Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 ระดับประถมศึกษา

หลักสูตรหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 ระดับประถมศึกษา

Description: หลักสูตรรายวิชา สค13113 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 ระดับประถมศึกษา

Keywords: หลักสูตร,หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า

Search

Read the Text Version

191 กกกกกกกทศพธิ ราชธรรม ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลท่ี 9 แหํง ราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 ตํอมาทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเม่ือวันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 และพระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการวํา “เราจะครองแผํนดิน โดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุขแหํงมหาชนชาวสยาม” โดยคําวํา “ครองแผํนดินโดยธรรม” หมายถึง “ครองแผนํ ดินโดยทศพธิ ราชธรรม” ซง่ึ “ทศพิธราชธรรม” มี 10 ประการคือ กกกกกกก1. ทาน คือ การให๎ การเสียสละ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเสียสละพระราชทรัพย์เพื่อบําเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทั้งในด๎านบํารุงพระพุทธ ศาสนา และบรรเทาความยากไร๎ ให๎ประชาชนอยูํเป็นกิจวัตร ทั้งยังทรงเป็นผู๎นําในการบริจาค พระราชทรัพย์เพื่อชํวยเหลือผู๎ตกทุกข์ได๎ยาก จากภัยธรรมชาติหลายตํอหลายครั้ง นอกจาก ทรัพย์แล๎ว ทาน ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังหมายถึง พระราชทานความร๎ู เพ่ือประชาชนจะได๎ใช๎เป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพได๎อยํางยั่งยืน กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤติดีงาม เป็นความดีงามของกาย วาจา ใจ ที่ประชาชนจะ เห็นได๎ในทุกพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทั้งกาย วาจา และพระราชหฤทัยของพระองค์ทํานเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งยัง หมายถึง ศีลในการปกครองอันได๎แกํ กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนาที่ พระองค์ทรงออกผนวชเพื่อศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัย ทั้งอุทิศพระราชกุศลพระราชทาน แกํปวงชนชาวไทย กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ การเสียสละความสุขสํวนตน เพื่อความสุขสํวนรวม เสียสละ ความสุขสํวนพระองค์ เพื่อประชาชนมีความสุข ในพระราชกรณียกิจที่เป็นไปเพื่อแก๎ปัญหา ความเดือดร๎อนของประชาชนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ต๎องเสียสละความสุขสํวนพระองค์ ต๎องทนลําบากในการเดินทาง อดทนตํอความแปรปรวนของ อากาศ ความร๎อนหนาว ก็เพ่ือสร๎างความสุขให๎ประชาชนท้ังส้ิน กกกกกกก4. อาชชวะ คือ ความซื่อตรงสุจริต สิ่งน้ีสะท๎อนให๎เห็นผํานความแนํวแนํตํอพระราช ดํารัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เคยตรัสไว๎ อันเป็น ปฐมบรมราชโองการเมื่อทรงครองราชย์ เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหํง มหาชนชาวสยาม ซึ่งพระองค์ทรงกระทําตามพระราชดํารัสเสมอมา รวมถึงความสุจริตตํอมิตร ประเทศ พระราชวงศ์ ข๎าทูลละอองธุลีพระบาท กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความสุภาพ อํอนโยนของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็น พระมหากษัตริย์ที่ไมํถือพระองค์ โดยเฉพาะกับประชาชน ทรงมีสัมมาคารวะตํอพระสงฆ์ ตํอผู๎เจริญโดยวัยและโดยคุณ ทรงรับฟังปัญหา คําชี้แนะ และแก๎ไขด๎วยเหตุผล ด๎วยความเมตตาและอํอนโยน

192 กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร ความอุตสาหะ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีความอุตสาหะวิริยะในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจด๎วยความ อดทน ปราศจากความเกียจคร๎าน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ๎านเมือง ไมํยํอท๎อ แม๎บางขณะจะทรงพระประชวร แม๎ในบางพื้นที่บางเหตุการณ์จะเต็มไปด๎วยอันตราย ซึ่งสิ่งนี้ สะท๎อนให๎เห็นจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ท่ีพระราชทานให๎ปวงชนชาวไทย กกกกกกก7. อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนิสัยที่ไมํโกรธ ทั้งทรงสามารถระงับความโกรธด๎วยมีพระเมตตาเป็นที่ตั้ง ทําให๎ทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหา และหนทางแก๎ไขปัญหานั้นได๎โดยสงบ ทั้งยังไมํทรงใช๎ พระราชอํานาจเพ่ือมํุงร๎ายผ๎ูอื่น แตํทรงใช๎เพื่อพระราชทานอภัยโทษตามควรแกํเหตุ กกกกกกก8. อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ด๎วยพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เปี่ยมไปด๎วยพระเมตตา พระองค์จึงทรงตั้งอยูํ ด๎วยการไมํเบียดเบียนทั้งราชวงศ์และข๎าพระบาท รวมถึงประชาชน ให๎ต๎องเดือดร๎อนด๎วยเหตุ อันไมํควร กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล ที่ 9 ทรงมีความอดทน ตํอความทุกข์อันเกิดจากความยากลําบากในการเข๎าหาประชาชนในถิ่น ทุรกันดาร ทรงอดทนตํอความไมํสบายพระวรกาย ทรงอดทนตํอทุกข์อันเกิดจากโรคภัย ไมํให๎ เป็นอุปสรรคตํอการชํวยเหลือประชาชน กกกกกกก10. อวิโรธนะ คือ ความหนักแนํน เที่ยงธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงรักษาความเที่ยงธรรม และความยุติธรรมไมํให๎เบี่ยงเบนไปจาก ความถูกต๎อง ทั้งในพระราชจริยวัตรและพระราชวินิจฉัย ไมํเอนเอียงหวั่นไหว ไมํยินดียินร๎าย ตํออคติทั้งปวง ไมํประพฤติผิดไปจากพระราชประเพณี กกกกกกกด๎วย ทศพิธราชธรรม เชํนน้ีเองที่ทําให๎ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช รัชกาลท่ี 9 มิใชํจะทรงครองแผํนดินเทําน้ัน แตํยังทรงครองหัวใจคนทั้งปวงเอาไว๎อีกด๎วย กกกกกกก“ทศพธิ ราชธรรม : ธรรมของพระราชา ข้อปฏิบัตทิ ีค่ นธรรมดาก็ทาได้” กกกกกกกเมอ่ื เอยํ ถึง ทศพธิ ราชธรรม อันมคี วามหมายถึง ราชธรรม หรือธรรมของพระราชา ซงึ่ มอี ยํู ดว๎ ยกนั 10 ขอ๎ หลายคนอาจจะร๎ูสึกวาํ ธรรมดังกลาํ วเปน็ ของสงู หรอื ไกลตัว และควรจะเป็นเร่ืองของ พระราชา หรอื ผู๎นําในระดับสงู เทาํ นน้ั แตโํ ดยแท๎จริงแล๎ว แม๎ทศพธิ ราชธรรมจะได๎ชื่อวําเป็นหลักธรรม หรือคุณสมบัติท่ีผ๎ูเป็นใหญํในแผํนดิน ตั้งแตํพระมหากษัตริย์ ผู๎ปกครองรัฐ หรือผู๎นําประเทศจะพึง ปฏิบัติ แตํบคุ คลธรรมดาก็สามารถนําไปปฏิบัติได๎ในชีวิตประจําวัน เพราะนอกจากจะเป็นหนทางไปสูํ ความเจรญิ กา๎ วหน๎าในชีวติ แลว๎ ยงั ได๎ช่อื วาํ ไดด๎ ําเนนิ รอยตามเบื้องยุคลบาท ดงั ที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธกิ ารมูลนธิ ชิ ัยพัฒนา ได๎เชญิ ชวนใหป๎ ระชาชนชาวไทยปฏบิ ัติ ตามพระราชจริยวัตรของพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ซง่ึ แนวทางในการปฏบิ ัติตามทศพิธราชธรรมใน ระดบั ประชาชน มีดงั ตํอไปน้ี

193 กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ นอกเหนอื จากการบรจิ าคเป็นทรัพยส์ นิ หรือสง่ิ ของแกํผย๎ู ากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส และผ๎ูตกทุกข์ได๎ยากตามที่เราทําอยํูเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎น้ําใจแกํผู๎อื่นได๎ เชนํ ให๎กาํ ลงั ใจแกผํ ู๎ตกอยูใํ นหว๎ งทกุ ข์ ให๎ข๎อแนะนาํ ท่ีเป็นความรู๎แกผํ ร๎ู ํวมงาน หรือผู๎ใต๎บังคับบัญชา ให๎ รอยย้มิ และ ปยิ วาจาแกญํ าตพิ นี่ ๎อง เพอื่ นฝูง รวมถงึ บคุ คลทม่ี ารบั บริการจากเรา เปน็ ต๎น กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤตทิ ี่ดีงาม ตามหลักศาสนาของตน อยํางน๎อยก็ขอให๎เราไดป๎ ฏิบตั ิ ตามศลี 5 คอื ไมํฆาํ สัตวต์ ดั ชวี ติ ไมํลักขโมยของของผ๎ูอืน่ ไมํลํวงละเมิดลูกเมยี เขา ไมํพูดโกหก หรือพูด สํอเสียดยุยงให๎คนเขาทะเลาะเบาะแว๎งกัน และควรทําตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหร่ี หรืออบายมุข ตําง ๆ เพราะสิ่งเหลําน้ี นอกจากจะทําให๎เราเสียเงินแล๎ว ยังเสียสุขภาพกายและใจทั้งของตัวเราเอง และคนใกล๎ชดิ เราด๎วย กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ คือ ความเสยี สละ หมายถงึ การเสียสละความสขุ สวํ นตนเพ่ือความสุขหรอื ประโยชน์ของสํวนรวม ซึ่งอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพื่อนรํวมงานของเราก็ได๎ เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกดื่มเหล๎า ทําให๎ลูกเมียมีความสุข และ เพอื่ นบา๎ นกส็ ุขด๎วย เพราะไมํตอ๎ งฟงั เสียงอาละวาด ดาํ ทอทุบตีกัน หรือเราอาจจะเสียสละเวลาอยูํเย็น ชํวยเพือ่ นทาํ งาน หรอื ไปเขา๎ คาํ ยพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกําพร๎าเป็นคร้ังคราว หรอื เสยี สละรํางกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพื่อการศึกษา เป็นต๎น ซ่ึงการเสียสละดังกลําวถือวําได๎บุญ มากเพราะมใิ ชจํ ะสละกันได๎งาํ ย ๆ โดยทั่วไป การเสยี สละไมวํ ําสิ่งใดก็ตาม ถือเป็นการลดความเห็นแกํ ตัว ซ่งึ ล๎วนมีสํวนชํวยให๎สงั คมดีขึน้ ทั้งส้ิน กกกกกกก4. อาชชวะ คือ ความซือ่ ตรง หมายถึง ดําเนนิ ชีวิตและปฏิบัติภารกิจ/หน๎าท่กี ารงานตําง ๆ ด๎วยความซ่ือสัตย์สุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผู๎อื่น เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมํดีไป หลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปช่ันทั้งเวลา ทรัพย์สินของ หนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคน เอาเปรียบหรือโกงกิน นอกจากจะทําให๎หนํวยงานเราไมํเป็นท่ี นําเชอื่ ถือของผ๎เู กี่ยวข๎องแลว๎ ในระยะยาว อาจทําให๎หนํวยงานเราล๎ม ผู๎ที่เดือดร๎อนก็คือเรา แม๎เราจะ ได๎ทรัพย์สินไปมากมาย แตํเงินบาปท่ีได๎ก็จะเป็นสิ่งอัปมงคลท่ีทําให๎เราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุม สาปแชํง และแม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ู แตํตัวเรายํอมรู๎อยูํแกํใจ และไมํมีวันจะมีความสุขกาย สบายใจ เพราะ กลัวคนอ่ืนจะมารู๎ความลับตลอดเวลา ผ๎ูที่ประพฤติตนด๎วยความซ่ือตรง แม๎ไมํร่ํารวยเงินทอง แตํจะ มงั่ ค่ังดว๎ ยมิตรที่จรงิ ใจ ตายกต็ ายตาหลับ ลูกหลานกภ็ าคภูมใิ จ เพราะไมํตอ๎ งแบกรับความอับอายทมี่ ี บรรพบุรษุ ข้ีโกง กกกกกกก5. มทั ทวะ คือ ความสุภาพอํอนโยน มอี ัธยาศัยไมตรี กลาํ วคือ การทาํ ตัวสุภาพ นมุํ นวล ไมํเยํอหยิ่ง ถือตวั หรอื หยาบคายกับใคร ไมํวาํ จะเป็นผู๎ใหญํ ผูน๎ ๎อย หรอื เพื่อนในระดับเดียวกัน การทํา ตัวเป็นผู๎ท่ีมีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทําให๎ไปท่ีไหนคนก็ต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมรํ ๎อนรมุํ หากเราหยาบคาย กา๎ วรา๎ ว คนกถ็ อยหาํ ง ดังนัน้ หลักธรรมขอ๎ นี้ จงึ เปน็ การสร๎างเสนหํ ์อยําง หน่ึงใหแ๎ กํตวั เราด๎วย กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร เปน็ หลักธรรมท่ีสอนให๎เราไมยํ ํอท๎อ แตใํ ห๎ปฏบิ ัติหน๎าทก่ี ารงาน ด๎วยความมุมานะ ฝุาฟันอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสําเร็จ ซึ่งความพากเพียรนี้จะทําให๎เรา ภาคภูมิใจเม่ืองานสําเร็จ และจะทําให๎เรามีประสบการณ์เกํงกล๎าข้ึน นอกจากน้ี ยังสอนให๎เราส๎ูชีวิต ไมํยอมแพอ๎ ะไรงาํ ย ๆ

194 กกกกกกก7. อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณ์จะทาํ ไดย๎ าก แตหํ ากเราสามารถ ฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ังความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน์ตํอเรา หลายอยาํ ง เชนํ ทําให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ข๎อสําคัญ ทําให๎เรารักษามิตรไมตรีกับผ๎ูอ่ืนไว๎ได๎ อนั มผี ลใหค๎ นรกั และเกรงใจ กกกกกกก8. อวหิ งิ สา คอื การไมเํ บยี ดเบียน หรือบีบคน้ั กดขผี่ อู๎ น่ื รวมไปถงึ การไมํใชอ๎ ํานาจไปบังคบั หรอื หาเหตุกลั่นแกลง๎ คนอน่ื ด๎วย เชํน ไมไํ ปขมํ เหงรังแกผู๎ด๎อยกวํา ไมํไปขํมขูํให๎เขากลัวเรา หรือไปบีบ บังคับเอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควร เบียดเบยี นธรรมชาติ สิ่งแวดลอ๎ ม และสตั ว์อกี ดว๎ ย เพราะมิฉะน้นั ผลร๎ายจะยอ๎ นกลบั มาสเูํ รา และ สงั คม อยํางท่ีเหน็ ในปัจจบุ ันจากภยั ธรรมชาตติ ําง ๆ กกกกกกก9. ขนั ติ คือ ความอดทน หมายถงึ ให๎เราอดทนตํอความยากลําบาก ไมํท๎อถอย และ ไมํหมดกําลังกาย กําลังใจท่ีจะดําเนินชีวิต และทําหน๎าที่การงานตํอไปจนสําเร็จ รวมทั้งไมํยํอท๎อตํอ การทาํ คณุ งามความดี ความอดทนจะทําใหเ๎ ราชนะอปุ สรรคทง้ั ปวงไมวํ ําเล็กหรือใหญํ และจะทําให๎เรา แกรงํ ขนึ้ เขม๎ แขง็ ขน้ึ กกกกกกก10. อวโิ รธนะ คอื ความยตุ ธิ รรม หนกั แนนํ ถือความถูกต๎อง เทีย่ งธรรมเป็นหลัก ไมํเอนเอียงหว่ันไหวด๎วยคําพูด อารมณ์ หรือลาภสักการะใด ๆ ท้ังในทางนิติธรรม คือ ระเบียบแบบ แผนหลักปกครอง หรือในเรอื่ งขนบธรรมเนยี มประเพณที ี่ดงี าม ก็ไมปํ ระพฤติ ใหผ๎ ดิ ทํานองคลองธรรม กลาํ วคอื ให๎ทําอะไรดว๎ ยความถูกต๎อง มิใชํด๎วยความถูกใจ กกกกกกกจะเห็นไดว๎ ํา หลกั ธรรมทั้ง 10 ข๎อ หรอื ทศพธิ ราชธรรม น้ี มิใชขํ ๎อปฏิบัติทย่ี าก จนเกนิ ความ สามารถของคนธรรมดาสามัญที่จะทําตามได๎ หลาย ๆ ข๎อก็เป็นสิ่งท่ีเราปฏิบัติอยูํแล๎ว จะโดยร๎ูตัวไมํ ก็ตาม แตํหากเรามีความต้ังใจจริง หลักธรรมดังกลําวก็จะเป็นทุนท่ีชํวยหนุนนําให๎เราได๎พัฒนาชีวิต ไปสูํความดีงาม ความมั่นคง และความสําเรจ็ ทเี่ ราปรารถนาทุกประการ สรปุ กกกกกกกทศพธิ ราชธรรม เปน็ หลักธรรมสาํ หรบั พระมหากษตั ริยจ์ ะพงึ ถอื ปฏิบตั ิมาแตโํ บราณกาล ซ่ึงคนธรรมดาสามัญทจ่ี ะทาํ ตามได๎ หลกั ทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ ดังนี้ กกกกกกก1. ทาน หมายถงึ การให๎ การเสยี สละ นอกจากเสียสละทรพั ย์ส่ิงของแลว ยังหมายถงึ การ ให๎น้ําใจแกผํ ู๎อน่ื ด๎วย กกกกกกก2. ศีล หมายถึง ความประพฤติที่ดีงาม ทั้งกาย วาจา และใจ ให๎ปราศจากโทษทัง้ ในการ ปกครอง อนั ไดแก กฎหมายและนติ ิราชประเพณี และในทางศาสนา กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ (บริจาค) หมายถึง การเสียสละความสขุ สํวนตน เพอ่ื ความสขุ สํวนรวม กกกกกกก4. อาชชวะ หมายถงึ ความซ่ือตรงในฐานะท่ีเป็นผู๎ปกครอง ดํารงอยูํในสัตย์สุจริต กกกกกกก5. มัททวะ หมายถงึ การมีอธั ยาศยั ออนโยน เคารพในเหตผุ ลท่คี วร มีสัมมาคารวะตอ ผูอาวโุ ส และออนโยนตอบุคคลทเี่ สมอกัน และต่ํากวา กกกกกกก6. ตบะ หมายถงึ มีความอุตสาหะในการปฏบิ ัติงาน โดยปราศจากความเกียจคราน

195 กกกกกกก7. อกั โกธะ หมายถึง ความไมแสดงความโกรธให๎ปรากฎ ไมมุงรายผูอื่น แมจะลงโทษ ผูทําผิด ก็ทําตามเหตผุ ล กกกกกกก8. อวหิ งิ สา หมายถึง การไมเบยี ดเบียนหรือบบี คั้น ไมกอทุกขหรือเบยี ดเบยี นผอู๎ ื่น กกกกกกก9. ขันติ หมายถึง การมีความอดทนตอส่ิงท้ังปวง รักษาอาการกาย วาจา ใจ ใหเรยี บรอย กกกกกกก10. อวิโรธนะ หมายถึง ความหนกั แนน ถือความถูกตอง เที่ยงธรรมเปนหลัก ไมเอนเอียง หวั่นไหวดวยคาํ พดู อารมณหรอื ลาภสักการะใด ๆ

196 ใบความรู้ เรอื่ งที่ 4 ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเงือ่ นไขความรู้คคู่ ุณธรรม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให๎นกั ศกึ ษามีความรค๎ู วามเข๎าใจเรื่อง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเง่ือนไขความรู๎ คคูํ ณุ ธรรม 2. เพอื่ ให๎นกั ศกึ ษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎เู ร่อื งปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเง่ือนไข ความรูค๎ คํู ุณธรรม 3. เพื่อใหน๎ กั ศึกษามีความตระหนักถึงความสําคญั เรอ่ื งปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เง่อื นไขความร๎ูคูคํ ุณธรรม เน้ือหา กกกกกกกปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง คือ ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 พระราชทานพระราชดํารชิ แี้ นะแนวทางการดาํ เนินชีวิต แกํพสกนกิ ร ชาวไทยในทุกระดับ ตั้งแตํระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหาร ประเทศให๎ดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให๎ก๎าวทันตํอโลกยุค โลกาภวิ ฒั น์ กกกกกกกหลักการปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาท่ยี ึดหลักการเดินทางสายกลาง ท่ีชี้แนะแนวทางการดํารงอยํู และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ประกอบด๎วย 3 หํวง 2 เงื่อนไข คอื ความพอประมาณ ความมเี หตุผล ความมภี ูมิคุม๎ กนั เงือ่ นไขความร๎ู และ เงือ่ นไขคุณธรรม กกกกกกกความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีท่ีไมนํ ๎อยเกนิ ไป และไมํมากเกนิ ไป โดยไมํ เบยี ดเบียนตนเอง และไมทํ าํ ให๎ผู๎อืน่ เดือดร๎อน เชนํ การผลิต และการบริโภคท่ีอยใูํ นระดับพอประมาณ กกกกกกกความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพยี งนั้น จะต๎องเปน็ ไปอยาํ ง มเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากปัจจัยท่เี กี่ยวข๎อง ตลอดจนคํานงึ ถงึ ผลทีค่ าดวําจะเกิดข้ึน ในอนาคตทงั้ ใกล๎ และไกล กกกกกกกการมภี มู ิคุ๎มกนั ในตวั หมายถงึ การเตรียมตวั รับผลกระทบ และการเปลย่ี นแปลง ด๎านตาํ ง ๆ ท่จี ะเกดิ ขน้ึ โดยคํานึงถึงความเป็นไปได๎ของสถานการณต์ าํ งๆ ทค่ี าดวําจะเกิดขนึ้ ใน อนาคตทัง้ ใกล๎และไกล กกกกกกกเง่ือนไขความรู๎ หมายถึง ความร๎เู กย่ี วกับวิชาการตําง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข๎องอยาํ งรอบด๎าน ความรอบคอบทีจ่ ะนาํ ความร๎ูเหลํานั้นมาพิจารณาให๎เชื่อมโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผน และความ ระมดั ระวังในขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ กกกกกกกเง่ือนไขคุณธรรม หมายถงึ การยดึ ถือคุณธรรมตําง ๆ อาทิ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต ความ อดทน ความเพยี ร การมุงํ ตอํ ประโยชน์สํวนรวมและการแบํงปัน

197 กกกกกกกพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 มีพระบรมราโชวาท เกย่ี วกับ “เง่ือนไขความร๎ู” ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมเี น้ือความทีส่ ําคญั ตอนหน่งึ วาํ “ความร๎ู น้ันเป็น หลักของการงาน ผ๎ูท่ีจะทํางานอยํางใดจําต๎องมีความร๎ูในเร่ืองน้ันกํอนในเบื้องต๎น สํวนความคิดเป็นเคร่ืองชํวยความร๎ู คือ ชํวยให๎ใช๎ความรู๎ให๎ถูกต๎อง เชํน จะใช๎อยํางไร ท่ีไหน เมื่อใด เมื่อมีความร๎ู สําหรบั งานมีความคิดสําหรับพิจารณาใช๎ความรู๎ให๎ถูกต๎องแล๎ว ยํอมทํางานได๎ผลสมบูรณ์ ดี ยากท่ีจะผิดพลาด ความร๎กู บั ความคดิ จงึ ไมํควรแยกจากกนั ” กลําวไดว๎ าํ ความรู๎ท่ีจําเป็นสําหรับการ ดําเนนิ ชีวิตอาจแบํงออกไดเ๎ ปน็ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ความรส๎ู าํ หรบั การทํางาน และความร๎ูสําหรับ การจัดการทรัพย์สนิ ของตนเอง กกกกกกกความรู๎สําหรับการทาํ งาน นอกจากความร๎ูจากการศึกษาเลําเรยี นในโรงเรยี น หรือ มหาวิทยาลัย ที่เราจะนาํ มาใช๎ในการทํางาน หรอื อาชีพของเราแล๎ว การศึกษาหาความรู๎เพิ่มเติมก็เป็น ส่งิ สําคัญ อยํางเชํน ใครท่ีทํางานประจํา หรือเป็นพนักงานบริษัท ประสบการณ์ความรู๎ใหมํ ๆ จะชํวย ให๎เราก๎าวหน๎าในตําแหนํงหน๎าท่ีการงานได๎ หรือใครที่ทําธุรกิจสํวนตัว มีกิจการเป็นของตนเอง ก็ควร หาความรู๎เพ่ิมเติม วําจะทําอยํางไรให๎กิจการของเราอยูํรอด หรือจะทําอยํางไรให๎กิจการเติบโตอยําง ย่ังยืน เป็นต๎น ซึ่ง การหาความรู๎เพิ่มเติมสามารถทําได๎หลากหลายวิธีไมํวําจะเป็นการเข๎ารํวมงาน อบรมสัมมนาตาํ ง ๆ การอาํ นหนงั สอื รวมถึงการพูดคยุ แลกเปลย่ี นประสบการณ์กับผู๎อืน่ กช็ วํ ย เพิม่ พนู ความร๎ูได๎ กกกกกกกความรส๎ู ําหรบั การจัดการทรพั ยส์ นิ ของตนเอง จากบทความเร่อื ง “เศรษฐกิจพอเพียงกบั ความพอประมาณ” ท่ีได๎แนะนําการจัดการเงินโดยการออมใช๎ มีการสํารองเงินเพ่ือใช๎จํายยามจําเป็น และรจ๎ู ักบริหารเงนิ ใหง๎ อกเงยขน้ึ ซึ่งวิธกี ารทีท่ าํ ใหเ๎ งินงอกเงยขนึ้ นนั่ คือ การลงทนุ การศึกษาทํา ความเข๎าใจจะชํวยลดความเส่ียงจากการลงทุนได๎ กกกกกกกสาํ หรับเงื่อนไขคุณธรรม นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาล ท่ี 9 มพี ระบรมราโชวาทเก่ียวกบั คณุ ธรรมโดยมีใจความสาํ คัญวํา “คณุ ธรรมท่ีทุกคนควรจะศึกษาและ น๎อมนํามาปฏิบัติมีอยํู 4 ประการ ประการแรกคือ การท่ีทุกคนคิด พูด ทํา ด๎วยความเมตตา มํุงดี มํุงเจริญตํอกัน ประการท่ีสอง คือ การท่ีแตํละคนชํวยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสาน ประโยชน์กัน ให๎งานท่ีสําเร็จผล ท้ังแกํตนเอง แกํผ๎ูอ่ืน และกับประเทศชาติ ประการท่ีสาม คือ การที่ ทุกคนประพฤติปฏิบตั ิตนอยใํู นความซื่อสัตยส์ จุ รติ ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเทําเทียม เสมอกนั ประการทส่ี ่ี คือ การท่ีตาํ งคนตํางพยายาม ทําความคิด ความเห็นของตนให๎ถูกต๎อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยํูในเหตุในผล หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติท่ีลงรอยกันในทางท่ีดี” คุณธรรมท้ังสี่ประการน้ันเป็นสิ่งท่ีเราทุกคนควรน๎อมนํามาปฏิบัติในการดําเนินชีวิต เนื่องจากการมี เจตนา การพูด การกระทําที่มุํงดี มีเมตตา และมํุงชํวยเหลือเก้ือกูลตํอผู๎ท่ีเราติดตํอด๎วย ยํอมทําให๎ผ๎ูที่ มีปฏสิ มั พนั ธ์กับเรานั้นรับร๎ูได๎ถึงความจริงใจที่เราส่ือออกไป นอกจากนี้ การท่ีเราประกอบการงานอยูํ ในความสัตย์สุจริต และพยายามมีหลักการสําหรับความคิดเห็นของตนเองให๎ถูกต๎อง มีเหตุผล จะนาํ มาซงึ่ ความไว๎วางใจจากเพื่อนรํวมงาน หัวหน๎างาน สังคม และประเทศชาติ จะทําให๎งานแตํละ อยํางสําเร็จลุลํวงไปได๎ด๎วยดี ไมํเกิดความเสียหาย ทุกคนที่เกี่ยวข๎องยํอมมีความสุขความเจริญกัน ถว๎ นหนา๎ เป็นการใช๎ความร๎ขู องตนเองยกระดบั สงั คมให๎นาํ อยูํด๎วยการมีคณุ ธรรมประจําใจ

198 กกกกกกกการมคี วามรู๎แตํเพียงอยาํ งเดยี ว ยงั ไมํพอทจี่ ะทาํ ให๎งานสาํ เร็จลลุ ํวงไปดว๎ ยดี ต๎องมี คุณธรรมประกอบด๎วย เปรียบดังที่วาํ เงือ่ นไขความรูเ๎ หมือนกบั เป็นแรงผลกั ดัน ให๎ประสบความสาํ เรจ็ แตํเงื่อนไขคณุ ธรรมน้ันจะเปน็ เหมือนเข็มทศิ นําทางใหม๎ งุํ ไปสทํู างทถี่ ูกที่ควร สรปุ เศรษฐกจิ พอเพียง คือ หลักการดาํ เนินชวี ิตท่ีจรงิ แท๎ทส่ี ดุ กรอบแนวคิดของหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียงมํงุ เน๎นความมั่นคง และความยั่งยนื ของการพฒั นา อนั มคี ุณลักษณะท่ีสําคญั คือ สามารถประยุกต์ใชใ๎ นทุกระดบั ตลอดจนให๎ความสาํ คัญกบั คําวาํ พอเพยี ง ท่ีประกอบด๎วย ความ พอประมาณ ความมเี หตุ มผี ล มีภมู คิ ม๎ุ กนั ท่ีดใี นตัว ภายใต๎เงอื่ นไขของการตัดสนิ ใจ และการดาํ เนนิ กิจกรรมท่ีตอ๎ งอาศยั เงื่อนไขความรู๎ และเงอ่ื นไขคณุ ธรรม

199 ใบความรู้ เรอื่ งที่ 5 หลักการทรงงานของรชั กาลท่ี 9 วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ให๎นกั ศึกษามีความรูค๎ วามเขา๎ ใจเรื่องหลกั การทรงงานของรัชกาลท่ี 9 2. เพ่อื ให๎นักศึกษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎เู รือ่ งหลักการทรงงานของรชั กาลท่ี 9 3. เพ่อื ใหน๎ กั ศึกษามีความตระหนกั ถึงความสําคญั เรื่องหลักการทรงงานของ รัชกาลท่ี 9 เนื้อหา กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน 1.1 ความหมายของหลกั การทรงงาน การปฏิบตั หิ น๎าท่ี หรือภารกจิ หรือกิจกรรมของพระมหากษัตรยิ ์ทรงยดึ การ ดาํ เนินงานในลกั ษณะทางสายกลางทส่ี อดคลอ๎ งกับสงิ่ ที่อยูํรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมี ความละเอยี ดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนา เพือ่ มํุงสปูํ ระโยชนต์ ํอประชาชนสูงสดุ ซง่ึ พระมหากษัตรยิ ์ในท่ีนคี้ ือ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ผม๎ู ีคณุ ปู การตอํ ประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก 1.2 หลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาล ท่ี 9 มี 23 ขอ๎ คือ 1.2.1 ศึกษาข๎อมูลให๎เปน็ ระบบ 1.2.1 การท่จี ะพระราชทานโครงการใดโครงการหน่ึง จะทรงศึกษาข๎อมูล รายละเอียดอยํางเป็นระบบ ทั้งจากข๎อมูลเบื้องต๎นจากเอกสาร แผนท่ีสอบถามจากเจ๎าหน๎าที่ นักวิชาการและราษฎรในพ้ืนท่ี ให๎ได๎รายละเอียดท่ีถูกต๎อง เพื่อที่จะพระราชทานความชํวยเหลือได๎ อยาํ งถูกต๎อง รวดเร็ว ตรงตามความต๎องการของประชาชน 1.2.1 การศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ ดว๎ ยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของชมุ ชน ฐานขอ๎ มูลดงั กลาํ วชวํ ยให๎พระราชกรณยี กิจตาํ ง ๆ ดาํ เนนิ สํูจดุ ประสงค์ “เพื่อประโยชนส์ ขุ แหงํ มหาชนชาวสยาม” 1.2.2 ระเบิดจากภายใน 1.2.1 พระองค์ทรงมํงุ เนน๎ เร่อื งการพฒั นาคนให๎เกิดความรู๎ความเขา๎ ใจ และ มองเห็นผลประโยชน์ของการพฒั นาวํามตี ํอตนเองและสงั คมอยํางไร เม่ือคนเข๎าใจเกดิ ความต๎องการ อยํางเหมาะสม คนในชมุ ชนก็พรอ๎ มที่จะรวํ มดําเนนิ การพัฒนา

200 1.2.1 ดังน้ัน ความพร๎อมในการเตรยี มชุมชนจงึ เป็นส่ิงสําคญั ความพร๎อม การยอมรบั ของชมุ ชนต๎องเกดิ จากภายในชุมชน มิใชํภายนอกยดั เยียด หรอื ต๎องระเบดิ จากข๎างใน แตกํ ารระเบดิ ขา๎ งใน ก็ต๎องแตกตาํ งกนั ตามหลักภูมิสังคม หรือแตกตํางตามสภาพภูมิศาสตร์และสังคม วัฒนธรรม ของแตํละพื้นท่ี แตํละกลุํมคน ภูมิปัญญาเดิมมีความสําคัญในการพัฒนาจากข๎างในไมํใชํ เอาทฤษฎใี หมํมาทําลายทฤษฎเี กํา 1.2.3 แกป๎ ัญหาจากจุดเล็ก 1.2.1 ควรมองปัญหาภาพรวมกอํ นเสมอ แตเํ มื่อจะลงมือแก๎ปัญหานน้ั ควรมอง ในสิ่งทค่ี นมักจะมองข๎าม แล๎วเร่มิ แกป๎ ัญหาจากจดุ เลก็ ๆ เสยี กํอน เมือ่ สําเรจ็ แล๎วจึงคํอย ๆ ขยับขยาย แกไ๎ ปเร่ือย ๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช๎กับการทํางานได๎ โดยมองไปที่เปูาหมายใหญํของ งานแตํละชิน้ แลว๎ เรม่ิ ลงมอื ทาํ จากจุดเล็ก ๆ กอํ น คอํ ย ๆ ทํา คํอย ๆ แก๎ไปทีละจุด งานแตํละชิ้นก็จะ ลลุ ํวงไปได๎ตามเปาู หมายทว่ี างไว๎ “ ถา๎ ปวดหัวคิดอะไรไมํออก กต็ ๎องแก๎ไขการปวดหัวนี้กํอน มันไมํได๎ แก๎อาการจรงิ แตํตอ๎ งแกป๎ ัญหาท่ีทําให๎เราปวดหวั ให๎ไดเ๎ สียกอํ น เพื่อจะใหอ๎ ยูใํ นสภาพทด่ี ไี ด๎… ” 1.2.4 ทําตามลาํ ดับข้นั 1.2.4 ในการทรงงาน พระองคจ์ ะทรงเริ่มต๎นจากสิง่ ทจ่ี าํ เปน็ ของประชาชน ที่สุดกํอน ได๎แกํ สาธารณสุข เมื่อมีรํางกายสมบูรณ์แข็งแรงแล๎ว ก็จะสามารถทําประโยชน์ด๎านอ่ืน ๆ ตํอไปได๎ จากน้ันจะเปน็ เร่ืองสาธารณูปโภคข้ันพื้นฐาน และส่ิงจําเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหลํงนํ้าเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค ที่เอื้อประโยชน์ตํอประชาชน โดยไมํทําลาย ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให๎ความร๎ูทางวิชาการ และเทคโนโลยีที่เรียบงําย เน๎นการปรับใช๎ ภูมิปัญญาท๎องถนิ่ ที่ราษฎรสามารถนาํ ไปปฏบิ ัติได๎ และเกิดประโยชนส์ ูงสุด ดังพระบรมราโชวาทความ ตอนหนงึ่ วํา 1.2.4 “...การพัฒนาประเทศจําเป็นต๎องทําตามลําดับขั้น ต๎องสร๎างพ้ืนฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช๎ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบื้องต๎นกํอน ใช๎วิธีการและอุปกรณ์ท่ีประหยัด แตํถูกต๎องตามหลักวชิ าการ เมอื่ ได๎พ้ืนฐานทมี่ ั่นคงพร๎อมพอสมควรและปฏิบตั ิได๎แล๎ว จึงคํอยสร๎างคํอย เสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจข้ันท่ีสูงข้ึนโดยลําดับตํอไป หากมุํงแตํจะทํุมเทสร๎างความเจริญ ยกเศรษฐกจิ ให๎รวดเร็วแตํประการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และ ของประชาชน โดยสอดคล๎องด๎วย ก็จะเกิดความไมํสมดุลในเร่ืองตําง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความ ยํุงยากล๎มเหลวได๎ในท่ีสุด ดังเห็นได๎ที่อารยประเทศกําลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอยํางรุนแรงใน เวลานี้ การชํวยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และต้ังตัวให๎มีความพอกิน พอใช๎ กํอนอ่นื เป็นพืน้ ฐานน้นั เป็นส่ิงสําคัญอยํางยิ่งยวด เพราะผ๎ูที่มีอาชีพ และฐานะเพียงพอท่ีจะพึ่งตนเอง ยํอมสามารถสร๎างความเจริญก๎าวหน๎าระดับท่ีสูงได๎ตํอไปโดยแนํนอน สํวนการถือหลักท่ีจะสํงเสริม ความเจริญให๎คํอยเป็นไปตามลําดับ ด๎วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพ่ือปูองกัน ความผิดพลาดล๎มเหลวและเพื่อใหบ๎ รรลุผลสําเรจ็ ไดแ๎ นนํ อนบริบรู ณ์...” 1.2.5 ภูมิสงั คม ภมู ศิ าสตร์ สงั คมศาสตร์ 1.2.5 ภูมิ หมายความถงึ ลักษณะของภูมปิ ระเทศ ซึ่งก็คือสภาพแวดล๎อมท่ีอยูํ รอบ ๆ ตวั เรานั่นเอง พูดแบบชาวบ๎านก็คือ ดนิ นาํ้ ลม ไฟ นัน่ เอง เพราะสภาพภูมิประเทศในแตลํ ะ

201 ภมู ิภาคน้นั แตกตาํ งกันไปมาก ตัวอยาํ งเชนํ อุณหภมู คิ วามหนาวร๎อน ความแหง๎ แลง๎ และชุมํ ฉาํ่ แตกตํางกนั ไป อยาํ งในประเทศไทย ภาคเหนือสวํ นใหญํเปน็ ภเู ขา ทางใตเ๎ ป็นพนื้ ที่พรุ ภาคกลางเป็นท่ี ราบลํมุ สวํ นภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เป็นทร่ี าบสงู แห๎งแลง๎ ในบางสวํ น เปน็ ต๎น 1.2.5 สงั คม คอื สภาพแวดล๎อมทางวัฒนธรรม จารตี ประเพณี วิถีชีวติ แนวคดิ ทัศนคติ ที่แตกตํางกัน และอยลํู ๎อมรอบผู๎คนทม่ี ชี วี ติ อยูํในพ้นื ทนี่ ้ัน นักวางแผนพฒั นาจะตอ๎ งไมํ ประเมนิ หรอื คาดการณ์วําผู๎คนในพ้นื ที่ใดพ้ืนท่หี นง่ึ จะมีวัฒนธรรม คํานยิ ม และการชอบ หรือไมํชอบ ส่ิงใดเหมือนกันไปหมดเปน็ บรรทดั ฐาน เราจะต๎องไมไํ ปตัดสินใจแทนเขาในเร่ืองของความต๎องการและ ความพึงพอใจตามแนวคดิ ท่ีผูกพนั อยกํู บั เรา 1.2.5 การพัฒนาใด ๆ ต๎องคํานึงถึงสภาพภมู ิประเทศของบรเิ วณนนั้ วาํ เป็นอยํางไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีแตํละ ท๎องถ่ินท่มี คี วามแตกตํางกนั 1.2.6 ทาํ งานแบบองคร์ วม 1.2.5 ทรงมวี ธิ ีคดิ อยํางองคร์ วม (Holistic) หรอื มองอยํางครบวงจร ในการทจ่ี ะ พระราชทานพระราชดําริเก่ียวกับโครงการหนึ่งนั้น จะทรงมองเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้น และแนวทาง แกไ๎ ขอยาํ งเชื่อมโยง ดงั เชํน กรณีของ “ทฤษฎีใหม”ํ ทพ่ี ระราชทานให๎แกปํ วงชนชาวไทย เป็นแนวทาง ในการประกอบอาชีพแนวทางหน่ึงที่พระองค์ทรงมองอยํางองค์รวม ตั้งแตํการถือครองท่ีดินโดยเฉลี่ย ของประชาชนคนไทย ประมาณ 10 - 15 ไรํ การบริหารจัดการท่ีดินและแหลํงนํ้า อันเป็น ปัจจัยพ้ืนฐานทีส่ าํ คญั ในการประกอบอาชีพ เม่อื มีนํา้ ในการทาํ เกษตรแลว๎ จะสงํ ผลให๎ผลผลิตดีขึ้นและ หากมีผลผลิตเพ่ิมมากขึ้น เกษตรกรจะต๎องรู๎จักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึงการรวมกลํุมรวม พลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพ่ือพร๎อมที่จะออกสูํการเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได๎อยํางครบ วงจรนน่ั คอื ทฤษฎีใหมํ ขนั้ ที่ 1, 2 และ 3 1.2.7 ไมํตดิ ตํารา 1.2.5 เมื่อเราจะทําการใดนั้น ควรทํางานอยํางยืดหยํุนกับสภาพและสถานการณ์ น้นั ๆ ไมใํ ชกํ ารยึดตดิ อยํกู ับแคํในตําราวชิ าการ เพราะบางที่ ความรท๎ู วํ มหัว เอาตัวไมํรอด บางคร้ังเรา ยึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทําอะไรไมํได๎เลย ส่ิงท่ีเราทําบางครั้งต๎องโอบอ๎อมตํอสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม สังคม และจิตวทิ ยาดว๎ ย 1.2.8 ประหยัด เรยี บงําย ไดป๎ ระโยชน์สูงสดุ 1.2.5 ในเรอ่ื งของความประหยดั นี้ ประชาชนชาวไทยทราบกันดวี าํ เรื่องสวํ น พระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังท่ีเราเคยเห็นวํา หลอดยาสีพระทนต์นั้น ทรงใช๎อยํางค๎ุมคําอยํางไร หรือฉลองพระองค์แตํละองค์ทรงใช๎อยํูเป็นเวลานาน ดังที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัย พัฒนา เคยเลําวํา “...กองงานในพระองค์โดยทํานผู๎หญิงบุตรี วีระไวทยะ บอกวําปีหนึ่งพระองค์เบิก ดนิ สอ 12 แทงํ เดอื นละแทํง ใช๎จนกระทง่ั กุด ใครอยําไปทิ้งของทํานนะ จะกร้ิวเลย ประหยัดทุกอยําง เป็นต๎นแบบทุกอยําง ทุกอยํางนี้มีคําสําหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช๎อยํางระมัดระวัง จะสั่งให๎เราปฏิบัติงานด๎วยความรอบคอบ...” ขณะเดียวกันการพัฒนาและชํวยเหลือราษฎร ทรงใช๎ หลักในการแก๎ไขปัญหาด๎วยความเรียบงํายและประหยัด ราษฎรสามารถทําได๎เองหาได๎ในท๎องถิ่น

202 และประยุกต์ใช๎ส่ิงที่มีอยูํในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก๎ไขปัญหาโดยไมํต๎องลงทุนสูง หรือใช๎เทคโนโลยีที่ไมํ ยงํุ ยากนกั 1.2.9 ทาํ ให๎งาํ ย 1.2.5 ด๎วยพระอจั ฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ทําให๎การคิดค๎น ดัดแปลง ปรับปรุง และแก๎ไขงานการ พัฒนาประเทศตามแนวพระราชดําริดําเนินไปได๎โดยงําย ไมํยํุงยากซับซ๎อน และท่ีสําคัญอยํางย่ิง คอื สอดคล๎องกับสภาพความเป็นอยแํู ละระบบนิเวศโดยสํวนรวม ตลอดจนสภาพทางสังคมของชุมชน น้ัน ๆ ทรงโปรดที่จะทําส่ิงท่ียากให๎กลายเป็นงําย ทําส่ิงท่ีสลับซับซ๎อนให๎เข๎าใจงําย อันเป็นการ แก๎ปัญหาด๎วยการใช๎กฎแหํงธรรมชาติเป็นแนวทางนั่นเอง แตํการทําสิ่งยาก ให๎กลายเป็นงํายน้ันเป็น ของยาก ฉะน้ันคําวํา “ทําให๎งําย” หรือ “Simplicity” จึงเป็นหลักคิดสําคัญที่สุดของการพัฒนา ประเทศในรปู แบบของโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ 1.2.10 การมีสํวนรวํ ม มีสํวนรํวมและคิดถงึ สํวนรวม 1.2.10 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงเป็น นักประชาธปิ ไตย จงึ ทรงนาํ “ประชาพจิ ารณ์” มาใช๎ในการบริหารเพอ่ื เปิดโอกาสให๎สาธารณชน ประชาชน หรือเจา๎ หนา๎ ทที่ ุกระดับได๎มารํวมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรื่องท่ีจะต๎องคํานึงถึงความ คิดเหน็ ของประชาชน หรือความต๎องการของสาธารณสุข ดังพระราชดํารสั ตอนหนึง่ วํา 1.2.10 “...สาํ คญั ทสี่ ุดจะต๎องหัดทาํ ใจใหก๎ ว๎างขวางหนักแนนํ รู๎จักรับฟงั ความ คิดเหน็ แมก๎ ระท่ังความวิพากษ์วิจารณ์จากผ๎ูอืน่ อยาํ งฉลาด เพราะการรู๎จกั รับฟงั อยาํ งฉลาดน้ันแทจ๎ รงิ คือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อนั หลากหลาย มาอํานวยการปฏิบัติบรหิ ารงานให๎ประสบ ความสาํ เรจ็ ทส่ี มบรู ณน์ น่ั เอง...” 1.2.11 ตอ๎ งยึดประโยชน์สวํ นรวม 1.2.10 การปฏบิ ัติพระราชกรณียกจิ และการพระราชทานพระราชดาํ ริในการ พัฒนาและชํวยเหลือพสกนิกร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของสํวนรวมเป็นสําคัญ ดังพระราชดํารัสความตอนหน่ึงวํา “...ใครตํอใครบอก วําขอให๎เสียสละสํวนตัวเพื่อสํวนรวม อันนี้ฟังจนเบ่ือ อาจจะรําคาญด๎วยซํ้าวํา ใครตํอใครมาก็บอกวํา ขอให๎คดิ ถงึ ประโยชน์สํวนรวม อาจมานึกในใจวํา ให๎ ๆ อยํูเร่ือยแล๎วสํวนตัวจะได๎อะไร ขอให๎คิดวําคน ที่ให๎เพ่ือสํวนรวมน้ัน มิได๎ให๎สํวนรวมแตํอยํางเดียว เป็นการให๎เพ่ือตัวเองสามารถท่ีจะมีสํวนรวมที่จะ อาศยั ได.๎ ..” 1.2.12 บรกิ ารรวมที่จดุ เดียว 1.2.12 การบริการรวมทจ่ี ดุ เดยี ว เป็นรปู แบบการบรกิ ารแบบเบด็ เสรจ็ หรือ One Stop Services ที่เกิดข้ึนเป็นคร้ังแรกในระบบบริหารราชการแผํนดินของประเทศไทย โดยทรงให๎ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดําริเป็นต๎นแบบในการบริการรวมที่จุดเดีย ว เพื่อประโยชน์ตํอประชาชนที่มาขอใช๎บริการ จะประหยัดเวลาและคําใช๎จําย โดยมีหนํวยงานราชการ ตําง ๆ มารํวมดําเนินการและให๎บริการประชาชน ณ ท่ีแหํงเดียว ดังพระราชดํารัสความตอนหน่ึงวํา 1.2.12 “...กรม กองตําง ๆ ท่ีเก่ียวข๎องกับชีวิตประชาชนทุกด๎านได๎สามารถ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปรองดองกัน ประสานกันตามธรรมดาแตํละฝุายต๎องมีศูนย์ของตน แตํวํา

203 อาจจะมีงานถือวําเป็นศูนย์ของตัวเอง คนอ่ืนไมํเกี่ยวข๎อง และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นศูนย์ท่ี รวบรวมกําลงั ทัง้ หมดของเจ๎าหนา๎ ท่ีทกุ กรม กอง ทงั้ ในด๎านเกษตร หรือในด๎านสังคม ทั้งในด๎านหางาน การสงํ เสรมิ การศึกษามาอยูํดว๎ ยกนั ก็หมายความวาํ ประชาชน ซึ่งจะต๎องใช๎วิชาการทั้งหลายก็สามารถ ท่ีจะมาดู สํวนเจ๎าหน๎าที่จะให๎ความอนุเคราะห์แกํประชาชนก็มาอยํูพร๎อมกันในท่ีเดียวกัน เหมือนกัน ซ่ึงเป็นสองด๎าน ก็หมายถึงวาํ ท่ีสําคญั ปลายทางคือ ประชาชนจะไดร๎ ับประโยชน์และต๎นทางของผู๎เป็น เจ๎าหน๎าที่จะใหป๎ ระโยชน.์ ..” 1.2.13 ใช๎ธรรมชาติชํวยธรรมชาติ 1.2.13 การเข๎าใจถงึ ธรรมชาติ และต๎องการใหป๎ ระชาชนใกล๎ชดิ กบั ธรรมชาติ ทรง มองอยํางละเอียดถึงปัญหาของธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติจะต๎องใช๎ธรรมชาติเข๎า ชํวยเหลือ เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเส่ือมโทรม โดยพระราชทานพระราชดําริ การปลูกปุาโดยไมํต๎อง ปลูก (ต๎นไม๎) ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟื้นฟูธรรมชาติ และต๎องการให๎ประชาชนใกล๎ชิดกับ ธรรมชาติ ทรงมองอยํางละเอียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติ จะต๎องใช๎ ธรรมชาติเข๎าชํวยเหลือ อาทิ การแก๎ไขปัญหาปุาเส่ือมโทรมได๎พระราชทานพระราชดําริ การปลูกปุา โดยไมํต๎องปลูก ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟื้นฟูธรรมชาติ หรือแม๎กระทั่ง การปลูกปุา 3 อยําง ประโยชน์ 4 อยําง ได๎แกํ ปลูกไม๎เศรษฐกิจ ไม๎ผล และไม๎ฟืน นอกจากได๎ประโยชน์ตามช่ือของไม๎แล๎ว ยงั ชํวยรักษาความชํมุ ชืน้ ใหแ๎ กพํ ้ืนดินด๎วย จะเห็นได๎วําทรงเข๎าใจธรรมชาติ และมนุษย์อยํางเก้ือกูลกัน ทําให๎คนอยูํรํวมกับปุาได๎อยํางยั่งยืน เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเส่ือมโทรมได๎ พระราชทาน พระราชดาํ ริ การปลกู ปุา 1.2.14 ใชอ๎ ธรรมปราบอธรรม 1.2.14 นอกเหนือจากการ “ทําให๎งําย” แล๎ว ยังทรงนําความจริงในเรื่องความ เป็นไปแหํงธรรมชาติ และกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติท่ีสําคัญในการแก๎ปัญหา และปรับปรุงเปล่ียนแปลงสภาวะที่ไมํปรกติ ให๎เข๎าสูํระบบที่เป็นปรกติ เชํน การนํานํ้าดีขับไลํนํ้าเสีย หรือเจือจางน้ําเสียให๎กลับเป็นน้ําดี ตามจังหวะการข้ึนลงตามธรรมชาติของนํ้า การบําบัดนํ้าเนําเสีย โดยใชผ๎ กั ตบชวา ซ่ึงมีตามธรรมชาติให๎ดูดซับสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ําดังพระราชดํารัสวํา “ใช๎อธรรม ปราบอธรรม” แนวพระราชดําริที่พระราชทานในด๎านส่ิงแวดล๎อม ซึ่งเรื่องใกล๎ชิดประชาชนมากท่ีสุด คือ การแก๎ไขปัญหาขยะ และน้ําเสีย ที่นับวันจะกํอตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขต ชุมชนเมือง ที่มีกิจกรรมการผลิตหลากหลาย เชํน อาคาร ห๎างร๎าน โรงงานอุตสาหกรรม บ๎านเรือน ภาคการเกษตร ล๎วนมีสํวนทําให๎เกิดน้ําเสีย และขยะจนกลายเป็นปัญหาใหญํของหลายเมือง ท้ังใน ด๎านของสถานท่ีกําจัดขยะ ความร๎ูและเทคโนโลยีการจัดการ รวมถึงงบประมาณที่ใช๎ในปริมาณสูง 1.2.15 ปลกู ปุาในใจคน 1.2.15 ต๎องปลูกปุาท่จี ิตสํานกึ กอํ น ต๎องให๎เหน็ คณุ คํากํอนทจ่ี ะลงมอื ทํา การดูแลปัญหายาเสพติด ถ๎าคนทําหน๎าท่ีนี้ยังทํา เพราะเป็นหน๎าท่ีงานสําเร็จได๎ยาก แตํถ๎าทําด๎วย ความดีใจท่ีได๎ชํวยลูกเขาให๎กลับคืนสูํอ๎อมอกพํอแมํได๎เพียงหน่ึงคน ซึ่งคุ๎มคํากวําได๎เงินทองเป็นล๎าน แสดงวําพลังตํอสู๎กับยาเสพติดได๎เกิดขึ้นในใจของทํานแล๎ว จงปลุกสิงโตทองคําในหัวใจ ให๎ต่ืนข้นึ มาให๎ได๎กํอน เป็นการปลูกปุาลงบนแผํนดินด๎วย ความต๎องการอยูํรอดของมนุษย์ ทําให๎ต๎อง มีการบริโภคและใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางสิ้นเปลือง เพ่ือประโยชน์ของตนเอง และสร๎างความ

204 เสียหายให๎แกํสิ่งแวดล๎อม ปัญหา ความไมํสมดุลจึงบังเกิดขึ้น ดังนั้น ในการที่จะฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติให๎กลับคืนมา จะต๎องปลูกจิตสํานึกในการรักผืนปุาให๎แกํคนเสียกํอน ดังพระราช ดํารสั ความตอนหน่ึงวาํ “...เจ๎าหนา๎ ทปี่ ุาไม๎ควรจะปลูกต๎นไม๎ ลงในใจคนเสียกํอน แล๎วคนเหลํานั้นก็จะ พากนั ปลกู ตน๎ ไมล๎ งบนแผํนดินและรกั ษาต๎นไม๎ดว๎ ยตนเองกํอน” 1.2.16 ขาดทุนคอื กําไร 1.2.15 “...ขาดทนุ คือ กําไร Our loss is our gain...การเสยี คอื การได๎ ประเทศชาติกจ็ ะก๎าวหนา๎ และการที่คนอยูํดีมีสุขน้ันเป็นการนับท่ีเป็นมูลคําเงินไมํได๎...” จากพระราช ดํารัสดังกลําว คือ หลักการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ท่ีมีตํอ พสกนกิ รไทย “การให๎” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทําอันมีผลเป็นกําไร คือความอยูํดีมีสุขของ ราษฎร ซ่ึงสามารถสะท๎อนให๎เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนได๎ ถ๎าอยากให๎ประชาชนอยํูดี กินดี ก็ต๎องลงทุน ต๎องสร๎างโครงสร๎าง ซึ่งต๎องใช๎เงิน เป็นร๎อย พัน หมื่นล๎าน ถ๎าทําไปเป็นการจํายเงินของรัฐบาล แตํใน ไมํช๎าประชาชนจะได๎รับผล ราษฎรอยูํดี กินดี ราษฎรได๎กําไรไป ถ๎าราษฎรมีรายได๎ รัฐบาลก็เก็บภาษี ได๎สะดวก เพ่ือให๎รัฐบาลได๎ทําโครงการตํอไป เพ่ือความก๎าวหน๎าของประเทศชาติ ถ๎ารู๎รัก สามัคคี ร๎ูเสียสละ คือ การได๎ประเทศชาติก็จะก๎าวหน๎า และการท่ีคนอยํูดีมีสุขน้ันเป็นการนับที่เป็นมูลคําเงิน ไมํได๎ 1.2.17 การพึ่งตนเอง 1.2.15 การพฒั นาตามแนวพระราชดํารัส เพอื่ แก๎ไขปญั หาในเบื้องต๎นดว๎ ยการ แกไ๎ ขปัญหาเฉพาะหน๎า เพ่ือให๎มีความแข็งแรง พอทจ่ี ะดํารงชีวติ ได๎ตอํ ไป แล๎วขั้นตอํ ไป ก็คือการ พัฒนาให๎ประชาชนสามารถอยํใู นสังคมไดต๎ ามสภาพแวดลอ๎ มและสามารถ “พ่ึงตนเองได๎” ในท่ีสดุ หลกั การพึง่ ตนเองตอ๎ งมคี วามพอดี 5 ประการ 1.2.15 1. ความพอดดี ๎านจติ ใจต๎องเข๎มแข็ง พึง่ ตนเองได๎ มจี ิตสํานึกทดี่ ี เอือ้ อาทรและนกึ ถงึ ประโยชนส์ ํวนรวม 1.2.15 2. ความพอดดี ๎านสังคมต๎องชํวยเหลอื เก้อื กลู กนั สรา๎ งความเขม๎ แข็งให๎ ชุมชนรจู๎ กั ผนึกกําลงั และมีกระบวนการเรียนรูท๎ ่เี กดิ จากรากฐานที่ม่นั คงและแขง็ แรง 1.2.15 3. ความพอดีด๎านทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ๎ ม รจู๎ ักใชแ๎ ละ จดั การอยาํ งฉลาดรอบคอบ เพอ่ื ใหเ๎ กดิ ความย่ังยืนสงู สุด และใช๎ทรพั ยากรในประเทศเพ่ือพฒั นา ประเทศใหม๎ น่ั คงอยเูํ ป็นขั้นเป็นตอนตํอไป 1.2.15 4. ความพอดดี ๎านเทคโนโลยี ร๎จู กั ใชเ๎ ทคโนโลยีทเี่ หมาะสมและ สอดคล๎องกับความตอ๎ งการ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบา๎ นของเราเอง เพอ่ื สอดคล๎องและเปน็ ประโยชน์ตอํ สภาพแวดลอ๎ มของเราเอง 1.2.15 5. ความพอดีด๎านเศรษฐกิจ เพื่อรายได๎ ลดรายจําย ดํารงชวี ิตอยาํ งพอควร 1.2.18 พออยํูพอกนิ 1.2.18 เปน็ แนวทางในการดําเนินชีวิตประจําวัน ใหส๎ ามารถอยูรํ วํ มกับคนใน หนวํ ยงานไดอ๎ ยาํ งมีความสขุ การพออยูํพอกินจะทําให๎เรามีความสุข และประหยัดเงินเอาไว๎ใช๎ในยาม จําเป็น การใช๎เงินอยํางสุรํุยสุรํายจะทําให๎เราไมํมีเงินเก็บ การท่ีจะต๎องการเงินมาใช๎ก็ไมํมีจะต๎องไป หยิบยืมจากผ๎ูอ่ืน ทําให๎ผู๎อื่นเดือดร๎อนไปด๎วย และถ๎าก๎ูเงินก็จะโดนดอกเบ้ียทําให๎เราต๎องหาเงินเพ่ิม

205 มากกวําท่ีตัวเองไปก๎ูเค๎ามา ทําให๎ตัวเองเป็นทุกข์ ยึดความประหยัด ตัดทอนคําใช๎จํายท่ีไมํจําเป็น ความฟมุ เฟอื ย รจู๎ กั คําวาํ “พอ” 1.2.18 พออยูํ คือ การทเ่ี ราปลูกปาุ ที่ใหไ๎ ม๎พืช ที่จําเปน็ ตํอการนาํ มาใช๎ทําที่อยูํ อาศยั ตําง ๆ เชํน ไมท๎ ําเสา ไม๎ทาํ พนื้ ไม๎ทําฝา ไมท๎ าํ โครงสร๎างบา๎ นตาํ ง ๆ เปน็ ต๎น ครน้ั เม่ือเหลือใช๎ เรากแ็ บํง จําย แจก ขาย เป็นรายไดเ๎ สรมิ ให๎ครอบครวั ได๎ 1.2.18 พอกิน คือ การท่เี ราปลูกปาุ เพื่อใหไ๎ ด๎พืชท่เี ราจะนาํ มาใช๎กนิ ได๎ อยํางพอเพยี ง เชํน ขา๎ ว ผกั ฯลฯ เม่ือเหลือกนิ แล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎เสรมิ ได๎เราจะต๎องใช๎ใน ชวี ติ ประจําวัน เชนํ ยา ขนม ผลไม๎ เครอื่ งปรุง เป็นต๎น ครั้นเมอ่ื เราใช๎ไดอ๎ ยํางพอเพยี งแล๎ว เรากแ็ บํง ออกขายหารายได๎ให๎แกคํ รอบครัวได๎ 1.2.18 พอใช๎ คือ การปลกู ปุาให๎มีพืชที่เราจะต๎องใช๎ในชวี ิตประจําวัน เชนํ ยา ขนม ผลไม๎ เครื่องปรุง เป็นต๎น คร้ันเม่ือเราใช๎ได๎อยํางพอเพียงแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎ แกคํ รอบครัวได๎ 1.2.18 พอมีพอกิน ก็แปลวาํ เศรษฐกจิ พอเพียงนั่นเอง ถ๎าแตํละคนมีพอมีพอกิน ก็ใชไ๎ ด๎ ย่งิ ถา๎ ทั้งประเทศพอมพี อกินกย็ ่งิ ดี 1.2.19 เศรษฐกิจพอเพยี ง ยดึ แนวคิดประหยดั เรยี บงําย ประโยชน์สงู สดุ 1.2.19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง คือ พระราชปรัชญาซึง่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงพระกรุณาพระราชทานแกพํ สกนิกรชาวไทย เพ่ือใหส๎ งั คมไทยมี ชีวิตดาํ รงอยไํู ด๎อยาํ งมั่นคงและยง่ั ยนื ไมวํ าํ เมอ่ื ต๎องเผชิญกับวกิ ฤตการณ์ หรอื การเปลีย่ นแปลงใด ๆ บนพน้ื ฐานวถิ ชี วี ติ ดง้ั เดิมของสังคมไทยนํามาประยุกต์ใช๎ 1.2.19 “ความพอเพียง” หมายถึง ความพอประมาณอยํางมเี หตผุ ลโดยสรา๎ ง ภูมิคุ๎มกันในตัวที่ดีพอสมควร เพ่ือที่จะรองรับการเปล่ียนแปลงท่ีรวดเร็ว กว๎างขวาง ทั้งทางด๎านวัตถุ สังคม สิ่งแวดลอ๎ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ๎ ป็นอยาํ งดี โดยอาศยั ความรอบรู๎ รอบคอบ และ ความระมัดระวังในการนําวิชาการตําง ๆ มาใช๎วางแผน และดําเนินการทุกข้ันตอน ควบคํูไปกับการ สร๎างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติทุกระดับให๎สํานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ดําเนินชีวิตด๎วย ความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล โดยท่ีความพอประมาณน้ัน หมายถึง ความพอดีที่ไมํน๎อยเกินไป และไมํมากเกินไป ไมํเบียดเบียนตนเองและผ๎ูอื่น การนําหลัก เศรษฐกจิ พอเพียงมาใช๎น้ันขั้นแรกต๎องยึดหลัก “พ่ึงตนเอง” คือพยายามพ่ึงตนเองให๎ได๎กํอนในแตํละ ครอบครวั มกี ารบริหารจัดการอยํางพอดี ประหยัด ไมํฟุมเฟือย สมาชิกในครอบครัวแตํละคนต๎องรู๎จัก ตนเอง เชํน ข๎อมูล รายรับ-รายจําย ในครอบครัวของตนเองสามารถรักษาระดับการใช๎จํายของตน ไมใํ ห๎เป็นหน้ี และร๎ูจกั ดงึ ศกั ยภาพในตวั เองในเรือ่ งของปจั จยั สใี่ ห๎ไดใ๎ นระดบั หนึ่ง การพัฒนาตนเองให๎ สามารถ “อยูํได๎อยํางพอเพียง” คือ ดําเนินชีวิตโดยยึดหลักทางสายกลางให๎อยํูได๎อยํางสมดุล คอื มคี วามสุขท่แี ท๎ ไมํใหร๎ ๎ูสึกขาดแคลน จนตอ๎ งเบยี ดเบียนตนเอง หรือดําเนินชวี ิตอยาํ งเกินพอดี 1.2.20 ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต จริงใจตํอกนั 1.2.20 ซ่ือสัตย์สุจรติ มีความหมายวํา ความประพฤติดี ความประพฤติ ชอบ ประพฤติตรง และจริงใจ ไมคํ ดิ คดทรยศ ไมํคดโกง และไมํหลอกลวง คนจะไดช๎ ่ือวํามีความ

206 ซื่อสัตย์ ตอ๎ งมีความจริง 5 ประการ คือ 1.2.20 1. จรงิ ตํอการงาน หมายถงึ ทาํ อะไรทําจริง มุํงใหง๎ านสําเร็จเกดิ ประโยชน์สวํ นตน หรือสํวนรวมไดจ๎ ริง ๆ 1.2.20 2. จริงตํอหนา๎ ท่ี หมายถงึ ทาํ จรงิ ในงานที่ได๎รบั มอบหมาย ซ่ึงเรียกวํา หนา๎ ที่ทาํ งานเพ่ืองาน ทาํ งานให๎ดที ี่สุด ไมํเลินเลํอ ไมหํ ละหลวม ไมํหลกี เล่ยี ง บดิ พลิ้ว คอื หลกี เลย่ี งไมํปฏบิ ตั ิตามหนา๎ ท่ีตอ๎ งเอาใจใสํหน๎าท่ใี ห๎งานสาํ เร็จเกิดผลดี 1.2.20 3. จรงิ ตอํ วาจา หมายถงึ การพูดความจริง ไมํกลับกลอก รักษาวาจา สัตย์อยาํ งเครงํ ครดั พูดจริงทาํ จรงิ ตามท่ีพดู 1.2.20 4. จรงิ ตอํ บคุ คล หมายถงึ มีความจรงิ ใจตํอคนทเี่ กี่ยวข๎อง ตํอมิตร และผู๎รํวมงาน จริงใจตํอเจา๎ นายของตน เรียกวํา มคี วามจงรักภกั ดี จริงใจตอํ ผู๎มีพระคุณ เรียกวาํ มคี วามกตัญญูกตเวที 1.2.20 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 พระราชทานพระราชดาํ รัส เรอ่ื ง ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจตอํ กันอยํางตํอเน่ืองตลอดมา เพราะทรง เห็นวาํ หากคนไทยทุกคนได๎รํวมมอื กนั ชวํ ยชาติ พัฒนาชาติด๎วยความซอื่ สัตย์สจุ รติ จริงใจตํอกันแลว๎ ประเทศไทยจะเจรญิ ก๎าวหนา๎ อยาํ งมาก 1.2.21 ทํางานอยาํ งมีความสุข 1.2.21 ทาํ งานต๎องมีความสุขดว๎ ย ถ๎าเราทาํ อยาํ งไมํมีความสขุ เราจะแพ๎ แตํถา๎ เรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทํางานเพียงเทําน้ัน ถือวําเราชนะแล๎ว หรือจะทํางานโดย คํานึงถึงความสุขที่เกิดจากการได๎ทําประโยชน์ให๎กับผ๎ูอ่ืนก็สามารถทําได๎ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเกษมสําราญ และทรงมีความสุขทุกคราที่จะ ชวํ ยเหลือประชาชน 1.2.22 ความเพียร 1.2.21 ความเพยี ร หมายถึง ความกา๎ วไปข๎างหน๎า ความดําเนินไป ความบากบั่น ความพยายาม ความอุตสาหะ ความหมั่น ความออกแรง ความไมํถอยหลัง ความทรงไว๎ ความไมํยํอ หยํอน ความไมํทอดท้ิง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงริเริ่ม ดาํ เนินงานโครงการตําง ๆ ในระยะแรกที่ไมํได๎มีความพร๎อมในการดําเนินงานมากนัก และทรงใช๎พระ ราชทรัพย์สํวนพระองค์ทั้งส้ิน แตํพระองค์ก็มิได๎ท๎อพระราชหฤทัย ทรงอดทน และมุํงม่ันดําเนินงาน น้นั ๆ ใหส๎ ําเรจ็ ลลุ วํ ง จากตวั อยาํ งบทพระราชนพิ นธ์พระมหาชนก พระมหาชนกเพียรวํายนํ้าอยํู 7 วัน 7 คืน แม๎จะมองไมํเห็นฝ่ังแตํยังคงวํายตํอไป ไมํจมลง จนกลายเป็นอาหารของปลา และได๎รับความ ชํวยเหลอื จน ถึงฝง่ั ไดใ๎ นทสี่ ุด 1.2.23 ร๎ู รัก สามัคคี คิ ด เ พ่ื อ ง า น 1.2.21 คดิ เพ่อื งาน รู๎ = ตอ๎ งรูป๎ จั จัย รป๎ู ญั หา รูท๎ างออกของปญั หา รัก = เมอ่ื ร๎ูแลว๎ ต๎องเกิดความอยากในทางทดี่ กี ํอน คือ ฉนั ทะเหน็ วําเปน็ ประโยชน์ตอํ ประเทศชาติ ภมู ใิ จ อยากทํา

207 1.2.21 สามัคคี = ลงมือปฏบิ ัติ ต๎องรํวมมอื เพ่ือเกดิ พลงั แยกกนั ไรค๎ าํ รวมกนั ไร๎เทียมทาน คิดเพื่อตวั เราเอง ร๎ู = รู๎จักทุกคนทง้ั หน๎าท่กี ารงาน ชีวติ ครอบครัวทําอยํางไร จึงจะรูจ๎ กั ใหด๎ ีได๎ ร๎จู ดุ อํอน จุดแขง็ โดยเฉพาะผบ๎ู งั คับบัญชา รัก = เน๎นความดี ใสํใจกันและกันมองกนั ในแงดํ ี สามัคคี = จึงจะเกดิ = กกกกกกกจากหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 จาํ นวน 23 ข๎อข๎างต๎น เมื่อวิเคราะหใ์ นสํวนท่เี กี่ยวข๎องกบั คุณธรรมของพลเมืองดี มี 9 ขอ๎ ซึง่ พลเมือง ดีควรนาํ ไปปฏบิ ัตใิ ห๎เปน็ รปู ธรรม คอื กกกกกกกขอ๎ ที่ 10 การมีสวํ นรํวม มสี วํ นรวํ มและคดิ ถึงสวํ นรวม กกกกกกกข๎อที่ 11 ต๎องยึดประโยชน์สํวนรวม กกกกกกกข๎อที่ 12 บรกิ ารจดุ เดยี ว กกกกกกกขอ๎ ที่ 16 ขาดทุนคอื กําไร กกกกกกกขอ๎ ท่ี 17 การพึ่งตนเอง กกกกกกกขอ๎ ท่ี 20 ความซ่ือสัตย์สจุ ริต จริงใจตอํ กัน กกกกกกกข๎อที่ 21 ทํางานอยาํ งมคี วามสุข กกกกกกกขอ๎ ที่ 22 ความเพียร กกกกกกกขอ๎ ที่ 23 รู๎ รัก สามคั คี กกกกกกก2. แนวทางการปฏบิ ัตหิ น้าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน 2.1 การมีสวํ นรวํ ม มสี ํวนรํวมและคดิ ถึงสวํ นรวม หนา๎ ที่พลเมืองท่ีดีมีแนวปฏิบัติ คอื ภารกจิ สวํ นรวม ทุกคนควรเข๎าไปมสี วํ นรํวม คิด รวํ มทาํ เพื่อใหภ๎ ารกิจนัน้ สําเร็จลุลวํ ง ถึงแมว๎ าํ บางครง้ั การคดิ ของแตลํ ะคนอาจจะไมตํ รงกนั กต็ าม แตํเราต๎องปฏิบัตติ ามถ๎าเปน็ มติความคดิ เหน็ ของสวํ นใหญํ 2.2 ต๎องยดึ ประโยชน์สํวนรวม หนา๎ ท่พี ลเมืองทีด่ มี แี นวปฏบิ ตั ิ คือ จะต๎องมคี วามเสยี สละ ในเร่อื งท่จี ําเป็น เพ่ือผลประโยชน์ของสํวนรวมและรักษาไว๎ซึ่งสังคมประชาธิปไตย เป็นการสํงผลตํอความมั่นคงและ ความก๎าวหน๎าขององค์กร ซ่ึงสุดท๎ายแล๎วผลประโยชน์ดังกลําวก็ย๎อนกลับมาสํูสมาชิกของสังคม เชนํ การไปใช๎สิทธิเลือกตั้ง ถึงแม๎วําเราจะมีอาชีพบางอยํางท่ีมีรายได๎ตลอดเวลา เชํนค๎าขาย แตํก็ยอม เสียเวลาค๎าขายเพื่อไปลงสิทธิเลือกตั้ง บางครั้งเราต๎องมีน้ําใจชํวยเหลือกิจกรรมสํวนรํวม เชํน การสมคั รเป็นกรรมการเลือกตงั้ หรอื สมาคมบําเพ็ญประโยชน์สํวนรวม เป็นต๎น 2.3 บรกิ ารจดุ เดียว หน๎าท่ีพลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ พลเมืองหลากหลายอาชีพซ่ึงมีความร๎ูและ ประสบการณ์ที่แตกตํางกัน การรํวมกันแก๎ไขปัญหาหรือการบริการรํวมกัน ณ จุดเดียวกัน เพื่อให๎ สมาชิกในสังคมได๎รบั บริการเบ็ดเสร็จ

208 2.4 ขาดทุนคือกําไร หนา๎ ทพี่ ลเมอื งท่ีดมี ีแนวปฏิบัติ คือ การเสยี สละผลประโยชนท์ ่ตี นเองจะได๎รับให๎ กันสวํ นรวมแทน เพราะเมื่อสํวนรวมได๎รบั ผลประโยชนน์ ี่ เราในฐานะเป็นสํวนหนึง่ ของสมาชกิ สงั คมก็ ได๎รบั ผลประโยชน์ด๎วย 2.5 การพึ่งตนเอง หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งที่ดีมีแนวปฏิบตั ิ คอื พยายามพ่งึ ตนเองให๎มากทส่ี ดุ ลดการพง่ึ พา ภายนอก จะทาํ ให๎สามารถแก๎ไขปญั หาในเบอ้ื งตน๎ ได๎ 2.6 ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต จรงิ ใจตํอกัน หน๎าที่พลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ การปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจ ท่ีตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกงไมหํ ลอกลวง ไมํเอาเปรยี บผู๎อ่ืน ล่ันวาจาวําจะทํางานส่ิงใดก็ต๎องทําให๎สําเร็จเป็น อยาํ งดี ไมํกลบั กลอก มีความจริงใจตํอทกุ คน จนเปน็ ท่ีไวว๎ างใจของคนทุกคน 2.7 ทาํ งานอยาํ งมีความสขุ หน๎าทพี่ ลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คอื ขณะทาํ งานต๎องมีความสขุ ดว๎ ย ถา๎ เราทําอยําง ไมํมีความสุข เราจะแพ๎ แตํถ๎าเรามคี วามสุข เราจะชนะ สนุกกบั การทํางานเพียงเทาํ นั้น ถอื วําเราชนะ แล๎ว หรือจะทํางานโดยคาํ นงึ ถึงความสขุ ทเี่ กิดจากการได๎ทําประโยชนใ์ ห๎กับผูอ๎ ืน่ ก็สามารถทําได๎ 2.8 ความเพียร หนา๎ ท่พี ลเมอื งทดี่ มี ีแนวปฏิบตั ิ คือ การเร่ิมต๎นทาํ งาน หรือทาํ สิ่งใดนั้นอาจไมมํ ี ความพร๎อมแตํต๎องอาศัยความอดทนและความมํุงมน่ั เพยี รพยายามให๎งานน้ันสําเร็จลลุ ํวงไปได๎ 2.9 รู๎ รัก สามคั คี หนา๎ ทพ่ี ลเมืองที่ดมี ีแนวปฏิบัติ คือ ต๎องมคี วามร๎ูในงานท่ีตนเองทาํ เปน็ อยาํ งดีกํอน ตํอจากน้นั ใหท๎ ํางานดว๎ ยความรักและเม่ือลงมอื ปฏิบัติ ถ๎าทําคนเดยี วไมํสําเร็จก็ต๎องใช๎บุคคลอื่นมาชวํ ย ทํารวํ มกันอยํางมีความสามัคคี สรุป กกกกกกกหลกั การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 มีจํานวน 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลให๎เป็นระบบ (2) ระเบิดจากภายใน (3) แก๎ปัญหาจากจุดเล็ก (4) ทําตามลําดับขั้น (5) ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ (6) ทํางานแบบองค์รวม (7) ไมํติดตํารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน์สูงสุด (9) ทําให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึง สํวนรวม (11) ต๎องยึดประโยชน์สํวนรวม (12) บริการรวมจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกําไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยูพํ อกนิ (19) เศรษฐกิจพอเพียง ยึดแนวคิดประหยัด เรียบงําย ประโยชน์สูงสุด (20) ความ ซ่ือสัตย์สุจริต จรงิ ใจตอํ กนั (21) ทํางานอยํางมีความสุข (22) ความเพยี ร (23) ร๎ู รัก สามคั คี

209 ใบความรู้ เรอ่ื งที่ 6 พระราชจรยิ วตั รในครอบครวั วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ให๎นกั ศึกษามีความรู๎ความเข๎าใจเร่อื ง พระราชจริยวตั รในครอบครัว 2. เพอื่ ให๎นกั ศึกษามีทักษะการแสวงหาความร๎ูเรื่อง พระราชจริยวตั รในครอบครวั 3. เพื่อใหน๎ ักศึกษามีความตระหนกั ถงึ ความสําคัญเรื่อง พระราชจรยิ วตั รในครอบครวั เนื้อหา กกกกกกกพระราชจริยวัตรอันงดงาม และพระราชอธั ยาศัยอันนําประทบั ใจของ พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเปน็ ทป่ี ระจักษแ์ กสํ ายตาชาวโลก พระองค์ทรงเป็น แบบอยํางของคําวํา สุภาพบุรุษ และทรงเป็น เอกบุรุษ หน่ึงเดียวท่ีคนท่ัวโลกตํางถวายพระราช สมญั ญานามวาํ “King of Kings” หรอื “Great King” ยอดพระมหากษตั ริยข์ องโลก กกกกกกก1. พอ่ ผูเ้ ปน็ แบบอยา่ งของลกู ท่มี คี วามกตัญญูต่อผูเ้ ป็นแม่ ในหลวงทรงเรยี กสมเด็จ พระราชชนนี หรือสมเด็จยํา อยํางธรรมดาวํา “แมํ” เมื่อคร้ังท่ีสมเด็จยํายังมีพระชนม์ชีพอยํูนั้น ในหลวงจะเสด็จพระราชดําเนินจากวังสวนจิตรฯ ไปยังวังสระปทุมในตอนเย็น เพื่อเสวยพระกระยา หารค่ํากับสมเด็จพระราชชนนีเป็นการสํวนพระองค์ อยํางสม่ําเสมอ มีรับสั่งกับข๎าราชบริพารวํา “ไปกินข๎าวกับแมํ ไปคุยกับแมํ ไปทําให๎แมํชุํมช่ืนหัวใจ” และในระหวําง สมเด็จยําพระประชวร ในหลวงจะเสด็จไปประทับกับพระราชมารดาท่ีโรงพยาบาลศิริราชวันละหลายช่ัวโมง เพื่อทรงเป็น กาํ ลงั พระราชหฤทัย แสดงถงึ ความกตญั ญขู องลูกตอํ ผ๎ูเป็นแมํ อยาํ งหาท่สี ุดมิได๎ กกกกกกก2. พ่อ ผเู้ ป็นแบบอยา่ งของสภุ าพบรุ ษุ ทก่ี ลา่ วใหเ้ กียรติสภุ าพสตรีของพ่อเสมอ เมอื่ ปี พ.ศ.2503 ขณะท่ีพระองค์ทรงเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกา มีนักขําวตํางประเทศกราบบังคมทูลถามวํา “ทําไมพระองค์จึงทรงเครํงขรึมนัก ไมํทรงยิ้มเลย” พระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปทาง สมเด็จพระนาง เจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ และมีพระราชดํารัสวํา “She is my smile.” หรือแปลวํา “น่ันไง รอยย้ิม ของฉัน” ถา๎ กลําวอยาํ งคาํ สามญั ชน น่ันคอื ความโรแมนตกิ ที่สขุ ใจทัง้ ผู๎ให๎ และช่ืนใจทัง้ ผรู๎ ับ กกกกกกก3. พ่อ ผู้เป็นแบบอย่างของผู้มีอารมณ์ขันอยู่เป็นนิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก เป็นที่สนใจตํอสื่อมวลชนของ อเมริกาเป็นอยํางมาก จึงไดม๎ ีพระราชทานสมั ภาษณ์ นักขําวหนุมํ คนหนึ่งได๎ทูลถามวํา “ทําไมพระองค์ จึงทรงเครํงขรึมนัก… ไมํทรงยิ้มเลย”ทรงหันพระพักตร์ไปทางสมเด็จพระนางเจ๎าฯ พลางรับสํงวํา “น่ันไง… ยิ้มของฉัน”แสดงให๎เห็นถึงพระราชปฏิภาณ และพระราชอารมณ์ขันอันล้ําลึกของพระองค์ ทําน ทาํ ใหเ๎ ป็นที่รักของประชาชนอเมริกันโดยท่ัวไป ในวันท่ีเสด็จฯ สภาคองเกรส เพ่ือทรงมีพระราช ดํารัสตอํ สภา จงึ ทรงไดร๎ ับการถวายการปรบมอื อยํางกกึ ก๎อง และยาวนานหลายครง้ั

210 กกกกกกก4. พ่อ ผู้เป็นแบบอยา่ งของ ผู้ที่มีรักเดยี ว ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2492 ใน งานฉลองวันคล๎ายวันเกิดครบ 17 ปี ของหมํอมราชวงศ์สิริกิต์ิ ณ สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน “ในหลวงภูมิพลทํานทรงได๎พระราชทานแหวน (ซ่ึงเป็นวงเดียวกับท่ีสมเด็จพระบรมราชชนก เคยประทานให๎แกํสมเด็จพระบรมราชชนนีในคร้ังอดีต) ให๎แกํหมํอมราชวงศ์สิริกิต์ิ” และได๎มีพระราช กระแสรับส่ังในขณะทีท่ รงมอบวาํ “สงิ่ นเี้ ป็นของสําคัญยิ่งและเปน็ ที่ระลึกด๎วย” นอกจากน้ีเราชาวไทย มักจะเห็นภาพของสมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เคียงคูํเป็น “คํูทุกข์คํูยาก” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 อยูํในพื้นที่ไกลความเจริญเสมอ พระองค์เสด็จฯ ไปในท๎องถิ่นทุรกันดารยากตํอการเข๎าถึง โดยเคียงข๎างกันทุกเวลา ถือเป็นแบบอยําง ใหก๎ บั การดาํ เนนิ ชวี ิตของคํสู ามภี รรยาไดอ๎ ยํางดี กกกกกกก5. พอ่ ผู้เปน็ แบบอยา่ งของนักเจรจาที่ถ้อยทถี ้อยอาศัย เหตุการณ์รกั แรกพบ และ รักนิรันดร์นี้เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 เสด็จฯ ไปยังประเทศฝรั่งเศส เพื่อทอดพระเนตรรถยนต์พระท่ีนั่งแทนคันเดิมซ่ึงทรงใช๎มานาน โปรดเกล๎าฯ ให๎ ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจํากรุงปารีสพร๎อมครอบครัว เขา๎ เฝูาทูลละอองธลุ พี ระบาท วนั นี้เอง ทท่ี รงพบกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาของ ม.จ.นักขัตรมงคล และ ม.ล.บัว กิติยากร ท่ีมารับเสด็จ โดยวันนั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ แตํงตัวเรียบร๎อย สวมสูทสีเนื้อ ไว๎หางเปียยาวถึงหลัง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ

211 มาถึงช๎ากวํากําหนด ทราบสาเหตุภายหลังวํา เน่ืองจากรถยนต์พระที่น่ังเกิด เสียและนํ้ามันหมด ตรัสวําทรงจําได๎ดีถึงสีหน๎าของ ม.ร.ว.สิริกิต์ิ ที่ทั้งหิวและรอนาน เม่ือตรัสถึงเรื่องนี้ทั้งสองพระองค์ จะทรงพระสรวล โดยพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวทรงล๎อสมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ วํา \"เดินตุปัดตุเป๋ หน๎างอ คอยถอนสายบัว\" สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถทรงกราบบังคม ทลู ตอบวาํ \"ท่หี นา๎ งอ เพราะใหแ๎ ตํผู๎ใหญรํ ํวมโต๏ะเสวย เดก็ กลบั ไลํไปกนิ ท่อี ื่น” กกกกกกก6. พอ่ ผูเ้ ป็นแบบอยา่ งของคนสมถะและเรียบง่าย ในวโรกาสครบรอบวนั อภเิ ษกสมรส คร้ังหนึ่งหลายปีกํอน ในหลวงทรงมีพระกระแสรับสั่งให๎จัดเลี้ยงสํวนพระองค์ เป็นงานเล้ียง”เล็กๆ และเรียบงํายท่ีสุด“ แตํความพิเศษนั่นอยูํท่ี ทรงให๎เปิดพรีเซนเทชั่น ที่รวบรวมภาพของพระองค์และ สมเด็จ มีทั้งภาพคูํ และภาพของสมเด็จต้ังแตํสมัยพระองค์ยังสาวแรกรํุน นอกจากนี้ พระองค์ทํานยัง เป็นเจ๎าฟูาเจ๎าแผํนดิน ที่ไมํติดหรู ไมํสนพระทัยแบรนด์เนม ใช๎ชีวิตเยี่ยงสามัญชน ดั่งที่ สมเด็จพระ นางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให๎สัมภาษณ์ถึงความไมํสนพระทัยเรื่องการแตํงพระองค์ เพราะสน พระทัยแตํชวี ติ ความเป็นอยูขํ องประชาชนมากกวาํ กกกกกกก7. พอ่ ผูเ้ ปน็ แบบอย่างความประหยดั พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหํู วั ทรงมีพระอุปนสิ ยั ท่ีข๎าราชบริวารและข๎าราชการท่ีใกล๎ชิดทราบกันดีวํา ทรงประหยัด ซ่ึงเป็นพระอุปนิสัยที่ติดพระองค์ มาต้ังแตํยงั ทรงพระเยาว์ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ ทรงฝึกให๎พระราชโอรสและพระราช ธิดา ร๎ูจักวิธีการประหยัด อดออม ต้ังกระป๋องออมสินไว๎กลางที่ประทับ ทรงเรียกวํา กระป๋องคนจน เมื่อถึงส้ินเดือนจะทรงประชุมท้ัง 3 พระองค์วํา จะนําเงินก๎อนน้ีไปทําประโยชน์อยํางไร หรือทํา กิจกรรมเพ่ือคนยากจนอยํางไร นอกจากน้ีพระราชินีทรงตรัสวํา \"เวลาทํานทําอะไร ทํานก็ทําเอง หมดเลย อยํางจะเสด็จฯ ไปยังภาคใต๎นี่ ทํานก็แพ็กของเอง ในการแตํงพระองค์ก็ไมํสนพระทัยเลย ขําเม่ือตอนทํานหนํุม ๆ บอกวําทํานดัดผม (ทรงพระสรวล) ในหลวงดัดผม ที่แท๎แม๎แตํจะสํองกระจก นาน ๆ ก็ไมํสํอง ไมํสนพระทัย แล๎วก็อยํางกระดุม กระดุมของรัชกาลท่ี 5 ท่ีทรงใสํ 5 เม็ดน่ีสวย เป็น ไพลินงาม ๆ ท้ังนั้น ฉันเอามาให๎ทํานไว๎ใสํ ทํานก็ไมํชอบใช๎ นาฬิกา ซื้อถวายเม่ือวันเฉลิมฯ ซื้อเป็น เรือนทอง ทํานก็ไมํชอบ เพราะทํานบอกวํา “ต๎องแกะเข๎าแกะออก ฉันไมํชอบ ชอบเวลาล๎างมืออะไร มันได๎ท้ังน้ัน” ตกลงเสด็จฯ ออกสเตทวิสิท (การเสด็จพระราชดําเนินเยือนตํางประเทศอยํางเป็น ทางการ) ก็นาฬิกาเหล็กนั่น เสด็จลงเรือใบก็นาฬิกาเหล็กเรือนน้ัน ท่ีแปลก คือเร่ืองเสวยน่ี จะเย็นจะ ร๎อน ทํานไมํสนพระทัยเลย เอามาตั้งนี่ ไมํเคยขอเลย เติมนํ้าปลา ไมํเคยเลย น่ีมหาดเล็กที่อยูํนี่ทราบ เป็นพยานได๎เลย ทํานไมํเอา ไมํสนพระทัยเลย” อีกท้ังฉลองพระบาทคํูละ 300 ฉลองพระองค์ใช๎ จนเปื่อยซดี

212 กกกกกกก8. พอ่ ผเู้ ปน็ แบบอยา่ งของผทู้ ี่ออ่ นนอ้ มถอ่ มตน พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ๎าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงออกเย่ียมราษฎรและ ปฏิบตั พิ ระราชกรณียกิจตําง ๆ ในพ้ืนที่ตําง ๆ ทั่วประเทศไทย ท้ังสองพระองค์จะทรงน่ังลงพูดคุยกับ ประชาชนอยํางใกล๎ชิดและเป็นกันเอง ด่ังท่ีสมเด็จพระราชินีฯ เคยเลําไว๎วํา “ในหลวงทรงรับสั่งกับ พระองค์วําไมํให๎ยืนค้ําหัวราษฎร ถ๎าย่ิงเป็นเวลานาน ต๎องให๎นั่งลงพูดกับเขา พระเจ๎าอยูํหัวไมํยอมให๎ ไปยืนคํ้าหัวพูดกับราษฏร ถ๎ายิ่งเป็นเวลานาน ทํานต๎องการให๎นั่งลงพูดกับเขา ข๎าพเจ๎าก็คลานรับ ประชาชนตลอดเลย เป็นกโิ ลเลย ทาํ นมาดหู ัวเขาํ ข๎าพเจ๎าเดี๋ยวนี้สิ ดาํ ปเี๋ ลย” กกกกกกก9. พ่อ ผู้ใหค้ วามรักตอ่ ลกู หมอํ มดษุ ฎี บริพัตร ณ อยธุ ยา ได๎เลาํ เมอื่ ครั้งท่ีเข๎าเฝาู ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว รัชกาลท่ี 9 ณ พระตําหนักภูพิงค์ จังหวัดเชียงใหมํ เม่ือหลายสิบปี กํอนวํา กํอนรํวมโต๏ะเสวยหมํอมดุษฎีได๎รับการกําชับจากทํานผู๎หญิงมณีรัตน์วํา “ห๎ามพูดถึงสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ นะ” เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวฯ ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึง พระราชโอรสมาก และคงไมํโปรดให๎ใครพูดถึงเพ่ือจะได๎ลืมและคลายความคิดถึง อยํางไรก็ดี เมอ่ื หมอํ มดษุ ฎี เดินไปน่งั ทโี่ ตะ๏ เสวย ก๎นยงั ไมํทันจะแตะท่ีเก๎าอี้ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว รัชกาล ที่ 9 ก็มพี ระราชกระแสรับสัง่ ถงึ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ โดยไมํมีชํองวํางให๎หมํอมดุษฎี กราบทูล

213 อะไรเลย ซงึ่ ทําให๎ทราบวํา พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ ัว รชั กาลท่ี 9 ทรงคิดถงึ พระราชโอรส จนอดที่ จะตรัสถงึ ไมํได๎ แมจ๎ ะไมมํ ีผูใ๎ ดกลาํ วถงึ กอํ น กกกกกกกสรุป พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระราชจรยิ วตั ร อันงดงามและพระราชอัธยาศัยอันนําประทับใจ ทรงเป็นผู๎นําครอบครัวที่ดี ประจักษ์แกํสายตา ชาวโลก และพระองค์ทรงเป็นแบบอยํางของคําวํา สุภาพบุรุษ และทรงเป็น เอกบุรุษ หนึ่งเดียวท่ีคน ทั่วโลกตาํ งถวาย พระราชสมญั ญานามวาํ “King of Kings” หรือ “Great King” ยอดพระมหากษตั ริย์ของโลก

214 ใบความรู้ เร่อื งท่ี 7 ทศพธิ ราชธรรมและพระราชดารสั เกีย่ วกับการศึกษา วตั ถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพอ่ื ให๎นักศึกษามคี วามรค๎ู วามเขา๎ ใจเร่ือง ทศพิธราชธรรมและพระราชดาํ รสั เก่ยี วกบั การศกึ ษา กกกกกกก2. เพ่อื ใหน๎ ักศึกษามีทักษะการแสวงหาความร๎ูเรอ่ื ง ทศพิธราชธรรมและพระราชดํารสั เกี่ยวกับการศึกษา กกกกกกก3. เพ่ือใหน๎ ักศึกษามคี วามตระหนกั ถงึ ความสําคัญเรื่อง ทศพธิ ราชธรรมและพระราชดาํ รสั เกยี่ วกบั การศกึ ษา เนอ้ื หา กกกกกกก1. การนอ้ มนาทศพธิ ราชธรรมเกีย่ วกับการศึกษา หลกั ทศพธิ ราชธรรม เป็นหลักธรรม สาํ คญั ในการปกครอง กลําวคือ เป็นหลกั ธรรมที่พระราชาหรือสง่ิ ที่ควรประพฤติสามารถนํามาเปน็ แนวทางปฏิบตั หิ นา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ไดท๎ ง้ั 10 ประการ คือ กกกกกกก1. 1) ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 1 ทาน คือ การให๎ หมายถงึ การสละทรัพย์ ประชาชนควร น๎อมนําหลักทศพิธราชธรรมข๎อนี้มาใช๎กับการศึกษา โดยการให๎ความชํวยเหลือคนท่ีเรียนด๎อยและ อํอนแอกวํา ซึ่งเป็นการให๎นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรัพย์สิน หรือส่ิงของแกํผ๎ูยากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส และผ๎ูตกทุกข์ได๎ยากตามท่ีเราทําอยูํเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎น้ําใจแกํผ๎ูอ่ืนได๎ เชํน ให๎กําลังใจแกํผู๎ตกอยูํในห๎วงทุกข์ ให๎ข๎อแนะนําท่ีเป็นความรู๎แกํผ๎ูรํวมงาน หรือผู๎ใต๎บังคับบัญชา ให๎รอยย้ิม และปิยวาจาแกํญาติพี่น๎อง เพ่ือนฝูง รวมถึงบุคคลที่มารับบริการจากเรา เป็นต๎น กกกกกกก1. 2) ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 2 ศีล คอื การตั้งอยํใู นศลี หมายถงึ มคี วามประพฤตดิ ีงาม เป็นตัวอยํางท่ีดีแกํคนท่ัวไป แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการประพฤติที่ดีงาม ตามหลักศาสนา ของตน อยํางน๎อยก็ขอใหเ๎ ราไดป๎ ฏิบตั ิตามศลี 5 คือ ไมฆํ ําสัตว์ตัดชวี ิต ไมํลักขโมยของของผู๎อ่ืน ไมํลํวง ละเมิดลูกเมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทําตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรือ อบายมุขตําง ๆ นอกจากนี้ให๎นําศีล 5 ท่ียึดถือปฏิบัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพ กฎหมายของบ๎านเมืองอยํางเครํงครัด ก็จะชํวยให๎สังคมไทยอยํูรํวมกันได๎อยํางมีความสุข กกกกกกก1. 3) ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ คือ บริจาค หมายถึง การเสยี สละความสขุ สําราญของตนเพื่อประโยชน์สุขของหมํูคณะ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี นักศึกษาที่ดีควรมีการให๎ สิ่งของแกํผู๎อ่ืนโดยไมํหวังสิ่งตอบแทน มีการสงเคราะห์ญาติตามโอกาสอันสมควร มีความเสียสละ ความสุขสํวนตัวเพ่ือประโยชน์ของสํวนรวม และเป็นผู๎มีใจกว๎างยอมรับฟังความคิดเห็นของผ๎ูอื่น กกกกกกก1. 4) ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 4 อาชชวะ คือ ความซื่อตรง หมายถึง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงใจ ไมํกลับกลอก แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการดําเนินชีวิตและปฏิบัติภารกิจ/หน๎าที่

215 การงานตําง ๆ ด๎วยความซ่ือสัตย์สุจริต ไมํคิดคดโกงหรือหลอกลวงผู๎อื่น เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอา ของไมํดีไปหลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปชั่นทั้งเวลา ทรัพย์สิน ของหนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคนเอาเปรียบ หรือโกงกิน ขาดความซ่ือสัตย์สุจริต จะทําให๎หนํวยงาน เสียหาย เดือดร๎อน แม๎เราจะได๎ทรัพย์สินไปมากมาย แตํเราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุมประณาม และแม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ู แตํตัวเรายํอมรู๎อยํูแกํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอ่ืนจะมาร๎ู ความลบั ตลอดเวลา ผูท๎ ี่ประพฤติตนดว๎ ยความซอ่ื ตรง แมไ๎ มรํ ํ่ารวยเงนิ ทอง แตกํ ม็ คี วามสุขท้งั กาย ใจได๎ กกกกกกก1. 5) ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 5 มทั ทวะ คอื ความออํ นโยน หมายถึง มกี ิริยาสุภาพ มสี มั มา คารวะ วาจาอํอนหวาน มีความนํุมนวล ไมํเยํอหย่ิง ไมํหยาบคาย แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการ ทําตัวสุภาพ นํุมนวล ไมํเยํอหย่ิง ถือตัว หรือแสดงกิริยาวาจา หยาบคายกับใคร ไมํวําจะเป็นผู๎ใหญํ ผ๎ูน๎อยหรือเพ่ือนในระดับเดียวกัน การทําตัวเป็นผ๎ูที่มีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทําให๎ไปท่ีไหน คนก็ให๎การต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรุํม หากบุคคลแสดงกิริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนก็ถอยหําง ดังนั้น หลักธรรมข๎อน้ีจึงเป็นการสร๎างเสนํห์อยํางหนึ่งให๎แกํตั วเราด๎วย กกกกกกก1. 6) ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 6 ตปะ คือ ความเพียร ประชาชนควรน๎อมนําหลัก ทศพิธราชธรรมข๎อนี้มาใช๎กับการศึกษา ด๎วยความขยัน หม่ันประกอบสิ่งตําง ๆ และกระทําสิ่งน้ันด๎วย ความพยายาม เข๎มแข็ง ไมํท๎อถอย ไมํทอดทิ้ง แตํมํุงม่ันก๎าวไปข๎างหน๎าจนกวําจะสําเร็จ นักเรียนท่ีมี ขยันหมั่นเพียร ก็จะหาเวลาทบทวนวิชาความรู๎ท่ีได๎เลําเรียนมาให๎เข๎าใจถํองแท๎ มีความรับผิดชอบ ทํางานให๎สําเร็จ เรียบรอ๎ ย สมบูรณ์ กกกกกกก กกกกกกก1. 7) ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ หมายถึง มีจติ ใจมน่ั คง มคี วาม สุขุม เยือกเย็น อดกล้ัน ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการฝึกฝนควบคุมอารมณ์ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธ อยูเํ สมอแมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณจ์ ะทําได๎ยาก แตหํ ากเราสามารถฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และ พยายามระงับยับย้งั ความโกรธอยํเู สมอ จะเป็นประโยชน์ตํอเราหลายอยําง เชํน ทําให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผอํ งใส ขอ๎ สาํ คญั ทําให๎เรารักษามติ รไมตรี หรือสมั พันธภาพกบั ผ๎ูอน่ื ไวไ๎ ด๎ อนั มผี ลให๎บคุ คลน้นั เป็นที่รกั และเกรงใจของคนท่ีตดิ ตํอด๎วย กกกกกกก1. 8) ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 8 อวิหิงสา คือ ความไมํเบยี ดเบียน หมายถงึ ไมํกดขข่ี มํ เหง กลั่นแกล๎งรังแกคนอื่น ไมํหลงในอํานาจ ทําอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย์สินผ๎ูอื่นตามอําเภอใจ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการไมํเบียดเบียนหรือบีบค้ันกดขี่ผู๎อ่ืน รวมไปถึง การไมํใช๎อํานาจไป บงั คบั หรอื หาเหตกุ ล่ันแกล๎งคนอ่ืนดว๎ ย เชนํ ไมไํ ปขํมเหงรังแกผู๎ด๎อยกวํา ไมํไปขํมขูํให๎เขากลัวเราหรือ ไปบบี บังคบั เอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นตน๎ นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควร เบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม และสัตว์อีกด๎วย เพราะมิฉะนั้น ผลร๎ายจะย๎อนกลับมาสูํเรา และ สังคม อยํางที่เห็นในปจั จบุ นั จากภัยธรรมชาติตาํ ง ๆ กกกกกกก 9) ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขนั ติ คอื ความอดทนประชาชนควรนอ๎ มนาํ หลกั ทศพิธราชธรรมข๎อน้ีมาใช๎กับการศึกษา โดยมีความอดทนตํอสิ่งทั้งปวง รักษาอาการ กาย วาจา ใจ ให๎เรียบร๎อย เชํน วัยนักศึกษา เป็นวัยที่มีความกระตือรือร๎น ต๎องการแสดงออกและอยากให๎ผ๎ูอื่น ยอมรับ บางทีก็ทําให๎ ทําอะไรเลยเถิดไปบ๎าง จึงควรร๎ูจักอดทน อดกล้ัน ยับย้ังชั่งใจ เหนี่ยวรั้งตนเอง

216 ไมํให๎ออกนอกลํูนอกทาง ควรเอาพลังตําง ๆ ในตัวเองทุํมเข๎าไปในการศึกษาค๎นคว๎าหาความร๎ู ใหเ๎ พยี งพอไว๎กํอน เม่อื จบออกไปแลว๎ จะไดท๎ าํ การตําง ๆ ตามทคี่ ดิ ฝนั ไวไ๎ ดเ๎ ปน็ ผลสาํ เร็จ กกกกกกก1. 10) ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 10 อวิโรธนะ คอื ความเที่ยงธรรม หมายถงึ ไมํประพฤตผิ ดิ ประพฤติปฏบิ ัตติ นอยูํในความดีงาม ไมหํ วน่ั ไหวในเรื่องดีเร่ืองรา๎ ย แนวปฏบิ ัตขิ องพลเมืองดี ดว๎ ยการ ควรกระทาํ การงานหรือดําเนินชีวติ ที่ถูกต๎อง และให๎ความเปน็ ธรรมกบั บคุ คลทเ่ี กีย่ วข๎อง ดว๎ ยความ ยุติธรรม และเทย่ี งธรรม กกกกกกก2. การน้อมนาพระราชดารัสเกี่ยวกับการศกึ ษา กกกกกกก2. การทจ่ี ะทําให๎คนเปน็ สาธุชนนั้น กม็ ตี วั อยํางเชํน การเรยี น คร้งั กํอนน้ี ด๎านการศกึ ษา เลําเรียนคนในไทยน่ี มีความร๎ูความเข๎าใจ การอํานคูํมือ เขียนคํูมือเป็น มีมาก เปรียบกับประเทศอ่ืน คํอนข๎างจะสูง คือ มีการอํานเขียนได๎เปอร์เซ็นต์สูง แตํมาปัจจุบันนี้น๎อยลง เน่ืองมาจากคนเพิ่ม โรงเรียน หรือผ๎ูท่ีมีหน๎าที่สอนน๎อยลง เปรียบกันกับปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีสูง เป็นเหตุให๎สามารถที่จะ ทํากิจการสถานศึกษา กิจการสอนแพรํออกไปได๎มากกวํา แตํไมํมีอะไรสับเปลี่ยนการอบรม ไมํมีอะไร สับเปล่ียนการอบรมบํมนิสัย คือการส่ังสอนนี่มีแบํงเป็นอบรม แล๎วก็พร่ําสอน แตํถ๎าวําไมํมีผ๎ูท่ีอบรม สั่งสอน ไมํมีผ๎ูท่ีพร่ําสอน หรือผ๎ูท่ีอบรม หรือผู๎ที่ขัดเกลา เป็นคนที่คุณภาพต่ํา ผ๎ูท่ีได๎รับขัดเกลายํอม คุณภาพตํา่ อยาํ งเดยี วกนั อาจยิ่งรา๎ ยกวาํ ถงึ แม๎วาํ จะมีเทคโนโลยขี น้ั สงู กกกกกกก2. เทคโนโลยีขนั้ สงู น้ี คนจาํ นวนมาก เดีย๋ วน้ีกเ็ ข๎าใจ วํามีโทรทัศน์ มีดาวเทยี ม มเี ครอ่ื ง คอม แตวํ ําเครอ่ื งเหลาํ นี้ หรอื สง่ิ เหลาํ นี้เปน็ สิง่ ทไี่ มํมีลมหายใจ ดูรปู ราํ งกิรยิ าทาํ ทางเหมือนมีลมหายใจ แตคํ งจะไมํมีชีพ มสี กี ็มสี ีได๎ แตํวาํ ไมํมีสนั คือสสี นั น่ันรวมแล๎วมนั ครบถ๎วน พร๎อมด๎วยยงั ไมคํ รบ ยงั ไมมํ ี จิตใจ. อาจทําให๎คนท่มี ีจติ ใจอํอนเปล่ยี นเปน็ คนละคนก็ได๎ แตวํ าํ ท่จี ะอบรมโดยใช๎สอ่ื ท่เี จริญกา๎ วหน๎าท่ี มีเทคโนโลยีสูงนีย่ ากลาํ บากท่ีสดุ ที่จะขดั เกลาด๎วยเครื่องเหลาํ น้ี กกกกกกก2. ดังน้ันไมํมีอะไรแทนท่ีคนสอนส่ังคน พระราชดํารัสเก่ียวกับการศึกษา พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงได๎พระราชทานแนวพระราชดําริเก่ียวกับการศึกษา ทีจ่ ะชํวยให๎บรรลุถงึ จดุ หมายในอกี มติ ิหนึง่ วํา “...ความรูท๎ ่ีจะศึกษามีอยูสํ ามสํวน คือ ความรูว๎ ิชาการ ความรป๎ู ฏิบัติการและความคดิ อํานตามเหตผุ ลความเป็นจริง ซ่งึ แตลํ ะคนควรเรยี นรู๎ใหค๎ รบเพื่อสามารถนําไปใช๎ประกอบ กจิ การงาน และแก๎ปัญหาทั้งปวงได๎อยาํ งมีประสทิ ธภิ าพ...” ความตอนหนงึ่ ในพระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลยั มหดิ ล วนั พฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม 2535

217 กกกกกกก2. จงึ ขอน๎อมนําพระราชดําริของพระองค์ทาํ นมาเป็นแนวทาง ดงั นี้ 1. ความร๎ูวิชาการ 1. ความร๎ูวชิ าการ หรอื การศกึ ษาทางทฤษฎี จะทาํ ให๎เรามีพ้นื ฐานในเร่ืองน้ัน ๆ รู๎กรอบ หรือแนวทางของการคิดและการปฏิบัติ สามารถที่จะนําไปใช๎เป็นเครื่องมือในการตํอยอดความรู๎และ ความเข๎าใจ การศกึ ษาพ้ืนฐานของแตํละเร่ืองมีความสําคัญอยํางยิ่งยวดตํอการศึกษาในระดับสูงข้ึนไป ถ๎าความร๎ูพื้นฐานดี ก็จะชํวยให๎สามารถศึกษาในระดับที่สูงข้ึนไปได๎มาก ในทางกลับกันถ๎าความรู๎ พ้ืนฐานไมดํ ีหรือไมํแขง็ แรง การศึกษาท่ีระดับสูงขนึ้ ไปก็จะทําไมไํ ด๎หรือไดน๎ อ๎ ย ถ๎าจะเปรียบเสมือนการ สร๎างบ๎าน การวางรากฐานของบ๎าน เชํน เสาเข็ม คานพื้นบ๎าน เป็นต๎น จะทําหน๎าท่ีเป็นรากฐานให๎ สามารถกอํ ฝาผนงั บ๎านข้ึนไปจนถงึ หลงั คาได๎ฉนั ใด ความร๎เู ดมิ กเ็ ปรียบเสมอื นฐานรากให๎แกํความรู๎ใหมํ ท่ีจะพัฒนาขึ้นไปฉันน้ัน ดังพระราชดํารัสความตอนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 “วชิ าความรอู๎ ันพงึ ประสงคน์ ้ัน ไดแ๎ กํ วชิ าความรู๎ทถี่ ูกตอ๎ ง ชัดเจน แมนํ ยํา ชํานาญ นาํ ไปใชก๎ ารเปน็ ประโยชน์ได๎พอเหมาะพอควร ทันตอํ เหตกุ ารณอ์ ยํางมปี ระสิทธภิ าพ” 26 มถิ นุ ายน 2523 1. กลําวโดยสรุป วิชาหรือความรู๎ตําง ๆ มีความสําคัญ สามารถที่จะนําไปใช๎เป็น เครอื่ งมือในการตํอยอดความรแ๎ู ละความเขา๎ ใจ ถ๎าเราตงั้ ใจศึกษาเราจะมีความรู๎ท่ีดี มีการพัฒนาพร๎อม ที่จะตํอยอดหรือรับความรู๎ใหมํ ๆ ได๎ แตํถ๎าเรามีพ้ืนฐานความรู๎ไมํดี เราจะไมํสามารถท่ีจะพัฒนา ตนเองให๎ทนั กบั ยุคสมัยท่เี ปล่ยี นไป 2. ความร๎ปู ฏิบตั กิ าร 2. การมีความรู๎ทางทฤษฎีอยํางเดียวยํอมไมํเพียงพอตํอการรับประกันถึงความสําเร็จ ผู๎ท่ีมีความรู๎เชิงทฤษฎีจะต๎องนําทฤษฎีไปทดลองปฏิบัติจนให๎เกิดความคลํองแคลํวชํานาญเสียกํอน การฝึกฝนปฏิบัติจนเชี่ยวชาญน้ี ชํวยให๎เกิดความร๎ูอีกสํวนหน่ึงที่เสริมความร๎ูเชิงทฤษฎีให๎เกิดความ สมบูรณ์ขึ้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงใหค๎ วามสําคัญอยํางยิ่ง แกกํ ารปฏบิ ัตงิ านดว๎ ยตนเอง ดังพระราชดํารัสความตอนหนง่ึ วํา “การมีความร๎ูถนดั ทฤษฎปี ระการเดยี ว ไมเํ พยี งพอที่จะทาํ ใหบ๎ คุ คลสามารถปฏบิ ตั ิงานได๎ เต็มที่ ผทู๎ ีฉ่ ลาดสามารถในหลักวิชาโดยปกตวิ สิ ยั จะได๎แตเํ พยี งช้ีนิว้ ใหผ๎ ู๎อน่ื ทําซง่ึ เปน็ การ ไมํศักด์สิ ทิ ธิ์ ไมอํ าจทาํ ให๎ผใ๎ู ดเช่อื ถอื หรอื เชือ่ ฟงั อยํางสนทิ ใจได๎ เหตุดว๎ ยไมํแนํใจวําผช๎ู นี้ ว้ิ เอง จะรจ๎ู รงิ ทาํ ได๎จรงิ หรอื ความสําเรจ็ ท้งั สิน้ ทาํ ไดเ๎ พราะลงมือกระทํา” (18 ตลุ าคม 2517)

218 2. กลําวโดยสรุป ผ๎ูศึกษาต๎องนําส่ิงที่ได๎รับจากภาคทฤษฎีมาทดลองในภาคปฏิบัติ กลําวคือ หลังจากได๎รับการถํายทอดวิชาการมาแล๎ว เราต๎องหัดคิดและพิจารณา และลงมือกระทํา ด๎วยตนเอง 3. การจัดการศึกษาของสถาบนั การศึกษา 2. “….ความรู๎น้ันสําคัญยิ่งใหญํ เพราะเป็นปัจจัยให๎เกิดความฉลาดสามารถและความ เจริญก๎าวหน๎า มนุษย์จึงใฝุศึกษากันอยํางไมํร๎ูจบส้ิน แตํเม่ือพิเคราะห์ดูแล๎ว การเรียนความรู๎แม๎ มากมายเพียงใด บางทีก็ไมํชํวยให๎ฉลาดหรือเจริญได๎เทําไรนัก ถ๎าหากเรียนไมํถูกถ๎วน ไมํร๎ูจริงแท๎ การศึกษาหาความร๎ูจึงสําคัญตรงที่วํา ต๎องศึกษาเพื่อให๎เกิด “ความฉลาดร๎ู” คือ รู๎แล๎ว สามารถ นํามาใชป๎ ระโยชน์ได๎จริง ๆ โดยไมํเป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพ่ือความฉลาดร๎ู มีข๎อปฏิบัติท่ีนําจะยึด เป็นหลักอยํางน๎อย 2 ประการ ประการแรก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดเรื่องใดให๎รู๎จริง ควรจะได๎ศึกษาให๎ ตลอดครบถ๎วนทุกแงํทุกมุม ไมํใชํเรียนร๎ูแตํเพียงบางสํวนบางตอน หรือเพํงเล็งเฉพาะแตํเพียงบางแงํ บางมุม อีกประการหน่ึงซ่ึงจะต๎องปฏิบัติประกอบพร๎อมกันไปด๎วยเสมอ คือ ต๎องพิจารณาศึกษาเร่ือง น้ัน ๆ ด๎วยความคิดจิตใจท่ีต้ังมั่นเป็นปรกติ และเที่ยงตรงเป็นกลาง ไมํยอมให๎รู๎เห็น และเข๎าใจตาม ความเหน่ียวนําของอคติ ไมํวําจะเป็นอคติฝุายชอบหรือฝุายชัง มิฉะน้ันความรู๎ท่ีเกิดขึ้นจะไมํเป็น ความร๎ูแท๎ หากแตํเป็นความรู๎ที่ถูกอําพรางไว๎ หรือที่คลาดเคลื่อนวิปริตไปตําง ๆ จะนําไปใช๎เป็น ประโยชน์จริง ๆ โดยปราศจากโทษไมํได๎…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ 22 มถิ นุ ายน 2524 2. ดังนน้ั ประชาชนควรน๎อมนําพระราชดํารสั มาใชก๎ ับการศึกษา โดยใช๎หลักการเรียนร๎ู แบบ “ฉลาดรู๎ ” ท่ียึดผ๎ูเรียนเป็นสําคัญ ทําให๎ผู๎เรียนเกิดความสมดุลทั้งทางกาย ปัญญา คุณธรรม และทักษะการใช๎ชีวิต มีองค์ประกอบสําคัญ 4 องค์ประกอบ คือ มุํงมั่นด๎วยศรัทธา ใฝุหาความร๎ูคูํ คุณธรรม นําไปใชอ๎ ยาํ งฉลาด และไมปํ ระมาท 4. การจดั การเรียนการสอนของ นสิ ิต นักเรยี น นกั ศึกษา “...เราเป็นนกั เรียน เราไมใํ ชผํ ๎เู ช่ียวชาญ...ถ๎าหากวาํ ในดา๎ นไหนกต็ ามเวลาไปปฏิบตั ิใหถ๎ ือวํา เราเปน็ นักเรยี น ชาวบ๎านเปน็ ครู หรอื ‘ธรรมชาตเิ ป็นครู’ การท่ีทํานทง้ั หลายจะออกไป ก็จะไปหลาย ๆ ดา๎ น... กจ็ ะตอ๎ งเข๎าใจวํา เราอาจจะเอาความร๎ูไปใหเ๎ ขาแตกํ ็ต๎องนับถอื ความรู๎ของเขาดว๎ ย จงึ จะมีความสําเรจ็ ...”

219 “...ลกั ษณะของการศึกษาหรอื การเรยี นรนู๎ ้นั มีอยูํสามลักษณะ ได๎แกํ เรยี นรต๎ู ามความรู๎ ความคดิ ของผู๎อนื่ อยาํ งหนง่ึ เรยี นรู๎ด๎วยการขบคิดพิจารณาของตนเองให๎เห็นเหตผุ ลอยาํ งหนงึ่ กับเรียนร๎ูจากการปฏบิ ัตฝิ ึกฝนจนประจักษผ์ ล และเกิดความคลอํ งแคลวํ ชํานาญอีกอยาํ งหนงึ่ การเรียนรูท๎ ั้งสามลักษณะนี้ จําเป็นจะตอ๎ งกระทําไปดว๎ ยกนั ให๎สอดคล๎องแลอดุ หนนุ สํงเสริมกัน จงึ จะชํวยให๎เกิดความรูจ๎ ริง พร๎อมท้งั ความสามารถท่จี ะนาํ มาใชท๎ ําการตาํ งๆ อยาํ งมี ประสทิ ธิภาพได๎กลาํ วคือ การเรียนรูท๎ กุ อยาํ งนั้น จะตอ๎ งเรยี นตามความร๎ูของผอู๎ ืน่ กํอนเปน็ เบือ้ งตน๎ เมอื่ ร๎ูแลว๎ จงึ นํามาพิจารณาใหเ๎ ห็นแจํมชดั ละเอียดลงไปอีกชนั้ หน่ึง ให๎ถึงเน้ือหาสาระ อันจะอ๎างองิ อาศัยเป็นหลักฐานได๎ มใิ ห๎เปน็ การเรียนร๎ูอยาํ งเลื่อนลอย แตํเมื่อถึงขน้ั ที่สองน้แี ล๎ว ก็ยังถือวําจะนาํ มาใช๎การไดใ๎ หไ๎ ดผ๎ ลแนํนอนจริง ๆ ไมํได๎ ยงั จาํ เปน็ ต๎องนาํ ความรน๎ู น้ั มาปฏบิ ตั ิ ฝึกฝนอกี ใหเ๎ กดิ ผลประจักษ์แจ๎ง และเกดิ ความคลํองแคลวํ ชาํ นชิ ํานาญขน้ึ พร๎อมกนั ไปดว๎ ย จึงจะนําไปใชป๎ ฏิบตั ิใหส๎ าํ เรจ็ ผลไดไ๎ มขํ ัดข๎อง...” 5. การจัดการศึกษาของบณั ฑติ ทจี่ บใหมไํ ปพฒั นา 5. ในปัจจุบันนี้ การศึกษาเจริญก๎าวหน๎าไปมาก มีผ๎ูสําเร็จการศึกษาระดับปริญญา บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต แตํละปีจํานวนไมํน๎อย เคร่ืองมือเคร่ืองใช๎ และสิ่งอํานวยความ สะดวกในการทํางานก็มีอยูํเป็นจํานวนมาก แตํถึงกระน้ันก็ไมํสามารถพูดได๎เต็มปากวําการพัฒนา บ๎านเมืองจะได๎ผลเป็นท่ีนําพึงพอใจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเห็นวํา “...ลําพงั ความร๎ูความฉลาดและเครอ่ื งมอื อนั มปี ระสทิ ธภิ าพตาํ ง ๆ น้ัน ไมอํ าจทาํ ใหเ๎ ราสรา๎ งความมัน่ คงใหแ๎ กํประเทศชาติได๎โดยสมบูรณ์ ในการนี้เราจําเป็น อยํางย่ิงท่จี ะต๎องอาศัยปัจจยั สาํ คัญอีกประการหนง่ึ คอื ความปรองดองกัน หันหน๎า เข๎าหากัน รวํ มมอื รวํ มใจกัน จงึ จะสามารถนําเอาความร๎ู ความคดิ และอปุ กณท์ ี่มอี ยํู มาสร๎างความเจรญิ ท่แี ท๎จรงิ อันเปน็ ทค่ี วรปรารถนา ใหบ๎ งั เกิดขึ้นได๎...”

220 5. ดังน้ัน ความสามคั คีในหมํูเหลํา ยํอมจะเป็นสิ่งเกื้อหนุนความเจริญให๎เกิดข้ึน ในการ สร๎างสรรค์สงั คมนัน้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงมีพระราชดําริ วํา จะต๎องอาศัยรากฐานและปัจจัยที่สําคัญคือการศึกษาทางด๎านวิชาการ แตํการที่จะนําเอาวิชาการ มาสร๎างสรรคส์ ังคมไดน๎ ้ัน “...จาํ เป็นตอ๎ งอาศัยการศกึ ษาทดี่ ีดา๎ นอนื่ ๆ ประกอบดว๎ ย การศึกษาด๎านอ่ืน ๆ ทกี่ ลาํ วกค็ อื การศกึ ษาอบรมทุก ๆ อยํางทจ่ี ะทําใหบ๎ คุ คล มคี วามคิด ความฉลาด มีความหนกั แนํนในเหตผุ ล มคี วามละเอยี ดรอบคอบ ร๎ูจักตัดสนิ ใจตามทางท่ี ถกู ต๎องและเปน็ ธรรม...” 5. การทส่ี ังคมจะดาํ รงอยํไู ด๎ด๎วยความรํมเย็นเป็นสุข จาํ เป็นตอ๎ งอาศัยความสมัครสมาน สามัคคี ความเมตตากรุณาตํอกัน มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผํซึ่งกันและกัน ถ๎าทุกคนในสังคมประพฤติ ปฏบิ ตั เิ ชนํ นี้ได๎ สังคมไทยกจ็ ะนําอยูํ ประเทศชาติก็จะดํารงอยูํไดอ๎ ยาํ งมนั่ คง 5. ดังน้ันพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็น ผเ๎ู ข๎าใจแกนํ ของการศึกษาอยํางถอํ งแท๎ ทรงให๎ความสําคญั แบบบูรณาการ ทั้งทฤษฎีท่ีเป็นพื้นฐานเพื่อ เป็นรากฐานรองรับพ้ืนฐานที่สูงข้ึนไป แตํหากเรียนแคํทฤษฎีไมํนําไปปฏิบัติก็ไร๎ประโยชน์ ได๎แตํรู๎ ทฤษฎไี มํสามารถใช๎ได๎จริง และทุกอยํางจะสําเร็จได๎ด๎วยการร๎ูจักคิดอํานตามเหตุผล รู๎จักคิดวิเคราะห์ สะสมความรู๎และเรียนร๎ูจากการลองผิดลองถูกจนประสบความสําเร็จ ถ๎าเราน๎อมนําพระราชดําริ แนวคดิ ของพระองค์มาปรับใช๎ไมํใชํแคํด๎านการศึกษา แตํรวมถึงด๎านหน๎าที่การงานด๎วย เราก็จะบรรลุ ถงึ เปูาหมายอยํางมคี ุณภาพและประสทิ ธิภาพ

221 ภาคผนวก ข. ใบงาน

222 ใบงาน หัวเรอ่ื งท่ี 1 ความรู้พืน้ ฐานเกย่ี วกบั หนา้ ที่พลเมือง คาชีแ้ จง กกกกกกก1. ใบงานนจ้ี ัดทาํ ขึ้นเพอ่ื ใหน๎ กั ศึกษามีความร๎แู ละประสบการณ์ที่ศึกษา เรือ่ งท่ี 1 ความร๎ู พน้ื ฐานเกี่ยวกับหน๎าทพ่ี ลเมือง กกกกกกก2. ให๎นักศกึ ษาปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนตํอไปนี้ กกกกกกก2. 2.1 ใหน๎ ักศึกษาคน๎ คว๎าประเด็น ความร๎พู ้ืนฐานเก่ยี วกบั หนา๎ ทพ่ี ลเมือง เรอ่ื งสิทธิ และหน๎าที่พลเมือง จากสื่อการเรียนรู๎ เอกสาร หนังสือ จํานวน 2 เลํม จากสื่ออินเทอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ หนังสือท่ีเกี่ยวข๎องจากห๎องสมุดประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จํานวน 1 เลํม และใบความร๎ูเรอื่ งท่ี 1 สิทธิและหนา๎ ที่พลเมอื ง กกกกกกก2. 2.2 ให๎นกั ศึกษารวบรวมขอ๎ มูลท่ีศึกษาค๎นคว๎าไดจ๎ าก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสาร การเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) สงํ ครูผ๎ูสอน เมือ่ มาพบกลมุํ ตามนดั หมายเสรจ็ ส้ิน กกกกกกก2. 2.3 นาํ ข๎อคน๎ พบท่ีไดจ๎ ากบันทึก ในขอ๎ 2.2 มาอภิปรายแลกเปล่ียนเรยี นรู๎ ขณะพบกลํุม คิด วิเคราะหข์ ๎อมลู สรุปการเรยี นร๎ูทไี่ ดล๎ งในเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นําผลสรุปการเรียนรู๎ท่ีได๎ไปฝกึ ปฏิบตั ิจริงในชวี ติ ประจําวัน และตอบแบบฝึกหดั ใน ใบงานนี้ จาํ นวน 4 ขอ๎ แล๎วเขยี นคาํ ตอบลงในเอกสารการเรยี นรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 สํงเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) ทีไ่ ด๎จากการทําใบงานนี้เสร็จสนิ้ ขณะพบกลมุํ แกํครูผ๎สู อน แบบฝกึ หดั กกกกกกก1. พลเมืองดี หมายถงึ กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. หน๎าทพี่ ลเมือง มอี ะไรบา๎ งจงยกตวั อยํางมา 5 ข๎อ กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ กกกกกกก3. สทิ ธแิ ละหน๎าทีเ่ ปน็ ส่ิงคูํกัน เมื่อมีสิทธิก็ต๎องมีหน๎าท่ีเพราะอะไร จงอธบิ ายมาพอสังเขป กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

223 กกกกกกก4. ถ๎าคนในชมุ ชนของเราไมํปฏบิ ัตติ ามหน๎าที่ของตนเองอยํางถูกตอ๎ งเหมาะสมแล๎ว นักศึกษาคิดวําจะเกดิ ปัญหาในชมุ ชนอยํางไรบ๎างจงเขียนเป็นแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) กกกกกกก1. คําตอบ ........................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................

224 ใบงาน เรอ่ื งที่ 2 ความหมายและความสาคญั ของหนา้ ทพ่ี ลเมือง ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 คาชี้แจง กกกกกกก1. ใบงานนี้จดั ทาํ ขึ้นเพื่อใหน๎ ักศึกษามคี วามรแู๎ ละประสบการณท์ ่ีศึกษาเร่อื ง ความหมาย และความสาํ คัญของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 กกกกกกก2. ให๎นกั ศกึ ษาปฏิบัตติ ามข้ันตอนตํอไปนี้ กกกกกกก2. 2.1 ใหน๎ ักศึกษาคน๎ ควา๎ ประเดน็ หน๎าท่ีพลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 จาก ส่ือการเรียนร๎ู เอกสาร 2 เลํม จากสื่ออินเตอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ จากสื่อห๎องสมุดประชาชน จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ จํานวน 1 เลํม สื่อเอกสารท่เี กย่ี วข๎องและใบความรู๎ เรื่องที่ 2 ความหมายและ ความสาํ คัญของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 กกกกกกก2. 2.2 ให๎นักศึกษารวบรวมข๎อมูลที่ศึกษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) สํงครผู ส๎ู อน เมอ่ื มาพบกลมุํ กกกกกกก2. 2.3 นกั ศึกษานําข๎อคน๎ พบที่ได๎จากบันทกึ ในข๎อ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปล่ียนเรียนรู๎ต๎อง วเิ คราะห์ ข๎อมลู และสรุปการเรยี นรู๎ทไ่ี ดล๎ งในเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นําผลสรุปการเรียนร๎ูท่ีได๎ตอบแบบฝึกหัดในใบงานน้ี จํานวน 4 ข๎อ แล๎วเขียน คาํ ตอบลงในเอกสารการเรยี นร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 รวบรวมสํงเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเองที่ได๎จากการทําใบงานน้ีเสร็จสิ้นแกํ ครูผ๎สู อน แบบฝึกหดั กกกกกกก1. ใหน๎ กั ศึกษาคน๎ คว๎าขอ๎ มลู หน๎าที่พลเมืองดตี ามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 มเี รอ่ื ง อะไรบา๎ ง กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. ใหน๎ กั ศึกษาอธิบายหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 เรือ่ งของการมีจติ สาธารณะ กกกกกกก1. คําตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................... .................................

225 กกกกกกก3. นกั ศึกษาอธิบายหนา๎ ทีพ่ ลเมืองในเร่ืองของจิตสาธารณะมาใช๎ในชวี ิตประจําวันอยาํ งไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ…......................................................................................................................... .......................................................................................... ..................................................................... กกกกกกก4. นักศกึ ษาตอบความหมายของการเรยี นรู๎ตามรอยพระยุคลบาท คืออะไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................

226 ใบงาน หัวเรื่องท่ี 3 หน้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ด้วยทศพิธราชธรรม คาช้ีแจง กกกกกกก1. ใบงานนจ้ี ดั ทําข้ึนเพ่อื ให๎นักศึกษามีความร๎แู ละประสบการณศ์ ึกษา เร่ือง หนา๎ ที่พลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก2. ใหน๎ ักศึกษาปฏิบัตติ ามขั้นตอนตํอไปนี้ กกกกกกก1. 2.1 ให๎นกั ศกึ ษาคน๎ คว๎าประเดน็ เร่อื ง ทศพธิ ราชธรรม จากสอ่ื การเรยี นรู๎ เอกสาร หนงั สือ จาํ นวน 2 เลมํ จากส่ืออินเทอรเ์ น็ต จาํ นวน 2 เว็บไซต์ หนงั สือที่เก่ียวขอ๎ งจากห๎องสมุด ประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรอื บา๎ นหนงั สือชมุ ชน จํานวน 1 เลํม และใบความร๎ูเรอ่ื งท่ี 3 กก กกกกกกก1. 2.2 ให๎นักศกึ ษารวบรวมขอ๎ มลู ที่ศกึ ษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสาร การเรยี นร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) สํงครผู ูส๎ อน เมื่อมาพบกลํมุ ตามนดั หมายเสร็จส้นิ กกกกกกก1. 2.3 นาํ ขอ๎ คน๎ พบท่ไี ดจ๎ ากบันทกึ ในข๎อ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปล่ยี นเรยี นรข๎ู ณะ พบกลุมํ คิดวิเคราะห์ ขอ๎ มลู สรปุ การเรยี นรูท๎ ไี่ ด๎ลงในเอกสารการเรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก1. 2.4 นําผลสรุปการเรยี นร๎ทู ่ีได๎ตอบแบบฝกึ หัดในใบงานนี้ จาํ นวน 4 ข๎อ แล๎วเขยี น คาํ ตอบลงในเอกสารการเรยี นรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก1. 2.5 สํงเอกสารการเรยี นร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) ทไี่ ด๎จากการทําใบงานน้เี สร็จสน้ิ ขณะพบกลํมุ แกํครผู ู๎สอน แบบฝึกหัด กกกกกกก1. นักศึกษาได๎นําทศพิธราชธรรม ข๎อ 2 ศลี ไปใชใ๎ นชวี ิตประจาํ วันตามบทบาทอยํางไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. นกั ศกึ ษาไดน๎ าํ ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 5 มัททวะ ไปใชใ๎ นชวี ิตประจําวันตามบทบาท อยํางไร กกกกกกก1. คําตอบ............................................................................................................................. ........................................................................................................ ........................................................ กกกกกกก3. นักศกึ ษาไดน๎ าํ ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 7 อักโกธะ ไปใชใ๎ นชีวิตประจําวนั ตามบทบาท อยาํ งไร กกกกกกก1. คําตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก4. นกั ศกึ ษาไดน๎ ําทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 ขนั ติ ไปใชใ๎ นชวี ิตประจําวนั ตามบทบาทอยํางไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ............................................................................................................................. ........................................................................................ ........................................................................

227 ใบงาน หวั เร่อื งที่ 4 หนา้ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั คาชแ้ี จง กกกกกกก1. ใบงานน้จี ดั ทําขึ้นเพือ่ ใหน๎ ักศึกษามคี วามรูแ๎ ละประสบการณ์ศึกษา เรื่อง หนา๎ ที่ พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดาํ รสั กกกกกกก2. ให๎นักศึกษาปฏิบัติตามขนั้ ตอนตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.1 ให๎นักศกึ ษาคน๎ คว๎าประเด็น หน๎าท่พี ลเมืองตามพระราชดาํ รัสท่เี กี่ยวข๎องกับ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จากส่อื การเรยี นรู๎เอกสาร หนงั สือ จํานวน 2 เลํม จากสื่ออินเทอรเ์ นต็ จาํ นวน 2 เว็บไซต์ หนังสอื ทเี่ ก่ยี วข๎องจากหอ๎ งสมุดประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ หรือบา๎ นหนงั สือ ชุมชน จาํ นวน 1 เลมํ และใบความร๎เู รอ่ื งท่ี 4 หนา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตาม พระราชดาํ รัส กกกกกกก2. 2.2 ให๎นกั ศกึ ษารวบรวมขอ๎ มลู ท่ีศกึ ษาคน๎ คว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) สงํ ครูผูส๎ อน เมอื่ มาพบกลมุํ ตามนัดหมายเสร็จสน้ิ กกกกกกก2. 2.3 นาํ ขอ๎ ค๎นพบท่ีไดจ๎ ากบนั ทกึ ในขอ๎ 2.2 มาอภิปรายแลกเปลี่ยนเรยี นร๎ูขณะ พบกลมํุ คิดวเิ คราะห์ ข๎อมูล สรปุ การเรียนรูท๎ ไ่ี ดล๎ งในเอกสารการเรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นาํ ผลสรุปการเรยี นรทู๎ ไ่ี ด๎ตอบแบบฝึกหัดในใบงานน้ีจาํ นวน 4 ข๎อ แล๎วเขยี น คําตอบลงในเอกสารการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 สํงเอกสารการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) ทไ่ี ดจ๎ ากการทําใบงานนเ้ี สร็จสน้ิ ขณะ พบกลมํุ แกํครผู ๎สู อน แบบฝกึ หัด กกกกกกก1. ทาํ นได๎นําปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช๎ในชีวติ ประจาํ วันตามบทบาทอยาํ งไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ……………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. กกกกกกก2. ทาํ นได๎นําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ความมเี หตุผล `ไปในชีวติ ประจําวนั ตาม บทบาทอยํางไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ……………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. กกกกกกก3. ทํานได๎นาํ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เร่อื ง ความมภี ูมคิ ุ๎มกนั ไปใชใ๎ นชีวิตประจําวัน ตามบทบาทอยาํ งไร กกกกกกก1. คําตอบ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

228 กกกกกกก4. ทํานได๎นําปรัชญาของเศรษฐกิจ เร่ือง เง่ือนไขความร๎ู ไปใชใ๎ นชีวติ ประจาํ วนั ตาม บทบาทอยาํ งไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

229 ใบงาน หวั เรือ่ งที่ 5 หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน คาช้ีแจง(มาจากการจดั ประสบการณก์ ารเรียนร๎ู กกกกกกก1. ใบงานนจ้ี ัดทําขน้ึ เพื่อให๎นักศึกษามคี วามรู๎และประสบการณ์ศึกษา เรื่อง หนา๎ ทพ่ี ลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกก2. ให๎นักศึกษาปฏิบัติตามขน้ั ตอนตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.1 ใหน๎ กั ศึกษาค๎นควา๎ ประเดน็ หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน โดยเลือกหลักการทรงงาน ที่เกี่ยวข๎องมา 9 ข๎อ จากส่ือการเรียนร๎ูหลักการ ทรงงาน 9 ข๎อ จากสื่ออินเทอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ หนังสือท่ีเก่ียวข๎องจากห๎องสมุดประชาชน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือบ๎านหนังสือชุมชน จํานวน 1 เลํม และใบความร๎ูหลักการทรงงานของ รชั กาลที่ 9 กกกกกกก2. 2.2 ใหน๎ กั ศึกษารวบรวมขอ๎ มลู ที่ศึกษาคน๎ คว๎าได๎จาก ขอ๎ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) สํงครผู ูส๎ อน เม่อื มาพบกลมุํ ตามนัดหมายเสรจ็ สนิ้ กกกกกกก2. 2.3 นาํ ข๎อคน๎ พบทไ่ี ดจ๎ ากบันทึก ในข๎อ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปล่ียนเรียนร๎ูขณะพบกลุํม คดิ วิเคราะห์ข๎อมลู สรุปการเรียนรท๎ู ีไ่ ด๎ลงในเอกสารการเรียนรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นําผลสรุปการเรียนร๎ทู ่ีได๎ไปฝึกปฏบิ ตั จิ ริงในชีวิตประจําวนั และตอบแบบฝกึ หัดใน ใบงานนี้จาํ นวน 4 ข๎อ แล๎วเขียนคาํ ตอบลงในเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 สํงเอกสารการเรียนร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) ทไ่ี ด๎จากการทําใบงานน้เี สร็จส้นิ ขณะพบ กลุํมแกํครผู ูส๎ อน แบบฝึกหัด กกกกกกก1. ทาํ นได๎นําหลักการทรงงานที่ศึกษาค๎นคว๎า ข๎อที่ 17 การพ่งึ ตนเอง ไปใช๎ในการดาํ เนนิ ชวี ิตอยาํ งไร ในฐานะหน๎าทพี่ ลเมอื งดี กกกกกกก1. คาตอบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ กกกกกกก2. ทํานได๎นาํ หลกั การทรงงานที่ศึกษาค๎นควา๎ ข๎อท่ี 19 เศรษฐกิจพอเพยี ง ยดึ แนวคิด ประหยดั เรียบงําย ประโยชน์สงู สดุ ไปใชใ๎ นการดําเนินชวี ิตอยาํ งไร ในฐานะหนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี กกกกกกก1. คาตอบ............................................................................................................................. ......................................................................................................... ....................................................... กกกกกกก3. ทํานได๎นําหลักการทรงงานท่ศี ึกษาคน๎ ควา๎ ข๎อที่ 20 ความซื่อสัตย์สจุ รติ จริงใจตอํ กนั ไปใช๎ในการดําเนินชวี ติ อยํางไร ในฐานะหนา๎ ที่พลเมอื งดี กกกกกกก1. คาตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...................................

230 กกกกกกก4. ทํานไดน๎ ําหลกั การทรงงานที่ศึกษาค๎นควา๎ ข๎อที่ 22 ความเพยี ร ไปใชใ๎ นการดําเนนิ ชีวิต อยาํ งไร ในฐานะหนา๎ ท่ีพลเมืองดี กกกกกกก1. คาตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...................................

231 ใบงาน หัวเร่อื งที่ 6 หนา้ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณียกจิ คาชี้แจง กกกกกกก1. ใบงานนจ้ี ัดทาํ ขน้ึ เพื่อใหน๎ ักศกึ ษามคี วามร๎ูและประสบการณ์ศกึ ษา เร่ือง หนา๎ ท่ี พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก2. ใหน๎ ักศกึ ษาปฏิบตั ติ ามขั้นตอนตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.1 ให๎นกั ศกึ ษาค๎นควา๎ ประเดน็ หนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวัตรในครอบครัว และพระราชกรณียกิจในท๎องถิ่น จากส่ือการเรียนร๎ู เอกสาร หนังสือ จํานวน 2 เลํม จากสื่ออินเทอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ หนังสือท่ีเก่ียวข๎องจากห๎องสมุด ประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์หรอื บา๎ นหนังสอื ชุมชน จาํ นวน 1 เลํม และใบความรูเ๎ ร่อื งท่ี 6 หน๎าท่ี พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก2. 2.2 ใหน๎ ักศึกษารวบรวมขอ๎ มูลที่ศกึ ษาค๎นคว๎าไดจ๎ าก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) สงํ ครผู ส๎ู อน เมอ่ื มาพบกลมํุ ตามนัดหมายเสรจ็ สน้ิ กกกกกกก2. 2.3 นาํ ขอ๎ คน๎ พบท่ีไดจ๎ ากบนั ทึก ในขอ๎ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปลยี่ นเรียนรู๎ขณะ พบกลมุํ คิด วิเคราะห์ขอ๎ มลู สรุปการเรยี นร๎ทู ไี่ ดล๎ งในเอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นําผลสรุปการเรยี นรูท๎ ีไ่ ด๎ไปปฏิบตั ิจรงิ ในชีวิตประจาํ วนั ตอบแบบฝึกหดั ในใบงาน น้จี ํานวน 4 ขอ๎ แล๎วเขียนคาํ ตอบลงในเอกสารการเรียนรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 สํงเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) ทไี่ ดจ๎ ากการทําใบงานน้ีเสรจ็ ส้นิ การ พบกลมํุ แกํครผู สู๎ อน แบบฝึกหัด กกกกกกก1. ให๎นักศกึ ษานําผลการสืบคน๎ ขอ๎ มูลในพระราชจริยวตั รในครอบครวั ของพระองคท์ ี่ ไดใ๎ นฐานะพลเมืองดตี ๎องปฏิบัติอะไรบา๎ ง กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. ให๎นักศึกษานําสรปุ บทเรยี นทไี่ ด๎ในข๎อ 1 มาใช๎ในฐานะพลเมืองดีในครอบครัวของ ตนเองไดอ๎ ยํางไรบา๎ ง กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ................................................................................................................................................................

232 กกกกกกก3. ให๎นกั ศึกษานาํ ผลการสบื คน๎ ข๎อมลู ในพระราชกรณียกิจในท๎องถน่ิ ของพระองค์ท่ี ไดใ๎ นฐานะพลเมืองดีต๎องปฏบิ ัติอะไรบ๎าง กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก4. ให๎นักศกึ ษานําสรปุ บทเรียนท่ไี ด๎ในข๎อ 3 มาใช๎ในฐานะพลเมืองดีของทอ๎ งถ่ินต๎องปฏบิ ตั ิ อยํางไรของท๎องถิ่นตนเอง กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

233 ใบงาน หวั เร่ืองที่ 7 ทศพิธราชธรรมและพระราชดารสั เกยี่ วกบั การศกึ ษา คาชแ้ี จง กกกกกกก1. ใบงานนี้จดั ทาํ ข้ึนเพอ่ื ให๎นักศึกษามคี วามร๎แู ละประสบการณท์ ่ีศกึ ษา เรอื่ ง ทศพธิ ราชธรรมและพระราชดํารัส เกีย่ วกบั การศึกษา กกกกกกก2. ให๎นกั ศึกษาปฏิบัตติ ามข้นั ตอนตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.1 ให๎นักศกึ ษาคน๎ คว๎าประเด็น ทศพธิ ราชธรรมและพระราชดํารสั เกย่ี วกับการศึกษา จากส่ือการเรียนรู๎เอกสาร หนังสือ จํานวน 2 เลํม จากสื่ออินเทอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ รวมถึง ใบความรู๎เร่ืองที่ 2 หนังสือที่เก่ียวข๎องจากห๎องสมุดประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จํานวน 1 เลํม และใบความร๎ู เร่ืองที่ ทศพิธราชธรรมและพระราชดาํ รัส เกย่ี วกบั การศกึ ษา กกกกกกก2. 2.2 ให๎นกั ศกึ ษารวบรวมขอ๎ มูลที่ศกึ ษาคน๎ คว๎าได๎จาก ขอ๎ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) สํงครูผู๎สอน เมอื่ มาพบกลุํมตามนัดหมายเสร็จสิ้น กกกกกกก2. 2.3 นําข๎อค๎นพบท่ีได๎จากบนั ทึก ในขอ๎ 2.2 มาอภิปรายแลกเปล่ียนเรยี นรขู๎ ณะพบกลุมํ คดิ วเิ คราะห์ขอ๎ มลู สรปุ การเรียนร๎ูท่ีไดล๎ งในเอกสารการเรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นาํ ผลสรปุ การเรียนรู๎ท่ไี ด๎ไปฝกึ ปฏบิ ตั ิจริงในชีวติ ประจาํ วันและตอบแบบฝึกหัดใน ใบงานนี้จํานวน 5 ขอ๎ แลว๎ เขยี นคาํ ตอบลงในเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) ตลอดจนเขียน เปน็ เอกสารรายงานผลการปฏบิ ัติหน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 จรงิ ด๎วย ทศพธิ ราชธรรมและตามพระราชดาํ รัสในครอบครวั การศกึ ษา อาชีพการงาน และพัฒนาชมุ ชน ทอ๎ งถิน่ และสังคม กกกกกกก2. 2.5 สํงเอกสารการเรยี นรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) ท่ีได๎จากการทําใบงานนเ้ี สรจ็ สน้ิ ขณะพบ กลมํุ แกํครูผส๎ู อน แบบฝึกหดั กกกกกกก1. ทํานได๎น๎อมนําทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 9 ขันติ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทีศ่ กึ ษาค๎นควา๎ ไปใชใ๎ นการดาํ เนินชวี ติ ด๎านการศึกษาอยํางไร กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. ทาํ นได๎น๎อมนาํ พระราชดํารัสเกีย่ วกบั นักศกึ ษาของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ทีศ่ กึ ษาคน๎ คว๎าไปใชใ๎ นการดําเนนิ ชวี ติ ดา๎ นการศึกษาอยํางไร กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

234 กกกกกกก3. ทาํ นไดน๎ ๎อมนาํ พระราชดาํ รสั เกี่ยวกบั การศกึ ษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไปใช๎ในการดําเนนิ ชีวิตประจาํ วันอยํางไร กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก5. ทาํ นไดน๎ ๎อมนาํ ทศพธิ ราชธรรม และพระราชดํารัสไปใชใ๎ นครอบครัวการศึกษา อาชพี การงานและพัฒนาชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมอยํางไรบ๎าง ให๎เขียนเป็นเอกสารรายงานผลการปฏิบัติ หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 จริง ด๎วยทศพิธราชธรรม และตามพระราชดํารัส สงํ ครูผ๎สู อนตามทน่ี ัดหมาย กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

235 ภาคผนวก ค. เครื่องมอื วดั ความก้าวหนา้

236 แบบตรวจเอกสารการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเรอื่ งท่ี 1 ความรู้พื้นฐานเกย่ี วกับหนา้ ทพี่ ลเมอื ง คาชีแ้ จง 1. แบบประเมนิ ฉบับนจ้ี ดั ทําขึ้นเพื่อใหค๎ รูผู๎สอนใชต๎ รวจเอกสารการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนกั ศึกษาตามใบงานทคี่ รูผส๎ู อนได๎มอบหมายใหน๎ ักศึกษาไดฝ๎ ึกปฏบิ ัติ 2. ใหค๎ รูผูส๎ อนตรวจเอกสารการเรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) โดยมีรายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังนี้ 2.1 การศกึ ษาคน๎ ควา๎ ในประเด็นที่กําหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ท่ีมอบหมายให๎นกั ศกึ ษาปฏบิ ัติ โดยถ๎านักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจข๎อมลู การบนั ทกึ ผลตดิ ตาม การปฏิบัติตามใบงานในเอกสารการเรียนรู๎ ด๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดังนี้ 2.2.1 การบันทึกผลสรุปการศึกษาค๎นคว๎า ถ๎ามีข๎อมูลครบถ๎วนตามท่ีใบงาน มอบหมายให๎ค๎นคว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎บ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎เพียงอยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถา๎ ไมปํ ฏบิ ตั เิ ลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบันทึกผลการเรียนรู๎ท่ไี ดจ๎ ากการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรยี นรข๎ู ณะ พบกลํมุ ถ๎าบันทึกได๎ตรงกับข๎อสรปุ ท่ไี ด๎ ให๎ 1 คะแนน ถา๎ ไมํบันทึกหรอื บนั ทกึ ได๎ไมตํ รง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคําถามแบบฝกึ หัดในใบงาน 1) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถา๎ ตอบได๎ถกู ตอ๎ งแตํไมํครอบคลุม ให๎ 1 คะแนน 3) ถา๎ ตอบไมํถูกต๎องไมคํ รอบคลุม หรือครอบคลุมแตไํ มํถูกตอ๎ ง หรอื ไมํทาํ เลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

237 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการใหค้ ะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาค๎นคว๎าในประเดน็ ที่กําหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทึกข๎อมูลค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทกึ การสรปุ การเรยี นร๎ู 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาํ ถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดังนี้ คะแนนที่ได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถึง คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรยี นร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหวั เร่ืองนน้ั ๆ เกณฑ์การใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถ๎าไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้นึ ไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถ๎าไดค๎ ะแนน ตํ่ากวํา 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมผํ าํ น

238 แบบตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) เรื่องท่ี 2 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ทีพ่ ลเมือง ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 คาชีแ้ จง 1. แบบประเมินฉบับนจี้ ดั ทําขึ้นเพ่ือใหค๎ รูผ๎ูสอนใชต๎ รวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนักศึกษาตามใบงานท่คี รผู ๎สู อนไดม๎ อบหมายใหน๎ ักศึกษาได๎ฝึกปฏิบตั ิ 2. ให๎ครูผูส๎ อนตรวจเอกสารการเรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) โดยมีรายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดงั น้ี 2.1 การศกึ ษาค๎นคว๎าในประเด็นที่กําหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ท่ีมอบหมายใหน๎ ักศึกษาปฏบิ ัติ โดยถ๎านักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจข๎อมลู การบันทกึ ผลตดิ ตาม การปฏบิ ตั ิตามใบงานในเอกสารการเรียนรู๎ ดว๎ ยตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดงั นี้ 2.2.1 การบันทึกผลสรุปการศึกษาค๎นคว๎า ถ๎ามีข๎อมูลครบถ๎วนตามที่ใบงาน มอบหมายให๎ค๎นคว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎บ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎เพียงอยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบันทึกผลการเรียนร๎ูท่ีไดจ๎ ากการอภปิ รายแลกเปลี่ยนเรยี นร๎ูขณะ พบกลุมํ ถา๎ บันทึกได๎ตรงกับขอ๎ สรุปทไ่ี ด๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทึกหรอื บนั ทกึ ได๎ไมํตรง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาํ ถามแบบฝกึ หดั ในใบงาน 1) ถา๎ ตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถา๎ ตอบได๎ถกู ต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถา๎ ตอบไมํถูกต๎องไมํครอบคลมุ หรือครอบคลุมแตไํ มถํ ูกต๎อง หรอื ไมํทําเลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

239 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการใหค้ ะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาค๎นคว๎าในประเดน็ ที่กําหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบันทึกข๎อมูลค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทกึ การสรปุ การเรยี นร๎ู 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาํ ถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดังนี้ คะแนนที่ได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถึง คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรยี นร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหวั เร่ืองนน้ั ๆ เกณฑ์การใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถ๎าไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้นึ ไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถ๎าไดค๎ ะแนน ตํ่ากวํา 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมผํ าํ น

240 แบบตรวจเอกสารการเรียนรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเร่ืองที่ 3 หน้าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลที่ 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม คาช้ีแจง กกกกกกก1. แบบประเมินฉบบั นจี้ ดั ทําขึน้ เพอ่ื ให๎ครผู ู๎สอนใช๎ตรวจเอกสารการเรยี นรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนกั ศกึ ษาตามใบงานท่คี รผู ๎สู อนไดม๎ อบหมายใหน๎ ักศึกษาไดฝ๎ กึ ปฏิบตั ิ กกกกกกก2. ใหค๎ รผู ส๎ู อนตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังน้ี 2.1 การศึกษาค๎นคว๎าในประเด็นท่ีกําหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ทม่ี อบหมายใหน๎ กั ศกึ ษาปฏบิ ัติ โดยถ๎านกั ศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจขอ๎ มลู การบนั ทึกผลการปฏบิ ัตติ ามใบงานในเอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วย ตนเอง (กรต.) มแี นวทางการตรวจดังน้ี 2.2.1 การบนั ทกึ ผลสรปุ การศกึ ษาค๎นควา๎ ถ๎ามขี ๎อมูลครบถ๎วนตามท่ใี บงาน มอบหมายใหค๎ น๎ คว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏบิ ตั ิไดบ๎ ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบตั ไิ ดเ๎ พยี งอยาํ งเดยี ว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมปํ ฏบิ ัติเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบนั ทึกผลการเรียนรู๎ทีไ่ ด๎จากการอภปิ รายแลกเปลีย่ นเรียนรู๎ ขณะพบ กลมุํ ถ๎าบนั ทึกได๎ตรงกบั ข๎อสรุปท่ีได๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทึกหรือบนั ทกึ ได๎ไมํตรง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาํ ถามแบบฝึกหัดในใบงาน 1) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถ๎าตอบไมํถกู ตอ๎ งไมํครอบคลมุ หรือครอบคลุมแตไํ มํถูกต๎อง หรือไมํทาํ เลย (ไมํตอบ) ให๎ 0 คะแนน