25 กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ 1. กระดาษฟ 1. ประเมินการอธิบาย าพปัสสาวะที่มีเฉดสีแตกต่างกัน ลิปชาร์ท และเปรียบเทยี บความ ต) 2. ปากกสี แตกตา่ งของกลไกการสรา้ ง 3. แบบบนั ทึก ปัสสาวะโดยใช้แบบประเมนิ กจิ กรรม เร่อื ง ช้ินงาน กลไกการสรา้ ง 2. ประเมินความมุง่ ม่ันใน ปัสสาวะของ การทำงานโดยใชแ้ บบ พแสดงปสั สาวะทีม่ ีเฉดสแี ตกต่างกนั มนุษย์ ประเมนิ ความมุ่งม่นั ในการ ำถาม ดังนี้ 4. วีดิทศั น์ เรอื่ ง ทำงาน พนักเรียนคิดว่าสิ่งที่อยู่ในถ้วย ไต : หนว่ ยไต และ การผลติ ปสั สาวะ ร (ปัสสาวะ, ตอบตามความคิดเห็น 5. สื่อพาวเวอร์ ดยครูพยายามนำเข้าสู่คำตอบคือ พ้อย เรื่อง หน่วย นทราบหรือไม่ว่าปัสสาวะคืออะไร ไต และการผลิต กายท่ีเกี่ยวข้องกับการสร้างปัสสาวะ ปสั สาวะ นทราบหรือไม่ว่าอวัยวะดังกล่าวมี างไรในการสร้างสารท่อี ยู่ภายในถ้วย
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ โดยครูเปดิ โอก ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ความคิดเห็นเกี่ย พร้อมทั้งคาดคะ 1. ความสามารถในการในการสอ่ื สาร รายวชิ าของตนเอ (การพดู การเขยี น) คำถามสำคัญ ไต 2. ความสามารถในการคิด ปัสสาวะ (การสงั เกต วิเคราะห)์ ขน้ั แสวงหาสาร 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 1. ครูแบง่ นกั เร (กระบวนการกลุม่ ) 6-7 คน จากนัน้ ใ 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา ทำกิจกรรม ดังน้ี (-) 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1.1 แบบบัน (-) ปสั สาวะของมนษุ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1.2 กระดาษ ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 1.3 ปากกาส 2. ครูให้นักเรีย และการผลิตปสั ส วดี ิทศั น์ ดงั นี้ (วา 2.1 กลไกใน อะไรบา้ ง 2.2 กลไกในก ทีบ่ ริเวณใดบ้าง
26 กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กาสให้นักเรยี นตอบคำถามและแสดง ยวกับคำถามและรูปภาพดังกล่าว ะเนคำตอบลงในสมุดบันทึกประจำ อง(สงสยั และสมมตฐิ าน) ตมีกระบวนการอย่างไรในการสร้าง รสนเทศ รยี นออกเปน็ 4 กลุ่ม จำนวนกลมุ่ ละ ให้นักเรยี นออกมารบั อปุ กรณใ์ นการ (วางแผน) นทึกกิจกรรม เรื่อง กลไกการสร้าง ษย์ ษฟลปิ ชาร์ท สี ยนชมวีดิทัศน์ เรื่อง ไต : หน่วยไต สาวะ โดยกำหนดประเดน็ ในการชม างแผน) นการสร้างปัสสาวะมีทั้งหมดกี่กลไก การสร้างปสั สาวะแตล่ ะกลไกเกิดข้ึน
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 2.3 กลไกใน ลกั ษณะสำคญั อย ขั้นสรา้ งความร 1. หลังจากชม ร่วมกันสร้างสร้า การทำงานของหน 2. ครูให้นักเรีย กิจกรรม เรือ่ ง กล เรยี บรอ้ ย 3. จากนั้นครูแ ถูกต้องโดยใช้สื่อ ภาพน้ำและแร่ธา ขนั้ ส่อื สาร 1. ครูให้นักเรีย การนำเสนอผังงา ลงบนกระดานหน ข้นั ตอบแทนสงั 1. ครใู ห้นกั เรีย กับไต และหน่ว สืบคน้ ดังนี้
27 กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ นการสร้างปัสสาวะมีข้อจำกัด หรือ ยา่ งไร รู้ มวีดิทัศน์แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม างผังงาน (Flowchart) แสดงกลไก นว่ ยไต (สอื่ ความหมาย) ยนตอบคำถามลงในแบบแบบบนั ทึก ลไกการสร้างปสั สาวะของมนุษย์ ให้ และนักเรียนร่วมกันสรุป ความรู้ที่ อพาวเวอร์พ้อย เรื่อง การรักษาดุลย าตุในมนษุ ย์ (สรุป) ยนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรูโ้ ดย านของกลุ่มตนเอง และร่วมกันสรุป น้าห้องเรยี น งคม ยนสืบคน้ ข้อมลู โรคทมี่ คี วามเกีย่ วขอ้ ง วยไต โดยกำหนดประเด็นในการ
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 1.1 อาการขอ 1.2 พฤตกิ รร 1.3 การรักษ 1.4 การป้องก 2. จัดกระทำ จากนั้นออกมาน หนา้ ห้องเรยี น หร
28 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ องโรค รมเสี่ยง ษา กนั ตนเอง ำข้อมูลลงในกระดาษฟลิปชาร์ต นำเสนอ และติดผลงานไว้ที่บริเวณ รือภายในโรงเรียน
โรงเรยี นสรร กล่มุ สาระการเรีย แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่ือง กลไกการรัก ภาคการศึกษาตน้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบตั ขิ องสิง่ มีชีวิต หน่วยพ้นื ฐานของส่งิ มีชวี ติ การลำเลยี งสาร ของพืชที่ทำงานสมั พันธก์ ัน รวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ัด ม.4/2 อธบิ ายการควบคุมดุลยภาพของนำ้ และสารในเลอื ดโดยการท
29 รพยาวทิ ยา ยนรวู้ ิทยาศาสตร์ กษาดุลยภาพน้ำ และแรธ่ าตุในร่างกาย รายวชิ า วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวัตร อยู่เกิด รเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้าง และหน้าท่ขี องอวยั วะต่าง ๆ ทำงานของไต
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ด้านความร(ู้ K) ขน้ั ระบุปัญหา 1. อธิบายกลไก การรักษาดุลยภาพนำ้ ในร่างกาย 1. ครูแสดงภาพ ของการควบคุม สมองส่วนไฮโพทาลามัสควบคุมสมดุลของ ครูใชค้ ำถามดงั นี้ สมดุลน้ำ และแร่ ปรมิ าณน้ำในเลอื ด ถา้ ร่างกายขาดน้ำมากจะ 1.1 เมื่อออก ธาตขุ องมนษุ ย์ได้ ทำให้เลือดเข้มข้นกว่าปกติเกิดการกระหาย รู้สกึ อยา่ งไร (เหน (K) น้ำ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ส่งผลให้สมอง 1.2 เหตุใดจ 2. สร้างผงั งาน ส่วนไฮโพทาลามัสไปกระตุ้นปลายประสาท สญู เสยี นำ้ ในรปู ข แสดงกลไกการ ในต่อมได้สมองส่วนหลังให้หลั่งฮอร์โมน 1.3 นักเรียน ควบคุมสมดลุ น้ำ แอนติไดยูเรติก(Antidiuretic hormone) แล้วนักกีฬาน และแร่ธาตขุ อง หรือ ADH เข้าสู่กระแสเลือด โดยADH ทำ (สปอนเซอร์ ยาช มนษุ ยไ์ ด้(P) หน้าที่กระตุ้นท่อหน่วยไตให้ดูดน้ำกลับเข้าสู่ 1.4 นักเรียน 3. เปน็ ผู้มีความ หลอดเลือด ทำให้ปริมาณน้ำในเลือดสูงขึ้น ส่วนผสมของอะไ ม่งุ ม่ันในการทำงาน และความรู้สึกกระหายน้ำลดน้อยลง ถ้า ตามความคิด พร (A) เลือดเจือจางไฮโพทาลามัสจะยับยั้งการหลั่ง และแรธ่ าต)ุ ADH ทำให้การดูดน้ำกลับคืนมีน้อย ปริมาณ 1.5 นักเรียน นำ้ ในร่างกายจงึ อยูใ่ นภาวะสมดลุ อย่างไรเมื่อมีก การรักษาดุลยภาพแรธ่ าตใุ นร่างกาย นักกฬี าจงึ มกั ด่มื เ แร่ธาตุบางชนิดที่มีบทบาทสำคัญต่อการ คำถามสำคัญ ก ทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ธาตุในร่างกายเป การรักษาดุลยภาพ เช่น กรณีที่มีปริมาณ โซเดยี มไอออนตำ่ จะควบคุมโดยฮอรโ์ มนแอล
30 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. กระดาษฟ 1. ประเมนิ การอธบิ าย พคนออกกำลังกาย (สง่ิ เรา้ ) จากน้นั ลิปชาร์ท และสรา้ งผังงานแสดงกลไก (สังเกต) 2. ปากกสี การควบคุมสมดุลนำ้ และ กกำลังกายเป็นเวลานานนักเรียนจะ 3. ใบงาน เรื่อง แรธ่ าตขุ องมนษุ ยโ์ ดยใช้ นือ่ ยและกระหายนำ้ ) กลไกการควบคุม แบบประเมนิ ชน้ิ งาน จึงรู้สึกเช่นนั้น (เนื่องจากร่างกาย สมดุลน้ำ และแร่ 2. ประเมนิ ความมงุ่ ม่ันใน ของเหง่ือ) ธาตุของมนษุ ย์ การทำงานโดยใชแ้ บบ นทราบหรือไม่ว่าหลังจากออกกำลัง 4. วดี ทิ ศั น์ เร่อื ง ประเมนิ ความมงุ่ มั่นในการ นิยมดื่มเครื่องดื่มประเภทใด การรักษาสมดุล ทำงาน ชกู ำลงั ) น้ำและเกลือแร่ใน นทราบหรือไม่ว่าเคร่ืองดื่มดังกล่าวมี สตั ว์ ไรบ้าง (เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบ 5. สื่อพาวเวอร์ ร้อมทั้งแสดงภาพส่วนผสมของน้ำ พ้อย เรื่อง การ ร ั ก ษ า ส ม ด ุ ล น้ ำ นทราบหรือไม่ว่าร่างกายรับรู้ได้ และเกลือแร่ใน การสูญเสียน้ำ และเพราะเหตุใด สตั ว์ เคร่อื งด่ืม มากกว่าด่ืมนำ้ เปล่า กลไกการควบคุมสมดุลน้ำ และแร่ ปน็ อย่างไร
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ โดสเตอโรน (Aldosterone) ทส่ี ร้างจากต่อม ขัน้ แสวงหาสาร หมวกไต (Adrenal gland) โดยไปกระตุน้ ให้ 1. ครูแบ่งนักเร ทอ่ หน่วยไต และท่อรวมดูดกลบั โซเดียมเข้าสู่ 6-7 คน จากนัน้ ใ กระแสเลือด ทำให้ปริมาณเลือดอยู่ในภาวะ ทำกจิ กรรม ดงั น้ี สมดุล ส่งผลต่อความดันเลือด และปริมาตร 1.1 ใบงาน เร ของเลือด แร่ธาตุของมนษุ ย ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 1.2 กระดาษ 1. ความสามารถในการในการสือ่ สาร 1.3 ปากกาส (การพูด การเขยี น) 2. ครูให้นักเรีย 2. ความสามารถในการคิด น้ำและเกลอื แร่ใน (การสังเกต วเิ คราะห์) วีดทิ ัศน์ ดังนี้ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 2.1 เมื่อร่างก (กระบวนการกลมุ่ ) ของเลอื ดอย่างไร 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา (-) 2.2 ความเข้ม 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ไปกระตุ้นตัวรับ (-) ส่วนไฮโพทาลามสั ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 2.3 สมองส่ว มุ่งม่นั ในการทำงาน การหลั่งฮอร์โมน hormone จากต
31 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ รสนเทศ รียนออกเปน็ 4 กลุ่ม จำนวนกลุม่ ละ ใหน้ กั เรยี นออกมารับอุปกรณ์ในการ (วางแผน) รื่อง กลไกการควบคุมสมดลุ น้ำ และ ย์ ษฟลิปชารท์ สี ยนชมวีดิทศั น์ เรื่อง การรักษาสมดลุ นสัตว์ โดยกำหนดประเด็นในการชม กายขาดน้ำจะส่งผลต่อความเข้มขน้ ร (ความเขม้ ข้นของเลือดสูงกว่าปกติ) มข้นของเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปจะ บความเข้มข้นของเลือดที่ใด (สมอง ส) วนไฮโพทาลามัสจะไปกระตุ้นให้เกิด นอะไร จากบริเวณใด (Antidiuretic ต่อมใตส้ มองสว่ นหลัง)
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรียนรู้ 2.4 ฮอร์โมนด ผลต่อท่อรวมขอ เข้าสู่รา่ งกาย) 2.5 นอกจาก เข้มข้นของเลือด (ศูนย์กระหายน้ำ ขัน้ สรา้ งความร 1. หลังจากชม ร่วมกันสร้างสร้า การควบคุมสมดุ กระดาษฟลิปชาร 2. ครูให้นักเร กลไกการสรา้ งปัส 3. จากนั้นครูแ ถูกต้องโดยใช้สื่อ ภาพน้ำและแรธ่ า
32 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ดังกล่าวสง่ ผลอย่างไรต่อร่างกาย (มี องไต กระตุ้นให้เพิ่มการดูดกลับน้ำ กกระบวนการข้างต้น ตัวรับความ ดจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรอีกบ้าง ำ กระต้นุ ใหเ้ กดิ การด่มื น้ำ) รู้ มวีดิทัศน์แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม างผังงาน (Flowchart) แสดงกลไก ลน้ำ และแร่ธาตุของมนุษย์ ลงบน ร์ท (สอ่ื ความหมาย) รียนตอบคำถามลงในใบงาน เรื่อง สสาวะของมนุษย์ ใหเ้ รียบรอ้ ย และนักเรียนร่วมกันสรุป ความรู้ที่ อพาวเวอร์พ้อย เรื่อง การรักษาดุลย าตใุ นมนษุ ย์ (สรปุ )
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ขน้ั สื่อสาร 1. ครูให้นักเรีย การนำเสนอผังงา ลงบนกระดานหน ข้ันตอบแทนสงั 1. ครูให้นกั เรีย กับไต และหน่ว สบื ค้น ดงั นี้ 1.1 อาการขอ 1.2 พฤตกิ รร 1.3 การรกั ษ 1.4 การปอ้ งก 2. จัดกระทำ จากนั้นออกมาน หน้าหอ้ งเรียน หร
33 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ยนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดย านของกลุ่มตนเอง และร่วมกันสรปุ น้าห้องเรยี น งคม ยนสืบค้นข้อมูลโรคท่ีมีความเก่ียวข้อง วยไต โดยกำหนดประเด็นในการ องโรค รมเส่ยี ง ษา กนั ตนเอง ำข้อมูลลงในกระดาษฟลิปชาร์ต นำเสนอ และติดผลงานไว้ที่บริเวณ รอื ภายในโรงเรยี น
โรงเรียนสรร กลมุ่ สาระการเรีย แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การรกั ภาคการศึกษาต้น ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของส่งิ มีชวี ิต หน่วยพื้นฐานของส่งิ มีชวี ติ การลำเลียงสาร ของพืชท่ที ำงานสมั พนั ธก์ นั รวมท้ังนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้ีวัด ม.4/2 อธิบายการควบคมุ ดุลยภาพของนำ้ และสารในเลอื ดโดยการท
34 รพยาวิทยา ยนรู้วิทยาศาสตร์ กษาดลุ ยภาพกรด - เบสของเลือด รายวิชา วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ว30107 ผสู้ อน นายเรวตั ร อย่เู กดิ รเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ขี องอวยั วะต่าง ๆ ทำงานของไต
วตั ถุประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความรู(้ K) ข้นั ระบปุ ัญหา 1. ระบุอวัยวะทใ่ี ช้ การรกั ษาดุลยภาพของกรด – เบสใน 1. ครูแสดงกรา ในการรักษาดุลย ร่างกาย ค่า pH ตา่ ง ๆ (ส ภาพกรด-เบสได้ (K) ปฏิกริ ิยาเคมีเกอื บทั้งหมดในกระบวน- 2. สรา้ งผงั การตา่ งๆของร่างกายควบคุมโดยเอนไซม์ ซ่งึ กราฟฟกิ แสดงถงึ เอนไซม์แต่ละชนดิ จะทำงานไดด้ ใี นช่วง pH สาเหตุของการ เปลยี่ นแปลงสมดุล ท่ีเหมาะสม แตกต่างกนั ภาพท่ี กรด-เบส ในร่างกาย แสดง รา่ งกายรกั ษาดุลยภาพของกรด – เบส ใน ทำงาน ได้ (P) เลือดโดยการรักษาดุลยภาพของไฮโดรเจน- ไอออน(H+) ทเ่ี กดิ จากกระบวนการเมแทบอลิ 3. สรา้ งผงั ซึม กระบวนการหลักท่สี ง่ ผลต่อระดบั H+ ใน กราฟฟกิ แสดงถงึ เลอื ดคอื กระบวนการหายใจระดบั เซลลซ์ ่งึ มี จากนนั้ ครูใชค้ ำ กลไกการรักษา 1.1 จากภาพ สมดุลกรดเบส ใน CO2 เป็นผลผลิตอย่างหน่งึ ร่างกายได้ (P) CO2 ที่เกดิ ข้นึ ไมไ่ ดอ้ ยูอ่ ิสระแต่จะรวมตวั กบั เท่าใด (pH 7) 1.2 เมื่อค่า p นำ้ ในเซลล์เม็ดเลือดแดงเกดิ เป็นกรดคาร์ 4. เป็นผมู้ ีความ บอนกิ ซึง่ เม่ือแตกตัวจะได้ H+กับไฮโดรเจน เอนไซม์ เป็นอ มงุ่ ม่ันในการทำงาน คาร์บอเนตไอออน(HCO3-) ไตมบี ทบาท เปลี่ยนแปลงไป (A) สำคญั ในการรกั ษาความเป็นกรด –เบสของ pH เพิ่มขึ้นหรือล เลือด เมอื่ pH ของเลอื ดต่ำเกินไป หน่วยไต 1.3 นักเรียน จะขับสารทมี่ ีสว่ นประกอบของ H+ และ ภายในร่างกายม แอมโมเนยี มไอออน (NH4+) ออกจากเลอื ด สามารถรกั ษาสม
35 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ า 1. ภาพแสดง 1. ประเมนิ การระบุ าฟอัตราการทำงานของเอนไซม์ ท่ี อตั ราการทำงาน อวยั วะที่ใชใ้ นการรกั ษาดลุ ย สิง่ เร้าและสังเกต) ของเอนไซมท์ ่ีค่า ภาพกรด-เบส, การสรา้ งผัง pHแตกต่างกนั กราฟฟกิ แสดงสาเหตแุ ละ 2. กระดาษ A3 กลไกการรกั ษาสมดลุ 3. ปากกาสี กรด-เบส ในรา่ งกาย จาก 1 ภาพ 4. สื่อพาวเวอร์ การแบบประเมินการสรา้ ง อัตราการ พ้อย เรื่อง การ ผงั กราฟฟกิ รักษาดุลยภาพ 2. ประเมนิ ความมุ่งม่ันใน ของ เอนไซมท์ ี่ กรด – เบสของ การทำงานโดยใช้แบบ เลือด ประเมนิ ความมุ่งม่ันในการ คา่ pHแตกต่างกัน ำถาม ดังน้ี ทำงาน พเอนไซม์ทำงานได้ดีท่ีสุดได้ทค่ี ่า pH pH เปลี่ยนแปลงไปการทำงานของ ย่างไร (การทำงานของเอนไซม์ โดยจะมีอัตราการทำงานลดลงเมื่อ ลดลง) นทราบหรือไม่ว่าความเป็นกรด-เบส มนุษย์เกิดขึ้นจากอะไร และร่างกาย มดลุ ดงั กลา่ วได้อย่างไร
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ และในขณะเดียวกนั กจ็ ะเพิม่ การดูดกลับ โดยครูเปิดโอ ไอออนบางประเภทซง่ึ ลดความเปน็ กรดของ เลือดได้แก่ โซเดียมไอออน (Na+) และ แสดงความคิดเห ไฮโดรเจนคารบ์ อเนตไอออน สว่ นเมือ่ pH คาดคะเนคำตอบ ของเลือดสูงเกินไปจะเกิดกระบวนการตรง ตนเอง (สงสยั และ ขา้ ม ด้านทักษะกระบวนการ (P) คำถามสำคัญ ร การรักษาสมดุลก 1. ความสามารถในการในการส่ือสาร (การพดู การเขียน) ขั้นแสวงหาสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1. ครูแบ่งนักเร (การสังเกต วเิ คราะห)์ คน จากนั้นให้น 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (กระบวนการกล่มุ ) อุปกรณใ์ นการทำ 4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 1.1 กระดาษ (-) 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 1.2 ปากกาส (การสบื คน้ ข้อมูลจากอนิ เทอร์เน็ต) 2. ครูให้นักเร ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ออกเป็น 3 ส่วน มุง่ มนั่ ในการทำงาน ค่า pH ในร่างกา ผลกระทบอย่างไ ประเดน็ เดียวกัน 3. ครูให้นักเรีย ดุลยภาพกรดเบ ประเดน็ ในการสบื
36 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ อกาสให้นักเรียนตอบคำถามและ ห็นเกี่ยวกับกราฟดังกล่าว พร้อมท้ัง บลงในสมดุ บันทกึ ประจำรายวิชาของ ะสมมติฐาน) ร่างกายอาศัยอวัยวะและกลไกใดใน กรด-เบส รสนเทศ รียนออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 6-7 น ั ก เ ร ี ย น ต ั ว แ ท น ก ล ุ ่ ม อ อ ก ม า รั บ ำกจิ กรรม ดงั น้ี ษ A3 สี รียนแต่ละกลุ่มแบ่งพื้นที่กระดาษ จากน้ันใหน้ กั เรยี นคาดคะเนว่าเมื่อ ายเป็นกรดหรือเบส มนุษย์จะได้รับ ร โดยแต่ละกลุ่มหา้ มมคี ำตอบที่เป็น ยนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา บสในร่างกายมนุษย์ โดยกำหนด บค้น ดงั นี้ (วางแผน)
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ 3.1 เพราะเห มนุษย์ จึงสามารถ 3.2 มนุษย์อ กรด-เบส ในร่างก 3.3 อวัยวะด สมดุลกรด-เบส ใ ข้ันสรา้ งความร 1. ครูให้นักเร กราฟฟิกแสดงผล ของสภาพความเ ในการรักษาสมด (สอ่ื ความหมาย) 2. ครูสรุปความ เรื่อง การรักษาด (สรุป) ขนั้ สือ่ สาร 1. ครูให้นักเรีย กลมุ่ ตนเองด้วยว
37 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ หตุใด ความเปน็ กรด-เบส ในรา่ งกาย ถเปลี่ยนแปลงได้ อาศัยอวัยวะใดในการรักษาสมดุล กาย ดังกล่าวใช้กลใดบ้างในการรักษา ในร่างกาย รู้ รียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้างผัง ลกระทบที่เกิดจากการเปลีย่ นแปลง เป็นกรด-เบส ในร่างกาย และกลไก ดุลกรด-เบสภายในร่างกายมนุษย์ มรู้ที่ถกู ต้องโดยใช้สื่อพาวเวอร์พอ้ ย ดุลยภาพสมดุลกรด-เบสในมนุษย์ ยนออกมานำเสนอผังกราฟฟิก ของ าจาทห่ี นา้ ช้ันเรียน
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ขนั้ ตอบแทนสังค 1. ครูให้นักเร ถกู ต้องท่สี ุดติดแส แตล่ ะคนไดศ้ ึกษา
38 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ งคม รียนร่วมกันคัดเลือกผังกราฟฟิกท่ี สดงภายในหอ้ งเรียน เพื่อใหน้ ักเรียน าข้อมูลทีถ่ ูกต้อง
โรงเรยี นสรร กลมุ่ สาระการเรีย แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การรักษ ภาคการศกึ ษาต้น ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของสง่ิ มีชวี ิต หนว่ ยพนื้ ฐานของสิ่งมีชวี ติ การลำเลยี งสาร ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์กนั รวมท้งั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด ม.4/2 อธบิ ายการควบคุมดุลยภาพของน้ำ และสารในเลอื ดโดยการท
39 รพยาวทิ ยา ยนรูว้ ิทยาศาสตร์ ษาดุลยภาพอณุ หภมู ิภายในรา่ งกาย รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวตั ร อยเู่ กดิ รเข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องอวยั วะต่าง ๆ ทำงานของไต
วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นักเรียนสามารถ ด้านความรู้(K) ข้ันระบุปัญหา 1. ครูแสดงกรา 1. อธบิ ายกลไก การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายใน อุณหภูมแิ ตกต่าง รกั ษาดุลยภาพ รา่ งกาย อุณหภมู ใิ นร่างกาย ภาพที่ 1 ภาพแสด เมื่อร่างกายได้รับความร้อนจาก ได้ (K) จากนัน้ ครใู ชค้ ำ 2. สรา้ งผัง สงิ่ แวดลอ้ ม ศูนย์ควบคุมอณุ หภมู ขิ องรา่ งกาย 1.1 จากภาพ ที่สมองส่วน ไฮโพทาลามัส จะกระตุ้นให้ อุณหภูมิ เทา่ ใด ( กราฟฟิกกลไกการ 1.2 เมื่ออุณห รกั ษาดุลยภาพ เกิดกระบวนการต่างๆเพื่อปรับอุณหภูมิของ เอนไซม์ เป็นอ อุณหภมู ิ ในร่างกาย ร่างกายให้กลับเป็นปกติ มีการลดอัตราเม เปลี่ยนแปลงไป แทบอลิซึม ลดการเผาผลาญสารอาหารใน อณุ หภมู เิ ปล่ยี นแ ได้ (P) 1.3 นักเรียน 3. เป็นผู้มีความ เซลล์ตับและเซลล์ไขมัน หลอดเลือดฝอย รักษาสมดลุ อณุ ห บริเวณผิวหนังจะขยายตัวเพื่อช่วยถ่ายเท ม่งุ มั่นในการทำงาน (A) ความร้อนในร่างกายสู่สิ่งแวดล้อม มีการ กระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อให้ขับเหงื่อ เพิ่มขึ้น กล้ามเน้ือที่ยึดโคนเส้นขนในผิวหนัง จะคลายตัว จึงเห็นขนเอนราบติดผิวหนัง ชว่ ยให้อากาศไหลเวียนบริเวณผวิ หนงั ได้ดีข้ึน ความร้อนจงึ ถ่ายเทสสู่ ่ิงแวดล้อมได้มากขนึ้ ในทางกลับกันหากร่างกายสูญเสียความ ร้อนให้กับสิ่งแวดล้อมจนอุณหภูมิของ ร่างกายต่ำกว่าปกติ ศูนย์ควบคุมที่สมอง
40 กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. ภาพแสดง 1. ประเมินการอธบิ าย าฟอัตราการทำงานของเอนไซม์ ท่ี อัตราการทำงาน กลไกรักษาดลุ ยภาพ งกัน (สงิ่ เร้าและสังเกต) ของเอนไซม์ทค่ี ่า อุณหภมู ใิ นร่างกาย, การ อุณหภมู แิ ตกต่าง สร้างผงั กราฟฟิกแสดงกลไก กัน การรกั ษาดลุ ยภาพอณุ หภูมิ 2. กระดาษ A3 ในรา่ งกายจากการแบบ 3. ปากกาสี ประเมินการสรา้ งผัง 4. ภาพการต์ นู กราฟฟิก บุคคลทีอ่ ย่ใู น 2. ประเมนิ ความม่งุ มั่นใน ดงอัตราการทำงานของเอนไซมท์ ี่อุณหภูมิ สภาพแวดล้อมที่มี การทำงานโดยใชแ้ บบ อณุ หภมู ติ ่ำและ ประเมนิ ความมงุ่ มนั่ ในการ แตกต่างกัน ำถาม ดงั นี้ อุณหภูมิสงู ทำงาน พเอนไซม์ทำงานได้ดีที่สุดได้ท่ี 5. สื่อพาวเวอร์ (เกือบ 40 องศาเซลเซยี ส) พ้อย เร่ือง การ หภูมิเปลี่ยนแปลงไปการทำงานของ รกั ษาดลุ ยภาพ ย่างไร (การทำงานของเอนไซม์ อณุ หภมู ิภายใน โดยจะมีอัตราการทำงานลดลงเม่ือ ร่างกาย แปลงไป) นทราบหรือไม่ว่าร่างกายสามารถ หภูมิในร่างกายได้อย่างไร
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ส่วนไฮโพทาลามัสก็จะกระตุ้นให้ร่างกายมี โดยครูเปิดโอ อตั ราเมแทบอลิซึมสงู ขึ้น แสดงความคิดเห ใหพ้ ลงั งานความรอ้ นทีเ่ กดิ จากกระบวนการ คาดคะเนคำตอบ เมแทบอลิซึมในเซลล์ถ่ายเทผ่านเลือดไปท่ัว ตนเอง (สงสยั และ ร่างกาย มีการกระตุ้นให้หลอดเลือดฝอย คำถามสำคัญ ร บริเวณผิวหนังหดตัว ทำให้เลือดไหลเวียนไป สมดลุ อุณหภมู ใิ น ยังผิวหนังน้อยลง หากอุณหภูมิต่ำมากๆ ขั้นแสวงหาสาร ผิวหนังอาจซีดขาว มีการลดการทำงานของ 1. ครูแบ่งนักเร ตอ่ มเหงื่อและลดการขบั เหงอ่ื กลา้ มเนื้อท่ียึด คน จากนั้นให้น โคนเส้นขนหดตัวดึงให้ขนลุก การที่ขนลุกจะ อุปกรณใ์ นการทำ ช่วยกนั้ อากาศไว้ เปน็ การลดอตั ราการถ่ายเท 1.1 กระดาษ ความร้อนจากร่างกายสู่อากาศที่อยู่โดยรอบ 1.2 ปากกาส กล้ามเนื้อ โครงร่างจะมีการหดตัว อย่างเรว็ 2. ค ร ู แ ส ด ง ขึ้นทำให้ร่างกายหนาวสั่นเพื่อเพิ่มความร้อน สภาพแวดล้อมท่ีม ให้แกร่ า่ งกาย
41 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ อกาสให้นักเรียนตอบคำถามและ ห็นเกี่ยวกับกราฟดังกล่าว พร้อมท้ัง บลงในสมุดบนั ทึกประจำรายวชิ าของ ะสมมติฐาน) ร่างกายอาศัยกลไกใดในการรักษา นรา่ งกาย รสนเทศ รียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 น ั ก เ ร ี ย น ต ั ว แ ท น ก ล ุ ่ ม อ อ ก ม า รั บ ำกิจกรรม ดังน้ี ษ A3 สี ภาพการ์ตูนบุคคลที่อยู่ใน มีอุณหภมู ติ ่ำและอณุ หภมู ิสงู
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ภาพท่ี 2 ภาพก ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) อณุ 1. ความสามารถในการในการสอื่ สาร ครูให้นักเรียน (การพดู การเขียน) เปลี่ยนแปลงที่เก 2. ความสามารถในการคดิ สิ่งแวดล้อมท่ีแตก สูง โดยให้แข่งขัน (การสังเกต วิเคราะห)์ ให้ใหไ้ ดม้ ากที่สดุ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3. ครูให้นักเรีย ดุลยภาพอุณหภ (กระบวนการกลุ่ม) ประเด็นในการสืบ 4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา (-) 3.1 เมื่ออยู่ภ ร่างกายมีการตอ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ในร่างกายอยา่ งไร (การสบื คน้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ ) ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) มงุ่ ม่ันในการทำงาน
42 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ การต์ ูนบคุ คลที่อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มทม่ี ี ณหภูมิตำ่ และอุณหภมู สิ งู นแต่ละกลุ่มร่วมกันคาดคะเนการ กิดขึ้นกับร่างกายเมื่ออยู่ในสภาวะ กต่างกนั ในอณุ หภมู ติ ่ำและอุณหภมู ิ นกันเขียนลงในกระดาษที่ครูเตรียม ยนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา ภูมิในร่างกายมนุษย์ โดยกำหนด บค้น ดงั นี้ (วางแผน) ภายในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมสิ ูง อบสนองเพื่อรักษาดุลยภาพอุณหภมู ิ ร
วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 3.2 เมื่ออยู่ภ ร่างกายมีการตอ ในร่างกายอยา่ งไร 4. ครูให้นักเร ระหว่างกลไกกา สืบค้นได้กับกา เหมือนหรอื แตกต ขั้นสรา้ งความร 1. ครูให้นักเร กราฟฟกิ กลไกกา มนุษย์ (สื่อความห 2. ครูสรุปความ เร่ือง การรักษาด ข้ันส่ือสาร 1. ครูให้นักเรีย กลุ่มตนเองดว้ ยว
43 กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ภายในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิตำ่ อบสนองเพื่อรักษาดุลยภาพอุณหภมู ิ ร รียนเปรียบเทียบความแตกต่าง ารรักษาสมดุลอุณหภูมิในร่างกายท่ี ารคาดคะเนในตอนต้นว่ามีความ ต่างกันอยา่ งไร รู้ รียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้างผัง ารรกั ษาดุลยภาพอุณหภมู ิในร่างกาย หมาย) มรู้ที่ถูกต้องโดยใช้สื่อพาวเวอร์พอ้ ย ดลุ ยภาพอณุ หภูมิในมนุษย์(สรปุ ) ยนออกมานำเสนอผังกราฟฟิก ของ าจาทห่ี น้าชนั้ เรยี น
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ขนั้ ตอบแทนสัง 1. ครูให้นักเร ถูกต้องท่สี ุดติดแส แต่ละคนได้ศึกษา
44 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ งคม รียนร่วมกันคัดเลือกผังกราฟฟิกท่ี สดงภายในหอ้ งเรียน เพื่อใหน้ ักเรียน าขอ้ มูลทีถ่ ูกต้อง
โรงเรยี นสรร กลุ่มสาระการเรยี แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง โครงสรา้ งระบบภ ภาคการศกึ ษาตน้ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของสง่ิ มีชวี ิต หนว่ ยพ้ืนฐานของสิ่งมชี ีวติ การลำเลยี งสาร ของพชื ทที่ ำงานสัมพันธก์ ัน รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด ม.4/2 อธบิ ายการควบคมุ ดุลยภาพของนำ้ และสารในเลอื ดโดยการท
45 รพยาวทิ ยา ยนร้วู ิทยาศาสตร์ ภมู ิคุ้มกัน และกลไกการตอ่ ตา้ นสง่ิ แปลกปลอม รายวชิ า วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ ว30107 ผ้สู อน นายเรวตั ร อยเู่ กดิ รเข้า และออกจากเซลล์ ความสมั พันธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ ทำงานของไต
วัตถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ นักเรียนสามารถ ด้านความรู้(K) ขน้ั ระบปุ ญั หา 1. ระบุโครงสร้าง โ ค ร ง ส ร ้ า ง ข อ ง ร ะ บ บ ภ ู ม ิ ค ุ ้ ม กั น 1. ครูนำเข้าสู่บ ของอวัยวะในระบบ ประกอบด้วยอวัยวะและเน้อื เยอ่ื ต่าง ๆ ดังน้ี ระบาดของโรคอโี ภมู ิคุ้มกนั ได้ (K) 1. อวยั วะทท่ี ำหนา้ ท่สี ร้าง และพัฒนาเซลล์ 2. อธิบายกลไก การต่อต้านสงิ่ เม็ดเลือดขาวกลุ่มลิมโฟไซต์ ได้แก่ไขกระดกู แปลกปลอมแบบไม่ และไทมัส จำเพาะเจาะจงได้ 2. อวัยวะที่ทำหน้าที่ดักจับ และทำลายสิ่ง แปลกปลอม ไดแ้ ก่ ม้าม ตอ่ มนำ้ เหลอื ง (K) 3. เนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่ทำ ภาพที่ 1 ภาพ 3. เปน็ ผู้มีความ หน้าที่ป้องกันดักจับ และทำลายสิ่ง มุ่งม่นั ในการทำงาน จากนนั้ ครใู ชค้ ำ (A) 1.1 โรคที่ระบ แปลกปลอม เช่น ทอนซิล บริเวณคอม ลา) เนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่ผนังทางเดินอาหาร และ 1.2 โรคดงั กล 1.3 นักเรียน ทางเดินหายใจ ไสต้ ิ่ง เปน็ ต้น แล้วร่างกายจะม กลไกการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมแบบไม่ โดยครูเปิดอกาส จำเพาะเจาะจง 1. ผิวหนัง เป็นด่านป้องกันที่อยู่ด้านนอก เข้าใจ หรือพ้ืนฐา 1.4 นักเรียน ของร่างกาย มีบทบาทในการป้องกัน อาศัยระบบใดใน ใดบา้ งทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
46 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. บตั รคำ 1. ประเมินการระบุ บทเรียนโดยการแสดงภาพข่าวการ อวยั วะในระบบ โครงสรา้ งของอวยั วะใน โบลา (ส่ิงเรา้ สงั เกต) ภูมคิ ุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกนั และการ 2. บัตรคำ อธิบายกลไกการต่อต้านสง่ิ อวยั วะทท่ี ำหนา้ ที่ แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ ในการปอ้ งกันสงิ่ เจาะจง โดยการใช้แบบ แปลกปลอมแบบ ประเมนิ ชิ้นงาน ไม่จำเพาะเจาะจง 2. ประเมินความมงุ่ ม่นั ใน พแสดงข่าวการระบาดของโรคอโี บลา 3. บัตรข้อความ การทำงานโดยใชแ้ บบ หน้าท่ขี องอวยั วะ ประเมินความมงุ่ ม่ันในการ ำถาม ดังน้ี ทที่ ำหนา้ ท่ีในการ ทำงาน บาดอยู่ในข่าวคือโรคอะไร (โรคอีโบ ป้องกนั สง่ิ ลา่ วมสี าเหตมุ าจากอะไร (เชือ้ ไวรัส) แปลกปลอมแบบ ไมจ่ ำเพาะเจาะจง นคิดว่าถ้าหากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย มีการตอบสนองหรือไม่ อย่างไร (มี 4. รปู ภาพ สให้นักเรียนตอบคำถามตามความ อวยั วะในร่างกาย านความรเู้ ดมิ ของตนเอง) นทราบหรือไม่ว่า ร่างกายของเรา นการต่อต้านเชื้อโรค และมีอวัยวะ งกบั ระบบดังกล่าว
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ เชื้อจุลิน ทร ีย์ ฝุ่น ละ อ อ ง ร วมทั้งส่ิง คำถามสำคัญ โค แปลกปลอมต่าง ๆ ไมใ่ ห้เข้าสู่รา่ งกาย กลไกในการป้อง 2. ขห้ี ู ดกั จบั ฝุ่นละออง และแมลง เปน็ อย่างไร ขั้นแสวงหาสาร 3. น้ำตา มีเอนไซม์ไลโซไซม์ยอ่ ยผนังเซลล์ ของแบคทเี รยี 1. ครูแบง่ นกั เร 4. ท่อลม มีการหลั่งเมือกเพื่อดักจับฝุ่น คน จากนั้นให้นัก ละออง หรือเชอ้ื จุลนิ ทรีย์แล้วถูกซเิ ลยี โบกพัด กิจกรรม ดงั น้ี (วา ออกไปด้วยการไอหรอื จาม 1.1 บตั รคำอ 1.2 บัตรคำอ 5. กระเพาะอาหาร หล่ังกรดไฮโดรคลอริก ทำลายแบคทีเรยี แปลกปลอมแบบ 6. กระเพาะปัสสาวะ การขับปสั สาวะช่วย 1.3 บตั รขอ้ ค พาจุลนิ ทรยี ์ออกจากทอ่ ปสั สาวะ การปอ้ งกนั ส่งิ แป 7. ช่องคลอด มีภาวะเป็นกรดยับยั้งการ 1.4 รปู ภาพอ 2. จากนน้ั ให้นกั เจริญเติบโตของแบคทเี รีย และบัตรข้อควา อวัยวะภายในร ขอ้ ความจับคู่กับบ ขัน้ สรา้ งความร 1. ครูสรุปความ เรื่อง ระบบภมู คิ ุ้ม
47 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ครงสร้างของระบบภูมิคุ้มกัน และ 5. ส่อื พาวเวอร์ งกันเชื้อโรคแบบไม่จำเพาะเจาะจง พ้อย เร่ือง โครงสรา้ งระบบ รสนเทศ ภูมคิ ุม้ กนั และ รียนออกเปน็ 4 กลมุ่ กล่มุ ละ 6 – 7 กลไกการตอ่ ตา้ น กเรียนออกมารับอุปกรณ์ในการทำ สง่ิ แปลกปลอม างแผน) อวัยวะในระบบภมู ิคุ้มกนั อวัยวะที่ทำหน้าที่ในการป้องกันส่ิง บไมจ่ ำเพาะเจาะจง ความหนา้ ท่ีของอวยั วะที่ทำหน้าท่ีใน ปลกปลอมแบบไม่จำเพาะเจาะจง อวัยวะในร่างกาย กเรียนรว่ มกันสงั เกตรูปภาพ บตั รคำ าม พร้อมทั้งนำบัตรคำ ไปจับคู่กับ ร่างกายให้ถูกต้อง รวมถึงนำบัตร บัตรคำใหถ้ ูกตอ้ งเช่นกนั รู้ มรู้ที่ถูกต้องโดยใช้สื่อพาวเวอร์พอ้ ย มกัน(สรปุ )
วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ข้นั สื่อสาร ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. ครูให้นักเร ผลงานของตนเอ 1. ความสามารถในการในการสือ่ สาร สัญลักษณ์ โดยก (การพูด การเขยี น) เฉพาะของกลมุ่ ต 2. ความสามารถในการคดิ การจับคู่เหมือน ดังกลา่ วลงไป (การสงั เกต วิเคราะห)์ ขนั้ ตอบแทนสัง 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 1. ครูให้นักเรีย กบั ภมู ิคมุ้ กัน โดย (กระบวนการกลมุ่ ) 1.1 อาการขอ 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 1.2 พฤตกิ รร (-) 1.3 การรกั ษ 1.4 การปอ้ งก 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2. จัดกระทำ (-) จากนั้นออกมาน หน้าหอ้ งเรยี น หร ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) มุ่งมนั่ ในการทำงาน
48 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ องโดยการเวียนนำเสนอ และทำ กำหนดให้แต่ละกลุ่มมีสัญลักษณ์ ตนเอง หากผลงานของเพอ่ื นกลมุ่ ใดมี นของกลุ่มตนเองให้เขียนสัญลักษณ์ งคม ยนสืบคน้ ข้อมูลโรคท่ีมคี วามเก่ียวขอ้ ง ยกำหนดประเด็นในการสบื คน้ ดงั น้ี องโรค รมเสีย่ ง ษา กนั ตนเอง ข้อมูลลงในกระดาษฟลิปชาร์ต นำเสนอ และติดผลงานไว้ที่บริเวณ รือภายในโรงเรียน
โรงเรียนสรร กลมุ่ สาระการเรยี แผนการจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง ภูมคิ ภาคการศกึ ษาตน้ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสิง่ มีชีวติ หนว่ ยพ้ืนฐานของสงิ่ มีชีวิต การลำเลียงสาร ของพืชทท่ี ำงานสัมพันธ์กนั รวมทง้ั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วัด ม.4/2 อธิบายการควบคุมดุลยภาพของน้ำ และสารในเลอื ดโดยการท
49 รพยาวิทยา ยนรู้วิทยาศาสตร์ คุ้มกันก่อเอง และภมู คิ ้มุ กันรับมา รายวชิ า วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผสู้ อน นายเรวัตร อยู่เกิด รเข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหน้าท่ขี องอวยั วะต่าง ๆ ทำงานของไต
วัตถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความร(ู้ K) ขั้นระบุปัญหา 1. อธบิ าย ภูมคิ ุม้ กนั กอ่ เอง 1. ครูแสดงภาพ ความหมายของ (Active Immunization) กรงุ เทพมหานคร ภมู คิ ุ้มกันแบบก่อ เป็นวิธีกระตุ้นภูมิให้ร่างกายสร้างแอนตบิ อดี เองและภูมิคุ้มกัน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันต้านทานสิ่งแปลกปลอมท่ี แบบรับมาได้ (K) เขา้ มา โดยอาจเป็นการนำเชอ้ื โรคที่อ่อนฤทธิ์ 2. เปรียบเทยี บ หรือตายแล้ว ไม่ก่อให้เกิดโรค มากระตุ้นให้ ความแตกต่าง ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน เรียกว่า วัคซีน ระหว่างภมู คิ ุม้ กนั (Vaccine) เช่น วัคซีนป้องกันโรคไอกรน แบบก่อเองและ วัคซีนป้องกันโรคหัด วคั ซีนปอ้ งกันโรคโปลิโอ ภูมคิ ุม้ กนั แบบรบั นอกจากนั้นวคั ซนี อาจเป็นสารพิษทีถ่ ูกทำให้ มากได้ (P) หมดสภาพ เรียกว่า ทอกซอยด์ (Toxoid) 3. สรา้ งผงั เชน่ วัคซีนคุ้มกันโรคบาดทะยัก กราฟฟกิ เกยี่ วกบั ภมู คิ มุ้ กันรบั มา ขอ้ มูลของภมู คิ ุ้มกัน (Passive mmunization) ภาพที่ 1 ภาพแ แบบกอ่ เองและ เป็นการให้แอนติบอดีโดยตรงเพื่อให้มี ภมู ิคมุ้ กันแบบรับมา ภูมิคุ้มกันทันที โดยแอนติบอดีได้มาจากการ ได้ (P) ฉีดเชื้อที่อ่อนกำลังแล้วเข้าไปในสัตว์ แล้วนำ จากนัน้ ใช้คำถา เลือดของสัตว์มาสกัดส่วนที่เป็นแอนติบอดี 1.1 จากภาพ ฉดี เขา้ ใหก้ บั ผ้ปู ่วยเพ่อื รักษาโรค เชน่ ซรี ัมแก้ การระบาดของไข พิษงู ซีรัมแกพ้ ิษสนุ ขั บา้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278