141 กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ผลการดาเนินงานทีส่ าคัญ ศนู ย๑การศึกษาพัฒนาหว๎ ยทรายอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดเพชรบรุ ี มีดังนี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 1 แฝกดานดิน กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 2 การสรา๎ งระบบกระจายความชํมุ ชน้ื ตามแนวพระราชดาริ ได๎แกํ (1) การสรา๎ งฝายกักเก็บนา้ (2) การสรา๎ งคันดนิ กน้ั นา้ (3) การสรา๎ งคนั ดนิ เบนน้า และ (4) การบริหาร จดั การน้าและพฒั นาแหลงํ น้าด๎วยระบบเครือขํายอํางเก็บน้าตามแนวพระราชดาริ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 3 การฟื้นฟสู ภาพปาุ ได๎แกํ (1) การปลูกปุาด๎วยใจ และ (2) การฟื้นฟู สภาพปาุ ไม๎บนพน้ื ทภ่ี เู ขาด๎วยระบบปาุ เปยี กหรือภูเขาปุา ภาพ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเน่ืองมาจาพระราชดาริ จงั หวัดเพชรบรุ ี กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนอื่ งมาจาพระราชดาริ จังหวัดนราธวิ าส พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดให๎จัดต้ังศนู ย๑น้ีขนึ้ เมอื่ วนั ท่ี 6 มกราคม พ .ศ. 2525 ณ ภาคใต๎ของประเทศไทย มกี ารศกึ ษาทดลองเกยี่ วกับ (1) แก๎ไขป๓ญหา ดนิ เปร้ียวใหส๎ ามารถใชป๎ ระโยชนไ๑ ดอ๎ ีก (2) การใช๎น้าจืดชะลา๎ งกรดออกจากดิน (3) การศึกษาการปลกู ไมโ๎ ตเร็วในพน้ื ที่พรุ (4) การพัฒนาระบบปลูกพืช (5) การคดั เลือกพันธ๑ุ ไม๎ท่ีมคี วามเหมาะสมในสงั คม ปุาพรุ (6) การปรับปรงุ และบารุงรักษาปาุ (7) การทาสวนยางครบวงจร (8) การสํงเสรมิ การ เลย้ี งสัตว๑ และ (9) การสงํ เสรมิ และพัฒนาอาชีพ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 วัตถปุ ระสงค๑ของศูนย๑การศกึ ษาพัฒนาพิกุลทองอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั นราธิวาส มดี ังนี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 1 เพ่ือศึกษา คน๎ ควา๎ วจิ ัย ทดลอง และพฒั นาดนิ อนิ ทรียแ๑ ละดินท่ีมี ป๓ญหาอนื่ ๆ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 2 เพอ่ื นามาใช๎ประโยชนท๑ างดา๎ นการเกษตร รวมท้งั แสวงหาแนวทาง และวิธีการพฒั นา ดา๎ นการเกษตร การเล้ยี งสตั ว๑ และการเกษตรอุตสาหกรรมกกกกกกกกก2. 2.3 กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 3 เพ่อื ให๎เปน็ ต๎นแบบแหงํ ความสาเรจ็ ใหก๎ ับพ้นื ทอี่ น่ื ๆ
142 กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ผลการดาเนินงานทีส่ าคัญของศูนย๑การศกึ ษาพัฒนาพิกุลทองอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดนราธิวาส มดี งั นี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 1 แกล๎งดนิ “ดนิ ทางานแลว๎ ดนิ จะหายโกรธ” กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 2 นา้ มันปาล๑มพิกุลทอง รปู แบบการจัดหาพลังงานทดแทนสูํภมู ิคุ๎มกนั ด๎านพลงั งาน กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 3 การพฒั นาอาชพี ท่ีสาคญั ได๎แกํ (1) การเล้ยี งปลาในบอํ ดินเปร้ยี ว (2) การเลย้ี งสัตว๑ (3) การแปรรปู เสน๎ ใยพชื (4) การปลูกผกั เพาะเห็ด และการปลูกพื ชแซมยาง (5) วธิ ีการขดุ ยกรอํ งทีเ่ หมาะสมในพนื้ ที่ดนิ เปร้ยี ว และ (6) การศึกษาการจดั การดินเปรีย้ วจดั เพ่ือการ ปลูกพชื กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 4 ไบโอดีเซล กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 5 การเผยแพรแํ ละการใช๎ประโยชน๑ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 6 ผลสาเร็จและการขยายผล ได๎แกํ แปลงเกษตรทฤษฏใี หมํ ภายใน ศนู ย๑ศึกษาการพฒั นาพิกุลทอง ภาพ ศูนยศ๑ ึกษาการพัฒนาพกิ ลุ ทองอันเนือ่ งมาจาพระราชดาริ จังหวดั นราธิวาส กกกกกกก2. 2.3 หน๎าทีพ่ ลเมืองท่ดี ีมีแนวปฏิบตั ิ (1) ควรศกึ ษาเรยี นรก๎ู ระบวนการในการทางาน ของศูนย๑พฒั นาทอี่ ยูใํ กล๎บ๎าน หรอื ชมุ ชนนามาปรับใชใ๎ นชีวิตประจาวัน เพอื่ ชวํ ยพัฒนาคณุ ภาพชีวิต ของตนเอง หรอื ชวํ ยพฒั นาชุมชน สังคม ใหเ๎ ข๎มแขง็ (2) ชํวยกันอนุรกั ษท๑ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สิง่ แวดลอ๎ มใหเ๎ ป็นประโยชน๑ตอํ สวํ นรวม (3) นาแนวทางการปฏิบัติงานรวํ มกนั ของทุกฝาุ ย ในศูนย๑ ศกึ ษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดารมิ าปรบั ใช๎ในเรอ่ื งการทางานเปน็ ทีม เปน็ คณะต๎องรู๎รกั สามัคคี และ (4) ควรยดึ หลกั การพง่ึ พาตนเอง ลดการพงึ่ พาภายนอก และดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพยี ง กกกกกกก2. 2.4 โลก กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 พระราชกรณยี กิจดา๎ นทรงเจรญิ พระราชไมตรีของพระบาทสมเดจ็ พระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ให๎ความสาคญั กบั การเจรญิ พระราชไมตรกี ับประเทศ เพือ่ นบา๎ น และนานาประเทศในโลก พระองค๑ไดเ๎ สด็จเจรญิ พระราชไมตรีกบั ตํางประเทศถึงจานวน 31 คร้ัง โดยได๎ทรงพระราชดารัสเกี่ยวกับการเจรญิ พระราชไมตรีที่สาคญั ไวด๎ ังนี้
143 “ประชาชนชาวไทยท้ังหลาย เมื่อปใี หมขํ า๎ พเจ๎าได๎แจ๎งให๎ทราบ แลว๎ วาํ ประเทศตาํ ง ๆ ได๎เชิญให๎ไปเย่ยี มเปน็ ราชการ บัดนีถ้ งึ กาหนดทขี่ า๎ พเจา๎ และ พระราชินีจะไปประเทศเหลํานน้ั พรงุํ น้จี ะออกเดนิ ทางจากกรุงเทพฯ ไปยงั สหรฐั อเมรกิ ากอํ น แลว๎ จะไปประเทศอื่น ๆ ในยุโรปอกี 13 ประเทศ ด๎วยกนั ” “การไปตํางประเทศคราวน้ี กไ็ ปเปน็ ราชการแผนํ ดิน เปน็ การทาตามหน๎าที่ ของขา๎ พเจ๎า ในฐานะเปน็ ประมขุ ของประเทศ เป็นที่ทราบกันอยูํแลว๎ วํา ใน สมยั นีป้ ระเทศตาํ ง ๆ ไมํวําใหญํหรอื เลก็ ตํางตอ๎ งพง่ึ พาอาศยั กนั อยํูเสมอ จะ วําชนทกุ ชาติเป็นญาติ พน่ี อ๎ งกันกว็ าํ ได๎ จงึ ควรพยายามใหร๎ จ๎ู กั นิสัยใจคอกนั ทัง้ ต๎องผกู น้าใจกันไว๎ใหด๎ ดี ว๎ ย” “การผูกน้าใจกันไวน๎ นั้ ธรรมดาญาตพิ ่นี ๎องก็ไปเย่ยี มเยียนถามทุกข๑สุขซ่ึงกนั และกนั แตสํ าหรบั ประเทศไทยน้ัน ประชาชนนับแสนนบั ล๎านจะไปเย่ี ยม เยยี นกันกย็ าก เขาจึงยกใหเ๎ ป็นหนา๎ ท่ีของประมุขของประเทศในการเยี่ยม เยียนประเทศตําง ๆ ขา๎ พเจา๎ ก็จะแสดงตํอประชาชนของประเทศเหลํานนั้ วาํ ประชาชนชาวไทยมีมติ รจิตมิตรใจตอํ เขา และขา๎ พเจ๎าจะพยายามเตม็ ท่ี เพื่อให๎ฝาุ ยเขารจู๎ กั เมืองไทย และเกดิ มีน้าใจท่ดี ตี อํ ชาวไทย” “ข๎าพเจา๎ จะลาทาํ นไปเปน็ เวลาราว 6 เดือน ก็เปน็ ธรรมดาทน่ี กึ หํวงใย บา๎ นเมอื ง จงึ ใครตํ ักเตือนทํานท้งั หลายวํา ขอให๎ตง้ั หน๎าทาการงานของทาํ น ให๎เต็มท่ีในทางทช่ี อบทคี่ วร ต้งั ตวั ต้ังใจใหอ๎ ยูใํ นความสงบจะไดเ๎ กิดผลดีแกํ ตวั ทาํ นเอง และแกบํ ๎านเมอื งซงึ่ เปน็ ของเราดว๎ ยกันทุกคน ขออวยพรใหม๎ ี ความสุขสวสั ดีทัว่ กัน” พระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระราชทานไว๎เกี่ยวกับ การเสดจ็ พระราชดาเนนิ ไปทรงเยือนตาํ งประเทศ วันที่ 13 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2503
144 “ขา๎ พเจ๎าขอขอบใจทําน ขอขอบใจทาํ นมากทเี ดยี ว ทาํ นประธานาธบิ ดี พวก เราทุกคนรส๎ู ึกเป็นพระคณุ เหมือนกันทไี่ ดเ๎ ชอื้ เชิญเรามา และกํอนจะออก เดินทางมาท่ีน้ี ขา๎ พเจ๎ากไ็ ดแ๎ จง๎ ใหป๎ ระชาชนของขา๎ พเจ๎าทราบแล๎ววาํ การ มาเยีย่ มครัง้ นเ้ี ป็นกจิ การบ๎านเมือง คอื เมือ่ เราคบกันเปน็ มิตร หรือตาม ธรรมดาระหวํางมติ รและญาติและญาตกิ ็ดี เรากม็ นั ไปมาหาสูกํ ัน เป็นการ สมานมิตรภาพนั้นไว๎ แตคํ รั้งนีเ้ ป็นเรอ่ื งระหวาํ งชาตหิ นง่ึ ไปมาหาสกูํ ับอกี ชาตหิ นงึ่ นน้ั ยอํ มทาไมไํ ดป๎ ระชาชนของข๎าพเจ๎ามี 24 ลา๎ นคน ประชาชนของ ทาํ นก็มีถงึ 190 ล๎านคน เพราะฉะนั้น ข๎าพเจ๎าในฐานะที่เป็นประมุขของ ชาตไิ ทยจึงตอ๎ งมาแทน วนั ทเี่ ราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มา ประชาชน ไทย กต็ ามมาสงํ กันอยาํ งคบั ค่ัง ทง้ั น้ียอํ มแสดงให๎เห็นวํา เขามคี วามยินดี ดว๎ ย และขอสงํ ความระลกึ ถึงมาดว๎ ย ฉะน้ัน บัดนใ้ี นฐานะทเี่ ปน็ ผแ๎ู ทนของ ประชาชนของขา๎ พเจ๎า จึงขออวยพรในนามประชาชน ขอให๎ทาํ นในฐานะที่ เปน็ ผแ๎ู ทนของประชาชนของทําน มีความเจริญสขุ สวัสดี ประเทศทง้ั สอง ของเรามคี วามสัมพนั ธ๑กันอยาํ งดยี ่ิงมานานแล๎ว ซ่ึงทั้งน้เี ป็นเพราะวํา เรามี หลกั ใจอยาํ งเดียวกัน เราพูดกันวาํ เมื่อไมํมเี สรภี าพแลว๎ จะมคี วามสขุ ได๎ อยํางไร และเมือ่ เราไดม๎ าถงึ ทนี่ แ่ี ลว๎ เรากไ็ ด๎แลเห็ นหลายสิ่งหลายอยําง คล๎ายคลึงกันอยํู เราชอบความเป็นอยํอู ยาํ งงาํ ย ๆ และทีส่ าคัญกวําอนื่ ใด หมด กค็ อื เรามีความรกั ในเสรีภาพ ในสวํ นตัวขา๎ พเจา๎ เองแลว๎ การมาคร้งั นี้ นบั วาํ เป็นความสาคัญมากอยํู ข๎าพเจ๎าเกิดในประเทศน้ีเอง ฉะน้นั จึงพูดได๎ วาํ สหรฐั อเมรกิ าเปน็ ก่งึ เมืองมารดรของข๎า กระแสพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ตอบประธานาธิบดไี อเซนเฮาว๑ ท่ที าํ อากาศยานกรุงวอชิงตนั เมือ่ วนั ที่ 28 มถิ ุนายน พ.ศ.2503
145 ประเทศที่พระองค๑ทาํ นได๎เสด็จเจริญพระราชไมตรมี ตี ามลาดบั ดงั นี้ ครั้งท่ี 1 เสดจ็ เจรญิ สมั พนั ธไมตรี ณ สาธารณรฐั สงั คมนยิ มเวยี ดนาม ระหวาํ งวนั ท่ี 18-21 ธนั วาคม 2502 ซึง่ เป็นการเสด็จพระราชดาเนนิ เยือน ตํางประเทศครงั้ แรก ในรัชกาลป๓จจุบนั คร้ังท่ี 2 เสด็จเจริญสมั พันธไมตรี ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหวํางวันที่ 8-16 กมุ ภาพันธ๑ 2503 คร้ังท่ี 3 เสด็จเจริญสัมพันธไมตรี ณ สาธารณรัฐแหงํ สหภาพเมยี นมาร๑ ระหวํางวนั ที่ 2-5 มีนาคม 2503 ครงั้ ที่ 4 เสดจ็ เจริญสัมพนั ธไมตรี ณ สหรฐั อเมริกา ระหวาํ งวันที่ 14 มถิ ุนายน – 14 กรกฎาคม 2503
146 คร้ังท่ี 5 เสด็จเจรญิ สัมพันธไมตรี ณ สหราชอาณาจกั รอังกฤษ ระหวาํ งวนั ที่ 19-22 กรกฎาคม 2503 คร้งั ที่ 6 เสดจ็ เจริญสมั พันธไมตรี ณ สหพนั ธ๑สาธารณรัฐเยอรมนี ระหวํางวันท่ี 26 กรกฎาคม – 3 สงิ หาคม 2503 ครงั้ ที่ 7 เสดจ็ เจริญสมั พนั ธไมตรี ณ สาธารณรัฐโปรตเุ กส ระหวํางวันที่ 22-24 สงิ หาคม 2503 คร้ังที่ 8 เสดจ็ เจรญิ สัมพนั ธไมตรี ณ ประเทศสวิตเซอรแ๑ ลนด๑ ระหวาํ งวนั ท่ี 29-31 สงิ หาคม 2503
147 ครง้ั ที่ 9 เสดจ็ เจรญิ สัมพนั ธไมตรี ณ ประเทศเดนมาร๑ก ระหวาํ งวนั ท่ี 6-8 กนั ยายน 2503 คร้ังท่ี 10 เสดจ็ เจริญสัมพันธไมตรี ณ ประเทศนอร๑เวย๑ ระหวาํ งวนั ท่ี 19-20 กันยายน 2503 ครั้งท่ี 11 เสดจ็ เจรญิ สมั พนั ธไมตรี ณ ประเทศสวเี ดน ระหวาํ งวนั ท่ี 21-24 กนั ยายน 2503 ครง้ั ที่ 12 เสด็จเจริญสมั พันธไมตรี ณ สาธารณรฐั อติ าลี ระหวาํ งวนั ท่ี 28 กันยายน - 1 ตุลาคม 2503
148 ครง้ั ท่ี 13 เสด็จเจรญิ สัมพนั ธไมตรี ณ นครรัฐวาตกิ ัน เม่ือวนั ที่ 1 ตุลาคม 2503 คร้ังที่ 14 เสดจ็ เจริญสัมพนั ธไมตรี ณ ประเทศเบลเย่ียม ระหวํางวนั ท่ี 4-6 ตุลาคม 2503 ครัง้ ท่ี 15 เสดจ็ เจรญิ สัมพนั ธไมตรี ณ สาธารณรัฐฝรง่ั เศส ระหวาํ งวันท่ี 11-13 ตุลาคม 2503 ครั้งท่ี 16 เสด็จเจริญสมั พนั ธไมตรี ณ ประเทศลักเซมเบิรก๑ ระหวํางวนั ที่ 17-19 ตลุ าคม 2503
149 ครัง้ ที่ 17 เสดจ็ เจรญิ สมั พนั ธไมตรี ณ ประเทศเนเธอรแ๑ ลนด๑ ระหวํางวนั ที่ 24-27 ตลุ าคม 2503 ครง้ั ท่ี 18 เสดจ็ เจริญสมั พันธไมตรี ณ ประเทศสเปน ระหวํางวนั ที่ 3-8 พฤศจกิ ายน 2503 ครั้งที่ 19 เสด็จเจริญสมั พันธไมตรี ณ สาธารณรฐั อสิ ลามปากีสถาน ระหวํางวนั ที่ 11-12 มนี าคม 2505 ครัง้ ท่ี 20 เสด็จเจรญิ สมั พนั ธไมตรี ณ สหพนั ธ๑รัฐมลายา ระหวํางวันที่ 21-27 มิถนุ ายน 2505
150 คร้งั ที่ 21 เสดจ็ เจริญสัมพันธไมตรี ณ ประเทศนวิ ซแี ลนด๑ ระหวาํ งวนั ท่ี 18-26 สิงหาคม 2505 ครง้ั ท่ี 22 เสด็จเจริญสมั พนั ธไมตรี ณ เครือรัฐออสเตรเลยี ระหวํางวันที่ 29 สิงหาคม – 6 กันยายน 2505 ครง้ั ที่ 23 เสด็จเจรญิ สัมพันธไมตรี ณ ประเทศญปี่ นุ ระหวํางวันท่ี 27 พฤษภาคม – 5 มถิ ุนายน 2506 ครั้งท่ี 24 เสด็จเจรญิ สัมพนั ธไมตรี ณ สาธารณรฐั จีน ระหวํางวันท่ี 5-8 มิถนุ ายน 2506
151 ครงั้ ที่ 25 เสดจ็ เจรญิ สัมพันธไมตรี ณ สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปินส๑ ระหวํางวันท่ี 9-14 กรกฎาคม 2506 คร้งั ท่ี 26 เสด็จเจริญสมั พนั ธไมตรี ณ เครอื รัฐออสเตรีย ระหวาํ งวนั ที่ 29 กันยายน – 2 ตลุ าคม 2507 ซง่ึ เปน็ การเสดจ็ พระราชดาเนินเยอื นครงั้ ท่ี 2 ครง้ั ที่ 27 เสดจ็ เจริญสมั พันธไมตรี . ณ สาธารณรัฐเยอรมี ระหวาํ งวนั ท่ี 22-28 สิงหาคม 2509 ซ่ึงเปน็ การเสดจ็ พระราชดาเนนิ เยือนคร้งั ท่ี 2 ครง้ั ท่ี 28 เสด็จเจริญสัมพันธไมตรี ณ ประเทศอิหรําน ระหวาํ งวนั ที่ 23-30 เมษายน 2510
152 ครัง้ ที่ 29 เสดจ็ เจริญสัมพันธไมตรี ณ สหรัฐอเมรกิ า ระหวํางวนั ที่ 6-20 มถิ นุ ายน 2510 ซึ่งเป็นการเสดจ็ พระราชดาเนนิ เยอื นครงั้ ที่ 2 ครั้งท่ี 30 เสด็จเจรญิ สัมพันธไมตรี ณ ประเทศแคนาดา ระหวาํ งวนั ที่ 20-23 มถิ ุนายน 2510 คร้ังที่ 31 เสด็จเจรญิ สมั พนั ธไมตรี ณ สาธารณรัฐประชาธปิ ไตย ประชาชนลาว ระหวํางวนั ท่ี 8-9 เมษายน 2537 กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ควรยึดแนวทางทพ่ี ระองค๑ทาํ นได๎เจริญพระราชไมตรีกบั นานาประเทศ ด๎วยการมสี ัมพนั ธภาพทด่ี ีกับเพื่อนบ๎านที่เราอาศยั อยํู มสี มั พนั ธภาพที่ดี คนไทยตําง หมํูบ๎าน ตาบล อาเภอ จงั หวัด และทกุ ภมู ิภาคของประเทศไทยในฐานะเป็นคนไทย นอกจากนี้ควรมี สมั พนั ธภาพท่ีดกี บั ชาวตํางชาตทิ ี่มาทอํ งเทย่ี ว หรอื มาทาธุรกจิ อยํูในประเทศไทย ควรมีความยนิ ดี ตอ๎ นรับ มคี วามเอื้อเฟอ้ื ชํวยเหลอื ตามสถานการณ๑ ตามความเหมาะสม รวมถึงการไปทอํ งเทยี่ ว ตํางประเทศ หรอื ไปทาธุรกิจตาํ งประเทศ ควรรกั ษาภาพลักษณ๑ ความสุภาพอํอนโยนของคนไทย และ การเคารพกฎหมายบา๎ นเมืองของตาํ งประเทศทไ่ี ปเย่ยี มเยอื น หรือทอํ งเท่ียวด๎วย
153 กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 นานาประเทศไดน๎ ๎อมนาพระราชกรณียกิจนาไปใช๎ในการแก๎ไขปญ๓ หาหรือ พัฒนาประเทศ มีดงั นี้ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 1) ประเทศสาธารณรัฐแหํงสหภาพเมียนมาร๑ อาเภอเยนันซอง เขตแมคกก กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 1) ได๎นอ๎ มนา หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ แกไ๎ ขป๓ญหาการ พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของชาวบ๎านใหด๎ ขี นึ้ อยาํ งยงั่ ยนื ผํานการสร๎างความมั่นคงทางอาหาร ลดรายจาํ ย ในครัวเรือน และสร๎างรายได๎เพิ่มเติมใหแ๎ กํครวั เรอื น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลย เดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานในการชํวยเหลือ โดยมลู นิธแิ มํฟูาหลวง ไดใ๎ หค๎ วามรท๎ู างด๎ านการ พัฒนาแหลํงน้า การจดั ตัง้ กองทุนเซรุํมแกพ๎ ิษงเู พือ่ ชํวยคนทีถ่ กู งกู ดั การพฒั นาดา๎ นพลงั งานทางเลอื ก และการพัฒนาด๎านปศุสตั ว๑ และกิจกรรมแปรรูปสรา๎ งมูลคาํ เพม่ิ แกํวตั ถดุ บิ ในท๎องถิน่ เชนํ ถั่ วลิสง งา และน้าตาลโตนด มีการพัฒนารูปแบบผลิตภณั ฑท๑ ่มี คี ณุ ภาพ ตามความตอ๎ งการของตลาด กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 2) ประเทศสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว เมอื งหว๎ ยซอนหว๎ ยซวั้ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 1) ไดน๎ อ๎ มนาแนวทางการดาเนนิ ศนู ย๑ศกึ ษาการพฒั นา อันเนื่องมาจาก พระราชดาริและเกษตรทฤษฎใี หมํ เพื่อมงํุ สํงเสริมและยกระดับฐานะความเป็นอยขํู องราษฎรลาว และเสริมสรา๎ งความสัมพันธอ๑ ันดรี ะหวําง สปป .ลาว – ไทยในดา๎ นการเกษตรตาํ ง ๆ ใหแ๎ นํนแฟนู มากยง่ิ ขนึ้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานในการ ชํวยเหลือ โดย การสํงคณะทางานมาฝกึ อบรมใหร๎ าษฎรชาวลาว และสนับสนนุ กจิ กรรมตําง ๆ ตามแนวงาน 7 หลกั ได๎แกํ 1) การพัฒนาโครงสรา๎ งพ้นื ฐาน อาทิ ไฟฟาู น้าประปา ในพน้ื ท่ี 2) การ พฒั นาแหลํงน้า อาทิ การสรา๎ งอํางเก็บน้าห๎วยซอน การสรา๎ งฝายห๎วยซวั้ 3) การพฒั นาท่ีดนิ 4) การ พฒั นาดา๎ นวิชาการการเกษตร 5) งานดา๎ นการปศุสัตว๑ 6) งานด๎านการประมง และ 7) งานดา๎ นการ พฒั นาวชิ าการและถํายทอดเทคโนโลยี กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 3) ประเทศสาธารณรฐั อนิ โดนเี ซีย จงั หวดั อาเจะห๑ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 1) ไดน๎ าโครงการพัฒนาทางเลอื กในการดารงชีวิตทยี่ ง่ั ยืน เพอ่ื แก๎ไขป๓ญหา การทาไรํกัญชา ฟืน้ ฟชู ีวิตความเปน็ อยํขู องชาวอาเจะห๑ และเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวดั หลงั จาก ประสบความขดั แย๎งภายในประเทศตลอด 30 ปี และภัยสึนามเิ มื่อปี พ.ศ.2547 พระบาทสมเดจ็ พระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานในการชวํ ยเหลอื โดยใชแ๎ นวทางการ แกป๎ ญ๓ หาความยากจนอยํางยั่งยนื โดยมูลนิธแิ มฟํ ูาหลวงฯ ได๎ทาการพัฒนาระบบชลประทาน แปลง เกษตรสาธิต และการให๎บริการด๎านสัตวบาล กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 4) ประเทศสาธารณรฐั ประชาธิปไตยตมิ อร๑เลสเต เมืองเฮรา กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 1) ไดน๎ ๎อมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อแกไ๎ ขทางดา๎ นการ เพาะปลกู การเล้ยี งสัตว๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานในการชวํ ยเหลอื โดยได๎สํงผู๎เช่ยี วชาญและอาสาสมคั ร เพอื่ ถาํ ยทอดความรู๎เทคโนโลยีทาง การเกษตร และความเขา๎ ใจในปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ให๎แกํ เกษตรกรติมอรฯ๑ ที่เมอื งเฮรา รวมทัง้ สนบั สนุนดา๎ นอปุ กรณ๑ และเมล็ดพนั ธ๑พุ ชื ซ่งึ นาไปสูํการจดั ต้งั หมบํู า๎ นต๎นแบบในพ้นื ที่ตํอไป กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 5) ประเทศสาธารณรฐั สังคมนยิ มเวียดนาม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 1) ไดน๎ อ๎ มนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ แกไ๎ ขปญ๓ หา การชะลา๎ ง หน๎าดนิ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานในการ
154 ชวํ ยเหลอื ในการให๎ความรู๎ เร่ืองหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และวิธีการปลูกหญ๎าแฝก เพือ่ ลด การชะลา๎ งและการพงั ทลายของหนา๎ ดินจากน้าหลากในพ้นื ท่ีลาดชนั สงู กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 6) ประเทศสาธารณรฐั เกาหลี กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 6) ได๎น๎อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ แกไ๎ ขป๓ญหา ทางด๎าน การเกษตร ของประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานในการชวํ ยเหลือในการให๎ความรู๎ เรอื่ งหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนาความร๎ู ท่ไี ดร๎ ับไปประยกุ ต๑ใช๎เปน็ สวํ นหน่ึงของแผนพัฒนาประเทศ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 7) ประเทศสาธารณรฐั ประชาชนบงั คลาเทศ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 6) ไดน๎ ๎อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อแกไ๎ ขปญ๓ หาทางด๎าน การเกษตร พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานในการ ชํวยเหลือในการใหค๎ วามร๎ูเรอ่ื งหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และจัดกิจกรรมเพ่ือแลกเปลยี่ น ประสบการณ๑ด๎านการพัฒนาประเทศอยาํ งยั่งยืน อาทิ การนาคณะผแู๎ ทนระดับสงู ของบงั คลาเทศ เดินทางมาศกึ ษาดูงานตามโครงการในพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพล อดลุ ยเดชที่ประเทศไทย กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 8) ประเทศราชอาณาจักรภูฏาน กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 6) ได๎นอ๎ มนาพระราชดาริ การบารงุ และพัฒนาประเทศ ตามแนว เศรษฐกิจ พอเพยี ง เพือ่ แกไ๎ ขปญ๓ หารายได๎ของประชากร และป๓ญหา ทางดา๎ นการเกษตรท่มี ี ภมู ิประเทศทเ่ี ป็น ภูเขาสูง อากาศหนาวเยน็ ยากตอํ การเพาะปลูก พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานในการชํวยเหลอื โดยสงํ นกั วชิ าการหลวงไปแนะแนวการเพาะปลูกไม๎ ผลเมืองหนาว พร๎อมถาํ ยทอดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และยัง ให๎นกั วิชาการ นกั การทตู รฐั มนตรดี ๎านการเก ษตรของภฏู าน เดนิ ทางมาศึกษาและเรยี นร๎ูงานทจ่ี งั หวัดเชียงใหมํ คือ สถานี เกษตรหลวงอาํ งขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหมํ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 9) ประเทศราชอาณาจกั รอซั ไมต๑ จอร๑แดน กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 6) ไดน๎ อ๎ มนาหลกั การทาฝนหลวง เพื่อแกไ๎ ขปญ๓ หาฝนไมตํ กต๎องตามฤดกู าล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานในการชํวยเหลือ โดยความรํวมมอื -แลกเปลี่ยนเจ๎าหน๎าท่ี เพ่อื เรียนร๎แู นวคิด วธิ กี าร ถํายทอดประสบ การณค๑ วามเชีย่ วชาญ ในการทาฝนเทยี ม และปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ประเทศสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานสิ ถาน จังหวัดบัลคห๑ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ได๎น๎อมนาโครงการพัฒนาทางเลือกในการดาเนนิ ชีวติ ทยี่ ั่งยืน (SALD) โดยโครงการมีจดุ มํงุ หมายท่ีจะเพิม่ จานวนแกะพันธ๑ดุ ารากลู (Karakul) ซง่ึ ลม๎ ตายไปเป็นจานวนมาก ในชวํ งเวลาหลายปที ผี่ าํ นมา สืบเนือ่ งมาจากความขัดแย๎ง และความแห๎งแลง๎ และเพอื่ ฟื้นฟเู ศรษฐกจิ ผํานการทาธรุ กจิ เพอื่ สังคม โดยสร๎างเสริมสภาพแวดล๎อมทเี่ ออ้ื อานวยตํอการทาอตุ สาหกรรมชมุ ชน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ หอ๎ งคค๑ วามรู๎ในการสํงเสริม การเลย้ี งปศุสัตว๑
155 กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 11) ประเทศสาธารณรฐั มาดากัสการ๑ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ไดน๎ ๎อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อแกไ๎ ขปญ๓ หา ทางดา๎ นการเกษตรของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ ทรงพระราชทานในการชวํ ยเหลือในการให๎ความร๎ู เรอื่ งหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และนา ความรท๎ู ี่ได๎รับไปประยุกต๑ใชเ๎ ป็นสวํ นหน่ึงของแผนพฒั นาประเทศ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 12) ประเทศสาธารณรัฐโมซมั มกิ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ได๎น๎อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื แก๎ไขปญ๓ หา ทางดา๎ นการเกษตร พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานในการชํวยเหลือในการใหค๎ วามรู๎ เร่อื งหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สํง ผ๎เู ชย่ี วชาญ ได๎สารวจพ้นื ท่ีตามจดุ ตําง ๆ เพอ่ื ใชใ๎ นการทดลองการปลูกข๎าว การเลีย้ งปลา และการเลี้ยงผึ้ง ทัง้ นี้ คณะผ๎เู ชย่ี วชาญเหน็ พ๎องวาํ จะตอ๎ งเน๎นการสร๎างชุมชนทย่ี ง่ั ยืน โดยจะยึดความต๎องการของประชาชน ในท๎องท่ีเป็นหลัก รวมทงั้ การสรา๎ งการเรียนรรู๎ ํวมกนั ซ่งึ จะนาไปสกํู ารพัฒนาด๎วยตัวเองอยํางย่ังยืน ตามแนวคดิ ของหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงด๎วย กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 13) ประเทศเอธิโอเปยี กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ได๎นอ๎ มนาองค๑ความรเู๎ กษตรทฤษฎีใหมํ พลังงานทดแทน เพ่ือแกไ๎ ข ป๓ญหาทางดา๎ นการเกษตร และพลงั งาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานในการชํวยเหลือในการให๎ความรู๎ เรอื่ งหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ นาความรูท๎ ่ไี ด๎รับไปประยกุ ตใ๑ ช๎เป็นสวํ นหน่งึ ของแผนพฒั นาประเทศ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 14) ประเทศบรู ๑กินาฟาโซ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ได๎นอ๎ มนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ แก๎ไขปญ๓ หา ทางดา๎ นการเกษตรของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ ทรงพระราชทานในการชวํ ยเหลือในการใหค๎ วามรู๎ เรื่องหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และนา ความรูท๎ ่ไี ดร๎ ับไปประยุกตใ๑ ชเ๎ ปน็ สวํ นหน่งึ ของแผนพฒั นาประเทศ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 15) ประเทศสาธารณรฐั เคนยา กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ไดน๎ ๎อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื แก๎ไขป๓ญหา ทางด๎านการเกษตรของประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ ทรงพระราชทานในการชํวยเหลอื ในการให๎ความร๎ู เรื่องหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และนา ความรู๎ที่ไดร๎ บั ไปประยุกต๑ใช๎เปน็ สํวนหนง่ึ ของแผนพัฒนาประเทศ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 16) ประเทศราชอาณาจกั รเลโซโท กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ได๎น๎อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อแกไ๎ ขปญ๓ หาพน้ื ที่ แห๎งแล๎งทีไ่ มสํ ามารถปลูกพชื ได๎เพียงพอ และพฒั นาวธิ กี ารทาเกษตรกรรมของประช ากร พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานในการชวํ ยเหลือ โดยให๎เจา๎ หน๎าท่ีเดินทางไปใหค๎ วามรู๎ แล ะมอบทุนในการจดั ต้ังศนู ย๑พฒั นาเกษตรตวั อยําง ในประเทศเลโซโทข้ึน
156 กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 17) ประเทศสาธารณรฐั เซเนกลั กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 10) ได๎นอ๎ มนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพือ่ แก๎ไขปญ๓ หา ทางดา๎ น การเกษตรและความเป็นอยขํู องประชากรในประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานในการชวํ ยเหลอื ในการใหค๎ วามรู๎ เรือ่ งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และนาความร๎ูเก่ยี วกับการเพาะเลี้ยงปลานิลท่ีเหมาะสมกบั สภาพพนื้ ที่ เพอื่ เป็นแหลงํ อาหารโปรตีน ท่ีมีคุณภาพ สรา๎ งคณุ ภาพชีวติ ทด่ี แี กปํ ระชาชน กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชกรณียกจิ ท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงให๎การชวํ ยเหลือนานาประเทศขา๎ งตน๎ ดว๎ ยการให๎ความ รํวมมือ หรือให๎การชวํ ยเหลือตามสถานการณ๑ เม่ือประชาคมโลกในตาํ งประเทศมีปญ๓ หา เชํน เกดิ ภัย พบิ ัตทิ างธรรมชาติ หรือภยั จากน้ามือมนุษย๑ การให๎การชวํ ยเหลอื ตามศั กยภาพที่มีให๎ประชาคมโลก หลุดพน๎ จากผลกระทบทไี่ ดเ๎ กิดข้ึนจากภัยพบิ ตั ิ อาทิ การบริจาคส่ิงของ หรอื สมทบเงินชวํ ยเหลอื รํวมกับรฐั บาลไทยในการชวํ ยเหลอื ตาํ งชาตเิ มอ่ื ไดร๎ ับการประชาสมั พันธ๑ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเดน็ การศกึ ษาค๎นคว๎ารวํ มกันจากสื่อการเรียนรู๎ ที่หลากหลาย กกกกกกก3. บันทึกผลการศึกษาคน๎ ควา๎ ลงในเอกสารการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลุมํ กกกกกกก5. อภิปรายแลกเปลยี่ นเรยี นรู๎ กกกกกกก6. วิเคราะห๑ข๎อมูลทีไ่ ด๎ และสรปุ การเรียนรู๎รวมกนั บนั ทึก สรปุ การเรยี นรใู๎ นเอกสารการ เรียนร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่อื เอกสาร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เรอื่ งที่ 6 การเจริญพระราชไมตรี ณ ประเทศเครือรัฐออสเตรเลียและ การนาพระราชกรณียกิจไปใช๎ของสาธารณรัฐแหงํ สหภาพเมียนมาร๑ กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรื่องที่ 6 หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก1. 1.3 ชือ่ หนงั สอื เรียน สาระการพฒั นาสังคม สค33108 หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอย พระยคุ ลบาทรชั กาลท่ีเกา๎ 3 กกกกกกก1. 1.4 ชอ่ื หนังสือ รอยพระยคุ ลบาท ผ๎ูแตํง วสิษฐ เดชกุญชร ปที พี่ มิ พ๑ พ.ศ. 2559 สานกั พิมพ๑ มตชิ น กกกกกกก1. 1.5 ชือ่ หนังสือ สร๎างเดก็ ดี มีคณุ ธรรมตามคาสอน “พํอ” ผ๎ูแตํง ธ.ธรรมรกั ษ๑ และ จติ ตวชริ ะ ปีท่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2554 สานกั พิมพ๑ ริช
157 กกกกกกก1. 1.6 ชื่อหนังสอื ธรรมดีที่พอํ ทา ผู๎แตํง ดนยั จันทรเ๑ จ๎าฉาย ปที พ่ี มิ พ๑ พ.ศ. 2555 สานกั พิมพด๑ เี อ็มจี กกกกกกก1. 1.7 ชื่อหนังสอื 3 ทศวรรษ กปร. ผแู๎ ตํง สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพือ่ ประสาน งานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร .) ปที พ่ี ิมพ๑ พ .ศ. 2559 สานักพมิ พ๑ สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) กกกกกกก1. 1.8 ช่ือหนงั สือ ทศพิธราชธรรมกับพระมหากษตั รยิ ไ๑ ทย ผ๎แู ตงํ สถาบันพระปกเกลา๎ ปีที่พมิ พ๑ พ.ศ. 2551 สานักพิมพ๑ ส เจรญิ การพมิ พ๑ กกกกกกก1. 1.9 ชือ่ หนังสือ รอ๎ ยเร่อื งเลํา : เกร็ดการทรงงาน ผูแ๎ ตํง สานกั งานคณะกรรมการ พิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) ปีทพ่ี มิ พ๑ พ .ศ. 2557 สานักพมิ พ๑ สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่อื ประสานงานโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) กกกกกกก1. 1.10 ชอ่ื หนงั สือ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูหํ ัวพระอัจฉรยิ ภาพในการบรหิ ารจดั การ ผู๎แตงํ สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (สานัก งาน ก .พ.ร.) ปที พ่ี ิมพ๑ พ .ศ. 2549 สานกั พิมพ๑ บริษทั วิช่ัน พรน้ิ แอนด๑ มเี ดยี จากัด กกกกกกก1. 1.11 ชอื่ หนงั สอื 50 ปี แหํงการพัฒนาตามโครงกาอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดารขิ อง พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํหู ัว ผแู๎ ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่อื ประสานงานโครงการอัน เนือ่ งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) ปที ่ีพิมพ๑ พ.ศ. 2538 สานกั พิมพ๑ บริษัท โอ .เอส. พร้นิ ต้งิ เฮา๎ ส๑ จากดั กกกกกกก1. 1.12 ชื่อหนังสอื 32 ปี ผลสาเรจ็ ศูนย๑ศึกษาการพฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ผแู๎ ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สานักงาน ก .พ.ร.) ปีทพ่ี มิ พ๑ พ .ศ. 2555 สานักพิมพ๑ บริษทั จุดทอง จากดั กกกกกกก2. สื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 รายการวิทยุโทรทศั น๑ เรอื่ ง สารคดเี ฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 เนอ่ื งในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ ครบ 70 ปี 9 มถิ ุนายน 2559 \"เอกกษตั ริย๑อัครศิลปิน\" ของสถานี Yes Announcer สบื คน๎ จาก https://www.youtube.com/watch?v=9XT3Y05Vv08 กกกกกกก2. 2.2 ช่อื บทความ “89 เรื่องของในหลวง แรงบนั ดาลใจของพสกนกิ รไทยท้ังชาติ” ผ๎แู ตงํ นิตยสารแพรว สบื ค๎นจาก http://www.praew.com/60005/king-of-thailand/inspiration -89-story-thailands-king-bhumibol กกกกกกก2. 2.3 ช่ือบทความ “หลักธรรม หลักทา ตามรอยพระยคุ ลบาท” ผแ๎ู ตํง ดร.สุเมธ ตันติ เวชกุล เลขาธกิ ารมลู นิธชิ ัยพัฒนา สืบค๎นจาก http://www.geozigzag.com/the_king/content1. html กกกกกกก2. 2.4 ชื่อบทความ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ ผแ๎ู ตงํ ศูนยศ๑ กึ ษา การพัฒนาฯ -สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่อื ประสานงานโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) สืบค๎นจาก rdpb.go.th/StudyCenter
158 กกกกกกก2. 2.5 ชือ่ บทความ “ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ ” ผู๎แตํง สรรพศลิ ปศาสตราธิราช ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ สบื คน๎ จาก https://web.ku.ac.th/king72/center/center.htm กกกกกกก2. 2.6 ชื่อบทความ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยฮอํ งไครอ๎ ันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ผู๎แตํง สานักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) สบื คน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_ 96_1.html กกกกกกก2. 2.7 ชอื่ บทความ ศนู ย๑ศึกษาการพฒั นาเขาหนิ ซ๎อนอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริผ๎ูแตํง สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_99_1.html กกกกกกก2. 2.8 ชอื่ บทความ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาภูพานอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ผ๎ูแตงํ สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_98_1.html กกกกกกก2. 2.9 ชือ่ บทความ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอาํ วค๎งุ กระเบนอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ ผแ๎ู ตงํ สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_ 100_1.html กกกกกกก2. 2.10 ช่ือบทความ ศูนย๑ศกึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ ผ๎แู ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_95_1.html กกกกกกก2. 2.11 ช่อื บทความ ศนู ยศ๑ ึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ผู๎แตํง สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_97_1.html กกกกกกก2. 2.12 ชื่อบทความ โครงการพฒั นาในตํางประเทศ . ผแ๎ู ตํง มลู นธิ แิ มฟํ ูาหลวง. สบื คน๎ จาก http://www.maefahluang.org/indax.php กกกกกกก2. 2.13 ชอ่ื บทความ โครงการในพระราชดาริ. ผแ๎ู ตงํ มลู นธิ ิแมํฟูาหลวง. สบื คน๎ จาก http://www.thaisavannaket.com กกกกกกก2. 2.14 ชอ่ื บทความ “ ศาสตร๑พระราชา” แผํไพศาล ตามรอยเส๎นทางพฒั นาใน “ เยนนั ซอง ”. ผแู๎ ตงํ ไทยรฐั . สืบค๎นจาก http://www.thairath.co.th กกกกกกก2. 2.15 CD สารคดีพระราชดาริไร๎พรมแดน กกกกกกก3. สื่อแหลํงเรียนรู๎ในชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 พิพธิ ภัณฑ๑จังหวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ กกกกกกก3. 3.3 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหงํ และศนู ยก๑ ารเรียนชุมชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก3. 3.4 ศูนยว๑ จิ ยั และพัฒนาประมงชายฝง่๓ ประจวบคีรีขนั ธ๑
159 การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความก๎าวหนา๎ ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด๎วยวิธกี าร กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความร๎ู หัวเรื่องท่ี 6 หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณยี กจิ จานวน 10 ขอ๎ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคติตอํ วิชาหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ีเกา๎ 3
160 หวั เร่ืองท่ี 7 การประยกุ ตใ์ ช้หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ในชีวิตประจาวัน สาระสาคญั กกกกกกก1. การน๎อมนาทศพธิ ราชธรรมไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั สามารถใชก๎ คับรอบครัว ที่ประกอบดว๎ ย หัวหน๎าครอบครวั สมาชิกในครอบครวั และเครือญาติ การศึกษา ประกอบด๎วย เพื่อนผ๎เู รียน หรือ นกั ศึกษา และครบู าอาจารย๑ การประกอบอาชีพการงาน ประกอบดว๎ ย เพื่อนรวํ มอาชีพ และนายจา๎ ง หรือผู๎บงั คบั บัญชา และการพฒั นาชุมชน ทอ้ งถน่ิ และสงั คม ประกอบด๎วย สมาชกิ ในชุมชน และ ผูน๎ า ได๎เปน็ อยํางดี คอื ทาน ด๎วยการให๎บริจาคส่ิงของ ทรพั ย๑ หรือแรงกาย ชํวยเหลอื กจิ กรรม หรอื ภารกจิ ทีเ่ กี่ยวขอ๎ ง ให๎คาแนะนา หรอื ความร๎ทู เ่ี กยี่ วข๎อง และให๎อภยั เม่อื ได๎รับความร๎สู กึ หรอื การ กระทาทีไ่ มถํ ูกตอ๎ งกบั ตนเอง ศีล คอื การละเว๎นในสง่ิ ที่เปน็ ข๎อหา๎ มของศลี 5 ใหป๎ ระพฤตใิ นสงิ่ ท่ดี ี งาม ปริจจาคะ คอื การเสยี สละ สํวนที่เกีย่ วขอ๎ งกับตนเองเพอ่ื ประโยชน๑ของสวํ นรวม อาชชวะ คือ ความซอื่ ตรง ใหป๎ ฏิบตั ิงานหรือภารกิจทเ่ี ก่ียวขอ๎ งทั้งตํอหนา๎ และลบั หลัง ด๎วยความซ่อื สตั ย๑สุจริต มทั ทวะ คอื ความออํ นโยน ใหค๎ านงึ ถึงอายุ ถ๎าเป็นผ๎ูอาวโุ สตอ๎ งปฏิบตั ิดว๎ ยความออํ นน๎อมถอํ มตวั ใหก๎ ารเคารพ สวํ นผท๎ู มี่ อี ายุเสมอกนั หรอื อํอนกวาํ ให๎ปฏิบัตดิ ๎วย ความสุภาพอํอนโยน ตบะ คือ ความเพียร ความอดทน ใหป๎ ฏบิ ัติภารกิจดว๎ ยความขยัน มุํงม่ัน อดทน ตั้งใจใหส๎ าเรจ็ ลุลํวง อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ ต๎องควบคุมอารมณ๑ของตนเองใหส๎ งบ มีสตติ ลอดเวลา เพ่อื แสดงออก ถงึ พฤติกรรม ที่เหมาะสมกับ กาลเทศะทกุ สถานการณ๑ อวิหิงสา คือ ค วามไมํเบยี ดเบียน ไมํเอารดั เอา เปรียบ ด๎วยการไมเํ อาทรพั ยส๑ ินหรือส่งิ ของสํวนรวม หรือของผอ๎ู ืน่ มาใชเ๎ พ่ือสวํ นตน ไมพํ ดู จา หรือมีกิรยิ า สอํ เสยี ด เบียดเบยี นผอ๎ู ืน่ ทัง้ ทางกาย วาจา และใจ ขันติ คือ ความอดทน ต๎องมคี วามอดทน ในภารกจิ ทม่ี อบหมาย หรืออดทนตอํ สถานการณ๑ทีไ่ มพํ ึงประสงค๑ ไมยํ อํ ท๎อ ไมํทอ๎ ถอย และ อวิโรธนะ คอื ความเท่ยี งธรรม ให๎วางตวั เปน็ กลาง ไมํเอนเอียงไปทบ่ี ุคคลใดหรอื กลุมํ ใดกลมุํ หนง่ึ ไมํหว่ันไหว ไปกบั คาพูด การกระทา ใหม๎ ีความยตุ ธิ รรม เทย่ี งตรง กกกกกกก2. การน๎อมนาพระราชดารัสไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั ครอบครวั ต๎องให๎ความสาคญั กบั การ อบรมเล้ียงดบู ุตรหลานใหเ๎ ป็นคนดี มีคุณธรรม มีสตปิ ๓ญญาเฉลยี วฉลาด และมีเหตุมผี ล การศึกษ า ต๎องอบรม นักเรียน นักศกึ ษา และบณั ฑิตทเี่ พิ่งจบหรอื ศิษย๑เกําทจ่ี บไปนานแล๎วใหม๎ คี วามรู๎ วิชาการ และคุณธรรม การประกอบอาชพี การงาน ทกุ อาชพี ต๎องเนน๎ การพัฒนาอาชีพ ต้งั ใจ ศึกษาพัฒนา อาชีพ ประกอบอาชีพดว๎ ยความรู๎ ความสามารถ ประกอบอาชีพดว๎ ยความพอเพียง ประหยัด พ่ึงตนเอง รอบคอบ คํอย ๆ พฒั นาตามลาดับเพ่ือปอู งกันความผิดพลาด ใช๎ข๎อมลู หรอื ส่อื สารทีเ่ ปน็ ประโยชน๑ และตอ๎ งมคี ุณธรรมในอ าชพี ของตนเอง และการพฒั นาชมุ ชน ท้องถิน่ และสังคม ตอ๎ งมี วชิ าการ และผป๎ู ฏิบตั ิรวํ มมอื กนั พฒั นาด๎วยดี ตอ๎ งพฒั นาใหส๎ อดคลอ๎ งกับบรบิ ทแตํละพืน้ ท่ี เนน๎ ความ เข๎มแข็งของชุมชน ท๎องถิ่น ดว๎ ยการอาศัยการแลกเปลี่ยนเรียนรูก๎ บั บุคคล หรือองคก๑ รภายนอก ชมุ ชน เข๎ามามสี วํ นรวํ ม พัฒนา ด๎วยความรัก ความสามัคคี กระบวนการพฒั นาตอ๎ งเปน็ ลาดบั ขั้นตอน ประหยัด ถูกหลกั วชิ า เพอ่ื ปูองกันความล๎มเหลวจากการพฒั นา
161 กกกกกกก3. การน๎อมนาหลกั การทรงงานไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั ครอบครวั ใช๎ได๎ 10 ขอ๎ คอื (1) การมีสํวนรํวม (2) ประโยชนส๑ ํวนรวม (3) ขาดทุนคือกาไร (4) การพง่ึ ตนเอง (5) พออยูํพอกิน (6) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (7) ความซ่ือสตั ย๑ สุจริต จรงิ ใจตํอกัน (8) ทางานอยํางมีความสุข (9) ความเพยี ร และ (10) ร๎ู รกั สามคั คี การศกึ ษา ใช๎ได๎ 21 ข๎อ คอื (1) ศกึ ษาข๎อมลู อยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจาก ข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาทจี่ ุดเลก็ (4) ทาตามลาดับขนั้ (5) ภมู ิสังคม (6) องคร๑ วม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยดั เรียบงําย ไดป๎ ระโยชน๑สูงสดุ (9) ทาให๎งาํ ย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชนส๑ ํวนรวม (12) บรกิ ารรวมที่จุดเดียว (13) ปลกู ปุาในใจคน (14) ขาดทุนคือกาไร (15) การพ่ึงตนเอง (16) พออยํู พอกนิ (17) เศรษฐกจิ พอเพียง (18) ความซื่อสตั ย๑ สุจรติ จรงิ ใจตอํ กนั (19) ทางานอยาํ งมีความสุข (20) ความเพียร และ (21) ร๎ู รัก สามคั คี การประกอบอาชพี การงาน ใช๎ได๎ 22 ข๎อ (1) ศึกษาขอ๎ มลู อยํางเปน็ ระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ปญ๓ หาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับขนั้ (5) ภมู ิสงั คม (6) องคร๑ วม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ไดป๎ ระโยชน๑สูงสุด (9) ทาใหง๎ ําย (10) การมีสวํ นรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการรวมท่ีจุดเดยี ว (13) ใชธ๎ รรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14 ) ปลูกปุาใน ใจคน (15) ขาดทุนคือกาไร (16) การพ่งึ ตนเอง (17) พออยูํพอกนิ (18) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (19) ความ ซ่ือสตั ย๑ สจุ รติ จรงิ ใจตอํ กนั (20) ทางานอยํางมีความสุข (21) ความเพยี ร และ (22) รู๎ รกั สามัคคี และการพัฒนาชมุ ชนท้องถิ่นและสังคม สามารถใช๎หลกั การทรงงาน ใช๎ได๎ 23 ข๎อ คอื (1) ศึกษา ขอ๎ มลู อยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ปญ๓ หาท่จี ุดเลก็ (4) ทาตามลาดับขัน้ (5) ภมู สิ งั คม (6) องคร๑ วม (7) ไมํตดิ ตารา (8) ประหยัด เรียบงาํ ย ไดป๎ ระโยชน๑สูงสดุ (9) ทาให๎งําย (10) การมี สวํ นรวํ ม (11) ประโยชนส๑ วํ นรวม (12) บรกิ ารรวมทจ่ี ุดเดียว (13) ใชธ๎ รรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคอื กาไร (17) การพงึ่ ตนเอง (18) พออยูํ พอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความซื่อสตั ย๑ สจุ ริต จริงใจตํอกนั (21) ทางานอยํางมคี วามสุข (22) ความเพยี ร และ ( 23) ร๎ู รกั สามัคคี มาใชใ๎ นการพฒั นาชมุ ชน ท๎องถิ่น และสงั คม ให๎ เจรญิ กา๎ วหน๎าได๎ กกกกกกก4. การน๎อมนาพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกจิ ไปใชช๎ ีวิตประจาวัน ครอบครัว ใน ฐานะบุตรต๎องเชอ่ื ฟ๓งคาสอนของบดิ า มารดา มีความรับผิดชอบ ในหน๎าที่ ทไ่ี ดร๎ ับมอบหมาย และมี ความกตญั ๒ูตํอบิดามารดา ในฐานะพํอ มีหน๎าทอ่ี บรมส่ังสอนใหเ๎ ป็นคนดี สนบั สนุนให๎ไดร๎ ับ การศกึ ษาตามศกั ยภาพ ในฐานะสามี ให๎เกยี รตภิ รรยา และยกยํองตามโอกาส และในฐานะผ๎ูนา ครอบครวั เป็นแบบอยาํ งทีด่ ใี หก๎ ับสมาชิกครอบครวั ไดป๎ ฏบิ ัติตาม นอกจากน้ี ควรมคี วามอํอนน๎อม ถอํ มตวั กับผู๎ทมี่ ีอาวุโสกวําใหค๎ วามเคารพ สํวนผท๎ู มี่ อี ายรุ ํนุ ราวคราวเดียวกนั หรอื ผท๎ู ี่มอี ายุอํอนกวํา ควรแสดงออกซง่ึ ความสภุ าพอํอนโยน โรงเรียน ควรชํวยเหลอื สนับสนนุ กจิ กรรมของโรงเรียน ตามศักยภาพอาจจะเป็นทรัพย๑เงนิ หรือวัสดุ หรอื แรงกาย กไ็ ด๎ ตามโอกาส เพ่อื ชวํ ยพฒั นาการจดั การศึกษาของโรงเรียน ท้องถิน่ ควรมีสํวนรวํ มในการพฒั นาท๎องถ่ินของตนเอง ทั้งแรงกาย หรือเงิน ตามโอกาส ประเทศ ควรหาโอกาสไปศึกษาเรียนรู๎ ศูนยศ๑ ึกษาการพัฒนาอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ ท่ตี ั้งอยใูํ นภมู ิภาค ทเ่ี ป็นภูมลิ าเนาของตนเอง ศกึ ษาแนวทางการปฏิบัติงานรํวมกนั ของทกุ ฝาุ ยใน ศูนย๑ศกึ ษามาปรบั ใช๎ในเรื่องของความสามัคคี ในการทางานรํวมกัน และยึดหลักการพงึ่ ตนเองใหม๎ าก ทีส่ ุด ลดการพ่งึ พาภายนอก ดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และโลก ในฐานะ เป็นสมาชิก ควรคานึงถงึ การพฒั นา หรอื การกระทาของสมาชกิ โลกแตลํ ะคน แตํ ละครอบครวั แตํละ
162 ชมุ ชน และแตลํ ะสังคม มีความสัมพนั ธเ๑ ช่อื มโยงกัน การกระทาทุกอยํางจะสงํ ผลกระทบตํอผูท๎ อี่ ยํรู อบ ข๎างท้งั ทางตรงและทางอ๎อม สงํ ผลกระทบตํอโลกทีเ่ ราอาศัยอยํู ตวั ช้วี ดั กกกกกกก1. ปฏบิ ตั หิ น๎าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ในชวี ิตประจาวันได๎ กกกกกกก2. ตระหนักถึงความสาคญั เหน็ คุณคาํ ของการประยุกต๑ใช๎หน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ล บาทรัชกาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวนั ขอบข่ายเนอื้ หา กกกกกกกการประยกุ ตใ๑ ช๎หนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ในชวี ติ ประจาวัน มขี อบขํายเนอื้ หา ดงั น้ี กกกกกกก1. การน๎อมนาทศพิธราชธรรมไปใช๎ในชีวิตประจาวัน กกกกกกก2. การนอ๎ มนาพระราชดารัสไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน กกกกกกก3. การนอ๎ มนาหลกั การทรงงานไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั กกกกกกก4. การนอ๎ มนาพระราชจรยิ วัตรและพระราชกรณยี กจิ ไปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน เนื้อหา กกกกกกก1. การน้อมนาทศพธิ ราชธรรมไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน กกกกกกก1. หลักทศพิธราชธรรม เป็นหลกั ธรรมสาคญั ในการปกครอง กลําวคอื เป็นหลกั ธรรมที่ พระราชา หรอื ส่งิ ท่ีควรประพฤติ และสามารถท่ีจะนาไปประยกุ ต๑ใช๎ในชวี ติ ประจาวนั ไดเ๎ ปน็ อยาํ งดยี ่งิ โดยมหี ลกั ทศพธิ ราชธรรมที่เกีย่ วข๎อง ดงั น้ี กกกกกกก1. 1.1 ทศพิธราชธรรมท่ีใช๎ในครอบครัว ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 1 ทาน คอื การให๎ ผ๎ูท่เี ป็นผน๎ู าครอบครวั ได๎แกํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในการให๎ทานกับบตุ รธดิ า ด๎วยการอบรมสง่ั สอน การให๎กาลังใจ การใหอ๎ ภยั การใหค๎ วามรกั กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความเออื้ เฟ้อื เผื่อแผํ ชํวยเหลือยามลาบาก และใหก๎ าลังใจ สํวนบุตรธดิ า ควรให๎ทานกบั บคุ คลในครอบครัว ดว๎ ยการให๎ความเคารพนับถอื เชอ่ื ฟ๓งคา สั่งสอนของ บดิ ามารดา และญาติผใ๎ู หญํ พรอ๎ มท้งั เอาใจใสรํ บั ผิดชอบชํวยงานบ๎านเพอื่ แบํงเบาภาระของทําน และ ให๎ความสนบั สนนุ แกผํ ๎ูที่ทาคุณงามความดี เปน็ การให๎รางวลั เพื่อเป็นกาลังในการเรียน ไมํทอดทิง้ ยาม ทกุ ข๑ยาก เขา๎ ลักษณะทวี่ ํา ยามปกติ ก็เรียกใช๎ ยามเจบ็ ไขก๎ ็รกั ษา ยามตอ๎ งการคาแนะนาปรกึ ษา กช็ ํวย ใหแ๎ สงสวําง แนะคือ บอกอบุ ายใหร๎ ู๎ นา คอื ทาใหด๎ เู ปน็ แบบอยําง แม๎จากผ๎นู ๎อยผดิ พลาดไปบา๎ ง โดย มติ ั้งใจ ผ๎ใู หญกํ ็ตอ๎ งร๎ูจักให๎โอกาส แกไ๎ ข ใหอ๎ ภยั มนี า้ ใจ กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดา มารดา ควรปฏบิ ัติดว๎ ยการบาบดั ทุกข๑ บารงุ สขุ คนในครอบครัว การให๎สงิ่ ของ การให๎วชิ าความรู๎
163 การใหส๎ ิ่งท่ตี อ๎ งการ ตลอดจนการอบรมแนะนาเพือ่ จะไดใ๎ ช๎เปน็ เคร่ืองยังชีพ และสรา๎ งสรรค๑ ชีวติ ให๎มี ความผาสุกตามควรแกอํ ตั ภาพ (2) บุตรธิดา ควรปฏิบัตดิ ว๎ ยการปฏิบตั ติ นเป็ นคนดีใหค๎ นในครอบครัว เกิดความผาสกุ และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ตั ิใหค๎ วามรวํ มมือกบั คนในครอบครัวทุก ๆ ด๎าน กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมอื งดี ประกอบดว๎ ย หัวหน๎าครอบครวั สมาชกิ ใน ครอบครัว และเครอื ญาตขิ องครอบครัว ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 1 ทาน คอื การให๎ ไปใชก๎ ับ ครอบครัว และเครอื ญาติ ด๎วยการให๎ ทานในเรื่อง สง่ิ ของ การเสยี สละทรพั ย๑ ส่ิงของบารุงเล้ยี งดู ชวํ ยเหลอื เก้อื กูล ใหธ๎ รรมทานด๎านการให๎คาแนะนาในการปฏิบัตดิ ี ปฏบิ ตั ิชอบ และให๎อภัยทาน ด๎วยการ ให๎อภยั เมอื่ มกี ารกระทาผดิ หรือละเมิดกันและกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 2 ศลี คือ การตง้ั อยํใู นศีล ซ่ึงสามารถปฏิบัติตามศีล5 คือ ไมํฆาํ สัตวต๑ ดั ชวี ติ ไมํลักขโมยของของผ๎ูอ่นื ไมํลํวงละเมดิ ลกู เมียเขา ไมํพูดโกหก หรอื พูดสอํ เสยี ด ยุยงใหค๎ นเขาทะเลาะเบาะแวง๎ กัน และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บหุ ร่ี หรอื อบายมขุ ตาํ ง ๆ เพราะสง่ิ เหลําน้ี นอกจากจะทาให๎เราเสยี เงนิ แล๎ว ยังเสยี สุขภาพกายและใจทง้ั ของตวั เราเอง และคน ใกลช๎ ดิ เราดว๎ ย ผ๎ูทเี่ ป็นผูน๎ าครอบครวั ได๎แกํ บดิ า มารดา ควรปฏิบตั ศิ ีล 5 ทกุ ขอ๎ เป็นแบบอยํางกบั สมาชกิ ในครอบครวั หรอื เครือญาติ ดังตวั อยาํ ง มีบทบาท การปฏิ บัติศีลข๎อท่ี 3 กับคูํสมรส ด๎วยการมี ความประพฤติที่ดี ไมํลํวงละเมิดลูกเมยี ผอู๎ น่ื ศลี ข๎อท่ี 4 ไมํพูดโกหกหลอก ลวง ไมพํ ดู จาสอํ เสยี ด ใหเ๎ กยี รตซิ ง่ึ กันและกัน กบั สมาชกิ ครอบครวั และ เครอื ญาติ ดว๎ ยการมีความประพฤติทดี่ ี ไมพํ ดู จา สอํ เสยี ด ใหเ๎ กยี รติซึ่งกนั และกัน สํ วนบตุ รธิดา ควรปฏิบัติตามแบบอยาํ งท่ีดขี องพํอแมํ เร่อื งศลี 5 ในการดาเนินชวี ติ กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 2 ศีล ไปใชใ๎ นครอบครัว ดว๎ ยการ (1) บดิ ามารดา ควรปฏบิ ตั ิ ตอ๎ งรักษาระเบยี บกตกิ า และปฏิบัตติ ามกฎระเบยี บของบ๎านเชนํ เดียวกบั สมาชิกคนอนื่ ๆ โดยไมมํ ี ข๎อยกเว๎น ผู๎นาครอบครัวตอ๎ งไมํทาตวั ให๎อยเูํ หนือกฎระเบียบ เพราะถือตวั วาํ มีอานาจเบ็ดเสร็จ (2) บตุ รธิดา ควรปฏิบตั ิดว๎ ยการทาตนให๎มีความประพฤตทิ ดี่ ที ั้งทางกาย วาจา ใจ และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ัติวางตนใหอ๎ ยูํในความดีงามท้งั ทางกาย วาจา ใจ ใหส๎ ะอาดปราศจากโทษอนั ควรครหา กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมอื งดี ประกอบด๎วยหัวหน๎าครอบครวั สมาชกิ ใน ครอบครวั และเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 2 ศีล คือ การตง้ั อยใูํ นศีล ไปใชก๎ ับ ทุกคนใน ครอบครัว โดยเฉพาะบดิ ามารดา ควรปฏิบตั ติ นเป็นตวั อยาํ งทด่ี ใี ห๎แกํคนในครอบครัว ท้งั ดา๎ นความ ประพฤติและการปฏบิ ัตติ น สํวนสมาชกิ ในครอบครวั ก็ควรปฏิบัตติ ามแบบอยํางของบดิ ามารดา กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 3 ปริจจาคะ คือ การเสียสละ ผ๎ูที่เปน็ ผนู๎ าครอบครวั ได๎แกํ บิดา มารดา ควรมีบทบาทในการเสยี สละกับบุตรธดิ า ด๎วยการเสียสละความสุขสวํ นตน เพือ่ ความสขุ หรือประโยชนข๑ องสวํ นรวม คอยใหค๎ าปรกึ ษา ใหก๎ าลงั ใจ ดูแล และเขา๎ ใจในทุกเรื่อง ที่เกยี่ วขอ๎ งกบั ครอบครวั ปกปอู งและใหค๎ วามอบอุนํ โดยไมเํ กรงกลวั ตอํ ภยนั ตรายใด ๆ เพือ่ ให๎ทุกคน ในครอบครัวอยูํอยํางสขุ สบาย เชํน พอํ เสยี สละความสขุ สํวนตัวดว๎ ยการเลกิ ด่มื เหลา๎ ทาใหล๎ ูกเมยี มีความสขุ และสละทรัพยส๑ ิ่งของบารุงเล้ยี งดู ชํวยเหลอื เกื้อกูล กับเครอื ญาติ ด๎วยการให๎ความ ชํวยเหลือเกอื้ กูล และคอยให๎คาปรึกษา ให๎กาลงั ใจ และยืนหยัดอยํเู คียงข๎าง สํวนบตุ รธดิ าควรให๎การ
164 เสียสละกบั บคุ คลในครอบครวั ดว๎ ยการต้งั ใจศกึ ษาเลาํ เรยี น และเพียรพยายามจนสาเร็จ รวมถงึ เสียสละแรงกายและเวลาในการชวํ ยภารกิจของครอบครัวตามโอกาส กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใชใ๎ นครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏบิ ตั ิตนให๎มีความรบั ผดิ ชอบมาก ตอ๎ งดูแลทกุ ข๑สุขของคนท่วั ไป ต๎องพยายามหาหนทางทาใหส๎ มาชิก ในครอบครวั ได๎รบั ความสขุ พน๎ จากความทุกข๑ จงึ จาเป็นทผี่ เู๎ ป็นนักปกครองจะต๎องอุทิศกาลงั กาย กาลงั ใจ และกาลงั ความคดิ ใหแ๎ กสํ วํ นรวม (2) บตุ รธิดา ควรปฏบิ ตั คิ วรสนองตอบตํอความปรารถนาดี ของผ๎ปู กครอง และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติด๎วยการเสยี สละเพ่ือสนองตอํ กฎระเบยี บของครอบครัว หรอื ความปรารถนาดขี องคนในครอบครวั เชํน เมื่อถึงคราวอด เรากอ็ ดดว๎ ยกนั เมอื่ ถึงคราวควรออมก็ ออมด๎วยกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหวั หนา๎ ครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 3 ปริจจาคะ คอื การเสยี สละไปใช๎กับครอบครวั ดว๎ ยการมีความเสยี สละในเร่ืองของสวํ นตน เพือ่ ประโยชนส๑ วํ นรวมของคนในครอบครวั กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ คอื ความซ่อื ตรง ผท๎ู ่ีเป็นผ๎นู าครอบครวั ได๎แกํ บดิ ามารดา ควรมีบทบาทในอาชชวะ ด๎วยการแสดงความซอ่ื ตรงใหเ๎ ปน็ แบบอยาํ งกับบตุ รธดิ า ดว๎ ยการสงั่ สอนใหล๎ ูก ๆ มีความซอื่ สัตย๑สจุ ริต มคี วามซอ่ื ตรงไมํคดโกง หรือหลอกลวงผู๎อืน่ กับเครอื ญาติ ดว๎ ยการซอ่ื สัตย๑ จรงิ ใจ ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวง สวํ นบุตรธดิ าควรใหอ๎ าชชวะ ด๎วยการมีความ ซ่ือตรงกบั บุคคลในครอบครวั ด๎วยการปฏบิ ตั ติ นในสงิ่ ทถ่ี ูกตอ๎ ง ดงี ามทง้ั กาย วาจา และใจ ทัง้ ตอํ หน๎า และลับหลัง เชนํ ไมพํ ดู โกหกหลอกลวง ไมลํ กั ขโมย ไมเํ อาของผูอ๎ นื่ มาเปน็ ของตน กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวขบนั คธรี๑ ฝี ุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ ความซ่ือตรง ไปใช๎ในครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บดิ า มารดา ควรปฏิบัติตนซือ่ ตรงตอํ หนา๎ ท่ี และซ่ือตรงตอํ ความถูก ความควร (2) บตุ รธดิ า ควรปฏิบตั ิตน ให๎ร๎ูจักการตรงตอํ เวลา ความซอื่ สัตย๑ในหนา๎ ท่ีของตน และไมโํ กหกบุคคลในครอบครแัวละ(3) เครือญาติ ควรปฏบิ ตั ติ นใหซ๎ ื่อตรงตอํ หน๎าที่ของตน โดยไมยํ อํ ทอ๎ ตอํ อุปสรรค กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยหวั หน๎าครอบครวั สมาชิกใน ครอบครวั และเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 4 อาชชวะ คือความซื่อตรง ไปใช๎กบั ครอบครัว ด๎วยการดาเนนิ ชวี ติ ดว๎ ยความซือ่ สตั ย๑สจุ รติ ด๎วยความซื่อตรง ไมํพูดโกหก ไมํหลอกลวง และให๎ความ จรงิ ใจแกํคนในครอบครัวทัง้ ตํอหน๎าและลบั หลงั กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 5 มทั ทวะ คอื ความออํ นโยน ผทู๎ ่ีเปน็ ผูน๎ าครอบครวั ไดแ๎ กํ บิดา มารดา ควรมบี ทบาทในการสอนเรื่องความออํ นโยนใหก๎ ับบตุ รธิดา ด๎วยการสอนให๎รจู๎ กั การเคารพผทู๎ ่มี ีอายสุ ูงกวาํ ไมเํ ยํอหย่งิ ไมถํ อื ตัว และรจ๎ู กั ความอํอนน๎อมถอํ มตน กับเครอื ญาติ ดว๎ ยการให๎ความเคารพนบน๎อม รจู๎ ักเอาใจเขามาใสใํ จเรา สวํ นบุตรธิดาควรมีมทั ทวะกับบุคคล ในครอบครัว ด๎วยการมีสมั มาคารวะ ร๎จู กั กลาํ วคาขอบคุณ ขอโทษ รู๎จกั การให๎ความเคารพ การไหว๎ ผูใ๎ หญํ ประพฤตติ นตามกฎระเบยี บของครอบครวั ตอํ บิดา มารดาและญาตผิ ใ๎ู หญํ จะทาใหไ๎ ปท่ไี หน คนก็ให๎การตอ๎ นรบั เพราะอยใูํ กลแ๎ ล๎วสบายใจ ไมํรอ๎ นรมํุ หากบคุ คลแสดงกิ รยิ าหยาบคาย กา๎ วร๎าว คนกถ็ อยหําง
165 กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรฝีขุานั ยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 5 มทั ทวะ ไปใชใ๎ นครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบตั ิ ใหเ๎ ป็นคนท่ีมีเหตุและมผี ล และควรมอี ัธยาศัยอํอนโยน กิรยิ าสภุ าพนมํุ นวล ละมนุ ละไม (2) บตุ ร ธิดา ควรปฏิบตั ติ นใหม๎ ีสมั มาคารวะตํอผู๎ใหญํ หรือบุคคลในครอบครัวและออํ นโยนตอํ บุคคล ที่เสมอกนั และตา่ กวํา เชนํ พนี่ ๎อง หรอื ญาตทิ ี่อายรุ ุนํ ราวคราวเดียวกนั และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ตั ิ ตนให๎เคารพในเหตุผลท่ีควร กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยหวั หน๎าครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครวั และเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 5 มทั ทวะ คือความออํ นโยนไปใช๎กับครอบครัว ด๎วยการทาตวั ใหม๎ กี ริ ิยาสุภาพนุํมนวล ละมุนละไม ไมเํ ยอํ หยิ่งถอื ตัว หรอื แสดงกิ ริยาวาจา หยาบคาย กบั ใคร ทาตวั เป็นผูท๎ ีม่ ีความอํอนนอ๎ มถํอมตวั กบั ผูท๎ ีม่ ีความอาวุโสกวํา และอํอนโยนกบั บคุ คลทีเ่ สมอกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 6 ตบะ คือ ความเพียร ผู๎ท่เี ปน็ ผ๎นู าครอบครวั ได๎แกํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในเร่ืองของตบะกับบตุ รธิดา ดว๎ ยการเปน็ ตัวอยาํ งทด่ี ี มคี วามมุมานะ อดทน ขยัน มงํุ มัน่ ในการสรา๎ งครอบครัว ให๎มคี วามเปน็ อยูํที่สุขสบาย กับเครือญาติ ดว๎ ยการมีความอดทน พากเพยี ร เอาใจใสบํ คุ คลในครอบครวั สํวนบุตรธิดาควรมีตบะกบั บคุ คลในครอบครัว ด๎วยการ มคี วาม มมุ านะ อดทน ขยนั มงํุ มน่ั พากเพยี รในการเรียนหนงั สือใหป๎ ระสบผลสาเรจ็ เปน็ ทช่ี ่นื ชมให๎กบั บุคคล ในครอบครวั รวมถงึ มงุํ มน่ั พากเพียรในภารกจิ ทีไ่ ด๎รบั มอบหมายจากครอบครวั ให๎สาเรจ็ ตามท่ีกาหนดไว๎ กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 6 ตบะ ไปใชใ๎ นครอบครัว ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏบิ ัติมีความมานะบากบั่น ไมยํ ํอท๎อ กา๎ วหน๎าไมํถอยหลงั ในหน๎าทท่ี ีจ่ ะต๎องรับผิดชอบตําง ๆ ภายใน ครอบครัว มคี วามทํุมเททาอยาํ งสดุ ความสามารถ ไมํเสร็จเปน็ ไมํยอมเลิกรา (2) บตุ รธดิ า ควรปฏบิ ตั ิ ด๎วยการตง้ั ใจกาจัดความเกยี จคร๎าน หรอื การทาผิดหน๎าท่ี มงุํ ทากิจอันเป็นหน๎าทท่ี พี่ งึ ทา อันเป็นกิจดี กิจชอบ ใหส๎ ม่าเสมอ และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ตั ิตนด๎วยการมคี วามอดทน ปราศจากความเกียจครา๎ น กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหัวหนา๎ ครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 6 ตบะ คอื ความเพยี ร ไปใชก๎ ับครอบครัว ดว๎ ยการปฏิบตั หิ น๎าทที่ ่ีรับผดิ ชอบดว๎ ยความมุมานะ อดทน ขยัน มงํุ ม่นั และทาแตํสิ่งทด่ี ี ความถกู ต๎อง ฝุาฟ๓นอุปสรรคตาํ ง ๆ จนประสบความสาเรจ็ นอกจากน้ี ยังสอนใหเ๎ ราสช๎ู วี ติ ไมํยอมแพอ๎ ะไรงําย ๆ กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 7 อกั โกธะ คือ ความไมํโกรธ ผ๎ทู ่ีเปน็ ผู๎นาครอบครัว ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในอกั โกธะกบั บุตรธิดา ดว๎ ยการควบคมุ อารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เปน็ คนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยับยัง้ ความโกรธอยเํู สมอ กบั เครอื ญาตดิ ว๎ ยการ รักษามติ รไมตรี หรอื สมั พนั ธภาพของคนในครอบครัว สํวนบตุ รธดิ าควรมอี กั โกธะกับบุคคลในครอบครัว ดว๎ ยการไมํแสดง ความโกรธ หรอื ความไมํพอใจใหป๎ รากฏ ตอ๎ งฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเองไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงาํ ย แมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาไดย๎ าก แตํหากเราสามารถฝกึ ฝนไมํใหเ๎ ป็นคนโมโหงาํ ย และพยายาม ระงบั ยบั ยั้งความโกรธอยเูํ สมอจะเปน็ ประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชนํ ทาให๎เราสุขภาพจติ ดี หนา๎ ตา ผํองใส ข๎อสาคญั ทาใหเ๎ รารกั ษามิตรไมตรี หรอื สัมพันธภาพกบั ผอู๎ นื่ ไวไ๎ ด๎ อันมผี ลให๎บุคคลน้ันเปน็ ท่รี ัก และเกรงใจของคน
166 กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 7 อักโกธะ ไปใชใ๎ นครอบครวั ด๎วยการ (1) บดิ ามารดา ควร ปฏบิ ตั ิตนด๎วยการร๎จู กั การควบคุมอารมณ๑ ไมํโกรธงําย ตอ๎ งร๎จู ั กเหตุ ร๎จู ักผล มีเมตตาประจาใจ ไมํ เกรี้ยวกราดปราศจากเหตผุ ล ต๎องกระทาดว๎ ยจติ อันสขุ ุมเยือกเยน็ ละเอยี ดรอบคอบที่สาคัญตอ๎ งมี พรหมวหิ าร 4 คอื เมตตา กรณุ า มทุ ิตา และอุเบกขา (2) บุตร ธดิ า ควรปฏิบัตใิ ห๎ร๎จู กั คดิ และควบคุม อารมณข๑ องตน เชนํ เม่อื พอํ แมํ วาํ กลาํ วตกั เตอื นก็ควรจะรบั ฟ๓งและนาไปแกไ๎ ขตนเอง ไมํควรโกรธ ท่ีพอํ แมวํ ํากลาํ ว และ (3) เครือญาติ ควรมีไมตรี เย่อื ใยตํอกนั ปรารถนาใหม๎ ีความสขุ ไมทํ า ให๎บุคคล รอบข๎างเกิดความลาบากใจ กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าทีพ่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยหัวหนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 7 อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ ไปใชก๎ บั ครอบครวั ด๎วยการฝกึ ฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยับยงั้ ความโกรธ อยํเู สมอในทกุ สถานการณ๑ กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 8 อวหิ ิงสา คอื ความไมเํ บียดเบยี น ผู๎ท่ีเปน็ ผูน๎ า ครอบครวั ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทของอวหิ งิ สา กับบุตรธดิ า ดว๎ ยการไมํใชอ๎ านาจไปบงั คบั และใหค๎ วามชํวยเหลอื ในด๎านตาํ ง ๆ กับเครอื ญาติ ดว๎ ยการใหค๎ วามเทาํ เทียมกนั เหมือนกนั เสมอภาคกนั ไมทํ ะเลาะวิวาท ไมํบาดหมางกัน หมั่นนาข๎อคิดเหน็ ทแี่ ตกตาํ งมาพูดคยุ สรา๎ งความเขา๎ ใจกันการนา ความคิดเห็นที่แตกตํางกันมาสร๎างความสามัคคี บตุ รธิดาควรมอี วิหิงสา คอื ความไมเํ บียดเบยี นกับ บคุ คลในครอบครัว ด๎วยการไมํทะเลาะววิ าท บาดหมางกนั หากมเี รอื่ งคลางแคลงใจควรหนั หนา๎ พดู คุยกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ให๎ขอ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 8 อวิหิงสา ไปใชใ๎ นครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดา มารดา ควรปฏิบัตติ นดว๎ ยการไมํวางอานาจขมํ ขูํ หรอื พดู จาบงั คบั ใหบ๎ ุคคลในครอบครวั ปฏบิ ัติตาม (2) บุตร ธิดา ควรปฏบิ ัตติ นด๎วยการหลกี เล่ียงความรุนแรง ไมเบียดเบยี นผูอนื่ เคารพในกฎระเบยี บ กตกิ าของ บุคคลในครอบครวั และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏิบตั ติ นให๎มคี วามสขุ ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ไมํทะเลาะ วิวาท ไมบํ าดหมางกันในครอบครวั กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหัวหน๎าครอบครวั สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 8 อวิหิงสา คือ ความไมเํ บยี ดเบียน ไปใชก๎ บั ครอบครัว ด๎วยการไมํใช๎อานาจกิรยิ าวาจา ขมํ ขูํ เบยี ดเบยี นสมาชิกในครอบครัว ใหม๎ ีความเทาํ เทียมกัน เสมอภาคกนั เคารพในกฎหมาย ไมํทะเลาะววิ าทบาดหมาง กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 9 ขันติ คือ ความอดทน ผ๎ทู ่ีเป็นผูน๎ าครอบครวั ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในขันติ กบั บตุ รธดิ า ดว๎ ยการมีความอดทนตอํ ส๎กู บั ความเหนือ่ ยยากลาบาก ในการเลยี้ งดูบตุ รธดิ าของตน กบั เครอื ญาติ ดว๎ ยการมอี ดทนตํอความยากลาบาก ไมทํ ๎อถอยและไมหํ มด กาลงั กาย กาลงั ใจ ทจี่ ะดาเนนิ ชีวิตเพอื่ ให๎ครอบครวั นน้ั อยอํู ยํางสุขสบาย สวํ นบตุ รธิดา ควรมีขัน ติ กับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการอดทนตํอการทางานทไี่ ดร๎ บั มอบหมาย อดทนตอํ คาพดู กิริยา ทําทาง ของบุคคลในครอบครวั ท่ตี นเองไมํชอบ รวมท้งั ไมํยํอทอ๎ ตอํ การทาคณุ งามความดี ความอดทนจะทาให๎ เราชนะอุปสรรคท้งั ปวงไมวํ ําเล็กหรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ขน้ึ เข๎มแข็งข้ึน
167 กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 9 ขันติ ไปใช๎ในครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบตั ติ นให๎มีความอดทนอตุ สาหะ ในการปกครองคนในครอบครวั ด๎านอารมณ๑ ดา๎ นวาจา (2) บุตร ธิดา ควรปฏิบตั ติ นดา๎ นความอดทนตํอสง่ิ ย่ัวยกุ ิเลสตาํ ง ๆ ท่จี ะเข๎ามาทาลายชวี ิต ทาใหส๎ มาชิก ในครอบครัวไมมํ ีความสุข และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ตั ิดว๎ ยการประพฤติตนเปน็ ท่ีปรึกษาท่ีดใี หแ๎ กํ ครอบครวั อดทนตอํ กิเลส โทสะตาํ ง ๆ ท่ไี มํดี กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี ประกอบด๎วยหวั หนา๎ ครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 9 ขนั ติ คอื ความอดทน ไปใชก๎ บั ครอบครวั ดว๎ ยการใหเ๎ ราอดทนตอํ ความยากลาบาก ไมํท๎อถอย และไมหํ มดกาลงั กาย อดทนตอํ ภาระทตี่ ๎อง ปฏิบตั ิให๎สาเร็จ อดทนตํอกริ ิยา วาจา สิง่ ยวั่ ยุตาํ ง ๆ ทีท่ าใหท๎ อ๎ ถอย หมดกาลังใจในการดาเนินชวี ติ กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 10 อวิโรธนะ คอื ความเท่ียงธรรม ผู๎ที่เป็นผูน๎ า ครอบครัว ไดแ๎ กํ บดิ า มารดา ควรมบี ทบาทใน อวิโรธนะ กบั บตุ รธิดา ด๎วยการ ให๎ความยุติธรรม หนกั แนนํ ถือความถูกต๎อง เท่ียงธรรมเปน็ หลัก ไมํเอนเอยี งหวัน่ ไหวด๎วยคาพูดอารมณ๑ กับเครอื ญาติ ดว๎ ยการใหค๎ วามยุติธรรมแกเํ ครือญาติ และไมลํ าเอียง สํวนบตุ รธิดา ควรมอี วิโรธนะกบั บคุ คล ในครอบครัว ดว๎ ยการปฏบิ ตั ิตนให๎เปน็ กลาง เช่ือฟ๓งคาส่ังสอนของคนในครอบครวั ไมเํ อนเอียง หวนั่ ไหวด๎วยคาพูดอารมณ๑ กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรฝขี าุ นั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ ๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 10 อวโิ รธนะ ไปใชใ๎ นครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควรปฏิบัตติ นใหอ๎ ยูํในทานองคลองธรรม ให๎เป็นแบบอยํางใหก๎ บั บุคคลในครอบครวั (2) บตุ รธิดา ควรปฏิบตั ิตนเปน็ คนดี เป็นลกู ทีน่ าํ รกั ของพํอแมํ รจ๎ู กั ผดิ ชอบช่ัวดี และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ัตติ น ใหถ๎ กู ทานองคลองธรรม เป็นทป่ี รึกษาให๎กับคนในครอบครวั ชํวยเหลอื แบงํ เบาภาระของกันและกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 กลําวโดยสรุปหน๎าที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ย หัวหนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ในครอบครัว และเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 อวโิ รธนะ คอื ความเทยี่ งธรรมไปใช๎กับ ครอบครัว ด๎วยการมีความหนักแนนํ ไมมํ คี วามเอนเอยี ง หวัน่ ไหว ยดึ ม่ันในสิ่งท่ถี ูกต๎องดงี าม มีความ เทีย่ งธรรม ในการดาเนินชีวิตไดม๎ ากท่สี ุด กกกกกกก1. 1.2 ทศพิธราชธรรมท่ใี ช๎ในการศกึ ษา ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 1 ทาน คอื การให๎ ผู๎เรยี นหรอื นักศึกษาควรมแี นว ปฏิบตั ใิ นการให๎ทานแกเํ พอ่ื นผูเ๎ รียน หรือนักศึกษา ด๎วยการชวํ ยเหลอื เพอ่ื นในการใหค๎ วามรก๎ู บั เพอื่ นที่ ออํ นหรือด๎อยกวาํ และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัตใิ ห๎ทาน ด๎วยการชํวยเหลือครบู าอาจารย๑ ตามโอกาส และความสามารถของตนเอง ด๎วยการใหข๎ ๎อมูลท่ีจาเป็น หรือความรทู๎ ี่จาเป็นแกํครูบา อาจารย๑ เพอื่ นาไปชวํ ยเหลอื เพือ่ นผูเ๎ รยี น หรือเพื่อนนักศกึ ษาด๎วยกันไดถ๎ ูกต๎อง กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 1 ทาน ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กบั เพือ่ นผู๎เรียน หรือ เพอ่ื นนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ิ คือ การให๎กาลังใจแกํเพ่ือนท่ตี กอยใูํ นหว๎ งทุกข๑ ใหข๎ อ๎ แนะนาทีเ่ ป็น ความรู๎ ให๎รอยย้ิม และปยิ วาจาแกเํ พอ่ื นฝูง รวมถงึ บคุ คลท่มี ารับบรกิ ารจากเรา และ (2) กบั ครู
168 บาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ใิ ห๎ทานดว๎ ยการให๎ความรู๎ ความคิด และขอ๎ แนะนาอันเป็นประโยช น๑ ตํอนกั ศึกษา กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ย เพ่อื นผู๎เรยี นและครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 1 คือ ทานมาใช๎ในการศกึ ษา ด๎วยการรูจ๎ ักการให๎ความชวํ ยเหลือเพ่อื น ในการใหค๎ วามรก๎ู ับเพือ่ นท่อี ํอนหรือดอ๎ ยกวํา พร๎อมทั้งรู๎จกั การตอบแทนครูบาอาจารย๑ดว๎ ยการให๎ ข๎อมลู หรือความร๎ูทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งกบั เพอ่ื นผเู๎ รียนหรือเพอื่ นนกั ศึกษา เพอื่ จะได๎ให๎การชวํ ยเหลอื ตามโอกาสทเ่ี หมาะสม กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 2 ศีล คอื การตัง้ อยูํในศลี ผู๎เรียนหรือนกั ศกึ ษา ควรมี แนวปฏบิ ัติแกเํ พือ่ นผเ๎ู รียน หรอื นักศกึ ษา ด๎วยการใหก๎ าลงั ใจเพอื่ น สํงเสรมิ ในทุก ๆ ดา๎ นทางทีถ่ กู ทคี่ วร ไมอํ ิจฉาริษยาเพอ่ื น ไมํชักชวนใหก๎ ระทาในทางท่ผี ิด หรือทาลายเพอ่ื น ไมํใสํร๎ายเพ่อื นให๎ไดร๎ บั ความเสียหาย และกบั ครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ัติมีศีลดว๎ ยการประพฤตติ นเรยี บร๎อย ไมเํ กเร กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรฝขี ุาันยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 2 ศลี ไปใช๎ในการศกึ ษาดว๎ ยการ (1) กับเพ่ือนผู๎เรยี น หรอื เพื่อนนกั ศกึ ษา ควรมีการปฏิบัติ คือการชวํ ยเหลอื เพื่อนในยามทต่ี อ๎ งการชํวยเหลือ แนะนาแตํสงิ่ ที่ดีงาม ชกั ชวนเพื่อนทาแตํสิ่งที่ดงี าม ไมพํ ูดโกหก พูดจาสํอเสยี ดจนเกดิ การทะเลาะววิ าท และ (2) กับครู บาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัติมีศีลดว๎ ยการปฏบิ ั ตติ นเปน็ คนดี ต้ังใจศกึ ษาเลําเรยี น เชื่อฟง๓ คาสงั่ สอน ไมํเกเร ไมํสร๎างความวนํุ วาย หรอื ทะเลาะวิวาทกับเพอื่ นจนทาใหเ๎ สยี การเรียน กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพอื่ นผูเ๎ รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 คอื ศลี มาใชใ๎ นการศกึ ษา ดว๎ ยการปฏบิ ตั ใิ ห๎อยํูในหลกั ธรรมของ ศลี 5 คือ มคี วามประพฤตทิ ดี่ ี ต๎องไมํเกเร ไมํใหร๎ า๎ ยผ๎อู ื่น ทงั้ กับเพอ่ื นผ๎ูเรียน และกับครูบาอาจารย๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 ทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ คือ การเสียสละ ผู๎เรียนหรือนกั ศกึ ษา ควรมแี นวปฏิบัตใิ นปริจ จาคะ แกเํ พื่อนผเู๎ รยี นหรอื นกั ศกึ ษา ดว๎ ยการยอมสละเวลาเพื่อสวํ นรวม คอื การชํวยกนั ทาความสะอาดหอ๎ งเรียนหลังเลิกเรียน หรือการเสียสละเวลาสอนหนงั สอื กับเพอ่ื น ทอ่ี ํอนกวาํ และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ดิ ๎วยการเสยี สละเวลาชํวยครู ถื อของเวลาทเี่ ห็น ครูเดินถอื ของจานวนมากมาคนเดียว และการมจี ติ สาธารณะ กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใชใ๎ นการศึกษาดว๎ ยการ (1) กับเพ่อื นผเู๎ รยี น หรอื เพ่ือนนักศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ัตติ นในการชวํ ยเหลอื เพ่ือนรํวมห๎อง หรือเพ่อื นรวํ มชน้ั ในการทา ความสะอาด หรอื ชวํ ยกนั ทาส่ิงดี ๆ เพ่อื สํวนรวม และ (2) กบั ครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัติด๎วยการ เสยี สละความสุขในเรอ่ื งสวํ นตัว หันกลับมาต้งั ใจศกึ ษาเลาํ เรี ยนใหป๎ ระสบผลสาเรจ็ เพอื่ ในอนาคต จะได๎เป็นคนดีทาใหค๎ รู และพํอแมํ ญาติพน่ี ๎อง ภูมิใจและมคี วามสุข กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าที่พลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพ่อื นผเ๎ู รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 3 คือ ปริจจาคะ มาใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยการมจี ติ สาธารณะ คือ เห็นแกํ ประโยชน๑ของสํวนรวม ยอมเสียผลประโยชนส๑ ํวนตนเพอ่ื ผอู๎ ่นื ทงั้ กบั เพอ่ื นผูเ๎ รยี นและกบั ครูบาอาจารย๑ หรอื สังคมโดยรวมไดร๎ บั ประโยชน๑จากการกระทาของตน
169 กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ คอื ความซื่อตรง ผเ๎ู รียนหรือนักศกึ ษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ิในอาชชวะแกํเพ่ือนผู๎เรยี น หรือนกั ศกึ ษา ด๎วยการมคี วามซือ่ สตั ย๑ ไมหํ ลอกลวง ไมํเอาเปรยี บผูอ๎ นื่ ล่ันวาจาวําจะทางานสิง่ ใดก็ตอ๎ งทาให๎สาเรจ็ ไมํกลบั กลอก มคี วามจริงใจตอํ ทกุ คน และกบั ครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ตั มิ ีอาชชวะ ดว๎ ยการปฏิบตั ิตน ทา งกาย วาจา จติ ใจ ทต่ี รงไปตรงมา ไมแํ สดงความคดโกง ไมหํ ลอกลวง กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ฝีขาุ ันยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ ไปใช๎ในการศึกษาดว๎ ยการ (1) กับเพอื่ นผเ๎ู รยี น หรอื เพอื่ นนักศึกษา ควรมแี นวปฏิบัติคอื มีความจรงิ ใจ ไมํหลอกลวง และไมพํ ดู กลําวหาผู๎อ่ืน ท้ังทางกาย วาจา ใจให๎รสู๎ กึ ไมดํ ี รู๎จกั เอาใจเขามาใสใํ จเรา และ (2) กบั ครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ิ อาชชวะ ด๎วยการไมปํ ฏบิ ัตติ น ออกนอกลํนู อกทาง เป็นคนดขี องสังคม ไมโํ กหก หรอื หลอกลวงจนเกิด ความเสียหาย กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพื่อนผ๎เู รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 คือ อาชชวะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยความซ่อื สตั ย๑ มกี ารปฏิบตั ิตน ทางกาย วาจา จิตใจท่ีตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมหํ ลอกลวง ไมํเอาเปรยี บเพื่อน ลน่ั วาจา วาํ จะทางานสิ่งใดกต็ ๎องทาให๎สาเร็จ ไมํกลับกลอก มคี วามจรงิ ใจตอํ ทกุ คน ทงั้ กบั เพ่ือนผเ๎ู รยี น และกบั ครบู าอาจารย๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 5 มัททวะ คอื ความออํ นโยน ผเ๎ู รียนหรือนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ัติในมัททวะ แกํเพือ่ นผเ๎ู รยี น หรือนักศกึ ษา ดว๎ ยการให๎เกียรติเพอ่ื นในเรอ่ื งของคาพดู และการกระทาทีอ่ อํ นโยน ไมํเยํอหยิ่ง ไมหํ ยาบกระด๎าง และกับครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัติ มทั ทวะ ด๎วยการเชือ่ ฟง๓ คาสั่งสอนดว๎ ยดี ไมํดอื้ ร้นั ถือทิฏฐมิ านะ ยอมรบั คาแนะนา ตักเตอื นดว๎ ยความ ตง้ั ใจ มีความออํ นน๎อมถํอมตัว กบั ครบู าอาจารย๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบครี ฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 5 มัททวะ ไปใชใ๎ นการศึกษาด๎วยการ (1) กบั เพอื่ นผ๎ูเรียน หรอื เพื่อนนักศกึ ษา ควรมแี นวปฏิบัติ คือ การรจู๎ กั เอือ้ เฟอื้ เผอื่ แผํ มอี ัธยาศัยทด่ี กี บั เพอ่ื นรอบข๎าง และ (2) กบั ครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ัตมิ ัท ทวะ ดว๎ ยการไมํดื้อรนั้ ไมถํ ือทิ ฐิมานะ ยอมรับฟ๓ง ความคิดเห็น และคาแนะนาดว๎ ยความต้ังใจ มสี ัมมาคารวะ ออํ นนอ๎ มถอํ มตวั กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพ่ือนผูเ๎ รยี น และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 5 คือ มทั ทวะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการปฏิบัติตนใหม๎ คี วามประพฤตดิ ี สภุ าพอํอนโยน ให๎เกียรติผอ๎ู นื่ ไมํแสดงกริ ิยาที่ไมํเหมาะสม มีการเปิดใจยอมรับความคดิ เห็นของเพ่ือน หรอื กับครูบาอาจารย๑ มคี วามออํ นน๎อมถํอมตวั กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 6 ตบะ คือ ความเพยี ร ผู๎เรยี นหรือนักศึกษาควรมี แนวปฏบิ ัตใิ นตบะแกํเพื่อนผ๎เู รยี นหรอื นกั ศึกษา ดว๎ ยการเป็นกาลงั ใจให๎เพื่อน ไมํยอํ ทอ๎ ตอํ การศึกษา เลาํ เรียน แมบ๎ างคร้งั บทเรยี นนัน้ จะยาก หรอื มีอุปสรรคตําง ๆ บางอยาํ งก็มานะชวนกนั ทาจนสาเรจ็ เม่อื มีเวลาวาํ งชักชวนกนั ใชเ๎ วลาวํางน้ันให๎เปน็ ประโยชน๑ตอํ การศกึ ษาเลําเรียนของตน โดยอํานหนงั สอื ศึกษาคน๎ ควา๎ จากแหลํงความรู๎ตาํ ง ๆ เพมิ่ เติมทบทวนบทเรี ยนที่เรยี นทุกวัน และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัตติ บะ ดว๎ ยการแสดงความตั้งใจมํงุ ม่ันศึกษาเลาํ เรยี น ตงั้ ใจฟ๓งครูสอน ไมํฟงุู ซาํ น หรอื
170 นง่ั หลบั แมเ๎ มอ่ื เลกิ เรยี นกลบั บ๎านกเ็ อาใจใสทํ บทวนบทเรียนที่เรียน คอยหมน่ั ตรวจตราวําครสู ง่ั ให๎ทา การบา๎ นอะไรบา๎ ง ตง้ั ใจทางานท่ีครสู ง่ั ให๎เรียบรอ๎ ย กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ไดใ๎ ห๎ข๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 6 ตบะไปใช๎ในการศึกษาดว๎ ยการ (1) กับเพอ่ื นผู๎เรียน หรือ เพอ่ื นนักศกึ ษา ควรมีแนวปฏบิ ตั ติ นด๎วยความเพยี รพยายามทาหน๎าท่เี ป็นนกั เรยี น นักศกึ ษาทด่ี ี อยํางเดด็ เดยี่ วรวํ มกนั แกป๎ ญ๓ หา หารอื กบั เพอื่ นในวชิ าท่ไี มเํ ขา๎ ใจ หรอื วํายากเกินไป ใหผ๎ าํ นพน๎ ไปได๎ ด๎วยดี และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ัติตบะดว๎ ยการแสดงความมุํง ม่นั ฝกึ ฝนตนเองใหร๎ ู๎จัก ความเพียรพยายาม และเอาใจใสทํ ีจ่ ะทางานที่ไดร๎ ับมอบหมายหรอื เรียนใหส๎ าเร็จ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพ่อื นผูเ๎ รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 6 คอื ตบะ มาใช๎ในการศึกษา ดว๎ ยการมีความตงั้ ใจ มงํุ มั่นศึกษาเลําเรยี น ทั้งกอํ นเรยี น ขณะเรียน และหลงั เลิกเรียน ด๎วยความพยายาม พากเพียร สํวนกบั ครูบาอาจารยก๑ ็ มงํุ มั่นทางานทีไ่ ดร๎ ับมอบหมายจากครบู าอาจารย๑ พากเพียรใหส๎ าเร็จลุลํวงตามท่ีกาหนดไว๎ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 7 อกั โกธะ คือ ความไมํโกรธ ผเู๎ รียนหรือนกั ศกึ ษา ควรมแี นวปฏบิ ัตใิ นอกั โกธะแกเํ พื่อนผู๎เรียน หรือนกั ศกึ ษา ดว๎ ยการระงับความโกรธ เมอื่ เพือ่ น กลนั่ แกล๎ง หรอื บางคนอาจตกั เตอื นเพ่ือนใหน๎ าขอ๎ ผิดพลาดมาปรับปรงุ แก๎ไข และกับครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ิมีอักโกธะ ดว๎ ยการต๎องรจู๎ กั ยอมรับข๎อผดิ พลาดมาปรับปรุง แก๎ไข และพัฒนา เชนํ เม่ืออยูโํ รงเรียนครวู าํ กลําวตกั เตอื น ตอ๎ งรจู๎ ักการระงบั ความโกรธ และนาขอ๎ ผดิ พลาดไปปรับปรุงแก๎ไข และเม่ือเพ่ือนกล่นั แกล๎งตอ๎ งระงับความโกรธให๎ไดจ๎ ะทาให๎อยใูํ นสงั คมไดอ๎ ยํางมคี วามสุข กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ไดใ๎ ห๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 7 อักโกธะไปใช๎ในการศกึ ษา ดว๎ ยการ (1) กับเพื่อนผ๎ูเรียน หรือเพ่ือนนักศกึ ษา ควรมีแนวปฏบิ ตั ติ นด๎วยการร๎จู ักใชเ๎ หตุผล ไมยํ ึดอคติกับเพอ่ื น ระงับและขมํ ใจ ตนเองไมํใหล๎ มํุ หลงไปกบั คากลําว หรือใหร๎ า๎ ยเพอื่ น และ (2) กับครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ัติ อักโกธะดว๎ ยความไมํโกรธ ไมมํ ํุงรา๎ ยแมจ๎ ะถูกครูลงโทษก็ทาตามเหตุผล เปน็ ไปด๎วยความเท่ยี งธรรม ปราศจากอคติ ไมทํ าดว๎ ยอานาจความโกรธ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผูเ๎ รยี น และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 7 คือ อักโกธะมาใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยการควบคมุ อารมณข๑ องตนเองไมํให๎ เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธ ทั้งกับเพอื่ นผเ๎ู รียน และกับครูบาอาจารย๑ ในทุกสถานการณ๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 8 อวหิ งิ สา คอื ความไมเํ บียดเบยี ผน๎เู รียนหรือนักศกึ ษา ควรมแี นวปฏิบตั ิ อวหิ ิงสา แกเํ พ่อื นผ๎เู รยี น หรอื นักศกึ ษา ด๎วยการไมเํ อารดั เอาเปรยี บเพ่ือนในการทา กิจกรรม หรอื ภารกิจทไี่ ด๎รับมอบหมาย และกับครบู าอาจาร ย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ิ อ วิหิงสา ด๎วยการ ไมพํ ูดจาทไี่ มดํ ีงามถงึ ครบู าอาจารย๑ กบั ผูอ๎ ่นื หรอื ขอสง่ิ ของท่จี าเป็นของครูบาอาจารย๑มาใชใ๎ นงาน สวํ นตวั ของผ๎เู รียน กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 8 อวิหิงสา ไปใช๎ในการศกึ ษาดว๎ ยการ (1) กับเพอ่ื นผ๎ูเรียน หรือเพอื่ นนักศึกษา ควรมแี นวปฏิบตั ดิ ว๎ ยการไมํเอารัดเอาเปรียบเพ่ือน มีการแบงํ ป๓นกัน ต๎องมคี วาม
171 เมตตา กรุณากับเพอ่ื นในยามทีล่ าบาก หรือต๎องการความชํวยเหลือ และ (2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมี แนวปฏิบตั ิ อวหิ งิ สา ด๎วยการไมพํ ูดจาเพ๎อเจอ๎ จนทาใหค๎ รไู มเํ จริญก๎าวหน๎าในหน๎าท่กี ารงาน กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพอื่ นผ๎เู รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 8 คือ อวหิ งิ สา มาใชใ๎ นการศึกษา ดว๎ ยการไมเํ อารดั เอาเปรยี บเพือ่ นผเ๎ู รยี น ดว๎ ยกัน และกับครบู าอาจารย๑ ด๎วยการไมพํ ดู จาเบียดเบยี นให๎เสียหาย หรอื เอาทรัพย๑สินของครบู าอาจารย๑ มาใช๎ในเร่อื งสํวนตัวของผู๎เรยี น กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 9 ขันติ คอื ความอดทน ผู๎เรยี นหรอื นกั ศึกษาควรมี แนวปฏบิ ัตใิ นขันติแกเํ พือ่ นผู๎เรียน หรอื นักศกึ ษา ด๎วยการมสี ติ และความสามารถควบคุมอารมณ๑ กิริยามารยาทในสถานการณ๑ทีไ่ มพํ ึงประสงค๑ได๎ และมีความอดทนกับความไมชํ อบในขณะศกึ ษาอยํู และกบั ครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั มิ ขี นั ตดิ ๎วยการ ความอดทนในก ารเรียน และการปฏบิ ัตงิ าน ทไี่ ดร๎ ับมอบหมาย กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 9 ขันติ ไปใช๎ในการศึกษาดว๎ ยการ (1) กบั เพือ่ นผูเ๎ รยี น หรือ เพือ่ นนักศกึ ษา ควรมีแนวปฏบิ ตั ดิ ๎วยการอดทนตอํ ความโกรธทมี่ ากระทบกระทงั่ เพราะบคุ คลทกุ คน จะอยูคํ นเดยี วลาพังไมไํ ด๎ ต๎องอาศัยอยูรํ วํ มกนั เป็นหมคํู ณะ เป็นครอบครัว ตลอดถงึ เป็นประเทศชาติ บุคคลผอู๎ ยรํู ํวมกันเชํนน้ี บางครง้ั อาจมีความกระทบกระทงั่ กนั ทะเลาะววิ าทบาดหมางกนั บ๎าง เพราะ ตํางก็มกี ิเลสอยดํู ๎วยกนั ท้ังน้ัน ถ๎าหากฝุายใดฝุายหนึง่ ขาดความอดทนแล๎ว ความทะเลาะวิวาท บาดหมางกจ็ ะแตกแยกแผขํ ยายกว๎างออกไป จนทาให๎เสยี หน๎าท่กี ารศึกษาได๎ และ (2) กับครู บาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ขิ นั ติ ด๎วยการรู๎จักอดทนตํอสิ่งทีเ่ ราไมํชอบทาแตํจาเป็นตอ๎ งทา ตามโอกาสและความถกู ตอ๎ ง กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพือ่ นผ๎เู รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 9 คอื ขันติมาใชใ๎ นการศกึ ษา ด๎วยการมีความอดทนตอํ อุปสรรคทีเ่ ข๎ามา ระหวํางทศ่ี กึ ษา และกบั เพอื่ นผู๎เรยี น หรือตํอภารกิจท่ีไดร๎ บั มอบหมายจากครูบาอาจารย๑ ใหผ๎ าํ น พน๎ อปุ สรรคไปได๎ด๎วยดี กกกกกกก1. 1.2 1.2.10 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 10 อวโิ รธนะ คอื ความเที่ยงธรรผม๎ูเรยี นหรือนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ิ อวิโรธนะ แกเํ พอ่ื นผ๎ูเรยี นหรือนักศึกษา ด๎วยการมคี วามยุติธรรมหนกั แนํน ถือความ ถกู ตอ๎ ง ไมเํ อนเอยี ง หว่นั ไหว ด๎วยคาพดู อารมณ๑ ของเพือ่ นผ๎ูเรยี นดว๎ ยกนั และกับครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ิดว๎ ย การเช่อื ฟ๓งคาสง่ั สอนของครบู าอาจารย๑ ที่จะต๎องวางตน ให๎เปน็ กลาง ในทํามกลางสังคม ท่ีตนเองเปน็ สมาชกิ อยํู ไมเํ อนเอียง หว่ันไหว ดว๎ ยคาพูด อารมณ๑ท่ไี ดร๎ ับรู๎ก กกกกกก1. 1.2 1.2.10 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบครี ฝขี ุาันยธธ๑ รรมยตุ ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวโิ รธนะ ไปใชใ๎ นการศกึ ษาดว๎ ยการ (1) กบั เพอ่ื นผ๎เู รียน หรือเพ่ือนนักศกึ ษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ดิ ว๎ ยการแนะนา สนบั สนนุ และตกั เตือนเพ่ือนใหท๎ าแตสํ งิ่ ที่ ถกู ตอ๎ ง เปน็ ธรรมแกผํ ูเ๎ ก่ยี วข๎อง และ (2) กบั ครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ัติ อวิโรธนะ ด๎วยการมี ความยุตธิ รรม ไมมํ คี วามเอนเอียงตอํ คาพูดของผ๎อู น่ื มีความหนกั แนนํ เท่ียงธรรมในการปฏบิ ัติหนา๎ ที่
172 กกกกก1. 1.2 1.2.10 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพือ่ นผ๎ูเรียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 คือ อวิโรธนะ มาใชใ๎ นการศกึ ษา ดว๎ ยการมคี วามหนกั แนํน ไมมํ คี วาม เอนเอยี งหว่นั ไหว ยึดมั่นในส่ิงที่ถูกต๎องดีงามในการดาเนนิ ชวี ิตไดม๎ ากท่สี ุด ทั้งกบั เพ่ือนผ๎ูเรยี น กับครู บาอาจารย๑ และการเปน็ สมาชกิ ของสังคมน้ัน ๆ กกกกกกก1. 1.3 ทศพธิ ราชธรรมท่ีใชใ๎ นอาชพี การงาน ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 1 ทาน คอื การให๎ ควรมกี ารให๎ทาน ส่ิงของทีจ่ าเป็น ทเ่ี พอื่ นรํวมอาชีพยงั ขาดแคลนอยํู ใหท๎ านความรเู๎ กี่ยวกบั อาชีพ เพ่ือใหเ๎ พ่ือนสามารถนาไปประกอบ อาชีพได๎ และให๎อภัยทาน เมอ่ื เพื่อนรวํ มอาชีพปฏิบตั ิตนไมถํ กู ตอ๎ ง หรอื ละเมิดเพ่อื นรํวมอาชพี ดว๎ ยกนั สํวนสาหรบั นายจ๎างหรือผ๎บู ังคบั บัญชา ควรให๎ทาน ด๎วยการชวํ ยทางานในเวลาเรงํ ดํวนท่นี ายจา๎ ง หรอื ผ๎ูบังคับบัญชาต๎องการความชํวยเหลอื ใหท๎ านความรู๎หรือขอ๎ มลู ท่ีจาเป็นในอาชพี กบั นายจ๎าง และให๎ อภยั เม่อื นายจา๎ งทาใหเ๎ ราไมสํ บายใจ หรือเสียใจ กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มเลจี า๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขนัฝธุา๑ยธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 1 ทาน ไปใช๎ดา๎ นอาชพี การงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงาน หรือเพอ่ื นรวํ มอาชพี ด๎วยการให๎ธรรมหรอื ความรู๎ ให๎สติปญ๓ ญา ให๎กาลงั ใจ ให๎อภยั ให๎ความรกั ใหค๎ วามเอือ้ เฟ้อื ใหค๎ วามเมตตา และ (2) นายจา๎ งหรอื ผูบ๎ ังคบั บัญชาดว๎ ยการให๎โอกาส ใหก๎ าลงั ใจ มคี วามเอ้ือเฟื้อ แบํงป๓นกับลกู นอ๎ ง กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพอื่ นรวํ มอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 1 คือ ทานมาใช๎ในอาชีพการงาน ท้งั กบั เพอื่ นรวํ มอาชีพ และกับ นายจ๎าง ดว๎ ยการให๎ส่ิงของ หรือเวลาเมอื่ มคี วามจาเป็น ให๎ความร๎ู เพื่อให๎สามารถประกอบอาชีพได๎ และให๎อภยั เมอ่ื มคี วามรู๎สึกไมดํ จี ากการกระทาของเพ่อื นรํวมอาชพี และนายจ๎าง กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 2 ศลี คอื การตั้งอยใํู นศีล ควรมศี ลี กบั เพอ่ื นรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํซบุ ซิบนนิ ทา อยําพูดถึงผู๎อ่ืนในทางเสยี หาย หรือวําร๎ายต๎องใหค๎ วาม เคารพกับสิทธสิ ํวนตวั ของเพื่อนรํวมงาน และทส่ี าคัญต๎องลกุ ขน้ึ ปกปอู งความลบั ของตน สาหรบั นายจ๎างหรอื ผู๎บงั คบั บั ญชา ควรมกี ารประพฤตติ นใ ห๎อยูํในกฎ ระเบียบของสถานประกอบการหรือ องค๑กร ไมพํ ดู นินทาวาํ ร๎ายนายจา๎ ง หรือผบ๎ู งั คบั บญั ชาให๎เกิดความเสยี หาย ไมลํ ักขโมยสง่ิ ของในสถาน ประกอบการ เปน็ ต๎น กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 2 ศีล ไปใช๎ด๎านอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพ่ือนรวํ มงาน หรอื เพ่อื นรํวมอาชีพดว๎ ยการไมํซบุ ซิบนินทา ไมพํ ูดถึงผอ๎ู นื่ ในทางเสยี หาย หรือวาํ รา๎ ยต๎องใหค๎ วาม เคารพกับสทิ ธิสวํ นตวั ของเพือ่ นรํวมงาน และ (2) นายจ๎างหรอื ผ๎ูบงั คบั บญั ชา ด๎วย การเป็นบุคคลทม่ี ี ระเบียบวนิ ยั เครํงครัด ระมดั ระวัง ควบคมุ ตนเองได๎ จะตอ๎ งร๎ูจักบรหิ ารคน บริหารงาน และบริหาร บา๎ นเมอื งดว๎ ยศีลธรรม กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 คอื ศีลมาใช๎ในอาชีพการงาน ดว๎ ยการไมพํ ูดซุบซบิ นนิ ทา ไมพํ ดู ถงึ ผูอ๎ ืน่ ในทางเสียหาย หรอื วําร๎าย ให๎ความเคารพกับสทิ ธสิ วํ นตัวของเพือ่ นรํวมงาน เคารพกฎเกณฑ๑ ทน่ี ายจ๎างกาหนดไว๎ ในขณะที่นายจ๎างต๎องบริหารงานใหม๎ ศี ีลธรรม
173 กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 ทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ คือ การเสียสละควรมปี ริจจาคะกบั เพอ่ื น รํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ดว๎ ยการเสียสละเวลาชํวยเพือ่ นทางาน เม่อื เพือ่ นตอ๎ งการความชวํ ยเหลือ สํวนสาหรบั นายจ๎างหรอื ผ๎ูบงั คับบญั ชา ควรมีปรจิ จาคะคือ ตอ๎ งอุทิศกาลงั กาย กาลงั ใจและกาลงั ความคิดใหแ๎ กสํ วํ นรวม ทางานจนสาเรจ็ ลลุ ํวงไปได๎ นายจา๎ งหรือผ๎ูบงั คบั บัญชา มีภาระหน๎าที่ และความรับผิดชอบมาก นายจ๎างหรอื ผ๎ูบังคับบญั ชาดแู ลสมาชกิ ใหอ๎ ยํเู ยน็ เป็นสุข ตอ๎ งเอาใจใสํ รบั รู๎ ปญ๓ หาของสงั คม ตอ๎ งไมํเห็นแกํตวั ต๎องเหน็ แกํประโยชนส๑ วํ นรวมมากกวําสวํ นตน หรือสํวนใหญํ มากกวาํ สํวนน๎อย ต๎องพยายามหาทางทาให๎สงั คมเจริญรุงํ เรอื ง นายจ๎างหรอื ผบ๎ู งั คบั บญั ชา จงึ จาเป็นต๎องเสยี สละทรพั ย๑ เสียสละเวลา เสียสละกาลังกาย กาลงั ใจ กาลังความคิด และ กาลงั สติป๓ญญา รวมท้งั เสียสละความสุขใหแ๎ กํสํวนรวม น่ันคอื ผน๎ู าต๎องอทุ ิศตนในทุก ๆ ด๎าน เพือ่ พัฒนาคน และองค๑กรให๎สงบสุข กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบคีรฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 3 ปรจิ จาคะ ไปใชด๎ ๎านอาชพี การงานด๎วยการ (1) เพอื่ น รวํ มงานหรอื เพอ่ื นรํวมอาชพี ด๎วยการตอ๎ งไมเํ หน็ แกตํ ัว ตอ๎ งเหน็ แกปํ ระโยชนส๑ วํ นรวมมากกวําสวํ นตน หรือสวํ นใหญมํ ากกวําสํวนนอ๎ ย และ (2) นายจ๎างหรือผบ๎ู งั คับบัญชาดว๎ ยการต๎องปกครองดแู ลสมาชกิ ในสังคมให๎อยเูํ ย็นเปน็ สขุ ต๎องเอาใจใสํรบั รู๎ปญ๓ หาของสงั คม ตอ๎ งไมํเหน็ แกํตวั กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่อื นรํวมอาชพี การงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 3 คือ ปริจจาคะ ใช๎ในอาชีพการงาน ทั้งเพอื่ นรํวมงานหรือเพื่อน รํวมอาชีพ และนายจา๎ ง ตอ๎ งมีความเสียสละความสุขเพอื่ ประโยชน๑ของตนเพอ่ื สงั คมสํวนรวม กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 ทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ คอื ความซือ่ ตรง ควรมอี าชชวะกับ เพือ่ นรวํ มงานหรือเพอื่ นรวํ มอาชพี ดว๎ ยการมคี วามจริงใจ ปากกบั ใจตรงกัน ไมํทาตนเปน็ คนเจ๎าเลหํ ๑ ไมํกลบั กลอก ไมพํ ูดลบั หลงั อยาํ งหนึง่ ตอํ หนา๎ อยาํ งหนึง่ สวํ นสาหรบั นายจา๎ งหรอื ผ๎ูบงั คับบญั ชา ควรมี อาชชวะเก่ียวกบั ความซื่อตรง ไมํฉ๎อฉลหลอกลวง ไมํทุจรติ คอรปั ชัน่ เพราะความซ่ือตรงเปรียบเหมอื น เกราะปูองกนั มิใหผ๎ ูใ๎ ดกล๎าใสรํ า๎ ยปูายสี กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรีขฝันุาธย๑ธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ ไปใช๎ดา๎ นอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่อื นรํวมงาน หรอื เพ่ือนรํวมอาชีพ ด๎วยการมคี วามจริงใจตอํ กัน และ (2) นายจา๎ งหรอื ผ๎ูบงั คับบญั ชาดว๎ ยการมคี วาม ซอ่ื สัตยส๑ ุจรติ ก็จะพาให๎ผตู๎ ามมีความซือ่ สตั ย๑สจุ รติ ไปดว๎ ย กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพ่อื นรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 อาชชวะ คอื ความซอ่ื ตรง มาใชใ๎ นอาชพี การงาน ทงั้ เพ่อื น รวํ มงานหรือเพอื่ นรํวมอาชีพ และนายจ๎าง ควรปฏบิ ตั ิการงานดว๎ ยความซือ่ สตั ยส๑ จุ ริต ไมหํ ลอกลวง มีความจรงิ ใจ โดยเฉพาะนายจ๎างต๎องเป็นแบบอยํางของความซอ่ื สัตย๑ ให๎กบั เพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือน รวํ มอาชพี กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 5 มัททวะ คอื ความออํ นโยน ดว๎ ยการมอี ธั ยาศัยสุภาพ ออํ นโยนตอํ คนทกุ ชนช้นั ทกุ เพศ ทุกวัย ความสุภาพออํ นโยนน้ี ในทางปฏิบัตจิ ริงในชวี ติ ประจาวนั ยํอมมกี ารปรบั ใชต๎ ามเหตุ และตามความเหมาะสมแกบํ ุคคลและกาลเทศะ เชนํ เมอื่ ใชก๎ ับบุคคล ที่วยั วฒุ ิสงู กวํา ความสุภาพออํ นโยนก็คือความมสี มั มาคารวะ เมอ่ื อยกํู บั คนทอ่ี ํอนวัยวุฒคิ วามสุภาพ
174 ออํ นโยนก็จะแปลเป็นความเอน็ ดูหรอื ความกรุณา เป็นตน๎ คนที่มคี วามสภุ าพอํอนโยนจะเป็นคนท่ี เขา๎ กับบคุ คลอื่นไดง๎ าํ ยและไดด๎ ี มกั จะเปน็ ผู๎ทไ่ี ด๎รับการยอมรับจากคนอื่น ถ๎าเป็นผใ๎ู หญํกจ็ ะเป็ นคน นํานับถอื คนเสมอกันกน็ าํ คบหาสมาคม คนตา่ กวาํ กเ็ ปน็ คนนํารกั เอน็ ดู ควรมมี ทั ทวะกบั เพือ่ น รํวมงานหรอื เพอื่ นรวํ มอาชีพ ดว๎ ยการมีความสุภาพอํอนโยน และชํวยกนั ปฏบิ ตั ทิ ้ังหน๎าทท่ี างกาย ทั้งหนา๎ ท่ีทางใจ อยํางเคารพกันและกนั สวํ นสาหรับนายจ๎างหรือผ๎ูบังคบั บญั ชา ควรมีมทั ทวะ ดว๎ ยการ มคี วามอํอนนอ๎ มถอํ มตัวตอํ ผท๎ู อี่ าวโุ สกวาํ ไมํวางอานาจ เยอํ หยิ่ง สวํ นกับผ๎ทู ่มี อี ายนุ ๎อยกวาํ ก็ควรให๎ เกยี รติ ดว๎ ยการพดู จาด๎วยความสุภาพออํ นโยน กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 5 มัททวะไปใชด๎ ๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพือ่ นรํวมงาน หรือเพือ่ นรํวมอาชพี ด๎วยการไมเํ ยอํ หยงิ่ ทระนง ตัว รบั ฟ๓งความคิดเหน็ ของเพอื่ น และ (2) นายจา๎ ง หรอื ผบู๎ ังคบั บัญชา ดว๎ ยการปฏบิ ัตติ นใหม๎ คี วามออํ นโยนนุมํ นวล ไมํหยาบคาย ไมแํ ข็ งกระด๎าง ไมเํ ยํอหย่งิ ยโสโอหงั ทีบ่ งั อาจทาตนเป็นเหมอื น “คางคกข้ึนวอ” ให๎ลดมานะละทฐิ ิ กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน มาใชใ๎ นอาชีพการงาน โดยถา๎ เปน็ เพือ่ นรํวมงาน หรอื เพ่อื นรวํ มอาชพี ควรมคี วามสภุ าพอํอนโยนตํอกัน สวํ นนายจ๎าง ควรมีความ อํอนน๎อมถํอมตวั กับเพอื่ นรํวมงานท่มี คี วามอาวุโสกวาํ และเพ่ือนรวํ มงานทีม่ ีอาวโุ สน๎อยกวํา กค็ วรแสดงความสภุ าพออํ นโยน กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 6 ตบะ คือ ความเพยี ร ควรมีความเพยี รกับเพอื่ นรํวมงาน หรือเพอื่ นรํวมอาชีพ ดว๎ ยการตง้ั ใจชวํ ยกนั ทางานท่ีตนได๎รบั มอบหมายใหส๎ าเร็จ ไมํลดละ และ เบือ่ หนํายกับงานของตน สวํ นสาหรับนายจ๎างหรือผูบ๎ งั คับบญั ชา ควรมตี บะด๎วยการมสี ตริ ะลึก อยูเํ สมอวาํ ตนมีหนา๎ ท่อี ะไร มคี วามรบั ผดิ ชอบตํอประชาชนอยํางไร จะต๎องมุงํ มนั่ ตอํ หนา๎ ท่นี นั้ ไมํปลอํ ยให๎หลงในความสุขสาราญ จนลืมหน๎าท่ี ลมื ตวั และหลงผดิ กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรฝีขาุ ันยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 6 ตบะไปใชด๎ ๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพือ่ นรํวมงาน หรอื เพอ่ื นรวํ มอาชพี ดว๎ ยการมจี ติ ใจม่ันคง เด็ดเด่ยี วในอันท่ีจะพากเพียรปฏิบตั ิหนา๎ ท่ใี หจ๎ นบรรลุ ผลสาเร็จ และ (2) นายจา๎ งหรอื ผู๎บงั คบั บัญชา ด๎วยการมีความเพยี รพยายามขจัดกิเลสตัณหาไมใํ ห๎ เข๎าครอบงาจติ ใจ สามารถบงั คับควบคมุ ตนเองมใิ ห๎ลุมํ หลงหม กมนํุ ในความสุขสาราญจนเปน็ เหตุ ใหเ๎ สียการงานได๎ ผูน๎ าหรือผู๎ปกครองทดี่ ตี อ๎ งมีสตริ ะลกึ อยูเํ สมอวาํ ตนมหี นา๎ ทอ่ี ะไร มคี วามรบั ผิดชอบ ตอํ ประชาชนอยาํ งไร จะต๎องมุํ งมนั่ ตํอหนา๎ ท่นี ั้น ไมํปลอํ ยใจให๎หลงใหลในความสุขสาราญท่มี ี ผ๎เู สนอสนองมาให๎ด๎วยวธิ กี ารตําง ๆ จนลมื หนา๎ ท่ี ลมื ตัว และหลงผิด กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 กลําวโดยสรุปหน๎าทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพือ่ นรวํ มอาชพี การงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 6 คือ ตบะ มาใชใ๎ นอาชพี การงานทัง้ เพ่ือนรวํ มงานหรอื เพอ่ื นรํวม อาชพี และนายจ๎าง ต๎องปฏบิ ตั หิ นา๎ ท่ีการงานทรี่ ับผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยนั มํุงมัน่ และ ทาแตสํ งิ่ ทีด่ ี ฝุาฟน๓ อปุ สรรคตําง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ดว๎ ยความพากเพียร
175 กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 7 อักโกธะ คือ ความไมํโกรธควรมีอกั โกธะกบั เพอื่ รนํวมงาน หรอื เพอ่ื นรํวมอาชพี ด๎วยการรจ๎ู ักระงับยบั ยั้งความโกรธ เชนํ เพ่อื นอาจจะพูดอะไรทไ่ี มถํ กู ใจ ใหข๎ ํมใจ ไว๎ไมํแสดงความโกรธออกมา มิเชํนนนั้ จะเกดิ ผลเสยี คอื การทะเลาะวิวาทกัน แมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณ๑จะทาไดย๎ าก แตํหากเราสามารถฝกึ ฝน ไมํให๎เปน็ คนโมโหงําย และพยายามระงบั ยบั ยง้ั ความโกรธอยํเู สมอ จะเปน็ ประโยชนต๑ ํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสขุ ภาพจิตดี หน๎าตาผอํ งใส สํวนสาหรบั นายจา๎ งหรอื ผ๎ูบังคบั บญั ชา ควรมีอักโกธะ ดว๎ ยการสร๎างความสขุ สงบ เยือกเย็น เห็ นตน เหน็ คน เหน็ งาน เห็นองค๑กรที่แจํมใสไมํขํุนมัว กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ฝีขุานั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 7 อกั โกธะไปใช๎ด๎านอาชพี การงาน ด๎วยการ (1) เพ่อื นรวํ มงาน หรอื เพอ่ื นรํวมอาชีพ ด๎วยการรูจ๎ กั การยบั ยัง้ ชั่งใจ ขํมใจไมใํ ห๎เอาแตใํ จตนเอง รักษานา้ ใจเพื่อน เหน็ แกํ สวํ นรวมมากกวําสวํ นตน และ (2) นายจ๎างหรือผบู๎ ังคับบญั ชา ดว๎ ยการฝึกไมํใหเ๎ ปน็ คนโมโหงาํ ย และ พยายามระงับยับย้ังความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจติ ดี หน๎าตาผอํ งใส ข๎อสาคัญทาให๎เรารักษามิตรไมตรีกบั ผอู๎ น่ื ไว๎ได๎ กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพือ่ นรํวมอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 7 คอื อกั โกธะ มาใชใ๎ นอาชพี การงานท้งั เพอื่ นรํวมงาน หรือเพอื่ น รํวมอาชีพ และนายจา๎ ง ด๎วยการฝึกฝนควบคุมอารมณข๑ องตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายาม ระงับยบั ย้ังความโกรธอยูเํ สมอ กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 8 อวหิ ิงสา คือ ความไมเํ บยี ดเบยี น ควรมอี วหิ ิงสากบั เพื่อนรํวมงานหรือเพื่อนรวํ มอาชีพ ด๎วยการไมกํ ดข่ขี ํมเหงรังแกผู๎อ่นื สํวนสาหรับนายจ๎าง หรือ ผู๎บังคับบญั ชา ควรมอี วหิ งิ สา ดว๎ ยการ ต๎องไมหํ ลงระเรงิ ในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพยส๑ นิ ผ๎ูอ่ืนตามอาเภอใจ ต๎องคอยชวํ ยเหลือ ประคบั ประคองผู๎ที่ดอ๎ ยกวาํ หรือผทู๎ ที่ ุกขย๑ าก เดอื ดร๎อน นายจา๎ งหรือผ๎บู งั คับบญั ชาเป็นผูม๎ อี านาจ มีกาลังกาย มที รพั ยม๑ ากกวําผู๎อน่ื และมโี อกาส ท่จี ะเลอื กปฏิบัติอยํางท่ตี นพอใจเหนือกวําผูอ๎ ่นื เพราะไมมํ ีใครกล๎าทดั ทานหรอื ห๎ามปราม หากนายจ๎างหรือผ๎บู ังคับบัญชาใชอ๎ านาจ และอภิสทิ ธ์ดิ ังกลําวไปกดขข่ี ํมเ หงผู๎ที่ดอ๎ ยกวาํ สังคมจะมี แตํความยํุงเหยงิ ระสา่ ระสาย ดงั นนั้ ผูน๎ าทีด่ ีต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใชอ๎ านาจทาอันตราย ตํอราํ งกายและทรพั ยส๑ ินผ๎ูอนื่ ตามอาเภอใจ ตอ๎ งคอยชํวยเหลือ ประคับประคองผทู๎ ดี่ ๎อยกวํา หรือผท๎ู ่ี ทุกข๑ยากเดอื ดร๎อน นายจ๎างหรอื ผบู๎ ังคบั บญั ชาท่ี ยึดทศพิธราชธรรมข๎อนี้ยํอมสรา๎ งพระคุณมากกวํา พระเดช ยํอมเป็นทรี่ ักใครํ เคารพนับถือของลูกนอ๎ ง หรอื ผู๎ใตบ๎ งั คบั บญั ชา กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 8 อวหิ ิงสา ไปใชด๎ ๎านอาชีพการงานดว๎ ยการ (1) เพอ่ื นรวํ มงาน หรือเพอ่ื นรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํรังแกเพอื่ นรวํ มงานทั้งทางกาย วาจา และใจ และ (2) นายจา๎ ง หรือ ผบ๎ู ังคับบัญชา ด๎วยการไมกํ ดขขี่ ํมเหง หรือใช๎อานาจบังคบั ขูเํ ขญ็ ลกู น๎อง หรอื ผ๎ูทอี่ ยูํใต๎บังคบั บญั ชา กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่อื นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 8 คือ อวิหงิ สา มาใช๎ในอาชีพการงานทง้ั เพือ่ นรํวมงาน หรอื เพ่อื น รวํ มอาชพี และนายจา๎ ง ด๎วยการไมกํ ดข่ีขมํ เหงรังแกผอู๎ ่ืนให๎เดอื ดร๎อนลาบาก ทัง้ กาย วาจา และใจ
176 กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 9 ขันติ คือ ความอดทน ควรมีขันตกิ บั เพ่อื นรวํ มงาน หรอื เพ่อื นรํวมอาชีพ ด๎วยการระงับอารมณใ๑ หไ๎ ด๎ เชนํ เมื่อเจอสถานการณ๑ไมํถกู ใจ จะแสดงอารมณ๑ ที่ไมํนาํ พอใจเข๎า ก็อาจจะแสดงกริ ยิ าอาการอนั ไมงํ าม ไมํนาํ ชมออกมาไดท๎ กุ เวลา ทุกโอกาส สถานท่ี และเมื่อเป็นเชํนนี้ การคบหาสมาคมกนั กย็ อํ มจะถึงกาลเสือ่ มเสยี ไป สวํ นสาหรบั นายจา๎ ง หรือ ผ๎ูบงั คบั บญั ชา ควรมขี นั ติ ดว๎ ยการ ต๎องมคี วามอดทน เขม๎ แขง็ ไมํท๎อถอยตํอความเหนด็ เหน่อื ย ยากลาบาก แมม๎ อี ุปสรรคกส็ ามารถฟ๓นฝาุ จนผํานพ๎นไป ได๎ ผูน๎ าเชํนน้จี ะได๎รบั การยกยอํ งนบั ถือ ความไว๎วางใจจากผท๎ู อ่ี ยูใํ นความดูแล กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 9 ขนั ติ ไปใชด๎ า๎ นอาชีพการงาน ดว๎ ยการ (1) เพ่ือนรวํ มงาน หรือเพอื่ นรํวมอาชพี ด๎วยการท่ีมีความอดทน คอื รอได๎ คอยได๎ ไมํกระวนกระวายใจ ถา๎ ไมํมคี วาม อดทนมันกเ็ หมือนกบั ทรมานตวั เอง จะมฉี ลาดเฉลยี ว ปญ๓ ญาวเิ ศษอยาํ งไร ถา๎ ไมรํ อได๎ ทนได๎ มนั กจ็ ะ เปลําประโยชน๑ เพราะประโยชน๑มันไมอํ อกมาทันที มนั ต๎องมีโอกาสตามเวลาแหงํ ความสาเรจ็ ตอ๎ งรอได๎ ทนไดเ๎ หมอื นกบั ทานา มนั ต๎องรอได๎จนกวาํ จะออกเป็นข๎าว และ (2) นายจา๎ งหรอื ผูบ๎ งั คบั บญั ชา ด๎วยการท่มี สี ติ หนักเอาเบาสู๎ ไมทํ ๎อถอย หรอื เกรงกลวั ตอํ งานหนกั เป็นแบบอยํางทดี่ ใี หแ๎ กลํ กู น๎อง กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 9 คือ ขนั ติ มาใชใ๎ นอาชีพการงานทงั้ เพอื่ นรวํ มงานหรือเพื่อน รํวมอาชพี และนายจ๎าง ตอ๎ งมี ความเข๎มแข็ง ไมทํ อ๎ ถอย สามารถอดทนตํอ งานหนกั ความเหนื่อย ยากลาบาก หรอื แม๎กระท่งั สามารถทนตํอความเจ็บใจทเี่ กิดจากสาเหตตุ ําง ๆ ได๎ กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 10 อวิโรธนะ คือ ความเที่ยงธรรคมวรมีการให๎อวิโรธนะ กับเพ่อื นรวํ มงานหรอื เพื่อนรวํ มอาชพี ดว๎ ยการรบั ฟ๓งขอ๎ มลู ของผร๎ู วํ มงานด๎วยความเปน็ ธรรม ไมลํ าเอยี ง หรอื ปฏิบัตภิ ารกิจด๎วยความเทีย่ งธรรม กบั ทุกคนที่รํวมงาน สํวนสาหรับนายจา๎ ง หรอื ผู๎บังคับบญั ชา ควรมอี วิโรธนะ ดว๎ ยการประพฤติตนใหต๎ ง้ั ม่นั อยใํู นความเทีย่ งตรง ไมเํ อียงเอน หรอื เชือ่ คาพูดของผอ๎ู น่ื มกี ารพจิ ารณาถงึ ความถูกตอ๎ งเสมอ กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 จากการสัมภาษณ๑พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขุานั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใชด๎ ๎านอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพอ่ื น รํวมงานหรอื เพือ่ นรํวมอาชีพด๎วยการมีความยุตธิ รรม ต้ังมน่ั อยใํู นศลี ธรรมทาตวั เป็นกลาง และ (2) นายจ๎างหรือผู๎บงั คบั บัญชา ดว๎ ยการไมํมีความเอนเอยี ง หวนั่ ไหว วางตัวเปน็ กลาง ตอ๎ งตัง้ มนั่ อยใูํ นธรรมทง้ั สวํ นยตุ ธิ รรม คือ ความเทย่ี งธรรม และนติ ิธรรม คือ ระเบยี บแบบแผน หลกั การ ปกครอง กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 กลําวโดยสรุปหน๎าที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่อื นรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 10 คืออวโิ รธนะ มาใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังเพอ่ื นรํวมงาน หรอื เพือ่ นรวํ มอาชพี และนายจา๎ ง ต๎องมคี วามยุติธรรม หนักแนนํ มั่นคง ไมํเอนเอยี งไปกับบุคคลใดบุคคลหน่งึ กกกกกกก1. 1.4 ทศพธิ ราชธรรมท่ีใชใ๎ นชุมชน ทอ๎ งถนิ่ และสงั คม ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 ทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน คือ การให๎ กบั ชุมชนท๎องถน่ิ และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏบิ ตั ิ ด๎วยการใหท๎ านส่งิ ของ เงนิ ทอง หรอื แรงกาย ตามโอกาสอันควร เพื่อปฏิบัติ
177 กิจกรรมของชุมชนรวํ มกนั ให๎คาแนะนาเปน็ ความรแ๎ู กํผ๎ูรวํ มงาน และให๎อภยั ด๎วยการให๎รอยยม้ิ และ ปยิ วาจาแกํสมาชิกชุมชน กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 1 ทาน ไปใช๎กับชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสงั คม ควรปฏิบตั ดิ ว๎ ยการ สละทรพั ย๑หรือสิง่ ของ เพ่อื ชํวยเหลือสมาชกิ ของหมคูํ ณะทีด่ ๎อย และอํอนแอกวาํ ผอ๎ู ่นื กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถ่นิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คอื ทานมาใช๎กบั ชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คมบา๎ นเกิด ดว๎ ยการ ใหบ๎ รจิ าคส่ิงของ เงนิ ทอง หรอื แรงกาย แกชํ มุ ชนท๎องถ่นิ และสังคมบา๎ นเกดิ ตามโอกาสอันควร ใหค๎ าแนะนาความร๎ู ทีเ่ ป็นประโยชน๑ตอํ การพฒั นา รวมถงึ การใหอ๎ ภยั กับสมาชิกในชมุ ชน ท่ีทาให๎ รส๎ู กึ ไมดํ ี หรือไมํได๎รับ การยอมรบั กกกกกกก1. 1.4 1.4.2 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 2 ศีล คอื การตัง้ อยูํในศีล กับชุมชนทอ๎ งถิน่ และสังคม สมาชกิ ชุมชนควรปฏบิ ัติตามศลี 5 คอื ไมฆํ าํ สัตว๑ตดั ชีวติ ไมลํ กั ขโมยของของผ๎ูอ่ืน ไมํลํวงละเมิดลกู เมยี เขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสอํ เสียดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บหุ รี่ หรืออบายมขุ ตําง ๆ นอกจากนใี้ ห๎นาศีล 5 ทีย่ ดึ ถอื ปฏบิ ตั ไิ ปควบคมุ พฤตกิ รรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของบ๎านเมอื ง อยํางเครงํ ครดั ก็จะชวํ ยให๎สังคมไทยอยรํู ํวมกันได๎อยาํ งมคี วามสุข หรอื ปฏิ บัตติ าม หลักธรรม ตามศาสนาท่ีตนเองนบั ถอื กกกกกกก1. 1.4 1.4.2 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงัดหปวรั ะจวบครี ีขนั ธฝ๑าุ ยธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 2 ศลี ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏิบตั ิด๎วยการ ประพฤติในสิง่ ท่ดี งี าม งดเว๎นจากการทาช่วั เสยี หาย ไมทํ าอะไรท่ีเป็นการไมเํ หมาะสม ไมํควร กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถิน่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 คอื ศลี มาใช๎กับชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคมบา๎ นเกดิ ดว๎ ยการประพฤติสิง่ ที่ดงี าม ตามหลกั ศาสนาของตน กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละ กบั ชมุ ชน ท๎องถน่ิ และ สังคม สมาชิกชมุ ชนควรปฏบิ ัติ ด๎วยการเสยี สละประโยชนส๑ ขุ ของตน เพ่อื ประโยชนส๑ ุขของสวํ นรวม และความสงบเรยี บร๎อยของชุมชนนัน้ หากเห็นแกํประโยชน๑ตนก็เป็นคนเห็นแกํตัว ไมํสามารถทางาน ใหช๎ ุมชนได๎อยาํ งกวา๎ งขวาง เพราะคนเห็นแกตํ นเองมากกวําสํวนรวม เป็นคนมจี ิตใจคับแคบ ยอํ มไมไํ ด๎ รบั ความรํวมมอื จากทุกฝุาย และอาจนาความเสียหายมาสูํสังคม และประเทศชาตไิ ดม๎ าก แตหํ าก ชมุ ชน ท๎องถิน่ และสงั คมมีคนเสยี สละ มจี ิตสาธารณะจานวนมาก ชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคมกจ็ ะมีความ เจรญิ ก๎าวหน๎าอยํางตอํ เนื่อง กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 3 ปรจิ จาคะ ไปใชก๎ บั ชมุ ชน ทอ๎ งถิน่ และสงั คม ควรปฏบิ ตั ิ ด๎วยการยอมเสยี สละเพอ่ื ประโยชนท๑ ย่ี ่ิงกวาํ ยอมสละประโยชนส๑ วํ นตนเพื่อประโยชนส๑ ํวนรวม กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 กลาํ วโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 3 คอื ปริจจาคะ มาใช๎กับชุมชน ทอ๎ งถิน่ และสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการการเสยี สละ ความสขุ สาราญของตนเพื่อประโยชนส๑ ุขของหมํคู ณะ
178 กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ คอื ความซือ่ ตรง กับชุมชนท๎องถน่ิ และสงั คม สมาชกิ ชุมชนควรปฏิบัติ มีความตรงไปตรงมา ผูน๎ าหรอื ผ๎ปู กครองตอ๎ งเปน็ แบบอยาํ งเป็นตวั อยาํ งท่ดี ี แกสํ ังคม หากผน๎ู าขาดความซือ่ ตรง มีเลหํ เ๑ หลี่ยม คดในข๎องอในกระดกู ฉ๎อราษฎรบ๑ ังหลวงปากพูดอยาํ ง ทาอกี อยาํ ง และคิดไปอีกอยาํ ง ยอํ มจะไมไํ ด๎รบั ความเชือ่ ถือ ความไว๎วางใจจากคนในสังคม จะตดั สนิ ป๓ญหาใด ๆ ก็ไมํไดร๎ ับความสะดวก ทกุ คนไมํยอมรับ กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ฝีขาุ ันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ ไปใชก๎ บั ชมุ ชน ทอ๎ งถนิ่ และสงั คม ควรปฏบิ ัติ การงานด๎วยความซื่อสัตยส๑ ุจริต ไมหํ ลอกลวงประชาชน แตํผ๎นู าไมํซื่อตรงแลว๎ สังคมและหมคูํ ณะน้ัน จะระสา่ ระสาย และป่น๓ ปุวนอยํางท่ีสดุ เพราะสงั คมและหมคูํ ณะขาดที่พึ่ง ขาดหลกั ที่ จะยดึ เหนี่ยว หากคนทว่ั ไปไมํมีศรัทธาในตัวผน๎ู าแล๎วความสงบสขุ จะมีไดย๎ าก กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ขอ๎ 4 คือ อาชชวะ มาใชก๎ บั ชุมชน ทอ๎ งถนิ่ และสังคมบา๎ นเกิด สมาชิกชมุ ชนควรมี ความซ่ือสัตย๑สุจรติ มคี วามจรงิ ใจ ไมกํ ลับกลอก กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 5 มทั ทวะ คือ ความออํ นโยน มาใชก๎ บั ชุมชนท๎องถนิ่ และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏบิ ตั ิ ด๎วยการสภุ าพอํอนโยนกบั ผ๎ูทม่ี อี ายรุ ุํนราวคราวเดยี วกัน หรือ อํอนกวาํ สวํ นสมาชกิ ชมุ ชนทเี่ ป็นผ๎อู าวุโส ควรไดร๎ บั การแสดงออก ดว๎ ยความเคารพ ออํ นน๎อมถอํ มตัว กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝขี าุ นั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 5 มทั ทวะ ไปใชก๎ บั ชุมชน ท๎องถ่นิ และสงั คม ควรปฏิบัตดิ ว๎ ย การมกี ิริยาสุภาพ วาจาออํ นหวาน ไมํหยาบคาย มคี วามนํมุ นวล ผูอ๎ นื่ อยํใู กลก๎ ม็ ีแตคํ วามสบายใจ แตํความออํ นโยนมิได๎หมายความวาํ อํอนแอ ความอํอนโยนน้นั แฝงไว๎ดว๎ ยความสงาํ งามได๎ ผน๎ู าท่ีดี จะต๎องมที งั้ ความออํ นโยนแ ละเขม๎ แขง็ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นส่ิงท่ีเป็นไปได๎ เพราะความเขม๎ แขง็ มิใชํความแข็งกระด๎าง ความอํอนโยนเป็นลักษณะทสี่ าคัญของผู๎นาเพราะชํวยให๎ผู๎คนเกดิ ความรกั ความชื่นชมยินดี ท่ีจะให๎ความรํวมมอื ในกจิ การตาํ ง ๆ นกั ปกครองทีห่ ยาบกระดา๎ งพดู จากดถู ูก เหยียดห ยามคน แมจ๎ ะมีความสามารถและตั้งใจทางาน แตกํ ็ไมอํ าจโนม๎ น๎าวใจให๎คนอ่นื รวํ มมือได๎ มากเทาํ ที่ควร กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 กลําวโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชุมชน ทอ๎ งถิน่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 5 คอื มทั ทวะ มาใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถ่ิน และสงั คมบา๎ นเกิด สมาชกิ ชุมชนควรมี ความสุภาพออํ นโยนกับเพอื่ นสมาชกิ ท่มี ีรนํุ ราวคราวเดียวกนั หรอื ผูท๎ ีม่ ีอายนุ อ๎ ยกวาํ สวํ นผ๎ูสูงอายุกวาํ ควรใหค๎ วามเคารพ และแสดงความอํอนนอ๎ มถํอมตัว กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 6 ตบะ คอื ความเพยี ร มาใชก๎ บั ชมุ ชน ท๎องถ่ิน และ สังคม ส มาชิกชมุ ชนควรปฏบิ ัตติ น ในเรอ่ื งการพยายามขจัดกเิ ลสตัณหาไมใํ หเ๎ ขา๎ ครอบงาจติ ใจ สามารถบงั คบั ควบคมุ ตนเองมิใหล๎ ุมํ หลง หมกมุนํ ในความสขุ สาราญ จนเปน็ เหตใุ ห๎เสยี การงานได๎ ผ๎ูนา หรอื ผ๎ปู กครองทด่ี ีต๎องมีสตริ ะลกึ อยํเู สมอวํา ตนมหี น๎าทีอ่ ะไร มีความรับผดิ ชอบตํอประชาชนอยําง ไร จะต๎องมํุงมนั่ ตอํ หน๎าทนี่ ั้น ไมํปลอํ ยใจใหห๎ ลงใหลในความสุขสาราญทีม่ ผี ๎ูเสนอสนองมาใหด๎ ๎วยวธิ กี าร ตําง ๆ จนลมื หน๎าท่ี ลืมตวั และหลงผิด ผนู๎ าทีเ่ หน็ หนา๎ ทีส่ าคญั กวําความสุขสาราญ ยํอมจะสร๎าง
179 ความก๎าวหนา๎ มน่ั คงและความสงบสุขแกํสงั คม ผูน๎ าท่มี ตี บะจะกอํ ใหเ๎ กิดความร๎ูสึกเกรงขามและความ ศรัทธาเล่ือมใสแกผํ ูท๎ ่ีพบเหน็ กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขาุ ันยธธ๑ รรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 6 ตบะ ไปใช๎กับชมุ ชน ทอ๎ งถ่ิน และสงั คม ควรปฏบิ ตั ิด๎วยการ บงั คบั ตนเองมิใหล๎ ํมุ หลงหมกมํนุ กับความสุขสาราญ จนเป็นเหตใุ หเ๎ สยี การงาน เป็นคนทม่ี ี ชวี ิตเรียบงาํ ย ไมํมวั เมากบั อบายมุขและสิง่ ชวั่ ร๎ายทง้ั หลาย ผ๎นู าทีด่ ีจะตอ๎ งระลกึ อยูเํ สมอวาํ ตนมหี น๎าท่อี ะไร มคี วาม รบั ผิดชอบต๎องมงํุ มัน่ ตอํ หนา๎ ท่ี มใิ ชํมุํงมนั่ ตํ อความสาราญ ปถุ ุชนโดยทั่วไปน้นั บางครั้งอาจตอํ ส๎ู กบั สิง่ เย๎ายวนได๎แลว๎ สงั คมจะขาดหลกั ยดึ เหนยี่ ว และไมํอาจก๎าวหน๎าไปสํคู วามเจรญิ ได๎ กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 6 คือ ตบะมาใชก๎ บั ชุมชน ท๎องถ่นิ และสงั คมบา๎ นเกดิ ด๎วยการเพียรพยายาม ปฏบิ ัติหน๎าทกี่ ารงานทร่ี บั ผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยัน มํุงม่นั และทาแตํสงิ่ ทด่ี ี มีความ ถูกตอ๎ ง ฝุาฟน๓ อปุ สรรคตําง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ดว๎ ยความพากเพียรน้ี กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 7 อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ มาใช๎กับชุมชน ทอ๎ งถิ่น และสังคม สมาชกิ ชุมชนควรระงับความโกรธ ควบคุมอารมณ๑ของตนเอง เมือ่ ผูน๎ าชมุ ชนไมํสามารถ ตอบสนองความต๎องการของสมาชิกได๎ สวํ นผ๎นู าจะตอ๎ งมีจติ ใจมัน่ คง สขุ มุ เยอื กเย็น สามารถอดกลัน้ ความไมพํ อใจไว๎ได๎ ไมํแสดงโทสะ ดําวําเกรี้ยวกราด แม๎บางครงั้ จะถกู ติฉินนนิ ทา หรือวพิ ากษ๑วิจารณ๑ โดยไมํมีมูลความจริง กข็ ํมใจไวไ๎ ด๎ แสดงปฏิกริ ยิ าโต๎ตอบด๎วยอารมณ๑ แตํใชเ๎ หตผุ ลพดู จากัน หรอื แม๎ บางครงั้ มอบหมายงานผู๎ใตบ๎ ังคับบัญชา เขาทางานบกพรอํ งเสียหาย ผู๎เป็นหวั หนา๎ ต๎องใจเย็น โมโห ฉุนเฉยี ว หรือลงโทษเขาโดยไร๎เหตผุ ล ถา๎ เมอื่ ใดผูน๎ าหรอื ผเ๎ู ป็นหวั หน๎าไมอํ าจระงบั ยับย้ัง ความหงุดหงิด แค๎นเคืองได๎ ปลอํ ยใหก๎ าเรบิ ข้ึนมา ความเสยี หายเกิดขึน้ แกํการบรหิ ารแนนํ อน ตัวของ ผู๎บริหารเองกเ็ สียหายด๎วย น่ันคอื เสยี บุคลิกภาพ ผ๎ูใต๎บังคบั บัญชาก็เข็ ดขยาดไมกํ ลา๎ เขา๎ หน๎า ยงั ผล เสยี หายในภาพรวมเกิดตามมามากเกนิ กวาํ ทจี่ ะคาดคดิ กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 7 อักโกธะ ไปใช๎กับชมุ ชน ทอ๎ งถิ่นและสังคม ควรปฏิบตั ิ ดว๎ ยการมคี วามเมตตาตอํ คนทั่วไป ไมํตกอยํใู ต๎อานาจของความโกรธ ไมํใชอ๎ านาจบาตรใหญํ มีความสขุ ที่ไดพ๎ บปะประชาชนทวั่ ไปอยาํ งใกล๎ชิด กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 กลาํ วโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ท๎องถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 7 คอื อกั โกธะ มาใช๎กับชมุ ชน ทอ๎ งถิ่นและสงั คมบา๎ นเกิด ด๎วยการมจี ติ ใจม่นั คง มคี วามสุขุม เยือกเย็น อดกล้นั ไมแํ สดงความโกรธ หรอื ความไมํพอใจ กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 8 อวิหงิ สา คือ ความไมเํ บียดเบยี น มาใชก๎ ับชมุ ชน ท๎องถ่ินและสังคม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏิบตั ดิ ว๎ ยการไมํเบยี ดเบียนเอาทรพั ย๑สินของชมุ ชน ทอ๎ งถ่ิน และ สังคม มาใชเ๎ ปน็ ของสํวนตัว สํวนผน๎ู าทดี่ ีตอ๎ งไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพยส๑ นิ ผอ๎ู ่นื ตามอาเภอใจ ตอ๎ งคอย ชวํ ยเหลือประคบั ประคองผ๎ูท่ดี ๎อยก วํา หรอื ผท๎ู ท่ี กุ ขย๑ าก เดือดร๎อน ผนู๎ าที่ยึดทศพิธราชธรรมขอ๎ น้ียอํ มสร๎างพระคณุ มากกวาํ พระเดช ยอํ มเป็นทรี่ ักใครํ เคารพ นับถอื ของผใ๎ู ตบ๎ งั คบั บญั ชา และบคุ คลทวั่ ไป รวมทงั้ สามารสร๎างสรรค๑สังคมให๎เกดิ ความสงบสุข
180 กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มเลจี ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ไดใ๎ ห๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 8 อวหิ งิ สา ไปใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถนิ่ และสังคม ควรปฏบิ ตั ดิ ว๎ ย การมีความกรณุ าตอํ ผอ๎ู ืน่ ไมํหาเรอ่ื งกดขีข่ มํ เหง หรือลงอาญาแผํนดินโดยปราศจากเหตุอนั ควร สงสาร หว่ันใจเมือ่ เห็นความทุกขข๑ องผ๎ูอืน่ และหาหนทางท่จี ะดบั ทุกข๑เข็ญของพวกเขา กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถิน่ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 8 คือ อวิหิงสา มาใชก๎ ับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบา๎ นเกิด ด๎วยการ ไมํเบยี ดเบียน ทรัพย๑สนิ สวํ นรวมมาใช๎เพอื่ สํวนตน หรอื บีบคน้ั กดข่ีผอ๎ู ื่น รวมไปถงึ การไมใํ ชอ๎ านาจไปบงั คบั หรอื หาเหตุกลั่นแกล๎งคนอ่นื ดว๎ ย กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 9 ขันติ คือ ความอดทน มาใชก๎ ับชุมชน ท๎องถ่นิ และ สงั คม สมาชิกชมุ ชนควรปฏิบัติ ด๎วยการเปน็ ผ๎ูขยนั หมนั่ เพยี ร ทางานให๎เหมาะสมกบั หน๎าท่ี ไมทํ อดทิ้ง การงานทไี่ ดร๎ บั มอบหมาย แตคํ วรเพียรพยายามทาให๎เต็มกาลงั ความสามารถและสตปิ ญ๓ ญา การประกอบอาชีพการงานนน้ั ยอํ มประสบกับอปุ สรรค ทาํ นที่มีป๓ญญาสามารถ ต๎องการท่ีจะไดร๎ บั ประโยชน๑และความสุข กไ็ มคํ วรทอดทิง้ หรอื ท๎อถอย ควรใช๎ความอดทนเป็นเบื้องหนา๎ กจ็ ะสาเรจ็ ลุลํวง ไปได๎ กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขาุ ันยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 9 ขนั ติ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏบิ ัตดิ ว๎ ยการ มคี วามอดทน สามารถควบคมุ อารมณข๑ องตนได๎ดีในทุกสถานการณ๑ คอื การใช๎ความสงบสยบความ เคล่ือนไหว กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 กลําวโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 คือ ขนั ติ มาใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คมบา๎ นเกิด ดว๎ ยการสามารถเผชญิ กบั ความยากลาบา กไดอ๎ ยาํ งเข๎ มแขง็ เม่ือพบอปุ สรรคในการทางาน กย็ งิ่ เข๎มแขง็ เด็ดเดย่ี ว ไมํทอ๎ แท๎ มคี วามอดทนอยาํ งตอํ เนื่องจนกวําป๓ญหาไดร๎ บั การแกไ๎ ข หรือภารกิจเสร็จลุลํวง กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ คอื ความเท่ียงธรรม กับชมุ ชนทอ๎ งถิ่น และสงั คม สมาชิกชมุ ชน ควรปฏบิ ตั กิ ารวางตวั เปน็ หลักหนกั แนนํ มน่ั คง ไมํเอนเอียงไป เพราะอานาจ ของความลาเอยี งอยาํ งใดอยํางหนึ่ง ไดแ๎ กํ เพราะรัก เพราะชัง เพราะหลง และเพราะกลัว หรอื เพรา ะ อานาจของโลกธรรม ไดแ๎ กํ ลาภ ยศ สรรเสริญ ความเสือ่ มจากลาภ ความเสื่อมจากยศ นินทา และ ความทุกข๑ กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรฝีขุานั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใช๎กบั ชุมชน ท๎องถิ่นและสงั คม ควรปฏิบตั ิ ดว๎ ยความตง้ั มั่นในธรรม ไมหํ ว่ันไหวในเรือ่ งดี เรือ่ งร๎าย ประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นอยใํู นความดีงาม ไมปํ ระพฤตผิ ดิ ทานองคลองธรรม กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 กลาํ วโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถนิ่ ควรนา ทศพิธราชธรรม ขอ๎ 10 คือ อวิโรธนะ มาใชก๎ ับชมุ ชน ทอ๎ งถ่ินและสงั คมบ๎านเกดิ สมาชิกชุมชน และ ผ๎ูนาควรวางตวั เปน็ กลาง มีความหนักแนนํ มน่ั คง ความยุตธิ รรม ไมลํ าเอยี ง ไปกับบุคคลใด หรือกลุํมใด กลํุมหนึ่ง เพอื่ รํวมกนั พฒั นาชมุ ชน ท๎องถิ่น และสงั คม
181 กกกกกกก2. การน้อมนาพระราชดารัสไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน กกกกกกก2. 2.1 พระราชดารสั ทเ่ี กีย่ วข๎องกบั ครอบครวั กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ทีเ่ ก่ียวขอ๎ งกบั ครอบครัวไว๎ให๎ประชาชนชาวไทย ได๎นอ๎ มนามาปรับใช๎ในครอบครัวของ ตนเอง ที่สาคญั ๆ มีดังนี้ “ เดก็ เป็นผ๎ูที่จะไดร๎ ับชํวงทกุ สิ่งทกุ อยาํ งตอํ จากผ๎ใู หญํ รวมทงั้ การรับผดิ ชอบ ในการธารงรกั ษาอิสรภาพ และความสงบสุข ทั้งภาระรับผิดชอบ ในการธารง อสิ รภาพ และความสงบสขุ ของบา๎ นเมอื ง ดงั นั้นเด็กทุกคนจึงสมควร และจาเป็น ทีจ่ ะต๎องได๎รบั การอบรมเล้ยี งดูอยาํ งถกู ต๎องเหมาะสม ให๎มีความสามารถ สรา๎ งสรรค๑ประโยชน๑ตําง ๆ พร๎อมท้ังการฝึกหดั ขัดเกลาความคิดจิตใจให๎ประณีต ให๎มศี รัทธามนั่ คงในคุณความดี มีความประพฤติเรยี บรอ๎ ย สจุ ริต และมีปญ๓ ญา ฉลาด แจมํ ใสในเหตุในผล หน๎าท่นี เี้ ปน็ ของทุกคนท่ีจะตอ๎ งรํวมมอื กนั กระทา โดยพร๎อมเพรียงสมา่ เสมอ ผทู๎ ีเ่ กดิ กํอน ผาํ นชีวติ มากอํ น จะตอ๎ ง สงเคราะหอ๑ นเุ คราะห๑ ผเู๎ กดิ ตามมาภายหลงั ด๎วยการถํายทอดความรคู๎ วามดี และประสบการณ๑อันมคี ํา ทัง้ ปวงใหด๎ ๎วยความเมตตาเอน็ ดู และด๎วยความบริสุทธ์ใิ จในเด็กได๎ทราบ ได๎เขา๎ ใจ และสาคัญท่สี ุด ให๎รู๎จกั คดิ ด๎วยเหตผุ ลทถี่ กู ต๎อง จนสามารถเห็นจริงด๎วยตนได๎ ในความเจริญและความเส่อื มท้งั ปวง” พระราชดารสั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานในโอกาสปเี ดก็ สากล วันท่ี 1 มกราคม 2522 \". \" เดก็ เป็นอนั มาก มคี วามรกั ดมี าแตํกาเนิด จะเรยี นจะเลนํ จะทาสงิ่ ใด กม็ งํุ ม่นั ทาให๎ดเี ดนํ ไมมํ ีปญ๓ หาอปุ สรรคหรอื ความลาบากยากแคน๎ ใด ๆ จะกดี ก้นั ไว๎ได๎ เด็กเหลําน้ี ผใ๎ู หญคํ วรสนใจและแผํเมตตาเก้ือกลู ประคบั ประคอง ใหไ๎ ดม๎ โี อกาส พฒั นาไป ในทางทถี่ กู ทด่ี ี ทั้งดา๎ นการศกึ ษาและจติ ใจ เขาจักได๎เจริญเติบโต เปน็ คนดพี ร๎อม และเปน็ ตวั อยํางแกํเยาวชนท่ัวไป\" พระราชดารัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วันที่ 13 มกราคม 2533
182 “ผใ๎ู หญเํ รามักพากนั ละทงิ้ วิธกี ารเกาํ ๆ ในการอบรมฝกึ ฝนคณุ ธรรม และความสุภาพ เรียบร๎อยในกาย วาจา ใจเยาวชน โดยมไิ ดห๎ าวิธีการท่เี หมาะสม มาทดแทนใหเ๎ พยี งพอ ท้งั น้ี เห็นจะเปน็ เพราะโดยมากเราไมคํ อํ ยจะคดิ ถึงเรื่องน้ี กนั นัก ด๎วยเหตทุ ่ี มวั สนใจ และต่นื เตน๎ กับวชิ าการอยาํ งใหมกํ นั หมด ประการหนง่ึ และด๎วยเหตทุ เ่ี สยี หายมไิ ด๎เกดิ ขน้ึ ฉบั พลันทนั ที หากแตํ คอํ ย ๆ เกิดข้ึนทลี ะเล็กละนอ๎ ย อีกประการหนง่ึ จงึ ปลํอยกันมา เรอื่ ย ๆ จนบดั นีผ้ ลเสยี หายท่เี กิดขึ้นนัน้ ได๎กลายเปน็ ป๓ญหาท่ีเกือบจะแก๎กนั ไมํตก ตามท่ี ทํานเห็นกบั ตาและทราบแกใํ จอยํแู ล๎ว ไมจํ าเปน็ จะต๎องพดู ใหย๎ าวความไป ความจรงิ เยาวชนทมี่ พี นื้ จติ ใจดอี ยํูแล๎ว และปรารถนา จะทาตัวใหด๎ ี ใหเ๎ ป็นประโยชนน๑ ้นั มีอยํู เป็นอนั มาก แตกํ ารทาความดโี ดยลาพงั ตนเอง เปน็ ของยาก จาเป็นตอ๎ งอาศยั ผู๎ใหญํ เปน็ ทพ่ี ึ่งหรอื เปน็ ผน๎ู านั่นเอง ผ๎ใู หญํจึงต๎องถือ เปน็ หน๎าที่และความจาเปน็ ที่จะตอ๎ ง ชํวยเหลอื เขา” พระราชดารสั พระราชทานแกผํ บู๎ ังคับบญั ชาลูกเสือในโอกาสเข๎าเฝูาทลู ละออง ธุลีพระบาทและรบั พระราชทานเหรยี ญลกู เสือสดดุ ี วันที่ 6 กรกฎาคม 2521 \"...เดก็ ๆ นอกจากจะตอ๎ งเรยี นความร๎ูแล๎ว ยงั ตอ๎ งหดั ทา การงานและทาความดีดว๎ ย เพราะการทางานจะชํวยให๎ มีความสามารถ มคี วามขยนั อดทน พง่ึ ตนเองได๎ และการทาดี นน้ั จะชํวยให๎มคี วามสขุ ความเจรญิ ท้ังปูองกันตนไว๎ไมใํ ห๎ ตกตา่ ...\" พระบรมราโชวาท พระราชทานเน่อื งในวนั เด็กแหงํ ชาติ ประจาปี 2530 กกกกกกก2. 2.1 จากพระราชดารสั ดังกลําวขา๎ งต๎น ครอบครวั ควรปฏิบัติ (1) บิดามารดาจึงตอ๎ งสอน บุตรธิดา พ่ีจงึ ตอ๎ งสอนน๎อง คนรนุํ ใหญจํ ึงต๎องสอนคนรุนํ เลก็ ให๎มีความร๎ูความดี มีความเจรญิ งอกงาม มเี หตมุ ผี ล และเมื่อคนรุนํ เล็กเปน็ ผูใ๎ หญขํ น้ึ จงึ ตอ๎ งส่งั สอนคนรนํุ หลงั ตํอ ๆ ไปไมใํ หข๎ าดสาย ใหม๎ ี ความรู๎ ความดี มคี วามเจริญงอกงาม มีเหตุผล (2) การสอนลกู ใหเ๎ ปน็ เด็กดีมกี ารพัฒนา สนับสนุน และสงํ เสรมิ ใหล๎ กู เติบโตขึน้ เป็นคนดี และตัวอยาํ งของสังคม (3) การสอนให๎เยาวชนทมี่ ีพนื้ จิตใจดี อยแํู ล๎ว และปรารถนาจะทาตัวให๎ดีให๎เป็นประโยชน๑ แตํการทาความดีโดยลาพังตนเองมคี วามยาก จาเปน็ ต๎องอาศัยหลักเกณฑ๑ และแบบฉบบั ทด่ี ีอยํางใดอยาํ งหนง่ึ เปน็ ทย่ี ดึ เหนย่ี ว จึงจะกระทาได๎ โดยถูกต๎องเหมาะสม และไมเํ ปลืองเวลา กลําวคือต๎องอาศยั ผู๎ใหญเํ ปน็ ท่ีพง่ึ หรือเป็นผ๎ูนานัน่ เอง
183 ผใู๎ หญจํ งึ ตอ๎ งถือเปน็ หน๎าที่ และความจาเ ปน็ ทจี่ ะต๎องชวํ ยเหลอื เขา และ (4) การสอนใหเ๎ ด็กมี ความขยนั ทางานอยาํ งมีความสขุ มคี วามตงั้ อกต้งั ใจทาจรงิ เหน็ คุณคําของสง่ิ ท่ที า และอดทน ตํออุปสรรค กกกกกกก2. 2.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมืองดี ควรนอ๎ มนาพระราชดารสั ท่เี กีย่ วข๎องกับครอบครัว มาใช๎ ด๎วยการทพี่ ํอแมํอบรมส่ังสอนใหล๎ ูกไดร๎ ับการเรยี นรท๎ู ส่ี รา๎ งสรรค๑ และปลกู ฝง๓ สง่ิ ทดี่ ีงามตําง ๆ ทั้งด๎านรํางกาย จิตใจ อารมณ๑ สงั คม สติป๓ญญา คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม พรอ๎ มทงั้ พฒั นาให๎เป็นผ๎ทู ม่ี ี ความรคู๎ วามสามารถใช๎สตปิ ญ๓ ญาวิเคราะหอ๑ ยํางมเี หตผุ ล เพ่อื ให๎เตบิ โตขึน้ อยํางมีคณุ ภาพ กกกกกกกกก 2.2 พระราชดารัสท่ีเกยี่ วขอ๎ งกบั การศึกษา กกกกกกกกก 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสทีเ่ กีย่ วขอ๎ งกบั การศกึ ษาไว๎ให๎สถาบันการศกึ ษา นกั เรยี น นสิ ติ และนักศกึ ษา และบณั ฑิต ทจี่ บการศึกษา ไดน๎ ๎อมนามาใช๎ท่ีสาคญั ๆ มีดงั น้ี “การศึกษาในมหาวิทยาลยั กลําวตามหลัก ควรจะไดแ๎ กํการสรา๎ งเสริม ความสามารถ และความเจริญงอกงามของบคุ คลในทางวิชาการสวํ นหนึ่ง ในทาง ความคดิ อีกสวํ นหนงึ่ ซึง่ เม่อื รวมกันแล๎วจะทาใหบ๎ ุคคลมีพละกาลัง สามารถนาไปใช๎ ปฏิบัติงานใหญํ ๆ ของสํวนรวมใหส๎ าเร็จได๎” พระบรมราโชวาทพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวิทยาลยั รามคาแหง วันที่ 26 ตลุ าคม 2521 “ ในสํวนของนกั เรียนเองนนั้ ก็จงสาเหนยี กใหม๎ ากวาํ การท่เี ราศกึ ษาวชิ า ความร๎นู ้นั ความจริงไมใํ ชเํ พื่อใครเลย แตํเพื่อตวั เราเอง ในการทจี่ ะดาเนนิ ชีวิต ตอํ ไปในวนั หน๎า ถ๎าเรยี นดีก็จะไดใ๎ ชค๎ วามร๎ทู เ่ี รยี นมาประกอบกิจการใหเ๎ ปน็ ประโยชน๑ เป็นท่พี งึ่ แกตํ น และเปน็ ท่ชี นื่ ชมตํอวงศต๑ ระกลู ตอํ ไปดว๎ ย ” พระบรมราโชวาทในพระราชพธิ พี ระราชทานประกาศนียบัตรนัก เรยี นวชิราวธุ วทิ ยาลัย วันท่ี 16 กุมภาพนั ธ๑ 2500
184 “ ขอใหน๎ กั เรียนทัง้ หลายต้ังใจรบั ความรท๎ู ่คี รูสอน เพราะโอกาสเชนํ น้ีนน้ั หายาก ถ๎าไมเํ อาใจใสํ พยายามเรียนกจ็ ะหาโอกาสไมไํ ด๎อีก เพราะเวลาทีเ่ ป็นเดก็ น้ันมนี ๎อย จึงตอ๎ งขอให๎ใช๎เวลาให๎ถูกต๎อง สะสมความรทู๎ างหลกั วิชา และความร๎ู ทว่ั ไปให๎มาก และดีที่สุดแล๎วจะไมํตอ๎ งเสยี ใจ เมอ่ื โตขึ้นก็จะสามารถทาหนา๎ ทขี่ อง ตน คือ ทามาหาเล้ียงชวี ติ ตน และชํวยสํวนตวั และชวํ ยสํวนรวม ให๎อยไํู ด๎ด๎วย ความก๎าวหน๎า และดว๎ ยความรมํ เยน็ ” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกํคณะครูนกั เรยี นโรงเรียนวังไกลกงั วล วันที่ 28 พฤษภาคม 2512 “ ถา๎ มาพิจารณาดูจรงิ ๆ จะดีหรอื ทีจ่ ะให๎พลังของนกั ศึกษาทง้ั มวล เปน็ พลงั มืด ความจรงิ ถ๎าเปน็ พลงั สวําง หมายความวาํ เป็นพลงั ท่ีจะให๎แสงสวาํ ง แกํบ๎านเมือง กจ็ ะนาํ ชน่ื ชมนาํ ยนิ ดีย่ิงขนึ้ จุดประสงค๑ที่แท๎จริงของนักศึกษา ความสวํางสาหรับใหผ๎ ทู๎ ่ีกาลังศกึ ษาก็สวํางขน้ึ หมายถงึ ผ๎ูที่ขดั สนหรอื ผ๎ทู เี่ คราะห๑ร๎าย ไดม๎ ีแสงสวํางทจ่ี ะเรียนไดแ๎ ล๎ว ก็ให๎แสงสวาํ งแกํผท๎ู ไี่ มใํ ชนํ ักศกึ ษาผู๎ที่ไมมํ โี อกาส เป็นนักศึกษา ใหม๎ แี สงสวําง หมายถงึ บ๎านเมอื งให๎กา๎ วหน๎าให๎ดี ให๎เปน็ ทน่ี าํ ชน่ื ชม จะเปน็ พลังสวําง เป็นพลงั ทีน่ ําชน่ื ชมนาํ ภมู ใิ จได๎ ” พระบรมราโชวาทพระราชทานแกสํ มาคมบริการนักศกึ ษานานาชาติ แหงํ ประเทศไทย ผ๎ูแทนนสิ ิตนักศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี จากทุกคณะ ทกุ สถาบันทัว่ ประเทศ และคณะกรรมการจัดงานวนั บริการนักศึกษา วนั ที่ 25 กนั ยายน 2512
185 “ ขอ๎ สรปุ หน๎าท่ขี องผูท๎ เี่ ปน็ นิสติ นกั ศึกษาวาํ การเปน็ นกั ศึกษา ไมํมีอาชพี เป็นเวลาทีจ่ ะฝกึ ทางวชิ าการและกท็ างจิตใจ เพ่ือทจ่ี ะมพี ลงั แข็งแรงทจี่ ะ รับใชช๎ าติ เปน็ พลเมอื งดแี ล๎วก็เปน็ ความหวงั และกเ็ ป็นสิ่งทสี่ าคญั ทีส่ ุดวํา เม่ือได๎ฝึก ในทางจติ ใจเปน็ คนเขม๎ แขง็ ซื่อตรง และเปน็ คนท่ีมีความปรารถนาที่จะสรา๎ งสรรค๑ แล๎ว จะต๎องรกั ษาอดุ มคติน้ี หรอื พลังน้ี หรอื ปณิธานนี้ไว๎ตลอดชีวิต ” พระบรมราโชวาทเนือ่ งในโอกาสเสดจ็ ฯ ทรงดนตรี เป็นการสํวนพระองค๑ ณ หอประชมุ จฬุ าลงกรณ๑มหาวิทยาลยั วนั ท่ี 20 กันยายน 2514 “ บรรดาผู๎สาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรของมหาวทิ ยาลยั ก็เปรียบเหมอื น ไดก๎ ุญแจทีจ่ ะไขไปสชํู ีวิตท่เี จริญตอํ ไปในวันขา๎ งหนา๎ แตํขอเตือนวําการดาเนินชวี ติ โดยใช๎วชิ าการอยาํ งเดียวยงั ไมํเพยี งพอ จะตอ๎ งอาศยั ความร๎ูรอบตัว และหลัก ศีลธรรม ประกอบดว๎ ย ผ๎ูทม่ี ีความรู๎ดี แตขํ าดความยัง้ คิด นาความร๎ูไปใช๎ในทาง มชิ อบก็เทาํ กบั เปน็ บุคคลท่ีเป็นภัยแกํสงั คม และของมนุษย๑ ฉะน้นั ขอให๎ทุกคน จงดารงชีวติ และประกอบอาชพี โดยอาศยั วชิ าความรูท๎ ีไ่ ดร๎ บั มาประกอบด๎วย ความย้ังคิดชงั่ ใจ และศลี ธรรมอนั ดีงาม เพ่อื ความเจรญิ ก๎าวหนา๎ ของตนเอง และของประเทศชาติ ” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร ของมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ท่ี 18 กนั ยายน 2504 “ การศกึ ษาเปน็ เรอ่ื งใหญํและสาคัญยงิ่ ของมนษุ ย๑ คนเราเมือ่ เกิดมาก็ได๎รับ การสั่งสอนจากบดิ ามารดา อนั เป็นความรเู๎ บอ้ื งต๎น เมือ่ เจริญเตบิ โตขนึ้ ก็เปน็ หนา๎ ที่ของครู และอาจารย๑ส่งั สอนใหไ๎ ดร๎ บั วชิ าความรสู๎ ูง และอบรมจิตใจใหถ๎ งึ พร๎อมดว๎ ยคณุ ธรรม เพ่ือจะได๎เปน็ พลเมอื งดขี องชาติสืบตอํ ไป ” พระบรมราโชวาทพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกนํ สิ ิต และนกั ศึกษา วิทยาลัยวชิ าการศึกษา วนั ท่ี 13 ธนั วาคม 2505
186 “ บณั ฑติ ผส๎ู าเร็จการศกึ ษาไปแลว๎ จะทาการสิ่งใดใหพ๎ ิจารณาให๎ รอบคอบเสยี กอํ น อยําทระนงตวั วํา เราเปน็ บัณฑติ แลว๎ เราตอ๎ งเกงํ กวําฉลาดกวํา ผอู๎ ่ืน อยาํ ลมื วาํ ฉลาดแตอํ ยํางเดียวเทาํ นัน้ ไมํพอ ตอ๎ งเฉลยี วดว๎ ย ตอ๎ งท้งั เฉลยี ว และฉลาด ทาํ นท้ังหลายคงจะรูจ๎ กั นิทานเรอ่ื ง กระตํายแขงํ กับเตาํ กระตําย มฝี เี ทา๎ ดี ทระนงตนวาํ ไมมํ ผี ใู๎ ดวิ่งเร็วเสมอเหมอื นยิ่ง เตาํ น้ันก็เปน็ คนละช้ัน แตํความที่ทระนงตัววําตวั เองเกํง ว่ิงไปยังไมทํ ันถงึ ท่หี มายไปนอนหลับเสยี ปลํอยให๎เตาํ ซ่ึงเดนิ ชา๎ กวาํ มากไปถึงท่ีหมายได๎กํอน ” พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั รแกนํ สิ ิต จุฬาลงกรณม๑ หาวทิ ยาลัย วนั ที่ 5 กรกฎาคม 2505 กกกกกกกกก 2.2 จากพระราชดารัสดงั กลาํ วขา๎ งต๎น โดยสถาบนั การศึกษาจงึ ควรปฏิบตั ิ ในเรอ่ื ง ของการถาํ ยทอดวิชาการ และฝกึ หัดอบรมนกั ศกึ ษาใหม๎ ปี ระสทิ ธิภาพ จะตอ๎ งชวํ ยเหลือเขา ดว๎ ยหลกั วชิ าและความสามารถ ทกุ คนไดเ๎ รยี นวชิ าการแนะแนวมาแลว๎ ควรจะไดน๎ าหลักการมาปฏบิ ตั ิ เพ่ือให๎เยาวชนไดร๎ ับประโยชนอ๑ นั แทจ๎ รงิ โดยเฉพาะอยํางยิง่ การแนะแนวทางความประพฤติและจติ ใจ ซึง่ สาคัญมาก ขอให๎เพียรพยายาม ปลกู ฝ๓งความร๎ู ความคิดท่ปี ราศจากโทษให๎แกํเขาโดยเสมอ แนะนา อบรมด๎วยเหตุผล และดว๎ ยความจรงิ ใจ ประกอบดว๎ ยความเมตตาปรานี สงเคราะห๑ อนุเคราะห๑ และนาพาไปสูํทางที่ถกู ท่เี จรญิ เยาวชนกจ็ ะเกิดมคี วามม่นั ใจ และมกี าลงั ใจท่ีจะทาความดี เพ่ือจกั ได๎มี อนาคตทีม่ น่ั คง สาหรับนกั เรยี น นิสติ นกั ศกึ ษา ควรมีความขยนั ขนั แขง็ หมน่ั เพยี รในการศึกษา เลาํ เรยี นอยํางเตม็ ที่ ตระหนกั ไว๎วํามหี นา๎ ทีเ่ รียนหนังสือ แสวงหาความรู๎เป็ นหลกั ใหญํ แลว๎ กจ็ งทา หนา๎ ทีข่ องตนใหด๎ ที สี่ ดุ เพ่อื สรา๎ งความเจรญิ และความสาเร็จของชวี ิต และสาหรบั บัณฑติ ท่จี บ การศกึ ษา ควรปฏิบัติ ดว๎ ยการไมํทระนงตวั วําวเิ ศษกวาํ ผอ๎ู ื่นอยาํ อวดเกงํ เกนิ ไป จะทาการสิง่ ใด จงไตรตํ รองให๎รอบคอบ ถ๎าเป็นเรอ่ื งเล็ก โทษของความไมรํ อบคอ บก็น๎อย แตถํ ๎าเป็นเร่อื งใหญํ เป็นเรอื่ งของชาตบิ า๎ นเมอื ง ก็จะเป็นผลเสียหายแกชํ าติบา๎ นเมอื งได๎ ฉะน้ันจะกระทาส่งิ ใด จงใช๎สมอง ไตรํตรอง ดคู วามรอบคอบเสยี กอํ น กกกกกกกกก 2.2 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมอื งดี ประกอบด๎วย สถาบันการศึกษา ครูบาอาจารย๑ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา และบณั ฑิตทีเ่ พง่ิ จบ หรือบณั ฑติ ศิษยเ๑ กําท่จี บการศกึ ษานานแล๎ว ควรนอ๎ มนา พระราชดารสั มาปรบั ใช๎ ด๎วยการท่สี ถาบนั มํงุ ส่ังสอน นักเรียน นักศึกษา และบณั ฑติ ใหม๎ ีความร๎ู และมี คณุ ธรรม ให๎เป็นคนเกงํ และเปน็ คนดี สาหรบั นักเรยี น นักศกึ ษา ควรต้งั ใจศกึ ษาเลาํ เรยี น ให๎มี ทัง้ ความร๎ู ท้งั วชิ าการ ความรูท๎ วั่ ไป เพื่อสร๎างความเจริญและความสาเร็จของชีวติ ประพฤตใิ นสิง่ ที่ ดงี าม และบัณฑติ ที่เพิ่งจบการศึกษา หรือจบการศึกษานานแล๎ว ควรนอ๎ มนาพระราชดารสั ไปปรบั ใช๎ ด๎วยการใช๎สติปญ๓ ญา พจิ ารณาทุกเรือ่ งอยาํ งรอบคอบ และไมปํ ระมาท
187 กกกกกกกกก 2.3 พระราชดารสั ท่ีเก่ียวข๎องกับอาชีพการงาน กกกกกกกกก 2.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ท่เี กีย่ วข๎องกบั อาชพี การงานท่สี าคญั ๆ มีดงั นี้ “… การชวํ ยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตัง้ ตวั ให๎มคี วามพอกิน พอใช๎กํอนอนื่ เปน็ พน้ื ฐานนัน้ เป็นส่งิ สาคญั อยาํ งยิ่งยวด เพราะ ผู๎ทม่ี อี าชีพและฐานะเพียงพอ ทจี่ ะพ่ึงตนเอง ยอํ มสามารถสรา๎ งความเจรญิ ก๎าวหน๎า ระดบั ท่สี ูงขึ้น ตํอไปไดโ๎ ดยแนํนอน สํวนการถอื หลกั ท่จี ะสงํ เสรมิ ความเจริญ ใหค๎ ํอย เปน็ ไปตามลา ดับ ด๎วยความรอบคอบ ระมดั ระวัง และประหยดั นน้ั กเ็ พ่อื ปูองกนั ความผิดพลาดลม๎ เหลว และเพอ่ื ให๎บรรลุผลสา เร็จไดแ๎ นนํ อน บริบรู ณ๑ เพราะหากไมํ กระทาดว๎ ยความระมัดระวัง ยอํ มจะหวงั ผลเต็มเม็ดเต็มหนวํ ยไดโ๎ ดยยาก ยกตวั อยาํ ง เชํน การปราบศตั รพู ืช ถา๎ ทํมุ เททา ไปโดยไมํมจี ังหวะท่ถี ูกต๎อง และโดยมิไดศ๎ ึกษา ข๎อมลู ตาํ ง ๆ ให๎กระจํางชัดอยํางทัว่ ถึง ก็อาจส้นิ เปลอื งแรงงาน ทุนทรัพย๑ วัสดอุ ุปกรณ๑ ทล่ี ๎วนมีราคาไป โดยไดร๎ บั ผลไมคํ ุ๎มคาํ ย่งิ กวาํ นนั้ การทาลายศัตรพู ชื ยงั อาจทา ลาย ศัตรขู องพชื ทม่ี ีอยํูบา๎ ง แลว๎ ตามธรรมชาติ และทา อันตรายแกชํ วี ติ คนชีวิตสัตว๑เลีย้ ง อกี ด๎วย การพฒั นาอยาํ งถูกตอ๎ ง ซง่ึ หวังผลอนั ยง่ั ยืนไพศาล จงึ ตอ๎ งวางแผนงาน เป็นลา ดบั ขนั้ อยํางถ่ีถ๎วนทวั่ ถงึ ใหอ๎ งคป๑ ระกอบของแผนงานทกุ สํวนสัมพนั ธ๑ และ สมดลุ ย๑กนั โดยสอดคล๎อง …” พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันท่ี 19 กรกฎาคม 2517 “ การเกษตรนนั้ ถือไดว๎ าํ เปน็ ทง้ั รากฐานและชวี ิตสาหรับประเทศ ของเรา เพราะคนไทย เราสํวนใหญเํ ปน็ ผูม๎ ีอาชพี ทางการเกษตรกรรม ข๎าพเจา๎ จึงมีความเห็นเสมอ มาวําวธิ ีการพฒั นาท่เี หมาะสมแกํประเทศเราอยํางยง่ิ ก็คอื จะตอ๎ งทานบุ ารุงเกษตรกรรม ทุกสาขาใหพ๎ ัฒนาก๎าวหน๎า เพอ่ื ยกระดบั ฐานะ ความเปน็ อยูขํ องเกษตรกรทุกระดบั ให๎สูงขนึ้ ” พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ อาคารจกั รพนั ธเ๑ พญ็ ศิริ วันท่ี 23 กรกฎาคม 2541
188 “… การทางานทกุ อยาํ ง คอื การพฒั นาตัวเอง เรามกั ไดย๎ ินคากลําวอา๎ ง ของคนบางคนวําไมพํ อใจทา งานอยาํ งน้นั อยํางน้ี เพราะเปน็ งานท่ไี มตํ รกงบั วุฒิ หรอื ตา่ ต๎อยด๎อยกวาํ วิทยฐานะ ของตน ท้ัง ๆ ที่บางทีก็กาลังวํางงานอยํู การประพฤตอิ ยาํ งนเ้ี รยี กวําเลือกงาน หรอื ไมสํ ๎งู านซงึ่ เปน็ การถวํ งตัวเองไว๎ ไมใํ ห๎ดีข้ึนได๎ ไมํให๎กา๎ วหนา๎ ตํอไปได๎ จึงอยากจะเตือนบณั ฑิตทุก ๆ คนวําอยํา ทาตวั เป็นคนเลอื กงาน เม่ือมีโอกาสและมีงานให๎ทากค็ วรเตม็ ใจทา โดยไมํจา ต๎องต้ังขอ๎ แม๎ หรือเงอ่ื นไขอันใดไว๎ใหเ๎ ปน็ เคร่อื งกีดขวาง ขอให๎คดิ กนั เสยี ใหมํ วําคนที่ทางานไดจ๎ รงิ ๆ นน้ั ไมํวําจะจบั งานส่ิงใดยํอมทาไดเ๎ สมอ ถ๎ายิง่ มีความ เอาใจใสํ มีความขยนั มคี วามสงั เกตจดจาดี กย็ งิ่ จะชวํ ยใหป๎ ระสบผลสาเร็จ ในงานท่ที าสูงขนึ้ ทง้ั นเ้ี พราะประสบการณ๑ท่ีได๎รับจากการทางานแตลํ ะครงั้ แตลํ ะวันจะคํอย ๆ เพม่ิ พนู ข้ึนเป็นลาดับ สงํ เสริมให๎มีความสามารถจดั เจน มีความเจริญกา๎ วหน๎าสมวทิ ยฐานะ หรือเจรญิ ข้นึ เกินกวําท่คี าดหวงั ไวม๎ ากมาย ก็ได๎ จึงกลาํ วได๎เตม็ ปากวาํ การทางานดว๎ ยความร๎ูความสามารถ ดว๎ ยความตั้งใจ และเอาใจใสํศกึ ษานั้น เป็นการพฒั นาบุคคลให๎มคี ณุ ภาพสงู ขน้ึ โดยแท๎ และ บุคคลทม่ี คี ุณภาพอันพฒั นาแลว๎ ยํอมสามารถจะพฒั นางานสวํ นรวมของชาติ ให๎เจรญิ ก๎าวหน๎าไดด๎ ังประสงค๑..…” พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร ของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชวี ศกึ ษา วนั ที่ 8 กรกฎาคม 2530 \"การงานทุกอยํางทุกอาชพี ยํอมจะมจี รรยาบรรณของตนเอง จรรยาบรรณนนั้ จะบัญญตั เิ ปน็ ลายลักษณ๑อักษรหรือไมํกต็ าม แตํเปน็ ส่ิงที่ยดึ ถือกันวาํ เป็นความดงี าม ที่คนอาชพี นน้ั พงึ ประพฤตปิ ฏิบตั ิ หากผู๎ใดลวํ งละเมิด กอ็ าจกํอให๎เกิดความเสยี หาย ท้งั แกํบุคคล หมํูคณะ และสํวนรวมได๎ \" พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํูหัว ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร ของมหาวิทยาลัยมหดิ ล ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วนั ที่ 4 กรกฎาคม 2540
189 \" ผูท๎ ่มี หี นา๎ ท่ีสือ่ ขําวทด่ี ี หรือมีหนา๎ ท่ปี ระสานความเข๎าใจระหวาํ งคน หลายชาตหิ ลายช้นั กด็ ี ควรสานึกอยูํเสมอวํางานของเขาเปน็ งานสาคัญ และมี เกียรติสูง เพราะหมายถึงความรับผิดชอบอันย่ิงใหญใํ นการรวํ มกนั สรา๎ งสันติ สุขใหแ๎ กํโลก การแพรขํ าํ วโดยขาดความระมัดระวัง หรือแมแ๎ ตคํ าพดู งาํ ย ๆ เพยี งนดิ เดียวกส็ ามารถจะทาลายงานที่ผู๎มีความปรารถนาดีทงั้ หลายพยายาม สรา๎ งไว๎ดว๎ ยความยากลาบากเป็นเวลาแรมปหี ากจะแกต๎ ัววําการพดู พลํอย ๆ เพียงสองสามคานีเ้ ปน็ เรอ่ื งเล็ก ไมํนาํ จะเกบ็ มาถือเปน็ เรื่องใหญเํ ลยก็ไมํถกู เหมอื นฟองอากาศนดิ เดียวถา๎ เขา๎ ไปอยูใํ นเส๎นเลอื ด ก็จะสามารถปลิดชีวติ คน ไดท๎ ้ังคน และน้าตาลหวาน ๆ ก๎อนเลก็ นิดเดียว ถ๎าใสลํ งไปในถงั นา้ มันรถก็จะ ทาให๎เครอ่ื งจกั รดี ๆ ของรถเสียไดโ๎ ดยสนิ้ เชิง\" พระราชดารัสพระราชทาน แกนํ กั ธรุ กจิ และนักหนังสือพมิ พ๑ ณ พพิ ิธภณั ฑ๑เมโทรโปลติ นั นครนวิ ยอรก๑ อเมรกิ า วันท่ี 8 มถิ ุนายน 2510 \"..สมาชกิ ท้งั หลาย ไดท๎ าหนา๎ ท่เี ปน็ ตวั แทนของ ปวงชนชาวไทย มีสวํ นสาคญั ในการปกครอง ประเทศชาติ จงึ ขอให๎พิจารณาดาเนนิ งาน ดว๎ ยความละเอียด รอบคอบ และขอให๎ปฏบิ ัติตรงตามปรารถนาของประชาชน เปน็ สํวนรวม อยาํ งแทจ๎ ริง...\" ความตอนหน่งึ ในพระราชดารัสในพิธีเปิดประชมุ รัฐสภา ณ พระท่นี ่ังอนนั ตสมาคม วันท่ี 24 มิถุนายน 2501 กกกกกกกกก 2.3 จากพระราชดารสั ดังกลาํ วข๎างต๎น เกษตรกรทเ่ี ป็นอาชีพท่สี าคญั ของชาตไิ ทย ตอ๎ งดาเนนิ ชีวติ ประกอบอาชีพแบบพอเพยี ง พ่งึ ตนเอง คํอย ๆ สร๎างความเจรญิ ก๎าวหนา๎ ให๎กบั ตนเอง ดว๎ ยความรอบคอบ ระมดั ระวงั ประหยดั เพอ่ื ปอู งกันขอ๎ ผิดพลาดลม๎ เหลว สวํ นอาชีพผ๎สู ือ่ ขําว ต๎องระมดั ระวงั ในการเผยแพรํขําวสาร เพยี งเพราะการใชค๎ าพูดไมถํ กู ตอ๎ ง ยอํ มสํงผลตํอผต๎ู ้ังใจ ปฏบิ ตั ิงานมาด๎วยความลาบากได๎ และสาหรบั ผแู๎ ทนราษฎร ควรปฏิบัติงานด๎วยความละเอียด
190 รอบคอบ ทาให๎ตรงตํอความต๎องการของประชาชน และเพอ่ื ประโยชน๑สวํ นรวม โดยทุกอาชีพตอ๎ งมี จรรยาบรรณ ต๎องมีหรือมคี ณุ ธรรม ในการประกอบอาชพี ทุกอาชีพตอ๎ งมีการพัฒนาอาชพี ของตนเอง ควรตง้ั ใจศกึ ษาพฒั นาอาชพี ดว๎ ยการตง้ั ใจศึกษาพฒั นาอาชพี และทางานดว๎ ยความร๎ู ความสามารถ ของตนเอง กกกกกกกกก 2.3 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่พี ลเมืองดี ควรนอ๎ มนาพระราชดารัสที่เกย่ี วข๎องกบั อาชพี การงาน มาปรบั ใช๎ ด๎วยการพฒั นาตนเองในการประกอบอาชพี การงาน ตั้งใจศึกษาหาความรู๎ ใช๎ความรู๎ ความสามารถในการประกอบอาชีพ ควบคกํู บั มีคุณธรรมในอาชีพที่ตนเองประกอบอาชีพอยูํ มคี วาม พอเพียง พ่ึงตน เอง คอํ ย ๆ สรา๎ งความเจรญิ กา๎ วหน๎า ของอาชีพทต่ี นทาอยูํด๎วยความรอบคอบ ประหยดั ปูองกันความล๎มเหลว รวมถึงการระมัดระวงั คาพูด ท่ใี ชใ๎ นการส่อื สาร ตลอดจนคานงึ ถงึ ผลประโยชนข๑ องประชาชนสํวนใหญํ พึงไดร๎ บั จากการประกอบอาชีพนน้ั ๆ กกกกกกกกก 2.4 พระราชดารัสทีเ่ กยี่ วข๎องกับชุมชน ท๎องถ่นิ และสงั คม กกกกกกกกก 2.4 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสทเ่ี กยี่ วข๎องกับชุมชน ทอ๎ งถิ่นและสงั คม ไวใ๎ ห๎ประชาชนชาวไทยได๎นอ๎ มนามาใชใ๎ นการ พัฒนาชุมชนท๎องถ่นิ และสังคม ที่สาคญั ๆ มีดงั น้ี “ งานพฒั นาบา๎ นเมืองนั้น ตอ๎ งอาศยั บคุ คลส องประเภท คือ นกั วชิ าการ กับผ๎ปู ฏิบัติ นักวชิ าการเปน็ ผูว๎ างโครงการ เปน็ ผ๎ูนาผู๎ชี้ทางเปน็ ที่ปรึกษา ของผูป๎ ฏบิ ตั ิ สวํ นผป๎ู ฏิบัตนิ ัน้ เป็นผล๎ู งมือลงแรงกระทางาน งานจะได๎ผลหรอื ไมเํ พียงไร ขึ้นอยํูกบั ความสมั พันธ๑ระหวาํ งบุคคลสองฝาุ ยนี้ ถา๎ มคี วามเขา๎ ใจและรวํ มงานกนั กไ็ มมํ ีอปุ สรรค ไดผ๎ ลงานเต็มเมด็ เตม็ หนวํ ย แตถํ ๎าไมํเขา๎ ใจกัน ก็เกิดอปุ สรรคลําช๎า ซ่งึ มกั ปรากฏ อยเํู สมอ และจาเป็นจะต๎องแกไ๎ ข ” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันที่ 16 กรกฎาคม 2513
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323