Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Description: หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค33108 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Search

Read the Text Version

หนงั สอื เรียนสาระการพฒั นาสังคม รายวชิ า สค33018 หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลทเ่ี กา้ 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สำนกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร

คำนำ กกกกกกกหนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค33108 หน้าท่ีพลเมืองตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมือง ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดทาข้ึนเพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ของหลักสูตรรายวิชาน้ี และ ให้นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรรายวิชานี้ ได้ศึกษาเรียนรู้จากสื่อหนังสือเรียนฉบับนี้ ส่งผลให้ นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการปฏิบัติหน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเก้า หรือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงตระหนักถึงความสาคัญคุณค่า และ ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเรียนรู้หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า นอกจากน้ี ผู้ที่สนใจสามารถศึกษา และนาไปสู่การปฏิบัติหน้าที่พลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดด้ ้วยเช่นเดยี วกนั กกกกกกกหนังสือเรียนฉบับนี้ประกอบด้วย (1) คาแนะนาการใช้หนังสือเรียน (2) โครงสร้างรายวิชา ได้แก่ สรุปสาระสาคัญ ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง ขอบข่ายเน้ือหา และส่ือประกอบการเรียน (3) บทที่ 1 ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับหน้าที่พลเมือง บทที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหน้าท่ีพลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 บทที่ 3 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม บทท่ี 4 หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส บทที่ 5 หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน บทท่ี 6 หน้าท่ีพลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวัตร และพระราชกรณียกิจ และบทท่ี 7 การประยุกต์ใช้หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ในชีวิตประจาวัน โดยในแต่ละบท ประกอบด้วย สาระสาคัญผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง ขอบข่ายเนื้อหา ส่ือประกอบการเรียน เรื่องที่ และ กิจกรรมทา้ ยบท (4) บรรณานกุ รม และ (5) ภาคผนวก กกกกกกกหนังสือเรียนฉบับน้ีสาเร็จลงได้ด้วยดี เน่ืองจากได้รับการสนับสนุนให้ความรู้ในการจัดทา จาก รองศาสตราจารย์ ดร.พัชรี ศรีสังข์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รวมถึง คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ เมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ ข้าราชการครู บรรณารักษ์ ครูอาสาสมัคร นอกโรงเรยี น ครู กศน.ตาบล ครูศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน บรรณารักษ์อัตราจ้าง และเจ้าหน้าท่ีบริหารงาน ท่ัวไป ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัด ประจวบคีรขี นั ธ์ ขอขอบพระคุณและขอขอบคณุ ทุกทา่ น มา ณ ที่นี้ (นางสาวขวัญจติ ต์ ศรีจนั ทนากลุ ) ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบครี ีขนั ธ์

สำรบัญ หนา้ คาแนะนาการใช้หนงั สือเรยี น………………………………………………………………………………………….. 1 โครงสร้างรายวิชา………………………………………………………………………………………………………….. 2 กกกสรุปสาระสาคัญ……………………………………………………………………………………………………… 2 กกกผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั . …………………………………………………………………………………………. 10 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา............................................................................................................... ..... 11 กกกสื่อประกอบการเรียน…………………………………………………………………………………………...... 12 13 บทที่ 1 ความรู้พ้นื ฐานเกย่ี วกับหน้าท่ีพลเมือง............................................................................. 13 กกกสาระสาคญั ........................................................................................................................... 13 กกกผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั ……………………………………………………………………………………………. 13 กกกขอบข่ายเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………. 14 กกกส่ือประกอบการเรยี น………………………………………………………………………………………………. 14 กกกเร่ืองที่ 1 ความหมายของหนา้ ที่พลเมือง............................................................................... 16 กกกเร่ืองท่ี 2 ความสาคัญของหนา้ ทพ่ี ลเมือง.............................................................................. 17 กกกเรื่องที่ 3 แนวทางการปฏบิ ัตติ นในการเป็นสมาชกิ ดตี ่อสงั คม.............................................. 20 กกกเรื่องที่ 4 คณุ ธรรมของการเปน็ พลเมอื งด.ี ............................................................................ 21 กกกกิจกรรมทา้ ยบท.................................................................................................................... 24 บทที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9.......... 24 กกกสาระสาคัญ........................................................................................................................... 24 กกกผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั ……………………………………………………………………………………………. 24 กกกขอบขา่ ยเนื้อหา………………………………………………………………………………………………………. 24 กกกส่ือประกอบการเรียน………………………………………………………………………………………………. 25 กกกเรื่องที่ 1 ความหมายของหนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9.......................... 26 กกกเรื่องที่ 2 ความสาคัญของหนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9.......................... 27 กกกกิจกรรมทา้ ยบท.................................................................................................................... 30 บทท่ี 3 หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม............................ 30 กกกสาระสาคญั .................................................................................................................... ....... 32 กกกผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั ……………………………………………………………………………………………. 32 กกกขอบข่ายเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………. 32 กกกสื่อประกอบการเรยี น………………………………………………………………………………………………. 33 กกกเร่ืองท่ี 1 ความหมายของทศพธิ ราชธรรม.............................................................................

สำรบัญ (ตอ่ ) หน้า กกกเร่ืองท่ี 2 แนวทางปฏบิ ตั ิหนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั การที่ 9ดว้ ยทศพิธราชธรรม.... 33 กกกกจิ กรรมทา้ ยบท.................................................................................................................... 51 บทท่ี 4 หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารัส.............................. 53 กกกสาระสาคญั .................................................................................................................... ....... 53 กกกผลการเรยี นร้ทู ค่ี าดหวัง……………………………………………………………………………………………. 55 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………. 55 กกกสื่อประกอบการเรียน………………………………………………………………………………………………. 55 กกกเรื่องที่ 1 หน้าที่พลเมืองตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนินชีวติ ................................ 56 กกกเรื่องที่ 2 หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระราชดารัส เก่ยี วกับเดก็ นกั เรียนและเยาวชน และ นกั ศกึ ษา...................................................................................................................................... 58 กกกเร่ืองท่ี 3 หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารัส ทีเ่ กี่ยวข้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง.... 63 กกกกิจกรรมท้ายบท.................................................................................................................... 86 บทที่ 5 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน..................... 88 กกกสาระสาคญั .................................................................................................................... ....... 88 กกกผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั ……………………………………………………………………………………………. 88 กกกขอบข่ายเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………. 88 กกกสื่อประกอบการเรียน………………………………………………………………………………………………. 89 กกกเร่ืองที่ 1 หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน................. 89 กกกเร่ืองที่ 2 แนวทางการปฏิบตั ิหนา้ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน................................................................................................................... 112 กกกกจิ กรรมท้ายบท.................................................................................................................... 113 บทที่ 6 หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวตั ร 116 และพระราชกรณียกจิ ...........................……………........................................................................ กกกสาระสาคญั ........................................................................................................................... 116 กกกผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั ……………………………………………………………………………………………. 117 กกกขอบข่ายเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………. 117 กกกส่ือประกอบการเรยี น………………………………………………………………………………………………. 117 กกกเรื่องที่ 1 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวตั ร................. 118 กกกเร่ืองท่ี 2 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชกรณยี กจิ ............... 130 กกกกจิ กรรมทา้ ยบท.................................................................................................................... 159

สำรบญั (ตอ่ ) หนา้ บทที่ 7 การประยุกต์ใช้หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ในชวี ติ ประจาวัน......... 162 กกกสาระสาคญั ........................................................................................................................... 162 กกกผลการเรยี นรูท้ ีค่ าดหวงั ……………………………………………………………………………………………. 164 กกกขอบข่ายเนื้อหา………………………………………………………………………………………………………. 164 กกกส่ือประกอบการเรียน………………………………………………………………………………………………. 164 กกกเรื่องที่ 1 การนอ้ มนาทศพศิ ราชธรรมไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ............................................... 165 กกกเร่ืองที่ 2 การนอ้ มนาพระราชดารัสไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั .................................................. 184 กกกเร่ืองที่ 3 การน้อมนาหลักการทรงงานไปใช้ในชีวิตประจาวนั ............................................... 196 กกกเรื่องท่ี 4 การน้อมนาพระราชจรยิ วตั รและพระราชกรณยี กิจไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ............ 203 กกกกจิ กรรมทา้ ยบท.................................................................................................................... 206 บรรณานกุ รม………………………………………………………………………………………………………………… 208 ภาคผนวก.................................................................................................................................... 212 กกกก เฉลยกจิ กรรมท้ายบท………………………………………………………………………………………….. 213 กกกข การอนมุ ัติใช้หนังสือเรียน…………………………………………………………………………………….. 219 กกกค รายชอื่ คณะผจู้ ดั ทา……………………………………………………………………………………………… 221

1 คาแนะนาการใช้หนงั สือ กกกกกกกหนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค33108 หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่เก๎า 3 ศูนย๑การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ เป็นสื่อหนังสือเรียนที่จัดทาขึ้นให๎ผู๎เรียน ที่เป็นนักศึกษาของศูนย๑การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ๑ จังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ ได๎ศึกษา เรียนร๎ู รวมถึงผู๎ท่ีสนใจเรียนรู๎หน๎าท่ีพลเมืองดี ได๎ศึกษาเรียนรู๎และนาไปใช๎ในชีวิตประจาวันได๎ โดยเฉพาะผูเ๎ รียนที่เปน็ นักศกึ ษา และลงทะเบียนเรยี นหลกั สูตรรายวิชา สค33108 หน๎าที่พลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเก๎า 3 จานวน 3 หนํวยกิต จานวน 120 ช่ัวโมง ได๎ใช๎เป็นสื่อการเรียนร๎ูให๎ บรรลมุ าตรฐานของหลกั สตู รของรายวชิ าน้ี กกกกกกกในการศึกษาหนงั สอื เรียนเลมํ นี้ ผ๎เู รยี นท่เี ป็นนักศึกษา ควรมแี นวทางในการศึกษาหนังสือ เรยี นใหม๎ ปี ระสิทธภิ าพ และเกดิ ประสิทธผิ ลได๎อยํางแทจ๎ รงิ ตามลาดับตํอไปนี้ กกกกกกก1. ใหน๎ ักศกึ ษา ศึกษาโครงสรา๎ งรายวชิ า ประกอบดว๎ ย สรปุ สาระสาคญั ผลการเรยี นรู๎ ท่ีคาดหวัง ขอบขํายเนื้อหา และสอ่ื ประกอบการเรยี น ให๎เข๎าใจกอํ นทจ่ี ะศึกษารายละเอยี ดเน้อื หาใน แตลํ ะบท ในลาดบั ตอํ ไป กกกกกกก2. ให๎นักศกึ ษา ศึกษารายละเอยี ดของเนื้อหาในแตํละบทมีทั้งหมด 7 บท ในแตลํ ะบท ประกอบด๎วย สาระสาคัญ ผลการเรียนร๎ูที่คาดหวัง ขอบขํายเน้ือหา ส่ือประกอบการเรียน และ รายละเอียดในแตํละเรื่องของบทน้ันๆ ตํอจากนั้นให๎ทากิจกรรมท๎ายบท เพื่อสรุปความรู๎ที่ได๎จาก การศึกษาเน้ือหาในแตํละเรื่องของบทนั้นๆ หลังจากน้ันผู๎เรียนที่เป็นนักศึกษาสามารถตรวจสอบผล การตอบหรอื ผลการทากจิ กรรมท๎ายบทได๎จากภาคผนวก ก. เฉลยกิจกรรมท๎ายบทของบทนั้นๆ ถ๎าใน กรณีผลการตรวจสอบคาตอบไมํถูกต๎อง ให๎นักศึกษาอํานทบทวนเน้ือหาของเร่ืองน้ันๆ ใหมํอีกครั้ง นอกจากนี้นกั ศกึ ษาสามารถนาผลการตอบกิจกรรมท๎ายบท ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับครูผู๎สอนรายวิชา นี้หรือเพ่ือนนักศึกษาท่ีลงทะเบียนเรียนรายวิชาน้ี หรือเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ ในระดับการศึกษา เดยี วกันก็ได๎ กกกกกกก3. หนังสือเรียนเลมํ นีป้ ระกอบดว๎ ย 7 บท ดังน้ี กกกกกกกกก บทท่ี 1 ความรพู๎ นื้ ฐานเกย่ี วกบั หนา๎ ท่พี ลเมือง กกกกกกกกก บทที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหน๎าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 กกกกกกกกก บทท่ี 3 หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกกกก บทท่ี 4 หนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส กกกกกกกกก บทที่ 5 หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกกกก บทท่ี 6 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณียกจิ กกกกกกกกก บทที่ 7 การประยุกตใ๑ ช๎หนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวัน

2 โครงสรา้ งรายวชิ า สรปุ สาระสาคัญ กกกกกกก1. บทท่ี 1 ความร๎พู นื้ ฐานเก่ยี วกบั หนา๎ ทพี่ ลเมือง กกกกกกก1. 1.1 หนา๎ ที่พลเมอื ง หมายถงึ การที่บคุ คลในชุมชน สงั คม ประเทศ ต๎องปฏบิ ัตติ าม กฎหมาย ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรมของชาติ คาส่งั สอน ของพํอแมํ ครอู าจารย๑ มีความ สามคั คเี อ้อื เฟอื้ เผอ่ื แผซํ งึ่ กันและกนั รู๎จักรับผิดชอบช่ัวดีตามหลักจริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู๎ มีสติป๓ญญา ขยันขันแข็ง สร๎างความเจริญก๎าวหน๎าให๎แกํตนเอง ครอบครัว สังคม และ ประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 ความสาคัญของหน๎าทพี่ ลเมืองทมี่ ตี ํอประเทศชาติ (1) ต๎องจงรกั ภักดีและรกั ษาไว๎ ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย๑ (2) ต๎องรักษาไว๎ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย (3) ต๎องชํวยกันปูองกันประเทศ (4) ต๎องปฏิบัติตามกฎหมายบ๎านเมืองอยํางเครํงครัด (5) ต๎องให๎ ความรวํ มมอื ชวํ ยเหลือแกํราชการ และ (6) ตอ๎ งเสียภาษอี ากรตามท่ีกฎหมายบัญญัติไว๎ กกกกกกก1. 1.3 แนวทางการปฏิบัติตนในการเป็นสมาชิกทด่ี ีของสังคมต๎องปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย วัฒนธรรม ประเพณี และปฏิบัติตนตามสิทธิหนา๎ ท่ตี ามระบอบประชาธิปไตย กกกกกกก1. 1.4 คณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองที่ดี มี 8 ประการ คือ (1) ความจงรักภักดตี อํ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย๑ (2) การยึดม่ันในหลักธรรมของศาสนาท่ีตนเองนับถือ (3) ความซื่อสัตย๑ (4) ความเสียสละ (5) ความรับผิดชอบ (6) การมีระเบียบวินัย (7) การตรงตํอเวลา และ (8) ความ กลา๎ หาญทางจรยิ ธรรม กกกกกกก2. บทท่ี 2 ความหมาย และความสาคัญของหน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 2.1 หนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 หมายถึง การทีป่ ระชาชน หรอื บุคคลในประเทศไทย ได๎น๎อมนาแนวทางการปกครองด๎วยทศพิธราชธรรม พระราชดารัสที่สาคัญ หลักการทรงงาน รวมถึงพระราชจริยวัตร และพระราชกรณียกิจ ที่ทรงเป็นแบบอยํางเป็นท่ียอมรับ ท้ังในระดับประเทศ และนานาประเทศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาศึกษาเรียนร๎ูและนาไปเป็นแนวทางปฏิบัติในการดาเนินชีวิต หรือการประกอบอาชีพเพ่ือให๎ตนเอง มีคุณภาพชีวิตท่ดี ี มีความเขม๎ แข็ง และมนั่ คง สํงผลตอํ เน่อื งตอํ การพัฒนาประเทศ และโลกได๎ กกกกกกก1. 2.2 ความสาคัญของหนา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ชวํ ยใหพ๎ ลเมือง มจี ิตสาธารณะ มสี ํวนรํวมหรอื ให๎ความรวํ มมือทาภารกจิ เพ่ือสวํ นรวมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาให๎สังคม ประเทศ มคี วามมัน่ คงผาสกุ และเจรญิ กา๎ วหน๎าได๎ กกกกกกก3. บทที่ 3 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. 3.1 ทศพิธราชธรรม หมายถึง เป็นหลักธรรมหรอื จริยวัตรประจาพระเจ๎าแผํนดิน หรอื เป็นคุณธรรมประจาตนของผู๎ปกครองบ๎านเมือง และยังประโยชน๑สุขให๎เกิดแกํประชาชนบุคคล ธรรมดา ที่เป็นผู๎บริหารระดับสูงในทุกองค๑กร สามารถใช๎ทศพิธราชธรรมในการปกครององค๑กรของ ตนเองใหม๎ คี วามเป็นไปโดยธรรม

3 กกกกกกก1. 3.2 แนวทางปฏิบัติหนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ด๎วย ทศพธิ ราชธรรม มี 10 ประการ คอื กกกกกกก1. 3.2 3.2.1 ทาน คือ การให๎ หมายถึง การสละทรพั ย๑ ส่งิ ของ เพอ่ื ชวํ ยเหลือคนที่ด๎อย และอํอนแอกวํา แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการเป็นผ๎ูให๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรัพย๑สิน หรือสิ่งของแกํผู๎ยากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส และผู๎ตกทุกข๑ได๎ยากตามที่เราทาอยูํเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎ น้าใจแกํผ๎ูอ่ืนได๎ เชํน ให๎กาลังใจแกํผ๎ูตกอยูํในห๎วงทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนาท่ีเป็นความรู๎แกํผู๎รํวมงานหรือ ผ๎ูใต๎บังคับบัญชา ให๎รอยย้ิม และปิยวาจาแกํญาติพ่ีน๎อง เพื่อนฝูง รวมถึงบุคคลที่มารับบริการจากเรา เป็นต๎น การเป็นผ๎ูให๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรัพย๑สินหรือสิ่งของแกํผู๎ยากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส แล๎วสามารถให๎คาแนะนา หรอื ให๎กาลังใจดังกลาํ ว ยังสามารถให๎อภัยทาน คือ การยกโทษให๎กับบุคคล ทท่ี าใหเ๎ ราร๎สู ึกไมสํ บายใจ หรือทาให๎เราได๎รับกระทบกระเทอื น ท้งั ดา๎ นวาจา กาย และใจดว๎ ย กกกกกกก1. 3.2 3.2.2 ศลี คือ การตัง้ อยใํู นศีล หมายถงึ มีความประพฤตดิ งี าม เปน็ ตวั อยาํ งทดี่ ี แกํคนท่ัวไป แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการประพฤติที่ดีงาม ตามหลักศาสนาของตน อยํางน๎อยก็ ขอให๎เราได๎ปฏิบัติตามศีล 5 คือ ไมํฆําสัตว๑ตัดชีวิต ไมํลักขโมยของของผู๎อ่ืน ไมํลํวงละเมิดลูกเมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรืออบายมุขตําง ๆ นอกจากน้ีให๎นาศีล 5 ท่ียึดถือปฏิบัตไิ ปควบคมุ พฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของบา๎ นเมอื ง อยาํ งเครํงครดั ก็จะชํวยใหส๎ ังคมไทยอยํรู วํ มกนั ได๎อยาํ งมีความสขุ กกกกกกก1. 3.2 3.2.3 ปรจิ จาคะ คอื บรจิ าค หมายถงึ การเสียสละความสุขสาราญของตนเพอ่ื ประโยชน๑สุขของหมํูคณะ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการเสียสละความสุขสํวนตนเพ่ือความสุข หรือประโยชน๑ของสํวนรวม ซึ่งอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพื่อนรํวมงานของเราก็ได๎ เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกด่ืมเหล๎า ทาให๎ลูกเมียมีความสุข และ เพือ่ นบ๎านกส็ ขุ ดว๎ ย เพราะไมตํ อ๎ งฟ๓งเสียงอาละวาด ดาํ ทอทุบตีกัน หรือบุคคลอาจจะเสียสละเวลาชํวง ท่ีต๎องอยํูกับครอบครัวในตอนเย็นอยูํชํวยเพื่อนทางาน หรือไปเข๎าคํายพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเด็ก ในสถานเล้ียงเด็กกาพร๎าเป็นครั้งคราว หรือเสียสละรํางกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพื่อการศึกษา เป็นต๎น ซง่ึ การเสยี สละดังกลาํ วถือวําไดเ๎ ป็นการบริจาค เสียสละความสุขสวํ นตัว เพ่ือสวํ นรวม กกกกกกก1. 3.2 3.2.4 อาชชวะ คือ ความซ่ือตรง หมายถึง มีความซ่ือสตั ย๑สุจรติ มคี วามจรงิ ใจ ไมํกลับกลอก แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการดาเนินชีวิตและปฏิบัติภารกิจ/หน๎าที่การงานตํางๆ ดว๎ ยความซื่อสตั ย๑สจุ รติ ไมคํ ดิ คดโกงหรือหลอกลวงผู๎อน่ื เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมํดีไปหลอก ขายลูกค๎า เปน็ ข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปชั่นทั้งเวลา ทรัพย๑สินของหนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคนเอาเปรยี บหรือโกงกิน ขาดความซ่อื สัตย๑ สจุ ริต จะทาให๎หนํวยงานเสียหาย เดือดร๎อน แม๎เราจะได๎ทรัพย๑สินไปมากมาย แตํเราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุมประณาม และแม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ู แตํตัวเรายํอมรู๎อยํูแกํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอื่นจะมาร๎ูความลับตลอดเวลา ผู๎ทป่ี ระพฤติตนด๎วยความซื่อตรง แมไ๎ มรํ ่ารวยเงินทอง แตกํ ็มีความสุขท้งั กาย ใจได๎ กกกกกกก1. 3.2 3.2.5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน หมายถึง มีกริ ิยาสภุ าพ มีสมั มาคารวะ วาจา อํอนหวาน มีความนุํมนวล ไมํเยํอหยิ่ง ไมํหยาบคาย แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการทาตัวสุภาพ นมํุ นวล ไมเํ ยํอหยง่ิ ถอื ตวั หรอื แสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกับใคร ไมวํ าํ จะเปน็ ผ๎ูใหญํ ผู๎นอ๎ ยหรือเพ่ือน

4 ในระดับเดียวกัน การทาตัวเป็นผู๎ที่มีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทาให๎ไปที่ไหนคนก็ให๎การต๎อนรับ เพราะอยํใู กลแ๎ ล๎วสบายใจ ไมรํ ๎อนรมํุ หากบคุ คลแสดงกิริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนก็ถอยหําง ดังน้นั หลกั ธรรมข๎อนี้ จึงเป็นการสร๎างเสนหํ อ๑ ยาํ งหน่งึ ใหแ๎ กํตวั เราดว๎ ย กกกกกกก1. 3.2 3.2.6 ตบะ คือ ความเพียร หมายถงึ การเพียรพยายามไมใํ หค๎ วามมัวเมาเข๎า ครอบงาจิตใจ ไมํลํุมหลงกับอบายมุขและส่ิงช่ัวร๎าย ไมํหมกมุํนกับความสุขสาราญ แนวปฏิบัติของ พลเมืองดี ด๎วยการให๎ปฏิบัติหน๎าท่ีการงานที่รับผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยัน มํุงมั่น และทา แตํสิ่งท่ีดี ความถูกต๎อง ฝุาฟ๓นอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเร็จ ด๎วยความพากเพียรน้ีจะทาให๎ เราภาคภูมใิ จเมือ่ งานสาเรจ็ และจะทาให๎เรามปี ระสบการณ๑เกํงกล๎าขึ้น นอกจากน้ี ยังสอนให๎เราสช๎ู ีวติ ไมํยอมแพ๎อะไรงาํ ยๆ กกกกกกก1. 3.2 3.2.7 อกั โกธะ คอื ความไมํโกรธ หมายถึง มจี ิตใจมน่ั คง มีความสุขมุ เยือกเย็น อดกลั้น ไมํแสดงความโกรธหรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการฝึกฝน ควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยํูเสมอแม๎ใน หลาย ๆ สถานการณ๑จะทาได๎ยาก แตํหากเราสามารถฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับ ยับยั้งความโกรธอยํเู สมอ จะเป็นประโยชนต๑ อํ เราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสขุ ภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ขอ๎ สาคญั ทาให๎เรารักษามติ รไมตรหี รือสัมพนั ธภาพกบั ผู๎อืน่ ไวไ๎ ด๎ อนั มีผลใหบ๎ ุคคลน้นั เป็นท่รี ักและ เกรงใจของคนท่ตี ดิ ตํอด๎วย กกกกกกก1. 3.2 3.2.8 อวหิ ิงสา คอื ความไมเํ บยี ดเบยี น หมายถงึ ไมํกดขี่ขมํ เหง กลน่ั แกลง๎ รังแก คนอ่ืน ไมํหลงในอานาจ ทาอันตรายตํอรํางกายและทรัพย๑สินผ๎ูอ่ืนตามอาเภอใจ แนวปฏิบัติของ พลเมืองดี ด๎วยการไมํเบียดเบยี นหรอื บบี ค้ันกดข่ีผ๎ูอ่ืน รวมไปถึง การไมํใช๎อานาจไปบังคับ หรือหาเหตุ กล่ันแกล๎งคนอ่ืนด๎วย เชํน ไมํไปขํมเหงรังแกผ๎ูด๎อยกวํา ไมํไปขํมขูํให๎เขากลัวเราหรือไปบีบบังคับเอา ของรัก ของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควรเบียดเบียน ธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ๎ ม และสตั ว๑อีกด๎วย เพราะมิฉะน้ัน ผลร๎ายจะย๎อนกลับมาสูํเรา และสังคม อยํางที่ เหน็ ในป๓จจบุ นั จากภัยธรรมชาติตําง ๆ กกกกกกก1. 3.2 3.2.9 ขนั ติ คือ ความอดทน หมายถงึ การอดทนตอํ ส่งิ ทง้ั ปวง สามารถอดทนตํอ งานหนัก ความยากลาบาก ทั้งอดทน อดกลั้นตํอคาติฉินนินทา แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการให๎ เราอดทนตํอความยากลาบากทุกสถานการณ๑ ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย กาลังใจท่ีจะดาเนิน ชีวติ และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมทงั้ อดทนตอํ การไมํไดร๎ บั ความสุขสาราญ ไมํได๎รับความ สะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎เราชนะอุปสรรคทัง้ ปวงไมํวาํ เล็กหรอื ใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ขน้ึ เข๎มแข็งขึน้ กกกกกกก1. 3.2 3.2.10 อวโิ รธนะ คอื ความเทย่ี งธรรม หมายถงึ ไมํประพฤติผิด ประพฤติปฏิบัติ ตนอยูํในความดีงาม ไมหํ ว่ันไหวในเรอื่ งดเี รือ่ งร๎าย แนวปฏบิ ัตขิ องพลเมืองดี ด๎วยการควรกระทาการ งานหรอื ดาเนินชวี ติ ที่ถูกต๎อง และใหค๎ วามเป็นธรรมกับบุคคลทเ่ี กย่ี วข๎อง ดว๎ ยความยุติธรรม และ เท่ียงธรรม กกกกกกก4. บทท่ี 4 หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารสั กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสุขในการดาเนนิ ชวี ติ ได๎แกํ กกกกกกก4. 4.1 4.1.1 สขุ กาย จะเกิดขึ้นได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะรํางกายท่ีมคี วามสมบรู ณ๑

5 แข็งแรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแล สุขภาพจิตด๎านการแสวงหาความร๎ูให๎มีป๓ญญารู๎เทําทัน จะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎อง แสวงหาความรู๎ที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือร๎ูเทําทันการเปล่ียนแปลง เพื่อให๎สามารถดาเนินชีวิตได๎ อยํางปกติ รวมถงึ ทางานไดด๎ ๎วย กกกกกกก4. 4.1 4.1.2 สขุ ใจ จะเกดิ ขน้ึ ได๎ พลเมืองตอ๎ งมสี ภาวะของจติ ใจทม่ี ีความสดช่ืนแจมํ ใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎มั่นคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดี จากการทีบ่ คุ คลน้นั ใชค๎ วามรทู๎ ่ีมีอยํูประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นอันดี และมีรํางกาย ที่แขง็ แรงจึงจะทาให๎มีความสุขใจได๎ กกกกกกก4. 4.1 4.1.3 สขุ ในการอยํูรวํ มกนั จะเกดิ ขึ้นได๎พลเมอื งตอ๎ งมี ความรัก ความสามคั คี ความปรองดองและความสงบสขุ ในสังคม ทเ่ี กิดจากทกุ คนได๎รบั ความยตุ ิธรรม กกกกกกก4. 4.2 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามพระราชดารสั เกยี่ วกับเด็ก นกั เรยี นและเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก4. 4.1 4.2.1 วัยเด็ก และการปลูกฝ๓งคุณธรรม จะเกิดข้นึ ได๎ จากการอบรมเล้ียงดู ส่งั สอน ขดั เกลาของทกุ ฝาุ ยท้ังครอบครัวและโรงเรยี น ใหเ๎ ห็นคณุ คําของความดี ความสจุ ริต มีความ ประพฤตเิ รียบรอ๎ ย มเี หตผุ ลหรือสติป๓ญญานน้ั เอง โดยการเปน็ แบบอยาํ งท่ีดี เพ่ือใหเ๎ ด็กเห็นเป็น ตวั อยาํ งและยึดเป็นแบบอยํางใหไ๎ ด๎ กกกกกกก4. 4.1 4.2.2 นักเรยี นและเยาวชนตอ๎ งไดร๎ ับการปลกู ฝง๓ ถํายทอดความร๎ูทแี่ ท๎จริง เพอื่ ให๎ สามารถรเู๎ ทาํ ทนั ฉลาดและคิดสร๎างสรรค๑ ทาประโยชนใ๑ หก๎ ับตนเองและสํวนรวม กกกกกกก4. 4.1 4.2.3 นักศกึ ษาเปน็ ผท๎ู ีม่ คี วามพร๎อมท้ังวยั วฒุ ิและคณุ วฒุ ิ ฉะนั้นจงึ ต๎องมีความ เพยี ร ความอดทน มีสตปิ ญ๓ ญา รูจ๎ กั ใช๎เหตผุ ล และเลอื กส่ิงท่ีดงี ามมาประยุกตใ๑ ช๎ในชวี ติ ของตนเอง กกกกกกก4. 4.1 4.2.4 วัยทางาน และการศึกษา กกกกกกก4. 4.1 4.2.4 ขอ๎ 1 วัยทางาน ยอํ มเจอป๓ญหาและอุปสรรคเสมอ เมื่อเจอป๓ญหาใหห๎ า ทางแก๎ไข ถ๎าแก๎คนเดยี วไมไํ ด๎กใ็ หค๎ นทเ่ี กย่ี วข๎องชํวยกนั คิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก4. 4.1 4.2.4 ขอ๎ 2 การศึกษา สร๎างคนให๎มีความรู๎ ความสามารถ เปน็ พน้ื ฐานทจี่ าเปน็ ในการพฒั นาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก4. 4.1 4.2.5 หนา๎ ที่ และความรับผิดชอบตํอบ๎านเมืองของคนในชาตติ ๎องมีความรัก ความสามคั คี มเี หตผุ ล มคี วามร๎ู ชวํ ยกันสรา๎ งความเจริญ ปลูกฝ๓งความดงี ามใหก๎ ับจติ ใจของคนในชาติ รวมถงึ รักษาวัฒนธรรมประเพณที เี่ ป็นแบบแผนของไทยให๎คงอยตํู ลอดไป กกกกกกก4. 4.3 หนา๎ ท่ีพลเมอื งตามพระราชดารสั ท่เี กยี่ วขอ๎ งกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กกกกกกก4. 4.1 4.3.1 ความพอประมาณ จะเกิดข้ึนได๎ โดยรจู๎ ักตนเอง มีความซ่ือสัตย๑และความ เพียร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในสง่ิ ท่ตี นมีอยํู กกกกกกก4. 4.1 4.3.2 ความมีเหตุผล ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมํุงสอนให๎ พลเมืองไทยมีความคิดอยํางรอบคอบ โดยพจิ ารณาจากป๓จจัยทเี่ กีย่ วขอ๎ งและคานึงถงึ ผลท่จี ะเกิดข้ึน จากการกระทาน้ัน กกกกกกก4. 4.1 4.3.3 ความมภี มู ิค๎ุมกัน คือ เปน็ การเตรียมตวั ให๎พรอ๎ มตํอการเปลยี่ นแปลงใน ทุกด๎านด๎วยการวเิ คราะห๑ความเสย่ี ง ใช๎ประสบการณ๑เดมิ มาชวํ ยตัดสนิ ใจ และรวบรวมมาใชใ๎ นโอกาส ตํอไป

6 กกกกกกก4. 4.1 4.3.4 เงอื่ นไขความรู๎ กกกกกกก4. 4.1 4.3.4 1) ความร๎ู มหี ลายประเภท ได๎แกํ ความรทู๎ ่ีเกย่ี วขอ๎ งกบั การดาเนนิ ชวี ติ การประกอบอาชีพ การศึกษารวมถึงความรู๎ที่เกี่ยวข๎องกับการพัฒนาจิตใจทาให๎บุคคลมีความ เจรญิ ก๎าวหน๎าได๎ กกกกกกก4. 4.1 4.3.4 2) หลักวชิ า คอื เนื้อหาความรู๎ และหลกั วชิ าการ คือ นาความรู๎มาจัด กระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก4. 4.1 4.3.4 3) รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวงั เป็นการศึกษาหาขอ๎ มลู กอํ นการ ปฏบิ ตั ิโดยคานงึ ผลทีจ่ ะตามมา อยาํ งรอบคอบและระมัดระวัง กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 เงื่อนไขคณุ ธรรม แบํงออกเป็น 2 ประเภท ได๎แกํ คณุ ธรรมและหนา๎ ท่ี กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) คุณธรรม กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (1) ความซื่อสตั ยส๑ จุ ริต เปน็ พืน้ ฐานของความดีทกุ อยาํ ง กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (2) ความเพยี ร พากเพยี ร และอดทน จะเกดิ ข้นึ ไดจ๎ ากการฝึกฝนจน เกดิ เปน็ นสิ ัย และกระต๎นุ ใหเ๎ กิดการทางานอยํางจริงจังจนสาเรจ็ กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (3) สติ และป๓ญญา เปน็ ความสามารถในตวั บุคคล ทจี่ ะทราบได๎จาก พฤติกรรมท่ีบุคคลแสดงออก ระดับของสติป๓ญญาสังเกตได๎จากการแสดงออกท่ีมีความคลํองแคลํว รวดเร็ว ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแก๎ป๓ญหาและการปรับตัว การใช๎แบบทดสอบวัด สติป๓ญญาจะทาให๎ทราบระดับสตปิ ๓ญญาชดั เจนข้ึน กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (4) ไมเํ บยี ดเบยี น มเี มตตา จะเกิดข้นึ ได๎ โดยการปลูกฝ๓งคุณธรรมจาก ครอบครัว และส่ิงแวดล๎อม กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (5) ตง้ั ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดีกจ็ ะมคี วามร๎สู ึกทด่ี ี เม่ือมี ความรู๎สึกท่ดี ีก็จะมคี าพูดท่ีดี สํงผลใหม๎ ีการกระทาท่ีดีดว๎ ย กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (6) ความรับผิดชอบ รับผดิ และรับชอบ จะแสดงถงึ ความเอาใจใสํ มํุงม่ันตํอภารกิจท่ีทา ทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าที่การงาน การศึกษา อ่ืน ๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพ่อื ให๎บรรลผุ ลสาเร็จตามจุดมงุํ หมาย และยอมรบั ผลการกระทาท่จี ะเกดิ ขึ้น กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 2) หน๎าที่ กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (1) ประโยชนส๑ วํ นรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสียสละ การทา ประโยชนใ๑ ห๎สํวนรวม เสียสละเพอ่ื ให๎ประเทศชาติมีความเจริญซงึ่ เปน็ ความรับผิดชอบของทุกคน และ ไมเํ ห็นแกํประโยชนส๑ วํ นตน กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (2) ความสามัคคี รํวมมือ ปรองดอง เกดิ จากความรํวมมอื รวํ มใจเปน็ อันหน่ึงอันเดียวกัน คุณธรรมนี้นับวําสาคัญมากในหมูํคณะเป็นคุณธรรมที่กํอให๎เกิดความสุขอยํางย่ิง แกํหมํูคณะ กกกกกกก4. 4.1 4.3.5 1) (3) ความสขุ ความเจรญิ เกดิ ขนึ้ จาก บุคคลทั้งหมดมเี จตนากระทา เพ่อื ใหม๎ ีความสุขความเจรญิ จะต๎องไมเํ บยี ดเบียนหรอื แกงํ แยํงผู๎อ่ืนมา กกกกกกก5. บทท่ี 5 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกก5. 5.1 หลักการทรงงาน หมายถงึ การปฏิบตั หิ นา๎ ท่ี หรือภารกิจ หรอื กิจกรรมของ

7 พระมหากษัตริย๑ ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับส่ิงที่อยูํรอบตัว และ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบและทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนา เพื่อมุํงสูํประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด มี 23ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับขั้น (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน๑สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการ รวมท่ีจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยูํพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความ ซื่อสัตย๑สุจรติ จริงใจตํอกนั (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพียร และ (23) ร๎ู รัก สามัคคี กกกกกกก5. 5.2 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ท่ีเกย่ี วขอ๎ ง กับคุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ได๎แกํ (1) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึงสํวนรวม (2) ต๎องยึดประโยชน๑สํวนรวม (3) บริการจุดเดียว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพ่ึงตนเอง (6) ความ ซอื่ สตั ยส๑ ุจรติ จริงใจตอํ กนั (7) ทางานอยาํ งมีความสุข (8) ความเพียร และ (9) รู๎ รัก สามัคคี กกกกก6. บทที่ 6 หน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กจิ กกกกก6. 6.1 หน๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร ได๎แกํ กกกกก6. 6.1 6.1.1 ครอบครวั กกกกก6. 6.1 6.1.1 1) ในฐานะบุตร ควรเชอื่ ฟ๓งคาสง่ั สอนของบดิ ามารดาโดยเฉพาะในเรอื่ งของ ความรับผิดชอบ ควรมีการนาไปปฏิบัติอยํางเครํงครัด นอกจากนี้ในฐานะบุตรต๎องมีความกตัญ๒ูตํอ บดิ ามารดา และควรแสดงความรักเคารพตํอบดิ ามารดาอยาํ งสม่าเสมอ กกกกก6. 6.1 6.1.1 2) ในฐานะพํอ ตอ๎ งอบรมส่ังสอนบตุ รให๎เป็นคนดี มีความเสยี สละ รบั ผดิ ชอบ หน๎าท่ีที่ต๎องปฏิบัติให๎ดี โดยเฉพาะในวัยเยาว๑ต๎องตั้งใจศึกษาเลําเรียนและทางานท่ีพํอแมํหรือ ครูมอบหมายให๎ทาเป็นอยํางดี นอกจากน้ีพํอแมํต๎องสํงเสริมให๎บุตรได๎ออกกาลังกาย เพ่ือให๎รํางกาย แข็งแรง ใช๎เวลาวํางให๎เป็นประโยชน๑ รวมถึงแนะนาสํงเสริมให๎บุตรได๎เรียนร๎ู ศิลปะ ดนตรี เพ่อื ขดั เกลาจิตใจใหอ๎ ํอนโยน กกกกก6. 6.1 6.1.1 3) ในฐานะสามี ตอ๎ งเป็นสภุ าพบรุ ุษตอ๎ งให๎เกยี รตสิ ุภาพสตรี ดแู ลคูํครองด๎วย ความรัก ให๎เกียรติกันและกัน เม่ือพบป๓ญหาต๎องรํวมกันตัดสินใจแก๎ไขป๓ญหาอยํางต้ังม่ันในความ ซ่ือสัตย๑สจุ รติ และความปรารถนาดี กกกกก6. 6.1 6.1.1 4) ในฐานะผูน๎ าครอบครัว ตอ๎ งเป็นแบบอยํางในการปฏิบัติดปี ฏิบัตชิ อบ ให๎บตุ รไดเ๎ หน็ และทาตาม รวมถงึ ส่ังสอนให๎บุตรทางานที่เป็นบทบาทของตวั เองให๎ดีที่สดุ กกกกก6. 6.1 6.1.2 ความอํอนน๎อมถํอมตัว ได๎แกํ กกกกก6. 6.1 6.1.2 1) กับประชาชนทว่ั ไป ควรใหก๎ ารเคารพอํอนน๎อมถอํ มตัวกบั ผู๎ท่ีมอี าวุโสกวํา และแสดงความสุภาพอํอนโยนกับผทู๎ ี่มีอาวุโสเทํากนั หรือน๎อยกวํา กกกกก6. 6.1 6.1.2 2) กับพระสงฆ๑ เมอ่ื พบพระสงฆค๑ วรยกมือไหว๎ เพื่อแสดงความเคารพ ในฐานะท่ีพระสงฆ๑เป็นผสู๎ บื ทอดพระพุทธศาสนาให๎คงอยํูคํูกบั คนไทย กกกกก6. 6.1 6.1.2 3) กับญาติพน่ี ๎อง ต๎องดแู ลญาติพี่น๎อง และใหค๎ วามเคารพญาติผท๎ู มี่ ีอาวุโส กวาํ ด๎วยความอํอนนอ๎ มถํอมตวั และผทู๎ ี่มีอาวโุ สเทํากัน หรือน๎อยกวํากแ็ สดงความสุภาพออํ นโยน

8 กกกกก6. 6.2 หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชกรณียกิจ กกกกก6. 6.2 6.2.1 โรงเรยี น ถา๎ พลเมืองมีฐานะหรือมเี งินเหลือเกบ็ ก็สามารถสงเคราะหเ๑ งนิ ดงั กลําวสนบั สนุนกิจกรรมการศกึ ษาของโรงเรียน หรอื สถาบันการศึกษาในชมุ ชนที่ตวั เองเป็นสมาชิก อยํูในกรณีที่ไมมํ เี งินสามารถชํวยเหลือดา๎ นแรงกายกับภารกิจทโี่ รงเรียนต๎องการใหช๎ วํ ยเหลอื ก็ได๎ กกกกก6. 6.2 6.2.2 ทอ๎ งถิ่น ต๎องมสี ํวนรวํ มในการพัฒนาทอ๎ งถิ่นของตวั เองทกุ ด๎าน ทั้งด๎านแรงกาย หรือเงินตามโอกาสอนั ควร กกกกก6. 6.2 6.2.3 ประเทศ พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพล อดุลยเดชรชั กาลท่ี 9 ทเ่ี ก่ียวข๎องกับการพฒั นาระดับประเทศ ได๎แกํ ศนู ย๑ศกึ ษาการพฒั นาอันเน่อื ง มาจากพระราชดาริ จานวน 6 แหํง คอื (1) ศูนยศ๑ ึกษาการพัฒนาห๎วยฮอํ งไคร๎อันเนอ่ื งมาจาก พระราชดาริ จังหวัดเชียงใหมํ ต้ังอยูํในภาคเหนือ (2) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ จังหวดั สกลนคร ตงั้ อยํูในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (3) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ๎อน อันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยํูในภาคตะวันออก (4) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนา อําวคุ๎งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดจันทบุรี ต้ังอยูํในภาคตะวันออก (5) ศูนย๑ศึกษา การพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยํูในภาคตะวันตก และ (6) ศูนยศ๑ กึ ษาการพัฒนาพิกุลทองอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวัดนราธิวาส ต้งั อยํใู นภาคใต๎ กกกกก6. 6.2 6.2.4 โลก กกกกก6. 6.2 6.2.4 1) พระราชกรณยี กจิ ด๎านการเจริญพระราชไมตรี พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ใหค๎ วามสาคัญกบั การเจรญิ พระราชไมตรกี ับ ประเทศเพื่อนบ๎าน และนานาประเทศในโลก พระองคไ๑ ดเ๎ สด็จเจริญพระราชไมตรีกบั ตํางประเทศถึง จานวน 31 ครั้ง กกกกก6. 6.2 6.2.4 2) นานาประเทศได๎น๎อมนาพระราชกรณยี กิจ นาไปใช๎ในการแก๎ไขปญ๓ หาหรือ พฒั นาประเทศ กกกกก7. บทท่ี 7 การประยุกต๑ใช๎หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ในชีวิตประจาวนั กกกกก7. 7.1 การนอ๎ มนาทศพธิ ราชธรรมไปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน สามารถใช๎กบั ครอบครวั ทปี่ ระกอบด๎วย หัวหนา๎ ครอบครวั สมาชกิ ในครอบครัว และเครือญาติ การศึกษา ประกอบด๎วย เพื่อน ผู๎เรียน หรือนักศึกษา และครูบาอาจารย๑ การประกอบอาชีพการงาน ประกอบด๎วย เพื่อนรํวมอาชีพ และนายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา และการพัฒนาชุมชน ท๎องถ่ิน และสังคม ประกอบด๎วย สมาชิกใน ชุมชน และผู๎นา ได๎เป็นอยํางดี คือ ทาน ด๎วยการให๎บริจาคสิ่งของ ทรัพย๑ หรือแรงกาย ชํวยเหลือ กิจกรรม หรอื ภารกจิ ที่เก่ียวข๎อง ให๎คาแนะนา หรอื ความรท๎ู เี่ กย่ี วขอ๎ ง และให๎อภัยเมื่อได๎รับความร๎ูสึก หรือการกระทาท่ีไมํถูกต๎องกับตนเอง ศีล คือ การละเว๎นในสิ่งที่เป็นข๎อห๎ามของศีล 5 ให๎ประพฤติ ในส่ิงทด่ี งี าม ปริจาคะ คอื การเสียสละ สํวนทีเ่ ก่ียวข๎องกบั ตนเองเพ่ือประโยชน๑ของสํวนรวม อาชชวะ คือ ความซ่อื ตรง ใหป๎ ฏิบัติงานหรือภารกิจท่ีเกี่ยวข๎องทั้งตํอหน๎า และลับหลัง ด๎วยความซ่ือสัตย๑สุจริต มัททวะ คือ ความอํอนโยน ให๎คานึงถึงอายุ ถ๎าเป็นผู๎อาวุโสต๎องปฏิบัติด๎วยความอํอนน๎อมถํอมตัว ใหก๎ ารเคารพ สํวนผู๎ที่มีอายุเสมอกัน หรืออํอนกวําให๎ปฏิบัติด๎วยความสุภาพอํอนโยน ตบะ คือ ความ เพียร ความอดทน ให๎ปฏิบัติภารกิจด๎วยความขยัน มุํงมั่น อดทน ต้ังใจให๎สาเร็จลุลํวง อักโกธะ

9 คือ ความไมํโกรธ ตอ๎ งควบคุมอารมณ๑ของตนเองให๎สงบ มสี ตติ ลอดเวลา เพ่ือแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ เหมาะสมกับ กาลเทศะทุกสถานการณ๑ อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ไมํเอารัดเอาเปรียบ ด๎วยการไมํเอาทรัพย๑สินหรือส่ิงของสํวนรวมหรือของผู๎อ่ืนมาใช๎เพื่อสํวนตน ไมํพูดจา หรือมีกิริยา สอํ เสียด เบียดเบยี นผ๎อู น่ื ทัง้ ทางกาย วาจา และใจ ขนั ติ คอื ความอดทน ตอ๎ งมีความอดทนในภารกิจ ท่ีมอบหมาย หรืออดทนตอํ สถานการณท๑ ่ไี มํพงึ ประสงค๑ ไมํยอํ ท๎อ ไมทํ ๎อถอย และ อวิโรธนะ คือ ความ เทีย่ งธรรม ใหว๎ างตัวเปน็ กลาง ไมํเอนเอยี งไปทีบ่ ุคคลใดหรือกลํุมใดกลํมุ หนงึ่ ไมํหว่ันไหว ไปกับคาพูด การกระทา ใหม๎ ีความยุตธิ รรม เทย่ี งตรง กกกกก7. 7.2 การนอ๎ มนาพระราชดารัสไปใช๎ในชีวิตประจาวัน ครอบครวั ต๎องให๎ความสาคญั กับ การอบรมเล้ียงดูบุตรหลานให๎เป็นคนดี มีคุณธรรม มีสตปิ ญ๓ ญาเฉลยี วฉลาด และมีเหตุมีผล การศึกษา ต๎องอบรม นักเรียน นักศึกษา และบัณฑิตท่ีเพ่ิงจบหรือศิษย๑เกําท่ีจบไปนานแล๎วให๎มีความรู๎วิชาการ และคุณธรรม การประกอบอาชีพ ทุกอาชีพต๎องเน๎นการพัฒนาอาชีพ ตั้งใจ ศึกษาพัฒนาอาชีพ ประกอบอาชีพด๎วยความรู๎ ความสามารถ ประกอบอาชีพด๎วยความพอเพียง ประหยัด พ่ึงตนเอง รอบคอบ คํอย ๆ พัฒนาตามลาดับเพื่อปูองกันความผิดพลาด ใช๎ข๎อมูลหรือส่ือสารท่ีเป็นประโยชน๑ และต๎องมีคุณธรรมในอาชีพของตนเอง และการพัฒนาชุมชน ท้องถ่ินและสังคม ต๎องมีวิชาการและ ผ๎ูปฏิบัติรํวมมือกันพัฒนาด๎วยดี ต๎องพัฒนาให๎สอดคล๎องกับบริบทแตํละพื้นท่ี เน๎นความเข๎มแข็งของ ชุมชน ท๎องถนิ่ ดว๎ ยการอาศยั การแลกเปลี่ยนเรียนรูก๎ บั บคุ คล หรือองค๑กรภายนอกชมุ ชน เข๎ามามีสํวน รํวมพัฒนาด๎วยความรักความสามัคคี กระบวนการพัฒนาต๎องเป็นลาดับข้ันตอน ประหยัด ถกู หลักวชิ า เพื่อปูองกนั ความลม๎ เหลวจากการพัฒนา กกกกก7. 7.3 การน๎อมนาหลกั การทรงงานไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั ครอบครวั ใชไ๎ ด๎ 10 ข๎อ คือ (1) การมีสํวนรวํ ม (2) ประโยชนส๑ วํ นรวม (3) ขาดทนุ คือกาไร (4) การพ่งึ ตนเอง (5) พออยพํู อกิน (6) เศรษฐกิจพอเพียง (7) ความซ่ือสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (8) ทางานอยํางมีความสุข (9) ความเพียร และ (10) ร๎ู รัก สามัคคี การศึกษา ใช๎ได๎ 21 ข๎อ คือ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาที่จุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน๑สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการรวมที่จุดเดียว (13) ปลูกปุาในใจคน (14) ขาดทุนคือกาไร (15) การพงึ่ ตนเอง (16) พออยํูพอกิน (17) เศรษฐกิจพอเพียง (18) ความซื่อสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (19) ทางานอยํางมีความสุข (20) ความเพียร และ (21) รู๎ รัก สามัคคี การประกอบอาชีพการงาน ใช๎ได๎ 22 ขอ๎ (1) ศกึ ษาขอ๎ มลู อยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาที่จุดเล็ก (4) ทาตาม ลาดับขั้น (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน๑สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการรวมท่ีจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14 ) ปลูกปุาในใจคน (15) ขาดทุนคือกาไร (16) การพึ่งตนเอง (17) พออยพูํ อกนิ (18) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (19) ความซื่อสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (20) ทางานอยํางมี ความสขุ (21) ความเพียร และ (22) รู๎ รัก สามัคคี และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและสังคม สามารถ ใช๎หลักการทรงงาน ใช๎ได๎ 23 ข๎อ คือ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับขั้น (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงาํ ย ไดป๎ ระโยชน๑สงู สุด (9) ทาใหง๎ ําย (10) การมีสวํ นรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการ

10 รวมท่ีจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยํูพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความ ซื่อสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพียร และ ( 23) ร๎ู รัก สามัคคี มาใช๎ในการพฒั นาชมุ ชน ทอ๎ งถนิ่ และสงั คม ให๎เจรญิ กา๎ วหนา๎ ได๎ กกกกก7. 7.4 การน๎อมนาพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจไปใชช๎ วี ติ ประจาวัน ครอบครัว ใน ฐานะบุตรต๎องเชื่อฟ๓งคาสอนของบิดา มารดา มีความรับผิดชอบ ในหน๎าที่ ท่ีได๎รับมอบหมาย และมี ความกตญั ๒ตู อํ บดิ ามารดา ในฐานะพํอ มหี นา๎ ทอ่ี บรมสง่ั สอนใหเ๎ ป็นคนดี สนับสนุนให๎ได๎รับการศึกษา ตามศักยภาพ ในฐานะสามี ให๎เกียรติภรรยา และยกยํองตามโอกาส และในฐานะผ๎ูนาครอบครัว เป็นแบบอยํางที่ดีให๎กับสมาชิกครอบครัว ได๎ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ควรมีความอํอนน๎อมถํอมตัวกับ ผ๎ูที่มีอาวุโสกวําให๎ความเคารพ สํวนผู๎ท่ีมีอายุรุํนราวคราวเดียวกัน หรือผู๎ที่มีอายุอํอนกวํา ควรแสดงออกซ่ึงความสุภาพอํอนโยน โรงเรียน ควรชํวยเหลือสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนตาม ศักยภาพอาจจะเป็นทรัพย๑เงิน หรือวัสดุ หรือแรงกาย ก็ได๎ตามโอกาส เพื่อชํวยพัฒนาการจัด การศกึ ษาของโรงเรียน ท้องถิ่น ควรมีสํวนรํวมในการพัฒนาท๎องถ่ินของตนเอง ท้ังแรงกาย หรือเงิน ตามโอกาส ประเทศ ควรหาโอกาสไปศกึ ษาเรียนร๎ู ศูนย๑ศกึ ษาการพฒั นาอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริที่ ตั้งอยูํในภูมิภาคท่ีเป็นภูมิลาเนาของตนเอง ศึกษาแนวทางการปฏิบัติงานรํวมกันของทุกฝุายใน ศูนย๑ศึกษามาปรับใช๎ในเรื่องของความสามัคคี ในการทางานรํวมกัน และยึดหลักการพ่ึงตนเองให๎ มากที่สดุ ลดการพึ่งพาภายนอก ดาเนินชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และโลก ในฐานะ เป็นสมาชิกควรคานึงถึงการพัฒนา หรือการกระทาของสมาชิกโลกแตํละคน แตํละครอบครัว แตํละ ชุมชน และแตํละสังคม มีความสัมพันธ๑เชื่อมโยงกัน การกระทาทุกอยํางจะสํงผลกระทบตํอผ๎ูท่ีอยูํ รอบขา๎ งทงั้ ทางตรงและทางออ๎ ม สํงผลกระทบตอํ โลกทเี่ ราอาศัยอยํู ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวัง กกกกกกก1. บอกความรู๎พืน้ ฐานเกี่ยวกบั หน๎าที่พลเมืองและความหมายของหน๎าที่พลเมืองตามรอย พระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของหนา๎ ทพี่ ลเมืองและความสาคัญของหน๎าท่ีพลเมอื งตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก3. วเิ คราะหห๑ นา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ด๎วยทศพธิ ราชธรรม และ ตามพระราชดารัส ในสถานการณท๑ ก่ี าหนดให๎ได๎ กกกกกกก4. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของหนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ด๎วย ทศพิธราชธรรม และตามพระราชดารสั กกกกกกก5. สามารถประยุกต๑ใช๎หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ย ทศพิธราชธรรม และตามพระราชดารสั ในชีวิตประจาวนั ได๎ กกกกกกก6. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญ เหน็ คุณคาํ ของการประยกุ ตใ๑ ช๎หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคล บาทรชั กาลท่ี 9 ในชวี ติ ประจาวนั

11 ขอบขา่ ยเน้อื หา กกกกกกกบทท่ี 1 ความร๎ูพื้นฐานเกย่ี วกบั หนา๎ ท่ีพลเมอื ง กกกกกกกบทท่ี 1 เรอ่ื งที่ 1 ความหมายของหนา๎ ท่พี ลเมือง กกกกกกกบทที่ 1 เรอ่ื งที่ 2 ความสาคญั ของหน๎าทพ่ี ลเมือง กกกกกกกบทท่ี 1 เรื่องท่ี 3 แนวทางการปฏิบตั ติ นในการเป็นสมาชกิ ท่ดี ตี ํอสังคม กกกกกกกบทท่ี 1 เรื่องท่ี 4 คุณธรรม ของการเปน็ พลเมืองดี กกกกกกกบทท่ี 2 ความหมายและความสาคัญของหน๎าที่พลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกกบทที่ 1 เรอ่ื งท่ี 1 ความหมายของหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 กกกกกกกบทที่ 1 เร่อื งที่ 2 ความสาคญั ของหน๎าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 กกกกกกกบทท่ี 3 หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม กกกกกกกบทที่ 1 เรอ่ื งท่ี 1 ความหมายของทศพธิ ราชธรรม กกกกกกกบทที่ 1 เร่ืองท่ี 2 แนวทางการปฏิบัตหิ น๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกกบทท่ี 4 หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั กกกกกกกบทท่ี 1 เรอ่ื งท่ี 1 หน๎าท่ีพลเมืองตามพระราชดารัส ความสุขในการดาเนินชวี ติ กกกกกกกบทที่ 1 เรื่องท่ี 2 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามพระราชดารสั เกีย่ วกบั เด็ก นกั เรียนและเยาวชน และ นักศกึ ษา กกกกกกกบทที่ 1 เร่ืองท่ี 3 หนา๎ ท่พี ลเมืองตามพระราชดารัส ทเี่ ก่ยี วขอ๎ งกับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง กกกกกกกบทที่ 5 หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกกบทที่ 1 เรอ่ื งท่ี 1 หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกกบทที่ 1 เรือ่ งที่ 2 แนวทางการปฏิบัติหนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกกบทที่ 6 หนา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณียกิจ กกกกกกกบทที่ 1 เร่ืองที่ 1 หน๎าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วัตร กกกกกกกบทท่ี 1 เรอ่ื งที่ 2. หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชกรณียกจิ กกกกกกกบทที่ 7 การประยุกต๑ใชห๎ น๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวัน กกกกกกกบทท่ี 1 เรื่องที่ 1 การนอ๎ มนาทศพิศราชธรรมไปใช๎ในชีวติ ประจาวนั กกกกกกกบทที่ 1 เรื่องที่ 2 การนอ๎ มนาพระราชดารัสไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั

12 ส่อื ประกอบการเรยี น กกกกกกก1. สอ่ื เอกสาร ไดแ๎ กํ หนงั สอื ท่เี ก่ียวขอ๎ งกับบทน้ัน กกกกกกก2. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ เว็ปไซต๑ CD ทีเ่ กย่ี วขอ๎ งกับบทน้ันๆ กกกกกกก3. สอ่ื บุคคล ได๎แกํ เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรีขันธ๑ เจ๎าคณะตาบลในอาเภอเมือง ประจวบครี ีขนั ธ๑ และวิทยากรจากชมรมคนรักในหลวงจัดประจวบคีรีขนั ธ๑ กกกกกกก4. สอ่ื การเรยี นรใู๎ นชมุ ชน ได๎แกํ หอ๎ งสมุดประชาชนจังหวัดประจวบคีรขี ันธ๑ บ๎านหนงั สอื ชมุ ชนทกุ ตาบลในอาเภอเมืองประจวบคีรขี นั ธ๑ และพพิ ิธภัณฑ๑จงั หวัดประจวบครี ขี ันธ๑

13 บทที่ 1 ความรูพ้ ้ืนฐานเก่ยี วกบั หนา้ ที่พลเมือง สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ท่ีพลเมือง หมายถึง การทบ่ี ุคคลในชมุ ชน สังคมประเทศ ต๎องปฏบิ ัติตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ คาสั่งสอน ของพํอแมํ ครูอาจารย๑ มีความสามัคคี เอือ้ เฟ้ือเผื่อแผํซึ่งกนั และกัน รจู๎ กั รับผดิ ชอบช่วั ดตี ามหลกั จรยิ ธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความ รอบร๎ู มีสติป๓ญญา ขยันขันแข็ง สร๎างความเจริญก๎าวหน๎าให๎แกํตนเอง ครอบครัว สังคมและ ประเทศชาติ กกกกกกก2. ความสาคัญของหนา๎ ท่พี ลเมืองทีม่ ีตํอประเทศชาติ (1) ต๎องจงรักภักดีและรกั ษาไว๎ซึ่ง สถาบันชาติ ศาสนา พรมหากษัตริย๑ (2) ต๎องรักษาไว๎ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย (3) ต๎องชํวยกันปอู งกันประเทศ (4) ต๎องปฏบิ ัติตามกฎหมายบ๎านเมืองอยํางเครํงครัด (5) ต๎องให๎ความ รํวมมอื ชํวยเหลือแกํราชการ (6) ต๎องเสียภาษอี ากรตามที่กฎหมายบญั ญัติไว๎ กกกกกกก3. แนวทางการปฏิบตั ิตนในการเปน็ สมาชิกทีด่ ีของสงั คมต๎องปฏิบัติตามกฎหมาย วัฒนธรรม ประเพณี และปฏิบตั ติ นตามสทิ ธิหนา๎ ท่ีตามระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก4. คุณธรรมของการเปน็ พลเมืองท่ดี ี มี 8 ประการคือ (1) ความจงรักภกั ดีตํอชาตศิ าสนา และพระมหากษัตริย๑ (2) การยึดมั่นในหลักธรรมของศาสนาที่ตนเองนับถือ (3) ความซื่อสัตย๑ (4) ความเสยี สละ (5) ความรับผดิ ชอบ (6) การมรี ะเบยี บวนิ ัย (7) การตรงตํอเวลา (8) ความกล๎าหาญ ทางจริยธรรม กกกกกกกกก ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวัง กกกกกกก1. บอกความหมายของหน๎าท่ีพลเมืองได๎ กกกกกกก2. อธิบายและตระหนักถึงความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมือง กกกกกกก3. บอกแนวทางการปฏิบัตติ นในการเปน็ สมาชิกท่ดี ขี องสงั คมได๎ กกกกกกก4. บอกคุณธรรมของการเป็นพลเมืองดีได๎ ขอบข่ายเนอื้ หา กกกกกกกเร่ืองที่ 1 ความหมายของหนา๎ ท่ีพลเมือง กกกกกกกเรื่องท่ี 2 ความสาคัญของหนา๎ ท่ีพลเมือง กกกกกกกเรื่องที่ 3 แนวทางการปฏิบัตติ นในการเป็นสมาชกิ ท่ีดีของสังคม กกกกกกกเร่ืองที่ 4 คณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองดี

14 ส่ือประกอบการเรียน กกกกกกก1. สอ่ื เอกสาร ไดแ๎ กํ 1.1 ชื่อหนงั สอื สทิ ธิ เสรภี าพ และหน๎าที่ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผแ๎ู ตงํ กลุมํ งานผลิตเอกสาร สานักประชาสมั พนั ธ๑ สานกั งานเลขาธิการสภาผแู๎ ทนราษฎร ปีทพี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2556 โรงพมิ พ๑ สานักการพิมพ๑ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผ๎ูแทนราษฎร 1.2 ชอ่ื หนงั สอื เรียนรายวชิ าศาสนาและหน๎าทพ่ี ลเมืองระดบั ประถมศึกษา ผแู๎ ตงํ สานักงานสงํ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ปีทพี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2559 โรงพิมพ๑ ปยิ มิตร กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส๑ ได๎แกํ 2.1 บทความ พลเมืองดีของประเทศชาติและสงั คมโลก ผ๎แู ตํง พิมพ๑ พิมพน๑ ภทั ร สบื คน๎ จาก https://www.academia.edu/8265830 2.2 บทความ พลเมือง ผ๎แู ตงํ สานักงานราชบณั ฑติ ยสภา สบื คน๎ จาก http://www.royin.go.th/?knowledges กกกกกกก3. สื่อแหลงํ เรียนรใ๎ู นชมุ ชน ไดแ๎ กํ 3.1 ห๎องสมุดประชาชนจังหวัดประจวบครี ีขันธ๑ 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แหํง และศนู ย๑การเรียนชมุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี ันธ๑ เรอื่ งท่ี 1 ความหมายของหน้าที่พลเมือง กกกกกกก1. ความหมายของพลเมือง กกกกกกก1. พลเมอื ง (Citizen) หมายถงึ พลเมือง มาจากภาษาลาตนิ วํา eiver (พลเมือง) ซึ่งเคย ใช๎ในยุคโบราณซึ่งเก่ียวกับประชาธิปไตยในกรีกและโรมัน ตํอมายุคกลางไมํได๎นามาใช๎แตํคาวํา พลเมืองก็ได๎มีการนากลับมาใช๎อีกครั้งในชํวงของการปฏิวัติในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ ฝร่ังเศสในปลายศตวรรษที่ 18 การเป็นพลเมืองมีหลายมิติ การท่ีจะเป็นพลเมืองนั้นต๎องมี องค๑ประกอบ ดงั ตอํ ไปนี้ กกกกกกก1. ข๎อท่ี 1 มเี อกลกั ษณ๑ทม่ี าจากความเปน็ สมาชกิ ของชมุ ชนทางการเมือง กกกกกกก1. ขอ๎ ที่ 2 ยดึ ถอื คํานิยมเฉพาะและอุดมคติ กกกกกกก1. ข๎อที่ 3 มีสิทธิและหนา๎ ท่ี กกกกกกก1. ขอ๎ ที่ 4 มสี ํวนรวํ มทางการเมอื ง กกกกกกก1. ขอ๎ ที่ 5 มีความรคู๎ วามเข๎าใจเกีย่ วกับการเมืองการปกครอง กกกกกกก1. พลเมอื ง หมายถึง ชาวเมอื งหรือประชาชนทีป่ ฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ๑ของสังคม มคี วามรบั ผดิ ชอบตํอหน๎าที่และรจู๎ กั บทบาทหน๎าท่ีของตนเอง ปฏบิ ัติตนได๎อยํางเหมาะสมไมํละเมิด สิทธแิ ละเสรภี าพของบุคคลอ่ืน

15 กกกกกกก1. พลเมือง หมายถึง ประชาชนท่ปี ระพฤตปิ ฏิบตั ิตามระเบยี บกฎเกณฑ๑ของสังคมมีความ รับผดิ ชอบตํอหน๎าท่ีของตนเอง รจ๎ู ักบทบาทหน๎าทข่ี องตนเอง และปฏบิ ตั ิตนได๎อยํางเหมาะสม ไมลํ ะเมดิ ลํวงลา้ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบุคคลอ่นื กกกกกกก1. พลเมอื ง หมายถงึ หมูคํ นที่เป็นของประเทศใดประเทศหน่ึง คนทัง้ หมดซึ่งเปน็ กาลงั ของประเทศ ทั้งในทางเศรษฐกิจ การทหาร และสนับสนนุ ผ๎ูมีอานาจตํอรองอานาจกับประเทศอ่นื โดยนัยของความหมาย คาวาํ พลเมือง หมายถงึ คนทีส่ นับสนนุ เป็นกาลงั อานาจของผูป๎ กครอง เป็น คนทอ่ี ยูํในการควบคุมดูแลของผ๎ูปกครอง กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรปุ พลเมือง หมายถงึ พลงั หรือกาลังคนของประเทศ ซึง่ อยํใู นฐานะเป็น เจ๎าของประเทศ ที่มีสัญชาติของประเทศน้ัน ๆ มีสิทธิและหน๎าท่ี ตามกฎหมายของประเทศน้ัน มีคํานิยม มีสํวนรํวมทางการเมือง เป็นผ๎ูสนับสนุนผู๎ปกครอง ในการควบคุมดูแลบุคคลในประเทศให๎ อยํูรํวมกนั อยาํ งมคี วามสุข กกกกกกก2. ความหมายของพลเมืองดี กกกกกกก2. พลเมืองดี หมายถงึ ผทู๎ ีป่ ฏบิ ัตหิ นา๎ ท่ีพลเมืองไดค๎ รบถ๎วน ทัง้ กจิ ทีต่ ๎องทาและกิจที่ควรทา กกกกกกก2. พลเมืองดี หมายถึง พลเมืองท่ีมคี ุณลกั ษณะท่สี าคัญ คือเป็นผท๎ู ี่ยดึ ม่นั ในหลักศีลธรรม และคณุ ธรรมของศาสนา ปฏิบัติตนตามกฎหมาย ดารงตนเป็นประโยชน๑ตํอสังคม โดยมีการชํวยเหลือ เกื้อกูลกนั อันจะกอํ ใหเ๎ กิดการพัฒนาสงั คม และ ประเทศชาติ กกกกกกก2. กิจทค่ี วรทา คือ ส่งิ ท่ีคนสวํ นใหญํเหน็ วาํ เปน็ หนา๎ ที่ จะต๎องทาหรือละเว๎นการกระทา ถ๎าไมํทาหรือละเว๎นการกระทาจะได๎รับผลเสียโดยทางอ๎อม เชํนได๎รับการดูหม่ินเหยียดหยามหรือไมํ คบค๎าสมาคมด๎วย ผ๎ูกระทากิจที่ควรทาจะได๎รับการยกยํองสรรเสริญจากคนในสังคมโดยทั่วไปสิ่งที่ ระบุกิจทีค่ วรทาไดแ๎ กํ วฒั นธรรมประเพณี เป็นต๎น กกกกกกก2. พลเมอื งดีมหี น๎าท่ีตอ๎ งปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละวัฒนธรรมของ ชาติ คาสั่งสอนของพํอแมํครูอาจารย๑ มีความสามัคคีเอ้ือเฟื้อเผื่อแผํซึ่งกันและกัน รู๎จักรับผิดชอบชั่วดี ตามหลักจริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู๎ มีสติป๓ญญา ขยันขันแข็ง สร๎างความ เจรญิ ก๎าวหน๎าใหแ๎ กํตนเอง ครอบครวั สงั คม และประเทศชาติ กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรุป พลเมอื งดี หมายถึง ผทู๎ ่ีปฏิบตั หิ น๎าท่พี ลเมืองได๎ครบถ๎วน ทงั้ กจิ ท่ีต๎องทา และกิจที่ควรทาหน๎าท่ี กิจท่ีต๎องทาหรือควรทาเป็นสิ่งท่ีกาหนดให๎ทา หรือห๎ามมิให๎กระทา ถ๎าทาก็จะ กํอให๎เกิดผลดี เกิดประโยชน๑ตํอตนเอง ครอบครัวหรือสังคมสํวนรวมแล๎วแตํกรณี ถ๎าไมํทาหรือ ไมํละเว๎นการกระทาตามท่ีกาหนด จะได๎รับผลเสียโดยตรง คือได๎รับโทษ หรือถูกบังคับ เชํน ปรับ จาคกุ หรือประหารชีวติ เป็นตน๎ โดยท่ัวไปสิ่งท่ี ระบกุ จิ ที่ตอ๎ งทา ได๎แกํ กฎหมาย เป็นต๎น กกกกกกก3. ความหมายของหนา๎ ทีพ่ ลเมือง กกกกกกก2. หนา๎ ที่พลเมือง หมายถึง ตอ๎ งปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีและ วัฒนธรรมของชาติ คาสัง่ สอนของพํอแมํ ครูอาจารย๑ มีความสามัคคีเอื้อเฟื้อเผ่ือแผํซ่ึงกันและกัน ร๎ูจัก รับผิดชอบชั่วดีตามหลักจริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบร๎ู มีสติป๓ญญา ขยันขันแข็ง สรา๎ งความเจรญิ กา๎ วหนา๎ ใหแ๎ กตํ นเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

16 เรื่องที่ 2 ความสาคญั ของหนา้ ทพี่ ลเมอื ง กกกกกกกความสาคัญของหน๎าทีพ่ ลเมืองท่ีมตี ํอประเทศชาติ ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. ตอ๎ งจงรกั ภักดีและรักษาไวซ๎ งึ่ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ๑ ซ่ึงเป็นสถาบนั สงู สดุ ของชาติ เปน็ ทีเ่ คารพสักการะบชู าของประชาชนชาวไทยทุกคน นอกจากน้สี ถาบนั ดังกลาํ ว ยงั เป็น เอกลกั ษณ๑ของชาติไทยดว๎ ย ดังนัน้ ตราบใดท่สี ถาบันท้ังสามยงั คงอยูํ คนไทยก็จะดารงอยูํได๎ กกกกกกก2. ต๎องรกั ษาไว๎ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยปกครองโดยระบอบ ประชาธิปไตย ซ่ึงมีพระมหากษัตริย๑เป็นประมุข และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย ประชาชนทกุ คนจึงมีหนา๎ ท่ีรักษาไว๎ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญของชาติก็ได๎ กาหนดไว๎วําเป็นหน๎าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต๎องดารงรักษาไว๎ซึ่งการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย กกกกกกก3. ตอ๎ งชวํ ยกันปอู งกันประเทศ ประเทศชาติเป็นของประชาชนไทยทุกคน ดังน้นั ในฐานะที่ เราเป็นสํวนหน่ึงของประเทศ จึงต๎องมีหน๎าที่รักษาไว๎ซึ่งความเป็นเอกราชและความม่ันคงของชาติ โดยการปูองกันประเทศชาติให๎พ๎นจากภัยอันตรายตํางๆ ซ่ึงเกิดจากศัตรูท้ังภายในและภายนอก ประเทศ เม่ือมีเหตุร๎ายข้ึนในประเทศ ตํางก็ต๎องชํวยกันปราบปรามให๎ความรํวมมือกับเจ๎าหน๎าท่ีของ บ๎านเมืองอยาํ งเตม็ ท่ี โดยเฉพาะอยํางย่งิ เป็นงานโดยตรงทีช่ ายไทยทกุ คนจะต๎องเขา๎ รบั ราชการทหาร กกกกกกก4. ตอ๎ งปฏิบัตติ ามกฎหมายบา๎ นเมืองอยาํ งเครํงครดั กฎหมายบ๎านเมือง หมายถึง กตกิ า หรอื ระเบยี บกฎเกณฑ๑ที่วํางไว๎ให๎ประชาชนทุกคนปฏิบัติ เพ่ือความสงบเรียบร๎อยของบ๎านเมืองในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตย ได๎กาหนดให๎ประชาชนทุกคนมีสํวนรํวมในการพิจารณาเห็นชอบและ กาหนดกฎหมายขึ้นใช๎ในประเทศ โดยการเลือกตั้งผ๎ูแทนตน เพ่ือไปปฏิบัติหน๎าท่ีออกกฎหมายใน สภานิติบัญญัติติจึงเทํากับวําประชาชนทุกคนรํวมกันตรากฎหมายออกมาใช๎รํวมกัน ประชาชนทุกคน จงึ ควรปฏบิ ตั ิอยํางเครงํ ครัด เพ่อื ความสงบเรียบรอ๎ ย และความผาสกุ รํวมกัน กกกกกกก5. ต๎องให๎ความรํวมมอื ชวํ ยเหลอื แกรํ าชการ เจา๎ หนา๎ ทีเ่ ปน็ ตัวแทนของรัฐบาลในการที่จะ ให๎บริการแกํประชาชน และปฏิบัติงานให๎เป็นไปตามกฎหมายของบ๎านเมือง ชํวยเป็นหูเป็นตา แกํเจ๎าหน๎าท่ีบ๎านเมือง เพื่อชํวยปูองกันปราบปรามโจรผู๎ร๎าย หรือผู๎เป็นภัยตํอความสงบสุขของ บ๎านเมือง เมื่อประชาชนทุกคนตํางให๎ความรํวมมือกัน รักษาความสงบเรียบร๎อยของบ๎านเมือง ประเทศชาติก็จะอยํูอยํางสงบสุข และปลอดภัยจากศตั รทู ้งั ภายใน และภายนอก กกกกกกก6. ตอ๎ งเสียภาษีอากรตามท่ีกฎหมายบัญญัตไิ ว๎ ประเทศชาติจะรงํุ เรือง และประชาชนจะมี ความสงบสุขอยูไํ ด๎ ตอ๎ งอาศัยการบริหารราชการแผํนดินของรัฐบาล เป็นหน๎าที่สาคัญท่ีประชาชนชาว ไทยจะต๎องชวํ ยกันเสียภาษีอากร เพอ่ื เราจะไดม๎ ีกาลังทหารไวป๎ อู งกันเอกราชของชาติ มีถนนดี ๆ ไว๎ใช๎ มีโรงเรียนให๎ลูกหลานได๎ศึกษาเลําเรียน มีโรงพยาบาลสาหรับรักษาเม่ือเราเจ็บไข๎ ได๎ปุวย เป็นต๎น

17 เรือ่ งที่ 3 แนวทางการปฏบิ ัตติ นในการเป็นสมาชกิ ท่ีดีของสงั คม กกกกกกก1. ดา๎ นกฎหมาย กกกกกกก1. กฎหมาย คือ กฎเกณฑ๑ ข๎อบงั คบั ท่ใี ช๎ควบคุมความประพฤติของมนุษย๑ในสงั คม กฎหมาย มีลักษณะเป็นคาสั่ง ข๎อห๎าม ที่มาจากผู๎มีอานาจสูงสุดในสังคม ใช๎บังคับได๎ท่ัวไป ใครฝุาฝืน จะตอ๎ งได๎รับโทษ หรือสภาพบังคับอยํางใดอยาํ งหนึ่ง กกกกกกก1. พลเมืองทุกคนต๎องปฏิบัตติ ามกฎระเบียบ ข๎อบังคบั ของสงั คม และบทบญั ญัตขิ อง กฎหมาย เชนํ ไมํลํวงละเมิดสิทธิของผ๎ูอื่น หรือไมํกระทาความผิดตามท่ีกฎหมายกาหนดก็จะทาให๎รัฐ ไมํตอ๎ งเสียงบประมาณในการปูองกนั ปราบปราม และจับกมุ ผ๎ทู ่กี ระทาความผิดมาลงโทษ นอกจากน้ี ยงั ทาใหส๎ งั คมมีความเป็นระเบียบสงบสุข ทุกคนอยํูรํวมกันอยํางสมานฉันท๑ ไมํหวาดระแวงคิดร๎ายตํอ กนั พลเมืองดตี อ๎ งเคารพกฎหมาย และทาตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู กกกกกกก2. ด๎านวัฒนธรรม กกกกกกก1. วัฒนธรรม คือ แบบแผนการกระทา หรอื ผลการกระทาท่ีพัฒนาจากสภาพเดิมตาม ธรรมชาติให๎ดีงาม ยั่งยืน จนเป็นท่ียอมรับของคนในสังคม เชํน กิริยา มารยาท การพูด การแตํงกาย การรับประทานอาหาร เป็นต๎น วัฒนธรรมการไหว๎ เป็นวัฒนธรรมภายนอกท่ีมักได๎รับการตอบสนอง จากผู๎ไดร๎ ับดว๎ ยการไหว๎ตอบ นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมไทยอ่ืน ๆ ที่งดงาม เชํน การกราบ การทาบุญ ตักบาตร การแตํงกายแบบไทย เปน็ ตน๎ กกกกกกก1. 2.1 พลเมืองดียํอมเป็นที่ต๎องการของสังคมทกุ สงั คม สถาบัน และสถานะของตนเอง ดงั นั้น พลเมืองดีจึงต๎องไดร๎ ับการปลูกฝง๓ วัฒนธรรมส่ิงทีด่ ีงาม โดยเฉพาะสังคมแรก คือ ครอบครวั ตอ๎ งอบรมให๎คนไทยมีสัมมาคารวะตํอผู๎อาวุโส มคี วามเสียสละ ซ่อื สตั ยส๑ จุ รติ ตรงตํอเวลา เปน็ ตน๎ กกกกกกก1. 2.2 สอนใหเ๎ ยาวชนร๎ูจกั และปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ และบทบาทของตนเองโดยมี ความรบั ผิดชอบ รบั ฟง๓ ความคิดเห็นของผู๎อน่ื เคารพกฎหมาย ปฏบิ ตั ติ ามขนบธรรมเนยี มประเพณี และวฒั นธรรมการปลูกฝง๓ สงิ่ ทดี่ ีงาม กกกกกกก1. 2.3 พลเมืองดีทกุ คนต๎องปฏิบตั ิตามวัฒนธรรมของสงั คมทต่ี นเองเปน็ สมาชิก กกกกกกก3. ดา๎ นประเพณไี ทย กกกกกกก3. ประเพณี คือ สิ่งทป่ี ฏิบัติสืบทอดสืบทอดกันมา และถือวาํ เป็นส่งิ ทด่ี งี าม สิง่ ท่ีงดงามของ แตํละสังคม อาจเหมือนกนั คลา๎ ยกนั หรือแตกตาํ งกนั ได๎ และสง่ิ ทงี่ ดงามของสังคมหนงึ่ เมื่อเวลาผําน ไปอาจเป็นสิง่ ทไี่ มงํ ดงามได๎ ดังนั้นประเพณีไทยอาจมีการปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงไปกบั สภาพสงั คม กกกกกกก3. พลเมืองดจี งึ ควรรกั ษาประเพณี แตถํ า๎ พบวาํ ประเพณีมีความลา๎ หลังไมํทนั สมยั ก็ สามารถปรบั ปรุงให๎เหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลีย่ นไป กกกกกกก4. ด๎านสิทธิหนา๎ ท่ีตาม ระบอบประชาธิปไตย กกกกกกก3. การเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องสงั คมตามสิทธิหนา๎ ท่ีตามระบอบประชาธปิ ไตยมี 4 ระดบั ดังน้ี กกกกกกก3. 4.1 ระดบั ครอบครวั กกกกกกก3. 4.1 หน๎าทขี่ องครอบครวั ผลติ สมาชิกให๎แกสํ ังคม อบรมบํมเพาะคํานิยมท่ีดีงามปลูกฝง๓ ขนบธรรมเนียม แบบแผนทางสังคม และกลํอมเกลาให๎สมาชิกในครอบครัว เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของ สังคมตํอไป ให๎ความอบอุํนแกํสมาชิกในครอบครัว เพ่ือให๎สมาชิกผ๎ูนั้นเข๎าสูํสังคมและเป็นสมาชิกที่ดี

18 ของสังคมให๎การศึกษาแกํสมาชิกของครอบครัว ซึ่งหน๎าท่ีของสมาชิกในครอบครัว หลักสาคัญตาม ระบอบประชาธิปไตย มดี ังน้ี กกกกกกก3. 4.1 4.1.1 ใหค๎ วามเคารพเชือ่ ฟ๓งผนู๎ าในครอบครวั กกกกกกก3. 4.1 4.1.2 ดแู ลครอบครวั ใหส๎ ามารถอยํูได๎ท้ังด๎านเศรษฐกจิ และความเป็นอยอํู นื่ ๆ กกกกกกก3. 4.1 4.1.3 ไมสํ รา๎ งความแตกแยกแกคํ รอบครัว กกกกกกก3. 4.1 4.1.4 ไมํสร๎างความเดอื ดรอ๎ นแกํครอบครัว กกกกกกก3. 4.1 4.1.5 เคารพกฎเกณฑ๑ของครอบครัว และแบบแผนทางสังคม กกกกกกก3. 4.1 4.1.6 สรา๎ งอาชีพและรายไดใ๎ หเ๎ พียงพอกับสมาชิกในครอบครวั กกกกกกก3. 4.1 4.1.7 ทานุบารุงครอบครัว ดูแลสมาชกิ ที่เจบ็ ปวุ ย และสมาชกิ ท่ีชวํ ยเหลอื ตัวเอง ไมไํ ด๎ กกกกกกก3. 4.1 ดงั นน้ั ครอบครัวมีหน๎าท่ีวางแผนอนาคต กาหนด และควบคมุ คําใช๎จาํ ยใน ครอบครวั ให๎มีความสมดลุ สอดรบั กบั รายได๎ เพ่ือครอบครวั จะได๎ไมํเดือดร๎อน กกกกกกก3. 4.2 ระดบั โรงเรียน กกกกกกก3. 4.2 เมือ่ เราอยํูในโรงเรียน เราทุกคนมหี นา๎ ที่ท่ตี ๎องปฏบิ ัตติ ํอโรงเรยี นเพราะโรงเรยี น เป็นสถานท่ีที่ให๎ความรู๎ ซ่ึงเราต๎องอยํูรํวมกับคนอื่น ๆ อีกมากมาย ดังน้ันเราจึงจาเป็นต๎องปฏิบัติ ตามกฎระเบียบของห๎องเรียนและโรงเรียน เพื่อท่ีจะได๎อยํูรํวมกันอยํางมีความสุข และเกิดความเป็น ระเบยี บเรยี บรอ๎ ย บทบาทหน๎าท่ตี ามระบอบประชาธิปไตยในโรงเรียนมดี งั นี้ กกกกกกก3. 4.2 4.2.1 เม่ือมาโรงเรียน เราต๎องปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของโรงเรียน เชํน แตํงกาย ให๎ถูกต๎องตามระเบียบ มาให๎ทนั เข๎าแถวเคารพธงชาติในตอนเชา๎ กกกกกกก3. 4.2 4.2.2 เมอื่ อยํใู นโรงเรยี น เราต๎องชํวยกันรักษาความสะอาดในห๎องเรียน และใน บรเิ วณตาํ ง ๆ ของโรงเรยี น ท้ิงขยะลงในถังขยะทโ่ี รงเรียนจัดให๎ กกกกกกก3. 4.2 4.2.3 ใหค๎ วามเคารพเชอื่ ฟ๓งครูอาจารย๑ ต้งั ใจเรยี นหนงั สอื รวมทั้งทางานตํางๆ ทคี่ รูมอบหมายด๎วยความตง้ั ใจและเอาใจใสํ กกกกกกก3. 4.2 4.2.4 ปฏบิ ัติตนในการเป็นผน๎ู าและผู๎ตามท่ีดีในห๎องเรยี นและโรงเรียน ต๎องรว๎ู าํ เม่ือเราเป็นผน๎ู าในการทากิจกรรมตาํ ง ๆ ควรปฏิบตั ติ นอยํางไร และเมือ่ เปน็ ผู๎ตามควรปฏิบัติตน อยํางไร กกกกกกก3. 4.2 4.2.5 ร๎จู กั แสดงความคดิ เหน็ ตามสิทธิของตนเองในห๎องเรยี นและโรงเรียน รวมทง้ั ร๎ูจกั รบั ฟ๓งความคดิ เหน็ ของผ๎ูอื่น และเคารพข๎อตกลงของคนสวํ นใหญํ กกกกกกก3. 4.2 4.2.6 ถา๎ เกิดข๎อขดั แย๎งกนั ในห๎องเรียนและโรงเรียน ใหแ๎ กป๎ ๓ญหาดว๎ ยหลกั เหตุผล ไมํใชอ๎ ารมณห๑ รือพละกาลงั ในการแก๎ป๓ญหา เพราะไมํใชวํ ิธแี กป๎ ๓ญหาที่ถกู ต๎อง แตํกลบั จะทาใหเ๎ กดิ ป๓ญหาอื่น ๆ ตามมา กกกกกกก3. 4.2 4.2.7 ในการแขํงขันทากิจกรรมตาํ ง ๆ ของโรงเรยี น เชนํ การแขํงกีฬา การ ประกวดในด๎านตาํ ง ๆ ต๎องฝึกฝนตนเองใหเ๎ ปน็ ผูร๎ ๎ูจกั แพ๎ ชนะ และให๎อภัย รวมทง้ั ยอมรับในคาตัดสนิ ของคณะกรรมการ

19 กกกกกกก3. 4.3 ระดับท๎องถนิ่ กกกกกกก3. 4.3 การปฏบิ ัติตนในฐานะสมาชกิ ของชมุ ชน บุคคลสามารถปฏิบตั ติ นตามระบอบ ประชาธิปไตยได๎หลายวธิ ี ดงั นี้ กกกกกกก3. 4.3 4.3.1 ปฏบิ ัติตนตามกฎระเบียบของชมุ ชน เชนํ ปฏบิ ัติตามกฎจราจร โดยขา๎ ม ถนนตรงทางมา๎ ลาย หรอื สะพานลอย ไมํวิ่งข๎ามถนนตัดหน๎ารถ ไมํทิ้งขยะลงในท่ีสาธารณะ ไมํทาลาย ส่ิงของที่เป็นของสาธารณะ และทรัพย๑สินสํวนตัวของผู๎อื่นให๎ได๎รับความเสียหายเพราะความ สนุกสนานของตนเอง กกกกกกก3. 4.3 4.3.2 เขา๎ รวํ มกิจกรรมของชมุ ชน เพ่ือชวํ ยรักษาและเผยแพรํวัฒนธรรมประเพณี ของชุมชนไว๎ ในแตลํ ะชุมชนจะมขี นบธรรมเนียมประเพณีท่ีปฏบิ ัติสืบทอดกันมา เชนํ ประเพณกี าร ทาบุญเมื่อถงึ วันสาคัญทางศาสนา ประเพณีวันสงกรานต๑ ประเพณวี ันลอยกระทง กกกกกกก3. 4.3.3 บาเพญ็ ประโยชน๑ตํอชุมชน เชํน ชวํ ยเก็บเศษขยะที่พบเหน็ ในบรเิ วณตาํ ง ๆ ชวํ ยดแู ลต๎นไม๎ ดอกไม๎ในสวนสาธารณะของชุมชน กกกกกกก3. 4.3.4 รํวมกนั อนรุ ักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล๎อมในชมุ ชน โดยให๎ทุกคน ในชุมชนมีจิตสานึกในการรักษาส่ิงแวดล๎อม เชํน ชุมชนท่ีมีปุาชายเลน ควรจะรํวมใจกันอนุรักษ๑ ปุาชายเลน เพอื่ ใหเ๎ ป็นที่อยํขู องสัตวต๑ าํ ง ๆ รวมท้งั ยังเปน็ แหลํงหลบภัยของลูกสัตว๑น้า และชุมชนท่ีอยูํ ติดชายทะเล ควรรํวมใจกันรักษาความสะอาดของชายหาด เพ่ือให๎เป็นแหลํงทํองเท่ียวที่ยั่งยืนของ ชุมชน การอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมในชุมชนควรเป็นความรํวมมือกันหลายฝุาย ระหวํางบ๎าน โรงเรียน และชมุ ชน กกกกกกก3. 4.4 ระดับประเทศ กกกกกกก3. 4.4 บคุ คลปฏบิ ัติตนในการเปน็ สมาชิกท่ดี ีของประเทศตามระบอบประชาธิปไตย ด๎วยการมสี วํ นรวํ มในกจิ กรรมทางการเมอื งการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชนสามารถ มสี ํวนรวํ มได๎ ดงั นี้ กกกกกกก3. 4.4 4.4.1 การใชส๎ ทิ ธิในการเลอื กตงั้ ระดับตําง ๆ เมอ่ื อายคุ รบ 18 ปบี ริบรู ณ๑ ทุกคน ต๎องไปใช๎สิทธิเลือกต้ังท้ังในระดับประเทศ เชํน การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู๎แทนราษฎร การเลือกต้ัง สมาชิกวุฒิสภา และการเลือกตั้งระดับท๎องถ่ิน เชํน การเลือกตั้งผู๎วํากรุงเทพมหานคร การเลือกต้ัง สมาชกิ องค๑กรสํวนท๎องถ่นิ เป็นต๎น เพอ่ื เลอื กตวั แทนไปทาหน๎าทบ่ี ริหารประเทศหรือท๎องถิ่นตํอไป กกกกกกก3. 4.4 4.4.2 การมสี ํวนรํวมในการตรวจสอบการใช๎อานาจรฐั ในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยนน้ั ประชาชนทุกคนล๎วนมีสํวนรํวมในการสอดสํองดูแลการบริหารราชการแผํนดินของ รัฐบาล หรือตรวจสอบการทางานของเจ๎าหน๎าท่ีในองค๑กรตําง ๆ เพื่อไมํให๎ ใช๎อานาจไปในทางท่ีไมํ ถูกตอ๎ ง กกกกกกก3. 4.4 4.4.3 การเปน็ แกนนาปลุกจติ สานึกให๎แกํผ๎อู ื่นในการรํวมกจิ กรรมทางการเมือง การปกครอง ได๎แกํ การใช๎สทิ ธเิ ลือกต้ังและการมีสวํ นรํวมในการตรวจสอบอานาจของรัฐ โดยการเป็น แกนนาน้ัน สามารถปฏิบัติได๎หลายอยําง เชํน ประกาศ โฆษณา ประชาสัมพันธ๑ การเข๎าไปช้ีแจงเป็น รายบคุ คล การจดั ใหม๎ กี ารประชมุ เพอื่ แสดงความคดิ เห็นตอํ ประเดน็ ที่มีผลกระทบตํอสงั คม

20 เรอ่ื งท่ี 4 คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี กกกกกกกคุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 8 ข๎อ ได๎แกํ คือ กกกกกกก1. ความจงรกั ภักดีตอํ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย๑ หมายถึง การที่บคุ คลมีความ นกึ ถงึ ความสาคัญของความเป็นคนไทย มีจิตใจฝ๓กใฝุศาสนา และตระหนักถงึ พระมหากรุณาธิคณุ ของ พระมหากษัตรยิ ๑ ปฏบิ ัติตนในการผดุงรักษาสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริยใ๑ ห๎คงอยูํคํู สังคมไทย ตลอดไป กกกกกกก2. การยดึ มั่นในหลักธรรมของศาสนาทีต่ นเองนับถือ ทุกศาสนามีหลกั ศลี ธรรมที่ชํวยสรา๎ ง จิตใจของ คนให๎กระทาดี ไมํเบียดเบียนกนั มใี จเอื้อเฟื้อเผือ่ แผํแกํกัน สมาชิกในสงั คมสมควรศรทั ธาใน ศาสนาที่ตนนบั ถือ แล๎วปฏิบตั ิตามหลกั ศีลธรรมของศาสนาทีต่ นนบั ถืออยาํ งสมา่ เสมอ กกกกกกก3. ความซ่อื สัตย๑ หมายถึง การกระทาท่ีถูกต๎องตรงไปตรงมา ไมํยึดเอาสง่ิ ของผ๎ูอื่นมาเป็น ของตน บุคคลควรซ่ือสัตย๑ตํอตนเอง คือ กระทาตนให๎เป็นคนดี และบุคคลควรซ่ือสัตย๑ตํอบุคคลอื่นๆ หมายถงึ กระทาดี และถกู ต๎องตามหนา๎ ทต่ี ํอผูอ๎ ่นื กกกกกกก4. ความเสยี สละ หมายถงึ การคานึงถงึ ประโยชน๑ของสังคมสวํ นรวมมากกวําประโยชน๑ สํวนตน และยอมเสียสละประโยชนส๑ ํวนตนเพือ่ ประโยชนแ๑ กผํ ๎ูอ่นื และสวํ นรวม กกกกกกก5. ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมรบั การกระทาของตนเอง หรือการทางานตามหนา๎ ที่ ทไี่ ด๎รับมอบหมายให๎สาเรจ็ ลุลวํ ง กกกกกกก6. การมีระเบยี บวินัย หมายถึง การกระทาทถ่ี ูกตอ๎ งตามกฎเกณฑ๑ท่ีสงั คมกาหนดไว๎ กกกกกกก7. การตรงตอํ เวลา หมายถึง การทางานหรือทาหน๎าทที่ ีไ่ ด๎รับมอบหมายใหส๎ าเรจ็ ลุลวํ ง ทันตรงตามเวลาที่กาหนด โดยใช๎เวลาอยํางค๎ุมคาํ กกกกกกก8. ความกล๎าหาญทางจรยิ ธรรม หมายถงึ การกระทาที่แสดงออกในทางทถ่ี ูกท่ีควรโดยไมํ เกรงกลวั อิทธพิ ลใด ๆ ความกลา๎ น้ีไมํใชํการอวดดี แตเํ ป็นการแสดงออกอยํางมเี หตุผล เพื่อความ ถูกต๎อง

21 กิจกรรมท้ายบท กกกกกกกกจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกคาชแ้ี จง ใหน๎ ักศกึ ษาเลือกคาตอบท่ีถกู ต๎องทีส่ ดุ เพยี งข๎อเดียวแล๎วนาไปเขยี นไว๎ในแผํน กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ กกกกกกก1. สิทธิและเสรีภาพมีความสาคัญอยาํ งไร ก. เปน็ รากฐานของประชาธิปไตย ข. เป็นเครอ่ื งมือทีใ่ ชต๎ ํอรองทางการเมือง ค. เป็นเครื่องมือหลักท่ีทาใหเ๎ ทคโนโลยีเจรญิ กา๎ วหน๎า ง. เปน็ สง่ิ ท่ที าให๎คนในสังคมเกิดความรสู๎ กึ เป็นหนึ่งเดียวกัน กกกกกกก2. ขอ๎ ใดไมํใชํคุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี 8 ขอ๎ ก. ความเสียสละ ข. การตรงตอํ เวลา ค. ความพรากเพยี ร ง. การมีระเบยี บวินยั กกกกกกก3. อานาจหรือผลประโยชน๑ของบุคคลท่ีกฎหมายใหค๎ วามคุ๎มครอง คือความหมาย ของขอ๎ ใด กกกกกกก3. ก. สทิ ธิ ข. หนา๎ ท่ี ค. พลเมอื งดี ง. สิทธแิ ละเสรีภาพ กกกกกกก4. การปฏบิ ัติตนตามบทบาทของพลเมืองดีในข๎อใดท่ีมผี ลตํอความระเบยี บเรียบรอ๎ ย ของสงั คม ก. รบั การศึกษาอบรม ข. ปฏบิ ัติตนตามกฎหมาย ค. ปฏบิ ัตติ นตามคาํ นยิ มท่ีดี ง. การปฏิบัติตนตามพิธกี รรมทางศาสนาอยํางเครํงครัด กกกกกกก5. การเป็นพลเมืองดีควรเร่มิ ตัง้ แตรํ ะดบั ใด ก. ระดับสากล ข. ระดบั ประเทศ ค. ระดับโรงเรยี น ง. ระดบั ครอบครัว

22 กกกกกกกกจิ กรรมที่ 2 กกกกกกกคาชีแ้ จง ให๎นักศกึ ษาจบั คูโํ ดยการโยงเส๎น ข๎อความด๎านตัวเลขกับข๎อความตัวอักษรท่ีมี ความสมั พันธ๑กันแล๎วนาคาตอบท่ีได๎ไปเขยี นลงในแผนํ กระดาษคาตอบทีแ่ จกให๎ กกกกกกก1. หน๎าที่ ก. พลงั หรอื กาลังคนของประเทศ ซ่ึงอยูํในฐานะ กกกกกกก2. พลเมือง เป็นเจ๎าของ ประเทศ ท่ีมสี ัญชาตขิ อง กกกกกกก3. ความรับผิดชอบ ประเทศนน้ั ๆ กกกกกกก4. สทิ ธขิ องปวงชนชาวไทย ข. กิจที่ต๎องทาหรอื ควรทา เป็นส่งิ ท่กี าหนดให๎ กกกกกกก5. หน๎าท่ขี องพลเมืองดีตํอ ทาหรอื หา๎ มมิใหก๎ ระทาถ๎าทากจ็ ะกํอใหเ๎ กิด กกกกกกก ประเทศชาติ ผลดี คค ค. รกั ษาไวซ๎ ึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย ง. คณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองดี จ. สิทธใิ นทรพั ย๑สิน บุคคลจะไดร๎ บั การค๎ุมครอง สิทธิในการครอบครองทรัพย๑สินของตนและ การสืบทอดมรดก กกกกกกกกจิ กรรมที่ 3 กกกกกกกคาชี้แจง ใหน๎ ักศกึ ษาเตมิ คาลงในชํองวํางให๎ถูกต๎องสมบูรณ๑สั้น ๆ แลว๎ นาคาตอบท่ีได๎ไป เขยี นลงในแผนํ กระดาษคาตอบท่แี จกให๎ กกกกกกก1. พลเมอื งมคี วามหมายตํางจากบุคคล ซง่ึ หมายถงึ สิ่งซึง่ มสี ิทธแิ ละหน๎าท่ีตามกฎหมาย ซงึ่ ไดแ๎ กํ………………………….……และ………………………….…… กกกกกกก2. คาวํา “สทิ ธิ” มคี าคํูกนั อยูํคือ “………………………….……” ไมวํ าํ เรอ่ื งใด ๆ ก็ตาม เม่ือมี “สทิ ธิ” ก็ยอํ มมี “………………………….……” คูํกนั เสมอเม่ือเราเกดิ มาเป็นคนไทยมสี ทิ ธิ ตามท่ี………………………….……กาหนด กกกกกกก3. ………………………….……หมายถึง ผท๎ู ปี่ ฏบิ ัติหนา๎ ท่ีพลเมืองไดค๎ รบถ๎วน ทั้งกิจทตี่ อ๎ งทา และกิจท่ีควรทา กกกกกกก4. สทิ ธิใน………………………….……บคุ คลจะได๎รับการคุม๎ ครองสิทธิในการครอบครอง ทรัพยส๑ นิ ของตนและการสบื ทอดมรดก กกกกกกก5. การปูองกนั ประเทศ เปน็ หน๎าทขี่ อง………………………….……

23 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 4 กกกกกกกคาช้ีแจง ใหน๎ ักศกึ ษาทาเครื่องหมายถูก ( ) หรอื ผิด () หนา๎ ข๎อตอํ ไปน้ี โดยนา คาตอบท่ีได๎นาไปเขียนตอํ ลงในแผนํ กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก……….1. หนา๎ ที่ คือ ความมีอสิ ระในการกระทาของบุคคลท่ีอยํูในของเขตของกฎหมาย เชํน ในการพูด การเขยี น เปน็ ต๎น กกกกกกก……….2. บุคคลยํอมมเี สรีภาพบริบูรณ๑ในการถือศาสนาหรอื ลทั ธใิ ด ๆ และมเี สรีภาพใน การปฏบิ ตั ิพิธกี รรมตามความเชอื่ ถอื ของตน เมอ่ื ไมเํ ปน็ ปฏปิ ก๓ ษต๑ ํอหนา๎ ทีข่ องพลเมืองและไมํเปน็ การขัดตํอความสงบเรยี บรอ๎ ยหรอื ศีลธรรมของประชาชน กกกกกกก……….3. ความจงรักภกั ดตี อํ ชาติศาสนา และพระมหากษตั รยิ ๑ไมไํ ด๎จัดอยูใํ นคุณธรรม ของการเปน็ พลเมอื งดี 8 ข๎อ กกกกกกก……….4. บคุ คลจะเปน็ พลเมืองดีของสังคมน้ัน ต๎องตระหนักถงึ บทบาทหน๎าท่ี ที่จะต๎อง ปฏิบัติ และมํงุ ม่ันเพื่อใหบ๎ รรลุเปาู หมาย ดว๎ ยความรบั ผดิ ชอบอยํางเต็มที่ กกกกกกก……….5. เมื่อมาโรงเรียน เราตอ๎ งปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของโรงเรยี น เชํน แตงํ กายให๎ ถูกต๎องตามระเบียบ มาให๎ทันเข๎าแถวเคารพธงชาติในตอนเชา๎

24 บทที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 สาระสาคญั กกกกกกก1. หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 หมายถงึ การท่ปี ระชาชนหรอื บคุ คล ในประเทศไทยได๎น๎อมนาแนวทางการปกครองด๎วยทศพิธราชธรรม พระราชดารัสที่สาคัญ หลักการ ทรงงาน รวมถึงพระราชจริยวัตร และพระราชกรณียกิจ ท่ีทรงเป็นแบบอยํางเป็นที่ยอมรับท้ังใน ระดับประเทศ และนานาประเทศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาศึกษา เรียนรู๎ และนาไปเป็นแนวทางปฏิบัติในการดาเนินชีวิตหรือการประกอบอาชีพ เพื่อให๎ตนเอง มคี ณุ ภาพชวี ิตทีด่ ี มีความเขม๎ แข็ง และม่ันคงสงํ ผลตํอเน่อื งตํอการพฒั นาประเทศและโลกได๎ กกกกกกก2. ความสาคญั ของหนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ชวํ ยให๎พลเมอื ง มจี ิตสาธารณะ มสี วํ นรวมหรอื ใหค๎ วามรวํ มมือทาภารกิจเพื่อสํวนรวมของสาธารณะหรือของชาตทิ าให๎ สงั คมประเทศมีความมนั่ คงผาสุก และเจริญกา๎ วหน๎าได๎ ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวงั กกกกกกก1. บอกความหมายของหน๎าทพ่ี ลเมืองามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ได๎ กกกกกกก2. อธิบายและตระหนกั ถึงความสาคญั ของหน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ขอบขา่ ยเนือ้ หา กกกกกกกเรื่องที่ 1 ความหมายของหนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 กกกกกกกเรื่องที่ 2 ความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 สอ่ื ประกอบการเรียน กกกกกกก1. สอ่ื เอกสารได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ชือ่ หนังสือพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระขนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. ผ๎ูแตํงราชบัณฑิตสถาน. ปีท่ีพิมพ๑ 2556. สานักพิมพ๑ ศิริวัฒนาอินเตอร๑พร้ินท๑ จากดั . กกกกกกก1. 1.2 ชื่อหนงั สอื การเดนิ ตามรอยพระยคุ ลบาท เศรษฐกิจพอเพยี ง ชํวยแก๎ป๓ญหาความ ยากจนและการทจุ รติ . ผแ๎ู ตงํ สมพร เทพสิทธา. ปีทีพ่ มิ พ๑ 2546. โรงพิมพ๑ศรีเมืองการพิมพ.๑

25 กกกกกกก1. 1.3 ชอ่ื หนงั สอื โครงการเรียนรต๎ู ามรอยพระยุคลบาท. ผแ๎ู ตํงสานักสํงเสริมกิจการ การศกึ ษา สานักปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ. ปที ่พี ิมพ๑ ม.ป.ป. สถานที่พิมพ๑ ม.ป.พ. กกกกกกก2. สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 บทความความหมายของคนดี. ผ๎ูแตงํ ทักษด๑ นยั สร๎อยคา. สบื ค๎นจาก http://www.gotoknow.org2posts2244587 กกกกกกก2. 2.2 บทความพลเมอื งดีตามวิถีประชาธปิ ไตย. ผ๎ูแตํงปณติ า ปตตาทานัง. สบื ค๎นจาก http;//www.thistudyfocas.com/สังคมศึกษา/หนา๎ ทพ่ี ลเมือง กกกกกกก3. สอื่ แหลํงเรียนรใู๎ นชมุ ชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 3.1 ห๎องสมุดประชาชนจงั หวัดประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก2. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาล และศูนย๑การเรียนชุมชนในอาเภอเมืองประจวบคีรขี ันธ๑ เรอื่ งที่ 1 ความหมายของหนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. ความหมายของหน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของหน๎าทพี่ ลเมือง หมายถงึ การท่บี คุ คลในชมุ ชน สังคม ประเทศ ต๎องปฏิบัติตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คาสั่งสอนของพํอแมํ ครู อาจารย๑ มีความสามัคคีเอื้อเฟ้ือเผื่อแผํซึ่งกันและกัน รู๎จักรับผิดชอบชั่วดีตามหลักจริยธรรม และ หลักธรรมของศาสนา มีความรอบร๎ู มีสติป๓ญญา ขยันขันแข็งสร๎างความเจริญก๎าวหน๎าให๎แกํตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 ความหมายตามรอยพระยุคลบาท กกกกกกก1. 1.2 ยุคลบาท จากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ปี พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ความหมายไว๎วาํ เท๎าทงั้ คูํ โดยมากใช๎แกพํ ระมหากษตั รยิ ๑และสมเด็จพระบรมราชินนี าถ กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยคุ ลบาท มีความหมายตอํ ไปน้ี กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยุคลบาท หมายถงึ วธิ ีคดิ วิธีทรงงาน วธิ ปี ฏบิ ัติ ที่ลว๎ นเปน็ แบบอยําง ทค่ี วรแกํการนาไปเป็นแนวทางปฏบิ ัตแิ ละดาเนินชีวิต กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยุคลบาท หมายถงึ ทรงเป็นแบบอยาํ งที่ดีในการดาเนินชีวิต และการ ทางานสามารถน๎อมนาไปปฏิบตั ไิ ด๎ กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรปุ ตามรอยพระยคุ ลบาท หมายถึง การเรียนร๎วู ิธคี ิด วธิ ีทรงงาน วธิ ีปฏิบตั ิ ท่ีทรงเปน็ แบบอยํางท่ดี ขี องพระมหากษัตรยิ ๑ เพ่อื นามาใช๎เป็นแนวทางในการดาเนินชวี ติ หรอื การประกอบอาชพี กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.2 รชั กาลที่ 9 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย๑ลาดับที่ 9 แหํงราชวงศ๑จักรีท่ีมีคุณูปการตํอประเทศไทย และนานาประเทศ โดยได๎พระราชทานปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงเพื่อใชใ๎ นการพฒั นาคุณภาพชีวิต สง่ิ แวดล๎อมให๎มีความมงั่ คง และยั่งยืน

26 กกกกกกก1. 1.4 ความหมายของหนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.2 สามารถนาความหมายของหนา๎ ทพ่ี ลเมืองความหมายของพระยุคลบาทและ ความหมายของรัชกาลท่ี 9 ดังกลําวข๎างต๎นมารวบรวมเป็นความหมายของหน๎าท่ีพลเมือง ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ได๎วาํ หมายถงึ การท่ีประชาชนหรือบุคคลในประเทศไทยได๎น๎อมนา แนวทางการปกครองด๎วยทศพิธราชธรรม พระราชดารัสท่ีสาคัญ หลักการทรงงาน รวมถึงพระราช จริยวัตร และพระราชกรณียกิจท่ีทรงเป็นแบบอยําง เป็นท่ียอมรับทั้งในระดับประเทศ และนานา ประเทศของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชมาศึกษาเรียนร๎ู และนาไปเป็นแนวทาง ปฏิบัติในการดาเนินชีวิต หรือการประกอบอาชีพ เพื่อให๎ตนเองมีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีความเข๎มแข็ง และมนั่ คง สํงผลตอํ เนอ่ื งตํอการพัฒนาประเทศ และโลกได๎ เร่อื งที่ 2 ความสาคัญของหน้าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 กกกกกกก2. ความสาคัญของหน๎าท่ีพลเมืองตํอประเทศชาติโดยท่ัวไปพลเมืองไทยทุกคนตอ๎ ง จงรักภักดีตํอสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย๑ ซึ่งเป็นเอกลักษณ๑ของชาติไทยให๎ดารงอยํูได๎ ต๎องรักษาระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย๑ทรงเป็นประมุข ต๎องชํวยกันรักษา ปูองกนั ประเทศชาติรํวมมือกับเจ๎าหน๎าท่ีอยํางเต็มที่ ต๎องปฏิบัติตามกฎหมายบ๎านเมืองอยํางเครํงครัด เพ่อื ความผาสกุ ของคนในชาติ ต๎องชํวยเหลือราชการเม่ือยามบ๎านเมืองมีภัยตํอความสงบสุข และต๎อง เสียภาษอี ากรจากความสาคัญของหน๎าท่ีพลเมืองดังกลําว จะเห็นได๎วําความสาคัญของหน๎าที่พลเมือง โดยท่ัวไป ต๎องให๎ความรํวมมือแกํราชการในการปฏิบัติภารกิจเพ่ือสํวนรวมมากกวําสํวนตนการที่ พลเมืองได๎เรียนร๎ูยึดแนวปฏิบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงปฏิบัติภารกิจเพ่ือประโยชน๑สํวนรวมของพลเมืองไทย จะทาให๎พลเมืองไทยได๎เรียนร๎ู ซึมซับเกิด ความซาบซง้ึ ตระหนักถึงความสาคัญของการมจี ิตสาธารณะ หรือทาภารกิจเพ่อื สํวนรวมอยํางเครํงครัด ไดง๎ าํ ยขึน้ สงํ ผลตํอการดารงอยขํู องชาติไทยดังกลําว เพราะหน๎าท่ีพลเมืองมีหน๎าท่ีปฏิบัติเพ่ือสํวนรวม ด๎วย ไมํใชํปฏิบัติแตํภารกิจสํวนตัวเทํานั้นถ๎าพลเมืองทุกคนรับร๎ู ตระหนัก รํวมมือทาภารกิจสํวนรวม ตามบทบาทที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 ได๎ทรงทาเป็นแบบอยําง ยอํ มสงํ ผลตอํ ความมนั่ คงของประเทศ กกกกกกกกลาํ วโดยสรปุ ความสาคัญของหน๎าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ชํวยให๎ พลเมืองมีจิตสาธารณะ มีสํวนรวม หรือให๎ความรํวมมือทาภารกิจเพ่ือสํวนรวมของสาธารณะ หรือ ของชาติ ทาให๎สงั คมประเทศมคี วามมน่ั คงผาสกุ และเจริญกา๎ วหน๎าได๎

27 กิจกรรมทา้ ยบท กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 1 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นกั ศึกษาเลือกคาตอบที่ถูกต๎องท่ีสุดเพียงข๎อเดยี ว แล๎วนาไปเขยี นไว๎ในแผนํ กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ ข๎อ 1 ขอ๎ ใดไมใํ ชํความหมายหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ก. วิธคี ิด ข. วธิ ีเลือก ค. วธิ ปี ฏิบตั ิ ง. วธิ ที รงงาน ขอ๎ 2 ขอ๎ ใดไมํใชํความสาคัญหนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ก. ความสงบสขุ ข. การมีสวํ นรวํ ม ค. การมจี ติ สาธารณะ ง. การรวํ มกลํมุ ประทว๎ ง ข๎อ 3 ข๎อใดไมํใชํสํงผลหลกั การเรยี นรู๎ตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ก. ความสงบสขุ ข. ความผาสกุ ค. ความเหลอ่ื มลา้ ง. ความเจริญรํงุ เรอื ง ข๎อ 4 ข๎อใดหมายถึงความดขี องการเรียนรูต๎ ามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ก. ความงอกงาม ความเพิม่ พนู ความอุดมสมบูรณ๑ ข. ความรอบร๎ู ความรอบคอบ และความระมดั ระวัง ค. ความพร๎อมเพรยี งกัน ความกลมเกลียวเปน็ น้าหนง่ึ ใจเดียวกัน ง. การทาใหเ๎ กดิ ผลดอี ยํางมีคุณคาํ ตํอผ๎อู ่ืน ตอํ สวํ นรวม รวมถึงตอํ ตนเอง ขอ๎ 5 ขอ๎ ใดหมายถึงความสามัคคขี องการเรยี นร๎ูตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ก. ความงอกงาม ความเพม่ิ พูน ความอุดมสมบูรณ๑ ข. ความรอบร๎ู ความรอบคอบ และความระมัดระวงั ค. ความพรอ๎ มเพรยี งกนั ความกลมเกลียวเปน็ น้าหน่ึงใจเดยี วกัน ง. การทาให๎เกดิ ผลดีอยํางมคี ณุ คาํ ตํอผู๎อื่น ตํอสํวนรวม รวมถึงตํอตนเอง

28 กกกกกกกกจิ กรรมที่ 2 กกกกกกกคาชแ้ี จง ให๎นกั ศึกษาจบั คูโํ ดยการโยงเส๎นข๎อความด๎านตัวเลขกบั ข๎อความตวั อกั ษรทีม่ ี ความสัมพันธก๑ นั แล๎วนาคาตอบที่ได๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. ความดีตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ก. ส่งิ ทส่ี ่งั สมมาจากการศึกษา เลาํ เรียนการค๎นคว๎าหรือจาก กกกกกกก2. ความสามัคคีตามรอยพระยุคลบาท ประสบการณ๑ รชั กาลที่ 9 ข. ความพอเพียง ความพอประมาณ กกกกกกก3. ความเจริญตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ความมีเหตผุ ล ค. ความพร๎อมเพรยี งกนั ความกลม กกกกกกก4. ความรตู๎ ามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ง. ความงอกงาม ความเพ่มิ พูน กกกกกกก5. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เกลยี วเป็นน้าหน่งึ ใจเดียวกนั จ. การทาให๎เกิดผลดีอยํางมี คุณคาํ ตอํ ผ๎ูอืน่ ตอํ สวํ นรวม กกกกกกกกิจกรรมที่ 3 กกกกกกกคาช้แี จง ใหน๎ กั ศึกษาเตมิ คาลงในชํองวาํ งให๎ถูกต๎องสมบรู ณ๑ สัน้ ๆในหน๎าคาตอบที่ได๎ไปเขียน ขอ๎ ความลงในแผํนกระดาษคาตอบท่แี จกให๎ 1. การท่ปี ระชาชนหรือบุคคลในประเทศไทยได๎น๎อมนาเปน็ แนวทางการปกครองด๎วย ทศพธิ ราชธรรม พระราชดารัส หลกั การทรงงานรวมถึงพระราชจริยวตั ร หมายถงึ ............................. ............................................................................................................................................................ 2. การทพ่ี ลเมืองไทยมีสํวนรํวมในการทาภารกิจตาํ งๆ เพื่อสํวนรวม มีจิตสาธารณะ และ เพอื่ ต๎องการใหส๎ งั คมและประเทศมีความมั่นคงและมคี วามผาสุกตลอดไป หมายถึง............................ ............................................................................................................................. ................................ 3. สิ่งทีบ่ ํงบอกถึงความงอกงาม ความเพิ่มพนู ความรุํงเรอื ง และความอุดมสมบรู ณ๑ หมายถึง......................................................................................................................................... ...... 4. การค๎นคว๎า การศึกษาเลาํ เรียนเพ่อื ให๎ตนเองเปน็ ผู๎ทม่ี ีความฉลาด มคี วามสามารถเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารและมที กั ษะในองค๑วชิ าในแตลํ ะสาขา หมายถงึ ................................................................... 5. การแสดงความพร๎อมเพียง ความกลมเกลียวเป็นนา้ หน่งึ ใจเดยี วกัน หมายถงึ ............. .......................................................................................................... ..................................................

29 กกกกกกกกิจกรรมท่ี 4 กกกกกกกคาช้แี จง ให๎นักศึกษาทาเครื่องหมายถูก ( ) หรอื ผิด () หนา๎ ข๎อตํอไปน้ี โดยนาคาตอบ ทไ่ี ด๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบทแี่ จกให๎ กกกกกกก..............1. ความหมายของหน๎าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 หมายถึง การที่ประชาชนน๎อมนาแนวทางเรื่อง ทศพิธราชธรรม พระราชดารัส หลักการทรงงาน พระราช กรณียกจิ และพระราชจริยวัตร มาเป็นแนวปฏบิ ตั ใิ นการดาเนนิ ชวี ติ ..............2. การมีสวํ นรวํ มในการทาภารกิจตํางๆ มจี ติ สาธารณะเพื่อใหป๎ ระเทศมีความ มน่ั คง และมคี วามสงบสขุ ถอื เปน็ ความสาคัญของหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 .............3. การกระทาทเี่ ป็นผลดมี ีคุณคาํ ตอํ ตนเอง ตํอผอ๎ู ื่น และตอํ สงั คมถือเปน็ การสร๎าง ความสามัคคี .............4. การศึกษาคน๎ คว๎า เพื่อให๎ตนเองเปน็ ผู๎ฉลาด มีความสามรถเชิงปฏบิ ัตกิ ารและ มีทักษะ เปน็ การแสวงหาความร๎ู .............5. การใชช๎ วี ติ บนความไมํประมาท มคี วามพอประมาณ ความมีเหตุผล มีภูมคิ ๎ุมกันท่ดี ี เป็นการยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

30 บทท่ี 3 หน้าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม สาระสาคัญ กกกกกกก1. ทศพธิ ราชธรรม หมายถงึ หลักธรรมหรือจริยาวัตรประจาพระเจา๎ แผนํ ดนิ หรอื เปน็ คุณธรรมประจาตนของผู๎ปกครองบ๎านเมือง และยังประโยชน๑สุขให๎เกิดแกํประชาชน บุคคลธรรมดา ทีเ่ ปน็ ผ๎ูบรหิ ารระดับสูงในทุกองค๑กร สามารถใช๎ทศพิธราชธรรมในการปกครององค๑กรของตนเองให๎มี ความเปน็ ไปโดยธรรม กกกกกกก2. แนวทางปฏิบัตหิ น๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ด๎วยทศพธิ ราชธรรม มี 10 ประการ คอื กกกกกกก2. ข๎อ 1 ทาน คือ การให๎ หมายถึง การสละทรัพย๑ สง่ิ ของ เพื่อชํวยเหลือคนท่ีด๎อยและ อํอนแอกวํา แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการการเป็นผ๎ูให๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรัพย๑สิน หรือสิ่งของแกํผ๎ูยากไร๎ ผ๎ูด๎อยโอกาส และผู๎ตกทุกข๑ได๎ยากตามท่ีเราทาอยูํเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎ น้าใจแกํผ๎ูอ่ืนได๎ เชํน ให๎กาลังใจแกํผ๎ูตกอยูํในห๎วงทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนาท่ีเป็นความร๎ูแกํผ๎ูรํวมงานหรือ ผู๎ใต๎บังคับบัญชา ให๎รอยยิ้ม และปิยวาจาแกํญาติพี่น๎อง เพ่ือนฝูง รวมถึงบุคคลที่มารับบริการจากเรา เปน็ ต๎น การเปน็ ผใ๎ู ห๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรพั ย๑สนิ หรือส่ิงของแกํผู๎ยากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาสแล๎ว สามารถให๎คาแนะนา หรอื ใหก๎ าลังใจดังกลาํ ว ยังสามารถใหอ๎ ภัยทาน คือ การยกโทษให๎กับบุคคลท่ีทา ใหเ๎ รารส๎ู กึ ไมสํ บายใจหรือทาให๎เราได๎รบั กระทบกระเทือน ทงั้ ด๎านวาจา กาย และใจด๎วย กกกกกกก2. ขอ๎ 2 ศีล คอื การตัง้ อยใูํ นศีล หมายถึง มีความประพฤติดงี าม เป็นตัวอยาํ งท่ีดแี กํคน ท่ัวไป แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการประพฤติท่ีดีงาม ตามหลักศาสนาของตน อยํางน๎อยก็ขอให๎ เราได๎ปฏิบัติตามศีล 5 คือ ไมํฆําสัตว๑ตัดชีวิต ไมํลักขโมยของของผู๎อื่น ไมํลํวงละเมิดลูกเมียเขา ไมํพูด โกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหร่ี หรืออบายมุขตําง ๆ นอกจากนี้ ให๎นาศีล 5 ที่ยึดถือปฏิบัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของบ๎านเมืองอยําง เครงํ ครัด กจ็ ะชวํ ยใหส๎ งั คมไทยอยํรู ํวมกนั ได๎อยาํ งมคี วามสุข กกกกกกก2. ขอ๎ 3 ปริจจาคะ คือ บริจาค หมายถงึ การเสียสละความสุขสาราญของตนเพือ่ ประโยชน๑สุขของหมูํคณะ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการเสียสละความสุขสํวนตนเพื่อความสุข หรือประโยชน๑ของสํวนรวม ซ่ึงอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพื่อนรํวมงานของเราก็ได๎ เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกด่ืมเหล๎า ทาให๎ลูกเมียมีความสุข และเพื่อน บา๎ นก็สขุ ดว๎ ย เพราะไมํตอ๎ งฟง๓ เสียงอาละวาด ดาํ ทอทุบตีกัน หรือบุคคลอาจจะเสียสละเวลาชํวงที่ต๎อง อยูํกับครอบครัวในตอนเย็นอยูํชํวยเพื่อนทางาน หรือไปเข๎าคํายพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเด็กใน สถานเล้ียงเดก็ กาพรา๎ เป็นคร้ังคราว หรือเสียสละรํางกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพื่อการศึกษา เป็นต๎น ซึ่งการเสยี สละดังกลาํ วถือวาํ ไดเ๎ ปน็ การบริจาค เสียสละความสขุ สํวนตัว เพ่อื สวํ นรวม

31 กกกกกกก2. ขอ๎ 4 อาชชวะ คอื ความซือ่ ตรง หมายถึง มีความซ่อื สัตย๑สุจริต มีความจรงิ ใจ ไมํกลับกลอก แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการดาเนินชีวิตและปฏิบัติภารกิจ/หน๎าท่ีการงานตําง ๆ ด๎วยความซ่ือสัตย๑สุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผ๎ูอ่ืน เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมํดีไป หลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปชั่นทั้งเวลา ทรัพย๑สินของ หนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคนเอาเปรียบหรือโกงกิน ขาดความซื่อสัตย๑สุจริต จะทาให๎หนํวยงาน เสียหาย เดอื ดรอ๎ น แม๎เราจะได๎ทรพั ย๑สินไปมากมาย แตเํ ราไมเํ จริญก๎าวหน๎า ถกู คนรุมประณาม และ แม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ูแตํตัวเรายํอมร๎ูอยูํแกํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอ่ืนจะมารู๎ ความลับตลอดเวลา ผ๎ูท่ีประพฤติตนด๎วยความซ่ือตรง แม๎ไมํร่ารวยเงินทอง แตํก็มีความสุขท้ังกาย ใจได๎ กกกกกกก2. ข๎อ 5 มทั ทวะ คอื ความอํอนโยน หมายถงึ มีกิรยิ าสภุ าพ มีสัมมาคารวะ วาจา อํอนหวาน มีความนํุมนวล ไมํเยํอหย่ิง ไมํหยาบคาย แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการทาตัวสุภาพ นุมํ นวล ไมเํ ยอํ หยงิ่ ถือตวั หรอื แสดงกิริยาวาจา หยาบคายกบั ใคร ไมํวําจะเปน็ ผใ๎ู หญํ ผ๎ูน๎อยหรือเพ่ือน ในระดับเดียวกัน การทาตัวเป็นผ๎ูที่มีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทาให๎ไปท่ีไหนคนก็ให๎การต๎อนรับ เพราะอยใํู กลแ๎ ลว๎ สบายใจ ไมํร๎อนรมํุ หากบุคคลแสดงกิรยิ าหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนกถ็ อยหําง ดังน้ัน หลกั ธรรมขอ๎ น้ี จงึ เปน็ การสรา๎ งเสนหํ ๑อยํางหนึ่งใหแ๎ กํตัวเราดว๎ ย กกกกกกก2. ข๎อ 6 ตบะ คือ ความเพยี ร หมายถงึ การเพยี รพยายามไมใํ ห๎ความมัวเมาเข๎าครอบงา จิตใจ ไมํลํุมหลงกับอบายมุขและสิ่งช่ัวร๎าย ไมํหมกมํุนกับความสุขสาราญ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการให๎ปฏิบัติหน๎าท่ีการงานที่รับผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยัน มุํงมั่น และทาแตํส่ิงที่ดี ความถูกต๎อง ฝุาฟ๓นอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเร็จ ด๎วยความพากเพียรนี้จะทาให๎เรา ภาคภูมิใจเม่ืองานสาเร็จ และจะทาให๎เรามีประสบการณ๑เกงํ กล๎าขึ้น นอกจากน้ี ยังสอนใหเ๎ ราสช๎ู ีวิต ไมํยอมแพอ๎ ะไรงําย ๆ กกกกกกก2. ขอ๎ 7 อกั โกธะ คอื ความไมํโกรธ หมายถงึ มีจิตใจมนั่ คง มีความสุขมุ เยือกเยน็ อดกลั้น ไมํแสดงความโกรธหรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการฝึกฝนควบคุม อารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยูํเสมอแม๎ในหลาย ๆ สถานการณ๑จะทาได๎ยาก แตํหากเราสามารถฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้ง ความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ขอ๎ สาคัญ ทาใหเ๎ รารกั ษามิตรไมตรีหรอื สมั พนั ธภาพกับผ๎ูอนื่ ไว๎ได๎ อันมีผลใหบ๎ ุคคลนน้ั เป็นทีร่ กั และ เกรงใจของคนทีต่ ดิ ตํอดว๎ ย กกกกกกก2. ขอ๎ 8 อวหิ งิ สา คือ ความไมํเบียดเบียน หมายถงึ ไมํกดขี่ขมํ เหง กลัน่ แกล๎งรังแกคนอน่ื ไมํหลงในอานาจ ทาอันตรายตํอรํางกายและทรัพย๑สินผู๎อ่ืนตามอาเภอใจ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการไมํเบยี ดเบียนหรอื บีบค้ันกดข่ีผ๎ูอื่น รวมไปถึง การไมํใช๎อานาจไปบังคับ หรือหาเหตุกล่ันแกล๎ง คนอ่ืนด๎วย เชํน ไมํไปขํมเหงรังแกผ๎ูด๎อยกวํา ไมํไปขํมขํูให๎เขากลัวเราหรือไปบีบบังคับเอาของรักของ หวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควรเบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม และสัตว๑อีกด๎วย เพราะมิฉะน้ัน ผลร๎ายจะย๎อนกลับมาสูํเรา และสังคม อยํางที่เห็นใน ปจ๓ จุบันจากภยั ธรรมชาตติ ําง ๆ

32 กกกกกกก2. ขอ๎ 9 ขันติ คือ ความอดทน หมายถงึ การอดทนตอํ สง่ิ ทั้งปวง สามารถอดทนตอํ งานหนัก ความยากลาบาก ท้ังอดทน อดกลั้นตํอคาติฉินนินทา แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการให๎ เราอดทนตํอความยากลาบากทุกสถานการณ๑ ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย กาลังใจที่จะดาเนิน ชวี ิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเรจ็ รวมท้ังอดทนตํอการไมไํ ด๎รบั ความสุขสาราญ ไมํได๎รับความ สะดวกสบาย ความอดทนจะทาใหเ๎ ราชนะอปุ สรรคทัง้ ปวงไมวํ าํ เล็กหรือใหญํ และจะทาใหเ๎ ราแกรํงขึ้น เข๎มแข็งขนึ้ กกกกกกก2. ข๎อ 10 อวิโรธนะ คือ ความเที่ยงธรรม หมายถงึ ไมํประพฤติผิด ประพฤติปฏิบัติตนอยํู ในความดีงาม ไมํหว่ันไหวในเรื่องดีเร่ืองร๎าย แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการควรกระทาการงาน หรือดาเนินชีวิตที่ถูกต๎อง และให๎ความเป็นธรรมกับบุคคลที่เก่ียวข๎อง ด๎วยความยุติธรรม และ เทย่ี งธรรม ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวัง กกกกกกก1. วิเคราะหห๑ น๎าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรมตาม สถานการณ๑ท่กี าหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของหน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม ขอบขา่ ยเน้อื หา กกกกกกกเรื่องที่ 1 ความหมายของทศพธิ ราชธรรม กกกกกกกเรื่องที่ 2 แนวทางการปฏิบตั ิหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม สอ่ื ประกอบการเรยี น กกกกกกก1. สอ่ื เอกสาร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 หนังสือชอ่ื ทศพิธราชธรรม ผ๎ูแตํง ท.กลว๎ ยไม๎ ณ อยุธยา ปีที่พิมพ๑ พ.ศ.2535 สานกั พิมพ๑ พับลิคบสิ เนสพริ้นท๑ กกกกกกก1. 1.2 หนังสือชอ่ื ราชธรรมจรยิ วตั รพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหํู วั ภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ผูแ๎ ตงํ พระพรหมวชริ ญาณ ปีทพี่ มิ พ๑ 2549 สานกั พมิ พ๑ รมํ ธรรม กกกกกกก2. สือ่ อิเล็กทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก1. 2.1 ชอ่ื บทความ ทศพิธราชธรรม ผูแ๎ ตงํ ทรงพร ศรสี ุวรรณ สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611 กกกกกกก1. 2.2 บทโทรทัศน๑เฉลมิ พระเกียติรพระบาทสมเด็จพระภมู ิพลมหาราชเน่ืองในมหามงคล สมยั เฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ วันท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 โดยนางสาววนั เพญ็ เซน็ ตระกลู ฉบบั ไดน๎ ับรางวลั ส่ือมวลชนดีเดํนเพื่อเยาวชนประจาปี 2529 – 2530 ประเภทภาพยนตรข๑ าํ วและสาร คดี สืบค๎นจาก http://www.dhammajak.met/ratchathum/index.php

33 กกกกกกก1. 2.3 ช่ือบทความ “ทศพธิ ราชธรรม” หลักปฏิบตั ิ 10 ประการ ผแู๎ ตํง ประชาชาตธิ รุ กจิ ออนไลน๑ สบื คน๎ จาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=14782476 กกกกกกก3. สื่อบุคคล ได๎แกํ กกกกกกก1. 3.1 เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ กกกกกกก1. 3.2 เจา๎ คณะตาบล ในอาเภอเมืองประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก1. 3.3 วิทยากรจากชมรมคนรักในหลวงจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก4. ส่ือแหลํงเรียนร๎ใู นชมุ ชน ได๎แกํ กกกกกกก1. 4.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ กกกกกกก1. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาล ทกุ แหํง และศนู ย๑การเรียนชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบคีรีขันธ๑ เร่ืองที่ 1 ความหมายของทศพธิ ราชธรรม กกกกกกกทศพิธราชธรรม หมายถงึ เป็นหลักธรรมประจาพระองค๑ หรือเปน็ คุณธรรมประจาตนของ ผู๎ปกครองบ๎านเมือง ให๎มีความเป็นไปโดยธรรม และยังประโยชน๑สุขให๎เกิดแกํประชาชนจนเกิดความ ช่ืนชมยินดี ซึ่งความจริงแล๎วไมํได๎จาเพาะเจาะจงสาหรับพระเจ๎าแผํนดิน หรือผ๎ูปกครองแผํนดิน เทํานัน้ บคุ คลธรรมดาที่เป็นผู๎บรหิ ารระดบั สูงในทุกองคก๑ รก็พงึ ใชห๎ ลักธรรมเหลาํ น้ี กกกกกกกทศพิธราชธรรม หมายถงึ จรยิ วตั รทพ่ี ระเจ๎าแผํนดินทรงประพฤติเป็นหลกั ธรรมประจา พระองค๑ หรือคณุ ธรรมของผป๎ู กครองบา๎ นเมือง กกกกกกกทศพธิ ราชธรรม หมายถงึ ความซ่อื ตรง ทรงมีพระราชอัธยาศยั อันประกอบด๎วยความ ซอื่ ตรง ดารงในสตั ย๑สุจริต กกกกกกกทศพิธราชธรรม หมายถงึ หลักธรรมอนั เปน็ เคร่ืองยดึ เหนยี่ วนา้ ใจของกันและกนั เหน็ เหตใุ ห๎ ตนเอง และหมคํู ณะก๎าวไปสูํความเจรญิ รงํุ เรอื ง กกกกกกกกลําวโดยสรปุ ทศพิธราชธรรม หมายถงึ เป็นหลักธรรมหรอื จริยาวตั รประจาพระเจ๎า แผนํ ดนิ หรอื เป็นคุณธรรมประจาตนของผู๎ปกครองบ๎านเมือง และยังประโยชน๑สุขให๎เกิดแกํประชาชน บุคคลธรรมดาท่ีเป็นผู๎บริหารระดับสูงในทุกองค๑กร สามารถใช๎ทศพิธราชธรรมในการปกครององค๑กร ของตนเองให๎มีความเปน็ ไปโดยธรรม เร่ืองท่ี 2 แนวทางการปฏบิ ัติหนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ด้วยทศพิธราชธรรม กกกกกกกทศพธิ ราชธรรมทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ใช๎ ปกครองประเทศไทยและพลเมอื งไทย ควรตามรอยพระยุคลบาท มี 10 ประการ ดงั นี้ กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ การสละทรพั ย๑ สงิ่ ของ เพอ่ื ชํวยเหลอื คนทด่ี ๎อยและออํ นแอกวํา กกกกกกก1. นับแตํปพี ทุ ธศักราช 2493 หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษกแลว๎ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9ไดท๎ รงบาเพญ็ ทานบารมมี ากมายจนเหลือท่ีจะพรรณนา ได๎สุดส้ิน ครบถ๎วนทั้งสองประการ คือ “ธรรมทาน” ซ่ึงถือเป็นทานอันเลิศทางพระพุทธศาสนา

34 สามารถแก๎ความทุกข๑ยากขาดแคลนทางจิตใจ ทาให๎ใจเป็นสุขและต้ังอยํูในความดีงาม โดยได๎ พระราชทาน พระบรมราโชวาทแฝงด๎วยคติธรรมเป็นเคร่ืองเตือนใจในเรื่องตําง ๆ แกํพสกนิกรตาม สถานะ และวาระโอวาทอยเํู สมอ ในท๎องถิ่นที่ต๎องการความรู๎ ได๎พระราชทานความร๎ู และตรัสแนะนา ในส่ิงอันจะทาประโยชน๑มาให๎ ด๎วยพระมหากรุณาธิคุณที่จะทรงชํวยดับทุกข๑ความเดือดร๎อนในจิตใจ ของประชาชนท้งั มวล นอกจากธรรมทานแล๎ว “อามิสทาน” หรือ “วัตถุทาน” ก็ทรงมีพระเมตตาคุณ ในพระราชหฤทัยเป็น ล๎นพ๎น ได๎พระราชทานพระราชทรัพย๑และวัตถุสิ่งของตําง ๆ เพื่อแก๎ความทุกข๑ ยากขาดแคลนทางกายให๎แกํพสกนิกรเสมอมา ในการบาเพ็ญทางบารมีนี้ ได๎ทรงบาเพ็ญตามท่ี พระพุทธเจ๎าตรัสสองทุกประการ คือ ทรงบาเพ็ญครบถ๎วนตามคุณสมบัติของทาน 3 ประการ ได๎แกํ คณุ สมบตั ิของทาน ประการท่ีหนงึ่ คือ การพระราชทานให๎แกํบุคคลท่ีสมควรได๎รับการอนุเคราะห๑โดย มิได๎ทรงเลือกเช้ือชาติหรือศาสนา คุณสมบัติของทานประการท่ีสอง คือ ถึงพร๎อมด๎วยเจตนาโดยทรง มีพระเมตตาคุณเป่ียมล๎นในพระราชหฤทัย ท้ังกํอนการพระราชทาน ขณะพระราชทาน และหลังการ พระราชทานแล๎ว คุณสมบัติของทานประการท่ีสาม คือวัตถุท่ีพระราชทานนั้นล๎วนเป็นประโยชน๑แกํ ราษฎรผ๎รู ับพระราชทาน ให๎พ๎นจากการขาดแคลนได๎อยํางไมํมีข๎อสงสัย นอกจากน้ียังทรงบาเพ็ญทาน ให๎เป็นบุญตามท่ีพระพุทธองค๑ทรงสอนไว๎ คือ บาเพ็ญให๎เป็นเคร่ืองชาระกิเลสอันมีความละโมบ เปน็ ต๎น ตัวอยํางเชํน “สวนหลวง ร.9” ซง่ึ ชาวไทยรวํ มใจกนั สรา๎ งข้นึ เพ่อื ถวายเป็นราชสักการะก็มิได๎ ทรงสงวนไว๎สาหรับพระองค๑ แตํได๎พระราชทานให๎เป็นสาธารณสถาน เพ่ือประโยชน๑สุขแหํงปวงชน ชาวไทยท้ังมวล สํวนโครงการหลวง โครงการพระราชดาริตําง ๆ ท่ีมีอยูํนับพันโครงการท่ัวประเทศ รวมทงั้ \"ศนู ยศ๑ ึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ\" ซ่ึงโปรดให๎ต้ังข้ึนในภาคตําง ๆ เพ่ือศึกษา พ้นื ที่และวิจัยปรบั ปรุงพันธ๑ุพืชผลให๎เหมาะแกํท๎องถิ่น อันเป็นการแก๎ไขต๎นเหตุแหํงป๓ญหา เพ่ือพัฒนา ประเทศใหไ๎ ด๎ผลนนั้ จัดเปน็ การบาเพ็ญทานใหเ๎ ป็นกุศล คือ เป็นกิจของคนดี คนมีป๓ญญา ถูกกาลสมัย เหมาะแกคํ วามต๎องการของผ๎รู ับ ไมํทาใหพ๎ ระองค๑ หรือผ๎ูใดเดือดร๎อน การบาเพ็ญทานให๎เป็นกุศลของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 จึงยังผลให๎ไพรํฟูาหน๎าใสได๎โดย ท่วั หน๎ากัน ภาพการใหว๎ ตั ถุทาน

35 ภาพการให๎ธรรมทาน กกกกกกก1. หนา้ ทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ การเปน็ ผ๎ใู ห๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็น ทรัพย๑สินหรือสิ่งของแกํผู๎ยากไร๎ ผ๎ูด๎อยโอกาส และผู๎ตกทุกข๑ได๎ยากตามท่ีเราทาอยูํเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎น้าใจแกํผู๎อื่นได๎ เชํน ให๎กาลังใจแกํผู๎ตกอยํูในห๎วงทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนาที่เป็นความร๎ูแกํ ผร๎ู ํวมงาน หรือผู๎ใต๎บังคับบัญชา ให๎รอยย้ิม และปิยวาจาแกํญาติพี่น๎อง เพื่อนฝูง รวมถึงบุคคลที่มารับ บริการจากเรา เป็นต๎น การเป็นผู๎ให๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรัพย๑สิน หรือส่ิงของแกํผ๎ูยากไร๎ ผ๎ูด๎อยโอกาสแล๎ว สามารถให๎คาแนะนา หรือให๎กาลังใจดังกลําว ยังสามารถให๎อภัยทาน คือ การยกโทษให๎กับบุคคลท่ีทาให๎ร๎ูสึกไมํสบายใจ หรือทาให๎เราได๎รับกระทบกระเทือน ทั้งด๎านวาจา กาย และใจดว๎ ย กกกกกกก2. ศลี คือ การตั้งอยํูในศลี หมายถึง มคี วามประพฤตดิ ีงาม เป็นตัวอยํางทีด่ ีแกคํ นทั่วไป กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏบิ ัตพิ ระองค๑ให๎ เป็นท่ีประจักษ๑ตลอดมาวํา ทรงเครํงครัดในการรักษาศีล และทรงมีน้าพระทัยนับถือพระพุทธศาสนา โดยบริสุทธ์ิ ดังจะเห็นได๎จากการเสด็จออกทรงผนวชรักษาศีล 227 ข๎อ ของพระภิกษุในบวร พุทธศาสนา เม่ือวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเม่ือทรง ผนวชแล๎วได๎เสด็จมาประทับรักษาศีลตามพุทธบัญญัติ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยประทับ ณ “พระตาหนักป๓น้ หยํา” แล๎วจึงเสด็จมาประทับ ณ “พระตาหนักทรงพรต” ตามขัตติยราชประเพณี แม๎เมื่อทรงลาผนวชแล๎ว พระองค๑ยังคงเสด็จมาประทับนั่งสมาธิกรรมฐานเป็นคร้ังคราว ณ พระตาหนักทรงพรตน้ี ตลอดระยะเวลาแหํงการทรงผนวช ทรงดารงพระองค๑ได๎งดงามบริสุทธ์ิ สมควรแกกํ ารเป็นพทุ ธสาวก จนเป็นทีเ่ ลื่อมใสศรัทธา แกํพสกนิกรโดยทั่วหน๎า เม่ือทรงลาผนวชมาอยํู พระราชฐานะแหํงพระมหากษัตริยาธิราชแล๎ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ยังทรงประพฤติอยํูในศีลโดยบริสุทธิ์ กลําวคือ ทรงประพฤติพระราชจริยวัตรในทางพระ วรกาย และในทางพระวาจาใหส๎ ะอาดงดงามถูกต๎องอยํูเป็นนิจ ไมํเคยบกพรํอง ไมํวําจะเป็นศีลในการ ปกครอง หรือศีลในทางศาสนาก็ตาม ในดา๎ นศลี ในการปกครอง คือ การประพฤติตนตามกฎหมายและ จารีตประเพณีอันดีงามน้ัน ไมํเคยปรากฏเลยวําพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงใชพ๎ ระราชอานาจของพระองคเ๑ หนอื กฎหมาย และไมํเคยมีแม๎แตํสักคร้ังเดียวท่ีจะทรง ละทิ้งจารีตประเพณีอันดีงามของชาติ และของพระราชวงศ๑ พระเกียรติคุณในข๎อนี้เป็นที่ซาบซ้ึงในใจ ของชาวไทยเป็นอยํางดี นับจากกาลเวลาที่ลํวงผํานมาตราบจนถึงทุกวันน้ี สํวนศีลในทางศาสนา

36 อยาํ งนอ๎ ยคอื ศลี ห๎า อันเป็นศลี หรือกฎหมายที่ใช๎ในการปกครองแผํนดินมาตั้งแตํอดีตกํอนพุทธกาลนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงสมาทานรักษาอยํางเครํงครัด และทรงสนับสนุนให๎พสกนิกรของพระองค๑สมาทานรักษาศีล อยํางเครํงครัด สาหรับผ๎ูที่มิได๎นับถือ พุทธศาสนา พระองคท๑ รงสนบั สนุนใหย๎ ดึ มั่นตามคาสอนแหํงศาสนาอันตนศรัทธา ด๎วยทรงตระหนักวํา ทกุ ศาสนามีหลกั คาสอนทน่ี าไปสูํการประพฤติดี ศาสนาจึงเป็นส่ิงจาเป็นสาหรับการอยูํรํวมกันของชน หมํูมาก แม๎บัดน้ีในการปกครองจะมีกฎหมายอยูํแล๎วก็ยังต๎องอาศัยศาสนาเป็นเคร่ืองอุปการะ ด๎วยกฎหมายบังคับได๎เพียงแคํกาย สํวนศาสนาสามารถเข๎าถึงจิตใจ น๎อมนาไปปฏิบัติตามโดยไมํต๎อง บังคับ การที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปกครองบ๎านเมือง ด๎วยกฎหมายและศาสนา ประกอบกับการท่ีทรงสมาทานศีลอยํางเครํงครัดดังปรากฏในที่ทุกสถาน ชาวไทยจงึ มคี วามสุขสงบ และวฒั นาด๎วยศีลบารมแี หงํ พระองค๑ ภาพการสนทนาธรรมกบั สมเดจ็ พระสังฆราช ภาพทรงผนวช กกกกกกก1. หน้าท่พี ลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ การประพฤตทิ ด่ี งี าม ตามหลักศาสนาของตน อยํางน๎อยก็ขอให๎เราได๎ปฏิบัติตามศีล 5 คือ ไมํฆําสัตว๑ตัดชีวิต ไมํลักขโมยของของผ๎ูอ่ืน ไมํลํวงละเมิด ลูกเมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหร่ี หรืออบายมุข ตําง ๆ นอกจากน้ีให๎นาศีล 5 ที่ยึดถือปฏิบัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของ บา๎ นเมืองอยํางเครงํ ครัด กจ็ ะชํวยให๎สงั คมไทยอยรูํ วํ มกนั ไดอ๎ ยํางมีความสุข

37 กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ บริจาค หมายถึง การเสียสละความสุขสาราญของตน เพื่อประโยชน๑สุข ของหมํคู ณะกก กกกกกกก1. ในดา๎ นการบรจิ าค การเสยี สละความสขุ สาราญของตน เพ่ือประโยชนส๑ ขุ ของหมูคํ ณะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงยึดถือประโยชน๑และความเจริญ ของชาติ ศาสนา รวมท้ังประโยชน๑สุขของพสกนิกร สาคัญย่ิงกวําพระองค๑เอง พระราชกรณียกิจ นานปั การจึงเปน็ ไปเพ่อื ความวฒั นา และประโยชนส๑ ุขของชาวไทย ด๎านการสงเคราะห๑ ได๎ทรงเสียสละ พระราชทรพั ย๑ และสง่ิ ของจานวนมากมายจนสุดท่ีจะประมาณได๎ เพื่อดับความทุกข๑ยากของพสกนิกร ในยามประสบภัยพิบัติ และในถ่ินทุรกันดาร ทรงสละพระราชทรัพย๑เพ่ือพัฒนาการศึกษาให๎แกํ เยาวชนไทย โดยโปรดให๎มโี ครงการจดั ตงั้ โรงเรียนในถ่ินยากจนตําง ๆ โครงการสารานุกรมไทยสาหรับ เยาวชน และทุนอานันทมหิดลเพื่อสํงนักเรียนไทยไปศึกษาตํางประเทศ เป็นต๎น ทรงสละพระราช ทรัพย๑นับจานวนไมํน๎อย ในการพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ๑แกํมูลนิธิและสาธารณสถานตําง ๆ เพ่ือประโยชน๑สุขของชาวไทย ทรงเสียสละพระราชทานท่ีนาของทรัพย๑สินสํวนพระมหากษัตริย๑ใน จังหวัดตาํ ง ๆ กวาํ 50,000 ไรํ ให๎เข๎าอยูํในโครงการปฏิรูปท่ีดิน เมื่อปี พ.ศ.2518 เพ่ือแบํงป๓นที่ทากิน ให๎แกํเกษตรกรท่ียากจน การท่ที รงบรจิ าคพระราชทรพั ย๑ วัตถุสิ่งของและทดี่ นิ จานวนมหาศาล รวมท้ัง การที่ทรงเสียสละปฏิบัติ พระราชภารกิจทั้งนอกและในประเทศ พระราชภารกิจในโครงการ พระราชดาริ นับพันๆ โครงการท่ัวประเทศนี้ ยํอมเป็นที่ประจักษ๑ชัดในความเสียสละอันใหญํหลวง ของพระองค๑ ด๎วยทรงเสียสละเวลา พระปรีชาสามารถ และความสาราญพระราชหฤทัยท้ังมวล ทรงยอมรับความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายทุกประการเพ่ือพสกนิกรชาวไทยอยํางแท๎จริง จะเห็นได๎วํา พระองค๑ทรงเสียสละความสุขสาราญของตนเพื่อประโยชนส๑ ขุ ของพสกนิกรนัน่ เอง ภาพเสดจ็ เยี่ยมพสกนิกร

38 ภาพทรงมอบทุนอานันทมหิดลเพ่อื สํงนักเรียนไทยไปศึกษาตํางประเทศ กกกกกกก1. หนา้ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การเสยี สละความสขุ สวํ นตน เพ่อื ความสุขหรอื ประโยชน๑ของสํวนรวม ซึ่งอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพ่ือนรํวมงานของเราก็ได๎ เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกด่ืมเหล๎า ทาให๎ลูกเมียมีความสุข และเพ่ือน บา๎ นก็สุขด๎วย เพราะไมตํ อ๎ งฟง๓ เสียงอาละวาด ดําทอทุบตีกนั หรือบุคคลอาจจะเสียสละเวลาชํวงที่ต๎อง อยํูกับครอบครัวในตอนเย็นอยํูชํวยเพ่ือนทางาน หรือไปเข๎าคํายพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเด็กใน สถานเล้ียงเดก็ กาพร๎าเปน็ ครั้งคราว หรือเสียสละรํางกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพ่ือการศึกษา เป็นต๎น ซึ่งการเสยี สละดงั กลาํ วถอื วาํ ได๎เปน็ การบริจาค เสียสละความสขุ สวํ นตัว เพื่อสวํ นรวม กกกกกกก4. อาชชวะ คอื ความซ่อื ตรง หมายถึง มีความซ่ือสตั ยส๑ จุ ริต มีความจรงิ ใจ ไมํกลับกลอก กกกกกกก1. อันทศพธิ ราชธรรมข๎อที่สี่ คือ อาชชวะ หรือความซ่อื ตรงนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ได๎ทรงปฏิบัติอยํูเป็นนิจ สาหรับผู๎ท่ีมีอายุคงจะจากันได๎ดีวําหลังจากที่ได๎ทรงดารงสิริ ราชสมบัติแล๎ว ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 อันเป็นวันกาหนดเสด็จกลับไปทรงศึกษาตํอใน ตาํ งประเทศ ระหวํางประทับรถพระท่ีน่ังเพ่ือเสด็จพระราชดาเนินไปข้ึนเครื่องบินน้ัน ได๎มีเสียงร๎องมา จากกลุํมพสกนิกรท่ีเฝูาสํงเสด็จวํา “อยําท้ิงประชาชน” และได๎มีพระราชดารัสตอบในพระราชหฤทัย วํา “เราจะไมํท้ิงประชาชน ถ๎าประชาชนไมํท้ิงเรา” การต้ังพระราชหฤทัยดังนี้ เสมือนเป็นการ พระราชทานสัจจะ วําจะทรงเป็นรํมบรมโพธิสมภารของพสกนิกรตลอดไป คร้ันตํอมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ซ่ึงเป็นวันท่ีทรงกระทาพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได๎มีพระปฐม บรมราชโองการแกํพสกนิกรทั่วประเทศวํา “เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพ่ือประโยชน๑สุขแหํง มหาชนชาวสยาม” พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงรักษาสัจจะ ท่ีไดพ๎ ระราชทานใหแ๎ กํพสกนิกรทัง้ สองประการ มาอยาํ งสมบรู ณส๑ มา่ เสมอ พระองค๑ไมํเคยทรงทอดท้ิง พสกนิกร ด๎วยทรงถือเอาความทุกข๑เดือดร๎อนของพสกนิกรเป็นความทุกข๑เดือดร๎อนของพระองค๑เอง เหตุน้ีเมื่อเกิดความเดือดร๎อน หรือภัยพิบัติในสํวนใดของประเทศ พระองค๑จะเสด็จฝุาไปไมํวํา ระยะทางจะใกล๎ไกล ทุรกันดารเพียงใด แดดจะแผดกล๎าร๎อนแรง หนทางจะคดเค้ียวข๎ามขุนเขา พงไพรจะรกเรื้อแฉะชื้นเต็มไปด๎วยตัวทาก ฝนจะตกกระหน่าจนเหน็บหนาว น้าจะทํวมเจ่ิงนอง พระองค๑ก็มิได๎ทรงยํอท๎อท่ีจะเสด็จไปประทับเป็นม่ิงขวัญของพสกนิกรผ๎ูทุกข๑ยาก เพื่อทรงสดับความ เดือดร๎อนให๎กลับกลายเป็นความรํมเย็น นอกจากนี้ยังทรงครองแผํนดินด๎วยธรรมานุภาพ ไมํวําการส่ิง ใดอันจะนามาซึ่งความสงบสุขมาสูํพสกนิกร พระองค๑จะทรงปฏิบัติ และการสิ่งใดท่ีทรงมีพระราช

39 ประสงคใ๑ ห๎พสกนิกรประพฤติปฏิบัติตาม จะพระราชทานกระแสพระราชดารัสชี้แจงถึงเหตุและผลให๎ เขา๎ ใจ พสกนกิ รผ๎ูปฏบิ ัติจงึ ปฏิบัติด๎วยเห็นประโยชน๑แหํงผลของการปฏิบัตินั้น ปฏิบัติด๎วยความเต็มใจ และด๎วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มิใชํด๎วยความกลัวเกรงพระบรมเดชานุภาพ การครอง แผํนดินโดยธรรมของพระองค๑ จึงยังประโยชนส๑ ุขมาสูมํ หาชนชาวสยาม สมดังพระราชปณิธาน คงไมํมี ความรส๎ู ึกอนั ใดท่จี ะวาบหวาน และซาบซง้ึ ใจชาวไทย ยิ่งไปกวาํ ความสานึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระองค๑ พระผ๎ูทรงมีพระราชอัธยาศัยเปี่ยมไปด๎วยอาชชวะ คือ ความซ่ือตรงตํอพสกนิกรและ ประเทศชาติ ภาพเสดจ็ กลับไปทรงศึกษาตํอในตาํ งประเทศ เม่ือวันที่ 19 สงิ หาคม พ.ศ.2489 ภาพพระราชพิธบี รมราชาภิเษก วนั ที่ 5 พฤษภาคม 2493 กกกกกกก1. หน้าท่พี ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การดาเนินชวี ิตและปฏบิ ตั ภิ ารกจิ /หน๎าท่ี การงานตําง ๆ ด๎วยความซ่ือสัตย๑สุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผู๎อ่ืน เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอา ของไมํดีไปหลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปชั่นทั้งเวลา ทรัพย๑สิน ของหนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคนเอาเปรียบหรือโกงกิน ขาดความซื่อสัตย๑สุจริต จะทาให๎หนํวยงาน เสยี หาย เดอื ดร๎อน แม๎เราจะไดท๎ รพั ย๑สินไปมากมาย แตํเราไมเํ จริญกา๎ วหนา๎ ถกู คนรุมประณาม และ แม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ู แตํตัวเรายํอมร๎ูอยูํแกํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอ่ืนจะมาร๎ู ความลับตลอดเวลา ผู๎ท่ปี ระพฤติตนดว๎ ยความซ่อื ตรง แมไ๎ มํร่ารวยเงนิ ทอง แตํกม็ คี วามสุขทง้ั กาย ใจ

40 กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความอํอนโยน หมายถึง มกี ริ ยิ าสภุ าพ มสี มั มาคารวะ วาจาอํอนหวาน มคี วามนมํุ นวล ไมํเยํอหยิ่ง ไมํหยาบคาย กกกกกกก5. ทศพิธราชธรรม ในขอ๎ มัททวะหรือความอํอนโยนน้ี เป็นทปี่ ระจกั ษ๑แกํพสกนิกรมา ช๎านานแลว๎ วํา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราชอัธยาศัย อํอนโยนเพียบพร๎อมทกุ ประการ ไมํวําจะเป็นความอํอนโยนในความหมายทางโลกหรือความหมายทาง ธรรม ความอํอนโยนในความหมายทางโลก คือ ความอํอนโยนตํอบุคคลอ่ืนในสังคม อันเป็นมารยาท ทบ่ี ุคคลในสังคมจะพงึ ปฏบิ ัติตํอกัน เพื่อผลดีในทางสังคม ความอํอนโยนในความหมายนี้ยํอมชี้ให๎เห็น ชัดได๎ด๎วยพระราชจริยาวัตรตําง ๆ ในทุกสถานท่ี สํวนความอํอนโยนในทางธรรมนั้น มีความหมาย กว๎างขวางมาก คือ หมายถึง การโอนอํอนผํอนตาม น๎อมไป หรือเปลี่ยนไปในทางแหํงความดี ทาให๎ เกิดการผสมผสานกันอยํางดีในทางการงาน และบุคคลทุกระดับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเข๎าถึงธรรมะในข๎อน้ีเป็นอยํางดี และอยํางถํองถ๎วนทุกระดับข้ัน ขั้นแรก คือ ความอํอนโยนทางพระวรกาย ทุกพระอิริยาบถที่ปรากฏไมํมีที่จะแสดงถึงความรังเกียจ เดียดฉันท๑ หรือถือพระองค๑เลย จะมีก็แตํความอํอนโยน น่ิมนวล งดงาม เป็นไปด๎วยความบริสุทธ์ิ พระราชหฤทยั อันสํงผลถึงความ ช่ืนชม โสมนัส และอบอุํนใจให๎เกิดแกํพสกนิกรโดยท่ัวกัน ข้ันท่ีสอง คือ ความอํอนโยนทางพระวาจา อันพึงเห็นได๎จากการที่ทรงมีพระราชปฏิสันถารแกํราษฎรซึ่งเป็น ชาวบ๎านธรรมดา ที่มารับเสด็จอยาํ งใกล๎ชิดสนิทสนม ไมํเคยมีพระวาจาที่กระด๎าง มีแตํอํอนโยนสุภาพ ละมุนละไม แม๎จะทรงอยํูในพระราชฐานะอันสูงสุด กลับทรงแสดงพระองค๑เป็นธรรมดาอยํางท่ีสุด มิได๎ทรงวางพระองค๑ให๎แตกตํางหํางไกลจากประชาชนท่ีประกอบด๎วยฐานะแตกตํางกัน ทางปฏิบัติ พระองคเ๑ ปน็ กนั เอง เสมือนบิดาปฏบิ ตั ติ ํอบุตรอันเป็นที่รัก ตรัสพระวาจาสุภาพอํอนโยน ขั้นที่สาม คือ ความอํอนโยนน่ิมนวลทางจิตใจและสติป๓ญญา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงบรรลถุ งึ มทั ทวะในขั้นนอ้ี ยํางแทจ๎ รงิ และทรงเข๎าพระทัยในธรรมะของชีวิตอยํางลึกซึ้ง วําแตํละชีวิตยํอมมีหน๎าที่หลายอยําง พระองค๑จึงทรงวางพระทัยให๎อํอนโยน และทรงวาง พระสติป๓ญญาให๎โอนอํอนไปตามสถานภาพได๎อยํางเหมาะสม เชํน ในพระราชฐานะตําง ๆ ในพระ บรมราชวงศ๑ มีพระราชฐานะเป็นพระราชโอรส เป็นพระอนุชา เป็นพระบิดา เป็นพระอัยกา และใน พระราชฐานะแหํงพระมหากษตั รยิ าธริ าช ทรงมีสมั มาคารวะออํ นนอ๎ มแดํผ๎ูเจริญโดยวัย และเจริญโดย คณุ และมีพระราชอัธยาศยั อํอนโยนตอํ บุคคลทเี่ สมอพระองค๑ และต่ากวาํ ไมํเคยทรงดูหม่ิน การที่ทรง วางพระองค๑เชนํ นี้ จงึ กํอให๎เกิดความสุขความเจริญแกํบ๎านเมือง และความปิติศรัทธาแกํชาวไทยอยําง ไมํมีอะไรจะเปรยี บ

41 ภาพแสดงความสุภาพอํอนโยนตํอสมเด็จพระชนนี ภาพแสดงความสุภาพอํอนโยนแกํพสกนิกร กกกกกกก5. หน้าท่พี ลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การทาตัวสภุ าพ นมํุ นวล ไมํเยอํ หยิ่ง ถอื ตวั หรอื แสดงกิริยาวาจา หยาบคายกับใคร ไมํวําจะเป็นผู๎ใหญํ ผ๎ูน๎อยหรือเพ่ือนในระดับเดียวกัน การทาตัว เป็นผู๎ที่มีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทาให๎ไปที่ไหนคนก็ให๎การต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรุํม หากบุคคลแสดงกิริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนก็ถอยหําง ดังน้ัน หลักธรรมข๎อน้ี จึงเป็นการ สรา๎ งเสนํห๑อยาํ งหนึ่งให๎แกตํ วั เราด๎วย กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพยี ร หมายถงึ การเพียรพยายามไมํใหค๎ วามมวั เมาเขา๎ ครอบงาจิตใจ ไมํลมุํ หลงกับอบายมขุ และส่ิงชัว่ รา๎ ย ไมหํ มกมุนํ กับความสุขสาราญ กกกกกกก6. ทศพิธราชธรรมขอ๎ ทหี่ ก คือ ตบะ หรอื ความเพยี ร เป็นทศพิธราชธรรมทมี่ ีการตี ความหมายกันไว๎หลายประการ แตํไมํวําจะตีความหมายโดยนัยอยํางใด การดารงพระองค๑ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ก็ยังคงอยูํในขอบขํายของพระมหา กษัตริยาธิราช ผู๎ทรงบาเพ็ญตบะบารมีอยํูน่ันเอง ตบะในความหมายหน่ึง คือความเพียรเป็นเคร่ือง แผดเผาความเกียจคร๎าน โดยความหมายนี้จะเห็นได๎วํา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบด๎วยพระราชอุตสาหะวิริยภาพเป็นอยํางยิ่ง พระองค๑ไมํโปรดที่จะ ประทบั อยํูเฉย ทรงพอพระราชหฤทยั ในการเสดจ็ พระราชดาเนินออกทรงเย่ียมเยียนราษฎรในท๎องถิ่น ตาํ งๆ แม๎ในถ่ินทุรกันดารและหํางไกล ขวางกั้นด๎วยผืนน้ากว๎างใหญํ ปุาทึบ หรือภูเขาสูง เพียงเพื่อให๎

42 ทรงทราบถึงความทุกข๑สุขของราษฎร ด๎วยพระเนตรพระกรรณของพระองค๑เอง เมื่อทรงทราบแล๎วก็ มิได๎ทรงนิ่งนอนพระราชหฤทัย แตํได๎ทรงมีพระราชดาริริเร่ิมส่ิงตําง ๆ เพ่ือขจัดความทุกข๑เดือดร๎อน ของราษฎรท้ังในด๎านการอาชีพ ชีวิตความเป็นอยํู สุขภาพอนามัย การศึกษาและอื่น ๆ ด๎วยพระราช อตุ สาหะ วริ ยิ ะเชนํ นี้ พระองคจ๑ ึงทรงขจัดความขัดข๎อง ความยากจน ขัดสนทั้งหลาย ให๎แกํราษฎรได๎ โดยท่ัวกัน กกกกกกก6. ตบะ ในอีกความหมายหน่งึ หมายถึง ความต้ังใจกาจดั ความเกียจคร๎าน และการกระทา ผิดหน๎าที่ มํุงทากิจอันเป็นหน๎าที่ท่ีพึงกระทา ซึ่งเป็นกิจท่ีดีท่ีชอบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงบาเพ็ญตบะในความหมายน้ีได๎อยํางครบถ๎วนเชํนเดียวกัน ในพระราชฐานะแหํงพระมหากษัตริยาธิราช ทรงมีหน๎าท่ีปกครองอาณาประชาราษฎร๑ให๎ได๎รับความ รมํ เยน็ พระองค๑ได๎ทรงต้ังพระราชอุตสาหะวริ ยิ ะ ประกอบดว๎ ยป๓ญโญภาส ปฏิบัติพระราชกรณียกิจให๎ เป็นไปด๎วยดีไมํมีข๎อผิดพลาด ทรงมีพระราชดาริริเริ่มโครงการตําง ๆ เพื่อประโยชน๑สุขของพสกนิกร โดยไมํหยุดย้ัง โครงการพระราชดาริของพระองค๑จึงมีนับพัน ๆ โครงการ ไมํเพียงเทําน้ันพระองค๑ยัง ทรงติดตามกิจการท่ีได๎ทรงปฏิบัติ หรือโปรดให๎ปฏิบัติโดยใกล๎ชิด โดยเสด็จพระราชดาเนินไปทรง ทอดพระเนตรด๎วยพระองค๑เอง ไมํวําจะทรงลาบากยากพระวรกายเพียงใด แตํด๎วยพระราชหฤทัยที่ เป่ียมไปด๎วยพระมหากรุณาธิคุณ จึงทรงพอพระราชหฤทัยที่จะทรงปฏิบัติพระราชภารกิจ ด๎วยพระราชอุตสาหะวิริยะทุกวัน และในวันหน่ึง ๆ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจได๎มากมาย สาหรับ บคุ คลทวั่ ไปหากตอ๎ งปฏิบตั ิตอ๎ งใช๎เวลาหลายวัน กกกกกกก6. ตบะ ในความหมายอีกอยาํ งหน่ึง คือ ความเพยี รในการละอกุศลกรรม เพยี รอบรมกุศล บุญตําง ๆ ให๎บังเกิดข้ึน โดยความหมายน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเพียบพร๎อมด๎วยพระราชวิริยะที่จะทรงเอาชนะความชั่วตําง ๆ ด๎วยความดี อาณาประชาราษฎร๑ผ๎ูอยูํใต๎รํมพระบรมโพธิสมภาร จึงมีแตํความสุขสวัสดิ์วัฒนา พ๎นจากความ เดือดร๎อนนานาประการ ดว๎ ยตบะเดชะบารมีแหงํ พระองค๑ ภาพเสดจ็ พระราชดาเนนิ ออกทรงเยยี่ มเยยี นราษฎร

43 ภาพเสด็จพระราชดาเนินออกทรงเย่ยี มเยยี นราษฎร กกกกกกก6. หน้าที่พลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ให๎ปฏิบัตหิ น๎าทกี่ ารงานทรี่ ับผิดชอบด๎วยความ มุมานะ อดทน ขยัน มํุงมั่น และทาแตํสิ่งท่ีดี ความถูกต๎อง ฝุาฟ๓นอุปสรรคตําง ๆ จนประสบ ความสาเร็จ ด๎วยความพากเพียรนี้จะทาให๎เราภาคภูมิใจเมื่องานสาเร็จ และจะทาให๎เรามี ประสบการณเ๑ กงํ กล๎าขึ้น นอกจากนี้ ยงั สอนใหเ๎ ราสูช๎ วี ติ ไมํยอมแพ๎อะไรงาํ ย ๆ กกกกกกก7. อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ หมายถึง มจี ติ ใจม่ันคง มีความสุขมุ เยือกเย็น อดกล้ัน ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจให๎ปรากฏ

44 กกกกกกก7. พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงบาเพญ็ อักโกธะบารมี หรือความไมํโกรธให๎เป็นที่ประจักษ๑ใจ ท้ังในหมํูประชาชนชาวไทย และในนานา ประเทศมาเป็นเวลาช๎านาน แม๎มีเหตุอันควรให๎ทรงพระพิโรธยังทรงขํมพระทัยให๎สงบได๎โดยสิ้นเชิง อยํางทีป่ ุถชุ นนอ๎ ยคนนกั จะทาได๎ ดงั เหตุการณ๑ท่ีเกิดขึน้ ในปี พ.ศ. 2505 และ พ.ศ. 2510 เป็นต๎น ซึ่ง ยงั ตราตรึงอยูํในความทรงจาของผู๎ตามเสด็จทุกคน วันนั้นวันท่ี 27 สิงหาคม พ.ศ.2505 เป็นวันแรกท่ี ทรงยํางพระบาทสูํดินแดนออสเตรเลีย พร๎อมด๎วยความเหน็ดเหน่ือยจากการเสด็จเยือนมา สามประเทศแล๎ว จากรถพระท่ีน่ังขณะเสด็จไปยังท่ีประทับ พระองค๑ได๎ทรงทอดพระเนตรเห็นชายคน หน่ึงชูปูายเป็นภาษาไทยขับไลํพระองค๑ แตํพระองค๑ก็มิได๎ทรงหว่ันไหวด๎วยทรงพิจารณาวําเป็นการ กระทาของคนเพียงคนเดียว มิใชํประชาชนท้ังประเทศจึงทรงแย๎มพระสรวล และโบกพระหัตถ๑ให๎แกํ ประชาชนอืน่ ๆ ท่โี หํร๎องรบั เสด็จไปตลอดทาง ตํอมาทน่ี ครซิดนีย๑เหตุการณ๑อยํางเดียวกันได๎เกิดขึ้นอีก โดยกลํุมคนท่ีได๎รับการสนับสนุนจากลัทธิการเมือง ท่ีต๎องการล๎มล๎างรัฐบาลไทย เร่ิมจากการชูปูาย ข๎อความขับไลํผ๎ูเผด็จการเมืองไทยในทันทีท่ีรถพระที่นั่งแลํนเข๎าสํูศาลากลางเทศบาล ซึ่งจัดไว๎เพ่ือรับ เสด็จ ติดตามด๎วยใบปลิวมีข๎อความขับไลํผ๎ูเผด็จการเมืองไทย และกลําวหารัฐบาลไทยวําเป็นฆาตกร ฆําผ๎ูบริสุทธ์ิ ใบปลิวน้ีโปรยลงมารอบพระองค๑ขณะท่ีตรัสตอบขอบใจนายกเทศมนตรี และประชาชน กลางเวทีแตพํ ระองคย๑ งั คงตรัสตอํ ไป เสมอื นมิไดม๎ สี ิ่งใดเกิดข้นึ เพียงเทําน้ันยังไมํพอ เม่ือเสด็จตํอไปยัง เมืองเมลเบริ ๑นเพ่อื ทรงรบั การถวายปริญญานิติศาสตร๑ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พระองค๑ยังทรงถูกโหํฮา ปุาจากกลุํมนักศึกษาซึ่งไมํสุภาพ ทั้งทําทางและการแตํงกาย และเมื่ออธิการบดีกลําวสดุดีพระเกียรติ คุณของพระองค๑ นักศึกษากลํุมเดิมได๎โหํฮาปุากลบเสียงสดุดีเสีย แม๎เมื่อเสด็จพระราชดาเนินไปเพื่อ ตรัสตอบ คนกลํุมนี้ยังโหํฮาปุาข้ึนอีก แตํพระองค๑คงมีสีพระพักตร๑เรียบเฉย ซ้ายังทรงหันมาเปิด พระมาลาท่ีทรงคํูกับฉลองพระองค๑ครุยโค๎งคานับคนกลุํมนั้นอยํางสุภาพ พร๎อมกับตรัสด๎วย พระสุรเสียงท่ีราบเรียบมีใจความวํา “ขอบใจทํานทั้งหลายเป็นอันมากในการต๎อนรับอันอบอํุน และสุภาพเรียบร๎อย ที่ทํานแสดงตํอแขกเมืองของทําน” เสียงฮาปุาเงียบลงทันที นักศึกษากลุํมน้ีได๎ พํายแพ๎แกํอักโกธะหรือความไมํโกรธของพระองค๑โดยส้ินเชิง คร้ันถึงเวลาเสด็จกลับทุกคนในกลํุม พร๎อมใจกันยืนคอยสํงเสด็จด๎วยสีหน๎าเจื่อน ๆ บ๎าง ย้ิมบ๎าง โบกมือและปรบมือให๎บ๎างจนรถพระที่น่ัง แลํนไปจนลับตา ตํอมาในปี พ.ศ.2510 อันเป็นปีที่ชาวอเมริกันเดินขบวนและหนังสือพิมพ๑ลงขําว โจมตรี ฐั บาล เร่ืองการสํงทหารมาชํวยรบและเสียชีวิตมากมายในเวียดนามใต๎ ในภาวะอันวิกฤตน้ีทรง เกรงรัฐบาลอเมริกันจะล๎มเลิกนโยบายชํวยเหลือเอเชียอาคเนย๑ ซ่ึงจะเป็นอันตรายตํอความมั่นคง ของไทย จึงเสด็จไปทรงเจริญสัมพันธไมตรี ในการน้ีจะทรงได๎รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย วิลเลียมส๑ กํอนวันแจกปริญญา ทรงทราบวําบทความที่ได๎รับรางวัลซึ่งจะอํานในวันแจกปริญญา เป็นบทความคัดค๎านนโยบายของรัฐบาล ในการสํงทหารมาชํวยรบในเวียดนาม นอกจากนี้กลํุม นักศึกษายังเตรียมแจกใบปลิว และเตรียมเดินขบวนออกจากพิธีถวายปริญญาแกํพระองค๑ด๎วย และแล๎ววนั ที่ 11 มิถนุ ายน พ.ศ.2510 วนั อนั นาํ ระทกึ ใจกม็ าถึง เม่ือนักศึกษาอํานบทความที่ได๎รับรางวัล จบลง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงปรบพระหัตถ๑ให๎กับการใช๎ ภาษาที่ถูกต๎องและไพเราะ แม๎จะไมํทรงเห็นด๎วยกับเน้ือหาก็ตาม จากนั้นพระองค๑จึงตรัสขอบใจ มหาวิทยาลยั และทรงเตือนสตินักศึกษา “ให๎ใช๎ป๓ญญาไตรํตรองดูเหตุผลให๎ถํองแท๎เสียกํอนที่จะมั่นใจ