Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสุขภาพ ศึกษาสถานการณ์และออกแบบระบบ ระยะที่ 1

รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสุขภาพ ศึกษาสถานการณ์และออกแบบระบบ ระยะที่ 1

Published by aloc dhes, 2021-05-17 05:08:23

Description: รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสุขภาพ
ศึกษาสถานการณ์และออกแบบระบบ ระยะที่ 1

Search

Read the Text Version

(1.6) องค์กรอิสระภาครัฐ ทาหน้าที่จ่ายเงินเพื่อเป็นสวัสดิการรักษาพยาบาลแก่พนักงาน ลูกจ้าง และบุคคลในครอบครวั ในฐานะนายจ้าง และการดาเนินกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพขององคก์ ร อิสระภาครัฐบาลของประเทศไทย เช่น กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันวิจัยระบบ สาธารณสุข (สวรส.) เป็นต้น (หมวด FA 1.1.3) (1.7) สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทาหน้าที่ซ้ือบริการด้านสุขภาพจากผู้ให้บริการ เพ่ือประชาชนไทยที่ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลจากประกันสังคม หรือสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ (หมวด FA 1.1.4) (1.8) สานักงานประกันสังคม รับผิดชอบรายจ่ายสุขภาพสาหรับผู้ประกันตนตาม พระราชบัญญตั ิประกันสังคม (หมวด FA 1.3.1) (1.9) สานักงานกองทุนเงินทดแทน รับผิดชอบรายจ่ายสุขภาพสาหรับลูกจ้างท่ีประสบ อุบตั ิเหตุ หรอื เกิดการเจบ็ ปว่ ยสืบเนื่องมาจากการทางานใหน้ ายจ้าง (หมวด FA 1.3.2) (2) หนว่ ยจ่ายแทนนอกภาครัฐ ประกอบดว้ ย 5 หน่วยย่อย ไดแ้ ก่ (2.1) บริษัทประกันสุขภาพเอกชน มีรายจ่ายสุขภาพ คือ สินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกัน ที่ ได้จากการรับเงินเบี้ยประกันจากหน่วยครัวเรือน 2 ประเภท ได้แก่ การประกันชีวิต และการประกันวินาศภัย ทั้งน้ี การจัดทาบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทยรวบรวมเฉพาะรายจ่ายท่ีเกี่ยวข้องกับด้านการ รกั ษาพยาบาลและรายจา่ ยด้านสขุ ภาพโดยตรง (หมวด FA 2.1) (2.2) บริษัทประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ มีรายจ่ายสุขภาพ คือ สินไหมทดแทน แก่ผู้ประสบภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ที่ได้รับเงินจากการจ่ายเบ้ีย ประกนั ภัยตาม พ.ร.บ. ดงั กลา่ วของครัวเรอื น (หมวด FA 2.2) (2.3) สวัสดิการนายจ้าง เป็นผู้จ่ายเงินเพื่อสขุ ภาพของลกู จ้างอันเป็นส่วนหนึ่งของสญั ญาจา้ ง ตามกฎหมายค้มุ ครองแรงงาน นอกเหนอื จากการจ่ายประกนั สังคมและกองทุนเงนิ ทดแทน (หมวด FA 3.2) (2.4) ครวั เรือน เป็นผ้ซู อ้ื บรกิ ารสุขภาพสาหรบั สมาชิกในครอบครวั เม่อื ไม่ไดใ้ ชส้ ิทธิสวสั ดิการ ที่มสี ิทธหิ์ รอื สทิ ธิ์ไม่ครอบคลุม จากจดั สรรรายได้หรอื เงนิ ออมของครัวเรอื น (หมวด FA 5) (2.5) องค์กรเอกชนไม่แสวงหากาไรให้บริการครัวเรือน เป็นองค์กรท่ีมีรายจ่ายสุขภาพจาก การจัดหาหรอื ผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารให้แก่สมาชิกในครัวเรือนอื่น โดยไม่คิดราคา หรือ ณ ราคาท่ีไม่มีนัยสาคัญ ทางเศรษฐกิจ (หมวด FA 4) (3) ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เป็นมูลค่าความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ให้แก่ ประเทศไทย ทง้ั โดยตรงและท่ผี ่านหน่วยงานของรัฐในสว่ นทเ่ี กย่ี วกบั สาธารณสุข อนามยั และสิ่งแวดล้อม ไดแ้ ก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ ท้ังน้ี มูลค่าความช่วยเหลือจากต่างประเทศท่ีให้แก่ หน่วยงานตา่ ง ๆ จะครอบคลุมหนว่ ยงานของรัฐ และองคก์ รเอกชนท่ไี มใ่ ช่ของรัฐ (หมวด FA 6) 2.3) ประเภทกิจกรรมในด้านสุขภาพ (Function of Health care-HC) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ รายจ่ายสุขภาพส่วนบุคคล (Total expenditure on personal health care) รายจ่าย ดาเนินการด้านสุขภาพ (Total current expenditure on health: TCHE) และรายจ่ายสุขภาพรวม (Total expenditure on health: THE) มีรายละเอยี ด ดังนี้ รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 2-79 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

(1) รายจ่ายสุขภาพส่วนบุคคล เป็นรายจ่ายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพส่วนบุคคล ที่ซื้อ สินค้าและบริการด้านสุขภาพต่าง ๆ เช่น การบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน เป็นต้น ท้ังน้ี ไม่รวม รายจา่ ยดา้ นสง่ เสรมิ สุขภาพและสาธารณสุขของประชาชนทวั่ ไป ซ่ึงรายจา่ ยสขุ ภาพสว่ นบุคคล แบง่ ออกเป็น 5 หมวด ดังนี้ (1.1) การบรกิ ารรกั ษาพยาบาลผูป้ ว่ ย (Curative care) (หมวด HC.1) (1.2) การบริการฟ้ืนฟูสมรรถภาพสาหรบั ผู้ป่วย (Rehabilitative care) (หมวด HC.2) (1.3) การบริการระยะยาวต่อเน่ืองสาหรับผู้สูญเสียความสามารถในการช่วยเหลือตนเองใน กิจวัตรประจาวัน (Long-term care (health)) (หมวด HC.3) (1.4) การบริการโดย paramedical หรือ Medical technical personnel มีหรือไม่มีการ กากบั ดูแลโดยแพทยก์ ็ได้ ได้แก่ laboratory, diagnostic imaging, patient transport (Ancillary services) (non-specified by function) (หมวด HC.4) (1.5) ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ท่ีส่ังจ่ายให้ผู้ป่วยนอกรวมท้ังการบริการติดตั้ง การเช่า การ บารงุ อปุ กรณท์ างการแพทย์(appliances) รวมบรกิ ารของเภสัชกร รา้ นประกอบแวน่ รวมการสัง่ ซอื้ สินคา้ ทาง ไปรษณีย์ และการซ้ือทางไกลเป็นการให้บริการแก่ผู้ป่วย หรือครัวเรือนนอกสถานพยาบาล (Medical goods (non-specified by function)) (หมวด HC.5) (2) รายจ่ายดาเนนิ การดา้ นสุขภาพ เปน็ ยอดรวมของรายจ่ายดา้ นสุขภาพ 4 ประเภท ไดแ้ ก่ (2.1) รายจ่ายสขุ ภาพส่วนบุคคล (หมวด HC.1- HC.5) (2.2) รายจ่ายด้านส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุขชองประชาชนท่ัวไป (Preventive care ) ครอบคลมุ บรบิ ทการคบคุม เฝา้ ระวัง และป้องกันโรค (หมวด HC.6) (2.3) รายจ่ายในการบริหารจดั การด้านสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ (Governance and health system and financing administration ) (หมวด HC.7) (2.4) รายจ่ายอื่น ๆ ที่ไม่สามารถแยกประเภทได้ (Other health care services not elsewhere classified (n.e.c.)) (หมวด HC.9) (3) รายจ่ายสุขภาพรวม เป็นยอดรวมของรายจ่ายดาเนินการด้านสุขภาพ และรายจ่าย สะสมทุนด้านสุขภาพของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Capital formation by health care provider institutions) (หมวด HK.1) 2.4) ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Health care provider-HP) แบ่งตามประเภทของผู้ ให้บรกิ ารดา้ นสขุ ภาพออกเป็น 9 ประเภท ดังนี้ (1) โรงพยาบาล แบ่งออกเป็นโรงพยาบาลทวั่ ไปของรัฐ/เอกชน โรงพยาบาลพิเศษเฉพาะทาง และโรงพยาบาลสขุ ภาพจิต (หมวด HP.1) (2) สถานพยาบาล บ้านพักหรอื สถานพกั พ้นื (หมวด HP.2) (3) คลนิ ิกหรือศูนยบ์ รกิ ารทใ่ี ห้บรกิ ารโดยตรงแก่ผปู้ ่วยนอก (หมวด HP.3) รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ที่ 2-80 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

(4) หน่วยงานที่จัดบริการเสริม เช่น การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ การเคล่ือนย้าย ผปู้ ว่ ย เปน็ ตน้ (หมวด HP.4) (5) ผู้จดั จาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ทางการแพทย์ใหแ้ ก่ประชาชนทัว่ ไปโดยการขายปลีก (หมวด HP.5) (6) หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งกับการสง่ เสริมสุขภาพป้องกันโรค (หมวด HP.6) (7) หน่วยงานบรหิ ารจดั การด้านระบบและการคลังสาธารณสขุ (หมวด HP.7) (8) หน่วยงานอื่น ๆ ทใี่ ห้บรกิ ารดา้ นสขุ ภาพ (หมวด HP.8) (9) หนว่ ยงานอื่น ๆ ภายนอกประเทศทีใ่ หบ้ ริการด้านสุขภาพ (หมวด HP.9) 2.5) ปัจจัยการผลติ ด้านสุขภาพ (Factors of provision-FP) แบ่งออกเปน็ 5 ประเภท ไดแ้ ก่ (1) ค่าตอบแทนของพนักงาน ท้ังที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน (Compensation of employees) (หมวด FP.1) (2) รายได้ที่ไม่ใช่เงินเดือนจากการปฏิบัติงานด้านสุขภาพอื่นๆ (Self-employed professional remuneration) (หมวด FP.2) (3) วัสดุและบรกิ ารทใ่ี ช้ (Materials and services used) (หมวด FP.3) (4) การบริโภค/การใช้สินค้าทุน (ปัจจัยคงท่ี) เช่น เครื่องจักร (Consumption of fixed capital) (หมวด FP.4) (5) ปจั จัยการผลติ อนื่ ๆ (Other items of spending on inputs) (หมวด FP.5) 2.2.3 รูปแบบของตารางบัญชีรายจ่ายด้านสขุ ภาพแห่งชาตขิ องประเทศไทย การจัดทาบัญชีรายจ่ายด้านสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย ประจาปี พ.ศ. 2559 ตามกรอบ คาแนะนา A System of Health Accounts (SHA) 2011 โดย OECD มีตารางสถิติรายจ่ายด้านสุขภาพ แห่งชาตริ วมท้งั สิ้น 7 ตาราง โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 2-81 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตารางท่ี 1: Table 15.3 Expenditure on health care by health care providers and functions of care (2016) เป็นการแสดงรายจา่ ยดาเนนิ การด้านสขุ ภาพจาแนกตามประเภทผู้ให้บริการ (หมวด HP 1-HP 9) โดยแจกแจง รายละเอียดตามประเภทกิจกรรมในดา้ นสขุ ภาพ (หมวด HC 1-HC 9) วัดเป็นมูลค่าหน่วยล้านบาทไทย (ราคา ปปี จั จุบนั ) ดงั แผนภาพท่ี 2.30 แผนภาพท่ี 2.30 โครงสรา้ งตารางที่ 15.3 การแสดงรายจ่ายดาเนินการด้านสุขภาพจาแนกตามประเภท กิจกรรม ประเภท รายจา่ ยดาเนนิ การด้านสขุ ภาพจาแนกตามประเภทผู้ใหบ้ รกิ าร สัดสว่ น กจิ กรรม (HP 1 – HP 9) (HC 1 – HC 9) HP 1 All HP รายจ่าย HP 2 HP 3 HP 4 HP 5 HP 6 HP 7 HP 8 HP ตอ่ HC HP 9 (รอ้ ยละ) HC 1 HC 2 HC 3 HC 4 HC 5 HC 6 HC 7 HC 9 All HC สดั สว่ นรายจา่ ย HC ต่อ HP (รอ้ ยละ) ท่มี า: ปรับปรุงจากบญั ชีรายจา่ ยสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย (2559) โดยมลู นธิ สิ ถาบันวิจยั นโยบายเศรษฐกจิ การคลงั หมายเหตุ: รายการ HC 8 ไม่ปรากฏในตารางท่ี 15.3 เน่ืองจาก เป็นรายการรวมรายจ่ายรวมภายในประเทศท่ีเกิดจากการรวม รายการ HC 1 – HC 7 เทา่ น้ัน รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าท่ี 2-82 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตารางท่ี 2: Table 15.7. Expenditure on health care by factors of provision and health care providers (2016) เปน็ การแสดงรายจา่ ยตามตามกลุ่มปัจจัยการผลิต (หมวด FP 1-FP 5) โดยแจกแจงรายละเอียดประเภทผู้ ให้บรกิ าร (หมวด HP 1-HP 7) วดั เปน็ มลู คา่ หน่วยลา้ นบาทไทย (ราคาปปี จั จบุ นั ) ดงั แผนภาพท่ี 2.31 แผนภาพท่ี 2.31 โครงสร้างตารางที่ 15.7 การแสดงรายจ่ายตามประเภทกลุ่มปจั จัยการผลิต รายจา่ ยดาเนินการดา้ นสขุ ภาพจาแนกตามกลมุ่ ปัจจยั การผลิต สดั สว่ น ประเภทผู้ใหบ้ รกิ าร FP 1 (FP 1 – FP 5) FP 5 All FP รายจ่าย (HP 1 – HP 9) FP 2 FP 3 FP 4 FP ตอ่ HP (รอ้ ยละ) HP 1 HP 2 HP 3 HP 4 HP 5 HP 6 HP 7 HP 8 HP 9 All HP สดั ส่วนรายจา่ ย HP ต่อ FP (ร้อยละ) ทีม่ า: ปรับปรุงจากบัญชีรายจ่ายสขุ ภาพแหง่ ชาติของประเทศไทย (2559) โดยมูลนธิ ิสถาบันวิจยั นโยบายเศรษฐกิจการคลงั หมายเหตุ: รายการ HC 8 ไม่ปรากฏในตารางที่ 15.3 เนื่องจาก เป็นรายการรวมรายจ่ายรวมภายในประเทศท่ีเกิดจากการรวม รายการ HP 1 – HP 7 รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 2-83 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตารางที่ 3: Table 11.2 Capital account (2016) เป็นการแสดงรายจ่ายด้านการสะสมทุน (หมวด HK 1-HK 2) โดยแสดงการเปล่ียนแปลงของสินทรัพย์รวมท่ีแจกแจงรายละเอียดตามประเภทผู้ให้บริการ (หมวด HP 1-HP 9) วัดเปน็ มูลคา่ หน่วยลา้ นบาทไทย (ราคาปปี ัจจบุ ัน) ดังแผนภาพท่ี 2.32 แผนภาพท่ี 2.32 โครงสรา้ งตารางท่ี 11.2 การแสดงรายจา่ ยตามประเภทการสะสมทุน ประเภทการ รายจา่ ยดาเนินการด้านสขุ ภาพจาแนกตามประเภทผใู้ หบ้ ริการ All HP สัดส่วน สะสมทุน (HP 1 – HP 9) HP 9 รายจ่าย (HK 1 –HK 2) HP 1 HP ตอ่ HK HP 2 HP 3 HP 4 HP 5 HP 6 HP 7 HP 8 (รอ้ ยละ) HK 1 HK 1.1 HK 1.2 HK 1.3 สัดสว่ นการ เปลี่ยนแปลง รายจา่ ย HK ตอ่ HP (รอ้ ยละ) HK 2 HK 2.1 HK 2.2 HKF HKR ท่ีมา: ปรบั ปรุงจากบญั ชีรายจ่ายสขุ ภาพแหง่ ชาติของประเทศไทย (2559) โดยมลู นิธสิ ถาบนั วิจยั นโยบายเศรษฐกจิ การคลัง รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 2-84 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ตารางที่ 4: Table 1 Total Current expenditure on health by function of care, provider and source of funding (2016) เป็นการแสดงรายจ่ายดาเนินการด้านสุขภาพรวมโดยจาแนกตามประเภทกิจกรรมในด้าน สุขภาพ (หมวด HC.1-HC.9) และประเภทผู้ให้บริการ (หมวด HP.1-HP.7) โดยแจกแจงรายละเอยี ดตามหน่วยจ่าย แทนทง้ั ภาครัฐและนอกภาครฐั (หมวด FA) วัดเปน็ มูลคา่ หนว่ ยลา้ นบาทไทย (ราคาปีปจั จุบนั ) ดงั แผนภาพท่ี 2.33 แผนภาพท่ี 2.33 โครงสร้างตารางที่ 1 การแสดงรายจา่ ยดาเนินการดา้ นสุขภาพรวม ตามการแบ่งหมวดรายจา่ ย ประเภท รายจ่ายดาเนินการด้านสุขภาพจาแนกตามหนว่ ยจ่ายแทน สดั ส่วน รายจ่าย รายจา่ ย การแบง่ ดาเนินการ ประเภทผู้ หน่วยจ่ายแทนภาครัฐ หนว่ ยจ่ายแทนนอกภาครัฐ รวมรายจ่าย ดาเนนิ การ หมวด ให้บรกิ าร ดาเนนิ การ ดา้ นสขุ ภาพ รายจ่าย (HC 1 – HC9) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ด้านสขุ ภาพ (HP 1-HP 9) (รอ้ ยละ) ผู้ป่วยใน (IP) HC 1 All HC 2 industries HC 3 ผ้ปู ว่ ยนอก HC 1 All (OP) HC 2 industries HC 3 Ancillary HC 4 services Medical goods HC 5 Preventive HC 6 All care Health industries administration and health HC 7 insurance Others HC 9 รวมรายจา่ ย ดาเนนิ การดา้ น HC 1 – HC 9 HP 1 –HP 9 สุขภาพ สดั สว่ นรายจา่ ย ดาเนินการด้าน สุขภาพ (รอ้ ยละ) ท่ีมา: ปรับปรงุ จากบัญชรี ายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย (2559) โดยมลู นธิ สิ ถาบันวจิ ัยนโยบายเศรษฐกจิ การคลัง รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ท่ี 2-85 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตารางท่ี 5: Table 2 Current expenditure on health by function of care, provider and source of funding (2016) เป็นการแสดงรายจ่ายดาเนินการด้านสุขภาพจาแนกตามประเภทกิจกรรมในด้านสขุ ภาพ (หมวด HC.1-HC.9) โดยแจกแจงรายละเอียดตามหน่วยจ่ายแทนทั้งภาครัฐและนอกภาครัฐ (หมวด FA) วัดเป็นมูลค่าหน่วยล้านบาทไทย (ราคาปปี จั จุบัน) ดงั แผนภาพที่ 2.34 แผนภาพท่ี 2.34 โครงสรา้ งตารางท่ี 2 การแสดงรายจ่ายดาเนนิ การดา้ นสุขภาพแจกแจงตามประเภท กิจกรรม ประเภท รายจา่ ยดาเนินการด้านสุขภาพจาแนกตามหนว่ ยจา่ ยแทน (FA 1 –FA 15) รวมรายจ่าย สัดส่วน ดาเนนิ การ รายจา่ ย กิจกรรม หน่วยจ่ายแทนภาครัฐ หนว่ ยจา่ ยแทนนอกภาครัฐ ด้านสขุ ภาพ ดาเนนิ การดา้ น (All FA) สขุ ภาพ (HC 1 – HC 9) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 (รอ้ ยละ) HC 1 HC 2 HC 3 HC 4 HC 5 HC 6 HC 7 HC 8 HC 9 รวมรายจ่าย ดาเนนิ การ ด้านสขุ ภาพ (All HC) สดั สว่ น รายจ่าย ดาเนินการ ดา้ นสขุ ภาพ (ร้อยละ) ท่มี า: ปรบั ปรุงจากบญั ชรี ายจ่ายสุขภาพแหง่ ชาตขิ องประเทศไทย (2559) โดยมูลนิธสิ ถาบนั วิจยั นโยบายเศรษฐกิจการคลงั รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ที่ 2-86 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตารางท่ี 6: Table 3 Total Current expenditure on health by provider industry and source of funding (2016) เปน็ การแสดงรายจา่ ยดา้ นสขุ ภาพจาแนกตามประเภทผู้ให้บริการ (หมวด HP 1-HP 9) และผลรวมของ โดย แจกแจงรายละเอียดตามหน่วยจา่ ยแทนทั้งภาครัฐและนอกภาครัฐ (หมวด FA) วัดเปน็ มลู ค่าหน่วยล้านบาทไทย (ราคาปปี ัจจุบัน) ดังแผนภาพที่ 2.35 แผนภาพที่ 2.35 โครงสรา้ งตารางท่ี 3 การแสดงรายจา่ ยดาเนนิ การดา้ นสุขภาพแจกแจงตามประเภทผูใ้ หบ้ รกิ าร ประเภทผู้ รายจา่ ยดาเนินการดา้ นสขุ ภาพจาแนกตามหนว่ ยจา่ ยแทน (FA 1 – FA 15) รวมรายจ่าย สดั สว่ น ดาเนินการ ให้บรกิ าร หนว่ ยจา่ ยแทนภาครัฐ หน่วยจา่ ยแทนนอกภาครัฐ ด้านสุขภาพ รายจา่ ย ดาเนินการดา้ น (HP 1 – HP 9) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 (All FA) สขุ ภาพ (ร้อยละ) HP 1 HP 2 HP 3 HP 4 HP 5 HP 6 HP 7 HP 8 HP 9 ทมี่ า: ปรบั ปรุงจากบญั ชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย (2559) โดยมลู นธิ ิสถาบันวจิ ยั นโยบายเศรษฐกจิ การคลงั รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-87 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตารางท่ี 7: Table 4 Total expenditure on health including health-related functions (2016) เป็นการแสดงรายจ่ายรวมด้านสุขภาพ ประกอบด้วยรายจ่ายดาเนินการด้านสุขภาพ (หมวด HC 1-HC 9) และ รายจ่ายสะสมทุน (HK 1) โดยแจกแจงรายละเอียดตามหน่วยจ่ายแทนทั้งภาครัฐและนอกภาครัฐ (หมวด FA) วัด เป็นมลู ค่าหน่วยลา้ นบาทไทย (ราคาปปี ัจจบุ นั ) ดังแผนภาพที่ 2.36 แผนภาพท่ี 2.36 โครงสรา้ งตารางที่ 4 การแสดงรายจา่ ยรวมด้านสุขภาพ ประเภท รายจา่ ยดาเนนิ การดา้ นสุขภาพจาแนกตามหน่วยจ่ายแทน (FA 1 – FA 15) รวมรายจ่ายดา้ น สัดส่วนรายจา่ ย รายจา่ ย สขุ ภาพ รวมด้านสขุ ภาพ หน่วยจ่ายแทนภาครัฐ หน่วยจา่ ยแทนนอกภาครัฐ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 (All FA) (รอ้ ยละ) HC 1 HC 2 HC 3 HC 4 HC 5 HC 6 HC 7 HC 8 HC 9 รวมรายจา่ ย ตามประเภท กจิ กรรม (HC 1 – HC9) รายจ่ายด้าน การสะสมทุน (HK 1) รวมรายจา่ ย ดา้ นสขุ ภาพ (All HC/HK) ท่ีมา: ปรบั ปรงุ จากบัญชีรายจ่ายสขุ ภาพแห่งชาตขิ องประเทศไทย (2559) โดยมลู นิธสิ ถาบนั วิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง 2.2.4 การจดั เกบ็ ข้อมลู บัญชีรายจ่ายดา้ นสขุ ภาพแห่งชาติของประเทศไทย 1) คาบเวลาอ้างอิงสาหรับการจัดเก็บข้อมูล ข้อมูลส่วนใหญ่ในบัญชีรายจ่ายด้านสุขภาพแห่งชาติ ของประเทศไทยเป็นข้อมูลภาครัฐซ่ึงเป็นรายจ่ายตามปีงบประมาณ ในขณะท่ีข้อมูลส่วนใหญ่นอกภาครัฐเป็น รายจ่ายตามปปี ฏทิ ิน ซ่ึงการเก็บข้อมูลจากท้ังภาครัฐและนอกภาครัฐจะเก็บปลี ะ 1 ครั้ง เพื่อนามาจัดทา NHA ของแต่ละปีและหากมีการปรับปรุงแหล่งข้อมูลก็จะมีการปรับข้อมูลสาหรับปีก่อนหน้าน่ันด้วยเพื่อที่จะได้มี ข้อมูลท่ีสอดคล้องกันและต่อเน่ืองในทุก ๆ ปี อีกท่ังยังมีการปรับข้อมูลให้เป็นราคาปัจจุบันเสมอเพื่อ เปรียบเทยี บกบั ปีกอ่ นหนา้ 2) แหล่งข้อมูล จาแนกออกเป็น 2 แหล่งข้อมูล ได้แก่ แหล่งข้อมูลจากภาครัฐ (Public sector) และ แหล่งขอ้ มลู นอกภาครัฐ (Private Sector) โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้ รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หน้าท่ี 2-88 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

2.1) แหล่งข้อมูลจากภาครัฐ (1) ขอ้ มลู รายจ่ายจริงไดม้ าจากหนว่ ยงานภาครัฐที่เกย่ี วขอ้ งกบั กองทุนสุขภาพ เช่น กระทรวง สาธารณสขุ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสานกั งานประกนั สังคม เป็นต้น (2) รายจ่ายจริงของส่วนท้องถิ่นได้จากข้อมูลการสารวจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของ สานักงานสถิติแห่งชาติ และข้อมูลจากกรุงเทพมหานคร และกรมส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน กระทรวงมหาดไทยและใช้สัดส่วนท่ีได้จากการสารวจของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สงั คมแหง่ ชาตทิ ่เี คยทาการสารวจด้วยกลุ่มตวั อย่าง (3) รายจ่ายในส่วนของสวัสดิการข้าราชการ (รวมทั้งครอบครัวและข้าราชการบานาญ) ได้ จากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของกรมบัญชีกลาง (GFMIS) ซึ่งสามารถจาแนกออกเป็นรายจ่ายของผู้ป่วยนอก และผปู้ ว่ ยในได้ (4) ข้อมูลของรัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระภาครัฐ ได้จากการสารวจโดยตรง โดย IHPP (หน่วยงานท่ีจัดทา NHA ของประเทศไทย) ดาเนินการสารวจเองโดยใช้แบบสอบถามส่งทางไปรษณีย์และ ตดิ ตามแบบสอบถามโดยการโทรศพั ท์ (5) ข้อมูลโครงการหลักประกันสุขภาพได้จากสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยอิง นิยามของ ICHA แตย่ ังมีส่วนของการรักษาพยาบาลที่ยงั ไม่สามารถแยกรายจ่ายของผู้ป่วยนอกและผู้ปว่ ยในได้ ซ่ึงตอ้ งใช้สดั ส่วนจากการสารวจอนามัยและสวสั ดกิ ารมากระจายไปยังผู้ใหบ้ ริการ (6) ข้อมูลรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงิน ทดแทนได้จากสานกั งานประกันสงั คม และสานักงานกองทุนเงินทดแทน 2.2) แหลง่ ข้อมูลนอกภาครัฐ (1) ข้อมลู รายจ่ายสุขภาพโดยการประกนั สขุ ภาพด้วยความสมัครใจ และการประกันภยั บคุ คล ท่ีสามได้จากรายงานประจาปีของสานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมประกนั วนิ าศภยั (2) ข้อมูลรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เป็นสวัสดิการท่ีนายจ้างจ่ายให้กับลูกจ้าง ประมาณ ข้ึนมาจากการสารวจสถานประกอบการอุตสาหกรรม การสารวจสถานประกอบการธุรกิจ การค้าและการ บริการ และการสารวจภาวะการทางานของประชากร ของสานกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ (3) การประมาณรายจ่ายสุขภาพของครัวเรือนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ประมาณจากผล การสารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนของสานักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ในส่วนของการลง ทุน ภาคเอกชน อนุมานให้เป็นการลงทุนโดยครัวเรือน ประมาณจากข้อมูลการจดทะเบียนใหม่ของผู้ประกอบการ สถานพยาบาลเอกชน และคลินิกเอกชน และสถานพยาบาลที่ขอขยายจานวนเตียง ที่ขอจดทะเบียนกับกอง การประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข การประมาณกรณีโรงพยาบาลใช้จานวนเตียง คูณกับค่าเฉลี่ยใน การลงทุนต่อเตยี ง (ซ่งึ เปน็ ขอ้ มลู จากการประมาณโดยผู้เช่ยี วชาญ) กรณคี ลินกิ คณู ค่าเฉล่ียในการลงทนุ ต่อแห่ง โดยใช้ขอ้ มูลประมาณการจากผเู้ ช่ยี วชาญ รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 2-89 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

(4) ข้อมูลรายจ่ายสุขภาพขององค์กรเอกชนไม่แสวงกาไรฯ ได้จากผลการสารวจองค์กร เอกชนไม่แสวงหากาไร ของ สสช. และจากการสารวจโดยตรง เชน่ สภากาชาดไทย เปน็ ตน้ (5) ข้อมูลความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ได้จากสานักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ระหวา่ งประเทศ กระทรวงการตา่ งประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย 2.3 ประสบการณก์ ารจดั ทาบญั ชีประชาชาตแิ ละบัญชีบรวิ ารของอตุ สาหกรรมอ่ืนในประเทศ ทางคณะผู้วิจัยได้ทาการศึกษาเพ่ิมเติมทั้งการจัดทาบัญชีประชาชาติ และการจัดทาบัญชีบริวารของ อุตสาหกรรมอ่ืนในประเทศไทย ได้แก่ บัญชีบริวารของภาคท่องเที่ยว (หรือบัญชีประชาชาติด้านการท่องเท่ยี ว (Tourism Satellite Account: TSA)) ท่ีมีความสมบูรณ์ในรายละเอียดการจัดทาบัญชีบริวารสูง และการ จดั ทาบัญชบี ริวารของภาคดิจิทัลซ่ึงยังอยู่ในชว่ งเรม่ิ ตน้ ของการจดั ทา เพอ่ื เป็นขอ้ มูลเพม่ิ เติมในการเปน็ แนวทาง ในการจดั ทาบญั ชีบริวารด้านสุขภาพ โดยมรี ายละเอยี ดของบัญชีต่างๆ ดังน้ี 2.3.1 บัญชีประชาชาติของไทย จากแนวคิดท่ีได้กล่าวมาท้ังหมดในข้างต้น ประเทศไทยได้มีการนามาใช้และจัดทาบัญชีประชาชาติ ของไทย โดยสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซ่ึงมีการจัดทาในด้านการผลิตเป็น หลัก6 ในกรอบระยะเวลา 1 ปีผ่านบัญชีทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในรูปแบบบัญชีกระแส (Flows) และบัญชีสะสม (Stocks) รายละเอียดของบัญชมี ีดังน้ี 1) องคป์ ระกอบของบญั ชีประชาชาตขิ องไทย การจัดทาบัญชีประชาชาติมีบัญชีหลัก 6 บัญชี ที่แสดงความสัมพันธ์ของการดาเนินธุรกรรมทาง เศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศโดยเป็นการเชื่อมโยงถึงแหล่งท่ีมา และการใช้ไปของทรัพยากรที่ ประมวลมูลคา่ เป็นตัวเงิน ดงั น้ี 1. บัญชีการผลิต (Domestic Product Account) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างด้านผลผลติ และดา้ น ค่าใช้จ่าย โดยผลผลิตข้ันสุดท้ายมีค่าเท่ากับมูลค่าเพ่ิมจากกิจกรรมการผลิตสินค้าและบริการใน ระบบเศรษฐกจิ 2. บัญชีรายได้ (National Income Account) แสดงรายได้ประชาชาติ อันเกิดจากผลรวมของ รายได้จากผลตอบแทนของปัจจัยการผลิต ได้แก่ ผลตอบแทนจากแรงงาน ทุน ท่ีดิน และ ผู้ประกอบการ 3. บัญชีทุน (Domestic Capital Formation Account) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างรายจ่ายเพ่ือ การลงทุน และแหลง่ ทม่ี าของเงินทนุ ทม่ี าจากการออมภายในและตา่ งประเทศ 4. บัญชีการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล (General Government Account) แสดงความสัมพันธข์ อง ราบรับและรายจ่ายของรัฐบาล โดยมีผลต่างของรายรับและรายจ่ายของรัฐบาลเป็นเงินออม ภาครฐั 6 อ้างองิ จาก คมู่ อื การประมวลผลสถิติประชาชาติ ของสานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ หนา้ ที่ 2-90 รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

5. บัญชีการอุปโภคบริโภคภาคครัวเรือนและสถาบันท่ีไม่แสวงหากาไร (Households and Private Non-Profit Institutions) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ รายจ่าย เงินออม และรายได้ท่ีพึง จบั จา่ ยใชส้ อยของครัวเรอื น และสถาบนั ทไ่ี ม่แสวงหากาไร 6. บัญชีการส่งออกและการนาเข้าสินค้าและบริการ (External Transaction Account or The rest of the world Account) แสดงความสัมพันธ์กับภาคต่างประเทศ มีรายได้ ประกอบด้วย รายรับจากการส่งออกสินค้าและบริการ ผลตอบแทนปัจจัยการผลิตสุทธิ และเงินรับโอนจาก ต่างประเทศ และรายจ่าย ประกอบด้วย การนาเข้าสินค้าและบริการ และเงินโอนจ่ายไป ต่างประเทศ 2) หลักการประมวลผลของบญั ชปี ระชาชาตขิ องไทย การประมวลผลของบัญชีประชาชาติแบ่งตามการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านผลิตผลด้านการใช้จ่าย และด้านรายได้ โดยแต่ละด้านจะมีมูลค่าที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน โดยมี รายละเอียด ดังน้ี 2.1) การประมวลผลด้านผลติ ผล ก า ร ป ร ะ ม ว ล ผ ล ด้ า น ผ ลิ ต ผ ล คื อ ก า ร วั ด มู ล ค่ า ข อ ง กิ จ ก ร ร ม ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ท่ี เ กิ ด ขึ้ น ภายในประเทศไทย โดยคานวณข้ึนมาจากมูลค่าของสินค้าและบริการทุกประเภทที่ภาคเศรษฐกิจต่างๆ ได้ทา การผลิตขึ้นในรอบระยะเวลาท่ีกาหนด แต่ด้วยสินค้าและบริการส่วนหนึ่งท่ีเกิดข้ึนจะถูกนาไปใช้เป็นปัจจยั การ ผลิตให้กบั ภาคการผลิตอืน่ ๆ ดงั นน้ั การวัดมูลค่าโดยใช้ผลรวมของมูลค่าการผลติ ของอุตสาหกรรมทั้งหมดจะทา ให้เกิดการนับซ้าขึ้นได้ จึงต้องมีการหักมูลค่าวัตถุดิบหรือค่าใช้จ่ายข้ันกลาง (Intermediate cost) ออกจาก มูลค่าผลผลิต ส่วนต่างท่ีได้เรียกว่า “มูลค่าเพ่ิม (Value Added)” เช่น การประมวลผลมูลค่าของข้าวสาลี เกิดจากผลรวมของมูลค่าเพ่ิมของการผลิตข้าวสาลีของชาวนา ณ ที่ทาการเกษตร มูลค่าเพ่ิมของการนาข้าว สาลีเป็นวัตถุดิบ ณ โรงงานทาแป้ง และมูลค่าเพ่ิมของการนาแป้งท่ีผลิตจากข้าวสาลเี ปน็ วตั ถุดบิ ณ โรงงานทา ขนมปัง ซ่ึงการประมวลผลผลิตภัณฑ์มวลรวมของข้าวสาลี คือ มูลค่าเพ่ิมของผลิตผลท้ังหมดของข้าวสาลี เป็น ต้น ดังนั้น การนามูลค่าเพิ่มของทุกสาขาการผลิตมารวมกันจะได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศซึ่งมีรูปแบบ สมการ ดงั นี้ Value added (VA) = Gross output - Intermediate cost โดยมูลค่าเพิ่มของปัจจัยการผลิต (VA) ประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่ 1) เงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนแรงงาน (Compensation of Employee) 2) ส่วนเกินของการประกอบการ (Operating Surplus) ได้แก่ ดอกเบ้ียจ่าย ค่าเช่าที่ดิน กาไร และเงินปันผล 3) ค่าเสื่อมราคา (Depreciation) 4) ภาษี ทางอ้อม หักเงินอุดหนุน (Indirect Taxes less Subsidies) ซ่ึงจะเท่ากับผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) การประมวลผลด้านผลิตผลของประเทศไทยมีตารางสนับสนุนเพื่อคานวณมูลค่าเพิ่มของ ปัจจัยการผลิต จาแนกตามสาขาการผลิตได้ 16 สาขาการผลิต ได้แก่ 1) สาขาเกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ 2) สาขาประมง 3) สาขาการทาเหมืองแร่และเหมืองหิน รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หน้าที่ 2-91 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

4) สาขาอุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิต 5) สาขาไฟฟ้า ประปา และโรงแยกแก๊ส 6) สาขาการก่อสร้าง 7) สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ และของใช้ส่วน บุคคลในครัวเรือน 8) สาขาโรงแรมและภัตตาคาร 9) สาขาการขนส่ง สถานท่ีเก็บสินค้า และการคมนาคม 10) สาขาตัวกลางทางการเงิน 11) สาขาบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่า และบริการธุรกิจ 12) สาขาการบริหารราชการแผ่นดิน การป้องกันประเทศและการประกันสังคมภาคบังคับ 13) สาขาการศึกษา 14) สาขาบริการด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 15) สาขาบริการชุมชน สังคม และส่วนบุคคลอ่ืน ๆ 16) สาขาลูกจ้างในครัวเรือนส่วนบุคคล 2.2) การประมวลผลดา้ นรายจ่าย การประมวลผลด้านรายจ่าย เป็นการคานวณรายจ่ายขั้นสุดท้าย (Final Consumption) ประกอบด้วยการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ 4 รายการหลัก ได้แก่ รายจ่ายเพ่ือการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน รายจ่ายเพ่ือการอุปโภคบริโภคของรัฐบาล การลงทุนหรือการสะสมทุนถาวรเบ้ืองต้นและส่วนเปล่ียนสินค้า คงเหลือ และการส่งออกและการนาเขา้ มีรูปแบบสมการ ดังนี้ Y (GDP) = C + I + G + (X - M) โดยที่ Y (GDP) คอื มลู คา่ ผลผลติ มวลรวมภายในประเทศด้านรายจ่าย C คอื รายจา่ ยเพ่อื การบรโิ ภค หรือรายจ่ายเพื่อการอปุ โภคบริโภคของครวั เรือน I คอื รายจ่ายเพื่อการลงทุนประเทศภาคเอกชน หรอื รายจ่ายในการสะสมทุน G คอื รายจา่ ยเพอ่ื การอปุ โภคบรโิ ภคของรฐั บาล X คือ มูลค่าสินค้าและการบริการส่งออก M คือ มูลค่าสินค้าและการบรกิ ารนาเข้า การประมวลผลด้านรายจ่ายของระบบเศรษฐกิจ มีตารางสนับสนุนตามวัตถุประสงค์ 4 หมวด ได้แก่ รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาล รายจ่ายเพ่ือการ สะสมทนุ เบอ้ื งต้น และรายจา่ ยด้านการสง่ ออกและการนาเข้าสนิ ค้าและบริการ มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี รายจา่ ยเพือ่ การอปุ โภคบรโิ ภคของครัวเรือน รายจ่ายเพือ่ การอปุ โภคบริโภคของครวั เรอื นมีวธิ ีการคานวณอยู่ 3 วธิ ี ได้แก่ 1) คานวณหามูลค่าท่ีเกิดขึ้นจากการใช้จ่ายของครัวเรือนโดยตรง เรียกว่า out of pocket approach เช่น การใช้มูลค่าการใช้จ่ายตามที่ปรากฏในผลการสารวจภาวะเศรษฐกิจ และสงั คมของครวั เรอื น เป็นตน้ รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หน้าที่ 2-92 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

2) คานวณหามูลค่าที่เกิดขึ้นโดยอ้อม เป็นการใช้วิธีอ่ืนเพ่ือให้ได้มาซ่ึงข้อมูล เช่น การใช้ จานวนประชากรหรอื จานวนครวั เรือนปจั จุบนั คานวณร่วมกับค่าใช้จ่ายเฉลย่ี ตอ่ หัวปีฐาน เพื่อปรับเป็นค่าใช้จ่ายครวั เรือนในปปี ัจจุบัน การใช้รายรับของธุรกิจมาคานวณค่าใชจ้ ่าย ครัวเรือน เป็นต้น โดยการใช้วธิ ีใดน้ันข้ึนอยู่กบั แตล่ ะประเภทรายการคา่ ใช้จา่ ย 3) การใช้วิธีกระแสสินค้า (Commodity flows method) เป็นการคานวณหามูลค่าการใช้ จา่ ยอปุ โภคบรโิ ภค โดยใช้มูลค่าการบรโิ ภคข้นั สุดทา้ ยสว่ นอืน่ ๆ นั่นคือ วัดคา่ มาจากมูลค่า การผลิต หกั ลบด้วยการใชจ้ ่ายของรัฐบาล การใชจ้ า่ ยเพ่ือการลงทุน การสง่ ออก และการ สะสมในสต็อกสนิ คา้ คงเหลอื รวมถงึ บวกมูลค่าการนาเขา้ หากเป็นสนิ คา้ ทม่ี ีการนาเข้า ตารางสนับสนุนดา้ นรายจา่ ยเพอื่ การอุปโภคบรโิ ภคของครวั เรือน ประกอบดว้ ย ค่าใชจ้ า่ ย 12 หมวด ได้แก่ 1) หมวดอาหารและเครื่องด่ืมที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 2) หมวดเคร่ืองด่ืมที่มีแอลกอฮอล์และบุหร่ี. 3) หมวดเครื่องนุ่มห่มและรองเท้า 4) หมวดค่าเช่า ประปา ไฟฟ้า และเชื้อเพลิง 5) หมวดเฟอร์นิเจอร์ เคร่ืองใช้ใน ครัวเรือนและบริการซ่อมแซม 6) หมวดการสาธารณสุข 7) หมวดบริการขนส่ง 8) หมวดการส่ือสาร 9) หมวด บันเทิงและวัฒนธรรม 10) หมวดการศึกษา 11) หมวดภัตตาคารและโรงแรม และ 12) หมวดสินค้าและบริการ เบ็ดเตล็ด รายจา่ ยเพือ่ การอปุ โภคบรโิ ภคของรัฐบาล รายจ่ายเพ่ือการอุปโภคบริโภคของรัฐบาลในบัญชีประชาชาติเป็นการรวบรวมจากรายงาน การใช้จ่ายของหน่วยงานต่างๆ จากกรมบัญชีกลาง และจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รวมทั้งองค์กรอิสระ กองทุนและหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีจัดรวมอยู่ในขอบเขตของการเป็นหน่วยงานประเภทภาครัฐบาลซึ่งส่วนใหญจ่ ะ ใช้เงินเพือ่ ใชจ้ า่ ยจากงบประมาณแผ่นดินหรอื ไดร้ บั อดุ หนนุ จากงบประมาณแผน่ ดิน ตารางสนับสนุนด้านรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาล ประกอบด้วย การจาแนก ค่าใชจ้ ่ายออกเป็น 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1) การจาแนกตามชนิดของค่าใช้จ่าย 2) การจาแนกตามวัตถุประสงค์ของ การใชจ้ า่ ย และ 3) การจาแนกตามอานาจการบริหารงาน รายจา่ ยเพอ่ื การสะสมทนุ ถาวรเบ้ืองต้น รายจ่ายเพ่ือการสะสมทุนเบ้ืองต้น เป็นรายจ่ายทั้งของภาครัฐและเอกชน โดยของภาครัฐใช้ ขอ้ มูลจากรายงานรายจ่ายของภาครัฐในหมวดท่ีดิน สงิ่ กอ่ สร้าง และครภุ ณั ฑ์ รวมท้งั การรวบรวมรายจ่ายเพื่อการ ลงทนุ จากหน่วยงานต่างโดยตรงทีส่ าคัญคือ การลงทุนของรฐั วิสาหกิจทุกแห่งทั่วประเทศซึ่งได้ข้อมูลจากงบลงทุน ของรัฐวสิ าหกิจ และรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานภาครฐั อ่ืนๆ ส่วนของภาคเอกชนมีการสะสมทุนด้านการก่อสร้าง และด้านเคร่ืองจักรเคร่ืองมือ ด้านก่อสร้าง จะมีทั้งท่ีเป็นอาคารและท่ีไม่ใช่อาคาร ซึ่งใช้วิธีการคานวณจากพื้นท่ีการก่อสร้างซึ่งมีหน่วยเป็นตารางเมตรคูณ ด้วยราคาค่าก่อสร้างต่อตารางเมตร พ้ืนท่ีก่อสร้างประมาณค่ามาจากพ้ืนที่ให้อนญุ าตปลูกสร้างโดยปรับให้เปน็ พ้ืนที่ที่ก่อสร้างเสร็จในรอบระยะเวลาบัญชีคือ 1 ปี (Work in progress) ส่วนราคาค่าก่อสร้างได้มาจากราคา กลาง โดยเฉล่ียของการก่อสร้างแต่ละประเภท ด้านเครื่องจักรเครื่องมือ ได้แก่ ยานพาหนะ เฟอร์นิเจอร์ เคร่ืองใช้สานักงาน และเครื่องจักรกล ซ่ึงยานพาหนะใช้จานวนการจดทะเบียนยานพาหนะกับกระทรวง คมนาคม ส่วนรายการสะสมทุนประเภทเฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใช้สานักงาน และเครื่องจักรกล ส่วนใหญ่ใช้ วิธีการคานวณกระแสสินค้า (Commodity flow) โดยประมาณค่าขึ้นมาจากจานวนหรือมูลค่าท่ีผลิตขึ้นมาใน ประเทศรวมกับการนาเข้า จาแนกตามสินค้าทุนแต่ละประเภทที่แปลงเป็นราคาผู้ซ้ือ (purchaser’s price) รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หน้าที่ 2-93 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

และลบด้วยส่วนที่ส่งออกไปต่างประเทศ นอกจากน้ีรายจ่ายเพ่ือการสะสมทุนถาวรเบ้ืองต้นยังมีส่วนเปล่ียน สนิ คา้ คงเหลือ โดยมลู ค่าดังกล่าวคานวณโดยใช้วธิ ีการหาค่าสต็อกปลายปีโดยวิธีกระแสสนิ ค้า แล้วนาไปลบกับ สต็อกต้นปี ตารางสนับสนุนด้านการสะสมทุนถาวรเบื้องต้น ประกอบด้วย 2 ส่วนสาคัญ คือ การลงทุน ดา้ นการก่อสร้างและการลงทนุ ดา้ นเครื่องจักรเคร่ืองมือ และส่วนเปลี่ยนสนิ ค้าคงเหลอื รายจ่ายด้านการสง่ ออกและการนาเข้าสนิ ค้าและบริการ ในส่วนของการส่งออกสินค้าและบริการจะคิดเฉพาะส่วนที่ส่งออกไปจริงไม่รวมในส่วนของ Re-export (การสง่ ออกไปชวั่ คราว เชน่ นาไปแสดงสนิ คา้ หรอื สนิ ค้าสง่ ออกเพื่อไปซอ่ มแซม เปน็ ต้น) สาหรับการนาเข้าสินค้าและบริการ เป็นรายการท่ีจะต้องนาไปหักลบจากการใช้จ่ายท้ังหมด เพ่ือให้เป็นค่าเฉพาะรายจ่ายที่เกิดขึ้นภายในประเทศ โดยการนาเข้ามีกรณีอื่นๆ ท่ีต้องนามารวมไว้ในการ คานวณ เชน่ การนาเข้าไฟฟ้า เป็นตน้ รวมถึงการนาเขา้ เครื่องบินของสายการบินไทยทสี่ ว่ นใหญ่เป็นการนาเข้า จริง และการชาระเงนิ (Cash basis) จะมสี ่วนเหลือ่ มในทางเวลาเกดิ ขึน้ ซึ่งบัญชปี ระชาชาติไดใ้ ช้หลัก Accrual basis7 ในการคานวณ ข้อมูลการส่งออกและการนาเข้าสินค้าและบริการที่บัญชีประชาชาติของไทยใช้ มาจาก รายงานของกรมศลุ กากร (ในสว่ นสินคา้ ) และของธนาคารแหง่ ประเทศไทย (ในส่วนบรกิ าร) ตารางสนับสนนุ ดา้ นการส่งออกและการนาเข้าสนิ ค้าและบริการ ประกอบด้วย 1) การสง่ ออก สินค้าและบริการ ได้แก่ สินค้าส่งออกและบริการรับสินค้า และ 2) การนาเข้าสินค้าและบริการ ได้แก่ สินค้า นาเขา้ และบริการจ่ายสินคา้ 2.3) การประมวลผลด้านรายได้ การประมวลผลด้านรายได้เป็นการประมวลผลในส่วนของผลตอบแทนจากการใช้ปัจจัยการ ผลิตแต่ละประเภท ได้แก่ ค่าตอบแทนแรงงาน ค่าเช่าท่ีดิน ดอกเบี้ย และกาไร รวมกับค่าเส่ือมและภาษีธุรกจิ ทางออ้ ม ที่เกดิ ข้นึ ในระบบเศรษฐกิจ โดยมรี ูปแบบสมการ ดงั นี้ Y (GDP) = COE + GOS +GMI + TP&M – SP&M โดยที่ Y (GDP) คอื มลู ค่าผลผลติ รวมของประเทศดา้ นรายได้ COE คอื คา่ ตอบแทนแรงงาน เชน่ เงนิ เดอื น และคา่ จ้าง เปน็ ต้น GOS คือ ส่วนเกนิ จากการประกอบการ หรือกาไร GMI คอื คา่ ตอบแทนจากการประกอบการเกษตร อาชพี อสิ ระ และการประกอบการ ที่ไม่ใช่นติ บิ คุ คลอืน่ ๆ รวมทั้งรายได้ของสถาบันไม่แสวงหากาไร TP&M คือ ภาษีทางออ้ มจากการผลติ และการนาเข้าสนิ ค้าและบริการ SP&M คือ การอดุ หนนุ จากการผลติ และการนาเขา้ สินค้าและบรกิ าร 7 เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) เป็นการบันทกึ รายการค้าต่างๆ เชน่ คา่ ใชจ้ า่ ยหรอื รายได้ ซ่ึงใชห้ ลกั ของเวลาเปน็ ตัวกาหนดตามงวดบัญชีน้นั ๆ เชน่ 3 เดอื น หรือ 1 ปี โดยไมต่ อ้ งคานงึ วา่ จะไดร้ บั หรอื จ่ายในรปู แบบของเงินสด รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-94 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ผลตอบแทนดังกล่าวสามารถประมวลผลทางตรง เช่น ค่าตอบแทนแรงงาน คานวณจาก จานวนลูกจ้างและอัตราค่าจ้างเฉล่ียของการจ้างงานในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม เป็นต้น รวมทั้งการ ประมวลผลด้านรายได้ทางอ้อม เช่น รายได้ของสถานประกอบการท่ีมิได้จดทะเบียนนิติบุคคล เงินออมของรัฐ และนติ ิบคุ คล และเงินออมภาคครัวเรือน เป็นต้น ท้ังน้ีการประมวลผลด้านรายได้มีตารางสนับสนุน ได้แก่ 1) ค่าตอบแทนแรงงาน 2) รายได้ จากการเกษตรและการประกอบการท่ีมิใชน่ ติ บิ ุคคล 3) รายไดจ้ ากทรัพยส์ นิ ของครัวเรอื น 4) เงินออมนิติบคุ คล 5) ภาษเี งินไดน้ ติ บิ ุคคล 6) เงนิ โอนนิติบคุ คล และ 7) รายได้จากทรพั ยส์ ินและการประกอบการของภาครฐั บาล ผลการประมวลมูลค่าทางเศรษฐกิจท้ัง 3 ด้านน้ี ตามหลักการแล้วจะต้องมีมูลค่าเท่ากัน แต่ในทาง ปฏิบัติจริงอาจมีค่าแตกต่างกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ระยะเวลาบันทึกข้อมูลท่ีไม่ตรงกัน การมี แหล่งข้อมูลที่ต่างกัน เทคนิคทางสถิติที่ใช้รวบรวมข้อมูลท่ีต่างกัน เป็นต้น ค่าที่แตกต่างกันดังกล่าวเรียกว่า “ค่าความคาดเคลื่อนทางสถิติ (Statistical discrepancies)” โดยในกรณีของประเทศไทย ด้านการผลิตมี ความพร้อมของข้อมูลมากกว่าด้านอื่นๆ จึงทาให้การคานวณบัญชีประชาชาตขิ องไทยอิงจากด้านการผลิตเป็น หลัก และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นการวัด GDP จากด้านการผลิต ส่วนด้านรายจ่าย และดา้ นรายได้เปน็ วิธีการคานวณและใช้ขอ้ มลู ท่ีเปน็ อสิ ระจากด้านการผลติ ผลลพั ธ์ที่ได้จากดา้ นรายจ่ายจะถูก นามาเปรียบเทียบกับด้านการผลิตโดยมีการกาหนดอัตราร้อยละของความคลาดเคล่ือนไว้ (เช่น กาหนดให้มี ความคาดเคลอ่ื นบวกลบร้อยละ 2.5 เป็นตน้ ) หากมีความคลาดเคลื่อนทมี่ ากก็จะมีการตรวจสอบ ทบทวน และ ปรับปรุงค่าการคานวณใหม่ ส่วนด้านรายได้ใช้วิธีการกาหนดให้รายการ Mixed income and operating surplus เป็นคา่ ทเี่ หลอื จากการเทยี บค่ากบั การคานวณดา้ นการผลติ 2.3.2 บญั ชีบริวารด้านการทอ่ งเท่ียว (Tourism Satellite Account: TSA) บัญชีบริวารด้านการท่องเที่ยวเป็น Satellite Accounts ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพ่ือแสดงบทบาทของ เศรษฐกจิ ภาคการท่องเท่ียวโดยรวมท้ังหมดของประเทศ ของอุตสาหกรรมบริการการท่องเทีย่ วโดยตรง รวมถึง อุตสาหกรรมบริการอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการท่องเท่ียว เช่น การขนส่งผู้โดยสารท่ีเป็นนักท่องเที่ยว การ ให้บริการในร้านอาหารและเคร่ืองดื่มท่ีให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งบริการด้านบันเทิง สันทนาการ การศาสนา การแสดงศิลปะและวัฒนธรรมที่ให้กบั นักท่องเที่ยว เป็นต้น ทั้งน้ี รายงานฉบบั สมบูรณ์ ในโครงการจดั ทาบัญชี ประชาชาติด้านการท่องเที่ยว ประจาปีงบประมาณ 2561 ของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สานักงาน ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในระบบบัญชีประชาชาติของประเทศไทยแม้ว่าจะมีการแสดง รายงานของการท่องเที่ยวไว้ในภาคการผลิต แต่ครอบคลมุ เพียงเฉพาะธุรกจิ ท่ีให้บริการนาเทีย่ วโดยตรงเท่าน้ัน ส่วนธุรกจิ อ่นื ๆ ท่ใี หบ้ รกิ ารแก่นักท่องเท่ยี วที่กล่าวข้างตน้ บัญชปี ระชาชาตจิ ะแสดงไว้ในสาขาอื่นที่เปน็ บริการ ดังกล่าวนั้นโดยตรง และมิได้มีการแยกรายละเอียดออกมาว่ามีมูลค่าเท่าใดท่ีเป็นบริการซึ่งให้แก่นักท่องเที่ยว และมลู คา่ ในจานวนเทา่ ใดท่ใี ห้บริการแกผ่ ้บู รโิ ภคท่ัวไปมใิ ช่นักท่องเทีย่ ว รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หน้าท่ี 2-95 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

หลักการท่สี าคัญบางประการของบัญชีบรวิ ารดา้ นการท่องเที่ยว 1. การท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาททางด้านการใช้จ่ายหรืออุปสงค์ (Demand) เป็นปัจจัย เริ่มต้นที่สาคัญในการกาหนดหรือเหน่ียวนาให้เกิดกิจกรรมทางด้านการผลิต การท่องเท่ียวเกิดขึ้นตามมา ดงั นน้ั ระบบ TSA จงึ ออกแบบมาโดยมุ่งเนน้ การแสดงคา่ ด้าน demand 2. การท่องเท่ียวถือว่าเป็นการเดินทางประเภทหนึ่งแต่มีความเฉพาะเจาะจงกว่าโดยท่ีการท่องเที่ ยว เปน็ การการเดนิ ทางเฉพาะทม่ี ชี ่วงระยะเวลานอ้ ยกวา่ 1 ปี และมไิ ด้เปน็ ไปเพอื่ การทางาน 3 ความหมายของสภาพแวดลอ้ มปกตหิ มายถงึ สถานที่ทางภมู ิศาสตร์ ที่บคุ คลดาเนนิ ชวี ติ ตามปกติ 4 การใช้หน่วยนับหรือหน่วยวัดในทางสถิติของ TSA ใช้ท่ีตัวบุคคลซ่ึงต่างจากบัญชีประชาชาติและ การจัดทาสถิติโดยท่ัว ๆ ไปท่ีได้กาหนดหน่วยทางสถิติของการบริโภคภาคเอกชนที่เล็กที่สุด คือ ครัวเรือน แต่ เน่ืองจากนยิ ามทก่ี าหนดว่า “นกั เดินทางออกจากสภาพแวดล้อมปกติ” ซงึ่ เปน็ เครอ่ื งเฉพาะบุคคล ท่ีสมาชิกใน ครัวเรือนอาจมีกิจกรรมดังกล่าวแตกต่างกัน จึงไม่สามารถใช้ครัวเรือนเป็นหน่วยวัดค่าได้ จาเป็นต้องใช้บุคคล เปน็ หน่วยวัด 5. ในระบบบญั ชีประชาชาติ (National Account) และระบบบญั ชีดลุ การชาระเงิน จะให้ความสาคัญ กับผู้พานักอาศัย (residence) และผู้ท่ีมิใช่ผู้พานักอาศัย (non-residence) โดยที่การเดินทางของผู้พานัก อาศัย 6. กิจกรรมการท่องเท่ียวที่นักท่องเท่ียวได้ใช้บริการตาม TSA จะครอบคลุมไปถึงกิจกรรมท้ังหมดที่ผู้ เยีย่ มเยอื นได้กระทาไปทั้งเพ่อการท่องเทีย่ วนั้น หรือกิจกรรมที่ได้มีการกระทาในระหว่างการเดนิ ทางท่องเที่ยว ดังน้ันกิจกรรมการท่องเท่ียวจึงไม่ได้หมายความถึงกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นการท่องเที่ยว เช่น การทัศนาจร การไปอาบแดด หรือการไปเยือนสถานที่ท่องเท่ียว เชน่ การทัศนาจร การไปอาบแดด หรือการไปเยือนสถานที่ ท่องเทีย่ ว การตีความหมายและการบันทึกคา่ การตคี วามรายการตา่ ง ๆ ใน TSA กาหนดใหใ้ ชว้ ธิ เี ดียวกบั บญั ชปี ระชาชาติ และบญั ชดี ลุ การชาระเงิน กล่าวคือ ด้านรายจ่ายให้ใช้ราคาผู้ซื้อ (purchasers’ price) เป็นตัววัดมูลค่า ส่วนด้านการผลิต ให้ใช้ราคา พ้ืนฐาน (basic price) เป็นตัววัดมลู คา่ ในกรณีการวัดค่าสินค้าปละบริการเป็นการผลิตเพ่ือไว้ใช้บริโภคเองหรือสินค้าที่ไม่มีการซ้ือขายกันใน ตลาด หรือไม่มีราคาตลาด การประเมินมูลค่าสินค้าดังกล่าวให้ใช้ราคาทุน หรือต้นทุนที่ได้ใช้ไปในการผลิต สินคา้ หรอื บริการดงั กลา่ วน้ันข้นึ มา การบันทึกค่าให้ใช้หลักของ accrual basis หรือหลักคงค้างโดยบันทึก ณ เวลาที่สิทธิหรือความเป็น เจ้าของสนิ ค้าและบรกิ ารได้เกดิ การเปลี่ยนมือ จากหน่วยเศรษฐกิจหน่ึงไปยงั อกี หน่วยหน่ึง ไมใ่ ช้หลักของ cash basis หรอื การจ่ายเงนิ ที่เกดิ ขึ้น ซ่ึงเป็นหลกั การเดยี วกนั กบั บญั ชปี ระชาชาติ และบัญชีดลุ การชาระเงินดงั กล่าว แล้ว การไม่ได้ใช้ cash basis นี้ TSA; RMF 2008 ให้ความเห็นว่าต้องระมัดระวังในขั้นตอนการจัดทา เพราะ นักทอ่ งเทยี่ วส่วนใหญ่จะตอบแบบสอบถามโดยใชห้ ลักของ cash basis รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าท่ี 2-96 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

โครงสรา้ งของตารางระบบบัญชีบริวารด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วยบัญชีมาตรฐานตาม TSA : RMF 2008 ที่แสดงบทบาทเศรษฐกิจขอการท่องเท่ียว โดยรวมทง้ั หมดมีด้วยกนั 10 บญั ชี หรือ (หรอื ตาราง) โดยสามารถแบ่งออกเป็น 7 เรอ่ื ง ดงั น้ี คือ 1. การแสดงค่าการท่องเที่ยวทางดา้ นอุปสงค์ (demand perspective) เป็นการแสดงค่าการใช้จ่าย ของนักท่องเท่ยี ว (tourism expenditure) ทั้งนักท่องเที่ยวท่มี าจากตา่ งประเทศ นกั ท่องเท่ียวใน ประเทศ และนักท่องเที่ยวไทยท่ีเดินทางออกไปใช้จ่ายในต่างประเทศ รวมทั้งการแสดงค่าการ อุปโภคบริโภคด้านการท่องเท่ียว (tourism consumption) ซึ่งมีขอบเขตที่กว้างกว่า การใช้จ่าย กลา่ วคือการใชจ้ ่ายจะมุ่งท่ีจานวนเงินที่ไดใ้ ชจ้ ่ายออกไป (out of pocket expenditure) แต่การ บริโภคยังรวมถึงการจ่ายท่ีไม่ได้อยู่ในรูปตัวเงิน รวมถึงการใช้บริการสังคมท่ีจัดหาไว้ให้ฟรี โดยท่ี นักท่องเที่ยวไม่ต้องจ่ายเงินโดยตรง แต่สังคม เช่น รัฐบาลเป็นผู้จ่าย ในส่วนของการแสดงค่า ทางดา้ นอปุ สงค์นั้น TSA กาหนดให้มีดว้ ยกันทัง้ หมด 4 บญั ชี ซ่งึ เรียงตามลาดบั ตงั้ แตบ่ ญั ชีที่ 1 ถึง บัญชีท่ี 4 ประกอบด้วย 1) Inbound Tourism expenditure by product and classes of visitors (ตารางที่ 1) เป็นการแสดงถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยนกั ท่องเทย่ี วจากตา่ งประเทศท่มี าใช้จ่ายในประเทศไทย 2 ) Domestic tourism expenditure by product and classes of visitors and types of trips (ตารางที่ 2) 3) Outbound tourism expenditure by product and classes of visitors (ตารางที่ 3) เปน็ บัญชีทแี่ สดงถึงการใช้จา่ ยของคนไทยที่เดินทางออกไปท่องเท่ียวยงั ต่างประเทศ 4) Internal tourism consumption by product (ตารางที่ 4) เป็นบัญชีท่ีแสดงถึงการ บริโภคของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยท้ังหมด ซ่ึงเป็นท้ังนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติและ นกั ท่องเท่ียวทเ่ี ปน็ คนไทย ทั้งน้ตี ารางดังกล่าวเป็นการแสดงถึงมลู คา่ การบรโิ ภค (consumption) ซึ่งมขี อบเขตน้อยกว่าการใช้จา่ ย (expenditure) 2. การแสดงค่าด้านการผลิตของอุตสาหกรรมท่ีให้บริการในกิจกรรมการท่องเที่ยว เป็นตารางหรือ บัญชีการผลิตบริการการท่องเท่ียว ค่าสาคัญที่นาเสนอในตารางน้ี ได้แก่ ค่า GDP ของอุตสาหกรรมการ ท่องเท่ียว ค่ามูลค่าเพิ่ม (Value added) ของธุรกิจการท่องเท่ียว เป็นต้น การนาเสนอด้านการผลิตน้ี ตาม TSA: RMF 2008 เป็นการนาเสนอเพียงบัญชีหรือตารางเดียว เป็นบัญชีลาดับท่ี 5 เรียกว่า Production accounts of tourism and other industries (at basis prices) (ตารางท่ี 5) 3. การแสดงค่าความสมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทานของบัญชีการท่องเท่ียว เป็นบัญชีที่ 6 เรียกว่า total domestic supply and industrial tourism consumption (at purchasers’ price) (ต า ร า ง ท่ี 6) โดยการนาคา่ อปุ สงค์ คอื internal tourism consumption by product มาเทียบเคยี งกบั คา่ ของอุปทาน คอื production account of tourism industries and other industries 4. บัญชีท่ี 7 การแสดงค่าของจานวนการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่ีให้บริการการท่องเที่ยว เรียกว่า Employment in the tourism industries (ตารางที่ 7) ของระบบ TSA-RMF 2008 เหตุผลที่ TSA นาเสนอ ค่าจานวนการจ้างงานเน่ืองจาก การจ้างงานเป็นปัจจัยการผลิตท่ีค่อนข้างสาคัญและมีผลโดยตรงต่อธุรกิจการ ท่องเทีย่ วซึ่งอุตสาหกรรมนี้ใช้แรงงานค่อนข้างมาก และเป็นแรงงานประเภทท่วั ไปในท้องถ่ิน การเปลีย่ นแปลง รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หน้าท่ี 2-97 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

การจ้างงานเพ่ิมขึ้นหรือลดลงจะมีผลโดยตรงต่อปริมาณการผลิต ดังนั้น การวิเคราะห์สถานการณ์ของการ ทอ่ งเทีย่ วจึงต้องดคู วบคไู่ ปกับจานวนการจา้ งงานในธรุ กิจการท่องเท่ียว 5. บญั ชที ี่ 8 Tourism gross fixed capital formation of tourism industries and other industries (ตารางที่ 8) แสดงถึงมูลค่าการสะสมทุนหรือการลงทุนอันประกอบด้วยส่ิงก่อสร้างและเครื่องจักรเครื่องมือ อปุ กรณ์ ยานพาหนะ เป็นต้น ทอี่ ุตสาหกรรมท่องเทยี่ วได้ใช้จ่ายลงทนุ ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปที ่กี าหนด 6. บัญชีท่ี 9 Tourism collective consumption by products and level government (ตารางที่ 9) แสดงถึงการใช้จ่ายของภาครัฐที่ส่งเสริม สนับสนุนหรืออานวยความสะดวกในธุรกิจการท่องเที่ยว คาว่า collective consumption หมายถึงการบริโภคของสังคมโดยรวม มิใช่คนใดคนหน่ึง เม่ือภาครัฐใช้จ่ายใด ๆ เช่น การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ประชาชนทึกคนจะได้รับข่าวสารน้ัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง การใช้จ่ายอุปโภค บรโิ ภคลักษณะนเี้ รยี กวา่ collective consumption 7. บัญชที ่ี 10 เป็นชดุ ของตารางย่อยหลาย ๆ ตาราง รวมกนั เรียกว่า ตารางเครื่องชี้ท่ีไม่ใช่ตัวเลขทางการ เงินของภาวะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว Non-monetary indicators (ตารางท่ี 10) ตามคู่มือ TSA: RMF 2008 ประกอบดว้ ย 4 ตารางย่อย คือ 1) Number of trips and overnights by forms of tourism and class of visitors 2) Inbound tourism: Number of arrivals and overnights by models of transport 3) Number of establishments and capacity by types of accommodations 4) Number of establishments in tourism industries classified according to average number of jobs 2.3.3 บัญชีบรวิ ารภาคดิจิทลั การวัด “เศรษฐกิจดิจิทัล” (Digital Economy) นั้น OECD ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นการวัดผลทาง เศรษฐกิจท่ีเกิดข้ึนจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) และ Internet ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม การวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ได้ครอบคลุมเศรษฐกิจดิจิทัลไว้แล้ว แต่ไม่ได้แสดงข้อมูลเป็นการเฉพาะ ดังน้ัน OECD จึงแนะนาให้วัดมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ตามกรอบแนวคิดของระบบบัญชีประชาชาติสากล เพ่ือให้ สามารถเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจในภาพรวมได้ ท้ังน้ี OECD ได้ระบุกิจกรรมทางเศรษฐกิจครอบคลุม 3 สว่ นหลัก ได้วัดคา่ เศรษฐกิจดทิ ัล (สานกั งานคณะกรรมการดิจทิ ลั เพือ่ เศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2562) คือ 1. ICT Enabler หมายถึง การผลิตและการให้บริการท่ีใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการส่ือสารใน ระบบดิจิทัล 2. Content and Media หมายถึง การผลิตและการให้บริการข้อมูล ความรู้ ข่าวสาร และการ นันทนาการโดยผา่ นสอ่ื ดจิ ิทัลสาธารณะ 3. E-Commerce หมายถึง การซื้อขายและเปลี่ยนสินค้าและบริการผา่ นชอ่ งทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ ทเ่ี รียกว่า พาณิชยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ ทัง้ นี้ การวดั คา่ เศรษฐกิจดิจทิ ลั สานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ได้วดั ค่าเศรษฐกิจดิจิทัล ใน 3 ด้าน คือ ด้านการผลิต (Production approach) ด้านรายได้ (Expenditure approach) และด้านรายจ่าย (Income approach) โดยการคัดแยกกิจกรรมเศรษฐกิจในขอบเขตเศรษฐกิจ รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หน้าท่ี 2-98 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ดิจิทัลตามท่ี OECD แนะนา และดาเนินการประมวลผลจากสถิติที่จัดเก็บและรวบรวมแหล่งปฐมภูมิและทุติยภูมิ โดยมรี ายละเอยี ด (สานักงานคณะกรรมการดจิ ิทลั เพ่ือเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2562) ดงั น้ี 1. ด้านการผลิต (Production approach) วัดมูลค่าท่ีเกิดข้ึนในระบบเศรษฐกิจจากกิจกรรมการผลติ ในขอบเขตเศรษฐกิจดิจิทัล โดยจาแนกกิจกรรมการผลิตตามการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรม (ประเทศ ไทย) ปี 2552 (TSIC 2009) และตามกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล ของ สดช. ประกอบด้วย อุตสาหกรรมดิจิทัล อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ ว และการค้าดจิ ทิ ลั 2. ด้านรายได้ (Expenditure approach) วัดมูลค่าการใช้จ่ายขั้นสุดท้าย (final demand) ด้าน ดิจิทัล ซึง่ ประกอบดว้ ย รายจ่ายเพ่ือการอปุ โภคข้ันสดุ ทา้ ยของครัวเรือน รายจา่ ยเพอื่ การอุปโภคข้ันสดุ ท้ายของ รฐั บาล การลงทุนหรอื การสะสมทนุ เบือ้ งต้น และการสง่ ออก การนาเข้าสนิ คา้ และบรกิ าร 3. ด้านรายจ่าย (Income approach) วัดผลตอบแทนปัจจัยการผลิต จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดิจิทัล ซ่ึงประกอบด้วย ค่าตอบแทนแรงงาน (Compensation of employees: CE) และส่วนเกินจากการ ประกอบการ (Operating Surplus: OS) รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-99 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

2.4 นโยบาย แผนยุทธศาสตร์ และกฎหมายท่เี กยี่ วขอ้ งกับด้านสุขภาพของไทย ทางคณะผู้วิจัยได้ทาการศึกษานโยบาย แผนยุทธศาสตร์ และกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับด้านสขุ ภาพของ ไทย เพ่ือนามากาหนดขอบเขตของบัญชีบริวารสุขภาพ ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับทิศทางในการ ดาเนินการด้านสุขภาพของประเทศท้ังปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงการศึกษาหน่วยงานที่กากับดูแลธุรกิจ บริการด้านสุขภาพประเภทต่างๆ เพือ่ นาไปเปน็ ส่วนหนึง่ ในการจัดทาแนวทางการจดั เก็บขอ้ มูลของบัญชีบริวาร ดา้ นสขุ ภาพ รายละเอียดมีดังน้ี 2.4.1 นโยบายที่เกีย่ วข้องกับดา้ นสุขภาพ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกนโยบายการยกระดับคุณภาพบริการด้าน สาธารณสขุ และสุขภาพของประชาชน ซึง่ มีรายละเอยี ดดังน้ี 1. วางรากฐานให้ระบบหลกั ประกันสุขภาพครอบคลุมประชากรในทุกภาคสว่ นอย่างมี คุณภาพ โดยไมม่ คี วามเหลอื่ มล้าของคุณภาพบรกิ ารในแตล่ ะระบบ  บูรณาการข้อมูลระหว่างทุกระบบหลกั ประกนั สุขภาพ 2. พฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ  สรา้ งกลไกการจดั การสขุ ภาพในระดบั เขตแทนการกระจุกตัวอยูท่ ส่ี ว่ นกลาง  ปรับระบบการจ้างงาน การกระจายบุคลากรและทรัพยากรสาธารณสขุ ให้เหมาะสม กับทอ้ งถ่นิ  สนับสนุนความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการพัฒนาระบบบริการทาง การแพทย์และสาธารณสุข 3. เสริมความเข้มแข็งของระบบเฝ้าระวงั โรคระบาดโดยเฉพาะโรคอบุ ัติใหม่และโรคอุบัตชิ ้า โดย มีเครือข่ายหน่วยเฝ้าระวัง หน่วยตรวจวินิจฉัยโรค และหน่วยที่สามารถตัดสินใจเชิงนโยบาย ในการสกดั กั้นการแพร่กระจายได้อยา่ งทนั ทว่ งที 4. ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการเกดิ อบุ ตั เิ หตุในการจราจรอันนาไปสูก่ ารบาดเจ็บและเสยี ชีวติ 5. ส่งเสริมการกีฬาเพื่อสุขภาพ ใช้กีฬาเป็นส่ือในการพัฒนาลักษณะนิสัยเยาวชนให้มีน้าใจ นักกีฬา มีวินัย ปฏิบัติตามกฎกติกา มารยาท และมีความสามัคคี อีกทั้งพัฒนานักกีฬาให้มี ศักยภาพ สามารถแข่งขันในระดบั นานาชาติจนสรา้ งช่อื เสียงแก่ประเทศชาติ 6. ป้องกันและแก้ปัญหาการต้ังครรภ์ในวัยรุ่น และปัญหาด้านการแพทย์และจริยธรรมของ การ อุ้มบุญการปลูกถ่ายอวัยวะและสเต็มเซลล์ โดยจัดให้มีมาตรการและกฎหมายที่รัดกุม เหมาะสมกับประเดน็ ทีเ่ ปน็ ปัญหาใหม่ของสงั คม 7. พัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข โดยจัดให้มี บคุ ลากรและเครอ่ื งมือทีท่ นั สมยั รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์นายแพทย์ รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ สมศักด์ิ ชุณหรัศม์ิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบาย ด้านสขุ ภาพ ซง่ึ มรี ายละเอียดดังน้ี รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 2-100 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

1. ให้ความสาคัญสูงสุดต่อการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดาริ และโครงการเฉลิม พระเกียรติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยขอให้ทุกหน่วยงานใน สังกัดกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นนโยบายสาคัญท่ีต้องดาเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สม พระเกยี รติ และให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ ต่อประชาชน 2. พัฒนาระบบบริการสุขภาพ ให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยสามารถเข้าถึงการบริการท่ีมีคุณภาพ อย่างทว่ั ถงึ โดยมกี ารใช้ทรัพยากรสขุ ภาพอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และเป็นระบบทย่ี ่งั ยืน 2.1 พัฒนาและดาเนินการทศวรรษแห่งการพัฒนาระบบบริการปฐมภมู ิ โดยเน้นการพัฒนา ขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง โดยการสนับสนุนของระบบบริการ สารสนเทศด้านสุขภาพ และการมีบุคลากรและแพทย์ด้านเวชศาสตร์ครอบครัวให้ ครอบคลมุ ท่วั ถงึ ทัง้ ในเขตเมอื ง กทม. และชนบท 2.2 พฒั นาระบบบรกิ ารในแต่ละเขตพืน้ ท่ี โดยเน้นความเข้มแข็งระบบบริการระดับปฐมภูมิ ระบบเครือข่ายการส่งต่อระหว่างสถานบริการสุขภาพ ทั้งในภาครัฐและเอกชน ท่ีมี ประสิทธิภาพ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบบริการทุกระดับ ท้ังนี้ โดยมีระบบ อภิบาลอย่างมีส่วนร่วมและโปร่งใส เพื่อให้เกิดการกระจายและการใช้ทรัพยากรอย่าง เสมอภาค และมีประสทิ ธิภาพสูงสุด 2.3 พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพให้ทุกกองทุนมีความกลมกลืนเป็นหน่ึงเดียว (harmonization) ในเรื่องสิทธิประโยชน์ การเข้าถึงบริการ การสนับสนุนทางการเงิน และระบบขอ้ มูล 2.4 เร่งรดั ดาเนินการให้การบริการการแพทย์ฉุกเฉนิ ตามนโยบาย \"ใช้บริการไดท้ ุกที่ ฟรที ุก สทิ ธิ\"์ มคี วามเปน็ จริงในทางปฏบิ ตั ิ 2.5 เร่งรัดการดาเนินการระบบการสร้างเสริมสุขภาวะ สาหรับผู้สูงอายุและผู้อยู่ในภาวะ พ่งึ พิง รวมทง้ั ผปู้ ่วยในระยะท้ายของชวี ิต ใหเ้ กิดผลเป็นรปู ธรรมภายในหนึง่ ปี และมีผล ต่อเน่ืองอย่างย่ังยืน โดยเน้นการดูแลโดยชุมชนและครอบครัวด้วยการสนับสนุนและ ความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ระหว่างสถานบริการสุขภาพและองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น 2.6 เร่งรัดพัฒนาระบบการเข้าถึงบริการสุขภาพ และพัฒนาหน่วยบริการสุขภาพ สาหรับ ประชากรท่ีมีความต้องการบริการรูปแบบพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าถึงบริการ สาหรับคนพิการประชากรท่ีมีปัญหาสถานะและสิทธิ์ ประชากรต่างด้าว/แรงงานต่าง ด้าว ประชาชนตามพ้ืนที่พิเศษ เช่น ชายแดนห่างไกล ห้าจังหวัดภาคใต้ และการสร้าง เสรมิ สุขภาพของแรงงานนอกระบบ 2.7 พัฒนาประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วมในการจัดการและการใช้ทรัพยากรของระบบ บริการ โดยเน้นเร่ืองการสร้างภาวะผู้นาและระบบความรับผิดชอบของผู้บริหาร การ กระจายอานาจ และการสร้างระบบความยืดหยุ่นในการบริหารสถานพยาบาลของรัฐ รวมท้ังการใหม้ ีโรงพยาบาลองคก์ าร มหาชนในกากบั รฐั เพิม่ มากขนึ้ 2.8 สนับสนุนการบูรณาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เข้าสู่ระบบบริการสุขภาพอย่าง ครบวงจร โดยการสนับสนุนการเพ่ิมการใช้ในสถานพยาบาล การเพ่ิมการสนับสนุน ทางการเงินในระบบ หลักประกันสุขภาพ และการเพ่ิมรายการยาสมุนไพรในบัญชี ยาหลกั แหง่ ชาติ รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ท่ี 2-101 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

2.9 เร่งรัดการดาเนินการพัฒนาคุณภาพการบริการ ให้ผู้รับบริการได้รับความปลอดภัย มากที่สุด และผู้ให้บริการมีความม่ันใจ รวมท้ังเกิดความเป็นกัลยาณมิตรระหว่างผู้รับ และผใู้ หบ้ ริการ โดยจัดให้มที ศวรรษแหง่ การพัฒนาคุณภาพบริการและความปลอดภัย ของผปู้ ว่ ย 3. สร้างเสรมิ สขุ ภาพและคุณภาพชวี ิตของประชากรไทยตลอดช่วงชวี ิต 3.1 จัดการกับปัจจยั เสีย่ งทางสุขภาพตามกลมุ่ วยั (1) ทารกและเด็กเล็ก เน้นการพัฒนาเชิงคุณภาพของศูนย์เด็กเล็กท่ัวประเทศ การจัดทาชุด นโยบายเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก การออก พ.ร.บ.ควบคุมการตลาด อาหารทารกและเด็กเล็ก และการจัดการภาวะการขาดสารอาหารเฉพาะอย่าง โดยเฉพาะธาตุเหลก็ และไอโอดนี (2) กลุ่มวัยเรียน (5-14 ปี) เน้นการปรับปรุงฉลากอาหารให้เอื้อต่อพฤติกรรมการ บริโภคที่เหมาะสม และการดาเนินการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาพ รวมท้ังการ เสริมสร้างทักษะชวี ติ และทกั ษะด้านสุขภาพ (3) กลุ่มวัยรุ่นและวยั ทางาน (15-59 ปี) เน้นการจัดการกับปัญหาการบริโภคบหุ รี่ สุรา สารเสพติด อนามัยการเจริญพันธ์ุ (โดยเฉพาะการลดอัตราการต้ังครรภ์ในวัยรุ่น รวมท้ังปัญหาสังคมที่ตามมา ความรุนแรงทางเพศ โรคเอดส์ และความปลอดภัยจาก การตง้ั ครรภ์และการคลอด) พฤติกรรม การบริโภค กิจกรรมทางกาย การคดั กรองโรค และปจั จยั เสีย่ งตามกล่มุ วยั (4) ผู้สูงอายุ เร่งรัดการดาเนินการพัฒนาระบบการสร้างเสริมสุขภาพ และการ ดแู ลระยะยาว สาหรับผสู้ งู อายุทอ่ี ยู่ในภาวะพง่ึ พงิ 3.2 โภชนาการและอาหารปลอดภัย เน้นการแก้ปัญหาโภชนาการตามกลุ่มประชากร และ การสร้างความเข้มแข็งของระบบการติดตามเฝ้าระวัง และการบังคับใช้กฎหมาย ภายหลงั ผลิตภณั ฑอ์ อกส่ตู ลาด โดยเฉพาะการลักลอบนาเขา้ อาหาร ปัญหาคุณภาพนม และอาหารโรงเรียน น้ามันทอดซ้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การใช้สเตียรอยด์ในอาหาร รวมทง้ั การจดั การปญั หาการโฆษณาและการตลาดที่ไมเ่ หมาะสม 3.3 การป้องกันและการควบคุมการบาดเจ็บ โดยเฉพาะอบุ ตั ิเหตุจราจรและการบาดเจ็บใน เด็กโดยเน้นการพฒั นาและบงั คับใช้กฎหมายทมี่ ีอยู่อย่างเคร่งครดั 3.4 การดาเนินการเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ โดยการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ ทงั้ รัฐ เอกชน ประชาสังคม และชุมชนทอ้ งถนิ่ 4. สร้างเสริมความเข้มแข็งของกลไกนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพท่ีทางานข้ามภาคสว่ น ทั้งใน ภาครัฐ (กระทรวงอื่น ๆ มหาวิทยาลัย และสภาวิชาชีพ) เอกชน ประชาสังคม และชุมชน ท้องถิ่น เพ่ือร่วมกันดาเนินการฉันกัลยาณมิตร ในการสร้างเสริมสุขภาพ การจัดการปัจจัย เสย่ี งภยั ทค่ี กุ คามสขุ ภาพ และการจดั การสภาพแวดลอ้ มท่เี ออื้ ตอ่ การพัฒนาคุณภาพชวี ิต เชน่ กลไกการทางานขา้ ม ภาคส่วนของกระทรวงสาธารณสุข กลไกภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแหง่ ชาติ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และ พ.ร.บ.การแพทย์ฉกุ เฉิน เป็นตน้ รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-102 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

5. พฒั นาประสิทธิภาพการบริหารจดั การบุคลากรสขุ ภาพ 5.1 สนับสนุนให้คณะกรรมการกาลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ดาเนินการวางแผนกาลังคน ด้านสุขภาพอย่างต่อเน่อื ง ครอบคลุมทั้งประเภท คณุ ภาพ ปรมิ าณและการกระจาย 5.2 ดาเนินการสนับสนุนการผลิตและพัฒนาบุคลากร ให้มีจานวนเพียงพอและสอดคล้อง กับความต้องการของระบบบริการสุขภาพและแผนกาลังคน โดยเน้นความร่วมมือ ระหว่างผู้ผลิต ผู้ใช้ ประชาสังคม และชุมชนท้องถ่ิน เน้นการผลิตท่ีมีฐานในระบบ บริการสุขภาพในพ้ืนที่ การศึกษาร่วมกันระหว่าง สาขาวิชาชีพ และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการจดั การเรียนการสอน 5.3 เสรมิ สร้างระบบการบริหารจัดการบุคลากรให้มรี ะบบการจ้างงาน และระบบการสร้าง ฉันทะและแรงจูงใจ ที่ส่งเสริมการกระจายท่ีเหมาะสม ทั้งในภาพรวมและรายสาขา บุคลากรมีขวัญกาลังใจดี มีความสุขและความภูมิใจ โดยใช้มาตรการท้ังด้านการศกึ ษา การบริหารจัดการ มาตรการทางสังคม และการเงินอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการทา ให้สถานที่ทางานทกุ แหง่ เปน็ Healthy Workplace 6. พฒั นาความมั่นคงของระบบยา วัคซนี เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ 6.1 ส่งเสริมและเร่งรัดการดาเนินการในการจัดต้ังโรงงานผลิตวัคซีน ชีววัตถุ และวัตถุดิบ ในการผลิตยา รวมทั้งเคร่ืองมือแพทย์ ท้ังในภาครัฐและเอกชน เพื่อความมั่นคงด้าน สุขภาพ โดยเฉพาะวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนพื้นฐาน ชีววัตถุท่ีใช้ในผู้ป่วยไตวายเร้ือรังและ โรคเร้ือรังอื่นๆ ทั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุน จากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่าง เหมาะสม 6.2 สรา้ งความเข้มแข็งและย่ังยนื ของกลไกการพฒั นาระบบยาและเทคโนโลยขี องประเทศ โดยศึกษาทบทวนกลไกการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ กลไกการประเมินเทคโนโลยี ทางด้านสุขภาพ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพ่ือสนับสนุนให้เกิดการใช้ยา วัคซีนและ เทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างเหมาะสม คุ้มค่า รวมท้ังการสนับสนุนอุตสาหกรรมใน ประเทศ 7. จัดการโรคติดต่อและภยั คุกคามด้านสขุ ภาพ 7.1 เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวัง และสอบสวนโรคและภัยคุกคามด้าน สุขภาพ เพ่ือให้ทันกับแนวโน้มการระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ และสนับสนุนการ ดาเนินการของกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) โดยสนับสนุนประเทศกาลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในการสร้างขีดความสามารถด้านบุคลากรและเครือข่าย ห้องปฏบิ ัตกิ าร 7.2 เร่งรัดขับเคลื่อนการดาเนินการตามแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกันและ แก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2556-2557) โดยเน้นการดาเนินการ ตามหลักการ \"สุขภาพหนึ่งเดียว\" ให้มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ท้ังในภาครัฐและ เอกชนทุกระดบั 7.3 เร่งรัดและดาเนินการให้เกิดความย่ังยืนในการกาจัดกวาดล้างและควบคุมโรคติดต่อที่ ป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยเฉพาะโรคโปลิโอ หัด คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และเพ่ิม ประสิทธิภาพการป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อท่ีสาคัญ เช่น วัณโรค โรคเอดส์ โรคติดต่อ นาโดยแมลง โรคตบั อกั เสบ และพยาธิใบไมใ้ นตับ รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หน้าท่ี 2-103 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

7.4 เสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมจากท้องถ่ินและชุมชนในการจัดการภัย คุกคามทางสุขภาพ การจัดการอนามัยส่ิงแวดล้อม และโรคที่เกิดจากการประกอบ อาชีพ โดยเน้นการพัฒนาขีดความสามารถในการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพของ ชุมชนท้องถิ่นภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ และการพัฒนากลไกควบคุมการทางาน ของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสขุ ในโรงงานอยา่ งเข้มงวด 7.5 พัฒนาระบบและกลไกในการพิจารณาการนาวัคซีนและเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ระบบ หลักประกันสุขภาพ เช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก การทดสอบดีเอ็นเอในการ ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก วัคซีนโรตาไวรัสป้องกันท้องร่วงในเด็ก วัคซีนผสมห้า หรือหกชนิด (Pentavalent and Hexavalent) เป็นต้น ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักฐาน เชิงประจักษท์ ีไ่ ดจ้ ากการประเมินเทคโนโลยีทีเ่ ขม้ แขง็ 8. สนบั สนนุ การพัฒนาระบบสุขภาพโลก (Global Health) 8.1 จดั ทาและดาเนินการแผนยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพโลกและภมู ิภาคอาเซียนของประเทศ ไทยโดยอาศัยจุดแข็งระบบสุขภาพไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และ สุขภาพของประเทศ การประกันความมั่นคงของมนุษย์ การเสริมบทบาทและ ภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ การเป็นศูนย์กลางการผลิตและพัฒนา บุคลากรสุขภาพ รวมทั้งรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ท้ังน้ี โดยความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรด้านสุขภาพ ท้ัง ในภาครัฐและ เอกชน รวมท้ังภาคประชาสังคม ท้ังนี้ ใช้กลไกสมัชชาสุขภาพภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ 8.2 การพฒั นาให้ประเทศไทยเปน็ ศูนย์กลางด้านสุขภาพของภมู ภิ าคอยา่ งสมดุลและย่ังยนื (1) พัฒนาระบบความสมดุลในการใช้ทรัพยากรด้านสุขภาพ เพ่ือมิให้นโยบายใน การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพของภูมิภาคส่งผลกระทบด้านลบ ต่อการบริการสขุ ภาพแกค่ นไทยภายใตร้ ะบบหลกั ประกันสุขภาพแหง่ ชาติ (2) พัฒนาระบบสารสนเทศในการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยและ สถานพยาบาล ทง้ั ภายในและกับตา่ งประเทศ รวมทง้ั การพัฒนา Health Care Logistics (3) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนด้านบริการสุขภาพ เพื่อ ผลักดนั ใหป้ ระเทศไทยเปน็ ศนู ยก์ ลางด้านบริการสขุ ภาพอย่างยง่ั ยืน 9. สนับสนุนการวิจัยสุขภาพอย่างครบวงจรโดยการผลักดันให้มีกฎหมายจัดต้ังสถาบันวิจัย สุขภาพ เพื่อให้สามารถส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยสุขภาพท่ีจาเป็น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครบวงจร ตั้งแตง่ านวิจัยวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพพ้ืนฐาน ไปจนถึงการวิจัยระบบสาธารณสุข 10. พัฒนาและส่งเสริมระบบธรรมาภิบาล ในกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรด้าน สุขภาพของ รัฐโดยการวางระบบและกลไกธรรมาภิบาล โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งต้ังโยกย้าย การจัดซื้อ จัดจา้ ง การรบั ส่งิ ของจากภาคเอกชน ให้เป็นไปตามหลักนิตธิ รรม ยึดหลักคณุ ธรรม ความคุ้มค่า รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ที่ 2-104 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ความโปร่งใส การมีส่วนรว่ ม และการมคี วามรบั ผิดชอบ ทัง้ น้ี โดยรว่ มมือกับการขบั เคล่ือนใน ภาคเอกชน 2.4.2 แผนและยุทธศาสตร์เกยี่ วข้องกับด้านสุขภาพ 1) ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) มียุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับบริการด้านสุขภาพ 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 2) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการ พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 3) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาค ทาง สังคม และ 4) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใน แตล่ ะยทุ ธศาสตร์ มีประเด็นยุทธศาสตรท์ ่สี อดคล้องกับการบรกิ ารด้านสุขภาพ ดงั นี้ คือ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีประเด็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ บรกิ ารดา้ นสุขภาพ ดังนี้ คือ - เกษตรชีวภาพ โดยส่งเสริมการใช้ประโยชนจ์ ากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคการผลิต และนาไปสู่การผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากฐาน เกษตรกรรมและฐานทรัพยากรชีวภาพ และสร้างความม่ันคงของประเทศท้ังด้านอาหารและสุขภาพ โดยเฉพาะพืชสมุนไพร ท่ีประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรใน ระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยคานึงถึงปริมาณและคุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และประยุกต์ใช้นวัตกรรมจากภูมิ ปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีสะอาด เทคโนโลยีวัสดุ และนาโนเทคโนโลยี เพื่อการเกษตรและการแปรรูป สนิ คา้ จากความหลากหลายทางชวี ภาพ รวมทั้งผลติ ภัณฑ์จากสมนุ ไพร โดยสร้างความร่วมมือท่ีใกล้ชิด ระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนท่ีมีองค์ความรู้ ภูมิปัญญาด้ังเดิม พัฒนาต่อยอดและแลกเปล่ียน เรยี นรู้ พร้อมท้งั สง่ เสริมให้มีการนาวตั ถดุ ิบเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมและ พลงั งานท่ีเกย่ี วเนอื่ งกับชวี ภาพได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ - อุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร อาศัยความเชี่ยวชาญดา้ นบรกิ ารการแพทย์ ของไทยเพ่ือสร้างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเน่ืองในประเทศเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการการแพทย์ที่ จะเพิ่มมากขึ้นท้ังจากสังคมผู้สูงอายุ และความต้องการการแพทย์ท่ีเพิ่มข้ึนจากท้ังในประเทศและ ต่างประเทศ เพื่อนาไปสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรม และบริการการแพทย์ครอบคลุมการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ การผลิตอวัยวะเทียม การ ผลิตเวชภัณฑ์และครุภัณฑ์การแพทย์ การผลิตเภสัชภัณฑ์ซ่ึงรวมถึงชีวเภสัชภัณฑ์ และการให้บริการ การแพทยท์ ี่เกี่ยวข้องอยา่ งต่อเน่ือง รวมถงึ การสง่ เสริมการพฒั นาและการใช้เทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในบริการการแพทย์ เพื่อลดต้นทุน การรักษาพยาบาล ยกระดับการให้บริการการแพทย์อย่างมีคุณภาพในระดับสากล และสร้างความ ม่ันคงให้กับระบบสาธารณสุขของไทย พร้อมทั้งการเช่ือมโยงอุตสาหกรรมทางการแพทย์และบริการ ท่องเท่ียวเพื่อสุขภาพ เพื่อเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมและดูแลสุขภาพและรักษาผู้ป่วยท้ังด้านร่างกาย และจิตใจ - ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย ผสาน “ศาสตร์” และความชานาญ ของการดูแลรักษาด้วยภูมิปัญญาไทย กับ “ศิลป์” และความละเอียดอ่อนในการให้บริการแบบไทย รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าท่ี 2-105 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

เพื่อดึงดูดการท่องเท่ียวเชิงสุขภาพและการแพทย์ โดยยกระดับมาตรฐานธุรกิจบริการด้านการส่งเสริม สุขภาพและการเสริมความงามสู่ตลาดระดับสูง โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อให้เกิด เป็นเอกลักษณ์การให้บริการตามแบบความเป็นไทยท่ีโดดเด่นในระดับสากล พร้อมท้ังการสร้างความ หลากหลายของกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพท่ีได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและเช่ือมโยงกับกิจกรรมการ ท่องเท่ียวอื่น ๆ รวมถึงการยกระดับมาตรฐานธุรกิจบริการด้านการแพทย์ทางเลือก โดยผสานองค์ ความรู้จากเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่เข้ากับองค์ความรู้และภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย ผลิต บุคลากรด้านแพทย์แผนไทยและบริการเชิงสุขภาพอื่นท่ีมีทักษะภาษา และได้รับการรับรองมาตรฐาน วชิ าชพี ให้เพียงพอต่อทิศทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางการตลาด ของการท่องเท่ียวเชิงสุขภาพและการแพทย์ของไทยให้เป็นท่ีรับรู้ในระดับโลก รวมทั้งการส่งเสริมการ จัดการนาเท่ยี วเชงิ สขุ ภาพครบวงจรทเ่ี ช่ือมโยงกับการแพทยแ์ ผนปัจจุบัน ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ มีประเด็นยุทธศาสตร์ที่ เกีย่ วข้องกับบริการดา้ นสขุ ภาพ ดงั น้ี คือ - ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ส่งเสริมให้มีการ ทางานหลังเกษียณ ผ่านการเสริมทักษะการดารงชีวิต ทักษะอาชีพในการหารายได้ มีงานทาท่ี เหมาะสมกับศักยภาพ มีการสร้างเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสุขภาพ การป้องกันโรคให้แก่ผู้สูงอายุ พร้อมกับ จัดสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ และหลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจาเป็น พนื้ ฐานในการดารงชวี ติ การมสี ่วนร่วมของผู้สงู อายใุ นสังคม - การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะ โดยพัฒนาองค์ความรู้และการสื่อสารด้านสุขภาวะที่ ถกู ต้องและเชื่อถือได้ให้แก่ประชาชน พร้อมทงั้ เฝา้ ระวังและจัดการกับความรูด้ ้านสุขภาวะท่ีไม่ถูกต้อง จนเกิดเป็นทักษะทางปัญญาและสังคมที่เป็นการเพ่ิมศักยภาพในการจัดการสุขภาวะตนเองของ ประชาชน อาทิ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตนเองให้มีความเหมาะสม และการมีกิจกรรม ทางกายที่เพยี งพอในการดารงชวี ิต - การป้องกันและควบคุมปัจจัยเส่ียงท่ีคุกคามสุขภาวะ โดยผลักดันการสร้างเสริมสุขภาวะ ในทุกนโยบายท่ใี หห้ น่วยงานทุกภาคส่วนมีส่วนรว่ มในการรับผิดชอบต่อสุขภาพของประชาชน เพ่ือลด ภัยคกุ คามทเ่ี ป็นอุปสรรคต่อการพฒั นาสขุ ภาวะคนไทย - การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มทเ่ี อื้อต่อการมีสขุ ภาวะทีด่ ี โดยสง่ เสริมใหม้ กี ารจดั สภาพแวดล้อม ทางกายภาพที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและเอื้อต่อการมีกิจกรรมสาหรับยกระดับสุขภาวะของสงั คม จัดทา มาตรการทางการเงินการคลังท่ีสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมทีช่ ่วยในการเสริมการมีสุขภาวะ รวมท้ังกาหนดให้มีการประเมนิ ผลกระทบด้านสุขภาพ โดยชุมชนและภาคประชาชนก่อนการดาเนนิ โครงการท่อี าจกระทบต่อระดับสขุ ภาวะ - การพัฒนาระบบท่ีทันสมัยสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดี โดยนาเทคโนโลยีและ นวตั กรรมสมยั ใหม่มาใช้ในการสร้างความเลิศทางดา้ นบรกิ ารทางการแพทยแ์ ละสุขภาพแบบครบวงจร และทนั สมัย ท่รี วมไปถึงการพฒั นาปัญญาประดิษฐ์ในการให้คาปรึกษา วินจิ ฉยั และพยากรณ์การเกิด โรคล่วงหน้า การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพทางไกลให้มีความหลากหลาย เข้าถึงง่าย เพ่ือเป็นการ แก้ไขปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ท่ีมีความเช่ียวชาญในพื้นที่ห่างไกล มีการเช่ือมโยงผลิตภัณฑ์เข้า กับอินเทอร์เนต็ ทางดา้ นสขุ ภาพ และจัดให้มรี ะบบการเกบ็ ข้อมูลสุขภาพของประชาชนตลอดช่วงชีวิต รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 2-106 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ โดยอยบู่ นพนื้ ฐานความยง่ั ยืนทางการคลัง รวมถึงการปฏิรปู ระบบการเก็บภาษีและ รายจ่ายเพ่ือให้บริการด้านสุขภาพ ตลอดจนการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพในการสร้างสุขภาวะ ที่ดใี ห้กับประชาชนทกุ ชว่ งวัยอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ พอเพียง เป็นธรรม และยั่งยืน - การส่งเสริมให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดีในทุกพื้นที่ โดยให้ชุมชนเป็นแหลง่ บ่มเพาะจิตสานึกการมีสุขภาพดีของประชาชน ผ่านการจัดการความรู้ดา้ นสขุ ภาพทีเ่ ปน็ ประโยชน์และ สนับสนุนให้มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ การสร้างสุขภาวะที่พึงประสงค์ระหว่างกัน โดยรัฐจะทาหน้าที่ เป็นผู้อานวยความสะดวกที่สาคัญในการอานวยความสะดวกให้ชุมชนสามารถสร้างการมีสุขภาวะดี ของตนเองได้ เพื่อให้ชมุ ชนเป็นพ้ืนทส่ี าคัญในการจดั การสุขภาวะของแตล่ ะพ้ืนท่ี - การพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพ่ือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ท่ีมีความเชื่อมโยงและบูรณาการ ข้อมูลด้านการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ระหวา่ งกระทรวง หนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง โดยการเชอ่ื มโยงข้อมูล รายบุคคลท่ีเกี่ยวกับการศึกษา การพัฒนาตนเอง สุขภาพและการพัฒนาอาชีพในตลอดช่วงชีวิต เพื่อ เสริมและสร้างศักยภาพของการดาเนินงานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามพันธกิจของแต่ละ กระทรวงให้มีความเข้มแข็ง และตอบโจทย์ประเทศ เป็นฐานข้อมูลการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถประเมินจุดอ่อน จุดแข็ง และศักยภาพบุคคล ของประเทศ นาไปสู่การตัดสินใจระดับนโยบายและปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคนไทยอย่างมีทิศทางและ สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต รวมถึงข้อมูลที่สนับสนุนการผลิตกาลังแรงงานท่ีมี ทักษะตรงต่อความต้องการของตลาดงานในอนาคต และใช้ประกอบการตัดสินใจในการศึกษาต่อ ธนาคารคลังสมองเพ่ือรวบรวมผู้สูงอายุท่ีมีความรู้ ประสบการณ์ และทักษะ เพ่ือถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และทกั ษะ ให้เกิดประโยชนต์ ่อประเทศชาติ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม มีประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี เกย่ี วข้องกับบริการด้านสขุ ภาพ ดังน้ี คือ - สร้างความเปน็ ธรรมในการเข้าถงึ บรกิ ารสาธารณสุข และการศึกษา โดยเฉพาะสาหรบั ผู้ มีรายได้น้อยและกลุม่ ผดู้ อ้ ยโอกาส โดยในดา้ นบรกิ ารสาธารณสขุ เน้นการกระจายทรัพยากรและเพ่ิม บุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล ให้กระจายไปยังพื้นท่ีอาเภอ ตาบล เพ่ือให้สามารถดูแล ประชาชนได้อย่างท่ัวถึง การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพให้ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อย ให้ได้รับ บริการที่ไม่มีความเหล่ือมล้าในด้านคุณภาพ รวมท้งั ระบบคมุ้ ครองการรักษาพยาบาลต่อการเจ็บป่วยท่ี สร้างภาระทางการเงินโดยไม่คาดคิดหรือเกินขีดความสามารถของผู้มรี ายได้น้อย สนบั สนุนสง่ เสริมให้ สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาสถานพยาบาลให้มีคุณภาพและมี สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรตามมาตรฐานสากลในทุกพื้นที่ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยดี ิจิทัลในการ ให้บริการสาธารณสุข ด้านการศึกษาเน้นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาท่ีมีคุณภาพที่เป็น มาตรฐานเสมอกัน โดยเฉพาะในพื้นท่ีห่างไกลทุรกันดารและยากจน และกลุ่มเป้าหมายท่ีต้องการ การดูแลเป็นพิเศษ การจัดให้มีมาตรการเพื่อลดความเหลื่อมล้าทางการศึกษา การสนับสนุนกลไก ความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาในระดับจังหวัด การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริม การเรียนรูแ้ ละการเขา้ ถึงข้อมลู ขา่ วสาร ความรู้และนวตั กรรมของคนทุกกลุ่ม รวมถึงระบบการติดตาม สนบั สนุนและประเมนิ ผลเพอื่ สร้างหลักประกนั สิทธกิ ารไดร้ บั การศึกษาท่ีมคี ุณภาพของประชาชน รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หน้าที่ 2-107 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

- การรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการออมและการลงทุนระยะยาวของคน ตั้งแต่ก่อน เกษียณอายุ พัฒนาระบบและกลไกเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของประชากรให้สามารถปรับเปลี่ยน อาชีพให้เหมาะสมตามแต่ละช่วงอายุ เพื่อยืดช่วงเวลาและเพิ่มโอกาสในการทางานในยามสูงอายุ และสร้างหลักประกันทางรายได้ให้แก่ตนเองได้นานขึ้น สร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนหรือสถาน ประกอบการในการเตรียมความพร้อมของแรงงานก่อนวัยเกษียณ การจ้างงานผู้สูงอายุให้เหมาะสม กับวัยวุฒิ ประสบการณ์และสมรรถนะ ตลอดจนส่งเสริมการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม สาหรับการส่งเสริมและฟื้นฟูศักยภาพผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทาต่อเนื่องทั้งในเชิง เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ รวมทั้งคงไว้ซึ่งบทบาทในการขับเคล่ือนการพัฒนาสังคม โดยส่งเสริม และสร้างแรงจูงใจให้ทุกภาคสว่ นมีการจ้างงานผู้สูงอายใุ ห้เหมาะสมกับวัยวุฒิ ประสบการณ์ และ สมรรถนะ ส่งเสริมการถ่ายทอดภูมิปัญญาและประสบการณ์ และร่วมสร้างสังคมท่ีไม่ทอดทิ้งกัน เพ่ือ เพิ่มคุณค่าของผู้สูงอายุ - ส่งเสริมการปรับพฤติกรรมในระดับครัวเรือน ให้มีขีดความสามารถในการจัดการ วางแผนชีวิต สุขภาพ ครอบครัว การเงินและอาชีพ โดยใช้ข้อมูลความรู้ และการยกระดับการ เรียนรู้ของครัวเรือน ท้ังในกลุ่มครัวเรือนภาคเกษตรและอาชีพอื่น ๆ เพื่อปรับการคิดเชิงระบบ การ วางแผนอนาคต การออมและการลงทุน การดูแลสุขภาพความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัว เพิ่ม ทักษะทางการเงินและการวางแผนการจัดการที่ดิน ท่ีอยู่อาศัยและระบบการผลิตด้านอาชีพ เพ่ิม ความสามารถในการประกอบการธุรกิจ การบริหารจัดการ ตลอดจนพัฒนาผู้นาการเปลี่ยนแปลงใน ระดับชุมชนและท้องถิ่น อันเป็นการสร้างการเรียนรู้จากภายในเพ่ือสร้างคนที่มีระบบคิดท่ีมีเหตุผล และพง่ึ ตนเองได้ ตามแนวทางหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม มีประเด็น ยุทธศาสตรท์ เี่ ก่ียวข้องกับบริการด้านสขุ ภาพ ดงั น้ี คือ - พัฒนาและสร้างระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้าที่เกิดจากการ เปล่ียนแปลงภูมิอากาศ โดยพัฒนาโครงสร้างระบบสาธารณสุข เครือข่ายเตือนภัยและเฝ้าระวังโรค ให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมประชากรกลุ่มเส่ียงที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยการ เปล่ียนแปลงทางภูมิอากาศ ต่อโรคอบุ ตั ใิ หม่ โรคอบุ ตั ซิ ้า การพัฒนาระบบสาธารณสุขสิ่งแวดล้อมและ เวชศาสตรป์ อ้ งกนั ท้งั ระบบ - เสริมสร้างระบบสาธารณสุขและอนามัยสิ่งแวดล้อม และยกระดับความสามารถ ในการป้องกันโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้า ตลอดจนควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเหล่านี้ โดย ศกึ ษาวจิ ยั สรา้ งองคค์ วามรูด้ ้านการสง่ เสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในประชากรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ กล่มุ เปราะบาง เพมิ่ ขีดความสามารถในการติดตาม วิเคราะหแ์ ละประเมนิ แนวโนม้ สถานการณ์ปัญหา โรคอบุ ัติใหม่และอบุ ัติซ้า และสร้างความพร้อมของภาคีเครือขา่ ยในการรับมือกบั ภาวะฉุกเฉนิ จากโรค ระบาดต่าง ๆ - พัฒนาเครื่องมือ กลไกและระบบยุติธรรม และระบบประชาธิปไตยสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือรองรับการเติบโตที่มี คุณภาพในอนาคต โดยพัฒนาและยกระดับการประเมินสงิ่ แวดลอ้ มระดับยุทธศาสตร์ เพื่อเปน็ กลไกใน รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 2-108 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

การป้องกันผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมในพื้นที่สาคัญ พร้อมท้ังประยุกต์ใช้ นวัตกรรมเวทีดิจิทัล เพื่อรังสรรค์นโยบายท่ีนาไปสู่การปฏิบัติได้จริง และสอดคล้องกับการพัฒนาที่ ยั่งยืน พรอ้ มท้งั พฒั นาระบบประชาธปิ ไตยสิ่งแวดลอ้ ม โดยเพ่มิ บทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์ คุ้มครองและจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ด้านสิ่งแวดล้อม และกระบวนการมีส่วนร่วมท่ีสร้างสรรค์ในโครงการท่ีมีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม สขุ ภาพ สงั คม และเศรษฐกิจ ท้งั น้ี รวมถึงการกระจายอานาจและการสรา้ งความเข้มแข็งให้แก่องค์กร ชุมชน องคก์ รประชาสงั คม และองคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ ในการดูแลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และมีการพัฒนาและออกกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายและองค์กรในกระบวนการ ยตุ ิธรรมเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมให้ทันสมัย มคี วามเชี่ยวชาญ และมปี ระสทิ ธิภาพ ตามหลักนิติธรรมและหลักประชาธิปไตยสิ่งแวดล้อม ที่จะสามารถลดความเหลื่อมล้า และป้องกัน แกไ้ ขปญั หาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมได้ครอบคลุม ทั้งปัญหาเดมิ และปัญหาอุบตั ิใหม่อันจะ ทาให้เกิดการจัดการอย่างยั่งยืน สามารถเยียวยาฟ้ืนฟูบุคคลชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมทเ่ี สยี หายได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมทง้ั พัฒนาความรว่ มมือในเร่ืองการบริหาร จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมข้ามพรมแดนกับประเทศอาเซียนและภมู ิภาคอื่นอย่างเปน็ รูปธรรม เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อมของภูมิภาค การฟ้ืนฟูและขยายพ้ืนที่สีเขียว และความ หลากหลายทางชีวภาพในภมู ภิ าค รวมทง้ั การเพมิ่ กระบวนการมสี ่วนร่วมก่อนการตัดสนิ ใจในโครงการ ข น า ด ใ ห ญ่ ที่ มี ผ ล ก ร ะ ท บ ข้ า ม พ ร ม แ ด น ก า ร เ พ่ิ ม ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ใ น เ ร่ื อ ง การจัดการภัยพิบัติในภูมิภาคได้อย่างทั่วถึงและทันการณ์ และการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง หน่วยงานยุติธรรมในภูมิภาค ในการสร้างระบบยุติธรรมเก่ียวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานสากล 2) แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) มียุทธศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับ บริการด้านสุขภาพ 4 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 การสร้างความเข้มแขง็ ทางเศรษฐกจิ และแขง่ ขนั ได้อยา่ งยง่ั ยืน ยุทธศาสตรท์ ี่ 9 การพัฒนาภาค เมืองและพ้ืนท่ีเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ที่ 10 ความร่วมมือระหว่างประเทศเพ่ือการพัฒนา โดยในแต่ละ ยุทธศาสตร์ มีแนวทางการพฒั นาท่ีสอดคลอ้ งกับการบริการดา้ นสขุ ภาพ ดงั นี้ คือ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ มีแนวทางการพัฒนาท่ีเกี่ยวข้องกับ บริการด้านสุขภาพ ดงั น้ี คือ  เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบสุขภาพภาครัฐและปรับระบบการเงินการคลัง ดา้ นสขุ ภาพ โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี - ปรับระบบบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกันระหว่างสถานพยาบาลทุกสังกัดในเขตพื้นท่ี สุขภาพในการพัฒนาคุณภาพระบบบริการท้ังด้านบุคลากร ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และ โครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงบริการต้ังแต่ระดับปฐมภมู ิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิเข้าด้วยกนั อย่างไม่มีอุปสรรค พร้อมพัฒนาระบบส่งต่อและระบบการแพทย์ฉุกเฉินท่ีรวดเร็วและมี ประสิทธภิ าพ รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 2-109 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

- จัดทาแนวทางการรับภาระค่าใช้จ่ายร่วมกันท้ังภาครัฐและผู้ใช้บริการตามเศรษฐานะที่ คานึงถึงความเป็นธรรมและการเข้าถึงบริการสุขภาพท่ีจาเป็นของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยพิจารณาถึงความเป็นไปไดท้ างการคลังของประเทศ - พัฒนาระบบประกันสุขภาพของแรงงานต่างชาติและนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้บริการ สุขภาพท่ีมีคุณภาพและมีการควบคุมการใช้บริการอย่างเหมาะสม โดยไม่กระทบต่อ ความมนั่ คงของประเทศท้งั ในด้านการคลงั และสาธารณสุข - บูรณาการระบบข้อมูลสารสนเทศของแต่ละระบบหลักประกันสุขภาพให้เกิดความเป็น เอกภาพท้ังเร่ืองสิทธิประโยชน์ การใช้บริการ งบประมาณการเบิกจ่าย และการติดตาม ประเมินผล ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน มีแนวทางการ พฒั นาที่เก่ยี วขอ้ งกบั บริการด้านสุขภาพ ดังน้ี คอื  การพัฒนาภาคอุตสาหกรรม วางรากฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมสาหรับอนาคต โดยมุ่งสร้าง อุตสาหกรรมใหม่ที่ผสานโอกาสจากแนวโนม้ บริบทโลกในอนาคตและการปรับเปลีย่ นเข้าสูก่ ารใช้ เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในตลาดเฉพาะและตลาดที่รองรับความต้องการ รูปแบบใหม่ในอนาคต โดยให้ความสาคัญในลาดับต้นกับอุตสาหกรรมท่ีสามารถพัฒนาต่อ ยอดจากฐานความเกง่ ของอุตสาหกรรมศกั ยภาพในปจั จุบัน ได้แก่ อตุ สาหกรรมการผลติ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยในระยะแรกเน้นอุปกรณ์และเคร่ืองมือที่มีปริมาณความต้องการ ใช้ในประเทศสูงและใช้เทคโนโลยีท่ียังไม่สูงนักก่อน เพ่ือสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางการบริการ สุขภาพนานาชาติและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และขณะเดียวกันต้องเร่งวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยสี าหรบั การผลติ เครื่องมอื และอปุ กรณท์ ี่มีระดับความซบั ซ้อนมากย่งิ ข้ึน  การพฒั นาภาคบริการและการท่องเท่ียว โดยเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ของภาคบริการท่ีมีศักยภาพท้ังฐานบริการเดิมและฐานบริการใหม่เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจของ ประเทศเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง โดยพัฒนาศักยภาพของฐานบริการเดิมให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างย่ิง บริการสุขภาพ เป็นต้น โดยส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับศักยภาพในการ แข่งขันของธุรกิจบริการ เสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวได้ทัน ต่อบริบทการเปลย่ี นแปลงท่ีเกิดขึ้นอย่างเป็นพลวัต พัฒนาระบบรับรองมาตรฐานและกาหนดให้มี มาตรฐานธุรกิจภาคบริการตามมาตรฐานสากล ยกระดับคุณภาพให้สนองตอบต่อความต้องการ ของตลาด และพัฒนายกระดับโครงสร้างพ้ืนฐานให้เกิดความเช่ือมโยงกันทั้งภายในและระหว่าง ประเทศเพ่ืออานวยความสะดวกแก่ธุรกิจ รวมทั้ง สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา โดยส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพ่ือพัฒนาธุรกิจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุค เศรษฐกจิ ดิจทิ ลั ตลอดจนสนับสนนุ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ทีเ่ หมาะสมเพ่ือขยายตลาดสนิ ค้าและ บริการท้ังในและต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 9 การพัฒนาภาค เมือง และพ้ืนท่ีเศรษฐกิจ มีแนวทางการพัฒนาท่ีเกี่ยวข้องกับ บรกิ ารดา้ นสุขภาพ ดังนี้ คือ  การพัฒนาภาคเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กระจายตัวอย่างท่ัวถึง ในพื้นท่ีภาคเหนือ ให้ เปน็ ฐานเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์มูลค่าสูง โดยการพฒั นาการท่องเทย่ี วให้มคี ุณภาพและความย่ังยืน มี รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-110 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ธุรกิจบริการต่อเนื่องกับการท่องเท่ียวบริการสุขภาพและการศึกษาท่ีได้มาตรฐาน รวมทั้ง ผลิตภณั ฑ์สร้างสรรค์ท่สี ร้างมูลค่าเพ่ิมสงู อาทิ - พัฒนายกระดับการท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มเป้าหมายเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ แมฮ่ อ่ งสอน และน่าน ได้แก่ การท่องเทย่ี วเพื่อการประชุมและนทิ รรศการ การทอ่ งเท่ียว เชิงกีฬาและผจญภัย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวพานักระยะยาว และการ ทอ่ งเทย่ี วแบบพักผ่อนโดยสรา้ งกจิ กรรมการท่องเทีย่ ว และพฒั นาส่งิ อานวยความสะดวก ท่ีสอดคล้องตรงกับความต้องการของนักท่องเท่ียว ตลอดจนส่งเสริมช่องทางการตลาด โดยใช้อินเทอรเ์ น็ต - สนับสนุนเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการผลติ และธุรกิจด้านอาหารและสินค้าเพื่อสุขภาพ บริการทางการแพทย์และสุขภาพ บริการการศึกษานานาชาติรวมท้ังผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์ โดยเฉพาะกลุ่มดิจิทัล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายท่ีมีศักยภาพ สูงของภาค โดยให้ความสาคัญกับการนานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ เพ่ือเพิ่มมูลค่า สนิ คา้ และบรกิ ารให้มคี วามแตกต่างโดดเด่น สามารถตอบสนองต่อตลาดเป้าหมายเฉพาะ  การพัฒนาเมอื งเศรษฐกิจ - พื้นท่ีเศรษฐกิจพิเศษชายแดนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่บริเวณชายแดนเป็นประตู เศรษฐกิจเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านให้เจริญเติบโตอย่างย่ังยืนและเกิดผลที่เป็ น รูปธรรม ในพ้ืนท่ีเป้าหมายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 พ้ืนที่ ได้แก่ ตาก สระแก้ว สงขลา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ตราด กาญจนบุรี เชียงราย และ นราธิวาส โดยการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข แรงงาน และความมั่นคง โดยพัฒนา ระบบสาธารณสขุ ชายแดนเพ่ือให้ประชากรมีสขุ ภาพดีถ้วนหน้า มีระบบรักษาโรค ระบบ ส่งต่อ ระบบส่งเสริมสุขภาพเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยง ระบบจ้างงานแรงงานต่างด้าว-การประกันสุขภาพ-การเข้าเมือง เป็นภารกิจร่วมภายใต้ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน จัดระบบบัตรผ่านแดนหรือบัตรประจาตัวของแรงงาน ต่างด้าวในแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้มีรูปและลายพิมพ์น้ิวมือเพื่อสะดวกต่อการ เชื่อมโยงและตรวจสอบข้อมูลบุคคลกบั ระบบในส่วนกลาง จัดมาตรการและระบบส่ือสาร เพ่ือดูแลความมั่นคงและรักษาความปลอดภยั ของพนื้ ท่ี  ยกระดับรายไดจ้ ากการท่องเที่ยวให้เติบโตอยา่ งต่อเน่ือง และกระจายรายได้จากการท่องเที่ยว สู่พนื้ ท่เี ชอื่ มโยงรวมทง้ั ชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ อย่างทั่วถงึ - พัฒนาเมืองท่องเท่ียวที่มีศักยภาพเพ่ือสร้างมูลค่าเพ่ิมให้กับภาค โดยยกระดับจังหวัด ระนองให้เปน็ เมอื งท่องเทีย่ วเชงิ สุขภาพและสปา 2.4.3 กฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกับด้านสขุ ภาพ 1) กฎหมายเกี่ยวกับธรุ กิจเสริมความงาม การประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงามเป็นอาชีพท่ีประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบ อาชีพได้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 40 ซึ่งเก่ียวข้องกับ พระราชบัญญัติ สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กฎกระทรวงกาหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของ สถานพยาบาล พ.ศ. 2558 และกฎกระทรวงกาหนดชนดิ และจานวนเคร่ืองมอื เคร่ืองใช้ ยา และเวชภัณฑ์ หรอื รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-111 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ยานพาหนะท่ีจาเป็นประจาสถานพยาบาล พ.ศ.2558 โดยที่การขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ประเภทคลินิกเสริมความงามกาหนดให้การขออนุญาตเป็นไปตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งผูข้ อรบั ใบอนญุ าตเป็น ไดท้ ้ังบุคคลธรรมดาและนติ ิบุคคลโดยต้องมีคุณสมบัตแิ ละไม่มีลักษณะต้องห้ามตามท่ี กาหนด มีสิทธิยื่นความจานงขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านความงามได้ (ตามกฎกระทรวงกาหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการใหบ้ ริการของสถานพยาบาล พ.ศ. 2558) ซ่ึงรวมถึงคนต่างด้าวก็มีสิทธิขอรับอนุญาตได้ด้วยเช่นกัน เน่ืองจากไม่มีการกาหนดข้อจากัดของบุคคลท่ีจะ ขอรับอนุญาตว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ซ่ึงผู้รับอนุญาตจะต้องดาเนินกิจการตามมาตรฐาน คลินิกเวชกรรมเก่ียวกับสถานที่ (กฎกระทรวงกาหนดชนิดและจานวนเคร่ืองมือ เครื่องใช้ ยา และเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จาเป็น ประจาสถานพยาบาล พ.ศ. 2558, ข้อ 3) ลักษณะการให้บริการ (กฎกระทรวง กาหนดชนิดและจานวนเคร่ืองมอื เครื่องใช้ ยา และเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะท่ีจาเป็น ประจาสถานพยาบาล พ.ศ. 2558, ข้อ 4) เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ที่จาเป็นประจาคลินิกในจานวนที่เหมาะสมและ เพียงพอ (กฎกระทรวงกาหนดชนิดและจานวนเคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ ยา และเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะท่จี าเป็น ประจาสถานพยาบาล พ.ศ. 2558, ข้อ 4) และ ตามบันทึกการตรวจมาตรฐานคลินิกเวชกรรมที่ให้บริการด้าน ความงามโดยมีผู้ประกอบวิชาชีพ เวชกรรมเป็นผู้ให้บริการ (กฎกระทรวงกาหนดลักษณะของสถานพยาบาล และลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล พ.ศ. 2558, ข้อ 2) ตลอดจนการโฆษณาสถานพยาบาลจะต้อง ได้รับอนุมัติการโฆษณา (พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 (แก้ไขฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559), มาตรา 38.) และต้องจัดให้ผู้ดาเนินการสถานพยาบาลซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทาหน้าท่ีควบคุม ดูแลคลินิกเสริม ความงามด้วย (พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 (มาตรา 34) (ปริดา ธูปแก้ว และวริยา ล้าเลิศ, 2562) 2) กฎหมายเกีย่ วกับธุรกจิ สปาและการนวด ความหมาย ขอบเขตและลักษณะของกิจการสปาเพ่ือสุขภาพตามกฎหมายมีในประกาศกระทรวง สาธารณสุขที่ออกตามความในพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 (กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข) และตามพระราช-บัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 (กฎหมายว่าด้วยสถานบริการ) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดย พระราชบัญญัติ สถานบริการ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 ได้กาหนดนิยามไว้ว่า \"กิจการสปาเพ่ือสุขภาพ ” หมายความว่า การประกอบกิจการท่ีให้การดูแลและเสริมสร้างสุขภาพ โดยบริการหลักที่จัดไว้ประกอบด้วย การนวดเพ่ือสุขภาพและการใช้น้าเพ่ือสุขภาพ โดยอาจมีบริการเสริมประกอบด้วย เช่น การอบเพ่ือสุขภาพ การออกกาลงั กายเพ่ือสุขภาพ โภชนาบาบัดและการควบคมุ อาหาร โยคะและการทาสมาธิ การใช้สมนุ ไพรหรือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตลอดจนการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ หรือไม่ก็ได้ ทั้งน้ี ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขท่ี ออกตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการกาหนดเพิ่มเติมว่าต้องมีบริการเสริมอีกอย่างน้อย 3 รายการ ตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่อื งกิจการที่เป็นอนั ตรายต่อสุขภาพ (ฉบับที่ 4) ซง่ึ อาศยั อานาจตามมาตรา 31 แห่งพระราชบญั ญตั ิการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ยังมกี จิ การอนื่ ๆท่ีคลา้ ยคลึงกนั ในประกาศฉบบั ดังกลา่ ว คือ 1. กิจการสปาเพ่ือสุขภาพ เว้นแต่เป็นการให้บริการในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วย สถานพยาบาล เปน็ กิจการประเภทที่ 9(1) 2. การประกอบกิจการอาบ อบ นวด เว้นแต่เป็นการให้บริการใน 9(1) หรือในสถานพยาบาลตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยสถานพยาบาล เป็นกิจการประเภทที่ 9(2) 3. การประกอบกิจการเสริมสวยหรือแต่งผม เว้นแต่กิจการที่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการ ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นกิจการประเภทท่ี 9(10) ดังนั้นเพื่อให้การควบคุมดูแลกิจการสปา รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 2-112 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

เพื่อสุขภาพและกิจการท่ีคล้ายคลึงกันข้างต้น ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขท้ัง 2 ฉบับ เปน็ ไปอยา่ งสอดคล้องกัน คณะกรรมการสาธารณสุขจึงได้อาศัยอานาจหน้าท่ีตามความในมาตรา 10 (3) และ (4) แห่ง พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ออกคาแนะนาของคณะกรรมการสาธารณสุข ฉบับท่ี 5 / 2547 เร่ือง การควบคุมการประกอบกิจการสปาเพื่อสุขภาพ กิจการอาบ อบ นวด และกิจการเสริมสวยหรือแต่งผม แก่ราชการส่วนท้องถิ่นและเจ้าพนักงานเก่ียวกับการควบคุมการประกอบกิจการดังกล่าว โดยถือปฏิบัติเป็น หลกั เกณฑแ์ ละมาตรฐานเดยี วกนั ตงั้ แตว่ ันที่ 14 ตลุ าคม 2547 ไว้ดังนี้ 1) การพิจารณาว่ากิจการใดเป็นกิจการสปาเพ่ือสุขภาพท่ีต้องควบคุมตามพระราชบัญญัติการ สาธารณสขุ ใหพ้ ิจารณาดังน้ี 1.1) กิจการสปาเพ่ือสุขภาพให้พิจารณาวา่ มีการจัดบริการหลัก 2 รายการ คือ การนวดเพอ่ื สุขภาพและการใช้น้าเพ่ือสุขภาพ ท้ังน้ีจะต้องมีบริการอย่างอื่นร่วมด้วย อย่างน้อย 3 รายการ และ ต้องไม่เข้าข่ายเป็นการบาบัดรักษาโรค ตามข้อ 8 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข \"เรื่อง กาหนด สถานท่ีเพื่อสุขภาพหรือเพ่ือเสริมสวย มาตรฐานของสถานท่ี การบริการ ผู้ให้บริการ หลักเกณฑ์และ วธิ ีการตรวจสอบเพ่ือการรบั รองใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานสาหรับสถานที่เพื่อสุขภาพหรือเสริมสวย ตาม พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509” ออกตามความในมาตรา 3 (3) (ข) แห่งพระราชบัญญัติ สถานบริการ พ.ศ. 2509 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2546 ส่วนกิจการอื่นๆท่ีมิได้มีบริการหลักดังกล่าว และไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานไม่ถือว่าเป็น กิจการสปาเพ่ือสขุ ภาพ ทั้งนี้ บริการเสริมที่สามารถให้บริการได้ ตามกาหนดในกฎกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการ กาหนดบริการอ่ืนในกิจการสปา พ.ศ. 2560 เพ่ือเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจให้มาใช้บริการบ่อยข้ึน และมีความหลากหลายในบริการสปามากข้ึน มีดังน้ี การทาความสะอาดผิวหน้า การขัดหน้า การนวดหนา้ การบารงุ ผิวหน้า การพอกหนา้ การปรับสภาพผวิ หน้า การขดั ผวิ หนา้ การทาความสะอาดผิวกาย การ บารุงผวิ การพอกผวิ กาย การพนั ตัว การแปรงผวิ การประคบด้วยหินร้อน การประกอบดว้ ยความเย็น การพันร้อน การอบไอน้า การอบซาวน่า การอาบด้วยทรายร้อน การใช้ผ้าห่มร้อน การบริการอาหาร หรือเคร่อื งดม่ื เพ่ือสุขภาพ การทาสมาธิ ไทชิ ไทเกก๊ พิลาทิส แอโรบคิ ฟิตบอล ชบิ อล และฤาษดี ดั ตน 1.2) สาหรับกิจการนวดเพ่ือสุขภาพ และกิจการนวดเพ่ือเสริมสวย ตามประกาศ กระทรวง สาธารณสุขฯ ออกตามความในมาตรา 3 (3) (ข) แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 ซ่ึง แก้ไขเพ่ิมเติมโดย พระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 ถือว่าเป็นกิจการที่อยู่ในข่าย กิจการอาบ อบ นวด หรือกิจการเสริมสวยหรือแต่งผม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง กจิ การทเี่ ป็นอนั ตรายต่อสุขภาพ (ฉบบั ที่ 4) ดว้ ย แลว้ แต่กรณี 2) เพือ่ ประโยชนใ์ นการกากบั ดแู ลกิจการสปาเพ่ือสขุ ภาพ กจิ การนวดเพอื่ สุขภาพ และกจิ การนวดเพ่ือ เสรมิ สวย ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ นัน้ มีอานาจออกข้อบญั ญัติของท้องถน่ิ ดงั นี้ 2.1) กาหนดให้ กิจการสปาเพื่อสุขภาพ กิจการนวดเพื่อสุขภาพ กิจการนวดเพื่อเสริมสวย เป็นกิจการท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทกิจการสปาเพ่ือสุขภาพ กิจการอาบ อบ นวด หรือ รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 2-113 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

กิจการเสริมสวยหรือแต่งผมท่ีต้องควบคุมในท้องถ่ินน้ัน ตามมาตรา 32 (1) แห่งพระราชบัญญัติการ สาธารณสขุ พ.ศ. 2535 2.2) กาหนดหลักเกณฑ์ มาตรฐาน เงื่อนไขการจัดต้ังสถานประกอบการให้ผู้ดาเนินกิจการ ต้องปฏิบัติ ตามมาตรา 32 (2) แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับ หลักเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข \"เรื่อง กาหนดสถานที่เพื่อสุขภาพหรือเพ่ือ เสริมสวย มาตรฐานของสถานที่ การบริการ ผู้ให้บริการ หลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจสอบเพื่อการ รบั รองสถานทเ่ี พอื่ สขุ ภาพหรอื เพ่ือเสรมิ สวยตามพระราชบัญญัตสิ ถานบริการ พ.ศ. 2509” 3) ผปู้ ระกอบกิจการทีถ่ กู ควบคมุ ตาม ขอ้ 2) ตอ้ งดาเนินการดังน้ี 3.1) ให้ผู้ประกอบการในลักษณะท่ีเป็นการค้า ต้องขอรับใบอนุญาตการประกอบกิจการฯ จากเจ้าพนักงานท้องถ่ินด้วย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขการขอและการออกใบอนุญาตตามที่ ราชการส่วนทอ้ งถ่ินกาหนด 3.2) ใหผ้ ูป้ ระกอบกจิ การขอรบั ใบรับรองมาตรฐานสถานประกอบกิจการสปาเพ่ือสุขภาพหรือ กิจการนวดเพื่อสุขภาพ หรือกิจการนวดเพ่ือเสริมสวย จากกระทรวงสาธารณสุข ตามประกาศ กระทรวง สาธารณสขุ ฯ ที่ออกตามพระราชบัญญตั ิสถานบริการ พ.ศ. 2509 ดงั น้ี 3.2.1) สถานประกอบกิจการที่ตั้งอยู่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นขอใบรับรอง มาตรฐานฯ ทีก่ องการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสขุ 3.2.2) สถานประกอบกิจการที่ต้ังอยู่ในท้องท่ีต่างจังหวัด ให้ยื่นขอใบรับรอง มาตรฐานฯ ท่ีสานักงานสาธารณสขุ จังหวดั 3.3) สาหรบั สถานประกอบกจิ การใดท่ีไม่เข้าขา่ ยเปน็ กิจการสปาเพ่ือสุขภาพ กิจการนวดเพ่ือ สุขภาพ หรือกิจการนวดเพื่อเสริมสวย แต่มีบริการนวดที่มีผู้ให้บริการ หรือมีบริการอาบน้าที่มี ผู้ให้บริการ ผู้ประกอบกิจการจะต้องย่ืนคาขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และ กฎหมายวา่ ดว้ ยการสาธารณสขุ 3.4) กรณีทีผ่ ูป้ ระกอบกิจการได้รับใบรับรองมาตรฐานฯ ตามขอ้ 3.2) แลว้ ผปู้ ระกอบกิจการ ไม่ต้องยื่นขอรบั ใบอนุญาตตามกฎหมายวา่ ด้วยสถานบริการอีก 4) เพ่ือเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการสปาเพ่ือสุขภาพตาม ยุทธศาสตร์เพิ่มพูนรายได้ให้ประเทศไทย ในการพิจารณาอนุญาตให้ราชการส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานท่ี เก่ียวข้องอานวยความสะดวกและลดขั้นตอนในการพิจารณาอนุญาต ดังน้ี 4.1) กรณีทผี่ ูป้ ระกอบกจิ การมีใบรับรองมาตรฐานฯ ตามขอ้ 3.2) แลว้ ใหร้ าชการสว่ นท้องถ่ิน พิจารณาอนุญาตได้เลย โดยถือว่าได้ผ่านการตรวจสอบของเจ้าพนักงานสาธารณสุขด้านสุขลักษณะ ตามหลักเกณฑ์ในขอ้ บัญญัตขิ องท้องถน่ิ แลว้ 4.2) กรณีท่ีผู้ประกอบกิจการยังไม่มีใบรับรองมาตรฐานฯ ตามข้อ 3.2) และได้ยื่นขอ ใบรับรองมาตรฐานฯ แล้ว ให้แนบสาเนาการขอใบรับรองมาตรฐานฯ ประกอบการการย่ืนขอ ใบอนุญาตด้วย ทั้งนี้ในการพิจารณาอนุญาต ราชการส่วนท้องถ่ินอาจพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการ รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 2-114 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ตรวจและประเมินมาตรฐานสถานประกอบการ ในการออกใบรับรองมาตรฐานฯ ตามข้อ 3.2) เพื่อ เปน็ การลดขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ านและอานวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบกิจการที่มายนื่ คาขอ 5) ภายหลังจากที่ผู้ประกอบกิจการได้รับใบอนุญาตแล้ว เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอานาจในการควบคุม กิจการสปาเพื่อสุขภาพ กิจการอาบ อบ นวด และกิจการเสริมสวยหรือแต่งผม ตามกฎหมายว่าด้วยการ สาธารณสุข ดงั นี้ 5.1) กรณที ่ีผ้ปู ระกอบกิจการไม่ปฏิบัติตามข้อบญั ญัตขิ องท้องถ่ิน หรือกฎกระทรวง หรอื เงือ่ นไข ในใบอนุญาต เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอานาจในการออกคาส่ังให้ผู้ได้รับใบอนุญาตปรับปรุงแก้ไขได้ ตาม มาตรา 45 หรือคาสงั่ พกั ใชใ้ บอนญุ าตตามมาตรา 59 หรอื คาส่ังเพิกถอนใบอนญุ าตตามมาตรา 60 5.2) กรณที ่ีตรวจพบว่าสถานประกอบกิจการดังกล่าวข้างตน้ ปฏบิ ัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข \"เรื่อง กาหนดสถานที่เพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมสวย มาตรฐานของสถานท่ี การบริการ ผใู้ ห้บรกิ าร หลกั เกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อการรับรองสถานที่ เพื่อสุขภาพหรือเพ่ือเสริมสวย ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509” ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ิน แจ้งกองการประกอบโรคศิลปะ หรือสานักงานสาธารณสุขจังหวัดที่เก่ียวข้อง เพื่อตรวจสอบตาม หลักเกณฑ์มาตรฐานที่กาหนด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้อง และสนับสนุนกันระหว่างการดาเนินการ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 และ พระราชบญั ญตั ิการสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 6) กรณที ีร่ าชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ใดออกข้อบัญญตั ิของทอ้ งถ่นิ ว่าด้วยการควบคุมการประกอบกิจการสปา เพ่ือสุขภาพ กิจการอาบ อบ นวด กิจการเสริมสวย หรือแต่งผม ควรประชาสัมพันธ์ และชี้แจงข้อบัญญัติของ ท้องถิ่นดังกล่าว ให้ผู้ประกอบกิจการและประชาชนทราบโดยท่ัวกันด้วย เพ่ือประโยชน์ในการบังคับใช้ต่อไป (กรมอนามัย, 2563) จากนโยบาย แผนยุทธศาสตร์ และกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกับด้านสุขภาพของไทยที่ได้ทบทวนมาข้างต้น จึง ทาให้ต้องมีการขยายขอบเขตเพ่ิมเติมให้นอกเหนือจากบัญชีรายจ่ายด้านสุขภาพแห่งชาติของประเทศ โดย กิจกรรมและธุรกิจด้านสุขภาพที่จะถูกจัดหมวดหมู่อยู่ในบัญชีบริวาร ได้แก่ คลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกเสริม ความงาม ผลิตภัณฑส์ มุนไพร ผลติ ภัณฑ์เสรมิ ความงาม สปาและการนวด ศนู ย์ฟติ เนส และอปุ กรณอ์ อกกาลังกาย รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 2-115 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

บทที่ 3 การรวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ทิ ี่เกย่ี วขอ้ ง

3 การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ท่ีเกย่ี วข้อง เน้ือหาส่วนน้ีเป็นการนาเสนอผลการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ เพ่ือให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ รวมทั้ง เพื่อให้เป็นไปตามกรอบกจิ กรรมในการดาเนนิ งานตามที่กาหนดไว้ มลู นิธิสถาบนั วจิ ัยนโยบายเศรษฐกจิ การคลัง ได้กาหนดให้มีการรวบรวมขอ้ มลู ปฐมภูมิ โดยการรวบรวมขอ้ มลู ทม่ี ีรายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี 3.1 การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิเกี่ยวกับการกาหนดกรอบข้อมูลในการจัดทาบัญชีบริวารด้าน สขุ ภาพ 3.1.1 ประเดน็ การรวบรวมข้อมลู การรวบรวมข้อมูลท่ีเกี่ยวกับการกาหนดกรอบข้อมูลในการจัดทาบัญชีบริวารด้านสุขภาพมีความ ครอบคลุม 2 ประเดน็ หลัก ได้แก่ 1) ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ ตอ่ การเพ่ิมรายการการนาเข้าและส่งออก ของบริการสุขภาพ ท่ีทางมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังได้พัฒนาข้ึน ซึ่งเป็นการให้ความรู้ การ สร้างความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาบัญชีบริวารที่ได้จัดทาขึ้นน้ี เพื่อนาไปสู่การทางานร่วมกันที่ เก่ียวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลในอนาคต พร้อมท้ังนาข้อคิดเห็นไปปรับปรุงให้เกิดการยอมรับและสามารถ นาไปใช้งานในอนาคตได้ 2) ประเด็นท่ีควรให้ความสาคัญต่อการเพ่ิมความครอบคลุมของการนาเข้าและ ส่งออกของบริการสขุ ภาพ โดยมีประเดน็ คาถามทใ่ี ชป้ ระกอบการสัมภาษณ์ดังน้ี รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ที่ 3-1 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

สว่ นที่ 1 คาถามสาหรบั ผู้เชยี่ วชาญดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพและการจดั ทาบัญชี 1) จากโครงสร้างของ (ร่าง) บัญชีบริวารด้านสุขภาพ (Health satellite account: HSA) ดังแผนภาพที่ 3.1 ท่านเห็นว่า โครงสร้างดังกล่าวมีความครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ในกรณีท่ีท่านเห็นว่า ไม่ครบถ้วน ท่านเห็นว่า ควรปรบั ปรุงองคป์ ระกอบใดในโครงสรา้ งดงั กล่าว แผนภาพท่ี 3.1 (ร่าง) โครงสร้างของระบบบญั ชีบริวารด้านสขุ ภาพ ท่ีมา: มูลนิธสิ ถาบันวจิ ยั นโยบายเศรษฐกิจการคลงั 2) มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังได้มีแนวคิดในการพัฒนาต่อยอดบัญชรี ายจ่ายสขุ ภาพ แห่งชาติของไทย (National Health account: NHA) เพ่ือเป็นพื้นฐานในการจัดทาบัญชีบริวารด้านสุขภาพ ท่านเห็นว่า ควรมีการเพิ่มเติม ปรับปรุง แก้ไข ในส่วนใดบ้าง เพื่อให้บรรลุตาม (ร่าง) โครงสร้างท่ีกาหนด (แผนภาพท่ี 3.1) 3) มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังเห็นว่า การดาเนินการต่อยอดบัญชีรายจ่ายสุขภาพ แห่งชาติของไทย (NHA) ในสว่ นของขอ้ มูลการส่งออกและนาเข้าสินค้าและบริการดา้ นสุขภาพ เปน็ เงื่อนไขการ ดาเนินงานท่ีสาคัญในการบรรลุตามเป้าหมายของงานศึกษาครั้งน้ี ท่านเห็นว่า จาก (ร่าง) ตารางนาเข้าและ สง่ ออกที่แสดงในแผนภาพท่ี 3.2 และแผนภาพท่ี 3.3 สามารถรับขอ้ มูลดังกล่าวได้จากแหลง่ ใด รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หน้าท่ี 3-2 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

แผนภาพท่ี 3.2 การระบตุ าแหนง่ สาหรับผู้ให้บรกิ ารและประเภทของบริการด้านสุขภาพของขอ้ มูล มลู ค่าการนาเข้าภายในตาราง SHA ท่ีมา: OECD, WHO (2011), A System of Health Accounts แผนภาพที่ 3.3 ตารางแสดงการนาเขา้ สนิ ค้าและบริการดา้ นสุขภาพของ SHA ท่มี า: OECD, WHO (2011), A System of Health Accounts 4) ความเป็นไปได้ในการพัฒนาบัญชีบริวารด้านสุขภาพ ท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และ ข้อจากัดใดในการพัฒนาหรือไม่ หากท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และข้อจากัด ท่านมีข้อเสนอแนะใน ประเด็นดังกล่าวอย่างไร รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หน้าที่ 3-3 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ส่วนที่ 2 คาถามสาหรับผู้เช่ียวชาญท่ีมีประสบการณ์ในการจัดทาบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติ ของไทย 5) สืบเน่ืองจากการแสดงผลของตาราง table 15.3: Expenditure on health care by health care providers and functions of care ในบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของไทยประจาปี 2559 ความคดิ เหน็ ของท่าน คอลัมน์ Rest of the world (หมวด HP 9) มีขอบเขตและคานยิ ามอย่างไร 6) ในการจัดทาบัญชีรายจา่ ยสขุ ภาพแห่งชาติของไทยในปัจจุบัน ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับการส่งออกและ นาเขา้ สนิ คา้ และบริการดา้ นสุขภาพ ถูกรวมอยใู่ นสว่ นใดของบญั ชีรายจ่ายดา้ นสุขภาพของไทย 3.1.2 กลุ่มเปา้ หมาย การดาเนินการเพื่อรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิโดยการสัมภาษณ์เชงิ ลึก (In-depth Interview) และ/หรือการ ประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group Meeting) กับผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องเก่ียวกับบัญชีบริวารด้าน สุขภาพ ในการศึกษาน้ีมีกลุ่มเป้าหมายในการรวบรวม ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจสุขภาพ การจัดทาบัญชี ประชาชาติ และการจัดทาบัญชีบริวารด้านสุขภาพ ในภาพรวมจะดาเนินการสัมภาษณ์หรือการประชุมกลุ่มย่อย ซง่ึ สามารถสรุปกลมุ่ เป้าหมายในการรวบรวมข้อมูลปฐมภมู ิ ได้ดงั นี้ กลมุ่ ท่ี 1 หน่วยงานในสงั กัดกระทรวงสาธารณสขุ ประกอบดว้ ย 10 หน่วยงาน/ตาแหนง่ ได้แก่ 1) นักวิชาการด้านการเงินการคลัง และเศรษฐกิจสุขภาพ กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกัน สขุ ภาพ 2) นักวชิ าการดา้ นการเงนิ การคลงั และเศรษฐกิจสขุ ภาพ กองยุทธศาสตรแ์ ละแผนงาน 3) คณะทางานจัดทาบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สานักงานพัฒนา นโยบายสขุ ภาพระหว่างประเทศ 4) ผแู้ ทนกรมการแพทย์ 5) ผู้แทนกรมอนามัย 6) ผู้แทนกรมควบคุมโรค 7) ผูแ้ ทนกรมสุขภาพจิต 8) ผู้แทนกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 9) ผแู้ ทนกรมสนับสนนุ บรกิ ารสุขภาพ 10) ผแู้ ทนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กลมุ่ ที่ 2 กองทุนสุขภาพ ประกอบด้วย 4 หนว่ ยงาน/ตาแหน่ง ได้แก่ 1) ผ้แู ทนสานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ 2) ผแู้ ทนกรมบญั ชีกลาง 3) ผูแ้ ทนกองทนุ ประกันสังคม 4) ผู้แทนองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน กลมุ่ ท่ี 3 อตุ สาหกรรมท่เี ก่ยี วข้อง ประกอบด้วย 4 หนว่ ยงาน/ตาแหนง่ ได้แก่ 1) ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ 2 หน่วยงาน คือ กรมการค้าภายใน และสานักนโยบายและยุทธศาสตร์ การคา้ รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 3-4 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

2) ผู้แทนกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา 3) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม 4) ผู้แทนกระทรวงการคลัง กลุ่มที่ 4 ผเู้ ชยี่ วชาญด้านการจัดทาบัญชี ประกอบด้วย 3 หนว่ ยงาน/ตาแหนง่ ไดแ้ ก่ 1) ผแู้ ทนสานกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2) ผู้แทนสานักงานสถิติแห่งชาติ 3) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานด้านการวิจัย/ หน่วยงานด้าน วิชาการที่ได้รบั ความเชอ่ื ถือ 3.1.3 ผลการรวบรวมขอ้ มูล มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังได้ดาเนินการสัมภาษณ์เชิงลึก กับผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่มี ส่วนเก่ียวข้องด้านเศรษฐกิจสุขภาพ และการจัดทาบัญชีด้านสุขภาพ จานวน 3 ราย โดยการสัมภาษณ์ทาง โทรศัพท์ และการจัดประชุมสื่อสารทางไกล ท่ีได้มีการส่งเอกสารแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะใน รูปแบบอิเล็กทรอนกิ ส์ไฟลท์ างอเี มลล์ โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ ตารางท่ี 3.1 การสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับการกาหนดกรอบข้อมูลในการจัดทาบัญชีบริวารดา้ นสุขภาพ กลมุ่ ที่ 1 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสขุ คณะทางานจดั ทาบัญชีรายจ่ายสขุ ภาพแห่งชาติ กอง 1. คณุ ชาฮดี า วิริยาทร ยุทธศาสตร์และแผนงาน สานักงานพัฒนานโยบาย 2. คุณเยาวลกั ษณ์ แหวนวงษ์ สุขภาพระหว่างประเทศ กลมุ่ ท่ี 2 กองทนุ สุขภาพ ผู้แทนสานกั งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 3. คุณทวีศรี กรที อง สาระสาคัญทส่ี รปุ ได้จากการสัมภาษณเ์ ชิงลกึ เพื่อประกอบการวเิ คราะห์ และจัดทากรอบขอ้ มูลในการ จัดทาบญั ชบี ริวารดา้ นสขุ ภาพ จากผู้ทรงคณุ วฒุ แิ ละผู้เช่ียวชาญ สามารถสรปุ ได้ดงั น้ี ประเด็นที่ 1 การจดั ทาโครงสรา้ งของ (ร่าง) บญั ชีบรวิ ารด้านสขุ ภาพ - การจดั ทาโครงสร้างของ (รา่ ง) บัญชบี ริวารด้านสุขภาพมีความครอบคลุมระบบสุขภาพแลว้ ในภาพรวม อย่างไรก็ตาม การจัดทากรอบข้อมูลดังกล่าวควรมีเป้าหมายท่ีชัดเจน เพ่ือการกาหนดวัตถุประสงค์ในการนาไปใช้ ในลาดับถัดไป เช่น การรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพมาวิเคราะห์เพ่ือเป็นเคร่ืองมือในการกาหนดนโยบายด้าน สาธารณสุข หรือการรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพมาพัฒนาเป็นฐานข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอ่ืน ๆ ภายในประเทศ และ/หรอื ตา่ งประเทศ เปน็ ต้น ประเด็นที่ 2 การดาเนินการต่อยอดบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของไทยเพ่ือเป็นพ้ืนฐานต่อการ พฒั นาบัญชีบริวารด้านสุขภาพ - สืบเนื่องจากแผนภาพที่ 3.1 องค์ประกอบของอุปทานด้านสุขภาพ (Health supply) สามารถต่อ ยอดจากบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติของไทย ซึ่งรวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับโครงสร้างต้นทุนด้านสุขภาพ รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 3-5 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

เชน่ คา่ จา้ ง/ค่าตอบแทน คา่ ยา และการสะสมทุน เป็นตน้ โดยขอ้ มลู ดังกล่าวสามารถนามาพัฒนากรอบข้อมูล ด้านรายรบั ของสุขภาพได้ (Income side) - การจัดทา NHA ได้มีการเก็บข้อมูลจากหน่วยจ่ายแทน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) หน่วย จ่ายแทนภาครัฐ และ 2) หน่วยจ่ายแทนนอกภาครัฐ โดยบางข้อมูลจะต้องใช้สมมติฐานเพื่อประมาณการ ข้อมูลเพื่อประกอบในแต่ละคู่ข้อมูลที่กาหนดขึ้นใน NHA เช่น ข้อมูลจากหน่วยครัวเรือนซึ่งเป็นข้อมูลนอก ภาครัฐที่รวบรวมจากการสารวจ จากผลการสารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนของสานักงาน สถิติแห่งชาติ (สสช.) ซึ่งการเก็บข้อมูลจากหน่วยจ่ายแทนอาจจะเป็นข้อจากัดที่เกิดขึ้น ซึ่งตามคู่มือ A System of Health Account ของ OECD นั้นมีกรอบแนวคิดในการเก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการ (Provider) ท่ีจะสามารถจาแนกประเภทของผู้รับบริการด้านสุขภาพได้ทุกกลุ่ม ทั้งน้ี การเก็บข้อมูลดังกล่าวอาจมีความ ยุ่งยาก เนื่องจากมาตรฐานการเก็บข้อมูลในแต่ละหน่วยบริการมีความหลากหลาย และจะต้องรวบรวมจาก หลายหน่วยงานมากขึ้น - การจัดทา NHA มุ่งเน้นการแสดงรายจ่ายด้านสุขภาพเฉพาะคนไทยที่เกิดขึ้นภายในประเทศ เท่านั้น ซึ่งกรอบการจัดทา SHA ที่ต้องการขยายความครอบคลุมการนาเข้าและการส่งออกของรายจ่าย ด้านสุขภาพ ในเบื้องต้นอาจใช้ข้อมูลมูลค่าจาก NHA เป็นแกนหลัก จากนั้นจึงพัฒนาในรายละเอียดของ รายจ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อแจกแจงเป็นข้อมูลการนาเข้าและการส่งออกด้านสุขภาพ ซึ่งมูลค่าของรายจ่ายด้าน สุขภาพอาจเพ่ิมขึ้นจากข้อมูลท่ีมีรายละเอียดเพ่ิมข้ึนซึ่งไม่ได้เป็นการนับซ้า ดังน้ัน SHA ท่ีมีข้อมูลการนาเข้า และส่งออกของรายจ่ายด้านสุขภาพจะมีมูลค่าสูงกว่า NHA ประเดน็ ท่ี 3 ความเป็นไปได้ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาบัญชีบริวารด้านสุขภาพ - ข้อจากัดในการรวบรวมข้อมูล เนื่องจากการบันทึกบัญชีจะต้องจับคู่ข้อมูลในลักษณะตารางไขว้ (Cross tabulation) ซึ่งความแตกต่างของการเก็บข้อมูลในแต่ละหน่วยงานอาจจะทาตารางไขว้ไม่ได้ ดังนั้น การเลือกชุดข้อมูลในการจัดทา SHA อาจจะมีอุปสรรคในการเก็บข้อมูลได้ในทุกหน่วยงาน และ ปัจจุบันชุดข้อมูลมีความแตกต่างกันตามแต่หน่วยบริการ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเก็บข้อมูลที่แจกแจง การนาเข้าและการส่งออกของรายจ่ายด้านสุขภาพ - การปรับรูปแบบของ SHA ให้สอดคล้องกับบริบทและความพร้อมของข้อมูลด้านสุขภาพของ ประเทศไทย ซึ่งประสบการณ์ในการจัดทา NHA กาหนดนิยามและกรอบของข้อมูลตาม คู่มือ A System of Health Account ของ OECD ซึ่งเป็นการกาหนดนิยามในภาพรวมเท่านั้น ซึ่งในรายละเอียดจะต้อง หารือร่วมกันของคณะทางาน และผู้จัดทาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ เช่น กรอบแนวคิดรายจ่ายด้านสุขภาพของ NHA จะต้องกระจายรายจ่ายจากผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Provider of health) ตามแต่ละประเภทของการบริการ และการสะสมทุนต่าง ๆ แต่จากลักษณะของนโยบายด้าน สาธารณสุขของประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ภายใต้กองทุนสุขภาพ ด้วยเหตุนี้ การจัดทา NHA จึง ประยุกต์ให้การกระจายข้อมูลเริ่มจากหน่วยจ่ายแทน เช่น กระทรวงสาธารณสุข กองทุนหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และ สานักงาน คณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ เป็นต้น ดังนั้น การจัดทา SHA จึงสามารถปรับจากกรอบของคู่มือที่จะนามาพัฒนาได้ตามความเหมาะสม เพ่ือความสอดคล้องกับบริบทของข้อมูล และนโยบายสาธารณสุขของประเทศ รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หนา้ ที่ 3-6 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

ประเด็นที่ 4 ขอบเขต นิยาม และข้อมูลการส่งออกและนาเข้าสินค้าและบริการด้านสุขภาพ - การกาหนดนิยามของ NHA ในส่วนของการส่งออกและนาเข้าสินค้าและบริการด้านสุขภาพมีความ แตกต่างกับ SHA เนื่องจาก NHA เป็นการเก็บข้อมูลรายจ่ายด้านสุขภาพที่เกิดข้ึนจริงภายในรอบ 1 ปี โดยไม่นับ รวมการส่งออกด้านสุขภาพ หรือเป็นการจัดทาบัญชีด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นภาพในประเทศเท่าน้ัน ซึ่งจะแตกต่าง จาก SHA ที่ครอบคลุมภาพรวมทั้งการส่งออกและการนาเข้าของบริการสุขภาพ ท่ีจะต้องแจกแจงผู้ผลิต และ ผ้บู ริโภคในระบบใหช้ ัดเจน - การกาหนดนยิ าม จาเป็นต้องมีการประชมุ ร่วมกันของคณะทางานที่มีส่วนเก่ียวข้อง ซงึ่ ประสบการณ์ใน การจัดทา NHA น้ันได้มีการจัดประชุมในการชี้แจง และหาข้อสรุปร่วมกันในการดาเนินการดังกล่าว เพ่ือการเป็น ทยี่ อมรบั และการสรา้ งความเข้าใจท่ีถูกต้องของชดุ ข้อมลู ท่ตี ้องนาส่งเพื่อการนามาจัดทา NHA ประเดน็ ที่ 5 การเกบ็ ข้อมลู จากหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง - คณะผู้วิจัยควรจัดทาคู่มือระเบียบวิจัยเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลอย่างง่ายให้แก่หน่วยงานที่เก่ียวข้องใน เบ้ืองต้น โดยประสบการณ์การจัดทา NHA ในระยะแรกนั้นได้มีการจัดทาระเบียบการเก็บข้อมูล และการจัดทา ตารางโครงสร้างของ NHA ใหแ้ ก่หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้อง ประเดน็ ท่ี 6 อนื่ ๆ - รูปแบบของการประชุมของคณะทางาน แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) การจัดประชุมคณะทางาน ทั้งหมด และ 2) การจัดประชุมกลุ่มย่อย ซ่ึงการจัดประชุมคณะทางานท้ังหมด จะเป็นการชี้แจงถึงเป้าประสงค์ใน ภาพรวมในแต่ละรอบการทางาน เน่ืองจาก การจัดทา NHA มีการพัฒนาการเก็บข้อมูลตามกรอบของคู่มือ A System of Health Account ของ OECD ที่ได้ปรบั ปรงุ อย่างต่อเน่ือง ซึ่งในแต่ละรอบการทางานนั้นจะต้องชี้แจง การเปล่ียนแปลง หรือการพัฒนาข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไร และการ จัดประชุมกลุ่มย่อย จะดาเนินการก็ต่อเม่ือมีผู้แทนหน่วยงานคนใหม่ และหน่วยงานท่ีไม่คุ้ยเคยกับข้อมูลด้าน สาธารณสุขหรือมีความเข้าใจต่อการจัดทา NHA ค่อนข้างน้อย ซึ่งคณะทางานในปัจจุบันมีผู้ประสานงานหลัก คือ สานักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) จะจัดประชุมกลุ่มย่อยกับหน่วยงานน้ัน ๆ เป็น รายหนว่ ยงาน เพ่ือใหไ้ ดม้ าซึ่งขอ้ มูลท่ตี รงตามวตั ถปุ ระสงค์ 3.2 การรวบรวมขอ้ มูลปฐมภมู เิ กย่ี วกบั การพฒั นาขอบเขตของระบบบัญชบี ริวารด้านสขุ ภาพ 3.2.1 ประเด็นการรวบรวมข้อมลู การจัดทาขอบเขตของบัญชีบริวารด้านสุขภาพ และสารวจความพร้อมของข้อมูลในการจัดทาบัญชี บริวารด้านสุขภาพ ในการพัฒนาขอบเขตของระบบบัญชีบริวารด้านสุขภาพ เพ่ือจัดทา (ร่าง) ข้อเสนอ โครงสร้างบัญชีบริวารด้านสุขภาพของประเทศไทย จาแนกได้ 3 ประเด็นท่ีสาคัญ ได้แก่ 1) ความคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะเก่ียวกับขอบเขตของบัญชีบริวารด้านสุขภาพ 2) ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับขอบเขต ของบัญชีบริวารด้านสุขภาพ และ 3) ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับการจัดทาตารางปัจจัยการผลิต และผลผลติ ภายใตข้ อบเขตของบัญชบี รวิ ารด้านสขุ ภาพ โดยในแต่ละประเด็นมีขอ้ คาถาม ดงั นี้ รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแม่บท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณ์และ หนา้ ท่ี 3-7 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ประเดน็ ที่ 1 ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเก่ียวกับขอบเขตของบัญชบี ริวารดา้ นสขุ ภาพ ทางมูลนธิ ิ สวค. ได้กาหนดขอบเขตของกจิ กรรมภายใต้บญั ชบี รวิ ารดา้ นสขุ ภาพไวค้ ือ “กิจกรรมการผลิตสินค้าและการให้บริการด้านสุขภาพแก่มนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสขุ ภาพ การควบคมุ ป้องกนั โรค การรักษาพยาบาล การฟน้ื ฟสู มรรถภาพ และการคมุ้ ครองผู้บรโิ ภค ของหนว่ ยงาน ทางเศรษฐกจิ ทัง้ หมด” เมื่อนาขอบเขตดังกล่าว พิจารณาร่วมกับเอกสารแนบทั้งภาพและตาราง ทางมูลนิธิ สวค. ตอ้ งการสอบถามความคิดเหน็ ดงั นี้ 1. ท่านคิดเห็นอย่างไรต่อขอบเขตและการจาแนกประเภทของกิจกรรมการผลิตที่มูลนิธิ สวค. ไดน้ าเสนอกจิ กรรมการผลติ ดา้ นสขุ ภาพโดยภาพรวม 2. ท่านคิดเห็นอย่างไรต่อกิจกรรมการผลิตต้ังแต่ 1-8 ในตาราง (เป็นกิจกรรมการผลิตภายใต้บัญชี รายจ่ายสุขภาพแห่งชาติที่มีการจัดทาในปัจจุบัน) ควรมีการปรับปรุง แก้ไข และเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร 3. ทา่ นคิดเหน็ อย่างไรต่อกิจกรรมการผลติ ภายใต้ 9. สถานประกอบการเพ่อื สขุ ภาพ (สปา นวด และ ฟิตเนส) ควรมกี ารปรบั ปรุง แก้ไข และเพมิ่ เติมหรอื ไม่ อย่างไร 4. ทา่ นคิดเหน็ อย่างไรตอ่ กจิ กรรมการผลิตสินคา้ ดา้ นสุขภาพภายใต้ 10-12 ควรมกี ารปรบั ปรงุ แก้ไข และเพม่ิ เติมหรือไม่ อยา่ งไร 5. ท่านคิดเห็นอย่างไรต่อกิจกรรมการให้บริการท่ีเกี่ยวกับด้านสุขภาพภายใต้ 13-16 ควรมีการ ปรับปรุง แก้ไข และเพม่ิ เติมหรอื ไม่ อย่างไร 6. แหล่งข้อมูลในส่วนการผลิต การใช้จ่าย ปัจจัยการผลิต การนาเข้าส่งออกและนาเข้า ทั้งสินค้า และบรกิ าร ทท่ี า่ นเหน็ ว่ามีประโยชน์ตอ่ การจดั ทาบัญชบี รวิ ารด้านสุขภาพ ประเดน็ ที่ 2 การสารวจข้อมูลและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สาหรบั ประมวลผลตามขอบเขตของบัญชีบริวาร ด้านสุขภาพ จาแนกออกเป็นประเด็นคาถามเฉพาะของแต่ละหนว่ ยงานดังนี้  สานักงานเศรษฐกจิ อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม 1. กระทรวงอุตสาหกรรม มีการจัดเก็บข้อมูลการผลิต และปัจจัยการผลิต ด้านสุขภาพ หรือไม่ ตัว แปรท่ไี ดม้ ีการจัดเกบ็ มีอะไรบา้ ง 2. ข้อมูลการผลิตด้านสุขภาพท่ีกระทรวงอุตสาหกรรมจัดเก็บในปัจจุบันมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ครอบคลมุ ทกุ บรษิ ทั /โรงงานทท่ี าการผลิตหรือไม่ 3. ข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมท่ีได้มีการจัดเก็บ ได้จาแนกตามรหัสมาตรฐานหรือไม่ เช่น จาแนกตามรหสั TSIC หรอื ISIC) 4. จากเอกสารแนบทั้งภาพและตาราง การผลิตสินค้าท่ีทางมูลนิธิ สวค. ได้จาแนกประเภทไว้ ต้ังแต่ 10-12 ฐานข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมในปัจจุบัน มีข้อมูลตามการจาแนกสาขาดังกล่าว หรอื ไม่ หากไม่มี มลี ะเอียดสดุ มากนอ้ ยเพยี งใด 5. ท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และข้อจากัด ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมตามรายละเอียดการ จาแนกประเภทของมูลนิธิ สวค. หรอื ไม่ หากทา่ นเหน็ ว่ามี ท่านมขี ้อเสนอแนะในประเด็นดงั กล่าว อยา่ งไร รายงานฉบับสมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หน้าที่ 3-8 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

 กรมพฒั นาธรุ กจิ การคา้ กระทรวงพาณชิ ย์ 1. ข้อมูลการผลิตหรือยอดขายด้านสุขภาพของไทยที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดเก็บในปัจจุบันมี ความครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ครอบคลุมทุกบริษัทท่ีทาการผลิตและให้บริการหรือไม่ (เช่น โรงพยาบาล สถานพยาบาล สถานพักฟื้น บริษัทประกัน ผู้ขายส่งและขายปลีก สปา ร้านนวด ศนู ย์ฟิตเนส เป็นตน้ ) 2. จากเอกสารแนบทง้ั ภาพและตาราง การผลิตสนิ ค้าและการให้บริการท่ีทางมลู นธิ ิ สวค. ไดจ้ าแนก ประเภทไว้ ฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในปัจจุบัน มีข้อมูลตามการจาแนกสาขา ดงั กลา่ วหรอื ไม่ ถ้าไมม่ ี มีละเอยี ดสุดมากน้อยเพียงใด 3. ท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และข้อจากัด ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมตามการรายละเอียด จาแนกประเภทของมูลนิธิ สวค. หรอื ไม่ หากทา่ นเหน็ ว่ามี ทา่ นมขี อ้ เสนอแนะในประเด็นดงั กล่าว อยา่ งไร  ธนาคารแห่งประเทศไทย 1. ขอ้ มูลนาเข้าและส่งออกบริการที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีการจัดเก็บมีลักษณะอย่างไร เช่น ตัวแปรท่ีจัดเก็บ มีการจัดเก็บจาแนกตามประเภทบริการหรือไม่ (หากมี ใช้รหัสมาตรฐานใดใน การจาแนก) มกี ารจัดเก็บจาแนกตาม Mode ของบริการหรือไม่ เปน็ ต้น 2. ข้อมลู นาเข้าและส่งออกบรกิ ารของไทยด้านสขุ ภาพในปัจจบุ นั มีความครบถว้ นสมบูรณ์หรอื ไม่ 3. จากเอกสารแนบท้ังภาพและตารางบริการด้านสุขภาพท่ีทางมูลนิธิ สวค. ได้จาแนกประเภทไว้ ต้ังแต่ 1-9 และ 13-16 ฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน มีข้อมูลตาม การจาแนกสาขาดังกล่าวหรอื ไม่ ถา้ ไมม่ ี มีละเอยี ดสดุ มากน้อยเพยี งใด 4. ท่านเห็นวา่ มอี ปุ สรรค ปญั หา และข้อจากัด ในการจัดเก็บขอ้ มูลเพ่ิมเติมตามรายละเอยี ด 5. การจาแนกประเภทบริการของมูลนิธิ สวค. หรือไม่ หากท่านเห็นว่ามี ท่านมีข้อเสนอแนะใน ประเด็นดงั กลา่ วอย่างไร  คณะทางานจัดทาบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติ สานักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่าง ประเทศ กระทรวงสาธารณสขุ 1. ฐานข้อมูลที่ใช้ในการจัดทาบัญชีรายจ่ายสุขภาพแห่งชาติ ในแต่ละ Table มีที่มาของข้อมูล อย่างไร โดยเฉพาะขอ้ มลู การผลติ และปจั จยั การผลติ 2. การจัดทาข้อมูลจาแนกตามประเภท เช่น HC HP และ FP ทางคณะทางานจัดทาบัญชีรายจ่าย สุขภาพแหง่ ชาติ มแี นวทางในการจดั ทาอย่างไร (เช่น แนวทางการคดิ มูลคา่ การผลิต แนวทางการ ใชร้ หัสมาตรฐาน (TSIC ISIC CPC) ในการจดั ทาขอ้ มลู บัญชรี ายจา่ ยสขุ ภาพแหง่ ชาต)ิ 3. ท่านคิดเห็นอย่างไรกับ ขอบเขตและการจาแนกประเภทของกิจกรรมการผลิตท่ีมูลนิธิ สวค. ได้ นาเสนอ ควรมกี ารปรับปรุง แก้ไข และเพมิ่ เตมิ หรือไม่ อยา่ งไร 4. ท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และข้อจากัด ในการจัดเก็บข้อมูลเพ่ิมเติมตามรายละเอียด การจาแนกประเภทของมูลนิธิ สวค. หรือไม่ หากท่านเห็นว่ามี ท่านมีข้อเสนอแนะในประเด็น ดงั กล่าวอยา่ งไร รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศึกษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ท่ี 3-9 ออกแบบระบบ ระยะที่ 1

 สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข 1. สนิ คา้ ด้านสุขภาพภายใต้การดแู ลของ สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกอบดว้ ย อะไรบา้ ง 2. ทาง อย. มีแนวทางในการจาแนกมูลค่าการผลิตยาที่ใช้สาหรับมนุษย์และสัตว์ ทั้งการผลิต ภายในประเทศและการนาเขา้ อย่างไร 3. จากเอกสารแนบท้ังภาพและตาราง สินค้าด้านสุขภาพท่ีทางมูลนิธิ สวค. ได้จาแนกประเภทไว้ โดยเฉพาะ 10. การผลิตผลิตภัณฑ์ท่ีใช้รักษาโรค ฐานข้อมูลของ อย. ในปัจจุบัน มีข้อมูลตามการ จาแนกสาขาดงั กลา่ วหรือไม่ ถา้ ไม่มี มลี ะเอยี ดสดุ มากนอ้ ยเพยี งใด 4. ท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และข้อจากัด ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมตามรายละเอียด การจาแนกประเภทสินค้าของมูลนิธิ สวค. หรือไม่ หากท่านเห็นว่ามี ท่านมีข้อเสนอแนะใน ประเดน็ ดงั กล่าวอยา่ งไร  กรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข 1. สินค้าและบริการด้านสุขภาพภายใต้การดูแลของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 2. ทาง สบส. มีแนวทางในการจาแนกมูลค่าการผลิตสินค้าและบริการท่ีเก่ียวข้อง ท้ังการผลิต ภายในประเทศและการนาเขา้ อยา่ งไร 3. จากเอกสารแนบท้ังภาพและตาราง สินค้าด้านสุขภาพท่ีทางมูลนิธิ สวค. ได้จาแนกประเภทไว้ มี ข้อมูลตามการจาแนกสาขาดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของ สบส. หรือไม่ ถ้ามีข้อมูล มีข้อมูลท่ี ละเอยี ดสดุ มากน้อยแค่ไหน 4. ท่านเห็นว่า มีอุปสรรค ปัญหา และข้อจากัด ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมตามรายละเอียด การจาแนกประเภทสินค้าของมูลนิธิ สวค. หรือไม่ หากท่านเห็นว่ามี ท่านมีข้อเสนอแนะใน ประเดน็ ดังกล่าวอย่างไร ประเด็นที่ 3 การจัดทาตารางปจั จยั การผลิตและผลผลติ ภายใตข้ อบเขตของบญั ชบี ริวารดา้ นสขุ ภาพ  ศ.ดร.เออื้ มพร พิชยั สนิธ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ 1. แนวทางและหลักการสาคญั ในการจดั ทาตารางปัจจยั การผลติ และผลผลิต เฉพาะสาขา เช่น  ข้อสมมติฐาน  การกาหนดนิยาม และการจาแนกประเภท (Sector)  การวิเคราะห์โครงสร้างการผลิตและผลผลติ ในระดบั ย่อยทล่ี ะเอยี ดกวา่ IO 180 Sectors ของสานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  การประมวลผล เช่น o การคานวณ Purchasers’ Price, Producers’ price และ Basic Price o การคานวณ Margin Sector  การดุลระหว่าง Demand และ Supply 2. แนวทางหรอื การนาไปประยกุ ต์ใช้ในการวิเคราะหข์ องตารางปจั จยั การผลติ และผลผลิต รายงานฉบับสมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ดา้ นเศรษฐกิจสขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ หนา้ ท่ี 3-10 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

3. แหล่งข้อมูลในส่วนการผลิต การใช้จ่าย (รัฐ เอกชน และการใช้จ่ายสินค้าทุน) ปัจจัยการผลิต (ขั้นต้นและข้ันกลาง) การนาเข้าส่งออกและนาเข้า ท้ังสินค้าและบริการ ท่ีท่านเห็นว่ามีประโยชน์ ต่อการจัดทาตารางปจั จยั การผลติ และผลผลิต 4. ทา่ นเหน็ ว่า มีอปุ สรรค ปญั หา และข้อจากัด ในการจัดทาตารางปัจจยั การผลิตและผลผลิตเฉพาะ สาขา (ดา้ นสขุ ภาพ) หรือไม่ หากท่านเหน็ ว่ามี ทา่ นมีขอ้ เสนอแนะในประเด็นดังกล่าวอย่างไร  สานักงานปลดั กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา 1. แนวทางและหลักการสาคญั ในการจัดทาตารางปัจจยั การผลติ และผลผลติ เฉพาะสาขา เช่น  ข้อสมมตฐิ าน  การกาหนดนยิ าม และการจาแนกประเภท (Sector)  การวิเคราะห์โครงสร้างการผลติ และผลผลิตในระดบั ย่อยที่ละเอียดกว่า IO 180 Sectors ของสานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ  การประมวลผล เช่น o การคานวณ Purchasers’ Price, Producers’ price และ Basic Price o การคานวณ Margin Sector  การดุลระหวา่ ง Demand และ Supply 2. แหล่งข้อมูลในส่วนการผลิต การใช้จ่าย (รัฐ เอกชน และการใช้จ่ายสินค้าทุน) ปัจจัยการผลิต (ขั้นต้นและขั้นกลาง) การนาเข้าส่งออกและนาเข้า ท้ังสินค้าและบริการ ที่ท่านเห็นว่ามีประโยชน์ ตอ่ การจดั ทาตารางปัจจัยการผลิตและผลผลติ 3. ทา่ นเห็นวา่ มอี ปุ สรรค ปญั หา และขอ้ จากัด ในการจัดทาตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตเฉพาะ สาขา (ด้านสขุ ภาพ) หรือไม่ หากทา่ นเห็นว่ามี ทา่ นมขี ้อเสนอแนะในประเดน็ ดังกลา่ วอย่างไร แผนภาพท่ี 3.4 กรอบกิจกรรมภายใต้บัญชีบริวารดา้ นสุขภาพ หมายเหตุ: หมวด 1-8 และ 13 มาจากกรอบผู้ใหบ้ รกิ าร ของ National Health Account หนา้ ที่ 3-11 รายงานฉบบั สมบูรณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกจิ สขุ ภาพศกึ ษาสถานการณแ์ ละ ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1

ตารางท่ี 3.2 ขอบเขตของกิจกรรมภายใต้บญั ชีบรวิ ารดา้ นสขุ ภาพ ลาดับ Description ISIC TSIC NHA หมายเหตุ 1 โรงพยาบาล (Hospitals) HP.1 1.1 โรงพยาบาลทวั่ ไป (General hospitals) 8610 86101 HP.1.1 1.2 โรงพยาบาลจิตเวชและบาบัดรักษาผู้ติดส่ิงเสพติด 8610 86102 HP.1.2 (Mental health hospitals) 1.3 โรงพยาบาลเฉพาะทาง (Specialised hospitals) 8610 86102 HP.1.3 2 สถานพยาบาล บา้ นพกั หรือสถานพักฟน้ื HP.2 (Residential long-term care facilities) 2.1 สถานพยาบาล ซ่ึงอานวยความสะดวกและพยาบาล 8710 87100 HP.2.1 แก่คนไข้ในระยะยาวประกอบด้วยการให้บริการ พยาบาลการดูแลและเฝ้าระวัง และบริการอ่ืนๆท่ี คนไข้ต้องการ โดยผสมผสานระหว่างการให้บริการ ด้านสังคมและสุขภาพ (Long-term nursing care facilities) 2.2 สถานพกั ฟืน้ ผู้ปว่ ยจติ เวชและผตู้ ิดสิง่ เสพติด (Mental 8720 87201 HP.2.2 health and substance abuse facilities) 87202 87203 2.3 สถานพยาบาล บ้านพกั หรือสถานพกั ฟ้ืนอนื่ ๆ (Other 8730 87301 HP.2.9 residential long-term care facilities) เ ฉ พ า ะ 87302 ผู้สงู อายแุ ละผู้พิการ 87303 3 คลินิก, ศูนย์บริการทใ่ี หบ้ ริการดแู ลสุขภาพโดยตรง HP.3 แก่คนไข้นอกโรงพยาบาล และการดูแลฟ้ืนฟูคนไข้ แ ล ะบ ริกา รดูแ ลผู้ป่วย ที่ บ้า น (Ambulatory health care) 3.1 คลนิ ิกหรือศนู ย์บรกิ ารโรคทวั่ ไป 8620 86201 HP.3.1.1 3.2 คลินกิ หรือศนู ย์บรกิ ารโรคเฉพาะทาง 8620 86202 HP.3.1.2 HP.3.1.3 HP.3.4 3.3 คลนิ ิกหรอื ศูนยท์ นั ตกรรม (Dental practices) 8620 86203 HP.3.2 3.4 คลนิ กิ หรือศูนยบ์ รกิ ารทใี่ ห้บรกิ ารดูแลสขุ ภาพ 8690 86901 HP.3.3 - TSIC 86901 และ 86902 ต้องไม่รวม โดยตรงแกค่ นไข้นอกอน่ื ๆ 86902 HP.3.4 การดแู ลสุขภาพท่ีบา้ น (การดูแล 86909 สุขภาพท่บี า้ นอยภู่ ายใต้ CPA 86901.02 และ 86902.00) - TSIC 86909 ตอ้ งไม่รวมบริการ รถพยาบาล (ตรงกบั CPA 86909.01) 3.5 คลินิกหรือศูนย์บริการให้บริการดูแลสุขภาพคนไข้ท่ี 8690 86901 HP.3.5 คานวณเฉพาะการดแู ลสุขภาพทบี่ ้าน บ้าน (Home Care) 8810 86902 เทา่ นัน้ 88101 - การดูแลสุขภาพทบี่ ้าน TSIC 86901 88102 และ 86902 อยภู่ ายใต้ CPA 86901.02 และ 86902.00 - การดูแลสขุ ภาพท่บี า้ น TSIC 88101 และ 88102 ตรงกับ CPA 88101.02 และ 88102.02 4 ผู้ใหบ้ รกิ ารเสริม (Ancillary services) HP.4 4.1 ผใู้ หบ้ รกิ ารขนสง่ ผู้ปว่ ยและความช่วยเหลือฉกุ เฉนิ 8690 86909 HP.4.1 คานวณเฉพาะบริการรถพยาบาล เท่านน้ั (ตรงกับCPA 86909.01) 4.2 คลินิกหรือศูนย์บริการตรวจวิ นิจฉัยโร คโ ดย 8690 86903 HP.4.2 CPA 86903.01 และ 86903.02 หอ้ งทดลองหรอื หอ้ งแลป รายงานฉบบั สมบรู ณ์: โครงการศึกษาแผนแมบ่ ท (Master Plan) ด้านเศรษฐกิจสขุ ภาพศึกษาสถานการณ์และ หน้าท่ี 3-12 ออกแบบระบบ ระยะท่ี 1