Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงาน การสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย

รายงาน การสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย

Description: Upload_20211005-065740

Search

Read the Text Version

การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 237 รปู ที่ 5.11.4 ร้อยละของการบาดเจบ็ ท่ตี อ้ งเข้านอนรกั ษาในโรงพยาบาลใน 12 เดือนทีผ่ ่านมา ในประชาชนอายุ 15 - 59 ปี จ�ำแนกตามเพศ และอายุ รูปท่ี 5.11.5 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี ทไ่ี ดร้ ับบาดเจบ็ ที่ต้องเขา้ นอนรักษา ในโรงพยาบาลใน 12 เดือนท่ีผา่ นมา จำ� แนกตามเพศ และเขตการปกครอง

238 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ที่ 5.11.6 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปที ่ีไดร้ ับบาดเจ็บท่ีตอ้ งเข้านอนรกั ษา ในโรงพยาบาลใน 12 เดอื นท่ผี ่านมาจำ� แนกตามเพศ และภาค สาเหตุของการบาดเจ็บ สาเหตุส่วนใหญ่ของการบาดเจ็บเกิดจากอุบัติเหตุการจราจร มีร้อยละ 57.2 สาเหตุอื่นๆได้แก่ การถูกท�ำร้าย ร่างกาย โดยถูกยงิ ด้วยปนื หรือระเบดิ มรี ้อยละ 0.7, การถกู ทำ� ร้ายร่างกาย โดยอาวธุ เชน่ มีด ไม้ เหลก็ มีร้อยละ 1.6, การถูกทำ� รา้ ยรา่ งกาย โดยไม่ใช้อาวธุ เช่น ตอ่ ย ตบ ตี มีรอ้ ยละ 1.3 และทำ� ร้ายตัวเอง มีนอ้ ยท่ีสุด ตามตารางท่ี 5.11.7 รูปที่ 5.11.7 ร้อยละสาเหตกุ ารได้รับบาดเจบ็ หรืออุบัตเิ หตคุ ร้ังสุดทา้ ยจนต้องนอนโรงพยาบาล (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ )

การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 239 5.12 การวดั แรงบบี มือ (Grip Strength) การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายคร้ังที่ 6 น้ี มีการตรวจวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ประเมินความแข็งแรงของกล้ามเน้ือมือ ผู้ทดสอบใช้มือบีบเครื่องมือ Hand grip dynamometer ย่ีห้อ Grip-D รุน่ T.K.K.5401 วดั เปน็ กิโลกรัม การวเิ คราะหข์ ้อมูล คดิ เป็นแรงบีบเป็นกโิ ลกรัม ต่อ นำ้� หนักตวั 1 กิโลกรัม ในทีน่ จ้ี ะนำ� เสนอผลการคำ� นวนจากมือข้างทบี่ ีบไดแ้ รงมากกวา่ การแปลผล ค่ามาตรฐานแรงบีบมอื ต่อน�้ำหนกั ตัว (กก./นน.ตัว) ของคนไทย แรงบบื มอื ต่อน�ำ้ หนักตวั 17 - 19 อายุ (ป)ี 50 - 59 60 - 72 ≥0.86 ชาย ≥ 0.72 ≥ 0.65 (กก./นน.ตัว) 0.80 - 0.85 20 - 29 30 - 39 40 - 49 0.67 - 0.71 0.60 - 0.64 ดมี าก 0.67 - 0.79 ≥ 0.84 ≥ 0.81 ≥ 0.77 0.56 - 0.66 0.49 - 0.59 ดี 0.61 - 0.66 0.79 - 0.83 0.76 - 0.80 0.72 - 0.76 0.51 - 0.55 0.44 - 0.48 ปานกลาง ≤ 0.60 0.68 - 0.78 0.65 - 0.75 0.61 - 0.71 ≤ 0.50 ≤ 0.43 ตำ่� 0.63 - 0.67 0.60 - 0.64 0.56 - 0.60 ตำ่� มาก 17 - 19 ≤ 0.62 ≤ 0.59 ≤ 0.55 50 - 59 60 - 72 ≥ 0.65 หญิง ≥ 0.52 ≥ 0.49 (กก./นน.ตวั ) 0.60 - 0.64 20 - 29 30 - 39 40 - 49 0.48 - 0.51 0.45 - 0.48 ดมี าก 0.49 - 0.59 ≥ 0.66 ≥ 0.61 ≥ 0.57 0.39 - 0.47 0.36 - 0.44 ดี 0.44 - 0.48 0.61 - 0.65 0.57 - 0.60 0.53 - 0.56 0.35 - 0.38 0.32 - 0.35 ปานกลาง ≤ 0.43 0.50 - 0.60 0.48 - 0.56 0.44 - 0.52 ≤ 0.34 ≤ 0.31 ต่ำ� 0.45 - 0.49 0.44 - 0.47 0.40 - 0.43 ต่�ำมาก ≤ 0.44 ≤ 0.43 ≤ 0.39 ท่ีมา : ฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา. เกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายของประชาชนไทย. การกีฬาแห่งประเทศไทย, 2543.

240 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ผลการส�ำรวจ แรงบบี มือเฉลีย่ ค่าเฉลี่ยแรงบีบมือในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป เฉล่ียเท่ากับ 28.9 กก. ในผู้ชายมีแรงบีบเฉล่ียเท่ากับ 35.3 กก. และในผ้หู ญิงมีแรงบบี เฉลย่ี เท่ากบั 22.9 กก. กลุม่ อายุ 30 - 44 ปี มีแรงบีบเฉลีย่ สงู สดุ และแรงบบี ลดลง เม่อื อายเุ พิ่มข้นึ จนมแี รงบีบต่ำ� สุดในกลุ่มอายุ 80 ปขี นึ้ ไป แรงบีบมอื ของชายสูงกวา่ ของหญงิ ในทกุ กลมุ่ อายุ แรงบีบมือของคนที่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลสูงกว่าในเขตเทศบาลเล็กน้อย เม่ือพิจารณาตามภาค พบว่า ทุกภาคมีแรงบีบใกล้เคียงกัน โดยประชาชนในภาคกลางมีแรงบีบมือเฉล่ียสูงกว่าภาคอื่นๆเล็กน้อยท้ังในชายและหญิง (ตารางท่ี 5.12.1) ตารางที่ 5.12.1 ค่าเฉลี่ยของแรงบีบมือ (กิโลกรัม) ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป จ�ำแนกตาม เพศ อายุ เขตการปกครอง และภาค ชาย อายุ จำ� นวนตวั อยา่ ง Median (kg) Mean (kg) SD (kg) (min,max) (7.3,65.9) 15 - 29 1,669 38.7 38.5 6.9 (11.0,66.3) 30 - 44 (6.5,62.2) 45 - 59 1,605 39.4 39.1 6.0 (5.7,58.4) 60 - 69 (8.5,46.0) 70 - 79 2,041 34.9 34.9 5.4 (7.0,50.3) 80+ เขตการปกครอง 2,446 29.7 29.8 9.5 (6.5,65.9) (5.7,66.3) ในเขต 1,141 25.7 25.4 9.3 นอกเขต (7.1,64.8) 423 20.1 20.3 8.4 (5.7,66.3) ภาค (6.5,63.5) (7.4,65.9) เหนอื (7.3,57.8) กลาง 4,791 35.5 35.2 9.6 (5.7,66.3) ตะวนั ออกฉียงเหนอื ใต้ 4,534 35.7 35.4 7.1 กรุงเทพฯ รวม 2,145 35.4 34.8 9.1 1,988 37.0 37.0 7.2 2,407 34.7 34.7 7.0 1,987 35.9 35.5 10.4 798 34.4 34.0 8.0 9,325 35.6 35.3 8.1

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 241 ตารางท่ี 5.12.1 ค่าเฉลี่ยของแรงบีบมือ (กิโลกรัม) ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป จ�ำแนกตาม เพศ อายุ เขตการปกครอง และภาค (ต่อ) หญิง อายุ จำ� นวนตัวอยา่ ง Median (kg) Mean (kg) SD (kg) (min,max) (5.0,53.3) 15 - 29 2,069 24.4 24.5 5.0 (9.4,46.9) 30 - 44 (5.7,89.5) 45 - 59 2,361 25.6 25.6 4.7 (5.8,35.3) 60 - 69 (5.8,32.9) 70 - 79 3,528 22.5 22.7 4.9 (5.4,29.3) 80+ เขตการปกครอง 3,186 20.1 20.1 6.2 (5.7,45.5) (5.0,89.5) ในเขต 1,395 17.4 17.5 5.9 นอกเขต (6.4,38.7) 481 14.6 15.0 5.8 (6.5,45.5) ภาค (5.4,89.5) (5.0,46.9) เหนือ (5.7,40.9) กลาง 7,629 22.4 22.4 7.2 (5.0,89.5) ตะวนั ออกฉียงเหนือ ใต้ 5,391 23.1 23.2 4.9 กรงุ เทพฯ รวม 2,496 22.5 22.5 5.7 2,986 23.9 24.0 5.2 2,929 23.1 23.2 5.4 2,761 21.7 21.6 7.1 1,848 21.1 21.3 6.8 13,020 22.9 22.9 6.0

242 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางท่ี 5.12.1 ค่าเฉล่ียของแรงบีบมือ (กิโลกรัม) ในประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป จ�ำแนกตาม เพศ อายุ เขตการปกครอง และภาค (ตอ่ ) รวม อายุ จำ� นวนตวั อยา่ ง Median (kg) Mean (kg) SD (kg) (min,max) (5.0,65.9) 15 - 29 3,738 30.3 31.7 8.7 (9.4,66.3) 30 - 44 (5.7,89.5) 45 - 59 3,966 30.6 32.1 8.1 (5.7,58.4) 60 - 69 (5.8,46.0) 70 - 79 5,569 27.2 28.7 7.5 (5.4,50.3) 80+ เขตการปกครอง 5,632 23.2 24.3 10.3 (5.7,65.9) (5.0,89.5) ในเขต 2,536 20.0 21.0 9.4 นอกเขต (6.4,64.8) 904 16.9 17.3 7.9 (5.7,66.3) ภาค (5.4,89.5) (5.0,65.9) เหนอื (5.7,57.8) กลาง 12,420 26.9 28.4 11.9 (5.0,89.5) ตะวันออกฉียงเหนือ ใต้ 9,925 27.7 29.2 8.0 กรุงเทพฯ รวม 4,641 26.6 28.4 10.0 4,974 28.5 30.2 8.8 5,336 27.8 28.8 8.0 4,748 26.5 28.4 12.6 2,646 25.4 27.1 11.0 22,345 27.4 28.9 9.6 สัดส่วนของการมีแรงบบี มอื ตามเกณฑ์ สัดส่วนของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปท่ีมีแรงบีบมือจัดอยู่ในเกณฑ์ 5 ระดับ พบดังนี้คือ ระดับดีมาก ร้อยละ 4.3 ดรี ้อยละ 5.3 ปานกลางรอ้ ยละ 24.9 ตำ�่ รอ้ ยละ 17.1 และตำ�่ มากรอ้ ยละ 48.4 เมอ่ื พจิ ารณาเฉพาะกลุ่ม ท่อี ยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นไป รอ้ ยละ 9.8 และ 9.4 ของประชาชนไทยชายและหญงิ อายุ 15 ปขี ึน้ ไป ตามลำ� ดับ มแี รงบีบมือ อยู่ในเกณฑด์ แี ละดมี าก ในชายรอ้ ยละ 24.6 และหญงิ ร้อยละ 25.3 อยใู่ นเกณฑ์ปานกลาง และชายรอ้ ยละ 65.6 และ หญงิ รอ้ ยละ 65.4 อยู่ในเกณฑ์ตำ�่ และต�ำ่ มาก สดั ส่วนของการมีแรงบบี มอื อยู่ในเกณฑด์ แี ละดีมาก ลดลงเมอ่ื อายมุ ากขึ้น (ตารางที่ 5.12.2)

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 243 ตารางท่ี 5.12.2 รอ้ ยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึน้ ไป ตามระดบั ผลทดสอบแรงบบี มอื (Grip strength) จำ� แนกตาม เพศ และอายุ อายุ รอ้ ยละของระดับผลทดสอบ (%) จำ� นวนตวั อยา่ ง ดมี าก ดี ปานกลาง ต�่ำ ตำ่� มาก ชาย 15 - 29 1,677 4.4 5.1 18.2 16.2 56.1 30 - 44 1,611 4.5 5.3 22.8 17.0 50.4 45 - 59 2,049 4.4 4.6 26.5 18.6 46.0 60 - 69 2,458 5.1 8.3 34.6 17.1 34.9 70 - 79 437 3.4 4.0 31.1 15.7 45.8 รวม 8,232 4.5 5.3 24.6 17.4 48.2 หญงิ 15 - 29 2,069 2.0 3.7 22.1 15.6 56.6 30 - 44 2,362 3.4 4.6 23.2 14.2 54.6 45 - 59 3,537 5.0 5.7 25.8 18.6 44.9 60 - 69 3,195 6.5 7.3 31.6 17.9 36.7 70 - 79 600 6.3 5.2 28.2 18.0 42.3 รวม 11,763 4.2 5.2 25.3 16.7 48.6 เมอื่ พจิ ารณาตามเขตการปกครอง คนทอ่ี ยใู่ นเขตเทศบาลทง้ั เพศชายและเพศหญงิ มสี ดั สว่ นของผทู้ มี่ แี รงบบี มอื ในเกณฑป์ านกลางจนถงึ ดมี ากนอ้ ยกวา่ คนทอ่ี ยนู่ อกเขตเทศบาล พจิ ารณาตามภาค ภาคกลางมสี ดั สว่ นของคนทม่ี แี รงบบี มอื ปานกลางจนถึงดีมาก ในเพศชายสูงที่สุดคือ ภาคกลาง (ร้อยละ 36.4) รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รอ้ ยละ 35.2) ส่วนในเพศหญิงสูงที่สดุ คอื ภาคกลาง (รอ้ ยละ 38.0) รองลงมา คือ ภาคเหนอื (รอ้ ยละ 37.3) (ตารางที่ 5.12.3 - 5.12.4) ตารางท่ี 5.12.3 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป ตามระดับผลทดสอบแรงบีบมือ (Grip Strength) จำ� แนกตามเพศ และเขตการปกครอง เขตการปกครอง จำ� นวนตวั อยา่ ง ร้อยละของระดบั ผลทดสอบ (%) ตำ่� ต�่ำมาก ดีมาก ดี ปานกลาง ชาย ในเขตเทศบาล 4,180 3.2 4.2 24.2 16.8 51.5 นอกเขตเทศบาล 4,052 5.1 5.9 24.8 17.6 46.5 รวม 8,232 4.5 5.3 24.6 17.4 48.2

244 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ตารางท่ี 5.12.3 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ตามระดับผลทดสอบแรงบีบมือ (Grip Strength) จำ� แนกตามเพศ และเขตการปกครอง (ตอ่ ) เขตการปกครอง จำ� นวนตวั อยา่ ง ร้อยละของระดับผลทดสอบ (%) ตำ่� ต่�ำมาก ดีมาก ดี ปานกลาง หญิง ในเขตเทศบาล 6,877 3.5 4.6 24.0 17.3 50.6 นอกเขตเทศบาล 4,886 4.6 5.5 26.0 16.4 47.5 รวม 11,763 4.2 5.2 25.3 16.7 48.6 รวมท้ังหมด ในเขตเทศบาล 11,057 3.4 4.4 24.1 17.1 51.1 นอกเขตเทศบาล 8,938 4.9 5.7 25.4 17.0 47.0 รวม 19,995 4.3 5.3 24.9 17.0 48.4 ตารางท่ี 5.12.4 ร้อยละของประชาชนไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป ตามระดับผลทดสอบแรงบีบมอื (Grip Strength) จำ� แนกตามเพศ และภาค ภาค รอ้ ยละของระดับผลทดสอบ (%) จำ� นวนตวั อยา่ ง ดมี าก ดี ปานกลาง ต�ำ่ ต่�ำมาก ชาย เหนอื 1,912 3.5 5.0 24.7 18.3 48.5 กลาง 1,750 5.5 5.4 25.4 16.3 47.3 ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2,135 4.6 5.9 24.7 18.9 45.9 ใต้ 1,762 4.9 5.0 25.3 15.9 48.9 กทม. 673 2.3 4.1 20.1 14.4 59.1 รวม 8,232 4.5 5.3 24.6 17.4 48.2 หญิง เหนอื 2,270 5.4 5.0 27.0 15.4 47.3 กลาง 2,731 5.1 5.2 27.7 17.4 44.6 ตะวนั ออกเฉียงเหนอื 2,634 4.3 6.5 26.1 17.5 45.6 ใต ้ 2,496 1.9 3.4 17.9 15.8 61.1 กทม. 1,632 2.4 3.4 22.8 16.4 55.1 รวม 11,763 4.2 5.2 25.3 16.7 48.6

การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 245 6บทท่ี เจอรนิญาพมัยนั ธุ์

246 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 247 6บทท่ี อนามยั เจริญพันธุ์ สรุป • บทนร้ี ายงานผลการสำ� รวจดา้ นอนามัยเจริญพันธุ์ • สตรีไทยเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็วข้ึน โดยอายุเฉล่ียเม่ือมีประจ�ำเดือนครั้งแรกลดลงในกลุ่มอายุน้อย เช่น กล่มุ อายุ 15 - 29 ปี เริ่มมปี ระจ�ำเดอื นคร้ังแรกเม่อื อายุเฉลีย่ 12.8 ปี ในขณะที่กล่มุ 30 - 44 ปี และ 45 - 59 ปี เรม่ิ เมอื่ อายุเฉลย่ี 13.6 ปี และ 14.7 ปี ตามล�ำดบั • กล่มุ อายุ 15 - 19 ปี ร้อยละ 8.2 เคยตงั้ ครรภ์ และในจำ� นวนนรี้ ้อยละ 92.6 เคยคลอดบตุ ร • ใน 5 ปีที่ผ่านมา สตรีร้อยละ 2.6 เคยมีการแท้งลูก กลุ่มอายุ 20-29 ปี มีร้อยละของการแท้งลูกสูงสุด ร้อยละ 5.4 และสาเหตุส่วนใหญ่ (ร้อยละ 91.2) เป็นการแท้งตามธรรมชาติ รองลงมาคือ ท�ำแท้ง รอ้ ยละ 8.8 ในจำ� นวนนีเ้ ปน็ เหตผุ ลทางการแพทย์ร้อยละ 51.4 และเพราะไม่พร้อมมบี ตุ รรอ้ ยละ 48.6 • การคุมก�ำเนิดพบวา่ มีอัตราการคมุ กำ� เนิดร้อยละ 67.3 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการคุมกำ� เนิดสงู สดุ ถึงร้อยละ 73.2 เม่ือพิจารณาถึงวิธีการคุมก�ำเนิดพบว่า การท�ำหมันหญิงสูงสุด ร้อยละ 41.3 รองลงมา เป็นการใชย้ าเม็ดคมุ ก�ำเนิดในฝ่ายหญงิ ร้อยละ 34.6 • ในเร่ืองของการมีบตุ รยากในกลุ่มอายุ 15 - 59 ปี มีร้อยละ 10.3 ที่มภี าวะมบี ุตรยาก • การตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก พบว่าใน 2 ปีทผี่ า่ นมา ร้อยละ 47.3 ของสตรอี ายุ 15 - 59 ปี ได้รับการตรวจ มะเร็งปากมดลูก โดยกลุ่มอายุ 30 - 44 ปี และ 45 - 59 ปี ได้รับการตรวจร้อยละ 48.3 และ 57.4 ตามล�ำดับ • รอ้ ยละ 9.1 ของหญิงอายุ 15 - 59 ปี บอกวา่ เคยไดร้ ับการฉีดวัคซีนปอ้ งกนั มะเร็งปากมดลูก • การตรวจคดั กรองมะเรง็ เต้านมดว้ ยโดยบคุ ลากรทางการแพทยใ์ น 1 ปีที่ผา่ นมา มรี ้อยละ 21.7 โดยกล่มุ อายุ 30 - 44 ปี และ 45 - 59 ปี ได้รับการตรวจรอ้ ยละ 20.9 และ 28.0 ตามลำ� ดับ กล่มุ อายุ 15 - 59 ปี เคยได้รับการด้วยเครื่อง แมมโมแกรมร้อยละ 9.4 และเคยได้รับการตรวจแมมโมแกรมใน 1 ปีท่ีผ่านมา รอ้ ยละ 4.3 • เม่ือเปรียบเทียบกับผลการส�ำรวจคร้ังที่ 5 เม่ือปี 2557 พบว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในช่วง 2 ปีทีผ่ ่านมาใกล้เคียงกนั คอื ร้อยละ 47.8 ในปี 2557 และรอ้ ยละ 47.3 ในปี 2562 - 2563 • การตรวจเตา้ นมดว้ ยตนเองของสตรีวัย 15 - 59 ปี ลดลงจากรอ้ ยละ 62.6 ในปี 2557 เป็นรอ้ ยละ 61.9 ใน ปี 2562 - 2563 ตามลำ� ดบั

248 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 • การตรวจแมมโมแกรมในสตรีอายุ 40 - 59 ปี ใน 1 ปที ผี่ ่านมา เพ่ิมข้นึ จากร้อยละ 4.8 เป็นร้อยละ 5.5 ตามลำ� ดบั • ประชาชนอายุ 15 - 19 ปี ท่ีไมม่ ีคูค่ รองประจ�ำบอกว่าเคยมเี พศสัมพันธ์ รอ้ ยละ 18.9 ชายเคยมเี พศสัมพันธ์ ร้อยละ22.8 ส่วนหญงิ เคยมีรอ้ ยละ 14.2 อนามยั เจรญิ พนั ธ์ุ อนามัยเจริญพนั ธ์ุ เปน็ ประเด็นทางสขุ ภาพท่ีสำ� คัญประเดน็ หนึง่ ในการส�ำรวจสุขภาพคร้งั น้ี ประเด็นทส่ี �ำรวจใน ด้านอนามยั เจรญิ พนั ธุป์ ระกอบด้วย 1. การมีประจำ� เดอื นและการหมดประจำ� เดอื น 2. การตงั้ ครรภแ์ ละการคลอดบตุ ร 3. การแท้งลกู 4. การคุมก�ำเนดิ 5. ภาวะการมบี ุตรยาก 6. การตรวจคัดกรอง มะเรง็ ปากมดลูก และมะเรง็ เตา้ นม 7. การมเี พศสัมพันธ์ในกลมุ่ อายุ 15 - 19 ปี 6.1 การมีประจ�ำเดือนและการหมดประจำ� เดอื น จากการส�ำรวจโดยการสัมภาษณ์เกี่ยวกับอายุเร่ิมมีประจ�ำเดือน พบว่าอายุเฉล่ียการมีประจ�ำเดือน ครง้ั แรกของสตรไี ทยอายุ 15 - 29 ปี เทา่ กับ 12.8 ปี อายุ 30 - 44 ปี เทา่ กับ 13.6 ปี และอายุ 45 - 59 ปี เท่ากบั 14.7 ปี เม่ือพิจารณาเปน็ รายภาค พบว่า กรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคใตม้ ีอายุเฉล่ียการมีประจ�ำเดอื นครั้งแรกต�่ำสดุ ในกลุ่มอายุ 15-29 ปี เท่ากับ 12.6 ปี และ 12.7 ปี ตามล�ำดบั อายุ 30 - 44 ปี ภาคกลางตำ่� สุดเท่ากบั 13.3 ปี และ อายุ 45 - 59 ปี กรงุ เทพฯตำ่� สดุ เทา่ กบั 14.2 ปี ตามลำ� ดบั เมอ่ื พจิ ารณาตามเขตการปกครองพบวา่ กลมุ่ อายุ 15 - 29 ปี สตรีท่ีอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลจะมีอายุเฉลี่ยเมื่อมีประจ�ำเดือนครั้งแรกใกล้เคียงกับสตรีที่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล ส�ำหรบั ในกล่มุ อายุ 30 - 44 ปี และอายุ 45 - 59 ปี สตรีท่ีอาศัยอยนู่ อกเขตเทศบาลมีอายุเฉล่ียเมื่อมีประจำ� เดือนคร้ัง แรกมากกวา่ สตรที ่อี าศัยอย่ใู นเขตเทศบาล (ตารางท่ี 6.1.1) ตารางที่ 6.1.1 อายเุ ฉลี่ยเมอ่ื มปี ระจำ� เดือนครง้ั แรกในหญงิ วยั เจริญพนั ธ์ุ จ�ำแนกตามกลมุ่ อายุ ภาค และเขตการปกครอง อายุ (ปี) 15 - 29 30 - 44 45 - 59 n Mean SD n Mean SD n Mean SD เขตการปกครอง 2.6 1.6 ในเขต 1,018 12.7 2.0 1,210 13.5 2.3 2,154 14.5 2.0 นอกเขต 994 12.8 1.3 1,048 13.6 1.4 1,145 14.9 2.0 1.7 ภาค เหนือ 421 12.9 1.9 461 13.6 1.6 527 14.7 กลาง 442 12.7 1.5 509 13.3 1.4 844 14.5 ตะวันออกเฉยี งเหนือ 509 12.8 1.2 533 13.8 1.5 687 15.3

การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 249 ตารางท่ี 6.1.1 อายุเฉลีย่ เม่อื มปี ระจำ� เดือนคร้ังแรกในหญิงวัยเจริญพันธ์ุ จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ ภาค และเขตการปกครอง (ตอ่ ) อายุ (ปี) 15 - 29 30 - 44 45 - 59 ใต ้ n Mean SD n Mean SD n Mean SD กทม. 515 12.7 1.8 567 13.4 1.9 625 14.3 2.5 รวม 125 12.6 1.6 188 13.8 2.5 616 14.2 2.5 2,012 12.8 1.5 2,258 13.6 1.7 3,299 14.7 2.1 เมอื่ พจิ ารณาถงึ อายเุ ฉลย่ี เมอื่ หมดประจำ� เดอื น พบวา่ อายเุ ฉลยี่ ของสตรเี มอื่ หมดประจำ� เดอื นเทา่ กบั 48.3 ปี โดยในเขตเทศบาลมีอายุเฉลี่ยเมื่อหมดประจ�ำเดือนมากกว่านอกเขตเทศบาล ทุกภาคมีอายุเฉลี่ยเมื่อหมดประจ�ำเดือน ใกลเ้ คยี งกัน ดังแสดงในตารางที่ 6.1.2 ตารางท่ี 6.1.2 อายเุ ฉลี่ยเมอ่ื หมดประจำ� เดอื น (เฉพาะผู้ท่หี มดแล้ว) จ�ำแนกตามกลุ่มอายุ ภาค และเขตการปกครอง อายุ (ป)ี 30 - 44 45 - 59 n Mean SD n Mean SD เขตการปกครอง ในเขต 67 34.0 8.9 1,589 48.9 5.8 นอกเขต 76 32.8 5.1 831 47.9 4.6 ภาค เหนอื 54 33.8 8.2 400 48.8 5.3 กลาง 29 31.9 7.3 640 48.3 5.2 ตะวนั ออกเฉียงเหนอื 31 32.7 3.7 461 47.6 4.8 ใต ้ 19 32.6 6.5 420 48.6 6.0 กทม. 10 37.4 6.9 499 49.0 5.8 รวม 143 33.1 6.1 2,420 48.3 5.4 จากการสัมภาษณ์เกี่ยวกับภาวะการได้รับยาฮอร์โมนทดแทนภายหลังหมดประจ�ำเดือน พบว่า มีเพียง ร้อยละ 5.1 ในสตรีกลุ่มอายุ 45 - 59 ปีท่ีได้รับฮอร์โมนทดแทน ส่วนสตรีกลุ่มอายุ 30 - 44 ปี ที่หมดประจำ� เดือน ไดร้ บั ฮอรโ์ มน รอ้ ยละ 8.2 พบว่าสัดสว่ นของการไดร้ ับฮอร์โมนทดแทนของพนื้ ทใี่ นเขตเทศบาลสูงกวา่ นอกเขตเทศบาล และสตรีกลมุ่ อายุ 30 - 44 ปี ภาคเหนือมีสดั ส่วนของการไดร้ ับฮอรโ์ มนทดแทนสูงกว่าทุกภาค รองลงมาคือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรงุ เทพฯ (รปู ที่ 6.1.1 - 6.1.2)

250 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ท่ี 6.1.1 รอ้ ยละการไดร้ ับฮอรโ์ มนทดแทนหลังหมดประจ�ำเดือนในสตรีทห่ี มดประจำ� เดือนแล้ว จำ� แนกตามกลุม่ อายุ และเขตการปกครอง รปู ที่ 6.1.2 ร้อยละการไดร้ บั ฮอรโ์ มนทดแทนหลังหมดประจ�ำเดอื นในสตรีทห่ี มดประจำ� เดอื นแลว้ จ�ำแนกตามกลุ่มอายุ และภาค

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 251 6.2 การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร สตรีวัยเจริญพันธุ์ ร้อยละ 71.6 บอกว่าเคยต้ังครรภ์ กลุ่มอายุ 15 - 19 ปี ร้อยละ 8.2 เคยต้ังครรภ์ สดั สว่ นนเ้ี พม่ิ ข้ึนในกลมุ่ อายุ 20 - 29 ปี เป็นร้อยละ 59.0 และสงู สดุ ในกล่มุ อายุ 45 - 59 ปี เปน็ รอ้ ยละ 84.4 สตรีทีอ่ ยู่ นอกเขตเทศบาลมีสัดส่วนของการตั้งครรภ์สูงกว่าในเขตเทศบาล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสตรีวัยเจริญพันธุ์ ท่ีเคยตง้ั ครรภส์ งู สุดคือ ร้อยละ 76.0 และภาคเหนอื มีสัดสว่ นของสตรวี ัยเจริญพันธท์ุ ่เี คยตั้งครรภต์ ่�ำสดุ คือ รอ้ ยละ 65.4 รายละเอียดแสดงไว้ในรปู ท่ี 6.2.1 - 6.2.2 รปู ที่ 6.2.1 ร้อยละของสตรีวัยเจรญิ พนั ธ์ุทเ่ี คยต้ังครรภ์ จ�ำแนกตามกลุม่ อายุ และเขตการปกครอง รูปที่ 6.2.2 รอ้ ยละของสตรีวัยเจริญพนั ธ์ทุ ีเ่ คยตง้ั ครรภ์ จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ และภาค

252 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 การเคยคลอดบตุ ร สตรีวัยเจริญพันธุ์ท่ีเคยตั้งครรภ์ในเขตฯและนอกเขตเทศบาลมีร้อยละของการท่ีเคยคลอดบุตรไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาในรายภาค พบว่าไม่แตกต่างกันมากเช่นกัน โดยพบว่าทุกภาครวมท้ังกรุงเทพมหานครมีสตรีวัยเจริญพันธุ์ ทีเ่ คยคลอดบตุ รมากกวา่ รอ้ ยละ 90 ขน้ึ ไป (รูปที่ 6.2.3 - 6.2.4) รปู ที่ 6.2.3 ร้อยละของสตรที เ่ี คยคลอดบตุ ร ในสตรที ี่เคยตงั้ ครรภ์ จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ และเขตการปกครอง รูปท่ี 6.2.4 รอ้ ยละของสตรีท่ีเคยคลอดบตุ ร ในสตรีทเี่ คยตงั้ ครรภ์ จ�ำแนกตามกลุม่ อายุ และภาค

การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 253 6.3 การแทง้ ลกู พบว่า ใน 5 ปีท่ีผ่านมา สตรีวัย 15 - 59 ปี ร้อยละ 2.6 เคยมีประวัติการแท้งลูก กลุ่มอายุ 20 - 29 ปี มีสัดส่วนการแท้งลูกสูงสุดร้อยละ 5.4 รองลงมาคือ อายุ 30 - 44 ปี มีร้อยละ 4.6 สัดส่วนการแท้งลูกลดลงใน กลุ่มอายุ 20 - 44 ปีข้ึนไป นอกเขตเทศบาลมีร้อยละของการแท้งสูงกว่าในเขตเทศบาล การจ�ำแนกตามภาค พบว่า ภาคใต้ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มีการแทง้ ลกู สงู สดุ ร้อยละ 3.0 - 3.2 (รปู ที่ 6.3.1 และ 6.3.3) รปู ท่ี 6.3.1 ร้อยละของการแท้งลกู ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ในสตรวี ยั เจริญพันธ์ุ (15-59 ปี) จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ และเขตการปกครอง สำ� หรบั ใน 1 ปที ผ่ี า่ นมา พบวา่ สตรวี ยั 15 - 59 ปี รอ้ ยละ 0.9 เคยมปี ระวตั กิ ารแทง้ ลกู กลมุ่ อายุ 20 - 29 ปี บอกว่ามีการแท้งสูงสุด ร้อยละ 2.3 รองลงมากลุ่มอายุ 30 - 44 ปี มีร้อยละ 1.3 โดยรวมนอกเขตเทศบาลมี ร้อยละของการแท้งสูงกวา่ ในเขตฯ การจำ� แนกตามภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มสี ัดส่วนสูงสุด รองลงมา คือ ภาคกลาง และภาคใต้ (รปู ท่ี 6.3.2 - 6.3.3)

254 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รปู ที่ 6.3.2 ร้อยละของการแท้งลกู ในรอบ 1 ปที ่ผี ่านมา ในสตรวี ัยเจรญิ พนั ธ์ุ (15 - 59 ป)ี จ�ำแนกตามกล่มุ อายุ และเขตการปกครอง รูปท่ี 6.3.3 รอ้ ยละของการแทง้ ลกู ในรอบ 1 และ 5 ปที ผี่ ่านมาในสตรีวยั เจริญพนั ธุ์ (15 - 59 ป)ี จำ� แนกตามภาค

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 255 สาเหตกุ ารแทง้ เม่ือพจิ ารณาถงึ สาเหตกุ ารแท้งลกู ในครง้ั สดุ ท้ายพบวา่ รอ้ ยละ 91.2 เป็นการแท้งตามธรรมชาติ อีกรอ้ ยละ 8.8 เป็นการท�ำแท้ง (ส่วนใหญ่ท�ำโดยแพทย์) ซ่ึงเหตุผลของการท�ำแท้งคือ ความไม่พร้อมท่ีจะมีบุตร (ร้อยละ 48.6) เหตุผลทางการแพทย์ (ร้อยละ 51.4) ในจ�ำนวนของการท�ำแท้งน้ีท�ำโดยไม่ทราบว่าผู้ท่ีท�ำเป็นแพทย์หรือไม่ ร้อยละ 63.0 รองลงมาคอื แพทย์ ร้อยละ 21.8 รองลงมาคือ เจา้ หน้าทส่ี าธารณสุขรอ้ ยละ 6.4 และพยาบาล ร้อยละ 4.9 (รปู ที่ 6.3.4 - 6.3.5) รูปท่ี 6.3.4 รอ้ ยละของสาเหตขุ องการแท้งลูกในครัง้ สดุ ท้าย ในหญงิ ทเ่ี คยแท้งลูก จ�ำแนกตามกลุม่ อายุ รูปท่ี 6.3.5 รอ้ ยละของการไดร้ ับการชว่ ยเหลอื ทำ� แท้งคร้ังสดุ ทา้ ย ในหญงิ ท่เี คยแทง้ ลูก

256 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 6.4 การมีคูส่ มรส และการคุมก�ำเนิด จากการส�ำรวจเร่ืองการมีคู่อยู่กินด้วยกันของประชาชนอายุ 15 - 59 ปี พบว่า ผู้ชายร้อยละ 54.7 และผู้หญิงร้อยละ 58.1 แต่งงานอยู่กินด้วยกัน โดยกลุ่มอายุที่แต่งงานอยู่กินด้วยกันสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 45 - 59 ปี ในผู้ชาย และอายุ 30 - 44 ปีในผู้หญิง คนท่ีอยู่นอกเขตเทศบาลจะแต่งงานอยู่กินด้วยกันสูงกว่าในเขตเทศบาล เลก็ นอ้ ย และภาคเหนอื สดั ส่วนของการมคี ่สู มรสสงู ท่สี ุดเมือ่ เปรียบเทียบกับภาคอน่ื ๆ (รปู ท่ี 6.4.1 - 6.4.3) รูปท่ี 6.4.1 ร้อยละของการมีคู่ในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี จ�ำแนกตามเพศ และอายุ รปู ที่ 6.4.2 รอ้ ยละของการมีคใู่ นประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี จ�ำแนกตามเพศ และเขตการปกครอง

การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 257 รูปที่ 6.4.3 รอ้ ยละของการมีคู่ในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี จ�ำแนกตามเพศ และภาค อัตราคุมก�ำเนิดในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี มีร้อยละ 67.3 โดยกลุ่มอายุที่มีการคุมก�ำเนิดสูงสุด คือ กล่มุ อายุ 30 - 44 ปี พจิ ารณาตามเขตการปกครอง พบวา่ ประชาชนไทยท่ีอยู่นอกเขตเทศบาลจะมีอัตราการคุมก�ำเนดิ สงู กว่าในเขตเทศบาล (รอ้ ยละ 69.8 และ 62.4 ตามลำ� ดบั ) เมือ่ พจิ ารณาเป็นรายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มอี ัตราคุมกำ� เนิดสูงสุดคือ รอ้ ยละ 73.2 (รปู ท่ี 6.4.4 - 6.4.6) รูปที่ 6.4.4 ร้อยละของการคุมก�ำเนดิ ในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปที ่ีมคี ู่ จ�ำแนกตามเพศ และกลุ่มอายุ

258 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปที่ 6.4.5 ร้อยละของการคุมก�ำเนดิ ในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปที ่ีมีคู่ จำ� แนกตามเพศ และเขตการปกครอง รูปที่ 6.4.6 ร้อยละของการคุมก�ำเนิดในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี ทม่ี ีคู่ จำ� แนกตามเพศ และภาค

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 259 เมื่อพิจารณาถึงวิธีการคุมก�ำเนิด พบว่าโดยเฉล่ียการท�ำหมันหญิงพบบ่อยที่สุดถึงร้อยละ 41.3 รองลงมาเป็น การใชย้ าเม็ดคุมก�ำเนิดร้อยละ 34.6 และการใช้ยาฉีดคุมก�ำเนิดร้อยละ 13.2 ตามล�ำดบั (รูปท่ี 6.4.7) รูปที่ 6.4.7 ร้อยละของวธิ กี ารคุมกำ� เนิดในประชาชนไทยที่มีคอู่ ายุ 15 - 59 ปี จ�ำแนกตามเพศ (ตอบไดม้ ากกว่า 1 คำ� ตอบ)

260 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 6.5 ภาวะการมีบตุ รยาก จากการส�ำรวจพบว่า ท่ัวประเทศมีคู่สมรสท่ีมีปัญหาเรื่องมีบุตรยากอยู่ร้อยละ 10.3 โดยพบว่าเพศหญิงที่ ตอบมีปัญหาเร่ืองมีบุตรยากมากกว่าเพศชาย การมีบุตรยากมีทั้งในเขตฯและนอกเขตเทศบาล การจ�ำแนก ตามภาค พบว่าในผู้ชายมีความชุกใกล้เคียงกันทุกภาค ส่วนในผู้หญิงตอบว่ามีปัญหามีบุตรยาก ร้อยละ 8.3 - 15.7 โดยภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื บอกวา่ มปี ญั หาภาวะมบี ตุ รยากนอ้ ยทส่ี ดุ คอื พบเพยี งรอ้ ยละ 8.3 ดงั แสดงในรปู ท่ี 6.5.1 - 6.5.3 รปู ท่ี 6.5.1 ร้อยละของภาวะมีบุตรยากในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี ท่มี คี ู่ จำ� แนกตามเพศ และอายุ รปู ที่ 6.5.2 รอ้ ยละของภาวะมีบุตรยากในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี ทม่ี ีคู่ จำ� แนกตามเพศ และเขตการปกครอง

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 261 รปู ท่ี 6.5.3 รอ้ ยละของภาวะมีบตุ รยากในประชาชนไทยอายุ 15 - 59 ปี ที่มคี ู่ จำ� แนกตามเพศ และภาค

262 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 6.6 การตรวจคัดกรองมะเรง็ ปากมดลกู มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากท่ีสุดในหญิงไทย จากการส�ำรวจในครั้งนี้พบว่า ร้อยละของความครอบคลุม การให้บรกิ ารตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกภายใน 2 ปที ผี่ ่านมา พบร้อยละ 47.3 (รูปท่ี 6.6.1) รปู ที่ 6.6.1 รอ้ ยละของการเคยได้รบั ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุ 15 - 59 ปี เมอ่ื พจิ ารณาตามเขตการปกครองเกย่ี วกบั การตรวจมะเรง็ ปากมดลกู จากบคุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ ภายใน 2 ปที ผ่ี า่ นมา พบวา่ กลุ่มอายุ 45-59 ปี ไดร้ ับการตรวจสูงสดุ (ร้อยละ 57.4) และสตรที ีอ่ ย่นู อกเขตฯได้รับการตรวจในสัดส่วนทสี่ ูงกว่า ในเขตฯ โดยกลุ่มอายุ 45 - 59 ปี ท่ีอยนู่ อกเขตเทศบาลไดร้ ับตรวจร้อยละ 61.7 ในขณะทใี่ นเขตเทศบาลได้รับตรวจ รอ้ ยละ 51.5 (รูปที่ 6.6.2 - 6.6.3) รูปที่ 6.6.2 รอ้ ยละของการเคยไดร้ บั ตรวจมะเร็งปากมดลูกใน 2 ปที ่ผี า่ นมา จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ และเขตการปกครอง

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 263 รปู ที่ 6.6.3 รอ้ ยละของการเคยได้รับตรวจมะเรง็ ปากมดลกู ใน 2 ปที ผี่ า่ นมา จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ และภาค ประวัตกิ ารเคยได้รับวัคซนี ป้องกันมะเร็งปากมดลกู ร้อยละ 9.1 ของหญิงวยั 15 - 59 ปี เคยได้รับการฉีดวัคซีน ปอ้ งกนั มะเร็งปากมดลกู โดยกลุม่ อายุ 30 - 44 ปี ได้รบั ในสัดส่วนสูงทีส่ ดุ (ร้อยละ 10.1) ผู้ทีอ่ าศยั นอกเขตเทศบาล ได้รับ การฉีดวัคซีนสูงกว่าในเขตเทศบาล (ร้อยละ 10.3 และ 7.0 ตามล�ำดับ) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับ การฉดี ในสดั ส่วนทีม่ ากท่สี ุด (รปู ท่ี 6.6.4 - 6.6.5) รูปที่ 6.6.4 ร้อยละของการเคยไดร้ ับการฉดี วคั ซีนปอ้ งกนั มะเร็งปากมดลูก จ�ำแนกตามกลมุ่ อายุ และเขตการปกครอง

264 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปท่ี 6.6.5 รอ้ ยละของการเคยได้รับการฉีดวัคซนี ปอ้ งกันมะเร็งปากมดลูก จำ� แนกตามภาค

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 265 6.7 การตรวจคัดกรองมะเร็งเตา้ นม การตรวจเตา้ นมดว้ ยตนเอง จากการส�ำรวจ ผู้หญิงวัย 15 - 59 ปี ร้อยละ 61.9 กลา่ วว่าเคยตรวจคลำ� เต้านมเพอื่ หากอ้ นผิดปกตดิ ้วยตนเอง โดยกลมุ่ อายุ 45 - 59 ปี เคยตรวจดว้ ยตนเองในสัดสว่ นทสี่ งู สดุ (รอ้ ยละ 70.8) สดั ส่วนของผู้หญิงทเี่ คยตรวจเตา้ นมดว้ ย ตนเองมสี ัดสว่ นใกลเ้ คยี งกนั ทกุ ภาค (ตารางท่ี 6.7.1 - 6.7.2) รปู ท่ี 6.7.1 รอ้ ยละของสตรอี ายุ 15-59 ปที ่เี คยตรวจเตา้ นมดว้ ยตนเอง จำ� แนกตามกลุ่มอายุ และเขตการปกครอง รปู ท่ี 6.7.2 รอ้ ยละของสตรีอายุ 15 - 59 ปี ทีเ่ คยตรวจเต้านมด้วยตนเอง จำ� แนกตามกลุ่มอายุ และภาค

266 การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 การตรวจเต้านมโดยบุคลากรทางการแพทย์ ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา สตรีไทยได้รับการตรวจเต้านมเพ่ือหาก้อนผิดปกติโดยแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าท่ี สาธารณสขุ รอ้ ยละ 21.7 โดยกลุ่มอายุ 45 - 59 ปี เคยไดร้ ับการตรวจสูงที่สุด (รอ้ ยละ 28.0) (รปู ท่ี 6.7.3) รูปท่ี 6.7.3 ร้อยละของการเคยไดร้ ับตรวจเต้านมเพ่อื หาก้อนผดิ ปกตโิ ดยแพทย์ พยาบาล เจา้ หน้าทส่ี าธารณสขุ จ�ำแนกตามอายุ เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่ากลุ่มอายุ 45 - 59 ปี มีการตรวจเต้านมเพ่ือหาก้อนผิดปกติโดยแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข ภายใน 1 ปีท่ีผา่ นมาสงู กว่าทกุ กลุ่มอายุ ผู้ทีอ่ าศยั ในเขตเทศบาลได้รบั การตรวจสงู กว่านอกเขตเทศบาลเล็กน้อย เมื่อพิจารณาตามภาค พบว่าภาคใต้มีสัดส่วนของการได้รับตรวจน้อยกว่าภาคอ่ืน (รปู ท่ี 6.7.4 - 6.7.5) รปู ที่ 6.7.4 ร้อยละของการเคยไดร้ บั ตรวจเตา้ นมเพ่ือหากอ้ นปกตโิ ดยแพทย์ พยาบาล สาธารณสขุ ภายใน 1 ปีทีผ่ า่ นมา จำ� แนกตามอายุ และเขตการปกครอง

การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 267 รูปท่ี 6.7.5 ร้อยละของการเคยไดร้ บั ตรวจเต้านมเพอื่ หากอ้ นผดิ ปกติ โดยแพทย์ พยาบาล สาธารณสขุ ภายใน 1 ปที ่ีผา่ นมา จ�ำแนกตามกลมุ่ อายุ และภาค การตรวจคัดกรองโดยแมมโมแกรม ภายในระยะเวลา 1 ปีท่ีผ่านมา สตรีไทยอายุ 15 - 59 ปี ร้อยละ 4.3 เคยได้รับการตรวจแมมโมแกรม โดยกลุม่ อายุ 45 - 59 ปี เคยได้รบั การตรวจใน 1 ปที ี่ผา่ นมาสูงสุด (รอ้ ยละ 6.0) โดยเมอื่ พจิ ารณาหญงิ อายุ 40 - 59 ปี พบว่าร้อยละ 5.5 เคยได้รับการตรวจใน 1 ปีท่ีผ่านมา พิจารณาตามเขตการปกครอง พบว่าในเขตเทศบาลมีสัดส่วน ของการตรวจมากกว่านอกเขตฯ พิจารณาตามภาค พบวา่ กรุงเทพฯ มีสัดสว่ นทไ่ี ด้รับการตรวจสูงที่สดุ (ร้อยละ 10.6) (รปู ท่ี 6.7.6 - 6.7.8) รูปที่ 6.7.6 รอ้ ยละของการเคยไดร้ ับตรวจแมมโมแกรม ตามระยะเวลาทีเ่ คยตรวจในสตรอี ายุ 15 - 59 ปี

268 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปท่ี 6.7.7 รอ้ ยละของการเคยไดร้ ับตรวจแมมโมแกรมในสตรีอายุ 40 - 59 ปี จำ� แนกตามเขตการปกครอง รปู ท่ี 6.7.8 ร้อยละของการเคยไดร้ บั ตรวจแมมโมแกรมในสตรีอายุ 40 - 59 ปี จ�ำแนกตามภาค

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 269 6.8 พฤตกิ รรมเคยมเี พศสมั พันธ์ในกลุ่มอายุ 15 - 19 ปี การสมั ภาษณเ์ กย่ี วกบั การมเี พศสมั พนั ธใ์ นประชาชนอายุ 15 - 19 ปี ทไี่ มม่ คี คู่ รองประจำ� บอกวา่ เคยมเี พศสมั พนั ธ์ ร้อยละ 18.9 ชายเคยมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ 22.8 ส่วนหญิงเคยมีร้อยละ 14.2 นอกเขตเทศบาลมีสัดส่วนของ การมีประสบการณ์ดังกลา่ วสูงกวา่ ในเขตเทศบาล (ร้อยละ 20.2 และ 15.9 ตามล�ำดบั ) (รปู ที่ 6.8.1) รูปที่ 6.8.1 รอ้ ยละของการเคยมเี พศสมั พันธ์ในประชาชนไทยอายุ 15 - 19 ปี ทีไ่ มม่ ีคู่ครอง จ�ำแนกตามเขตการปกครอง กลุ่มตัวอย่างอายุ 15 - 19 ปี ทัง้ ทม่ี คี ู่ครองและไม่มคี ู่ครอง ท่เี คยมเี พศสมั พันธ์ ร้อยละ 89.8 เคยมีเพศสมั พันธ์ กับค่ตู า่ งเพศ รอ้ ยละ 7.7 เคยมีเพศสมั พนั ธก์ บั ค่เู พศเดียวกัน และรอ้ ยละ 2.6 มที งั้ สองเพศ (รูปที่ 6.8.2) รปู ที่ 6.8.2 ร้อยละของรปู แบบพฤตกิ รรมการมเี พศสมั พนั ธใ์ นประชาชนไทยอายุ 15 - 19 ปี จำ� แนกตามเพศ

270 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 การดื่มเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพตดิ ก่อนมีเพศสมั พันธ์ การสัมภาษณ์พบว่า กลุ่มอายุ 15 - 19 ปี บอกว่าเคยด่ืมเครื่องดื่มแอลกอออล์ หรือใช้สารเสพติดก่อน มีเพศสัมพันธน์ านๆ ใชค้ รั้งหน่งึ ร้อยละ 8.5 ด่มื หรือใช้บอ่ ยๆ รอ้ ยละ 1.9 และดม่ื หรอื ใช้ทกุ คร้งั รอ้ ยละ 1.8 (รปู ที่ 6.8.3) รปู ท่ี 6.8.3 ร้อยละของการด่ืมเคร่อื งด่มื แอลกอฮอล์ หรอื ใช้สารเสพตดิ กอ่ นมีเพศสมั พันธ์ ในประชาชนไทยอายุ 15 - 19 ปี จ�ำแนกตามเพศ

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 271 7บทท่ี ผสสู้ ขุ ูงภอาาพยุ

272 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563

การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 273 7บทท่ี สขุ ภาพผูส้ งู อายุ 7.1 ลกั ษณะตวั อย่างผสู้ งู อายุ สรปุ บทนก้ี ลา่ วถึงขอ้ มูลพนื้ ฐานผ้สู ูงอายุไทยประกอบดว้ ย ข้อมูลประชากร การศึกษา สถานภาพสมรส ท่อี ย่อู าศยั การทำ� งานเชงิ เศรษฐกิจ รายไดผ้ ูส้ งู อายุ และการดัดแปลงบา้ นใหเ้ หมาะกับวัยผู้สงู อายุ • ร้อยละ 78.4 ของผู้สูงอายุจบการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือน้อยกว่า และร้อยละ 7.4 ไม่เคยได้เข้า ระบบการศึกษาในโรงเรียน สัดส่วนของผู้สงู อายหุ ญงิ ทไี่ ม่ได้เรียนสงู กวา่ ผูส้ ูงอายุชาย (รอ้ ยละ 9.7 ในหญิง และ 4.4 ในชาย) • ผู้สูงอายุหญิงร้อยละ 49.3 และชายร้อยละ 80.5 มีสถานะสมรสและขณะนี้อยู่บ้านเดียวกับคู่สมรส สว่ นผสู้ ูงอายุหญงิ รอ้ ยละ 34.6 เป็นหม้าย ในขณะผสู้ ูงอายชุ ายทีเ่ ป็นหมา้ ยมีรอ้ ยละ 9.6 • ผ้สู ูงอายุที่ยงั ท�ำงานเชิงเศรษฐกจิ มรี อ้ ยละ 50.3 (ชายรอ้ ยละ 60.4 หญงิ ร้อยละ 42.3) กลุ่มอายุ 60 - 69 ปี เป็นกลุ่มท่ียังท�ำงานมากที่สุด (ชายร้อยละ 72.7 หญิงร้อยละ 54.8) ลักษณะงานหลักคือ เจ้าของหรือ ด�ำเนนิ กิจการเอง (ร้อยละ 75.0) • เหตุผลที่ท�ำให้ผู้สูงอายุยังท�ำงานอยู่คือ ต้องการรายได้, ยังมีสุขภาพดี, ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และช่วยเหลือครอบครัว • แหลง่ รายไดข้ องผสู้ งู อายไุ ดจ้ ากเงนิ กองทนุ เลย้ี งชพี มากทสี่ ดุ คอื รอ้ ยละ 83.5 รองลงมาไดจ้ ากการลกู /หลาน รอ้ ยละ 58.3 และได้จากการทำ� งานรอ้ ยละ 45.0 • ผสู้ ูงอายรุ อ้ ยละ 39.4 บอกว่าตนเองมรี ายได้ไมเ่ พยี งพอ • ลกั ษณะการอยอู่ าศัย พบวา่ รอ้ ยละ 9.5 ของผู้สงู อายุอยูค่ นเดียว และรอ้ ยละ 22.3 อยกู่ ับคู่สมรสเท่านัน้ • รอ้ ยละ 21.3 ของบา้ นทผ่ี สู้ งู อายุอาศยั อยู่มกี ารดดั แปลงให้เหมาะสมกับวยั แตบ่ ้านทอ่ี าศยั มกี ารตดิ ราวใน ห้องน้�ำห้องส้วม เพียงร้อยละ 14.7 และมีราวเกาะในห้องนอนร้อยละ 6.6 เท่านั้น, ร้อยละ 43.8 ของผู้สูงอายุต้องใช้บันไดข้ึนลงทุกวัน พิจารณาลักษณะส้วมที่ใช้ ร้อยละ 59.4 ของผู้สูงอายุใช้ส้วม แบบน่งั ห้อยขา และมีร้อยละ 40.6 ทใ่ี ช้ส้วมแบบนงั่ ยองๆ

274 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 จ�ำนวนตัวอย่างผู้สงู อายุ ตามเพศ อายุ และภาค การสำ� รวจสภาวะสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 ปี พ.ศ. 2562 - 2563 ไดส้ ำ� รวจตวั อยา่ ง ผสู้ ูงอายุ 60 ปขี ้ึนไป จ�ำนวน 9,234 คน การกระจายของจำ� นวนตวั อยา่ งตามกล่มุ อายุ 60 - 69, 70 - 79 และ 80 ปขี นึ้ ไป มรี ้อยละ 62.0, 28.0 และ 10.1 ตามล�ำดับ โดยมีสัดส่วนการกระจายตามกลุ่มอายุในเพศชายและหญิงใกล้เคียงกัน การกระจายของตัวอย่าง ตามภาคต่างๆ ใกล้เคียงกัน แต่ละภาคมีประมาณร้อยละ 20.5 - 23.2 ส่วนในกรุงเทพฯ มีร้อยละ 13.9 ตามล�ำดับ ตารางท่ี 7.1.1 ตารางที่ 7.1.1 รอ้ ยละของตวั อยา่ งผ้สู งู อายุ จ�ำแนกตาม อายุ เพศ และภาค จำ� นวนตวั อยา่ ง ชาย หญงิ รวมจำ� นวน อาย ุ 60 - 69 4,081 5,153 9,234 70 - 79 60.9 62.8 62.0 80+ 28.5 27.5 28.0 เขตการปกครอง ในเขต 10.6 10.1 นอกเขต 53.9 9.7 57.4 ภาค เหนือ 46.1 60.1 42.6 กลาง 23.0 39.9 20.9 ตะวันออกเฉียงเหนอื 21.2 19.1 21.6 ใต ้ 25.1 22.0 23.2 กรุงเทพมหานครฯ 20.4 21.7 20.5 10.3 20.5 13.9 16.7 ผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลในแบบสัมภาษณ์ เป็นผู้สูงอายุเป็นผู้ตอบเอง ในกรณีไม่สามารถตอบเองได้น้ัน ผู้ดูแลใกล้ชิดเป็น ผู้ตอบแทน หากผู้ตอบไม่ทราบข้อมูล มีการระบุว่า “ไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ” การส�ำรวจครั้งนี้ ผู้สูงอายุเป็นผู้ตอบเอง รอ้ ยละ 96.0 สว่ นทเ่ี หลือตอบร่วมกบั ผู้ดูแล และผใู้ กลช้ ิด (ตารางท่ี 7.1.2) ตารางท่ี 7.1.2 รอ้ ยละของผตู้ อบสัมภาษณ์ รอ้ ยละ ตอบเอง ชาย หญงิ รวม จ�ำนวน ตอบร่วมกบั ผดู้ ูแล/สมาชิกในครวั เรอื น (n = 4,066) (n = 5,133) (n = 9,199) ตวั อยา่ ง ผู้ดแู ล/สมาชิกในครัวเรอื นเท่าน้ัน ไม่มีผู้ดูแลและไม่สามารถตอบแบบข้อถามได ้ 95.7 96.2 96.0 8,870 3.6 3.4 276 รวม 0.6 3.1 0.7 51 0.0 0.0 2 หมายเหต:ุ ไม่ตอบ 35 ราย 0.7 100 9,199 0.0 100 100

การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครงั้ ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 275 ขอ้ มูลส่วนตัว ไดแ้ ก่ ระดับการศึกษาและสภาพสมรส ระดับการศึกษา การศึกษาของผู้ท่ีอายุ 60 ปีข้ึนไป พบว่าผู้ชายท่ีไม่เคยเข้าเรียนมีร้อยละ 4.4 และผู้หญิง ที่ไม่เคยเข้าเรียนมีร้อยละ 9.7 ผู้สูงอายุร้อยละ 78.4 เรียนจบประถมศึกษาทั้งหญิงและชายมีสัดส่วนใกล้กัน ท่ีเหลือ เปน็ ผ้ทู ่ีเรยี นจบมธั ยมศึกษาและสงู กว่า ประมาณรอ้ ยละ 14.2 (ตารางท่ี 7.1.3) ตารางท่ี 7.1.3 ระดบั การศึกษาสูงสุดของผู้สูงอายุ จำ� แนกตามเพศ การศกึ ษา รอ้ ยละ จำ� นวนตัวอยา่ ง ชาย หญงิ จำ� นวนตวั อยา่ ง ไม่เคยเรยี น 4,044 5,108 9,152 ประถมศึกษาหรือน้อยกวา่ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 4.4 9.7 7.4 มธั ยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. 76.8 79.6 78.4 ปวส./อนปุ ริญญา 5.6 2.8 4.0 ปรญิ ญาตรีและสูงกวา่ 7.6 3.4 5.2 1.7 1.0 1.3 3.9 3.5 3.7 สภาพสมรส ผู้สูงอายุชายและหญิงแต่งงานแล้วและอยู่บ้านเดียวกัน ร้อยละ 80.5 และ 49.3 ตามล�ำดับ ผู้สูงอายุชายและหญิงที่แต่งงานและแยกกันอยู่ ร้อยละ 3.2 และ 3.6 ตามล�ำดับ ท่ียังครองโสดเป็นชายร้อยละ 3.2 หญงิ รอ้ ยละ 7.1 สว่ นผ้สู ูงอายุหญงิ ท่ีเป็นหม้ายมากกวา่ ชาย 3.6 เท่า คอื รอ้ ยละ 34.6 ในหญงิ สว่ นในชายรอ้ ยละ 9.6 สว่ นที่เหลอื คอื หยา่ /แยกกันอยู่ซงึ่ มสี ัดส่วนร้อยละของหญงิ มากกว่าชายเช่นเดยี วกนั (ตารางท่ี 7.1.4 ) ตารางที่ 7.1.4 สภาพสมรสของผู้สูงอายุ จ�ำแนกตามเพศ สถานภาพสมรส รอ้ ยละ โสด ชาย หญงิ รวม สมรส/อยูใ่ นบ้านเดียวกัน 3.2 7.1 498 สมรส/อยคู่ นละบ้าน 80.5 49.3 5,718 หมา้ ย 3.2 3.6 290 หย่า/เลกิ 9.6 34.6 2,180 รวม 3.5 5.4 447 4,034 5,099 9,133

276 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 7.2 ปัจจยั เก้ือหนุนตอ่ ความอยู่ดมี สี ขุ ของผสู้ ูงอายุ ความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ ปัจจัยท่ีเกื้อหนุนต่อความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุประกอบด้วยด้านสังคม เศรษฐกิจ และสภาวะแวดล้อม ตามเป้าหมายหลกั ของนโยบายผ้สู งู อายุแหง่ ชาติ คือ “ใหผ้ ูส้ ูงอายสุ ามารถอยูไ่ ด้อย่างมีศักดิศ์ รี มสี ว่ นรว่ มในการพฒั นา ชมุ ชนและประเทศ เปน็ ทตี่ อ้ งการของครอบครวั และสงั คม และมีความเขา้ ใจดีระหวา่ งคนตา่ งรุน่ ในครอบครัว”1 การมีงานท�ำ และฐานะทางการเงิน เป็นปัจจัยที่ส�ำคัญต่อการมีคุณภาพชีวิตท่ีดี โดยท�ำให้มีความเป็นอิสระ และมีหลักประกันทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก ผู้ท่ีมีฐานะทางเศรษฐกิจดีจะ สง่ ผลใหม้ คี วามเปน็ อสิ ระ มกี ำ� ลงั ในการซอ้ื หรอื การจดั การเพอ่ื ใหไ้ ดบ้ รกิ ารทเี่ หมาะสมไดม้ ากกวา่ ผทู้ ม่ี ฐี านะทางเศรษฐกจิ ทีด่ ้อยกวา่ การรายงานในบทน้ีกล่าวถึง การมีงานท�ำเชิงเศรษฐกิจ ลักษณะงาน การมีรายได้เป็นของตนเอง หรือได้รับ การเกอ้ื หนนุ จากแหลง่ อน่ื รวมถงึ ความเพยี งพอของรายไดส้ ำ� หรบั การดำ� เนนิ ชวี ติ คำ� จำ� กดั ความการทำ� งานเชงิ เศรษฐกจิ หมายถงึ สถานภาพการทำ� งานของบคุ คลทที่ ำ� งานในสถานทที่ ำ� งานหรอื ธรุ กจิ (ไมร่ วมถงึ การจา้ งคนมาทำ� งานในบา้ นเรอื น ซึง่ ไมเ่ ก่ียวกบั ธรุ กจิ เช่น การจา้ งคนทำ� อาหารในบา้ น ท�ำความสะอาดบา้ น ซกั ผา้ เปน็ ตน้ ) การทำ� งานเชงิ เศรษฐกจิ แบง่ ได้เปน็ หลายประเภท ได้แก่ 1. เจา้ ของหรอื ผูด้ �ำเนนิ การเอง หมายถึง ผปู้ ระกอบธรุ กิจของตนเองเพอ่ื หวงั ผลก�ำไรหรือสว่ นแบง่ และไดจ้ า้ ง บุคคลอ่ืนมาท�ำงานในธุรกิจในฐานะลูกจ้าง หรือผู้ประกอบธุรกิจของตนเองโดยล�ำพังผู้เดียว หรืออาจมี บุคคลอ่ืนมาร่วมกิจการด้วยเพ่ือหวังผลก�ำไรหรือส่วนแบ่งและไม่ได้จ้างลูกจ้างแต่อาจมีสมาชิกในครัวเรือน หรอื ผฝู้ ึกงานมาชว่ ยท�ำงานโดยไมไ่ ด้รบั ค่าจ้างหรอื คา่ ตอบแทนอยา่ งอน่ื สำ� หรบั งานท่ีทำ� 2. ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกจิ 3. ลูกจ้างเอกชน 4. การรวมกลุ่ม หมายถึง กลุ่มคนร่วมกันท�ำงาน โดยสมาชิกแต่ละคนมีความเท่าเทียมกันในการก�ำหนดการ ท�ำงานทุกขั้นตอนไม่ว่าเป็นการลงทุน การขาย งานอื่นๆ ของกิจการท่ีท�ำตลอดจนการแบ่งรายได้ ให้แก่สมาชิกตามท่ีตกลงกนั สำ� หรบั รายไดป้ ระจ�ำท่ีเป็นตวั เงนิ เฉล่ยี ตอ่ เดือนของบุคคล (บาท) หมายถึง ผลประโยชน์หรือคา่ ตอบแทนเฉลีย่ ตอ่ เดอื นทบ่ี คุ คลไดร้ บั ซงึ่ อยใู่ นรปู ของตวั เงนิ อนั ไดแ้ ก่ คา่ แรงและเงนิ เดอื น เงนิ รางวลั คา่ บรกิ าร เงนิ โบนสั กำ� ไรสทุ ธจิ าก การประกอบธรุ กิจการเกษตรและธรุ กจิ อน่ื ๆ รายได้จากทรพั ยส์ ิน เช่น คา่ เช่า ทด่ี นิ คา่ ลิขสิทธิ์ ดอกเบ้ีย และเงินปันผล รวมถึง บ�ำเหน็จ บำ� นาญ และเงินไดร้ ับเป็นการชว่ ยเหลอื เชน่ เบีย้ ยังชพี สงเคราะห์ และ สวสั ดิการอ่นื ๆ ภาวะการทำ� งานเชิงเศรษฐกจิ ผู้สูงอายุท่ีสามารถท�ำงานเชิงเศรษฐกิจได้ นอกจากการมีรายได้แล้ว ยังสะท้อนถึงความเป็นผู้มีความสามารถ หรือชำ� นาญการที่เป็นที่ต้องการของสังคม นอกเหนอื จากความเป็นเจา้ ของกจิ การ หรือตอ้ งการทำ� งานเพอ่ื สงั คม จากการส�ำรวจ พบว่าผู้สูงอายุทก่ี �ำลงั ท�ำงานเชิงเศรษฐกิจมีรอ้ ยละ 50.3 ผู้สงู อายชุ ายมรี อ้ ยละ 60.4 และหญงิ รอ้ ยละ 42.3 เมอ่ื กระจายตามอายุ ในกลมุ่ อายุ 60 - 69 ปี ผกู้ ำ� ลังท�ำงานมรี ้อยละ 72.7 และ 54.8 ในผชู้ ายและผู้หญงิ ตามล�ำดับ สดั สว่ นนีจ้ ะลดลงตามอายุท่มี ากข้นึ และต่ำ� สุดในผู้สูงอายุวยั ปลาย (80 ปีข้ึนไป) คอื ร้อยละ 21.6 ในผูช้ าย และรอ้ ยละ 11.1 ในผู้หญิง (รูปที่ 7.2.1) พจิ ารณาตามเขตการปกครอง พบวา่ ท้ังผ้สู งู อายทุ อ่ี ย่นู อกเขตเทศบาลมสี ัดสว่ นของการท�ำงาน (45.5) นอ้ ยกว่า ผทู้ ่อี ย่ใู นเขตเทศบาล (53.0) 1 แผนผู้สูงอายุแห่งชาตฉิ บบั ที่ 2 (พ.ศ. 2546 - 2564) ค้นคนื จาก http://www.sk-hospital.com/adult/plan.htm

การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครงั้ ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 277 พิจารณาตามภาค ภาคเหนือมสี ัดส่วนผู้สูงอายทุ �ำงานร้อยละ 46.7 ภาคอื่นๆ มสี ัดส่วนใกล้เคยี งกัน คอื ภาคใต้ (รอ้ ยละ 53.5) ภาคกลาง (รอ้ ยละ 54.4) ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (รอ้ ยละ 53.2) และตำ่� สดุ คอื ผสู้ งู อายใุ นเขตกรงุ เทพฯ (ร้อยละ 33.4) รูปท่ี 7.2.1 รอ้ ยละของผสู้ ูงอายทุ ีท่ �ำงานเชิงเศรษฐกจิ จ�ำแนกตามอายุ และเพศ สดั สว่ นของการทำ� งานเชงิ เศรษฐกจิ ของผสู้ งู อายุ ระหวา่ ง ปี 2552 - 2562 เมอ่ื เปรยี บเทยี บขอ้ มลู การทำ� งานเชงิ เศรษฐกจิ ของผสู้ งู อายุ จากการสำ� รวจครงั้ น้ี (ปี 2562) กบั การสำ� รวจสขุ ภาพ ประชากรไทยโดยการตรวจร่างกายคร้ังท่ี 5 พบว่า มีสัดส่วนผู้สูงอายุท่ีก�ำลังท�ำงานในครั้งนี้สูงกว่าเม่ือ 5 ปีท่ีผ่านมา เลก็ นอ้ ยทั้งผูห้ ญิงและผ้ชู ายในทกุ กลุ่มอายุ (รูป 7.2.2) รปู ที่ 7.2.2 ร้อยละของผ้สู ูงอายทุ ่ีทำ� งานเชงิ เศรษฐกจิ เปรียบเทียบระหวา่ งปี พ.ศ. 2552 พ.ศ. 2557 และ พ.ศ. 2562

278 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 ลักษณะของงานหลกั ในผู้สูงอายุท่ีท�ำงานเชิงเศรษฐกิจ มีลักษณะงานเป็นผู้ประกอบกิจการส่วนตัว (รวมการเป็นนายจ้าง) ร้อยละ 75.0 รองลงมาคอื ลกู จา้ งภาคเอกชน รอ้ ยละ 15.9 ลูกจา้ งรฐั บาลหรอื รฐั วสิ าหกจิ มีรอ้ ยละ 5.4 เป็นผู้ปฏบิ ตั งิ าน โดยไม่ได้รับค่าจ้าง ร้อยละ 1.8 และการรวมกลุ่ม ร้อยละ 1.9 สัดส่วนของผู้ชายและผู้หญิงท่ีท�ำงานใกล้เคียงกัน (รปู ที่ 7.2.3) รปู ท่ี 7.2.3 ลกั ษณะของงานหลกั รูปท่ี 7.2.4 ลักษณะของงานหลกั จำ� แนกตามอายุ และเพศ เหตผุ ลทย่ี งั ทำ� งานอยู่ เหตผุ ลทีย่ ังทำ� งานอยู่ คอื ต้องการรายได้ มรี อ้ ยละ 64.4 ชายมีสดั ส่วนท่บี อกว่าต้องการรายไดส้ ูงกว่าหญงิ คือ มีรอ้ ยละ 72.6 และ 57.3 ตามลำ� ดับ ประเภทเหตุผลทีส่ องคือ ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ รอ้ ยละ 63.8 เหตุผลตอ่ มา คือยังมีสุขภาพดีอยากท�ำงานต่อไป มีประมาณร้อยละ 63.6 ถัดมา คือท�ำเพื่อช่วยครอบครัว ร้อยละ 50.1 เหตุผล อนั ดับที่ห้า คือ เป็นอาชพี ประจ�ำทย่ี งั ตอ้ งดแู ลกิจการ มรี อ้ ยละ 46.9 (รปู ท่ี 7.2.5) เมื่อพจิ ารณาตามเขตการปกครอง และภาค เหตุผลทย่ี ังท�ำงานอยขู่ องผสู้ ูงอายไุ มแ่ ตกตา่ งกนั มากนักระหว่างเขตการปกครองและภาค

การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้ังท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 279 รูปท่ี 7.2.5 เหตุผลท่ีผู้สูงอายยุ ังทำ� งานอยู่ จ�ำแนกตามเพศ การมีรายไดข้ องผู้สงู อายุ การสมั ภาษณ์เกีย่ วกับการมีรายไดใ้ น 12 เดือนทผ่ี า่ นมา พบวา่ ผูส้ ูงอายทุ ีม่ ีรายได้จากแหล่งตา่ งๆ แหลง่ รายได้ ท่ีมีสัดส่วนสูงสุดคือ ได้รับเงินจากกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุ (เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) (ร้อยละ 83.5) รองลงมาคือ ได้รับจากลูก/หลาน (ร้อยละ 58.3) อันดับท่ีสามได้แก่ รายได้จากการท�ำงาน (ร้อยละ 45.0) เงินออม ดอกเบี้ย ทรัพยส์ นิ (รอ้ ยละ 15.9) เงินสงเคราะห์ (ร้อยละ 11.6) เงินจากคสู่ มรส (รอ้ ยละ 9.7) และบ�ำเหน็จ บ�ำนาญ (ร้อยละ 5.4) รปู ที่ 7.2.6 รปู ท่ี 7.2.6 แหล่งของรายไดข้ องผู้สงู อายุ (ตอบได้หลายแหล่ง)

280 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 การจ�ำแนกตามเพศและกลมุ่ อายุ พบวา่ ในกลุ่มอายุ 60 - 69 ปี ผู้สงู อายชุ ายและหญงิ มรี ายได้จากการทำ� งาน ร้อยละ 64.1 และร้อยละ 49.7 ตามลำ� ดับ สัดส่วนท่ีมีรายได้จากการท�ำงานน้ีลดลงในกลุ่มอายุ 70-79 ปี และตำ่� สุด ในกลุม่ อายุ 80 ปีขึน้ ไป คือ มรี ้อยละ 17.2ในผู้ชาย และรอ้ ยละ 8.4 ในผูห้ ญิง ส�ำหรับรายได้ที่ได้จากบุตร ผู้สูงอายุหญิงมีสัดส่วน (ร้อยละ 60.4) ที่ได้รับจากบุตรสูงกว่าผู้สูงอายุชาย (ร้อยละ 55.6) โดยเพิม่ ขึน้ ในกลมุ่ อายุ 70 ปขี ้ึนไปคือร้อยละ 63.3 ในชายและในหญิงกลุ่มอายุ 80 ปขี ึ้นไป ความเพยี งพอของรายได้ จากการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุว่า “ท่านคิดว่ารายได้ทั้งหมดที่ท่านได้รับจากทุกแหล่ง เพียงพอหรือไม่” โดย ได้มคี ำ� ตอบ 4 แบบ คอื 1) เกินพอ 2) เพยี งพอ 3) เพียงพอบางคร้งั และ 4) ไม่เพียงพอ โดยรวม พบว่า กลุ่มท่ี 1 ผู้สูงอายุร้อยละ 1.5 ตอบว่ามีเกินพอ กลุ่มท่ี 2 มีรายได้เพียงพอ ร้อยละ 36.3 กลมุ่ ที่ 3 รายไดเ้ พียงพอบางครง้ั ร้อยละ 22.8 และกลมุ่ ท่ี 4 บอกว่าไม่เพยี งพอ รอ้ ยละ 39.4 (รปู ที่ 7.2.7) รูปที่ 7.2.7 รอ้ ยละของผสู้ ูงอายุเก่ยี วกับความเพยี งพอของรายได้ เมื่อจำ� แนกตามเพศและอายุพบว่า ผู้สงู อายุชายวยั 60 - 69 ปีร้อยละ 39.9 และหญิงรอ้ ยละ 33.4 บอกว่า มีรายได้อย่างเพียงพอ และประมาณร้อยละ 1.3 - 1.4 บอกว่ามีเกินพอ ในผู้ชายสัดส่วนนี้ค่อนข้างคงที่ตามอายุ แต่ในผสู้ ูงอายหุ ญงิ เพิ่มข้นึ เมอ่ื อายุมากขนึ้ ส�ำหรับผู้ที่ตอบว่าไม่เพียงพอเป็นบางครั้ง หรือ มีไม่พอใช้ มีสัดส่วน ร้อยละ 35.2 และ 41.1 ในกลุ่มชาย และหญิงอายุ 60 - 69 ปี ตามล�ำดับ สัดส่วนนี้เพิ่มข้นึ เมอ่ื อายมุ ากขนึ้ เมอื่ พิจารณาถงึ กลุ่มทต่ี อบวา่ รายไดไ้ มเ่ พียงพอ จ�ำแนกตามเขตการปกครอง พบว่าผสู้ งู อายุทีอ่ ยใู่ นเขตเทศบาล จะมีสัดส่วนรายได้ไม่เพียงพอต�่ำกว่า (ชายร้อยละ 32.8 และหญิงร้อยละ 33.6 ตามล�ำดับ) ผู้ที่อยู่นอกเขตเทศบาล (ชายร้อยละ 38.9 และ หญงิ รอ้ ยละ 45.9) แบบแผนของสัดส่วนรายได้ที่ไม่พอใช้ที่พบคือ ผู้หญิงสูงกว่าผู้ชายในทุกภาค ที่มีปัญหามากท่ีสุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีสัดส่วนรายได้ท่ีไม่พอ ร้อยละ 55.8 และ 49.7 ในหญิงและชาย ตามล�ำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้สูงอายุหญิงในกรุงเทพฯก็น่าจะมีปัญหาเช่นเดียวกัน คือพบถึงร้อยละ 33.5 ซ่ึงถ้ารวมกับกลุ่ม ทีม่ ีไมพ่ อบางครงั้ รวมเปน็ ร้อยละ 52.3

การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 281 รปู ที่ 7.2.8 รอ้ ยละของผูส้ งู อายุเกี่ยวกบั ความเพียงพอของรายได้ จำ� แนกตามอายุ และเพศ

282 การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 7.3 ปัจจยั ทเี่ กือ้ หนนุ ผ้สู งู อายุ ดา้ นหลกั ประกนั ในการอย่อู าศยั และความปลอดภยั ในการส�ำรวจนี้ได้ใช้ดัชนีชี้วัดที่สะท้อนถึงความเป็นอยู่ดีมีสุข ด้านจิตใจและสังคมของผู้สูงอายุ ด้านการ มหี ลกั ประกนั ในทอ่ี ยอู่ าศยั และความปลอดภยั โดยวดั จาก (1) ความเปน็ เจา้ ของบา้ น และทอ่ี ยอู่ าศยั (2) อยกู่ บั ครอบครวั 3 รุ่น ท่ีมีลูกหลานอยู่ด้วยกัน (3) การได้รับความช่วยเหลือดูแลจากลูกหลาน และ (4) ลักษณะที่อยู่อาศัย เหมาะสมกบั วัย มีการดัดแปลงเพ่ือความปลอดภัย ลกั ษณะการอยู่อาศยั ประเภทของการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ มีความส�ำคัญมากต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่ดี ได้แบ่งลักษณะเป็นอยู่ คนเดยี ว อยู่กบั คสู่ มรสเท่านั้น อย่กู บั บุตร อย่กู ับครอบครวั 3 รุ่น คอื ปูย่ า่ - พ่อแม่ - ลูก - หลาน และผูส้ ูงอายุท่ีไม่มีบา้ น หรือต้องอยบู่ า้ นสงเคราะห์ นโยบายผู้สูงอายุของประเทศไทย เน้นการท่ีผู้สูงอายุอยู่กับครอบครัว 3 รุ่นเป็นหลักประกัน2 ที่จะมีผู้ดูแล เมื่อจ�ำเป็น ผู้สูงอายุสามารถรับภาระในครอบครัวตามอัตภาพ เช่น เลี้ยงดู อบรมลูกหลาน และมีความสัมพันธ์ท่ีดีกับ สมาชกิ ของครอบครัว การส�ำรวจนผ้ี สู้ งู อายุไทยทอ่ี ยใู่ นครอบครวั 3 รุ่นมีถงึ รอ้ ยละ 32.1 ในผู้ชาย และร้อยละ 34.2 ใน ผหู้ ญิง เม่อื รวมกบั กลมุ่ ที่อยู่กบั บุตร คิดเปน็ ร้อยละ 61.7 กับ ร้อยละ 68.2 ของผู้สงู อายชุ ายและหญงิ ตามล�ำดับ ซง่ึ นับ ว่ามีสัดส่วนค่อนข้างสูง และใกล้เคียงกับผลจากการส�ำรวจฯ ครั้งท่ี 5 พ.ศ. 2557 สถานการณ์ท่ีจัดว่าเป็นความเส่ียง ทางสังคมต่อผู้สูงอายุคือ การที่ต้องอยู่คนเดียวและอยู่กับคู่สมรสเท่าน้ัน ในการส�ำรวจครั้งน้ีได้พบว่าโดยรวมมีผู้สูงอายุ ท่ีต้องอย่คู นเดียวร้อยละ 9.5 (ชายร้อยละ 6.7 และหญิงร้อยละ 11.7) นา่ สงั เกตว่าผสู้ ูงอายหุ ญิงที่อยู่คนเดียวมากกวา่ ผชู้ าย ซง่ึ ข้อมูลน้ีสะท้อนถึงความต้องการผ้ดู แู ล ซึ่งจะมแี นวโนม้ เพ่ิมข้นึ ในชว่ ง 40 ปที ผี่ า่ นมา พบสดั สว่ นของผสู้ งู อายทุ อ่ี ยคู่ นเดยี ว และอยกู่ บั คสู่ มรสเทา่ นนั้ มแี นวโนม้ สงู ขน้ึ ตามลำ� ดบั (รูปที่ 7.3.3) ข้อมลู จากสำ� มะโนประชากร ต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2513 กลุม่ ทอ่ี ยคู่ นเดยี วมรี ้อยละ 4.0 สว่ นอยกู่ ับคูส่ มรสเทา่ นนั้ มีร้อยละ 5.0 สองกลุ่มน้ีมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นตามล�ำดับ จนกระทั้งการส�ำรวจครั้งน้ีพบว่ามีร้อยละ 9.5 และ 22.3 ตามลำ� ดบั 3 แนวโนม้ ทเ่ี พมิ่ ขนึ้ นส้ี ว่ นหนง่ึ นา่ จะเปน็ การเปลย่ี นแปลงของคา่ นยิ มทบ่ี ตุ รหลานแยกครอบครวั ไปอยตู่ า่ งหาก ตามแนวโน้มของการมีครอบครัวเด่ียวมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้แสดงถึงความเส่ียงต่อการขาดผู้ดูแลผู้สูงอายุเมื่อจ�ำเป็น โดยเฉพาะจากลกู หลานที่อยหู่ า่ งกนั รปู ท่ี 7.3.3 2 John Knodel and Napaporn Chayowan. Family Support and Living Arrangement of Thai Elderly. Asia-Pacific Population Journal vol.12, No. 4, December 1997. 3 มัทนา พนานิรามัย หลกั ประกันผู้สงู อายไุ ทย : บทเรยี นจากบางประเทศในเอเชีย, มลู นธิ สิ าธารณสขุ แหง่ ชาติ, 2545 www.nhf.or.th

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 283 รปู ท่ี 7.3.1 รอ้ ยละของลักษณะการอยอู่ าศัย จำ� แนกอายุ และเพศ รูปท่ี 7.3.2 รอ้ ยละของลักษณะการอยอู่ าศยั จ�ำแนกตามรายภาค

284 การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ท่ี 6 พ.ศ. 2562 - 2563 รูปท่ี 7.3.3 แนวโน้มของผู้สูงอายุทีอ่ ย่คู นเดียวหรอื อยกู่ บั คู่สมรสเท่านั้น พ.ศ. 2513-2562 แหล่งขอ้ มลู : สำ� มะโนประชากร ปี พ.ศ. 2513, 2523, 2533 และ 2543 เปรยี บเทียบกบั ข้อมลู จากการสำ� รวจสถานะสุขภาพปี พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2552 (1) สถานะในครอบครัว ผู้สูงอายุชายส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นหัวหน้าครัวเรือนโดยรวมมีถึงร้อยละ 76.6 มากกว่าหญิงสูงอายุเกินสองเท่า (35.5) กลุ่มที่อยู่กับคู่สมรส ร้อยละ 8.4 และ 33.4 ในผู้สูงอายุชายและหญิง ตามล�ำดับ เป็นท่ีสังเกตได้ว่าผู้สูงอายุ หญิงที่บอกว่าอยู่กับคู่สมรสน้ันน่าจะเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน สถานะดังกล่าวนี้น่าจะเทียบเท่าเจ้าของบ้าน ล�ำดับต่อไป คืออยู่กับบุตรหลาน ร้อยละ 12.1 และ 24.6 ในชายและหญิง ตามล�ำดับ ที่เหลือท่ีเป็นผู้อาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง หรอื คนอืน่ ทไี่ มใ่ ช่ญาติ มีสดั ส่วนคอ่ นขา้ งน้อย รปู ท่ี 7.3.4 ร้อยละของผสู้ งู อายตุ ามสถานะในครอบครวั จ�ำแนกตามเพศ

การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 285 รูปที่ 7.3.5 ร้อยละของผสู้ ูงอายุตามสถานะในครอบครัว จ�ำแนกตามอายุ และเพศ โครงสร้างของบ้าน โครงสรา้ งของบา้ นเปน็ ปจั จยั หนง่ึ ทกี่ ำ� หนดความอยดู่ ขี องผอู้ ยอู่ าศยั สำ� หรบั ผสู้ งู อายใุ นการลดโอกาส หรอื ปอ้ งกนั อุบตั เิ หตใุ นบ้านท่พี บบอ่ ย เชน่ การหกล้ม หรือตกบันได ในการสำ� รวจครั้งนถ้ี ามถึงโครงสร้างของบา้ นเปน็ 3 ประเภท คอื (1) บา้ นช้ันเดยี วยกพ้ืนสูง ทีผ่ อู้ ยู่อาศยั ตอ้ งขนึ้ ลงบันไดเปน็ ประจำ� วนั (2) บ้านชน้ั เดยี วไมย่ กพืน้ (3) บ้านหรอื ตึกสอง ชั้นข้ึนไป และ (4) อนื่ ๆ เม่ือจ�ำแนกโครงสร้างของบ้านตามอายุและเพศของผู้สูงอายุ พบว่าโครงสร้างของบ้านไม่มีความแตกต่างกัน ตามอายุและเพศของผู้ที่อยู่อาศัย ซึ่งพอสรุปได้ว่าส่วนใหญ่เป็นบ้านท่ีสร้างตามความนิยมและวัฒนะธรรมของท้องถ่ิน ซ่งึ ควรตอ้ งดดั แปลงให้เหมาะสมกบั วัยของผอู้ ยอู่ าศัย รูปท่ี 7.3.6 ร้อยละของลกั ษณะโครงสรา้ งบา้ นของผสู้ งู อายุ

286 การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 เมอื่ จำ� แนกตามเขตการปกครอง พบว่าบ้านหรอื ตึกสองช้ันขนึ้ ไปพบมากทีส่ ุดท้งั ในเขตฯ และนอกเขตเทศบาล รอ้ ยละ 55.2 และ 38.6 ตามลำ� ดับ รองลงมาคือ บ้านชั้นเดยี ว ไมย่ กพนื้ พบนอกเขตฯ มากกวา่ ในเขตฯ ร้อยละ 37.5 และ 28.0 ตามล�ำดับ และบ้านช้ันเดียว ยกพ้ืนสูง พบว่า มีสัดส่วนของนอกเขตฯ (ร้อยละ 24.0) มากกว่าในเขตฯ (รอ้ ยละ 16.8) (รูปท่ี 7.3.8) รปู ที่ 7.3.7 รอ้ ยละของลักษณะโครงสร้างบ้านของผ้สู ูงอายุ จ�ำแนกตามเขตการปกครอง เมื่อจ�ำแนกตามภาคจะเห็นความแตกต่างระหว่างภาคได้ค่อนข้างชัดเจน อาทิเช่น บ้านชั้นเดียวยกพ้ืนสูง พบมากท่ีสุดในภาคเหนือ (ร้อยละ 33.0) รองลงมาคือ ภาคกลาง (ร้อยละ 26.1) ส�ำหรับภาคใต้นิยมบ้านชั้นเดียว ไม่ยกพน้ื ซึง่ พบถงึ ร้อยละ 49.4 ส�ำหรบั บ้านหรอื ตกึ สองช้นั ขึ้นไปพบเกนิ ครึง่ ในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ร้อยละ 77.9 และรอ้ ยละ 56.2 ตามลำ� ดับ) รูปที่ 7.3.8 รูปที่ 7.3.8 รอ้ ยละของลกั ษณะโครงสร้างบ้านของผู้สูงอายุ จ�ำแนกตามรายภาค