปิ ชารท์ นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน หน้าชั้นเรียน โดยนำเสนอข้อมูลของ อมในน้ำ ระบบในน้ำ บริเวณต่าง ๆ ในน้ำ รวมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง ะแหง่ ออกเป็นบรเิ วณตา่ ง ๆ กเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ อมในน้ำ ระบบในน้ำ บริเวณต่าง ๆ ในน้ำ รวมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง ะแห่งออกเป็นบริเวณต่าง ๆ โดยใช้ ย เรอื่ ง ไบโอมในนำ้ กาสให้นักเรียนซักถามเกี่ยวกับ ในเรื่องของ ไบโอมในน้ำและระบบ

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นอกจากนั้นระบบนิเวศแหล่งน้ำเค็มอาจ นิเวศในน้ำ รวมถ แบ่งตามลักษณะพื้นผิวทางกายภาพได้เป็น แกไ้ ขงานของกล่มุ หาดหนิ หาดทราย และแนวปะการัง ข้ันตอบแทนสงั ค ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ครูให้นักเร 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร ข้อมูลเกี่ยวกับป (การพดู การเขยี น) นเิ วศในนำ้ ตดิ บร 2. ความสามารถในการคิด ขอ้ ความรู้ดงั กลา่ ว (การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์) 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต (กระบวนการกลมุ่ ) 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา (-) 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (-) ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) มงุ่ มนั่ ในการทำงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook