การพัฒนาตนความรักความอบอุนท่ีเด็กไดรับอยางตอเนื่องและสมํ่าเสมอจากแม จะบอกใหเด็กทราบวาเขาเปนท่ีรักเปน ทต่ี อ งการ และมีคณุ คาเพยี งใด สง่ิ เหลาน้จี ะสรา งความเช่ือมั่นในตนเองของเด็กเพิ่มมากข้ึน หากเปรียบเทียบลักษณะของเด็กที่มีความรูคุณคาในตนเอง หรือความภูมิใจในตนเองกับเด็กท่ีขาดความภูมใิ จในตนเอง จะมขี อแตกตา ง ดงั นี้ (พิทยาภรณ มานะจตุ .ิ (2543) เด็กที่ขาดความภาคภูมิใจในตนเอง จะไมชอบเรียนรูหรือทดลองประสบการณใหมๆ มักจะพูดเก่ียวกับตัวเองในทางลบ เชน หนูทําไมได ผมเปนคนไมเกง หรือเราเปนคนไมฉลาดไมมใี ครสนใจ ฯลฯเด็กจะมีความอดทนตอความกดดันไดนอย ไมมีความพยายาม ยอมแพไดงายหรือมักชอบใหคนอื่นทําแทนตนเอง เด็กท่ีไมมีความเชื่อม่ันในตนเอง มักจะเปนเด็กท่ีเงียบขรึม ไมคอยสงุ สงิ กบั เพ่ือน มักเปนคนวิตกกังวล เกิดความเครียด ไมสามารถแกไขปญหาเล็กๆ นอยๆ ท่ีเกิดข้ึนไดเชน เม่ือลืมเอากลองดินสอมาจากบาน ก็จะไมทํางานในหองเรียน เพราะไมมีดินสอใช หรือเมื่อไมไดเอาสมุดงานวิชาใดๆ มาจากบานก็จะไมเรียนวิชานั้น หรือจะรองไหกลับบาน เปนตน เด็กเหลาน้ีมักคิดอยูเสมอวา ตนเองทําผิดเสมอหรือตนเองเปนเด็กท่ีเรียนไมเกง และมักจะคิดเสมอวา ตนเองทําอะไรก็ไมส ําเร็จ เด็กที่มีความรูคุณคาในตนเอง หรือความภาคภูมิใจในตนเองจะมองโลกในแงดีเสมอ มองวิกฤตใหเปนโอกาส มองวาตนเองมีคุณคาอยูเสมอ เช่ือมั่นในความสามารถของตัวเองมองวาตัวเราเปนสวนหน่ึงของชีวิต และเราสามารถควบคุมและจัดการกับชีวิตของเราได จะมีความรูสึกม่ันใจชอบพบปะผูคน มีความสุขที่จะไดรวมกิจกรรมกลุมกับเพ่ือนๆ หรือผูใหญ ในขณะเดียวกันก็สามารถอยูคนเดียวได โดยท่ีไมมีความรูสึกวาตองพ่ึงพาผูอ่ืน เชน สามารถรับประทานอาหาร แตงตัวเองได ชอบทดลองคนหาส่ิงใหมๆ ท่ีเขาสนใจเมื่อมีความทาทายเขามาเขาจะคิดหาทางแกปญ หา หรือหาทางออก กลาทดลองเลน ของเลนดว ยวิธกี ารของตนเอง และหากสังเกตคําพูดบางคําของเขาก็จะรูสึกถึงความม่ันใจในตนเอง เชน แทนที่จะพูดวาฉันทําไมได เขาก็จะพดู วา ฉนั จะหาทางทาํ มันใหไ ด เขาจะรูถงึ จดุ เดนและจดุ ดอยของตนเองและยอมรบั มันได พอแมแ ละผปู กครองจะเปนผูทช่ี วยเสรมิ สรา งความเชื่อมั่นในตนเองใหกับเด็กไดดีที่สุดเพราะชวงวัยเด็กนั้น เด็กจะไดรับการลี้ยงดูหรือสรางสมความภาคภูมิใจในตนเองมากหรือนอยเพียงใดข้ึนอยูกับพอแมและผูปกครองที่เล้ียงดูนั่นเอง ซ่ึงความรูคุณคาในตนเอง สะสมเพิ่มมากข้ึนเรื่อยๆ เม่ือเด็กโตขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยูกับสถานการณรอบขาง และส่ิงตางๆ ท่ีผานเขามาในชีวิตของเขา ความรูสึกภาคภูมิใจมีเขามาเปนชวงภูมิใจมากภูมิใจนอย เปล่ียนแปลงไปมา พอแมผูปกครองจึงจําเปนตองเรียนรูท่ีจะสังเกตลักษณะของเด็กวา ชวงไหนเขาเปนอยางไร เขามีความภูมิใจในตนเอง และมีความรูสึกตอตนเองอยูในระดับไหน ท้ังน้ี การสรางเด็กๆ ใหเติบโตข้ึนมาใน 239
การพัฒนาตนสภาวะแวดลอมที่เปดโอกาสใหเขาไดเสริมสรางความภาคภูมิใจในตนเองไดตลอดเวลาเชน การท่ีเด็กสามารถแสดงออกไดด ีในเรือ่ งใดเร่ืองหนงึ่ แมแ ตเรือ่ งเล็กๆ นอยๆ เชน การแบงส่ิงของหรือขนมใหเ พอ่ื นทนี่ ่งั ขางๆ การเก็บขยะตามทางเดินไปทิ้งใหถูกที่ หรือแมแตการชวยเพื่อนทําเวรประจําวันนัน้ จะตองถูกสรางสมต้งั แตวยั เดก็ และท่ีสาํ คญั มาก คือ การพดู หรอื แสดงความเขาใจในสิ่งที่เด็กๆทําพูดเพื่อใหเขารูสึกถึงความภูมิใจในส่ิงที่เขาทํา และแสดงความเขาใจกลาวชมเชยวาสิ่งเหลานี้คือ สิ่งที่ควรทําตอไป พรอมทั้งพูดใหเด็กรูและและเห็นคุณคาในส่ิงท่ีเขาทําเพื่อเพิ่มความความม่ันใจและความภาคภูมิใจในตนเองที่จะคอยๆ กอตัวข้ึนทีละเล็กทีละนอย เมื่อเด็กมีความภาคภมู ใิ จในตนเองรูแ ละเห็นคุณคา ของตนเองกจ็ ะคอ ยๆ เตบิ โตขึ้นเปนเดก็ ทมี่ คี วามม่ันใจสามารถแกไขปญหาท่ีเกิดข้ึนในชีวิตประจําวันได ตัวอยางกิจกรรมท่ีจะชวยเสริมสรางความภาคภูมิใจในตนเองใหกับลูกปจจัยที่เสริมสรางคุณคาในการดําเนินชีวิตของปฐมวัย (สุโขทัยธรรมาธิราช,มหาวทิ ยาลัย. (2524) 1. ใหความรัก ความอบอุนแกลูก การแสดงความรักโดยการกอดสัมผัสพูดชมเชยใหลูกรูวาพอแมภูมิใจในตัวเขามากแคไหน เปนส่ิงท่ีควรทํา เพราะเปนสิ่งที่สรางความภมู ใิ จแกต นเองอยา งย่ิงใหแ กล ูก 2. การพูดใหกําลังใจลูก การพูดชมเชยอยางจริงใจ แมในเร่ืองเล็กๆเชน เมื่อลกู รบั ประทานอาหารไดเ อง ทาํ การบานโดยไมตองเตือน ฯลฯ จะทําใหลูกมีกําลังใจในการชวยเหลือตนเอง เพราะเด็กๆ มักจะมีความสึกออนไหวไดงายตอคําพูดของพอแม นอกจากน้ี การพูดชมเชยลูกไมเพียงแตเม่ือลูกประสบความสําเร็จ แตควรจะพูดสงเสริมชมเชยลูกดวยเม่ือลูกไดพยายามทําส่ิงหนึ่งสิ่งใดดวยตนเองแลว แมจะไมประสบความสําเร็จก็ควรพูดชมเชยตอความพยายามของลกู มากกวาพูดถึงผลลพั ธท่ีออกมา 3. เปนตัวอยางท่ีดีใหแกลูกเด็กวัยน้ีจะเลียนแบบพฤติกรรมของพอแมจึงควรสํารวจตนเองวาเปนแบบอยางท่ีดีแกลูกหรือไม เชน การใชคําพูดหรืออารมณรุนแรงลูกจะแสดงออกถึงความกาวราวรุนแรงเชน การปาของ การตะโกน การกรีดรอง แตถาพอแมเสริมสรางความมเี หตุผลเด็กกจ็ ะเตบิ โตมาดวยการใชเหตผุ ล 4. สังเกตและแกไขความรูสึกท่ีไมถูกตองของลูก เปนหนาที่โดยตรงของพอแมและผปู กครองท่ีใกลชดิ เด็กทีจ่ ะสังเกตวา ลูกมีความรูสึกตอตนเองเปนอยางไร ความรูสึกผิดๆ บางอยางถาไมไดรับการแกไขในทางท่ีเหมาะสมแลว อาจจะฝงรากลึกกลายเปนความรูสึกถาวรได เชน เด็กท่ีสามารถเรียนวิชาอ่ืนๆ ไดดีแตเพียงเขาทําวิชาคณิตศาสตรไมได อาจจะทําใหเด็กคดิ วา “เขาไมส ามารถคิดเลขได เขาเปนเด็กโง” ไมเพียงแตเปนความคิดท่ีผิดแตอาจจะเปนการ240
การพฒั นาตนฝงรากของความรสู กึ ลม เหลว และขาดความภูมิใจในตนเองได เปนหนาท่ีของพอแมที่จะตองทําใหเขารับรถู งึ แงคิดในการมองที่ถูกตอง อาจเปนวา “ลูกสามารถเรียนวิชาอ่ืนๆ ท่ีโรงเรียนไดดี เลขเปนเพียงวิชาหน่ึงเทา นนั้ ไมไ ดหมายถึงท้ังหมด ลูกไมไดเปนเด็กไมฉลาด เพียงแตวาลูกควรใชเวลาทําการบานในวิชาเลข ทบทวนบทเรยี นใหมากขึ้นเทาน้นั ” 5. สรางบรรยากาศที่ดีในบาน เด็กท่ีรูสึกวาอยูบานแลวไมมีความสุขหรือรสู กึ ไมปลอดภัย จะมีระดับความภาคภูมิใจในตนเองตํ่า บานท่ีพอแมทะเลาะกันบอยจะทําใหลูกเปนเด็กเก็บกด เม่ือมีขอขัดแยงควรจะหาสถานที่ที่มิดชิดพูดคุยกัน ไมควรทะเลาะกันตอหนาเดก็ ดังน้นั จงึ ควรสรางบรรยากาศในบานใหดี ปรองดองกัน สรางใหบานเปนสถานท่ีที่สงบสุขและดีทีส่ ุดสาํ หรับลูก 6. สงเสริมใหเด็กไดเขารวมกิจกรรมท่ีสรางสรรค กิจกรรมท่ีเสริมสรางการทํางานเปนทีม การทํางานรวมกันเพื่อประสบความสําเร็จเปนกิจกรรมท่ีดีในการสรางความมน่ั ใจ และความภาคภมู ิใจในตนเอง เชน กิจกรรมที่ใหพี่สอนนองอานหนังสือ จะเปนผลดีตอความภมู ิใจในตนเองของท้งั สองฝายเปนตน สวนกิจกรรมทเ่ี นน การแขงขันและผลลัพธของการแขงขันจะไมค อยเปน ผลดนี ัก เพราะจะทาํ ใหเดก็ เครงเครยี ดจนเกนิ ไป 7. ครูควรเปดโอกาสใหเด็กไดแสดงความคิดเห็น ความสามารถ หรือทําสิ่งตางๆ ดวยตนเองโดยครูคอยใหกําลังใจ หรือใหเพื่อนปรบมือให และไมควรตัดสินความคิดเห็นของเด็กวาถูกหรือผดิ แตค วรใหข อ มลู เพม่ิ เติมแกเ ดก็ แทน10 เร่อื งที่ 107.2.2 การสรางคุณคาในการดําเนนิ ชีวิตของวัยรุน วัยรุน คือ วยั ทม่ี ีชวงอายุระหวา ง 13 – 21 ป โดยสามารถแบงชวงอายุของวัยรนุไดเ ปน 3 ชวงดงั น้ี ชวงวยั รุนตอนตน (Early Adolescence) ตงั้ แตอายุ 13 – 15 ป ชว งวยั รุนตอนกลาง (Middle Adolescence) ตง้ั แตอ ายุ 15 – 18 ป ชว งวัยรุนตอนปลาย (Late Adolescence) ตัง้ แตอายุ 18 – 21 ป วัยรุนเปนวัยที่มีการเปล่ียนแปลงเขาสูวุฒิภาวะทั้งรางกายจิตใจอารมณ และสงั คม จงึ นบั วา เปน วกิ ฤติชว งหน่งึ ของชวี ิต เปรียบไดวาเปนชวงหัวเลี้ยวหัวตอของชีวิตเน่ืองจากเปนชวงตอของวัยเด็กและผูใหญโดยเฉพาะอยางยิ่งในระยะตนของวัยจะมีการเปล่ียนแปลงมากมายเกิดขึ้น ซึ่งการเปล่ียนแปลงดังกลาว จะมีผลตอความสัมพันธระหวางวัยรุนดวยกันเองและบุคคลรอบขาง หากกระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกลาว เปนไปอยางเหมาะสมโดย 241
การพฒั นาตนการดูแลเอาใจใสใกลชิด จะชวยใหวัยรุนสามารถปรับตัวไดอยางเหมาะสม บรรเทาปญหาตางๆท่ีอาจจะเกิดขน้ึ และเปนทัง้ แรงผลักดนั และแรงกระตุนใหพัฒนาการดา นอื่นๆ เปน ไปดว ยดี คําจํากัดความ คําวา “วัยรุน” มีความหลากหลายเน่ืองจากขึ้นกับความแตกตางของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒธรรมตลอดจนความแตกตางทางสังคม และการเปล่ียนแปลงทางสรีรวิทยา ของวัยรุนในแตละแหงอยางไรก็ตาม องคกรอนามัยโลก (World Health Organization,2011) ไดกําหนดความหมายกวางๆ ของวัยรุนไวด ังนี้ วยั รุน หมายถึง ชวงอายุทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายในลกั ษณะท่ีพรอมจะมีเพศสัมพันธไ ด วยั รุน เปน ระยะทีม่ ีการพฒั นาทางจิตใจมาจากความเปน เดก็ ไปสูความเปนผูใหญ วยั รุน เปนระยะท่ีมีการเปล่ียนแปลงจากสภาพที่ตอ งพงึ่ พาทางเศรษฐกิจไปสภู าวะทต่ี องรับผิดชอบและพ่ึงพาตนเอง ความรูคุณคาในตัวเอง ของวัยรุนนนั้ สอดคลองกับทักษะการใชชีวิตของวัยรุนในเรื่องตางๆ ดงั น้ี 1. การรจู กั ตนเอง ( คุณคา แหง ตน ) 2. การรจู กั ผูอืน่ 3. การสอ่ื สาร 4. การฟง 5. การจัดการอารมณแ ละความเครียด 6. การตัดสินใจ และการแกปญ หา 7. การปฏิเสธ11 โฮวารด การด เนอร (Howard Gardner) Gardner, Howard. (2002). นักจติ วิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวารด ผมู ีแนวคิดวา “สตปิ ญญาของมนุษยมีหลายดานทีม่ ีความสําคัญเทา เทยี มกันขึน้ อยูกับวา ใครจะโดดเดนในดานไหนบา ง และแตละดา นผสมผสานกันแสดงออกมาเปนความสามารถในเรื่องใด เปนลักษณะเฉพาะตวั ของแตล ะคนไป11ทักษะชวี ิต ซงึ่ เปนผูคิด 11ทฤษฎพี หุปญญา” (Theory of Multiple Intelligences) ประกอบดวย 1. ปญญาดานภาษา (Linguistic Intelligence) คือ ความสามารถในการใชภาษารูปแบบตางๆ ตั้งแตภาษาพ้ืนเมือง จนถึงภาษาอื่นๆ ดวย สามารถรับรู เขาใจภาษา และสามารถส่ือภาษาใหผูอ่ืนเขาใจไดตามท่ีตองการผูที่มีปญญาดานน้ีโดดเดน ก็มักเปน กวี นักเขียนนักพดู นักหนงั สือพิมพ ครูทนายความ หรือนกั การเมอื ง242
การพฒั นาตน 2. ป ญ ญ า ด า น ต ร ร ก ศ า ส ต ร แ ล ะ ค ณิ ต ศ า ส ต ร (Logical-MathematicalIntelligence) คือ คว าม สาม า รถในกา รคิดแบบ มีเหตุแล ะ ผล กา รคิดเชิง นาม ธ รร มการคิดคาดการณและการคิดคํานวณทางคณิตศาสตร ผูที่มีปญญาดานน้ีโดดเดน ก็มักเปนนกั บญั ชีนักสถิติ นักคณติ ศาสตร นักวจิ ัย นกั วิทยาศาสตร นักเขียนโปรแกรม หรอื วิศวกร 3. ปญญาดานมิติสัมพันธ (Visual-Spatial Intelligence) คือ ความสามารถในการรับรูทางสายตาไดดี สามารถมองเห็นพ้ืนที่ รูปทรง ระยะทางและตําแหนง อยางสัมพันธเชอ่ื มโยงกนั แลวถายทอดแสดงออกอยางกลมกลืนมีความไวตอการรับรูในเร่ืองทิศทาง สําหรับผูที่มีปญญาดานน้ีโดดเดนจะมีทั้งสายวิทย และสายศิลป สายวิทยก็มักเปน นักประดิษฐ วิศวกรสวนสายศิลปก็มักเปนศิลปนในแขนงตางๆ เชน จิตรกร วาดรูป ระบายสี เขียนการตูน นักปนนักออกแบบ ชา งภาพ หรือสถาปนิก เปนตน 4. ปญญาดานรางกายและการเคล่ือนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)คือ ความสามารถในการควบคุมและแสดงออกซึ่งความคิด ความรูสึกโดยใชอวัยวะสวนตางๆของรางกาย รวมถึงความสามารถในการใชมือประดิษฐความคลองแคลว ความแข็งแรง ความรวดเรว็ ความยืดหยุน ความประณีตและความไวทางประสาทสมั ผัส สําหรับผูท่ีมีปญญาดานนี้โดดเดน มักจะเปนนักกีฬาหรือไมก็ศิลปนในแขนงนักแสดง นักฟอน นักเตน นักบัลเลย หรือนักแสดงกายกรรม 5. ปญญาดานดนตรี (Musical Intelligence) คือ ความสามารถในการซึมซับและเขาถึงสุนทรียะทางดนตรี ทั้งการไดยิน การรับรูการจดจํา และการแตงเพลง สามารถจดจําจังหวะ ทํานอง และโครงสรางทางดนตรีไดดีและถายทอดออกมาโดยการฮัมเพลง เคาะจังหวะเลนดนตรี และรองเพลงสําหรับผูที่มีปญญาดานน้ีโดดเดน มักจะเปนนักดนตรี นักประพันธเพลงหรือนักรอง 6. ปญญาดานมนุษยสัมพันธ (Interpersonal Intelligence) คือ ความสามารถในการเขาใจผอู ่ืนทง้ั ดา นความรูสึกนึกคิด อารมณและเจตนาท่ีซอนเรนอยูภายใน มีความไวในการสังเกต สีหนา ทาทาง น้ําเสียงสามารถตอบสนองไดอยางเหมาะสม สรางมิตรภาพไดงาย เจรจาตอรองลดความขัดแยงสามารถจูงใจผูอ่ืนไดดี เปนปญญาดานที่จําเปนตองมีอยูในทุกคนแตสําหรับผูท่ีมีปญญาดานนี้โดดเดน มักจะเปนครูบาอาจารย ผูใหคําปรึกษานักการฑูต เซลแมนพนักงานขายตรง พนกั งานตอ นรับ ประชาสัมพนั ธ นักการเมอื งหรือนกั ธรุ กจิ 7. ปญญาดานการเขาใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence) คือความสามารถในการรูจัก ตระหนักรูในตนเอง สามารถเทาทันตนเองควบคุมการแสดงออกอยาง 243
การพัฒนาตนเหมาะสมตามกาลเทศะ และสถานการณ รวู า เมื่อไหรควรเผชิญหนาเมื่อไหรควรหลีกเลี่ยง เมื่อไหรตองขอความชวยเหลือ มองภาพตนเองตามความเปนจริงรูถึงจุดออน หรือขอบกพรองของตนเองในขณะเดียวกันก็รูวาตนมีจุดแข็งหรือความสามารถในเร่ืองใดมีความรูเทาทันอารมณ ความรูสึกความคิด ความคาดหวัง ความปรารถนาและตัวตนของตนเองอยางแทจริง เปนปญญาดานท่ีจําเปนตองมีอยใู นทกุ คนเชนกนั เพ่อื ใหสามารถดํารงชีวิตอยางมีคุณคา และมีความสุขสําหรับผูท่ีมีปญญาดา นนโี้ ดดเดน มักจะเปน นกั คิด นักปรชั ญา หรอื นักวจิ ัย 8. ปญญาดานธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence) คือ ความสามารถในการรูจัก และเขาใจธรรมชาติอยางลึกซึ้ง เขาใจกฎเกณฑปรากฏการณ และการรังสรรคตางๆของธรรมชาติ มีความไวในการสงั เกตเพ่ือคาดการณความเปนไปของธรรมชาติ มีความสามารถในการจัดจําแนกแยกแยะประเภทของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว สําหรับผูท่ีมีปญญาดานนี้โดดเดนมักจะเปน นักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร นักวิจยั หรอื นักสาํ รวจธรรมชาติ จากการสํารวจตนเองตามอัตมโนทัศนวาเปนใคร มีหนาที่อะไร มีอะไรท่ีเปนจุดเดน จุดดอย โดยท่ีไมไดสะทอนมุมมองความคิดของตนในเรื่องทางกายภาพวา หนาตา รูปรางความอวน ความผอม เม่ือเขาเห็นขอดีของตนเอง ส่ิงที่ตามมาก็คือ การรับรูคุณคาในตนเองความภาคภูมิใจในตนเอง ศรัทธาในตนเอง และจบลงดวยการนับถือตนเองในท่ีสุด ซ่ึงเปนการสรางคณุ คา ในตนเองของวยั รนุ แนวทางเสรมิ สรางคุณคาในการดําเนนิ ชีวิตของวัยรุน 1. พอแมผปู กครองใหเวลากับเขา 2. การสังเกต พฤติกรรม ความชอบ นสิ ัย เพือ่ คน หา สิ่งที่เขาทาํ ไดดี 3. การฟง ความตองการ ความรูสึกทเ่ี กิดขนึ้ เวลาเขามองตวั เอง วาเปนอยางไร พอใจในส่ิงทตี่ วั เองเปน 4. การสงเสรมิ พัฒนาส่ิงที่ทาํ ไดด อี ยูแลว ใหด ขี ึ้น เชน หาครูมาฝก หาหนงั สือใหอาน พาไปใหเ ห็นของจรงิ ซ้ือมาใหฝกเปดโอกาสใหเ ขาไดศกึ ษาอยา งจรงิ จัง เปน ตน 5. การตดิ ตามเอาใจใส ใหกําลังใจ เชน การช่ืนชมเมื่อทาํ ไดดี พาไปโชวใหมโี อกาสไดนําเสนอ เร่อื งท่ี 7.2.3 การสรา งคณุ คาในชีวติ ของวัยผใู หญหรือวยั ทาํ งาน วัยผใู หญห รือวัยทาํ งาน คือ ชว งอายุระหวา ง 21 ถึง 60 ป โดยสามารถแบงชวงอายุของผใู หญหรือวัยทาํ งานได ดงั น้ี244
การพัฒนาตน ชว งวยั ผูใ หญตอนตน (Early adulthood) ตั้งแตอายุ 20 ถึง 40 ป ชวงวัยกลางคน (Middle age หรือ Middle adulthood) คือชวงอายุ 40 – 60 ป เมื่อผานระยะพัฒนาการของวัยรุน บุคคลจะเขาสูระยะวัยผูใหญ (Adulthood)คือ บุคคลเขาสูวัยผูใหญ คือ การเปลี่ยนแปลงบทบาท (role transition) เน่ืองจากในวัยน้ีมีหนาท่ีและความรับผิดชอบมากขึ้นและนักสังคมวิทยาใหขอสังเกตที่แสดงถึงการเริ่มตนการปรับเปลี่ยนจากวยั รุน สูวยั ผูใหญค ือ การสําเรจ็ การศกึ ษา มอี าชีพประจํา การแตง งาน และการเปนบดิ ามารดา การสรางความเชื่อม่ันในคุณคาของตนเอง ผูท่ีจะประสบความสําเร็จในหนาท่ีการงานและเติบโตข้ึนไปเปนหัวหนางานที่มีศักยภาพได ตองมีแรงจูงใจในความเปนผูนํา และมีความสามารถในการสรา งแรงจงู ใจใหกบั ผูใตบงั คบั บญั ชา แตโดยท่ัวไปเรามักจะแสวงหาวิธีการในการสรางแรงจูงใจใหกับทีมงาน เพราะเรามักจะคิดวา ถาทีมงานมีแรงจูงใจในการทํางาน ก็จะมีพลงั ในการสรางความสําเร็จ จนเราอาจลมื ไปวา รากฐานท่ีสาํ คัญมาจากผนู าํ ตอ งมีแรงจูงใจในการทํางานของตนเองเสียกอน และคําถามสําคัญ ก็คือ 10ในฐานะที่เราเปนผูนําองคกร เราจะสามารถสรา งแรงจูงใจใหกบั ตนเองไดอ ยางไร ลองทบทวนพฤติกรรมในอดีตของตัวเราเอง เราเคยรูสึกวา เราไมมีความสําคัญตอองคกร เราไมไดรับมอบหมายงานท่ีสําคัญจากหัวหนางาน เราไมเคยรูสึกวาเราเปนคนพิเศษเปน แตคนไมม ีตัวตนบา งหรอื ไม แลวเราก็รูสึกทอถอย หมดกําลังใจ ไมอยากท่ีจะทํางานในสถานท่ีแหงนี้อกี ตอไปหรอื ไม 10 พื้นฐานสําคัญของการเปนผูนําท่ีจะมีแรงจูงใจใฝสัมฤทธิ์ไดน้ัน ตองเปนผูท่ีมีความเช่อื มน่ั ในคณุ คาของตนเอง10 มีความมั่นใจ และใหความเคารพตนเองอยางมาก ความเชื่อม่ันในคณุ คา ของตนเองอาจแตกตางกันไปในผูนําแตละคน ข้ึนอยูกับประสบการณท่ีไดสั่งสมมาตั้งแตเด็ก และปจจัยภายนอก เชน สถานการณ ส่ิงแวดลอมรอบตัว แตอยางไรก็ตาม 10ความเชื่อมั่นในคุณคาของตนเองก็สามารถยกระดับใหสูงข้ึนได ดวยองคประกอบท่ีสําคัญ 3 ประการ10คือ1)ภาพลักษณตอตนเอง (Self – Image) 2) การพูดคุยกับตนเอง (Self – Talk) และ 3) การกําหนดชีวิตของตนเอง (Self –Determination) (Hogan and Astone, 1986 cited in Kall andCavanaugh, 1996) คําถามสําคญั กค็ อื เรามีภาพลักษณอะไรที่จําเปนตองปรับปรุงแกไขหรือไม และมีภาพลักษณใดท่ีตองเพ่ิมเติมและเสริมสรางใหแข็งแกรงยิ่งขึ้นหรือไม วิธีการสําคัญ ก็คือ รบกวนเพ่ือนที่ไววางใจไดอยางนอย 2-3 คน ชวยเปนกระจกสะทอนภาพลักษณของเรา และเราตองยินดีรับฟง ดวยใจทีเ่ ปด กวาง 245
การพฒั นาตน10 การพดู คุยกับตนเอง (Self – Talk) เราเคยพูดคยุ กับตวั เองบางไหม หลายคนคงมปี ระสบการณในการพูดคุยกับตัวเอง ซึ่งไมใ ชเ รอื่ งทผี่ ิดปกตอิ ะไรเลย บางคนอาจพูดออกมาดงั ๆหรอื บางคนอาจคุยเหมือนโตตอบกันระหวาง 2 คนก็มี 10คาํ ถามสําคัญก็คือวา “เราคยุ กับตนเองอยางไร” เราคุยกับตนเองในทางบวก ใหการสนับสนุนตวั เอง หรือ ถอนหายใจแลวพดู กบั ตัวเองในแงลบอยูตลอดเวลา ซึง่ การพูดคุยกับตนเองในแบบหลังน้ีจะสงผลใหค วามเชอ่ื มนั่ ในคุณคาของตนเองมรี ะดับตา่ํ ลงเร่ือยๆ10 ลองคดิ ดวู า เราจะรูสึกอยางไร ถา เรามีหัวหนา งานท่มี นี ิสัยชอบวิจารณและตําหนิเรื่องของเราทกุ วัน 10มองเราในแงลบวา เราไมมีอะไรดเี ลย คอยวา กลาวเราอยูเสมอวาเราทําอะไรกไ็ มดไี ปหมด เราเปนคนทไ่ี มร จู ักปรับปรงุ พฒั นาอะไรใหดขี ึ้นเลย และคอยแตจ ะหาทางจบั ผิดลงโทษ เราอยูเ สมอ การพูดคุยถึงตวั เองในแงลบกไ็ มตางอะไร หากสถานการณแบบนีเ้ กดิ ข้ึนกับตวั เรา 10จติ ใตสาํ นกึ (Subconscious Mind)ของเรากจ็ ะรบั รแู ละเก็บบันทึกเร่ืองรา ยๆ10 ทศั นคติเชงิ ลบเขา ไปเก็บไวในบันทึกความทรงจาํ ของเราทุกวนั และในทีส่ ดุ ก็จะทาํ ใหความเช่ือม่ันในคณุ คา ของตนเองลดนอยลงไปดว ย และกลายเปนภาพลกั ษณของเราไปโดยอัตโนมตั ิ ดังนนั้ 10วิธีการที่เราจะถา ยโอนความคดิ แยๆ เดิมๆ ออกไปจากตวั ของเราอยางงายๆ วธิ ีหนึ่ง ก็คือ10 เม่อื เราไดยนิ ตวั เองพูด ไมวาจะพูดในใจหรือพูดออกมาดังๆ กต็ าม ถึงสง่ิ ตา งๆในแงลบเกย่ี วกับตัวเราเอง ก็จงพยายามพดู กับตวั เองใหมใหดนู ุมนวลกวา เดิม เชน เมื่อมสี ตริ ทู ันท่ีเราพูดวา “จะเปน อยางไรนะ ถา พวกเขาไมเหน็ ดว ยกับความคดิ ของเรา” กใ็ หพดู กับตัวเองใหมวา“น่ีเปน ความคิดท่ีดีของเรา ที่เราทุม เทคิดมาอยางเตม็ ที่ พวกเขาตองชอบแนนอน”“เราไมเคยท่จี ะคิดแกปญหาอะไรดวยตัวเองไดเลย ตองหวงั พง่ึ คนอนื่ ตลอดเวลา” กใ็ หพ ดู กับตัวเองใหมว า “ ใจเยน็ ๆ นา คอยๆ คิด เราทําได เราทาํ ได”10 การกําหนดชีวิตตนเอง (Self- Determination) เราเคยมองยอนกลับไปในชว งเวลาอดตี แลว สงสัยหรือไมค รบั วา ทาํ ไมเวลาไดผ านไปรวดเรว็ เสยี เหลือเกิน เร็วมากจนกระทั่งไมส ามารถตกั ตวงความสขุ ใหก ับชีวิตไดเหมือนคนอ่ืน น่นั หมายถงึ วา เรากําลงั เปนกลุม คนทใี่ ชชีวิตผา นไปโดยปลอยใหเหตุการณต างๆ หรือคนอ่ืนๆ กาํ หนดการใชช วี ิตของเรา ถาเรารูจกั ใหอาํ นาจตนเองท่ีจะใชชีวติ แตกตางจากคนกลุมแรก เราตอ งรูดวี าเปา หมายที่เราตองการใหบ รรลุผลสาํ เร็จคืออะไร เราเขาใจวา เราตองการอะไรจากชีวิต และจะกา วเดนิ ไปดวยความมั่นใจวาเราจะไดในสง่ิ ท่ตี อ งการ ซึ่งคนกลมุ น้ีจะเปนคนทมี่ ีความเชื่อม่นั ในคุณคาตนเองสูง และมีความคาดหวังในแงบ วกวาจะประสบความสาํ เรจ็ ในเปาหมายท่ีไดต้งั ไว246
การพัฒนาตน แนวทางสรางคุณคาในชีวิตของวยั ผใู หญหรอื วยั ทาํ งาน การตงั้ คําถามกบั ตัวเอง ดังน้ี 1. เราต้งั เปา หมายวาตองการทาํ อะไรใหสาํ เรจ็ ในแตละปเ สมอ 2. เราต้ังเปาหมายวาในอีก 3-5 ปขา งหนา เราจะทาํ อะไรสาํ เร็จ 3. เราวางแผนงานหรือกําหนดรายการท่ีตองทําทุกวัน 4. เรามีความสุขกบั การทํางาน และรสู กึ พึงพอใจกับการท่ีไดท าํ งานน้ี 5. เราพูดคุยเร่อื งคุณคา และความตอ งการของตวั เองกับครอบครัว และเพือ่ น 6. เราสามารถบรรลเุ ปาหมายที่ไดก ําหนดไว 7. เรารสู กึ วา ตองรับผิดชอบตอชีวิตของตนเอง 8. เราใหความสําคัญกับงาน กจิ กรรมสวนตัว และเร่ืองของครอบครัว อยางเหมาะสม 9. เราบริหารการเงนิ อยา งดี และมีเงินเกบ็ หลงั ชีวติ วัยเกษยี ณ 10. เรารูสึกพงึ พอใจกบั การใชชีวิตทผี่ านมา ถาเราตอบวาใช ตั้งแต 8 ขอข้ึนไป แสดงวาเราสามารถกําหนดชีวิตของเราไดดีมาก ถาตอบใช 5-7 ขอ แสดงวา เราจัดการกับชีวิตของตนเองไดในระดับปานกลาง แตถาตอบวาใชนอยกวา 5 ขอ แสดงวาเราเปนคนที่ปลอยใหชีวิตดําเนินไปอยางไรทิศทาง แตไมตองกังวลเพราะอยางนอยเราไดรูแลววา เราควรตองปรับปรุงและสรางความเช่ือม่ันในคุณคาของตนเองใหเพม่ิ ขึ้นไดอยา งไร ดังน้ัน การมีความเชื่อมั่นในคุณคาของตนเอง เปนปจจัยพ้ืนฐานที่สําคัญที่เราตองมี ตองสราง และรักษาไว อยางนอยก็เพ่ือใหเราสามารถที่จะใชชีวิตไดอยางมีความสุขไมทอแท ไมส้ินหวังกับชีวิต แตท่ีไกลไปกวาน้ัน ก็เพื่อที่เราจะไดประสบความสําเร็จในหนาท่ีการงาน ในฐานะผนู ําองคก ร และประสบความสําเร็จในการดําเนินธรุ กจิ ของเราเอง10 เรื่องที่ 107.2.4 การสรา งคุณคา ในการดาํ เนนิ ชวี ติ ของผูสูงอายุ ผูสงู อายุ คือ คือ วัยที่ทีมีอายุต้งั แต 60 ปข ้นึ การดํารงชีวติ อยา งมีคุณคาของผสู ูงอายุไทยโดยวธิ กี าร “จ-ห-ร” วิธีการ “จ-ห-ร” (ยอมาจาก เจตคติ-ผูให-ผูรับ)จะชวยสรางเสริมใหผูสูงอายุไทยดาํ รงชีวติ อยางมีคณุ คา และนาํ พาชวี ติ สขุ สนั ตด วยตัวของผูสูงอายุเปนหลัก ประกอบดวย วิธีการท่ีสาํ คัญ 3 ขอ ตามลําดับตอไปน้ี 247
การพัฒนาตน 1. การสรางเสริมใหตนเองมีเจตคติที่ดีตอการมีชีวิตยืนยาว (“จ”) ผูสูงอายุควรดําเนินการสรางเสริมใหตนเองมีเจตคติที่ดีตอการดํารงชีวิตยืนยาวดวยขั้นตอน 3 ประการตามลําดบั ดังนี้ข้ันตอนที่ 1 แสวงหาความรูใหมและขอ เทจ็ จริงเพิม่ เติมเก่ียวกับประโยชนของการมีชวี ิตยืนยาวผสู ูงอายอุ าจแสวงหาความรูความเขาใจเก่ียวกับประโยชนของการมีชีวิตยืนยาวไดจากบุคคลอื่น วิทยุ โทรทัศน คอมพิวเตอร หนังสือพิมพ วารสาร หนังสือ และประสบการณตรงของตนเอง เปน ตน การมีประโยชนข องชวี ิตยนื ยาวซงึ่ ผูสงู อายุจะไดเรยี นรู มีตัวอยา ง เชน 1. การมีเวลามากข้ึนที่จะเลือกทํากิจกรรมตางๆไดตามความสนใจและความตองการ 2. การมีโอกาสใชชีวิตอยางอิสระมากข้ึน ซึ่งปลอดโปรงจากพนั ธนาการและภารกิจ จําเปน ตา งๆ ซง่ึ ตนไดแบกรบั ภาระมาเนิ่นนาน 3. การมีโอกาสชวยเหลือผูอื่น ชุมชน และสังคมไดมากข้ึนและยาวนานข้ึนข้ันตอนท่ี 2 สงเสริมใหเกิดความรูสึกพึงพอใจตอการมีชีวิตยืนยาว เม่ือผูสูงอายุเห็นประโยชนข องการมีชวี ติ ยืนยาวแลว ผูสงู อายุควรไดรบั การสงเสริมจากผูรู ผูเช่ียวชาญใหมีโอกาสไดสังเกตและเรียนรูจากผูสูงอายุตนแบบที่เปนตัวอยางที่ดีท้ังโดยทางตรงและทางออม เปนตนความรสู กึ พงึ พอใจตอการมชี ีวติ ยืนยาวซึ่งนา จะเกิดข้ึนกับผูสูงอายุ มีตวั อยาง เชน ความชืน่ ชอบการมีชวี ิตยืนยาวซึ่งเปนชว งเวลาไดตกั ตวงกาํ ไรของชวี ิต ความพอใจทจ่ี ะดแู ลรักษาตนเองใหมชี วี ติ ยนื ยาวอยางมคี วามสขุ ความอยากเอาอยางผูสูงอายุตน แบบท่มี ชี ีวิตยืนยาวและมากดว ยคุณคาขั้นตอนที่ 3 หม่ันกระทําพฤติกรรมซึ่งสนับสนุนเจตคติท่ีดีตอการมีชีวิตยืนยาว เมื่อผูสูงอายุเกิดความรูสึกพึงพอใจตอการมีชีวิตยืนยาวแลวผูสูงอายุนาจะมีแนวโนมที่จะหม่ันกระทําพฤติกรรมซ่ึงสนับสนุนเจตคติที่ดตี อ การมีชวี ิตยืนยาวตวั อยา งเชน การกาํ หนดเปา หมายเพอื่ การมชี วี ติ ยืนยาวอยางมีความสุขทั้งเปาหมายระยะสั้นระยะกลาง และระยะยาวควรกําหนดครั้งละ1เปาหมายและควรเปนเปาหมายที่สามารถทําใหสําเรจ็ ได การวางแผนสเู ปาหมายเพือ่ การมีชวี ิตยืนยาวอยางมีความสุข ความมุงม่ันลงมือทําใหเกิดผลสําเร็จตามแผน เชน การดูแลตนเองใหพรอมเสมอท่ีจะพึง่ พาตนเองไดด ี ทงั้ ดานสุขภาพ ดานเศรษฐกิจดานที่อยูอาศัยและสภาพแวดลอมเพ่ือการมีชีวิตยืนยาวอยา งมีความสขุ การใหก ําลังใจ/รางวัลแกตนเองทุกคร้ังเมื่อเกิดผลสาํ เรจ็ ตามเปาหมายทกี่ ําหนดไว248
การพัฒนาตน การกําหนดเปา หมายลาํ ดบั ตอ ไปแลวดาํ เนินการอยา งตอเน่ืองเร่ือยไปไมห ยุดย้งัภาพท่ี 7.1 แผนภาพวงจรสงเสรมิ การมีชีวิตยืนยาวอยา งมีความสขุท่มี า http://www.stou.ac.th/stoukc/elder/main1_4.html 2. การมุงมัน่ เปนผูใ หทดี่ ีอยา งตอเน่ือง (“ห”) ผสู งู อายุควรมุงมั่นเปน ผูใ หท ี่ดีอยางตอเนื่องไดต ัวอยางเชน การใหความรู ความคิด ใหแนวทาง ใหคําแนะนํา ใหการปรกึ ษาใหขอ คิดจากการ มีชีวติ ยืนยาว ตลอดจนแบงปน ประสบการณใ หแกผูท ่ีเกี่ยวของและผทู ี่ขอรอ ง การใหความรกั ความอบอุน ใหค วามเมตตา ใหค วามเห็นอกเห็นใจใหความเอาใจใส ใหก ําลงั ใจแกสมาชกิ ในครอบครวั ผูรวมงานและผูทดี่ อยโอกาสในสงั คม การใหสงิ่ ทม่ี มี ากเกินพอแกผูอน่ื ที่มีความจําเปนตองใชป ระโยชนต ามความเหมาะสม 3. การปฏิบตั ิตนเปนผรู ับท่ีดีอยเู สมอ (“ร”) ผูสูงอายุควรปฏิบตั ติ นเปน ผูรับท่ีดอี ยูเสมอ ตัวอยางเชน 1. การนอมรับคาํ แนะนํา ความชวยเหลือจากผูอื่นไดดวยดีเม่ือประสบปญหาที่เกิน กําลงั และสติปญญาของตนเพยี งลําพังทจ่ี ะแกไขได โดยไมอ วดดอี วดรู อวดหยง่ิ 2. การยอมรบั ความรูและประสบการณใ หมๆ เพื่อชว ยใหตนสามารถปรับตวั ไดอยางเทา ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก 249
การพฒั นาตน 3. การรับความไมแ นนอนและความไมส มหวงั ท่เี กิดขึน้ ไดอยา งมีสติและสงบ 4. การยินดรี ับเพอ่ื นใหมไ ด ผูกมิตรเปนท้งั กบั บุคคลวัยเดยี วกนั และตา งวัยกันที่จะชว ยใหต นมชี ีวิตชวี าขึ้นและชว ยเพิม่ ความหมายในการดาํ รงชวี ิต 5. การรับธรรมะเขามาหลอเล้ยี งใจไดอ ยา งถูกตอง เพียงพอและเหมาะสมกับโอกาส เพื่อใหจ ิตมคี ณุ ภาพสงู และมพี ลงั การดํารงชีวติ อยา งมีคุณคาของผูสูงอายจุ ะนําพาความสขุ ความมีชีวิตชวี าความหวงั ความหมายการเห็นคณุ คาและความภาคภูมใิ จในตนเองมาสูตวั ผูส งู อายเุ องทกุ ขณะในชวงวัยสุดทา ยของชีวติ อกี ท้ังยังกอใหเกิดประโยชนแ กบคุ คลใกลชิด ผูท ีเ่ ก่ียวของกับผูสงู อายุ ตลอดจนชมุ ชน และสงั คมของผสู งู อายุอีกดว ย ดังนนั้ ผูสูงอายจุ ึงไมค วรปลอยใหว ันเวลาลว งผานเปน เพียงการเพ่มิ ความชราใหแ กชีวิตแตควรเพมิ่ ความงดงามและคุณคาใหแกช ีวิตทุกขณะเม่อื วันเวลาลวงผาน250
การพัฒนาตนคาํ ถามทา ยบท ใหนกั ศึกษาตอบคาํ ถามเกี่ยวกบั การสาํ รวจการเห็นคุณคาในตนเองตามแนวคิดเก่ียวกับตนเอง ท่ียกเวนลกั ษณะทางกายภาพ (เชน อวน ผอม สงู เตี้ย ผวิ ขาว ผิวดํา) 1. ตนเองปนใคร 2. ตนเองมีหนาทอ่ี ะไร 3. ตนเองมีอะไรท่เี ปนจุดเดน 4. ตนเองมีอะไรท่ีเปนจุดดอย 5. ตนเองมีความสามารถพเิ ศษในการทําอะไร การตอบคาํ ถามเหลานี้จะทาํ ใหผูส าํ รวจตัวเองรับรูคณุ คา ในตนเอง ซง่ึ นาํ ไปสูการนับถือตนเอง 251
การพฒั นาตน เอกสารอา งองิจันทรฉ าย พิทักษศ ริ กิ ุล. (2543). ผลการจัดโปรแกรมการฝกความกลาแสดงออกตอความรสู กึ มี คณุ คาในตนเองของนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3. จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัยเจยี รนยั ทรงชยั กลุ . (2258). การดํารงชีวิตอยางมคี ุณคาของของผอู ายุ สาขาวชิ าศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช.แพทยห ญงิ พวงทอง ไกรพบิ ูลย. (2257). เดก็ หรือนิยามคําวาเด็ก. วว.รงั สีรกั ษา และเวชศาสตรนิวเคลยี ร. สืบคนเมือวันที่ 29 พฤศจิกายน 2558 จาก http://haamor.com/th/.เยาวลักษณ พนิตองั กูร. (2558). วธิ ีการสรางคุณคา ในตนเอง ทกั ษะชีวติ ของวัยรุนที่สาํ คญั . สบื คนเม่ือ วันท่ี 30 พฤศจิกายน 2558 จาก https://www.gotoknow.org/posts/504701.ชยั วฒั น วงศอาษา.(2557). การเห็นคุณคาในตนเอง. สืบคน เม่อื วันท่ี 15 พฤศจิกายน 2558 จาก http://ns2.ph.mahidol.ac.th/phklb/knowledgefiles/Selfteem.pdf.Branden, N. The Psychology of Self-Esteem. 15th ed. New York : Bantam Book's Inc., 1981.Chess, S. and A. Thomas. Know Your Child. New York : Basic Book, 1987.Coopersmith, Stanley. (1981). The Antecedents of Self-Esteem. (2nd ed.). California: Consulting Psychologists Press, Inc.Gardner, Howard. (2002). Interpersonal Communication amongst Multiple Subjects: A Study in Redundancy. Experimental PsychologyGardner, Howard. (1995). How Are Kids Smart: Multiple Intelligences in the Classroom. Administrators' Version. ISBN 1-887943-03-X. National Professional ResourcesDr. Howard Gardner, along with teachers and students from Fuller Elementary School in Gloucester, MA, discuss the theory behind Multiple Intelligences anddemonstrate how they have integrated it into their classrooms and community. (41 minutes)Stenhouse, Glen. (1994). Confident children developing your child’s self-esteem. New Zeland: Oxford University Press.6.Employment, Supported. 7.Health policy. I.World Health Organization. ISBN 978 92 4 156418 2. (NLM classification: HV 1553). ISBN 978 92 4 068521 5 (PDF).252
การพัฒนาตน หนว ยท่ี 8 รจู ักความสุข ดุลยวทิ ย ปรางชุมพลหวั ขอเนือ้ หา 8.1ความหมายของความสขุ 8.1.1 ความสขุ ในมุมมองพุทธศาสนา 8.1.2 ความสุขในมุมมองศาสนาครสิ ต 8.1.3 ความสขุ ในมมุ มองศาสนาอสิ ลาม 8.2 ความสขุ ในแตละวยั 8.3 บคุ ลกิ ภาพและทัศนคตกิ ับความสุข 8.4 คืนความสขุ ใหช ีวิตแนวคิด 1. ความหมายของความสุข 2. ความสุขในแตล ะวัย 3. บุคลกิ ภาพและทัศนคติกับความสขุ 4. คืนความสขุ ใหช วี ิตวัตถปุ ระสงค เม่ือศึกษาเนือ้ หาในหนว ยการเรยี นแลว ผเู รยี นสามารถ .1มีความรูความเขาใจความหมายของความสุขในมุมมองเปรียบเทียบของศาสนาตางๆ .2เขา ใจและยอมรบั ความแตกตางของบุคคล ความคิดท่หี ลากหลาย เพอ่ื การอยูและทํางานรว มกนั กับผอู ่ืนไดอ ยางมคี วามสขุ .3มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม เขาใจความสขุ พ้นื ฐานของชวี ิตและสามารถสง ตอความสุขใหกบั บุคคลอนื่ ๆ ตอไปได 253
การพฒั นาตนบทนาํ ความสุขเปนสภาวะทางจิตอันเปนที่พึงปรารถนาของทุกคน แมความสุขจะเปนสภาวะทางจิตแตก็สังเกตไดจากพฤติกรรมทางกายหรือทาทางของบุคคล ดังจะเห็นไดจากการทักทายกันในชีวิตประจําวันวา “ดูหนาตามีความสุข” หรือ “เปนอะไรดูทาทางไมมีความสุข” มีศาสตรจาํ นวนมากท่ีพยายามศึกษาความสุข เชน ศาสนา ปรัชญา ชีววิทยา และจิตวิทยา เปนตน ในเรื่องของการสรางความสขุ ของชีวติ นนั้ ศาสตรทางจิตวิทยาไดกาวหนาไปไกลมาก เร่ิมจากการศึกษาถึงพฤติกรรมบุคคลที่เนนภาวะเชิงลบ เชน จิตวิทยาสกุลจิตวิเคราะหและพฤติกรรมนิยม ปจจุบันไดหันมาพัฒนาแนวคิดใหม เรียกวาจิตวิทยาเชิงบวก (positive psychology) ท่ีมุงศึกษาเรื่องความสุขและการสรางความสุขใหกับชีวิตเพื่อตอบสนองเปาหมายสูงสุดของการดํารงชีวิตของมนุษย คอื ทาํ อยางไรใหมีชวี ติ ท่ีเปน สุข สําหรับเน้ือหาในบทน้ีจะเสนอถึงความหมายความสุข คํานิยามของความสุข ความสุขในแตละวยั บุคลิกภาพและทัศนคตกิ บั ความสขุ รวมกบั ขอ เสนอแนะในการสรางความสขุ ใหกับชวี ิต8.1 ความหมายของความสขุ ความสุข หรือ สุข พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 นิยามไววา “สุขหมายถึง ความสบายกายสบายใจ\" ซ่ึงเปนความรูสึกหรืออารมณประเภทหนึ่ง มีหลายระดับต้ังแตความสบายใจเล็กนอยหรือความพอใจจนถึงความเพลิดเพลินหรือเต็มไปดวยความสนุก มีการใชแนวความคิดทางปรัชญา ศาสนา จิตวิทยา ชีววิทยาอธิบายความหมายของความสุข รวมถึงสิ่งที่ทาํ ใหเกิดความสขุ แนวความคิดทางปรัชญาและศาสนามักจะกําหนดนิยามของความสุขในความหมายของการดาํ รงชวี ิตทด่ี ี หรือชวี ิตที่มคี วามเจรญิ โดยไมจ าํ กัดความหมายวา เปน เพียงอารมณประเภทหนึ่งสวนในมุมมองทางศาสนา แตละศาสนาใหคํานิยามของความสุขท่ีเก่ียวของกับการมีชีวิตอยูของมนุษยเ ราไวด ังตอไปนี้254
การพัฒนาตน 8.1.1 ความสขุ ในมุมมองพุทธศาสนา ความสขุ ในทางพุทธศาสนา เปนหวั ขอ ที่ผูนับถือศาสนาพุทธใหความสําคัญมากเพราะเปนส่ิงท่ีมนุษยแสวงหาเพ่ือใหไดพบกับเสรีภาพและการหลุดพนจากความทุกขท้ังปวง การสอนของศาสนาพุทธใชหลักธรรมท่ีเรียกกันวามรรค หรือหนทาง 8 ประการในการดับทุกขเพ่ือนิพพาน สุขสูงสุดสามารถมีไดดวยการเอาชนะตัณหาทุกรูปแบบ สวนสุขจากทรัพยสินหรือความมั่นคงในชีวิตและการมีมิตรภาพท่ีก็เปนท่ียอมรับวาเปนเปาหมายท่ีมีคุณคาสําหรับบุคคลทั่วไป(https://th.wikipedia.org/) ศาสนาพุทธมหี ลกั ความเชอื่ ทีว่ า ความสุขและความทุกข เกิดจากการกระทําของมนุษยเปนสําคัญ พระสุริยัญ ชูชวย 2545 กลาวไววา เปาหมายของการดําเนินชีวิตในทางพระพุทธศาสนา คือการดําเนินชีวิตอยางมีสติท่ีกอใหเกิดประโยชนสุขแกตนเองและผูอื่น โดยไมสรางความเดือนรอนใหแกตนเองและสังคม ในการดําเนินชีวิตของมนุษยนั้นควรเปนไปอยางมีจดุ มุงหมาย เพื่อชีวิตท่ีดีมีคุณคา คําสอนทางพระพุทธศาสนาสอนไววา ส่ิงที่เปนจุดหมายของการดําเนินชวี ติ ก็เปน เรอ่ื งของประโยชนท ่เี กี่ยวเนื่องกบั ความสขุ เรียกวา อรรถะ มี 3 ประการ ดังนี้ 1. ทิฏฐธัมมิกัตถะ หมายถึง ประโยชนท่ีพึงเกิดข้ึนในปจจุบัน ซึ่งเปนประโยชนเกีย่ วกบั การดําเนินชวี ิตประจาํ วนั ท่ีบุคคลธรรมดาสามัญทว่ั ๆ ไปตอ งการ ไดแก ลาภ ยศ สรรเสริญและการมีคูครองและครอบครัวที่เปนสุข ซึ่งประกอบดวยหลักธรรมอันเปนวิถีนําไปสูจุดมุงหมายหรอื เรยี กอีกอยา งวา \"หวั ใจของเศรษฐี\" มี 4 ประการดงั นี้ 1) อุฏฐานสัมปทา คือ เล้ียงชีพดวยความขยัน ประกอบการงานดานกสิกรรม พาณิชยกรรม รับราชการ ฯลฯ เปนผูขยันไมเกียจคราน ประกอบดวย ปญญาเปนเคร่ืองสอดสองพจิ ารณาใหร อบคอบ 2) อารักขสมั ปทา คือ รูจักรักษาทรัพยสมบัติท่ีหามาไดดวยความขยันและความชอบธรรม มใิ หส ูญหาย ชํารุดรจู ักซอมแซม ใชจา ยแตพ อสมควร 3) กัลยาณมิตตา คือ คบคนดีเปนมิตร เปนท่ีถึงพรอมดวยศรัทธา ศีลจาคะ ปญ ญา เปน มิตรแทม ีความจริงใจ ไมชกั ชวนไปในทางท่ีเสยี หาย ฯลฯ 4) สมชีวิตา คือ การดําเนินชีวิตใหเหมาะสมกับอัตภาพหรือฐานะของตน รูทางท่ีเจริญ และทางที่เสื่อมเสียของโภคทรัพย ใชจายที่เหมาะสม ไมฟุมเฟอย ไมใหฝดเคืองรายรับตองไดมากกวา รายจาย 255
การพัฒนาตน 2. สัมปรายิกัตถะ หมายถึง ประโยชนเบื้องหนาเปนหลักประกันชีวิตในอนาคตและภพหนา ซง่ึ เปน ประโยชนท ่สี ูงกวาประโยชนในปจ จบุ นั เปนคุณคาของชีวิตและยังเปนประโยชนที่พึงไดในโลกน้ีเชนเดียวกัน เปนความเจริญเติบโตงอกงามแหงชีวิต ซึ่งประกอบดวยหลักธรรมมี 4 ประการ ดังน้ี 1) สัทธาสัมปทา คือ เช่ือในพระปญญาการตรัสรูของพระพุทธเจาและเชอื่ ในพระธรรม คาํ สั่งสอนของพระองคท ี่ใหผลแกผูปฏิบัติท้ังในชาติน้ีและชาติหนา เช่ือในการทําดีไดด ี ทาํ ชัว่ ไดชว่ั 2) ศีลสัมปทา คือ ถึงพรอมดวยการรักษาศีลดวยความบริสุทธิ์ใจ มีความประพฤตดิ ีงาม ประกอบอาชีพสจุ ริต มีระเบยี บวนิ ัยในการดําเนินชวี ติ นา เลื่อมใส 3) จาคสมั ปทา คือ ประกอบดวย การเสียสละ มีความรักความเมตตาเอ้อื เฟอ เผอื่ แผ แบง ปนใหแกบ ุคคลอ่นื โดยทั่วหนา 4) ปญญาสัมปทา คือ ถึงพรอมดวยปญญา การใชปญญาในการพิจารณาไตรตรองโดยแยบคาย เพื่อใหเกิดประโยชนสุขแกตนเองและผูอ่ืน และกําจัดใหส้ินความทกุ ขโ ดยสิ้นเชิง 3. ปรมัตถะ หมายถงึ ประโยชนส ูงสุด อนั หมายถึงนิพพาน คือ ดับกิเลสและทุกขไดโดยสิ้นเชิง รูแจงสภาวะของส่ิงท้ังหลายตามความเปนจริง รูเทาทันคติธรรมของสังขารธรรมทั้งหลาย ไมตกเปนทาสของโลกและชีวิต ไมถูกบีบคั้นดวยอํานาจความยึดถือ สามารถทําจิตใจใหเปนอสิ ระ ผอ งใส สงบ มีความสุขใจ รูแจงสภาวะของส่ิงทั้งปวง หลุดพนจากความทุกข ดับอวิชชาตัณหา และอุปาทาน ประโยชนสูงสุดน้ีประกอบดวย หลักอริยมรรคมีองค 8 อันเปนแนวทางแหงการปฏิบัติยอ มสามารถเขาถงึ ความสขุ อันสงู สดุ น้ไี ด กลาวคือ เปน ความสขุ ระดับโลกุตตระ โลกยี สุขและโลกตุ ตระสุข โลกยี สขุ คือ ความสุขแบบชาวโลก ท่มี ีความอยาก ความปรารถนา ที่จะใหไดมาในสงิ่ ท่ตี อ งการ เปนความสขุ ทพี่ ระพทุ ธศาสนาสอนแกผูท่ีมีชีวิตอยูเปนคฤหัสถหรือผูท่ีครองเรือนมีอยู 4 ประการ ดงั นี้ 1. อัตถิสุข สุขเกิดจากความมีทรัพย คือ ความภูมิใจ เอิบอ่ิมใจ วาตนมโี ชคทรัพยท ่ีไดม าดวยนา้ํ พักนํ้าแรงความขยันหมน่ั เพียรของตนและโดยชอบธรรม256
การพัฒนาตน 2. โภคสุข สุขเกิดจากการใชจายทรัพย คือ ความภูมิใจ เอิบอ่ิมใจ วาตนไดใชทรัพยที่ไดมาโดยชอบธรรมนั้น เลี้ยงชีพ บํารุงบิดามารดา สามีภรรยา บุตร มิตร และบาํ เพญ็ สาธารณะประโยชน 3. อนณสุข สุขเกิดจากความไมเปนหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอ่ิมใจวาตนเปนอิสระไมม ีหน้ีสินติดคา งใคร 4. อนวัชชสุข สุขเกิดจากความประพฤติไมมีโทษ คือ ความภูมิใจ เอิบอม่ิ ใจวา ตนมีความประพฤติสุจริต ไมบ กพรองเสยี หาย ใคร ๆ ตเิ ตยี นไมไดทั้งทางกาย วาจา และใจ ความสุขระดับน้ี ถึงแมวาจัดเปนโลกียสุขแตก็ถือวาเปนความสุขที่ควรแสวงหาตามโลกียวิสัยของมนุษยปุถุชนคนทั่วไป เพราะเปนความสุขท่ีชอบธรรมไมมีการเบียดเบียนกันการแสวงหาความสุขแบบนี้ทําใหช วี ิตมีคณุ คา มสี ขุ ภาพจิตดี และมผี ลเปน สขุ ตามแบบชาวโลก โลกุตตระสุข คือ ความสุขที่อยูเหนือวิถีชาวโลก หมายถึง ความสุขอันเปนเรื่องภายในจิตใจท่ีเกิดจากการปฏิบัติดวยสติปญญา ความสุขระดับนี้จะเขาถึงไดดวยหลักอริยมรรคอันเปนแนวทางแหงการปฏิบัติของบุคคล เพื่อใหเกิดความดีสูงสุด หลักอริยมรรค มี 8 ประการดังน้ี 1. สัมมาทิฐิ คือ ความเห็นท่ีถูกตอง หมายถึง ความรู-ปญญา หรือมุมมอง ที่ถูกตองตรงกับความจริง ตามคําสอนของพระพุทธเจา คือการรูแจงในอริยสัจ 4 มีรายละเอียด ดงั นี้ 1) ทกุ ข หมายถงึ รูจกั ทกุ ข 2) สมุทัย หมายถึง รจู กั เหตุแหง ความทุกข 3) นิโรธ หมายถงึ รูจักเรอื่ งการดับส้นิ ไปแหง ทุกข 4) มรรค หมายถึง รูจักทางที่ปฏิบัตแิ หงการดบั ส้นิ ไปแหงทกุ ข 2. สัมมาสังกัปปะ คือ ความคิดท่ีถูกตอง หมายถึง ความคิดท่ีตองละเวน จากความพอใจ ความพยาบาทและการเบยี ดเบยี น มี 3 ประการ คือ 1) ดําริออกจากกาม (เนกขัมมสังกัปป) หมายถึง ความโลภ ความโกรธ และความรักใครใ นวัตถกุ ามท่ที ําใหขัดของหมองใจ 2) ดําริในอันที่จะไมพยาบาท (อพยาบาทสังกัปป) หมายถึง ไมคิดปองราย เคียดแคนผูอื่น แตกลับมีความคิดท่ีเมตตา หมายถึง ความปรารถนาดี ตองการใหเขามีความสุข 257
การพัฒนาตน 3) ดํารใิ นการที่จะไมเ บียดเบียน (อวิหิงสาสังกัปป) หมายถึง ไมคิดทํารา ยผอู น่ื แตก ลบั คดิ ชว ยเหลือเขาใหพน จากความทุกข (พระธรรมปฎก) 3. สัมมาวาจา คือ เจรจาท่ีถูกตอง หมายถึง การพูดที่ตองละเวนจากการพดู เท็จ หยาบคาย สอ เสียดและเพอ เจอ มี 4 ประการ คือ 1) เวนจากการพูดเท็จ คือ ไมพูดโกหก ไมหลอกลวงหรือกลาวใหคลาดเคลือ่ นไปจากความเปนจรงิ แตควรพูดส่งิ ทเี่ ปน จรงิ ไมว าจะอยใู นสถานการณใด ๆ 2) เวนจากการพูดสอเสียด คือ ไมพูดยุยง หรือเสียดแทงผูอื่นใหเจบ็ ช้าํ นาํ้ ใจ แตควรพดู ถอ ยคําที่สมานสามัคคี 3) เวนจากการพูดคาํ หยาบ คอื ไมพูดจาดวยถอยคําที่รุนแรงลามกเชน คําดา คําประชดหรือกระแทกแดกดัน แตควรพูดดวยถอยคําท่ีไพเราะออนหวาน นาเชื่อถือ นาฟง มีเหตุผล 4) เวนจากการพูดเพอเจอ คือ ไมพูดไรสาระ พูดเลน พูดในสิ่งที่เปนไปไมได แตควรพูดดวยถอยคําท่ีสมเหตุสมผล มีประโยชนทางจิตใจ และทางการประพฤติปฏบิ ตั ิ 4. สมั มากัมมันตะ คือ การปฏิบัติที่ถูกตอง หมายถึง การกระทําที่ตองละเวน จากการฆา สัตว ลักทรัพยและประพฤตผิ ดิ ในกาม 5. สัมมาอาชีวะ คือ การหาเล้ียงชีพที่ถูกตอง หมายถึง การทํามาหากินอยางซ่ือสัตยสุจริต ไมมีการทุจริตและเอาเปรียบผูอ่ืน งดเวนจากอาชีพที่ผิดกฎหมายและศลี ธรรม (มิจฉาอาชีวะ) 5 อยาง ดังนี้ 1) คาขายเคร่อื งประหารทาํ ลายกัน เชน ปน อาวุธสงคราม เปน ตน 2) คา ขายมนุษย 3) คา ขายสัตวสําหรับฆาเพ่อื เปน อาหาร 4) คาขายนํ้าเมา หรือส่งิ เสพยตดิ ทุกชนดิ 5) คา ขายยาพิษ 6. สัมมาวายามะ คือ ความเพียรที่ถูกตอง หมายถึง ความอุตสาหะหรือความพยายามที่อยูในวิถีทางท่ีดีงาม คือการละบาปอกุศลทางใจ และเจริญกุศลใหยิ่งๆข้ึนไปมี 4 อยา ง คือ258
นิสยั ของตน การพฒั นาตนสญู สน้ิ ไป 1) เพียรระวังไมใหเกิดบาปและอกุศลขึ้นในสันดานหรือ 2) เพียรละบาปทเี่ กดิ ขึ้นในสันดานของตนใหหมดสน้ิ ไป 3) เพยี รสรางบญุ กุศลใหเ กดิ ขนึ้ แกตนเอง 4) เพียรรักษาบุญกุศลท่ีเกิดข้ึนแลวใหมีอยูมั่นคง อยาให 7. สัมมาสติ คือ การมีสติที่ถูกตอง หมายถึง การระลึกรูตัวอยูตลอดเวลา โดยกาํ จดั ความฟุงซาน รําคาญ หดหู งวงซึม สงสัย และลังเล คือการพิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจติ ธรรมในธรรม เชนการเจริญอานาปานสติสมาธิ มีสติรูลมหายใจ 8. สัมมาสมาธิ คือ การมีสมาธิที่ถูกตอง หมายถึง การฝกกายและอารมณใหส งบ โดยกาํ จัดความคดิ ความจาํ และอารมณออกไปชัว่ หลักอริยมรรค 8 น้ี เปนหลักการปฏิบัติที่วางใหเปนแนวทางนําไปสูความสุขอนั เปนความสขุ สูงสุดในทางพระพุทธศาสนาที่ถือวาเปนความสุขที่หลุดพนจากสังสารวัฏ คือ ไมมีการเวียนวาย ตายเกิดอีกตอไป และจัดเปนความสุขระดับโลกุตตระท่ีมีความละเอียดออน มีความประณีต หมายถึง \"นิพพาน\" ลักษณะสําคัญของนิพพานที่สืบเน่ืองมาจากความหมายวา \"ดับ\"ซง่ึ นับวามจี ดุ เดนนาสนใจ มอี ยู 3 อยา ง คอื 1. ดบั อวชิ ชา หมายถงึ การเกดิ ญาณทศั นะอันสงู สดุ หย่ังรสู จั ธรรม 2. ดับกิเลส หมายถึง กําจัดความชั่วราย และของเสียตาง ๆ ภายในจิตใจ หมดเหตทุ จ่ี ะเกดิ ปญ หาความเดอื ดรอนวุนวายตางๆ แกชีวติ และสงั ขาร 3. ดับทุกข หมายถึง ความหมดทุกข บรรลุสุขอันสูงสุด ความดับระดับทส่ี ามน้ี คือ ความสุข หรอื ความดับทุกขส น้ิ ทุกข นอกจากน้ัน พระสุริยัญ ชูชวย ยังกลาวไวอีกวา ความสุขมีความสาํ คญั มากในทางพระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะในการปฏิบัติธรรมถือวา พุทธจริยธรรมไมแยกตางหากจากความสุข ในการดําเนินชีวิตประจําวัน การทําความดีตาง ๆ ท่ัวไป ก็เรียกวาบุญ สวนในการบาํ เพ็ญเพียรทางจติ หรือเจรญิ ภาวนา ความสุขก็เปนปจจัยสําคัญที่ชวยใหเกิดสมาธิ เม่ือจิต 259
การพัฒนาตนเปนสมาธิบรรลุฌานแลว ความสุขก็เปนองคประกอบของฌานและสูงขึ้นไปท่ีสุดของฌานจนไปสูความสขุ ท่ปี ระณีตนัน้ คือนิพพาน และนิพพานกเ็ ปน ความสุข (พระธรรมปฎก) 8.1.2 ความสุขในมุมมองศาสนาคริสต พระสุริยัญ ชูชวยไดทําการศึกษาและอธิบายประวัติ รวมถึงใหแงคิดเก่ียวกับความสุขในมุมมองศาสนาคริสตเอาไววา ศาสนาคริสตเปนศาสนาเทวนิยม ที่มีถิ่นกําเนิดแถวประเทศปาเลสไตน เปน ศาสนาท่ีสืบตอมาจากศาสนายูดายของชนชาติยิว มีพระเยซูเปนศาสดา ท่ีจะนํามนุษยไปสูความรอด ใหพนจากความทุกขและเขาถึงอาณาจักรของพระเจา การดําเนินชีวิตของชาวคริสตน้ัน มีความศรัทธาในพระเจาเพียงองคเดียว คือ พระยาเวหหรือพระยะโฮวาห ท่ีมีลักษณะเปน ตรเี อกภาพเปนองคเ ดยี วกัน คือ พระบดิ า พระบุตร และพระจติ และเชื่อวาพระเจาเปนผสู รางโลกและสรรพส่ิง รวมทั้งเปนบอเกิดแหงคุณธรรมตาง ๆ ศาสนาคริสตเปนศาสนาแหงความรกั ทส่ี อนใหม นษุ ยรักพระเจา และรักเพ่อื นมนุษยดวยกัน (ฟน ดอกบัว) ดังในพระคัมภีรไบเบิ้ลสอนวา \"ใหมนุษยรักพระเจาดวยสุดจิตสุดใจของทาน ดวยสุดความคิด และดวยส้ินสุดกําลังของทานและจงรักเพอื่ นบานเหมอื นรักตวั เอง\" จุดมุงหมายของการดาํ เนนิ ชวี ติ ในคําสอนของศาสนาคริสต คือ การดําเนินชีวิตท่ีมีความรักความเมตตาปรารถนาใหผูอ่ืนมีความสุข โดยมีจุดมุงหมายสูงสุดอยูที่การกลับคืนสูความสมั พนั ธ กับพระเจา และมีชีวิตนิรันดรในอาณาจักรของพระเจา แตการท่ีจะไปสูจุดหมายน้ันมนุษยจะตองมีศรัทธาและปฏิบัติตามหลักคําสอนที่พระเจาทรงประกาศผานพระเยซูใหมนุษยสรางความดี ละเวนบาปหรือความชว่ั มนษุ ยก จ็ ะรอดพน จากบาปและกลับไปมีชีวิตรวมกับพระเจาดงั เดิม ตามหลักคําสอนของศาสนาคริสตนั้น พระเจาทรงเปนจุดหมายสูงสุดของความศรทั ธา และทรงเปน ความสุขท่ีนิรันดร การเคารพเชื่อฟง และจงรักภักดีตอพระเจา ก็จะทําใหไดรับความรักความเมตตาจากพระเจา และมนษุ ยตองตระหนักอยูเสมอวาชีวิตมนุษยพระเจาเปนผูสรางชีวิตเปนของพระเจา พระองคทรงรักมนุษย แมวามนุษยจะทําความช่ัวมีบาปติดตัว พระองคก็ยังทรงไถบาปและใหอภัยแกมนุษยผูกระทําความผิด ซ่ึงมาจากความรักความเมตตา และเปนความรบั ผิดชอบของพระองค ชาวคริสตเชื่อวา การสรางความดีตอบแทนแกพระเจา และเปนไปตามพระประสงคของพระองคน้ัน เปนส่ิงที่มนุษยควรตระหนักวาเปนหนาท่ี เพราะความดีนั้นเก่ียวของกับความสุขที่มนุษยในสังคมปรารถนา มีคุณคาตอการดําเนินชีวิต เพื่อการอยูรวมกันในสังคมอยาง260
การพัฒนาตนสนั ตภิ าพ ดังน้นั การสรา งความดีของชาวคริสต เพื่อปฏิบัติตามคําสอนเรื่องการรักเพ่ือนมนุษย จึงเปนไปในรูปแบบของการสรางสาธารณประโยชนท่ีกอใหเกิดความสุขแกสังคมสวนรวม เชน จัดตั้งโรงเรยี น มหาวทิ ยาลัย โรงพยาบาล และดา นสังคมสงเคราะห ฯลฯ อยางไรก็ตาม การบําเพ็ญประโยชนเหลาน้ี มาจากหลักคําสอนท่ีสําคัญอันเปนพื้นฐานของการดําเนินชีวิตของชาวคริสต คือ \"รักพระเจาสุดจิตสุดใจ และจงรักเพื่อนบานเหมือนรักตัวเอง\" ซ่ึงเปนคําสอนท่ีแสดงใหเห็นความสัมพันธระหวางมนุษยกับพระเจาและมนุษยกับมนุษยดว ยกัน ท่แี สดงออกถึงอานภุ าพแหงความรักความเมตตาในศาสนาคริสต อันเปนความรักที่ไมมีขอบเขตท่ีจํากัด ไมวาจะเปนทางดานเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ฯลฯ ซ่ึงเปนการปลูกฝงและสรางความรักใหเกิดข้ึน อันเปนพ้ืนฐานของจิตใจ เพื่อใหเกิดสันติภาพแกตนเอง และเผื่อแผแกผูอื่นโดยท่ัวถึงกัน ความรักในศาสนาคริสตมาจากพ้ืนฐานของบัญญัติ 10 ประการ (TenCommandments) ในพระคัมภีรเกา ทท่ี รงบัญญตั ิผา นโมเสส ดงั น้ี 1. อยามีพระเจาอ่นื ใดนอกจากเรา 2. อยา ออกพระนามพระเจา อยา งไมส มควร 3. จงระลึกถงึ วนั สะบาโตถอื เปน วันบรสิ ทุ ธิ์ 4. จงใหเ กยี รติแกบ ดิ ามารดาของเจา เพ่ืออายเุ จา จะไดยืนนาน 5. อยา ฆา คน 6. อยางลว งประเวณีผวั เมียเขา 7. อยาลักทรัพย 8. อยาเปน พยานเท็จ 9. อยา โลภสงิ่ ครวั เรือนของเพ่อื นบาน 10. อยา โลภภรรยาของเพอ่ื นบา น หรือทาสทาสขี องเขา ขอบญั ญัตทิ งั้ 10 ประการนี้ นบั ไดวาเปนหลักการปฏิบัติในการดําเนินชีวิตสําหรับมนุษยทําใหมนุษยเกิดความจงรักภักดีตอพระผูเปนเจา และเปนหลักศีลธรรมที่ทําใหมนุษยอยูรวมกันอยางสันตภิ าพ เพ่ือเปา หมายอยู 2 ประการ 1. เปาหมายตามหนาที่และบทบาทของมนุษยแตละคนในสังคม หมายถึง การดําเนินชีวิตของมนุษยแตละคน ไมวาจะมีสถานภาพทางสังคมเชนใด เชน เปนตํารวจ ทหารพยาบาล แพทย ครู ฯลฯ กท็ าํ หนาท่ขี องตนใหสมบูรณ กถ็ ือวา เปนไปตามพระประสงคของพระเจา 261
การพฒั นาตน 2. เปาหมายเพื่อความสุขที่นิรันดร ซึ่งเปนเปาหมายที่มนุษยขณะยังมีชีวิตอยูจะตองปฏบิ ัตหิ นา ทขี่ องตนใหด ีท่ีสุดอทุ ศิ ตนและการกระทําของตนเพ่ือพระเจา การกระทําเพื่อพระเจา เปน การกระทําท่ีสูงสงกวาการกระทาํ ใด ๆ ท้งั ปวง ซ่ึงมีแนวทางดงั นี้ 2.1. มีความศรัทธาตอ พระองคแ ละปรารถนาทจ่ี ะใชชีวิตนิรันดร 2.2. ทําตามพระประสงคของพระเจา คือ ยอมรับวาชีวิตและความดําเนินไปของชวี ิตเราเปน ไปตามพระประสงคข องพระองค 2.3. มีระเบียบวินัย สงเสริมการเรียนรูของตนเองและทางดานศาสนาขอคําแนะนําจากผทู ่ีรดู กี วา ตน 2.4. กระทํากิจกรรมเพื่อสงเคราะหบุคคลอื่น เพ่ือสาธารณประโยชนและเพือ่ เปนเกยี รตแิ กพ ระเจา 2.5. สวดมนตภ าวนาและปฏิบตั ิกิจศาสนาตามขอ บญั ญัติ แนวทางดังกลาวนี้ หากมองในแงความหมายจริยธรรม อันเปนแนวทางการปฏิบัติตามคําสอนของศาสนาคริสต ยอ มแสดงใหเ ห็นวา ชวี ิตของมนุษยมีคุณคาในการดําเนินชีวิตเพราะการปฏบิ ตั ิตามพระบัญญตั แิ ละมีความศรัทธาตอพระเจา ก็จะมีความสุขท้ังในโลกนี้และโลกหนา (อาณาจักรของพระเจา) ดวยอํานาจแหงความรักความเมตตาที่แสดงออกตอมวลมนุษยท่ีมีผลทางดานจิตใจ สรางความม่ันใจ และกําลังใจ อันเปนผลสืบเนื่องมาจากองคประกอบของจรยิ ธรรม ชาวคริสต คอื 1. พันธสัญญา (Covenant) หมายถึง เปนขอผูกพันหรือสัญญาระหวางพระเจา (ผูสราง) กับผูถูกสราง (มนุษย) พระเจาประทานบัญญัติใหเปนแนวปฏิบัติเพ่อื ทจ่ี ะใหมนุษยก ลับสูอาณาจกั รของพระเจา และมนุษยผูถูกสราง จะตองเชื่อฟง มีความซื่อสัตยออ นนอ มตอ พระเจา 2. อาณาจักรของพระเจา (Kingdom of God) หมายถึง สถานการณหรือสภาวะท่ีเกิดขึ้นแลวขณะนี้ และยังไมเกิดขึ้นสมบูรณจนกวาจะถึงวันส้ินโลก (Now and notyet paradox) ท่ีผูเคารพเช่ือมั่นและศรัทธาในพระเจาสามารถเขาถึงได ทางรอดอันนําไปสูอาณาจกั รของพระเจา อันเกิดจากอํานาจของพระคุณหรือพระหรรษทานของพระเจา (grace) และขอ ปฏิบตั ติ ามหลักการของพระเจา ทม่ี อี ยูทงั้ ในโลกน้ีและโลกหนาดวยพระคุณและการท่ีมนุษยเชื่อฟงและปฏิบัติตามบัญญัติตาง ๆ มนุษยเขาสูอาณาจักรของพระเจา อันเปนผลมาจากการดําเนินชีวิตดวยหลักการ ๒ ประการ คือ รักพระเจาสุดจิตสุดใจ และรักเพื่อนมนุษยเหมือนรักตัวเอง262
การพฒั นาตนกลาวคือ มนษุ ยจ ะเขา ถึงไดก ต็ อ เม่อื รจู ักเสียสละสมบัติภายนอก เพราะอาณาจักรพระเจาเปนสิ่งท่ีมีคุณคาทางวิญญาณ และผูที่ไมสามารถสละสมบัติภายนอกไดยอมไมสามารถเขาถึงอาณาจักรพระเจา ได 3. การรูสํานึกผิดและมีการเปลี่ยนแปลง (Repentance) หมายถึงสํานกึ ผิดและมกี ารเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมและดา นจิตใจตัวเอง ยอมรับกฎเกณฑพระเจา จนทําใหมีการพัฒนา จรยิ ธรรมของตวั เองจนกระทงั่ มชี ีวติ ที่ดขี น้ึ 4. ความเปนสาวก (Discipleship) หมายถึง บุคคลที่ทําตามประสงคของพระเจา (ลูกา. 8:21) และศรทั ธาท่จี ะทํางานเพือ่ พระเจา 5. ขอกําหนดหรือกฎเกณฑ (Law) หมายถึง ขอบังคับท่ีเก่ียวกับการปกครองชาวอิสราเอลในพระคัมภีรเกา ตอมาพระเยซูไดเพ่ิมเติมกฎเกณฑเหลาน้ี อันเปนอํานาจที่เกิดจากการเปลีย่ นแปลงภายในทเ่ี ปน คุณภาพของจิตใจ 6. ความรัก (Love) หมายถึง ความรักที่มีตอเพื่อนมนุษย ซ่ึงในทางศาสนาคริสต กลาวถึงความรักวา \"จงรักเพื่อนมนุษยเหมือนรักตัวเอง” และมีความปรารถนาที่จะใหผูอื่นเปนสุข ความรักซึ่งเปนสิ่งท่ีมีคากวาทรัพยสินเงินทองและสมบัติอันใด ๆ ในโลกน้ี อันเปนบรรทัดฐานและพืน้ ฐานสาํ คญั ของศาสนา 7. การใหพร (Beatitudes) หมายถึง ความสุขที่เปนเร่ืองของจิตวิญญาณ ท่ีเกิดการเปล่ียนแปลงภายใน เชน คําสอนที่มาจากการแสดงเทศนาบนภูเขา ท่ีเปนการใหความหวังแกมนุษยทุกชนชั้น และยังเปนการวางรากฐานของจริยธรรมในการดําเนินชีวิตของชาวคริสตอ กี ดว ย การดําเนนิ ชีวติ ของชาวคริสตในโลกน้ี ชาวคริสตเช่ือวา โลกน้ีเปนทางผานหรือมีชีวิตอยูชั่วคราว โลกหนาหรืออาณาจักรของพระเจาและการมีชีวิตที่นิรันดร ยังเปนความหวังและความปรารถนาของชาวคริสตทุกคน การมีชีวิตอยูในโลกน้ี การไดทําหนาที่ตามพระประสงคของพระเจาถอื วาเปน ความดที ที่ ําใหชวี ติ ในโลกปจจุบันมีความสุขและชีวิตมีคุณคา เชน การมีความรักตอเพื่อนมนุษย เสียสละ ทําหนาที่ในสังคมใหดีที่สุด ฯลฯ ซ่ึงเปนส่ิงท่ีพระองคประสงคใหเกิดสันติภาพและความสุขขึ้นแกมวลมนษุ ย ความสุขตามคาํ สอนศาสนาคริสต คือ ความสุขทางจิตวิญญาณท่ีมีความเช่ือวาหากมนุษยท ําความดีพระเจาก็ทรงรกั และเมตตาท่ีแสดงออกถึงความตองการทางดานจิตใจ ความจงรกั ภักดตี อ พระเจา และมีความรูสึกวาตนมีบาป เอาตัวไมรอด ชวยเหลือตัวเองไมได จําเปนตองอาศัยการชวยเหลอื จากพระเจา ความทุกขทรมานและความเจ็บปวดตาง ๆ เปนเคร่ืองหมายอยาง 263
การพฒั นาตนหนึ่งของการทดสอบศรัทธาที่จะนําทางไปสูความรอด เพราะความรอดนั้นจะไดมาดวยความยากลําบากและการทดสอบ ซ่ึงมิใชมนุษยทุกคนจะไปถึงได นอกจากนี้ ความทุกขทรมานและความเจบ็ ปวดทัง้ หลาย ยังเปนเครื่องเตือนสติวา มนุษยเราออนแอและไมไดมีพละกําลังท่ีวิเศษแตประการใด อาจมีการเจ็บไขไดปวยและมีความทุกขเกิดขึ้นไดเสมอ จึงมิควรหลงลืมตัว ขาดความเชื่อและไววางใจในพระเจา การสวดมนตออ นวอนเปนส่ิงที่บรรดาศาสนิกควรมีตอพระเจา พระเจากจ็ ะชวยเหลอื แกผทู ่ีมาสวดมนตออนวอนตอพระองคดวยความเคารพและศรัทธา หากผูที่ตองการความสุขก็จะไดรับความสุข และก็มีความมั่นใจวาตนเองจะไดรับการชวยเหลือ ดังพระดํารัสท่ีเทศนาบนภูเขาวา “บุคคลผูใด รูสึกบกพรองทางฝายวิญญาณ ผูน้ันเปนสุข เพราะแผนดินสวรรคเปน ของเขา บุคคลผูใดโศกเศรา ผูนั้นเปนสุข เพราะวาเขาจะไดรับการปลอบประโลม บุคคลผูใดมีใจออนโยน ผูนั้นเปนสุข เพราะวาเขาจะไดรับแผนดินโลกเปนมรดก บุคคลผูใด หิวกระหายความชอบธรรม ผูน้นั เปนสุข เพราะวาพระเจาจะทรงใหอิ่มบริบูรณ บุคคลผูใดมีใจกรุณา ผูนั้นเปนสุข เพราะวาเขาจะไดรับพระกรุณาตอบ บุคคลผูใดมีใจบริสุทธ์ิ ผูน้ันเปนสุข เพราะวาเขาจะไดเห็นพระเจา บุคคลผูใดสรางสันติ ผูน้ันเปนสุข เพราะวาพระเจาจะทรงเรียกเขาวาเปนบุตร บุคคลผูใดตองถูกขมเหงเพราะความชอบธรรม ผูนั้นเปนสุข เพราะวาเปนดินสวรรคเปนของเขา เม่ือเขาจะติเตียนขมเหง และนินทาวารายทานทั้งหลายเปนความเท็จเพราะเรา ทานก็เปนสุข จงชื่นชมยินดีเพราะวา บําเหนจ็ ของทานมบี ริบูรณใ นสวรรค เพราะเขาไดขมเหงผูเผยพระวจนะทั้งหลายที่อยูกอนทา นเหมือนกนั ” พระดํารัสทั้งหมดนี้เปนการแสดงธรรมครั้งสําคัญบนภูเขาท่ีมีผูเขาฟงมากท่ีสุดและเปน ทมี่ าของจรยิ ธรรมในศาสนาคริสต นอกจากนี้ ยังมีผูที่เขียนเกี่ยวกับความสุขหรือการใหพรไวอีกวา “ทานทงั้ หลายท่ีเปน ผูยากจนก็เปนสขุ เพราะวาแผนดินของพระเจาเปนของทานทา นทงั้ หลายทอี่ ดอยากเวลาน้ีกจ็ ะเปน สขุ เพราะวาทานจะไดอ่ิมหนํา ทานท้ังหลายที่รองใหเวลาน้ีกเ็ ปน สุข เพราะทานจะไดห วั เราะ ทานทงั้ หลายจะเปน สุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังทาน และจะไลทานออกจากพวกเขา และจะประณามทาน เม่ือคนท้ังหลายเกลียดชังทาน และจะเหยียดหยามทา นวาเปน คนชั่วชา เพราะทานเห็นแกบตุ รมนษุ ย ในวันน้ันทานท้ังหลายจงช่ืนชมและโลดเตนดวยความยินดีเพราะ ดูเถิดบําเหน็จของทานมีบริบูรณในสวรรค เพราะวาบรรพบุรุษของเขา ไดกระทําอยางนน้ั แกพ วกผูเผยพระวจนะเหมือนกนั ”264
การพัฒนาตน จากพระดํารัสของพระเยซูคริสตทั้งหมดท่ีกลาวมาน้ี หากพิจารณาใหลึกซ้ึงแลวก็จะพบวา การดาํ เนินชวี ิตของมนุษยตอ งรูจักสภาวะที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตัวเองเสียกอน หากผูใดสามารถท่ีจะรูจักควบคุมอารมณที่เกิดขึ้น และรูจักกับอารมณตาง ๆ เชน โศกเศราการถกู ขม เหง ฯลฯ ก็จะทําใหบุคคลนั้น กลายเปนคนเขมแข็งภายในจิตใจ จะไมถูกอารมณเหลาน้ีมากระทบได คําสอนดังกลาวน้ี ลวนแตเปนเรื่องของภายในจิตใจ หากมนุษยไมสํารวมระวังบังคับจิตใจก็จะตกเปนทาสของวัตถุภายนอก ทําใหไมมีความสุข เพราะความออนแอทางจิตใจ ดังน้ันความสุขในศาสนาคริสตล วนแตเ ปนเร่อื งของจติ ใจ ที่มีความรักความเมตตาเปนพื้นฐานท่ีสําคัญ ก็จะทาํ ใหมนุษยรูจักการใหอภัย รูจักเสียสละ แบงปน มีการเอื้อเฟอตอกัน ฯลฯ โลกก็จะมีสันติภาพและชวี ิตกจ็ ะมีความสขุ หรือมคี ณุ คาตามคําสอนของศาสนาครสิ ต 8.1.3ความสุขในมมุ มองศาสนาอสิ ลาม ศาสนาอิสลามเริ่มตนการประกาศโดยศาสดามุฮัมมัด เมื่อคริสตศักราช 610 ในคาบสมุทรอารเบีย ศาสนาอิสลามประกาศคําสอนซ่ึงรวมศูนยความสําคัญอยูที่ความเช่ือในพระเปนเจาพระองคเดียว คือ อัลเลาะห คัมภีรหลักของศาสนาอิสลามหรือพระดํารัสของพระเปนเจาคือ อัล-กุรอาน และอลั -หะดีษ ซงึ่ รวบรวมคาํ สอน และแบบอยางความประพฤติของศาสดามุฮัมมัดอิสลาม หมายถึง การยอมตาม การเช่ือฟง นอบนอม หรือการมอบตนตออัลเลาะห และหมายถึงการมีหรือการสรางสันติ ผูนับถือศาสนาอิสลาม เรียกวา มุสลิม หมายถึง ผูยอมตาม ผูเช่ือฟงผูนอบนอมตออัลเลาะห และหมายถึง ผูมีหรือผูสรางสันติ พระสุริยัญ ชูชวย ไดทําการศึกษาและอธิบายเอาไวในวิทยานิพนธศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากน้ัน ทานยังไดอธิบายหลักคําสอนของศาสนาอิสลามท่ีเกี่ยวของกับความสุขตอวา จุดมุงหมายของการดําเนินชีวิตในคําสอนของศาสนาอิสลาม คือ การดําเนินชีวิตดวยการทําความดีที่มีหลักศรัทธาตออัลเลาะห และการทําความดีนั้นก็จะทําใหมนุษยดําเนินไปสูจุดหมายสูงสุด คือ การมีความสุขหรือความพน ทกุ ข หรอื พน จากความหวาดกลัวท้ังในโลกน้ีและโลกหนา ความสุขในโลกนี้ไมจีรังและไมสมบูรณ เพราะฉะน้ัน ความสุขในโลกหนาจึงเปนเปาหมายสูงสุดของมนุษย การบรรลุเปาหมายสูงสุดในโลกหนาคือการไดดํารงชีวิตในสวรรคท่ีใกลชิดกับพระเปนเจา(อัลเลาะห) วิธีการท่ีจะไปสูสวรรคน้ัน มนุษยตองแสดงตนเปนบาว มอบตน หรือยอมจํานนตออัลเลาะห ซึ่งแสดงใหเห็นวาอิสลาม เปนท้ังเปาหมาย (ความสุขหรือสันติ) และเปนทั้งวิธีการดําเนินชีวิตไปสูเปาหมายนั้น น่ันคือ การดําเนินชีวิตตามบัญญัติของพระเปนเจาในฐานะที่เปนวิธีการ อิสลามมีคําสอนท่ีเปนระเบยี บแบบแผน ทาํ ใหม นุษยม คี วามยึดมั่นอยูในศีลธรรม ความดีงาม เมตตาตอเพื่อนมนุษยและ 265
การพฒั นาตนเพียบพรอมดวยขันติธรรม อยูรวมกันเปนภราดรภาพ คุณธรรมเหลานี้มีรากฐานมาจากการรูจักพระผูทรงสรางจกั รวาล (อลั เลาะห) และความจริงทั้งหลายที่พระองคประทานเปนความรูแกมนุษยผา นศาสดาหรือศาสนฑตู (เราะซลู ) อิสลามนั้นไมแยกวัตถุกับจิตใจออกจากกัน มนุษยไมไดอยูเพ่ือการปฏิเสธชีวิตแตมีชีวิตอยูเพื่อทําชีวิตใหสมบูรณตามธรรมชาติท่ีอัลเลาะหทรงสราง หลักการดําเนินชีวิตของศาสนาอิสลามครอบคลุมท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ไดแก หลักศรัทธา และหลักการปฏิบัติที่ครอบคลุมชีวิตและโลกในทุกมิติสอดคลองกับธรรมชาติของมนุษย และจักรวาลที่มนุษยท้ังชายหญิงตองยึดมน่ั โดยเทาเทยี มกนั หลักศรัทธาเปนพ้ืนฐานของการดํารงชีวิต ท่ีตองปลูกฝงใหมีอยูในจิตใจของมุสลิมทุกคน เม่ือมีศรัทธาท่ีมั่นคงแลว ก็สามารถควบคุมพฤติกรรมใหแสดงออกในทางที่ถูกตองตามคาํ สอนของอัลเลาะห หลกั ศรัทธาประกอบดวยความเช่ือตอไปนี้ 1. ศรัทธาในเอกภาพของอัลเลาะห คือ มุสลิมทุกคนตองเชื่อวาอัลเลาะหมจี ริง พระองคทรงสรางโลกและสรรพส่งิ ทรงรู ทรงเห็น ทรงไดยินทุกส่ิงท้ังในที่ลับและที่แจงทรงมีความเมตตากรุณาและมีความยุติธรรม ฯลฯ สัจธรรมสูงสุดน้ีมีเพียงหน่ึงเทานั้น ส่ิงอ่ืนใดไมอยูในฐานะ พระเปนเจา การยึดถือสิ่งอ่ืนเปนพระเจาถือวาเปนความหลงผิดที่รายแรงท่ีสุดในอัล-กรุ อาน กลา ววา \"จงกลาวเถิด พระองคคอื อัลเลาะหผูทรงเอกะ อัลเลาะหเปนท่ีพึ่งของสิ่งทั้งมวล พระองคไมประสูติ และทรงไมถูกประสูติ และไมมีผูใดเสมอเหมือนพระองค\" (อัล-กุรอาน.112:1-4) 2. ศรัทธาในบรรดามลาอิกะฮ ภาษาอังกฤษเรียกวา \"angel\" ในภาษาไทยมีผูใชคําวา \"เทวฑูต\" มลาอิกะฮเปนสิ่งสรางท่ีไมมีเพศ ไมกิน ไมด่ืม แตสามารถเนรมิตเปนรูปรางตาง ๆ มีหนาที่ทําตามพระบัญชาของพระเปนเจาเทานั้น เชน ทําการปลิดวิญญาณมนษุ ย เปนสอ่ื นาํ โองการจากพระเปน เจา มาสศู าสดา ชว ยเหลือคนดี ดแู ลนรกสวรรค 3. ศรัทธาในบรรดาคัมภีร คือ เช่ือวา พระเปนเจาไดประทานคัมภีรแกบุคคลที่ทรงแตงตั้งเปนศาสนฑูตประกาศศาสนาของพระองคตอมนุษยชาติท้ังมวล ในท่ีและเวลาตาง ๆ ในประวตั ิ-ศาสตรจนถงึ ศาสนาสุดทายกอ นวนั สน้ิ โลก คอื ศาสดามุฮัมมัด ซ่ึงไดรับคัมภีรอัล-กุรอาน โดยนัยนี้ คัมภีรอัล-กุรอานเปนพระคัมภีรที่สมบูรณท่ีสุด เปนฉบับสุดทายและเปนที่รวมแกนสจั ธรรมท้ังหมดที่เคยมมี า \"แทจรงิ เรา-เรา-เราไดประทานขอ ตกั เตอื น (อัล-กุรอาน) น้ีลงมาและแทจ รงิ เราเปนผรู ักษามันแนน อน\"(อลั -กรุ อาน. 15:9)266
การพฒั นาตน 4. ศรัทธาในบรรดาศาสนทูตของอัลเลาะห คือ เชื่อวาพระเปนเจาไดทรงใหมีเราะซูลหรือ ศาสนทูตมาประกาศศาสนาของพระองคแกทุกประชาชาติตลอดท้ังประวัตศิ าสตรสิน้ สุดทีศ่ าสดามฮุ ัมมัด ดังตัวอยางโองการที่วา \"ขอยืนยัน! แทจริงเราไดสงศาสนทูตมากอนหนาเจาในหลาย ๆ คณะของบรรพชนเมื่ออดีต\" (อัล-กุรอาน. 15:10) และ \"มุฮัมมัดไมไดเปนบดิ าของผูใดในหมูบุรุษของสูเจาแตวาเขาเปนรสูลของอัลเลาะห และเปนตราของนบีทั้งหลายและอลั เลาะหเ ปน ผูทรงรอบรทู กุ สงิ่ \" (อัล-กุรอาน 33:40) 5. ศรัทธาในวันส้ินโลก จะมีสมัยที่อัลเลาะหทรงกําหนดใหจักรวาลพินาศ แลวเกิดโลกใหมข้ึนมา ซ่ึงอัลเลาะหจะทรงใหทุกคนฟนคืนชีพมารับการตัดสินการกระทําที่มนุษยประกอบไวในโลกนี้ โดยพระองคอยางยุติธรรม ผูกระทําความดีก็จะไดรับรางวัลตอบสนองอยูในสวรรคชั่วนิรันดร ผูกระทาํ ความช่ัวจะถูกลงโทษทรมานในนรก 6. ศรทั ธาในการกําหนดภาวะท่ังปวงโดยอัลเลาะห คือ ทุกสิ่งทุกอยางเกดิ ข้นึ โดยการกาํ หนดของพระองค และดําเนนิ ไปตามกฎหรือสภาวะที่พระองคทรงวางไวตามพระประสงคของพระองค ดังเชน \"พระองคคือผูสรางสูเจาจากดินแลวทรงกําหนดวาระ (แหงชีวิตของสูเจา) และมีวาระท่รี ะบุไว (รเู ฉพาะ) พระองคแลว สูเจายงั สงสัย\" (อัล-กรุ อาน. 6:2) คุณคาของชีวิตตามความเชื่อของมุสลิม คือ การที่ไดปฏิบัติตามบัญญัติของพระเปนเจาซึ่งครอบคลุมชีวิตในทุกดาน และเปนมาตรฐานเดียวกันสําหรับชายและหญิง ขอปฏิบัติท้ังหมดมีขอปฏิบัติอันเปนพื้นฐานของการปฏิบัติ มีอยู 5 ประการหรือเรียกวา หลักอิสลาม (อัรกานุลอิสลาม) ซงึ่ ไดแก 1. การกลาวปฏิญาณตน หมายถึง การประกาศยืนยันการนับถืออิสลาม โดยกลาวถึง ความเชื่อในหลักสําคัญสูงสุดวา \"ขาพเจาขอปฏิญาณวา แนแท ไมมีพระเจาอน่ื ใด นอกจากอลั เลาะห และขา พเจาขอปฏิญาณวา แนแท มุฮมั มัดเปนศาสนทูตของอลั เลาะห\" 2. การละหมาด หรือ การนมาซ 5 เวลา คือ การทํานมัสการตอพระเปนเจา เชา บาย เย็น ค่ํา และกลางคืน ในนมาซมีทาทางการสํารวมจิตใจระลึกถึงและขอพรตอพระผูเปนเจาดวยอิริยาบถ และคํากลาวที่มีแบบแผน นับวาเปนการฝกจิต ขัดเกลาจิตใจ เพ่ิมพูนความเขาใจในศีลธรรมและคุณธรรมอยางแนวแนและสมํ่าเสมอ นอกจากนั้นยังเสริมสรางความเขมแข็งทางดานรางกายไดเปน อยา งดี ผูทจี่ ะทํากิจน้ี จะตองทําความสะอาดในเคร่ืองแตงกายและรางกาย และทําความสะอาดทางใจ คอื การสํารวม \"สูเจา จงดาํ รงนมาซ แนแท การนมาซชวยยับย้ังผปู ฏิบตั จิ ากความช่วั และความเลวทรามตาง ๆ\" (อลั -กุรอาน. 29:45) 267
การพัฒนาตน 3. การจายซะกาต คือ การแบงปนทรัพยในครอบครองเม่ือครบพิกัดใหแกผูมีสิทธิ์ เปนการสรางสวัสดิการและลดชองวางในสังคม เปนการจัดระเบียบการสรางสังคมสงเคราะห เพ่ือชวยใหผูอื่นมีการกินดีอยูดี ทรัพยที่ตองจายเปนซะกาต ไดแก เงิน ทอง ปศุสัตว ส่ิงเพาะปลูก ฯลฯ ซะกาตกําหนดจายใน 8 ทาง คือ สําหรับคนอนาถา คนขัดสน เจาหนาที่ผูจัดเก็บและจา ยซะกาต ผูทเี่ ลอ่ื มใสจะนับถือหรอื เพ่งิ นับถอื อสิ ลาม การไถทาสหรือเชลย ผูเปนหน้ีสินลนตัวคนเดินทางที่ขาดคา ใชจายในการเดินทางในตางถ่ิน และในหนทางของอัลเลาะห อัล-กุรอานยํ้าวา\"การใหท านเปนการขดั เกลาจติ ใจใหบริสุทธ\"ิ์ (อัล-กุรอาน. 9:103) 4. การถือศีลอด คือ การละเวนจากการกิน การด่ืม การสัมพันธทางเพศและสํารวมตนอยูในคุณธรรม นับตั้งแตแสงอรุณข้ึน จนกระท่ังดวงอาทิตยตกตลอดเดือนเราะมะฎอน อันเปนเดือนท่ี 9 ของศักราชทางจันทรคติอิสลามเปนเวลา 1 เดือน การถือศีลอดก็มิใชงดบริโภคเทาน้ัน แตยังมีการสํารวมตนในศีลธรรมและกระทําความดีตาง ๆ เปนพิเศษดวยใจที่จดจอในอัลเลาะห อัล-กุรอาน ไดกลาวถึงเจตนารมณของการถือศีลอดไววา \"บรรดาผูศรัทธาเอยการถือศีลอดไดถูกกําหนดแกสูเจา ดังท่ีเคยบัญญัติแกบรรดาผูลวงไปกอนสูเจา เพื่อสูเจาจะไดสํารวมตนจากความชั่ว\" (อลั -กรุ อาน. 2:183) การถือศีลอดนี้จะตองปฏิบัติกันทุกคน ไมมีขอยกเวนสําหรับคนรวย คนจน ผูหญิง ผูชาย พระศาสดา หรือกษัตริย แตวามีขอผอนผันสําหรับผูท่ีเดินทางไกล ผูปวย หญิงที่มีประจําเดือน ผูชราภาพ ฯลฯ โดยการถือศีลอดชดใชหรือจายทรัพยตามเง่ือนไขของบัญญตั ิศาสนา 5. การประกอบพิธีฮัจญ เปนการไปเย่ียมเยียน เพื่อประกอบศาสนพิธีตามสถานท่ีสําคัญตาง ๆ ณ เมืองมักกะฮ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เปนหนาท่ีสําหรับผูที่มีความพรอมดานจิตใจ รางกาย และกําลังทรัพย การประกอบพิธีน้ี มีคุณประโยชนนอกเหนือจากการยกระดบั จติ ใจและเสรมิ สรา งคุณธรรมหลายประการ ฮัจญยังเสริมสรางความสํานึกผูบําเพ็ญอัจญในความเปน พ่นี องกัน ความเทาเทียมกันของมวลมนุษยทุกคน ทุกฐานะ ทุกเพศ และทุกวัยตองอยูในสถานท่ีเดียวกัน มีแบบแผนการแตงกายเหมือนกัน และปฏิบัติอยางเดียวกันในกรอบความเชื่อและศีลธรรม หลักพื้นฐานที่สําคัญของศาสนาอิสลามทเ่ี ปนท้งั ภาคทฤษฎีและการปฏิบัติแสดงใหเห็นวา อิสลามเนนความสําคัญของจิตใจเปนพื้นฐานท่ีกอใหเกิดพฤติกรรมภายนอก อิสลามสรางคุณธรรมภายในโดยปลูกฝงศรัทธาความเชื่อมั่นในจิตใจกอน เพ่ือมนุษยจะไดปฏิบัติตนตามรปู แบบของบัญญตั ปิ ระการตา ง ๆ อนั จะทาํ ใหชวี ติ มคี ณุ คา เกดิ สันติสขุ ในตวั บุคคลและสังคม268
การพัฒนาตน ในคําสอนของศาสนาอิสลาม ความสุขเปนธรรมชาติอยางหนึ่งของมนุษยที่พระเปนเจา(อัลเลาะห) ทรงกําหนดใหมี ความสุขเปนส่ิงท่ีมนุษยแสวงหาโดยการกระทําของมนุษยเปนผลตอบ-แทนการกระทําความดีหรืออาจเปนสิ่งที่พระเปนเจาประทานใหตามความประสงคของพระองค หากมนุษยกระทําความดี เชื่อมั่นในอัลเลาะห พระองคก็จะทรงโปรดปรานไดรับผลเปน ความสุข แตถามนุษยทําความช่ัว อัลเลาะหก็จะทรงลงโทษ ผลคือ ความทุกขนั่นเอง ดังนั้นความสุขและความทุกขเปนสภาวะท่ีมีอยูกับมนุษย เมื่อมนุษยมีความสุข มนุษยก็ไมควรดีใจหรือหลงระเริง แตควรระวังความทุกขท่ีอาจจะเกิดตามมา ความสุขและความทุกขในศาสนาอิสลามอาจแบงไดเ ปน 2 ความหมาย ดังนี้ 1. เปนปรากฏการณทางธรรมชาติ 1.1) ความสุขและความทุกขเปนภาวะทางธรรมชาติที่มีอยูในตัวมนุษยทุกคน เปนประสบการณที่มนุษยมี เชน ความเจ็บปวดทางกาย ในอัล-กุรอาน กลาววา\"เราสรางมนุษยดวยความยากลําบาก\" และเราไดสั่งมนุษยใหทําการดีตอพอแมของเขา แมของเขาไดอุมครรภเ ขาดวยความเหนื่อยยาก และไดคลอดเขาดว ยความเจบ็ ปวด และการอุมครรภเขา และการหยานมของเขาสามสิบเดือน จนกระทั่งเม่ือเขาบรรลุการเปนผูใหญและถึงสี่สิบป เขากลาววาขาแตพระผูอภิบาลของฉัน! ขอไดทรงโปรดประทานแกฉัน (อัล-กุรอาน. 46:15) และเม่ือเราไดใหมนุษยลิ้มความเมตตา พวกเขาก็ระร่ืนโดยสิ่งนั้น และถาทุกขรายอันใดประสบแกพวกเขาเน่ืองดวยน้ํามือของพวกเขาไดประกอบไวกอน เม่ือน้ันจงดูเถิด พวกเขาทอถอย (อัล-กุรอาน.30:36) 1.2) ความสุขและความทุกขเปนผลมาจากพฤติกรรมของมนุษยส่ิงท้งั หลายเหลานี้เปนผลมาจากเจตนาและการกระทําของมนุษย และทุกขภัยอันใดที่ประสบแกสูเจา ดังนั้น เนื่องมาจากที่สูเจาไดขวนขวายไวดวยนํ้ามือของสูเจาเอง และพระองคทรงไดทรงอภัย(ความผิด) มากตอมาก (อัล-กุรอาน. 42:30) และเราไมไดสงบรรดารสูล เวนแตเปนผูแจงขาวดีและผูตักเตือน เพราะฉะน้ัน ผูใดศรัทธาและฟนฟูการดี ดังน้ัน จะไมมีความหวาดกลัวแกเขาทัง้ หลายและเขาทง้ั หลายจะไมร ะทม (อัล-กรุ อาน. 6:48) อันใดแหงความดีประสบแกเจา (มนุษยเอย!) ดังนั้น (มันมา)จากอัลเลาะห และอันใดแหงความชวั่ ประสบแกเจา ดังน้ัน (มนุษยเอย!มันมา) จากตัวเจาเอง และเราไดส งเจา เปนรสลู แกมนุษยชาตแิ ละเพียงพอแลว ทีอ่ ัลลอฮท รงเปนพยาน (อัล-กุรอาน. 4:79) 269
การพฒั นาตน 1.3) ความทุกขและความสุขท้ังสองอยางนี้ดําเนินอยูในโลกน้ีและโลกหนา ความทกุ ขและความสขุ เหลาน้เี ปนสาระของมนุษยท่ีดาํ รงชวี ิตอยูท่เี ปน ความจริงในโลกน้ี และเปนความรูส กึ ของจติ ใจท่ีครอบคลุมไปถึงชวี ิตหลังความตาย จงรูไวเถิดวา ชีวิตแหงโลกน้ีเปนเพียงการละเลน และการบันเทิงและเคร่ืองประดับและความโออวดระหวางสูเจา และในการแขงขันกันสะสมทรัพยสินและลูก ๆดังอุปมาของนํ้าฝนซึ่งการงอกเงย (แหงพืชผล) ของมันยังความพึงพอใจแกชาวนา แลวมันแหงเห่ียว เจาก็เห็นมันเปนสีเหลือง แลวมันก็เปนเศษเปนชิ้น สวนปรโลกน้ัน มีการลงโทษอันสาหัสพรอมทั้งการใหอภัยโทษจากอัลเลาะหและความปราโมทย (ของพระองค) และชีวิตของโลกนี้มิใชอืน่ ใด นอกจากเปนปจจัยแหงมายาเทา นัน้ (อลั -กุรอาน. 57: 20) 2. เปน ปรากฎการณทางจรยิ ธรรม 2.1) ความทุกขและความสุขเปนเครื่องพิสูจนและเปนปจจัยการพัฒนาคุณธรรมและยังเปนกฏเกณฑของอัลเลาะห ซึ่งมนุษยจะตองประสบ การปฏิบัติตามกฎศีลธรรมของอลั เลาะห กเ็ พือ่ ทีจ่ ะบรรลจุ ดุ มุง หมายสูงสุดของชีวิต ทุก ๆ ชีวิตมีความตาย และเราไดลองใจสูเจาดวยการทดลองแหงความชัว่ และความดี และยงั เราทส่ี ูเจา จะถูกนํากลบั (อลั -กุรอาน. 21:35) เพื่อสูเจาจะไดไมตองระทมตอที่ไดสูญไปจากสูเจา และไมระเริงตอท่ีพระองคไ ดทรงประทานแกสเู จาและอัลลอฮไมท รงรกั ทุก ๆ ผโู อหัง ผูค ุยโว (อลั -กรุ อาน. 57:23) 2.2) ความสุขเปนสิ่งท่ีถูกจัดสรรใหมนุษยทุกคน เปนความโปรดปรานและความเมตตาของอลั เลาะห \"และเมื่อเราไดใหความสุขแกมนุษยคนใด เขาก็มักจะหันหลังใหและนําตวั เขาหางเหิน และเมื่อสง่ิ เลวรายสัมผัสเขา เขากจ็ ะพราํ่ วอนขออยางยืดยาว\" (อัล-กรุ อาน. 41:51) 2.3) ความสุขเปนรางวัลของอัลเลาะหที่ประทานแกมนุษยผูที่กระทําความดี มิใชเชน น้นั ผใู ดนอบนอ มตวั เขาตอ อัลเลาะห และเขาเปนผูกระทําการดี ดังน้ัน สําหรับเขา คือรางวัลของเขาอยูที่พระผูอภิบาลของเขาและไมมีความหวาดกลัวแกเขาท้ังหลาย และเขาทง้ั หลายจะไมร ะทม (อัล-กรุ อาน. 2:112) มิใช (คุณลักษณะของ) อัลเลาะห ที่พระองคจะทรงปลอยบรรดาผูศรทั ธาในสภาพทสี่ ูเจา เปน อยู จนกระท่งั พระองคท รงจําแนกท่เี ลวออกจากที่ดีและมิใช อัลเลาะห ที่270
การพฒั นาตนพระองคจะทรงแจงส่ิงพนญาณวิสัยแกสูเจา แตอัลเลาะหทรงเลือกรสูลทั้งหลายของพระองคผูพระองคทรงประสงค ดังน้ัน จงศรัทธาในอัลเลาะหและรสูลท้ังหลาย และถาสูเจาศรัทธาและสํารวมตนจากความชว่ั ดังนั้น สาํ หรับสเู จา คอื รางวัลอนั ใหญหลวง (อัล-กรุ อาน. 3:178) 2.4) ความทกุ ขเ ปนผลมาจากทัศนะท่ีผิดและการกระทาํ ความชวั่ \"อันใดแหงความดีประสบแกเจา (มนุษยเอย!) ดังนั้น (มันมา) จากอัลเลาะห และอันใดแหงความช่ัวประสบแกเจา ดังนั้น (มนุษยเอย!มันมา) จากตัวเจาเอง และเราไดสงเจาเปนรสูลแกมนษุ ยชาติ และเพียงพอแลวท่ีอลั เลาะห ทรงเปนพยาน\" (ในหนา ที่เผยแผน ้ี) (อัล-กรุ อาน. 4:79) 2.5) ความทกุ ขเ ปน การลงโทษของอลั เลาะหส าํ หรับผกู ระทําความชั่ว ถาบาดแผลหน่ึงประสบแกสูเจา (ในสงครามอุหุด) แนนอน บาดแผลเย่ียงนั้น (ในสงครามบัดรฺ) ไดประสบพวก (ไมเช่ือถือ) นั้น และวันท้ังหลายเหลาน้ี (คือชัยชนะหรือการปราชยั , ความสขุ หรือความทุกข) เราไดหมุนเวยี นมันระหวา งมนุษยและเพ่ืออัลเลาะหจะไดทรงจําแนกใหรูบรรดาผูศรัทธา และจะไดทรงเอาเปนพยาน (หรือผูตายในสงคราม) จากในหมูสูเจาและอัลเลาะหไ มท รงรกั ผอู ธรรม (ทใ่ี สร ายวา การแพที่อุหุด) เพราะหลักการของศาสนาอิสลาม และเพ่ือท่ีอัลเลาะหจะไดทรงฟอกเกลาบรรดาผูศรัทธา และทรงบั่นทอนพวกปฏิเสธ หรือสูเจาคิดวาสูเจาจะไดเขาสวนสวรรคและอัลเลาะหยังไมไดทรงจําแนกใหรูซึ่งบรรดาในหมูสูเจา ผูด้ินรนตอสูและทรงจําแนกใหรูซึ่งผอู ดทน (อัล-กุรอาน. 3:139-141) 2.6) ความทกุ ขเ ปน มาตรการท่อี ลั เลาะหทรงใหมีขึ้นเพอื่ ขัดเกลาผศู รัทธา หรือสูเจาคิดวา สูเจาจะไดเขาสวนสวรรคและอัลเลาะหยังไมไดทรงจาํ แนกใหร ูซงึ่ บรรดาในหมสู ูเจา ผูด้ินรนตอสู (ในทางของอัลเลาะห) และ(ยังไมได) ทรงจําแนกใหรูซงึ่ ผอู ดทน (อลั -กุรอาน. 3:141) หรือสูเจาคิดวาสูเจาจะไดเขาสวนสวรรคในเม่ือยังไมไดมา (ประสบ)แกสูเจา เย่ียงบรรดา (มุสลิม) เหลานั้นท่ีไดลวงลับไปกอนสูเจา ความทุกขยากและความลําเค็ญ(เจ็บปว ย) ไดป ระสบแกพวกเขา และพวกเขาถูกสะเทือนอยางหว่ันไหว จนกระท่ังรสูลและบรรดาผูศรัทธารวมกับเขา กลาววา เม่ือใดการชวยเหลือของอัลเลาะห จงรูไวเถิดการชวยเหลือของอัลเลาะหน้ันใกล (อัล-กุรอาน. 2:214) 271
การพัฒนาตน 2.7) ความทุกขเปน เครื่องขจัดบาปใหก ับมนุษย \"ถามุสลมิ คนใดประสบกับความทุกขรอน ความยากลําบาก ความวิตก ความเศราหมอง ภัยอันตราย ภัยพิบัติ แมแตถูกหนามตําอัลเลาะหท รงปลดเปลื้องบาปเล็ก ๆ นอย ๆ ของเขาดวยเหตนุ น้ั \" (อลั -หะดษี ) มุสลิมที่ประสบภัยพิบัติจากความเจ็บปวยหรือจากเหตุอื่น ๆ การปลดเปลื้องจากบาปเปนการตอบแทนแกเขา เสมือนหนึ่งใบไมร ว งจากตน (อัล-หะดษี ) 2.8) ความทุกขและความสขุ ในโลกนี้เปนสัญลักษณของความทุกขและความสุขในชีวิตหลังความตายและโลกหนา \"และทกุ ๆ ชวี ิตจะมาพรอมกับ (มลัก) ผูขับไส และ (มลัก) ผูเปนพยาน(เพราะเขาทําการดี 24:24) (แลว พระองคจ ะตรสั วา) โดยแนนอนย่ิงเจาไดเฉยเมยในขอน้ี เราจึงไดเลิกมานออกจากเจา ดงั นนั้ วนั นีส้ ายตาของเจาจึงคม\" (อลั -กุรอาน. 50:21-22) \"แทจริง ในการกลับมาของเขา (คือฟนข้ึน) อีกน้ัน พระองคทรงอานุภาพแนนอนวันซงึ่ ลี้ลับท้งั หลายก็จะถกู เปดเผย\" (อัล-กุรอาน. 86:8-9) จากโองการเหลานี้ ตามคาํ สอนของศาสนาอิสลาม จะเห็นวาความสุขและความทุกขเปนเร่ืองของจิตใจภายใน ที่สัมพันธกับพฤติกรรมภายนอก และมนุษยเปนเหตุสําคัญแหงความสขุ และความทกุ ขข องตนเอง ศาสนาอสิ ลามใหความสําคัญแกจิตใจเปนพื้นฐาน โดยมีทัศนะและเจตนาเปนท่ีตั้งของการกระทําหรือการแสดงออกพฤติกรรมของมนุษย และผลจากการกระทําจะเปน ทุกขหรือสขุ อยูท่ีตัวมนุษยเปนหลัก อันเปนไปตามธรรมชาติและกฏศีลธรรมที่อัลเลาะหทรงวางไว คําสอนเหลาน้ีพิจารณาไดวา ไดแสดงคุณคา 2 ประการ คือ 1.) คุณคาท่ีเปนเปาหมายของชีวติ ไดแก ความสขุ ในโลกน้ีและความสุขช่ัวนิรันดรในโลกหนา และ 2.) คุณคาท่ีเปนเคร่ืองมือหรือวิธีการไปสูเปาหมาย ไดแก ศีลธรรมหรือบรรทัดฐานของการดําเนินชีวิต ถือวาเปนสิ่งดีงาม เพราะนําทางใหม นษุ ยไปสเู ปา หมายที่เปนคุณคาประการแรก สวนคุณคาหลังเปนการแสดงความเคารพภักดีตอพระผูเปนเจา เนื่องจากเปนการเชื่อฟงตอพระองค คุณคาหลังเปนการตอบแทนความดีท่ีพระเปนเจาทรงใหมีแกการกระทํา คุณคาสองประการน้ี เปนความหมายของอิสลามในฐานะที่บงบอกถึงความหมายในเร่ืองเปาหมาย (สันติ) และวิธีการ (การจํานน หรือการมอบตนตอพระเปนเจา) จากที่กลาวมาขางตนท้ังในแงประวัติ ความหมายและมุมมองของแตละศาสนาท่ีเกี่ยวของกับความสุขถูกศึกษาและเรียบเรียงโดยพระสุริยัญ ชูชวย ซ่ึงเปนสวนหนึ่งของผลงานวทิ ยานิพนธศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดลที่ทานไดศึกษาและเรียบเรียงไว โดยทานไดท ําการสรปุ ความหมายของความสุขในมมุ มองของทัง้ 3 ศาสนาดังกลาวไวแบบกระชบั ดงั น้ี272
การพฒั นาตน ศาสนาพุทธ ความสุข คือ การดําเนินชีวิตอยางมีสติรูเทาทันความคิดของตนท่ีกอ ใหเกิดประโยชนต อ ตนเองและผูอื่น ศาสนาคริสต ความสุข คือ การดําเนินชีวิตที่มีความรักตอพระเจาและเพ่ือนมนษุ ยท กี่ อ ใหเกิดสนั ตภิ าพ ศาสนาอิสลาม ความสุข คือ การดําเนินชีวิตดวยการทําความดีท่ีมีหลักศรัทธาและ หลกั การปฏบิ ตั ิตอพระเปน เจา ท่กี อ ใหเกิดสันตสิ ุข8.2 ความสขุ ในแตล ะวยั ในชว งอายุของชีวิตคนเรา ความสุขในแตละวัย แตละชวงอายุมองในภาพรวมแลวอาจะมีความคลายคลึงกันหรืออาจกลาวไดวา ทุกชวงอายุของมนุษยตองการที่จะมีความสุข ปราศจากความทุกข ความผิดหวัง ความขุนของหมองใจ แตเม่ือพิจารณาลงไปในรายละเอียดแลวจะพบวาในแตละชวงวัยของมนุษยเราน้ัน มีความตองการที่จะมาตอบสนองเพื่อใหเกิดความสุขทั้งทางรางกายและจิตใจที่แตกตางกันไป คุณเกสร จากเว็บไซตบล็อกแลกเปลี่ยนความรู หอสมุดพระราชวังสนามจันทร มหาวิทยาลัยศิลปากร (http://www.snc.lib.su.ac.th/snclibblog) ไดเสนอมุมมองความสุขทแี่ ตกตางกนั ไปในแตละชว งวยั ไวด ังนี้ 1. ความสุขในวัยเด็ก วัยเด็กในท่ีนี้หมายถึงเด็กทารกจนถึงเด็กท่ีเรียนในระดับประถมศึกษา ความสุขของเด็กในวัยนี้จะขึ้นอยูกับบิดามารดาเปนสวนใหญ ตองการความรัก ความเอาใจใส โอบกอดดวยสัมผัสท่ีอบอุน ออนโยนและเต็มไปดวยความรักจากท้ังคุณพอและคุณแมเปนส่ิงท่ีพวกเขาตองการมากที่สุด นอกจากนั้น เมื่อเด็กโตข้ึนจนถึงวัยท่ีเริ่มเขาโรงเรียน ก็จะเร่ิมเรียนรูจากสิ่งแวดลอมรอบๆตัวมากขึ้น เริ่มมีเพ่ือน ไดเลนและเรียนรูจากของเลน ตุกตา หุนยนต เคร่ืองเลนตา งๆ แตความรกั จากพอ และแมก็ยงั คงความสขุ ทีว่ ัยน้ีตองการมากท่ีสุด 2. ความสขุ ของวยั รนุ วยั รุน ในทนี่ ้ีหมายถงึ เดก็ ในชว งวยั เรียนในระดับมัธยม จนถึงระดับมหาวิทยาลัยชว งนเ้ี ด็กจะเรม่ิ เปนวัยทอี่ ยากสลดั คราบของความเปน เด็กออกไปจากตวั เอง อยากใหพอแมรวมถึงคนรอบขางอ่ืนๆ มองวาตนเองเปนผูใหญและดูแลตนเองได ตองการใหผูปกครองไววางใจตนเองเดก็ ผูหญงิ จะรักสวยรกั งาม เดก็ ผูช ายจะสาํ อางมากขึ้น เพื่อนจะเขามามีบทบาทในชีวิตมากข้ึน จะใหความสําคัญกับเพื่อนคอนขางสูง ชอบการทํากิจกรรมเปนกลุมในชั้นเรียนและนอกช้ันเรียน 273
การพัฒนาตนตองการเปนที่ยอมรับจากเพื่อน ดังนั้นความสุขในชวงวัยนี้มักจะอยูที่การไดเลนไดทํากิจกรรมรว มกับเพ่ือน ตอ งการการแสดงออกและตอ งการใหผูอ น่ื รับฟงและยอมรับในความคดิ เห็นของตน 3. ความสขุ ของคนวัยทํางาน วัยทํางานในท่ีนี้หมายถึงวัยที่เพ่ิงจบระดับมหาวิทยาลัยและเร่ิมเขาสูการทํางานจนถึงชวงอายุประมาณ 50-55 ป เปนชวงอายุที่ตองรับผิดชอบท้ังตอตนเองและครอบครัว คนรอบขาง ชวงวัยนี้ตองการความกาวหนาในอาชีพการงาน ตองการความม่ันคงในการประกอบอาชีพสุดทายไปรวมอยูท่ีการประสบความสําเร็จในการงาน สามารถดูแลตนเองและคนรอบขางไดความสุขของคนในวัยทํางานน้ีจริงๆแลวอาจแตกตางกันไปในชวงอายุ เชนในชวงเริ่มแรกของการทํางานก็ ตองการการยองรับในผลงานของตนเอง ตองการความกาวหนา หลังจากทํางานมาไดระยะหนึ่งก็จะเร่มิ มองถงึ ความมนั่ คงในอาชีพ 4. ความสขุ ในวยั ขรา ในท่ีนี้หมายความถึงคนชวงอายุ 60 ปข้ึนไป คนในวัยนี้มักจะผานประสบการณตางๆมามาก มีมุมมองในชีวิตท่ีสุขุมลุมลึกมากข้ึน ในสังคมไทยสวนใหญมักจะเปนสังคมญาติพ่ีนอ งอยูก ันเปน ครอบครัวใหญ ดงั นน้ั คนวัยนี้มักจะมีความสุขท่ีไดอยูกับลูกหลาน ตองการความรักความเอาใจใสจากลูกหลาน ตองการพูดคุยทํากิจกรรม มีสวนรวมทั้งกับคนในครอบครัวและเพ่ือนฝงู ชอบและมคี วามสุขท่ีไดแ นะนํา เลาประสบการณชีวิตของตนเอง8.3 บุคลิกภาพและทัศนคติกบั ความสุข พนื้ ฐานบคุ ลิกภาพสง ผลตอ ความสขุ ทัง้ ทางตรงและทางออม บคุ ลกิ ภาพท่ีดียอมทําใหท้ังตนเองและคนรอบขางรูสึกดีไปดวย และสามารถนําพาส่ิงท่ีดีในดานตางๆเขามาในชีวิตของเราลักษณะบุคลิกภาพท่ีดีท่ีจะนําพามาซ่ึงความสุขและความสําเร็จ จากเว็บไซต JobsDB.com มีดงั ตอ ไปน้ี 1. เปนคนมองโลกในแงด ี การมีพ้ืนฐานของการมองโลกในแงดี จะทําใหเรามองเห็นความปกติของความวุนวาย ความปกติของการทํางานแลวมีปญหา และความปกติในความไมปกติอ่ืนๆ อีกมาก ในชวี ติ ของคนเราท้ังในดานการทํางานและการใชชีวิต มีหลายเรื่องเปนเรื่องยาก และอีกสวนหนึ่งเปนเร่ืองที่อยูนอกเหนือจากการควบคุมของเรา ฉะน้ัน การประสบพบเจอปญหา ความไมสบายใจหรอื ความไมพึงพอใจ เปนเร่อื งปกติธรรมดา สิ่งสําคัญอยูท่ีเราสามารถควบคุมและจัดการทําอยางดี อยางเต็มท่ี ทําอยางถูกตอง และละเอียดรอบคอบเพียงใด ถาเรารับผิดชอบในสวนของ274
การพฒั นาตนเราเต็มท่ีแลว กม็ าดูวา ปญ หาเกิดในสวนไหน และจะแกไขอยา งไร คนที่มีพ้ืนฐานการมองโลกในแงดีจะไมหยุดอยูกับปญหา พร่ําบน ครํ่าครวญ ฟูมฟาย หรือเอาแตไลเบี้ยหาตัวคนผิด เขาจะมองหาสาเหตุของปญหาเพื่อพิจารณาวาอะไรทําใหเกิดปญหา หรือปญหาเกิดมาจากไหน เพื่อที่จะไดแกไ ขและจบปญ หา พน้ื ฐานเชน นที้ าํ ใหเ ขาเปน คนท่มี ีประสิทธิภาพ นา นับถือ และมีความสุขได 2. เปน คนทรี่ จู ักขอโทษและรับกบั ความผิดพลาดได ความผิดพลาดเปนสิ่งท่ีเกิดข้ึนได แตตองรูจักยอมรับและขอโทษเมื่อไดทําความผิดพลาดลงไป คนท่ีมีบุคลิกภาพในแบบ “ผิดไมได” คนพวกนี้มีความทุกขมากเพราะทุกคร้ังที่เกิดความผิดพลาดในการทํางานข้ึนมา เขาจะตองหาวิธีลากตัวเองใหพนผิดผดิ ไมได ผิดไมเ ปน จนบางครัง้ จะหาวธิ แี กตวั คนประเภทน้ีโอกาสกาวหนาในหนาที่การงานมีนอยมาก หรือหากมีก็มกั จะเปน ทีต่ ิฉินนินทาของเพอื่ นรวมงานอยเู สมอ ความผิดพลาดเม่ือเกิดข้ึนแลว ตองเรียนรู ผิดแลวตองรูสึกผิดแลวขอโทษ จากนั้นชวยกันหาวิธีแกไขและปองกันไมใหเกิดความผิดพลาดซ้ําเดิมขึ้นมาได เทานี้ก็สามารถขา มปญ หาทเี่ กิดข้นึ ไปสเู ร่ืองอ่ืนๆ ไดแ ลว ไมอยา งนั้นกต็ อ งจมอยกู ับความผิด การโทษผูอืน่ 3. เปน คนมีอธั ยาศยั หมายถึงการเปนคนมีมนุษยสัมพันธท่ีดี ย้ิมแยมแจมใส และใจกวางคนท่ีมีบุคลิกลักษณะอยางนี้ จะอารมณดีอยูเปนนิจ จะเขาใจคน รูวาแตละคนมีจุดออนจุดแข็งอยา งไร จะรูจกั เห็นอกเหน็ ใจและคอยสนับสนุนชว ยเหลือผูอ น่ื ไดตรงจุด ความมีมนุษยสัมพันธดีจะทําใหสามารถขอความชวยเหลือผูอ่ืนไดงาย โดยเฉพาะในงานที่เกินกําลัง หรือไมสอดคลองกับความเช่ียวชาญ สามารถขอความชวยเหลือโดยมีคนพรอมท่ีจะชวยเหลือไดทันที ความย้ิมแยมแจมใส ทําใหบรรยากาศในการทํางานดี สมองปลอดโปรง อารมณแจมใส คิดอะไรออกงายทําอะไรทงั้ หนักและเบาไดอ ยางราบรื่น สว นความใจกวา ง จะทําใหสามารถเปดรับคนทุกระดับอายุทุกระดับความรู และทุกระดับการบังคับบัญชา คนทั่วไปจะรักและชื่นชม ใหความสนิทสนมความไววางใจ ในที่สุดจะกลายเปนที่ตองการของทุกๆท่ี ดังน้ันอัธยาศัยไมตรีจึงเปนประตูสูโอกาสท่ีดใี นอนาคต 4. เปนคนมีกาลเทศะ คนท่ีรูจักกาลเทศะจะสามารถวางตัวและปฏิบัติงานไดอยางมีประสิทธิภาพและไมสรางปญหา การไมสรางปญหาใหกับตนเองและบุคคลอื่น ถือเปนหนาท่ีพื้นฐานของคนทํางานทุกคน โอกาสกาวหนาในหนาที่การงานจะมีมาก กาลเทศะน้ัน ไมใชแค 275
การพัฒนาตนมารยาทในการเขาสงั คมเทาน้ัน แตยงั รวมถงึ การเคารพระเบียบวินัยของบริษัท การแตงเน้ือแตงตัวคําพูด ตลอดจนมีปฏิสัมพันธกับคนอื่นๆ ไดอยางเหมาะสม พอเหมาะพอดี ไมมากไมนอยจนเกินไป ไมเปนท่ีเดือดรอนรําคาญใหกับบุคคลอื่น นอกจากนี้ยังรวมถึงการตรงตอเวลาการใชเวลาทาํ งานสรางคณุ คา แกเ นื้องาน แกความรับผิดชอบ และแกอ งคกรดว ย 5. เปน คนทมี่ ีพัฒนาการ หัวใจสําคัญขอหน่ึงของบุคลิกภาพคือ เปนคนที่มีพัฒนาการเปลยี่ นแปลงตัวเองอยูเสมอ เพ่อื ใหส อดคลองกับสภาพสังคมท่ีเปล่ียนไป โดยเนนการเปล่ียนแปลงในทางบวกหรือทางสรางสรรค เชนเปล่ียนแปลงการแตงกาย ทรงผม และการแตงหนาใหรับกับสมัยนิยมอยางพอเหมาะพอเจาะ ไมมากจนเกินไปหรือเชยตกยุคสมัย เปล่ียนแปลงการพูดการสนทนา โดยการพูดใหชัดถอยชัดคํา พูดใหคนฟงฟงรูเร่ือง พูดไมมากหรือนอยเกินไป พูดอยางสภุ าพ มเี สนห บุคลิกภาพในการทํางาน หาความรูเพิ่มเติม โดยการเรียนตอ เขารับการฝกอบรม ฟงบรรยาย รวมการเสวนา หรือแมแตซื้อหาหนังสือมาอานเพ่ิมเติม ฝกฝนตัวเองจนชํานาญในการงานท่ที าํ มาโดยตลอด เรยี กวา เรียนรจู ากการปฏิบตั ิ สวนทัศนคติน้ันหมายถึง การแสดงออกถึงความชอบหรือไมชอบตอบุคคล สถานท่ี สิ่งของ หรือเหตุการณส่ิงใดส่ิงหนึ่ง (https://th.wikipedia.org/) พระไพศาล วิสาโลกลาวเกีย่ วกับทัศนคตกิ ับความสุขในชีวิตของคนเราไววา มนุษยทุกคนยอมปรารถนาความสุข การดําเนินชีวิตและพฤติกรรมทั้งหมดของเราลวนมีจุดมุงหมายเพื่อแสวงหาความสุข แตคนสวนใหญน้ันเขาใจวาที่มาแหงความสุขนั้นอยูนอกตัว ตอเม่ือมีเงินทอง ไดเสพรสอรอย ไดครอบครองโภคทรัพย ไดรับคําสรรเสริญ จึงจะมีความสุข ดังนั้น จึงพยายามด้ินรนแสวงหาสิ่งเหลานั้นใหไดมากท่สี ุด แตเมอื่ ไดสมปรารถนาแลว กม็ คี วามสขุ เพียงชัว่ ครูชั่วยาม จากนั้นก็ตองเริ่มตนไลลาหาใหมอีกระหวางน้นั จติ ใจก็เรารอนเปนทุกข ยังไมตองพูดถึงความทุกขในกรณีที่ไดไมสมอยากหรือไดไมทันอยากกลาวไดวาความทุกขของคนทุกวันนี้ลวนเกิดข้ึนจากการดิ้นรนแสวงหาความสุขท่ีคิดวาอยูนอกตัว ท้ังๆ ท่ีในความจริงแลวความสุขมีอยูแลวที่ใจเราน้ีเอง เราสามารถสัมผัสกับความสุขดงั กลา วไดห ากเพียงแตทําใจใหนิ่งสงบ ปลอดจากความคิดฟุงซา น ความสุขยังเกิดข้ึนกลางใจในยามท่ีเราทําความดี ชวยเหลือเอื้อเฟอผอู ื่น รวมทั้งในยามที่ทําสิ่งยากใหสําเร็จ โดยไมจําตองมีส่ิงใหมมาปรนเปรอตน เราก็มีความสุขไดไมยากหากรูจกั ชื่นชมส่ิงดี ๆ ที่เรามอี ยู จะวาไปแลวแมป ระสบความทกุ ขย ากลําบาก ใจก็ยังเปนสุข276
การพฒั นาตนไดหากรูจักมอง เชน นึกถึงคนที่เดือดรอนกวาเราหรือยอมรับวามันเปนธรรมดา กลาวอีกนัยหน่ึงความสขุ น้ันอยูทที่ ัศนคตแิ ละการวางใจของเราย่ิงกวาอะไรอืน่8.3 คืนความสุขใหชีวติทานอาจารยพ ทุ ธทาส อินทปญโญ แตงบทกลอนแงค ดิ คาํ สอนเกย่ี วกับความสขุ ไวดังน้ีความเอย ความสุข ใครๆ ทุกคน ชอบเจา เฝาว่งิ หาแกกส็ ขุ ฉันกส็ ขุ ทกุ เวลา แตด หู นา ตาแหง ยงั แคลงใจถาเราเผา ตวั ตัณหา กน็ าจะสขุ ถามนั เผา เราก็ “สกุ ” หรอื เกรยี มไดเขาวา สุข สขุ เนอ ! อยาเหอ ไป มันสขุ เยน็ หรอื สุกไหม ใหแน เอย ฯภาพที่ 8.1 หนา เว็บไซตเฟสบุคทานพุทธทาสภกิ ขุ สวนโมกข พระไพศาล วิสาโล กลาวขอคิดเกี่ยวกับความสุขไวอยางนาสนใจผานเว็บไซตเฟสบุค (พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo) วาการย่ิงมีเงินทองมากเทาไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเทาน้ัน ความเช่ือดังกลาวดูเผิน ๆ ก็นาจะถูกตองโดยไมตองเสียเวลาพิสูจน แตถาเปนเชนนั้นจรงิ ประเทศไทยนาจะมีคนปวยดวยโรคจติ นอ ยลง มใิ ชเพม่ิ มากข้ึน ทงั้ ๆ ทรี่ ายไดของคนไทยสูงข้ึนทุกป ในทํานองเดียวกันผูจัดการก็นาจะมีความสุขมากกวาพนักงานระดับลางๆ เนื่องจากมี 277
การพัฒนาตนเงนิ เดอื นมากกวา แตความจริงก็ไมเปนเชนน้ันเสมอไป ไมนานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยไดใหสัมภาษณหนังสือพิมพวา เขารูสึกเบื่อหนายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองวา \"ชีวิต(ของผม)เริ่มหมดคาทางธุรกิจ\" ลึกลงไปกวาน้ันเขายังรูสึกวาตัวเองไมมีความหมาย เขาเคยพูดวา \"ผมจะมีความหมายอะไร กเ็ ปนแค. ...มหาเศรษฐีหมนื่ ลานคนหน่ึง\" เม่อื เงินหมืน่ ลานไมทําใหมีความสุข เขาจึงอยูเฉยไมได ในท่ีสุดวิ่งเตนจนไดเปนรัฐมนตรี ขณะที่เศรษฐีหมื่นลานคนอื่น ๆ ยังคงมุงหนาหาเงินตอไป ดวยความหวังวาถาเปนเศรษฐีแสนลานจะมีความสุขมากกวาน้ี คําถามก็คือ เขาจะมีความสขุ เพ่มิ ขึน้ จริงหรือภาพที่ 8.2 หนาเว็บไซตเ ฟสบุคพระอาจารยไ พศาล วสิ าโล คําถามขางตนคงมีประโยชนไมมากนักสําหรับคนทั่วไป เพราะชาติน้ีคงไมมีวาสนาแมแ ตจะเปนเศรษฐีรอยลาน แตอยางนอยก็คงตอบคําถามท่ีอยูในใจของคนจํานวนไมนอยไดบางวา ทําไมอัครมหาเศรษฐีท้ังหลาย รวมท้ังบิล เกตส จึงไมหยุดหาเงินเสียที ทั้ง ๆ ที่มีสมบัติมหาศาล แตถาเราอยากจะคนพบคําตอบใหมากกวาน้ี ก็นาจะยอนถามตัวเองดวยวา ทําไมถึงไมหยดุ ซอ้ื แผนซีดีเสียทีท้ัง ๆ ท่ีมีอยูแลวนับหม่ืนแผน ทําไมถึงไมหยุดซื้อเส้ือผาเสียทีทั้ง ๆ ท่ีมีอยูแลวเกือบพันตัว ทําไมถึงไมหยุดซ้ือรองเทาเสียทีท้ัง ๆ ท่ีมีอยูแลวนับรอยคู แผนซีดีท่ีมีอยูมากมายนั้นบางคนฟงท้ังชีวิตก็ยังไมหมด ในทํานองเดียวกัน เสื้อผา หรือรองเทา ที่มีอยูมากมายน้ัน บางคนก็278
การพฒั นาตนเอามาใสไมครบทุกตัวหรือทุกคู มีหลายตัวหลายคูท่ีซื้อมาโดยไมไดใชเลย แตทําไมเราถึงยังอยากจะไดอีกไมห ยดุ หยอ น ใชหรือไมวา สิ่งที่เรามีอยูแลวในมือนั้นไมทําใหเรามีความสุขไดมากกวาสิ่งที่ไดมาใหม มเี สื้อผาอยแู ลวนับรอ ยกไ็ มท ําใหจ ิตใจเบง บานไดเ ทากับเสื้อหน่ึง ตัวที่ไดมาใหม มีซีดีอยูแลว นับพันก็ไมท าํ ใหรูสึกต่ืนเตนไดเทากับซีดีหนึ่ง แผนท่ีไดมาใหม ในทํานองเดียวกันมีเงินนับรอยลานในธนาคารก็ไมทําใหรูสกึ ปลาบปลืม้ ใจเทากับเมือ่ ไดมาใหมอ ีกหนงึ่ ลา น พดู อกี อยา งก็คอื คนเรานั้นมักมีความสุขจากการได มากกวาความสุขจากการมีมีเทาไรก็ยงั อยากจะไดม าใหม เพราะเรามกั คิดวา ของใหมจ ะใหค วามสขุ แกเราไดมากกวาส่ิงที่มีอยูเดิม บอยคร้ังของที่ไดมาใหมนั้นก็เหมือนกับของเดิมไมผิดเพี้ยน แตเพียงเพราะวามันเปนของใหมก็ทําใหเราดีใจแลวท่ีไดมา อาจจะเปนเพราะสัญชาตญาณท่ีมีอยูกับสัตวหลายชนิดไมเฉพาะแ ตมนุษยเทาน้ัน ถาโยนนองไกใหหมา หมาก็จะวิ่งไปคาบ แตถาโยนนองไกช้ินใหมไปให มันจะรีบคายของเกาและคาบช้ินใหมแทน ท้ัง ๆ ท่ีทั้งสองชิ้นก็มีขนาดเทากัน ไมวาหมาตัวไหนก็ตาม ของเกาท่ีมีอยูในปากไมนาสนใจเทากับของใหมที่ไดมา ถาหากวาของใหมใหความสุขไดมากกวาของเกาจริง ๆ เร่ืองก็นาจะจบลงดวยดี แตปญหาก็คือของใหมน้ันไมนานก็กลายเปนของเกา และความสุขทไี่ ดมานั้นในที่สุดก็จางหายไป ผลก็คือกลับมารูสึก \"เฉย ๆ\" เหมือนเดิม และดังน้ันจึงตองไลลาหาของใหมมาอีก เพื่อหวังจะใหมีความสุขมากกวาเดิม แตแลวก็วกกลับมาสูจุดเดิม เปนเชนนี้ไมรูจบ นา คดิ วา ชวี ิตเชนนีจ้ ะมคี วามสขุ จรงิ หรือ เพราะไลลาแตละครั้งก็ตองเหนื่อย จะตองขวนขวายหาเงินหาทอง จะตองแขงกับผูอ น่ื เพอ่ื ใหไดมาซง่ึ สงิ่ ท่ตี อ งการ คร้ันไดมาแลวก็ตองรักษาเอาไวใหได ไมใหใครมาแยงไป แถมยังตองเปลืองสมองหาเร่ืองใชมันเพ่ือใหรูสึกคุมคา ยิ่งมีมากช้ินก็ยิ่งตองเสียเวลาในการเลือกวาจะใชอันไหนกอน ทํานองเดียวกับคนท่ีมีเงินมาก ๆ ก็ตองยุงยากกับการตัดสินใจวาจะไปเท่ียวลอนดอน นิวยอรค เวกัส โตเกียว มาเกา หรอื ซิดนยี ถาเราเพียงแตร จู กั แสวงหาความสุขจากสงิ่ ท่ีมีอยูแลว ชีวิตจะยุงยากนอยลงและโปรง เบามากขึน้ อันทจี่ รงิ ความพอใจในสง่ิ ทีเ่ รามนี ั้นไมใ ชเ ร่ืองยาก แตที่เปนปญหาก็เพราะเราชอบมองออกไปนอกตัว และเอาสิ่งใหมมาเทียบกับของท่ีเรามีอยู หาไมก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอ่ืน เมื่อเห็นเขามีของใหม ก็อยากมีบาง คงไมมีอะไรที่จะทําใหเราทุกขไดบอยครั้งเทากับการชอบเปรียบ เทียบตัวเองกับคนอ่ืน การเปรียบเทียบจึงเปนหนทางลัดไปสูความทุกขท่ีใคร ๆ ก็นิยมใชกัน นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอ่ืน ทําใหเราไมเคยมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีเสียที แมจะมีหนาตาดี ก็ยังรูสึกวาตัวเองไมสวย เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือพรีเซนเตอรในหนัง 279
การพฒั นาตนโฆษณา การมองแบบนที้ ําให \"ขาดทุน\" สองสถาน คือ นอกจากจะไมมีความสุขกับส่ิงท่ีมีอยูแลวยังเปนทุกขเพราะไมไดสิ่งที่อยาก พูดอีกอยางคือไมมีความสุขกับปจจุบัน แถมยังเปนทุกขเพราะอนาคตทพี่ งึ ปรารถนายังมาไมถ ึง ไมมีอะไรที่เปนอุทธาหรณสอนใจไดดีเทากับนิทานอีสปเรื่องหมาคาบเนื้อ คงจําไดวา มีหมาตัวหนึ่งไดเน้ือช้ินใหญมา ขณะที่กําลังเดินขามสะพาน มันมองลงมาท่ีลาํ ธาร เห็นเงาของหมาตัวหน่ึง (ซึ่งก็คือตัวมันเอง) กําลังคาบเน้ือช้ินใหญ เนื้อช้ินน้ันดูใหญกวาชิ้นท่ีมันกําลังคาบเสียอีก ดวยความโลภ (และหลง) มันจึงคายเนื้อท่ีคาบอยู เพ่ือจะไปคาบช้ินเนื้อที่เห็นในนํ้า ผลก็คือเม่ือเน้ือตกน้ํา ชิ้นเนื้อในนํ้าก็หายไป มันจึงสูญท้ังเนื้อท่ีคาบอยูและเนื้อท่ีเห็นในน้ํา บอเกิดแหงความสุขมีอยูกับเราทุกคนในขณะน้ีอยูแลว เพียงแตเรามองขามไปหรือไมรูจักใชเทาน้ัน เมื่อใดท่ีเรามีความทุกข แทนท่ีจะมองหาส่ิงนอกตัว ลองพิจารณาส่ิงท่ีเรามีอยูและเปนอยูไมวา มิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ ทรัพยสิน รวมท้ังจิตใจของเรา ลวนสามารถบันดาลความสุขใหแกเราไดท ง้ั นน้ั ขอเพียงแตเ รารูจักชน่ื ชม รูจกั มอง และจดั การอยา งถูกตองเทา นน้ั แทนทจ่ี ะแสวงหาแตความสุขจากการได ลองหันมาแสวงหาความสุขจากการ มีหรือจากสิ่งที่ มี ข้ันตอไปคือการแสวงหาความสุขจากการ ให กลาวคือยิ่งใหความสุข ก็ยิ่งไดรับความสุข สุขเพราะเห็นนํ้าตาของผูอ่ืนเปลี่ยนเปนรอยย้ิม และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ไดทําความดีและทําใหชีวิตมีความหมาย จากจุดนั้นแหละก็ไมยากท่ีเราจะคนพบความสุขจากการ ไมมี น่ันคือสขุ จากการปลอ ยวาง ไมยึดถือในสิ่งท่ีมี และเพราะเหตุน้ัน แมไมมีหรือสูญเสียไป ก็ยังเปนสุขอยูไดการที่มีโอกาสไดเกิดมาเปนมนุษยนาจะไดสัมผัสกับความสุขจากการ “ให” และการ “ไมมี” เพราะน่ันคือสุขท่ีสงบเย็นและย่ังยืนอยางแทจริง นอกจากน้ัน พระอาจารยไพศาลยังไดกลาวเพ่ิมเติมเกี่ยวกับส่ิงที่คูกับความสุข นั่นก็คือความทุกขเอาไววา คนเรามักจะมีความทุกขอยูกับสองเรื่องหน่ึงทกุ ขเพราะอยากไดสง่ิ ที่ไมม ี และสอง ทกุ ขเ พราะอาลยั ในสง่ิ ทเี่ คยมีแลวเสียไป แตถาเราหันมาใสใจกับส่ิงที่เรามี เราก็จะพบวาความสุขน้ันอยูกับเราแลว อยางผูหญิงคนท่ีเปนธาลัสซีเมีย เธอมองเห็นวาตัวเองยังมีส่ิงดี ๆ อยูในตัวมากมาย มีอวัยวะครบพอท่ีจะรับรสแหงความสุขไดอยางครบถวน เธอจงึ มคี วามสุข ไมม ัวเปน ทกุ ขกบั โรคภัยไขเจ็บ ขณะเดียวกนั เธอก็ไมมัวสนใจความสุขที่เธอไมมี เมื่อไหรก็ตามท่ีเราหันมาชื่นชมและเห็นคุณคาของสิ่งท่ีเรามีเราก็จะมีความ สุข แตถาเราไปสนใจส่ิงที่เรายงั ไมมี เราจะทกุ ขท นั ที คนที่ยังมีพอมีแม ยังมีลูกหลาน ยังมีสุขภาพดี ยังไปไหนมาไหนได คุณเคยรูสึกไหมวา น้แี หละคือความสขุ อยางหนึง่ คุณเคยรสู ึกไหมวาตวั เองมีโชคท่ียังมีมือและเทาเหมือนคนอ่ืนเขา ผูคนไมคอยตระหนักวาการที่เรามีมือสองมือ มีเทาสองเทา เปนความสุข แตเราจะเร่ิมรูสึกก็ตอเมอ่ื เราเสียมอื เสียขาไป ถงึ ตอนน้ันเราจึงตระหนักวาสองส่ิงน้ีมีคา และตอนท่ีเรามีสองสิ่งน้ีเราก็280
การพฒั นาตนมีความสุขแลว เราไมเ คยรูสกึ วาการที่เราเดินไปไหนมาไหนไดนนั้ เปนความสุขอยางหนึ่ง แตพอเดินไมไดจะรูเ ลยวา ตอนทเ่ี ราเดนิ เหนิ ไดนัน้ เปน ความสุขมาก ๆ ตอนที่เรายังมีพอแมอยูกับเรา เราไมเคยตระหนักเลยวาเรามีความสุข ตอเม่ือสูญเสียทานไปจึงหวนระลึกไดวาตอนที่ทานยังอยูกับเรานั้นเปน ชวงเวลาท่ีเรามีความสุขมาก ถึงตอนนีเ้ ราจะอิจฉาคนทยี่ งั มบี ุพการีอยูครบ อาตมาถึงไดบอกวาความสุขมีอยูกับเราแลวเพียงแตวาเรามองไมเห็นเอง ถาเรามัวใสใจกับส่ิงที่เรายัง ไมมี จะไมมีประโยชนเลยเพราะมันเปนเรื่องของอนาคต ถาเรามัวเสียใจกับส่ิงที่เราเคยมีแตเสียไป สูญไป อันน้ันเรียกวายังหมกมุนอยูกับอดีตซ่ึงก็เปนเร่ืองท่ีไรประโยชนเชน กัน เพราะแกไขอะไรไมไดแลว แตถาเราหันมาใสใจปจจุบัน ชื่นชมปจ จุบัน เห็นคุณคา ของสิง่ ทีเรามี เชน สุขภาพ รา งกายทเ่ี ปน ปกติ เราจะมีความสุข พดู อยางนก้ี ไ็ มไดห มายความวา ถาหากเราตองสูญเสียอวัยวะบางสวนไปเราจะทุกข มันไมแนเสมอไป ทั้งน้ีเพราะวาเราก็ยังมีอีกหลายส่ิงหลายอยางท่ีจะใหความสุขกับเราไดแมวาเราจะไมมีแขนไมมีขาก็ตาม มีชายชาวญ่ีปุนคนหนึ่งชื่อ โอโตทาเกะ แกเขียนหนังสือขึ้นมาเลมหน่ึงช่ือวา “ ไมครบ 5 “ ไมครบ 5 ในที่น้ีคือ ไมมีแขน ไมขา เม่ือเกิดมามีแตตัวกับหัว หนังสือเลมน้ขี ายดีมากในประเทศญี่ปุน มีคนแปลเปน ภาษาไทยแลว มีตอนหนึ่งเขาเขียนวา “ ถึงแมวาผมจะเกิดมาพิการ แตผมก็มีความสุขและสนุกทุกวัน” เขาสามารถทําทุกอยางไดดวยตนเอง กินขาวแตงตัว เขียนหนังสือ และสามารถเลนบาสเกตบอลไดดวย เพราะท้ังหลายทั้งมวลมันอยูที่ใจ แตเปนเพราะเราไมเปด ใจยอมรับมากกวา เราจึงเปน ทกุ ข นีค่ อื ส่ิงท่อี าตมาอยากจะเนน แมเราจะอยูทามกลางอากาศรอน เราก็ยังมีความสุขได มีคนหน่ึงเขาเลาวา วันหน่ึงอากาศรอนมาก เขาจึงนั่งพักผอนในหองแอร ขนาดอยูในหองแอรก็ยังรูสึกอาว ตอนบาย เขาไดยินเสียงบุรุษไปรษณียตะโกนเรียกท่ีหนาบาน เขารูสึกหงุดหงิดมากเพราะไมอยากออกไปรับจดหมาย เนื่องจากอากาศขางนอกรอนมาก แตบุรุษไปรษณียก็ยังคงรออยูที่หนาบาน ไมไดรอเฉยๆ แตร อ งเพลงไปเร่ือยๆ เพราะเขารวู าในบา นมคี นอยู ในท่ีสุดเจาของบานก็ตองออกมารับจดหมายดวยสีหนาที่ไมพอใจ บุรุษไปรษณียยื่นจดหมายใหอยางอารมณดี เจาของบานถามไปวาอากาศรอนอยางนี้ยังมีอารมณรองเพลงอีกหรือ บุรุษไปรษณียตอบวาอยางไร เขาตอบวา ถาโลกรอน แตใจเราเยน็ มันก็เย็น รอ งเพลงเปนความสุขของผมอยางหนึ่ง สงไปรองไป เห็นไหม อากาศรอนก็จริงแตถาใจเราเย็น เราก็รสู กึ เย็น อากาศแมรุมรอนแตใจเยน็ กเ็ ปนสุขได 281
การพัฒนาตนบทสรปุ เม่ือกลาวถึงคําวา ความสุข ก็ปฏิเสธไมไดวาเปนส่ิงที่มนุษยทุกคนที่เกิดมานั้นตองการจะมี มีการใหคํานิยามคําวา สุข หรือ ความสุข แตกตางกันไป ในมุมมองของศาสนาซ่ึงเปนสิ่งที่มนุษยใชยึดเหนี่ยวจิตใจน้ัน ก็อาจมีนิยามของความสุขท่ีแตกตางกันไปในรายละเอียด แตหากพจิ ารณาถึงจดุ หมายปลายทางแลว จะพบไดวาคําสอนของทุกศาสนาก็จะมีปลายทางใหมนุษยไดพบกับความสุขอยางยั่งยืน แทจริง ไมวาจะเปนความวาง ดับกิเลส ดับความอยาก ความตองการเพื่อใหหลีกพนจากความทุกข ของพุทธศาสนา การกลับคืนสูความสัมพันธกับพระเจา และมีชีวิตนิรันดรในอาณาจักรของพระเจา ของศาสนาครสิ ต รวมไปถึงการไดไปพบกับพระเจา คือ อัลเลาะหของศาสนาอิสลาม หรือแมกระท่ังศาสนาอ่ืนๆที่ไมไดกลาวถึงในที่น้ี จะพบไดวา ความสุขนั้นเปนหนทางที่มนษุ ยท ุกคน ทุกเช้ือชาติ ทกุ ศาสนา ทกุ ความเชอื่ ตอ งการทีจ่ ะแสวงหา ความสุขน้ันเมื่อมองอยางผิวเผินแลวอาจพบวา การจะมีความสุขไดนั้น เกี่ยวของกับทุกสิ่งทุกอยางที่อยูรอบๆ ตัวเรา ไมวาจะเปนความรัก ความเอาใจใส การใหความสําคัญของพอแมญาติพี่นอง เพ่ือนฝูง รวมไปถึงชื่อเสียง เกียรติยศ วัตถุ สิ่งของทรัพยสมบัติ เงินทอง ของมีคาท่ีเราไดม าครอบครอง ตอบสนองความตองการในตัวเรา หากพิจารณาลงไปใหดีแลวจะพบวา ความสุข เปนเรื่องของจิตใจ ท่ีเราสรางมันขึ้นมาดวยตวั เอง สุขท่ตี ัวเราเอง เชนเดยี วกันกบั ความทกุ ข ทเี่ ปน สง่ิ ที่มนุษยทุกคนไมอยากได ไมตองการก็เปน สิ่งที่ตัวเราเองสรา งขน้ึ มาทัง้ สิ้น ทั้งสุขและทุกข อยูที่ตัวเราเอง เราเปนผูสรางมันข้ึนมา ดังน้ันแทท ่จี รงิ แลว เราเองสามารถท่จี ะกาํ หนดเลือกไดวา เราตองการความทุกข หรือความสุข ซึ่งก็คงไมมีใครท่ตี อ งการความทกุ ขอ ยแู ลว ทกุ คนตอ งการความสขุ เพยี งแตวา เรานําความสุข ท่ีเราสามารถสรา งและกําหนดไดเองนนั้ ไปผกู ติดอยูกับสิ่งตางๆ นอกตัวเรา ใหสิ่งอื่นภายนอกมาเปนตัวกําหนดท่ีจะใหหรือไมใหความสุขกับเรา ท้ังๆ ที่เราเองตางหากที่จะเปนผูกําหนดและสรางความสุขไดเองจากภายในตวั เรา และภายในจิตใจเราเอง282
การพัฒนาตนคาํ ถามทบทวน 1. ใหนกั ศึกษาอธบิ ายความหมายของคาํ วา ความสุข ตามความเขา ใจของนักศึกษา 2. ในทางพุทธศาสนาไดอธิบายความสุขไว 2 แบบ ไดแก โลกียสุขและโลกุตตระสุขใหน ักศกึ ษาอธิบายวา ความสุขทง้ั 2 แบบน้มี คี วามแตกตา งกนั อยางไร 3. หลักธรรมอริยสัจ 4 ของพุทธศานา ประกอบดวย หลักธรรมขอใดบางและมคี วามหมายอยา งไร 4. หลักอริยมรรค 8 ประการ เปนหลักการปฏิบัติใหเปนแนวทางนําไปสูความสุขสูงสุดในทางพระพทุ ธศาสนาความสขุ สงู สดุ หมายความวา อยางไร 5. การดําเนนิ ชวี ติ ตามคําสอนของศาสนาครสิ ตน ั้นมีจดุ มงุ หมายสงู สุดวา อยางไร 6. ใหน กั ศึกษาอธบิ ายความสขุ ตามคําสอนศาสนาครสิ ตว ามหี มายความวาอยางไร 7. หลักคําสอนของศานาอิสลามกลาวไววา การดําเนินชีวิตดวยการทําความดีที่มีหลักศรัทธาตอ อลั เลาะห และการทําความดีนั้นก็จะทําใหมนุษยดําเนินไปสูจุดหมายสูงสุด ใหนักศึกษาอธิบายวาจดุ หมายสงู สุดของศานาอิสลาม คอื อะไร 8. ความสุขในวัยรุนหรือวัยที่กําลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาน้ันมีความแตกตางจากความสุขในวัยเดก็ อยางไร 9. ลกั ษณะบคุ ลิกภาพท่ีดีท่จี ะนําพามาซ่งึ ความสขุ และความสาํ เรจ็ นั้นเปน อยางไร 10. นกั ศึกษาคิดวา เศรษฐีแสนลานจะเปน ผูที่มีความทุกขไดห รอื ไม อยางไร 283
การพฒั นาตน เอกสารอางองิความสุขในการทํางานกับพ้ืนฐานบุคลิกภาพ, http://th.jobsdb.com/th-th/articles/ความสุขใน การทาํ งาน-2, August 20, 2014.ความสุขในทางพุทธศาสนา, ทัศนคติ, มรรคมีองคแ ปด, ศาสนาคริสต, อรยิ สจั 4, https://th.wikipedia.org/เครอื ขายจิตอาสา Volunteer Spirit Network, รูส ติ วิถแี หงความสขุ ในสงั คมท่ีคิดตา ง ตามแนวทาง ของพระไพศาล วิสาโล, http://www.volunteerspirit.org/node/2293ทา นพทุ ธทาสภิกขุ สวนโมกข, https://www.facebook.com/ ThanPhuththThasPhikkhuSwnMokkh/มลู นิธชิ าวคริสตศาสนิกชนออรโธด็อกซในประเทศไทย, http://www.orthodox.or.th/พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542,”สุข”, http://rirs3.royin.go.th/พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo, https://www.facebook.com/visalo/พระสุริยัญ ชูชวย 2545, มหาวิทยาลัยมหิดล, “คุณคาของชีวิตและการแสวงหาความสุขตามคํา สอนของศาสนา”, http://www.thaicadet.org/Religious/GoodLife-Religious.htmlเว็บไซตวสิ าโล, http://www.visalo.org/สุริยัญ ชูชวย. (2545). การแสวงหาความสุขและคุณคาของชีวิต กรณีศึกษาทัศนะกลุมคนตางวัย ในกรุงเทพมหานคร, วิทยานิพนธศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาจริยศาสตรศึกษา บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั มหิดลอลั กุรอาน, https://th.wikipedia.org/wiki/อัลกุรอานKasorn, \"ความสุข 360องศา\", 25 มค 2558, http://www.snc.lib.su.ac.th/snclibblog/The Islamic Foundation, คัมภีรของอัลเลาะห, http://www.islammore.com/284
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296