การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 87 ความชุกของการดื่มในระดับเสยี่ งต่อสขุ ภาพ เมอื่ พจิ ารณาปรมิ าณการดมื่ ตามระดบั ความเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพ พบวา่ รอ้ ยละ 4.7 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป ดืม่ เคร่ืองด่มื ท่มี ีแอลกอฮอลใ์ นระดบั ความเส่ียงนอ้ ย (ชาย รอ้ ยละ 7.5 และหญิง รอ้ ยละ 1.9) ดม่ื ระดับเสี่ยงปานกลาง ร้อยละ 0.5 (ชาย ร้อยละ 0.8 และหญิง ร้อยละ 0.2) ด่มื ระดับเส่ยี งรุนแรง ร้อยละ 0.4 (ชาย ร้อยละ 0.7 และหญงิ ร้อยละ 0.1) และดืม่ ระดับเส่ยี งรุนแรงมาก ร้อยละ 0.4 (ชาย ร้อยละ 0.7 และหญงิ ร้อยละ 0.1) สัดส่วนของผู้ที่ดื่มแต่ไม่ทราบปริมาณมีสูงเกือบทุกภาค มีผลให้การจัดกลุ่มตามระดับความเสี่ยงต่างๆ มสี ดั สว่ นนอ้ ย โดยรอ้ ยละ 12.6 ถงึ 47.6 ไม่สามารถประมาณปริมาณท่ีดม่ื ได้ (ตารางที่ 4.2.4 - 4.2.6) ตารางที่ 4.2.4 รอ้ ยละของผู้ดม่ื เครื่องดม่ื ทีม่ ีแอลกอฮอล์ จำ� แนกตามระดบั ความเสยี่ ง (ตอ่ วันทด่ี ่ืมใน 30 วนั ที่ผา่ นมา) ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้นึ ไป จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ และเพศ อายุ (ปี) 15 - 29 30 - 44 45-59 60 - 69 70 - 79 80+ ทุกอายุ ชาย (n = 1,694) (n = 1,619) (n=2,066) (n =2,476) (n = 1,158) (n = 431) (n = 9,444) ไมด่ ่ืม 55.2 41.0 49.5 63.7 77.1 88.2 52.7 เสย่ี งน้อย 8.9 11.6 6.1 4.1 2.2 0.4 7.5 เสีย่ งปานกลาง 0.7 0.6 1.2 0.2 0.0 0.0 0.8 เสย่ี งรนุ แรง 0.6 1.3 0.6 0.2 0.3 0.0 0.7 เส่ียงมาก 0.5 0.8 1.0 0.4 0.1 0.0 0.7 ดม่ื แตไ่ ม่ทราบปริมาณ 34.1 44.7 41.6 31.4 20.3 11.4 37.7 หญิง (n = 2,082) (n = 2,370) (n = 3,570) (n = 3,224) (n = 1,410) (n = 497) (n = 13,153) ไมด่ ม่ื 75.9 75.7 81.7 89.8 95.2 96.2 81.4 เสี่ยงน้อย 2.7 3.2 1.7 0.6 0.2 0.0 1.9 เสี่ยงปานกลาง 0.5 0.2 0.1 0.0 0.0 0.0 0.2 เสยี่ งรนุ แรง 0.1 0.2 0.0 0.0 0.0 0.0 0.1 เสยี่ งมาก 0.3 0.2 0.0 0.0 0.0 0.0 0.1 ด่ืมแตไ่ มท่ ราบปริมาณ 20.5 20.6 16.5 9.7 4.7 3.8 16.3
88 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางที่ 4.2.5 รอ้ ยละของผดู้ มื่ เครอ่ื งดม่ื ทม่ี แี อลกอฮอล์ จำ� แนกตามระดบั ความเสย่ี ง (ตอ่ วนั ทด่ี มื่ ใน 30 วนั ทผี่ า่ นมา) ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จ�ำแนกตามเพศ และเขตการปกครอง ชาย ในเขต เขตการปกครอง รวม นอกเขต ไม่ดืม่ (n = 4,892) (n = 9,493) เสี่ยงน้อย (n = 4,601) เสย่ี งปานกลาง 56.5 52.7 เสย่ี งรนุ แรง 7.8 50.7 7.5 เสี่ยงมาก 0.5 7.4 0.8 ดื่มแตไ่ มท่ ราบปริมาณ 0.8 0.9 0.7 หญิง 0.9 0.6 0.7 33.6 0.6 37.7 ไมด่ ่ืม (n = 7,757) 39.8 (n = 13,205) เสย่ี งนอ้ ย (n = 5,448) เสีย่ งปานกลาง 81.2 81.4 เสย่ี งรุนแรง 2.3 81.5 1.9 เสี่ยงมาก 0.1 1.7 0.2 ดื่มแตไ่ มท่ ราบปรมิ าณ 0.1 0.2 0.1 0.2 0.1 0.1 16.2 0.1 16.3 16.4 ตารางที่ 4.2.6 รอ้ ยละของผดู้ ม่ื เครอื่ งดม่ื ทมี่ แี อลกอฮอล์ จำ� แนกตามระดบั ความเสยี่ ง (ตอ่ วนั ทดี่ ม่ื ใน 30 วนั ทผี่ า่ นมา) ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป จำ� แนกตามเพศ และภาค ภาค เหนือ กลาง ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ใต้ กรงุ เทพฯ รวม ชาย (n = 2,172) (n = 2,029) (n = 2,440) (n = 2,011) (n = 841) (n = 9,493) ไมด่ ม่ื 50.8 54.9 43.7 66.9 63.3 52.7 เสี่ยงนอ้ ย 3.8 8.1 7.7 เสี่ยงปานกลาง 0.2 1.3 0.7 14.7 1.6 7.5 เสี่ยงรนุ แรง 0.3 0.9 0.3 เสย่ี งมาก 0.5 0.8 0.0 1.0 0.0 0.8 ดื่มแต่ไม่ทราบปรมิ าณ 44.4 34.0 47.6 (n = 2,520) (n = 3,035) 2.3 0.0 0.7 หญงิ (n = 2,946) 77.1 83.6 2.5 0.4 0.7 ไมด่ ม่ื 0.8 2.0 76.2 เสี่ยงน้อย 0.2 0.3 2.2 12.6 34.7 37.7 เสย่ี งปานกลาง 0.1 0.1 0.1 เสย่ี งรุนแรง 0.1 0.2 0.0 (n = 2,781) (n = 1,923) (n = 13,205) เสี่ยงมาก 21.7 13.9 0.0 ดื่มแต่ไม่ทราบปริมาณ 21.5 91.9 86.4 81.4 3.7 0.7 1.9 0.3 0.0 0.2 0.1 0.3 0.1 0.4 0.0 0.1 3.7 12.6 16.3
การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 89 การดื่มอยา่ งหนกั (binge drinking) การด่ืมอยา่ งหนัก หมายถงึ การด่มื เคร่อื งดืม่ แอลกอฮอล์อย่างหนกั ในครงั้ เดยี ว ในปริมาณดังน้ี • ดื่มเหลา้ ผสมโซดา หรอื นำ้� เปล่า หรือโคคาโคล่า ต้งั แต่ 5 แกว้ หรือครึง่ แบนข้นึ ไป หรอื • ดืม่ เบยี ร์มากกว่า 6 กระป๋อง หรือ 3 ขวดใหญ่ หรือ • ไวน์มากกวา่ 5 แก้ว จำ� นวนคร้งั ทีด่ ืม่ อย่างหนกั ผลการวิเคราะห์ พบว่าใน 30 วันที่ผ่านมา ในประชาชนชาย 15 ปีข้ึนไป มีการดื่มเคร่ืองด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ อย่างหนัก ในครง้ั เดียวเฉลย่ี 6.8 คร้งั มัธยฐาน 3 คร้งั ตอ่ เดือน (ตำ่� สุด 1 คร้ัง สูงสุด 90 คร้งั ) ในผู้หญงิ เฉลยี่ 3.4 คร้ัง มัธยฐาน 2 คร้งั ต่อเดือน (ต�่ำสดุ 1 ครั้ง สูงสุด 30 ครัง้ ) ผชู้ ายจำ� นวนครง้ั การดมื่ หนกั ในชว่ ง 30 วนั ทผ่ี า่ นมา สงู สดุ ในกลมุ่ อายุ 30 - 44 ปี (เฉลยี่ 8.2 ครงั้ มธั ยฐาน 4 ครง้ั ตอ่ เดอื น) รองมาคือ 45 - 59 ปี (เฉล่ีย 6.7 ครง้ั มัธยฐาน 3 ครัง้ ตอ่ เดือน) 70 - 79 ปี (เฉลี่ย 6.7 ครง้ั มธั ยฐาน 2 ครั้ง ตอ่ เดอื น) ลดลงเมือ่ อายุน้อยลงตามล�ำดบั ผูช้ ายในเขตเทศบาลและนอกเขตฯ มจี �ำนวนครงั้ เฉลยี่ ที่ด่ืมหนักใกลเ้ คยี งกัน ส�ำหรับผู้หญิง จ�ำนวนคร้ังการด่ืมหนักในช่วง 30 วันท่ีผ่านมา พิจารณาจากค่ามัธฐาน มีจ�ำนวนการด่ืมหนัก 2 คร้ังในกลุ่มอายุ 15 - 29, 30 - 44 และ 60 - 69 ปี กลุ่มอายุท่ีเหลือดื่มหนัก 1 ครั้งต่อเดือน ผู้หญิงในเขตและ นอกเขตเทศบาล มีจ�ำนวนครั้งเฉล่ียท่ีดื่มหนักใกล้เคียงกัน เม่ือพิจารณาแยกตามภูมิภาคตามล�ำดับจากมากไปน้อย ประชาชนชายในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เฉลี่ย 7.3 คร้ัง มัธยฐาน 3 ครั้งต่อเดือน) ภาคใต้ (เฉลี่ย 7.0 คร้ัง มัธยฐาน 3 คร้ังต่อเดือน) กรุงเทพฯ (เฉลี่ย 6.4 คร้ัง มัธยฐาน 2 ครั้งต่อเดือน) และภาคเหนือ (เฉลย่ี 5.4 ครง้ั มธั ยฐาน 3 ครงั้ ตอ่ เดอื น) ตามลำ� ดบั ประชาชนหญงิ ในกรงุ เทพฯ (เฉลย่ี 4.4 ครงั้ มธั ยฐาน 1 ครง้ั ตอ่ เดอื น) รองมาคอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (เฉล่ีย 3.9 คร้ัง มธั ยฐาน 2 ครั้งตอ่ เดือน) ภาคเหนือ (เฉล่ยี 3.0 คร้งั มัธยฐาน 2 ครง้ั ตอ่ เดอื น) ภาคกลาง (เฉลย่ี 3.0 ครง้ั มธั ยฐาน 1 ครงั้ ตอ่ เดอื น) และภาคใต้ (เฉลย่ี 2.1 ครงั้ มธั ยฐาน 1 ครง้ั ตอ่ เดอื น) ตามล�ำดับ (ตารางที่ 4.2.7)
90 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางท่ี 4.2.7 จำ� นวนวนั เฉล่ีย และมธั ยฐานของวนั ท่ดี ม่ื อยา่ งหนกั ใน 30 วนั ทผ่ี ่านมา ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป จำ� แนกตามเพศ กลุ่มอายุ เขตการปกครอง และภาค ชาย อายุ จ�ำนวน Mean SD Median (Min,Max) 15 - 29 453 5.5 6.5 3 (1,33) 30 - 44 563 8.2 8.8 4 (1,40) 45 - 59 559 6.7 7.6 3 (1,64) 60 - 69 (1,90) 70 - 79 426 6.4 14.9 2 (1,30) 80 ปขี ึน้ ไป 107 6.7 14.5 2 (1,20) เขตการปกครอง 13 3.5 8.8 2 (1,90) ในเขต (1,64) นอกเขต (1,40) ภาค 1,079 6.9 10.9 3 (1,90) 3 (1,34) เหนือ 1,042 6.8 7.4 (1,32) กลาง (1,30) ตะวันออกเฉียงเหนอื (1,90) ใต้ กรุงเทพฯ 532 5.4 8.1 3 รวม 518 7.3 8.2 3 519 7.3 7.9 3 373 7.0 11.1 3 179 6.4 9.2 2 2,121 6.8 8.7 3 หญิง อายุ จำ� นวน Mean SD Median (Min,Max) 15 - 29 234 3.1 3.9 2 (1,20) 30 - 44 (1,30) 45 - 59 256 3.0 4.8 2 (1,30) 60 - 69 277 3.7 6.7 1 (1,30) 70 - 79 (1,20) 80 ปีขน้ึ ไป 127 4.4 10.4 2 (1,1) เขตการปกครอง 27 3.7 8.1 1 (1,30) ในเขต (1,30) นอกเขต 4 1.0 0.0 1 (1,30) ภาค (1,30) (1,30) เหนอื 566 3.6 8.3 1 (1,20) กลาง (1,30) ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 359 3.2 4.1 2 (1,30) ใต้ กรงุ เทพฯ รวม 200 3.0 4.8 2 246 3.0 5.4 1 266 3.9 5.5 2 85 2.1 3.7 1 128 4.4 10.1 1 925 3.4 5.7 2
การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 91 ตารางท่ี 4.2.7 จำ� นวนวนั เฉลี่ย และมธั ยฐานของวนั ท่ดี มื่ อยา่ งหนกั ใน 30 วนั ทผี่ า่ นมา ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จ�ำแนกตามเพศ กลุ่มอายุ เขตการปกครอง และภาค (ตอ่ ) รวม อายุ จำ� นวน Mean SD Median (Min,Max) 15 - 29 687 4.8 6.1 2 (1,33) 30 - 44 819 6.8 8.4 3 (1,40) 45 - 59 836 6.0 7.7 2 (1,64) 60 - 69 (1,90) 70 - 79 553 5.9 13.9 2 (1,30) 80 ปขี ้นึ ไป 134 6.1 13.5 2 (1,20) เขตการปกครอง 17 2.7 7.0 1 (1,90) ในเขต (1,64) นอกเขต (1,40) ภาค 1,645 6.0 10.7 2 (1,90) (1,34) เหนอื 1,401 5.9 6.9 2 (1,32) กลาง (1,30) ตะวันออกเฉียงเหนอื (1,90) ใต้ กรงุ เทพฯ 732 4.7 7.4 2 รวม 764 6.2 8.0 3 785 6.4 7.6 3 458 6.2 10.6 2 307 5.9 9.9 2 3,046 5.9 8.3 2 ความชุกของการดมื่ อยา่ งหนัก ความชุกของการด่ืมอย่างหนักใน 30 วนั ท่ผี า่ นมา ในประชาชนอายุ 15 ปขี ึน้ ไป ชายมรี อ้ ยละ 18.0 ในหญิง มีร้อยละ 8.2 ประชาชนชายมีความชุกของการด่ืมอย่างหนักสูงสุดในกลุ่มอายุ 60 - 69 ปี ร้อยละ 21.1 รองมาคือ อายุ 30 - 44 ปี ร้อยละ 19.8 และอายุ 45 - 59 ปี รอ้ ยละ 18.0 และลดลงเมอื่ อายุมากขึน้ ตามลำ� ดับ ผหู้ ญงิ ความชกุ ใน การดืม่ อยา่ งหนกั สงู สุด ในกลุ่มอายุ 15 - 29 ปี รอ้ ยละ 10.5 รองมาคือ อายุ 30 - 44 ปี รอ้ ยละ 10.0 และลดลง ตามลำ� ดับเม่อื อายมุ ากข้ึน เม่ือพิจารณาตามเขตการปกครอง ผู้ชายท่ีอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล มีความชุกการด่ืมอย่างหนักสูงกว่าชาย ท่ีอาศยั ในเขตเทศบาล (รอ้ ยละ 19.8 และ 14.4) ส่วนหญิงทอ่ี าศยั อยูน่ อกเขตเทศบาล มคี วามชุกสงู กวา่ ในเขตเทศบาล เลก็ นอ้ ย (ร้อยละ 8.6 และ 7.3) พิจารณาจ�ำแนกตามภาค ในผู้ชาย พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความชุกสูงสุด ร้อยละ 26.5 รองมาคือ ภาคเหนือ ร้อยละ 20.1 ภาคกลาง ร้อยละ 12.6 ภาคใต้ ร้อยละ 9.7 และกรุงเทพฯ ร้อยละ 8.7 ส่วนในผู้หญิง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ มคี วามชุกสูงสดุ ร้อยละ 12.4 รองมา คือ ภาคเหนอื ร้อยละ 10.1 ภาคกลาง ร้อยละ 6.0 กรุงเทพฯ ร้อยละ 4.5 และภาคใต้ รอ้ ยละ 2.0 ตามล�ำดบั
92 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ที่ 4.2.7 รอ้ ยละของผดู้ ื่มอยา่ งหนกั ในรอบ 30 วนั ที่ผ่านมา ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จ�ำแนกตามอายุ และเพศ รูปที่ 4.2.8 รอ้ ยละของผดู้ ่ืมอย่างหนักในรอบ 30 วนั ท่ผี ่านมา ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำ� แนกตามเขตการปกครอง และเพศ
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 93 รูปท่ี 4.2.9 รอ้ ยละของผดู้ ม่ื อยา่ งหนักในรอบ 30 วันทผ่ี ่านมา ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จำ� แนกตามภาค และเพศ การดืม่ เครื่องด่มื ท่มี แี อลกอฮอลท์ ี่ไม่ไดเ้ สียภาษี การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ท่ีไม่ได้เสียภาษี เช่น เหล้าเถ่ือน เหล้าท่ีผลิตตามบ้าน ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มคี วามชุกของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ร้อยละ 2.9 ประชาชนชายด่ืมสงู สุดในกลุม่ อายุ 30 - 44 ปี รอ้ ยละ 6.9 รองมาคอื อายุ 60 - 69 ปี รอ้ ยละ 5.5 อายุ 15 - 29 ปี ร้อยละ 4.7 อายุ 45 - 59 ปี รอ้ ยละ 4.6 ส�ำหรบั ผหู้ ญงิ ดืม่ สงู สดุ ในกล่มุ อายุ 15 - 29 ปี รอ้ ยละ 1.4 รองมาคือ อายุ 30 - 44 ปี รอ้ ยละ 0.8 อายุ 45-59 ปี และอายุ 60 - 69 ปี รอ้ ยละ 0.7 ตามล�ำดบั ประชาชนชายทอี่ าศยั อยนู่ อกเขตเทศบาลมคี วามชกุ ของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ทดี่ ม่ื เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ ที่ไม่ได้เสียภาษมี ากกวา่ ในเขตเทศบาล (ร้อยละ 5.6 รอ้ ยละ 4.2) ประชาชนหญิงท่อี าศัยอยูท่ ้ังในและนอกเขตเทศบาล มีความชกุ ของทด่ี ื่มเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอลท์ ี่ไม่ไดเ้ สยี ภาษีใกลเ้ คยี งกนั (ร้อยละ 0.8 และ 0.9 ตามลำ� ดับ) รูปท่ี 4.2.10 รอ้ ยละของผูด้ ม่ื เครอื่ งดืม่ ทมี่ แี อลกอฮอล์ที่ไมไ่ ด้เสียภาษีใน 30 วนั ท่ีผ่านมาในประชาชนไทย อายุ 15 ปีข้ึนไป จ�ำแนกตามอายุ และเพศ
% 94 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปท่ี 4.2.11 รอ้ ยละของผู้ด่มื เครอ่ื งดม่ื ท่ีมีแอลกอฮอล์ที่ไมไ่ ดเ้ สียภาษใี น 30 วันทีผ่ ่านมาในประชาชนไทย อายุ 15 ปขี นึ้ ไป จ�ำแนกตามเขตการปกครอง และเพศ รูปที่ 4.2.12 ร้อยละของผู้ด่มื เครอ่ื งด่มื ท่มี แี อลกอฮอล์ที่ไมไ่ ดเ้ สียภาษใี น 30 วันท่ผี า่ นมาในประชาชนไทย อายุ 15 ปขี น้ึ ไป จำ� แนกตามภาค และเพศ ปัญหาการเสยี่ งต่อการติดสรุ า จากการสมั ภาษณโ์ ดยแบบประเมนิ ปญั หาการดมื่ สรุ า AUDIT ประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป พบวา่ รอ้ ยละ 84.7 เป็นผดู้ ่ืมแบบเสี่ยงต่ำ� (low risk drinker) แบบเสี่ยง (hazardous drinker) รอ้ ยละ 12.9 แบบอนั ตราย (harmful use) ร้อยละ 1.6 และแบบติดสุรา (alcohol dependence) ร้อยละ 0.7 ตามล�ำดับ หนึ่งในส่ีของผู้ชายเป็นผู้ดื่ม ระดับเส่ียงขึ้นไปซ่ึงสูงกว่าผู้หญิง โดยผู้ชายกลุ่มอายุ 60 - 69 ปี มีสัดส่วนของกลุ่มที่ดื่มแบบเส่ียง แบบอันตราย และแบบตดิ สรุ าสงู สดุ รองลงมาคอื กลมุ่ 70 - 79 ปี สว่ นในผหู้ ญงิ กลมุ่ ทม่ี สี ดั สว่ นของผดู้ ม่ื แบบเสยี่ งและแบบอนั ตรายสงู สดุ คอื กลมุ่ อายุ 60 - 69 ปขี ึ้นไป (รูปที่ 4.2.13)
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 95 รปู ที่ 4.2.13 ร้อยละของผูด้ ่ืมสุราตามระดบั การเสยี่ งติดสุราในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้นึ ไป จำ� แนกตามอายุ และเพศ เม่ือพิจารณาตามเขตการปกครอง สัดส่วนของผู้ด่ืมแบบเส่ียงข้ึนไปของในเขตเทศบาลและนอกเขตฯ ไม่แตกตา่ งกนั มากนกั (รูปท่ี 4.2.14) รปู ท่ี 4.2.14 ร้อยละของผูด้ ม่ื สรุ าตามระดบั การเส่ยี งติดสุราในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จ�ำแนกตามเขตการปกครอง และเพศ
96 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 การกระจายตามภูมิภาคพบว่า ผู้ชายในภาคเหนือมีสัดส่วนของผู้ท่ีด่ืมแบบเส่ียงขึ้นไปสูงสุด รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพ และภาคใต้ ตามล�ำดับ ส่วนในผู้หญิงภาคเหนือมีสัดส่วนของผู้ที่ด่ืม แบบเสี่ยงขึ้นไปสงู กว่าภูมภิ าคอืน่ ๆ เล็กน้อย (รปู ที่ 4.2.15) รูปที่ 4.2.15 ร้อยละของผดู้ ื่มสรุ าตามระดับการเส่ยี งติดสุราในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จ�ำแนกตามภาค และเพศ
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 97 4.3 กิจกรรมทางกาย สรปุ • บทนี้รายงานผลการส�ำรวจการมีกิจกรรมทางกายของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยครอบคลุม ความชกุ ของการมกี จิ กรรมเพยี งพอตามขอ้ แนะนำ� หมายถงึ การมกี จิ กรรมทางกายตงั้ แตร่ ะดบั ปานกลางขนึ้ ไป วันละ 30 นาทีข้ึนไป สัปดาห์ละอย่างน้อย 5 วัน สัดส่วนเวลาที่ใช้ในการมีกิจกรรมทางกายจาก การท�ำงาน จากการเดนิ และข่ีจักรยาน และจากกิจกรรมทางกายยามว่าง • ความชุกของการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอมีร้อยละ 30.9 (ชายร้อยละ 28.9 และหญิงร้อยละ 32.7) ซ่ึงมากกว่าผลการส�ำรวจสุขภาพฯ ครั้งที่ 5 เม่ือปี 2557 (ชายร้อยละ 18.4 และหญิงร้อยละ 20.0) แม้การส�ำรวจฯ นี้ได้ใช้แบบสอบถามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก แต่มีข้อสังเกตว่าการให้ข้อมูล การออกแรงกายของผู้ตอบอาจประเมินตนเองว่ามีกิจกรรมทางกายสูงกว่าความเป็นจริงจึงอาจท�ำให้ มีสัดส่วนของคนท่ีมีกิจกรรมทางกายเพียงพอมากกว่าความเป็นจริง อย่างไรก็ตามการส�ำรวจฯ คร้ังที่ 5 และ 6 ใชแ้ บบสอบถามชุดเดยี วกัน จึงนา่ จะเปรียบเทียบกนั ได้ • ความชุกของการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอมีมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุซ่ึงพบร้อยละ 43.4 ในกลุ่มอายุ 70 - 79 ปี และมากทสี่ ุดในกลุม่ อายุ 80 ปีขึน้ ไป มรี ้อยละ 61.4 • คนในเขตเทศบาลมีสัดส่วนของการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอมากกว่าคนนอกเขตฯ (ร้อยละ 36.1 และ 28.0 ตามลำ� ดับ) • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสัดส่วนของคนท่ีมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอน้อยท่ีสุด (ร้อยละ 22.5) รองลงมาคอื ภาคกลาง (รอ้ ยละ 26.2) และภาคเหนอื (รอ้ ยละ 27.9) • กิจกรรมทางกายที่ใช้สัดส่วนเวลามากท่ีสุดคือ การท�ำงาน (ร้อยละ 62.3 ของเวลาที่มีกิจกรรมทางกาย) รองลงมาคือ ใช้ในกิจกรรมยามว่าง (ร้อยละ 19.7) และใช้ในการเดินทาง (ร้อยละ 17.9) ร้อยละ 19.1 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีกิจกรรมทางกายยามว่าง (เช่น เล่นกีฬา ออกก�ำลังกาย) ในระดับ เพยี งพอ (ปานกลางและหนัก) • ผู้ชายมีกจิ กรรมยามว่างอย่างเพียงพอมากกว่าผหู้ ญงิ (รอ้ ยละ 22.3 และ 16.1 ตามลำ� ดบั ) ในเขตเทศบาล มีสัดส่วนของการมีกิจกรรมยามว่างเพียงพอมากกว่านอกเขตฯ (ร้อยละ 21.7 และ 17.7 ตามล�ำดับ) ไมม่ ี ความแตกตา่ งระหวา่ งภาค ยกเวน้ กรงุ เทพฯทม่ี สี ดั สว่ นการมกี จิ กรรมยามวา่ งเพยี งพอมากกวา่ ภาคอน่ื ๆ • กลมุ่ อาชพี ทล่ี กั ษณะการทำ� งานไมต่ อ้ งใชแ้ รงกายมาก เชน่ งานเสมยี น นกั วชิ าการ ผบู้ รหิ าร และ ไมม่ อี าชพี ซ่ึงรวมแม่บ้าน มีความชุกของการมีกิจกรรมยามว่างระดับปานกลางข้ึนไปเพียงร้อยละ 16 - 30 ซง่ึ กลุ่มเหลา่ น้ีควรเป็นกล่มุ เปา้ หมายของการสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารออกก�ำลังกายเพ่มิ เตมิ ต่อไป กิจกรรมทางกาย งานวิจัยมากมายได้แสดงหลักฐานว่าการมีกิจกรรมทางกายเป็นประจ�ำอย่างเพียงพอและสม�่ำเสมอมีผล ต่อสุขภาวะ สามารถลดอุบัติการณ์ของการเจ็บป่วย โรคเรื้อรัง เช่น ลดอุบัติการณ์โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน อ้วน และมะเร็ง จากข้อมูลองค์การอนามัยโลก3 ประมาณว่าการไม่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอเป็นสาเหตุ ของโรคหัวใจเลือดร้อยละ 22 - 23 โรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ ร้อยละ 16 - 17 เบาหวานร้อยละ 15 หลอดเลือดสมอง ร้อยละ 12 - 13 ในประเทศไทย การขาดกิจกรรมทางกายเพียงพอเป็นสาเหตุของภาระโรคล�ำดับท่ี 9 ท�ำให้สูญเสีย DALY รอ้ ยละ 1.3 ของ DALY4 3 World Health Report. Geneva: World Health Organization, 2002 4 สำ� นกั นโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข
98 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ความหมายของกจิ กรรมทางกาย กิจกรรมทางกาย หมายถึงการเคล่ือนไหวร่างกาย ท่ีมีการใช้พลังงานในร่างกาย การส�ำรวจสุขภาพ ประชาชนไทยคร้ังน้ีใช้แบบสอบถาม Global Physical Activity Questionnaire (GPAQ) version 25 ซ่ึงมี ขอ้ คำ� ถามครอบคลมุ กิจกรรมทางกาย 3 ลกั ษณะ คอื 1) กิจกรรมจากการท�ำงาน (Activity at work) ได้แก่ การท�ำงานโดยปกติ ที่ต้องออกแรงกายอย่างหนัก หรอื ปานกลาง 2) กจิ กรรมจากการเดนิ ทางในชวี ติ ประจำ� วนั (travel to and from places) ไดแ้ ก่ การเดนิ และการขจ่ี กั รยาน 3) กจิ กรรมยามวา่ ง (recreational activities) ได้แก่ การออกกำ� ลังกาย เลน่ กีฬา มีกิจกรรมยามวา่ ง กิจกรรมทั้ง 3 ลักษณะน้ี แต่ละลักษณะมีการถามความหนักเบาของการใช้แรงกาย (intensity), ระยะเวลา ท่ีมกี จิ กรรมเป็นนาทีต่อวัน และความถข่ี องการมกี ิจกรรมเป็นวันต่อสปั ดาห์ ระดบั ความหนักเบา (Intensity) ของการมีกจิ กรรมทางกาย กจิ กรรมอยา่ งหนัก หมายถงึ 1. การท�ำงานออกแรงกายอย่างหนัก ท�ำให้หายใจแรงขึ้น หรือหัวใจเต้นเร็วขึ้นมาก ออกแรงกายต่อเนื่อง เป็นเวลาต้ังแต่ 10 นาทขี นึ้ ไปในแตล่ ะครั้ง เชน่ การยกของหนัก งานก่อสร้าง งานขดุ ดิน การทำ� นา ท�ำสวน ทำ� ไร่ เปน็ ต้น 2. กิจกรรมยามว่างที่ออกแรงกายอย่างมาก ได้แก่ การออกก�ำลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างหนักจนท�ำให้ หายใจแรงข้ึนหรือหัวใจเต้นเร็วข้ึนมาก โดยออกแรงกายเป็นเวลาตั้งแต่ 10 นาทีข้ึนไป ในแต่ละคร้ัง เช่น เต้นแอโรบคิ ว่ิง เล่นฟตุ บอล เป็นตน้ กิจกรรมอย่างปานกลาง หมายถงึ 1. การท�ำงานออกแรงกายปานกลาง ทำ� ให้หายใจแรงข้ึนหรือ หัวใจเตน้ เร็วข้นึ ปานกลาง ออกแรงกายต่อเนอ่ื ง เปน็ เวลาตัง้ แต่ 10 นาทขี ึ้นไปในแต่ละครั้ง เชน่ การเดนิ ไปมาในท่ที �ำงาน หรือรา้ นคา้ ท�ำงานบ้าน ท�ำครัว หรอื ถอื ของเบาๆ เปน็ ตน้ 2. การเดินทางจากสถานทห่ี นง่ึ ไปอีกท่หี นึง่ โดยการเดนิ หรือขจี่ กั รยานเปน็ เวลา 10 นาทีอย่างตอ่ เนื่อง 3. มีกิจกรรม เล่นกีฬา ออกก�ำลังกาย หรือมีกิจกรรมยามว่างที่ใช้แรงกายอย่างปานกลาง เป็นเวลาต้ังแต่ 10 นาทีขึ้นไป ในแตล่ ะครงั้ เช่น เดินเร็ว ขจี่ ักรยาน เลน่ วอลเลย่ ์บอล หรือวา่ ยน้�ำ เป็นตน้ ความหนกั เบาของการออกแรงกายนี้ สามารถแปลงเปน็ พลงั งานทรี่ า่ งกายตอ้ งใชไ้ ปตอ่ นาทตี อ่ วนั และตอ่ สปั ดาห์ โดยการค�ำนวณเป็นค่า metabolic equivalent (MET) MET หมายถงึ อัตราสว่ นของพลงั งานทร่ี า่ งกายใชใ้ นการออกแรงกายตอ่ พลังงานทใ่ี ช้ขณะพกั โดย 1 MET = 1 kcal/kg/hr เป็นพลังงานท่ีเทียบเท่ากับพลังงานท่ีร่างกายใช้ขณะอยู่ร่างกายนั่งอยู่เฉยๆ โดยร่างกายจะใช้พลงั งาน 1 kcal ตอ่ น�ำ้ หนกั ตวั 1 kg ตอ่ ช่ัวโมง 5 Global Physical Activity Questionnaire (GPAQ): World Health Organization
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 99 ความเชื่อมโยงระหว่าง ความหนกั เบาของกิจกรรมทางกายกับ MET การออกแรงกายอยา่ งปานกลาง จะใช้พลังงาน เปน็ 4 เทา่ ของการน่ังเฉยๆ และการออกแรงกายอยา่ งหนัก จะใชพ้ ลังงานเป็น 8 เทา่ ดงั นั้น ลักษณะกจิ กรรมทางกาย คา่ MET การท�ำงาน ออกแรงปานกลาง ค่า MET = 4.0 ออกแรงหนกั คา่ MET = 8.0 การเดนิ ทาง ขี่จักรยาน หรือเดิน ค่า MET = 4.0 กิจกรรมยามว่าง ออกแรงปานกลาง คา่ MET = 4.0 ออกแรงหนัก ค่า MET = 8.0 วธิ ีการคำ� นวณ MET 1. กิจกรรมทางกายอย่างหนกั : MET = รวม เวลา (นาท)ี ของกจิ กรรมอยา่ งหนกั ใน 1 สัปดาห์ × 8 2. กิจกรรมทางกายปานกลาง : MET = รวม เวลา (นาที) ของกจิ กรรมอยา่ งปานกลางใน 1 สปั ดาห์ × 4 เกณฑร์ ะดบั กิจกรรมทางกาย มาก (High) • มีกจิ กรรมทางกายอย่างหนกั ≥ 3 วนั /สปั ดาห์ และ total MET-นาท/ี สปั ดาห์ ≥ 1500 หรอื • มีกจิ กรรมทางกายอยา่ งหนัก หรือปานกลางรวม ≥ 7 วนั /สัปดาห์ และ total MET-นาที/สัปดาห์ ≥ 3000 ปานกลาง (Moderate) • มีกิจกรรมทางกายไมม่ ากถึงระดบั มาก และ • มกี ิจกรรมอย่างหนัก ≥ 3 วนั /สปั ดาห์ และเวลา ≥ 20 นาทีต่อวนั หรือ • กจิ กรรมปานกลาง หรือเดนิ ≥ 5 วนั /สัปดาห์ อยา่ งน้อยวันละ 30 นาทีตอ่ วนั หรอื • กิจกรรมหนกั และปานกลางหรอื เดิน รวม ≥ 5 วัน/สปั ดาห์ และ total MET-นาท/ี สปั ดาห์ ≥ 600 น้อย (Low) • ระดับของการมกี จิ รรมทางกายต�ำ่ กวา่ เกณฑร์ ะดบั ปานกลางและมาก ความหมายของกิจกรรมทางกายเพียงพอ • กจิ กรรมทางกายเพียงพอ หมายถึง การมกี จิ กรรมทางกายตัง้ แต่ ระดับปานกลางข้นึ ไป ผลการสำ� รวจกจิ กรรมทางกาย ร้อยละ 50.9 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป มีกิจกรรมทางกายระดับมาก และร้อยละ 18.2 ในเกณฑ์ ปานกลาง โดยรวมร้อยละ 69.2 ของประชาชนไทย 15 ข้ึนไป มีกิจกรรมทางกายระดับเพียงพอ โดยในผู้ชายมี ร้อยละ 71.1 สว่ นในผู้หญิง มรี ้อยละ 67.3 สดั ส่วนของคนทมี่ ีกจิ กรรมทางกายเพียงพอมีสูงสดุ ในช่วงอายุ 45 - 59 ปี และลดลงตามอายุท่ีเพิ่มข้ึน คนท่ีอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลมีร้อยละ 72.0 มีกิจกรรมทางกายสูงกว่าในเขตฯ ซึ่งมี ร้อยละ 63.9 (ตารางที่ 4.3.1 - รูปท่ี 4.3.1)
100 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางท่ี 4.3.1 รอ้ ยละของระดบั กจิ กรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป จำ� แนกตามเพศ และกลมุ่ อายุ กลมุ่ อายุ จำ� นวน % น้อย ระดบั ของกจิ กรรมทางกาย % มาก (95%CI) ตวั อย่าง (95%CI) % ปานกลาง (95%CI) ชาย 15 - 29 1,707 28.4 (24.8,32.3) 12.2 (10.5,14.2) 59.4 (55.5,63.3) 30 - 44 1,627 28.2 (24.2,32.5) 11.4 (9.9,13.2) 60.4 (55.7,64.9) 45 - 59 2,078 26.3 (23.1,29.8) 14.7 (13.0,16.5) 59.0 (55.0,63.0) 60 - 69 2,485 29.3 (26.5,32.4) 16.3 (14.7,18.0) 54.4 (50.8,57.9) 70 - 79 1,164 38.8 (35.0,42.7) 24.2 (21.2,27.4) 37.1 (32.9,41.4) ≥80 432 60.0 (55.5,64.3) 20.8 (17.6,24.4) 19.2 (16.2,22.7) รวม 9,493 28.9 (26.0,32.0) 14.1 (13.2,15.1) 57.0 (53.6,60.3) หญิง 15 - 29 2,094 40.8 (37.0,44.6) 21.7 (20.0,23.6) 37.5 (34.6,40.6) 30 - 44 2,378 31.0 (27.0,35.3) 18.8 (16.8,20.9) 50.3 (46.3,54.3) 45 - 59 3,580 24.8 (21.2,28.8) 21.7 (20.1,23.4) 53.5 (49.6,57.3) 60 - 69 3,237 31.3 (28.1,34.7) 28.3 (26.5,30.1) 40.4 (37.2,43.7) 70 - 79 1,417 47.1 (43.8,50.1) 27.6 (25.4,30.0) 25.3 (22.1,28.6) ≥80 499 62.5 (56.8,67.8) 23.4 (18.5,29.1) 14.1 (11.2,17.6) รวม 13,205 32.8 (29.6,36.0) 22.3 (21.4,23.3) 44.9 (42.0,47.9) รูปที่ 4.3.1 รอ้ ยละของระดับกจิ กรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป จำ� แนกตามอายุ
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 101 สดั สว่ นของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ในเขตเทศบาลมสี ดั สว่ นของการมกี จิ กรรมทางกายเพยี งพอนอ้ ยกวา่ นอกเขตเทศบาลท้ังเพศชายและหญิง (รูปท่ี 4.3.2) เม่ือพิจารณาจ�ำแนกตามภาค พบว่าทุกภาคมีสัดส่วนของการ มีกิจกรรมทางกายเพียงพอค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างกันตามภาคโดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สดั สว่ นของการมีกิจกรรมทางกายระดับมากสงู ท่ีสุด รองลงมาคอื ภาคกลาง (รูปที่ 4.3.3) รปู ท่ี 4.3.2 รอ้ ยละของระดบั กิจกรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึน้ ไป จำ� แนกตามเขตการปกครอง รูปที่ 4.3.3 รอ้ ยละของระดับกิจกรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป จ�ำแนกตามภาค
102 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 กิจกรรมทางกายไมเ่ พียงพอ ร้อยละ 30.9 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ สัดส่วนน้ีเพิ่มขึ้นตามอายุ ทีเ่ พ่มิ ข้ึน สูงสดุ ในกลมุ่ อายุ 80 ปขี ึน้ ไป (รอ้ ยละ 61.4) รปู ที่ 4.3.4 รปู ที่ 4.3.4 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไปที่มกี ิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ จำ� แนกตามเพศ และกลมุ่ อายุ การจ�ำแนกตามเขตการปกครอง พบว่าคนท่ีอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลมีสัดส่วนของการมีกิจกรรมทางกาย ไม่เพียงพอ มากกว่าคนที่อยู่นอกเขตเทศบาล เม่ือพิจารณาตามภาค พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสัดส่วน ของประชาชนที่มกี จิ กรรม ไม่เพยี งพอน้อยทส่ี ดุ รองลงมาคอื ภาคกลาง ภาคเหนือ กรุงเทพฯ และภาคใต้ ตามล�ำดบั (รูปที่ 4.3.5 - 4.3.6) รูปที่ 4.3.5 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้นึ ไปท่มี ีกจิ กรรมทางกายไม่เพยี งพอ จำ� แนกตามเขตการปกครอง และเพศ
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 103 รูปที่ 4.3.6 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไปทมี่ กี จิ กรรมทางกายไม่เพียงพอ จ�ำแนกตามภาค และเพศ เวลาของการมีกจิ กรรมทางกาย ค่ามัธยฐานของเวลาท่ีมีกิจกรรมทางกายโดยรวมจากการท�ำงาน การเดินทาง และกิจกรรมยามว่างของ ประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป เท่ากับ 81.4 นาทีต่อวัน เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ ช่วง 30 - 59 ปี ใช้เวลาใน การทำ� กิจกรรม ทางกายมากท่สี ุด รองลงมาคอื วยั 15 - 29 ปี การใช้เวลาลดลงในผสู้ งู อายุ และต�่ำสุดในกลุ่มอายุ 80 ปี ขึ้นไป (ตารางท่ี 4.3.2)
104 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางที่ 4.3.2 มัธยฐานเวลาของการมกี จิ กรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป จำ� แนกตามเพศ อายุ เขตการปกครอง และภาค มัธยฐานเวลา (median) ของการมีกิจกรรมทางกายทง้ั หมด ต่อวัน ชาย กลุ่มอายุ จำ� นวนตวั อย่าง Median (นาที) IQR (นาที) 15 - 29 1,498 111.4 225.7 30 - 44 1,418 137.1 327.1 45 - 59 1,818 134.3 300.0 60 - 69 2,107 90.0 219.3 70 - 79 970 40.0 126.4 80+ 302 20.0 68.6 เขตการปกครอง 4,122 71.4 225.0 ในเขตเทศบาล 3,991 130.7 295.7 นอกเขตเทศบาล 1,946 120.0 270.0 ภาค 1,808 132.9 288.6 2,172 180.0 308.6 เหนอื 1,537 22.9 72.1 กลาง 650 51.4 162.9 ตะวันออกเฉียงเหนอื 8,113 111.4 276.4 ใต้ กรุงเทพฯ รวม มัธยฐานเวลา (median) ของการมีกิจกรรมทางกายทง้ั หมด ต่อวนั หญิง กลุ่มอายุ จำ� นวนตัวอย่าง Median (นาที) IQR (นาท)ี 15 - 29 1,742 51.4 132.9 30 - 44 2,042 85.7 260.0 45 - 59 3,196 100.7 231.4 60 - 69 2,748 60.0 147.9 70 - 79 1,099 30.0 85.7 80+ 291 10.0 40.0 เขตการปกครอง 6,509 59.3 157.1 ในเขตเทศบาล 4,609 75.7 220.0 นอกเขตเทศบาล 2,202 60.0 195.0 ภาค 2,696 75.7 216.4 2,600 120.0 231.4 เหนือ 2,079 15.7 52.9 กลาง 1,541 60.0 165.7 ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 11,118 65.0 192.9 ใต้ กรุงเทพฯ รวม
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 105 ตารางที่ 4.3.2 มธั ยฐานเวลาของการมกี ิจกรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขนึ้ ไป จำ� แนกตามเพศ อายุ เขตการปกครอง และภาค (ตอ่ ) มัธยฐานเวลา (median) ของการมกี ิจกรรมทางกายทง้ั หมด ตอ่ วนั รวม กลมุ่ อายุ จ�ำนวนตวั อยา่ ง Median (นาที) IQR (นาที) 15 - 29 3,240 70.0 197.1 30 - 44 3,460 112.9 294.3 45 - 59 5,014 120.0 270.0 60 - 69 4,855 68.6 177.9 70 - 79 2,069 34.3 111.4 80+ 593 15.0 60.0 เขตการปกครอง 10,631 60.0 182.9 ในเขตเทศบาล 8,600 102.9 261.4 นอกเขตเทศบาล 4,148 77.1 232.1 ภาค 4,504 100.0 242.1 4,772 137.1 277.1 เหนือ 3,616 20.0 57.1 กลาง 2,191 60.0 165.0 ตะวันออกเฉยี งเหนือ 19,231 81.4 232.9 ใต้ กรงุ เทพฯ รวม สดั ส่วนเวลาทีใ่ ชต้ ามประเภทกิจกรรมทางกาย ร้อยละ 62.3 ของเวลาท่ีมีกิจกรรมทางกาย ใช้ในการท�ำงาน, รองลงมาร้อยละ 19.7 ใช้ในกิจกรรมยามว่าง และร้อยละ 17.9 ใช้ในการเดินทาง ผู้หญิงใช้สัดส่วนของเวลาในการท�ำงานมากกว่าผู้ชาย ในขณะที่ผู้ชายใช้สัดส่วน ของเวลาในกิจกรรมยามว่าง เช่น เล่นกีฬามากกว่าผู้หญิง ส�ำหรับสัดส่วนเวลาที่ใช้ในการเดินทางผู้หญิงมากกว่า ผชู้ ายเล็กน้อย (ตารางที่ 4.3.3) เมอ่ื พจิ ารณาตามเขตการปกครอง พบวา่ เม่ือเทยี บกับประชาชนท่ีอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล ประชาชนท่ีอาศัย อยู่ในเขตเทศบาลใช้สัดส่วนของเวลาในกิจกรรมยามว่างและสัดส่วนเวลาในการเดินทางมากกว่า แต่ใช้ สัดส่วนเวลาใน การทำ� งานน้อยกวา่ (ตารางท่ี 4.3.4) เม่ือพิจารณาตามภาค ภาคใต้ใช้สัดส่วนเวลาของการเดินทาง และการมีกิจรรมทางกายยามว่างมากกว่า ภาคอื่นๆ ในขณะท่ีภาคตะวันออกเฉยี งเหนือใชส้ ดั ส่วนเวลาทำ� งานมากท่ีสดุ (ตารางท่ี 4.3.4)
106 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางท่ี 4.3.3 สดั สว่ นเวลาทใ่ี ชต้ ามลกั ษณะกจิ กรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จำ� แนกตามเพศ อายุ กลุ่มอายุ สัดส่วน (ร้อยละ) เวลาท่ใี ชต้ ามลักษณะกิจกรรมทางกาย จำ� นวนตวั อย่าง การท�ำงาน การเดนิ ทาง กิจกรรมยามวา่ ง ชาย 15 - 29 1,498 50.2 15.2 34.6 30 - 44 1,418 67.7 17.0 15.3 45 - 59 1,818 66.0 16.9 17.1 60 - 69 2,107 62.7 21.4 15.9 70 - 79 970 53.0 26.9 20.1 ≥80 302 44.2 30.1 25.8 รวม 8,113 61.3 17.7 21.0 หญิง 15 - 29 1,742 58.9 16.8 24.3 30 - 44 2,042 68.8 16.0 15.2 45 - 59 3,196 64.8 17.7 17.5 60 - 69 2,748 61.4 21.1 17.5 70 - 79 1,099 54.7 25.7 19.6 ≥80 291 54.3 24.9 20.8 รวม 11,118 63.4 18.1 18.5 รวม 15-29 3,240 54.3 16.0 29.7 30-44 3,460 68.2 16.5 15.3 45-59 5,014 65.4 17.3 17.3 60-69 4,855 62.0 21.2 16.8 70-79 2,069 53.9 26.3 19.8 ≥80 593 49.4 27.4 23.2 รวม 19,231 62.3 17.9 19.7
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 107 ตารางท่ี 4.3.4 สัดส่วนเวลาที่ใช้ตามลักษณะกิจกรรมทางกายในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จ�ำแนกตาม เขตการปกครอง และภาค สัดสว่ น (ร้อยละ) เวลาทีใ่ ชต้ ามประเภทกจิ กรรมทางกาย ชาย หญิง จำ� นวน % % % จำ� นวน % % % ตวั อย่าง งาน เดินทาง ยามว่าง ตัวอยา่ ง งาน เดินทาง ยามว่าง เขตการปกครอง ในเขตเทศบาล 4,122 52.8 20.3 26.9 6,509 56.5 20.3 23.3 นอกเขตเทศบาล 3,991 65.4 16.4 18.2 4,609 67.1 17.0 15.9 ภาค เหนือ 1,946 65.3 10.8 23.8 2,202 65.6 12.0 22.3 กลาง 1,808 64.1 16.9 19.0 2,696 65.8 17.9 16.3 ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2,172 72.7 13.3 14.0 2,600 77.1 12.3 10.6 ใต ้ 1,537 23.6 40.1 36.4 2,079 22.7 40.2 37.0 กรงุ เทพฯ 650 46.5 23.7 29.8 1,541 53.3 24.4 22.3 รวม 8,113 61.3 17.7 21.0 11,118 63.4 18.1 18.5 กจิ กรรมทางกายยามวา่ ง กิจกรรมทางกายยามว่าง หมายถึง การออกก�ำลังกาย การเล่นกีฬา และกิจกรรมทางกายยามว่าง พบว่า ประชาชนไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป มีกิจกรรมยามว่างระดับปานกลางขึ้นไปร้อยละ 19.1 (ผู้ชายร้อยละ 22.3 ผู้หญิง ร้อยละ 16.1) กลุ่มอายุ 15 - 29 มีความชุกของคนท่ีมีกิจกรรมทางกายยามว่างอย่างเพียงพอสูงที่สุด ร้อยละ 24.9 (ชายร้อยละ 34.7 หญงิ ร้อยละ 14.6) ความชุกน้ลี ดลงเมอ่ื อายมุ ากขึ้น (รปู ท่ี 4.3.7) ความชุกของการมีกิจกรรมทางกายยามว่างเพียงพอของคนในเขตเทศบาล (ร้อยละ 21.7) สูงกว่านอกเขต (รอ้ ยละ 17.7) (รูปท่ี 4.3.8) เม่ือพจิ ารณาการมีกจิ กรรมทางกายยามวา่ งที่เพียงพอตามภาค พบวา่ กรุงเทพฯมสี ดั สว่ นสูงท่สี ดุ (รอ้ ยละ 23.0) รองลงมาคอื ภาคเหนอื (รอ้ ยละ 20.3) ภาคกลาง (ร้อยละ 19.5) ภาคใต้ (รอ้ ยละ 19.0) และภาคตะวันออกเฉียงเหนอื (ร้อยละ 17.2) ตามล�ำดับ (รปู ท่ี 4.3.9)
108 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปท่ี 4.3.7 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไปทีม่ ีกจิ กรรมทางกายยามวา่ งระดบั ปานกลางและหนกั จำ� แนกตามอายุ และเพศ รปู ที่ 4.3.8 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปท่มี กี จิ กรรมทางกายยามวา่ งระดบั ปานกลางและหนกั จ�ำแนกตามเขตการปกครอง และเพศ
การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 109 รปู ท่ี 4.3.9 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึน้ ไปทมี่ ีกิจกรรมทางกายยามวา่ งระดับปานกลางและหนัก จ�ำแนกตามภาค และเพศ เมื่อพิจารณาการมีกิจกรรมทางกายยามว่างเพียงพอตามอาชีพ กลุ่มท่ีมีลักษณะงานไม่ต้องใช้แรงกายมาก มีสัดส่วนของการออกก�ำลังกายเพียงพอ ดังน้ี งานวิชาชีพและนักวิชาการ (ร้อยละ 27.5), ผู้บริหาร (ร้อยละ 26.8), เสมียน (รอ้ ยละ 18.9) และงานบรกิ าร (ร้อยละ 16.2) ส�ำหรบั กลุม่ อาชพี ทต่ี ้องใช้แรงงานกาย มสี ัดสว่ นของการมีกิจกรรมยามวา่ งระดบั เพียงพอ (ปานกลางและหนกั ) ดังนี้ อาชีพทหาร (ร้อยละ 44.0), ช่างเทคนิก ฝีมือ หรืองานฝีมือในธุรกิจ (ร้อยละ 30.0) ผู้ประกอบวิชาชีพ (ร้อยละ 27.5) ผู้บริหารระดับสงู (ร้อยละ 26.8) อาชีพแรงงาน (รอ้ ยละ 19.2) เกษตรกร (รอ้ ยละ 13.4) และงานโรงงาน หรือ งานควบคุมเครอ่ื งจกั ร (ร้อยละ 16.9) รูปที่ 4.3.10 รูปที่ 4.3.10 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป ท่ีมกี ิจกรรมทางกายยามวา่ งเพียงพอ จำ� แนกตามอาชีพ
110 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 4.4 พฤติกรรมการกนิ อาหาร สรุป ในบทนี้รายงานผลเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป การกินอาหารครบ 3 มอื้ • ร้อยละ 73.0 ประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึน้ ไป กนิ อาหารครบ 3 ม้ือต่อวัน กลุ่มอายุทกี่ นิ ครบ 3 มอ้ื น้อยท่ีสดุ คอื 15 - 29 ปี คือ ร้อยละ 64.0 • ในผู้ใหญ่วัยแรงงานส่วนมาก (ร้อยละ 43.0 - 60.0) งดอาหารม้ือเช้า ส่วนในผู้สูงอายุส่วนมาก (ร้อยละ 45.0 - 66.0) งดอาหารม้ือกลางวัน ในวนั ท�ำงาน • แหล่งอาหารมือ้ เย็นทีก่ นิ บอ่ ยที่สดุ คือ กนิ อาหารมือ้ เยน็ ท่บี า้ น (รอ้ ยละ 86.0) และรองลงมาร้อยละ 8.6 คือ กนิ อาหารประเภทปรงุ สกุ สำ� เร็จ โดยผูส้ ูงอายุ (≥ 60 ป)ี มีสัดสว่ นของการกินอาหารเยน็ ท่ที �ำกนิ เอง สูงกว่า คนวัยแรงงาน คนที่อาศัยในเขตเทศบาลมื้อเย็นกินอาหารนอกบ้านมากกว่าคนที่อาศัยนอกเขตฯ และคนที่อาศัยในกรุงเทพฯมอื้ เย็นกินอาหารนอกบา้ นมากกว่าคนท่อี าศัยในภมู ิภาคอนื่ • สำ� หรบั ผทู้ ก่ี นิ อาหารมอื้ เยน็ นอกบา้ น แหลง่ อาหารทน่ี ยิ มมากสดุ มคี วามแตกตา่ งตามอายุ คอื กลมุ่ 15 - 29 ปี นยิ มอาหารปรุงสกุ ส�ำเรจ็ มากทสี่ ดุ สว่ นกลุ่มอายุ 30 ปขี น้ึ ไป นยิ มกนิ อาหารที่ซ้ือจากตลาดมากทีส่ ดุ วนั เสาร์ อาทิตย์ • ประมาณ 1 ใน 4 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป กินอาหารนอกบ้านอยา่ งน้อย 1 มือ้ ในชว่ งวันเสาร์ หรอื อาทติ ย์ กลุ่มอายุ 15 - 29 ปี กนิ อาหารนอกบา้ นในวันเสาร์อาทิตยม์ ากทส่ี ดุ • แหลง่ อาหารนอกบา้ น ทกี่ นิ บอ่ ยทสี่ ดุ ในชว่ งสดุ สปั ดาหค์ อื รา้ นอาหารตามสง่ั รองลงมาคอื ซอ้ื อาหารปรงุ เสรจ็ • เม่ืออายุมากข้ึนแหล่งอาหารนอกบ้านที่กินบ่อยคือ การซื้ออาหารปรุงสุกส�ำเร็จ ในขณะที่กลุ่มอายุน้อย มกั กนิ ตามรา้ นอาหารตามสั่ง พฤติกรรมการกนิ อาหาร อาหารเปน็ ปจั จยั ทสี่ ำ� คญั ตอ่ ชวี ติ และภาวะสขุ ภาพ ปจั จยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การบรโิ ภคอาหาร ไดแ้ ก่ ปรมิ าณ อาหาร และประเภทของอาหารท่ีบริโภค ซ่ึงเกี่ยวเน่ืองกับพฤติกรรมการเลือกประเภทอาหาร องค์ประกอบของอาหาร วิธีการประกอบอาหาร การเลือกแหล่งอาหารต่างๆ มคี วามเกย่ี วขอ้ งกับภาวะสขุ ภาพ การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในคร้ังที่ 6 นี้ได้ส�ำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคโดยสัมภาษณ์ เก่ียวกับพฤติกรรม การกิน จำ� นวนมือ้ และการเลอื กแหล่งอาหาร การส�ำรวจพฤติกรรมการกินอาหารของประชาชนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า ร้อยละ 73.0 ของผู้ใหญ่ ไทยกินอาหารครบ 3 มื้อ ผู้ที่อยู่อาศัยนอกเขตเทศบาลกินอาหารครบ 3 ม้ือมากกว่าผู้ท่ีอาศัยในเขตเทศบาล (ร้อยละ 75.5 และ 68.4 ตามล�ำดับ) และพบว่าผู้ที่อาศัยในภาคใต้และกรุงเทพมหานคร มีสัดส่วนของคนท่ีกิน อาหารครบ 3 ม้ือน้อยกว่าคนในภาคอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงในกรุงเทพมหานคร มีเพียงร้อยละ 62.2 ท่ีกินอาหารครบ 3 ม้อื ดังแสดงในรปู ที่ 4.4.1 - 4.4.3
การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 111 รปู ที่ 4.4.1 รอ้ ยละของผทู้ ่กี ินอาหารครบ 3 ม้อื ต่อวนั ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้นึ ไป จ�ำแนกตามเพศ และอายุ รปู ท่ี 4.4.2 รอ้ ยละของผู้ที่กินอาหารครบ 3 มือ้ ตอ่ วัน ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำ� แนกตามเพศ และเขตการปกครอง
112 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ท่ี 4.4.3 ร้อยละของผทู้ ก่ี นิ อาหารครบ 3 มอ้ื ตอ่ วนั ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้ึนไป จำ� แนกตามเพศ และภาค ม้อื อาหารทง่ี ด อาหารเช้าเป็นมื้อท่ีมีการงดมากท่ีสุด (ร้อยละ 47.4) รองลงมาคือมื้อกลางวัน (ร้อยละ 31.6) และม้ือเย็น (ร้อยละ 21.1) ในประชาชนท่มี ีอายนุ ้อยกวา่ 60 ปี ขณะทผี่ สู้ ูงอายุ (≥ 60 ป)ี งดอาหารม้อื กลางวนั มากกวา่ ม้อื เช้า และ ร้อยละ 21.0 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป งดอาหารมื้อเย็น ส่วนช่วงอายุ 15 - 59 ปีนั้น พบว่าผู้ชายอด อาหารมอื้ เชา้ ใน สัดส่วนทีม่ ากกวา่ เพศหญงิ เลก็ น้อย ในขณะทีผ่ หู้ ญงิ อดอาหารมอ้ื เย็นในสัดส่วนที่สงู กว่า เมอ่ื พิจารณา ความแตกต่างระหว่างเขตการปกครองและภูมิภาคท่ีอาศัย พบว่ารูปแบบการงดอาหารมื้อเช้า/กลางวัน/เย็น มีลักษณะใกล้เคียงกันดังแสดงใน รูปที่ 4.4.4 - 4.4.7 รปู ที่ 4.4.4 รอ้ ยละของผู้ท่งี ดอาหารมือ้ เช้า/กลางวัน/เย็น ในประชาชนเพศชายอายุ 15 ปีข้นึ ไป จำ� แนกตามอายุ
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 113 รปู ที่ 4.4.5 รอ้ ยละของผทู้ ่งี ดอาหารมอื้ เชา้ /กลางวนั /เย็น ในประชาชนเพศหญงิ อายุ 15 ปีข้นึ ไป จ�ำแนกตามอายุ รูปท่ี 4.4.6 รอ้ ยละของผูท้ ่ีงดอาหาร ม้อื เชา้ /กลางวนั /เย็น ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึน้ ไป จ�ำแนกตามเขตการปกครอง
114 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปที่ 4.4.7 ร้อยละของผู้ที่งดอาหารม้ือเช้า/กลางวนั /เย็น ในประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป จ�ำแนกตามภาค ประเภทอาหารมอ้ื เยน็ ทีก่ ินบ่อยทส่ี ุดในวันทำ� งาน ประชาชนไทย 15 ปีข้ึนไป ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 86.0) กินอาหารม้ือเย็นที่ท�ำกินเองที่บ้าน รองลงมาคือ ร้อยละ 8.6 กินอาหารจากแหล่งอาหารนอกบ้าน โดยส่วนใหญ่เป็นการซ้ืออาหารปรุงสุกส�ำเร็จ และอาหารตามสั่ง ตามร้านอาหาร โดยผู้สูงอายุ (≥60 ปี) มีสัดส่วนของการกินอาหารเย็นท่ีท�ำกินเองสูงกว่าคนอายุน้อยกว่า 60 ปี (รูปที่ 4.4.8) ผู้ท่ีอาศัยในเขตเทศบาลมีการกินอาหารมื้อเย็นจากอาหารนอกบ้านมากกว่าผู้ที่อาศัยนอกเขตเทศบาล (ร้อยละ 21.6 และ 8.4) (รูปท่ี 4.4.9) เมื่อพิจารณาภูมิภาคท่ีอาศัย พบว่าผู้ที่อาศัยในกรุงเทพมหานครมีสัดส่วน การกนิ ม้อื เย็นจาก แหล่งอาหารนอกบา้ นมากท่สี ุด (ร้อยละ 34.9) รองลงมาคือ ภาคกลาง รอ้ ยละ 16.2 สว่ นภาคอน่ื ๆ มีเพยี งรอ้ ยละ 7.3 - 10.8 (รูปที่ 4.4.10)
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 115 % 4.4.8 รอ้ ยละของผู้ท่กี นิ อาหารมื้อเย็นตามประเภทต่างๆ ในวันทำ� งานของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขนึ้ ไป จ�ำแนกตามอายุ
116 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ท่ี 4.4.9 รอ้ ยละของผทู้ ก่ี ินอาหารมื้อเย็นประเภทตา่ งๆ ในวันทำ� งานของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป จ�ำแนกตามเขตการปกครอง
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 117 % รปู ที่ 4.4.10 ร้อยละของผู้ท่ีกนิ อาหารมื้อเยน็ ประเภทต่างๆ ในวันทำ� งาน ของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้ึนไป จ�ำแนกตามภาค แหลง่ อาหารมือ้ เย็นนอกบ้านที่มกี ารกินมากที่สดุ ในวนั ทำ� งาน แหล่งอาหารมื้อเยน็ ที่กนิ นอกบา้ นมีความแตกต่างระหว่างกลมุ่ อายุ โดยช่วงอายุ 15 - 29 ปี กนิ อาหารที่ขาย ในตลาด มากท่ีสุด รองลงมาคือ ร้านอาหารตามสั่ง และรถเร่ ส่วนกลุ่มอายุ 30 ปีข้ึนไป เลือกกินอาหารท่ีขาย ในตลาดและร้านอาหารตามส่ังในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน รองลงมาคือ รถเร่ ส่วนที่กินอาหารจากร้านสะดวกซ้ือ และแหล่งอ่ืนๆมีน้อย (รูปที่ 4.4.11) เมื่อพิจารณาความแตกต่างระหว่างเขตการปกครองไม่มีความแตกต่างกัน คนทีอ่ าศัยในภาคใต้ มสี ัดส่วนของคนท่ีกินอาหารตามสง่ั มากกวา่ กินอาหารจากตลาด ในขณะทค่ี นท่อี าศยั ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพฯ มีสัดส่วนของคนที่กินอาหารจากตลาดมากกว่ากินอาหารตามสั่ง (รปู ที่ 4.4.12 - 4.4.13)
118 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ที่ 4.4.11 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป ทก่ี นิ อาหารมอื้ เยน็ นอกบา้ นในวนั ท�ำงาน ตามแหล่งอาหารท่ีกนิ บ่อยทสี่ ุด จ�ำแนกตามอายุ
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 119 รปู ท่ี 4.4.12 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึน้ ไป ทก่ี นิ อาหารนอกบ้านในวนั ท�ำงาน จ�ำแนกตามแหลง่ อาหารทก่ี นิ บอ่ ยท่ีสุด และเขตการปกครอง
120 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปท่ี 4.4.13 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึน้ ไป ท่ีกนิ อาหารนอกบา้ นในวนั ทำ� งาน จำ� แนกตามแหลง่ อาหารทีก่ ินบอ่ ยท่สี ดุ และภาค
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 121 การกนิ อาหารนอกบา้ นวันเสารห์ รืออาทิตย์ มากกว่า 1 ใน 4 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป กินอาหารนอกบ้านอย่างน้อย 1 ม้ือในช่วงวันเสาร์ หรืออาทติ ย์ โดยกลุ่มอายุ 15 - 29 ปี กินอาหารนอกบา้ นในวนั เสารห์ รืออาทติ ย์มากท่สี ดุ (รอ้ ยละ 38.9) (รปู ท่ี 4.4.14) ผทู้ อี่ าศยั ในเขตเทศบาลมกี ารกนิ อาหารนอกบา้ นในวนั เสารห์ รอื อาทติ ยม์ ากกวา่ ผทู้ อ่ี าศยั นอกเขตเทศบาล (รอ้ ยละ 34.4 และ 23.1) ดังแสดงในรูปที่ 4.4.15 และผู้ทีอ่ าศยั ในกรงุ เทพมหานครกนิ อาหารนอกบ้านในวนั เสาร์หรืออาทิตย์มากท่สี ุด (ร้อยละ 38.9) รองลงมาคือ ภาคกลาง (รอ้ ยละ 33.1) ภาคใต้ (รอ้ ยละ 31.1) ภาคเหนือ (รอ้ ยละ 26.1) และต่�ำสุด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รอ้ ยละ 18.2) (รูปท่ี 4.4.16) รูปที่ 4.4.14 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป ทีก่ นิ อาหารม้ือหลักนอกบ้านในวันเสาร์หรอื อาทิตย์ จ�ำแนกตามจ�ำนวนม้ืออาหาร และกลมุ่ อายุ รปู ที่ 4.4.15 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป ทก่ี นิ อาหารม้ือหลกั นอกบ้านในวันเสาร์หรอื อาทิตย์ จ�ำแนกตามจำ� นวนมอื้ อาหารหลกั และเขตการปกครอง
122 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ท่ี 4.4.16 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ทีก่ ินอาหารมอ้ื หลกั นอกบา้ นในวนั เสาร์หรืออาทติ ย์ จ�ำแนกตามจ�ำนวนมอื้ อาหารหลกั และภาค ประเภทอาหารนอกบ้านท่กี นิ บอ่ ยทีส่ ดุ ในวันเสารห์ รอื อาทิตย์ ประเภทอาหารนอกบ้านที่ประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป กินบ่อยท่ีสุดในช่วงเสาร์หรืออาทิตย์ คือ อาหารตามส่ัง รองลงมาคอื อาหารปรงุ สกุ ส�ำเร็จ โดยกลมุ่ อายทุ ี่มกี ารกินอาหารตามสง่ั มาก ไดแ้ ก่ กลมุ่ อายุ 15 - 29 ปี และลดลงเม่ือ มีอายุเพิ่มมากข้ึน (รูปที่ 4.4.17) เม่ือพิจารณาจ�ำแนกตามเขตการปกครองไม่พบความแตกต่าง ระหว่างในการเลือก ซ้ือประเภทของอาหารนอกบ้านของผู้ที่อาศัยอยู่ในและนอกเขตเทศบาล (รูปท่ี 4.4.18) ส�ำหรับ การจ�ำแนกตามภูมิภาค ผู้ท่ีอาศัยในกรุงเทพฯกินอาหารนอกบ้านประเภทปรุงสุกส�ำเร็จในสัดส่วนมากท่ีสุด ในขณะ ทท่ี กุ ภาคนิยมกิน อาหารตามส่งั ในสดั สว่ นทส่ี ูงกวา่ ประเภทอ่ืนๆ (รปู ท่ี 4.4.19)
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 123 รปู ที่ 4.4.17 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้นึ ไป ทีก่ ินอาหารนอกบ้านในวันเสารห์ รอื อาทิตย์ จำ� แนกตามประเภทอาหารทกี่ ินบ่อยทสี่ ุด และอายุ
124 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ท่ี 4.4.18 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป ทก่ี ินอาหารนอกบ้านในวันเสาร์หรอื อาทติ ย์ จำ� แนกตามประเภทอาหารที่กนิ บอ่ ยทส่ี ุด และเขตการปกครอง
การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครัง้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 125 รูปที่ 4.4.19 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ทีก่ นิ อาหารนอกบ้านในวนั เสาร์หรอื อาทิตย์ จ�ำแนกตาม ประเภทอาหารท่กี ินบ่อยทส่ี ุด และภาค แหลง่ อาหารนอกบา้ นทีน่ ิยมชว่ งวันเสาร์หรอื อาทติ ย์ แหล่งอาหารนอกบ้านท่ีประชาชนไทยนิยมกินช่วงวันเสาร์หรืออาทิตย์มีความแตกต่างจากวันท�ำงาน โดยใน วันสุดสัปดาห์แหล่งอาหารที่ประชาชนไทยเลือกซ้ืออาหารบ่อยมากที่สุดคือ ร้านอาหารตามสั่ง รองลงมาคือ ตลาด และรถเร่ โดยสดั สว่ นของการกนิ รา้ นอาหารตามส่ังลดลงเมอื่ อายุมากขน้ึ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 80 ปขี ้นึ ไป ซ้ืออาหาร จากตลาดและร้านอาหารตามสั่งใกลเ้ คียงกัน (รปู ที่ 4.4.20) นอกจากนยี้ งั พบว่าแหล่งอาหารนอกบา้ น ของคนในเขตฯ และนอกเขตเทศบาลเลอื กซอ้ื ไมม่ คี วามแตกต่างกัน (รปู ท่ี 4.4.21) แมว้ ่าแหล่งอาหารนอกบ้าน ทีค่ นอาศัยในภาคต่างๆ นิยมกินช่วงเสาร์หรืออาทิตย์มากท่ีสุดคือ ร้านอาหารตามส่ัง แต่เป็นท่ีน่าสังเกตว่าสัดส่วน กินอาหารตามสั่งนี้สูงท่ีสุด ในภาคใต้ และต่�ำที่สุดในกรุงเทพฯ (รูปท่ี 4.4.22)
126 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 % รปู ที่ 4.4.20 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่กินอาหารมื้อหลกั นอกบ้านในวนั เสารห์ รืออาทติ ย์ จำ� แนกตามแหล่งอาหารท่ีกินบอ่ ย และอายุ
การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 127 รปู ที่ 4.4.21 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้นึ ไป ท่กี นิ อาหารมือ้ หลักนอกบา้ นในวันเสารห์ รืออาทติ ย์ จ�ำแนกตามแหล่งอาหารที่กนิ บ่อย และเขตการปกครอง
128 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ที่ 4.4.22 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ทกี่ นิ อาหารมอื้ หลักนอกบา้ นในวันเสาร์หรอื อาทติ ย์ จ�ำแนกตามแหล่งอาหารทีก่ ินบอ่ ย และภาค การกนิ อาหารมงั สวริ ตั ิ ประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้นึ ไป ร้อยละ 0.8 กนิ อาหารมังสวริ ตั เิ ปน็ ประจำ� และรอ้ ยละ 10.9 กนิ เป็นครัง้ คราว ความชุกของการกินมังสวิรัติสูงสุดในกลุ่มอายุ 45 - 59 ปี (รูปท่ี 4.4.23) ร้อยละของผู้ท่ีอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลกิน อาหารมังสวิรตั สิ ูงกว่าผู้ทอี่ าศยั อยูน่ อกเขตเทศบาล (รูปท่ี 4.4.24) สัดส่วนของผู้ทก่ี นิ อาหารมังสวิรัติสงู ที่สดุ ในกรงุ เทพฯ รองลงมาคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ (รปู ที่ 4.4.25)
การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 129 รูปท่ี 4.4.23 รอ้ ยละของคนท่ีกนิ อาหารมังสวริ ตั ิของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป จำ� แนกตามอายุ รปู ท่ี 4.4.24 ร้อยละของคนท่ีกินอาหารมังสวิรตั ขิ องประชาชนไทยอายุ 15 ปีขนึ้ ไป จำ� แนกตามเขตการปกครอง
130 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ที่ 4.4.25 ร้อยละของคนท่ีกินอาหารมังสวิรัตขิ องประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ้ึนไป จ�ำแนกตามภาค ชนิดน้ำ� มันที่ใชป้ ระกอบหรอื ปรุงอาหารเปน็ ประจ�ำในครอบครัว น�้ำมันที่นิยมใช้ประกอบอาหารมากที่สุด คือ น�้ำมันพืช (ร้อยละ 92.4) รองลงมาไม่ทราบว่าเป็นชนิดใด และน�้ำมันหมู ร้อยละ 5.1 และ 2.5 ตามล�ำดับ โดยรวมประเภทของน�้ำมันท่ีใช้ไม่มีความแตกต่างระหว่างในเขตฯ และนอกเขตเทศบาล และไม่มีความแตกต่างระหว่างภาคที่อยู่อาศัย (รูปท่ี 4.4.26.1 - 4.4.26.3) ส�ำหรับประเภท ของน�้ำพืชท่ีใช้ส่วนใหญ่เป็นน�้ำมันถั่ว น้�ำมันร�ำข้าว ฯลฯ (ร้อยละ 68.6) รองลงมาคือน้�ำมันปาล์ม (ร้อยละ 27.1) และน�้ำมันมะพร้าว (ร้อยละ 4.3) ประเภทการใช้ไม่มีความแตกต่างตามเขตการปกครองและภาคที่อยู่อาศัย (ตารางท่ี 4.4.27.1 - 4.4.27.3) รูปท่ี 4.4.26.1 ร้อยละของชนิดน�ำ้ มนั ท่ใี ชป้ ระกอบหรอื ปรงุ อาหารเป็นประจ�ำ ในครอบครัวของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป
การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 131 รูปท่ี 4.4.26.2 รอ้ ยละของชนดิ นำ�้ มนั ท่ใี ชป้ ระกอบหรือปรงุ อาหารเปน็ ประจ�ำในครอบครวั ของประชาชนไทย อายุ 15 ปขี น้ึ ไป จ�ำแนกตามเขตการปกครอง รูปท่ี 4.4.26.3 รอ้ ยละของชนิดนำ้� มนั ที่ใชป้ ระกอบหรือปรุงอาหารเป็นประจ�ำในครอบครวั ของประชาชนไทย อายุ 15 ปขี นึ้ ไป จ�ำแนกตามภาค
132 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปที่ 4.4.27.1 ร้อยละของชนดิ นำ้� มันทีใ่ ชป้ ระกอบหรือปรงุ อาหารเปน็ ประจ�ำในครอบครวั ของประชาชนไทย อายุ 15 ปขี ึน้ ไป รปู ท่ี 4.4.27.2 รอ้ ยละของชนิดน�้ำมนั ท่ใี ช้ประกอบหรอื ปรุงอาหารเป็นประจำ� ในครอบครวั ของประชาชนไทย อายุ 15 ปีข้ึนไป จำ� แนกตามเขตการปกครอง
การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 133 รปู ท่ี 4.4.27.3 ร้อยละของชนิดน�้ำมันทใ่ี ช้ประกอบหรือปรุงอาหารเป็นประจำ� ในครอบครวั ของประชาชนไทย อายุ 15 ปขี ึ้นไป จ�ำแนกตามเขตภาค
134 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 4.5 การกนิ ผกั ผลไม้ สรปุ • บทนร้ี ายงานผลสำ� รวจเกีย่ วกบั พฤตกิ รรมการกินผักและผลไม้ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป • ประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป กินผักเฉล่ียวันละ 2.3 ส่วน (มัธยฐาน 2.0 ส่วน) ซึ่งต�่ำกว่าข้อแนะน�ำ มาตรฐานทีใ่ ห้กนิ วันละ 3 ส่วน • สัดส่วนของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป มรี อ้ ยละ 16.5 กินผกั ตงั้ แต่ 3 ส่วนขึน้ ไปต่อวัน • ประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป กินผลไม้เฉลี่ยวันละ 1.4 ส่วน (มัธยฐาน 0.9 ส่วน) ต่�ำกว่าข้อแนะน�ำ มาตรฐานทีใ่ หก้ นิ วันละ 2 ส่วน คดิ เปน็ ร้อยละ 23.4 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขนึ้ ไป กนิ ผลไม้ต้งั แต่ 2 สว่ นขน้ึ ไปต่อวนั • ประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป กินผักและผลไม้เฉล่ียวันละ 3.7 ส่วน (มัธยฐาน 2.9 ส่วน) ต�่ำกว่า ข้อแนะนำ� มาตรฐานที่ใหก้ นิ 5 ส่วนตอ่ วนั • สดั ส่วนของประชาชนทกี่ ินผักและผลไมเ้ พียงพอตามขอ้ แนะนำ� (ตัง้ แต่ 5 สว่ นข้ึนไป) มีเพยี งร้อยละ 21.2 (ชายร้อยละ 19.7 หญงิ ร้อยละ 22.7) • สัดส่วนของการกินผักและผลไม้เพียงพอตามกลุ่มอายุพบว่า ลดลงเม่ืออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ท่กี ินผักและผลไมว้ ันละตง้ั แต่ 5 ส่วนข้นึ ไป มเี พยี งรอ้ ยละ 34.8 • สัดส่วนของประชาชนท่ีกินผักและผลไม้เพียงพอในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 22.5 และ 20.5 ตามลำ� ดบั ) • เม่ือพจิ ารณาตามภาคพบวา่ สัดส่วนของคนที่กนิ ผักและผลไม้เพยี งพอตามข้อแนะนำ� (ต้งั แต่ 5 สว่ นขึ้นไป) ภาคใต้มสี ดั สว่ นสูงสุด คอื ร้อยละ 33.0 โดยภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มสี ดั สว่ น ทก่ี นิ เพยี งพอตำ�่ กว่ารอ้ ยละ 20 เม่ือเปรยี บเทยี บกบั การกนิ ผักผลไมใ้ นการส�ำรวจสุขภาพฯ คร้ังท่ี 5 พ.ศ. 2557 พบว่า • สัดส่วนการกนิ ผักและผลไม้อย่างเพียงพอตามขอ้ แนะนำ� (ตั้งแต่ 5 สว่ นขึ้นไป) ลดลงในการสำ� รวจครัง้ ที่ 6 ปี 2562 - 2563 น้ี โดยสัดส่วนการกินผักและผลไม้เพียงพอในปี 2557 เท่ากับร้อยละ 25.9 (ผู้ชาย ร้อยละ 24.1 และผหู้ ญิงร้อยละ 27.6) ซึง่ การส�ำรวจครั้งที่ 6 นี้ ลดลงเปน็ รอ้ ยละ 21.2 (ชายร้อยละ 19.7 และหญิงร้อยละ 22.7 ตามล�ำดบั ) การกนิ ผกั และผลไม้ การกินผักและผลไม้ในปริมาณท่ีเพียงพอส่งผลดีต่อสุขภาพ ท้ังในด้านการป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคเร้ือรัง และโรคหรือภาวะท่ีเกี่ยวข้องกับความเสื่อมของร่างกาย6, 7, 8, 9 ท้ังนี้เนื่องจากผักและผลไม้เป็นแหล่งส�ำคัญของวิตามิน, แรธ่ าต,ุ ใยอาหาร และพฤกษาเคมี (Phytochemicals) หลากหลายชนดิ แมว้ า่ หลกั ฐานการวจิ ยั หลายชน้ิ ยนื ยนั บทบาท ในการป้องกันโรคของผักและผลไม้ ประชากรท้ังในประเทศท่ีพัฒนาแล้วและก�ำลังพัฒนา ยังคงบริโภคผักและผลไม้ 6 Hung HC, Joshipura KJ ,Jiang R, Hu FB, Hunter D, Smith-Warner SA;et al. Fruit and vegetable intake and risk of major chronic disease. J Natl Cancer Inst. 2004; 96: 1557-1584 7 Genkinger JM, Platz EA, Hoffman SC, Comstock GW, Helzlsouer KJ. Fruit, Vegetable and antioxiadant intake and all-cause, cancer and cardiovascular disease mortality in a community-dwelling population in Washingtom County, Maryland. Am J Epidemiol. 2004; 160:1223-1233 8 Villegas R, Shu XO, Gao Yt, Yang G, Elasy T, Li H, et al. Vegetable but not fruit consumption and oral cancer: a meta-analysis of observational studies. Am J Clin Nutr. 2006;83: 1126-1134 9 Wu H, Dai Q, Shrubsole MJ, Ness RM, Schlundt D, Smalley WE, et al. Fruit and vegetable intakes are associated with lower risk of colorectal adenomas. J Nutr. 2009; 139:340-4
การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 135 ต�่ำกว่าปริมาณที่แนะน�ำให้บริโภค10 ดังนั้นในการส�ำรวจสภาวะสุขภาพคนไทยครั้งท่ี 6 จึงได้ท�ำการส�ำรวจการกินผัก และผลไม้ของประชาชนไทยอายุ 2 ปีข้ึนไป ใน 4 ภูมิภาค รวมท้ังกรุงเทพมหานคร เพ่ือศึกษาแบบแผนการบริโภค ผักและผลไม้ ท้งั ในดา้ นปรมิ าณและความเพยี งพอ (หมายเหตุ: ความเพยี งพอหมายถึง การกนิ ผกั และผลไมต้ ามปรมิ าณ ท่แี นะน�ำใหบ้ รโิ ภคต่อวัน โดยควรบริโภคทงั้ ผักและผลไม้ ≥ 5 ส่วนมาตรฐานตอ่ วนั 11 หรอื บรโิ ภคผัก ≥ 3 ส่วนมาตรฐาน ตอ่ วัน) ค�ำจำ� กัดความ 1. ผัก 1 หน่วยมาตรฐานธงโภชนาการ เท่ากับ ผักใบปรุงสุกแล้ว 1 ทัพพี หรือ ผักใช้ผล/หัว/ราก เช่น มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง ข้าวโพด กะหล�่ำดอก ถ่ัวฝักยาว หอมหัวใหญ่ 1 ทัพพี หรือผักใบเขียวสด ไม่ผ่านการปรงุ สกุ 2 ทพั พี โดยเม่อื คำ� นวณเป็นส่วนมาตรฐาน ผัก 2 หนว่ ยมาตรฐานธงโภชนาการ เท่ากับ ผกั 1 สว่ นมาตรฐาน 2. ในส่วนของผัก การกำ� หนดส่วนบริโภคตามหน่วยมาตรฐานธงโภชนาการ (ทพั พี) เพ่อื ชว่ ยให้ผู้ถกู สมั ภาษณ์ สามารถประเมินส่วนการกินผักใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สดุ 3. ผลไม้สด 1 ส่วนมาตรฐาน เทา่ กบั มะละกอ แตงโม หรอื สบั ปะรด 6 - 8 คำ� หรือ กล้วยน�้ำวา้ 1 ผลเลก็ หรอื กล้วยหอม 1/2 ผลกลาง หรอื สม้ เขียวหวาน 1 ผลใหญ่ หรอื 2 ผลกลาง หรือ เงาะ 4 ผล การกินผกั ประชาชนไทยอายุ 15 ขน้ึ ไป กนิ ผักในปริมาณเฉล่ียต่อวันละ 2.3 สว่ น (ค่ามธั ยฐาน = 2.0 ส่วน) ซึ่งต่ำ� กวา่ ขอ้ แนะน�ำ มาตรฐานทใี่ หก้ ินวนั ละเทา่ กบั หรอื มากกว่า 3 ส่วน เพศชายและเพศหญิงกนิ ผกั ในปริมาณเฉลี่ยใกล้เคียงกัน คอื 2.3 และ 2.4 สว่ นต่อวัน ตามลำ� ดบั เม่ือเปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหว่างกล่มุ อายุ พบว่าช่วงอายทุ ่กี ินมากท่สี ดุ คือ 30 - 44 ปี และ 45 - 59 ปี นอกจากน้ี พบวา่ คนทีอ่ าศัยนอกเขตฯและในเขตเทศบาลมกี ารกนิ ผกั เฉลย่ี ตอ่ วนั ในปริมาณ เท่ากันคอื 2.3 ส่วน (คา่ มธั ยฐาน = 2.0) ภาคท่ีมีการกนิ ผักโดยเฉล่ียต่อวันละมากทีส่ ดุ คือ ภาคใต้ (3.4 สว่ น) รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (2.3 ส่วน) กรุงเทพฯ (2.2 ส่วน) ภาคเหนือ (2.1 ส่วน) และภาคกลาง (2.0 ส่วน) (ตารางท่ี 4.5.1) การกินผลไม้ ประชาชนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป กินผลไมใ้ นปรมิ าณเฉลี่ยตอ่ วัน 1.4 ส่วน (คา่ มัธยฐาน = 0.9 ส่วน) เพศหญงิ กนิ ผลไมใ้ นปรมิ าณเฉลยี่ มากกวา่ เพศชาย คอื 1.5 และ 1.3 สว่ นตอ่ วนั ตามลำ� ดบั เมอ่ื มอี ายมุ ากขน้ึ มกี ารกนิ ผลไมใ้ นปรมิ าณ ท่ีลดลง ผู้ท่ีอาศัยในเขตเทศบาลมีการกินผลไม้เฉลี่ยต่อวันในปริมาณท่ีมากกว่า นอกเขตเทศบาลเล็กน้อย (1.5 และ 1.3 ส่วนต่อวัน ตามล�ำดับ) เมื่อพิจารณาตามภาค พบว่าภาคใต้กินผลไม้มากท่ีสุด รองลงมาคือ กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ตารางท่ี 4.5.2) 10 World Health Organization. The world health report 2002: Reducing risks, promoting healthy life. Geneva: Wolrd Health Organization 2002 11 World Health Organization. Fruit and vegetable promotion initiative: A meeting report, Geneva, 25-27 August 2003. Geneva: World Health Organization, 2003
136 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 การกินผกั และผลไม้ เม่ือพิจารณารวมการกินผักและผลไม้ พบว่าประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีการกินผักและผลไม้ รวมใน ปริมาณเฉลย่ี 3.7 ส่วนต่อวัน (ค่ามัธยฐาน = 2.9 สว่ นต่อวนั ) เพศหญงิ กนิ ผักและผลไม้รวมในปรมิ าณ เฉล่ียมากกวา่ เพศชายเล็กน้อย (3.8 และ 3.6 ส่วนตอ่ วัน ตามลำ� ดับ) ปริมาณเฉลีย่ ในการกินผกั และผลไม้ตอ่ วนั ของ ผู้ท่ีอาศัยในเขตฯ มากกว่านอกเขตเทศบาลเล็กน้อย (3.8 และ 3.6 ส่วนต่อวัน ตามล�ำดับ) คนในภาคใต้ กินผักและผลไม้ในปริมาณ เฉลย่ี สงู สดุ (5.3 ส่วนตอ่ วนั ) รองลงมาคือ กรงุ เทพฯ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ (3.7 3.5 3.4 และ 3.3 ส่วนตอ่ วนั ตามล�ำดบั ) (ตารางที่ 4.5.3) ตารางที่ 4.5.1 ปริมาณการกินผักของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไปต่อวัน (ส่วนต่อวัน) จ�ำแนกตามเพศ อายุ เขตการปกครอง และภาค ชาย กลมุ่ อายุ n Median Mean SD 15 - 29 1,691 1.4 2.1 1.8 30 - 44 2.4 2.0 45 - 59 1,607 2.0 2.5 1.8 60 - 69 2.3 3.1 70 - 79 2,053 2.0 2.0 3.0 80+ 1.9 3.1 เขตการปกครอง 2,467 2.0 2.3 2.7 ในเขตเทศบาล 1,153 1.4 2.3 1.9 นอกเขตเทศบาล 431 1.0 2.1 1.9 ภาค 2.0 1.3 2.2 1.7 เหนอื 3.3 4.7 กลาง 4,825 2.0 2.2 2.2 ตะวันออกเฉยี งเหนือ 2.3 2.2 ใต้ 4,577 2.0 กรงุ เทพฯ รวม 2,159 2.0 2,013 2.0 2,432 2.0 2,000 1.9 798 1.8 9,402 2.0
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362