Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (ร่าง) แนวทางการจัดกิจกรรม ตามหลักสูตรสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษระยะแรกเริ่ม ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๕๘

(ร่าง) แนวทางการจัดกิจกรรม ตามหลักสูตรสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษระยะแรกเริ่ม ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๕๘

Published by special_lp, 2018-06-13 02:49:53

Description: ๓.เล่มแนวทางการจัดกิจกรรม

Search

Read the Text Version

๔๓ ทกั ษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการทีค่ าดหวัง แนวการจดั กิจกรรม พฤตกิ รรมทคี่ าดหวัง๒. การแต่งกาย ๒.๗ การเลือกเครื่องแต่ง ได้ด้วยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรมดังตอ่ ไปน้ี(ตอ่ ) กาย (ต่อ) ๒.๗.๒ สามารถเลือกเสื้อผา้ รองเทา้ ๑) วิเคราะห์งาน ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะและโอกาส ๒) ฝึกปฏบิ ตั ิในสถานการณจ์ ริง ได้ เชน่ ไปทางาน ไปงานเลี้ยง เป็น ๓) กิจกรรมการสวมเครื่องแต่งกาย ตน้ * หมายเหตุ กรณีเส้ือผ้าของผู้เรียนเก็บรวบรวมกับบุคคลอ่ืน ให้สอนการ จาแนกเสื้อผ้าท่ีเป็นของตนเองก่อน โดยใช้การกระตุ้นเตือน การ ๒.๗.๓ สามารถแสดงส่ิงท่เี ป็น เสริมแรง ความชอบสว่ นตวั และรับรู้สิง่ ทีเ่ ปน็ ๑) ผู้สอนใช้สื่อเป็นวีดีโอคลิปการจัดงานรื่นเริง และให้ผู้เรียนแสดงออกโดย แฟชัน่ ได*้ การเต้นรา การรอ้ งเพลง ๒) ให้ผู้เรียนดูภาพสถานการณ์ในชีวิตจริงของคนท่ีทางานในที่ต่างๆและใช้ คาถามให้ผู้เรียนตอบเกี่ยวกับ การแต่งกาย ทั้งท่ีเหมาะสมและไม่ เหมาะสม ๓) จัดกิจกรรมงานรืน่ เริงในชั้นเรียน/บ้าน และให้ผู้เรียนเลือกเครื่องแต่งกาย โดยการแนะนา ๔) ฝึกปฏิบตั ิซ้าในสถานการณ์ท่ัวไป ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การแต่งกายที่เหมาะสมตามสมัยนิยม เลือกสงิ่ ที่ตัวเองชอบจากภาพตวั อยา่ ง การฝึกให้ผู้เรียนบอกความชอบสว่ นตัว ในการแต่งกาย ทดลองแต่งกายตามที่ชอบหรือสนใจ แล้วฝึกให้รู้จักการ ปรับปรุงแต่งกายให้เหมาะสมกับตนเอง โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียน สามารถทาได้ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรมดงั ต่อไปน้ีหมายเหตุ * หมายถึง เปน็ กจิ กรรมทักษะการดารงชวี ิตประจาวันที่ผูส้ อน และผูป้ กครอง หรือผู้มสี ่วนเกีย่ วข้อง สามารถเลอื กเนือ้ หาการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน เพอื่ ใหเ้ กิดพฤติกรรมทคี่ าดหวังตามศักยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ ้องเรยี งตามลาดบั เน้อื หา

๔๔ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พัฒนาการที่คาดหวงั แนวการจดั กจิ กรรม๓. การขับถ่าย พฤตกิ รรมทคี่ าดหวงั ๑) การแสดงบทบาทสมมตุ /ิ สถานการณ์จาลอง/สถานการณ์จรงิ ๒) กจิ กรรมการสวมเคร่ืองแต่งกาย กิจกรรมการประกวดเดินแฟชน่ั โชว์ ๓.๑ การขับถา่ ย อจุ จาระ - ๓.๑.๑ สามารถรับรเู้ ม่อื ใดที่จะต้อง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การรู้จักช่วงเวลาในการเข้าห้องส้วมใน ปัสสาวะ เข้าห้องสว้ มได้* การขับถ่าย โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้ กจิ กรรมดังต่อไปน้ี ๑) การวเิ คราะห์งาน ๒) การฝึกปฏิบัติโดยใช้การกระตุ้นเตือน การปรับแต่งพฤติกรรมใน สถานการณจ์ าลอง ๓) การฝกึ ปฏิบตั ิในสถานการณ์จรงิ ๔) การเสริมแรง ๓.๑.๒ สามารถรู้จกั อปุ กรณ์ต่างๆ ใน ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การรู้จักชื่อเรียกของอุปกรณ์ต่างๆใน หอ้ งนา้ ในบา้ นได้* ห้องน้าในบ้าน และประโยชน์ของอุปกรณ์แต่ละชนิด โดยผู้สอนช่วยเหลือจน ผเู้ รยี นสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรมดังต่อไปนี้ ๑) การอธิบายและสาธิต การใช้ส่ืออุปกรณ์ต่างๆในห้องน้าในบ้านของ จริงให้ผู้เรยี นไดร้ จู้ กั ชอ่ื และประโยชน์ของอุปกรณ์ แต่ละชนดิ ๒) กิจกรรมการจับคู่ชื่ออุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้า ในบ้าน ตามสภาพ ความเป็นอยจู่ ริงของผู้เรียน ๓) นาผเู้ รยี นไปห้องน้าเพื่อแนะนาสภาพแวดล้อมจรงิหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวิตประจาวนั ทผ่ี ้สู อน และผูป้ กครอง หรอื ผ้มู สี ว่ นเก่ยี วข้อง สามารถเลือกเนอื้ หาการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ใหเ้ กิดพฤตกิ รรมท่ีคาดหวังตามศกั ยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ ้องเรยี งตามลาดบั เนอื้ หา

๔๕ ทักษะ ทกั ษะยอ่ ย พัฒนาการทคี่ าดหวงั แนวการจัดกจิ กรรม พฤตกิ รรมทค่ี าดหวัง๓. การขับถ่าย ๓.๑ การขบั ถา่ ย อจุ จาระ ๓.๑.๓ สามารถใช้อุปกรณ์ตา่ งๆ ใน ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้าให้(ตอ่ ) –ปสั สาวะ (ตอ่ ) หอ้ งนา้ ในบ้านไดด้ ้วยตนเอง* เหมาะสมประเภทการใช้งาน โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรยี นสามารถทาได้ด้วย ตนเอง โดยใชก้ ิจกรรมดงั ตอ่ ไปน้ี ๓.๑.๔ สามารถกดชกั โครก/ราดนา้ ได*้ ๑) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ/สถานการณจ์ าลอง ๒) การฝกึ ปฏิบัติในสถานการณ์จาลอง ๓.๑.๕ สามารถทาความสะอาดหลัง ๓) การฝกึ ปฏบิ ตั ิในสถานการณ์จรงิ ขับถ่ายได้ ผสู้ อนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัตใิ นเรื่อง การรู้จกั ชักโครก/ โถส้วม รู้จักที่กดชัก โครก/ขันน้า รู้จักวิธีกดท่ีกดชักโครก/ตักน้าด้วยขันน้าแล้วราดน้าจนสะอาด โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้กิจกรรม ดังตอ่ ไปน้ี ๑) การวิเคราะห์งาน ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ/สถานการณจ์ าลอง ๓) การฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จาลอง ๔) การฝกึ ปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จริง ๑) ผู้สอนฝึกผู้เรียนล้างก้น โดยจับมือข้าท่ีถนัดของผู้เรียนถือสายชาระหรือ ขนั น้า ฉีดนา้ หรือราดน้าทีก่ น้ ของตนเอง พร้อมจับมืออีกข้างของผู้เรียนให้ ถกู ้นจนสะอาด ๒) หลังจากผู้เรียนล้างก้นตนเองเรียบร้อยแล้ว ให้ตักน้าราดโถส้วม หรือชัก โครกทาความสะอาดสว้ มดว้ ยตนเองหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทักษะการดารงชีวติ ประจาวนั ทีผ่ สู้ อน และผู้ปกครอง หรอื ผมู้ สี ว่ นเกีย่ วข้อง สามารถเลือกเนอื้ หาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ให้เกดิพฤติกรรมทีค่ าดหวงั ตามศกั ยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ อ้ งเรยี งตามลาดบั เนื้อหา

๔๖ ทกั ษะ ทกั ษะยอ่ ย พฒั นาการทคี่ าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม พฤติกรรมท่ีคาดหวัง๓. การขบั ถ่าย ๓.๑ การขับถ่าย อจุ จาระ(ตอ่ ) –ปัสสาวะ (ต่อ) ๓) หลังจากนั้นให้ผู้สอนพาผู้เรียนไปเช็ดก้นให้แห้ง ลา้ งมือให้สะอาดโดยจับ มือผ้เู รยี นทาทกุ ข้นั ตอน ๔) ผสู้ อนลดความชว่ ยเหลอื ลง เมอ่ื ผู้เรียนสามารถทาได้เอง ๓.๑.๖ สามารถแตง่ ตัวให้เรียบรอ้ ย ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การแต่งกายหลังจากการขับถ่าย การ หลังการขับถา่ ยได้* สารวจตนเองหลังการขับถา่ ย โดยผสู้ อนชว่ ยเหลือจนผูเ้ รียนสามารถทาไดด้ ว้ ย ตนเอง โดยใช้กจิ กรรมดังตอ่ ไปน้ี ๑) การวเิ คราะหง์ าน ๒) การแสดงบทบาทสมมุต/ิ สถานการณ์จาลอง ๓) การฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จาลอง ๔) การฝกึ ปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จรงิ๔. การดูแลอนามัย ๔.๑ การทาความสะอาด ๔.๑ สามารถล้างมือและเช็ดมือด้วย ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการล้างมือ รวมทั้งทาความสะอาดเล็บมือ และตนเอง* มอื และเท้า ตนเองได้ เช็ดมอื เช่น กอ๊ กน้า สบู่ ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดมือ ๑) ผู้สอนแนะนาวธิ กี ารใช้งานการเปิด-ปดิ กอ๊ กนา้ ๒) ผู้สอนสาธิตข้ันตอนการล้างมือด้วยสบู่ การฟอกให้เกิดฟอง การล้าง นา้ เปล่าและการเช็ดมือหลงั จากเข้าหอ้ งนา้ ๓) ผู้สอนให้ผู้เรียนล้างมือด้วยสบู่แล้วเช็ดมือด้วยตนเอง โดยมีผู้สอน แนะนาและช่วยเหลอื ๔) ผู้สอนให้ผู้เรียนฝึกปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเองหมายเหตุ * หมายถึง เป็นกจิ กรรมทักษะการดารงชวี ิตประจาวนั ท่ีผู้สอน และผู้ปกครอง หรอื ผ้มู สี ่วนเกย่ี วข้อง สามารถเลอื กเน้อื หาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ให้เกิดพฤตกิ รรมทค่ี าดหวังตามศกั ยภาพของผเู้ รยี น โดยไม่ต้องเรยี งตามลาดบั เนอื้ หา

๔๗ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พัฒนาการท่ีคาดหวัง แนวการจดั กิจกรรม๔. การดแู ลอนามยั ๔.๑ การทาความสะอาด พฤตกิ รรมท่ีคาดหวังตนเอง* (ต่อ) มือและเท้า (ต่อ) ๔.๑.๒ สามารถลา้ งเท้าและเช็ดเทา้ ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการล้างเทา้ รวมทั้งทาความสะอาดเล็บเท้าและ ด้วยตนเองได*้ เช็ดเท้า เชน่ กอ๊ กนา้ สบู่ ผ้าขนหนู ผ้าเชด็ เทา้ ๔.๒ การทาความสะอาด หนา้ ๔.๒.๑ สามารถลา้ งหน้าและเช็ดหนา้ ๑) ผู้สอนแนะนาวิธกี ารใชง้ านการเปดิ -ปดิ ก๊อกน้า ได้ ๒) ผู้สอนสาธิตขั้นตอนการล้างเท้าด้วยสบู่ การฟอกให้เกิดฟอง การ ลา้ งน้าเปลา่ และการเชด็ เทา้ หลงั จากเข้าห้องนา้ ๓) ผสู้ อนให้ผูเ้ รยี นล้างเท้าด้วยสบแู่ ล้วเชด็ เท้าด้วยตนเอง โดยมผี ู้สอน แนะนาและช่วยเหลือ ๔) ผสู้ อนให้ผ้เู รยี นฝึกปฏิบัตดิ ้วยตนเอง ๑) ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการล้างหน้าและเช็ดหน้า เช่น สบู่ ผ้าขนหนู ผา้ เช็ดหนา้ การเปดิ -ปดิ ก๊อกน้า เป็นต้น ๒) ผู้สอนแนะนาวธิ กี ารฟอกสบู่ให้เกดิ ฟองแลว้ นาไปถูให้ท่ัวหน้าแลว้ ล้างน้า ออกใหส้ ะอาด ๓) ผสู้ อนสาธิตการลา้ งหน้าด้วยและเชด็ หนา้ ๔) ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รยี นลา้ งหน้าและเช็ดหน้าด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนคอยกระตนุ้ ๕) ผู้สอนให้ผูเ้ รยี นล้างหน้าและเชด็ หน้าด้วยตนเองหมายเหตุ * หมายถึง เปน็ กจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวติ ประจาวนั ทีผ่ ู้สอน และผู้ปกครอง หรือผู้มสี ว่ นเกีย่ วข้อง สามารถเลือกเน้ือหาการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ใหเ้ กิดพฤติกรรมท่คี าดหวงั ตามศกั ยภาพของผู้เรยี น โดยไม่ต้องเรยี งตามลาดบั เนื้อหา

๔๘ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการท่ีคาดหวัง แนวการจดั กจิ กรรม๔. การดแู ลอนามยั ๔.๒ การทาความสะอาด ๔.๒.๒ สามารถส่ังและเช็ดนา้ มกู ได้ ผสู้ อนฝึกใหผ้ ้เู รยี นสง่ั นา้ มกู และใชผ้ ้าเชด็ หนา้ /กระดาษเช็ดหน้าทาความตนเอง (ต่อ) หน้า (ต่อ) สะอาด โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้ กิจกรรมดังตอ่ ไปนี้ ๑) ฝึกปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จาลอง ๒) กิจกรรมนิทานเล่าเรือ่ งสอนการดแู ลตนเอง ๓) กิจกรรมการสอนผ่านส่อื เทคโนโลยี เชน่ ฉายวีดีทศั น์เก่ียวกบั การ ดแู ล ภาพถ่าย ภาพเคล่อื นไหว เป็นตน้ ๔.๓. การแปรงฟนั ๔.๓.๑ สามารถแปรงฟันได้ ๑) ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการแปรงฟัน เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้า เปน็ ต้น ๒) จดั เตรยี มแปรงสฟี นั ให้ผู้เรียน โดยบีบยาสฟี นั ลงบนขนแปรงเล็กนอ้ ย ๓) ผู้สอนสาธิตการแปรงฟนั แล้วพดู วา่ “แปรงฟนั ” ๔) กรณีผู้เรียนเลียนแบบแปรงฟันไม่ได้ ผู้สอนจับมือผู้เรียนแปรงฟัน โดยหนั หน้า ๕) เข้าหากระจกเพื่อให้มองเห็นภาพของตนเองกาลังแปรงฟัน โดยผู้สอน จะยืนดา้ นหลังผู้เรยี นพรอ้ มกบั พูด “(ช่ือผู้เรียน) แปรงฟันทุกคร้ังทแ่ี ปรง ฟันกรณีผู้เรียนทาไม่ได้ ให้ผู้สอนจับมือผู้เรียนแปรงฟัน จนผู้เรียน สามารถแปรงฟนั ไดด้ ว้ ยตนเอง ๔.๔ การอาบนา้ ๔.๔.๑ สามารถอาบน้าและเช็ดตัวได้ ๑) ผู้สอนแนะนาอุปกรณ์ในการอาบน้าและเช็ดตัว เช่น สบู่ ฝักบัว ขันน้า อ่างนา้ ผา้ เช็ดตวั เปน็ ต้น ๒) ผู้สอนแนะนาวธิ กี ารเปิด-ปิดฝกั บัว และวิธกี ารใช้ขันน้าตักจากอ่างน้า

๔๙ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พัฒนาการท่คี าดหวงั แนวการจัดกิจกรรม๔. การดูแลอนามยั ๔.๕ การหวีผม ๔.๕.๑ สามารถหวีผมได้ตนเอง (ตอ่ ) ๑) ผู้สอนแนะนาอุปกรณก์ ารหวผี ม ๔.๖.๑ สามารถสระผมไดอ้ ย่าง ๒) ผู้สอนให้ผเู้ รียนยืนหน้ากระจก โดยผู้สอนอยู่ดา้ นขา้ ง ๔.๖ การสระผม* ถกู ต้อง ๓) ผสู้ อนสาธิตการหวผี มให้ผู้เรยี นดูแล้วพดู ว่า “หวีผม” ๔) กรณีผ้เู รียนเลยี นแบบหวผี มไม่ได้ ผ้สู อนจับมือผ้เู รียนหวีผม โดยหันหน้า เข้าหากระจก เพื่อให้ผู้เรียนมองเห็นภาพตนเองกาลังหวีผม โดยผู้สอน จะยนื ด้านหลงั ผู้เรียนพรอ้ มกบั พูด “(ช่อื ผู้เรียน) หวีผม” ๕) ทุกคร้ังที่หวีผมกรณีผู้เรียนทาไม่ได้ ให้ผู้สอนจับมือผู้เรียนจนผู้เรียนหวี ผมได้ดว้ ยตนเอง ๖) ผู้สอนให้ผ้เู รยี นหัดหวีผมด้วยตนเอง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การรู้ว่าผมของตนเองหรือของเพ่ือน สกปรก รู้จกั ช่วงเวลาความเหมาะสมในการสระผม รจู้ ักอุปกรณ์และวิธีการใช้ งาน สามารถแยกแยะแชมพูสระผมหรือครมี นวดผมและประโยชน์ของการใช้ งาน ฝกึ ปฏิบตั ิให้ผู้เรยี นสระผมได้อย่างถกู ตอ้ ง โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผ้เู รยี น สามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรมดงั ต่อไปนี้ ๑) การอธิบายวิธีการ และประโยชน์ของการใช้งานของแชมพูสระผม หรอื ครีมนวด ๒) การสาธิตวธิ ีการสระผม ๓) การวเิ คราะหง์ าน ๔) ฝึกปฏบิ ัตใิ นสถานการณจ์ าลอง ๕) การฝกึ ปฏิบตั ใิ นสถานการณจ์ รงิ ๖) การเสรมิ แรง

๕๐ทักษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการทคี่ าดหวัง แนวการจดั กจิ กรรม๕. การรับผิดชอบ ๕.๑ การช่วยเหลืองานบา้ น ๕.๑.๑ สามารถเกบ็ สิ่งของเข้าทไี่ ด้ ๗) เกมคัดแยกขวดแชมพู ครมี นวดงานบา้ น ๘) กจิ กรรมสารวจตนเองและเพอื่ น ๕.๑.๒ สามารถกวาดบ้านได้ ๑) ผสู้ อนสาธิตการเก็บส่งิ ของเข้าท่ี ๒) ผสู้ อนให้ผู้เรยี นเก็บของเช้าที่ โดยมีผู้สอนคอยกระตุ้น ๓) ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนเก็บของเข้าทด่ี ว้ ยตนเอง ๑) ผสู้ อนสาธติ การกวาดบ้าน ๒) ผู้สอนให้ผเู้ รยี นกวาดบ้านดว้ ยตนเอง โดยมผี ้สู อนคอยกระต้นุ ๓) ผู้สอนให้ผู้เรยี นกวาดบ้านดว้ ยตนเอง

๕๑ ทกั ษะ ทักษะย่อย พฒั นาการท่ีคาดหวงั แนวการจดั กิจกรรม พฤติกรรมทีค่ าดหวงั๕. การรับผดิ ชอบงานบ้าน (ตอ่ ) ๕.๑.๓ สามารถถบู ้านโดยใชไ้ มถ้ พู ืน้ ๑) ผู้สอนสาธติ การถูบ้าน ได้ ๒) ผสู้ อนให้ผ้เู รยี นถบู ้านดว้ ยตนเอง โดยมผี ู้สอนคอยกระตนุ้ ๓) ผู้สอนให้ผ้เู รยี นถบู า้ นด้วยตนเอง ๕.๒ ปแู ละเกบ็ ท่นี อน ๕.๒.๑ สามารถปูทน่ี อนของตนเอง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองของการปูที่นอนของตนเอง โดยผู้สอน ช่วยเหลอื จนผเู้ รียนสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง โดยใชก้ ิจกรรมดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) สถานการณจ์ ริง ๒) การสาธิต ๕.๒.๒ สามารถเก็บที่นอนของตนเอง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรอ่ื งของการเก็บทน่ี อนของตนเอง โดยผู้สอน ได้ ช่วยเหลอื จนผูเ้ รียนสามารถทาได้ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรมดังตอ่ ไปนี้ ๑) สถานการณจ์ ริง ๒) การสาธิต ๕.๓ การจัดเกบ็ สิ่งของ ๕.๓.๑ สามารถจดั เก็บสิ่งของ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่องของการจัดเก็บส่ิงของ เครื่องใช้ของ เคร่อื งใช้* เครือ่ งใช้ของตนเอง ในห้องให้อยู่ในท่ี ตนเอง ในห้องใหอ้ ยูใ่ นท่ีเหมาะสม เช่นจัดของเล่น ของใช้ส่วนตวั นาไปวางบน เหมาะสม ช้ันเก็บอุปกรณ์ใส่ ล้ินชักเป็นต้น โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ ดว้ ยตนเอง โดยใช้กจิ กรรมดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) สถานการณจ์ รงิ ๒) การสาธติหมายเหตุ * หมายถึง เปน็ กจิ กรรมทักษะการดารงชวี ติ ประจาวนั ทีผ่ ู้สอน และผู้ปกครอง หรือผู้มสี ่วนเกีย่ วขอ้ ง สามารถเลือกเนื้อหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพอื่ ใหเ้ กิดพฤติกรรมท่คี าดหวงั ตามศกั ยภาพของผ้เู รยี น โดยไม่ต้องเรยี งตามลาดบั เนื้อหา

๕๒ ทักษะ ทกั ษะย่อย พัฒนาการท่ีคาดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม พฤติกรรมทีค่ าดหวงั๖. การใชห้ ้องน้า ๖.๑ การใช้หอ้ งน้า ๖.๑.๑ รบั รูเ้ มือ่ ใดทจี่ ะต้องเข้า ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การรู้จักช่วงเวลาในการเข้าห้องน้าท่ีสาธารณะ* สาธารณะ หอ้ งนา้ ในที่สาธารณะ* สาธารณะ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้ กจิ กรรมดังตอ่ ไปนี้ ๖.๑.๒รูจ้ ักปา้ ยสญั ลกั ษณท์ ี่เกี่ยวกับ การใชห้ ้องน้าสาธารณะ* ๑) การวเิ คราะห์งาน ๒) การฝึกปฏิบัตใิ นสถานการณ์จาลอง ๖.๑.๓ รบั รวู้ ่าหอ้ งน้าสาธารณะอยู่ ๓) การฝึกปฏิบตั ใิ นสถานการณจ์ ริง บรเิ วณไหน* ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง รู้จักบอกช่ือและแยกแยะป้ายห้องน้า เช่น ป้ายทางไปห้องน้า ห้องนา้ ผู้หญิงหรือห้องน้าผู้ชาย ปา้ ยหอ้ งนา้ คนพิการ ป้ายห้องน้าสาธารณะท่ีตนเองต้องเข้าใช้ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียน สามารถทาไดด้ ้วยตนเอง โดยใช้กจิ กรรมดังต่อไปนี้ ๑) การอธบิ ายและยกตวั อยา่ ง ๒) กจิ กรรมการจับคู่และการแยกแยะปา้ ยให้เหมาะสมกบั การใช้ ๓) กิจกรรมการฝกึ สังเกตปา้ ยห้องน้าในที่สาธารณะ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การฝึกปฏบิ ตั ิในสถานการณ์จาลอง ๖) การฝกึ ปฏิบัตใิ นสถานการณ์จริง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง ตาแหน่งท่ีต้ังห้องน้าสาธารณะใน ชีวิตประจาวันในชุมชน เช่น ห้องน้าภายในวัด ห้องน้าในโรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล ห้องน้าในโรงเรียน (ขึ้นอยู่กับบริบทของ ผเู้ รยี นแตล่ ะคน) ชวี ติ ประจาวนั นอกชมุ ชน เช่น หอ้ งน้าภายในโรงพยาบาลหมายเหตุ * หมายถึง เป็นกจิ กรรมทักษะการดารงชวี ิตประจาวันทผี่ ้สู อน และผู้ปกครอง หรอื ผู้มสี ่วนเก่ยี วข้อง สามารถเลือกเนือ้ หาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ให้เกดิพฤตกิ รรมทค่ี าดหวังตามศักยภาพของผ้เู รยี น โดยไมต่ อ้ งเรยี งตามลาดบั เนอ้ื หา

๕๓ ทักษะ ทกั ษะย่อย พัฒนาการท่คี าดหวัง แนวการจดั กิจกรรม พฤติกรรมท่คี าดหวงั๖. การใชห้ ้องนา้ ๖.๑ การใชห้ อ้ งนา้ ห้องน้าในห้างสรรพสินค้า ห้องน้าในสถานีตารวจ เป็นต้น ในสาธารณะ* (ต่อ) สาธารณะ (ต่อ) ๖.๑.๔ ร้คู วามแตกตา่ งระหว่าง สถานการณ์จริง โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดย หอ้ งน้าสาธารณะ ชาย หรือ หญงิ * ใช้กิจกรรมดงั ต่อไปน้ี ๖.๑.๕ สามารถใชห้ อ้ งนา้ สาธารณะ ๑) การอธบิ ายและยกตวั อย่าง ได้ดว้ ยตนเอง* ๒) นาผเู้ รยี นไปสถานทจี่ ริง เพอื่ แนะนาสภาพแวดล้อมจรงิ ๓) ฝกึ ปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จริงตามขน้ั ตอน ผสู้ อนฝกึ ให้ผู้เรยี นโดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างห้องน้าชายหรือ หญิงในการ ดูจากสถานท่ีจริงที่หลากหลายในแต่ละสถานที่ โดยผู้สอน ช่วยเหลือจนผ้เู รยี นสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง โดยใช้กิจกรรมดงั ต่อไปน้ี ๑) การอธิบายและยกตัวอยา่ ง ๒) กิจกรรมฝกึ สังเกตหอ้ งน้าในท่สี าธารณะ ๓) กิจกรรมบอกความแตกตา่ งในภาพ ๔) การฝึกปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จาลอง ๕) การฝึกปฏิบตั ใิ นสถานการณ์จริง ผูส้ อนฝึกใหผ้ ู้เรยี นปฏิบัติในเร่ือง การเข้าห้องนา้ สาธารณะได้ด้วยตนเอง โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้กิจกรรม ดงั ต่อไปนี้ ๑) การวเิ คราะห์งาน ๒) การแสดงบทบาทสมมุต/ิ สถานการณจ์ าลอง ๓) การฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จาลองหมายเหตุ * หมายถึง เปน็ กิจกรรมทกั ษะการดารงชีวติ ประจาวันท่ีผูส้ อน และผปู้ กครอง หรือผู้มสี ่วนเกีย่ วขอ้ ง สามารถเลอื กเน้อื หาการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ให้เกิดพฤติกรรมทคี่ าดหวังตามศักยภาพของผู้เรียน โดยไมต่ ้องเรยี งตามลาดับเนอื้ หา

๕๔ ทกั ษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทคี่ าดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม พฤติกรรมท่ีคาดหวัง๖. การใชห้ ้องน้า ๖.๑ การใช้หอ้ งนา้ ๔) การฝึกปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ ริงสาธารณะ* (ต่อ) สาธารณะ (ต่อ) ๖.๑.๖ สามารถกดชกั โครก/ราดน้า ๕) กิจกรรมทศั นะศกึ ษานอกสถานท่ี และแตง่ ตวั ให้เรยี บร้อยในห้องน้า ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การกดชักโครก/ ราดน้าและแต่งตัว สาธารณะ* ให้เรียบร้อยในห้องน้าสาธารณะ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ ิจกรรมดังตอ่ ไปนี้ ๖.๑.๗ เมือ่ ใชห้ ้องนา้ สาธารณะแล้ว ๑) การวิเคราะห์งาน สามารถทาใหส้ ะอาดเพ่ือผ้อู นื่ มาใช้ ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ /ิ สถานการณจ์ าลอง ต่อได้ (การล้าง การห่อผา้ อนามยั ๓) การฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จาลอง การใชก้ ระดาษชาระ) * ๔) การฝกึ ปฏิบัติในสถานการณ์จริง ๕) กจิ กรรมทัศนะศกึ ษานอกสถานที่ ผสู้ อนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การทาความสะอาดห้องน้าหลังการใช้ งาน ในห้องน้าสาธารณะ การสารวจความเรยี บร้อยของบริเวณภายในหอ้ งน้า หลงั การใช้หอ้ งน้าและการทาความสะอาดหอ้ งน้าทต่ี นเองเข้าหรือการห่อและ ทิ้งผ้าอนามัยลงในถังขยะ ในกรณีที่เป็นผู้หญิง โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรยี น สามารถทาได้ดว้ ยตนเอง โดยใช้กิจกรรมดงั ต่อไปน้ี ๑) การวเิ คราะหง์ าน ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ /ิ สถานการณ์จาลอง ๓) การฝกึ ปฏบิ ตั ิในสถานการณ์จาลอง ๔) การฝกึ ปฏิบตั ิในสถานการณจ์ ริง ๕) กิจกรรมทัศนะศึกษานอกสถานท่ีหมายเหตุ * หมายถึง เป็นกจิ กรรมทกั ษะการดารงชวี ิตประจาวันท่ีผู้สอน และผู้ปกครอง หรือผู้มสี ว่ นเก่ียวขอ้ ง สามารถเลอื กเนือ้ หาการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอื่ ให้เกดิพฤตกิ รรมทค่ี าดหวังตามศกั ยภาพของผ้เู รยี น โดยไม่ต้องเรยี งตามลาดับเนื้อหา

๕๕ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พัฒนาการท่ีคาดหวงั แนวการจดั กิจกรรม พฤตกิ รรมทคี่ าดหวงั๖. การใชห้ อ้ งน้า ๖.๑ การใชห้ อ้ งน้า ๖.๑.๘ สามารถใชอ้ ปุ กรณต์ า่ งๆ ใน ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติ เรื่อง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้าสาธารณะ* (ต่อ) สาธารณะ (ต่อ) หอ้ งน้าสาธารณะได้ถูกต้อง * สาธารณะได้ถูกต้อง เช่น ประตูทางเข้า อ่างล้างมือ ก๊อกน้า กล่องกระดาษ ชาระ สบู่เหลว โถปัสสาวะ ปุ่มกดต่างๆ ฯลฯ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียน๗. การเคลือ่ นย้าย ๗.๑ การเคลือ่ นยา้ ยตนเอง ๗.๑.๑. สามารถเคลื่อนยา้ ยตนเอง สามารถทาไดด้ ้วยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรมดังต่อไปนี้ตนเองในบา้ น ในบ้าน จากท่ีหน่ึงไปยงั อีกท่ีหน่งึ ได้*(Functional ๑) การอธิบายและยกตวั อยา่ งMobility)* ๒) การสาธิต ๓) กจิ กรรมฝึกการจบั คหู่ นา้ ทแ่ี ละการใช้งานของอุปกรณต์ า่ งๆ ๔) กจิ กรรมแยกแยะอปุ กรณท์ ่ีใช้ในหอ้ งน้า ๕) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๖) การฝกึ ปฏิบตั ิในสถานการณ์จาลอง ๗) การฝกึ ปฏิบัติในสถานการณจ์ ริง ๘) กิจกรรมทัศนะศึกษานอกสถานท่ี ผู้สอนประเมนิ ความสามารถพ้ืนฐานการเคล่ือนย้ายตนเองจากท่ีหนึ่งไป ยังอีกท่ีหน่ึง การฝึกสร้างความคุ้นเคย รู้จักวิธีการ จนสามารถเคลื่อนย้าย ตนเองจากที่หน่ึงไปยังที่หนึ่งได้ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ ดว้ ยตนเอง โดยใช้กิจกรรม ดังตอ่ ไปนี้ ๑) การสาธิต ๒) การวิเคราะหง์ าน ๓) การฝึกปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ าลอง ๔) การฝึกปฏิบตั ิในสถานการณจ์ รงิหมายเหตุ * หมายถึง เป็นกจิ กรรมทกั ษะการดารงชวี ติ ประจาวนั ทีผ่ ู้สอน และผปู้ กครอง หรอื ผูม้ สี ่วนเกีย่ วข้อง สามารถเลือกเนอ้ื หาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ใหเ้ กดิพฤตกิ รรมทคี่ าดหวงั ตามศักยภาพของผ้เู รียน โดยไมต่ อ้ งเรยี งตามลาดับเน้ือหา

๕๖ทกั ษะ ทักษะย่อย พัฒนาการทคี่ าดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม พฤตกิ รรมที่คาดหวงั๗. การเคลื่อนย้าย ๗.๑ การเคลือ่ นยา้ ยตนเอง ๗.๑.๒ สามารถรู้จักสถานที่ ต่างๆ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติปฏิบัติในเรื่อง การฝึกให้ผู้เรียนรู้จัก บอกและตนเองในบ้าน ในบ้าน (ต่อ) ภายในบา้ นได้* ไปยังสถานทีต่ า่ งๆ ภายในบ้านได้ โดยผ้สู อนช่วยเหลอื จนผเู้ รียนสามารถทาได้(Functional ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ ิจกรรม ดังต่อไปนี้Mobility)* (ตอ่ ) ๗.๑.๓ สามารถรจู้ ักการใช้ประโยชน์ จากสถานที่ หรืออปุ กรณ์ได้* ๑) การอธิบายและยกตวั อยา่ ง ๒) กจิ กรรมการฝกึ สังเกตสถานที่ ตา่ งๆ ภายในบ้านได้ ๗.๑.๔ สามารถเคล่ือนยา้ ยตนเองไป ๓) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ยงั ทีต่ า่ ง ๆ ภายในบา้ นได้ตามความ ๔) การฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จาลอง ตอ้ งการ* ๕) การฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริง ผู้สอนฝึกผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การรู้จัก การจับคู่สถานที่หรือ อุปกรณ์ และบอกการใช้ประโยชน์จากสถานท่ี หรืออุปกรณ์ได้ โดยผู้สอนช่วยเหลือจน ผเู้ รยี นสามารถทาได้ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรม ดังตอ่ ไปน้ี ๑) การอธิบายและยกตัวอยา่ ง ๒) การแสดงบทบาทสมมุติ ๓) การฝึกปฏิบตั ใิ นสถานการณจ์ าลอง ๔) การฝกึ ปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ รงิ ๕) เกมจับคสู่ ถานท่หี รือ อปุ กรณ์ เช่น คาศัพท์กับรปู ภาพ, คาศัพท์ กบั ของจรงิ ผู้สอนฝึกผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การรู้จักวิธีการ และสามารถเคลื่อนย้าย ตนเองไปยังท่ีต่างๆ ภายในบ้านได้ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทา ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยใชก้ จิ กรรม ดังต่อไปนี้หมายเหตุ * หมายถึง เปน็ กจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวิตประจาวนั ทผี่ สู้ อน และผปู้ กครอง หรือผมู้ สี ว่ นเก่ยี วข้อง สามารถเลอื กเน้ือหาการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน เพอื่ ใหเ้ กดิพฤติกรรมท่คี าดหวงั ตามศักยภาพของผเู้ รยี น โดยไม่ตอ้ งเรยี งตามลาดบั เนอื้ หา

๕๗ ทกั ษะ ทกั ษะย่อย พัฒนาการท่คี าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม พฤติกรรมทีค่ าดหวัง๗. การเคล่อื นย้าย ๗.๑ การเคลอ่ื นย้ายตนเอง ๑) การวเิ คราะห์งานตนเองในบ้าน ในบ้าน (ต่อ) ๒) การฝกึ ปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ าลอง(Functional ๓) การฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จริงMobility)* (ต่อ) ๘.๑ การดแู ลและการป้องกัน ๘.๑.๑ สามารถดูแลรกั ษาและ ๔) การเสรมิ แรง๘. ทักษะการดแู ล สขุ ภาพ ป้องกันสขุ ภาพ*สขุ ภาพและความ ผ้สู อนฝกึ ให้ผเู้ รียนปฏิบัติในเร่ือง วิธีการดูแลสุขภาพ ข้ันตอน หลักการในปลอดภัยใน การดูแลรกั ษาและปอ้ งกนั สขุ ภาพ โดยผสู้ อนชว่ ยเหลือผูเ้ รยี นจนผู้เรียนสามารถชีวิตประจาวัน ทาได้ดว้ ยตนเอง โดยใชก้ ิจกรรมต่อไปน้ี(Health andSafety Skills)* ๑) การสาธติ การอธิบายและยกตัวอย่าง ๒) กจิ กรรมการดแู ลรักษาและปอ้ งกนั สุขภาพ ๘.๑.๒ สามารถรักษาความสะอาดของ ๓) การแสดงบทบาทสมมุติ รา่ งกาย * ๔) การฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จาลอง ๕) การฝกึ ปฏบิ ัติในสถานการณจ์ ริง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง ข้ันตอนและวิธีการรักษาความสะอาด ของร่างกาย โดยผู้สอนช่วยเหลือผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดย ใชก้ จิ กรรมตอ่ ไปน้ี ๑) การสาธติ การดแู ลความสะอาดร่างกายครง้ั ละ ๑ กิจกรรม ๒) เลอื กกจิ กรรมและปฏิบัตติ าม ๓) กิจกรรมการดแู ลรักษาและปอ้ งกนั สุขภาพ ๔) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๕) การฝึกปฏิบตั ใิ นสถานการณ์จาลอง ๖) การฝกึ ปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จรงิหมายเหตุ * หมายถึง เป็นกิจกรรมทกั ษะการดารงชวี ติ ประจาวันท่ผี ้สู อน และผปู้ กครอง หรือผู้มสี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง สามารถเลือกเนื้อหาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ให้เกิดพฤติกรรมท่ีคาดหวังตามศักยภาพของผู้เรียน โดยไม่ตอ้ งเรยี งตามลาดับเนื้อหา

๕๘ ทักษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการท่คี าดหวงั แนวการจัดกิจกรรม พฤตกิ รรมทีค่ าดหวัง๘. ทักษะการดูแล ๘.๑ การดแู ลและการ ๘.๑.๓ สามารถออกกาลังกายได้* ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การออกกาลังกาย บอกชนิดของกีฬาสขุ ภาพและความ ปอ้ งกนั สุขภาพ (ตอ่ ) อุปกรณ์ท่ีใช้ในการออกกาลังกาย วิธีการ และข้ันตอนในการออกกาลังกายปลอดภัยใน ๘.๑.๔ สามารถรบั ประทานอาหารท่ี โดยผู้สอนช่วยเหลือผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเองโดยใช้กิจกรรมชีวิตประจาวัน มีประโยชน์* ต่อไปนี้(Health andSafety Skills)* ๑) การสาธิตการอธิบายและยกตัวอยา่ ง(ต่อ) ๒) กิจกรรมการออกกาลังกาย ๓) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๔) การฝกึ ปฏิบัติในสถานการณจ์ ริง ผสู้ อนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองการบอกชนิดของอาหาร ประเภทของ อาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหาร ประโยชน์ของอาหาร โดย ผูส้ อนช่วยเหลือผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้กจิ กรรมการ ทใ่ี ชส้ ่อื ของจริงและให้เลอื กต่อไปน้ี ๑) การใชส้ อ่ื ของจรงิ และใหเ้ ลือก ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๓) การปฏบิ ัติสถานการณ์จาลอง ๔) การปฏบิ ตั ิสถานการณจ์ รงิ ๕) กจิ กรรมการบอกและการจดั ประเภทของอาหาร ๖) กจิ กรรมบอกอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการรบั ประทานอาหาร ๗) กิจกรรมประโยชน์ของอาหารหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกิจกรรมทกั ษะการดารงชวี ิตประจาวนั ที่ผสู้ อน และผู้ปกครอง หรือผู้มสี ว่ นเกีย่ วขอ้ ง สามารถเลอื กเน้อื หาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ใหเ้ กิดพฤตกิ รรมท่คี าดหวังตามศกั ยภาพของผูเ้ รยี น โดยไม่ตอ้ งเรยี งตามลาดบั เน้ือหา

๕๙ ทักษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการที่คาดหวัง แนวการจดั กิจกรรม ๘.๑ การดแู ลและการ พฤตกิ รรมทค่ี าดหวัง๘. ทกั ษะการดูแล ป้องกนั สุขภาพ (ต่อ) ๘.๑.๕ สามารถเปลย่ี นเสอื้ ผ้าทีเ่ ปียก ผู้สอนฝึกใหผ้ ู้เรยี น สังเกตตนเองเม่ือเส้อื ผ้าทเี่ ปียกช้นื และเปลยี่ นสขุ ภาพและความ ช้นื * เสอ้ื ผ้าทีเ่ ปียกชนื้ โดยผู้สอนชว่ ยเหลอื จนผู้เรยี นสามารถทาได้ด้วยตนเองปลอดภัยใน ๘.๒ การปฐมพยาบาล โดยใช้กจิ กรรมดังต่อไปน้ีชวี ิตประจาวนั ๘.๒.๑ สามารถแสดงการรบั รู้คา(Health and เตอื นทีบ่ อกอนั ตรายและคาเตือนใน ๑) การอธบิ ายประโยชน์ของการเปลีย่ นเสือ้ ผา้ ทเ่ี ปยี กชืน้Safety Skills)* การออกกาลงั กาย * ๒) การวเิ คราะหง์ าน(ตอ่ ) ๓) ฝึกปฏบิ ัติในสถานการณ์จาลอง ๘.๒.๒ สามารถแสดงการรบั รู้ ๔) การฝึกปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ รงิ สัญลกั ษณท์ บ่ี อกอนั ตรายและคา ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่องรู้จัก แยกแยะ คาเตือน คาส่ังท่ีบอก เตอื นในการออกกาลงั กาย* อันตรายและคาเตือนในการออกกาลังกาย โดยผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้น ผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยแยกสอนครั้งละงานโดยการ วิเคราะหง์ านตอ่ ไปนี้ ๑) จับคู่ภาพกบั คาเตือน ๒) ฝกึ ปฏิบตั ติ ามคาเตอื นในสถานการณจ์ รงิ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองรู้จักสถานที่ รับรู้ แยกแยะสัญลักษณ์ท่ี บอกอันตรายและคาเตือนในการออกกาลังกาย โดยผู้สอนช่วยเหลือและ กระตนุ้ ผเู้ รียนจนผ้เู รียนสามารถทาไดด้ ้วยตนเอง โดยแยกสอนครัง้ ละงานโดย การวเิ คราะห์งานตอ่ ไปน้ี ๑) จับคภู่ าพกับคาเตอื น ๒) ฝึกปฏบิ ตั ิตามคาเตอื นในสถานการจริงหมายเหตุ * หมายถงึ เปน็ กิจกรรมทักษะการดารงชีวติ ประจาวนั ทผี่ สู้ อน และผปู้ กครอง หรือผูม้ สี ่วนเกยี่ วขอ้ ง สามารถเลอื กเนอื้ หาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอื่ ให้เกิดพฤติกรรมทีค่ าดหวงั ตามศกั ยภาพของผเู้ รียน โดยไม่ต้องเรยี งตามลาดับเนอื้ หา

๖๐ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พัฒนาการทคี่ าดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม พฤติกรรมทคี่ าดหวงั๘. ทักษะการดแู ล ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองรู้จัก สถานท่ีและวิธีการขอความสุขภาพและความ ๘.๒ การปฐมพยาบาล (ตอ่ ) ๘.๒.๓ สามารถรู้วิธกี ารขอความ ช่วยเหลือท่ีเหมาะสมในเรื่องฉุกเฉิน หน่วยดับเพลิง ตารวจ รถพยาบาล โดยปลอดภัยใน ผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้นผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยชีวิตประจาวนั ชว่ ยเหลอื อย่างเหมาะสมในเรอ่ื ง แยกสอนคร้ังละงาน โดยการวเิ คราะหง์ านต่อไปน้ี(Health andSafety Skills)* ฉุกเฉนิ จากหนว่ ยดับเพลิง ตารวจ ๑) จบั คภู่ าพกบั สถานการณ์(ต่อ) ๒) ฝึกปฏบิ ตั กิ ารขอความช่วยเหลอื ในสถานการณ์จริง รถพยาบาล * ๘.๒.๔ สามารถรกั ษาแผลถลอก หรือ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองรู้จักอุปกรณ์ในการปฐมพยาบาล วิธีใช้ การบาดเจ็บเลก็ น้อย การเจบ็ ปว่ ย ยา และวิธีการรักษา แผลถลอก หรือการบาดเจ็บเล็กน้อย การเจ็บป่วย เล็กน้อย มีดบาด ปวดหวั และนา้ เล็กน้อย มีดบาด ปวดหัวและน้าร้อนลวก โดยผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้น รอ้ นลวกได้* ผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยแยกสอนครั้งละงาน โดยการ วเิ คราะหง์ านต่อไปนี้ ๑) จับคภู่ าพกบั สถานการณ์ ๒) ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารขอความชว่ ยเหลือในสถานการณจ์ ริง ๘.๒.๕ สามารถเสาะหาความ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การรู้จักโรงพยาบาล สถานพยาบาล ช่วยเหลอื ทางการการแพทย์เม่อื รา้ นขายยาเสาะหาความช่วยเหลือทางการการแพทย์ เมื่อต้องการ แยกแยะ ตอ้ งการ แยกแยะยากบั ขนมและใช้ ยากับขนม และใช้ยาที่เชื่อถือได้ โดยผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้นผู้เรียนจน ยาทเ่ี ช่อื ถือได้* ผ้เู รียนสามารถทาไดด้ ้วยตนเอง โดยใช้กิจกรรมต่อไปนี้หมายเหตุ * หมายถึง เป็นกจิ กรรมทักษะการดารงชีวติ ประจาวนั ท่ผี ู้สอน และผู้ปกครอง หรือผ้มู สี ว่ นเกย่ี วข้อง สามารถเลือกเน้ือหาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ให้เกิดพฤติกรรมทีค่ าดหวงั ตามศกั ยภาพของผูเ้ รียน โดยไมต่ อ้ งเรยี งตามลาดับเน้อื หา

๖๑ ทักษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทีค่ าดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม ๘.๒ การปฐมพยาบาล (ตอ่ ) พฤตกิ รรมท่ีคาดหวัง๘. ทกั ษะการดแู ล ๑) การอธิบายและสาธิตสขุ ภาพและความ ๘.๓ การแพ้อาหาร หรือแพ้ ๘.๓.๑ สามารถรบั รู้ หลกี เลี่ยงอาหาร ๒) การเลือกและปฏิบตั ิในแตล่ ะสถานการณ์ปลอดภัยใน ยา ที่ตนเองแพ้ได้* ๓) การแสดงบทบาทสมมตุ ิชวี ิตประจาวนั ๔) การวิเคราะห์งาน(Health and ๘.๓.๒ รบั รู้ หลีกเลย่ี งยาทตี่ นเองแพ้ ๕) การฝึกปฏิบตั ิในสถานการณ์จาลองSafety Skills)* ได้ สามารถบอกแพทย์/เจ้าหนา้ ทไ่ี ด้ ๖) การฝกึ ปฏบิ ตั ใิ นสถานการณ์จรงิ(ต่อ) ว่าตนเองแพย้ าอะไร เช่น พกบตั รติด ๗) กิจกรรมบอกหมายเลขโทรศัพท์ฉกุ เฉินโดยใช้ส่ือ ๘) การศึกษาจากสื่อของจริงและปฏบิ ัติ ผู้ ส อ น ฝึ ก ให้ ผู้ เรี ย น ป ฏิ บั ติ ใน เรื่ อ งรู้ จั ก อ า ห า ร ป ร ะ เภ ท ข อ งอ า ห า ร ประโยชน์ของอาหาร เพือ่ รบั รู้และหลีกเลี่ยงอาหารท่ีตนเองแพ้ได้ โดยผู้สอน ช่วยเหลือและกระตุ้นผู้เรียนจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้ กจิ กรรมต่อไปนี้ ๑) การอธบิ ายและสาธติ ๒) การแสดงบทบาทสมมุติ ๓) การฝึกปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ าลอง ๔) การฝึกปฏบิ ัตใิ นสถานการณจ์ ริง ๕) กิจกรรมบอกอาหารทตี่ นเองแพ้ ผูส้ อนฝกึ ใหผ้ ู้เรยี นปฏิบตั ิในเร่ืองรู้จกั ยาประเภทของยา ประโยชน์ของยาเพื่อ รับรู้และหลีกเล่ียงยาท่ีตนเองแพ้ บอกแพทย์/เจ้าหน้าที่ได้ว่าตนเองแพ้ยา อะไร ได้ โดยผสู้ อนช่วยเหลือและกระตนุ้ ผ้เู รยี นจนผู้เรยี นสามารถทาหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทักษะการดารงชีวิตประจาวนั ท่ีผู้สอน และผปู้ กครอง หรอื ผู้มสี ว่ นเก่ยี วข้อง สามารถเลอื กเนือ้ หาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ใหเ้ กดิพฤติกรรมที่คาดหวงั ตามศักยภาพของผเู้ รียน โดยไม่ต้องเรยี งตามลาดบั เนื้อหา

๖๒ ทกั ษะ ทกั ษะยอ่ ย พัฒนาการทค่ี าดหวัง แนวการจดั กจิ กรรม พฤตกิ รรมท่ีคาดหวัง๘. ทกั ษะการดูแล ๘.๓ การแพ้อาหาร หรือแพ้ ตวั ไว้ เป็นต้น* ได้ด้วยตนเอง โดยใช้กจิ กรรมตอ่ ไปนี้สขุ ภาพและความ ยา (ต่อ) ๑) การอธบิ ายและสาธิตปลอดภยั ใน ๘.๓.๓ ให้ความร่วมมอื ในการ ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ ิชีวติ ประจาวนั รบั ประทานยาทีจ่ าเป็นต้องใช้ ๓) การฝกึ ปฏบิ ตั ิในสถานการณจ์ าลอง(Health and ประจาวนั * ๔) การฝึกปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ รงิSafety Skills)* ๕) กจิ กรรมบอกยาท่ีตนเองแพ้(ต่อ) ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่องให้ ความร่วมมือในการรับประทานยาที่ ๘.๓.๔ หยิบยาท่ีตอ้ งใชเ้ ป็นประจา จาเป็นต้องใช้ประจาวัน โดยผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้นผู้เรียนจนผู้เรียน จากท่ีเกบ็ ได้ อย่างถูกต้องด้วย สามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง ตนเอง* ๑) การอธิบายและสาธติ ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๓) การฝกึ ปฏบิ ตั ิในสถานการณ์จาลอง ๔) การฝกึ ปฏิบัติในสถานการณจ์ ริง ผูส้ อนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่องร้จู ักชนิดของยาโดยกาหนดให้เลือกจากสี ภาชนะบรรจุยาจากตัวเลือก ๑,๒,๓ และสามารถหยิบยาท่ีต้องใช้เป็นประจา จากท่ีเก็บได้ อย่างถูกต้องด้วยตนเองโดยผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้นผู้เรียนจน ผ้เู รยี นสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง ๑) การอธิบายและสาธิต ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๓) การฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณจ์ าลอง ๔) การฝึกปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จริงหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทกั ษะการดารงชีวติ ประจาวนั ทผ่ี ูส้ อน และผปู้ กครอง หรอื ผูม้ สี ่วนเก่ียวขอ้ ง สามารถเลือกเนอ้ื หาการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน เพอื่ ใหเ้ กิดพฤติกรรมทค่ี าดหวงั ตามศกั ยภาพของผู้เรียน โดยไมต่ ้องเรยี งตามลาดับเน้ือหา

๖๓ ทักษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการทีค่ าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม พฤติกรรมท่คี าดหวงั๘. ทักษะการดูแล ๘.๓ การแพ้อาหาร หรือแพ้ ๘.๓.๕ จัดเกบ็ ยาทีจ่ าเป็นต้องใช้ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองรู้จักวิธีการจัดเก็บยาที่จาเป็นต้องใช้สขุ ภาพและความ ยา (ต่อ) ประจาให้ให้อยู่ในที่เก็บท่ีปลอดภัยหลังจากการใช้แล้ว โดยผู้สอนช่วยเหลือปลอดภัยใน ประจาให้ให้อยใู่ นทเี่ กบ็ ท่ีปลอดภยั และกระตุ้นผู้เรียนจนผเู้ รียนสามารถทาได้ดว้ ยตนเองชวี ิตประจาวนั(Health and และดวู นั หมดอายุได้* ๑) การอธบิ ายและยกตัวอย่างSafety Skills)* ๒) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ(ต่อ) ๓) การฝึกปฏิบตั ใิ นสถานการณจ์ าลอง ๔) การฝกึ ปฏิบัติในสถานการณ์จรงิ ๕) กิจกรรมดวู ันหมดอายขุ องยาหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทักษะการดารงชีวติ ประจาวนั ทผ่ี สู้ อน และผปู้ กครอง หรือผมู้ สี ่วนเก่ียวขอ้ ง สามารถเลอื กเน้ือหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพอ่ื ให้เกดิพฤติกรรมที่คาดหวงั ตามศักยภาพของผูเ้ รียน โดยไมต่ ้องเรยี งตามลาดบั เนือ้ หา

กลมุ่ ทกั ษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา๑. คาอธิบายกลมุ่ ทกั ษะการรับรแู้ ละแสดงออกทางภาษา กลุ่มทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา เป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถรับรู้ แสดงออกทางภาษา และสื่อสารได้อย่างเหมาะสม ในเร่ือง๑) การรับรู้เสียงและคา ประกอบด้วย การรับรู้เสียง การรับรู้คาพูด ๒) การสื่อสาร ประกอบด้วย การแสดงสีหน้าท่าทางต่อส่ิงเร้า การออกเสียงคาและการใช้คาพดู ๓) การออกเสียงพยญั ชนะ และ สระ ประกอบดว้ ย สระ อา อี อู ออ ไอ โอ อะ อิ อุ เอ เอา พยญั ชนะต้น (เสียงนา) ม น ห ย ค อ ว บ ก ป ท ต ล จ พง ด คาที่มีตัวสะกด แม่กก แม่กง แม่กบ แม่กด ๔) การสร้างคาพูดและประโยค ประกอบด้วย คาและประโยค คาพูดและประโยคอย่างง่าย ๕) การบอกข้อมูลสว่ นตวั ประกอบดว้ ย ช่อื สกลุ ของตนเอง อายแุ ละเพศของตนเอง ชื่อสมาชิกในครอบครวั ทีอ่ ยขู่ องตนเอง โดยใช้การวิเคราะห์งานเป็นลาดับขั้นตอน การสาธิต การเลยี นแบบ แสดงบทบาทสมมติ สถานการณ์จาลอง การใช้เกม/เพลง การใช้นิทาน/เร่ืองเล่า การปฏิบัติจริง ฝึกทักษะแบบบูรณาการ ในการพัฒนาศักยภาพอย่างสมดุล โดยมีคณะสหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน และผู้เก่ียวข้ องมีส่วนร่วมในการพฒั นาศกั ยภาพผูเ้ รียน เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถรับรู้และแสดงออกทางภาษา ถ่ายทอดความรู้สึก หรือแสดงออกถึงความเข้าใจในการรับรู้ภาษา ใช้ภาษาในการส่ือสารกับบุคคลอื่นในชีวิตประจาวันได้ สามารถส่ือสารโดยใช้วิธีที่หลากหลายหรือใช้เคร่ืองมือส่ือสารทางเลือก รวมทั้งสนใจต่อการเรียนรู้ส่ิงต่ าง รอบตัว เล่นและทากิจกรรมร่วมกบั ผู้อ่ืนได้อย่างมีความสขุ๒. วัตถปุ ระสงคข์ องการพัฒนากลุ่มทกั ษะการรบั รูแ้ ละแสดงออกทางภาษา ๑) เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถรบั รแู้ ละแสดงออกทางภาษาทเี่ หมาะสม ๒) เพื่อใหผ้ เู้ รยี นสามารถใช้ภาษาในการสื่อสารกับบคุ คลอื่นในชวี ิตประจาวันได้ ๓) เพ่อื ให้ผเู้ รยี นสามารถใชภ้ าษาในการเรยี นรใู้ นขั้นทสี่ ูงขนึ้ ๔) เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นสามารถส่อื สารโดยใชว้ ธิ ที ่ีหลากหลายหรือใช้เครื่องมอื สอื่ สารทางเลือก

๖๕๓. แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้กลุ่มทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา ทักษะ ทกั ษะย่อย พัฒนาการท่คี าดหวงั แนวการจัดกจิ กรรม ๑.๑ การรบั ร้เู สยี ง ๑.๑.๑ สามารถหันตามแหลง่ ที่มา๑.การรบั รู้เสยี ง ของเสียงได้ ๑) ผู้สอนนาของเล่นที่มีเสยี ง เขย่าเบา ข้างหผู เู้ รียนเพ่ือใหห้ นั ศีรษะตามและคา เสยี งที่ไดย้ ิน ๑.๑.๒ สามารถตอบสนองต่อ ๑.๒. การรบั รคู้ าพูด คาพดู ของผู้อื่นได้ ๒) ผูส้ อนทาเสยี งต่าง หลาย อยา่ ง เช่น เสียงกระดง่ิ ตบมือ เรยี กชื่อ เพื่อใหห้ ันตามเสยี ง กรณผี ้เู รียนยังไม่หนั ตามเสียงไมไ่ ด้ ผสู้ อนจับศีรษะเบา แลว้ หันตามเสียง ทาจนกระทั่งผเู้ รียนสามารถ หนั ตามเสียงได้ด้วยตนเอง จึงลดการจับศรี ษะ ๓) ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนฟงั เสยี งกลอง โดยผู้สอนตกี ลองดา้ นซา้ ยสลบั กับ ดา้ นขวาดา้ นหนา้ และด้านหลัง ๔) ผูส้ อนตีกลองใหม้ เี สียงดังและเบาสลบั กนั และสังเกตอาการของ ผ้เู รยี น ๕) ให้บุคคลในครอบครวั เรยี กชือ่ ของตนเอง เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมองตามเสยี ง ของแต่ละคน ๑) ผู้สอนเรยี กชื่อผูเ้ รยี นเพือ่ ใหผ้ ูเ้ รียนหันตามเสียงทเ่ี รยี ก ๒) ผู้สอนพูดพร้อมแสดงท่าทางประกอบ แล้วให้ผู้เรียนทาตาม เช่น ยกมอื โบกมือตบมอื บ้ายบาย ฯลฯ ๓) ผู้สอนเอ่ยชื่อส่วนต่าง ของร่างกายพร้อมท้ังช้ีท่ีส่วนต่าง ของร่างกาย ของผู้เรียนแล้วให้ผู้เรียนช้ีตาม และให้ผู้เรียนช้ีส่วนต่าง ของร่างกาย ของผู้เรยี นเอง ๔) ผู้สอนนาภาพอวัยวะของร่างกายมาให้ผเู้ รียนดูและบอกชื่ออวยั วะของ

๖๖ ทักษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการท่คี าดหวงั แนวการจดั กจิ กรรม ๑.๒. การรบั รคู้ าพดู (ตอ่ )๑.การรับรูเ้ สยี ง ๕) ร่างกายทีละอย่าง แล้วให้ผู้เรียนเลือกภาพอวัยวะของร่างกายตามที่และคา (ต่อ) ผู้สอนบอกผู้สอนนาของใช้ส่วนตัวของผู้เรียน ผลไม้จริง แนะนาให้ ผู้เรียนรู้จักทีละอย่างจากน้ันผู้สอนบอกผู้เรียนว่า กระเป๋า ดินสอ ยางลบ ส้ม กล้วย จากน้ันให้ผู้เรียนช้ีสิ่งของต่าง ตามที่ผู้สอน กาหนดผู้สอนให้ผู้เรียนเลือกสิ่งของตามคุณลักษณะที่บอกจาก ส่ิงของจานวน ๒ -๔ชนิ้ เชน่ แกว้ น้าสแี ดง แตงโมผลใหญ่ เป็นต้น ๖) ผสู้ อนให้ผ้เู รียนเลือกสง่ิ ของที่ไม่ใช่สิ่งของตามที่บอกจากส่ิงของ ๒-๔ ชน้ิ ๗) ผสู้ อนให้ผ้เู รียนเลือกภาพที่มีคณุ ลักษณะสองอย่างจากตัวเลือก ๒-๔ ภาพ เช่น ภาพผหู้ ญงิ ผมสนั้ ภาพสุนขั ตัวใหญส่ ดี า เป็นตน้ ๘) ผู้สอนให้ผู้เรียนเลือกภาพท่ีไม่ใช่สิ่งของตามลักษณะท่ีบอกจาก ตัวเลือก ๒-๔ ภาพ เชน่ ภาพสัตว์ ภาพผลไม้ เปน็ ตน้ ๙) ผู้สอนให้ผู้เรียนเลือกภาพท่ีแสดงกิริยาตามที่บอกจากตัวเลือก ๒-๔ ภาพ เชน่ ภาพรอ้ งไห้ ภาพรอ้ งเพลง เป็นต้น ๑๐) ผู้สอนให้ผู้เรียนเลือกภาพท่ีไม่ได้แสดงกิริยาตามที่บอกจากตัวเลือก ๒-๔ ภาพ เช่น เด็กท่ไี มไ่ ด้นั่ง หมาทไ่ี ม่ไดเ้ หา่ เปน็ ต้น ๑๑) ผู้สอนให้ผู้เรียนเลือกภาพท่ีไม่ได้แสดงกิริยาตามที่บอกจากตัวเลือก ๒ -๔ ภาพ เช่น ภาพผลไม้ ภาพผัก

๖๗ ทักษะ ทกั ษะยอ่ ย พฒั นาการทีค่ าดหวัง แนวการจดั กิจกรรม๒. การสือ่ สาร* พฤตกิ รรมท่คี าดหวัง ๒.๑ การแสดงสีหนา้ ท่าทางต่อสิ่งเร้า ๒.๑.๑ สามารถแสดงสหี น้า ท่าทาง ๑) ผู้สอนยกตัวอย่างการแสดงสีหน้า ท่าทางต่อส่ิงเร้าภายใน (ส่ิงเร้า ตอ่ สงิ่ เร้าภายในได้เหมาะสม ภายใน คือ อารมณ์ ฮอร์โมน เอนไซม์ ความหิว ความเครียด) เช่น ความหิว ความเครยี ด ๒) ผู้สอนเล่านิทานและแสดงสีหน้า ท่าทางประกอบ เพื่อให้ผู้เรียน แสดงสีหนา้ ทา่ ทาง ตามสถานการณ์ที่กาหนด ๒.๑.๒ สามารถแสดงสหี นา้ ท่าทาง ๑) ผู้สอนยกตัวอย่างการแสดงสีหน้า ท่าทางต่อส่ิงเร้าภายนอก ได้แก่ แสง ตอ่ สง่ิ เรา้ ภายนอกได้เหมาะสม เสียง อณุ หภมู ิ ๒) อาหาร การสัมผัส เช่น เมื่อผู้เรียนได้ยินเสียงดัง ควรยกมือปิดหู ไม่ กรีดร้อง ๓) ผู้สอนเล่านิทานและแสดงสีหน้า ท่าทางประกอบ เพ่ือให้ผู้เรียน แสดงสหี นา้ ท่าทาง ตามสถานการณท์ ก่ี าหนด ๒.๑.๓ สามารถพดู หรือสอื่ สาร ผสู้ อนฝกึ ใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ตั ิในเร่ือง การพูดหรอื สื่อสารดว้ ยวธิ อี ่นื เพ่ือ ด้วยวธิ อี ืน่ เพอ่ื แสดงการตอบรับ แสดงการตอบรบั หรือการปฏิเสธได้ โดยใชก้ จิ กรรมดงั ต่อไปน้ี หรือการปฏิเสธได้* ๑) แสดงบทบาทสมมติ ๒) สถานการณจ์ าลอง ๓) การใช้เกม/เพลง ๔) การใชน้ ิทาน/เร่ืองเลา่หมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกิจกรรมทกั ษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา ทผี่ สู้ อน และผ้ปู กครอง หรือผมู้ สี ว่ นเกยี่ วข้อง สามารถเลือกเนือ้ หาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ให้เกดิ พฤตกิ รรมท่คี าดหวงั ตามศักยภาพของผ้เู รียน โดยไม่ตอ้ งเรยี งตามลาดับเนอ้ื หา

๖๘ ทักษะ ทักษะย่อย พัฒนาการที่คาดหวัง แนวการจดั กิจกรรม พฤตกิ รรมท่คี าดหวัง๒. การสือ่ สาร* ๒.๑ การแสดงสีหนา้(ตอ่ ) ท่าทางต่อสิ่งเร้า (ต่อ) ๕) สอนตัวตอ่ ตวั ๖) สอนในชวี ติ ประจาวนั ๒.๑.๔ สามารถแสดงความตอ้ งการ ผสู้ อนฝกึ ใหผ้ ้เู รียนปฏิบตั ิในเร่ือง การแสดงความต้องการพื้นฐาน พื้นฐาน เช่น หิวข้าว กระหายน้า เช่น หิวขา้ ว กระหายนา้ ตอ้ งการเข้าห้องน้า โดยใช้ท่าทาง เสียง หรือ ต้องการเข้าห้องน้า เป็นต้น โดยใช้ ภาษาง่าย และส่ือต่าง ได้โดยใช้กจิ กรรมดังต่อไปนี้ ท่าทาง เสียง หรือภาษาง่าย และ ๑) การใชร้ ูปภาพและการแลกเปลีย่ นภาพ สอื่ ต่าง ได*้ ๒) การสาธติ ๓) สถานการณ์จาลอง ๔) ฝึกปฏบิ ตั ิจริง ๒ .๑ .๕ ส าม าร ถ สื่ อ ส าร ด้ ว ย ผู้สอนฝึกให้ผเู้ รยี นปฏิบตั ิในเรื่อง การที่สื่อสารด้วยเครื่องมือส่อื สาร เคร่ืองมือสื่อสารทางเลือก เช่น ทางเลอื ก เชน่ ส่อื สารดว้ ยรปู ภาพ กระดานส่ือสาร หนงั สอื อเิ ลคทรอนิกส์ สื่ อสารด้วยรูป ภ าพ กระด าน โปรแกรมการสื่อสาร แอพลเิ กชนั การส่ือสาร เปน็ ต้นไดโ้ ดยใชก้ ิจกรรม ส่ือสาร หนังสืออิเลคทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ โปรแกรมการสื่อสาร แอพลิเกชัน ๑) การใช้รูปภาพ การใชแ้ อลเิ คชั่นการสื่อสาร กระดานสอ่ื สาร ฯลฯ การสือ่ สาร เปน็ ต้น* ในสถานการณต์ ่าง ในชีวติ ประจาวนั ๒) การสาธิตและการฝกึ ปฏิบัติ ๓) สถานการณจ์ าลอง ๔) ฝึกปฏบิ ตั จิ รงิหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทักษะการรบั ร้แู ละแสดงออกทางภาษา ที่ผ้สู อน และผู้ปกครอง หรอื ผมู้ สี ว่ นเกีย่ วข้อง สามารถเลือกเนอื้ หาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพือ่ ให้เกดิ พฤติกรรมท่ีคาดหวงั ตามศักยภาพของผู้เรยี น โดยไม่ตอ้ งเรยี งตามลาดับเน้อื หา

๖๙ทกั ษะ ทักษะย่อย พัฒนาการทคี่ าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม๒. การสื่อสาร* ๒.๒ การออกเสียงคาและ ๒.๒.๑ สามารถออกเสียงคาได้ ๑) ผู้สอนเมื่อกระตุ้นให้ออกเสียงโดยใช้เคร่ืองช่วยฝึกพูด ผู้เรียนออก เสียงออ้ แอ้ตาม(ตอ่ ) การใชค้ าพูด ถูกต้อง ๒) ผู้สอนเล่าเรื่องประกอบภาพและให้มีโทนเสียงสูง ต่า ค่อย ดัง เสียง ๒.๒.๒ สามารถใช้คาสรรพนาม สัตว์ ประกอบ ให้ผเู้ รียนฝึกเลยี นเสยี ง แทนตนเองและผู้อื่นได้ ๓) ผู้สอนออกเสียงคาที่คุ้นเคย แล้วให้ผู้เรียนออกเสียงตาม ในหมวด ต่าง ดงั ตอ่ ไปน้ี ๓.๑) บคุ คล ๓.๒) สัตว์ ๓.๓) ของใช้สว่ นตวั ๔) ให้ผู้เรียนออกเสียงตามบัตรภาพ ในหมวดต่าง ดังต่อไปน้ี ๔.๑) บคุ คล ๔.๒) สตั ว์ ๔.๓) ของใชส้ ่วนตวั ๕) ผสู้ อนออกเสียงจานวนและตัวเลข แล้วให้ผู้เรยี นออกเสยี งตาม ครั้งละ ๑ จานวน ๒ จานวนและ ๓ จานวน ตามลาดับ ๑) ให้ผู้เรียนฝึกใชค้ าสรรพนามแทนช่ือตนเอง ในสถานการณ์ต่าง เช่น เล่นเกมทายภาพ โดยผู้สอนยกภาพผู้เรียนทีละคน แล้วถามว่านี่คือ ภาพใคร และให้เจ้าของภาพเป็นผู้ตอบ โดยใช้คาสรรพนามแทน ตนเองว่า หนู ผม ฉัน ๒) ผสู้ อนนาภาพถา่ ย พ่อ แม่ หรือผปู้ กครองวางตรงหน้าผ้เู รียน แลว้ ยก ภาพให้ ๓) ผู้เรียนดูทีละภาพ แล้วถามว่านี่คือภาพพ่อของใคร นี่คือภาพแม่ของ ใคร แล้วให้ผเู้ รียนตอบโดยใช้คาสรรพนามแทนตนเองว่า หนู ผม ฉนั ผู้สอนแสดงบทบาทสมมุติ โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม และใช้คาสรรพ นามแทนตัวเองด้วยคาวา่ ฉนั ผม หนู เมอื่ กล่าวถึงผู้เรียน

๗๐ ทกั ษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทค่ี าดหวัง แนวการจดั กิจกรรม๒. การส่อื สาร* ๒.๒ การออกเสียงคาและ ๔) ผูส้ อนสร้างสถานการณ์ โดยให้ผเู้ รียนมสี ว่ นรว่ ม และใชค้ าสรรพนาม(ตอ่ ) การใช้คาพูด (ต่อ) แทนตัวเองและผู้อ่ืนด้วยคาว่า ฉัน ผม หนู เธอ เช่น ผู้สอนหยิบ กระเป๋าของตนเองชขู ้ึนแล้วพูดว่า กระเป๋าใบน้ีเป็นของฉัน แล้วหยิบ๒.๓ คาทมี่ ีพยญั ชนะตน้ ๒.๓.๑ สามารถออกเสยี งคาท่ี กระเป๋าของผเู้ รยี นยกขึน้ แลว้ พดู วา่ ใบนเ้ี ปน็ ของเธอ เป็นตน้(เสียงนา) ม น ห ย ค อ ว ประกอบดว้ ยพยัญชนะต้นท่ีบ ก ป กาหนดใหไ้ ด้ ๕) ผู้สอนสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนใช้คาสรรพนามแทนตนเองและ ผู้อ่ืน โดยการจับคู่ แล้วให้ผู้เรียนใช้คาสรรพนามแทนตนเองและ๒.๔ คาทมี่ ตี วั สะกด แม่กก ๒.๔.๑. สามารถออกเสยี งคาทีม่ ี ผู้อ่ืน โดยมีผู้สอนคอยชี้แนะหากนักเรียนยังไม่สามารถทาได้ด้วยแม่กง ตัวสะกดแม่กก แมก่ ง ได้ ตนเอง ๑) ผเู้ รยี นออกเสียงคาที่ประกอบด้วยพยัญชนะต้น (เสียงนา) ม น ห ย ค อ ว บ ก ป ตามครู เช่น ม้า นา ยาย คุย ว่ิง บา้ น กบ ปาก เป็นต้น ๒) ผู้เรียนออกเสียงคาจากบัตรภาพ บัตรคาท่ีมีพยัญชนะต้น (เสียงนา) ม น ห ย ค อ ว บ ก ป เช่น หมา นิ้ว หาง หู ยุง คิ้ว ปาก ว่าว โอง่ บ้าน เป็นตน้ ๓) ผเู้ รยี นออกเสียงคาที่ประกอบด้วยพยัญชนะต้น (เสยี งนา) ม น ห ย ค อ ว บ ก ป ด้วยตนเอง เช่น มา้ นา ยาย คุย ว่ิง บา้ น กบ ปาก ปู กิน เป็นตน้ ๑) ผู้เรียนออกเสียงคาที่มีตัวสะกด แม่กก แม่กง ตามผู้สอน เช่น บก นก รก ชก อก ลงุ ยุง ลงเป็นต้น ๒) ผู้เรียนออกเสียงคาจากบัตรภาพ บัตรคาที่มีตัวสะกด แม่กก แม่กง เช่น ปาก ผกั เชือก ช้าง ถงุ ถงั เป็นต้น

๗๑ ทักษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการทคี่ าดหวงั แนวการจัดกจิ กรรม๒. การสื่อสาร* ๓) ผู้เรียนออกเสียงคาที่มีตัวสะกด แม่กก แม่กง ด้วยตนเอง เช่น(ตอ่ ) นก ชก อก ปาก ผกั เชือก ลุง ยงุ ลง ช้าง ถงุ เป็นต้น ๒.๕ คาที่มสี ระ อะ อิ อุ เอ ๒.๕.๑ สามารถออกเสียงคาท่ี ๑) ผู้เรียนออกเสียงคาท่ีประกอบด้วยสระ อะอิ อุ เอ เอา ตามผู้สอน เอา ประกอบดว้ ยสระ อะอิ อุ เอ เอา เช่น ระวัง มะยม สะพาน กิน บิน ชุด สุนัข เก้าอี้ เป่า เบา เรา ได้ เล่น เป็นต้น ๒) ผู้เรียนออกเสียงคาจากบัตรภาพ บัตรคาท่ีประกอบด้วยสระ อะอิ อุ เอ เอา เช่น กะทะ ระฆัง มะลิ น้าพุ เวลา ทะเล ลิเก เปล เต่า เท้า เป็นตน้ ๓) ผู้เรียนออกเสียงคาท่ีประกอบด้วยสระ อะอิ อุ เอ เอา ด้วยตนเอง เช่น ระวงั สะพาน กนิ บิน เบา เตา่ เปน็ ตน้ ๒.๖ คาท่ีมพี ยญั ชนะตน้ ๒.๖.๑ สามารถออกเสียงคาที่มี ๑) ผู้เรียนออกเสียงคาท่ีมีพยัญชนะต้น (เสียงนา) ท ต ล จ พ ง ด ตาม (เสยี งนา) ท ต ล จ พ ง ด พยัญชนะตน้ (เสียงนา) ท ต ล จ พ ผู้สอน เชน่ ทหาร ทา ตาย ลงิ จาน พดู เงนิ ด่ืม เป็นตน้ ง ด ได้ ๒) ผ้เู รยี นออกเสียงคาจากบัตรภาพ บัตรคาท่ีมีพยัญชนะต้น (เสียงนา) ท ต ล จ พ ง ด เชน่ ทหาร ตู้ ลงิ จาน พัด ผเี สื้อ งู ดาว เป็นตน้ ๓) ผู้เรียนออกเสียงคาท่ีมีพยัญชนะต้น (เสียงนา) ท ต ล จ พ ง ด ด้วย ตนเอง เช่น ทา ตา ลิง ดนิ งดงาม เป็นตน้

๗๒ ทักษะ ทักษะย่อย พฒั นาการท่ีคาดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม ๒.๗.๑ สามารถออกเสยี งคาท่ีมี๒. การสื่อสาร* ๒.๗ คาทีม่ ตี ัวสะกด แม่ ตัวสะกด แม่กบ แม่กด ได้ ๑) ผู้เรียนออกเสียงคาท่ีมีตัวสะกดแม่กบ แม่กด ตามผู้สอน เช่น จบ กบ(ตอ่ ) กบ แม่กด รบ มด สด เป็นตน้ ๓.๑.๑ สามารถพูดเลยี นแบบเสยี ง๓. การสร้างคาพดู ๓.๑ คาและประโยค คาและประโยคได้ ๒) ผู้เรียนออกเสียงคาจากบัตรภาพ บัตรคาที่มีตัวสะกด แม่กบ แม่กดและประโยค เช่น สบิ ยีราฟ มด เปด็ พัด เป็นตน้ ๓.๒.๑ สามารถเลือกใช้คาใน ๓.๒ คาพดู และประโยค ประโยคตา่ ง ไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓) ผู้เรียนออกเสียงคาท่ีมีตัวสะกด แม่กบ แม่กด ด้วยตนเอง เช่น หยิบ อยา่ งงา่ ย สบิ มด สด เปน็ ต้น ๑) ใหผ้ เู้ รียนพูดเลียนแบบเสยี งคาและประโยคท่มี ี ๒-๓ พยางคต์ าม ผสู้ อน เชน่ ง่วง หวิ ขา้ ว หมาเหา่ เป็นตน้ ๒) ให้ผ้เู รยี นพูดเลยี นแบบเสียงคาและประโยคท่มี ี ๓-๔ พยางคต์ าม ผู้สอน เช่น หนรู อ้ งเพลง แม่อา่ นนทิ าน เปน็ ต้น ๓) ใหผ้ ูเ้ รียนพูดเลยี นแบบเสยี งคาและประโยคท่มี ี ๕-๖ พยางคต์ าม ผู้สอน เชน่ จะกินขา้ วผัด กบกระโดดลงสระนา้ เปน็ ตน้ ๔) ให้ผเู้ รียนพดู เลียนแบบเสยี งคาและประโยคจากนิทาน เพลง หรอื สงิ่ ที่ผู้เรียนสนใจ ๑) ผู้สอนให้ผู้เรยี นตอบคาถามงา่ ย เพ่ือใหน้ กั เรียนพดู แสดงความเป็น เจา้ ของ เช่น ปากกาของใคร สมดุ ของหนหู รือเปลา่ เป็นต้น ๒) ผ้สู อนให้ผเู้ รียนตอบคาถามงา่ ย เพื่อใหผ้ เู้ รียนพูดปฏเิ สธ เชน่ แดง กินข้าวอีกไหม หนูจะนอนอีกไหม เปน็ ต้น ๓) ผู้สอนให้ผูเ้ รียนตอบคาถามงา่ ย เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รียนบอกความตอ้ งการ ของตนเอง เช่น ถา้ หนูหวิ หนจู ะตอ้ งพดู วา่ อะไร เปน็ ตน้

๗๓ ทักษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการทคี่ าดหวงั แนวการจัดกิจกรรม๓. การสรา้ ง ๓.๒ คาพูดและประโยคคาพูดและ อยา่ งงา่ ย (ตอ่ ) ๓.๒.๒ สามารถใช้คาบอกลักษณะ ๔) ผู้สอนให้ผู้เรียนตอบคาถามง่าย เพื่อให้ผู้เรียนใช้คาว่า เป็น มีประโยค (ตอ่ ) ส่งิ ต่าง ในประโยคทีพ่ ดู ได้ ในประโยคพูด เชน่ ฉนั มนี ้อง หนูมีพี่ นอ้ งเป็นผู้ชาย เป็นต้น ๔.๑ ชื่อ สกลุ ของตนเอง๔. การบอก ๓.๒.๓ สามารถพดู เปน็ ประโยค ๕) ผู้สอนสนทนาซักถามผู้เรียนเก่ียวกับเหตุการณ์ต่าง ท่ีเกิดขึ้นข้อมูลสว่ นตวั อยา่ งงา่ ย ได้ ในชีวติ ประจาวนั ๔.๑.๑ สามารถบอกชือ่ เลน่ ของ ตนเอง และผู้อนื่ ได้ ๑) ผูส้ อนใหผ้ ู้เรียนดตู ัวอยา่ งสือ่ ของจริงแล้วใช้คาบอกลักษณะของสิง่ น้ัน เช่น เสือ้ สแี ดง กางเกงสดี า ต๊กุ ตาตวั ใหญ่ ฯลฯ เปน็ ตัวอยา่ ง จากนั้น ให้ผู้เรียนบอกลักษะของสิง่ นั้นเอง ๒) ผู้สอนให้ผู้เรียนบอกลักษณะของสงิ่ ของจากบตั รภาพ ๑) ผ้สู อนให้ผู้เรียนบอกชอ่ื ส่งิ ของต่าง ท่อี ยู่รอบตัว ๒) ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นพูดประโยคงา่ ย จากภาพกิจกรรมในชวี ติ ประจาวัน ๓) ผู้สอนให้ผเู้ รียนเลา่ เร่ืองราวง่าย ทีเ่ กดิ ข้ึนในชวี ิตประจาวนั ๑) ผสู้ อนจัดกจิ กรรมวงกลม โดยเริ่มจากใหผ้ เู้ รียนน่ังล้อมวง แล้วผู้สอน รอ้ งเพลงเรยี กช่อื “ช่ือของเธอฉนั ไมร่ จู้ ัก คุณครูถามทกั ผทู้ ีม่ าใหม่ ช่ือของเธอฉันจาไมไ่ ด้ ชอื่ อะไรขอใหบ้ อกมา” จากน้ันผู้สอนเรียกช่อื เล่นผเู้ รยี นทีละคน โดยใช้คาถามว่า นอ้ งเออยู่ ไหน ใครช่อื น้องเอยกมอื ขึน้ ๒) ผสู้ อนร้องเพลงเรียกช่อื “ชื่อของเธอฉันไมร่ จู้ ัก คณุ ครูถามทักผ้ทู ม่ี าใหม่ ชื่อของเธอฉนั จาไมไ่ ด้ ชื่ออะไรขอใหบ้ อกมา” จากน้ัน ถามนกั เรียนเปน็ รายบคุ คลว่า หนชู ่อื อะไรแล้วให้นกั เรยี น บอก

๗๔ ทักษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการท่ีคาดหวงั แนวการจัดกจิ กรรม๔. การบอก ๔.๑ ชอื่ สกุลของตนเอง ช่ือเล่นของตนเองขอ้ มลู ส่วนตัว (ต่อ) ๓) ผูส้ อนรอ้ งเพลงสวัสดีคณุ ครู(ตอ่ ) “สวสั ดคี ุณครูทีร่ กั หนูจะตง้ั ใจอ่านเขยี น ยามเช้าเรามาโรงเรียน หนูจะพากเพยี รขยันเรียนเอย” ๔.๑.๒ สามารถบอกชอื่ และ จากนั้นผู้สอนถามผเู้ รียนวา่ วันน้ีมใี ครมาเรียนบา้ ง แล้วให้ผู้เรียน นามสกุลจริง ของตนเองได้ บอกชื่อเล่นของเพื่อนที่มาเรยี น ๔) ผู้สอนเล่นเกมทายสิ่งของ โดยนาของใช้ส่วนตัวของผู้เรียนแต่ละ คน มาถาม เช่น น่ีคือ กระเป๋าของใคร แล้วให้ผู้เรียนคนท่ีไม่ใช่ เจา้ ของกระเป๋าตอบ ๑) ผ้สู อนจัดกิจกรรมวงกลม โดยเร่ิมจากให้ผู้เรียนน่ังล้อมวง แล้วผู้สอน ร้องเพลง เรียกชื่อ “ชื่อของเธอฉันไม่รู้จัก คุณครูถามทักนักเรียน เข้าใหม่ช่ือของเธอฉนั จาไม่ได้ ช่ืออะไรขอให้บอกมา” จากน้ันผู้สอน เรยี กชอ่ื และนามสกุลจริงของผเู้ รียนทลี ะคน โดยใชค้ าถามวา่ เดก็ หญงิ เด็กชาย.............อยไู่ หนเอ่ย หรือ ใครช่ือเด็กหญิง เดก็ ชาย.......... ยกมอื ขนึ้ เป็นตน้ ๒) ผสู้ อนรอ้ งเพลงเรียกช่ือ “ชื่อของเธอฉนั ไม่รู้จกั คุณครูถามทักผู้ทีม่ า ใหมช่ ่อื ของเธอฉนั จาไมไ่ ด้ ช่ืออะไรขอใหบ้ อกมา”จากนน้ั ถามผเู้ รียน เปน็ รายบุคคลว่า หนูช่อื อะไรแลว้ ใหผ้ ู้เรยี นบอกช่ือและนามสกุลจริง ของตนเอง โดยมีครคู อยแนะนาและกระตุ้น

๗๕ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการทค่ี าดหวงั แนวการจดั กิจกรรม๔. การบอกข้อมูลสว่ นตัว ๔.๒ อายแุ ละเพศของ ๔.๒.๑ สามารถบอกอายุและเพศ ๓) ผู้สอนถามช่ือและนามสกุลจริงของผู้เรียน แล้วให้ผู้เรียนบอกช่ือ(ตอ่ ) ตนเอง ของตนเองได้ และนามสกลุ จรงิ ของตนเอง ๑) ผูส้ อน ให้ผู้เรียนเล่นเกม “บอกอายุ” โดยให้ผู้เรียนนั่งล้อมวง ผู้สอน ร้องเพลง “มอญซ่อนผ้า” จากน้ันนาต๊กุ ตาวางไว้ข้างหลังผู้เรียน แล้ว ให้ผู้เรียนคนท่ีถูกตุ๊กตาวางไว้ข้างหลัง ลุกข้ึนยืนแล้วบอกอายุของ ตนเอง ถ้าผู้เรยี นยังไม่สามารถบอกอายุของตนเองได้ ให้ผู้สอนเป็นผู้ บอก แล้วให้นักเรียนพูดตาม จากน้ัน ผู้สอนถามอายุผู้เรียนแล้วให้ ผเู้ รียนตอบ ๒) ผู้สอน ให้ผู้เรียนนั่งล้อมวง แล้วให้ผู้เรียนออกมายืนข้างหน้า ๒ คน จากน้ันสอนแนะนาว่า เด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย ต่างกันอย่างไร แล้ว ให้ผู้เรียนท่ียืนอยู่ข้างหน้าพูดตามผู้สอนว่า ผมเป็นผู้ชาย หนูเป็น ผู้หญิง ๓) ผู้สอนถามผู้เรียนว่า ใครเป็นเด็กผู้ชาย ใครเป็นเด็กผู้หญิง แล้วให้ ผเู้ รยี นยกมือข้นึ และบอกวา่ หนูเปน็ ผูห้ ญิง ผมเป็นผูช้ าย ๔) ผู้สอนให้ผู้เรียนเล่นเกมส่งบอล พร้อมเปิดเพลงประกอบ โดยให้ ผู้เรียนส่งลูกบอลต่อกันไปเร่ือย เม่ือเพลงหยุดแล้วลูกบอลอยู่ท่ีใคร ใหผ้ ู้เรยี นคนนัน้ บอกเพศของตนเอง

๗๖ ทักษะ ทกั ษะยอ่ ย พัฒนาการทค่ี าดหวงั แนวการจัดกจิ กรรม ๔.๓.๑ สามารถบอกช่อื พ่อ แม่หรอื๔. การบอก ๔.๓ ชอ่ื สมาชกิ ใน ผปู้ กครอง ของตนเองได้ ๑) ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกัน รอ้ งเพลง “บา้ นของฉัน”ขอ้ มลู ส่วนตัว ครอบครัว ๒) ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนดูแผนภาพสมาชิกในครอบครัวของตนเองแลว้ บอกว่า(ตอ่ ) ๔.๓.๒ สามารถบอกชอื่ พ่นี ้องหรอื บุคคลที่ใกลช้ ดิ ของตนเองได้ บุคคลในภาพคือใคร (พ่อ...แม)่ ๓) ผู้สอนให้ผู้เรียนบอกชื่อพ่อ แม่จากแผนภาพสมาชิกในครอบครัว ของตนเอง ๔) ผสู้ อนถามผ้เู รยี นว่า “พอ่ ของ.....ชื่ออะไร แมข่ อง......ชอ่ื อะไร ถ้าผู้เรียนไม่สามารถบอกช่ือพ่อแม่ของตนเอง ให้ผู้เรียนพูดชื่อพ่อแม่ ของตนเองตามครู ๑) ผู้สอนและผ้เู รียนรว่ มกันร้องเพลง “บ้านของฉัน” ๒) ผู้สอนพูดคุยกับเด็กเก่ียวกับสมาชิกในครอบครัวจานวนสมาชิกใน บ้านบคุ คลทผ่ี ู้เรยี นรัก ชอบ ๓) ผู้เรียนดูแผนภาพสมาชิกในครอบครวั ของตนเองแล้วบอกวา่ บุคคลใน ภาพคอื ใคร (พ่อ...แม.่ ..พ.่ี ..นอ้ ง บุคคลท่ีใกล้ชดิ .........) ๔) ผู้สอนให้ผู้เรียนบอกชื่อพ่อ แม่จากแผนภาพสมาชิกในครอบครัว ของผู้เรียน ผู้สอนถามเด็กว่า “พี่ของ.....ชื่ออะไร น้องของ...ชื่ออะไร ........กรณีผู้เรียนไม่สามารถบอกชื่อพ่ี น้อง หรอื บุคคลท่ใี กล้ชดิ ได้ ให้ ผเู้ รียนพูดชอื่ พี่ น้อง หรือบคุ คลท่ีใกล้ชดิ ของตนเองตามผสู้ อน

๗๗ ทักษะ ทกั ษะยอ่ ย พฒั นาการทค่ี าดหวงั แนวการจดั กิจกรรม ๔.๔ ท่อี ย่ขู องตนเอง๔. การบอก ๔.๔.๑ สามารถบอกท่ีอยู่ของ ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นบอกท่ีอยขู่ องตนเองกรณผี ู้เรียนไมส่ ามารถบอกได้ ให้ข้อมูลส่วนตวั ตนเองได้ ผู้สอนบอกท่ีอยู่ของผู้เรียนแล้วให้ผู้เรียนพูดตาม ถามให้ผู้เรียนบอก(ต่อ) บางส่วนของท่ีอยู่ และผู้สอนเพิ่มเติมส่วนอื่นให้ เช่น ผูเ้ รียนบอกอาเภอ ผูส้ อนบอกจังหวัด

กล่มุ ทกั ษะทางสงั คม๑. คาอธบิ ายกลุ่มทักษะทางสงั คม กลุ่มทกั ษะทางสงั คม เปน็ การส่งเสรมิ พฒั นาการทางสงั คมและการปฏิบตั ิตนในสังคม การเล่น การมีปฏสิ มั พนั ธก์ ับผอู้ ืน่ ได้อยา่ งเหมาะสมตามศักยภาพ และสอดคลอ้ งกับความต้องการจาเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล ในเรื่อง ๑) การมีปฏิสัมพันธ์ ๒) การเล่น ประกอบด้วย การเล่นคนเดียว การเล่นเป็นกลุ่ม ๓) การปฏิบัติตนในสังคมและทักษะชีวิตประกอบดว้ ย การปฏิบัติตนในสังคม การปฏิบตั ิตนในการรับประทานอาหารร่วมกบั ผอู้ น่ื การซ้ือของ การเดินทางไปสถานท่ตี ่างๆในชมุ ชน การโดยสารรถประจาทางหรือรถรบั จ้าง การปรบั ตวั ในสงั คมและการใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ๔) การเห็นคณุ ค่าในตนเอง (Self - Esteem) ประกอบดว้ ย การรจู้ ักตนเอง ความภาคภูมใิ จในตนเอง โดยการวิเคราะห์งานเป็นลาดับข้ันตอนผ่านกระบวนการคิด การสาธิต สถานการณ์จาลอง การแสดงบทบาทสมมติ การเลียนแบบ การตัดสินใจ การปฏิบัติในสถานการณ์จริง และการเรียนรแู้ บบบูรณาการ ท้ังการจัดกิจกรรมเป็นกลุ่มและแบบตัวต่อตัว โดยคณะสหวิชาชีพ ผูป้ กครอง ครอบครัว ชุมชนและผู้ท่ีมีส่วนเกย่ี วข้อง มีสว่ นร่วมในการพัฒนาศักยภาพผ้เู รยี น เพื่อให้ผู้เรียนมีอารมณ์ ร่าเริง แจ่มใส สามารถเล่น ทากิจกรรมและมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้อื่นได้ พัฒนาทักษะท่ีจาเป็นในการปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการหรือความคาดหวังของสังคม และปฏิบัติตนในการรักษาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล รู้จกั ตนเอง เลือกสิง่ ที่ตนชอบหรือสนใจ สามารถแก้ปัญหา ตัดสนิ ใจ ยอมรับและปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ในบ้าน โรงเรียนและสงั คม มีคณุ ธรรม จริยธรรม มวี ินัยในตนเอง มคี วามรบั ผดิ ชอบ ปฏบิ ตั ติ ามกตกิ าและมารยาททางสังคม กล้าแสดงออก และดารงชีวติ อย่างมคี วามสขุ๒. วัตถปุ ระสงค์ของการพัฒนากลุม่ ทกั ษะทางสงั คม ๑) เพ่ือให้ผเู้ รยี นมีปฏิสัมพนั ธก์ บั ผอู้ น่ื ไดอ้ ย่างเหมาะสม ๒) เพ่อื ให้ผู้เรียนสามารถเล่น และทากจิ กรรมรว่ มกับผอู้ น่ื ได้อย่างเหมาะสม ๓) เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถปฏบิ ัตติ นในสงั คมได้อย่างเหมาะสม ๔) เพอ่ื ให้ผู้เรียนสามารถปรบั ตัวในสังคมและใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ๕) เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนเห็นคุณคา่ ในตนเอง ๖) เพอื่ ให้ผู้เรียนสามารถดารงชีวติ อย่ใู นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ

๗๙๓. แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้กลุ่มทักษะทางสงั คม ทกั ษะ ทกั ษะย่อย พฒั นาการที่คาดหวงั แนวการจดั กจิ กรรม ๑.๑ การมปี ฏสิ ัมพันธ์ ๑.๑.๑ สามารถตอบสนองต่อทา่ ทาง๑. การมี และการสมั ผสั ได้ ๑) ผ้สู อนแสดงสีหนา้ ท่าทาง แล้วใหผ้ ู้เรียนทาตาม เชน่ จะ๊ เอ๋ ย้ิมตอบ ย้ิมทักปฏสิ ัมพันธ์ และโบกมอื ๑.๑.๒nสามารถตอบสนองต่อเสียง ได้ ๒) ผู้สอนสัมผัสผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนมีการตอบสนอง เช่น เมื่อกอด ผู้เรียนกอดตอบ เม่ือถูกจับตัวผู้เรียนหันมองผู้จับ หรือมองทิศทางท่ี ๑.๑.๓ สามารถสบตากับผ้อู น่ื ได้ ถูกจับ ๑.๑.๔ สามารถรบั รู้ และแสดงออก ๑) นาของเล่นท่ีมีเสียงมาเขย่าในทิศทางต่างๆ โดยให้ผู้เรียนหันตาม ทางอารมณ์ไดอ้ ย่างเหมาะสม ทิศทางเสียงนั้นๆ เช่น เขย่าทางด้านหลังของผู้เรียน ผู้เรียนก็หันไป ด้านหลัง ๒) นาเสียงดนตรีมาเป็นส่วนประกอบในการสอนโดยให้ผู้เรียน ตอบสนองต่อเสยี ง เช่น การเตน้ ประกอบเพลง ๑) ผู้สอนเรียกชอื่ ผูเ้ รียน ใหผ้ ู้เรยี นหนั ตามเสียง โดยมกี ารสบตาชัว่ ขณะ ๒) ผู้สอนเรียกชื่อผู้เรียน ให้ผู้เรียนหันตามเสียง โดยมีการสบตานาน ๒-๓ วินาที ๑) ผู้สอนนาภาพที่แสดงออกทางอารมณ์ และอธิบายถึงใบหน้าอารมณ์ ต่างๆ พร้อมบอกให้ผู้เรยี นแสดงสีหน้าตามอารมณ์ที่กาหนดหรือการ ใชก้ ระจกมองเหน็ ภาพสะท้อนทางอารมณ์ ๒) ผู้สอนให้ผู้เรียนแสดงออกทางอารมณ์ โดยผู้สอนสาธิตอารมณ์น้ันๆ ในสถานการณ์จริง ๓) ผู้สอนให้ผู้เรียนมีความสนใจต่อส่ิงแวดล้อม เช่น ขณะผู้สอนสอน เพื่อน ผู้เรียนมีความสนใจ โดยการหันมามองและฟงั

๘๐ ทักษะ ทักษะย่อย พัฒนาการท่ีคาดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม ๑.๒ การรูจ้ ักตนเอง พฤติกรรมที่คาดหวัง๑. การมีปฏสิ มั พันธ์ ๑.๒.๑ สามารถบอกส่ิงที่ตนเองชอบ ผสู้ อนฝกึ ให้ผู้เรยี นปฏิบตั ใิ นเรอ่ื ง การบอกสงิ่ ทตี่ นเองชอบไดเ้ ช่น สี(ตอ่ ) ได้ เช่น สี อาหาร กีฬา สถานที่ สัตว์ อาหาร กีฬา สถานท่ี สตั ว์ เป็นต้น โดยใชว้ ธิ ีการดงั ต่อไปน้ี เป็นต้นสามารถบอกสิ่งที่ตนเองชอบ ๑) การสาธติ การให้เลอื กสิ่งต่างๆในชีวิตประจาวัน ได้ เช่น สี อาหาร กีฬา สถานท่ี สัตว์ ๒) การใชส้ ือ่ โสตทศั นูปกรณ์ เปน็ ตน้ * ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏบิ ัติกจิ กรรมในสถานการณจ์ ริง ๖) การสารวจ ๗) การสอนแบบตวั ต่อตัว ๘) การสอนโดยใช้หลัก 3R’s ๑.๒.๒ สามารถบอกอารมณ์ของ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบตั ิในเรือ่ ง การบอกอารมณ์ของตนเองได้ ตนเองได้ เชน่ ดีใจ เสยี ใจ โกรธ เปน็ เชน่ ดใี จ เสยี ใจ โกรธ เป็นตน้ โดยใชว้ ิธีการดงั ตอ่ ไปนี้ ตน้ * ๑) การสาธิต จากการใชเ้ ร่ืองเล่าทางสังคมและให้แสดงตาม บทบาท ๒) การใช้สื่อโสตทัศนปู กรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏิบัตกิ จิ กรรมในสถานการณจ์ รงิ ๖) การสอนแบบตัวต่อตวั ๗) การสอนโดยใชห้ ลัก 3R’sหมายเหตุ * หมายถึง เป็นกิจกรรมทกั ษะทางสงั คม ทีผ่ ู้สอน และผปู้ กครอง หรือผู้มสี ว่ นเก่ยี วข้อง สามารถเลอื กเนือ้ หาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ให้เกดิ พฤตกิ รรมทค่ี าดหวังตามศกั ยภาพของผูเ้ รยี น โดยไมต่ อ้ งเรียงตามลาดบั เน้ือหา

๘๑ ทกั ษะ ทกั ษะย่อย พัฒนาการทคี่ าดหวงั แนวการจดั กิจกรรม ๑.๒ การร้จู กั ตนเอง (ต่อ) พฤติกรรมท่คี าดหวงั๑. การมี ๑.๒.๓ สามารถบอกชื่อของตนเอง ผ้สู อนฝกึ ให้ผ้เู รียนปฏิบตั ิในเร่ือง การบอกช่ือของตนเอง โดยใช้วิธกี ารปฏิสมั พันธ์ ได้* ดังต่อไปน้ี(ตอ่ ) ๑.๒.๔ สามารถบอกอายุ วนั เดือนปี ๑) การสาธติ เกิดของตนเองได้* ๒) การจาลองสถานการณ์ ๓) การแสดงบทบาทสมมุติ การสมั ภาษณ์ การแนะนาตนเอง ๔) การปฏบิ ตั ิกิจกรรมในสถานการณจ์ ริง ๕) การสอนแบบตัวต่อตัว ๖) การสอนโดยใช้หลัก 3R’s ผสู้ อนฝึกใหผ้ ูเ้ รียนปฏบิ ัตใิ นเรื่อง การบอกอายุ วันเดอื น ปีเกิด ของ ตนเอง โดยใชว้ ิธีการดังต่อไปนี้ ๑) การสาธติ การใชก้ ลยุทธผ์ ่านการมองเห็นโดยใช้ขอ้ มูลบุคคล ๒) การใช้ส่อื โสตทศั นูปกรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏิบัติกจิ กรรมในสถานการณจ์ รงิ ๖) การสารวจ ๗) การสอนแบบตัวต่อตวั ๘) การสอนโดยใชห้ ลัก 3R’sหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกิจกรรมทักษะทางสังคม ท่ผี ู้สอน และผปู้ กครอง หรือผมู้ สี ่วนเก่ียวขอ้ ง สามารถเลือกเน้ือหาการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน เพื่อให้เกดิ พฤตกิ รรมที่คาดหวงัตามศักยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ อ้ งเรียงตามลาดบั เนอื้ หา

๘๒ ทักษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทคี่ าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม พฤติกรรมท่ีคาดหวัง๑. การมีปฏสิ ัมพนั ธ์ ๑.๓ ความภาคภูมิใจใน ๑.๓.๑ สามารถบอกความดีที่ตนเอง ผสู้ อนฝึกใหผ้ ู้เรียนปฏิบัตใิ นเรื่อง การบอกความดที ตี่ นเองกระทาได้(ตอ่ ) ตนเอง กระทาได้ เช่น ความดีท่ีกระทาต่อ เช่น ความดที กี่ ระทาต่อ ครอบครวั ห้องเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน สังคม ครอบครัว ห้องเรียน สถานศึกษา เป็นต้น โดยใช้ วธิ ีการดังตอ่ ไปน้ี ชมุ ชน สังคม เปน็ ต้น* ๑) การสาธิต และการใช้เรื่องเล่าทางสงั คม ๒) การใชส้ ื่อโสตทศั นปู กรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏิบตั ิกิจกรรมในสถานการณจ์ รงิ ๖) การจัดทาโครงการและกิจกรรมในชมุ ชน ๗) การสอนแบบตัวต่อตัว ๘) กระบวนการกลมุ่ ๑.๓.๒ สามารถบอกความซื่อสตั ยท์ ี่ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏบิ ัติในเร่ือง การบอกความซื่อสตั ยท์ ี่ตนเอง ตนเองกระทาได้ เชน่ ไม่ลักขโมย ไม่ กระทาได้ เชน่ ไม่ลักขโมย ไม่พดู โกหก เปน็ ต้น โดยใช้วธิ ีการดังต่อไปนี้ พดู โกหก เป็นต้น* ๑) การใช้เร่อื งเล่าทางสังคม ๒) การใชส้ ือ่ โสตทศั นปู กรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏิบตั ิกิจกรรมในสถานการณจ์ ริง ๖) การจัดทาโครงการและกิจกรรมในชมุ ชน ๗) การสอนแบบตัวต่อตัว ๘) กระบวนการกลุม่หมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกจิ กรรมทกั ษะทางสังคม ที่ผสู้ อน และผปู้ กครอง หรอื ผมู้ สี ว่ นเกีย่ วขอ้ ง สามารถเลอื กเนอื้ หาการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ให้เกดิ พฤตกิ รรมที่คาดหวังตามศักยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ อ้ งเรยี งตามลาดบั เนือ้ หา

๘๓ ทักษะ ทกั ษะยอ่ ย พัฒนาการท่คี าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม๑. การมี ๑.๓ ความภาคภูมใิ จใน ๑.๓.๓ สามารถบอกความเสยี สละท่ี ผูส้ อนฝกึ ใหผ้ ู้เรียนปฏิบตั ิในเรอ่ื ง การบอกความเสียสละท่ีตนเองปฏสิ ัมพนั ธ์(ตอ่ ) ตนเอง (ตอ่ ) ตนเองกระทาได้ เชน่ แบ่งขนมหรือ กระทาได้ เชน่ แบง่ ขนมหรอื ของเลน่ ให้คนอืน่ เปน็ ต้น โดยใชว้ ธิ กี าร ของเล่นให้ คนอื่น เป็นต้น ดังตอ่ ไปนี้ ๑) การใชเ้ รือ่ งเล่าทางสงั คม ๒) การใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในสถานการณ์จริง ๖) การจัดทาโครงการและกิจกรรมในชุมชน ๗) การสอนแบบตวั ต่อตัว ๑.๔ การเหน็ คณุ คา่ ใน ๑.๔.๑ บอกความสามารถของตนเอง ผู้สอนฝกึ ใหผ้ ูเ้ รียนปฏบิ ัติในเร่ือง การบอกความสามารถของตนเอง ตนเอง ได้ โดยมีการตระหนัก ยอมรับ และ ได้ โดยมกี าร ตระหนกั ยอมรับ และเห็นคุณค่าในตนเองโดยใชว้ ธิ กี าร เหน็ คณุ ค่าในตนเอง ดังตอ่ ไปน้ี ๑) การจดั กจิ กรรมใหเ้ ลอื กปฏิบัติสง่ิ ท่ีชอบและลงมอื ปฏบิ ตั ิ ๒) การจาลองสถานการณ์ ๓) การแสดงบทบาทสมมุติ ๔) การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในสถานการณ์จริง ๕) การสอนแบบตวั ต่อตัว ๖) กระบวนการกลมุ่ ๗) การสอนโดยการมอบหมายงานทสี่ นใจ

๘๔ ทักษะ ทักษะย่อย พัฒนาการท่ีคาดหวงั แนวการจดั กิจกรรม๑. การมี ๑.๕ ร้จู ักสิทธิ หน้าท่แี ละ ๑.๕.๑ รจู้ กั สทิ ธิ หน้าท่ี บทบาทของ ผู้สอนฝึกให้ผูเ้ รยี นปฏบิ ัตใิ นเร่ือง การรจู้ กั สิทธิ หนา้ ที่ บทบาทของปฏิสมั พันธ์ บทบาทตนเอง(ตอ่ ) ตนเอง และมคี วามรับผดิ ชอบในการ ตนเอง และมคี วามรบั ผิดชอบในการกระทาตามบทบาทหน้าท่ีของตนเอง กระทาตามบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ท่มี ตี ่อครอบครวั ห้องเรียน เช่น การยนื ตรงเคารพธงชาติ ปฏบิ ตั ติ ามกฎ ทีม่ ีต่อครอบครัว หอ้ งเรยี น เช่น การ กติกาของห้องเรยี น ช่วยงานบ้าน เปน็ ต้น โดยใชว้ ิธีการดงั ต่อไปนี้ ยนื ตรงเคารพธงชาติ ปฏบิ ัติตามกฎ ๑) การสาธิตและปฏบิ ัติในสถานการณจ์ ริงในชีวติ ประจาวนั กติกาของห้องเรยี น ช่วยงานบา้ น ๒) การใชส้ ่ือโสตทัศนูปกรณ์ เป็นตน้ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏิบตั ิกจิ กรรมในสถานการณ์จรงิ ๖) การสอนแบบตวั ต่อตวั ๗) กระบวนการกลุ่ม ๑.๕.๒ รู้จักสิทธิ หน้าที่ บทบาทของ ผสู้ อนฝึกให้ผูเ้ รียนปฏิบตั ิในเร่ือง ของรจู้ กั สิทธิ หน้าท่ี บทบาทของ ตนเอง และมีความรับผิดชอบในการ ตนเอง และมคี วามรับผดิ ชอบในการกระทาตามบทบาทหน้าท่ขี องตนเอง กระทาตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง ท่มี ีตอ่ ชมุ ชน และสังคม เชน่ ไม่ทาลายทรัพยส์ นิ ของชมุ ชน เข้าร่วม ที่มีต่อชุมชน และสังคม เช่น ไม่ กิจกรรมในชุมชนตามโอกาสท่ีการสาธติ และปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์จริงใน ทาลายทรัพย์สินของชุมชน เข้าร่วม ชีวิตประจาวนั กิจกรรมใน ชุม ช น ต าม โอก าส ที่ ๑) การใช้ส่อื โสตทัศนปู กรณ์ เหมาะสม เป็นต้น ๒) การจาลองสถานการณ์ ๓) การแสดงบทบาทสมมุติ ๔) การปฏิบัติกจิ กรรมในสถานการณจ์ ริง

๘๕ ทกั ษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทค่ี าดหวัง แนวการจัดกจิ กรรม๑. การมีปฏิสมั พันธ์ ๑.๖ สร้างและรักษา ๑.๖.๑ สามารถใชภ้ าษา ทา่ ทาง ๕) การสอนแบบตวั ต่อตัว(ตอ่ ) ปฏิสัมพนั ธ์กับผอู้ ืน่ การตอบสนองต่อการมีปฏสิ ัมพนั ธ์ ๖) กระบวนการกลุ่ม กบั ผูอ้ ืน่ ตามประเพณี วัฒนธรรม๒. การเล่น ๒.๑ การเล่นคนเดยี ว และมารยาททางสงั คม เช่น การยิ้ม ผสู้ อนฝึกให้ผเู้ รยี นปฏิบตั ใิ นเร่ือง การท่สี ามารถใช้ภาษา ท่าทาง การ การไหว้ การทักทาย และการรกั ษา ตอบสนองต่อการมปี ฏิสัมพันธก์ บั ผูอ้ ืน่ ตามประเพณี วัฒนธรรมและ ปฏสิ ัมพนั ธก์ บั ผู้อน่ื เช่น รจู้ ักเอาใจ มารยาททางสังคม เช่น การยิ้ม การไหว้ การทักทาย และการรกั ษา เขามาใสใ่ จเรา รจู้ ักสงั เกต ปฏสิ มั พนั ธ์กับผูอ้ น่ื เช่น ร้จู กั เอาใจเขามาใส่ใจเรา รจู้ ักสงั เกตพฤติกรรม พฤติกรรมของเพ่อื น ปรบั ตนเอง ของเพอ่ื น ปรบั ตนเอง เพอื่ สร้างปฏิสมั พันธท์ ด่ี ีกับผอู้ ื่นได้ เป็นตน้ โดยใช้ เพ่ือสร้างปฏิสมั พันธ์ที่ดกี ับผู้อื่นได้ วิธีการดงั ต่อไปนี้ เปน็ ตน้ ๑) การสาธติ และปฏิบตั ิในสถานการณจ์ ริงในชีวิตประจาวนั ๒.๑.๑ สามารถเล่นแบบสารวจได้ ๒) การจาลองสถานการณ์ อยา่ งเหมาะสม ๓) การแสดงบทบาทสมมุติ ๔) การปฏิบัตกิ ิจกรรมในสถานการณจ์ รงิ ๒.๑.๒ สามารถใช้จินตนาการในการ ๕) การสอนแบบตัวต่อตัว เล่นได้ ๖) กระบวนการกล่มุ ๗) การสอนโดยใช้ 3R’s ๑) ผู้สอนนาของเล่นที่มีพ้ืนผิว ลักษณะ ขนาด เสียงที่แตกต่างกัน ให้ ผเู้ รยี นสมั ผสั เช่น บบี จบั เขย่า เป็นต้น ๒) ผู้สอนให้ผู้เรียนเล่นในสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น การเล่นเอามือตี นา้ การกอ่ ทราย การปน้ั ดนิ ๓) ผสู้ อนให้ผู้เรียนเล่นส่งิ ของตามประโยชนข์ องสิ่งของ เชน่ หวี ชอ้ น ๑) ให้ผู้เรียนเล่นตามจินตนาการ เช่น การต่อบล็อกไม้ในทรงสูง การ ต่อจ๊กิ ซอว์ เปน็ ต้น

๘๖ ทกั ษะ ทกั ษะยอ่ ย พัฒนาการที่คาดหวงั แนวการจดั กิจกรรม๒. การเลน่ ๒.๒ การเลน่ เปน็ กลมุ่(ต่อ) ๒) ให้ผู้เรียนเล่นสมมติ โดยนาเอาส่ิงหน่ึงสมมติเป็นอีกส่ิงหน่ึง เช่น การ ๓.๑ การปฏบิ ัตติ นในสงั คม๓. การปฏิบัติ ใชก้ า้ นกลว้ ยมาแทนม้า การใชท้ ่อนไม้แทนปนื เป็นตน้ตนในสังคมและทักษะ ๒.๒.๑ การเล่นอสิ ระอยใู่ นกลุ่มได้ ผู้สอนให้ผู้เรียนเล่น โดยนาผู้เรียนไปรวมกับเพื่อนแล้วให้เล่นอย่างชวี ิต อิสระ โดยต่างคนต่างเล่น ๒.๒.๒ สามารถเลน่ กับเพ่ือนหนง่ึ ตอ่ ผู้สอนให้ผู้เรียนเล่น โดยนาผู้เรียนไปรวมกับเพื่อนแล้วให้เล่นอย่าง หนึ่งได้ อิสระ โดยมีการพดู คยุ แตะต้องตัว เป็นต้น ๒.๒.๓ สามารถเล่นกบั เพ่ือนเป็นกลมุ่ ๑) ผูส้ อนให้ผเู้ รียนเล่นเปน็ กลุ่ม ๒-๓ คน โดยผลัดกนั เล่นภายในกล่มุ ที่มี ๒-๓ คน โดยมีกฎกติกาได้ ผใู้ หญ่นาการเล่นตามกฎกตกิ า ๒) ผู้สอนให้ผู้เรียนเล่นเป็นกลุ่ม ๒-๓ คน โดยเลียนแบบเด็กอ่ืนในการ เล่น ๓.๑.๑ สามารถแสดงการทักทายกับ ผู้สอนให้ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการทักทาย เช่น ผู้อ่นื ได้อยา่ งเหมาะสม ฝึกการพูด “สวัสดี” หรอื ทกั ทายดว้ ยการไหวต้ ามผู้ใหญบ่ อก เปน็ ตน้ ๓.๑.๒ สามารถอยูร่ ว่ มกบั ผู้อ่ืนได้ ๑) ผู้สอนให้ผเู้ รยี นบอกความต้องการของตนเอง เช่น การขอนม โดยให้ อย่างเหมาะสม ทาท่าแบมือ และพูดว่า “ขอ” การปฏิเสธส่ิงของท่ีไม่ต้องการ โดยให้แสดงท่าทางสา่ ยมือไปมา หรอื พดู ว่า “ไม”่ เปน็ ตน้ ๒) ผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งปันสิ่งของต่างๆ โดยผู้สอนเป็นผู้สาธิต ในสถานการณ์จาลองและนาไปสู่สถานการณจ์ ริง

๘๗ ทักษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทีค่ าดหวัง แนวการจัดกิจกรรม๓. การปฏิบตั ิ ๓.๑ การปฏิบตั ติ นในสงั คม ๓.๑.๓ สามารถปฏบิ ัตติ ามกติกาหรอื ๑) ผู้สอนให้ผู้เรียนรู้จักการรอคอย โดยเพิ่มระยะเวลาในการรอคอยตนในสงั คม (ต่อ) มารยาททางสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม มากขน้ึและทกั ษะชวี ิต (ตอ่ ) ๒) โดยสร้างกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติ เช่น ไม่ส่ง เสยี งดัง ไม่ลุกจากท่ีน่ังขณะฝกึ ไม่รบกวนเพ่อื น เป็นต้น ๓) ผู้สอนให้ผู้เรียนรู้จักการทักทาย เช่น ผู้สอนจาลองสถานการณ์ โดย ใหผ้ ู้เรยี นทกั ทาย โดยการสวัสดี เมอ่ื พบ- ลาผู้ใหญ่ ๔) ผ้สู อนให้ผู้เรียนรู้จักการขอโทษ เมื่อผู้เรียนทาผิดและขอบคุณ เม่ือมี ผู้ให้ สิง่ ของ โดยการสร้างบทบาทสมมติ หรอื ในสถานการณจ์ ริง ๕) ผู้สอนให้ผู้เรียนรู้จักการขออนุญาต เช่น การลุกข้ึนออกจากที่ การ ออกหอ้ ง การเข้าหอ้ งนา้ เปน็ ตน้ ๖) ผู้สอนให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยไม่แย่งสิ่งของ ที่น่ังหรือ แซงคิวผอู้ นื่ เปน็ ต้น ๗) ผู้สอนให้ผู้เรียนเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมเช่น สอนด้วยบทบาทสมมติ ว่าการแกล้งเพ่ือน เป็นสิ่งท่ี ไม่เหมาะสม เปน็ ตน้ ๘) ผู้สอนให้ผู้เรียนรู้จักการซื้อของ เช่น ผู้สอนนานักเรียนไปร้านค้า แลว้ ฝึกการซอ้ื สินค้าโดยใชเ้ งนิ เป็นต้น

๘๘ ทักษะ ทกั ษะย่อย พัฒนาการทค่ี าดหวงั แนวการจัดกิจกรรม พฤตกิ รรมท่ีคาดหวัง๓. การปฏิบัติ ๓.๒ การปฏิบัติตนในการ ๓.๒.๑ สามารถใชช้ อ้ นส้อมได้ ผู้สอนฝึกผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การใช้ช้อนส้อมในการรับประทานตนในสังคม รบั ประทานอาหารรว่ มกับ เหมาะสมในการรับประทานอาหาร อาหารได้อย่างเหมาะสม โดยผู้สอนชว่ ยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ดว้ ยและทักษะ ผอู้ นื่ * ร่วมกบั ผ้อู นื่ * ตนเอง โดยใช้กจิ กรรม ดงั ต่อไปน้ีชวี ิต (ตอ่ ) ๓.๒.๒ สามารถตกั อาหาร สาหรบั ๑) สถานการณ์จาลอง ตนเองในปริมาณทเ่ี หมาะสมได้* ๒) สถานการณ์จรงิ ผู้สอนฝึกผู้เรียนปฏิบัติในเร่ือง การรู้จักชนิดอาหาร การตักอาหาร ๓.๒.๓ สามารถเทนา้ หรือเคร่ืองด่มื สาหรับตนเองในปริมาณที่เหมาะสมได้ โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียน อื่นโดยไมห่ กเลอะเทอะได้ สามารถทาไดด้ ้วยตนเอง โดยใช้กิจกรรม ดังต่อไปนี้ ๑) สถานการณ์จาลอง ๓.๒.๔ สามารถดแู ลให้ความ ๒) สถานการณ์จริง ช่วยเหลอื บุคคลอื่นในการส่งต่อ ผสู้ อนฝกึ ผู้เรยี นปฏิบตั ใิ นเรอ่ื ง การรู้จกั อปุ กรณ์ รวู้ ธิ ีการเท และฝึก อาหาร เชน่ ซอส นา้ ปลา ได้ เทน้าหรอื เครื่องด่ืมอ่นื โดยไม่หกเลอะเทอะได้ โดยผู้สอนช่วยเหลอื จน ผเู้ รยี นสามารถทาไดด้ ้วยตนเอง โดยใช้กจิ กรรม ดงั ต่อไปนี้ ๑) สถานการณจ์ าลอง ๒) สถานการณ์จรงิ ผสู้ อนฝกึ ผู้เรยี นปฏิบัติในเร่อื ง การรู้จกั อาหาร การรจู้ ักซอส น้าปลา เช่น คาศัพท์กับรูปภาพ, คาศัพท์กับของจริง และส่งต่ออาหาร เช่น ซอส น้าปลา ให้บุคคลอ่ืนได้ โดยผู้สอนชว่ ยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วย ตนเอง โดยใชก้ ิจกรรม ดังตอ่ ไปน้ี ๑) สถานการณ์จาลอง ๒) สถานการณ์จริงหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกิจกรรมทกั ษะทางสังคม ที่ผู้สอน และผปู้ กครอง หรอื ผมู้ สี ่วนเกย่ี วข้อง สามารถเลือกเนอ้ื หาการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน เพื่อใหเ้ กิดพฤตกิ รรมทค่ี าดหวงัตามศักยภาพของผู้เรยี น โดยไมต่ อ้ งเรียงตามลาดบั เน้อื หา

๘๙ ทักษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการที่คาดหวัง แนวการจดั กจิ กรรม ๓.๒ การปฏบิ ัติตนในการ ๓.๒.๕ มีมารยาทในการรับประทาน ผู้สอนฝึกผู้เรียนปฏิบัติในเรื่อง การรู้มารยาทในการรับประทาน๓. การปฏบิ ัติตน รบั ประทานอาหาร อาหาร อาหาร และการฝึกให้ผู้เรียนสามารถรับประทานอาหารได้อย่างมีในสงั คมและ รว่ มกบั ผอู้ ื่น* มารยาท เชน่ รบั ประทานอาหารโดยไม่สง่ เสียงดัง ไม่คยุ ขณะรบั ประทานทักษะชวี ิต (ต่อ) ๓.๓.๑ สามารถซ้อื ของ ในร้านขาย ที่ทาให้อาหารหกหรือกระเด็น รับประทานในความเร็วที่เหมาะสมได้ ๓.๓ การซ้อื ของ ของชาใกล้บา้ น โดยผู้สอนช่วยเหลือจนผู้เรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง โดยใช้กิจกรรม ดังตอ่ ไปนี้ ๓.๓.๒ สามารถซอ้ื ของในร้านสะดวก ๑) สถานการณจ์ าลอง ซอ้ื ๒) สถานการณจ์ ริง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองการซื้อของในร้านขายของชาใกล้ บ้าน โดยมีการเขียนรายการบันทึกการซอื้ ของให้ และการบอกด้วยวาจา โดยผสู้ อนช่วยเหลอื และกระตุ้นผ้เู รยี นจนผ้เู รยี นสามารถทาไดด้ ้วยตนเอง ๑) การแสดงบทบาทสมมติ/สถานการณ์จาลอง ๒) สถานการณจ์ ริง ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองซ้ือของในร้านสะดวกซื้อ โดยมี การเขียนรายการบันทึกการซื้อของให้ และการบอกด้วยวาจา โดยผู้สอน ชว่ ยเหลือและกระตุ้นผเู้ รียนจนผ้เู รียนสามารถทา ไดด้ ว้ ยตนเอง ๑) การแสดงบทบาทสมมติ/สถานการณ์จาลอง ๒) สถานการณ์จรงิ

๙๐ ทักษะ ทกั ษะยอ่ ย พัฒนาการที่คาดหวงั แนวการจัดกจิ กรรม ๓.๓ การซอ้ื ของ (ต่อ)๓. การปฏิบัติตน ๓.๓.๓ สามารถซื้อของในรา้ น ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเร่ืองซ้ือของในร้านสรรพสินค้า โดยมีในสังคมและทกั ษะชีวติ (ต่อ) สรรพสินค้า การเขียนรายการบันทึกการซื้อของให้ และการบอกด้วยวาจา โดยผู้สอนชว่ ยเหลอื และกระต้นุ ผู้เรยี นจนผูเ้ รียนสามารถทาไดด้ ว้ ยตนเอง ๑) การแสดงบทบาทสมมติ/สถานการณจ์ าลอง ๒) สถานการณ์จรงิ ๓.๓.๔ ร้ตู าแหน่งของส่ิงของหรือขอ ผูส้ อนฝกึ ให้ผู้เรยี นปฏิบตั ิในเร่ืองรู้ตาแหน่งของสิง่ ของ พรอ้ มทั้งรจู้ ัก ความช่วยเหลือ ขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหรือผู้อ่ืน โดยผู้สอนช่วยเหลือและ กระตุ้นผู้เรยี นจนผู้เรยี นสามารถทาได้ด้วยตนเอง ๑) การแสดงบทบาทสมมต/ิ สถานการณจ์ าลอง ๒) สถานการณ์จริง ๓.๓.๕ รู้ความแตกตา่ งระหว่างการ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติในเรื่องรู้ ความแตกต่างระหว่างการ บรกิ ารดว้ ยตนเองและการซอ้ื ของ บริการด้วยตนเองและการซื้อของแบบอ่ืน แสดงพฤติกรรมและจ่ายเงิน แบบอ่นื แสดงพฤติกรรมและจ่ายเงิน ได้อย่างเหมาะสม โดยผู้สอนช่วยเหลือและกระตุ้นผู้เรียนจนผู้เรียน ไดอ้ ย่างเหมาะสม สามารถทาได้ด้วยตนเอง ๑) การแสดงบทบาทสมมต/ิ สถานการณจ์ าลอง ๒) สถานการณจ์ รงิ

๙๑ ทักษะ ทักษะย่อย พฒั นาการทคี่ าดหวงั แนวการจดั กจิ กรรม๓. การปฏบิ ัติตน ๓.๔ การเข้าคิว* พฤตกิ รรมท่ีคาดหวังในสงั คมและ ๓.๔.๑ รู้จักการรอคอยโดยการเข้าคิว ผูส้ อนฝกึ ให้ผู้เรยี นปฏิบัติในเรื่อง การรู้จักการรอคอยโดยการทกั ษะชีวิต (ต่อ) เพื่ อ รั บ บ ริ ก า ร ใ น ห้ อ ง เรี ย น เขา้ คิวเพ่ือรบั บริการในหอ้ งเรียน สถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม เชน่ สถานศึกษา ชุมชน และสังคม เช่น การรับของ การส่งงาน การรับอาหารและสิ่งของตา่ งๆ การซื้อสนิ คา้ ๓.๕ การบาเพญ็ การรับ ของ การส่งงาน การรับ หรอื รบั บรกิ ารการชาระคา่ สนิ ค้าการเข้าคิวรับบรกิ ารโรงพยาบาล ประโยชน์* อาหารและส่ิงของต่างๆ การซ้ือ ห้างสรรพสินค้า หรอื เลน่ ของเลน่ สาธารณะ เปน็ ต้น เป็นต้นโดยใช้ สินค้าหรือรับบริการการชาระค่า วธิ กี ารดังตอ่ ไปน้ี สิ น ค้ า ก า ร เข้ า คิ ว รั บ บ ริ ก า ร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือ ๑) การสาธิตและปฏิบตั ิในสถานการณ์จริงในชีวติ ประจาวัน เลน่ ของเลน่ สาธารณะ เป็นตน้ ๒) การใช้ส่อื โสตทัศนปู กรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ และ การแสดงบทบาทสมมุติ ๓.๕.๑ รู้จักช่วยเหลือครอบครัว ๔) การปฏบิ ัติกจิ กรรมในสถานการณจ์ รงิ ชุมชนและสังคม เช่น กวาดบ้าน ถู ๕) การจัดทาโครงการและกิจกรรมในชมุ ชน บ้าน ล้างจาน กิจกรรมพั ฒ น า ๖) การสอนแบบตัวต่อตัว หมู่บ้าน บริจาคส่ิงของเม่ือเกิดภัย ๗) กระบวนการกลุ่ม พิบตั ติ า่ งๆ เป็นต้น ๘) การสอนโดยใช้หลกั 3R’s ผู้สอนฝึกให้ผู้เรยี นปฏิบัตใิ นเร่ือง การรูจ้ กั ช่วยเหลือครอบครวั ชุมชนและสงั คม เชน่ กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน กจิ กรรมพัฒนา หมูบ่ ้าน บรจิ าคส่งิ ของเมื่อเกิดภยั พิบตั ติ า่ งๆ เปน็ ต้นโดยใช้วธิ กี าร ดังต่อไปนี้ ๑) การสาธิตและปฏบิ ัตใิ นสถานการณจ์ ริงในชีวติ ประจาวนั ๒) การใชส้ ่ือโสตทศั นูปกรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ และ การแสดงบทบาทสมมุติหมายเหตุ * หมายถงึ เป็นกิจกรรมทกั ษะทางสังคม ทผ่ี ู้สอน และผปู้ กครอง หรอื ผู้มสี ว่ นเกีย่ วข้อง สามารถเลอื กเนือ้ หาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพื่อให้เกิดพฤตกิ รรมท่คี าดหวังตามศกั ยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ อ้ งเรยี งตามลาดับเนอื้ หา

๙๒ ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พฒั นาการที่คาดหวงั แนวการจดั กจิ กรรม๓. การปฏบิ ัตติ น ๓.๕ การบาเพ็ญ พฤติกรรมที่คาดหวังในสงั คมและ ประโยชน์* (ตอ่ )ทกั ษะชวี ิต (ตอ่ ) ๔) การปฏิบัติกิจกรรมในสถานการณ์จรงิ ๓.๔ การเดนิ ทางไป ๕) การจัดทาโครงการและกจิ กรรมในชุมชน สถานท่ตี ่าง ๆ ในชมุ ชน* ๖) การสอนแบบตัวต่อตวั ๓.๕ การโดยสารรถ ประจาทาง* ๗) กระบวนการกลมุ่ ๘) การสอนโดยใช้หลัก 3R’s ๓.๔.๑ รู้จักตาแหน่งที่ตั้ง เส้นทางที่ ผสู้ อนฝึกให้ผ้เู รยี นปฏบิ ตั ใิ นเรอ่ื ง การรจู้ ักตาแหน่งที่ตงั้ เสน้ ทางที่ ต่าง ๆ ในชุมชน เช่น โรงเรียน วัด ต่าง ๆ ในชุมชน เชน่ โรงเรยี น วดั โรงพยาบาล เป็นต้น และใช้เครอ่ื งมือ โร ง พ ย า บ า ล เป็ น ต้ น แ ล ะ ใช้ ช่วยในการเดนิ ทาง เชน่ โทรศัพท์ การถามทาง ป้าย สญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ เคร่ืองมือช่วยในการเดินทาง เช่น เปน็ ตน้ โดยใช้วธิ กี ารดงั ตอ่ ไปนี้ โท ร ศั พ ท์ ก า ร ถ า ม ท า ง ป้ า ย ๑) การสาธติ กบั สอื่ ของจริงและปฏบิ ตั ิ สัญลักษณ์ต่าง ๆ เป็นตน้ * ๒) การใช้ส่อื โสตทศั นูปกรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาทสมมุติ ๕) การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในสถานการณ์จรงิ ๖) การสารวจชมุ ชน ๗) การจดั ทาโครงการและกจิ กรรมในชุมชน ๘) การสอนแบบตวั ต่อตัว ๙) กระบวนการกลุ่ม ๑๐)การสอนโดยใชห้ ลัก 3R’s ๓.๕.๑ สามารถเลือกใช้บริการรถ ผู้สอนฝึกให้ผู้เรียนปฏิบัติใน เร่ือง การท่ีสามารถเลือกใช้บริการ โดยสารประจาทาง รูจ้ ักจุดขึน้ รถ รถโดยสารประจาทาง ร้จู กั จดุ ข้นึ รถ การชาระเงิน วธิ โี ดยสารรถเพ่ือให้หมายเหตุ * หมายถึง เปน็ กิจกรรมทกั ษะทางสังคม ที่ผู้สอน และผปู้ กครอง หรือผู้มสี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง สามารถเลือกเน้ือหาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพ่ือให้เกิดพฤตกิ รรมที่คาดหวงัตามศักยภาพของผเู้ รยี น โดยไมต่ อ้ งเรียงตามลาดับเนือ้ หา