การพฒั นาตนมีอาการอยากยาเม่ือขาดยา , มีความต้องการเสพท้ังร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง,สุขภาพโดยทวั่ ไปจะทรดุ โทรมลง ประเภทของยาเสพติด การแบง่ ประเภทตามการออกฤทธติ์ อ่ ระบบประสาทสว่ นกลาง 1) ประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝ่ิน มอร์ฟีน เฮโรอีน ยากล่อมประสาทสารระเหย ยานอนหลับ เป็นต้น มักพบว่าผู้เสพติดมี ร่างกายซูบซีด ผอมเหลือง อ่อนเพลีย ฟุ้งซ่านอารมณ์ เปล่ยี นแปลงง่าย 2) ประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ แอมเฟตามีน กระท่อม โคคาอีนยาอี เอ็คตาซี เป็นต้นมักพบว่าผู้เสพติดจะมีอาการ หงุดหงิด กระวนกระวาย จิตสับสนหวาดระแวงบางครงั้ มีอาการคลุ้มคล่งั หรือทาในส่ิงท่ีคนปกติ ไมก่ ล้าทา เช่น ทารา้ ยตนเอง หรือฆ่าผ้อู ่นื เป็นต้น 3) ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็มที เห็ดข้ีควาย ยาเคเป็นต้น ผู้เสพติดจะมีอาการประสาทหลอน ฝันเฟ่ืองเห็นแสงสีวิจิตรพิสดาร หูแว่ว ได้ยินเสียงประหลาดหรือเห็นภาพหลอนท่ีนา่ เกลยี ดน่ากลัว ควบคมุ ตนเองไม่ได้ ในทสี่ ุดมักป่วยเป็นโรคจิต 4) ประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน ( อาจกด กระตุ้น หรือหลอนประสาทร่วมกัน ) ได้แก่ กัญชา เป็นต้นผู้เสพติดมักมี อาการหวาดระแวง ความคิดสับสนเห็นภาพลวงตา หูแว่วควบคุมตนเองไม่ได้และป่วยเปน็ โรคจิตได้ ลกั ษณะของผ้ตู ดิ ยาเสพติด ผู้ท่ีติดยาเสพติด จะมลี ักษณะ และความประพฤตเิ ปล่ียนแปลงไป ที่พอจะสงั เกตได้ คือ ความเปล่ียนแปลงทางรา่ งกาย (1) สภาพร่างกายทรุดโทรม ผอมซูบซีด ไมม่ แี รง ตาแดงช้า น้ามูกไหล เหง่อื ออกมาก รมิ ฝีปากเขียวคล้า แห้ง แตก ออ่ นแอ ข้ีโรค (2) มรี อยฉีดยา หรือรอยแผลเป็น ทถ่ี ูกกรดี ดว้ ยของมคี ม จากการทารา้ ย ตนเอง จนต้องสวมเส้ือแขนยาว เปน็ ประจา เพื่อปกปิดรอยแผล (3) มักสวมแว่นกนั แดดสีเขม้ เพ่ือป้องกันแสงสว่าง เนื่องจากม่านตาขยาย ความเปลี่ยนแปลงทางจติ ใจ และความประพฤติ (4) อารมณห์ งุดหงดิ ฉุนเฉียว หรือเงียบขรึมผิดปกติ (5) ง่วงเหงาหาวนอน ต่ืนสายผิดปกติ 189
การพฒั นาตน (6) เกยี จคร้าน เบ่ือหน่ายการเรียน การงาน (7) ชอบแยกตัวไปอยูต่ ามลาพงั ทาตัวลึกลบั ไมเ่ ขา้ หน้าผู้อืน่ (8) ใชเ้ งนิ เปลอื งผิดปกติ (9) ขโมยของฉกชิงวงิ่ ราว เพือ่ หาเงนิ ไปซอ้ื ยาเสพติด (10) ไม่สนใจตนเอง หรือแต่งกายไม่สุภาพ (11) เบ่ืออาหาร หรือไมร่ บั ประทานอาหารตามปกติ โทษของการติดยาเสพติด (1) ทาให้ร่างกายทรุดโทรม อ่อนแอ เกิดโรคตา่ งๆ ได้ง่าย (2) ทาให้สมองเส่ือมโทรม เปน็ บุคคลไร้ความสามารถ (3) อาจจะติดโรคเอดส์ได้ ถ้าใชเ้ ข็มฉีดยาร่วมกนั ในกรณีทเ่ี สพยาโดยวธิ ฉี ดี เน่อื งจากมเี ลอื ดของผมู้ เี ช้ือเอดส์ค้างอยู่ (4) ไม่สามารถบังคับใจตนเอง เป็นเหตใุ ห้ทาผิดศลี ธรรม หรือผดิ กฎหมาย (5) เสียทรัพย์ (6) สังคมรังเกยี จ (7) มคี วามผิดทางกฎหมาย ยาเสพตดิ ท่ีแพร่หลายในประเทศไทย สมัยก่อนยาเสพติดทแี พรร่ ะบาดมากทสี่ ุดในประเทศเราคือเฮโรอีน แต่ในปัจจบุ ันน้ียาเสพติดทีก่ าลงั แพร่ ระบาดมากท่ีสุดได้แก่ ยาบา้ ยาอี และสารระเหยกาลงั แพร่ระบาดเข้าสูก่ ลุม่วยั รุน่ และสถาบันการศึกษาอย่างน่าเป็นห่วงยิ่ง แตท่ ั้งนี้บุหรี่และสรุ าหรือเหลา้ ยังคงเปน็ ยาเสพติดท่ีถูกกฎหมายท่ตี ้องสรา้ งความเข้าใจในพษิ ภัยและผลจากการเสพ บุหร่ี การสบู บหุ ร่ี เปน็ ปญั หาเกี่ยวกับสุขภาพอนามยั ท่ีอาจบ่นั ทอนและลดอายุของผู้สูบบุหร่ีโดยเฉลี่ยแลว้ 5-10 ปี สารอันตรายในบุหรี่ ควันบุหร่จี ะประกอบไปด้วยสารเคมที ี่มีอันตรายต่อสขุ ภาพกายของคนเราประมาณ 4000 ชนิด ซึ่งแบ่งเปน็ กลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 3 กลมุ่ คือ กลมุ่ แรกไดแ้ ก่ ทาร์ หรือ นา้ มนั ดิน หรือทีเ่ ห็นเปน็ คราบบุหรี่ เป็นที่รวมของสารเคมีทนี่ า่ กลัวทส่ี ุด ในกลุ่มของไฮโดรคาร์บอนจะรวมตวั เป็นเปน็ สารทมี่ ีความเหนียวติดอยู่กบั เนอ้ื ปอด มี190
การพฒั นาตนคณุ สมบัตเิ ป็นสารก่อมะเร็งโดยตัวของมนั เอง และยังมสี ารท่ีเรง่ การเจริญเติบโตของมะเร็ง หากผสู้ ูบบุหรน่ี ้ันมีมะเรง็ อยู่ในรา่ งกายแล้ว กล่มุ ที่สอง ไดแ้ ก่ นิโคตนิ ซ่ึงจดั เป็นสารที่มีการกระตุ้นสมองและประสาทสว่ นกลางไดใ้ นระยะแรก แต่ระยะตอ่ มาจะมฤี ทธก์ิ ดระบบประสาท นอกจากนี้ยังทาให้เสน้ เลือดหดตวั มผี ลทาใหค้ วามดันโลหิตสงู ขน้ึ กระต้นุ หัวใจใหเ้ ต้นเร็วขนึ้ ด้วย นโิ คตนิ นี่เองทม่ี สี ว่ นทาให้คนท่ีสบู บุหรอ่ี ยากสูบอย่เู รือ่ ย ๆ กลมุ่ ทส่ี าม ไดแ้ ก่ กา๊ ซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซงึ่ มคี วามเข้มขน้ สูงในควนั บุหร่จี ะไปขัดขวางการรับออกซิเจนของเมด็ เลอื ดแดง ทาให้ไขมันพอกพนู ตามผนงั เส้นเลือดมากขน้ึ ทาใหเ้ ส้นเลือดตบี สายตาเสอ่ื ม ลดประสทิ ธิภาพในการตัดสินใจและลดการตอบสนองต่อเสียง ซ่ึงเป็นอันตรายตอ่คนขบั รถ นักบิน และ ลดสมรรถภาพของนักกฬี าดว้ ย โรคต่าง ๆ ทีเ่ กิดจากการสูบบหุ ร่ี โรคมะเรง็ ปอด เกิดจากสารมีพิษในบหุ รี่ คือ “ทาร”์ อตั ราการตายด้วยโรคมะเรง็ปอดในผู้สบู บุหรี่เม่ือเปรยี บเทียบกับผไู้ ม่สูบบุหรี่ มอี ัตราส่วนสูงกวา่ ถงึ 10 : 1 หากแพทยต์ รวจพบเช้ือในระยะแรก และไดร้ ับการผา่ ตัดเอากอ้ นมะเร็งออกไดห้ มดจะยงั มโี อกาสหายขาดได้ แต่ผู้ป่วยสว่ นใหญเ่ มอ่ื มาพบแพทย์ และวนิ จิ ฉัยได้ ระยะทาการรกั ษาหรอื ผ่าตัดให้หายขาดได้ โรคหัวใจ และหลอดเลือด เกิดจากสารนิโคตินในบหุ ร่ี ซึ่งเปน็ สารทมี่ ีพิษ และอนั ตรายทาใหห้ วั ใจ หลอดเลือด กระเพาะอาหาร ลาไส้ และระบบประสาททางานผิดปกติ ทาให้ความดนัเลือดเพ่ิมขึ้น หัวใจเต้นเร็วข้ึน เกดิ การระคายเคอื งต่อกล้ามเนื้อหัวใจ และเกิดภาวะหลอดเลือดท่ัวไปหดตวัอัตราการเปน็ โรคหัวใจขาดเลอื ดในชายที่สูบบหุ ร่จี ะมมี ากกว่าในชายท่ีไม่สงู บุหร่ีประมาณร้อยละ 60-70และในหญิงท่ีสบู บุหรซ่ี ง่ึ รบั ประทานยาคมุ กาเนิดด้วยจะมีโอกาสเปน็ โรคน้มี ากว่าหญงิ ทไ่ี ม่สบู บหุ ร่ี และไม่รับประทานยาคมุ กาเนดิ ถงึ 10 เทา่ นอกจากนี้การสบู บุหรี่ยงั ทาให้เกิดหลอดเลือดในสมองอดุ ตันเปน็อมั พาต หลอดเลือดตามแขนขาอุดตันเปน็ แผลตามผวิ หนังจากการขาดเลือด และมีการสะสมของไขมันตามผนงั ของหลอดเลือดขนาดกลาง และใหญ่ โรคหลอดลมอักเสบเรอื้ รงั และถุงลมโป่งพอง เป็นโรคทีพ่ บบอ่ ยมากในผู้ชายมากวา่ ผหู้ ญงิ และสาเหตสุ าคญั ทส่ี ดุ ของการเกดิ โรคน้ีก็คือ การสูบบหุ ร่ี ผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรัง มเี สมหะเหน่อื ยง่าย เม่อื เป็นแลว้ ไม่มีทางที่แพทย์จะรกั ษาใหห้ ายขาดได้ เม่ือเป็นมากข้ึนจะทาอะไรไม่ไหว แม้จะอาบน้าหรือหวีผมก็เหนอ่ื ย ต้องดมออกซิเจนรอความตายอยา่ งทรมานในระยะสุดท้าย ถ้าเลกิ สูบบหุ ร่ีได้อาจทาให้อาการดีข้ึนแตไ่ มห่ ายขาด 191
การพัฒนาตน โรคแผลในกระเพาะอาหาร ในปจั จบุ นั พบวา่ มผี ู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารมากข้นึ เปน็ 2 เทา่ ในพวกท่ีสูบบุหร่ี เพราะการสบู บหุ รที่ าให้มภี าวะไม่สมดุลในการหล่งั ของกรด และด่างในกระเพาะ ผลร้ายต่อเด็กในครรภ์ และทารก มารดาทสี่ ูบบุหร่ีระหวา่ งตัง้ ครรภ์มผี ลต่อเด็กทารกคอื - ทารกเลก็ กว่าปกติ และนา้ หนกั ตวั เด็กเม่ือแรกเกิดตา่ กว่าเด็กที่ มารดาไม่สบู บหุ ร่ี - ระยะเวลาการตง้ั ครรภส์ ้ันลง มผี ลทาใหเ้ ด็กคลอดก่อนกาหนด และ มโี อกาสเสียชวี ิตได้มาก - อตั ราการแทง้ สูงข้นึ และค่อนขา้ งจะเรยี นร้ชู ้ากวา่ ปกติ - โอกาสทีจ่ ะเกิดโรคแทรกซ้อนระหว่างตงั้ ครรภ์ และคลอดบุตร เพม่ิ ขึ้น - มีความพกิ ารแตก่ าเนิด - การหล่งั น้านมจะลดคณุ ภาพของน้านม โดยมีสารเคมีซ่งึ ไมจ่ าเป็น ทต่ี ้องการไปสเู่ ด็ก การที่คนเราหายใจเอาควันบุหรี่ หรือสูดควันบุหร่ีในสิ่งแวดล้อมที่มีการสบู บหุ ร่ี ไม่วา่ จะเปน็ ทบี่ ้าน ทท่ี างาน ร้านอาหาร หรือท่ีใดก็ตาม เราเรียกว่า ผู้สูบบุหร่ีมือสองการหายใจเอาควนั บุหรที่ ี่ผู้อนื่ สูบเข้าสู่ปอด ควนั บหุ รที่ ีล่ ่องลอยอยู่นั้น จะประกอบด้วยควันบุหร่ีท่ีผู้สูบบุหร่ีพ่นออกมา และควันที่ลอยจากปลายมวนบุหร่ีท่ีอยู่ระหว่างการสูบ โดยควันบุหรี่ที่พ่นจากปากผู้สูบจะมสี ารพษิ น้อยลง เน่อื งจากปอดของผู้สูบได้ดูดซับสารพิษบางส่วนไว้แล้ว ขณะที่ควันท่ีลอยจากปลายมวนบุหรี่ขณะท่ีไม่ได้สูบ มีความเข้มข้นของสารพิษสูงกว่าและมีขนาดเล็กกว่าควันทถี่ กู พน่ ออกจากปากผสู้ ูบ จงึ สามารถผ่านลงไปในปอดไดล้ ึกกวา่ จากการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ เลือด และน้าลาย สามารถพิสูจน์ได้ว่าการหายใจเอาควันบุหรี่ในอากาศรอบตัวโดยไม่ได้สูบบุหร่ีทาให้รับสารพิษจากควันบุหรี่เข้าสู้ร่างกายได้192
การพฒั นาตน สุราหรือแอลกฮอล์ ปัญหาของวัยรุ่นในการด่ืมเครื่องด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ผสม ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ไวน์ มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกประเทศ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยท่ีชอบทดสอบสิ่งต่างๆโดยเฉพาะวัยรุ่นในครอบครัวท่ีมีปัญหา และในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาขึ้น ในวัยที่อายุน้อยลงเร่อื ยๆ จากสถิตขิ องประเทศสหรัฐอเมริกา อายุเฉลี่ยท่ีเด็กวัยรุ่นเร่ิมด่ืมเหล้า เบียร์ หรือไวน์คืออายุ 12 ปี และในแตล่ ะปี จะมีวัยรุ่นจานวน 4 ล้าน 6 แสนคน อายุระหว่าง 14-17 ปี มีปัญหาที่เก่ียวข้องกับการดื่ม เช่น การเรียนตกต่าลง มีปัญหากับผู้ปกครอง และมีความประพฤติส่อไปในทางการเกิดอาชญากรรม จนบางคนถึงขนาดถูกจับกมุ ดาเนินคดี ผทู้ ี่ยงิ่ เริ่มดื่มตัง้ แตอ่ ายนุ อ้ ยๆ เทา่ ใด ผู้นน้ั มโี อกาสมีปัญหามากเท่าน้ันและมีแนวโน้มท่ีจะติดยาเสพติดร่วมด้วยเสมอ โดยเฉพาะเด็กในวัยน้ี จะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นการยากท่ีจะหยุดได้ ถ้าหากยังอยู่ในแวดวงสิ่งแวดล้อมเดิม นอกจากน้ีตามสถิติของการเกิดอุบัติเหตทุ างรถยนต์ทเ่ี กิดในหมู่วยั รุ่นพบวา่ มากกวา่ 50 เปอร์เซ็นต์ วัยรุ่นเหล่านั้นมีประวัติการดื่มสุราก่อนเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งวัยรุ่นท่ีประสบอุบัติเหตุตกจากที่สูง จมน้าตาย ล้วนแล้วแต่เก่ียวข้องกับการด่ืมเหล้าดม่ื เบียร์ทง้ั สิ้น ปรมิ าณแอลกอฮอลล์ในเครื่องดม่ื แตล่ ะชนดิ แอลกอฮอลล์ที่ใช้สาหรับดื่มจะเป็นชนิด เอทิลแอลกอฮอล์ หรือเรยี กวา่ เอทธานอล โดยมีปรมิ าณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 50 เปอร์เซนต์ โดยปริมาตร การดื่มเคร่ืองดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ผสม ท่านควรจะทราบปริมาณแอลกอฮอลล์ท่ีผสมอยู่ในเครื่องดื่มแต่ละประเภทดังน้ี 1) ประเภท วิสกี้ ยนิ วอทก้า บร่ันดี และเหล้าทั้งหลาย จะมีปริมาณแอลกอฮอลล์ประมาณ 40-50 เปอร์เซน็ ต์ โดยปริมาตร 2) ประเภทไวน์ โดยทั่วไปจะมีปริมาณแอลกอฮอลล์ ประมาณ 12-15 เปอรเ์ ซน็ ต์โดยปริมาตร และไม่ขึน้ กบั รสชาดของไวนน์ ะคะ 3) ป ร ะ เ ภ ท ไ ว น์ คู ล เ ล่ อ ร์ แ ม้ ว่ า จ ะ มี ร ส ช า ติ ค่ อ น ไ ป ท า งซอฟท์ ดรงิ้ ท์ ไวน์คลู เลอ่ ร์ จะมีปริมาณแอลกอฮอลล์ประมาณ 3-5 เปอร์เซน็ ต์ โดยปรมิ าตร 4) ประเภ ทเบียร์ ไ ล้ท์เบียร์ในต่าง ประเทศ จะมีปริมาณแอลกอฮอลล์ประมาณ 3.5 เปอร์เซ็นต์ ต่ากว่าเบียร์ท่ัวๆไปท่ีมีแอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์ สาหรับเบียรใ์ นประเทศไทย จะมปี ระมาณแอลกอฮอล์อยูท่ ี่ 10-12 เปอร์เซ็นต์ โดยปริมาตร 193
การพัฒนาตน ปรมิ าณของการดมื่ การดืม่ และผลที่เกิดในแต่ละคนขึ้นกับอัตราการดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าส่กู ระแสเลือดในคนแตล่ ะคนอาจแตกต่างกนั ไป ดว้ ยเหตผุ ลดงั ตอ่ ไปน้ี (1) รูปร่างของผู้ท่ีดื่ม ผู้ท่ีรูปร่างสูงใหญ่ย่อมมีปริมาณของเลือดมากกวา่ คนตวั เลก็ ปริมาณของแอลกอฮอล์ในเลือดอาจขนึ้ ชา้ ๆ เชน่ เดยี วกับการขับถ่ายอาจต้องใช้เวลามากกว่าคนตัวเล็ก (2) การรับประทานอาหารระหว่างการดื่ม ผู้ท่ีมีอาหารอยู่ในกระเพาะหรอื ลาไส้ จะมผี ลทาใหก้ ารดูดซึมของแอลกอฮอล์เข้าสกู่ ระแสเลือดช้าลงกวา่ ผู้ที่ท้องว่าง (3) ความเร็วของการดื่ม รวมท้ังชนิดของเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้ันๆ ด้วย ถ้าท่านด่ืมด้วยความรวดเร็ว หรือด่ืมสุราเพียวๆ เข้าไป ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดกจ็ ะข้นึ สูงอยา่ งรวดเรว็ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะท่กี ระเพาะอาหารว่าง (4) ปริมาณของแอลกอฮอล์อาจต้องการเพิ่มขึ้นเร่ือยๆ ในรายท่ีดื่มเป็นประจา เพราะร่างกายคุ้นเคย บางท่านอาจมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงมาก ถ้าเป็นในคนท่ัวๆไป อาจจะเมาเหล้าอยา่ งหนกั ไปแล้ว แต่ผ้ทู ดี่ ่ืมเป็นประจาอาจจะยังพูดรู้เร่ืองดี แต่ผลเสียก็คือระดับของแอลกอฮอล์ที่มาก จะมีผลรา้ ยตอ่ ตบั สมอง และอวัยวะอื่นๆ มากกว่าปกติ ในสุภาพสตรี มีความแตกต่างของระบบน้าย่อยในกระเพาะอาหารของผู้หญิงและผู้ชาย และเน่ืองจากผู้หญิงมีเซลล์ไขมันมากกว่าผู้ชาย และเซลล์ไขมันไม่สามารถดูดซึมแอลกอฮอล์ได้ ทาให้การด่ืมเหล้าขนาดเท่ากัน ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้หญิงจะสูงกวา่ ข้อแนะนาในการดื่ม ข้อแนะนาในการที่ดื่มมีดังน้ี ท่านควรทราบและรู้ปริมาณการดื่มท่ีเหมาะสมของตวั ทา่ นเองและควรจะเครง่ ครัดปฏิบัตติ ามที่ท่านได้ตดั สินใจเอาไว้แล้วอย่างเสมอต้นเสมอปลาย (1) ท่านควรที่หัดพูดปฏิเสธ คนส่วนใหญ่ด่ืมเบียร์ ไวน์ หรือเหล้าเพราะไมอ่ ยากปฏเิ สธเพ่อื นฝงู ที่กาลงั ด่ืมกนั อยู่ ถา้ ท่านสามารถปฏิเสธการด่ืมได้ ท่านก็ควรปฏิเสธไปเลย ไม่มใี ครมาบังคับท่านได้ และไม่เป็นการเสยี มารยาทแต่อย่างใด แต่ถ้าหากท่านดื่มไปจนถึงจานวนที่คดิ วา่ เพียงพอสาหรับตัวท่านแล้ว ท่านควรที่จะหยุดด่ืมเคร่ืองด่ืมท่ีมีแอลกอฮอล์น้ัน ๆ ได้แลว้ โดยท่านอาจจะดื่มน้าผลไม้ นา้ อัดลม หรอื น้าเปล่าแทน194
การพัฒนาตน (2) ทา่ นควรดืม่ อยา่ งช้าๆ ไม่ว่าท่านจะด่ืมเหล้า เบียร์หรือไวน์ ท่านควรค่อยๆ ด่ืมทีละน้อย อาจจะผสมเหล้าให้บางหน่อยเพื่อที่จะได้ด่ืมตลอดงานนั้นๆ ไม่เกินปรมิ าณการด่มื ทีท่ า่ นไดต้ ัง้ ใจเอาไว้ (3) ท่านไม่ควรนั่งดื่มแต่เพียงผู้เดียว ท่านควรด่ืมเหล้า เบียร์ หรือไวน์เฉพาะในงานสังคมเท่านั้น ถ้าท่านอยู่คนเดียว การดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เช่น น้าผลไม้ น้าส้มน้าชาหรือกาแฟ พร้อมกับนั่งอ่านหนังสือหรือฟังเพลงสบายๆ น่าจะดีกว่าการดื่มเครื่องด่ืมที่มีแอลกอฮอล์อยู่ด้วยข้อแนะนา : แม้ว่าการดื่มในปริมาณน้อยจะมีอันตรายไม่มากต่อสุขภาพของท่านก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ผู้ท่ีด่ืมในปริมาณน้อยตั้งแต่เร่ิมแรกและด่ืมเป็นประจา จะค่อย ๆ เพ่ิมปรมิ าณดืม่ มากข้ึนเรือ่ ยๆ จนทาใหม้ ีปัญหาตอ่ สุขภาพได้ในท่ีสุด ผลกระทบที่เกิดข้นึ จากการด่ืมสุรา หรอื แอกอฮอล์ (1)สรุ ากับอุบตั เิ หตุ ถ้าหากท่านจะตอ้ งไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ที่มีการดื่มสุรา เบียร์ หรือไวน์ในงานนั้น ๆ วิธีท่ีปลอดภัยที่สุด ถ้าท่านเป็นผู้ที่ด่ืมด้วยก็คือการอาศัยกลับบ้านกับเพื่อนที่ไม่ดื่ม หรืออาจจะกลับโดยรถแท็กซ่ีก็ได้ เพราะจากสถิติของอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือจักรยานยนต์ พบว่ามากกว่า80 เปอร์เซ็นต์มีความเก่ียวข้องกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วยเสมอ ๆ ทาให้เกิดโศกนาฎกรรมบ่อย ๆ การเสยี ชีวติ ก่อนวัยอันสมควร และบางคนอาจพิการตลอดชีวิตต้ังแต่อายุได้ไม่มาก (2)โรคพษิ สรุ าเรือ้ รงั ในปัจจุบันโรคพิษสุราเร้ือรังเป็นปัญหาของสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ซ่ึงอาจจะเป็นเพราะสังคมมีการเปล่ียนแปลงไป การใช้ชีวิตท่ีต้องอาศัยการด่ืมเหล้า เบียร์ หรือไวน์เพอ่ื การสังคม เพอ่ื สนกุ สนานร่ืนเรงิ เพือ่ การเฉลิมฉลองในทกุ โอกาส จนอาจกล่าวได้ว่า วัฒนธรรมการใช้ชวี ิตของมนุษย์น่เี อง ท่ีทาให้เกดิ ปญั หาโรคพิษสุราเร้ือรงั สาหรับอาการเริ่มแรกของผู้ที่มีปัญหาโรคพิษสุราเร้ือรัง ได้แก่ การด่ืมที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ่ีข้ึนเร่ือย ๆ จนกระท่ังเป็นการด่ืมทุกวัน โดยส่วนใหญ่จะอ้างถึงเพื่อการสังคมเพือ่ เปน็ การคลายความเครียดของการทางาน และเรอื่ งส่วนตัวต่าง ๆ ข้อสังเกตของผู้ที่ติดสุรา เมื่อต่นื นอนมักจะจาเหตุการณ์ในคนื ก่อนไม่ค่อยได้ ต่อมาอาจจะต้องนาสุราแอบไว้ตามท่ีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ ท่ที างาน ในบ้าน คนเหลา่ นีม้ ักจะอายที่คนรู้ว่าตนเองติดสุรา บางคร้ังอาจโมโหฉุนเฉียวง่ายถ้ามีคนกล่าวถึงการติดสุราของตนเอง และมักชอบปฏิเสธเสมอ ๆ ว่าตนเองไม่ได้ติดสุรา คน 195
การพัฒนาตนเหล่านม้ี กั มีความกลวั และหวาดระแวงอย่างไม่มีเหตุผล ความจาและสมรรถภาพในการทางานจะลดลงเรื่อย ๆ หน้าตาอาจจะแดงหรือหมองคล้า มีจ้าเขียวช้าตามร่างกาย เสียงแหบแห้ง มือส่ันและมักมอี าการของกระเพาะอาหารอกั เสบเร้ือรงั โรคพษิ สุราเรือ้ รงั พบได้มากในผ้ชู าย จากสถิติของสหรัฐอเมริกาพบในผ้ชู ายประมาณ 9 % พบในผหู้ ญิงประมาณ 4 % อายุส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 35-55 ปี ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าเป็นปัญหาของกรรมพันธ์ แต่ครอบครัวไดที่พ่อแม่มีปัญหาโรคพิษสุราเร้ือรัง ลูกหลานมีแนวโน้มที่จะเกิดสูงกว่าครองครัวอื่น ซ่ึงเช่ือว่าเกิดจากสภาวะแวดล้อมมากกว่าปัญหาแทรกซ้อนของโรคพิษสุราเรื้อรังเกิดขึ้นได้กับอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายเกือบทุกระบบ เช่น ทาให้เกิดโรคตับแข็งประมาณ 20 % ทาให้เกิดตับอักเสบได้ง่าย ทาให้เกิดโรคเก่ียวกับกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ และโรคทางสมองได้ง่ายเนอื่ งจากคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องขาดสารอาหารด้วย โดยเฉพาะอย่างย่ิงวิตามนิ บี โรคตบั แข็ง ตับแข็งเป็นโรคเรื้อรังท่ีเกิดข้ึนกับเซลล์ของตับ ทาให้การทาหน้าท่ีของตับลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะจานวนเซลล์ของตับจะน้อยลง และถูกแทนท่ีด้วยเนื้อเย่ือที่มีลักษณะเหมือนแผลเป็น ซ่ึงไม่สามารถทาหน้าท่ีเหมือนเซลล์ตับปกติได้ ตับถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหารร่วมกับถุงน้าดีและตับอ่อน มีหน้าท่ีสาคัญ ๆ ต่อร่างกายหลายประการ เช่น การปรับระดับส่วนประกอบที่สาคัญของเลือด มีส่วนในการผลิตน้าดี เพ่ือการย่อยอาหารประเภทไขมัน การทาลายสารพิษบางอย่างที่เข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะแอลกอฮอล์ สาเหตุส่วนใหญ่ท่ีทาให้เกิดโรคตับแข็ง ได้แก่ โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับอักเสบ โรคขาดอาหาร พยาธิในตับ สารเคมีหรือยาบางอย่าง และภาวะหัวใจล้มเหลวจากการค่ังของเลือด สาหรับอาการเร่ิมแรกอาจมีเล็กน้อย ถ้าร่างกายสามารถปรับสภาพการทางานได้ ต่อมาจะทาให้เกิดเบ่ืออาหาร น้าหนักลดลง คล่ืนไส้อาเจียน มีความรู้สึกหดหู่ ไม่กระตือรือร้น อ่อนเพลีย อาหารไม่ย่อย มีอาการท้องอืดแน่น และตามร่างกายทั่วไปจะมีเลือดออกง่าย ทาให้มีรอยเขียวช้าเป็นจ้า ๆผวิ หนังบริเวณใบหนา้ หน้าอกและแขน จะเห็นเส้นเลือดเล็กๆ เป็นคล้ายใยแมงมุม เมื่อมีอาการมากข้ึนจะพบว่ามีตาเหลือง ตัวเหลือง ผู้ชายจะมีการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ผู้หญิงอาจพบว่าไม่มีประจาเดือนมา อาจมีบวมบริเวณขาและท้อง ความจาเสื่อม มือสั่น ความจาอาจสับสน ซึมลง หากตับเสียหน้าท่ีมาก ๆ อาจทาให้เกิดตับวาย มีอาการหมดสติและมีโอกาสเส่ียงต่อการเสียชีวิตจากการเสียเลอื ด เพราะเสน้ เลือดดาของหลอดอาหารท่ีขยายใหญ่ขน้ึ และแตกไดง้ า่ ย เฮโรอีน เฮโรอนี เป็นยาเสพติดท่ีได้จากการสงั เคราะหท์ างเคมจี ากปฏกิ ิรยิ าระหว่างมอร์ฟีนกับสารเคมีบางชนิด เช่น อาเซติคแอนไฮไดรด์ (Aceticanhydride) หรือ อาเซติลคลอไรด์196
การพัฒนาตน(Acetylchloride) หรือเอทิลิดีนไดอาเซเตท (Ethylidinediacetate) โดยนักวิจัยชาวอังกฤษ ชื่อC.R. Wright ได้ค้นพบวิธีการสังเคราะห์เฮโรอีนจากมอร์ฟีน โดยใช้น้ายาอาเซติคแอนไฮไดรด์(Aceticanhydride) บริษัทผลติ ยาไบเออร์ (Bayer) ได้นามาผลิตเป็นยาออกสู่ตลาดโลก ในช่ือทางการค้าว่า \"Heroin\" และถูกนามาใช้ทดแทนมอร์ฟีนอย่างแพร่หลาย หลังจากที่มีการใช้เฮโรอีนในวงการแพทย์มานานถึง 18 ปี จึงทราบถึงอันตราย และผลท่ีทาให้เกิดการเสพติดให้โทษท่ีร้ายแรงจนปี พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมาย ระบุให้เฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษ ห้ามมใิ ห้ผใู้ ดมีไว้ในครอบครอง หลังจากน้ันต่อมาอีก 35 ปี คือเม่ือปี พ.ศ. 2502 เฮโรอีนจึงได้แพร่ระบาดสปู่ ระเทศไทย และในปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยจงึ ออกกฎหมาย ระบุให้เฮโรอีนและมอร์ฟีนเป็นยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนออกฤทธ์ิแรงกว่ามอร์ฟีนประมาณ 4-8 เท่า และออกฤทธ์ิแรงกว่าฝ่ินประมาณ 30-90 เท่า โดยทั่วไปเฮโรอีนจะมีลักษณะเป็นผงสีขาว สีนวล หรือสีครีม มีรสขม ไม่มีกลิ่น และแบ่งได้เป็น 2 ประเภทเช่นเดียวกับมอร์ฟีน ได้แก่ เฮโรอีนเบส (Heroin base) ซ่ึงมีคุณลักษณะเด่น คือ ไม่ละลายน้า ส่วนอีกประเภทหน่ึง คือ เกลือของเฮโรอีน (Heroin salt) เช่นเฮโรอนี ไฮโดรคลอไรด์ (Heroin hydrochloride) ประเภทของเฮโรอีนท่แี พรร่ ะบาดในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ชนดิ คอื (1) เฮโรอนี ผสม หรอื เรียกวา่ เฮโรอนี เบอร์ 3 หรอื ไอระเหย เป็นเฮโรอนี ทม่ี ีความบริสทุ ธิ์ต่า เนื่องจากมกี ารผสมสารอ่ืนเข้าไปด้วย เชน่ ผสมสารหนู สตริกนนิ ยานอนหลับ กาเฟอนี แป้ง นา้ ตาลและอาจผสมสี เช่น สีม่วงออ่ น สีชมพูออ่ น สีน้าตาล อาจพบในลกั ษณะเป็นผง เป็นเกล็ด หรืออัดเป็นก้อนเล็ก ๆ มีวิธีการเสพโดยการสดู เอาไอสารเข้าร่างกาย จงึเรยี กวา่ \"ไอระเหย\" หรอื \"แคป\" (2) เฮโรอีนเบอร์ 4 เปน็ เฮโรอนี ไฮโดรคลอไรด์ท่ีมีความบริสุทธสิ์ งู มีลกั ษณะเปน็ ผงละเอียด หรือเปน็ เมด็ คลา้ ยไขป่ ลา หรือพบในลกั ษณะอัดเปน็ ก้อนสเี่ หลย่ี มผนื ผา้มกั มีสีขาวหรือสีครมี ไม่มกี ลิน่ มรี สขม เป็นทร่ี จู้ ดั ท่ัวไปวา่ \"ผงขาว\" มักเสพโดยนามาละลายนา้ และฉีดเข้ารา่ งกาย หรือผสมบหุ รี่สบู อาการผู้เสพ (1) มีอาการปวดกล้ามเน้ือ ปวดกระดูก ปวดตามขอ้ ปวดสนั หลังปวดบน้ั เอว ปวดหวั รนุ แรง 197
การพัฒนาตน (2) มีอาการจุกแนน่ ในอก คล้ายใจจะขาด ออ่ นเพลยี อย่างหนัก หมดเรยี่ วแรงมีอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ อึดอัดทุรุนทรุ าย นอนไม่หลับ กระสับกระสา่ ย บางรายมีอาการชกัตาต้ัง น้าลายฟมู ปาก ม่านตาดาหดเลก็ ลง (3) ใจคอหงุดหงิดฟุง้ ซ่าน มึนงง หายใจไม่ออก (4) ประสาทเส่ือม ความจาเส่อื ม โทษทางร่างกาย (1) โทษต่อผิวหนัง เป็นอาการท่ีทาให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังเกิดอาการขยายตัว เกิดเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ขึ้นบริเวณผิวหนังและกระตุ้นสารฮิสตามีน (Histamine) และกระตุ้นต่อมเหง่ือด้วย อาการน้ีพบเห็นได้ หลังจากผู้เสพเฮโรอีนใหม่ ๆ จะมีอาการคันใต้ผิวหนังจึงแสดงอาการเกา หรือลูบบริเวณใบหนา้ ลาคอ นอกจากน้ผี ูเ้ สพจะมีเหงอ่ื ออกมากกวา่ ปกตแิ ละขนลุก (2) โทษตอ่ ลาไส้ ทาให้ลาไสบ้ ิดตัวลงผ้เู สพจงึ มอี าการท้องผูก (3) กดศูนยก์ ารหายใจ ทาใหห้ ายใจชา้ กวา่ ปกติ ถ้าใช้ในปรมิ าณมากจะทาใหห้ วั ใจหยุดเต้นได้ (4) ทาลายฮอรโ์ มนเพศถา้ ผู้เสพเป็นเพศหญงิ จะทาให้ประจาเดือนมาผิดปกติ ถา้ ผเู้ สพเปน็ เพศชายจะทาให้ฮอรโ์ มนเพศลดลง ไม่มีความรูส้ กึ ตอ้ งการทางเพศ (5) ทาลายระบบภูมคิ ้มุ กันโรคทางรา่ งกาย ผเู้ สพติดจงึ มีโอกาสตดิเช้ือโรคไดง้ า่ ย อาการทีพ่ บเห็นภายนอก คือ ผิวหนังมีอาการติดเชื้อเป็นแผลพุพอง ติดเช้ือวณั โรคติดเชื้อโรคตับอักเสบ นอกจากนผ้ี ู้เสพติดเฮโรอีนจะทาให้ติดโรคเอดสไ์ ดง้ า่ ยกวา่ ปกติ เพราะผู้เสพมกั ใชเ้ ข็มฉดี ยาทไี่ ม่ได้ทาความสะอาด หรือใชเ้ ข็มฉีดยาร่วมกันจนทาให้ติดเช้ือ HIV ผเู้ สพติดเฮโรอีนที่ติดเชอื้ HIV ก็จะเป็นผแู้ พร่ระบาด HIV เนื่องจากการจับกลมุ่ ใชเ้ ขม็ ฉดี ยารว่ มกนั หรือในบางครงั้ ก็มเี พศสมั พันธ์ร่วมกัน โดยไม่ไดป้ ้องกนั ฤทธใ์ิ นทางเสพติด เฮโรอีนออกฤทธิ์กดระบบประสาท มอี าการเสพติดท้งั ทางร่างกายและจิตใจ มอี าการขาดยาทางร่างกายอยา่ งรุนแรง โทษทางกฎหมาย เฮโรอนี จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญตั ยิ าเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 สามารถสรุปขอ้ หาและบทลงโทษดังน้ี198
ข้อหา การพฒั นาตนผลติ นาเข้า หรือสง่ ออก บทลงโทษจาหน่ายหรือครอบครองเพ่ือ - ต้องระวางโทษจาคุกตลอดชีวติ หากเป็นการกระทาจาหน่าย เพ่อื จาหนา่ ย ต้องระวางโทษประหารชีวิต (กรณคี านวณเป็นสารบริสุทธิไ์ ดต้ ง้ั แต่ 20 กรัม ขน้ึ ไปครอบครอง ถอื ว่าเปน็ การกระทาเพ่ือจาหน่าย)เสพ - ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 5 ปี ถงึ จาคกุ ตลอดชีวติ และปรบั ต้งั แต่ 5 หม่นื บาทถึง 5 แสนบาท หากมีสาร บรสิ ุทธิ์ไม่เกิน 100 กรมั แต่ถ้าเกนิ ต้องระวางโทษ จาคุกตลอดชวี ิตหรือประหารชวี ติ - ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 1 ปี ถงึ 10 ปี และปรับ ตัง้ แต่ 1 หม่นื บาทถึง 1 แสนบาท หากเป็นสารบรสิ ทุ ธิ์ ตง้ั แต่ 20 กรัม ข้ึนไป ถอื ว่าเป็นการครอบครองเพ่อื จาหนา่ ย - ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับ ตั้งแต่ 5 พันบาท ถึง 1 แสนบาท ยาบา้ ยาบ้ามีชื่อเรียกหลายช่ือแต่ช่ือที่เป็นทางการว่าแอมเฟตามิน ก่อนหน้าน้ีเรียกกันว่ายาม้าหรือยาขยันเพราะเชื่อกัน ว่าเมื่อเสพแล้วคึกเหมือนม้าท่ีกาลังจะออกจากซอง ต่อมาเม่ือวันท่ี 21 กรกฎาคม 2539 กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเปล่ียน ชื่อยาม้าเป็นยาบ้า เพ่ือเป็นการบอกใหป้ ระชาชนทราบว่ายาชนิดนี้เม่ือเสพเขา้ ไปแล้ว ผเู้ สพจะมสี ภาพไม่ผิดกบั คนบา้ หรือคนที่ เสียสติ ยาบ้า เป็นช่ือท่ีใช้เรียกยาเสพติดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ประเภทแอมเฟตามีน (Amphetamine) สารประเภทนี้แพร่ระบาดอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ แอมเฟตามีนซัลเฟต(Amphetamine Sulfate) เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) และเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ (Methamphetamine Hydrochloride)ซึ่งจากผลการตรวจพิสูจน์ยาบ้าปัจจุบันที่พบอยู่ในประเทศไทยมกั พบว่า เกือบทงั้ หมดมเี มทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ผสมอยู่ ยาบ้า จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดที่ออกฤทธ์ิกระตุ้นประสาท มีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมแบนขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ความหนาประมาณ 3มิลลิเมตร น้าหนักเม็ดยาประมาณ 80-100 มิลลิกรัม มีสีต่างๆ กัน เช่น สีส้ม สีน้าตาล สีม่วง สี 199
การพัฒนาตนชมพู สีเทา สีเหลืองและสีเขียว มีสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนเม็ดยา เช่น ฬ, M, PG, WY สัญลักษณ์รูปดาว, รูปพระจันทร์เส้ียว, 99 หรืออาจเป็นลักษณะของเส้นแบ่งครึ่งเม็ด ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้อาจปรากฏบนเมด็ ยาด้านหน่ึงหรอื ทั้งสองด้าน หรืออาจเป็นเม็ดเรยี บทงั้ สองดา้ นกไ็ ด้ ฤทธ์ใิ นทางเสพติด ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท มีอาการเสพติดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่มีอาการขาดยาทางรา่ งกาย อาการผ้เู สพ เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย ในระยะแรกจะออกฤทธ์ิทาให้ร่างกายต่ืนตัว หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ใจส่ัน ประสาทตึงเครียด แต่เมื่อหมดฤทธ์ิยา จะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ประสาทล้าทาให้การตัดสินใจช้า และผิดพลาด เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทาให้สมองเส่ือม เกิดอาการประสาทหลอน เห็นภาพลวงตาหวาดระแวง คลุ้มคล่ัง เสียสติ เป็นบ้าอาจทาร้ายตนเองและผู้อื่นได้ หรือในกรณีท่ีได้รับยาในปริมาณมาก (Overdose) จะไปกดประสาท และระบบการหายใจทาให้หมดสติ และถึงแก่ความตายได้ ผลจากการเสพการเสพยาบ้ากอ่ ใหเ้ กิดผลร้ายหลายประการ ดงั นี้ (1) ผลต่อจิตใจ เมื่อเสพยาบ้าเป็นระยะเวลานานหรือใช้เป็นจานวนมาก จะทาให้ผู้เสพมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ กลายเป็นโรคจิตชนิดหวาดระแวง ส่งผลให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น เกิดอาการหวาดหวั่น หวาดกลัว ประสาทหลอน ซ่ึงโรคน้ีหากเกดิ ขนึ้ แล้ว อาการจะคงอยตู่ ลอดไป แม้ในช่วงเวลาท่ไี มไ่ ดเ้ สพยากต็ าม (2) ผลต่อระบบประสาท ในระยะแรกจะออกฤทธ์ิกระตุ้นประสาททาให้ประสาทตึงเครียด แต่เม่ือหมดฤทธิ์ยาจะมีอาการประสาทล้า ทาให้การตัดสินใจในเร่ืองต่างๆ ช้า และผิดพลาด และหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทาให้สมองเส่ือม หรือกรณีที่ใช้ยาในปริมาณมาก (Overdose) จะไปกดประสาทและระบบการหายใจ ทาให้หมดสติและถึงแก่ความตายได้ (3) ผลต่อพฤติกรรม ฤทธขิ์ องยาจะกระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมความก้าวร้าว และความกระวนกระวายใจ ดังนั้นเม่ือเสพยาบ้าไปนาน ๆ จะก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เปล่ยี นแปลงไป คือ ผูเ้ สพจะมีความกา้ วรา้ วเพ่ิมข้นึ และหากยงั ใชต้ ่อไปจะมีโอกาสเป็นโรคจิตชนิดหวาดระแวง เกรงว่าจะมคี นมาทารา้ ยตนเอง จงึ ต้องทารา้ ยผอู้ น่ื ก่อน200
การพฒั นาตน โทษทางกฎหมาย ยาบ้าจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพ ตดิ ให้โทษ พ.ศ. 2522 สามารถสรปุ ข้อหาและบทลงโทษ ดงั น้ี ขอ้ หา บทลงโทษ - ต้องระวางโทษจาคุกตลอดชวี ิต หากเปน็ การกระทาเพอ่ื จาหนา่ ยผลติ นาเข้า หรือ สง่ ออก ต้องระวางโทษประหารชวี ิต(กรณีคานวณเป็นสารบริสุทธิ์ไดต้ งั้ แต่ 20 กรัม ข้นึ ไปถอื ว่าเป็นการกระทาเพ่ือจาหนา่ ย) - ต้องระวางโทษจาคุกตง้ั แต่ 5 ปี ถงึ จาคกุ ตลอดชวี ิตและปรับต้งั แต่จาหน่าย หรือครอบครองเพ่ือจาหน่าย 5 หมื่นบาทถงึ 5 แสนบาทหากมสี ารบริสุทธไ์ิ มเ่ กนิ 100 กรัม แต่ถา้ เกิน 100 กรมั ขึน้ ไป ต้องระวางโทษจาคกุ ตลอดชีวิตหรือประหาร ชวี ิต - ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่ 1 ปี ถงึ 10 ปี 1 หมื่นบาทถึง 1 แสนครองครอบ บาท(หากเปน็ สารบรสิ ุทธติ์ ั้งแต่ 20 กรัม ขนึ้ ไปถอื วา่ เป็นการ ครอบครองเพ่ือจาหน่ายเสพ - ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่ 6 เดอื นถึง 10 ปี และปรับตงั้ แต่ 5 พนั บาท ถึง 1 แสนบาท 201
การพฒั นาตน ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดกลุ่มเดียวกัน จะแตกต่างกันบา้ งในด้านโครงสรา้ งทางเคมี เทา่ ที่พบส่วนใหญ่จะมอี งคป์ ระกอบทางเคมีทสี่ าคัญ คือ 3, 4- Methylenedioxymethamphetamine (MDME) 3, 4-Methylenedioxyamphetamine (MDA) และ 3, 4- Methylenedioxyethylamphetamine (MDE หรอื MDEA) ลักษณะของยาอี มีท้ังท่ีเป็นแคปซูลและเป็นเม็ดยาสีต่าง ๆ แต่ท่ีพบในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8-1.2 ซม. หนา 0.3-0.4ซม. ผิวเรียบ และปรากฏสัญลักษณ์บนเม็ดยาเป็นรูปต่าง ๆ เช่น กระต่าย, ค้างคาว, นก, ดวงอาทิตย,์ PT ฯลฯ เสพโดยการรบั ประทานเป็นเม็ด จะออกฤทธิ์ภายในเวลา 45 นาที และฤทธ์ิยาจะอยู่ในรา่ งกายได้นานประมาณ 6-8 ซม. ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี เป็นยาท่ีแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นท่ีชอบเที่ยวกลางคืนออกฤทธ์ิใน 2 ลักษณะ คือ ออกฤทธ์ิกระตุ้นระบบประสาทในระยะส้ัน ๆ หลังจากน้ันจะออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง ฤทธิ์ของยาจะทาให้ผู้เสพรู้สึกร้อน เหง่ือออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง การได้ยินเสียง และการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลิบเคล้ิม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อันเป็นสาเหตุท่ีจะนาไปสู่พฤติกรรมเสื่อมเสียต่าง ๆ และจากการค้นคว้าวิจัยของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน พบว่ามีอันตรายร้ายแรง แม้จะเสพเพยี ง 1-2 ครั้ง ก็สามารถทาลายระบบภูมิคมุ้ กนั ของรา่ งกาย ส่งผลให้ผู้เสพมีโอกาสติดเช้ือโรคต่างๆ ได้ง่าย และยงั ทาลายเซลส์สมองส่วนท่ีทาหน้าที่ส่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสาคัญในการควบคุมอารมณ์ใหม้ ีความสุข ซ่ึงผลจากการทาลายดังกล่าว จะทาให้ผู้เสพเข้าสู่สภาวะของอารมณ์ทีเ่ ศรา้ หมองหดหอู่ ย่างมาก และมีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสงู กว่าคนปกติ ฤทธิ์ในทางเสพติด ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทในระยะสั้น ๆ จากนั้นจะออกฤทธ์ิหลอนประสาท มีอาการตดิ ยาทางจิตใจ ไมม่ ีอาการขาดยาทางรา่ งกาย อาการผเู้ สพ เหงอ่ื ออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ระบบประสาทการรับรู้เกิดการเปลยี่ นแปลงทั้งหมด (Psychedelic) ทาให้การได้ยนิ เสียงและการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลบิ เคลม้ิ ควบคุมอารมณไ์ ม่ได้ โทษท่ีได้รับ การเสพยาอีก่อให้เกดิ ผลร้ายหลายประการดังนี้202
การพฒั นาตน (1)ผลต่ออารมณ์ เมื่อเร่ิมเสพในระยะแรกยาอีจะออกฤทธิ์กระตุ้น ประสาท ใหผ้ ู้เสพรูส้ ึกตนื่ ตวั ตลอดเวลา ไมส่ ามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เป็นสาเหตุให้เกิด พฤตกิ รรมสาสอ่ นทางเพศ (2)ผลตอ่ การรบั รู้ การรบั รจู้ ะเปล่ียนแปลงไปจากความเป็นจรงิ (3)ผลต่อระบบประสาท ยาอีจะทาลายระบบประสาท ทาให้เซลล์ สมองส่วนที่ทาหน้าที่หล่ังสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงเป็นสารสาคัญในการควบคุมอารมณ์น้ัน ทางานผดิ ปกติกล่าวคือ เมื่อยาอีเข้าสู่สมองแล้ว จะทาให้เกิดการหลั่งสาร \"ซีโรโทนิน\" ออกมามาก เกนิ กวา่ ปกติส่งผลใหจ้ ติ ใจสดชน่ื เบกิ บานแต่เมื่อระยะเวลาผา่ นไปสารดงั กลา่ วจะลดน้อยลง ทาให้ เกิดอาการซึมเศร้า หดหู่อย่างมาก อาจกลายเป็นโรคจิตประเภทซึมเศร้า (Depression) และอาจ เกิดสภาวะอยากฆ่าตัวตาย นอกจากน้ีการท่ีสารซีโรโทนินลดลง ยังทาให้ธรรมชาติของการหลับ นอนผิดปกติ จานวนเวลาของการหลับลดลง นอนหลับไม่สนิท จึงเกิดอาการอ่อนเพลียขาดสมาธิ ในการเรยี น และการทางาน (4)ผลต่อสภาวะการตายขณะเสพ มักเกิดเมื่อผู้เสพสูญเสียเหง่ือมาก จากการเต้นรา ทาใหเ้ กดิ สภาวะขาดน้าอย่างฉับพลัน หรือกรณีที่เสพยาอีพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์ เข้าไปมาก หรือผู้ท่ีป่วยเปน็ โรคหวั ใจ จะทาให้เกดิ อาการช็อคและเสยี ชวี ิตได้ โทษทางกฎหมาย จดั เป็นยาเสพตดิ ให้โทษประเภท 1 ตาม พระราชบญั ญตั ิยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 สรปุ ข้อหาและบทลงโทษ ดังนี้ ข้อหา บทลงโทษ - ต้องระวางโทษจาคุกตลอดชีวติ หากเป็นการกระทาเพอ่ื จาหนา่ ย ต้องระวางผลติ นาเข้า หรือ สง่ ออก โทษประหารชีวิต(กรณีคานวณเปน็ สารบริสุทธิ์ได้ต้ังแต่ 20 กรัม ขน้ึ ไปถือวา่ เป็น การกระทาเพือ่ จาหน่าย)จาหน่าย หรอื ครอบครองเพื่อ - ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 5 ปี ถงึ จาคกุ ตลอดชีวติ และปรบั ตั้งแต่ 5 หมืน่ บาทจาหนา่ ย ถึง 5 แสนบาทหากมีสารบริสทุ ธ์ิไม่เกิน 100 กรมั แต่ถา้ เกิน 100 กรมั ขึ้นไป ตอ้ ง ระวางโทษจาคุกตลอดชีวิตหรอื ประหารชวี ิตครองครอบ - ต้องระวางโทษจาคุกตัง้ แต่ 1 ปี ถงึ 10 ปี 1 หมน่ื บาทถึง 1 แสนบาท(หากเป็น สารบริสทุ ธ์ิตั้งแต่ 20 กรมั ขึ้นไปถอื ว่าเป็นการครอบครองเพือ่ จาหนา่ ยเสพ - ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 6 เดือนถงึ 10 ปี และปรับตง้ั แต่ 5 พนั บาท ถงึ 1 แสนบาท 203
การพฒั นาตน สารระเหย สารระเหย คือ สารท่ไี ด้จากขบวนการสกัดน้ามนั ปโิ ตรเลียม มลี ักษณะเปน็ ไอระเหยได้ในอากาศ ประกอบดว้ ย Toluene, Acetone, Butane, Benzen, Trichloroe Thylene ซึ่งพบในกาว แลคเกอร์ ทนิ เนอร์ นา้ มนั เบนซิน ยาลา้ งเลบ็ เม่อื สูดดมเข้าไปจะทาให้เกดิ อันตรายตอ่ร่างกาย อาการผู้เสพ ผู้เสพจะมอี าการเคลบิ เคล้มิ ศรี ษะเบาหวิว ตนื่ เตน้ พูดจาออ้ แอ้ พดู ไมช่ ดันา้ ลายไหลออกมามาก เน่ืองจากสารทสี่ ดู ดมเข้าไปทาให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุภายในจมูกและปาก การสูดดมลึก ๆ หรือ ซ้า ๆ กนั แม้ในช่วงเวลาสน้ั ๆ ทาให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ทาใหข้ าดสติหรือเป็นลมชกั กล้ามเนื้อทางานไมป่ ระสานกัน ระบบประสาทอัตโนมัติ (Reflexes)ถูกกด มีเลอื ดออกทางจมกู หายใจไม่สะดวก โทษที่ได้รบั (1)ระบบทางเดนิ หายใจ มอี าการระคายเคืองหลอดลม เยอ่ื บุจมูกมีเลอื ดออก หลอดลมอกั เสบ ปอดอักเสบ (2)ระบบทางเดนิ อาหาร มเี ลอื ดออกในกระเพาะอาหาร เนื้อตบั ถูกทาลาย (3)ระบบทางเดนิ ปัสสาวะ ไตอกั เสบจนถึงพกิ าร ปัสสาวะเปน็ เลือดเปน็ หนอง หรอื มลี ักษณะคล้ายไขข่ าว (4)ระบบหัวใจและหลอดเลือด หัวใจเตน้ ผิดปกติ (5)ระบบสร้างโลหติ ไขกระดูกซึ่งมหี น้าที่สร้างเม็ดโลหิตหยดุ ทางานเกดิ เมด็ โลหิตแดงต่า เกล็ดเลือดตา่ ทาใหซ้ ีด เลือดออกไดง้ ่าย ตลอดจนทาให้เลอื ดแขง็ ตัวชา้ ในขณะที่เกิดบาดแผล บางรายเกดิ เป็นมะเร็งในเม็ดเลอื ดขาว (6)ระบบประสาท ปลายประสาทอกั เสบ มอี าการชาตามปลายมือปลายเท้า เกิดอาการอกั เสบของกลา้ มเน้ือ ทาให้ลกู ตาแกว่ง ลิน้ แข็ง พูดลาบาก สมองถูกทาลายจนเซลลส์ มองฝ่อ เป็นโรคสมองเสอื่ มก่อนวัยอนั ควร ฤทธ์ิในทางเสพติด สารระเหยออกฤทธ์ิกดระบบประสาท มีอาการเสพติดทางร่างกายเลก็ น้อย มีอาการเสพติดทางจติ ใจ มีอาการขาดยาแต่ไม่รนุ แรง204
การพฒั นาตน โทษทางกฎหมาย สารระเหยจัดเปน็ สารเสพตดิ ตามพระราชกาหนดปอ้ งกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 เร่อื งที่ 6.2.2 พฤตกิ รรมการพนัน ความเป็นมาของการพนนั ปัญหาการพนันในสังคมไทยนับว่าเป็นปัญหาสาคัญอีกปัญหาหน่ึงทดี่ ารงอยู่ในสังคมไทยมาเป็นเวลาอันยาวนาน และนับวันย่ิงทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น อันส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การพนันมีอยู่ด้วยกันหลายประการและต่างรูปแบบกันไปแตม่ ีจดุ มงุ่ หมายเดียวกัน คือเพอื่ ตอ้ งการเงินเป็นผลตอบแทน แต่ท่ีแพร่ระบาดมากท่ีสุดในปัจจุบันของสังคมไทย คือ ” หวยใต้ดิน” การพนันสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมประเภทหน่ึง แต่ในสังคมปัจจุบันน้ีการพนันเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนเราไปแล้ว นับแต่อดีตการเล่นของไทยเชน่ ตไี ก่ ซ่ึงเป็นกฬี าพ้ืนบ้านโดยเป็นท่ีนยิ มในกลุ่มของชนชั้นสูงจนถึงระดับชาวบ้าน และปัจจุบันนี้ในตา่ งจังหวดั ยังมีบ่อนไก่ชนจานวนไมน่ ้อยทีเ่ ปิดอย่างถูกกฎหมาย โดยมกี ารเดิมพนันเป็นหลักแสน การพนันในสมยั โบราณ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีน่าเช่ือถือระบุเอาไว้ว่า ประมาณปี พ.ศ.1450 มีการเล่นการพนันที่เรียกว่า ‘กาถั่ว’ แล้ว และประมาณ พ.ศ.2100 ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สมยั อยธุ ยามีการเลน่ การพนนั ทีเ่ รยี กว่า ‘โป’ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้เร่ืองราวทางประวัติศาสตร์จะค่อนข้างเลือนลาง แต่ก็เป็นท่ีรับรู้กันว่า คนไทยนั้นนิยมเล่นการพนันเป็นอย่างมาก ดังปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรจากบันทึกของ ‘มองสิเออร์ เดอ ลาลูแบร์’ (Monsieur De LaLoubere) เอกอัครราชทูตพิเศษฝรั่งเศส ซ่ึงพระเจ้า หลุยส์ที่ 14 ส่งเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ในปี พ.ศ.2230 ลาลูแบร์ บนั ทกึ เอาไวว้ ่า “ชาวสยามอย่ขู า้ งคอ่ นรกั เล่นการพนันเสียเหลือเกิน จนถึงจะยอมผลาญตัวเองให้ฉิบหายได้ ท้ังเสียอิสรภาพความชอบธรรมของตัวหรือลูกเต้าของตัว ด้วย ในเมืองน้ีใครไมม่ เี งินพอจะใช้เจา้ หนไ้ี ดก้ ต็ ้องขายลูกเต้าของตัวเองลงใช้หน้ีสิน และถ้าแม้ถึงเช่นน้ีแล้วก็ยังมพิ อเพยี ง ตัวของตัวเองกต็ ้องกลายตกเป็นทาส การละเล่นพนนั ท่ีไทยรักเป็นท่ีสุดนั้นกค็ อื ตกิ แตก ชาวสยามเรียกว่า สะกา” สาหรับรูปแบบการเล่นการพนันซึ่งเป็นนิยมกันนั้น โดยมากมักใช้‘สัตว์’ ตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น จิ้งหรีดและปลากัด ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น วัว ควาย หรือช้าง 205
การพัฒนาตนทั้งนี้ สัตว์ท่ีมาแรงท่ีสุดเห็นจะหนีไม่พ้น‘ไก่ชน’ โดยท่ีเจ้าของบ่อนจะหักเงินค่าบารุงบ่อนอย่างน้อยรอ้ ยละ 10 จากจานวนเงินเดมิ พนั ต่อมาเม่ือเวลาผ่านไป และประเทศไทยเร่ิมติดต่อทามาค้าขายกับชาวต่างชาติ มากข้ึน การพนันรูปแบบใหม่ๆ ก็ได้หล่ังไหลเข้ามาเพ่ิมเป็นลาดับ และหน่ึงใน การพนันทป่ี รากฏข้ึนและได้รับความ นิยมคือ การเล่นถั่วโปซ่ึงมีข้อสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า เข้ามาเป็นคร้ังแรก ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ระหว่างปี พ.ศ.2231- พ.ศ.2275 อาจเป็นสมัยพระเพทราชา พระเจ้าเสือหรือพระเจ้าท้ายสระ องค์ใด องค์หนึ่งโดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลและรัฐก็เก็บภาษจี ากการเลน่ น้ี สาเหตุท่ีมีการตั้งบ่อนเบี้ย (สถานท่ีเล่นถ่ัวโป) น้ัน เป็นผลมาจากชาวจีนท่ีเข้า มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมัยนั้นยังติดนิสัยเล่นเบ้ียกันเป็นจานวนมาก โดยในระยะแรกไมไ่ ด้เข้าไปควบคมุ การเลน่ แต่อยา่ งใด จนทาให้คนไทยนิยมเล่นบ้าง กระทั่งเม่ือจานวนผู้เลน่ เพ่มิ มากข้ึน รฐั จงึ เหน็ วา่ ควรจะมีการควบคุมบ่อนเบี้ยเน่ืองจากไม่สามารถห้ามปรามไม่ให้เล่นได้เด็ดขาด และมีการต้ังบ่อนเบ้ียขึ้นโดยกาหนดให้มีการเล่นได้เพียงบางพ้ืนที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจานวนมากเท่านั้น โดยห้ามคนไทยเข้าไปเล่น ทว่า การห้ามดังกล่าวก็ไม่มีผลอย่างใด เพราะคนไทยก็ลักลอบเล่นเหมือนเดิม รัฐจึงต้องอนุญาตให้ต้ังบ่อนสาหรับคนไทยข้ึน ดังน้ัน จึงเกิดบ่อนเบี้ย 2 ประเภท คือ บ่อนเบี้ยจีนและบ่อนเบ้ียไทย ซึ่งข้างในต่างกเ็ ลน่ การพนันชนิดเดยี วกนั เช่นการเล่นกาตดั กาถว่ั และไพง่ า เป็นต้น สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์เอาไว้ใน ‘ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 17 เรื่องตานานการเลิกบ่อนเบ้ียและเลิกหวย’ ว่า ในการจดั เก็บอากรบ่อนเบ้ียน้ันเดิมทีเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาบ่อน หรือให้เป็นค่าป่วยการ หรือเงินเดือนแก่ผู้รักษาบ่อน มิได้มีความมุ่งหมายในการจัดเก็บเพ่ือเป็นผลประโยชน์ให้แก่รัฐ วิธีการเก็บอากรบอ่ นเบ้ียในสมยั น้นั นายบ่อนจะไม่เก่ียวข้องกับการเล่น จะมีเฉพาะพวกนักเลงบ่อนผลัดกันเป็นเจ้ามือ โดยนายบ่อนจะคอยเก็บส่วนลดจากผู้ท่ีได้เงินจากการพนัน ซ่ึงเรียกว่า ‘การเก็บหัวเบี้ย’ และธรรมเนียมการเก็บหัวเบ้ยี นีไ้ ดม้ กี ารใชก้ ันจนกระทง่ั สมัยรตั นโกสินทร์ ต่อมาเม่ือมีการเล่นโปเกิดขน้ึ จงึ เปลยี่ นใหน้ ายบ่อนเปน็ เจ้ามือแต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้รัฐจะได้ภาษีจากโรงบ่อนเบี้ยมากเพยี งใดกต็ าม แต่กไ็ ม่มนี โยบายสนับสนนุ ใหค้ นไทยเลน่ การพนัน เช่น ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีการห้ามไม่ให้ข้าราชการเล่นการพนัน และหากข้าราชการผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษเฆ่ียนตี 90 ที พรอ้ มท้ังถอดยศบรรดา ศกั ด์ลิ งเป็นไพร่ เปน็ ต้น206
การพัฒนาตน เมื่อก้าวย่างเข้าสู่ยุคสมัยของกรุงธนบุรี เง่ือนไขในการเข้มงวดเรื่องบ่อนก็เปล่ียนแปลงไป เมื่อไม่ปรากฏข้อห้ามให้คนไทยเล่นเบ้ีย ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงสงครามปราบปรามก๊กต่างๆ บรรดาผู้ที่ถูกเกณฑ์ไปออกรบล้วนเหน็ดเหน่ือยกับชีวิตสงครามที่ค่อนข้างยาวนานจึงอนุญาตให้ทหารและแม่ทัพนายกองท้ังหลายเล่นพนันได้ตามสมควรในช่วงวันหยุดนกั ขัตฤกษ์ตา่ งๆ รวมทั้งอนุญาตใหร้ าษฎรท่ัวไปเลน่ การพนันไดด้ ว้ ย ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ทรงไม่เห็นด้วยที่จะให้เล่นการพนนั หรอื เล่นเบย้ี แบบสมยั ธนบรุ ี แตย่ ังคงยอมให้มีบอ่ นเบยี้ อยู่บา้ งโดยเก็บอากรแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม ทรงเคร่งครัดเรื่องการพนัน กับการดื่มสุรามากขึ้นกับข้าราชการด้วยการออกพระราชกาหนดเม่ือปี พ.ศ. 2325 ห้ามข้าราชการเล่นบ่อนเบ้ียและเสพสุรา ก้าวล่วงเข้าสู่สมัยรัชกาลที่ 2การเล่นพนันยังคงอยู่ต่อไปและสามารถเก็บอากรบ่อนเบี้ยได้ปีละ 260,000 บาท ในสมัยรัชกาลท่ี 3 เคยมกี ารสนบั สนนุ ให้เลน่ การพนนั เพอ่ื เก็บภาษอี ากร ท่เี รียกกันว่า ‘อากรบ่อนเบ้ีย’ และ ‘อากรหวย’ เฉพาะสาหรบั อากรบอ่ นเบ้ียนน้ั หมายถงึ เงนิ ทีเ่ ก็บจากผ้ปู ระมูลขอตั้งบอ่ นการพนันถ่ัวและโปในราชอาณาจักร ซ่ึงอากรทั้งสองประเทศสามารถสร้างรายได้ให้แก่รัฐเป็นจานวนมากคือปีละ400,000 บาท ขณะที่ในช่วงรัชกาลท่ี 4 ผลของการท่ีไทยได้ทาสัญญาผูกพันกับต่างประเทศ ต้องยกเลิกภาษีผูกขาดหลายประเภทจนเป็นเหตุให้รายได้ของแผ่นดินลดลง จึงได้ มีการปรับปรุงภาษีอากรหลายประเภท และได้กาหนดภาษีการพนันเพิ่มขึ้นจาก อากรบ่อนเบี้ยอีกประเภทหน่ึงและสามารถ เก็บภาษีไดส้ งู ถึงปีละ 500,000 บาท ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ก็ทรงพจิ ารณาเห็นว่า คนไทยตดิ การพนันกันงอมแงม เป็นหนี้เป็นสิน เสียผเู้ สยี คนกันทั่วบ้านท่ัวเมืองจึงทรงประกาศให้เลิกการพนัน(เมื่อวันอังคาร เดือนอ้าย แรม ๑๓ ค่า ปีกุน พ.ศ.๒๔๓๐) โดยลดจานวนบ่อนลงเร่อื ยๆ โดยมไิ ด้ทรงห่วงว่า เงินท้องพระคลังจะลดลงถึงปีละ ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท(ถ้าคิดเป็นเงินปัจจุบันอาจจะมากกว่า ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาทก็ได้) ถึงปี พ.ศ.๒๔๓๒ ทรงประกาศยกเลิกบอ่ นเบย้ี ในกรงุ เทพฯ อีกปีละ ๑๐ ตาบล และเม่ือถึงปี พ.ศ.๒๔๔๑ ทรงประกาศยกเลิกบ่อนเบ้ียตามหัวเมืองในมณฑลตา่ งๆ ปี พ.ศ.๒๔๖๐ (ในสมัยรัชกาลที่ ๖) มีพระราชบัญญัติห้ามมิให้ใครเล่นถั่วโปในราชอาณาจักรอีกต่อไปได้มีประกาศปิดบ่อนท่ัวราชอาณาจักรเมื่อวันท่ี 1เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๐ สาหรับการเปล่ียนแปลงหลังจากน้ัน ได้มีการตรากฎหมายการพนันฉบับ 207
การพฒั นาตนแรกในปี พ.ศ.2473 ซ่ึงเป็นการรวบรวมกฎหมายการพนันต่างๆ มาไว้ในท่ีเดียวกัน และมีการปรับปรงุ ใหท้ นั สมัยอกี คร้ัง โดยออกเป็น พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 พร้อมทั้งมีการเพ่ิมเติมการเลน่ พนนั ประเภทตา่ ง ๆ จนกลายมาเปน็ กฎหมายฉบบั ปจั จุบนั จะเห็นได้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลท่ี 5 และรัชกาลท่ี 6 ทรงลาบากอย่างมากกว่าจะสามารถกาจัดหายนะนี้ไปจากแผ่นดินไทยได้ พวกเราเหล่าลูกหลานผู้สืบแผ่นดินของพระองค์จึงมิควรอย่างยิ่งที่จะทาให้การพนันหวนกลับมาทาลายสังคมไทยอีก หากแต่ควรช่วยกันฟนื้ ฟูศลี ธรรมใหป้ ระชาชนมีจติ สานกึ ทดี่ ี จึงจะเป็นการแกป้ ัญหาทถี่ ูกตอ้ งและถกู ทม่ี ากกว่า หวย เป็นการพนันเสี่ยงโชคชนิดหน่ึงโดยการเลือกตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งเกิดขึ้นในสังคมไทย ต้ังแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เดิมเรียกว่า “ฮวยหวย” เป็นภาษจีน =“ดอกไม้” = “ฮวย” หวยเริ่มจากทายชื่อดอกไม้เขียนบนหวย หวยเข้ามาเมืองไทย ประมาณกรุงรัตนโกสนิ ทรต์ อนตน้ เร่ิมจากการนาเข้ามาของชาวจีนในระยะแรก การเล่นแพร่หลายเฉพาะชาวจีนเท่านั้น และเอกชนเป็นผู้ดาเนินการ โดยรัฐไม่มีส่วนได้เสียใด ๆ ซ่ึงต่อมารัฐบาลได้หันมายอมรับให้หวยกลายเป็นถูกกฎหมาย เรียกว่า หวย ก ข ในระหว่างปี พ.ศ.2378-2459 การเล่นหวยเกดิ ขน้ึ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเรียกว่า การเล่นหวย ก.ข. รัชกาลท่ี 3 ทรงโปรดให้จีนหง หรือ พระศรีชัยบาน ซ่ึงดารงตาแหน่งเป็นนายอากรสุรา มาเป็นเจ้ามือหวย ต้ังโรงหวยขึ้นท่ีกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกเม่ือปีมะแม พ.ศ. 2378 เพ่ือแก้ไขภาวะเศรษฐกจิ ตกต่า เพราะเงนิ ฝืดราษฎรเก็บเงินฝงั ดินไวม้ ากไมเ่ อาออกมาใช้ เม่ือแรกจีนหงทาอากรหวยน้ัน โรงหวยนี้ตั้งอยู่ริมกาแพงเมืองใกล้สะพานหัน ต่อมาย้ายไปบริเวณวังบูรพาเมื่อ พ.ศ. 2415 ได้ถูกไฟไหม้เสียหายหมด จึงย้ายมาตั้งใหม่ใกล้ประตูสามยอด บริเวณนี้จึงมีช่ือเรียกว่า โรงหวยสืบมาจนกระทั่งบัดน้ี การออกหวย ก.ข.ไดม้ ีตอ่ เนอ่ื งมาจนถึง รัชกาลท่ี 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้เลิกเม่ือวันที่1 เมษายน 2459 หวย ก.ข. จึงมอี ายยุ นื ยาวถึง 81 ปี หวย ก.ข. มีการออกวันละ 2 เวลา คือ เช้ากับเย็นบุคคลเป็นจานวนมากทอ่ี ยู่ในกรงุ เทพฯ นยิ มเลน่ แต่ถ้าคิดกันให้ดีแล้วโอกาสถกู ยาก เพราะมตี วั ให้แทงถึง 36 ตัว จึงมีตัวผิดมากกว่าตัวถูกจานวนมาก ดังนั้นเจ้ามือจึงร่ารวยคนจนๆ จึงยิ่งจนมากข้ึน เพราะหลงหวยสาหรบั หวย ก.ข. นี้มีการออกตัวไว้แล้วเพียงแต่จะชักรอกท่ีใส่ตัวลงมาดูกันว่าวันนี้เวลาเช้าจะเป็นตวั อะไร และตอนบ่ายจะเปน็ ตวั อะไร ท้งั น้สี ดุ แท้แตเ่ จ้ามือหวยจะเป็นผูก้ าหนดให้ออกตัวอะไร ชาวกรุงเทพฯ ในสมัยท่ีมีหวย ก.ข. น้ันต่างลุ่มหลงในการพนันประเภทน้ีมาก ไม่ต่างจากคนท่ีลุ่มหลง208
การพัฒนาตนการเล่นหวยใต้ดินในยุคปัจจุบัน ต่างก็ไปสืบเสาะหาอาจารย์ใบ้หวยมาคิดแทงหวยกัน ทาให้เดอื ดร้อนถึงพระภิกษสุ งฆอ์ งคเ์ จา้ ตามวดั ดงั ต่าง ๆ การพนัน เปน็ พฤตกิ รรมเบี่ยงเบนอย่างหนึ่งในสังคมไทย เน่ืองจากขัดต่อบรรทัดฐานในสงั คมไทย โดยเฉพาะขดั ตอ่ หลกั ศีลธรรม ซง่ึ การพนันจัดเป็นอบายมุข รวมท้ังการพนันบางประเภทขัดต่อกฎหมาย มีบทลงโทษทางอาญา ดังจะเห็นได้จาก บทบัญญัติในพุทธศาสนา ได้กาหนดให้การพนันจัดเป็น 1 ในอบายมุข (ทางแห่งความเสื่อมและความหายนะ) 6ประการ คือ 1.ด่ืมน้าเมา 2.เทย่ี วกลางคืน 3.เที่ยวดูการละเล่น 4.เล่นการพนนั 5.คบคนช่วั เป็นมิตร 6.เกยี จคร้านการงาน การพนนั กบั สังคมไทย จากการกาหนดให้การพนันเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายข้ึนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดย สมัยรัชกาลที่ 3 ทรงสนับสนุนการพนันเพ่ือการเก็บภาษีอากรบ่อนเบี้ยอากรหวย ต่อมารฐั บาลปิดโรงหวย เนือ่ งจาก - การพนันมผี ลกระทบต่อสังคมสูง - ประชาชนหมกหมุ่น - ไมท่ ามาหากนิ - หมดเน้ือหมดตวั อาชญากรรมเพ่ิมร.5 เลิกบ่อนการพนันมณฑล ศรีธรรมราช ชุมพรจากัดมลฑลอื่น ๆ สมยั รชั กาลที่ 6 ทรงปิดบอ่ นทัว่ ราชอาณาจักร จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น แสดง ให้เห็นว่าการพนันมีความสัมพันธ์กับสังคมไทยมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันการพนันจะถุกกาหนดให้เปน็ สงิ่ ผิดกฎหมาย ตามกฎหมายการพนนั พ.ศ.2475 แต่การพนันก็ยังคงไม่หมดไปจากสังคมไทยอย่างไรก็ตาม แม้การพนันจะจัดเป็นพฤติกรรมเบ่ียงเบนอย่างหนึ่งในสังคมไทย แต่การเล่นการพนันในกล่มุ ผู้ทเี่ ล่นการพนันไดม้ องวา่ เป็นพฤตกิ รรมเบยี่ งเบนแตอ่ ย่างใด ทาให้ยังคงมีการเล่นการ 209
การพฒั นาตนพนนั รวมท้ังการเล่นการพนันในประเทศเพ่ือนบ้าน หรือ ประเทศท่ีเปิดให้มีการเล่นการพนันอย่างเสรี ส่งผลให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินเป็นจานวนมากให้แก่ประเทศดังกล่าว จึงเคยมีแนวความคดิ ทีร่ ฐั บาลจะมีการเปิดบอ่ นการพนันขึ้นในประเทศไทย การพนันในสังคมชาวไทยอยู่คู่กันมาอย่างยาวนาน การพนันจัดได้ว่าเป็นความบันเทิงอย่างหน่ึง ไม่ว่าจะเป็นการชนไก่ กัดปลา บ่อนเบ้ีย ทอยลูกเต๋า อันจะพบได้จากวรรณคดี หรือพงศาวดารในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้นี้ แม้ว่า เราจะนับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาชาตแิ ตก่ ารพนันกย็ ังฝงั รากลึกในสังคม ชาวไทย แม้กระท้ังสงฆ์บางรูป(โดยเฉพาะที่ข้ึนชื่อว่าใบ้หวยแม่น)ใช้การพนันเป็นเหตุ จูงใจให้คนเข้าวัด หรือคนบางพวกท่ีเข้าวัดไปเพราะอยาก ไดเ้ ลขเด็ดไปแทงหวย วิวัฒนาการการพนันยคุ ใหม่ ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคโลกไร้พรมแดน เป็นโลกาภิวัฒน์ท่ีสามารถส่อื สารถงึ กนั ไดท้ ั่วโลกโดยไม่มขี ดี จากัด เป็นยุคเทคโนโลยีสารสนเทศก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และทั่วถึงทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ โดยเฉพาะระบบอินเตอร์เน็ต ที่ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากมายหลายด้าน ซ่ึงเปน็ ดาบสองคม มที ง้ั คณุ และโทษ ถ้าไมร่ ้จู ักใชใ้ ห้ถูกกจ็ ะเปน็ ประโยชน์มหาศาล แต่ถ้าใช้ไม่เป็นหรือใช้ในทางท่ีผิดก็จะเป็นโทษมหันต์เช่นกัน จากเหตุการณ์ข่าวอาชญากรรมทางหน้าหนังสือพิมพจ์ ะเห็นไดว้ า่ มีหลายเหตุการณ์ ท่ีผกู้ ระทาผดิ กฎหมายใช้ช่องทางจากอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนของการกระทาผิด ไม่ว่าจะใช้เป็นช่องทางชักชวน ล่อลวงให้เสียทรัพย์ ล่อลวงเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ฯลฯ โดยเฉพาะในช่วงน้ีเป็นช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก 2010 ซ่ึงจัดการแข่งขันกันระหว่าง วันท่ี 11 มิถุนายน – กรกฎาคม พ.ศ.2553 กระแสฟุตบอลโลก 2010 จึงระบาดไปทั่วเหมือนเช่นฟุตบอลโลกทุกครั้งที่ผ่านมา ท่ีทางรัฐบาลและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องโดยเฉพาะสานกั งานตารวจแห่งชาติต้องเตรียมมาตรการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการเล่นการพนันทายผลฟตุ บอลโลก 2010 ซง่ึ ประชาชนทัว่ โลกใหค้ วามสนใจ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยซึ่งไม่ได้เข้าร่วมแขง่ ขันดว้ ย และคาดวา่ จะมีการลักลอบเลน่ การพนนั ทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกเพ่ิมสูงขึ้นเป็นการพนันประเภทหนึ่งในสังคมไทยท่ีมีการเล่นการพนันมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีการศึกษาฐานะ หน้าที่การงานดี มากกว่าผู้ไม่มีการศึกษา หรือ มีอาชีพการงานท่ีไม่ดี โดยเฉพาะการพนันฟุตบอลได้แพร่เขา้ ไปยงั กลุม่ นกั เรียน นักศึกษา และสรา้ งปัญหาสังคมตามมามากมาย แต่อย่างไรก็ตามการห้ามเล่นพนันในประเทศท่ีออกมาตรการและมีกฎหมายบังคับเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ก็ยังมีการลักลอบเล่นพนันกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยในปัจจุบันไม่เพียงแต่เล่นการพนันตามกติกาที่มีการตั้งวงเล่น อุปกรณ์ และผู้เล่น210
การพัฒนาตนพนันจริง แต่ยังมีการเล่นพนันทางอินเตอร์เน็ต หรือเรียกว่า การเล่นพนันออนไลน์ มีปรากฏอยู่ในมือถือรุ่นและระบบต่าง ๆ ซึ่งยากแก่การป้องกัน เนื่องจากเป็นโลกยุคไร้พรหมแดน บ่อนพนันทางอินเตอร์เน็ตถือเป็นมหันตภัยท่ีร้ายแรงมีผลกระทบต่อสังคมโลก และแพร่ระบาดเข้าได้ถึงทุกกลุ่มชนอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ยากแก่การควบคุม โดยเฉพาะกลุ่มท่ีน่าเป็นห่วงมากท่ีสุด คือเด็ก นักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มเยาวชนอนาคตของชาติ รวมไปถึงผู้ใหญ่ทุกเพศวัย ทุกสาขาอาชีพ การเล่นพนันผ่านทางอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนการรวมเอาบ่อนการพนัน เจ้ามือพนัน ผู้เล่นพนัน มาอยู่ด้วยกันในสถานที่เดียวกันในเวลาพร้อม ๆ กัน สามารถเล่นการพนันกันได้ทุกเม่ือทกุ เวลา ทุกหนทกุ แห่งท่มี ีเคร่ืองคอมพิวเตอร์และระบบอินเตอร์เน็ต ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาทาให้มีการติดต่อสื่อสารเป็นตัวเช่ือมประสานระหว่างกิจกรรมการพนันในกลุ่มชนขยายไปส่รู ะดบั ประเทศ และนาไปสรู่ ะดับโลก (ระหวา่ งประเทศ ) ในทสี่ ดุ สาหรับโครงสร้างเครือข่าย และรูปแบบธุรกิจการพนันทางอินเตอร์เน็ต หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการพนันออนไลน์ ซึ่งมีระบบท่ีไม่ซับซ้อนมากนัก โดยผู้เล่นสามารถแทงพนันโดยตรงกับเจ้ามือ ไม่ต้องผ่านบุคคลที่ 3 หรือแทงพนันผ่านกันเป็นทอด ๆเหมอื นพนนั ฟตุ บอลโต๊ะ หรอื หวยใตด้ ิน ความนยิ มกับการพนนั รปู แบบน้จี ึงมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีความสะดวก ไม่ซับซ้อน เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลาและไม่เฉพาะแต่การพนันทายผลฟุตบอลเท่าน้ัน การพนันชนิดอ่ืนๆ นอกเหนือจากการทายผลฟุตบอลก็ยังสามารถ Downloadเกมสต์ า่ ง ๆ ซงึ่ บางเกมสม์ ลี ักษณะการเลน่ ใกล้เคยี งหรอื ลอกเลียนมาจากการพนันตามท่ีระบุห้ามเล่นตามกฎหมาย มีการโฆษณา เชิญชวน ให้เล่นพนันอย่างอ่ืนกันทางอินเตอร์เน็ตอย่างโจ๋งคร่ึมเปดิ เผย นาเสนอทั้งรายละเอียด วิธีการเล่น วิธีการแทง ผลได้-เสีย กฎกติกาการเล่น การโอนเงินการรับเงิน ไว้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเล่น ไฮโลว์ บาการ่า ฯลฯ ดังจะยกตัวอย่าง การโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตเชิญชวนเล่นการพนัน และคดีที่มีการจับกุมเก่ียวกับการเล่นการพนันแบบออนไลน์ 211
การพัฒนาตน ตัวอย่างท่ี 1 โฆษณาเชญิ ชวน เล่นการพนนั ออนไลน์ Casino Online ขอต้อนรับทุกทา่ นเขา้ สู่http://www.gclubroom.wordpress.com บริการทกุ ท่านทุกระดับตลอด24ชม. กบั เกมส์ทีห่ ลากหลายอย่างเชน่ ไพ่บาคาร่า ไฮโล ฟุตบอล รูเลต กาถว่ั กฬี าออนไลน์ ไพแ่ บล็คแจค็ สล็อต เลน่ ได้ทางเราโอนเงินกลับใหภ้ ายใน15นาทเี ทา่ น้นั*รับประกันในเร่อื งของความโปรง่ ใส ทา่ นสามารถชมเทคนคิ การเล่นไพ่บาคารา่ ได้ทนี่ ่ีhttp://www.gclubroom.wordpress.com สอบถามข้อมลู เพม่ิ เติมได้ทีค่ ณุ ควิ ไดต้ ลอด24ชั่วโมง:085-243-9099, 089-455-2969, 081-362-3903*พนกั งานพดู จาไม่สุภาพกรุณาโทรแจ้งไดท้ ่ี 081-8105292212
การพัฒนาตน ตวั อยา่ งท่ี 2 สารวจบ่อน 'พนนั ออนไลน์' เผยนักเล่นไทยหนา้ ใหม่ตึม!! วนั ที่ 8 กันยายน2552 แหลง่ ที่มา : WWW.plazadd.com. (สืบค้นเม่ือ 26 มถิ นุ ายน 2553) เช้ามืดวันหยุดสุดสัปดาห์รถบัสของกาสิโนฝ่ังปอยเปต พาเราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีนักพนันรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ร่วมเดินทางไปเสยี่ งโชค เปา้ หมายการเดินทางครงั้ นี้กเ็ พื่อสารวจ บ่อน “พนันออนไลน์” ในประเทศเพอ่ื นบ้าน จากการสารวจ เม่ือ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพบว่า มีนักพนันชาวไทยเดินทางไปเส่ยี งโชคในบ่อนกาสโิ นฝ่ังปอยเปตลดลง แตม่ ีปรมิ าณผู้เลน่ บ่อนออนไลน์เพ่ิมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ทาให้บ่อนกาสิโนเกือบทุกแห่งมีจุดให้บริการและแนะนาการใช้งาน บ่อนออนไลน์แก่นักพนันหน้าใหม่เกือบทุกบ่อน พนักงานแนะนาเล่าว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทางานหรือวัยรุ่นที่ไม่มีเวลามาเส่ียงโชคในบ่อน เริ่มแรกต้องเปิดบัญชีไว้อย่างน้อย 1,000 บาท ซึ่งมีการพนันกีฬาทุกประเภทท่ัวโลก และมีบ่อนกาสิโนถ่ายทอดสดให้เห็นท่ัวทุกมุมโลก เร็ว ๆ นี้ เตรียมเปิดโปรแกรมการเล่นพนันใหม่ อีก 3-4 รายการ โดยนาภาพกราฟิกเสมือนจริงมาดึงดูดใจลูกค้า ขณะคุยกับพนักงานมีลูกค้าชาวไทยหลายรายเลือกเล่นพนันฟุตบอล เพยี งใส่รหัสเลขท่บี ัญชี แล้วเลือกคู่ที่จะพนันในตารางบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลังจากลูกค้าเลือกและจ่าย เงินจะมีใบเสร็จรับรองให้ โดยหากทายผลถูกเงินจะโอนเข้าในบัญชที นั ที 213
การพฒั นาตนตอนที่ 6.3 แนวทางป้องกันและแกไ้ ขพฤติกรรมเส่ียงจากปจั จัยภายนอก เรือ่ งที่ 6.3.1 แนวทางปอ้ งกันพฤตกิ รรมเสย่ี งจากปจั จัยภายนอก 6.3.1.1 แนวทางป้องกันพฤติกรรมเสพยาเสพติด 1) การสงั เกตผตู้ ิดยาเสพติด ยาเสพติดเมื่อเกิดการเสพติดแล้ว จะมีผลกระทบต่อร่างกายและจติ ใจ ซ่ึงทาใหล้ ักษณะและความประพฤตขิ องผู้เสพเปลยี่ นไปจากเดมิ ที่อาจสงั เกตพบได้ คอื (1)รา่ งกายทรุดโทรม ซบู ผอม (2)อารมณ์ฉุนเฉียว หรือเงียบขรึมผิดปกติ จึงมักพบผู้เสพติดชอบ ทะเลาะวิวาทหรือทาร้ายผู้อ่ืนหรือในทางกลับกัน บางคนอาจชอบ แยกตัวอยู่คนเดยี วและหนีออกจากพรรคพวกเพ่ือนฝงู (3)ถ้าผู้เสพเป็นนักเรียน มักพบว่า ผลการเรียนแย่ลง ถ้าเป็นคน ทางาน มักพบว่าประสิทธิภาพในการทางานลดลงหรือไม่ยอม ทางานเลย (4)ปกปิดรอยเข็มที่ฉีดยาตรงท้องแขนด้านใน หรือรอยกรีดตรงต้น แขนดา้ นใน ดว้ ยการใส่เสอ้ื แขนยาวตลอดเวลา (5)ตดิ ตอ่ กบั เพ่ือนแปลกๆ ใหมๆ่ ซึง่ มีพฤตกิ รรมผิดปกติ (6)ขอเงินจากผู้ปกครองเพ่ิม หรือยืมเงินจากเพ่ือนฝูงเสมอเพ่ือนาไป ซอื้ ยาเสพตดิ (7)ก่อคดีลักเล็กขโมยน้อย หรือ ขโมย ฉกชิง ว่ิงราว เพื่อหาเงินไปซ้ือ ยาเสพตดิ (8)ผู้ติดยาเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน จะมีอาการอยากยาบางคน จะมอี าการรนุ แรงถงึ ข้นั ลงแดง 2) วธิ ปี อ้ งกนั ยาเสพติด ปอ้ งกนั ตนเอง (1) ไม่ทดลองยาเสพติดทุกชนดิ (2)ถา้ มีปัญหาหรือไม่สบายใจ อย่าเกบ็ ไว้คนเดยี ว ควรปรึกษาพ่อแม่ ครู หรือ ผูใ้ หญ่ท่นี บั ถอื (3)ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ เชน่ อา่ นหนงั สอื เลน่ กีฬาหรือทางานอดเิ รกต่างๆ ตามความสนใจ และความถนัด (4)ระมดั ระวงั การใชย้ าและศึกษาใหเ้ ขา้ ใจถงึ โทษภยั ของยาเสพตดิ214
การพัฒนาตน ป้องกนั ครอบครัว ผูป้ กครองหรือคนในครอบครัวควร (1) สอดส่องดแู ลเดก็ หรือบุคคลในครอบครัวอยา่ ให้เกย่ี วข้องกบั ยา เสพติด (2) อบรมสั่งสอน ให้รู้ถงึ โทษภยั ของยาเสพติด ดูแลเรื่องการคบ เพือ่ น (3) สง่ เสริมใหเ้ ขาร้จู กั การใชเ้ วลาในทางท่เี ป็นประโยชน์ เชน่ การ ทางานบ้าน เลน่ กฬี า ฯลฯ เพอ่ื ป้องกันมใิ ห้เด็กหนั เหไปสนใจใน ยาเสพตดิ (4) ทกุ คนในครอบครวั ควรสร้างความรัก ความเข้าใจและ ความสมั พนั ธ์อันดีตอ่ กัน ปอ้ งกนั ชุมชน หากพบผู้ติดยาเสพติดควร (1) ช่วยเหลือแนะนาให้เขา้ รบั การบาบัดรกั ษาโดยเร็ว (2) เมอ่ื ทราบว่าใครผิด นาเขา้ ส่งออก หรือจาหนา่ ยยาเสพติด ควร แจง้ เจา้ หน้าที่ ตารวจ เจา้ หน้าทีศ่ ุลกากรนายอาเภอ กานัน ผู้ใหญ่บา้ น ฯลฯ เพือ่ ดาเนินการกวาดล้างและปราบปรามมิให้ยา เสพติดกระจายไปส่ชู ุมชน เรอื่ งท่ี 6.3.2 แนวทางแกไ้ ขพฤติกรรมเสี่ยงจากปจั จัยภายนอก 6.3.2.1 แนวทางแกไ้ ขพฤตกิ รรมเสพยาเสพติด 1) สถานบาบัดรกั ษาผตู้ ดิ ยาเสพตดิ หากทา่ นประสบปัญหาการติดยาเสพติด สามารถขอรับคาปรึกษา แนะนาหรอื ขอรบั บรกิ ารบาบัดรกั ษายาเสพติดไดจ้ าก (1)กองป้องกนั และบาบัดการติดยาเสพติด สานกั อนามัย กรงุ เทพมหานคร โทร. 0 2354 4232, 0 2354 4240 (2)คลินกิ ยาเสพติด วัดธาตุทอง โทร. 0 2391 8539 (3)คลนิ ิยาเสพตดิ ลาดพร้าว โทร. 0 2513 2509 (4)โรงพยาบาลธัญญารกั ษ์ โทร. 0 2531 0080 ถึง 8 (5)โรงพยาบาลตารวจ โทร. 0 2252 8111 ต่อห้องจิตเวช 215
การพัฒนาตน (6)โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โทร. 0 2246 0066, 0 2246 1400 ถึง 28 ตอ่ 3187 หรอื 3189 (7)โรงพยาบาลของรฐั บาล ทั่วประเทศ 2) การเลกิ บหุ รี่ ขอ้ ปฏบิ ัตใิ นการเลกิ บุหรี่ 1) ตัดสินใจใหแ้ นว่ แน่คือ “ควรงดทนั ที มิใชล่ ด” 2) พยายามทาจิตใจใหแ้ จ่มใสไมเ่ ครียด 3) พยายามนึกถงึ ผลเสียหรือโทษของบุหรี่ 4) ยึดมน่ั ส่งิ ศักด์ิสิทธ์ิที่นับถือ เพอ่ื เป็นส่งิ ชว่ ยเสรมิ กาลังใจ ข้อแนะนาในระหว่างการเลกิ สบู บหุ ร่ี (1)ดื่มน้าเปล่าวันละ 8-10 แกว้ ควรดืม่ น้ามาก ๆ จะชว่ ยกาจัดนิโคติน ออกจากรา่ งกาย (2)งดนา้ ชา กาแฟ และเครอ่ื งดื่มทมี่ ี “คาเฟอีน” ตลอดจนเคร่อื งด่มื ที่ มีแอลกอฮอลท์ กุ ชนิด (3)ถ้ารู้สกึ ง่วงควรอาบน้า หรือใชผ้ า้ ชุบน้าเย็นเช็ดหน้า จะทาใหร้ ู้สึก สดชืน่ (4)อยา่ รับประทานอาหารใหอ้ ่มิ จนเกินไปในระยะแรกของการเลิกสบู บหุ ร่ี หลีกเลีย่ งอาหารทมี่ รี สจัด (5)รับประทานผกั และผลไม้ให้มากขึ้น แทนอาหารทรี่ ับประทานอยู่ เป็นประจา (6)ออกกาลังกายใหเ้ พยี งพอ 3) วิธเี ลิกสบู บุหรี่ เราเช่ือว่าความปรารถนาดีที่จะเลิกบุหรี่ของท่านและถ้าท่านทาสาเร็จ บรรยากาศในบ้านของท่าน ที่ทางานของท่าน และทุกท่ีที่ท่านเดินทางไป จะสดใสข้ึนเพราะจะไมม่ ีควันบุหร่ีเกิดข้ึนเพราะตวั ทา่ นอีกต่อไป สาหรับวิธีเลิกสูบบุหรี่ที่ได้ผลสาเร็จน้ัน ส่วนใหญ่จะใช้วิธีหยุดสูบทันที ท่านต้องมีความมุ่งม่ันท่ีจะทาให้สาเร็จให้ได้ เพราะนอกจากจะแสดงถึงความสามารถของท่านแล้ว ท่านยังจะได้รับผลตอบแทนโดยตรง โดยการลดจานวนสารพิษจากควันบุหร่ีที่จะเข้า216
การพัฒนาตนร่างกาย และท่านยังมีส่วนช่วยเหลือคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกันกับท่าน จะดีใจมากเป็นพิเศษ 4) ขนั้ ตอนการเลิกสบู บุหรีม่ ีดงั นี้ (1) วิเคราะห์นิสัยการสูบบุหร่ีของตัวท่านว่าเป็นอย่างไร ลองจดในกระดาษดูซิว่าใน 24 ช่ัวโมงท่ีผ่านมา ท่านสูบบุหร่ีตอนไหนบ้าง หลังอาหารทุกมื้อ ทุกครั้งที่ดื่มกาแฟทุกครั้งท่ีเข้าห้องน้า ทุกครั้งท่ีเข้าห้องประชุม หรือหยุดการประชุม ท่านทดลองจดรายละเอียดลงในกระดาษในช่วงเวลาสัก 2-3 สัปดาห์ โดยจดทุกวันของ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และพยายามเขียนคาอธิบายดว้ ยว่าทาไมท่านจงึ ต้องสูบบหุ รี่ในช่วงน้ัน ๆ หรือว่าสูบบหุ ร่เี พราะอะไร (2) ท่านต้องตัดสนใจให้แน่วแน่ที่จะต้องเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ ไม่มีการหันหลังกลับมาสูบบุหร่ีอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน ท่านลองเขียนในกระดาษถึงเหตุผลว่าทาไมท่านต้องการท่ีจะเลิกสูบบุหร่ี ผลประโยชน์ที่ตัวท่านจะได้รับว่ามีอะไรบ้าง เช่น อาการไอ มีเสมหะดา ๆตอนเช้าจะหายไป อาหารจะมีรสชาติที่ดีขึ้น โอกาสเส่ียงต่อมะเร็งของทุก ๆ อวัยวะก็ลดน้อยลงโอกาสเส่ียงต่อการเกิดโรคหัวใจก็จะลดน้อยลง แล้วท่านลองประเมิน และให้ความมั่นใจกับตัวเองเสียว่า แรงกาย และแรงใจท่ีจะทุ่มเทลงไปเพ่ือเลิกสูบบุหร่ีจะมีความคุ้มค่า หรือไม่ คนรอบข้างของทา่ นโดยเฉพาะครอบครัวของท่านจะไดร้ ับประโยชน์อะไรบ้าง ก่อนทีท่ ่านจะเร่มิ โครงการเลกิ สูบบุหรี่ (3) กาหนดหรือเลือกวันท่ีจะเร่ิมหยุดสูบบุหรี่ และถ้าหากมีญาติหรือเพื่อนสนิท และคนใกล้ชิดจะหยุดสูบบุหร่ีพร้อมกันได้ก็จะดีมากทีเดียว จะได้ช่วยให้กาลังใจซึ่งกันและกันในวันที่รู้สึกว่าหงุดหงิด หรือมีความยากลาบากท่ีจะเลิกสูบบุหรี่ต่อไป ผู้ที่เลิกบุหรี่ได้บางคนอาจเลือกวันใดวันหนึ่งที่มีความหมายต่อตนเอง หรือต่อผู้อ่ืน เช่น วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน วันพ่อแหง่ ชาติ วันแมแ่ หง่ ชาติ เปน็ ต้น เพื่อที่ผูท้ เ่ี ลกิ บุหรีไ่ ดจ้ ะได้จดจา และนาไปคุยต่อได้ว่าเลิกได้ต้ังแต่วันนัน้ วนั น้ี เปน็ ต้นมา (4) ในข้ันนี้จะเข้าสูการเลิกบุหร่ีอย่างจริงจัง อาการอยากบุหร่ีจะมีมากนอ้ ยแลว้ แตว่ ่าทา่ นสูบบุหรีก่ ่อนหน้าทจ่ี ะเลกิ สูบวันละก่ีมวน และติดมานานเพียงใด อาการอยากบุหร่ีหรือที่บางคนเรียกว่า “เสี้ยน” จะมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของร่างาย ชีพจน และระบบย่อยอาหาร ในทางจิตใจจะเกดิ หงดุ หงิด กระวนกระวาย มึนศีรษะ เหม่อลอย นอนไม่หลับ อยากบุหรี่ ส่วนใหญ่อาการหงุดหงิด จะมีอาการมากใน 3 วันแรก และจะดีข้ึนเรื่อย ๆ น้อยมากท่ีจะมีอาการเกิดหน่ึงสปั ดาห์ (5) สาหรบั การแก้ไขปัญหาเร่ืองหงุดหงิด ขอให้ท่านตั้งสติให้ม่ันคง ท่านจะต้องเอาชนิดปญั หาน้ีใหไ้ ด้ อยา่ อย่เู ฉย ๆ คนเดียว หากิจกรรมมาทา เช่น การเดินออกกาลังกาย ถ้า 217
การพฒั นาตนหงุดหงิดมากให้ด่ืมน้าเปล่ามาก ๆ หรือให้อาบน้าให้งดเว้นการด่ืมกาแฟ หรืองดดื่มเหล้า ไม่ออกไปเที่ยวบาร์ ผบั หรอื ดิสโกเ้ ธค เวลาไปรา้ นอาหารควรไปนัง่ โตะ๊ ท่ีจัดไวส้ าหรับคนไม่สบู บหุ ร่ี (6) ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก จะเป็นช่วงที่ยากลาบากท่ีสุดสาหรับคนติดบุหร่ี ให้ท่านด่ืมน้ามาก ๆ ท่านอาจอยากทานอาหารเพิ่มขึ้น ขอให้ท่านได้เตรียมอาหารท่ีมีแคลอร่ีต่าเอาไว้ อาจเป็นพวกผกั หรือผลไมท้ ี่ไม่มีรสหวานจัด (7)บางรายอาจต้องอาศัยยา หรือหมากท่ีใช้แล้วจะทาให้ไม่อยากสูบบหุ ร่ี หรืออาจใช้ยาท่มี ีนโิ คตินผสมอยู่ดว้ ย เพื่อลดอาการเส้ียน ซึ่งมีทั้งชนิดเป็นหมากฝรั่ง ชนิดพ่นเข้าทางจมูก หรือคอ และชนิดเป็นแผ่นกอเอี๊ยะแปะติดกับผิวหนัง ส่ิงท่ีต้องย้าเตือนก็คือ ยาที่อาจต้องใช้ในขน้ั ตอนท่ี 6 เพ่ือช่วยระงบั ความอยากบุหรี่นั้น มีความสาคัญน้อยกว่าความตั้งใจแน่วแน่ของท่านที่จะเลิกบหุ รีใ่ ห้ได้ 6.3.2.2 แนวทางแกไ้ ขพฤติกรรมเสพการพนัน แนวทางท่ี 1 การพนนั ตอ้ งควบคมุ มีแนวทางดงั นี้ (1) การบังคับใช้กฎหมายต้องเคร่งครัด เฉียบขาด และมีการปราบปรามการเลน่ การพนนั อย่างจรงิ จัง เช่น ให้มกี ารตรวจสอบประวัตขิ องผู้กระทาความผิด เพ่ือดาเนนิ การลงโทษให้เหมาะสมหรือหากศาลลงโทษปรับแล้วปล่อยตัวไปก็ควรมีมาตรการเสริมด้วยเช่น การกาหนดให้ทางานบรกิ ารสังคม โดยมกี าหนดเวลาตามท่ีศาลเห็นสมควร เป็นต้น (2) ควรดาเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนันที่ใช้บังคับอยใู่ นปัจจุบนั ให้ทันกบั เทคโนโลยสี มัยใหม่ท่ีใช้ในการกระทาความผิด (3) ไมค่ วรปล่อยใหม้ ีการโฆษณาเกีย่ วกับการพนนั ทางส่ือมวลชนหรือสื่อสงิ่ พมิ พท์ ุกประเภท เช่น อัตรตอ่ รองของกีฬามวยหรือฟุตบอล เปน็ ตน้ (4) ใช้มาตรการในการริบทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายรวมทง้ั ทรัพยส์ นิ ที่ไดม้ าจากการพนัน (5) ใช้มาตรการทางภาษีโดยตรวจสอบว่าทรัพย์สินท่ีได้มาจากการเสยี ภาษอี ย่างถกู ตอ้ งหรอื ไม่ (6) เพมิ่ บทลงโทษใหห้ นกั ขึน้ แนวทางท่ี 2 การพนันเป็นส่งิ ทถี่ กู ต้องตามกฎหมาย มีแนวทาง ดงั น้ี (1) ความมงุ่ หมายของการจัดให้มีการเล่นการพนันโดยชอบด้วยกฎหมาย คอยมุ่งแสวงหาประโยชนจ์ ากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นสาคัญ เนื่องจากกรณตี ัวอย่างที่218
การพฒั นาตนเกิดขน้ึ ในต่างประเทศไดช้ ้ีใหเ้ ห็นชัดวา่ รายไดจ้ ากการท่องเทยี่ วท่มี าจากการพนันทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ก่อใหเ้ กิดรายไดแ้ ก่กิจการด้านบริการต่างๆ (2) นอกจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วสาหรับผู้เล่นในประเทศกอ็ าจสร้างมาตรการในการกันคนในประเทศมใิ ห้ถูกมอมเมาจากบ่อนการพนันได้อย่างไม่มีขอ้ จากัดเช่น กาหนดคณุ สมบัติของผู้เข้าไปเลน่ โดยวางเกณฑ์เก่ียวกบั อายุ ระดับรายได้ของผมู้ สี ิทธเิ์ ขา้ เลน่ ซึ่งปกติแล้วหลายประเทศจะอนุญาตเฉพาะผู้ทีม่ รี ายไดส้ ูงกว่าปกติเท่านนั้ (3) การทาให้การพนันเป็นส่ิงที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทยนั้นจะต้องไม่เป็นการยอมให้การพนันทุกชนิดเป็นสงิ ท่ีถกู ต้องตามกฎหมายหรือเล่นโดยเสรี เพราะจะเปน็ การเอ้ือให้ปรหะชาชน ติดและหมดมุน่ กับการพนันได้อย่างรวดเร็ว ดงั น้ัน การทาให้การพนันเป็นการกระทาทีถ่ ูกต้องตากมฎหมาย ที่เหมาะสมกับประเทศไทย จึงควรมีลักษณะท่มี งุ่ แสวงหาประโยชน์จากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเปน็ สาคญั (4) สถานที่ท่ีจดั ใหม้ ีการตงั้ บ่อนโดยชอบด้วยกฎหมายต้องไม่อยู่ในชุมชนเมืองหรือทีม่ ปี ระชากรแออัดซงึ่ ยากแกก่ ารควบคุมแต่ควรเป็นสถานท่ีท่ีรัฐมุ่งเสริมสรา้ งความเจรญิ จากการท่องเที่ยว เป็นสถานทีม่ ีสภาพะรรมชาติที่เหมาะสมแก่การสันทนาการท่องเท่ยี วอยา่ งอื่น ทาให้ประชาชนในท้องถ่นิ สามารถมรี ายได้จากการท่องเทย่ี วมากข้ึนในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความเจริญให้แก่ท้องถ่ินนัน้ ๆ เพิม่ ขนึ้ ดว้ ย (5) เป็นการหารายได้เข้ารฐั ในรูปแบบของการจัดเก็บภาษีการพนนั 219
การพัฒนาตนบทสรปุ ความคาดหวังของสังคมในวันนี้ คือ การเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการเล่นพนันให้หมดไปจากสังคม ในเบื้องต้นเราสามารถป้องกันนักเล่นพนันหน้าใหม่เข้ามาโดยการร่วมกันกระตุ้นเตือนหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ให้ร่วมกันลดบรรยากาศการเล่นพนันให้หมดไปจากสังคม รวมถึงการลดพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ด้านอ่ืนต่อไป แต่อย่างไรก็ตามการห้ามเล่นพนันในประเทศที่ออกมาตรการและมีกฎหมายบังคับเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ก็ยังมีการลักลอบเล่นพนันกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยในปัจจุบันไม่เพียงแต่เล่นการพนันตามกติกาที่มีการต้ังวงเล่นสถานที่ อปุ กรณ์ และผู้เลน่ พนันจริง แต่ยังมีการเล่นพนันทางอินเตอร์เน็ต หรือเรียกว่า การเล่นพนันออนไลน์ มีปรากฏอยู่ในมือถือรุ่นและระบบต่าง ๆ ซึ่งยากแก่การป้องกัน เน่ืองจากเป็นโลกยุคไร้พรหมแดน คนทั่วไปหรือแม้แต่เด็กเยาวชนท่ีมีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ITก็สามารถ Download เกมส์ต่าง ๆ ซ่ึงบางเกมส์มีลักษณะการเล่นใกล้เคียงหรือลอกเลียนมาจากการพนันตามที่ระบุห้ามเล่น ตาม พ.ร.บ.การพนันฯ ยิ่งเทคโนโลยีล้าสมัยมากเท่าใด การป้องกันปราบปรามการกระทาความผิดก็ย่ิงยากมากข้ึนเช่นเดียวกันเพราะโลกสื่อสารที่ไม่มีขีดจากัดท่ีสาคัญคือ การจับกุมผู้เล่นการพนันออนไลน์ไม่ใช่เร่ืองง่าย เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ และประเทศต้นตอน้ันเขาเปิดให้เล่นการพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย แต่มันผิดกฎหมายบ้านเรา ขณะท่ีกลุ่มผู้เข้าไปเล่นการพนันนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ท่ีเป็นลกู หลานผู้มีอนั จะกินทีท่ าบัตรเครดิตเสริมให้อย่างไรก็ดีในการแก้ปัญหาเด็กติดการพนันออนไลน์น้ันผู้ปกครองต้องหมั่นตรวจสอบการใช้งานคอมพิวเตอร์ในกรณีที่มีใช้ที่บ้าน โดยควรตรวจสอบดูโปรแกรมต่างๆ ในเครื่อง หรืออาจหาโปรแกรมป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์ท่ีไม่เหมาะสมมาใช้ เพื่อป้องกันบุตรหลานเขา้ เว็บไซต์ดงั กลา่ วได้ ดังนั้น การสร้างจิตสานึกที่ดีงามและถูกต้องแก่เยาวชนจึงเป็นเกราะป้องกันท่ีสาคัญด่านแรกท่ีจะไม่ให้เด็ก เยาวชน หรือแม้แต่ใครก็ตาม สามารถเข้าไปดู หรือ เล่นการพนันแบบออนไลน์เช่นว่านี้ได้ ถึงแม้จะจับกุมหรือพบเห็นการลักลอบเล่น แต่การหาพยานหลักฐานประกอบก็เป็นเรื่องค่อนข้างลาบาก หรือการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่มีสถานท่ีเล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย หรือตามเขตชายแดนประเทศไทยที่สามารถเดินทางเข้า-ออกได้โดยง่าย ก็ไม่ได้ทาให้การงมงาย หรือกระหายอยากที่จะเล่นการพนันได้ลดน้อยลงไปไม่ ตราบใดที่ยังมีผู้จัดให้มีการเล่นและผู้เล่นการพนันอยู่ การสรรหาอุปกรณ์ วิธีการเล่น สถานท่ีการเล่นพนัน ก็ไม่ใช่เร่ืองยากสาหรับการเลน่ การพนัน220
การพัฒนาตนคาถามทา้ ยบท 1. จงอธิบายหลักการและแนวคดิ ทเี่ ก่ียวข้องกบั พฤติกรรมเสยี่ งจากปัจจัยภายนอก 2. จงวเิ คราะห์ พฤติกรรมเส่ียงจากปัจจยั ภายนอกตามแนวคิดท่ีเก่ียวข้อง 3. บอกวิธกี ารปอ้ งกนั การเกิด พฤติกรรมเสีย่ งจากปัจจยั ภายนอก 4. บอกวธิ กี ารประยกุ ต์ใช้ความร้แู กไ้ ข พฤติกรรมเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก 221
การพัฒนาตน เอกสารอ้างองิ โครงการอนิ เตอร์เน็ตสีขาวเพ่ือเยาวชน. 2553. ไฮไลมือถือวยั รนุ่ ขาโจฮ๋ ิตแติดงอมงม. (ออนไลน์) แหล่งที่มา : www.dailynews.co.th. (สบื ค้นเมอ่ื 18 ตลุ าคม 2553)ชูมิตร ชุณหวาณชิ พทิ กั ษ์. ร.ต.ท. การพนัน (ลกู กลม ๆ ) ไม่เคยทาให้ใครร่ารวย แล้วคุณจะดนั ทุรงั ไป ทาไม. (ออนไลน)์ แหล่งที่มา http://www.f 16falcon.exteen.com (สืบคน้ เม่ือ 13 ตุลาคม 2553)พชั รี นยิ มศลิ ป.์ มองบ่อนการพนนั เชงิ บวก : ทรรศนะในการพัฒนาส่โู ลกเสรนี ิยม. คณะนิตศิ าสตร์ จฬุ า จฬุ าลงมหาวิทยาลยั . (ออนไลน)์ แหลง่ ทมี่ า http://law.chula.ac.th (สบื ค้นเมือ่ 18 ตลุ าคม 2553) เรวดี ผลวัฒนสุข. หลวงปู่โต สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต พรหมรงั สี). กรงุ เทพมหานคร : ศิลป์ สยามบรรจภุ ณั ฑ์ และการพิมพ์, 2553 สนกุ ดอดคอม. 2553 . ไฮไลมอื ถือดาบสองคมบนโลกไร้สาย (ออนไลน)์ แหล่งทมี่ า : www.game.sanook.com. (สืบคน้ เม่ือ 28 มิถุนายน 2553) สุนทร ช่นื ชิด . พ.ต.ท. พัฒนาการของการพนนั ทายผลฟุตบอลกับแนวทางการป้องกันและ ปราบปราม. เอกสารศึกษาหลกั สูตรผู้กากับการรุ่นที่ 66 Casino.2553. เชญิ ชวนเล่นการพนันออนไลน์. (ออนไลน์) แหลง่ ท่มี า : WWW.plazadd.com. (สืบค้นเมอื่ 26 มิถุนายน 2553)222
การพัฒนาตน บทท่ี 7 การสรางคุณคาในการดําเนนิ ชีวติ อิสรี ไพเราะหัวขอ เนอ้ื หา ตอนที่ 7.1 ความหมายของการเห็นคณุ คาในตนเอง (Self-Esteem)10 7.1.1 ความหมายของคณุ คา ในตนเอง 7.1.2 ความสาํ คัญของการเหน็ คุณคาในตนเอง 7.1.3 พฒั นาการของความรสู ึกเหน็ คุณคาในตนเอง 7.1.4 องคป ระกอบของการเหน็ คุณคาในตนเอง 7.1.5 ความรูค ุณคา ในตัวเอง (self-esteem) 7.1.6 การสรางความม่ันใจในตัวเองดวยความรูคุณคาในตัวเอง (self-esteem) ตอนท่ี 7.2 การสรา งคณุ คา ในการดาํ เนินชวี ิตในแตล ะชวงวยั 7.2.1 การสรา งคุณคา ในการดาํ เนินชีวติ ของเด็กปฐมวยั 7.2.2 การสรา งคุณคาในการดาํ เนนิ ชวี ิตของวยั รนุ 7.2.3 การสรา งคุณคา ในชีวิตของวยั ผูใหญหรอื วยั ทํางาน 7.2.4 การสรางคุณคา ในการดําเนินชีวิตของผูสงู อายุแนวคดิ 1. แนวคิดการเห็นคุณคาในตนเอง 2. พัฒนาการของความรูสึกเหน็ คณุ คาในตนเอง 3. องคประกอบของการเหน็ คุณคาในตนเอง 4. ความรูคณุ คา ในตัวเอง 5. การสรางความม่นั ใจในตัวเองดว ยความรูค ุณคา ในตวั เอง 223
การพัฒนาตนวตั ถุประสงค เมื่อศึกษาในบทเรยี นนแี้ ลว ผเู รยี นสามารถ 1. อธบิ ายหลกั การการเห็นคุณคา ในตวั เอง 2. อธบิ ายหลักการความรูคุณคาในตัวเอง 3. วิเคราะหองคประกอบของการเห็นคุณคา ในตนเองได 4. กําหนดแผนการพฒั นาตนดวยการสรางความม่ันใจในตวั เองดว ยความรู คณุ คาในตัวเอง224
การพัฒนาตนบทนาํ การสรางคุณคาในตนเองสงผลตอการดําเนินชีวิตของมนุษยในทุกยุคทุกสมัยและการเห็นคุณคาในตนเองมีความสําคัญอยางย่ิงตอมนุษยเน่ืองจากเปนความตองการข้ันพ้ืนฐานของจติ ใจทาํ ใหมนษุ ยส ามารถดํารงชีวิตอยูอยางมีคุณคาและสามารถบงชี้คุณภาพชีวิตของบุคคลตามแนวความคิดของบุคคลนั้นๆ ซึ่งการเห็นคุณคาในตนเองเปนส่ิงสําคัญที่กอใหเกิดพฤติกรรมท่ีมีประสิทธิภาพเพราะมาจากความคิดที่มีคุณคาสงผลถึงการเลือกตัดสินใจกระทําตามปจจัยตางๆอยางมีคุณคาในการดําเนินชีวิตอันจะสงผลตอสังคมและประเทศชาติเพราะถาในสังคมมีบุคคลที่เหน็ คุณคา ในตนเองมากสังคมนั้นจะเปนสงั คมทมี่ คี ณุ ภาพตอนท่ี 7.1 แนวคดิ เกีย่ วกับการเหน็ คุณคา ในตนเอง10 เร่อื งท่ี 7.1.1 ความหมายของคุณคาในตนเอง การสรางคุณคาในตนเองสงผลตอการดําเนินชีวิตของมนุษยในทุกยุคทุกสมัยและการเห็นคุณคาในตนเองมีความสําคัญอยางย่ิงตอมนุษยเนื่องจากเปนความตองการขั้นพ้ืนฐานของจิตใจทําใหมนุษยสามารถดํารงชีวิตอยูอยางมีคุณคาและสามารถบงชี้คุณภาพชีวิตของบุคคลตามแนวความคิดของบุคคลนั้นๆ ซึ่งการเห็นคุณคาในตนเองเปนสิ่งสําคัญท่ีกอใหเกิดพฤติกรรมทีม่ ีประสิทธภิ าพเพราะมาจากความคิดท่ีมีคุณคาสงผลถึงการเลือกตัดสินใจกระทําตามปจจัยตางๆอยางมีคุณคาในการดําเนินชีวิตอันจะสงผลตอสังคมและประเทศชาติเพราะถาในสงั คมมบี คุ คลที่เหน็ คณุ คาในตนเองมากสังคมนัน้ จะเปนสังคมท่มี ีคุณภาพ คําวา “คุณคาในตนเอง” ตรงกับคําภาษาอังกฤษวา “Self-esteem” หมายถึงความรูสึกของแตละบคุ คลท่ีมตี อตนเองวา มีความสําคัญ มีความสามารถ มีความสําเร็จมีความนับถือในตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง เคารพตนเอง ภาคภูมิใจในตนเอง การประมาณคาตนเอง และความรูสึกเหน็ คุณคาในตนเอง การเห็นคุณคาในตนเอง (Self-Esteem) ของบุคคลเปนการตัดสินคุณคาของตน(Self) และการแสดงออกในรูปของทัศนคติท่ีบุคคลน้ันมีตอตนเอง (Mussen, Conger andKagan. 1969 : 489) ซึ่งเปนผลจากการที่บุคคลไดมีปฏิสัมพันธกับส่ิงแวดลอมโดยเฉพาะอยางยิ่งเชิงประเมินจากผูอ่ืนโครงสรางของตนจึงคอยพัฒนาขึ้นเปนภาพอันเกิดจากการรวมตัวของความคิดความเชื่อประสบการณของบุคคล (Roger. 1951 : 498-501) ทําใหบุคคลมีมโนภาพหรือความคิดตอตนเองแลวประเมินวัดมโนภาพเหลาน้ันโดยอาศัยกระบวนการตัดสินคุณคาของตนจากผลงานความสามารถคณุ ลักษณะตา งๆ ตามมาตรฐานของคา นิยมสว นตนในท่ีสุดจึงพัฒนามา 225
การพฒั นาตนเปนการเหน็ คุณคา ในตนเอง หรือการเห็นคุณคาในตน(Self-Esteem) (Coopersmith. 1984 อางในจันทรฉายพิทักษศิริกุล. 2532 : 4) มีผูใหความหมายของการเห็นคุณคาในตนเองไวหลากหลายดังน้ี บันดาราห (Bundara. 1986 : 356) ใหความหมายของการเห็นคุณคาในตนเองวาเปน การประเมินตนเองวา ตนเองเปนอยางไร ถาประเมินตนเองวาไรคา ก็จะมีความภาคภูมิใจในตนเองตาํ่ แตถ า ประเมินวามีความสามารถกจ็ ะรูสกึ ภาคภมู ิใจในตนเอง หรือเห็นคณุ คา ในตนเองสงู คูเปอรส มิธ (Coopersmith. 1984 : 5) ใหความหมายไววา เปน การท่ีบุคคลพจิ ารณาประเมินตนเองแลวแสดงออกในแงของการยอมรบั ตนเองหรือไมย อมรับตนเองเปน การแสดงใหเ ห็นถึงขอบเขตความเชือ่ ของบุคคลท่ีมีตอตนเองในดา นความสามารถ ความสาํ คัญความสําเรจ็ และความมีคณุ คา ของตนเองซึ่งเปนเร่อื งอัตวสิ ัย บุคคลอ่นื สามารถรับรูไดจากคําพดูและทา ทีทีบ่ ุคคลนั้นแสดงออกมา แซสซ่ี (Sasse. 1978 : 48) ใหความหมายไววา เปนความรูสึกของบุคคลวาตนเองมีความสําคัญและมีคุณคา มีความตองการไดรับความเชื่อถือ การยอมรับนับถือโดยไดรับการสนับสนุนหรือยอมรับนับถือจากผูอื่น เพ่ือทีจ่ ะไดเ กดิ ความรูสึกภูมใิ จและนบั ถอื ตนเอง คาลฮัม (Calhoum. 1977 : 321) ใหความหมายวา เปนความพึงพอใจภายในที่บุคคลใดบุคคลหน่ึงมีความคิดตอตนเอง แบรนเดน (Brandenm. 1981 : 110-125) มีความเห็นสอดคลอ งและเสริมวาเปนความเชือ่ ม่นั และการมีความนับถือตนเอง อันเกิดจากความมีคุณคาของตนเอง ความเช่ือมั่นในความสามารถของตนท่ีจะกระทําสงิ่ ใดๆ ใหสําเร็จไดตามความปรารถนา มาสโลว Maslow (อางถึงใน อภิรดี ปราสาทภรณ. 2515: 52) การมองเห็นคุณคาในตนเอง หมายถึง ความปรารถนาของบุคคลที่ตองการใหบุคคลยกยองชมเชย เกียรติ และนําไปสกู ารแสดงออกทางพฤตกิ รรม เชน การทาํ กจิ กรรม และอาสาสมัคร แมคคอสสกี้ ริชมอนด และสจวต ( McCrosky Richmond, and Stewart. 1986 :116) กลาววา เปนทัศนะของบุคคลท่ีมองเห็นตัวเองในเชิงคุณคาโดยรวม ผูที่เห็นคุณคาในตนเองต่ําจะมีแนวโนมขาดความเช่ือม่ันในความสามารถของตนเอง และวัดสมรรถนะของตนเองทางลบแทบทุกดา น ไมว า จะพยายามมากเพียงใด มกั จะคิดวา ตนเองลมเหลว เมื่อเปนเชนน้ีผูท่ีเห็นคุณคาในตนเองต่ําจึงมักจะมีความสัมพันธทางบวกกับความกลัวในการสนทนาโตตอบ มักตกอยูภายใตอิทธพิ ลของผอู ่ืนและควบคุมตนเองไมคอยไดดังน้ันผูที่มีการเห็นคุณคาในตนเองต่ําจึงมีแนวโนมท่ีจะยอมและคลอยตามกลุม การท่ียอมรับความเห็นของผูอื่นโดยงายก็เพราะมักจะคิดวาความเห็นของตนมคี ุณคา นอยกวา ในขณะที่ผูที่มีการเห็นคุณคาในตนเองสูงมักจะเปนผูนําในการสนทนา มี226
การพัฒนาตนความเชือ่ ม่ันและคาดหวงั ในความสําเร็จท่จี ะไดรับเปนอยา งดี หากนาํ ผูที่มีการเห็นคุณคาในตนเองแตกตางกันมาทํากิจกรรมรวมกันผูที่มีการเห็นคุณคาในตนเองสูงจะเปนผูที่ผูกขาดการสนทนาแตเพียงผูเ ดียว ลอเรนซ (Lawrence. 1987 : 4) ใหค วามหมายของการเห็นคุณคาในตนเองไววาหมายถึง การที่บุคคลประเมินตนเองถึงความแตกตางระหวางตนที่เปนอยูจริงในปจจุบันกับตนที่อยากจะเปน (Ideal Self) ซ่ึงเปนกระบวนการทางดานอารมณท่ีวัดไดจากการท่ีบุคคลเอาใจใสตอความแตกตางน้ี บุคคลซ่ึงมีความแตกตางในการประเมินมากจะมีความรูสึกมีคุณคาในตนเองตํ่าถา หากมคี วามแตกตา งนอยจะมคี วามรสู กึ มีคุณคา ในตนเองสงู เสมอจนั ทร อะนะเทพ (2535 : 40) และนงลักษณ บุญไทย (2539 : 53) กลาววาความรูสึกเห็นคุณคาในตนเอง หมายถึง ความรูสึกท่ีเกิดจากการประเมินตนเองเก่ียวกับการมีคุณคาความสําคัญ ความสามารถ การประสบผลสําเร็จ การยอมรับตนเอง การมีประโยชนตอสงั คม ตลอดจนไดร บั การยอมรบั จากสงั คม เกียรติวรรณ อมาตยกุล (2540 : 4 - 8) กลาววา ความรูสึกเห็นคุณคาในตนเองเปนการสรางภาพพจนที่ดีใหกับตนเอง มีความรูสึกท่ีดีเก่ียวกับตนเอง มองตนเองวามีคุณคามีความสามารถ จากที่กลาวมาท้ังหมดน้ีสรุปไดวาการเห็นคุณคาในตนเองหมายถึงการที่บุคคลมีความรูสึกเห็นคุณคาของตนเอง หรือมีความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งพิจารณาจากการประเมินคณุ คา ตนเองในดา นความสามารถ ความสําคัญ ความสําเร็จ และความมีคุณคาของตนเองรวมทั้งการสามารถยอมรับการเห็นคุณคาท่ีผูอ่ืนมีตอตน มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีความนับถือตนเอง ซึ่งเก่ียวของกับแนวคิดการมองตัวเอง หรือ มโนภาพแหงตน (Self-Concept) ของแตละบุคคลเน่ืองจากการเห็นคุณคาในตนเองมีพื้นฐานมาจากความรูสึกทีมีตอตนเองซ่ึงเปนมโนภาพแหงตน10 เรอ่ื งที่ 107.1.2 ความสําคญั ของการเหน็ คณุ คา ในตนเอง เปนท่ียอมรับกันวาการเห็นคุณคาในตนเองเปนปจจัยสําคัญย่ิงในการปรับตัวทางอารมณแ ละสงั คม การเห็นคุณคาในตนเองนับวามีคุณคาสูงยิ่งเพราะเปนพ้ืนฐานของการมองชีวิต สมรรถนะทางดานอารมณและสังคมเกิดจากการเห็นคุณคาในตนเอง บุคคลที่เห็นคุณคาในตนเองสูงจะสามารถเผชิญกับอุปสรรคที่ผานเขามาในชีวิต สามารถยอมรับสถานการณท่ีทําใหตนเองรูสึกผิดหวังและทอแทใจดวยความเช่ือมั่นในตนเอง ดวยความหวัง และความกลาหาญจึงเปนบุคคลท่ีประสบความสําเร็จ มีความสุข สามารถดําเนินชีวิตตามที่ตนปรารถนาไดอยางดี 227
การพัฒนาตน(Qubein. 1983 อางในจันทรฉาย พิทักษศิริกุล. 2532:3) นอกจากน้ี พบวา ผูที่เห็นคุณคาในตนเองสูงจะมีพลังในการหลีกเลี่ยงปญหารุนแรงในอนาคตไดเปนอยาง การเห็นคุณคาในตนเองน้ีเปนความรูสึกที่บุคคลมีตอตนเองตามความเปนจริงและมีความถอมตน (Bruno.1983 อางในจันทรฉาย พิทักษศิริกุล. 2532 : 22) การเห็นคุณคาในตนเองนับวามีความสําคัญตอการพัฒนาดานตางๆ โดยเฉพาะดานสุขภาพจิตและสัมฤทธิ์ผลทางการเรียนซ่ึงมีผลงานวิจัยจํานวนมากที่ยืนยันวาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับการเห็นคุณคาในตนเองมีความสัมพันธกันผูท่ีเห็นคุณคาในตนเองสูงมักจะมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงแตก็ไมอาจยืนยันไดวาคนท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสงู จะมกี ารเหน็ คุณคาในตนเองสูงดวยเทาท่ีกลาวมาจะเห็นไดวาการเห็นคุณคาในตนเองเปนคณุ ลกั ษณะทส่ี มควรไดร บั การสรา งเสรมิ ต้งั แตเยาววยั10 เรอ่ื งที่ 7.10 1.3 พฒั นาการของความรสู ึกเห็นคุณคาในตนเอง การพัฒนาการเห็นคุณคาในตนเองจะเกิดข้ึนภายใตการพัฒนาความสัมพันธระหวางลักษณะพื้นฐานทางอารมณของเด็กและปจจัยดานส่ิงแวดลอมท่ีตอบสนองตอเด็กจากผลงานของเชสสและโทมัส (Chess and Thomas. 1987:72 ) ไดชี้ใหเห็นวาเด็กทารกมีความแตกตางกันต้ังแตเกิดเด็กบางคนมีการเคล่ือนไหวมากบางคนเคลื่อนไหวนอยและบางคนมีความรูสึกไวมากในการท่ีจะรับรูสิ่งตางๆ และตอบสนองตอบุคคลท่ีเขามาสัมพันธดวย เด็กบางคนดูเหมือนจะระมัดระวังมาก บางคนมีลักษณะมีความพึงพอใจงาย ในขณะท่ีเด็กบางคนดูจะมีลักษณะไมมีความสุข ซึ่งเกิดจากรูปแบบพื้นฐานทางอารมณท่ีแตกตางกันออกไป ซึ่งเชสสและโทมัส(Chess and Thomas. 1987:72 ) ไดจําแนกเด็กออกเปน 3 กลุม คือ เด็กเล้ียงงาย(The Easy Child) เด็กเอาใจยาก (The Slow-to-Warm-Up Child) และเด็กเล้ียงยาก(The Difficult Child) เขาใหความเห็นวาต้ังแตเกิดเด็กบางคนอาจจะมีความยากลําบากในการพฒั นาภาพพจนแหงตน (Self-Image) โดยมีสาเหตุมาจากลักษณะพ้ืนฐานทางอารมณของตัวเดก็ ซ่ึงเรยี กวา \"เด็กเล้ยี งยาก\" และทาทายตอ การท่ีจะชว ยพัฒนาและใหการศึกษาเด็กเหลาน้ีมักจะตอบสนองตอสถานการณมากเกินไป และพบวามีความพึงพอใจตอผลงานที่ไดรับคอนขางนอยออกมาและยากท่ีจะสนองความตองการและความรูสึกของตนเองไมสนใจหรือตอบสนองตอผูอ่ืนในดานดี พบวาเด็กที่มีพฤติกรรมท่ีเปนปญหาเมื่อโตขึ้นมักจะมีลักษณะที่สืบเน่ืองมาจากพื้นฐานทางอารมณตั้งแตในวัยทารก กุมารแพทยและบุคคลที่ทํางานดานเด็กเปนบุคคลแรกท่ีจะพบกับบิดามารดาตลอดจนทารกและสามารถสงเสริมความสัมพันธระหวางบิดามารดากับทารกโดยการใหความรูเก่ียวกับความแตกตางในลักษณะพื้นฐานทางอารมณของทารกใหบิดามารดาไดมีความเขา ใจวาตัวเด็กมิใชสาเหตขุ องเดก็ เลยี้ งยากและมใิ ชวาเดก็ เล้ียงยากจะไมส ามารถแกไขไดแต228
การพฒั นาตนตองเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเลี้ยงดูของบิดามารดาซึ่งเปนส่ิงสําคัญมากในการที่จะพัฒนาเดก็ หญงิ มากกวา เดก็ เพศชาย กลาวโดยสรุปบุคคลท่ีมีลักษณะทางกายภาพที่ดีท่ีนาพึงพอใจจะเห็นคุณคาในตนเองสูงกวาบุคคลท่ีมีลักษณะทางกายภาพไมนาพึงพอใจ ซึ่งสอดคลองกับกระบวนการรับรูความรสู กึ เหน็ คณุ คา ในตนเอง การรับรูความรูสึกเห็นคุณคาในตนเองของบุคคลมีกระบวนการอยู 2 ข้ันตอนดงั น(ี้ Coopersmith. 1981: 120-123) 1. การรับรูความรูสึกเห็นคุณคาในตนเอง (Inner self-esteem)เปนการรับรูคุณคาของตนเอง โดยประเมินจากความสามารถ สมรรถนะและการกระทําตางๆวาผลที่ไดรับตรงตามท่ีตนปรารถนาหรือคาดหวังหรือไม ซ่ึงการรับรูในลักษณะนี้จะถูกสรางขึ้นอยา งถาวรจากประสบการณต ั้งแตช ว งแรกของชีวิต 2. การรับรูคุณคุณคาของตนเองจากภายนอก (Outer self-esteem)เปนการรับรูคุณคาของตนเอง โดยประเมินจากเจตคติและการยอมรับของบุคคลอื่นท่ีมีตอตนเองซ่ึงการรรับรูในลักษณะน้ีสามารถเปลี่ยนแปลงไดตามบทบาททางสังคมและความสามารถในการเผชิญปญ หาของบุคคลนั้นๆ10 เรอ่ื งที่ 107.1.4 องคป ระกอบของการเหน็ คุณคา ในตนเอง องคประกอบภายในตน หมายถึง ลกั ษณะเฉพาะของแตละบคุ คล ที่มีผลทําใหการเห็นคณุ คาในตนเองของบคุ คล แตล ะคนแตกตา งกัน ประกอบดวย 1. ความสามารถทั่วไป สมรรถภาพ และผลงาน (General Capacity,Ability andPerformance) องคประกอบทั้ง 3 ดานนี้ มีความสัมพันธระหวางกันและกันและมีผลตอการเห็นคณุ คาในตนเองของบุคคลโดยแตละดานจะแสดงถึงความถ่ีของการประสบความสําเร็จของบุคคลทั้งในขณะท่ีอยูในระบบโรงเรียนและเมื่ออยูในสังคมขณะเดียวกัน จะมีเร่ืองของสติปญญาเปนตัวเสริม และความสามารถทางวิชาการนี้นับวาเปนเกณฑที่สําคัญในการตัดสินประสิทธภิ าพของเดก็ ในวัยเรียนจากการศึกษาของบลูมพบวา นักเรียนท่ีมีสัมฤทธิ์ผลทางการเรียนสูงเปนผูเห็นคุณคาในตนเอง สูง กวานักเรียนที่ประ สบความสําเร็จในการเรียนต่ําผลของความสาํ เร็จหรอื ความลมเหลวในการเรยี นนเ้ี กย่ี วขอ งกับหลายสาเหตุ นอกจากวัสดุอุปกรณการเรียนการสอนแลว ยังรวมไปถึงปจจัยอ่ืนๆ เชนครูผูสอนพอแม และเพ่ือนซึ่งเปนปจจัยท่ีมีความสําคัญอยางย่ิงในการทําใหบุคคลมีสัมฤทธ์ิผลทางการเรียนดี และสามารถใชเปนตัวบงบอก 229
การพัฒนาตนถึงการประสบความสําเรจ็ ไดค อนขางชัดเจน สัมฤทธิ์ผลทางการเรียนจึงใชเปนพื้นฐานการทดสอบความสาํ เรจ็ ในอนาคตของบคุ คลและเปน ตวั บงบอกถึงการเห็นคุณคาในตนเองของบุคคลดวย 2. ภาวะทางอารมณ (Affective States) ภาวะทางอารมณเกิดจากการท่ีบุคคลมีปฏิสัมพันธกับบุคคลอื่นแลวประเมินตนเองโดยที่บุคคลอาจประเมินตนเองในทางบวกซ่ึงสงผลใหบุคคลมองตนเองวา เปนบุคคลท่ีมีความสามารถประสบความสําเร็จแลวเกิดความรูส ึกพอใจ ความสุข ฯลฯ เปนผูทเ่ี หน็ คุณคาในตนเองสูง สวนผูที่ประเมินตนเองในดานลบ จะมองตนเองวาไรความสามารถหรือไรสมรรถภาพ จะรูสึกดอย วิตกกังวล การคิดเชนน้ีนอกจากเปนการลดความสุขในชีวติ ปจจุบันแลว ยงั เปน การทาํ ลายความหวังในอนาคตอกี ดว ย 3. ปญหาและพยาธิสภาพ (Problems and Pathology) ไดแกปญหาสุขภาพท่ัวๆ ไปและปญหาทางกายท่ีมีสาเหตุมาจากจิตใจ (Psychosomatic Symptoms) รวมท้ังการกระทําอันเกิดจากปญหาซึ่งมีผลตอการเห็นคุณคาในตนเอง กลาวคือ ผูท่ีมีปญหาดังกลาวสูงจะเห็นคุณคาในตนเองตํ่าและแสดงออกในรูปของความวิตกกังวลมีความทุกขมีความยุงยากสวนตัว สวนผูท่ีมีปญหาดังกลาวนอยจะมีความรูสึกมีคุณคาในตนเองสูง ดังการศึกษาของกลุมนักวิจัยพบวาเด็กวัยรุนที่มีการพัฒนาตนเองตํ่าลงและมีโรคภัยไขเจ็บแทรกแซงจะเห็นคุณคาในตนเองต่าํ 4. คานิยมสวนบุคคล (Self-Values) โดยท่ัวไปแลวบุคคลจะใหคุณคาตอส่ิงตางๆ แตกตางกันออกไปและเมื่อใหคุณคาตอส่ิงใดแลวก็มักจะมีความเช่ือวาส่ิงน้ันเปนมาตรฐานที่สําคัญในการตัดสินคุณคาของตน เชน บุคคลใหความสําคัญตอสัมฤทธิ์ผลทางการเรียน เม่ือพบวาตนเองไมประสบความสําเร็จในดานนี้จะมีผลใหบุคคลประเมินคุณคาของตนเองตํ่าลงและยังพบวาบุคคลมีแนวโนมท่ีจะใชมาตรฐานทางสังคมในการตัดสินคุณคาของตนเองอีกดวย กลา วคือ บคุ คลจะใหคณุ คา ตอ สงิ่ ตา งๆ ตามท่ตี นใหค ณุ คาไว 5. ความใฝฝนของบุคคล (Aspiration) การตัดสินคุณคาของตนเกิดจากการทบี่ คุ คลเปรยี บเทียบผลงานและความสามารถของตนกับเกณฑความสําเร็จที่บุคคลน้ันตั้งไว ถาผลงานและความสามารถเปนไปตามเกณฑท่ีบุคคลตั้งไว หรือดีกวาท่ีตั้งไวจะทําใหบุคคลเห็นวาตนเองมีคุณคาในทางตรงขาม หากผลงานและความสามารถไมเปนไปตามเกณฑที่บุคคลตั้งไว บุคคลก็จะมองวาตนเองลมเหลว และตัดสินวาตนเองไรคา ดังน้ัน การมองความสําเร็จในดานตางๆ ของบุคคล เชน ความเปนเลิศทางวิชาการ การเขาสังคม และความสําเร็จอ่ืนๆจากภายนอกจึงยังไมเพียงพอที่จะตัดสินคุณคาของบุคคลจําเปนตองพิจารณาถึงความคาดหวังความนึกคิดและความปรารถนาของบุคคลประกอบดวย ซ่ึงสัมพันธก ับองคป ระกอบภายนอกตน230
การพัฒนาตน องคป ระกอบภายนอกตน องคประกอบภายนอกตน (Coopersmith. 1981: 142-148) หมายถึงสภาพแวดลอ มทบ่ี คุ คลมีปฏสิ มั พนั ธตอ กนั สง ผลใหบ ุคคลเกิดการเห็นคณุ คาในตนเองท่ีแตกตางกันประกอบดว ย 1. ความสัมพันธกับผูปกครอง-ครอบครัว ปจจัยท่ีสงผลตอการพัฒนาการเห็นคุณคาในตนเองตอเด็ก คือ สัมพันธภาพระหวางผูปกครองกับเด็ก โดยอยูภายใตสภาพแวดลอ มดังนี้ 1.1 การที่ผูปกครองยอมรับเด็กทั้งหมด หรือเกือบท้ังหมดเก่ียวกับความคิด ความรสู กึ และคณุ คา อยางทเ่ี ด็กเปนอยู 1.2 การที่ผูปกครองกาํ หนดขอบเขตการกระทําไวอยางชัดเจน และดูแลใหเ ดก็ ทําตามของเขตนั้น 1.3 การท่ีผูปกครองใหความนับถือและความเปนอิสระแกเด็กในขอบเขตการกระทาํ ทกี่ ําหนดให รวมทงั้ เนนการใหร างวัลมากกวาการลงโทษ 2. โรงเรียน-การศึกษา โรงเรียนสามารถจัดสภาพแวดลอมในการพัฒนาการเหน็ คุณคา ในตนเองของเด็กตอ จากทางบานได ซ่ึงการที่ครูเปดโอกาสใหเด็กสามารถทํากิจกรรมตางๆ อยางอิสระ โดยไมขัดตอระเบียบท่ีวางไว การใหความชวยเหลือแกเด็กในการแกปญหาตางๆ จะทําใหเด็กเกิดความรูสึกวา ตนไดรับการยอมรับจากครูและเพ่ือนๆ ในหองเรียนซง่ึ สงิ่ เหลา น้ีจะเปนการสง เสรมิ ใหเ ด็กเกิดการเห็นคุณคา ในตนเองได 3. สถานภาพทางสังคม สถานภาพทางสังคมเปนสิ่งท่ีแสดงถึงตาํ แหนงหรอื สถานะของบุคคลในสังคม โดยพจิ ารณาจากลักษณะความเปนอยู รายไดและสถานท่ีอยูอาศัย บุคคลท่ีมีสถานภาพทางสังคมในระดับสูง จะเห็นคุณคาในตนเองสูงกวาบุคคลท่ีมีสถานภาพทางสังคมในระดับปานกลางและต่ํา 4. กลุมเพ่ือน กลุมเพื่อนนับเปนองคประกอบสําคัญที่จะสงผลตอการเห็นคุณคาในตนเอง โดยบุคคลจะเรียนรูและเห็นคุณคาของตนเองจากการประเมิน และเปรียบเทียบตนกับเพื่อนในเร่ืองของทักษะ ความสามารถและความถนัด หากส่ิงเหลาน้ีไดรับการยอมรับ ยกยองจากกลุมเพื่อนที่ตนนิยมชมชอบ บุคคลนั้นจะมองวาตนมีคุณคา มีความหมายและการตัดสินใหค ณุ คา แกตนเองยอ มสูงขึ้นบุคคลทุกคนในสังคมตองการเห็นคุณคาในตนเองและการเห็นคุณคาน้ีสามารถแบงออกเปน 2ประเภทดว ยกนั คือ (Branden. 1981: 110-114) 231
การพัฒนาตน 1. ความตองการความรูสึกมีคุณคาในตนเอง (Self-Esteem) เปนความตองการท่บี ุคคลอยากใหตนเปนผูเขม แขง็ ประสบความสําเร็จ เปนผูมีความสามารถเพียงพอในการกระทําส่ิงตางๆ เปนผูเช่ียวชาญและมีความสามารถชวยเหลือตนเองได มีอิสรภาพ และมีความเช่ือมัน่ ในการเผชญิ กับสิง่ ตาง ๆในโลก 2. ความตองการใหผูอื่นเห็นคุณคาของตน (Esteem from OtherPeople) เปนความตองการของบุคคลที่อยากใหผูอ่ืนยอมรับวาตนเปนผูมีเกียรติมีชื่อเสียง เปนผูมีอํานาจเหนือผูอ่ืนเปนบุคคลท่ีมีความสําคัญและเปนท่ีช่ืนชมของผูอ่ืน องคประกอบที่มีอิทธิพลตอความรูสึกมีคุณคาในตนเองมี 2 ประเภท เชนเดียวกันคือองคประกอบเฉพาะของบุคคล และองคประกอบภายนอกของบุคคล แบรนเดนไดแสดงทัศนะเกี่ยวกับความรูสึกมีคุณคาในตนเองไววา ความรูสึกมีคุณคาในตนเองมีความสําคัญใน 2 แงดวยกัน คือ เปนสิ่งบงบอกถึงคุณสมบัติของบุคคลและบงบอกถึงคุณคาของบุคคลและประกอบดวย องคประกอบที่สําคัญ 2 ประการ คือความมั่นใจในตนเองและความเคารพนับถือตนเอง ความรูสึกมีคุณคาในตนเองจึงเปนความเช่ือมั่นท่ีบุคคลเช่ือวาตนเองมีคุณสมบัติในการทํางานอยางเพียงพอและมีคุณสมบัติเพียงพอในการดํารงชีวิต เบรนเดน (Branden. 1981 : 110-114) มีความเชื่อวาโดยธรรมชาติแลวมนุษยโดยท่ัวไปมีความตองการเห็นคุณคาในตนเองแตบุคคลอาจไมมีความรูวาจะทําอยางไรเพื่อตอบสนองความตอ งการน้ีและไมร วู า มมี าตรฐานการวัดความรสู ึกมีคุณคาในตนเองนี้อยา งไร10 เรื่องที่ 107.1.5 ความรูสกึ เห็นคุณคา ในตัวเอง เกรนส Glen Stenhouse (1994, pp. 7-12) ไดกลาวถึงความรูสึกเห็นคุณคาในตนเองวา เปนพลังท่ีไดรับจากพอแมใหแกเด็กๆ ผูเปนลูกของเขา แตการเห็นคุณคาในตนเองไมใชส่ิงที่ไดรับมาจากกรรมพันธุ ความรูสึกเห็นคุณคาในตนเองเปนสิ่งท่ีถูกสรางขึ้นมาจากประสบการณสวนบุคคล และกอตัวเปนรูปรางข้ึนตามกาลเวลาที่เปล่ียนไป พรอมกับการรับประสบการณใหมๆ ในชีวิตของแตละคน พอแมเปนบุคคลสําคัญ ผูหญิงท่ีจะเปนผูสรางความรูสึกเห็นคุณคาในตนเองของลกู ๆ ใหเกดิ ขึน้ ความรูสึกเห็นคุณคาในตนเองนั้น ข้ึนอยูกับการมองตนเองในทางท่ดี ี หรอื ไมดี ถาหากวาพวกเรามีความรูสึกท่ัวๆ ไปวา เก่ียวกับตนเองวาพอใชได และตัวเราสามารถจัดระดบั ตนเอง เมอ่ื เปรียบเทียบกับคนอน่ื อยใู นระดบั ดี สามารถบอกถึงสวนที่ดีของตนเองได มแี นวคิดเกย่ี วกับตนเองในแงดี กถ็ ือวาเปนคนที่มคี วามรสู ึกเหน็ คณุ คาในตนเองสูง สวนพวกคนท่ีเห็นวาโดยทั่วไปแลวจัดตัวเองวาอยูในระดับท่ีลมเหลว มองตนเองในแงไมดี มีแนวคิดเก่ียวกับตนเองวาไมดไี มไดเ รอ่ื งเปนกลมุ ท่มี ีความรูส กึ เห็นคุณคา ในตนเองระดับตํ่า232
การพฒั นาตน ความรูสึกเห็นคุณคาในตัวเองสูง หมายถึง บุคคลท่ีมีความรับผิดชอบตอการกระทําของตวั เอง มคี วามซอื่ สตั ย มีความภมู ิใจในผลสาํ เร็จ ของงาน บุคคลซึ่งมีความคิดริเริ่ม และมีความมุงมั่น ท่ีจะแกปญหา และรับผิดชอบปญหา ท่ีจะเกิดตามมา เปนคนที่คนอื่นรัก และรักคนอื่น เปนบุคคลท่สี ามารถควบคุมตัวเอง เพ่ือใหบรรลุเปาหมายของงาน คนท่ีมีความรูสึกเห็นคุณคาในตัวเองสูง จะหมายถึงคนที่มีความคิด สรางสรรค มีความรับผิดชอบสูง และซ่ือสัตยตรงกันขามกับคนที่มีความรูคุณคาในตัวเอง ตํ่าหรือพฤติกรรมปองกัน (defensive) คนกลุมนี้มักจะตองการพสิ จู นตวั เอง หรอื วจิ ารณคนอื่น ใชคนอื่น เพ่อื ผลประโยชนของตัวเอง บางคนอาจจะหย่ิง หรือดูถูกผูอื่น มักจะไมมีความม่ันใจในตัวเอง ไมมั่นใจวาตัวเองจะมีคุณคา หรือความสามารถ หรือการยอมรบั ทําใหคนกลมุ นี้ไมก ลาที่จะทาํ อะไร เนือ่ งจากกลัวความลมเหลว คนกลุมน้ีมักจะวิจารณคนอื่น มากกวาท่ีจะกระทําดวยตัวเอง และยังพบอีกวา คนกลุมน้ีมักจะ ชอบความรุนแรง ติดสุรายาเสพติด มีเพศสัมพันธุกอนวัย คนท่ีมีความรูสึกเห็นคุณคาในตัวเอง จะตองมีความสมดุลของความตองการผลสําเร็จ หรืออํานาจ และความรูจักคุณคา ความมีเกียรติ และความซื่อสัตยซึ่งอาจจะหมายถึง จิตใตสํานึก และพฤติกรรมนั่นเอง จิตใตสํานึกของคนท่ีมีความรูสึกเห็นคุณคาในตัวเอง จะตองรูจักบาป บุญคุณโทษ รูสิ่งใดดี สิ่งใดไมดี ความซื่อสัตย ความมีเกียรติสวนพฤติกรรมของ ความรูคุณคาในตัวเอง มีความสามารถที่จะคิดแกปญหา เช่ือม่ันในความคิดและความสามารถ ของตัวเอง สามารถเลือกวิธีการตัดสินใจท่ีถูกตอง หากสูญเสียความสมดุลก็จะทําใหเกิดปญหา เชน หากจิตใตสํานึกไมแข็งแรง หรือสมบูรณพอ ก็จะทําใหคนเกิด พฤติกรรมเช่ือมั่นตัวเองมากเกินไป หย่ิงยโส ดูถูกคนอ่ืน หากแตมีแตจิตใตสํานึกท่ีดี แตไมมีความมุงมั่นท่ีจะประสบผลสําเร็จชีวิต ก็อาจจะไมถึงเปาหมาย ดังน้ัน บุคคลท่ีชอบพูดถึงแตตัวเอง อวดดี ดูถูกคนอื่น คนพาล ชอบเอาเปรียบคนอื่น คนท่ีกลาวโทษคนอื่นไมถือวา มีความรูสึกเห็นคุณคาในตัวเองความรูส กึ เห็นคณุ คาในตัวเองประกอบดว ย ความตระหนักถึงคุณคาตนเอง (Self-respect) และ ความเช่ือม่ันในความสามารถตนเอง (Self-efficacy) จนกลายเปน ภาพแหงตน (Self-image) ความตระหนักถึงคุณคาตนเอง(Self-respect) หมายถึง ความเชื่อวา ตนเองมีคุณคา มีความหมาย มีศักด์ิศรีเทา เทียมผอู ่นื มสี ิทธมิ โี อกาสที่จะสําเร็จ ไดรับส่ิงที่มุงหวัง มีสุขได เชนเดียวกับผูอ่ืน ชีวิตมีคาสมควรไดรับการดูแลปกปองใหดี การไดร ับ (Glen Stenhouse (1994, pp. 7-12) ความเชื่อม่ันในความสามารถตนเอง (Self-efficacy) หมายถึงความเช่ือวาตนเองสามารถ คิด เขาใจ เรียนรู ตัดสินใจในการแกปญหาการเผชิญหนากับความทาทาย 233
การพฒั นาตนหรืออุปสรรคตางๆ ในชีวิตได ไววางใจตนเองวามีความสามารถ มีพลัง มีประสิทธิภาพ และพึ่งพาตนเองได ภาพแหงตน ภาพแรก ในอุดมคติ ท่ีฝนอยากจะเปนภาพทเี่ รามองตนเอง (Self-image) ภาพสอง เปน ภาพแหง ความจรงิความแตกตา งระหวา งความฝน กับความ ใกลเ คยี ง ขาเกง นับถือตวั เองสูงจรงิ (Gap) แตกตา ง ขา แย ภาคภูมิใจตํ่า ไรคา นับถือตนเองตํ่าเรามองตนเองเปน ใคร อยา งไร และคิดหรอื เช่ือ หรือมีทศั นคติเกี่ยวกบั ตนเองอยางไร เรากท็ าํเปน ประจาํ บอยๆ จนเราเปนภาพอยางน้นั ทางกาย ทางวาจา และทางใจทแ่ี สดงออกมา จุดแข็งจุดออ น(S&W) ความเปน ไปไดและขอจาํ กัด (O&T) ของตนเองภาพของเราเปนอยางไร ภาพบวก หรือภาพลบ กับตนเองตารางท่ี 7.1 ภาพแหงตนทมี่ า http://www.novabizz.com/NovaAce/SelfEsteem.htm การสรางภาพแหงตน และความรูคณุ คาในตวั เองปฏกิ ิรยิ าที่ผูอ่นื มตี อเรา แลว เราก็ - ถูกชมวา ดีอยเู รือ่ ยๆ -->ภาพแหง ตน ดี นารัก ฉลาด สรา งภาพตนเองขนึ้ มา -ถูกดาบอยๆ-->ภาพแหงตน ไมด ี ไมน ารัก โงไมเขาทา ภาพของเราเปนอยางไร -ภาพจะถกู สะสมทุกๆวนั -->สะสมขอมลู ตนเองและโลก หากดี ...ภูมใิ จ เชื่อถือตนเอง รอบตัวลงในดวงจติ ของตนเอง-->กลายเปนทศั นคตแิ ละ หากไมด ี ...ดูตนเองไรคา ความเชือ่ ตนเอง-->ตารางท่ี 7.2 การสรางภาพแหง ตน และการความรูคุณคา ในตัวเองทีม่ า http://www.novabizz.com/NovaAce/SelfEsteem.htm234
การพัฒนาตน คนทมี่ คี วามรูคณุ คาในตัวเอง (self-esteem) มักจะประกอบดวยสงิ่ ตอไปน้ี 1. มองโลกในแงดเี สมอมองวิกฤตใหเปน โอกาส เมอื่ มีมืดตองมีสวาง มรี ายตองมดี ี 2. ประเมินตัวเราใหม ีคณุ คาอยูเสมอ 3. เช่ือมัน่ ในความสามารถตัวเอง 4. มองวา ตัวเราเปนสวนหนงึ่ ของชีวติ และเราสามารถเปลี่ยนแปลงตามท่เี ราตองการ ผูที่ไมรูค ณุ คา ตวั เองไมมีความม่ันใจจะไมมีความหวัง ไมมพี ลังในการตอสใู นท่สี ุดจะเปนคนทซี่ มึ เศรากระบวนการเรียนรู จากการเติบโตมากับ ผลลัพธนี้ เขาจะเปนคนที่คาํ ตําหนิ สงสยั ตนเองความเฉยเมย รูส ึกไรคาความอบั อาย รูสึกผดิความกลัว วติ กกังวลกาํ ลงั ใจ มคี วามเชอ่ื ม่ันคํายกยอ งชมเชย เห็นคณุ คาของตนเองการยอมรับนับถือ ยอมรับนับถือตนเองความรัก รกั ตนเองและผูอ่ืนความม่ันคงปลอดภยั รสู ึกวา โลกน้ีเปนท่นี า อยูความสงบ มสี ันตสิ ุขในจิตใจตารางที่ 7.3 คนท่ีมีความรูคุณคา ในตวั เอง ประกอบดวยสิง่ ตอไปนี้ท่ีมา http://www.novabizz.com/NovaAce/SelfEsteem.htm10 เรอื่ งที่ 107.1.6 การสรา งความม่ันใจในตวั เองดว ยความรคู ณุ คา ในตวั เอง ความเชื่อม่ันตนเองและรูคุณคาตัวเองเปนสวนสําคัญในการดําเนินชีวิตลําพงั ความคดิ อยา งเดียวไมส ามารถสรา งความม่ันใจในตัวเองได ความมน่ั ใจจะเร่ิมสรางตั้งแตเด็กจนกระทั่งเราตาย ความมั่นใจจะกระทบตอการตัดสินใจ ดังนั้น ทุกคนควรความสรางความม่ันใจใหก บั ตัวเองอยา งสมาํ่ เสมอ ตัวอยางของความมั่นใจ เชน หากคนจะเปล่ียนอาชีพเขาจะตองม่ันใจในตัวเองหรือมีคนอื่นเห็นถึงความสามารถของเขาที่จะทําใหใหสําเร็จ เมื่อมีความผิดหวังหรือความเครยี ดความมนั่ ใจหรอื เชอ่ื มัน่ ในตวั เองจะชว ยใหแกไ ขสถานการณใหผานไปดว ยดี 235
การพฒั นาตน ในสังคมปจจุบันมีการเปล่ียนแปลงเร็ว ความไมแนนอนทางเศรษฐกิจ คนที่มีความมั่นใจและมีความสามารถในการตัดสินใจ ความคิดริเร่ิมใหมๆการปฏิบัติงานเพ่ือใหบรรลุวัตถุประสงค ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการสื่อสารกับผูอื่น เพ่ือใหเขาใจเหมอื นกนั คนเชน น้ีจงึ จะอยรู อดในสังคมเหตปุ จ จัย ความรูคุณคาในตัวเองสูง ความรูค ุณคา ในตัวเองตํ่า พกิ าร เจ็บปวยบอ ย ประสบการณลมเหลวปจ จัยภายใน หนาตาดี พืน้ ฐานอารมณหนักแนน บอ ยปจ จัยภายนอก ครูชม เพือ่ นเลน ดว ย นายชอบ ครูดา แมดา เพอื่ นไมคบ เปนสว นหน่งึ เขารว ม กลุมยอมรบั เพื่อนไมยอมใหเขากลมุ เขากบั พนี่ องไมไดความสัมพันธ ครอบครัวกลมเกลียว พอ แมขัดแยง แมข ้บี น ทาํ งานสําเร็จ>ผูอืน่ เหน็ คณุ คา>รูสกึประสบการณ ตนเองมคี า>สรางคณุ คาและ ลม เหลว>ปฏกิ ริ ยิ าเชงิ ลบจากผอู น่ื >รูสกึ ไรสําเรจ็ ความหวัง>พยายามมากขนึ้ คา >ขาดแรงจูงใจและไมอยากพยายามตารางท่ี 7.4 ปจจัยที่สง ผลตอความรคู ณุ คาในตวั เองทีม่ า http://www.novabizz.com/NovaAce/SelfEsteem.htm10 เรือ่ งที่ 7.10 1.7 แนวทางการสรา งคณุ คา ในตนเอง การเสริมสรางความรูคุณคาในตัวเอง เพ่ือท่ีจะเปนคนท่ีมีประสิทธิภาพสูงPeakPerformance หาเวลาสักหน่ึงชั่วโมงในตอนเชาเพ่ือพัฒนาตัวเอง อาจจะเปนการนั่งสมาธิหรือการพจิ ารณาตวั เอง หรือา นหนังสอื ท่สี รา งความเชอ่ื ม่นั หรือฟงเทปคําสอนตางๆ การเร่ิมตนที่ดีจะทาํ ใหเ กดิ ความมัน่ ในและประสบผลสาํ เรจ็ 1.ม อง ป ญหาแ ละ ม อง โล กในแง ดี เลิ กบ นส่ิ ง ท่ี ไ ม ดี เก่ี ย วกั บตั วเอ งลองหากระดาษสักแผนจดความคิดที่ดีๆ เกี่ยวกับตัวเองไวดานหน่ึง อีกดานหน่ึงจดสิ่งที่ไมดีแลวมาวเิ คราะห วามีส่ิงไมดีหรือสิ่งที่ดีมากวากัน หานามบัตรจดส่ิงที่ดีหรือคําขวัญท่ีดีไวกระตุนเตือนตัวเองอยตู ลอดเวลา 2. ทาํ บานใหปราศจากความวุนวาย ฟง เพลง อานหนงั สอื หรอื คุยกับเพอ่ื นทีส่ นิท 3. หาวันละ 10 นาทีเพ่อื พจิ ารณาจดุ ยนื ของตัวเอง สิ่งท่ีสําคัญของชีวิตคืออะไร เราบรรลหุ รือยงั เราเดินผิดแนวทางหรือไม236
การพฒั นาตน 4. คนกับคนที่มองโลกในแงดีหรือคนท่ีมีความรูคุณคาในตัวเอง เพราะเพื่อนจะกระตุนใหเรามีความม่ันใจและความมุงม่ันเพ่ิมขึ้น ตรงกันขาม หากคบคนท่ีมองโลกในแงราย จะทําใหเ รามองโลกในแงราย ความมน่ั ใจกจ็ ะสูญเสียไปดว ย ดังนัน้ เลิกคบกับคนทมี่ องโลกแงราย 5. ใหเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับผูอื่น เพราะเราตองยอมรับวาคนเราไมสมบูรณ100% ทกุ คน หากเราเปรยี บเทยี บกับคนอื่นจะทําใหเกิดปญหาทไี่ มส ามารถแกไขไดม ากมาย 6. ใหหาคนที่จะเปน ตนแบบเพือ่ เปนแนวทางการดําเนนิ ชีวิต 7. ตง้ั เปาหมายทเี่ ปนไปไดและมุง สูความสําเร็จนัน้ 8. หาผูท่คี อยชว ยเหลือดานทักษะและทัศนคติในการดาํ รงชีวิตหรือการงาน 9. หากมีคนชมหรือกลาวโทษใหก ลาวคําวาขอบคุณ 10. อยาดูถูกตัวเองหรืออยามองวาตัวเองไมมีความสามารถ หากเราคอยตอกย้ําถงึ จดุ ดอยของเรา เราจะไมมที างประสบผลสําเรจ็ 11. ใหเ พมิ่ ทกั ษะหรอื คณุ ภาพชีวิตจากการทาํ งาน การอานหนงั สอื หรือจากส่ืออน่ื ๆ 12. ใหจดสิ่งท่ีดีเกี่ยวกับตัวคุณ เชน ความซื่อสัตย ความคิดริเร่ิม ความมุงม่ันความเอ้ืออาทร เปน ตน ใหอ านสงิ่ เหลา นีบ้ อยๆ 13. จดผลงานท่ีคุณชื่นชมหรือประสบผลสําเร็จสัก 10 อยาง เชน การศึกษาผลการศกึ ษา การไดรับรางวลั การชวยเหลือผูอ ่ืน 14. จดคําขวัญไวในที่เห็นชัดและนํามาทองเม่ือมีโอกาส เชน ผมยอมรับความสามารถตัวเอง ผมเปนคนลิขิตชะตาชีวิตของผมเอง หนูภูมิใจและเช่ือมั่นในตัวเองตอนที่ 7.2 การสรา งคณุ คาในการดาํ เนนิ ชวี ติ ในแตละชว งวยั10 เรื่องท่ี 107.2.1 การสรา งคณุ คา ในการดาํ เนนิ ชีวติ ของเดก็ ปฐมวยั เด็กปฐมวัย คือ วัยทม่ี ชี วงอายุระหวา งแรกเกิด จนถึง 12 ป โดยสามารถแบงชวงอายุของเดก็ ปฐมวยั ไดดงั น้ี (พวงทอง ไกรพบิ ลู ย. http://haamor.com/th) เด็กแรกเกิด9หรอื ทารกแรกเกิด9หรือเดก็ 9แดง (New born หรือ Neonate) ซ่งึ หมายถงึ เดก็ 9ต้งั แตเ กิดจนอายุ 28 วันหรือ 1 เดอื น เด็กออน9หรอื เด็กทารก9 (Infant) หมายถึง เด็ก9อายุต้ังแต 1 เดอื นถงึ 1 ป เดก็ 9วยั เตาะแตะ (Toddler) คือ ชวงอายุ 1 - 3 ป เดก็ 9กอ นวยั เรียน (Preschool age) คอื ชว งอายุ 3 - 5 ป เด็ก9วัยเรยี น (School age) คอื ชว งอายุ 6 - 12 ป 237
การพฒั นาตน การแบงเด็ก9เปนวัยตางๆ นั้นเนื่องจากเด็ก9เปนวัยท่ีรางกายและจิตใจยังเจริญเตบิ โตไมสมบรู ณรา งกายและจติ ใจจึงมีการเจรญิ เติบโตและพัฒนาอยูตลอดเวลาซ่ึงแตกตางกันในแตละชว งวยั ดงั กลาว และแตกตางกบั ผูใหญ การแยกเด็ก9เปน วัยตางๆ จึงชวยใหการดูแลเด็กท้ังดานการศึกษาและดานสุขภาพที่ถูกตองเหมาะสมกับวัยของเด็ก ซึ่งการสรางคุณคาในตนเองของเด็กปฐมวัย เด็กปฐมวัยที่มีความรูคุณคาในตัวเองหมายถึง เด็กที่มีความคิดท่ีดีตอตนเองมองเห็นและแนใจวาตนเองมีคุณลักษณะตางๆ เชน ความสามารถความรับผิดชอบท่ีจะชวยเหลือตนเองใหประสบความสําเรจ็ ไดมคี วามมน่ั ใจในตนเองรับผิดชอบ ต้ังใจทํางานที่ไดรับมอบหมายใหสําเร็จลุลวงไปไดดวยตนเอง สวนเด็กที่ขาดความเช่ือมั่นในตนเอง หมายถึง เด็กท่ีมีความรูสึกนึกคิดที่ไมดีเก่ียวกับตนเองมักมีแตความสงสัยในความสามารถของตนเองไมแนใจวาตนมีความสามารถที่ชวยเหลือตนเองได หรือถาทําแลวงานจะสําเร็จดวยดี เด็กประเภทขาดท่ีความเช่ือม่ันในตนเองจะมีความรูสึกไมไววางใจหรือไมพอใจในตนเองอยูเสมอผลที่ตามมาก็คือ ขาดความกลา และไมยอมตอ สกู ับสงิ่ ตา งๆ หรอื เผชญิ กบั อปุ สรรคท่ีเกิดข้ึน จะตองคอยแตพ่ึงพาผูอ่ืนอยูเสมอ การเร่ิมปลูกฝงความเช่ือมั่นในตนเองใหกับเด็กเปนสวนหนึ่งของการพัฒนาบุคลิกภาพของเดก็ ตามทฤษฎีและแนวคดิ ของ Erik Erikson นกั จิตวิเคราะหชาวอเมริกันท่ีเนนและใหความสําคัญกับส่ิงที่มีผลตอพัฒนาการทางบุคลิกภาพและการมีความเชื่อมั่นในตนเองของเด็กมากที่สุด คือการปฏิบัติตนของพอแมท่ีมีตอเด็ก ส่ิงแวดลอมรอบตัวเด็ก และประสบการณตางๆ ท่ีเขาไดรับต้ังแตแรกเกิด ดังน้ัน จึงสรุปไดวา แม คือ บุคคลแรกท่ีชวยสรางความเชื่อม่ันใหแกลูก ดังนี้(พิทยาภรณ มานะจตุ ิ. (2543) ในชวงปแรกของชีวิตแมจะเปนผูสรางความรูสึกไววางใจ ความรูสึกมองโลกในแงด ีใหกับชวี ิตทารก เพราะเม่ือทารกรองไหไมวาจะเปนความรูสึกหิว ความรูสึกอะไรก็แลวแต หากไดรับการตอบสนองจากผูเปนแม ทารกก็จะรูจักการรอคอยรอเวลาที่แมจะมาทําสิ่งตางๆตอบสนองตอความตองการของทารก ทารกเรียนรูวิธีการรองไหเม่ือตองการแม และแมจะเปนผูตอบสนองความตองการนั้นๆได Erikson ไดกลาวถึงความเก่ียวของสัมพันธระหวางแมและทารกวาเปนพ้ืนฐานของการพัฒนาความรูสึกของเด็กท่ีจะไวไจหรือไมไวใจสิ่งตางๆ ในโลก (พิทยาภรณมานะจตุ ิ. (2543). ในชวงอนุบาลหรือปฐมวัยซึ่งเปนวัยทองของชีวิตเด็กเร่ิมเรียนรูวาตนเองมีความสามารถท่ีจะชวยตนเองไดหรืออาจจะเปนเด็กที่ชางสงสัยเม่ือเขาสามารถพัฒนาความไวว างใจจากแมและสภาพแวดลอมรอบตัวเขาไดเ ขาก็จะเกิดความนึกคิดที่ดีเกี่ยวกับตนเองในดานตางๆ พรอมกันนั้นก็จะสรางความเชื่อม่ันใหมีข้ึนตอตนเอง การเล้ียงดูอยางเอาใจใสจากแม การให238
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296