87 ขนั้ ท่ี 2 ดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองกับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จานวน 30 คน โดยชีแ้ จงวตั ถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลครง้ั น้ี ขนั้ ท่ี 3 ผวู้ ิจยั แจกแบบสอบถามให้นกั เรียนคนละฉบบั และอธิบายคาถาม เพื่อทาความเข้าใจ ทตี่ รงกันในการตอบแบบสอบถาม ขน้ั ที่ 4 รวบรวมแบบสอบถามที่ไดก้ ลับคืนมา เพอ่ื ดาเนินการวเิ คราะห์ข้อมูล การวเิ คราะหข์ ้อมลู ข้อมูลจากแบบสอบถามเก่ียวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบ เน้ือหา และการวัดการ ประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบ อาชีพ โดยวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปในตอนท่ี 1 และในตอนที่ 2 โดยการใช้สถิติ ค่าร้อยละ (%) ตอนที่ 3 โดยการวิเคราะหเ์ น้อื หา (Content Analysis) จากข้ันตอนที่ 1 การศึกษาข้อมลู พ้ืนฐาน ผวู้ ิจัยได้สรุปวิธดี าเนนิ การวจิ ยั ดงั ตารางท่ี 8 ดังน้ี ตารางท่ี 8 สรุปวิธีดาเนนิ การวิจัยขนั้ ตอนที่ 1 การศกึ ษาข้อมูลพ้นื ฐาน วตั ถปุ ระสงค์ วิธกี าร กลุ่มเปา้ หมาย/ เคร่อื งมอื การวเิ คราะห์ เอกสาร ขอ้ มูล 1. เพื่อวิเคราะห์ ศึกษาและวิเคราะห์ หลกั สูตร หลกั สตู รแกนกลาง หลกั สตู รแกนกลาง หลกั สตู ร แกนกลาง วิเคราะห์ การศึกษาข้นั การศกึ ษาขัน้ แกนกลาง การศกึ ษาขน้ั เนือ้ หา พน้ื ฐาน พน้ื ฐาน การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (Content พทุ ธศกั ราช 2551 พทุ ธศกั ราช 2551 พนื้ ฐาน พุทธศักราช Analysis) และหลกั สตู ร กิจกรรมพัฒนา พุทธศักราช 2551 2551 กจิ กรรม สถานศึกษา ผูเ้ รยี นและหลกั สตู ร กจิ กรรมพฒั นา พฒั นาผเู้ รยี น โรงเรยี นวัดหลักส่ี สถานศึกษา ผูเ้ รียนและ และหลักสตู ร พพิ ฒั น์ราษฎร์ โรงเรียนวดั หลักส่ี หลกั สูตร สถานศึกษา อุปถมั ภ์: กจิ กรรม พิพัฒนร์ าษฎร์ สถานศึกษา โรงเรยี นวดั หลัก พัฒนาผเู้ รยี น อปุ ถัมภ์ โรงเรยี นวัดหลกั ส่ี สีพ่ ิพฒั นร์ าษฎร์ พพิ ฒั น์ราษฎร์ อปุ ถัมภ์ อุปถัมภ์
88 ตารางที่ 8 สรุปวธิ ีดาเนินการวจิ ยั ขั้นตอนท่ี 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน (ตอ่ ) วตั ถุประสงค์ วิธีการ กล่มุ เปา้ หมาย/ เครือ่ งมือ การวเิ คราะห์ เอกสาร ข้อมูล 2. เพือ่ ศึกษา ศึกษาแนวการจัด เอกสารทเี่ กี่ยวข้อง เอกสารที่ วเิ คราะห์ แนวคิดและ กิจกรรมพฒั นา กับแนวการจดั เกย่ี วขอ้ งกับแนว เนื้อหา งานวิจัยทีเ่ กย่ี วข้อง ผ้เู รียนจาก กจิ กรรมพฒั นา การจดั กจิ กรรม (Content กับกจิ กรรมพัฒนา การศึกษาเอกสาร ผเู้ รียนและ พฒั นาผ้เู รียน Analysis) ผู้เรยี น ทักษะ และงานวจิ ยั ท่ี งานวจิ ยั ท่ี และงานวจิ ยั ที่ อาชพี และ เกย่ี วขอ้ งกบั เก่ยี วข้องกับ เกย่ี วข้องกับ คุณลกั ษณะในการ กิจกรรมพัฒนา กิจกรรมพฒั นา กจิ กรรมพฒั นา ประกอบอาชีพ ผเู้ รียน ทกั ษะอาชพี ผเู้ รยี น ทักษะ ผเู้ รยี น ทกั ษะ และคุณลักษณะใน อาชีพ และ อาชีพ และ การประกอบอาชีพ คุณลักษณะในการ คุณลกั ษณะใน ประกอบอาชีพ การประกอบ อาชพี 3. เพอ่ื ศึกษาความ การสัมภาษณ์ ผู้ที่เกย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ แบบสมั ภาษณ์ วเิ คราะหโ์ ดย คดิ เห็นเก่ยี วกบั การ - ผบู้ ริหารโรงเรียน ความคดิ เห็นใน ใช้ พฒั นากิจกรรม - หัวหน้าฝาุ ย การพฒั นา - คา่ รอ้ ยละ พฒั นาผเู้ รียน เพื่อ วิชาการ กิจกรรมพัฒนา (%) ส่งเสริมทกั ษะ - คณะกรรมการ ผเู้ รยี น - วเิ คราะห์ อาชีพ และ สถานศึกษา เนื้อหา คุณลักษณะในการ - ผู้ปกครอง (Content ประกอบอาชีพจาก - ปราชญช์ าวบา้ น Analysis) ผทู้ ่ีเกย่ี วขอ้ ง - สถาน ประกอบการ
89 ตารางท่ี 8 สรุปวิธดี าเนนิ การวจิ ยั ขนั้ ตอนที่ 1 การศกึ ษาข้อมลู พน้ื ฐาน (ต่อ) วตั ถุประสงค์ วธิ กี าร กลมุ่ เปา้ หมาย/ เคร่อื งมือ การวิเคราะห์ เอกสาร ข้อมูล 4. เพ่อื ศึกษาความ การสอบถาม ตอ้ งการของ นกั เรยี นชน้ั แบบสอบถาม วเิ คราะหโ์ ดย นกั เรียนช้ัน มัธยมศกึ ษา ความต้องการใน ใช้ มัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลกั สี่ การพัฒนา - ค่ารอ้ ยละ เก่ียวกับรปู แบบ พิพัฒน์ราษฎร์ กิจกรรมพัฒนา (%) - ของกิจกรรมพฒั นา อุปถมั ภ์ จานวน ผเู้ รียน วเิ คราะห์ ผู้เรียน การจัด 30 คน กิจกรรมการเรียนรู้ เน้อื หา การวัดและ (Content ประเมินผล Analysis) กจิ กรรมพฒั นา ผ้เู รียน จาก นกั เรียนชั้น มธั ยมศึกษา ขั้นตอนท่ี 2 การพฒั นา (D1 : Development) : การพัฒนากิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน เพอ่ื ส่งเสริม ทกั ษะอาชีพ และคณุ ลักษณะในการประกอบอาชีพ วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื พฒั นากจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น เรอ่ื ง ของดบี ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลกั ส่พี ิพฒั นร์ าษฎรอ์ ปุ ถมั ภ์ ฉบับรา่ ง 2. เพอ่ื ประเมนิ แผนพฒั นากิจกรรมผู้เรียน เพื่อส่งเสรมิ ทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการ ประกอบอาชีพ สาหรับนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษา โรงเรยี นวดั หลกั ส่ีพิพฒั น์ราษฎร์อุปถัมภ์ ฉบับร่าง 3. เพื่อปรับปรุงแผนพฒั นากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน เพือ่ สง่ เสริมทักษะอาชีพ และคณุ ลักษณะ ในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษา ฉบับร่าง
90 กลมุ่ เป้าหมาย ผู้เชยี่ วชาญในการตรวจสอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น จานวน 9 คน วธิ กี ารดาเนินการ ผวู้ จิ ัยมีวธิ ีดาเนนิ การ การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) โดยมีวิธีการดาเนินการ ดังนี้ นาข้อมูลที่ได้จากการสังเคราะห์ขั้นตอนที่ 1 คือ ขั้นศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานมาใช้ในการพัฒนา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งประกอบด้วย ขั้นตอนย่อย 3 ขั้นตอน คือ 1) การพัฒนากิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนฉบับร่าง 2) ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนฉบับร่างโดยผู้เชี่ยวชาญ และ 3) การปรับปรุง กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นฉบบั ร่าง ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ 1. การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนฉบับร่าง โดยผู้วิจัยนาข้อมูลท่ีได้จากขั้นตอนที่ 1 จาก การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การศึกษาความคิดเห็นและความต้องการเก่ียวกับสาระการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การ วัดและประเมินผล และข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ผ่านการร่วมกันวิเคราะห์แล้วดาเนินการพัฒนากิจกรรม พัฒนาผู้เรียนฉบับร่างที่ประกอบด้วย 1) หลักการ 2) เปูาหมาย 3) แนวการจัดกิจกรรม 4) รูปแบบ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5) คาอธิบายรายวิชา 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัด กิจกรรม 8) สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 9) การวัดและประเมินผล 10) แผนการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน จานวน 5 แผน ประกอบด้วย 1) ของดีบ้านแพ้ว 2) เลือกแล้วงานฉัน 3) ร่วมด้วยช่วยกัน 4) งานฉนั มีดี และ 5) หลกั สีต่ ลาดบ้านแพ้ว 2. การหาประสิทธิภาพกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นฉบบั ร่าง เมื่อสร้างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนฉบับ ร่าง ดาเนินการตรวจสอบคุณภาพของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนก่อนนาไปทดลองใช้ โดยตรวจสอบด้าน ความเหมาะสมและความสอดคล้องขององค์ประกอบของโครงร่างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยมี รายละเอยี ด ดังนี้ ข้ันตอนท่ี 1 สร้างประเด็นสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) โดยสิ่งที่ต้องการ ตรวจสอบ คือ ส่วนประกอบของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ 1) หลักการ 2) เปูาหมาย 3) แนวการ จัดกิจกรรม 4) รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5) คาอธิบายรายวิชา 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัดกิจกรรม 8) ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 9) การวัดและประเมินผล 10) แผนการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการพิจารณาว่ามีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาความจาเป็นกับการ พฒั นากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนหรือไม่ และสอดคล้องกันหรอื ไม่ เพยี งใด ข้ันตอนที่ 2 ทาหนังสือจากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญ จานวน 9 คน มาร่วมการสนทากลุ่มในครั้งนี้ จากนั้นผู้วิจัยตรวจสอบคุณภาพกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ฉบับร่าง โดยนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนฉบับร่างที่พัฒนาขึ้น ให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
91 ตรวจสอบความเหมาะสม แล้วจึงให้ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบคุณภาพโดยการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยผ้เู ช่ยี วชาญประกอบด้วย 2.1 ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนากิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน จานวน 3 คน ตรวจสอบความ สอดคล้องของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่พัฒนาขึ้นว่ามีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกิจกรรม พฒั นาผู้เรยี นหรอื ไม่ และตรวจสอบแผนการจดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนว่ามีความสอดคล้องกับกิจกรรม พฒั นาผเู้ รยี นหรอื ไม่ 2.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรอาชีพ จานวน 2 คน ตรวจสอบเก่ียวกับความ สอดคล้องของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีพัฒนาข้ึนว่าสอดคล้องกับทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการ ประกอบอาชพี หรือไม่ 2.3 ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านโครงงาน จานวน 1 คน ตรวจสอบเก่ียวกับความสอดคล้องของ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นท่พี ัฒนาขน้ึ ว่าสอดคล้องกบั การจดั การเรียนรู้ด้วยโครงงานหรือไม่ 2.4 ผู้เชย่ี วชาญด้านขอ้ มูลทอ้ งถิ่น จานวน 1 คน ตรวจสอบเกี่ยวกับความสอดคล้อง ของกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นท่ีพัฒนาขนึ้ ว่าสอดคลอ้ งกับข้อมูลท้องถนิ่ หรอื ไม่ 2.5 ผู้เชยี่ วชาญด้านการวัดและประเมนิ ผล จานวน 2 คน ตรวจสอบความเหมาะสม และความสอดคลอ้ งของการประเมินผลการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ขั้นตอนท่ี 3 ดาเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ในวันอาทิตย์ ท่ี 24 ธันวาคม 2560 เวลา 9.00 ณ ห้องประชุมบัณฑิตภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศิลปากร โดยเคร่ืองมือที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ คือ ประเด็นสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ทีผ่ ู้วิจัยสร้างข้นึ ประกอบด้วยความคิดเห็นเก่ียวกับความสอดคล้องของวัตถุประสงค์กับ องค์ประกอบของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อพิจารณาความถูกต้อง เหมาะสมและตรวจสอบความ สอดคลอ้ งของกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น โดยมีผู้เชย่ี วชาญด้านการพัฒนากจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน จานวน 3 คน ผูเ้ ชยี่ วชาญดา้ นหลักสูตรอาชพี จานวน 2 คน ผู้เชย่ี วชาญด้านโครงงาน จานวน 1 คน ผู้เชี่ยวชาญ ด้านข้อมลู ทอ้ งถิ่น จานวน 1 คน และผู้เชย่ี วชาญด้านการวัดและประเมนิ ผล จานวน 2 คน ภาพที่ 1 การสนทนากลมุ่ (Focus Group)
92 3. การปรับปรงุ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนฉบบั รา่ ง นาผลการหาประสิทธภิ าพกิจกรรมพัฒนา ผูเ้ รยี นฉบับร่าง ของผู้เชย่ี วชาญ จากการสนทนากลมุ่ (Focus Group) มาเปน็ ข้อมลู ในการปรับปรงุ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นใหม้ ปี ระสิทธิภาพ เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ัย และการสรา้ งเครื่องมือในการวิจยั เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ัย มดี งั ต่อไปนี้ 1. ประเดน็ สนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) โดยการสนทนาในประเด็นเกี่ยวกับ ความเหมาะสม และความสอดคล้องของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียน ชน้ั มัธยมศึกษา ทผี่ ้วู จิ ัยไดท้ าการพัฒนาขึ้น โดยนาข้อมูลท่ีได้จากการสนทนากลุ่มมาวิเคราะห์ เพื่อทา การ ปรับปรุงแก้ไขกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซ่ึงกลุ่มบุคคลท่ีเข้าร่วมการสนทนากลุ่ม ได้แก่ ผู้เช่ียวชาญ ด้านการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 3 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรอาชีพ จานวน 2 คน ผเู้ ช่ยี วชาญด้านโครงงาน จานวน 1 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลท้องถิ่น จานวน 1 คน และผู้เช่ียวชาญ ด้านการวดั และประเมนิ ผล จานวน 2 คน โดยกาหนดประเด็นการสนทนากลุม่ เป็น 3 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 สถานภาพและข้อมลู ทัว่ ไปของผู้ร่วมสนทนา ตอนที่ 2 ความคิดเห็นเก่ียวกับเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดี บ้านแพ้ว ได้แก่ ประกอบด้วย 1) หลักการ 2) เปูาหมาย 3) แนวการจัดกิจกรรม 4) รูปแบบการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 5) คาอธิบายรายวิชา 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัดกิจกรรม 8) สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 9) การวดั และประเมินผล และ 10) แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม การสร้างประเดน็ สนทนากลมุ่ โดยมขี น้ั ตอนในการสร้าง ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้ันที่ 1 ศึกษาแนวคิด หลักการ ทฤษฎีจากหนังสือ และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนา กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ขั้นที่ 2 นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาประมวล เพื่อกาหนดเป็นประเด็นโครงสร้างของ เครื่องมือ และขอบเขตของเน้ือหาในพฤติกรรมบ่งช้ี โดยขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์ ขั้นท่ี 3 สร้างประเด็นสนทนากลุ่มตามขอบเขตเน้ือหาในพฤติกรรมบ่งช้ีที่กาหนด จากน้ันนา ประเด็นสนทนากลุ่มที่สร้างขึ้น เสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อตรวจสอบ ให้ข้อเสนอแนะ แลว้ นามาปรบั ปรงุ แกไ้ ข ขั้นท่ี 4 นาประเด็นสนทนากลุ่ม เสนอผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 คน โดยมีผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 2 คน ผู้เชี่ยวชาญดา้ นหลกั สูตรอาชีพ
93 จานวน 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผล จานวน 1 คน เพื่อพิจารณาตรวจสอบ คณุ ภาพ ความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) โดยนาแบบประเมินค่า ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบสอบถาม ไปให้ผู้เช่ียวชาญแต่ละท่านพิจารณาลงความเห็นและให้คะแนนเพื่อนามา ปรบั ปรงุ แก้ไข โดยมเี กณฑ์การให้คะแนน ดงั น้ี +1 หมายถงึ แน่ใจว่ามคี วามสอดคลอ้ งสอดคล้อง 0 หมายถงึ ไมแ่ นใ่ จวา่ มีความสอดคลอ้ ง -1 หมายถงึ แน่ใจวา่ ไมม่ คี วามสอดคล้อง แล้วนาคะแนนท่ีไดจากผู้เช่ียวชาญแต่ละคนมาคานวณหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Objective Congruence : IOC) จากสูตร (มาเรียม นิลพันธ์ุ 2558 : 177) IOC = IOC หมายถงึ ดชั นคี วามสอดคล้องของประเดน็ สนทนากลุม่ ∑R หมายถงึ ผลรวมของคะแนนความคดิ เหน็ ของผู้เช่ยี วชาญทงั้ หมด N หมายถึง จานวนผเู้ ช่ยี วชาญ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่คานวณได้จะต้องมีค่า 0.5 ขึ้นไป จึงจะถือว่ามีความ สอดคล้อง เหมาะสม สามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นิลพันธ์ุ 2558 : 177) ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของประเด็นสนทนากลมุ่ ท่คี านวณได้ มีค่าระหว่าง 0.60-1.00 แสดงว่าประเด็นสนทนากลุ่ม มี ความสอดคล้องและเหมาะสม สามารถนาไปใช้ได้ ท้ังนี้ผู้เช่ียวชาญได้เสนอแนะ และให้ปรับปรุง โดย ปรับข้อคาถามให้มีการใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย กระชับได้ใจความ ซ่ึงผู้วิจัยได้แก้ไขปรับปรุง โดยปรับ ภาษาท่ีใชใ้ นขอ้ คาถามให้เข้าใจง่าย กระชบั ได้ใจความ ขัน้ ท่ี 5 นาประเด็นสนทนากลุ่มมาปรับปรุงแกไ้ ข โดยปรบั ข้อคาถาม ให้มีความกระชับ และ คลอบคลมุ มากขึน้ จากนน้ั ให้ผู้เช่ยี วชาญตรวจสอบอกี ครง้ั เพอื่ ความสมบูรณ์ของเคร่ืองมือที่ใช้ในการ วิจยั ขัน้ ที่ 6 นาประเด็นสนทนากลุ่ม ไปดาเนินการสนทนากลุ่ม โดยสรปุ ข้นั ตอนการสรา้ งประเดน็ สนทนากลมุ่ ได้ ดังแผนภูมิท่ี 8 ดงั นี้
94 ศกึ ษาแนวคดิ หลกั การ ทฤษฎจี ากหนงั สือ และงานวจิ ัยท่เี กยี่ วข้องกบั การพัฒนากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน นาข้อมลู ทไี่ ด้จากการศกึ ษามาประมวล เพ่ือกาหนดเปน็ ประเด็น โครงสร้างของประเด็นสนทนากลมุ่ สรา้ งประเด็นสนทนากล่มุ แล้วนาเสนออาจารยท์ ปี่ รึกษาวิทยานิพนธ์ ตรวจสอบเพ่ือใหข้ ้อเสนอแนะแล้วนามาปรบั ปรุงแก้ไข ปรับปรงุ แก้ไข ไมผ่ า่ น นาประเดน็ สนทนากล่มุ เสนอผูเ้ ชยี่ วชาญ ผ่าน ประเด็นสนทนากลมุ่ ฉบบั สมบูรณ์ แผนภมู ิที่ 8 แสดงข้นั ตอนการสรา้ งประเด็นสนทนากลมุ่ การดาเนินการสนทนากลมุ่ (Focus Group) 1. ผู้วิจัยทาหน้าท่ีเป็นผู้ดาเนินการสนทนา (Moderator) กาหนดประเด็นสนทนากลุ่ม เก่ียวกับความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา โดยมีผู้จดบันทึกการสนทนากลุ่ม (Note Taker) จานวน 3 คน และผู้ช่วยเหลือ (Assistants) จานวน 1 คน 2. กาหนดผู้ร่วมสนทนากลุ่ม (Discussion) ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนากิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา โดยผู้ร่วมสนทนากลุ่มในครั้งน้ีเป็น ผู้เช่ียวชาญด้านการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 3 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรอาชีพ จานวน 2 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงงาน จานวน 1 คน ผู้เช่ียวชาญด้านข้อมูลท้องถิ่น จานวน 1 คน และผเู้ ชีย่ วชาญด้านการวดั และประเมนิ ผล จานวน 2 คน 3. ผู้วิจัยทาหน้าที่เป็นผู้ดาเนินการสนทนา (Moderator) กาหนดประเด็นสนทนากลุ่ม เกยี่ วกับสถานภาพและขอ้ มูลท่วั ไป ความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เรื่อง ของดบี า้ นแพ้ว
95 สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ได้แก่ 1) หลักการ 2) เปูาหมาย 3) แนวการจัดกิจกรรม 4) รูปแบบ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5) คาอธิบายรายวิชา 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัด กิจกรรม 8) สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 9) การวัดและประเมินผล 10) แผนการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นผู้สังเกตการณ์ในการจัด สนทนากลมุ่ 4. เร่ิมการสนทนากลุ่ม โดยผู้วิจัยแนะนาผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่ม และคณะของผู้วิจัย สร้าง บรรยากาศความเป็นกันเอง และขออนุญาตบันทึกเสียง จากน้ันจึงช้ีแจงวัตถุประสงค์ของการสนทนา กลุม่ ในคร้ังน้ี เกย่ี วกบั ความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น เรือ่ ง ของดีบา้ นแพ้ว 5. เร่ิมการสนทนากลุ่มตามประเด็นสนทนากลุ่ม โดยผู้วิจัยเป็นผู้นาประเด็นมาต้ังคาถามใน การสนทนากลุ่มใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มสนทนากลุม่ ทกุ คนได้แสดงความคิดเห็นในแต่ละประเด็น จากน้ันผู้วิจัยทา การสรุปประเด็นในแต่ละประเด็นอีกครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกัน และควบคุมระยะเวลาในการ สนทนากลมุ่ ใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ าหนด 6. เมอื่ ผเู้ ขา้ ร่วมสนทนากลุม่ แสดงความคดิ เหน็ ครบทกุ ประเดน็ คาถาม ผู้วิจัยได้กล่าวขอบคุณ พร้อมทั้งมอบของทร่ี ะลึก สาหรับผ้เู ขา้ รว่ มสนทนากลุ่ม และปิดการสนทนากลมุ่ 7. ผูว้ จิ ัยรวบรวมข้อมูล และจัดเตรียมข้อมูลท่ีได้จากการสนทนากลุ่ม เพ่ือใช้ในการวิเคราะห์ ขอ้ มลู เชงิ เนื้อหา การวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากการสนทนากลุม่ (Focus Group Discussion) ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) เกี่ยวกับความ คดิ เหน็ เกยี่ วกบั การพฒั นากิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เป็นการวิเคราะหเ์ น้อื หา (Content Analysis) แล้วนาเสนอเป็นแบบเขยี นพรรณนาความเรียง 2. แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน การสร้างและตรวจสอบแผนการจัดกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น จานวน 5 แผน ใช้เวลาสอน 20 ชั่วโมง เรอื่ ง ของดบี ้านแพ้ว สาหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษา กาหนดขัน้ ตอน ดังน้ี ข้ันที่ 1 ศึกษาแนวคิด หลักการ ทฤษฎีจากหนังสือ และงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับการพัฒนา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบ ขั้นตอนการจัดกิจกรรมพัฒนา ผูเ้ รียน ขน้ั ที่ 2 วิเคราะหจ์ ดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา เพอื่ สรา้ งแผนการจัดกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ขนั้ ที่ 3 สร้างแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แลว้ นาเสนออาจารย์ที่ปรกึ ษาวทิ ยานพิ นธ์ ตรวจสอบเพื่อให้ข้อเสนอแนะแลว้ นามาปรบั ปรงุ แก้ไข
รวม 20 ช่วั โมง 54 43 35 23 1 5√ ตารางที่ 9 สรปุ หน่วยการเรยี นรู้ เร่อื ง ของดบี ้านแพ้ว √√ 1. ใหค้ วามรู้พ้นื ฐาน หน่วยที่ เวลา ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมโดยใช้โครงงานเปน็ ฐาน (ชั่วโมง) √ 2. เลอื กหัวข้อที่สนใจ 3. วางแผน √ √ √ √ √ √ √√ √ √ √ √ √ √√ √ √ √√ √ √√ √ 4. ลงมอื ปฏบิ ตั ิ √ ทกั ษะอาชพี 5. นาเสนอและอภปิ ราย √ 6. การวัดและประเมินผล √√ √ √√ √ √√ √ √ √ √ √ √√ √√ 1. ทกั ษะการสื่อสารและ 96 มนุษยสมั พนั ธ์ √ 2. ทักษะกระบวนการทางาน คุณลักษณะในการประกอบอาชพี 3. ทกั ษะกระบวนการ 96 แก้ปญั หา 4. ทกั ษะแสวงหาความรู้ 5. ทกั ษะการจดั การ 1. ความซ่ือสตั ย์ 2. ความขยนั และความอดทน 3. ความรับผดิ ชอบในการ ทางาน 4. ความเสียสละ 5. ระเบยี บวนิ ยั 6. มีทศั นคติท่ีดีตอ่ อาชพี ที่ทา
97 ตารางที่ 10 หนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ ง ของดบี า้ นแพว้ หนว่ ย ชือ่ จดุ ประ สาระการ ภาระงาน/ การวดั และ ขั้นตอน ทกั ษะ คณุ ลักษณะ เวลา ที่ เรื่อง สงคก์ าร เรยี นรู้ ชนิ้ งาน ประเมินผล (ช่วั เรยี นรู้ การจัด อาชีพ ในการ โมง) 1 ของดี 1. ข้อมลู บา้ น 1. นกั เรียน ทวั่ ไป กิจกรรม ประกอบ 5 แพ้ว สามารถ เกย่ี วกบั อธบิ าย การ โดยใช้ อาชพี ความ ประกอบ สาคญั ของ อาชีพ โครง การ ประกอบ 1.1 งานเปน็ อาชีพได้ ความ 2. นักเรียน สาคญั ของ ฐาน สามารถ การ อธบิ าย ประกอบ 1. ใบงานท่ี 1. แบบ 1. ให้ 1. 1. ความขยัน ปจั จัยใน อาชพี 1 Mind ประเมิน การ Mapping Mind ความรู้ ทักษะ และอดทน ประกอบ 1.2 เร่ือง ความ Mapping อาชีพให้ ปจั จยั ใน สาคัญของ เรื่อง พน้ื ฐาน แสวง 2. ความ ประสบ การ การ ความสาคัญ ความ ประกอบ ประกอบ ของการ หา รบั ผิดชอบใน สาเรจ็ ได้ อาชีพให้ อาชพี และ ประกอบ 3. นกั เรยี น ประสบ ปจั จัยใน อาชพี และ ความรู้ การทางาน สามารถ ความ การ ปจั จัยในการ วางแผน สาเร็จ ประกอบ ประกอบ 3. มรี ะเบยี บ กลยทุ ธ์ อาชีพให้ อาชีพให้ การตลาด 1.3 การ ประสบ ประสบ วนิ ัย การทา วางกลยทุ ธ์ ความ ความสาเรจ็ บญั ชี การตลาด สาเร็จ 2. แบบ รายรับ- การทา 2. ใบงานท่ี ประเมนิ แผน รายจา่ ย บัญชี 2 แผนกล กลยุทธ์ คานวณ รายรับ- ยทุ ธ์ การตลาด ต้นทนุ รายจา่ ย การตลาด การทาบัญชี กาไรได้ คานวณ การทา รายรบั - ตน้ ทุน บัญชี รายจ่าย กาไร รายรับ- คานวณ รายจา่ ย ต้นทุน กาไร คานวณ 3. แบบ ตน้ ทุน ประเมนิ กาไร Mind 3. ใบงานท่ี Mapping 3 Mind เรือ่ ง Mapping ประโยชน์
98 ตารางที่ 10 หน่วยการเรียนรู้ เร่อื ง ของดีบา้ นแพว้ (ต่อ) หน่วย ช่ือ จดุ ประ สาระการ ภาระงาน/ การวัดและ ข้นั ตอน ทักษะ คณุ ลักษณะ เวลา ท่ี เรื่อง สงค์การ เรียนรู้ ชิ้นงาน ประเมินผล การจัด อาชพี ในการ (ช่ัว เรียนรู้ กิจกรรม ประกอบ โมง) โดยใช้ อาชพี โครงงา นเป็น ฐาน 4. นกั เรยี น 2.ขอ้ มูล เร่ือง ของส่วน อธิบาย ท่วั ไป ประโยชน์ ต่างๆ ของ ประโยชน์ เก่ียวกับ ของส่วน ต้นมะพร้าว ของสว่ น มะพร้าว ตา่ งๆ ของ ได้ ตา่ งๆ ของ ผลไม้สรา้ ง ตน้ 4. แบบ ตน้ รายได้ มะพรา้ ว ประเมนิ มะพรา้ วได้ 2.1 ทกั ษะอาชพี ประวัติ 5. แบบ ความ ประเมิน สาคญั ของ คุณลักษณะ มะพร้าว ในการ ผลไม้สร้าง ประกอบ รายไดห้ ลกั อาชพี ของบ้าน แพว้ 2.2 ส่วนประ กอบของ มะพรา้ ว และสว่ น ต่างๆ ของ ตน้ มะพรา้ ว 2.3 การ นาส่วน ต่างๆ ของ ต้น มะพร้าว และ
99 ตารางที่ 10 หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่อื ง ของดีบา้ นแพ้ว (ต่อ) หนว่ ย ชอ่ื จดุ ประ สาระการ ภาระงาน/ การวัดและ ขนั้ ตอน ทกั ษะ คุณลกั ษณะ เวลา ที่ เร่ือง (ช่วั สงค์การ เรียนรู้ ชน้ิ งาน ประเมินผล การจดั อาชพี ในการ โมง) 2 เลือก แลว้ เรียนรู้ กิจกรรม ประกอบ 3 งาน ฉัน โดยใช้ อาชพี โครงงา นเป็น ฐาน มะพรา้ วไป ใช้ ประโยชน์ 1. นักเรียน 1. การ 1. ใบงานท่ี 1. แบบ 2. เลือก 1. 1. ความขยนั สามารถ กาหนดหัว 4 แบบ ประเมนิ แบบ หัวขอ้ ที่ ทักษะ และอดทน กาหนด เรอ่ื ง บนั ทกึ บันทกึ หวั ขอ้ สนใจ การ 2. ความรับ หัวข้อเรอ่ื ง โครงงาน หัวขอ้ และ และการ 3. ส่อื ผดิ ชอบใน ของ อาชีพ การ วางแผน วางแผน สาร การทางาน โครงงาน 2. การ วางแผน โครงงาน และ 3. ความ อาชีพได้ วางแผน โครงงาน อาชพี มนษุ ย เสยี สละ อย่าง โครงงาน อาชพี 2. แบบ สมั เหมาะสม อาชีพ ประเมิน พนั ธ์ 2. นกั เรียน ทักษะอาชพี 2. สามารถ 3. แบบ ทกั ษะ วางแผน ประเมนิ กระ โครงงาน คุณลกั ษณะ บวน อาชพี ได้ ในการ การ ประกอบ ทางาน อาชพี 3. ทกั ษะ การ แกป้ ญั หา 4. ทักษะ แสวง หา ความรู้
100 ตารางที่ 10 หนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื ง ของดีบ้านแพว้ (ต่อ) หนว่ ย ช่อื จดุ ประสงค์ สาระ ภาระ การวดั และ ขนั้ ตอน ทกั ษะ คณุ ลักษณะ เวลา ที่ เรอ่ื ง การเรยี นรู้ การ งาน/ ประเมินผล การจดั อาชพี ในการ (ชว่ั เรียนรู้ ชน้ิ งาน กจิ กรรม ประกอบ โมง) 3 รว่ ม 1. นกั เรียน 1. แบบ โดยใช้ 1. อาชพี 5 ดว้ ย สามารถลง 1. การ 1. ประเมิน โครง ทักษะ ช่วย มือปฏบิ ัติทา ลงมอื ผลงาน ทกั ษะอาชพี งานเปน็ การสื่อ 1. ความ 3 กนั โครงงาน ปฏิบัติ โครงงาน 2. แบบ ฐาน สารและ ซื่อสัตย์ อาชีพได้ ดาเนิน อาชีพ ประเมนิ 4. ลงมือ มนษุ ย 2. ความขยนั 4 งาน การ คณุ ลกั ษณะ ปฏบิ ตั ิ สัมพันธ์ และอดทน ฉันมีดี 1. นักเรียน โครงงาน ในการ 2. 3. ความ สามารถ อาชีพ ประกอบ 5. ทกั ษะ รับผดิ ชอบใน นาเสนอและ อาชพี นาเสนอ กระ การทางาน อภิปราย 1. การ และ บวนการ 4. ความ โครงงาน นาเสนอ 1. แบบ อภปิ ราย ทางาน เสยี สละ อาชพี ได้ และ ประเมินผล 6. การ 3. 5. มีระเบียบ อภปิ ราย งานโครงงาน วดั และ ทกั ษะ วินยั โครงงาน อาชีพ ประเมนิ การแก้ อาชีพ 2. แบบ ผล ปัญหา 1. ความ ประเมนิ 4. ซื่อสัตย์ ทักษะอาชีพ ทกั ษะ 2. ความขยัน การ และอดทน จดั การ 3. ความรบั 1. ทักษะ การ ส่ือสาร และ มนษุ ย สมั พันธ์
101 ตารางที่ 10 หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอื่ ง ของดบี า้ นแพว้ (ต่อ) หน่วย ช่อื จดุ ประสงค์ สาระ ภาระ การวัดและ ขัน้ ตอน ทกั ษะ คณุ ลักษณะ เวลา ที่ เรือ่ ง การเรียนรู้ การ งาน/ ประเมินผล การจัด อาชพี ในการ (ช่วั เรียนรู้ ชิน้ งาน กิจกรรม ประกอบ โมง) 5 หลกั ส่ี 2. นกั เรียน 3. แบบ โดยใช้ 2. อาชพี ตลาด สามารถวัด 2. การ ประเมนิ โครงงา ทักษะ 4 บ้าน และ วัดและ คณุ ลักษณะ นเปน็ การแก้ ผิด ชอบใน แพ้ว ประเมนิ ผล ประเมิน ในการ ฐาน ปญั หา การทางาน โครงงาน ผล ประกอบ 3. 4. ความ อาชีพได้ โครงงาน อาชพี ทักษะ เสียสละ 3. นกั เรยี น อาชพี การ 5. มรี ะเบียบ สามารถ 1. แบบ จัดการ วนิ ยั ปรับปรุง 1. การ ประเมนิ 6. มีทัศนคติ แกไ้ ขผลงาน ประกอบ ทกั ษะอาชีพ ทีด่ ตี ่ออาชพี โครงงาน อาชพี 2. แบบ ทที่ า อาชพี ได้ ประเมิน 1. นกั เรียน คณุ ลกั ษณะ 5. 1. 1. ความ สามารถ ในการ นาเสนอ ทกั ษะ ซ่อื สัตย์ ประกอบ ประกอบ และ การ 2. ความขยัน อาชีพได้ อาชีพ อภิปราย สอ่ื สาร และอดทน 6. การ และ 3. ความ วดั และ มนุษย รับผิดชอบใน ประเมนิ สัมพันธ์ การทางาน ผล 2. 4. ความ ทักษะ เสียสละ กระบวน 5. มีระเบยี บ การ วินยั ทางาน
102 ตารางที่ 10 หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง ของดบี า้ นแพ้ว (ต่อ) หนว่ ย ช่อื จดุ ประสงค์ สาระ ภาระ การวดั และ ขัน้ ตอน ทกั ษะ คุณลกั ษณะ เวลา ที่ เรอ่ื ง การเรียนรู้ การ งาน/ ประเมนิ ผล การจดั อาชพี ในการ (ช่วั เรยี นรู้ ชนิ้ งาน กจิ กรรม ประกอบ โมง) โดยใช้ อาชีพ โครงงา นเป็น ฐาน 3. 6. มที ัศนคติ ทักษะ ทีด่ ีต่ออาชพี การแก้ ท่ที า ปญั หา 4. ทักษะ แสวง หา ความรู้ 5. ทักษะ การ จัดการ
103 จากตารางที่ 10 แสดงรายละเอยี ดของหนว่ ยการจัดกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ประกอบด้วย แผนการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 แผน ดงั น้ี แผนการจัดกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนที่ 1 เรือ่ ง ของดีบ้านแพว้ แผนการจดั กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนท่ี 2 เรือ่ ง เลือกแลว้ งานฉัน แผนการจดั กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นที่ 3 เรื่อง ร่วมดว้ ยช่วยกนั แผนการจดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นท่ี 4 เรื่อง งานฉันมดี ี แผนการจัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนที่ 5 เร่ือง หลักสี่ตลาดบา้ นแพว้ ขั้นท่ี 4 ดาเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group) เพ่ือหาประสิทธิภาพของแผนการจัด กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ข้ันท่ี 5 ปรับปรุงแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามคานะนาของอาจารย์ท่ีปรึกษา วทิ ยานพิ นธแ์ ละผเู้ ช่ียวชาญ โดยมรี ายละเอียด ดงั น้ี 5.1 หลักการ และแนวการจัดกิจกรรม ควรเพ่ิมเติมการจัดกิจกรรมโดยใช้วิธีการ จัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน เพิ่มไปอีก 1 ข้อ เพ่ือให้เป็นหลักในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดว้ ยโครงงาน 5.2 เปูาหมาย เน่ืองจากเปูาหมายหลักของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเน้นส่งเสริมทักษะ อาชีพ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียน จึงควรเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับ ทักษะ อาชพี คณุ ลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียน 5.3 คาอธิบายรายวิชา ควรเขยี นในลักษณะดา้ นความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะหรือ เจตคติของนกั เรียน โดยเนน้ สง่ เสรมิ ทกั ษะอาชพี คณุ ลกั ษณะในการประกอบอาชีพของนกั เรียน 5.4 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ควรจัดกลุ่มจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทม่ี ลี ักษณะเดียวกันให้ อยู่ด้วยกัน เน้นจุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีพึงให้นักเรียนเกิด โดยแบ่งออกเป็นด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะ พสิ ัย และดา้ นจติ พสิ ยั 5.5 โครงสร้างการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ควรปรับเน้ือหาให้มีความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั เวลาในการจดั กิจกรรมในแตล่ ะข้นั ตอน 5.6 สื่อประกอบกิจกรรม ควรระบุให้ชัดเจนว่ามีการใช้สื่ออะไรประกอบกิจกรรม พัฒนาผูเ้ รียนบา้ ง และแบ่งเป็นสอ่ื การเรยี นรู้ แหลง่ เรียนรู้ และบคุ คล 5.7 ควรปรับลักษณะกิจกรรม และใบงานให้เป็นลักษณะเกม หรือกิจกรรมที่ทาให้ ผู้เรียนไม่เกิดความเบื่อหน่าย หรือหนักวิชาการเกินไป แต่ปรับกิจกรรมให้เป็นในลักษณะเรียนรู้ผ่าน กิจกรรม ทาให้ผเู้ รียนเกิดความสนกุ ในการเรียน
104 5.8 แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ยุบรวมแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ย่อย เป็นในลักษณะหน่วยการเรียนรู้ จาก 20 แผน ยุบเหลือเป็น 5 แผน โยแต่ละแผนให้แสดงถึง ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ดู ้วยโครงงาน ทีผ่ วู้ ิจัยได้สังเคราะห์มา 5.9 เกณฑ์การวัดและประเมินผล ในแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนควรปรับให้ กระชับ ใช้ภาษาท่ีเขา้ ใจง่าย และสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.10 เกณฑ์การวัดและประเมิน แบบประเมินทักษะอาชีพและแบบประเมิน คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ให้ปรับรายละเอียดการประเมินให้ชัดเจน ใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย แสดงออกถึงพฤตกิ รรมของผู้เรยี นทีเ่ หน็ ชัด สามารถวัดได้ ข้ันท่ี 6 นาแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ไปทดลองกับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา โรงเรียน วัดหลกั ส่พี ิพัฒนร์ าษฎร์อปุ ถมั ภ์ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ในภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2560 รวม 20 ชั่วโมง โดยสรปุ ขน้ั ตอน ดังแผนภูมทิ ี่ 9 ดงั นี้ ศกึ ษาแนวคดิ หลักการ ทฤษฎจี ากหนงั สือ และงานวิจยั ที่เก่ยี วข้องกบั การพัฒนากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ รปู แบบ ข้นั ตอนการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน วเิ คราะห์จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เพอื่ นามาสร้าง แผนการจัดกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน สร้างแผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น แล้วนาเสนออาจารย์ทีป่ รึกษา วิทยานิพนธ์ตรวจสอบเพื่อให้ขอ้ เสนอแนะแลว้ นามาปรบั ปรุงแกไ้ ข ปรบั ปรงุ แก้ไข ไมผ่ า่ น ดาเนินการสนทนากลุม่ เพ่ือ หาประสิทธภิ าพของ แผนการจดั กจิ กรรมพัฒนา ผ่าน แผนการจดั กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนฉบบั สมบรู ณ์ แผนภูมทิ ี่ 9 แสดงข้ันตอนการสรา้ งแผนการจดั กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน
105 จากขั้นตอนท่ี 2 การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ ฉบับร่าง ผู้วิจัยได้สรุปวิธีการดาเนินการวิจัย ดงั ตารางท่ี 11 โดยมีรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี ตารางที่ 11 สรปุ วิธดี าเนินการวิจัยข้ันตอนที่ 2 การพฒั นากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน เรอ่ื ง ของดบี า้ นแพ้ว สาหรับนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษา โรงเรยี นวดั หลักสพี่ ิพัฒน์ราษฎรอ์ ุปถัมภ์ ฉบับรา่ ง วัตถุประสงค์ วธิ ีการ กลุ่มเปา้ หมาย/ เคร่ืองมอื การวเิ คราะห์ เอกสาร ข้อมูล 1. เพ่ือพัฒนา พัฒนากิจกรรม - ผู้วจิ ัย - ประเด็นการ วเิ คราะห์ กจิ กรรมพฒั นา พัฒนาผเู้ รียน ซ่ึง - ผู้เชีย่ วชาญ สนทนากลมุ่ เน้อื หา ผเู้ รยี น เพ่ือ ประกอบดว้ ย จานวน 9 คน (Focus Group) (Content ส่งเสรมิ ทกั ษะ - หลักการ ไดแ้ ก่ - กิจกรรม Analysis) อาชพี และ - เปูาหมาย 1. ผูเ้ ชย่ี วชาญดา้ น พัฒนาผู้เรียน คณุ ลกั ษณะในการ - แนวการจัด กจิ กรรมพฒั นา ฉบบั ร่าง ประกอบอาชีพ กจิ กรรม ผู้เรียน จานวน 3 สาหรับนกั เรยี นชั้น - รปู แบบการจดั คน มัธยมศึกษา กจิ กรรม 2. ผู้เชยี่ วชาญดา้ น โรงเรยี นวดั หลักสี่ - คาอธิบายรายวิชา หลักสูตรอาชีพ พพิ ัฒน์ราษฎร์ - จดุ ประสงคก์ าร จานวน 2 คน อุปถัมภ์ เรยี นรู้ 3. ผู้เช่ียวชาญด้าน - โครงสรา้ งการจัด โครงงาน จานวน 1 กจิ กรรม คน - สือ่ การเรยี นรู้/ 4. ผ้เู ชยี่ วชาญดา้ น แหลง่ เรยี นรู้ ข้อมลู ท้องถ่นิ - การวัดและ จานวน 1 คน ประเมนิ ผล 5. ผูเ้ ชย่ี วชาญดา้ น - แผนการจดั วดั และประเมนิ ผล กิจกรรมพัฒนา จานวน 2 คน ผเู้ รียน
106 ตารางท่ี 11 สรปุ วิธีดาเนนิ การวจิ ัยขนั้ ตอนที่ 2 การพฒั นากิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น เรื่อง ของดบี ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา โรงเรยี นวัดหลกั ส่พี ิพัฒน์ราษฎร์อปุ ถมั ภ์ ฉบับรา่ ง (ต่อ) วัตถุประสงค์ วธิ กี าร กล่มุ เปา้ หมาย/ เครือ่ งมอื การวิเคราะห์ เอกสาร ขอ้ มูล 2. เพือ่ ประเมิน - ตรวจสอบความ - อาจารย์ท่ีปรกึ ษา - ประเด็นการ - วิเคราะห์ กจิ กรรมพัฒนา เหมาะสมของ วทิ ยานิพนธ์ สนทนากลมุ่ เนอ้ื หา ผูเ้ รยี น เพือ่ สง่ เสริม องคป์ ระกอบใน - ผูเ้ ชีย่ วชาญ (Focus Group) (Content ทักษะอาชีพ และ แผนกจิ กรรม จานวน 9 คน ไดแ้ ก่ Analysis) คณุ ลกั ษณะในการ พัฒนาผู้เรียน 1. ผูเ้ ช่ยี วชาญด้าน ประกอบอาชีพ - ตรวจสอบความ กจิ กรรมพัฒนา สาหรบั นกั เรยี นช้นั สอดคลอ้ งของ ผู้เรยี น จานวน 3 มัธยมศกึ ษา แผนกิจกรรม คน โรงเรยี นวดั หลกั ส่ี พฒั นาผู้เรยี น 2. ผู้เชี่ยวชาญดา้ น พพิ ฒั น์ราษฎร์ หลักสตู รอาชพี อุปถมั ภ์ ฉบบั รา่ ง จานวน 2 คน 3. ผเู้ ชี่ยวชาญด้าน โครงงาน จานวน 1 คน 4. ผูเ้ ชย่ี วชาญด้าน ขอ้ มูลท้องถ่นิ จานวน 1 คน 5. ผู้เชยี่ วชาญด้าน วัดและประเมนิ ผล จานวน 2 คน
107 ข้ันตอนที่ 3 การวิจยั (R2 : Research) : การทดลองใช้กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน เรือ่ ง ของดีบา้ น แพ้ว วตั ถุประสงค์ เพ่ือทดลองใช้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ ทั้งนี้เพ่ือพิจารณาผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทดลองใช้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดังกล่าว ซึ่งใช้ในการทดลองจัดกิกรรมพัฒนาผู้เรียน ใช้วิธีการวิจัยแบบก่อน ทดลอง (Pre Experimental Designs) แบบแผนการวิจัยแบบ The One-Shot Case Study (มา เรยี ม นิลพนั ธ์ุ, 2558 : 143) แบบแผนการวิจยั ตารางท่ี 12 แบบแผนการวิจัย ทดลอง สอบ X T2 X หมายถงึ การทดลองใช้กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน เรอ่ื ง ของดีบ้านแพ้ว T2 หมายถึง การประเมินทกั ษะอาชีพ และคณุ ลกั ษณะในการประกอบอาชีพหลังการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรอื่ ง ของดบี า้ นแพว้ กลมุ่ เปา้ หมาย นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-6 โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ท่ีกาลังศึกษา ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งได้จากการ อาสาสมัคร (Volunteer Sampling) จานวน 30 คน เขา้ เรยี นในชมุ นุมของดีบ้านแพ้ว วธิ ีการดาเนนิ การ วิธีการดาเนนิ การตามลาดับขั้นตอน ดงั น้ี ขั้นที่ 1 ขอหนังสือจากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ถึงผู้อานวยการโรงเรียนวัด หลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ เพ่ือขอความอนุเคราะห์ในการทดลองใช้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ พฒั นาข้ึน
108 ขั้นที่ 2 ทดลองจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้วิจัยทดลองใช้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ภาค เรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2560 โดยดาเนนิ กจิ กรรมตามแผนการจัดกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ข้ันท่ี 3 ในการทดลองจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศกึ ษา มขี นั้ ตอน ดงั นี้ 3.1 ผู้วิจัยแนะนาวิธีการและขั้นตอนในการเสนอแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพ่ือนาไปใช้ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนกับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 โรงเรียนวัดหลักส่ี พพิ ฒั น์ราษฎร์อุปถมั ภ์ 3.2 ผูว้ จิ ัยดาเนนิ กจิ กรรมการเรียนรู้ โดยใชร้ ะยะเวลา 20 ช่ัวโมง ในภาคเรยี นท่ี 2 ปี การศกึ ษา 2560 โดยจัดกิจกรรมในห้องเรยี น และนอกห้องเรียน ท้ังรายบุคคล และกระบวนการกลุ่ม ประกอบด้วยการสนทนา ซักถาม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การศึกษานอกสถานท่ี รวมถึงการลงมือปฏิบัติ จริง และใบกิจกรรม การศึกษาจากเอกสาร หนังสือ ส่ือเทคโนโลยีต่างๆ เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความ อยากรู้ มีความกระตือรือร้นในการศึกษา ค้นคว้า สืบค้นข้อมูล ร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย และแสดง ความคิดเห็นร่วมกัน เป็นการฝึกการส่ือสาร กระบวนการทางาน การแก้ปัญหา การแสวงหาความรู้ และการจดั การ 3.3 หลังจากจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้กับนักเรียนจบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนแล้ว ทาการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว เพื่อนา ข้อมลู ทไี่ ดไ้ ปใช้ในการปรับปรุงกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นต่อไป เครื่องมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั 1. กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษา 2. แผนการจดั กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น จากขั้นตอนท่ี 3 การทดลองจดั กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น เรอ่ื ง ของดีบ้านแพว้ สาหรบั นักเรยี น ช้ันมัธยมศกึ ษา ผวู้ จิ ยั ไดส้ รปุ วิธกี ารดาเนนิ การวจิ ยั ดงั ตารางท่ี 13 โดยมรี ายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
109 ตารางที่ 13 สรุปวิธดี าเนนิ การวิจัยขัน้ ตอนท่ี 3 การทดลองใช้กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน เร่อื ง ของดีบ้าน แพว้ สาหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรยี นวดั หลักส่ีพิพฒั นร์ าษฎรอ์ ปุ ถัมภ์ วัตถปุ ระสงค์ วธิ กี าร กลมุ่ เป้าหมาย/ เคร่ืองมอื การวิเคราะห์ ขอ้ มูล เอกสาร วเิ คราะหโ์ ดยใช้ เพ่ือทดลองใช้ 1. ทดลองใช้ - นกั เรยี นช้นั - แผนการจัด - วิเคราะห์ เนอื้ หา กจิ กรรมพัฒนา กจิ กรรมพัฒนา มัธยมศกึ ษา จานวน กิจกรรมพัฒนา (Content Analysis) ผเู้ รียน เพ่อื ผเู้ รยี นกบั นักเรยี น 30 คน ผเู้ รยี น ส่งเสริมทักษะ ชนั้ มธั ยมศกึ ษา - เอกสาร อาชีพ และ โรงเรียนวัดหลกั ส่ี ประกอบ คณุ ลกั ษณะในการ พิพฒั น์ราษฎร์ แผนการจัด ประกอบอาชีพ อุปถัมภ์ จานวน กิจกรรมพฒั นา สาหรับนักเรียนชนั้ 30 คน ผู้เรียน มธั ยมศึกษา โรงเรยี นวดั หลักส่ี พพิ ัฒนร์ าษฎร์ อปุ ถัมภ์ ขัน้ ตอนที่ 4 การพัฒนา (D2 : Development) : การประเมนิ และปรับปรุงกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เร่ือง ของดบี ้านแพว้ วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื ประเมนิ ทักษะอาชีพ 2. เพอื่ ประเมินคุณลกั ษณะในการประกอบอาชีพ 3. เพื่อสอบถามความพึงพอใจท่ีมีตอ่ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 4. เพอ่ื ปรบั ปรงุ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น วิธีการดาเนินการ ในการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้วจิ ัยไดด้ าเนินการ ดังนี้ ขนั้ ที่ 1 ประเมินทักษะอาชีพของนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินทักษะอาชีพ
110 ขั้นที่ 2 ประเมนิ คุณลักษณะในการประกอบอาชพี ของนกั เรียนโดยใช้แบบประเมิน คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ข้นั ท่ี 3 สอบถามความพงึ พอใจของนักเรยี นท่มี ีต่อกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น โดยใช้แบบสอบถาม ความพึงพอใจของนกั เรียนทมี่ ีต่อกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น เร่ือง ของดีบ้านแพว้ สาหรบั นกั เรยี นช้ัน มธั ยมศกึ ษา เกย่ี วกบั ด้านกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ดา้ นส่อื ประกอบกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ด้านการวัด และประเมินผลกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น และด้านประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ขน้ั ท่ี 4 การปรับปรงุ แก้ไขกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น โดยนาผลการประเมนิ ผลและข้อเสนอแนะ มาใช้ในการปรบั ปรุงแก้ไข เพ่ือใหก้ จิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นมีความสมบรู ณ์และเหมาะสมในการนาไปใช้ เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ ผล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการทดลองจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 1) แบบประเมินทักษะอาชีพ 2) แบบประเมิน คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรม พฒั นาผเู้ รียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศึกษา โดยมรี ายละเอียด ดงั น้ี 1. แบบประเมินทักษะอาชพี แบบประเมินทักษะอาชีพ แบ่งเป็น 5 ประเด็น ดังนี้ 1) ทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ 2) ทักษะกระบวนการทางาน 3) ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา 4) ทักษะแสวงหาความรู้ และ 5) ทักษะการจัดการ โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบคุณภาพ (Rubric Score) จาแนกระดับ ความสามารถออกเป็น 4 ระดับ โดยแบบประเมินมีส่วนบันทึกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม จากผปู้ ระเมนิ การสร้างแบบประเมินทักษะอาชีพ ผ้วู ิจยั ดาเนนิ การสร้างแบบประเมินทกั ษะอาชพี โดยมีขั้นตอนการสรา้ งดงั ตอ่ ไปนี้ ข้ันท่ี 1 ศกึ ษาวิธีการสร้างแบบประเมินจากเอกสาร ทักษะอาชีพ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ การสร้างแบบประเมนิ ทักษะอาชพี ข้ันที่ 2 นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาประมวล เพ่ือกาหนดโครงสร้างและขอบข่ายเน้ือหาของ เคร่ืองมือ และขอบเขตของเน้ือหาในพฤติกรรมบ่งช้ี โดยขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษา วทิ ยานพิ นธ์ ขน้ั ที่ 3 สร้างแบบประเมินทักษะอาชีพ แล้วนาเสนออาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ตรวจสอบ เพื่อให้ข้อเสนอแนะแล้วนามาปรับปรุงแก้ไข โดยแบบประเมินทักษะอาชีพ แบ่งออกเป็น 5 ประเด็น
111 ดังนี้ 1) ทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ 2) ทักษะกระบวนการทางาน 3) ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา 4) ทักษะแสวงหาความรู้ และ 5) ทักษะการจัดการ โดยกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนแบบ คุณภาพ (Rubric) จานวน 4 ระดับ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังตารางที่ 14 เกณฑ์การประเมิน ทักษะอาชีพ ตารางท่ี 14 เกณฑ์การประเมนิ ทักษะอาชีพ ระดบั คุณภาพ หมาย เหตุ รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ (4) (3) (2) (1) 1. ทักษะการสือ่ สารและมนุษยสัมพนั ธ์ 4 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัติได้ครบถว้ นทั้ง 4 ในประเดน็ ต่อไปน้ี ประเด็น 1.1 ส่อื สารระหว่างตนเองกับคน 3 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัตไิ ด้ 3 ประเด็น รอบขา้ งได้เข้าใจ 2 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ไิ ด้เพยี ง 2 ประเด็น 1.2 สามารถประสานงานร่วมกับ 1 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ิได้เพยี ง 1 ประเดน็ บุคคลอื่นได้ 1.3 เป็นผฟู้ ัง ผพู้ ดู ที่ดใี นการทางาน 1.4 เป็นผนู้ า ผตู้ ามที่ดใี นการทางาน 2. ทักษะกระบวนการทางาน ใน 4 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ไิ ด้ครบถ้วนทง้ั 4 ประเดน็ ต่อไปน้ี ประเด็น 2.1 มีการกาหนดเปูาหมายของงาน 3 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิได้ 3 ประเด็น 2.2 มีการวางแผน 2 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิได้เพยี ง 2 ประเด็น 2.3 ดาเนนิ งานตามที่ได้วางแผนไว้ 1 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ิได้เพยี ง 1 ประเด็น 2.4 มีการประเมนิ ผลการทางาน 3. ทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหา ใน 4 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ไิ ดค้ รบถว้ นทงั้ 4 ประเดน็ ต่อไปน้ี ประเด็น 3.1 มกี ารสังเกต 3 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ิได้ 3 ประเด็น 3.2 วิเคราะห์หาสาเหตุของปญั หา 2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ไิ ด้เพยี ง 2 ประเด็น 3.3 หาวิธีการในการแก้ปัญหา 1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัตไิ ดเ้ พยี ง 1 ประเดน็ 3.4 เลอื กวิธีการแก้ปญั หาทีเ่ กิดขน้ึ
112 ตารางที่ 14 เกณฑ์การประเมินทักษะอาชีพ (ตอ่ ) ระดับคณุ ภาพ หมาย เหตุ รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง 4. ทักษะแสวงหาความรู้ ใน (4) (3) (2) (1) ประเดน็ ต่อไปนี้ 4 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติได้ครบถ้วนท้ัง 4 ประเดน็ 4.1 มกี ารกาหนดประเดน็ ใน การศึกษา 3 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัตไิ ด้ 3 ประเดน็ 4.2 มกี ารวางแผนในการสืบค้น 2 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ไิ ด้เพยี ง 2 ประเด็น 4.3 ดาเนินการตามแผนทวี่ างไว้ 4.4 วิเคราะห์ขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการ 1 คะแนน หมายถึง ปฏิบัติได้เพียง 1 ประเดน็ สืบค้น แล้วนามาสรปุ ผลและ นาไปใช้ 4 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ไิ ดค้ รบถว้ นทง้ั 4 ประเดน็ 5. ทักษะการจดั การ ในประเดน็ 3 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ไิ ด้ 3 ประเด็น ต่อไปนี้ 2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิได้เพยี ง 2 ประเด็น 5.1 สามารถแบ่งหนา้ ทใี่ ห้กับ 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิไดเ้ พียง 1 ประเดน็ สมาชกิ ในกลมุ่ ได้อยา่ งชดั เจน 5.2 สามารถจดั การบริหารงาน เด่ียวได้ตรงตามแผนทีว่ างไว้ 5.3 สามารถจดั การบรหิ ารงาน กลมุ่ ไดต้ รงตามแผนทว่ี างไว้ 5.4 สามารถสง่ งานได้ทนั ตาม เวลาที่กาหนด การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามที่ใช้ในการศึกษาข้อมูล ผลการประเมินพิจารณาค่าเฉลี่ย คะแนนทักษะอาชีพของนักเรียนและนามาแปลความหมายเกณฑ์ ดังน้ี คะแนนเฉลย่ี ระดบั คณุ ภาพ 3.50 – 4.00 มีทักษะอาชพี อย่ใู นระดับดมี าก 2.50 – 3.49 มที กั ษะอาชพี อยใู่ นระดับดี
113 1.50 – 2.49 มที ักษะอาชพี อยู่ในระดับพอใช้ 1.00 – 1.49 มที กั ษะอาชีพอยูใ่ นระดบั ปรับปรุง ขั้นที่ 4 นาแบบประเมินทักษะอาชีพเสนอผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 9 คน พิจารณาตรวจสอบคุณภาพของโครงร่างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้การสนทนากลุ่ม (Focus Group) เพ่ือพิจารณาความถูกต้อง เหมาะสมและตรวจสอบความสอดคล้องของกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ดาเนินการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยมีผู้เช่ียวชาญด้านการพัฒนากิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน จานวน 3 คน ผู้เช่ียวชาญด้านหลักสูตรอาชีพ จานวน 2 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงงาน จานวน 1 คน ผู้เชีย่ วชาญดา้ นขอ้ มลู ท้องถิ่น จานวน 1 คน และผ้เู ช่ียวชาญดา้ นการวัดและประเมินผล จานวน 2 คน ข้ันท่ี 5 นาแบบประเมินทักษะอาชีพ มาปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะ แล้วเสนอผู้เช่ียวชาญตรวจสอบอกี ครัง้ เพ่ือความสมบูรณ์ของเครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ข้นั ท่ี 6 นาแบบประเมนิ ทกั ษะอาชีพ ไปเก็บข้อมูลจรงิ กับนักเรียนกลมุ่ ตวั อยา่ ง โดยสรปุ ขน้ั ตอนการสร้างแบบประเมินทักษะอาชีพได้ ดังแผนภูมิท่ี 10 ดังนี้
114 ศกึ ษาแนวคิด หลกั การ ทฤษฎจี ากหนังสอื และงานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้องกับ การประเมนิ ทักษะอาชพี นาขอ้ มลู ที่ได้มากาหนดเปน็ โครงสร้างของแบบประเมนิ ทักษะอาชพี สร้างแบบประเมนิ ทักษะอาชีพแล้วนาเสนออาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานพิ นธ์ตรวจสอบเพ่ือให้ขอ้ เสนอแนะแล้วนามาปรบั ปรุงแก้ไข ไมผ่ ่าน นาแบบประเมินทักษะ ปรบั ปรุงแก้ไข อาชพี เสนอ ผเู้ ชีย่ วชาญ ผา่ น นาแบบประเมินทักษะอาชีพไปเกบ็ ข้อมลู จรงิ กบั นักเรยี นกลมุ่ ทดลอง แผนภมู ิท่ี 10 แสดงขัน้ ตอนการสร้างแบบประเมนิ ทกั ษะอาชพี การวเิ คราะห์ขอ้ มูล นาผลจากการประเมนิ ทักษะอาชพี มาวเิ คราะห์โดยใช้ระดับความสามารถมาหาค่าเฉลี่ย ( X ) สว่ นเบ่ยี งมาตรฐาน (S.D.) และเสนอค่าเป็นรอ้ ยละ และการวิเคราะหเ์ น้ือหา (Content Analysis) 2. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะในการประกอบอาชีพ แบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ แบ่งเป็น 6 ประเด็น ดังนี้ 1) ความซื่อสัตย์ 2) ความขยันและความอดทน 3) ความรับผิดชอบ 4) ความเสียสละ 5) ระเบียบวินัย และ 6) มีทัศนคติทด่ี ตี ่ออาชพี ท่ที า โดยใช้เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบคุณภาพ (Rubric Score) จาแนกระดับ ความสามารถออกเป็น 3 ระดับ โดยแบบประเมินมีส่วนบันทึกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม จากผปู้ ระเมิน
115 การสรา้ งแบบประเมินคณุ ลกั ษณะในการประกอบอาชีพ ผวู้ ิจัยดาเนนิ การสร้างแบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ โดยมีข้ันตอนการสร้าง ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้ันท่ี 1 ศึกษาวิธีการสร้างแบบประเมินจากเอกสาร คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ และ งานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้องกบั การสร้างแบบประเมนิ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ขั้นที่ 2 นาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาประมวล เพ่ือกาหนดโครงสร้างและขอบข่ายเน้ือหาของ เคร่ืองมือ และขอบเขตของเน้ือหาในพฤติกรรมบ่งชี้ โดยขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษา วทิ ยานพิ นธ์ ข้ันที่ 3 สร้างแบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ แล้วนาเสนออาจารย์ท่ีปรึกษา วิทยานิพนธ์ตรวจสอบ เพื่อให้ข้อเสนอแนะแล้วนามาปรับปรุงแก้ไข โดยแบบประเมินคุณลักษณะใน การประกอบอาชีพ แบ่งออกเป็น 6 ประเด็น ดังนี้ 1) ความซ่ือสัตย์ 2) ความขยันและความอดทน 3) ความรับผิดชอบ 4) ความเสียสละ 5) ระเบียบวินัย และ 6) มีทัศนคติท่ีดีต่ออาชีพท่ีทา โดยกาหนด เกณฑ์การให้คะแนนแบบคุณภาพ (Rubric) จานวน 3 ระดับ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังตารางท่ี 15 เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชพี ตารางท่ี 15 เกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะในการประกอบอาชีพ ระดับคุณภาพ หมาย เหตุ รายการประเมนิ ดี พอใช้ ปรับปรุง (3) (2) (1) 1. มคี วามซื่อสัตย์ ในประเดน็ 3 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิไดค้ รบถ้วนท้ัง 3 ประเดน็ ต่อไปน้ี 2 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัติได้เพียง 2 ประเด็น 1.1 พดู ความจรงิ ไม่พดู โกหก 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ไิ ดเ้ พียง 1 ประเด็น 1.2 ยอมรับผิดเม่ือทาผดิ ไม่ใส่ รา้ ยความผดิ ให้กบั ผู้อ่นื 1.3 ไม่ลักขโมยของหรือหยิบ ของโดยไม่ได้รบั อนญุ าต
116 ตารางท่ี 15 เกณฑก์ ารประเมินคุณลกั ษณะในการประกอบอาชีพ (ตอ่ ) ระดับคุณภาพ หมาย เหตุ รายการประเมนิ ดี พอใช้ ปรบั ปรุง (3) (2) (1) 2. มีความขยนั และอดทน ใน 3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิไดค้ รบถว้ นทั้ง 3 ประเดน็ ประเดน็ ต่อไปนี้ 2 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ัตไิ ดเ้ พยี ง 2 ประเด็น 2.1 มีความมุ่งมน่ั ในงานที่ได้ 1 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัตไิ ดเ้ พยี ง 1 ประเด็น รับผิดชอบอยา่ งเต็มความสามารถ 2.2 ไมย่ ่อท้อต่อปญั หาที่เกิดขน้ึ 2.3 พรอ้ มเผชิญกบั ปญั หาที่ เกดิ ข้นึ ทุกเมื่อ 3. มีความรับผดิ ชอบ ในประเด็น 3 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ไิ ดค้ รบถ้วนทั้ง 3 ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิไดเ้ พียง 2 ประเด็น 3.1 เขา้ ชั้นเรียนตรงเวลา 1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบัตไิ ด้เพียง 1 ประเดน็ 3.2 มีการเตรยี มอุปกรณ์ หรือ ทางานตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย 3.3 ทางานเสร็จทนั ตามเวลาท่ี กาหนด 4. มีความเสยี สละ ในประเด็น 3 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ไิ ดค้ รบถว้ นทง้ั 3 ประเด็น ต่อไปน้ี 2 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ิได้เพยี ง 2 ประเด็น 4.1 รู้จักการแบ่งปันส่ิงของ 1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ไิ ด้เพียง 1 ประเดน็ ใหก้ บั เพื่อน 4.2 รู้จักช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน 4.3 เห็นประโยชนส์ ่วนรวม มากกว่าสว่ นตน
117 ตารางที่ 15 เกณฑก์ ารประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชพี (ต่อ) รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ หมาย ดี พอใช้ ปรบั ปรุง เหตุ 5. มีระเบยี บวินยั ในประเด็น (3) (2) (1) ต่อไปนี้ 3 คะแนน หมายถึง ปฏิบตั ไิ ด้ครบถ้วนท้งั 3 ประเด็น 2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิได้เพยี ง 2 ประเดน็ 5.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลงร่วมกัน 1 คะแนน หมายถงึ ปฏิบตั ไิ ดเ้ พยี ง 1 ประเด็น ในชนั้ เรยี น 3 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ตั ิไดค้ รบถว้ นท้ัง 3 ประเด็น 5.2 แต่งกายถูกต้องตาม 2 คะแนน หมายถงึ ปฏบิ ัติได้เพยี ง 2 ประเดน็ ระเบยี บของโรงเรียน 1 คะแนน หมายถึง ปฏบิ ตั ไิ ด้เพยี ง 1 ประเด็น 5.3 เปน็ แบบอย่างท่ดี ีในการ ทางานร่วมกัน 6. มที ศั นคติทด่ี ีต่ออาชีพทีท่ า ใน ประเดน็ ต่อไปน้ี 6.1 มคี วามภาคภมู ิในงานที่ ตนเองทา 6.2 มคี วามสขุ ในงานที่ตนเอง ทา 6.3 มีการพัฒนาอาชีพทีต่ นเอง ทาอยูเ่ สมอ การวิเคราะหข์ ้อมลู แบบประเมนิ คณุ ลักษณะในการประกอบอาชีพท่ีใช้ในการศึกษาข้อมูล ผล การประเมินพิจารณาค่าเฉลี่ยคะแนนคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียนและนามาแปล ความหมายเกณฑ์ ดังน้ี คะแนนเฉลยี่ มีความสามารถในระดับ 2.50 – 3.00 ดี 1.50 – 2.49 พอใช้ 1.00 – 1.49 ปรบั ปรงุ
118 ข้ันท่ี 4 นาแบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ เสนอผู้เช่ียวชาญด้านกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน จานวน 9 คน พิจารณาตรวจสอบคุณภาพของโครงร่างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้ การสนทนากล่มุ (Focus Group) เพื่อพิจารณาความถกู ต้อง เหมาะสมและตรวจสอบความสอดคล้อง ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดาเนินการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดยมีผู้เช่ียวชาญด้านการพัฒนา กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น จานวน 2 คน ผู้เชยี่ วชาญด้านหลักสูตรอาชีพ จานวน 2 คน ผู้เช่ียวชาญด้าน โครงงาน จานวน 2 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลท้องถิ่น จานวน 1 คน และผู้เช่ียวชาญด้านการวัดและ ประเมนิ ผล จานวน 2 คน ข้ันที่ 5 นาแบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ มาปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่ ผู้เชย่ี วชาญเสนอแนะ แล้วใหผ้ ู้เช่ียวชาญตรวจสอบอีกคร้ัง เพ่ือความสมบูรณ์ของเครื่องมือท่ีใช้ในการ วจิ ัย ขัน้ ท่ี 6 นาแบบประเมินคณุ ลักษณะในการประกอบอาชพี ไปเกบ็ ขอ้ มูลจริงกับนกั เรยี นกลุ่ม ตัวอยา่ ง โดยสรปุ ขน้ั ตอนการสร้างแบบประเมนิ คณุ ลักษณะในการประกอบอาชีพได้ ดงั แผนภูมทิ ี่ 11 ดังน้ี
119 ศึกษาแนวคิด หลกั การ ทฤษฎจี ากหนงั สือ และงานวิจยั ที่เกย่ี วข้องกบั การ ประเมนิ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ นาข้อมลู ทีไ่ ด้มากาหนดเปน็ โครงสรา้ งของแบบประเมินคุณลกั ษณะในการ ประกอบอาชีพ สรา้ งแบบประเมินคณุ ลักษณะในการประกอบอาชพี แล้วนาเสนออาจารย์ท่ี ปรกึ ษาวทิ ยานิพนธต์ รวจสอบเพื่อให้ข้อเสนอแนะแล้วนามาปรบั ปรุงแก้ไข ไม่ผา่ น นาแบบประเมินคุณลักษณะในการ ปรบั ปรุงแก้ไข ประกอบอาชีพเสนอผูเ้ ชี่ยวชาญ ผา่ น นาแบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชพี ไปเก็บขอ้ มูลจริงกบั นกั เรียนกลุม่ ทดลอง แผนภูมิที่ 11 แสดงขน้ั ตอนการสร้างแบบประเมนิ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ การวเิ คราะห์ข้อมูล นาผลจากการประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพมาวิเคราะห์โดยใช้ระดับ ความสามารถมาหาค่าเฉล่ีย ( X ) ส่วนเบี่ยงมาตรฐาน (S.D.) และเสนอค่าเป็นร้อยละ และการ วเิ คราะหเ์ นื้อหา (Content Analysis) 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนท่ีมีตอ่ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน เรื่อง ของดบี ้าน แพว้ สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษา แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจและความรู้สึกของนักเรียนท่ีมีต่อ
120 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น เร่อื ง ของดบี า้ นแพ้ว เก่ียวกับความพึงพอใจในด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้าน ส่ือประกอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านการวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และด้าน ประโยชน์ท่ีได้รับ โดยกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) โดยมี ระดับการใหค้ ะแนน 5 ระดบั การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนที่มตี ่อกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เรือ่ ง ของ ดบี า้ นแพ้ว สาหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษา ผวู้ ิจยั ดาเนินการสรา้ งแบบสอบถามความพงึ พอใจของนกั เรียนทีม่ ีตอ่ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน เร่อื ง ของดบี า้ นแพว้ สาหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษา โดยมีข้นั ตอนการสร้างดังต่อไปนี้ ขั้นท่ี 1 ศึกษาแนวคิด หลกั การ ทฤษฎจี ากเอกสารและงานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง ข้นั ท่ี 2 นาข้อมูลท่ีไดจ้ ากการศึกษามาวิเคราะห์ เพื่อกาหนดเป็นโครงสร้างของเครื่องมือ และ ขอบเขตของเนื้อหาในพฤติกรรมบ่งชี้ โดยขอคาแนะนาจากอาจารยท์ ปี่ รึกษาวิทยานิพนธ์ ขัน้ ท่ี 3 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของ ดบี า้ นแพว้ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ตามขอบเขตเน้ือหาในพฤติกรรมบ่งชี้ที่กาหนด จากน้ันนา แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับ นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษา ที่สรา้ งเสร็จเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวทิ ยานพิ นธ์เพอ่ื ตรวจสอบ ให้ข้อเสนอแนะ แลว้ นามาปรับปรุงแกไ้ ข โดยมรี ายละเอียดตอ่ ไปนี้ ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไปของนกั เรียน เปน็ แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) ไดแ้ ก่ เพศ ระดับชั้น ตอนที่ 2 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดี บ้านแพ้ว ซึ่งข้อคาถามมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist) แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 2) ด้านส่ือประกอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3) ด้านการวัดและ ประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และ 4) ด้านประโยชน์ท่ีได้รับจากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รวม จานวน 13 ข้อ โดยเปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั ดงั นี้ ใหค้ ะแนน 5 คะแนน หมายถึง พงึ พอใจระดับมากทส่ี ุด ใหค้ ะแนน 4 คะแนน หมายถงึ พงึ พอใจระดบั มาก ใหค้ ะแนน 3 คะแนน หมายถงึ พึงพอใจระดบั ปานกลาง ให้คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พงึ พอใจระดบั น้อย ใหค้ ะแนน 1 คะแนน หมายถงึ พึงพอใจระดบั น้อยทสี่ ดุ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรอื่ ง ของดบี ้านแพว้ สาหรับนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษา ท่ีใช้ในการศึกษาข้อมูล ผลการประเมินพิจารณา
121 ค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจของนักเรียนและนามาแปลความหมายเกณฑ์ ดังนี้ (มาเรียม นิลพันธ์ุ, 2558: 196) ค่าเฉลย่ี คะแนนอยูร่ ะหวา่ ง 4.50-5.00 หมายถึง มีความพงึ พอใจระดบั มากท่สี ุด ค่าเฉลี่ยคะแนนอยู่ระหว่าง 3.50-4.49 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจระดบั มาก ค่าเฉลย่ี คะแนนอยู่ระหวา่ ง 2.50-3.49 หมายถึง มีความพงึ พอใจระดับปานกลาง คา่ เฉลย่ี คะแนนอยรู่ ะหว่าง 1.50-2.49 หมายถงึ มีความพึงพอใจระดับน้อย คา่ เฉลย่ี คะแนนอย่รู ะหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถึง มีความพงึ พอใจระดับน้อยท่ีสุด ข้นั ที่ 4 นาแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดี บ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา เสนอผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 คน โดยมีผู้เช่ียวชาญด้านการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 2 คน ผู้เช่ียวชาญด้านหลักสูตรอาชีพ จานวน 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผล จานวน 1 คน เพื่อพิจารณาตรวจสอบ คุณภาพ ความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยนาแบบประเมินค่า ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบสอบถาม ไปให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านพิจารณาลงความเห็นและให้คะแนนเพื่อนามา ปรบั ปรุงแก้ไข โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดงั นี้ +1 หมายถงึ แน่ใจวา่ มีความสอดคล้องสอดคลอ้ ง 0 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ มคี วามสอดคล้อง -1 หมายถึง แน่ใจว่าไมม่ คี วามสอดคล้อง แลว้ นาคะแนนทีไ่ ดจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนมาคานวณหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Objective Congruence : IOC) จากสูตร (มาเรยี ม นิลพนั ธุ์ 2558 : 177) IOC = IOC หมายถงึ ดชั นีความสอดคล้องของขอ้ คาถามในแบบสอบถาม ∑R หมายถึง ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผเู้ ชยี่ วชาญท้ังหมด N หมายถึง จานวนผู้เชยี่ วชาญ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ท่ีคานวณได้จะต้องมีค่า 0.5 ขึ้นไป จึงจะถือว่ามีความ สอดคล้อง เหมาะสม สามารถนาไปใช้ได้ (มาเรียม นิลพันธุ์ 2558 : 177) ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ทคี่ านวณได้ มีคา่ ระหว่าง 0.60-1.00 แสดงว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว มีความสอดคล้องและเหมาะสม สามารถนาไปใช้ได้ ทั้งน้ี
122 ผู้เชี่ยวชาญได้เสนอแนะ และให้ปรับปรุง โดยปรับภาษาที่ใช้ในแบบสอบถามให้กระชับข้ึน เข้าใจง่าย ข้ึน เน่อื งจากเปน็ เครอื่ งมือทีใ่ ช้กับนกั เรยี น ขน้ั ที่ 5 นาแบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนทีม่ ีต่อกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน เร่อื ง ของดี บา้ นแพว้ สาหรบั นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษา มาปรับปรงุ แก้ไขในประเดน็ ทผี่ ูเ้ ชย่ี วชาญเสนอแนะ แลว้ ให้ ผู้เชย่ี วชาญตรวจสอบอีกครง้ั เพือ่ ความสมบรู ณ์ของเคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ข้ันที่ 6 นาแบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรียนทม่ี ีต่อกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน เรอ่ื ง ของดี บา้ นแพว้ สาหรับนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษา ไปเก็บข้อมูลจรงิ กบั นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยสรุปข้นั ตอน การสรา้ งแบบสอบถามได้ ดังแผนภมู ทิ ่ี 12 ดังน้ี ศกึ ษาแนวคดิ หลกั การ ทฤษฎจี ากหนังสอื และงานวจิ ยั ที่ เก่ียวขอ้ งกับการพฒั นากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน นาขอ้ มลู ท่ไี ด้มากาหนดเปน็ โครงสรา้ งของแบบสอบถาม ความพงึ พฟอใจของนกั เรียนท่ีมีต่อกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น สรา้ งแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนทีม่ ตี ่อกิจกรรม พัฒนาผเู้ รียน แลว้ นาเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวทิ ยานพิ นธ์ ตรวจสอบเพ่ือใหข้ ้อเสนอแนะแลว้ นามาปรบั ปรุงแก้ไข ปรับปรุงแก้ไข ไมผ่ ่าน นาแบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีตอ่ กจิ กรรมพัฒนา ผเู้ รยี น เสนอผ้เู ช่ยี วชาญ ผ่าน นาแบบสอบถามความพึงพอใจของ นกั เรียนทม่ี ตี ่อกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ไปเกบ็ ขอ้ มลู จริง แผนภูมิที่ 12 แสดงข้ันตอนการสร้างแบบสอบถามความพงึ พอใจทมี่ ตี ่อกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
123 การวเิ คราะห์ขอ้ มูล นาผลจากการประเมินมาวเิ คราะห์โดยใชร้ ะดบั คะแนน เสนอเปน็ ค่าเฉล่ีย ( X ) ส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผู้วจิ ยั ได้สรุปวธิ ีการดาเนนิ การวิจยั ตารางที่ 16 ดงั นี้ ตารางที่ 16 สรปุ วิธีดาเนินการวิจยั ขั้นตอนท่ี 4 การประเมินผลและปรบั ปรุงกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เร่ือง ของดบี า้ นแพ้ว สาหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษา วตั ถุประสงค์ วิธกี าร กลมุ่ เปา้ หมาย/ เครอ่ื งมือ การวเิ คราะห์ เอกสาร ขอ้ มูล 1. เพื่อประเมิน - ประเมนิ ทักษะ - นักเรยี นชั้น - แบบประเมนิ วเิ คราะห์โดยใช้ ทักษะอาชพี อาชพี มัธยมศึกษา จานวน ทักษะอาชพี ค่า 30 คน (Rating Scale) - ค่าเฉลยี่ ( X ) - ส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐาน (S.D.) - วเิ คราะห์ เนื้อหา (Content Analysis) 2. เพ่ือประเมิน - เพื่อประเมนิ - นักเรียนชั้น - แบบประเมิน วเิ คราะห์โดยใช้ คุณลักษณะในการ คุณลกั ษณะในการ มัธยมศกึ ษา จานวน คุณลักษณะใน ค่า ประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพ 30 คน การประกอบ - คา่ เฉล่ยี ( X ) อาชีพ (Rating - ส่วนเบ่ยี งเบน Scale) มาตรฐาน (S.D.) - วิเคราะห์ เน้ือหา (Content Analysis)
124 ตารางท่ี 16 สรุปวธิ ีดาเนินการวิจยั ขน้ั ตอนท่ี 4 การประเมินผลและปรับปรุงกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน เรอ่ื ง ของดบี า้ นแพ้ว สาหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษา (ต่อ) วตั ถุประสงค์ วิธกี าร กลมุ่ เป้าหมาย/ เคร่อื งมือ การวิเคราะห์ ข้อมูล 3. เพือ่ สอบถาม เอกสาร - แบบสอบถาม ความพงึ พอใจของ ความพึงพอใจ วิเคราะหโ์ ดยใช้ นกั เรียนที่มีต่อ - เพ่อื ประเมิน - นักเรยี นชัน้ ของนักเรียนทมี่ ี คา่ หลักสูตรกจิ กรรม ต่อกจิ กรรม - คา่ เฉลี่ย ( X ) พัฒนาผเู้ รียน เร่อื ง ความพึงพอใจของ มัธยมศกึ ษา จานวน พฒั นาผเู้ รยี น - ส่วนเบี่ยงเบน ของดบี ้านแพว้ เร่ือง ของดบี ้าน มาตรฐาน สาหรับนักเรยี นชั้น นักเรียนที่มตี ่อ 30 คน แพว้ สาหรับ (S.D.) มธั ยมศึกษา นักเรียนชน้ั - วเิ คราะห์ โรงเรียนวัดหลกั สี่ กจิ กรรมพัฒนา มัธยมศกึ ษา เนื้อหา พพิ ัฒน์ราษฎร์ โรงเรียนวดั หลกั (Content อปุ ถัมภ์ ผูเ้ รยี น เร่อื ง ของดี สี่พพิ ฒั นร์ าษฎร์ Analysis) อุปถัมภ์ 4. เพือ่ ปรบั ปรงุ บา้ นแพ้ว สาหรับ วิเคราะห์โดยใช้ กจิ กรรมพัฒนา ค่า ผู้เรียน เร่อื ง ของดี นักเรยี นชัน้ - ค่าเฉลีย่ ( X ) บ้านแพว้ สาหรบั - สว่ นเบยี่ งเบน นกั เรยี นชั้น มัธยมศกึ ษา มาตรฐาน มัธยมศกึ ษา (S.D.) โรงเรยี นวัดหลกั ส่ี โรงเรยี นวัดหลักส่ี - วิเคราะห์ พิพฒั น์ราษฎร์ เน้ือหา อุปถัมภ์ พพิ ัฒน์ราษฎร์ (Content Analysis) อุปถัมภ์ หลังการ ใช้กจิ กรรมพัฒนา ผเู้ รียน - นาผลการ - ผู้วิจยั ประเมินมาแก้ไข ปรับปรุง
125 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ประกอบด้วย ขนั้ ตอนการดาเนนิ การวิจัย 4 ตอน คือ ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และความ ต้องการเก่ยี วกับการพัฒนากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตอน ท่ี 3 ผลการทดลองการจัดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน และตอนท่ี 4 ผลการประเมิน และปรับปรุงกิจกรรม พัฒนาผูเ้ รยี น มีผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู แต่ละขั้นตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาข้อมลู พ้ืนฐาน ผลการศกึ ษาข้อมูลพ้ืนฐาน และความตอ้ งการเกยี่ วกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา มีรายละเอียด ดังน้ี 1) ผลการวิเคราะห์หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ ราษฎร์อุปถัมภ์ ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 2) ผลการศึกษาแนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ 3) ผลการศึกษาความ ต้องการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เก่ียวกับรูปแบบของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ การวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา จานวน 30 คน 4) ผลการศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพ่ือส่งเสริมทักษะอาชีพ และ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพจากผู้อานวยโรงเรียน จานวน 1 คน หัวหน้าฝุายวิชาการ จานวน 1 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จานวน 1 คน ผู้ปกครอง จานวน 1 คน ปราชญ์ชาวบ้าน จานวน 1 คน และสถานประกอบการ จานวน 1 คน 1. ผลการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตร สถานศกึ ษา โรงเรียนวัดหลักส่พี พิ ฒั น์ราษฎรอ์ ปุ ถัมภ์ ด้านกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน 1.1 การศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรท่ีกาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเปูาหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใน มาตรฐานการเรียนรู้ได้ระบุสิ่งท่ีนักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : ความนา) โดยมจี ดุ เน้นท่ีสาคญั ในการพฒั นานกั เรียนใหเ้ ป็นคนดี มีปญั ญา มคี วามสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพ พร้อมท้ังมีความรู้ และทักษะพื้นฐาน รวมท้ังเจตคติที่จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ บนพ้ืนฐานความเช่ือว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และ
126 พัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551: 3) ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม โดยการจัดกิจกรรมท่ีจัดตามความสนใจของผู้เรียน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เวลาให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเอง โดยการนาองค์ความรู้ ทักษะจากการเรียนรู้และประสบการณ์ของผู้เรียนมา ปฏิบัตกิ ิจกรรมพฒั นาตนเอง (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551: 16) 1.2 การศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์ อุปถัมภ์ ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ทีส่ มบูรณ์ทงั้ ร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสังคม เสรมิ สร้างให้ผู้เรียนมีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย โดยการจัดกิจกรรมตามความสนใจของผู้เรียน เพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังน้ันผู้วิจัยจึงได้จัดทาและกาหนดเน้ือหาสาระในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ โดยยึดหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นตัวกาหนดกรอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 40 ชัว่ โมง ตอ่ ปกี ารศึกษา (โรงเรียนวดั หลกั ส่พี พิ ัฒนร์ าษฎรอ์ ุปถมั ภ์ 2559 : 13) 2. ผลศึกษาแนวคิดและงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทักษะอาชีพ และ คณุ ลักษณะในการประกอบอาชพี การศึกษาแนวการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบ อาชีพ จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และเอกสารเกี่ยวกับทักษะอาชีพและคุณลักษณะในการ ประกอบอาชีพ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่เน้นการจัดกิจกรรมตามความสนใจของผู้เรียน เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และเห็นคุณค่าในการประกอบอาชีพ รวมท้ังเป็นผู้มีระเบียบวินัย ศีลธรรม จริยธรรม สามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดย การเรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวในท้องถิ่นของตนเองที่ผู้เรียนสนใจ มาสร้างอาชีพให้กับผู้เรียน โดยเน้นให้ ผู้เรียนเกิดทักษะพื้นฐานที่จาเป็นในการประกอบอาชีพ ที่ส่งเสริมให้บุคคลมีความรู้ ความเข้าใจ มี ความสนใจและความถนัดที่สอดคล้องกับงาน และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นนิสัยรัก การทางานและจริยธรรมในการทางาน ซ่ึงถือเป็นส่วนสาคัญท่ีสุด ควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ เก่ียวกับการทางาน นอกจากนั้นยังมีการจัดการศึกษาร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับชุมชนเข้ามามี บทบาทส่วนร่วม ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้ดาเนินการ พัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว เพ่ือส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการ ประกอบอาชีพ สาหรบั นกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษา
127 3. ผลศึกษาความต้องการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เกี่ยวกับรูปแบบของกิจกรรม พัฒนาผเู้ รยี น การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ การวดั และประเมินผลกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน การเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษาความต้องการของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา เก่ียวกับรูปแบบ ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ จานวน 30 คน ด้วยแบบสอบถาม โดยวิเคราะห์ข้อมูลจาก 1) สภาพและข้อมูลทั่วไปของนักเรียน 2) ความต้องการ เก่ียวกับเนือ้ หากจิ กรรม การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผลกิจกรรม พัฒนาผเู้ รยี น และ 3) ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ การวิเคราะห์ขอ้ มลู ตอนท่ี 1 สภาพและขอ้ มูลทว่ั ไปของนักเรยี น วเิ คราะห์โดยใช้คา่ สถติ คิ ่าร้อยละ ดังตารางที่ 17 ตารางที่ 17 แสดงจานวนและร้อยละเก่ยี วกับสภาพและข้อมูลทั่วไปของนักเรียน 1. เพศ สภาพและข้อมลู ท่ัวไปของนักเรยี น จานวน รอ้ ยละ 1) ชาย รวม 2) หญงิ 11 36.67 รวม 19 63.33 2. ระดับช้ัน 30 100.00 1) ม.1 2) ม.2 2 6.67 3) ม.3 10 33.33 4) ม.4 0 0.00 5) ม.5 9 30.00 6) ม.6 1 3.33 8 26.67 30 100.00 จากตารางท่ี 17 พบวา่ นักเรยี นส่วนใหญ่เปน็ เพศหญิง จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 63.33 เพศชาย จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 36.67 ส่วนใหญ่กาลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 มัธยมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00
128 มัธยมศึกษาปีท่ี 6 จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 26.67 มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 2 คน คิดเป็น ร้อยละ 6.67 มัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 3.33 และมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 0 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 0.00 ตอนที่ 2 ความต้องการเกี่ยวกับเน้ือหากิจกรรม การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ การวดั และการประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน วเิ คราะหโ์ ดยใชค้ า่ สถติ คิ ่าร้อยละ ดงั ตารางท่ี 18 ตารางท่ี 18 แสดงจานวนและร้อยละของความต้องการเกี่ยวกับเนื้อหากิจกรรม การจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ การวดั และการประเมนิ ผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ความตอ้ งการเก่ยี วกับกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จานวน ร้อยละ 1. ดา้ นเนอ้ื หากิจกรรม 9 30.00 1.1 ดอกไม้ เพ่อื การส่งออก ผลไมส้ รา้ งรายได้ 1 3.33 1) กล้วยไม้ 28 93.33 2) สม้ 2 6.67 3) มะพร้าว 4) องุน่ 4 13.33 3 10.00 1.2 งานฝีมือภมู ิปัญญาท้องถิ่น 9 30.00 1) การสานกก 14 46.67 2) การสานเสื่อ 4 13.33 3) งานช่างไม้ 4) การปกั ผ้า 16 53.33 5) อื่นๆ (โปรดระบุ)......................................... 14 46.67 1.3 เกษตรบา้ นแพ้ว ยคุ ใหม่ 1) การปลกู ผักไฮโดรโปนิกส์ 2) การเลี้ยงกุง้ 2. ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 26 87.67 1) การศกึ ษานอกสถานที่ในชุมชน 6 20.00 2) การศกึ ษาจากใบความร้ทู ี่ครเู ตรยี มให้ 7 23.33 3) การสนทนาแลกเปลีย่ นเรยี นร้กู ับเพ่ือน
129 ตารางที่ 18 แสดงจานวนและร้อยละของความต้องการเกี่ยวกับเน้ือหากิจกรรม การจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การวดั และการประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น (ตอ่ ) ความตอ้ งการเกยี่ วกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น จานวน ร้อยละ 4) การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยครูรว่ มกับผ้รู ู้ท้องถิ่น 18 60.00 5) การจดั กจิ กรรมกลุ่มและการศึกษาคน้ คว้าและการปฏิบัติ 24 80.00 6) ครเู ปน็ ผใู้ หค้ วามรู้ 5 16.67 3. ดา้ นสอ่ื การเรียนรู้ 1) มีการยกตวั อยา่ งประกอบ 10 33.33 2) มีรูปภาพประกอบและมีสีสนั สวยงาม 19 63.33 3) นาเสนอเน้อื หาพอเข้าใจ ตัวหนงั สืออา่ นง่าย 12 40.00 4) มีการอธิบายขน้ั ตอนอยา่ งละเอียดทุกข้นั ตอน 10 33.33 4. ด้านวิธกี ารวัดและประเมนิ ผล 1) การทดสอบ 3 10.00 2) การตรวจชนิ้ งาน (ช้นิ งานของนกั เรียน) 13 43.33 3) การสอบถาม 9 30.00 4) การสมั ภาษณ์ 8 26.67 5) การสังเกตพฤตกิ รรม 8 26.67 5. ดา้ นผปู้ ระเมนิ ผล 1) ตนเอง 15 50.00 2) ครูผสู้ อน 19 63.33 3) ผ้รู ใู้ นทอ้ งถน่ิ 12 40.00 4) เพ่อื นนกั เรยี น 15 50.00 5) ผู้ปกครอง 8 26.67 จากตารางท่ี 18 พบว่า ความต้องการเกี่ยวกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านเน้ือหากิจกรรม ส่วนใหญ่ต้องการเรียนรู้เก่ียวกับมะพร้าว จานวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 93.33 การปลูกผักไฮโดร โปนิกส์ จานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 53.33 การปักผ้า จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 การเล้ียงกุ้ง จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 กล้วยไม้ จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 งานช่างไม้ จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 การสานกก จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 13.33
130 อื่นๆ จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 13.33 การสานเสื่อ จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 10.00 องุ่น จานวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 6.67 และสม้ จานวน 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.33 ความต้องการด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ส่วนใหญ่ต้องการการศึกษานอกสถานที่ ในชุมชน จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 87.67 การจัดกิจกรรมกลุ่มและการศึกษาค้นคว้าและ การปฏบิ ตั ิ จานวน 24 คน คดิ เป็นร้อยละ. 80.00 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยครูร่วมกับผู้รู้ท้องถ่ิน จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60.00 การสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อน จานวน 7 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 23.33 การศึกษาจากใบความรู้ทีค่ รเู ตรยี มให้ จานวน 6 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20.00 และครูเป็น ผู้ให้ความรู้ จานวน 5 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 16.67 ความต้องการด้านส่ือการเรียนรู้ ส่วนใหญ่ต้องการมีรูปภาพประกอบและมีสีสันสวยงาม จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 63.33 นาเสนอเน้ือหาพอเข้าใจ ตัวหนังสืออ่านง่าย จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 มีการยกตัวอย่างประกอบ จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 และมีการ อธิบายข้ันตอนอยา่ งละเอียดทกุ ข้นั ตอน จานวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 33.33 ความตอ้ งการดา้ นวิธีการวดั และประเมินผล ส่วนใหญ่ต้องการ การตรวจช้ินงาน (ชิ้นงานของ นักเรียน) จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 43.33 การสอบถาม จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 การสัมภาษณ์ จานวน 8 คน คิดเปน็ ร้อยละ 26.67การสังเกตพฤติกรรม จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 26.67 และการทดสอบ จานวน 3 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ. 10.00 ความต้องการด้านผู้ประเมินผล ส่วนใหญ่ต้องการครูผู้สอน จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 63.33 ตนเอง จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 เพื่อนนักเรียน จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 ผรู้ ูใ้ นท้องถิ่น จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 และผู้ปกครอง จานวน 8 คน คิดเป็นร้อย ละ 26.67 ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1-6 จากการศึกษาความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 พบว่า มีความต้องการให้มีการจัดกิจกรรมโดยใช้ของดีบ้านแพ้ว ในการสร้างรายได้ให้กับนักเรียน ดัง คากลา่ วของนกั เรียนคนหนงึ่ กลา่ ววา่ “...ผมอยากทางาน เพอ่ื หารายได้เสรมิ ครับ” “...อยากมีรายได้ เพอื่ ไปชว่ ยเหลือครอบครัว” 4. ผลการศึกษาความคดิ เห็นเก่ยี วกบั การพฒั นากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ได้ดาเนินการเก็บ รวบรวมข้อมลู จากผ้อู านวยโรงเรยี น จานวน 1 คน หัวหน้าฝุายวิชาการ จานวน 1 คน คณะกรรมการ
131 สถานศึกษา จานวน 1 คน ผู้ปกครอง จานวน 1 คน ปราชญ์ชาวบ้าน จานวน 1 คน และสถาน ประกอบการ จานวน 1 คน โดยวิเคราะห์ข้อมูลจาก 1) สถานภาพและข้อมูลท่ัวไปของผู้ให้สัมภาษณ์ 2) ความคิดเห็นเก่ียวกับความสาคัญ และองค์ประกอบท่ีจาเป็นของการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และเน้ือหากิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น และ 3) ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม มรี ายละเอยี ดดังน้ี การวเิ คราะห์ข้อมูล ตอนท่ี 1 สถานภาพและข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภาษณ์ วิเคราะห์โดยใช้ค่าสถิติค่าร้อยละ ดัง ตารางท่ี 19 ตารางท่ี 19 แสดงจานวนและรอ้ ยละเกยี่ วกบั สถานภาพและข้อมลู ท่ัวไปของผูใ้ ห้สมั ภาษณ์ สภาพและขอ้ มูลทั่วไปของนักเรยี น จานวน รอ้ ยละ 1. เพศ 2 33.33 1) ชาย 4 66.67 2) หญงิ 6 100.00 รวม 1 16.67 2. อายุ 2 33.33 3 50.00 1) 30-40 ปี 6 100.00 2) 41-50 ปี 3) 51 ปขี ึ้นไป 1 16.67 1 16.67 รวม 2 33.33 3. ระดบั การศกึ ษาสงู สดุ 2 33.33 6 100.00 1) มัธยมศึกษาตอนตน้ 2) มัธยมศึกษาตอนปลาย 3) ปริญญาตรี 4) ปรญิ ญาโท รวม
132 ตารางที่ 19 แสดงจานวนและรอ้ ยละเกยี่ วกับสถานภาพและขอ้ มูลท่ัวไปของผูใ้ หส้ มั ภาษณ์ (ต่อ) สภาพและขอ้ มูลท่ัวไปของนักเรยี น จานวน ร้อยละ 4. อาชพี 3 50.00 1) ขา้ ราชการ 1 16.67 2) เกษตรกร 1 16.67 3) ค้าขาย 1 16.67 4) รับจา้ งท่วั ไป 6 100.00 รวม จากตารางท่ี 19 พบว่า ผู้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 66.67 เพศชาย จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 มีอายรุ ะหวา่ ง 51 ปีขน้ึ ไป จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 อายุระหว่าง 41-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 33.33 อายุระหว่าง 30-40 ปี จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 ระดับการศึกษาสูงสุด คอื ปริญญาโท จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 ปริญญาตรี จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 มัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 มัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 1 คน คิด เป็นร้อยละ 16.67 มีอาชพี ขา้ ราชการ จานวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 50.00 อาชีพเกษตรกร จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 อาชีพค้าขาย จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 และอาชีพรับจ้างท่ัวไป จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นเกี่ยวกับความสาคัญ และองค์ประกอบท่ีจาเป็นของการพัฒนา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และเน้ือหากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว ของผู้อานวยการ โรงเรียน หัวหน้าฝุายวิชาการ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ปราชญ์ชาวบ้าน และสถาน ประกอบการ มีผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ดงั นี้ 1. ความคิดเห็นเกี่ยวกับความสาคัญ และความจาเป็นของการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว พบว่า ผู้ให้สัมภาษณ์มีความคิดเห็นท่ีสอดคล้องเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว โดยใช้ข้อมูลท้องถิ่นในบ้านเกิดตัวนักเรียนเอง มาสร้างเป็นอาชีพในการ สรา้ งรายได้ให้กับผู้เรยี น เพ่ือนาความรทู้ ่ีได้ไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวันได้ อกี ท้ังยังเป็นการส่งเสริม ผเู้ รียนใหต้ ระหนักถึงคุณค่าความสาคัญของดีในท้องถ่ินตัวเอง ดังคากล่าวของผู้ให้สัมภาษณ์ท่านหนึ่ง ท่ีไดก้ ล่าววา่
133 “...ของดีบ้านแพ้ว เป็นของดีใกล้ตัวนักเรียน ที่นักเรียนควรจะนามาเรียนรู้ และนามาผ่าน กระบวนการเพื่อเพิ่มมูลค่า เพื่อสร้างเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ในการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับ ตัวเองและครอบครวั ” (ผู้อานวยการโรงเรยี นวดั หลกั ส่ีพิพฒั นร์ าษฎร์อปุ ถัมภ์) “...จะมีส่ิงไหน ที่ดีและมีคุณค่าไปมากกว่าของดีในท้องถ่ินของตัวเอง ซ่ึงผู้เรียนควรจะรู้จัก ของดีประจาอาเภอบ้านแพว้ ของดใี นทอ้ งถิ่นตัวเองก่อนทจี่ ะไปเรียนรสู้ ิ่งไกลตวั ผเู้ รียน” (คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน) “...แถวน้ีมะพร้าวมีเยอะมาก จะสอนอะไรก็ได้ให้เด็กได้มีงานทา ให้รู้จักทางานหาเงินเล้ียง ตัวเองและชว่ ยเหลอื ครอบครวั ได้บ้าง” (ผปู้ กครอง) 2. ความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหา กิจกรรม และสื่อการเรียนรู้ ของการพัฒนากิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว พบว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ทุกคนกล่าวในทานองเดียวกัน ว่าควรจัดเน้ือหาใน สง่ิ ทผ่ี เู้ รยี นมคี วามสนใจ และต้องการท่ีจะเรยี น โดยใช้ข้อมูลท้องถ่ินในบ้านแพ้ว ที่เป็นของดีในอาเภอ บ้านแพว้ เพอื่ ให้นกั เรียนได้เรยี นรู้ด้วยความสนใจที่จะอยากเรียนรู้ จะทาให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน โดยเน้นการใช้ส่ือที่เป็นของจริง เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์ตรง ส่วนกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้นอก สถานศึกษา รวมถึงอาจนาปราชญ์ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังคากล่าว ของผู้ให้สัมภาษณ์ท่านหน่งึ ที่ไดก้ ล่าวว่า “...เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด เม่ือต้องเผชิญกับเหตุการณ์จริง ของจริง ท่ีไม่ใช่เพียงการเรียนใน ห้องเรียน ดังนั้นการนานักเรียนออกจากห้องเรียน ไปเรียนรู้นอกสถานที่บ้าง อาจจะทาให้เปิดโลก ทัศนข์ องเดก็ ไดม้ ากขนึ้ ” (คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน) “...การได้ไปเรียนรู้ในสถานท่ีจริง จะทาให้นักเรียนได้เข้าใจและได้เรียนรู้จากของจริง นอกจากนั้น ยงั เปน็ การอนุรักษ์ของดขี องเราใหร้ นุ่ ลกู ร่นุ หลานไดเ้ รียนรู้ และอนรุ ักษ์ต่อไป” (ปราชญช์ าวบา้ น) 3. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล ของการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว พบว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลเกี่ยวกับการ ประเมินตามสภาพจริง โดยเน้นการประเมินที่ไม่ได้เน้นเพียงความรู้จากการทดสอบด้วยข้อสอบ เท่านั้น แต่ยังเน้นในด้านทักษะ และคุณลักษณะ ผ่านกระบวนการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์ หรือประเมินจากช้ินงานของผู้เรียน จากการลงมือปฏิบัติ ดังคากล่าวของผู้ให้สัมภาษณ์ท่านหน่ึงที่ได้ กล่าววา่
134 “...การวดั และประเมินผลนักเรียนเพยี งกระดาษใบเดียวนั้น ถือเป็นการทดสอบที่ไม่สามารถ วดั ความสามารถทแ่ี ท้จรงิ ของนกั เรยี นได้ ต้องอาศยั การสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์เพิ่มเติม จึงจะ สามารถบ่งบอกความสามารถทแี่ ท้จริงของนักเรยี นได้” (หวั หน้าฝุายวิชาการโรงเรียนวัดหลกั ส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อปุ ถัมภ์) “...ส่งิ หนงึ่ ท่จี ะบอกว่าเดก็ คนไหนทาได้หรือไม่นั้น ไม่ได้วัดกันที่กระดาษเท่านั้น ควรจะมีการ วดั กนั ที่ชิน้ งาน จากการทางานของเด็ก” (สถานประกอบการ) ตอนที่ 2 ผลการพฒั นากิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ผลการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ผู้วิจัยได้สังเคราะห์ข้อมูลขั้นที่ 1 ได้แก่ 1) วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวดั หลกั สีพ่ ิพฒั น์ราษฎร์อุปถัมภ์ ด้านกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน 2) ศึกษาแนวคิดและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ทักษะอาชีพ และคณุ ลกั ษณะในการประกอบอาชพี 3) สอบถามความต้องการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา เก่ียวกับ รูปแบบของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 4) สัมภาษณ์ความคิดเห็นเก่ียวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนา ผู้เรยี น เพ่อื ส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพจากผู้อานวยโรงเรียน หัวหน้า ฝุายวิชาการ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ปราชญ์ชาวบ้าน และสถานประกอบการ โดย แบง่ เป็น 3 ข้นั ตอน คือ 1) ผลการพัฒนากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น (ฉบบั ร่าง) 2) ผลการประเมินกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน (ฉบับร่าง) และ 3) การปรับปรุงแก้ไขกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยมีรายละเอียด ดงั ต่อไปนี้ 1. ผลการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ฉบบั รา่ ง) ผู้วิจัยได้นาผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากขั้นตอนการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสาหรับการพัฒนา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา และได้ปรึกษาอาจารย์ท่ี ปรึกษาวิทยานิพนธ์ รวมท้ังคาแนะนาจากผู้เช่ียวชาญด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านหลักสูตรอาชีพ ด้านโครงงาน ด้านข้อมูลท้องถ่ิน และด้านการวัดและประเมินผล เพื่อขอคาแนะนาและข้อเสนอแนะ ในการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 1) หลักการ 2) เปูาหมาย 3) แนวการจัดกิจกรรม 4) รูปแบบการจัดกิจกรรม 5) คาอธิบายรายวิชา 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัดกิจกรรม 8) สื่อ/แหล่งเรียนรู้ 9)
135 การวดั และประเมินผล และ 10) แผนการจัดกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน จานวน 5 แผน โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี 1. หลักการ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนมีหลกั การสาคญั ดังนี้ 1.1 มเี ปูาหมายของการจัดกิจกรรมทีช่ ดั เจน เป็นรูปธรรม และครอบคลุมผ้เู รยี นท่ี เรียนทกุ คน 1.2 เป็นกจิ กรรมท่ผี ู้เรยี น ได้พฒั นาตนเองอย่างรอบด้านเต็มศกั ยภาพตามความ สนใจ ความถนัด ความต้องการ เหมาะสมกบั วัยและวฒุ ภิ าวะ 1.3 เป็นกิจกรรมทป่ี ลูกฝังและสง่ เสริมจติ สานกึ ในการบาเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อ สังคม ในลกั ษณะตา่ งๆ ทส่ี อดคล้องกับวิถีชวี ติ ประเพณี และวัฒนธรรมอยา่ งต่อเนอ่ื งและสมา่ เสมอ 1.4 เป็นกิจกรรมทยี่ ึดหลกั การมีสว่ นร่วม โดยเปดิ โอกาสให้ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้นาชมุ ชน ปราชญ์ชาวบ้าน องค์กร และหนว่ ยงานอื่น มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม 1.5 เปน็ การจัดกิจกรรมโดยใชว้ ธิ กี ารจดั การเรียนรแู้ บบโครงงานเป็นฐาน 2. เป้าหมาย การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนใช้ความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์จากการเรียนรู้ไปพัฒนาตนเองให้เกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถ ในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และทักษะอาชีพ 5 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสื่อสารและ มนุษยสัมพันธ์ ทักษะกระบวนการทางาน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะแสวงหาความรู้ และ ทักษะการจัดการ อันจะนาไปสู่คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ และคุณลักษณะในการ ประกอบอาชีพ 6 คณุ ลกั ษณะ ได้แก่ ความซอื่ สตั ย์ ความขยันและความอดทน ความรับผิดชอบ ความ เสียสละ ระเบียบวินัย และมที ัศนคตทิ ่ีดีตอ่ อาชพี ที่ทา 3. แนวการจัดกจิ กรรม สถานศกึ ษาจดั ให้ผ้เู รียนชั้นมัธยมศกึ ษา เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีแนวการจดั กจิ กรรม ดงั นี้ 1. ให้ผู้เรยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามความสนใจ 2. ให้ผ้เู รียนไดป้ ฏบิ ตั กิ จิ กรรมผา่ นประสบการณ์ท่ีหลากหลาย ฝึกการทางานทีส่ อดคลอ้ งกับ ชวี ติ จรงิ ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้เรยี น
136 3. จัดกิจกรรมแบบรายบุคคล กิจกรรมกลุ่ม โดยให้ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการ โดยการศึกษา และแสวงหาความรู้ประกอบการจัดการอย่างเป็นระบบ เน้นกระบวนการทางาน การสื่อสาร การมี มนษุ ยสมั พนั ธ์ และกระบวนการแก้ปญั หาในการดาเนินกจิ กรรม 4. ใช้กระบวนการมสี ่วนร่วมและการเรียนร้แู บบรว่ มมอื มากกว่าเน้นการแขง่ ขันบนพื้นฐาน การปฏบิ ัตติ ามวิถปี ระชาธิปไตย 5. ใช้วธิ กี ารจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ครบทุกกระบวนการ 6. จัดให้มกี ารแลกเปลี่ยนเรยี นร้แู ละเผยแพร่กิจกรรม 4. รปู แบบการจัดกจิ กรรม การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน เรื่อง ของดบี ้านแพว้ ใช้รปู แบบการจัดการ เรยี นร้โู ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน ซึง่ มีองคป์ ระกอบการสอน 6 ขน้ั ดงั นี้ 1. ใหค้ วามรู้พื้นฐาน โดยครผู ู้สอนเตรียมแหล่งขอ้ มลู เตรียมส่อื ข้อมูล เก่ยี วกับข้อมูลพ้ืนฐาน ที่ต้องการให้นักเรียนรู้ในเบื้องต้น เพ่ือให้ผู้เรียนเห็นขอบเขตของการศึกษาในครั้งน้ี รวมถึงกระตุ้น ความสนใจของผู้เรียน ดึงดดู ผู้เรียนใหเ้ กิดความสนใจ 2. เลือกหัวข้อที่สนใจ ผู้เรียนแต่ละคนเลือกหัวข้อที่สนใจจะศึกษา ค้นคว้าเพ่ิมเติม จากน้ัน จับกลุ่มผู้เรียนท่ีเลือกหัวข้อเดียวกันที่สนใจ ให้อยู่ด้วยกัน แล้วร่วมกันศึกษาถึงความเป็นไปได้ของ หัวข้อทผ่ี ู้เรยี นสนใจจะศึกษา ค้นควา้ จากนนั้ นาเสนอหัวขอ้ ทสี่ นใจตอ่ ผ้สู อน เพื่อขอความเหน็ ชอบ 3. วางแผน สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันกาหนดข้ันตอนการดาเนินงาน กาหนดระยะเวลาใน การดาเนินโครงงาน และแบ่งหน้าท่ีรับผิดชอบให้กับสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม โดยมีผู้สอนคอยให้ คาปรกึ ษา 4. ลงมือปฏิบัติ โดยการดาเนินการตามแผนที่แต่ละกลุ่มได้วางไว้ และร่วมกันแก้ปัญหาที่ เกิดข้ึน เพ่ือให้บรรลุเปูาหมายของแต่ละกลุ่ม โดยมีผู้สอนคอยเอ้ืออานวยความสะดวกในการลงมือ ปฏบิ ตั ิ 5. นาเสนอและอภิปราย ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงาน โดยการนาเสนอผลงานให้ เพอ่ื นร่วมช้นั และผูเ้ รียนอ่นื ๆ ไดช้ ม เพ่อื แลกเปล่ยี นเรียนรรู้ ่วมกนั 6. การวัดและประเมินผล เป็นการประเมินผลงาน โดยการประเมินตามสภาพจริง โดยการ ประเมินตนเอง เพื่อน และผู้สอน และมีการให้ข้อคิดเห็นสาหรับผลงาน เพื่อนาข้อคิดเห็นกลับมา ปรับปรงุ แกไ้ ขผลงานให้มีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น 5. คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา สารวจ วิเคราะห์ เก่ียวกับความสาคัญของการประกอบอาชีพ ปัจจัยในการประกอบ อาชีพให้ประสบความสาเร็จ ผลไม้ประจาอาเภอบ้านแพ้ว ประโยชน์ของส่วนต่างๆ ของต้นมะพร้าว การปลูก การดูแลรักษามะพร้าว การแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าว เพ่ือเพ่ิมมูลค่าของสินค้า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266