Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

Published by boomsdu, 2023-01-13 04:58:28

Description: วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

Search

Read the Text Version

บว าัณ ร สฑ า ิตร วว ิชิท า กย าา รลยั สวนISSดN16ุส86-ติ0659 ปที ี่ 15 ฉบับท่ี 3 ประจ�ำ เดอื นกนั ยายน – ธันวาคม 2562 เจา้ ของ บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อการเผยแพร่งานทางวิชาการในประเภทบทความวิจัย บทความวิชาการ บทความปริทัศน์ และบทความ วจิ ารณ์หนงั สอื 2. เพื่อเป็นการแลกเปล่ยี นความรู้ ความคดิ ด้านมนุษยศาสตร์ และสงั คมศาสตร์ (ครศุ าสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ รัฐศาสตร์ นติ ิศาสตร์ อาชญาวทิ ยา บรหิ ารธุรกิจ และสาขาอ่ืนทเ่ี กีย่ วข้อง) ท่ีปรกึ ษา อธิการบดี ประธานทีป่ รกึ ษาอธกิ ารบดี รองศาสตราจารย์ ดร. ศิโรจน์ ผลพันธิน รองอธกิ ารบดีฝา่ ยวิจัยและพัฒนาการศกึ ษา รองศาสตราจารย์ ดร. สุขุม เฉลยทรัพย ์ รองอธกิ ารบดีฝ่ายวิชาการ รองศาสตราจารย์ ดร. ชนะศึก นชิ านนท์ ที่ปรึกษาคณบดีบัณฑิตวทิ ยาลยั ดร. สุวมาลย์ มว่ งประเสริฐ รองศาสตราจารย์ ดร. ประกฤติ พลู พฒั น์ บรรณาธิการ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. อาภาศริ ิ สวุ รรณานนท ์ มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ กองบรรณาธิการ มหาวิทยาลยั กรงุ เทพธนบุรี ศาสตราจารย์ ดร. กาญจนา คุณารักษ์ ศาสตราจารย์ พล.ต.ต. หญิง ดร. พัชรา สนิ ลอยมา โรงเรียนนายรอ้ ยต�ำรวจ ศาสตราจารย์ ดร. ศรยี า นยิ มธรรม มหาวิทยาลยั เกษมบณั ฑิต ศาสตราจารย์ ดร. โสภณ ศรีวพจน ์ โรงเรียนนายรอ้ ยตำ� รวจ รองศาสตราจารย์ ดร. รงั สรรค์ ประเสรฐิ ศร ี มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร. วรนารถ แสงมณ ี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบัง รองศาสตราจารย์ ศริ วิ รรณ เสรรี ัตน ์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา ศาสตราจารย์ ดร. ผดงุ อารยะวญิ ญู มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชาตชิ าย มหาคตี ะ มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. องค์อร สงวนญาติ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ผูป้ ระสานงาน มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต นางสาวจารุภา ยมิ้ ละมัย นางสาวณชั ชา ถาวรบุตร

การพิจารณาบทความ ต้นฉบบั บทความจะได้รับการพจิ ารณาจากผู้ทรงคณุ วุฒิ (Peer Review) ภายนอก ในสาขาวิชานัน้ ๆ จำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 2 ทา่ น โดยเปน็ การประเมนิ แบบอำ� พรางสองฝา่ ย (Double Blind) และสง่ ผลการพจิ ารณา แก่ผ้เู ขยี น เพ่ือปรับปรงุ แก้ไข บทความ หรอื พมิ พ์ต้นฉบบั ใหม่ แลว้ แต่กรณี เม่ือบทความผ่านการพิจารณา จากผู้ทรงคณุ วฒุ แิ ละกองบรรณาธกิ ารแล้วผเู้ ขียนจึงจะได้รับใบตอบรบั การตพี ิมพ์ บทความในวารสาร ก�ำหนดเผยแพร่ จัดพิมพเ์ ผยแพร่ปลี ะ 3 ฉบับ (วารสารราย 4 เดอื น) ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-เมษายน ฉบบั ท่ี 2 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ฉบบั ที่ 3 เดือนกนั ยายน-ธนั วาคม ลิขสิทธิ์ บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสติ 145/9 อาคารเฉลมิ พระเกียรติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ ถนนสุโขทัย เขตดุสติ กรุงเทพฯ 10300  โทรศพั ท:์  02-241-7191-5 ต่อ 4135  โทรสาร: 02-243-3408 website: http://www.graduate.dusit.ac.th/journal E-mail: [email protected] พิมพ์ท่ี ศูนยบ์ รกิ ารสื่อและสง่ิ พิมพ ์ กราฟฟิคไซท ์ มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต 295 ถนนนครราชสมี า แขวงดสุ ติ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 โทรศัพท์: 02-244-5081 วารสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิต มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เป็นวารสารปรากฏอยู่ในฐาน TCI (Thai Journal Citation Index Centre) หรอื ศนู ย์ดชั นกี ารอา้ งองิ วารสารไทย โดยปฏิบัตกิ ารพฒั นาคณุ ภาพ วารสารตามเกณฑ์มาตรฐานวชิ าวิชาการตามทสี่ �ำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา (สกอ.) และส�ำนักงาน กองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) กำ� หนด กองบรรณาธกิ ารของวารสาร ประกอบดว้ ย ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ ม่ี ตี ำ� แหนง่ ทางวิชาการ ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ รวมท้งั ผทู้ รงคุณวุฒริ ะดับปรญิ ญาเอก มีผลงานวิจัยต่อเนื่อง ซ่ึงเป็นบุคลากรจากสถาบันภายนอกและภายใน และมีผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) อา่ นพิจารณาบทความ ซง่ึ เปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญและมผี ลงานทางวชิ าการอย่างตอ่ เน่อื ง ทัศนะและข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารน้ีเป็นความคิดเห็นของผู้เขียน ทางกองบรรณาธิการ เปดิ เสรีในด้านความคดิ และไมถ่ อื วา่ เปน็ ความรับผิดชอบของกองบรรณาธกิ าร

ผ้ทู รงคณุ วุฒอิ า่ นประเมนิ บทความ (Peer Review) ศาสตราจารย์ ดร. สมบรู ณ์ สุขส�ำราญ ราชบัณฑิต มหาวิทยาลยั รังสติ รองศาสตราจารย์ จริ ประภา มากล่นิ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร รองศาสตราจารย์ ดร. บุญญรตั น์ โชคบันดาลชยั มหาวทิ ยาลัยนเรศวร รองศาสตราจารย์ ดร. ประภาส ป่นิ ตบแตง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั รองศาสตราจารย์ ดร. พงศ์ หรดาล มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร รองศาสตราจารย์ ดร. ราณี อิสิชยั กลุ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร. สรุ ชยั กงั วล มหาวทิ ยาลัยแม่โจ้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ดำ� รงพล อนิ ทร์จันทร ์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. ธนวรรณ แสงสุวรรณ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีรพงศ์ สันตภิ พ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ธรี ะ สนิ เดชารกั ษ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. พรเทพ เมืองแมน มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบุร ี ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. วสุธดิ า นรุ ติ มนต์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สเุ ทพ เดชะชพี มหาวิทยาลยั เกษมบณั ฑติ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล มหาวิทยาลยั มหิดล ดร. บษุ กร เช่ียวจนิ ดาการต์ มหาวทิ ยาลยั รามคำ� แหง ดร. ปยิ ะวดี โรหติ ารชนุ มหาวทิ ยาลัยพะเยา ดร. ศิริพงศ์ ทองจันทร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม ดร. อมรทิพย์ อมราภบิ าล มหาวทิ ยาลยั บูรพา



บทบรรณาธกิ าร วารสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิตด�ำเนินการตีพิมพ์บทความวิชาการตามสาขาวิชา เพ่ือส่งเสริมความเข้มแข็งทางวิชาการ และเผยแพร่ผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อการน�ำไปต่อยอด องค์ความรู้ หรือประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและม่ันคง ซึ่งวารสารปีท่ี 15 ฉบับที่ 3 สิงหาคม-ธันวาคม 2562 น้ี ได้รวบรวมบทความจากหลากหลายสาขาวชิ า ไว้อย่างน่าสนใจเช่นเคย อาทิ ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ท่ีเป็นท่ีนิยมใช้ในปัจจุบันในบทความเรื่อง การยอมรับเทคโนโลยี MyMo Mobile Banking บริบท ธนาคารออมสนิ โดย ธนภรณ์ แสงโชติ และ อัญณิฐา ดิษฐานนท์ การวิเคราะห์โมเดลเชิงสาเหตุของพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนและผลกระทบของ นักเรียนระดับมธั ยมศึกษา สังกดั สำ� นกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 6 โดย นภาพร หงษ์ทอง และเสกสรรค์ ทองค�ำบรรจง รูปแบบการสร้างความจงรักภักดีของลูกค้าในการซื้อสินค้าอุปกรณ์ไอที ผ่านระบบออนไลน์ โดย บณั ฑร แสงสี และอรพรรณ คงมาลยั ดา้ นกฎหมาย การเมืองและกระบวนการ ยุติธรรม เช่น การศึกษากฎหมายจ�ำนองและกระบวนการบังคับจ�ำนองของประเทศญี่ปุ่น โดย ปวินี ไพรทอง ชีวิตและแนวคิดทางการเมืองของควง อภัยวงศ์ โดย ณรงค์ฤทธ์ิ ชัยสายัน และสุรพันธ์ ทบั สวุ รรณ์ บทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมทมี่ ตี อ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กรณศี กึ ษา กรุงเทพมหานคร โดย เบญจวรรณ เจริญกสิกร และวิจิตรา ศรีสอน และมาตรการท่ีมีประสิทธิภาพ ในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมท่ีมีต่อนักท่องเท่ียวในพ้ืนที่จังหวัดภูเก็ต โดย ส�ำราญ สุดจิตร และ คณะ เป็นต้น ด้านการพฒั นาหลักสตู รและการวจิ ยั เชน่ แนวโน้มการพฒั นาหลกั สตู รนิเทศศาสตร์เพอื่ เข้าสตู่ ลาดงานทางการส่อื สารในประเทศไทย โดย อมรรัตน์ เรอื งสกลุ และคณะ กระบวนการตอ่ ยอด ผลงานวจิ ยั สเู่ ชงิ พาณชิ ย์ กรณศี กึ ษา มหาวทิ ยาลยั วจิ ยั แหง่ หนง่ึ ในประเทศไทย โดย พชั รกร สนิ สมบรู ณ์ และอัญณฐิ า ดิษฐานนท์ และยังมบี ทความท่นี า่ สนใจอีกมากมายในฉบับน้ีทจี่ ะทำ� ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั มมุ มอง ทางวชิ าการ สาระความรใู้ นด้านต่าง ๆ อกี มากมาย ทางกองบรรณาธิการคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความจากวารสารฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ ผอู้ า่ นทง้ั ในทางวชิ าการและวชิ าชพี และหากผเู้ ขยี นหรอื ผอู้ า่ นทา่ นใดมขี อ้ เสนอแนะทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ วารสาร สามารถสง่ มาไดท้ ี่เบอร์โทรศพั ท์ 02-2417191-5 ตอ่ 4135 โทรสาร 02-243-3408 หรอื อีเมล์ [email protected] ทางกองบรรณาธิการจะน�ำไปพจิ ารณาปรับปรุงวารสารให้มคี ุณภาพยงิ่ ขน้ึ ต่อไป ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. อาภาศิริ สุวรรณานนท์ บรรณาธกิ าร



สารบัญ การวิเคราะหโ์ มเดลเชงิ สาเหตขุ องพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนและผลกระทบของนกั เรียน หนา้ ระดบั มธั ยมศกึ ษา สังกดั ส�ำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 6 1 17 นภาพร หงษ์ทอง และเสกสรรค์ ทองค�ำบรรจง 35 พฤติกรรมเล่นพนนั ชนไก่ของประชาชนในจงั หวดั บรุ ีรมั ย์ : บรู ณาการทฤษฎ ี 47 การตดั สนิ ใจเลอื กอยา่ งมีเหตผุ ลและทฤษฎพี ฤติกรรมตามแผน 65 โสภณ น้�ำส้ม ธีระ กุลสวัสด์ิ และอมรทิพย์ อมราภิบาล 81 รปู แบบการสรา้ งความจงรักภกั ดขี องลูกคา้ ในการซื้อสนิ ค้าอุปกรณไ์ อทผี ่านระบบออนไลน์ 101 117 บณั ฑร แสงศรี และอรพรรณ คงมาลยั 129 การยอมรับเทคโนโลยี MyMo Mobile Banking บริบท ธนาคารออมสนิ ธนภรณ์ แสงโชติ และอญั ณฐิ า ดษิ ฐานนท์ องคป์ ระกอบของนวตั กรรมท่ีน�ำไปสคู่ วามส�ำเรจ็ ของบรษิ ัทผ้ใู หบ้ ริการ ดา้ นการจองท่ีพักออนไลน์ (Online Travel Agent) แห่งหน่งึ ทใี่ ห้บรกิ ารในประเทศไทย กรณีศกึ ษา ความคดิ เหน็ ของพนกั งานในบรษิ ทั ผใู้ หบ้ รกิ ารดา้ นการจองท่ีพกั ออนไลน์แห่งหนึ่ง อนันตก์ นั ต์ ชมภทู ปี และอัญณฐิ า ดิษฐานนท์ การเปดิ รับ ความพงึ พอใจ การใช้ประโยชน์และความคาดหวงั ของประชาชนที่มตี ่อ เวบ็ ไซต์ส�ำนักข่าวอศิ รา กรณศี ึกษาศูนย์ขา่ วภาคใต้ พีรพฒั น์ ดลิ กกัลยากุล และกาญจนา มศี ิลปวิกกัย บทบาททางการเมอื งขององค์กรประชาสงั คมที่มีต่อองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น กรณศี ึกษา กรุงเทพมหานคร เบญจวรรณ เจรญิ กสิกร และวิจิตรา ศรีสอน กระบวนการต่อยอดผลงานวจิ ยั ส่เู ชงิ พาณิชย์ กรณีศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั วิจยั แห่งหนง่ึ ในประเทศไทย พัชรกร สินสมบรู ณ์ และอัญณฐิ า ดษิ ฐานนท์ มาตรการทมี่ ีประสิทธภิ าพในการป้องกนั ปัญหาอาชญากรรมท่ีมตี ่อนักท่องเทยี่ ว ในพ้ืนที่จงั หวัดภเู ก็ต สำ� ราญ สุดจติ ร เพญ็ ศรี พัทธ์วิวฒั นศริ ิ และชาตชิ าย มหาคตี ะ

สารบัญ (ต่อ) การน�ำนโยบายการจดั การขยะขององค์การบริหารส่วนจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยาไปปฏบิ ตั ิ หนา้ วงศว์ รรธน์ บญุ วฒั น์ และเพ็ชรตั น์ ไสยสมบัติ 147 161 ชวี ติ และแนวคิดทางการเมอื งของ ควง อภัยวงศ ์ 179 ณรงคฤ์ ทธ์ิ ชยั สายัน และสุรพันธ์ ทับสวุ รรณ์ 193 205 ความสมั พนั ธใ์ นรูปแบบของป่ใี นกบั เพลงหน้าพาทย์ 219 สุราช ใหญ่สงู เนนิ บ�ำรงุ พาทยกุล และสหวฒั น์ ปลมื้ ปรีชา 223 การศึกษากฎหมายจ�ำนองและกระบวนการบังคับจ�ำนองของประเทศญีป่ ุ่น ปวินี ไพรทอง แนวโน้มการพฒั นาหลกั สตู รนเิ ทศศาสตรเ์ พอ่ื เขา้ สตู่ ลาดงานทางการสอื่ สารในประเทศไทย อมรรัตน์ เรืองสกุล วรรณรตั น์ โรจนวเิ ชียร ศักดิ์สทิ ธ์ิ โรจนวิเชยี ร และคณะ “ปกณิ กคดี ประโยชนแ์ ห่งการอยู่ในธรรมและความเปน็ ชาติโดยแทจ้ ริง” ยอดชาย ชุตกิ าโม นโยบายและการด�ำเนินการจดั พมิ พ์วารสารวชิ าการบัณฑติ วทิ ยาลยั สวนดสุ ติ

การวเิ คราะห์โมเดลเชิงสาเหตุของพฤติกรรมตดิ สมารท์ โฟนและผลกระทบของนกั เรยี น ระดบั มธั ยมศกึ ษา สังกัดส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 6 An Analysis of a Causal Model of the Smartphone Addiction and Impacts of Matthayomsuksa Students in the Secondary Education Service Area Office 6 นภาพร หงษท์ อง* และเสกสรรค์ ทองคำ� บรรจง คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา Napaporn Hongthong* and Saksan Tongkhambanchong Faculty of Education, Burapha University Received: March 8, 2019 Revised: May 15, 2019 Accepted: May 24, 2019 บทคดั ยอ่ การวิจัยนีม้ ีวัตถุประสงค์เพ่อื 1) ตรวจสอบความเทีย่ งตรงของโครงสร้างความสมั พันธเ์ ชงิ สาเหตุของ พฤติกรรมตดิ สมารท์ โฟนของนกั เรียนระดบั มัธยมศึกษาในภาพรวม และจำ� แนกตามเพศ 2) วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ล ทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมของตัวแปรสาเหตุท่ีมีต่อพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน และ ผลกระทบจาก การใช้สมารท์ โฟนในภาพรวม และจ�ำแนกตามเพศ กลุ่มตวั อยา่ งในการวิจัยครั้งน้ีเป็นนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 โดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายข้ันตอน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบวัด 10 ฉบบั มคี ่าความเชอื่ มน่ั ตง้ั แต่ .699-.892 ผวู้ จิ ยั ไดท้ ำ� การรวบรวมขอ้ มลู แลว้ นำ� มาวเิ คราะหห์ าคา่ สถติ พิ นื้ ฐาน คา่ สมั ประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ตัวแปร และการวเิ คราะหเ์ สน้ ทางความสมั พันธ์เชิงสาเหตุ ผลการวจิ ัยพบวา่ 1) โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนตามสมมติฐานมีความสอดคล้อง กลมกลืนกบั ขอ้ มลู เชิงประจกั ษใ์ นภาพรวม (Chi-square = 33.512, p = 0.055, Chi-square/df = 1.523, SRMR = 0.029, RMSEA = 0.028, CFI = 0.995, GFI = 0.990, AGFI = 0.975) 2) การคลอ้ ยตามกลมุ่ เพ่อื น เปน็ ตวั แปรเชิงสาเหตุท่ีมีอิทธิพลทางตรงต่อการติดสมาร์ทโฟน และมี อทิ ธพิ ลทางออ้ มตอ่ ผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟนมากทส่ี ดุ ในภาพรวม ของนกั เรยี นชาย และนกั เรยี นหญงิ รองลงมาคือ การรับรู้การควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนในครอบครัว ของนักเรียนชาย และตัวแปรบุคลิกภาพ หวั่นไหวทางอารมณ์ ในภาพรวม ของนักเรียนหญงิ คำ� สำ� คญั : ติดสมารท์ โฟน ความเหงา บุคลกิ ภาพ คล้อยตาม ผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟน * นภาพร หงษ์ทอง (Corresponding Author) ปีที่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 1 e-mail: [email protected]

Abstract The purposes of this research were; 1) to test the validation of the structural causal relationship of the smartphone addiction of Matthayomsuksa students in overall and classified by gender. 2) to analyze the direct effects, indirect effects and total effects of causal variable on the smartphone addiction and smartphone usage in overall and classified by gender. The samples were grade 7 to grade 12 students selected by means of multi-stage random sampling. The tool for data collection was a questionnaire with 10-point rating scale, (α = 0.699 to 0.892). The collected data was analyzed by correlation and path analysis to identify the causal relationships. The results were as follow; 1) The hypothesized causal modeling of the smartphone addiction fitted the overall empirical data well (Chi-square = 33.512, p = 0.055, Chi-square/df = 1.523, SRMR = 0.029, RMSEA = 0.028, CFI = 0.995, GFI = 0.990, AGFI = 0.975). 2) Peer conformity was the causal variable with the most direct effect on the smartphone addiction and the most indirect effect on smartphone usage of both male and female students. The second influential variable was the awareness on controlling smartphone usage from the family of male students followed by the emotional variation of female students. Keywords: Smartphone Addiction, Loneliness, Conformity Personality, Impacts of Smartphone Usage บทนำ� สมาร์ทโฟน (Smartphone) โทรศัพท์มือถือที่เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาสามารถเช่ือมต่อรับส่ง ขอ้ มลู ไดร้ องรบั การใชโ้ ปรแกรมทถี่ กู ออกแบบมาเฉพาะงานตา่ ง ๆ โดยอาศยั ระบบปฏบิ ตั กิ าร (ครี นิ ท์ เมฆโหรา, 2553) สามารถท�ำงานแทนทอ่ี ุปกรณต์ า่ ง ๆ มากมาย เชน่ คอมพิวเตอร์ กล้องถา่ ยภาพ สมดุ จดบันทกึ เคร่ือง อัดเสียง เครือ่ งเลน่ วดี โี อ เครื่องเลน่ เกม หรอื แม้กระทง่ั นาฬกิ าปลกุ (พรพสิ ุทธ์ิ มงคลวนชิ , 2556) สง่ ผลให้สมา ร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ท่ีคนไทยต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุด เน่ืองจากปัจจัยในเรื่องราคาท่ีลดลง รวมถึงการ พัฒนาเครือขา่ ย การใหบ้ ริการทตี่ อบสนองความตอ้ งการของผ้ใู ช้บริการ การพัฒนาเนอ้ื หาและแอปพลิเคชัน ต่าง ๆ ท่ีมีความหลากหลาย ผลการศึกษาพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนพบว่ากิจกรรมส่วนใหญ่ท่ีท�ำผ่านสมาร์ทโฟน คือ โซเชียลเน็ตเวริ ์ค ร้อยละ 91.50 ดาวนโ์ หลดภาพยนต์ เพลง รอ้ ยละ 88 ใช้อัพโหลดข้อมลู ร้อยละ 55.90 และติดตามข่าวสาร ร้อยละ 46.50 (ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2559) โดยการส�ำรวจการเลือกใช้อุปกรณ์ ในการเขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ พบวา่ มผี ใู้ ชส้ มารท์ โฟนเชอื่ มตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ รอ้ ยละ 81.8 โดยมจี ำ� นวนชว่ั โมงการใช้ งานเฉลย่ี 5.7 ชวั่ โมงต่อวัน (กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร, 2558) ทำ� ให้ปจั จุบันสมารท์ โฟน เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเราเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จากรายงานผลการส�ำรวจเทคโนโลยีของ 2 บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

บรษิ ทั ซิสโก้ (Cisco) ปี คศ. 2013 ในประเทศไทยพบวา่ ร้อยละ 98 เชค็ สมารท์ โฟนเพอื่ ดูขา่ วอัพเดทในอีเมล ขอ้ ความ และโซเชยี ลมีเดยี กอ่ นลกุ ขึ้นจากเตยี ง เกา้ ในสิบคนเช็คสมารท์ โฟนไม่อาจนบั ครง้ั ได้ กวา่ รอ้ ยละ 91 ของผู้ตอบแบบสอบถามจะมีอาการลงแดง และรู้สึกกระวนกระวายหากไม่สามารถเช็คสมาร์ทโฟนได้อย่าง ตอ่ เน่อื ง จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ศพั ทบ์ ัญญตั ิใหมใ่ นโลกออนไลนช์ ือ่ “สังคมก้มหน้า” (ซสิ โก้ ซสี เต็มส,์ 2556) ซึง่ สะท้อน ให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้เพื่อความบันเทิงมากกว่าการแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน ของเยาวชนน่าเป็นห่วง เน่ืองจากเยาวชนที่มีอายุน้อยการพัฒนาจิตใจ ไม่สมบูรณ์ หมกมุ่นได้ง่าย และ มีแนวโน้มสูงที่จะติดการใช้สมาร์ทโฟน (Cho & Lee, 2004) นอกจากนี้นักเรียนท่ีติดสมาร์ทโฟน มีปัญหา การลดลงของการมปี ฏิสัมพนั ธ์ในสงั คม ความสามารถทางวิชาการลดลง (Kuss & Griffiths, 2012) ปัญหา ท่เี กี่ยวขอ้ งกับสุขภาพ รวมถึงตาพร่ามวั และการปวดของขอ้ มอื หลงั และคอ (Kwon, Lee & Won, 2013) จากปัญหาขั้นต้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาว่ามีปัจจัยใดบ้างท่ีเกี่ยวกับพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน เน่ืองจากงานวิจัยท่ีศึกษาพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนยังมีไม่มากนัก จึงท�ำให้ต้องศึกษาพฤติกรรมการติด อนิ เทอรเ์ นต็ เกม และสอื่ ต่าง ๆ มาประกอบการศึกษาเพราะคุณสมบตั ทิ ี่มีความคลา้ ยคลงึ กัน (Kwon, Lee & Won, 2013) มาพฒั นาแบบจำ� ลองโครงสรา้ งความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตุ โดยจากการทบทวนงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กับพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน ผลการวิจัยพบว่า มีหลายปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ ความเหงา (Loneliness) บุคลิกภาพหวั่นไหวทางอารมณ์ (Neuroticism) บุคลิกภาพเปิดเผยชอบการแสดงออก (Extraversion) การคล้อยตามกลุม่ เพือ่ น และบทบาทของครอบครัว ด้านการรบั ร้กู ารควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนในครอบครัว นอกจากน้ีในการวิจัยคร้ังน้ีผู้วิจัยยังให้ความสนใจไปที่ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจากการใช้สมาร์ทโฟนของเยาวชน ได้แก่ ผลกระทบดา้ นปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ผลกระทบดา้ นเศรษฐกิจ และผลกระทบดา้ นความรับผดิ ชอบ ต่อการเรยี น วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ตรวจสอบความเทย่ี งตรงของโครงสรา้ งความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตขุ องพฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน ของนักเรียน ระดบั มธั ยมศกึ ษาในภาพรวม และจ�ำแนกตามเพศ 2. เพอ่ื วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ลทางตรง อทิ ธพิ ลทางออ้ ม และอทิ ธพิ ลรวมของตวั แปรสาเหตทุ มี่ ตี อ่ พฤตกิ รรม ติดสมาร์ทโฟน และผลกระทบจากการใช้สมารท์ โฟนในภาพรวม และจำ� แนกตามเพศ แนวคดิ ทฤษฎีทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง การพฒั นาแบบจำ� ลองโครงสรา้ งเชิงสาเหตพุ ฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟนน้นั เกดิ จากการทบทวนเอกสาร และงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งพฤตกิ รรมการตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ เกม และสอื่ ตา่ ง ๆ เนอื่ งจากเปน็ การตดิ ในลกั ษณะทเี่ ปน็ พฤติกรรม และงานวิจยั ในประเทศไทยท่ีศกึ ษาเกย่ี วกับพฤตกิ รรมติดสมาร์ทโฟนยังมไี ม่มากนกั กล่าวคือ 1. ความเหงากบั พฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน ความเหงา ไดร้ บั การรายงานในพฤตกิ รรมตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ (Caplan, 2007) และการตดิ การใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื (Takao et al., 2009) สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของนมั ซู และ ฮยนู จู (Namsu & Hyunjoo, 2014) พบว่า ผู้ซง่ึ มรี ะดบั ของการติดสมาร์ทโฟนอยูใ่ นระดับสูงมคี วามข้อี าย (Shyness) ความเหงา (Loneliness) ความหดหู่ (Depression) ในระดับสูงและการเห็นคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem) อยู่ในระดบั ต�่ำ ดังนั้นการตดิ สมาร์ทโฟนอาจจะใช้คุณสมบัติเดียวกนั กับตดิ อนิ เทอรเ์ น็ต และ ปีที่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจ�ำ เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 3

ตดิ การใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื เนอื่ งจากเปน็ พฤตกิ รรมการตดิ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เครอ่ื งมอื ในการสอื่ สาร และปฏสิ มั พนั ธ์ ระหวา่ งบคุ คล ความเหงาเปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทท่ี ำ� ใหผ้ ใู้ ชส้ มารท์ โฟนกลายเปน็ ผตู้ ดิ สมารท์ โฟน โดยใชก้ ารสนทนา ออนไลน์ในการหามิตรภาพ เพ่ือทดแทนความเปน็ จรงิ ทตี่ นเองขาด 2. บคุ ลกิ ภาพกบั พฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน ผทู้ มี่ บี คุ ลกิ ภาพแบบหวน่ั ไหวทางอารมณ์ (Neuroticism) เปน็ ผทู้ ี่ไมส่ ามารถจัดการกับภาวะอารมณ์ของตนเองได้เป็นคนชอบวติ กกงั วล โกรธงา่ ย เสียใจง่าย มีอารมณ์ เปราะบาง ค�ำนึงถึงแต่ตนเอง ท�ำให้มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ราบร่ืน ผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบหวั่นไหวใช้ เฟซบุ๊กมาก ใช้บ่อย และใช้คร้ังละนาน ๆ ผู้ท่ีมีบุคลิกภาพเปิดเผยชอบการแสดงออกเป็นคนชอบเข้าสังคม ชา่ งคยุ รา่ เรงิ เปน็ กนั เอง มกั จะเปน็ ฝา่ ยเขา้ ไปทกั ทายผอู้ นื่ กอ่ น มกี ารแสดงออกตรงไปตรงมา ชอบทำ� กจิ กรรม โดยใช้เฟซบุ๊กบ่อย และใช้คร้ังละนาน ๆ (Wehrli, 2008) สอดคล้องกับงานวิจัยของ เอนเบิร์ค และคณะ (Ehrenberg et al., 2008) พบว่า บุคลิกภาพหว่ันไหวทางอารมณ์ (Neuroticism) ใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการส่งข้อความและมีแนวโน้มในการติดโทรศัพท์มือถือ และผู้ที่มีบุคลิกภาพเปิดเผยชอบการแสดงออก (Extraversion) มีความสนใจในการใช้เทคโนโลยี (Devaraj, Easley & Crant, 2008) จากการศึกษาของ เอนเบริ ค์ และคณะ Ehrenberg et al. (2008) พบวา่ บุคลิกภาพสามารถท�ำนายการใช้เทคโนโลยขี องวัยรนุ่ และผู้ท่ีมีบุคลิกภาพเปิดเผยชอบการแสดงออกใช้เวลา ส่วนใหญ่ในการส่งข้อความ สอดคล้องกับการศึกษา ของ วลิ เบิรน์ และครสิ (Wilburn & Chris, 2012) บุคคลทมี่ บี ุคลิกภาพเปิดเผยชอบการแสดงออกมกั เป็น เจ้าของสมาร์ทโฟน และให้ความส�ำคัญในการส่งข้อความทาง สมาร์ทโฟน ดังนั้นบุคลิกภาพเป็นตัวแปรท่ีมี การเชอื่ มโยงกบั พฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน โดยเฉพาะบคุ ลกิ ภาพหวนั่ ไหวทางอารมณ์ (Neuroticism) บคุ ลกิ ภาพ เปิดเผยชอบการแสดงออก (Extraversion) มแี นวโน้มตดิ สมารท์ โฟน 3. การคล้อยตามกลุ่มเพ่ือนกับพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน เพื่อนมีอิทธิพลต่อเด็กโดยก่อให้เกิด การคลอ้ ยตามและการยอมรบั เอาคา่ นยิ ม ความเชอ่ื และความสนใจวยั รนุ่ จะเลอื กรบั สอื่ มวลชนตามแบบเพอ่ื น ทง้ั สือ่ โทรทัศน์ และสอื่ อินเทอร์เน็ต (วันชาติ ศิลานอ้ ย, 2528) เพราะวยั ร่นุ จะใช้ข้อมลู เหล่าน้ใี นการเขา้ สังคม และสนทนารว่ มกลมุ่ กบั เพอ่ื น ทง้ั เพอื่ ความสนกุ สนาน ความรู้ และการปฏบิ ตั ติ นในสงั คม (Krosnick, Anand & Hartl, 2003) งานวจิ ยั หลายงานทพ่ี บวา่ เพอ่ื นมอี ทิ ธพิ ลกบั วยั รนุ่ ในการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ และการตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ ของวยั รนุ่ อยา่ งงานวจิ ยั ของโช และลี (Cho & Lee, 2004) พบวา่ การสนบั สนนุ ทางสงั คมจากเพอื่ นเปน็ ตวั แปร ทีม่ ีอิทธพิ ลทางตรงต่อพฤติกรรมตดิ อินเทอร์เนต็ สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ จาง เฉนิ และลี (Zhang, Chen & Lee, 2014) พบวา่ การคลอ้ ยตามมผี ลทางบวกตอ่ การตดิ สมารท์ โฟน ดงั นนั้ ปัจจัยการคล้อยตามกล่มุ เพ่ือน จึงมอี ิทธิพลตอ่ พฤติกรรมตดิ สมาร์ทโฟน โดยมักมแี นวทางปฏิบตั ิตามกลุ่มเพ่อื นเพ่อื ใหเ้ ป็นทย่ี อมรบั 4. บทบาทของครอบครวั กบั พฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน งานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั บทบาทของครอบครวั ในการใช้สมาร์ทโฟนยังพบไม่มากนัก แต่สมาร์ทโฟนถือเป็นสื่อประเภทหน่ึง ดังน้ันผู้วิจัยจึงได้ศึกษางานวิจัย เร่ืองบทบาทของครอบครัวในการใช้สื่อร่วมด้วย พบว่าบิดา มารดา ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทท้ังทางตรงและทาง อ้อมต่อการเปิดรับส่ือมวลชนของเยาวชนทั้งการเปิดรับสื่อโทรทัศน์ (Koolstra & Lucassen, 2004) และ การเปิดรับสอ่ื อนิ เทอรเ์ น็ต (Cho & Lee, 2004) โดยในครอบครัวทบี่ ดิ า มารดามีการตระหนักถึงอทิ ธพิ ลของ ภยั จากสอ่ื มแี นวโนม้ ทจ่ี ะเปน็ ผคู้ วบคมุ การเปดิ รบั สอื่ ของเดก็ และใหค้ ำ� แนะนำ� เกย่ี วกบั การเปดิ รบั สอื่ (Tsfati, Ribak & Cohen, 2005) ซ่งึ สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจัยท่ีพบว่าการทบ่ี ิดา มารดาตระหนกั ถงึ อิทธิพลของส่อื ที่มี ต่อเด็กมีความสัมพันธ์กับการให้ค�ำแนะน�ำแก่เด็กในการเปิดรับส่ือ Katz & Liebes (1990) สอดคล้องกับ 4 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดุสติ

งานวจิ ยั ของ โซ และลี (Cho & Lee, 2004) พบวา่ การสนบั สนนุ ทางสงั คมจากครอบครวั มคี วามสมั พนั ธท์ างลบ กับพฤติกรรมตดิ อินเทอร์เนต็ และเป็น ตวั แปรทม่ี อี ิทธิพลทางตรง และทางอ้อมตอ่ พฤติกรรมติดอินเทอรเ์ น็ต ของเยาวชนในประเทศเกาหลี ริว และคิม (Ryu & Kim, 2003) เสนอวา่ การทีค่ รอบครวั มกี ารเอาใจใสด่ ูแลเดก็ ในเร่ืองการรับส่ืออินเทอร์เน็ตมากเท่าไรจะเป็นการควบคุมดูแลเด็กให้มีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต อยา่ งไมพ่ งึ ประสงคน์ อ้ ยลง โดยผวู้ จิ ยั สนใจศกึ ษาบทบาทของครอบครวั ในการรบั รกู้ ารควบคมุ การใชส้ มารท์ โฟน เนื่องจากแนวคดิ บทบาทของครอบครัว และผลการวิจยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ งพบวา่ การควบคุมการใชส้ ือ่ ในครอบครัวมี ผลตอ่ พฤติกรรมของเด็ก 5. ผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟน นกั เรยี นทตี่ ดิ สมารท์ โฟนจะใชส้ มารท์ โฟนบอ่ ยครง้ั วนั ละหลาย ชวั่ โมง ท�ำให้เกดิ ผลกระทบ อาทิ การเขา้ ห้องเรยี นสาย สง่ การบา้ นไมต่ รงเวลา ขาดเรยี น แอบใช้ในขณะเรยี น ผลการเรยี นตกตำ�่ ขาดปฏสิ มั พนั ธก์ บั บคุ คลรอบขา้ ง และทำ� ใหเ้ กดิ คา่ ใชจ้ า่ ยตามมา สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ แชเรอร์ (Scherer, 1997) พบวา่ การตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ สง่ ผลให้เกิดปญั หาตอ่ ประสิทธิผล ทางด้านการเรยี น ความสมั พนั ธ์ทางสังคม และปัญหาด้านการเงิน จากการศกึ ษาเอกสาร และงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งพบวา่ ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน มหี ลาย ปัจจัยไม่ว่าจะเป็นความเหงา บุคลิกภาพหวั่นไหวทางอารมณ์ และบุคลิกภาพเปิดเผยชอบการแสดงออก การคลอ้ ยตามกลมุ่ เพอื่ น การรบั รกู้ ารควบคมุ การใชส้ มารท์ โฟนในครอบครวั และผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟน ในด้านการเรียน ปฏิสัมพันธ์ และเศรษฐกิจ ซ่ึงการศึกษาในครั้งนี้จะอธิบายสาเหตุของการติดสมาร์ทโฟนที่ มงุ่ เนน้ ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การตดิ สมารท์ โฟนและผลกระทบ ซงึ่ จะชว่ ยแนะนำ� ในการแกป้ ญั หาการตดิ สมารท์ โฟน ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลชว่ ยจำ� กดั การตดิ สมารท์ โฟนในวยั รนุ่ โดยจากแนวคดิ ขา้ งตน้ สามารถสรปุ กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ได้ ดังแสดงในภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ ตัวแปรสาเหตุ การติดสมารท โฟน (SPA) ความเหงา (LON) พฤติกรรมตดิ สมารทโฟน (BSA) บุคลิกภาพหว่นั ไหวทางอารมณ (NEU) ความรูสกึ ตดิ สมารทโฟน (ESA) บุคลิกภาพเปดเผยชอบการแสดงออก (EXT) ผลกระทบจากการใชสมารทโฟน (EFS) การรบั รูก ารควบคุมการใช ดานปฏิสัมพนั ธก ับบุคคลรอบขา ง (INT) สมารทโฟนในครอบครวั (FAM) ดานความรับผิดชอบตอการเรียน (RES) การคลอยตามกลุมเพ่ือน (PCF) ดานเศรษฐกิจ (ECO) ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิด ปที ี่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 5

ในการวิจยั ครัง้ นี้ ประกอบดว้ ย ตวั แปรสาเหตุภายนอก (Exogenous Variables) ไดแ้ ก่ ความเหงา บุคลกิ ภาพหวัน่ ไหวทางอารมณ์ บุคลิกภาพเปดิ เผยชอบการแสดงออก การรับรกู้ ารควบคมุ การใชส้ มารท์ โฟน ใน ครอบครวั การคล้อยตามกล่มุ เพ่ือน ตัวแปรแทรกกลาง (Mediator Variables) คอื การตดิ สมารท์ โฟน ไดแ้ ก่ พฤติกรรมติดสมารท์ โฟน ความรสู้ กึ ตดิ สมาร์ทโฟน และตวั แปรผลกระทบ (Impact Variables) คือ ผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟน ไดแ้ ก่ ผลกระทบดา้ นปฏสิ มั พนั ธก์ บั คนรอบขา้ ง ผลกระทบดา้ นความรบั ผดิ ชอบ ต่อการเรยี น และผลกระทบดา้ นเศรษฐกิจ สมมติฐานการวจิ ัย 1. โมเดลสมมตฐิ านเชงิ สาเหตขุ องพฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟนทส่ี รา้ งขน้ึ มคี วามสอดคลอ้ งกลมกลนื กบั ขอ้ มลู เชงิ ประจักษ์ 2. ตัวแปรสาเหตุมีอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อมและอิทธิพลรวมต่อพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน และผลกระทบจากการใชส้ มาร์ทโฟนในภาพรวม และจำ� แนกตามเพศ ระเบียบวธิ วี จิ ัย ประชากร นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-6 สงั กดั สำ� นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 6 (สมทุ รปราการ ฉะเชงิ เทรา) ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2558 จ�ำนวน 72,175 คน กลุ่มตวั อย่าง กลมุ่ ตวั อย่างในการท�ำวิจัยในครง้ั นี้ ใชว้ ิธีการคำ� นวณหาขนาดของกลุ่มตวั อย่าง เพือ่ การประมาณค่า เฉลย่ี ของประชากรใช้สตู รการก�ำหนดตัวอยา่ งแบบสัดสว่ นทีร่ ะดับความเชอ่ื มั่น 99% ของ เจเกอร์ (Jaeger, 1980 อา้ งถงึ ใน อทุ มุ พร จามรมาน, 2537) ทำ� ใหไ้ ดข้ นาดของกลมุ่ ตวั อยา่ งไดเ้ ทา่ กบั 658 คน จากนนั้ ทำ� การสมุ่ ตัวอย่างแบบหลายข้ันตอน (Multi-stage Random Sampling) โดยก�ำหนดจังหวัดเป็นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit) ด้วยวธิ ีการสมุ่ ตัวอยา่ งอย่างง่ายโดยวธิ กี ารจบั ฉลาก 1 จงั หวดั ทำ� การส่มุ อยา่ งง่าย (Simple Random Sampling) โดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ หนว่ ยการสมุ่ (Sampling Unit) ดว้ ยใชว้ ธิ จี บั ฉลาก จำ� นวน 4 โรงเรยี น โดยสุม่ โรงเรียนระดบั ชนั้ ละ 1 ห้องเรยี นด้วยใช้วิธจี บั ฉลาก หลงั จากน้ันทำ� การแจกแบบวดั จำ� นวน 838 ฉบับ และได้กลับคนื มาเป็นฉบับสมบูรณ์ 658 ฉบับ เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวิจัย เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ประกอบดว้ ย แบบสอบถามขอ้ มลู พน้ื ฐานของผตู้ อบ และ ขอ้ มลู พนื้ ฐานเกยี่ วกบั การใชส้ มารท์ โฟน โดยใชค้ ำ� ถามแบบตรวจสอบรายการ (Check list) แบบวดั ความเหงา แบบวัดบุคลิกภาพ แบบวัดการคล้อยตามกลุ่มเพื่อน แบบวัดการรับรู้การควบคุมภายในครอบครัว แบบวัด การติดสมาร์ทโฟน และแบบวัดผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟน โดยใช้ค�ำถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) โดยแบบวดั มคี า่ สมั ประสทิ ธค์ิ วามเชอ่ื มน่ั ชนดิ ความสอดคลอ้ งภายใน แบบแอลฟาทง้ั ฉบบั ของ ฉบับที่ใช้จริงอย่รู ะหว่าง .699 ถึง .892 6 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

แบบวัดมีค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อม่ันชนิดความสอดคล้องภายใน แบบแอลฟาทั้งฉบับของฉบับที่ใช้จริงอยู่ระหว่าง เชงิ.ป6ปร9ระ9ะจจถักกกกัึงษาาษ์.ร8โรกก์ดว9วโาายเิด2ริเรคใควยวชรเิรใิเคส้าชคาะถรส้ะราติหถาหะวิข์ ะติหิเ์ข้อคหิวข์ ้อมรเิ์ข้อคามูล้มอะรูลลูมหาโูะลเ์คสหโร้นคเ์ งสทรส้นางรงสท้าร(างP้างคaงt(วคPhาวaมAาtมnhสaสัมAlัมพynพsันaisันlธ)yธ์เs์ชเiชsิงิ)งสสาาเเหหตตุขุขอองงโโมมเเดดลลสสมมมมตติฐิฐาานนกกลลมมกกลลืนืนกกับับขข้อ้อมมูลูลเชิง ผลการศึกษา เแ0ใ(Cชน.บ9hิงผใแGเ(ภบCนช9สiบลFา-hิจ5ภงาsIกพบiสำ�,qาเ-=าจรหsลพาGuรqวา 10อเตรศFaมลuห..วงุกึขrI9 อ aมแeต19ษ=อrกแงล.ุขe0างแ=บา้ว0,อพแกล=รบ.A3ง9้(วบาตฤภGจพ339รรตบ(�3ำาF.ฤ0ตภว5ิกจลพ.I,5ตรจ1ารา=อท1Aวิพส2กรลง2จ่ีG0,อรมทอโ2,ส.pครFบี่9ตง)pอ2มIร7โคิดพ=)คบ=ง5=ตวสบสร,ิคดา0ม00วรงCพมวส...สา้า่า00N9าบเมรมง5ร5ท7มวคา์้ท=าีค555ี่ยเ่ารวง,,า่ทโ,งม7์คทาฟกCC่ียตC8ีคมวโาhนhง2รN่าฟาสรiตi.ตง-ก-ม9ทัมsนโs=ราา1qสคดพqตงมร3uัม7สรuโันาท)สaคง8พอaมธดrมส2รบreันส์เสeมรง.ช/ค9ธมอ/้สาdติง์วเ1dบมงfรสชิฐา3คf้คาต=ิาางม)วง=ิวเสฐนสห1คาาาามอ.1มมตวนเ5ีคดห.าสสุข25มควมตอัม3อ2ีคาลสุ,ดขพง3วมอ้ัSพมคอ,ันาสRงลพงฤSมธอMอพ้อRตัน์เสยดชงRMฤิกธูใ่ออคิงต์นรเ=Rดยสชลิรกเู่คใิกางม0้=อรนสเลณ.ตรงห0เ0้าอกมกิด2ฑตเ.งณลต09สห์ยุขกิ2,มดมตฑออลR9สกาุขม์ยงMม,รมลพอรอR์กทSืานับมงฤMลEรโพกไรตฟ์AืทนดSับับฤิกน้ทโกE=ไตขรฟดัAกุบิรก้อห0น้ทคขมร=ม.ลุก0่า้อรตหูลัง2คม0มิดคลจเ8่า.ูตชลสวั0าง,ิิดงาคจมเก2Cชปมสวา8กาFิงสารรม,กIาปมมัะ์ทร=CการสจปพรโFา0ะัฟม์ักทรIรัน.จพั9บปษน=โธักฟ9ันร์์ 5ษับนธ,์์ ภาพทภ่ีา2พทโม่ี 2เดลโมโคเดรลงสโครรา้ งงสเชร้าิงงสเาชเงิ หสทตาี่มเขุ หาทอต:ม่ีงุขผพาอวู้:ฤงจิผตพยัูว้ กิฤิจรต(ยั 2รกิ 5ม(ร26รต51มดิ 6)ตส1ดิ ม)สามรา์ทรโท์ ฟโนฟในนในรูปรูปคคะะแแนนนนมมาาตตรรฐฐาานน 2. การตรวจสอบความเท่ียงตรงโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน เมื่อ จาแนกตามเพศ แบบจาลองโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนของนักเรียนชาย และ นักเรยี นหญงิ หลังจากการปรับแบบจาลองแล้วพบว่า มีค่าการทดสอบความสอดคล้องอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ทุกค่า ขคอวางมนสักมัเรพียันนธช์เชายงิ ส(าCเหhตi-sุขqอuงพarฤeติก=รรม2ต7ดิ .5ส5ม5า,ร์ทpโฟน=ตาม0ส.1ม9ม0ต, ิฐาCนhมi-คี sวqปาuีทมa่ี 1สr5eอฉ/ดบdคบั fทล่ี อ้3=งปกระล1จมำ�.เ2ดก5อื ลน3นืก,นักยบั าSยขRน้อM-มธRลูนั วเาช=คิงมป2ร05ะ6.20จ3กั 70ษ,์

2. การตรวจสอบความเทยี่ งตรงโครงสรา้ งความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตขุ องพฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟน เมอื่ จ�ำแนกตามเพศ แบบจำ� ลองโครงสรา้ งความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตขุ องพฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟนของนกั เรยี นชาย และ นกั เรียนหญิง หลังจากการปรับแบบจำ� ลองแล้วพบว่า มคี ่าการทดสอบความสอดคลอ้ งอยูใ่ นเกณฑ์ยอมรบั ได้ ทกุ คา่ ความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตขุ องพฤตกิ รรมตดิ สมารท์ โฟนตามสมมตฐิ านมคี วามสอดคลอ้ งกลมกลนื กบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษข์ องนกั เรยี นชาย (Chi-square = 27.555, p = 0.190, Chi-square/df = 1.253, SRMR = 0.030, GsRR(GCqMFMFhuIISSia==-EEsrAqAe00u..=9=9a=88r3e2025,0.,=0..A80A3G373G1F516,FI.,,8IC=p7=CF60IF=,0.I9=p.059=.405=0,.4390C0,19..NC09,53N9C,=15hG,=,4iF-C2s4IGh0q2=F.iu4-0Is0a0q.48=r.ue90)a/88ดr0d0)eงั .fแ9,/ดdส=8Aงั fด0แG1,ง=สF.ใ6ดนIA13งภG=.61ใาFน3,พ0I1ภS.ท9,Rา=่ี 5Sพ3MR0ท0RM,.ี่ 93CR=5N0=0,.=00C4.03N349,37R,=.3MR3MS33E9S)A7Eแ.A3=ล3=ะ3.น0).04กั 41เแร1,ลยี,CะนCFนหFIักIญ=เ=ริงีย00น.(9.Cห99h9ญ5i5-,ิง, ภาพทภ่ี า3พแโทมลี่ เ3ะดนลโกัโมคเเรรดียงลนสโหรคา้ญรงงงิเชสิงรสา้ างเเหขชตองิ ขุสงนอาเงกั หพเทตรฤทียมีุ่ขตีม่ นาอิกา:ชรง:ผรพาผมวู้ยฤู้วติจตจิ แดิัยยัิกลสร(ะ(ม22รนา55มรัก66ตท์ เ11ดิรโ))ฟียสนนมใหานรญรท์ ปูิงโคฟะนแในนนรมปู าคตะรแฐนานนมขาอตงนรฐกั าเรนยี นชาย 3. 3ผ.ลผกลากราศรศกึ ึกษษาาออทิ ิทธธทิ ิทาางงตตรรง อิทธพิ ลททาางงอออ้ อ้ มมแแลละะออิททิธพิธพิลรลวรมวมในใภนาภพารพวมรวม ตัวตแัวปแรปแรฝแงฝภงาภยาใยนใกนากราตริตดิดสสมมารา์รท์ทโฟโฟนน ((SSPPAA) ไดไ้รดับ้รอับิทอธิทิพธลิพทลาทงาตงรตงรจงาจกากตตัวัแวแปปรรแแฝฝงงภภาายยนนออกก ความเหงา ((LLOON) บบคุ ุคลลกิ ิกภภาาพพหหววน่ั นั่ ไไหหววททางอารมณ์ ((NNEEUU))กกาารรรรบั บั รรกู้ ู้กาารรคคววบบคคมุ ุมกกาารรใใชชส้ ้สมมาารรท์ ์ทโโฟฟนนใในนคครรออบบคครรวัว((FFAAMM)) แแลละะกกาารรคคลล้ออ้ ยยตตาามมกกลลุ่มมุ่ เเพพื่อือ่ นน((PPCCFF)) ออยย่า่างงมมีีนนัยัยสสาาํ คคัญญั ททาางงสสถถิตติ ิทิท่ีรรี่ ะะดดับบั .0.055 ททุกุกตตวััวแแปปรร ตตัววั แแปปรรแแฝฝงงภภาายยนนออกกทที่มี่ ี มออีิททิธิพธพิลรลวรมวตม่อตกอ่ ากราตริดตสดิ มสามรา์ทรโท์ ฟโนฟมนามกาทกี่สทุดส่ี ดุคือคอื กการารคคลล้ออ้ยยตตามามกกลุ่มลม่เุ พเพื่อนอื่ น((λ == 00..44222) รรอองงลลงงมมาาคคอื ือบบคุ ุคลลกิ ิกภภาาพพ หวั่นไหวทางอารมณ์ ( = 0.219) และการรับรู้การควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนในครอบครัว ( = -0.133) ซึ่งส่ง อิทธิพลในทางลบตอ่ การติดสมาร์ทโฟนน้อยท่ีสุด 8 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาตวทิ ัวยแาลปัยรสวแนฝดงุสติภายในผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟน (EFS) ได้รับอิทธิพลทางตรงจากตัวแปรแฝง ภายในการติดสมาร์ทโฟน (SPA) พบว่ามีอิทธิพลรวมต่อผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟนมากที่สุด ( = 0.719) และตวั แปรแฝงภายนอกท่ีสง่ อิทธพิ ลทางอ้อมต่อผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟนมากที่สุด คือ การคล้อยตามกลุ่ม

หวั่นไหวทางอารมณ์ (λ = 0.219) และการรับรู้การควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนในครอบครัว (λ = -0.133) ซึ่งสง่ อทิ ธพิ ลในทางลบตอ่ การติดสมารท์ โฟนนอ้ ยทีส่ ุด ตัวแปรแฝงภายในผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟน (EFS) ไดร้ บั อทิ ธิพลทางตรงจากตัวแปรแฝง ภายในการตดิ สมารท์ โฟน (SPA) พบวา่ มอี ทิ ธพิ ลรวมตอ่ ผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟนมากทสี่ ดุ (β = 0.719) และตวั แปรแฝงภายนอกทสี่ ง่ อทิ ธพิ ลทางออ้ มตอ่ ผลกระทบจากการใชส้ มารท์ โฟนมากทสี่ ดุ คอื การคลอ้ ยตาม กลุ่มเพ่อื น (λ = 0.304) รองลงมา คอื บคุ ลกิ ภาพหวนั่ ไหวทางอารมณ์ (λ = 0.157) และตัวแปรแฝงภายนอก ท่สี ง่ อทิ ธพิ ลทางออ้ มต่อผลกระทบจากการใชส้ มาร์ทโฟนน้อยทสี่ ุด คือ การรับร้กู ารควบคุมการใชส้ มารท์ โฟน ใน ครอบครัว (λ = -0.095) ซ่ึงส่งอิทธิพลในทางลบต่อผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟน โดยตัวแปรแฝง ภายนอกทุกตัวส่งอิทธิพลทางอ้อมผ่านตัวแปรแฝงการติดสมาร์ทโฟนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ดังแสดงในตารางที่ 1 ตตาราราางงทที่ ี่11 ส(อTมทิ(อoสTิาทธtมoริพaธาtท์ิlพลaรโlล์ททEฟทEfาโนfฟงfาeใfตงนeนcตรใtcภงรนstา:งsภ(พ:DT(าDรTiพErวEie)รrม)ecวขctขมอtอสEงงEมfตfตfeัวfัวecแแctปปstร:sรท:ทDDี่ส่ีสE่งE่)งผ)ผอลลอทิ ตติทธ่อ่อธพิ พิพพลฤฤลทตตทาิิกกางงรรออรร้อ้มมอมมตติดิด((IสnสInมมddาาiriรรree์ท์ทccโtโtฟฟEนEนffffeแeแcลcลtะtsะsผ:ผ:ลIลEIกEก))รรแะแะลทลทะบะบอจอจทิ ิาทาธกธกพิกิพกาลลารรรรใววใชมชม้ ้ Endogenous SPA EFS ตัวแปร TE DE ID TE DE ID Std. 0.166* 0.166* - 0.119* - 0.119* LON Estimate 0.137* 0.137* - 0.124* - 0.124* SE (0.030) (0.030) - (0.030) - (0.030) Std. 0.219* 0.219* - 0.157* - 0.157* NEU Estimate 0.293* 0.293* - 0.266* - 0.266* SE (0.049) (0.049) - (0.048) - (0.048) Std. -0.133* -0.133* - -0.095* - -0.095* FAM Estimate -0.099* -0.099* - -0.090* - -0.090* SE (0.027) (0.027) - (0.026) - (0.026) Std. 0.422* 0.422* - 0.304* - 0.304* PCF Estimate 0.465* 0.465* - 0.421* - 0.421* SE (0.043) (0.043) - (0.047) - (0.047) Std. - - - 0.719* 0.719* - SPA Estimate - - - 0.907* 0.907* - SE - - - (0.069) (0.069) - * มนี ยั สาคญั ท่ีระดับ .05 4. ผลการศึกษาอิทธิพลทางตรง อทิ ธิพลทางออ้ ม และอทิ ธพิ ลรวม เม่อื จาแนกตามเพศ ตวั แปรแฝงภายในการตดิ สมารท์ โฟน (SPA) ของนักเรียนชายและนกั เรยี นหญงิ ไดร้ ับอิทธพิ ลทางตรง จากตัวแปรแฝงภายนอกความเหงา (LON) บุคลิกภาพหวั่นไหวทางอาปรทีมี่ ณ15์ ฉ(บNบั EทU่ี 3)ประกจา�ำ เรดรอื ันบกรนั ู้กยาายรนค-วธบันวคาคุมมก2า5ร6ใ2ช้ 9 สมาร์ทโฟนในครอบครัว (FAM) และการคล้อยตามกลุ่มเพ่ือน (PCF) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 พบว่า ตัวแปรแฝงภายนอกที่มีอิทธิพลรวมต่อการติดสมาร์ทโฟนของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมากที่สุด คือ

SPA Estimate - - - 0.907* 0.907* - SE - - - (0.069) (0.069) - * มนี ัยสาคัญทร่ี ะดับ .05 4. ผลการศกึ ษาอทิ ธพิ ลทางตรง อทิ ธิพลทางออ้ ม และอิทธพิ ลรวม เมอื่ จาแนกตามเพศ ก.ทต0กตจสใารีส่5นารามงัวดุ คกรจใแาพชครตารคปอ้บ์ลทกัวือสรบ้อแตโวมแ 4ฟคกยป่าัวาฝ.รนตา แรรงวัตรใาแป์ทผตภนคมัวฝซรลวัโาคแลกง่ึงตฟแแกยรภสลป้อวัฝนปาอนงุ่่มายแรงรอใบรยอเปแตภนศพแทิคนกฝราาคกึฝ่ือธรแอมทงยิพษรังวนฝภกกี่นมภอลางค(าลีคออบาภFอใยวุ่มนวิยทกAคาทิานาทเยใMคธมรธพมนอาใิพววัเพิ)นเื่องกกหาหลลลแ(กนทามงFงบรลทาราA่ีามเรวคตะหตามMีอ(ตมกอ่วงดิLงีอิทิดาตาตก)าOสิทสรมธารแ่อมNธคมริพ(งเลกิพLาห)ตลาละารอOลริด้งอรท์กรท์ิทาบนสยNวตาโมโธ้มุอคต)มฟฟริดอีพิยาลาคตนนสบรมิททิกลล่อ์ทมุคกี่สภธ((ทอ้กSSโาลลิพุดาฟาPยPารุ่มิกพใงลนAรAต์นทเอภหนต)นพ)านโ้อาว้อิดขขมอ้ฟ่ือักพมั่นอยยสอกนนเไหรงททมงลแหขนีย(นวส่ีา่ีสุม่Pลอวนกัน่ัุดกัรดุCเะทงเชพ์ทใไเรFใอนานรหานยีอื่โ)งทิยียักนฟวนนอนอนธเักทนชแากัรยิพชเ(ราาลขียร่าเPาลยมงรยีะงอนCยอแียรมณกนงชFแลวานีนาหน์)ารมละร(ชัยญักยอNมนระสาเเแัิงบยณEักนรยมาUลา่รเียคดกั่อื์รู้กงแะ)งัันญเ(ยีจมราNลแนนชำ�ทรยีีนสะกEักแหาคานดัยกUาเยนงญวงรหรสาสแ)บกใีรยิงรําญนถลคตับรกนคไิตตะงิุมับาดราญัหิทานมกู้กรไร้รรญี่รดทบััากราเ้กูาะพรร้ับราิเองงาดรใบัคงศทมิทรรชียับสวอี่คู้กาธ้ส2นบถกพิทิาว.มหติค0รบทลธา5คุทิมญพทิีค่สรวกรี่า์ทมุุดลิงพบาะงมกโทบตรดคฟคาาาวใรับมุกือนรชง่าง้ ใช้สมารท์ โฟน ในครอบครวั ซ่ึงสง่ อิทธิพลในทางลบตอ่ การติดสมารท์ โฟนนอ้ ยทส่ี ดุ ในนักเรยี นหญิง ดงั แสดง ในตารางที่ 2 ตตาารราางงทท่ี ี่22 อน(น(อTTิทักทิกั ooธเเธtรtิรพิพaaียยี ลllลนนททEEหหาffาญญงffงeeติงตงิ ccรรttงงss::((DDTTiiErEre)e)ccขขttออEEงงfตfตffeัวeวั cแcแtปtปssร:ร:ททDDี่สสี่EE่ง)ง่)ผผออลลิทิทตตธธ่อ่อิพิพพพลลฤฤททตตาาิกิกงงรอรอร้อรอ้ มมมมตต(ิด(ดิ IInnสสddมมiiาาrreeรร์ทc์ทcttโโฟฟEEนนffffรรeeะะccหหttssวว::่่าาIIงงEEนน))ักักแแเเลลรระะียียออนนิทิทชชธธาาพิิพยยลลแแรรลลววมะมะ SPA ตัวแปร TE DE ID MFMFMF Std. 0.145* 0.177* 0.145* 0.177* - - LON Estimate 0.112* 0.152* 0.112* 0.152* - - SE (0.044) (0.041) (0.044) (0.041) - - Std. 0.156* 0.243* 0.156* 0.243* - - NEU Estimate 0.205* 0.331* 0.205* 0.331* - - SE (0.075) (0.064) (0.075) (0.064) - - Std. -0.162* -0.115* -0.162* -0.115* - - FAM Estimate -0.110* -0.091* -0.110* -0.091* - - SE (0.039) (0.038) (0.039) (0.038) - - Std. 0.484* 0.394* 0.484* 0.394* - - PCF Estimate 0.492* 0.457* 0.492* 0.457* - - SE (0.062) (0.058) (0.062) (0.058) - - * มนี ยั สาคญั ทร่ี ะดับ .05 ทรทแคในบัลอนซตอรสกีุ่ ตอ่ึงิิัวททอะกัง่ตสาแอบนเทิธธวั รง่รปิิทิพพมกัคธียอารลธลิพเรอีนทิงแรพิัวทท ททิลหธฝียาลาพิท่ีธญงนซ3งงทผพิลาหอิงตตึ่งตลใางลส้อรวันญัวคกตงตง่มงแแทอวรริงจออ่ตปปะาาอ้งาิทตม่งอทจรรคมกลวัเแธผแบาวตตหบแิพฝกลฝจาอ่ัวงตปงกตมางลแาผ่อภกภรรัวเมใปลหผานกะแแาีอรกยลทางฝยทปิทแรรกใาบงใารธฝนะใมรนผจชงิแพงผทะอีลผลส้าภฝลทลบทิกกลบมางนกบจกรธกาภยต้อรจาะริพารใา่อะยากท์นรทะลยทกผทใกโกทบในชกฟลบ่ีสานาบจ้สา้อุกดนจรรกรามจยาใใรตใกาอนชาากะทิชดรยกรกส้นกท้สส่ีสต์ท่าามกักามบมดุงิดรโรเาามาาฟใจรใสใรรรนรนีชียชานทม์ใ์ท์ทนสน้้ัยสกชมาโโโสมมชกักส้ฟฟราฟาาาาเามกท์นนนครยรรรทาโมนียัญ์ทแท์ใฟรี่(สช้นอาลโSทโ์ทนุดกฟย้สฟะชPาโททนกมาAฟงน(Sส่ีาสยส่ีา)คน(อรPถุดรแดุEือรAยิต์ทใลF(มับคนEาิท่)กSโะารอืนFงฟา่รี)มกกู้กมSระักนกาทาาคนี)ดเขกราน่ีรสรลับยัขอรรทคียุด้อ้อสบัคองวนสี่.ยยน0าํแลงบรหดุท5ตันคกู้กลอ้คญ่ีสาเญักัะายแดุมรมิุงดรพเตงัลกียทรกคใแบโาะานนยีาลดสวรมพวชงนุ่นมยดบใ่กาสาบชชเตงักตคลยถพ้สใวัาวเัวมุนแมุ่ติื่อรมา่ยแแลกตเียทิตนาปแพปะาารนวัใรี่ลรรรอื่รน์ทนแะหทะาแในักโนดปงุกชญนฝฟเใัทกบัรต้สรงกันนิงเี่แียัภวมรเ3น.ใ0รมฝนนีายาโกัีย5ีดองยหรนคเภนิทนย์ทรรญชดาหธตอยีอโางัิงยฟิพบยนกัวญแไนดลแแนทคสชิง้อตรลปรี่ใดสาไันบัว่อะดกย่งรง้ 10 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ

ตตาารราางงทท่ี ่ี 33 อ(แแอ(TTิทลลทิ ooธะะธttิพนนaพิaลักllักลทEเEเทรราffียfาfียงeeงนตนccตหรหttรงsญsญง::(ิงTงิT(DDEEiri))reขeขcอcอttงงEตตEfวััfวffeแแecปปctรtรssทท::สี่่ีสDDง่่งEEผผ))ลลออตติทิท่ออ่ ธผผธิพลพิลลกกลทรรทะาะางททงอบอบ้อจอ้จมามากก(I(กกnInาาdรdรiใriใชreชe้สcส้ cมtมtาEาEรfร์ทffท์feโecโฟcฟtนtsนs::รรIIEะEะ)ห)หแวแว่าลา่ลงะงะนอนอักิทกั ทิเธเรธริพียพิยี นลนลรชชรวาวามยมย EFS ตวั แปร TE DE ID MFMFMF Std. 0.111* 0.125* - - 0.111* 0.125* LON Estimate 0.111* 0.134* - - 0.111* 0.134* SE (0.046) (0.039) - - (0.046) (0.039) NEU ตSEวั stแdtปi.mรate 0.120* 0.171* - EFS - 0.120* 0.171* 0.2M02* TE 0.2F93* M- DE F- 0.2M02* ID 0.2F93* SE (0.077) (0.062) - - (0.077) (0.062) Std. -0.124* -0.081* - - -0.124* -0.081* FAM Estimate -0.109* -0.081* - - -0.109* -0.081* SE (0.040) (0.034) - - (0.040) (0.034) Std. 0.371* 0.277* - - 0.371* 0.277* PCF Estimate 0.485* 0.405* - - 0.485* 0.405* SE (0.077) (0.061) - - (0.077) (0.061) SPA Std. 0.768* 0.750* 0.768* 0.750* - - Estimate 0.986* 0.886* 0.986* 0.886* - - SE (0.111) (0.086) (0.111) (0.086) - - * มนี ัยสาคญั ทรี่ ะดบั .05 ออภภปิ ิปราายยผผลล เขกมกก(ดสปค่อี้อBณภ่ัองรวนมoนันาาบฑกูลl้ันพมlกมeด์าตถผคาีครnงัารู้กวูวปผน,วมปิจาตา1ลรนั้มสัยรอ้ม9ับกัเผบไภงผป8สดาโวู้มโา9ลม็นรอ้ผมจิาพ;กวจเ่อดเกยัดJดาเิครนคคoขไรลลงิ วดปลrนรวึ้นยยeาผ้ิเา้รอนั้ังคังs(มะนอ่งBไkไสรหมเกขนมooาอป่ส้โอ์ละg่ปสlดค็นlอตหมeอครaรดจกโ์กnนnลดงคคลรล,สd้อขคริงลง1ืนงรอ้ลงเนS้อก9า้บสกต้อoงั้นับง8รื้ัอบกกงrค9า้ขสbงกขับลงว;้อตอoับ้คองาขJต้นmดoเวมม้อขกบโาคrสูมล้อด,ลeมอ้ื ลมูัล1เยมงsสงชเ้9อเพkยูลตบมัชิง8oองนัเน้พิอื้งป9ชgกมปธงนัโริงับใaตอเด์ระธหปชnา้้นะขยเ์จ้งคิรงชdจข้ยอักสถวะิงักออตาษSงึสาจษงใมเมoกา์ักสเหน์ เปคใrลเถษหตbหนล็นนงิตต์ขoุ่ือค้าเงอวิุขเอบmงดวลนิเยอจคงเา้ืัอก่ือ่,าคงพารมษงพ1งงกลาฤคตดณ9จฤะดื่อตลี้น8าหตัชน์ นกิาว9กกิข์นมดรอิแรดรอีวอีคัรชลกเรัชัดาง้ควมชะมจงนคสาลัตยผตาถมวถีวอื่,ดิลกิดงึาสัดิต2นกสในสมัมนคิ5วามมมี้สผพ4ิวรเาคีานอลควั2นารรดวงกิเร)มธท์์ทคลาคาา์กโสโโมรกัลมระฟัฟนอาษสว้อเหไะนนดดิจมังณด์หลคบัยพ้พพแ์์มทซลาวพบนับลีคึ่งง้าริ้อบวสธตวยะวชั ง่าา่ก์วา่งัวสผชบโผโ่มายนัุดยลมัมาตลถังทไ,เกงเไัใูกดวดด2่ีผตมหาแตล้5ลู้ว่ัวซร้ขผป้อโ4ิจโยวงึ่ค้อ่าคง2รัยสิเังนมรมรสค)ทไง่งเูลางโมากรสผากมสตเกา่ผณรลหขรเาะ้าา่ดาใาม้้ึนฑตรงหหนลงุ์ ้์ ทบา้ ุยคสลดุิกทภผี่ าวู้พจิ เัยปทิดำ� เกผายรชปอรบับกมาีครวแาสมดสงออดอคกลอ้ ไงมก่พลบมวก่าลมืนีอกิทบั ธขิพอ้ ลมตลู ่อเชกงิ าปรรตะิดจสักมษาเ์ ปร์ทน็ โอฟยนา่ งดเนี น่ือองกจจาากกงนานผ้ี ลวิจกัายรขวอิจงัย พยบังวา่(Yตoัวuแnปgร,ส1า9เ9ห6ต)ุบไุคดล้อิกธิบภาายพพเปฤตดิ ิกเผรรยมชกอาบรกตาิดรอแินสเทดองอร์เอนก็ตวไ่ามพ่เกบิดวจา่ ามกอีกทิารธทพิ ่ีบลุคตค่อลกราู้สรึกตวดิ่าตสนมเาอรงท์ ไมโฟ่มีคนุณเนค่าืองแจลาะก งาไมน่พวงึจิ พยั อขใอจงกับยสงั ง่ิ (ทYoบี่ uุคคnลgเ,ป1็น9อ9ย6ู่ )กไาดรอ้ใชธอ้บิ นิ าเยทพอฤรเ์ตนกิ ต็ รจระมเขกา้ ามราตเตดิ มิอเนิ ตเ็มทคอวราเ์มนตต็ อ้ วงา่กาเรกทดิ ี่บจุคากคลกขาารดทบี่ โดคุ ยคกลารรสู้ หกึ ลวบา่ หตนนีเเขอ้าง ไตขมคสกสาอ่มดูโ่ารวบลร้าีคาสกแงโมุณคดนเสสไวยดคอมมางกา่ง่พอืมอคานึงพอแรวพจกึงหลารพอมะลเิงอปใตบจทใไ็น้อหจใมี่ไบงนใมน่พหุคกโ่ตีเงึค้กลาข้อพรลับก้างอทสบขรแใีม่ะ่โูุคอจลลบีลคงกะกักุตคลบัสเษัววไสรสดตณาม้า้ิง่นมะบงือทเชคุคเนปีบ่มอวค็จนคุื่อบาลรจคโมสกงิลรลรพ็จกิง้าทเะึงอปจงใพีไ่ ินคนช็นมอวเ้อทอต่ทาใินยา้อจอมเใู่งรใสทหหกร์เัมอน้ตะา้กพร็ติบรดับ์เันสในอุตบชธร็ตินวั์กอุ้้คาแตเงับนิคทลคนบลเะอวทุคไใาเรดอชมคม์เ้ใ้รลน่ือรนเ์บอู้ส็โตนปลื่นุคึกซต็รกเใคึ่งิมสจนอลจามะสินะกณือเังเขพ็จคนทนา้ะบมจาอมใวรนรชโาิ่งาขดเ์้อเนผต้ึนยตินู้ท็ตมิบอเเ่ีสมบุเทคพตีรบคส่ืออ็ม้าลุนคหรงคทอ์เลลคนว่ีงมิีกกวาค็ตีบหาภมวแุคมนาตาลลีจรพม้อะิกสู้าตเงใกภปกึ้อกชปาเิดงา้ใสพัญนกรเมผเาทหปปอืรยา่ีบริดนชหิมแคุเจอผรลาครือยบะณลิง ชอบการแสดงออก มีแนวโน้มท่ีจะชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นบุคคลช่างพูด มีความกระตือรือร้น กล้าแสดงออก (Costa & McCrae, 1992) สอดคล้องกับงานวิจัยของ อมิไค, ไวทนาเพลปที แี่ 1ล5ะฉบฟบั ็อทกี่ 3ซป์ ร(ะAจ�ำmเดiอื cนhกaันiยrา,ยนW-aธiนั nวaาคpมe2l56&2 11 Fox, 2002) พบว่า คนที่มีบุคลิกภาพแบบเปิดตัวสูงมีแนวโน้มที่จะชอบการปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้ามากกว่า ปฏิสัมพันธ์ทางอินเตอร์เน็ตและสอดคล้องกับงานวิจัยของ ตะวันเศรษฐ์ เซ็นนันท์ (2549) ศึกษาพฤติกรรมและ

นานขึ้น เพื่อหลีกหนีจากปัญหาหรือความไม่พึงพอใจในโลกของความเป็นจริงจนท�ำให้ติดอินเทอร์เน็ตซึ่งจะ พบวา่ ผู้ทมี่ ีบคุ ลิกภาพเปดิ เผยชอบ การแสดงออก เปน็ บุคคลที่มีลกั ษณะชอบสรา้ งความสมั พันธก์ ับบุคคลอน่ื ในสงั คม โดยบคุ คลทม่ี บี คุ ลกิ ภาพเปดิ เผยชอบการแสดงออก มแี นวโนม้ ทจ่ี ะชอบอยรู่ วมกนั เปน็ กลมุ่ เปน็ บคุ คล ช่างพดู มคี วามกระตือรือรน้ กล้าแสดงออก (Costa & McCrae, 1992) สอดคลอ้ งกับงานวจิ ัยของ อมิไค, ไวทนาเพล และฟ็อกซ์ (Amichair, Wainapel & Fox, 2002) พบว่า คนที่มีบุคลิกภาพแบบเปิดตัวสูง มแี นวโนม้ ทจ่ี ะชอบการปฏสิ มั พนั ธแ์ บบตอ่ หนา้ มากกวา่ ปฏสิ มั พนั ธท์ างอนิ เตอรเ์ นต็ และสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ ตะวนั เศรษฐ์ เซน็ นนั ท์ (2549) ศกึ ษาพฤติกรรมและผลกระทบของการเสพตดิ เกมออนไลนข์ องนกั เรียน นักศึกษา ผลการวิจัยพบว่า ผู้ติดเกมออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีปัญหาในเร่ืองของสัมพันธภาพทางสังคมกับคน รอบขา้ ง โดยทต่ี วั แปรเชงิ สาเหตสุ ามารถรว่ มกนั อธบิ ายความแปรปรวนของการตดิ สมารท์ โฟนไดร้ อ้ ยละ 30.30 และจากผลการวจิ ยั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ทฤษฎตี ามกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั และผลการวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรม ติดสมาร์ทโฟน สามารถอภิปรายได้ดังน้ี การคลอ้ ยตามกลมุ่ เพอื่ นมอี ทิ ธพิ ลทางตรงตอ่ การตดิ สมารท์ โฟน อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 จากผลการวิจัยที่พบในการศึกษาครั้งน้ี สามารถอภิปรายได้ว่าเพื่อนมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติตนของวัยรุ่นเป็น อยา่ งมาก เพราะวยั ร่นุ เป็นกลมุ่ ทมี่ แี นวโนม้ ท่ตี ้องการอยู่ร่วมกับเพ่อื น เพื่อใหเ้ พ่อื นยอมรบั วัยรุ่นมกั ยดึ เพอื่ น เปน็ แนวทางในการปฏบิ ัตแิ ละเปน็ การแสดงความเปน็ พวกเดียวกนั เพื่อนจงึ มอี ิทธพิ ลทั้งในดา้ นความคิด และ การแสดงออก (วไิ ลลกั ษณ์ ทองค�ำบรรจง, 2553) ซ่ึงสอดคลอ้ งกับ วันเพญ็ พศิ าลพงศ์ (2540) เสนอวา่ เพอื่ น มอี ทิ ธพิ ลตอ่ เดก็ โดยกอ่ ใหเ้ กดิ การคลอ้ ยตาม และการยอมรบั เอาคา่ นยิ ม ความเชอื่ และความสนใจ สอดคลอ้ ง กบั งานวจิ ยั ของ ประกายเพชร สภุ ะเกษ (2551) ศกึ ษาปจั จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การตดิ เกมคอมพวิ เตอรแ์ ละสขุ ภาพ จติ ของวยั รนุ่ ชาย ในเขตอำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ศรสี ะเกษ พบวา่ การคลอ้ ยตามกลมุ่ เพอื่ นมากมโี อกาสทจี่ ะตดิ เกม คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ 2.2 เท่า ของกลมุ่ ตวั อย่างท่ีมกี ารคลอ้ ยตามกลุม่ เพ่อื นน้อย บุคลิกภาพหวั่นไหวทางอารมณ์ มีอิทธิพลทางตรงต่อการติดสมาร์ทโฟน อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ทรี่ ะดบั .05 จากผลการวจิ ยั ทพี่ บในการศกึ ษาครง้ั น้ี สามารถอภปิ รายไดว้ า่ ผทู้ ม่ี บี คุ ลกิ ภาพหวน่ั ไหวทางอารมณ์ มีเป้าหมายการใช้ส่ือเพ่ือสนองความต้องการทางอารมณ์โดยสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น (ณัฐกาญจน์ กอมณ,ี 2559) ในการใชส้ มารท์ โฟนกเ็ ชน่ เดยี วกนั สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ เอนเบริ ค์ และคณะ (Ehrenberg et al., 2008) พบว่า ผู้ท่มี บี คุ ลิกภาพแบบหวน่ั ไหวทางอารมณ์ มีแนวโนม้ เสพตดิ โทรศัพทม์ ือถือ การรบั รูก้ ารควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนในครอบครวั มีอทิ ธพิ ลทางตรงตอ่ การตดิ สมาร์ทโฟน อยา่ งมี นัยส�ำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 ผลการวจิ ัยท่พี บในการศึกษาคร้งั น้ี สามารถอภปิ รายได้ว่า บิดา มารดาถอื เป็น ตวั แบบทม่ี ีความสำ� คัญเปน็ อย่างยิ่ง เพราะเป็นสิง่ แวดลอ้ มท่ใี กลต้ ัวเดก็ ถ้าบดิ า มารดาเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี เด็ก จะซมึ ซบั สงิ่ ทเี่ หน็ ไปในจติ ใจ นำ� ไปสกู่ ารนำ� ไปปฏบิ ตั ิ และมพี ฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นอนาคต และหา่ งไกลจาก พฤติกรรมท่ี ไม่พึงประสงค์ สอดคล้องกับงานวจิ ยั ของ รวิ และคิม (Ryu & Kim, 2003) พบวา่ การทค่ี รอบครวั มีการเอาใจใส่ดูแลเด็กในเร่ืองการรับสื่ออินเทอร์เน็ตมากเท่าไร จะเป็นการควบคุมดูแลเด็กให้มีพฤติกรรม การใช้อนิ เทอร์เนต็ อยา่ ง ไมพ่ งึ ประสงคน์ อ้ ยลง ความเหงามีอิทธิพลทางตรงต่อการติดสมาร์ทโฟน อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จาก ผลการวจิ ยั ทพ่ี บในการศกึ ษาครงั้ น้ี สามารถอภิปรายได้ว่าเมอื่ นักเรยี นเกดิ ความเหงาก็จะหนั ไปใชส้ มารท์ โฟน เพอ่ื ชดเชยความรสู้ กึ หรอื ความสมั พนั ธท์ ต่ี นเองรสู้ กึ ขาด เนอื่ งจากนกั เรยี นไมช่ อบอยโู่ ดดเดย่ี ว หากไมส่ ามารถ 12 บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

ติดต่อกับคนอ่ืนได้โดยตรงก็มักใช้สมาร์ทโฟนเป็นตัวกลางในการติดต่อส่ือสารกับบุคคลอื่นจนกลายเป็นผู้ติด สมาร์ทโฟน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย แคปแลน (Caplan, 2002) ท่ีพบว่า ความเหงาเป็นตัวแปรท�ำนาย พฤตกิ รรมการตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ ในกลมุ่ นกั เรยี นและความเหงาทเี่ กดิ ขน้ึ ของบคุ คล สามารถพฒั นาไปสคู่ วามชอบ ในการมีปฏสิ ัมพันธใ์ นสงั คมออนไลนซ์ ง่ึ นำ� ไปสู่ปัญหาการตดิ อินเทอร์เน็ต และงานวจิ ยั ของ คิม และคิม (Kim & Kim, 2002) ทีพ่ บว่าความร้สู กึ โดดเดยี่ วทางสังคมสามารถท�ำนายพฤติกรรมการติดอินเทอรเ์ นต็ ไดอ้ ย่างมี นยั ส�ำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดบั .01 ขอ้ เสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำ� ผลการวจิ ัยไปใช้ 1. ผลการวิจัยครั้งน้ีได้ข้อสรุปท่ีส�ำคัญ คือ ความเหงา บุคลิกภาพหวั่นไหวทางอารมณ์ การรับรู้ การควบคุมการใช้สมาร์ทโฟนในครอบครัว และการคล้อยตามกลุ่มเพ่ือนโดยที่การคล้อยตามกลุ่มเพื่อน มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การติดสมารท์ โฟนมากทสี่ ดุ 2. ผลการวิจัยช่วยให้ผู้เก่ียวข้องควรมีการวางมาตรการ ในการท�ำให้นักเรียนลดการใช้สมาร์ทโฟน โดยสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นทำ� กจิ กรรมตา่ ง ๆ รว่ มกบั เพอ่ื น เชน่ การเลน่ กฬี า การออกไปออกกำ� ลงั กายหรอื กจิ กรรม บันเทงิ อื่น ๆ ขอ้ เสนอแนะส�ำหรบั การวจิ ัยครัง้ ต่อไป เน่ืองจากตัวแปรภายในโมเดลเชิงสาเหตุของพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนและผลกระทบของนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาที่คัดเลือกมาใช้เพื่อการวิจัยสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมการติด สมารท์ โฟน ไดร้ อ้ ยละ 30.30 ในการวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไปจงึ ควรนำ� ตวั แปรนอกกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั มารว่ มศกึ ษา ดว้ ยเพ่ือใหส้ ามารถอธบิ ายความแปรปรวนของพฤตกิ รรมการตดิ สมาร์ทโฟนได้สูงขึน้ เอกสารอ้างองิ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. (2558). นโยบายดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy). [Online]. Available: http://www.mict.go.th/view/1/Digital20Economy [2558, กรกฎาคม 25]. คีรนิ ท์ เมฆโหรา. (2553). สมาร์ตโฟนกับสขุ ภาพ. หมอชาวบ้าน, 32 (377): 15. ซิสโก้ ซสี เตม็ ส.์ (2556). เผยคนไทยตดิ สมารท์ โฟน 98% ใช้ตง้ั แต่ตนื่ นอน ขาดไมไ่ ดถ้ ึงลงแดง. [Online]. Available: https://www.thairath.co.th/content/339760 [2557, พฤษภาคม 10]. ณฐั กาญจน์ กอมณ.ี (2559). ปจั จยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรมการเปดิ รบั สอื่ สงั คมออนไลนอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ของนิสิตช้ันปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ปริญญานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยา พฒั นาการ คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. ปที ี่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 13

ตะวันเศรษฐ์ เซ็นนันท์. (2549). พฤตกิ รรมและผลกระทบของการเสพติดเกมออนไลน์ของกลุ่มผู้เล่นเกมใน ระดบั นกั เรยี น นกั ศกึ ษา. วทิ ยานพิ นธน์ เิ ทศศาสตรมหาบณั ฑติ สาขานเิ ทศศาสตร์ บณั ฑติ วทิ ยาลยั จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. นงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั . (2542). โมเดลลสิ เรล: สถติ วิ เิ คราะหส์ ำ� หรบั การวจิ ยั (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . ประกายเพชร สภุ ะเกษ. (2551). ปจั จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การตดิ เกมคอมพวิ เตอรแ์ ละสขุ ภาพจติ ของวยั รนุ่ ชาย ในเขตอำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ศรสี ะเกษ. วทิ ยานพิ นธว์ ทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาอนามยั ครอบครวั บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยมหิดล. พรพสิ ุทธิ์ มงคลวนิช. (2556). ชวี ิตทเ่ี ปลี่ยนไปกบั การใช้สมาร์ทโฟน. [Online]. Available: http://www. etpnews.com/38&catid=38:breaking-news&Itemid=59 [2557, พฤษภาคม 10]. วันชาติ ศิลาน้อย. (2528). ความสัมพันธ์ระหว่างการเลือกชมรายการโทรทัศน์ กับฐานะทางสังคมมิติ สมั ฤทธผิ ลทางการเรยี นและสถานภาพทางครอบครวั ของนกั เรยี นระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ในกรงุ เทพมหานคร. วทิ ยานพิ นธค์ รศุ าสตรมหาบณั ฑติ บณั ฑติ วทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . วนั เพ็ญ พศิ าลพงศ.์ (2540). การถา่ ยทอดทางสงั คมกบั การพฒั นาการของมนุษย.์ กรุงเทพฯ: สถาบันวจิ ยั พฤตกิ รรม มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ ประสานมติ ร. วิไลลักษณ์ ทองค�ำบรรจง. (2553). ปัจจัยเชิงเหตุและผลของพฤติกรรมติดอินเทอร์เน็ตของนักเรียน ชัน้ มัธยมศกึ ษา ช่วงชนั้ ที่ 3 ในเขตกรงุ เทพมหานคร. วิทยานพิ นธ์ดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าการวจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ประยกุ ต์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2559). ส�ำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2559. กรงุ เทพฯ: กระทรวงดจิ ิทลั เพ่ือเศรษฐกจิ และสังคม. อทุ มุ พร จามรมาน. (2537). การสมุ่ ตัวอย่างทางการศกึ ษา (พิมพค์ ร้ังที่ 3). กรงุ เทพฯ: ฟันน.ี่ Amichai-Hamburger, Y., Wainapel, G. & Fox, S. (2002). On the Internet no one knows I’m an introvert: Extroversion, neuroticism, and Internet interaction. Cyber Psychology & Behavior, 5 (2): 125-128. Bollen, K. A. (1989). Structural Equations with Latent Variables. New York: John Wiley & Sons. Caplan, S. E. (2002). Problematic internet use and psychological well-being: development of a theory-based cognitive-behavioral measurement. Computers in Human Behavior, 18 (5): 553-576. Caplan, S. E. (2007). Relations among loneliness, social anxiety, and problematic Internet use. Cyber Psychology & Behavior, 10 (2): 234-242. 14 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

Cho, Y. R. & Lee, H. J. (2004). study on a model for internet of adolescents. A TaehanKanho chi, 34: 541-551. Costa, P. T. & McCrae, R. R. (1992). Normal personality assessment in clinical practice: The NEO Personality Inventory. Psychological Assessment, 4: 5-13. Devaraja, Easley, S. R. F. & Crant, J. M. (2008). How Does Personality Matter? Relating the Five Factor Model to Technology Acceptance and Use. Information Systems Research, 19 (1): 93-105. Ehrenberg, A., Juckes, S., White, K. M. & Walsh, S. P. (2008). Personality and self-esteem as predictors of young people’s technology use. Cyber Psychology and Behavior, 11 (6): 739-741. Jaeger, R. (1980). Statistics: A Spectator Sport. Bevery Hills: Sage. Jöreskog, K. G. & Sörbom, D. (1989). LISREL 7: A Guide to the Program and Applications. Chicago: SPSS. Katz, E. & Liebes, T. (1990). Interacting With \"Dallas\": Cross cultural readings of American TV. Canadian Journal of Communication, 15 (1): 45-66. Kim, S. & Kim, R. (2002). A Study of internet addiction : Status, cause, and remedies. Journal of Korean Home Economics Association English Edition, 3 (1): 1-19. Koolstra, C. M. & Lucassen, N. (2004). Viewing behavior of children and TV guidance by parents: A comparison of parent and child reports. Communications, 29 (2): 179-198. Krosnick, J. A., Anand, S. N. & Hartl, S. P. (2003). Psychosocial predictors of heavy television viewing among preadolescents and adolescents. Basic and Applied Social Psychology, 25: 87-110. Kuss, D. J. & Griffiths, M.D. (2012). Internet gaming addiction: A systematic review of empirical research. International Journal of Mental Health and Addiction, 10 (2): 278-296. Kwon, M., Lee, J. Y, Won, W. Y., Park, J. W, Min. J. A. Hahn, C. & Kim, D. J. (2013). Development and v validation of a smartphone addiction scale (SAS). PloS one, 8 (2): e56936. Namsu, P. & Hyunjoo, L. (2014). Nature of youth smartphone addiction in Korea. Cyber Psychology, Behavior and Social Networking, 15 (9). Ryu, J. A. & Kim, K. W. (2003). A study on personal and environment variables affecting internet addiction of Korean Adolescent. [Online]. Available: http://www. mediaawareness.ca/english/teachers. [2016, July 12]. ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดอื นกันยายน - ธนั วาคม 2562 15

Scherer, K. (1997). College life online: Healthy and unhealthy Internet use. Journal of College Life and Development, 38: 655-665. Takao, M., Takahashi, S. & Kitamura, M. (2009). Addictive Personality and Problematic Mobile Phone Use. Cyber Psychology & Behavior, 12 (5): 501-507. Tsfati, Y. & Cohen, J. (2005). Democratic consequences of hostile media perceptions: The case of Gaza settlers. Harvard International Journal of Press/Politics, 10 (4): 28-51. Wehrli, S. (2008). Personality on social network sites: An application of the five factor model. ETH Zurich Socioly, 7: 33-54. Wilburn, l. & Chris, M. (2012). The impact of personality traits on smartphone ownership and use. international. Business and Social Science, 2: 22-28. Young, K. S. (1996). Internet addiction: The emergence of a new clinical disorder. Cyber Psychology & Behavior, 1: 237-244. Zhang, K., Chen, C. & Lee, M. (2014). Understanding the role of motives in smartphone addiction. PACIS 2014 Proceedings, 131. คณะผู้เขียน นางสาวนภาพร หงษท์ อง คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา เลขท่ี 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำ� บลแสนสุข อำ� เภอเมือง จังหวัดชลบรุ ี 20131 e-mail: [email protected] ดร. เสกสรรค์ ทองคำ� บรรจง คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บรู พา เลขท่ี 169 ถนนลงหาดบางแสน ต�ำบลแสนสขุ อ�ำเภอเมือง จังหวัดชลบรุ ี 20131 16 บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

พฤติกรรมเล่นพนันชนไก่ของประชาชนในจังหวดั บุรรี มั ย์ : บูรณาการทฤษฎีการตัดสินใจเลอื กอย่างมีเหตุผลและทฤษฎพี ฤตกิ รรมตามแผน Cockfight Gambling Behavior among People in Buriram Province : an Integrated Theory of Rational Choice and Planed Behavior โสภณ น้�ำส้ม* ธรี ะ กุลสวัสดิ์ และอมรทิพย์ อมราภิบาล คณะรัฐศาสตร์และนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา Sopon Namsom* Teera Kulsawat and Amornthip Amaraphibal Faculty of Political Science and Law, Burapha University Received: March 28, 2019 Revised: June 24, 2019 Accepted: June 28, 2019 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันชนไก่ของประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้วธิ ีวิจยั เชิงปรมิ าณกบั กลุม่ ตัวอยา่ งจำ� นวน 422 คน จากประชากรผ้เู ล่นพนันชนไก่ในจังหวดั บุรยี ร์ ัมน์ เลือก ตัวอย่างด้วยแบบบังเอิญและตามความสมัครใจ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามชนิดผู้ตอบเขียนตอบเอง การวิเคราะห์ข้อมูลใชส้ ถิตพิ รรณนา การวเิ คราะหถ์ ดถอยพหุคณู (MRA) และ F-test (One-way ANOVA) ผลการวิจัยพบว่า ผู้เล่นพนันชนไก่มีพฤติกรรมการเล่นพนันในระดับมาก และมีความถ่ีของการเล่น พนันในเฉลี่ย 2.49 ครง้ั (วัน) ตอ่ เดอื น ผลการวเิ คราะหถ์ ดถอยพหุคูณ (MRA) จากปจั จัยท�ำนายพฤติกรรมเล่น พนันชนไก่ทั้งหมด 5 ปจั จยั พบว่า 4 ปจั จยั ที่มีนยั ส�ำคัญ โดยปจั จยั ท่ีมีอิทธิพลสูงสดุ คอื การคาดหวงั อารมน์ เชิงบวก รองลงมาคือ การรบั รคู้ วามสามารถในควบคมุ พฤติกรรม การคลอ้ ยตามกลมุ่ อา้ งองิ และทัศนคติตอ่ การพนันชนไก่ ตามล�ำดับ ในขณะที่อีก 1 ปัจจัยคือการคาดหวัง อารมณ์เชิงลบไม่มีนัยส�ำคัญต่อพฤติกรรม ผลการวิเคราะห์ F-test พบวา่ ปัจจัยสว่ นบุคคลที่มนี ยั ส�ำคัญต่อพฤติกรรม ไดแ้ ก่ ระดับการศกึ ษาและรายได้ ส่วนอกี 3 ปัจจัยท่ีเหลอื คอื อายุ สถานภาพสมรส และอาชพี ไม่มนี ยั ส�ำคญั งานวจิ ัยมีขอ้ เสนอแนะสำ� คญั เชน่ การให้ สมาชิกในครอบครัว ชมุ ชนและองค์กรปกครองทอ้ งถ่ินมสี ่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหาการเล่นพนันและวิจยั แนวทางปรบั ปรุงกฎหมายการพนันใหท้ นั สมยั และเหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงของสงั คม คำ� ส�ำคัญ: ทฤษฎีการตดั สินใจเลอื กอยา่ งมเี หตผุ ล ทฤษฎพี ฤตกิ รรมตามแผน พฤติกรรมการเล่นพนนั ชนไก่ * โสภณ น้ำ�สม้ (Corresponding Author) ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 17 e-mail: [email protected]

Abstract The purpose of this study was to investigate the cockfight gambling behavior and the factors that affecting gambling behavior of people in Buriram province. Quantitative research approach involved 422 participants drawn from the cockfighting gamblers through accidental and voluntary sampling methods. The self-administrated questionnaire was used for data collection. Data analysis included descriptive statistics, Multiple Regression Analysis (MRA) and F-test (One-way ANOVA). The research findings indicated that cockfighting gamblers had high levels of involvement in gambling behavior. The average of gambling behavior frequency was 2.49 times (day) a month. The results of multiple regression analysis (MRA) revealed that, there were 4 significant factors effecting cockfight gambling behavior. The highest influencing factor was positive anticipated emotion followed by perception of ability to control behavior, subjective norms, and attitude towards cockfight gambling. In contrary, negative anticipated emotion was found to insignificantly influence behavior. Results of F-test revealed that the significant personal factors were level of education and income. Whereas the rest 3 factors, age, marital status, and occupation were not significant. The study provided important recommendations such as the involvement of family members, community and local government organizations to prevent and solve gambling problems, and the research for gambling law amendment to modernize the law and match the changes of society. Keywords: Rational Choice Theory, Planed Behavior Theory, Cockfight Gambling Behavior บทนำ� “การชนไก”่ เปน็ กจิ กรรมละเลน่ ในสงั คมไทยมาตง้ั แตอ่ ดตี โดยมกั เลน่ กนั หลงั ฤดเู กบ็ เกย่ี วพชื ผลหรอื ตามเทศกาลต่าง ๆ เพ่ือสันทนาการและสร้างความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ประกอบกับธรรมชาติของคน ส่วนหนึ่งท่ีชอบความต่ืนเต้นจากการเสี่ยงโชคลงเงินเดิมพัน ท�ำให้มีการเล่นพนันจนถึงข้ันลุ่มหลงเมามัว สร้างความเดือดร้อนต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมโดยรวม ต่อมารัฐจึงได้พยายามควบคุมโดยตรา พระราชบญั ญตั ิการพนนั ปี 2478 ก�ำหนดให้การละเลน่ พืน้ บา้ นท่ีมีการเล่นพนันแฝงอยู่หลายประเภท รวมทง้ั การชนไก่ เป็นสง่ิ ผิดกฎหมาย แต่มขี อ้ ยกเว้นให้จดั ข้นึ ไดโ้ ดยมีการขออนญุ าตอย่างถูกกฎหมาย หรือท่ัว ๆ ไป เรียกว่า “ตีตัว๋ ” ผลทต่ี ามมาการลักลอบเล่นพนันอย่างผิดกฎหมายโดยองิ อยู่กบั กิจกรรมพนนั ท่ีไดร้ ับอนญุ าต ให้เล่นได้ถูกกฎหมาย บ่อนชนไก่เกิดข้ึนเป็นจ�ำนวนมากทั้งประเภทของอนุญาตอย่างถูกกฎหมายที่เรียกว่า “บ่อนเมอื ง” และ “บ่อนบา้ น” ซง่ึ ขออนุญาตเปดิ ในลกั ษณะชมรมแต่ลักลอบเลน่ พนัน และยงั มีการลักลอบ เปิดและเลน่ พนนั เรียกว่า “บอ่ นปา่ ” (ศูนยศ์ ึกษาปัญหา การพนัน, 2557) สถานการณด์ ังกลา่ วนี้แสดงใหเ้ หน็ ว่าแม้จะมีกฏหมายควบคุมการพนัน แต่การออกระเบียบรองรับกิจกรรมบางอย่างท�ำให้มีช่องว่างให้เล่น 18 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

การพนันได้ในบางเง่ือนไข การพนันชนไก่พัฒนาเป็นการพนันเต็มรูปแบบ สามารถเล่นได้อย่างถูกกฎหมาย มีการเดมิ พนั ด้วยเงินจำ� นวนมาก เปน็ แหล่งผลประโยชน์ของคนบางกล่มุ ทไ่ี มใ่ ชค่ นในชุมชนดงั้ เดมิ กลายเป็น การพนันเชิงธุรกิจท่ีมีเครือข่ายโยงใยของกลุ่มผู้มีอิทธิพลรวมถึงนักการเมืองท้องถ่ิน การพนันชนไก่จึงส่งผล กระทบในทางวฒั นธรรม และทางเศรษฐกจิ ทั้งระดับครอบครัวและชุมชน (แม้นวาด กญุ ชร ณ อยุธยา, 2555) ในทางอาชญาวิทยาจัดว่าการพนันเป็นเพียงอาชญากรรมรูปแบบอ่อน (Soft form of crime) คนเลน่ พนันไมไ่ ด้ท�ำโดยมีเจตนาชว่ั รา้ ย ไม่ไดผ้ ิดโดยตวั ของมนั เอง (Mala in se) จะผดิ เมอ่ื กฎหมายกำ� หนด ใหผ้ ดิ (Mala Prohibita) แนวคิดดังกลา่ วน้ี เป็นปจั จัยโครงสร้างท่เี ปน็ ขอ้ แกต้ ัวให้กับการพนัน เป็นสาเหตุที่ ท�ำให้การเล่นพนันชนไก่แพร่ขยายเข้าไปในทุกพ้ืนท่ี มีการเล่นทั้งแบบถูกกฎหมายและการลักลอบเล่นแบบ ผดิ กฎหมาย ซง่ึ หากมกี ารเลน่ อย่างเมามัว อาจสง่ ผลต่อการเสพติดการพนันได้ องคก์ ารอนามัยโลก (World Health Organization-WHO) และสมาคมจติ วทิ ยาแหง่ อเมรกิ า (American Psychiatric Association-APA) ก�ำหนดให้พฤติกรรมติด การพนันเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง เรียกว่า Pathological Gambling จัดโรคติดการพนนั ให้อยใู่ นกลุ่มเดียวกบั โรคติดสารเสพตดิ เรียกวา่ ป่วยเป็นโรค Gambling Disorder ซ่งึ จะ ตอ้ งไดร้ บั การบำ� บดั รกั ษา การตดิ พนนั เปน็ การตดิ ทส่ี มอง เกยี่ วขอ้ งกบั สารเคมใี นสมอง ไมใ่ ชเ่ กดิ จากพฤตกิ รรม และความคิดอย่างทค่ี นส่วนมากเข้าใจ (APA, 1994; WHO, 2015) การพนันจึงเป็นพฤติกรรมเบ่ียงเบนประเภทหนึ่ง ผู้เล่นมีการคิดประเมินข้อดีข้อเสีย ใคร่ครวญ อยา่ งมเี หตผุ ล ทฤษฎกี ารตดั สนิ ใจเลอื กอยา่ งมเี หตผุ ล (Rational Choice) ของ Cornish & Clarke (1987) ชว้ี า่ การพนนั ไมใ่ ชพ่ ฤตกิ รรมทเ่ี กดิ จากความหนุ หนั พลนั แลน่ หรอื ไมไ่ ดค้ ดิ ไตรต่ รอง สว่ นทฤษฎพี ฤตกิ รรมตามแผน (Theory of Planed Behavior-TPB) ของ Ajzen (1985) อธบิ ายทมี่ าของพฤตกิ รรมมนษุ ยว์ า่ เกดิ จากทศั นคติ ต่อพฤติกรรมนั้น การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และการรับรู้ความสามารถของตนเองในการควบคุมพฤติกรรม ปจั จัยต่าง ๆ เหล่าน้สี ง่ ผลใหเ้ กิดเจตนาที่จะแสดงพฤตกิ รรมนัน้ และแสดงออกมาเป็นพฤตกิ รรมในท่ีสุด จังหวัดบุรีรัมย์ มีความโดดเด่นเรื่องกีฬาหลาย ๆ ประเภท เช่น มวย ฟุตบอล แข่งรถ รวมทั้งชนไก่ การสนับสนุนของนักการเมืองท�ำให้กิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับกีฬาดังกล่าวพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง บรรยากาศของการแข่งขันกีฬาที่มักมีการทายผลและการเดิมพันเป็นปัจจัยส่งเสริมให้มีการเล่นพนันกัน แพรห่ ลาย บรุ รี มั ยม์ บี อ่ นไกช่ นรวมทง้ั หมด 25 แหง่ แบง่ เปน็ บอ่ นเมอื งทขี่ ออนญุ าตเลน่ พนนั อยา่ งถกู กฎหมาย จำ� นวน 17 บอ่ น และบอ่ นบ้าน 8 บอ่ น กระจายอยูใ่ นอำ� เภอตา่ ง ๆ (ส�ำนักปศสุ ัตว์จังหวดั บรุ ีรมั ย์ ปี 2560) นกั พนนั ทกุ ทวั่ สารทศิ เดนิ ทางเขา้ มาเลน่ พนนั ชนไกใ่ นจงั หวดั บรุ รี มั ย์ ผเู้ ลน่ พนนั ชนไกเ่ กอื บทงั้ หมดเปน็ เพศชาย สว่ นเพศหญงิ ทเี่ ขา้ ไปในบอ่ นพบวา่ มจี ำ� นวนนอ้ ยมาก และสว่ นใหญไ่ มไ่ ดม้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ เลน่ พนนั เชน่ ตดิ ตาม เพื่อนชายทเี่ ข้าไปเล่นพนัน การเขา้ ไปขายอาหารเคร่อื งด่มื ขายสินค้าทเี่ กยี่ วขอ้ งกับกิจกรรมชนไก่ เปน็ ต้น จากความเป็นมาของการพนนั ชนไก่ และสภาพปญั หาเชงิ สถานการณแ์ ละเชิงแนวคดิ ดังกล่าว ผู้วิจยั จึงสนใจศึกษาพฤติกรรมการเล่นพนันชนไก่ โดยบูรณาการทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผลและทฤษฎี พฤติกรรมตามแผนสร้างเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย และศึกษาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีหน่ึงท่ีมี บอ่ นชนไกท่ ง้ั แบบถกู กฎหมายและผดิ กฎหมายเปน็ จำ� นวนมาก ทงั้ นเี้ พอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทเี่ ปน็ แนวทางการแกป้ ญั หา การเลน่ พนนั ชนไกท่ ี่เหมาะสมตอ่ ไป ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 19

วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ศกึ ษาพฤตกิ รรมเลน่ พนันชนไก่ของประชาชนในจงั หวดั บุรีรัมย์ 2. เพ่ือศึกษาปัจจัยภายในของบุคคลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมเล่นพนันชนไก่ของประชาชนในจังหวัด บรุ ีรัมย์ 3. เพือ่ ศกึ ษาปจั จยั ส่วนบคุ คลที่ส่งผลต่อพฤตกิ รรมเลน่ พนันชนไกข่ องประชาชนในจงั หวดั บรุ ีรัมย์ แนวคดิ ทฤษฎที ่เี กี่ยวขอ้ ง พฤตกิ รรมเล่นพนัน ความหมายพฤตกิ รรมการเล่นพนัน หมายถึง บุคคลตั้งแตส่ องคนขึ้นไปมีข้อตกลงว่าผู้ใดเขา้ เลน่ ชนะ ด้วยความฉลาดไหวพรบิ และความชำ� นาญของตนรวมท้ังมโี ชคปนอยู่ดว้ ยจะได้รบั ประโยชน์จากผ้เู ลน่ คนอืน่ ที่ แพ้ เชน่ เลน่ ไพ่ เลน่ ถว่ั โป และมกี ารก�ำหนดการไดเ้ สียประโยชน์ไวช้ ดั เจน อาจจะเปน็ เงนิ ตราหรือเปน็ สิ่งของ ก็ได้ ผูเ้ ล่นพนนั บอ่ ย ๆ อาจมกี ารตดิ การพนนั ซ่ึงแบ่งออกเป็นสองกรณี กรณีแรกตดิ แบบช่ัวคร้งั ชัว่ คราว เช่น พนันมวย พนนั ชนไก่ เฉพาะวนั หยดุ สว่ นกรณีทส่ี องตดิ แบบไม่ลมื หลู มื ตา เชน่ เดินสายเลน่ พนนั สง่ ผลไม่เปน็ อันทำ� งาน ผทู้ ีต่ ิดการพนัน นอกจากจะได้รับผลกระทบดา้ นครอบครวั แลว้ ยังมผี ลต่อภาพลักษณ์และไม่ไดร้ ับ ความไว้เนือ้ เช่อื ใจจากคนรอบข้าง ในสาขาอาชญาวิทยาจัดการพนันไว้ในอาชญากรรมประเภทไม่มีเหยื่อซ่ึงหมายถึงการกระท�ำผิด กฎหมายโดยไม่มีผเู้ สียหาย แต่อาชญากรเป็นผ้รู บั ผลแหง่ การกระทำ� ของตนเอง APA และ WHO กำ� หนดให้ พฤติกรรมติดการพนันเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง เรียกว่า Pathological Gambling จัดโรคติด การพนนั ใหอ้ ยใู่ นกลมุ่ เดยี วกบั โรคทเี่ กยี่ วกบั การเสพตดิ หรอื การใชส้ ารเสพตดิ ซงึ่ จะตอ้ งไดร้ บั การบำ� บดั รกั ษา APA พัฒนาแบบวัดพฤติกรรมเล่นพนันข้ึนจากแนวคิดความเจ็บป่วยทางจิตดังกล่าว ช่ือ DSM-IV-TR (APA 2000) และกรมสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ ไทยไดน้ ำ� มาปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมกบั สงั คมไทย โดยสรา้ งเปน็ แบบคดั กรองพฤติกรรมการติดพนนั ชอ่ื The Problem Gambling Severity Index (PGSI) จ�ำนวน 10 ข้อ การศกึ ษาวจิ ยั ในอดีตท่ีใชแ้ บบวัด DSM-IV-TR (APA 2000) เช่น Hogarth, Chase & Baess (2012) และเครอื่ งมอื คดั กรอง The Problem Gambling Severity Index (PGSI) ของกรมสุขภาพจิต เชน่ คงกริษ เลก็ ศรีนาค, ณรงค์ พลอยดนยั และวิเชยี รโชติ สกุ โชติรัตน์ (2555) ซง่ึ เครื่องมือมาตรฐานดังกลา่ วสร้างข้ึนมา จากแนวคดิ พฤตกิ รรมและการควบคมุ ตวั เอง คอื ศกึ ษาพฤตกิ รรมการหาชอ่ งทางหาเงนิ และตอ้ งการเงนิ ทเี่ สยี ไปคนื การโกหกคนในครอบครวั เพอื่ การไปเลน่ พนนั การทะเลาะกบั คนในครอบครวั เพราะการพนนั การขโมย เงนิ ของคนในครอบครวั เพราะผลจากการพนนั และตอ้ งกยู้ มื เงนิ มาเพอ่ื การพนนั โดยแบบวดั ใหผ้ ตู้ อบประเมนิ พฤตกิ รรมหรือความรสู้ ึกตัวเอง 4 ระดบั คอื ไมเ่ คย เคยบางคร้ัง เคยบ่อยคร้งั และเปน็ ประจ�ำ ทฤษฎีการเลอื กอย่างมเี หตุผล (Rational Choice Theory) ทฤษฎีการเลือกอย่างมีเหตุผล (Rational Choice Theory) ถูกน�ำมาใช้ศึกษาพฤติกรรมเบ่ียงเบน อยา่ งแพรห่ ลาย Cornish and Clarke (1987) พฒั นาทฤษฎนี ขี้ นึ้ มาบนมาบนฐานคตทิ สี่ ำ� คญั ทวี่ า่ อาชญากรรม จะเกิดข้ึนก็ต่อเมื่อผู้กระท�ำผิดได้มีการชั่งใจไตร่ตรอง (outweigh) ถึงผลได้ (benefits) และผลเสีย (cost) ท้งั ในเชงิ วัตถุ และไม่ใช่วัตถุ การตัดสินใจของบคุ คลที่จะท�ำหรือไมท่ �ำพฤตกิ รรมใดจะขึ้นอยู่กบั ประสบการณ์ 20 บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

และการเรียนรู้ในอดีต เกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการในการกระท�ำผิด ค่านิยมความเช่ือ การวางแผนและ การคาดการถึงผลทีจ่ ะตามมาทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม Murphy and Enis (1986) ได้อธบิ ายเฉพาะเจาะจง ถงึ พฤตกิ รรมเลน่ พนนั วา่ ผพู้ นนั ไดท้ ำ� การตดั สนิ ใจเลอื กบรโิ ภคสนิ คา้ การพนนั อยา่ งมเี หตผุ ลโดยนกึ ถงึ ‘ตน้ ทนุ ส่วนบคุ คล’ (private cost) ทง้ั ทเี่ กิดขน้ึ เช่น เงินท่ีจะเสียจากการเล่นการพนัน หรือตน้ ทนุ คา่ เสยี โอกาสจาก การทตี่ อ้ งใชเ้ วลาทเ่ี ลน่ การพนนั ฯลฯ ทฤษฎีน้ีมีผู้น�ำมาใช้ศึกษาพฤติกรรมเล่นพนัน เช่น สมประวิณ มันประเสริฐ (2554) ศึกษาพบว่า ผู้เล่น การพนันในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเป็นผู้เสพติดอย่างมีเหตุผล คือมีการไตร่ตรองแล้ว Shin & Montalto (2015) ศึกษาพฤติกรรมเลน่ พนนั ของนกั ศกึ ษาระดบั อดุ มศึกษาในสหรฐั อเมรกิ า พบว่า ความคาดหวังความอารมณ์เชิงบวก และผลประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการเล่นพนัน สัมพันธ์กับเจตนาเชิง พฤตกิ รรมมากท่สี ดุ Song, Lee, Norman and Han (2013) พบว่า การคดิ ใครค่ รวญถงึ ความสามารถของ ตนเองวา่ จะเล่นพนนั ให้ชนะไดส้ ่งผลต่อพฤติกรรม การวจิ ยั พฤตกิ รรมเลน่ พนนั ชนไกค่ รงั้ น้ี มขี อบเขตเนน้ ศกึ ษาปจั จยั ภายในของบคุ คลทมี่ ตี อ่ พฤตกิ รรม ดังนน้ั จงึ เลือกศึกษาผลดีผลเสยี ที่เกดิ ขนึ้ ต่อความรสู้ ึกหรอื อารมณ์เท่านน้ั ไดแ้ ก่ การคาดหวงั อารมณเ์ ชิงบวก หมายถงึ บุคคลคาดวา่ หากสามารถชนะพนนั จะได้ร้สู กึ ดใี จ พอใจ มคี วามสขุ และการคาดหวงั อารมณ์เชงิ ลบ หมายถงึ บุคคลคาดว่าหากแพ้พนนั จะรสู้ กึ โกรธ ผดิ หวงั กังวล เศรา้ ใจ การตัดสินใจของบุคคลวา่ จะเลน่ หรือ ไม่เล่นพนันขึ้นอยู่กับการให้น้�ำหนักกับผลเชิงบวกหรือเชิงลบ โดยแบบวัดการคาดหวังอารมณ์เชิงบวก และ การคาดหวังอารมณ์ทางลบ เป็นแบบประมาณคา่ 4 ระดับ ตัง้ แต่ น้อยทสี่ ุด ถงึ มากท่สี ดุ ทฤษฎพี ฤติกรรมตามแผน (The Theory of Planed Behavior-TPB) (Ajzen, 1985) ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (TPB) ของ Ajzen มีสาระพื้นฐานที่ส�ำคัญคือ การแสดงพฤติกรรมของ มนุษยจ์ ะเกดิ จากมีความตง้ั ใจหรือเจตนาทจี่ ะแสดงพฤตกิ รรมน้นั โดยความต้ังใจเกดิ จากความเชื่อ 3 ประการ ไดแ้ ก่ ความเชอ่ื เกยี่ วกบั พฤตกิ รรม (Behavioral beliefs) ความเชอื่ เกยี่ วกบั กลมุ่ อา้ งองิ (Normative beliefs) และความเชอ่ื เกยี่ วกบั ความสามารถในการควบคมุ (Control beliefs) โดยความเชอ่ื ทง้ั 3 ตวั จะสง่ ผลตอ่ เจตนา หรือความต้ังใจท่ีแสดงพฤติกรรม และแสดงพฤติกรรมน้ันออกมา Ajzen (1991) ยังได้อธิบายเพ่ิมเติมว่า ความเชอ่ื เกยี่ วกบั ความสามารถในการควบคมุ พฤตกิ รรมยงั สามารถสง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมไดโ้ ดยตรงโดยไมต่ อ้ งมี เจตนาท่ีจะมีพฤตกิ รรมนน้ั มาก่อนเลยก็ได้ TPB ถกู น�ำมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ธิบายและทำ� นายพฤติกรรมทั้งเชิงบวกและเชงิ ลบ เชน่ พฤติกรรมสขุ ภาพ พฤติกรรมการเลือกตั้ง การตัดสินใจซื้อสินค้า และพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่าง ๆ รวมท้ังพฤติกรรมเล่นพนัน ซึ่ง ผูเ้ ล่นมกั มีการวางแผนไวล้ ว่ งหน้า มกี ารเตรียมตัว เตรียมทรัพยากรและเวลาในการเล่น การเล่นพนนั จึงไม่ใช่ พฤติกรรมท่ีเกิดจากความหุนหันพลันแล่น ผู้เล่นการพนันจะมีแรงขับจากภายใน ท่ีท�ำให้เกิดแรงจูงใจ เกิดความต้องการท่ีจะแสดงพฤติกรรมนั้น และองค์ประกอบที่ส�ำคัญในทฤษฎี TBP ที่อธิบายถึงแรงจูงใจที่ ท�ำให้บุคคลแสดงพฤติกรรมว่าเกิดจากทัศนคติต่อเรื่องนั้น ๆ และผู้เล่นรับรู้ได้ว่าตนเองมีความสามารถที่ จะท�ำพฤติกรรมนั้นได้ส�ำเร็จ การวิจัยครั้งนี้จึงจะน�ำ 2 องค์ประกอบส�ำคัญดังกล่าวมาเป็นส่วนหน่ึงของ กรอบแนวทางการศึกษา งานวจิ ัยทีม่ ีการประยุกต์ใช้ TPB เชน่ บปุ ผา ลาภะวัฒนาพันธ์ (2556) และพนิ จิ ลาภธนานนท์ และ คณะ (2554) พบว่า ทัศนคติเชิงบวกต่อกีฬาฟุตบอลและการยอมรับการพนันฟุตบอลส่งผลต่อพฤติกรรม ปีท่ี 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดอื นกันยายน - ธนั วาคม 2562 21

เล่นพนันบอลของนักเรียน นิสิตนัก ศึกษา เรวัต สิงห์เรือง (2555) และสุวรรณ กลั่นแสง (2555) พบว่า คา่ นยิ มของสงั คมทยี่ อมรบั และไมค่ ัดค้านการพนนั ชนไก่ ซ่งึ มนี ยั ยะถึงการคล้อยตามกลมุ่ อ้างองิ และทศั นคติ ของบคุ คล ส่งผลตอ่ พฤตกิ รรมเล่นพนนั ชนไก่ Canale, Vieno, Pastore, Ghisi and Griffiths (2016) และ Shin & Montalto (2015) พบว่า การมที ัศนคตทิ ี่ดีตอ่ การพนนั มผี ลเชงิ บวกตอ่ ความถี่ของการเลน่ พนัน และ มผี ลเชิงบวกตอ่ การมปี ัญหาจากการเล่นพนัน Eposito, Bavel, Baranowski and Brown (2016); Song, Lee, Norman and Han (2013) พบว่า พฤติกรรมเลน่ พนนั ขึ้นอยู่กับการรบั ร้คู วามสามารถในการควบคุม พฤติกรรม คือ การที่บุคคลรู้สึกว่า มีความพร้อมด้านการเงิน ด้านเวลา และทักษะในการท�ำพฤติกรรมน้ัน โดยใช้เครื่องมือแบบสอบถามที่ใช้วัดองค์ประกอบของ TPB เป็นแบบประเมิน 4 ระดับ ต้ังแต่ น้อยที่สุด ถึงมากทีส่ ดุ การบรู ณาการทฤษฎใี นการวจิ ยั เปน็ รวมแนวคดิ จากทฤษฎที มี่ อี ยสู่ องทฤษฎหี รอื มากกวา่ มาสรา้ งเปน็ แนวคิดชุดใหม่และใช้เป็นกรอบแนวคิดการวิจัย เพ่ือใช้ในการอธิบายหรือท�ำความเข้าใจปัญหาได้ดีขึ้น จากเนื้อหาทฤษฎีการตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผลและทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนดังกล่าวมาข้างต้น จะเห็น ได้ว่าสาระที่คล้ายกันของสองทฤษฎีน้ีคือให้ความส�ำคัญปัจจัยภายในของบุคคลซึ่งเป็นที่มาของพฤติกรรมว่า มีการคิดไตร่ตรองไม่ใช่ความหุนหันพลันแล่น แต่ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนมีส่วนที่ครอบคลุมมากกว่า คือ การคล้อยตามค่านิยมของสังคมท่ียอมรับว่าพฤติกรรมการพนันไม่ใช่ความผิดร้ายแรง และการท่ีผู้เล่นพนัน ประเมินความสามารถของตนเองในการท่ีจะท�ำเล่นชนะพนันได้ ดังน้ัน การบูรณาสองทฤษฎีนี้เพื่อใช้เป็น กรอบแนวทางในการวิจัยจะทำ� ให้ได้แนวคดิ ใหม่ท่ีแขง็ แกรง่ ขน้ึ ในการอธิบายปญั หาพฤตกิ รรมเล่นพนัน ปัจจัยสว่ นบุคคลทเี่ กีย่ วขอ้ งกับพฤตกิ รรมการเล่นพนัน จากสาระของทฤษฎีการเลือกอย่างมีเหตุผลนอกจากปัจจัยภายในแล้ว สาระของทฤษฎียังเช่ือมโยง ให้เห็นว่าภูมิหลังและประสบการณ์มีผลต่อการชั่งใจไตร่ตรองของบุคคลในการตัดสินใจเล่นหรือไม่เล่นพนัน ผลการศกึ ษาทยี่ นื ยนั ทฤษฎนี ้ี เชน่ ศนู ยศ์ กึ ษาปญั หาการพนนั (2557) ศกึ ษาสถานการณก์ ารพนนั ในประเทศไทย ปี 2558 ยนื ยันว่า เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา รายได้ และอาชีพ มีสว่ นเก่ียวข้องกับพฤติกรรม เล่นพนนั บปุ ผา ลาภะวฒั นาพันธ์ (2556) ศึกษาเร่ืองความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการเปิดรับขา่ วสารกบั ทศั นคติและ พฤติกรรมการเล่น การพนันของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ พบว่าปัจจัยที่มีนัยส�ำคัญคือ เพศ และรายได้เฉล่ีย ต่อเดือน สมประวิณ มันประเสริฐ (2554) การศึกษาสถานการณ์พฤติกรรมและ ผลกระทบการพนนั ในประเทศไทย พบว่า อายุ เพศ สถานภาพสมรส ระดับการศกึ ษา ปจั จัยเก่ียวกบั บคุ คล ใกล้ชิดและสภาพแวดล้อมด้านค่านิยมและทัศนคติต่อการพนันของสังคมส่งผลต่อพฤติกรรมเล่นการพนัน โดยปัจจยั เหล่านีส้ ่งผลตอ่ การพนันในแต่ละประเภทมากน้อยแตกต่างกัน กรอบแนวคดิ จากการทบทวนวรรณกรรม สรปุ เปน็ กรอบแนวคดิ และสมมตฐิ านการวจิ ัย ได้ดังน้ี 22 บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ

กรอบแนวคิด จากการทบทวนวรรณกรรม สรปุ เป็นกรอบแนวคิดและสมมติฐานการวิจัย ได้ดงั น้ี การคาดหวังอารมณเ์ ชงิ บวก การคาดหวงั อารมณเ์ ชงิ ลบ ทศั นคตติ ่อพฤติกรรมเล่นพนนั ชนไก่ พฤติกรรมเลน่ พนันชนไก่ การรับรคู้ วามสามารถควบคมุ พฤตกิ รรม การคล้อยตามกลมุ่ อา้ งองิ ปัจจัยส่วนบคุ คล: อาย,ุ สถานภาพ, ระดบั การศึกษา, อาชีพ, รายได้ ภาพที่ 2 กรอบแนวคิด สมมติฐานการวิจยั ภาพที่ 2 กรอบแนวคิด สมมตฐิ าน21ก..ารกกวาาจิ รรยัคคาาดดหหววงัังคคววาามมออาารรมมณณ์์เเชชงิงิ ลบบวกสส่งผง่ ผลลทตาอ่งลพบฤตต่อิกพรรฤมตเกิ ลร่นรพมนเลัน่นชพนนไกัน่ชนไก่ 1. 3ก.ารคทาัศดนหควตังิตคอ่ วพาฤมตอิการรรมมณเล์เน่ชพิงบนวนั กชสน่งไผกส่ล่งตผอ่ ลพทฤาตงลกิ บรตรม่อพเลฤน่ ตพิกนรรันมชเลนน่ ไกพ่นันชนไก่ 2. 4ก.ารคการดคหลว้องั ยคตวาามมกอลาุ่มรอมา้ ณงอ์เชงิ ิงสล่งผบลสตง่ ่อผพลฤทตาิกงรลรบมตเลอ่ น่พพฤนตันกิ ชรนรมไกเ่ลน่ พนันชนไก่ 3. 5ท.ัศนกคาตริตรับ่อรพ้คู ฤวตามิกสรรามาเลรถ่นคพวนบนั คชุมนพไฤกต่สกิ ง่ รผรลมทส่งาผงลตบอ่ ตพ่อฤพตฤิกตรกิรมรรเลมน่ เลพน่ พันชนนันไชกน่ ไก่ 4. 6ก.ารคอลายอ้ ุแยตตกาตมา่ กงลกมุ่ันอมีพา้ งฤอตงิ กิ สร่งรผมลกตา่อรเพลฤ่นตพกินรันรชมนเไลกน่ ่แพตนกตันา่ ชงนกไันก่ 5. 7ก.ารรสบัถราน้คู ภวามพสามมรสารแถตคกตวบา่ งคกมุ ันพมฤพี ตฤกิตรกิ รมรมสเง่ ลผ่นลพตน่อันพชฤนตไกิ ่แรรตมกเตล่าน่งกพนั นนั ชนไก่ 6. 189อสร0..ะถา.ดยาบัรรอนุแาะาตภกยดชกาาไบัพี รตพดกแศ้แา่สาตึกงตมรกกษกศรตันตาสกึ า่ มา่แษแงงตีพกตากกแนัฤกันตตมตตมก่าีพิกา่ีพงตงรฤฤกา่กรตตงันมันกิ กิกมกมรันรีพราีพรมมรมฤฤีพกเกตลตฤาากิ่นิกรตรรเพิกรเลรลรรน่นม่นมรันพกมพเลชนากน่นรนันานั เรพชไลชเกนลนนน่ แ่ ไน่ันไพกตกพช่แนกแ่ นนตันตตนักไกา่ชกชตงตนแ่นา่ก่าไงตไันงกกกกกแ่่แนั นัตตตา่ กกงตตกา่า่นั งงกกนััน 7. 8. 9. อาชพี แตกตา่ งกนั มีพฤติกรรมการเล่นพนันชนไก่แตกต่างกนั 10. รายได้แตกตา่ งกนั มีพฤตกิ รรมการเล่นพนันชนไก่แตกต่างกนั ระเบยี บวิธีวิจยั ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง ประชากร: ผเู้ ล่นพนันชนไกซ่ งึ่ เปน็ ประชากรทไ่ี มท่ ราบจ�ำนวนทีช่ ดั เจน การเลอื กบ่อนชนไก่: เลอื กบ่อนที่ได้รบั อนญุ าตอย่างถกู กฎหมาย สมุ่ แบบงา่ ย 4 บอ่ น จาก 17 บอ่ น กลมุ่ ตัวอย่าง: ก�ำหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ งขน้ั ตำ่� จำ� นวน 384 คน (ค�ำนวณจากสตู รไม่ทราบจำ� นวน ประชากร) การคดั เลอื กตวั อยา่ งแบบเจาะจงเฉพาะผเู้ ลน่ พนนั ชนไก่ (Purposive sampling) และเลอื กเฉพาะ เพศชาย (เนอ่ื งจากผเู้ ลน่ พนนั ชนไกเ่ กอื บทงั้ หมดเปน็ เพศชาย) เขา้ ถงึ กลมุ่ ตวั อยา่ งโดยขอความอนเุ คราะหจ์ าก ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 23

บอ่ นชนไกแ่ ละขอความรว่ มมอื จากผทู้ เ่ี ขา้ ไปเลน่ พนนั ในบอ่ นชนไกท่ ยี่ นิ ดตี อบแบบสอบถามดว้ ยความสมคั รใจ ผลการเก็บข้อมลู ได้ 422 คน ซงึ่ มาจากกลมุ่ ตัวอยา่ งขั้นตำ�่ ที่คำ� นวณไว้ เคร่อื งมอื วจิ ยั และการเก็บขอ้ มลู เกบ็ ขอ้ มูลด้วยแบบสอบถามชนดิ ผู้ตอบเขียนตอบด้วยตวั เอง ประกอบด้วย 4 สว่ น ดงั นี้ สว่ นท่ี 1 พฤตกิ รรมเลน่ พนนั ชนไก่ 1.1 ความถีข่ องการเล่นพนนั ชนไก่ จำ� นวนคร้งั (หรือจ�ำนวนวัน) ของการเล่นพนนั ชนไก่ เฉลย่ี ใน 1 เดอื น 1.2 พฤตกิ รรมการเล่นพนันชนไก่ ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ คำ� ถามจากเครอื่ งมอื ประเมนิ พฤตกิ รรมเลน่ พนนั ของกรมสขุ ภาพจติ โดยเลอื กมา จำ� นวน 4 ขอ้ ได้แก่ 1) ทา่ นเคยเส่ยี งโชคกับกฬี าชนไก่โดยใชเ้ งนิ จ�ำนวนมาก 2) ท่านต้องเพิม่ เงินเดมิ พันกีฬาชนไก่ เพ่อื เพ่ิมความตืน่ เต้น 3) ท่านต้องหวนกลับไปแก้มือเสมอเพราะหวังวา่ จะได้ทนุ คืน 4) ท่านเคยหยิบยมื เงินคนอ่นื หรอื จำ� นำ� /จ�ำนองของมคี ่าของตนเพ่ือให้ไดเ้ งนิ ไปเส่ียงโชคกบั กฬี าชนไก่ สว่ นที่ 2 ปัจจัยภายในดา้ นการคาดหวังความรูส้ ึก การคาดหวงั อารมณเ์ ชงิ บวก จ�ำนวน 3 ข้อ ไดแ้ ก่ 1) ถ้าฉันเลน่ ชนะ ฉันจะรู้สกึ ตืน่ เต้น 2) ถา้ ฉนั เล่น ชนะ ฉันจะรู้สกึ ดใี จ 3) ถา้ ฉันเลน่ ชนะ ฉันจะรู้สกึ มีความสุข ใหผ้ ู้ตอบเลือกตอบ การคาดหวงั อารมณ์เชงิ ลบ จ�ำนวน 3 ข้อ ไดแ้ ก่ 1) ถา้ ฉันเล่นแพ้ ฉนั จะร้สู กึ โมโห 2) ถ้าฉนั เล่นแพ้ ฉนั จะร้สู ึกผิดหวงั 3) ถ้าฉันเลน่ แพ้ ฉนั จะรสู้ กึ เสียใจ ส่วนท่ี 3 ปัจจัยภายใน: ทัศนคติฯ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และการรับรู้ความสามารถควบคุม พฤติกรรม ทศั นคตติ อ่ พฤติกรรมเล่นพนันชนไก่ จ�ำนวน 5 ข้อ ไดแ้ ก่ 1) เปน็ กิจกรรมทใี่ หค้ วามตืน่ เตน้ 2) เป็น กิจกรรมที่ให้ความสนุกสนาน 3) เป็นกิจกรรมเส่ียงโชคท่ีอยู่ในวิถีของสังคมไทย 4) เป็นกิจกรรมที่สร้างงาน สร้างอาชีพใหก้ บั คนในชมุ ชน 5) เปน็ กิจกรรมชว่ ยสง่ เสรมิ ภมู ปิ ัญญาไทยด้วยการพฒั นาสายพันธไ์ุ ก่ชน การคลอ้ ยตามกลมุ่ อ้างองิ จ�ำนวน 4 ข้อ ได้แก่ 1) บคุ คลใกลช้ ดิ และมีความส�ำคัญต่อทา่ นยอมรบั ไดท้ ี่ ทา่ นเลน่ พนนั ชนไก่ 2) บคุ คลใกลช้ ดิ และมคี วามสำ� คญั ตอ่ ทา่ นเขา้ ใจทท่ี า่ นเลน่ พนนั ชนไก่ 3) บคุ คลใกลช้ ดิ และ มคี วามสำ� คญั ตอ่ ทา่ นไมค่ ดั คา้ นการเลน่ พนนั ชนไกข่ องทา่ น 4) บคุ คลใกลช้ ดิ และมคี วามสำ� คญั ตอ่ ทา่ นไมต่ ำ� หนิ ที่ทา่ นเล่นพนันชนไก่ การรบั รคู้ วามสามารถควบคุมพฤติกรรม จ�ำนวน 4 ขอ้ ไดแ้ ก่ 1) ทา่ นสามารถหาท่เี ลน่ พนันชนไก่ได้ หากต้องการเล่น 2) ท่านมีความสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของไก่เป็นข้อมูลเพื่อเล่นให้ชนะพนันได้ 3) ท่านมีทกั ษะในการขนั ต่อหรือต่อรองเพื่อให้ชนะพนันได้ 4) ท่านสามารถหาเงินเพอ่ื ไปเลน่ พนันได้ ส่วนที่ 4 ขอ้ มลู สว่ นบุคคล จำ� นวน 5 ข้อ ไดแ้ ก่ อายุ สถานภาพ ระดบั การศกึ ษา อาชีพ และรายได้ ตอ่ เดือน โครงสรา้ งและรายละเอียดอน่ื ของเคร่ืองมือแบบสอบถาม ได้ดังตารางท่ี 1 24 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

การรับร้คู วามสามารถควบคมุ พฤตกิ รรม จํานวน 4 ข้อ ได้แก่ 1) ท่านสามารถหาท่ีเล่นพนันชนไก่ได้ หาก ต้องการเล่น 2) ท่านมีความสามารถหาข้อมูลเก่ียวกับประวัติของไก่เป็นข้อมูลเพื่อเล่นให้ชนะพนันได้ 3) ท่านมี ทกั ษะในการขันตอ่ หรือต่อรองเพ่ือให้ชนะพนนั ได้ 4) ทา่ นสามารถหาเงนิ เพือ่ ไปเลน่ พนนั ได้ ส่วนที่ 4 ข้อมูลส่วนบุคคล จํานวน 5 ข้อ ได้แก่ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อ เดือน โครงสร้างและรายละเอยี ดอนื่ ของเคร่อื งมอื แบบสอบถาม ได้ดังตารางที่ 1 ตตาราารางงทท่ี 1ี่ 1โโคครรงงสสรร้า้างงแแลละะรราายยลละะเอเอยี ยี ดดขขอองแงบแบบสบอสบอถบาถมาม โครงสร้างแบบสอบถาม แหล่งอ้างองิ จานวน ระดับการวัด ที่มาของตวั แปร ขอ้ คาถาม (Scale) สว่ นท่ี 1. พฤติกรรมเล่นพนนั ชนไก่ 1.1 พฤติกรรมเล่นพนนั ชนไก่ ปรบั ปรงุ ใช้ข้อคําถามจากเครื่องมอื 3 ขอ้ Interval 1.2 ความถี่ของการเล่นพนนั ฯ กรมสขุ ภาพจติ และงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง 1 ข้อ Ratio สว่ นที่ 2. ปจั จัยภายในด้าน การตดั สินใจอย่างมีเหตุผล Rational Choice Theory 2.1 การคาดหวงั อารมณ์เชิงบวก ปรับปรุงคําถามของ Song, Lee, 3 ข้อ Interval 2.2 การคาดหวังอารมณ์เชิงลบ Norman and Han (2012) 3 ขอ้ สว่ นท่ี 3. ปัจจยั ภายในดา้ น พฤตกิ รรมตามแผน TBP ของ Ajzen (1985) และปรบั ปรงุ 3.1 ทัศนคติตอ่ พฤตกิ รรมเลน่ พนนั ฯ ขอ้ คําถามของ Song, Lee, Norman 5 ขอ้ Interval 3.2 การคล้อยตามกล่มุ อ้างองิ and Han (2012) 3.3 การรบั รูค้ วามสามารถควบคมุ แม้นวาด กุญชร (2554) 4 ขอ้ พฤตกิ รรม 4 ขอ้ สว่ นที่ 4. ปจั จัยด้านประชากร งานวิจัยท่เี กยี่ วข้อง 5 ขอ้ 4.1 อายุ 1 Ratio 4.2 สถานภาพสมรส 1 Nominal 4.3 ระดับการศึกษา 1 Ordinal 4.4 อาชีพ 1 Nominal 4.5 รายไดต้ อ่ เดอื น 1 Ordinal ก123...า13ก2 ร...าคคคตรวววรคคคตาาาววววรมมมจาาาวตตเมมมสจชเตตรรสออื่ชงงรรอบื่อมเเงงบชชคมเเั่นชชคงิิงุณ่นั โเงงิิณุ(นคโเRภ(นคภRอ้ืรeาอื้ราeงหlพงพหสilaาสiเaารเคbรคbา้(้า(รiCรงiClงlอ่ืื่อioitotใงงใynyชnชมม))t้กtก้อืือeใeใาาชชnnรร้้ ttววααเิิเvvคคaa––รรllาiาCidCdะะrirหtioหotyอ์yn)์อnง)bใงbคชใaคaช์ป้c์ปIc้รhnIhระndะกdeกอexอบxoบดfoังดiftตeังiาtตmeราาmรงoาทbงoี่ jท2ebc่ี j2etivcetiv(IeOC(IO) C) ตตาารราางงทที่ ่ี22ผผลลกกาารรตตรรววจจสสออบบคคณุ ุณภภาาพพเคเครื่อรื่องมงือมือ α มาตรวดั ค่า IOC .792 นาหนัก รอ้ ยละของ .907 องค์ประกอบ ความ แปรปรวน พฤติกรรมเลน่ พนนั ชนไก่ 1.00 ทกุ ขอ้ .935 .726 - .946 การคาดการณ์อารมณ์เชงิ บวก 1.00 ทุกข้อ .925 .951 - .962 75.855 การคาดการณอ์ ารมณ์เชงิ ลบ 1.00 ทกุ ขอ้ .869 .876 - .926 93.167 ทศั นคติตอ่ พฤตกิ รรมเลน่ พนันชนไก่ 1.00 ทุกขอ้ .857 .917 - .955 79.163 การคลอ้ ยตามกลุ่มอา้ งองิ .67 – 1.00 .888 - .948 87.175 การรบั รคู้ วามสามารถในการควบคุม 1.00 ทุกขอ้ .623 - .896 83.476 67.328 จากตารางที่ 2 พบว่า มาตรวัดมีค่า IOC อยู่ระหว่าง .67-ป1ีท.ี่0105 ฉมบีคบั ทว่ี า3มปนระ่าจำ�เชเดื่อือนมกั่นนั ยราะยดนับ- ธสันูงวาคคมือ25.762922-5 .935 และผลการวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบ พบวา่ ทุกขอ้ คาํ ถามในแตล่ ะมาตรวัดถูกจัดอยู่ในองค์ประกอบเดียวกัน และ อธิบายองค์ประกอบปัจจัยได้ค่อนข้างสูง คือ .623-.896 สรุปได้ว่าทุกมาตรวัดมีความตรงเชิงเนื้อหา ความตรงเชิง

พฤติกรรมเลน่ พนันชนไก่ 1.00 ทกุ ข้อ .792 .726 - .946 75.855 การคาดการณ์อารมณ์เชงิ บวก 1.00 ทุกข้อ .907 .951 - .962 93.167 การคาดการณอ์ ารมณ์เชิงลบ 1.00 ทุกขอ้ .935 .876 - .926 79.163 ทศั นคตติ ่อพฤตกิ รรมเล่นพนนั ชนไก่ 1.00 ทุกขอ้ .925 .917 - .955 87.175 .กก9าา3รร5รคบัลแร้อลคู้ยะจวตผาาาลกมมกตสกาาาลรมรุ่มวาาอเิรงคา้ถทรงใี่อาน2ะิงกหพารอ์บคงววค่าบป์ คมรมุาะตกรอว.1บ6ัด.07พม0–บีคทา่ว1ุกา่.I0ขทO0้อกุCขออ้ ยค่รูำ� ะถ..หา88มว65า่ใ97นงแ.6ต7ล่ -ะ1ม.0า..0ต68ร28มว83คีดั --วถ..ากู98ม49จน86ดั า่ อเชยใ่ื่อู นมอั่นงรคะ68ป์ ด37รบั..ะ34สก72งู86อบคอืเดยี.7ว9ก2นั - และอธิบายอจงาคก์ปตราะรกางอทบ่ี ป2 ัจพจบัยวไ่าดม้คา่อตนรขวัด้างมสีคูง่า IคOือC .6อ2ย3ู่ระ-.ห8ว9่า6ง .ส6ร7ุป-1ไ.ด0้ว0่ามทีคุกวมาามตนร่าวเชัดื่อมมีค่ันวราะมดตับรสงูงเชคิงือเน.7ื้อ9ห2า- ค.9ว3า5มแตลระงเผชลิงกโาครรวงเิ สครร้าางะหแอ์ ลงะคม์ปคี รวะากมอนบ่าพเชบือ่ วถ่าทือกุในขร้อะคดาํ ถับาดมี ในแต่ละมาตรวัดถูกจัดอยู่ในองค์ประกอบเดียวกัน และ อธิบายองกคา์ปรรวะิเคกรอาบะปหัจ์ขจ้อัยมไดูล้ค่อนข้างสูง คือ .623-.896 สรุปได้ว่าทุกมาตรวัดมีความตรงเชิงเนื้อหา ความตรงเชิง โครงสร้างวิเแคลระามะีคหวล์ ากัมษนา่ณเชะ่อื ขถอืองใตนวั รแะปดบัรตดา่ี ง ๆ ใช้สถิตพิ รรณนา Multiple Regression Analysis (MRA) และ t-test กากราวรเิ ควเิรคาระาหะค์หวข์ า้อมแลู ปรปรวนทางเดยี ว (One-way ANOVA) จวริเคิยรธาระรหม์ลกกั าษรวณจิ ะัยของตวั แปรตา่ ง ๆ ใช้สถิตพิ รรณนา Multiple Regression Analysis (MRA) และ t-test แกลาระวนิเคิตริศากากจะสรรหระติยะค์ บรธบว์รวาวมรนมนมหวแวกาิจปิจาวัยัยรริทปเเวยสสจิรานนวัยลนออัยทผผบ่าา่านงรูนเพกดกาายีารวรพพ(ิจOิจาnารeรณณ-wาาขaขอyองAคงNคณOณะVกะAรก)รรมรกมากราจรรจิยรธิยรธรรมรกมากรวาิจรัวยิจในัยมในนมุษนย์ุษคยณ์ ะครณัฐศะารสัฐตศรา์แสลตะร์ ผนิตลศิ กาาสรตศร์กึ มษหาาวิทยาลัยบรู พา ผลการศกึ1ษ. าปจั จัยสว่ นบคุ คลของกลมุ่ ตัวอยา่ ง พบว่า อายเุ ฉลย่ี 42.72 โดยกลมุ่ ทจ่ี �ำนวนมากทสี่ ดุ คอื อายุ 31-40 ปี 1แ.ลปะเัจมจื่อัยรสว่วมนกบลุคุ่มคล3ข1อ-4งก0ลปุ่มีตเัวขอ้ายก่าับงกพลบ่มุ ว่4า1อ-า5ย0ุเฉปลี ่ียเป4น็ 2ช.7่ว2งอโาดยยุ ก3ล1ุ่ม-5ท0่ีจําปนี วพนบมวาา่ กทมี่สจุดำ� นควือนมอายกุก3ว1า่ - ค4ร0งึ่ ขปอี งแลกะลเมุ่ มตื่อวัรอวมย่ากงลทุ่มั้งห31ม-ด40นปอกี เจขา้ กนับน้ักลยุ่มังพ4บ1ว-5า่ 0มปผี ีู้เเลป่น็นพชน่วนังอทาี่เยปุ น็31เย-5า0วชปนี อพาบยวไุ ่ามมเ่ กีจินําน2ว0นปมีอากยกูด่ ว้ ่ายคจรำ� ึ่งนขวอนง หกนลุ่มึ่งตดัวา้ อนยส่าถงาทน้ังภหามพดสนมอรกสจสาว่กนนใั้นหยญังพ่เปบ็นวส่าถมาีผนู้เภลา่นพพแนตัน่งทงาี่เปน็นกเยาราศวชกึ นษอาารยะุไดมบั ่เกอินนปุ 2ร0ญิ ปญีอาย/ู่ดป้ววยสจ.ํารนาวยนไดห้มนาึ่งกดก้าวนา่ บ2สแ5สถรุ ,ีรดา0มันง0ใยภ0ห์าเ้ พบห22น็สา.. ทมวผา่ผรแลผสลสู้เกกลสดาา่น่วรรงพนววใหนใิเิเคหค้เันรหญรชาาน็ ่นเะะปวหไห็นก่า์ ผต่เ์สปตา้เูถล็นมาาน่ผวนมตัูม้พภวถีรนัตาาปุ พถนัยรแุปชไะดตนรส้ค่งะงไงอ่กคสาน์ขเ่งนปขค้อน็า้ก์ข1งผา้อสรูม้เูงพศีร1แึ่ือกาลศษยเะึกพาไรดรษ่ือะะค้าศดดพอ่ ึกบัับฤนษกอตขาานกิ ้ารพุรปงศรฤสรึกมิตญงู ษเิกลญาแรน่ไลามรพะ/ส่มปนรูงเวะันมลสดชา่น.กบันพรนไกนกาักาย่ขันรไอศชดงกึน้มคษไานกกาใ่ขนกไมอวจส่่างังหูงค2มวน5ดัา,ใ0กบน0นรุ จ0รี กัังมั หบยวา์ ทัด ตตาารราางงทที่ ่ี 33คคา่ า่ เฉเฉลลย่ี ยี่ สสว่ นว่ นเบเย่ีบง่ียเงบเนบมนามตารตฐารนฐาแนละแรละะดรบั ะพดฤบั ตพกิ ฤรตรมกิ กรารรมเลก่นารกเฬี ลาน่ ชกนีฬไกา่ช(nนไ=ก่4(2n2=) 422) พฤติกรรมการเล่นกีฬาชนไก่ X S.D. ระดับ 1. ทา่ นเคยเสีย่ งโชคกับกฬี าชนไก่โดยใชเ้ งินจาํ นวนมาก 2.97 0.84 มาก 2. ท่านต้องเพิ่มเงินเดิมพนั กฬี าชนไก่ เพ่อื เพม่ิ ความตืน่ เตน้ 2.97 0.84 มาก 3. ทา่ นต้องหวนกลบั ไปแกม้ ือเสมอเพราะหวงั ว่าจะไดท้ ุนคนื 2.77 .82 มาก 4. ท่านเคยยมื เงนิ คนอนื่ /ขาย หรือจาํ นําของมีคา่ เพือ่ นาํ เงนิ มาเสย่ี งโชค 2.35 1.07 มาก กับกฬี าชนไก่ รวม 2.76 0.77 มาก ความถ่ีของการเลน่ พนนั ชนไก่ (จานวนวนั /ต่อเดอื นโดยเฉล่ีย) 2.49 1.21 ปานกลาง จากตารางท่ี 3 กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการเล่นกีฬาชนไก่อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 2.76 พฤตกิ รรมลกั ษณะเคยเสย่ี งโชคกบั กฬี าชนไกโ่ ดยใชเ้ งนิ จำ� นวนมาก และตอ้ งเพม่ิ เงนิ เดมิ พนั กฬี าชนไกเ่ พอื่ เพม่ิ ความตืน่ เต้น มากทส่ี ุด คา่ เฉลี่ย 2.97 รองลงมาคือ ทา่ นตอ้ งหวนกลบั ไปแก้มอื เสมอเพราะหวงั ว่าจะได้ทนุ คืน คา่ เฉลยี่ 2.77 และ ทา่ นเคยยมื เงนิ คนอน่ื /ขาย หรอื จำ� นำ� ของมคี า่ เพอื่ นำ� เงนิ มาเสย่ี งโชคกบั กฬี าชนไก่ คา่ เฉลย่ี 26 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต

จากตารางที่ 3 กล่มุ ตัวอย่างมีพฤตกิ รรมการเล่นกฬี าชนไกอ่ ยใู่ นระดบั มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 2.76 พฤติกรรม 2ลมท.3ักาา่ 5กนษทเตณคส่ี ายะุดมดยเคลืม้าคยำ�นเา่ งดเเคินสฉับว่ียลคาีย่งนมโอช2ถ่ืน.คีข่9/ก7อขับางรกยกอีฬางหรลารเชงือลมนจน่ าไําคพกนือ่โนําดขันทยอฯ่าใงนชมก้เตงีคล้อินาุ่่มงจเหตพําววั่อืนนอนวกยํานลเา่ มงับงินามไกมปีกาแแาเกสรล้มีย่เะลงือต่นโเ้อชสง2คมเ.กพอ4บั เ่ิ9มพกเครฬีงินาราะัง้เชดห/นเิมวดไังพกอื ว่ันนค่ากจา่ หีฬเะฉรไาลดอืชย่ี้ทน2ุน2ไ.ก4ค.3่เ9ืน5พว่ือคตนั เ่าาพ/เมฉเิ่มลดลคําอื ี่ยวดนาับ2มม.7ตา7่ืนกแเกตลว้นะา่ ที่บ่อนหนึ่งดแ้าหน่งคไวดาร้ มบั ถอ่ีขนอุญงกาาตรเล(เ่นพพียนงันเดฯอื กนลลุ่มะตัว2อยว่านั ง)มีกแาสรดเลงใ่นห้เ2ห.็น49ว่าคผรู้เ้ังล/่นเดอือานจมหีกราือร2ห.ม49นุ เววันีย/นเดเลือน่ หมลาากยกบว่อาทน่ี หบร่อื นอหาจนมึง่ แกี หาง่รไเดล้รน่ ับตอานมุญบา่อตน(ผเพิดียกงฎเดหือมนาลยะ 2 วัน) แสดงใหเ้ ห็นวา่ ผ้เู ลน่ อาจมีการหมนุ เวียนเลน่ หลายบ่อน หรอื อาจมี การเล่นต3า. มสบรอ่ ปุนผลิดกาฎรหวมเิ คายราะหต์ ามวตั ถปุ ระสงคข์ อ้ 2 เพอ่ื ศกึ ษาปจั จยั ทภี่ ายในของบคุ คลทม่ี ผี ลตอ่ พฤตกิ รรม เลน่ กเาลร่นพกนา3รัน.พขนสอนัรงุปขปอผรงละปกชราาะรชชวนาิเคชในรนาใจะนังหจห์ตงั วหาดั มวบดัวุรบัตรีถุรมัรีุปัมยรย์ะ์สงค์ข้อ 2 เพื่อศึกษาปัจจัยท่ีภายในของบุคคลท่ีมีผลต่อพฤติกรรม ตตาารราางงทที่ ี่44 ผผลลกกาารรววิเิเคครราาะะหห์ถ์ถดดถถออยพยพหแุหบแุ บบปบกปตกิ ปตัจิ ปจัยจั ทจม่ีัยีอททิ ่มี ธอี ิพิทลธติพอ่ ลพตฤอ่ตพิกรฤรตมกิ เลรน่รมพเนลันน่ ชพนนไกนั ่ (ชnน=ไก4่ 2(n2)= 422) ตัวแปร Unstandardized Standardized Coefficients (B) Coefficients (β) t Sig ค่าคงท่ี .199 - -1.223 .222 การคาดหวังอารมณ์เชงิ บวก .359 .313** 6.626 .000** การคาดหวงั อารมณ์เชิงลบ .062 .065 1.556 .120 ทศั นคติตอ่ พฤติกรรมเลน่ พนนั ชนไก่ .221 .152** 3.558 .000** การคลอ้ ยตามกลมุ่ อา้ งอิง .174 .190** 5.277 .000* การรบั รคู้ วามสามารถควบคุมพฤติกรรม .252 .218** 4.601 .000** R2 = .421, Adjusted R2 = .414, หมายเหตุ * * p<0.01 การคาดหวงั .313** อารมณเ์ ชงิ บวก การคาดหวงั .065 อารมณ์เชิงลบ การคาดหวัง ทัศนเลคน่ ตพติอนา่อรันพมชฤณนตเ์ไกิชกิงร่บรมวก .152** พฤตกิ รรม อารมณก์เาชริงคบาวดกหวัง เล่นพนันชนไก่ .065.313** การรบั รูค้ วอาามรมสณามเ์ ชาิงรลถบ .190** พฤติกรรม ควบคทุมัศพนคฤตติตกิ อ่ รพรฤมติกรรม .152** เล่นพนันชนไก่ อารมณ์เชงิ บวก กากรลกคมุ่ าอลเอรลาอ้ ร้ารน่ ยับงมพตอรณนคู้าิงเ์ันวมชาชงิ มนบสไวากกม่ า.2รถ18**.190** R2 = .421, Adjuคsวteบdคมุ Rพ2ฤ=ติก.4รร1ม4, **.p21<8.0**1 ภาพกากทรล่ี ค2่มุ ลออ้โา้ มยงเตอดาิงลมเชิงสาเหตขุ องพฤตกิ รรมเลน่ พนนั ชนไก่ R2 = .421, Adjusted R2 = .414, ** p<.01 ปีที่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 27

จากตารางที่ 4 และภาพที่ 2 ผลการวเิ คราะห์ถดถอยพหุคูณ ด้วยวิธี Enter Method พบวา่ ปจั จยั ท่ีมีอิทธิพลอย่างมีนัยส�ำคัญตภ่อาพพฤทตี่ 2ิกรโมรมเดเลลเ่นชพงิ สนาันเหชตนขุ ไอกง่พ4ฤตปกิ รัจรจมัยเลโน่ ดพยนปนั ัจชจนัยไกท่ ่ีมีอิทธิพลมากที่สุด ได้แก่ กโพมไวดกดด่าตทอกอเคพาีคา้าฤลร้ถยริาัวทลรวาฤนวตน่อ้ครา้แงทคุ่มาธาติกปแมบยเปามิพมอล้ัิกงลรพรณดวลรส้หาสลร้อร่นะก้จเหะงร์เาาอม4สชมยแชะสอมวมมมยงิ.กร4ตดพริงจสิงิ ทงักสาา่ีเาุปบา1ู้สาาเรอพจ้าราร(งสธปรกึก.ไวุมปβาะรเม4ยีถถิภดรเกหโต็นรกไเลรงีนใใปุม้วลาดตา(มกนนู้สอลน่(ัยAโ=่าผ่นพรβ้วุทณาหกึกกิุ่ทมพสdาล่าพรขั้งบโาาํงาอเ์ธนjค=.กผหมนชuอ1รทบรุคคิพ้าาิดนัามงิัโนค9คsง.ัี่ญุคคดงหร3หบลด4tช0ชโววอลคหวe1ตมวสทว*นบนบผแทลิเิง3วd่งัอ*กาเคไาไคคลัง*)ดิทด่ีมมพกกเงร*อ(R(ุมุมะสทห่ีมาีกลβ่มβฤ่ม)บาา2ภพีพยรัศีกวาตะารารวถาใ=งัฤรนฤกาอมกหพิก=จก=พอครตงตคณรต์เ.บธสทคล3กสา.ริสกิตกา4ิบม์เ.่ววงด1า่ีไ็มียชิว่ร1พรม12มมนาีเ่ดา3หเใรนงิร9พฤวย4ลม่าจกตหล*มผมวก0ัตตพค)ี่นีผย*าับววงัลใใกา*ิก)ถือรฤลพงหัองหแเก*รร็ไหรทุปตกใอน้เา)ก้มปเหาอดรปกิว่ารปาารรัานม่มวงรนังทรระร็นมว็รๆนลชอเังีผเรมน้ัสคริเัศลชณไอนไงมาคลตบัปณทง่านปินงมราไเรเ์ใอ่ครไ่ีดตลชสกพม์รเาตดคามพู้ค์ขช่นาหิง่มคาณะนา ต่มว4ๆิฤ้องบมพเหอืณมวันาิพ์นีบเหต ทวตชปัน์ถงมทช3กยัเ์วิกฤตกอิงช่ีต่อดันัจส่ีนต.สการตลุททงิานพถาชจรรไนําทเบิลกรมกจ่ีอั้พนังยมเรคฤเี่จอไบมร่หาะยบัอไัญื่อตม(ะโกงรรไไพณβงรมดศกิ่มไตตดมถม่ไตคู้หดยดดึกรีผ์่เอค้อ้รม่เ้อวชุ้รรคป้รษลสล=บัพวงีผาังบิมอ้งูณัจกบต่นาาจฤมลกลยจจป่อามค.ตาพตสา1ลบาดัยรพกุมจัาิกราอ่น5กะไ้วทเรกจฤพรไมด2ทพกัยนี่มด4รถตัยาฤา*ม้าว่ฤาชมี้อ1มร*ิอกสรตริธานต.)ิเทนถาร่ว4ธิเกีกลดั้กินลตEกรธคนไิบร่น้า(่มnกรนิพาคทวรAบนาคพรมtแ่พมบลล่ีdไยคุeปมลลนส(มม้อนคjrβคพร(u้แอําดนัβา่ยมัมุนะลดsสฤยงกMชตีพนสชtทับวด=ตตทe=นาิทนeั่ฤาย่ีมงdาิกี่สมโไแtธไต.สวมีผ.ดก2hุดรกกิภม1R่ากิ�ำลก1ยoม่ร่มล้ผาแ52รค8ตทลมdาพาุ่มไู้เม2รัญ*ลุ่อ่กมดั้งก=เมอข*ผ้*ลห่น้แพอพต)*อา้เู้ร.ร(่มนจก้4ล)าฤงβ่กงบอับบั ะด่1งอโ่นพตาวพกตรมรอค4เ=งิรจ่าิกนปู้วาูว้าเฤ)ิางมคะดรร่าา่็.มนันดมปตลา2คครตลตอไลาัจกชิก้1อมาานดนิทก�จำพจ8นยรดดเ้วเเดัยธลจะ*ตอรบหอไ่าไิพ*ทับ่นะมดมกางถวงว)่ีมมลมม่า้ี้า่ังีีี การพนนั ขอ4ง. ปสรระุปชผาลชกนาในรวจิเงั คหรวาดั ะบหรุ์ตรี าัมมยว์ัตถุประสงค์ข้อ 3. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อพฤติกรรมเล่น การพนนั จขาอกงตปาระราชงาทชนี่ 5ในปจจั ังจหยั วสดั ว่บนุรบีรัมคุ ยค์ ลทง้ั หมด 5 ปจั จยั พบ 2 ปจั จยั มนี ยั สำ� คญั ตอ่ พฤตกิ รรมฯ ไดแ้ ก่ ระดบั การศกึ ษาและจรากายตไาดราเ้ ฉงทลย่ี 5ตปอ่ เัจดจอื ัยนส่วผนลบกุคาครลเปทรั้งยีหบมเดทยี5บปรัจาจยัยคู่พพบบว2า่ ปกัจลจมุ่ ัยผมมู้ีนรีัยะสดําบัคักญาตร่อศพกึ ฤษตาิกอรนรปุมฯรญิ ไดญ้แาก/่ปรวะสด.ับ แกลาะรรศะกึ ดษับาปแรลิญะรญายาไตดร้เีแฉล่ียะตสอู่งกเดวือ่านมผีพลฤกาตริกเปรรมยี บเลเท่นียพบนรันามยคากู่ พกบวว่า่ากลกุ่มลุ่มอผื่นู้ม ๆีร ะกดลับุ่มกผาู้มรีรศาึกยษไาดอ้ไนมุป่เกรินญญ5า,0/0ป0วสบ. าแทละ มรีคะา่ ดเฉับลป่ยี รพิญฤญตากิ ตรรรีแมลเะลสน่ ูงพกนว่านั มนีพอ้ ฤยตกิกวรา่ รผมทู้ เ่ีมลีร่นาพยนไันดม้กาลกุม่ กอวื่น่า กๆล ทุ่มีม่อีร่ืนายๆไกดลส้ ุ่มงู กผู้มวา่ีรนายน้ั ได้ไม่เกิน 5,000 บาท มีค่าเฉล่ีย พฤตกิ รรมเลน่ พนนั น้อยกว่าผูท้ ่ีมรี ายได้กลุม่ อ่นื ๆ ที่มีรายได้สงู กวา่ น้ัน ตตาารราางงทที่ ่ี55ผผลลกกาารรววิเเิ คครราาะะหห์หห์ ววเิ คิเครราาะะหหค์ ค์วาวมาแมปแรปปรรปวรนวทนาทงเาดงยี เดวยี (Oวn(eO-nwea-ywAaNyOAVNAO) VA) ปัจจัยสว่ นบคุ คล F p-value ผลการเปรียบเทียบรายคู่ อายุ .368 .899 กลุ่มอายุตา่ งกนั มีพฤตกิ รรมเล่นพนนั ไมต่ ่างกนั สถานภาพสมรส 1.535 .205 สถานภาพสมรสต่างกันมีพฤติกรรมเลน่ พนนั ไมต่ ่างกนั ระดับการศึกษา 2.655 .033* ระดับการศึกษาต่างกันมีพฤติกรรมเล่นพนันต่างกัน โดย อนุปริญญา/ปวส. และระดับปริญญาตรีและสูงกว่ามี พฤติกรรมเล่นพนนั มากกวา่ กลมุ่ อน่ื ๆ อาชีพ .337 .852 อาชพี ตา่ งกันมพี ฤติกรรมเลน่ พนนั ไม่ต่างกนั รายไดเ้ ฉล่ยี ตอ่ เดอื น 8.782 .000** รายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดอื นตา่ งกนั มพี ฤตกิ รรมเล่นพนันตา่ งกัน โดย กลุ่มรายไดไ้ มเ่ กิน 5,000 บาท เลน่ น้อยกว่าทกุ กลุ่ม รายได้ สงู กวา่ 5,000 บาทมพี ฤติกรรมเลน่ พนนั มาก กนารอ้ ศยึกแษลผาะนลรผา้อกลยายกไราดวรแน้ วิเล้อคเิ คะยรรราสาาะะว่ยหนหไ์ดดอ์ดังา้นังกกย้อลุแลยตา่่าววกสสสต่วรรา่ ปุนงุปกไอไดันดาว้ ย้วา่สุ่แาถผตาูม้ผนกกี ู้มภตาีกา่าราพศงรกึกสศันษมึกราษสสสตงูาถา่สามงูงนรีกาภันมยาไีรแพดาลม้สยะามไอกดรา้มสชมาีพตกี กา่าตรงา่ เมกงลกีกันน่ นั าพรแไนเมลลันส่ะ่นชง่อนพผาไลนชกตันีพม่ อ่ ชาตพกน่าฤกไงตวกกกิ่า่มันผรารูม้ กไมีกมกา่สวร่่างศผผึกลู้มษีา ต่อพฤตกิ รรม อภปิ รายผล 1. จากขอ้ ค้นพบวา่ กลมุ่ ตวั อย่างมากกวา่ คร่ึงมอี ายุ 31-50 ปี แสดงให้เห็นว่าการพนันชนไก่เป็นท่ีชื่นชอบ ของคนอายุกลางคน เปน็ กลุม่ ระดบั การศึกษามัธยมศกึ ษาตอนต้น-อนุปริญญา/ปวส. มากท่ีสุด แสดงให้เห็นวา่ ผู้เล่น 28 บพัณนฑันิตวชทิ นยาไลกัย่มมีรหาะวดิทยับาลกัยาสรวนศดึกุสติษาไม่สูงนัก ด้านอาชีพพบว่าส่วนใหญ่เป็นอาชีพท่ีมีเวลาเป็นอิสระ คือ ค้าขาย/ธุรกิจ

อภิปรายผล 1. จากข้อค้นพบว่ากลุ่มตัวอย่างมากกว่าคร่ึงมีอายุ 31-50 ปี แสดงให้เห็นว่าการพนันชนไก่เป็น ท่ีช่ืนชอบของคนอายุกลางคน เป็นกลุ่มระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น-อนุปริญญา/ปวส. มากท่ีสุด แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นพนันชนไก่มีระดับการศึกษาไม่สูงนัก ด้านอาชีพพบว่าส่วนใหญ่เป็นอาชีพที่มีเวลาเป็น อสิ ระ คอื คา้ ขาย/ธรุ กจิ สว่ นตวั มาก รองลงมาคอื อาชพี เกษตรกรรม/ประมง และขอ้ คน้ พบทนี่ า่ สนใจคอื อาชพี ราชการและรัฐวิสาหกิจถึง ร้อยละ 11.8 พบ กลุ่มที่มีรายได้สูง คือ รายได้มากกว่า 25,000 บาทต่อเดือน จ�ำนวนมากรอ้ ยละ 41.8 จากข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างมีอายุช่วงวัยกลางคนและวันท�ำงาน มีการศึกษาค่อนข้าง สงู อาชีพคอ่ นข้างมีเวลาเปน็ อิสระ รวมท้งั พบว่าอาชีพราชการและรัฐวิสาหกจิ ถึงร้อยละ 11.8 แสดงใหเ้ ห็น ว่าการพนันชนไก่ได้แพร่ขยายไปในวงกว้าง ไม่ได้เป็นมีขอบเขตอยู่เพียงแค่กลุ่มอาชีพเกษตรกรและกลุ่มผู้มี รายไดน้ อ้ ยเหมอื นในอดตี สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ อจั ฉรา พงษศ์ ศธิ ร (2542) และพนิ จิ ลาภธนานนท์ และ คณะ (2554) 2. กลุ่มตัวอย่างมีลักษณะพฤติกรรมการเล่นกีฬาชนไก่อยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมื่อ พิจารณาร่วมกับความถ่ีของการเล่นซ่ึงสูงถึง 2.49 วันต่อเดือน ซ่ึงมากกว่าท่ีแต่ละบ่อนได้รับอนุญาตให้เปิด เลน่ พนันได้ คอื เพียงเดอื นละ 2 วนั แสดงให้เห็นว่าผูเ้ ลน่ อาจมกี ารเวียนเลน่ ตามบอ่ นตา่ ง ๆ มากกว่า 1 บ่อน หรอื อาจมกี ารลกั ลอบเลน่ แบบผดิ กฎหมายตามบอ่ นบา้ นและบอ่ นปา่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ การควบคมุ ดว้ ยกฎหมาย ยงั ขาดประสทิ ธภิ าพ ทง้ั นอ้ี าจจะเนอื่ งจากความไมช่ ดั เจนไมเ่ หมาะสมตา่ ง ๆ เชน่ การอนญุ าตใหเ้ ลน่ ไดบ้ างเวลา ในบ่อนท่ีขออนุญาตตามกฎหมายท�ำให้มีการลักลอบเล่นในเวลาท่ีไม่ได้รับอนุญาต นอกจากน้ัน อาจมี การลักลอบเล่นพนันในชมรมอนุรักษ์พันธุ์ไก่ชน รวมท้ังบทลงโทษส�ำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายอาจไม่เหมาะสม หรือแม้แต่การเข้ามาในธุรกิจการพนันของผู้มีอิทธิพลก็มีส่วนท่ีท�ำให้การบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ สถานการณด์ งั กลา่ วน้ี สงิ่ ทค่ี วรตอ้ งพจิ ารณาคอื ทบทวนกฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งใหท้ นั สมยั สอดลอ้ งกบั สถานการณ์ 3. การรบั รคู้ วามสามารถควบคมุ พฤตกิ รรมเปน็ ปจั จยั ภายในทสี่ ำ� คญั ตอ่ พฤตกิ รรมเลน่ พนนั สอดคลอ้ ง กับการศกึ ษาของ Hogarth, Chase & Baess (2012) และ Song, Lee, Norman and Han (2012) หากรบั รู้ว่าตนเองสามารถหาขอ้ มลู และมที ักษะการขันตอ่ /ตอ่ รองเพอ่ื ใหเ้ ลน่ ชนะได้ กจ็ ะเลน่ พนนั บอ่ ยข้นึ เมอ่ื พจิ ารณาความหมายของการรบั รคู้ วามสามารถในการควบคมุ รว่ มกบั ขอ้ คน้ พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง รบั รวู้ า่ ตนเองมคี วามสามารถในการควบคมุ ในระดบั กลาง ๆ มนี ยั ยะทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ ผเู้ ลน่ รบั รวู้ า่ การเลน่ พนนั ของตนเองสว่ นหนึ่งข้ึนอยู่กับการเสยี่ งดวง ไม่ไดข้ ้นึ อยู่กับความสามารถหรอื ทกั ษะของผู้เลน่ เพียงอย่างเดยี ว 4. การคาดหวงั อารมณเ์ ชงิ บวกสง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมเลน่ พนนั สอดคลอ้ งกบั การวจิ ยั ของ Gerdner and Svensson (2003) คงกฤษ เล็กศรีนาค, ณรงค์ พลอยดนัย และวิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ (2555) ในขณะ การคาดหวงั อารมณเ์ ชงิ ลบไมม่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรม ผลการวจิ ยั ครงั้ นชี้ ใี้ หเ้ หน็ วา่ ความตอ้ งการทจี่ ะไดร้ บั ความสขุ สนุกสนาน ต่ืนเต้น จากการได้เลน่ พนันฯ จะมีผลใหบ้ ุคคลมพี ฤติกรรมเล่นแบบหมกมุ่นมัวเมา ซงึ่ ท�ำใหม้ คี วาม เส่ียงต่อการเสพติด การพนันมากขึ้น และถึงแม้ว่าจะคาดว่าหากเล่นแพ้พนันจะมีความรู้สึกไม่ดี ก็ไม่มีผลให้ ต่อการเลน่ พนนั 5. ทศั นคตติ อ่ พฤตกิ รรมเลน่ พนนั ชนไก่ สง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมการเลน่ พนนั สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ ปีท่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจ�ำ เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 29

Canale, Vieno, Pastore, Ghisi and Griffiths (2016) และบุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ (2556) การยอมรบั ว่า เป็นกิจกรรมท่ีมีประโยชน์ต่อวัฒนธรรมและวิถีชุมชน ท�ำให้เกิดการส่งเสริมภูมิปัญญาไทยด้วยการพัฒนา สายพนั ธไ์ุ กช่ นมากทสี่ ดุ และยงั เปน็ การสรา้ งงานสรา้ งอาชพี ใหก้ บั คนในชมุ ชน จะทำ� ใหบ้ คุ คลเลน่ พนนั มากขน้ึ สอดคล้องกบั ผลการศกึ ษาของ เรวตั สิงหเ์ รอื ง (2555) สวุ รรณ กลน่ั แสง (2555) และบุญยนื วงศ์สงวน (2555) อย่างไรก็ตาม ข้อค้นพบนี้เป็นทัศนคติในด้านประโยชน์ของการพนันเพียงด้านเดียว ซึ่งเกิดจาก ขอบเขตนยิ ามของทศั นคตใิ นการวจิ ยั ครง้ั นเี้ ปน็ ทศั นคตเิ ชงิ บวก ทำ� ใหผ้ ลการศกึ ษาไมส่ ะทอ้ นครอบคลมุ ทศั นคติ ดา้ นลบ 6. การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงมีความส�ำคัญต่อพฤติกรรมเล่นพนัน โดยมีผลทางบวกคือหากมี การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงมากขึ้นก็จะเล่นพนันในลักษณะเส่ียงมากขึ้น ผลการศึกษานี้ยืนยัน การศึกษาของ Shin & Montalto (2015) คงกฤษ เล็กศรีนาค, ณรงค์ พลอยดนัย และวิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ (2555) ท่ีพบวา่ การทคี่ นใกลช้ ิด ไมค่ ดั ค้าน หรอื คนใกล้ชิดก็เล่นการพนนั มีผลต่อพฤติกรรมเลน่ พนัน กลุ่มอ้างอิงในการวิจัยน้ี หมายถึง คนใกล้ชิดและมีความส�ำคัญต่อกลุ่มตัวอย่าง อาจเป็นคนใน ครอบครัว ญาตพิ ีน่ อ้ ง รวมทง้ั คนอื่น ๆ ในชมุ ชน ข้อคนพบนีแ้ สดงให้เหน็ ว่าสังคมใกลช้ ิดรอบตัวผู้เลน่ ยอมรับ และเหน็ ดว้ ยกบั การเลน่ พนนั ชนไกว่ า่ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งทเ่ี ปน็ ปญั หา ประกอบกบั การใหค้ ณุ คา่ ทางวฒั นธรรมแกก่ จิ กรรม ชนไก่ และมปี ัจจัยสง่ เสรมิ คอื การอนญุ าตใหต้ ตี วั๋ ทำ� ให้การพนนั ชนไก่ยงั คงอย่แู ละเพิม่ มากขนึ้ 7. ปจั จยั สว่ นบคุ คลด้านรายไดแ้ ละระดับการศกึ ษามผี ลตอ่ พฤตกิ รรมการเล่นพนนั ชนไก่ สอดคล้อง กับผลการศึกษาของ บุปผา ลาภะวฒั นาพนั ธ์ (2556) โดยผูม้ รี ายได้สงู มกี ารเลน่ พนนั มากกว่าผมู้ ีรายไดน้ ้อย ทั้งนี้อาจจะเน่ืองจากผู้มีรายได้น้อยต้องใช้เงินส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่จ�ำเป็นส�ำหรับการด�ำรงชีวิต ไม่มีเงิน เหลือส�ำหรับการนำ� มาเลน่ พนนั 8. ปจั จัยส่วนบคุ คลดา้ นระดับการศกึ ษามผี ลตอ่ พฤตกิ รรมฯ สอดคล้องกบั ผลการศึกษาของ บุปผา ลาภะวฒั นาพนั ธ์ (2556) ทช่ี วี้ า่ กลมุ่ การศกึ ษาระดบั ปวช. อนปุ รญิ า ปรญิ ญาตรแี ละสงู กวา่ มคี า่ เฉลย่ี พฤตกิ รรม การเล่นฯ สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ทั้งน้ีอาจจะเนื่องจากการพนันชนไก่ในปัจจุบันมีการใช้สื่อและเทคโนโลยี เช่น การมีวารสารเกี่ยวกับการชนไก่ การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม เหล่าน้ีอาจเป็นปัจจัยท่ีเอ้ือให้กลุ่มท่ีมีการศึกษา เข้าถึงและเข้าใช้ประโยชนไ์ ดง้ ่ายกวา่ จงึ ท�ำให้มีการเลน่ พนนั ได้มากกวา่ 9. จากผล MRA ท่ีพบว่า โมเดลพฤติกรรมเล่นพนนั ฯ มีประสิทธภิ าพการท�ำนายสงู ถงึ ร้อยละ 41.4 และ ตวั แปรอสิ ระเกอื บทง้ั หมดในโมเดลมนี ยั สำ� คญั ตอ่ ตวั แปรตาม ขอ้ คน้ พบนแี้ สดงใหเ้ หน็ วา่ ทฤษฎแี ละตวั แปร ทีน่ �ำมาบูรณาการสร้างเป็นกรอบแนวคดิ มคี วามเหมาะสมกับการน�ำมาศกึ ษาปัญหาการพนนั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย 1. ควรสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนว่ากีฬาชนไก่กับการพนันชนไก่ ไม่เก่ียวข้องกัน กีฬาชนไก่ เป็นวิถีวัฒนธรรม ในขณะท่ีการเล่นพนันเป็นพฤติกรรมท่ีอาจน�ำไปสู่ปัญหา และควรมีนโยบายการส่งเสริม กิจกรรมการเลี้ยงและพฒั นาสายพนั ธ์ไุ ก่ชนและกจิ กรรมการละเลน่ พืน้ บา้ นให้แยกออกจากธุรกจิ การพนนั 2. กฎหมายการพนันบางฉบับมีเน้ือหาไม่ทันสมัย บางฉบับมีเน้ือหาขัดแย้งกัน ท�ำส่งผลต่อ 30 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

ประสทิ ธภิ าพของการนำ� ไปบงั คบั ใช้ ดังนนั้ ควรจะต้องมกี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ขกฎหมายให้ทนั สมัยและสอดคล้อง กบั สถานการณ์ เชน่ ปรบั ปรงุ เงื่อนไขการอนญุ าตใหร้ ดั กมุ ไม่มีช่องว่างใหล้ กั ลอบเล่นพนัน การแยกให้ชดั เจน ระหว่างกจิ กรรมอนรุ กั ษ์ สายพันธ์ุไก่ชนกับกจิ กรรมเลน่ พนันเชิงธุรกจิ เป็นต้น 3. กลมุ่ ตวั อยา่ งมจี ำ� นวนครงั้ ของการเลน่ ตอ่ เดอื น 2.49 แตบ่ อ่ นชนไกแ่ ตล่ ะแหง่ ไดร้ บั อนญุ าตใหเ้ ลน่ เดือนละ 2 วนั แสดงให้เห็นวา่ อาจมกี ารลักลอบเล่นแบบผิดกฎหมาย ดงั น้นั จึงควรหาทางให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการควบคุมบ่อนชนไก่ ในลักษณะการควบคุมร่วม โดยเฉพาะอย่างย่ิงบ่อนป่าและบ่อนบ้าน อาจให้ คณะกรรมการหมู่บ้านมีบทบาทในการดูแลและติดตามตรวจสอบ จัดสรรผลประโยชน์สู่ชุมชน รวมท้ัง การส่งเสริมการเล้ียงและพัฒนาสายพันธุ์ไก่ การออกกฎเกณฑ์การเล่นชนไก่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต จารีตประเพณขี องชมุ ชน 4. การเล่นพนันของบ่อนป่า ส่วนใหญ่จะลักลอบเล่นในพ้ืนท่ีที่ไม่เปิดเผย และอยู่ห่างไกล ควรมี การส่งเสริมให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพ้ืนที่นั้น ๆ ท�ำหน้าที่ในการมีส่วนร่วมในการควบคุม ตรวจสอบ และแจง้ ขา่ วสารกบั หนว่ ยงานที่รบั ผิดชอบ ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การน�ำไปปฏบิ ตั ิ 1. ควรรณรงคใ์ ห้เห็นภาพผลกระทบด้านอนื่  ๆ อย่างครอบคลมุ รวมท้งั การสรา้ งคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม เกยี่ วกับการพนนั โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การพนันประเภทวถิ ชี ุมชน 2. ควรชใี้ หเ้ หน็ วา่ เกมการพนนั ชนไกม่ ปี จั จยั อน่ื ทคี่ วบคมุ ไมไ่ ดอ้ ยอู่ กี มาก โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ถา้ ไกช่ น บางคทู่ ีม่ เี งนิ เดิมพันสงู มาก ๆ ก็จะย่งิ มปี ัจจยั อ่นื ซึ่งอย่เู หนือการควบคมุ ของตนเองแทรกเข้ามามากขึ้น 3. การคล้อยตามกลมุ่ อ้างองิ มีความสำ� คญั ต่อพฤตกิ รรมเล่นพนัน ควรให้บุคคลใกล้ชดิ รวมท้ังชุมชน ตระหนักถึงบทบาทและทา่ ทีในการช่วยเหลอื ผู้เลน่ ท้งั แบบเสย่ี งและแบบติดการพนนั รวมทัง้ ผทู้ ่ไี ดร้ ับผลกระ ทบ ควรมศี นู ยช์ ว่ ยใหค้ ำ� แนะนำ� ชว่ ยเหลอื โดยการสนบั สนนุ ชมุ ชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และกรมสขุ ภาพ จิต การแก้ปัญหาการพนันท่ีค�ำนึงถึงบทบาทส่ิงแวดล้อมของผู้เล่นพนันเป็นแนวทางปัญหาการเสพติดพนัน แบบองค์รวมที่ไดร้ บั การยอมรับวา่ สามารถแกป้ ญั หาได้ผลและมคี วามย่ังยนื 4. ผู้เล่นพนันมีความรู้สึกต้องการได้รับความสนุกตื่นเต้นจากการเล่น ดังน้ัน ควรสนับสนุนให้มี กิจกรรมสันทนาการท่ีสนุกสนานอื่น ๆ เป็นทางเลือก และควรเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับกลุ่มคนท่ีมีอายุ 30-50 ปี 5. การเสพติดพนันจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับติดสารเสพติด การป้องกันแก้ไขจึงควรใช้วิธีการเช่นเดียว กบั ปญั หาสารเสพตดิ คอื การแกป้ ญั หาแบบองค์รวม คนในครอบครวั บคุ คลใกล้ชิด และชมุ ชนควรมสี ว่ นร่วม ในการเฝ้าระวงั รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือบุคคลท่มี ปี ัญหาหรืออยูใ่ นสถานการณเ์ สย่ี งท่จี ะมปี ัญหา ข้อเสนอแนะสำ� หรบั การวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป 1. ควรศกึ ษาแนวทางการปรบั ปรงุ พระราชบญั ญตั แิ ละกฎหมายเกยี่ วกบั การพนนั ทม่ี อี ยเู่ ดมิ ใหท้ นั กบั ความเปลย่ี นแปลง เชน่ ศกึ ษาเกย่ี วกบั การกำ� หนดบทลงโทษทเี่ พยี งพอจะระงบั ยบั ยง้ั ไมใ่ หม้ กี ารละเมดิ กฎหมาย และศึกษาแนวทางส�ำหรับการจัดการกบั การพนนั พ้ืนบา้ นให้ชัดเจนแตกต่างจากการพนันอน่ื ทว่ั  ๆ ไป 2. ควรศกึ ษาแนวทางการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนและองคก์ รปกครองทอ้ งถนิ่ ใหม้ บี ทบาทในการควบคมุ ทง้ั แบบเปน็ ทางการ (กฎหมาย พระราชบญั ญตั ิ และระเบยี บ) และแบบไมเ่ ปน็ ทางการ (การควบคมุ ทางสงั คม) 3. ประยุกต์ใชโ้ มเดลของการวิจยั ครัง้ นใ้ี นการศกึ ษาพฤตกิ รรมเล่นพนนั ชนไกใ่ นกลมุ่ อนื่  ๆ  ปที ี่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 31

เอกสารอา้ งอิง คงกรษิ เลก็ ศรนี าค, ณรงค์ พลอยดนยั และวเิ ชยี รโชติ สกุ โชตริ ตั น.์ (2555). พฤตกิ รรมการเลน่ พนนั ของเยาวชน กรณศี ึกษาเขตกรงุ เทพมหานคร. วารสารวิจยั มข. (บศ.), 12 (4): 132-146. บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์. (2557). ความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับข่าวสารกับทัศนคติ และพฤติกรรม การเล่น การพนันของนิสิตนกั ศกึ ษาในสถาบนั อุดมศกึ ษาทัว่ ประเทศ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร.์ พินิจ ลาภธนานนท์ และคณะ. (2554). การศึกษาสถานการณ์ พฤติกรรมและผลกระทบการพนันใน ประเทศไทย. ศนู ย์ศกึ ษาปัญหาการพนนั . กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. แมน้ วาด กุญชร ณ อยุธยา. (2556). วิถชี ีวติ ไก่ชนส่กู ารพนันชนไก.่ ศูนยศ์ ึกษาปัญหาการพนนั . กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. เรวตั สงิ หเ์ รอื ง. (2555). วถิ ไี กช่ นสกู่ ารพนนั ในสงั คมไทย : กรณศี กึ ษาชมุ ชนภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื . ศนู ย์ ศกึ ษาปัญหาการพนนั . กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. สมประวณิ มนั ประเสรฐิ . (2554). การศกึ ษาสถานการณพ์ ฤตกิ รรม และผลกระทบการพนนั ในประเทศไทย: การศึกษาเชิงปริมาณด้วยแบบจําลองทางเศรษฐศาสตร์. กรุงเทพฯ: คณะเศรษฐศาสตร จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สุวรรณ กล่นั แสง. (2555). การพนันชนไกพ่ นื้ ทีจ่ ังหวดั สมทุ รสงคราม. การประชุมวชิ าการเร่อื ง “การพนัน รอบบา้ น : ปญั หาทสี่ งั คมไทยไมอ่ าจมองขา้ ม” ศนู ยศ์ กึ ษาปญั หาการพนนั สนบั สนนุ โดย สาํ นกั งาน กองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.). Ajzen, I. (1985). From Intentions to Actions: A Theory of Planned Behavior. In Action Control (pp. 11-39). Springer Berlin Heidelberg. Ajzen, I. (1991). The Theory of Planned Behavior. Organizational Behavior and Human Decision Processes, 50: 179-211. [Online]. Available: http://www.childfinanceinternational. org/ index.php?option=com_mtree&task=att_download&link_id=428&cf_id=200 Murphy, P. E. & Enis, B. M. (1986). Classifying Products Strategically. Journal of Marketing, 50 (3): 24-42. Canale, N., Griffiths, M. D., Vieno, A., Siciliano, V. & Molinaro, S. (2016). Impact of Internet Gambling on Problem Gambling among Adolescents in Italy: Findings from a Large- scale Nationally Representative survey. Computers in Human Behavior, 57: 99-106. Cornish, D. B. & Clarke, R. V. (1987). Understanding Crime Displacement: An Application of Rational Choice Theory. Criminology, 25 (4): 933-948. 32 บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

Esposito, G., Van Bavel, R., Baranowski, T. & Duch-Brown, N. (2016). Applying the Model of Goal-directed Behavior, Including Descriptive Norms, to Physical Activity Intentions: A Contribution to Improving the Theory of Planned Behavior. Psychological Reports, 119 (1): 5-26. Hogarth, L., Chase, H. W. & Baess, K. (2012). Impaired Goal-directed Behavioural Control in Human Impulsivity. The Quarterly Journal of Experimental Psychology, 65 (2): 305-316. Shin, S. H. & Montalto, C. P. (2015). The Role of Impulsivity, Cognitive Bias, and Reasoned Action in Understanding College Student Gambling. Journal of Youth Studies, 18 (3): 376-395. Song, H. J., Lee, C. K., Norman, W. C. & Han, H. (2012). The Role of Responsible Gambling Strategy in Forming Behavioral Intention: an Application of a Model of Goal- directed Behavior. Journal of Travel Research, 51 (4): 512-523. World Health Organization [WHO]. (2015). Global Status Report on Gambling 2015. Geneva: The Organization. คณะผู้เขียน นายโสภณ นำ้� สม้ คณะรฐั ศาสตรแ์ ละนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชนั้ 6 อาคาร 60 พรรษามหาราชินี Qs 2 เลขท่ี 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำ� บลแสนสขุ อำ� เภอเมือง จงั หวดั ชลบรุ ี 20131 e-mail: [email protected] ดร. ธรี ะ กลุ สวสั ด์ิ คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา ชนั้ 6 อาคาร 60 พรรษามหาราชนิ ี Qs 2 เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ต�ำบลแสนสขุ อำ� เภอเมอื ง จังหวดั ชลบุรี 20131 e-mail: [email protected] ดร. อมรทพิ ย์ อมราภิบาล คณะรฐั ศาสตร์และนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั บรู พา ชน้ั 6 อาคาร 60 พรรษามหาราชนิ ี Qs 2 เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำ� บลแสนสขุ อำ� เภอเมือง จังหวดั ชลบรุ ี 20131 e-mail: [email protected] ปีที่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 33



รปู แบบการสรา้ งความจงรกั ภกั ดขี องลกู คา้ ในการซอื้ สนิ คา้ อปุ กรณไ์ อทผี า่ นระบบออนไลน์ The Model of Creating Customer Loyalty in the Purchase of IT Equipment through the Online System บัณฑร แสงศร*ี และอรพรรณ คงมาลัย วทิ ยาลัยนวตั กรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Banthorn Sangsri* and Orapan Khongmalai College of Innovation, Thammasat University Received: March 1, 2019 Revised: April 10, 2019 Accepted: April 19, 2019 บทคัดย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการสร้างความจงรักภักดีของลูกค้าในการซื้อสินค้า อุปกรณ์ไอทีผ่านระบบออนไลน์ของคนไทย โดยใช้แนวคิดท่ีเก่ียวข้องกับความส�ำเร็จของระบบสารสนเทศ ความเช่ือมั่น ความพร้อมของสินค้า และส่วนประสมทางการตลาด งานวิจัยน้ีเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ท�ำการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการแจกแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างคือคนไทยท่ีมีอายุอยู่ระหว่าง 18-57 ปี และอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำ� นวน 682 ชดุ ซ่ึงไดร้ บั แบบสอบถามทีม่ ีความสมบูรณ์จำ� นวน 500 ชดุ หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 73 ของจำ� นวนทงั้ หมด จากนน้ั นำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าทำ� การวเิ คราะหผ์ ลดว้ ยสมการเชงิ โครงสรา้ ง ผลการวิเคราะหช์ ีใ้ ห้เหน็ วา่ ปจั จยั ด้านความพึงพอใจของผซู้ อ้ื และการรบั ร้ถู ึงประโยชน์ของผซู้ ้อื ร่วมกนั ส่งทาง ตรงต่อความจงรักภกั ดี โดยการรับรถู้ งึ ประโยชนข์ องผูซ้ ้ือมอี ทิ ธิพลสูงท่สี ดุ ซงึ่ ในการจัดการรา้ นคา้ เพ่อื ให้ร้าน ค้าประสบความสำ� เรจ็ การสร้างความภักดีของลกู คา้ ถอื เป็นสิง่ ส�ำคัญ รา้ นคา้ ควรทีจ่ ะใส่ใจในการสรา้ งการรบั รู้ประโยชน์ในการซ้ือสินค้าผ่านระบบออนไลน์โดยการพัฒนาระบบบริการลูกค้า ให้ลูกค้าสามารถท่ีจะติดต่อ สื่อสารกับร้านค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีการให้บริการตลอดเวลา รวมถึงการท�ำให้ลูกค้าน้ันสามารถท่ี จะบรรลเุ ปา้ หมายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง คำ� สำ� คญั : ธรุ กจิ พาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การซอ้ื สนิ คา้ ออนไลน์ สอื่ สงั คมออนไลน์ ความจงรกั ภกั ดี อปุ กรณไ์ อที * บัณฑร แสงศรี (Corresponding Author) ปที ี่ 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 35 e-mail: [email protected]

Abstract The objective of this research was to study the model of creating customer loyally in the purchase of IT equipment through the online system. Related concepts used in this study included IS success model, trust, product availability, and marketing mix. This research was quantitative in nature and the data was collected through a questionnaire. 682 questionnaires were distributed to the respondents aged from 18 to 57 and lived in Bangkok. Eventually, 500 usable questionnaires were collected (a 73% response rate). Structural equation modelling (SEM) was used for data analysis. The research results indicated that customer satisfaction and perceived usefulness directly influenced loyalty and perceived usefulness was the most influential factor. Creating customer loyalty was a crucial key to be successful in business. The vendor should build customers’ perceived usefulness by developing new customer support to communicate faster and available service at all the time. In addition, helping customers achieve their goals precisely was also recommended. Keywords: E-Commerce, Online Shopping, Social Media, Loyalty, IT Equipment บทน�ำ ปัจจุบันน้ีประเทศไทยได้มีการออกนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เป็นนโยบายท่ีต้องการเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจจากแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคล่ือนด้วยนวัตกรรม สนับสนุนให้ธุรกิจต่าง ๆ น�ำเทคโนโลยีเข้ามา ใช้ในกระบวนการด�ำเนินงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การจัดจ�ำหน่าย เช่น การด�ำเนินธุรกิจในรูปแบบ พาณิชยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพ่อื สร้างความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั ลดตน้ ทุนในการด�ำเนนิ งาน และการจดั จำ� หนา่ ยสนิ คา้ โดยอา้ งองิ จากรายงานการประกอบการพาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สข์ องประเทศไทย ใน ปี พ.ศ. 2559 พบว่า เม่อื เปรยี บเทยี บกบั ประเทศในกลุ่มอาเซยี นแล้ว ธุรกิจ E-Commerce แบบ B2C ของ ไทยน้ันมีมูลคา่ สงู ทีส่ ดุ โดยมมี ลู คา่ กวา่ 19.64 ล้านเหรยี ญสหรัฐ หรือกวา่ 703,331.91 ล้านบาท จากเอกสารแถลงผลการส�ำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย (2560) สินค้าที่มีการซ้ือ ขายมากท่สี ดุ อนั ดบั ที่ 1 คือ แฟช่นั /เครอื่ งแตง่ กาย (ร้อยละ 44.0) อนั ดบั 2 คือ สินคา้ สุขภาพ และความงาม (รอ้ ยละ 33.7) และอันดบั 3 คอื อุปกรณไ์ อที (รอ้ ยละ 26.5) ซง่ึ แมว้ ่าอุปกรณ์ไอทจี ะมีปรมิ าณการซือ้ ขายอยู่ ในอันดับที่ 3 แตใ่ นปี 2560 ศนู ย์วิจัยกสกิ รไทยได้มกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูลถงึ อตั ราการเจริญเติบโตของมูลคา่ สินค้าที่จ�ำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ พบว่า อุปกรณ์ท่ีเก่ียวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มอี ตั ราการเตบิ โตสงู ทส่ี ดุ (รอ้ ยละ 39.5) มากกวา่ สนิ คา้ แฟชน่ั (รอ้ ยละ 22.2) หรอื สนิ คา้ ประเภทเครอ่ื งสำ� อาง (รอ้ ยละ 16.8) นอกจากน้ีบรษิ ทั Cotton USA Global Lifestyle Monitor ได้ท�ำส�ำรวจจุดเริม่ ต้นของการชอ็ ปปิง้ ออนไลน์ของคนไทยในหัวเมืองหลักเป็นจ�ำนวน 1,000 คน พบว่า จุดเร่ิมต้นของการซ้ือสินค้าออนไลน์ของ คนสว่ นใหญ่นนั้ เริม่ มาจากส่อื ประเภท social media website ต่าง ๆ มากกว่า 84% ซึ่งเพมิ่ ขึ้นจากปี 2557 อย่ทู ่ี 69% 36 บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ถึงแม้ว่าการซื้อสนิ ค้าผ่านช่องทางออนไลนน์ ้นั ก�ำลังไดร้ บั ความนยิ มเป็นอยา่ งมาก แตก่ พ็ บว่าการซือ้ สินค้าผ่านช่องทางออนไลน์น้ันก็มีปัญหาไม่น้อยเหมือนกัน จากค�ำถามแบบส�ำรวจในเอกสารแถลงการณ์ ผลการส�ำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2560 พบว่า ปัญหา 3 อันดับแรกที่ยังคงเป็น สง่ิ กวนใจในการซอื้ สนิ คา้ ออนไลนน์ นั้ คอื 1) สนิ คา้ ทไี่ ดร้ บั มคี ณุ ภาพดอ้ ยกวา่ หรอื ไมต่ รงตามทโี่ ฆษณา (รอ้ ยละ 52.0) 2) ได้รบั สนิ คา้ ช้ากวา่ ทกี่ �ำหนด (ร้อยละ 43.8) และ 3) ได้รับสินค้าไมต่ รงตามในเว็บไซต์ (รอ้ ยละ 29.5) ถึงแม้จะมีการพบเจอปัญหาจากการซื้อขายอยู่บ้างน้ัน มูลค่าที่เกิดจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ใน ประเทศไทยนน้ั กย็ งั มกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และจากการทบทวนวรรณกรรมพบวา่ การทร่ี า้ นคา้ สามารถ รักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ และไม่ต้องเสียต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาน้ันสามารถลดต้นทุนใน การด�ำเนินงานได้มากถึง 6-7 เท่า (Reichheld, 2001) ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นความส�ำคัญในการศึกษาเก่ียวกับ การสร้างความจงรักภักดีของลูกค้าในการซื้อสินค้าอุปกรณ์ไอทีผ่านระบบออนไลน์น้ันควรจะมีรูปแบบ อย่างไรบ้างท่ีจะช่วยให้ธุรกิจประเภท E-Commerce สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในยุคที่ใคร กส็ ามารถเรมิ่ ขายสินค้าออนไลน์กนั ไดอ้ ย่างงา่ ยดาย วตั ถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงรูปแบบการสร้างความจงรักภักดีของลูกค้าในการซื้อสินค้าอุปกรณ์ไอทีผ่านระบบ ออนไลน์ ซึ่งผลการศึกษาจะใช้เป็นแนวทางในการสร้างความภักดีของลูกค้าในการซื้อสินค้าอุปกรณ์ไอทีผ่าน ระบบออนไลน์ใหม้ ีประสิทธิภาพสูงสุด แนวคิดทฤษฎีท่ีเกยี่ วขอ้ ง จากการทบทวนวรรณกรรม พบวา่ การรักษาฐานลูกค้านนั้ ร้านคา้ ทีส่ ามารถรกั ษาฐานลูกค้าเดมิ ได้ แทนทจี่ ะต้องคอยลงทุนเพือ่ หาลกู ค้าใหม ่ ๆ ตลอดเวลานั้นสามารถลดต้นทนุ ในการด�ำเนนิ ได้มากถึง 6-7 เทา่ (Reichheld, 2001) และการศึกษาในครั้งน้ีที่ศึกษาเก่ียวกับธุรกิจประเภทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ เครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ซง่ึ กำ� ลงั ไดร้ บั ความนยิ มเปน็ อยา่ งมากในประเทศไทย (CottonUSA, 2016) เนอ่ื งจาก การซอ้ื สนิ คา้ นน้ั เปน็ การสง่ั ซอ้ื ผา่ นระบบออนไลน์ จงึ ไดม้ กี ารศกึ ษาเกยี่ วกบั แนวคดิ แบบจำ� ลองความสำ� เรจ็ ของ ระบบสารสนเทศ (IS Success Model) และทฤษฎีส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) รวมถึง การสร้างความเชอ่ื มัน่ จากลูกคา้ แบบจำ� ลองความสำ� เร็จของระบบสารสนเทศ (IS Success Model) ปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน็ตน้ันเป็นไปอย่างแพร่หลาย จึงท�ำให้อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทใน การทำ� ธรุ กจิ ดว้ ย เพราะสามารถเพม่ิ ชอ่ งทางในการสอื่ สารกบั ลกู คา้ และสรา้ งวธิ กี ารซอื้ ขายแบบใหมเ่ พอื่ ใหล้ กู คา้ ได้รับความสะดวกสบายในการซื้อทีเ่ รยี กว่าระบบพาณิชย์อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-commerce) โดย Delone and Mclean (2003) ไดม้ กี ารศกึ ษาและพฒั นาแบบจำ� ลองความสำ� เรจ็ ของระบบสารสนเทศ (IS Success Model) ข้ึน โดยแบบจ�ำลองความส�ำเร็จของระบบสารสนเทศนั้นเป็นการประเมินคุณภาพของการใช้งานเว็บไซต์และ การให้บริการของร้านค้า ในปี 2004 ไดม้ ีการปรบั ปรุงแบบจ�ำลองความส�ำเรจ็ ของระบบสารสนเทศนี้ อกี คร้งั ใหม้ คี วามเหมาะสม และทนั สมยั มากขนึ้ ในยคุ ทกี่ ารทำ� พาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สน์ นั้ เปน็ ทแี่ พรห่ ลาย โดยปรบั ปรงุ ปที ่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 37

จากผ้ใู ชง้ านท่เี ปน็ พนกั งานในองค์กรเป็นลกู ค้าหรือผู้ใชง้ านเวบ็ ไซต์ทว่ั ไป ต่อมาก็มีการน�ำแนวคิดน้ีมาใช้ในการศึกษาเก่ียวกับการยอมรับการใช้งานระบบมากมาย Gao, Waechter and Bai (2015) มกี ารศกึ ษาเกยี่ วกบั ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ การซอ้ื สนิ คา้ ผา่ นโทรศพั ทอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งของ ประชาชนในประเทศจีน Cao, Zhang and Seydel (2005) ทำ� การศกึ ษาเกีย่ วกับปจั จยั ทส่ี ง่ ผลถงึ คณุ ภาพ การใชง้ านของเวบ็ ไซต์ และ Ahn, Ryu, and Han (2004) ไดศ้ กึ ษาเกยี่ วกบั ผลกระทบจากคณุ ภาพของเวบ็ ไซต์ ตอ่ การซือ้ สนิ คา้ ออนไลน์ โดยองค์ประกอบของแบบจำ� ลองนี้ ประกอบด้วย 3 ตัวแปร ไดแ้ ก่ 1) คุณภาพของขอ้ มูลสารสนเทศ (Information Quality) คอื การวดั คณุ ภาพของขอ้ มลู หรอื เนอื้ หาทม่ี กี ารเผยแพรใ่ นเวบ็ ไซต์ ซงึ่ มตี วั แปรสงั เกต ไดท้ ้งั หมด 3 ตัวแปร คอื ความง่ายในการเขา้ ใจ (Easy to Understand), ความสมบรู ณ์ (Completeness), และความถูกต้องแมน่ ยำ� (Accuracy) 2) คณุ ภาพของระบบ (System Quality) คือ การวดั คณุ ภาพของระบบ เว็บไซตท์ ี่ใชใ้ นงานการซ้อื ขายสนิ ค้า ซึง่ มตี ัวแปรสงั เกตได้ทงั้ หมด 4 ตัวแปร คอื ความง่ายในการใช้งาน (Ease of Use), การเข้าถงึ ไดต้ ลอดเวลา (Availability), ความปลอดภยั และความเป็นสว่ นตัว (Security & Privacy), เวลาที่ใชใ้ นการตอบสนอง (Response Time) และ 3) คุณภาพของบริการ (Service Quality) คอื การวัด คณุ ภาพของการใหบ้ รกิ ารของเวบ็ ไซต์ ซง่ึ มตี วั แปรสงั เกตไดท้ ง้ั หมด 4 ตวั แปรคอื การรบั ประกนั (Assurance), ความน่าเช่ือถอื (Reliability), การตอบสนอง (Responsiveness), การทำ� ให้ส�ำเร็จ (Fulfilment) ความเชื่อม่ัน (Trust) ปัญหาของคนไทยต่อการซ้ือสินค้าออนไลน์นั้นอันดับต้น ๆ คือ การกลัวถูกหลอก (ส�ำนักงานพัฒนา ธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส,์ 2559) เพราะฉะนน้ั ความเชอื่ มนั่ ของลกู คา้ จงึ ถอื เปน็ ปจั จยั หลกั ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ การซอ้ื ขาย ซง่ึ ความไวว้ างใจของลกู คา้ นน้ั จะเกดิ ขนึ้ ไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื ผขู้ ายสนิ คา้ หรอื บรกิ ารสามารถตอบสนองความตอ้ งการ ของลกู คา้ ไดต้ ามความคาดหวงั ทลี่ กู คา้ ตงั้ ไว้ (Sullivan & Kim, 2018) และ Cao, Zhang and Seydel (2005) ศึกษาถึงผลกระทบของความเชื่อม่ันของลูกค้าที่มีต่อการซ้ือสินค้าอย่างต่อเน่ืองในการซ้ือขายผ่านระบบ ออนไลน์ Brown and Jayakody (2008) ศกึ ษาถงึ แนวคดิ แบบจำ� ลองความส�ำเร็จของระบบสารสนเทศโดย มีการเพ่ิมเติมปัจจัยที่เกี่ยวกับความเชื่อม่ันในการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ด้วยเช่นกัน โดยองค์ประกอบ ของความเชอ่ื ม่ันนน้ั ประกอบไปด้วย 3 ตวั แปรสงั เกตได้ คือ 1) ความซื่อสตั ย์ (Integrity) 2) ความสามารถของ ผขู้ าย (Ability) 3) การยึดประโยชน์ของลูกค้าเปน็ หลกั (Best Interest of Customer) ความพรอ้ มของสินค้า ความพรอ้ มของสนิ คา้ คอื การทร่ี า้ นคา้ นน้ั มสี นิ คา้ รองรบั เพยี งพอกบั ความตอ้ งการ เพราะเมอ่ื รา้ นคา้ ทม่ี สี นิ คา้ รองรบั เพยี งพอกบั ความตอ้ งการของลกู คา้ นน้ั จะสามารถเพมิ่ ผกู พนั กบั ลกู คา้ , ทำ� ใหล้ กู คา้ มปี ฏสิ มั พนั ธ์ กับแบรนด์สินค้า ซ่ึงท�ำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ท่ีดี (Azhari & Bennett, 2015) โดยองค์ประกอบของ ความพร้อมของสนิ คา้ ประกอบไปด้วย 2 ตัวแปรสังเกตได้ คือ 1) มสี ินค้าเพียงพอ (Sufficient Inventory) 2) การจองสินคา้ ลว่ งหน้า (Preorder Capability) ทฤษฎีส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix) องคป์ ระกอบสำ� คญั ในการทำ� ธรุ กจิ อยา่ งนงึ นนั้ คอื การทำ� การตลาด โดยสว่ นประสมทางการตลาดนน้ั ประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์ (Product) 2) ราคา (Price) 3) ชอ่ งทางการจดั จ�ำหนา่ ย (Place) 4) การส่งเสริม การขาย (Promotion) ซ่ึงการวางกลยุทธ์ทางการตลาดท่ีเหมาะสมนั้นก็เป็นส่วนนึงในการท�ำธุรกิจเช่นกัน 38 บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

(ศิริวรรณ เสรรี ตั น์ และคณะ, 2541) นอกจากน้ี Simon and Sullivan (1993) ไดม้ ีการยกตัวอย่างไว้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้านั้นได้รับกระทบมาจากการท�ำโฆษณาและการท�ำการตลาด ของบริษัทน้ัน ๆ ด้วย Moriuchi and Takahashi (2016) ก็ได้ศึกษาถึงผลกระทบจากปัจจัยการตลาดต่อ ความพงึ พอใจในการซื้อสินค้าผา่ นระบบออนไลนใ์ นประเทศญี่ปนุ่ การรบั รู้ถงึ ประโยชน์ (Perceived Usefulness) การรับรู้ถึงประโยชน์คือการที่ผู้ใช้งานสามารถรับรู้ได้ว่าการซ้ือสินค้าผ่านระบบออนไลน์น้ันสามารถ เพม่ิ ประสิทธภิ าพของการซ้ือ-ขายในครงั้ นั้นได้ (Sullivan & Kim, 2018) จากการวจิ ัยของ (Seddon & Kiew, 1994) ไดท้ ำ� การปรบั ปรงุ งานวจิ ยั ของ Delone and Mclean IS Success Model (2003) โดยทำ� การปรบั ปรงุ ตัวแปรการใช้งาน (Use) ด้วย การรบั รถู้ งึ ประโยชน์ (Perceived Usefulness) เพราะเหน็ ว่าในงานวจิ ยั เดิม นั้นยงั มคี วามสบั สน และผดิ พลาดอยู่ ซึ่งแนวคดิ นี้จะช่วยใหล้ กู ค้าเกิดความพึงพอใจในการใช้งานมากขึน้ ดว้ ย และงานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้องกบั การขายสินคา้ ผา่ นระบบออนไลน์แบบ B2C เองก็มกี ารสนบั สนุนการเปลยี่ นมาใช้ การรบั รู้ถงึ ประโยชน์แทนการใชง้ านเชน่ กนั (Brown & Jayakody, 2008) ความพงึ พอใจของลูกคา้ ในงานวจิ ัยของ Ludin and Cheng (2014) ท่ีศึกษาถงึ ปัจจยั ทส่ี ่งผลต่อความพึงพอใจของลกู ค้าใน การซื้อสินค้าออนไลน์ โดยพัฒนาโมเดลมาจากแนวคิดแบบจ�ำลองความส�ำเร็จของระบบสารสนเทศของ (Delone & Mclean, 2013) พบวา่ ความพงึ พอใจของลกู คา้ นนั้ สง่ ผลโดยตรงตอ่ การเกดิ ความภกั ดี โดยกลา่ ววา่ ความพึงพอใจน้ันเกิดจากการเปรียบเทียบความคาดหวังของลูกค้ากับส่ิงท่ีลูกค้าได้รับจริง โดยงานวิจัยของ Moriuchi and Takahashi (2015) พบว่าการท่ีลูกค้าได้รับความพึงพอใจในสินค้าหรือบริการนั้นท�ำให้เกิด ความภกั ดมี ากกวา่ ความเชอ่ื มน่ั เสยี อกี แตใ่ นขณะเดยี วกนั ความเชอื่ มนั่ นนั้ กส็ ง่ ผลตอ่ ความพงึ พอใจดว้ ยเชน่ กนั (Lin, 2013) และปจั จัยส่วนประสมทางการตลาดนัน้ กส็ ่งผลตอ่ ความพึงพอใจดว้ ย (Lin, 2013) เพราะราคา หรือการโฆษณาเองกส็ ง่ ผลกระทบถงึ ความคาดหวงั ท่ลี กู คา้ จะไดร้ บั จากผลิตภัณฑ์นน้ั  ๆ ด้วย ความจงรักภักดี (Loyalty) จากการทบทวนวรรณกรรมต่าง ๆ พบว่า งานวิจัยส่วนใหญ่วัดความจงรักภักดีของลูกค้าจากเพียง แง่เดียว น่ันคือ การซื้อซ�้ำของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยของ Brown (1952) ท่ีมีการแบ่งระดับ ความจงรกั ภกั ดีของลูกคา้ เปน็ 4 ระดับ 1) ความจงรักภักดีแบบไมแ่ บง่ แยก 2) ความจงรักภักดีแบบแบ่งแยก 3) ความจงรักดีแบบไม่แน่นอน 4) ไม่มีความจงรักภักดี โดยการแบ่งระดับความจงรักภักดีนั้นแบ่งจาก วิธีการซ้ือซ้ำ� ของสนิ คา้ เท่าน้ัน แต่งานวิจัยบางส่วน ก็มีการแย้งกับหลักการน้ีว่าไม่ถูกต้องเสมอไป โดยอธิบายว่าการวัดความจงรัก ภักดีของลูกค้าจากพฤติกรรมการซื้อซ้�ำนั้นไม่สามารถใช้แยกแยะความจงรักภักดีท่ีแท้จริงกับความจงรักภักดี แบบปลอม เนื่องจากสินค้าบางประเภทน้ันผู้ซ้ือไม่มีทางเลือกในการซ้ือสินค้าเพราะมีเพียงเจ้าเดียวในตลาด ทำ� ใหเ้ กดิ งานวจิ ยั ทมี่ กี ารชวี้ ดั ความจงรกั ภกั ดขี องลกู คา้ จากมติ ขิ องทศั นคตขิ องลกู คา้ ดว้ ย (Engel & Blackwell, 1982) โดยงานวิจยั ทมี่ กี ารกล่าวถึงทศั นคตดิ ้วยนน้ั จะแบง่ ความจงรักภักดขี องลกู ค้าออกเป็น 3 ประเภท (1) ความจงรักภักดีเชิงความชอบ (The Preferential) ลูกค้าจะแสดงความจงรักภกั ดโี ดยการเลือก สินคา้ จากแบรนดส์ ินค้าทต่ี นเองชอบมากกว่าสินคา้ แบรนด์อ่นื ปีท่ี 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 39

(2) ความจงรกั ภักดีเชงิ ทัศนคติ (The Attitudinal) ลูกคา้ จะแสดงความจงรักภักดีโดยการบอกต่อ (Word of Mount) ใหแ้ กล่ กู คา้ คนอนื่ ๆ (3) ความจงรักภักดีเชิงพฤติกรรม (The Behavioral Response) ลูกค้าจะแสดงความจงรักภักดี โดยการซ้ือซ้าสินคา้ (Repurchase) (กกงคWาาาวนรราoวซทมrจิdอื้บสยั ซาทoค้�ำไ((วfดซ23สัญนึ่ด้งM))นิ วใจงั คนรoคคภะร้ากuววาเณหาาพาn(Rรม็มนกtทซ)eจจไรี่ ื้อด1pใงงรหร้รสวมuกักั่แ้าินแrcภแภกลคhนกั่ลักะ้าaวดกูดอสsคเีคมอเี eชชิด้านม)งิงิ คแตพไทลลนิฐฤศั นะอาตนทน์อื่นกิคดฤยรตๆู่ัษแงริกลมฎ(ล้วTีท(่าThี่เ(วกhสeขี่ยeา้านAวงBขัตtกet้อ้งนihtางuaทนvd้ังพสiioหnัฒาrมมaaนlดาl)ารนRธถล้ันeุรพกู sลกัฒคp้วร้าoนรนจมnเาะปทsกแe็นราส)อแงลดอบนกูงิเวแลคคคน็กวา้ ิดวทาจคทมะริด่ีคจอแในงสนนรสดิกงัก่วงสาภคนน์,ักวใวหาดิจมญ2โีัยดจ5แ่ทย5งล่ีเรก9ปะกั)าส็นภรมลบกั มูผกอดตลคกี โิฐจ้าตดาใาอ่ยหนก้ ซ่งึ จะเห็นไดว้ า่ แนวคิดและทฤษฎีทีเ่ กี่ยวขอ้ งทง้ั หมดน้นั ล้วนเป็นแนวคดิ ท่คี นสว่ นใหญ่ท่ีเป็นลกู ค้าให้ ความส�ำคัญในการซื้อสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว (ส�ำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, 2559) ผลจาก การทบทวนวรรณกรรมและสมมตฐิ านดงั กลา่ วขา้ งตน้ สามารถพฒั นากรอบแนวคดิ ในงานวจิ ยั และสมมตฐิ าน งานวิจยั ไดด้ งั ภาพท่ี 1 กกรรออบบแแนนวควดิ คดิ ภภาาพพทททที่ ี่1่ีม1่มี าากก::รรผผออู้วู้วบบิจจิ แแัยยั นนววคคดิิด รระะเเบบียียบบวิธงวาีวธิ นจิ วี ัยวิจิจัยัยฉบับน้ีผู้วิจัยได้ดาเนินการวิจัยในรูปแบบงานวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ซึ่งพนื้ ฐานงขาอนงวกจิ าัยรฉวิจบยั บั ดนา้ีผเนูว้ ินจกยั าไรดโด้ ด�ำยเยนดึ ินตกาามรหวลิจักัยแในวรคปู ดิ แบทบฤษงาฎนี แวลจิ ะัยงเชานิงปวจิรัยิมทาเ่ีณก่ีย(วQขuอ้ aงnมtาiเtปa็นtiสv่วeนRปeรsะeกaอrบcใhน)กซา่ึงร พค้นื คฐาวน้าศขึกอษงกาาหราวขจิ ้อยั มดูลำ� โเดนยนิ กกาารรทโดายกยาดึรสตอามบหถาลมกั คแวนาวมคคดิ ิดทเหฤ็นษขฎอี แงลกะลงุ่มาตนัววอจิ ยยั ่าทงเี่ กปย่ี ้าวหขมอ้ างยมผา่าเปนน็ทสางว่ แนบปบระสกออบบถใานม กโดายรมคกี ้นลคมุ่ ปวร้าะศชึกาษกราใหนากขาร้อศมึกูลษโาดคยอื กผาทู้ รเ่ี ทคย�ำซกอ้ื าสรินสคอ้าบอถอนาไมลคนว์ในามกรคุงิดเทเหพ็มนหขาอนงคกรลุ่มตัวอย่างเป้าหมายผ่านทาง แบบสอบกถลามุ่ ตโัวดอยยม่าีกงลใน่มุ งปารนะวชิจาัยกครใั้งนนกี้คาือรศผู้ทึกษ่ีมีอาคายอื ุอผยู้ท่ระเ่ี คหยว่ซางอื้ ส18ิน-ค5้า7ออปนี เไพลรนาใ์ ะนจการกงุ ผเลทสพามรหวจากนลคุ่มรประชากรช่วง อายุดงั กล่าวจดั อยใู่ นผูบ้ รโิ ภคประเภท Generation X, Y, และ Z ซง่ึ เปน็ กลุ่มทมี่ ีความสนใจในการซอ้ื สินค้าอุปกรณ์ 40 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

กลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั คร้ังน้ีคอื ผู้ทม่ี ีอายุอยูร่ ะหวา่ ง 18-57 ปี เพราะจากผลสำ� รวจกลมุ่ ประชากร ช่วงอายุดงั กลา่ วจัดอยู่ในผบู้ ริโภคประเภท Generation X, Y, และ Z ซ่งึ เป็นกลุ่มท่ีมีความสนใจในการซือ้ สนิ คา้ อปุ กรณไ์ อทผี า่ นชอ่ งทางออนไลน์ (สำ� นกั งานพฒั นาธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ,2560) และเคยซอื้ สนิ คา้ อุปกรณ์ไอทีผ่านระบบส่ือสังคมออนไลน์ (Social Commerce) มากกว่า 1 ครั้ง ก�ำหนดกลุ่มตัวอย่างที่ เหมาะสมกับหลักการวิเคราะหโ์ มเดลสมการเชงิ โครงสร้าง (structural equation modeling: SEM) โดยใช้ การก�ำหนดกลุ่มตวั อยา่ งโดยใช้วธิ ี Maximum Likelihood โดยนำ� จ�ำนวนตัวแปรสังเกตได้ คณู ดว้ ย 20 พบวา่ กล่มุ ตวั อย่างทีเ่ หมาะสมของงานวจิ ยั ครง้ั นี้คือ 440 คน แบบสอบถามทใ่ี ชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดถ้ กู พฒั นาขนึ้ มาจากการทบทวนวรรณกรรม และงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง และไดท้ ำ� การทดสอบความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา (Content Validity) โดยการสมั ภาษณ์ กับผ้เู ช่ยี วชาญทม่ี ีประสบการณ์ทเ่ี กยี่ วข้องกับการซื้อและขายสินคา้ ไอทอี อนไลน์มามากกว่า 5 ปี โดยกระจาย ออกเป็นเจา้ ของกจิ การ ผดู้ แู ลระบบการซื้อขาย เจา้ หน้าทฝ่ี ่ายขาย และผซู้ ้อื เพื่อท�ำการพิจารณาหาคา่ ดัชนี ความสอดคลอ้ ง (Index of Item Objective Congruence : IOC) โดยคา่ ท่ีได้ คือ 0.984 ซึง่ สูงกว่า 0.5 จึงถือว่าข้อค�ำถามที่ได้ท�ำการพัฒนาข้ึนมาน้ันมีความเที่ยงตรง นอกจากน้ียังได้มีการทดสอบความน่าเชื่อถือ (Reliability) ของแบบสอบถามโดยทดสอบ Pilot Test กบั กลมุ่ ทดสอบซง่ึ มลี กั ษณะทใ่ี กลเ้ คยี งกบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง ที่ใช้ในงานวิจัย จ�ำนวน 30 คน โดยค่าสัมประสิทธิ์ Cronbach’s Alpha ที่ได้จากการทดสอบ คือ 0.895 ซง่ึ สงู กวา่ 0.7 จงึ ถอื วา่ ขอ้ คำ� ถามทพี่ ฒั นาขน้ึ มานน้ั สามารถสอ่ื ความหมายไปในทศิ ทางเดยี วกนั ได้ และคนทวั่ ไป มีความเข้าใจในข้อค�ำถามตรงกัน การแจกแบบสอบถามผู้วิจัยได้ท�ำการเก็บข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถาม ทงั้ หมด 682 ชดุ โดยไดร้ บั แบบสอบถามทม่ี คี วามสมบรู ณก์ ลบั มา 500 ชดุ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 73 ของแบบสอบถาม ทั้งหมด แบบจ�ำลองสมการเชิงโครงสร้าง (Structural Equation Model: SEM) เป็นสถิติที่เลือกใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูล เน่ืองจากเหมาะสมในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรในลักษณะของโมเดล ซ่ึงสามารถเหน็ ความสมั พนั ธท์ ้ังที่เปน็ อิทธิพลทางตรงและอิทธพิ ลทางอ้อม (Hair, 1998) ระหว่างตัวแปรแฝง ภายนอก (Exogenous Variable) ซง่ึ ประกอบดว้ ย คณุ ภาพของขอ้ มลู สารสนเทศ คณุ ภาพของระบบ คณุ ภาพ ของบรกิ าร ความพรอ้ มของสนิ คา้ สว่ นประสมทางการตลาด และตวั แปรแฝงภายใน (Endogenous Variable) คือ ความพงึ พอใจของลูกค้า การรบั รูถ้ ึงประโยชน์ ความภกั ดี ผลการศึกษา ผลการวเิ คราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Model) ไดถ้ กู น�ำมาใชใ้ นการตรวจ สอบความสัมพันธ์ระหวา่ งตัวแปรแฝงภายนอก (Exogenous Variable) ซ่งึ ประกอบด้วย คุณภาพของขอ้ มลู สารสนเทศ คุณภาพของระบบ คุณภาพของบริการ ความพร้อมของสินค้า ส่วนประสมทางการตลาด และ ตวั แปรแฝงภายใน (Endogenous Variable) คือ ความพึงพอใจของลูกค้า การรบั รถู้ ึงประโยชน์ ความภกั ดี โดยวัดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรทงั้ ทางตรง และทางอ้อมดว้ ยการวเิ คราะหเ์ ส้นทาง (Path Analysis) โดย หลงั จากการปรบั โมเดลพบวา่ คา่ ทางสถติ ทิ เี่ กย่ี วขอ้ งทกุ ตวั บง่ ชถี้ งึ ความสอดคลอ้ งพอเหมาะพอดี (Fit) ประกอบ ดว้ ย CMIN/DF < 3, GFI > 0.9, AGFI > 0.9, RMSEA < 0.05 (Zhengwei et al., 2017) ดงั ตารางแสดง ค่าสถติ คิ วามสอดคล้องของโมเดลองคป์ ระกอบกับขอ้ มลู เชงิ ประจักษ์ ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook