กจิ กรรมการเรยี นการสอน ขน้ั ตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขั้นตอนการเรียนหรอื กจิ กรรมของนกั เรียน ข้นั เตรยี ม ข้นั เตรยี ม 1. เชค็ ชือ่ นกั เรยี น 1. เรยี กช่อื ตามเลขที่ 2. เตรียมเครอ่ื งฉาย Power Point 2. ชว่ ยครเู ตรยี มเครอื่ งฉาย Power Point ขั้นประเมินผลก่อนเรียน ขนั้ ประเมินผลกอ่ นเรยี น ถามพ้ืนความรู้เก่ียวกับ การต่อวงจรเริ่มเดิน ตอบคาถามด้วยความต้ังใจและสุจริตใจ โดยใช้ มอเตอร์แบบสตาร์-เดลต้า ด้วยมือ ด้วยแมกเนติก ความร้พู ้ืนฐานท่มี ีอยู่ คอนแทคเตอร์ ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ถามคาถามที่เกี่ยวข้องกับเน้ือหาเพ่ือสร้าง 1. ฟัง ตอบคาถามและซักถามข้อสงสยั ความสนใจ 2. ฟัง และซกั ถามข้อสงสัย 2. บอกสมรรถนะท่ีพึงประสงค์ในเร่ือง การต่อ วงจรเริ่มเดินมอเตอร์แบบสตาร์-เดลต้า ด้วย มือ ดว้ ยแมกเนตกิ คอนแทคเตอร์ ขั้นสอน ขั้นสอน 1. สอนเน้ือหาตามหัวข้อของแผนการจัดการ 1. จดบนั ทกึ ตอบคาถาม ซักถามขอ้ สงสัยตรงตามเน้ือหา เรียนรู้โดยใช้วิธีถาม-ตอบกับนักเรียนโดยใช้ ด้วยวาจาทสี่ ภุ าพเรียบร้อย ความรู้เดิมของนักเรียนมาต่อยอดเป็นความรู้ 2. ตัวแทนนักเรียนรับเอกสารประกอบการสอน การต่อ ใหม่พร้อมใช้สื่อ Power Point และตัวอย่าง วงจรเร่ิมเดินมอเตอร์แบบสตาร์-เดลต้า ด้วยมือ ด้วย ของจรงิ ประกอบการสอน แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ไปทาใบงาน โดยครูคอย 2. มอบหมายให้ทาใบงาน สงั เกตและใหค้ าแนะนาเพ่ิมเตมิ 3. อธิบายพร้อมเทคนิคในการต่อวงจรการ 3. จดบันทึก ตอบคาถาม ซักถามข้อสงสัยด้วยวาจาท่ี ควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า และตอบข้อซักถาม สภุ าพเรยี บรอ้ ย เกยี่ วกับงานที่จะปฏิบตั ิ โดยใช้ Power Point 4. ศึกษาใบงาน ซักถามข้อสงสยั ด้วยความต้งั ใจ 4. ควบคมุ ดูแลและให้คาแนะนาขณะทาใบงาน 5. จดบันทกึ ตอบคาถาม ซกั ถามข้อสงสัยตรงตามเน้ือหา 5. ตรวจเช็ควัสดุ-อุปกรณ์และเครื่องมือในการต่อ ดว้ ยวาจาท่สี ภุ าพเรยี บรอ้ ย วงจรการควบคุมเคร่อื งกลไฟฟา้ 6. ตรวจวสั ดุ-อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือ ในการทาใบงาน 7. ปฏิบตั กิ ารทาใบงาน 8. ร่วมกนั ทาความสะอาดพน้ื ที่ปฏิบัติงาน 3-105
กจิ กรรมการเรยี นการสอน ขัน้ ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ขัน้ ตอนการเรยี นหรือกจิ กรรมของนักเรียน ขั้นสรุป อภิปรายและร่วมสรปุ เรื่องท่เี รียนรว่ มกนั นาอภิปรายสรุปสาระสาคัญการต่อวงจรเริ่ม 1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ดว้ ยความมั่นใจและสจุ รติ ใจ เดนิ มอเตอร์ แบบทางานเรยี งลาดบั 2. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ซกั ถามขอ้ สงสัย ขั้นประเมนิ ผลหลังเรียน 1. มอบหมายให้ทาใบงานหลังเรยี น 2. สรุปผลการประเมินผลรวม การต่อวงจรเร่ิม เดินมอเตอร์แบบสตาร์-เดลต้า ด้วยมือ ด้วย แมกเนติกคอนแทคเตอร์ เก่ียวกับกิจนิสัยใน การปฏิบัติงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการ บูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ใบงาน และใบ ทดสอบ 3-106
งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรม ก่อนเรยี น 1. เช็คช่ือนกั เรียน 2. เตรียมเครอื่ งฉาย Power point ขณะเรยี น 1. ทาแบบฝกึ หัด 2. เฉลยแบบฝกึ หัด 3. ปฏิบตั ิการทดลอง 4. ประเมินผลการปฏิบัตงิ าน 5. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ สาระสาคญั เร่ือง การต่อวงจรเริ่มเดินมอเตอรแ์ บบสตาร์-เดลต้า ด้วยมอื ดว้ ยแมกเนติกคอนแทคเตอร์ หลงั เรยี น 1. ประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน และคณุ ลักษณะท่ีตอ้ งการบูรณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม สื่อการเรียนการสอน 1. ส่ือการเรียนการสอน E-learning ส่อื สงิ่ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอน การต่อวงจรเร่ิมเดนิ มอเตอร์แบบสตาร์-เดลต้า ด้วยมือ ด้วยแมกเนติกคอน แทคเตอร์ สือ่ โสตทศั น์ 1. Power point ห่นุ จาลองหรือของจรงิ 1. แผน่ ปา้ ยตัวอยา่ ง 2. รปู ลกั ษณะของสัญลักษณ์และอุปกรณ์ควบคุมเคร่ืองกลไฟฟา้ เช่น แมกเนติกคอนแทคเตอร์ สวิทช์ ปมุ กด โอเวอร์โหลด เปน็ ต้น 3-107
การประเมินผล ขณะเรยี น 1. สังเกตความสนใจ 2. สังเกตการนาเสนอผลงาน 3. ตรวจแบบฝกึ หัด 4. สงั เกตการณป์ ฏิบตั กิ จิ กรรม 5. ประเมนิ ผลการปฏบิ ัติการทดลองตามใบทดลอง หลงั เรยี น 1. ทาทดสอบหลงั เรียน 2. ประเมนิ ตนเองและเพื่อนรว่ มงาน เร่ืองกิจนสิ ัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่ต้องการบรู ณาการ คุณธรรม จรยิ ธรรม 3-108
บันทึกหลังการสอน ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ การตอ่ วงจรเร่มิ เดนิ มอเตอร์แบบสตาร์-เดลต้า ดว้ ยมือ ดว้ ยแมกเนติกคอน แทคเตอร์ ดงั น้ี 1. เวลาที่ใชส้ อน………………………………………………………………………………………..……………………….........……………. 2. เน้อื หา……………………………………………………………………………………………….………..........……………………………… 3. สอ่ื การสอน………………………………………………………………………………………............…………………………………… ผลการเรยี นของนักเรียน ………………………………………………………………………………………………………............…….……………………………………. ………………………………………………………………………………………………............…………….……………………………………. ……………………………………………………………………………………………………….............….…………………………………….. ……………………………………………………………………………………………............……….……………………………………………. ผลการสอนของครู …………………………………………………………………………………………………….………………..................………………………. …………………………………………………………………………………………….…………………............…………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………............……………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………............……………………….. ลงชอื่ ผู้บันทึก……………….…………… (…………………………..) ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรือผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………….............……………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….............………. …………………………………………………………………………………………………………………………….............……………………. ลงช่อื …………………….………………. (…………….....………………) ตาแหนง่ ……………….………………… 3-109
5.8 การต่อวงจรเรมิ่ เดนิ มอเตอรแ์ บบสตาร-์ เดลตา้ ด้วยมอื การเร่ิมเดินแบบสตาร์-เดลต้า (Star-delta starter) นิยมใช้กับมอเตอร์ 3 เฟสชนิดเหนี่ยวนาท่ีใช้ โรเตอร์ชนิดกรงกระรอก ท่ีมีขนาดตั้งแต่ 5 – 20 กิโลวัตต์ การเร่ิมเดินมอเตอร์แบบน้ี เป็นวิธีลดกระแสโดยใช้ เทคนิคการต่อวงจรและคุณสมบัติของการต่อวงจรแบบสตาร์-เดลต้า โดยมอเตอร์ที่จะนามาเริ่มเดินแบบน้ีได้ ขดลวดของมอเตอร์ตอ้ งรับแรงดันไฟฟา้ ได้เทา่ กบั แรงดันระหวา่ งไลนก์ ับไลน์ของระบบไฟฟา้ ท่จี ่าย ขณะท่ีมอเตอร์เร่ิมทางานจะต่อวงจรแบบสตาร์ เมื่อกระแสเริ่มเดินลดลงเป็นกระแสตามพิกัดแล้ว จะเปล่ยี นการต่อวงจรเปน็ แบบเดลต้า ขดลวดแตล่ ะเฟสจะรับแรงดันตามพกิ ดั ทีแ่ ผ่นปา้ ยกาหนด L1 380 V 50 Hz 380 V 50 Hz L2 L1 L2 L3 L3 380 V 380 V 380 V 380 V 380 V 380 V U1 V1 W2 U1 220 V 220 V V2 380 V 380 V U2 W1 U2 W1 380 V 220 V V2 V1 W2 ก..ตอ่ วงจรแบบ ข.ตอ่ วง.จรแบบเดลต้า รูปท่ี 5-35 เปรยี บเทียบแรงดันตกคร่อมขดลวด เมื่อต่อวงจรมอเตอร์ ก. แบบสตาร์ และ ข. แบบเดลต้า 5.8.1 ขณะเรมิ่ เดินต่อวงจรแบบสตารก์ ระแสจะลดลงโดยพจิ ารณาจาก ก) พิจารณาจากแรงดนั ไฟฟา้ เมื่อตอ่ วงจรแบบสตาร์ปลายข้ัวของมอเตอร์แต่ละเฟสจะต่อลงนิวตรอน แรงดันท่ีตกคร่อมขดลวดแต่ละเฟส จึงเป็นแรงดันระหว่างไลน์กับนิวตรอน ขดลวดต้องการแรงดัน 380 V เน่ืองจากขณะทางานปกติมอเตอร์ต่อวงจรแบบเดลต้าขดลวดแต่ละขดได้รับแรงดันระหว่างไลน์กับไลน์ แต่ ขดลวดได้รับแรงดันเพียง 220 V เพราะการต่อวงจรแบบสตาร์ขดลวดได้รับแรงดัน ระหว่างไลน์กับนิวตรอน ดงั นั้น เมื่อต่อแบบสตาร์ขดลวดได้รับแรงดันลดลง 3 เท่า กระแสจึงลดลง 3 เท่าดว้ ย ข) พิจารณาจากกระแสไฟฟ้า สนามแม่เหล็กที่ถูกเหน่ียวนาเกิดจากกระแสไฟฟ้าท่ีไหลในขดลวด จานวนหน่ึง ในการต่อแบบสตาร์กระแสจากไลน์จะจ่ายให้ขดลวดเพียงเฟสเดียว แต่ในวงจรแบบเดลต้าพบว่า กระแสจากไลนจ์ ะต้องจา่ ยให้ขดลวดสองเฟส ในวงจรแบบเดลต้า IL = 3 x IP ในวงจรแบบสตาร์ IL = IP เมอื่ ต่อแบบสตาร์กระแสในไลน์นอ้ ยกวา่ แบบเดลตา้ 3 เท่า 3-110
นาข้อ ก) และ ข) มาพิจารณารวมกัน ก) พิจารณาจากแรงดนั ลดลง 3 เทา่ ข) พิจารณาจากแรงดันลดลง 3 เท่า ดงั น้นั จาก ก) และ ข) กระแสจะลดลง = 3 x 3 5.8.2 เม่อื เร่มิ เดินแบบสตาร์ กระแสจะมคี ่าลดลง 3 เท่า ของกระแสขณะเรมิ่ เดินแบบไมล่ ดกระแส จากการทีก่ ระแสขณะเรม่ิ เดินลดลง 3 เท่า แรงบดิ เร่ิมหมุน (Starting torque) ของมอเตอร์ก็จะลดลง 3 เท่าเชน่ กนั ดงั นั้น ในขณะการเริ่มเดินแบบสตาร์เดลต้า จึงไม่ควรให้มอเตอร์เริ่มเดินที่โหลดเต็มพิกัด ต่อเมื่อ มอเตอร์ทางานปกติแล้วจึงค่อยเพ่ิมโหลดเข้าไปการกาหนดขนาดโอเวอร์โหลดรีเลย์ ในขณะที่มอเตอร์ทางาน ตามปกตจิ ะต่อวงจรแบบเดลต้าจะเห็นว่าโอเวอร์โหลดรีเลย์ ไม่ได้ต่ออยู่กับแหล่งจ่ายโดยตรงแต่ต่ออยู่ในวงจร ขดลวด การกาหนดขนาดจึงตอ้ งพิจารณากระแสที่ไหลในขดลวด ดังน้ี ใหก้ ระแสเต็มพิกัดมอเตอร์ = 100 % กระแสที่ไหลในขดลวดมอเตอร์ = 100 % / 3 กระแสท่ีไหลผา่ นโอเวอร์โหลดรเี ลย์ = 100 % / 3 = 58 % 5.8.3 การเร่ิมเดนิ แบบสตาร์ เดลตา้ ดว้ ยคอนแทคเตอร์ การเร่ิมเดินแบบสตาร์เดลต้าด้วยคอนแทคเตอร์เป็นวิธีท่ีนิยมใช้มากท่ีสุดเพราะมีความสะดวก ปลอดภัยกบั ผ้ปู ฏิบัติงาน 3N 380/220V 50 Hz L1 L2 L3 N F1 K1 K2 K3 F3 W1 V2 MV1 U2 3U1 W2 รปู ท่ี 5-36 แสดงวงจรกาลงั การเรม่ิ เดินมอเตอร์ 3 เฟสแบบสตาร์ เดลต้า ด้วยคอนแทกเตอร์ 3-111
การทางานของวงจร การทางานมี 2 ข้ันตอน คือ 1) ขณะเร่มิ เดนิ มอเตอร์ มอเตอร์ต่อวงจรแบบสตาร์ K1 และ K2 ทางาน โดย K1 ทาหนา้ ที่ต่อวงจร L1ตอ่ กับ W1, L2 ตอ่ กับ V1, L3ตอ่ กบั U2 K2 ทาหนา้ ที่ ต่อ U2, V2 และ W2 เข้าดว้ ยกัน 2) ขณะมอเตอรท์ างาน มอเตอร์ต่อวงจรแบบเดลตา้ K1 และ K3 ทางาน โดย K1 ทาหน้าทต่ี ่อวงจร L1ตอ่ กับ U1 L2 ต่อกบั V1 L3 ตอ่ กับ W1 K3 ทาหนา้ ท่ตี ่อวงจร L1ตอ่ กับ W2 L2 ตอ่ กับ U2 L3 ตอ่ กับ V2 ข) วงจรควบคุมวงจรควบคุมออกแบบการทางานได้ 2 วิธี คือ การกาหนด เวลาเริ่มเดินด้วยมือและ การกาหนดเวลาเริม่ เดินอัตโนมัติ 1. การกาหนดเวลาเริม่ เดินดว้ ยมือ การเปลีย่ นการต่อวงจรจากสตารเ์ ป็นเดลต้าจะถกู กาหนดเวลาด้วย ผู้ควบคมุ ผ่านสวิทช์ปุมกด L1 (R) F2 97 98 95 F3 96 S1 S2 K1 S3 U3 K3 K2 K1 K2 H1 K3 H2 H3 1 N (MP) รูปที่ 5-37 แสดงวงจรควบคมุ ด้วยมอื การเร่ิมเดินมอเตอร์ 3 เฟสดว้ ยคอนแทกเตอร์ 3-112
การทางานของวงจร การทางานมี 2 ขน้ั ตอน คือ ก) ขณะเร่ิมเดินมอเตอร์ มอเตอร์ต่อวงจรแบบสตาร์ K1 และ K2 ทางาน ในแถวที่ 1 กดสวิทช์ S2 กระแสจากไลนผ์ ่าน F2 หนา้ สมั ผสั F3, S1, S2 และขดลวด K1 ครบวงจรที่นิวตรอนK1ทางาน หน้าสัมผัส K1 ในแถวที่ 2 ทาหน้าที่ Self-holding ขดลวด K2 จะครบวงจรและทางานด้วยหลอดสัญญาณ H1 สว่าง แสดง การตอ่ วงจรแบบสตาร์ สว่ น K3 จะไม่ทางาน ข) ขณะมอเตอร์ทางาน มอเตอร์ต่อวงจรแบบเดลต้า K1 และ K3 ทางาน โดย กด S3 ในแถวท่ี 4 K2 จะถูกตัดวงจรให้หยุดทางาน ขดลวด K3 ในแถวที่ 5 จะทางาน หลอดสัญญาณ H2 สว่างแสดงการต่อวงจร แบบเดลต้า 5.8.4 การสตารท์ มอเตอร์ทัง้ 4 แบบ การสตารท์ มอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลับ แบ่งเปน็ 1) การสตาร์ทมอเตอร์โดยตรง (Direct on Line Starter) เป็นการสตาร์ทด้วยการใช้แรงดันเต็มพิกัด นิยมใช้ในการสตาร์ทมอเตอร์ขนาดเล็ก โดยท่ีมอเตอร์จะ ถูกต่อผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สวิตซ์ คอนแทคเตอร์ เบรกเกอร์ เป็นต้น โดยใช้แรงดันพิกัดทันทีทันใด ทาให้กระแสทเ่ี กิดขึน้ มคี ่าประมาณ 6 – 8 เทา่ ของกระแสพิกดั ในภาวะปกติ 2) การสตารท์ มอเตอร์โดยใชห้ ม้อแปลงอตั โนมตั ิ (Auto-Transformer Starter) เป็นวิธีการสตาร์ทมอเตอร์โดยการใช้ที่มีขดลวดหลายชุดที่สามารถเปลี่ยนแท็ปแรงดันได้หลายระดับ เช่น 55%, 65%, หรือ 80% ของแรงดันพกิ ดั โดยจะรักษาระดับแรงดนั ในช่วงท่ีมอเตอร์มีความเร็วรอบเพิ่มข้ึน จนกว่าจะมีคาสั่งให้สับมอเตอรแ์ ตล่ ะระดบั เขา้ เป็นลาดบั จนกระท่ังเข้าส่รู ะดบั แรงดนั เตม็ พิกัด 3) การสตารท์ มอเตอร์แบบสตาร์-เดลตา้ (Start-Delta Starter) เป็นวธิ ีการสตารท์ มอเตอร์ทนี่ ยิ มใช้กนั มาก เนื่องจากทาได้ง่ายและเหมาะท่ีจะใช้กับมอเตอร์เหน่ียวนา โดยมีหลักการทางาน คือ ขณะที่ทาการสตาร์ทมอเตอร์จะทาการต่อแบบสตาร์ ซ่ึงช่วยลดกระแสขณะสตาร์ท ได้ และเม่อื มอเตอรเ์ ร่มิ หมนุ ไปได้ระยะหนงึ่ กจ็ ะทาการต่อแบบเดลต้า 4). การสตารท์ มอเตอรแ์ บบซอฟท์สตารท์ เตอร์ (Electronic Soft Starter) วธิ นี มี้ หี ลักการ คอื ใช้วงจรอิเล็คทรอนิคสก์ าลงั ในการตดั ต่อกระแสไฟฟ้าที่เข้าไปยังขดลวดมอเตอร์ โดย การปรับเพิ่มแรงดันที่จ่ายให้กับมอเตอร์อย่างช้าๆและน่ิมนวลจนถึงระดับแรงดันพิกัด ทาให้สามารถป้องกัน กระแสอินรัชท่ีมีค่าสูงและป้องกันแรงกระแทกท่ีมีผลต่ออุปกรณ์ทางกลของมอเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความ แม่นยา ความหลากหลาย และประสทิ ธิภาพในการป้องกนั มอเตอร์สงู อกี ดว้ ย 3-113
รูปที่ 5-38 กระแสไฟฟ้าในการสตารท์ แบบตา่ งๆกบั มอเตอรไ์ ฟฟ้า เปรียบเทียบกระแสไฟฟ้าในการสตาร์ทแบบต่างๆกับมอเตอร์ไฟฟ้า พบว่าการสตาร์ทแบบซอฟท์ สตาร์ทไม่มีกระแสกระชากเลย จึงไม่เกิดผลเสียต่างๆในระบบไฟฟ้าของโรงงานท้ังยังสตาร์ทต่าท่ีสุด จึง ประหยัดพลงั งานกว่าแบบอนื่ ๆ 3-114
ใบสาระการเรียน หน่วยท่ี ชื่อวิชา การควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า 5 ช่อื หนว่ ย การควบคมุ มอเตอร์ไฟฟา้ เวลาเรียน กระแสสลับ 3 เฟส 6 ชัว่ โมง ช่ือเร่ืองหรือชอ่ื งาน การตอ่ วงจรการควบคมุ มอเตอร์ไฟฟา้ ชนดิ สองความเรว็ สาระสาคญั มอเตอร์ 3 เฟส ชนิดสองความเร็ว หรือที่เรียกว่ามอเตอร์แบบดาลานเดอร์ (Dahlander Motor) สามารถเปล่ียนความเรว็ ได้โดยเปล่ียนวงจรของขดลวดที่สเตเตอร์ (Stator) จะทาให้จานวนขั้วแม่เหล็กเปล่ียนไป แต่การเปลี่ยนจานวนขั้วดังกล่าวนั้นจะเป็น 2 เท่าเสมอ เช่น เปลี่ยนจาก 2 ขั้วเป็น 4 ข้ัว หรือ จาก 4 ขั้ว เป็น 8 ข้วั ดงั น้ัน อตั ราสว่ นของความเรว็ จงึ เป็น 1 : 2 เสมอ เรื่องท่จี ะศกึ ษา 1. การต่อวงจรการควบคุมมอเตอรไ์ ฟฟ้าชนิดสองความเร็ว จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เรยี นร้กู ารควบคุมมอเตอร์ไฟฟา้ กระแสสลบั 3 เฟส 1.1.วงจรการควบคมุ มอเตอร์ไฟฟ้าชนดิ สองความเรว็ ถูกต้อง 1.2.อธิบายการต่อวงจรการควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดสองความเรว็ ได้ 1.3.วเิ คราะห์วงจรการควบคมุ มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดสองความเร็วได้ 3-115
กิจกรรมการเรียนการสอน ขนั้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขน้ั ตอนการเรยี นหรือกิจกรรมของนักเรียน ขั้นเตรียม ขั้นเตรยี ม 1. เชค็ ชื่อนักเรียน 1. เรยี กชื่อตามเลขท่ี 2. เตรยี มเคร่อื งฉาย Power Point 2. ช่วยครเู ตรียมเครอื่ งฉายPower Point ข้ันประเมนิ ผลกอ่ นเรียน ขั้นประเมนิ ผลก่อนเรียน ถามพ้ืนความรู้เกี่ยวกับ การต่อวงจรการ ตอบคาถามด้วยความต้ังใจและสุจริตใจ โดยใช้ความรู้ ควบคุมมอเตอร์ไฟฟา้ ชนิดสองความเร็ว พ้นื ฐานที่มีอยู่ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1. ถามคาถามที่เกี่ยวข้องกับเน้ือหาเพ่ือสร้าง 1. ฟัง ตอบคาถามและซกั ถามขอ้ สงสยั ความสนใจ 2. ฟัง และซักถามข้อสงสยั 2. บอกสมรรถนะท่ีพึงประสงค์ในเร่ือง การต่อ ว ง จ ร ก า ร ค ว บ คุ ม ม อ เ ต อ ร์ ไ ฟ ฟ้ า ช นิ ด ส อ ง ความเรว็ ขั้นสอน ขน้ั สอน 1. สอนเนื้อหาตามหัวข้อของแผนการจัดการ 1. จดบันทึก ตอบคาถาม ซักถามข้อสงสัยตรงตามเนื้อหา เรียนรู้โดยใช้วิธีถาม-ตอบกับนักเรียนโดยใช้ ดว้ ยวาจาท่ีสภุ าพเรียบร้อย ความรู้เดิมของนักเรียนมาต่อยอดเป็นความรู้ 2. ตัวแทนนักเรียนรับเอกสารประกอบการสอน การต่อ ใหม่พร้อมใช้สื่อ Power Point และตัวอย่าง วงจรการควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดสองความเร็ว ไป ของจริงประกอบการสอน ทาใบงาน โดยครคู อยสงั เกตและให้คาแนะนาเพ่มิ เติม 2. มอบหมายให้ทาใบงาน 3. จดบันทึก ตอบคาถาม ซักถามข้อสงสัยด้วยวาจาที่ 3. อธิบายพร้อมเทคนิคในการต่อวงจรการ สุภาพเรยี บร้อย ควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า และตอบข้อซักถาม 4. ศึกษาใบงาน ซกั ถามข้อสงสัย ดว้ ยความต้งั ใจ เก่ยี วกบั งานท่ีจะปฏบิ ตั ิ โดยใช้ Power Point 5. จดบนั ทกึ ตอบคาถาม ซักถามข้อสงสัยตรงตามเนื้อหา 4. ควบคุมดแู ลและให้คาแนะนาขณะทาใบงาน ด้วยวาจาทีส่ ภุ าพเรียบรอ้ ย 5. ตรวจเช็ควัสดุ-อุปกรณ์และเคร่ืองมือในการต่อ 6. ตรวจวสั ดุ-อปุ กรณ์และเครอื่ งมอื ในการทาใบงาน วงจรการควบคุมเคร่ืองกลไฟฟา้ 7. ปฏิบตั ิการทาใบงาน 8. รว่ มกนั ทาความสะอาดพ้นื ที่ปฏบิ ัติงาน ข้นั สรุป อภปิ รายและรว่ มสรปุ เร่ืองทเี่ รียนร่วมกนั นาอภิปรายสรุปสาระสาคัญการต่อวงจรการ 1. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ดว้ ยความม่ันใจและสจุ รติ ใจ ควบคมุ มอเตอรไ์ ฟฟ้าชนิดสองความเรว็ 2. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ซักถามข้อสงสัย 3-116
กิจกรรมการเรยี นการสอน ขน้ั ตอนการสอนหรอื กิจกรรมของครู ขน้ั ตอนการเรียนหรือกิจกรรมของนกั เรียน ขนั้ ประเมนิ ผลหลงั เรียน 1. มอบหมายใหท้ าใบงานหลังเรยี น 2. สรุปผลการประเมินผลรวม การต่อวงจรการ ค ว บ คุ ม ม อ เ ต อ ร์ ไ ฟ ฟ้ า ช นิ ด ส อ ง ค ว า ม เ ร็ ว เกี่ยวกับกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และ คุณลักษณะที่ต้องการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ใบงาน และใบทดสอบ 3-117
งานทีม่ อบหมายหรือกิจกรรม ก่อนเรียน 1. เชค็ ช่อื นักเรียน 2. เตรียมเครื่องฉาย Power point ขณะเรยี น 1. ทาแบบฝึกหดั 2. เฉลยแบบฝึกหัด 3. ปฏิบัตกิ ารทดลอง 4. ประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระสาคญั เร่ือง การต่อวงจรการควบคุมมอเตอรไ์ ฟฟ้าชนิดสองความเรว็ หลังเรยี น 1. ประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน และคุณลักษณะที่ตอ้ งการบรู ณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม สอ่ื การเรียนการสอน 1. ส่อื การเรยี นการสอน E-learning ส่อื สิ่งพิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอน การต่อวงจรการควบคมุ มอเตอร์ไฟฟา้ ชนดิ สองความเรว็ ส่อื โสตทศั น์ 1. Power point ห่นุ จาลองหรือของจริง 1. แผ่นปา้ ยตวั อย่าง 2. รปู ลกั ษณะของสัญลักษณแ์ ละอุปกรณ์ควบคุมเคร่ืองกลไฟฟา้ เช่น แมกเนติกคอนแทคเตอร์ สวิทช์ ปุมกด โอเวอร์โหลด เปน็ ต้น 3-118
การประเมนิ ผล ขณะเรยี น 1. สังเกตความสนใจ 2. สังเกตการนาเสนอผลงาน 3. ตรวจแบบฝกึ หัด 4. สงั เกตการณป์ ฏิบตั กิ จิ กรรม 5. ประเมนิ ผลการปฏบิ ัติการทดลองตามใบทดลอง หลงั เรยี น 1. ทาทดสอบหลงั เรียน 2. ประเมนิ ตนเองและเพื่อนรว่ มงาน เร่ืองกิจนสิ ัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่ต้องการบรู ณาการ คุณธรรม จรยิ ธรรม 3-119
บันทกึ หลังการสอน ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ การตอ่ วงจรการควบคุมมอเตอร์ไฟฟา้ ชนิดสองความเร็ว ดงั น้ี 1. เวลาทใ่ี ชส้ อน……………..........………………………………………………………………………..……………………………………. 2. เน้ือหา……………………………………………………………………………………...........……….……………………………………… 3. สอื่ การสอน…………………………………………………………………………………...........…….……………………………………. ผลการเรยี นของนักเรียน ………………………………………………………………………………………………………….............….……………………………………. ………………………………………………………………………………………………………............…….……………………………………. ……………………………………………………………………………………………………….............….…………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………..............……………………………………………. ผลการสอนของครู …………………………………………………………………………............……………………….………………………………………………. …………………………………………………………………………………………….…………………………………………............…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………............……………. …………………………………………………………………………………………………………………………............……………………….. ลงชื่อผู้บันทึก……………….…………… (…………………………..) ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รบั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..............………………. …………………………………………………………………………………………………………………………............…………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………............………………………………. ลงชอ่ื …………………….………………. (…………….....………………) ตาแหน่ง ……………….………………… 3-120
5.9 การควบคุมมอเตอรช์ นิดสองความเรว็ มอเตอร์ 3 เฟส ชนิดสองความเร็ว หรือท่ีเรียกว่ามอเตอร์แบบดาลานเดอร์ (Dahlander Motor) สามารถเปล่ียนความเร็วได้โดยเปลี่ยนวงจรของขดลวดท่ีสเตเตอร์ (Stator) จะทาให้จานวนข้ัวแม่เหล็ก เปล่ยี นไป แต่การเปลี่ยนจานวนข้ัวดังกล่าวนั้นจะเป็น 2 เท่าเสมอ เช่น เปล่ียนจาก 2 ข้ัวเป็น 4 ขั้ว หรือ จาก 4 ขั้ว เป็น 8 ขั้ว ดงั น้นั อัตราสว่ นของความเรว็ จงึ เปน็ 1:2 เสมอ ซงึ่ เปน็ ไปตามความสมั พันธ์ ดังนี้ N= 120f ............................. (5-1) p เม่อื N = ความเร็วรอบของมอเตอร์ เป็นรอบต่อนาที f = ความถข่ี องไฟฟ้ากระแสสลบั ของแหลง่ จ่ายไฟเปน็ เฮิรท์ ซ่งึ มีค่าคงท่ี 50 Hz p = จานวนขวั้ แม่เหลก็ ทีพ่ นั ขดลวดบนสเตเตอร์ ตัวอย่าง เช่น มอเตอร์ท่ีมี 2 ข้ัว จะหมุนด้วยความเร็ว 3,000 รอบต่อนาที แต่ถ้าต่อวงจร ขดลวดให้ เป็น 4 ข้ัวจะหมุนด้วยความเร็ว 1,500 รวบต่อนาที นั่นคือ ความเร็วสูงกับความเร็วต่าจะต่างกัน 2 เท่า ดังที่ กล่าวข้างต้น สาหรับโครงสร้างและส่วนประกอบของมอเตอร์แบบนี้คล้ายกับมอเตอร์กระแสสลับ 3 เฟส แบบ อนิ ดักชน่ั มอเตอร์ ทุกประการเพียงแต่ขนาดความหนาของสเตเตอร์อาจจะออกแบบเป็นพิเศษ เพ่ือให้มอเตอร์ ได้กาลังมา้ คงที่หรือแรงบดิ คงท่ี เม่ือความเรว็ รอบในการหมนุ เปล่ยี นไป 5.9.1 ชนดิ ของมอเตอร์สองความเร็ว มหี ลายแบบตามการออกแบบของผ้ผู ลติ ดังน้ี 1. แบบแรงม้าคงที่ (Constant Horsepower Motor) แบบนใ้ี หก้ าลังหรอื แรงม้าคงท่ีแมว้ ่าความเร็วรอบ ในการหมุนจะเปลี่ยนแปลงไป 2. แบบแรงบิดคงท่ี (Constant Torque Motor ) แบบน้ีจะให้แรงบิดขณะเริ่มเดินและแรงบิดระหว่าง ทางานคงทีส่ ม่าเสมอ แม้วา่ ความเรว็ รอบในการหมนุ จะเปลี่ยนไป ตัวอย่างการใช้งาน ได้แก่ เคร่ืองอัด อากาศ สายพานลาเลยี ง เป็นต้น 3. แบบแรงบิดเปล่ียนแปลง (Variable Torque Motor ) แบบน้ีจะให้แรงบิดและแรงม้าเพ่ิมขึ้น เมื่อ ความเร็วรอบของมอเตอรเ์ พมิ่ สงู ขน้ึ 3-121
5.9.2 การเปลี่ยนระดบั ความเรว็ สาหรับการเปลีย่ นแปลงระดับความเร็ว ทาไดโ้ ดยการเปลี่ยนจดุ ต่อขดลวดภายในมอเตอร์ 2 ลกั ษณะ คือ 1. Series – Delta ทาใหข้ ้ัวแม่เหล็กเพิม่ ความเร็วรอบจะต่า (L0W Speed) 2. Parallel – Star ทาให้ขวั้ แมเ่ หล็กลดลง ความเรว็ รอบจะสูงขึ้น (High Speed) L1 L1 1U 2U 1U 2U 2W 1W 1V 2W 2V V2 V1 1W 1V L3 (()ก) ความเร็วต(า่ S(eSreireie–- DDeeltlat)a) L2 L3 L2 ( )(ข) ความเร็วสงู (P(Paarraalllleell-–StSatr)ar) รปู ที่ 5-27 แสดงไดอะแกรมการตอ่ ขดลวดของมอเตอรช์ นิดสองความเร็ว การต่อวงจรขดลวดเพื่อให้ไดค้ วามเรว็ ต่าหรือสูง จะตอ้ งจ่ายไฟเข้ามอเตอร์ ดังนี้ ความเรว็ ตา่ L1 ต่อกับ 1U L2 ตอ่ กบั 1V L3 ต่อกับ 1W 2U – 2V – 2W เปดิ วงจรได้ ความเรว็ สูง L1 ตอ่ กับ 2U L2 ต่อกับ 2V L3 ตอ่ กับ 2W 1U – 1V – 1W ตอ่ รวมกนั ไว้ สาหรับการควบคมุ ความเร็วดว้ ยแมกเนติกคอนแทคเตอร์ จะตอ้ งใช้จานวน 3 ตวั ดงั รูปที่ 2 เม่ือคอยล์ K1 ทางาน มอเตอรจ์ ะหมุนดว้ ยความเร็วตา่ และเม่ือคอยล์ K2,K3 ทางานมอเตอรจ์ ะหมนุ ด้วยความเร็วสูง 3-122
3N 380/220V 50 Hz K3 L1 L2 L3 N F1 K1 K2 F3 W1 V2 MV1 U2 3U1 W2 รปู ท่ี 5-28 วงจรกาลังควบคมุ ความเรว็ มอเตอร์ชนดิ สองความเรว็ ด้วยแมกเนติกคอนแทคเตอร์ 3-123
L1 (R) 97 98 F2 95 F3 96 S1 K1 K2 S2 S3 K2 K1 K1 H1 K2 K3 H2 H3 N 123 45 6 รูปที่ 5-29 วงจรควบคุมความเรว็ มอเตอร์ชนิดสองความเรว็ ด้วยแมกเนตกิ คอนแทคเตอร์ 3-124
5.10 ชุดควบคมุ มอเตอรช์ นดิ ปรบั ความเรว็ รอบ (Variable Speed Drive: VSDs) ชุดควบคุมมอเตอรช์ นดิ VSD จะทาหน้าทีเ่ ปล่ยี นพลังงานไฟฟ้าด้านเข้าที่มีความถี่คงที่ให้เป็นพลังงาน ไฟฟา้ ดา้ นออกท่ปี รับเปล่ียนความถไี่ ด้ ความถที่ ี่ปรบั เปล่ยี นได้น้ีจะทาใหช้ ดุ ควบคุมมอเตอร์สามารถควบคุมการ ทางานของมอเตอร์ได้ตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าท่ีความถ่ีต่าเพ่ือขับเคลื่อน มอเตอร์ท่คี วามเรว็ รอบตา่ และสร้างพลงั งานไฟฟา้ ที่ความถ่ีสูงเพ่ือขับเคลือ่ นมอเตอรท์ ี่ความเรว็ รอบทสี่ ูงข้ึน ความถ่ีท่ีชุดควบคุมมอเตอร์สร้างข้ึนสามารถเปล่ียนแปลงให้มอเตอร์สร้างแรงบิดตามท่ีต้องการได้ ดังนั้นชุดควบคุมมอเตอร์และตัวมอเตอร์สามารถทางานร่วมกันในการขับเคล่ือนโหลดขนาดใหญ่ท่ีความเร็ว รอบต่าและขบั เคล่อื นโหลดขนาดเล็กทคี่ วามเร็วรอบสูงขณะทีม่ อเตอร์มปี ระสทิ ธิภาพสงู สุด ข้อดีของการใช้อปุ กรณ์ควบคุมความเรว็ รอบมอเตอร์ - สามารถปรับความเร็วรอบมอเตอร์ได้ ทาให้เลือกใช้ความเร็วรอบที่เหมาะสมตามความต้องการของ งานแตล่ ะประเภท - มีการควบคุมความเร็วรอบแบบวงปิด (Closed loop control) ทาให้ระบบมีการทางานท่ีแม่นยา และมีเสถยี รภาพอยู่ตลอดเวลา - เป็นการเพ่ิมคุณภาพของชิ้นงานให้ถูกต้องตามความต้องการ เน่ืองจากระบบมีความแม่นยามากข้ึน ทาใหช้ ่วยลดตน้ ทุนการผลติ - ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องจักร และป้องกันการสูญเสียจากการทางานของมอเตอร์ พัดลม และ ปมั๊ น้า - ลดการกระชากไฟตอนเร่ิมต้น ทาใหล้ ดค่าความต้องการกาลงั ไฟฟา้ (Demand) ลงได้ - ประหยัดพลงั งาน โดยใชพ้ ลังงานตามความจาเป็นของภาระ 5.11 การควบคุมความเรว็ ของมอเตอรต์ ามความต้องการของภาระ เม่อื กอ่ นนน้ั การควบคุมปรมิ าณการไหลของป๊ัมน้า พัดลมและโบล์วเวอร์ มักทาโดยให้มอเตอร์หมุนด้วย ความเร็วตามปกติแล้วควบคุมปริมาณการไหลโดยการใช้วาล์ว (Valve) หรือแดมเปอร์ (Damper) วิธีน้ีใช้ อุปกรณ์ราคาถูกแต่ประสิทธิภาพต่าจึงต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมาก ดังน้ันในปัจจุบันจึงได้เปล่ียนมาใช้วิธีการ เปล่ียนความเร็วรอบมอเตอร์ (Variable speed drive) ในการควบคุมปริมาณการไหลเพ่ือประหยัดพลังงาน การปรบั ความเร็วของมอเตอรท์ าให้ประสิทธิภาพของมอเตอร์เพิ่มข้ึน 10% หรือโดยเฉล่ียความเร็วรอบ ลดลง ¾ เท่าของความเรว็ เดิม 3-125
5.12 วิธกี ารอนุรกั ษพ์ ลงั งานเกี่ยวกับสายพานมอเตอร์ 5.12.1 การปรับความตึงของสายพานมอเตอร์ สายพานหย่อนทาให้เกิดการเสียดทานเพิ่มข้ึน ส่งผลทาให้มอเตอร์ต้องใช้กาลังงานในการขับเพ่ิมข้ึน ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ดังน้ันจึงควรปรับความตึงของสายพานให้เหมาะสมซ่ึงจะทาให้สามารถประหยัด พลังงานไฟฟ้าลงได้ ทางโรงงานทาการปรับตั้งความตึงของสายพานใหม่ สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ไฟฟา้ ลงได้ สายพานหากตึงมากเกินไปก็จะทาให้สายพานและรองเพลาสึกหรอเร็วข้ึน หากหย่อนมากก็จะเกิดการ ลน่ื ไถลส่งกาลงั ได้ไม่ดเี ท่าที่ควร ดว้ ยเหตุน้จี ะตอ้ งมกี ารปรับตงึ สายพานตามที่ผผู้ ลิตกาหนดมา โดยกระทาดังน้ี 1) ดูคา่ แรงดึงดดั และระยะดดั ของสายพานจากคมู่ ือผผู้ ลติ 2) ใช้เกจ็ วดั แรงดงึ บริเวณกงึ่ กลางความยาวของสายพาน - วดั อา่ นค่าระยะดัดสายพาน 3) ปรับความตึงตามค่าท่ีผผู้ ลติ กาหนดดว้ ยการปรบั สกรูท่รี ้ังฐานมอเตอร์ 4) เชค็ ความตึงของสายพานด้วยเก็จสปริงวัดแรงและบรรทัดเหล็ก 5) ปรับความตึงจนได้ค่าถูกต้อง 6) ยึดน็อตฐานมอเตอรแ์ ละล๊อคสกรูปรบั ให้แนน่ 5.12.2 การบารุงรกั ษาสายพาน สายพานแบน : สายพานท่ีทาจากหนังเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ผิวสัมผัสจะเกิดเป็นมัน ซ่ึงอาจเกิดจาก การตึงสายพานไม่เพียงพอ ทาให้เกิดการล่ืนไถลน้ัน ห้ามนามาเทเรซินเด็ดขาด เพราะเรซินทุกชนิดจะทาให้ สายพานเสียหาย สายพานหนังที่มีผิวสัมผัสมัน จะนิยมใช้น้าสบู่พออุ่นและแปรงขัดออก (ห้ามใช้แปรงลวดท่ี แข็งและคม) หลังจากปล่อยให้แห้งแล้วนามาทาด้วยน้ามันสัตว์หรือน้ามันพืชหรือจาระบี - ปล่อยทิ้งไว้ให้ซึม เข้าไปในสายพาน (ทาให้สายพานอ่อนตัว) - หลังจาก 2 ชั่วโมง หากยังมีเศษน้ามันหรือจาระบีที่สายพานไม่ สามารถดูดซมึ ต่อไปแลว้ ให้ใช้ผา้ เช็ดออกให้แหง้ สายพานลิ่ม : จะห้ามมิให้น้ามันหรือจาระบีสัมผัสสายพานล่ิมเด็ดขาด หากมิสามารถหลีกเลี่ยง บริเวณที่มีน้ามันหรือจาระบีได้แล้ว ก็ให้ใช้สายพานล่ิมพิเศษท่ีทาจากยางเปอบูนาน ในการใช้แรซินก็จะทาให้ เกิดการเสียหายแก่สายพานเช่นกัน การใช้สายพานลิ่มท่ีอุณหภูมิเกินกว่า 70 องศา อย่างถาวร จะทาให้ สายพานเสื่อมสภาพเรว็ ในการปรับตึงสายพานมากเกินไปจะมีผลให้ขาดเร็วก่อนกาหนด สาหรับกรณีที่สายพานในร่องล้อ สายพานหลายเสน้ มีเสยี หาย 1 เสน้ กจ็ ะต้องเปลีย่ นใหม่ทกุ เสน้ ท้งั ชุดเสมอ 3-126
5.12 การบารงุ รักษา Bearing เคร่ืองมือกลแทบทุกชนดิ จะต้องประกอบด้วยชนิ้ สว่ นหลักท่สี าคญั ชิ้นสว่ นหนง่ึ คือ Bearing (ตลับ ลูกปนื ) ซ่งึ จะทาหน้าที่เป็นอุปกรณ์ รองรับและประคองการหมุนของเพลา ท้ังเพลางาน และ เพลาชดุ เฟือง ทดรอบ นอกจากน้ี ตลบั ลูกปืนยงั ทาหนา้ ท่ถี ่ายทอดหรือสง่ ถ่ายแรงท่เี กดิ ข้นึ จากการทางานบนเพลา ให้ผ่านลง ไปสฐู่ านเครื่อง หากเปรยี บหนา้ ทก่ี ารทางานของ Bearing (ตลับลูกปืน) กับส่วนอืน่ ๆ ของเคร่อื งมอื กลแล้ว จะ เห็นได้ว่าตลับลูกปนื เป็นจุดวิกฤตจุดหนึ่งของเคร่ืองมือกล เพราะเปน็ ช้ินส่วนที่ต้องทาหน้าที่หลายๆ อยา่ งใน ขณะเดยี วกนั ดงั นนั้ ชน้ิ ส่วนทีห่ มดสภาพการใช้งานหรอื เสยี หายจงึ มักเกดิ ขน้ึ ที่ Bearing (ตลบั ลกู ปืน) การเลอื ก ชนิดของตลับลกู ปนื การถอดและประกอบตลบั ลูกปืน รวมถงึ การบารุงรักษาจึงเป็นส่ิงสาคัญอยา่ งยิง่ ในงาน เคร่ืองมอื กล ตลบั ลูกปนื ซ่ึงจะทาหน้าทีล่ ดความเสยี ดทานระหว่างผิวสัมผัส ทาใหส้ ามารถลดปริมาณพลงั งานท่ี จาเปน็ ต้องใชใ้ นการขับเคลือ่ นเครือ่ งจักร และเมื่อความเสยี ดทานลดลง จึงชว่ ยเพิ่มสมรรถนะในการทางาน ของเครอ่ื งลดการสกึ หรอมีผลใหก้ ารดูแลรักษางา่ ยข้ึน ประเภทของ Bearing (ตลบั ลูกปืน) โดยหลักทว่ั ไปแบง่ ออกได้ 2 แบบ 1. แบบเม็ดกลม 2. แบบเม็ดยาว ดว้ ยการออกแบบของเม็ดลกู กล้ิงท่แี ตกต่างกัน ทาให้ตลับลูกปืนท่ีมีมิติขนาด เท่ากันเม็ดยาวจะมีความสามารถในการรับแรงมากกว่าเม็ดกลม แต่มีความสามารถในการทางานที่ ความเรว็ รอบต่ากวา่ เม็ดกลมเนื่องจากความเสยี ดทานทีส่ ูงกว่าของผวิ สัมผสั น่ีเอง การบารุงรักษา Bearing (ตลับลูกปืน) หน้าที่หลักของการหล่อล่ืนตลับลูกปืน คือ การเน้นไปที่การ ป้องกันการสัมผัสกันของโลหะระหว่างเม็ดลูกกลิ้งและรางวิ่ง ก็เพ่ือที่จะลดแรงเสียดทานและป้องกันการสึก หรอ หน้าที่รองของสารหล่อลื่น คือ การปกป้องตลบั ลูกปืนจากการกดั กรอ่ นและส่งิ ปนเป้ือนภายนอก มีตลับลูกปนื นอ้ ยกว่า 20% หลอ่ ลน่ื ด้วยนา้ มัน เราจะไมเ่ นน้ ไปท่ีการหล่อล่ืนวิธีนี้ นอกจากนี้ การหล่อ ลน่ื ด้วยน้ามนั เป็นเรอ่ื งท่ีไม่ซับซ้อน คุณสมบัติท่ีสาคัญในการเลือกใช้น้ามันหล่อล่ืนคือ ความหนืดและชนิดของ น้ามัน การหล่อล่ืนควรใช้น้ามันหล่อลื่นชนิดท่ีเหมาะสมกับความต้องการและมีปริมาณน้ามันหล่อลื่นท่ี เพยี งพอ ห้องเคร่ืองของเพลางานควรได้รับการตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของน้ามันหล่อลื่นที่มีอยู่ในห้อง เคร่อื งตามคาแนะนาของผผู้ ลติ เคร่ืองมือกลอยูเ่ สมอ เคร่ืองมือกลควรจัดวางให้อยใู่ นสถานทท่ี ี่เหมาะสมและปราศจากฝุนละออง หรือ จัดหาส่ิงทป่ี อ้ งกันเมือ่ จาเปน็ 3-127
การเลือกใช้น้ามันจะขึ้นอยู่กับความหนืดท่ีต้องใช้ในการหล่อลื่นที่เพียงพอแก่ตลับลูกปืนท่ีอุณหภูมิ น้ามันหล่อล่ืนพื้นฐานโดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ น้ามันแร่ ( 90%) , น้ามันสังเคราะห์ ( 10%) , น้ามัน จากสัตว์และพืช ( <1%) โดยท่ัวไปน้ามันแร่เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่ในบางกรณี น้ามันชนิดอ่ืนมีความเหมาะสมมากกว่า น้ามันจะต้องปราศจากสิ่งปนเป้ือนและทนต่อปฏิกิริยากับอากาศ (ออกซิเดช่ัน) การเกิดยางเหนียว และ การ เส่ือมสภาพจากการระเหยตัว ความถี่ในการเปลี่ยนถ่ายน้ามันข้ึนอยู่กับสภาพการทางาน(การปนเปื้อน,อุณหภูมิ)และคุณภาพของ น้ามันท่ีใช้ระยะเวลาท่ีเหมาะสมท่ีสุดสามารถหาได้โดยการทดลองใช้งานและส่งน้ามันเข้าตรวจวิเคราะห์ คุณภาพในห้องทดลองเปน็ ระยะๆเทา่ นัน้ ในขณะทางานการตรวจสอบสภาพตลับลูกปืนเป็นสิ่งสาคัญที่ควรทาอย่างสม่าเสมอ ปัจจัยที่ต้อง ตรวจสอบ เช่น อุณหภูมิ, ความส่ันสะเทือนและการวัดระดับเสียง การตรวจสอบสิ่งเหล่าน้ีเป็นประจา ทาให้ สามารถแก้ปัญหาท่ีมีโอกาสเกิดข้ึนได้และช่วยป้องกันความเสียหายท่ีไม่คาดคิด เครื่องมือในข้ันตอนนี้ ได้แก่ เครือ่ งมือวดั อณุ หภมู ิ เสียง ความเรว็ และความสน่ั สะเทอื น 3-128
เฉลย แบบประเมินผลการเรียน หนว่ ยท่ี 5 การควบคมุ มอเตอร์ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส จงทาเครื่องหมาย X ลงบนข้อท่ถี ูกต้อง 1. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องเก่ียวกับการสตารท์ มอเตอร์แบบเรียงลาดบั A. การสตาร์ทมอเตอร์จะสตาร์ทมอเตอร์พร้อมกนั ทุกตัวโดยเร่ิมจากรอบที่ตา่ และเรง่ ความเรว็ ข้นึ B. จะสตารท์ มอเตอรจ์ ะสตาร์ทเรียงกนั ทีละตวั เรียงตามสาดบั ก. A ถกู B ผิด ข. A ผดิ B ถกู ค. ผดิ ทัง้ สองข้อ ง. ถูกทง้ั สองข้อ 2. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกี่ยวกับการหยุดมอเตอร์ของวงจรสตาร์ทมอเตอร์แบบเรียงลาดบั A. เมอ่ื มอเตอร์ตวั ใดตัวหนึง่ เกิดทางานเกนิ กาลังมอเตอรจ์ ะหยุดพร้อมกนั ทัง้ สองตวั B. เม่ือมอเตอร์ตัวใดตวั หนึง่ เกดิ ทางานเกินกาลังมอเตอรจ์ ะค่อยๆหยุดทีละตัว ก. A ถูก B ผดิ ข. A ผดิ B ถูก ค. ผดิ ท้งั สองข้อ ง. ถกู ทงั้ สองข้อ 3.การควบคุมแบบ Manual Sequence Control และการควบคุมแบบ Automatic Sequence Control มี อุปกรณ์ใดท่ีแตกต่างกัน ก. คารท์ รดิ จฟ์ ิวส์ ข. โอเวอร์โหลดรีเลย์ ค. รเี ลยห์ นว่ งเวลา ง. แมกเนตกิ คอนแทคเตอร์ 4. หน้าที่ของ แมกเนติกคอนแทคเตอร(์ Magnetic Contactortor) คือ ก. เป็นอปุ กรณ์ปอ้ งกันมอเตอรท์ างานเกินกาลัง ข. เป็นอุปกรณ์หนว่ งเวลา ค. เปน็ อุปกรณช์ ว่ ยปรบั ความเรว็ รอบ ง. เปน็ สวิทช์แม่เหลก็ 5. อุปกรณใ์ ดเปน็ อปุ กรณ์ป้องกนั มอเตอรท์ างานเกินกาลัง ก. คาร์ทริดจ์ฟวิ ส์ ข. โอเวอรโ์ หลดรีเลย์ ค. รีเลย์หน่วงเวลา ง. แมกเนติกคอนแทคเตอร์ 3-129
6. อปุ กรณใ์ ดทีไมใ่ ชอ่ ุปกรณ์ทีใช้ในการสตาร์ทมอเตอร์ ก. เซอร์กิตเบรคเกอร์ ข. สวิสต์ ค. แมกเนติคคอนแทคเตอร์ ง. โวลตม์ ิเตอร์ 7.การเริม่ เดนิ แบบสตาร์-เดลต้า นยิ มใช้กับมอเตอร์ 3 เฟสชนดิ เหนี่ยวนาทใี่ ชโ้ รเตอรช์ นิดใด ก. โรเตอร์แบบขดลวดพนั ข. โรเตอรแ์ บบกรงกระรอก ค. โรเตอร์แบบวาวนด์ ง. ไมน่ ยิ มใช้โรเตอร์ท้ัง 3 ชนดิ 8. เมอ่ื ตอ่ วงจรแบบสตาร์-เดลตา้ ขอ้ ใดกลา่ งถูกต้อง ก. แรงดันลดลง , กระแสลดลง ข. แรงดนั ลดลง , กระแสเพ่ิมขึน้ ค. แรงดนั เพิม่ ข้ึน , กระแสลดลง ง. แรงดนั เพม่ิ ขึ้น , กระแสเพ่ิมข้ึน 9.การสตารท์ มอเตอรโ์ ดยตรง (Direct on Line Starter) โดยใชแ้ รงดนั พิกัดทนั ทีทันใด จะเกดิ อะไรขนึ้ ก. กระแสทเ่ี กิดขน้ึ มคี า่ ประมาณ 1 – 3 เท่าของกระแสพิกัดในภาวะปกติ ข. กระแสทเี่ กดิ ขนึ้ มคี า่ ประมาณ 3 – 5 เท่าของกระแสพกิ ัดในภาวะปกติ ค. กระแสท่เี กิดข้ึนมีคา่ ประมาณ 6 – 8 เท่าของกระแสพิกัดในภาวะปกติ ง. กระแสทเ่ี กดิ ขึ้นมีคา่ ประมาณ 9 – 11 เทา่ ของกระแสพิกัดในภาวะปกติ 10. วธิ ีการสตาร์ทมอเตอร์แบบใดท่สี ามารถเปลีย่ นแทป็ แรงดนั ได้หลายระดบั ก. การสตาร์ทมอเตอร์โดยตรง ข. การสตารท์ มอเตอร์แบบซอฟท์สตารท์ เตอร์ ค. การสตาร์ทมอเตอร์แบบสตาร์-เดลตา้ ง. การสตาร์ทมอเตอรโ์ ดยใช้หมอ้ แปลงอัตโนมัติ 11. แบบใดคือชนิดของมอเตอร์สองความเร็ว ข. แบบแรงบดิ คงที่ ก. แบบแรงมา้ คงท่ี ง. ถูกทุกขอ้ ค. แบบแรงบิดเปลย่ี นแปลง 12.ในเร่ืองการเปลย่ี นแปลงระดบั ความเรว็ ของมอเตอร์ ถ้าทาให้ข้ัวแม่เหลก็ เพ่ิมข้ึนความเรว็ รอบของมอเตอร์ จะเป็นอยา่ งไร ก. ความเร็วรอบจะต่าลง ข. ความเร็วรอบจะเพ่มิ มากขึ้น ค. ความเรว็ รอบจะเทา่ เดมิ ง. มอเตอร์จะหยุดหมุน 13. VSD คืออะไร ข. อุปกรณด์ บั ประกายไฟเมื่อฟวิ ส์ขาด ก. ชุดป้องกันมอเตอร์ทางานเกินกาลงั ง. ถกู ทุกข้อ ค. ชดุ ควบคมุ มอเตอรช์ นิดปรับความเร็วรอบ 3-130
14.ขอ้ ดีของระบบ VSD คือ ข. ลดการกระชากไฟตอนเร่มิ ต้น ก. ชว่ ยลดการสกึ หรอของเคร่ืองจกั ร ง. ถูกทุกขอ้ ค. มีการควบคุมความเร็วรอบแบบวงปิด 15.การควบคุมมอเตอร์ชนดิ สองความเร็วอตั ราส่วนของความเร็วเปน็ เทา่ ใด ก. 1:2 ข. 1:3 ค. 1:4 ง. 1:5 16.ข้อดีของการปรบั ความตงึ ของสายพานมอเตอร์ คือ ก. ช่วยประหยัดพลงั งาน ข. ช่วยยืดอายกุ ารใช้งานของสายพาน ค. ชว่ ยให้สายพานทางานได้เตม็ ประสทิ ธิภาพ ง. ถูกทกุ ขอ้ 17.ข้อใดไม่ใช่การปรบั ความตึงของสายพาน ข. ใชเ้ กจ็ วดั แรงดงึ บรเิ วณก่ึงกลางความยาวของสายพาน ก. ชว่ ยประหยัดพลังงาน ง. ใช้เกจ็ วัดแรงดงึ บริเวณที่สายพานสัมผสั กับมอเตอร์ ค. ช่วยให้สายพานทางานไดเ้ ต็มประสทิ ธิภาพ 18.กรณที ส่ี ายพานในร่องลอ้ สายพานหลายเส้นมกี ารชารดุ 1 เสน้ จะต้องทาอยา่ งไร ก. เปล่ียนเฉพาะเสน้ ทีช่ ารุด ข. เปลีย่ นทั้งเส้นทช่ี ารุดและร่องล้อ ค. เปลย่ี นใหมท่ ุกเสน้ ท้ังชุดเสมอ ง. ถ้ายังทางานได้ยงั ไมต่ ้องเปลี่ยน 19.ประโยชน์ของ Bearing คอื ข. รองรบั และประคองการหมุนของเพลาชุดเฟืองทดรอบ ก. รองรับและประคองการหมุนของเพลางาน ง. ถกู ทุกขอ้ ค. ลดความเสยี ดทานระหวา่ งผวิ สมั ผสั 20.ขอใดถกู ต้องเก่ียวกับตลบั ลกู ปนื แบบเมด็ ยาว A.มคี วามสามารถในการรับแรงมากกว่าเมด็ กลม B.มีความสามารถในการทางานทีค่ วามเรว็ รอบตา่ กวา่ เมด็ กลม ก. A ถูก B ผิด ข. A ผดิ B ถกู ค. A ถกู B ถกู ง. A ผดิ B ผิด 3-131
โครงการขยายผลหลักสตู รการอนุรกั ษพ์ ลังงานและพลงั งานทดแทน สาํ หรบั สาํ นักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา รายวิชาท่ี 4 หมอ้ แปลงไฟฟ้า รหัสวิชา 2100-1009 หน่วยท่ี 3,4 การทดสอบหาการสูญเสยี ในหม้อแปลงไฟฟ้า โวลต์เตจเรกกูเลชันและประสทิ ธิภาพ
4-ก หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี พทุ ธศักราช 2556 ประเภทวิชาอุตสาหกรรม สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากาลงั ……………………………………………………………………………………………… จดุ ประสงค์สาขาวิชา 1. เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะด้านภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคม ศึกษา สขุ ศกึ ษาและพลศึกษาในการพฒั นาตนเองและวิชาชพี 2. เพอื่ ใหม้ ีความรู้และทักษะในหลักการบริหารและจัดการวิชาชีพ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และหลักการอาชีพที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิชาชีพช่างไฟฟ้ากาลังให้ทันต่อการ เปล่ียนแปลงและความก้าวหนา้ ของเศรษฐกจิ สงั คม และเทคโนโลยี 3. เพื่อให้มีความรู้และทักษะในหลกั การและกระบวนการงานพืน้ ฐานด้านอุตสาหกรรม 4. เพ่อื ใหม้ ีความรแู้ ละทักษะในงานผลิตและงานบริการทางไฟฟ้าตามหลักการและกระบวนการ ในลักษณะครบวงจรเชิงธุรกิจ โดยคานึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การอนุรักษ์พลังงาน และส่ิงแวดลอ้ ม 5. เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานช่างไฟฟ้ากาลังในสถานประกอบการและประกอบอาชีพอิสระ รวมทงั้ การใช้ความรู้และทกั ษะพืน้ ฐานในการศึกษาตอ่ ระดับสงู ข้ึน 6. เพอ่ื ให้สามารถเลอื ก ใช้ ประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีในงานอาชพี ช่างไฟฟ้ากาลัง 7. เพ่ือใหม้ เี จตคตแิ ละกจิ นสิ ัยที่ดตี ่องานอาชีพ มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีวินัย มีความรับผิดชอบต่อสังคมและส่ิงแวดล้อม ต่อต้านความรุนแรงและสารเสพติด สามารถพฒั นาตนเองและทางานร่วมกับผอู้ ่ืน
4-ข แผนการจดั การเรียนรู้ รหัสวชิ า 2104-2104 ชื่อรายวชิ า หม้อแปลงไฟฟา้ 1-3-2 ระดับช้ัน ประกาศนียบัตรวิชาชพี สาขาวชิ า ช่างไฟฟา้ กาลงั ทฤษฎรี วม 1 ขวั่ โมง ปฏิบัตริ วม 3 ข่ัวโมง 2 หน่วยกติ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั โครงสรา้ ง ชนิด ขนาดของหม้อแปลงไฟฟ้า และหมอ้ แปลงความถ่ี สงู หลกั การเกดิ แรงเคล่ือนไฟฟ้าเหน่ยี วนา สมการแรงเคล่อื นไฟฟ้า อัตราสว่ นการเปลย่ี นแปลง การ ออกแบบหม้อแปลงขนาดเลก็ การออกแบบฟอร์มหม้อแปลง (Bobbin) การพันขดลวด การต่อหม้อ แปลงไฟฟา้ แบบตา่ งๆ การใช้งานและการบารุงรกั ษา จดุ ประสงค์รายวิชา 1. เพอ่ื ให้ร้เู ข้าใจโครงสร้าง หลกั การทางาน ชนิดและขนาดของหมอ้ แปลงไฟฟ้า 2. เพือ่ ให้มที ักษะในการพนั หม้อแปลงการนาไปใชง้ านและการบารงุ รักษา 3. เพ่ือให้มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการปฏิบัติงาน มีความระเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เป็น ระเบยี บ สะอาดตรงต่อเวลา มีความซือ่ สตั ยแ์ ละมคี วามรับผิดชอบ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกีย่ วกับโครงสร้างและหลกั การทางานของหม้อแปลงไฟฟ้า 2. ปฏิบัติงานถอด พนั ขดลวดต่อวงจร ประกอบช้นิ สว่ นและทดสอบหมอ้ แปลงไฟฟา้ 3. ซอ่ มบารุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า
4-ค หนว่ ยการสอน รหัสวชิ า 2104-2104 ชอ่ื วชิ า หม้อแปลงไฟฟา้ จานวน 4 ชั่วโมง / สปั ดาห์ จานวน หน่วยที่ ช่อื หน่วยการสอน ชว่ั โมง 1 หลกั การเหนย่ี วนาแม่เหล็กไฟฟ้าและโครงสร้างของหม้อแปลง 4 ไฟฟา้ 2 หลกั การของหม้อแปลงไฟฟ้า 4 3,4 การทดสอบหาการสูญเสยี ในหมอ้ แปลงไฟฟ้าโวลต์เตจเรกกูเล-ชัน 4 และประสทิ ธิภาพ 5 หมอ้ แปลงสาหรับเคร่อื งวัดไฟฟา้ 4 ใบงานท่ี 1 การออกแบบและการทาฟอรม์ หมอ้ แปลงไฟฟา้ 1 เฟส 12 ใบงานที่ 2 การพันขดลวด การเรยี งแกนเหล็ก และการทดสอบ 4 6 หม้อแปลงไฟฟ้าแบบร่วมขดลวดและการขนานหม้อแปลงไฟฟา้ 4 ใบงานท่ี 3 การตรวจสอบหม้อแปลง ไฟฟ้าเพ่ือหาอตั ราส่วนของหมอ้ แปลง 4 ไฟฟา้ (a) ใบงานที่ 4 การหาค่าสูญเสียในขดลวดของหมอ้ แปลงไฟฟา้ (Copper Loss) 2 ใบงานที่ 5 การหาค่าสูญเสยี ในแกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟา้ (Core loss) 2 ใบงานที่ 6 การตรวจหาขั้วหมอ้ แปลงไฟฟา้ (Polarity marking) 2 ใบงานที่ 7 การขนานหม้อแปลงไฟฟา้ (Transformer in parallel 2 Operation) ใบงานท่ี 8 การต่อหมอ้ แปลงใช้กบั ระบบไฟฟา้ 3 เฟส แบบเดลตา-เดลตา 2 ใบงานที่ 9 การตอ่ หม้อแปลงใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส แบบวาย-วาย 2 ใบงานท่ี 10 การต่อหม้อแปลงใชก้ ับระบบไฟฟ้า 3 เฟส 3 ตัว แบบเดลตา-วาย 4 ใบงานท่ี 11 การต่อหมอ้ แปลงใช้กบั ระบบไฟฟา้ 3 เฟส 3 ตัว แบบวาย-เดลตา 4 7 กาต่อหมอ้ แปลงไฟฟ้าในระบบ 3 เฟส ใบงานที่ 12 การตอ่ หม้อแปลงใชก้ บั ระบบไฟฟา้ 1 เฟส 3 ตวั แบบวี-วี 4 - สอบปลายภาค 4 4 รวม 72
4-ง โครงการเรยี น/การสอน ชื่อวชิ า หม้อแปลงไฟฟ้า รหสั วชิ า 2104-2104 จานวน 4 ชั่วโมง / สัปดาห์ แผนการ สปั ดาห์ที่ หนว่ ยท่ี จดั การ หวั ข้อ จานวน นาที เรียนรทู้ ี่ 240 11 1 1.1.การเกดิ สนามแมเ่ หลก็ จากกระแสไฟฟ้า 1.2. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสนามแม่เหล็กและกระแสไฟฟ้า 1.3.การเกิดแรงดันไฟฟ้าเหน่ยี วนาในหมอ้ แปลง ไฟฟ้า 1.4.โครงสร้างของหมอ้ แปลงไฟฟา้ - สรปุ สาระการเรยี นรู้ - แบบทดสอบ 1 22 2 1.1.หลกั การทางานของหม้อแปลงไฟฟ้า 240 1.2.แรงเคลือ่ นไฟฟา้ ทีเ่ หน่ยี วนาในทตุ ยิ ภูมิ 1.3. อัตรารอบ - สรปุ สาระการเรยี นรู้ - แบบทดสอบ 2 3 3,4 3 1.1.วงจรเทียบเท่าของ หมอ้ แปลงไฟฟา้ 240 1.2.ทดสอบเปดิ วงจร 1.3. ทดสอบลัดวงจร 1.4.โวลต์เตจเรกกเู ลชนั 1.5.ประสทิ ธภิ าพของหมอ้ แปลงไฟฟ้า - สรุปสาระการเรยี นรู้ - แบบทดสอบ 3 45 4 1.1.หม้อแปลงแรงดนั ไฟฟ้า 240 1.2.หมอ้ แปลงกระแส 1.3. การนาหม้อแปลงกระแสและหม้อแปลงแรงดันไปใช้ งาน - สรุปสาระการเรียนรู้ - แบบทดสอบ 4 .
4-จ โครงการเรียน/การสอน (ตอ่ ) ชื่อวชิ า หม้อแปลงไฟฟ้า 1 รหัสวิชา 2104-2104 จานวน 4 ช่ัวโมง / สัปดาห์ แผนการ สัปดาหท์ ี่ หน่วยที่ จัดการ หัวข้อ จานวน นาที เรียนรู้ที่ 5-7 ใบงานท่ี 5 1.1.การออกแบบและการทาฟอร์มหม้อแปลงไฟฟ้า 1 720 1 เฟส - ใบงานที่ 1 - คาถามทา้ ยบท - ใบประเมนิ ผลท่ี 1 8 ใบงานท่ี 6 1.1. การพันขดลวด การประกอบหม้อแปลงไฟฟ้า 240 2 การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า - ใบงานท่ี 2 - คาถามท้ายบท - ใบประเมนิ ผลท่ี 2 96 7 1.1.หมอ้ แปลงไฟฟา้ แบบอัตโนมตั ิ 720 1.2.การต่อหม้อแปลงไฟฟา้ ใชง้ าน 1.3. การขนานหม้อแปลงไฟฟ้า - สรปุ สาระการเรยี นรู้ - แบบทดสอบ 10 ใบงานท่ี 8 1.1.การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าเพือ่ หาอัตราสว่ น 720 3 ของหม้อแปลงไฟฟา้ (a) - ใบงานท่ี 3 - คาถามท้ายบท - ใบประเมนิ ผลท่ี 3
4-ฉ โครงการเรยี น/การสอน (ตอ่ ) ชื่อวิชา หมอ้ แปลงไฟฟา้ รหัสวชิ า 2104-2104 จานวน 4 ชั่วโมง / สัปดาห์ แผนการ สปั ดาห์ที่ หน่วยท่ี จดั การ หัวข้อ จานวน นาที เรียนรู้ท่ี 11 ใบงานท่ี 9 1.1.การหาค่าสูญเสียในขดลวดของหม้อแปลงไฟฟ้า 240 4,5 (Copper Loss) 1.2. ก า ร ห า ค่ า สู ญ เ สี ย ใ น แ ก น เ ห ล็ ก ข อ ง ห ม้ อ แ ป ล ง ไฟฟา้ (Core Loss) - ใบงานที่ 4, 5 - คาถามท้ายบท - ใบประเมนิ ผลท่ี 4, 5 12 ใบงานท่ี 10 1.1. การตรวจหาขั้วหม้อแปลงไฟฟ้า (Polarity marking) 240 6,7 1.2. การขนานหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer in parallel operation) - ใบงานท่ี 6, 7 - คาถามท้ายบท - ใบประเมนิ ผลที่ 6, 7 13 ใบงานที 10 1.1.การตอ่ หม้อแปลงใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส การต่อ 240 8,9 หมอ้ แปลงแบบ เดลตา-เดลตา 1.2.การต่อหม้อแปลงใช้กบั ระบบไฟฟา้ 3 เฟส การตอ่ หมอ้ แปลงไฟฟ้า 3 ตัวแบบ วาย-วาย - ใบงานที่ 8, 9 - ใบประเมนิ ผลท่ี 8, 9 14 ใบงานท่ี 11 1.1. การต่อหม้อแปลงใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส การต่อ 240 10 หมอ้ แปลงไฟฟา้ 1 เฟส 3 ตวั แบบ เดลตา-วาย - ใบงานท่ี 10 - ใบประเมนิ ผลท่ี 10
4-ช โครงการเรียน/การสอน (ตอ่ ) ชือ่ วชิ า หม้อแปลงไฟฟา้ รหสั วิชา 2104-2104 จานวน 4 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ แผนการ สปั ดาห์ที่ หน่วยที่ จัดการ หวั ข้อ จานวน นาที เรยี นรทู้ ี่ 14 ใบงานท่ี 11 1.1. การต่อหม้อแปลงใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส การต่อ 240 10 หม้อแปลงไฟฟา้ 1 เฟส 3 ตวั แบบ เดลตา-วาย - ใบงานที่ 10 - ใบประเมินผลท่ี 10 15 ใบงานที่ 12 1.1 การตอ่ หม้อแปลงใช้กบั ระบบไฟฟ้า 3 เฟส การต่อหม้อ 240 11 แปลงไฟฟา้ 1 เฟส 3 ตวั แบบ วาย-เดลตา - ใบงานท่ี 11 - ใบประเมนิ ผลท่ี 11 17 ใบงานท่ี 1.1.การตอ่ หม้อแปลงใชก้ ับระบบไฟฟ้า 3 เฟสการต่อ 240 12 หมอ้ แปลงไฟฟา้ 1 เฟส 3 ตวั แบบ วี-วี - ใบงานท่ี 12 - ใบประเมนิ ผลที่ 12 18 - - สอบปลายภาค 240
4-ซ คณุ ลกั ษณะทีต่ อ้ งการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คณุ ธรรม/จรยิ ธรรม พฤติกรรมบ่งช้ี คะแนน ลาดบั ที่ และคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ 1 ความรบั ผดิ ชอบ 1.1.ปฏบิ ัติงานตามขน้ั ตอนท่ีวางไว้ - ตั้งใจปฏิบัติงานตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้องปลอดภัย 2 ตอดเวลา - ไม่ตั้งใจปฏิบัติงานตามข้ันตอนแต่เสร็จสมบูรณ ด้วย 1 0 ความปลอดภัยเป็นบางครงั้ - ไม่ปฏิบัติงานปฏิบัติงานไม่สาเสร็จสมบูรณ์ ไมป่ ลอดภยั 2 ความมวี นิ ัย 2.1.ตรงตอ่ เวลาในการเขา้ ช้นั เรียนและเขา้ แถวหนา้ เสาธง 2 - เขา้ ชัน้ เรียนตรงตามเวลาทค่ี รเู ช็คชือ่ 1 - เขา้ เรียนชา้ ไม่เกิน 30 นาที 0 - เขา้ ชน้ั เรียนเกิน 30 นาที 2 1 2.2 มีวินัยในการทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 0 - ทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมายสง่ ตรงเวลาทก่ี าหนด - ทางานที่ไดร้ ับมอบหมายส่งไมต่ รงเวลาทกี่ าหนด - ไม่ทางานสง่ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 3 ความซอ่ื สตั ย์ 4.1.ซอ่ื ตรงต่อเวลาสอบ 1 - ทาการสอบโดยสุจริต 0 - ทาการสอบโดยพิสูจน์ได้ว่ามีการทุจริตไม่ว่าจะ 1 เล็กนอ้ ยหรือมาก 0 4.2.ซอ่ื สตั ย์ตอ่ ผลงานไม่เอาผลงานของผูอ้ นื่ มาแอบอ้าง - ไม่เคยเอาผลงานของผอู้ น่ื มาแอบอ้าง - เอาผลงานของผู้อ่ืนมาแอบอ้างไม่ว่าเล็กน้อยหรือ มาก
4-ฌ คณุ ธรรม/จรยิ ธรรม ลาดบั ที่ และคณุ ลักษณะ พฤติกรรมบง่ ช้ี คะแนน อนั พงึ ประสงค์ 4 มีมนษุ ย์สัมพันธ์ 4.1.แสดงกริยาท่าทางพูดจาสุภาพต่อผู้อ่ืน - แสดงกริยาท่าทางพูดจาสุภาพต่อผู้อ่ืนตลอดเวลา 1 ครัง้ - แสดงกริยาท่าทางพูดจาไม่สุภาพต่อผู้อื่นเป็น 0 ประจา 4.1.ใหค้ วามร่วมมือและชว่ ยเหลือผู้อ่นื - ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือผู้อ่ืนในการทางาน 2 ตลอดเวลา - ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ช่วยเหลือผู้อ่ืนในการ 1 ทางานเป็นบางคร้งั - ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ช่วยเหลือผู้อื่นในการ 0 ทางานเลย 4.3.รบั ฟงั ความคดิ เห็นและชน่ื ชมยนิ ดใี นความสาเรจ็ ของ ผอู้ ่ืน - รับฟังความคิดเห็นและแสดงชื่นชมยินดีในความ 2 สาเรจ็ ของผอู้ ืน่ ด้วยความจริงใจตลอดเวลา - ไม่รับฟังความคิดเห็นและแสดงช่ืนชมยินดีใน 1 ความสาเร็จ ของผอู้ ่ืนเปน็ บางครง้ั - ไม่รับฟังความคิดเห็นและแสดงช่ืนชมยินดีใน 0 ความสาเร็จ ของผ้อู ่ืนเลย 5 ความเชอื่ ม่ันใน 5.1.กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตผุ ล 2 ตนเอง - กล้าแสดงความคดิ เหน็ ในสิ่งที่ถกู ต้อง 1 - แสดงความคดิ เห็นเป็นบางครั้ง 0 - ไม่แสดงความคิดเห็น
4-ญ คณุ ธรรม/จรยิ ธรรม พฤติกรรมบง่ ชี้ คะแนน ลาดบั ท่ี และคณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ 2 6 ความสนใจใฝร่ ู้ 6.1.กระตือรือรน้ คน้ หา แสวงหาความร้ใู หม่ๆ ดว้ ยตวั เอง 1 - ขยันค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเม่ือได้รับ 0 มอบหมาย - ไม่ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองบ้างและเม่ือได้รับ 2 มอบหมายบา้ งเป็นบางครงั้ 1 - ไม่คน้ ควา้ หาความรู้และเมอ่ื ได้รบั มอบหมาย 0 7 ความรักสามัคคี 7.1 รว่ มมอื ในการทางาน 2 - ใหค้ วามร่วมมือกับเพอื่ นในการปฏิบตั งิ านตลอด 1 เวลา 0 - ไม่ให้ความร่วมมือกับเพ่อื นในการปฏบิ ัตงิ านบาง เวลา 1 - ไมร่ ่วมมือกบั เพื่อนในการปฏิบัติงาน 0 8 ความกตญั ญกู ตเวที 8.1 อาสาชว่ ยเหลอื งานครู-อาจารย์ - ช่วยเหลืองานครู-อาจารย์ทุกคร้ังที่ขอความ ร่วมมอื และไม่ขอความรว่ มมอื - ไม่ช่วยเหลืองานครู-อาจารย์เป็นบางคร้ังท่ีขอ ความรว่ มมอื และไมข่ อความร่วมมอื - ไม่ช่วยเหลอื งานครู-อาจารยเ์ ลย 9 ความคดิ ริเรม่ิ 9.1 มีความคดิ หลากหลายในการแก้ปญั หา สร้างสรรค์ - มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานและ แก้ไขปญั หา - ไม่มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงาน และแกไ้ ขปญั หา
4-ฎ .ลาดบั ท่ี คุณธรรม/จรยิ ธรรม พฤติกรรมบง่ ช้ี คะแนน และคณุ ลักษณะ 1 อันพึงประสงค์ 0 10 ความอดกลั้น 10.1 มสี ตแิ ละสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี - ในเวลาปฏิบัติงานสามารควบคุมอารมณ์ได้เม่ือ 2 มีเพื่อนมาหยอกลอ้ 1 - ในเวลาปฏิบัติงานไม่สามารควบคุมอารมณ์ได้ 0 เม่อื มีเพื่อนมาหยอกลอ้ 11 มารยาทไทย 11.1. กิริยามารยาท - มีสมั มาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์เป็นประจา - ไม่มีสัมมาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์เปน็ บางครัง้ - ไมม่ สี มั มาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์เลย
4-ฏ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล คะแนน 20 วิชา หมอ้ แปลงไฟฟา้ รหัสวิชา 2104-2104 5 รายการ 30 5 1. คุณลกั ษณะทตี่ ้องการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 30 2. ทดสอบ 10 100 2.1 แบบทดสอบหลงั เรยี น 2.2 สอบปลายภาค 3. ภาระงาน 3.1 แบบฝกึ หัด 3.2 การปฏบิ ัติการทดลอง 3.3 รายงานผลการทดลอง รวม
4-ฐ ข้ันตอนกจิ กรรมการเรยี นการสอน วิชา หมอ้ แปลงไฟฟ้า รหสั วชิ า 2104-2104 ข้ันตอนกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาหม้อแปลงไฟฟ้า รหัสวิชา 2104-2104 ผู้จัดทาได้ ดาเนนิ การจัดการเรยี นการสอน โดยมีข้นั ตอนและรายละเอียดดังน้ี เวลาในการสอน 4 ชัว่ โมงต่อสปั ดาห์ มีขั้นตอนกจิ กรรมดงั น้ี 1. ขน้ั เตรยี ม 2. ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น 3. ขั้นสอน 4. ข้ันสรุป 5. ขน้ั ประเมนิ ผลหลงั เรียน รายละเอียดของกิจกรรมการเรียนการสอนของวิชาหม้อแปลงไฟฟ้า รหัสวิชา 2104-2104 อธิบายได้ดังนี้ 1. ขั้นเตรียม เป็นขั้นเตรียมความพร้อมของนักเรียนก่อนเร่ิมเรียนประกอบด้วยกิจกรรม การเช็คช่อื นักเรียน และการจัดเตรียมอุปกรณใ์ นการเรยี นการสอน 2. ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน เป็นข้ันการสร้างความสนใจ โดยเร้าความสนใจให้ผู้เรียนอยากรู้ อยากเห็น อยากคิด อยากทา โดยการเช่ือมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่ง ในขั้นตอนนี้ครูจะใช้คาถามประกอบกับสื่อแผ่นใส และหรืออุปกรณ์ของจริงในการ นาเข้าสบู่ ทเรียน พรอ้ มทัง้ บอกสมรรถนะในการเรียนการสอนของแผนการเรยี นนนั้ 3. ข้ันสอน เป็นข้ันท่ีจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์การเรียนรู้ ซ่ึงประกอบไปด้วย ข้นั ตอนดังน้ี 3.1. สอนเนอื้ หา ในขนั้ ตอนน้คี รจู ะดาเนินการสอนเน้ือหาตามหัวข้อที่กาหนดไว้ โดย มีส่ือการสอนชนิดต่างๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจในเน้ือหาอย่าง ถูกต้องและรวดเรว็ 3.2. ทาแบบฝึกหัด เป็นขั้นที่ให้นักเรียนได้ทาแบบฝึกหัดตามหัวข้อที่ระบุไว้ โดย แบ่งเป็นกลมุ่ ๆ ละ 3 – 4 คน ทั้งนีเ้ พอื่ ให้นักเรียนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันจะ ทาใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ ตามสมรรถนะที่พงึ ประสงค์ 3.3. เฉลยแบบฝึกหัด เป็นขั้นท่ีครูมอบหมายให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเฉลยคาตอบใน กรณีทเ่ี ฉลยไมถ่ ูกต้อง ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ 3.4. ปฏิบัติการทดลองตามใบงานที่กาหนด ในขั้นตอนนี้ครูจะให้นักเรียนลงมือ ปฏิบัติตามใบงานที่กาหนดไว้ในแต่ละหน่วยการสอน จะเป็นผลให้นักเรียนมี ความรู้และทักษะในการปฏบิ ัติงานซง่ึ สอดคล้องกับสมรรถนะในแต่ละหน่วยการ สอบ 3.5. ประเมินผลการปฏิบัติการทดลอง เป็นการวัดผลการปฏิบัติการทดลองตาม เกณฑท์ ีไ่ ดก้ าหนดไว้ โดยให้ครูเปน็ ผปู้ ระเมนิ
4-ฑ 4. ข้ันสรุป เป็นข้ันสุดท้ายของกิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นนี้เป็นข้ันทบทวนเรื่องท่ีเรียน ตามเนื้อหาหรือทักษะปฏิบัติการทดลองท่ีกาหนด เป็นการย้าและสรุปแก่นความรู้หรือ การนาความรไู้ ปใช้การสรุปที่ดีควรเป็นการสรุปโดยผู้เรียน ถ้าเป็นไปได้ควรให้ผู้เรียนทั้ง กลมุ่ รว่ มกันสรุป 5. ขั้นประเมินผลหลงั เรยี น 5.1. ทดสอบหลังเรยี น เป็นข้นั ทดสอบเพือ่ วดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นตามสมรรถนะ ท่ีกาหนดไว้ รวมทั้งยังเป็นการตรวจปรับให้กับนักเรียน กรณีท่ีนักเรียนยังไม่ เข้าใจในเน้ือหาบางเร่ือง นอกจากน้ียังใช้เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของนักเรียนอกี ด้วย 5.2. ประเมินตนเองและเพ่ือนร่วมงาน เรื่องกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และ คุณลกั ษณะ ท่ีต้องการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม เป็นการวัดผลเรื่องกิจ นิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม เกณฑ์ทตี่ อ้ งการไม่ควรตา่ กว่า 70 % การนาแผนการจดั การเรยี นรไู้ ปใช้ เพ่อื ให้การนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาหม้อแปลงไฟฟ้า รหัสวิชา 2104-2104 ไปใช้ให้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดน้ัน ก่อนการนาแผนการจัดการเรียนรู้น้ีไปใช้ ครูผู้สอนควรดาเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. ครูผ้สู อนควรศกึ ษาและทาความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการจัดการเรียนรู้ให้ละเอยี ด 2. จดั เตรยี มสอื่ วัสดุ อุปกรณ์ท่ีจะใชใ้ นการเรียนการสอนให้ครบถ้วน 3. ดาเนินการสอนตามขนั้ ตอนกิจกรรมการเรียนการสอน
ใบสาระการเรยี น หน่วยที่ 3,4 ช่อื วชิ า หม้อแปลงไฟฟ้า ชือ่ หนว่ ย การทดสอบหาการสูญเสียในหมอ้ แปลง ไฟฟ้าโวลต์เตจเรกกูเลชันและประสิทธภิ าพ เวลาเรียน 4 ชวั่ โมง ชอื่ เร่ืองหรือช่ืองาน การทดสอบหาการสญู เสียในหมอ้ แปลงไฟฟา้ โวลตเ์ ตจเรกกูเลชันและ ประสทิ ธภิ าพ สาระสาคญั การหาค่าสญู เสียในหม้อแปลงไฟฟา้ สามารถหาไดโ้ ดยการทดสอบหาค่าสูญเสียในแกนเหล็ก หาได้โดยการ วัดกาลังไฟฟ้าของขดลวดด้านแรงดันไฟฟ้าตา่ ขณะวงจรเปดิ และการทดสอบหาค่าสูญเสียในขดลวด หาได้โดยการ วัดกาลังไฟฟ้าของขดลวดด้านแรงดันไฟฟ้าสูงและลัดวงจรไฟฟ้าทางด้านแรงดันไฟฟ้าต่า โดยใช้แรงดันไฟฟ้า ประมาณ 5 % ทางด้านแรงดันไฟฟ้าสูงโวลต์เตจเรกกูเลชัน เป็นการเปล่ียนแปลงหรือค่าความแตกต่างของค่า แรงดันไฟฟ้าในขณะที่ไม่มีโหลดและมีโหลดเต็มพิกัด สาหรับประสิทธิภาพของหม้อแปลงไฟฟ้าคืออัตราส่วนของ กาลังไฟฟา้ จ่ายออกไปกบั กาลงั ไฟฟ้าที่ได้รับ เรือ่ งทีจ่ ะศึกษา 1. วงจรเทยี บเทา่ ของหม้อแปลงไฟฟา้ 2. ทดสอบเปิดวงจร 3. ทดสอบลัดวงจร 4. โวลตเ์ ตจเรกกูเลชัน 5. ประสทิ ธภิ าพของหม้อแปลงไฟฟ้า จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ระบุวิธกี ารทดสอบเพ่อื หาคา่ ความสญู เสยี ในแกนเหลก็ ได้ 2. บอกวิธีการทดสอบเปดิ วงจร 3. บอกวธิ กี ารทดสอบลัดวงจร 4. ระบุความหมายของโวลตเ์ ตจเรกกเู ลชันในหม้อแปลงไฟฟ้าได้ 5. บอกสมการในการหาโวลตเ์ ตจเรกกเู ลชันในหม้อแปลงไฟฟา้ ได้ 6. คานวณหาโวลต์เตจเรกกูเลชันในหม้อแปลงไฟฟา้ ได้ 7. คานวณหาประสิทธภิ าพของหมอ้ แปลงไฟฟ้าได้ 8. มพี ฒั นาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่ผู้เรียนสามารถสังเกตเห็น ได้ใน ด้านความมมี นษุ ย์ สมั พันธ์ ความมีวินัย ความรับผดิ ชอบ ความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง ความสนใจ ใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที
กิจกรรมการเรยี นการสอน ขัน้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนหรือกจิ กรรมของนักเรียน ข้นั เตรยี ม ข้นั เตรยี ม 1. เชค็ ชอ่ื นกั เรียน 1. เรยี กช่อื ตามเลขท่ี 2. เตรยี มเครอื่ งฉาย Power Point 2. ช่วยครเู ตรยี มเครือ่ งฉาย Power Point 3. สอื่ การสอนดา้ นพลงั งาน 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ข้นั ประเมินผลกอ่ นเรียน ขัน้ ประเมินผลก่อนเรียน ถามพื้นความรู้เกี่ยวกับเร่ืองการทดสอบการ ตอบคาถามด้วยความตั้งใจและสุจริตใจ โดยใช้ สูญเสียในหม้อแปลงไฟฟ้า และอาจจะสอดแทรก ความรพู้ ื้นฐานทมี่ ีอยู่ สอบถามความรูด้ ้านพลงั งาน ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น ข้ันนาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1. ครูถามนักเรียนว่า “ใครรู้จักกับไฟฟ้าแรงสูง มี 1. ฟัง ตอบคาถามและซกั ถามข้อสงสัย ลักษณะการทางานอยา่ งไร” 2. ครูสรปุ การทดสอบหาการสูญเสียในหม้อแปลง ไฟฟ้า เพือ่ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น ขั้นสอน ขั้นสอน 1. ครูอธิบายและสาธิตการเปรียบเทียบวงจร 1. นักเรยี นฟงั ครอู ธบิ ายพรอ้ มซักถามข้อสงสยั เทยี บทา่ ของหมอ้ แปลงไฟฟ้า 2. นักเรียนรว่ มการกนั แสดงวิธีการคานวณหาคา่ ต่างๆ 2. ครสู าธติ การทดสอบเปิดวงจร ทดสอบลดั วงจร 3. นักเรียนสรปุ เนื้อหาร่วมกับครู 3. ครูอธิบายและคานวณการหาค่าเทียบเท่า ความต้านเทานของโวลตเ์ ตจเรกกเู ลชัน 4. ครูอธิบายและคานวณประสิทธิภาพของหม้อ แปลง 5. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมโดยใช้ส่ือ PowerPoint และส่ือการสอนด้านพลังงานประมาณ 10-15 นาที ขนั้ สรุป ข้นั สรปุ 1. นักเรียนซักถามข้อสงสัย ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลย 2. นักเรียนทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ กิจกรรมและร่วมกนั อภปิ รายสรุปบทเรยี น 3. นักเรียนเปลย่ี นกันตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4-2
งานที่มอบหมายหรอื กิจกรรม กอ่ นเรียน 1. เชค็ ชื่อนักเรียน 2. เตรยี มเครื่องฉาย Power point และคอมพวิ เตอร์ ขณะเรียน 1. ทาแบบฝกึ หัด 2. เฉลยแบบฝึกหดั 3. ปฏิบตั กิ ารทดลอง 4. ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน 5. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ สาระสาคญั เร่ืองระบบการผลติ และจา่ ยลม หลังเรียน 1. ทาแบบฝึกหัดหลังเรียน 2. ประเมินผลการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการบรู ณาการคณุ ธรรม จริยธรรม สอ่ื การเรียนการสอน สื่อสงิ่ พมิ พ์ 1. หนงั สอื เรียนวชิ า หม้อแปลงไฟฟา้ (2104-2107) ของสานักพมิ พ์เอมพันธ์ 2. สือ่ แผ่นใส สื่อโสตทัศน์ 1. Power point 2. สอื่ ด้านพลังงาน 3. หุน่ จาลองหรอื ของจริง 4-3
การประเมินผล ขณะเรยี น 1. สงั เกตความสนใจ 2. สังเกตการนาเสนอผลงาน 3. ตรวจแบบฝึกหัด 4. สงั เกตการณ์ปฏิบตั ิกิจกรรม 5. ประเมินผลการปฏิบตั ิการทดลองตามใบทดลอง หลังเรียน 1. ทาการทดสอบหลังเรยี น 2. ประเมินตนเองและเพ่ือนร่วมงาน เรื่องกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะท่ีต้องการบูรณาการ คุณธรรม จรยิ ธรรม 4-4
บันทกึ หลังการสอน ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ 3, 4 เร่ือง การทดสอบหาการสูญเสยี ในหม้อแปลงไฟฟา้ โวลตเ์ ตจเรกกเู ลชัน และประสทิ ธิภาพ ดังน้ี 1. เวลาท่ีใช้สอน………………………………………………………………………………………........................................... 2. เน้ือหา………………………………………………………………………………………………............................................ 3. .สอื่ การสอน………………………………………………………………………………………….......................................... ผลการเรียนของนักเรียน ………………………………………………………………………………………………………………....................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ผลการสอนของครู …………………………………………………………………………………………………….………......................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................. .................................. ลงชือ่ ผบู้ ันทึก ……………….……………................ (………………………....................…..) ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………….......................................................... .............................................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................. ..................................................................................... ลงชื่อ…………………….……………….. (…………….....…………….....…) ตาแหน่ง ……………….………………… 4-5
หนว่ ยที่ 3, 4 การทดสอบหาการสญู เสยี ในหมอ้ แปลงไฟฟ้ า โวลตเ์ ตจเรกกเู ลชนั และประสิทธิภาพ 3.1 การทดสอบหมอ้ แปลงไฟฟ้า 3.1.1 จดุ ประสงคข์ องการทดสอบหมอ้ แปลงไฟฟ้า จดุ ประสงค์ของการทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้า เพ่ือต้องการหาค่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นภายในหม้อแปลง ไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย การสูญเสียในแกนเหล็กและการสูญเสียในขดลวดทองแดง และนาไปสู่การหา ประสิทธภิ าพของหม้อแปลงไฟฟา้ นอกจากน้ีการทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้ายังใช้หาค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ท่ีใช้ใน การเขียนวงจรสมมูลเพ่ือใช้ในการวิเคราะห์หม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งการทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้ามี 2 วิธี คือการ ทดสอบในสภาวะเปดิ วงจรและการทดสอบในสภาวะลัดวงจร (มนตรี สวุ รรณภิงคาร, 2550: 151) 3.1.2 การทดสอบหม้อแปลงไฟฟา้ ในสภาวะเปดิ วงจร การทดสอบแบบนี้สามารถกระทาได้ทั้ง 2 ด้านของตัวแปลงไฟฟ้า โดยการเปิดวงจรทางด้านใดด้าน หน่ึง ส่วนมากจะกระทาทางด้านทุติยภูมิแล้วเปิดวงจรทางด้านปฐมภูมิ เพราะการทดสอบแบบนี้จะต้องจ่าย แรงดันไฟฟ้าให้เท่ากับพิกัดทางด้านทุติยภูมิของหม้อแปลงไฟฟ้า ซ่ึงแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้จะน้อยกว่าทาง ด้านปฐมภูมิ การทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้าในสภาวะเปิดวงจร คือการให้หม้อแปลงไฟฟ้าทางานในลักษณะไม่มี โหลดโดยให้ด้านขดลวดทุติยภูมิต่อกับแรงดันไฟฟ้าตามพิกัด (Rated voltage) ของหม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนขดลวดทางด้านปฐมภูมิให้เปิดวงจรไว้โดยมีเคร่ืองวัดไฟฟ้าท่ีสาคัญต่ออยู่ด้วยคือ วัตต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ และโวลต์มิเตอร์ จากรูปท่ี 3-1 เม่ือปรับแรงดันไฟฟ้าเข้าทางด้านทุติยภูมิให้ได้ตามพิกัดแล้ว ซึ่งค่าท่ีอ่านได้ จากวัตต์มิเตอร์จะเป็นกาลังไฟฟ้าสูญเสียในแกนเหล็ก ส่วนโวลต์มิเตอร์ที่ต่ออยู่จะอ่านค่าแรงดันไฟฟ้าท่ีพิกัด และแอมมิเตอร์ที่อ่านได้จะเป็นค่าของกระแสไฟฟ้าขณะไม่มีโหลด ซ่ึงจะมีค่าประมาณ 4-8 เปอร์เซ็นต์ของ กระแสไฟฟ้าท่ีพิกัด ดังน้ัน จึงทาให้เกิดกาลังไฟฟ้าที่สูญเสียจากขดลวดน้อยมากและกาลังไฟฟ้าที่อ่านได้จาก วตั ตม์ ิเตอรจ์ ึงเปน็ กาลังไฟฟ้าสูญเสียในแกนเหลก็ ทง้ั หมด 4-6
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352