41 ภาพพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก วนั ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 กกกกกกก2. 2.4 หน๎าท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ การดาเนนิ ชีวิตและปฏบิ ัตภิ ารกจิ /หนา๎ ท่ี การงานตําง ๆ ดว๎ ยความซอ่ื สัตย๑สจุ ริต ไมํคดิ คดโกง หรือหลอกลวงผูอ๎ ื่น เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอา ของไมดํ ไี ปหลอกขายลกู คา๎ เป็นข๎าราชการ พนักงานบรษิ ทั หา๎ งร๎าน กไ็ มํคอรัปช่ันท้ังเวลา ทรัพย๑ สิน ของหนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคนเอาเปรยี บหรือโกงกนิ ขาดความซอื่ สตั ย๑ สุจริต จะทาใหห๎ นวํ ยงาน เสียหาย เดือดร๎อน แม๎เราจะไดท๎ รัพย๑สนิ ไปมากมาย แตํเราไมํเจริญก๎าวหนา๎ ถูกคนรุมประณาม และ แมค๎ นอ่นื จะไมํรู๎ แตตํ วั เรายอํ มร๎อู ยํูแกใํ จ จะไมํมคี วามสขุ กาย สบายใจ เพราะกลั วคนอืน่ จะมาร๎ู ความลับตลอดเวลา ผ๎ทู ี่ประพฤตติ นดว๎ ยความซือ่ ตรง แมไ๎ มํร่ารวยเงนิ ทอง แตํกม็ ีความสขุ ท้ังกาย ใจ กกกกกกก2. 2.5 มทั ทวะ คือ ความอํอนโยน หมายถงึ มีกิรยิ าสภุ าพ มสี ัมมาคารวะ วาจาออํ นหวาน มีความนํมุ นวล ไมํเยอํ หยิ่ง ไมหํ ยาบคาย กกกกกกก2. 2.5 ทศพธิ ราชธรรม ในข๎อมัททวะหรอื ความอํอนโยนน้ี เป็นทปี่ ระจักษแ๑ กพํ สกนิกร มาช๎านานแลว๎ วํา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมพี ระราช อธั ยาศัยอํอนโยนเพยี บพร๎อมทุกประการ ไมวํ าํ จะเปน็ ความออํ นโยนในความหมายทางโลก หรอื ความหมายทางธรรม ความอํอนโยนในความหมายทางโลก คอื ความอํอนโยนตอํ บคุ คลอ่นื ในสังคม อนั เป็นมารยาทที่บุคคลในสงั คมจะพงึ ปฏบิ ตั ิตํอกัน เพ่อื ผลดีในทางสงั คม ความออํ นโยน ในความหมายนี้ยอํ มชีใ้ ห๎เหน็ ชดั ไดด๎ ๎วยพระราชจริยาวตั รตาํ ง ๆ ในทุกสถานท่ี สํวนความอํอนโยน ในทางธรรมน้ัน มคี วามหมายกวา๎ งขวาง มาก คอื หมายถึง การโอนออํ นผอํ นตาม น๎อมไป หรอื เปลี่ยนไปในทางแหํงความดี ทาใหเ๎ กดิ การผสมผสานกนั อยํางดีในทางการงาน และบคุ คลทกุ ระดับ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงเขา๎ ถึงธรรมะในข๎อนี้เปน็ อยํางดี และอยํางถอํ งถว๎ นทกุ ระดบั ขั้น ข้นั แรก คอื ความอํอนโยนทางพระวรกาย ทุกพระอริ ิยาบถทีป่ รากฏ ไมํมที ี่จะแสดงถึงความรังเกยี จเดยี ดฉันท๑ หรือถือพระองคเ๑ ลย จะมีก็แตคํ วามออํ นโยน นมิ่ นวล งดงาม เปน็ ไปด๎วยความบรสิ ทุ ธิ์พระราชหฤทยั อันสํงผลถงึ ความช่ืนชม โสมนสั และอบอํนุ ใจใหเ๎ กดิ แกํ พสกนกิ รโดยท่ัวกนั ข้นั ท่ีสอง คอื ความอํอนโยนทางพระวาจา อันพึงเห็นได๎จากการท่ที รงมพี ระราช ปฏิสนั ถารแกรํ าษฎรซ่ึงเป็นชาวบา๎ นธรรมดา ท่ีมารบั เสดจ็ อยํางใกลช๎ ดิ สนิทสนม ไมเํ คยมีพระวาจา ที่กระดา๎ ง มแี ตํออํ นโยนสุภาพ ละมุนละไม แม๎จะทรงอยํใู นพระราชฐานะอนั สูงสดุ กลับทรงแสดง พระองค๑เป็นธรรมดาอยํางทีส่ ุด มไิ ดท๎ รงวางพระองคใ๑ หแ๎ ตกตาํ งหาํ งไกลจากประชาชนท่ีประกอบดว๎ ย
42 ฐานะแตกตาํ งกนั ทางปฏิบัติพระองคเ๑ ปน็ กนั เอง เสมือนบิดาปฏิบตั ติ อํ บุตรอนั เป็นทรี่ กั ตรสั พระวาจา สุภาพออํ นโยน ขั้นท่สี าม คอื ความอํอนโยนนม่ิ นวลทางจติ ใจและสติป๓ญญา พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงบรรลถุ งึ มัททวะในขน้ั นอี้ ยาํ งแทจ๎ รงิ และทรงเขา๎ พระทยั ในธรรมะของชวี ติ อยาํ งลึกซ้งึ วํา แตํละชีวติ ยอํ มมีหน๎าทห่ี ลายอยําง พระองคจ๑ งึ ทรงวางพระทัย ใหอ๎ ํอนโยน และทรงวางพระสตปิ ญ๓ ญาให๎โอนอํอนไปตามสถานภาพไดอ๎ ยํางเหมาะสม เชนํ ในพระราชฐานะตําง ๆ ในพระบรมราชวงศ๑ มีพระราชฐานะเป็นพระราชโอรส เป็นพระอนุชา เปน็ พระบดิ า เป็นพระอัยกา และในพระราชฐานะแหงํ พระมหากษัตริยาธิราช ทรงมีสมั มาคารวะ ออํ นน๎อมแดผํ เู๎ จริญโดยวัย และเจรญิ โดยคณุ และมพี ระราชอธั ยาศยั อํอนโยนตํอบคุ คลท่ีเสมอ พระองค๑ และต่ากวาํ ไมเํ คยทรงดูหมิ่น การทที่ รงวางพระองค๑เชนํ น้ี จึงกอํ ให๎เกดิ ความสุขความเจริญ แกบํ ๎านเมอื ง และความปิตศิ รัทธาแกํชาวไทยอยํางไมมํ อี ะไรจะเปรียบ ภาพทรงแสดงความสุภาพอํอนโยนตํอสมเดจ็ พระชนนี ภาพทรงแสดงความสภุ าพออํ นโยนแกํพสกนิกร
43 กกกกกกก2. 2.5 หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ การทาตัวสภุ าพ นมํุ นวล ไมํเยอํ หยิง่ ถอื ตัว หรือแสดงกิริยาวาจา หยาบคายกับใคร ไมวํ าํ จะเป็นผู๎ใหญํ ผ๎นู ๎อยหรอื เพอ่ื นในระดับเดยี วกนั การทาตวั เปน็ ผู๎ท่ีมีความอํอนนอ๎ ม ถํอมตน จะทาให๎ไปที่ไหนคนกใ็ ห๎ การตอ๎ นรบั เพราะอยํูใกลแ๎ ล๎วสบายใจ ไมํรอ๎ นรํุม หากบุคคลแสดงกิริยาหยาบคาย กา๎ วรา๎ ว คนกถ็ อยหาํ ง ดังนน้ั หลักธรรมข๎อน้ี จงึ เป็นการ สรา๎ งเสนํหอ๑ ยาํ งหนึ่งใหแ๎ กตํ ัวเราดว๎ ย กกกกกกก2. 2.6 ตบะ คือ ความเพยี ร หมายถึง การเพียรพยายามไมํให๎ความมัวเมาเข๎าครอบงาจติ ใจ ไมํลุมํ หลงกับอบายมขุ และส่งิ ชว่ั รา๎ ย ไมํหมกมนํุ กับความสุขสาราญ กกกกกกก2. 2.6 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ีหก คอื ตบะ หรือความเพียร เป็นทศพิธราชธรรมท่ีมกี ารตี ความหมายกันไว๎หลายประการ แตไํ มํวาํ จะตคี วามหมายโดยนัยอยํางใด การดารงพระองค๑ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุ ลยเดช รชั กาลที่ 9 ก็ยังคงอยใํู นขอบขาํ ยของพระมหา กษตั ริยาธริ าช ผท๎ู รงบาเพญ็ ตบะบารมอี ยํูนั่นเอง ตบะในความหมายหนึ่ง คอื ความเพียรเปน็ เคร่ือง แผดเผาความเกียจคร๎าน โดยความหมายนจ้ี ะเหน็ ไดว๎ าํ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู อิพดลลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงประกอบด๎วยพระราชอุ ตสาหะวิริยภาพเป็นอยาํ งยิ่ง พระองคไ๑ มโํ ปรดท่ีจะประทับ อยํเู ฉย ทรงพอพระราชหฤทยั ในการเสดจ็ พระราชดาเนนิ ออกทรงเยยี่ มเยียนราษฎรในท๎องถ่นิ ตาํ ง ๆ แมใ๎ นถน่ิ ทรุ กันดารและหาํ งไกล ขวางกน้ั ดว๎ ยผืนน้ากว๎างใหญํ ปาุ ทึบ หรอื ภเู ขาสูง เพียงเพื่อให๎ ทรงทราบถงึ ความทุกข๑สุขของราษฎร ดว๎ ยพระเนตรพระกรรณของพระองคเ๑ อง เมื่อทรงทราบแลว๎ ก็ มิได๎ทรงน่งิ นอนพระราชหฤทยั แตํไดท๎ รงมีพระราชดารริ เิ ร่มิ สิ่งตําง ๆ เพ่ือขจดั ความทกุ ขเ๑ ดอื ดร๎อน ของราษฎรทัง้ ในด๎านการอาชพี ชวี ิตความเปน็ อยํู สขุ ภาพอนามยั การศกึ ษาและ อ่ืน ๆ ดว๎ ยพระราช อุตสาหะ วิริยะเชํนนี้ พระองค๑จงึ ทรงขจัดความขัดขอ๎ ง ความยากจนขัดสนทง้ั หลาย ใหแ๎ กรํ าษฎรได๎ โดยทว่ั กัน กกกกกกก2. 2.6 ตบะ ในอกี ความหมายหนง่ึ หมายถงึ ความตง้ั ใจกาจัดความเกียจครา๎ น และการ กระทาผิดหน๎าท่ี มุงํ ทากิจอนั เปน็ หนา๎ ทีท่ ี่พงึ กระทา ซ่งึ เป็นกิจทด่ี ที ช่ี อบ พระบาทสมเดพจ็ ระปรมินทรมหา ภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงบาเพ็ญตบะในความหมายนไี้ ด๎อยาํ งครบถว๎ นเชํนเดียในวกพันระราชฐานะ แหํงพระมหกาษตั รยิ าธิราช ทรงมหี นา๎ ทป่ี กครองอาณาประชาราษฎร๑ใหไ๎ ดร๎ ับความรํมเย็น พระองค๑ได๎ ทรงตง้ั พระราชอุตสาหะวิรยิ ะ ประกอบด๎วยปญ๓ โญภาส ปฏบิ ตั ิพระราช กรณยี กิจใหเ๎ ปน็ ไปด๎วยดีไมมํ ี ขอ๎ ผดิ พลาด ทรงมพี ระราชดารริ ิเรมิ่ โครงการตําง ๆ เพือ่ ประโยชนส๑ ขุ ของพสกนกิ รโดยไมํหยดุ ย้งั โครงการพระราชดาริของพระองคจ๑ งึ มีนบั พนั ๆ โครงการ ไมํเพยี งเทาํ นน้ั พระองค๑ยงั ทรงตดิ ตาม กิจการทไี่ ดท๎ รงปฏิบตั ิ หรือโปรดให๎ปฏิบัติโดยใกล๎ชดิ โดยเสดจ็ พระราชดาเนินไปทรงทอดพระเนตร ดว๎ ยพระองค๑เอง ไมํวําจะทรงลาบากยากพระวรกายเพียงใด แตดํ ๎วยพระราชหฤทยั ทีเ่ ปยี่ มไปด๎วย พระมหากรณุ าธคิ ณุ จึงทรงพอพระราชหฤทยั ทีจ่ ะทรงปฏิบัตพิ ระราชภารกจิ ด๎วยพระราชอตุ สาหะ วริ ิยะทกุ วัน และในวันหนึ่ง ๆ ทรงปฏบิ ตั ิพระราชภารกจิ ไดม๎ ากมา ย สาหรบั บุคคลท่วั ไปหากตอ๎ ง ปฏบิ ตั ิต๎องใช๎เวลาหลายวนั กกกกกกก2. 2.6 ตบะ ในความหมายอกี อยํางหนง่ึ คือ ความเพยี รในการละอกศุ ลกรรม เพยี รอบรม กศุ ลบุญตําง ๆ ให๎บงั เกดิ ขน้ึ โดยความหมายน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงเพียบพร๎อมด๎วยพระราชวิริยะทจ่ี ะทรงเอาชนะความชัว่ ตๆําดงว๎ ยความดอี าณาประชาราษฎร๑
44 ผอู๎ ยูํใตร๎ ํมพระบรมโพธิสมภาร จึงมีแตคํ วามสุขสวัสดว์ิ ฒั นา พ๎นจากความเดือดร๎อนนานาประการ ดว๎ ยตบะเดชะบารมีแหงํ พระองค๑ ภาพเสด็จพระราชดาเนินออกทรงเย่ียมเยียนราษฎร
45 กกกกกกก2. 2.6 หนา๎ ที่พลเมอื งดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ใหป๎ ฏิบัติหน๎าท่กี ารงานทร่ี ับผิดชอบดว๎ ย ความมมุ านะ อดทน ขยัน มุงํ มนั่ และทาแตํส่ิงท่ี ดี ความถกู ต๎อง ฝุาฟ๓นอปุ สรรคตาํ ง ๆ จนประสบ ความสาเร็จ ด๎วยความพากเพียรนี้จะทาใหเ๎ ราภาคภมู ิใจเม่อื งานสาเรจ็ และจะทาให๎เรา มปี ระสบการณเ๑ กํงกลา๎ ขึน้ นอกจากนี้ ยังสอนใหเ๎ ราสูช๎ วี ติ ไมยํ อมแพ๎อะไรงาํ ย ๆ กกกกกกก2. 2.7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ หมายถงึ มจี ิตใจม่นั คง มีความสุขมุ เยอื กเยน็ อดกลนั้ ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจให๎ปรากฏ กกกกกกก2. 2.7 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท9่ี ไดท๎ รงบาเพ็ญอักโกธะ บารมี หรอื ความไมโํ กรธใหเ๎ ปน็ ที่ประจักษ๑ใจ ท้งั ในหมปํู ระชาชนชาวไทย และในนานาประ เทศมาเปน็ เวลาช๎านาน แม๎มเี หตุอันควรให๎ทรงพระพโิ รธยังทรงขมํ พระทัยใหส๎ งบได๎โดยสนิ้ เชงิ อยํางทป่ี ุถชุ น นอ๎ ยคนนักจะทาได๎ ดังเหตุการณ๑ท่ีเกดิ ขึน้ ในปี พ.ศ.2505 และ พ.ศ.2510 เป็นต๎น ซงึ่ ยงั ตราตรึงอยํใู น ความทรงจาของผูต๎ ามเสด็จทุกคนวนั นนั้ วนั ท่ี 27 สิงหาคม พ.ศ.2505 เปน็ วันแรกที่ทรงยาํ งพระบาท สดูํ นิ แดนออสเตรเลยี พร๎อมดว๎ ยความเหนด็ เหน่ือยจากการเสด็จเยือนมาสามประเทศแล๎ว จากรถ พระทน่ี งั่ ข
ณะเสด็จไปยงั ที่ประทบั พระองคไ๑ ด๎ทรงทอดพระเนตรเห็นชายคนหนึง่ ชูปูายเป็นภาษาไทย ขบั ไลํพระองค๑ แตพํ ระองค๑ก็มิได๎ทรงหว่ันไหวดว๎ ยทรงพจิ ารณาวาํ เป็นการกระทาของคนเพยี งคนเดียว มิใชปํ ระชาชนทงั้ ประเทศ จงึ ทรงแยม๎ พระสรวล และโบกพระหตั ถใ๑ หแ๎ กปํ ระชาชนอื่น ๆ ทโ่ี หํร๎อง รบั เสดจ็ ไปตลอดทาง ตอํ มาท่ีนครซิด นียเ๑ หตกุ ารณ๑อยํางเดียวกันได๎เกดิ ขึน้ อีก โดยกลมุํ คนทไ่ี ดร๎ ับการ สนับสนนุ จากลัทธิการเมือง ทต่ี ๎องการล๎มล๎างรฐั บาลไทย เริม่ จากการชปู าู ยขอ๎ ความขบั ไลํผูเ๎ ผดจ็ การ เมืองไทยในทนั ทที ี่รถพระทนี่ ง่ั แลนํ เขา๎ สํูศาลากลางเทศบาล ซงึ่ จดั ไวเ๎ พือ่ รับเสดจ็ ติดตามด๎วยใบปลวิ มีขอ๎ ความขบั ไลํผูเ๎ ผดจ็ การเมืองไทย และกลําวหารัฐบาลไทยวําเป็นฆาตกรฆาํ ผ๎บู ริสุทธิ์ ใบปลิวนโ้ี ปรย ลงมารอบพระองคข๑ ณะท่ตี รสั ตอบขอบใจนายกเทศมนตรี และประชาชน กลางเวที แตํพระองค๑ยงั คง ตรัสตํอไป เสมือนมไิ ด๎มีส่งิ ใดเกดิ ข้ึน เพียงเทําน้นั ยังไมพํ อ เมอ่ื เสดจ็ ตอํ ไปยงั เมอื งเมลเบริ ๑น เพ่อื ทรงรับ การถวายปริญญานิติศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑิตกิตตมิ ศกั ด์ิ พระองคย๑ ังทรงถูกโหํฮาปาุ จากกลุมํ นักศึก ษา ซง่ึ ไมํสภุ าพ ท้ังทาํ ทางและการแตํงกาย และเมอ่ื อธิการบดีกลําวสดุดีพระเกียรติคุณของพระองค๑ นักศึกษากลมุํ เดมิ ได๎โหฮํ าปุากลบเสียงสดดุ เี สยี แมเ๎ มื่อเสดจ็ พระราชดาเนินไปเพอ่ื ตรสั ตอบ คนกลํมุ นี้ ยงั โหฮํ าปาุ ข้นึ อีก แตพํ ระองค๑คงมสี พี ระพักตร๑เรียบเฉย ซา้ ยังทรงหนั มาเปดิ พระมาลา ทท่ี รงคูํกบั ฉลอง พระองค๑รุยโคง๎ คานับคนกลุํมน้นั อยํางสภุ าพ พรอ๎ มกบั ตรสั ด๎วยพระสุรเสยี ง ทรี่ าบเรียบมใี จความ วํา \"ขอบใจทาํ นท้ังหลายเปน็ อันมากในการต๎อนรับอันอบอนํุ และสุภาพเรียบร๎อย ท่ที าํ นแสดงตํอแขก เมอื งของทําน\" เสียงฮาปุาเงียบลงทันที นกั ศึกษากลุํมนไี้ ด๎พาํ ยแพ๎แกอํ กั โกธะ หรือความไมํโกรธของ พระองค๑โดยสน้ิ เชิง
ครน้ั ถึงเวลาเสดจ็ กลบั ทกุ คนในกลุํมพร๎อมใจกันยืนคอยสํงเสดจ็ ดว๎ ยสีหน๎าเจอ่ื ๆน บา๎ ง ย้ิมบ๎าง โบกมอื และปรบมือใหบ๎ ๎างจนรถพระที่นัง่ แลํนไปจนลบั ตา ตอํ มาในปี พ.ศ.2510 อนั เป็นปีท่ี ชาวอเมริกนั เดนิ ขบวนและหนงั สือพิมพ๑ลงขําวโจมตีรฐั บาล เรอ่ื งการสงํ ทหารม าชํวยรบและเสียชวี ติ มากมายในเวียดนามใต๎ ในภาวะอันวิกฤตนที้ รงเกรงรฐั บาลอเมริกันจะลม๎ เลิกนโยบายชํวยเหลอื เอเชีย อาคเนย๑ ซง่ึ จะเป็นอนั ตรายตอํ ความม่ันคงของไทย จงึ เสด็จไปทรงเจริญสัมพันธไมตรี ในการนจ้ี ะ ทรงไดร๎ บั ปรญิ ญากติ ติมศักดิ์จากมหาวิทยาลยั วลิ เลียมส๑ กํอนวันแจกปรญิ ญา ทรงทราบวําบทความ ท่ีได๎รับรางวัลซง่ึ จะอาํ นในวนั แจกปริญญา เปน็ บทความคดั ค๎านนโยบายของรัฐบาล ในการสํงทหารมา ชวํ ยรบในเวยี ด นาม นอกจากน้ีกลํมุ นักศกึ ษายงั เตรยี มแจกใบปลวิ และเตรียมเดนิ ขบวนออกจาก
46 พิธีถวายปริญญาแกพํ ระองค๑ดว๎ ย แ
ละแล๎ววนั ท่ี 11 มถิ นุ ายน พ.ศ.2510 วันอันนาํ ระทึกใจก็มาถึง เมือ่ นักศึกษาอํานบทความที่ได๎รบั รางวัลจบลง พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงปรบพระหัตถใ๑ ห๎กับการใช๎ภาษาทถี่ กู ตอ๎ งและไพเราะ แมจ๎ ะไมทํ รงเห็นดว๎ ยกบั เน้ือหากต็ าม จากน้นั พระองค๑จงึ ตรสั ขอบใจมหาวิทยาลัย และทรงเตอื นสตินักศึกษา \"ให๎ใช๎ป๓ญญา ไตรตํ รองดูเหตผุ ลให๎ถํองแทเ๎ สยี กอํ นที่จะมัน่ ใจเชอื่ อะไรลงไป มใิ ชํสกั แตวํ ําเชือ่ เพราะมีผ๎บู ญั ญตั ิ ไว๎\" พระราชดารสั น้ีเป็นทชี่ ื่นชอบมากถึงกับทุกคนลุกขึน้ ยืน และปรบมอื ถวายเป็นเ วลานาน และ เหตุการณ๑รา๎ ยทเี่ กรงกลวั กม็ ไิ ด๎เกดิ ข้นึ การทปี่ ระเทศไทยมีพระมหากษัตริยาธริ าชผทู๎ รงบาเพ็ญ อักโกธะบารมี หรือความไมโํ กรธไดอ๎ ยาํ งม่ันคงเชํนน้ี จงึ ทาใหป๎ ระเทศไทยสามารถรักษาสมั พนั ธไมตรี อันดีกับนานาประเทศไวไ๎ ดต๎ ลอดมา พระเกยี รตคิ ุณของพระองค๑ในข๎อนจ้ี ึงเป็ นท่ีชืน่ ชมของชาวไทย และชาวตํางประเทศยิ่งนกั ภาพเสด็จประเทศออสเตรเลีย ภาพเสดจ็ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า
47 กกกกกกก2. 2.7 หน๎าที่พลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ฝึกฝนควบคมุ อารมณ๑ของตนเอง ไมํใหเ๎ ป็น คนโมโหงาํ ย และพยายามระงบั ยบั ยั้งความโกรธอยํูเสมอ แมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาไดย๎ าก แตหํ ากเราสามารถฝกึ ฝน ไมใํ หเ๎ ป็นคนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยบั ยงั้ ความโกรธอยํูเสมอ จะเปน็ ประโยชนต๑ ํอเราหลายอยําง เ ชนํ ทาใหเ๎ ราสขุ ภาพจิตดี หนา๎ ตาผํองใส ขอ๎ สาคญั ทาให๎เรารกั ษา มิตรไมตรหี รอื สัมพนั ธภาพกบั ผ๎ูอื่นไว๎ได๎ อนั มผี ลให๎บุคคลน้นั เปน็ ทีร่ กั และเกรงใจของคนทต่ี ดิ ตํอดว๎ ย กกกกกกก2. 2.8 อวหิ ิงสา คือ ความไมเํ บียดเบียน หมายถึง ไมกํ ดขข่ี ํมเหง กล่นั แกลง๎ รังแกคนอื่น ไมํหลงในอานาจ ทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพยส๑ ินผู๎อืน่ ตามอาเภอใจ กกกกกกก2. 2.8 ทกุ ชวี ติ บนผนื แผนํ ดินไทยไดร๎ ับความรํมเย็นมีความเป็นอยอูํ ยาํ งสุขสงบ ภายใต๎ เบือ้ งพระยุคลบาทแหํงพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 พระผูท๎ รง บาเพญ็ อวหิ ิงสาบารมี คอื ไมํเบียดเบียนให๎ผู๎อ่นื ลาบาก ไมํกอํ ทกุ ขย๑ ากให๎แกผํ ูใ๎ ด แมจ๎ นถงึ สรรพสัตว๑ ดว๎ ยเหน็ เป็นของสนุกเพราะอานาจแหํงโมหะหรือความหลง ไมทํ ารา๎ ยรังแกมนุษยแ๑ ละสัตว๑เลนํ เพอ่ื ความบันเทิงใจแหํงตน ในการบาเพญ็ อวหิ งิ สาบารมีน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงบาเพญ็ ไดโ๎ ดยบรสิ ุทธท์ิ ุกสถาน ไมวํ ําจะเป็นทรงพระวรกาย พระวาจา พระราชหฤทยั และไมวํ ําจะเปน็ การอันทรงปฏบิ ตั ติ อํ มวลมนษุ ยห๑ รอื สรรพสตั วใ๑ ด ๆ แม๎การนน้ั จะยงั ความสะดวกสบายมาสํูพระองค๑ หากเป็นความยากลาบากแกํทวยราษฎรแ๑ ล๎ว พระองค๑จะทรงงด เวน๎ เสีย โดยทรงยอมลาบากตรากตราพระวรกายของพระองคเ๑ องแทน ดังเหตุการณ๑อนั เปน็ ทีเ่ ปิดเผย จากวงการตารวจจราจรเม่อื วนั ท่ี 12 ตุลาคม พ.ศ.2530 วาํ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดาริวาํ ตามปกตเิ วลาทพ่ี ระองค๑เสดจ็ พระราชดาเนนิ ไป ณ ทใ่ี ด เจา๎ หนา๎ ทีจ่ ร าจรจะปดิ ถนนตลอดเส๎นทางนั้นทกุ ครั้ง จงึ ทรงมกี ระแสพระราชดารัสวาํ ไมตํ ๎องให๎ เจ๎าหน๎าท่ีปิดการจราจรเวลาเสด็จพระราชดาเนินไมวํ าํ ทีใ่ ด หากการจราจรเกดิ ติดขดั กม็ พี ระมหา กรณุ าธคิ ณุ ทจ่ี ะทรงรวํ มอยูํในสภาวะแหํงการติดขัดน้ัน เชํนเดียวกบั พสกนกิ รของพระองค๑ การบาเพ็ญอวิหงิ สาอยาํ งยิ่งยวดของพระองค๑นี้ แมจ๎ ะหยิบยกมาใหเ๎ หน็ อยํางเดนํ ชดั เพียงประการเดียว จากพระราชกรณยี กจิ อนั มากมาย คงเพียงพอท่จี ะกลําวได๎วาํ ไมํมีพระมหากษตั ริยาธิราช หรอื พระประมขุ หรือประมุขประเทศใดในโลกท่ีจะเสมอเหมอื นพระองค๑ ในสวํ นที่เก่ียวกับสรรพสัตว๑ พระองค๑ไมเํ คยทรงกระทาการใดใหเ๎ ป็นทที่ ุกข๑ยากเจ็บปวด ไมํเคยมีแมแ๎ ตํครัง้ เดยี วทจ่ี ะเสดจ็ ออก ประพาสปาุ ลําสัตวต๑ ดั ชวี ติ จะมีกแ็ ตํการพระราชทานชีวิตให๎เทาํ นนั้ ในรปู ของโครงการพระราชดาริ ตําง ๆ ทเ่ี ปน็ ไปเพื่อการอนรุ กั ษป๑ ุา อนรุ กั ษ๑แหลงํ น้า และอนรุ ักษส๑ ัตว๑ เชํน โครงการอนุรักษป๑ ุา และสัตว๑ปาุ เป็นตน๎ การบาเพญ็ อวิหงิ สาบารมขี องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมห าภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ซึ่งแผํไพศาลไปท่ัวทุกหนแหํง จึงปกปูองคมุ๎ ครองชีวติ ไมวํ ํามนุษย๑ หรอื สรรพสตั ว๑ทุกชีวติ บนผนื แผํนดนิ ไทย จงึ ดารงอยํไู ด๎ด๎วยความสขุ สงบและรมํ เยน็
48 ภาพทรงพระเมตตาตอํ สัตว๑ ภาพทรงขับรถยนต๑ด๎วยพระองค๑เอง กกกกกกก2. 2.8 หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ การไมเํ บยี ดเบยี น หรอื บีบคน้ั กดข่ีผู๎อื่น รวมไปถงึ การไมใํ ช๎อานาจไปบังคบั หรอื หาเหตุกล่นั แกลง๎ คนอื่นดว๎ ย เชนํ ไมํไปขํม เหงรังแกผด๎ู ๎อยกวํา ไมํไปขมํ ขูใํ หเ๎ ขากลวั เรา หรอื ไปบบี บงั คับเอาของรักของหวงมาจากเขา เปน็ ตน๎ นอกจากไมํเบยี ดเบยี น คนดว๎ ยกนั แล๎ว เรายังไมคํ วรเบยี ดเบยี นธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม และสตั ว๑อีกด๎วย เพราะมฉิ ะนน้ั ผลรา๎ ย จะย๎อนกลับมาสํูเรา และสงั คม อยาํ งท่เี ห็นในป๓จจบุ ันจากภัยธรรมชาติตาํ ง ๆ กกกกกกก2. 2.9 ขนั ติ คอื ความอดทน หมายถึงการอดทนตํอส่งิ ทง้ั ปวง สามารถอดทนตอํ งานหนกั ความยากลาบาก ท้ังอดทน อดกล้นั ตอํ คาติฉนิ นินทา กกกกกกก2. 2.9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 เป็นพระมหา กษัตรยิ าธิราช ผ๎ูทรงมพี ระขัน ติธรรมเป็นยอดเยย่ี มอยาํ งหาผู๎ใดเสมอเหมอื นมไิ ด๎ จากเหตกุ ารณ๑ ท่ีผาํ นมาทงั้ ในเมอื งไทย และตาํ งประเทศ บางครงั้ เป็นเรอ่ื งยากยิง่ สาหรับพระองค๑ท่ีจะทรงอดทนได๎ แตํพระองคย๑ ังทรงอดทนรักษาพระราชหฤทยั พระวาจา พระวรกาย และพระอาการใหส๎ งบเรียบรอ๎ ย งดงามได๎ในทุกสถานการณ๑ ทรงอดทนตอํ โทสะ จากการเบียดเบยี นหยามดูหมน่ิ ดังเชนํ การถูกขบั ไลํ โดยกลมํุ ชนทไี่ มํหวังดตี อํ เมืองไทย ซง่ึ เป็นเหตกุ ารณท๑ ี่เกดิ ขนึ้ ในตํางประเทศ เมอ่ื ปี พ.ศ.2505 ดังกลําว มาแล๎วขา๎ งต๎น เป็นต๎น ทรงอดทนตํอโลภะ คอื ความอยากได๎ทกุ ประการโดยสิ้นเชิง ดงั จะเห็นได๎วํ า พระองค๑ไดเ๎ คยมีพระราชประสงค๑สิง่ ใดจากผู๎ใด แมส๎ ง่ิ ของท่นี ามาถวายหากมากเกนิ ไปก็มไิ ด๎ทรงรับ
49 เชํน รัฐบาลในสมัยหนึ่งจะถวายรถพระทน่ี ั่งคันใหญเํ ปน็ พเิ ศษเพอื่ ใหส๎ มพระเกียรติยศ แตํพระองค๑ กลบั มีพระราชดารวิ ํารถพระทีน่ ่งั นาํ จะเปน็ รถคนั ใหญพํ อประมาณและราคาไมแํ พงนัก เพ่ือจะไดส๎ งวน เงินไวพ๎ ฒั นาประเทศได๎อกี สํวนหน่ึง เปน็ ตน๎ กกกกกกก2. 2.9 นอกจากนี้ยังทรงอดทนตอํ โมหะ คือความหลง โดยพระองค๑มิไดท๎ รงตดิ ขอ๎ งอยํใู น ความสุขสาราญและความสะดวกสบายตําง ๆ อันพงึ หาไดใ๎ นพระราชฐานะแหํงพระมหากษตั ริยาธริ าช ทรงอดทนตํอความทุกขเวทนา ความลาบากตรากตราพระวรกายตําง ๆ เพ่อื ทรงบาบดั ทุกข๑บารงุ สุข ใหแ๎ กํพสกนกิ รทกุ แหํงหน ทรงอดทนตํอความหวาดหวน่ั ภยั นตรายตาํ งๆ ดังเหตุการณท๑ ีเ่ กดิ ขึน้ ในปี พ.ศ.2510 เปน็ ระยะทีผ่ ๎กู ํอการรา๎ ยกาลังฮึกเหมิ พระองค๑กม็ ไิ ด๎ทรงทอดทิง้ ทหารตารวจ ผ๎ูทาหนา๎ ท่ี ปกปอู งผนื แผนํ ดนิ ไทย โดยทรงมวี ทิ ยตุ ดิ พระองคเ๑ พือ่ ทรงรบั ฟง๓ เหตกุ ารณต๑ าํ ง ๆ อยตํู ลอดเวลา ทรงสอบถามเหตกุ ารณ๑ทางวิทยอุ ยูํเสมอ และหากทรงวาํ งจากพระราชภารกจิ จะรบี เสด็จไปยงั ที่ เกิดเหตุทันที เพอื่ ทรงสอบถามเหตุการณ๑ดว๎ ยพระองคเ๑ อง หากทรงทราบวาํ มที หารตา รวจไดร๎ ับ บาดเจบ็ จะทรงให๎เฮลคิ อปเตอร๑รบั ผบ๎ู าดเจ็บไปรักษาพยาบาลทนั ที สวํ นในทบี่ างแหํง เชนํ ท่ีกยุ บุรี จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ ซึง่ ขาด แคลนพาหนะในการตรวจทอ๎ งที่ ทาใหท๎ หารตารวจถกู ลอบทารา๎ ย ลม๎ ตายกันเนอื ง ๆ หลงั จากเสด็จไปทรงเยี่ยมทหารตารวจ แลว๎ ทรงเหน็ ความจาเปน็ จงึ พระราชทาน พระราชทรัพย๑สวํ นพระองค๑ จานวน 500,000 บาท ซอื้ รถจ๊ปิ พระราชทานแกทํ หาร ตารวจ 6 คัน เพ่ือสงวนชวี ิตเจ๎าหนา๎ ที่เหลาํ น้ไี ว๎ นอกจากนี้ในคราวเกดิ เหตุปะทะทท่ี งํุ ชา๎ ง จงั หวดั นาํ น อนั ขึ้นชือ่ วาํ เป็นสมรภูมเิ ลอื ดน้ัน พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มิได๎ทรงกลวั เกรงภยนั ตรายใด ๆ ไดเ๎ สดจ็ ข้นึ เฮลคิ อปเตอร๑พระท่ีนงั่ ไปบินสารวจเหนือจุดซอํ งสุมของผก๎ู ํอการร๎าย ซง่ึ เปน็ จุดที่เฮลิคอปเตอรข๑ องทางราชการเคยถูกยิงตกมาแล๎ว ไมํเพยี งเทาํ น้ันยังทรงใหเ๎ ฮลคิ อปเตอร๑ รบั ทหารผ๎บู าดเจ็บออกมารบั การรกั ษาพยาบาลไดท๎ นั ทํวงทดี ๎วย พระองค๑มไิ ดท๎ รงหว าดหวั่น ภยันตรายใด ๆ แม๎ในแหลํงที่ผก๎ู อํ การรา๎ ยปฏบิ ตั กิ ารอยํางรนุ แรง เชนํ ลอบฆาํ ขา๎ ราชการและ ประชาชน ทบี่ ๎านนาวง อาเภอเมือง จงั หวัดพทั ลุง และแม๎ในขณะทีพ่ ายฝุ นกระหน่าอยํางหนกั พระองคย๑ ังคงเสด็จฝุาสายฝนไปเพอื่ ทรงเยย่ี มทหารตารวจ ในสภาวะอันวิกฤตนน้ั ดว๎ ยขันตบิ ารมี ของพระองค๑เชํนนี้ ทาใหร๎ าษฎรไมํวําจะอยใูํ นสภาวะทุกข๑ยาก ทรุ กันดาร หรอื ตกอยใํู นภยนั ตราย เพยี งใด ยงั เกิดความรู๎สึกอยํูเสมอวําเขามิได๎ถูกทอดท้ิงให๎วา๎ เหวํ ผจญชะตากรรมอยเูํ พียงลาพัง หากยงั มีองค๑พระประมุขทจี่ ะเสด็จมาประทับเคียงข๎าง และแผํพระบารมคี ๎ุมครองให๎เขารอดพน๎ จาก ภยันตรายทง้ั มวล ภาพทรงเสด็จเยีย่ มทหารที่บาดเจบ็
50 ภาพทรงรบั สั่งใหร๎ บี สงํ ตัวทหารทบี่ าดเจบ็ เขา๎ โรงพยาบาลดํวน กกกกกกก2. 2.9 หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ใหเ๎ ราอดทนตํอความยากลาบากทุก สถานการณ๑ ไมทํ อ๎ ถอย และไมํหมดกาลงั กาย กาลงั ใจท่ีจะดาเนนิ ชีวิต และทาหน๎าที่การงาน ตํอไป จนสาเร็จ รวมทง้ั อดทนตํอการไมํไดร๎ ับความสุขสาราญ ไมไํ ดร๎ บั ความสะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎ เราชนะอปุ สรรคท้ังปวงไมํวาํ เล็กหรือใหญํ และจะทาใหเ๎ ราแกรํงขน้ึ เขม๎ แข็งขึน้ กกกกกกก2. 2.10 อวโิ รธนะ คอื ความเท่ยี งธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ิด ประพฤตปิ ฏบิ ัติตนอยใํู น ความดีงาม ไมํหว่ันไหวในเรอื่ งรา๎ ย กกกกกกก2. 2.10 นับเป็นบญุ ของชาวไทยเปน็ อยํางยิง่ ที่ได๎อยภํู ายใต๎เบอื้ งพระยคุ ลบาลแหํงพระบาท สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 พระมหากษตั ริยาธริ าช ผ๎ูทรงบาเพ็ญ อวโิ รธนะ คือความเท่ยี งธรรมไดอ๎ ยาํ งสมบูรณย๑ ิ่ง ซึง่ ความเทย่ี งธรรมในท่ีน้ี หมายถึง ความตรงตามความถกู ตอ๎ ง หรือความไมผํ ิดนัน่ เอง พระบาทสมเด็จพระปรมินท รมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติ พระองค๑ถกู ตอ๎ งตามขัตติยราชประเพณีทุกประการ ไมํเคยทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานวุ ตั ร นติ ิศาสตร๑ และราชศาสตร๑ ทรงปฏิบัตพิ ระองคไ๑ ด๎อยาํ งงดงาม ไมํมีความบกพรํองให๎เปน็ ที่เสอ่ื มเสีย พระเกียรติยศไดเ๎ ลย พระองคท๑ รงรกั ษาพระราชหฤทัยได๎บรสิ ุทธปิ์ ราศจากกเิ ลสท้งั มวล จงึ มไิ ด๎ ทรงหวัน่ ไหวตอํ อานาจแหงํ อคติใด ๆ อนั มคี วามรัก ความชัง ความโกรธ ความกลัว และความหลง เป็นต๎น จึงไมํมอี านาจใดทอ่ี าจน๎อมพระองคใ๑ ห๎ทรงประพฤติทรงปฏบิ ตั ไิ ปในทางท่มี ัวหมอง ไมํสมควร หรือคลาดเคลอื่ นไปจากความยตุ ธิ รรม ทรงอุปถมั ภ๑ยกยํองผคู๎ วรอุปถมั ภ๑ยกยอํ ง ทรงบาราบคน มคี วามผิดดว๎ ยเปน็ ธรรม และในพระราชฐานะแหงํ องคพ๑ ระประมขุ ของชาตไิ ทยในระบอบ ประชาธิปไตย ซึ่งต๎องมพี รรคการเมืองท้ังรัฐบาลและฝุายคา๎ น พระองคไ๑ ด๎ทรงดาริอยใูํ นความยุติธรรม ทรงเปน็ หลักชยั ของพรรคการเมืองทกุ พรรค ในด๎านพระราชภารกจิ ตําง ๆ ทรงปฏบิ ัติไดอ๎ ยาํ งถูกตอ๎ ง ไมํมผี ดิ ดว๎ ยทรงสดบั ตรับฟง๓ ทรงศกึ ษา ทรงแสวงหาความร๎คู วามถูกต๎องท้ังจากบคุ คล ตารา จากการ ทีท่ รงสบื คน๎ ด๎วยพระองคเ๑ อง และทรงนามาประมวลใครคํ รวญดว๎ ยพระปญ๓ ญา ความรทู๎ ที่ รงได๎จึงเป็น ความรทู๎ ี่ชดั แจง๎ และถกู ตอ๎ ง ด๎วยเหตนุ ้ีพระราชกรณียกิจใด ๆ ท่ีทรงมุํงผลใหบ๎ ังเกดิ เปน็ ความผาสุก ความเจริญแกํพสกนกิ รอยํางใด ก็ยํอมสาเรจ็ เป็นความผาสุก และความเจริญอยํางนนั้ แมว๎ ําจะมี บางสง่ิ บางอยํางท่จี ะตอ๎ งแก๎ไขอนั เปน็ ธรรมดาของการทางานทัง้ ปวง กท็ รงปฏบิ ัตแิ กไ๎ ขอยาํ งรอบคอบ ให๎บัง เกดิ ผลดแี ละสมบูรณย๑ ง่ิ ขึ้นไปตาม ลาดับ พระราชกรณยี กิจของพระองคจ๑ งึ มีแตํความไมผํ ิด
51 ดงั เชํน ในการพฒั นาประเทศทรงพัฒนาอยํางถกู ต๎อง คอื ทรงพัฒนาประเทศไปพรอ๎ ม ๆ กับการพัฒนา ประชาชน โดยทรงแนะนาตรัสสอนด๎วยพระองคเ๑ อง และผาํ นทางโครงการพระราชดาริตาํ ง ๆ เป็นต๎น นอกจากนี้ในการพัฒนาแตลํ ะท๎องถิน่ พระองคย๑ งั ได๎ทรงศกึ ษาถงึ ภูมปิ ระเทศ ลมฟูาอากาศ ตลอดจน ขนบธรรมเนยี มประเพณี ความเปน็ อยูํ และความต๎องการท่แี ท๎จรงิ ของประชาชน ซ่งึ ในแตํละทอ๎ งถ่ิน ยํอมไมํเหมอื นกัน การพัฒนาของพระองค๑จงึ เปน็ การพฒั นาดว๎ ยความเขา๎ ใจ เหมาะสม และเหมาะแกํ ความจาเปน็ ของทอ๎ งถิ่นนน้ั ๆ การพฒั นาโดยวิธีทางทีถ่ กู ต๎องนีเ้ อง ทาให๎การพัฒนาประเทศไดผ๎ ล ไมํสูญเปลาํ สามารถชํวยให๎ไพรฟํ ูาหน๎าใสได๎โดยทั่วหน๎ากนั สมดังพระราชประสงค๑ ท้งั นีก้ ด็ ๎วย การบาเพ็ญอวิโรธนะของพระองคน๑ ี้เอง ภาพทรงโปรดเกล๎าฯ ให๎ พล.อ.สุจนิ ดา คราประยูร พล.ต.จาลอง ศรีเมือง เขา๎ เฝูาเพอ่ื ยตุ ิความขดั แย๎ง ภาพทรงเสดจ็ อํางเกบ็ น้ายางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บุรี จังหวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ กกกกกกก2. 2.10 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ควรกระทาการงาน หรอื ดาเนนิ ชวี ิตท่ี ถกู ต๎อง และใหค๎ วามเปน็ ธรรมกับบคุ คลท่ีเกย่ี วขอ๎ ง ดว๎ ยความยตุ ธิ รรม และเทยี่ งธรรม
52 กกกกกกก2. จะเหน็ ไดว๎ าํ หลักธรรมทงั้ 10 ขอ๎ หรือทศพธิ ราชธรรมนี้ มิใชํข๎อปฏบิ ตั ิทย่ี ากจนเกิน ความสามารถของคนธรรมดาสามญั ท่จี ะทาตามได๎ หลาย ๆ ขอ๎ ก็เป็นสง่ิ ทเ่ี ราปฏบิ ตั อิ ยูํแล๎ว จะโดย ร๎ตู วั หรือไมํกต็ าม แตหํ ากเรามีความตงั้ ใจจรงิ หลกั ธรรมดงั กลาํ วกจ็ ะเปน็ ทนุ ที่ชวํ ยหนุนนา ให๎เรา ไดพ๎ ัฒนาชีวติ ไปสูํความดี งาม ความม่ันคง และความสาเร็จทเ่ี ราปรารถนาทกุ ประการ ดว๎ ยการ ประพฤตปิ ฏิบัติทมี่ คี ุณคําทั้งตํอตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติอีกด๎วย การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเด็นการศกึ ษาคน๎ คว๎ารวํ มกันจากสื่อการเรยี นรูท๎ ห่ี ลากหลาย กกกกกกก3. บนั ทกึ ผลการศึกษาคน๎ คว๎าลงในเอกสารการเรยี นรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลํมุ กกกกกกก5. อภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนร๎ู กกกกกกก6. วิเคราะห๑ขอ๎ มูลทไ่ี ด๎ และสรุปการเรยี นรูร๎ วมกนั บันทกึ สรุปการเรียนรใู๎ นเอกสารการ เรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เรื่องท่ี 3 ทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรื่องท่ี 3 หน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. 1.3 ชอ่ื หนงั สอื เรียน สาระการพัฒนาสงั คม รายวิชา สค13113 หนา๎ ท่ีพลเมอื งตาม รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่เี กา๎ 1 กกกกกกก1. 1.4 ชอ่ื หนังสือ ทศพิธราชธรรม ผ๎ูแตํง ท.กล๎วยไม๎ ณ อยุธยา ปีท่พี มิ พ๑ พ.ศ.2535 สานักพิมพ๑ พับลคิ บสิ เนสพรน้ิ ท๑ กกกกกกก1. 1.5 ชอ่ื หนงั สอื ราชธรรมจรยิ วตั รพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยํูหัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ผ๎แู ตงํ พระพรหมวชริ ญาณ ปที พี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2549 สานกั พมิ พ๑ รํมธรรม กกกกกกก2. ส่ืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชือ่ บทความ ทศพธิ ราชธรรม ผู๎แตํง ทรงพร ศรีสุวรรณ สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611 กกกกกกก2. 2.2 บทโทรทัศนเ๑ ฉลมิ พระเกยี รติพระบาทสมเดจ็ พระภูมพิ ลมหาราชเนอ่ื งในมหามงคล สมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ วันที่ 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2530 โดยนางสาววนั เพญ็ เซ็นตระกลู ฉบับ ได๎นบั รางวัลส่อื มวลชนดเี ดํนเพื่อเยาวชนประจาปี 2529 – 2530 ประเภทภาพยนตรข๑ าํ วและสารคดี สบื คน๎ จาก http://www.dhammajak.met/ratchathum/index.php กกกกกกก2. 2.3 ช่ือบทความ “ทศพธิ ราชธรรม” หลกั ปฏิบัติ 10 ประการ ผแ๎ู ตํง ประชาชาตธิ ุรกิจ ออนไลน๑ สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611
53 กกกกกกก3. ส่ือบคุ คลและภมู ิป๓ญญา ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก1. 3.2 วทิ ยากรจากชมรมคนรักในหลวงจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก4. สื่อแหลงํ เรยี นรู๎ในชมุ ชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 4.1 ห๎องสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก1. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาล ทกุ แหํง และศูนยก๑ ารเรียนชมุ ชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบครี ีขันธ๑ การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหน๎า ด๎วยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสังเกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต. ) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด๎วยวธิ ีการ กกกกกกก1. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความรู๎ หัวเร่อื งท่ี 3 หนา๎ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม จานวน 4 ขอ๎ กกกกกกก1. 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคตติ ํอวิชาหนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่เก๎า 1
54 หวั เรอื่ งท่ี 4 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารสั กกกกกกก1. 1.1 สขุ กาย จะเกิดขนึ้ ได๎ พลเมืองต๎องมีสภาวะรํางกายทม่ี ีความสมบูรณ๑ แข็งแรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มคี วามตา๎ นทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภยั ไขเ๎ จบ็ รวมถึงดแู ลสขุ ภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ใู ห๎มปี ๓ญญารเ๎ู ทาํ ทัน จะทาใหจ๎ ิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎องแสวงหา ความรู๎ที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรอื รู๎เทําทนั การเปลี่ยนแปลง เพ่ือใหส๎ ามารถดาเนินชีวติ ได๎อยํางปกติ รวมถึงทางานได๎ดว๎ ย กกกกกกก1. 1.2 สขุ ใจ จะเกิดขึ้นได๎ พลเมืองต๎องมีสภาวะของจติ ใจที่มคี วามสดชนื่ แจมํ ใส สามารถ ควบคมุ อารมณ๑ใหม๎ ่ันคง ปรบั ตวั ใหเ๎ ขา๎ กับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดลอ๎ มได๎เปน็ อยํางดี จากการท่บี คุ คลน้นั ใชค๎ วามรทู๎ ่มี อี ยปูํ ระกอบกับมีสัมพนั ธภาพกบั บคุ คลอื่นอันดี และมรี ํางกาย ท่แี ขง็ แรงจงึ จะทาให๎มีความสขุ ใจได๎ กกกกกกก1. 1.3 สุขในการอยรํู ํวมกัน จะเกดิ ข้ึนไดพ๎ ลเมืองต๎องมี ความรกั ความสามคั คควี ามปรองดอง และความสงบสุขในสังคม ที่เกดิ จากทกุ คนได๎รับความยุตธิ รรม กกกกกกก2. หน๎าท่ีพลเมอื งตามพระราชดารสั เกี่ยวกบั เดก็ นกั เรยี นและเยาวชน และนักศกึ ษา กกกกกกก1. 2.1 วัยเดก็ และการปลกู ฝง๓ คุณธรรม จะเกิดข้ึนได๎ จากการอบรมเลย้ี งดูสัง่ สอนขดั เกลา ของทุกฝุายทงั้ ครอบครวั และโรงเรียน ให๎เห็นคณุ คาํ ของความดี ความสุจริต มีความประพฤติเรยี บร๎อย มีเหตุผลหรือสติปญ๓ ญาน้นั เอง โดยการเป็นแบบอยํางท่ดี ี เพอื่ ให๎ เดก็ เหน็ เปน็ ตัวอยาํ งและยดึ เป็นแบบอยํางให๎ได๎ กกกกกกก1. 2.2 นกั เรยี นและเยาวชนต๎องได๎รบั การปลกู ฝ๓งถํายทอดความร๎ูทแี่ ทจ๎ ริง เพ่ือใหส๎ ามารถ รูเ๎ ทําทนั ฉลาดและคิดสร๎างสรรค๑ ทาประโยชน๑ใหก๎ ับตนเองและสํวนรวม กกกกกกก1. 2.3 นักศกึ ษาเป็นผ๎ทู ม่ี ีความพร๎อมท้ังวยั วุฒแิ ละคุณวฒุ ิ ฉะนั้นจึงต๎องมคี วามเพยี ร ความอดทน มสี ติปญ๓ ญา รู๎จกั ใช๎เหตผุ ล และเลือกสิง่ ทีด่ งี ามมาประยุกต๑ใชใ๎ นชีวิตของตนเอง กกกกกกก1. 2.4 วยั ทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก1. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน ยอํ มเจอปญ๓ หาและอปุ สรรคเสมอ เม่อื เจอป๓ญหาให๎หาทางแกไ๎ ข ถ๎าแกค๎ นเดียวไมํไดก๎ ็ใหค๎ นท่เี กี่ยวขอ๎ งชํวยกันคดิ หาทางแกไ๎ ข กกกกกกก1. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา สรา๎ งคนให๎มีความร๎ู ความสามารถ เปน็ พื้นฐานท่ีจาเปน็ ในการ พฒั นาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก1. 2.5 หนา๎ ท่ี และความรับผดิ ชอบตอํ บ๎านเมืองของคนในชาติตอ๎ งมีความรัก ความสคามคัี มีเหตผุ ล มีความรู๎ ชํวยกันสร๎างความเจริญ ปลกู ฝ๓งความดีงามให๎กับจิตใจของคนในชาติ รวมถึงรกั ษา วฒั นธรรมประเพณีท่ีเป็นแบบแผนของไทยให๎คงอยูํตลอดไป
55 กกกกกกก3. หนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามพระราชดารสั ทเี่ ก่ยี วข๎องกับปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จะเกดิ ขึน้ ได๎ โดยร๎จู ักตนเอง มีความซอ่ื สัตย๑และความเพียร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในส่งิ ท่ตี นมีอยูํ กกกกกกก3. 3.2 ความมเี หตผุ ล ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมุงํ สอนใหพ๎ ลเมืองไทย มี ความคดิ อยํางรอบคอบ โดยพิจารณาจากป๓จจัยท่ีเก่ียวข๎องและคานึงถงึ ผลทจี่ ะเกิ ดขึ้นจากการกระทา นัน้ กกกกกกก3. 3.3 ความมภี มู ิคุ๎มกัน คอื เป็นการเตรียมตัวใหพ๎ ร๎อมตอํ การเปลย่ี นแปลงในทุกดา๎ น ดว๎ ยการวเิ คราะหค๑ วามเส่ียง ใช๎ประสบการณเ๑ ดมิ มาชํวยตัดสนิ ใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาสตํอไป กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู มีหลายประเภท ไดแ๎ กํ ความรทู๎ เ่ี กย่ี วข๎องกบั การดาเนนิ ชวี ิต การประกอบอาชีพ การศกึ ษา รวมถึงความร๎ทู ีเ่ กยี่ วขอ๎ งกับการพัฒนาจติ ใจ ทาใหบ๎ คุ คลมีความ เจรญิ กา๎ วหน๎าได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลกั วิชา คือ เน้อื หาความร๎ู และหลักวิชาการ คอื นาความร๎มู าจัด กระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวัง เป็นการศกึ ษาหาข๎อมลู กอํ นการปฏิบตั ิ โดยคานงึ ผลท่ีจะตามมาอยาํ งรอบคอบ และระมัดระวัง กกกกกกก3. 3.5 เงอ่ื นไขคณุ ธรรม แบํงออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ๎ กํ คณุ ธรรมและหน๎าที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซื่อสัตย๑สุจริต เป็นพน้ื ฐานของความดที กุ อยําง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพียร พากเพียร และอดทน จะเกดิ ขึน้ ไดจ๎ ากการฝกึ ฝนจนเกดิ เปน็ นิสัย และกระต๎ุนใหเ๎ กดิ การทางานอยาํ งจรงิ จงั จนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และป๓ญญา เป็นความสามารถในตวั บุคคล ทจ่ี ะทราบไดจ๎ าก พฤตกิ รรมทบ่ี ุคคลแสดงออก ระดับของสติปญ๓ ญาสังเกตไดจ๎ ากการแสดงออกทมี่ ีความคลํองแคลํว รวดเรว็ ความถกู ตอ๎ ง ความสามารถในการคิด การแกป๎ ญ๓ หาและการปรับตวั การใช๎แบบทดสอบวดั สตปิ ๓ญญาจะทาใหท๎ ราบระดบั สติปญ๓ ญาชดั เจนขึ้น กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมํเบยี ดเบยี น มีเมตตา จะเกิดขึ้นได๎ โดยการปลูกฝ๓งคุณธรรมจาก ครอบครัว และสิง่ แวดลอ๎ ม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตัง้ ใจดี คิดดี และทาดี หากคดิ ดกี ็จะมีความรูส๎ ึกทด่ี ี เมอ่ื มีความรูส๎ ึกทด่ี ี กจ็ ะมคี าพดู ที่ดี สํงผลให๎มกี ารกระทาทด่ี ดี ว๎ ย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรบั ผิดชอบ รบั ผดิ และรบั ชอบ จะแสดงถงึ ความเอาใจใสํมํุงมน่ั ตํอภารกจิ ท่ที า ทุกคนต๎องมคี วามรับผิดชอบตอํ หนา๎ ท่กี ารงาน การศกึ ษา อ่ืน ๆ อยาํ งเต็ม ความสามารถเพอื่ ให๎บรรลุผลสาเร็จตามจุดมํุงหมาย และยอมรบั ผลการกระทาท่ีจะเกดิ ขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หนา๎ ท่ี กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน๑สวํ นรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสยี สละ การทาประโยชน๑ ใหส๎ วํ นรวม เสียสละเพอ่ื ใหป๎ ระเทศชาตมิ ีความเจริญซ่งึ เป็นความรบั ผิดชอบของทุกคน และไมเํ ห็นแกํ ประโยชนส๑ วํ นตน
56 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี รํวมมอื ปรองดอง เกิดจากความรํวมมือรํวมใจเป็น อนั หนึง่ อันเดยี วกนั คุณธรรมนน้ี ับวาํ สาคญั มากในหมคํู ณะ เปน็ คุณธรรมท่กี อํ ใหเ๎ กดิ ความสขุ อยาํ งยิ่ง แกํหมํูคณะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ เกิดขน้ึ จาก บุคคลท้ังหมดมีเจตนากระทาเพื่อให๎มี ความสขุ ความเจริญจะตอ๎ งไมํเบียดเบียน หรอื แกงํ แยงํ ผ๎อู น่ื มา ตวั ชี้วดั กกกกกกก1. วเิ คราะห๑หนา๎ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนนิ ชวี ิตเกี่ยวกบั เด็ก นั กเรียน และเยาวชน และนกั ศกึ ษา เกยี่ วกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงตามสถานการณ๑ทก่ี าหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารัส ขอบข่ายเน้อื หา กกกกกกก1. หน๎าทพี่ ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสุขในการดาเนนิ ชีวติ กกกกกกก1. 1.1 สุขกาย 1. 1.2 สขุ ใจ 1. 1.3 สุขในการอยรํู ํวมกัน กกกกกกก2. หน๎าที่พลเมืองตามพระราชดารัส เกี่ยวกับเดก็ นกั เรยี นและเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก2. 2.1 วัยเดก็ และการปลูกฝง๓ คณุ ธรรม กกกกกกก2. 2.2 นกั เรยี นและเยาวชน กกกกกกก2. 2.3 นักศกึ ษา กกกกกกก2. 2.4 วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก2. 2.5 หน๎าทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบตอํ บ๎านเมือง กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมอื งตามพระราชดารสั ทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล กกกกกกก3. 3.3 ความมภี มู ิคม๎ุ กัน กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า และหลกั วิชาการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบร๎ู รอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก3. 3.5 เงอื่ นไขคณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซอื่ สัตยส๑ จุ รติ
57 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพียร และอดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และป๓ญญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมํเบยี ดเบียน มีเมตตา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ต้ังใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผิดชอบ รับผดิ และรบั ชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หนา๎ ที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน๑สวํ นรวม ประโยชน๑สํวนตน และเสียสละ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามัคคี รวํ มมอื ปรองดอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจริญ เนอื้ หา กกกกกกก1. หน้าท่ีพลเมอื งตามพระราชดารัส ความสุขในการดาเนินชวี ติ กกกกกกก1. 1.1 สขุ กาย หมายถงึ “ความสุข” ในมุมมองนีเ้ ปน็ การส่อื ความหมายของความสุข ทางกาย ทางใจ ความสมหวงั และความเปน็ อยํูที่ดี กกกกกกก1. 1.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกี่ยวกับ สุขกายเนื่องในการฉลองครบรอบ 50 ปี ของสโมสรโรตารใ่ี นประเทศไทย ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วนั ท่ี 15 ธันวาคม พ.ศ. 2523 ดังน้ี “ ชีวติ ของแตลํ ะคนจะต๎องประกอบด๎วยส่งิ ใด สาหรับใหม๎ ชี ีวิตอยูไํ ด๎ ถา๎ เราคิดสักหนํอยวาํ เรามีรํางกายท่จี ะตอ๎ งอุ๎มชูตนเอง คอื หมายความวาํ ทุกวนั นี้ เราจะต๎องหาอาหารมาเลย้ี ง ถา๎ ไมมํ ีอาหารเล้ยี งรํางกายนี้เป็นเวลาหนงึ่ กท็ าให๎ รํางกายซูบผอมและอํอนเพลยี ลงไป ไมํมที างที่จะทางานทาการใด ๆ หรอื แมจ๎ ะ ทางานทไี่ มํใชเํ ป็นงานคอื เลนํ สนกุ อะไรก็ตาม กไ็ มไํ ดท๎ ั้งนัน้ คดิ อะ ไรก็ไมอํ อก ดาเนนิ ชวี ติ ไมํได๎ ถา๎ ไมมํ ีอาหาร ถา๎ มองดูในแงนํ เี้ พยี งอาหารทม่ี าใสํท๎อง ก็เป็ น กิจการทีก่ วา๎ งขวางอยํางมาก มาทนี พ้ี ูดกันวาํ คนเราตอ๎ งทามาหากนิ ดเู ป็นของท่ี สาคญั ท่สี ดุ เพราะวาํ ถ๎าไมํทามาหากินกไ็ มมํ ชี วี ิตอยํูได๎ หรอื มชี วี ติ ก็แร๎นแค๎น และ ทกุ ขท๑ รมานอยํา งย่ิง นอกจากนกี้ ็ยงั มีอาหารใจอีก ถา๎ คนเราไมํมีอาหารใจ ไมํขวนขวายหาความร๎ู จะไมสํ บายใจ และจะไมํเป็นคนที่เจรญิ ฉะนั้น ทุกคนที่ ต๎องการท่ีจะมชี ีวติ อยํู และมชี วี ิตอยอูํ ยาํ งดี กต็ ๎องอม๎ุ ชูใหอ๎ าหารแกํตา และหาทาง ทจี่ ะมอี าหารของใจด๎วย ”
58 กกกกกกก1. 1.1 กลําวโดยสรุป สขุ กายจะเกิดข้นึ ได๎ พลเมืองตอ๎ งมีสภาวะรํางกายทมี่ คี วามสมบรู ณ๑ แขง็ แรง เจรญิ เตบิ โตอยาํ งปกติ มีความตา๎ นทานโรคไดด๎ ี ปราศจากโรคภัยไขเ๎ จบ็ รวมถงึ ดแู ล สขุ ภาพจิต ด๎านการแสวงหาความรใ๎ู ห๎มปี ๓ญญารูเ๎ ทาํ ทนั จะทาใหจ๎ ติ ใจดี ควบคุมจติ ได๎ นอกจากนี้ ตอ๎ งแสวงหาความร๎ทู ่ที าให๎เข๎าใจ สบายใจ หรอื รูเ๎ ทาํ ทนั การเปล่ียนแปลง เพื่อใหส๎ ามารถดาเนินชวี ติ ได๎ อยํางปกติ รวมถงึ ทางานได๎ดว๎ ย กกกกกกก1. 1.1 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การดูแลสุขภาพรํางกายใหแ๎ ขง็ แรง รบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน๑ หมั่นออกกาลังกายอยูํเป็นประจา และไมํใชช๎ ีวิตอยูบํ นความประมาท รวมถึงดแู ลสุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความรูใ๎ ห๎มีป๓ญญาร๎ูเทําทนั จะทาใหจ๎ ติ ใจดีควบคุมจติ ได๎ กกกกกกก1. 1.2 สขุ ใจ หมายถึง ความสุขท่ีสมั ผัสไดจ๎ ากจติ คือ ความสบายใจ ความสขุ ใจ ความ อ่ิมใจ ความพอใจ อันเกดิ จากจิตใจทสี่ งบและเย็น เป็นความสุขทีส่ ะอาด กกกกกกก1. 1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกีย่ วกับ สุขใจไว๎ใหแ๎ กคํ ณะครแู ละนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ณ พระตาหนักจติ รลดา รโหฐาน วนั ท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ดังน้ี “ ความเขม๎ แข็งในจิตใจนี้เป็นส่ิงท่สี าคัญที่จะต๎องฝึกฝนแตํเล็ก เพราะวาํ ตอํ ไป ถา๎ มชี วี ิตท่ีลาบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ๎าไมํมีความ เข๎มแขง็ ไมํมคี วามร๎ู ไมํมที างทีจ่ ะผํานอุปส รรคนน้ั ได๎ เพราะวาํ ถ๎าไปเจอ อปุ สรรคอะไร กไ็ มํมอี ะไรทีจ่ ะมาชํวยเราได๎ แตถํ ๎ามีความรู๎ มอี ัธยาศยั ทด่ี ี และ มคี วามเข๎มแขง็ ในกาย ในใจ กส็ ามารถทจ่ี ะผํานพ๎นอุปสรรคตําง ๆ นั้นได๎ ” กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรปุ สุขใจจะเกดิ ขนึ้ ได๎ พลเมืองตอ๎ งมสี ภาวะของจติ ใจที่มีความสดช่นื แจํมใส สามารถควบคมุ อารมณ๑ให๎ม่นั คง ปรับตัวให๎เขา๎ กบั การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสิ่งแวดลอ๎ ม ไดเ๎ ป็นอยํางดจี ากการที่บคุ คลนน้ั ใช๎ความร๎ทู ีม่ ีอยูํประกอบกบั มีสมั พนั ธภาพกับบุคคลอ่นื อันดี และมี ราํ งกายท่แี ขง็ แรง จึงจะทาใหม๎ คี วามสุขใจได๎ กกกกกกก1. 1.2 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ การดูแลสุขภาพใจให๎แขง็ แรง ด๎วยวธิ ีการทา จิตให๎สดช่ืนแจํมใส ควบคุมอารมณใ๑ ห๎มนั่ คง ค๎นควา๎ หาความรใู๎ หร๎ เู๎ ทําทันการเปล่ียนแปลง รวมถงึ มสี มั พนั ธภาพทีด่ ีกบั บุคคลอ่ืน และมรี าํ งกายแขง็ แรงดี จะชํวยใหบ๎ คุ คลปรบั ตัวให๎เขา๎ กบั การเปลี่ยนแปลง ของสงั คม และสามารถเผชญิ กบั ปญ๓ หาได๎เป็นอยํางดี กกกกกกก1. 1.3 สขุ ในการอย่รู ว่ มกัน หมายถึง การอยํรู ํวมกนั ในสังคมอยํางสันตสิ ุข จาเปน็ อยาํ งยิ่ง ท่ีจะตอ๎ งอาศยั ความมีน้าใจไมตรที ดี่ ีตํอกนั โดยไมตํ ๎องใชเ๎ งนิ ทองมากมาย เพยี งแตแํ สดงความเมตตา กรณุ าตํอเพ่อื นมนษุ ย๑ โดยการชํวยเหลือเล็ก ๆ นอ๎ ย ๆ เทาํ น้ัน กเ็ ปน็ การแสดงน้าใจได๎
59 กกกกกกก1. 1.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกย่ี วกบั สขุ ในการอยํูรํวมกัน เนอ่ื งในโอกาสท่รี องประธานศาลฎีกานาผพ๎ู พิ ากษาประจา กระทรวงเข๎าเฝูาฯ ณ พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน วันท่ี 21 ธันวาคม พ.ศ.2537 ดงั น้ี “ การที่ในประเทศใดมปี ระชาชนทง้ั หมดอยรํู ํวมกนั โดยสนั ติ กเ็ ปน็ ส่งิ ทีป่ รารถนาของทุกคน ไมํมีใค รอยากใหม๎ ีความวนํุ วายในหมูคํ ณะ ในประเทศชาติ เพราะวาํ ถ๎ามคี วามวํุนวายนั้นเป็นความทกุ ข๑ ทกุ คนต๎องการ ความสุข หากความสุขนัน้ ก็จะมาจากความปรองดอง และความทที่ ุกสิง่ ทุก อยาํ งเป็นไปโดยยตุ ธิ รรม ” กกกกกกก1. 1.3 กลาํ วโดยสรปุ สุขในการอยํูรํวมกนั จะเกิดขึ้นได๎พลเมอื งจะตอ๎ งมีความรัก ความ สามคั คี ความปรองดอง และความสงบสขุ ในสงั คมทเ่ี กดิ จากทุกคนได๎รับความยตุ ิธรรม กกกกกกก1. 1.3 หน๎าที่พลเมอื งดี มแี นวปฏบิ ตั ิได๎แกํ ให๎ความเมตตา ความรัก ความรํวมมือในการ ปฏิบตั ภิ ารกิจสวํ นรวม รวมถึงดา๎ นความเออ้ื อาทร ปรองดอง สมานฉันท๑ อยาํ งเสมอภาค กกกกกกก2. หนา้ ท่ีพลเมืองตามพระราชดารัส เกยี่ วกับเดก็ นักเรียน และเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก2. 2.1 วัยเดก็ และการปลกู ฝงั คณุ ธรรม หมายถงึ การสรา๎ งแรงจูงใจเป็นการเปลยี่ น กระบวนความคดิ ให๎เหน็ คุณคํา และประโยชนข๑ องการมีคุณธรรม จริยธรรม ดว๎ ยการสง่ั สอนอบรม การเห็นแบบอยาํ ง และใหร๎ างวัลเมือ่ ทาความดี กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกยี่ วกบั วยั เดก็ และการปลกู ฝ๓งคุณธรรม เนอ่ื งในโอกาสปเี ดก็ สากล วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2522 ดังนี้ “ เด็กเปน็ ผ๎ทู จี่ ะไดร๎ ับชวํ งทกุ สง่ิ ทุกอยาํ งตอํ จากผ๎ใู หญํ ดงั นัน้ เดก็ ทุกคนจงึ สมควรและจาเปน็ ท่จี ะ ตอ๎ งได๎รบั การอบรมเล้ียงดูอยาํ งถูกตอ๎ ง เหมาะสม ให๎มศี รัทธามัน่ คงใน คุณความดี มีความประพฤตเิ รียบร๎อย สจุ ริต และมปี ๓ญญา ฉลาดแจมํ ใสในเหตผุ ล ” กกกกกกก2. 2.1
60 กกกกกกก2. 2.1 กลําวโดยสรปุ วยั เด็ก และการปลกู ฝ๓งคุณธรรม จะเกดิ ขึ้นได๎ เกดิ จากการอบรม เลีย้ งดู ส่ังสอน ขดั เกลาของทกุ ฝาุ ย ทั้งครอบครวั และโรงเรยี น ให๎เห็นคุณคําของความดี ความสจุ รติ มีความประพฤติเรียบรอ๎ ย มีเหตุผล หรอื สติป๓ญญาน้นั เอง โดยการเป็นแบบอยํางทดี่ ี เพื่อใหเ๎ ดก็ เห็น เปน็ ตวั อยําง และยึดเปน็ แบบอยาํ งใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. 2.1 หน๎าทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ด๎แกํ บคุ คลผู๎เปน็ ผป๎ู กครองในครอบครวั ต๎องอบรม สงั่ สอนเรื่องของคณุ ธรรม และจริยธรรมทีเ่ ด็กควรปฏบิ ัตอิ ยาํ งมเี หตมุ ีผลให๎เดก็ เกิดป๓ญญา นอกจากนี้ สถาบนั การศึกษาก็ตอ๎ งชํวยอบรมสัง่ สอน และปลกู ฝง๓ เร่ืองคณุ ธรรมจรยิ ธรรมใหก๎ บั เด็กด๎วย กกกกกกก2. 2.2 นักเรยี น และเยาวชน หมายถึง ผูร๎ บั การศกึ ษาจากโรงเรียนหรอื สถาบัน การศกึ ษา กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกยี่ วกับนักเรยี นและเยาวชน เนือ่ งในโอกาสวันเด็กแหํงชาติประจาปี 2532 ณ พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 ดงั นี้ “ ความรปู๎ ระโยชนแ๑ ท๎จรงิ ของสิง่ ท้งั หลาย เปน็ ส่งิ ท่ีผใ๎ู หญตํ ๎อง ปลูกฝ๓งใหห๎ ย่ังลกึ ในตวั เด็ก เดก็ จักไดเ๎ ติบโตเป็นคน ฉลาดเท่ียงตรงและ สามารถสรา๎ งสรรคป๑ ระโยชน๑ท่พี งึ ประสงค๑ ให๎แกํตน แกสํ ํวนรวมได๎แนํ นอน มีประสทิ ธภิ าพ ” กกกกกกก2. 2.2 กลําวโดยสรุป นกั เรียน และเยาวชนต๎องไดร๎ ับการปลกู ฝ๓งถาํ ยทอดความรทู๎ แ่ี ทจ๎ รงิ เพื่อใหส๎ ามารถรเู๎ ทําทัน ฉลาด และคดิ สรา๎ งสรรคท๑ าประโยชน๑ใหก๎ ับตนเอง และสวํ นรวม กกกกกกก2. 2.2 หน๎าท่พี ลเมอื งดี มแี นวปฏิบตั ิไดแ๎ กํ บคุ คลในครอบครัว หรอื ครูอาจารย๑ และผน๎ู า ชมุ ชน ตอ๎ งสนับสนุนให๎นักเรียนและเยาวชนได๎เรียนร๎ใู นสถาบันการศกึ ษา หรอื แหลํงเรยี นรูใ๎ นชมุ ชน ตามศกั ยภาพของนักเรียน และเยาวชนให๎ไดม๎ ากท่สี ุด เพ่อื ให๎มีความร๎ูอยาํ งแท๎จรงิ มีความฉลาด คิดสร๎างสรรคท๑ าประโยชน๑ตอํ ตนเอง และสังคมโดยรวม กกกกกกก2. 2.3 นักศึกษา จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของนักศึกษา คอื ผทู๎ ีศ่ ึกษาอยํูในสถาบนั อดุ มศกึ ษา หรอื เทียบเทํา กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพรระาชทาน พระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั นักศึกษาเนอ่ื งในโอกาสเสด็จฯ ทรงดนตรีเปน็ สวํ นพระองค๑ ณ หอประชมุ จฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลัย วันที่ 20 กนั ยายน พ.ศ. 2513 ดงั น้ี
61 “ ขอสรุปห น๎าท่ขี องผท๎ู ่เี ป็นนสิ ติ นกั ศึกษ าวํา การเปน็ นกั ศึกษา ไมํใชํอาชีพ เป็นเวลาทจ่ี ะฝึกทางวชิ าการและก็ทางจิตใจ เพื่อท่ี จะมพี ลงั แขง็ แรงท่จี ะรับใช๎ชาติ เป็นพลเมืองดี แลว๎ กเ็ ปน็ ความหวัง และก็เปน็ ส่งิ ที่ สาคญั ท่สี ดุ วาํ เม่อื ได๎ฝึกในทางจิตใจเปน็ คนเขม๎ แข็ง ซอื่ ตรง และเป็ นคนท่ีมี ความปรารถนาทจ่ี ะสร๎างสรรค๑แลว๎ จะต๎องรกั ษาอุดมคตนิ ้ี หรอื พลังนี้ หรอื ปณิธานนี้ไว๎ตลอดชวี ติ ” กกกกกกก2. 2.3 กลาํ วโดยสรุป นกั ศึกษาเปน็ ผู๎ท่มี ีความพร๎อมท้ังวัยวุฒิและคุณวฒุ ิ ฉะน้นั จงึ ตอ๎ งมี ความเพียร ความอดทน มสี ตปิ ๓ญญา รู๎จกั ใช๎เ หตผุ ล และเลือกสง่ิ ที่ดงี ามมาประยกุ ตใ๑ ชใ๎ นชีวติ ของ ตนเอง กกกกกกก2. 2.3 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ ตอ๎ งมคี วามเพยี ร และอดทนและมปี ๓ญญา และเหตผุ ล รจ๎ู ักวาํ อะไรดี อะไรไมํดี ซง่ึ คาวาํ เพียร และคาวาํ อดทนเปน็ คณุ สมบตั ิ หรอื คณุ ธรรม ทจี่ ะตอ๎ งปฏิบัติ โดยเฉพาะกบั นักศกึ ษา วําการศึกษานี้ หมายความวํา การเรียน การหาความรู๎ ของผท๎ู ี่ศกึ ษากเ็ ป็นส่ิงท่ียากลาบาก จงึ ตอ๎ งมีความเพียรความอดทน เราเปน็ คน เราเปน็ นักศกึ ษา หรอื แม๎จะไมํใชํนักศึกษาก็เรียนอยเูํ สมอ ศกึ ษาอยเํู สมอ คนเรามีปญ๓ ญา ควรจะมปี ๓ญญา หมายควาวมํา มคี วามเข๎าใจ เข๎าใจด๎วยเหตผุ ลได๎ รจ๎ู ักใชเ๎ หตผุ ล รจ๎ู ักเลือกส่ิงท่ดี ีทงี่ าม ร๎วู ําอันนด้ี ี อันนไ้ี มํดี ถกู ต๎อง หรอื ไมํถกู ตอ๎ ง กกกกกกก2. 2.4 วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คา จากดั ความ หรือความหมายของวัยทางาน คือ วยั ทใ่ี ช๎พลังทางรํางกายและสตปิ ๓ญญาผลติ งานออกมา กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ยี วกับวยั ทางาน เน่ืองในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รวทิ ยาลยั เทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วนั ท่ี 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ดงั นี้ “ เมอ่ื มีโอกาสและมีงานทา ควรเต็มใจทาโดยไมํจาเปน็ ตอ๎ ง ตงั้ ข๎อแม๎ หรือเงือ่ นไขอันใด ไว๎ให๎เป็นเคร่ืองกีดขวาง คนท่ีทางานได๎จรงิ ๆ นน้ั ไมํวาํ จะจบั งานส่ิงใด ยํอมทาได๎เสมอ ถ๎ายงิ่ มีความเอาใจใสํ มคี วามขยนั และ ความซือ่ สตั ย๑สจุ รติ กย็ ิ่งจะชํวยให๎ประสบผลสาเร็จในงานทที่ าสูงขึน้ ”
62 กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 กลําวโดยสรุป วัยทางานยอํ มเจอป๓ญหาและอุปสรรคเสมอ เมื่อเจอป๓ญหา ใหห๎ าทางแก๎ไข ถา๎ แกค๎ นเดยี วไมํไดก๎ ็ให๎คนทีเ่ กีย่ วขอ๎ งชํวยกนั คดิ หาทางแกไ๎ ข กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิไดแ๎ กํ เม่อื พบบคุ คลมปี ๓ญหา ถ๎าเหน็ วาํ เขาไมํ สามารถแก๎ไขปญ๓ หานนั้ ได๎ ถ๎าเรามีความรู๎ความเขา๎ ใจกเ็ ขา๎ ไปชวํ ยแก๎ไขปญ๓ หาน้นั ให๎หมดไป ควรให๎ ความรวํ มมือใสใํ จชวํ ยแก๎ไขปญ๓ หาของบุคคลอนื่ ดว๎ ย นอกจากน้ีบคุ คลไมํควรปลอํ ยให๎ปญ๓ หาเกดิ ขนึ้ โดยไมํแก๎ไข กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของการศกึ ษา คอื การเลาํ เรียน ฝึกฝน และอบรม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา หมายถึง การดาเนินการดว๎ ยกระบวนการทุกอยําง ทท่ี าให๎ บุคคลพัฒนาความสามารถด๎านตําง ๆ รวมทั้งทศั นคติ และพฤติกรรมอนื่ ๆ ตามคาํ นยิ มและคณุ ธรรม ในสงั คม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศึกษา หมายถึง กระบวนการทางสงั คม ที่ทาให๎บุคคลไดร๎ ับอทิ ธพิ ล จากสิง่ แวดลอ๎ ม ท่ีคัดเลือกและกาหนดไวอ๎ ยาํ งเหมาะสมโดยเฉพาะโรงเรียน เพอื่ พฒั นาบคุ คลและ สังคม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 กลาํ วโดยสรปุ การศกึ ษา หมายถงึ วิชาชพี อยาํ งหนง่ึ สาหรบั ครู หรือการเตรยี ม บุคคลใหเ๎ ปน็ ครู ซ่งึ จดั สอนในสถาบนั อุดมศึกษา ประกอบดว๎ ย วิชาจิตวทิ ยาการศกึ ษา ปรัชญา ประวัติการศึกษา หลกั สูตร หลักการสอน การวดั ผล การบริหาร การนเิ ทศการศกึ ษา และวชิ าอน่ื ๆ ท่คี รคู วรรู๎ ทัง้ ภาคทฤษฎีและปฏบิ ัติ ซ่งึ จะทาใหเ๎ กดิ ความเจรญิ งอกงามสาหรบั ครู กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกับการศึกษา เนอื่ งในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ วทิ ยาลัย การศึกษาประสานมิตร วนั ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ดงั น้ี “ งานดา๎ นการศกึ ษาเปน็ งานทสี่ าคญั ที่สดุ อยํางห นึง่ ของชาติ เพราะความเจริญและความเส่ือมของชาตนิ น้ั ข้นึ อยกูํ ับการศกึ ษาของ พลเมืองเปน็ ขอ๎ ใหญํ จงึ ต๎องจดั การศกึ ษาใหเ๎ ข๎มแข็งขึน้ ” กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 กลาํ วโดยสรุป การศึกษาเปน็ สิง่ สาคญั สร๎างคนใหม๎ คี วามรู๎ ความสามารถ เป็นพืน้ ฐานทีจ่ าเปน็ ในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ไิ ด๎แกํ การศึกษาความรทู๎ างวิชาการ ความรู๎ ปฏบิ ตั กิ าร และความรค๎ู ดิ อาํ นตามเหตุผลความเปน็ จรงิ มคี วามจรงิ ใจและบริสทุ ธิ์ใจตอํ งาน/ผู๎รวํ มงาน/ การรกั ษาระเบยี บแบบแผนความดงี าม หมั่นสารวจความบกพรํองของตนเอง และแก๎ไขฝึกฝนให๎มี ความสงบหนกั แนํนทง้ั ทางกาย ใจ และวาจา
63 กกกกกกก2. 2.5 หน้าท่แี ละความรับผดิ ชอบตอ่ บ้านเมอื ง กกกกกกก2. 2.5 หน๎าที่ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรือความหมายของหนา๎ ท่ี คือ กจิ ทีจ่ ะต๎องทาดว๎ ยความรับผิดชอบ กกกกกกก2. 2.5 ความรับผิดชอบ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คา จากัดความ หรือความหมายของความรผู๎ ดิ ชอบ คอื ยอมรบั ผลทัง้ ท่ีดแี ละไมดํ ใี นกิจการท่ีตนได๎ทาลง ไปหรอื ที่อยใูํ นความดแู ลของตน เชํน สมหุ ๑บญั ชีรบั ผดิ ชอบเรอื่ งเกย่ี วกับการเงนิ , รับเป็นภารธรุ ะ เชนํ งานน้เี ขารับผิดชอบเร่ืองอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉันรบั ผดิ ชอบทุกอยํางในบา๎ นเอง กกกกกกก2. 2.5 บ๎านเมอื ง จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของบ๎านเมอื ง คือ ประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.5 กลําวโดยสรุป หนา๎ ทแ่ี ละความรับผิดชอบตอํ บา๎ นเมอื ง หมายถงึ บคุ คลทอ่ี ยใํู น สังคม มีหนา๎ ที่ และความรบั ผดิ ชอบตอํ สํวนรวม สงั คม และประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั หน๎าทีแ่ ละความรับผดิ ชอบตํอบ๎านเมอื งไว๎ เนื่องในโอกาสขึน้ ปีใหมํ 2519 วันท่ี 31 ธนั วาคม 2518 ดงั น้ี “ อันแผํนดินไทยของเรานี้ ถึงจะเป็นที่เกดิ ทอ่ี าศัยของคนหลาย เชอ้ื ชาติ หลายศาสนา แตํเราก็อยูรํ วํ มกนั โดยปกติราบรน่ื มาไดเ๎ ปน็ เวลาชา๎ นาน เพราะเราตํางสมัครสมานกันอุตสําหช๑ วํ ยกันสร๎างบ๎านเมอื ง สร๎างความเจรญิ สร๎างจิตใจ สรา๎ งแบบแผนทด่ี ีขนึ้ เป็นของเราเอง ซ่งึ แม๎ นานาประเทศก็นาํ จะนาไปเปน็ แบบฉบบั ได๎ เพราะฉะนั้น ถ๎าเราทั้งหลาย มีสามัคคี มีเหตผุ ลอันหนักแนนํ และมีความร๎คู วามเขา๎ ใจอนั ถูกตอ๎ งชดั เจน ในสถานการณท๑ เ่ี ป็นจริง ตาํ งคนตาํ งรวํ มมอื รวํ มความคดิ กันในอนั ทีจ่ ะ ชวํ ยกันผํอนคลายป๓ญหา และ สถานการณ๑ทหี่ นักใหเ๎ ป็นเบา ไมนํ าเอา ประโยชนส๑ วํ นนอ๎ ยเขา๎ มาเกี่ยวข๎อง ใหเ๎ สยี หายถึงประโยชนส๑ ํวนใหญํ ของชาตบิ ๎านเมอื ง เช่อื วําเราจะสามารถรกั ษาชาตปิ ระเทศ และความผาสุก สงบทเี่ ราได๎สร๎างสมและ รกั ษาสืบตอํ กนั มาชา๎ นานนั้นไวไ๎ ด๎ ” กกกกกกก2. 2.5
64 กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ียวกับหนา๎ ท่แี ละความรับผดิ ชอบตอํ บ๎านเมอื ง เน่อื งในพธิ เี ปดิ งานชมุ นุมลูกเสอื แหํงชาติ คร้ังที่ 6 ณ คํายลูกเสอื วชิราวธุ อาเภอศรีราชา จงั หวดั ชลบุรี วนั ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ดงั น้ี “ ในบา๎ นเมอื งน้ัน มที ั้งคนดีและคนไมํดี ไมํมใี ครจะทาให๎คนทุก คนเป็นคนดไี ด๎ทัง้ หมด การทาใหบ๎ ๎านเมืองมีความปกตสิ ุขเรยี บร๎อย จงึ มใิ ชํ การทาให๎ทุกคนเปน็ คนดี หากแตํอยูํทก่ี ารสํงเสรมิ คนดี ใหค๎ นดีได๎ปกครอง บ๎านเมือง และควบคุมคนไมํดีไมใํ ห๎มอี านาจ ไมใํ หก๎ ํอความเดอื ดร๎อนวนุํ วาย ได๎ ” กกกกกกก2. 2.5 กกกกกกก2. 2.5 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ที่และความรบั ผดิ ชอบตอํ บ๎านเมอื งของคนในชาติ ต๎องมีความ รัก ความสามัคคี มีเหตผุ ล มคี วามร๎ู ชวํ ยกันสร๎างความเจรญิ ปลกู ฝง๓ ความดีงามใหก๎ ับจิตใจของคนกก กกกกก2. 2.5 หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ ตอ๎ งมคี วามรัก ความสามคั คี ศึกษาหาความร๎ู เพอ่ื นามาพฒั นาประเทศให๎เจริญก๎าวหน๎า รวมถงึ ชวํ ยปลกู ฝง๓ จริยธรรมให๎กับบคุ คลทีเ่ ก่ยี วขอ๎ ง และชํวยกันอนรุ ักษว๑ ัฒนธรรมประเพณีของไทยใหค๎ งอยูํตลอดไป กกกกกกก3. หนา้ ท่ีพลเมืองตามพระราชดารสั ที่เกี่ยวขอ้ งกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของความพอประมาณ คือ เพยี งปานกลาง เชนํ มฐี านะดพี อประมาณ กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ พอประมาณในทุกอยําง ความพอดีไมมํ าก หรอื วาํ นอ๎ ยจนเกินไป โดยตอ๎ งไมํเบยี ดเบียนตนเอง หรอื ผู๎อืน่ ให๎เดอื ดรอ๎ น กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง การร๎จู กั ประมาณตน กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีทีไ่ มํนอ๎ ยเกนิ ไป และไมมํ ากเกนิ ไป โดยไมํ เบียดเบียนตนเองและผอู๎ ื่น เชํน การผลติ และการบริโภคทอ่ี ยใูํ นระดบั พอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 กลาํ วโดยสรุป ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดใี นทกุ อยาํ ง ไมมํ ากไมํนอ๎ ย จนเกินไป เหมาะสม ไมํเบียดเบยี นผอ๎ู นื่ ร๎ูจักประมาณตน กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกีย่ วกบั ความพอประมาณเนอื่ งในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสติ ดาลัย สวนจิตรลดารโหฐานพระราชวังดสุ ิต วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดังน้ี
65 “ พอเพยี งนี้ อาจมีมาก อาจจะมีของหรหู รากไ็ ด๎ แตตํ ๎องไมํ เบยี ดเบียนคนอืน่ ต๎องใหพ๎ อประมาณตามอตั ภาพ พูดจาพอเพยี ง ทาอะไรก็ พอ ปฏิบตั ิกพ็ อเพียง ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกับ ความพอประมาณเน่อื งในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสติ ดาลัย วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดงั นี้ “ คนเราถา๎ พอในความต๎องการ กม็ คี วามโลภน๎อย เมอ่ื มีความโลภ น๎อย ก็เบียดเบยี นคนอ่ืนน๎อย ถ๎าทุกประเทศมีความคดิ อนั น้ไี มใํ ชเํ ศรษฐกิจ มคี วามคดิ วํา ทาอะไรต๎องพอเพียง หมายความวํา พอประมาณ ไมํสุดโตงํ ไมํโลภมาก คนเรากอ็ ยํู เป็นสุข ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั ความพอประมาณ เน่ืองในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ติ ดาลยั วันท่ี 4 ธันวาคม 2539 ดงั นี้ “ การเป็นเสอื นัน้ ไมํสาคัญ สาคัญอยูทํ ่ีเรามีเศรษฐกจิ แบบ พอมพี อกิน แบบพอมีพอกนิ น้นั หมายความวํา อุม๎ ชตู ัวเองได๎ ให๎มคี วาม พอเพยี งกับตัวเอง อันนกี้ เ็ คยบอกวาํ ความพอเพยี งนี้ ไมํได๎หมายความวํา ทกุ ครอบครวั จะตอ๎ งผลติ อาหารของตัว จะตอ๎ งทอผา๎ ใสเํ อง อยํางนน้ั มันเกิ นไป แตํวําในหมํูบา๎ น หรือในอาเภอจะต๎องมีความพอเพียง พอสมควร บางสงิ่ บางอยาํ งทผ่ี ลติ ได๎มากกวาํ ความต๎องการ ก็ขายได๎ แตขํ ายในท่ีไมหํ าํ งไกลเทาํ ไหรํ ไมํต๎องเสยี คาํ ขนสํงมากนกั ”
66 กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั ความพอประมาณ เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ดงั น้ี “ การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตา มลาดับข้นั ต๎องสรา๎ งพนื้ ฐาน คือ ความพอมีพอกนิ พอใชข๎ องประชาชนสํวนใหญเํ ป็นเบ้อื งตน๎ กํอน โดยใช๎ วิธีการและใชอ๎ ปุ กรณท๑ ีป่ ระหยดั แตถํ ูกตอ๎ งตามหลักวิชา เม่ือได๎พ้ืนฐานมั่นคง พรอ๎ มพอควรและปฏิบัตไิ ดแ๎ ลว๎ จงึ คํอยสรา๎ งคอํ ยเสริมความเจริญและฐานะ เศรษฐกิจขนั้ ทส่ี ูงขึน้ โดยลาดบั ตํอไป หากมํุงแตํจะทํมุ เทสรา๎ งความเจรญิ ยกเศรษฐกิจขึ้น ให๎รวดเรว็ แตปํ ระการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏบิ ัตกิ ารสมั พันธ๑ กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ๎ งดว๎ ย ก็จะเกิดความ ไมํสมดลุ ในเรือ่ งตําง ๆ ขึน้ ซึง่ อาจกลายเปน็ ความยุํงยากลม๎ เหลวได๎ในที่สุด ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกยี่ วกับความพอประมาณ เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย วนั ท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2534 ดังน้ี “ เราไมํเปน็ ประเทศรา่ รวย เรามีพอสมควร พออยไูํ ด๎ แตํไมํเปน็ ประเทศท่กี ๎าวหน๎าอยํางมาก เราไมํอยากจะเปน็ ประเทศกา๎ วหน๎าอยํางมาก เพราะถา๎ เราเป็นประเทศกา๎ วหน๎าอยํางมากก็จะมีแตถํ อยกลับ ประเทศ เหลํานนั้ ทีเ่ ป็นประเทศ อตุ สาหกรรมกา๎ วหนา๎ จะมแี ตํถอยหลงั และถอยหลัง อยาํ งนํากลัว แตถํ า๎ เรามีการบริหารแบบเรยี กวําแบบคนจน แบบทไี่ มํตดิ กบั ตารามากเกินไป ทาอยาํ งมสี ามัคคีนแ่ี หละคือเมตตากนั จะอยูํได๎ตลอดไป” กกกกกกก3. 3.1 กลําวโดยสรปุ ความพอประมาณ จะเกิดขนึ้ ได๎ โดยรูจ๎ กั ตนเอง มคี วามซ่ือสตั ยแ๑ ละ ความเพียร เดินทางสายกลาง และพอใจในสง่ิ ทตี่ นมีอยํู
67 กกกกกกก3. 3.1 หน๎าท่พี ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 1. รูต๎ นเองเสมอ วาํ กาลังทาอะไร กกกกกกก3. 3.1 2. มคี วามซอื่ สัตยส๑ ุจริตและความเพยี ร กกกกกกก3. 3.1 3. ดาเนนิ การตามแนวทางสายกลาง หลกี เลีย่ งการกระทาท่สี ุดโตํง กกกกกกก3. 3.2 ความมเี หตผุ ล กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความมเี หตผุ ล คอื เหตุ, เหตุและผล กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจเกย่ี วกบั ระดบั ของความพอเพียงนน้ั จะตอ๎ ง เปน็ ไปอยํางมีเหตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุป๓จจยั ทเี่ กยี่ วขอ๎ ง ตลอดจนคานึงถงึ ผลทีค่ าดวําจะเกิดขึ้น จากการกระทานนั้ ๆ อยาํ งรอบคอบ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล หมายถึง มนุษย๑เราให๎เหตผุ ลสนับสนนุ ความเชอ่ื และเพ่ือหาความ จริง หรือข๎อสรปุ ในเรือ่ งท่ีต๎องการศึกษา กกกกกกก3. 3.2 กลาํ วโดยสรุป ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสนิ ใจอยาํ งรอบคอบ และมีเหตมุ ีผล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จ๓ จยั ทีเ่ กี่ยวข๎อง กกกกกกก3. 3.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ยี วกบั ความมเี หตุผลเนอ่ื งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดา พระราชวงั ดุสิตฯ วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2548 ดังน้ี “ ถา๎ น้ามันเชอื้ เพลงิ หมดแลว๎ กใ็ ชเ๎ ชอ้ื เพลิงอยํางอื่นได๎มแี ตตํ อ๎ งขยัน หาวิธีทที่ าให๎เชอ้ื เพลงิ เกดิ ใหมํ เช้อื เพลิงทเี่ รียกวํานา้ มนั น้ันมนั จะหมดภายใน ไมกํ ป่ี หี รอื ไมกํ ่ีสบิ ปกี ห็ มด ถา๎ ไมํไดท๎ าเช้ือเพลงิ ทดแทน เราก็เดือดรอ๎ น ” กกกกกกก3. 3.2 กลาํ วโดยสรุป ความมีเหตุผลตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มํุงสอนให๎ พลเมืองไทย มีความคดิ อยํางรอบคอบโดยพิจารณาจากปจ๓ จยั ท่ีเก่ียวขอ๎ ง และคานึงถึงผลท่ีจะเกิดขนึ้ จากการกระทาน้ัน กกกกกกก3. 3.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ด๎แกํ กอํ นการทาสง่ิ ใดก็ตาม ควรมีการวางแผน อยาํ งรอบคอบ โดยไมํทาให๎ตนเองและสงั คมเดอื ดรอ๎ น กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู ิคุ้มกนั กกกกกกก3. 3.3 ความมภี ูมิคมุ๎ กัน จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คา จากดั ความ หรือความหมายของความมีภูมิคุ๎มกนั คอื สภาพทรี่ ํางกายมีแรงตอํ ตา๎ นเชือ้ โรคท่เี ข๎าสูํ รํางกาย, ภูมติ ๎านทาน ก็เรยี ก
68 กกกกกกก3. 3.3 ความมภี ูมคิ มุ๎ กนั หมายถึง การเตรยี มตวั ใหพ๎ ร๎อมรับผลกระทบและการเปล่ยี นแปลง ด๎านตาํ ง ๆ ทจ่ี ะเกดิ ขึ้น โดยคา นงึ ถึงความเป็นไปได๎ของสถานการณ๑ ตาํ ง ๆ ท่คี าดวําจ ะเกดิ ขนึ้ ใน อนาคตท้งั ใกลแ๎ ละไกล กกกกกกก3. 3.3 กลําวโดยสรปุ ความมีภูมคิ มุ๎ กัน หมายถึง การเตรียมใจใหพ๎ ร๎อมรบั ผลกระทบ และความเปลย่ี นแปลงที่จะเกิดขนึ้ ในอนาคต โดยภมู ิค๎ุมกันพ้นื ฐานทท่ี ุกคนควรมี คือ การจดั สรรปน๓ สํวนทรพั ย๑สินของเรา เก็บเป็นเงินสารองประมาณ 6 เทาํ ของรายจาํ ยเฉล่ียของครอบครัว แนะนาเกบ็ ออมในสินทรพั ยท๑ ่มี ีสภาพคลอํ ง เชํน เงินฝากออมทรัพย๑ หรอื สนิ ทรพั ยท๑ ่ีสามารถเบิกถอนมาใช๎ได๎ ภายในระยะเวลาสั้น กกกกกกก3. 3.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกับความมภี ูมิค๎ุมกันไว๎ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตรลดา พระราชวังดุสติ วนั ท่ี 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 ดังนี้ “ ถ๎าไมมํ ีเศรษฐกิจพอเพียงเวลาไฟดับจะพังหมดจะทาอยาํ งไรท่ี ทตี่ อ๎ งใช๎ไฟฟูากต็ ๎องแยไํ ป หากมี เศรษฐกจิ พอเพยี งแบบไมเํ ตม็ ท่ี ถา๎ เรามี เครือ่ งป๓่นไฟ ก็ใหป๎ น่๓ ไฟ หรือถา๎ ขัน้ โบราณกวาํ มืดก็จุดเทียน คือมีทางท่จี ะ แกป๎ ญ๓ หาเสมอ ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพยี งนีก้ ม็ เี ป็นขัน้ ๆ แตจํ ะบอกวํา เศรษฐกจิ พอเพียงนี้ ให๎พอเพยี งเฉพาะตวั เองร๎อ ยเปอร๑เซน็ ต๑ นีเ่ ปน็ สิง่ ที่ทา ไมไํ ด๎ จะต๎องมกี ารแลกเปลยี่ น ตอ๎ งมกี ารชํวยกนั พอเพียงในทฤษฎีหลวงน้ี คอื ให๎สามารถท่ีจะดาเนินงานได๎ ” กกกกกกก3. 3.3 กลําวโดยสรุป ความมีภูมิคมุ๎ กันเปน็ การเตรียมตัวให๎พร๎อมตํอการเปลีย่ นแปลงใน ทกุ ดา๎ น โดยการวเิ คราะห๑ความเส่ียง ใช๎ประสบการณเ๑ ดมิ มาชวํ ยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใชใ๎ นโอกาส ตํอไป กกกกกกก3. 3.3 หน๎าทพ่ี ลเมอื งดี มแี นวปฏิบตั ิ `ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.3 ข๎อ 1 วิเคราะห๑ภารกิจทกุ แงมํ ุมเพ่อื ลดความเส่ียง กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 2 ใชป๎ ระสบการณ๑เดมิ และขอ๎ มลู จากบคุ คลอื่นมาชํวยในการตัดสนิ ใจ กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 3 ค๎นหาและเปรยี บเทียบความเปน็ ไปไดท๎ ่เี หมือนหรอื แตกตํางกนั ประกอบการตดั สนิ ใจ กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 4 รวบรวมข๎อมลู เร่อื งราวตาํ ง ๆ ไวใ๎ ชใ๎ นโอกาสตํอไป
69 กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความรู้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน.ศพ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของความรู๎ คือ สิ่งที่สั่งสมมาจากการศึกษาเลาํ เรียน การคน๎ ควา๎ หรอื ประสบการณ๑ รวมทัง้ ความสามารถเชิงปฏิบัตแิ ละทกั ษะ เชํน ความรเู๎ ร่อื งประวัติศาสตร๑, สิง่ ท่ีไดร๎ บั มาจากการได๎ยิน ได๎ฟ๓ง การคดิ หรอื การปฏบิ ัติ เชํน ความรูเ๎ ร่ืองสุขภาพ ความร๎ูเรือ่ งนิทานพ้ืนบ๎าน กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู หมายถึง ความเขา๎ ใจในเรือ่ งบางเร่ือง หรอื สงิ่ บางส่งิ ซึง่ อาจจะรวม ไปถงึ ความสามารถในการนาส่ิงนัน้ ไปใช๎เพอ่ื เปูาหมายบางประการ ความสามารถในการรบู๎ างอยํางน้ี เป็นส่ิงสนใจหลักของวชิ าปรัชญา (ทีห่ ลายครั้งกเ็ ปน็ เร่ืองทม่ี ีการโตเ๎ ถยี งอยํางมาก) และมีสาขาท่ีศกึ ษา ด๎านน้ีโดยเฉพาะเรยี กวาํ ญาณวทิ ยา (epistemology) ความร๎ูในทางปฏิ บตั ิมกั เปน็ สง่ิ ท่ที ราบกันใน กลุํมคน และในความหมายน้เี องทคี่ วามรนู๎ นั้ ถูกปรับเปลย่ี นและจัดการในหลาย ๆ แบบ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถึง ส่ิงท่สี ัง่ สมมาจากการศกึ ษาเลําเรยี น การค๎นควา๎ หรือ ประสบการณ๑ รวมทั้งความสามารถเชงิ ปฏิบัติ และทักษะความเขา๎ ใจ หรื อสารสนเทศทไ่ี ด๎รับมาจาก ประสบการณ๑ สิ่งที่ได๎รับมาจากการไดย๎ ิน ได๎ฟ๓ง การคิด หรือการปฏิบัติองคว๑ ชิ าในแตํละสาขา กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถงึ เกิดจากการตีความ แปลความ ตามความเขา๎ ใจของแตํ ละคน ซึ่งมาจากประสบการณ๑ ทักษะการเรียน ความเช่ือ ซ่ึงจะมาเปน็ ตวั ชวํ ยในการตคี วามดว๎ ย ความรจู๎ ะเกิดมาจากความจาเป็นอนั ดบั แรก แล๎วเข๎าใจจนเกิดการนาไปใชใ๎ ห๎บรรลุเปาู หมาย ความรู๎ เป็นกระบวนการหนึง่ ของการเรียนร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถงึ การเรียนร๎ูที่เนน๎ ถึงการจาและการระลกึ ไดถ๎ ึงความคดิ วตั ถุ และปรากฏการณต๑ ําง ๆ ซ่ึงเปน็ ความจาทีเ่ ริ่มจากสิ่งงาํ ย ๆ ท่เี ป็นอสิ ระแกกํ นั ไปจนถึงความจา ในสง่ิ ทย่ี ุงํ ยากซับซอ๎ น และมคี วามสัมพันธร๑ ะหวํางกัน กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 กลําวโดยสรปุ ความรู๎ หมายถึง ส่งิ ทท่ี าใหค๎ นเขา๎ ใจ แล๎วนาความเข๎าใจนน้ั มาปฏิบตั ิ หรอื ประยกุ ต๑ใหเ๎ กดิ ประโยชน๑ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความรู๎ใหแ๎ กคํ ณะครูและนกั เรียนโรงเรียนจิตรลดา ณ หอ๎ งประชมุ โรงเรยี นจิตรลดา วันที่ 27 มนี าคม พ.ศ. 2523 ดังนี้
70 “ ความร๎ทู ่สี ะสมเอาไว๎ในตัวเปน็ สิง่ ท่สี าคัญ เป็นเหมือนประทปี สาหรับนาทางเราไปในการปฏบิ ัตติ นในชีวิต จะเป็นการศึกษาตอํ กต็ าม หรือจะเป็นการไปประกอบอาชพี การงานกต็ าม ค วามร๎ูน้ันจะเป็นเครอ่ื ง นาทางไปสํูความเจรญิ ความร๎ูทางวชิ าการกจ็ ะสามารถใหป๎ ระกอบอาชพี การงานทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ เทํากับเป็นสิง่ ท่ีจะเลี้ยงตวั เลีย้ งกายเรา ความร๎ู ในทางการประพฤติทดี่ ีจิตใจที่เขม๎ แขง็ ทซ่ี อื่ สัตยส๑ ุจริตนน้ั จะนาเราไป ได๎ทกุ แหงํ เพราะเหตวุ าํ ผท๎ู ่ีมคี วามซอ่ื สตั ย๑สุจริต ผูม๎ คี วามขยันหม่นั เพียร ผ๎มู คี วามตั้งใจท่ีแนํวแนํนน้ั ไมมํ ีทางทจ่ี ะลํมจม ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ยี วกับความรู๎ เนอ่ื งในพิธพี ระราชทาน ธงประจารุํนลกู เสอื ชาวบ๎าน จังหวัดสระบุรี ณ วดั หนองเข่ือนชา๎ ง อาเภอเมอื งสระบุรี จังหวัดสระบรุ ี วนั ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2519 ดังน้ี “ ความร๎นู ้นั แบงํ เปน็ 2 อยาํ ง ควา มรู๎เก่ียวขอ๎ ง กับกายและ ความร๎ทู เ่ี ก่ยี วขอ๎ งกบั ใจ ความรู๎เกยี่ วข๎องกบั กายทีไ่ ดฝ๎ ึกและท่ีได๎มาเรยี นร๎ูก็ คอื วธิ ที จ่ี ะรกั ษาตวั ให๎แขง็ แรง รักษาสิ่งของของตัวใหอ๎ ยูํ ให๎ดี และ สร๎างสรรค๑ใหส๎ ิ่งทใี่ ช๎ หรือสิง่ ทมี่ ีใหอ๎ ยํูดีและใหด๎ ีขน้ึ และทางจติ ใจทกุ คน มีความ ปรารถนาที่จะมีความสขุ ตอ๎ งมี ความสงบ ต๎องการมคี วามร๎ู ความสามารถก็ไดฝ๎ กึ ไดเ๎ รยี นร๎ู จากการพบปะกันในหมํลู ูกเสือชาวบ๎าน และ ไดร๎ บั ความรจ๎ู ากวทิ ยากร ความรู๎ท้งั หลายท้งั กายทงั้ ใจน้ี ก็เกดิ ประโยชน๑ แกํตวั ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกบั ความร๎ใู ห๎แกํคณะเยาวชนชายหญงิ จากถิ่นทรุ กันดารในเขต ปฏิบตั กิ ารของหนวํ ยพฒั นาการเคลือ่ นทตี่ ําง ๆ รวม 24 จังหวัด พรอ๎ มด๎วยพเี่ ลี้ยงและเจ๎าหนา๎ ท่ี ณ ศาลาดุสิดาลยั พระราชวงั ดุสติ วันท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2516 ดังนี้
71 “ ในชีวิตทกุ วัน ๆ กไ็ ดม๎ โี อกาสเข๎าโรงเรียน กห็ าความร๎ู แล๎วมี โอกาสที่จะได๎เห็นชีวิตของตวั เองและของคนอนื่ ขอให๎ถอื วาํ เป็นอาหา ร ทั้งนนั้ เป็นอาหารสมอง และเมอื่ ไดร๎ บั อาหารแล๎ว ใหไ๎ ปพจิ ารณา คอื ไป ไตรตํ รอง ไปคิดให๎ดี ถา๎ ทาเชนํ นแี้ ล๎ว ทกุ คนจะสามารถที่จะสร๎างตวั เอง ใหแ๎ ข็งแรง เพอื่ ท่จี ะทาประโยชนแ๑ กํตนเอง สรา๎ งบา๎ นเมือง สร๎างทอ๎ งที่ ของตัว สรา๎ งตนเองให๎เจริญตามท่ีทกุ คนต๎องการ ” กกกกกกก 3. 3.4 3.4.1 กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 กลาํ วโดยสรุป ความรมู๎ หี ลายประเภท ได๎แกํ ความร๎ทู เี่ กย่ี วขอ๎ งกบั การ ดาเนินชีวติ การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถึงความรท๎ู เ่ี ก่ียวขอ๎ งกบั การพฒั นาจติ ใจ ทาใหบ๎ คุ คล มีความเจริญกา๎ วหน๎าได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 หน๎าที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ศกึ ษาหาความร๎ูที่มีอยูํอยํางมากมาย เพ่อื นามาใชใ๎ นการดาเนนิ ชวี ิต ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอ รวมถึง นาความรูท๎ เ่ี กีย่ วข๎องกบั การ พฒั นาจิตใจมารํวมพัฒนาทง้ั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศให๎เจริญกา๎ วหนา๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวิชา และหลกั วิชาการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 1) หลกั วชิ า จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คา จากดั ความ หรอื ความหมายของหลกั วิชา คือ ความร๎ทู ่ีเปน็ หลักของแตํละวชิ า กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 2) หลักวิชาการ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ ใหค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของหลกั วชิ า คือ วชิ าความรสู๎ าขาใดสาขาหน่งึ หรือหลายสาขา เชํน บทความวิชาการ สัมมนาวิชาการ การประชุมวิชาการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ดังนนั้ หลกั วชิ า และหลักวชิ าการ แตกตาํ งกัน ดังนี้ หลกั วิชา คอื เน้ือหา ความรู๎ และหลักวิชาการ คอื นาความร๎มู าจดั กระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกีย่ วกบั หลกั วิชาเพอ่ื เชิญไปอาํ นในงานวนั อาหารโลก ณ สานักงาน องค๑การอาหารและเกษตรแหํงสหประชาชาติ สาขาภมู ภิ า คเอเชียและแปซฟิ ิก วันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2537 ดังน้ี “ การนาหลกั วชิ าการและเทคโนโลยีใด ๆ มาใช๎งานเกษตรกรรม จึงตอ๎ งพยายามระมัดระวังไมใํ หเ๎ ป็นการทาลายธรรมชาติ เพราะจะมผี ลกระทบ เสียหายแกกํ ารดารงชวี ติ ของมนษุ ยโ๑ ดยตรง ทัง้ ในปจ๓ จบุ ันและอนาคต ”
72 กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับหลักวิชาการ เนอื่ งในโอกาสวนั ปดิ ภาคเรยี นของโรงเรยี นจติ รลดา ปกี ารศกึ ษา 2514 ณ ศาลาผกาภิรมย๑ พระราชวังดสุ ติ วนั ที่ 25 มนี าคม พ.ศ. 2515 ดงั น้ี “ ความรใ๎ู นวิชาการเป็นสงิ่ หนง่ึ ทีจ่ ะทาให๎สามารถฟน๓ ฝาุ อุปสรรค ได๎เเละทาให๎เปน็ คนทม่ี ีเกียรติ เปน็ คนทสี่ ามารถเปน็ คนที่จะมีความพอใจได๎ ในตัววําทาประโยชนเ๑ เกํตนเอง เเละเเกสํ ํวนรวม นอกจากวิชาความรู๎ ก็จะตอ๎ งฝึกฝนในสิ่งทีต่ ัวจะตอ๎ งปฏิบัติให๎สอดคล๎องกบั สังคม สอดคลอ๎ ง กับสมัย เเละสอดคลอ๎ งกับศลี ธรรมที่ดีงาม ถา๎ ได๎ทงั้ วิชาการ ทัง้ ความ รู๎ รอบตวั เเละความรูใ๎ นชีวิตกจ็ ะทาใหเ๎ ป็นคนที่ครบ คนทจ่ี ะภูมิใจได๎ ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 กลาํ วโดยสรุป หลกั วชิ า และหลักวิชาการดังน้ี หลกั วิชา คือ เนื้อหาความรู๎ และหลกั วิชาการ คือ นาความรม๎ู าจัดกระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ ตอ๎ งคานงึ เสมอวําความร๎ูเป็นเสมือน ไฟ ต๎องเลอื กใช๎ให๎ถูกตอ๎ ง ฉะน้นั การใช๎ความรคู๎ ือดวงประทปี เปรียบกนั ไดห๎ ลายทาง ดวงประทปี เปน็ ไฟท่ีสอํ งแสงเพื่อนาทางไป ถ๎าใช๎ไฟนี้สํองในทางทถี่ กู ก็จะไปถงึ จดุ หมายปลายทางไดโ๎ ดยสะดวก เรยี บรอ๎ ย แตํถ๎าไมํระวังไฟนั้น อาจเผาผลาญให๎บา๎ นชํองพนิ าศลงได๎ ความรเู๎ ปน็ แสงสวํางท่ีจะนาเรา ไปสคูํ วามเจรญิ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบร๎ู จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรือความหมายของรอบร๎ู คือ รูห๎ ลายอยาํ ง, รูก๎ ว๎างขวาง, เชนํ เขารอบร๎ูในเรอ่ื งกฎหมาย กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบคอบ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากัดความ หรอื ความหมายของรอบคอบ คือ ทั่ว , ถว๎ นถ่ี , เชนํ พจิ ารณาอยาํ งรอบคอบ , ระวงั เหตุการณ๑ข๎างหน๎าข๎างหลังเสมอ, ไมํเผอเรอ, เชํน ดูแลให๎รอบคอบ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ระมดั ระวงั จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของระมัดระวงั คือ ดูแลให๎ปลอดภัย, ดแู ลอยาํ งรอบคอบ ไมใํ หพ๎ ลงั้ พลาด , เชํน ระมดั ระวงั ให๎ดเี วลาขา๎ มถนน ระมดั ระวังเร่ืองสายไฟฟาู รั่วใหม๎ าก กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 กลําวโดยสรุป รอบรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวงั หมายถงึ การศกึ ษาหาข๎อมูล กอํ นการปฏิบตั โิ ดยคานึงผลทีจ่ ะตามมา อยํางรอบคอบและระมัดระวงั
73 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกับรอบร๎ู เนอ่ื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรและอนปุ รญิ ญา บตั รแกผํ ูส๎ าเรจ็ การศึกษาจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัยประจาปกี ารศึกษา 2515 ณ หอประชุม จุฬาลงกรณม๑ หาวิทยาลยั วนั ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ดังน้ี “ ทุกคนจาเปน็ ต๎องหมน่ั ใช๎ปญ๓ ญาพิจารณา การกระทาของ ตนใหร๎ อบคอบอยเํู สมอ ระมัดระวังทาการทกุ อยาํ งดว๎ ยเหตุผล ด๎วยความมสี ติ และด๎วยความรู๎ตัว เพื่อเอาชนะความช่ัวรา๎ ยทั้งมวลใหไ๎ ด๎โดยตลอด และ สามารถก๎าวไปถึงความสาเรจ็ ทีแ่ ทจ๎ รงิ ทง้ั ในการงานและการครองชีวิต ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั รอบคอบ เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวงั ดุสติ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ดังน้ี “ ฉะน้นั การท่ีจะทาโครงการอะไร จะต๎องทาด๎วยความรอบคอบ และอยาํ ตาโตเกนิ ไป คือ บางคนเห็นวํามโี อกาสท่ีจะทาโ ครงการอยาํ งโน๎น อยํางน้ี และไมไํ ดน๎ ึกถงึ วําปจ๓ จยั ตําง ๆ ไมํครบ ป๓จจยั หนึ่งคือขนาด ของโรงงาน หรอื เครื่องจกั รทส่ี ามารถทจี่ ะปฏบิ ัตไิ ด๎ แตํข๎อสาคญั ทสี่ ดุ คือ วตั ถดุ ิบ ถา๎ ไมํสามารถทจี่ ะให๎คําตอบแทนวัตถุดบิ แกเํ กษตรกร เกษตรกร กจ็ ะไมผํ ลิต ยิง่ ถ๎าวตั ถุดิบสาหรับใช๎ในโรงงานนน้ั เปน็ วตั ถดุ บิ ท่ตี อ๎ งนามาจาก ระยะไกล หรอื นาเขา๎ ก็จะย่งิ ยาก เพราะวําวัตถุดิบท่ีนาเข๎านัน้ ราคา ย่ิงแพง บางปีวัตถดุ บิ นนั้ มบี รบิ รู ณ๑ ราคาอาจจะต่าลงมา แตเํ วลาจะขาย ส่ิงของท่ผี ลิตจากโรงงาน กข็ ายยากเหมือนกนั เพราะวํามีมาก จงึ ทาใหร๎ า คา ตก นกี่ เ็ ปน็ กฎเกณฑ๑ท่ีตอ๎ งมี”
74 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับความระมดั ระวงั เนอื่ งในการแถลงการณ๑ สภาการวทิ ยุ และโทรทศั น๑แหงํ ชาตติ ามแนวปรชั ญาเศร ษฐกิจพอเพียง (สวชพ .) เรอ่ื ง “การใช๎เสรภี าพ เพอื่ ความปรองดองสมานฉันท๑ ” ในวันนกั ขาํ ว วนั ท่ี 5 มนี าคม พ.ศ. 2520 ดงั นี้ “ การมีเสรภี าพน้นั เป็นของดอี ยํางยง่ิ แตํเม่ือจะใช๎ จาเป็นตอ๎ งใช๎ ดว๎ ยความระมดั ระวัง และความรับผิดชอบ มใิ หล๎ วํ งละเมิดเสรภี าพของผ๎ูอนื่ ทเี่ ขามอี ยเํู ทําเทียมกนั ท้งั มิให๎กระทบกระเทอื นถึงสวัสดิภาพ และความ เปน็ ปกติสขุ ของสํวนรวมด๎วย มฉิ ะนน้ั จะทาให๎มีความยํุงยาก จะทาสังคม และชาตปิ ระเทศต๎องแตกสลายจนสิน้ เชิง ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 กลําวโดยสรุป รอบร๎ู รอบคอบ และระมัดระวัง ได๎แกํ การศกึ ษาหาข๎อมูล กอํ นการปฏบิ ตั ิโดยคานึงผลท่ีจะตามมา อยํางรอบคอบและระมดั ระวงั กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 หน๎าทพี่ ลเมอื งดี มแี นวปฏบิ ัติ ได๎แกํ การดาเนินชวี ติ อยํางมีเหตุผลรอบคอบ ระมดั ระวัง อยํรู ํวมกับผอ๎ู ื่นดว๎ ยความรับผิดชอบ ไมํเบยี ดเบียนผอ๎ู ื่น เห็นคณุ คําของทรัพยากรตาํ ง ๆ มกี ารวางแผนปอู งกันความเสี่ยง และพร๎อมรบั การเปลี่ยนแปลง กกกกกกก3. 3.5 เงอ่ื นไขคุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซ่อื สัตย์สจุ ริต กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซ่ือสตั ย๑ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของความซ่ือสัตย๑ คือ ประพฤติตรงและจรงิ ใจ, ไมคํ ดิ คดทรยศ, ไมคํ ดโกง และไมํหลอกลวง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) สุจริต จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คา จากัดความหรอื ความหมายของสุจรติ คอื ความประพฤติชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) กลาํ วโดยสรปุ ความซื่อสัตยส๑ ุจรติ หมายถึง การยึดม่ันในความสัตย๑ จรงิ และในสงิ่ ท่ีถกู ต๎องดงี าม มีความซื่อตรง และมเี จตนาท่บี ริสุทธ์ิ ปฏบิ ตั ิตํอต นเองและผ๎อู ่นื โดยชอบ ไมคํ ดโกง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ความซอื่ สัตย๑สุจริต เน่อื งในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร ของจฬุ าลงกรณ๑มหาวิทยาลยั ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วนั ท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ดงั น้ี
75 “ คนที่ไมมํ คี วามสจุ ริต คนทีไ่ มมํ ีความ มัน่ คง ชอบแตมํ ักงาํ ย ไมมํ ี วนั จะสรา๎ งสรรคป๑ ระโยชน๑สวํ นรวมทสี่ าคัญอันใดได๎ ผทู๎ มี่ ีความสุ จรติ และ ความมํงุ มัน่ เทํานัน้ จึงจะทางานสาคัญย่งิ ใหญทํ เ่ี ปน็ คณุ เปน็ ประโยชนแ๑ ทจ๎ ริง ไดส๎ าเร็จ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) กลําวโดยสรุป ความซ่อื สัตย๑สจุ ริตเป็นพน้ื ฐานของความดีทุกอยาํ ง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) หน๎าทพี่ ลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ตอ๎ งมจี ติ ใจทต่ี งั้ มนั่ เทย่ี งตรง มงุํ มัน่ ทาความดี และชวํ ยปลกู ฝง๓ ผูเ๎ กยี่ วข๎องให๎ตั้งใจทาความดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพยี ร และอดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพียร จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรือความหมายของความเพยี ร คอื ความบากบ่นั , ความกลา๎ แขง็ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความพากเพียร จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความพากเพียร คือบากบ่ัน, พยายาม, มงํุ ทาไมํท๎อถอย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความอดทน จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความอดทน คือ บกึ บึน, ยอมรบั สภาพความยากลาบาก กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) กลาํ วโดยสรปุ ความเพียร พากเพียร อดทน หมายถึง การปฏบิ ัติ หนา๎ ท่ีการงานและประกอบอาชพี ท่ีสุจริตอยํางกระตอื รอื รน๎ และตง้ั ใจจรงิ ให๎สาเร็จด๎วยความมานะ อดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราช ทานพระราชดารัสเกีย่ วกบั ความเพยี ร แกคํ ณะบุคคลตําง ๆ ทเี่ ขา๎ เฝูาฯถวายชยั มงคล ในพระราชพธิ ีกาญจนาภเิ ษก ณ พระทนี่ งั่ กาญจนา ภิเษก มณฑลพธิ ที อ๎ งสนามหลวง เมอื่ วนั ท่ี 9 มถิ นุ ายน พ.ศ.2539 ดงั น้ี “ ความเพยี รท่ถี กู ตอ๎ งเป็นธรรม และพึงประสงคน๑ ั้นคอื ความเพียร ท่ีจะกาจัดความเสื่อมให๎หมดไป และระวั งปูองกนั มใิ ห๎เกดิ ขึ้นใหมํ อยํางหน่ึง กับความเพยี รทีจ่ ะสร๎างสรรคค๑ วามดีงาม ใหบ๎ ังเกิดขน้ึ และระวังรกั ษา มใิ ห๎ เส่ือมสนิ้ ไป อยาํ งหนงึ่ ความเพียรท้งั สองประการนี้ เปน็ อปุ การะอยาํ งสาคัญ ตอํ การปฏิบัติตน ปฏิบตั ิงาน ถา๎ ทกุ คนในชาตจิ ะได๎ต้งั ตนตง้ั ใจอยใูํ นความ เพยี รดัง กลาํ ว ประโยชน๑และความสุขก็จะบังเกิดข้นึ พรอ๎ ม ทงั้ แกสํ ํวนตัว และสวํ นรวม ”
76 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกบั ความพากเพียร เนอื่ งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ณ อาคารสวนอัมพร วันท่ี 10 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ ความเพยี รทีจ่ ะเป็นกาลังไดต๎ อ๎ งมลี กั ษณะแขง็ กล๎า ไมํ ยอํ หยอํ นเสอื่ มคลายด๎วยอปุ สรร ค ดว๎ ยความยากลาบาก เหน็ดเหน่อื ย ประการใด ๆ หากแตํอุตสาหะ พยายามกระทาเรื่อยไปไมถํ อยหลงั แม๎หยดุ มอื ก็ยงั พยายามตดิ ตอํ ไปไมํทอดธุระ กาลังความเพยี ร จงึ ทาให๎ การงานไมํชะงกั ลาํ ช๎า มีแตํ ดาเนินรดุ หนา๎ เปน็ ลาดับไป จนบรรลุ ความสาเรจ็ โดยไมมํ ีส่งิ ใดจะยบั ยั้งขัดขวางได๎ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ความอดทน เนอ่ื งในพระราชทานแกํนกั เรียน นกั ศึกษา ครู และอาจารย๑ ในโอกาสเขา๎ เฝาู ฯ ณ อาคารใหมํสวนอมั พร วนั ที่ 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ดังน้ี “ การสร๎างสรรคต๑ นเอง การสร๎างบา๎ นเมืองกต็ าม มใิ ชวํ าํ สรา๎ ง ในวนั เดียว ตอ๎ งใช๎เวลา ตอ๎ งใชค๎ วามเพยี ร ตอ๎ งใชค๎ วามอดทน เสียสละ แตสํ าคญั ทส่ี ดุ คือความอดทน คือ ไมํยอํ ท๎อ ไมํยอํ ท๎อในส่งิ ทด่ี ีงาม ส่ิงท่ีดี งามนนั้ ทามันนําเบอ่ื บางทีเหมอื นวําไมํไดผ๎ ล ไมํดงั คอื ดมู ันครึทาดนี ่ี แตขํ อรับรองวาํ การทาให๎ดีไมํครตึ ๎องมคี วามอดทน เวลาข๎างหนา๎ จะเหน็ ผล แนํนอน ในความอดทนของตนเอง ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) กลาํ วโดยสรปุ ความเพียร พากเพียร และอดทน จะเกิดข้นึ ได๎จากการ ฝกึ ฝนจนเกิดเป็นนิสยั และกระตนุ๎ ให๎เกิดการทางานอยาํ งจรงิ จังจนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) หน๎าที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ ฝึกฝนความเพยี รจนเปน็ นิสัย ใหเ๎ ป็นพลังการทางานใด ๆ การฝกึ ฝนความเพียร ถงึ หากแรก ๆ จะรส๎ู กึ เหนด็ เหนือ่ ยลาบาก แตํได๎ เพยี รจนเปน็ นสิ ัยแล๎ว ก็จะกลับเป็นพลงั อยํางสาคัญท่คี อยกระตุ๎นเตือนใหท๎ างานอยํางจริงจงั ด๎วยใจ ราํ เรงิ
77 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และปญั ญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของสติ คือ ความรู๎สกึ , ความร๎ูสึกตัว , เชนํ ได๎สติ ฟ้นื คนื สติ สน้ิ สติ , ความรส๎ู กึ ผดิ ชอบ เชนํ มีสติ ไรส๎ ติ, ความระลกึ ได๎ เชํน ตัง้ สติ กาหนดสติ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) ป๓ญญา จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของป๓ญญา คอื ความรอบร๎ู, ความร๎ูทั่ว, ความฉลาดเกิดแตเํ รยี นและคิด, เชนํ คนมีปญ๓ ญา หมดปญ๓ ญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) กลาํ วโดยสรปุ สติ และป๓ญญา หมายถึง ป๓ญญารอบคอบ, ปญ๓ ญาร๎คู ดิ เชํน เขาเป็นคนมสี ติปญ๓ ญาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกบั สตเิ น่อื งในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ณ อาคารใหมํสวนอมั พร วันท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ดังน้ี “ ความบงั คบั ตนเองนน้ั เกดิ ขึน้ ได๎จากความรส๎ู กึ ระลกึ ได๎วาํ อะไร เปน็ อะไร หรอื เรยี กสัน้ ๆ วาํ \"สติ\" กลาํ วคือ กํอนทบี่ ุคคลจะทา จะพดู หรือแม๎แตจํ ะคิดเร่ืองตาํ ง ๆ สตหิ รือความร๎ูสกึ ระลกึ ไดน๎ น้ั จะทาให๎หยดุ คดิ วาํ ส่ิงท่ีจะทานัน้ ผิดชอบช่วั ดอี ยํางไร จะมผี ลเสยี หายหรอื จะเป็นประโยชน๑ อยาํ งไรในระยะยาว เมอื่ บุคคลคดิ ได๎ กจ็ ะสามารถตัดสนิ การกระทาของตน ไดถ๎ ูกต๎อง แล๎วก็จะกระทาแตํเฉพาะสิ่งท่สี ุจริตท่มี ปี ระโยชน๑อนั ยงั่ ยนื ไมํกระทาสิ่งทจี่ ะเปน็ ความผิดเสียหายทง้ั แกํตนและสวํ นรวม ความมสี ติน้ัน จะชวํ ยให๎สามารถศกึ ษาทกุ สงิ่ ทุกอยํางไดอ๎ ยาํ งละเอยี ดประณตี คือเมอ่ื จะ ศึกษาสงิ่ ใด กจ็ ะพิจารณากล่นั กรองส่ิงทีม่ ใิ ชํความถกู ต๎องแท๎จรงิ ออกเสยี กอํ น เพอ่ื ใหไ๎ ดม๎ าแตเํ นอื้ แท๎ทป่ี ราศจากโทษ บณั ฑิตท้ังปว งผห๎ู วัง ความม่นั คงปลอดภยั ท้ังของตนและของชาตบิ ๎านเมอื ง เมอื่ จะทาการงาน ใด ๆ ท่สี าคัญ ควรอยาํ งยงิ่ ที่จะหยดุ คดิ สกั หนํอยกอํ นทุกครง้ั แลว๎ ทํานจะ ไมํต๎องประสบกับความผดิ หวังและผดิ พลาดในชวี ติ ”
78 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั ป๓ญญาเนอื่ งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบมตั หราวทิ ยาลัยธรรมศาสตร๑ วันที่ 1 สงิ หาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ ป๓ญหาทกุ อยํางไมํวําเลก็ หรอื ใหญํ มที างแก๎ไขได๎ถ๎ารู๎จกั คิดใหด๎ ี ปฏบิ ัตใิ ห๎ถกู การคิดได๎ดนี ั้น มใิ ชกํ ารคดิ ไดด๎ ๎วยลูกคิด หรอื ด๎วยสมองกล เพราะโลกเราในป๓จจบุ ันจะววิ ัฒนาการไปมากเพียงใดก็ตาม กย็ ังไมํ มี เครอื่ งมอื อันวเิ ศษชนิดใดสามารถขบคดิ แก๎ไขปญ๓ หาตาํ ง ๆ ได๎อยาํ งสมบรู ณ๑ การขบคิดวินจิ ฉัยปญ๓ หา จึงต๎องใชส๎ ติป๓ญญา คือ คิดด๎วยสติรูต๎ ัวอยํูเสมอ เพอ่ื หยดุ ย้ังและปูองกันความประมาทผิดพลาดและอคตติ าํ ง ๆ มใิ หเ๎ กิดข้นึ ชวํ ยใหก๎ ารใช๎ป๓ญญาพจิ ารณาปญ๓ หาตาํ งๆ เป็นไปอยาํ งเที่ยงตรง ทา ให๎ เห็นเหตุเหน็ ผล ที่เก่ยี วเน่อื งกนั เปน็ กระบวนการไดก๎ ระจํางชดั ทกุ ข้นั ตอน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) กลาํ วโดยสรปุ สติ และป๓ญญาเปน็ ความสามารถในตัวบุคคล ทจ่ี ะ ทราบไดจ๎ ากพฤติกรรมทบี่ คุ คลแสดงออก ระดับของสติปญ๓ ญาสงั เกตไดจ๎ ากการแส ดงออกที่มีความ คลอํ งแคลวํ รวดเรว็ ความถกู ตอ๎ ง ความสามารถในการคิด การแกป๎ ญ๓ หาและการปรบั ตัว การใช๎ แบบทดสอบวัดสติป๓ญญาจะทาให๎ทราบระดบั สตปิ ญ๓ ญาชดั เจนขึน้ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ตอ๎ งหม่นั แสวงหาความรอู๎ ยํเู สมอ ผป๎ู รารถนาความเจรญิ ในการประกอบกิจการงาน จะต๎องหมนั่ เอาใจใสํแสวงหาความรูใ๎ ห๎เพ่มิ พนู อเสยมํู อ มฉิ ะนั้น จะกลายเป็นผท๎ู ลี่ า๎ สมัย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไม่เบียดเบยี น มีเมตตา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมเํ บียดเบยี น หมายถงึ ไมํทาให๎เดือดร๎อน เชํน โรคภยั ไข๎เจบ็ ไมมํ า เบยี ดเบียน หรอื บคุ คลผไู๎ มเํ บยี ดเบยี นผอู๎ น่ื ให๎ไดร๎ บั ความเดือดร๎อน มแี ตํความปรารถนาดีตํอผอ๎ู น่ื ด๎วยการเจริญเมตตาจิต ปรารถนาสุขให๎หมชํู น หรอื สงั คมอยรํู ํวมกนั อยํางเป็นสุข กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) มเี มตตา จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ า จากัดความ หรือความหมายของมีเมตตา คือ ความรักและเอ็นดู ,ความปรารถนาจะใหผ๎ ูอ๎ ่นื ได๎สุข , เป็น ๑ ในพรหมวหิ าร ๔ คือ เมตตา กรณุ า มทุ ิตา อุเบกขา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) กลําวโดยสรปุ ไมํเบยี ดเบียน มเี มตตา หมายถงึ บคุ คลผู๎ไมเํ บียดเบยี น ผูอ๎ ่นื ใหไ๎ ดร๎ บั ความเดอื ดร๎อน มีแตํความปรารถนาจะใหผ๎ อ๎ู ่ืนได๎สขุ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกบั ไมํเบียดเบียนให๎ แกํคณะบคุ คลทเี่ ขา๎ เฝาู ฯ ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วนั ที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ.2541 ดงั นี้
79 “ คนเราถา๎ พอใจในความต๎องการ กม็ ีความโลภน๎อย เมอื่ มีความ โลภนอ๎ ยกเ็ บียดเบยี นคนอ่ืนนอ๎ ย ถา๎ ทุกประเทศมีความคดิ วาํ ทาอะไรต๎อง พอเพียง หมายความวาํ พอประมาณ ไมํสุดโตํง ไมํโลภอยาํ งมาก คนเรากอ็ ยํู เปน็ สุข ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั มีเมตตาเนอื่ งในการเสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ สหี ัญชร พระท่ีนงั่ อนันตสมาคม พระราชวังดุสติ ในพระราชพิธีเฉลมิ ชนมพรรษา วนั ท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ.2555 ดังนี้ “ ความเมตตาปรารถนาดตี อํ กนั เป็นป๓จจัยอยํางสาคัญ ทีจ่ ะยัง ความพรอ๎ มเพรียงใหเ๎ กิดมขี นึ้ ทัง้ ในหมูคํ ณ ะ และในชาตบิ ๎านเมอื ง และถา๎ คนไทยเรา ยงั มคี ุณธรรมข๎อน้ีประจาอยํูจิตใจ ก็มคี วามหวงั ได๎วาํ บา๎ นเมืองไทยไมํวาํ จะอยํูในสถานการณ๑ใด ๆ กอ็ ยูํรอดปลอดภัย และดารง ความม่นั คงตอํ ไปไดต๎ ลอดรอดฝง๓่ อยํางแนนํ อน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) กลําวโดยสรปุ ไมํเบยี ดเบียน มเี มตตา จะเกดิ ข้ึนได๎ โดยการปลกู ฝง๓ คณุ ธรรมจากครอบครวั และสง่ิ แวดล๎อม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ การไมํทาใหผ๎ อ๎ู ่นื เดอื นรอ๎ น ทงั้ กาย วาจา และใจ มแี ตคํ วามปรารถนาดีตํอผ๎ูอื่น กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตั้งใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตงั้ ใจดี จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากัดความ หรอื ความหมายของต้งั ใจดี คอื มงุํ มัน่ ท่จี ะทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) คดิ ดี หมายถึง การคดิ ทีไ่ มยํ อมแพป๎ ๓ญหา และอุปสรรคแล๎วคิดวิธีแกไ๎ ข การคิดท่กี ระตุ๎นให๎ตวั เองเกดิ ความกระตือรือร๎น การมองเหตุการณ๑และผ๎ูอืน่ ในดา๎ นดมี ากกวาํ ดา๎ น ไมํดี การสรา๎ งความรสู๎ กึ ทดี่ ี แม๎สง่ิ ท่ีเผชิญอยจูํ ะทาใหเ๎ ครยี ด กังวล ก็ตาม
80 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ทาดี หมายถึง การปฏบิ ัตงิ านดว๎ ยความมุํงมน่ั ไมํยอํ ทอ๎ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) กลําวโดยสรุป ตงั้ ใจดี คิดดี และทาดี หมายถึง ความคดิ เป็นสิ่งสาคญั ทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงวิถีชวี ติ ของเรา หากคิดดีกจ็ ะมคี วามรู๎สกึ ทด่ี ี ๆ เม่อื มีความรสู๎ กึ ดี กจ็ ะมคี าพดู ทีด่ ี ๆ ตามมา สงํ ผลใหม๎ ีการกระทาท่ีดดี ๎วย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกีย่ วกบั ตั้งใจดี เนือ่ งในพธิ พี ระปฐมบรมราชโองการเน่อื งในพระราชพธิ ี บรมราชาภเิ ษก ณ พระทีน่ ่งั ไพศาลทกั ษิณ วันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ดงั น้ี “ เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพื่อประโยชน๑สขุ แหํงมหาชนชาวสยาม ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกย่ี วกับคดิ ดี เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั วันที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ดงั น้ี “ ถา๎ เราคดิ ดี ทาดี ไมใํ ชํแตํปากนะ ทาอยาํ งดจี รงิ ๆ คือ สรา๎ ง สมส่งิ ที่ดี ด๎วยการปฏิบัตใิ นสิง่ ทเี่ รยี กวําดี หมายความวํา ไมํเบียดเบียน ผู๎อ่นื สรา๎ งสรรค๑ทาใหม๎ ีความเจริญท้งั วตั ถทุ ้งั จิตใจ แล๎วไมํตอ๎ งกลวั ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกบั ทาดี เน่อื งในพิธีพระราชทานกระบ่แี ละปริญญาบตั รแกํวําที่ร๎อย ตารวจตรโี รงเรียนนายร๎อยตารวจ วนั ที่ 10 มนี าคม พ.ศ. 2529 ดงั น้ี “ การทา ความดนี ้นั โดยมากเปน็ การเดินทวนกระแสความ พอใจและความตอ๎ งการของมนษุ ย๑ จงึ ทาได๎ยากและเห็นผลชา๎ แตกํ ็ จาเป็นต๎องทา เพราะหากไมํ ความช่ัวซง่ึ ทางํายจะเขา๎ มาแทนท่ี แลว๎ พอก พูนข้นึ อยาํ งรวดเร็วโดยไมํรสู๎ ึกตวั ”
81 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) กลําวโดยสรุป ต้ังใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดกี ็จะมีความรส๎ู ึกทด่ี ี เม่ือมคี วามร๎ูสึกท่ีดกี จ็ ะมีคาพูดที่ดี สงํ ผลให๎มีการกระทาท่ีดีดว๎ ย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) หน๎าท่พี ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ต้ังใจดี คดิ ดี ทาดี คอื ตั้งใจทาใน สง่ิ ทด่ี ี ซ่ึงการต้งั ใจทาดีควรมีการลงมือปฏิบตั ิจึงจะเหน็ ผลอยาํ งแท๎จริง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผดิ ชอบ รบั ผิด และรับชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผิดชอบ หมายถงึ ลกั ษณะของบคุ คลทแ่ี สดงออกถงึ ความเอา ใจใสํ จดจอํ ตง้ั ใจ มํงุ มน่ั ตํอหน๎าที่การงาน การศึกษาเลาํ เรียน และการเป็นอยํูของตนเอง และ ผอ๎ู ยูํใน ความดูแล ตลอดจนสังคม อยาํ งเต็มความสามารถ เพอื่ ให๎บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามความมงุํ หมายในเวลาท่ี กาหนด ยอมรบั ผลการกระทาท้งั ผลดีและผลเสยี ที่เกดิ ขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) รบั ผิด หมายถงึ การยอมรับวําสิง่ ทต่ี นทามขี อ๎ ใดสํวนใดผดิ พลาด เสียหาย และเสยี หายเพราะเหตุใด ข๎อนี้มปี ระโยชน๑ ทาใหร๎ ูจ๎ กั พิจารณาการกระทาของตน พร๎อมทง้ั ขอ๎ บกพรอํ งของตนอยาํ งจริงจงั เปน็ ทางทจ่ี ะชวํ ยใหค๎ ิดหาวธิ ปี ฏิบัติแก๎ไข การกระทาและความ ผดิ พลาดตําง ๆ ให๎ถูกตอ๎ งสมบูรณไ๑ ด๎ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) รับชอบ หมายถงึ ร๎ูวาํ ส่งิ ทต่ี นทามสี ํวนใดทใ่ี ด ถกู ตอ๎ งแลว๎ คือถกู ตาม ความมุํงหมาย ตามหลักวิชา ตามหลกั วธิ ีการ ตามสถานการณ๑แลว๎ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) กลําวโดยสรปุ ความรับผดิ ชอบ รับผดิ และรบั ชอบ หมายถงึ ยอมรบั ผลทัง้ ทดี่ แี ละไมดํ ใี นกจิ การทต่ี นไดท๎ าลงไป หรอื ท่ีอยใูํ นความดูแลของตน เชํ น สมหุ บ๑ ญั ชีรับผดิ ชอบ เรอื่ งเก่ียวกบั การเงนิ , รบั เป็นภารธุระ เชํน งานน้เี ขารบั ผิดชอบเรือ่ งอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉันรับผิดชอบทกุ อยาํ งในบา๎ นเอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับความรับผดิ ชอบ เนือ่ งในพิธถี วายพระพรชยั มงคล ณ พระท่นี ั่ง อนันตสมาคม วันที่ 12 มิถนุ ายน พ.ศ. 2549 ดงั น้ี “ การทานบุ ารุงประเทศชาตนิ ้นั มิใชํเปน็ หน๎าทีข่ องผูห๎ นึง่ ผ๎ู ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรบั ผดิ ชอบของคนไทยทกุ คน ที่จะต๎อง ขวนขวายกระทาหนา๎ ทข่ี องตนให๎ดีที่สดุ เพ่อื ธารงรกั ษาและพฒั นาชาติ บ๎านเมอื งใหเ๎ จริญมน่ั คง และผาสุกรมํ เยน็ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาท เกยี่ วกบั ความรบั ผดิ เน่อื งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกํผู๎สาเร็จ การศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดงั น้ี
82 “ การรู๎จกั รับผิดหรือยอมรับรูว๎ ําอะไรผิด อะไรผิดพลาดเสียหาย และเสยี หายเพราะอะไร เพยี งใดนนั้ มปี ระโยชนท๑ าให๎บคุ คลร๎ูจกั พิจารณา ตนเอง ยอมรับความรับผดิ ชอบของตนเองโดยใจจริง เปน็ ทางทจี่ ะชํวยให๎ แกไ๎ ขความผดิ ได๎ และให๎รูว๎ าํ จะปฏบิ ัตแิ กไ๎ ขใหมํ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาท เก่ยี วกับความรับชอบ เน่อื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รแกํผู๎สาเรจ็ การศึกษาของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดังน้ี “ สวํ นการรูจ๎ ักรับชอบหรือรวู๎ าํ อะไรถูก อันได๎แกถํ ูกตามความ มงํุ หมาย ถูกตามหลกั วิชา ถูกตามวธิ กี ารน้ัน มีประโยชน๑ทาให๎ทราบแจ๎งวํา จะทาให๎งานสาเรจ็ สมบรู ณอ๑ ยาํ งไร จักไดถ๎ อื ปฏิบตั ติ อํ ไป ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) กลาํ วโดยสรปุ ความรับผดิ ชอบ รับผดิ และรบั ชอบจะแสดงถงึ ความ เอาใจใสมํ ุํงมั่นตอํ ภารกิจที่ทา ทกุ คนตอ๎ งมีความรบั ผดิ ชอบตํอหน๎าที่ การงาน การศกึ ษา อน่ื ๆ อยํางเตม็ ความสามารถเพื่อใหบ๎ รรลุผลสาเร็จตามจุดมํงุ หมาย และยอมรับผลการกระทาท่จี ะเกิดขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ประชาชนทุกคนตอ๎ งมคี วาม รบั ผดิ ชอบตอํ หน๎าท่กี ารงาน การศกึ ษาเลําเรียน และการเป็ นอยขํู องตนเอง และ ผูอ๎ ยูํในความดูแล ตลอดจนสงั คม อยาํ งเต็มความสามารถ เพ่อื ให๎บรรลุผลสาเรจ็ ตามความมํุงหมายในเวลาทีก่ าหนด ยอมรับผลการกระทาทั้งผลดแี ละผลเสยี ทเ่ี กิดข้นึ รับผดิ คือ การยอมรับวาํ สิ่งทีต่ นทามขี อ๎ ใดสํวนใด ผิดพลาดเสยี หาย และเสียหายเพราะเหตุใด ข๎อนม้ี ีประโยชน๑ ทาให๎รู๎จักพิจารณาการกระทาของตน พรอ๎ มทั้งข๎อบกพรอํ งของตนอยาํ งจริงจงั เปน็ ทางท่ีจะชวํ ยใหค๎ ิดหาวิธปี ฏบิ ตั แิ ก๎ไข กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หนา้ ที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน์สว่ นรวม ประโยชนส์ ว่ นตน และเสียสละ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน๑สํวนรวม หมายถงึ ผลประโยชนส๑ าธารณะ ยังหมายรวมถงึ หลักประโยชน๑ตํอมวลสมาชกิ ในสงั คม กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน๑สํวนตน หมายถงึ นกึ ถึงแตตํ ัวเอง หรือเห็นแกตํ ัว เชํน หากพวกเราทางานโดยนกึ ถึงแตปํ ระโยชนส๑ วํ นตวั องคก๑ รของเรากจ็ ะไมํกา๎ วหน๎า
83 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) เสยี สละ จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของเสียสละ คือให๎โดยยนิ ยอม, ใหด๎ ๎วยความเตม็ ใจ, เชํน ทหารเสยี สละ ชวี ิต เพ่อื ปกปูองเอกราชของชาติ พํอแมเํ สยี สละทุกสิง่ ทกุ อยาํ งไดเ๎ พือ่ ลูก กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) กลําวโดยสรปุ ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ วํ นตน และเสยี สละ หมายถงึ การเสยี สละเพอ่ื ใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซ่งึ เป็นความรับผดิ ชอบของทกุ คน และไมํเห็น แกปํ ระโยชน๑สวํ นตน กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกับประโยชน๑สวํ นรวมใหแ๎ กํนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร๑ ณ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร๑ วิทยาเขตปต๓ ตานี วันที่ 11 กนั ยายน พ.ศ. 2523 ดงั นี้ “ การทาเพอ่ื ประโยชน๑สํวนรวมนน้ั ได๎ประโยชน๑มากกวาํ ทา เฉพาะประโยชน๑สํวนตวั และบอกได๎วําคนไหนทาเพอื่ ประโยชน๑สวํ นตวั แท๎ ๆ ลว๎ น ๆ เชือ่ วําประโยชน๑น้ันจะไมํได๎ เทํากับรวบรวมของหนกั มาวางบนหวั แบกเอาไวต๎ ลอดเวลา ซ่ึงก็ไมํสบาย ก็หนัก ก็เหนือ่ ย แตํ ถา๎ ผูใ๎ ดทา เพือ่ สวํ นรวม ยง่ิ มากย่ิงดี ย่ิงเบา ยง่ิ คลํองแคลํววํองไว และยง่ิ มคี วามสุข ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกบั ประโยชน๑สวํ นตน เนอื่ งใ นพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนยี บตั ร และอนุปรญิ ญาบตั รแกํผ๎ูสาเรจ็ การศกึ ษา สาขาวชิ าและวชิ าตําง ๆ ของ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหมํ ณ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหมํ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2512 ดงั นี้ “ ผูท๎ ่ที างานให๎เกิดประโยชนแ๑ กสํ ํวนรวมยอํ มไดป๎ ระโยชน๑สํวนตน ด๎วย ผู๎ทีท่ างานโดยเหน็ แกตํ ัวเบียดเบยี นประโยชนส๑ ํวนรวม ยอํ มบนั่ ทอน ทาลายความมน่ั คงของประเทศชาติ และที่สดุ ตนเองกจ็ ะเอาตัวไมรํ อด ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั ความเสียสละ เน่อื งในพิธพี ระราชทานแกํคณะกรรมการสมาคม หนงั สือพมิ พแ๑ หํงประเทศไทย ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วันท่ี 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดงั นี้
84 “ การท่ีขอให๎ทาเพ่อื สวํ นรวมน้ี ก็ใชวํ ําแตลํ ะคนจะตอ๎ งเสียสละ ใหเ๎ หลือแตตํ ัวลอํ นจ๎อนเพื่อสงิ่ ทเ่ี รยี กวาํ สํวนรวม มใิ ชอํ ยํางนัน้ แตํหมายวาํ สละส่งิ ใดทส่ี ละได๎เพอ่ื ทจี่ ะใหส๎ วํ นรวมอยํูได๎ โดยจุดประสงคท๑ จี่ ะ สวํ นบคุ คลอยไูํ ด๎เหมือนกนั เพราะวําถ๎าสวํ นรวมอยํูไมํได๎ สํวนบคุ คลกอ็ ยํู ลาบาก นอกจากจะเปน็ ผ๎ูทเ่ี อาตวั รอดโดยแท๎ และลงท๎ายผทู๎ ี่เอาตัวรอด เหลํานั้นกจ็ ะนับวําเอาตวั ไมรํ อด เพราะวาํ ไมํมีเกียรติไมํมคี วามภูมิใจในตัว ฉะน้ันกข็ อร๎องใหส๎ มาชิกทั้งหลายพยายามท่จี ะพนิ จิ เคราะหใ๑ นการกระทา ในการเสนอขําวเสนอบทความ ใหเ๎ ป็นไปในทางท่สี รา๎ งสรรค๑ เป็นไปในทาง ที่จะทาใหส๎ วํ นรวมเป็นปกึ แผนํ ใหส๎ วํ นรวมมีความก๎าวหน๎า มสี ง่ิ ดีงาม ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) กลาํ วโดยสรุป ประโยชน๑สํวนรวม ประโยชนส๑ วํ นตน และ เสียสละ คอื การทาประโยชนใ๑ ห๎สํวนรวม เสียสละ เพื่อให๎ประเทศชาติมีความเจรญิ ซงึ่ เปน็ ความรับผิดชอบของ ทุกคน และไมํเห็นแกํประโยชนส๑ วํ นตน กกกกกกก3. 3.5 3 .5.2 1 ) หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การท่ที กุ คนสามารถ เข๎ารํวม กจิ กรรมทเ่ี ป็นประโยชน๑ตอํ โรงเรยี น ชมุ ชนและสังคม พฤติกรรมทบี่ ํงช้เี ชนํ ดแู ลรักษาสาธารณสมบัติ และสิง่ แวดล๎อมด๎วยความเต็มใจ เข๎ารวํ มกิจกรรมที่เป็นประโยชน๑ตํอโรงเรยี น ชุมชน และสงั คม และ เข๎ารวํ มกจิ กรรมเพื่อแกป๎ ๓ญหา หรอื รวํ มสรา๎ งสง่ิ ทดี่ ีงามของสํวนรวม ตามสถาน การณท๑ ่ีเกดิ ขึ้น ด๎วยความกระตือรอื รน๎ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี รว่ มมอื ปรองดอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของความสามัคคี คือ ความพรอ๎ มเพรยี งกัน, ความปรองดองกัน กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความรํวมมือ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความรํวมมือ คือ พร๎อมใจชํวยกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความปรองดอง จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความปรองดอง คอื ออมชอม, ประนปี ระนอม, ยอมกนั , ไมํแกงํ แยํงกนั , ตกลงกันดว๎ ยความไกลเํ กล่ยี , ตกลงกนั ดว๎ ยไมตรจี ิต กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) กลาํ วโดยสรปุ ความสามคั คี รวํ มมอื ปรองดอง หมายถงึ ความปรองดอง สมานฉนั ท๑ พรอ๎ มเพรียงกันแหํงหมูคํ ณะในการดาเนินชวี ิต หรือในการทากจิ การงานโดยชอบธรรม รวํ มกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกบั ความสามคั คี ในพิธพี ระราชทานธงประจารนํุ ลกู เสือชาวบา๎ น จงั หวดั นครศรธี รรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2521 ดังน้ี
85 “ ความสามัคคีนัน้ เปน็ การทท่ี ุกคนเหน็ ใ จกนั ซึ่งกนั และกนั และพร๎อมเพรยี ง กห็ มายความวาํ ไมไํ ดท๎ าคนละทสี องทแี ตทํ าพร๎อมกนั ความสามัคคแี ละความพร๎อมเพรียงนมี้ ผี ลตอํ เนอื่ งอีกอยาํ งหนึง่ คือทาให๎ ทุกคนมีความเขม๎ แข็ง แข็งแรง ซง่ึ จะนามาสํูความสุขของแตํละ คน เพราะวาํ คนเรามีทงั้ สขุ ทง้ั ทกุ ข๑ เมอ่ื เราสขุ กอ็ ยากใหค๎ นอื่นสุขดว๎ ยทา ให๎สุขของตวั เองใหญํหลวงขึน้ แตํเมอ่ื มคี วามทุกขค๑ นอ่ืนก็จะชวํ ยทาให๎ ความทุกข๑น้ันน๎อยลงไป ฉะนนั้ ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรยี งน้ันจึง เปน็ สงิ่ ทส่ี าคัญ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกบั รวํ มมือ เน่ือง ในโอกาสพระราชทานเครอ่ื งราชอิสริยาภร ณแ๑ กํ ขา๎ ราชการ ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วนั ท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2513 ดงั นี้ “ การจะทางานที่ม่นั คงและก๎าวหน๎าน้ัน มิใชํวาํ จะกม๎ หน๎ากม๎ ตา ทาหน๎าที่ของแตลํ ะคนเทาํ นน้ั จะตอ๎ งมคี วามรํวมมือสมั พนั ธ๑กันระหวําง หนํวยงานทกุ หนวํ ย เพอื่ ใหง๎ านรุดหน๎าไปพรอ๎ มเพรียงกนั ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกับปรองดอง เนือ่ งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ดงั น้ี “ สามัคคหี รือการปรองดองกนั ไมไํ ดห๎ มายความวาํ คนหนงึ่ พูด อยํางหนงึ่ คนอนื่ ตอ๎ งพูดเหมือนกนั หมด ลงทา๎ ยชีวติ กไ็ มมํ ีความหมาย ตอ๎ งมี ความแตกตํางกนั แตตํ ๎องทางานใหส๎ อด คล๎องกนั แม๎จะ ขัดกนั บ๎างแตตํ ๎อง สอดคลอ๎ งกัน ”
86 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) กลาํ วโดยสรปุ ความสามคั คี รํวมมอื ปรองดองเกิดจากความรวํ มมอื รํวมใจเป็นอันหนึง่ อันเดยี วกนั คุณธรรมนน้ี บั วาํ สาคัญมากในหมํคู ณะเป็นคณุ ธรรมท่กี ํอให๎เกดิ ความสขุ อยาํ งยง่ิ แกํหมคํู ณะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) หน๎าทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ได๎แกํ ประชาชนมคี วามรํวมมือรํวมใจ ชวํ ยเหลอื เกื้อกลู ซง่ึ กันและกนั รวํ มแรงรวํ มใจเปน็ อันหนง่ึ อันเดียวกนั กํอใหเ๎ กิดความส งบสขุ ทาให๎ ประเทศไทยอยํูรอดได๎ น่ันคอื ความสามคั คีและความเป็นไทย กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจริญ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความหรอื ความหมายของความสุข คอื ความสบายกายสบายใจ เชํน ขอให๎อยํูดีมสี ุข เกดิ มา กม็ ีสขุ บ๎างทุกข๑บา๎ ง, มกั ใช๎เขา๎ คกํู ับคาเป็น เชนํ ขอใหอ๎ ยูเํ ยน็ เป็นสุข ขอให๎เป็นสขุ ๆ นะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความเจรญิ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความ หรือความหมายของความเจรญิ คือ เติบโต, งอกงาม, ทาให๎งอกงาม, เชํน เจริญทาง พระราชไมตรี เจรญิ สัมพันธไมตรี, มากขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) กลาํ วโดยสรุป ความสขุ ความเจรญิ หมายถึง ความสุขความเจรญิ ที่ บคุ คลแสวงหามาไดด๎ ๎วยความเป็นธรรม ทง้ั ในเจตนา และการกระทา กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานบรมราโชวาทเกี่ยวกับความสขุ ความเจริญ เนื่องในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และอนุปรญิ ญาบัตรของจุฬาลงกรณม๑ หาวทิ ยาลยั ณ หอประชุมจุฬาลงกร ณม๑ หาวทิ ยาลยั วนั ท่ี 10 กรกฎาคม พ.ศ.2518 ดังนี้ “ ความสขุ ความเจรญิ อันแท๎จรงิ น้ัน หมายถงึ ความสขุ ความ เจรญิ ทีบ่ คุ คลแสวงหามาได๎ด๎วยความเปน็ ธรรม ทง้ั ในเจตนาและ การกระทา ไมํใชํไดม๎ าดว๎ ยความบงั เอิ ญ หรอื ดว๎ ยแกงํ แยงํ เบียดเบียน มาจากผอู๎ ่ืน ความเจรญิ ท่ีแทน๎ ี้มีลกั ษณะเป็นการสร๎างสรรค๑ เพราะอานวย ประโยชน๑ถงึ ผอ๎ู ืน่ และสํวนรวมดว๎ ย ตรงกันข๎ามกับความเจรญิ อยาํ ง เท็จเทยี ม ท่ีเกดิ ขน้ึ มาดว๎ ยความประพฤตไิ มเํ ปน็ ธรรมของบุคคล ซง่ึ มี ลกั ษณะเป็นการทาลายล๎าง เ พราะให๎โทษบํอนเบยี นทาลายผ๎อู ่ืนและ สวํ นรวม การบํอนเบยี นทาลายนัน้ ท่ีสุดก็จะกลับมาทาลายตน ดว๎ ยเหตุท่ี เม่อื สวํ นรวมถูกทาลายเสยี แล๎ว ตนเองกจ็ ะยนื ตวั อยไูํ มํได๎ จะตอ๎ งลํมจม ลงไปเหมือนกนั ”
87 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) กลําวโดยสรปุ ความสุข ความเจรญิ เกดิ ขึ้นจากบคุ คลทั้งหมดมีเจตนา กระทา เพ่ือให๎มคี วามสขุ ความเจรญิ จะตอ๎ งไมเํ บียดเบยี นหรอื แกงํ แยงํ ผู๎อนื่ มา กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ การต้งั ใจกระทาทุกสง่ิ ใหต๎ นเองมี ความสขุ ความเจรญิ โดยต๎องไมํไปเบยี ดเบยี น หรือแกงํ แยงํ ผอ๎ู ่นื มา การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเด็นการศกึ ษาคน๎ ควา๎ รํวมกันจากสือ่ การเรียนร๎ทู ่ีหลากหลาย กกกกกกก2. บันทกึ ผลการศกึ ษาคน๎ คว๎าลงในเอกสารการเรยี นร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลํุม กกกกกกก4. อภิปรายแลกเปล่ียนเรียนร๎ู กกกกกกก5. วิเคราะห๑ข๎อมลู ท่ไี ด๎ และสรปุ การเรยี นรูร๎ วมกัน บนั ทกึ สรปุ การเรียนรูใ๎ นเอกสารการ เรยี นร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก6. นาสรุปผลการเรียนรูท๎ ่ไี ดไ๎ ปทดลองปฏบิ ตั จิ ริงในชีวิตประจาวัน สื่อและแหล่งเรียนรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความร๎ู เร่อื งที่ 4 ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เงอื่ นไขความรู๎คูํคุณธรรม กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรื่องท่ี 4 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราช ดารัส กกกกกกก1. 1.3 ชอื่ หนังสือเรียน สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค 13113 หน๎าที่พลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรัชกาลทีเ่ กา๎ 1 กกกกกกก1. 1.4 ชอ่ื หนงั สือ 9 แผํนดินของการปฏิรปู ระบบราชการ ผแู๎ ตํง สานักงานคณะกรรมการ พฒั นาระบบราชการ ปที ีพ่ มิ พ๑ พ.ศ. 2549 สานักพิมพ๑ วิชั่นพรน้ิ แอนดม๑ เี ดยี จากดั กกกกกกก1. 1.5 ชื่อหนงั สือ ตามรอยพระยคุ ลบาทสูํเศรษฐกิจพอเพยี ง: มติ ใิ หมขํ องการพัฒนา เศรษฐกิจการเกษ ตร ผ๎แู ตํง ภาควิชาเศรษฐศาสตรเ๑ กษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร๑ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ปีทพี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2554 สานักพิมพ๑ พี.พรน้ิ ติง้ กร๏ุป จากัด กกกกกกก1. 1.6 ชื่อหนงั สอื ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสเกีย่ วกบั เด็กและเยาวชน ผู๎แตํง มูลนิธโิ ตโยต๎าประเทศไทยและมลู นิธพิ ระดาบส ปีทพี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2543 สานกั พิมพ๑กรงุ เทพฯ กกกกกกก1. 1.7 ช่ือหนงั สอื พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยํูหวั เนอ่ื งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลิมพระชน มพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ผ๎แู ตงํ ราชบณั ฑิตยสถาน ปที พ่ี ิมพ๑ พ .ศ. 2556 สานกั พมิ พ๑ ศริ วิ ัฒนาอินเตอร๑พรน้ิ ท๑ จากัด (มหาชน) กกกกกกก1. 1.8 ชื่อหนงั สือ คาพํอสอน ผ๎ูแตํง กันยาบดี ปที ่พี มิ พ๑ พ.ศ. 2555 สานกั พมิ พ๑ไพลิน
88 กกกกกกก2. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชอ่ื บทความ บันทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพอํ ผ๎แู ตํง สานกั พมิ พเ๑ นชัน่ บุค๏ สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id=true กกกกกกก3. ส่อื แหลํงเรียนรใู๎ นชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหํง และศูนย๑การเรียนร๎ูชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ีขันธ๑ การวดั และประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหนา๎ ด๎วยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด๎วยวธิ ีการ กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความร๎ู หัวเรื่องที่ 4 หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารสั จานวน 10 ข๎อ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติตอํ วชิ าหนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ เก๎า 1
89 หวั เรือ่ งที่ 5 หนา้ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน สาระสาคญั กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน หมายถงึ การปฏิบตั หิ น๎าที่ หรือภารกจิ หรือกจิ กรรมของพระมหากษัตรยิ ๑ ทรงยึดการดาเนินงานในลกั ษณ ะทางสายกลางท่สี อดคล๎องกบั ส่ิงทอ่ี ยรูํ อบตัว และสามารถปฏิบตั ไิ ด๎จรงิ ทรงมคี วามละเอยี ดรอบคอบ และทรงคดิ คน๎ แนวทางพฒั นา เพอื่ มงํุ สูํประโยชน๑ตํอประชาชนสงู สุด มี 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลอยาํ งเปน็ ระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาทีจ่ ุดเลก็ (4) ทาตาม ลาดบั ขัน้ (5) ภูมิสงั คม (6) องคร๑ วม (7) ไมตํ ดิ ตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน๑สูงสดุ (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชนส๑ วํ นรวม (12) บรกิ ารรวมทจี่ ุดเดยี ว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลกู ปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึง ตนเอง (18) พออยพูํ อกนิ (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความซอื่ สัตย๑สุจริต จรงิ ใจตํอกัน (21) ทางาน อยํางมคี วามสุข (22) ความเพียร และ (23) รู๎ รกั สามคั คี กกกกกกก2. หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน ท่เี ก่ียวขอ๎ งกบั คณุ ธรรมของการเปน็ พลเมอื งดี มี 9 ขอ๎ ได๎แกํ (1) การมีสํวนรวํ ม มีสํวนรวํ มและคิดถงึ สวํ นรวม (2) ตอ๎ งยดึ ประโยชนส๑ วํ นรวม (3) บรกิ ารจดุ เดียว (4) ขาดทนุ คือกาไร (5) การพง่ึ ตนเอง (6) ความ ซ่อื สัตยส๑ ุจริต จริงใจตอํ กนั (7) ทางานอยํางมคี วามสขุ (8) ความเพียร และ (9) รู๎ รัก สามัคคี ตวั ชี้วัด กกกกกกก1. วเิ คราะหห๑ นา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน ในสถานการณท๑ กี่ าหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของหนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน ขอบข่ายเน้อื หา กกกกกกก1. หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกก2. แนวทางการปฏิบัตหิ น๎าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน
90 เนื้อหา กกกกกกก1. หลักการทรงงาน กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. 1.1 หลกั การ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ใหค๎ วามหมายวํา สาระสาคัญท่ยี ึดถอื เปน็ แนวปฏิบัติ เชนํ คณะกรรมการลงมตริ ับหลักการตามทมี่ ผี ู๎เสนอ กกกกกกก1. 1.1 งาน จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให๎ความหมายวํา สงิ่ หรอื กจิ กรรมทท่ี า กกกกกกก1. 1.1 การงาน แรงทีก่ ระทาตอํ วตั ถุแล๎วทาใหว๎ ัตถุเคลือ่ นทไ่ี ปตามทิศทางของแนวแรง ถ๎าเราออกแรงกระทาตํอวัตถุ แลว๎ วัตถไุ มํเคลื่อนท่ี แสดงวําไมเํ กดิ งาน กกกกกกก1. 1.1 การงาน หมายถงึ การทามาหากินที่เกดิ จากกจิ กรรมหรือบรกิ ารใด ๆ ที่กํอให๎เกิ ด ผลผลติ และรายได๎ ซง่ึ เปน็ งานประจาท่ีสจุ รติ ไมผํ ิดศีลธรรม กกกกกกก1. 1.1 หลกั การทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท9ี่ ทรงทํมุ เทพระวรกายตรากตราและมํุงม่นั เพอื่ แกไ๎ ขปญ๓ หาความเดือดร๎อนใหแ๎ กํพสกนกิ รไมํวําจะ เช้ือชาตใิ ด ศาสนาใด อยํูหํางไกลสกั เพยี งใด กม็ ทิ รงยอํ ทอ๎ เข๎าไปชวํ ยเหลือราษฎร ทัง้ ด๎านสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภคข้ันพื้นฐาน การเกษตร การฟ้นื ฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ๎ ม ท้ัง ดิน นา้ ปุาไม๎ และพลังงาน หรอื แมก๎ ระทงั่ การจราจร ทรงคิดคน๎ หาแนวทางแก๎ไขป๓ญหาไดอ๎ ยํางแยบยล กกกกกกก1. 1.1 การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรง ยดึ ดาเนนิ งานในลกั ษณะทางสายกลางท่สี อดคล๎องกบั ส่ิงทอ่ี ยํรู อบตัว และสามารถปฏิบตั ไิ ดจ๎ ริง ทรงมี ความละเอียดรอบคอบ ทรงคิดคน๎ หาแนวทางพฒั นา เพอ่ื มงํุ ประโยชน๑ตํอประชาชนสงู สดุ มีคณุ คํา และควรยึดเปน็ แบบอยํางในการเจรญิ รอยตามเบ้ืองพระยคุ ลบาท นามาปฏิบตั เิ พ่ือให๎บังเกดิ ผลตํอ ตนเอง สังคม และประเทศชาติตลอดไป กกกกกกก1. 1.1 กลําวโดยสรปุ หลกั การทรงงาน คอื การปฏบิ ัติหน๎าท่ี หรอื ภารกิจ หรือกจิ กรรม ของพระมหากษัตริยท๑ รงยดึ การดาเนนิ งานในลกั ษณะทางสายกลางทสี่ อดคลอ๎ งกบั สิง่ ทีอ่ ยํูรอบตัวและ สามารถปฏิบตั ไิ ดจ๎ ริง ทรงมีความละเอยี ดรอบคอบ และทรงคดิ ค๎นแนวทางพฒั นาเพอื่ มุํงสปํู ระโยชน๑ ตอํ ประชาชนสงู สุด ซงึ่ พระมหากษตั ริย๑ในทีน่ ้คี อื พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ผ๎ูมคี ุณปู การตอํ ประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก กกกกกกก1. 1.2 หลกั การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท9ี่ มี 23 ข๎อ คอื กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 ศึกษาข๎อมูลอยาํ งเปน็ ระบบ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎หลกั การทรงงานข๎อน้ี โดยนาโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดารทิ ุกโครงการที่เกดิ จากกระบวนการศึกษา ข๎อมูลต้ังแตเํ รมิ่ ต๎น โดยทรงศกึ ษาพื้นที่เปูาหมายจากขอ๎ มูลเอกสาร แผนท่ี การสารวจพ้นื ที่เปาู หมาย โดยใช๎วิธีการสงั เกต สัมภาษณ๑ การปรึกษาหารอื บางครง้ั ทรงปฏบิ ัตจิ ริงจนได๎ผลดี แลว๎ นาไปเผยแพรํ สูํประชาชน หลังจากประชาชนปฏิบัตจิ รงิ แลว๎ มีการวเิ คราะห๑ผล ประเมินผลแลว๎ ทรงพจิ ารณาหาวิธี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287