Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้วิชาสังคม ป.๒

แผนจัดการเรียนรู้วิชาสังคม ป.๒

Published by Jeerawan Patiwong, 2020-04-03 23:30:22

Description: แผนจัดการเรียนรู้วิชาสังคม ป.๒

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วิชา สังคมศึกษาฯ เวลา 4 ช่ัวโมง หน่วยที่ 3 เร่ือง หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง พระรัตนตรัย สาระสาคญั พระรตั นตรัย คอื พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะทพี่ ่งึ สูงสุดของพทุ ธศาสนิกชน ศรัทธา เป็นหลกั ธรรมทท่ี าใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ติ นเขา้ ถึงพระรัตนตรยั โดยความสนิทใจ ตัวชี้วดั ป.2/4 บอกความหมาย ความสาคญั และเคารพพระรตั นตรัย ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมโอวาท 3 ใน พระพทุ ธศาสนา หรือหลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามที่กาหนด จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วัด 1. อธิบายความหมายของพระรตั นตรัย (K) 2. จาแนกความรูค้ วามเขา้ ใจในพระรัตนตรัย (P) 3. เห็นคุณคา่ ในการนบั ถือพระรตั นตรัยและปฏบิ ตั ิโดยการแสดงความเคารพพระรัตนตรัยดว้ ยการ บูชาและการกราบไหว้ (A) สาระการเรียนรู้ พระรัตนตรัย : พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ความศรทั ธาและการแสดงความเคารพในพระรตั นตรยั สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ซื่อสตั ยส์ ุจริต ตวั ช้ีวดั ที่ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงตอ่ ผอู้ ่ืนท้งั ทางกาย วาจา ใจ

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูนาภาพพระพทุ ธรูป พระธรรม และพระสงฆ์ มาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ร่วมกนั สนทนาโดยครูใช้ คาถาม ดงั น้ี  เม่ือนกั เรียนนึกถึงพระพทุ ธศาสนา นกั เรียนนึกถึงส่ิงใด (วัด)  ในวดั มีสิ่งใดบา้ งที่สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา (ตัวอย่างคาตอบ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์)  นกั เรียนมีความเก่ียวขอ้ งกบั พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ อยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ เป็ นผู้นับถือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็ นสรณะที่ต้ัง เป็ นชาวพุทธ) 2. ครูอธิบายความหมายและความสาคญั ของพระรตั นตรยั ดงั น้ี พระพทุ ธ หมายถึง พระพทุ ธเจา้ ผเู้ ป็นศาสดาของพระพทุ ธศาสนา พระธรรม หมายถึง หลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจา้ พระสงฆ์ หมายถึง ผทู้ ่อี ุปสมบทเป็นพระภกิ ษุและปฏบิ ตั ิตนตามหลกั คาสอนของ พระพทุ ธเจา้ แลว้ นามาเผยแผใ่ หพ้ ทุ ธศาสนิกชนปฏบิ ตั ิตาม 3. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นความสาคญั ของพระรตั นตรัย โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  พระพทุ ธมีความสาคญั กบั พระพทุ ธศาสนาและนกั เรียนอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ พระพุทธเจ้าเป็ นผู้ประกาศพระพุทธศาสนา โดยนาหลักคาสอนมาให้ผู้คนได้ ประพฤติปฏบิ ัตติ าม และเราได้มพี ระพุทธศาสนานับถือ)  พระธรรมมีความสาคญั กบั พระพทุ ธศาสนาและนกั เรียนอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ พระธรรมเป็ นหลกั ปฏิบัตทิ างพระพุทธศาสนา ให้ชาวพุทธได้นาไปปฏิบัตใิ น การดาเนนิ ชีวติ )  พระสงฆม์ ีความสาคญั กบั พระพทุ ธศาสนาและนกั เรียนอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ พระสงฆ์เป็ นผู้ปฏิบัตติ นตามคาส่ังสอนของพระพทุ ธเจ้าและนาหลกั ธรรมมา เผยแผ่ให้ผู้คนได้ปฏบิ ัติตาม เป็ นผู้สืบทอดพระพทุ ธศาสนาให้ยืนยาว) 4. ครูนาบตั รคาติดบนกระดานเป็น 3 แถว แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั จาแนกบตั รคาที่มีความหมาย ตรงกบั พระรัตนตรัย ดงั น้ี พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ผสู้ ืบทอดพระพทุ ธศาสนา พระไตรปิ ฎก หลกั คาสอนใหป้ ฏบิ ตั ิตาม ศาสดาของพระพทุ ธศาสนา

ผตู้ รัสรู้ธรรมแลว้ สงั่ สอนชาวโลก ผถู้ ือศลี 227 ขอ้ 5. ใหน้ กั เรียนสรุปความสาคญั ของพระรตั นตรยั เป็ นแผนภาพบนกระดาน ดงั น้ี ตัวอย่างแผนภาพ (ใหค้ รูสรุปคาตอบของนกั เรียนลงในแผนภาพ) ความสาคญั ของ พระรัตนตรัย 6. ครูนาดอกไม้ ธูปเทยี นมา แลว้ ใชค้ าถามใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา ดงั น้ี  ดอกไมพ้ รอ้ มดว้ ยธูปเทียนน้ีใชเ้ พอ่ื ทาส่ิงใด (ตัวอย่างคาตอบ ใช้สาหรับ บูชาพระ)  นกั เรียนเคยปฏบิ ตั ิหรือไม่ (เคย) 7. ครูอธิบายถึงคุณของพระรตั นตรยั ใหน้ กั เรียนฟัง ดงั น้ี คุณของพระพทุ ธ คุณค่าของพระ คุณของพระสงฆ์ คือ พระพทุ ธเจา้ ทรงตรัสรู้ คือ พระสงฆเ์ ป็นผปู้ ฏบิ ตั ติ าม ไดด้ ว้ ยพระองคเ์ องแลว้ รัตนตรัย คาสอนของพระพทุ ธเจา้ แลว้ สอนใหผ้ อู้ ่ืนรูต้ าม คณุ ของพระธรรม เผยแผใ่ หผ้ อู้ ่ืนรูต้ าม คอื หลกั ธรรมคาสอนทเี่ ป็น แนวทางปฏบิ ตั ิเพอ่ื ใหเ้ กิด ความสุข การทจี่ ะเขา้ ถึงคุณของพระรตั นตรัย ชาวพทุ ธจะตอ้ งมีหลกั ธรรมสาคญั คอื ศรัทธา หมายถึง ความ เชื่อ การยอมรบั การนบั ถือ ดว้ ยหลกั ของเหตุและผลตามความเป็นจริง โดยการปฏิบตั ิกราบไหวบ้ ูชา และประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตามหลกั คาสอน

8. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นในการแสดงความเคารพพระรัตนตรัย โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  นกั เรียนแสดงความเคารพในพระรัตนตรัยดว้ ยการปฏิบตั ติ นอยา่ งไรบา้ ง  ครูสรุปคาตอบของนกั เรียนเป็นแผนภาพบนกระดาน ตัวอย่างแผนภาพ การปฏิบตั ิตนตาม การบารุงพระสงฆผ์ สู้ ืบทอด หลกั คาสอน พระพทุ ธศาสนาดว้ ยปัจจยั 4 การแสดงความเคารพ พระรัตนตรัย การกราบไหวบ้ ูชาดว้ ย การทาความดีตอ่ ดอกไมธ้ ูปเทียน ตนเองและผอู้ ื่น 9. ครูใหน้ กั เรียนฝึกปฏิบตั ติ นในการแสดงความเคารพพระรัตนตรยั ดงั น้ี  การกราบไหวบ้ ชู าระลึกถึงคุณพระรตั นตรยั ดว้ ยดอกไมธ้ ูปเทียน  การใหน้ กั เรียนเลือกทาความดีตามหลกั ธรรมคนละ 1 อยา่ ง 10. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานท่ี 6 เร่ือง พระรัตนตรยั การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. วิธีการวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1.2 ตรวจช้ินงานท่ี 6 2. เคร่ืองมือ - แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 3. เกณฑ์การประเมิน - การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน

การประเมินชิ้นงานท่ี 6 ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่ือง พระรตั นตรยั เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 วาดภาพและเขียน วาดภาพและเขียน วาดภาพและเขยี น วาดภาพและเขยี น วาดภาพและเขยี น อธิบายหรือสรุป อธิบายหรือสรุป อธิบายหรือสรุป อธิบายหรือสรุป อธิบายหรือสรุป การปฏบิ ตั ติ นท่ีเป็น การปฏบิ ตั ติ นที่ การปฏบิ ตั ติ นท่ี การปฏิบตั ติ นที่ การปฏิบตั ิตนที่ การแสดงความเคารพ เป็นการแสดง เป็นการแสดง เป็นการแสดง เป็นการแสดง พระรัตนตรยั ความเคารพ ความเคารพ ความเคารพ ความเคารพ พระรตั นตรัยได้ พระรตั นตรัยได้ พระรัตนตรยั ได้ พระรตั นตรยั ได้ สมั พนั ธก์ บั หวั ขอ้ สมั พนั ธก์ บั หวั ขอ้ สมั พนั ธส์ อดคลอ้ ง ตามที่ครูแนะนา ที่กาหนด เชื่อมโยง ทก่ี าหนด แสดง กบั หวั ขอ้ ทก่ี าหนด หรือยกตวั อยา่ ง ใหเ้ ห็นภาพโดยรวม ใหเ้ ห็นถึง และมีการเขียน เท่าน้นั แสดงให้เห็นถึง ความสมั พนั ธก์ บั อธิบาย ยกตวั อยา่ ง ความสมั พนั ธก์ บั ตนเองอยา่ ง ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย ตนเองและผอู้ ื่น เป็นเหตุเป็นผล สื่อการเรียนรู้ 1. ภาพพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ 2. บตั รคา 3. ดอกไม้ ธูปเทียน 4. ชิ้นงานท่ี 6 เรื่อง พระรัตนตรัย

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วิชา สังคมศึกษาฯ เวลา 4 ชั่วโมง หน่วยที่ 3 เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง โอวาท 3 : การทาความดี สาระสาคญั หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เป็ นส่ิงที่พทุ ธศาสนิกชนทกุ คนพงึ ปฏิบตั ิในการอยรู่ ่วมกนั เพอ่ื ให้ เกิดความสงบสุขในสงั คม เบญจธรรม หิริ-โอตตปั ปะ และสงั คหวตั ถุ 4 เป็ นหลกั ธรรมโอวาท 3 ท่ใี หผ้ ปู้ ฏิบตั มิ ุ่งทาความดีใน การดาเนินชีวติ ประจาวนั มงคล 38 เป็นหลกั ธรรมท่ีนาความสุขความเจริญมาใหแ้ ก่ผปู้ ระพฤติและปฏบิ ตั ติ น ตัวชี้วัด ป.2/4 บอกความหมาย ความสาคญั และเคารพพระรตั นตรยั ปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมโอวาท 3 ใน พระพทุ ธศาสนา หรือหลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามท่ีกาหนด ป.2/5 ชื่นชมการทาความดีของตนเอง บุคคลในครอบครวั และในโรงเรียนตามหลกั ศาสนา จดุ ประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั 1. อธิบายความหมายโอวาท 3 : การทาความดี (K) 2. จาแนกวธิ ีการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมเพอ่ื นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั (P) 3. เห็นคุณคา่ และประโยชน์จากการนาหลกั ธรรมไปปฏบิ ตั ิในชีวติ ประจาวนั (A) สาระการเรียนรู้ โอวาท 3 การทาความดีตามหลกั ธรรม : เบญจธรรม หิริ-โอตตปั ปะ และสงั คหวตั ถุ 4 โอวาท 3 : การทาความดี หลกั ธรรมฆราวาสธรรม 4 และความกตญั ญกู ตเวทีตอ่ ครูอาจารย์ และโรงเรียน มงคล 38 : ความกตญั ญกู ตเวที และการสงเคราะห์ญาติพนี่ อ้ ง สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการคิด คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ตวั ช้ีวดั ท่ี 2.2 ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงต่อผอู้ ื่นท้งั ทางกาย วาจา ใจ

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การกระทาของตนเอง โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  นกั เรียนคิดวา่ ตนเองเคยทาความดีอะไรบา้ ง (ตวั อย่างคาตอบ ไม่พูดโกหก ไม่ ขโมยของเพื่อน)  นกั เรียนรูส้ ึกอยา่ งไรเม่ือไดท้ าความดี (ตวั อย่างคาตอบ ดีใจ มคี วามสุข) แลว้ ครูนาคาตอบของนกั เรียนมาสรุปลงในแผนภาพบนกระดาน ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี ความดี ที่นักเรียนเคยทา จากน้นั ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ การทาความดี เป็นส่ิงทีท่ ุกคนควรปฏบิ ตั ิ ซ่ึงในพระพทุ ธ- ศาสนามี หลกั ธรรมชื่อ เบญจธรรม ทช่ี ่วยสอนใชช้ าวพทุ ธทกุ คนรู้จกั ทาความดีประกอบ ดว้ ยการมีเมตตากรุณาต่อ สตั วแ์ ละส่ิงมีชีวติ ประกอบอาชีพสุจริต มีความซื่อสตั ยต์ อ่ คู่ครองของตน พดู แต่ความจริง มีความซ่ือสตั ย์ และมีสตไิ ม่ประมาท รูว้ า่ ส่ิงใดไม่ควรทา ถา้ ทุกคนในสงั คมปฏบิ ตั ิตนตามเบญจธรรมได้ จะทาให้สงั คมสงบ สุข 2. ครูนาแถบประโยคตอ่ ไปน้ีมาแจกผแู้ ทนนกั เรียน 12 คน ที่หนา้ หอ้ งเรียน ดงั น้ี มีเมตตาและกรุณาตอ่ สตั ว์ ประกอบอาชีพสุจริต มีสตไิ ม่ประมาท รูส้ ึกตวั อยเู่ สมอ เบญจธรรม เวน้ จากการลกั ทรัพย์ เวน้ จากการพดู ปด มีความซื่อสตั ยต์ ่อคู่ครองของตน พดู แตค่ วามจริง มีความซื่อสตั ย์ เบญจศลี เวน้ จากการรงั แกสตั ว์ เวน้ จากการดื่มของมึนเมา เวน้ จากการประพฤตผิ ดิ ในกาม จากน้นั ครูนานักเรียนอ่านแถบประโยคเหล่าน้ี 1 รอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนเล่นเกมยกมือบอกเบญจศีล และเบญจธรรม ซ่ึงมีวธิ ีการเล่น ดงั น้ี

 ครูแยกแถบประโยคที่วา่ เบญจศีลและเบญจธรรมไวค้ นละดา้ น  ครูอ่านแถบประโยคทเี่ หลือทลี ะแถบ แลว้ ใหน้ กั เรียนยกมือขา้ งเดียวถา้ คดิ วา่ แถบประโยคน้นั เป็ นเบญจศีล และยกสองมือถา้ คดิ วา่ แถบประโยคน้นั เป็ นเบญจธรรม  กลุ่มท่ีตอบไดเ้ ร็วและถูกตอ้ งมากท่สี ุดจะเป็นผชู้ นะ กลุ่มท่ีตอบผดิ ใหอ้ อกมา อ่านหลกั ธรรมเบญจศลี และเบญจธรรมใหเ้ พอ่ื นฟัง 1 รอบ เม่ือจบั กลุ่มเบญจศีลและเบญจธรรมไดถ้ ูกตอ้ ง ครูนาแถบประโยคท้งั หมดมาติดบน กระดานตาม กลุ่มใหถ้ ูกตอ้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี  ถา้ สมาชิกทุกคนในสงั คมปฏบิ ตั ิตนตามหลกั เบญจศีลและเบญจธรรมแลว้ จะเกิดผลอยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ ผู้ปฏิบตั ิมคี วามสุขและสังคมสงบสุข) 3. ครูเล่านิทานเรื่อง หนูนาเด็กดี ใหน้ กั เรียนฟัง ดงั น้ี นิทานเรื่อง หนูนาเดก็ ดี หนูนาเป็ นหวั หนา้ หอ้ งช้นั ป.2 มีเพอื่ นสนิทคือหนูดี ซ่ึงวนั น้ีหนูดีซ้ือดินสอ มาใหม่สวยมาก หนูนาชอบและอยากไดด้ ินสอของหนูดี เมื่อหนูดีลุกไปจากโตะ๊ หนูนาคดิ วา่ จะขโมยดินสอของหนูดี แตก่ ็ตอ้ งเปล่ียนใจเพราะรูว้ า่ มนั เป็ นการกระทาทไี่ ม่ดี และ เก็บเงนิ ซ้ือดินสอเองจะภมู ิใจมากกวา่ ขโมยของเพอ่ื น แลว้ ครูใชค้ าถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น ดงั น้ี  การกระทาของหนูนาเหมาะสมหรือไม่ (เหมาะสม)  นกั เรียนเคยทาเหมือนหนูนาหรือไม่ (เคย/ไม่เคย)  ถา้ นกั เรียนอยากไดด้ ินสอใหม่ นกั เรียนควรทาอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ เกบ็ เงนิ ซื้อเอง ให้พ่อแม่ซื้อให้)  ถา้ หนูนาขโมยดินสอของหนูดี จะเกิดผลอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ถูกครูลงโทษ เพ่ือนรังเกียจ)  เพราะเหตุใดหนูนาจงึ ไม่ขโมยดินสอของหนูดี (ตวั อย่างคาตอบ กลวั ถกู จับได้ อาย ไม่กล้า)

 ถา้ นกั เรียนเป็นหนูนาจะขโมยดินสอของหนูดีหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ เพราะเป็ นการกระทาทไี่ ม่ดี) จากน้นั ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ การกระทาของหนูนาถูกตอ้ ง ท่หี นูนาไม่ขโมยดินสอของหนูดีก็ เพราะความละอาย ไม่กลา้ และเกรงกลวั ตอ่ บาป โดยความผดิ ทจี่ ะเกิดข้นึ ตรงกบั หลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา คือ หิริ-โอตตปั ปะ หิริ หมายถึง ความละอายต่อการกระทาสิ่งไม่ดี โอตตปั ปะ หมายถึง ความเกรงกลวั ต่อส่ิงทีไ่ ม่ดีและผลจากการทาส่ิงไม่ดี จากน้นั ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  ถา้ ทกุ คนในสงั คมมีหิริ -โอตตปั ปะในใจ จะเกิดผลอยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ ทกุ คนอยู่ร่วมกนั อย่างสงบสุข ไม่เดือดร้อน) 4. ครูอธิบายหลกั ธรรมท่ีเก่ียวกบั การทาความดี คือ สังคหวตั ถุ 4 ให้นักเรียนฟัง แลว้ ใหน้ ักเรียน ร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมสังคหวตั ถุ 4 ของตนเอง โดยครูใชค้ าถาม กระตุน้ ความคดิ ดงั น้ี  นกั เรียนเคยปฏบิ ตั ิตนในการใหท้ านอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ให้เพ่ือนยืม ไม้บรรทดั แบ่งขนมให้น้อง)  นกั เรียนเคยปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมปิ ยวาจาอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ไม่พูดคาหยาบกับผู้อ่ืน)  นกั เรียนเคยปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมอตั ถจริยาอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ช่วยแม่ ทางานบ้าน ช่วยเพื่อนทาความสะอาดห้องเรียน)  นกั เรียนเคยปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมสมานตั ตตาอยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ ทาการบ้ านส่ งครูทุกคร้ัง) 5. ครูอธิบายเก่ียวกบั ฆราวาสธรรม 4 ใหน้ กั เรียนฟัง แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดง ความคิดเห็นวา่ ตนเองมีหลกั ธรรมฆราวาสธรรม 4 อยา่ งไร และตรงกบั ฆราวาสธรรม 4 ขอ้ ใด เช่น  ไม่เคยโกหกพอ่ แม่ ตรงกบั ฆราวาสธรรม 4 ขอ้ สจั จะ  แบ่งของเล่นใหน้ อ้ ง ตรงกบั ฆราวาสธรรม 4 ขอ้ จาคะ  ช่วยทางานบา้ นโดยไม่เคยบน่ ตรงกบั ฆราวาสธรรม 4 ขอ้ ขนั ติ  ไม่โกรธพเี่ ม่ือโดนแกลง้ ตรงกบั ฆราวาสธรรม 4 ขอ้ ทมะ

แลว้ ครูนาขอ้ มูลทีไ่ ดไ้ ปสรุปลงในแผนภาพบนกระดาน ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี ทมะ ขนั ติ การปฏิบัตติ นตาม หลักธรรม ฆราวาสธรรม 4 สจั จะ จาคะ 6. ครูเล่าสถานการณ์เก่ียวกบั การแสดงความกตญั ญกู ตเวทตี อ่ ครูอาจารยแ์ ละโรงเรียนใหน้ กั เรียนฟัง ดงั น้ี สถานการณ์ท่ี 1 ณ โรงเรียนแห่งหน่ึงมีนกั เรียนจานวน 200 คน ทุกคนเป็ นเดก็ ดี มาโรงเรียนต้งั แตเ่ ชา้ ทาความเคารพครูก่อนเขา้ โรงเรียน และช่วยกนั ทาความสะอาดหอ้ งเรียนและบริเวณรอบโรงเรียน ตามความรับผดิ ชอบของตนเองดว้ ยความเตม็ ใจ เวลาครูสอนกต็ ้งั ใจเรียน ไม่เคยทาตวั ให้ เสียชื่อเสียงของโรงเรียน ทาใหโ้ รงเรียนน่าอยแู่ ละมีช่ือเสียงเป็ นที่รูจ้ กั ของคนทว่ั ไป จากน้นั ครูใชค้ าถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั น้ี  นกั เรียนมาโรงเรียนแต่เชา้ หรือไม่ (มา/ไม่มา)  นกั เรียนทาความเคารพครูอาจารยเ์ มื่อเจอกนั หรือไม่ (ทา/ไม่ทา)  นกั เรียนร่วมกิจกรรมการทาความสะอาดหอ้ งเรียนและบริเวณรอบโรงเรียน กบั เพอื่ น ๆ หรือไม่ (ร่วม/ไม่ร่วม)  เวลาครูสอน นกั เรียนต้งั ใจเรียนหรือไม่ (ต้งั ใจ/ไม่ต้งั ใจ)  ถา้ นกั เรียนต้งั ใจเรียน จะเกิดผลดีตอ่ ตนเองอยา่ งไร (ทาให้เข้าใจในสิ่งทีเ่ รียน)  ถา้ นกั เรียนเคยปฏิบตั ติ นเหมือนในสถานการณน์ ้ี จะเกิดผลดีต่อตนเองและ โรงเรียนอยา่ งไร (เกิดผลต่อตนเอง คอื เป็ นคนดี มีคนรัก และเรียนดี ผลต่อโรงเรียน คือ ทาให้ โรงเรียนน่า อยู่และมชี ่ือเสียงทดี่ ี เป็ นท่ีรู้จกั ของคนทว่ั ไป)

จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปวา่ การเป็นนกั เรียนทด่ี ี ตอ้ งรู้จกั กตญั ญูกตเวทตี อ่ ครูอาจารยแ์ ละโรงเรียน โดยการต้งั ใจเรียน ปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบยี บและรกั ษาช่ือเสียงของโรงเรียนทาความ เคารพและเชื่อฟังครูอาจารย์ ซ่ึงท้งั หมดลว้ นเป็ นการปฏิบตั ิตนเป็ นคนดีตามหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ในขอ้ ท่วี า่ ความกตญั ญกู ตเวที 7. ครูนาบตั ร มงคล มาตดิ ไวบ้ นกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านตามและร่วมกนั แสดง ความคิดเห็นเก่ียวกบั คาดงั กล่าว ดงั น้ี  นกั เรียนเคยไดย้ นิ คาน้ีหรือไม่ (เคย/ไม่เคย)  เม่ือไดย้ นิ คาน้ี นกั เรียนนึกถึงส่ิงใด ( ตัวอย่างคาตอบ ความดงี าม ความสุข ความเจริญ) แลว้ ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟังว่า มงคล หมายถึง คาสอนทางพระพุทธศาสนาท่ีจะนาความสุขความ เจริญมาให้ เม่ือเราปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมน้ี จะทาใหช้ ีวติ มีแต่ความสุข มีท้งั หมด 38 ขอ้ ครูอธิบายมงคล ท่นี กั เรียนตอ้ งเรียน คือ ความกตญั ญกู ตเวที และการสงเคราะหญ์ าติพน่ี อ้ งให้นกั เรียนฟัง 8. ให้นักเรียนเล่นเกมลูกบอลรู้หนา้ ท่ี โดยครูใหน้ กั เรียนออกมาจบั ลูกปิ งปองในกล่อง ทีละคน ถา้ ใครจบั ไดส้ ีใดก็ใหบ้ อกการปฏิบตั ิตนที่จะนาไปปฏบิ ตั ใิ นชีวติ ประจาวนั ตามเงือ่ นไข ทีค่ รูต้งั ไว้ ดงั น้ี  ลูกบอลสีขาว ใหบ้ อกวา่ ตนเองแสดงความกตญั ญตู อ่ พอ่ แม่อยา่ งไร  ลูกบอกสีเหลือง ใหบ้ อกวา่ ตนเองแสดงความกตญั ญตู อ่ ครูอาจารยอ์ ยา่ งไร  ลูกบอลสีแดง ใหบ้ อกวา่ ตนเองใหค้ วามช่วยเหลือและแสดงความรกั ตอ่ ญาติพน่ี อ้ งอยา่ งไร 9. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั หลกั ธรรมมงคล 38 : ความกตญั ญูกตเวทีและการ สงเคราะหญ์ าตพิ น่ี อ้ ง โดยครูใชค้ าถามและสรุปคาตอบของนกั เรียนเป็ นแผนภาพ ดงั น้ี  นกั เรียนมีแนวทางการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมมงคล 38 อยา่ งไรบา้ ง ตัวอย่างแผนภาพ เคารพเชื่อฟังพอ่ แม่ ช่วยเหลือเก้ือกูลกนั ช่วยทางานบา้ น แนวทาง แบ่งปันส่ิงของแก่ญาติ ความกตญั ญกู ตเวที การปฏิบัติตน ตามหลกั ธรรม การสงเคราะหญ์ าติพนี่ อ้ ง ดูแลรักษา เม่ือทา่ นเจบ็ ป่ วย มีความรกั และสามคั คกี นั เล้ียงดูพอ่ แม่ เม่ือทา่ นแก่ชรา มงคล 38 ช่วยงานญาติเม่ือมีงานเกิดข้ึน

10. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานท่ี 7 เร่ือง การกระทาความดีของตนเอง และบุคคลในครอบครวั และ โรงเรียน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 1. วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1.2 ตรวจช้ินงานที่ 7 2. เครื่องมือ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 3. เกณฑ์การประเมนิ - การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน การประเมินชิ้นงานที่ 7 ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่ือง การกระทาความดีของตนเอง และบุคคลในครอบครวั และโรงเรียน เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 เขยี นอธิบายหรือสรุป เขียนอธิบายหรือ เขียนอธิบายหรือ เขยี นอธิบายหรือ เขียนอธิบายหรือ การทาความดีของ สรุปการทาความดี สรุปการทาความดี สรุปการทาความดี สรุปการทาความดี ตนเองทเ่ี คยปฏบิ ตั ิ ของตนเองทีเ่ คย ของตนเองท่เี คย ของตนเองที่เคย ของตนเองทีเ่ คย ปฏบิ ตั ิ ไดส้ มั พนั ธ์ ปฏิบตั ไิ ด้ มีการ ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิได้ แต่ยงั กนั มีการเช่ือมโยง จาแนกขอ้ มูล ไดส้ อดคลอ้ งกบั ไม่สอดคลอ้ งกบั ใหเ้ ห็นภาพรวม แสดงให้เห็นถึง ขอ้ มูล มีการเขยี น ขอ้ มูล เขยี นตาม แสดงถึง ความสมั พนั ธก์ บั อธิบายใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย ขอ้ มูลทอี่ ่าน ไม่มี ความสมั พนั ธก์ บั ตนเองอยา่ ง การอธิบายเพมิ่ เติม ตนเองและผอู้ ่ืน เป็นเหตุเป็นผล

ส่ือการเรียนรู้ 1. นิทานเร่ือง หนูนาเด็กดี 2. สถานการณ์ 3. แถบประโยค 5. สถานการณ์เก่ียวกบั โรงเรียน 6. ลูกบอลสีขาว เหลือง และแดง 7. ช้ินงานท่ี 7 เรื่อง การกระทาความดีของตนเอง และบคุ คลในครอบครวั และโรงเรียน

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วชิ า สังคมศึกษาฯ เวลา 4 ชั่วโมง หน่วยที่ 3 เรื่อง หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง โอวาท 3 : โอวาท 3 : การไม่ทาความช่ัวและการทาจิตใจให้บริสุทธ์ิ สาระสาคญั การไม่ทาความชว่ั เป็ นหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาท่พี ทุ ธศาสนิกชนควรนาไปปฏิบตั ิเพอ่ื ใหเ้ กิด ความสงบสุขในการดาเนินชีวติ การทาจติ ใจใหบ้ ริสุทธ์ิ เป็นหลกั ธรรมใหบ้ ุคคลเขา้ ถึงหลกั ของความดีท้งั กาย วาจา และใจ ทาให้ เป็นผสู้ ะอาดบริสุทธ์ิ ปราศจากมลทินทางจิตใจ ตวั ชี้วดั ป.2/4 บอกความหมาย ความสาคญั และเคารพพระรัตนตรยั ปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมโอวาท 3 ใน พระพทุ ธศาสนา หรือหลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถือตามท่ีกาหนด จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั 1. อธิบายหลกั ธรรมการไม่ทาความชวั่ และการทาจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ(K) 2. จาแนกการปฏบิ ตั ิตนตามหลกั เบญจศีลและฝึกปฏบิ ตั ิการชาระจติ ใจใหบ้ ริสุทธ์ิตามหลกั ธรรม โอวาท 3 (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการนาหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาไปปฏิบตั ิในการดาเนินชีวิต (A) สาระการเรียนรู้ โอวาท 3 : การไม่ทาความชว่ั ตามหลกั ธรรมเบญจศีลและการทาจติ ใจใหบ้ ริสุทธ์ิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ซื่อสตั ยส์ ุจริต ตวั ช้ีวดั ที่ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผอู้ ื่นท้งั ทางกาย วาจา ใจ

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูเล่านิทานเร่ือง ผลจากการคิดร้าย ใหน้ กั เรียนฟัง โดยมีเน้ือรอ้ ง ดงั น้ี นิทานเรื่อง ผลจากการคดิ ร้าย ณ ป่ าแห่งหน่ึง สตั วท์ ุกตวั อาศยั อยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข แบบพ่งึ พาอาศยั กนั จนกระทง่ั สุนขั จ้งิ จอกจอมเกเรหลงเขา้ มาในป่ าและคอยจอ้ งแตจ่ ะทาร้ายสตั วท์ ่ีอ่อนแอกวา่ อยมู่ าวนั หน่ึง สุนขั จิ้งจอกคดิ จะเอาหางกระรอกมาทาพรมเช็ดเทา้ จึงวง่ิ ไล่กระรอกและเพอื่ น ๆ แตโ่ ชคร้ายตนเองกลบั วง่ิ ไปติดบว่ งนายพราน ด้ินอยา่ งไรก็ไม่หลุด จึงออ้ นวอนใหส้ ตั วท์ ้งั หลายใหช้ ่วยตน แต่สตั วท์ ้งั หลาย ไม่ยอมเพราะกลวั สุนขั จิ้งจอกจะมาทารา้ ยพวกตนอีก สิงโตมาพบเขา้ จงึ บอกสตั วท์ ้งั หลายวา่ ควรใหอ้ ภยั สุนขั จ้งิ จอก ใหโ้ อกาสเขากลบั ตวั กลบั ใจเป็นสตั วท์ ดี่ ี สุนขั จิ้งจอกจงึ รู้สานึกวา่ การคดิ รา้ ยตอ่ ผอู้ ื่น จะทาใหต้ นไดร้ ับผลรา้ ยน้นั ตอบคนื ดงั คาพดู ที่วา่ “ทาดีไดด้ ี ทาชวั่ ไดช้ ว่ั ” เม่ือเป็นอิสระแลว้ สุนขั จ้ิงจอกจึงสญั ญากบั สตั วท์ กุ ตวั วา่ ตนเองจะไม่เกเรและทารา้ ยผอู้ ่ืนอีกต่อไป จากน้นั เป็นตน้ มา สตั วท์ ้งั หลายก็อยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั นิทานเรื่องดงั กล่าว โดยครูใชถ้ าม ดงั น้ี  การกระทาของสุนขั จ้งิ จอกเหมาะสมหรือไม่ เพราะอะไร (ไม่เหมาะสม เพราะเป็ นการทาร้ายผู้อ่ืน เป็ นการกระทาทีไ่ ม่ดี)  การกระทาของสุนขั จิ้งจอก ทาใหเ้ กิดผลอยา่ งไร (ทาให้ตนเองตดิ บ่วง นายพรานและสัตว์อน่ื ๆ ไม่มีใครชอบตนเอง)  การกระทาของสิงโตเหมาะสมหรือไม่ เพราะอะไร (เหมาะสม เพราะการรู้จกั ให้อภยั ผู้อื่น เป็ นนิสัยของคนด)ี  นกั เรียนควรนาการกระทาของสตั วใ์ ดมาเป็ นแบบอยา่ งในการดาเนินชีวติ (สิงโต)  นกั เรียนไดข้ อ้ คดิ ใดจากเร่ืองน้ี (ตวั อย่างคาตอบ ทาดีได้ดี ทาช่ัวได้ชั่ว การรู้จัก ให้อภยั ผู้อื่น เป็ นเคร่ืองหมายของคนด)ี

 นกั เรียนคดิ วา่ ถา้ สิงโตไม่ใหส้ ตั วท์ กุ ตวั ใหอ้ ภยั สุนขั จ้ิงจอก ตอนจบของเรื่องจะ เป็นอยา่ งไร (สุนัขจิง้ จอกถูกนายพรานเอาไปขายหรือทาร้าย) จากน้นั ครูสรุปเพมิ่ เตมิ วา่ การกระทาของสุนขั จิง้ จอก เป็นการกระทาความชวั่ คิดรา้ ยตอ่ ผอู้ ื่น ทาให้ เกิดผลร้ายต่อตนเอง ในทางพระพทุ ธศาสนามีหลกั ธรรมซ่ึงเป็ นคาสัง่ สอนของพระพทุ ธเจา้ ท่ีเป็ นแนวทาง ปฏิบตั ใิ หช้ าวพทุ ธไม่ทาความชวั่ เช่นน้นั สถานการณ์ที่ 1 ป้อมเป็ นเด็กเกเรชอบรงั แกสตั ว์ ทุกคร้ังทป่ี ้อมเจอสุนขั แมว หรือสตั วอ์ ื่น ๆ ป้อมจะใชก้ อ้ นหิน ขวา้ งใส่สตั วเ์ หล่าน้นั ใหไ้ ดร้ ับความเจบ็ ปวดดว้ ยความสนุกสนาน ดงั น้นั จึงไม่มีใครอยากเป็ นเพอ่ื นป้อม จากน้นั ครูใชค้ าถาม เพอ่ื ใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็น ดงั น้ี  ป้อมเป็นเด็กอยา่ งไร (เป็ นเด็กเกเร ชอบรังแกสัตว์)  การกระทาของป้อม ส่งผลตอ่ ผอู้ ่ืนอยา่ งไร (ได้รับความเจบ็ ปวดทรมาน)  การกระทาของป้อม ส่งผลต่อตนเองอยา่ งไร (ไม่มีใครอยากคบเป็ นเพ่ือน)  การกระทาของป้อม ควรทาหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ควรทา เพราะเป็ นการทา ความช่ัว)  นกั เรียนเคยทาเหมือนป้อมหรือไม่ (เคย/ไม่เคย)  นกั เรียนจะนาป้อมมาเป็นแบบอยา่ งในการดาเนินชีวติ หรือไม่ (ไม่) จากน้นั ครูสรุปให้นักเรียนฟังวา่ การกระทาของป้อม เป็ นการทาความชวั่ ผิดศีล ไม่ควรนามาเป็ น แบบอยา่ ง เป็นการกระทาท่ีไม่ควรทาและควรละเวน้ ตามหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาทีว่ า่ เบญจศลี หรือ ศีล 5 ซ่ึงประกอบดว้ ย เวน้ จากการรังแกหรือฆ่าสตั วแ์ ละสิ่งมีชีวติ ท้งั หลาย เวน้ จากการลกั ทรัพย์ เวน้ จาก การประพฤติผดิ ในกาม เวน้ จากการพดู ปด หลอกลวงและคาหยาบ และเวน้ จากการดื่มน้าเมาหรือเสพสาร เสพติด ถา้ พทุ ธศาสนิกชนเวน้ จากการทาความชว่ั ตามหลกั ธรรมเบญจศีลได้ จะทาใหค้ นในสงั คมอาศยั อยู่ ร่วมกนั อยา่ งมีความสุข 2. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปประโยชน์ของการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมเบญจศีลเป็ นแผนภาพ บน กระดาน ดงั น้ี

ตวั อย่างแผนภาพ ประโยชน์ของ เป็นผสู้ ารวมระวงั ตน มีความพอใจใน การปฏบิ ตั ิตนตาม ไม่ประพฤตเิ สื่อมเสีย ทรัพยส์ ินตนเอง หลกั ธรรมเบญจศีล เป็นผมู้ ีวาจาสตั ย์ เป็นผมู้ ีจติ เมตตา ห่างไกลจากปัญหา พดู แต่ความจริง ไม่เบียดเบียนผอู้ ื่น ยาเสพตดิ 3. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพการนงั่ สมาธิ แลว้ ครูใชค้ าถามใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั น้ี  บุคคลในภาพกาลงั ทาอะไร (ตวั อย่างคาตอบ น่ังสมาธิ)  นง่ั สมาธิเพอ่ื อะไร (ตวั อย่างคาตอบ เพื่อให้จติ ใจเกดิ สมาธิและมคี วามสงบ)  จิตมีสมาธิและสงบ มีประโยชน์อยา่ งไร (ทาให้จิตใจมีความสุข ปราศจาก ความว่นุ วาย)  นกั เรียนเคยปฏบิ ตั ิดงั ภาพหรือไม่ (เคย/ไม่เคย) 2. ครูพานกั เรียนนงั่ สมาธิกาหนดลมหายใจเขา้ ออกประมาณ 3 นาที และแผเ่ มตตา 3 รอบ จากน้ัน ใชค้ าถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การกระทาดงั กล่าว ดงั น้ี  กิจกรรมทค่ี รูพานกั เรียนปฏบิ ตั เิ รียกวา่ อะไร (การนั่งสมาธิและการแผ่เมตตา)  เมื่อทากิจกรรมแลว้ นกั เรียนรูส้ ึกอยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ สบายใจ มีความสุข)  นกั เรียนเคยทากิจกรรมน้ีทีใ่ ดบา้ ง (ตวั อย่างคาตอบ วดั บ้าน )  กิจกรรมน้ีมีประโยชน์อยา่ งไร (ทาให้ผู้ปฏิบัตมิ จี ิตใจดงี าม บริสุทธ์ิ และ มคี วามสุข) จากน้นั ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ การทาจิตใจให้บริสุทธ์ิ เป็ น 1 ใน 3 ของหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาที่ช่ือ โอวาท 3 ซ่ึงจิตใจที่บริสุทธ์ิ หมายถึง จติ ใจที่คิดแต่ส่ิงท่ดี ี ไม่อิจฉาหรือคิดรา้ ยตอ่ ผอู้ ื่น มีวธิ ีการฝึกปฏิบตั ิ ดงั น้ี ฝึกตนไม่ใหโ้ กรธง่าย รู้จกั ใหอ้ ภยั และฝึกบริหารจติ เจริญปัญญา จากน้นั ให้ นกั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  ถา้ ทุกคนในสงั คมฝึกจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ จะเกิดผลอยา่ งไร (ตนเองมคี วามสุขและ

ทาให้เกดิ ความสงบสุขในสังคม) 4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ประสบการณ์การปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมท่ี เก่ียวกบั โอวาท 3 และประโยชน์ของการปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมน้นั ๆ โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  นกั เรียนเคยปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมที่เก่ียวกบั โอวาท 3 หลกั ธรรมใดบา้ ง (ตัวอย่างคาตอบ ความกตญั ญูกตเวที การสงเคราะห์ญาติ)  นกั เรียนปฏิบตั ิตนอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ช่วยพ่อแม่ทางานบ้าน แบ่งขนม ให้น้อง)  เม่ือปฏิบตั แิ ลว้ มีประโยชนอ์ ยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ ช่วยแบ่งเบาภาระของ พ่อแม่ น้องให้ความรักและความเคารพมากขนึ้ ) จากน้นั ใหน้ กั เรียนออกมาเล่าวา่ จะปฏบิ ตั ติ นในฐานะชาวพทุ ธทด่ี ีไดอ้ ยา่ งไร แลว้ ร่วมกนั แลกเปล่ียนความคดิ เห็นกบั ครูและเพอ่ื นในช้นั เรียนวา่ ถา้ ปฏบิ ตั ิแลว้ จะเกิดผลดีอยา่ งไร และใน คร้งั ตอ่ ไปจะปฏบิ ตั ใิ หด้ ีข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั โอวาท 3 โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  การปฏิบตั ิตามโอวาท 3 จะเกิดผลดีอยา่ งไร (ทาให้คนในสังคมอยู่ร่วมกนั อย่างมี ความสุข)  ถา้ คนในสงั คมไม่ปฏบิ ตั ติ ามโอวาท 3 จะเกิดผลอยา่ งไร (สังคมว่นุ วาย ไม่น่าอยู่) จากน้นั ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ ถา้ คนในสงั คมปฏบิ ตั ติ ามโอวาท 3 จะมีความสุขท้งั กายและใจ จึง อาศยั อยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข 6. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานท่ี 7 เร่ือง โอวาท 3 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1.2 ตรวจช้ินงานท่ี 7 2. เคร่ืองมือ - แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม

3. เกณฑ์การประเมนิ - การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน การประเมนิ ชิ้นงานท่ี 8 ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่ือง โอวาท 3 เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 เขียนอธิบายหรือสรุป เขียนอธิบายหรือ เขียนอธิบายหรือ เขียนอธิบายหรือ เขยี นอธิบายหรือ การปฏบิ ตั ติ นตาม สรุปการปฏบิ ตั ติ น สรุปการปฏิบตั ติ น สรุปการปฏบิ ตั ิตน สรุปการปฏิบตั ติ น หลกั ธรรมโอวาท 3 ตามหลกั ธรรม ตามหลกั ธรรม ตามหลกั ธรรม ตามหลกั ธรรม โอวาท 3 ได้ โอวาท 3 ได้ โอวาท 3 ได้ โอวาท 3 ได้ แตย่ งั สมั พนั ธก์ นั มีการ มีการจาแนกขอ้ มูล สอดคลอ้ งกบั ไม่สอดคลอ้ งกบั เชื่อมโยงใหเ้ ห็น แสดงให้เห็นถึง ขอ้ มูล มีการเขยี น ขอ้ มูล เขียนตาม ภาพรวม แสดงถึง ความสมั พนั ธก์ บั ขยายความและ ขอ้ มูลทอ่ี ่าน ไม่มี ความสมั พนั ธก์ บั ตนเองอยา่ ง ยกตวั อยา่ งให้ การอธิบายเพม่ิ เติม ตนเองและผอู้ ื่น เป็นเหตุเป็นผล เขา้ ใจงา่ ย สื่อการเรียนรู้  นิทานเรื่อง ผลจากการคิดร้าย  ชิ้นงานท่ี 8 เร่ือง โอวาท 3

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วชิ า สังคมศึกษาฯ เวลา 4 ช่ัวโมง หน่วยท่ี 3 เรื่อง หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เวลา 1 ช่ัวโมง เรื่อง โอวาท 3 : พทุ ธศาสนสุภาษิต สาระสาคญั พทุ ธศาสนสุภาษติ เป็นขอ้ ความหลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนาเพอ่ื สอนใจใหป้ ฏิบตั ติ าม ในการดาเนินชีวติ ประจาวนั ตัวชี้วัด ป.2/4 บอกความหมาย ความสาคญั และเคารพพระรตั นตรัย ปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมโอวาท 3 ใน พระพทุ ธศาสนา หรือหลกั ธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถือตามทกี่ าหนด จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั 1. อธิบายความหมายของพทุ ธศาสนสุภาษติ (K) 2. ฝึกการอ่านคาและนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ติ นตามพทุ ธศาสนสุภาษิต (P) 3. เห็นคุณคา่ และนาหลกั คาสอนหลกั ธรรมไปปฏิบตั ใิ นการดาเนินชีวติ ประจาวนั (A) สาระการเรียนรู้ 1. พทุ ธศาสนสุภาษิต : นิมิตฺต สาธุรูปาน กตญฺญู กตเวทติ า 2. พทุ ธศาสนสุภาษิต : พฺรหฺมาติ มาตาปิ ตโร สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ซื่อสตั ยส์ ุจริต ตวั ช้ีวดั ที่ 2.2 ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงต่อผอู้ ่ืนท้งั ทางกาย วาจา ใจ

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูทกั ทายนกั เรียนดว้ ยคาถามวา่  วนั น้ีใครทาความดีกบั พอ่ แม่บา้ ง (ให้นักเรียนยกมือ)  ทาความดีกบั พอ่ แม่อยา่ งไรบา้ ง (ตวั อย่างคาตอบ ช่วยพ่อแม่ดูแลน้อง ช่วยเก็บ- กวาดบ้าน ยกนา้ และอาหาร ช่วยพ่อกับแม่ตอนทานข้าว เชื่อฟังและปฏบิ ตั ติ ามคาสอน) ครูอธิบายวา่ การช่วยพอ่ แม่ทางานหรือเชื่อฟังคาแนะนาแลว้ ปฏิบตั ติ าม เป็ นการปฏบิ ตั ติ นเป็ นคนที่ รูจ้ กั ความกตญั ญูกตเวที ดงั พทุ ธศาสนสุภาษิตท่ีนกั เรียนจะไดเ้ รียนในวนั น้ี 2. ครูนาบตั รคาหรือแถบประโยคของพทุ ธศาสนสุภาษิตตดิ บนกระดาน ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อ่าน และศึกษา ดงั น้ี นิมิตฺต สาธุรูปาน กตญญฺ ู กตเวทติ า อ่านวา่ นิ – มิด – ตงั – สา – ทุ – รู – ปา – นงั – กะ– ตนั – ยู – กะ – ตะ – เว – ทิ – ตา แปลวา่ ความกตญั ญกู ตเวทเี ป็ นเคร่ืองหมายของคนดี จากน้นั ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั การปฏิบตั ติ นตามหลกั คาสอนของพทุ ธศาสน สุภาษติ โดยครูใชค้ าถามและสรุปคาตอบของนกั เรียนเป็นแผนภาพบนกระดาน ดงั น้ี  การปฏิบตั ติ นอยา่ งไรถือวา่ เป็นความกตญั ญูกตเวที ตัวอย่างแผนภาพ รูแ้ ละตอบแทนบุญคุณพอ่ แม่ เช่ือฟังคาสอนของ แสดงความกตญั ญตู อ่ โรงเรียน บิดา มารดา ครูอาจารย์ โดยการเป็ นเด็กดี รูแ้ ละสานึกในความดีที่ คนอื่นทาแลว้ หาทาง การปฏบิ ัตทิ ี่เป็ น แสดงความกตญั ญูต่อศาสนา ทาความดีตอบแทน ความกตัญญูกตเวที โดยการทาความดี

พฺรหฺมาติ มาตาปิ ตโร อ่านวา่ พรมั – มา – ติ – มา – ตา – ปิ – ตะ - โร แปลวา่ มารดาบดิ าเป็นพรหมของบุตร ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั อ่านแลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  เหตุใดพทุ ธศาสนสุภาษติ จงึ เปรียบบิดามารดาวา่ เป็นพรหมของบุตร (ตวั อย่างคาตอบ พรหม ในศาสนาพราหมณ์เช่ือว่าเป็ นผู้สร้างโลก พระพทุ ธศาสนายกย่อง บดิ ามารดาเปรียบดังพรหมผู้ให้กาเนิดบตุ รธิดา)  เหตุใดพระพทุ ธศาสนาจึงยกยอ่ งบิดามารดาเป็นพรหมของบตุ ร (ตวั อย่างคาตอบ เพราะท่านมคี ณุ ธรรม 4 ประการ ต่อบตุ รธิดา คือ เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาให้บุตร ธิดามคี วามสุขความเจริญ กรุณา ช่วยเหลือบุตรธิดาให้มคี วามสุข มทุ ิตา ยนิ ดีเมอ่ื บตุ รธิดาประสบกบั ความสุขความเจริญ อุเบกขา มีจิตใจเป็ นกลาง ไม่โกรธหรือซ้าเตมิ เมอื่ บุตรธิดาทาผดิ )  นกั เรียนจะปฏิบตั ติ นอยา่ งไรตอ่ บดิ ามารดา ในเม่ือพระพทุ ธศาสนายกยอ่ งดุจดงั พระ พรหมของลูก (ตัวอย่างคาตอบ เคารพกราบไหว้ สานึกในคุณความดีทท่ี ่านมีต่อเรา และ ตอบแทนท่านด้วยความกตญั ญกู ตเวที ประพฤตติ นเป็ นคนดีของท่าน และสังคม) 3. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  พทุ ธศาสนสุภาษติ เป็นขอ้ ความหลกั ธรรมในทางพระพทุ ธศาสนาท่ีสอนให้ ผปู้ ฏบิ ตั ิประพฤตคิ วามดีเพอื่ ใหเ้ กิดความสุขแก่ตนเองและบคุ คลอื่น การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล - สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2. เคร่ืองมือ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 3. เกณฑ์การประเมนิ - การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน สื่อการเรียนรู้  บตั รคาพทุ ธศาสนสุภาษิต

บนั ทกึ หลงั การสอน  ผลการจดั การเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________  ปัญหา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________  แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่ือ_____________________________ (ผบู้ นั ทึก) ( นางสาวจีรวรรณ ปฏวิ งศ์ ) _________/__________/_______

กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 หน่วยท่ี 4 เรื่อง มรรยาทชาวพทุ ธ วิชา สังคมศึกษาฯ เวลา 1 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษาพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ทตี่ นนบั ถือ ตัวชี้วัด ป.2/1 ปฏิบตั ติ นอยา่ งเหมาะสมต่อสาวกของศาสนาที่ตนนบั ถือตามทก่ี าหนดไดถ้ กู ตอ้ ง สาระสาคญั การพนมมือ การไหว้ การกราบ การน่ัง การยืน และการเดิน เป็ นหลกั มรรยาทท่ีชาวพุทธพึง ปฏิบตั ิตอ่ พระภิกษอุ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม สาระการเรียนรู้ มรรยาทชาวพทุ ธ : การพนมมือ การไหว้ การกราบ การนง่ั การยนื และการเดิน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ความเป็นไทย ตวั ช้ีวดั ที่ 7.1 ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ญู-กตเวที สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ชิ้นงานหรือภาระงาน ช้ินงานที่ 9 เร่ือง การฝึกปฏิบตั ิมรรยาทชาวพทุ ธ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูใหน้ กั เรียนพนมมือแลว้ ครูตรวจสอบวา่ มีนกั เรียนปฏิบตั ิถูกตอ้ งหรือไม่และสนทนาอธิบายถึง เหตผุ ลของการพนมมือ 2. ครูและนกั เรียนสนทนาเกี่ยวกบั การกราบพระแลว้ ครูอธิบายและสาธิตการกราบพระพร้อมให้ นกั เรียนฝึกปฏิบตั ิตาม การกราบพระแบบเบญจางคประดิษฐ์ 3. ครูคดั เลือกผแู้ ทนนกั เรียน 2 คน ใหป้ ฏิบตั ิโดยการนง่ั พบั เพยี บ 1 คน และนงั่ บนเกา้ อ้ี 1 คน แลว้ สนทนาเกี่ยวกบั มรรยาทดงั กล่าววา่ เหมาะกบั การปฏบิ ตั ติ นในโอกาสใดบา้ ง 4. ครูสาธิตและปฏิบตั ิเก่ียวกบั การนัง่ ต่อหน้าพระภิกษุ โดยการนั่งพบั เพียบแล้วให้นักเรียนฝึ ก ปฏบิ ตั ิตาม

5. ครูใหน้ กั เรียนทกุ คนยนื ตรง ขาชิดกนั และประสานมือไวท้ ่ีดา้ นหนา้ แลว้ ครูใชค้ าถามถามนกั เรียน เกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ิตนตามมรรยาทดงั กล่าว 6. ครูอธิบายเกี่ยวกบั มรรยาทการเดินผา่ นพระภิกษุท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมใหน้ กั เรียนฟังพร้อมสาธิต และใหน้ กั เรียนฝึกปฏบิ ตั ิตาม 7. ครูอธิบายเกี่ยวกบั การเดินตามพระภกิ ษุ และสาธิตใหน้ กั เรียนฝึกปฏบิ ตั ติ าม 8. ใหน้ กั เรียนทบทวนการฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาทชาวพทุ ธ การพนมมือ การไหว้ การกราบแบบเบญจาง คประดิษฐ์ การนง่ั การยนื และการเดิน 9. สรุปความรูเ้ กี่ยวกบั มรรยาทชาวพทุ ธ 10. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานท่ี 9 เร่ือง มรรยาทชาวพทุ ธ 11. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมทา้ ยบทเรียนหรือตามท่ีครูกาหนด 12. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  การปฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสมต่อพระภิกษุสงฆ์เป็ นมรรยาทของชาวพุทธที่พึงปฏิบัติให้ ถูกตอ้ ง สื่อการเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. สถานการณ์ 3. การสาธิตและฝึกปฏิบตั มิ ารยาทชาวพทุ ธ 4. ชิ้นงานท่ี 9 เรื่อง มรรยาทชาวพทุ ธ การประเมนิ ผล 1. การประเมนิ ผลตวั ชี้วดั ชิ้นงานที่ 9 เร่ือง การฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาทชาวพทุ ธ เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 ฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาทของ ฝึกปฏบิ ตั มิ รรยาท ฝึกปฏบิ ตั มิ รรยาท ฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาท ฝึกปฏบิ ตั มิ รรยาท ชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ร่วมกบั ผอู้ ่ืนใน ไดด้ ว้ ยตนเอง ตามแบบไดถ้ กู ตอ้ ง ไดต้ ามแบบอยา่ ง การพฒั นาใหเ้ กิด มีความพยายาม แต่มีผดิ บา้ ง โดยมี ทค่ี รูแนะนาเทา่ น้นั ประโยชน์ต่อ โดยมีครูและผอู้ ื่น ครูและผอู้ ื่นคอย ส่วนรวมและ แนะนาบา้ ง ใหก้ ารแนะนา สามารถแกไ้ ข ปัญหาในระหวา่ ง การปฏิบตั ิได้

2. การประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักความเป็ นไทย ตัวชี้วดั ท่ี 7.1 ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตญั ญกู ตเวที พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยีย่ ม (3) 7.1.1 แตง่ กายและมีมารยาท ไม่มีสมั มา ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ี ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ี ปฏิบตั ติ นเป็นผมู้ ี งดงามแบบไทย มีสมั มา คารวะต่อ มารยาทแบบไทย มารยาทแบบไทย มารยาทแบบไทย คารวะ กตญั ญูกตเวทตี อ่ ผใู้ หญ่ มีสมั มาคารวะ มีสมั มาคารวะ มีสมั มาคารวะ ผมู้ ีพระคุณ กตญั ญูกตเวทตี อ่ กตญั ญูกตเวทีต่อ กตญั ญูกตเวทตี ่อ 7.1.2 ร่วมกิจกรรม ผมู้ ีพระคุณ ผมู้ ีพระคุณ และ ผมู้ ีพระคุณ และ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ประเพณี แตง่ กายแบบไทย แต่งกายแบบไทย ศิลปะ และวฒั นธรรมไทย เขา้ ร่วมกิจกรรม 7.1.3 ชกั ชวน แนะนาใหผ้ อู้ ่ืน ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ปฏิบตั ติ ามขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ ประเพณี ศลิ ปะ และ และวฒั นธรรม วฒั นธรรมไทย ไทย

กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2 หน่วยท่ี 4 เร่ือง มรรยาทชาวพุทธ วชิ า สังคมศึกษาฯ เวลา 1 ช่ัวโมง เร่ือง มรรยาทชาวพทุ ธ เวลา 1 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษาพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ท่ตี นนบั ถือ ตัวชี้วัด ป.2/1 ปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อสาวกของศาสนาทต่ี นนบั ถือ ตามทก่ี าหนด ไดถ้ ูกตอ้ ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้สู่ตวั ชี้วดั 1. อธิบายวธิ ีการปฏิบตั ิตนท่ถี ูกตอ้ งตามมรรยาทชาวพทุ ธ(K) 2. แสดงวธิ ีปฏิบตั ติ นตามมรรยาทชาวพทุ ธไดถ้ ูกตอ้ ง (P) 3. เห็นความสาคญั ของการปฏิบตั ิตนตามมรรยาทของชาวพทุ ธ (A) สาระสาคญั การปฏบิ ตั ติ นทีเ่ หมาะสมตอ่ พระภกิ ษุเป็นมรรยาทของชาวพทุ ธที่พงึ ปฏบิ ตั ใิ หถ้ ูกตอ้ ง สาระการเรียนรู้ มรรยาทชาวพทุ ธ : การพนมมือ การไหว้ การกราบ การนง่ั การยนื และการเดิน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รกั ความเป็นไทย ตวั ช้ีวดั ท่ี 7.1 ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ญู-กตเวที สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ชิ้นงานหรือภาระงาน  การสาธิตการปฏิบตั ิ การพนมมือ การไหวแ้ ละการกราบ  ชิ้นงานที่ 9 เรื่อง การฝึกปฏิบตั ิมรรยาทชาวพทุ ธ

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ใหน้ กั เรียนแสดงท่าพนมมือ จากน้นั ครูใชค้ าถามใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  นกั เรียนคิดวา่ ตนเองพนมมือไดถ้ ูกตอ้ งหรือไม่ (ถูกต้อง/ไม่ถูกต้อง)  นกั เรียนพนมมือในโอกาสใดบา้ ง (สวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา)  นกั เรียนคดิ วา่ การพนมมือเป็นการแสดงออกถึงสิ่งใด (การแสดงความเคารพ)  นอกจากการพนมมือแลว้ นกั เรียนแสดงความเคารพโดยวิธีใดอีกบา้ ง (การกราบ) ครูอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรียนฟังวา่ การแสดงความเคารพโดยการกราบ การไหว้ เป็นมรรยาทชาวพทุ ธทพี่ ทุ ธศาสนิกชนพงึ ปฏิบตั ิใหถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม 2. ครูนาบตั รคา มรรยาทชาวพทุ ธ มาตดิ ไวบ้ นกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านตาม 2 รอบ และใชค้ าถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น ดงั น้ี  การปฏิบตั ิตนของนกั เรียนท่เี ป็นมรรยาทชาวพทุ ธมีอะไรบา้ ง (ตัวอย่างคาตอบ การยกมือไหว้ การกราบพระ) 3. ครูเล่าสถานการณ์เกี่ยวกบั การพนมมือใหน้ กั เรียนฟัง ดงั น้ี สถานการณ์ ครอบครวั ของไผม่ ีสมาชิก 3 คน คอื พอ่ แม่ และไผ่ พอ่ แม่ชอบพาไผไ่ ปทาบญุ ทีว่ ดั ขณะที่หลวงพอ่ กาลงั เทศนาอยนู่ ้นั ทุกคนกต็ ้งั ใจฟังและพนมมอื ข้นึ ระหวา่ งอกอยา่ ง มีสมาธิ เป็นภาพทผ่ี คู้ นภายนอกทีพ่ บเห็นเกิดความรูส้ ึกชื่นชมเป็ นอยา่ งมาก จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั สถานการณ์ดงั กล่าว ดงั น้ี  ครอบครวั ของไผไ่ ปทากิจกรรมใดทวี่ ดั (ทาบญุ และฟังเทศน์)  ขณะฟังเทศนพ์ อ่ แม่และไผป่ ฏิบตั ติ นอยา่ งไร (น่ังพนมมอื ขนึ้ ระหว่างอกอย่าง มสี มาธิและต้งั ใจฟัง)  ผทู้ พ่ี บเห็นการกระทาของพอ่ แม่และไผแ่ ลว้ รู้สึกอยา่ งไร (รู้สึกชื่นชม)  นกั เรียนเคยปฏิบตั ิเหมือนครอบครวั ของไผห่ รือไม่ (เคย/ไม่เคย) จากน้นั ครูอธิบายเกี่ยวกบั การพนมมือและสาธิตใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิตามโดยมีครู คอยแนะนาจนสามารถทาไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม

4. ครูคดั เลือกผแู้ ทนนกั เรียน 1 คน มาแสดงบทบาทการไหวพ้ ระสงฆใ์ หเ้ พอื่ น ๆ ดู แลว้ ครูใชค้ าถาม เพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น ดงั น้ี  การกระทาของเพอ่ื นเรียกวา่ อะไร (การไหว้)  การกระทาของเพอ่ื นถูกตอ้ งหรือไม่ (ถูกต้อง/ไม่ถูกต้อง)  นกั เรียนเคยกระทาเหมือนเพอ่ื นหรือไม่ (เคย)  นกั เรียนยกมือไหวใ้ นกรณีใดบา้ ง (ตวั อย่างคาตอบ ขอโทษ อาลา ทกั ทาย)  นกั เรียนรู้สึกต่อการไหวอ้ ยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ เป็ นการกระทาทด่ี ี น่าช่ืนชม) จากน้นั ครูอธิบายเกี่ยวกบั การไหวพ้ ระทถ่ี ูกตอ้ งใหน้ กั เรียนฟัง พรอ้ มท้งั สาธิตให้ นกั เรียนดูแลว้ ทาตามทลี ะข้นั ตอน โดยมีครูคอยแนะนาจนนกั เรียนสามารถทาไดถ้ ูกตอ้ ง 5. ใหน้ กั เรียนกราบพระในทา่ ที่ตนเองคิดวา่ ถูกตอ้ ง แลว้ ครูใชค้ าถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดง ความคดิ เห็น ดงั น้ี  การกระทาของเพอื่ นเรียกวา่ อะไร (การกราบพระ)  การกระทาของเพอ่ื นถูกตอ้ งหรือไม่ (ถกู ต้อง/ไม่ถูกต้อง)  นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไรเม่ือไดก้ ราบพระ (ตวั อย่างคาตอบ สบายใจ มีความสุข) จากน้นั ครูอธิบายเก่ียวกบั การกราบพระดว้ ยทา่ เบญจางคประดิษฐท์ ถี่ ูกตอ้ งใหน้ กั เรียนฟัง พร้อมท้งั สาธิตใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ติ ามทลี ะข้นั ตอน โดยมีครูคอยแนะนาจนนกั เรียนสามารถทาได้ ถูกตอ้ ง 6. ครูคดั เลือกผแู้ ทนนกั เรียน 2 คน แลว้ ให้ผแู้ ทนนกั เรียนปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี  ผแู้ ทนนกั เรียนคนท่ี 1 ใหน้ ง่ั พบั เพยี บ เกบ็ ปลายเทา้ ใหเ้ รียบร้อย  ผแู้ ทนนกั เรียนคนที่ 2 ใหน้ งั่ บนเกา้ อ้ี ตวั ตรง ไม่พงิ พนกั เกา้ อ้ี เก็บขาใหเ้ รียบร้อย แลว้ ครูใชค้ าถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การกระทาดงั กล่าว ดงั น้ี  นกั เรียนคนท่ี 1 กาลงั ทาอะไร (น่ังพบั เพยี บด้วยความเรียบร้อย)  นกั เรียนคนท่ี 2 กาลงั ทาอะไร (นั่งบนเก้าอดี้ ้วยความเรียบร้อย)  นกั เรียนเคยปฏิบตั ิเหมือนเพอ่ื นท้งั 2 คนหรือไม่ (เคย)  นกั เรียนปฏิบตั ิตนเช่นน้ีเม่ือใด (ตวั อย่างคาตอบ เมื่ออยู่กับญาตผิ ู้ ใหญ่ เม่ืออยู่กบั ครู)  การปฏิบตั ิตนเช่นน้ีเหมาะสมหรือไม่ (เหมาะสม) จากน้นั ครูอธิบายเก่ียวกบั การนง่ั ตอ่ หนา้ พระภกิ ษุใหน้ กั เรียนฟัง พรอ้ มท้งั สาธิตใหน้ กั เรียนดูแลว้ ให้ นกั เรียนปฏิบตั ิตามทีละข้นั ตอน โดยมีครูคอยแนะนาจนนกั เรียนสามารถทาไดถ้ ูกตอ้ ง 7. ใหน้ กั เรียนทกุ คนยนื ตรง ขาชิดกนั และประสานมือไวท้ ี่ดา้ นหนา้ แลว้ ครูใชค้ าถามเพอ่ื ให้ นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น ดงั น้ี

 นกั เรียนเคยยนื ดว้ ยกิริยาอยา่ งน้ีหรือไม่ (เคย/ไม่เคย)  นกั เรียนรูส้ ึกอยา่ งไรต่อกิริยาทา่ ยนื น้ี (ชื่นชม)  นกั เรียนควรยนื ดว้ ยกิริยาน้ีเม่ือใด (ทกุ สถานการณ์)  นกั เรียนจะนากิริยาน้ีไปปฏิบตั หิ รือไม่ (นาไปปฏิบัติ) จากน้นั ครูอธิบายเก่ียวกบั การยนื ตอ่ หนา้ พระภกิ ษุทีถ่ ูกตอ้ งใหน้ กั เรียนฟัง พร้อมท้งั สาธิตให้ นกั เรียนดูและปฏบิ ตั ิตามทลี ะข้นั ตอน โดยมีครูคอยแนะนาจนนกั เรียนสามารถทาไดถ้ ูกตอ้ ง 8. ครูเล่าสถานการณ์เก่ียวกบั การเดินผา่ นและเดินตามพระภิกษใุ หน้ กั เรียนฟัง ดงั น้ี สถานการณ์ ป้อมเดินผา่ นพระภกิ ษุดว้ ยทา่ ทางทีน่ อบนอ้ ม คือเดินกม้ ตวั พอประมาณ ทาให้ เพอื่ น ๆ ทีไ่ ปดว้ ยกนั ช่ืนชมและปฏบิ ตั ิตาม จากน้นั ครูใชค้ าถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั สถานการณ์ดงั กล่าว ดงั น้ี  การกระทาของป้อมเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (เหมาะสม เพราะเป็ น การแสดงออกถงึ การเคารพพระภกิ ษุ)  ผทู้ ีพ่ บเห็นการกระทาของป้อมรู้สึกอยา่ งไร (ชื่นชม)  เมื่อเดินผา่ นพระภิกษุนกั เรียนปฏิบตั ติ นอยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ก้มตวั พอประมาณ)  การกระทาของนกั เรียนเหมือนการกระทาของป้อมหรือไม่ (เหมือน/ไม่เหมอื น) จากน้นั ครูอธิบายเก่ียวกบั การเดินผา่ นพระภิกษทุ ี่ถูกตอ้ งใหน้ กั เรียนฟัง พรอ้ มท้งั สาธิตใหน้ กั เรียนดู และปฏิบตั ิตาม โดยมีครูคอยแนะนาจนนกั เรียนสามารถทาไดถ้ ูกตอ้ ง 9. ใหน้ กั เรียนฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาทชาวพทุ ธเร่ืองการพนมมือ การไหว้ การกราบ แบบเบญจางคประดิษฐ์ การนง่ั การยนื และการเดินตอ่ หนา้ พระสงฆ์ โดยมีครูคอยแนะนาทีละอยา่ งจนครบ 10. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานที่ 9 เร่ือง การฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาทชาวพทุ ธ ส่ือการเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. สถานการณ์เกี่ยวกบั มรรยาทการไปทาบุญทีว่ ดั 3. การสาธิตมรรยาทชาวพทุ ธของครู 4. ช้ินงานที่ 9 เรื่อง การฝึกปฏบิ ตั มิ รรยาทชาวพทุ ธ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. วิธีการวดั และประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม

1.2 ตรวจช้ินงานที่ 9 2. เคร่ืองมือ - แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 3. เกณฑ์การประเมนิ - การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน การประเมินชิ้นงานที่ 9 ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง การฝึกปฏิบตั ิมรรยาทชาวพทุ ธ เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 ฝึกปฏบิ ตั มิ รรยาทของ ฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาท ฝึกปฏิบตั มิ รรยาท ฝึกปฏบิ ตั ิมรรยาท ฝึกปฏบิ ตั มิ รรยาท ชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ของชาวพทุ ธ ร่วมกบั ผอู้ ื่นใน ไดด้ ว้ ยตนเอง ตามแบบไดถ้ กู ตอ้ ง ไดต้ ามแบบอยา่ ง การพฒั นาใหเ้ กิด มีความพยายาม แต่มีผดิ บา้ ง โดยมี ที่ครูแนะนาเท่าน้นั ประโยชน์ต่อ โดยมีครูและผอู้ ่ืน ครูและผอู้ ่ืนคอย ส่วนรวมและ แนะนาบา้ ง ใหก้ ารแนะนา สามารถแกไ้ ข ปัญหาในระหวา่ ง การปฏบิ ตั ิได้

บันทกึ หลงั การสอน  ผลการจดั การเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________  ปัญหา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________  แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่ือ_____________________________ (ผบู้ นั ทึก) ( นางสาวจรี วรรณ ปฏิวงศ์ ) _________/__________/_______

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วชิ า สังคมศึกษาฯ เวลา 2 ชั่วโมง หน่วยท่ี 5 เรื่อง การบริหารจติ และเจริญปญั ญา มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.1 รูแ้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพอ่ื อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข ตวั ชี้วัด ป.2/6 เห็นคุณคา่ และสวดมนต์ แผเ่ มตตา มีสติท่ีเป็นพน้ื ฐานของสมาธิในพระพทุ ธศาสนา หรือ การพฒั นาจติ ตามแนวทางของศาสนาท่ตี นนบั ถือตามทกี่ าหนด สาระสาคญั การสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา และการฝึกใหม้ ีสติและสมาธิ เป็นการบริหารจติ และการเจริญ ปัญญาตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา สาระการเรียนรู้ 1. การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา 2. การฝึกสตแิ ละสมาธิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ 4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ชิ้นงานหรือภาระงาน 1. ช้ินงานที่ 10 เร่ือง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา 2. ช้ินงานที่ 11 เร่ือง การฝึกใหม้ ีสติและสมาธิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรมหนา้ เสาธง แลว้ ครูอธิบายถึงการสวด มนตไ์ หวพ้ ระ เสร็จแลว้ นานกั เรียนฝึ กปฏบิ ตั ิการสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตาและร่วมกนั สนทนาแสดง ความคิดเห็น 2. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มฝึกกล่าวคาแผ่เมตตาใหถ้ ูกตอ้ งและพร้อมเพรียงและร่วมกนั สนทนา สรุปการสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา 3. ใหน้ กั เรียนทาช้ินงานท่ี 10 เรื่อง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา

4. ครูเล่าสถานการณ์เกี่ยวกบั การมีสติใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาแสดงความคิดเห็น 5. ครูอธิบายความหมายของสติและร่วมกนั สรุปประโยชน์ของการมีสตเิ ป็ นแผนภาพ 6. ครูสาธิตวธิ ีการนงั่ สมาธิท่ถี ูกตอ้ งให้นกั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกปฏิบตั กิ ารนง่ั สมาธิเป็ นเวลา 5 นาที และใหน้ กั เรียนสรุปประโยชน์ของสมาธิเป็นแผนภาพ 7. ครูบนั ทึกผลการปฏบิ ตั สิ มาธิของนกั เรียนและใหน้ กั เรียนสรุปการปฏิบตั ขิ องตนเองลงในชิ้นงาน ท่ี 11 เร่ือง การฝึกใหม้ ีสตแิ ละสมาธิ 8. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การทากิจกรรมอยา่ งมีสตขิ องตนเองแลว้ ครูสรุป เป็ นแผนภาพ 9. ครูเล่าสถานการณ์เก่ียวกบั การเรียนอยา่ งมีสติใหน้ กั เรียนฟังและร่วมกนั แสดง ความคดิ เห็น 10. ครูอธิบายเกี่ยวกบั การฝึ กใหม้ ีสมาธิจากการฟัง อ่าน คิด ถาม และเขียน ใหน้ ักเรียนสรุปเป็ น แผนภาพบนกระดาน 11. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกมบอกขา่ ว โดยการนาแถบประโยค 1 ตวั อยา่ งมาใหน้ กั เรียนอ่านแลว้ บอก คนตอ่ ๆ ไปจนถึงคนลาดบั สุดทา้ ย แลว้ ใหค้ นลาดบั สุดทา้ ยออกมาบอกวา่ แถบประโยคเขยี นอยา่ งไร ตา่ งกนั หรือไม่ 12. ใหน้ กั เรียนสรุปความรู้ การฝึกใหม้ ีสมาธิจากการฟัง อ่าน คิด ถามและเขียน 13. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียนหรือตามทีค่ รูกาหนด 14. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  การบริหารจติ และการเจริญปัญญาตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา คอื การสวดมนตไ์ หวพ้ ระ แผเ่ มตตา และการฝึกจติ ใหม้ ีสตแิ ละสมาธิอยเู่ สมอ ส่ือการเรียนรู้ 1. บทสวดมนตแ์ ละบทคาแผเ่ มตตา 2. สถานการณ์ การมีสติ 3. แถบประโยค 4. ช้ินงานท่ี 10 เรื่อง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา 5. ช้ินงานที่ 11 เร่ือง การฝึกใหม้ ีสตแิ ละสมาธิ

การประเมินผล 1. การประเมินผลตัวชี้วัด 1.1 ชิ้นงานท่ี 10 เร่ือง การฝึ กสวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตา เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 ฝึกปฏบิ ตั กิ ารกล่าวคา ฝึกปฏบิ ตั กิ ารกล่าว ฝึกปฏิบตั กิ ารกล่าว ฝึกปฏิบตั ิการกล่าว ฝึกปฏบิ ตั ิการกล่าว นมสั การพระรตั นตรยั คานมสั การพระ- คานมสั การพระ- คานมสั การพระ- คานมสั การ และแผเ่ มตตา รัตนตรยั และ รัตนตรัยและ รตั นตรยั และ พระรตั นตรัยและ แผเ่ มตตาร่วมกบั แผเ่ มตตาไดด้ ว้ ย แผเ่ มตตาตามแบบ แผเ่ มตตาไดต้ าม ผอู้ ่ืนไดด้ ีและ ตนเอง มีความ- ไดถ้ ูกตอ้ ง แบบอยา่ งหรือ ถูกตอ้ ง มีความ- พยายามฝึกปฏบิ ตั ิ โดยมีครูและผอู้ ื่น ทาตามท่คี รูแนะนา ต้งั ใจในการฝึก โดยมีครูและผอู้ ื่น คอยใหก้ ารแนะนา เทา่ น้นั และสามารถแกไ้ ข คอยใหก้ ารแนะนา ปัญหาระหวา่ ง บา้ ง การปฏบิ ตั ิไดด้ ี 1.2 ชิ้นงานที่ 11 เร่ือง การฝึ กให้มีสตแิ ละสมาธิ เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ แลว้ ฝึกสมาธิเบ้อื งตน้ ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ ฝึกสมาธิเบ้อื งตน้ ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ บนั ทึกผลการปฏบิ ตั ิ แลว้ บนั ทกึ ผลการ- แลว้ บนั ทึกผลการ- แลว้ บนั ทึกผลการ- แลว้ บนั ทึกผลการ- ปฏบิ ตั ไิ ดส้ มั พนั ธ์ ปฏบิ ตั ิ ไดด้ ว้ ย ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ ไดต้ ามที่ครู กบั การปฏบิ ตั ิได้ ตนเอง บนั ทึกผล ไดส้ อดคลอ้ งกบั แนะนาเท่าน้นั อยา่ งถูกตอ้ ง ตรงกบั ขอ้ มูลการปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิไดด้ ว้ ย ความเป็นจริง โดยมีครูและผอู้ ่ืน ตนเอง ไม่มีผใู้ ด ไดถ้ ูกตอ้ ง โดยมี แนะนาบา้ ง คอยใหก้ ารแนะนา ครูคอยใหก้ าร แนะนาบา้ ง

2. การประเมินผลคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ชี้วดั ท่ี 4.1 ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ยี่ยม (3) 4.1.1 ต้งั ใจเรียน ไม่ต้งั ใจเรียน ต้งั ใจ เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ 4.1.2 เอาใจใส่และมีความ ในการเรียน และมีความเพยี ร- และมีความเพยี ร- เพยี รพยายาม พยายามในการเรียน พยายามในการ ในการเรียนรู้ เรียนรู้ เขา้ ร่วม 4.1.3 สนใจเขา้ ร่วมกิจกรรม กิจกรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ ต่าง ๆ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วชิ า สังคมศึกษาฯ เวลา 2 ช่ัวโมง หน่วยท่ี 5 เรื่อง การบริหารจติ และเจริญปัญญา เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง การฝึ กสวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตา มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.1 รูแ้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนบั ถือและศาสนาอ่ืน มีศรทั ธาทถ่ี ูกตอ้ ง ยดึ มนั่ และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมเพอ่ื อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติสุข ตวั ชี้วดั ป.2/6 เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผเ่ มตตา มีสติที่เป็ นพน้ื ฐานของสมาธิในพระพทุ ธศาสนา หรือ การพฒั นาจิตตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถือตามท่ีกาหนด จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตวั ชี้วัด 1. รู้เขา้ ใจความหมายของการสวดมนต์ (K) 2. สวดมนตแ์ ผ่เมตตาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (P) 3. เห็นประโยชน์ของการสวดมนต์ และแผเ่ มตตา (A) สาระสาคญั การสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตาจะทาใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ิเกิดสมาธิ และดารงชีวติ อยา่ งมีความสุข ส่งผล ใหเ้ กิดความสงบสุขในสงั คม สาระการเรียนรู้ วธิ ีการสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี 4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ชิ้นงานหรือภาระงาน  ช้ินงานท่ี 10 เร่ือง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั กิจกรรมหนา้ เสาธงตอนเชา้ ก่อนเขา้ เรียน โดย ครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  เม่ือเขา้ แถวหนา้ เสาธงตอนเชา้ นกั เรียนทากิจกรรมใดบา้ ง (ตัวอย่างคาตอบ ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา กล่าวคาปฏญิ าณตน)  นกั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระไดถ้ ูกตอ้ งหรือไม่ (ถูกต้อง/ไม่ถูกต้อง)  นกั เรียนมีแนวทางปฏบิ ตั ิอยา่ งไรจึงสวดมนตไ์ หวพ้ ระไดถ้ ูกตอ้ ง (ตัวอย่างคาตอบ ฝึ กสวดมนต์ไหว้พระบ่อย ๆ)  นอกจากสวดมนตไ์ หวพ้ ระตอนเชา้ แลว้ นกั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระเวลาอื่นอีก หรือไม่ อยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ สวดมนต์ไหว้พระเวลาอื่นด้วย คือ สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน)  เม่ือสวดมนตไ์ หวพ้ ระแลว้ นกั เรียนรูส้ ึกอยา่ งไร (รู้สึกสงบ มสี มาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน) 2. ครูอธิบายเก่ียวกบั การสวดมนตไ์ หวพ้ ระใหน้ กั เรียนฟังเพมิ่ เติมวา่ การสวดมนตไ์ หวพ้ ระเป็ นการ ระลึกถึงคุณของพระรตั นตรยั และทาใหจ้ ติ ใจของผปู้ ฏิบตั สิ งบ มีสมาธิ ไม่ฟ้งุ ซ่าน การสวด-มนตไ์ หวพ้ ระไม่ จาเป็ นตอ้ งปฏิบตั ทิ วี่ ดั เท่าน้นั เม่ือสวดมนตไ์ หวพ้ ระเสร็จควรกราบพระแบบเบญจางคประดิษฐ์ เพอ่ื เป็นการ แสดงความเคารพพระรัตนตรัย โดยให้รู้และเขา้ ใจจนไดป้ ระโยชน์จากการสวดมนตไ์ หวพ้ ระอยา่ งแทจ้ ริง ดงั น้นั จงึ ตอ้ งศึกษาคาแปลของบทสวดมนตไ์ หวพ้ ระดว้ ย 3. ครูกล่าวบทสวดมนตไ์ หวพ้ ระใหน้ กั เรียนฟัง 1 รอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนกล่าวตาม จากน้นั ใหน้ กั เรียน แบ่งกลุ่มออกเป็ น 5 กลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆ กนั ใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกนั ฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระดว้ ยตนเองและใหแ้ ต่ ละกลุ่มออกมาสวดมนตไ์ หวพ้ ระโดยครูเป็นผตู้ รวจสอบความถูกตอ้ งและประเมินผลนกั เรียน 4. ครูกล่าวคาแผเ่ มตตาใหน้ กั เรียนฟัง 1 รอบ แลว้ ใชค้ าถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความ คิดเห็น ดงั น้ี  ส่ิงท่ีครูกล่าวใหน้ กั เรียนฟังเรียกวา่ อะไร (การแผ่เมตตา)  นกั เรียนกล่าวคาแผเ่ มตตาไดถ้ ูกตอ้ งหรือไม่ (ถูกต้อง/ไม่ถูกต้อง)  นกั เรียนกล่าวคาแผเ่ มตตาเมื่อใด (หลงั การสวดมนต์ไหว้พระ)  นกั เรียนมีวธิ ีการฝึกปฏิบตั ิแผเ่ มตตาอยา่ งไร (ฝึ กกล่าวคาแผ่เมตตาเป็ นประจา)  การแผเ่ มตตาเป็นการแสดงออกถึงส่ิงใด (ตัวอย่างคาตอบ ความปรารถนา ให้ผู้อ่ืนมคี วามสุข พ้นจากความทกุ ข์) 5. ครูอธิบายเกี่ยวกบั การกล่าวคาแผ่เมตตาใหน้ กั เรียนฟังดงั น้ี การกล่าวคาแผเ่ มตตาเป็ น การแสดง ความปรารถนาดีเพอื่ ใหผ้ อู้ ่ืนมีความสุข ปราศจากความเดือดรอ้ น ไม่อาฆาตพยาบาทและไม่จองเวรกนั การ

กล่าวคาแผ่เมตตาจะทาหลงั จากสวดมนตไ์ หวพ้ ระเสร็จแลว้ ทาให้ผปู้ ฏิบตั ิเกิดความสุขทางใจ ถา้ ตอ้ งการ ทราบความหมายและหลกั การปฏบิ ตั อิ ยา่ งแทจ้ ริงตอ้ งศกึ ษาคาแปลของการแผเ่ มตตาดว้ ย 6. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กล่มุ ละเท่า ๆ กนั แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกนั ฝึกกล่าวคาแผ่ เมตตาใหถ้ ูกตอ้ งพร้อมเพรียงกนั จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มออกมากล่าวคาแผเ่ มตตา โดยครูเป็นผตู้ รวจสอบความ ถูกตอ้ ง และประเมินผลนกั เรียน 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเพอ่ื สรุปเกี่ยวกบั การสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  ถา้ ทกุ คนในสงั คมสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตาเป็ นประจาจะก่อใหเ้ กิดผลดี ตอ่ ตนเองอยา่ งไร (ทาให้มีจิตใจทสี่ งบ มีสมาธิ และมีความสุข เพราะไม่อาฆาตพยาบาทผู้อ่ืนและต้องการให้ ผู้อ่ืนมีความสุข)  ถา้ ทุกคนในสงั คมสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตาเป็ นประจาจะก่อใหเ้ กิดผลดี ตอ่ ผอู้ ่ืนอยา่ งไร (ทาให้ผู้อ่ืนไม่ได้รับความเดือดร้อนและอยู่ร่วมกนั อย่างมีความสุข) จากน้นั ใหน้ กั เรียนออกมาสรุปความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา แลว้ ร่วมกนั แลกเปล่ียนความคิดเห็นกบั ครูและเพอ่ื นในช้นั เรียนวา่ ถา้ นาไปปฏบิ ตั ิแลว้ จะเกิดผลดีต่อตนเอง และสงั คมอยา่ งไร 8. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  การสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตาทาใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิเกิดสมาธิและดารงชีวติ อยา่ งมี ความสุขส่งผลใหเ้ กิดความสงบสุขในสงั คม 9. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี  นกั เรียนสามารถฝึกปฏบิ ตั ิตนสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตาเป็ นกิจวตั ร ประจาวนั ไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด 10. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานท่ี 10 เรื่อง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา สื่อการเรียนรู้ 1. บทสวดมนตแ์ ละบทคาแผเ่ มตตา 2. ช้ินงานที่ 10 เรื่อง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา

การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. วิธีการวัดและประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1.3 ตรวจชิ้นงานท่ี 10 2. เครื่องมือ 2.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน 3.2 การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรุง การประเมินชิ้นงานที่ 10 ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่ือง การฝึกสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 ฝึกปฏบิ ตั ิการกล่าวคา ฝึกปฏบิ ตั กิ ารกล่าว ฝึกปฏิบตั กิ ารกล่าว ฝึกปฏิบตั ิการกล่าว ฝึกปฏิบตั ิการกล่าว นมสั การพระรตั นตรยั คานมสั การพระ- คานมสั การพระ- คานมสั การพระ- คานมสั การ และแผเ่ มตตา รัตนตรัยและ รัตนตรยั และ รตั นตรยั และ พระรัตนตรัยและ แผเ่ มตตาร่วมกบั แผเ่ มตตาไดด้ ว้ ย แผเ่ มตตาตามแบบ แผเ่ มตตาไดต้ าม ผอู้ ื่นไดด้ ีและ ตนเอง มีความ ไดถ้ ูกตอ้ ง แบบอยา่ งหรือ ถูกตอ้ ง มีความ พยายามฝึกปฏบิ ตั ิ โดยมีครูและผอู้ ่ืน ทาตามท่ีครูแนะนา ต้งั ใจในการฝึก โดยมีครูและผอู้ ื่น คอยใหก้ ารแนะนา เท่าน้นั และสามารถแกไ้ ข คอยใหก้ ารแนะนา ปัญหาระหวา่ ง บา้ ง การปฏิบตั ิไดด้ ี

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วิชา สังคมศึกษาฯ เวลา 2 ชั่วโมง หน่วยที่ 5 เรื่อง การบริหารจติ และเจริญปัญญา เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง สติและสมาธิ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.1 รูแ้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรทั ธาท่ถี ูกตอ้ ง ยดึ มนั่ และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพอื่ อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข ตัวชี้วัด ป.2/6 เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผเ่ มตตา มีสติท่เี ป็นพ้นื ฐานของสมาธิในพระพทุ ธศาสนา หรือ การพฒั นาจติ ตามแนวทางของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ตามทีก่ าหนด จดุ ประสงค์การเรียนรู้สู่ตวั ชี้วดั 1. รู้เขา้ ใจความหมายของสตแิ ละสมาธิ (K) 2. ฝึกสมาธิเบ้อื งตน้ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการมีสติและสมาธิ (A) สาระสาคญั สตแิ ละสมาธิมีความสาคญั ต่อการดาเนินชีวติ ประจาวนั ช่วยใหก้ ารดาเนินชีวติ มีความสุข สาระการเรียนรู้ ประโยชนข์ องสตแิ ละสมาธิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ 4.1 ต้งั ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ชิ้นงานหรือภาระงาน  ชิ้นงานที่ 11 เร่ือง การฝึกใหม้ ีสตแิ ละสมาธิ

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูเล่าสถานการณ์เกี่ยวกบั การมีสติใหน้ กั เรียนฟัง ดงั น้ี สถานการณ์ เปิ้ ลเป็นนกั เรียนช้นั ป.2 ท่ีมีผลการเรียนดีทสี่ ุด เพราะเป้ิ ลมีสตริ ู้ตวั ตลอดเวลา วา่ ตนเอง กาลงั เรียนหนงั สือ ก่อใหเ้ กิดความต้งั ใจเรียนและเขา้ ใจในบทเรียน ดงั น้นั เป้ิ ลจึงไดร้ ับคาชมจากครู อยเู่ สมอวา่ เป็นเด็กดีต้งั ใจเรียนและควรเป็นแบบอยา่ งที่ดีใหแ้ ก่เพอ่ื น ๆ จากน้นั ครูใชค้ าถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั สถานการณ์ดงั กล่าว ดงั น้ี  เพราะเหตุใดเป้ิ ลจึงเป็นนกั เรียนทม่ี ีผลการเรียนดีท่สี ุด (เพราะเปิ้ ลมสี ติขณะ เรียนหนังสือ)  การมีสติขณะเรียนก่อใหเ้ กิดผลดีต่อเปิ้ ลอยา่ งไร (ทาให้เปิ้ ลเกิดความต้งั ใจเรียน และเข้าใจในบทเรียนเร็วขนึ้ )  รางวลั ท่ีเป้ิ ลไดร้ ับจากครูคืออะไร (คาพูดแสดงความชื่นชมและยกย่องให้เป็ น แบบอย่างที่ดีแก่เพื่อน ๆ)  นกั เรียนมีการกระทาเหมือนเป้ิ ลหรือไม่ (เหมอื น/ไม่เหมือน)  นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไรตอ่ การกระทาของเป้ิ ล (ช่ืนชม) 2. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อธิบายความหมายของสตติ ามความเขา้ ใจของนกั เรียน จากน้นั ครูอธิบายให้ นกั เรียนฟังเพมิ่ เตมิ วา่ สติ หมายถึง ความระลึก นึกได้ รู้ตวั วา่ ตนเองกาลงั ทาส่ิงใดอยู่ เช่น รูต้ วั วา่ ขา้ มถนน อยู่ กจ็ ะตอ้ งระมดั ระวงั เม่ือเห็นวา่ ไม่มีรถมาจงึ จะขา้ มได้ 3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเพอ่ื สรุปเกี่ยวกบั สติ โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  ถา้ ทกุ คนมีสตอิ ยเู่ สมอจะก่อใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งไร (ตัวอย่างคาตอบ ทาสิ่ง ต่าง ๆ ได้ไม่ผดิ พลาด มีสตใิ ส่ใจการเรียนทาให้ความจาดี พูดและทาเฉพาะสิ่งทถ่ี ูกต้องและ มปี ระโยชน์ เป็ นพื้นฐานของการเป็ นผู้มสี มาธิ) จากน้นั ครูนาขอ้ มูลทีไ่ ดม้ าสรุปลงในแผนภาพบนกระดานดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี

เป็นพน้ื ฐานของ สติ การเป็นผมู้ ีสมาธิ ทาใหร้ ู้ตวั ตลอดเวลาจงึ ทา ส่ิงต่าง ๆ ไดไ้ ม่ผดิ พลาด ประโยชน์ พดู และทาเฉพาะส่ิงที่ มีสติใส่ใจการเรียน ถูกตอ้ งและมีประโยชน์ ทาใหค้ วามจาดี 4. ครูใหน้ กั เรียนนง่ั สมาธิเป็นเวลา 5 นาที โดยครูสาธิตวธิ ีการนง่ั สมาธิท่ีถูกตอ้ งใหน้ กั เรียนดู และ ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิตาม จากน้นั ครูใชค้ าถามใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนา ดงั น้ี  ส่ิงที่นกั เรียนปฏิบตั เิ รียกวา่ อะไร (น่ังสมาธิ)  หลงั จากปฏบิ ตั ิแลว้ นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร (มีสมาธิ จติ ใจสงบ)  นกั เรียนคดิ วา่ การนงั่ สมาธิจะทาใหเ้ รามีสติหรือไม่ (ตวั อย่างคาตอบ การฝึ กสมาธิทาให้มสี ต)ิ ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟังเพม่ิ เตมิ วา่ การนงั่ สมาธิเป็ นการฝึกสติอยา่ งหน่ึงท่ีทาให้จิตใจสงบ ไม่ ฟ้งุ ซ่าน ซ่ึงมีประโยชนต์ อ่ การทากิจกรรมต่าง ๆ ในการดาเนินชีวติ 5. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเพอ่ื สรุปเก่ียวกบั สมาธิ โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  ถา้ นกั เรียนฝึกสมาธิเป็ นประจาจะก่อใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งไร (ตวั อย่างคาตอบ ทาให้จิตใจสงบ มคี วามจาดี เกดิ ปญั ญา ผลการเรียนดขี นึ้ ) จากน้นั ครูนาขอ้ มูลทไี่ ดม้ าสรุปลงในแผนภาพบนกระดานดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี จติ ใจสงบ เกิดปัญญา ประโยชน์ ของสมาธิ มีความจาดี ผลการเรียนดีข้ึน

6. ใหน้ กั เรียนออกมานาเสนอเกี่ยวกบั การมีสติและสมาธิทีจ่ ะนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั แลว้ ร่วมกนั แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นกบั ครูและเพอื่ นในช้นั เรียนวา่ ถา้ ปฏิบตั ิแลว้ จะเกิดผลดีอยา่ งไร และจะ ปฏบิ ตั ิใหด้ ีข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร 7. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  สติและสมาธิมีประโยชนต์ อ่ ผปู้ ฏบิ ตั ติ นทาใหก้ ารดาเนินชีวติ เป็ นไปดว้ ย ความไม่ประมาทและทาใหม้ ีความสุขในการดาเนินชีวติ ประจาวนั 8. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี  นกั เรียนจะนาหลกั การฝึกสมาธิไปใชก้ บั การศกึ ษาเล่าเรียนอยา่ งไร 9. ใหน้ กั เรียนทาชิ้นงานที่ 11 เรื่อง การฝึกใหม้ ีสตแิ ละสมาธิ ส่ือการเรียนรู้ 1. สถานการณ์การมีสติ 2. ชิ้นงานท่ี 11 เร่ือง การฝึกใหม้ ีสติและสมาธิ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 1.2 ตรวจช้ินงานที่ 11 2. เครื่องมือ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 3. เกณฑ์การประเมิน - การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน

การประเมินชิ้นงานท่ี 11 ใหผ้ สู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรื่อง การฝึกใหม้ ีสติและสมาธิ เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คะแนน ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ แลว้ 432 1 บนั ทึกผลการปฏบิ ตั ิ ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ ฝึกสมาธิเบ้ืองตน้ ฝึกสมาธิเบ้อื งตน้ แลว้ บนั ทึกผลการ แลว้ บนั ทึกผลการ แลว้ บนั ทึกผลการ แลว้ บนั ทกึ ผลการ ปฏบิ ตั ิ ไดต้ ามท่คี รู แนะนาเท่าน้นั ปฏิบตั ไิ ดส้ มั พนั ธ์ ปฏิบตั ิ ไดด้ ว้ ย ปฏบิ ตั ิ กบั การปฏิบตั ไิ ด้ ตนเอง บนั ทกึ ผล ไดส้ อดคลอ้ งกบั อยา่ งถูกตอ้ ง ตรงกบั ขอ้ มูลการปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ไิ ดด้ ว้ ย ความเป็นจริง โดยมีครูและผอู้ ่ืน ตนเอง ไม่มีผใู้ ด ไดถ้ ูกตอ้ ง โดยมี แนะนาบา้ ง คอยใหก้ ารแนะนา ครูคอยใหก้ าร แนะนาบา้ ง

บนั ทึกหลังการสอน  ผลการจดั การเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________  ปัญหา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________  แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชื่อ_____________________________ (ผบู้ นั ทกึ ) ( นางสาวจีรวรรณ ปฏิวงศ์ ) _________/__________/________

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ วิชา สังคมศึกษาฯ เวลา 1 ช่ัวโมง หน่วยที่ 6 เรื่อง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนพธิ ี มาตรฐานการเรียนรู้ ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ติ นเป็นศาสนิกชนท่ดี ีและธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ท่ตี นนบั ถือ ตัวชี้วดั ป.2/2 ปฏบิ ตั ิตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวนั สาคญั ทางศาสนาตามทกี่ าหนดไดถ้ ูกตอ้ ง สาระสาคญั วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาเป็ นวนั ที่ระลึกถึงเหตุการณ์สาคญั ที่เกิดข้ึนในทางพระพทุ ธศาสนา ชาวพทุ ธบาเพญ็ ความดี ศาสนพธิ ีเป็นการบูชาพระรัตนตรัย และการทาบญุ ตกั บาตรเป็นขนบธรรมเนียมทด่ี ีงามทพ่ี ทุ ธศาสนิกชนพงึ ปฏิบตั ิ สาระการเรียนรู้ 1. วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา : วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบูชา วนั อฏั ฐมีบชู า และวนั อาสาฬหบูชา 2. ศาสนพธิ ี : พธิ ีการบูชาพระรัตนตรัย และการทาบญุ ตกั บาตร คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี 4.2 แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนดว้ ยการ เลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ นองคค์ วามรู้ และสามารถนาไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั ได้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ชิ้นงานหรือภาระงาน 1. ชิ้นงานท่ี 12 เรื่อง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูนาภาพพธิ ีเวยี นเทียนในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนามาใหน้ กั เรียนดูและร่วมกนั สนทนา เก่ียวกบั กิจกรรมดงั กล่าว 2. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั ศกึ ษาเก่ียวกบั วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา : วนั มาฆบชู า

วนั วสิ าขบูชา 3. ครูนาบตั รคาและแถบประโยคที่เกี่ยวกบั วนั มาฆบูชาและวนั วสิ าขบูชามาใหน้ กั เรียนร่วมกนั จาแนกใหส้ มั พนั ธก์ นั ระหวา่ งบตั รคากบั แถบประโยค และครูใชค้ าถามใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความ คิดเห็น 4. ครูและนกั เรียนสรุปกิจกรรมวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาเป็ นแผนภาพ 5. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพกิจกรรมในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความ คดิ เห็น 6. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ศกึ ษาวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา : วนั อฏั ฐมีบูชา และวนั อาสาฬหบชู า แลว้ ร่วมกนั สนทนาตอบคาถาม 7. ครูใหน้ กั เรียนบอกประโยชน์การเขา้ ร่วมกิจกรรมวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา โดยครูสรุปเป็ น แผนภาพ 8. สรุปความรู้เก่ียวกบั วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาและทาชิ้นงานท่ี 12 เรื่อง วนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา 15. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาเป็นวนั ท่มี ีเหตกุ ารณ์สาคญั เก่ียวกบั พระพุทธศาสนา ศาสน พิธีเป็ นพิธีกรรมท่ีพุทธศาสนิกชนปฏิบัติเพ่ือระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขนบธรรมเนียมแบบแผนการปฏิบตั พิ ธิ ีกรรมของพระพทุ ธศาสนา ส่ือการเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. แถบประโยค 3. ภาพกิจกรรมวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 4. ธูป เทียน ดอกไม้ 5. ชิ้นงานท่ี 12 เรื่อง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา

การประเมินผล 1. การประเมินผลตวั ชี้วัด 1.1 ชิ้นงานที่ 12 เร่ือง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา เกณฑ์การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 วาดภาพหรือตดิ วาดภาพหรือตดิ ภาพ วาดภาพหรือติด วาดภาพหรือตดิ วาดภาพหรือตดิ ภาพการเขา้ ร่วม กิจกรรมใน การเขา้ ร่วมกิจกรรม ภาพการเขา้ ร่วม ภาพการเขา้ ร่วม ภาพการเขา้ ร่วม วนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา ในวนั สาคญั ทาง กิจกรรมใน กิจกรรมใน กิจกรรมใน ไดส้ มั พนั ธก์ บั หวั ขอ้ ท่ีกาหนด พระพทุ ธศาสนา วนั สาคญั ทาง วนั สาคญั ทาง วนั สาคญั ทาง ตามทค่ี รู ยกตวั อยา่ ง พระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธศาสนา ไดส้ มั พนั ธก์ บั ไดส้ มั พนั ธก์ บั ไดส้ มั พนั ธก์ บั หวั ขอ้ ท่กี าหนด หวั ขอ้ ทีก่ าหนด หวั ขอ้ ที่กาหนด และแตกต่างจากที่ และแตกตา่ งจากที่ ตามท่คี รู ครูยกตวั อยา่ ง ครูยกตวั อยา่ ง ยกตวั อยา่ ง แตม่ ี มีการเชื่อมโยง แตเ่ ช่ือมโยงใหเ้ ห็น การดดั แปลงให้ ใหเ้ ห็นถึง เฉพาะตนเอง แตกต่าง ความสมั พนั ธก์ บั ตนเองและผอู้ ่ืน

2. การประเมนิ ผลคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการ เลือกใช้ส่ืออย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ นองค์ความรู้ และสามารถ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเย่ียม (3) 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ไม่ศกึ ษาคน้ ควา้ ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ศึกษาคน้ ควา้ หา ศึกษาคน้ ควา้ หา ความรู้จากหนงั สือ หาความรู้ ความรู้จาก ความรู้จาก ความรูจ้ าก เอกสาร ส่ิงพมิ พ์ หนงั สือ เอกสาร หนงั สือ เอกสาร หนงั สือ เอกสาร สื่อเทคโนโลยตี ่าง ๆ ส่ิงพมิ พ์ สิ่งพมิ พ์ ส่ิงพมิ พ์ แหล่งเรียนรู้ สื่อเทคโนโลยหี รือ ส่ือเทคโนโลยี ส่ือเทคโนโลยี ท้งั ภายในและ จากแหล่งเรียนรูอ้ ื่น แหล่งเรียนรู้อื่น แหล่งเรียนรูอ้ ่ืน ภายนอกโรงเรียน มีการบนั ทึกความรู้ มีการบนั ทึกความรู้ และเลือกใชส้ ื่อ แลกเปลี่ยนความรู้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม กบั ผอู้ ื่น 4.2.2 บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบจากส่ิง ทเ่ี รียนรู้ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ 4.2.3 แลกเปล่ียนเรียนรู้ ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ และนาไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook