Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2.แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ว30107)

2.แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ว30107)

Published by Rawat Yukerd, 2021-07-04 03:52:07

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ว30107) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนสรรพยาวิทยา จัดทำโดย นายเรวัตร อยู่เกิด

Search

Read the Text Version

100 กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ถึงเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม มตนเองให้เรยี บรอ้ ย คม รียนนำกระดาษฟลิปชาร์ทที่แสดง ประเภทของไบโอมในน้ำและระบบ ริเวณห้องเรียนเพ่ือเป็นการเผยแพร่ วใหแ้ ก่คนอื่น ๆ ภายในโรงเรยี น

โรงเรยี นสรร กลุ่มสาระการเรยี แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง ไบ ภาคการศกึ ษาตน้ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพันธร์ ะหว่างสิง่ ไมม่ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนทีใ่ นระบบนิเวศ ความห ปัญหาสง่ิ แวดล้อม รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวช้วี ัด ม.4/1 สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายความสมั พนั ธ์ของสภาพทางภมู ิศาสต

101 รพยาวิทยา ยนรวู้ ิทยาศาสตร์ บโอมในนำ้ และระบบนเิ วศในนำ้ รายวิชา วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผสู้ อน นายเรวัตร อยเู่ กดิ มีชีวติ กับส่ิงมชี ีวติ และความสัมพนั ธ์ระหว่างสงิ่ มชี ีวติ กับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ หมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ตร์บนโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตัวอยา่ งไบโอมชนดิ ต่าง ๆ

วตั ถุประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นักเรียนสามารถ ดา้ นความร้(ู K) ขน้ั ระบปุ ญั หา 1. บอกประเภท ไบโอมในน้ำ ที่พบเป็นองค์ประกอบหลัก 1. ครแู สดงภาพ ของไบโอมในน้ำได้ ในไบโอสเฟียร์น้ันประกอบดว้ ย ไบโอมแหลง่ (K) น้ำจืดและไบโอมแหล่งน้ำเค็ม และพบ 2. บอก ปร ะ เ ภ ท กระจายอย่ทู ่ัวเขตภมู ศิ าสตร์ในโลกนี้ ของระบบนิเวศใน ไบโอมน้ำจดื น้ำได้ (K) โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่ง เช่น 3. ระบุบรเิ วณที่ถูก สระ หนองหรือบึง และทะเลสาบ กับแหล่ง แบ่งในระบบนิเวศ น้ำไหลซึ่งได้แก่ ธารน้ำไหลและแมน่ ้ำ เปน็ ต้น ในน้ำแต่ละประเภท ไบโอมแหล่งนำ้ เค็ม ภาพท่ี 1 ภ ทำได้ (A ประกอบด้วยทะเลสาบ ทะเล และ จากน้ันใช้คำถาม 4. มีทักษะการ มหาสมุทร ซึ่งพบในปริมาณมากมีถึงร้อยละ 1.1 จากภาพด น ำเสน อหน ้ า ช้ั น 71 ของพื้นที่ผิวโลกและมคี วามลึกมาก โดย ใ ด บ ้ า ง ( ท ะ เ เรยี น (P) มีความลึกเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร แหล่ง ทุ่งหญ้าสะวันนา น้ำเค็มจะแตกต่างกบั แหล่งน้ำจืด โดยที่มีนำ้ อบอนุ่ และปา่ สน ข้นึ และนำ้ ลง เปน็ ปจั จัยทางกายภาพทสี่ ำคัญ 1.2 ไบโอมเหล ระบบนเิ วศในนำ้ แบ่งออกได้ตามลักษณะแหล่งที่เกิดได้เป็น บรเิ วณใด (บนบก แหล่งน้ำจดื แหล่งน้ำกร่อย และแหล่งน้ำเค็ม 1.3 นักเรยี นคิด การแบ่งแหล่งน้ำออกเป็นประเภทต่าง ๆ น้ี จะรวมกันเป็นโล นยิ มใช้คา่ ความเค็มเป็นตัวกำหนด โดยทั่วไป รวมกันของไบโอ

102 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ พไบโอมบนบกแบบต่าง ๆ การเรียนรู้ 1. วีดิทัศน์ เรื่อง 1. ประเมินการสร้างผัง ไบโอมในน้ำ กราฟฟิก โดยการใช้แบบ 2. กระดาษฟลิป ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร ส ร ้ า ง ผั ง ชารท์ กราฟฟกิ 3. ปากกาสี 2. ประเมินประเมินทกั ษะ 4. สื่อพาวเวอร์ การทำงานเปน็ กลุ่ม พ้อย เรื่อง ไบโอม โดยใช้แบบประเมินทกั ษะ ในน้ำ การทำงานเปน็ กลมุ่ ภาพแสดงไบโอมบนบกแบบต่าง ๆ ม ดงั นี้ ดังกล่าว นักเรียนสังเกตเห็นไบโอม เ ล ท ร า ย ท ุ ่ ง ห ญ ่ า เ ข ต อ บ อุ่ น า ทุนดรา ป่าดิบชื้น ป่าผลัดใบเขต น) ล่านี้จัดเป็นไบโอมที่มีที่ตั้งอยู่ใน ก) ดว่า การท่สี ิง่ แวดล้อมหรอื ธรรมชาติ ลกของสิ่งมีชีวิตได้นั้นเกิดจากการ อมบนบกอย่างเดียวหรือไม่ อย่างไร

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ แหล่งน้ำจืดจะมีเกลือน้อยกว่าร้อยละ 0.1 (คำถามปลายเป หรือน้อยกว่าร้อยละ 1% และแหล่งน้ำเค็ม คำตอบที่ว่านอก จะมีเกลือเฉลี่ยประมาณร้อยละ 3.5 หรือ ส่งิ แวดล้อมหรือธ 35% สำหรบั แหลง่ นำ้ กรอ่ ยจะมีคา่ ความเค็ม ของสิง่ มีชีวิตได้น อยู่ในช่วงกว้างและพบแปรผันในรอบวัน 1.4 นักเรียนท เนื่องจากมีกระแสน้ำขึ้นน้ำลงมาเกี่ยวข้อง ไปด้วยไบโอมชน ด้วย โดยทั่วไปจะมีค่าความเค็มน้อยกว่าค่า สำคัญอย่างไร ความเค็มของแหล่งน้ำเค็ม และระดับผิวน้ำ ข้ันแสวงหาสาร มกั มคี า่ ความเค็มนอ้ ยกวา่ ทร่ี ะดบั ลกึ ลงไป 1. ครูให้นักเรีย ระบบนิเวศแหล่งนำ้ จืด โดยตั้งคำถามเพ แบ่งได้เป็นแหล่งน้ำนิ่งและแหล่งน้ำไหล ศึกษา ดังน้ี ระบบนิเวศแหล่งน้ำจืดที่เป็นแหล่งน้ำน่ิง 1.1 ไบโอมใน สามารถแบ่งออกเป็น บริเวณต่าง ๆ 3 1.2 ไบโอมใน อะไรบา้ ง บริเวณ ได้แก่ บริเวณชายฝั่ง บริเวณผิวน้ำ 1.3 ระบบนิ และบริเวณนำ้ ช้นั ล่าง นิเวศถกู แบง่ ออก ระบบนิเวศแหล่งน้ำจืดที่เป็นแหล่งน้ำไหล หลังจากชมวีด สามารถแบง่ ออก 2 บรเิ วณ คอื บรเิ วณทเี่ ป็น เกาะแก่งหรอื บริเวณนำ้ ไหลเช่ยี ว และบรเิ วณ ตอบคำถามขา้ งต ที่เป็นแอ่งน้ำ โดยสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใน บริเวณแหล่งน้ำไหลต้องมีการปรับตัวเพ่ือ ข้ันสร้างความร

103 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ปิด ครูพยายามนำนักเรียนเข้าสู่ กจากจะมีไบโอมบนบกแล้ว การท่ี ธรรมชาตจิ ะรวมกนั จนกลายเป็นโลก นั้นจะตอ้ งมีไบโอมในนำ้ ด้วย) ทราบหรือใม่ว่าไบโอมในน้ำประกอบ นิดใดบ้าง แต่ละชนิดมีลักษณะที่ รสนเทศ ยนศึกษาวีดิทัศน์ เรื่อง ไบโอมในน้ำ พื่อกำหนดประเด็นที่จะให้นักเรียน นนำ้ แบง่ ออกเป็นกีป่ ระเภทอะไรบ้าง นน้ำประกอบไปด้วยระบบนิเวศ เวศที่พบในไบโอมน้ำแต่ละระบบ กเปน็ บริเวณยอ่ ย ๆ หรอื ไม่ อยา่ งไร ดิทัศน์เรียบร้อยแล้ว ครูสุ่มนักเรียน ตน้ รู้

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ความอย่รู อด บางชนิดมีรูปรา่ งเพรียวเพ่ือลด 1. ครูแบ่งนัก ความต้านทานของกระแสน้ำ เช่น ปลาที่มี ประมาณ 7 คน รูปรา่ งแบนราบไปกบั พน้ื ทผ่ี วิ นกั เรยี นแตล่ ะกล ระบบนเิ วศแหลง่ น้ำกร่อย 2. ครใู หน้ ักเรีย เป็นบริเวณที่มีน้ำจืดและน้ำเค็มมาบรรจบ ความรู้เกี่ยวกับป กัน มักพบบริเวณปากแม่น้ำ ปากอ่าว และ นิเวศในน้ำ ลงใน ชอ่ งแคบเปน็ ตน้ นอกจากน้ีแหล่งน้ำกร่อยยัง ขน้ั สอ่ื สาร เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธาตุ 1. ครูให้นักเรียน อาหารสูง ดังนั้นจึงพบสิ่งมีชีวิตหลากหลาย ของกลุ่มตนเองห ชนดิ ในบรเิ วณน้ี โดยเฉพาะสตั วน์ ำ้ ท่ีมีค่าทาง ประเภทของไบโอ เศรษฐกิจ เชน่ กงุ้ หอย ปู ปลาตา่ ง ๆ ของระบบนิเวศใ ระบบนิเวศแหลง่ น้ำเคม็ ระบบนเิ วศแตล่ ะ ได้แก่ทะเลและมหาสมุทร เป็นระบบนิเวศ 2. ครูและนัก ขนาดใหญม่ พี ้นื ที่ประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของ ประเภทของไบโอ ผิวโลก สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ ของระบบนิเวศใ ระบบนิเวศแต่ละ คือ บริเวณชายฝ่งั ทะเล และบริเวณทะเลเปิด โดยบริเวณทะเลเปิดสามารถแบ่งออกเป็น ส่อื พาวเวอร์พ้อย เขตต่าง ๆ ได้ 3 เขต คือ เขตท่ีแสงส่องถึง 3. ครูเปิดโอก เขตทม่ี แี สงน้อย และเขตท่ีไม่มีแสง ประเด็นที่สนใจใ

104 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ กเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ จากนั้นแจกกระดาษฟลิปชาร์ทให้ ลมุ่ ยนแต่ละกลุ่มทำแผนผงั ความคิดสรุป ประเภทของไบโอมในน้ำ และระบบ นกระดาษฟลิปชารท์ นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน หน้าชั้นเรียน โดยนำเสนอข้อมูลของ อมในน้ำ ระบบในน้ำ บริเวณต่าง ๆ ในน้ำ รวมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง ะแห่งออกเปน็ บรเิ วณตา่ ง ๆ กเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ อมในน้ำ ระบบในน้ำ บริเวณต่าง ๆ ในน้ำ รวมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง ะแห่งออกเป็นบริเวณต่าง ๆ โดยใช้ ย เรื่อง ไบโอมในนำ้ กาสให้นักเรียนซักถามเกี่ยวกับ ในเรื่องของ ไบโอมในน้ำและระบบ

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นอกจากนั้นระบบนิเวศแหล่งน้ำเค็มอาจ นิเวศในน้ำ รวมถ แบ่งตามลักษณะพื้นผิวทางกายภาพได้เป็น แกไ้ ขงานของกล่มุ หาดหนิ หาดทราย และแนวปะการัง ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ข้ันตอบแทนสงั ค 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร 1. ครูให้นักเร (การพดู การเขยี น) ข้อมูลเกี่ยวกับป 2. ความสามารถในการคิด นเิ วศในนำ้ ตดิ บร (การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์) ขอ้ ความรู้ดงั กลา่ ว 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต (กระบวนการกลมุ่ ) 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา (-) 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (-) ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

105 กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ถึงเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม มตนเองให้เรยี บรอ้ ย คม รียนนำกระดาษฟลิปชาร์ทที่แสดง ประเภทของไบโอมในน้ำและระบบ ริเวณห้องเรียนเพ่ือเป็นการเผยแพร่ วใหแ้ ก่คนอื่น ๆ ภายในโรงเรยี น

โรงเรยี นสรร กล่มุ สาระการเรีย แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง ความสัมพัน ภาคการศกึ ษาตน้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสิ่งไมม่ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความห ปัญหาสงิ่ แวดล้อม รวมทั้งนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชี้วัด ม.4/1 สบื ค้นขอ้ มูล และอธบิ ายความสมั พันธข์ องสภาพทางภมู ิศาสต

106 รพยาวทิ ยา ยนรูว้ ิทยาศาสตร์ นธร์ ะหว่างสิ่งมีชีวติ กับปัจจยั ทางชีวภาพ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวัตร อย่เู กิด มชี วี ติ กับส่งิ มีชวี ิต และความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวติ กบั สิ่งมชี วี ิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ หมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทีม่ ีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ตรบ์ นโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตัวอย่างไบโอมชนดิ ต่าง ๆ

วัตถุประสงค์การ สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ 1. บอกได้วา่ ด้านความรู้(K) ขั้นระบุปัญหา รูปแบบ องค์ประกอบในระบบนิเวศแต่ละแห่ง 1. ครูแสดงภาพ ความสัมพนั ธ์ ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตหลายชนิดมีการ สิ่งมชี วี ิตในระบบ ระหว่างสิ่งมชี วี ติ กับ ดำรงชีวิตแตกต่างกันทำให้เกิดความสัมพันธ์ สงิ่ มชี วี ติ มีกปี่ ระเภท ระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกันในหลากหลาย (K) รูปแบบ โดยความสัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ มีชวี ิตใน 2. ระบลุ กั ษณะ ระบบนิเวศ มีดงั น้ี ของความสมั พนั ธ์ 1. ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน เป็น ระหว่างส่งิ มีชวี ติ กับ ความสัมพันธ์ที่สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ฝ่ายต่างได้รับ ภาพที่ 1 ภาพแ ส่งิ มีชวี ติ ในระบบ ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งสองไม่ จากนัน้ ใช้คำถา นเิ วศได้ (P) จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เช่น ผีเส้ือ 1.1 ในระบบ 3. ทำงานร่วมกนั กับดอกไม้ นกเอ้ียงกบั ควาย ใดบา้ ง (หมแี ละป เป็นกลมุ่ ได้ (A) 2. ภาวะพึ่งพากัน เป็นความสัมพันธ์ของ สว่ิ มชี ีวติ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ดว้ ยกันทั้งคู่ 1.2 น ั ก เ ร ี ย แต่สิ่งมีชีวิตทั้งสองต้องอยู่ร่วมกนั ตลอดเวลา ความสัมพันธ์กัน เช่น ไลเคน ดอกไม้ทะเลกับเปลือกหอยของ โดยหมีทำหน้าท่ีเ ปเู สฉวน 2. ครูเปิดโอก 3. ภาวะอิงอาศัย เป็นความสัมพันธ์ท่ี ความสัมพันธ์ระ สิ่งมชี วี ิตฝา่ ยหนึ่งได้ประโยชนอ์ ีกฝ่ายไม่ได้ไม่ อาจใชค้ ำถามสำค เสียประโยชน์ ซึ่งหากแยกกันอยู่ต่างฝ่ายต่าง 2.1 นักเรียนค กับส่ิงมีชีวิตแบง่ เป

107 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. กระดาษฟ 1. ประเมนิ การบอก พความสมั พันธร์ ะหวา่ งสงิ่ มชี ีวิตกับ ลปิ ชาร์ท ประเภทความสมั พนั ธ์ บนเิ วศ (สิง่ เรา้ ) 2. รปู ภาพแสดง ระหว่างสิง่ มชี วี ิตกบั ความสมั พันธ์ สง่ิ มีชวี ติ จากการบนั ทึก ระหว่างสิ่งมีชีวิต ข้อมูลลงสมดั บนั ทกึ ประจำ กบั สงิ่ มชี ีวติ รายวิชา 3. บัตรคำ 2. การประเมินการระบุ แสดงความสมั พันธร์ ะหว่างส่ิงมชี วี ติ กบั 4. ส่อื พาวเวอร์ ลักษณะความสัมพนั ธ์ สิง่ มีชีวิต ระหวา่ งสิง่ มีชีวิตกับ พอ้ ย เร่ือง าม ดังนี้ (สงั เกต) ความสัมพันธ์ สงิ่ มีชีวติ จากการทำ ระหวา่ งสง่ิ มีชีวติ กิจกรรมกลุม่ บนิเวศดังกล่าวพบสิ่งมีชีวิตชนิด กับสงิ่ มีชวี ิต ปลา) 3. ประเมนิ ทักษะการ ทำงานกลุ่ม โดยใชแ้ บบ ย น ค ิ ด ว ่ า ส ิ่ ง ม ีช ี ว ิต ใ น ภาพ มี ประเมินทักษะการทำงาน นหรือไม่อย่างไร (มีความสัมพันธ์กัน กลุ่ม เปน็ ผู้ลา่ ปลาเปน็ เหยือ่ ) กาสให้นักเรียนสอบถามเกี่ยวกับ หว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยครู คัญ ดงั น้ี (สงสยั ) คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต ป็นก่ีรปู แบบ อะไรบา้ ง

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น กล้วยไม้ ครูให้นักเรียค เกาะบนต้นไม้ใหญ่ ปลาฉลามกับเหาฉลาม ตนเองได้ต้งั ไว้ข้า 4. ภาวะปรสิต เป็นความสัมพันธ์แบบที่ คำถามสำคัญ ค สิ่งมีชีวิตฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์ เรียกว่า ส่งิ มชี วี ติ มกี ่ีรูปแบ ปรสติ แต่อกี ฝา่ ยหน่ึงเสียประโยชน์เรียกวา่ ผู้ ขน้ั แสวงหาสาร ถกู องิ อาศยั เชน่ พยาธิในรา่ งกายของคนและ 1. ครูแบ่งนักเร สตั ว์, กาฟากทเี่ กาะบนต้นไมใ้ หญ่ จากนั้นแจกก 5. ภาวะแข่งขัน เป็นความสัมพันธ์ท่ีอยู่ใน ความสมั พันธร์ ะห รปู แบบของการแขง่ ขันเพื่อแย่งสงิ่ ที่สอ้ งการ ใหน้ กั เรียนแตล่ ะ เช่น ต้องไมแ้ ขง่ กนั เจริญเติบโตแยง่ แสงแดด 1.1 นกเอีย้ งก 6. ภาวะล่าเหยื่อ เป็นความสัมพันธ์ใน 1.2 ไลเคน ลักษณะที่สิ่งมชี ีวิตชนิดหนึ่งไดป้ ระโยชน์ คือ 1.3 สิงโตกับม ผู้ล่า สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งเสียประโยชน์เปน็ 1.4 เห็บกบั ส เหยอื่ 1.5 ดอกไม้ท 1.6 ปลาฉลา 1.7 กาฝากก 1.8 กล้วยไม้ก 1.9 ดอกไม้ก 1.10 สุนขั จิ้ง

108 กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ คาดคะแนนคำตอบจากคำถามท่ี างต้น (สมมติฐาน) ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ บบ อะไรบา้ ง รสนเทศ รยี นออกเปน็ 7 กล่มุ กลุ่มละ 3 คน ระดาษแสดงรูปภาพตัวอย่าง หวา่ งส่ิงมีชวี ติ กบั สง่ิ มีชีวิตท้ัง 6 แบบ กลุ่ม ดังน้ี กบั ควาย ม้าลาย สุนัข ทะเลกบั ปูเสฉวน ามกับเหาฉลาม กับต้นไม้ กับต้นไม้ กบั ผีเสื้อ งจอกกับสนุ ัขจ้งิ จอก

วตั ถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ โดยรูปจะมีค ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ความสัมพันธ์ระ น้ำหวานจากดอ 1. ความสามารถในการในการสอ่ื สาร ชว่ ยผสมเกสรใหแ้ (การพดู การเขียน) 2. จากนั้นคร 2. ความสามารถในการคิด นักเรียนเขียนค สงิ่ มชี วี ิต ดงั นี้ (การวิเคราะห์ สังเคราะห)์ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 2.1 สงิ่ มชี ีวิตท บวก (+) (กระบวนการกลุม่ ) 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 2.2 สิ่งมีชีวิต (-) เลขศูนย์ (0) 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2.3 สง่ิ มชี วี ิต (-) เคร่อื งหมายลบ ( จากนั้นให้นักเร ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) รูปว่าสิ่งมีชีวิตแ ทกั ษะกระบวนการทำงานเปน็ กลุ่ม แบบใด และติดร ระบุสัญลักษณ (วิเคราะห์)

109 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ ค ำ อ ธ ิ บ า ย ร า ย ล ะ เ อ ี ย ด เ ก ี ่ ย ว กั บ ะหว่างสิ่งมีชีวิต เช่น ผีเสื้อจะได้ อกไม้ส่วนผีเสื้อจะทำหน้าที่เป็นตัว แกด่ อกไม้ ูแจกกระดาษฟลิปชาร์ท และให้ คู่สัญลักษณ์ระบุความสัมพันธ์ของ ที่ไดป้ ระโยชน์ แทนด้วยเคร่อื งหมาย ตที่ไม่ได้ไม่เสียประโยชน์ แทนด้วย ตทีเ่ สียประโยชน์ แทนด้วย (-) รียนช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่ใน แต่ละชนิดในรูปมีความสัมพันธ์กัน รูปสิ่งมีชีวิตนั้นลงในบริเวณที่มีการ ์แทนความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ข้นั สรา้ งความร 1.ครูแจกบัตรค กัน(Mutualism (Protocooperat (Commensalism ภาวะปรสิต(Para (Competition) ว่าสิ่งมีชีวิตในรูป แบบใด จากนั้น สิง่ มีชีวิตตดิ อยู่ (ส 2. ครูและนกั เร ความสัมพนั ธข์ อง จากนน้ั ร่วมกันอภ 2.1 รูปแบบค สงิ่ มีชีวติ ประเภท 2.2 ความสัม กนั หรอื ไมอ่ ย่างไร

110 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ รู้ คำจำนวน 6 บัตร ไดแ้ ก่ ภาวะพง่ึ พา m), ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน tion), ภาวะองิ อาศัย m), ภาวะการล่าเหยือ่ (Predation), asitism) และภาวะแก่งแย่งแข่งขัน จากนั้นใหน้ กั เรียนช่วยกันพจิ ารณา ปภาพที่แจกให้มีความสัมพันธ์กัน นนำบัตรคำไปติดในบริเวณที่มีรูป ส่อื ความหมาย) รยี นนำข้อมูลการจัดกลมุ่ งสิ่งมีชีวิตของแต่ละกลมุ่ มารวบรวม ภปิ รายในประเดน็ ต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ ท อะไรบา้ ง มพันธแ์ ตล่ ะแบบเหมือนหรือแตกต่าง ร (สรุป)

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ข้ันสื่อสาร 1. ครใู ห้นกั เรยี ที่ได้เกี่ยวกับปร ระหว่างส่ิงมชี วี ิตก รายวิชาของตนเ นักเรียนกลุ่มอื่น ระหวา่ งกล่มุ ขน้ั ตอบแทนส 1. ครูให้นักเร จำนวน 1 คน จ รูปแบบความสัม ใหแ้ ก่นกั เรยี นช้นั จากนักเรียนชั้น 9 นี้ไปเรียบรอ้ ยแล้ว

111 กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ยนภายในกลมุ่ ร่วมกันสรุปข้อความรู้ ระเภทของรูปแบบความสัมพันธ์ กบั สงิ่ มีชวี ติ ลงในสมุดบันทึกประจำ เอง จากนั้นให้แลกเปลี่ยนสมุดกับ นดูและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สังคม รียนเลือกจับคู่กับนักเรียนชั้น 9 จากนั้นให้นักเรียนสอนเกี่ยวกับ มพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต น 9 โดยนกั เรียนตอ้ งไดร้ บั รายมือชื่อ 9 เพอ่ื เป็นหลักฐานว่าได้ทำกิจกรรม ว

โรงเรยี นสรร กลมุ่ สาระการเรีย แผนการจดั การเรียนรู้ เรือ่ ง ภาคการศกึ ษาต้น ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพนั ธ์ระหว่างสงิ่ ไมม่ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนทีใ่ นระบบนิเวศ ความห ปญั หาสง่ิ แวดล้อม รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชี้วดั ม.4/1 สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายความสมั พันธ์ของสภาพทางภมู ิศาสต

112 รพยาวทิ ยา ยนรูว้ ิทยาศาสตร์ โซ่อาหารและสายใยอาหาร รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผู้สอน นายเรวตั ร อย่เู กดิ มชี วี ิตกบั สิ่งมชี วี ติ และความสัมพนั ธ์ระหว่างสงิ่ มีชีวิตกับสิง่ มีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ หมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ตรบ์ นโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตวั อยา่ งไบโอมชนดิ ต่าง ๆ

วัตถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ ดา้ นความรู้(K) ข้ันระบุปัญหา 1. อธบิ าย สิง่ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ แบง่ ตามหน้าท่ีออก 1. ครูทบทวนค ความหมายของโซ่ ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ ดังน้ี อาหารและสายใย สลายสารอนิ ทรยี ์ 1.1 ในระบบ อาหารได้ (K) โซอ่ าหาร (food chain) หมายถงึ การกนิ ได้เป็นกี่กลุ่ม อะ 2. เปรยี บเทียบ ต่อกันเปน็ ทอด ๆ ของสง่ิ มีชวี ิตในระบบนเิ วศ ลักษณะสำคัญ ความแตกต่าง สายใยอาหาร (food web) หมายถึง โซ่ ผบู้ รโิ ภค และผู้ยอ่ ระหวา่ งโซ่อาหาร อาหารหลายโซ่อาหาร ท่ีมีความสัมพันธ์กัน สามารถสร้างอาห และสายใยอาหารได้ อยา่ งซบั ซอ้ น คือ สิ่งมีชีวิตที่ไ (P) โซ่อาหารแบบจับกิน (Grazing food ผู้บริโภคจะแบ่ง 3. เปรียบเทียบ chain) เป็นโซอ่ าหารท่ีเร่ิมจากผู้ผลิตแล้วส่ง สัตว์กนิ ทง้ั พืชและ ความแตกตา่ ง ต่อไปยังผูบ้ ริโภคลำดบั ตา่ ง ๆ คือ สิ่งมีชีวิตขน ระหว่างประเภท โซ่อาหารดีไทรทัส ( Detritus food อาหารจากการย่อ ของโซ่อาหารได้ (P) chain) เป็นโซ่อาหารที่เริ่มจากการย่อย 2. ครแู สดงภาพ 4. ทำงานร่วมกัน สลายซากพืชและสัตว์ แล้วผ่านต่อไปยัง เปน็ กลมุ่ ได้ (A) ผูบ้ รโิ ภคลำดับตา่ ง ๆ ภาพท

113 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ ความรู้ของนักเรียนโดยใช้คำถาม 1. กระดาษฟ 1. ประเมนิ การอธบิ าย บนิเวศเราสามารถแบ่งสิ่งมีชีวิตออก ลิปชาร์ท ความหมายจากการจด ะไรบ้าง และสิ่งมีชีวิตแต่ละกลุ่มมี 2. บตั รคำแสดง บันทึกลงในสมดุ ประจำ ญอย่างไร (3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ผลิต โซอ่ าหารและ รายวชิ า อยสลาย โดย ผผู้ ลิต คือ ส่ิงมีชีวิตท่ี หารได้เอง เช่น พืชต่าง ๆ ผู้บริโภค สายใยอาหาร 2. ประเมนิ การ ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง ซึ่ง 3. สื่อพาวเวอร์ เปรียบเทยี บความแตกต่าง งออกเป็น สัตว์กินพืช สัตว์กินสัตว์ ะสตั ว์ และสตั วก์ นิ ซาก ผ้ยู ่อยสลาย พอ้ ย เรือ่ ง โซ่ โดยใช้แบบประเมินชิน้ งาน นาดเล็กสร้างอาหารเองไม่ได้ ได้รับ อาหารและสายใย 3. ประเมินทกั ษะการ อยสลายซากส่ิงมชี ีวติ อื่น) อาหาร ทำงานกลุ่ม โดยใชแ้ บบ พสายใยอาหาร (ส่ิงเรา้ ) ประเมนิ ทักษะการทำงาน กล่มุ ที่ 1 ภาพแสดงสายใยอาหาร

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ จากนน้ั ครใู ชค้ ำ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 2.1 จากภาพ กระต่าย มด หน 1. ความสามารถในการในการส่ือสาร เสือ) (การพูด การเขยี น) 2.2 นกั เรยี นค 2. ความสามารถในการคิด ความสัมพันธ์กัน อีกชนิดหนง่ึ เป็นอ (การวิเคราะห)์ 2.3 ครูแจกก 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต โดยกระดาษแผ่น แสดงสายใยอาหา (กระบวนการกล่มุ ) คำอยู่ 2 คำคือค 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา นักเรียนคิดว่าก (-) สายใยอาหาร” (สงสยั และสมมตฐิ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คำถามสำคัญ ห (การสืบค้นขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต) อะไร สามารถแบ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ขัน้ แสวงหาสาร ทกั ษะกระบวนการทำงานเปน็ กล่มุ 1. ครูมอบหมา โดยกำหนดประเด 1.1 ความหม

114 กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ำถาม ดังน้ี (สงั เกต) พมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดบ้าง (ต้นไม้ นู กวาง นก นกฮูก งู สุนัข เหยี่ยว คดิ วา่ สง่ิ มชี ีวติ ดงั กลา่ วมี นอย่างไร (สิ่งมีชีวิตหนึ่งกินสิ่งมีชีวิต อาหาร) กระดาษ 2 แผ่นให้นักเรียนทุกคน นหนึ่งแสดงโซ่อาหารอีกแผ่นหน่ึง าร จากน้นั ครูกลา่ ววา่ “ถา้ หากครูมี คำว่าโซ่อาหารและสายใยอาหาร กระดาษแผ่นใดคือโซ่อาหารและ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนเลือก ฐาน) ห่วงโซ่อาหารและสายใยอาหารคือ บ่งได้เป็นกี่ประเภท รสนเทศ ายให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูล ดน็ ในการสบื ค้น ดงั น้ี (วางแผน) มายของโซอ่ าหารและสายใยอาหาร

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ จากนั้นครูให้น แผ่นทีถ่ ูกต้องพร้อ ทสี่ บื คน้ ได้ลงในส 2. ครูแบ่งนัก นกั เรียนกลุม่ ละ 3 นักเรียนแต่ละก รวบรวมความหม ที่สืบค้นมาได้จ แตกต่างของคำ (วิเคราะห์) 3. จากนั้นครูใ เพิ่มเติมระหว่า โดยครใู ช้คำถาม 3.1 นอกจาก สายใยอาหารแ แตกต่างใดอกี บา้ ง 4. ครูมอบหม กำหนดประเด็นใ 4.1 โซ่อาหาร ประเภท อะไรบา้

115 กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ นักเรียนเลือกกระดาษที่ครูแจกให้ อมจากนัน้ ติดและบันทกึ ความหมาย สมุดบันทกึ ของตนเอง กเรียนออกเป็น 7 กลุ่ม จำนวน 3 คน ครูแจกกระดาษฟลปิ ชาร์ทให้ กลุ่ม เมื่อเข้ากลุ่มแล้วให้นักเรียน มายของโซ่อาหารและสายใยอาหาร ากนั้นช่วยกันวิเคราะห์หาความ ำว่าโซ่อาหารและสายใยอาหาร ให้นักเรียนสังเกตความแตกต่าง างกระดาษที่ครูแจกให้ในตอนต้น ดงั น้ี กความแตกต่างที่เป็นโซ่อาหารและ แล้ว นักเรียนยังสังเกตเห็นความ ง มายให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล โดย ในการสืบค้นข้อมลู ดงั นี้ ร /ส า ย ใ ย อ า ห า ร แ บ ่ ง อ อ ก เ ป ็ น ก่ี าง

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ขัน้ สร้างความร 1. ครูให้นักเรีย อาหารและโซ่อ อาหาร/โซ่อาหา ชาร์ททค่ี รูแจกให 2. ครูสรุปควา ความแตกต่าง แล อาหาร โดยใช้สื่อ สายใยอาหาร (สร ข้ันส่ือสาร 1. ครูให้นักเรีย หน้าชั้นเรียน โด ดงั น้ี 1.1 ความหม 1.2 ความหม 1.3 ความแต อาหาร 1.4 ความหม 1.5 ความหม

116 กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รู้ ยนเขียนความแตกต่างของสายใย าหาร รวมถึงประเภทของสายใย ารที่สืบค้นได้ลงบนกระดาษฟลิป ห้ (สอื่ ความหมาย) ามรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความหมาย ละประเภทของโซอ่ าหารและสายใย อพาวเวอร์พ้อย เรื่อง โซ่อาหารและ รุป) ยนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ดย 1 กลุ่ม ให้นำเสนอ 1 ประเด็น มายของโซอ่ าหาร มายของสายใยอาหาร ตกต่างของโซ่อาหารและสายใย มายของโซ่อาหารแบบจบั กนิ มายของโซ่อาหารแบบดีไทรทัส

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ 1.6 ความแต ไทรทสั และโซ่อาห ขั้นตอบแทนส 1. ครูให้นักเรีย ฟลิปชาร์ทติดที่บ ภายในห้องเรีย นกั เรียนชัน้ 12 เ

117 กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ ตกต่างระหว่างโซ่อาหารแบบดี หารแบบจับกิน สังคม ยนช่วยกันคัดเลือกและนำกระดาษ บริเวณบอร์ดประกาศตามทางเดิน ยนของตนเอง และห้องเรียนของ เพอื่ เผยแพร่ความรู้

โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรีย แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือ ภาคการศึกษาตน้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสง่ิ ไมม่ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนทีใ่ นระบบนิเวศ ความห ปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวดั ม.4/1 สืบคน้ ขอ้ มูล และอธบิ ายความสมั พันธข์ องสภาพทางภูมิศาสต

118 รพยาวิทยา ยนรูว้ ิทยาศาสตร์ อง พีระมิดทางนเิ วศวิทยา รายวชิ า วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ว30107 ผสู้ อน นายเรวตั ร อย่เู กดิ มีชีวติ กบั สิ่งมชี วี ติ และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่งิ มีชวี ิตกับสิง่ มีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ หมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ตรบ์ นโลกกับความหลากหลายของไบโอม และยกตวั อยา่ งไบโอมชนดิ ต่าง ๆ

วตั ถุประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ นักเรียนสามารถ ด้านความร(ู้ K) ขัน้ ระบปุ ญั หา 1. บอก พีระมิดทางนิเวศวิทยา คือ พีระมิดแสดง 1. ครูแสดงภาพ ความหมายของ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับอาหารต่าง ๆ ใน พรี ะมดิ ทาง ระบบนิเวศ โดยแสดงถึงการส่งต่อพลังงาน นิเวศวทิ ยาได้ (K) เปน็ ลำดบั ข้ัน 2. บอกประเภท พีระมิดทางนิเวศวิทยา แบ่งออกเป็น 3 ของพีระมดิ ทาง ประเภท ไดแ้ ก่ นิเวศวทิ ยาได้ (P) • พีระมิดจำนวน (pyramid of numbers) 3. เขยี นพีระมดิ ใช้จำนวนของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ทางนเิ วศวทิ ยาได้ นั้นๆ มาเขียนเรียงลำดับโดยผู้ผลิตอยู่ (A) บริเวณฐาน ผู้บริโภคลำดับต่างๆก็จะ ภาพท 4. มคี วามมุ่งมั่น เรียงลำดับต่อขึ้นไป มีหน่วยเป็นจำนวนต่อ จากนัน้ ครใู ช้คำ ในการทำงาน (A) ตารางเมตร 1.1 ภาพที่น 5. ทำงานร่วมกัน พรี ะมิดมวล (ภาพสายใยอาหา เป็นกล่มุ ได้ (A) ชวี ภาพ (pyramid of biomass) 1.2 นกั เรยี นค ใช้มวลชีวภาพ หรือเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตจากเข ทั้งหมดในรูปของน้ำหนกั แห้งหน่วยเป็นกรัม สายใยอาหารแล ต่อตารางเมตร ในการสร้างพีระมดิ หรือไม่ อย่างไร ( พีระมิดพลังงาน (pyramid of energy) ครูเปิดโอกาส เปน็ พรี ะมดิ ท่ีแสดงค่าพลงั งานในส่ิงมีชีวิตแต่ คำถามข้างต้นว่า ของสิ่งมีชีวิตใน

119 กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ พสายใยอาหาร (ส่ิงเร้า) 1. กระดาษฟ 1. ประเมินการบอก ลิปชาร์ท 2. สอื่ พาวเวอร์ ความหมาย ประเภท และ พ้อย เรอ่ื ง การเขยี นพีระมดิ ทาง พีระมดิ ทาง นเิ วศวิทยาโดยใชแ้ บบ นิเวศวทิ ยา 3. ปากกาสี ประเมินชิ้นงาน 2. ประเมนิ ความม่งุ มัน่ ใน ท่ี 1 ภาพแสดงสายใยอาหาร การทำงานโดยใชแ้ บบ ำถาม ดังนี้ (สงั เกต) ประเมนิ ความมุ่งมนั่ ในการ ทำงาน นักเรียนเห็นอยู่นี้คือภาพอะไร าร) 3. ประเมนิ ทักษะการ ทำงานกลุม่ โดยใชแ้ บบ คิดวา่ การเขียนลำดับการกินกันของ ขียนให้อยู่ในรูปของโซ่อาหารหรือ ประเมินทกั ษะการทำงาน ล้ว สามารถเขียนอยู่ในรูปอื่นได้ กลุ่ม (สงสัย) ให้นักเรียนคาดคะเนคำตอบจาก านอกจากจะเขียนลำดับการกินกัน นรูปแบบของโซ่อาหารหรือสายใย

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ละชนดิ มีหน่วยเป็นกโิ ลแคลอรตี ่อตารางเมตร อาหารแล้วยงั สาม ต่อปี (สมมตฐิ าน) คำถามสำคัญ พ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ออกเปน็ กปี่ ระเภ 1. ความสามารถในการในการสื่อสาร ขัน้ แสวงหาสาร (การพดู การเขยี น) 1. ครูแบ่งนักเ 2. ความสามารถในการคดิ นักเรียนกลุ่มละ (การวเิ คราะห)์ ให้นักเรียนทุกก 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ ข้อมูลจากอินเ (กระบวนการกลมุ่ ) นา่ เชอ่ื ถือไดซ้ ึ่งมีอ 4. ความสามารถในการแก้ปญั หา ทส่ี บื ค้น ดงั นี้ (วา (-) 1.1 พีระมิดท 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1.2 พรี ะมิดท (การสบื ค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ น็ต) 2. เมื่อสืบค้นข ช่วยกันบันทึกสา ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) กระดาษฟลิปชาร ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลมุ่ 3. จากนั้นครูใ กลุ่มเปรียบเทียบ ประเภทมีความแ ขอ้ มลู ลงในกระด

120 กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ มารถเขียนใหอ้ ยู่ในรูปแบบใดได้บ้าง พีระมิดทางนิเวศวิทยาคืออะไร แบ่ง ภท รสนเทศ รียนออกเป็น 7 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 3 คน ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ท กลุ่ม จากนั้นครูให้นักเรียนสืบค้น เตอร์เน็ทหรือแหล่งข้อมูลอื่นท่ี อยู่ในห้องเรยี น โดยกำหนดประเด็น างแผน) ทางนเิ วศวทิ ยาหมายถึงอะไร ทางนเิ วศวทิ ยามกี ีป่ ระเภท อะไรบ้าง ข้อมูลเรียบร้อยแล้วครูให้นักเรียน าระสำคัญที่ได้จากการสืบค้นลงบน ร์ททค่ี รูแจกให้ ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันภายใน บว่าพีระมิดทางนิเวศวิทยาแต่ละ แตกต่างกันอย่างไร จากนั้นบันทึก ดาษฟลิปชาร์ที่ครูแจกให้ (วเิ คราะห)์

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ขนั้ สรา้ งความร 1. ครูให้นักเรีย สร้างพีระมิดท ฟลปิ ชารท์ จากข ความหมาย) 1.1 ตน้ มะม่ว หนอน มีจำนวน มีจำนวน 5 ตัว ตารางเมตร 1.2 มะม่วง หนอนผีเสื้อ ม นกปรอด มีน้ำห น้ำหนัก 1 กรัม/ต 1.3 แพลงก์ต แคลอรี/ตารางเม กิโลแคลอรี/ตาร กิโลแคลอร/ี ตารา 2. ครูนำนักเรีย ดงั ตอ่ ไปนี้ (สรปุ ) 2.1 ความหม 2.2 ประเภท

121 กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ รู้ ยนทำแบบฝึกหัด โดยการร่วมกัน ท า ง นิ เ ว ศ ว ิ ท ย า ล ง บ น ก ร ะ ด า ษ ขอ้ มลู ทก่ี ำหนดให้ ดังนี้ (สอ่ื วง มีจำนวน 5 ตน้ /ตารางเมตร น 10 ตัว/ตารางเมตร นกกระจิบ /ตารางเมตร งู มีจำนวน 1 ตัว/ มีน้ำหนัก 700 กรัม/ตารางเมตร มีน้ำหนัก 45 กรัม/ตารางเมตร หนัก 12 กรัม/ตารางเมตร งู มี ตารางเมตร ตอนพืช มีค่าพลงั งาน 47,250 กิโล มตร/ปี กุ้งฝอยมีค่าพลังงาน 600 รางเมตร/ปี ปลามีค่าพลังงาน 52 างเมตร/ปี ยนสรุปข้อมูลที่ถูกต้อง ในประเด็น มายของพีระมดิ ทางนิเวศวิทยา ทของพรี ะมิดทางนิเวศวิทยา

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ โดยใช้สื่อพา นเิ วศวิทยา ขั้นส่ือสาร 1. ครูให้นักเรยี หน้าชั้นเรียน โด ทางนิเวศวิทยา ป และอธิบายหลัก ประเภททไี่ ด้รบั ม ขัน้ ตอบแทนส 1. ครูมอบหมา ของกลุ่มตนเองท ความร้ใู หก้ ับผอู้ ื่น

122 กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ วเวอร์พ้อย เรื่อง พีระมิดทาง ยนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ดยนำเสนอความหมายของพีระมิด ประเภทของพีระมิดทางนิเวศวิทยา กการสร้างพีระมิดทางนิเวศทั้ง 3 มอบหมาย สังคม ายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มติดผลงาน ที่ผนงั หอ้ งเรียน เพ่อื เป็นการเผยแพร่ น

โรงเรยี นสรร กลุ่มสาระการเรีย แผนการจัดการเรียนรู้ เรอื่ ง การเป ภาคการศกึ ษาตน้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/พ, 4/1 และ4/2 สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสงิ่ ไม่ม การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความห ปัญหาสง่ิ แวดล้อม รวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม.4/2 สบื ค้นขอ้ มลู อภปิ รายสาเหตุ และยกตัวอยา่ งการเปลี่ยนแปล

123 รพยาวิทยา ยนรู้วิทยาศาสตร์ ปลี่ยนแปลงแทนทข่ี องระบบนิเวศ รายวิชา วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ว30107 ผสู้ อน นายเรวตั ร อยูเ่ กดิ มีชีวติ กบั สงิ่ มชี ีวิต และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสิ่งมีชวี ิตกบั สิ่งมชี ีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ หมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทีม่ ีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ลงแทนที่ของระบบนิเวศ

วัตถปุ ระสงค์การ สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นกั เรียนสามารถ ด้านความรู้(K) ขั้นระบปุ ัญหา 1. อธิบาย การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของระบบนิเวศ 1. ครูให้นักเ กระบวนการ เปล่ยี นแปลงแทนที่ ( Ecological succession) เ ป ็ น ก า ร (สิ่งเร้า) จากนนั้ ใช ของระบบนิเวศได้ เปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในบริเวณใด 1.1 นักเรียน (K) บริเวณหนึ่ง ที่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดการ ดงั กล่าว (ไฟปา่ ) 2. เปรยี บเทียบ ความแตกตา่ ง เปล่ยี นแปลงของกล่มุ ส่งิ มชี ีวิตเกิดขึน้ 1.2 นักเรียน ระหวา่ ง การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของระบบนิเวศ สภาพแวดล้อมบ กระบวนการ เปล่ียนแปลงแทนท่ี แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ อยา่ งไร (ตอบตาม แตล่ ะแบบได้ (P) การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ 1.3 นักเรียน 3. เป็นผมู้ ีความ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ( Primary Succession) เ ป ็ น ก า ร บริเวณดังกล่าวห (A) เปลี่ยนแปลงแทนที่ที่เริ่มจากบริเวณที่ไม่มี เดียวกันกับที่ถูก สิ่งมีชีวิตมาก่อน เกิดการเปลี่ยนแปลงมี คดิ เหน็ ของนักเรยี สิ่งมีชีวิตอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งกลายเป็น 2. ครูแสดงคำ สงั คมสมบูรณ์ (Climax community) และมี จากนั้นใชค้ ำถาม ความสมดุลซง่ึ จะใช้เวลาหลายสบิ ปีขึน้ ไป 2.2 นักเรียน การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบทุติยภูมิ เหตุการณใ์ นวดี ิท ( Secondary Succession) เ ป ็ น ก า ร คิดเห็นของนักเรยี เปลย่ี นแปลงแทนที่ท่ีเกิดจากสิ่งมีชีวิตเดิมถูก ครูเปิดโอกาสใ ทำลายไป แต่ในบริเวณนั้นยังคงมีสิ่งมีชีวิต การเปลี่ยแปลง บางชนิดและสารอินทรีย์ที่สิ่งมีชีวิตต้องการ (สงสยั และสมมตฐิ หลงเหลอื อยู่

124 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือและอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. วีดิทัศน์ เรอ่ื ง 1. ประเมนิ การอธบิ าย เรียนชมวีดิ ทัศน์ เรื่อง ไฟป่า ไฟป่า กระบวนการเปล่ียนแปลง ช้คำถาม ดงั นี้ (สังเกต) 2. ใบความรู้ แทนท่ขี องระบบนเิ วศโดย นสงั เกตเหน็ เหตกุ ารณใ์ ดจากวีดทิ ัศน์ เรื่อง การ ใชแ้ บบประเมนิ ชิ้นงาน เปลย่ี นแปลง 1. ประเมนิ การ นคิดว่าหลังจากไฟป่าดับไปแล้ว แทนทีข่ องระบบ เปรียบเทียบความแตกต่าง บริเวณนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ นิเวศ ระหว่างกระบวนการ มความคดิ เหน็ ของนกั เรียน) 3. สื่อพาวเวอร์ เปล่ียนแปลงแทนท่ีของ นคิดว่าสิ่งมีชีวิตชนิดแรกที่พบใน พ้อย เรือ่ ง การ ระบบนเิ วศแต่ละแบบโดย หลังจากเกิดไฟป่า จะเป็นสิ่งมีชีวิต เปล่ียนแปลง ใช้แบบประเมินช้ินงาน กทำลายไปหรือไม่ (ตอบตามความ แทนท่ีของระบบ 3. ประเมนิ ความมุ่งมน่ั ใน ยน) นเิ วศ การทำงานโดยใชแ้ บบ ำว่า “การเปลี่ยนแปลงแทนที่” 4. แบบบันทกึ ประเมนิ ความมงุ่ มัน่ ในการ มดงั นี้ กิจกรรม เรือ่ ง ทำงาน นคิดว่าคำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ การเปลีย่ นแปลง ทัศนห์ รือไม่ อยา่ งไร (ตอบตามความ แทนท่ีของระบบ ยน) นเิ วศ ให้นักเรียนตั้งคำถามเกี่ยวกับคำว่า 5. กระดาษ A3 งแทนที่พร้อมทั้งคาดคะเนคำตอบ 6. ปากกาสี ฐาน)

วตั ถปุ ระสงคก์ าร สาระการเรียนรู้ ก เรยี นรู้ ข้นั แสวงหาสาร ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ครูแบ่งนักเ จำนวน 7 กล่มุ จ 1. ความสามารถในการในการส่อื สาร ในการทำกจิ กรรม (การพดู การเขียน) 1.1 ใบกจิ กรร 2. ความสามารถในการคดิ 1.2 รูปภาพแ ปฐมภูมแิ ละทุตยิ ภ (การสังเกต วเิ คราะห์) 1.3 ใบความ 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ระบบนเิ วศ 1.4 แบบบัน (กระบวนการกลมุ่ ) แทนท่ี 4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา (-) 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (-) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) มุง่ มั่นในการทำงาน ภาพท่ี 1 ภาพแส


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook