Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore teachcompressed_1896102568

teachcompressed_1896102568

Published by เสฏฐพล มาลา, 2019-03-14 22:39:37

Description: teachcompressed_1896102568

Search

Read the Text Version

Po Io ทางด้านทตุ ยภมู ิ ทางด้านปฐมภมู ิ A Vt V Vo เปดิ วงจร รปู ที่ 3-1 วงจรการทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้าในสภาวะเปิดวงจร = กาลงั ไฟฟ้าที่อา่ นไดจ้ ากวัตต์มเิ ตอร์ = แรงดันไฟฟา้ ทพ่ี ิกัดท่ีอ่านได้จากโวลตม์ เิ ตอร์ = กระแสไฟฟ้าเมื่อไม่มีโหลดที่อ่านไดจ้ ากแอมมเิ ตอร์ จากวงจรการทดสอบ เขยี นเป็นวงจรสมมูลของหมอ้ แปลงไฟฟา้ ในสภาวะไม่มีโหลด ดังรูปท่ี 3-2 Io I2 = 0 Ic Im Vo c Xm E1 E2 รปู ท่ี 3-2 วงจรสมมลู ของหมอ้ แปลงไฟฟา้ ในสภาวะเปิดวงจร จากวงจรสมมูล รูปท่ี 3-2 จะเห็นว่ากระแส I0 แยกไหลเป็นสองส่วน คือ กระแส Ic และกระแส Im ส่วนกระแส I2' มีค่าเท่ากับศูนย์เพราะขดลวดอีกทางด้านหน่ึงเปิดวงจร และเม่ือทราบค่าของกระแส I0 จะทา ให้ทราบค่าในส่วนของกระแสไฟฟ้าที่ทาให้เกิดการสูญเสียในแกนเหล็กและส่วนของกระแสไฟฟ้าท่ีใช้ในการ สร้างเส้นแรงแม่เหล็กค่าความต้านทานสมมูลของแกนเหล็ก และค่ารีแอกแตนซ์สมมูลของแกนเหล็กได้ ตามลาดบั ดงั นี้ = cos ……… (3.1) 4-7

= cos ……… (3.2) = ……… (3.3) = ……… (3.4) เมอ่ื = สว่ นของกระแสไฟฟ้าท่ีทาให้เกิดการสญู เสียในแกนเหลก็ = สว่ นของกระแสไฟฟ้าทีใ่ ชใ้ นการสร้างเสน้ แรงแม่เหลก็ = ค่าความตา้ นทานสมมูลของแกนเหลก็ = คา่ รแี อกแตนซส์ มมลู แกนเหลก็ นอกจากนี้ยังหามุมเฟสระหวา่ งแรงดันกบั กระแสไฟฟา้ ขณะไม่มโี หลด ไดด้ งั นี้ ……… (3.5) = cos ……… (3.6) = cos -1 * + 3.1.3 การทดสอบหมอ้ แปลงไฟฟา้ ในสภาวะลัดวงจร ในการทดสอบแบบนส้ี ามารถกระทาได้ทั้ง 2 ด้านของตัวหม้อแปลงไฟฟ้า โดยการลัดวงจรทางด้านใด ดา้ นหน่งึ ซึ่งสว่ นมากจะทดสอบทางด้านปฐมภูมิแล้วลัดวงจรทางด้านทุติยภูมิเพราะการทดสอบแบบน้ีจะต้อง จ่ายกระแสไฟฟา้ ให้เทา่ กับพิกัดทางด้านปฐมภูมิของหม้อแปลงไฟฟ้า ซ่ึงทางด้านปฐมภูมินั้นจะใช้กระแสไฟฟ้า น้อยกว่าทางดา้ นทตุ ิยภูมซิ ่ึงแหลง่ จา่ ยไม่ตอ้ งจา่ ยกระแสไฟฟา้ มาก การทดสอบหมอ้ แปลงไฟฟ้าในสภาวะลัดวงจรคือให้ด้านขดลวดปฐมภูมิต่อกับแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า แล้วให้กระแสไฟฟ้าทางด้านปฐมภูมิเท่ากับพิกัดของหม้อแปลงไฟฟ้า โดยขดลวดทางด้านทุติยภูมิให้ลัดวงจร ไว้ซึ่งมีเคร่ืองวัดไฟฟ้าท่ีสาคัญต่ออยู่ด้วย คือ วัตต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ และโวลต์มิเตอร์ จากรูปท่ี 3.3 ค่อยๆ ปรับแหลง่ จา่ ยแรงดันไฟฟา้ ทจ่ี า่ ยใหท้ างดา้ นปฐมภมู ใิ ห้แอมมเิ ตอร์อ่านค่ากระแสไฟฟ้าเท่ากับพิกัดกระแสไฟฟ้า ของหม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนค่าท่ีอ่านได้จากวัตต์มิเตอร์จะเป็นกาลังไฟฟ้าสูญเสียในขดลวดทั้งหมดของทั้งสอง ด้าน (มนตรี สวุ รรณภงิ คาร, 2550: 153) สว่ นโวลต์มเิ ตอร์ท่ีต่ออยู่จะอ่านค่าแรงดันไฟฟ้าขณะลัดวงจรซึ่งจะ มีค่าประมาณ 5-12 เปอร์เซ็นต์ของแรงดันไฟฟ้าที่พิกัด ดังน้ันจึงทาให้เกิดกาลังไฟฟ้าสูญเสียท่ีเกิดข้ึนในแกน เหลก็ น้อย 4-8

Psc Isc ทางด้านทตุ ยิ ภมู ิ ทางด้านปฐมภมู ิ A Vt V Vsc ลดั วงจร รูปที่ 3-3 วงจรการทดสอบหม้อแปลงไฟฟา้ ในสภาวะเปิดวงจร จากรูปท่ี 3-3 ถา้ กาหนดให้ = กาลงั ไฟฟ้าขณะลดั วงจรที่อา่ นไดจ้ ากวัตต์มิเตอร์ = แรงดันไฟฟ้าขณะลัดวงจรทอ่ี ่านได้จากโวลต์มิเตอร์ = กระแสไฟฟ้าขณะลดั วงจรซง่ึ เทา่ กับกระแสไฟฟา้ ที่พิกัด เน่ืองจากแรงดัน ที่ใช้ในการทดสอบมีค่าประมาณ 5-12 เปอร์เซ็นต์ของแรงดันไฟฟ้าท่ีพิกัด จึงทาให้กระแสไฟฟ้า มีค่าน้อยมากจึงไม่นามาคิด (กาลังไฟฟ้าสูญเสียในแกนเหล็กจึงไม่นามาคิด เช่นเดียวกัน) เม่ือทราบค่าต่างๆจากเคร่ืองวัดไฟฟ้าท้ังสามจะสามารถหาค่าของอิมพีแดนซ์สมมูล ค่าความ ต้านทานสมมลู และค่ารีแอกแตนซส์ มมูลเม่อื พิจารณาทางด้านปฐมภูมิไดต้ ามลาดับ ดังนี้ จากวงจรการทดสอบเขยี นเป็นวงจรสมมลู ของหมอ้ แปลงไฟฟ้าในสภาวะลัดวงจร ดังรปู ที่ 3-4 Isc R01 X01 I2 = al2 Psc = Isc 2 R01 Ic Rc Im I2 Xm E1 E2 Vsc ไมน่ ามาคดิ รูปที่ 3-4 วงจรสมมูลของหม้อแปลงไฟฟา้ ในสภาวะลัดวงจร 4-9

= ……… (3.7) และ = ……… (3.8) และ = √( ) ( ) ……… (3.9) เมอ่ื = อมิ พีแดนซส์ มมูลเมอื่ พิจารณาทางด้านปฐมภมู ิ = ความตา้ นทานสมมูลเมื่อพิจารณาทางด้านปฐมภูมิ = รแี อกเตอรส์ มมูลเม่ือพจิ ารณาทางดา้ นปฐมภมู ิ การทดสอบสภาวะเปิดวงจร จะได้กาลงั ไฟฟา้ สูญเสียในแกนเหล็ก ( ) การทดสอบในสภาวะลัดวงจร จะได้กาลงั ไฟฟ้าสูญเสยี ในขดลวดทงั้ หมด ( ) 3.1.4 การคานวณหาค่าตา่ งๆในการทดสอบหม้อแปลง ตัวอย่างที่ 3.1 หมอ้ แปลงไฟฟ้า 1 เฟส 10 kVA ขนาดแรงดัน 450/120 V จากการทดสอบดังนี้ ทดสอบในสภาวะเปดิ วงจร (เปิดวงจรทางด้านปฐมภมู ิ) ทดสอบในสภาวะเปิดวงจร (เปิดวงจรทางด้านทตุ ภิ มู ิ) จงคานวณหา ก. สว่ นของกระแสไฟฟ้าที่ทาใหเ้ กิดการสญู เสยี ในแกนเหลก็ ข. สว่ นของกระแสไฟฟา้ ท่ใี ชใ้ นการสร้างเสน้ แรงแม่เหล็ก ค. ความตา้ นทานสมมูลของแกนเหลก็ ทางดา้ นทุติยภูมิ (แรงตา่ ) ง. รแี อกแตนซส์ มมูลของแกนเหล็กทางดา้ นทตุ ิยภูมิ(แรงต่า) จ. อิมพีแดนซส์ มมลู เมื่อพิจารณาทางด้านปฐมภูมิ (แรงสูง) ฉ. ความต้านทานสมมลู เม่ือพิจารณาทางด้านปฐมภมู ิ (แรงสงู ) ช. รแี อกแตนซ์สมมูลเมื่อพิจารณาทางด้านปฐมภมู ิ (แรงสงู ) วธิ ีทา เม่อื ทดสอบในสภาวะเปิดวงหามมุ ไดจ้ ากสมการ = *+ = *+ = 4-10

ก. สว่ นของกระแสไฟฟ้าท่ที าให้เกดิ การสูญเสียในแกนเหลก็ = = 4.2 × cos = 4.2 × 0.277 = 1.16 A ส่วนของกระแสไฟฟา้ ทท่ี าใหเ้ กดิ การสูญเสียในแกนเหลก็ = 1.16 ข. สว่ นของกระแสไฟฟ้าทใ่ี ชใ้ นการสร้างเสน้ แรงแม่เหล็ก = = 4.2 × sin 73.9 ° = 4.2 × 0.96 = 4.032 สว่ นของกระแสไฟฟา้ ทใี่ ช้ในการสรา้ งเส้นแรงแม่เหล็ก = 4.032 A ค. ความต้านทานสมมูลของแกนเหล็กทางดา้ นปฐมภมู ิ (แรงต่า) = = = 42.13 ความต้านทานสมมลู ของแกนเหล็กทางด้านปฐมภูมิ = 42.13 ง. รแี อกแตนซส์ มมูลของแกนเหลก็ ด้านปฐมภมู ิ (แรงตา่ ) = = = 16.06 16.06 รแี อกแตนซส์ มมลู ของแกนเหลก็ ด้านปฐมภูมิ = 4-11

จ. อิมพแี ดนซส์ มมูลเม่อื พิจารณาทางดา้ นทตุ ยิ ภูมิ (แรงสงู ) = = = 15 อมิ พแี ดนซ์สมมูลเม่อื พิจารณาทางดา้ นทตุ ยิ ภมู ิ = 15 ฉ. ความต้านทานสมมูลเม่ือพจิ ารณาด้านทตุ ยิ ภมู ิ (แรงสูง) = () = () = ความต้านทานสมมูลเม่อื พิจารณาด้านทุติยภมู ิ 6 =6 ช. รีแอกแตนซส์ มมูลเม่ือพิจารณาด้านทตุ ิยภูมิ (แรงสงู ) = √(฀ ) (฀ ) = √( ) ( ) =√ = 13.74 รแี อกแตนซ์สมมูลเมอื่ พจิ ารณาด้านทุตยิ ภมู ิ = 13.74 ซ. เขียนและกาหนดค่าตา่ งๆ ให้กับวงจรสมมลู จากการทดสอบ ไดด้ งั นี้ วงจรสมมูลจากการทดสอบในสภาวะเปดิ วงจร 4-12

I0 = 4.2 A Ic = 1.16 A Rc = 103.44  Im = 4.032 A E1 = 450 V Xm = 29.76  V0 = 120 V วงจรสมมูลจากการทดสอบในสภาวะลดั วงจร Isc = 22.2 A R01 = 0.527  X01 = 1  Z01 = 1.126 Vsc = 25 V E1 E2 = 0 V = *+ = *+ = 0.356 = ก. ส่วนของกระแสไฟฟา้ ทท่ี าใหเ้ กดิ การสญู เสยี ในแกนเหลก็ = = 8 × cos = 8 × 0.356 = 2.848 ส่วนของกระแสไฟฟ้าทีท่ าใหเ้ กดิ การสญู เสยี ในแกนเหลก็ = 2.848 A 4-13

ข. ส่วนของกระแสไฟฟ้าที่ใชใ้ นการสร้างเส้นแรงแม่เหล็ก 7.472 A = = 8 × sin = 8 × 0.934 = 7.472 สว่ นของกระแสไฟฟ้าทีใ่ ช้ในการสรา้ งเสน้ แรงแม่เหลก็ = ค. ความต้านทานสมมลู ของแกนเหล็กทางด้านปฐมภมู ิ (แรงตา่ ) = = = 42.13 ความต้านทานสมมลู ของแกนเหลก็ ทางดา้ นปฐมภมู ิ = 42.13 ตัวอย่างที่ 3-2 หม้อแปลงไฟฟ้า 1 เฟส 24 kVA ขนาดแรงดัน 120/2400 V ซึ่งเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าแบบ เพิม่ แรงดนั ไฟฟา้ จากการทดสอบให้ผลดังตาราง 3-1 ดงั นี้ ตารางที่ 3-1 ค่าต่างๆ ทางไฟฟา้ ท่ีไดจ้ ากการทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้า แรงดนั (V) กระแส (A) กาลังไฟฟ้า (W) ทดสอบสภาวะเปิดวงจร (เปิดวงจรทางด้านทตุ ิยภูมิ) 120 8 342 ทดสอบสภาวะลัดวงจร (ลดั วงจรทางดา้ นปฐมภมู ิ) 150 10 600 หมายเหตุ ใหท้ างดา้ นรบั ไฟเป็นทางด้านปฐมภมู ิ (120 V) และทางดา้ นจ่ายไฟเป็นด้านทตุ ยิ ภูมิ (2400 V) จงคานวณหา ก. ส่วนของกระแสไฟฟา้ ทีท่ าใหเ้ กิดการสูญเสยี ในแกนเหล็ก ข. ส่วนของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการสรา้ งเสน้ แรงแม่เหล็ก ค. ความต้านทานสมมลู ของแกนเหลก็ ทางด้านปฐมภมู ิ (แรงตา่ ) ง. รีแอกแตนซ์สมมลู ของแกนเหลก็ ทางด้านปฐมภูมิ (แรงต่า) จ. อมิ พแี ดนซส์ มมูลเม่ือพจิ ารณาทางด้านทตุ ิยภมู ิ (แรงสูง) ฉ. ความตา้ นทานสมมลู เมื่อพจิ ารณาทางด้านทุติภมู ิ (แรงสงู ) 4-14

ช. รแี อกแตนซ์สมมลู เม่ือพิจารณาทางด้านทุติภูมิ (แรงสูง) ซ. เขยี นและกาหนดค่าต่างๆ ให้กบั วงจรสมมูลจากการทดสอบ วิธที า โจทย์กาหนดค่าตา่ งๆ ให้ดังนี้ ทดสอบในสภาวะเปดิ วงจร ทดสอบในสภาวะลดั วงจร เมอ่ื ทดสอบในสภาวะเปดิ วงจร หามุม ได้จากสมการ = *+ = *+ = 0.356 = 2.848 A ก. ส่วนของกระแสไฟฟา้ ท่ีทาใหเ้ กดิ การสญู เสยี ในแกนเหล็ก = = 8 × cos = 8 × 0.356 = 2.848 ส่วนของกระแสไฟฟ้าทท่ี าให้เกิดการสูญเสยี ในแกนเหล็ก = ข. ส่วนของกระแสไฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ นการสร้างเสน้ แรงแมเ่ หลก็ 7.472 A = = 8 × sin = 8 × 0.934 = 7.472 ส่วนของกระแสไฟฟา้ ท่ีใชใ้ นการสร้างเส้นแรงแมเ่ หลก็ = ค. ความต้านทานสมมลู ของแกนเหลก็ ทางด้านปฐมภมู ิ (แรงตา่ ) = = = 42.13 ความต้านทานสมมูลของแกนเหลก็ ทางด้านปฐมภูมิ = 42.13 4-15

ง. รแี อกแตนซ์สมมลู ของแกนเหลก็ ดา้ นปฐมภมู ิ (แรงตา่ ) = = 16.06 16.06 = = รแี อกแตนซ์สมมูลของแกนเหล็กดา้ นปฐมภมู ิ จ. อมิ พแี ดนซ์สมมลู เม่อื พิจารณาทางด้านทตุ ยิ ภูมิ (แรงสูง) = = = 15 อมิ พีแดนซ์สมมูลเมอ่ื พจิ ารณาทางด้านทตุ ิยภมู ิ = 15 ฉ. ความตา้ นทานสมมูลเม่ือพจิ ารณาดา้ นทตุ ิยภมู ิ (แรงสูง) = () = () =6 ความตา้ นทานสมมูลเม่อื พิจารณาด้านทุติยภมู ิ = 6 ช. รแี อกแตนซ์สมมลู เมอ่ื พจิ ารณาดา้ นทุตยิ ภูมิ (แรงสงู ) = √(฀ ) (฀ ) = √( ) ( ) = √ = รีแอกแตนซส์ มมลู เมื่อพจิ ารณาดา้ นทตุ ยิ ภูมิ 13.74 = 13.74 4-16

ซ. เขียนและกาหนดคา่ ตา่ งๆ ใหก้ บั วงจรสมมูลจากการทดสอบ ได้ดงั น้ี วงจรสมมลู จากการทดสอบในสภาวะเปิดวงจร I0 = 8 A Ic = 2.848 A Rc = 42.13  Im = 7.472 A E1 = 2400 V Xm = 16.06  V0 = 120 V วงจรสมมูลจากการทดสอบในสภาวะลดั ลงจร Isc = 10 A R01 = 6  X01 = 13.74  Z01 = 15  Vsc = 150 V E1 E2 = 0 V 3.2 โวลต์เตจเรกกูเลชัน (Voltage regulation) เน่ืองจากแรงดันของหม้อแปลงไฟฟ้าเมื่อมีโหลดกับไม่มีโหลดนั้น จะแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับหลายส่ิงด้วยกัน เช่น ขึ้นอยู่กับแกนเหล็ก การอัดแกนเหล็กการพันขดลวด เป็นต้น นอกจากน้ี การออกแบบท่ีดีก็ช่วยได้มากเหมือนกัน ถ้าแรงดันของหม้อแปลงไฟฟ้าเมื่อไม่มีโหลดกับเมื่อโหลดต่างกันมาก หม้อแปลงไฟฟ้าตัวนั้นก็ไม่ดี แต่ถ้าแรงดันเมื่อไม่มีโหลดกับเม่ือมีโหลดแตกต่างกันน้อย หรือ ออกแบบให้ไม่ แตกตา่ งกันเลย แสดงว่าการควบคมุ แรงดันของหมอ้ แปลงไฟฟ้าดี สมมุติว่า หม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 50 KVA 4,400/220 V. แสดงว่า เอ้าพุทของหม้อแปลงไฟที่ฟูลโหลด มีค่า 50 KVA แรงดัน 4,400 โวลต์ เป็นแรงดันฟูลโหลดของขดลวดปฐมภูมิและแรงดัน 220 โวลต์ กเ็ ปน็ แรงดนั ฟลู โหลดของลวดทตุ ยิ ภมู ิ 4-17

ถ้า 0V1 = แรงดันที่ป้อนให้กับขดลวดปฐมภูมิตอนมีโหลด แรงดันน้ีจะมีค่าเท่ากับ V1 เม่ือไม่มีโหลด พอมีโหลดแรงดัน 0V1จะลดลงเป็น V1 จึงเพ่ิมแรงดันอินพุทข้ึนอีกเพื่อให้ V1มีค่าคงเดิม จนถึงค่าๆ หน่ึง คือ 0V1 ในลักษณะคล้ายๆ กับแรงดัน 220 โวลต์ ก็เป็นแรงดันฟูลโหลดของลวดทุติยภูมิแต่เม่ือไม่มีโหลด แรงดัน ปลายสายของลวดทตุ ยิ ภมู ิ คอื == ……………………3.10 = ทง้ั นก้ี ็เพราะไม่เกดิ แรงดนั ไฟฟา้ ตกคร่อมในขดลวด , เมอื่ = แรงเคลือ่ นเหน่ียวนาทีข่ ดลวดทุตยิ ภมู ิเมื่อไม่มีโหลด = แรงเคลื่อนเหน่ียวนาทข่ี ดลวดปฐมภูมเิ มอ่ื ไมม่ ีโหลด = แรงดันฟลู โหลดขดลวดปฐมภูมิ = แรงดนั ที่ป้อนใหข้ ดลวดปฐมภูมเิ มื่อไม่มีโหลด เมื่อมโี หลด แรงดันปลายสาย 0V2 จะลดลงเหลือ V2 แรงดันตกคร่อมขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้าหาได้จากสมการ ขา้ งล่าง ซ่ึงเปน็ ค่าใกลเ้ คียง (Approximate) ถ้าพจิ ารณาท่ขี ดลวดทตุ ิยภมู ิ จะได้ค่า ดงั นี้ = ………………………3.11 และถ้าพิจารณาทีข่ ดลวดปฐมภมู ิ จะได้ค่า ในลกั ษณะเดียวกัน = ………………………3.12 เคร่ืองหมาย + หมายถึง เพาเวอร์เฟคเตอร์ ล้าหลงั (lag) เคร่ืองหมาย - หมายถงึ เพาเวอร์เฟคเตอร์ นาหน้า (lead) รปู ท่ี 3-5 เวกเตอร์ไดอะแกรมแสดงว่า Vd2 4-18

จากเวกเตอร์ไดอะแกรมรูป 3-5 แรงดันไฟฟ้า Vd2 จะมีค่า = AD + DN ดังนั้นแรงดัน 0V2 ค่าใกล้เคียง (approximate) จะมีค่า = OA + AD + DN = ON ส่วนแรงดัน 0V2 ค่าถูกต้อง (exact) ที่ต้องใช้การคานวณ ด้วยเวกเตอร์ = OC OA = AD = DN = ซึง่ รูปท่ี 3-5 นพ้ี ิจารณาค่าต่างๆ ทีข่ ดลวดทตุ ยิ ภมู ิ แต่ถา้ จะพจิ ารณาค่าท่ขี ดลวดปฐมภูมิก็จะได้สมการ ในลักษณะเดยี วกันดงั ในสมการ 5.9 เนื่องจากขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้าท้ังสองขดจะพันติดกันทางแม่เหล็กอย่างเหนียวแน่น เม่ือมีการ เปลีย่ นแปลงโหลดทางทุติยภูมิ ก็จะส่งผลกลับไปทางปฐมภูมิ และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางปฐมภูมิก็จะส่งผล ตา่ งๆ ไปทางทตุ ยิ ภูมิตลอดเวลา ดงั นั้น การหาเปอรเ์ ซน็ ต์โวลต์เตจเรกกูเลชัน โดยตรงจากขดลวดชุดหนึ่งชุดใด ค่าที่ได้จะไม่ถูกต้องนัก จึงต้องหาค่าเปอร์เซ็นต์โวลต์เตจเรกกูเลชัน โดยการพิจารณาจากขดลวดด้านหนึ่งเข้า ไปสู่ขดลวดอกี ด้านหนึ่ง เหมอื นกับการหาคา่ ความต้านทานสมมูลย์ ดงั ได้กลา่ วมาแล้ว ดังน้ันเปอร์เซ็นต์โวลต์เตจเรกกูเลชัน ของหม้อแปลงไฟฟ้า เมื่อพิจารณาเทียบกับ (referred to) ขดลวดปฐมภมู จิ ะได้ว่า เปอรเ์ ซน็ ตเ์ รกกเู ลชัน = × 100 …………………….3.13 R I x 01 1 01 V 00VV11 1 เมอ่ื = แรงดันฟูลโหลดของขดลวดปฐมภูมิ (คา่ ท่ี name plate) = แรงดันอนิ พุทของขดลวดปฐมภมู ติ อนฟลู โหลด = = ถา้ จะหาเปอร์เซน็ ต์เรกกเู ลชัน ของหมอ้ แปลงไฟฟา้ เมื่อพจิ ารณาเทยี บกับขดลวดทุตยิ ภมู จิ ะได้ว่า 4-19

เปอร์เซ็นตเ์ รกกูเลชัน = × 100 ……………………3.14 R x 02 02 I V 2 2 V 02 เมอ่ื = แรงดันฟูลโหลดของขดลวดทุติยภูมิ (คา่ ที่ name plate) = แรงดันอนิ พทุ ของขดลวดทตุ ยิ ภมู ิตอนฟลู โหลด = = ตัวอย่างที่ 3.3 หม้อแปลงไฟฟ้าหน่ึงเฟส มีอัตราส่วน 5 : 1 ขดลวดปฐมภูมิมีความต้านทาน = 0.4 โอห์ม และรีแอกแตนซ์1.2 โอห์ม ขดลวดทุติยภูมิมีความต้านทาน 0.01 โอห์ม และรีแอกแตนซ์ 0.04 โอห์ม จงหาเปอร์เซ็นต์เรกกูเลชัน เม่ือหม้อแปลงไฟฟ้าจ่ายกระแสให้โหลด 125 แอมป์ที่แรงดัน 600 โวลต์ และเพาเวอร์เฟคเตอร์ของโหลดมีคา่ 0.8 (ลา้ หลัง) วธิ ีทา อตั ราส่วนของขดลวดปฐมภูมิตอ่ ทตุ ยิ ภูมิ = 5 :1 K = 1/5 ∵ R1 = 0.4 โอหม์ โอห์ม และ R2 = 0.01 R02 = R2 + R1 / K2 = 0.01 + 0.4 x ( 1 )2 โอห์ม 5 = 0.026 โอห์ม โอห์ม ∵ X1 = 1.2 โอหม์ และ X2 = 0.04 4-20

X02 = X2 + X1 / K2 = 0.04 + 1.2 x ( 1 )2 โอห์ม 5 = 0.088 โอหม์ จากสมการ 5.8 เม่ือเพาเวอร์เฟคเตอร์ล้าหลังแรงดันตกคร่อมขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้าเมื่อพิจารณาท่ี ขดลวดทตุ ิยภูมิ Vd2 = I2 R02Cos ± I2 X02Sin โวลต์ I2 R02 = 125 x 0.026 โวลต์ โวลต์ = 3.25 โวลต์ I2 X02 = 125 x 0.088 โวลต์ = 11 โวลต์ โวลต์ ∵ Cos = 0.8 = 36º 86º โวลต์ โวลต์ Sin = 36º 86º ตอบ = 0.6 Vd2 = 3.25 x 0.8 + 11 x 0.6 = 2.6 + 6.6 = 9.2 เปอรเ์ ซน็ ตเ์ รกกเู ลชัน = 0V2 - V2 x 100 V2 0V2 - V2 = 9.2 V2 = 600 เปอร์เซ็นต์เรกกูเลชัน = 9.2 x 100 600 = 1.53 4-21

ตัวอยา่ งที่ 3.4 จากตัวอย่างท่ี 3.3 ถา้ เพาเวอร์เฟคเตอร์ มีค่า 0.8 นาหน้า จงหาเปอรเ์ ซน็ ต์โวลต์เตจเรกกเู ลชัน วธิ ีทา V2 = 600 โวลต์ I2 = 125 แอมป์ แรงดนั ลดในขดลวดหมอ้ แปลงไฟฟา้ Vd2 = I2 R02Cos ± I2 X02Sin = 3.25 x 0.8 + 11 x 0.6 โวลต์ โวลต์ = -4 ตอบ เปอร์เซน็ ต์เรกกูเลชัน่ = 0V2 - V2 x 100 V2 = -4 x 100 600 = - 0.67 ตัวอย่างที่ 3.5 หม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 20 KVA 2,200/200 V 60 Hz ถูกนาไปทดสอบเพื่อหาโวลต์เตจเรกกูเลชัน เมื่อทดสอบแบบวงจรเปิด (open-circuit test) (วัดคา่ จากขดลวดแรงดันตา่ ) วัตตม์ ิเตอร์ แอมมเิ ตอร์ และโวลตม์ ิเตอร์ อา่ นค่าได้ 148 วตั ต์ 4.2 แอมป์ และ 220โวลต์ ตามลาดบั และเมื่อทดสอบแบบวงจรลัด (short-circuit test) (วัดค่า จากขดลวดแรงดันสูง) วัตต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ และโวลต์มิเตอร์ อ่านค่าได้360 วัตต์ 10.5 แอมป์ และ 86 โวลต์ ตามลาดบั จงหา 1. คอร์ลอส ของหมอ้ แปลงไฟฟา้ 2. คอปเปอรล์ อส ของหม้อแปลงไฟฟ้า 3. ความต้านทานสมมลู ย์เมอ่ื พจิ ารณาเทียบกับขดลวดปฐมภมู ิและขดลวดทตุ ิยภมู ิ 4. รแี อกเตอรส์ มมลู ย์เมอ่ื พจิ ารณาเทยี บกับขดลวดปฐมภมู แิ ละขดลวดทุตยิ ภมู ิ 5. เรกกูเลช่ัน เม่ือพิจารณาเทียบกับขดลวดปฐมภูมิและขดลวดทุติยภูมิ เม่ือเพาเวอร์เฟคเตอร์ = 0.8 วิธที า 1. คอรล์ อส ของหม้อแปลงไฟฟา้ = 148 โวลต์ 2. คอปเปอร์ลอส ของหม้อแปลงไฟฟ้า = 360 วัตต์ คา่ สมมลู ต่างๆ ของหมอ้ แปลงไฟฟ้าจะหาไดจ้ าก คอปเปอรล์ อส เทา่ นนั้ 4-22

3. ความต้านทานสมมูลย์เมื่อพิจารณาเทียบกับขดลวดปฐมภูมิและขดลวดทุติยภูมิ (ท่ีขดลวดแรงดัน 2,200 โวลต์) ∵ R01 = WSC I2SC = 360 โอห์ม (10.5)2 โอห์ม = 3.26 ถ่ายทอด R01 ไปสู่ขดลวดทตุ ยิ ภูมิ (ขดลวดแรงดนั 220 โวลต์) = R01 K2 จะได้ R02 เมื่อ K = V2 = 220 = 1 R02 V1 2,200 10 = 3.26 x ( 1 )2 โอห์ม 10 = 0.0326 โอห์ม ∵ Z01 = VSC ISC = 86 โอหม์ 10.5 โอหม์ = 8.19 โอห์ม โอหม์ 4. X01 = √( ) () = √( ) () = 7.51 ถา่ ยทอด X01 ไปสู่ขดลวดทตุ ยิ ภมู ิ X02 = X01 K2 = 7.51 x ( 1 )2 โอห์ม 10 โอห์ม = 0.0751 4-23

หาเรกกเู ลชนั่ เมอื่ พิจารณาท่ีขดลวดปฐมภูมิ เปอรเ์ ซ็นตเ์ รกกูเลชัน = 0V2 - V2 x 100 V2 แรงดนั ตกครอ่ มขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้า เมอ่ื พจิ ารณาท่ีขดลวดปฐมภูมิ Vd1 = I1 R01Cos ± I1 X01Sin I1 = 20 x 1,000 แอมป์ 2,200 แอมป์ โวลต์ = 9.1 โวลต์ โวลต์ Vd1 = 9.1 x 3.26 x 0.8 x 9.1 x 7.51 x 0.6 โวลต์ = 23.73 + 41.00 โวลต์ = 64.73 โวลต์ 0V1 = แรงดนั ขดลวดปฐมภมู ิ เมอ่ื ไม่มีโหลด ตอบ = 2,200 + 64.73 = 2,264.73 0V1 = แรงดนั เม่อื มโี หลด = 2,200 เปอร์เซ็นตเ์ รกกูเลชัน = 2,264.73 - 2,200 x 100 2,200 = 2.94 รูปท่ี 3-6 แสดงค่า Vd1 = AN 4-24

เมอ่ื พิจารณาทข่ี ดลวดทตุ ยิ ภมู ิ (เพื่อเปรียบเทยี บกนั ) เปอรเ์ ซ็นตเ์ รกกูเลชัน = 0V2 - V2 x 100 V2 แรงดนั ตกคร่อมขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้า เมือ่ พิจารณาทขี่ ดลวดทตุ ยิ ภูมิ Vd2 = I2 R02Cos ± I2 X02Sin I2 = 20 x 1,000 แอมป์ 220 = 91 แอมป์ Vd1 = 91 x 0.0326 x 0.8 x 91 x 0.0.0751 x โวลต์ 0.6 = 2.37 + 4.1 โวลต์ = 6.47 โวลต์ 0V2 = แรงดนั ขดลวดทุตยิ ภูมิ เม่ือไมม่ ีโหลด โวลต์ = 220 + 6.47 = 226.47 โวลต์ เปอร์เซ็นตเ์ รกกเู ลชัน = 226.47 - 220 x 100 220 = 2.94 ตอบ รูปที่ 3-7 แสดงคา่ Vd2 = AN 4-25

4 การสญู เสียในหม้อแปลงไฟฟา้ หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นเคร่ืองกลไฟฟ้าท่ีมีค่าการสูญเสียน้อยกว่าเครื่องกลไฟฟ้าประเภทมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องกาเนิดไฟฟ้า ท้ังน้ีเพราะว่าหม้อแปลงไฟฟ้านั้นไม่มีการสูญเสียทางกล ดังน้ันจึงทาให้หม้อแปลง ไฟฟ้ามีการสูญเสียเพยี ง 2 ส่วน ได้แก่ 1. การสูญเสยี ในแกนเหลก็ 2. การสูญเสยี ในขดลวดทองแดง 4.1 การสญู เสยี ในแกนเหล็ก การสูญเสียนจี้ ะเกิดขึ้นในแกนเหล็กของหมอ้ แปลงไฟฟ้า แบง่ ออกเปน็ 1.1.4 การสูญเสียจากฮีสเตอริซีส เกิดขึ้นเน่ืองจากเส้นแรงแม่เหล็กมีการเปล่ียนแปลงขนาดและ ทศิ ทางตลอดเวลาตามความถขี่ องไฟฟา้ กระแสสลับท่ีจ่ายเข้ามา ดังน้ันเม่ือพิจารณา จากรูปที่ 4-1 (ก) เมื่อ ครึ่งไซเกิลบวกเข้ามาจ่ายให้กับขดลวดของหม้อแปลงไฟฟ้า จะทาให้เส้นแรงแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงตามไฟฟ้า สลับและมีทิศทางตามเข็มนาฬิกา ซ่ึงเส้นแรงแม่เหล็กน้ีจะทาให้โมเลกุลของแกนเหล็กเรียงตัวเป็นแบบ N-S และ N-S รอบแกนเหลก็ ตามทิศทางของเส้นแรงแม่เหลก็ เช่นเดยี วกัน I NN  SS NN t SS NN SS (ก) เมื่อครึง่ ไซเกิลบวกมาจา่ ยใหก้ บั ขดลวด 4-26

SS  NN SS t NN SS I NN (ข) เม่ือครึง่ ไซเกิลลบเขา้ มาจ่ายให้กบั ขดลวด รูปท่ี 4-1 การเกดิ ฮีสเตอรร์ ิซสี ในแกนเหลก็ จากรูปที่ 4-1 (ข) เม่ือครึ่งไซเกิลลบเข้ามาจ่ายให้กับขดลวดของหม้อแปลงไฟฟ้า จะทาให้เส้นแรง แม่เหล็กเปลี่ยนแปลงไปตามไฟฟ้าสลับและมีทิศทางทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งเส้นแรงแม่เหล็กนี้จะทาให้โมเลกุล ของแกนเหล็กเรียงตัวเป็นแบบ S-N และ S-N รอบแกนเหล็ก ตามทิศทางของเส้นแรงแม่เหล็กและเกิดการ กลับทิศทางโมเลกุลในแกนเหล็ก ในการกลับตัวของโมเลกุลต้องใช้พลังงานส่วนหนึ่งซึ่งพลังงานที่ใช้ไปคือ กาลังไฟฟา้ สญู เสยี ซึง่ ออกมาอยู่ในรปู ของความร้อน 4.1.2 การสูญเสียจากกระแสไหลวน เกิดจากกระแสไฟฟ้าท่ีไหลวนภายในแกนเหล็กของหม้อแปลง ไฟฟ้าซึ่งพิจารณาได้จากรูปที่ 4-2 (ก) ถ้าให้แกนเหล็กของหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นแกนเหล็กตัน เม่ือจ่ายไฟฟ้า กระแสสลับเข้ามาจะทาให้สนามแมเ่ หลก็ เกิดการเปล่ียนแปลงและตัดกับแกนเหล็กตันตลอดเวลา จะทาให้เกิด แรงดันไฟฟ้าเหน่ียวนาขึ้น เน่ืองจากแกนเหล็กตันจะมีค่าความต้านทานและครบวงจรในตัวมันเอง จึงทาให้ เกิดกระแสไหลวนและมีทิศทางตามรูปที่ 4-2 (ข) ถ้าต้องการลดกระแสไหลวนที่แกนเหล็กของหม้อแปลง ไฟฟ้า ทาได้โดยลดพน้ื ท่กี ารไหลของกระแสไหลวนโดยทาเป็นเหล็กแผน่ บางแล้วนามาอัดซ้อนกนั 4-27

กระแสไหลวนและทิศทาง (ก) การเกดิ กระแสไหลวนในแกนเหล็กตัน กระแสไหลวนและทิศทาง (ข) ทิศทางของกระแสไหลวนเมอ่ื มองจากดา้ นบน (ค) แกนเหล็กเมื่อแบ่งออกเป็น 2 ส่วน รปู ท่ี 4-2 การเกดิ กระแสไหลวนในแกนเหล็กและทศิ ทาง จากรูปที่ 4-2 (ค) เมือ่ แบ่งแกนเหลก็ ตันออกเป็น 2 ส่วน โดยแกนเหล็กท้ังสองไม่ถึงกันและทาให้เกิด กระแสไหลวนในแต่ละส่วนลดลง ส่งผลให้กาลังไฟฟ้าสูญเสียจากกระแสไหลวนลดลงด้วย การสูญเสียที่แกน เหล็กจะข้ึนอยู่กับความถ่ีและความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็ก เนื่องจากความถ่ีของแหล่งจ่ายความ หนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กคงท่ีและแรงดันไฟฟ้าท่ีจ่ายเข้ามามีค่าคงที่ ดังน้ันการสูญเสียน้ีจะมีค่าคงที่โดย ไม่เปลย่ี นแปลงไปตามกระแสไฟฟ้าทีโ่ หลด 4.2 การปรบั ลดแรงดนั ดา้ นทุติยภมู ิของหม้อแปลง การท่ีเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าได้รับแรงเคลื่อนไฟฟ้า (Voltage) สูงเกินพิกัดนอกจากอาจจะ ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ และเครื่องจักรไฟฟ้าอีกทั้งยังทาให้เพิ่มการสูญเสียในแกนเหล็กของ หม้อแปลง และมอเตอร์อีกด้วย ดังนั้นควรมีการปรับแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้เหมาะสม ซ่ึงการปรับลดแรงดัน ทางดา้ นทตุ ยิ ภมู ิน้ัน เป็นมาตรการที่สามารถช่วยลดการสูญเสียพลังงานและความเสียหายกับหม้อแปลงไฟฟ้า ได้ในทางหน่ึง การปรับลดแรงดันด้านทุติยภูมิลง 10 Volt สามารถลดกาลังไฟฟ้าสูญเสียในหม้อแปลงลงได้ 5% โดยทาการปรบั แทปหม้อแปลงไฟฟา้ ซ่งึ แทปหมอ้ แปลงไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สาหรับเปล่ียนแปลงจานวนรอบ ของขดลวดเพื่อให้หม้อแปลงจ่ายแรงดันไฟฟ้าได้ตามที่ต้องการ มีทั้งออกแบบเป็น Automatic และ Manual 4-28

โดยส่วนใหญจ่ ะเปน็ รูปแบบ Off load tab changer (ต้องทาการปลดแรงดันสงู และโหลดออกก่อนจึงสามารถ ปรับเปลี่ยนได้) และตัวแทปหม้อแปลงน้ันจะติดต้ังอยู่ด้านแรงดันสูง เน่ืองจากมีจานวนขดลวดมากและมี ค่ากระแสน้อย ในการปรับจาเป็นต้องดับไฟฟ้าเสมอ โดยปกติหม้อแปลง 1 ลูก จะมีแทปอยู่ 5 แทป ซ่ึงแต่ ละแทปจะทาให้แรงดันเปลยี่ นแปลงไปประมาณ 2.5 % ดังนั้นผู้ผลติ จะตง้ั แทปหมอ้ แปลงอย่ทู ี่ตาแหนง่ แทป 3 ยกตัวอย่าง โรงงานมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นปริมาณมาก จากการตรวจสอบของทีมงานอนุรักษ์ พลังงานพบว่ามีหม้อแปลงไฟฟ้าจานวน 4 ชุด ที่มีแรงดันไฟฟ้าด้านทุติยภูมิสูง ระบบไฟฟ้าที่เข้าตู้ MDB เป็น แบบ 3 เฟส 4 สาย แรงดันไฟฟา้ ระหวา่ งสาย 380 โวลต์ 50 เฮริ ต์ การทางานของหม้อแปลง 365 วัน/ปี ปญั หาของอปุ กรณ์/ระบบก่อนปรบั ปรุง จากการสารวจพบว่ามีหม้อแปลงไฟฟ้าหลายชุดท่ีจ่ายแรงดันไฟฟ้าในระดับที่สูงเกินพิกัดของอุปกรณ์ ไฟฟา้ ทาใหห้ มอ้ แปลงไฟฟ้าจา่ ยกาลงั ไฟฟ้าใหก้ บั อปุ กรณ์มากขึ้นและยังทาให้อายุการทางานของอุปกรณ์ส้ันลง อีกด้วย รูปแสดงหมอ้ แปลงไฟฟ้า รปู แสดงแรงดันไฟฟ้าท่ี MDB-4-4 ก่อนปรับลดแรงดันไฟฟา้ รปู ที่ 4-3 แสดงการสารวจหม้อแปลงไฟฟ้า แนวคดิ และข้ันตอนการดาเนนิ งาน ในการปรับลดแรงดันไฟฟ้ามีผลต่อกาลังไฟฟ้าท่ีอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้ลดลง โดยมีข้ันตอนการดาเนินการ ดังน้ี 1. ตรวจวดั ค่าแรงดันไฟฟ้าของหมอ้ แปลงทมี่ ีแรงดันไฟฟ้าดา้ ยทุติยภมู ิสงู ก่อนและหลังปรับลด 2. ทาการบนั ทกึ ค่าพลงั งานไฟฟ้าของหมอ้ แปลงแตล่ ะชดุ ทุกวันก่อนและหลงั ปรบั ลด 3. ตรวจสอบค่าแรงดันไฟฟ้าท่ีปลายทางระหว่างเฟส ควรอยู่ประมาณ 380 โวลต์หรือระหว่างเฟส กบั นิวตรอลควรอยู่ท่ี 220 โวลต์ (ควรตรวจสอบอา้ งองิ กับพกิ ดั แรงดนั ไฟฟ้าของอุปกรณ์) 4. การคานวณผลประหยัดก่อนและหลังปรับลดแรงดันไฟฟ้าน้ันการทางานของเคร่ืองจักร อุปกรณ์ ชวั่ โมงการทางานและการผลติ ควรอยใู่ นสภาวะเดยี วกนั สภาพหลังปรับปรุง สามารถปรับลดแรงดันไฟฟ้าที่หม้อแปลงได้ 4 ชุด โดยที่ระดับแรงดันไฟฟ้า ปลายทางยังอยทู่ ่ีระดบั เหมาะสมกบั พกิ ัดของอุปกรณป์ ลายทาง และเครื่องจกั รยังสามารถทางานไดป้ กติ 4-29

บรเิ วณตรวจวัด แรงดนั ไฟฟา้ เฉล่ีย แรงดนั ไฟฟ้าเฉลี่ย จานวน Tap กอ่ นปรับ หลังปรับ ทปี่ รับลด MDB-1-2 407 396.5 MDB-1-5 1 MDB-4-4 410 397.5 MDB-W/H-1 1 407 399 1 407 396 1 รูปที่ 4-4 แสดงการปรบั ลดแรงดันไฟฟ้า โดยการปรับแทปหม้อแปลงไฟฟ้าลง วิธกี ารคานวณผลการอนุรกั ษ์พลังงาน ตารางที่ 4-1 กอ่ นปรับลดแรงดันไฟฟ้า(ก่อนการปรบั แทปหม้อแปลงไฟฟา้ ) วันท่ี MDB - 1 - 2 MDB - 1 - 5 MDB - 4 - 4 MDB - W/H - 1 kWH kWH kWH kWH 1 5,120.00 2,450.00 648.00 600.00 2 5,680.00 2,754.00 744.00 792.00 3 5,600.00 2,457.00 768.00 744.00 4 5,440.00 2,289.00 288.00 648.00 5 5,360.00 2,230.00 792.00 720.00 6 5,600.00 2,201.00 792.00 744.00 7 5,200.00 2,295.00 744.00 720.00 8 5,120.00 2,017.00 696.00 744.00 9 5,280.00 2,014.00 696.00 744.00 10 5,200.00 1,971.00 792.00 744.00 AVERAGE 5,420.00 2,300.78 741.33 733.33 4-30

ตารางท่ี 4-2 หลังปรับลดแรงดนั ไฟฟ้า(หลังการปรับแทปหม้อแปลงไฟฟา้ ) วนั ท่ี MDB - 1 - 2 MDB - 1 - 5 MDB - 4 - 4 MDB - W/H - 1 kWH kWH kWH kWH 1 5,520.00 2,211.00 720.00 720.00 2 5,840.00 2,715.00 744.00 744.00 3 5,840.00 2,637.00 696.00 696.00 4 5,840.00 2,423.00 696.00 720.00 5 5,280.00 1,874.00 696.00 720.00 6 5,680.00 2,175.00 696.00 720.00 7 5,520.00 2,110.00 672.00 768.00 8 5,200.00 2,230.00 744.00 696.00 9 5,280.00 2,244.00 768.00 696.00 10 5,200.00 2,428.00 720.00 792.00 AVERAGE 5,333.33 2,260.14 726.86 720.00 คดิ ผลประหยดั เป็น % 1.6% 1.8% 2.0% 1.8% ยกตวั อย่าง จากขอ้ มลู ยอ้ นหลงั คิดเปน็ พลงั งานไฟฟ้าทปี่ ระหยดั ไดเ้ ฉล่ียตอ่ เดือนของแต่ละ MDB ดังตารางท่ี 4-3 น้ี ตารางที่ 4-3 MDB - 1 - 2 MDB - 1 - 5 MDB - 4 - 4 MDB - W/H - 1 เดอื น - ปี ก.พ. 2006 425,000 102,606 42,480 52,224 ม.ี ค. 2006 เม.ย. 2006 492,000 229,493 50,640 74,640 พ.ค. 2006 ม.ิ ย. 2006 406,000 329,299 19,440 60,720 ก.ค. 2006 354,000 484,483 44,880 65,520 คา่ เฉลยี่ ตอ่ เดอื น 352,000 670,030 41,520 59,280 459,000 883,336 44,880 64,800 414,667 449,875 40,640 62,864 4-31

คดิ เป็นพลังงานท่ีประหยัดได้ = [(414,667 x 1.6%) + (449,875 x 1.8%) +(40,640 x 2%) + (62,864 x 1.8%)] x 12 = 200,121 kWh/ปี = 0.017 ktoe/ปี คิดเป็นเงนิ ที่ประหยดั ได้ = 600,363 บาท/ปี 4.3 การสญู เสียในขดลวดทองแดง เน่ืองจากหม้อแปลงไฟฟ้าพันจากขดลวดทองแดงท้ังสองด้านโดยจะมีค่าความต้านทานจากขดลวด ปฐมภูมิและทุติยภูมิ ดังนั้นเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดจะทาให้เกิดกาลังไฟฟ้าข้ึนท่ีขดลวดทั้งสองซ่ึง เป็นกาลังไฟฟา้ ที่สูญเสยี ไปจะออกมาในรปู ของความร้อน แบ่งออกเปน็ 1. การสูญเสียจาดขดลวดทองแดงทางดา้ นปฐมภมู ิ 2. การสูญเสยี จาดขดลวดทองแดงทางด้านทตุ ิยภมู ิ กาหนดให้ = กาลังไฟฟ้าสญู เสียจากขดลวดทองแดงทางดา้ นปฐมภมู ิ = กาลงั ไฟฟ้าสญู เสยี จากขดลวดทองแดงทางด้านทตุ ยิ ภมู ิ จากวงจรสมมูลของหม้อแปลงไฟฟ้าเม่ือพจิ ารณาเฉพาะค่าความต้านทาน R1 R2 I1 ขดลวดด้าน ขดลวดดา้ น I2 ปฐมภมู ิ ทตุ ิยภมู ิ รูปที่ 4-5 วงจรสมมูลของหม้อแปลงไฟฟา้ 4-32

จากวงจรสมมลู ของหม้อแปลงไฟฟา้ รูปท่ี 4-5 กาลังไฟฟา้ สญู เสยี จากขดลวดทองแดงหาได้ ดงั น้ี = ……………….4.1 = ……………….4.2 ดังน้นั กาลังไฟฟ้าสูญเสียทั้งหมดของขดลวด ( ) =+ ……………….4.3 นอกจากน้ี การหากาลงั ไฟฟ้าสูญเสียในขดลวดทัง้ หมดยังได้จากการยา้ ยค่าต่างๆ ดังนี้ จากทางดา้ นทุติยภูมิมาไว้ทางด้านปฐมภูมิ = ……………….4.4 จากทางดา้ นปฐมภูมิมาไวท้ างดา้ นทตุ ยิ ภูมิ = ……………….4.5 การสญู เสียในขดลวดทองแดงน้ีจะมีค่าไม่คงท่ีโดยเปล่ียนแปลงไปตามกระแสไฟฟ้าที่โหลดน่ัน คือ ถ้า กระแสไฟฟ้าท่ีโหลดมาก กาลังไฟฟ้าสูญเสียในขดลวดทองแดงจะมีค่ามากตามไปด้วย จากการสูญเสียของ หม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยการสูญเสียในแกนเหล็กและการสูญเสียในขดลวดทองแดง สามารถนามา เขยี นเปน็ เส้นกราฟกาลังไฟฟ้าสญู เสีย ดงั รปู ท่ี 4-5 P (W) กาลงั ไฟฟา้ สญู เสีย ในขวด ลวดทองแดง กาลงั ไฟฟา้ สญู เสยี ในแกนเหลก็ I (A) รปู ท่ี 4-6 เส้นกราฟกาลังไฟฟ้าสูญเสียของหม้อแปลงไฟฟา้ เม่อื กระแสไฟฟา้ ทีโ่ หลดเปล่ยี นแปลง 4-33

จากรูปที่ 4-6 จะเห็นว่าเส้นกราฟกาลังไฟฟ้าสูญเสียในแกนเหล็กมีค่าคงที่ไม่เปล่ียนแปลงไปตาม กระแสโหลดส่วนเส้นกราฟสูญเสียในขดลวดทองแดงท้ังสองด้านของหม้อแปลงไฟฟ้าจะเปล่ียนแปลงไปตาม กระแสโหลดยกกาลงั สอง 4.4 การหากาลงั ไฟฟ้าสญู เสียในขดลวดทองแดงท่พี กิ ัดใดๆของหม้อแปลงไฟฟา้ กาลังไฟฟ้าสญู เสยี ในขดลวดทองแดงน้ัน เป็นกาลงั ไฟฟา้ ทสี่ ูญเสยี ในหม้อแปลงไฟฟา้ เม่อื จ่ายโหลดเต็ม พิกัดหรือได้จากการทดสอบของหม้อแปลงไฟฟ้าขณะลัดวงจร กเ็ ป็นกาลงั ไฟฟ้าสูญเสยี ในขดลวดของทองแดง เมือ่ เต็มพิกดั เช่นเดยี วกันแต่ถ้าหมอ้ แปลงไฟฟ้านั้นจ่ายโหลดน้อยกว่าพิกัดหรือมากกวา่ พิกดั จะทาให้สูญเสยี ใน ขดลวดทองแดงน้นั เปลยี่ นแปลงตามไปดว้ ย ซงึ่ สามารถหาได้ท่โี หลดต่างๆ กนั ดังน้ี กาหนดให้ = กาลังไฟฟา้ สญู เสยี ในขดลวดทองแดงท้ังหมดเม่อื จา่ ยโหลดเต็มพิกดั = กาลังไฟฟ้าสญู เสียในขดลวดทองแดงทง้ั หมดเมอื่ จ่ายโหลดที่พกิ ดั ใดๆ n= จานวนเท่าท่พี ิกัดใดๆ ของหม้อแปลงไฟฟา้ เม่ือจา่ ยโหลดเทียบกับพิกดั () () ……………………..4.6 4.5 ประสิทธิภาพของหม้อแปลงไฟฟ้า กาลังอนิ พตุ ทีจ่ า่ ยเขา้ มาให้กบั หมอ้ แปลงไฟฟา้ จะเปน็ กาลงั ไฟฟา้ และมกี าลงั ไฟฟ้าบางส่วนไดส้ ูญเสยี ไปในแกนเหลก็ และในขดลวด โดยกาลงั ทีเ่ หลอื จะเปน็ กาลังไฟฟ้าทางเอาต์พตุ ถ้ากาหนดให้อัตราสว่ น ระหว่าง กาลังไฟฟา้ เอาตพ์ ุต กบั กาลงั ไฟฟ้า อนิ พตุ คือประสิทธภิ าพของหม้อแปลงไฟฟ้า ประสิทธภิ าพ = กาลังเอาต์พตุ กาลังอินพตุ = กาลังเอาต์พตุ กาลังเอาต์พุต กาลงั ไฟฟา้ สญู เสยี ท้ังหมด 4-34

= …….……………….4.7 = โดยกาลงั ไฟฟา้ เอาต์พตุ = …..……………….4.8 = kVA pf. และกาลงั ไฟฟา้ สญู เสยี ท้ังหมด = …..……………….4.9 4.6 การคานวณหาคา่ ต่างๆ ในการหาประสิทธิภาพของหมอ้ แปลงไฟฟา้ ตัวอย่างท่ี 4.6.1 หม้อแปลงไฟฟ้า 1 เฟส 25 kVA ขนาดแรงดัน 2200/250 V มีค่าความต้านทานจาก ขดลวดปฐมภูมิและทุติยภูมิ เป็น 1.5 และ 0.01936 ตามลาดับ เมื่อจ่ายโหลดเต็มพิกัดที่ค่าตัวประกอบกาลัง 0.8 ล้าหลังและมีกาลังไฟฟ้าในแกนเหล็ก 260 W จงคานวณหา ก. กาลังไฟฟา้ สญู เสียในขดลวดทองแดงทงั้ หมด ข. กาลงั ไฟฟา้ สญู เสียทัง้ หมด ค. ประสทิ ธภิ าพของหม้อแปลงท้ังหมด วธิ ีทา โจทย์กาหนดคา่ ตา่ งๆ ดังนี้ และ = 250 V = 2200 V และ = 0.01936 = 1.5 Ω และ = 260 W Pf. = 0.8 ลา้ หลัง พิกัดหม้อแปลงไฟฟา้ = 25 kVA a= = a = 8.8 == = 11.36 A = = = 100 A 4-35

ก. กาลังไฟฟา้ สญู เสียในขดลวดทองแดงทง้ั หมด = () = = 193.5 W = = () = 193.6 W = = 193.5 + 193.6 = 387.1 W กาลงั ไฟฟ้าสูญเสยี ในขดลวดทองแดงทั้งหมด = 387.1 W ตัวอย่างที่ 4.6.2 หม้อแปลงไฟฟ้า 1 เฟส 50 kVA ขนาดแรงดัน 2200/240 V เม่ือจ่ายโหลดเต็มพิกัดท่ี ค่าตัวประกอบกาลัง 0.8 ล้าหลัง ให้ประสิทธิภาพ 90% และมีกาลังไฟฟ้าสูญเสียในแกนเหล็ก 500 W จงคานวณหา ก. กาลังไฟฟ้าสญู เสียในขดลวดทองแดงทัง้ หมด ข. กาลังไฟฟ้าสูญเสียในขดลวดทองแดงทัง้ หมด เม่ือหม้อแปลงไฟฟ้าจา่ ยโหลด ออกไปเท่ากบั ครึ่งหนึ่งของพิกดั วธิ ที า โจทย์กาหนดค่าตา่ งๆ ดังนี้ และ = 240 V = 2200 V และ = 500 W และ = 97% Pf. = 0.8 ลา้ หลงั พิกัดหม้อแปลงไฟฟา้ = 500 kVA = = = = = ฀฀฀฀ ฀฀฀ 4-36

= () = () = = ก. กาลงั ไฟฟ้าสญู เสยี ในขดลวดทองแดงทัง้ หมด 41237 - 40000 = = 1237 - 500 = 737 W = = = = = กาลงั ไฟฟา้ สญู เสียในขดลวดทองแดงทง้ั หมด = 737 W ข. กาลังไฟฟ้าสูญเสียในขดลวดทองแดงทั้งหมด เม่ือหม้อแปลงไฟฟ้าจ่ายโหลดออกไปเท่ากับคร่ึงหน่ึงของ พกิ ัดซึง่ กาหนดให้ () () () กาลังไฟฟ้าสูญเสียในขดลวดทองแดงทั้งหมด เมื่อหม้อแปลงไฟฟ้าจ่ายโหลดออกไปเท่ากับ คร่งึ หน่ึงของพิกดั = 184.25 W ตวั อยา่ งที่ 4-6-3 หม้อแปลงไฟฟา้ 1 เฟส 75 kVA ขนาดแรงดัน 3300/400 V จากการทดสอบ มีดังนี้ แรงดนั (V) กระแส (A) กาลงั ไฟฟา้ (kW) ทดสอบสภาวะเปดิ วงจร(ทางดา้ นแรงดนั ทุติยภมู ิ) 400 7.5 1.4 ทดสอบสภาวะลัดวงจร(ทางดา้ นแรงดนั ทตุ ยิ ภมู ิ) 230 22.73 2.5 4-37

ถ้าหม้อแปลงไฟฟ้าตัวนี้จ่ายโหลดออกไป 1 , 3 เต็มพิกัด, 3 เท่าของพิกัดของหม้อแปลงไฟฟ้าท่ี 24 2 คา่ ตวั ประกอบกาลงั ไฟฟ้า 0.8 ลา้ หลัง จงคานวณหา ก. กาลงั ไฟฟา้ สญู เสยี ในแกนเหลก็ ข. กาลงั ไฟฟา้ สูญเสียในขดลวดทองแดงทั้งหมดท่ีจา่ ยโหลดพกิ ดั ตา่ งๆ ค. ประสิทธิภาพของหม้อแปลงไฟฟ้าท่ีจ่ายโหลดพิกัดตา่ งๆ วธิ ที า โจทยก์ าหนดคา่ ตา่ งๆ ดงั น้ี ทดสอบในสภาวะเปิดวงจร (เปดิ วงจรด้านปฐมภมู ิ) = = 1.4 kW ทดสอบในสภาวะเปิดวงจร (เปิดวงจรดา้ นทุติยภมู ิ) = = 2.5 kW = 3300 V และ = 400 V พกิ ัดหมอ้ แปลงไฟฟา้ = 75 kVA และ pf. = 0.8 ล้าหลัง ก. กาลังไฟฟ้าสูญเสยี ในแกนเหลก็ จากการทดสอบแบบเปิดวงจร กาลังไฟฟ้าที่ได้จากวัตต์มิเตอร์จะเป็นกาลังไฟฟ้าสูญเสียใน แกนเหล็กท้ังหมดและไม่ว่าหม้อแปลงไฟฟ้าจะจ่ายโหลดไปเท่าไรก็ตาม กาลังไฟฟ้าสูญเสียในแกนเหล็กจะมี ค่าคงที่ = = 1.4 kW กาลงั ไฟฟา้ สูญเสยี ในแกนเหล็กมีค่า = 1.4 kW ข. กาลงั ไฟฟ้าสูญเสยี ในขดลวดทองแดงท้ังหมดทีจ่ า่ ยโหลดพกิ ัดคา่ ตา่ งๆ จากการทดสอบแบบลัดวงจร กาลังไฟฟ้าท่ีได้จากวัตต์มิเตอร์จะเป็นกาลังไฟฟ้าสูญเสียใน ขดลวดทัง้ หมดและจะเปล่ยี นแปลงไปตามโหลดพกิ ัดค่าต่างๆ เมื่อจ่ายโหลดที่ ของพิกัด n = จะได้ () () () กาลังไฟฟา้ สูญเสยี ในขดลวดทองแดงที่ ของพกิ ัดมค่ี ่า = 0.625 kW 4-38

เมือ่ จ่ายโหลดท่ี ของพกิ ัด n = จะได้ () () () กาลังไฟฟา้ สูญเสยี ในขดลวดทองแดงที่ ของพิกัดม่ีคา่ = 1.406 kW เมอื่ จ่ายโหลดเต็มพกิ ัด n = 1 จะได้ () () () กาลงั ไฟฟ้าสูญเสยี ในขดลวดทองแดงท่ีเตม็ พิกดั มคี ่า = 2.5 kW เมือ่ จ่ายโหลดท่ี ของพิกัด n = จะได้ () () () กาลังไฟฟ้าสญู เสียในขดลวดทองแดงที่ ของพิกัดมคี ่า = 5.625 kW ค. ประสทิ ธิภาพของหม้อแปลงไฟฟา้ ทจ่ี า่ ยโหลดพิกัดค่าตา่ งๆ เม่อื จ่ายโหลดท่ี ของพกิ ัดจะได้ 4-39

( ) % ประสทิ ธภิ าพของหม้อแปลงไฟฟ้าท่ี ของพกิ ัดมี = 93.67 % เมอื่ จ่ายโหลดที่ ของพกิ ดั จะได้ () % 4.7 การปลดหม้อแปลงไฟฟ้าด้านแรงดนั ไฟฟ้าสูง ขณะไม่ได้ต่อใช้งาน หม้อแปลงไฟฟ้าเม่ือไม่มีการใช้งานหรือต่อกับโหลด ไม่ได้แปลว่าหม้อแปลงไฟฟ้าจะไม่ทางานแต่ หม้อแปลงไฟฟ้ายังคงทางานตามปกติ ซึ่งในกรณีนี้จะทาให้เกิดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าในหม้อแปลงไฟฟ้า และทาให้เกิดการเสื่อมสภาพของหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งมีผลต่ออายุการใช้งานของหม้อแปลงไฟฟ้า ทาให้อายุ การทางานของหมอ้ แปลงไฟฟา้ สนั้ ลง ซ่งึ ในทางปฏบิ ัติถ้าเกิดไม่มีการต่อใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้ากับโหลด ควรที่ จะทาการปลดหม้อแปลงไฟฟา้ ด้านแรงดนั ไฟฟ้าสงู เพือ่ เปน็ การลดการสูญเสียพลังงานและเป็นการยืดอายุการ ใช้งานของหม้อแปลงไฟฟ้าออกไปได้ โดยในการทาการปลดหม้อแปลงไฟฟ้าน้ันจะต้องทาโดยผู้เช่ียวชาญ และในการปฏบิ ัตงิ านทุกครงั้ ควรทจ่ี ะมอี ปุ กรณ์ปอ้ งกันและควรปฏบิ ตั ิงานอยา่ งน้อย 2-3 คนข้ึนไป 4-40

4.8 การยา้ ยโหลดให้เหมาะสมกับช่วงเวลา อัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Rate-TOU) กาหนดช่วง On Peak ต้ังแต่ จันทร์ ถงึ เสาร์เวลา 09.00 น. - 22.00 น. เป็นช่วงทมี่ ีการคดิ ค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าช่วง Off Peak (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ถึงหน่วยละ 1.50 บาท ดังน้ัน ควรที่ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวมาจัดทาแผนเวลาใน กระบวนการผลิต และกาหนดระยะเวลาทางานของเคร่ืองจักรในช่วง off-peak ซ่ึงการทางานในช่วง Off Peak แทนชว่ ง On Peak จะสามารถประหยดั คา่ พลังงานไฟฟ้าได้ ยกตัวอยา่ ง โรงงานแหง่ หน่ึงมกี ารใชง้ านเคร่อื งอบแก้ว ขนาด 32 กโิ ลวตั ต์ ในการใหค้ วามรอ้ นโดยเวลา ทางานปกติของโรงงานคือช่วงเวลา 08.00 น.-17.00 น. ซงึ่ ทุก ๆ วนั ทางโรงงานจะทาการอบแกว้ ใช้ ระยะเวลาในการอบประมาณ 5 ชว่ั โมงตอ่ วนั โรงงานใช้อตั ราค่าไฟฟ้าแบบ TOU ดว้ ยเง่ือนไขการทางาน ดังกล่าว จึงทาการย้ายช่วงเวลาการอบแกว้ ไปทาในช่วง Off Peak แทนเพ่ือลดค่าใชจ้ า่ ยดา้ นพลังงานไฟฟา้ สามารถลดคา่ ใช้จา่ ยด้านพลงั งานไฟฟา้ ลงได้ 126, 298.37 บาท/ปี 4.9 การควบคุมค่าความต้องการพลังไฟฟา้ สงู สดุ ค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุด (Peak Demand) เป็นค่าปรับที่ทางไฟฟ้ากาหนดข้ึนมาเพื่อ ควบคุมพฤติกรรมการใช้พลังงานภายในสถานประกอบการต่างๆ ไม่ให้มีค่ามากเกินไปในช่วงเวลาต่างๆ ซง่ึ จะมีคา่ ทีแ่ ตกตา่ งกนั ไปตามประเภทผู้ใช้ไฟฟา้ จากการสารวจพบว่าสถานประกอบการมีปริมาณค่าความต้องการกาลังไฟฟ้าสูงสุดที่มากเกินกว่า ความตอ้ งการนนั้ อาจเน่ืองมาจากการใช้ไฟฟ้าอย่างไม่เหมาะสมจึงต้องมีการควบคุมการใช้ไฟฟ้า โดยการย้าย ช่วงเวลาท่ีต้องใช้ไฟฟ้าบางอย่างท่ีไม่จาเป็นไปทาในช่วงเวลาท่ีมีการใช้ไฟฟ้าน้อย สามารถลดค่าใช้จ่ายด้าน พลังงานโดยไม่มีการลงทุนได้ ซ่ึงการลดความต้องการพลังงานสูงสุดทุก 1 kW สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ 74.14 - 210.00 บาท 4.10 การบารงุ รักษาหมอ้ แปลงไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นเครื่องกลไฟฟ้าที่ต้องการ การบารุงรักษาน้อยกว่าเคร่ืองกลไฟฟ้าชนิดอ่ืนๆ แต่อย่างไรก็ตามหม้อแปลงก็ต้องการการตรวจสอบและบารุงรักษาตามระยะ ส่วนระยะในการตรวจสอบและ บารุงรักษาน้ันจะนานเพียงใดก็ข้ึนอยู่กับการใช้งาน สภาพสิ่งแวดล้อม สถานที่ตั้งของหม้อแปลงไฟฟ้าน้ันๆ สง่ิ สาคญั ในการตรวจสอบและบารุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า คอื 1. อายุการใชง้ านของหมอ้ แปลงไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าที่มอี ายุการใช้งานเป็นเวลานาน มักเกิดปัญหาขึ้น บ่อยครง้ั เมอื เทียบกับหม้อแปลงไฟฟา้ ใหม่ ควรตรวจสอบละเอยี ดและบอ่ ยครั้งมากขึน้ 2. ความสาคัญของหม้อแปลงไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าบางชนิด เม่ือมีการชารุดเสียหายจะไม่สามารถจ่าย กระแสไฟฟ้าให้กับโหลดได้ หรืออาจจะทาให้ไฟฟ้าดับ ถ้าเกิดขึ้นในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมจะทาให้เกิด ความเสยี หายเปน็ อยา่ งมาก เพราะฉะนน้ั ควรทาแผนหรอื ตารางตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า 4-41

3. สภาพแวดล้อมการติดต้ังหม้อแปลงไฟฟ้า มีความสาคัญมาก โดยเก่ียวข้องถึงการทาความสะอาด การระบายอากาศของหมอ้ แปลงไฟฟา้ ฝุ่นละออง ความชน้ื ซ่งึ มีผลต่อฉนวนหม้อแปลงที่จะเสื่อมสภาพ ส่วนที่ เป็นโครงหรือโลหะจะถกู สนมิ กัดกรอ่ น 4. สภาวะการใช้งานหม้อแปลง กรณีการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าที่ผิดปกติ เช่น การใช้งานเกินพิกัดของ หม้อแปลงไฟฟ้าหรือเมื่อเกิดการฟอลท์ (fault) ข้ึนในระบบส่ง-จ่าย ควรตรวจสอบอย่างรวดเร็วและรีบ ดาเนินการทนั ที เพอื่ ปอ้ งกนั การระเบิดหรือเสยี หาย การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า การตรวจสอบหมอ้ แปลงไฟฟา้ และบารุงรกั ษา มี 3 ชนดิ ดงั นี้ 1. การตรวจสอบประจาวัน (Daily Inspection) โดยการตรวจดูสภาพภายนอกทั่วๆ ไปใน ขณะที่หม้อแปลงไฟฟ้ากาลังใช้งานอยู่ เช่น สภาพสีหรือตัวถังหม้อแปลง สภาพของลูกถ้วยด้านแรงดันสูงและ แรงดนั ตา่ ระดบั นา้ มนั และสารกันความชื่น หรืออาจจะใช้หูฟงั เสยี งผิดปกติที่เกิดข้ึน หรือใช้จมูกดมกลิ่นที่เหม็น ไหมผ้ ดิ ปกติทเี่ กดิ จากความรอ้ นสงู หรอื ใชม้ ือสัมผัส เป็นตน้ 2. การตรวจสอบตามกาหนดเวลา (Regular Inspection) เป็นการตรวจสอบหม้อแปลง ขณะไม่ถูกใช้งาน มี 2 ลักษณะ 2.1 การตรวจสอบประจา (Routine Inspection) เป็นการใช้เวลาสั้นๆในการตรวจสอบ บารงุ รกั ษา อาจจะเปน็ 1-2 คร้ัง/ปี เป็นการตรวจสอบภายนอก ตรวจสอบการทางาน ทาความสะอาด หยอด น้ามนั หลอ่ ล่ืนชิ้นส่วนตา่ งๆ รวมวดั ค่าความตา้ นทานฉนวนของขดลวดหม้อแปลง 2.2 การตรวจสอบเฉพาะ (Particular Inspection) ใชเ้ วลามากข้นึ ในการตรวจสอบบารุงรักษา อาจจะเป็นทุกปี หรือทุกๆ 2 ปี เป็นการตรวจสอบโดยละเอียด อาจจะถอดชิ้นส่วนต่างๆออกท้ังหมด เพ่ือ ตรวจสอบภายในของหมอ้ แปลง หรอื เปลี่ยนชิ้นส่วนบางชนิ้ ออกและแกไ้ ขขอ้ ขัดข้องต่างๆ เพ่ือใหพ้ ร้อมใช้งาน 3. การตรวจสอบพิเศษ (Special Inspection) เป็นการตรวจสอบที่ดาเนินการโดย ผู้เช่ียวชาญของบริษัทผู้ผลิต เมื่อถึงกาหนดท่ีต้องตรวจสอบตามอายุการใช้งาน ซึ่งจะทาการตรวจสอบขณะท่ี หมอ้ แปลงไฟฟ้าไมไ่ ด้ใช้งาน 4-42

ตารางการตรวจสอบบารงุ รักษา การตรวจสอบและบารงุ รักษาหมอ้ แปลงไฟฟา้ รายการ วธิ ตี รวจสอบ ชว่ งเวลาการตรวจสอบ 1. อุณหภูมขิ องหม้อแปลง - จดคา่ อุณหภมู ขิ องอากาศ, น้ามนั หมอ้ - ทุกช่ัวโมง แปลงและอุณหภูมิของขดลวด 2. ระดับนา้ มนั หม้อแปลง - อ่านคา่ จากเครอ่ื งวดั ระดบั นา้ มัน - ทุกวนั - Main tank (Oil level guage) - On load tap changer - สงั เกตดรู อยแตกรา้ ว หรือมีละอองนา้ จบั ดา้ นในของกระจกหรือไม่ 3. น้ามนั รัว่ ซมึ - ตรวจสอบตามครบี ระบายความร้อน, ข้อ - ทุกวนั ต่อท่อวาลว์ และช้ินสว่ นอน่ื ๆ 4. เสยี งดงั ผิดปกติขณะ - อาจเกดิ จากการสัน่ สะเทือนที่ผดิ ปกติ - ทกุ วัน ทางาน สามารถตรวจสอบไดโ้ ดยการใช้มือสมั ผัส 5. บชู ชง่ิ หรือ ปลอกรอง - ตรวจสอบระดับน้ามันของบชู ช่งิ , รอย - ทกุ วนั แกน (Bushing) ร่วั ซึม, แตก, บิ่น, สกปรก 6. ห้องหายใจกรองความชื้น - ตรวจสอบการเปลย่ี นสีของสารดูด - ทกุ วนั (Air Breather) ความชืน้ (Silica gel) 7. สภาพภายนอกโดยท่ัวๆ - ตรวจดูคราบน้ามนั ไป - ตรวจดูด้วยสายตา สังเกตดสู ง่ิ สกปรก, - ทุกวนั สนมิ , หยดน้า, การเปลย่ี นสขี องจดุ ต่อตา่ งๆ - ไดย้ ินเสยี ง หรอื เห็นแสงทีเ่ กิดจาก Partial discharge - สงั เกตกลิน่ ทีผ่ ดิ ปกติ 8. ระบบ Nitrogen-Seal - ตรวจดู Nitrogen pressure gauge - ทกุ วนั 9. ลอ่ ฟ้า (Lightning - สงั เกตดูรอยแตกร้าว หรอื ละอองนา้ จบั Arrester) ดา้ นในของกระจก - ทุกวนั - ตรวจสภาพทว่ั ไปของล่อฟ้า - ทกุ ปี - จด Counter ล่อฟา้ - วัดค่า Insulation Resistance ของลอ่ ฟา้ 4-43

การตรวจสอบและบารงุ รักษาหมอ้ แปลงไฟฟา้ (ต่อ) รายการ วิธตี รวจสอบ ชว่ งเวลาการตรวจสอบ 10. อุปกรณเ์ ปลี่ยนแทปขณะ - ตรวจสภาพภายนอกทาง OLTC. - ทกุ วัน รับโหลด (On Load Tap - จด Counter การทางาน Changer) - ตรวจสอบระดบั น้ามนั เกียร์ของมอเตอร์ - ทกุ 6 เดอื น เปล่ยี นแทป - ทดสอบคา่ ความคงทนของไดอเิ ลก็ ตริก - ทุก 6 เดอื น (Dielectric Strength) ของน้ามนั หมอ้ แปลง - ตรวจสอบสภาพภายในของ OLTC.เพ่ือ - ตามคาแนะนาของ บารงุ รักษา บริษทั ผผู้ ลิต 11. ฐานรองรบั หมอ้ แปลง - ตรวจดูรอยแตกร้าว หรือทรุดเอยี ง - ทุก 6 เดอื น 12. น้ามันหม้อแปลง - ทดสอบค่าความคงทนของไดอิเล็กตริก - ทกุ 1 ปี (Transformer oil) ด้ ว ย แ ร ง ดั น เ สี ย ส ภ า พ ฉั บ พ ลั น (Breakdown voltage) ตามมาตรฐาน 13. จดุ สายตอ่ ลงดนิ เช่น มาตรฐาน BS 148 : 1972 มีขีดจากัด 14. อปุ กรณ์ป้องกันตา่ งๆ เป็น 30 kV. - วัดค่าความเป็นกรดของน้ามันหรือจุด สะเทิน (Acid or Neutralization value) ผลท่ีวัดได้จะต้องไม่เกิน 0.4 มิลลิกรัมของ - ทกุ 2-3 ปี KOH/กรมั ตามมาตรฐาน BS 148 : 1972 - วัดค่าความเป็นกรดของน้ามันหรือจุด สะเทิน (Acid or Neutralization value) - ทุก 2-3 ปี ผลท่ีวัดได้จะต้องไม่เกิน 0.4 มิลลิกรัมของ KOH/กรมั ตามมาตรฐาน BS 148 : 1972 - ตรวจดูการหลุดหลวม, สึกกร่อนของจุด - ทุก 1 ปี ตอ่ ลงดินตา่ งๆ - ทดลองฟังก์ชั่นการทางาน, ชุดป้องกัน ให้ - ทุก 1-3 ปี ทางานได้อย่างถูกต้องและปรับแต่งค่าให้ เท่ยี งตรงตามความเป็นจรงิ 4-44

การตรวจสอบและบารงุ รักษาหม้อแปลงไฟฟา้ (ต่อ) รายการ วธิ ีตรวจสอบ ช่วงเวลาการตรวจสอบ 15. คา่ Insulation - ระหว่างขดลวดกับขดลวด, ขดลวดกับ - ทกุ 1-5 ปี resistance ของขดลวดหม้อ กราวด์ด้วยเมกเกอร์ (Megger) ท่ีมีพิกัด แปลง แรงดันไฟตรงด้านออกขนาด 1000-2500 โวลต์ ค่าความต้านทานของฉนวนต่าสุดท่ี ยอมรับได้สาหรับหม้อแปลงระบบ 22 kV.- 33kV. วัดที่อุณหภูมิ 20 °C จะต้องไม่ต่ากว่า 1000 MΩ หรือท่ีอุณหภูมิของหม้อแปลง 30 16. วดั คา่ อัตราสว่ นของ °C ต้องวดั ไดไ้ ม่ต่ากวา่ 500 MΩ แรงดัน (Ratio test) - ใชเ้ คร่ืองวัดท่ีเรียกว่า Ratio meter เพ่ือ - ทุก 5 ปี ตรวจสอบค่าอัตราส่วนของแรงดันหรือ จานวนรอบทางด้านแรงสูงและแรงต่าว่า ถูกต้องหรือไม่ อาจจะทดสอบด้วยวิธีง่ายๆ โดยการป้อนแรงดันขนาด 400 โวลต์เข้า ทางด้านแรงสูง ถ้าเป็นหม้อแปลงระบบ 22 kV. โดยมีด้านแรงต่าเป็น 230, 400, 450 V. กจ็ ะวดั โวลต์ด้านแรงต่าได้เป็น 4.2, 7.3, 8.4 V ตามลาดบั 17. วดั คา่ ความต้านทานของ - วิธีที่นิยมใช้ Wheatstone bridge - ทุก 5 ปี ขดลวดหม้อแปลง (Winding สาหรับวัดค่าความต้านที่มีค่าสูง (มากกว่า 1 resistance) โอห์ม) และใช้ Kelvin double bridge สาหรับวัดค่าความต้านทานท่ีมีค่าต่าๆ (ต่า กว่า 1 โอห์ม) ในระหว่างการวัดถ้าขดลวด แช่อยู่ในน้ามัน ควรจดค่าอุณหภูมิของน้ามัน เอาไว้ด้วย 18. วดั คา่ กระแสกระตุน้ - วดั ค่ากระแสกระตนุ้ ของขดลวดหม้อแปลง - ทุก 5 ปี (Exciting current) ขณะเปดิ วงจรของขดลวดอื่นๆ ไว้ 19. ทดสอบค่า - วัดค่าตัวประกอบกาลังไฟฟ้าของระบบ - ทกุ 5 ปี ตัวประกอบกาลังไฟฟ้า ฉนวนโดยใช้ Power factor set เพ่ือดู (Power factor test) ของ พลังงานท่ีสูญเสียไปเน่ืองจากกระแสร่ัวไหล ส่วนประกอบต่างๆ ของหม้อ ในเนือ้ ฉนวน แปลง 4-45

ขอ้ แนะนาสาหรบั การบารุงรักษาหมอ้ แปลง 1. ควรตรวจสอบหม้อแปลงโดยตลอดทันทที มี่ ีการตรวจรับหมอ้ แปลงจากบริษัท 2. ไม่ควรป้อนพลังงานไฟฟ้า (energized) แก่ หม้อแปลง จนกว่าจะเติมน้ามันถึงระดับท่ีกาหนดไว้แล้ว เทา่ นั้น 3. หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือส่ันสะเทือนท่ีอาจจะเป็นอันตรายต่อโครงสร้างภายในระหว่างการโยกย้าย หรือขนสง่ 4. ตรวจสอบบชู ชงิ่ และส่วนประกอบอ่ืนๆ ใหต้ ิดแนน่ ก่อนท่ีจะนาไปใชง้ าน 5. การเติมน้ามนั หม้อแปลง พึงระมัดระวงั มใิ ห้มีความช้ืนหรอื สารอ่นื ใดเจือปนลงไปในหม้อแปลงได้ 6. ไมค่ วรหวิ้ ยกหมอ้ แปลงทบ่ี ชู ช่ิงหรืออปุ กรณ์ที่ติดแน่นอยู่บนตัวหม้อแปลง ควรยกท่ีหูห้ิวของหม้อแปลง เท่าน้ัน 7. ถ้าเป็นหม้อแปลงที่ใช้ในระบบจาหน่ายที่ติดตั้งอยู่กับเสาไฟฟ้า ควรยึดหม้อแปลงให้แน่นและอยู่ใน แนวด่งิ 8. เมื่อทาการบารุงรักษาชนิดป้องกัน (PM) ให้ทาการตรวจสอบที่บูชช่ิงทั้งหมด, ข้อต่อ, ประเกน, อปุ กรณ์ส่งสัญญาณปอ้ งกนั , สที ีท่ าตวั ถงั และส่วนประกอบภายนอกทั้งหมดในเรื่องสนิม รอยกัดกร่อน หรือ มี รอยรั่วซมึ ตรวจเช็คระดับน้ามันและทดสอบสภาพความเป็นฉนวนของน้ามัน (การทดสอบความเป็นฉนวนของ น้ามันน้ีควรกระทาทุก 3-6 เดือนสาหรับหม้อแปลงขนาดใหญ่) แต่ถ้าเป็นหม้อแปลงขนาดเล็กให้กระทาทุกปี และเมื่อพบวา่ นา้ มันมคี า่ ต่างไปจากมาตรฐานกาหนดให้ทาการกรองความบริสุทธ์ินา้ มนั ทันที 9. ทกุ คร้ังทมี่ ีการเปิดตวั ถงั ออกเพือ่ ตรวจสอบ เมื่อปิดฝาถังจะต้องปดิ ให้แน่นและตรวจเช็คความสมบูรณ์ ของประเกนดว้ ย 10. ถ้าหม้อแปลงหลายตัวต่อขนานกันไว้เพื่อช่วยกันจ่ายโหลด เวลาทางานกับหม้อแปลงตัวใดตัวหน่ึง จะต้องคานึงถึงอันตรายท่ีเกิดจากแรงดันไฟฟ้าที่ย้อนกลับด้วย จึงควรปลดตัวท่ีกาลังตรวจซ่อมอยู่นั้นออกทั้ง ทางดา้ นแรงสงู และแรงตา่ การตรวจสอบและบารุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นระบบการทางานที่มีความสาคัญย่ิง ช่างที่ทาหน้าที่ใน การตรวจสอบต้องเปน็ ผู้ทม่ี คี วามรู้ ความสามารถและความชานาญเป็นการเฉพาะอยู่ภายใต้การกากับดูแลของ วิศวกร มีความรู้เข้าใจเก่ียวกับโครงสร้างและส่วนประกอบท้ังภายในและภายนอกของหม้อแปลง รายละเอียดบนแผ่นป้ายของหม้อแปลง รวมทั้งชนิดของการตรวจสอบ และบารุงรักษาของหม้อแปลงท้ังแบบ ประจาวันและตามกาหนดเวลา ตลอดจนมีความสามารถในการใช้งานเคร่ืองมือวัดทางไฟฟ้า เช่น เมกเกอรว์ ีตสโตนบริดจ์ เรโชมเิ ตอร์ และเครอื่ งมือวัดอืน่ ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งไดด้ ี 4-46

เฉลย แบบประเมินผลการเรียน หน่วยท่ี 3, 4 การทดสอบหาการสญู เสียในหมอ้ แปลงไฟฟา้ โวลต์เตจเรกกเู ลชนั และประสิทธภิ าพ คาสงั่ จงทาเครือ่ งหมาย X ลงบนขอ้ ทถี่ กู ต้อง 1. หม้อแปลงไฟฟ้า มีหลักการทางานอยา่ งไร ก. ขดลวดดา้ นทตุ ิยภูมเิ หนีย่ วนาแรงเคลื่อนไฟฟา้ ดว้ ย Mutual Flux ข. ขดลวดด้านทุติยภมู เิ กิดแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าเหนี่ยวนาดว้ ย Leakage Flux ค. ขดลวดด้านทุตยิ ภูมิเกิดแรงเคล่อื นไฟฟา้ เหน่ยี วนาด้วย Residual Flux ง. ไมม่ ีข้อใดถกู 2. แรงเคล่อื นไฟฟ้าเหนี่ยวนาจะขน้ึ อยู่กบั องค์ประกอบใดเปน็ สาคญั ก. จานวนรอบของขดลวด ข. ปริมาณของเสน้ แรงแมเ่ หล็กสงู สุด ค. ความถีข่ องกระแสไฟฟา้ ง. ถกู ทกุ ข้อ 3. ข้อใดเป็นการทดสอบ วงจรปดิ ก. เปดิ วงจรด้านแรงสูง และปอ้ นแรงดันไฟฟ้าเขา้ ทางด้านแรงต่าตามพิกดั ข. เปิดวงจรด้านแรงตา่ และปอ้ นแรงดนั ไฟฟ้าเข้าทางด้านแรงสูงตามพิกัด ค. ปอ้ นแรงดนั ไฟฟ้าเขา้ ทางดา้ นแรงสงู ตามพิกัด และลัดวงจรด้านแรงตา่ ง. ป้อนแรงดนั ไฟฟ้าเข้าทางดา้ นแรงสงู เพยี งเลก็ น้อยกระแสไม่เกินพิกดั และลัดวงจรด้านแรงต่า 4. ข้อใดเป็นการทดสอบ วงจรลดั ก. เปดิ วงจรดา้ นแรงสูง และป้อนแรงดันไฟฟา้ เขา้ ทางด้านแรงตา่ ตามพิกัด ข. เปิดวงจรดา้ นแรงต่า และปอ้ นแรงดันไฟฟ้าเขา้ ทางด้านแรงสงู ตามพิกัด ค. ปอ้ นแรงดันไฟฟา้ เข้าทางด้านแรงสูงตามพกิ ัด และลัดวงจรดา้ นแรงตา่ ง. ปอ้ นแรงดนั ไฟฟ้าเขา้ ทางด้านแรงสงู เพยี งเล็กน้อยกระแสไม่เกินพกิ ดั และลัดวงจรด้านแรงตา่ 5. การทดสอบ การลดั วงจร มีประโยชน์อย่างไร ข. หาค่าสมมลู ต่างๆได้ ก. หาคา่ การสญู เสียในขดลวดตวั นาได้ ง. ถกู ทุกข้อ ค. หาค่าโวลต์เตจเรกกเู ลชันได้ 4-47

6. การทดสอบ วงจรเปดิ มีประโยชน์อย่างไร ข. หาค่าสมมลู ตา่ งๆได้ ก. หาค่าการสูญเสยี ในขดลวดตัวนาได้ ง. หาคา่ การสูญเสียในแกนเหลก็ ได้ ค. หาคา่ โวลต์เตจเรกกูเลชันได้ 7. การออกแบบการพัดขดลวดหมอ้ แปลงไฟฟา้ ควรคานึงถึงอะไรบ้าง ก. จดุ ประสงค์ของการนาไปใช้งาน ข. พิกดั กาลงั การใชง้ านหมอ้ แปลงไฟฟ้า ค. ขนาดแรงดันไฟฟา้ ที่ใช้ ง. ถกู ทกุ ข้อ 8. การสญู เสยี ในหม้อแปลงไฟฟา้ มีก่ีส่วน อะไรบ้าง ก. 1 ส่วน การสูญเสียในขดลวด ข. 2 ส่วน การสญู เสยี ในขดลวดและแกนเหล็ก ค. 3 ส่วน การสูญเสียในขดลวด, แกนเหล็กและขวั้ เชื่อมต่อภายในหมอ้ แปลง ง. 4 สว่ น การสูญเสียในขดลวด, แกนเหล็ก, ขั้วเชื่อมต่อภายในหมอ้ แปลงและระบบระบายอากาศ 9. ขอ้ ใดคือการสูญเสยี ในแกนเหลก็ หม้อแปลง ก. การสญู เสยี ฮสี เตอริซสี ข. การสญู เสียกระแสไหลวน ค. ขอ้ ก. และ ข. ถูกตอ้ ง ง. ไมม่ ีข้อใดถูกต้อง 10. ขอ้ ดีของการปรับลดแรงดันด้านทุตยิ ภูมิ ก. ลดการสญู เสยี พลังงานในหมอ้ แปลงไฟฟา้ ข. ยืดอายกุ ารใช้งานให้กบั อุปกรณ์ ค. แรงดนั ในระบบคงท่ี ง. ถกู ทกุ ข้อ 11. ประสทิ ธิภาพของหม้อแปลงไฟฟา้ หมายถึงอะไร ก. อัตราส่วนระหว่างดา้ นเอาตพ์ ุต ตอ่ กาลงั อินพุต ข. อัตราสว่ นระหว่างด้านอินพตุ ต่อกาลงั เอาต์พุต ค. ความสามารถในการทางานของหม้อแปลงไฟฟา้ ในชว่ งเวลาหนง่ึ ง. ถกู ทกุ ข้อ 12. การสญู เสยี ในหม้อแปลงไฟฟ้าชนดิ ใดมคี า่ คงที่ ข. การสญู เสียในขดลวดตวั นา ก. การสูญเสยี ในแกนเหล็ก ค. การสญู เสียในขดลวดดา้ นปฐมภูมิ ง. การสญู เสียในขดลวดดา้ นทุตยิ ภูมิ 13. การสูญเสียในหม้อแปลงไฟฟา้ ชนิดใด ท่ีมกี ารแปรผนั ค่าไปกบั คา่ กระแสไฟฟ้าของโหลด ก. การสญู เสียในแกนเหล็ก ข. การสูญเสยี ในขดลวดตัวนา ค. การสูญเสียเน่อื งจากกระแสไฟฟ้าไหลวน ง. ข้อ ข. และ ค. ถูกตอ้ ง 4-48

14. ขอ้ ใดไม่ถูกต้อง ก. หม้อแปลงไฟฟา้ แปลงแรงดนั ไฟฟ้าสงู ขนึ้ ได้ ข. หม้อแปลงไฟฟา้ แปลงแรงดนั ใหต้ ่าลงได้ ค. ถ่ายโยงพลงั งานไฟฟา้ จากวงจรหนึง่ ไปยังอีกวงจรหนงึ่ ง. จากดั กระแสไฟฟา้ ของโหลดได้ 15. หม้อแปลงไฟฟ้า 1 เฟส 10 kVA ขนาดแรงดัน 1000/200 V มีค่าความต้านทานจาก ขดลวดปฐม ภมู ิและทตุ ยิ ภมู ิ เป็น 2 และ 0.1 ตามลาดบั เมอ่ื จา่ ยโหลดเตม็ พิกัดทค่ี ่าตัวประกอบกาลัง 0.8 ล้าหลังและ มกี าลงั ไฟฟา้ ในแกนเหล็ก 250 W จงหากาลังไฟฟา้ สญู เสยี ในขดลวดทองแดงทงั้ หมด ก. 400 W ข. 450 W ค. 500 W ง. 550 W 16. จากขอ้ 15 จงหากาลังไฟฟา้ สญู เสยี ทงั้ หมด ข. 600 W ก. 500 W ง. 800 W ค. 700 W 17. จากขอ้ 15 จงหาประสิทธภิ าพของหมอ้ แปลงทงั้ หมด ก. 80 % ข. 85 % ค. 90 % ง. 95 % 18. ขอ้ ใดถกู ต้อง เกยี่ วกับการปลดหมอ้ แปลงไฟฟ้าด้านแรงสูง ก. ยดื อายกุ ารใชง้ านของหม้อแปลง ข. ลดการสูญเสยี พลงั งานในหมอ้ แปลงไฟฟ้า ค. ขอ้ ก. และ ข. ถูกต้อง ง. ไม่มีข้อใดถูก 19. การดแู ลรกั ษาหมอ้ แปลงควรทาอยา่ งนอ้ ยกี่ครงั้ /ปี ก. 1 ครง้ั ข. 2 ครัง้ ค. 3 ครัง้ ง. กคี่ ร้งั ก็ได้ 20. อตั ราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Rate-TOU) กาหนดช่วง On Peak และ Off Peak อยา่ งไร ก. On Peak จนั ทร์-ศกุ ร์ 09.00 น. - 21.00 น, Off Peak (อาทิตย์และวันหยุดนักขตั ฤกษ์) ข. On Peak จันทร์-เสาร์ 09.00 น. - 21.00 น, Off Peak (วนั เสาร์-อาทติ ย์และวนั หยดุ นักขตั ฤกษ์) ค. On Peak จันทร์-ศุกร์ 09.00 น. - 22.00 น, Off Peak (อาทิตยแ์ ละวันหยุดนักขตั ฤกษ)์ ง. On Peak จนั ทร์-เสาร์ 09.00 น. - 22.00 น, Off Peak (วันเสาร์-อาทติ ยแ์ ละวันหยุดนกั ขตั ฤกษ์ 4-49



โครงการขยายผลหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน สาหรบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บรรณานกุ รม บรรณานุกรม รายวิชาท่ี 1 : การส่องสวา่ ง [1] คู่มือพัฒนาขดี ความสามารถผ้รู ับผดิ ชอบพลงั งานในด้านการเพ่ิมประสิทธิภาพวสั ดุเครอ่ื งจักรและ อปุ กรณ์ในโรงงานและอาคารควบคมุ (Refresh PRE), เทคโนโลยีหลอด LED, กรมพฒั นา พลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, พ.ศ. 2556 [2] ชาญศกั ด์ิ อภัยนพิ ัฒน์. เทคนิคการออกแบบระบบแสงสว่าง. สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย- ญี่ปนุ่ ), 2542. [3] ตาราฝึกอบรมผู้รบั ผิดชอบด้านพลังงาน (ผชพ) ด้านไฟฟ้า, การอนุรักษ์พลังงานในระบบไฟฟา้ แสง สวา่ งและอปุ กรณ์ไฟฟา้ อื่นๆ, กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, พ.ศ.2554 [4] วัฒนา ถาวร. การสอ่ งสว่าง. สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญป่ี ุ่น), 2536. [5] รชั นัย อนิ ทใุ สและคณะ. การสอ่ งสวา่ ง. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์ฟสิ ิกสเ์ ซน็ เตอร์, 2546. [6] ศลุ ี บรรจงจติ ร. วิศวกรรมการส่องสว่าง. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท ซเี อ็ดยเู คชนั่ จากัด (มหาชน), 2538. [7] มงคล ทองสงคราม. วศิ วกรรมการสอ่ งสว่าง. กรุงเทพฯ : บริษัทรามาการพมิ พ์ จากัด, 2536. [8] ลือชัย ทองนลิ . ค่มู อื วิศวกรไทย. สสาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญป่ี ่นุ ), 2546. [9] พิบูลย์ ดษิ ฐอดุ ม. การออกแบบระบบสอ่ งสวา่ ง. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท ซีเอด็ ยูเคชัน่ จากัด (มหาชน), 2521.. เรื่องน่ารเู้ ทคนิคไฟฟา้ . กรุงเทพฯ : บริษัท ซีเอด็ ยูเคช่ัน จากัด (มหาชน), 2534. [10] สานักพฒั นาทรัพยากรบุคคลดา้ นพลงั งาน กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลงั งาน, คาศัพทพ์ ื้นฐานของระบบไฟฟ้าแสงสวา่ ง [Video file] สบื ค้นจากhttp://www2.dede. go.th/bhrd/old/web_display/websemple/swf_com13/13_thai.swf [11] สานกั พฒั นาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงาน, การใช้ แสงธรรมชาติในอาคาร [Video file] สบื คน้ จากhttp://www2.dede.go.th/bhrd/old/ web_display/websemple/swf_com15/15_eng.swf [12] โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อเป็นผูร้ บั ผิดชอบดา้ นพลงั งานตามกฎหมาย (ฝกึ อบรมผู้รับผดิ ชอบดา้ น พลงั งานอาวุโสและวิทยากร ดา้ นปฏบิ ัต)ิ , การอนรุ กั ษพ์ ลังงานในระบบแสงสวา่ ง, กรม พัฒนาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษ์พลงั งาน, พ.ศ. 2554 [13] Nadon and Gelmine. Industrial Elecrticity. 2nd Edition, 1951. [14] Gupta and Bhathagar. A Course in Electrical Power Soni. 7th Edition, 1969. [15] BL.THERAJA. Electrical Technology. 20th Edition, 1984. [16] MA Laungton & MG say. Electrical Enginee’s Reference Book. 14th Edition, 1985. [17] Terre croft, Wilford i.summers. American Electricians’Hanbook. 14th Edition. McGraw-Hill, 2002. i

โครงการขยายผลหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน สาหรบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บรรณานกุ รม บรรณานกุ รม (ตอ่ ) รายวชิ าท่ี 2 : เครือ่ งปรบั อากาศ [1] ชูชยั ต. ศิรวิ ัฒนา. การทาความเยน็ และปรบั อากาศ. กรงุ เทพฯ : ส.ส.ท., 2547. [2] ณรงค์ ชอยตะวนั . มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสสลบั . กรงุ เทพฯ : เอราวณั การพมิ พ์, 2530. [3] ณรงค์ ชอนตะวนั . ไฟฟ้าเทคโนโลยแี ละงานไฟฟ้าเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : เอราวณั การพิมพ์, 2530. [4] ไทยวัฒนาพาณิช. พจนานุกรมไทย-องั กฤษ. กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพาณิช, 2512. [5] ธนบูรณ์ ศศภิ านเุ ดช. การออกแบบระบบไฟฟ้า. กรงุ เทพฯ : ซีเอด็ ยเู คช่นั ,2539. [6] ผศ. น.อ. ดร.ตระการ ก้าวกสิกรรม, การทาความเยน็ (Refrigeration), พ.ศ. 2555 [7] ตาราฝกึ อบรมผู้รบั ผดิ ชอบด้านพลังงาน (ผชพ) ด้านความรอ้ น, หลักการ/การอนรุ กั ษ์พลังงานใน ระบบทาความเย็นและปรบั อากาศ, กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน,พ.ศ. 2554 [8] ตาราฝึกอบรมผู้รับผดิ ชอบด้านพลังงาน (ผชพ) ดา้ นความร้อน, การอนรุ ักษ์พลังงานในระบบความ ร้อน, กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษ์พลังงาน, พ.ศ. 2554 [9] พานาโซนิค. คมู่ ือการใช้งานตเู้ ยน็ ประเภท 2 ประตู. กรุงเทพฯ : 2548. [10] พานาโซนิค. คูม่ ือบริการตู้เย็น NR-B48M1. สมทุ รปราการ : พานาโซนคิ เอ. พี. เซลล์, 2550. [11] ราชบณั ฑิตยสถาน. ศพั ท์วทิ ยาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : เพือ่ นพิมพ์, 2528. [12] วิทยา ยงเจรญิ . พ้นื ฐานการทาความเย็นและปรบั อากาศ. กรุงเทพฯ : สมาคมสง่ เสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ปี นุ่ ), 2539. [13] วศิ วกรรมสถานแห่งประเทศไทย. ศพั ทว์ ทิ ยาการวศิ วกรรมเครื่องกล. กรุงเทพฯ : 2526. [14] ศฺรพิ รรณ ธงชยั และทมี งาน. สือ่ อบรมการอนรุ กั ษ์พลังงาน. กรงุ เทพฯ : 2548. [15] สนอง อิ่มเอม. เคร่ืองทาความเย็นและเครอ่ื งปรบั อากาศรถยนต์. กรุงเทพฯ : อมรินทรพ์ ริ้นต้งิ แอนด์พบั ลิชชง่ิ , 2540. [16] สมศกั ดิ์ สโุ มตยกุล. เครื่องทาความเย็นและปรับอากาศ. กรุงเทพฯ : ซเี อ็ดยูเคชนั่ , 2533. [17] สมศกั ดิ์ สุโมตยกลุ . เคร่ืองปรบั อากาศรถยนต์. กรงุ เทพฯ : ซเี อด็ ยเู คชั่น, 2549. [18] สมโภชน์ ธรี วฒั นพนั ธ์. งานบริการและซอ่ มเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ . กรุงเทพฯ : พัฒนาวชิ าการ (2535). [19] สธุ ิกานต์ วงษเ์ สถียร. เครอื่ งทาความเยน็ และปรับอากาศ. กรุงเทพฯ : บริษัท สกายบกุ๊ ส์ จากดั , 2548. [20] Althouse, A.D. and Turnquist. C.H. Modern Refrigeration and Air Conditioning Chicago : Goodheart Willcox Co., 1975. [21] Dossat, Roy J. Principles of Refrigeration. New york : John Wiley & Sons Inc., 1978. [22] Dwiggins, B.W. Automotive Air Conditioning. U.S.A. : Delmar Publishers Inc., 1970. [23] Marsh, R.W. Principles of Refrigeration. U.S.A. : Delmar Publishers Inc., 1971. [24] Robert Scharff. Refrigeration, Air Conditioning. Range and Oven Servicing. New York : McGraw Hill, Inc., 1976. ii

โครงการขยายผลหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน สาหรบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บรรณานกุ รม บรรณานุกรม (ตอ่ ) [25] สานักพัฒนาทรัพยากรบคุ คลดา้ นพลังงาน กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรักษพ์ ลังงาน, การ ควบคุมอุปกรณ์ในระบบปรับอากาศ [วดี โี อ] สบื ค้นจาก http://www2.dede.go.th/ bhrd/old/web_display/websemple/swf_com9/09_thai.swf [26] สานกั พฒั นาทรัพยากรบุคคลด้านพลงั งาน กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน, แนวทางประหยดั พลังงาน [วีดโี อ] สบื ค้นจาก http://www2.dede.go.th/bhrd/ old/web_display/websemple/swf_com10/10_thai.swf [27] สานักพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลงั งาน กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษพ์ ลงั งาน, แนวทาง ประหยดั พลงั งานสาหรับระบบทาความเยน็ [วดี ีโอ] สืบค้นจาก http://www2.dede. go.th/bhrd/old/web_display/websemple/swf_ind41/41_thai.swf [28] สานกั พฒั นาทรัพยากรบคุ คลด้านพลังงาน กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษพ์ ลังงาน, แนวทาง ประหยัดพลังงานสาหรับระบบทาความเยน็ [วีดีโอ] สบื ค้นจาก http://www2.dede go.th/bhrd/old/web_display/websemple/swf_com11/11_thai.swf รายวชิ าท่ี 3 : การควบคุมมอเตอรไ์ ฟฟา้ [1] การตอ่ วงจรกลับทางหมุนหลงั จากหยุดมอเตอร์ (Reversing after stop) ด้วยแมกเนตกิ คอนเทคเตอร์ (ออนไลน)์ . แหล่งท่มี า : http://www.lpc.rmutl.ac.th. [2] ควบคมุ มอเตอรไ์ ฟฟ้า(ออนไลน์). แหลง่ ที่มา http://ecatalog.squared.com/ แหล่งท่ีมา http://ecatalog.squared.com/ แหล่งท่ีมา http://fws.cc/bugbrainstorm/index.php?action=recent แหล่งท่มี าhttp://mte.kmutt.ac.th/ แหลง่ ทม่ี าhttp://www.edu.e-tech.ac.th/ แหลง่ ท่ีมาhttp://www.engineerthai.com/ แหล่งท่ีมาhttp://www.geocities.com/ แหลง่ ที่มาhttp://www.Ipc.rmutl.ac.th/ [3] ชลชัย ธรรมวิวัฒนุกูร. (2546). การออกแบบและติดตัง้ ระบบไฟฟ้า. กรงุ เทพฯ : เอ็มแอนอ์อี, [4] ชาญศักดิ์ อภยั นพิ ฒั น์. (2548). เทคนิคการออกแบบระบบควบคุมไฟฟา้ . พิมพ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญ่ปี นุ่ ). [5] ณรงค์ ชอนตะวัน. ไฟฟ้าเทคโนโลยีและงานไฟฟา้ เบื้องต้น. กรงุ เทพฯ : เอราวัณการพมิ พ์, ม.ป.ป. [6] เทคนิคคอม เอนจเิ นียรงิ่ , บริษทั , ใบงานประกอบการทดลอง ชดุ ทดลองการควบคุมเครอื่ งกลไฟฟ้า 9064005. (เอกสารอัดสาเนา). [7] ธวัชชยั อตั ถวบิ ลู ย์กลุ และคณะ. (2548). การควบคมุ เครอ่ื งกลไฟฟ้า. นนทบุรี : เจริญรงุ่ เรอื งการ พิมพ.์ พพ. PRES อาวโุ ส ตาราฝึกอบรมผรู้ ับผดิ ชอบด้านพลังงาน (ผชพ). 2552. iii

โครงการขยายผลหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน สาหรบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บรรณานกุ รม บรรณานุกรม (ตอ่ ) [8] ลือชัย ทองนิล. (2549). การออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า. พิมพ์คร้ังที่ 13. กรุงเทพมหานคร : ห้าง หุน้ ส่วนจากัด ที เอส บี โปดชี ักส์. [9] แลป-อิมพีเรียล, บริษทั . ชุดฝกึ การควบคมุ เครื่องกลฟา้ โมเดล 3100. (เอกสารอัดสาเนา). [10] วิทยา ประยงค์พันธ์และคณะ. (2524). การควบคุมมอเตอร์. พิมพ์คร้ังท่ี 3. กรุงเทพฯ : ไทยแลนด์การ พิมพ.์ [11] วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2533). ศัพท์เทคนิควิศวกรรมไฟฟ้ากาลัง. พมิ พ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ : วศิ วกรรมสถานแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์. [12] ศภุ ชยั สรุ ินทร์วงศ.์ (2541). เครื่องกลไฟฟ้า 1 ตอน 2 มอเตอร์ไฟฟา้ กระแสตรง. กรงุ เทพฯ : ประชาชน. [13] สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ สานักพัฒนาเทคนิคศึกษา. (2544). การควบคุม มอเตอร์. กรงุ เทพฯ : สกายบกุ๊ ส์. [14] สมเกียรติ พงึ่ อาตม.์ (2522). ไฟฟา้ อุตสาหกรรม. กรงุ เทพฯ : อักษรประเสริฐ. [15] สานักวิชาการพลังงานภาค 3, 2554 , คูม่ ือเทคนคิ และขั้นตอนการอนุรักษ์พลงั งานในสถาน ประกอบการขนาดยอ่ ม,กระทรวงพลงั งาน, กรุงเทพฯ รายวชิ าที่ 4 : หม้อแปลงไฟฟา้ [1] คมู่ ือ 108 มาตรการประหยดั พลงั งาน. 2552 [2] ไชยชาญ หนิ เกดิ . หมอ้ แปลงไฟฟา้ . กรงุ เทพฯ : สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่นุ ), 2549. ไชยชาญ หิน เกดิ . เครื่องกลไฟฟ้ากระแสตรง. กรงุ เทพฯ : สมาคมส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญีป่ ุน่ ), 2552. [3] ณรงค์ อาจฤทธ.์ิ เคร่อื งจักรไฟฟ้าและหม้อแปลง. กรุงเทพฯ : ยูไนเต็ดทบ์ คุ๊ ส,์ 2529. [4] ทวาย สาเรจ็ . คู่มอื ไฟฟา้ ทวั่ ไปภาคปฏิบัต.ิ กรุงเทพฯ : 23 บคุ๊ เซนเตอร,์ 2545. [5] ประเสรฐิ ปน่ิ ปฐมรตั น.์ วิศวกรรมไฟฟ้าภาคทฤษฎ.ี กรุงเทพฯ : สกายบุก๊ ส,์ 2549. [6] ปญั ญา ยอดโอวาท. เครือ่ งกลไฟฟ้ากระแสสลับ. กรงุ เทพฯ : ศนู ย์ส่อื เสริมกรุงเทพ, 2547. [7] มนตรี สวุ รรณภิงคาร. เทคโนโลยไี ฟฟา้ กาลงั . กรงุ เทพฯ : ทอ้ ป, 2550. [8] วิบลู เขมรงั สฤษฎ.์ ทฤษฎีเคร่ืองวดั ไฟฟ้า. กรงุ เทพฯ : เจรญิ ธรรม,2528. [9] ศุภชยั สรุ ินทรว์ งศ.์ เคร่อื งกลไฟฟา้ 2 เลม่ 1 วงจรแมเ่ หล็กและหม้อแปลงไฟฟา้ ท่ัวไป. กรงุ เทพฯ :สมาคม ส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ปี นุ่ ), 2543. [10] สุธน แกน่ ต้น. เคร่อื งกลไฟฟา้ กระแสตรง. กรุงเทพฯ : ศนู ยห์ นงั สือ เมืองไทย, 2556. [11] สานักวิชาการพลงั งานภาค 3,2554 , คมู่ อื เทคนคิ และข้นั ตอนการอนุรักษพ์ ลังงานในสถานประกอบการ ขนาดยอ่ ม,กระทรวงพลังงาน, กรงุ เทพฯ [12] อมิ พเี รียลเอน็ ยเี นียริง่ . ค่มู ือการทดลองเคร่ืองกลไฟฟา้ 1. กรงุ เทพฯ : ม.ท.ป., 2537. [13] เอลเว่ (ประเทศไทย). คู่มอื การทดลองเครอ่ื งกลไฟฟา้ 3 เฟส และหมอ้ แปลงไฟฟา้ . กรงุ เทพฯ : ม.ป.ท., 2538. [14] GTZ. Electrical Engineering Basic Technology. India : Wiley Eastern, 1986. iv

โครงการขยายผลหลกั สูตรการอนรุ กั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน สาหรบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บรรณานกุ รม บรรณานุกรม (ตอ่ ) [15] STEPHEN J. CHAPMAN. ELECTRIC MACHINERY FUNDAMENTALS. 2 nd ed, Singapore : McGraw – Hill, 1992. [16] Thomas L. Floyd. PRINCIPLES OF ELECTRIC CRICUITS Electron Flow Version. United States of American : Upper Sadder River , 2003. v

รายชือ่ คณะดาำ เนินงานโครงการพฒั นาหลกั สูตรการอนุรกั ษ์พลงั งานและพลงั งานทดแทน สำาหรับสำานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ระดับ ปวช. สาขาวชิ าช่างไฟฟ้ากาำ ลงั ทีป่ รกึ ษาโครงการ 1. นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดกี รมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน 2. ศาสตราจารย์ ดร.ธีรวุฒ ิ บุณยโสภณ อธกิ ารบดมี หาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื 3. นายดนัย เอกกมล รองอธบิ ดกี รมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ กั ษพ์ ลังงาน กระทรวงพลังงาน 4. รองศาสตราจารย ์ ดร.สนั ชัย อินทพชิ ยั รองอธกิ ารบด ี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื 5. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์อัจฉรา สังขส์ ุวรรณ รองอธกิ ารบดี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ 6. นางสุชาดา จิตรเมตตาชน ทป่ี รกึ ษาอธิการบดมี หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ 7. ดร.อกนษิ ฐ ์ คลงั แสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 8. นายวณชิ ย์ อ่วมศรี รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 9. ดร.ชาญเวช บญุ ประเดิม รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา 10. นางปัทมา วรี ะวานชิ ผู้อาำ นวยการสาำ นกั พฒั นาสมรรถนะครแู ละบุคลากรอาชีวศึกษา 11. รองศาสตราจารย ์ ดร.สมนกึ วสิ ทุ ธิแพทย ์ ผอู้ าำ นวยการสำานกั พัฒนาเทคโนโลยีเพ่อื อตุ สาหกรรม 12. รองศาสตราจารย์ ดร.คณติ เฉลยจรรยา ผ้อู าำ นวยการสาำ นกั พฒั นาเทคนิคศึกษา 13. นายสเุ ทพ จันทน คณบดีคณะสถาปตั ยกรรมและการออกแบบ ผ้จู ดั การโครงการ รองศาสตราจารย์ ดร.ชาญชยั ทองประสทิ ธิ์ ผชู้ ว่ ยผู้จัดการโครงการ รองศาสตราจารย ์ ดร.สชุ าติ เซย่ี งฉิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook