Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ม.ค.-เม.ย.63)

วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ม.ค.-เม.ย.63)

Published by boomsdu, 2023-01-12 06:24:17

Description: วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ม.ค.-เม.ย.63)

Search

Read the Text Version

บว าณั  ร สฑ า ิตร วว ิชทิ า กย าา รลยั สวนISSดN16สุ 86-ิต0659 ปีที่ 16 ฉบับที่ 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม – เมษายน 2563 เจา้ ของ บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื การเผยแพรง่ านทางวชิ าการในประเภทบทความวิจยั บทความวชิ าการ บทความปริทัศน์ และ บทความวจิ ารณห์ นงั สือ 2. เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ด้านมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ (ครุศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ อาชญาวทิ ยา บริหารธรุ กิจ และสาขาอ่ืนท่เี กี่ยวขอ้ ง) ที่ปรกึ ษา อธกิ ารบดี ประธานทป่ี รึกษาอธิการบดี รองศาสตราจารย์ ดร. ศโิ รจน์ ผลพนั ธนิ รองอธิการบดฝี า่ ยวจิ ยั และพัฒนาการศึกษา รองศาสตราจารย์ ดร. สุขุม เฉลยทรพั ย ์ รองอธิการบดฝี ่ายวชิ าการ รองศาสตราจารย์ ดร. ชนะศึก นิชานนท์ ทีป่ รึกษาคณบดบี ัณฑิตวิทยาลัย ดร. สุวมาลย์ ม่วงประเสริฐ รองศาสตราจารย์ ดร. ประกฤติ พูลพัฒน์ บรรณาธิการ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. อาภาศริ ิ สุวรรณานนท ์ มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ กองบรรณาธิการ ศาสตราจารย์ ดร. กาญจนา คุณารกั ษ ์ มหาวิทยาลยั กรงุ เทพธนบุรี ศาสตราจารย์ พล.ต.ต. หญงิ ดร. พัชรา สนิ ลอยมา โรงเรยี นนายรอ้ ยต�ำรวจ ศาสตราจารย์ ดร. ศรยี า นยิ มธรรม มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ ศาสตราจารย์ ดร. โสภณ ศรีวพจน ์ โรงเรียนนายรอ้ ยตำ� รวจ รองศาสตราจารย์ ดร. รงั สรรค์ ประเสรฐิ ศร ี มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร. วรนารถ แสงมณ ี สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจา้ คุณทหาร ลาดกระบัง รองศาสตราจารย์ ศิรวิ รรณ เสรรี ัตน ์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา ศาสตราจารย์ ดร. ผดงุ อารยะวญิ ญู มหาวิทยาลยั สวนดุสิต ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ชาตชิ าย มหาคตี ะ มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. องคอ์ ร สงวนญาติ มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ ผ้ปู ระสานงาน มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต นางสาวจารุภา ยม้ิ ละมยั นางสาวณัชชา ถาวรบตุ ร

การพิจารณาบทความ ตน้ ฉบบั บทความจะไดร้ ับการพจิ ารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ภายนอก ในสาขาวิชาน้ัน ๆ จำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 2 ทา่ น โดยเปน็ การประเมนิ แบบอำ� พรางสองฝา่ ย (Double Blind) และสง่ ผลการพจิ ารณา แก่ผเู้ ขียน เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ข บทความ หรือพมิ พต์ น้ ฉบบั ใหม่ แล้วแต่กรณี เมือ่ บทความผ่านการพิจารณา จากผทู้ รงคณุ วุฒแิ ละกองบรรณาธิการแล้วผเู้ ขียนจึงจะไดร้ ับใบตอบรบั การตีพิมพบ์ ทความในวารสาร ก�ำหนดเผยแพร่ จดั พิมพ์เผยแพรป่ ีละ 3 ฉบับ (วารสารราย 4 เดอื น) ฉบับท่ี 1 เดอื นมกราคม-เมษายน ฉบับท่ี 2 เดอื นพฤษภาคม-สงิ หาคม ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน-ธันวาคม ลขิ สทิ ธ์ ิ บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ 145/9 อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ ถนนสุโขทยั เขตดุสิต กรงุ เทพฯ 10300  โทรศัพท์: 02-241-7191-5 ตอ่ 4135  โทรสาร: 02-243-3408 website: http://www.graduate.dusit.ac.th/journal E-mail: [email protected] พิมพท์ ่ี ศนู ย์บริการสื่อและสิง่ พมิ พ ์ กราฟฟิคไซท์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต 295 ถนนนครราชสีมา แขวงดุสติ เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร 10300 โทรศัพท์: 02-244-5081 วารสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิต มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เป็นวารสารปรากฏอยู่ในฐาน TCI (Thai Journal Citation Index Centre) หรือศูนย์ดชั นกี ารอ้างอิงวารสารไทย โดยปฏบิ ัติการพฒั นาคุณภาพ วารสารตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาการตามท่ีส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และส�ำนักงาน กองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) กำ� หนดกองบรรณาธกิ ารของวารสาร ประกอบดว้ ย ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ มี่ ตี ำ� แหนง่ ทางวชิ าการ ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และผูช้ ่วยศาสตราจารย์ รวมทั้งผ้ทู รงคุณวุฒริ ะดบั ปรญิ ญาเอก มีผลงานวิจัยต่อเน่ือง ซึ่งเป็นบุคลากรจากสถาบันภายนอกและภายใน และมีผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) อา่ นพิจารณาบทความ ซึ่งเปน็ ผ้เู ชีย่ วชาญและมผี ลงานทางวิชาการอยา่ งตอ่ เนื่อง ทัศนะและข้อคิดเห็นใด ๆ ท่ีปรากฏในวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน ทางกองบรรณาธิการ เปดิ เสรีในดา้ นความคดิ และไม่ถือว่าเปน็ ความรับผดิ ชอบของกองบรรณาธิการ

ผ้ทู รงคุณวฒุ ิอ่านประเมนิ บทความ (Peer Review) จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ศาสตราจารย์ ดร. ตนิ ปรัชญพฤทธิ์ ศาสตราจารย์ ดร. สมบรู ณ์ สุขสำ� ราญ ราชบัณฑติ มหาวิทยาลัยรังสติ รองศาสตราจารย์ ดร. คมเพชร ฉัตรศุภกุล มหาวิทยาลยั เกษมบณั ฑติ รองศาสตราจารย์ จริ ประภา มากลน่ิ มหาวิทยาลัยนเรศวร รองศาสตราจารย์ ดร. เฉลมิ พงศ์ มสี มนยั มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร. ชวนชม ชนิ ะตงั กรู มหาวิทยาลยั กรงุ เทพธนบุรี รองศาสตราจารย์ ดร. เด่น ชะเนตยิ งั มหาวทิ ยาลยั เวสเทิร์น รองศาสตราจารย์ ดร. ทวี เชอ้ื สวุ รรณทวี วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหดิ ล รองศาสตราจารย์ ดร. ธงชยั สมบรู ณ์ มหาวิทยาลยั รามค�ำแหง รองศาสตราจารย์ ดร. พงศ์ หรดาล มหาวิทยาลัยราชภฏั พระนคร รองศาสตราจารย์ ดร. สัญญา เคณาภูมิ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม รองศาสตราจารย์ ดร. สุเทพ เชาวลติ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร. สุรชยั กงั วล มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ รองศาสตราจารย์ ดร. สุวมิ ล อุดมพริ ยิ ะศกั ด์ิ มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ธงชัย เตโชวิศาล โรงเรียนนายร้อยตำ� รวจ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ธรี ะ สนิ เดชารักษ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. พรเทพ เมอื งแมน มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบุรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วา่ ท่รี ้อยตรี ดร. มงคลชยั บญุ แกว้ มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. อรอุมา เจรญิ สุข มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ พนั ต�ำรวจโท ดร. ธติ ิ มหาเจริญ โรงเรยี นนายร้อยต�ำรวจ ดร. บุษกร เชี่ยวจินดากานต์ มหาวทิ ยาลัยรามค�ำแหง ดร. ปกครอง มณีโรจน ์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา ดร. อมรทพิ ย์ อมราภิบาล มหาวทิ ยาลยั บรู พา



บทบรรณาธกิ าร วารสารวชิ าการบณั ฑติ วทิ ยาลยั สวนดสุ ติ ไดด้ ำ� เนนิ การตพี มิ พบ์ ทความวชิ าการ ดา้ นสงั คมศาสตร์ เพอ่ื ส่งเสรมิ และเผยแพรผ่ ลงานวชิ าการอนั เป็นประโยชนต์ ่อการน�ำไปตอ่ ยอด องค์ความรหู้ รอื สามารถ นำ� ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการพัฒนาและแก้ปญั หาของสงั คมและประเทศชาติ วารสารวชิ าการฉบบั นีเ้ ป็นปีที่ 16 ฉบับท่ี 1 มกราคม-เมษายน 2563 น้ี ได้รวบรวมบทความ จากหลากหลายผู้เขียนไว้อย่างน่าสนใจเช่นเคย ด้านการศึกษา อาทิ ในเรื่องการมีส่วนร่วมของ ผู้ปกครองครู และศิษย์เก่าในการจัดการศึกษาของโรงเรียนสาธิต สังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษา ในเขตกรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล การบรหิ ารครกู ารศกึ ษาพน้ื ฐานเอกชน: กระบวนการ กฎหมาย และแรงจูงใจ การวิเคราะห์การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ของเด็กอนุบาลในโรงเรียน รัตนฉ์ ัตร ดา้ นการแกไ้ ขปญั หาสงั คม อาทิ รูปแบบการป้องกนั ปญั หาอาชญากรรมทางเพศผ่านสอ่ื สังคม ออนไลนข์ องนกั เรยี นระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย สงั กดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน ในเขตกรุงเทพมหานคร มาตรการเพมิ่ ประสิทธภิ าพระบบการพฒั นาพฤตินิสยั ของผู้ตอ้ งขงั ทัณฑสถาน วัยหนุ่มกลาง ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม อาทิ แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการขยะของ เทศบาลเมืองหัวหิน ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ อาทิ สภาพและลักษณะ การท�ำประชาคมชุมชนตามแนวทางการมีส่วนร่วมและตามหลักการทางกฎหมายของเทศบาล นครขอนแก่น คุณภาพชีวิตของประชาชนที่สัมพันธ์กับความผูกพันต่อชุมชน อ�ำเภอน�้ำปาด จังหวัด อตุ รดิตถ์ การพัฒนาสอ่ื ดจิ ทิ ัล อาทิ ประสิทธิผลของสือ่ ดิจทิ ลั เพอ่ื การเลา่ เรือ่ งผา่ นภาพท่ีมตี อ่ แรงจูงใจ ของผเู้ รยี นและความสามารถดา้ นภาษาองั กฤษ ดา้ นการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ อาทิ องคป์ ระกอบความสำ� เรจ็ ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ กรณีศึกษา ระบบการค้นหาการบริการสุขภาพ รวมท้ัง บทความวิจาณห์ นังสือเรอ่ื ง ปลายรางมรณะ The Railway Man ท่ีมีเน้ือหาท่นี า่ สนใจและเข้มข้นเปน็ อย่างยง่ิ และยงั มีบทความท่นี า่ สนใจอกี มากมายในฉบับนี้ท่จี ะทำ� ให้ผ้อู ่านไดร้ ับมมุ มองทางวิชาการและ สาระความรู้ในดา้ นต่าง ๆ อกี มากมาย ทางกองบรรณาธิการคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความจากวารสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ผอู้ า่ นทง้ั ในทางวชิ าการและวชิ าชพี และหากผเู้ ขยี นหรอื ผอู้ า่ นทา่ นใดมขี อ้ เสนอแนะทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ วารสาร สามารถสง่ มาได้ท่ีเบอรโ์ ทรศพั ท์ 02-2417191-5 ต่อ 4135 โทรสาร 02-243-3408 หรืออีเมล์ [email protected] ทางกองบรรณาธกิ ารจะนำ� ไปพิจารณาปรบั ปรุงวารสารใหม้ คี ุณภาพยิ่งขนึ้ ต่อไป ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. อาภาศริ ิ สวุ รรณานนท์ บรรณาธกิ าร



สารบญั หน้า การวิเคราะห์การจดั การศกึ ษาตามแนวคดิ ของมอนเทสซอร่ขี องเดก็ อนุบาลในโรงเรียนรตั น์ฉัตร 1 นวกชมน นติ มิ านพ และปนัฐษรณ์ จารุชยั นิวัฒน์ แนวทางการพฒั นาประสิทธิภาพการจดั การขยะของเทศบาลเมอื งหวั หิน 19 เขมภัทท์ เยน็ เป่ียม อานภุ าพ รกั ษส์ วุ รรณ และดนสุ รณ์ กาญจนวงศ์ องคป์ ระกอบความส�ำเร็จของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศดา้ นสุขภาพ 35 กรณีศึกษา ระบบการค้นหาการบริการสขุ ภาพ พัทธนันท์ มารยี าห์ แสงกุหลาบ และอญั ณิฐา ดิษฐานนท์ สภาพและลกั ษณะการท�ำประชาคมชุมชนตามแนวทางการมสี ว่ นรว่ มและตามหลักการ 49 ทางกฎหมายของเทศบาลนครขอนแกน่ ธนกฤต เกตสุ ิทธ์ิ และศิรศิ กั ดิ์ เหลา่ จันขาม มาตรการเพิ่มประสทิ ธิภาพระบบการพัฒนาพฤตินสิ ัยของผู้ต้องขงั ทัณฑสถานวยั หนุ่มกลาง 65 สรายุธ รนื่ รมย์ เพ็ญศรี พทั ธว์ ิวัฒนศิริ และชาติชาย มหาคีตะ รปู แบบการปอ้ งกันปัญหาอาชญากรรมทางเพศผ่านส่ือสังคมออนไลน์ 81 ของนักเรยี นระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย สังกัดส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน ในเขตกรุงเทพมหานคร ปารณีย์ วรสทิ ธจ์ิ ิตติ ชาติชาย มหาคตี ะ และอาภาศริ ิ สุวรรณานนท์ ความผูกพนั ของพนกั งานที่มีตอ่ ประสทิ ธิภาพในการปฏิบัติงานขององคก์ ร 97 ในภาคอุตสาหกรรมการผลติ ยานยนต์ และชิ้นสว่ น หนงึ่ กรงทอง เอมอร ตระกูลสัมพันธ์ และพรทิพย์ ชุ่มเมืองปัก การพัฒนาชดุ กิจกรรมการเรียนร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 7 ขั้นวิชาชวี วทิ ยา 113 เรอ่ื งโครงสร้างและหนา้ ที่ของพชื ดอกส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ศริ พิ ร วามะลนุ และสพุ รรนี อะโอกิ ประสทิ ธผิ ลของสอื่ ดจิ ทิ ัลเพือ่ การเล่าเรือ่ งผ่านภาพทีม่ ีตอ่ แรงจูงใจของผเู้ รยี น 131 และความสามารถด้านภาษาอังกฤษ กิ่งกาญจน์ สพุ รศิริสิน สมสริ ี มนสั รตั นา เจงพบิ ลู พงศ์ และภทั รพร จนั ทมณุ ี

สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ การเรยี นรคู้ �ำศพั ทข์ องเด็กออทิสตกิ ระดับปฐมวยั โดยการจัดกจิ กรรมเกมทางภาษา 147 เนตรทพิ ย์ วิเชยี ร และกรรวภิ าร์ หงษ์งาม 163 ผลของการฝึกตาราง 9 ช่องท่ีมีขนาดต่างกนั ควบคกู่ ับการฝกึ ความออ่ นตัว ทม่ี ีต่อความคล่องแคล่วว่องไวในกฬี าวอลเลยบ์ อล 177 วันเพ็ญ สุวรรณชัยรบ และจิรวฒั น์ ขจรศิลป์ การมสี ว่ นร่วมของผูป้ กครองครู และศิษย์เก่าในการจัดการศึกษาของโรงเรียนสาธติ 191 สังกดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 211 อดทิ กั ษ์ สุววิ ฒั นชัย ญาลสิ าฐ์ ต้นสอน ชนะศกึ นชิ านนท์ และศโิ รจน์ ผลพนั ธิน 221 คุณภาพชีวติ ของประชาชนที่สัมพันธก์ บั ความผูกพันต่อชมุ ชน อ�ำเภอน�ำ้ ปาด จังหวดั อตุ รดิตถ ์ 225 ญาตินันท์ โคกมา และพิชติ รัชตพบิ ุลภพ การบรหิ ารครกู ารศึกษาพืน้ ฐานเอกชน: กระบวนการ กฎหมาย และแรงจงู ใจ ธานฐั ภทั รภาคร์ ประกฤติ พูลพัฒน์ ผดงุ พรมมลู และสุขุม เฉลยทรัพย์ ปลายรางมรณะ The Railway Man ธีรเดช ชน่ื ประภานุสรณ์ นโยบายและการด�ำเนินงานจัดพมิ พว์ ารสารวิชาการบัณฑติ วทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

การวิเคราะหก์ ารจดั การศกึ ษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ ของเดก็ อนบุ าลในโรงเรยี นรัตน์ฉัตร An Analysis of Montessori Approach and Educational Management of Kindergarten in Ratchut School นวกชมน นิติมานพ* และปนฐั ษรณ์ จารชุ ยั นิวฒั น์ คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั Navakochamon Nitimanop* and Panutsorn Jaruchainiwat Faculty of Education, Chulalongkorn university Received: June 20, 2019 Revised: August 2, 2019 Accepted: August 5, 2019 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ของเด็ก อนุบาลในโรงเรยี นรตั นฉ์ ัตร ใน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการบรหิ ารและการจดั การ ด้านการจัดประสบการณ์ และ ดา้ นคณุ ลกั ษณะเดก็ กลมุ่ เปา้ หมาย ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ าร ครู และผปู้ กครอง ของโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร รวมทง้ั สนิ้ จำ� นวน 38 คน เปน็ งานวจิ ยั เชงิ สำ� รวจ เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา แจกแจงความถ่ี หาค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การหา คณุ ภาพเครอื่ งมอื โดยใชก้ ารวเิ คราะหค์ วามตรงเชงิ เนอ้ื หา จากผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 3 ทา่ น พบวา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ ง ระหว่างข้อค�ำถามกับเนื้อหา IOC ของข้อค�ำถามทุกข้อมีค่า IOC เท่ากับ 1 แสดงว่ามีความตรงของเนื้อหา ผา่ นเกณฑท์ กี่ ำ� หนด นำ� แบบสมั ภาษณแ์ ละแบบสอบถามทผ่ี า่ นการตรวจสอบความตรงเชงิ เนอื้ หา มาทดลองใช้ และน�ำข้อมูลท่ีได้ไปวิเคราะห์หาค่าความเช่ือมั่นของแบบสอบถาม ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของ ครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ได้คา่ ความเช่อื มั่นเทา่ กับ 0.80 ผลการวิจัย พบว่า ด้านการบริหารและการจัดการ ครูผู้สอนต้องจบด้านการสอนแนวมอนเทสซอร่ี โดยตรง เดก็ มแี ผนการเรยี นเปน็ ของตนเอง พฒั นาเดก็ เปน็ รายบคุ คล สง่ เสรมิ การทำ� งานกบั ผปู้ กครองใหค้ วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการสอนแบบมอนเทสซอรี่ ด้านการจัดประสบการณ์ การจัดการเรียนรู้ เป็นรายบุคคล เลอื กกจิ กรรมทสี่ นใจไดอ้ ยา่ งอสิ ระ ทำ� งานไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งโดยปราศจากการรบกวน และดา้ นคณุ ลกั ษณะเดก็ พบวา่ ดา้ นรา่ งกาย มคี า่ เฉลยี่ ของคะแนนปฏบิ ตั สิ งู สดุ รองลงมาคอื ดา้ นสตปิ ญั ญา ดา้ นสงั คม และดา้ นอารมณ์ จิตใจ ตามล�ำดบั คำ� ส�ำคญั : การจดั การศกึ ษา แนวคิดของมอนเทสซอร่ี เดก็ อนบุ าล * นวกชมน นติ ิมานพ (Corresponding Author) ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 1 e-mail: [email protected]

Abstract The purpose of this research was to analyze the Montessori Approach for kindergarten in Rachut school in 3 aspects including administration and management, experience management, and characteristics of children. The target of this research consisted of directors, teachers and parents totaling of 38 persons from Ratchut school. The questionnaire and interview were employeds the research tools. Data were analyzed by using content analysis, frequency, percentage, means and standard deviation. The content validity of the measurement tool was obtained from three professionals in related field. It found that the average value of index of item-objective congruence (IOC) scores was equal to one. This result confirmed that the content validity of this research tool satisfied the acceptable criteria. Furthermore, the data analysis indicated that Cronbach’s alpha coefficient was at 0.80 demonstrating the reliability of the questionnaire. The results of administration and management issue revealed that Montessori teachers must hold Montessori diploma. Regarding the curriculum development, individual student should have his own lesson plan. Working with parents, they should be encouraged and educated to comprehend the teaching style of Montessori. For experience and learning management, children should have freedom to choose the activity that they wish to work on by themselves individually. They should have learning opportunities in their interested activities continuously without any interruption. In dimension of children characteristics, the results reported that physical development had the highest average score of practice followed by cognitive development, social development, and emotional development, respectively. Keywords: Educational Management, Montessori Approach, Kindergarten บทน�ำ การศึกษาปฐมวัยมีความส�ำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลให้ความส�ำคัญอย่างมากกับ การพฒั นาเดก็ เนอ่ื งจากเปน็ ชว่ งวยั ทใ่ี หผ้ ลตอบแทนจากการลงทนุ ทค่ี มุ้ คา่ ทส่ี ดุ และเปน็ ชว่ งเวลาในการวางรากฐาน ทางความคิด บคุ ลิกภาพ ร่างกาย และสติปัญญา การจดั การศกึ ษาในสถานศกึ ษาปฐมวัยจึงต้องส่งเสรมิ ใหเ้ ด็ก มพี ฒั นาการทกุ ดา้ นอยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพของตน เพอื่ ใหบ้ รรลผุ ลตามจดุ หมายของหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 ท่กี ำ� หนดให้เด็กปฐมวยั ไดร้ บั การพฒั นาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา เปน็ คนดี มวี นิ ยั ส�ำนึกความเป็นไทย และมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศ ชาติ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560) การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอร่ีเป็นแนวทางการจัดการ ศึกษาแบบหน่ึงท่ีเน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ มุ่งส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ศักยภาพของตนในการพัฒนาตนเองใน สภาพแวดลอ้ มทไ่ี ดร้ บั การจดั เตรยี มอยา่ งมจี ดุ มงุ่ หมาย บนพน้ื ฐานปรชั ญาและหลกั การทผี่ ใู้ หญต่ อ้ งใหก้ ารยอมรบั 2 บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

นบั ถอื เดก็ ในสภาพความเป็นจรงิ ของเดก็ (จรี ะพันธุ์ พูลพฒั น,์ 2549) การจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ แบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเด็กอายุ 0-3 ปี และอายุ 3-6 ปี หลักสูตรมอนเทสซอร่ี จัดกลุ่มประสบการณ์ออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มชีวิต ประจำ� วนั 2) กลมุ่ ประสาทสมั ผสั 3) กลมุ่ ภาษา 4) กลมุ่ คณติ ศาสตร์ และ 5) กลมุ่ ประสบการณ์ สภาพแวดลอ้ ม ภายในห้องเรียนถูกจัดเตรียมไว้เหมาะสมส�ำหรับเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยเด็กจะได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีท่ี ถูกต้องและเปิดโอกาสให้เด็กได้ท�ำกิจกรรมอย่างเป็นอิสระและแสดงความรับผิดชอบ Standing (1957) ได้อธิบายถึง คุณลักษณะเฉพาะของเด็กท่ีได้รับการเรียนการสอนตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ ไว้ดังนี้ 1) มีความเป็นอสิ ระในการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 2) มีความมั่นใจและความภูมใิ จในตนเอง 3) มรี ะเบยี บและวนิ ยั 4) มที ักษะในการจดั การการวางแผน 5) มีความสามารถในการควบคุมตนเอง 6) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น 7) มีแรงจงู ใจท่แี ท้จริง รคู้ วามตอ้ งการของตนเอง 8) มที ักษะทางรา่ งกายและการใช้ประสาทสัมผัสทีด่ ี และ 9) มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ การเป็นพลเมอื ง การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเทสซอรี่ ถูกน�ำไปใช้ในหลายประเทศท่ัวโลก ในประเทศไทยได้มี โรงเรียนอนุบาลหลายแห่งน�ำแนวคิดการจัดการเรียนการสอนแบบมอนเทสซอร่ีมาใช้ ตามนโยบายปฏิรูป การศกึ ษาของประเทศไทยทป่ี ระกาศในพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ ปี พ.ศ. 2542 ทสี่ นบั สนนุ ใหย้ ดึ ผเู้ รยี น เป็นศูนยก์ ลาง มลู นิธิมอนเทสซอร่สี ากลแหง่ ประเทศออสเตรเลีย หรือ Montessori Australia Foundation (MAF) เป็นองคก์ รระดบั ชาตขิ องประเทศออสเตรเลยี จดั ตัง้ ขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) ไดท้ ำ� ข้อตกลง ความร่วมมือกับสมาคมอนเทสซอร่ีสากล หรือ Association Montessori International (AMI) เพื่อเป็น ตัวกลางสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติและเพิ่มเครือข่ายกลุ่มมอนเทสซอร่ีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มี มาตรฐานในการจดั การเรยี นการสอน และไดก้ ำ� หนดมาตรฐานการประกนั คณุ ภาพของโปรแกรมมอนเทสซอร่ี (Montessori Australia Foundation, 2018) โดยแบ่งเป็น 4 ประเดน็ หลกั ไดแ้ ก่ 1) ด้านการจัดเตรยี มครู 2) ดา้ นสภาพแวดลอ้ มใน การเรยี นรู้ 3) ดา้ นการวางแผนหลกั สตู ร พฒั นาหลกั สตู ร ประยกุ ตใ์ ช้ และการประเมนิ และ 4) ความมงุ่ ม่ันในการพฒั นาความเป็นผนู้ �ำของผู้บริหาร การจัดการศึกษาให้ได้มาตรฐานควรค�ำนึงถึงบริบทของผู้เรียนและสถานศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษาสเู่ ปา้ หมายทส่ี ถานศกึ ษากำ� หนด สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดก้ ำ� หนดมาตรฐานการศกึ ษา พุทธศักราช 2561 เพ่ือใหส้ ถานศกึ ษาใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษา ไว้ 3 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของเดก็ มงุ่ เนน้ การพฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ์ มอี งคป์ ระกอบ ท่ีส�ำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1) พฒั นาการดา้ นร่างกาย 2) พัฒนาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ 3) พฒั นาการดา้ นสังคม และ 4) พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ มีองคป์ ระกอบทสี่ ำ� คัญ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) มหี ลกั สตู รครอบคลมุ พฒั นาการทงั้ 4 ดา้ น สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของทอ้ งถนิ่ 2) จดั ครใู หเ้ พยี งพอ กับชั้นเรียน 3) ส่งเสริมให้ครูมีความเช่ียวชาญด้านการจัดประสบการณ์ 4) จัดสภาพแวดล้อมและส่ือเพ่ือ การเรยี นรู้ อยา่ งปลอดภัยและเพยี งพอ 5) ใหบ้ รกิ ารส่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศและสอื่ การเรยี นรูเ้ พ่ือสนับสนุน การจดั ประสบการณ์ และ 6) มรี ะบบบรหิ ารคณุ ภาพทเ่ี ปดิ โอกาสใหผ้ เู้ กยี่ วขอ้ งทกุ ฝา่ ยมสี ว่ นรว่ ม และมาตรฐาน ท่ี 3 การจัดประสบการณท์ เ่ี น้นเด็กเปน็ สำ� คัญ มอี งค์ประกอบท่สี ำ� คญั 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) จัดประสบการณท์ ี่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กมพี ฒั นาการทกุ ดา้ นอยา่ งสมดุลเตม็ ศกั ยภาพ 2) สรา้ งโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รง เลน่ และปฏิบัติอย่างมีความสุข 3) จัดบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัย ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 3

4) ประเมนิ พฒั นาการเดก็ ตามสภาพจรงิ และนำ� ผลการประเมนิ พฒั นาเดก็ ไปปรบั ปรงุ การจดั ประสบการณแ์ ละ พัฒนาเด็ก โรงเรียนรัตน์ฉัตรตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่นเป็นโรงเรียนอนุบาลเอกชนท่ีน�ำหลักการแนวคิดแบบ มอนเทสซอร่ีมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทสังคมไทยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 โดยมวี ิสยั ทศั นท์ ีจ่ ะพฒั นาผ้เู รยี นให้มีพฒั นาการเต็มศักยภาพตามวยั มที ักษะในศตวรรษท่ี 21 และเปน็ คนดี มีคุณธรรม เพ่ือให้เติบโตเป็นผู้น�ำท่ีประสบความส�ำเร็จในอนาคต โรงเรียนรัตน์ฉัตรได้พัฒนาและปรับปรุง การศกึ ษาแบบ มอนเทสซอร่ี ใหม้ กี ารดำ� เนนิ งานตามมาตรฐาน โดยสมคั รเขา้ รว่ มโครงการ Montessori Quality Assurance Program ซ่ึงอยู่ภายใต้การก�ำกับดูแลของมูลนิธิมอนเทสซอรี่สากลแห่งประเทศออสเตรเลีย นอกจากน้ี โรงเรยี นรตั นฉ์ ตั รยงั ไดม้ กี ารนำ� หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 มาใชเ้ ปน็ กรอบแนวทาง ในการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาเด็กให้บรรลุผลตามเป้าหมายท่ีก�ำหนดไว้ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะวิเคราะห์ การจดั การศกึ ษาตามแนวคดิ มอนเทสซอรข่ี องโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร ในดา้ นการบรหิ ารและการจดั การ ดา้ นการจดั ประสบการณ์ และด้านคุณลักษณะของเด็ก เพ่ือให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาตามแนวคิดของ มอนเทสซอรี่ส�ำหรับผู้บริหาร ครู และผู้ท่ีเก่ียวข้องน�ำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาตามแนวคิดของ มอนเทสซอรอ่ี ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและมคี วามสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทผเู้ รยี นและสถานศกึ ษาสามารถพฒั นาผเู้ รยี น บรรลผุ ลตามเปา้ หมายของหลักสตู รสถานศกึ ษาตอ่ ไป วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื วเิ คราะหก์ ารจดั การศกึ ษาตามแนวคดิ ของมอนเทสซอรขี่ องเดก็ อนบุ าลในโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร ใน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ด้านการบรหิ ารและการจัดการ ดา้ นการจดั ประสบการณ์ และดา้ นคุณลักษณะเด็ก แนวคิดทฤษฎที ีเ่ กยี่ วข้อง 1. การจดั การศกึ ษาปฐมวัย ปัจจุบันสถานศึกษามีอสิ ระในการจดั การศึกษาด้วยตัวเอง มกี ารพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาตาม บรบิ ทและความตอ้ งการของตนเอง คณุ ภาพของผเู้ รยี นและคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การจงึ มคี วามแตกตา่ ง กัน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 จึงได้มี การกำ� หนดมาตรฐานการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานและกระทรวงศกึ ษาธกิ ารมกี ารประกาศใชม้ าตรฐานการศกึ ษา ระดบั การศึกษา ระดับปฐมวัย พ.ศ. 2561 เพ่ือเป็นมาตรฐานการศึกษา ส�ำหรับให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางใน การดำ� เนนิ งานเพอ่ื การประกนั คณุ ภาพภายใน ซงึ่ จะทำ� ใหเ้ กดิ ความมนั่ ใจแกผ่ ทู้ ม่ี สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งวา่ การจดั การศกึ ษา ของสถานศกึ ษา มคี ณุ ภาพ ไดม้ าตรฐาน และคงรกั ษาไวซ้ งึ่ มาตรฐานจากการดำ� เนนิ งานประกนั คณุ ภาพภายใน ของสถานศึกษา ซ่ึงการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา มีแนวคิดว่าต้องเป็นมาตรฐานท่ีสถานศึกษา ปฏิบัตไิ ด้ ประเมินไดจ้ รงิ กระชับ และจ�ำนวนนอ้ ย แตส่ ามารถสะท้อนคณุ ภาพการศกึ ษาได้จริง ข้อมลู ท่ีไดเ้ กดิ ประโยชน์ แนวทางการดำ� เนินงานเพื่อประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน (2561) ได้ก�ำหนดมาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย พ.ศ. 2561 ไว้จ�ำนวน 3 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพของเด็ก มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ และมาตรฐานท่ี 3 การจดั 4 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดุสติ

ประสบการณท์ เ่ี นน้ เด็กเปน็ สำ� คัญ 2. แนวคดิ เกีย่ วกบั การจัดการเรยี นการสอนมอนเทสซอร่ี มอนเทสซอร่ี เปน็ นกั การศกึ ษาทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ คนหนง่ึ ในชว่ งตน้ ศตวรรษท่ี 20 เปน็ ผทู้ รี่ เิ รม่ิ การลงมอื ปฏิบัติในห้องเรียน และเป็นหนึ่งในแนวคิดท่ีมีอิทธิพลอย่างมากต่อการศึกษาของเด็กเล็กท่ัวโลก ดร. มาเรีย มอนเทสซอรี่ เช่อื วา่ ถา้ เดก็ มบี างส่ิงบางอย่างท่ีจบั ต้องและบดิ -หมนุ ด้วยมอื สมองยอ่ มทำ� หนา้ ท่ตี อบสนองได้ (จรี ะพันธ์ุ พลู พัฒน์, 2549) เดก็ เรียนรูไ้ ด้ดที ส่ี ุดเมอ่ื ได้ลงมือทำ� โดยผ่านกิจกรรมท่เี ลอื กด้วยตนเอง หลกั สตู ร มอนเทสซอรแ่ี บง่ การจัดพื้นท่ภี ายในห้องเรียนออกเปน็ 5 กลมุ่ ประสบการณ์ ประกอบด้วย 1. กลุ่มชีวิตประจ�ำวัน (Practical Life) เป็นกิจกรรมที่เช่ือมโยงระหว่างกิจกรรมภายในบ้านสู่ ห้องเรยี น กล่าวคือ เปน็ กจิ กรรมทอ่ี ยใู่ นบา้ น เชน่ การตกั การเท การพบั การวาด การขดั การลา้ ง การเชด็ การติดกระดุม เป็นต้น โดยเป็นลักษณะกิจกรรมท่ีมีล�ำดับขั้นตอน และกิจกรรมเคลื่อนไหวเบื้องต้น เช่น การเดินบนเส้นตรง การเดินและถือถาดอยา่ งมัน่ คง การยกเกา้ ออ้ี ยา่ งถกู วธิ ี เป็นต้น 2. กลุ่มประสาทสัมผัส (Sensorial) เป็นกิจกรรมท่ีเด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสท้ัง 5 ซ่ึงเป็น พนื้ ฐานของการพฒั นาทางสตปิ ญั ญา แบง่ เปน็ 5 ประเภท คอื การมองเหน็ (ตา) การฟงั (ห)ู การดมกลนิ่ (จมกู ) การรับรส (ล้ิน) และการสัมผัส (มือ) เด็กเรียนรู้จากของจริงเป็นรูปธรรม เด็กได้ฝึกฝนทักษะในการควบคุม ตนเอง และเตรยี มความพรอ้ มสำ� หรบั กจิ กรรมทย่ี ากและซบั ซอ้ นขนึ้ เดก็ เรยี นรโู้ ดยการใชท้ ง้ั มอื และความนกึ คดิ (hand & mind) ในการทำ� กจิ กรรม และความเป็นระบบระเบยี บ (order) 3. กลมุ่ ภาษา (Language) เปน็ กิจกรรมทีป่ ระกอบด้วย 3 กลมุ่ คือ การพูด การเขียน การอา่ น เดก็ เรยี นรภู้ าษาดว้ ยรบั รกู้ ารจดจำ� สญั ลกั ษณท์ างภาษา เพอ่ื พฒั นาคำ� ศพั ทแ์ ละปพู นื้ ฐานดา้ นภาษา โดยเดก็ จะ ทำ� งานผ่านวสั ดุท่ใี ช้มอื และสมั ผัส เช่น ตวั หนังสอื กระดาษทรายไปจนถงึ การใช้บลอ็ คตวั อักษร 4. กลุ่มคณติ ศาสตร์ (Mathematics) เปน็ กจิ กรรมทช่ี ว่ ยให้เด็กเข้าใจและเรียนรตู้ ัวเลข เรียนรู้ ปริมาณจากการใช้ประสาทสัมผัส โดยการใช้อุปกรณ์เพื่อให้ได้เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม ผ่านการใช้ ประสาทสมั ผสั เปน็ พนื้ ฐานการเตรยี มตวั สำ� หรบั วชิ าคณติ ศาสตร์ มกี ารใชว้ สั ดทุ เี่ ปน็ ประโยชน์ เชน่ แทง่ ตวั เลข หมายเลข กระดาษทรายแผงตวั เลข กลอ่ งแกนหมนุ หมายเลข กระเบอ้ื งลกู ปดั และเกม เปน็ ต้น 5. กลุ่มประสบการณ์ (Cultural) เป็นกิจกรรมท่ีช่วยให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้เก่ียวกับสิ่งรอบตัว วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ วทิ ยาศาสตร์ พชื ศาสตร์ สตั วศาสตร์ ศลิ ปะและดนตรี การศึกษาวชิ า เหล่าน้ีทำ� ใหเ้ ด็กมโี อกาสส�ำรวจความอยากร้อู ยากเหน็ ของตนเองเกยี่ วกบั ความคิดทแ่ี ตกต่างและในทางโลก นอกจากการจดั เตรยี มสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะกบั เดก็ แลว้ บทบาทของครมู อนเทสซอรใี่ นหอ้ งเรยี น ถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบส�ำคัญในการจัดการเรียนการสอน Holmes (2016) กล่าวถึง บทบาทของครู มอนเทสซอร่ีไว้ 5 มิติ ได้แก่ 1) การจัดเตรยี มสภาพแวดลอ้ ม 2) เชอื่ มโยงเด็กเขา้ กบั กจิ กรรมทเ่ี หมาะสมและ ท้าทาย 3) เปิดโอกาสให้เด็กได้ท�ำกิจกรรมจนกว่าจะพอใจ 4) ประสานความสมดุลแบบไดนามิกระหว่าง อสิ ระและความมีระเบยี บวนิ ยั และ 5) บนั ทึกความกา้ วหนา้ และความส�ำเรจ็ ของเด็ก เพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดแบบมอนเทสซอร่ีมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน มลู นิธิมอนเทสซอรส่ี ากลแห่งประเทศออสเตรเลยี หรอื Montessori Australia Foundation (MAF) เปน็ องคก์ รระดบั ชาตขิ องประเทศออสเตรเลยี ไดก้ ำ� หนดมาตรฐานการประกนั คณุ ภาพของโปรแกรมมอนเทสซอร่ี (Montessori Australia Foundation, 2018) โดยแบ่งเป็น 4 ประเด็นหลัก ไดแ้ ก่ 1) ด้านการจดั เตรยี มครู ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 5

5 มิติ ได้แก่ 1) การจัดเตรียมสภาพแวดล้อม 2) เชื่อมโยงเด็กเข้ากับกิจกรรมที่เหมาะสมและท้าทาย 3) เปิดโอกาส ให้เด็กได้ทากิจกรรมจนกว่าจะพอใจ 4) ประสานความสมดุลแบบไดนามิกระหว่างอิสระและความมีระเบียบวินัย และ 5) บันทึกความกา้ วหนา้ และความสาเรจ็ ของเด็ก เพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดแบบมอนเทสซอร่ีมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน มูลนิธิ มอนเทสซอรี่สากลแห่งประเทศออสเตรเลีย หรือ Montessori Australia Foundation (MAF) เป็นองค์กร ปรระะดกั บอชบาดต้วิ ขยอ งคปรรูทะ่ีมเีคทุณศ สอมอบส ัตเติตรรเงลตี ยามไดช้ กันาทห่ีสนอดนมแลา ตะจรบฐ าหนลกักาสรูตปรรตะากมั นกคลุ่มณอภาายพุทข่ีสอ งนโปกราแรกพรัฒมนมาอคนวเาทมสเปซ อ็นรี่ ม(ืMออoาnชteีพsอsoยr่าiงAใชus้กtาraรlสiaังเFกoตuเnปd็นaเtคioรnื่อ,ง2ม0ือ1ส8�ำ)คโัญดใยนแกบา่งรเแปน็นะน4�ำปกราะรเรดีย็นนหรลู้แักก่เไดด็ก้แกเ่ป1็น) แดบ้าบนอกยา่รางจทัดี่ดเตีในรียเรมื่อคงรู กปารระแกสอดบงดพ้วฤยตคกิ รรูทรี่มมีคทุณเ่ี หสมาบะัตสิตมรงมตาารมยชาั้นททกี่สาอรนเคแาลระพจผบอู้หนื่ ลแักกสเู่ตดรก็ ตแาลมะกเลปุ่มน็ อผาอู้ยำ�ุทนี่สวอยนควกามรพสัฒะดนวากคใวนากมาเปรส็นนมบัืออสานชนุ ีพ แอลยะ่าพงัฒใชนก้ ากรสารงั เกรตียเนปรน็ ู้ขเอคงรเอื่ ดง็กมือ2ส)าคดัญ้าในนสกภาารแพนแะวนดาลก้อามรเใรนียกนารร้แู เกรีย่เดน็กรเู้ ปป็นรแะบกบออบยดา่ ้วงยท่ดี กีในาเรรจื่อัดงสกภาราแพสแดวงดพลฤ้อตมกิ รใหรม้ สคค3เกมคตปเแปหดเตเเท)าวอววทรดีหาวึงลาร่เีลิดรีายตัามา็ดกหสมดดมะะาศมมโนมถซหคมาูด้ายลอกส2กสึรปรุเะอนลาคลุกา่หก)งปูู้้นดษุสะรร้อวกดตัเกมาดล้ว็่ีทสนะสามาับงาใ์แสสีข้าายแสมมชรรกผรลขนยใูน้ัตตดินมยี้งสวูับห้นะั้นทแมสนรตคาะนใาวก้เ�ลำาภพเั้หงขเอเ์ง4มดในฉอรมขภละจแา้ัอฒ)เนอ็กยินพดงกรีอุพ่มาขผคงกนไานะ็กายกอางอแกมนวดทาเรเาะใาผเงวาาาทบอห้รเกนปกรเมูรรด้ยบกกดปสยีนิลดโาแรลียมลุแาดรร็กซบรระกัคเลงรน้อุ่งละิหทยขะเอมสะวเมอมมแรตะคยอเาสราภือูตนั่ปุมู้นิสใลนเุ้ึาดงร่ีมซปปนราสใกิน่ิงระเพหนรยดปอฏง่ก็ตรนพจคกพัฒลบักเน็กณรราิบ่าดผัไสวาักาัฒะผร่ีโอปงนัตอู้กา์แรรกรดเกกิดกตมริื่นมิานจติมพายอาแๆชหียกากกแล่แราีวฒัรบลมอนม้อาจกหระ้าลิทสะทดุน่งรบังรรลดวกเ่ะลัยาแดเ้ขวเู้าี่หมห�ตำิจชในงรกัปทสย็กคอหทดกล่ป่วีนอยส้รนวแวัศงงอ้รับดาี่กนผรา้ะงตูาเลเกรนกัสิชดางึู้หขอวกมระมเาจดร์หรญแก็ลื่้ันนาอเปเมจรัดปะดูปคปาลแลบพแาน็พัเีดสแน็คกน็วลพะากรดลัฒไโภักฒาวาผยผะะกาปยีป้วะมราเ่นู้านูอ้รยสทยงานสรดตทมพรศชาางุก่าแรั้งิ่งก็าาู้สากขนเึ้นิแกกภปตกแมมสทใงนาอววษเานรใ์วีขาการหดร่ีเงยดใชรมดายน้ันกหมิจปจผียลคขล้แตลใอาตัใดข้บูวม้ักแอว้ออนนหาร้อยอแสอราาลมงมมงเแวเ้่มาลนหิภมงะรสดะเอหเมลงเะดกสยีาพาสิกก็ทดนต3ลอะมรพ็กะาน่ืมอาเก็่อ)ธเักนภีวรกดแทรรกคิเเสดตัปเาวกดิอดู้ปวนดาทสดวูต้ถากยรดคาปุรว้ื่็อากรซ�ำสนรปุะในรมยลวมกะงเนอขซเกรจีวาน้ออตเมสรผอกรอเะมัาดสิมมณนกิปุนนินูี่้งนาสรรยันิชรใแหมเิดรคทก่ีแ์งว�ำหทบอั่วสสลอคโว้อารตามป้งสงัศผอ่งนะานเ์ีงยรงล่เีคฉเอนรดิกกมแบัวเะสโเะะพ4รวทแ์ดาชดากผลสรกีกยา)สมลารสคอ้ายนิามนจิะมลนอใีะรวซคลบกยหแุนกหะกหงบรอ้อวากตึดลแลร้มเเูา้เจนรรดางดรอ่บะรลหักกรอื่ีโกัดมท้ะา้ว็กมผใะียปดี่ยสลปับตหสมย�ำไพมอู้เบยกูวตักดฏุ้ปกนงภ้อุง่ เนื่ีัฒมปกรากกพม้ลเพ็นบิิสแาุ่แงรอ้นับนาุ่มา่นัยพีลรไัฒพตัเียลงรนปอารหอะงใะิัแนสฒนะจกแนท้ชยตแนาจลิทวรสาดัาลยนน้ิ่าากกาักดักู้ดสกธรง่ิโะมุงแง่าเเาากเิเิ่แปงกาลดดตแลปดหรหรรติจรว้าอร็ยีกยี่อสพพะ็กลลรข่กาดรแมวนใเวเฒััักชัฒงอักรนลปแนผกแเงรมงรญสพนอู้้นกล็นนลหรื่อ้ขูๆเมอูตดมมาาาื่ะอะอไางาาทนปททมรร็กง่ีี่ี่ี แคนววากมารู้เรกสยี่ อวนกแบั บหบลกัมกอานรเแทลสะซแนอวรก่ี ากร�ำสหอนนดแนบโบยมบอานยเทแสลซะองบรี่ ปกราหะมนดาณนโทย่ีสบ่งาเยสแรลิมะงกบาปรฝะึมกาอณบทรมี่ส่งมเอสรนมิ เทกสาซรฝอกึรอี่แบลระม กมาอรนพเฒั ทนสาซวอชิ ราี่แชลพี ะอกยารา่ พงตัฒอ่ นเนาวอ่ื ิชงากชาีพรอบยร่าหิ งาตร่อโเรนง่ือเรงยี กนาตราบมรหิหลากัรกโรางรเขรียอนงมตอามนหเทลสักซกอาร่ีขกอางรมแอจนง้ ใเทหสผ้ ซปู้ อกรค่ี รกอางรทแจรา้งใบห้ เผกู้ป่ียกวกคัรบอกงาทรรจาัดบกเกา่ียรศวกึกับษกาาแรบจบัดกมาอรนศเึกทษสาซแอบรบี่ มแอลนะเสทนสับซสอรน่ี ุนแเลดะ็กสสน่งับเสนริมุนคเดว็กาสม่งเเขส้ารใิมจคขวอางมผเขู้ป้ากใจคขรองผเกู้ป่ียกวคกรับอง กเากรย่ี จวัดกศบั กึ าษราจแดั บศบึกมษอาแนบเทบสมซออนรเที่ สซอรี่ กกรรออบบแแนนววคคิดดิ ประเด็นทีศ่ ึกษา ประเด็นหลกั ประเด็นยอ่ ย การจัดการศกึ ษาตาม 1. การบริหารและการจดั การ 1.1 การจัดการดา้ นบุคลากร แนวคดิ มอนเทสซอร่ี 1.2 การจดั ทาหลกั สตู ร 2. การจัดประสบการณ์ 1.3 การบรหิ ารจดั การ 3. คณุ ลักษณะเด็ก 1.4 การทางานกับผู้ปกครอง 2.1 การจดั การเรยี นรู้ 2.2 การจดั สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ 2.3 การประเมินพัฒนาการ 3.1 ด้านร่างกาย 3.2 ดา้ นอารมณ์ จติ ใจ 3.3 ดา้ นสงั คม 3.4 ดา้ นสติปัญญา ภาภพาพทที่ 1ี่ 1กกรรออบบแแนนววคคดิิด 6 บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสติ

ระเบียบวธิ ีวิจยั ขอบเขตของการวจิ ยั 1. กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ ผู้บริหาร ครู และผู้ปกครองของเด็กอนุบาลในโรงเรียน รตั น์ฉัตร ภาคปลาย ปกี ารศกึ ษา 2561 จ�ำนวนทง้ั สนิ้ 38 คน ประกอบดว้ ย ผู้บรหิ าร จ�ำนวน 2 คน ครู จำ� นวน 6 คน และผปู้ กครอง จำ� นวน 30 คน โดยใชว้ ิธกี ารเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) 2. ประเด็นท่ีศึกษา คือ การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอร่ีของเด็กอนุบาลในโรงเรียน รตั น์ฉตั ร 3 ด้าน ได้แก่ ดา้ นการบริหารและการจัดการ ด้านการจัดประสบการณ์ และด้านคุณลักษณะเด็ก วิธดี �ำเนนิ การวจิ ยั การวจิ ยั คร้งั นี้เปน็ งานวจิ ยั เชิงสำ� รวจ มขี ั้นตอนการด�ำเนนิ งานวจิ ยั ดังน้ี 1. การศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานเก่ียวกับการบริหารจัดการการศึกษา การจัดการศึกษาตามแนวคิดของ มอนเทสซอรี่ มาตรฐานการจดั การศกึ ษาระดบั อนบุ าล และมาตรฐานการประกนั คณุ ภาพโปรแกรมมอนเทสซอรี่ จากเอกสาร บทความ งานวิจัยที่เก่ียวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และน�ำข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์ เพือ่ กำ� หนดกรอบแนวคิดการวจิ ัย 2. เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ครงั้ นม้ี จี ำ� นวน 3 ชดุ ประกอบดว้ ย แบบสมั ภาษณผ์ บู้ รหิ าร แบบสมั ภาษณ์ ครู และแบบสอบถามผปู้ กครอง มีรายละเอยี ดดงั น้ี 2.1 แบบสัมภาษณ์ผู้บริหาร เร่ือง การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ในโรงเรียน รัตนฉ์ ัตร แบง่ เปน็ 2 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผบู้ รหิ าร มลี กั ษณะเปน็ แบบเลอื กตอบ และปลายเปดิ จำ� นวน 6 ขอ้ ตอนท่ี 2 การจดั การศกึ ษาตามแนวคดิ ของมอนเทสซอรใ่ี นโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร เปน็ แบบสมั ภาษณ์ แบบมโี ครงสร้าง โดยกำ� หนดคำ� ถามที่ใชใ้ นแบบสัมภาษณ์เปน็ รายบุคคล แบ่งเปน็ 2 ประเด็น คอื การบริหาร และการจดั การ และการจดั ประสบการณ์ จำ� นวน 24 ข้อ 2.2 แบบสัมภาษณ์ครู เรื่อง การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ในโรงเรียนรัตน์ฉัตร แบง่ เป็น 2 ตอน ดังนี้ ตอนท่ี 1 ข้อมูลทัว่ ไปของครู มีลกั ษณะเป็นแบบเลือกตอบและปลายเปิด จ�ำนวน 6 ขอ้ ตอนท่ี 2 การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอร่ีในโรงเรียนรัตน์ฉัตร เป็นแบบมี โครงสร้าง โดยก�ำหนดค�ำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์ แบ่งเป็น 3 ประเด็น คือ การจดั การเรียนรู้ การจดั สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และการประเมินพฒั นาการ จ�ำนวน 12 ขอ้ 2.3 แบบสอบถามผปู้ กครองเกยี่ วกบั คณุ ลกั ษณะเดก็ อนบุ าลในโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร แบง่ เปน็ 2 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผปู้ กครอง มลี กั ษณะเปน็ แบบเลอื กตอบ และปลายเปดิ จำ� นวน 6 ขอ้ ตอนท่ี 2 ความคดิ เหน็ เกย่ี วกับคณุ ลกั ษณะเดก็ อนบุ าลโรงเรียนรตั น์ฉตั ร มีลักษณะเปน็ แบบ มาตรประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จ�ำนวน 24 ข้อ ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 7

3. การสร้างและตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั 3.1 ศึกษาขอ้ มูลจากเอกสาร ต�ำรา และงานวิจัยทีเ่ ก่ยี วขอ้ งของไทยและตา่ งประเทศทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง กับการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ มาตรฐานการจัดการศึกษาของเด็กอนุบาล และ มาตรฐานพื้นฐานการประกันคุณภาพโปรแกรมมอนเทสซอรี่ เพ่ือน�ำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการสร้าง เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั 3.2 กำ� หนดโครงสรา้ งเนอื้ หา จำ� นวนขอ้ คำ� ถามตามกรอบแนวคดิ การวจิ ยั และสรา้ งแบบสมั ภาษณ์ ผบู้ รหิ าร แบบสมั ภาษณค์ รู และแบบสอบถามผปู้ กครองเกย่ี วกบั การจดั การศกึ ษาตามแนวคดิ ของมอนเทสซอรี่ และน�ำเสนอต่ออาจารย์ท่ปี รึกษาเพ่อื พิจารณาและปรับปรุงแก้ไข 3.3 ตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย โดยใช้การวิเคราะห์ความตรงเชิงเนื้อหา ความเหมาะสมของการใชภ้ าษา และนำ� มาคำ� นวณหาคา่ ความตรงของเครอ่ื งมอื จากผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 3 ทา่ น ดชั นี ความสอดคล้องระหว่างข้อค�ำถามกับเนื้อหา พบว่า แบบสัมภาษณ์ผู้บริหารได้ค่า IOC เฉลี่ย 1 และ แบบสมั ภาษณค์ รไู ด้ค่า IOC เฉลีย่ 1 และแบบสอบถามไดค้ า่ IOC เฉลี่ย 1 แสดงว่ามคี วามตรงของเน้ือหาผา่ น เกณฑ์ทีก่ ำ� หนด และน�ำแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามทผี่ า่ นการตรวจสอบความตรงเชงิ เนือ้ หามาปรบั ปรุง แก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวฒุ ิ 3.4 ทดลองใช้แบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วกับผู้บริหาร ครู และผู้ปกครอง ที่มีคุณสมบัติ ใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมาย จ�ำนวน 20 คน จากนั้นผู้วิจัยน�ำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์หาค่าความเชื่อม่ันของ แบบสอบถาม โดยค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ได้ค่า ความเชื่อมัน่ เท่ากับ 0.80 3.5 แบบสอบถามเสนอต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาเพ่ือปรับปรุงแก้ไขและจัดท�ำเป็นแบบสอบถามและ แบบสมั ภาษณฉ์ บับสมบูรณ์ 4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 4.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ด้วยแบบสมั ภาษณ์ ผูว้ ิจัยด�ำเนนิ การดงั น้ี 4.1.1 ท�ำหนังสือขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ถงึ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร เพอื่ ขอความอนเุ คราะหใ์ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและสง่ หนังสอื ขออนเุ คราะหด์ ้วยตวั เอง 4.1.2 นัดหมาย วัน เวลา ในการสัมภาษณ์ผู้บริหารและครูเป็นรายบุคคล โดยขออนุญาต ท�ำการบนั ทึกเสยี งขณะสมั ภาษณ์ ใชเ้ วลาประมาณคนละ 40 นาที 4.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมูลดว้ ยแบบสอบถาม ผวู้ จิ ัยดำ� เนนิ การดงั นี้ 4.2.1 ท�ำหนังสือขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ถงึ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร เพอ่ื ขอความอนเุ คราะหใ์ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากผ้ปู กครอง และสง่ หนังสือขออนเุ คราะหด์ ้วยตัวเอง 4.2.2 ส่งแบบสอบถามผู้ปกครองเกี่ยวกับการด�ำเนินการจัดการศึกษาตามแนวคิดของ มอนเทสซอรีใ่ หก้ บั ทางโรงเรียน เพอื่ ขอความร่วมมือจากผปู้ กครองในการตอบแบบสอบถาม พร้อมซองเปลา่ ตดิ แสตมป์จา่ หน้าซองถงึ ผู้วจิ ยั เพอื่ ส่งกลับคนื ทางไปรษณีย์ 8 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสิต

4.2.3 กรณีท่ีโรงเรียนน�ำแบบสอบถามส่งมาล่าช้า ผู้วิจัยใช้วิธีการโทรศัพท์ติดต่อสอบถาม และเดินทางไปเก็บแบบสอบถามด้วยตนเองเมื่อท�ำการนัดสัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียนภายหลัง โดยได้รับ แบบสอบถามคืนทั้งหมด จ�ำนวน 30 ชุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 5. การวิเคราะห์และน�ำเสนอขอ้ มูล การวเิ คราะห์ข้อมลู การวิจัยผู้วิจยั ด�ำเนนิ การโดยมีรายละเอียดดงั นี้ 5.1 แบบสัมภาษณ์ผู้บริหารและแบบสัมภาษณ์ครู วิเคราะห์ข้อมูลเชิงบรรยาย โดยน�ำข้อมูลมา จดั หมวดหมตู่ ามประเด็นต่าง ๆ และนำ� เสนอในรูปแบบของความเรียง 5.2 แบบสอบถามผูป้ กครอง วิเคราะหข์ ้อมูล ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ปกครอง วิเคราะห์โดยการแจกแจงความถ่ี หาค่าร้อยละ และ นำ� เสนอขอ้ มลู ในรูปแบบตารางประกอบความเรียง ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับคุณลักษณะเด็ก วิเคราะห์โดยใชค้ า่ เฉลยี่ และ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน และนำ� เสนอขอ้ มลู ในรปู แบบตารางประกอบความเรยี ง โดยผวู้ จิ ยั แปลผลการวเิ คราะห์ ขอ้ มลู ตามเกณฑ์ ดังนี้ 4.51 – 5.00 หมายถงึ การปฏบิ ัติอยใู่ นระดับมากท่ีสดุ 3.51 – 4.50 หมายถงึ การปฏิบตั อิ ยู่ในระดบั มาก 2.51 – 3.50 หมายถึง การปฏบิ ตั ิอยู่ในระดบั ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง การปฏบิ ัตอิ ย่ใู นระดับนอ้ ย 1.00 – 1.51 หมายถึง การปฏิบตั อิ ยู่ในระดับน้อยทส่ี ุด ผลการศกึ ษา จากการศกึ ษาเรอ่ื ง การวเิ คราะหก์ ารจดั การศกึ ษาตามแนวคดิ ของมอนเทสซอรข่ี องโรงเรยี นรตั นฉ์ ตั ร สรุปได้ดังนี้ 1. ข้อมลู ทว่ั ไปของผู้บริหาร ครู และผูป้ กครอง 1.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้บริหาร สรุปได้ว่า ผู้บริหารจ�ำนวน 2 คนเป็นเพศหญิง มีอายุ 31-35 ปี (1 คน) และอายุ 36-40 ปี (1 คน) จบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโท (2 คน) มีประสบการณใ์ นการสอนระดับ อนุบาล 1-4 ปี (1 คน) และมีประสบการณ์ในการสอนระดับอนบุ าล 5 ปขี ้ึนไป (1 คน) 1.2 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของครู สรปุ ไดว้ า่ ครจู ำ� นวน 6 คน สว่ นใหญ่ มอี ายุ 26-30 ปี (3 คน) จบการศกึ ษา ระดับปรญิ ญาตรี มากที่สุด (4 คน) มปี ระสบการณใ์ นการสอนระดับอนุบาล 1-4 ปี มากทีส่ ดุ (4 คน) 1.3 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ปกครอง พบว่า ผู้ปกครองท่ีตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิง มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 90 มีอายุระหว่าง 31-35 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.67 มีความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ตอบแบบสอบถามกับเด็กเป็นมารดา มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 73.33 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือ เทียบเท่า มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 83.33 ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 76.67 ผปู้ กครองส่วนใหญม่ ีบตุ รจำ� นวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 43.33 ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 9

2. การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรใี่ นโรงเรยี นรัตน์ฉัตร มีรายละเอยี ด ดงั นี้ 2.1 ดา้ นการบรหิ ารและการจัดการ 2.1.1 การจดั การดา้ นบคุ ลากร ขอ้ มลู จากแบบสมั ภาษณผ์ บู้ รหิ าร (2 คน) พบวา่ 1) การคดั เลอื ก บุคลากรมีดังน้ี คือ การคัดเลือกครูประจ�ำช้ัน ต้องเป็นครูมอนเทสซอร่ีท่ีได้รับการฝึกอบรมการจัดการเรียน การสอนตามแนวคิดของมอนเทสซอร่ีจากสถาบันท่ีได้รับความเช่ือถือระดับสากล และการคัดเลือกครูผู้ช่วย ให้ความสำ� คญั กบั ประสบการณ์การดูแลเด็ก ทศั นคติเก่ยี วกบั วธิ ีการดแู ลเดก็ และบุคลกิ ภาพ (1 คน) เมือ่ ผ่าน การสัมภาษณ์บุคลากรทุกคนต้องเข้าร่วมการอบรมการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ เบื้องต้นกับทางโรงเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน และฝึกงานภายในโรงเรียนเป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังการฝึกงานจะมีการประเมินทักษะ ความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับมอนเทสซอรี่ก่อนเริ่มท�ำงานจริง 2) การพัฒนาครูให้มีความเป็นมืออาชีพและมีทักษะด้านการสอนมอนเทสซอร่ีมากข้ึนน้ัน พบว่า มีการจัด อบรมให้ความรู้เพมิ่ เตมิ และมกี ารประเมินการท�ำงานของครอู ยา่ งสม�่ำเสมอ (2 คน) 3) การจดั ครทู มี่ ีความรู้ ความสามารถตรงตามอายุท่ีสอน โดยพิจารณาจากประกาศนียบัตรการอบรมตามระดับที่สอน ส�ำหรับ ครผู ู้ช่วยพิจารณาจากบุคลกิ ลกั ษณะการท�ำงานขณะฝกึ งาน (2 คน) 2.1.2 การจดั ทำ� หลกั สตู ร ขอ้ มลู จากแบบสมั ภาษณผ์ บู้ รหิ าร พบวา่ การจดั ทำ� หลกั สตู ร ดงั น้ี 1) โรงเรียนใช้หลักสูตรมอนเทสซอรี่ของ Association Montessori International หรือ AMI ภายใต้ การควบคมุ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ โดยมีการปรบั เนื้อหาบางสว่ นให้มคี วามครอบคลุมพัฒนาการทัง้ 4 ด้าน (2 คน) 2) หลกั สูตรมกี ารนำ� วัสดุอปุ กรณ์ท่มี ีในทอ้ งถ่นิ มาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอน รวมไปถงึ การจดั กจิ กรรมในหอ้ งเรยี นทส่ี อดคลอ้ งกบั บริบทไทย และ 3) เด็กทุกคนมีแผนการเรยี นของตนเอง ครูมอนเทสซอร่ี ทำ� หนา้ ที่ในการประเมนิ พฤติกรรมการทำ� งานของเด็ก โดยใช้การสังเกต การพดู คยุ และการประเมินผลงาน ไม่มีการสอบและการเปรียบเทียบระหว่างเด็กในช้ันเรียน น�ำผลการประเมินท่ีได้มาใช้เป็นแนวทางในการจัด แผนการเรียนของเด็ก เป็นรายบคุ คล 2.1.3 การบรหิ ารจดั การ ขอ้ มลู จากแบบสมั ภาษณผ์ บู้ รหิ ารจำ� นวน 2 คน เกยี่ วกบั การบรหิ าร จัดการ พบว่า 1) โรงเรียนก�ำหนดปรัชญาของโรงเรียน คือ “คุณธรรม ผู้น�ำ คุณภาพ” มีวิสัยทัศน์ คือ “มุ่งพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล ให้มีพัฒนาการตามวัย เต็มตามศักยภาพ มีทัศนะในศตวรรษท่ี 21 เป็นคนดี มีคุณธรรมเพ่ือเป็นผู้น�ำท่ีประสบความส�ำเร็จในอนาคต” พันธกิจ คือ “จัดหลักสูตรการเรียนการสอนตาม แนวคดิ มอนเทสซอร่ี จดั สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมตอ่ การพฒั นาผเู้ รยี นทง้ั ภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น จดั หา ส่ือการสอนในการพัฒนาผู้เรียนตามแนวคิดมอนเทสซอร่ี ส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาบุคลากรทุกด้านอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง เพ่อื ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถในการจดั ประสบการณ์การเรยี นรใู้ หแ้ ก่เดก็ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและ เหมาะสมกบั วัย และพัฒนาระบบบริหารการจดั การอย่างตอ่ เนอ่ื ง” เป้าหมายของโรงเรยี น คือ เพอ่ื ส่งเสรมิ ให้ ผเู้ รยี นเกดิ ความมนั่ ใจสามารถดำ� เนนิ ชวี ติ และปฏบิ ตั กิ จิ วตั รไดอ้ ยา่ งอสิ ระ มที กั ษะในการบรหิ ารจดั การตนเอง สามารถวางแผน ควบคุมตนเองให้จดจ่อ มีสมาธิ สามารถคิดและตัดสินใจปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ จนประสบ ความส�ำเร็จด้วยตนเอง ส่งเสริมให้เด็กสร้างแรงจูงใจภายใน ใช้ความคิดสร้างสรรค์และสร้างนวัตกรรมด้วย ตนเอง 2) การจัดท�ำแผนการสอนตามหลักการของมอนเทสซอร่ี ท่ีให้ความส�ำคัญกับการจัดกิจกรรมท่ีมี ความเหมาะสมกับพัฒนาการและความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล เน้นการลงมือปฏิบัติ ด้วยตนเอง และเป็นไปตามล�ำดับขั้นตอน (1 คน) 3) การจัดสภาพแวดล้อมโดยค�ำนึงถึงความเหมาะสม 10 บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต

ความปลอดภยั มพี นื้ ทเ่ี พยี งพอกบั การใชง้ านของเดก็ เปน็ หลกั เฟอรน์ เิ จอรแ์ ละอปุ กรณภ์ ายในหอ้ งเรยี นมขี นาด ท่เี หมาะสมกับเดก็ ในแตล่ ะชว่ งวยั 2.1.4 การท�ำงานกบั ผปู้ กครอง ขอ้ มูลจากแบบสมั ภาษณผ์ บู้ ริหาร จ�ำนวน 2 คน เกย่ี วกับ การท�ำงานกบั ผปู้ กครอง พบวา่ 1) การใหข้ อ้ มลู กับผู้ปกครองเกย่ี วกับการจัดการศึกษามอนเทสซอร่ี โดยให้ เข้าชมโรงเรยี นก่อนการรบั สมัคร เพ่ือให้ผู้ปกครองมีความเขา้ ใจเบอ้ื งต้นเก่ยี วกับวธิ ีและแนวทางการสอนของ มอนเทสซอรี่ 2) การส่งเสริมความเข้าใจให้กับผู้ปกครอง โดยมีการจัดกิจกรรมปฐมนิเทศให้แก่ผู้ปกครอง หลังจากผ่านการคัดเลือก เพื่อช้ีแจงเก่ียวกับแนวการจัดการศึกษาของโรงเรียน มีการจัดประชุมผู้ปกครอง ภาคเรยี นละ 2 ครั้ง โดยแบง่ ออกเป็น ช่วงตน้ ภาคเรยี นเปน็ การพูดคยุ เกี่ยวกับแนวทางการจัดแผนการเรียน ของเดก็ เปน็ รายบคุ คล และชว่ งปลายภาคเรยี นเปน็ การรายงานเกย่ี วกบั พฒั นาการและสรปุ ความกา้ วหนา้ ของ เดก็ เปน็ รายบคุ คล 2.2 ด้านการจดั ประสบการณ์ 2.2.1 การจดั การเรยี นรใู้ นโรงเรยี น ขอ้ มลู จากแบบสมั ภาษณผ์ บู้ รหิ ารจำ� นวน 2 คน เกยี่ วกบั การจัดการเรียนรู้ในโรงเรียน พบว่า 1) มีการจัดกิจกรรมให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติ มีอิสระในการเรียนรู้และ แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งดว้ ยตนเอง โดยครทู ำ� หนา้ ทคี่ อยอำ� นวยความสะดวก หรอื ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เมอื่ เดก็ ตอ้ งการ เทา่ นน้ั 2) เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ทำ� กจิ กรรมซำ้� ได้ และใชเ้ วลาในการทำ� กจิ กรรมอยา่ งเตม็ ท่ี โดยไมร่ บกวนเดก็ ขณะ ทเ่ี ดก็ ทำ� งาน มกี ารจดั ชว่ งเวลาเรยี นมอนเทสซอรตี่ ามหลกั มาตรฐานสากล คอื หอ้ งเรยี นตำ�่ กวา่ 3 ปี มชี ว่ งเวลา เรยี นมอนเทสซอร่ี 2 ช่วั โมง และช่วงอายุ 3-6 ปี มีชว่ งเวลาเรยี นมอนเทสซอรี่ 3 ชัว่ โมง 3) ครมู อนเทสซอรี่ ท�ำหน้าที่สาธติ กิจกรรมใหก้ ับเดก็ ตามศกั ยภาพ เนน้ การสอนเป็นรายบุคคลและเปน็ กลุ่มยอ่ ย 2-3 คนในบาง กิจกรรรม เช่น กจิ กรรมในหมวดคณติ ศาสตร์ หรือกิจกรรมในหมวดวิทยาศาสตร์ เปน็ ต้น 4) เดก็ สามารถทำ� กจิ กรรมไดด้ ้วยตนเอง ตามความสามารถ ความสนใจ ข้อมลู จากการสมั ภาษณค์ รู จ�ำนวน 6 คน พบวา่ 1) ครูเปิดโอกาสให้เด็กเรยี นรู้และ การแกป้ ญั หาในระหวา่ งการทำ� กจิ กรรม ใหอ้ สิ ระในการเลอื กกจิ กรรมทตี่ นเองสนใจตามความสามารถ โดยครู ทำ� หนา้ ทค่ี อยให้คำ� แนะนำ� หรอื ช่วยเหลอื เม่ือเดก็ ต้องการ (6 คน) 2) ชว่ งเวลาเรยี นมอนเทสซอรี่ เด็กสามารถ ท�ำงานท่ีสนใจได้อย่างต่อเน่ืองจนพอใจ โดยที่ครูไม่เข้าไปรบกวนสมาธิของเด็ก ครูสาธิตกิจกรรมแก่เด็กเป็น รายบุคคลหรือกลุ่มเล็กผ่านสื่ออุปกรณ์ที่จัดเรียนอย่างเป็นระบบ (6 คน) 3) ห้องเรียนมีการจัดในลักษณะ แบบคละอายุ เดก็ ในหอ้ งเรยี นมอี ายแุ ตกตา่ งกนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ สภาพแวดลอ้ มทชี่ ว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั แบบพน่ี อ้ ง เกิดความรับผิดชอบในการช่วยเหลือและดูแลส่ิงรอบ ๆ ตัว (4 คน) ส่งเสริมให้เด็กแสดงความต้องการและ คน้ หาสิ่งท่ชี อบ พฒั นาทกั ษะการพง่ึ พาตนเองและความผิดชอบ (4 คน) 4) ครูเคารพในสทิ ธขิ องเดก็ ทกุ ๆ คน เท่าเทียมกนั (5 คน) 2.2.2 การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร จ�ำนวน 2 คน พบวา่ 1) โรงเรยี นใหค้ วามสำ� คญั กบั การจดั สภาพแวดลอ้ มทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น มกี ารออกแบบพน้ื ทใี่ นบรเิ วณ โดยรอบท่ีเปิดโอกาสให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติและมีความปลอดภัย ใช้กระจกนิรภัยทุกพ้ืนท่ี เพ่ือให้เด็ก ไดร้ บั แสงจากธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ หอ้ งเรยี นถกู ออกแบบใหเ้ ชอ่ื มตอ่ กนั ทำ� ใหเ้ ดก็ มพี นื้ ทเ่ี คลอ่ื นไหวไดอ้ ยา่ ง เป็นอิสระ 2) การจัดห้องเรียน มีกิจกรรมหลากหลายและมีความสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กแต่ละ ชว่ งอายตุ ามหลกั แนวคดิ มอนเทสซอร่ี 3) หอ้ งเรยี นแตล่ ะหอ้ งไดร้ บั การออกแบบมาโดยเฉพาะ ชนั้ วางของทมี่ ขี นาด ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 11

แตกตา่ งกนั ตามกลมุ่ อายุ จดั เกบ็ อปุ กรณจ์ ดั อยรู่ ะดบั สายตา อปุ กรณม์ ขี นาดเหมาะสมทเ่ี ดก็ สามารถหยบิ ใชไ้ ด้ เอง เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถทำ� กจิ กรรมไดด้ ว้ ยตนเองโดยไมต่ อ้ งพง่ึ พาผใู้ หญ่ 4) หอ้ งเรยี นมกี ารจดั วางใหเ้ ปน็ ระเบยี บ และสวยงามเพอื่ ดงึ ดูดความสนใจของเด็ก ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครู จ�ำนวน (6 คน) พบว่า 1) ครูท�ำหน้าที่จัดเตรียม สภาพแวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น โดยยดึ ตามหลกั การของมอนเทสซอร่ี คอื อปุ กรณท์ ม่ี คี วามสอดคลอ้ ง กับช่วงอายุ ความสามารถของเด็ก มีอุปกรณ์แต่ละประเภทเพียงชิ้นเดียวและมีวัตถุประสงค์เฉพาะ (5 คน) 2) มกี ารจดั วางอยา่ งเปน็ ระเบยี บ ตามลำ� ดบั จากงา่ ยไปยาก แยกตามหมวดหมู่ (4 คน) 3) เนน้ ความหลากหลาย และครอบคลุมทัง้ 6 กล่มุ คือ กล่มุ ชวี ติ ประจำ� วัน กลุ่มประสาทสัมผสั กลุ่มการประสานสมั พันธ์ระหวา่ ง มอื ตา กลุ่มภาษา กลุม่ คณิตศาสตร์ และกลุ่มดนตรีและศิลปะ (3 คน) 4) จดั ห้องเรียนให้ไดร้ ับอากาศแสงจาก ธรรมชาตใิ นชว่ งเช้า (3 คน) เดก็ สามารถทำ� กจิ กรรมท้งั ภายในและภายนอกห้องเรยี นไดอ้ ย่างอสิ ระ (6 คน) อุปกรณใ์ นแต่ละกจิ กรรมมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะ และเนน้ ความหลากหลายเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกับพฒั นาการและ ความตอ้ งการทีแ่ ตกต่างกันของเด็ก (5 คน) 2.2.3 การประเมินพัฒนาการเดก็ ขอ้ มลู จากการสัมภาษณ์ผบู้ รหิ าร จำ� นวน 2 คน พบวา่ 1) ครูมีการสังเกตพฤติกรรมเด็กอย่างต่อเนื่องตลอดปีการศึกษา ผ่านการสังเกตพฤติกรรมของเด็กขณะท�ำ กิจกรรมโดยการจดบนั ทกึ ทั้งแบบความเรยี ง แบบฟอรม์ การตรวจสอบการปฏบิ ัติกิจกรรม การพูดคยุ และ การบนั ทกึ ภาพ มกี ารใชโ้ ปรแกรม Transparent classroom ชว่ ยในการบนั ทกึ รอ่ งรอยการทำ� งาน ในลกั ษณะ ของการบนั ทกึ ความกา้ วหนา้ ตามขน้ั ตอนของมอนเทสซอร่ี ภาพถา่ ยขณะทเ่ี ดก็ ทำ� กจิ กรรม ผปู้ กครองสามารถ ใช้รหัสส่วนตัวของเด็กแต่ละคนเข้าดูภาพกิจกรรมท่ีเด็กท�ำในแต่ละสัปดาห์ 2) น�ำผลจากการสังเกตด้วย วธิ ตี า่ ง ๆ ทำ� การประเมนิ และสรปุ เปน็ รายงานความกา้ วหนา้ และพฒั นาการของเดก็ แตล่ ะคนตามหลกั การของ มอนเทสซอร่ี 3) มกี ารแจง้ ใหผ้ ปู้ กครองทราบทกุ ปลายภาคเรยี น เพ่ือใหผ้ ปู้ กครองรับทราบพฒั นาการของเด็ก และแนวทางการจัดการศึกษาในภาคเรยี นถดั ไป ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครู จ�ำนวน 6 คน พบว่า 1) การประเมินพัฒนาการเด็ก ใชก้ ารประเมนิ แบบรายบคุ คล (6 คน) 2) มกี ารสงั เกตพฤตกิ รรมขณะทำ� กจิ กรรม และนำ� ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต มาจดบันทึกและสรุปผลเพ่ือวางแนวทางการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความสามารถของเด็ก แตล่ ะคน (5 คน) 3) ระยะเวลาการสังเกตและความถ่ใี นการสังเกตจะขน้ึ อยูก่ บั พฤตกิ รรมการท�ำงานของเดก็ แตล่ ะคน 4) ครจู ะทำ� การสงั เกต ประเมนิ และบนั ทกึ ความกา้ วหนา้ ภาพถา่ ยขณะทำ� กจิ กรรมอยา่ งนอ้ ย 1 ครงั้ ต่อสปั ดาห์ (3 คน) 2.3 ดา้ นคุณลกั ษณะเด็ก มรี ายละเอียดดงั น้ี ผลการศึกษา พบว่า ความคิดเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับคุณลักษณะเด็ก พบว่า ค่าเฉลี่ย คะแนนระดบั การปฏบิ ตั ขิ องเดก็ จากความคดิ เหน็ ของผปู้ กครอง โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มากทสี่ ดุ ( = 4.61) โดยคุณลกั ษณะดา้ นร่างกาย มีคา่ เฉลีย่ สงู สุด ( = 4.73) รองลงมาคอื ดา้ นสติปญั ญา ( = 4.65) ด้านสังคม (  = 4.59) และด้านอารมณ์ จิตใจ ( = 4.47) ตามล�ำดับ เมอ่ื พจิ ารณาความคิดเห็นของผูป้ กครองเกี่ยวกบั คณุ ลกั ษณะเดก็ ในแต่ละดา้ น เป็นดังน้ี 2.3.1 ดา้ นรา่ งกาย ผปู้ กครองมีความคิดเห็นเกีย่ วกับคุณลกั ษณะของเด็กดา้ นร่างกายอยูใ่ น ระดับมากท่ีสุด (  = 4.73) เม่อื พิจารณาในองค์ประกอบ พบวา่ ผู้ปกครองมคี วามคิดเหน็ เกี่ยวกับคณุ ลักษณะ 12 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

ของเดก็ อยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ ทง้ั 3 องคป์ ระกอบ โดยดา้ นสขุ นสิ ยั ดแู ลความปลอดภยั ของตนเองมคี า่ เฉลย่ี สงู สดุ ( = 4.80) รองลงมาคอื ความคลอ่ งแคล่วในการใชก้ ลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ ( = 4.77) และการประสานสมั พนั ธ์ มอื และตา ( = 4.63) ตามลำ� ดับ 2.3.2 ด้านอารมณ์และจิตใจ ผู้ปกครองมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณลักษณะของเด็กด้าน อารมณแ์ ละจติ ใจอยูใ่ นระดบั มาก ( = 4.47) เมื่อพิจารณาในองคป์ ระกอบ พบวา่ ผ้ปู กครองมีความคดิ เห็น เก่ียวกับคุณลักษณะของเด็กอยู่ในระดับมากท่ีสุด คือ ความม่ันใจและภาคภูมิใจในตนเอง ( = 4.57) รองลงมาคือ ท�ำงานอย่างจดจ่อ มีสมาธิและความสุขุมรอบคอบ ( = 4.45) และการควบคุมตนเองและ แสดงออกทางอารมณ์ ( = 4.38) ตามล�ำดับ 2.3.3 ดา้ นสงั คม ผปู้ กครองมคี วามคดิ เหน็ เกย่ี วกบั คณุ ลกั ษณะของเดก็ ดา้ นสงั คมอยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด ( = 4.59) เม่ือพิจารณาในองคป์ ระกอบ พบวา่ ผปู้ กครองมคี วามคิดเห็นเก่ียวกับคุณลกั ษณะของ เด็กในระดบั มากท่ีสุดทั้ง 3 องค์ประกอบ โดยการมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและผอู้ ืน่ ( = 4.67) รองลงมา คอื การมีระเบียบวินยั ในตนเอง ( = 4.60) และการพ่ึงพาตนเอง ( = 4.52) ตามลำ� ดับ 2.3.4 ด้านสติปัญญา ผู้ปกครองมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณลักษณะของเด็กด้านสติปัญญา อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.65) เม่ือพิจารณาในองค์ประกอบ พบว่า ผู้ปกครองมีความคิดเห็นเก่ียวกับ คุณลักษณะของเด็กอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 3 องค์ประกอบ โดยการมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ ( = 4.67) รองลงมาคือ การมีทักษะทางภาษาและการคิด ( = 4.65) และการมีทักษะการจัดการและแก้ไขปัญหา ( = 4.63) ตามลำ� ดับ อภิปรายผล ผลการศึกษาเรื่อง การวิเคราะห์การจัดการศึกษาตามแนวคิดของมอนเทสซอรี่ในโรงเรียนรัตน์ฉัตร ผวู้ จิ ัยมปี ระเดน็ การอภปิ รายผลการศึกษาไดด้ ังนี้ 1. ด้านการบรหิ ารและการจัดการ โรงเรยี นใหค้ วามสำ� คญั กบั การคดั เลอื กครปู ระจำ� ชน้ั ทมี่ คี วามรแู้ ละทกั ษะเกยี่ วกบั การจดั การเรยี น การสอนตามแนวคิดมอนเทสซอรี่โดยเฉพาะ มีความเข้าใจในการสอนมอนเทสซอรี่อย่างแท้จริงไม่ใช่เพียง การน�ำอุปกรณ์มอนเทสซอรี่มาใช้ แต่ขาดความเข้าใจในจุดประสงค์ของแต่ละกิจกรรมอย่างแท้จริง ส่งผลให้ ครูไม่สามารถจัดการเรียนการสอนให้แก่เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ วณี า ก๊วยสมบูรณ์ (2542) ท่ีพบว่า ประเทศไทยได้นำ� แนวคิดทางการศึกษาแบบมอนเทสซอรี่มาใชใ้ นการจดั การศกึ ษาเปน็ เวลามานาน แตไ่ มป่ ระสบความสำ� เรจ็ เนอ่ื งจากเปน็ การนำ� เฉพาะอปุ กรณม์ าใชโ้ ดยขาดการทำ� ความเข้าใจแนวคดิ ท่ีเป็นเบือ้ งหลังอยา่ งแท้จริง นอกจากนผี้ ูบ้ ริหารของโรงเรียนรัตน์ฉัตรได้ใหค้ วามสำ� คัญกบั การส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาบุคลากรทุกด้านอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้มีความรู้ความสามารถในการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับวัย ตามพันธกิจของโรงเรียน ซึ่ง สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการประกนั คณุ ภาพของโปรแกรมมอนเทสซอร่ี (Montessori Australia Foundation, 2018) ทใี่ หค้ วามสำ� คญั กบั ครผู สู้ อน การจดั เตรยี มครู ทต่ี อ้ งมคี ณุ สมบตั ติ รงตามชนั้ ทส่ี อน มโี ปรแกรมทสี่ ง่ เสรมิ การพัฒนาความเป็นครูมืออาชีพ เช่น การฝึกทักษะ การสังเกต การประเมิน การปฏิบัติตนเองเพื่อเป็น ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 13

แบบอย่างทดี่ แี ก่เดก็ และเปน็ ผอู้ �ำนวยความสะดวกในการพัฒนาการเรียนรู้ โดยสนับสนนุ การเรยี นรขู้ องเด็ก ให้เป็นไปตามธรรมชาติ สอดคล้องกับแนวคิดของ Freeman, Decker & Decker (2016) ท่ีกล่าวถึง องคป์ ระกอบสำ� คญั ของการดำ� เนนิ งานการจดั การศึกษาปฐมวยั ดา้ นการบรหิ าร เร่ืองการคดั เลือกบุคลากรว่า ต้องค�ำนึงถึงคุณสมบัติ ทักษะ ความรู้ความสามารถของบุคลากรท่ีตรงตามความต้องการของโรงเรียน มีความรู้ โดยครูควรมีความสามารถในการช่วยส่งเสริมและพัฒนาเด็กในด้านอารมณ์ สังคม การพัฒนาด้าน สตปิ ญั ญา เพอ่ื ทจ่ี ะใหส้ ามารถจดั การเรยี นการสอนไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื เปา้ หมายของโรงเรยี น แนวคดิ และปรัชญาเก่ียวกับการจัดการศึกษาได้รับการอบรมความรู้ให้แก่ครูผู้ช่วยเกี่ยวกับมอนเทสซอร่ีเบื้องต้น กอ่ นเรม่ิ ปฏบิ ตั งิ านจรงิ และการนเิ ทศภายใน การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของครอู ยา่ งสมำ�่ เสมอ ซงึ่ ทำ� ใหค้ รู มีความเขา้ ใจ และมีทักษะในการจดั การเรียนการสอนไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ 2. ดา้ นการจดั ประสบการณ์ โรงเรียนมีการสนับสนุนและเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการเลือกท�ำกิจกรรมด้วยตนเอง เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติและการแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยไม่เข้าไปรบกวนสมาธิระหว่างที่เด็กท�ำงาน ซึ่งมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการประกันคุณภาพของโปรแกรมมอนเทสซอร่ี (Montessori Australia Foundation, 2018) ท่ีอธิบายถึงการจัดช่วงเวลาการท�ำงานอย่างต่อเน่ือง เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ สิ่งต่าง ๆ ที่หลากหลายท้ังภายในและภายนอกห้องเรียน การจัดการเรียนรู้ โดยครูท�ำหน้าท่ีเป็นผู้อ�ำนวย ความสะดวกให้กับเด็ก คนท�ำหน้าที่ในการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพัฒนาการ และความตอ้ งการของเดก็ แตล่ ะคน ทำ� หนา้ ทส่ี าธติ การทำ� กจิ กรรมโดยเนน้ การสาธติ เปน็ รายบคุ คล ใชว้ ธิ กี ารสอน แบบเป็นขั้นตอน เพ่ือให้เด็กสามารถเชื่อมโยงความรู้ความเข้าใจได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ โดยท้ังผู้บริหาร และครูมีความเข้าใจและเห็นความส�ำคัญของการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กไปในทิศทางเดียวกัน ว่าครู มอนเทสซอรี่ต้องได้รับการฝึกให้รู้จักการสังเกตระดับความพร้อมของเด็ก ความสนใจและความต้องการของ เดก็ เพอ่ื ทจี่ ะสามารถจดั สภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมและมจี ดุ มงุ่ หมาย ซง่ึ เปน็ การสนบั สนนุ ใหเ้ ดก็ สามารถเรยี นรู้ และมีประสบการณ์กับสิ่งต่าง ๆ ได้เต็มตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ Isaac (2012) ทีก่ ลา่ วถงึ บทบาทของครูมอนเทสซอรวี่ า่ เปน็ ผูท้ ีค่ อยสนับสนุนเดก็ อยู่เบ้ืองหลงั และเปดิ โอกาสให้เด็ก ไดม้ ีอิสระในการตดั สนิ ใจเลือกท�ำในสง่ิ ทต่ี นเองสนใจ เดก็ ไดเ้ รียนร้ทู ักษะการเป็นผู้น�ำท่ีตนเองสามารถเรยี นรู้ ได้โดยที่เด็กไม่ได้รับอิทธิพลจากครูมากเกินไป เด็กจะเกิดความม่ันใจและเห็นคุณค่าในตัวเอง และการเปิด โอกาสให้เด็กได้ทำ� กจิ กรรมซำ้� ๆ จนเกดิ ความช�ำนาญ ความเป็นอสิ ระจะช่วยสง่ เสริมใหเ้ ดก็ เกิดความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ 3. ด้านคุณลักษณะเดก็ ผลวิเคราะห์คุณลักษณะเด็ก จากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครอง มีค่าเฉล่ียคะแนน การปฏบิ ตั โิ ดยรวมอยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ แสดงถงึ ผลการเรยี นรขู้ องเดก็ ทเี่ กดิ จากการทำ� กจิ กรรมทถี่ กู จดั ขน้ึ ตาม แนวคดิ ของมอนเทสซอรมี่ กี ารจดั เตรยี มอยา่ งเหมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพ ทงั้ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นรา่ งกาย ดา้ น อารมณ์ จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา โดยเรียงล�ำดับด้านที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนการปฏิบัติโดยรวม มากทส่ี ดุ คอื ดา้ นรา่ งกาย ดา้ นสตปิ ญั ญา ดา้ นสงั คม และดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ตามลำ� ดบั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามแนวคดิ ของมอนเทสซอรน่ี นั้ ใหค้ วามสำ� คญั ของการพฒั นาตามลำ� ดบั ขน้ั ของการเจรญิ เตบิ โตโดยทช่ี ว่ งปฐมวยั เดก็ ควร ไดร้ บั การพฒั นาในเรอ่ื งของกลา้ มเนอื้ มดั เลก็ และกลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ การทำ� กจิ กรรมทเี่ ดก็ สนใจทำ� ใหเ้ ดก็ มสี มาธิ 14 บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดุสติ

จดจ่อกับงานที่ท�ำ และอุปกรณ์ของมอนเทสซอร่ีในหมวดประสาทสัมผัสช่วยส่งเสริมในเร่ืองของพัฒนาการ ด้านสติปัญญาได้เป็นอย่างดี ผลการวิจัยดังกล่าวมีความสอดคล้องกับงานวิจัยของ Mina and Tajularipin (2014) ท่ีศึกษาเก่ียวกับความแตกต่างระหว่างการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรมอนเทสซอร่ีและการใช้ หลักสูตรแห่งชาติของการศึกษาปฐมวัยของประเทศมาเลเซีย ผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด การเรยี นการสอนจากโรงเรยี นมอนเทสซอรมี่ พี ฒั นาการด้านสติปญั ญา ด้านสังคม และด้านทักษะภาษาดีกว่า โดยมกี ารพฒั นาทกั ษะทางดา้ นรา่ งกายไมแ่ ตกตา่ งกบั โรงเรยี นทม่ี กี ารจดั การเรยี นการสอนโดยใชห้ ลกั สตู รปฐมวยั แหง่ ชาตขิ องประเทศมาเลเซยี เมอ่ื พจิ ารณาคณุ ลกั ษณะเดก็ แตล่ ะดา้ น พบวา่ คณุ ลกั ษณะเดก็ จากแบบสอบถาม ความคิดเห็นของทง้ั 3 กล่มุ มคี วามสอดคลอ้ งกัน คอื คณุ ลักษณะด้านรา่ งกาย มีคา่ คะแนนเฉล่ียการปฏิบัติ สูงสุด จากทงั้ หมด 4 ดา้ น และคุณลักษณะเด็กทม่ี ีคา่ คะแนนเฉล่ยี การปฏบิ ตั นิ อ้ ยสุดจากทง้ั หมด 4 ด้าน คอื ด้านอารมณ์ และจิตใจ และแนวคิดของ Standing (1957) ซึ่งอธิบายถึงเด็กท่ีได้รับการเรียนการสอนตาม แนวคดิ ของมอนเทสซอรจี่ ะมคี ณุ ลกั ษณะเฉพาะ ไดแ้ ก่ 1) มคี วามเปน็ อสิ ระในการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 2) มคี วาม มน่ั ใจและความภมู ใิ จในตนเอง 3) มรี ะเบยี บและวนิ ยั 4) มที กั ษะในการจดั การ การวางแผน 5) มคี วามสามารถ ในการควบคุมตนเอง 6) มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 7) มีแรงจูงใจที่แท้จริง รู้ความต้องการของตนเอง 8) มที กั ษะทางรา่ งกายและการใช้ประสาทสัมผสั ทด่ี ี และ 9) มีความรับผิดชอบตอ่ การเป็นพลเมือง ขอ้ เสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการน�ำผลการวิจัยไปใช้ 1. ครใู นระบบการสอนของมอนเทสซอร่ีมีความสำ� คญั เปน็ อยา่ งมาก ต้องได้รบั การฝึกฝนและอบรม พเิ ศษจงึ จะสามารถทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ ผอู้ ำ� นวยการ/ผนู้ ำ� ทางใหแ้ กเ่ ดก็ เพอื่ ใหเ้ ดก็ แตล่ ะคนสามารถพฒั นาตนเองได้ เต็มตามศักยภาพ ดังนั้นโรงเรียนควรมีการคัดเลือกบุคลากรท่ีผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์เก่ียวกับ เดก็ ปฐมวยั เพ่อื ให้เกิดความรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั พฒั นาการเด็ก การจดั กิจกรรมทีเ่ หมาะสมกบั ช่วงวยั และ จดั การเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 2. โรงเรียนอนุบาลควรน�ำแนวคิดการจัดการเรียนการสอนแบบมอนเทสซอร่ีมาประยุกต์ใช้ จากผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเทสซอร่ีช่วยส่งเสริมและพัฒนาเด็กปฐมวัยในด้าน ร่างกายและสติปัญญาในระดบั มาก ซึง่ สอดคลอ้ งกับพฒั นาการที่จ�ำเปน็ ของเดก็ ปฐมวัยในช่วง 0-6 ปี 3. ครูควรมีการพัฒนาตนเองด้วยการเข้าร่วมอบรมกิจกรรมที่เก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนตาม แนวคิดของมอนเทสซอรี่ส�ำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อที่จะสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ได้ถูกต้องและ เหมาะสม ขอ้ เสนอแนะส�ำหรบั การวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไป 1. ควรมีการวิจัยลักษณะการให้ความรู้แก่ครูและครูผู้ช่วยในการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดของ มอนเทสซอรี่ 2. ควรมกี ารศกึ ษาวจิ ยั เกย่ี วกบั การจดั การเรยี นการสอนของโรงเรยี นในระดบั อนบุ าลทจี่ ดั การศกึ ษา ตามแนวคดิ ของมอนเทสซอรี่ ในสถานศกึ ษารูปแบบอื่น เชน่ ศนู ย์พฒั นาเด็กเล็ก โรงเรยี นอนบุ าลของรัฐบาล เพื่อใหไ้ ด้ข้อมลู ในการนำ� มาปรับปรุงการจดั การเรยี นการสอนใหไ้ ดป้ ระสิทธภิ าพ ปที ี่ 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 15

เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2560). หลักสูตรศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560. กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภาลาดพร้าว. จีระพันธ์ุ พูลพฒั น์. (2549). การจัดการสอนส�ำหรับเด็กปฐมวัยตามแนวคิดของมอนเทสซอร่ี. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . วีณา ก๊วยสมบรู ณ์. (2542). การศึกษาการพัฒนาและการใช้หลกั สูตรของโรงเรยี นอนบุ าลทีใ่ ช้แนวคดิ ทาง การศึกษาแบบมอนเทสซอรี่และวอลดอร์ฟ. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขา วชิ าการศกึ ษาปฐมวัย ภาควชิ าประถมศึกษา จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน. (2561). แนวทางการประเมนิ คณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา ระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานการศึกษาพิเศษ. [Online]. Available: http://bet.obec.go.th/index/wp-content/uploads/2018/08/ nn3.pdf [2561, พฤศจิกายน 14]. Freeman, N. K., Decker J. R. & Decker, A. C. (2016). Planning and Administering Early Childhood Program. The United States of America: Pearson Education. Holmes, C. (2016). The introduction of Montessori teaching and learning practices in an early childhood classroom in a remote Indigenous school. (Master of Education (Thesis)). University of Notre Dame Australia. https://researchonline.nd.edu.au/ theses/136 Isaacs, B. (2012). Bringing the Montessori approach to your early years practice. New York: Taylor and Francis. Mina, B. & Tajularipin, S. (2014). The Difference between Montessori Curriculum and Malaysia Nation Preschool Curriculum on Development Skills of Preschool Children in Kuala Lumpur. British Journal of Education, Society & Behavioral Science, 4 (10): 1372- 1385. [Online]. Available: http://www.journalrepository.org/media/journals/ BJESBS_21/2014/Jun/Badiei4102014BJESBS9853_1.pdf [2018, October 21]. Montessori Australia Foundation. (2018). The Montessori Quality Assurance Program. [Online]. Available: https://montessori.org.au/sites/default/files/downloads/pages/ MQAPBrochure.pdf [2018, October 13]. Standing, E. M. (1957). Maria Montessori her life and work. New York, NY: Penguin. 16 บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

คณะผเู้ ขยี น นางนวกชมน นิติมานพ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย เลขที่ 254 ถนนพญาไท แขวงวงั ใหม่ เขตปทุมวนั กรงุ เทพมหานคร 10330 e-mail: [email protected] ดร. ปนฐั ษรณ์ จารชุ ัยนวิ ัฒน์ คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั เลขที่ 254 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวนั กรงุ เทพมหานคร 10330 e-mail: [email protected] ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 17

18 บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

แนวทางการพัฒนาประสิทธภิ าพการจดั การขยะของเทศบาลเมอื งหวั หนิ Guidelines for the Efficiency Development of Waste Disposal Management of Hua Hin Municipality เขมภทั ท์ เย็นเปี่ยม* อานภุ าพ รกั ษส์ วุ รรณ และดนสุ รณ์ กาญจนวงศ์ โรงเรยี นกฎหมายและการเมอื ง มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ Khemapat Yenpiam* Arnuphab Raksuwan and Danusorn Kanjanawong School of Law and Politics, Suan Dusit University Received: May 15, 2019 Revised: June 28, 2019 Accepted: July 4, 2019 บทคดั ย่อ การศึกษาเรื่องน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน 2) ศกึ ษาแนวทางการพฒั นาประสทิ ธภิ าพการจดั การขยะของเทศบาลเมอื งหวั หนิ ใชว้ ธิ กี ารวจิ ยั แบบผสมผสาน วิธี ระหวา่ งวิธีการวิจยั เชงิ ปรมิ าณและการวิจยั เชงิ คณุ ภาพ กลมุ่ ตัวอย่างการวจิ ัยเชิงปริมาณ คือ 1) ประชาชน ทีอ่ าศยั อยูใ่ นเขตเทศบาลเมอื งหัวหนิ จำ� นวน 395 ครัวเรือน โดยใช้สตู รของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane, 1973) ท่ีความคลาดเคลื่อนของการสุ่มร้อยละ 5 หรือ 0.05 และใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ด้วยวิธีการ จบั สลาก และ 2) ผปู้ ฏบิ ตั งิ านในเทศบาลเมอื งหวั หนิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การขยะมลู ฝอย จำ� นวน 45 คน โดย วิธีสมุ่ ตัวอยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) กลุ่มตวั อยา่ งการวิจัยเชงิ คุณภาพ คือ ตัวแทนผบู้ รหิ าร และผู้ปฏบิ ัติงานของเทศบาลเมืองหวั หิน จำ� นวน 3 คน และผ้นู �ำชมุ ชนหรอื ตวั แทนชมุ ชนในเขตเทศบาลเมือง หัวหิน จำ� นวน 7 คน รวมทง้ั สิน้ 10 คน ผลการศกึ ษาพบว่า ประสทิ ธภิ าพการจดั การขยะของเทศบาล โดย ภาพรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง (  = 2.74, S.D. = 0.948) และแนวทางการพฒั นาประสทิ ธภิ าพการจดั การ ขยะ คือ ควรเรม่ิ ต้นจากการลดปริมาณขยะ ซึ่งเทศบาลเมอื งหัวหินควรมุง่ เน้นการลดปริมาณขยะเพ่มิ มากขึ้น และเทศบาลเมืองหัวหินควรมีบทบาทหน้าท่ีเป็นตัวกลาง โดยเป็นผู้ประสานภาคเอกชนและให้ประชาชน เข้ามามสี ว่ นร่วมในการจัดการขยะเพม่ิ มากขน้ึ ค�ำสำ� คัญ: การพัฒนา ประสทิ ธภิ าพ การจัดการขยะ เทศบาลเมืองหวั หิน * เขมภทั ท์ เยน็ เปี่ยม (Corresponding Author) ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 19 e-mail: [email protected]

Abstract This study was aimed to: 1) study the efficiency of waste disposal management of Hua Hin Municipality; and 2) study the guidelines for the efficiency development of waste disposal management of Hua Hin Municipality. The study was based on the mixed methods research between the qualitative and quantitative methodology. The qualitative sample included 1) 395 households living in Hua Hin Municipality by using Taro Yamane’s formula (Taro Yamane, 1973) with sampling error at 5 percent or 0.05. The simple random sampling by drawing lots was employed. 2) Another 45 officers at Hua Hin Municipality working for the waste disposal management chosen by using purposive sampling. The qualitative sample included 3 representatives of municipal administrators and officers, 7 heads of community or representatives of community, totaling 10 people. The result indicated that the overall efficiency of waste disposal management of Hua Hin Municipality was found at the medium level (  = 2.74, S.D. = 0.948). Guidelines for the efficiency development of waste disposal management should start from the waste reduction. Hua Hin Municipality should focus on more waste reduction and it should act as the intermediary in coordinating the private sector and people to be more involved in waste management. Keywords: Development, Efficiency, Waste Disposal Management, Hua Hin Municipality บทน�ำ ประเทศไทยมปี ริมาณขยะมูลฝอยที่เกดิ ข้นึ ทั่วประเทศ ประมาณ 27.37 ลา้ นตนั หรอื 74,998 ตนั ต่อวัน เพิ่มข้ึนจาก พ.ศ. 2559 ร้อยละ 1.15 ที่มีปริมาณเกิดข้ึน 27.06 ล้านตัน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ ประชากรและการขยายตวั ของชมุ ชนเมอื ง ในขณะท่ี อตั ราการเกดิ ขยะมลู ฝอยตอ่ คน ประมาณ 1.13 กโิ ลกรมั ตอ่ คนต่อวัน ลดลงจาก พ.ศ. 2559 ซง่ึ มปี ริมาณ 1.14 กิโลกรมั ตอ่ คนต่อวัน ทัง้ นี้ เป็นขยะมูลฝอยท่ีเกิดขน้ึ ใน กรงุ เทพมหานคร ประมาณ 4.86 ลา้ นตนั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 18 และในพน้ื ที่ 76 จงั หวดั ประมาณ 22.51 ลา้ นตนั คดิ เปน็ ร้อยละ 82 เมอื่ พิจารณาในช่วง 10 ปที ่ผี ่านมา (พ.ศ. 2551-2560) พบวา่ ปริมาณขยะมลู ฝอยทเ่ี กดิ ขึน้ ต่อวันมีแนวโน้มเพ่มิ ขึน้ (สำ� นักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม, 2562) รฐั บาลให้ความส�ำคัญกับปัญหาขยะมลู ฝอยและของเสยี อันตราย โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ และเปน็ นโยบายท่ีเร่งด่วนก็ว่าได้ ดังจะเห็นได้จากการก�ำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ด้าน การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมการจัดการขยะต้ังแต่ต้นทางถึงปลายทาง ดว้ ยเปา้ หมาย 3R (Reduce, Reuse, Recycle) การจดั ทำ� แผนปฏบิ ตั กิ าร “ประเทศไทยไรข้ ยะ” ตามแนวทาง ประชารฐั ระยะ 1 ปี (พ.ศ. 2559-2560) ตามหลักการ 3 ช : ใชน้ ้อยลง ใชซ้ ้�ำ และนำ� กลบั มาใช้ใหม่ (3 Rs) Reduce Reuse Recycle และแนวทางการปฏบิ ัติงานด้านการบรหิ ารจดั การขยะมูลฝอย “จังหวัดสะอาด” การประกาศของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเรื่องการจัดการขยะมูลฝอย พ.ศ. 2560 การให้ความส�ำคัญกับ 20 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

การแก้ปัญหาขยะมูลฝอยดังกล่าว จึงได้มีการมอบนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยให้กับองค์กรปกครอง สว่ นท้องถน่ิ ได้นำ� ไปดำ� เนินการตามอำ� นาจหน้าทท่ี ีม่ ีในกฎหมาย (ณชิ ชา บูรณสงิ ห,์ 2560) อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเมืองท่องเท่ียวท่ีมีนักท่องท่องเท่ียวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างชาติ เดนิ ทางเข้ามาท่องเท่ียวตลอดทง้ั ปี อกี ทัง้ ยังมปี ระชากรแฝงทเ่ี ข้ามาประกอบอาชีพในพ้นื ท่ีเป็น จ�ำนวนมาก น�ำมาซ่งึ ปัญหาขยะทเ่ี พ่ิมขน้ึ อยา่ งตอ่ เน่อื ง โดยเทศบาลเมอื งหัวหิน ไดด้ �ำเนนิ การจัดเกบ็ ขยะเปน็ ประจ�ำทุกวัน ปริมาณวันละไม่ต�่ำกว่า 150 ตัน (ไพลิน กองพันธ์, 2561) หากมีการบริหารจัดการท่ีไม่ดี อาจสง่ ผลทำ� ให้เกดิ ปัญหาขยะลน้ เมืองตามมา จากสภาพและปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาประสิทธิภาพการจัดการขยะของ เทศบาลเมืองหวั หนิ และแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจดั การขยะของเทศบาลเมอื งหัวหนิ วัตถปุ ระสงค์ 1. ศึกษาประสทิ ธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหวั หิน 2. ศกึ ษาแนวทางการพัฒนาประสทิ ธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหนิ แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง แนวคิดเก่ียวกับการจัดการขยะมลู ฝอย ตามหลักการ 3 R ประกอบด้วย ใชน้ ้อย (หรอื ลดการใช้ : Reduce) ใช้ซ�้ำ (Reuse) และใช้แปรรูปใหม่ (Recycle) เพ่ือให้การจัดการขยะเป็นวิธีการง่าย ๆ ที่ท�ำให้ ทกุ คนสามารถปฏิบัติไดใ้ นชีวติ ประจ�ำวนั โดยสามารถใชห้ ลกั การ 3 ใช้ หรอื 3 R เพื่อการจัดการขยะทเี่ กิดขน้ึ จากบา้ นเรอื นและชมุ ชน ดังนี้ (กรมควบคมุ มลพิษ, 2561) 1) ใชน้ ้อย หรือลดการใช้ (Reduce : R แรก) หมายถึง การลดปรมิ าณการใชล้ งโดยใชเ้ ท่าทีจ่ ำ� เปน็ หลีกเล่ียงการใช้อย่างฟุ่มเฟือยเพื่อลดการสูญเปล่าและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด เช่น การใช้ตะกร้าหรือ ถุงผ้าในการจับจ่ายซ้ือของเพื่อลดปริมาณพลาสติกและโฟมซ่ึงก�ำจัดยาก การใช้แก้วส่วนตัวแทนการใช้แก้ว คร้ังเดยี วแลว้ ท้ิง การใช้ปิน่ โตหรือกล่องใสอ่ าหารเพือ่ ลดขยะโฟมซึ่งยอ่ ยสลายยาก เป็นต้น 2) ใช้ซ�้ำ (Reuse : R ที่สอง) หมายถึง การน�ำของเสียบรรจุภณั ฑห์ รือวสั ดุเหลอื ใชก้ ลับมาใชอ้ กี โดย ไม่ผ่านขบวนการแปรรูปหรือแปรสภาพ เช่น การทำ� สง่ิ ประดิษฐจ์ ากวสั ดเุ หลอื ใช้ นอกจากจะชว่ ยลดปรมิ าณ ขยะแล้วยังสร้างอาชีพและรายได้อีกด้วย การใช้กระดาษสองหน้า เมื่อใช้ครบท้ังสองหน้าแล้ว ยังท�ำเป็น กระดาษหน้าท่ีสาม โดยใช้เป็นกระดาษพิมพ์อักษรเบรลล์ให้ผู้พิการทางสายตา การใช้ถ่านไฟฉายแบบชาร์จ ใหม่ได้ (Rechargeable Battery) เป็นวิธีการท่ีประหยัดเงินในกระเป๋าและช่วยลดปริมาณขยะอันตราย ทเี่ กดิ ขน้ึ การบรจิ าคเสอื้ ผา้ ขา้ วของเครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ ใหผ้ ทู้ ม่ี คี วามจำ� เปน็ ตอ้ งใช้ นอกจากจะไดบ้ ญุ แลว้ ยงั ทำ� ให้ บา้ นเรอื นเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย ไมร่ กรงุ รงั เตม็ ไปดว้ ยสงิ่ ของทไี่ มใ่ ชง้ านแลว้ การขายสนิ คา้ มอื สอง เชน่ หนงั สอื เส้ือผ้า รองเท้า อปุ กรณเ์ คร่อื งใชไ้ ฟฟา้ เปน็ ตน้ นอกจากเป็นการลดปริมาณขยะแล้ว ยงั เปน็ การเพิ่มรายได้อกี ชอ่ งทางด้วย 3) ใชแ้ ปรรปู หรือ แปรรปู ใชใ้ หม่ หรอื รีไซเคลิ (Recycle : R ท่สี าม) หมายถงึ การนำ� ขยะรีไซเคิล ของเสยี บรรจภุ ณั ฑห์ รอื วสั ดเุ หลอื ใชม้ าแปรรปู เปน็ วตั ถดุ บิ ในกระบวนการผลติ หรอื เพอื่ ผลติ เปน็ ผลติ ภณั ฑใ์ หม่ ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 21

เช่น การน�ำกระป๋องอะลูมิเนียมมาหลอมเป็นขาเทียม การน�ำกล่องเคร่ืองด่ืม UHT มาแปรรูปเป็นตะกร้า การนำ� กระดาษมาแปรรูปเปน็ กล่องทิชชู การนำ� ขวดพลาสตกิ ใส (PET) มาแปรรปู เป็นเส้ือ เปน็ ตน้ นอกจากหลกั การการจดั การขยะดงั กลา่ วแลว้ กจิ กรรมการนำ� ขยะกลบั มาใชใ้ หม่ สามารถดำ� เนนิ การ ไดด้ ังน้ี (กรมควบคมุ มลพษิ , 2561) ธนาคารขยะรีไซเคิล เป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัสดุรีไซเคิลเป็นเงินสดหรือบันทึกลงสมุดในโรงเรียน หรอื ชมุ ชน โดยรายไดท้ เ่ี กดิ ขนึ้ จะถกู บนั ทกึ ลงบนสมดุ คฝู่ ากของสมาชกิ ซง่ึ สามารถฝากหรอื ถอนไดใ้ นลกั ษณะ เดียวกับธนาคารพาณิชย์ ขยะรีไซเคิลจะถูกรวบรวมไว้และจ�ำหน่ายให้กับซาเล้งหรือร้านค้าของเก่าต่อไป ธนาคารขยะมสี ว่ นชว่ ยลดปรมิ าณขยะในชมุ ชน แลว้ ยงั เปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ สี่ ำ� คญั สำ� หรบั คนในชมุ ชน โดยเฉพาะ เด็กและเยาวชน รู้จักคุณค่าขยะ และรู้ว่าขยะรีไซเคิลสามารถแลกเป็นเงินได้ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้รู้จัก การออมอกี ดว้ ย ผ้าปา่ รีไซเคลิ เนื่องจากวิถกี ารด�ำรงชวี ติ ของคนไทยผกู พันกับพธิ กี รรมทางศาสนาและให้ความส�ำคัญ กับสถาบันทางศาสนาในแง่ของการเป็นศนู ย์กลางในการพบปะแลกเปลี่ยนความคดิ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ การจัด กิจกรรมผ้าป่ารไี ซเคลิ เป็นต้น การดำ� เนนิ กิจกรรม เร่ิมจากการชักชวนคนในชมุ ชนคัดแยกขยะ และรวบรวม วัสดุรีไซเคิล น�ำมาเป็นปัจจัยในการทอดผ้าป่า แทนการใช้เงิน จากน้ันประสานให้ร้านรับซื้อของเก่าเข้ามา รบั ซือ้ คำ� นวณมูลคา่ เปน็ จำ� นวนเงินเพือ่ ถวายให้วดั ขยะแลกไข่ แลกสงิ่ ของ กจิ กรรมขยะแลกไข่ แลกสงิ่ ของจะใชห้ ลกั การเปรยี บเทยี บมลู คา่ ของวสั ดรุ ไี ซเคลิ กบั ราคาของไขห่ รอื ส่งิ ของทใี่ ช้ในกจิ กรรม ซึ่งราคาน้จี ะขนึ้ ลงตามตลาด เช่น กระดาษหนงั สือพิมพ์ 1 กิโลกรัม สามารถแลกไขไ่ ด้ ประมาณ 1 ฟอง การทำ� ปยุ๋ หมกั อินทรีย์ คอื ปุ๋ยทไ่ี ด้จากการน�ำอนิ ทรยี ์สาร เชน่ ฟางขา้ ว ซังข้าวโพด ตน้ ถัว่ หญา้ แหง้ ผกั ตบชวา ตลอดจนขยะอินทรียต์ ามบ้านเรอื นมาแปรสภาพโดยวิธกี ารหมกั โดยอาศยั ขบวนการทางชีววิทยา ของจุลนิ ทรยี ์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ การทำ� น�้ำหมกั จลุ ินทรยี ์ น้�ำจุลนิ ทรีย์ คอื สารสกัดธรรมชาติทไี่ ด้จากการน�ำเอาพืชผกั ผลไม้หรอื วสั ดุ ต่าง ๆ ทเ่ี ปน็ สารอนิ ทรีย์ทส่ี ามารถย่อยสลายได้ รวมไปถึงเศษอาหารจากครวั เรอื น กส็ ามารถนำ� มาท�ำนำ�้ หมัก ชวี ภาพได้ โดยนำ� วสั ดดุ งั กลา่ วมาหมกั กบั กากนำ้� ตาลทรายแดงในสภาพทไ่ี มม่ อี อกซเิ จน โดยมจี ลุ นิ ทรยี ท์ ำ� หนา้ ท่ี ยอ่ ยสลายวัสดุตา่ ง ๆ จนไดเ้ ป็นสารละลายท่ีมีความเขม้ ข้น การจัดการขยะเป็นศนู ย์ (Zero Waste) แนวคดิ Zero Waste ถกู นำ� มาใชค้ รงั้ แรกในภาคอตุ สาหกรรม โดย Dr. Paul Palmer จากมหาวทิ ยาลยั เยล มคี วามสนใจทางดา้ นวทิ ยาศาสตรโ์ ดยเฉพาะการรไี ซเคลิ สารเคมที จี่ ะตอ้ งทงิ้ ใหก้ ลบั มาสะอาดและนำ� กลบั มาใช้ได้ใหม่แทนการใช้ครั้งเดียวแล้วท้ิง (ChristofMauch, 2016) ความส�ำเร็จของการรีไซเคิลได้เป็นท่ีรู้จัก กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากสอดคล้องกับกระแสของสังคมท่ีต้องการให้มีสิ่งแวดล้อมท่ีดีของเสียเหลือศูนย์ (Zero Waste) เปน็ แนวคดิ ทน่ี ำ� มาใชใ้ นดา้ นการผลติ และจดั การขยะมลู ฝอย โดยไดถ้ กู นำ� มากำ� หนดเปน็ วสิ ยั ทศั น์ ส�ำหรับศตวรรษใหม่มีเป้าหมายและกระบวนการเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยท่ีไม่เพียง จำ� กัดเฉพาะการรไี ซเคลิ เพือ่ ลดการฝังกลบเท่านัน้ หากแต่ยงั เน้นถึงการออกแบบใช้ทรัพยากรการผลติ ให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพ โดยวสั ดทุ นี่ ำ� มาใชใ้ นการบรรจภุ ณั ฑม์ คี วามปลอดภยั ลดสารพษิ และเกดิ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม 22 บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

นอ้ ยทีส่ ดุ (The Grass Roots Recycling Network, 2004) ประเทศไทย มีแนวทางการจัดการขยะให้เหลือศูนย์ตามนโยบายด้านส่ิงแวดล้อมและรณรงค์ สร้างความตระหนกั ให้ประชาชนลดการผลิตขยะดว้ ยกจิ กรรมคัดแยกขยะ ธนาคารขยะรไี ซเคลิ ปยุ๋ หมัก และ ก๊าซชวี ภาพจากเศษอาหาร (อจั ฉรา อัศวรจุ กิ ุลชัย, พมิ ลพรรณ หาญศึก และเพียงใจ พีระเกยี รตขิ จร, 2554) โดยองคป์ ระกอบท่ีสำ� คญั ต่อการพฒั นารปู แบบของการจัดการขยะไดอ้ ย่างเหมาะสม คือ การคดั แยก การน�ำ กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การใช้เทคโนโลยีในศูนย์คัดแยกและแปรสภาพขยะมูลฝอยท่ีสัมพันธ์กับพื้นที่และ ปรมิ าณขยะท่ีเกิดขนึ้ (ดเิ รกฤทธ์ิ ทวะกาญจน์, 2553) หลักการเพื่อบรรลุเป้าหมายของการเปลี่ยนให้เป็นสังคมปลอดขยะจ�ำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการ ขยะแบบองคร์ วมที่มคี วามเปน็ ระบบนำ� ไปสูค่ วามยั่งยนื ประกอบดว้ ย 1) การเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมการบรโิ ภคของประชาชน 2) ความรับผิดชอบของผู้ผลิตและผ้บู ริโภค 3) ความสามารถของทอ้ งถนิ่ ในการรไี ซเคิลขยะได้ 100% 4) การบงั คับใช้กฎหมายการฝงั กลบและการเผา 5) การกู้คนื ทรัพยากรจากของเสยี ได้ 100% (AtiqUz Zaman & Steffen Lehmann, 2011) ในการเขา้ สสู่ งั คมปลอดขยะนนั้ ตอ้ งมกี ารดำ� เนนิ งานตามขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ (AtiqUz Zaman, 2014) 1) การผลติ อยู่บนฐานความรับผดิ ชอบต่อผบู้ ริโภค 2) กำ� จดั และบำ� บัดของเสยี ดว้ ยเทคโนโลยีการบำ� บัดทางชีวภาพและความร้อน 3) ก�ำกับดูแลส่งเสริมกลยุทธ์ก�ำจัดขยะด้วยเทคโนโลยีการเผาไหม้มวลบางอย่าง เช่น กฎหมาย การกำ� จัดของเสียอินทรยี ์ไหมไ้ ฟและเปน็ อันตรายตอ่ พ้ืนดิน การเรยี กเกบ็ ภาษที ี่ดนิ ท่ีสงู ขน้ึ การสรา้ งแรงจงู ใจ 4) ก�ำกบั ดูแลกิจการและโครงสร้างพน้ื ฐานด้านกิจการศูนย์รไี ซเคลิ 5) สร้างตลาดรีไซเคลิ 6) ปรบั เปลย่ี นกลยทุ ธแ์ ละแผนการจดั การของเสยี ใหเ้ หลอื ศนู ยไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั แนวทางปฏบิ ตั ิ ในอนาคต ตวั อยา่ งของเมอื งทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาใหเ้ ปน็ สงั คมปลอดขยะ เชน่ ซานฟรานซสิ โกประเทศสหรฐั อเมรกิ า โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กและสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดน เมืองดังกล่าวได้เป็นเมืองศูนย์ปฏิบัติการ ขยะมูลฝอยท่ีมีการจัดเก็บอย่างถูกวิธี มีการจัดการท่ีถูกต้องและไม่มีการฝังกลบ โดยเมืองโคเปนเฮเกนและ สตอ๊ กโฮม มีการเผาขยะประมาณ 50% (AtiqUz Zaman & Steffen Lehmann, 2011) วธิ ีการก�ำจดั ขยะมูลฝอยชมุ ชน มี 6 ขัน้ ตอนดงั นี้ (อาณัติ ตะ๊ ปินตา, 2553) 1) การลดและการคัดแยก ณ แหลง่ กำ� เนดิ มหี ลกั การในการจดั การแบง่ ออกเปน็ 2 ส่วนดว้ ยกนั คือ การลดขยะ ณ แหลง่ กำ� เนดิ (Source Reduction) เพอ่ื ใหม้ ีปริมาณขยะนำ� ไปก�ำจัดหรอื ท�ำลายใหน้ ้อยทส่ี ุด และการคัดแยกขยะนับเป็นวิธีการที่ส�ำคัญที่ท�ำให้การจัดการขยะในขั้นต่อ ๆ ไป สามารถน�ำไปก�ำจัดให้มี ประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ 2) การเก็บรวบรวม การเกบ็ รวบรวมมลู ฝอยอาจแบ่งได้เปน็ 3 ระบบ คอื 2.1) ระบบถงั มลู ฝอยใบเดยี ว (One-can System) มลู ฝอยทเ่ี กดิ ขน้ึ ทกุ ชนดิ รวมใสล่ งในถงั มลู ฝอย เพยี งใบเดียว ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 23

2) การเกบ็ รวบรวม การเก็บรวบรวมมูลฝอยอาจแบ่งได้ออกเปน็ 3 ระบบ คือ เหกเศศ็จรษษอหอเือะพาาออมถกยีหหักาากูางาาหหทรใขรรบาหาาน 3รปร(เซม)Gถด ึ่งยุ๋ซกั(3่ายีaเG2ก2ง่ึหย)ทrว(bCเ..aามโก23ำ�ห222aรorดาาป))bม...gเ mยระ213กุ๋ยeaาเรท)))ถรบ็กp)gะถะ(รรถ่ีจังeบ็oเทกCเะมบะทะัง)กกsกัจ่ีoบมบตูล่าบtักเ็บะmiูน้อบลทบฝnทขตขงขน้ัฝทอgา่ถpยงั้อ้นเย)อนย้ังักมงะoสงขะมสมยสบ็ัน้ลูมเว่sมยู่วลกูสลอทtฝนูลนูละสiฝบ็ฝองอnุกอฝฝเถ่วอถองทวพยgีกอองันถยงันัย)สกุใมือ่ยยังสอบใสาวลูเนเ(วบากีหมมTมนั(่วฝธิ�ำมTเใwนือ่่อืนถอีกดไบwถวถึ่งปถงัถยาoียธิังหนoูกกูรกงัใ(-วกี ั้นTนบ-เก(cมเำ�cกTากhaใทา(ึ่งูลจaรhOบ็ชจ็บนnr่สีัดnฝกrเ้eรnัดรั้นeกออทำ�วeeทSSวeบ็งใจบย�ำ-y-yบแช่ีเ-มcดัcลใรหcssล้เรบaaลูวtทาaกtมะวennมeฝทยnเ่ีบ็าใมmหจอmยบสี่ะSSมSจายมงัสท)อyyyูล)กาสอามssงไีส่sกฝภt่ืนtะดถไแtกาeeภดอeาส้ากมลอ็ mๆชmmก้ยานมาากะนชอ�ำหจ)ทกซ็นใ))หะนน่ืบจมง่ึอน็ใี่ฝาใรนบมะะบทไูาลังดอๆปใรกัดแจกแ่สีฝใงชอเเหรจใรลราซอกป้วหงกกบัะ้มบถิธ็บึง่ย็นรถ้ใใใทมีนักงใทมับพชชชงัมหอี่กัาน็ูลี่เ้เเท้วว้มูไกลกยเ้กเฝ�ำกธิปร่อีปูลิ็บดตู่ฝบ็ไอนีมว็เฝยปน็าขอมลยมทูลำ�ู่ตอมเึ้พนยู้ีลยอลูไฝก่ีสยาแปใงฝยทวฝอบ็ดุมบหใสา่กอเุกยอบมลแัตลหงยมแชยอหย้ีหลูว่งนจลูหนจก่นื์งนฝลา่ึง(ฝ้งำ�ิดาสHอพึง่เ่งพอเกรตั(เกoนยวRกยวว็บวำ�gกอิดuบ็มกแ์เมต(มยbFนหมใHมูล่าูลา่สebดิลู้งลูoงฝงฝ่eลiตsฝฝอg(อdอๆงhRา่ออ่ืนใFยยi)งnuนยแยeสจgbสลถจๆeาด)ว้ดbั�ำงพdหหมพหiแกiวsรรnูลวลรhจ็กือือgฝอืก้วะ)เเก)ศศอถาษษยูกร ขนถา่ ย4โด) ยกรถารเกข็บนขสนง่ ขโยดะยเพกาือ่ รนนาำ�ไปขกยาะจมัดลู ทฝาอลยาทยยเี่ กงั สบ็ ถราวนบทร่ฝีวังมกจลาบกใแหหเ้ รล็วง่ ทก่สี ำ� ดุเนดิ ขยะตา่ ง ๆ ในชมุ ชน และจดั เกบ็ ก่อนขนส่งไป4ย) ังกสาถรขานสท่งี่ฝงัโดกยลกบาซรึง่นอายขูห่ยะ่างมจูลาฝกอชยมุ ทชี่เกน็บรวบรวมจากแหล่งกาเนิดขยะตา่ ง ๆ ในชุมชน และจัดเกบ็ ก่อน ขนส่งไป5)ย ังกสถารานแปทฝ่ีรสงั กภลาบพซึง่วอัตยถหู่ ปุ ่ารงะจสากงชคุม์ขชอนงการแปรสภาพขยะจะมีอยดู่ ้วยกัน 3 ประการดังนี้ คอื 1) ช่วย ลดพ้ืนที่ในก5า)รกเกา็บรแขปนรขสยภะาแพลวะัตลถดุปคร่าะใสชง้จค่า์ขยอในงกกาารรแขปนรส่งภไาปพยขังยสะถจาะนมทีอ่ีฝยังดู่ ก้วลยกบันให3้นป้อรยะลกงาโรดดยังกนา้ี รคอือัด1ข)ยชะว่ ใยหล้เปดพ็นน้ื ท่ี ฟ่อในนกหารรือเกเป็บ็นขนกข้อยนะแๆละ2ล)ดคน่า�ำใวชัส้จด่ายุทใ่ีในชก้แาลร้วขนนส�ำ่กงไลปับยมังสาถใชาน้ปทรี่ฝะังโกยลชบนใ์ใหห้นม้อ่ไยดล้องีกโดย3ก) าเรพอ่ือัดนขย�ำะผใลหผ้เปล็นิตฟท่อ่ีเกนิดหจราือกเป็น กน((ใosนรำ�epป(lนใกปะมoacนe้อารจับาnupปมะนnจสวderัโจาบุeนรfยnๆสจid้านัlกช6จรllุบงud2กa)น)าาา้ เั นu)mnากรง4ปใ์จ6นmเนรกกแ)dก)า็นปpกดาาปากกาfกpก็นiiรำว�า้รnราlรกiารกจกสัlนnกรทสgา)รอรดัดาเอg�)ำบรภผ4กอบจ)หุทื่นจทาทา2)บาัด2แรี่ใัดใบพ)ชจวๆกแ)หอืนนหทน้ัแมนดากกรเกวไรตลรวแาวืหอาาดคาือเา้วนใครรนกอ้รผิดรชเนทฝทิดแฝผวกีาือาง้ปาัง�ำงนำ�รคงัาาใทกการลลทนกวนดิ น(ลละาาาคiลาเวnัวบทโบลตยยลิบดิจยcิจขมาอาฤายัอiชัยเnยยทา(ยษยผยdนใeะ่าขฤไไฎชา่าi(ดใ์ดrงมยษsd้ปaีนงถ้ดแด้ล(pูะiถtฎiรูกดsงัnลiังฝoมoูกะpีนห้านะcอแูลsโnหoนี้ลiงยี้ยaลฝn)sลาอักชlสะaอe5น)ักส่ืนนาlงย)r)สวุขมา์ใaถสวหๆจิถนุขาtาือธิาiยัภืมราอวoีหมเไถทภ่ไิิจบปเดnมาดปทัยเิบ่ีาอ้็น)รกั้อก็ลทำน�าถกีทข5กีย่ีไ่ีลเขทด)้ันา(วกs3้ันปาด้ขว่ีตยa()ไยุ๋ว้ิธตsอ้nวอดเaยีหพขงiอน้(ดtnวกC้มอa่ือน้วสธิiบัorงกัtนยสyุกดีaกmกทาวุดาทrับlผาิธyำ�รapท้ารกลีกปตnoย้จาผาlาา่d๋ยุsaดขัยรรลงtfnจiiกตอข(ิตlnCdๆlัด่าางทอ)goรงfกก)เี่ง3iดกขmlาาก)lๆิดงัยรร)ากpตจะจขดรา3อ่oาอัดยังจร)กไsยะตกฝัดปtกกอา่่อัางiนกnรงกายรไะาี้มgปรล่เาบ1ร)กฝปีงนบ)เวี่ยมงัร้ีกโนก1ีดวปะก่ียก)ลกสยารวารกบัวะบทิ รกเิธาสโธขทแับีดพริทภิยปกเยขิเธทาะอรศวยิภพสมกงษธิ ะบาภอูลพีผพม(นางฝsวู้เิพูบลeพศอจิผมนcฝษนื้ยัยู้วuาพอิจใrื้นัยยชe้ กรกอรบอบแแนนววคคดิิด ประสทิ ธิภาพการจดั การขยะ ด้านการจัดการขยะ แนวทางการพฒั นา - การลดปรมิ าณขยะ (Reduce) ประสทิ ธภิ าพการจดั การ - การนาวัสดุกลบั มาใชซ้ ้า (Reuse) ขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน - การนาวสั ดหุ มุนเวยี นกลบั มาใชใ้ หม่ (Recycle) ดา้ นการบรกิ าร - พนกั งาน/เจ้าหน้าท่ี - ยานพาหนะ - การกกั เก็บและเก็บขน - การกาจดั ขยะ ภาพที่ 1 กรอบแนวคิด ภาพที่ 1 กรอบแนวคิด 24 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

ระเบยี บวิธีวิจยั การวิจัยเชงิ ปรมิ าณ ประชากร คือ ประชาชนทอ่ี าศัยอย่ใู นเขตเทศบาลเมืองหัวหนิ จำ� นวน 33,792 ครวั เรือน แบง่ เป็นตำ� บลหัวหนิ จำ� นวน 23,973 คน และตำ� บลหนองแก จ�ำนวน 9,819 คน ผู้วิจยั จึงใช้สูตร ของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane, 1973) ในการหาขนาดกลมุ่ ตวั อย่าง โดยยอมให้เกดิ ความคลาดเคลือ่ น ของการสมุ่ ร้อยละ 5 หรอื 0.05 ได้กลุ่มตวั อยา่ งจ�ำนวน 395 ครัวเรอื น ผูว้ จิ ัยส่มุ ตวั อยา่ งแบบงา่ ย (Simple Random Sampling) ด้วยวธิ กี ารจับสลากจากเลขทบี่ ้านของ ครวั เรอื นในต�ำบลหัวหินและตำ� บลหนองแก โดยแบง่ เปน็ ตำ� บลหวั หิน 280 ครวั เรือน ๆ ละ 1 คน คิดเปน็ 280 คน และตำ� บลหนองแก 115 ครวั เรือน ๆ ละ 1 คน คิดเป็น 115 คน รวม 395 คน ขณะทก่ี ลมุ่ ตัวอยา่ งผูป้ ฏบิ ตั ิ งานในเทศบาลเมอื งหวั หนิ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การขยะมลู ฝอย ใชว้ ธิ กี ารสมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ประกอบด้วย นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน รองนายกเทศมนตรี 3 คน สมาชกิ สภาเทศบาล 18 คน ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน 1 คน ผู้ปฏิบัติงานกองสาธารสุข 6 คน ผู้ปฏิบัติงานกองช่างสาธารสุข 16 คน รวมทั้งสิน้ 45 คน การวิจัยเชิงปรมิ าณ ผวู้ จิ ัยใชแ้ บบสอบถามในการเกบ็ ขอ้ มลู เพ่อื สอบถามประชาชนและผูป้ ฏบิ ัติงาน ในเร่ืองประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือแบบสอบถาม ผู้วิจัยหาค่าความเท่ียงตรง (Validity) โดยน�ำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นมาไปให้ผู้เช่ียวชาญจ�ำนวน 3 ท่าน ตรวจสอบความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถาม (Content validity) และน�ำมาค�ำนวณหาค่าดัชนี ความสอดคล้องของข้อค�ำถามและวัตถุประสงค์ (Item-Objective Congruence Index : IOC) ซึ่งจาก การตรวจสอบความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา โดยผู้เช่ียวชาญทั้ง 3 ท่าน และค�ำนวณหาค่าความสอดคล้องของ ข้อค�ำถามและวัตถุประสงค์ ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อค�ำถามและวัตถุประสงค์ แบ่งเป็นค่าดัชนี ความสอดคลอ้ งดา้ นการลดปรมิ าณขยะ (Reduce) มคี า่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ งเทา่ กบั 0.33 ดา้ นการนำ� วสั ดกุ ลบั มาใช้ซ�ำ้ (Reuse) มีคา่ ดชั นีความสอดคล้องเท่ากบั 0.38 ดา้ นการน�ำวสั ดหุ มุนเวียนกลับมาใชใ้ หม่ (Recycle) มคี า่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ งเทา่ กบั 0.62 ดา้ นพนกั งาน/เจา้ หนา้ ที่ มคี า่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ งเทา่ กบั 1 ดา้ นยานพาหนะ/ อุปกรณ์ มคี า่ ดัชนีความสอดคลอ้ งเทา่ กับ 1 ดา้ นการกักเกบ็ และเก็บขน มีคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ งเทา่ กบั 0.95 และดา้ นการกำ� จดั ขยะ มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 0.92 ผวู้ จิ ยั ไดแ้ กไ้ ขขอ้ คำ� ถามตามความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผเู้ ชย่ี วชาญในดา้ นการลดปรมิ าณขยะ (Reduce) และด้านการน�ำวัสดุกลับมาใช้ซ้�ำ (Reuse) และได้น�ำแบบสอบถามไปหาค่าความเช่ือม่ัน (Reliability) ต่อไป การหาค่าความเช่ือม่นั (Reliability) ผวู้ ิจัยได้น�ำแบบสอบถามท่สี รา้ งขึ้นและปรบั ปรุงแก้ไขแล้วไป ท�ำการทดสอบ (Pre-test) กับกลุ่มประชากรท่ีมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่าง จ�ำนวน 30 ชุด ไดค้ ่าความเชอ่ื มัน่ ของแบบสอบถามในสว่ นของประสิทธิภาพการจดั การขยะท้ังฉบับเท่ากับ 0.968 การวิเคราะห์ขอ้ มลู เชิงปริมาณ นำ� ขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากแบบสอบถาม มาวิเคราะห์ด้วยสถิติบรรยาย ไดแ้ ก่ ความถ่ี รอ้ ยละ ค่าเฉลยี่ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ ผูว้ ิจัยใช้การสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก (In-depth Interview) เพือ่ ให้ไดข้ อ้ มูลเพิม่ เติม ในประเด็นสภาพและปัญหาการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน และประสิทธิภาพการจัดการขยะของ ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 25

เทศบาลเมอื งหวั หนิ กบั ตวั แทนผบู้ รหิ ารและผปู้ ฏบิ ตั งิ านของเทศบาลเมอื งหวั หนิ จำ� นวน 3 คน และผนู้ ำ� ชมุ ชน หรือตัวแทนชุมชนในเขตเทศบาลเมือหัวหิน จ�ำนวน 7 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบมี โครงสร้าง (Structured Interview) การต้ังประเด็นค�ำถามในการจัดประชุมกลุ่มย่อย เพื่อหาแนวทาง การพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน โดยใช้วิธีการตรวจสอบข้อมูลเพ่ือสร้าง ความนา่ เชอื่ ถอื ดว้ ยเทคนคิ การตรวจสอบขอ้ มลู สามเสา้ (Data Triangulation) ทง้ั ดา้ นวธิ กี ารรวบรวมจดั เกบ็ ข้อมูล (Methodological Triangulation) ด้านแหล่งข้อมูล (Data Triangulation) และการตรวจสอบ ความเที่ยง (Reliability) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) การจ�ำแนกและจัดระบบข้อมูล (Typology and Taxonomy) และการวิเคราะห์สาเหตุและผล (Cause and Effect Analysis) ผลการศกึ ษา 1) ประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน ผลการศึกษาพบว่า ปริมาณขยะมีจ�ำนวน ประมาณ 150-170 ตันต่อวัน โดยน�ำไปก�ำจัดด้วยวิธีการฝังกลบท่ีบ่อขยะบริเวณองค์การบริหารส่วนต�ำบล ทบั ใต้ ซง่ึ มพี น้ื ที่ 600 ไร่ แตส่ ามารถใชพ้ น้ื ทไี่ ดจ้ รงิ เพยี ง 160 ไร่ และขณะนเี้ จา้ ของพน้ื ทไี่ มย่ อมใหใ้ ชบ้ อ่ ฝงั กลบ ขยะเน่ืองจากต้องการบริหารจัดการพื้นท่ีเอง โดยต้องการจะใช้ประโยชน์จากขยะ ซ่ึงมีบริษัทเอกชนเข้ามา ตดิ ตอ่ เพ่ือขอซอื้ ขยะไปใชใ้ นการผลติ กระแสไฟฟ้า แตข่ ยะถือเปน็ ทรพั ย์สินของเทศบาลฯ ซึง่ ตามกฎหมายจะ ยกใหห้ รือขายขยะให้ อบต. ทบั ใต้ ไมไ่ ด้ ปัจจุบันจึงต้องน�ำขยะไปทิ้งในพ้ืนท่ีค่ายทหาร (ค่ายธนะรัชต์) อ.ปราณบุรี และมีค่าใช้จ่ายวันละ ประมาณ 40,000 บาท นอกจากน้ี ยังไม่สะดวกในการเข้าไปทิ้งขยะ เน่อื งจากต้องเข้าไปท้งิ เป็นเวลาทีค่ า่ ย อนุญาต ปัญหาหลักในการบรหิ ารจดั การขยะในตอนนี้ คอื เทศบาลไม่มีทที่ ง้ิ ขยะเปน็ ของตนเอง และในพ้นื ที่ เทศบาลก็ไมม่ ีพ้นื ท่ีทจ่ี ะใชท้ ำ� เปน็ พน้ื ทท่ี ิง้ ขยะ จากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู สภาพการจดั การขยะในเขตเทศบาลเมอื งหวั หนิ พบวา่ ขยะของแตล่ ะครวั เรอื น ส่วนใหญ่เป็นเศษอาหาร/ผัก/ผลไม้ จ�ำนวนผู้ตอบ 317 คน คิดเป็นร้อยละ 72 รองลงมา ได้แก่ เศษถุง พลาสติก จำ� นวนผู้ตอบ 296 คน คิดเป็นร้อยละ 67.3 ส่วนขยะท่เี ป็นเศษไม้ ใบไม้ ขยะกลอ่ งโฟม และขยะ เศษแกว้ มจี ำ� นวนผตู้ อบใกลเ้ คยี งกนั คอื 170 คน (รอ้ ยละ 38.6) 166 คน (รอ้ ยละ 37.7) และ 164 คน (รอ้ ยละ 37.3) ตามล�ำดบั ถังขยะทใี่ ชอ้ ยปู่ ัจจุบันส่วนใหญ่เป็นถังขยะรวมท่ีครัวเรือนจดั หาเอง จ�ำนวนผูต้ อบ 288 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 65.5 และถงั ขยะรวมของเทศบาล จ�ำนวนผู้ตอบ 182 คน คิดเปน็ ร้อยละ 41.4 กลุม่ ตัวอยา่ ง ส่วนใหญ่ คัดแยกขยะเป็นบางครงั้ จำ� นวนผตู้ อบ 176 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 40 ไม่เคยคดั แยกเลย จำ� นวนผูต้ อบ 146 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 33.2 และคดั แยกทกุ ครั้ง จำ� นวนผ้ตู อบ 116 คน คิดเป็นร้อยละ 28.8 ประเภทของ วัสดุหรือขยะที่ครัวเรือนคัดแยกมากที่สุดคือขวดน้�ำพลาสติก จ�ำนวนผู้ตอบ 215 คน คิดเป็นร้อยละ 48.9 กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญท่ งิ้ ขยะทกุ วนั จำ� นวนผตู้ อบ 245 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 55.7 วธิ กี ารรวบรวมขยะของครวั เรอื น สว่ นใหญใ่ ชว้ ธิ ใี สถ่ งั ขยะหนา้ บา้ น จำ� นวนผตู้ อบ 294 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 66.8 และครวั เรอื นสว่ นใหญใ่ หเ้ ทศบาล เป็นผ้กู ำ� จัดขยะ จำ� นวนผู้ตอบ 319 คน คิดเปน็ ร้อยละ 72.5 26 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

ขณะท่ปี ญั หาการจดั การขยะในเขตเทศบาลเมืองหัวหินจากการวเิ คราะห์ขอ้ มูล พบว่า กลุ่มตัวอยา่ ง สว่ นใหญ่ประสบกับปญั หากลน่ิ เหม็นจากขยะ จำ� นวน 274 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 62.3 ปญั หาการคัดแยกขยะ มูลฝอยส่วนใหญ่เกิดจากไม่มีภาชนะส�ำหรับคัดแยก จ�ำนวนผู้ตอบ 223 คน คิดเป็นร้อยละ 50.7 ปัญหา การรวบรวมขยะสว่ นใหญเ่ กดิ จากถงั ขยะแบบแบง่ ประเภทมไี มเ่ พยี งพอ จำ� นวนผตู้ อบ 212 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 48.2 และปัญหาการท้ิงขยะมูลฝอยท่ีพบส่วนใหญ่คือประชาชนไม่สนใจการคัดแยกขยะ จ�ำนวนผู้ตอบ 263 คน คิดเปน็ ร้อยละ 59.8 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ประสทิ ธภิ าพการจดั การขยะมลู ฝอยของเทศบาลเมอื งหวั หนิ ผวู้ จิ ยั ใชเ้ กณฑต์ าม แนวคดิ ของเบสท์ (Best, 1981) ในการแปลความหมายคา่ เฉลย่ี ประสทิ ธภิ าพการจดั การขยะของเทศบาลเมอื ง หวั หนิ ในแต่ละด้านดังน้ี ค่าเฉลย่ี ระหว่าง 4.50 – 5.00 หมายความว่า มากทส่ี ุด คา่ เฉล่ียระหวา่ ง 3.50 – 4.49 หมายความว่า มาก คา่ เฉล่ียระหว่าง 2.50 – 3.49 หมายความวา่ ปานกลาง คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 1.50 – 2.49 หมายความวา่ น้อย ค่าเฉล่ยี ระหวา่ ง 1.00 – 1.49 หมายความว่า น้อยท่ีสุด ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาล ตามหลักการ 3Rs ได้แก่ การลดปริมาณขยะ (Reduce) การน�ำวัสดุกลับมาใช้ซ้�ำ (Reuse) และการน�ำวัสดุหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) อยใู่ นระดบั ปานกลางทกุ ดา้ น ไดแ้ ก่ การลดปรมิ าณขยะ (  = 2.82, S.D. = 0.911) การนำ� วสั ดกุ ลบั มาใชซ้ ำ�้ (  = 2.67, S.D. = 0.964) การนำ� วสั ดหุ มนุ เวยี นกลบั มาใชใ้ หม่ (  = 2.74, S.D. = 0.969) รายละเอยี ด ดังปรากฏในตารางที่ 1 ตารางท่ี 1 ภาพรวมประสิทธภิ าพการจดั การตามหลกั การ 3 R ประสิทธิภาพ S.D. การแปลผล การลดปรมิ าณขยะ (Reduce) 2.82 0.911 ปานกลาง การน�ำวัสดกุ ลบั มาใชซ้ ำ้� (Reuse) 2.67 0.964 ปานกลาง การนำ� วัสดุหมุนเวยี นกลับมาใชใ้ หม่ (Recycle) 2.74 0.969 ปานกลาง รวม 2.74 0.948 ปานกลาง เมอ่ื พิจารณาเป็นรายข้อ พบวา่ สามอันดับสุดทา้ ยของการลดปรมิ าณขยะ (Reduce) คอื การออก ข้อบัญญัติท้องถิ่นให้มีการคัดแยกขยะมูลฝอย การให้ความรู้และรณรงค์โดยการจัดท�ำโครงการ/กิจกรรม ลดการใช้วัสดุท่ยี อ่ ยสลายยาก และส่งเสริมให้ใชภ้ าชนะอน่ื ๆ ทดแทน การประกาศหา้ มท้งิ ของเสียอันตราย ปะปนกบั ขยะมลู ฝอยทว่ั ไป ตามลำ� ดบั การนำ� วสั ดหุ มนุ เวยี นกลบั มาใชใ้ หม่ (Recycle) พบวา่ สองอนั ดบั สดุ ทา้ ย คือ การรณรงค์ให้ประชาชนนำ� บรรจุภณั ฑท์ ่ีใช้แล้วกลับมาใชป้ ระโยชน์ใหม่ และมกี ารน�ำบรรจุภัณฑ์ท่ใี ชแ้ ลว้ วสั ดหุ รอื ของเหลอื ใชท้ ชี่ ำ� รดุ แลว้ นำ� มาดดั แปลงและใชป้ ระโยชนต์ อ่ ตามลำ� ดบั การนำ� วสั ดกุ ลบั มาใชซ้ ำ้� (Reuse) พบวา่ สองอันดับสุดทา้ ย คอื การจดั ใหม้ โี ครงการ/กิจกรรมแลกเปล่ยี นวัสดรุ ไี ซเคลิ เปน็ เงนิ สด เช่น ธนาคาร ปที ่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 27

ขยะรีไซเคิล หรือกิจกรรมขยะแลกไข่ แลกส่ิงของ เป็นต้น และเทศบาลจัดให้มีโครงการ/กิจกรรมคัดแยก กระป๋องอลูมิเนียมและน�ำไปบริจาคหรือจ�ำหน่ายเพ่ือน�ำไปหลอมเป็นขาเทียมให้กับผู้พิการเป็นประเด็นท่ี เทศบาลเมืองหัวหินต้องน�ำมาพิจารณาด�ำเนินการ ตามล�ำดับ ขณะที่ประสิทธิภาพการจัดเก็บขยะ พบว่า พนักงาน/เจ้าหน้าที่เก็บขยะ (  = 3.25, S.D. = 0.845) ยานพาหนะ/อุปกรณ์ (  = 3.13, S.D. = 0.889) การกกั เกบ็ และเก็บขน (  = 3.04, S.D. = 0.808) และการก�ำจัดขยะ (  = 3.04, S.D. = 0.846) รายละเอียด ดังปรากฏในตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 ภาพรวมประสิทธภิ าพการจดั เก็บขยะ S.D. การแปลผล 3.25 0.845 ปานกลาง ประสิทธิภาพ 3.13 0.889 ปานกลาง พนกั งาน/เจา้ หนา้ ท่ ี 3.04 0.808 ปานกลาง ยานพาหนะ/อปุ กรณ ์ 3.04 0.846 ปานกลาง การกักเก็บและเก็บขน 3.12 0.847 ปานกลาง การก�ำจัดขยะ รวม ปัญหาจากการเก็บขยะ ไดแ้ ก่ การมขี ยะตกค้าง การเกบ็ ขยะไมท่ ัน และบางกรณีมีความจ�ำเปน็ ตอ้ ง เกบ็ ขยะในชว่ งเวลาเรง่ ดว่ น ซงึ่ มผี ลตอ่ การสรา้ งปญั หาการจราจร ซง่ึ มคี วามแตกตา่ งไปจากเดมิ ทบ่ี รษิ ทั สามารถ จดั เกบ็ ขยะไดเ้ รยี บรอ้ ยตง้ั แตใ่ นชว่ งเวลากลางคนื แตเ่ มอื่ มกี ารเปลยี่ นทที่ ง้ิ ขยะ ซงึ่ อยไู่ กลกวา่ เดมิ และชว่ งเวลา ในการท้งิ ขยะทจ่ี ำ� กดั เฉพาะแคช่ ่วงเวลากลางวนั เท่าน้ัน (ของเดมิ สามารถขนไปทงิ้ ไดต้ ลอด 24 ช่วั โมง) ทำ� ให้ บริษัทต้องเสียเวลาในการเดินทางไปทิ้งขยะมากขึ้น และต้องปรับเวลาการเก็บขยะให้สอดคล้องกับเวลาของ การให้เข้าไปเทขยะดว้ ย ซงึ่ เป็นปญั หาของช่วงเวลาในการเขา้ ไปท้งิ ขยะ แตไ่ ม่ใชป่ ัญหาจากการเกบ็ ขยะของ บริษทั ไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ นอกจากน้ี ประสทิ ธภิ าพดา้ นการใหบ้ รกิ ารจดั เก็บขยะ พบว่า ประเดน็ ทีค่ วรน�ำมาพจิ ารณาปรบั ปรุง คอื การจดั เกบ็ ขยะเปน็ ไปตามวนั และเวลาทก่ี ำ� หนด เวลาในการจดั เกบ็ ขยะมลู ฝอยมคี วามเหมาะสม เสน้ ทางใน การจดั เก็บขยะมีความเหมาะสม รวมถงึ คา่ ธรรมเนียมในการจัดเก็บขยะ ทีป่ ระชาชนเหน็ วา่ ควรมกี ารปรบั ให้ มคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั วธิ กี ารกำ� จดั ขยะ และการกำ� จดั ขยะในปจั จบุ นั คอื การฝงั กลบยงั ไมเ่ ปน็ วธิ กี ารที่ เหมาะสมในการกำ� จดั ขยะ 2) แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน จากการศึกษาด้วยวิธี การวจิ ยั เชงิ คุณภาพ พบแนวทางการจัดการที่เพม่ิ ประสิทธิภาพ ดงั น้ี 2.1) การกำ� จดั ขยะแบบฝงั กลบไมไ่ ดแ้ กป้ ญั หาอยา่ งยงั่ ยนื และไมไ่ ดป้ ระสทิ ธภิ าพ เพราะเปน็ เพยี ง การน�ำเอาขยะออกจากพน้ื ท่แี ละนำ� ไปทับถมในพน้ื ทหี่ นึ่ง แตไ่ มส่ ามารถลดปรมิ าณขยะในพ้ืนทีใ่ ห้น้อยลง 2.2) การแก้ปัญหาท่ีถูกต้องควรเริ่มต้นจากต้นทาง คือ การคัดแยกขยะ การน�ำกลับมาใช้ซ้�ำ (Reuse) และการน�ำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) โดยเฉพาะเร่ืองการคัดแยกขยะ โดยการจัดท�ำโครงการท่ีให้ ความรู้ ขอ้ มลู เก่ียวกับขยะและปญั หาขยะทเ่ี กดิ ข้นึ ในเขตเทศบาลเมืองหัวหนิ 28 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

2.3) การจดั ทำ� โครงการรณรงค์และขอความรว่ มมือจากทงั้ ชมุ ชน ผูป้ ระกอบการ นกั ทอ่ งเทีย่ ว ในการคดั แยกขยะ การลดการใช้ขยะท่ียอ่ ยสลายยาก เชน่ โฟม หรือถงุ พลาสติก เป็นตน้ 2.4) การน�ำขยะที่คัดแยกแล้วมาใช้ประโยชน์ต่อ เช่น การท�ำปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์ น้�ำหมัก ชวี ภาพ เปน็ ตน้ ซง่ึ การทำ� โครงการเหลา่ น้ี เทศบาลฯ ควรจดั ทำ� อยา่ งจรงิ จงั ตอ่ เนอ่ื ง และมกี ารตดิ ตาม ประเมนิ ผล เป็นระยะ ๆ โดยใช้การมีสว่ นรว่ มจากชมุ ชนและผปู้ ระกอบการ อภิปรายผล สภาพและปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองหัวหิน โดยภาพรวมพบว่า ขยะส่วนใหญ่ เป็นเศษอาหาร/ผัก/ผลไม้ เศษถงุ พลาสตกิ พฤตกิ รรมการทิง้ ขยะ มกี ารทง้ิ ขยะทุกวนั วธิ ีการรวบรวมขยะของ ครัวเรือน ส่วนใหญ่ใช้วิธีใส่ถังขยะหน้าบ้าน และครัวเรือนส่วนใหญ่ให้เทศบาลเป็นผู้ก�ำจัดขยะ ส่วนปัญหา การจัดการขยะในเขตเทศบาลเมืองหวั หนิ พบวา่ ประชาชนไม่สนใจการคัดแยกขยะ ถังขยะแบบแบง่ ประเภท มไี มเ่ พยี งพอ ไมม่ ภี าชนะสำ� หรบั คดั แยกขยะ สภาพและปญั หาดงั กลา่ ว สอดคลอ้ งกบั กรรณกิ าร์ ชขู นั ธ์ (2554) ไดท้ ำ� การศกึ ษาระบบ การจดั การขยะมลู ฝอย เทศบาลนครปากเกรด็ จงั หวดั นนทบรุ ี เพอื่ ศกึ ษาระบบการจดั การ ขยะมูลฝอยของเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ที่พบว่า ขยะมูลฝอยมีปริมาณมากข้ึน ท�ำให้ภาชนะ รองรบั มจี ำ� นวนไมเ่ พยี งพอ สง่ ผลใหม้ ขี ยะมลู ฝอยตกคา้ งบรเิ วณจดุ รวมขยะมลู ฝอยและบรเิ วณบนสะพานลอย ด้านการจดั การขยะมลู ฝอย ณ แหลง่ ก�ำเนิด ด้านการกำ� จดั ขยะมูลฝอย ปัญหาที่พบ คอื ขยะมูลฝอยทีน่ ำ� มา กำ� จดั ไมม่ ีการคดั แยกก่อนน�ำมาทิ้ง ทำ� ใหบ้ อ่ ฝงั กลบขยะมลู ฝอยเตม็ อยา่ งรวดเร็ว และยงั สอดคล้องกับ ชชู พี ศิริ (2549) ได้ท�ำการศึกษาเรื่อง การจัดการขยะมูลฝอยในเขตเทศบาลต�ำบลบ้านกาด อ�ำเภอวาง จังหวัด เชียงใหม่ ท่ีพบว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนในการคัดแยกประเภทขยะมูลฝอยอยู่ในระดับน้อย ซ่ึงท�ำให้ สภาพการจัดการขยะมูลฝอยโดยรวมยงั ไมส่ ามารถลดปรมิ าณลงได้ ปญั หาและอปุ สรรคทที่ ำ� ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ไมส่ ามารถดำ� เนนิ การดา้ นการจดั การขยะมลู ฝอย ให้บรรลุเป้าหมาย เน่ืองจากขาดความตระหนักด้านการผลิตและบริโภค การบังคับใช้กฎหมายที่ขาด ความตอ่ เนอื่ ง และการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการจดั การขยะ (AtiqUz Zaman & Steffen Lehmann, 2011) นอกจากน้ี การปฏิบัติงานท่ีหย่อนต่อกฎหมาย เช่น การจ้างเหมาให้เอกชนเข้ามาด�ำเนินงานในราคาถูกเป็น เหตุให้ขาดแรงจูงใจและความต้ังใจในการท�ำงาน ในทางปฏิบัติที่ยังไม่สามารถขับเคล่ือนให้ประชาชนลด การผลิตขยะ ขาดการสรา้ งวสิ ัยทัศน์ ที่ก่อใหเ้ กดิ แรงบันดาลใจในการจัดการขยะ ขาดการสือ่ สารทดี่ ี และขาด ความรใู้ นการใชเ้ ครอื่ งมอื ทเี่ หมาะสมในการจดั การขยะ หากไมส่ ามารถดำ� เนนิ การใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ ตามแนวคดิ Zero Waste กจ็ ะไมส่ ามารถนำ� สงั คมไปสกู่ ารเปน็ สงั คมปลอดขยะได้ (Eric Lombardi & Kate Bailey, 2015) อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยเห็นว่า การจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มต้นจากการลดปริมาณขยะ (Reduce) ซ่ึงเทศบาลเมอื งหวั หนิ ควรม่งุ เนน้ การลดปรมิ าณขยะเพิม่ มากขึน้ โดยยดึ หลักการจดั การขยะ 3 R ของกรมควบคมุ มลพษิ (2561) ทีค่ วรมุง่ เน้น 1) การลดการใช้ (Reduce : R แรก) หมายถงึ การลดปริมาณ การใชล้ งโดยใชเ้ ทา่ ทจ่ี ำ� เปน็ หลกี เลย่ี งการใชอ้ ยา่ งฟมุ่ เฟอื ยเพอ่ื ลดการสญู เปลา่ และลดปรมิ าณขยะใหม้ ากทส่ี ดุ เช่น การใช้ตะกร้าหรือถุงผ้าในการจับจ่ายซ้ือของเพ่ือลดปริมาณพลาสติกและโฟมซ่ึงก�ำจัดยาก การใช้แก้ว สว่ นตวั แทนการใชแ้ กว้ ครง้ั เดยี วแลว้ ทงิ้ การใชป้ น่ิ โตหรอื กลอ่ งใสอ่ าหารเพอื่ ลดขยะโฟมซง่ึ ยอ่ ยสลายยาก เปน็ ตน้ ปที ่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 29

การแกป้ ญั หาทถี่ กู ตอ้ งควรเรม่ิ ตน้ จากตน้ ทาง คอื การคดั แยกขยะ การนำ� กลบั มาใชซ้ ำ้� (Reuse) และ การน�ำกลบั มาใชใ้ หม่ (Recycle) การจัดการขยะมูลฝอยตามหลักการดังกลา่ ว คือ แนวทางการจดั การขยะให้ เหลือศูนย์ตามนโยบายด้านส่ิงแวดล้อมและรณรงค์ สร้างความตระหนักให้ประชาชนลดการผลิตขยะด้วย กจิ กรรม คดั แยกขยะ ธนาคารขยะรีไซเคิล ปุ๋ยหมกั และกา๊ ซชวี ภาพจากเศษอาหาร (อัจฉรา อัศวรุจกิ ลุ ชยั , พิมลพรรณ หาญศึก และเพียงใจ พรี ะเกียรตขิ จร, 2554) โดยองค์ประกอบทส่ี �ำคญั ต่อการพัฒนารปู แบบของ การจัดการขยะได้อย่างเหมาะสม คือ การคัดแยก การน�ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การใช้เทคโนโลยีในศูนย์ คดั แยกและแปรสภาพขยะมลู ฝอยทส่ี มั พนั ธก์ บั พน้ื ทแ่ี ละปรมิ าณขยะทเ่ี กดิ ขนึ้ (ดเิ รกฤทธ์ิ ทวะกาญจน,์ 2553) มาใชใ้ นการจดั การขยะ โดยจะตอ้ งเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมการบรโิ ภคของประชาชนใหน้ ำ� ไปสคู่ วามยง่ั ยนื โดย เฉพาะความรบั ผิดชอบของเทศบาลตอ้ งสามารถทำ� การรีไซเคลิ ขยะและลดการฝงั กลบให้ได้ 100% (AtiqUz Zaman & Steffen Lehmann, 2011) การรณรงค์ ให้ความรู้ และประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในการคัดแยกขยะ วิธีการคัดแยกขยะแต่ละประเภทอย่างถูกต้อง การจัดระบบการคัดแยกขยะ วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะน�ำมาใช้ส�ำหรับการคัดแยกขยะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง กติกา ที่ทางเทศบาล ชุมชน ผู้ประกอบการ โรงเรียน ฯลฯ จะตกลงรว่ มกัน จดั โครงการและกิจกรรมแบบมสี ่วนรว่ ม การกำ� หนดโครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ ควรให้ชมุ ชนและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการคิด ตดั สินใจ และรว่ มด�ำเนินการ รวมถงึ การตดิ ตามประเมนิ ผล โดยโครงการและกจิ กรรมควรมงุ่ เนน้ ไปทก่ี ารจดั การขยะตามหลกั 3Rs อาทิ การจดั ทำ� ธนาคารขยะ ขยะแลกไข/่ สง่ิ ของ ผา้ ปา่ ขยะ รไี ซเคลิ การทำ� ปยุ๋ หมกั นำ้� หมกั ชวี ภาพ การแปรรปู ผลติ ภณั ฑจ์ าก วสั ดเุ หลอื ใช้ ศนู ยว์ สั ดรุ ไี ซเคลิ ชมุ ชน เปน็ ตน้ โดยโครงการและกจิ กรรมดงั กลา่ ว ควรมงุ่ เนน้ ไปทชี่ มุ ชน โรงเรยี น ท่มี คี วามพร้อมและสมัครใจในการเข้ารว่ มโครงการและกจิ กรรม แมว้ า่ จะเปน็ ยทุ ธศาสตรเ์ ชงิ รับ แตก่ ็เปน็ วธิ ี การพนื้ ฐานทน่ี อกจากจะทำ� ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง การสรา้ งจติ สำ� นกึ และพฤตกิ รรมการจดั การขยะมลู ฝอย ทต่ี น้ ทาง ซ่ึงจะชว่ ยลดปรมิ าณขยะท่จี ะน�ำไปก�ำจดั แบบฝังกลบได้ สอดคล้องกบั ธนกฤต บวกขุนทด (2553) การศึกษารูปแบบการจัดการการจัดเก็บขยะชุมชน กรณีศึกษา: องค์การบริหารส่วนต�ำบลโนนเมืองพัฒนา อ�ำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ที่พบว่า สาเหตุของการทิ้งขยะไม่ถูกวิธีน้ันมาจากประชาชนในเขต องค์การบริหารส่วนต�ำบลโนนเมืองพัฒนายังขาดความรู้ความเข้าใจในรูปแบบของการจัดการการเก็บ ขยะมลู ฝอย และการคดั แยกการทงิ้ ขยะใหถ้ กู วธิ ี และขาดการประชาสมั พนั ธแ์ ละการใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั รปู แบบ การจดั การขยะมลู ฝอยในชมุ ชน จงึ เสนอแนะใหท้ างองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลโนนเมอื งพฒั นา ไดป้ ระสานงาน ใหท้ างสาธารณสขุ หรอื สถานอี นามยั ในเขตตำ� บลโนนเมอื งพฒั นามาใหค้ วามรกู้ บั ประชาชนในชมุ ชน และแนะนำ� รปู แบบการจดั การการเกบ็ ขยะมลู ฝอย รวมถงึ การคดั แยกขยะทสี่ ามารถนำ� กลบั มาใชง้ านไดอ้ กี หรอื นำ� มาขาย ใหก้ บั พอ่ คา้ คนกลางเพอ่ื หารายไดม้ าเสรมิ ใหก้ บั ครวั เรอื นไดอ้ กี ทางหนง่ึ และการทงิ้ ขยะของคนในชมุ ชนจะได้ ถูกสุขลักษณะทำ� ใหไ้ มเ่ กดิ โรคระบาดไดอ้ ีกดว้ ย และสอดคลอ้ งกบั วรี ะ บำ� รงุ ศรี (2549) ไดท้ �ำการศึกษาเรือ่ ง องคก์ ารบรหิ ารสว่ นทอ้ งถนิ่ กบั การแกไ้ ขปญั หาขยะมลู ฝอย ศกึ ษากรณจี งั หวดั ราชบรุ ี พบแนวทางในการแกไ้ ข ปัญหา 5 แนวทาง คอื 1. การขยายสถานที่ฝงั กลบขยะมลู ฝอย 2. การจดั ตัง้ ศูนย์การก�ำจัดขยะมูลฝอยรวม ซง่ึ เปน็ การจดั การขยะมลู ฝอยแบบผสมผสาน เพอื่ รบั มอื กบั ขยะมลู ฝอยไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ การจดั ตงั้ สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย การคัดแยกขยะมูลฝอย และโรงงานก�ำจัดขยะมูลฝอย 3. จ้างเหมาบริษัทเอกชน เพ่ือการก�ำจัดขยะมลู ฝอย 4. รณรงค์ใหป้ ระชาชนลดปรมิ าณขยะมลู ฝอย โดยการลดการก่อเกิดขยะมูลฝอย 30 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ

การน�ำผลิตภัณฑ์มาใช้ซ�้ำและการน�ำกลับมาผลิตใหม่ และ 5. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนใน การจดั การขยะมลู ฝอย ขอ้ เสนอแนะ 1. จดั ท�ำนโยบายเพื่อสง่ เสรมิ การคดั แยกขยะมูลฝอยและการนำ� ขยะไปใช้ซ�้ำ (Reuse) หรือน�ำกลบั มาใช้ใหม่ (Recycle) เช่น นโยบายการลดหย่อนภาษที อ้ งถิน่ ส�ำหรบั ผ้ปู ระกอบการ ท่ีมกี ารจัดการขยะตาม หลักการ 3Rs 2. เทศบาลเมืองหัวหินควรน�ำแนวคิดของเสียเหลือศูนย์ (Zero waste) และการจัดการขยะตาม หลกั การ 3Rs เพอื่ นำ� ไปสกู่ ารลดปริมาณขยะทีจ่ ะน�ำไปฝงั กลบให้ไดม้ ากทีส่ ดุ 3. เทศบาลเมอื งหวั หนิ ควรมบี ทบาทหน้าทีเ่ ป็นตัวกลาง (Connector) ในการเช่ือมโยงภาคเอกชนที่ สนใจรับซ้ือขยะน�ำไปรีไชเคิล (Recycle) เพ่ือน�ำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิต หรือน�ำขยะไปผลิตเป็นพลังงาน ไฟฟา้ น้�ำมนั เชอื้ เพลิงหรอื กา๊ ซ และน�ำไปผลติ เปน็ ปยุ๋ อินทรยี ์ รวมถงึ ผ้ปู ระกอบการรับซือ้ ของเก่า ซาเล้ง โดย เทศบาลอาจเปน็ ศูนย์กลางหรือประสานใหก้ ับชมุ ชนเพอ่ื ให้ภาคเอกชนเขา้ ไปรับซ้ือโดยตรงก็ได้ 4. โครงการและกิจกรรมควรม่งุ เนน้ ไปที่การจัดการขยะตามหลกั 3Rs อาทิ การจัดทำ� ธนาคารขยะ ขยะแลกไข่/สิง่ ของ ผา้ ปา่ ขยะรีไซเคลิ การท�ำปุ๋ยหมัก นำ�้ หมักชวี ภาพ การแปรรปู ผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลอื ใช้ ศนู ยว์ สั ดรุ ไี ซเคลิ ชมุ ชน เปน็ ตน้ โดยโครงการและกจิ กรรมดงั กลา่ ว ควรมงุ่ เนน้ ไปทช่ี มุ ชน โรงเรยี น สถานประกอบการ หรอื หน่วยงานราชการในพนื้ ทีท่ ่ีมีความพรอ้ มและสมัครใจในการเขา้ ร่วมโครงการและกจิ กรรม 5. เทศบาลควรหนุนเสริมชุมชน โรงเรียน วัด หน่วยงานราชการในพ้ืนที่และภาคเอกชน อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ท่ีมีความพร้อมและสมัครใจเข้าร่วมโครงการและกิจกรรมการจัดการขยะตาม หลักการ 3Rs โดยอาจจัดให้มีการประกวด และประชาสัมพันธ์โดยให้การรับรองถึงความสะอาด ค�ำนึงถึง สขุ อนามยั และใส่ใจสง่ิ แวดล้อม ตามมาตรฐานของสาธารณสขุ และสง่ิ แวดลอ้ ม 6. เทศบาลควรมีการก�ำหนดข้อตกลงกับบริษัทเอกชนท่ีเข้ามาท�ำหน้าท่ีเก็บขนขยะ ให้เก็บขนขยะ ตามประเภทของขยะทมี่ กี ารคดั แยกและใหจ้ ดั เกบ็ /เกบ็ ขนขยะมลู ฝอยตามวนั และเวลาของขยะแตล่ ะประเภท เอกสารอา้ งองิ กรมควบคุมมลพษิ . (2561). คมู่ อื ปฏบิ ัติการ 3 ใช้ (3 R) เพ่ือจดั การขยะชุมชน. กรงุ เทพฯ: กรมควบคมุ มลพิษ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม. กรรณกิ าร์ ชูขนั ธ.์ (2554). การศกึ ษาระบบการจดั การขยะมลู ฝอย เทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบรุ ี. วิทยานิพนธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการจัดการภาครฐั และภาคเอกชน บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร. ชชู พี ศริ .ิ (2549). การจดั การขยะในเขตเทศบาลตำ� บลบา้ นกาด อำ� เภอแมว่ าง จงั หวดั เชยี งใหม.่ วทิ ยานพิ นธ์ รฐั ประศาสนศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการเมอื งการปกครอง บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ ดิเรกฤทธ์ิ ทวะกาญจน์. (2553). การพฒั นารปู แบบการจดั การขยะมลู ฝอยทีเ่ หมาะสมส�ำหรบั เทศบาลนคร หาดใหญ่. สารนพิ นธ์รฐั ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบนั บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 31

ธนกฤต บวกขนุ ทด. (2553). การศกึ ษารปู แบบการจดั การการจดั เกบ็ ขยะชมุ ชน กรณศี กึ ษา: องคก ารบรหิ าร สว่ นตาํ บลโนนเมอื งพฒั นา อาํ เภอดา นขนุ ทด จงั หวดั นครราชสมี า. วทิ ยานพิ นธว์ ศิ วกรรมศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา สาํ นักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีสุรนาร.ี ณิชชา บูรณสิงห.์ (2560). นโยบายประชารฐั : แนวทางการจัดการขยะในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำ� นกั วิชาการ สำ� นักงานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร. ไพลิน กองพนั ธ.์ (2561). รองนายกเทศมนตรี เทศบาลเมอื งหัวหนิ . (5 มถิ นุ ายน 2561). สัมภาษณ.์ วีระ บ�ำรุงศรี. (2549). องค์กรบริหารส่วนท้องถ่ินกับการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย : ศึกษากรณี จังหวัด ราชบุรี. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย รามคำ� แหง. ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม. (2562). ข้อมลู ตวั ชวี้ ัดปรมิ าณขยะมลู ฝอย ชมุ ชนตอ่ วนั . [Online]. Available: http://www.onep.go.th/env_data/2016/01_53/ [2561, มิถนุ ายน 7]. อัจฉรา อศั วรจุ ิกุลชัย, พิมลพรรณ หาญศกึ และเพยี งใจ พรี ะเกยี รตขิ จร. (2554). แนวทางการจัดการขยะให้ เหลือศูนย์ ภายในมหาวทิ ยาลยั มหิดล ศาลายา. วารสารการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม, 7 (1): 17-29. อาณัติ ต๊ะปินตา. (2553). ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับการจัดการขยะมูลฝอย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . AtiqUz Zaman. (2014). Roadmap towards Zero Waste Cities. International Journal of Waste Resources. [Online]. Available: https://www.researchgate.net/publication/290154191 [2561, มิถนุ ายน 7]. AtiqUz Zaman & Steffen Lehmann. (2011). What is the “Zero Waste City Concept. Zero Waste SA Research Centre for Sustainable Design and Behaviour. Best, J. W. (1981). Research in education (4th ed.). New Jersey: Prentice-Hall. ChristofMauch. (2016). A future without waste? zero waste in theory and practice. Transformations in environment and society. Eric Lombardi & Kate Bailey. (2015). How you community can be Zero waste in 10 years. BioCycle, 56 (10): 16. Taro Yamane. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row. The Grass Roots Recycling Network. (2004). What is Zero Waste. [Online]. Available: http://www.grrn.org [2018, June 7]. 32 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

คณะผ้เู ขียน ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. เขมภทั ท์ เย็นเป่ียม โรงเรยี นกฎหมายและการเมอื ง มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ เลขที่ 145/9 อาคารเฉลิมพระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ ถนนสุโขทยั เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อานุภาพ รกั ษ์สวุ รรณ โรงเรยี นกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เลขท่ี 145/9 อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ ถนนสุโขทยั เขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] ดร. ดนุสรณ์ กาญจนวงศ์ โรงเรยี นกฎหมายและการเมือง มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ เลขที่ 145/9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ ถนนสโุ ขทยั เขตดสุ ติ กรุงเทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 33



องคป์ ระกอบความสำ� เรจ็ ของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นสขุ ภาพ กรณศี กึ ษา ระบบการคน้ หาการบรกิ ารสขุ ภาพ Components of Health Information Technology System Success: A Case Study of Health Service Search พทั ธนนั ท์ มารียาห์ แสงกหุ ลาบ* และอญั ณิฐา ดิษฐานนท์ วทิ ยาลยั นวัตกรรม มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ Patthanan Mariah Sangkularb* and Anyanitha Distanont College of Innovation, Thammasat University Received: March 10, 2019 Revised: June 27, 2019 Accepted: July 15, 2019 บทคัดย่อ งานวจิ ยั ครงั้ นม้ี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาองคป์ ระกอบความสำ� เรจ็ ของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ น สขุ ภาพ กรณศี กึ ษา ระบบการคน้ หาการบรกิ ารสขุ ภาพ โดยประยกุ ตใ์ ชแ้ บบจำ� ลองความสำ� เรจ็ ดา้ นสารสนเทศ ท้ังน้ีผู้วิจัยได้พัฒนาแบบสอบถามและน�ำไปใช้ในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 23-57 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จำ� นวนทงั้ สิน้ 429 ตัวอย่าง โดยใช้เทคนคิ การวิเคราะหป์ จั จยั เชิงสำ� รวจ ผลการวิจัย พบว่าองค์ประกอบความส�ำเร็จของเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ ระบบการค้นหาการบริการสุขภาพ ประกอบด้วย 3 มติ ิ ไดแ้ ก่ 1) คุณภาพเนือ้ หาทางการแพทย์ ประกอบดว้ ย 3 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ เนอื้ หา ทางการแพทย์ ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา และความสมบรู ณข์ องเนอื้ หา 2) คณุ ภาพระบบปฏบิ ตั กิ าร ประกอบดว้ ย 3 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ การออกแบบเว็บไซต์ ความเป็นสว่ นตัว และความปลอดภยั และความม่ันคงของระบบ 3) คุณภาพการบริการสุขภาพ ประกอบดว้ ย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ การบรกิ ารจากแพทยเ์ ฉพาะทาง การมี ปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผใู้ ชบ้ รกิ าร และความนา่ เชอ่ื ถอื ในระดบั ผเู้ ชยี่ วชาญ ผลการวจิ ยั ครงั้ นช้ี ใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ของ องคป์ ระกอบความสำ� เร็จของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสขุ ภาพ ซ่งึ เป็นพ้ืนฐานในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ของธุรกจิ การบริการด้านสุขภาพในอนาคตไดต้ ่อไป คำ� ส�ำคัญ: การบรกิ ารสุขภาพ เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านสุขภาพ ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ * พทั ธนนั ท์ มารียาห์ แสงกหุ ลาบ (Corresponding Author) ปที ่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 35 e-mail: [email protected]

Abstract This research was aimed to study components of health information technology system success: a case study of health service search by adopting the theory of information success model. The questionnaires instrument was developed by researcher in order to collect data from the sample group in Bangkok, 429 respondents aged 23 to 57 years old. The results were analyzed using exploratory factor analysis (EFA). The results found that the components of health information technology system success: a case study of health service search can be classified into three dimensions as 1) medical content quality: medical content, content accuracy and content completeness 2) platform quality: website design, privacy and security and stability 3) health service quality: specialist service, interaction with clients and professional credibility. The results indicate the importance of the components of health information technology system success that leads to the future business product development in health service. Keywords: Health Service, Health Information Technology, Information System บทนำ� ปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความส�ำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพมากย่ิงขึ้น มีเทคโนโลยีมากมายเข้ามา ช่วยในการรักษาทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ท�ำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย และสะดวกสบาย มากยิ่งข้ึน ผลส�ำรวจในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าอัตราการใช้งานเทคโนโลยีด้านสุขภาพนั้นมีอัตราการเติบโต มากขน้ึ อย่างต่อเนือ่ งตั้งแตป่ ี 2015 โดยเฉพาะในด้านการคน้ หาขอ้ มูลสุขภาพออนไลน์ (Teresa & Malay, 2015) จากการสำ� รวจผู้ใชบ้ รกิ าร ปญั หาทพ่ี บในปจั จบุ ันคือกลุม่ คนทม่ี ีรายไดป้ านกลางยงั พบปัญหาระหว่าง ขัน้ ตอนในการเข้ารบั การรกั ษาทางการแพทยซ์ ง่ึ ใช้เวลานาน ท�ำใหผ้ ู้คนอาจเสยี เวลาโดยไมจ่ �ำเปน็ อกี ทัง้ ราคา ค่ารักษาทไ่ี ม่สามารถควบคมุ หรือวางแผนก่อนทำ� การรักษาได้ เห็นไดจ้ ากภาพท่ี 1 ดงั น้ี

ผู้ใชบ้ รกิ าร ปญั หาที่พบในปัจจบุ ันคอื กล่มุ คนทมี่ รี ายได้ปานกลางยังพบปัญหาระหว่างขน้ั ตอนในการเข้ารบั การรกั ษา ทางการแพทย์ซึ่งใช้เวลานาน ทาให้ผู้คนอาจเสียเวลาโดยไม่จาเป็น อีกท้ังราคาค่ารักษาที่ไม่สามารถควบคุมหรือ วางแผนกอ่ นทาการรักษาได้ เห็นไดจ้ ากภาพท่ี 1 ดงั นี้ ททม่ี มี่ าา::ผผวูู้้วจิจิ ยัยั ดดดััดแแปปลลภงงภจจาาาพาพกกททHH่ี ี่ 1o1ossขขppน้ัั้นiittตตaaอlอlนWนWแแoลoลrะrkะkปfปlfoัญlญัowหwหา(าทA(ทAีเ่mกเ่ีmกดิeดิeขrirขc้ึนiacึน้ในnaใnรนAะรcAหะacวหda่าวedงา่mกeงาmyกรเาyoขรfา้oเขรOfบั้าrOรtกhับrาtoรกhรpาoักeรpษdรeาiักcdษiScาuSrguerogenos,n2s0, 1280)18) แจพาทกยแ์ผพู้เทใชนใ่ียยนป์ผวปรูช้เะรชาะเี่ยทญเทวศเชไศพทาไื่อทยญมแยเกีพมกาก้ี่ือปราแัทญรกาทหธ้ปำ�ุราัญธกกรุิจหากเราทจิ กดคเทูาแโนรคลโดโรลนูแักยโลดีลษร้ายาักนดีสษสาุ้ขุขานภภสสาุาขขุ พพภภขาา(Hพพอeงข(aปHอlteรงhปะalชTรteะhาcชกThารenกทcoร่ีhกlทonา่ีกgoลy�ำัlง)oลเมgขังyา้เาขก)ส้ามยู่ใสงิ่านขูก่ใยน้ึนยุคยงิ่ มขสุคีกันึ้งสาคัรงมแมคกี นมผาะู้ผรสนแูู้สงานอูงจอะาานายกยุำ� ุ (A(gAingignSgoScioectyie) tโyด)ยกโดายรพกัฒารนพาัฒเทนคาโเนทโคลโยนีดโ้าลนยสีดุข้าภนาสพุขชภ่วายพใหช้ผ่วู้ยปใ่วหย้ผหู้ปรือ่วผยู้ทหี่ตรื้อผงกู้ทา่ีตร้อดงูแกลาสรุขดภูแาลพสสุขาภมาาพรถสเาขม้าาถรึงถ แพเขท้ายถแ์ ึงลแะพกทายรร์แักลษะากไาดร้อรยัก่าษงมาไีปดรอ้ะยส่าทิ งธมิภีปาพระมสาทิกยธงิ่ภขา้นึ พมากยิง่ ขึ้น ปปัจัจุจบุบันรันัฐรบัฐาบลาไทลยไทก็มยีนกโ็มยีนบโายยบทาี่จยะทส่งีจเะสสริม่งใเหส้ปริมระใหเท้ปศรไทะยเทกศลาไทยเยปก็นลศาูนยยเ์กปล็นาศงทูนายง์กาลราแงพททายง์ก(Mารeแdพicทalย์ H(uMbe) dขiอcงaภlมู Hิภuาbค)เอขเชอียงภขมู ้อภิ มาูลคจเาอกเชศยีูนยข์วอ้ จิ มยั ลูกจสาิกกรศไทนู ยยชว์ ้ใีจิ หยั เ้ กหส็นกิวรา่ ไจทะยมชีนใ้ีักหทเ้ ห่องน็ เวทา่ยี จวะเขมา้นี มกั าทรอับ่ งกเาทรยี่รวกั เษขา้ ใมนาปรรบั ะกเาทรศรไกัทษยา เปใ็นนจปารนะวเทนศมไาทกยอเปุตน็สาจหำ� นกรวรนมมเาทกคโอนตุ โสลายหีสกุขรภรามพเจทะคมโนีกาโลรขยยสี าขุ ยภตาัวพเจพะิ่มมขกี้ึนารร้อขยยลาะยต7-วั 9เพ(ศม่ิ ูนขยนึ้ ์วริจอ้ ัยยกลสะิก7ร-ไ9ทย(ศ, นู 2ย56ว์ 1จิ )ยั เนก่ือสงกิ จราไกทปยร,ะ2เ5ท6ศ1ไ)ทเนยมอ่ื ีโงรจงาพกยปารบะาเทลศช้ัไนทนยามทโี ่ีไรดง้มพายตารบฐาาลนชรนั้ ะนดำ�ับทสไ่ี าดกม้ ลามตารกฐทานี่สรุดะใดนบัภสูมาิภกาลคมเอาเกชทียสี่ ดุไดใน้รับภกมู าภิ รารคับเอรอเชงยี ไดร้ บั การรบั รองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทงั้ หมด 61 แหง่ (กองสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ, 2561) จงึ ควรสง่ เสรมิ ธรุ กจิ สตารท์ อพั ของไทยในดา้ นเทคโนโลยสี ขุ ภาพ สดั สว่ นตลาดดา้ นสาธารณสขุ ในประเทศไทยนนั้ เตบิ โตเรอ่ื ย ๆ ในขณะทค่ี นสงู วยั ในประเทศเพมิ่ จำ� นวน ยังมีคนสูงวัยจากต่างแดนย้ายข้ามมาพ�ำนักในประเทศไทย ดังน้ัน ปัญหาของเฮลท์แคร์จึงยังขยายวงกว้าง มาจากคนท�ำนโยบาย แพทย์ และคนไข้ โดยในอนาคตจ�ำนวนคนไข้จะย่ิงเพิ่มมากขึ้น ประเทศไทยอาจต้อง อยู่ในจุดท่ีย่�ำแย่ แต่ในทางกลับกันก็เป็นโอกาสท่ีดีส�ำหรับนักลงทุน หรือสตาร์ทอัพที่ต้องการเข้ามาท�ำตลาด เฮลทแ์ คร์ด้วยเชน่ กัน อยา่ งไรกต็ าม เทคโนโลยีดา้ นสุขภาพยงั ไม่เป็นท่ีนิยมในประเทศไทยมากนัก (คณวัฒน์ จนั ทรลาวณั ย,์ 2560) หากเทยี บกบั ตา่ งประเทศ เนอ่ื งดว้ ยปจั จยั หลายประการ เชน่ คณุ ภาพของเนอ้ื หา คณุ ภาพ ของระบบ และคณุ ภาพของการบรกิ าร และจากปญั หาดงั กลา่ วทำ� ใหผ้ วู้ จิ ยั ศกึ ษาองคป์ ระกอบของการยอมรบั เทคโนโลยีสุขภาพว่ามีองค์ประกอบใดบ้าง เพ่ือให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทราบถึงองค์ประกอบของการยอมรับ ปที ี่ 16 ฉบับท่ี 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 37

เทคโนโลยี และน�ำไปสู่การยอมรับการใช้งานเทคโนโลยีสุขภาพของผู้บริโภค และยังน�ำไปเป็นแนวทางใน การปรบั ปรุงแก้ไขการพัฒนาเทคโนโลยดี า้ นสขุ ภาพ เพอื่ ใหต้ อบสนองต่อความตอ้ งการของผบู้ ริโภคได้ตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบความส�ำเร็จของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ กรณีศึกษา ระบบ การคน้ หาการบรกิ ารสขุ ภาพ เพอื่ เปน็ พน้ื ฐานในการพฒั นาผลติ ภณั ฑข์ องธรุ กจิ การบรกิ ารดา้ นสขุ ภาพในอนาคต ตอ่ ไป แนวคดิ ทฤษฎีทเ่ี ก่ียวขอ้ ง แบบจำ� ลองความสำ� เรจ็ ของระบบสารสนเทศ (Information System Success Model: IS Success Model) แบบจำ� ลองความสำ� เรจ็ ของระบบสารสนเทศ (Delone & Mclean, 2003) เปน็ แบบจำ� ลองความสำ� เรจ็ ของระบบสารสนเทศซ่ึงมีปัจจัยหลักอยู่ 3 ปัจจัย ได้แก่ คุณภาพของข้อมูล (Information Quality) คุณภาพของระบบ (System Quality) และคณุ ภาพของการบริการ (Service Quality) ซึ่งทัง้ 3 ปจั จยั จะ สง่ ผลตอ่ ความตงั้ ใจใชง้ านและความพงึ พอใจของผใู้ ชง้ าน โดยงานวจิ ยั ของ Chang (2014) พบวา่ ปจั จยั ทสี่ ง่ ผล ต่อความส�ำเร็จของระบบสารสนเทศ ได้แก่ ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ด้านการออกแบบเว็บไซต์ และ แอพพลเิ คชนั่ ดา้ นคณุ ภาพการบรกิ าร ซงึ่ ปจั จยั เหลา่ นจ้ี ะสง่ ผลตอ่ การรบั รคู้ วามงา่ ยในการใชง้ าน และการรบั รู้ ประโยชน์ หรอื สง่ ผลทางออ้ มตอ่ ความตง้ั ใจในการยอมรบั การใชบ้ รกิ ารของโรงพยาบาลผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Zakaria, 2017) ได้ศึกษาปัจจยั ทสี่ ่งผลต่อความส�ำเร็จในการพฒั นาระบบ iHeart ซึง่ Zakaria ไดศ้ กึ ษาวา่ ปัจจัยดา้ นความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพของผ้ใู ช้งาน และปจั จัยดา้ นความกงั วล สง่ ผลเชงิ บวกต่อความพงึ พอใจของ ผใู้ ช้บริการ และจะสง่ ผลต่อการใชง้ านของระบบ iHeart และปจั จยั ดา้ นคุณภาพของระบบ คณุ ภาพของขอ้ มลู คณุ ภาพของการบรกิ าร และความเชอ่ื มน่ั จะสง่ ผลตอ่ การรบั รปู้ ระโยชน์ และสง่ ผลทางออ้ มตอ่ การใชง้ านระบบ ดังกล่าว และ Hossain (2016) ได้ศึกษาและพบว่าองค์ประกอบของปัจจัยท่ีส่งผลต่อความส�ำเร็จ และ ความพงึ พอใจของผู้ใชง้ าน และการรบั รู้คณุ ค่า คอื ด้านคณุ ภาพของระบบปฏิบัติการ โดยมอี งค์ประกอบ คือ ความมั่นคงและความปลอดภัยของระบบด้านคุณภาพของข้อมูล โดยมีองค์ประกอบ คือ ความถูกต้องของ ความสมบรู ณ์ และด้านคุณภาพของการบรกิ าร แบบจำ� ลองการยอมรับเทคโนโลยี (Technology Acceptance Model: TAM) แบบจำ� ลองการยอมรบั เทคโนโลยขี องผใู้ ชง้ าน Technology Acceptance Model: TAM (Venkatesh & Davis, 2000) เป็นทฤษฎีทแ่ี สดงถึงการยอมรบั ของผใู้ ชเ้ ทคโนโลยี โดยมีปัจจยั หลกั ได้แก่ ปัจจัยภายนอก (External) การรบั รถู้ งึ ประโยชน์ (Perceived Usefulness) การรบั รคู้ วามงา่ ยในการใชง้ าน (Perceived Ease of Use) ทัศนคติในการใชง้ าน (Attitude Toward Using) พฤติกรรมความตง้ั ใจทีจ่ ะใชง้ าน (Behavioral Intention to Use) จนเกดิ การใชง้ านจรงิ (Actual System Use) โดยแบบจำ� ลองการยอมรบั เทคโนโลยคี ดิ คน้ ข้นึ เพอ่ื นำ� มาอธบิ ายถึงปัจจัยที่จะสง่ ผลต่อความตง้ั ใจใชแ้ ละการยอมรบั เทคโนโลยนี นั้ จากการศึกษางานวิจยั ของ Dunnebeila (2012) และ Wu (2011) ได้ให้มุมมองดา้ นการยอมรับเทคโนโลยขี องผู้ใช้งานนั้นควรให้ 38 บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

ความส�ำคัญต่อปัจจัยด้านการรับรู้ความง่ายในการใช้งาน และการรับรู้ประโยชน์ของผู้ใช้งานซ่ึงจะส่งผลต่อ การยอมรบั และความตง้ั ใจในการใชง้ านตอ่ ไป นอกจากปัจจยั ดงั กล่าว ทฤษฎคี วามส�ำเรจ็ ของเทคโนโลยสี ขุ ภาพ ทฤษฎคี วามสำ� เรจ็ ของเทคโนโลยสี ขุ ภาพเปน็ ทฤษฎที แี่ สดงถงึ ความสำ� คญั ขององคป์ ระกอบของระบบ สารสนเทศท่ีมีความส�ำคัญต่อเทคโนโลยีสุขภาพ โดยมีองค์ประกอบหลักท่ีส�ำคัญ ได้แก่ คุณภาพของเนื้อหา คณุ ภาพของระบบ และคณุ ภาพของการบริการ (Ahadzadeh, 2017) ได้ศกึ ษาถึงปจั จยั ทีส่ ่งผลต่อการใช้งาน ระบบการค้นหาข้อมูลสุขภาพออนไลน์ โดยพบว่าปัจจัยท่ีส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการใช้งานของระบบ การคน้ หาขอ้ มลู สขุ ภาพ ไดแ้ ก่ ทศั นคตขิ องผใู้ ชง้ าน ความรอบรทู้ างเนอื้ หาดา้ นสขุ ภาพ ความนา่ เชอื่ ถอื ของระบบ และการตระหนกั ถึงการบรกิ ารทางสุขภาพจากผ้ใู หบ้ ริการ (Sebetci, 2018) ได้ศึกษาถงึ ประสิทธภิ าพการใช้ งานระบบขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพ ทมี่ ปี จั จยั หลกั ทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ คณุ ภาพของขอ้ มลู และคณุ ภาพของระบบปฏบิ ตั กิ าร Sebetci ได้กล่าวถึง คุณภาพของข้อมูลที่มีองค์ประกอบส�ำคัญท่ีจะส่งผลให้ระบบมีประสิทธิภาพ ได้แก่ องค์ประกอบดา้ นเนอื้ หา ดา้ นความถูกตอ้ งของข้อมูล ด้านรูปแบบ ด้านการประหยดั เวลา ในสว่ นของปจั จยั ด้านคณุ ภาพของระบบปฏิบตั ิการ มอี งค์ประกอบส�ำคญั ไดแ้ ก่ ดา้ นการออกแบบ ด้านความม่ันคงของระบบ จากการทบทวนวรรณกรรม และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบความส�ำเร็จของระบบเทคโนโลยี สารสนเทศด้านสุขภาพ กรณีศึกษา ระบบการค้นหาการบริการสุขภาพ ผู้วิจัยพบว่ามีปัจจัยท่ีส่งผลต่อ ความสำ� เร็จของระบบสารสนเทศของเทคโนโลยสี ุขภาพอยู่ 3 องคป์ ระกอบหลัก ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นคณุ ภาพเนื้อหา 2) ดา้ นคณุ ภาพระบบปฏิบตั ิการ 3) ด้านคณุ ภาพการบริการสุขภาพ ระเบยี บวิธีวิจัย งานวจิ ัยชน้ิ นีเ้ ปน็ งานวิจัยเชงิ ปริมาณ โดยผวู้ ิจยั ได้กำ� หนดกล่มุ ตัวอย่างอายุระหว่าง 23-57 ปี ซง่ึ อยู่ ในกลุ่มคนท่ีใช้อินเทอร์เน็ต และใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากท่ีสุดในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้วิจัยใช้วิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบเจาะจง ซ่ึงมีความสอดคล้องกับบริบทงานวิจัย การกําหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ 400 ตัวอย่าง อ้างอิงจากตารางการสุ่มขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ระดับความเช่ือมั่น ร้อยละ 95 ค่าความคลาดเคลื่อนท่ีร้อยละ 0.05 (Krejcie & Morgan, 1970) อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล ผู้วิจัยจึงท�ำการแจก แบบสอบถามทงั้ สิ้นจำ� นวน 500 ชดุ และไดก้ ลบั คืนมา 429 ชุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 85.50 เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ผู้วิจัยได้ใช้เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านแบบสอบถามโดย การพัฒนาข้อค�ำถามน้ันผู้วิจัยได้น�ำมาจากการทบทวนวรรณกรรม แนวคิดทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และ การสมั ภาษณผ์ เู้ ชย่ี วชาญ เพอื่ ใหค้ ำ� ถามของงานวจิ ยั นน้ั สามารถตอบวตั ถปุ ระสงคไ์ ดค้ รบถว้ น โดยแบบสอบถาม แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น ดังนี้ ส่วนที่ 1 ข้อคำ� ถามขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ การศกึ ษา รายได้ สว่ นท่ี 2 ขอ้ คำ� ถามทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั องคป์ ระกอบความสำ� เรจ็ ของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นสขุ ภาพ กรณศี กึ ษา ระบบการคน้ หาการบรกิ ารสขุ ภาพ โดยใชว้ ธิ ีการวดั แบบ Likert Scale จากนั้นน�ำแบบสอบถาม ไปวดั ความเทยี่ งตรง (Index of Item Congruence: IOC) จากผเู้ ชย่ี วชาญทมี่ ปี ระสบการณม์ ากกวา่ 7 ปขี น้ึ ไป ประกอบด้วย จ�ำนวน 5 ท่าน แพทย์ผู้เช่ียวชาญ นักออกแบบเว็บไซต์ พนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งค่า IOC ที่ได้มีค่าอยู่ท่ี 0.8 ถือว่าผ่านเกณฑ์ หลังจากน้ันผู้วิจัยได้น�ำแบบสอบถามไปทดสอบความน่าเชื่อถือ (Reliability) ดว้ ยวธิ กี ารหาคา่ สมั ประสทิ ธิ์ Cronbach’s Alpha จงึ นำ� แบบสอบถามไปทดสอบกบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง ปที ่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 39

จ�ำนวน 30 คน ซ่ึงค่าที่ได้ต้องไม่ต�่ำกว่า 0.7 หลังจากการทดสอบค่าท่ีได้อยู่ที่ 0.818 ถือว่าผ่านเกณฑ์ แบบสอบถามนี้มีความเทย่ี งตรงสามารถนำ� ไปใช้ในงานวจิ ัยได้ การวเิ คราะห์ และสรปุ ผลการวจิ ยั (Analysis and Conclusion) ผู้วจิ ยั ได้วิเคราะหข์ ้อมลู และสรปุ ผลการวิจยั โดยน�ำขอ้ มูลท่ไี ด้มาวเิ คราะห์ โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ปัจจยั เชิงส�ำรวจ (Exploratory Factor Analysis: EFA) เพอื่ จดั กลมุ่ ตวั แปร และเพม่ิ หรอื ลดตวั แปรทม่ี อี ยใู่ หม้ คี วามชดั เจนมากยง่ิ ขนึ้ และหลงั จากนนั้ ผู้วจิ ัยไดน้ ำ� ผลที่ไดไ้ ปสัมภาษณ์ผเู้ ชีย่ วชาญ และเทียบผลกับงานวจิ ยั ท่เี กีย่ วข้อง ผลการศกึ ษา ผลการศกึ ษาประกอบด้วย 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลดา้ นประชากรและผลการวิเคราะหอ์ งค์ประกอบโดย มรี ายละเอยี ดดงั น้ี สว่ นที่ 1 ข้อมลู ด้านประชากร ข้อมูลผูต้ อบแบบสอบถามท้งั หมด จ�ำนวน 429 คน กลมุ่ ตัวอย่างสว่ นใหญ่เป็นเพศหญงิ จำ� นวน 267 คน คิดเป็นร้อยละ 62.10 และเพศชายจ�ำนวน 163 คน คิดเป็นร้อยละ 37.90 จากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า สว่ นใหญม่ อี ายรุ ะหวา่ ง 23-30 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 59.30 อายเุ ฉลย่ี ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง 30.90 ประมาณคา่ ได้ 31 ปี ระดับการศึกษาของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คือ ระดับปริญญาตรี จ�ำนวน 407 คน คิดเป็นร้อยละ 94.60 รองลงมาคอื ระดับปรญิ ญาโท จำ� นวน 17 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.90 และตำ�่ กวา่ ระดับปรญิ ญาตรีจ�ำนวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.90 ส่วนที่ 2 ผลการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบเชิงส�ำรวจ ผลการทดสอบความเหมาะสม วิเคราะห์โดยเทคนิค Factor Analysis เพ่ือวิเคราะห์ค่า Kaiser- Meyer-Olkin (KMO) ซึ่งต้องมีค่ามากกว่า 0.5 Total Variance Explained ต้องมากกว่า 65% และค่า The Bartlett’s test of sphericity ตอ้ งนอ้ ยกว่า 0.005 จึงจะมคี วามเหมาะสม (Hair, Anderson, Tatham & Black, 1998) โดยดา้ นคุณภาพเนือ้ หาทางการแพทย์มีค่า KMO เท่ากบั 0.749 ซง่ึ มากกวา่ 0.5 ค่า Total Variance Explained เท่ากบั 66.00 ซ่ึงสามารถอธบิ ายข้อมูลได้มากกวา่ 2 ใน 3 หรอื 65% ข้ึนไป คุณภาพ ระบบปฏิบัตกิ ารมคี ่า KMO เท่ากับ 0.706 คา่ Total Variance Explained เทา่ กบั 70.73 ดา้ นคณุ ภาพ การบริการสุขภาพ มีค่า KMO เท่ากับ 0.790 ค่า Total Variance Explained เท่ากับ 69.08 และค่า The Bartlett’s test ของทกุ องคป์ ระกอบ มคี า่ Significance ของการทดสอบเทา่ กบั 0.00 จงึ สรปุ ไดว้ า่ ขอ้ มลู ทมี่ ีอยู่นั้นมีความเหมาะสมในการใช้เทคนิค การวเิ คราะห์ปจั จยั ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ส�ำรวจ (Exploratory Factor Analysis: EFA) Component KMO Sig. ToEtaxlpVlaainrieadnce 1. คณุ ภาพเน้ือหาทางการแพทย์ (Content Quality) 0.749 .000 66.00 2. คณุ ภาพระบบปฏิบัตกิ าร (Platform Quality) 0.706 .000 70.73 3. คุณภาพการบรกิ ารสุขภาพ (Health Service Quality) 0.790 .000 69.08 40 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ตตาารราางงทที่่ี 22 แแสสดดงงคคา่ ่าFFaaccttoorrLLooaaddininggอองคง์ปคร์ปะรกะอกบอดบา้ ดนา้คนณุ คภณุ าพภเานพอ้ื เหนา้อื ทหาางทกาารงแกพารทแยพ์ (Cทoยn์ (tCeonnt tQeunatlQityu)ality) คุณภาพเนอื้ หาทางการแพทย์ Factor Loading (Content Quality) Component Component Component ระบบ Health Service Search มกี ารแสดงเนอื้ หาทาง 123 การแพทย์ทเี่ ขา้ ใจงา่ ย (เชน่ มคี าอธบิ ายศัพท์เฉพาะทาง 0.841 ใหร้ ายละเอยี ดเพื่อใหเ้ ขา้ ใจได้ง่ายยง่ิ ขึ้น เป็นต้น) ระบบ Health Service Search มกี ารให้รายละเอียด ข้อมูลทางการแพทยเ์ บือ้ งต้น (เชน่ การอธบิ ายถงึ กลุ่ม 0.726 อาการของโรค เป็นต้น) ระบบ Health Service Search มกี ารให้ข้อมูล ดา้ นการดแู ลสขุ ภาพเบอื้ งต้น แก่ผใู้ ช้บรกิ าร 0.687 ระบบ Health Service Search มีการให้ขอ้ มลู ชดั เจน 0.836 ครบถว้ นเพยี งพอ (เช่น การเปรยี บเทยี บราคา ข้อมลู แพทย์ ข้อมลู การรกั ษา เปน็ ตน้ ) ระบบ Health Service Search มีการแสดงขอ้ มูลท่ี ชัดเจนไม่กอ่ ให้เกดิ การเข้าใจผดิ แก่ผ้ใู ช้บริการ ขอ้ มูลใน 0.746 ระบบมีความแมน่ ยาในการแสดงผลทกุ ครงั้ ระบบ Health Service Search ใหข้ อ้ มลู ที่มี ความนา่ เชอ่ื ถอื และสามารถตรวจสอบได้ (เช่น สามารถ 0.719 ตรวจสอบขอ้ มลู แพทยห์ รอื ขอ้ มลู โรงพยาบาลได้) ระบบ Health Service Search มีการแสดงข้อมูลที่ ชัดเจนไมก่ อ่ ให้เกดิ การเขา้ ใจผดิ แก่ผู้ใช้บริการ ขอ้ มูลใน 0.822 ระบบมคี วามแมน่ ยาในการแสดงผลทุกครัง้ ระบบ Health Service Search มกี ารแสดง รายละเอียดเงอื่ นไขและขอ้ ตกลงในการใช้บรกิ าร 0.806 อย่างชัดเจน จจาากกตตาารราางงทที่ ี่22ดด้า้านนคคุณุณภภาาพพเนเนอื้ ้ือหหาาททาางกงการาแรแพพททยย์ (์ C(CoonntetennttQQuuaalliittyy)) กก่อ่อนนททา�ำกกาารรววิิเเคครราาะะหห์ป์ปจััจจจัยัย เเชชงิ ิงส�ำารวจประกกออบบดด้ว้วยยตตัววัแแปปรรททั้งหง้ั หมดมด8 8ตวั ตแวัปแรปแรละแหลละงั หทลาังกทาำ�รวกิเาครรวาิเะคหร์ปาะัจหจัยป์ เัจชจิงสยั าเชรวงิ สจพำ� รบววจ่าพตบวั วแา่ ปรตไัวดแ้ถปูกรแไบด่ง้ ถอกู อแกบเป่งอ็นอ3กเอปง็นค์ป3รอะงกคอ์ปบรดะ้วกยอกบันด้วไยด้กแันก่ เไนดื้อแหก่าเทนาือ้ งหกาาทราแงพกทายรแ์ (พMทeยd์ic(MaleCdoicnatel nCto) nตtัวeแnปtร) ทตี่สัวาแคปัญรทท่สี ส�ำุดคคญั ือ ทกี่สารดุ แคสือดงกเนารื้อแหสาดทงาเงนก้อืารหแาพททายงท์กา่ีเขร้าแใพจงท่ายย์ทค่ีเขา่ า้ Fใaจcงt่าoยr Lคoา่ adFiancgtoเทr่าLกoับa0d.8in4g1 เคทว่ากมบัถูก0ต.้อ8ง4ข1องคเนวื้อามหถาูก(Cตoอ้ nงtขeอnงt เAนc้ือcหuาrac(yC)oตnัวtแeปnรtทA่ีสาcคcัญurทaสี่ cุดyค) อื ตกัวาแรปใหรท้ข้อี่สม�ำคลู ชัญัดทเจ่ีสนุดคครือบถก้วานรเใพหีย้ขง้อพมอูลคช่าัดFเจaนctคoรrบLถo้วaนdiเnพgียเงทพ่าอกับค0่า.8F3a6cแtลoะr Lขคผoอ้ดิวaมาแdมูลกสiท่ผnมู้ใ่ีชgชบัด้บเูรเทรจณิกา่น์ขากไอรบัมงคก่ข0า่่อ้อ.ใ8มFหa3ลู ้เc6ก(tCoิดแorกลmLาะoรpคเaขlวdeาา้ tinมใeจgสnผมeเิดทsบแsา่ ูร)กกณตับ่ผัว์ขู้ใ0ชแอ.ป้บ8งร2รขท2กิอ้ ี่สามราูลคคัญ(า่CทoFี่สmaุดcคptือolerกtLeาoรnแaeสdsดsin)งgขต้อเวั ทมแูล่าปกทรบั่ีชทัดี่ส0เจ�ำ.8คน2ญัไ2มท่กีส่่อุดใหค้เอืกิดกกาารรแเขส้าดใงจ ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook