แบบการวิเคราะห์ตัวชี้วัดเพ ช้นั ประถมศ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ ช สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วดั สาร - - - บรู ณาการและ สาระท่ี 1 - ทกั ษะการจดั วทิ ยาศาสตร์ ขอ้ มลู ชีวภาพ - ทักษะการห กบั สเปซและส สรา้ งแบบจำล - หลกั ฐานกบั มาตรฐาน ว 1.2 ว 1.2 ป.3/1 - มนุษยแ์ ละส เข้าใจสมบัติของสิง่ มชี วี ติ บรรยายส่งิ ทจ่ี ำเป็นต่อ อากาศ เพ่ือกา หนว่ ยพ้ืนฐานของสิง่ มีชวี ติ การดำรงชวี ิตและการ เจรญิ เติบโต การลำเลียงสารเข้า เจริญเตบิ โตของมนุษย์ และออกจากเซลล์ และสัตว์ โดยใชข้ อ้ มลู ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง ทร่ี วบรวมได้ และหนา้ ท่ขี องระบบต่าง ๆ ว 1.2 ป.3/2 - อาหารช่วยใ ของสตั ว์และมนษุ ย์ทีท่ ำงาน ตระหนักถึงประโยชน์ เจริญเตบิ โต น สมั พนั ธก์ นั ความสัมพนั ธข์ อง ของอาหาร นำ้ และ อย่างปกติ อา
พื่อจัดทำคำอธิบายรายวิชา หนว่ ยการเรยี นรู/้ ชว่ั โมง คะแนน ศกึ ษาปีที่ 3 เนื้อหา 28 20 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 หนว่ ยท่ี 1 การเรียนรู้ ระการเรยี นรู้แกนกลาง สงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั ะทักษะทางวิทยาศาสตร์ ดกระทำและส่ือความหมาย หาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง สเปซ หน่วยท่ี 2 อากาศ 24 10 สเปซกับเวลาและทักษะการ และ ชวี ิตของสัตว์ ลอง บการสอื่ สารทางวทิ ยาศาสตร์ สัตว์ตอ้ งการอาหาร น้ำ และ าร ดำรงชวี ิตและการ ใหร้ า่ งกายแข็งแรงและ 10 น้ำชว่ ย ใหร้ ่างกายทำงานได้ ากาศใช้ในการหายใจ
สาระ มาตรฐาน ตัวช้ีวัด สาร โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของ อากาศ โดยการดแู ล อวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ี ตนเองและสัตว์ให้ ทำงานสัมพันธก์ นั รวมท้ังนำ ได้รับ ส่ิงเหลา่ น้ีอยา่ ง ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ เหมาะสม ว 1.2 ป.3/3 - สตั ว์เมอื่ เป็น สรา้ งแบบจำลองท่ี ลูก เจรญิ เตบิ โ บรรยายวัฏจักรชีวติ ตอ่ ไปได้อีก ห ของ สัตว์ และ ของสัตว์ ซ่งึ สตั เปรยี บเทยี บวัฏจกั ร ไก่ มนุษย์จะม ชีวิตของสัตว์ บางชนิด แตกต่างกัน ว 1.2 ป.3/4 ตระหนกั ถึงคุณค่าของ ชีวิตสตั ว์ โดยไม่ทำ ใหว้ ฏั จักรชีวิตของสตั ว์ เปลี่ยนแปลง สาระที่ 3 มาตรฐาน ว 3.2 ว 3.2 ป.3/1 - อากาศโดยท วิทยาศาสตร์ เข้าใจองค์ประกอบและ ระบุส่วนประกอบของ ประกอบดว้ ย โลก และ อวกาศ ความสัมพนั ธ์ของระบบโลก อากาศ บรรยาย แก๊สคารบ์ อนไ กระบวนการเปลีย่ นแปลง ความสำคญั ของอากาศ น้ำ และ ฝนุ่ ละ
ระการเรียนรแู้ กนกลาง หนว่ ยการเรียนร/ู้ ชว่ั โมง คะแนน เนอ้ื หา นตัวเตม็ วัยจะสบื พนั ธุม์ ลี ูก เมื่อ 15 โตเปน็ ตวั เตม็ วยั ก็สบื พันธ์มุ ีลกู หมุนเวยี นต่อเนอ่ื งเปน็ วัฏจักรชวี ิต ตว์ แตล่ ะชนดิ เชน่ ผเี ส้ือ กบ มวี ฏั จักรชีวิตที่ เฉพาะ และ 5 ทว่ั ไปไม่มสี ี ไม่มีกลิ่น หนว่ ยที่ 2 อากาศ 24 15 แกส๊ ไนโตรเจน แก๊สออกซเิ จน และ ชวี ติ ของสตั ว์ ไดออกไซด์ แก๊สอน่ื ๆ รวมทั้งไอ ะออง อากาศมี ความสำคัญต่อ
สาระ มาตรฐาน ตัวช้ีวดั สาร ภายในโลกและบนผิวโลก และผลกระทบของ สง่ิ มชี ีวิต หาก ธรณีพบิ ัติภัย กระบวนการ เปลย่ี นแปลง มลพษิ ทางอากาศตอ่ เหมาะสม เน่ือ ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ โลก รวมทัง้ ผลต่อสง่ิ มชี วี ิต ส่งิ มชี วี ิต จากขอ้ มูลที่ ละอองในปรมิ และส่ิงแวดล้อม รวบรวมได้ ตอ่ สิ่งมชี ีวติ ช อากาศ ว 3.2 ป.3/2 - แนวทางการ ตระหนักถึง อากาศ เชน่ ใ ความสำคัญของอากาศ เทคโนโลยที ่ีล โดย นำเสนอแนวทาง การปฏบิ ัติตนในการลด การ เกิดมลพิษทาง อากาศ ว 3.2 ป.3/3 - ลม คืออากา อธิบายการเกดิ ลมจาก แตกต่างกันขอ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ใกล้กัน โดยอา ลอยตัวสงู ขึน้ ต่ำกว่าจะเคล่อื ว 3.2 ป.3/4 - ลมสามารถน ทดแทนในการ
ระการเรยี นรู้แกนกลาง หน่วยการเรียนร/ู้ ชั่วโมง คะแนน เนื้อหา กสว่ นประกอบของ อากาศไม่ องจากมีแก๊สบางชนดิ หรอื ฝุ่น มาณมาก อาจทำให้เป็นอันตราย ชนิดต่าง ๆ จดั เป็นมลพิษทาง รปฏิบตั ิตนเพ่ือลดมลพิษทาง ใชพ้ าหนะรว่ มกัน หรือเลอื กใช้ ลดมลพษิ ทางอากาศ าศท่ีเคลื่อนที่ เกิดจากความ 15 อง อุณหภูมิอากาศบริเวณที่อยู่ ากาศบริเวณ ท่ีมีอณุ หภมู ิสูงจะ และอากาศบรเิ วณทีม่ ี อุณหภมู ิ อนเข้าไปแทนที่ นำมาใชเ้ ป็นแหล่งพลังงาน ร ผลติ ไฟฟ้า และนำไปใช้
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ดั สาร บรรยายประโยชนแ์ ละ ประโยชนใ์ นก โทษของลมจาก ข้อมูล มนุษย์ หากลม ท่ีรวบรวมได้ ทำให้เกิดอันต และ ทรพั ยส์ ิน รวม สอบปลายภาค
ระการเรยี นรูแ้ กนกลาง หน่วยการเรียนร/ู้ ชว่ั โมง คะแนน เนือ้ หา การทำกจิ กรรม ต่าง ๆ ของ มเคล่ือนที่ด้วยความเรว็ สูง อาจ ตรายและความเสียหายตอ่ ชวี ติ นได้ 80 70 30
คำอธิบายรายวชิ า กลุม่ สาระการเรียนรู้ : วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า : ว 13101 ชอื่ รายวิชา : วิทยาศาสตร์ 3 ชัน้ : ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เวลา : 160 ชวั่ โมง/ปี จำนวน : 4.0 หน่วยกิต ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ที่พบ บริเวณโรงเรียน บริเวณชุมชนและบริเวณท้องถิ่น วัฏจักรชีวิตของสัตว์ วัตถุประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อยซ่ึง สามารถแยกออกจากกันและประกอบกันเป็นวตั ถุชน้ิ ใหม่ได้ การเปลี่ยนแปลงของวัสดุเม่ือทำใหร้ ้อนข้ึนหรือทำ ให้เย็นลง ผลของแรงที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลือ่ นที่ของวตั ถุ แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส วัสดุที่แม่เหล็ก ดึงดดู ได้ ขวั้ แม่เหลก็ การเปลยี่ นพลังงานหน่ึงไปเป็นอีกพลังงานหนึ่ง การทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แหล่ง พลังงานในการผลิตไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และปลอดภัย การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การเกิด กลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ และความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต ส่วนประกอบของอากาศและ ความสำคญั ของอากาศ ปญั หามลพิษทางอากาศในชุมชน ผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศต่อสงิ่ มชี วี ติ การลด การเกิดมลพิษทางอากาศ การเกดิ ลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ข้ันพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารส่ิงที่เรยี นรู้ มีความคิดสรา้ งสรรค์ และสามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้ ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ ดำรงชวี ติ มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม คา่ นิยมท่ีเหมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง สรา้ งสรรค์โดยใชว้ ิธีการของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง และมีเจตคติที่ดตี อ่ การเรยี นวิทยาศาสตร์ มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั : ว 1.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 2.1 ป.3/1 ป.3/2 ว 2.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว 3.1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว 3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 รวม 20 ตัวช้ีวดั
ประมวลการสอน (Course Syllabus) ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา ว 13101 จำนวน 4 หนว่ ยกิต เวลา 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ ครูประจำวิชา นายอิสรานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ สัปดาหท์ ่ี / วนั /เดอื น/ปี หนว่ ยการเรียนรู้/สาระการเรียนรู้ งานท่ีมอบหมาย กำหนดสง่ 1 17 - 20 พ.ค. 65 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเรียนรสู้ ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว บทที่ 1 เรียนรู้แบบนกั วิทยาศาสตร์ - เรียนรแู้ บบนกั วิทยาศาสตร์ - ทักษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู (3 ชม.) 2 23 - 27 พ.ค. 65 - ทกั ษะการหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซและสเปซ กบั เวลาและทกั ษะการสรา้ งแบบจำลอง - ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปชกบั สเปช (2 ชม.) - ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปชกบั เวลา 3 30 พ.ค. - 3 มิ.ย. 65 - ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปชกับเวลา (ต่อ) ชน้ิ งาน สรา้ ง 6 มิ.ย. 65 - สรา้ งแบบจำลองอธิบายกระบอกปริศนา (2 ชม.) แบบจำลอง - หลกั ฐานกับการสอ่ื สารทางวทิ ยาศาสตร์ 4 6 - 10 ม.ิ ย. 65 - คำตอบทนี่ ่าเชอ่ื ถอื (2 ชม.) - กิจกรรมทา้ ยบทท่ี 1 (2 ชม.) 5 13 - 17 ม.ิ ย. 65 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 อากาศและชีวติ ของสัตว์ บทท่ี 1 อากาศและความสำคัญของอากาศ - อากาศและความสำคญั ของอากาศ - อากาศ - สว่ นประกอบของอากาศ (2 ชม.) 6 20 - 24 มิ.ย. 65 - ส่วนประกอบของอากาศ (ต่อ) - ลดมลพิษทางอากาศ (3 ชม.) 7 27 มิ.ย. - 1 ก.ค. 65 - การเกิดลม (3 ชม.) - กจิ กรรมท้ายบทท่ี 1 อากาศและความสำคญั ของอากาศ 8 4 - 8 ก.ค. 65 บทที่ 2 การดำรงชวี ิตของสัตว์ - การดำรงชวี ติ ของสตั ว์ - สิง่ ท่ีจำเปน็ ตอ่ การเจรญิ เติบโตและการดำรงชวี ิตของสัตว์ และมนษุ ย์ - สตั วต์ อ้ งการส่งิ ใดในการเจรญิ เตบิ โตและการดำรงชีวิต (2 ชม.) 9 11 - 15 ก.ค. 65 - สตั ว์ต้องการส่ิงใดในการเจรญิ เตบิ โตและการดำรงชวี ิต (2 ชม.) - มนุษยต์ ้องการส่งิ ใดในการเจรญิ เติบโตและการดำรงชีวิต (2ชม.) 10 18 - 22 ก.ค. 65 สอบกลางภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ข้อสอบปรนยั 30 ขอ้ อัตนยั 10 ข้อ 20 คะแนน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 บทท่ี 1 เรียนรแู้ บบนักวิทยาศาสตร์ อ่านหน้า 1 – 39
สัปดาห์ท่ี / วนั /เดือน/ปี หน่วยการเรยี นรู้/สาระการเรยี นรู้ งานทม่ี อบหมาย กำหนดสง่ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 บทที่ 1 อากาศและความสำคญั ของอากาศ อา่ นหน้า 45 – 72 11 25 - 29 ก.ค. 65 - วฏั จกั รชวี ิตของสตั ว์ - วฏั จักรชวี ิตของสัตวเ์ ป็นอย่างไร (3 ชม.) 12 1 - 5 ส.ค. 65 - กจิ กรรมทา้ ยบทท่ี 2 การดำรงชวี ิตของสัตว์ (4 ชม.) 13 8 - 12 ส.ค. 65 บทที่ 2 การดำรงชวี ิตของสัตว์ - การดำรงชวี ติ ของสตั ว์ (4 ชม.) 14 15 - 19 ส.ค. 65 - ส่งิ ทจ่ี ำเป็นต่อการเจริญเตบิ โตและการดำรงชวี ติ ของสัตว์ และมนษุ ย์ (4 ชม.) 15 22 - 26 ส.ค. 65 - สตั ว์ตอ้ งการสง่ิ ใดในการเจริญเติบโตและการดำรงชีวติ (4 ชม.) 16 29 ส.ค. - 2 ก.ย. 65 - มนษุ ย์ต้องการส่งิ ใดในการเจรญิ เติบโตและการดำรงชวี ติ (4 ชม.) 17 5 - 9 ก.ย. 65 - วฏั จกั รชีวติ ของสัตว์ (4 ชม.) แผนภาพ วฏั จักร 16 ก.ย. 65 ชวี ติ ของสตั ว์ 18 12 - 16 ก.ย. 65 - วฏั จักรชวี ิตของสัตวเ์ ปน็ อย่างไร (4 ชม.) 19 19 - 23 ก.ย. 20 26 - 30 ก.ย. 65 - กิจกรรมท้ายบทที่ 2 การดำรงชีวติ ของสัตว์ (4 ชม.) 65 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 การเปล่ียนแปลงของวัตถแุ ละวสั ดุ - แยกออกประกอบใหม่ (2 ชม.) - ทำวตั ถุช้นิ ใหม่จากวัตถุชน้ิ เดมิ (2 ชม.) 21 3 - 7 ต.ค. 65 สอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ขอ้ สอบปรนยั 30 ขอ้ อตั นัย 10 ข้อ 30 คะแนน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 บทท่ี 2 การดำรงชีวิตของสตั ว์ อา่ นหน้า 75 – 101 หมายเหตุ : 1. มีแบบฝกึ หัดทา้ ยชว่ั โมงทุกคาบ 2.กำหนดการอาจมีการเปลีย่ นแปลงตามความเหมาะสม
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี ารประเมินผล กำหนดส่ง/ประเมิน คะแนนระหว่างเรยี น คะแนนรวม 1 คะแนนระหวา่ งเรยี นกอ่ นสอบกลางภาค 25 คะแนน 1.1 คะแนนแบบฝึกหดั ทา้ ยบท / ทดสอบยอ่ ย ทุกสัปดาห์ 15 20 คะแนน 1.2 ชน้ิ งาน สร้างแบบจำลอง 6 มิ.ย. 65 10 25 คะแนน 2 คะแนนสอบกลางภาคเรยี น 30 คะแนน 3 คะแนนระหวา่ งเรยี นหลงั สอบกลางภาค 100 คะแนน 3.1 คะแนนแบบฝึกหดั ทา้ ยบท / ทดสอบย่อย ทุกสปั ดาห์ 15 3.2 แผนภาพ วัฏจกั รชวี ิตของสัตว์ 16 ก.ย. 65 10 4 คะแนนสอบปลายภาคเรียน รวม (นายอิสรานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นายอิสรานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) (นางมาลี แจม่ กระจา่ ง) ครปู ระจำวชิ า หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ หัวหนา้ ระดบั (นางปรยี า เยน็ นะสา) (นางสาวสุขใจ ปรีศริ ิ) หัวหน้างานหลกั สตู รฯ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ อนุมัตกิ ารใชป้ ระมวลการสอนรายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 (นางถนอมจติ ต์ ขทุ ทะกะพนั ธุ)์ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์
แผนการจดั การเรยี นรู้ สัปดาห์ท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั : ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ชื่อรายวิชา : วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วิชา: ว 13101 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเรยี นรสู้ ิง่ ต่าง ๆ รอบตัว เวลา : 4 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัดมาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรยี นรู้ - 2. สาระสำคัญ เมื่อตอ้ งการรวบรวมข้อมูลเกยี่ วกับส่ิงต่างๆ รอบตวั นอกจากจะใชป้ ระสาทสัมผสั ในการสังเกตแล้ว ยังสามารถใช้ เครื่องมือต่างๆ ช่วยในการสังเกต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและละเอียดขึ้น และสามารถนำข้อมูลที่รวบรวมได้ไปใช้ในการ จำแนกประเภทของส่ิงของท่สี ังเกตได้ และตอบคำถามท่ตี ้องการสืบเสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ เปรียบเทียบการจัดกระทำ และสื่อความหมายข้อมูลหนึ่ง ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปแบบข้อความ แผน ภูมิ รูปภาพ และตาราง รวมทงั้ ฝกึ ทกั ษะการจดั กระทำและสือ่ ความหมายข้อมลู เพ่ือให้ผู้อนื่ เขา้ ใจได้ง่าย ถกู ตอ้ ง และรวดเร็ว 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้าน K 1. อธบิ ายวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ได้ 2. ใชว้ ธิ ีการทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ 3. ใชท้ ักษะการสงั เกต โดยใชเ้ ครื่องมือชว่ ยในการสังเกต 4. ใชท้ กั ษะการจำแนกประเภท โดยระบุเกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการจำแนกสิ่งตา่ งๆ ออกเป็นกลุม่ 5. ใช้การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งตา่ งๆ ในการสบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 6. เปรียบเทียบการจัดกระทำและสอื่ ความหมายข้อมูล ในรูปแบบต่าง ๆ ด้าน P 7. ฝกึ ทักษะการสังเกตโดยใชแ้ ว่นขยายเป็นเคร่ืองมือชว่ ยในการสังเกต 8. ฝึกทักษะการจำแนกประเภทของส่ิงตา่ งๆ โดยระบเุ กณฑ์ในการจำแนกวิทยาศาสตร์ ด้าน A 9. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 4. สาระการเรียนรู้ เรียนร้แู บบนักวิทยาศาสตร์ 1. สังเกตสงิ่ ต่างๆ 2. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. การจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมลู 5. ทักษะกระบวนการ 5.1 ทกั ษะการเช่ือมโยง 5.2 ทักษะการอา่ น การเขียน การพดู และการฟงั 5.3 การทำงานเป็นทีม
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 8. บูรณาการสาระท้องถน่ิ /สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรยี นรู้ (ชนิ้ งาน/ภาระงาน) 1. แบบบันทกึ กจิ กรรม 2. รายงานการทดสอบ 10.สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. แบบบันทึกกจิ กรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหลง่ เรียนรู้ เชน่ หนังสอื วารสาร อนิ เทอรเ์ นต็ 11. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 เร่อื ง : เรยี นรู้แบบนกั วิทยาศาสตร์ ขนั้ ท่ี 1 ขั้นเตรยี มกิจกรรม เตรียมอุปกรณ์การเรียน สอื่ การเรยี นการสอน ขัน้ ที่ 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่นักเรียนได้เรียนมาแล้วในช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 โดยอาจใช้ คำถามว่านักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทักษะใด มาแล้วบ้าง แต่ละทักษะมีประโยชน์และสามารถนำไปใช้สบื เสาะหา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของ ตนเองจากที่เคยเรียนรู้มา เช่น ทักษะการสังเกตเป็นการใช้ประสาท สัมผัสในการเก็บข้อมูล การจำแนกประเภทเป็น การจดั กลมุ่ ส่ิงต่าง ๆ ตามเกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ หากครคู น้ พบวา่ นกั เรยี นยงั มีความเขา้ ใจ คลาดเคลอื่ นในประเดน็ ใด ครูอาจใช้ เวลาในการอภิปรายกับนักเรียน เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเข้าใจคลาดเคลื่อนนน้ั ๆ) ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ดำเนินการสอน 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการสร้า ง แบบจำลอง และหลกั ฐานกับ ส่อื สารทางวิทยาศาสตร์ โดยนำภาพแมว 2 ตวั ตวั ละภาพ มาให้ นกั เรียนสังเกต โดยแมวทั้ง สองตวั มีขนาดแตกตา่ งกัน และในภาพแมว ทต่ี วั มีขนาดใหญก่ ว่ามีชามอาหารวางอยดู่ ้วย จากนนั้ ใชค้ ำถาม ดังนี้ 2.1 จากการสังเกตแมวในภาพ นักเรียนได้ข้อมูลอะไรบ้าง (ข้อมูล ลักษณะของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ขนาดของร่างกาย)
2.2 จากการสังเกตแมวทั้งสองตัวมีข้อมูลใดบ้างที่เหมือนกัน และมี ข้อมูลใดบ้างที่แตกต่างกัน (นักเรียน ตอบตามสิ่งทส่ี ังเกตได้ เชน่ ขอ้ มลู ทเ่ี หมอื นกัน ไดแ้ ก่ มีขา 4 ขา มีหวั หู หาง ตนี ข้อมูลท่ีแตกต่างกัน ได้แก่ ขนาดร่างกาย สีขน สตี า) 2.3 ถ้าต้องการบอกเล่าข้อมูลที่ได้จากการสังเกตภาพแมวทั้ง 2 ตัว ให้กับคนที่ไม่เคยเห็นภาพแมวน้ี นักเรียนจะทำได้อย่างไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น เล่าลักษณะของแมวจาก ความจำให้คนอื่นฟัง วาดภาพ และช้ีส่วนตา่ ง ๆ ของแมวแลว้ นำไปให้ผู้อน่ื ดู หรอื ถ่ายภาพแมวแลว้ นำไปใหผ้ ูอ้ นื่ ดู) 2.4 ระหว่างรูปวาดแล้วชี้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายกับภาพถ่าย นักเรียนคิดว่าอะไรจัดเป็นแบบจำลอง เพราะเหตใุ ด (นกั เรยี น ตอบตามความเขา้ ใจ ซึ่งคำตอบที่ครคู วรรคู้ ือ รูปวาดจดั เป็น แบบจำลอง เพราะเปน็ สง่ิ ที่สร้างขึ้นมา เพอื่ แทนส่ิงทม่ี อี ยูจ่ รงิ ) 2.5 จากภาพของแมว นักเรียนคิดว่าแมวมขี นาดแตกต่างกันเพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น แมวมีขนาด แตกต่างกันเพราะมีอายุไม่เท่ากัน แมวที่อายุมากกว่ามีขนาด ลำตัวใหญ่กว่าแมวที่อายุน้อย หรือแมวมี ขนาดแตกต่างกัน เพราะมีอาหารกินไมเ่ ทา่ กนั แมวในภาพท่มี ชี ามอาหารวางอยู่มี ขนาดลำตัวใหญก่ ว่าแสดงว่ามีอาหารกิน มากกว่า) 2.6 จากคำตอบทั้งหมด นักเรียนคิดว่าคำตอบของเพื่อนคนใด น่าเชื่อถือกว่ากัน เพราะเหตุใด (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจ ของตนเองพร้อมบอกเหตุผลประกอบ เช่น ตอบว่าแมวมีขนาด แตกต่างกันเพราะมีอาหารกินไม่ เทา่ กัน เพราะในภาพเหน็ วา่ แมวท่มี ขี นาดลำตัวใหญ่กว่ากำลังกินอาหารแสดงวา่ มีอาหารกิน มากกว่า) 3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่องการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยให้อ่าน ชื่อหน่วย และอ่านคำถามสำคัญประจำ หน่วยที่ 1 ดังนี้ จัดกระทำข้อมูลและนำเสนอความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมีหลักฐานทีน่ ่าเชื่อถือ ได้อย่างไร นักเรียนตอบ คำถาม โดยครยู ังไม่ตอ้ งเฉลยคำตอบ แต่จะให้นักเรียน ยอ้ นกลับมาตอบอกี ครั้งหลงั จากเรยี นจบหนว่ ยน้ีแลว้ 4. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำบท ใน หนังสือเรียน หน้า 1 จากนั้นครูใช้คำถาม เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจ ดงั นี้ 4.1 บทน้จี ะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (เร่อื งการเรยี นรู้แบบนักวิทยาศาสตร)์ 4.2 จากจุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อเรียนจบบทนี้นักเรียนสามารถทำ อะไรได้บ้าง (สามารถใช้ทักษะการ จัดกระทำและสื่อความหมาย ข้อมูล ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และสเปซกับเวลา และทักษะการ สร้างแบบจำลองในการ สืบเสาะและอธิบายความรู้ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสามารถใช้ หลักฐานที่น่าเชื่อถือมา ประกอบการอธิบายความรทู้ าง วทิ ยาศาสตร)์ 5. นักเรียนอ่านชื่อบทและแนวคิดสำคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 2 จากนั้นครู ใช้คำถามดังนี้ จากการอ่านแนวคิด สำคญั นกั เรียนคดิ ว่าจะไดเ้ รยี น เก่ยี วกับเร่อื งอะไรบา้ ง (เรียนเร่อื งทกั ษะการหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซ ของวัตถุ ทักษะ การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลทักษะ การสร้างแบบจำลอง และการใช้หลักฐานที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุนคำตอบ อยา่ ง สมเหตุสมผล) 6. ครูให้นักเรียนสังเกตรูปแผนที่และตาราง และอ่านเนื้อเรื่องใน หนังสือเรียนหน้า 2 โดยครูฝึกทักษะการอ่าน ตามวิธีการอ่านที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครูตรวจสอบความเข้าใจจาก การอ่าน โดยใช้คำถามดังนี้ 6.1 ในหนังสือเรียนหน้า 2 นี้มีการนำเสนอข้อมูลเรื่องอะไร (ข้อมูล เวลาที่คนในจังหวัดต่าง ๆ เห็นดวง อาทติ ย์ขึ้น ในวนั ท่ี 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562)
6.2 การนำเสนอข้อมูลเวลาที่คนในจังหวัดต่าง ๆ เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น สามารถนำเสนอในรูปแบบใดบ้าง (นำเสนอในรูปแบบแผนภาพ และตาราง) ในกรณีที่นักเรียนไม่ได้ตอบว่าแผนภาพ ครูสามารถ อธิบายเพิ่มเติมได้ว่าภาพท่ี เขียนหรอื สร้างข้นึ ซง่ึ อาจมขี อ้ ความ หรือสญั ลักษณ์ประกอบเพอื่ อธบิ ายเรื่องต่าง ๆ ใหช้ ัดเจนข้ึน เรียกวา่ แผนภาพ 6.3 จากข้อมูลที่แสดงในแผนภาพและในตารางนักเรียนสามารถ ลงความเห็นได้ว่าอย่างไร (ในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 คนในแตล่ ะจงั หวดั เห็นดวงอาทิตยข์ ้นึ ไม่พร้อมกัน) 6.4 การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแผนภาพและตาราง นักเรียนคิดว่า การจัดกระทำข้อมูลในรูปแบบใดท่ี ช่วยใหเ้ ปรียบเทยี บข้อมลู ได้ ง่ายวา่ จังหวัดใดเห็นดวงอาทิตย์ข้ึนก่อนและหลงั เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง เช่น ตาราง เพราะ ข้อมูลเวลาจัดไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ในแถวเดียวกันทำให้ดูเวลา ได้ง่าย และเปรี ยบเทียบ เวลาของแต่ละจังหวัดได้งา่ ย) 6.5 การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแผนภาพและตาราง นักเรียนคิดว่า แบบไหนที่สามารถบอกได้เร็วกว่า กันว่าคนในภาคใดของ ประเทศไทยจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนภาคอื่น ๆ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง เช่น การนำเสนอ ขอ้ มูลในรูปแบบแผนภาพทำให้บอกได้เรว็ กว่า เนื่องจากเรา สามารถเห็นไดช้ ัดเจนและรวดเร็วว่า แต่ละจังหวัดอยูใ่ นตำแหน่ง ใดของแผนภาพและตำแหน่งนัน้ เป็นภาคใด พร้อมทั้งมีข้อมูล เวลาที่คนในจงั หวัดนั้นเห็นดวง อาทิตยข์ ึน้ ประกอบอยู่ด้วย จึงทำ ให้บอกได้อยา่ งรวดเร็วว่าคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนภาค อื่น ๆ เพราะจังหวัดอุบลราชธานีทีอ่ ยู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:30 น. ก่อน จังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ใน ภาคอ่ืน ๆ) 6.6 ถ้านักเรียนมีข้อมูลบางอย่าง และต้องการนำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจ และมีความน่าเชื่อถือ นักเรียน จะต้องทำอย่างไรบ้าง (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจ เช่น ต้องเป็นข้อมูลที่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ มาสนับสนุนอย่าง สมเหตุสมผล และนำข้อมลู นน้ั มาจดั กระทำให้ เขา้ ใจไดง้ า่ ย) 7. ครใู ห้นักเรยี นตอบคำถามเกี่ยวกบั การเรียนร้แู บบนักวิทยาศาสตร์ ในสำรวจความรู้ก่อนเรยี น 8. นักเรียนทำสำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 2-6 โดยนักเรียนอ่านข้อมูลที่กำหนดให้ และ อ่านคำถามแต่ละข้อ ครู ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทำได้ ด้วยตนเอง จึงให้นักเรียน ตอบคำถาม คำตอบของแตล่ ะคนอาจ แตกตา่ งกนั และคำตอบอาจถกู หรือผดิ กไ็ ด้ 9. ครูสังเกตการตอบคำถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบ นักวิทยาศาสตร์อย่างไรโดยอาจสุ่มให้ นักเรียน 2-3 คน นำเสนอคำตอบของตนเอง ครูยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ แต่จะให้ นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังจากเรียนจบบทนี้ แล้ว ทั้งนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดที่ น่าสนใจของ นักเรยี น แลว้ นำมาใช้ในการออกแบบการจดั การเรียนรู้เพ่ือแก้ไข แนวคดิ คลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง และต่อยอด แนวคิดทีน่ า่ สนใจของนักเรียนต่อไป ข้ันที่ 4 ขัน้ สรุป 10. เมื่อเรยี นจบบทนนี้ ักเรยี นสามารถ ใช้ทกั ษะการจัดกระทำและส่ือความหมาย ขอ้ มลู ทักษะการหา ความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และสเปซกบั เวลา และทกั ษะการสรา้ งแบบจำลองในการ สบื เสาะและอธิบายความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสามารถใช้ หลกั ฐานทนี่ ่าเชอ่ื ถอื มาประกอบการอธบิ ายความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ ีวัด เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมิน เปา้ หมาย ทำแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 2-6 แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรียนได้คะแนน ดา้ นความรู้ (K) ร้อยละ 60 ข้ึนไป สำรวจความรู้ก่อนเรยี นในแบบ บันทกึ กจิ กรรม ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี นในการ พอใช้ขึน้ ไป ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม สังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่ัน แบบประเมนิ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) การประเมินระดบั ความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่ัน ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ พอใช้ขนึ้ ไป ในการทำงาน ระดบั คุณภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ความสามารถในการส่ือสาร สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต บันทึกหลังการสอน พฤติกรรม ผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 90 ทำสำรวจ - นักเรยี นบางคนไม่สามารถทำได้ดว้ ย - อธบิ ายเพม่ิ เติมให้นักเรยี น ความรกู้ ่อนเรียนในแบบบนั ทึก กิจกรรมได้ ตนเอง ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏิบตั ิ - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตือน และให้นกั เรียนปฏิบัติ กจิ กรรม ใหม่อีกครง้ั ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นักเรียนร้อยละ 98 ความมีวนิ ัย - นักเรียนบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรม ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน แล้ว ลงช่อื ผูส้ อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชือ่ ลงชอ่ื (นายอิสรานวุ ัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ )ิ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ ลงช่อื (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์
ช่วั โมงท่ี 2 เรื่อง : ทกั ษะการจัดกระทำและส่ือความหมายขอ้ มูล ขั้นที่ 1 ขัน้ เตรยี มกิจกรรม เตรียมอุปกรณก์ ารเรียน ส่ือการเรียนการสอน ขัน้ ท่ี 2 ขนั้ นำเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครตู รวจสอบความร้เู ดมิ เกี่ยวกับการจัดกระทำและสอ่ื ความหมาย ขอ้ มลู โดยให้นกั เรียนบอกช่อื สตั ว์ท่ีตนเอง ชอบคนละ 1 ชนิด แล้วครู จดคำตอบของทกุ คนบนกระดาน หรือให้นกั เรยี นเขียนคำตอบของ ตนเองบนกระดาน (หรอื อาจให้นักเรยี นบอกเกย่ี วกับเรือ่ งอื่น ๆ ทีช่ อบ เช่น อาหาร ขนม การ์ตนู ดอกไม้) จากนั้นครูใชค้ ำถาม ดงั นี้ 1.1 จากคำตอบของนักเรยี นมีสัตว์ชนดิ ใดบ้างที่ซำ้ กัน (นักเรียนตอบ ตามขอ้ มูลที่ปรากฏบนกระดาน) 1.2 ถา้ ต้องการนำขอ้ มูลสัตว์ทีน่ กั เรยี นในห้องชอบไปนำเสนอให้คนอืน่ เข้าใจ เพ่ือตอบคำถามวา่ นักเรยี น ห้องนชี้ อบสัตว์ชนิดใดบ้าง ชนิด ละก่คี น เราต้องจดั กระทำขอ้ มูลอย่างไรใหค้ นอืน่ เข้าใจได้ง่าย (นกั เรยี นตอบตามความ เข้าใจของตนเอง เช่น นบั จำนวนคนทชี่ อบ สตั ว์แต่ละชนิด จดตวั เลขและนำไปเล่าใหค้ นอ่ืนฟงั หรือนำตัวเลข มาจัดกระทำ เปน็ ตารางหรอื แผนภาพ แล้วนำตารางหรือแผนภาพ แสดงใหค้ นอน่ื ทราบ) 2. ครเู ชือ่ มโยงความร้เู ดิมของนกั เรยี นส่กู ารเรียนเรอื่ ง ทักษะการจดั กระทำและสื่อความหมายขอ้ มูล โดยใช้ คำถามวา่ ถา้ ข้อมูลบางสง่ิ บางอยา่ งมจี ำนวนมาก เราจะสามารถนำข้อมลู นน้ั มาทำอย่างไร เพ่ือ ตอบคำถามท่ีตอ้ งการและ สามารถนำเสนอใหผ้ ู้อ่นื เข้าใจไดง้ า่ ยขน้ึ ข้ันท่ี 3 ขนั้ ดำเนนิ การสอน 3. นักเรียนอ่านช่อื เร่ืองและคำถามในคดิ ก่อนอ่าน ในหนังสือเรยี น หนา้ 7 แล้วรว่ มกันอภิปรายเพ่ือหาแนว คำตอบและนำเสนอ ครูบนั ทึก คำตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใชเ้ ปรียบเทยี บคำตอบหลงั จาก อา่ นเน้ือเรือ่ ง 4. นกั เรยี นอา่ นคำสำคัญ ทงั้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียน อ่านไมไ่ ด้ ครูควรสอนอา่ นให้ถูกต้อง) จากนนั้ ครูชกั ชวนให้นกั เรียน อธบิ ายความหมายของคำสำคัญตามความเข้าใจของตนเอง ในการตรวจสอบความรู้เดิม 5. นักเรียนอา่ นเน้ือเรื่องในหนังสอื เรยี น หนา้ 7 โดยครูฝกึ ทักษะการอา่ น ตามวธิ กี ารอ่านทเี่ หมาะสมกบั ความสามารถของนักเรียน จากนัน้ ครู ตรวจสอบความเข้าใจจากการอา่ น โดยใชค้ ำถามดังนี้ 5.1 ในเรอื่ งนี้มีใครบ้าง (ขา้ วตูและพ่อ) 5.2 ขา้ วตูตอ้ งทำการบา้ นเรอ่ื งอะไร (หาข้อมลู เก่ียวกับแหล่งพลังงาน ท่ีใชใ้ นการผลติ ไฟฟา้ ) 5.3 นกั เรยี นคดิ ว่าไฟฟ้ามปี ระโยชนต์ ่อเราหรอื ไม่ อยา่ งไร (นักเรยี น ตอบจากประสบการณ์ของตนเอง เช่น มีประโยชน์ ช่วยให้เราใช้ เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าตา่ ง ๆ ได้) 5.4 ข้าวตไู ด้ข้อมลู เก่ยี วกับแหล่งผลิตไฟฟ้าอยา่ งไรบ้าง (ข้าวตูได้ ข้อมลู ว่าแหลง่ พลงั งานทใี่ ช้ผลติ ไฟฟา้ มี หลายแหล่ง และสามารถ ใช้แสงอาทิตยใ์ นการผลิตไฟฟ้าได้ด้วย) 5.5 นักเรียนคดิ ว่านอกจากไฟฟ้าจะผลติ จากพลังงานแสงอาทิตย์ แล้วไฟฟ้ายงั ผลติ จากแหล่งพลังงาน อะไรได้อีก (นักเรยี นตอบ จากประสบการณ์ของตนเอง เช่น ผลติ จากน้ำ ลม) 5.6 ข้าวตคู น้ หาข้อมลู เกยี่ วกับแหล่งพลงั งานทใี่ ชผ้ ลิตไฟฟ้าจากท่ีใด (สารคดีจากอินเทอรเ์ นต็ ) 5.7 นักเรียนเคยสืบค้นขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ นต็ หรือไม่ ถา้ เคย นักเรียนสบื ค้นเรื่องอะไรบา้ ง (นกั เรยี นตอบ จากประสบการณ์ ของตนเอง) 5.8 การสบื ค้นข้อมลู จากอนิ เทอร์เนต็ ของนักเรียนพบปัญหา อะไรบา้ ง (นักเรยี นตอบจากประสบการณ์ ของตนเอง) 5.9 เพราะเหตุใดข้าวตจู งึ กังวลใจเกย่ี วกับข้อมลู ทส่ี ืบค้นได้ (เพราะ ขอ้ มลู เก่ยี วกับแหล่งพลงั งานที่ใชใ้ น
การผลิตไฟฟา้ มีมากมาย ขา้ วตูจงึ กังวลวา่ จะสอ่ื สารอย่างไรใหค้ รแู ละเพ่อื นๆ เขา้ ใจ เกย่ี วกบั แหลง่ พลังงานต่าง ๆ ที่ สามารถนำมาผลิตไฟฟา้ ) 5.10 ใครแนะนำวิธีแกป้ ัญหาในการสื่อสารข้อมูลท่ีสืบค้นได้แกข่ า้ วตู และแนะนำอย่างไร (พอ่ เป็นคน แนะนำ โดยให้ข้าวตูนำข้อมูลท่ี สบื ค้นได้ มาจดั กระทำและสือ่ ความหมายข้อมูลเสยี กอ่ น) 5.11 คำแนะนำของพ่อน่าจะมปี ระโยชน์ตอ่ ข้าวตูอย่างไร (ทำใหข้ า้ วตู สามารถจัดกระทำข้อมูลท่มี ีอยู่ มากมายนัน้ อยูใ่ นรปู แบบทีเ่ ปน็ ระบบ สามารถสื่อสารความหมายได้ง่าย และชดั เจนว่ามแี หล่ง พลังงานใดบ้างทีส่ ามารถ นำมาผลติ ไฟฟ้าได้) หากนักเรียนไม่สามารถตอบ 5.12 นกั เรียนคดิ วา่ ข้าวตูสามารถนำข้อมลู มาจัดกระทำในรูปแบบใด ไดบ้ ้าง (นักเรยี นตอบตามความ เข้าใจ) ขั้นท่ี 4 ข้ันสรุป 6. นักเรยี นรว่ มกนั สรุปเรือ่ งที่อา่ นซง่ึ ควรสรปุ ไดว้ า่ การจดั กระทำแล สื่อความหมายขอ้ มลู เปน็ การนำข้อมูลมาจัด กระทำใหอ้ ยู่ในรปู แบบท่ี เข้าใจงา่ ยขึ้น และสามารถใช้ตอบคำถามท่อี ยากรไู้ ด้ 7. ครูสามารถให้คำแนะนำการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตได้ เชน่ ใช้สื่ออินเทอร์เน็ต ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของ ผ้ปู กครอง ซึ่งข้อมูลท่ีได้จากสื่อ อนิ เทอร์เนต็ ต้องผ่านการวเิ คราะห์ไตร่ตรองก่อนนำไปเผยแพร่ 8. นักเรียนตอบคำถามในรูห้ รือยงั ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 7 9. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเพอื่ เปรยี บเทยี บคำตอบของนักเรยี นใน ร้หู รอื ยัง กบั คำตอบท่ีเคยตอบและ บันทึกไวใ้ นคิดก่อนอา่ น 10. ครูใหน้ ักเรียนอา่ นคำถามในย่อหนา้ สดุ ท้ายของเรือ่ งทอี่ ่าน และ รว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือตอบคำถาม ดังนี้ เรา สามารถนำข้อมูลมาจดั กระทำในรูปแบบใดได้บา้ ง (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) ครยู ังไมเ่ ฉลยคำตอบแต่ ชกั ชวนใหน้ กั เรียนหาคำตอบจากการทำกจิ กรรม การวัดและการประเมนิ ผล วิธวี ดั เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ เป้าหมาย ตรวจผลงานในแบบบนั ทึกกิจกรรม แบบบันทกึ กจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป ทกั ษะการจดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมลู ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในการ พอใช้ขึ้นไป ปฏบิ ตั ิกิจกรรม สงั เกตความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน แบบประเมิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) การประเมนิ ระดบั ความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน คุณลักษณะ พอใช้ขึ้นไป ในการทำงาน ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการส่ือสาร สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต พฤติกรรม
บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรยี นรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ้วย - อธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรยี น - นกั เรยี นรอ้ ยละ 90 อธบิ ายวิธีการ ตนเอง ทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตักเตอื น และใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติ - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ตั ิ ใหม่อีกครั้ง กิจกรรม ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นักเรยี นบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครอู บรมตักเตอื น และสังเกตพฤติกรรม - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินัย ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน แล้ว ลงช่ือ ผู้สอน (นายอสิ รานุวัฒน์ ริดสมเงิน) ลงช่ือ ลงชอ่ื (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิร)ิ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ ลงชื่อ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ชว่ั โมงที่ 3 เร่อื ง : จดั กระทำและส่ือความหมายข้อมูล (1) ขั้นที่ 1 ขั้นเตรยี มกิจกรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรียน ส่ือการเรียนการสอน ขน้ั ท่ี 2 ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูตรวจสอบความร้เู ดิมเก่ียวกับการจัดกระทำและส่อื ความหมาย ข้อมูลโดยใช้คำถามดังต่อไปน้ี 1.1 นักเรียนรู้จักเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง (นักเรียนตอบจาก ประสบการณ์ของตนเอง เช่น หลอดไฟฟ้า หม้อหงุ ขา้ ว พัดลม คอมพิวเตอร์ ตูเ้ ยน็ กระทะไฟฟ้า กระติกน้ำร้อนไฟฟา้ โทรทศั น์ เคร่ืองปรับอากาศ) 1.2 ถา้ จะจดั เคร่ืองใช้ไฟฟ้าออกเปน็ กล่มุ ใช้เกณฑอ์ ะไรได้บ้าง และผล การจัดกลุ่มเป็นอย่างไร (นักเรียน ตอบเกณฑ์และผลการจัดกลุ่ม ตามที่ตนเองเข้าใจ เช่น ใช้เกณฑ์การให้ความร้อน แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ ความร้อน ประกอบด้วย หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน กระทะไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ให้ความร้อน ประกอบด้วย หลอดไฟฟ้า พดั ลม คอมพิวเตอร์ โทรทศั น์ เครื่องปรบั อากาศ) 1.3 นกั เรียนจะนำผลการจดั กลุ่มมาจัดกระทำและนำเสนอข้อมลู ได้ อย่างไรบ้าง (นักเรยี นตอบตามความ เข้าใจของตนเอง เชน่ ทำเปน็ ตาราง) 2. ครูเชือ่ มโยงความรู้เดิมของนักเรยี นเข้าสูก่ จิ กรรมที่ 1 โดยใช้คำถามวา่ นกั เรียนรหู้ รือไมว่ ่า เครือ่ งใช้ไฟฟ้าแต่ละ
ชนิดมีค่าไฟฟ้าต่อเดือนเท่าไร และเราสามารถนำค่าไฟฟ้าต่อเดือนของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดมาจัด กระทำและสื่อ ความหมายขอ้ มูลเพ่อื ใหผ้ ู้อื่นเขา้ ใจได้งา่ ยได้อยา่ งไร ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ดำเนินการสอน 3. นักเรยี นอา่ นชื่อกิจกรรม และทำเปน็ คิดเป็น จากนั้นรว่ มกันอภปิ ราย เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจเกย่ี วกับ จุดประสงค์ในการทำกิจกรรม โดยใช้ คำถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมน้นี กั เรยี นจะได้เรียนเร่ืองอะไร (ทักษะการจัดกระทำและ ส่ือความหมายขอ้ มูล) 3.2 นักเรยี นจะได้เรียนรู้เร่ืองนีด้ ้วยวิธใี ด (การฝึกทักษะ) 3.3 เมื่อเรียนแลว้ นกั เรียนจะทำอะไรได้ (สามารถจัดกระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู เพ่อื ให้ผู้อื่นเข้าใจ ความหมายของขอ้ มลู ได้ งา่ ย ถกู ต้อง และรวดเร็ว) 4. นกั เรียนบันทกึ จดุ ประสงค์ลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หน้า 8 และอา่ น ส่ิงที่ต้องใช้ในการทำกจิ กรรม 5. นักเรียนอ่านทำอย่างไร ตอนที่ 1 ทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของ นักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำกิจกรรม จนนักเรียนเข้าใจลำดับการทำ กิจกรรม โดยใช้ คำถามดังนี้ 5.1 นักเรียนต้องอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ข้อมูลค่าไฟฟ้าต่อเดือน ของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลาก ประสิทธภิ าพพลงั งานเบอร์ 5) 5.2 นักเรียนรู้จักระดับประสิทธิภาพพลังงานเบอร์ 5 ของ เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบ จากประสบการณ์ ของตนเอง เช่น รู้จัก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากบอกระดับ ประสิทธิภาพการประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซงึ่ ประหยดั ไดส้ งู สดุ ) 5.3 นกั เรียนต้องอ่านข้อมลู ก่ีรปู แบบ อะไรบ้าง (3 รปู แบบ คือ รูปแบบข้อความ แผนภูมริ ูปภาพ และ ตาราง) 5.4 เม่อื อ่านข้อมลู ทง้ั 3 รปู แบบแล้วนกั เรยี นตอ้ งทำอะไรต่อไป (อภปิ รายและบันทกึ วา่ การนำเสนอข้อมลู ทงั้ 3 รูปแบบ ประกอบด้วยข้อมูลอะไรบ้างทเี่ หมือนกัน) 5.5 หลังจากพจิ ารณาข้อมลู แลว้ นกั เรียนต้องทำอะไรต่อ (รว่ มกนั อภิปรายและเปรยี บเทยี บวา่ การ นำเสนอข้อมลู รปู แบบใดทท่ี ำให้ เขา้ ใจง่าย ถูกต้อง และรวดเร็ว) 6. เม่ือนกั เรยี นเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอยา่ งไร ตอนที่ 1 แลว้ ให้ นักเรียนเรมิ่ ปฏบิ ัติตามขั้นตอนการทำ กิจกรรม 7. หลังจากทำกจิ กรรมแลว้ นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม ตามแนวคำถามดังนี้ 7.1 ข้อมูลค่าไฟฟ้าต่อเดือนของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระดับประสิทธิภาพ พลังงานเบอร์ 5 ทั้งสามรูปแบบ ประกอบด้วยข้อมูลใดบ้าง (ประกอบด้วยชนิดของเครื่องใช้ไฟฟ้า และค่าไฟฟ้าต่อเดือนของ เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด) 7.2 ถ้าต้องการรู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดมีค่าไฟฟ้าต่อเดือนเท่าไร นักเรียนสามารถใช้ข้อมูลจากการ จัดกระทำในรูปแบบใดมาตอบ คำถามน้ไี ด้บ้าง เพราะเหตใุ ด (สามารถใช้ข้อมูลจากการจัดกระทำ ข้อมลู ทงั้ สามรูปแบบมา ตอบคำถามน้ไี ด้ เพราะทง้ั สามรูปแบบ บอกค่าไฟฟ้าตอ่ เดอื นของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าแตล่ ะชนิดไว)้ 7.3 นักเรียนพิจารณาการจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมูลแต่ละ รูปแบบในประเด็นใดบ้าง (พิจารณา 3 ประเดน็ ไดแ้ ก่ ความเข้าใจ งา่ ย ความถูกตอ้ ง และความเข้าใจที่รวดเรว็ ) 7.4 การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลรูปแบบใดที่ทำให้เข้าใจได้ ง่ายที่สุดว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแ ต่ละ ชนิดมีค่าไฟฟ้าเท่าไร เพราะเหตุใด (คำตอบขึ้นอยู่กบั เหตุผลของนกั เรียนแต่ละกลุ่ม เช่น รูปแบบ ข้อความทำให้เข้าใจง่าย
เพราะสามารถอ่านทำความเข้าใจได้ทันที รปู แบบแผนภมู ิรปู ภาพเป็นรูปแบบท่ีเขา้ ใจได้ง่ายเพราะเห็น จำนวนเหรียญแล้ว บอกคา่ ไฟฟา้ ได้ว่ากีบ่ าทต่อเดือน แบบตาราง เพราะแสดงตัวเลขท่สี ่ือสารให้เข้าใจไดท้ ันทวี ่าเคร่ืองใช้ไฟฟ้า แต่ละชนิดมี ค่าไฟฟา้ ต่อเดอื นเป็นเทา่ ไร) 7.5 การจดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมลู รปู แบบใดท่ีนำเสนอข้อมลู ไดถ้ ูกตอ้ ง (ถูกต้องทั้งสามรูปแบบ) 7.6 การจัดกระทำและนำเสนอข้อมูลรูปแบบใดที่ทำให้เข้าใจได้เร็ว ที่สุดว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดมีค่า ไฟฟ้าต่อเดือนสูงที่สุดเพราะเหตุใด (คำตอบขึ้นอยู่กับเหตุผลของนักเรียนแต่ละกลุ่ม เช่น รูปแบบแผนภูมิรูปภาพเพราะ สามารถเปรียบเทียบจำนวน เหรียญแล้วบอกได้ว่าเครื่องทำน้ำอุ่นมีค่าไฟฟ้าต่อเดือนสูงที่สุด หรื อรูปแบบตารางเพราะ แสดงตัวเลขคา่ ไฟฟา้ ต่อเดือนไวอ้ ย่าง ชัดเจน) 7.7 การจัดกระทำและนำเสนอข้อมูลแต่ละรปู แบบเหมาะกบั การตอบ คำถามท่ีเหมอื นกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (การจดั กระทำและนำเสนอ ขอ้ มูลแตล่ ะรูปแบบเหมาะกบั การตอบคำถามท่ีไม่เหมอื นกัน เชน่ ถ้าเราตอ้ งการทราบปริมาณ ข้อมูลที่สูงที่สุด หรือต่ำที่สุดโดยที่ไม่ ต้องบอกค่าของข้อมูล ข้อมูลในรูปแบบแผนภูมิรูปภาพจะ เหมาะสมกว่าใช้แบบ ขอ้ ความหรือตาราง) 7.8 การจดั กระทำและนำเสนอข้อมลู แตล่ ะรูปแบบมีลักษณะอยา่ งไร และเหมาะสมตอ่ การนำเสนอข้อมูล แบบใด (คำตอบข้นึ อยกู่ บั เหตุผลของนกั เรียนแต่ละกลุ่ม เชน่ - รูปแบบข้อความเปน็ ความเรยี ง ตอ้ งใช้เวลาในการอ่านทำ ความเขา้ ใจ เหมาะกับการนำเสนอ ข้อมลู ท่ีมจี ำนวนข้อมลู ไม่ มาก และมีการอธิบายความหมายของขอ้ มูล - รูปแบบแผนภูมิรปู ภาพเหมาะกับการนำเสนอขอ้ มลู ทีต่ ้องการ เปรียบเทยี บจำนวนหรือปรมิ าณ ท่ีชัดเจน และใช้เวลาในการ เปรียบเทียบไม่มาก มีความน่าสนใจเพราะมกี ารใชร้ ูปภาพหรือ สัญลักษณ์ตา่ ง ๆ แทนสิ่งท่ี ต้องการนำเสนอ - รูปแบบตาราง มกี ารบอกคา่ ตวั เลขทชี่ ดั เจน ถกู ต้อง เขา้ ใจค่า ของข้อมูลไดร้ วดเรว็ ) ขนั้ ที่ 4 ขัน้ สรุป 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป การจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมูลค่าไฟฟ้าต่อเดือนของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ แต่ละ ชนดิ สามารถทำได้ท้ังรูปแบบขอ้ ความ แผนภูมริ ปู ภาพ และตาราง เพราะสามารถส่ือความหมายใหเ้ ขา้ ใจได้ถูกต้อง ซงึ่ แต่ ละรปู แบบเหมาะสม กับการนำมาใช้ในการตอบคำถามทม่ี ีลักษณะแตกต่างกัน เชน่ การจดั กระทำ และส่ือความหมาย ข้อมูลในรปู แบบแผนภมู ริ ปู ภาพชว่ ยให้เปรยี บเทยี บข้อมลู ไดง้ า่ ยและรวดเรว็ แบบตารางชว่ ยให้เข้าใจข้อมูลได้รวดเรว็ การวัดและการประเมนิ ผล วธิ วี ัด เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ เปา้ หมาย ตรวจผลงานในแบบบันทึกกจิ กรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป ทักษะการจัดกระทำและส่อื กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ ความหมายข้อมลู แบบสังเกต นักเรียนผ่านเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นในการ พอใช้ข้นึ ไป ปฏิบัติกิจกรรม
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่นั แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมนิ ระดับ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ บนั ทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรยี นรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ด้านความรู้ (K) - นักเรยี นบางคนไม่สามารถทำได้ดว้ ย - อธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรยี น - นักเรียนร้อยละ 90 อธบิ ายวิธกี าร ตนเอง ทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ได้ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตกั เตอื น และให้นกั เรียนปฏิบัติ - นกั เรยี นร้อยละ 98 ตั้งใจปฏิบัติ ใหมอ่ ีกคร้งั กิจกรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครูอบรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นักเรียนร้อยละ 98 ความมีวนิ ยั ของนักเรียนใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน แล้ว ลงชื่อ ผูส้ อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชื่อ ลงช่อื (นายอิสรานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรศี ริ ิ) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ ลงชื่อ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ช่วั โมงท่ี 4 เร่ือง : จัดกระทำและสอื่ ความหมายข้อมลู (2) ขน้ั ที่ 1 ขนั้ เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณก์ ารเรยี น ส่อื การเรียนการสอน ขั้นท่ี 2 ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1. นักเรยี นอา่ นทำอยา่ งไร ตอนที่ 2 ทีละข้อ โดยครูใชว้ ธิ ีฝึกทกั ษะการ อา่ นทเี่ หมาะสมกับความสามารถของ นกั เรียน จากนัน้ ครตู รวจสอบ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั วิธกี ารทำกจิ กรรม จนนักเรยี นเขา้ ใจลำดบั การทำ กจิ กรรม โดยใช้ คำถามดงั น้ี
1.1 นกั เรยี นต้องทำอะไรเป็นสงิ่ แรก (อ่านข้อมูลคา่ ไฟฟา้ ในแตล่ ะ เดือนจากใบแจง้ ค่าไฟฟ้าและบนั ทึก ข้อมลู ) 1.2 นักเรียนเคยเหน็ ใบแจง้ ค่าไฟฟา้ หรือไม่ (นักเรียนตอบจาก ประสบการณข์ องตนเอง) ครแู จกใบแจ้ง ค่าไฟฟ้าใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม จากนน้ั ใช้คำถามดงั น้ี 1.3 แต่ละกลมุ่ ไดร้ ับใบแจง้ ค่าไฟฟา้ กี่ใบ (6 ใบ) 1.4 ในใบแจ้งค่าไฟฟา้ มีข้อมูลอะไรบ้าง (ในใบแจ้งค่าไฟฟ้ามีข้อมลู ตา่ ง ๆ เช่น ช่อื ผใู้ ช้ไฟฟ้า สถานทใ่ี ช้ ไฟฟ้า วันเดอื นปีทจ่ี ดเลข รายละเอียดค่าไฟฟ้าของเดือนทจี่ ดเลข ประวัติการใช้ไฟฟ้าเดือน ก่อน ๆ) 1.5 ค่าไฟฟา้ ของเดือนท่ีจดเลขอยู่ตรงตำแหน่งใดของใบแจ้งคา่ ไฟฟ้า (นักเรียนชต้ี ำแหน่งของค่าไฟฟ้า ของเดือนทจี่ ดเลขในใบแจ้งค่าไฟฟา้ ) 1.6 นักเรียนตอ้ งบันทึกขอ้ มูลใดในใบแจ้งค่าไฟฟา้ ลงในแบบบนั ทึก กจิ กรรม (บนั ทึกข้อมลู คา่ ไฟฟ้าของ เดอื นท่ีจดเลข ของใบแจ้งค่า ไฟฟ้าท้ัง 6 ใบ) 1.7 หลงั จากบันทึกผลค่าไฟฟ้าแต่ละเดือนแลว้ นกั เรียนต้องทำอะไร ต่อไป (เลือกรูปแบบการจัดกระทำ และสอ่ื ความหมายข้อมลู เกยี่ วกบั ค่าไฟฟ้าตอ่ เดอื น และจดั กระทำขอ้ มลู ค่าไฟฟา้ ต่อเดือน ตามรปู แบบท่ีเลือก 1.8 นกั เรยี นจะเลือกรปู แบบในการจัดกระทำและสอ่ื ความหมาย ขอ้ มูลของข้อมูลคา่ ไฟฟ้าต่อเดอื น อยา่ งไร (จะเลือกรปู แบบทท่ี ำให้ ผอู้ ืน่ เขา้ ใจข้อมลู คา่ ไฟฟา้ ตอ่ เดือนได้ง่ายข้ึน) 1.9 เม่อื จดั กระทำและส่ือความหมายข้อมลู เกย่ี วกบั ค่าไฟฟ้าตอ่ เดือน แลว้ นักเรียนต้องทำอะไรต่อ (นำเสนอผลการจดั กระทำและสื่อ ความหมายข้อมลู ) ข้นั ที่ 3 ขัน้ ดำเนินการสอน 2. เมื่อนกั เรยี นเข้าใจวธิ ีการทำกจิ กรรมในทำอยา่ งไร ตอนท่ี 2 แล้วใหน้ ักเรียนเรม่ิ ปฏิบัติตามขนั้ ตอนการทำ กิจกรรม 3. หลังจากทำกจิ กรรมแลว้ นักเรียนรว่ มกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม ตามแนวคำถามดังนี้ 3.1 นกั เรยี นจัดกระทำและส่อื ความหมายข้อมูลค่าไฟฟา้ ต่อเดอื นใน รปู แบบใดบ้าง (นกั เรยี นตอบตามผล การทำกิจกรรม เช่น จัดกระทำและส่อื ความหมายขอ้ มลู ในรูปแบบตาราง แผนภูมิ รูปภาพ ข้อความบรรยาย หรอื อนื่ ๆ) 3.2 การจัดกระทำข้อมูลคา่ ไฟฟ้าตอ่ เดือนของนกั เรียนประกอบด้วย ข้อมูลใดบา้ ง (เดอื น และคา่ ไฟฟ้าแต่ ละเดือน) 3.3 การเลือกรูปแบบเพ่อื จดั กระทำและส่อื ความหมายข้อมูลคา่ ไฟฟา้ ต่อเดือน นักเรียนมเี หตุผลในการ ตดั สนิ ใจเลอื กอยา่ งไร (เหตผุ ลใน การเลือกรปู แบบ คือ ตอ้ งดวู ่าข้อมูลที่มีอยู่ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง และเราตอ้ งการ นำเสนอข้อมูลเพ่ือให้ผู้อืน่ เขา้ ใจเรือ่ งอะไร เช่น ตอ้ งการให้ผอู้ นื่ เขา้ ใจข้อมูลนั้นได้งา่ ย สามารถเปรยี บเทียบได้ อยา่ งรวดเรว็ กจ็ ะเลือกรูปแบบการจัดกระทำทท่ี ำให้สามารถ เปรยี บเทียบขอ้ มลู ได้ง่าย และรวดเรว็ ) 3.4 กลุ่มท่จี ดั กระทำและสื่อความหมายข้อมลู ในรปู แบบตารางคิดวา่ ตารางมีความเหมาะสมกับขอ้ มูลค่า ไฟฟา้ ต่อเดอื นอยา่ งไร (คำตอบขนึ้ อยู่กับเหตุผลของนกั เรยี น เช่น ตารางเหมาะสม เพราะ ตอ้ งการนำเสนอข้อมลู เพ่ือให้ ผู้อืน่ เห็นเปน็ ตัวเลขค่าไฟฟ้าต่อเดอื น ทชี่ ัดเจน ถกู ต้อง และเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว) 3.5 กลุ่มท่จี ดั กระทำและสื่อความหมายข้อมูลในรูปแบบแผนภูมิ รูปภาพ คดิ ว่าแผนภมู ริ ูปภาพมีความ เหมาะสมกับข้อมลู คา่ ไฟฟา้ ต่อเดอื นอยา่ งไร (คำตอบขึน้ อยู่กบั เหตุผลของนักเรียน เชน่ แผนภูมิรูปภาพเหมาะสม เพราะ ต้องการนำเสนอขอ้ มูลเพื่อให้ ผูอ้ ่นื สามารถเปรียบเทยี บค่าไฟฟ้าต่อเดือนได้อย่างรวดเรว็ วา่ เดอื น ใดมีค่าไฟฟา้ สูงทส่ี ดุ หรือ ต่ำทีส่ ุด และการใช้รูปภาพทำให้มีความ น่าสนใจ)
3.6 กลมุ่ ที่เลือกจดั กระทำและสือ่ ความหมายข้อมลู ในรูปแบบแผนภูมิ รูปภาพ เลอื กใชร้ ูปอะไรแทนค่า ไฟฟา้ เพราะเหตใุ ด (คำตอบ ขึ้นอยู่กับผลการทำกจิ กรรมของนกั เรียน เชน่ ใช้รูปเหรียญ แทน ค่าไฟฟ้า เพราะเหรยี ญเป็น สง่ิ ท่ที ุกคนคุ้นเคยว่าเป็นตัวแทนของ เงนิ ) 3.7 นกั เรียนกลุม่ ท่ีจดั กระทำและสือ่ ความหมายข้อมูลในรูปแบบอนื่ เลอื กรูปแบบใด และคดิ วา่ รปู แบบท่ี เลือกมีความเหมาะสมกับข้อ มูลคา่ ไฟฟ้าตอ่ เดือนอยา่ งไร (คำตอบขนึ้ อยู่กบั ผลการทำกจิ กรรม และเหตุผลของนักเรียน) 3.8 ผลการจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมูลคา่ ไฟฟ้าตอ่ เดือนของ นักเรียน ทำใหค้ นอ่ืนเข้าใจเกย่ี วกับ ค่าไฟฟา้ ต่อเดือนง่ายขึ้น หรือไม่ อยา่ งไร (ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่รปู แบบที่นำเสนอบาง รูปแบบไม่น่าสนใจ เช่น ตาราง ซึ่ง รปู แบบแผนภูมริ ปู ภาพน่าสนใจ กวา่ เพราะมีรูป แตต่ ้องใชเ้ วลาในการเทยี บจำนวนเหรียญ) 3.9 นกั เรียนพบปญั หาอะไรบ้าง เม่อื นำข้อมูลคา่ ไฟฟา้ ต่อเดือนมา จดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมูล (คำตอบขน้ึ อยู่กบั ผลการทำ กิจกรรมของนักเรยี น เช่น นักเรียนตอ้ งใชเ้ วลาเพ่ือตัดสินใจเลอื ก รปู แบบค่อนข้างนาน เนอื่ งจากไม่มั่นใจวา่ รูปแบบท่ีเลือกมีจุดเดน่ ในการนำเสนอขอ้ มูลอย่างไร หรือนกั เรียนทเ่ี ลือกแผนภมู ิรปู ภาพ อาจเสียเวลา กบั การวาดเหรียญ และตอ้ งใช้เวลาคดิ คำนวณว่าจะ ใช้จำนวนเหรยี ญเทา่ ไรเพอ่ื แทนจำนวนเงิน) 3.10 จากการทำกจิ กรรมพบว่าในแต่ละเดือนมคี ่าไฟฟา้ ไมเ่ ทา่ กนั นกั เรียนคิดว่าเราสามารถประหยัดค่า ไฟฟ้าได้หรือไม่ และจะมี วธิ ปี ระหยดั ไฟฟา้ ได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น เราสามารถช่วยกนั ประหยัดค่าไฟฟา้ ได้ โดยชว่ ยกนั ปดิ ไฟดวงทีไ่ ม่ไดใ้ ช้ ถอดปลัก๊ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าเมอื่ ไม่ได้ใช)้ 4. นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือตอบคำถามใน ฉนั รู้อะไร โดยครอู าจใช้ คำถามเพมิ่ เติมในการอภิปรายเพอื่ ให้ได้ แนวคำตอบทถี่ ูกต้อง ขัน้ ที่ 4 ข้ันสรุป 5. นักเรียนอา่ น ส่ิงที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรปุ ของตนเอง 6. ครูกระตุน้ ใหน้ ักเรยี นฝึกตั้งคำถามเกีย่ วกบั เร่ืองทีส่ งสยั หรอื อยากรู้ เพม่ิ เตมิ ใน อยากรู้อีกวา่ จากนนั้ ครอู าจสุ่ม นักเรยี น 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหน้าชนั้ เรียน จากน้นั นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั คำถามทนี่ ำเสนอ 7. ครูนำอภปิ รายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนวา่ ไดฝ้ กึ ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในข้นั ตอนใด 8. นกั เรยี นร่วมกันอา่ นรู้อะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หน้า 14 ครนู ำ อภปิ รายเพ่อื นำไปสู่ข้อสรปุ เกย่ี วกบั สิง่ ที่ได้ เรยี นรู้ในเรื่องน้ี จากน้ันครู กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามในช่วงท้ายของเนื้อเรื่องว่า มที ักษะอะไร อีกบา้ งทจ่ี ำเปน็ สำหรับ การเรียนรูเ้ พ่ือนำเสนอข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ โดยให้ นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแนวทางการตอบคำถาม ซง่ึ ครคู วรเน้นให้ นักเรียนตอบคำถามพร้อมอธิบายเหตุผลประกอบและชักชวนใหน้ ักเรียน ไปหาคำตอบร่วมกันจากการเรียนเร่ืองตอ่ ไป ขนั้ สรปุ 9. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ จากกิจกรรม การเลือกรูปแบบเพ่อื จดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมูลค่าไฟฟา้ ต่อ เดือน ควรเลือกรูปแบบที่ทำใหเ้ ข้าใจได้งา่ ย ถูกตอ้ ง และรวดเรว็ ซง่ึ สามารถ ทำได้ทั้งแผนภมู ิรูปภาพ ตาราง และอน่ื ๆ และจากการทำกิจกรรมทั้ง 2 ตอน สรุปไดว้ า่ การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมลู เปน็ การนำข้อมลู ท่ีได้จากการ รวบรวมมาจดั กระทำใหมใ่ ห้อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ รูปแบบข้อความ แผนภมู ริ ูปภาพ ตาราง เพอ่ื ส่ือความหมายข้อมูลให้ เข้าใจได้งา่ ย ถูกตอ้ ง และรวดเรว็
การวดั และการประเมินผล เปา้ หมาย วธิ วี ดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน ดา้ นความรู้ (K) ตรวจผลงานในแบบบนั ทึกกจิ กรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรียนได้คะแนน ทกั ษะการจัดกระทำและส่อื รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป ความหมายข้อมลู ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏิบัตกิ จิ กรรม พอใช้ขึน้ ไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั แบบประเมนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมินระดบั ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำได้ด้วย - อธิบายเพม่ิ เติมใหน้ กั เรยี น - นกั เรยี นร้อยละ 90 อธิบายวิธกี าร ตนเอง ทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ได้ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ ักเรยี นปฏิบัติ - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏิบัติ ใหม่อีกครง้ั กจิ กรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - นกั เรยี นบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรียนร้อยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน แล้ว ลงชอ่ื ผู้สอน (นายอสิ รานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) ลงช่ือ ลงชอ่ื (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิร)ิ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ลงช่ือ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธุ์) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์
ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดังน้ี กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ การบรรยาย S1 การสังเกต รายละเอยี ดของส่ิง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) ทีส่ ังเกต S8 การลงความเหน็ สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ สามารถใช้ประสาท จากข้อมลู การลงความเหน็ จากข้อมูลว่าการ สัมผสั และแว่น ประสาทสมั ผสั สัมผสั และแวน่ ขยาย S13 การ สังเกตสิง่ ต่างๆ โดย ตีความหมายข้อมลู ใชแ้ ว่นขยายทำให้ ขยายเก็บ และแว่นขยาย เก็บรายละเอยี ด และลงข้อสรปุ ไดข้ ้อมลู ที่ชดั เจน และละเอยี ดว่าการ รายละเอียดข้อมลู เก็บรายละเอียด ข้อมลู ของสงิ่ ท่ี สงั เกตโดยใชต้ า เปล่า ของสิ่งทส่ี งั เกตได้ ขอ้ มลู ของสง่ิ ท่ี สังเกตได้เพยี ง การตคี วามหมาย ดว้ ยตนเอง โดยไม่ สังเกตได้ จากการ บางสว่ นแม้วา่ จะได้ ข้อมูลจากการ สงั เกตและการ เพมิ่ ความคดิ เห็น ชแ้ี นะของครหู รือ รบั คำช้แี นะจากครู ผอู้ ื่นหรือมีการ หรอื ผอู้ ืน่ เพิ่มเติมความ คดิ เหน็ สามารถลง สามารถลง ลงความเหน็ จาก ความเหน็ จาก ความเหน็ จาก ขอ้ มูลว่าการสงั เกต ข้อมูลว่าการสังเกต ข้อมลู ว่าการ สิ่งตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น สิ่งต่างๆ โดยใช้แวน่ สงั เกตสิ่งตา่ งๆ ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ได้ข้อมลู โดยใช้แว่นขยาย ท่ที แี่ ตกต่างจากการ ที่ชดั เจนและ ทำให้ได้ข้อมลู ที่ สังเกตโดยใช้ตา ละเอียดว่าการ ชัดเจนและ เปล่าแต่ไม่สามารถ สังเกตโดยใช้ตา ละเอยี ดว่าการ บอกไดว้ า่ แตกต่าง เปล่าไดอ้ ยา่ ง สงั เกตโดยใชต้ า อยา่ งไร แมจ้ ะได้ ถูกต้องและชดั เจน เปลา่ ลงความเห็น รับคำช้ีแนะจากครู ได้ดว้ ยตนเอง ได้อย่างถกู ต้อง หรือผอู้ น่ื และชัดเจนจาก การชแี้ นะของครู หรือผ้อู ื่น สามารถ สามารถ สามารถ ตคี วามหมายข้อมลู ตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล จากการสงั เกตและ ขอ้ มลู จากการ จากการสังเกตและ
อภิปรายได้วา่ การอภปิ รายได้ว่า สงั เกตและการ การอภปิ รายไดว้ า่ ลกั ษณะของ ลักษณะของ อภิปรายได้ว่า ลกั ษณะของ สง่ิ มชี วี ิตเมือ่ สงั เกต สิง่ มีชีวิตเมอ่ื สงั เกต ลกั ษณะของ สิง่ มชี วี ติ เมอ่ื สงั เกต ด้วยตาเปล่าและใช้ ด้วยตาเปล่าและใช้ สิ่งมชี วี ิตเม่ือ ดว้ ยตาเปลา่ และใช้ แว่นขยายมีลักษณะ แว่นขยายมีลกั ษณะ สงั เกตดว้ ยตา แวน่ ขยายไดเ้ พียง บางอยา่ งเหมอื นกัน บางอยา่ งเหมอื นกัน เปล่าและใชแ้ ว่น บางสา่ วนและลง และลักษณะ และลักษณะ ขยายมีลกั ษณะ ขอ้ สรุปได้ไม่สมบรู ณ์ บางอย่างแตกต่าง บางอย่างแตกต่าง บางอยา่ ง แม้ว่าจะได้รับคำ กันและลงข้อสรุป กนั และลงข้อสรปุ เหมอื นกันและ ชแ้ี นะจากครหู รือ ไดว้ ่าการสังเกตส่ิง ไดว้ ่าการสังเกตส่ิง ลักษณะบางอย่าง ผูอ้ ืน่ ตา่ งๆ โดยใชแ้ วน่ ต่างๆ โดยใชแ้ วน่ แตกตา่ งกนั และ ขยายทำให้ได้ข้อมลู ขยายทำให้ไดข้ ้อมลู ลงขอ้ สรุปได้วา่ ที่ชดั เจนและ ทช่ี ัดเจนและ การสงั เกตสิง่ รายละเอียดกว่า รายละเอยี ดกว่า ตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น การสงั เกตด้วยตา การสงั เกตด้วยตา ขยายทำให้ได้ เปล่า เปล่าไดด้ ว้ ยตนเอง ข้อมลู ที่ชัดเจน และรายละเอยี ด กว่าการสังเกต ดว้ ยตาเปลา่ จาก การช้ีแนะของครู หรือผูอ้ น่ื ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมิน ดงั น้ี กระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) C4 การสอ่ื สาร การนำเสนอ นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมลู จาก ขอ้ มูลจากการ จากการสงั เกต จากการสงั เกต การสังเกตลกั ษณะ สังเกตลกั ษณะ ลักษณะของสงิ่ ลักษณะของสง่ิ ของสงิ่ ต่างๆ ใน ของสงิ่ ตา่ งๆ ใน ต่างๆ ในรูปแบบ ต่างๆ ในรูปแบบ รูปแบบของรปู วาด ของรูปวาดให้ ของรปู วาดให้ ใหผ้ ้อู นื่ เข้าใจได้
รูปแบบของรูป ผอู้ นื่ เข้าใจได้ ผู้อ่นื เข้าใจได้ เพยี งบางสว่ น วาดใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ อย่างถูกต้องและ อยา่ งถูกต้อง และ แมว้ ่าจะไดร้ บั คำ รวดเร็วไดด้ ว้ ย รวดเรว็ จากการ ช้แี นะจากครหู รือ ตนเอง ช้แี นะของครูหรือ ผ้อู ื่น ผูอ้ นื่ C5 ความร่วมมือ การทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน รว่ มกบั ผู้อื่นและ รว่ มกับผ้อู นื่ ได้ดี ร่วมกับผอู้ ืน่ และ รว่ มกับผูอ้ ่นื ได้บา้ ง การแสดงความ มีสว่ นร่วมในการ การแสดงความ แตไ่ ม่ค่อยแสดง คดิ เห็นเกี่ยวกับ แสดงความ คิดเหน็ เกย่ี วกับ ความคดิ เห็น ประโยชนข์ องการ คดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ของการ เก่ียวกบั ประโยชน์ ใช้แว่นขยายใน ประโยชนข์ องการ ใช้แวน่ ขยายใน ของการใช้แวน่ การสังเกตสง่ิ ใช้แวน่ ขยายใน การสงั เกตสงิ่ ขยายในการสังเกต ตา่ งๆ รวมท้ัง การสังเกตสิง่ ต่างๆ รวมทัง้ สง่ิ ตา่ งๆ รวมท้งั ยอมรบั ความ ตา่ งๆ รวมทงั้ ยอมรบั ความ ยอมรบั ความ คดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ยอมรบั ความ คิดเห็นของผ้อู น่ื คดิ เหน็ ของผอู้ ่นื คิดเห็นของผอู้ นื่ เปน็ บางช่วงเวลา ตลอดชว่ งเวลา ของการทำ ของการทำ กิจกรรม กิจกรรม การประเมินจากการทำกจิ กรรม 1 คะแนน หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ระดับคะแนน 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ รหัส สง่ิ ที่ประเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การสอื่ สาร C5 ความร่วมมือ
เกณฑ์การประเมินผลแบบทดสอบ ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ แบบทดสอบ รอ้ ยละ 80 - 100 ร้อยละ 60 - 79 ร้อยละ 40 - 59 ร้อยละ 10 - 39 ทำถูกต้อง ทำถูกต้อง 8 - 10 ขอ้ ทำถกู ต้อง ทำถกู ต้อง 1 - 3 ขอ้ 6 - 7 ขอ้ 4 - 5 ข้อ เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ระดบั คะแนน 8 - 10 ระดบั คุณภาพ รอ้ ยละ 80 – 100 ระดับคะแนน 6 - 7 ระดบั คุณภาพ ร้อยละ 60 - 79 ระดับคะแนน 4 - 5 ระดับคุณภาพ ร้อยละ 40 - 59 ระดบั คะแนน 1 - 3 ระดับคุณภาพ รอ้ ยละ 10 - 39 เกณฑก์ ารผ่าน ตง้ั แตร่ ะดบั คุณภาพร้อยละ 80 ข้ึนไป สรปุ ผา่ น ไมผ่ า่ น
แผนการจัดการเรียนรู้ สัปดาห์ท่ี 2 กลุม่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั : ประถมศึกษาปที ี่ 3 ช่ือรายวชิ า : วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วชิ า: ว 13101 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรยี นรูส้ ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว (เรียนรู้วิทยาศาสตร์) เวลา : 4 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ - 2. สาระสำคัญ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ วิธีการและขั้นตอนที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ดำเนินการเพื่อค้นคว้าหาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ และจิตวทิ ยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือ ขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการค้นคว้าหาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ ซึ่งมี 5 ขั้นตอน ได้แก่ การตั้งคำถาม การคาดคะเนคำตอบหรือตั้งสมมติฐาน การรวบรวมข้อมูลหรือการ ทดลอง การวิเคราะห์ข้อมูล และการสรุปผล ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ ทักษะที่เป็นความชำนาญและความสามารถในการสืบเสาะเพื่อค้นหา คำตอบ และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยนักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ออกเป็น 2 ขนั้ ทกั ษะขน้ั พน้ื ฐาน 8 ทักษะ และทักษะขน้ั ผสม 6 ทกั ษะ รวม 14 ทกั ษะ จิตวิทยาศาสตร์ คือ ลักษณะนิสยั ของบุคคลทีเ่ กิดขึ้นจากการศึกษาหาความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์โดยใชก้ ระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ เช่น ความมีเหตุมีผล ความสนใจใฝ่รู้ ความมุ่งมั่น ความ อดทน ความรับผดิ ชอบ ความซือ่ สัตย์ ความละเอียดรอบคอบ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้าน K - อธบิ ายวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ - ใชว้ ธิ ีการทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ ดา้ น P - มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรียนรู้ - ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพน้ื ฐานและวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ทักษะกระบวนการ 1) การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร 2) การกำหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ัติการ 3) การสรา้ งแบบจำลอง 4) การหาความสัมพนั ธ์ของสเปซกบั เวลา 5) การจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมูล 6) การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. บูรณาการสาระท้องถ่ิน/สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรียนรู้ (ช้ินงาน/ภาระงาน) 1. แบบบันทกึ กจิ กรรม 2. รายงานการทดสอบ 10.สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. แบบบันทกึ กิจกรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหล่งเรยี นรู้ เช่น หนังสอื วารสาร อนิ เทอร์เน็ต 11. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงท่ี 1 เร่ือง : การสืบเสาะหาความรู้ 1 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model ขน้ั ที่ 1 ข้ันเตรยี มกิจกรรม เตรยี มอุปกรณก์ ารเรยี น สอื่ การเรยี นการสอน ขั้นที่ 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครูให้นกั เรยี นดูภาพ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แลว้ นักเรียนช่วยกนั ตอบคำถาม ดังนี้ - ทำไมเดก็ ในภาพต้องใส่แวน่ นิรภัยขณะทำการทดลอง (แนวตอบ เพ่อื ปอ้ งกนั ดวงตาขณะที่ทำการทดลอง) - การใสแ่ วน่ นริ ภัยป้องกันดวงตาขณะทำการทดลองทำให้เกิดจติ วทิ ยาศาสตร์หรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ เกดิ เพราะ) 2. นกั เรียนร่วมกันอ่านคำศัพทท์ ี่เก่ียวข้องกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. นกั เรียนอ่าน “ชวนอ่านชวนคิดก่อนเรยี น” ตอนวิทยาศาสตร์ในชวี ิตประจำวนั แลว้ ตอบคำถาม 4. ครูสนทนากับนักเรยี นเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้วา่ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เปน็ ข้ันตอนการทำงาน อย่างเป็นระบบที่ใช้ในการสืบเสาะค้นหาความรู้ โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ การตั้งคำถาม การคาดคะเนคำตอบ การรวบรวมขอ้ มูล การวิเคราะหข์ อ้ มลู และการสรุปผล
ข้ันที่ 3 ขนั้ ดำเนินการสอน 1. ครูกระตุ้นความสนใจนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียนโดยให้อ่านสถานการณ์ตัวอย่าง โดยครูติดบัตรโจทย์ สถานการณ์ท่ีใช้วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ “คุณแม่กับบอสต้องการซ้ืออาหารกงุ้ เพ่ือมาเลย้ี งลกู กุ้ง เม่ือถงึ ร้านขายอาหารสัตว์ พบวา่ มีอาหารทใ่ี ช้สำหรบั เลยี้ งลกู กงุ้ อยู่ 2 แบบ ซึ่งแต่ละแบบมีปริมาณโปรตีนแตกต่างกนั ” 2. นกั เรยี นแบ่งกล่มุ ๆ ละ 4-5 คน ปฏบิ ัติกจิ กรรม จากสถานการณท์ ่ีใชว้ ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ดังน้ี 1) ศึกษาวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 2) แต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ที่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ แล้วตั้งคำถามหรือปัญหาที่เกิด จากการสังเกต พรอ้ มบนั ทกึ ลงในใบงานที่ 1.1 วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ 3) ร่วมกันคาดคะเนคำตอบของคำถามหรือปัญหาที่ต้องการศึกษาไว้ลว่ งหน้า โดยใช้ข้อมูลมาชว่ ยในการ คาดคะเนคำตอบ 4) แต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การสังเกต การสำรวจ เพื่อให้ได้ข้อมูลและบันทึกผล ลงในใบงานที่ 1.1 วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ 5) นำข้อมูลที่รวบรวมได้ มาแปลความหมายหรืออธิบาย จากนั้นร่วมกันสรุปผลของข้อมูลที่ได้จากการ วิเคราะห์ เพ่อื ตรวจสอบวา่ ตรงกบั คำตอบที่ไดค้ าดคะเนไว้หรือไม่ ขน้ั ท่ี 4 ข้นั สรุป 1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอขอ้ มลู 2. นักเรียนร่วมกนั สรปุ ผลการทำกิจกรรมว่า วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ เป็นข้นั ตอนการทำงานอยา่ งเป็นระบบของ นักวิทยาศาสตร์ที่ใชใ้ นการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ประกอบด้วย 5 ขัน้ ตอน ไดแ้ ก่ การต้ังคำถาม การ คาดคะเนคำตอบ การรวบรวมข้อมลู การวิเคราะหข์ ้อมูล และการสรุปผล การวดั และการประเมินผล วธิ ีวัด เครือ่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน เป้าหมาย ตรวจใบงานท่ี 1.1 วธิ ีการทาง ใบงานท่ี 1.1 นกั เรียนได้คะแนน วทิ ยาศาสตร์ วธิ กี ารทาง ร้อยละ 60 ข้นึ ไป ด้านความรู้ (K) วิทยาศาสตร์ ใบงานท่ี 1.1 วธิ ีการทาง ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผ่านเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดับ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) พอใช้ข้ึนไป สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในการ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ แบบประเมิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ปฏิบตั ิกิจกรรม การประเมินระดับ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ พอใช้ขน้ึ ไป ความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ระดบั คุณภาพ 2 ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม
บันทึกหลังการสอน ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ผลการจดั การเรยี นรู้ - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ้วย - อธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรยี น ดา้ นความรู้ (K) ตนเอง - นักเรียนรอ้ ยละ 90 ทำสำรวจ ความรกู้ ่อนเรยี นในแบบบันทึก - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครูอบรมตกั เตือน และใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมได้ ใหมอ่ ีกครั้ง ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นร้อยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ - นักเรยี นบางคนไม่มสี มาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตอื น และสังเกตพฤติกรรม กจิ กรรม ของนักเรยี นใหมห่ ลงั จากอบรมตกั เตือน ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) แลว้ - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน ลงช่อื ผ้สู อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชอ่ื ลงชือ่ (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศริ )ิ หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ชัว่ โมงท่ี 2 เรื่อง : การสืบเสาะหาความรู้ 2 ขั้นที่ 1 ข้ันเตรียมกิจกรรม เตรียมอุปกรณก์ ารเรยี น ส่ือการเรียนการสอน ข้ันท่ี 2 ข้นั นำเขา้ สูบ่ ทเรียน นกั เรียนดูตวั อย่าง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่นี ักเรยี นตอ้ งเรยี นรู้และฝกึ ฝนให้เกิดความชำนาญสำหรบั การเรียนวิทยาศาสตร์ จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.3 ข้ันที่ 3 ขนั้ ดำเนินการสอน 1. นักเรยี นใชก้ ลุ่มเดิมจากกิจกรรมท่ีแลว้ ปฏบิ ัติดังน้ี 1) แตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ออกแบบการทดลอง โดยการกำหนดและควบคุมตวั แปร 2) กำหนดความหมายและขอบเขตของคำท่ีอยู่ในสมมติฐาน โดยสามารถสังเกตและวัดข้อมูลได้ 3) หาความสมั พนั ธข์ องสเปซกบั เวลา 4) นำข้อมูลทถ่ี ูกจดั กระทำแล้ว มาสร้างแบบจำลองเพ่อื นำเสนอผลการทำกจิ กรรม โดยการจดั กระทำใน รปู แบบต่าง ๆ เช่น จัดกระทำในรูปแบบแผนภาพ จดั กระทำในรปู แบบตาราง
2. นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ - ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรม์ คี วามสำคัญต่อการเรียนวิทยาศาสตร์อย่างไร (แนวตอบ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรจ์ ะทำให้นักเรยี นคน้ หาความร้ไู ด้อย่างเปน็ ระบบและมีความถกู ต้อง) - ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ น้ั พ้ืนฐานมีก่ีทกั ษะ อะไรบ้าง (แนวตอบ 8 ทักษะ ได้แก่ การสังเกต การจำแนกประเภท การวัด การใชจ้ ำนวน การลงความเหน็ จากข้อมลู การจัดกระทำ และสือ่ ความหมายข้อมูล การหาความสัมพนั ธข์ องสเปซกับเวลา และการพยากรณ์) - ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทักษะขนั้ สงู หรือขน้ั ผสมมกี ี่ทักษะ อะไรบา้ ง (แนวตอบ 6 ทักษะ ได้แก่ การตงั้ สมติฐาน การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ัติการ การกำหนดและควบคมุ ตวั แปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรุป การสร้างแบบจำลอง) 3. ครใู หน้ ักเรียนดู Power Point เรอื่ ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 4 ขนั้ สรุป นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรูจ้ ากกจิ กรรมวา่ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ วิธกี ารและขั้นตอนท่ี นกั วทิ ยาศาสตร์ใชด้ ำเนินการเพอื่ คน้ คว้าหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และ จติ วทิ ยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล วิธีวดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน เป้าหมาย ตรวจสมุดประจำตัวนักเรียน สมดุ ประจำตัว นักเรียนได้คะแนน นักเรียน รอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป ด้านความรู้ (K) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) พอใช้ขึ้นไป สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในการ สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มน่ั แบบประเมนิ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม การประเมนิ ระดบั ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ในการทำงาน คณุ ลักษณะ พอใช้ข้ึนไป ความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน ระดบั คุณภาพ 2 ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม บนั ทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำได้ด้วย - อธบิ ายเพ่มิ เติมให้นกั เรียน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 90 อธบิ ายวิธีการ ตนเอง ทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และให้นักเรียนปฏบิ ัติ - นกั เรียนร้อยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ตั ิ ใหม่อีกครง้ั กิจกรรม
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นกั เรยี นบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวนิ ยั ของนักเรียนใหม่หลงั จากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน แลว้ ลงช่ือ ผู้สอน (นายอสิ รานวุ ฒั น์ รดิ สมเงิน) ลงช่อื ลงชื่อ (นายอิสรานวุ ฒั น์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสขุ ใจ ปรศี ิร)ิ หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ ลงช่ือ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ชวั่ โมงท่ี 3 เรือ่ ง : การสบื เสาะหาความรู้ 3 ข้ันท่ี 1 ขั้นเตรียมกิจกรรม เตรียมอปุ กรณก์ ารเรยี น สอื่ การเรยี นการสอน ข้นั ที่ 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ทบทวน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้เกิดความชำนาญสำหรับการ เรยี นวิทยาศาสตร์ จากหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขั้นที่ 3 ข้ันดำเนนิ การสอน 1. นกั เรยี นร่วมกันศกึ ษาจิตวิทยาศาสตร์จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 2. ร่วมกันสรุปว่า ลักษณะนิสัยของนักวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวทิ ยาศาสตร์ประกอบดว้ ยลักษณะตา่ ง ๆ เช่น ความมวี นิ ัย ความละเอียดรอบคอบ ความ มเี หตุผล ความสนใจใฝ่รู้ ความอดทน ความรบั ผดิ ชอบ ความซือ่ สตั ย์ ยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ น่ื 3. นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ได้เรียนรู้จากบทที่ 1 ในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนผังความคิด แผนภาพ ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น ขน้ั ท่ี 4 ขัน้ สรุป นกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้จากกจิ กรรมว่า กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คอื วิธกี ารและขนั้ ตอนทนี่ ักวทิ ยาศาสตร์ ใชด้ ำเนนิ การเพื่อค้นควา้ หาความร้ทู างวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ บ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ วิธีการ ทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ จิตวทิ ยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล เป้าหมาย วิธีวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน ด้านความรู้ (K) ตรวจสมดุ ประจำตัวนักเรียน สมุดประจำตัว นกั เรยี นได้คะแนน กจิ กรรมฝึกทักษะ นกั เรียน รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป
ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดับ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม พอใช้ข้นึ ไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน แบบประเมิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน ในการทำงาน คณุ ลักษณะ การประเมินระดับ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ข้นึ ไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ บนั ทกึ หลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไมส่ ามารถทำได้ดว้ ย - อธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั เรยี น - นกั เรยี นร้อยละ 90 อธิบายวิธกี าร ตนเอง ทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตกั เตอื น และให้นักเรยี นปฏบิ ัติ - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏิบัติ ใหมอ่ ีกครั้ง กจิ กรรม ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นักเรยี นบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรียนใหมห่ ลงั จากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน แลว้ ลงช่อื ผ้สู อน (นายอสิ รานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) ลงชอ่ื ลงช่อื (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศิร)ิ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ลงชอื่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ชั่วโมงท่ี 4 เรื่อง : การสืบเสาะหาความรู้ 4 ขัน้ ท่ี 1 ข้นั เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรยี น สอื่ การเรียนการสอน ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรียน
ทบทวน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ ที่นกั เรยี นต้องเรียนรู้ จากหนงั สือเรียน วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ขั้นท่ี 3 ขั้นดำเนินการสอน 1. นักเรยี นทกุ คนศกึ ษาแผนผังความคดิ สรุปสาระสำคญั เพ่อื ตรวจสอบกบั การเขยี นสรุปความรู้ทน่ี กั เรยี นทำไว้ใน สมดุ ประจำตัวนักเรยี น 2. นกั เรยี นทำกจิ กรรมฝึกทักษะ ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน 3. นักเรียนทำกิจกรรมสร้างสรรคผ์ ลงาน ปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 1) แบง่ กลุ่ม 4-5 คน จากน้นั แตล่ ะกลุ่มใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการศกึ ษาหวั ข้อเร่อื ง “ทำไม ปลกู ถั่วงอกได้ถวั่ เขยี ว” 2) นำข้อมลู ที่ไดม้ าสรา้ งเป็นแบบจำลองการปลูกถ่ัวงอกไดถ้ ั่วเขยี ว พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม ขั้นที่ 4 ขน้ั สรุป นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรูจ้ ากกิจกรรมวา่ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คอื วธิ กี ารและขัน้ ตอนที่นกั วิทยาศาสตร์ ใช้ดำเนินการเพื่อค้นคว้าหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ วิธีการ ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ จิตวทิ ยาศาสตร์ การวดั และการประเมนิ ผล เปา้ หมาย วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ (K) ตรวจสอบชิน้ งานผลงานแบบจำลอง แบบประเมินผล นักเรยี นได้คะแนน ชิน้ งาน/ผลงานแบบจำลองการปลกู การปลูกถ่ัวงอกได้ถวั่ เขียว งาน รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป ถว่ั งอกไดถ้ ่วั เขียว ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏิบัตกิ ิจกรรม พอใช้ขนึ้ ไป ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั แบบประเมนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่น ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมินระดบั ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ข้ึนไป ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนบางคนไม่สามารถทำได้ด้วย - อธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรียน - นกั เรียนร้อยละ 90 อธบิ ายวธิ ีการ ตนเอง ทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ได้ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตักเตอื น และใหน้ ักเรยี นปฏิบตั ิ - นักเรียนร้อยละ 98 ตั้งใจปฏิบัติ ใหมอ่ ีกคร้ัง กจิ กรรม
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตอื น และสังเกตพฤติกรรม - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรียนใหม่หลังจากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่นในการทำงาน แลว้ ลงชื่อ ผ้สู อน (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงนิ ) ลงช่อื ลงชื่อ (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ )ิ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ ลงช่ือ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ แบบประเมินผลงาน วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง : ใหผ้ ้สู อนประเมินผลงานของนักเรยี นแตล่ ะคน โดยใส่ตวั เลขลงในช่องว่างตามเกณฑ์การประเมิน ดงั น้ี 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรงุ รายการประเมนิ สมาชกิ ในกลุ่ม คนท่ี 1 คนท่ี 2 คนที่ 3 คนที่ 4 คนที่ 5 ด้านผลงาน 1. ความถูกต้องของผลงาน 2. การนำความรจู้ ากผลงานไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 3. การใชเ้ หตุผลประกอบการทำผลงาน 4. การเชอ่ื มโยงความรู้ท่เี รยี นมาเขา้ กับการทำผลงาน ด้านการคิดสรา้ งสรรค์ 5. ความสวยงามและความน่าสนใจของผลงาน ดา้ นการส่อื สาร 6. ระดบั เสียงและท่าทางประกอบการนำเสนอผลงาน 7. การถ่ายทอดความรู้ความเขา้ ใจ ด้านการมสี ่วนรว่ มในการทำงาน 8. การมสี ว่ นรว่ มในการทำงาน 9. การปรับตัวและการแบง่ หนา้ ทใ่ี นการทำงาน
คะแนนรวม (แตล่ ะคน) รายชื่อสมาชกิ ในกลุ่ม 1. ช่ือ............................................................................................. เลขท่.ี .............. 2. ช่อื ............................................................................................. เลขท่.ี .............. 3. ชอื่ ............................................................................................. เลขท่.ี .............. 4. ชอื่ ............................................................................................. เลขท.ี่ .............. 5. ชอื่ ............................................................................................. เลขท่ี............... เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน รายการประเมนิ ดี พอใช้ ปรบั ปรุง (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ดา้ นผลงาน 1. ความถกู ต้องของผลงาน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ผ ล งานของนักเรียน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของงาน ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ตามวัตถุประสงค์ของงาน ครบถว้ น ของงานเปน็ สว่ นใหญ่ บางส่วน 2. การนำความรู้จากผลงานไปใช้ใน อธิบายการนำความรู้ อธบิ ายการนำความรู้ อธบิ ายการนำความรู้ ชวี ติ ประจำวนั ทไี่ ด้จากการทำผลงานไปใช้ ที่ได้จากการทำผลงาน ท่ไี ด้จากการทำผลงานไปใช้ ในชีวติ ประจำวนั ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ในชวี ิตประจำวนั ได้ตรงประเด็น ไ ด ้ ต ร ง ป ร ะ เ ด ็ น เ ป็ น ได้ตรงประเดน็ บางสว่ น สว่ นใหญ่ ด้านการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การใช้เหตุผลประกอบการทำ อ ธ ิ บ า ย เ ห ต ุ ผ ล ใ น ก า ร อธิบายเหตุผลในการ อ ธ ิ บ า ย เ ห ต ุ ผ ล ใ น ก า ร ผลงาน เลือกใช้แนวคิดของตนเอง เ ล ื อกใช้ แ นวค ิ ด ขอ ง เลือกใช้แนวคิดของตนเอง ไปสร้างผลงานได้ชัดเจน ตนเองไปสร้างผลงานได้ ไ ป ส ร ้ า ง ผ ล ง า นไ ด ้ ต ร ง ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ ประเดน็ บางส่วน 4. การเช่อื มโยงความรทู้ เี่ รียนมา เขา้ สามารถอธิบายความรู้ท่ี สามารถอธิบายความรู้ท่ี สามารถอธิบายความรู้ท่ี กบั การทำผลงาน เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ เรียนมาเชื่อมโยงกับการ เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ ผลงานได้ตรงประเด็น ทำผลงานได้ตรงประเด็น ผ ล งา นไ ด ้ ต ร งป ร ะ เ ด็ น เป็นส่วนใหญ่ บางส่วน ด้านการคิดสร้างสรรค์ 5. ความสวยงามและความน่าสนใจ ผลงานมีความสวยงาม ไม่ ผลงานมีความสวยงาม ผลงานมีความสวยงาม แต่ ของผลงาน ซำ้ แบบใคร และโดดเดน่ ไม่ซ้ำแบบใคร แต่ไม่ คล้ายคลึงกับผลงานของ โดดเดน่ ผอู้ ื่น ดา้ นการส่ือสาร
6. ระดับเสียงและท่าทางประกอบ พูดเสียงดัง ชัดเจน และใช้ พูดเสียงดัง ชัดเจน และ พูดเสียงเบา ไม่ชัดเจน และ การนำเสนอผลงาน ท่าทางประกอบการนำเสนอ ใช้ท่าทางประกอบการ ไม่มีการใช้ท่าทางประกอบ สม่ำเสมอ นำเสนอเป็นส่วนใหญ่ การนำเสนอ ด้านการสอื่ สาร 7. การถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจของตนเองได้ถูกต้อง เ ข ้ า ใ จ ข อ งต นเ องไ ด้ เข้าใจของตนเองได้ตรง ตรงประเด็นอย่างชดั เจน ถูกต้องตรงประเด็นเป็น ประเด็นบางส่วน ส่วนใหญ่ ดา้ นการมสี ว่ นร่วมในการทำงาน 8. การมีสว่ นร่วมในการทำงาน มีส่วนร่วมในการทำงานกับ มีส่วนร่วมในการทำงาน สามารถให้ความร่วมมือใน เพื่อนด้วยความตั้งใจอย่าง กบั เพอ่ื นเปน็ ส่วนใหญ่ การทำงานร่วมกับเพื่อนเป็น สมำ่ เสมอ บางครง้ั 9. การปรับตัวและการแบ่งหน้าที่ใน สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ การทำงาน บทบาทและหน้าท่ีทีไ่ ดร้ ับใน บทบาทและหนา้ ที่ที่ได้รับ บทบาทและหนา้ ท่ที ไ่ี ดร้ ับใน ก า ร ท ำ ง า น ไ ด ้ ด ี อ ย ่ า ง ในการทำงานได้ดีเป็น การทำงานเป็นบางครั้ง ตอ้ ง สม่ำเสมอ สว่ นใหญ่ ได้รบั คำแนะนำจากครู เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 21-27 ดี 14-20 ตำ่ กว่า 14 พอใช้ ปรับปรงุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับ ช่อื –สกลุ การแสดง การรบั ฟัง การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี รวม ท่ี ของนักเรยี น ความคดิ เห็น คนอนื่ ตามทไ่ี ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321
เกณฑ์ให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ (70%) ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ (50%) เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ช่ือ..............................................................................เลขที่........... ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 หอ้ ง....... คำช้แี จง : ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดับ คะแนน ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น ระดบั ความคดิ เห็น 321 มวี นิ ยั 1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ปฏิบตั ิตามคำตักเตือนของครู 3 ทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งตั้งใจ ใฝเ่ รยี นรู้ 4 ร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครจู ดั ให้อยา่ งต้งั ใจ 5 หม่ันซกั ถามเมื่อเกิดข้อสงสัย 6 เอาใจใส่งานท่ไี ด้รบั มอบหมาย มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7 สนใจทำกจิ กรรมกับเพื่อนอย่างกระตือรือรน้ 8 ปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายอย่างต้ังใจ 9 สง่ งานอยา่ งสม่ำเสมอ
เกณฑใ์ หค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง (70%) ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั (50%) เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 23-27 ดีมาก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ปรบั ปรงุ ต่ำกวา่ 13
แผนการจดั การเรยี นรู้ สัปดาห์ท่ี 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั : ประถมศึกษาปีท่ี 3 ช่อื รายวิชา : วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วิชา: ว 13101 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรียนรสู้ งิ่ ต่าง ๆ รอบตวั เวลา : 4 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ - 2. สาระสำคญั อธิบายทักษะการหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งสเปซ กับสเปซและสเปซกับเวลา และทักษะการสร้างแบบจำลอง และ ฝกึ ทกั ษะการหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซกับสเปซ และสเปซกบั เวลา และทักษะการสร้างแบบจำลอง 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้าน K - อธบิ ายทักษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปซ กับสเปซและสเปซกับเวลา ด้าน P - มที กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้าน A - มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ - ทกั ษะการหาความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปซ กบั สเปซและสเปซกบั เวลา 5. ทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเห็นจากข้อมูล 4. การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. อยู่อย่าง 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 8. บรู ณาการสาระท้องถิ่น/สวนพฤกษศาสตร์ -
9. หลักฐานการเรยี นรู้ (ชน้ิ งาน/ภาระงาน) 1. แบบบันทึกกจิ กรรม 10.สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหล่งเรียนรู้ เชน่ หนงั สือ วารสาร อินเทอร์เน็ต 11. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 เรื่อง : ทกั ษะการหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง สเปซกบั สเปซและสเปซกบั เวลา และทักษะการสรา้ งแบบจำลอง ขน้ั ท่ี 1 ขั้นเตรยี มกิจกรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรียน สอื่ การเรยี นการสอน ข้นั ท่ี 2 ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรูใ้ ห้นักเรียนทราบ 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับสเปซและแบบจำลอง โดยครูวาง กระดาษหนังสือพิมพ์ 1 แผ่นที่พื้นแล้วให้ ตัวแทนนักเรียนออกมายืนบน กระดาษหนังสือพิมพ์ให้ได้จำนวนคนมากที่สุด นับจำนวนนักเรียนที่ยืน บนกระดาษ หนังสือพิมพ์แผน่ น้ัน จากนั้นทำเช่นเดิมแต่เปลี่ยนขนาด หนังสือพิมพ์เป็นขนาด ½ และขนาด ¼ ของพื้นที่เดิม ตามลำดบั 1.1 นักเรียนยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ขนาด 1 แผ่นได้กี่คน (นักเรียนตอบจำนวนคนที่ยืนยืนบน กระดาษหนังสือพิมพข์ นาด 1 แผน่ ได)้ 1.2 นักเรียนยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ครึ่งแผ่น ได้กี่คน (นักเรียน ตอบจำนวนคนที่ยืนยืนบนกระดาษ หนงั สอื พิมพค์ รึ่งแผ่นได้) 1.3 นักเรียนยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ ¼ แผ่นได้กี่คน (นักเรียน ตอบจำนวนคนที่ยืนยืนบนกระดาษ หนังสอื พิมพ์ ¼ แผน่ ได)้ 1.4 พื้นที่ของกระดาษหนังสือพิมพ์กับจำนวนนักเรียนที่ยืนบน กระดาษหนังสือพิมพ์สัมพันธ์กันอย่างไร (นักเรียนตอบจำนวน ตาความเข้าใจของตนเอง เช่น พื้นที่ของกระดาษหนังสือพิมพ์ กับจำนวนนักเรียนที่ยืนบนกระดาษ หนังสอื พิมพส์ มั พนั ธก์ นั โดย ถา้ พ้นื ทล่ี ดลงจำนวนคนท่ีสามารถยืนบนแผ่นกระดาษ หนังสือพิมพไ์ ดก้ ็ลดลง) 2. ครูเชือ่ มโยงความรเู้ ดิมของนักเรยี นสกู่ ารเรียนเร่ืองทกั ษะการหา ความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกบั สเปซและสเปซ กับเวลา และทักษะการ สร้างแบบจำลอง โดยใช้คำถามว่าสเปซหมายถึงอะไรและแบบจำลอง หมายถึงอะไร ครูชักชวน นักเรียนหาคำตอบจากการอ่านเรื่องทักษะ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และสเปซกับเวลา และ ทักษะการ สร้างแบบจำลอง ข้ันท่ี 3 ข้ันดำเนินการสอน 3. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและคำถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า 18 แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อหาแนว คำตอบและนำเสนอ ครูบันทึก คำตอบของนักเรยี นบนกระดานเพ่ือใชเ้ ปรยี บเทยี บคำตอบหลงั จาก อ่านเน้อื เร่อื ง 4. นักเรียนอ่านคำสำคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียน อ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนัน้ ครูชกั ชวนใหน้ ักเรยี น อธิบายความหมายของคำสำคัญตามความเข้าใจของตนเอง
5. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียน หน้า 18-19 โดยครูฝึกทักษะการ อ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรยี น จากนัน้ ครตู รวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใชค้ ำถามดังน้ี 5.1 ข้าวตูกับขา้ วตังกำลังทำอะไร (ช่วยแม่ทำความสะอาดบา้ นและ จัดของ) 5.2 ที่วางบนชน้ั รองเท้าทสี่ ามารถนำรองเท้าไปวางได้ เรียกวา่ อะไร (สเปซ) 5.3 ขนาดของรองเท้าคอื อะไร (สเปซของรองเทา้ ) 5.4 สเปซหมายถงึ อะไรได้บา้ ง (พืน้ ทีว่ ่างบนช้นั วางรองเทา้ หรือ ขนาดของรองเทา้ ) 5.5 การกระทำใดของข้าวตังกับข้าวตูเป็นการใช้ทักษะความสัมพันธ์ ระหว่างสเปซกับสเปซ ยกตัวอย่าง (เลอื กขนาดรองเทา้ ที่พอดี กบั พนื้ ทขี่ องชั้นวางรองเท้าท่วี า่ งอย)ู่ 5.6 ความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับเวลาจากเรื่องที่อ่านคืออะไร (การ ที่เท้าของข้าวตูและข้าวตังมีขนาด ใหญข่ ้ึนเม่ือเวลาผา่ นไป) 5.7 ภาพวาดของข้าวตูเป็นแบบจำลองเพราะเหตุใด (เพราะใช้แทน วัตถุหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น) 5.8 แบบจำลองต้องเหมอื นของจรงิ ทุกอย่างหรือไม่ (ไม่จำเป็นต้อง เหมอื นของจริงทกุ อยา่ ง) 5.9 แบบจำลองเป็นเพยี งภาพวาดใช่หรอื ไม่ (ไมใ่ ช่ ยงั เป็นรปู แบบอืน่ ๆ ไดอ้ ีก) ข้ันท่ี 4 ขัน้ สรุป 6. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปวา่ การทำกจิ กรรม บางอย่างตอ้ งอาศัยทกั ษะการหา ความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ ซ่ึงเปน็ การพิจารณาถึงความสัมพนั ธ์ของขนาดหรือพน้ื ท่ขี องสง่ิ ตา่ ง ๆ กบั ทว่ี ่าง และ กิจกรรมบางอยา่ งตอ้ งอาศัยทักษะการหาความสมั พนั ธ์ ระหว่างสเปซกับเวลาซงึ่ เปน็ การพจิ ารณาถงึ ความสัมพนั ธ์ของ ขนาด หรอื พน้ื ท่ีของส่ิงตา่ ง ๆ เม่อื เวลาผ่านไป แบบจำลองเปน็ ส่ิงที่ใช้แทน วัตถุหรือปรากฏการณ์ที่เกดิ ข้ึนจริงซง่ึ นำมาใช้ ส่อื สารเกย่ี วกบั วตั ถหุ รือ ปรากฏการณน์ ้ัน ๆ ให้คนอืน่ เขา้ ใจได้ 7. นักเรยี นตอบคำถามจากเรื่องที่อา่ นในรูห้ รือยัง ในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา้ 14 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรยี นใน รหู้ รือยังกบั คำตอบท่ีเคยตอบและ บนั ทึกไว้ในคดิ ก่อนอ่าน 9. ครชู กั ชวนนกั เรียนตอบคำถามทา้ ยเร่ืองท่ีอา่ น ดังนี้ ข้าวตจู ะสามารถทำ แบบจำลองในรูปแบบใดได้อีกบ้าง และแบบจำลองมีประโยชน์อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ครูยงั ไม่เฉลยคำตอบแตช่ ักชวนให้นักเรียน หาคำตอบจากการทำ กจิ กรรม การวดั และการประเมนิ ผล วธิ วี ัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ เป้าหมาย ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม แบบบันทกึ กจิ กรรม นกั เรียนได้คะแนน ด้านความรู้ (K) รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป ทักษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่าง สเปซ กบั สเปซและสเปซกบั เวลา ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในการ พอใช้ขึน้ ไป ปฏิบัตกิ ิจกรรม สังเกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั แบบประเมนิ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) การประเมนิ ระดบั ความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มั่น ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ พอใช้ข้ึนไป ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา ปญั หาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต - นักเรียนบางคนไมส่ ามารถทำได้ด้วย - อธบิ ายเพิม่ เติมให้นกั เรยี น บนั ทกึ หลังการสอน ตนเอง ผลการจดั การเรยี นรู้ - นกั เรียนบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และให้นักเรียนปฏบิ ัติ ดา้ นความรู้ (K) ใหมอ่ ีกครัง้ - นกั เรียนร้อยละ 90 มีทกั ษะการ หาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซ - นักเรียนบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรม กบั สเปซและสเปซกับเวลา ของนักเรยี นใหมห่ ลงั จากอบรมตักเตือน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) แล้ว - นกั เรียนร้อยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ตั ิ กิจกรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน ลงชือ่ ผู้สอน (นายอิสรานวุ ัฒน์ รดิ สมเงิน) ลงชอ่ื ลงช่อื (นายอสิ รานวุ ฒั น์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ ิ) หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธุ์) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ชว่ั โมงที่ 2 เรอื่ ง : ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกับสเปซ(1) ขนั้ ท่ี 1 ข้นั เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรยี น สอ่ื การเรียนการสอน ขัน้ ท่ี 2 ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครตู รวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซ กบั สเปซโดยเตรยี มแก้วเปลา่ 1 ใบหรือขวด เปล่า 1 ใบ เพ่อื ให้นกั เรียน สังเกตและใชป้ ระกอบการตอบคำถามต่อไปน้ี
1.1 แก้วใบนีม้ ีสเปซหรือทว่ี ่างสำหรับบรรจนุ ำ้ ลงไปในแก้วไดจ้ นเต็มแก้ว พอดี เป็นอย่างไร (นกั เรียนตอบ ตามความเขา้ ใจ) 1.2 เมอ่ื รินน้ำลงไปในแกว้ จนเตม็ พอดี สเปซของน้ำจะมรี ปู ร่างเป็น อย่างไร (นักเรียนตอบตามความ เข้าใจ) 1.3 ถา้ รินน้ำลงไปครงึ่ แก้ว สเปซของน้ำครึ่งแก้วจะมีรูปร่างเป็นอย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) 2. ครูเชือ่ มโยงความรู้ของนักเรียนเขา้ สูก่ จิ กรรมท่ี 2.1 กิจกรรมนีน้ ักเรียนจะ ไดเ้ รยี นรู้เก่ียวกับการหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซกบั สเปซ ข้ันท่ี 3 ข้ันดำเนินการสอน 3. นกั เรียนอา่ นชอ่ื กิจกรรม และทำเป็นคิดเปน็ จากนั้นรว่ มกนั อภปิ ราย เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกบั จดุ ประสงค์ในการทำกจิ กรรม โดยใช้ คำถาม ดงั น้ี 3.1 กจิ กรรมนีน้ ักเรยี นจะไดเ้ รียนเร่อื งอะไร (การหาความสัมพนั ธ์ ระหว่างสเปซกบั สเปซ) 3.2 นักเรยี นจะได้เรยี นร้เู ร่ืองนดี้ ว้ ยวธิ ใี ด (การฝกึ ทักษะ) 3.3 เมือ่ เรยี นแล้วนกั เรียนจะทำอะไรได้ (สามารถฝกึ และอธิบายทกั ษะ การหาความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปซ กับสเปซ) 4. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงค์ลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หน้า 16 และอา่ น สงิ่ ท่ตี ้องใชใ้ นการทำกิจกรรม 5. นกั เรยี นอ่านทำอยา่ งไร ทีละขอ้ โดยครูใชว้ ิธีฝกึ ทกั ษะการอา่ นท่ี เหมาะสมกบั ความสามารถของนักเรยี น จากน้นั ครูตรวจสอบความเข้าใจ เก่ียวกบั วธิ ีการทำกจิ กรรม จนนกั เรยี นเขา้ ใจลำดับการทำกิจกรรม โดย ใช้คำถามดงั นี้ 5.1 วัสดอุ ุปกรณ์ทนี่ ักเรยี นต้องใชใ้ นกจิ กรรมน้ีมอี ะไรบ้าง (กระดานและ ตัวตอ่ ) 5.2 นักเรยี นจะหาพ้ืนทข่ี องกระดานได้อย่างไร (นับจำนวนช่องบน กระดานวา่ มีก่ชี ่อง 5.3 นักเรียนตอ้ งทำอย่างไรกับตวั ตอ่ (สังเกตตวั ต่อ จำแนกตัวต่อ ออกเป็นกลุม่ โดยใช้รูปรา่ งเป็นเกณฑ์ และนับจำนวนช่องของแต่ละ รูปร่างของตวั ต่อว่ามีก่ชี อ่ ง บันทกึ ผล) 5.4 ในหวั ข้อทำอย่างไรข้อ 3 นักเรียนตอ้ งทำอะไร (นำตวั ต่อมาวางบน กระดานทลี ะตัวจนเตม็ พืน้ ที่ของ กระดาน) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ เตม็ พนื้ ทีข่ องกระดาน หมายถึงไมเ่ หลือ ช่องว่างบนกระดานและใชต้ ัวต่อครบทุกตัว ถ้าตอ่ ทีละตวั แลว้ มี ทวี่ า่ งเหลือ บนกระดาน ต้องจัดวางใหม่จนกวา่ จะตอ่ ได้เตม็ พ้นื ที่ และใชต้ ัวตอ่ ครบทุกตัว 5.5 นักเรียนต้องทำอะไรในลำดับตอ่ ไป (ร่วมกันอภิปรายว่าลักษณะตวั ต่อที่จะนำไปวางบนพ้ืนที่บน กระดานมคี วามสัมพนั ธ์กันอย่างไร) ขั้นท่ี 4 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เม่ือทำกจิ กรรมเรยี บร้อยนักเรียนสามารถอธบิ ายทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปซกับสเปซและการวางตัวต่อให้เต็มที่ว่างทำได้โดยการวางตัวต่อบนกระดานทีละตัว เนื่องจา กขนาด ของพื้นที่ที่จะ วางตวั ตอ่ แต่ละตวั จะมีขนาดพ้ืนที่เพียงพอกับขนาดและรปู ร่างของตวั ต่อแต่ละตวั ซ่งึ เปน็ การใช้ทักษะการหาความสัมพันธ์ ระหวา่ งสเปซกับสเปซ การวดั และการประเมินผล วธิ วี ัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน เป้าหมาย ตรวจแบบบันทกึ กจิ กรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) ร้อยละ 60 ข้นึ ไป กิจกรรมฝกึ ทกั ษะความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งสเปซกับสเปซ
ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม พอใช้ข้นึ ไป ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่น แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมินระดับ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ พอใช้ขนึ้ ไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 1) ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นักเรยี นบางคนไม่สามารถทำไดด้ ว้ ย - อธบิ ายเพ่ิมเติมให้นักเรียน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 95 อธบิ าย ตนเอง ความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซกับสเปซ ได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และให้นกั เรียนปฏิบตั ิ - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ัติ ใหมอ่ ีกครัง้ กจิ กรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นกั เรียนบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวินัย ของนักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน แลว้ ลงชื่อ ผู้สอน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงิน) ลงชอื่ ลงชอื่ (นายอิสรานวุ ฒั น์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิริ) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ ลงชือ่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธุ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259