Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ

การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ

Published by yaowaluck590, 2022-05-26 01:54:06

Description: การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ

Search

Read the Text Version

137 การออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้า การวางแผนกลยุทธ์การตลาด การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย คานวณ ตน้ ทนุ กาไร โดยการใชท้ กั ษะการทาโครงงาน ให้นักเรียนได้ลงมอื ปฏบิ ัติ ด้วยทักษะในการด้านการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์ ทักษะกระบวนการทางาน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะแสวงหาความรู้ และทักษะการจัดการ ก่อให้เกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เพ่ือให้นกั เรยี นเห็นคุณคา่ และความสาคญั ของการประกอบอาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ความซื่อสัตย์ ความขยันและความอดทน ความรับผิดชอบ ความ เสียสละ ความประหยัดในการทางาน และทัศนคติท่ีดีต่ออาชีพท่ีทา อันนาไปสู่คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 8 ประการ ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเปน็ ไทย และมีจติ สาธารณะ 6. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน เร่ือง ของดีบ้านแพว้ มจี ดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 3 ด้าน 1. ดา้ นพุทธพิ สิ ัย (Cognitive Domain) 1.1 อธิบายการปลูก การดแู ลรักษา และประโยชน์ของสว่ นต่างๆ ของตน้ มะพรา้ ว 1.2 อธิบายกลยุทธก์ ารตลาด การทาบัญชรี ายรับ-รายจ่าย คานวณตน้ ทุน กาไร 2. ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor Domain) 2.1 ทดลองขายสินค้า 2.2 เกิดทักษะอาชีพ ได้แก่ ทักษะในการด้านการส่ือสารและมนุษยสัมพันธ์ ทักษะ กระบวนการทางาน ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทักษะแสวงหาความรู้ และทกั ษะการจัดการ 3. ด้านจิตพสิ ยั (Affective Domain) 3.1 เหน็ คณุ ค่าและความสาคญั ของการประกอบอาชพี 3.2 มีคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความขยันและความอดทน ความรบั ผดิ ชอบ ความเสยี สละ ความประหยัดในการทางาน และทศั นคติท่ีดตี อ่ อาชีพที่ทา รวม 7 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 7. โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรม โครงสร้างการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว มีรายละเอียดดังตารางท่ี 20 ดงั นี้

ตารางที่ 20 โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน เรอ่ื ง ของดบี า้ นแพว้ 138 หนว่ ยที่ ชื่อหน่วย จดุ ประสงค์การเรยี นรูข้ อ้ ที่ เวลา (ชั่วโมง) 6 1 ของดบี ้านแพ้ว 1.1 / 1.2 2 5 2 เลอื กแลว้ งานฉนั 2.2 / 3.2 2 5 3 รว่ มด้วยช่วยกัน 2.2 / 3.2 20 4 งานฉันมีดี 2.2 / 3.2 5 หลกั สี่ตลาดบ้านแพ้ว 2.1 / 2.2 / 3.1 / 3.2 รวม 8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้ 1. สอื่ การเรยี นรู้ 1.1 รปู ภาพสวนมะพรา้ ว 1.2 วีดทิ ัศนเ์ กยี่ วกบั มะพร้าว ผลไมส้ ร้างรายไดป้ ระจาอาเภอบา้ นแพ้ว 1.3 คอมพิวเตอร์ 1.4 อนิ เทอร์เนต็ 1.5 ใบงานท่ี 1 เร่ือง การปลูก การดูแลรักษา และประโยชน์ของส่วนต่างๆ ของต้น มะพรา้ วได้ 1.6 ใบงานที่ 2 เร่ือง แผนกลยุทธ์การตลาด การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย คานวณ ต้นทนุ กาไร 1.7 ใบงานท่ี 3 เรื่อง แบบบันทึกหวั ข้อและการวางแผนโครงงานอาชีพ 1.8 อุปกรณ-์ วสั ดใุ นการทาผลงานโครงงานอาชีพ 1.9 ผลงานโครงงานอาชพี 2. แหลง่ เรียนรู้ 2.1 สวนมะพรา้ ว 2.2 ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ลติ ภัณฑจ์ ากมะพร้าว 2.3 งานเปดิ บ้าน พ.ร. 3. บคุ คล 3.1 เจา้ ของสวนมะพร้าว ปราชญช์ าวบ้าน 3.2 เจา้ ของศูนยก์ ารเรียนรผู้ ลติ ภณั ฑ์จากมะพรา้ ว ปราชญ์ชาวบ้าน

139 3.3 ผู้เช่ยี วชาญดา้ นการตลาด 9. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผลระหว่างเรียนและหลังเรียนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยการวัดมี ความครอบคลมุ ท้ังดา้ นพุทธพิ ิสัย ทกั ษะพิสยั และจิตพิสยั ดงั รายละเอยี ดต่อไปนี้ 1. ด้านพทุ ธิพสิ ัย 1.1 ความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับการปลกู การดแู ลรกั ษา และประโยชน์ของส่วนต่างๆ ของตน้ มะพรา้ ว 1.2 ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับกลยุทธ์การตลาด การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย คานวณต้นทนุ กาไร 2. ดา้ นทกั ษะพสิ ยั 2.1 ทกั ษะอาชีพ 2.2 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 3. ด้านจิตพสิ ัย 3.1 คุณลกั ษณะในการประกอบอาชพี 3.2 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นพทุ ธพิ สิ ัย ทักษะพสิ ัย และจิตพิสัย ผา่ น หมายถึง ผ้เู รียนมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมครบร้อยละ 80 ตามเกณฑ์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและมผี ลงาน/ช้ินงานครบตามจุดประสงค์ การเรียนรู้ท่กี าหนด ไม่ผา่ น หมายถงึ ผเู้ รยี นมเี วลาเขา้ ร่วมกิจกรรมไม่ครบรอ้ ยละ 80 ตาม เกณฑ์ ไม่ผา่ นการปฏิบตั ิกิจกรรม หรือมี ผลงาน/ช้ินงาน/ คณุ ลกั ษณะไม่ครบตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ท่ีกาหนด 10. แผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 แผน รวม 20 ชั่วโมง โดยผ่านการตรวจสอบ จากผเู้ ช่ียวชาญ จานวน 9 ทา่ น พจิ ารณาตรวจสอบคณุ ภาพของโครงรา่ งกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน โดยใช้ การสนทนากลุ่ม (Focus Group) เพอ่ื พิจารณาความถูกต้อง เหมาะสมและตรวจสอบความสอดคล้อง ของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน สาหรบั การนาไปทดลอง ดงั นี้ แผนการจัดกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนท่ี 1 เร่ือง ของดีบา้ นแพว้ แผนการจัดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นท่ี 2 เรือ่ ง เลอื กแลว้ งานฉนั แผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นท่ี 3 เรือ่ ง ร่วมด้วยชว่ ยกัน แผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นที่ 4 เรือ่ ง งานฉันมดี ี

140 แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นที่ 5 เรื่อง หลกั ส่ตี ลาดบ้านแพ้ว ตอนท่ี 3 ผลการทดลองจดั กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ภายหลังการปรับปรุงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษา ผวู้ จิ ยั ไดน้ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เร่ือง ของดบี ้านแพว้ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาไป ใช้กับกลุ่มตัวอย่าง ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ สานักงานเขต พื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 10 จานวน 30 คน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 รวม ระยะเวลาท่ีใช้ดาเนินการท้ังหมด 20 ช่ัวโมง ตามแผนการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการทดลอง การจัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน มีรายละเอยี ด ดังนี้ กอ่ นการจัดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ก่อนการทดลอง ผู้วิจัยได้ชี้แจงทาความเข้าใจกับนักเรียนถึงจุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว โดยการช้ีแจงการดาเนินการศึกษาการใช้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และแนวการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยใช้โครงงาน ท่ีผู้เรียนจะต้องแบ่งกลุ่ม เพื่อแบ่งหน้าที่ความ รับผิดชอบ ร่วมมือกันในการสร้างสรรค์ผลงานโครงงานอาชีพ การศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมจาก แหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา โดยอาศัยกระบวนการทางานเป็นกลุ่ม และเน้นการประเมินตามสภาพ จริง ซ่ึงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว ท้ัง 5 แผน จะดาเนินการจัดกิจกรรมโดยใช้ โครงงานเป็นฐาน 6 ข้ัน ประกอบด้วย 1) ให้ความรู้พื้นฐาน 2) เลือกหัวข้อที่สนใจ 3) วางแผน 4) ลง มือปฏิบัติ 5) นาเสนอและอภิปราย และ 6) การวัดและประเมินผล เมื่อผู้เรียนเข้าใจตรงกันแล้วจึง ดาเนนิ การจดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นตามแผนการจดั กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น การจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้วิจัยจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 1-5 ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 โดยมีรายละเอียด ตามขนั้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยโครงงาน ดงั น้ี ขนั้ ที่ 1 ให้ความรูพ้ นื้ ฐาน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 1 เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว เวลา 6 ช่ัวโมง โดยครูเปน็ ผูจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้ เก่ียวกับความสาคัญของการประกอบอาชีพ ปัจจัยสาคัญ ในการประกอบอาชีพ และเรียนรู้เก่ียวกับมะพร้าว ของดีประจาอาเภอบ้านแพ้ว การแปรรูปมะพร้าว และกลยุทธ์การตลาด การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย ต้นทุน-กาไร โดยมีปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เชี่ยวชาญ มารว่ มจดั กจิ กรรมการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติมจากแหล่งเรียนรู้นอกสถานท่ีของจริง โดยไปยัง แหลง่ เรยี นรู้ ณ บ้านสวนแชม่ ชืน่ อาเภอบ้านแพ้ว จังหวดั สมทุ รสาคร ซ่ึงเจา้ ของบ้านสวนแช่มช่ืน ได้มี การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เก่ียวกับการปลูกมะพร้าว การดูแลรักษา รวมถึงประโยชน์จากส่วนต่างๆ

141 ของมะพร้าว และให้นักเรียนได้ชมผลิตภัณฑ์ท่ีสร้างจากมะพร้าว เพื่อเป็นแนวทางในการสร้าง ผลติ ภัณฑใ์ ห้กบั นกั เรียน ภาพท่ี 2 การพานักเรยี นไปศกึ ษานอกสถานที่ ณ บ้านสวนแชม่ ชนื่ หลงั จากนนั้ นกั เรียนยงั ไดเ้ รยี นรู้เกย่ี วกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไปสู่อุตสาหกรรม เพื่อศึกษาขั้นตอน กระบวนการแปรรูปมะพร้าว เพ่ือเพ่ิมมูลค่าของสินค้า จากโรงงานอุตสาหกรรม การแปรรูปมะพร้าว อาเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และการนาผลิตภัณฑ์ไปสู่การจาหน่ายใน ร้านค้า กลยุทธ์การขาย บทบาทการเป็นผู้ขาย เพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้และนาองค์ความรู้ที่ได้เรียนรู้ มา มาสรา้ งสรรค์เป็นผลงานโครงงานอาชพี ของตนเอง ภาพที่ 3 การพานักเรียนไปศกึ ษายังสถานประกอบการ นอกจากนัน้ นักเรยี นยังไดเ้ รยี นรู้กลยทุ ธ์การตลาด การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย ต้นทุน-กาไร ผ่านกจิ กรรมตลาดจาลอง ซ่ึงได้เชิญผู้เช่ียวชาญด้านการตลาดมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียนวัด หลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ โดยนักเรียนจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ขาย และกลุ่มผู้ซ้ือ และ ศึกษาบทบาทหนา้ ท่ีของการเปน็ ผู้ขาย และผู้ซอื้ จากผู้เชี่ยวชาญดา้ นการตลาด จากน้ันดาเนินกิจกรรม

142 ตลาดจาลอง เพื่อเรียนรู้กระบวนการขาย การตลาด จากน้ันกลับมาทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อ คานวณตน้ ทนุ -กาไร ภาพที่ 4 กิจกรรมตลาดจาลอง ซ่ึงผลการทากิจกรรม พบว่า นักเรียนมีความสุข สนุกสนานท่ีได้เรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน ผู้เชยี่ วชาญ รวมถึงมคี วามตื่นเต้น และกระตือรือร้นในการเรียนรู้ จากการศึกษาค้นคว้าหาความรู้จาก แหล่งเรยี นนอกสถานที่ โดยนกั เรยี นให้ความสนใจ ให้ความร่วมมือ และมีความกระตือรือร้นในการทา กิจกรรม ขั้นท่ี 2 เลือกหัวข้อท่ีสนใจ แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 2 เร่ือง เลือกแล้วงานฉัน เวลา 1 ช่ัวโมง โดยครูเป็นผู้จัดกิจกรรม ให้นักเรียนเลือกหัวข้อที่สนใจ โดยการให้นักเรียนแต่ละคน เลอื กหวั ขอ้ ทนี่ ักเรียนสนใจ จากนน้ั จับกลมุ่ นักเรียนท่ีมีความสนใจนกลุ่มเดียวกัน อยู่กลุ่มร่วมกัน เพ่ือ ทาการศกึ ษาถงึ ความเป็นไปไดข้ องหัวข้อ แลว้ นาเสนอหัวข้อโครงงานอาชีพเพือ่ ขอความเหน็ ชอบ ขั้นท่ี 3 วางแผน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 2 เร่ือง เลือกแล้วงานฉัน เวลา 1 ชั่วโมง โดยครูเป็นผู้จัดกิจกรรม ให้นักเรียนร่วมกันวางแผนการดาเนินโครงงานอาชีพ โดยเมื่อกลุ่ม ไหนที่ได้หัวข้อแล้ว ให้ดาเนินการวางแผน กาหนดขั้นตอนการดาเนินงาน ระยะเวลาในการดาเนิน โครงงาน และแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้กับสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม โดยมีผู้สอนคอยให้คาปรึกษา ซ่ึง นักเรยี นแต่ละคนมคี วามกระตอื รือร้นในการหาข้อมูล เพ่ือกาหนดหัวข้อ และมีความสุขในการทางาน ได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีการบริหารจัดการทางานกลุ่ม มีการแบ่งหน้าท่ีรับผิดชอบกัน ภายในกลุม่ เพอ่ื ใหก้ ลุม่ บรรลเุ ปาู หมายท่ไี ดก้ าหนดไว้

143 ภาพท่ี 5 การเลือกหวั ขอ้ ท่ีสนใจ และรว่ มกันวางแผนโครงงานอาชพี ข้ันที่ 4 ลงมือปฏิบัติ แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 3 เร่ือง ร่วมด้วยช่วยกัน เวลา 5 ชั่วโมง โดยมีนักเรียนเป็นผู้ดาเนินการตามแผนที่แต่ละกลุ่มได้วางไว้ และมีครูเป็นผู้อานวยความ สะดวกในการให้คาแนะนา คาปรึกษา ในการดาเนินการ ซึ่งนักเรียนบางกลุ่มมีความกระตือรือร้น มี ความขยัน มีความรับผิดชอบ สามารถบริหารจัดการทั้งบุคคล และงานได้ดี จึงทาให้สามารถ ดาเนินงานตามแผนท่ีได้วางไว้อย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกัน บางกลุ่มก็ไม่สามารถดาเนินงานตาม แผนท่ีวางไว้ได้ เนื่องจากสมาชิกบางคนในกลุ่มไม่มีความขยัน ความรับผิดชอบ หรือบางกลุ่มไม่ สามารถบริหารจัดการคนและงานได้อย่างเป็นระบบ ซ่ึงบางกลุ่มก็ได้รับการแก้ไข การช่วยเหลือจาก ครูผู้สอนหรือเพื่อนคอยเอื้ออานวยความสะดวกในการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้กระบวนการดาเนินงาน ภายในกลุ่มสามารถขับเคล่อื นไปได้ตามแผนที่วางไว้ โดยผลงานของนักเรียนนั้น มีจานวน 6 ช้ิน ดังนี้ 1) กระถางต้นไม้ธรรมชาติจากขุยมะพร้าว โดยการนาขุยมะพร้าวมาปั่นให้ละเอียด แล้ว นามาผสมกับกาวท่ีทาจากแปูงปียกผสมกับน้า จากนั้นนามาอัดในกระถางใบใหญ่ แล้วนากระถางใบ เล็กมาซ้อนทับ เพื่อข้ึนรูปเป็นกระถาง แล้วปรับแต่งรูปทรงให้สวยงาม จากนั้นนาไปตากแดดให้แห้ง เพ่ือลดการเกิดเชื้อรา แล้วนาไปบรรจุใส่ห่อให้สวยงาม โดยกระถางต้นไม้ธรรมชาติจากขุยมะพร้าว เป็นกระถางต้นไม้ เพ่ือลดการใช้ขยะถุงดาในการปลูกต้นไม้ อีกทั้งกระถางต้นไม้ที่ทาจากขุยมะพร้าว น้นั ยังเปน็ มติ รต่อธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มอกี ดว้ ย ภาพท่ี 6 การสรา้ งผลงานโครงงานอาชีพ กระถางตน้ ไม้ธรรมชาติจากขุยมะพร้าว

144 2) ถ่านดับกล่ินจากรกมะพร้าว โดยการนารกมะพร้าวมาเผาเพ่ือให้เป็นถ่าน แล้วนามาผสม กาว ปั้นเปน็ กอ้ นกลมๆ แล้วนาไปตากแดดให้แห้ง จากน้ันนาไปบรรจหุ ่อโดยนาถ่านกอ้ นท่ีตากแดดจน แหง้ นน้ั มาบรรจใุ สก่ ระดาษหอ่ โดยถา่ นดับกลิน่ จากรกมะพรา้ ว ใชใ้ นการดบั กลนิ่ ไมพ่ ึงประสงค์ ภาพที่ 7 การสร้างผลงานโครงงานอาชพี ถา่ นดับกลิน่ 3) น้ามันมะพร้าวสกัดเย็น ด้วยวิธีการสกัดเย็นแบบธรรมชาติ ปลอดจากสารเคมี ปลอดภัย โดยการนากะทิมาเคี่ยวด้วยไฟอ่อน จากน้ันนามาค้างคืนไว้ 1 คืน เพื่อให้เกิดการแยกชั้น โยชั้นของ น้ามันมะพร้าวจะอยู่ด้านบนสุด จากน้ันนาส่วนของน้ามันมะพร้าวไปน่ึง เพื่อไล่ความช้ืนออกจาก นา้ มันมะพร้าว เพื่อทาใหน้ ้ามนั มะพร้าวใส ไมเ่ ปน็ ไข แล้วนาไปบรรจใุ สข่ วด ให้สวยงาม ภาพที่ 8 การสรา้ งผลงานโครงงานอาชีพ น้ามันมะพร้าว 4) พวงกุญแจกะลา โดยนากะลามะพร้าวมาตดั ใหเ้ ป็นรูปต่างๆ แลว้ นามาขดั ให้เรียบ จากนน้ั นามาเจาะรู เพือ่ ใสห่ ่วงกุญแจ แล้วเตรียมสใี ห้ผู้ซือ้ เป็นผูร้ ะบายสี หรือตกแต่งพวงกุญแจของตนเอง ตามใจชอบ แลว้ นาพวงกญุ แจกะลามาเคลือบเงาด้วยแลกเกอร์

145 ภาพที่ 9 การสรา้ งผลงานโครงงานอาชีพ พวงกุญแจกะลา 5) วุน้ มะพร้าว ซง่ึ เปน็ มะพรา้ วนา้ หอม นานา้ มะพร้าวและเนื้อมะพร้าวอ่อนมาใส่ผงเจลาตนิ ใสน่ ้าตาล เพ่ือเพ่ิมความหวาน จากนั้นนาไปใส่ถ้วย แล้วไปแชใ่ นตู้เย็น เพอ่ื ทาให้จับตวั เป็นวนุ้ ภาพท่ี 10 การสรา้ งผลงานโครงงานอาชีพ วนุ้ มะพร้าว 6) มะพร้าวแกว้ ซ่งึ เปน็ มะพร้าวแกว้ ที่เคยี่ วกบั น้าตาลมะพร้าว เพ่ือให้ไดค้ วามหอม และ ความหวานแบบพอดี ไม่หวานจนเกินไป แลว้ นาไปใสห่ อ่ ให้สวยงาม ภาพท่ี 11 การสรา้ งผลงานโครงงานอาชพี มะพรา้ วแก้ว

146 ข้ันท่ี 5 นาเสนอและอภิปราย แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 4 เรื่อง งานฉันมีดี เวลา 2 ชว่ั โมง โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานโครงงานอาชีพ ท่ีแต่ละกลุ่มได้ดาเนินลงมือปฏิบัติตาม แผนท่ีได้วางไว้ โดยนาเสนอให้เพ่ือนร่วมช้ัน และครูผู้สอน ได้ชม เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้อภิปราย ร่วมกัน ซึ่งนักเรียนแต่ละคนร่วมกันแสดงข้อคิดเห็น และร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกัน เพอ่ื นากลบั มาปรบั ปรงุ แก้ไขผลงานให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน ก่อนที่จะนาผลงานไปขายจริงในงาน เปิดบ้าน พ.ร. ข้ันที่ 6 การวัดและประเมินผล แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 5 เร่ือง หลักสี่ตลาด บ้านแพ้ว เวลา 5 ชั่วโมง โดยนักเรียนแต่ละกลุ่ม จะนาผลิตภัณฑ์ไปจาหน่ายในงานเปิดบ้านวิชาการ พ.ร. ในวันอังคารท่ี 13 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2561 ณ โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ ภายในงาน จะมีผู้เข้าร่วมงานทั้งกลุ่มผู้บริหาร คณะครู นักเรียน ทั้งจากโรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ และโรงเรียนในกลุ่มเครือข่าย รวมถึงคณะผู้บริหารจากสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 10 และผปู้ กครอง มาร่วมงานในครั้งนี้ นักเรียนแต่ละกลุ่มจะต้องบริหารจัดการภายในกลุ่ม เพื่อให้ ได้ผลกาไรมากที่สุด จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปราย และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน และกัน ถึงประสบการณ์ในการนาผลติ ภณั ฑ์ไปจาหน่ายในงานเปิดบา้ นวิชาการ พ.ร. ในครั้งน้ี ภาพที่ 12 กจิ กรรมการนาผลติ ภัณฑ์มาจาหน่ายเนื่องในงานเปดิ บ้าน พ.ร.

147 ตอนท่ี 4 ผลการประเมนิ และปรบั ปรงุ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 มีผู้วิจัย เป็นผู้สอน และเป็นผปู้ ระเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น โดยมีรายละเอียด ดังน้ี การประเมินหลงั การจดั กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น โดยการประเมินนักเรียน 3 ด้าน คือ 1) ทักษะ อาชีพ 2) คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ และ 3) สอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น เรื่อง ของดบี า้ นแพ้ว 1. ผลการประเมินทักษะอาชพี การประเมินทักษะอาชีพ หลังการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว ผู้วิจัยได้ ดาเนินการประเมนิ ทักษะอาชพี ของนักเรยี นจากการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานของนักเรียน โดย ใชแ้ บบประเมินทักษะอาชพี ผลปรากฏดงั ตารางท่ี 21 ตารางท่ี 21 ผลการประเมินทกั ษะอาชีพ หลงั การจดั กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน เรือ่ ง ของดีบา้ นแพว้ ทักษะอาชีพ X S.D. การแปลผล ลาดบั 1. ทกั ษะการสื่อสาร 0.55 ดี 3 และมนษุ ยสัมพันธ์ 3.10 0.51 ดีมาก 1 2. ทักษะ 3.53 กระบวนการทางาน 0.51 ดีมาก 2 3. ทักษะ 3.50 กระบวนการ 0.55 ดี 5 แก้ปญั หา 2.90 0.79 ดี 4 4. ทักษะแสวงหา 3.00 0.64 ดี ความรู้ 3.21 5. ทกั ษะการจดั การ รวม จากตารางที่ 21 ผลการประเมินทักษะอาชีพของนักเรียน หลังการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว ในภาพรวมอยู่ในระดับดี ( X = 3.21, S.D. = 0.64) ซ่ึงยอมรับสมมติฐานวิจัย ข้อที่ 1 เม่ือพจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ ทกั ษะทีม่ คี ะแนนสูงสุด คือ ทักษะกระบวนการทางาน อยู่ใน

148 ระดบั ดมี าก ( X = 3.53, S.D. = 0.51) รองลงมา คอื ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา อยู่ในระดับดีมาก ( X = 3.50, S.D. = 0.51) ทักษะการส่ือสารและมนุษยสัมพันธ์ อยู่ในระดับดี ( X = 3.10, S.D. = 0.55) ทักษะการจัดการ อยู่ในระดับดี ( X = 3.00, S.D. = 0.79) และทักษะแสวงหาความรู้ อยูใ่ นระดบั ดี ( X = 2.90, S.D. = 0.55) 2. ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะในการประกอบอาชพี การประเมนิ คุณลกั ษณะในการประกอบอาชีพ หลังการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดี บ้านแพ้ว ผู้วิจัยได้ดาเนินการประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียนจากการสังเกต พฤติกรรมการปฏิบัติงานของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ผล ปรากฏดังตารางที่ 22 ตารางที่ 22 ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะในการประกอบอาชีพ หลังการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดบี ้านแพว้ คณุ ลกั ษณะในการ X S.D. การแปลผล ลาดับ ประกอบอาชีพ 1. ความซือ่ สตั ย์ 2.53 0.51 ดี 4 2. ความขยนั และ ความอดทน 2.63 0.49 ดี 2 3. ความรบั ผิดชอบ 4. ความเสยี สละ 2.57 0.50 ดี 3 5. ระเบียบวนิ ยั 2.43 0.50 พอใช้ 5 6. ทศั นคติท่ดี ีตอ่ 2.20 0.41 พอใช้ 6 อาชพี ท่ีทา 2.67 0.48 ดี 1 รวม 2.51 0.50 ดี จากตารางท่ี 22 ผลการประเมินคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียน หลังการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ในภาพรวมอยู่ในระดับดี ( X = 2.51, S.D. = 0.50) ซึ่ง ยอมรับสมมติฐานวิจัยข้อที่ 2 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า คุณลักษณะท่ีมีคะแนนสูงสุด คือ ทศั นคตทิ ่ดี ตี อ่ อาชพี ทท่ี า อยู่ในระดับดี ( X = 2.67, S.D. = 0.48) รองลงมา คอื ความขยันและความ อดทน อยู่ในระดับดี ( X = 2.63, S.D. = 0.49) ความรับผิดชอบ อยู่ในระดับดี ( X = 2.57,

149 S.D. = 0.50) ความซ่ือสัตย์ อยูใ่ นระดบั ดี ( X = 2.53, S.D. = 0.51) ความเสยี สละ อยู่ในระดับพอใช้ ( X = 2.43, S.D. = 0.50) และระเบยี บวนิ ยั ( X = 2.20, S.D. = 0.41) 3. ผลการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดี บ้านแพ้ว การสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ผู้วิจัยได้ดาเนินการโดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว แบ่งออกเป็น 2 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 ความพงึ พอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยใช้แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตอนท่ี 2 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดยให้นักเรียนเขียนบรรยาย ซ่ึงผลการวิเคราะห์ ข้อมูล ปรากฏดงั ตารางที่ 23 ตารางที่ 23 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของ ดบี ้านแพว้ ความพึงพอใจของนักเรยี น X S.D. ระดบั ความ ลาดับ พงึ พอใจ ด้านกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 4.87 1. กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน เรื่อง ของดี 4.67 0.35 มากทสี่ ุด 1 บ้านแพว้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ มีความ 4.77 เหมาะสมและสอดคล้องกบั ความ 4.77 0.48 มากท่ีสดุ 3 ตอ้ งการของผู้เรยี น 0.50 มากที่สดุ 2 2. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดี 0.50 มากทส่ี ดุ 2 บา้ นแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรตู้ าม ความถนดั และความสนใจของผเู้ รยี น 3. กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เร่ือง ของดี บา้ นแพว้ ส่งเสริมให้ผเู้ รียนเกิดทักษะ อาชพี 4. กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน เร่ือง ของดี บ้านแพว้ สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นเกิด คุณลักษณะในการประกอบอาชพี

150 ตารางที่ 23 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของ ดบี า้ นแพ้ว (ต่อ) ความพงึ พอใจของนักเรยี น S.D. ระดับความ ลาดับ พงึ พอใจ X 5. กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดี บา้ นแพ้ว ใช้เวลาในการจัดกจิ กรรม 4.27 0.69 มาก 4 เหมาะสม รวม 4.67 0.55 มากทส่ี ุด 2 ดา้ นส่อื ประกอบกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน 6. กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน เรื่อง ของดี บ้านแพว้ จัดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยมี 4.47 0.63 มาก 2 การใช้ส่ือการสอนที่หลากหลาย 7. กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน เร่ือง ของดี บา้ นแพว้ จดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยมี 4.63 0.61 มากท่สี ุด 1 วทิ ยากรทม่ี ีความรู้ ความเชย่ี วชาญ 8. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดี บ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยมี 4.43 0.77 มาก 3 การใช้ส่ือที่กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ 0.67 มากทสี่ ุด 4 0.57 มากท่ีสดุ 2 สนใจ รวม 4.51 ดา้ นการวัดและประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 9. กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน เรื่อง ของดี บา้ นแพว้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยมี 4.57 การวดั และประเมินผลทหี่ ลากหลาย 10. กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน เรื่อง ของดี บ้านแพว้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยให้ ตนเอง เพื่อน ปราชญช์ าวบา้ น 4.63 0.61 มากท่สี ุด 1 ผู้ปกครองและสถานประกอบการมีส่วน ร่วมในการวดั และประเมินผล

151 ตารางท่ี 23 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของ ดีบ้านแพ้ว (ตอ่ ) ความพงึ พอใจของนักเรียน S.D. ระดบั ความ ลาดับ พึงพอใจ X รวม 4.60 0.59 มากท่สี ดุ 3 ด้านประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 11. กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน เรอื่ ง ของดี บา้ นแพ้ว ทาใหผ้ เู้ รียนรูค้ ุณคา่ ของ 4.90 0.31 มากที่สุด 1 ทอ้ งถิน่ ในอาเภอบา้ นแพว้ 12. กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น เรื่อง ของดี บา้ นแพว้ ทาให้ผเู้ รยี นเกดิ คุณลกั ษณะใน 4.70 0.53 มากทส่ี ดุ 2 การประกอบอาชีพ 13. กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน เรื่อง ของดี บา้ นแพว้ ทาใหผ้ เู้ รียนเกดิ ทักษะอาชีพ 4.70 0.65 มากทส่ี ดุ 2 สามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นการประกอบ 0.52 มากท่สี ุด 1 อาชพี ได้ 0.59 มากที่สดุ รวม 4.77 รวมท้ังหมด 4.64 จากตารางท่ี 23 พบว่า นกั เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดี บา้ นแพว้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.64, S.D. = 0.59) ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัย ที่กาหนดไว้ในข้อท่ี 3 เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมพัฒนา ผูเ้ รียนดา้ นประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นลาดับที่ 1 โดยอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.77, S.D. = 0.52) รองลงมา คือ ด้านกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.67, S.D. = 0.55) ด้านการวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.60, S.D. = 0.59) และด้านสอ่ื ประกอบกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน อย่ใู นระดับมากท่สี ดุ ( X = 4.51, S.D. = 0.67) สาหรับรายด้านท่ี 1 ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า ประเด็นที่มีความพึงพอใจมากที่สุด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีความเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกับความต้องการของผเู้ รียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.87, S.D. = 0.35) รองลงมา คือ

152 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะอาชีพ และ กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ อยู่ในระดับมาก ที่สุด ( X = 4.77, S.D. = 0.50) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามความถนัด และความสนใจของผู้เรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.67, S.D. = 0.48) และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.27, S.D. = 0.69) รายด้านที่ 2 ด้านส่ือประกอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประเด็นที่มีความพึงพอใจมากที่สุด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยมีวิทยากรที่มีความรู้ ความ เชยี่ วชาญ อย่ใู นระดับมากทสี่ ดุ ( X = 4.63, S.D. = 0.61) รองลงมา คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยมีการใช้ส่ือการสอนท่ีหลากหลาย อยู่ในระดับมาก ( X = 4.47, S.D. = 0.63) และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยมีการ ใชส้ อื่ ท่ีกระตุน้ ผู้เรยี นใหเ้ กดิ ความสนใจ อย่ใู นระดบั มาก ( X = 4.43, S.D. = 0.77) รายด้านที่ 3 ด้านการวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประเด็นที่มีความพึงพอใจ มากท่ีสุด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ตนเอง เพื่อน ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ปกครองและสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล อยู่ในระดับ มากท่ีสุด ( X = 4.63, S.D. = 0.61) รองลงมา คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว จัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยมีการวัดและประเมินผลท่ีหลากหลาย อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.57, S.D. = 0.57) และรายด้านท่ี 4 ดา้ นประโยชน์ท่ีได้รับจากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประเด็นที่มีความพึงพอใจ มากท่ีสุด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ทาให้ผู้เรียนรู้คุณค่าของท้องถิ่นในอาเภอ บ้านแพ้ว อยใู่ นระดบั มากที่สุด ( X = 4.90, S.D. = 0.31) รองลงมา คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ทาให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพว้ ทาใหผ้ ้เู รียนเกิดทักษะอาชีพ สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ อยู่ใน ระดบั มากทสี่ ุด ( X = 4.70, S.D. = 0.65) จากคาถามปลายเปิดการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นหลังจากการเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีความสนุกสนาน มีความสุขกับการเรียน ท้ังจากบุคคลใน ท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงปราชญ์ชาวบ้าน นอกจากน้ันยังตื่นเต้นกับการได้ออกไปเรียนรู้นอก สถานท่ี ไปยังแหล่งเรียนรู้ของจริง เพื่อศึกษาค้นหาความรู้เพ่ิมเติมจากของจริง สถานที่จริง เรียนรู้ จากการลงมือปฏิบัติ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านระบบพี่ช่วยเหลือน้อง ซึ่งมีลักษณะ คล้ายกับการทางานจริงๆ ทาให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง

153 ของดีบ้านแพ้ว และที่สาคัญได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของท้องถิ่นของตัวนักเรียน ของดีประจาอาเภอบ้าน แพ้ว มาสร้างเป็นอาชีพ ที่สร้างรายได้ให้กับนักเรียน โดยสามารถนาเอาไปประยุกต์ใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั ได้ ผลการปรบั ปรุงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผลการนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาไปใช้ พบว่า ยังมีประเด็นที่ควรปรับปรุง ดังน้ี 1) ด้านทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ เน่ืองจากจานวนช่ัวโมงในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มี 20 ชั่วโมง และส่วนใหญ่เป็นการจัด กิจกรรมในรายวิชาชุมนุม ซึ่งมีเวลาท่ีค่อนข้างจากัดในการจัดกิจกรรม ทาให้ตัวกิจกรรมที่ส่งผลถึง ทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียนน้ัน ไม่สามารถเกิดได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากหมดเวลาเสียก่อน และเนื่องจากเวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมค่อนข้างจากัด ทาให้บาง กจิ กรรมไมส่ ามารถจดั กจิ กรรมจบได้ภายในช่ัวโมงน้ัน และ 2) ด้านการวัดและประเมินผลชิ้นงานของ นักเรียน ในส่วนของปราชญ์ชาวบ้าน สถานประกอบการ รวมถึงผู้ปกครองท่ีเข้ามามีส่วนร่วมในการ ประเมินช้ินงานของนักเรียน ในเรื่องของเกณฑ์การประเมินชิ้นงานที่อาจจะใช้ภาษาท่ียากเกินไป ทาใหเ้ กิดการไม่เข้าใจในการวัดและประเมินช้ินงานของนักเรียน ซ่ึงได้ทาการปรับเกณฑ์ใหม่ให้เข้าใจ ง่ายข้ึน ใช้ภาษาที่ง่ายขึ้น มีความกระชับ เพ่ือให้สามารถวัดและประเมินผลงชิ้นงานของนักเรียนได้ ตรงตามวตั ถุประสงค์ท่ไี ดก้ าหนดไว้

154 บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัย เรื่อง การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เพ่ือส่งเสริมทักษะ อาชีพและคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความ ตอ้ งการในการพฒั นากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น เพือ่ ส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบ อาชีพ สาหรับนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษา โรงเรียนวดั หลักสีพ่ พิ ฒั น์ราษฎรอ์ ปุ ถมั ภ์ 2) เพื่อพัฒนากิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพสาหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ 3) เพื่อทดลองใช้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อ ส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา โรงเรียน วัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ 4) เพ่ือประเมินผลและปรับปรุงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพ่ือส่งเสริม ทักษะอาชพี และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดหลักส่ี พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ เกี่ยวกับทักษะอาชีพของนักเรียนคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของ นักเรยี น และความพงึ พอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว ประชากร ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ ราษฎร์อุปถัมภ์ จานวน 305 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 โรงเรียนวดั หลกั ส่พี ิพฒั น์ราษฎรอ์ ปุ ถมั ภ์ ที่กาลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 30 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เคร่ืองมือสารวจข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ 1.1) แบบสอบถามความต้องการของนักเรียน 1.2) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนา กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นจากผูท้ ี่เก่ียวข้อง 2) เคร่ืองมือที่ใช้ในการทดลองใช้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ 2.1) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว 2.2) แบบประเมินทักษะอาชีพ 2.3) แบบประเมิน คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ และ 2.4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เรือ่ ง ของดบี ้านแพว้ โดยดาเนนิ การเก็บขอ้ มลู ทกุ ข้นั ตอนดว้ ยตนเอง วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใชค้ ่าร้อยละ (%) ค่าเฉล่ีย ( X ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะหเ์ นอื้ หา (Content Analysis) สรุปผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์ข้อมูล นาเสนอตามขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) โดยมีขั้นตอนการดาเนินการวิจัย ดังนี้ 1) การวิจัย (Research) : การศึกษา

155 ข้อมูลพื้นฐาน และความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา 2) การพัฒนา (Development) : การพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรือ่ ง ของดบี า้ นแพว้ สาหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษา (ฉบับรา่ ง) 3) การวิจัย (Research) : การทดลอง จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 4) การพัฒนา (Development) : การประเมินและปรับปรุงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษา ผลการวจิ ัยสรปุ ได้ ดงั นี้ 1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และความต้องการเก่ียวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 และผู้ที่ เกยี่ วขอ้ งตอ้ งการให้มีการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่เน้นส่งเสริมทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพ และคุณลักษณะสาคัญในการประกอบอาชีพ โดยใช้ข้อมูลท้องถ่ินของอาเภอบ้านแพ้ว ในการสร้าง มูลค่ามาสรา้ งเปน็ อาชพี และสร้างรายได้ให้กับนักเรียน เพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ โดย เนน้ การลงมือปฏิบตั ิด้วยตนเอง จากประสบการณต์ รง ผา่ นแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่นของตนเองและ ปราชญ์ชาวบ้านในท้องถ่ิน ด้วยกระบวนการกลุ่ม การแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน การอภิปราย โดยใช้ การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง จากตัวนักเรียนเอง เพ่ือน ครูผู้สอน รวมถึงปราชญ์ชาวบ้านใน การประเมิน ทัง้ ด้านพทุ ธิพิสัย ทักษะพสิ ยั และจติ พิสัย 2. ผลการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา พบวา่ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน เรอื่ ง ของดบี ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยมีองค์ประกอบ ที่สาคัญ คือ 1) หลักการ 2) เปูาหมาย 3) แนวการจัดกิจกรรม 4) รูปแบบการจัดกิจกรรม 5) คาอธิบายรายวชิ า 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัดกิจกรรม 8) ส่ือการเรียนรู้/แหล่ง เรียนรู้ 9) การวัดและประเมินผล และ 10) แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 แผน ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 1 เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว แผนการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนที่ 2 เรื่อง เลือกแล้วงานฉัน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 3 เร่ือง ร่วมด้วยช่วยกัน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 4 เร่ือง งานฉันมีดี และแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 5 เร่ือง หลักสี่ตลาดบ้านแพ้ว โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ให้ความรู้พ้ืนฐาน 2) เลือกหัวข้อท่ีสนใจ 3) วางแผน 4) ลงมือปฏิบัติ 5) นาเสนอ และอภิปราย และ 6) การวัดและประเมินผล เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานผ่านโครงงาน อาชีพ ซ่ึงมีข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการปรับระยะเวลาให้เหมาะสม กับกิจกรรม และเกณฑ์การ ประเมนิ ชนิ้ งานของนกั เรียน ควรระบใุ หก้ ระชับ ใชภ้ าษาทีง่ ่าย เพือ่ ให้เข้าใจง่ายในการประเมิน 3. ผลการทดลองจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษา พบว่า นักเรียนสนุกสนาน ตื่นเต้น กับการจัดกิจกรรมจากผู้เช่ียวชาญท้องถิ่น ปราชญ์ ชาวบ้าน รวมถึงการศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานท่ี ณ บ้านสวนแช่มช่ืน เป็นการเรียนรู้เก่ียวกับการ

156 ปลูกมะพร้าว การดูแลรักษา รวมถึงประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของมะพร้าว นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้ เก่ียวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เพ่ือเพ่ิมมูลค่าของสินค้า ทาให้นักเรียนเกิดความสนใจ ความตั้งใจ และความกระตือรือร้นในการทากิจกรรมต่างๆ โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็น ฐานในการจัดกิจกรรม เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานโครงงานอาชีพของนักเรียน ด้วย กระบวนการกลุ่ม ท่ีมีการคละนักเรียนต่างระดับช้ันอยู่กลุ่มด้วยกัน ทาให้เกิดมุมมอง ความคิดเห็นท่ี แตกต่างกันในการทางาน เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ การอภิปรายร่วมกันในกลุ่มย่อย ทาให้เกิดองค์ ความรู้ หรอื แนวทางใหม่ๆ ในการทางาน รวมถึงการบริหารงานและบุคคล ให้บรรลุเปูาหมายของแต่ ละกลมุ่ กาหนดไว้ โดยใช้แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 แผน รวมเวลา 20 ช่ัวโมง ด้วย การจดั การเรยี นร้โู ครงงาน 6 ข้ันตอน โดยมีรายละเอยี ด ดงั น้ี ขนั้ ท่ี 1 ใหค้ วามรู้พ้ืนฐาน อยู่ในแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 1 เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว เวลา 6 ช่ัวโมง พบว่า ผู้เรียนเห็นถึงความสาคัญของการประกอบอาชีพ ปัจจัยสาคัญในการประกอบ อาชีพ สามารถทาบญั ชรี ายรับ-รายจา่ ย คานวณต้นทนุ -กาไรได้ นอกจากนั้นยังมีความกระตือรือร้นใน การศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติมจากแหล่งเรียนรู้ บ้านสวนแช่มช่ืน ในเร่ืองของการปลูกมะพร้าว การดูแลรักษา ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของมะพร้าว รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เพ่ือ เพิม่ มูลคา่ ของสินคา้ ข้ันท่ี 2 เลือกหวั ขอ้ ที่สนใจ อยู่ในแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 2 เรื่อง เลือกแล้วงาน ฉัน เวลา 2 ชั่วโมง พบว่า ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเลือกหัวข้อที่สนใจ และร่วมกันศึกษาถึง ความเป็นไปไดข้ องหัวขอ้ แล้วนาเสนอหัวข้อเพื่อขอความเห็นชอบ ขน้ั ท่ี 3 วางแผน อยูใ่ นแผนการจัดกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นท่ี 2 เรื่อง เลือกแล้วงานฉัน เวลา 2 ช่ัวโมง พบว่า หลังจากกลุ่มไหนที่ได้หัวข้อแล้ว จากน้ันแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการทางาน กาหนด ขั้นตอนการดาเนินงาน กาหนดระยะเวลาในการดาเนินโครงงาน และแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้กับ สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม เพอ่ื ให้กลุ่มบรรลุเปูาหมายทไี่ ด้กาหนดไว้ ข้ันท่ี 4 ลงมือปฏิบัติ อยู่ในแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 3 เรื่อง ร่วมด้วยช่วยกัน เวลา 5 ชว่ั โมง พบว่า นักเรยี นบางกลุม่ สามารถบริหารจดั การท้ังบุคคล และงานได้ดี จึงทาให้สามารถ ดาเนินงานตามแผนที่ได้วางไว้อย่างเป็นระบบ เช่น กลุ่มที่ทาน้ามันมะพร้าว แต่บางกลุ่มก็ไม่สามารถ ดาเนินงานตามแผนท่ีวางไว้ได้ เนื่องจากสมาชิกบางคนในกลุ่มไม่มีความขยัน ความรับผิดชอบ ไม่ สามารถบริหารจัดการคนและงานได้ ต้องได้รับการแก้ไข การช่วยเหลือจากครูผู้สอนหรือเพื่อน เพอื่ ให้สามารถดาเนินงานตามแผนที่วางไว้ได้ ข้ันที่ 5 นาเสนอและอภิปราย อยู่ในแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 4 เร่ือง งานฉันมีดี เวลา 2 ชัว่ โมง พบวา่ ผู้เรียนแต่ละคนให้ความร่วมมือในการให้คาแนะนา ข้อคิดเห็น และร่วมกัน

157 แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกัน จากนั้นนาคาแนะนาและข้อคิดเห็นกลับมาปรับปรุง แก้ไขผลงานให้มี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ข้ันท่ี 6 การวัดและประเมินผล อยู่ในแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ 5 เร่ือง หลักสี่ ตลาดบา้ นแพว้ เวลา 5 ชวั่ โมง พบว่า ผเู้ รียนแต่ละกลุ่มมาเตรียมความพร้อมในการจัดการผลงานของ ตัวเอง เพ่ือนาเสนอและจาหน่ายผลงานเพื่อให้ได้ผลกาไรมากที่สุด ตามกลยุทธ์และแผนการตลาดท่ี แต่ละกลมุ่ วางไว้ ในงานเปดิ บ้านวิชาการ พ.ร. ซึ่งบางกลุ่มสามารถทาการนาเสนอและจาหน่ายผลงาน ได้หมด ต้องมีการส่ังจองเพ่ิมเติม ในขณะที่บางกลุ่มไม่สามารถจาหน่ายได้หมดตามท่ีวางแผนไว้ จากน้ันอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน รวมถึงร่วมกันสรุป ส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากการทาโครงงานอาชีพในครั้งนี้ 4. ผลการประเมินและปรับปรุงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียน ช้นั มธั ยมศกึ ษา พบวา่ 1) ผลการศึกษาทักษะอาชีพของนกั เรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี ซ่ึงยอมรับ สมมตฐิ านการวิจัยข้อที่ 1 ทว่ี า่ ทักษะอาชีพของนักเรียนหลังการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอยู่ในระดับ ดี โดยทักษะกระบวนการทางาน เป็นทักษะท่ีมีคะแนนสูงสุด อยู่ในระดับดีมาก และทักษะแสวงหา ความรู้ เป็นทักษะท่ีมีคะแนนต่าสุด อยู่ในระดับดี 2) ผลการศึกษาคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ ของนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี ซ่ึงยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อท่ี 2 ที่ว่า คุณลักษณะในการ ประกอบอาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับดี โดยทัศนคติท่ีดีต่ออาชีพที่ทา เป็นคุณลักษณะที่มีคะแนน สูงสดุ อยใู่ นระดบั ดี และระเบียบวินัย เป็นคุณลกั ษณะที่มีคะแนนต่าสุด อยู่ในระดับพอใช้ และ 3) ผล การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากท่ีสุด ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 3 ที่ว่า ความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอยู่ในระดับมาก สาหรับรายด้านที่ 1) ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า ประเด็นที่มีความพึงพอใจมากท่ีสุด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการ เรียนรู้ มคี วามเหมาะสมและสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของผเู้ รียน อย่ใู นระดับมากที่สุด และประเด็น ทีม่ ีความพึงพอใจน้อยท่ีสุด คอื กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว ใช้เวลาในการจัดกิจกรรม เหมาะสมอยู่ในระดับมาก รายด้านที่ 2) ด้านสื่อประกอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประเด็นที่มีความพึง พอใจมากทส่ี ุด คอื กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน เรอื่ ง ของดีบา้ นแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยมีวิทยากรท่ี มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมากที่สุด และประเด็นท่ีมีความพึงพอใจน้อยที่สุด คือ กิจกรรม พัฒนาผู้เรยี น เรอ่ื ง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยมีการใช้สื่อท่ีกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ สนใจ อยู่ในระดับมาก รายด้านท่ี 3) ด้านการวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประเด็นที่มี ความพึงพอใจมากทสี่ ดุ คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ ตนเอง เพ่ือน ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ปกครองและสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผล อยู่ในระดับมากท่ีสุด และประเด็นท่ีมีความพึงพอใจน้อยท่ีสุด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดี

158 บ้านแพว้ ทาใหผ้ ้เู รยี นเกดิ ทักษะอาชีพ สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด โดยนักเรียนชอบรูปแบบการจัดกิจกรรม เพราะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์จากกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนท่ีนักเรียนสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ ฝึกนักเรียนในเรื่องของการประกอบ อาชพี ในอนาคต เพอ่ื เปน็ การสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว อย่างมีความสุข สนุกสนาน ผ่าน การเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ ผ่านประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หรือจากบุคคลใน ท้องถ่ิน และการอภิปราย แลกเปล่ียนเรียนรู้กันในกลุ่ม กระบวนการกลุ่มผ่านระบบพ่ีน้อง ท่ีมีความ หลากหลายของมุมมอง ความคิดเห็น เกิดเป็นรูปแบบการทางานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง การวัดและประเมินผล ท่ีเน้นการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง ทั้งจากการสังเกตพฤติกรรม การ ประเมินช้ินงานท้ังจากครูผู้สอน ตัวเอง เพื่อน และปราชญ์ชาวบ้าน ทาให้นักเรียนเรียนกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้วด้วยความสุข มีร้อยย้ิม และมีความสนุกสนาน ในการสร้างสรรค์ ผลงานโครงงานอาชีพ ในการส่งเสริมทักษะอาชีพและคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียน ไดเ้ ปน็ อย่างดี อภปิ รายผลการวิจัย จากการพฒั นากิจกรรมพฒั นาผู้เรียน เรื่อง ของดบี ้านแพ้ว สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษา มี ประเด็นทน่ี ามามาเพื่ออภปิ ราย ดังน้ี 1. จากผลการศกึ ษาข้อมลู พน้ื ฐาน พบวา่ ผทู้ ี่เก่ียวข้องและนกั เรียนต้องการให้พัฒนากิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว มีความคาดหวังให้นักเรียนเรียนรู้เก่ียวกับของดีในท้องถ่ินของ ตัวเอง ของดีประจาอาเภอบ้านแพ้ว รวมถึงทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพ และคุณลักษณะ สาคัญในการประกอบอาชพี โดยนาสิง่ ท่มี ีอยใู่ นท้องถิ่นตัวเอง ที่ผู้เรียนสนใจ ต้องการจะศึกษา เรียนรู้ มาสร้างอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว ทั้งน้ีเพราะกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็น กิจกรรมท่ีเน้นให้ผู้เรียนเลือกที่จะเรียนตามความสนใจ ความสามารถ และความถนัดของผู้เรียน ซึ่ง สอดคล้องกับหลักสูตรตามความจาเป็น และความต้องการของผู้เรียน ชุมชน ท้องถ่ิน และสังคม (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2560: 18-19) ซ่งึ ผู้เรยี นส่วนใหญส่ นใจที่จะศึกษา เรียนรู้ ในเร่ืองของมะพร้าว ซึ่งเป็นผลไม้สร้างรายได้ประจาอาเภอบ้านแพ้ว มาสร้างอาชีพและรายได้ให้กับตนเอง โดยเน้นให้ ผ้เู รยี นไดล้ งมือปฏิบัติ และมีประสบการณต์ รงผ่านแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา แหล่งเรียนรู้บุคคล ที่ เปน็ ปราชญช์ าวบา้ นในชุมชนท้องถิ่นบ้านแพ้ว ซึ่งสอดคล้องกับ ชนสิทธ์ิ สิทธ์ิสูงเนิน (2557 : 100) ท่ี ได้จัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความตระหนักและเห็นคุณค่า ในชุมชนของตนเอง โดยมี เปูาหมายหลักในการพฒั นาผู้เรียนด้านความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์การเรียนรู้ อันนาไปสู่การเกิด สมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด

159 ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี อันส่งผลให้ผเู้ รยี นเกิดคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553: 7) รวมถึงการส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของผู้เรียน เพื่อนาไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ จึงมีการจัดระบบการศึกษาเพ่ือการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับ หลักสูตรเตรียมอาชีวศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยคานึงถึงความต้องการของสังคม (สิริพันธ์ุ สุวรรณ มรรคา และคณะ, 2554 : 2) โดยทกั ษะอาชพี เปน็ ทักษะสาคัญทักษะหน่ึงท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิตใน สงั คม ในการเป็นเยาวชนของชาตใิ นศตวรรษท่ี 21 ซึ่งสอดคล้องกบั พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 มาตรา 7 และมาตรา 23 ท่ีให้ผู้เรียนมีความสามารถ ในการประกอบอาชีพ รู้จักพ่ึงตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์ โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ ทักษะในการ ประกอบอาชีพ และการดารงชวี ิตอย่างมีความสุข ซึ่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ กาหนดนโยบายสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานด้านการศึกษา โดยมีจุดเน้นให้ผู้เรียนมี แรงจงู ใจสู่อาชีพ ไดร้ ับการศึกษาความรู้ ทักษะทีเ่ หมาะสม เพอื่ การมีงานทาในอนาคต 2. จากผลการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษา พบว่า กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนทสี่ รา้ งข้ึน มีความสอดคล้อง โดยมีองค์ประกอบสาคัญ ดังน้ี 1) หลกั การ 2) เปูาหมาย 3) แนวการจัดกิจกรรม 4) รปู แบบการจัดกิจกรรม 5) คาอธิบายรายวิชา 6) จุดประสงค์การเรียนรู้ 7) โครงสร้างการจัดกิจกรรม 8) สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 9) การวัดและ ประเมินผล และ 10) แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน 5 แผน ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรม พัฒนาผูเ้ รียนท่ี 1 เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 2 เร่ือง เลือกแล้วงานฉัน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 3 เร่ือง ร่วมด้วยช่วยกัน แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ี 4 เร่อื ง งานฉันมดี ี และแผนการจัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนที่ 5 เรอื่ ง หลกั สต่ี ลาดบ้านแพว้ โดยดาเนินการ จัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ให้ความรู้พ้ืนฐาน 2) เลือก หัวข้อที่สนใจ 3) วางแผน 4) ลงมือปฏิบัติ 5) นาเสนอและอภิปราย และ 6) การวัดและประเมินผล เพ่อื สง่ เสริมผเู้ รียนให้มที ักษะอาชพี และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ โดยใช้ของดีท้องถ่ินอาเภอ บ้านแพ้ว ในการสร้างอาชีพให้กับผู้เรียน ท้ังนี้เป็นเพราะกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนได้รับการพัฒนาตาม กระบวนการ ดังน้ี 1) นาผลการศกึ ษาขอ้ มลู พื้นฐาน คอื การวเิ คราะหห์ ลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 การวเิ คราะห์หลักสูตรโรงเรียนวัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ : กิจกรรม พัฒนาผเู้ รียน การสอบความตอ้ งการของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา เกี่ยวกับรูปแบบของกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการสัมภาษณ์ ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว 2) วิเคราะห์เน้ือหาของ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีต้องการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทท้องถ่ินของอาเภอบ้านแพ้ว จังหวัด สมุทรสาคร ในการนาของดีประจาอาเภอบ้านแพ้วมาสร้างเป็นอาชีพ เพ่ือสร้างรายได้ให้กับตนเอง

160 และครอบครัว 3) แนวการดาเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ และ คุณลักษณะในการประกอบอาชีพ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยโครงงาน มาเป็นแนวการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีการเชิญผู้รู้ท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้านมาให้ความรู้เก่ียวกับการประกอบอาชีพ กลยุทธก์ ารตลาด การคานวณบัญชี ตน้ ทุน กาไร ขาดทนุ รวมถึงขอ้ มูลต่างๆ เกี่ยวกับมะพร้าว ซึ่งเป็น ของดีประจาอาเภอบ้านแพ้ว รวมถึงการพาไปศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา เพ่ือให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง จากการสังเกต และการลงมือปฏิบัติ จนนักเรียนเกิดองค์ความรู้ และ กลับมาสร้างสรรค์ผลงานเพื่อนาไปประกอบอาชีพได้ มีการวัดและประเมินผลตามจุดประสงค์การ เรียนรู้ โดยการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง ท้ังจากตัวผู้เรียนเอง เพ่ือน ครูผู้สอน ปราชญ์ ชาวบ้าน และสถานประกอบการในการประเมินช้ินงานของผู้เรียน ซึ่งจะเห็นได้ว่า กิจกรรมพัฒนา ผเู้ รียน เรื่อง ของดีบ้านแพว้ เปน็ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นทสี่ อดคลอ้ งกบั สภาพชุมชน และความต้องการ ของนักเรียน ทาให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะในการประกอบ อาชีพ บนพ้ืนฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ เพ่ือให้ผู้เรียน ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการวิเคราะห์ ทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพตามศักยภาพ สามารถ ทางานร่วมกับผู้อื่น เป็นการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีต่อกัน และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553 : 51-52) ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 3) ในหมวดท่ี 4 มาตรา 23 เกี่ยวกับการจัดการศึกษาท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จัก ตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม มีความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพและการ ดารงชีวิตอย่างมีความสุข นอกจากนี้ กรรณิกา ภู่ระหงษ์ (2547 : 24) ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีมุ่งหมายเพื่อสารวจความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล ใช้เวลาว่างให้ เกดิ ประโยชน์ โดยมุง่ เนน้ และพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียน 3. ผลการทดลองจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-6 โรงเรียน วัดหลักส่ีพิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2560 นักเรียนได้เรียนรู้เร่ืองความสาคัญของการประกอบอาชีพ ปัจจัยในการประกอบ อาชีพให้ประสบความสาเร็จ ผลไม้ประจาอาเภอบ้านแพ้ว ประโยชน์ของส่วนต่างๆ ของต้นมะพร้าว การปลูก การดูแลรักษามะพร้าว การแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าว เพ่ือเพ่ิมมูลค่าของสินค้า การ ออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้า การวางแผนกลยุทธ์การตลาด การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย และการ คานวณต้นทนุ กาไร นักเรียนมีความสนใจและใหค้ วามร่วมมือ มีความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม ดว้ ยความตัง้ ใจ มีความสุข สนกุ สนาน ด้วยประบวนการกลุ่ม และระบบพนี่ อ้ ง ท้ังนี้เพราะว่า เน้ือหาท่ี นามาใช้ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นเน้ือหาที่เกิดจากความสนใจ และความต้องการของ นักเรียนที่จะศึกษา เรียนรู้ ค้นคว้า เพ่ือนามาใช้ในการประกอบอาชีพ รวมถึงมีการพานักเรียนไป

161 ศกึ ษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ และมีการเชิญผู้รู้ท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน มาเป็นผู้ให้ความรู้ และจัด กิจกรรมให้กับนักเรียนอีกด้วย โดยผลการประเมินทักษะอาชีพ และคุณลักษณะอาชีพของนักเรียน อยูใ่ นระดบั ดี ทั้งน้อี าจเป็นเพราะ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีความน่าสนใจ สอดคล้องกับความต้องการ ของผู้เรียน โดยใช้ของดีท้องถิ่นประจาอาเภอบ้านแพ้ว ซ่ึงเป็นของใกล้ตัวนักเรียน ทาให้นักเรียนเกิด ความตระหนัก และความสาคัญของของดีในท้องถ่ินตัวเอง ในการเพ่ิมมูลค่าของสินค้า เพ่ือสร้าง รายได้ให้กับตนเองและครอบครัว ทาให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้น ความรับผิดชอบ และความ พยายามในการทากิจกรรมอย่างมีความสุข และสนุกสนาน ซ่ึงสอดคล้องกับคาร์เตอร์ วี กู๊ด (Good 1973 : 9) และเฟรเดอริค (Frederick 1959 : 6) ในการเพิ่มพูนความรู้ และตอบสนองความสนใจ ของผู้เรียน โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนอยากทาในสิ่งท่ีนอกเหนือจากในห้องเรียน หรือกิจกรรมนอกเหนือ ตามท่ีหลักสูตรกาหนด เพื่อพัฒนาทักษะและส่งเสริมให้นักเรียนมีสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างผู้เรียน ด้วยกัน เพ่ือเติมเต็มศักยภาพการเรียนรู้ เพ่ิมพูนความรู้และเสริมประสบการณ์ให้กับผู้เรียน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553 : 51) และสอดคล้องกับนโยบายสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พื้นฐาน ที่ให้จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับหลักสูตรตามความจาเป็น และความต้องการของผู้เรียน ชุมชน ท้องถ่ิน และสังคม โดยมีจุดเน้นให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจสู่อาชีพ ได้รับการศึกษาความรู้ ทักษะท่ี เหมาะสม เพื่อการมีงานทาในอนาคต เป็นกาลังคนที่สาคัญในการพัฒนาประเทศชาติ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560: 18-19) ดงั น้นั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ทกี่ าหนดไว้น้ัน ควรจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ีให้นกั เรยี นมีส่วนร่วมในการจัดกจิ กรรมมากทส่ี ดุ 4. ผลการประเมินทักษะอาชีพของนักเรียนและคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ พบว่า นกั เรยี นมที กั ษะอาชพี อยู่ในระดบั ดี โดยทักษะกระบวนการทางาน เป็นทักษะท่ีมีคะแนนสูงสุด อยู่ใน ระดับดีมาก และทักษะแสวงหาความรู้ เป็นทักษะที่มีคะแนนต่าสุด อยู่ในระดับดี สอดคล้องกับ สมมติฐานข้อที่ 1 ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะว่าในการจัดกิจกรรมพัฒนานักเรียนในคร้ังนี้ โดยการจัดการ เรียนรู้ด้วยโครงงาน เน้นพัฒนาทักษะในการทางานของนักเรียน จากการท่ีนักเรียนได้เรียนรู้ร่วมกัน นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง และเรียนรู้ด้วยตนเอง ในส่ิงท่ีถนัด และสนใจจะศึกษา ค้นคว้า เพิ่มเติม แต่เนื่องด้วยครูผู้สอนเป็นผู้เลือกแหล่งเรียนรู้ให้นักเรียน ทาให้นักเรียนไม่ได้ใช้ทักษะในการแสวงหา ความรู้เท่าที่ควร จึงควรให้นักเรียนได้มีโอกาสได้เลือกแหล่งเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพ่ือส่งเสริมทักษะการ แสวงหาความรู้ ซง่ึ สอดคล้องกับ ฮารแ์ กรฟ (Hargrave, 2004 : Abstract) ทีพ่ บว่า การจัดการเรียนรู้ ดว้ ยโครงงานจะชว่ ยกระตุ้นนักเรียนให้ประสบความสาเร็จในการทางานได้ โดยสามารถเชื่อมโยงไปสู่ ความเปน็ จรงิ ภายนอกได้ นอกจากนัน้ ยังมกี ารนาชมุ ชนในท้องถ่นิ บ้านแพว้ ปราชญ์ชาวบ้าน มามีส่วน ร่วมในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในคร้ังนี้ ส่งผลให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึงความสาคัญของการ ประกอบอาชพี โดยใช้ของท้องถิ่นประจาอาเภอบา้ นแพ้ว ในการสร้างอาชพี ใหก้ ับตนเอง โดยผู้เรียนได้ รู้จักการคิดวิเคราะห์ สามารถมองเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพ และมีคุณลักษณะท่ีจาเป็นต่อ

162 การประกอบอาชีพ สอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (2544 : 8-9) ท่ีศึกษาสภาพการจัดการเรียน การสอนวิชาอาชีพ และพบว่า การจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพนั้น จะต้อง เน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนวิชาชีพเพื่อให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบิติจริงจากการทา โครงงานอาชีพ และสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมการจัดการ เรยี นการสอนในโรงเรยี น ผลการประเมนิ มคี ุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียนอยู่ในระดับดี โดยทัศนคติที่ดี ต่ออาชีพท่ีทา เป็นคุณลักษณะท่ีมีคะแนนสูงสุด อยู่ในระดับดี และระเบียบวินัย เป็นคุณลักษณะท่ีมี คะแนนต่าสดุ อยใู่ นระดับพอใช้ สอดคล้องกับสมมติฐานข้อท่ี 2 ท้ังนี้ อาจเป็นเพราะ การจัดกิจกรรม พัฒนาผู้เรียนคร้ังน้ี นักเรียนไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ไม่รักษาเวลา ไม่มีระเบียบในการทางาน นอกจากนั้นยังมีการนาชุมชนในท้องถ่ินบ้านแพ้ว ปราชญ์ชาวบ้าน มามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม พัฒนาผู้เรียนในคร้ังน้ี ส่งผลให้นักเรียนได้ตระหนักถึงความสาคัญของการประกอบอาชีพ โดยใช้ของ ท้องถ่ินประจาอาเภอบ้านแพ้ว ในการสร้างอาชีพให้กับตนเอง โดยนักเรียนได้รู้จักการคิดวิเคราะห์ สามารถมองเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพ และมีคุณลักษณะที่จาเป็นต่อการประกอบอาชีพ สอดคล้องกับ กระทรวงศึกษาธิการ (2544 : 8-9) ที่ศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนวิชาอาชีพ และพบว่า การจัดการเรียนการสอนเพ่ือส่งเสริมการประกอบอาชีพนั้น จะต้องเน้นการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการเรียนการสอนวิชาชีพเพื่อให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบิติจริงจากการทาโครงงานอาชีพ และ สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมการจัดการเรียนการสอนใน โรงเรียน เมื่อพิจารณาทักษะอาชีพเป็นรายด้าน พบว่า ทักษะกระบวนการทางาน เป็นทักษะที่มี คะแนนสูงสุด อยู่ในระดับดีมาก ทั้งนี้เป็นเพราะว่านักเรียนได้ฝึกกระบวนการทางาน จากรูปแบบ กิจกรรมท่ีหลากหลาย ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน ทั้งรายบุคคล และกระบวนการกลุ่ม การศึกษานอกสถานท่ี รวมถึงการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความอยากรู้ มีความ กระตือรือร้นในการศึกษา ค้นคว้า สืบค้นข้อมูล ร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย และแสดงความคิดเห็น ร่วมกัน เปน็ การพฒั นากระบวนการทางานของผู้เรียน ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ฮาร์แกรฟ (Hargrave, 2004 : Abstract) ที่ให้นักเรียนเรียนรู้ผ่านกระบวนการการทางาน เพ่ือเป็นการพัฒนาความคิดและการ ปรับปรุงงานที่ได้รับมอบหมาย โดยสามารถเชื่อมโยงไปสู่ความเป็นจริงภายนอกได้ เน่ืองจาก กระบวนการทางาน ถือเป็นกระบวนการสาคัญ ซ่ึงงานที่ออกมาจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ขึ้นกับว่ามี กระบวนการทางานที่ดีหรือไม่ ดังนั้น กระบวนการทางาน ถือเป็นส่ิงสาคัญในการทางานทุกประเภท รวมถึงการประกอบอาชีพ ซ่งึ ผเู้ รียนได้มีการเรยี นรใู้ นเร่ืองของกระบวนการทางานผ่านกิจกรรมพัฒนา ผู้เรยี น จากการสังเกตในการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนมีการพัฒนาในเร่ืองของ กระบวนการทางานอยา่ งต่อเนอื่ ง

163 ผลการสอบถามความพงึ พอใจของนกั เรียนที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากท่ีสุด สอดคล้องกับสมมติฐานข้อท่ี 3 ท้ังน้ีอาจเป็น เพราะรูปแบบการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ผ่านการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ ผ่านประสบการณ์ ตรงจากแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หรือจากบุคคลในท้องถ่ิน ทาให้นักเรียนเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดบี า้ นแพว้ ด้วยความสขุ มีรอ้ ยยิ้ม และมคี วามสนุกสนาน และมีความกระตือรือร้นในการทา กิจกรรมตา่ งๆ ซง่ึ สอดคลอ้ งกับ กิ่งกมล ปิยมาดากุล (2557 : 176) และ ธีรภรณ์ ชูช่ืน (2557 : 145) พบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นที่มีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอยู่ในระดับมาก เพราะนักเรียนส่วนใหญ่มี ความสขุ เพลดิ เพลนิ ในการทากิจกรรม เนื่องจากรูปแบบของการจัดกิจกรรม เน้นให้นักเรียนได้ลงมือ ปฏิบัติ เพ่ือให้นักเรียนเกดิ ความชานาญ จนเกิดเป็นทักษะการปฏิบัติ และทักษะการคิดสร้างสรรค์ติด ตัวนักเรียนต่อไป เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่ารายด้านท่ีมีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ประโยชน์ท่ี ได้รับจากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และด้านท่ีมีความพึงพอใจน้อยที่สุด คือ ด้านส่ือประกอบกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน ท้ังนี้เป็นเพราะเน้ือหาในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในคร้ังนี้ เป็นเน้ือหาที่ได้มาจาก ความต้องการของผเู้ รยี นสว่ นใหญ่ นน่ั คอื เร่ือง มะพรา้ ว ซง่ึ เปน็ ของดีของขนึ้ ชื่อประจาอาเภอบ้านแพ้ว มาใช้ในการจดั กจิ กรรมเพอื่ ส่งเสรมิ ทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนักเรียนใน ครงั้ น้ี และการใช้สอื่ การเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ที่ครูผู้สอนเป็นผู้กาหนดให้ ไม่ได้ให้นักเรียนเป็นผู้กาหนด เลือกเอง ซ่ึงสอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (2560: 18-19) ที่ให้จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับ หลักสูตรตามความจาเป็นและความต้องการของผู้เรียน ชุมชน ท้องถ่ิน และสังคม และชมพูนุท จารี บูรณภาพ (2547: 28-29) ท่ีได้กล่าวเก่ียวกับการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมอาชีพ โดยพิจารณาความ ต้องการของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ และทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพ เพื่อนาความรู้ที่ได้มาใช้แก้ไขปัญหาความยากจน สร้างความมั่นคงให้กับผู้เรียน และครอบครัวของ ผู้เรียนได้ และสอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (2544 : 8-9) ท่ีจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการ สอนวิชาชีพจากการทาโครงงานอาชีพ และสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้า มามสี ว่ นรว่ มการจดั การเรียนการสอนในโรงเรยี น ข้อเสนอแนะ จากการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เรื่อง ของดีบ้านแพ้ว สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ผู้วจิ ัยได้สรปุ แนวคดิ และข้อเสนอแนะเพื่อการวิจยั โดยมีรายละเอยี ด ดงั นี้ ขอ้ เสนอแนะในการนากิจกรรมพฒั นาผู้เรียนไปใช้ เพ่ือให้สามารถนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะบาง ประการเกี่ยวกับการนากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นไปใช้ ดงั นี้

164 1. จากผลการวิจัยด้านทักษะอาชีพ พบว่า นักเรียนมีทักษะแสวงหาความรู้อยู่ในระดับต่า ดังน้ัน ควรมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ให้นักเรียน เป็นผู้เลือกแหล่งเรียนรู้ด้วยตัวเอง แทนท่ีจะเป็นผู้สอนจัดให้ และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ไปศึกษา ค้นคว้าความรู้เพม่ิ เตมิ ผา่ นหอ้ งสมดุ หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2. จากผลการวิจัยด้านคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ พบว่า นักเรียนมีวินัย และความ เสยี สละอยใู่ นระดบั ต่า ดังนั้น ควรมีการจัดกิจกรรมหรือนาแผนการจัดการเรียนรู้มาบูรณาการในการ ส่งเสริมนกั เรยี นในเรอื่ งของการมีวินยั และความเสยี สละ ในการทาโครงงานอาชพี ต่อไป 3. จากผลการวิจัยด้านความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า นักเรียนมีความสุข สนุกสนาน กระตือรือร้นในการทากิจกรรม โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผ่านประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้ท้องถ่ินภายนอก และการเรียนรู้จากผู้รู้ในท้องถ่ิน ปราชญ์ ชาวบ้าน ดังน้ัน โรงเรียนจึงควรส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากผู้รู้ในท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน และแหล่งเรียนรู้ท้องถ่ินภายนอก เพ่ือให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ มากขนึ้ 4. ควรมีการพัฒนาต่อยอดการสร้างผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวให้มีความหลากหลาย เพื่อเป็น การเพิม่ มลู ค่าสนิ คา้ และส่งเสริมการสรา้ งรายไดใ้ ห้กับชมุ ชน 5. ควรมีการเสริมเน้ือหากิจกรรมเกี่ยวกับมะพร้าวให้มีความหลากหลายกว่าน้ี และเปลี่ยน จากการท่คี รเู ป็นผู้กาหนดแหลง่ เรยี นร้ใู หผ้ เู้ รยี น ใหผ้ เู้ รยี นเป็นผเู้ ลือกแหล่งเรยี นร้ดู ้วยตวั เอง ข้อเสนอแนะเพ่ือการวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสาหรับผู้ที่สนใจในการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนต่อไป โดยมี รายละเอยี ด ดงั นี้ 1. ควรมีการวจิ ยั และพฒั นารปู แบบการ Mentoring and Coaching เพ่อื ใหค้ รสู ามารถสร้าง กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นได้ 2. ควรมีการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมนักเรียนให้มีทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการ ประกอบอาชีพ โดยเปล่ียนวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น Problem-Based Learning, Inquiry-Based Learning 3. ควรมีการวิจัยเปรียบเทียบระหว่างนักเรียนที่มีพ้ืนฐานครอบครัวเกี่ยวกับการเกษตร และ นักเรียนท่ีไม่มีพื้นฐานครอบครัวเก่ียวกับการเกษตร เพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพของนกั เรียนท้ัง 2 กลุ่ม

รายการอ้างอิง รายการอ้างองิ Christine Joy BASHAM. (2011). THE ROLE OF CAREER EDUCATION AND GUIDANCE FOR STUDENTS IN YEAR 13 AND ITS IMPLICATIONS FOR STUDENT'S CAREER DECISION MAKING. Unitec Institute of Technology. Evans, R. N., Hoyt, K. B. & Mangum, G. L,. (1973). Career Education in the Middle/Junior High School. Salt Lake City, Utah: Olympus Publishing Company. Frederick, R. W. (1959). The Third Curriculum Student Activities in America Education. New York: Appleton-Century-Crofts, Inc.,. Glatthorn, A. A. a. N. A. S. (1986). Middle School/Junior High Principal’s Handbook : A Practical Guide for Developing Better Schools. New Jursey: Prentice – Hall, Inc. Good, C. V. (1973). Dictionary of Education (3rd ed.). New York: McGraw-Hill Book Company. Hargerty, R. E. (1971). An Investigation of student Activity Program in Michigan Junior High School. Dissertation Abstracts International. 32: 2401-A. Hargrave, O. S. (2004). Project-Based Learning in the classroom. M.A.E.Dissertation Pacific Lutheran University. McKown, H. C. (1954). Activities in the Elementary School. New York: Mc Graw Hill Book Company. Super, D. E. (1957). Career pattern as a basic for vocational. New York: Harper and Brothers. กรรณกิ าร์ ภู่ระหงษ.์ (2547). การพฒั นากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน เรอ่ื ง รกั ษ์ท้องถน่ิ สาหรบั นกั เรียนชว่ ง ชนั้ ที่ 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลยั ศิลปากร, นครปฐม. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2544). การศึกษาสภาพความรู้ ความเขา้ ใจ และวิธพี ัฒนาเกยี่ วกับการประกอบ อาชีพของผ้เู รียน (พิมพ์ครง้ั ที่ 1 ed.). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2550). การจดั การเรียนร้แู บบโครงงาน (พิมพค์ รัง้ ท่ี 1 ed.). กรุงเทพฯ: โรงพิพม์ ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั . กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั . กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553a). แนวทางการจดั กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน ตามหลกั สูตรแกนกลาง

166 พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั . กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553b). พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ.2553. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 พ.ศ.2560-2564. กรุงเทพฯ: สานักนายกรัฐมนตร.ี ก่งิ กมล ปิยมาดากลุ . (2557). การพัฒนากิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน เร่อื ง สร้างสรรค์นาฏยลีลาอาเซยี น สาหรับนักเรียนชนั้ ประถมศึกษา. (วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑติ ), มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร, นครปฐม. ฆนทั ธาตุทอง. (2551). เทคนิคการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา (พิมพค์ รงั้ ที่ 4 ed.). นครปฐม: เพชร เกษมการพิมพ.์ จนั ทร์เพญ็ สวุ รรณคร. (2558). กระบวนทศั น์การจัดกิจกรรมแนะแนวเพ่ืเสริมสรา้ ง การใช้ทักษะชีวติ และอาชีพของนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลาย. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาดุษฎีบัณฑติ ), มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, นครปฐม. จติ รารตั น์ โพธิมามกะ. (2523). การจดั กิจกรรมเสริมหลกั สูตรเกษตร. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ใจจรงิ บญุ เรอื งรอด. (2534). กิจกรรมร่วมหลกั สูตร. กรุงเทพฯ: แสวงสทุ ธกิ ารพิมพ์. ฉวีวรรณ ไตรรัตนานนท์. (2555). การพฒั นาทักษะชีวติ ในกิจกรรมแนะแนวช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ดว้ ย โครงงาน. (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต), มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, นครปฐม. ชนสิทธ์ิ สทิ ธส์ิ งู เนนิ . (2557). วจิ ยั วฒั นธรรม ครั้งท่ี 4 การประชมุ วิชาการทางวฒั นธรรมระดบั ชาติ. กรงุ เทพฯ: กระทรวงวัฒนธรรม. ชมพูนทุ จารบี รู ณภาพ. (2549). การตดิ ตามผลผ้จู บหลกั สูตรวิชาชีพระยะส้ัน: กรณศี ึกษาศนู ยบ์ รกิ าร การศึฏษานอกโรงเรยี น อาเภอกาแพงแสน จงั หวดั นครปฐม. (วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบณั ฑิต), มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม. ดารง ประเสรฐิ กุล. (2542). การบริหารจดั การนักเรยี น. คณะครุศาสตร์: สถาบันราชภฎั พิบลู สงคราม. ดุษฎี โยเหลา และคณะ. (2557). การศึกษาการจัดการเรยี นรู้แบบ PBL ท่ไี ดจ้ ากโครงการสรา้ งชดุ ความรู้ เพ่ือสรา้ งเสริมทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ของเดก็ และเยาวชน:จากประสบการณ์ ความสาเรจ็ ของโรงเรียนไทย. กรุงเทพฯ: หจก.ทิพย์วสิ ทุ ธ.์ิ ธรี าภรณ์ ชูชน่ื . (2557). การพฒั นากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน เรอ่ื ง นาฏศิลปส์ รา้ งสรรค์ไทย-พม่าสมั พนั ธ์ สาหรับนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษา. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต), มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, นครปฐม. พัชรี สรอ้ ยสกุล. (2559). การพฒั นาทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 สาหรับนกั ศึกษาอาชวี ศึกษาเอกชน ในเขต

167 พัฒนาอตุ สาหกรรมชายฝ่ังทะเลตะวันออก. มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบรุ .ี ไพฑูรย์ นนั ตะสุคนธ์ และวลั ลภา อยูท่ อง. (2557). หลักสูตรการอาชีวศกึ ษาและการนาไปใช้. กรุงเทพฯ: หน่วยศกึ ษานิเทศก์ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. ไพโรจน์ นาคะสวุ รรณ และวนั นอร์ มะทา. (2528). กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร. กรงุ เทพฯ: อักษรบณั ฑิต. มทั นียา ค้อมทอง. (2552). ผลของการจดั กจิ กรรมการศกึ ษานอกระบบโรงเรยี นท่ีมตี ่อความรู้ เจตคติ และทกั ษะอาชีพของกล่มุ สตรี ชมรมแม่บ้านทหารอากาศ จังหวัดลพบรุ .ี (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑติ ), จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, กรงุ เทพฯ. มาเรยี ม นิลพันธ.์ุ (2558). วิธวี จิ ยั ทางการศึกษา (พมิ พ์ครงั้ ที่ 5 ed.). นครปฐม: โรงพมิ พ์มหาวทิ ยา ศิลปากร. มาเรียม นิลพันธ์ุ และคณะ. (2556). การพัฒนาแนวทางประกอบการใช้กรอบแผนการจัดการศึกษา ตลอดชีวิต ม่งุ สู่ความเปน็ เลิศด้านอาชพี ทอ้ งถิน่ : เทศบาลเมอื งกาฬสินธ์ุ กบั คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. เยาวเรศ ภักดีวจิ ติ ร. (2557). วันส่งเสรมิ วิชาการส่คู ณุ ภาพการเรียนการสอน เอกสารประกอบการเสวนา ทางวชิ าการ: มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค.์ รังสี ทองพนั ธ.์ุ (2551). สภาพปญั หาและผลสาเรจ็ การจัดการศึกษาเพอ่ื พัฒนาอาชพี (การฝกึ ทกั ษะ อาชพี ) และการศกึ ษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน (วิสาหกิจชุมชน) ของศนู ย์บรกิ ารการศึกษา นอกโรงเรียนอาเภอในจังหวัดสกลนคร. (วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ), มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สกลนคร, สกลนคร. รัตนศรี พรหมใจรักษ์. (2555). การพัฒนาทกั ษะพื้นฐานทีจ่ าเปน็ ตอ่ การประกอบอาชีพ โดยใชก้ จิ กรรม คา่ ยการงานอาชพี และเทคโนโลย.ี (รายงานการศกึ ษาอสิ ระ ปรญิ ญามหาบัณฑติ ), มหาวิทยา ขอนแกน่ , ขอนแก่น. ราตรี เสนาปาุ . (2559). ผลการจัดการเรยี นรู้แบบโครงงานเปน็ ฐาน ทม่ี ตี ่อทกั ษะการเรยี นรู้ข้ันพืน้ ฐาน ในศตวรรษที่ 21 รายวิชาฟสิ ิกส์ เร่อื ง งานและพลังงาน สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต), มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎพิบูลสงคราม, พษิ ณโุ ลก. โรงเรียนวดั หลักสี่พพิ ัฒน์ราษฎร์อุปถมั ภ.์ (2559). หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดหลกั ส่ีพพิ ัฒน์ราษฎร์ อุปถมั ภ์ พุทธศักราช 2559. สมทุ รสาคร: โรงเรยี นวดั หลกั สพ่ี พิ ัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์. วรรณวีร์ บุญคมุ้ และคณะ. (2558). การพัฒนาทักษะการเรียนรูอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์แบบองค์รวม สาหรับ ผ้สู งู อายุในชนบทไทย: ดา้ นอาชพี (รายงานการวจิ ัย). สถาบันวจิ ัยและพัฒนา มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. วัชรา เล่าเรยี นดี. (2548). เทคนคิ และยุทธวิธกี ารพัฒนาการคิดการจดั การเรยี นรูท้ ี่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ. นครปฐม: มหาวิทยาลยั ศิลปากร.

168 วชั รินทร์ โพธ์ิเงิน และคณะ. (2558). การจัดการเรยี นการสอนแบบโครงงานเปน็ ฐาน. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. วิจารณ์ พานชิ . (2555). วถิ ีสรา้ งการเรยี นรเู้ พื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: มลู นิธิสดศรี-สฤษดิ์ วงศ์. วจิ ารณ์ พานิช. (2556). การสร้างการเรียนรู้สูศ่ ตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: ส.เจรญิ การพิมพ.์ วชิ ยั วงษ์ใหญ่ และมารุต พฒั ผล. (2558). จากหลกั สตู รแกนกลางส่หู ลกั สูตรสถานศึกษา: กระบวนทศั น์ ใหมก่ ารพฒั นา (พิมพ์คร้งั ท่ี 7 ed.). กรุงเทพฯ: จรลั สนทิ วงศ์การพิมพ์ จากดั . ศนู ยบ์ ริการข้อมูลอาเภอ. (2560). ขอ้ มูลอาเภอบา้ นแพ้ว. Retrieved from http://www.amphoe.com/main.php สาลกิ า สาเภาทอง. (2553). การพฒั นากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน โดยใช้ของเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศึษาปีที่ 1. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญา มหาบัณฑติ ), มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร, นครปฐม. สาลินี อดุ มผล. (2558). การพัฒนาหลกั สูตรบูรณาการอาชีพ เพอื่ ส่งเสรมิ ทักษะการแก้ปญั หาอย่าง สรา้ งสรรคแ์ ละคุณลักษณะด้านอาชพี สาหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนต้น. (วทิ ยานิพนธ์ ปริญญาดษุ ฎบี ัณฑิต), มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร, นครปฐม. สานักงานจังหวัดสมุทรสาคร. (2560). บรรยายสรปุ จงั หวดั สมทุ รสาคร. สมุทรสาคร: สานักงานจังหวัด สมุทรสาคร. สานกั บริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน. (มปป). แนว ทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21. สานกั แรงงานจังหวดั สมุทรสาคร. (2560). รายงานการวิเคราะหข์ ้อมลู อุปสงค์และอุปทานแรงงาน จงั หวดั สมุทรสาคร ปี พ.ศ.2560. สมุทรสาคร: สานักแรงงานจงั หวัดสมุทรสาคร. สิรพิ นั ธุ์ สุวรรณมรรคา และคณะ. (2554). แนวทางการจัดการศกึ ษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกอบอาชีพ: ข้อคน้ พบจากการวิจัย (พมิ พ์คร้ังท่ี 1 ed.). กรงุ เทพฯ: หจก.ศรบี รู ณ์ คอมพวิ เตอร์-การพมิ พ.์ สุขพชั รา ซม้ิ เจริญ. (2545). การจดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษาสาหรบั เดก็ ทม่ี ีความบกพรอ่ ง. กรุงทพฯ: ประสานมติ ร. สุนันท์ ศิรวิ รรณ์. (2544). การพัฒนากจิ กรรมชุมนุมภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร สาหรับนกั เรียนช้ัน มัธยมศกึ ษาตอนตน้ โรงเรียนบา้ นทา่ ยาง จงั หวัดเพชรบรุ .ี (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑติ ), มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, นครปฐม. สุพจน์ วิทลสั วศิน.ุ (2552). การพัฒนากจิ กรรมเกมการศกึ ษาเพื่อสรา้ งเสริมทักษะทางสงั คมในกิจกรรม พฒั นาผ้เู รยี น สาหรบั นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ), มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม.

169 สุภทั รา จาปาเงิน. (2548). การพฒั นากจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น เรอื่ ง การอนุรักษ์ปุาไม้ในชุมชน สาหรับ นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5-6. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ), มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร, นครปฐม. สุวิทย์ เมษินทรยี .์ (2560). องค์กรต้นแบบดา้ นการพัฒนาอย่างย่ังยืน ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง: เอกสารการสมั มนาวิชาการ สถาบันบัณฑติ พฒั นบริหารศาสตร.์ สุวิทย์ และอรทยั มูลคา. (2545). 20 วธิ กี ารจดั การเรียนร้เู พ่ือพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมการ เรียนร้โู ดยการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง (พิมพ์ครั้งที่ 3 ed.). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์. อัชราภรณ์ โวคชาภรณ.์ (2539). การศึษาองค์ประกอบของการนเิ ทศที่สมั พนั ธ์กับคณุ ภาพการเรยี นการ สอนวชิ าชพี ระยะสัน้ ในเขตการศึกษา 5 (รายงานการวจิ ยั ): โครงการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา นอกโรงเรียน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์ อนั ธิกา วงษจ์ าปา. (2549). การพัฒนากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนเพ่ือส่งเสริมการอา่ น สาหรบั นกั เรียนช่วง ช้นั ที่ 2. (วทิ ยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑติ ), มหาวิทยาลยั ศิลปากร, นครปฐม. เอกชยั พุทธสอน. (2556). แนวโนม้ การเสริมสรา้ งทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 สาหรบั นักศกึ ษา ผ้ใู หญ.่ (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ ), จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.

170 ภาคผนวก

171 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจคณุ ภาพเครื่องมือท่ใี ช้ในการวิจยั รายชื่อผู้เข้ารว่ มสนทนากลุ่ม (Focus Group) แผนภมู ิแสดงการจัดสถานทใ่ี นการสนทนากลุ่ม (Focus Group)

172 รายชือ่ ผ้เู ช่ียวชาญตรวจคุณภาพเครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย ตารางท่ี 24 รายช่อื ผเู้ ช่ียวชาญตรวจคณุ ภาพเคร่อื งมือท่ีใช้ในการวิจยั ท่ี รายชื่อผเู้ ช่ียวชาญ ตาแหน่ง ผเู้ ชยี่ วชาญด้าน กจิ กรรมพัฒนา 1 อาจารย์ ดร.บญุ รอด ชาติยานนท์ รองผ้อู านวยการ ผู้เรียน โรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร หลักสูตรอาชพี หลักสตู รอาชพี ฝา่ ยบรหิ าร การวดั และ 2 ดร.จนั ทรเ์ พ็ญ สุวรรณคร ครชู านาญการพิเศษ ประเมนิ ผล โรงเรยี นดอนคาวทิ ยา ขอ้ มูลท้องถ่ิน 3 ดร.สาลนิ ี อดุ มผล ศกึ ษานเิ ทศก์ ชานาญการ สานกั งานศึกษาธิการจังหวดั กาญจนบรุ ี 4 ดร.อรนชุ ม่งั มสี ุขศิริ ผูอ้ านวยการกลุม่ วิจัย และส่งเสรมิ วิจัยทางการศึกษา สานักพัฒนานวตั กรรมการจดั การศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ 5 นางสาวอุมาภรณ์ วงศ์วสิ ฐิ ศักดิ์ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรียนวดั หลกั สพี่ พิ ัฒนร์ าษฎร์ อปุ ถมั ภ์

173 รายชื่อผู้เข้ารว่ มสนทนากลุ่ม (Focus Group) ตารางท่ี 25 รายชอ่ื ผู้เข้ารว่ มสนทนากลุม่ (Focus Group) ท่ี รายชอื่ ผู้เชี่ยวชาญ ตาแหน่ง ผู้เชีย่ วชาญดา้ น กิจกรรมพัฒนา 1 อาจารย์ ดร.บุญรอด ชาติ รองผอู้ านวยการ ผู้เรียน ยานนท์ โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลัย ศิลปากร ฝ่าย กจิ กรรมพฒั นา บริหาร ผเู้ รยี น 2 ดร.วจิ ิตรา ตะโกพร รักษาการรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงาน กจิ กรรมพัฒนา ผู้เรยี น วชิ าการ หลกั สตู รอาชีพ โรงเรยี นราชนิ ีบูรณะ หลักสูตรอาชีพ 3 อาจารย์ ดร.ดวงหทยั โฮม อาจารย์ สาขาวชิ าการประถมศกึ ษา โครงงาน ไชยะวงศ์ ภาควิชาหลักสูตรและวธิ สี อน การวดั และ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร ประเมินผล การวัดและ 4 ดร.จนั ทรเ์ พ็ญ สวุ รรณคร ครูชานาญการพเิ ศษ ประเมนิ ผล ข้อมูลท้องถ่ิน โรงเรยี นดอนคาวทิ ยา 5 ดร.สาลนิ ี อดุ มผล ศึกษานเิ ทศก์ ชานาญการ ศกึ ษาธิการจังหวัดกาญจนบรุ ี 6 ดร.ศริ ินทพิ ย์ เด่นดวง ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนพระปฐมวยิ าลยั 7 ดร.กติ ตมิ า ปทั มาวิไล ครชู านาญการ โรงเรียนสมทุ รสาครวทิ ยาลยั 8 ดร.พชี ญาณ์ พานะกจิ ครชู านาญการ โรงเรียนวดั ราษฎรร์ ังสรรค์ 9 นางสาวอมุ าภรณ์ วงศ์ ครูชานาญการพิเศษ วสิ ิฐศักดิ์ โรงเรยี นวัดหลักสพ่ี พิ ฒั น์ราษฎร์อปุ ถมั ภ์

174 แผนภมู ิการจัดสถานที่ในการสนทนากลมุ่ (Focus Group) ผ้ชู ่วยเหลือ (Assistants) ผเู้ ช่ยี วชาญด้าน ผู้จดบันทกึ (Note Taker) กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ผู้จดบนั ทึก (Note Taker) ผู้เช่ียวชาญด้าน กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ผู้จดบันทึก (Note Taker) ผู้เชย่ี วชาญด้าน ผู้เชีย่ วชาญด้าน หลกั สตู รอาชพี กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้เชย่ี วชาญดา้ น ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นโครงงาน หลกั สูตรอาชีพ ผู้เชีย่ วชาญดา้ นการวัด ผู้เชยี่ วชาญด้านการวัด และประเมินผล และประเมนิ ผล ผู้เชี่ยวชาญด้านขอ้ มูลทอ้ งถ่นิ ท่ีปรึกษาวทิ ยานพิ นธ์ ผูด้ าเนินรายการ (Advisor) (Moderator) แผนภูมทิ ่ี 13 การจัดสถานทใ่ี นการสนทนากล่มุ (Focus Group)

175 ภาคผนวก ข หนังสือเชิญเป็นผ้เู ขา้ ร่วมสนทนากลุ่ม (Focus Group)

176

177

178

179

180

181

182

183

184

185 ภาคผนวก ค เคร่อื งมือเก็บรวบรวมขอ้ มลู การศกึ ษาขอ้ มูลพน้ื ฐาน 1. แบบสอบถามความต้องการเกี่ยวกบั การพัฒนากจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน เร่อื ง ของดบี า้ นแพว้ สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษา 2. แบบประเมนิ ความเหมาะสม แบบสอบถามความต้องการเก่ียวกับการพัฒนากจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน เร่ือง ของดีบ้านแพว้ สาหรับนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษา 3. แบบสมั ภาษณค์ วามคิดเหน็ เก่ียวกับการพฒั นากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น เรอ่ื ง ของดีบา้ นแพ้ว สาหรบั ผ้อู านวยการโรงเรียน และหัวหนา้ ฝ่ายวชิ าการ 4. แบบประเมินความเหมาะสม แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นเก่ยี วกับการพัฒนากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น เร่ือง ของดบี า้ นแพ้ว สาหรบั ผูอ้ านวยการโรงเรยี น และหัวหน้าฝ่ายวิชาการ 5. แบบสมั ภาษณค์ วามคดิ เหน็ เก่ยี วกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน เรือ่ ง ของดบี ้านแพว้ สาหรบั ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา ปราชญช์ าวบา้ น และสถานประกอบการ 6. แบบประเมนิ ความเหมาะสม แบบสมั ภาษณ์ความคิดเหน็ เกี่ยวกบั การพฒั นากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน เร่อื ง ของดีบา้ นแพ้ว สาหรบั ผปู้ กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษา ปราชญ์ชาวบา้ น และสถาน ประกอบการ

186 แบบสอบถามความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน เรอ่ื ง ของดบี า้ นแพว้ เพ่ือส่งเสรมิ ทักษะอาชีพ และคณุ ลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษา (สาหรับนกั เรียน) เร่อื ง ความต้องการเก่ียวกับการพัฒนากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเรื่อง ของดีบ้านแพ้ว เพื่อส่งเสริม ทักษะอาชีพ และคณุ ลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษา คาช้แี จง แบบสอบถามฉบับนี้ เป็นแบบสอบถามเก่ียวกับความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรม พัฒนาผู้เรียน เร่ือง ของดีบ้านแพ้ว เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ และคุณลักษณะในการประกอบอาชีพ สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา โดยแบบสอบถามแบง่ เปน็ 3 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 สถานภาพและขอ้ มูลท่วั ไปของนกั เรียน จานวน 2 ข้อ ตอนท่ี 2 ความตอ้ งการเก่ยี วกับเนื้อหากิจกรรม การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การวัดและการประเมนิ ผลกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน จานวน 5 ขอ้ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม จานวน 1 ขอ้ นายสรเดช เลิศวฒั นาวณิช นักศกึ ษาปรญิ ญาโท สาขาหลกั สูตรและการนเิ ทศ ภาควชิ าหลักสตู รและวิธีสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาศิลปากร