125 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รสนเทศ เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน จากนน้ั ใหน้ กั เรียนออกมารับอุปกรณ์ ม ดังนี้ รม เรือ่ ง การเปลยี่ นแปลงแทนท่ี แสดงการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบ ภมู ิ รู้ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน นทึกกิจกรรมเรื่องการเปลี่ยนแปลง สดงการเปลีย่ นแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภมู ิ
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ภาพที่ 2 ภาพแส 2. ครูให้นักเร แทนที่ พร้อมทั้ง ภาพทั้งสอง จาก บนั ทกึ กิจกรรม (ว 3. ครกู ลา่ วว่า แทนที่แบบปฐมภ แทนที่แบบทุติยภ เกี่ยวกับการเปล อินเทอร์เน็ต โดย (วางแผน) 3.1 กระบวน ภูมิ 3.2 กระบวน ภมู ิ
126 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ สดงการเปลีย่ นแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิ รียนสังเกตภาพการเปลี่ยนแปลง งเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง กนั้นบันทึกความแตกต่างลงในแบบ วเิ คราะห)์ ภาพท่ี 1 เปน็ ภาพการเปลี่ยนแปลง ภูมิ ภาพที่ 2 เป็นการเปลี่ยนแปลง ภูมิ จากนั้นให้นักเรียนสืบค้นข้อมลู ลี่ยนแปลงแทนที่จากใบความรู้และ ยกำหนดประเด็นในการสืบค้น ดังนี้ นการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐม นการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบทุติย
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ 3.3 ความแต แทนทแี่ บบปฐมภ พร้อมทง้ั สรุปคว ครแู จกให้ ขนั้ สร้างความร 1. ครูให้ตัวแท เกี่ยวกับการเปล กระดาษ A3 ที่ค (สอ่ื ความหมาย) 2. ครูนำสรุป เปลี่ยนแปลงแทน สื่อพาวเวอร์พ้อย ระบบนเิ วศ (สรปุ ขัน้ สื่อสาร 1. ครูให้นักเรีย การเปลี่ยนแปล หนา้ ช้ันเรียน
127 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลง ภูมิและทตุ ยิ ภมู ิ วามรู้ที่ได้ลงในแบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี รู้ ทนกลุ่มออกมาช่วยกันเขียนข้อมูล ลี่ยนแปลงแทนที่ของระนิเวศบน ครตู ดิ ไวบ้ รเิ วณกระดานหน้าชั้นเรียน ปความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการ นที่แบบปฐมภูมิและทุติยภูมิโดยใช้ ย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของ ป) ยนตัวแทนกลุ่มนำเสนอความรู้เรื่อง งแทนที่ของระบบนิเวศ ด้วยวาจา
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ขั้นตอบแทนส 1. จากการศกึ แทนที่ของระบบ การเปลี่ยนแปล เวลานานกวา่ กัน
128 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ สงั คม กษาความรู้เกย่ี วกบั การเปล่ียนแปลง บนิเวศ ครูให้นักเรียนตอบคำถามว่า งแทนที่ในระบบนิเวศแบบใดที่ใช้ เพราะเหตใุ ด
โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรีย แผนการจัดการเรยี นรู้ เร ภาคการศกึ ษาตน้ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว1.3 เข้าใจกระบวนการ และความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทาง หลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชีวติ รวมทัง้ นำความ ตวั ชี้วดั ม.4/4 สืบค้นข้อมูล และอภิปรายเกี่ยวกับปัญหา และผลกระทบท ทรพั ยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม
129 รพยาวิทยา ยนรู้วิทยาศาสตร์ รอื่ ง ทรัพยากรธรรมชาติ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวตั ร อยูเ่ กดิ งพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความ มรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางในการอนุรักษ์
วัตถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นักเรยี นสามารถ ดา้ นความร(ู้ K) ขนั้ ระบปุ ญั หา 1. อธิบาย ท ร ั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ต ิ ( natural 1. ครูแสดงชุด ความหมายของ resource) คือ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ 10 ภาพ ประกอ ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการ แก๊สธรรมชาติ อ ได้ (K) ดำรงชวี ติ ถ่านหนิ ดังนี้ (สิ่ง 2. ระบุประเภทของ ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ แบ่งเป็น ทรัพยากรธรรมชาติ 3 ประเภท โดยใชก้ ารนำไปใช้ เป็นเกณฑ์ ได้ (P) 1. ทรัพยากรธรรมชาติทใ่ี ช้ไมห่ มด 3. เป็นผมู้ ีความ ( non-exhaustible natural resources) มุง่ ม่ันในการทำงาน คือ ทรัพยากรที่มีปริมาณมากพอที่มนุษย์ (A) และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สามารถนำมาใช้โดยไม่ หมดสน้ิ ตวั อยา่ ง อากาศ แสง ภาพท่ี 1 ภาพ 2. ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถสร้าง ท ด แ ท น ไ ด ้ ( replaceable and 2. ครูเปิดภาพท maintainable natural resources) พิจารณาว่าภาพ คือ ทรัพยากรที่นำมาใช้แล้ว ธรรมชาติจะ ธรรมชาติหรอื ไม่ สามารถสรา้ งข้ึนมาทดแทนได้ แต่อาจต้องใช้ 3. ครูแสดงชุด จากน้นั ใช้คำถาม ระยะเวลานาน ตัวอย่าง สัตว์ ดนิ นำ้ ปา่ ไม้
130 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ 1. ส่ือพาวเวอร์ 1. ประเมินการอธบิ าย ดภาพทรัพยากรธรรมชาติ จำนวน พอ้ ย เรอื่ ง ความหมายของ ทรพั ยากรธรรมชาติโดยใช้ อบด้วย ดิน น้ำ น้ำมันปิโตรเลียม ทรพั ยากรธรรม แบบประเมนิ ช้ินงาน อากาศ แสง สัตว์ป่า ป่าไม้ แร่ และ ชาติ 2.ประเมินการจดั ประเภท ของทรัพยากรธรรมชาติ งเร้า) 2. อปุ กรณใ์ น โดยใชแ้ บบประเมินชนิ้ งาน การทำกจิ กรรม 3. ประเมนิ ความม่งุ ม่ันใน การทำงานโดยใช้แบบ 2.1 กระดาษ ประเมินความมุ่งมนั่ ในการ ฟลิปชาร์ท ทำงาน 2.2 ชดุ ภาพ เกย่ี วกับ ทรพั ยากร ธรรมชาติ พแสดงชุดภาพทรัพยากรธรรมชาติ 3. ปากกาสี ทีละภาพโดยให้นักเรียนสังเกตและ พที่ครูเปิดให้ชมนั้นเป็นทรัพยาการ เพราะเหตุใด (สังเกต) ดภาพทรัพยากรธรรมชาติอีกครั้ง ม ดงั น้ี
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 3. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป 3.1 จากภาพ ( exhaustible natural resources) คื อ ทรัพยากรธรรม ทรพั ยากรที่มีอยอู่ ยา่ งจำกัด เมอื่ นำมาใช้แล้ว หลากหลายตามป จะหมดไป ไม่สามารถทดแทนได้ หรืออาจ 3.2 จากภาพ ตอ้ งใช้เวลานานมากในการสรา้ งข้ึนใหม่ กลุ่มทรัพยากรธร ตัวอย่าง แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน แร่ กลุม่ อะไรบ้าง น้ำมันปโิ ตรเลียม (คำตอบมหี ลากห ด้านทักษะกระบวนการ (P) 4. ครเู ปดิ โอกา 1. ความสามารถในการในการสอื่ สาร ทรัพยากรธรรมช (การพดู การเขียน) คำตอบของคำถา 2. ความสามารถในการคดิ สมมติฐาน) (การสงั เกต วเิ คราะห)์ คำถามสำคัญ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 1. ทรพั ยากรธรร (กระบวนการกลุม่ ) 2. ทรัพยากรธร 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา อะไรบา้ ง (-) 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ข้นั แสวงหาสาร (-) 1. ครูแบง่ กลมุ่ น คน เพื่อทำกิจกรร ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) 2. ครูให้นักเรีย ม่งุ ม่ันในการทำงาน อุปกรณใ์ นการทำ
131 กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ พที่นักเรียนสังเกต นักเรียนคิดว่า มชาติ หมายถึงอะไร(คำตอบมี ประสบการณ์ของนกั เรยี น) พที่นักเรียนสังเกต ถ้าให้นักเรียนจัด รรมชาติ นักเรียนจะสามารถจดั ได้กี่ หลายตามประสบการณข์ องนกั เรยี น) าสใหน้ ักเรยี นต้ังคำถามเกย่ี วกบั ชาติ จากนั้นให้นักเรียนคาดคะเน ามทนี่ กั เรยี นตั้งไวข้ ้างตน้ (สงสัยและ รมชาติ คืออะไร รรมชาติแบ่งออกเป็นกี่ประเภท รสนเทศ นักเรียนออกเป็น 5 กลุม่ กล่มุ ละ 4 รม ยนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับ ำกิจกรรม ดังนี้
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 2.1 กระดาษ 2.2 ชดุ ภาพเก จำนวน 10 ภา ปิโตรเลยี ม แก๊สธ แร่ และถา่ นหนิ 3. ครูให้นักเร ความหมายของท ของกลุ่ม จากนั้ กระดาษฟลปิ ชาร 4. ครู และนัก การจัดประเภทท 5. ครมู อบหมา ทรพั ยากรธรรมช ไมต่ ิดลงไปบนกร ในการแบ่งประเภ ใช้ประโยชน์ พร (วเิ คราะห์)
132 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ษฟลิปชารท์ 1 แผน่ ก่ยี วกับทรัพยากรธรรมชาติ พ ประกอบด้วย ดิน น้ำ น้ำมัน ธรรมชาติ อากาศ แสง สตั วป์ ่า ป่าไม้ รียนอภิปรายภายในกลุ่มเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติตามความเข้าใจ นให้นักเรียนบันทึกข้อความลงใน ร์ท กเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกบั เกณฑ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ายใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ จัดประเภท ชาติจากชดุ ภาพทีค่ รูมอบให้แบบท่ียัง ระดาษฟลิปชาร์ท โดยกำหนดเกณฑ์ ภทคือการนำทรัพยากรธรรมชาติไป ร้อมระบุเหตุผลของการจัดประเภท
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ ขัน้ สร้างความร 1. เมื่อนักเรียน เสร็จสิน้ ครใู ช้คำ (สอ่ื ความหมาย) 1.1 นักเรียน ทรัพยากรธรรมช (ใชเ้ กณฑ์การนำท 1.2 ชุดภาพ นักเรียนคิดว่าเป มนษุ ย์สร้างขึน้ (ทรัพยากรธรร ธรรมชาต)ิ 1.3 ชุดภาพท เป็นสิ่งที่มนุษย์น หรอื ไม่ (ทุกภาพ คือ ส ประโยชนใ์ นการด 2. ครูใหน้ ักเรีย ทรัพยากรธรรมช
133 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รู้ นแต่ละกลุ่มจัดประเภททรัพยากร ำถามนำอภปิ ราย ดังน้ี นใช้เกณฑ์ใดในการจัดประเภทของ ชาติ ทรัพยากรธรรมชาติไปใช้) ทรัพยากรธรรมชาติที่ครูมอบให้ ป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง หรือเป็นสิ่งที่ รมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตาม ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ้งั หมดท่ีมอบให้ นำมาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิต สิ่งที่มนุษย์สามารถนำนำมาใช้ ดำรงชีวิตได)้ ยนแต่ละกลมุ่ บอกความหมายของ ชาตติ ามความเขา้ ใจของกล่มุ
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ 3. ครู และนัก ประเภทของทรัพ โดยใช้การนำไปใช 1. ทรพั ยากรธรร 2. ทรพั ยากรธรร 3. ทรัพยากรธรร 4. ครูให้นักเ ทรัพยากรธรรมช โดยใช้การนำไปใ คำถาม ดังนี้ 4.1 จากชุดภ ทรัพยากรธรรมช 4.2 จากชุดภ ทรพั ยากรธรรมช 4.3 จากชุดภ ทรัพยากรธรรมช 5. ครู และนักเ ความหมาย และ โดยใช้สื่อพาวเว (สรุป)
134 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ พยากรธรรมชาติท่ีมี 3 ประเภทแบ่ง ช้ประโยชนเ์ ป็นเกณฑ์ ได้แก่ รมชาตทิ ีใ่ ช้แล้วไม่หมด รมชาตทิ ่สี ามารถสรา้ งทดแทนได้ รมชาติทใ่ี ชแ้ ลว้ หมดไป รียนแต่ละกลุ่มจัดประเภทของ ชาติจากชุดภาพที่ครูมอบให้อีกครั้ง ช้ประโยชน์เปน็ เกณฑ์ จากนั้นครูใช้ ภาพ ทรัพยากรธรรมชาติใดบ้างเป็น ชาตทิ ใี่ ชแ้ ล้วไม่หมดไป ภาพ ทรัพยากรธรรมชาติใดบ้างเปน็ ชาติที่สามารถสรา้ งทดแทนได้ ภาพ ทรัพยากรธรรมชาติใดบ้างเป็น ชาตทิ ี่ใชแ้ ล้วหมดไป เรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับ ะประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ วอร์พ้อย เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติ
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ 6. ครูเปิดโอกา ทำความเขา้ ใจร่ว ข้ันส่ือสาร 1. ครูให้นักเร ชาร์ทของกลุ่ม ประเภททรัพยาก ระบุเหตผุ ลว่าเพร นั้น ๆ ให้อย่ใู นปร ข้ันตอบแทนส 1. ค ร ู ม อ บ ทรัพยากรธรรมช บันทึกลงสมุด ทรัพยากรธรรม ทรพั ยากรธรรมช 2. ครูให้นักเรีย โปสเตอร์แจกบุค ความสำคญั ของท
135 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ าสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และ วมกนั ภายในกลุ่มอีกคร้งั รียนแต่ละกลุ่มนำกระดาษฟลิป ตัวเองออกมานำเสนอผลการจัด กรธรรมชาติของกลุ่มตนเอง พร้อม ราะเหตุใดจึงจัดทรัพยากรธรรมชาติ ระเภทดงั กลา่ ว สังคม หมายให้นักเรียนสำรวจ ชาติในชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ จด ด พร้อมทั้งระบุประเภทของ มชาติ และแนวทางการอนุรักษ์ ชาตใิ นท้องถ่นิ ของตนเอง ยนนำข้อมูลที่สำรวจมาจัดทำเป็น คคลในครอบครัวเพื่อให้ตระหนักถึง ทรพั ยากรธรรมชาติ
136 ภาคผนวก ก แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
137 เกณฑป์ ระเมนิ ทกั ษะการสร้างผงั กราฟกิ โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ แบบรูบริคส์ รายการประเมนิ พฤติกรรมบง่ ช้ี 1. การจดั เรียงมโน ทัศน์ 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 2. การเชือ่ มโยง แสดงมโนทศั นห์ ลักได้ แสดงมโนทศั นห์ ลักได้ แสดงมโนทศั น์หลักได้ ระหว่างข้อมูล ชัดเจน แยกมโนทศั นย์ อ่ ย ชัดเจน แยกมโนทัศน์ยอ่ ย ชัดเจน แต่ไม่แยกมโน 3. เน้ือหา 4. การออกแบบ ออกมาจากมโนทศั น์หลกั ออกมาจากมโนทศั น์หลัก ทศั นย์ อ่ ยออกมาจากมโน จัดวางมโนทัศน์ที่อยู่ใน แตไ่ มไ่ ดจ้ ัดวางมโนทัศน์ที่ ทัศน์หลัก และไม่ได้จัด ระดับเดียวกันให้อยู่ใน อยใู่ นระดับเดยี วกันให้อยู่ วางมโนทัศน์ที่อยู่ใน ระนาบเดียวกัน และ ในระนาบเดียวกัน หรือ ระดับเดียวกันให้อยู่ใน ข้อมูลที่อยู่ในมโนทัศน์ ข้อมูลที่อยู่ในมโนทัศน์ ระนาบเดียวกัน รวมถึง รองเป็นประเด็นย่อยที่ รองไม่ได้เป็นประเด็น ข้อมูลที่อยู่ในมโนทัศน์ แยกออกมาจากมโนทัศน์ ย่อยที่แยกออกมาจาก รองไม่ได้เป็นประเด็น หลัก มโนทัศนห์ ลัก ย่อยที่แยกออกมาจาก มโนทศั นห์ ลกั มกี ารลากเสน้ เช่อื มแสดง มกี ารลากเส้นเชือ่ มแสดง มีการลากเสน้ เช่อื มแสดง ความสัมพนั ธ์ไดอ้ ยา่ ง ความสัมพันธ์ได้อย่าง ความสัมพันธ์แต่ไม่ระบุ ถูกต้องทงั้ หมด มีการใช้ ถูกต้อง มีการใช้คำเชื่อม คำเชื่อมเพื่ออธิบาย คำเชอื่ มเพื่ออธิบาย เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ของแต่ละ ความสมั พันธข์ องระหว่าง ระหว่างมโนทัศน์แต่ มโนทศั น์ มโนทศั น์ไดถ้ กู ต้อง เลือกใชค้ ำเชื่อมผิด แสดงข้อมูลสำคัญได้ แสดงข้อมูลสำคัญได้ แสดงข้อมูลสำคัญได้ ครบถ้วน ข้อมูลมีความ ครบถ้วน ข้อมูลมีความ ครบถ้วน แต่ข้อมูลและ ถูกต้อง และเขียนสะกด ถูกต้อง แตเ่ ขยี นสะกดคำ เขยี นสะกดคำไม่ถกู ต้อง คำได้ถกู ตอ้ งทัง้ หมด ไม่ถูกต้อง ผังกราฟิกเป็นระเบียบ ผังกราฟิกเป็นระเบียบ ผังกราฟิกไม่เปน็ ระเบยี บ ง่ายต่อการอ่านมีความ ง่ายต่อการอ่าน มีความ ไม่น่าสนใจ แต่ไม่มีการ น่าสนใจ มีการแบ่งพื้นท่ี น่าสนใจ แต่ไม่มีการแบ่ง แบ่งพื้นท่หี น้ากระดาษให้ หน้ากระดาษให้แต่ละม พื้นที่หน้ากระดาษให้แต่ แตล่ ะมโมทัศน์เท่า ๆ กัน โมทัศน์เท่า ๆ กัน และมี ละมโมทัศน์เท่า ๆ กัน และไม่มีการใช้สีสันท่ี การใช้สีสันที่แตกต่างกัน หรือไม่มีการใช้สีสันท่ี แตกต่างกันเพื่อเน้นย้ำ เพื่อเน้นย้ำความสำคัญ แตกต่างกันเพื่อเน้นย้ำ ความสำคัญของเนื้อหา ของ
138 รายการประเมนิ พฤติกรรมบ่งช้ี 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน เนื้อหาหรือแสดงลำดับ ความสำคัญของเนื้อหา หรือแสดงลำดับของมโน ข อ ง ม โ น ท ั ศ น ์ ห ลั ก หรือแสดงลำดับของมโน ทศั น์หลักมโนทัศน์รอง มโนทศั น์รอง ทศั นห์ ลกั มโนทศั นร์ อง เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเต็ม 12 คะแนน คะแนน 9 - 12 หมายถึง ดี คะแนน 5 - 8 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
139 เกณฑ์การประเมนิ การสรุปบทเรียน โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ แบบรูบรคิ ส์ ประเด็นในการ 3 ระดับคะแนน 1 ประเมนิ มกี ารจับประเด็นสำคญั 2 มีการจับประเดน็ สำคัญ 1. การสรปุ ประเด็น ขยายความ ยกตัวอย่าง ได้นอ้ ย สำคัญ เปรียบเทียบและสรปุ มกี ารจบั ประเดน็ สำคญั ความคดิ รวบยอดไดด้ ี ได้ แตข่ ยายความหรือ 2. ความถกู ต้องของ ยกตัวอยา่ งไม่ได้ เนอื้ หา เนอื้ หาตรงประเด็น 3. ความครบถว้ นของ ถูกต้อง และเขา้ ใจงา่ ย เนือ้ หาตรงประเดน็ แต่ไม่ เน้อื หาไมต่ รงประเดน็ เนอื้ หา ถกู ตอ้ ง 2 แห่ง และไมถ่ ูกตอ้ ง 3 แหง่ 4. ความถกู ตอ้ งของ หวั ข้อครบถ้วนตาม การใชค้ ำและการ ประเด็นทีก่ ำหนด มเี น้อื หา 1 หวั ขอ้ ท่ีขาด มเี นอ้ื หามากกว่า 3 สะกดคำ หายไป หวั ขอ้ ที่ขาดหายไป การใช้คำและการสะกด คำถูกตอ้ งทัง้ หมด การใช้คำและการสะกด การใชค้ ำและการสะกด คำถกู ต้องมากกว่า 80 คำถกู ตอ้ งน้อยกว่า 80 เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเต็ม 12 คะแนน คะแนน 9 – 12 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 5 – 8 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 4 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง
140 เกณฑป์ ระเมินทกั ษะการสร้างโปสเตอร์ โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบรูบรคิ ส์ รายการประเมนิ พฤติกรรมบ่งช้ี 1. เนื้อหา 2. การออกแบบ 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 3. การนำเสนอขอ้ มูล แสดงขอ้ มูลสำคญั ได้ แสดงขอ้ มลู สำคญั ได้ แสดงขอ้ มลู สำคญั ไดไ้ ม่ ครบถว้ น ข้อมลู มคี วาม เกอื บทง้ั หมด ข้อมูลมี ครบถ้วน ข้อมลู ไม่ ถกู ตอ้ ง และเขียนสะกด ความถกู ต้อง และเขียน ถกู ต้อง คำไดถ้ กู ตอ้ งทง้ั หมด สะกดคำได้ถกู ตอ้ งเกอื บ และเขยี นสะกดคำได้ไม่ ท้ังหมด ถูกตอ้ ง โปสเตอร์มคี วามเป็น โปสเตอรเ์ กือบท้งั หมด โปสเตอร์ไม่ความเป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ย เปน็ ระเบียบเรยี บร้อย มี ระเบียบเรยี บร้อย ไม่ น่าสนใจ จัดสรรพื้นท่ใี น ความนา่ สนใจ น่าสนใจ ใจัดสรรพน้ื ที่ใน การวางข้อความและ จัดสรรพื้นที่ในการวาง การวางขอ้ ความและ รูปภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม ข้อความและรูปภาพได้ รูปภาพไดไ้ มเ่ หมาะสม มีการเลอื กใช้สีเพื่อ อย่างเหมาะสม มกี าร ขาดการเลอื กใช้สีเพอื่ แสดงความแตกตา่ งของ เลือกใช้สีเพ่อื แสดงความแตกต่างของ หัวขอ้ หรือเนน้ ยำ้ แสดงความแตกตา่ งของ หัวข้อหรือเนน้ ยำ้ ความสำคัญของขอ้ ความ หวั ขอ้ หรอื เนน้ ย้ำ ความสำคัญของขอ้ ความ ความสำคัญของข้อความ นำเสนอขอ้ มูลอย่างเป็น นำเสนอขอ้ มลู อย่างเปน็ นำเสนอข้อมูลอยา่ งเปน็ ระบบ มีการเชื่อมโยง ระบบ มกี ารเชอื่ มโยง ระบบ แต่ไม่มกี าร ขอ้ มูลระหว่างหัวข้อท่ี ขอ้ มลู ระหว่างหัวข้อท่ี เช่ือมโยงข้อมูลระหว่าง สัมพนั ธ์กัน และเลอื กการ สัมพันธก์ ัน แตก่ ารเลอื ก หวั ขอ้ ทสี่ ัมพันธก์ นั แต่ นำเสนอดว้ ยรูปภาพหรอื นำเสนอด้วยรูปภาพหรือ การเลือกนำเสนอด้วย ขอ้ ความ ได้อย่างชัดเจน ข้อความ ยังไมช่ ัดเจน ไม่ รปู ภาพหรอื ขอ้ ความ ยัง ถกู ต้อง ถูกต้อง ไม่ชดั เจน ไม่ถกู ตอ้ ง เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเตม็ 9 คะแนน คะแนน 7-9 หมายถึง ดี คะแนน 4-6 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 - 3 หมายถงึ ปรับปรงุ
141 เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ด้านความมุ่งมน่ั ในการทำงาน โดยใช้เกณฑก์ ารประเมินแบบรูบริคส์ รายการประเมนิ พฤตกิ รรมบง่ ชี้ 1. ความต้ังใจและเอา 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ใจใส่ต่อภาระงานท่ี ขณะทำงานทไี่ ด้รับ ไดร้ บั มอบหมาย โดยมี มอบหมาย นักเรยี นไม่ ขณะทำงานทีไ่ ด้รับ ขณะทำงานทไี่ ด้รับ พฤติกรรมบง่ ชี้ ดงั น้ี แสดงพฤติกรรมบ่งชท้ี ัง้ - เลน่ โทรศพั ท์มือถือ 3 พฤติกรรม หรือแสดง มอบหมาย นักเรยี นแสดง มอบหมาย นกั เรยี น ระหว่างทำงาน พฤติกรรมบ่งชี้ 1 ใน 3 - นำงานในรายวชิ า พฤตกิ รรม พฤติกรรมบ่งช้ี 2 ใน 3 แสดงพฤตกิ รรมบ่งช้ีท้ัง อนื่ ข้นึ มาทำ - ฟุบหลับ แก้ปญั หาไดด้ ้วยตวั เอง พฤติกรรม 3 พฤติกรรม 2. รจู้ กั แกป้ ัญหาใน ท้ังหมด การทำงานเม่ือมี แก้ปัญหาด้วยตวั เอง แกป้ ัญหาดว้ ยตัวเองน้อย อุปสรรค มีความพยายามที่จะ 3. การปรับปรงุ และ ปรับปรงุ แก้ไขการทำงาน มากกว่ารอ้ ยละ 80 กวา่ รอ้ ยละ 80 ของ แกไ้ ขการทำงานของ ของตนใหม้ ีผลงานท่ดี ี ตนให้ดยี ิ่งขนึ้ และคุณภาพอยเู่ สมอ ของงานทั้งหมด งานท้งั หมด มคี วามพยายามท่ีจะ มีความพยายามท่ีจะ ปรับปรงุ แกไ้ ขการทำงาน ปรบั ปรงุ แกไ้ ขการทำงาน ของตนใหม้ ีผลงานท่ดี ี ของตนให้มีผลงานทดี่ ี และคณุ ภาพ และคุณภาพเปน็ บางครง้ั เกณฑ์การประเมนิ คะแนนเต็ม 9 คะแนน คะแนน 7 - 9 คะแนน ดี คะแนน 4 - 6 คะแนน พอใช้ คะแนน 1 - 3 คะแนน ปรบั ปรุง
142 เกณฑป์ ระเมนิ ทกั ษะการทำงานเปน็ กลุ่ม โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบรบู ริคส์ รายการประเมนิ 3 คะแนน พฤตกิ รรมบง่ ช้ี 1 คะแนน 1. บทบาทหนา้ ที่ 2 คะแนน ไมม่ กี ารกำหนดบทบาท 2. การมีสว่ นรว่ ม มกี ารกำหนดบทบาท หนา้ ทีข่ องสมาชิก หน้าทีส่ มาชิกไวช้ ัดเจน มีการกำหนดบทบาท สมาชกิ กล่มุ สว่ นใหญไ่ ม่ 3. ความรับผดิ ชอบ หนา้ ท่ีสมาชกิ ไม่ครบ มสี ่วนร่วมในการ สมาชิกกล่มุ ทุกคนมสี ่วน สมาชกิ กล่มุ สว่ นใหญม่ ี ปฏิบัติงานหรอื มนี อ้ ย 4. การรบั ฟังความ ร่วมในการปฏบิ ตั งิ าน ส่วนรว่ มในการ สมาชิกสว่ นใหญไ่ ม่ คดิ เห็น กลุ่ม ปฏิบัตงิ าน ทำงานตามหนา้ ท่ีทีไ่ ด้รบั 5. ผลสำเร็จของงาน สมาชกิ สว่ นใหญท่ ำงาน มอบหมาย หลีกเล่ียง สมาชกิ ทุกคนทำงาน ตามหน้าท่ที ่ไี ดร้ บั งาน และงานเสร็จชา้ ตามหนา้ ที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ไม่หลกี เลี่ยง กวา่ กำหนด มอบหมาย ไมห่ ลีกเลยี่ ง งาน งานเสรจ็ ทนั ตาม งาน งานเสรจ็ ทนั ตาม กำหนด สมาชิกสว่ นใหญ่ไมร่ ับฟัง กำหนด ความคดิ เหน็ ของผอู้ ืน่ สมาชิกสว่ นใหญร่ ับฟงั สมาชกิ ทุกคนรับฟัง ความคิดเหน็ ของผูอ้ นื่ เกดิ จากความรว่ มมือ ความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื อยา่ งมีเหตผุ ล ของสมาชกิ ส่วนน้อยใน อย่างมเี หตุผล เกิดจากความรว่ มมือ กลุ่ม ของสมาชิกส่วนใหญ่ใน เกดิ จากความร่วมมือ กลุ่ม ของสมาชิกทุกคนใน กลมุ่ เกณฑ์การประเมิน คะแนนเตม็ 15 คะแนน คะแนน 11 – 15 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 6 – 10 คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 5 คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278