41 ดารสั ตอบในพระราชหฤทยั วาํ \"เราจะไมํทง้ิ ประชาชน ถา๎ ประชาชนไมทํ ้งิ เรา \" การตัง้ พระราชหฤทยั ดังนี้ เสมอื นเ ปน็ การพระราชทานสัจจะ วาํ จะทรงเปน็ รํมบรมโพธิสมภารของพสกนิกรตลอดไป ครั้นตํอมาในวนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ซึ่งเป็นวันที่ทรงกระทาพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได๎มี พระปฐมบรมราชโองการแกํพสกนกิ รทั่วประเทศวาํ \"เราจะครองแผนํ ดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชน๑สขุ แหํงมหาชนชาวสยาม\" พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงรักษา สจั จะทไี่ ด๎พระราชทานใหแ๎ กพํ สกนกิ รทั้งสองประการ มาอยาํ งสมบูรณ๑สม่าเสมอ พระองคไ๑ มํเคย ทรงทอดทิ้งพสกนกิ ร ด๎วยทรงถือเอาความทุกข๑เดือดร๎อนของพสกนกิ รเป็นความทุกข๑เดือดร๎อน ของพระองค๑เอง เหตนุ ี้เมือ่ เกดิ ความเดอื ดรอ๎ น หรือภัยพบิ ตั ใิ นสวํ นใดของประเทศ พระองค๑จะเสด็จ ฝุาไป ไมวํ าํ ระยะทางจะใกลไ๎ กล ทุรกนั ดารเพยี งใด แดดจะแผดกลา๎ ร๎อนแรง หนทางจะคดเค้ียว ข๎ามขุนเขา พงไพรจะรกเรอื้ แฉะชนื้ เตม็ ไปด๎วยตัวทาก ฝนจะตกกระหน่าจนเหนบ็ หนาว น้าจะทวํ ม เจ่ิงนอง พระองค๑ก็มไิ ด๎ทรงยํอทอ๎ ทจี่ ะเสดจ็ ไปประทบั เปน็ ม่งิ ขวญั ของพสกนกิ รผูท๎ ุกข๑ยาก เพอ่ื ทรง สดบั ความเดือดร๎อนให๎กลบั กลายเป็นความรํมเยน็ นอกจากนีย้ ังทรงครองแผํนดินดว๎ ยธรรมานุภาพ ไมํวําการสิง่ ใดอันจะนามาซ่ึงความสงบสุข มาสูํพสกนกิ ร พระองค๑จะทรงปฏิบตั ิ และการส่ิ งใดท่ีทรง มีพระราชประสงค๑ให๎พสกนิกรประพฤตปิ ฏิบัติตาม จะพระราชทานกระแสพระราชดารัสช้ีแจงถงึ เหตุ และผลใหเ๎ ขา๎ ใจ พสกนกิ รผ๎ปู ฏิบตั ิจงึ ปฏิบตั ดิ ว๎ ยเหน็ ประโยชน๑แหงํ ผลของการปฏบิ ตั นิ ้นั ปฏิบตั ดิ ๎วย ความเตม็ ใจและดว๎ ยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคณุ มิใชดํ ๎วยความกลัวเกรงพระ บรมเดชานุภาพ การครองแผนํ ดนิ โดยธรรมของพระองค๑ จึงยงั ประโยชนส๑ ุขมาสมํู หาชนชาวสยาม สมดงั พระราช ปณิธาน คงไมมํ ีความรส๎ู ึกอนั ใดทจี่ ะวาบหวานและซาบซ้ึงใจชาวไทย ยงิ่ ไปกวาํ ความสานกึ ในพระมหา กรุณาธคิ ณุ ของพระองค๑ พระผท๎ู รงมีพระราชอัธยาศัยเปย่ี มไปด๎วยอาชชวะ คือ ความซอ่ื ตรงตํอ พสกนิกรและประเทศชาติ ภาพเสดจ็ กลับไปทรงศกึ ษาตอํ ในตํางประเทศ เม่อื วนั ท่ี 19 สงิ หาคม พ.ศ.2489
42 ภาพพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก วันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 กกกกกกก2. 2.4 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัติ ได๎แกํ การดาเนนิ ชีวติ และปฏิบัติภารกิจ/หน๎าที่ การงานตาํ ง ๆ ดว๎ ยความซ่อื สตั ย๑สจุ ริต ไมคํ ดิ คดโกง หรือหลอกลวงผ๎อู นื่ เชํน ถา๎ เราขายของ กไ็ มํเอา ของไมดํ ไี ปหลอกขายลกู คา๎ เป็นข๎าราชการ พนกั งานบรษิ ทั ห๎างรา๎ น ก็ไมคํ อรัปชน่ั ทั้งเวลา ทรพั ยส๑ ิน ของหนํวยงานตน เพราะถ๎าทกุ คนเอาเปรยี บหรือโกงกนิ ขาดความซ่ือสัตย๑ สจุ รติ จะทาใหห๎ นวํ ยงาน เสียหาย เดือดรอ๎ น แมเ๎ ราจะได๎ทรัพย๑สินไปมากมาย แตํเราไมเํ จรญิ ก๎าวหน๎า ถกู คนรุมประณาม และ แม๎คนอืน่ จะไมํร๎ู แตํตวั เรายํอมรู๎อยแูํ กํใจ จะไมํมคี วามสขุ กาย สบายใจ เพราะกลัวคนอ่นื จะมารู๎ ความลับตลอดเวลา ผู๎ทีป่ ระพฤตติ นดว๎ ยความซอื่ ตรง แม๎ไมํร่ารวยเงินทอง แตกํ ม็ คี วามสุขทง้ั กาย ใจ กกกกกกก2. 2.5 มทั ทวะ คอื ความอํอนโยน หมายถงึ มีกริ ิยาสุภาพ มีสมั มาคารวะ วาจาออํ นหวาน มคี วามนมุํ นวล ไมํเยอํ หยิง่ ไมํหยาบคาย กกกกกกก2. 2.5 ทศพธิ ราชธรรม ในข๎อมัททวะหรือความอํอนโยนนี้ เปน็ ท่ีประจกั ษ๑แกํพสกนกิ ร มาชา๎ นานแลว๎ วํา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมพี ระราช อธั ยาศัยออํ นโยนเพียบพรอ๎ มทุกประการ ไมวํ าํ จะเปน็ ความอํอนโยนในความหมายทางโลก หรือ ความหมายทางธรรม ความอํอนโยนในความหมายทางโลก คือ ความอํอนโยนตํอบุคคลอื่นในสังคม อนั เป็นมารยาททบ่ี ุคคลในสังคมจะพงึ ปฏบิ ัตติ ํอกนั เพอ่ื ผลดใี นทางสังคม ความอํอนโยน ในความหมายนย้ี อํ มช้ีให๎เห็นชดั ได๎ดว๎ ยพระราชจริยาวัตรตําง ๆ ในทุกสถานที่ สํวนความออํ นโยน ในทางธรรมนนั้ มีความหมายกว๎างขวางมาก คือ หมายถงึ การโอนอํอนผอํ นตาม น๎อมไป หรอื เปลยี่ นไปในทางแหงํ ความดี ทาให๎เกดิ การผสมผสานกันอยํางดีในทางการงาน และบคุ คลทุกระดับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเขา๎ ถึงธรรมะในข๎อน้เี ป็นอยาํ งดี และอยํางถอํ งถว๎ นทกุ ระดบั ขน้ั ข้นั แรก คือ ความออํ นโยนทางพระวรกาย ทกุ พระอริ ยิ าบถที่ปรากฏ ไมมํ ีท่จี ะแสดงถงึ ความรังเกยี จเดยี ดฉนั ท๑ หรอื ถอื พระองค๑เลย จะมีก็แตํความออํ นโยน นิ่มนวล งดงาม เป็นไปด๎วยความบริสทุ ธ์พิ ระราชหฤทยั อันสํงผลถึงความช่นื ชม โสมนสั และอบอํนุ ใจใหเ๎ กิดแกํ พสกนกิ รโดยทั่วกัน ขน้ั ทส่ี อง คือ ความอํอนโยนทางพระวาจา อันพึงเห็นได๎จากการท่ีทรงมีพระราช ปฏสิ ันถารแกํราษฎรซ่ึงเป็นชาวบา๎ นธรรมดา ทม่ี ารบั เสดจ็ อยาํ งใกล๎ชดิ สนิทสนม ไมํเคยมีพระวาจา ทีก่ ระดา๎ ง มีแตํอํอนโยนสุภาพ ละมนุ ละไม แม๎จะทรงอยูใํ นพระราชฐานะอนั สูงสดุ กลับทรงแสดง พระองคเ๑ ป็นธรรมดาอยํางท่ีสุด มิไดท๎ รงวางพระองคใ๑ หแ๎ ตกตาํ งหํางไกลจากประชาชนทปี่ ระกอบดว๎ ย
43 ฐานะแตกตาํ งกัน ทางปฏิบตั พิ ระองค๑เปน็ กนั เอง เสมอื นบดิ าปฏบิ ตั ิตอํ บุตรอนั เป็นทร่ี ัก ตรัสพระวาจา สุภาพอํอนโยน ขัน้ ที่สาม คอื ความออํ นโยนน่มิ นวลทางจติ ใจและสติป๓ญญา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงบรรลุถงึ มัททวะในขัน้ นอ้ี ยํางแท๎จรงิ และทรงเขา๎ พระทยั ในธรรมะของชวี ิตอยาํ งลึกซ้ึงวาํ แตํละชวี ติ ยอํ มมหี น๎าทหี่ ลายอยาํ ง พระองค๑จึงทรงวางพระทยั ใหอ๎ อํ นโยน และทรงวางพระสตปิ ๓ญญาใหโ๎ อนออํ นไปตามสถานภาพได๎อยาํ งเหมาะสม เชนํ ในพระราชฐานะตําง ๆ ในพระบรมราชวงศ๑ มีพระราชฐานะเป็นพระราชโอรส เป็นพระอนชุ า เป็นพระบดิ า เป็นพระอัยกา และในพระราชฐานะแหํงพระมหากษตั รยิ าธริ าช ทรงมสี มั มาคารวะ อํอนนอ๎ มแดํผเู๎ จริญโดยวยั และเจรญิ โดยคุณ และมพี ระราชอัธยาศัยอํอนโยนตํอบคุ คลท่เี สมอ พระองค๑ และต่ากวาํ ไมํเคยทรงดูหมนิ่ การทที่ รงวางพระองค๑เชํนน้ี จงึ กอํ ใหเ๎ กิดความสขุ ความเจริญ แกํบา๎ นเมอื ง และความปิติศรทั ธาแกชํ าวไทยอยํางไมมํ อี ะไรจะเปรยี บ ภาพทรงแสดงความสุภาพอํอนโยนตอํ สมเดจ็ พระชนนี ภาพทรงแสดงความสุภาพออํ นโยนแกพํ สกนกิ ร
44 กกกกกกก2. 2.5 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การทาตัวสภุ าพ นุํมนวล ไมํเยอํ หย่ิง ถอื ตวั หรือแสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกบั ใคร ไมวํ ําจะเป็นผใ๎ู หญํ ผู๎น๎อยหรือเพือ่ นในระดับเดียวกัน การทาตัว เปน็ ผู๎ที่มีความออํ นน๎อม ถํอมตน จะทาใหไ๎ ปทไี่ หนคนกใ็ ห๎ การต๎อนรบั เพราะอยูํใกลแ๎ ล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรมุํ หากบุคคลแสดงกิรยิ าหยาบคาย กา๎ วรา๎ ว คนกถ็ อยหาํ ง ดังน้นั หลักธรรมขอ๎ นี้ จึงเป็นการ สร๎างเสนํหอ๑ ยาํ งหนึง่ ใหแ๎ กํตัวเราด๎วย กกกกกกก2. 2.6 ตบะ คือ ความเพยี ร หมายถงึ การเพียรพยายามไมํให๎ความมวั เมาเข๎าครอบงา จติ ใจ ไมลํ มํุ หลงกับอบายมขุ และสิ่งชว่ั รา๎ ย ไมํหมกมนํุ กบั ความสุขสาราญ กกกกกกก2. 2.6 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ทีห่ ก คอื ตบะ หรอื ความเพียร เป็นทศพิธราชธรรมที่มกี ารตี ความหมายกันไว๎หลายประการ แตไํ มวํ าํ จะตีความหมายโดยนัยอยํางใด การดารงพระองคข๑ อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ก็ยังคงอยใํู นขอบขาํ ยของพระมหา กษตั รยิ าธริ าช ผูท๎ รงบาเพ็ญตบะบารมอี ยูนํ น่ั เอง ตบะในความหม ายหนึ่ง คอื ความเพยี รเป็นเครอื่ ง แผดเผาความเกยี จคร๎าน โดยความหมายนี้จะเห็นได๎วาํ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู อิพดลลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงประกอบด๎วยพระราชอุตสาหะวริ ิยภาพเป็นอยาํ งยิ่ง พระองคไ๑ มํโปรดที่จะประทับ อยํเู ฉย ทรงพอพระราชหฤทัยในการเสด็จพระราชดาเนนิ ออกทรงเย่ียมเยียนราษฎรในท๎องถนิ่ ตาํ ง ๆ แมใ๎ นถิ่นทุรกนั ดารและหํางไกล ขวางก้นั ด๎วยผืนนา้ กว๎างใหญํ ปุาทึบ หรอื ภเู ขาสงู เพียงเพ่ือให๎ ทรงทราบถงึ ความทกุ ข๑สขุ ของราษฎร ดว๎ ยพระเนตรพระกรรณของพระองคเ๑ อง เมื่อทรงทราบแลว๎ ก็ มไิ ด๎ทรงนงิ่ นอนพระราชหฤทัย แตํได๎ทรงมพี ระร าชดาริรเิ รมิ่ สงิ่ ตาํ ง ๆ เพอื่ ขจดั ความทกุ ขเ๑ ดอื ดรอ๎ น ของราษฎรทง้ั ในดา๎ นการอาชพี ชีวติ ความเปน็ อยูํ สขุ ภาพอนามัย การศกึ ษาและ อ่ืน ๆ ดว๎ ยพระราช อตุ สาหะ วริ ยิ ะเชนํ นี้ พระองค๑จึงทรงขจัดความขัดขอ๎ ง ความยากจนขดั สนทัง้ หลาย ให๎แกํราษฎรได๎ โดยท่วั กนั กกกกกกก2. 2.6 ตบะ ในอกี ความหมายหนง่ึ หมายถึง ความตั้งใจกาจดั ความเกียจครา๎ น และการ กระทาผดิ หนา๎ ที่ มํงุ ทากจิ อันเปน็ หน๎าทีท่ ีพ่ ึงกระทา ซ่ึงเป็นกิจทด่ี ที ี่ชอบ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงบาเพ็ญตบะในความหมายนไ้ี ด๎อยาํ งครบถ๎วนเชํนเดยีในวกพันระราชฐานะ แหํงพระมหกาษตั รยิ าธิราช ทรงมีหนา๎ ทปี่ กครองอาณาประชาราษฎร๑ใหไ๎ ด๎รบั ความรํมเยน็ พระองค๑ได๎ ทรงตัง้ พระราชอุตสาหะวริ ิยะ ประกอบด๎วยปญ๓ โญภาส ปฏิบตั ิพระราชกรณยี กจิ ใหเ๎ ปน็ ไปด๎วยดีไมํมี ข๎อผิดพลาด ทรงมีพระราชดารริ ิเริม่ โครงการตําง ๆ เพ่ือประโยชน๑สุขของพสกนิกรโดยไมหํ ยุดย้งั โครงการพระราชดาริของพระองคจ๑ ึงมีนับพนั ๆ โครงการ ไมํเพียงเทํานน้ั พระองค๑ยงั ทรงติดตาม กจิ การที่ไดท๎ รงปฏิบัติ หรอื โปรดใหป๎ ฏิบตั ิโดยใกลช๎ ิด โดยเสด็จพระราชดาเนนิ ไปทรงทอดพระเนตร ดว๎ ยพระองค๑เอง ไมวํ ําจะทรงลาบากยากพระวรกายเพี ยงใด แตดํ ว๎ ยพระราชหฤทัยท่เี ป่ียมไปด๎วย พระมหากรณุ าธคิ ณุ จึงทรงพอพระราชหฤทยั ทจี่ ะทรงปฏบิ ัตพิ ระราชภารกจิ ดว๎ ยพระราชอุตสาหะ วริ ยิ ะทกุ วนั และในวันหนึง่ ๆ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจไดม๎ ากมาย สาหรบั บคุ คลทัว่ ไปหากต๎อง ปฏิบตั ติ อ๎ งใช๎เวลาหลายวนั กกกกกกก2. 2.6 ตบะ ในความหมายอีกอยํางหนง่ึ คือ ความเพียรในการละอกุศลกรรม เพียรอบรม กุศลบญุ ตาํ ง ๆ ให๎บังเกดิ ข้ึน โดยความหมายนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเพียบพร๎อมด๎วยพระราชวิริยะที่จะทรงเอาชนะความช่วั ตๆาํ ดง๎วยความดอี าณาประชาราษฎร๑
45 ผอู๎ ยูํใตร๎ ํมพระบรมโพธิสมภาร จึงมีแตคํ วามสุขสวัสดว์ิ ฒั นา พ๎นจากความเดือดร๎อนนานาประการ ดว๎ ยตบะเดชะบารมีแหงํ พระองค๑ ภาพเสด็จพระราชดาเนินออกทรงเย่ียมเยียนราษฎร
46 กกกกกกก2. 2.6 หนา๎ ที่พลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ ใหป๎ ฏบิ ัติหน๎าทีก่ ารงานทร่ี ับผิดชอบด๎วย ความมมุ านะ อดทน ขยนั มุงํ ม่นั และทาแตสํ ิง่ ทีด่ ี ความถูกตอ๎ ง ฝุาฟน๓ อปุ สรรคตาํ ง ๆ จนประสบ ความสาเร็จ ด๎วยความพากเพียรนจี้ ะทาใหเ๎ ราภาคภูมใิ จเมอื่ งานสาเร็จ และจะทาใหเ๎ รา มปี ระสบการณ๑เกํงกลา๎ ข้ึน นอกจากน้ี ยังสอนใหเ๎ ราสู๎ชวี ิต ไมํยอมแพ๎อะไรงาํ ย ๆ กกกกกกก2. 2.7 อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ หมายถงึ มจี ิตใจม่ันคง มคี วามสขุ มุ เยอื กเยน็ อดกล้นั ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจใหป๎ รากฏ กกกกกกก2. 2.7 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท9่ี ไดท๎ รงบาเพ็ญอักโกธะ บารมี หรอื ความไมํโกรธใหเ๎ ป็นทปี่ ระจักษ๑ใจ ทง้ั ในหมปํู ระชาชนชาวไทย และในนานาประเทศมาเปน็ เวลาช๎านาน แมม๎ ีเหตอุ นั ควรใหท๎ รงพระพิโรธยังทรงขมํ พระทยั ให๎สงบไดโ๎ ดยสน้ิ เชิง อยาํ งที่ปถุ ชุ น นอ๎ ยคนนักจะทาได๎ ดังเหตกุ ารณ๑ท่เี กดิ ข้นึ ในปี พ.ศ.2505 และ พ.ศ.2510 เปน็ ตน๎ ซงึ่ ยังตราตรงึ อยํูใน ความทรงจาของผต๎ู ามเสด็จทุกคนวนั น้นั วนั ท่ี 27 สิงหาคม พ.ศ.2505 เป็นวนั แรกทีท่ รงยาํ งพระบาท สํดู ินแดนออสเตรเลีย พรอ๎ มด๎วยความเหนด็ เหนื่อยจากการเสด็จเยือนมาสามประเทศแลว๎ จากรถ พระทน่ี ัง่
ขณะเสด็จไปยังทป่ี ระทบั พระองค๑ไดท๎ รงทอดพระเนตรเหน็ ชายคนหน่งึ ชูปาู ยเป็นภาษาไทย ขบั ไลพํ ระองค๑ แตํพระองค๑กม็ ไิ ด๎ทรงหวั่นไหวด๎วยทรงพจิ ารณาวําเปน็ การกระทาของคนเพยี งคนเดียว มใิ ชปํ ระชาชนท้ังประเทศ จงึ ทรงแย๎มพระสรวล และโบกพระหัตถใ๑ หแ๎ กํประชาชนอ่นื ๆ ทโี่ หรํ อ๎ ง รับ เสดจ็ ไปตลอดทาง ตํอมาทน่ี ค รซิดนยี ๑เหตกุ ารณอ๑ ยาํ งเดียวกันได๎เกดิ ข้นึ อกี โดยกลมํุ คนท่ีได๎รบั การ สนบั สนนุ จากลทั ธิการเมอื ง ทตี่ ๎องการลม๎ ลา๎ งรัฐบาลไทย เรม่ิ จากการชปู ูายข๎อความขบั ไลผํ ๎ูเผดจ็ การ เมืองไทยในทนั ทีท่ีรถพระท่ีน่งั แลํนเขา๎ สศูํ าลากลางเทศบาล ซึ่งจดั ไวเ๎ พ่ือรบั เสดจ็ ตดิ ตามด๎วยใบปลวิ มขี ๎อความขับไลํผูเ๎ ผดจ็ การเมืองไทย และกลาํ วหารฐั บาลไทยวําเปน็ ฆาตกรฆําผ๎ูบรสิ ุทธิ์ ใบปลิวนโ้ี ปรย ลงมารอบพระองค๑ขณะทต่ี รสั ตอบขอบใจนายกเทศมนตรี และประชาชน กลางเวที แตพํ ระองคย๑ ังคง ตรสั ตํอไป เสมอื นมไิ ด๎มสี ิง่ ใดเกดิ ข้นึ เพยี งเทาํ น้นั ยังไมํพอ เมื่อเสดจ็ ตํอไปยงั เมืองเมลเบริ ๑น เพอ่ื ทรงรับ การถวายปรญิ ญานิตศิ าสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ กิตตมิ ศกั ด์ิ พระองคย๑ ังทรงถูกโหํฮาปาุ จากกลํุมนักศึกษา ซง่ึ ไมํสุภาพ ทั้งทําทางและการแตงํ กาย และเม่ืออธิการบดีกลําวสดดุ พี ระเกยี รติคุณของพระองค๑ นกั ศึกษากลมุํ เดมิ ได๎โหํฮาปุากลบเสยี งสดดุ ีเสยี แม๎เมอ่ื เสด็จพระราชดาเนนิ ไปเพอื่ ตรสั ตอบ คนกลมํุ นี้ ยงั โหฮํ าปาุ ขึ้นอีก แตพํ ระองคค๑ งมสี ีพระพกั ตร๑เรยี บเฉย ซา้ ยงั ทรงหันมาเปิดพระมาลา ท่ีทรงคูกํ ับฉลอง พระองค๑รุยโคง๎ คานบั คนกลํมุ น้นั อยาํ งสภุ าพ พรอ๎ มกบั ตรสั ดว๎ ยพระสุรเสียง ทร่ี าบเรยี บมใี จความ วํา \"ขอบใจทํานท้งั หลายเปน็ อนั มากในการต๎อนรบั อันอบอํนุ และสภุ าพเรียบรอ๎ ย ทีท่ าํ นแสดงตํอแขก เมืองของทําน\" เสียงฮาปุาเงยี บลงทนั ที นกั ศึกษากลุํมนีไ้ ดพ๎ าํ ยแพแ๎ กอํ กั โกธะ หรือความไมโํ กรธของ พระองคโ๑ ดยส้นิ เชิง
คร้ันถงึ เวลาเสดจ็ กลบั ทุกคนในกลมํุ พรอ๎ มใจกนั ยนื คอยสงํ เสดจ็ ดวย๎ สหี น๎าเจ่ือนๆ บา๎ ง ยม้ิ บา๎ ง โบกมอื และปรบมอื ใหบ๎ ๎างจนรถพระที่นง่ั แลนํ ไปจนลับตา ตํอมาในปี พ.ศ.2510 อันเปน็ ปที ่ี ชาวอเมริกนั เดนิ ขบวนและหนงั สือพิมพล๑ งขาํ วโจมตรี ฐั บาล เร่อื งการสงํ ทหารม าชํวยรบและเสยี ชวี ติ มากมายในเวียดนามใต๎ ในภาวะอนั วิกฤตนี้ทรงเกรงรัฐบาลอเมริกันจะลม๎ เลกิ นโยบายชํวยเหลือเอเชยี อาคเนย๑ ซง่ึ จะเป็นอันตรายตอํ ความมน่ั คงของไทย จึงเสด็จไปทรงเจริญสัมพนั ธไมตรี ในการนี้จะ ทรงได๎รับปริญญากติ ติมศกั ดิจ์ ากมหาวิทยาลัยวิลเลยี มส๑ กอํ นวนั แจกปริญญา ทรงทราบวาํ บทความ ทีไ่ ดร๎ บั รางวัลซึง่ จะอํานในวนั แจกปริญญา เป็นบทความคดั คา๎ นนโยบายของรัฐบาล ในการสงํ ทหารมา ชวํ ยรบในเวียด นาม นอกจากนี้กลํุมนกั ศกึ ษายงั เตรยี มแจกใบปลิว และเตรยี มเดนิ ขบวนออกจาก
47 พิธีถวายปริญญาแกํพระองคด๑ ว๎ ย
และแล๎ววนั ท่ี 11 มิถุนายน พ.ศ.2510 วนั อนั นําระทึกใจก็มาถึง เมือ่ นกั ศกึ ษาอํานบทความทีไ่ ดร๎ ับรางวัลจ บลง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงปรบพระหัตถใ๑ หก๎ ับการใชภ๎ าษาที่ถูกตอ๎ งและไพเราะ แม๎จะไมํทรงเห็นด๎วยกบั เนื้อหากต็ าม จากนน้ั พระองคจ๑ งึ ตรสั ขอบใจมหาวิทยาลัย และทรงเตอื นสตนิ กั ศกึ ษา \"ใหใ๎ ชป๎ ๓ญญา ไตรํตรองดเู หตุผลให๎ถํองแทเ๎ สยี กอํ นทีจ่ ะม่ันใจเชือ่ อะไรลงไป มใิ ชํสกั แตวํ าํ เช่อื เพราะมผี ๎ูบญั ญัติ ไว๎\" พระราชดารัสน้เี ป็นทช่ี ืน่ ชอบมากถึงกับทกุ คนลกุ ขึ้นยนื และปรบมอื ถวายเป็นเวลานาน และ เหตกุ ารณ๑รา๎ ยท่เี กรงกลัวก็มิไดเ๎ กิดขึ้น การที่ประเทศไทยมีพระมหากษตั ริยาธิราชผ๎ูทรงบาเพ็ญ อกั โกธะบารมี หรอื ความไมํโกรธได๎อยํางมนั่ คงเชํนน้ี จงึ ทาให๎ประเทศไทยสามารถรักษาสมั พันธไมตรี อนั ดกี บั นานาประเทศไวไ๎ ดต๎ ลอดมา พระเกียรตคิ ุณของพระองค๑ในขอ๎ นจ้ี งึ เป็นท่ีชืน่ ชมของชาวไทย และชาวตํางประเทศยิ่งนกั ภาพเสดจ็ ประเทศออสเตรเลยี ภาพเสด็จประเทศสหรัฐอเมรกิ า
48 กกกกกกก2. 2.7 หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ ฝึกฝนควบคมุ อารมณ๑ของตนเอง ไมใํ ห๎เปน็ คนโมโหงําย และพยายามระงับยบั ยงั้ ความโกรธอยํเู สมอ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาได๎ยาก แตํหากเราสามารถฝึกฝน ไมํใหเ๎ ปน็ คนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยบั ย้ังความโกรธอยํูเสมอ จะเป็น ประโยชนต๑ อํ เราหลายอยาํ ง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผอํ งใส ข๎อสาคญั ทาให๎เรารักษา มติ รไมตรหี รอื สมั พนั ธภาพกับผอ๎ู น่ื ไว๎ได๎ อนั มีผลใหบ๎ ุคคลน้ันเป็นท่ีรกั และเกรงใจของคนทีต่ ดิ ตอํ ด๎วย กกกกกกก2. 2.8 อวหิ งิ สา คือ ความไมํเบยี ดเบียน หมายถึง ไมํกดขีข่ มํ เหง กลนั่ แกล๎งรังแกคนอืน่ ไมหํ ลงในอานาจ ทาอันตรายตอํ ราํ งกาย และทรัพย๑สินผอ๎ู ืน่ ตามอาเภอใจ กกกกกกก2. 2.8 ทุกชวี ติ บนผนื แผนํ ดนิ ไทยได๎รบั ความรํมเย็นมคี วามเป็นอยอํู ยาํ งสขุ สงบ ภายใต๎ เบื้องพระยุคลบาทแหํงพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 พระผ๎ทู รง บาเพญ็ อวิหงิ สาบารมี คอื ไมเํ บียดเบยี นให๎ผอู๎ ืน่ ลาบาก ไมํกํอทุกข๑ยากให๎แกผํ ใ๎ู ด แม๎จนถึงสรรพสัตว๑ ดว๎ ยเห็นเป็นของสนกุ เพราะอานาจแหงํ โมหะหรอื ความหลง ไมทํ ารา๎ ยรงั แกมนุษย๑และสัตวเ๑ ลํน เพ่ือความบนั เทงิ ใจแหํงตน ในการบาเพ็ญอวิหิงสาบารมนี ้ี พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพล อดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงบาเพ็ญได๎โดยบรสิ ทุ ธ์ิทุกสถาน ไมวํ าํ จะเป็นทรงพระวรกาย พระวาจา พระราชหฤทยั และไมํวาํ จะเป็นการอนั ทรงปฏบิ ตั ิตอํ มวลมนุษย๑หรือสรรพสัตวใ๑ ด ๆ แม๎การนนั้ จะยงั ความสะดวกสบายมาสพูํ ระองค๑ หากเปน็ ความยากลาบากแกทํ วยราษฎร๑แลว๎ พระองค๑จะทรงงด เวน๎ เสีย โดยทรงยอมลาบากตรากตราพระวรกายของพระองค๑เองแทน ดงั เหตุการณ๑อนั เป็นทีเ่ ปิดเผย จากวงการตารวจจราจรเมอ่ื วันที่ 12 ตลุ าคม พ.ศ.2530 วาํ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พล อดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราชดาริวาํ ตามปกตเิ วลาทีพ่ ระองค๑เสดจ็ พระราชดาเนินไป ณ ทีใ่ ด เจา๎ หนา๎ ทจี่ ราจรจะปดิ ถนนตลอดเสน๎ ทางนัน้ ทุกครัง้ จงึ ทรงมกี ระแสพระราชดารัสวาํ ไมตํ อ๎ งให๎ เจ๎าหน๎าท่ีปิดการจราจรเวลาเสดจ็ พระราชดาเนนิ ไมํวาํ ท่ใี ด หากการจราจรเกดิ ติดขัดก็ มีพระมหา กรุณาธคิ ุณทจี่ ะทรงรวํ มอยํใู นสภาวะแหงํ การติดขดั นน้ั เชํนเดียวกับพสกนกิ รของพระองค๑ การบาเพญ็ อวหิ งิ สาอยาํ งยิ่งยวดของพระองค๑น้ี แมจ๎ ะหยบิ ยกมาให๎เหน็ อยาํ งเดํนชดั เพียงประการเดยี ว จากพระราชกรณยี กิจอนั มากมาย คงเพียงพอทจี่ ะกลําวได๎วาํ ไมํมพี ระมหาก ษัตริยาธริ าช หรอื พระประมุข หรอื ประมุขประเทศใดในโลกที่จะเสมอเหมือนพระองค๑ ในสํวนทเ่ี ก่ียวกับสรรพสัตว๑ พระองคไ๑ มํเคยทรงกระทาการใดใหเ๎ ป็นทท่ี ุกข๑ยากเจ็บปวด ไมํเคยมีแมแ๎ ตํครง้ั เดยี วทจี่ ะเสดจ็ ออก ประพาสปุาลาํ สตั ว๑ตัดชวี ติ จะมกี ็แตกํ ารพระราชทานชวี ติ ใหเ๎ ทําน้ั น ในรูปของโครงการพระราชดาริ ตาํ ง ๆ ทเ่ี ป็นไปเพื่อการอนุรักษป๑ ุา อนรุ กั ษ๑แหลงํ น้า และอนรุ ักษส๑ ัตว๑ เชํน โครงการอนุรกั ษป๑ ุา และสัตวป๑ าุ เปน็ ต๎น การบาเพ็ญอวหิ ิงสาบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมห าภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ซ่ึงแผํไพศาลไปทั่วทุกหนแหงํ จึงปกปูองคมุ๎ ครองชวี ติ ไมวํ าํ มนษุ ย๑ หรอื สรรพสัตวท๑ กุ ชีวิต บนผนื แผนํ ดนิ ไทย จึงดารงอยไูํ ด๎ดว๎ ยความสขุ สงบและรํมเยน็
49 ภาพทรงพระเมตตาตํอสตั ว๑ ภาพทรงขับรถยนตด๑ ว๎ ยพระองค๑เอง กกกกกกก2. 2.8 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ การไมํเบียดเบียน หรอื บบี คัน้ กดขี่ผอู๎ ่นื รวมไปถึง การไมใํ ชอ๎ านาจไปบังคบั หรอื หาเหตุกล่นั แกลง๎ คนอ่ืนด๎วย เชนํ ไมํไปขํมเหงรังแกผดู๎ อ๎ ยกวํา ไมํไปขมํ ขํใู หเ๎ ขากลัวเรา หรอื ไปบบี บงั คบั เอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นตน๎ นอกจากไมํเบียดเบยี น คนดว๎ ยกนั แลว๎ เรายังไมํควรเบยี ดเบียนธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ๎ ม และสัตวอ๑ ีกด๎วย เพราะมิฉะนัน้ ผลรา๎ ย จะย๎อนกลับมาสเํู รา และสงั คม อยาํ งที่เหน็ ในป๓จจุบันจากภยั ธรรมชาติตําง ๆ กกกกกกก2. 2.9 ขนั ติ คือความอดทน หมายถึงการอดทนตํอสงิ่ ทงั้ ปวง สามารถอดทนตอํ งานหนกั ความยากลาบาก ท้งั อดทน อดกลั้นตํอคาติฉนิ นนิ ทา กกกกกกก2. 2.9 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 เป็นพระมหา กษัตรยิ าธิราช ผ๎ทู รงมพี ระขันติธรรมเปน็ ยอดเยย่ี มอยาํ งหาผใู๎ ดเสมอเหมือนมิได๎ จากเหตกุ ารณ๑ ท่ีผาํ นมาทง้ั ในเมืองไทย และตาํ งประเทศ บางครงั้ เป็นเรื่องยากย่งิ สาหรบั พระองค๑ทจ่ี ะทรงอดทนได๎ แตํพระองคย๑ ังทรงอดทนรักษาพระราชหฤทยั พระวาจา พระวรกาย และพระอาการให๎สงบเรยี บรอ๎ ย งดงามได๎ในทุกสถานการณ๑ ทรงอดทนตอํ โทสะ จากการเบยี ดเบยี นหยามดหู มนิ่ ดงั เชํน การถกู ขบั ไลํ โดยกลมํุ ชนท่ไี มํหวังดตี ํอเมอื งไทย ซง่ึ เปน็ เหตกุ ารณ๑ท่ีเกดิ ขน้ึ ในตํางประเทศ เม่ือปี พ.ศ.2505 ดงั กลําว มาแล๎วขา๎ งต๎น เป็นตน๎ ทรงอดทนตํอโลภะ คอื ความอยากไดท๎ กุ ประการโดยส้ินเชิง ดังจะเหน็ ได๎วํา พระองค๑ไดเ๎ คยมพี ระราชประสงค๑สง่ิ ใดจากผ๎ูใด แมส๎ ิ่งของท่นี า มาถวายหากมากเกินไปกม็ ไิ ด๎ทรงรบั
50 เชนํ รฐั บาลในสมยั หนงึ่ จะถวายรถพระทีน่ ง่ั คันใหญํเปน็ พเิ ศษเพ่อื ให๎สมพระเกยี รติยศ แตพํ ระองค๑ กลบั มพี ระราชดารวิ าํ รถพระทีน่ ัง่ นําจะเป็นรถคนั ใหญพํ อประมาณและราคาไมแํ พงนกั เพือ่ จะได๎สงวน เงินไว๎พัฒนาประเทศไดอ๎ กี สวํ นหนึ่ง เปน็ ตน๎ กกกกกกก2. 2.9 นอกจากน้ยี งั ทรงอดทนตอํ โมหะ คือความหลง โดยพระองคม๑ ิไดท๎ รงติดขอ๎ งอยใูํ น ความสขุ สาราญและความสะดวกสบายตําง ๆ อนั พึงหาไดใ๎ นพระราชฐานะแหํงพระมหากษตั ริยาธิราช ทรงอดทนตอํ ความทุกขเวทนา ความลาบากตรากตราพระวรกายตําง ๆ เพ่ือทรงบาบัดทกุ ข๑บารงุ สุข ใหแ๎ กํพสกนิกรทกุ แหงํ หน ทรงอดทนตํอความหวาดหวัน่ ภยันตรายตาํ งๆ ดังเหตกุ ารณ๑ทีเ่ กิดขนึ้ ในปี พ.ศ.2510 เป็นระยะทีผ่ ูก๎ ํอการรา๎ ยกาลังฮกึ เหิม พระองค๑กม็ ิไดท๎ รงทอดทงิ้ ทหารตารวจ ผูท๎ าหนา๎ ท่ี ปกปอู งผืนแผนํ ดินไทย โดยทรงมวี ทิ ยตุ ิดพระองค๑เพ่อื ทร งรับฟ๓งเหตุการณ๑ตาํ ง ๆ อยูตํ ลอดเวลา ทรงสอบถามเหตุการณท๑ างวทิ ยุอยํูเสมอ และหากทรงวาํ งจากพระราชภารกจิ จะรีบเสดจ็ ไปยังท่ี เกิดเหตุทนั ที เพอื่ ทรงสอบถามเหตกุ ารณด๑ ว๎ ยพระองค๑เอง หากทรงทราบวาํ มที หารตา รวจไดร๎ ับ บาดเจ็บ จะทรงใหเ๎ ฮลคิ อปเตอรร๑ ับผูบ๎ าดเจบ็ ไปรกั ษา พยาบาลทนั ที สวํ นในที่บางแหํง เชํน ท่กี ยุ บุรี จังหวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ซึง่ ขาดแคลนพาหนะในการตรวจท๎องท่ี ทาใหท๎ หารตารวจถูกลอบทารา๎ ย ล๎มตายกนั เนอื ง ๆ หลังจากเสด็จไปทรงเย่ยี มทหารตารวจ แล๎วทรงเหน็ ความจาเปน็ จึงพระราชทาน พระราชทรัพย๑สวํ นพระองค๑ จานวน 500,000 บาท ซื้อรถจิป๊ พระราชทานแกทํ หาร ตารวจ 6 คัน เพื่อสงวนชีวติ เจ๎าหนา๎ ท่ีเหลาํ นีไ้ ว๎ นอกจากนี้ในคราวเกดิ เหตุปะทะทที่ ํุงชา๎ ง จังหวัดนาํ น อนั ขนึ้ ชื่อวาํ เปน็ สมรภูมเิ ลือดน้ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มไิ ด๎ทรงกลวั เกรงภยนั ตรายใด ๆ ได๎เสดจ็ ข้ึนเฮลคิ อปเตอรพ๑ ระทีน่ ัง่ ไปบนิ สารวจเหนือจุดซอํ งสมุ ของผู๎กอํ การร๎าย ซ่งึ เปน็ จุดท่เี ฮลิคอปเตอร๑ของทางราชการเคยถูกยงิ ตกมาแล๎ว ไมํเพยี งเทํานน้ั ยังทรงใหเ๎ ฮลคิ อปเตอร๑ รบั ทหารผบ๎ู าดเจบ็ ออกมารบั การรกั ษาพยาบาลไดท๎ นั ทํวงทดี ๎วย พระองค๑มไิ ดท๎ รงหว าดหวั่น ภยันตรายใด ๆ แม๎ใ นแหลงํ ที่ผ๎ูกอํ การรา๎ ยปฏบิ ตั ิการอยาํ งรุนแรง เชํน ลอบฆาํ ข๎าราชการและ ประชาชน ที่บา๎ นนาวง อาเภอเมือง จังหวดั พทั ลงุ และแมใ๎ นขณะที่พายฝุ นกระหน่าอยํางหนกั พระองคย๑ ังคงเสด็จฝาุ สายฝนไปเพ่อื ทรงเยี่ยมทหารตารวจ ในสภาวะอันวิกฤตนัน้ ด๎วยขนั ตบิ ารมี ของพระองคเ๑ ชํนน้ี ทาให๎ราษฎรไมวํ าํ จะอยํูในสภาวะทุกข๑ยาก ทรุ กันดาร หรือตกอยูํในภยนั ตราย เพียงใด ยังเกิดความรูส๎ กึ อยูํเสมอวาํ เขามิไดถ๎ ูกทอดทง้ิ ให๎ว๎าเหวํ ผจญชะตากรรมอยํเู พียงลาพงั หากยงั มอี งค๑พระประมุขทจ่ี ะเสดจ็ มาประทับเคยี งข๎าง และแผํพระบารมคี ุม๎ ครองให๎เขารอดพ๎นจาก ภยันตรายทง้ั มวล ภาพทรงเสด็จเย่ยี มทหารทบี่ าดเจ็บ
51 ภาพทรงรับส่ังให๎รบี สํงตวั ทหารที่บาดเจ็บเขา๎ โรงพยาบาลดวํ น กกกกกกก2. 2.9 หน๎าทพ่ี ลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ ให๎เราอดทนตอํ ความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมทํ อ๎ ถอย และไมํหมดกาลงั กาย กาลังใจที่จะดาเนินชวี ติ และทาหน๎าที่การงานตอํ ไป จนสาเรจ็ รวมทัง้ อดทนตํอการไมไํ ดร๎ ับความสขุ สาราญ ไมไํ ดร๎ บั ความสะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎ เราชนะอุปสรรคทั้งปวงไมวํ าํ เลก็ หรอื ใหญํ และจะทาใหเ๎ ราแกรงํ ข้ึน เขม๎ แข็งข้ึน กกกกกกก2. 2.10 อวโิ รธนะ คือ ความเท่ยี งธรรม หมายถึง ไมปํ ระพฤตผิ ดิ ประพฤตปิ ฏบิ ัติตนอยํใู น ความดีงาม ไมํหวัน่ ไหวในเร่อื งร๎าย กกกกกกก2. 2.10 นบั เป็นบญุ ของชาวไทยเปน็ อยํางย่งิ ท่ีได๎อยํภู ายใตเ๎ บือ้ งพระยคุ ลบาลแหํงพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 พระมหากษัตรยิ าธริ าช ผ๎ทู รงบาเพ็ญ อวโิ รธนะ คือความเทยี่ งธรรมไดอ๎ ยํางสมบรู ณ๑ยิง่ ซึง่ ความเทย่ี งธรรมในท่ีน้ี หมายถึง ความตรงตามความถูกต๎อง หรือความไมผํ ิดนัน่ เอง พระบาทสมเด็จพระปรมินท รมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงปฏบิ ตั ิ พระองคถ๑ ูกตอ๎ งตามขัตติยราชประเพณีทกุ ประการ ไมํเคยทรงประพฤติ ผดิ จากราชจรรยานวุ ัตร นติ ิศาสตร๑ และราชศาสตร๑ ทรงปฏิบตั ิพระองคไ๑ ด๎อยาํ งงดงาม ไมํมีความบกพรอํ งให๎เปน็ ที่เสือ่ มเสีย พระเกียรตยิ ศได๎เลย พระองคท๑ รงรกั ษาพระราชหฤทัยได๎บรสิ ุทธปิ์ ราศจากกเิ ลสท้งั มวล จงึ มไิ ด๎ ทรงหว่นั ไหวตํออานาจแหํงอคตใิ ด ๆ อนั มคี วามรัก ความชัง ความโกรธ ความกลัว และความหลง เป็นตน๎ จงึ ไมํมอี านาจใดทอ่ี าจนอ๎ มพระองค๑ใหท๎ รงประพฤติทรงปฏิบตั ิไปในทางทีม่ วั หมอง ไมํสมควร หรอื คลาดเคลอ่ื นไปจากความยตุ ิธรรม ทรงอุปถมั ภ๑ยกยอํ งผู๎ควรอปุ ถัมภย๑ กยํอง ทรงบาราบคน มคี วามผดิ ด๎วยเป็นธรรม และในพระราชฐานะแหงํ องคพ๑ ระ ประมุขของชาติไทยในระบอบ ประชาธปิ ไตย ซ่งึ ตอ๎ งมีพรรคการเมอื งทงั้ รฐั บาลและฝุายค๎าน พระองคไ๑ ดท๎ รงดาริอยูใํ นความยตุ ธิ รรม ทรงเป็นหลักชยั ของพรรคการเมอื งทุกพรรค ในด๎านพระราชภารกิจตาํ ง ๆ ทรงปฏบิ ตั ิได๎อยาํ งถูกต๎อง ไมมํ ีผิด ดว๎ ยทรงสดับตรบั ฟ๓ง ทรงศกึ ษา ทรงแสวงหาความร๎ูความถกู ต๎องทงั้ จากบุคคล ตารา จากการ ท่ที รงสืบค๎นด๎วยพระองค๑เอง และทรงนามาประมวลใครคํ รวญด๎วยพระป๓ญญา ความรท๎ู ที่ รงไดจ๎ ึงเป็น ความรู๎ทีช่ ดั แจง๎ และถูกตอ๎ ง ด๎วยเหตุนพี้ ระราชกรณียกิจใด ๆ ที่ทรงมุํงผลใหบ๎ ังเกดิ เปน็ ความผาสกุ ความเจรญิ แกํพสกนิกรอยาํ ง ใด กย็ อํ มสาเร็จเป็นความผาสุก และความเจริญอยาํ งนัน้ แม๎วําจะมี บางสิ่งบางอยํางทีจ่ ะตอ๎ งแก๎ไขอันเป็นธรรมดาของการทางานท้งั ปวง ก็ทรงปฏบิ ัติแกไ๎ ขอยาํ งรอบคอบ ให๎บัง เกดิ ผลดีและสมบรู ณ๑ยิง่ ข้นึ ไปตาม ลาดบั พระราชกรณียกจิ ของพระองค๑จงึ มีแตํความไมผํ ิด
52 ดงั เชํน ในการพัฒนาประเทศทรงพฒั นาอยํางถกู ต๎อง คอื ทรงพฒั นาประเทศไปพร๎อม ๆ กับการพัฒนา ประชาชน โดยทรงแนะนาตรสั สอนดว๎ ยพระองค๑เอง และผํานทางโครงการพระราชดาริตาํ ง ๆ เป็นต๎น นอกจากนีใ้ นการพัฒนาแตลํ ะท๎องถิน่ พระองคย๑ งั ได๎ทรงศกึ ษาถงึ ภูมิประเทศ ลมฟูาอากาศ ตลอดจน ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเปน็ อยูํ และความต๎องการท่ีแทจ๎ ริงของประชาชน ซ่งึ ในแตํละทอ๎ งถ่ิน ยอํ มไมํเหมอื นกนั การพัฒนาของพระองค๑จงึ เปน็ การพัฒนาด๎วยความเขา๎ ใจ เหมาะสม และเหมาะแกํ ความจาเปน็ ของทอ๎ งถน่ิ นั้น ๆ การพฒั นาโดยวิธที างทีถ่ กู ตอ๎ งนี้เอง ทาใหก๎ ารพัฒนาประเทศไดผ๎ ล ไมสํ ญู เปลํา สามารถชํวยให๎ไพรฟํ ูาหน๎าใสไดโ๎ ดยทวั่ หนา๎ กนั สมดังพระราชประสงค๑ ท้งั นีก้ ด็ ๎วย การบาเพ็ญอวิโรธนะของพระองคน๑ ี้เอง ภาพทรงโปรดเกล๎าฯ ให๎ พล.อ.สจุ นิ ดา คราประยรู พล.ต.จาลอง ศรีเมือง เขา๎ เฝูาเพอ่ื ยุตคิ วามขัดแย๎ง ภาพทรงเสดจ็ อํางเก็บน้ายางชมุ อนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ กกกกกกก2. 2.10 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ควรกระทาการงาน หรอื ดาเนนิ ชวี ิตท่ี ถกู ต๎อง และใหค๎ วามเป็นธรรมกับบคุ คลท่ีเกย่ี วข๎อง ด๎วยความยตุ ิธรรม และเท่ยี งธรรม
53 กกกกกกก2. จะเหน็ ไดว๎ าํ หลักธรรมทัง้ 10 ขอ๎ หรอื ทศพธิ ราชธรรมน้ี มใิ ชํข๎อปฏิบตั ิทย่ี ากจนเกนิ ความสามารถของคนธรรมดาสามญั ทจ่ี ะทาตามได๎ หลาย ๆ ขอ๎ กเ็ ป็นสงิ่ ทเ่ี ราปฏบิ ัติอยแํู ลว๎ จะโดย ร๎ตู วั หรือไมํกต็ าม แตหํ ากเรามีความตั้งใจจริง หลกั ธรรมดงั กลาํ วก็จะเปน็ ทนุ ที่ชวํ ยหนนุ นา ให๎เรา ไดพ๎ ัฒนาชีวิตไปสูํความดี งาม ความม่ันคง และความสาเร็จทเ่ี ราปรารถนาทกุ ประการ ด๎วยการ ประพฤตปิ ฏิบัติทมี่ คี ุณคําทงั้ ตํอตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาตอิ ีกด๎วย การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเด็นการศกึ ษาค๎นคว๎ารวํ มกันจากสื่อการเรียนร๎ทู ี่หลากหลาย กกกกกกก3. บนั ทกึ ผลการศึกษาคน๎ ควา๎ ลงในเอกสารการเรยี นรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลํมุ กกกกกกก5. อภปิ รายแลกเปลย่ี นเรยี นรู๎ กกกกกกก6. วิเคราะห๑ขอ๎ มูลทไ่ี ด๎ และสรุปการเรยี นรรู๎ วมกนั บันทึก สรปุ การเรียนรใู๎ นเอกสารการ เรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เรื่องท่ี 3 ทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรื่องท่ี 3 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก1. 1.3 ชอ่ื หนงั สอื เรยี น สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค33108 หน๎าทีพ่ ลเมืองตาม รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่เี กา๎ 3 กกกกกกก1. 1.4 ชอ่ื หนังสือ ทศพิธราชธรรม ผ๎แู ตํง ท.กล๎วยไม๎ ณ อยุธยา ปที พ่ี มิ พ๑ พ.ศ.2535 สานักพมิ พ๑ พับลคิ บสิ เนสพรน้ิ ท๑ กกกกกกก1. 1.5 ชอ่ื หนงั สอื ราชธรรมจริยวัตรพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํูหวั ภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ผ๎แู ตงํ พระพรหมวชริ ญาณ ปที ี่พมิ พ๑ พ.ศ. 2549 สานักพมิ พ๑ รํมธรรม กกกกกกก2. ส่ืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชือ่ บทความ ทศพธิ ราชธรรม ผ๎ูแตงํ ทรงพร ศรีสวุ รรณ สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611 กกกกกกก2. 2.2 บทโทรทัศนเ๑ ฉลิมพระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็ พระภูมพิ ลมหาราชเนื่องในมหามงคล สมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ วนั ท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 โดยนางสาววนั เพ็ญ เซ็นตระกลู ฉบับ ได๎นบั รางวัลส่อื มวลชนดเี ดํนเพื่อเยาวชนประจาปี 2529 – 2530 ประเภทภาพยนตร๑ขาํ วและสารคดี สบื คน๎ จาก http://www.dhammajak.met/ratchathum/index.php กกกกกกก2. 2.3 ช่ือบทความ “ทศพิธราชธรรม” หลักปฏิบัติ 10 ประการ ผแ๎ู ตงํ ประชาชาตธิ ุรกิจ ออนไลน๑ สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611
54 กกกกกกก3. ส่ือบคุ คลและภมู ิป๓ญญา ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก1. 3.2 วทิ ยากรจากชมรมคนรักในหลวงจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก4. สื่อแหลงํ เรยี นรู๎ในชมุ ชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 4.1 ห๎องสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก1. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาล ทกุ แหํง และศูนยก๑ ารเรียนชมุ ชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบครี ีขันธ๑ การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหน๎า ด๎วยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสังเกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต. ) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด๎วยวธิ ีการ กกกกกกก1. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความรู๎ หวั เร่อื งท่ี 3 หนา๎ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม จานวน 3 ขอ๎ กกกกกกก1. 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคตติ อํ วิชาหนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่เก๎า 3
55 หัวเรือ่ งท่ี 4 หนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารสั กกกกกกก1. 1.1 สขุ กาย จะเกดิ ขน้ึ ได๎ พลเมืองตอ๎ งมสี ภาวะรํางกายท่ีมีความสมบรู ณ๑ แข็งแรง เจรญิ เตบิ โตอยํางปกติ มีความตา๎ นทานโรคไดด๎ ี ปราศจากโรคภยั ไข๎เจ็บ รวมถงึ ดูแลสขุ ภาพจติ ด๎านการแสวงหาความรใู๎ ห๎มีป๓ญญาร๎เู ทําทัน จะทาใหจ๎ ิตใจดี ควบคุมจติ ได๎ นอกจากน้ีตอ๎ งแสวงหา ความร๎ูทีท่ าให๎เขา๎ ใจ สบายใจ หรอื ร๎เู ทําทนั การเปลี่ยนแปลง เพื่อใหส๎ ามารถดาเนินชี วิตได๎อยํางปกติ รวมถงึ ทางานไดด๎ ว๎ ย กกกกกกก1. 1.2 สขุ ใจ จะเกดิ ข้นึ ได๎ พลเมอื งตอ๎ งมีสภาวะของจติ ใจทีม่ ีความสดชน่ื แจมํ ใส สามารถ ควบคุมอารมณใ๑ หม๎ ั่นคง ปรับตวั ใหเ๎ ขา๎ กบั การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสิง่ แวดลอ๎ มไดเ๎ ปน็ อยํางดี จากการท่บี ุคคลนั้นใช๎ความรท๎ู มี่ ีอยูปํ ระกอบกบั มสี มั พันธภาพกับบคุ คลอน่ื อันดี และมรี าํ งกาย ท่ีแขง็ แรงจงึ จะทาใหม๎ คี วามสุขใจได๎ กกกกกกก1. 1.3 สุขในการอยรูํ วํ มกัน จะเกิดขนึ้ ได๎พลเมอื งตอ๎ งมี ความรัก ความสามคั คควี ามปรองดอง และความสงบสขุ ในสังคม ที่เกิดจากทุกคนไดร๎ บั ความยุตธิ รรม กกกกกกก2. หน๎าทีพ่ ลเมอื งตามพระราชดารัสเก่ยี วกับเด็ก นักเรยี นและเยาวชน และนกั ศึกษา กกกกกกก1. 2.1 วัยเด็ก และการปลูกฝง๓ คณุ ธรรม จะเกดิ ข้นึ ได๎ จากการอบรมเลยี้ งดสู ั่งสอนขัดเกลา ของทกุ ฝุายทั้งครอบครวั และโรงเรยี น ให๎เหน็ คณุ คาํ ของความดี ความสุจริต มีความประพฤตเิ รียบร๎อย มเี หตผุ ลหรือสติป๓ญญานนั้ เอง โดยการเปน็ แบบอยํางท่ดี ี เพอ่ื ใหเ๎ ดก็ เหน็ เปน็ ตัวอยํางและยึด เปน็ แบบอยํางใหไ๎ ด๎ กกกกกกก1. 2.2 นักเรียนและเยาวชนตอ๎ งไดร๎ บั การปลกู ฝ๓งถํายทอดความรู๎ที่แท๎จรงิ เพ่อื ให๎สามารถ รูเ๎ ทาํ ทนั ฉลาดและคิดสรา๎ งสรรค๑ ทาประโยชน๑ใหก๎ ับตนเองและสวํ นรวม กกกกกกก1. 2.3 นกั ศกึ ษาเป็นผ๎ทู ่มี ีความพร๎อมทั้งวยั วุฒแิ ละคุณวฒุ ิ ฉะนั้นจึงต๎องมีความเพียร ความอดทน มสี ตปิ ๓ญญา รูจ๎ กั ใช๎เหตุผล และเลือกสงิ่ ทดี่ ีงามมาประยุกต๑ใช๎ในชีวติ ของตนเอง กกกกกกก1. 2.4 วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก1. 2.4 2.4.1 วัยทางาน ยํอมเจอปญ๓ หาและอปุ สรรคเสมอ เมือ่ เจอปญ๓ หาให๎หาทางแกไ๎ ข ถา๎ แก๎คนเดยี วไมํได๎กใ็ หค๎ นทีเ่ ก่ยี วข๎องชํวยกนั คดิ หาทางแกไ๎ ข กกกกกกก1. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา สร๎างคนให๎มีความร๎ู ความสามารถ เป็นพนื้ ฐานทจี่ าเป็นในการ พฒั นาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก1. 2.5 หน๎าท่ี และความรบั ผิดชอบตอํ บ๎านเมืองของคนในชาตติ ๎องมีความรัก ความสามคั คี มีเหตุผล มีความร๎ู ชวํ ยกนั สร๎างความเจริญ ปลกู ฝ๓งความดงี ามใหก๎ ับจติ ใจของคนในชาติ รวมถึงรักษา วัฒนธรรมประเพณีทเ่ี ปน็ แบบแผนของไทยใหค๎ งอยูํตลอดไป
56 กกกกกกก3. หน๎าทพี่ ลเมืองตามพระราชดารสั ทเ่ี กย่ี วขอ๎ งกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จะเกิดข้นึ ได๎ โดยร๎ูจกั ตนเอง มคี วามซือ่ สตั ย๑และความเพียร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในสิ่งท่ีตนมอี ยํู กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตผุ ล ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมงุํ สอนให๎พลเมืองไทย มี ความคิดอยาํ งรอบคอบ โดยพจิ ารณาจากป๓จจยั ท่ีเก่ียวข๎องและคานงึ ถึงผลทีจ่ ะเกิดขึ้นจากการกระทา นนั้ กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู คิ ุม๎ กนั คอื เป็นการเตรียมตวั ใหพ๎ ร๎อมตอํ การเปลีย่ นแปลงในทกุ ด๎าน ดว๎ ยการวิเคราะหค๑ วามเส่ียง ใชป๎ ระสบการณเ๑ ดิมมาชวํ ยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใชใ๎ นโอกาสตอํ ไป กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู มหี ลายประเภท ไดแ๎ กํ ความร๎ูท่ีเกยี่ วขอ๎ งกับการดาเนินชวี ิต การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถงึ ความรท๎ู ี่ เกย่ี วขอ๎ งกบั การพัฒนาจติ ใจ ทาให๎บคุ คลมีความ เจริญกา๎ วหน๎าได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวิชา คอื เนือ้ หาความรู๎ และหลกั วิชาการ คือ นาความร๎มู าจัด กระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง เปน็ การศึกษาหาข๎อมูล กํอนการปฏบิ ัติ โดยคานึงผลที่จะตามมาอยํางรอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก3. 3.5 เงอ่ื นไขคุณธรรม แบงํ ออกเปน็ 2 ประเภท ได๎แกํ คุณธรรมและหน๎าท่ี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซอื่ สตั ย๑สจุ รติ เป็นพนื้ ฐานของความดีทกุ อยาํ ง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพียร พากเพยี ร และอดทน จะเกดิ ข้ึนไดจ๎ ากการฝึกฝนจนเกิด เปน็ นิสัย และกระต๎ุนให๎เกดิ การทางานอยาํ งจรงิ จังจนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และป๓ญญา เปน็ ความสามารถในตัวบุคคล ที่จะทราบไดจ๎ าก พฤติกรรมทบ่ี คุ คลแสดงออก ระดับของสตปิ ๓ญญาสังเกตได๎จากการแสดงออกทมี่ ีความคลํองแคลวํ รวดเรว็ ความถกู ตอ๎ ง ความสามารถในการคิด การแก๎ป๓ญหาและการปรบั ตวั การใช๎แบบทดสอบวัด สตปิ ๓ญญาจะทาให๎ทราบระดับสตปิ ญ๓ ญาชดั เจนข้ึน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมํเบียดเบียน มเี มตตา จะเกดิ ข้นึ ได๎ โดยการปลูกฝ๓งคุณธรรมจาก ครอบครัว และสิง่ แวดลอ๎ ม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตัง้ ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดกี ็จะมีความรู๎สึกท่ดี ี เมอื่ มีความรสู๎ ึกท่ดี ี กจ็ ะมคี าพดู ที่ดี สงํ ผลใหม๎ ีการกระทาท่ีดีด๎วย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผดิ ชอบ รับผดิ และรับชอบ จะแสดงถงึ ความเอาใจใสมํ ํงุ มนั่ ตอํ ภารกจิ ท่ที า ทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตอํ หน๎าท่กี ารงาน การศึกษา อน่ื ๆ อยํางเตม็ ความสามารถเพ่ือใหบ๎ รรลุผลสาเร็จตามจุดมุํงหมาย และยอมรบั ผลการกระทาทจ่ี ะเกิดขึ้น กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หน๎าท่ี กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน๑สวํ นรวม ประโยชนส๑ วํ นตน และเสียสละ การทาประโยชน๑ ใหส๎ วํ นรวม เสยี สละเพือ่ ใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซึ่งเปน็ ความรับผิดชอบของทกุ คน และไมเํ ห็นแกํ ประโยชน๑สวํ นตน
57 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามัคคี รวํ มมอื ปรองดอง เกิดจากความรวํ มมอื รํวมใจเปน็ อนั หนึง่ อันเดียวกัน คณุ ธรรมนีน้ บั วาํ สาคัญมากในหมคํู ณะ เปน็ คณุ ธรรมที่กํอให๎เกิดความสขุ อยาํ งยง่ิ แกํหมคํู ณะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ เกดิ ข้ึนจาก บุคคลทั้งหมดมีเจตนากระทาเพื่อใหม๎ ี ความสขุ ความเจรญิ จะต๎องไมเํ บียดเบียน หรือแกงํ แยงํ ผู๎อื่นมา ตวั ชี้วดั กกกกกกก1. วิเคราะหห๑ น๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารัส ความสุข ในการดาเนนิ ชีวติ เก่ียวกบั เดก็ นกั เรียน และเยาวชน และนกั ศกึ ษา เกี่ยวกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงตามสถานการณ๑ที่กาหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนักถึง ความสาคญั ของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9ตามพระ ราชดารัส ขอบข่ายเน้ือหา กกกกกกก1. หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนินชวี ติ กกกกกกก1. 1.1 สุขกาย 1. 1.2 สขุ ใจ 1. 1.3 สขุ ในการอยํรู ํวมกัน กกกกกกก2. หน๎าท่พี ลเมอื งตามพระราชดารสั เก่ยี วกบั เดก็ นักเรียนและเยาวชน และนกั ศึกษา กกกกกกก2. 2.1 วยั เด็กและการปลูกฝง๓ คณุ ธรรม กกกกกกก2. 2.2 นกั เรยี นและเยาวชน กกกกกกก2. 2.3 นกั ศกึ ษา กกกกกกก2. 2.4 วยั ทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก2. 2.5 หนา๎ ที่และความรบั ผดิ ชอบตอํ บา๎ นเมอื ง กกกกกกก3. หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารสั ทเ่ี ก่ียวข๎องกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ กกกกกกก3. 3.2 ความมเี หตุผล กกกกกกก3. 3.3 ความมภี มู คิ ๎ุมกัน กกกกกกก3. 3.4 เงอื่ นไขความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลกั วชิ า และหลกั วิชาการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก3. 3.5 เงอ่ื นไขคณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซ่อื สัตยส๑ จุ ริต
58 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพยี ร และอดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และป๓ญญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมํเบียดเบียน มเี มตตา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตัง้ ใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรบั ผิดชอบ รับผดิ และรับชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หน๎าที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน๑สวํ นรวม ประโยชนส๑ วํ นตน และเสียสละ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามัคคี รวํ มมือ ปรองดอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจริญ เนอื้ หา กกกกกกก1. หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสุขในการดาเนินชวี ติ กกกกกกก1. 1.1 สุขกาย หมายถึง “ความสุข” ในมุมมองนเ้ี ป็นการสือ่ ความหมายของความสุข ทางกาย ทางใจ ความสมหวัง และความเป็นอยทํู ีด่ ี กกกกกกก1. 1.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกย่ี วกับ สขุ กายเนอ่ื งในการฉลองครบรอบ 50 ปี ของสโมสรโรตารีใ่ นประเทศไทย ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วันท่ี 15 ธันวาคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ชวี ติ ของแตลํ ะคนจะตอ๎ งประกอบดว๎ ยสง่ิ ใด สาหรบั ใหม๎ ชี วี ติ อยูํได๎ ถา๎ เราคดิ สกั หนอํ ยวาํ เรามรี ํางกายท่ีจะต๎องอุ๎มชตู นเอง คอื หมายความวําทุกวนั น้ี เราจะต๎องหาอาหารมาเล้ยี ง ถ๎าไมมํ ีอาหารเล้ียงราํ งกายนเ้ี ปน็ เวลาหนงึ่ กท็ าให๎ รํางกายซูบผอมและอํอนเพลียลงไป ไมํมที างท่จี ะทางานทาการใด ๆ หรอื แม๎จะ ทางานทไี่ มํใชํเปน็ งานคอื เลํนสนุกอะไรกต็ าม กไ็ มํไดท๎ ง้ั น้นั คดิ อะไรกไ็ มํออก ดาเนินชวี ิตไมํได๎ ถา๎ ไมํมอี าหาร ถ๎ามองดูในแงํน้ีเพียงอาหารทม่ี าใสํทอ๎ ง กเ็ ป็ น กจิ การที่กวา๎ งขวางอยาํ งมาก มาทนี ี้พูดกนั วาํ คนเราตอ๎ งทามาหากนิ ดูเป็นของที่ สาคญั ทีส่ ุด เพราะวาํ ถ๎าไมํทามาหากนิ กไ็ มํมชี ีวิตอยไูํ ด๎ หรอื มชี วี ติ กแ็ รน๎ แคน๎ และ ทุกข๑ทรมานอยํางยง่ิ นอกจากนกี้ ย็ งั มีอาหา รใจอกี ถ๎าคนเราไมมํ อี าหารใจ ไมํขวนขวายหาความร๎ู จะไมสํ บายใจ และจะไมเํ ป็นคนทเ่ี จริญ ฉะนน้ั ทกุ คนท่ี ต๎องการทจี่ ะมีชีวติ อยํู และมชี ีวติ อยํอู ยาํ งดี กต็ อ๎ งอ๎ุมชูให๎อาหารแกตํ า และหาทาง ทจี่ ะมีอาหารของใจด๎วย ”
59 กกกกกกก1. 1.1 กลําวโดยสรปุ สุขกายจะเกิดขึน้ ได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะราํ งกายทมี่ คี วามสมบูรณ๑ แขง็ แรง เจริญเตบิ โตอยาํ งปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภยั ไขเ๎ จ็บ รวมถึงดูแล สขุ ภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ูใหม๎ ีป๓ญญารูเ๎ ทาํ ทันจะทาใหจ๎ ิตใจดี ควบคมุ จติ ได๎ นอกจากนี้ ตอ๎ งแสวงหาความร๎ทู ่ีทาให๎เขา๎ ใจ สบายใจ หรือร๎เู ทําทนั การเปลยี่ นแปลง เพอ่ื ให๎สามารถดาเนินชวี ติ ได๎ อยํางปกติ รวมถงึ ทางานได๎ด๎วย กกกกกกก1. 1.1 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การดูแลสุขภาพราํ งกายใหแ๎ ขง็ แรง รบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน๑ หมนั่ ออกกาลังกายอยูํเป็นประ จา และไมใํ ช๎ชีวิตอยํูบนความประมาท รวมถึงดแู ลสุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ูใหม๎ ีป๓ญญารู๎เทาํ ทนั จะทาให๎จติ ใจดีควบคมุ จิตได๎ กกกกกกก1. 1.2 สขุ ใจ หมายถึง ความสขุ ทีส่ ัมผัสได๎จากจติ คือ ความสบายใจ ความสขุ ใจ ความ อ่ิมใจ ความพอใจ อันเกดิ จากจติ ใจทสี่ งบและเยน็ เปน็ ความสขุ ทีส่ ะอาด กกกกกกก1. 1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกีย่ วกับ สุขใจไว๎ให๎แกํคณะครแู ละนกั เรยี นโรงเรยี นราชวนิ ิต ณ พระตาหนักจิตรลดา รโหฐาน วนั ท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ดังนี้ “ ความเข๎มแข็งในจิตใจน้ีเปน็ ส่ิงท่สี าคญั ที่จะต๎องฝกึ ฝนแตเํ ลก็ เพราะวาํ ตอํ ไป ถ๎ามีชีวติ ทลี่ าบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ๎าไมมํ ีความ เข๎มแขง็ ไมํมคี วามรู๎ ไมมํ ที างที่จะผาํ นอุปสรรคน้นั ได๎ เพราะวําถา๎ ไปเจอ อปุ สรรคอะไร กไ็ มํมอี ะไรท่ีจะมาชวํ ยเราได๎ แตํถ๎ามีความร๎ู มอี ธั ย าศยั ทดี่ ี และ มคี วามเข๎มแขง็ ในกาย ในใจ กส็ ามารถทจ่ี ะผาํ นพน๎ อปุ สรรคตาํ ง ๆ นั้นได๎ ” กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรปุ สุขใจจะเกิดข้นึ ได๎ พลเมืองตอ๎ งมสี ภาวะของจิตใจท่มี คี วามสดชนื่ แจํมใส สามารถควบคมุ อารมณ๑ใหม๎ น่ั คง ปรบั ตวั ให๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงทางสงั คม และสงิ่ แวดลอ๎ ม ไดเ๎ ป็นอยํางดจี ากการที่บคุ คลนั้นใชค๎ วามรทู๎ ม่ี ีอยปํู ระกอบกับมสี มั พันธภาพกบั บคุ คลอ่ืนอนั ดี และมี ราํ งกายท่แี ขง็ แรง จงึ จะทาใหม๎ คี วามสขุ ใจได๎ กกกกกกก1. 1.2 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ การดูแลสุขภาพใจใหแ๎ ข็งแรง ด๎วยวิธกี ารทา จิตให๎สดช่ืนแจํมใส ควบคุมอารมณใ๑ หม๎ ่นั คง ค๎นคว๎าหาความร๎ูใหร๎ ู๎เทําทันการเปลย่ี นแปลง รวมถงึ มสี มั พนั ธภาพทีด่ ีกับบุคคลอนื่ และมีราํ งกายแข็งแรงดี จะชํวยให๎บุคคลปรับตวั ให๎เขา๎ กบั การเปลีย่ นแปลง ของสงั คม และสามารถเผชญิ กบั ป๓ญหาไดเ๎ ปน็ อยาํ งดี กกกกกกก1. 1.3 สขุ ในการอย่รู ่วมกนั หมายถงึ การอยํูรํวมกันในสงั คมอยํางสันติสุข จาเป็นอยํางย่ิง ท่ีจะตอ๎ งอาศยั ความมีน้าใจไมตรที ่ดี ตี อํ กนั โดยไมํตอ๎ งใชเ๎ งนิ ทองมากมาย เพียงแตํแสดงความเมตตา กรณุ าตํอเพ่อื นมนษุ ย๑ โดยการชวํ ยเหลือเลก็ ๆ น๎อย ๆ เทํานน้ั ก็เปน็ การแสดงน้าใจได๎
60 กกกกกกก1. 1.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกย่ี วกับสขุ ในการอยํรู วํ มกัน เนอ่ื งในโอกาสทร่ี องประธานศาลฎีกานาผพ๎ู พิ ากษาประจา กระทรวงเขา๎ เฝาู ฯ ณ พระตาหนกั จิตรลดารโหฐาน วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2537 ดังนี้ “ การท่ีในประเทศใดมีประชาชนทั้งหมดอยรํู วํ มกันโดยสนั ติ กเ็ ป็น ส่งิ ที่ปรารถนาของทกุ คน ไมํมใี ครอยากใหม๎ ีความวุนํ วายในหมูํคณะ ในประเทศชาติ เพราะวาํ ถา๎ มคี วามวุนํ วายนั้นเป็นความทุกข๑ ทกุ คนตอ๎ งการ ความสุข หากความสุขน้นั ก็จะมาจากความปรองดอง และความที่ทุกสงิ่ ทกุ อยาํ งเป็นไปโดยยุติธรรม ” กกกกกกก1. 1.3 กลําวโดยสรุป สุขในการอยูรํ ํวมกนั จะเกิดขนึ้ ไดพ๎ ลเมอื งจะตอ๎ งมีความรัก ความ สามคั คี ความปรองดอง และความสงบสขุ ในสงั คมที่เกดิ จากทกุ คนได๎รับความยตุ ธิ รรม กกกกกกก1. 1.3 หน๎าที่พลเมอื งดี มีแนวปฏิบัตไิ ดแ๎ กํ ใหค๎ วามเมตตา ความรกั ความรวํ มมือในการ ปฏบิ ตั ิภารกิจสํวนรวม รวมถงึ ด๎านความเอื้ออาทร ปรองดอง สมานฉนั ท๑ อยํางเสมอภาค กกกกกกก2. หน้าท่พี ลเมอื งตามพระราชดารั ส เกยี่ วกับเดก็ นกั เรยี น และเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก2. 2.1 วัยเด็กและการปลูกฝังคุณธรรม หมายถงึ การสร๎างแรงจูงใจเปน็ การเปลย่ี น กระบวนความคิดให๎เห็นคุณคํา และประโยชน๑ของการมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ดว๎ ยการสัง่ สอนอบรม การเหน็ แบบอยําง และให๎รางวัลเมื่อทาความดี กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ยี วกับวยั เด็กและการปลกู ฝ๓งคุณธรรม เนือ่ งในโอกาสปีเด็กสากล วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2522 ดังนี้ “ เด็กเปน็ ผทู๎ จี่ ะไดร๎ ับชํวงทกุ ส่งิ ทกุ อยาํ งตํอจากผูใ๎ หญํ ดงั น้นั เดก็ ทุกคนจึงสมควรและจาเปน็ ท่จี ะ ตอ๎ งได๎รับ การอบรมเลี้ยงดอู ยํางถูกต๎อง เหมาะสม ใหม๎ ีศรทั ธามั่นคงใน คุณความดี มคี วามประพฤติเรยี บร๎อย สุจรติ และมีปญ๓ ญา ฉลาดแจมํ ใสในเหตผุ ล ” กกกกกกก2. 2.1
61 กกกกกกก2. 2.1 กลําวโดยสรปุ วยั เด็ก และการปลกู ฝ๓งคณุ ธรรม จะเกดิ ขน้ึ ได๎ เกิดจากการอบรม เลีย้ งดู ส่ังสอน ขดั เกลาของทุกฝาุ ย ท้ังครอบครวั และโรงเรียน ให๎เหน็ คณุ คาํ ของความดี ความสุจรติ มีความประพฤติเรียบรอ๎ ย มีเหตผุ ล หรือสติป๓ญญานน้ั เอง โดยการเป็นแบบอยํางท่ดี ี เพ่อื ใหเ๎ ด็กเหน็ เปน็ ตวั อยําง และยดึ เป็นแบบอยาํ งให๎ได๎ กกกกกกก2. 2.1 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัตไิ ด๎แกํ บุคคลผ๎เู ป็นผูป๎ กครองในครอบครัวตอ๎ งอบรม สงั่ สอนเรื่องของคุณธรรม และจริยธรรมท่เี ดก็ ควรปฏิบัติอยํางมีเหตุมผี ลใหเ๎ ดก็ เกิดป๓ญญา นอกจากนี้ สถาบนั การศึกษากต็ ๎องชํวยอบรมส่งั สอน และปลูกฝ๓งเรอื่ งคุณธรรมจริยธรรมใหก๎ ับเดก็ ดว๎ ย กกกกกกก2. 2.2 นักเรยี น และเยาวชน หมายถงึ ผู๎รบั การศึกษาจากโรงเรียนหรอื สถาบนั การศกึ ษา กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกยี่ วกับนักเรียนและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแหงํ ชาตปิ ระจาปี 2532 ณ พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน วนั ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 ดงั น้ี “ ความรป๎ู ระโยชน๑แทจ๎ รงิ ของสิ่ง ทั้งหลาย เปน็ สิง่ ท่ีผ๎ูใหญตํ ๎อง ปลูกฝ๓งใหห๎ ย่ังลกึ ในตวั เดก็ เดก็ จักได๎เตบิ โตเป็นคน ฉลาดเทีย่ งตรงและ สามารถสรา๎ งสรรค๑ประโยชน๑ท่ีพึงประสงค๑ ให๎แกํตน แกสํ ํวนรวมได๎แนํนอน มีประสทิ ธภิ าพ ” กกกกกกก2. 2.2 กลําวโดยสรปุ นักเรียน และเยาวชนต๎องได๎รับการปลกู ฝง๓ ถาํ ยทอดความร๎ูทแ่ี ท๎จรงิ เพื่อใหส๎ ามารถรเู๎ ทาํ ทัน ฉลาด และคิดสรา๎ งสรรคท๑ าประโยชน๑ให๎กับตนเอง และสํวนรวม กกกกกกก2. 2.2 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ บคุ คลในครอบครวั หรอื ครูอาจารย๑ และผน๎ู า ชมุ ชน ตอ๎ งสนับสนุนให๎นักเรียนและเยาวชนไดเ๎ รยี นรู๎ในสถาบันการศกึ ษา หรอื แหลํงเรียนรู๎ในชุมชน ตามศกั ยภาพของนักเรียน และเยาวชนใหไ๎ ด๎มากท่สี ดุ เพอ่ื ใหม๎ คี วามรอ๎ู ยํางแท๎จรงิ มีความฉลาด คิดสร๎างสรรคท๑ าประโยชน๑ตอํ ตนเอง และสังคมโดยรวม กกกกกกก2. 2.3 นักศึกษา จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากัดความ หรอื ความหมายของนักศึกษา คือ ผ๎ทู ศี่ ึกษาอยใํู นสถาบันอดุ มศึกษา หรอื เทยี บเทํา กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั นกั ศกึ ษาเน่ืองในโอกาสเสดจ็ ฯ ทรงดนตรเี ป็นสํวนพระองค๑ ณ หอประชมุ จฬุ าลงกรณม๑ หาวทิ ยาลัย วันท่ี 20 กนั ยายน พ.ศ. 2513 ดงั นี้
62 “ ขอสรุปหนา๎ ที่ของผู๎ที่เปน็ นิสิตนักศึกษ าวํา การเป็นนักศกึ ษา ไมํใชํอาชพี เป็นเวลาที่จะฝึกทางวชิ าการและก็ทางจติ ใจ เพ่ือที่ จะมีพลงั แขง็ แรงทีจ่ ะรบั ใช๎ชาติ เปน็ พลเมอื งดี แล๎วกเ็ ปน็ ความหวัง และก็เป็นสงิ่ ท่ี สาคัญทีส่ ุดวาํ เม่อื ไดฝ๎ กึ ในทางจติ ใจเปน็ คนเขม๎ แข็ง ซือ่ ตรง และเปน็ คนทีม่ ี ความปรารถนาทจ่ี ะสร๎างสรรคแ๑ ล๎ว จะตอ๎ งรักษาอุดมคติน้ี หรือพลังน้ี หรอื ปณธิ านน้ไี ว๎ตลอดชีวิต ” กกกกกกก2. 2.3 กลาํ วโดยสรปุ นกั ศึกษาเปน็ ผูท๎ ่มี คี วามพร๎อมท้งั วยั วฒุ แิ ละคุณวฒุ ิ ฉะน้นั จงึ ต๎องมี ความเพียร ความอดทน มีสตปิ ๓ญญา ร๎จู ักใช๎เหตผุ ล และเลอื กสงิ่ ทด่ี งี ามมาประยกุ ต๑ใชใ๎ นชวี ิตของ ตนเอง กกกกกกก2. 2.3 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ ตอ๎ งมีความเพียร และอดทนและมปี ๓ญญา และเหตุผล รจ๎ู กั วําอะไรดี อะไรไมํดี ซงึ่ คาวาํ เพียร และคาวาํ อดทนเป็นคณุ สมบตั ิ หรือคุณธรรม ที่จะต๎องปฏบิ ัติ โดยเฉพาะกับนักศกึ ษา วาํ การศกึ ษานี้ หมายความวาํ การเรยี น การหาความร๎ู ของผ๎ทู ่ีศึกษากเ็ ปน็ สิ่งทย่ี ากลาบาก จึงตอ๎ งมคี วามเพยี รความอดทน เราเปน็ คน เราเป็นนักศกึ ษา หรอื แม๎จะไมํใชํนกั ศกึ ษาก็เรียนอยูเํ สมอ ศึกษาอยํูเสมอ คนเรามีปญ๓ ญา ควรจะมีปญ๓ ญา หมายความวาํ มีความเข๎าใจ เข๎าใจด๎วยเหตุผลได๎ รจู๎ ักใชเ๎ หตผุ ล รูจ๎ กั เลอื กสิ่งทด่ี ที ีง่ าม รวู๎ ําอันน้ดี ี อันนี้ไมํดี ถูกตอ๎ ง หรือไมถํ กู ต๎อง กกกกกกก2. 2.4 วัยทางาน และการศึกษา กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ า จากัดความ หรือความหมายของวัยทางาน คือ วัยทใ่ี ชพ๎ ลังทางราํ งกายและสตปิ ญ๓ ญาผลิตงานออกมา กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับวัยทางาน เน่อื งในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรวทิ ยาลยั เทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วนั ท่ี 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ดงั น้ี “ เมอ่ื มโี อกาสและมีงานทา ควรเต็มใจทาโดยไมํจาเป็นตอ๎ ง ตงั้ ข๎อแม๎ หรือเงอ่ื นไขอันใด ไว๎ใหเ๎ ป็นเคร่ืองกีดขวาง คนทท่ี างานได๎จรงิ ๆ นน้ั ไมํวําจะจบั งานสิง่ ใด ยอํ มทาได๎เสมอ ถ๎ายงิ่ มีความเอาใจใสํ มคี วามขยัน และ ความซอื่ สตั ย๑สจุ รติ ก็ยงิ่ จะชวํ ยใหป๎ ระสบผลสาเร็จในงานทท่ี าสงู ขึน้ ”
63 กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 กลําวโดยสรปุ วยั ทางานยํอมเจอปญ๓ หาและอปุ สรรคเสมอ เมื่อเจอป๓ญหา ให๎หาทางแก๎ไข ถ๎าแกค๎ นเดยี วไมไํ ดก๎ ใ็ หค๎ นท่ีเก่ียวขอ๎ งชํวยกนั คิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ไิ ด๎แกํ เมือ่ พบบุคคลมีป๓ญหา ถา๎ เห็นวาํ เขาไมํ สามารถแก๎ไขปญ๓ หาน้นั ได๎ ถา๎ เรามคี วามรค๎ู วามเข๎าใจกเ็ ข๎าไปชํวยแก๎ไขปญ๓ หานัน้ ให๎หมดไป ควรให๎ ความรํวมมือใสํใจชวํ ยแก๎ไขปญ๓ หาของบุคคลอ่นื ดว๎ ย นอกจากนี้บุคคลไมํควรปลํอยให๎ปญ๓ หาเกดิ ขนึ้ โดยไมแํ ก๎ไข กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ า จากัดความ หรือความหมายของการศกึ ษา คอื การเลําเรยี น ฝึกฝน และอบรม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา หมายถงึ การดาเนินการด๎วยกระบวนการทุกอยาํ ง ทที่ าให๎ บคุ คลพฒั นาความสามารถดา๎ นตาํ ง ๆ รวมทงั้ ทัศนคติ และพฤตกิ รรมอนื่ ๆ ตามคํานยิ มและคณุ ธรรม ในสังคม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศึกษา หมายถึง กระบวนการทางสังคม ที่ทาใหบ๎ คุ คลไดร๎ ับอทิ ธพิ ล จากสงิ่ แวดลอ๎ ม ท่ีคัดเลือกและกาหนดไว๎อยาํ งเหมาะสมโดยเฉพาะโรงเรยี น เพอ่ื พฒั นาบุคคลและ สงั คม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 กลําวโดยสรปุ การศกึ ษา หมายถงึ วชิ าชพี อยํางหนึ่งสาหรับครู หรือการเตรยี ม บคุ คลใหเ๎ ป็นครู ซึง่ จดั สอนในสถาบันอุดมศึกษา ประกอบดว๎ ย วชิ าจติ วิทยาการศึกษา ปรชั ญา ประวตั ิการศึกษา หลักสูตร หลกั การสอน การวดั ผล การบรหิ าร การนิเทศการศึกษา และวิชาอืน่ ๆ ทีค่ รูควรรู๎ ทัง้ ภาคทฤษฎีและปฏบิ ตั ิ ซ่ึงจะทาใหเ๎ กิดความเจรญิ งอกงามสาหรบั ครู กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั การศึกษา เนื่องในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตร ณ วทิ ยาลัย การศึกษาประสานมติ ร วันที่ 12 ธนั วาคม พ.ศ. 2512 ดงั นี้ “ งานด๎านการศกึ ษาเปน็ งานที่สาคญั ที่สดุ อยํางหนง่ึ ของชาติ เพราะความเจรญิ และความเส่ือมของชาตินัน้ ขนึ้ อยกูํ บั ก ารศึกษาของ พลเมอื งเป็นขอ๎ ใหญํ จึงตอ๎ งจัดการศึกษาใหเ๎ ข๎มแขง็ ขึน้ ” กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 กลาํ วโดยสรปุ การศกึ ษาเปน็ สงิ่ สาคญั สรา๎ งคนใหม๎ คี วามร๎ู ความสามารถ เป็นพนื้ ฐานทีจ่ าเปน็ ในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ การศึกษาความรทู๎ างวิชาการ ความรู๎ ปฏบิ ตั ิการ และความรคู๎ ิดอํานตามเหตผุ ลความเปน็ จรงิ มีความจริงใจและบรสิ ทุ ธใิ์ จตํองาน/ผรู๎ วํ มงาน/ การรกั ษาระเบียบแบบแผนความดงี าม หมั่นสารวจความบกพรอํ งของตนเอง และแก๎ไขฝกึ ฝนให๎มี ความสงบหนกั แนํนทง้ั ทางกาย ใจ และวาจา
64 กกกกกกก2. 2.5 หน้าท่แี ละความรบั ผดิ ชอบตอ่ บ้านเมอื ง กกกกกกก2. 2.5 หน๎าที่ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรือความหมายของหนา๎ ท่ี คือ กจิ ทีจ่ ะต๎องทาดว๎ ยความรบั ผดิ ชอบ กกกกกกก2. 2.5 ความรับผิดชอบ จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คา จากัดความ หรือความหมายของความรผู๎ ดิ ชอบ คือ ยอมรับผลท้งั ทดี่ แี ละไมดํ ีในกิจการที่ตนไดท๎ าลง ไปหรอื ที่อยใูํ นความดแู ลของตน เชนํ สมหุ ๑บญั ชรี บั ผิดชอบเร่ืองเก่ยี วกับการเงนิ , รับเป็นภารธุระ เชนํ งานน้เี ขารับผิดชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉนั รบั ผดิ ชอบทกุ อยาํ งในบ๎านเอง กกกกกกก2. 2.5 บ๎านเมอื ง จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรือความหมายของบ๎านเมอื ง คือ ประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.5 กลําวโดยสรุป หนา๎ ทแ่ี ละความรับผิดชอบตํอบา๎ นเมือง หมายถงึ บุคคลที่อยํูใน สังคม มีหนา๎ ที่ และความรบั ผดิ ชอบตอํ สํวนรวม สงั คม และประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั หน๎าทีแ่ ละความรับผดิ ชอบตํอบ๎านเมอื งไว๎ เนื่องในโอกาสขึน้ ปใี หมํ 2519 วันท่ี 31 ธนั วาคม 2518 ดงั น้ี “ อันแผํนดินไทยของเรานี้ ถงึ จะเปน็ ท่ีเกิดทอี่ าศัยของคนหลาย เชอ้ื ชาติ หลายศาสนา แตํเราก็อยํรู วํ มกันโดยปกติราบรนื่ มาไดเ๎ ปน็ เวลาช๎า นาน เพราะเราตํางสมัครสมานกันอุตสําหช๑ วํ ยกนั สรา๎ งบา๎ นเมอื ง สร๎างความเจรญิ สรา๎ งจิตใจ สร๎างแบบแผนทด่ี ขี ึน้ เปน็ ของเราเอง ซง่ึ แม๎ นานาประเทศก็นาํ จะนาไปเปน็ แบบฉบบั ได๎ เพราะฉะนั้น ถ๎าเราทั้งหลาย มีสามัคคี มีเหตผุ ลอนั หนักแนนํ และมีความรู๎ความเขา๎ ใจอันถกู ตอ๎ งชัดเจน ในสถานการณท๑ เ่ี ป็นจริง ตาํ งคนตาํ งรวํ มมอื รวํ มความคดิ กนั ในอันทีจ่ ะ ชวํ ยกันผํอนคลายป๓ญหา และ สถานการณท๑ ีห่ นักให๎เป็นเบา ไมํนาเอา ประโยชนส๑ วํ นนอ๎ ยเข๎ามาเกี่ยวขอ๎ ง ใหเ๎ สยี หายถงึ ประโยชน๑สํวนใหญํ ของชาตบิ ๎านเมอื ง เชอ่ื วําเราจะสามารถรักษาชาตปิ ระเทศ และความผาสกุ สงบทเี่ ราได๎สร๎างสมและ รกั ษาสบื ตอํ กนั มาชา๎ นานนนั้ ไว๎ได๎ ” กกกกกกก2. 2.5
65 กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ียวกับหนา๎ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบตํอบา๎ นเมือง เนอื่ งในพิธเี ปดิ งานชมุ นุมลกู เสอื แหํงชาติ คร้ังที่ 6 ณ คํายลูกเสอื วชิราวธุ อาเภอศรีราชา จังหวดั ชลบุรี วนั ท่ี 11 ธนั วาคม พ.ศ. 2512 ดงั น้ี “ ในบ๎านเมอื งน้นั มที ัง้ คนดแี ละคนไมํดี ไมํมใี ครจะทาให๎คนทุก คนเปน็ คนดไี ด๎ทงั้ หมด การทาใหบ๎ ๎านเมืองมีความปกติสุขเรยี บรอ๎ ย จึงมิใชํ การทาให๎ทุกคนเปน็ คนดี หากแตํอยทํู ่ีการสํงเสริมคนดี ให๎คนดีไดป๎ กครอง บ๎านเมอื ง และควบคมุ คนไมํดไี มํให๎มีอานาจ ไมใํ หก๎ ํอความเดอื ดร๎อนวุํนวาย ได๎ ” กกกกกกก2. 2.5 กกกกกกก2. 2.5 กลาํ วโดยสรุป หน๎าท่แี ละความรบั ผดิ ชอบตํอบ๎านเมอื งของคนในชาติ ตอ๎ งมคี วาม รัก ความสามัคคี มีเหตผุ ล มีความรู๎ ชวํ ยกนั สรา๎ งความเจริญ ปลูกฝ๓งความดีงามใหก๎ ับจิตใจของคนกก กกกกก2. 2.5 หนา๎ ที่พลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ต๎องมีความรัก ความสามัคคี ศกึ ษาหาความร๎ู เพอ่ื นามาพฒั นาประเทศใหเ๎ จรญิ กา๎ วหนา๎ รวมถงึ ชวํ ยปลูกฝ๓งจรยิ ธรรมให๎กับบคุ คลท่เี กยี่ วขอ๎ ง และชํวยกันอนรุ ักษว๑ ฒั นธรรมประเพณขี องไทยให๎คงอยํูตลอดไป กกกกกกก3. หน้าทพ่ี ลเมืองตามพระราชดารสั ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของความพอประมาณ คือ เพยี งปานกลาง เชนํ มฐี านะดีพอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทุกอยําง ความพอดไี มมํ าก หรอื วํา นอ๎ ยจนเกินไป โดยต๎องไมเํ บยี ดเบียนตนเอง หรอื ผูอ๎ ่นื ใหเ๎ ดอื ดรอ๎ น กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง การรจู๎ ักประมาณตน กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ีไ่ มํน๎อยเกนิ ไป และไมมํ ากเกินไป โดยไมํ เบียดเบียนตนเองและผอ๎ู ื่น เชนํ การผลติ และการบรโิ ภคที่อยูใํ นระดับพอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 กลาํ วโดยสรุป ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดใี นทกุ อยําง ไมํมากไมนํ ๎อย จนเกินไป เหมาะสม ไมํเบียดเบียนผ๎อู นื่ รจู๎ ักประมาณตน กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระรชาทาน พระราชดารสั เกีย่ วกบั ความพอประมาณเนื่องในโอกาสเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตดาลยั สวนจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิต วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดังน้ี
66 “ พอเพียงน้ี อาจมีมาก อาจจะมขี องหรูหรากไ็ ด๎ แตํตอ๎ งไมํ เบยี ดเบยี นคนอืน่ ตอ๎ งให๎พอประมาณตามอัตภาพ พดู จาพอเพียง ทาอะไรก็ พอ ปฏิบตั กิ พ็ อเพยี ง ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั ความพอประมาณเน่ืองในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ติ ดาลัย วันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2541 ดังน้ี “ คนเราถ๎าพอในความต๎องการ ก็มีความโลภนอ๎ ย เมอื่ มีความโลภ นอ๎ ย ก็เบียดเบยี นคนอ่นื น๎อย ถ๎าทุกประเทศมคี วามคิด อนั นไ้ี มํใชเํ ศรษฐกจิ มีความคดิ วาํ ทาอะไรต๎องพอเพยี ง หมายความวาํ พอประมาณ ไมสํ ดุ โตํง ไมโํ ลภมาก คนเรากอ็ ยํู เปน็ สุข ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกี่ยวกับ ความพอประมาณ เนื่องในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ติ ดาลยั วันท่ี 4 ธนั วาคม 2539 ดงั นี้ “ การเปน็ เสอื นน้ั ไมํสาคัญ สาคัญอยูํทเี่ รามเี ศรษฐกิจแบบ พอมีพอกนิ แบบพอมีพอกินนน้ั หมายความวาํ อม๎ุ ชตู ัวเองได๎ ใหม๎ คี วาม พอเพียงกบั ตัวเอง อันนก้ี ็เคยบอกวาํ ความพอเพยี งนี้ ไมไํ ด๎หมายความวํา ทุกครอบครัวจะต๎องผลติ อาหารของตวั จะตอ๎ งทอผ๎าใสํเอง อยํางน้นั มนั เกนิ ไป แตํวาํ ในหมูบํ ๎าน หรอื ใน อาเภอจะตอ๎ งมคี วามพอเพยี ง พอสมควร บางสง่ิ บางอยํางที่ผลิตได๎มากกวําความต๎องการ กข็ ายได๎ แตขํ ายในทไ่ี มํหํางไกลเทําไหรํ ไมํต๎องเสยี คาํ ขนสํงมากนัก ”
67 กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกบั ความพอประมาณ เน่อื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันท่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ดังนี้ “ การพัฒนาประเทศจาเปน็ ตอ๎ งทาตา มลาดับข้ัน ต๎องสรา๎ งพนื้ ฐาน คอื ความพอมีพอกิน พอใช๎ของประชาชนสวํ นใหญเํ ป็นเบ้ืองตน๎ กํอน โดยใช๎ วธิ ีการและใชอ๎ ปุ กรณท๑ ปี่ ระหยัด แตํถกู ต๎องตามหลกั วิชา เมอ่ื ไดพ๎ ื้นฐานม่นั คง พร๎อมพอควรและปฏิบัตไิ ดแ๎ ล๎ว จึงคอํ ยสร๎างคํอยเสริมความเจรญิ และฐานะ เศรษฐกจิ ขั้นทสี่ งู ขึ้นโดยลาดับตํอไป หากมงุํ แตํจะทุํมเทสร๎ างความเจรญิ ยกเศรษฐกจิ ขนึ้ ให๎รวดเรว็ แตปํ ระการเดยี ว โดยไมใํ หแ๎ ผนปฏบิ ัติการสมั พนั ธ๑ กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล๎องดว๎ ย ก็จะเกดิ ความ ไมํสมดลุ ในเร่ืองตําง ๆ ขึ้น ซง่ึ อาจกลายเปน็ ความยงุํ ยากล๎มเหลวไดใ๎ นท่ีสุด ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกับความพอประมาณ เน่อื งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ดงั นี้ “ เราไมํเป็นประเทศรา่ รวย เรามพี อสมควร พออยํูได๎ แตไํ มํเป็น ประเทศทีก่ า๎ วหน๎าอยาํ งมาก เราไมํอยากจะเปน็ ประเทศก๎าวหน๎าอยํางมาก เพราะถ๎าเราเปน็ ประเทศกา๎ วหนา๎ อยาํ งมากก็จะมีแตถํ อยกลับ ประเทศ เหลํานั้นทเี่ ปน็ ประเทศ อุตสาหกรรมกา๎ วหน๎า จะมแี ตถํ อยหลังและถอยหลัง อยาํ งนาํ กลวั แตํถา๎ เรามีการบรหิ ารแบบเรยี กวาํ แบบคนจน แบบทไ่ี มตํ ดิ กบั ตารามากเกินไป ทาอยาํ งมีสามัคคนี แ่ี หละคอื เมตตากัน จะอยไํู ดต๎ ลอดไ”ป กกกกกกก3. 3.1 กลาํ วโดยสรุป ความพอประมาณ จะเกิดขึน้ ได๎ โดยรจ๎ู กั ตนเอง มีความซื่อสตั ย๑และ ความเพียร เดินทางสายกลาง และพอใจในสง่ิ ทีต่ นมอี ยูํ
68 กกกกกกก3. 3.1 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 1. รูต๎ นเองเสมอ วาํ กาลังทาอะไร กกกกกกก3. 3.1 2. มคี วามซ่อื สตั ย๑สจุ ริตและความเพยี ร กกกกกกก3. 3.1 3. ดาเนนิ การตามแนวทางสายกลาง หลีกเลี่ยงการกระทาที่สุดโตํง กกกกกกก3. 3.2 ความมเี หตุผล กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของความมีเหตผุ ล คอื เหตุ, เหตุและผล กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สินใจเก่ยี วกับระดบั ของความพอเพียงนน้ั จะตอ๎ ง เปน็ ไปอยํางมีเหตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุปจ๓ จัยทเี่ กยี่ วข๎อง ตลอดจนคานงึ ถึงผลท่คี าดวาํ จะเกิดขึ้น จากการกระทานนั้ ๆ อยาํ งรอบคอบ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตผุ ล หมายถงึ มนุษย๑เราใหเ๎ หตุผลสนบั สนนุ ความเชื่อ และเพื่อหาความ จริง หรือข๎อสรปุ ในเรือ่ งท่ีต๎องการศึกษา กกกกกกก3. 3.2 กลาํ วโดยสรุป ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สนิ ใจอยํางรอบคอบ และมเี หตมุ ีผล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จ๓ จยั ทเ่ี กยี่ วขอ๎ ง กกกกกกก3. 3.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกี่ยวกบั ความมเี หตผุ ลเนือ่ งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตรลดา พระราชวงั ดุสิตฯ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2548 ดังนี้ “ ถา๎ นา้ มันเชอ้ื เพลิงหมดแลว๎ กใ็ ช๎เชื้อเพลิงอยํางอ่ืนได๎มีแตตํ ๎องขยัน หาวิธที ที่ าให๎เชอ้ื เพลิงเกิดใหมํ เช้ือเพลิงท่เี รยี กวํานา้ มันนนั้ มนั จะหมดภายใน ไมกํ ่ปี หี รอื ไมกํ ่ีสบิ ปกี ็หมด ถา๎ ไมํได๎ทาเชือ้ เพลิงทดแทน เรากเ็ ดือดรอ๎ น ” กกกกกกก3. 3.2 กลาํ วโดยสรุป ความมเี หตผุ ลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มํุงสอนให๎ พลเมืองไทย มีความคดิ อยํางรอบคอบโดยพจิ ารณาจากปจ๓ จัยท่ีเกี่ยวข๎อง และคานึงถงึ ผลที่จะเกิดขน้ึ จากการกระทาน้ัน กกกกกกก3. 3.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัตไิ ด๎แกํ กํอนการทาสิง่ ใดก็ตาม ควรมกี ารวางแผน อยาํ งรอบคอบ โดยไมํทาให๎ตนเองและสังคมเดอื ดร๎อน กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู คิ ุ้มกนั กกกกกกก3. 3.3 ความมภี ูมิค๎มุ กนั จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของความมภี มู ิคม๎ุ กัน คอื สภาพทีร่ าํ งกายมแี รงตอํ ต๎านเชื้อโรคท่เี ข๎าสูํ รํางกาย, ภูมติ ๎านทาน ก็เรยี ก
69 กกกกกกก3. 3.3 ความมีภูมคิ มุ๎ กัน หมายถงึ การเตรยี มตัวใหพ๎ ร๎อมรับผลกระทบและการเปล่ยี นแปลง ด๎านตาํ ง ๆ ทจี่ ะเกิดขึ้น โดยคา นึงถึงความเปน็ ไปได๎ของสถานการณ๑ ตาํ ง ๆ ทค่ี าดวาํ จะเกดิ ขนึ้ ใน อนาคตทัง้ ใกล๎และไกล กกกกกกก3. 3.3 กลาํ วโดยสรุป ความมภี มู ิคมุ๎ กนั หมายถึง การเตรยี มใจให๎พร๎อมรับผลกระทบ และความเปล่ียนแปลงท่จี ะเกิดข้ึนในอนาคต โดยภูมิคม๎ุ กันพ้ืนฐานที่ทกุ คนควรมี คอื การจดั สรรปน๓ สวํ นทรพั ย๑สินของเรา เก็บเป็นเงนิ สารองประมาณ 6 เทําของรายจาํ ยเฉลยี่ ของครอบครวั แนะนาเกบ็ ออมในสินทรัพยท๑ ม่ี ีสภาพคลํอง เชนํ เงนิ ฝากออมทรพั ย๑ หรือสนิ ทรัพยท๑ ส่ี ามารถเบิกถอนมาใช๎ได๎ ภายในระยะเวลาสัน้ กกกกกกก3. 3.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกย่ี วกบั ความมีภูมคิ ุ๎มกันไว๎ เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดา พระราชวังดุสติ วันที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 ดงั นี้ “ ถ๎าไมํมีเศรษฐกจิ พอเพยี งเวลาไฟดับจะพังหมดจะทาอยาํ งไรที่ ที่ต๎องใช๎ไฟฟูากต็ อ๎ งแยไํ ป หากมี เศรษฐกจิ พอเพยี งแบบไมเํ ตม็ ท่ี ถ๎าเรามี เครอื่ งป๓่นไฟ ก็ให๎ป๓่นไฟ หรือถ๎าขั้นโบราณกวาํ มืดก็จดุ เทยี น คือมีทางที่จะ แกป๎ ๓ญหาเสมอ ฉะนน้ั เศรษฐกจิ พอเพียงนกี้ ็มเี ป็นข้ัน ๆ แตจํ ะบอกวํา เศรษฐกจิ พอเพยี งน้ี ให๎พอเพยี งเฉพาะตัวเองร๎อ ยเปอรเ๑ ซน็ ต๑ น่ีเป็นสงิ่ ทท่ี า ไมํได๎ จะตอ๎ งมีการแลกเปล่ียน ตอ๎ งมีการชํวยกัน พอเพียงในทฤษฎีหลวงน้ี คือ ใหส๎ ามารถทจี่ ะดาเนนิ งานได๎ ” กกกกกกก3. 3.3 กลาํ วโดยสรปุ ความมีภมู ิคม๎ุ กนั เป็นการเตรียมตัวใหพ๎ ร๎อมตอํ การเปลี่ยนแปลงใน ทกุ ดา๎ น โดยการวเิ คราะหค๑ วามเส่ยี ง ใชป๎ ระสบการณเ๑ ดิมมาชวํ ยตัดสินใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาส ตํอไป กกกกกกก3. 3.3 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ `ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.3 ข๎อ 1 วเิ คราะห๑ภารกจิ ทกุ แงํมมุ เพื่อลดความเสีย่ ง กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 2 ใช๎ประสบการณเ๑ ดมิ และข๎อมูลจากบุคคลอื่นมาชวํ ยในการตัดสนิ ใจ กกกกกกก3. 3.3 ข๎อ 3 คน๎ หาและเปรยี บเทียบความเป็นไปได๎ทีเ่ หมือนหรือแตกตํางกัน ประกอบการตดั สินใจ กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 4 รวบรวมข๎อมูล เรอ่ื งราวตาํ ง ๆ ไว๎ใชใ๎ นโอกาสตอํ ไป
70 กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความรู้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน.ศพ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของความร๎ู คือ ส่งิ ท่ีส่งั สมมาจากการศึกษาเลําเรยี น การค๎นควา๎ หรอื ประสบการณ๑ รวมทัง้ ความสามารถเชิงปฏิบตั แิ ละทักษะ เชํน ความรเ๎ู รอื่ งประวัตศิ าสตร๑, สง่ิ ท่ีไดร๎ บั มาจากการไดย๎ นิ ได๎ฟ๓ง การคิด หรอื การปฏบิ ัติ เชํน ความรูเ๎ ร่ืองสขุ ภาพ ความรู๎เรอื่ งนิทานพื้นบ๎าน กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถึง ความเขา๎ ใจในเรอ่ื งบางเรือ่ ง หรือสิง่ บางสง่ิ ซง่ึ อาจจะรวม ไปถงึ ความสามารถในการนาส่ิงน้นั ไปใชเ๎ พอ่ื เปูาหมายบางประการ ความสามารถในการรูบ๎ างอยํางน้ี เป็นสง่ิ สนใจหลกั ของวชิ าปรัชญา (ท่ีหลายครั้งกเ็ ป็นเร่ืองท่มี กี ารโตเ๎ ถยี งอยาํ งมาก) และมสี าขาทศี่ กึ ษา ด๎านน้ีโดยเฉพาะเรียกวํา ญาณวิทยา (epistemology) ความรูใ๎ นทางปฏิบัตมิ กั เป็นสงิ่ ท่ที ราบกันใน กลุํมคน และในความหมายนเี้ องทคี่ วามรู๎นน้ั ถูกปรบั เปลี่ยนและจัดการในหลาย ๆ แบบ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู หมายถึง ส่ิงท่ีสง่ั สมมาจากการศึกษาเลําเรยี น การค๎นคว๎าหรอื ประสบการณ๑ รวมทง้ั ความสามารถเชิงปฏบิ ัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศทีไ่ ดร๎ บั มาจาก ประสบการณ๑ ส่งิ ทไ่ี ด๎รับมาจากการไดย๎ นิ ได๎ฟ๓ง การคดิ หรอื การปฏิบตั ิองคว๑ ิชาในแตํละสาขา กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู หมายถึง เกิดจากการตีความ แปลความ ตามความเขา๎ ใจของแตํ ละคน ซึ่งมาจากประสบการณ๑ ทักษะการเรียน ความเชอื่ ซงึ่ จะมาเป็นตวั ชวํ ยในการตคี วามดว๎ ย ความรจู๎ ะเกิดมาจากความจาเป็นอนั ดับแรก แล๎วเขา๎ ใจจนเกิดการนาไปใช๎ใหบ๎ รรลเุ ปาู หมาย ความร๎ู เป็นกระบวนการหนึ่งของการเรียนรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถงึ การเรยี นรู๎ที่เน๎นถงึ การจาและการระลกึ ได๎ถึงความคิด วตั ถุ และปรากฏการณต๑ ําง ๆ ซึ่งเปน็ ความจาทีเ่ ร่มิ จากสิ่งงําย ๆ ทเี่ ป็นอิสระแกกํ ัน ไปจนถงึ ความจา ในสง่ิ ทย่ี ุงํ ยากซบั ซ๎อน และมคี วามสมั พันธร๑ ะหวํางกัน กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 กลําวโดยสรุป ความรู๎ หมายถงึ สง่ิ ทที่ าใหค๎ นเขา๎ ใจ แล๎วนาความเข๎าใจนั้น มาปฏิบตั ิ หรอื ประยุกตใ๑ ห๎เกดิ ประโยชน๑ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกับความรู๎ใหแ๎ กคํ ณะครูและนกั เรยี นโรงเรียนจิตรลดา ณ หอ๎ งประชมุ โรงเรยี นจิตรลดา วันที่ 27 มนี าคม พ.ศ. 2523 ดังนี้
71 “ ความรู๎ที่สะสมเอาไวใ๎ นตัวเปน็ สิง่ ทส่ี าคัญ เป็นเหมอื นประทีป สาหรับนาทางเราไปในการปฏิบตั ิตนในชีวติ จะเปน็ การศึกษาตอํ กต็ าม หรือจะเป็นการไปประกอบอาชพี การงานกต็ าม ความรู๎นัน้ จะเป็นเครอ่ื ง นาทางไปสูํความเจรญิ ความร๎ทู างวชิ าการก็จะสามารถให๎ประกอบอาชพี การงานที่มีประสิทธิภาพ เทํากบั เปน็ ส่งิ ท่จี ะเลี้ยงตัวเลีย้ งกายเรา ความรู๎ ในทางการประพฤตทิ ด่ี จี ิตใจทีเ่ ขม๎ แข็ง ท่ซี อื่ สัตย๑สจุ รติ นน้ั จะนาเราไป ไดท๎ กุ แหํง เพราะเหตุวําผ๎ทู ่ีมคี วามซอื่ สตั ยส๑ ุจริต ผ๎มู ีความขยันหมัน่ เพยี ร ผู๎มีความตัง้ ใจทีแ่ นํวแนนํ ัน้ ไมํมีทางทจี่ ะลมํ จม ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับความร๎ู เน่ืองในพิธีพระราชทานธงประจารํนุ ลกู เสือชาวบา๎ น จังหวัดสระบรุ ี ณ วดั หนองเขอื่ นชา๎ ง อาเภอเมืองสระบรุ ี จังหวดั สระบรุ ี วนั ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ ความรน๎ู นั้ แบํงเปน็ 2 อยาํ ง ความรเู๎ กย่ี วขอ๎ ง กับกายและ ความรท๎ู เี่ กีย่ วขอ๎ งกับใจ ความรู๎เกี่ยวขอ๎ งกับกายทีไ่ ด๎ฝึกและทไี่ ด๎มาเรยี นร๎กู ็ คือ วธิ ีทจี่ ะรักษาตวั ใหแ๎ ข็งแรง รกั ษาส่งิ ของของตวั ใหอ๎ ยํู ให๎ดี และ สร๎างสรรคใ๑ หส๎ ิ่งที่ใช๎ หรอื ส่งิ ทีม่ ีใหอ๎ ยํูดแี ละใหด๎ ีขน้ึ และทางจิตใจทกุ คน มีความปรารถนาทจ่ี ะมคี วามสขุ ตอ๎ งมี ความสงบ ตอ๎ งการมีความรู๎ ความสามารถก็ได๎ฝึกได๎เรยี นร๎ู จากการพบปะกันในหมูํลกู เสอื ชาวบ๎าน และ ได๎รับความร๎ูจากวทิ ยากร ความรู๎ท้ังหลายทั้งกาย ทั้งใจนี้ กเ็ กดิ ประโยชน๑ แกํตัว ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ความร๎ูให๎แกํคณะเยาวชนชายหญงิ จากถ่นิ ทุรกนั ดารในเขต ปฏบิ ตั กิ ารของหนํวยพฒั นาการเคลอ่ื นทต่ี าํ ง ๆ รวม 24 จงั หวัด พร๎อมด๎วยพเี่ ลี้ยงและเจ๎าหน๎าท่ี ณ ศาลาดสุ ิดาลยั พระราชวังดุสติ วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2516 ดงั นี้
72 “ ในชีวติ ทกุ วนั ๆ ก็ไดม๎ ีโอกาสเข๎าโรงเรยี น กห็ าความร๎ู แลว๎ มี โอกาสที่จะได๎เหน็ ชวี ิตของตวั เองและของคนอน่ื ขอให๎ถือวาํ เป็นอาหาร ทงั้ นั้น เป็นอาหารสมอง และเม่ือได๎รับอาหารแลว๎ ใหไ๎ ปพิจารณา คอื ไป ไตรตํ รอง ไปคิดใหด๎ ี ถา๎ ทาเชนํ น้แี ล๎ว ทกุ คนจะสามารถทจ่ี ะสรา๎ งตวั เอง ใหแ๎ ข็งแรง เพือ่ ท่จี ะทาประโยชน๑แกตํ นเอง สรา๎ งบา๎ นเมือง สรา๎ งทอ๎ งท่ี ของตวั สร๎างตนเองใหเ๎ จริญตามทที่ กุ คนต๎องการ ” กกกกกกก 3. 3.4 3.4.1 กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 กลาํ วโดยสรปุ ความรม๎ู หี ลายประเภท ได๎แกํ ความร๎ทู เ่ี กยี่ วข๎องกบั การ ดาเนินชวี ติ การประกอบอาชีพ การศกึ ษา รวมถึงความรูท๎ เ่ี กย่ี วขอ๎ งกับการพัฒนาจิตใจ ทาใหบ๎ คุ คล มคี วามเจรญิ ก๎าวหนา๎ ได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ศกึ ษาหาความรท๎ู ม่ี ีอยอูํ ยํางมากมาย เพื่อนามาใช๎ในการดาเนนิ ชีวิต ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอ รวมถงึ นาความรทู๎ ่เี กี่ยวข๎อง กับการ พฒั นาจติ ใจมารํวมพฒั นาทั้งตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศใหเ๎ จริญกา๎ วหนา๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า และหลักวชิ าการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 1) หลักวชิ า จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คา จากัดความ หรือความหมายของหลักวิชา คอื ความรู๎ที่เปน็ หลกั ของแตํละวชิ า กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 2) หลกั วิชาการ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหลกั วชิ า คือ วชิ าความร๎สู าขาใดสาขาหน่งึ หรอื หลายสาขา เชํน บทความวิชาการ สัมมนาวชิ าการ การประชมุ วิชาการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ดังนัน้ หลักวชิ า และหลักวิชาการ แตกตาํ งกัน ดังนี้ หลักวชิ า คือ เน้ือหา ความรู๎ และหลักวชิ าการ คือ นาความร๎ูมาจดั กระบวนการเรียนรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับหลักวิชาเพือ่ เชิญไปอาํ นในงานวนั อาหารโลก ณ สานกั งาน องคก๑ ารอาหารและเกษตรแหงํ สหประชาชาติ สาขาภูมิภาคเอเชยี และแปซฟิ กิ วันท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ. 2537 ดงั นี้ “ การนาหลกั วชิ าการและเทคโนโลยใี ด ๆ มาใช๎งานเกษตรกรรม จึงตอ๎ งพยายามระมดั ระวงั ไมํให๎เปน็ การทาลายธรรมชาติ เพราะจะมผี ลกระทบ เสยี หายแกกํ ารดารงชวี ิตของมนุษย๑โดยตรง ท้ังในป๓จจุบนั และอนาคต ”
73 กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับหลักวิชาการ เน่ืองในโอกาสวนั ปดิ ภาคเรยี นของโรงเรยี นจติ รลดา ปกี ารศกึ ษา 2514 ณ ศาลาผกาภิรมย๑ พระราชวงั ดสุ ติ วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2515 ดงั น้ี “ ความร๎ใู นวชิ าการเป็นส่ิงหนง่ึ ทจ่ี ะทาให๎สามารถฟน๓ ฝาุ อุปสรรค ได๎เเละทาให๎เปน็ คนท่มี ีเกียรติ เปน็ คนที่สามารถเปน็ คนทีจ่ ะมีความพอใจได๎ ในตัววําทาประโยชนเ๑ เกตํ นเอง เเละเเกํสํวนรวม นอกจากวิชาความรู๎ ก็จะตอ๎ งฝึกฝนในสิง่ ทีต่ วั จะตอ๎ งปฏบิ ตั ใิ ห๎สอดคลอ๎ งกบั สงั คม สอดคล๎อง กับสมัย เเละสอดคล๎องกบั ศีลธรรมท่ดี ีงาม ถ๎าได๎ทั้งวิชาการ ทัง้ ความร๎ู รอบตวั เเละความรู๎ในชวี ิตกจ็ ะทาให๎เปน็ คนทค่ี รบ คนทีจ่ ะภูมิใจได๎ ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 กลาํ วโดยสรุป หลกั วิชา และหลกั วิชาการดงั น้ี หลกั วิชา คือ เนือ้ หาความรู๎ และหลกั วิชาการ คอื นาความรม๎ู าจัดกระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ตอ๎ งคานึงเสมอวาํ ความร๎เู ปน็ เสมือน ไฟ ต๎องเลอื กใช๎ให๎ถกู ตอ๎ ง ฉะน้นั การใช๎ความรู๎คือดวงประทปี เปรียบกันได๎หลายทาง ดวงประทปี เปน็ ไฟท่ีสอํ งแสงเพื่อนาทางไป ถ๎าใช๎ไฟน้ีสอํ งในทางทีถ่ กู ก็จะไปถงึ จดุ หมายปลายทางไดโ๎ ดยสะดวก เรยี บรอ๎ ย แตถํ ๎าไมํระวังไฟนั้น อาจเผาผลาญใหบ๎ า๎ นชํองพนิ าศลงได๎ ความรเู๎ ปน็ แสงสวาํ งท่จี ะนาเรา ไปสคูํ วามเจรญิ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวัง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรือความหมายของรอบร๎ู คอื รูห๎ ลายอยาํ ง, รูก๎ วา๎ งขวาง, เชนํ เขารอบรใ๎ู นเรอ่ื งกฎหมาย กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบคอบ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คา จากัดความ หรอื ความหมายของรอบคอบ คอื ท่ัว, ถ๎วนถ่ี , เชนํ พจิ ารณาอยํางรอบคอบ , ระวงั เหตุการณ๑ข๎างหน๎าขา๎ งหลังเสมอ, ไมํเผอเรอ, เชํน ดูแลใหร๎ อบคอบ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ระมดั ระวัง จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของระมดั ระวงั คือ ดแู ลให๎ปลอดภยั , ดูแลอยาํ งรอบคอบ ไมใํ หพ๎ ลง้ั พลาด , เชํน ระมดั ระวงั ให๎ดเี วลาขา๎ มถนน ระมดั ระวงั เรอ่ื งสายไฟฟาู รวั่ ให๎มาก กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 กลําวโดยสรุป รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง หมายถงึ การศกึ ษาหาข๎อมูล กอํ นการปฏิบตั โิ ดยคานึงผลทีจ่ ะตามมา อยํางรอบคอบและระมัดระวัง
74 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกับรอบรู๎ เนอ่ื งในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั รและอนปุ รญิ ญา บตั รแกผํ ๎ูสาเรจ็ การศกึ ษาจฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลัยประจาปกี ารศึกษา 2515 ณ หอประชุม จุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลยั วนั ท่ี 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ดังนี้ “ ทกุ คนจาเป็นต๎องหมน่ั ใชป๎ ๓ญญาพิจารณา การกระทาของ ตนใหร๎ อบคอบอยํเู สมอ ระมัดระวงั ทาการทกุ อยํางด๎วยเหตุผล ด๎วยความมสี ติ และดว๎ ยความรูต๎ ัว เพอ่ื เอาชนะความชว่ั ร๎ายทั้งมวลให๎ไดโ๎ ดยตลอด และ สามารถก๎าวไปถึงความสาเร็จทแี่ ทจ๎ ริงทง้ั ในการงานและการครองชวี ติ ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับรอบคอบ เนอื่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย สวนจติ รลดาฯ พระราชวังดุสติ วนั ที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2540 ดังน้ี “ ฉะน้ันการทีจ่ ะทาโครงการอะไร จะตอ๎ งทาด๎วยความรอบคอบ และอยําตาโตเกินไป คือ บางคนเห็นวาํ มโี อกาสท่ีจะทาโครงการอยาํ งโนน๎ อยาํ งนี้ และไมํได๎นกึ ถึงวําป๓จจยั ตาํ ง ๆ ไมํครบ ป๓จจยั หนึง่ คือขนาด ของโรงงาน หรอื เคร่ืองจกั รท่สี ามารถท่จี ะปฏบิ ัติได๎ แตํขอ๎ สาคญั ทส่ี ุด คอื วตั ถุดิบ ถ๎าไมสํ ามารถท่จี ะใหค๎ าํ ตอบแทนวัตถดุ บิ แกํเกษตรกร เกษตรกร ก็จะไมผํ ลิต ยิ่งถา๎ วัตถุดบิ สาหรับใช๎ในโรงงานนั้น เป็นวตั ถุดบิ ทต่ี อ๎ งนามาจาก ระยะไกล หรอื นา เข๎าก็จะย่ิงยาก เพราะวําวตั ถดุ ิบทีน่ าเข๎านัน้ ราคา ยงิ่ แพง บางปวี ัตถดุ ิบน้นั มบี ริบูรณ๑ ราคาอาจจะตา่ ลงมา แตํเวลาจะขาย สิง่ ของทีผ่ ลติ จากโรงงาน กข็ ายยากเหมือนกนั เพราะวาํ มมี าก จึงทาให๎ราคา ตก นกี่ เ็ ป็นกฎเกณฑ๑ที่ต๎องมี”
75 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับความระมัดระวัง เน่ืองในการแถลงการณ๑ สภาการวทิ ยุ และโทรทัศน๑แหงํ ชาตติ ามแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (สวชพ .) เร่อื ง “การใชเ๎ สรภี าพ เพ่อื ความปรองดองสมานฉันท๑ ” ในวันนักขาํ ว วนั ท่ี 5 มนี าคม พ.ศ. 2520 ดงั นี้ “ การมเี สรีภาพน้นั เปน็ ของดีอยํางย่งิ แตํเมอื่ จะใช๎ จาเปน็ ต๎องใช๎ ด๎วยความระมัดระวัง และความรบั ผดิ ชอบ มใิ หล๎ ํวงละเมิดเสรภี าพของผ๎ูอื่น ทเี่ ขามีอยูเํ ทาํ เทยี มกนั ทงั้ มิใหก๎ ระทบกระเทอื นถงึ สวสั ดภิ าพ และความ เปน็ ปกติสุขของสวํ นรวมด๎วย มฉิ ะน้นั จะทาให๎มคี วามยํงุ ยาก จะทาสังคม และชาตปิ ระเทศตอ๎ งแตกสลายจนสิ้นเชงิ ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 กลาํ วโดยสรุป รอบร๎ู รอบคอบ และระมดั ระวงั ไดแ๎ กํ การศึกษาหาข๎อมูล กํอนการปฏิบตั โิ ดยคานงึ ผลท่จี ะตามมา อยาํ งรอบคอบและระมัดระวัง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ การดาเนินชีวติ อยาํ งมีเหตผุ ลรอบคอบ ระมดั ระวัง อยรํู วํ มกบั ผ๎อู นื่ ด๎วยความรบั ผิดชอบ ไมํเบยี ดเบียนผ๎ูอืน่ เหน็ คณุ คําของทรพั ยากรตาํ ง ๆ มกี ารวางแผนปอู งกันความเส่ียง และพรอ๎ มรับการเปล่ยี นแปลง กกกกกกก3. 3.5 เง่อื นไขคณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซอื่ สัตยส์ ุจริต กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซื่อสัตย๑ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของความซ่ือสัตย๑ คือ ประพฤติตรงและจรงิ ใจ, ไมคํ ิดคดทรยศ, ไมํคดโกง และไมหํ ลอกลวง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) สจุ ริต จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความหรือความหมายของสจุ ริต คือ ความประพฤตชิ อบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) กลาํ วโดยสรปุ ความซอ่ื สตั ยส๑ ุจริต หมายถึง การยึดมั่นในความสตั ย๑ จริงและในสง่ิ ที่ถูกต๎องดงี าม มคี วามซื่อตรง และมีเจตนาทบี่ ริสุทธิ์ ปฏบิ ตั ติ อํ ตนเองและผ๎อู ่นื โดยชอบ ไมํคดโกง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับความซอื่ สตั ย๑สจุ ริต เนื่องในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร ของจฬุ าลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วนั ท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ดงั น้ี
76 “ คนที่ไมํมคี วามสจุ ริต คนที่ไมมํ คี วาม มน่ั คง ชอบแตมํ กั งําย ไมํมี วนั จะสรา๎ งสรรคป๑ ระโยชนส๑ ํวนรวมท่สี าคัญอันใดได๎ ผ๎ทู ี่มีความสุจรติ และ ความมํงุ มัน่ เทาํ น้ัน จงึ จะทางานสาคัญย่งิ ใหญํท่ีเปน็ คุณ เป็นประโยชนแ๑ ท๎จริง ได๎สาเร็จ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) กลําวโดยสรุป ความซอื่ สตั ย๑สจุ รติ เปน็ พ้ืนฐานของความดที ุกอยําง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ได๎แกํ ต๎องมีจิตใจท่ีต้งั ม่ัน เที่ยงตรง มงุํ ม่นั ทาความดี และชํวยปลกู ฝง๓ ผเ๎ู กย่ี วข๎องใหต๎ ง้ั ใจทาความดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพยี ร และอดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพียร จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากัดความ หรือความหมายของความเพยี ร คือ ความบากบนั่ , ความกลา๎ แข็ง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความพากเพียร จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความพากเพยี ร คอื บากบ่ัน, พยายาม, มํุงทาไมทํ อ๎ ถอย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความอดทน จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความอดทน คอื บึกบึน, ยอมรบั สภาพความยากลาบาก กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) กลําวโดยสรปุ ความเพยี ร พากเพียร อดทน หมายถึง การปฏิบัติ หนา๎ ท่ีการงานและประกอบอาชพี ท่ีสุจรติ อยํางกระตือรือรน๎ และตง้ั ใจจรงิ ใหส๎ าเร็จดว๎ ยความมานะ อดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ความเพยี ร แกคํ ณะบคุ คลตาํ ง ๆ ท่เี ข๎าเฝาู ฯถวายชัยมงคล ในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ณ พระทนี่ งั่ กาญจนาภเิ ษก มณฑลพธิ ที ๎องสนามหลวง เมอื่ วันที่ 9 มถิ นุ ายน พ.ศ.2539 ดังนี้ “ ความเพียรท่ถี ูกตอ๎ งเปน็ ธรรม และพึงประสงค๑นน้ั คอื ความเพยี ร ที่จะกาจดั ความเส่ือมให๎หมดไป และระวังปูองกนั มิใหเ๎ กดิ ขน้ึ ใหมํ อยาํ งหน่ึง กับความเพียรท่ีจะสร๎างสรรคค๑ วามดีงาม ให๎บงั เกดิ ขึ้นและระวังรักษา มิให๎ เสือ่ มสิน้ ไป อยํางหน่งึ ความเพยี รท้งั สองประการนี้ เป็น อุปการะอยํางสาคญั ตํอการปฏิบัติตน ปฏบิ ตั ิงาน ถ๎าทกุ คนในชาติจะไดต๎ ้ังตนตัง้ ใจอยใูํ นความ เพียรดงั กลําว ประโยชน๑และความสุขก็จะบังเกดิ ข้ึนพร๎อม ท้งั แกสํ วํ นตัว และสํวนรวม ”
77 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกยี่ วกับความพากเพียร เนือ่ งในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ณ อาคารสวนอมั พร วันที่ 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ ความเพยี รทจี่ ะเปน็ กาลังได๎ตอ๎ งมีลักษณะแขง็ กล๎า ไมํ ยอํ หยอํ นเสือ่ มคลายด๎วยอปุ สรรค ด๎วยความยากลาบาก เหน็ดเหนือ่ ย ประการใด ๆ หากแตอํ ุตสาหะ พยายามกระทาเรอ่ื ยไปไมถํ อยหลงั แม๎หยุดมือก็ยงั พยายามตดิ ตอํ ไปไมทํ อดธุระ กาลงั ความเพยี ร จึงทาให๎ การงานไมชํ ะงกั ลาํ ช๎ า มแี ตํ ดาเนินรดุ หน๎าเป็นลาดบั ไป จนบรรลุ ความสาเร็จโดยไมํมีสงิ่ ใดจะยบั ยงั้ ขดั ขวางได๎ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ความอดทน เนื่องในพระราชทานแกนํ ักเรียน นักศกึ ษา ครู และอาจารย๑ ในโอกาสเข๎าเฝาู ฯ ณ อาคารใหมํสวนอัมพร วันท่ี 27 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ดงั นี้ “ การสร๎างสรรค๑ตนเอง การสรา๎ งบ๎านเมืองก็ตาม มิใชวํ ําสร๎าง ในวนั เดียว ต๎องใช๎เวลา ต๎องใช๎ความเพยี ร ต๎องใชค๎ วามอดทน เสยี สละ แตสํ าคญั ที่สุดคือความอดทน คอื ไมยํ ํอทอ๎ ไมยํ อํ ท๎อในส่งิ ทด่ี งี าม สงิ่ ท่ีดี งามนน้ั ทามันนําเบ่ือ บางทเี หมอื นวาํ ไมไํ ด๎ผล ไมดํ งั คือดมู ันครทึ าดนี ี่ แตขํ อรับรองวาํ การทาให๎ดไี มํครตึ อ๎ งมคี วามอดทน เวลาข๎างหน๎าจะเหน็ ผล แนํนอน ในความอดทนของตนเอง ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) กลาํ วโดยสรุป ความเพยี ร พากเพียร และอดทน จะเกิดขึน้ ได๎จากการ ฝกึ ฝนจนเกิดเป็นนิสัย และกระต๎ุนให๎เกิดการทางานอยํางจริงจงั จนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ฝกึ ฝนความเพยี รจนเป็นนิสัย ใหเ๎ ป็นพลงั การทางานใด ๆ การฝึกฝนความเพียร ถึงหากแรก ๆ จะรสู๎ ึกเหน็ดเหนอื่ ยลาบาก แตไํ ด๎ เพยี รจนเปน็ นสิ ัยแล๎ว ก็จะกลับเป็นพลงั อยํางสาคัญที่คอยกระตุ๎นเตือนใหท๎ างานอยาํ งจริงจงั ด๎วยใจ ราํ เรงิ
78 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และปัญญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัด ความ หรอื ความหมายของสติ คือ ความร๎ูสึก, ความรส๎ู ึกตัว , เชํน ได๎สติ ฟนื้ คนื สติ สิ้นสติ , ความรู๎สกึ ผดิ ชอบ เชนํ มีสติ ไร๎สติ, ความระลกึ ได๎ เชนํ ต้งั สติ กาหนดสติ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) ป๓ญญา จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากัดความ หรือความหมายของป๓ญญา คือ ความรอบร๎ู, ความร๎ูท่ัว, ความฉลาดเกดิ แตเํ รยี นและคิด, เชนํ คนมปี ญ๓ ญา หมดป๓ญญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) กลําวโดยสรปุ สติ และปญ๓ ญา หมายถงึ ป๓ญญารอบคอบ, ป๓ญญาร๎คู ดิ เชํน เขาเป็นคนมีสตปิ ๓ญญาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกยี่ วกบั สติเนอื่ งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ณ อาคารใหมํสวนอัมพร วนั ท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ดังน้ี “ ความบงั คับตนเองน้ันเกิดขึ้นไดจ๎ ากความร๎ูสึกระลึกไดว๎ ําอะไร เปน็ อะไร หรอื เรยี กสัน้ ๆ วํา \"สติ\" กลําวคือ กํอนท่บี ุคคลจะทา จะพูด หรอื แม๎แตํจะคิดเรอ่ื งตําง ๆ สติหรือความร๎ูสกึ ระลกึ ไดน๎ ัน้ จะทาใหห๎ ยุดคิด วาํ สิง่ ทีจ่ ะทานั้นผิดชอบช่ัวดอี ยํางไร จะมีผลเสียหายหรื อจะเปน็ ประโยชน๑ อยาํ งไรในระยะยาว เม่อื บคุ คลคิดได๎ กจ็ ะสามารถตดั สนิ การกระทาของตน ไดถ๎ ูกตอ๎ ง แล๎วก็จะกระทาแตเํ ฉพาะสิง่ ท่สี จุ ริตท่ีมีประโยชน๑อันยงั่ ยืน ไมํกระทาสิ่งที่จะเปน็ ความผิดเสยี หายท้งั แกํตนและสวํ นรวม ความมสี ตนิ ัน้ จะชํวยใหส๎ ามารถศกึ ษาทกุ ส่ิงทุกอยํางไดอ๎ ยาํ งละเอยี ดประณีต คือเมอื่ จะ ศึกษาส่งิ ใด ก็จะพิจารณากลั่นกรองสิ่งที่มใิ ชํความถกู ต๎องแท๎จรงิ ออกเสียกอํ น เพอ่ื ให๎ได๎มาแตํเน้อื แท๎ทีป่ ราศจากโทษ บณั ฑิตท้ังปวงผห๎ู วงั ความมั่นคงปลอดภยั ท้งั ของตนและของชาตบิ ๎านเมอื ง เมอื่ จะทาการงาน ใด ๆ ทสี่ าคัญ ควรอยํางยง่ิ ทจ่ี ะหยุดคิดสกั หนอํ ยกํอนทุกครงั้ แลว๎ ทาํ นจะ ไมตํ อ๎ งประสบกับความผิดหวงั และผิดพลาดในชีวติ ”
79 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ปญ๓ ญาเนือ่ งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ท่ี 1 สงิ หาคม พ.ศ. 2539 ดงั น้ี “ ป๓ญหาทุกอยาํ งไมวํ ําเลก็ หรือใหญํ มที างแกไ๎ ขไดถ๎ า๎ รู๎จักคิดใหด๎ ี ปฏิบัตใิ ห๎ถูก การคิดได๎ดีนนั้ มใิ ชํการคิดไดด๎ ๎วยลกู คิด หรือด๎วยสมองกล เพราะโลกเราในป๓จจุบนั จะวิวัฒนาการไปมากเพยี งใดกต็ าม ก็ยังไมํ มี เครื่องมอื อันวิเศษชนดิ ใดสามารถขบคิดแก๎ไขปญ๓ หาตาํ ง ๆ ไดอ๎ ยํางสมบรู ณ๑ การขบคดิ วินิจฉยั ปญ๓ หา จึงต๎องใช๎สตปิ ญ๓ ญา คอื คดิ ดว๎ ยสติรู๎ตัวอยํเู สมอ เพือ่ หยดุ ยัง้ และปอู งกันความประมาทผดิ พลาดและ อคตติ ําง ๆ มิให๎เกดิ ข้นึ ชวํ ยใหก๎ ารใชป๎ ๓ญญาพจิ ารณาป๓ญหาตาํ งๆ เปน็ ไปอยาํ งเทยี่ งตรง ทา ให๎ เห็นเหตเุ หน็ ผล ทีเ่ ก่ียวเน่ืองกันเปน็ กระบวนการไดก๎ ระจํางชดั ทกุ ข้นั ตอน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) กลําวโดยสรปุ สติ และปญ๓ ญาเปน็ ความสามารถในตัวบคุ คล ที่จะ ทราบไดจ๎ ากพฤตกิ รรมทบี่ ุคคลแสดงออก ระดบั ของสตปิ ญ๓ ญาสงั เกตไดจ๎ ากการแสดงออกทม่ี ีความ คลํองแคลํว รวดเร็ว ความถกู ตอ๎ ง ความสามารถในการคดิ การแกป๎ ญ๓ หาและการปรับตัว การใช๎ แบบทดสอบวัดสตปิ ญ๓ ญาจะทาให๎ทราบระดบั สติปญ๓ ญาชดั เจนขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ตอ๎ งหมัน่ แสวงหาความร๎ูอยเํู สมอ ผูป๎ รารถนาความเจริญในการประกอบกิจการงาน จะต๎องหมั่นเอาใจใสแํ สวงหาความรใ๎ู หเ๎ พิม่ พูนอยเํู สมอ มฉิ ะนั้น จะกลายเป็นผ๎ทู ลี่ ๎าสมยั กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมเ่ บียดเบียน มีเมตตา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมํเบียดเบียน หมายถึง ไมทํ าให๎เดือดร๎อน เชํน โรคภัยไขเ๎ จ็บไมํมา เบยี ดเบยี น หรอื บุคคลผู๎ไมํเบียดเบียนผอู๎ ื่นให๎ได๎รับความเดอื ดร๎อน มีแตคํ วามปรารถนาดตี ํอผูอ๎ ่ืน ดว๎ ยการเจริญเมตตาจิต ปรารถนาสขุ ใหห๎ มชํู น หรือสงั คมอยูํรวํ มกนั อยํางเปน็ สขุ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) มเี มตตา จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของมเี มตตา คอื ความรักและเอน็ ดู ,ความปรารถนาจะให๎ผ๎ูอ่นื ได๎สุข , เป็น ๑ ในพรหมวิหาร ๔ คอื เมตตา กรุณา มุทิตา อเุ บกขา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) กลาํ วโดยสรปุ ไมํเบยี ดเบยี น มีเมตตา หมายถงึ บคุ คลผ๎ไู มํเบยี ดเบยี น ผูอ๎ ืน่ ให๎ได๎รบั ความเดอื ดรอ๎ น มีแตํความปรารถนาจะใหผ๎ ๎ูอนื่ ไดส๎ ขุ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ไมํเบยี ดเบยี นให๎ แกํคณะบคุ คลทเี่ ข๎าเฝูาฯ ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ.2541 ดังนี้
80 “ คนเราถ๎าพอใจในความตอ๎ งการ ก็มคี วามโลภนอ๎ ย เมอ่ื มีความ โลภน๎อยกเ็ บยี ดเบยี นคนอ่ืนนอ๎ ย ถ๎าทุกประเทศมคี วามคดิ วําทาอะไรตอ๎ ง พอเพยี ง หมายความวาํ พอประมาณ ไมํสดุ โตํง ไมโํ ลภอยาํ งมาก คนเราก็อยํู เปน็ สขุ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกย่ี วกบั มีเมตตาเนอ่ื งในการเสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ สหี ัญชร พระทน่ี ัง่ อนนั ตสมาคม พระราชวงั ดสุ ิต ในพระราชพิธีเฉลิมชนมพรรษา วนั ท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ.2555 ดังนี้ “ ความเมตตาปรารถนาดตี อํ กันเป็นปจ๓ จยั อยาํ งสาคัญ ท่ีจะยัง ความพร๎อมเพรียงให๎เกดิ มขี นึ้ ทั้งในหมูํคณะ และในชาตบิ ๎านเมือง และถา๎ คนไทยเรา ยงั มคี ณุ ธรรมข๎อน้ปี ระจาอยจูํ ิตใจ กม็ ีความหวังได๎วํา บา๎ นเมอื งไทยไมํวําจะอยใูํ นสถานการณใ๑ ด ๆ กอ็ ยูํรอดปลอดภยั และดารง ความมน่ั คงตอํ ไปไดต๎ ลอดรอดฝง่๓ อยาํ งแนนํ อน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) กลาํ วโดยสรปุ ไมํเบียดเบียน มีเมตตา จะเกดิ ข้นึ ได๎ โดยการปลกู ฝง๓ คณุ ธรรมจากครอบครัว และสงิ่ แวดลอ๎ ม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การไมํทาใหผ๎ ู๎อน่ื เดอื นรอ๎ น ทง้ั กาย วาจา และใจ มแี ตคํ วามปรารถนาดีตํอผอ๎ู ื่น กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตัง้ ใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ต้งั ใจดี จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของตัง้ ใจดี คือ มํงุ ม่ันท่จี ะทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) คดิ ดี หมายถงึ การคดิ ทีไ่ มํยอมแพป๎ ๓ญหา และอุปสรรคแลว๎ คดิ วธิ แี ก๎ไข การคดิ ทกี่ ระต๎นุ ใหต๎ ัวเองเกดิ ความกระตือรือรน๎ การมองเหตุการณ๑และผ๎อู ื่นในด๎านดมี ากกวําด๎าน ไมํดี การสรา๎ งความรส๎ู กึ ท่ดี ี แม๎สง่ิ ทเี่ ผชิญอยูํจะทาให๎เครยี ด กังวล กต็ าม
81 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ทาดี หมายถงึ การปฏิบตั งิ านด๎วยความมุงํ ม่ัน ไมยํ ํอท๎อ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) กลาํ วโดยสรปุ ตั้งใจดี คิดดี และทาดี หมายถงึ ความคิดเป็นสง่ิ สาคญั ทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงวิถีชีวติ ของเรา หากคิดดีกจ็ ะมคี วามรูส๎ กึ ทด่ี ี ๆ เมอื่ มีความรสู๎ กึ ดี ก็จะมคี าพูดทด่ี ี ๆ ตามมา สงํ ผลใหม๎ ีการกระทาท่ีดีด๎วย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับตง้ั ใจดี เน่ืองในพธิ ีพระปฐมบรมราชโองการเนอ่ื งในพระราชพธิ ี บรมราชาภเิ ษก ณ พระที่น่งั ไพศาลทกั ษณิ วนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ดงั น้ี “ เราจะครองแผนํ ดนิ โดยธรรม เพือ่ ประโยชน๑สุขแหํงมหาชนชาวสยาม ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกบั คิดดี เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ดงั น้ี “ ถา๎ เราคิดดี ทาดี ไมใํ ชแํ ตํปากนะ ทาอยํางดจี รงิ ๆ คอื สรา๎ ง สมส่งิ ทีด่ ี ด๎วยการปฏิบัติในสง่ิ ทเี่ รียกวําดี หมายความวาํ ไมเํ บียดเบยี น ผู๎อ่นื สร๎างสรรค๑ทาใหม๎ ีความเจริญทัง้ วตั ถุทง้ั จิตใจ แล๎วไมํต๎องกลวั ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกับทาดี เนือ่ งในพิธีพระราชทานกระบแี่ ละปรญิ ญาบตั รแกวํ ําที่ร๎อย ตารวจตรโี รงเรียนนายร๎อยตารวจ วันที่ 10 มนี าคม พ.ศ. 2529 ดังนี้ “ การทาความดนี ้ัน โดยมากเปน็ การเดินทวนกระแสความ พอใจและความตอ๎ งการของมนุษย๑ จึงทาได๎ยากและเห็นผลชา๎ แตกํ ็ จาเป็นตอ๎ งทา เพราะหากไมํ ความชวั่ ซ่ึงทางํายจะเข๎ามาแทนที่ แล๎วพอก พนู ข้นึ อยาํ งรวดเร็วโดยไมํร๎ูสกึ ตวั ”
82 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) กลําวโดยสรุป ต้งั ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคดิ ดีก็จะมคี วามรสู๎ ึกทดี่ ี เมื่อมีความรูส๎ ึกทีด่ กี จ็ ะมคี าพดู ทีด่ ี สํงผลใหม๎ กี ารกระทาที่ดดี ๎วย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ ตัง้ ใจดี คดิ ดี ทาดี คือ ตัง้ ใจทาใน สง่ิ ที่ดี ซ่งึ การต้ังใจทาดคี วรมกี ารลงมอื ปฏบิ ัตจิ งึ จะเห็นผลอยาํ งแท๎จริง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผดิ ชอบ รบั ผิด และรบั ชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรบั ผดิ ชอบ หมายถึง ลกั ษณะของบคุ คลทแี่ สดงออกถึงความเอา ใจใสํ จดจอํ ตั้งใจ มุงํ ม่ันตอํ หน๎าทกี่ ารงาน การศกึ ษาเลําเรยี น และการเป็นอยูํของตนเอง และ ผู๎อยใูํ น ความดแู ล ตลอดจนสงั คม อยาํ งเตม็ ความสามารถ เพอื่ ใหบ๎ รรลุผลสาเร็จตามความมุงํ หมายในเวลาที่ กาหนด ยอมรับผลการกระทาทงั้ ผลดีและผลเสยี ท่ีเกดิ ขนึ้ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) รบั ผดิ หมายถึง การยอมรับวําส่ิงทตี่ นทามีข๎อใดสํวนใดผดิ พลาด เสยี หาย และเสียหายเพราะเหตใุ ด ขอ๎ นม้ี ีประโยชน๑ ทาใหร๎ ู๎จักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมท้ัง ขอ๎ บกพรอํ งของตนอยํางจริงจัง เปน็ ทางที่จะชวํ ยให๎คิดหาวธิ ปี ฏบิ ัติแก๎ไข การกระทาและความ ผดิ พลาดตาํ ง ๆ ใหถ๎ ูกต๎องสมบูรณ๑ได๎ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) รบั ชอบ หมายถงึ ร๎ูวําสิ่งท่ีตนทามสี วํ นใดทใ่ี ด ถกู ต๎องแลว๎ คอื ถกู ตาม ความมุํงหมาย ตามหลกั วชิ า ตามหลักวธิ ีการ ตามสถานการณแ๑ ล๎ว กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) กลําวโดยสรปุ ความรบั ผดิ ชอบ รับผดิ และรบั ชอบ หมายถึง ยอมรบั ผลท้ังที่ดแี ละไมดํ ใี นกิจการทต่ี นได๎ทาลงไป หรือท่ีอยใํู นความดแู ลของตน เชํน สมหุ ๑บัญชีรับผิดชอบ เรื่องเกยี่ วกบั การเงนิ , รับเปน็ ภารธรุ ะ เชนํ งานนเ้ี ขารบั ผิดชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉันรบั ผิดชอบทุกอยํางในบา๎ นเอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความรับผดิ ชอบ เนื่องในพธิ ีถวายพระพรชยั มงคล ณ พระทน่ี งั่ อนนั ตสมาคม วันท่ี 12 มถิ ุนายน พ.ศ. 2549 ดงั น้ี “ การทานบุ ารุงประเทศชาตินนั้ มใิ ชเํ ปน็ หน๎าท่ีของผหู๎ น่ึงผใู๎ ด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรบั ผิดชอบของคนไทยทกุ คน ท่ีจะต๎อง ขวนขวายกระทาหนา๎ ที่ของตนให๎ดที ่ีสดุ เพ่ือธารงรักษาและพัฒนาชาติ บ๎านเมอื งให๎เจริญมนั่ คง และผาสกุ รํมเยน็ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาท เกี่ยวกับความรบั ผดิ เนอ่ื งในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแกํผส๎ู าเร็จ การศกึ ษาของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดังนี้
83 “ การรจู๎ ักรบั ผิดหรอื ยอมรบั รวู๎ าํ อะไรผิด อะไรผดิ พลาดเสียหาย และเสยี หายเพราะอะไร เพียงใดนัน้ มปี ระโยชน๑ทาให๎บุคคลรูจ๎ กั พจิ ารณา ตนเอง ยอมรบั ความรบั ผดิ ชอบของตนเองโดยใจจรงิ เป็นทางทจ่ี ะชวํ ยให๎ แกไ๎ ขความผดิ ได๎ และใหร๎ ๎ูวาํ จะปฏิบัติแก๎ไขใหมํ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาท เกี่ยวกบั ความรบั ชอบ เน่ืองในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั รแกํผ๎ูสาเรจ็ การศึกษาของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ สํวนการรจ๎ู ักรบั ชอบหรอื รว๎ู ําอะไรถูก อนั ได๎แกถํ กู ตามความ มุํงหมาย ถกู ตามหลักวชิ า ถกู ตามวธิ กี ารน้นั มีประโยชนท๑ าใหท๎ ราบแจง๎ วํา จะทาใหง๎ านสาเรจ็ สมบูรณ๑อยํางไร จักไดถ๎ ือปฏิบัตติ ํอไป ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) กลาํ วโดยสรปุ ความรับผิดชอบ รับผิด และรับชอบจะแสดงถงึ ความ เอาใจใสํมํุงม่นั ตอํ ภารกิจท่ีทา ทุกคนต๎องมคี วามรบั ผิดชอบตํอหนา๎ ทก่ี ารงาน การศกึ ษา อน่ื ๆ อยาํ งเตม็ ความสามารถเพ่ือให๎บรรลผุ ลสาเร็จตามจุดมํุงหมาย และยอมรบั ผลการกระทาที่จะเกดิ ข้ึน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ประชาชนทกุ คนต๎องมีความ รบั ผิดชอบตอํ หนา๎ ทก่ี ารงาน การศกึ ษาเลําเรยี น และการเป็นอยูขํ องตนเอง และ ผูอ๎ ยูํในความดูแล ตลอดจนสงั คม อยํางเต็มความสามารถ เพ่ือใหบ๎ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามความมงุํ หมายในเวลาทกี่ าหนด ยอมรับผลการกระทาทัง้ ผลดแี ละผลเสยี ท่เี กิดข้นึ รับผิด คือ การยอมรบั วําส่ิงทีต่ นทามขี ๎อใดสํวนใด ผิดพลาดเสยี หาย และเสียหายเพราะเหตใุ ด ข๎อนีม้ ีประโยชน๑ ทาใหร๎ ูจ๎ กั พจิ ารณาการกระทาของตน พร๎อมทง้ั ขอ๎ บกพรํองของตนอยาํ งจริงจงั เป็นทางทจี่ ะชํวยให๎คดิ หาวิธปี ฏบิ ัติแก๎ไข กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หนา้ ท่ี กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชนส์ ่วนตน และเสียสละ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชนส๑ ํวนรวม หมายถงึ ผลประโยชนส๑ าธารณะ ยังหมายรวมถงึ หลกั ประโยชน๑ตํอมวลสมาชกิ ในสังคม กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชนส๑ วํ นตน หมายถงึ นึกถึงแตํตวั เอง หรือเห็นแกํตวั เชนํ หากพวกเราทางานโดยนกึ ถงึ แตํประโยชนส๑ ํวนตวั องคก๑ รของเราก็จะไมํกา๎ วหน๎า
84 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) เสียสละ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากัดความ หรือความหมายของเสียสละ คอื ใหโ๎ ดยยินยอม, ให๎ดว๎ ยความเต็มใจ, เชนํ ทหารเสยี สละ ชวี ติ เพอ่ื ปกปอู งเอกราชของชาติ พํอแมํเสียสละทกุ สิง่ ทุกอยาํ งได๎เพื่อลกู กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) กลําวโดยสรุป ประโยชน๑สํวนรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสียสละ หมายถงึ การเสียสละเพื่อใหป๎ ระเทศชาตมิ คี วามเจรญิ ซ่งึ เปน็ ความรับผดิ ชอบของทกุ คน และไมํเหน็ แกํประโยชนส๑ วํ นตน กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกับประโยชน๑สวํ นรวมให๎แกํนักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั สงขลา นครินทร๑ ณ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร๑ วิทยาเขตปต๓ ตานี วนั ท่ี 11 กนั ยายน พ.ศ. 2523 ดังนี้ “ การทาเพอื่ ประโยชนส๑ วํ นรวมนั้น ได๎ประโยชนม๑ ากกวาํ ทา เฉพาะประโยชน๑สํวนตวั และบอกไดว๎ าํ คนไหนทาเพ่อื ประโยชนส๑ ํวนตวั แท๎ ๆ ล๎วน ๆ เชอ่ื วาํ ประโยชนน๑ ้นั จะไมไํ ด๎ เทํากบั รวบรวมของหนักมาวางบนหวั แบกเอาไว๎ตลอดเวลา ซึ่งกไ็ มํสบาย กห็ นัก ก็เหนือ่ ย แตถํ ๎าผใ๎ู ดทา เพื่อสวํ นรวม ยิ่งมากย่ิงดี ย่งิ เบา ยิง่ คลํองแคลํววํองไว และยิง่ มคี วามสุข ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั ประโยชน๑สวํ นตน เน่ืองในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร ประกาศนยี บตั ร และอนปุ ริญญาบัตรแกผํ ส๎ู าเร็จการศึกษา สาขาวิชาและวชิ าตาํ ง ๆ ของ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหมํ ณ มหาวิทยาลยั เชียงใหมํ วันท่ี 16 มกราคม พ.ศ. 2512 ดังน้ี “ ผท๎ู ่ที างานให๎เกิดประโยชน๑แกสํ วํ นรวมยํอมไดป๎ ระโยชนส๑ ํวนตน ดว๎ ย ผูท๎ ่ที างานโดยเห็นแกํตวั เบียดเบยี นประโยชนส๑ ํวนรวม ยํอมบัน่ ทอน ทาลายความมน่ั คงของประเทศชาติ และทสี่ ุดตนเองก็จะเอาตวั ไมรํ อด ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับ ความเสียสละ เน่อื งในพิธพี ระราชทานแกํคณะกรรมการสมาคม หนงั สอื พิมพแ๑ หํงประเทศไทย ณ พระตาหนกั จิตรลดารโหฐาน วนั ท่ี 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดังนี้
85 “ การทข่ี อใหท๎ าเพ่ือสวํ นรวมน้ี ก็ใชํวาํ แตลํ ะคนจะต๎องเสยี สละ ให๎เหลือแตํตวั ลํอนจ๎อนเพ่อื สง่ิ ท่เี รยี กวาํ สํวนรวม มิใชอํ ยํางน้นั แตํหมายวาํ สละสง่ิ ใดทสี่ ละได๎เพอ่ื ทจ่ี ะให๎สวํ นรวมอยํูได๎ โดยจุดประสงค๑ทจ่ี ะ สวํ นบุคคลอยูไํ ดเ๎ หมือนกัน เพราะวาํ ถ๎าสวํ นรวมอยํูไมไํ ด๎ สวํ นบคุ คลกอ็ ยํู ลาบาก นอกจากจะเป็นผ๎ทู ีเ่ อาตัวรอดโดยแท๎ และลงท๎ายผ๎ทู ี่เอาตัวรอด เหลํานน้ั กจ็ ะนับวําเอาตวั ไมรํ อด เพราะวําไมมํ ีเกียรตไิ มํมคี วามภมู ิใจในตวั ฉะนน้ั กข็ อรอ๎ งให๎สมาชิกทั้งหลายพยายามที่จะพินจิ เคราะหใ๑ นการกระทา ในการเสนอขาํ วเสนอบทความ ให๎เป็นไปในทางทสี่ รา๎ งสรรค๑ เปน็ ไปในทาง ท่จี ะทาใหส๎ วํ นรวมเป็นปกึ แผํน ให๎สํวนรวมมีความกา๎ วหน๎า มีสิ่งดงี าม ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) กลําวโดยสรปุ ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และ เสยี สละ คอื การทาประโยชน๑ให๎สํวนรวม เสียสละ เพ่ือใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซึ่งเปน็ ความรับผดิ ชอบของ ทุกคน และไมํเห็นแกปํ ระโยชน๑สวํ นตน กกกกกกก3. 3.5 3 .5.2 1 ) หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ การที่ทกุ คนสามารถ เข๎ารํวม กจิ กรรมทเ่ี ป็นประโยชนต๑ อํ โรงเรียน ชุมชนและสังคม พฤตกิ รรมท่ีบงํ ชีเ้ ชํน ดูแลรักษาสาธารณสมบัติ และสิง่ แวดล๎อมดว๎ ยความเต็มใจ เข๎ารวํ มกิจกรรมที่เปน็ ประโยชน๑ตอํ โรงเรยี น ชุมชน และสังคม และ เข๎ารวํ มกจิ กรรมเพอ่ื แกป๎ ๓ญหา หรือรํวมสรา๎ งสงิ่ ที่ดีงามของสํวนรวม ตามสถานการณ๑ท่ีเกดิ ข้ึน ด๎วยความกระตือรือร๎น กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามัคคี ร่วมมือ ปรองดอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความสามคั คี คอื ความพรอ๎ มเพรียงกัน, ความปรองดองกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความรวํ มมือ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความรํวมมอื คอื พร๎อมใจชํวยกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความปรองดอง จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรือความหมายของความปรองดอง คอื ออมชอม, ประนปี ระนอม, ยอมกนั , ไมํแกงํ แยํงกนั , ตกลงกนั ดว๎ ยความไกลํเกล่ีย, ตกลงกนั ดว๎ ยไมตรจี ติ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) กลาํ วโดยสรุปความสามัคคี รวํ มมอื ปรองดอง หมายถึง ความปรองดอง สมานฉนั ท๑ พร๎อมเพรียงกันแหํงหมูํคณะในการดาเนินชีวติ หรอื ในการทากิจการงานโดยชอบธรรม รวํ มกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกับความสามัคคี ในพิธพี ระราชทานธงประจารนํุ ลูกเสือชาวบา๎ น จงั หวดั นครศรธี รรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วันที่ 12 กนั ยายน พ.ศ. 2521 ดังนี้
86 “ ความสามัคคีน้ันเป็นการทที่ กุ คนเหน็ ใ จกัน ซงึ่ กันและกัน และพรอ๎ มเพรียง ก็หมายความวําไมไํ ด๎ทาคนละทีสองทแี ตํทาพรอ๎ มกัน ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรียงนี้มผี ลตํอเนอ่ื งอีกอยํางหน่งึ คือทาให๎ ทุกคนมคี วามเข๎มแข็ง แขง็ แรง ซง่ึ จะนามาสํูความสขุ ของแตลํ ะ คน เพราะวาํ คนเรามีทั้งสุขทั้งทุกข๑ เมอื่ เราสขุ ก็อยากใหค๎ นอน่ื สุขดว๎ ยทา ให๎สขุ ของตัวเองใหญํหลวงข้นึ แตํเม่ือมีความทุกขค๑ นอ่นื กจ็ ะชวํ ยทาให๎ ความทกุ ขน๑ ั้นน๎อยลงไป ฉะนน้ั ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรยี งน้นั จงึ เปน็ สิ่งทส่ี าคัญ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกบั รํวมมอื เน่ือง ในโอกาสพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ๑แกํ ขา๎ ราชการ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2513 ดงั น้ี “ การจะทางานทีม่ น่ั คงและก๎าวหนา๎ น้ัน มใิ ชํวาํ จะก๎มหน๎าก๎มตา ทาหน๎าทข่ี องแตลํ ะคนเทํานั้น จะตอ๎ งมีความรวํ มมอื สัมพนั ธก๑ ันระหวาํ ง หนวํ ยงานทุกหนวํ ย เพ่ือให๎งานรุดหนา๎ ไปพรอ๎ มเพรียงกัน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับปรองดอง เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ดังน้ี “ สามัคคหี รอื การปรองดองกันไมไํ ดห๎ มายความวาํ คนหนง่ึ พูด อยาํ งหน่งึ คนอื่นต๎องพูดเหมอื นกันหมด ลงท๎ายชีวิตก็ไมํมีความหมาย ต๎องมี ความแตกตํางกนั แตํต๎องทางานใหส๎ อด คล๎องกัน แมจ๎ ะ ขัดกนั บา๎ งแตํต๎อง สอดคล๎องกนั ”
87 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) กลําวโดยสรปุ ความสามัคคี รํวมมือ ปรองดองเกิดจากความรวํ มมือ รวํ มใจเป็นอนั หนง่ึ อนั เดียวกนั คณุ ธรรมนน้ี ับวําสาคัญมากในหมูคํ ณะเป็นคุณธรรมท่ีกอํ ให๎เกดิ ความสุข อยาํ งย่งิ แกหํ มูคํ ณะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) หน๎าทพ่ี ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ประชาชนมคี วามรวํ มมอื รํวมใจ ชํวยเหลือเก้ือกูลซึง่ กันและกัน รํวมแรงรวํ มใจเปน็ อนั หนงึ่ อันเดียวกัน กํอใหเ๎ กดิ ควา มสงบสุขทาให๎ ประเทศไทยอยํูรอดได๎ นัน่ คอื ความสามคั คแี ละความเปน็ ไทย กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจรญิ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความหรือความหมายของความสขุ คอื ความสบายกายสบายใจ เชนํ ขอให๎อยูดํ ีมีสขุ เกิดมา ก็มสี ขุ บา๎ งทุกข๑บา๎ ง, มกั ใช๎เข๎าคูํกบั คาเปน็ เชํน ขอให๎อยเํู ยน็ เป็นสขุ ขอใหเ๎ ป็นสขุ ๆ นะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความเจริญ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากัดความ หรอื ความหมายของความเจริญ คอื เติบโต, งอกงาม, ทาให๎งอกงาม, เชํน เจรญิ ทาง พระราชไมตรี เจรญิ สมั พนั ธไมตรี, มากขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) กลําวโดยสรุป ความสขุ ความเจริญ หมายถงึ ความสขุ ความเจรญิ ท่ี บคุ คลแสวงหามาได๎ดว๎ ยความเปน็ ธรรม ท้ังในเจตนา และการกระทา กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ความสขุ ความเจริญ เน่ืองในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร และอนปุ ริญญาบัตรของจุฬาลงกรณม๑ หาวทิ ยาลยั ณ หอประชมุ จฬุ าลงกร ณม๑ หาวิทยาลยั วันท่ี 10 กรกฎาคม พ.ศ.2518 ดังน้ี “ ความสุขความเจรญิ อนั แท๎จรงิ นั้น หมายถึง ความสขุ ความ เจรญิ ท่บี ุคคลแสวงหามาไดด๎ ว๎ ยความเปน็ ธรรม ทั้งในเจตนาและ การกระทา ไมใํ ชํไดม๎ าดว๎ ยความบงั เอญิ หรือดว๎ ยแกํงแยงํ เบยี ดเบยี น มาจากผ๎ูอนื่ ความเจรญิ ทแี่ ท๎นี้มีลักษณะเป็นการสรา๎ งสรรค๑ เพราะอานวย ประโยชนถ๑ ึงผูอ๎ ืน่ และสวํ นรวมดว๎ ย ตรงกนั ขา๎ มกบั ความเจริญอยําง เท็จเทยี ม ที่เกดิ ขน้ึ มาดว๎ ยความประพฤตไิ มํเป็นธรรมของบคุ คล ซ่ึงมี ลักษณะเปน็ การทาลายลา๎ ง เพราะใหโ๎ ทษบอํ นเบยี นทาลายผ๎อู น่ื และ สํวนรวม การบํอนเบยี นทาลายน้ัน ท่ีสุดก็จะกลับมาทาลายตน ดว๎ ยเหตุท่ี เมื่อสวํ นรวมถกู ทาลายเสียแล๎ว ตนเองกจ็ ะยืนตวั อยไํู มํได๎ จะต๎องลํมจม ลงไปเหมือนกัน ”
88 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) กลาํ วโดยสรปุ ความสขุ ความเจริญเกิดขึ้นจากบุคคลทง้ั หมดมีเจตนา กระทา เพ่ือให๎มคี วามสุขความเจริญจะตอ๎ งไมเํ บยี ดเบียนหรือแกงํ แยงํ ผูอ๎ นื่ มา กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) หนา๎ ที่พลเมอื งดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ การตั้งใจกระทาทุกสิง่ ใหต๎ นเองมี ความสขุ ความเจรญิ โดยตอ๎ งไมไํ ปเบยี ดเบยี น หรือแกํงแยํงผ๎ูอนื่ มา การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเด็นการศึกษาคน๎ คว๎ารํวมกันจากสอื่ การเรยี นร๎ูท่ีหลากหลาย กกกกกกก2. บนั ทึกผลการศึกษาคน๎ ควา๎ ลงในเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลมุํ กกกกกกก4. อภปิ รายแลกเปล่ยี นเรยี นร๎ู กกกกกกก5. วิเคราะหข๑ ๎อมลู ท่ีได๎ และสรุปการเรียนรรู๎ วมกนั บนั ทกึ สรุปการเรียนรใ๎ู นเอกสารการ เรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก6. นาสรปุ ผลการเรียนรูท๎ ี่ไดไ๎ ปทดลองปฏิบตั ิจริงในชวี ิตประจาวนั ส่อื และแหล่งเรียนรู้ กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เร่ืองที่ 4 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เงือ่ นไขความร๎คู คํู ุณธรรม กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรอื่ งท่ี 4 หนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราช ดารสั กกกกกกก1. 1.3 ช่อื หนงั สอื เรยี น สาระการพัฒนาสงั คม รายวิชา สค33108 หนา๎ ที่พลเมอื งตาม รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่เี ก๎า 3 กกกกกกก1. 1.4 ชื่อหนังสอื 9 แผํนดินของการปฏิรูประบบราชการ ผูแ๎ ตงํ สานกั งานคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการ ปีท่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2549 สานักพิมพ๑ วิชน่ั พริน้ แอนด๑มเี ดยี จากดั กกกกกกก1. 1.5 ชื่อหนังสือ ตามรอยพระยคุ ลบาทสเํู ศรษฐกิจพอเพยี ง: มิตใิ หมํของการพฒั นา เศรษฐกิจการเกษตร ผแ๎ู ตงํ ภาควชิ าเศรษฐศาสตร๑เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร๑ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ปที ี่พมิ พ๑ พ.ศ. 2554 สานักพมิ พ๑ พี.พริน้ ต้งิ กร๏ุป จากดั กกกกกกก1. 1.6 ชือ่ หนังสอื ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสเกีย่ วกับเดก็ และเยาวชน ผูแ๎ ตํง มลู นธิ ิโตโยต๎าประเทศไทยและมูลนิธพิ ระดาบส ปที พ่ี ิมพ๑ พ.ศ. 2543 สานกั พมิ พก๑ รุงเทพฯ กกกกกกก1. 1.7 ชอ่ื หนงั สือ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหัวเน่ืองในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ผู๎แตงํ ราชบัณฑิตยสถาน ปที ่ีพิมพ๑ พ .ศ. 2556 สานักพิมพ๑ ศิรวิ ฒั นาอนิ เตอรพ๑ รน้ิ ท๑ จากัด (มหาชน) กกกกกกก1. 1.8 ชื่อหนังสือ คาพํอสอน ผูแ๎ ตงํ กันยาบดี ปีท่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2555 สานกั พมิ พไ๑ พลิน
89 กกกกกกก2. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ช่ือบทความ บนั ทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพอํ ผ๎แู ตํง สานกั พมิ พเ๑ นชัน่ บุค๏ สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id=true กกกกกกก3. ส่อื แหลํงเรียนรใู๎ นชมุ ชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แหงํ และศูนย๑การเรยี นร๎ูชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ีขันธ๑ การวดั และประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหนา๎ ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ดว๎ ยวธิ กี าร กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความร๎ู หัวเรื่องที่ 4 หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารสั จานวน 10 ข๎อ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคตติ อํ วชิ าหน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ เก๎า 3
90 หวั เรือ่ งท่ี 5 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน สาระสาคญั กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน หมายถึง การปฏิบัตหิ นา๎ ที่ หรือภารกิจ หรอื กจิ กรรมของพระมหากษัตรยิ ๑ ทรงยดึ การดาเนินงานในลกั ษณะทางสายกลางที่สอดคลอ๎ งกับสิ่งทอ่ี ยรํู อบตัว และสามารถปฏิบตั ไิ ด๎จรงิ ทรงมีความละเอยี ดรอบคอบ และทรงคิดคน๎ แนวทางพัฒนา เพ่ือมํุงสํูประโยชน๑ตอํ ประชาชนสงู สุด มี 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาขอ๎ มูลอยาํ งเปน็ ระบบ (2) ระเบดิ จากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาที่จุดเลก็ (4) ทาตาม ลาดบั ขั้น (5) ภูมิสงั คม (6) องค๑รวม (7) ไมตํ ิดตารา (8) ประหยัด เรยี บงําย ได๎ประโยชน๑สูงสดุ (9) ทาให๎งาํ ย (10) การมสี ํวนรวํ ม (11) ประโยชนส๑ ํวนรวม (12) บริการรวมทจี่ ดุ เดยี ว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลกู ปาุ ในใจคน (16) ขาดทุนคอื กาไร (17) การพ่ึง ตนเอง (18) พออยพูํ อกนิ (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความซือ่ สัตย๑สุจริต จริงใจตํอกนั (21) ทางาน อยํางมีความสุข (22) ความเพยี ร และ (23) รู๎ รกั สามคั คี กกกกกกก2. หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ท่เี ก่ียวขอ๎ งกบั คณุ ธรรมของการเปน็ พลเมอื งดี มี 9 ข๎อ ได๎แกํ (1) การมสี ํวนรํวม มีสวํ นรํวมและคดิ ถึงสวํ นรวม (2) ตอ๎ งยดึ ประโยชนส๑ วํ นรวม (3) บริการจดุ เดยี ว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพ่ึงตนเอง (6) ความ ซ่อื สัตยส๑ ุจริต จริงใจตอํ กนั (7) ทางานอยํางมคี วามสุข (8) ความเพียร และ (9) ร๎ู รกั สามัคคี ตวั ชี้วดั กกกกกกก1. วเิ คราะหห๑ นา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน ในสถานการณท๑ กี่ าหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน ขอบขา่ ยเน้อื หา กกกกกกก1. หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก2. แนวทางการปฏิบัติหน๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323