แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิชาแบบออนไลน์ 98 รายวิชา ภาษาไทย พท21001 จานวน 4 หนว่ ยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ผลการเรยี นรูท้ ี่ จานวน 160 ชว่ั โมง คาดหวัง บทเรียน หัวเรอ่ื ง วตั ถุประสงค์เชงิ กิจกรรมการเรยี นรู้ จานวน สอ่ื การเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ออนไลนท์ ี่ พฤติกรรม ประเมินผล ชั่วโมง เร่อื งที่ 4 หลักการ พินิจวรรณคดี 1.2 ผูเรยี น เรียนรเู รอ่ื ง 1. หนงั สือวชิ า ดานวรรณศิลป และดา นสงั คม วรรณคดีและ ภาษาไทย วรรณกรรม จากหนังสือ พท 21001 เรยี น วิชาภาษาไทย พท21001 (หนา144- 155) โดยแสกน Qr code 1.3 ผเู รียนศกึ ษาใบ 2. ใบความรู ท่ี 6 ความรู ที่ 6 เร่อื ง เรื่อง วรรณคดี วรรณคดแี ละ และวรรณกรรม วรรณกรรม 98
แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นร้วู ชิ าแบบออนไลน์ 99 รายวชิ า ภาษาไทย พท21001 จานวน 4 หนว่ ยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ผลการเรยี นรู้ท่ี จานวน 160 ช่วั โมง คาดหวัง บทเรียน หวั เรอื่ ง วตั ถปุ ระสงค์เชงิ กิจกรรมการเรยี นรู้ จานวน สือ่ การเรยี นรู้ การวัดและ กศน.4 ออนไลนท์ ่ี พฤตกิ รรม ประเมนิ ผล ชว่ั โมง 1.4 ผูเ รียนศกึ ษาสื่อจาก 3. สอื่ Youtube Youtube เรื่อง เรื่อง พื้นฐาน พ้ืนฐานวรรณคดีไทย วรรณคดีไทย โดยแสกน Qr code 1.5 ผเู รียนศกึ ษาส่ือจาก 4. สื่อ Youtube Youtube เรอ่ื ง ประวัติ เร่ือง ประวัติ ความเป็นมาและเรอ่ื ง ความเป็นมาและ ยอของวรรณคดีสภุ าษิต เรอ่ื งยอของ พระรวง โดยแสกน วรรณคดีสุภาษิต Qr code พระรวง 99
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูว้ ชิ าแบบออนไลน์ 100 รายวิชา ภาษาไทย พท21001 จานวน 4 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ผลการเรยี นรทู้ ่ี จานวน 160 ชว่ั โมง คาดหวงั บทเรยี น หวั เรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชงิ กจิ กรรมการเรียนรู้ จานวน สอ่ื การเรยี นรู้ การวดั และ กศน.4 ออนไลนท์ ี่ พฤตกิ รรม ชั่วโมง ประเมนิ ผล 1.6 ผูเ รียนศกึ ษาสื่อจาก youtube เร่ือง การ 5. สื่อyoutube วิเคราะห์ วรรณคดี เรือ่ ง การวเิ คราะห์ วรรณกรรมและบท วรรณคดี ละคร โดยแสกน วรรณกรรมและบท Qr code ละคร 1.7 ผเู รยี นทํา ใบงานที่ 5 เรื่อง การเขยี น - ผเู รยี นทาํ แบบทดสอบ หลังเรยี น เรอ่ื ง วรรณคดแี ละ วรรณกรรม 100
101 ภาคผนวก : ส่อื เอกสารบทเรียนออนไลน์ 1-5 วิชาภาษาไทย (พท21001)
102 แบบทดสอบก่อนเรียน บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 1 เรือ่ ง การฟังและการดู คาส่ัง ใหเลอื กคําตอบทถี่ ูกตอ งที่สดุ เพยี งคาํ ตอบเดียว 1. การฟังทมี่ ีประสทิ ธิภาพ คือการฟังในขอใด ก. จบั สาระสาํ คญั ได ข. จดบนั ทกึ ไดท นั ค. ปราศจากอคติ ง. มีสมาธิในการฟัง 2. ขอใดคอื ลกั ษณะของการฟังท่ดี ี ก. แสดงสหี นา เมื่อสงสัยและรอถามเมื่อผพู ูดพูดจบ ข. ดวงตาจับจอ งอยูท่ผี ูพดู แสดงความใสใจในคําพูดอยางจรงิ จัง ค. กวาดสายตาไปมาพรอมกบั จองหนา และทักทวงข้ึนเมือ่ ไมเ หน็ ดวย ง. สบตากับผพู ูดเป็นระยะ ๆ อยางเหมาะสมและเสริมหรอื โตแ ยงตามความเหมาะสม 3. การฟงั ท่ีทําใหผฟู ังเกิดสตปิ ญั ญา หมายถงึ การฟงั ลักษณะใด ก. ฟังดว ยความอยากรู ข. ฟังดว ยความตง้ั ใจ ค. ฟงั แลววิเคราะหส์ าร ง. ฟงั เพอื่ จับใจความสําคญั 4. ความสามารถในการฟังขอใดสาํ คัญที่สุดสาํ หรับผูเรยี น ก. จดสิง่ ทฟ่ี ังไดครบถว น ข. จบั สาระสาํ คญั ของเรื่องได ค. ประเมนิ คาเร่ืองทีฟ่ งั ได ง. จับความมงุ หมายของผูพ ดู ได 5. บุคคลในขอใดขาดมารยาทในการฟังมากทีส่ ดุ ก. คยุ กับเพอ่ื นขณะท่ฟี ังผูอ่ืนพดู ข. ฟงั ไปทานอาหารไปขณะท่ผี พู ูดพดู ค. ไปถึงสถานท่ฟี งั หลังจากผพู ูดเรมิ่ พูดแลว ง. จดบนั ทึกขณะทีฟ่ งั โดยไมมองผพู ูดเลย
103 6. \"นายดําฟังครสู อนหนังสอื อยางต้งั อกต้งั ใจ เมื่อครูสอนจบ ครูถามนายดาํ นายดาํ สามารถตอบคาํ ถามครูได\"ลกั ษณะการฟังของนายดาํ ตรงกับคาํ ตอบขอ ใด ก. ตงั้ ใจฟงั ข. ฟังเป็น ค. ฟงั แลวตดิ ตาม ง. ถกู ทกุ ขอ 7. \"ขา วพยากรณ์อากาศ\" มปี ระโยชนต์ อ ผูฟังอยางไร ก. จดส่งิ ที่ฟงั ไดครบถว นใหค วามรู ข. ทนั ตอ เหตกุ ารณ์ ค. ใหความบันเทิง ง. ใหประสบการณ์ 8. ขอใดไมใ ชห ลกั การฟังและการดอู ยา งสรางสรรค์ ก. สารจรรโลงใจ ข. ตองรจู ักประเภทของสาร ค. ตง้ั ใจฟงั และดูใหต ลอดเรือ่ ง ง. ตอ งทราบประวตั ิและการทาํ งานของผแู ตง 9. การฟังหรือดสู ารประเภทใดทต่ี อ งใชวจิ ารณญาณในการวเิ คราะห์ขอ เทจ็ จริง ก. จดสิง่ ที่ฟังไดครบถวน ข. จับสาระสาํ คญั ของเร่ืองได ค. สารท่ีเปน็ ขา วเหตุการณ์ ง. สารท่ีเป็นสาระบนั เทิง 10. อมเดอื ดรอ น''เมอ่ื ทานฟังประโยคนี้แลว ทา นตองพจิ ารณาในขอใด ก. ขอ เทจ็ จรงิ ข. ความหมายของประโยค ค. เหตุผลและขอ มูลอา งอิง ง. ผทู ก่ี ลา วประโยคนี้เปน็ ใคร
104 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 เร่อื ง การฟงั และการดู 1. ก 2. ง 3. ค 4. ก 5. ก 6. ง 7. ข 8. ง 9. ค 10. ก
105 ใบกจิ กรรม บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 1 เรือ่ ง การฟงั และการดู กิจกรรมที่ 2 ใหผ ูเรยี นศึกษาสอ่ื วดี ีโอ เรอ่ื ง การพูดสรุปความสาํ คญั จากเรือ่ งท่ีฟงั และการดู ใหผ เู รียนศึกษาสื่อวีดีโอ เรื่อง อยา ตัดสนิ คนทีเ่ ปลือกนอก
106 ใบความรู้ท่ี 1 บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 เร่ือง การฟงั และการดู การวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเหน็ จากการฟัง การฟังนับวามีความสําคัญยิ่งในการสงสารขอมูลตางๆ แตถาฟังไมถูกวิธีก็จะไมกอประโยชน์ เทาท่ีควร และบางกรณีอาจเปน็ โทษอกี ดวย หลักการฟงั ท่ัวไปมีดังน้ี 1. มีมารยาทในการฟัง โดยการแสดงความกระตือรือรนท่ีจะฟัง ต้ังคําถามตามความเหมาะสม ยอมรบั ฟังความคิดเห็นท่ีแตกตา งกันออกไป และรูจ ักควบคุมอารมณ์ 2. ต้ังความประสงค์ในการฟังใหแนนอน และพยายามฟังใหไดตามความมุงหมายมากท่ีสุดใช วิจารณญาณเลือกเฟูนแตเรื่องที่ควรฟัง และหลีกเล่ียงเรื่องท่ีไมเหมาะสม รูจักแยกแยะสวนท่ีเป็น ขอเท็จจริงและความคิดเห็น รูจักใชเหตุผลประกอบในการลงความเห็นรูจักการใชศิลปะในการฟังคือ การใชความ สามารถและไหวพรบิ ทจ่ี ะใหผ พู ดู มคี วามสบายใจทจี่ ะพูดและพูดไดตรงจุดประสงค์ของผูฟัง เชน การแสดงใหผูพูดเห็นวาเราต้ังใจฟัง เปิดโอกาสใหผูพูดไดพูดเต็มที่และแทรกคําถามท่ีเหมาะสมใน โอกาสอนั ควรจดบันทกึ สาระสาํ คัญและประเดน็ ทค่ี วรซักถามเพ่มิ เตมิ การจับใจความสาคัญของเรือ่ ง การฟังมีความมุงหมายประการสําคัญเพื่อแสวงหาความรูและ เสรมิ สรา งสตปิ ญั ญาการฟังทจี่ ะสัมฤทธผ์ิ ลดังกลา วจะตองมีความสามารถจับใจความสําคัญและใจความ อันดบั รองของเรือ่ งท่ฟี งั ไดร วดเร็วถกู ตอ ง หลักการพิจารณาใจความสําคัญและใจความสําคัญอันดับรอง มดี งั นี้ 1. ฟงั เร่ืองทงั้ หมดใหจ บ 2. เรอื่ งทฟ่ี ังเกี่ยวกับอะไร 3. มีความสําคัญอยางไร 4. เหตุเกิดทไี่ หน 5. เกิดจากสาเหตอุ ะไร 6. ผลทเ่ี กิดขนึ้ เปน็ อยา งไร การฟังอยา่ งมวี จิ ารณญาณ การฟงั นบั วา เป็นปัจจัยสาํ คัญท่ีสุดในการรับสารในชีวิตประจําวันคนเรา มกี ารรับฟังเร่อื งราวมากมาย การฟงั คาํ พูดของคนที่คุนเคยหรือใกลชิดอาจจะไมกอใหเกิดปัญหามากนัก เพราะเรารูภูมิหลังของผูพูดและเร่ืองที่รับฟังสวนมาก แตละวันแตในปัจจุบันการสื่อสารในดานตางๆ เจรญิ มากขึ้นไมจํากัดแตเพียงแตฟังกับคนที่เราพูดดวยแตเราก็ฟังทางส่ืออิเลคทรอนิคส์ตางๆ เชน วิทยุ โทรศพั ทเ์ ทปเสยี ง เทปภาพวทิ ยโุ ทรทัศน์ ซง่ึ การฟงั ไมไ ดประจันหนา กนั บางครั้งเป็นการสื่อสารทางเดียว มีแตรับฟังเทานั้น ไมสามารถท่ีจะซักถามไดอยางละเอียดถ่ีถวนจึงทําใหกอเกิดความไมเขาใจไมตรงกัน หรือบางครั้งการประกาศภัยพิบัติตางๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมนุษย์เป็นผูกระทําขึ้น การโฆษณา ชวนเชื่อและขาวลือเรื่องตางๆ ในการฟังเรื่องราวตางๆ ดังกลาวถาหากเกิดฟังแลวเช่ือหรือไมเช่ือแลว นําไปปฏิบัติหรืองดเวนการปฏิบัติ หากเกิดความพลาดพล้ังอาจเกิดผลเสียหายอยางรายแรงตามมาได ดังนั้นการฟังขาวสารตางๆ จะฟังอยางธรรมดาไมพินิจพิเคราะห์ขาวสารท่ีไดรับนั้นไมได การวินิจฉัย วิเคราะห์วิจารณ์ขาวสารวาเป็นจริงหรือเป็นเท็จควรเชื่อถือมากนอยเพียงใดจะตองใชความคิดใคร ควร
107 ดวยเหตุผล ปัญญาและประสบการณ์ ทําความเขาใจในสถานภาพและดูเจตนาของผูสงสาร วามี ขอเท็จจริง หรือมีประโยชน์ มีคุณมีโทษเพียงใด ควรที่จะเชื่อแลวปฏิบัติตามหรือไม การฟังสารตาม ลักษณะดงั กลา วเรียกวาการฟังอยา งวจิ ารณญาณ ดังนั้นการฟังอยางมีวิจารณญาณตองประกอบไปดวย การใชปัญญาในการวิเคราะห์พินิจพิจารณา ไตรตรอง เพื่อคนหาขอเท็จจริงสามารมารถวิเคราะห์ ตดั สินใจ และประเมินคาสงิ่ ทฟี่ ังได หลักการฟงั อยา่ งวจิ ารณญาณ การฟงั อยา งวจิ ารณญาณมหี ลกั ปฏบิ ัตดิ งั นี้ 1. ผูฟังพิจารณาวา ฟังเร่ืองอะไรเป็นการฟังประเภทบทความ บทสัมภาษณ์การเลาเรื่องสรุป เหตุการณ์ ใครเป็นคนพูดคนสัมภาษณ์ ใครเป็นคนเขียนบทความ และหัวขอนั้นมีคุณคาแกการฟัง หรือไม 1.1 พจิ ารณาผสู ง สารวา มจี ดุ มุงหมาย และมีความจริงใจในการสงสารนน้ั เพียงใด 1.2 พิจารณาผูสงสารวามีความรู ประสบการณ์หรือความใกลชิดกับเร่ืองราวในสารน้ัน เพยี งใด 1.3 พิจารณาผูสงสารวาใชกลวิธีในการสงสารนั้นอยางไร คือวิธีการธรรมดาหรือยอกยอน ซอนปมอยา งไร 1.4 พจิ ารณาเนอ้ื หาของสารวา สวนใดเปน็ ขอเทจ็ จริง สวนใดเป็นขอ คิดเห็น 1.5 พิจารณาสารวาเปน็ ไปได และควรเช่ือเพียงใด 1.6 ผูฟังควรประเมินวาส่ิงท่ีฟังมีประโยชน์และมีคุณคามากนอยเพียงไร หลักการแยก ขอคิดเห็นและขอเท็จจริง ในการรับฟังสาร นอกจากจะจับใจความสําคัญของเร่ืองที่ฟังแลว นักเรียน จะตองแยกแยะไดวา ใจความตอนใดเป็นขอคิดเห็นสวนตัวของผูพูดซ่ึงจะมีลักษณะเม่ือพิจารณาความ ถูกตอ งไดยาก และตอนใดเป็นขอเท็จจรงิ ซึ่งเป็นเรอ่ื งท่สี ามารถพิสจู นค์ วามถูกตอ งได การแยกขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็น มดี ังนี้ 1. การแยกขอ เท็จจรงิ เป็นขอ มูลท่สี ามารถพสิ ูจน์ได เห็นวาเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ไดจากตัวเลข เชิงปริมาณตางๆ ท่ีมีอยูซ่ึงทําการตรวจสอบไดดังนี้ เชนประชา หนัก 50 กิโลกรัม โอภาสสูงกวา เสกสรรค์ เปน็ ตน 2. ความคิดเห็นเป็นเร่ืองของการคาดคะเนหรือการทํานายโดยอาศัยเหตุผลสวนตัวซ่ึงควรจะ เปดิ โอกาสใหมีการโตแ ยงหรือสนับสนุน เชน ของเกาดีกวาของใหม มเี งนิ ดกี วามเี กียรติ การฟงั เพอื่ ประเมินคา่ การฟงั เพ่อื ประเมินคา เป็นการตรวจสอบวาสิ่งทฟ่ี งั ถูกตอ งชดั เจนมเี หตผุ ล เชื่อถือไดหรือไมการ ฟังเพื่อประเมินคาเป็นแสดงความคิดเห็นตอขอมูลท่ีไดรับน้ันวาเป็นความจริงหรือเป็นการโฆษณาชวน เช่ือ ซ่ึงมีลักษณะเป็นการเผยแพรความคิด ความเช่ือและความคิดเห็นดวยกลอุบายตางๆ เพ่ือโนมนาว จิตใจของผฟู ังใหคลอยตามที่ตองการ และสิ่งที่ฟังนั้นมีคุณคาหรือไมดังน้ันการฟังเพื่อประเมินคาจึงเป็น การฟงั อยา งวิเคราะห์วิจารณเ์ พ่ือคนหาขอเท็จจรงิ และตดั สนิ ส่งิ ท่ีฟงั วา มคี ณุ คาหรือประโยชนอ์ ยางไร
108 การฟงั เพ่อื ค้นหาข้อเทจ็ จรงิ การฟังเพื่อคนหาขอเท็จจริงเป็นการฟังท่ีใชความคิดไตรตรองและการวิเคราะห์อยางมีเหตุผล จะชวยใหไดขอมูลทถ่ี ูกตอ งเชื่อถอื ได การคน หาขอเท็จจริงตองพจิ ารณาหลายๆ ดานอยา งรอบคอบคือ 1. วเิ คราะหเ์ จตนาของผูพ ดู วาผูพดู มจี ุดมุงหมายหรอื เจตนาอยา งใดอยางหน่งึ 2. เจตนาผูพูดเพอ่ื ความบันเทิง เชน การพดู ในงานพบปะสงั สรรค์กันเพ่ือใหเกิดความสนุกสนาน รื่นเรงิ 3. เจตนาผูพูดอาจเป็นการบอกเลา แถลงการณ์รายงานเร่ืองราวตาง ๆ เป็นการบอกเก่ียวกับ การปฏิบตั งิ าน บรรยายเกีย่ วกบั ทางวชิ าการ เลาเหตุการณท์ ี่ไดพบเห็นประสบมาเพื่อใหผูอื่นไดมีความรู ความเขาใจ 4. ผูพูดอาจมีเจตนาในการพูดเพ่ือชักจูงใหเห็นใหคลอยตามหรือเปล่ียนความคิดใหปฏิบัติการ อยา งใดอยา งหน่ึง ผพู ดู จะยกเหตุผลตา ง ๆ ใหผ ฟู ังเชอื่ ถอื 5. วิเคราะห์นัยของเรื่องที่ฟัง คือการพิจารณาสาระสําคัญของเรื่องที่ฟัง วาประเด็นหลักคือ อะไร ผูพูดอาจจะพูดออกมาตรง ๆ ก็ได หรืออาจมีจุดมุงหมายแอบแฝง อยูผูฟังจะตองวิเคราะห์ นัยสําคญั และนัยแฝง โดยอาศยั ความรูความสามารถของผูฟังในการพิจารณาดงั นี้ 5.1 ขอ มูลและความคดิ เหน็ ของผพู ูดจะตองอาศยั เหตุผลในการพจิ ารณาดังนี้ ก. ขอมูลที่รับฟังน้ันมีความจริงมากนอยเพียงใดเป็นขอมูลเกาหรือขอมูลใหม หรือวา เปน็ ความจริงตามหลักตรรกวทิ ยา ซง่ึ ผฟู งั จะตอ งแยกแยะพิจารณาความเป็นไปไดของขอมูลและเจตคติ ของผูพูดในบางครั้งขอเท็จจริงและขอคิดเห็นของผูพูดจะแยกกันอยางเห็นไดชัดเจนแตบางครั้ง ผู พูดจะพูดผสมผสาน ขอเท็จจริงและขอคิดเห็นของตนเขาดวยกัน ดังนั้นจึงตองแยกแยะออกจากกันให ชัดเจน การโฆษณาชวนเช่ือ เป็นการพูดใหผูฟังเชื่อและปฏิบัติตาม ผูฟังจะตองพิจารณาแยกแยะใหได วา แนวทางที่ผูพูดเสนอมาน้ัน หากปฏิบัติตามแลวจะเกิดผลอยางไรเป็นประโยชน์ตอสวนรวมหรือตอ ผูฟงั อยางไรบา ง ข. ความสําคัญและความเป็นมาของเรื่อง วาผูพูดไดแสดงความสําคัญ ตลอดจนความ เปน็ มาของเร่ืองอยางไรเปน็ เรื่องทน่ี า สนใจทผ่ี ูฟังจะไดประโยชน์หรอื ไม 5.2 เนื้อหาสาระผูพูดไดพูดไดชัดเจนและพูดไปตามลําดับความสําคัญ ความยากงาย ของเร่ืองหรือพูดออกนอกประเด็น ยกตัวอยา งไดช ดั เจนเพยี งใด การฟังเพื่อตัดสินใจ การฟังเพ่ือตัดสินใจเป็นกระบวนการฟังช้ันสูง ผูฟังมีความสามารถจะตัดสินใจเลือกส่ิงที่ดี ที่สุดท่ีไดจากการฟังนําไปใชใหเกิดประโยชน์ หรือเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน ผูฟังจะตองรูจักใช กระบวนการคดิ ชว ยในการตัดสนิ ใจแกปัญหา หรือเลือกแนวทางในการนําส่ิงใดส่ิงหน่ึง กระบวนการคิด ทเ่ี ป็นระบบนัน้ ตองประกอบดวยขอมูลสามดา น คือ 1. ขอมูลเก่ียวกับตนเอง ตองรูจักตนเองอยางทองแท โดยพิจารณาขอมูลทุกดาน เชน ดาน สุขภาพรางกาย ความรู วยั สถานภาพทางสังคม เศรษฐกจิ เปน็ ตน 2. ขอมลู เกย่ี วกบั สังคมและสิง่ แวดลอม คือพจิ ารณาผูอื่น สิ่งอื่น ๆ เชนสภาพแวดลอทางชุมชน ภมู ิประเทศคุณธรรม ศีลธรรมจรรยาคา นิยม สังคมตลอด จนธรรมเนยี มประเพณี เปน็ ตน 3. นําขอมลู เก่ียวกับดานวิชาการมาพิจารณารวมดวยเพ่ือตัดสินเรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ ไดถกู ตอง
109 ใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 เรือ่ ง การฟงั และการดู กิจกรรมท่ี 1 จดุ ประสงค์การเรียนรู : การมมี ารยาทในการฟงั และการดู ใหผูเ รียนศกึ ษาจากสือ่ วดี ีโอเรอื่ งมารยาทในการฟังและการดู 1. ใหผเู รียนบอกมารยาทในการฟงั การดมู า 5 ขอ ............................................................................................................................. ...................................... ......................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................ ................... ................................................................................................................ ................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................ ........................................................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................ ........................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................... .................... .................................................................................. .................................................................................
110 ใบงาน บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 เรอ่ื ง การฟังและการดู กจิ กรรมท่ี 2 ใหผเู รยี นศกึ ษาสอื่ วีดโี อ เรื่อง การพดู สรปุ ความสาํ คญั จากเรอ่ื งที่ฟงั และการดู ใหผ เู รยี นศกึ ษาส่ือวดี ีโอ เร่อื ง อยา ตัดสนิ คนที่เปลือกนอก คาชี้แจง ใหผูเรียนศึกษาการฟังและการดูจากคลิปวีดีโอแลวใชหลักการฟังและดูอยางมีวิจารญาณ พิจารณาวา ตามประเด็น ดงั นี้ เนื้อหาจากท่ไี ดดูและฟงั ส่ือวีดีโอ เรอ่ื ง อยาตัดสินคนทเี่ ปลือกนอก ..................................................................................................................... .............................................. ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... ใหน ักศึกษาวิเคราะห์ (ใคร ทําอะไร ทไ่ี หน อยา งไร) ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................................................................................................. ..... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ..................................
111 แบบทดสอบหลังเรียน บทเรียนออนไลน์ที่ 1 เรอื่ ง การฟงั และการดู คาส่งั ใหเ ลอื กคําตอบทถ่ี ูกตองทีส่ ดุ เพยี งคําตอบเดยี ว 1. การฟังทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ คือการฟงั ในขอ ใด ก. จับสาระสําคญั ได ข. จดบนั ทึกไดทนั ค. ปราศจากอคติ ง. มีสมาธิในการฟัง 2. ขอใดคอื ลักษณะของการฟังทด่ี ี ก. แสดงสหี นาเมอ่ื สงสยั และรอถามเม่อื ผูพดู พดู จบ ข. ดวงตาจบั จอ งอยูทผี่ ูพูดแสดงความใสใ จในคําพูดอยางจรงิ จัง ค. กวาดสายตาไปมาพรอมกบั จองหนาและทักทวงขึน้ เมอื่ ไมเห็นดว ย ง. สบตากับผพู ดู เป็นระยะ ๆ อยา งเหมาะสมและเสรมิ หรือโตแ ยง ตามความเหมาะสม 3. การฟงั ที่ทาํ ใหผ ฟู งั เกดิ สติปัญญา หมายถงึ การฟงั ลักษณะใด ก. ฟังดวยความอยากรู ข. ฟงั ดวยความตัง้ ใจ ค. ฟังแลว วิเคราะหส์ าร ง. ฟังเพื่อจับใจความสําคัญ 4. ความสามารถในการฟังขอใดสาํ คญั ที่สุดสาํ หรับผูเรียน ก. จดส่ิงทฟ่ี ังไดครบถวน ข. จบั สาระสาํ คัญของเร่ืองได ค. ประเมนิ คาเร่ืองทฟ่ี งั ได ง. จับความมุง หมายของผูพ ูดได 5. บุคคลในขอใดขาดมารยาทในการฟังมากทส่ี ุด ก. คยุ กบั เพ่อื นขณะทีฟ่ ังผอู นื่ พดู ข. ฟังไปทานอาหารไปขณะที่ผพู ดู พดู ค. ไปถงึ สถานที่ฟงั หลังจากผูพดู เร่มิ พูดแลว ง. จดบันทึกขณะท่ีฟังโดยไมม องผูพูดเลย
112 6. \"นายดําฟังครสู อนหนังสอื อยางต้งั อกต้งั ใจ เมื่อครูสอนจบ ครูถามนายดาํ นายดาํ สามารถตอบคาํ ถามครูได\"ลกั ษณะการฟังของนายดาํ ตรงกับคาํ ตอบขอ ใด ก. ตงั้ ใจฟงั ข. ฟังเป็น ค. ฟงั แลวตดิ ตาม ง. ถกู ทกุ ขอ 7. \"ขา วพยากรณ์อากาศ\" มปี ระโยชนต์ อ ผูฟังอยางไร ก. จดส่งิ ที่ฟงั ไดครบถว นใหค วามรู ข. ทนั ตอ เหตกุ ารณ์ ค. ใหความบันเทิง ง. ใหประสบการณ์ 8. ขอใดไมใ ชห ลกั การฟังและการดอู ยา งสรางสรรค์ ก. สารจรรโลงใจ ข. ตองรจู ักประเภทของสาร ค. ตง้ั ใจฟงั และดูใหต ลอดเรือ่ ง ง. ตอ งทราบประวตั ิและการทาํ งานของผแู ตง 9. การฟังหรือดสู ารประเภทใดทต่ี อ งใชวจิ ารณญาณในการวเิ คราะห์ขอ เทจ็ จริง ก. จดสิง่ ที่ฟังไดครบถวน ข. จับสาระสาํ คญั ของเร่ืองได ค. สารท่ีเปน็ ขา วเหตุการณ์ ง. สารท่ีเป็นสาระบนั เทิง 10. อมเดอื ดรอ น''เมอ่ื ทานฟังประโยคนี้แลว ทา นตองพจิ ารณาในขอใด ก. ขอ เทจ็ จรงิ ข. ความหมายของประโยค ค. เหตุผลและขอ มูลอา งอิง ง. ผทู ก่ี ลา วประโยคนี้เปน็ ใคร
113 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 เร่อื ง การฟงั และการดู 1. ก 2. ง 3. ค 4. ก 5. ก 6. ง 7. ข 8. ง 9. ค 10. ก
114 แบบทดสอบก่อนเรียน บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 เรอ่ื ง การพูด คาส่งั ใหเ ลือกคาํ ตอบที่ถูกตอ งทีส่ ุดเพยี งคําตอบเดียว 1. ขอ ใดไมใชอ งคป์ ระกอบสําคัญของการพูด ก. ผพู ูด ข. ผูฟงั ค. สาระท่พี ดู ง. อุปกรณ์ 2. ขอ ใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ ก. พูดกับพ่นี อ ง ข. พดู กบั เพ่ือนรวมงาน ค. พดู บรรยายใหค วามรู ง. พดู ในงานสรา งสรรค์ 3. สง่ิ ที่สาํ คญั ที่สดุ ทีผ่ พู ูดควรเตรียมลวงหนา ตรงตามขอ ใด ก. การแตงกาย ข. การฝึกซอม ค. การเตรียมตน ฉบบั พูด ง. การใชเ สียงและทา ทาง 4. การพูดแสดงความคดิ เหน็ เปน็ การพูดตรงตามขอใด ก. พดู ทักทาย ข. พูดอวยพร ค. การเตรียมตน ฉบบั พูด ง. การใชเสียงและทา ทาง 5. ขอ ใดเป็นองค์ประกอบสําคัญของการพูด ก. อปุ กรณป์ ระกอบการพูด ข. สาระทพ่ี ดู ค. ผฟู ัง ง. ถกู ทุกขอ
115 6. การพดู ในโอกาสใดเปน็ ลกั ษณะการพูดชแ้ี จง ก. การพูดในโอกาสเปดิ การอบรมอาสาสมัครหมูบ าน ข. การพดู อภปิ รายของผูแ ทนราษฎร์ในสภา ค. ครใู หญออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่ทางโรงเรียนไมอนญุ าตใหจ ัดงานวนั ปีใหม ง. นายกรฐั มนตรกี ลาวคําปราศรัยเน่ืองในวันเดก็ 7. \"การพูดเป็น\" มคี วามหมายตรงตามขอ ใด ก. กลาที่จะพูด ข. ออกเสยี งไดชัดเจน ค. พูดไดอยา งไพเราะเสนาะหู ง. พดู โนม นาวใจผูฟังใหคลอ ยตามได 8. ส่งิ ท่จี ําเปน็ ตอ งคาํ นึงถึงอันดับแรกในการพูดและการฟงั คืออะไร ก. สาระ ข. มารยาท ค. กาลเทศะ ง. สภาพแวดลอม 9. ลกั ษณะการพูดตามขอใดเป็นการพูดจูงใจใหผฟู ังยอมรับไดด ที ่ีสุด ก. พดู นอบนอ มถอมตน ข. พดู วจิ ารณใ์ หข อคิดเห็น ค. พูดแสดงเหตุผลและขอ เทจ็ จริง ง. พดู ดวยนาํ เสียงและลีลาท่นี า ฟงั 10. สาํ นวนในขอ ใดเนน ความสาํ คัญของการพูด ก. ปลาหมอตายเพราะปาก ข. ปากเปน็ เอก เลขเป็นโท ค. ละเลงขนมเบ้อื งดวยปาก ง. พูดไปสองไพเบยี้ นิ่งเสยี ตาํ ลงึ ทอง
116 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน บทเรยี นออนไลน์ท่ี 2 เรื่อง การพูด 1. ง 2. ก 3. ค 4. ง 5. ค 6. ค 7. ง 8. ก 9. ค 10. ข
117 ใบความรู้ที่ 2 บทเรียนออนไลน์ที่ 2 เร่ือง การพดู สรปุ ความ จบั ประเดน็ สาคัญของเรอื่ งทีพ่ ูด การพูดเป็นทักษะหนึ่งของการสื่อสาร การพูดคือการเปลงเสียงออกมาเป็นถอยคํา หรือ ขอความตางๆ เพ่ือตดิ ตอ สอื่ สารใหผ พู ูดและผฟู ังเขา ใจเร่ืองราวตางๆ การพูดเป็นการสื่อความหมายโดย ใชภ าษาเสียง กิริยาทา ทางตางๆ เพอ่ื ถายทอดความรูและความรสู ึกรวมทงั้ ความคดิ เห็นของผูพูดใหผูฟัง ไดรับรู และเขาใจตามความมงุ หมาย ของผูฟงั เปน็ เกณฑ์ องคป์ ระกอบของการพดู ประกอบด้วย 1. ผพู ูด คอื ผูท่มี จี ดุ มงุ หมายสาํ คัญท่จี ะเสนอความรคู วามคดิ เหน็ เพอ่ื ใหผ ูฟงั ไดร บั รูและเขาใจ โดยใช ศิลปะการพูดอยา งมหี ลักเกณฑ์ และฝกึ ปฏิบัติอยเู ปน็ ประจาํ 2. เนอื้ เรื่อง คอื เรอ่ื งราวทผ่ี ูพูดนําเสนอเปน็ ความรหู รือความคิดเห็นใหผ ูฟังไดรบั รูอยางเหมาะสม 3. ผูฟงั คือ ผูรบั ฟังเร่อื งราวตางๆ ท่ผี พู ูดนําเสนอซึง่ ผฟู งั ตองมี หลกั เกณฑแ์ ละมารยาทในการฟัง นอกจากนี้ผูพูดยังควรมีการใชสื่อหรือ อุปกรณ์ตางๆ ประกอบการพูดเพื่อใหผูฟัง มีความรูความ เขาใจยิ่งขึ้น ส่ือตางๆ อาจเป็น แผนภาพ ปูายนิเทศ เทปบันทึกเสียง หรือ วีดีทัศน์ เป็นตน และสิ่งท่ี สําคัญคือผูพูดตองคํานึงถึงโอกาสในการพูด เวลาและสภาพแวดลอมท่ีเก่ียวของกับการพูด เพื่อใหการ พูดนัน้ เกิดประสิทธภิ าพมากยิ่งขึ้น การพูดท่ดี ี คอื การส่ือความหมายทดี่ ีนั้นยอมสอื่ ความเขาใจกับใครๆ ไดตรงตามวัตถุประสงค์ของ ผูพูด การทผี่ ฟู งั ฟงั แลว พงึ พอใจ สนใจ เกดิ ความศรัทธาเล่ือมใสผูพูดเรยี กวา ผูน้นั มีศิลปะในการพูด ลกั ษณะการพูดทด่ี ี มดี งั น้ี 1. มีบุคลิกภาพท่ีดี การฟังคนอื่นพูดน้ันเราไมไดฟังแตเพียงเสียงพูด แตเราจะตองดูการพูด ดูบุคลิกภาพของเขาดวย บุคลิกภาพของผูพูดมีสวนท่ีจะทําใหผูฟังสนใจ ศรัทธาตัวผูพูด บุคลิกภาพ ไดแก รูปราง หนาตา ทาทาง การยืน การนั่ง การเดิน ใบหนาที่ย้ิมแยม ตลอดจนอากัปกิริยาที่ แสดงออกในขณะทพ่ี ดู อยางเหมาะสมดว ย 2. มคี วามเชือ่ มั่นในตนเองดี ผพู ดู จะตอ งเตรียมตัวลวงหนา ฝึกซอ มการพูดใหคลองสามารถจดจํา เรือ่ งทีพ่ ดู ได ควบคุมอารมณไ์ ด ไมต ืน่ เตน ประหมา หรอื ลุกลลี้ ุกลน รบี รอนจนทาํ ใหเสยี บคุ ลิก 3. พูดใหตรงประเด็น พูดในเร่ืองท่ีกําหนดไว ไมนอกเรื่อง พูดอยางมีจุดมุงหมายมุงใหผูฟัง ฟงั แลว เขาใจ ตรงตามวัตถปุ ระสงคท์ ่ีผพู ดู ตอ งการ 4. ตอ งใชภาษาที่เหมาะสมกบั ระดบั ผูฟัง ตามปกตินิยมใชภ าษาธรรมดา สุภาพ สนั้ ๆ กะทัดรัด สอื่ ความเขาใจไดงาย หลกี เลีย่ งสาํ นวนโลดโผน ศัพทเ์ ทคนิคหรอื สาํ นวนท่ไี มไดมาตรฐาน 5. ตองคํานึงถึงผูฟัง ผูพูดตองทราบวาผูฟังเป็นใคร เพศ วัย อาชีพ ระดับการศึกษา ความสนใจ ความเช่ือถือเป็นอยางไร เพื่อจะไดพูดใหถูกกับสภาพของผูฟัง หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นและ ความเชอ่ื ที่ขัดแยงกับผูฟัง 6. มีมารยาทในการพูด ผูพูดตองพิจารณาเลือกใชถอยคําที่ถูกตองเหมาะสมกับกาลเทศะและ บคุ คลเพอ่ื แสดงถงึ ความมมี ารยาทท่ีดแี ละใหเ กยี รติผฟู ัง
118 การสรุปความ จับประเด็นสาคัญของเรอื่ งท่พี ดู 1. ผูพดู จะตองทราบรายละเอยี ดของผูฟงั ดังน้ี 1.1 เป็นชายหรือหญงิ 1.2 อายุ 1.3 การศึกษา 1.4 อาชพี เป็นเบ้ืองตนเพือ่ มากําหนดเนื้อหาสาระทจี่ ะพดู ใหเ หมาะสมกบั ผฟู ัง 2. ผพู ูดตองมวี ตั ถปุ ระสงค์ ท่จี ะพดู จะเป็นการพูดวชิ าการ เพ่ือความบนั เทิง หรือเพื่อสงั่ สอนเปน็ ตน 3. เนื้อหาสาระ ผูพูดอาจเพยี งกําหนดหัวขอ แตเ ม่ือพูดจริงจะตองอธบิ ายเพิ่มเติม อาจเป็น ตัวอยา ง อาจเป็นประสบการณ์ ท่ีจะเลาใหผูฟงั ไดฟงั ผูฟ งั จะสรปุ ความเรือ่ งทร่ี ับฟังได หากผูพูดพดู มสี าระสําคัญ และมีการเตรยี มตวั ที่จะพูดมาอยาง ดี การพูดในโอกาสตา่ งๆ การพูดเป็นการส่ือสารที่ทําใหผูฟังไดรับทราบเนื้อหารายละเอียดของสารไดโดยตรงหากเป็น การส่ือสารในลักษณะการสนทนาโดยตรงก็ยอมทําใหเห็นอากัปกิริยาตอกันเป็นการเสริมสรางความ เขา ใจมากยง่ิ ขน้ึ การพูดมีหลายลักษณะ ไดแก การพูดอภิปราย พูดแนะนําตนเอง พูดกลาวตอนรับ พูด กลาวขอบคุณ พูดโนมนาวใจ เป็นตน จะมีรูปแบบนําเสนอในหลายลักษณะ เชน การนําเสนอเพ่ือตั้ง ขอ สังเกต การแสดงความคิดเหน็ เพ่อื ตั้งขอ เท็จจรงิ การโตแยง และการประเมินคา เป็นตน ความสาคญั ของการพดู การพดู มีความสาํ คัญดงั นี้ 1. การพูดทําใหเกิดความเขาใจในประเด็นของการสื่อสารตางๆ ท้ังการสื่อสารเพื่อใหความรู ทางวิชาการ การสนทนาในชีวิตประจําวัน หรือการพูดในรูปแบบตางๆ ยอมทําใหผูฟังเขาใจประเด็น เกิดความสรางสรรคน์ าํ ไปสูการปฏิบัตไิ ดถูกตอง 2. การพูดสามารถโนม นาวจติ ใจของผูฟังใหคลอยตามเพื่อเปลี่ยนความเชื่อ หรือ ทัศนคติตางๆ เพ่ือใหเกิดการปฏิบัติส่ิงตางๆ อยางมีหลักเกณฑ์มีความถูกตอง ซึ่งผูฟังตองใชวิจารณญาณในการ พจิ ารณาเรื่องราวท่ผี พู ดู เสนอสารในลักษณะตางๆ อยา งมเี หตผุ ล 3. การพูดทําใหเกิดความเพลดิ เพลิน โดยเฉพาะการพูดทีม่ งุ เนน เรื่องการบันเทิงกอใหเกิดความ สนุกสนาน ทําใหผ ฟู งั ไดร ับความรดู ว ยเชนกัน 4. การพูดมีประโยชน์ที่ชวยดํารงสังคม ใชภาษาพูดจาทักทาย เป็นการสรางมนุษยสัมพันธ์แก บคุ คลในสังคม การพูดยังเป็นการสื่อสารเพื่อเผยแพรความรูความคิดใหผูฟังปฏิบัติ เพ่ือใหเกิดความสุข สงบในสังคม
119 การพูดในโอกาสต่างๆ 1. การพูดแนะนาตนเอง การพูดแนะนําตนเอง เป็นการพูดที่แทรกอยูกับการพูดในลักษณะ ตางๆ เป็นพื้นฐานเบ้ืองตนท่ีจะทําใหผูฟังมีความรูเก่ียวกับผูพูด การแนะนําตนจะใหรายละเอียด แตกตา งกนั ไปตามลักษณะของการพดู 1.1 การพูดแนะนําตนในกลุมของผูเรียน ควรระบุรายละเอียด ช่ือ-นามสกุล การศึกษา สถานศกึ ษา ทอี่ ยูปัจจบุ นั ภูมลิ ําเนาเดมิ ความถนัด งานอดิเรก 1.2 การพูดแนะนําตนเพ่ือเขาปฏิบัติงาน ควรระบุ ช่ือ – นามสกุล รายละเอียดเกี่ยวกับ การศึกษาตาํ แหนงหนาที่ ท่จี ะเขามาปฏบิ ัติงาน ระยะเวลาท่ีจะเริม่ ปฏบิ ัติหนาท่ี 1.3 การแนะนําบุคคลอ่ืนในสังคมหรือท่ีประชุม ควรใหรายละเอียด ช่ือ – นามสกุล ผูท่ีเรา แนะนําความสามารถของผูท่ีเราแนะนํา การแนะนําบุคคลใหผูอื่นรูจักตองใชคําพูดเพื่อสรางไมตรีท่ีดี ระหวา งบุคคลทงั้ สองฝาุ ย ตวั อย่างการแนะนาตนเองในทช่ี ุมนุมชน ทานประธาน และสมาชิกชมรมพฒั นาชีวิตทุกทา น ดิฉันขอขอบคุณพิธีกรมากคะ ท่ีใหโอกาสดิฉันไดแนะนําตัวเอง ดิฉัน นางสาวสมศรี รัตนสุนทร เกิดไกลหนอยคืออําเภอปัว จังหวัดนานคะ มาอยูกรุงเทพฯ นี่ ๔ ปีแลว โดยดิฉัน ทํางาน เป็นพนักงานขาย ท่ีรานใบแกว ดิฉันเรียนจบช้ันมัธยมปีท่ี ๓ ที่โรงเรียนใกลบาน น่ันเองคะ ความที่ เป็นคนชางพูด หลังจากจบแลวเพื่อนชวนมาทํางานท่ีถูกกับนิสัยก็เลยมา และเน่ืองจากดิฉันไมมีโอกาส ไดเรียนตอ จึงเห็นวาการศึกษาทางไกลน้ีจะชวยใหดิฉันพัฒนาชีวิตไดดียิ่งขึ้นแทนการศึกษาในโรงเรียน จึงสมคั รเปน็ สมาชิก และตอ ไปจะต้งั ใจเรยี น และรว มทํากิจกรรมตาง ๆ ทุกกิจกรรมคะ ปัจจุบันดิฉันพัก อยูที่รานท่ีดิฉันทํางานนั่นแหละคะถามีเรื่องใดจะใหทําติดตอไดท่ีรานนั่นเลยสําหรับท่ีอยูของราน มีอยใู นทะเบียนบญั ชีรายชอ่ื นกั ศกึ ษาแลวคะ สวัสดคี ะ ตวั อยา่ งการแนะนาตนเอง “เรียนทานอาจารย์ที่เคารพ สวัสดีคะเพื่อนๆ ทุกคน ดิฉัน ด.ญ. ............ เกิดที่จังหวัดชัยภูมิ ยายตามบดิ ามารดามาอยทู ่ีจังหวดั นีไ้ ด ๓ ปีแลว ดฉิ นั เปน็ บตุ รคนสุดทอ ง ดฉิ นั จบ ช้นั ประถมปีท่ี ๖ จาก โรงเรียนวัดนอยใน จังหวัดชัยภูมิ ดิฉันชอบเรียนวิชาศิลปะมาก เคยเขาประกวดงานศิลปะนานาชาติ ไดร บั รางวัลชนะเลิศอันดับที่ ๒ เมื่อดิฉันมีเวลาวาง ดิฉันจะวาดภาพและชวยคุณพอปลูกตนไม ดิฉันคิด วาถา ดฉิ ันเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ดฉิ นั จะไปเรียนตอวทิ ยาลยั เพาะชาง ในอนาคตดิฉันจะเป็นนัก วาดภาพที่ดคี ะ” 2. การกล่าวต้อนรบั การกลาวตอ นรบั เปน็ การกลา วเพ่ือบอกความรูสึกทมี่ ีตอ ผทู ี่มาโดย 1. กลาวถงึ ความยนิ ดีของการเปน็ เจา ของสถานที่ 2. กลา วยกยองผูมาเยอื น เชน เปน็ ใคร มผี ลงานดเี ดนอะไร มคี วามสัมพนั ธ์อยางไรกบั ผูตอนรบั 3. แสดงความยนิ ดีที่ใหก ารตอนรับ 4. ขออภยั หากมีส่งิ ใดบกพรอ งไป และหวงั จะกลับมาเยีย่ มอกี
120 ตวั อยา่ งการกล่าวต้อนรบั “สวัสดีคะ ทานผูมีเกียรติทุกทาน ดิฉันรูสึกยินดีเป็นอยางยิ่งที่ไดรับเกียรติมากลาวอวยพรคุณ ยาใจ แมว า คุณยาใจจะมีอายุครบ ๕๐ ปีบริบูรณ์แลว แตความขยันของทานมิไดลดลง สุขภาพของทาน ก็ยงั แข็งแรงยงั สามารถทํางานรวมกับดิฉันไดอีกนาน คุณยาใจเป็นคนที่ทํางานไดดีมาก มนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นเลิศ ไมเลือกที่รักมักท่ีชัง และในโอกาสน้ีดิฉันขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ ท้ังหลายจงปกปักคุมครองใหคุณยาใจปราศจากโรคภัยทั้งปวงมีความกาวหนาในการทํางาน มีอายุยืน ยาวตลอดไปเทอญ สวัสดีคะ” 3. การกล่าวอวยพร โอกาสท่ีกลาวอวยพรมีหลายโอกาส เชน การกลาวอวยพรวันเกิด วันปีใหม ข้ึนบา นใหม การอวยพรคูบาวสาว หรอื ในโอกาสท่ีจะมีการโยกยาย อาํ ลาไปรบั ตาํ แหนงใหม ฯลฯ หลกั การกลาวอวยพร มีขอปฏิบัตทิ คี่ วรจําดังน้ี 1. ควรกลาวถึงโอกาสและวันสําคัญน้ันๆ ที่ไดมาอวยพรวาเป็นวันสําคัญอยางไร ในโอกาสดีอยางไร มคี วามหมายตอ เจา ภาพหรอื การจดั งานนน้ั อยา งไร 2. ควรใชค าํ พดู ท่สี ภุ าพ ไพเราะ ถูกตอง เหมาะสมกบั กลมุ ผูฟัง 3. ควรกลา วใหส ้นั ๆ ใชคาํ พูดงา ยๆ ฟงั เขาใจดี กะทัดรดั กระชับความ นาประทับใจ 4. ควรกลาวถึงความสัมพันธ์ระหวางผูอวยพรกับเจาภาพ กลาวใหเกียรติ ชมเชยในความดีของ เจาภาพ และแสดงความปรารถนาดีท่ีมีตอ เจา ภาพ 5. ควรใชค ําพูดอวยพรใหถูกตอง หากเป็นการอวยพรผูใหญ นิยมอางสิ่งศักด์ิสิทธิ์ ท่ีเคารพนับถือมา ประทานพร ตวั อยา่ ง การกล่าวอวยพร สวัสดี.....ทา นผมู ีเกียรติทีเ่ คารพ ดิฉัน มีความรูสึกยินดีอยางยิ่งท่ีไดรับเกียรติใหขึ้นมากลาวอวยพรวันเกิดในวันน้ี ซ่ึงเป็นวันครบ อายุ ๖๐ ปี ของทานอาจารย์มงคล โตสกุล ตลอดระยะเวลาที่ดิฉันไดทํางานใกลชิดและรูจัก ทานอาจารย์มงคล โตสกุล มาน้ัน ทานเป็นคนมีความสามารถในดานการวาดภาพอยางหาใครเปรียบ ไมไ ด นอกจากน้ี ยังมีความเมตตา และเอื้ออาทรตอทุกคนที่รวมงานดวยกัน ดิฉันรูสึก ดีใจและปล้ืมปิติ เป็นอยางย่ิงท่ีไดมารวมงานมงคลในวันน้ี ขออํานาจสิ่งศักด์ิสิทธ์ิท้ังหลายจงปกปูองคุมครองใหทาน มีสุขภาพอนามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัยอันตรายท้ังปวง พรอมดวยอายุวรรณะ สุขะ พละ ครบทุก ประการ สวัสดคี ะ 4. การกลา่ วขอบคุณ การกลา วขอบคณุ เป็นการแสดงนา้ํ ใจไมตรี หรือความดที ีผ่ ูอื่นกระทําให เชน ขอบคุณวทิ ยากรทบ่ี รรยายดงั น้ี 1. ควรกลาวขอบคุณวทิ ยากรใหเกยี รติบรรยาย 2. มีการสรุปเรอ่ื งทีว่ ทิ ยากรบรรยายจบไปอยา งส้ันๆ ไดใ จความ 3. ควรกลา วถึงคณุ คาของเร่ืองทีฟ่ งั และประโยชน์ทไี่ ดรับจากการบรรยาย 4. กลา วใหม คี วามหวังจะไดรับเกยี รติจากวทิ ยากรอีกในโอกาสตอ ไป 5. กลา วขอบคุณวทิ ยากรอกี ครงั้ ในตอนทาย
121 ข้อสงั เกต การใชค าํ ขอบคุณ ตอ งใชใ หเ หมาะสมกับบุคคล ดังนี้ ขอบใจ ใชกบั ผูที่มีอายนุ อ ยกวา ขอบคุณ ใชกับผูท มี่ ีอายุมากกวา หรือ ระดับเดียวกนั ขอบพระคุณ ใชกับผทู มี่ ีอายุมากกวา และผเู คารพนบั ถอื กราบขอบพระคุณ ใชกับผูท่ีมีพระคณุ ตอผพู ูดมาก ๆ เชน พอแม ปูุ ยา ตา ยาย ครู อาจารย์ ตัวอยา่ งการกลา่ วขอบคุณ 1. พ่ขี อขอบใจนอ งมากท่ีชวยซ้อื ของให 2. ดฉิ นั ขอขอบคุณคุณมาลที ี่สงลูกท่บี านวันนี้คะ 3. หลานขอกราบขอบพระคุณคุณตาท่ใี หเงนิ หลานคะ การกล่าวขอบคุณผู้ทม่ี ีอาวุโสกว่า เรียน ทา นผใู หญบา นท่เี คารพ ผมรสู ึกซาบซึ้งในความกรณุ าของทานผใู หญบ า นเป็นอยางยง่ิ ท่ีไดมอบรางวัล จํานวน 100 ชุด ในวนั เด็กแกนักเรยี นโรงเรียนมัธยมวดั สิงห์ นับเป็นบญุ กศุ ลอันดีย่งิ ท่ี เดก็ ๆ จะไดรบั ความสุข สนกุ สนานในการแขงขันกฬี าในวนั เด็กแหง ชาติ ในปนี ผ้ี มและ เดก็ ๆ มีความยนิ ดใี นเมตตาจิตของทาน ผูใหญบ านเปน็ อยางมาก จึงขอกราบขอบพระคณุ ครบั (พูดจบพรอมกบั ยกมอื ไว) 5. การพูดใหโ้ อวาท การพูดใหโอวาท จะมีลักษณะดงั นี้ 1. กลาวถึงความสําคัญ และโอกาสทมี่ ากลา วใหโอวาทวา มีความสาํ คญั อยา งไร 2. พูดใหต รงประเดน็ เลือกประเดน็ สาํ คัญๆ ท่ีมีความหมายแกผูร ับโอวาท 3. ควรมขี อแนะนํา ตักเตอื น และเสนอแนะประสบการณ์ท่ีมปี ระโยชน์ 4. ควรพดู ชีแ้ จงและเกล้ยี กลอ มใหผ ูฟงั ตระหนกั และนาํ โอวาทไปใชใ หเ กดิ ประโยชน์ไดอยางแทจรงิ 5. กลา วสั้นๆ ไดใจความดี ตอนทายของการใหโ อวาทก็ควรกลา วอวยพรทปี่ ระทับใจ การพูดแสดงความคิดเห็น การพูดเพื่อแสดงความรู และความคิดเห็นไดแกการพูดอภิปราย การรายงาน การสื่อขาว และ การสนทนาความรู เป็นตน ซ่งึ การพดู ตา งๆ เหลาน้มี ีแนวทางดงั นี้ 1. ศึกษารายละเอียดเนื้อหา โดยคํานึงถึงเน้ือหาตามจุดประสงค์ที่จะพูด เพื่อใหรายละเอียดท่ี ถกู ตอ งตรงประเดน็ ตามท่ตี องการเสนอความรู 2. วิเคราะห์เร่ืองราวอยางมีหลักเกณฑ์ โดยพิจารณาแยกแยะออกเป็นสวนๆ เพ่ือทําความ เขา ใจแตละสวนใหแ จม แจง และตอ งคาํ นึงถงึ ความสัมพันธเ์ กี่ยวเนอ่ื งกันของแตละสวน 3. ประเมนิ คา เร่ืองทีจ่ ะพูด 4. ใชภาษาอยางเหมาะสม มีการเรียงลําดับใจความที่ดี แบงเน้ือหาเป็นเรื่องเป็นตอน ใช ตัวอยางประกอบการพูด มีการเปรียบเทียบเพ่ือใหผูฟังเห็นภาพพจน์ไดอยางชัดเจน มีการยํ้าความเพ่ือ เนนสาระสําคัญรวมทัง้ ยกโวหารคาํ คมมาประกอบเพ่ือสรางความเขาใจ และเกดิ ความประทับใจย่งิ ขนึ้
122 มารยาทในการพดู การพูดท่ีดีไมวาจะเป็นการพูดในโอกาสใด ผูพูดจะตองคํานึงถึงมารยาทในการพูด ซ่ึงจะชวย สรางความชน่ื ชมจากผูฟงั มีผลใหการพูดแตล ะครงั้ ประสบความสําเร็จตามวัตถุประสงค์ท่ีตั้งไว มารยาท ในการพูดสรปุ ไดด งั นี้ 1. เรือ่ งท่พี ูดนน้ั ควรเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝุายสนใจรวมกนั หรืออยใู นความสนใจของคนทวั่ ไป 2. พดู ใหต รงประเดน็ จะออกนอกเร่ืองบา งก็เพียงเล็กนอย 3. ไมถามเร่ืองสวนตวั ซ่งึ จะทําใหอกี ฝุายหนึ่งรสู ึกอึดอัดใจ หรอื ลําบากใจในการตอบ 4. ตองคํานึงถึงสถานการณ์และโอกาส เชนไมพูดเร่ืองเศรา เร่ืองท่ีนารังเกียจ ขณะรับประทานอาหาร หรืองานมงคล 5. สรางบรรยากาศที่ดี ยมิ้ แยมแจมใสและสนใจเร่อื งท่กี าํ ลงั พดู 6. ไมแสดงกิริยาอันไมสมควรในขณะท่ีพูด เชน ลวง แคะ แกะ เกา สวนใดสวนหนึ่งของ รา งกาย 7. หลกี เลย่ี งการกลาวรา ย การนนิ ทาผูอ่นื ไมยกตนขมทาน 8. พูดใหมเี สียงดังพอไดย นิ กนั ทั่ว ไมพูดตะโกน หรือเบาจนกลายเป็นกระซิบกระซาบ 9. พูดดวยถอยคําวาจาท่ีสุภาพ 10. พยายามรกั ษาอารมณ์ในขณะพูดใหเ ปน็ ปกติ 11. หากนําคํากลาวหรือมีการอางอิงคําพูดของผูใดควรระบุนามหรือแหลงท่ีมา เพื่อใหเป็นเกียรติแก บุคคลทก่ี ลา วถึง 12. หากพูดในขณะท่ผี อู ่นื กาํ ลงั พูดอยูควรกลาวขอโทษ 13. ไมพูดคยุ กนั ขามศีรษะผูอน่ื จากมารยาทในการพดู ท้ัง 13 ขอ ผูเรยี นควรจะนําไปปฏิบัตไิ ดใ นชวี ติ ประจําวนั
123 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 2 เร่อื ง การพูด วชิ า พท 21001 ภาษาไทย ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น จดุ ประสงค์การเรียนรู : พูดนาํ เสนอความรู ความคดิ เห็น สรางความม่นั ใจ โนม นาวใจ ปฏิเสธเจรจาตอรองดว ยภาษากริ ิยาทาทางทีส่ ุภาพ ใหผเู รยี นศึกษาใบความรูและคลิปวีดีโอเรอื่ ง วชิ าภาษาไทย การพดู ในโอกาสตา งๆ คาสั่ง : ใหผูเรียนเขียนคําพูดตามสถานการณท์ ่ีกาํ หนดใหตอไปน้ี 1. เขียนคําขอบคุณสน้ั ๆ ทเี่ พื่อนคนหน่ึงเกบ็ กระเปาสตางค์ทตี่ กหายมาใหเรา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เขยี นคําอวยพรวนั เกิดของเพือ่ น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เขยี นคาํ กลาวแสดงความยินดีในโอกาสทเี่ พ่ือนสอบสมั ภาษณเ์ ขาทํางานได ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………
124 จุดประสงค์การเรียนรู้ : ปฏบิ ัติตนเปน็ ผมู้ ีมารยาทในการพูด ใหผเู รยี นศึกษาใบความรูและคลปิ วดี ีโอเรอ่ื ง มารยาทในการฟังและการพดู คาสงั่ : ใหผเู รียนยกตวั อยา งมารยาทที่ดีในการพูดมา 5 ขอ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..……………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………..........................................
125 แบบทดสอบหลังเรียน บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 เรือ่ ง การพดู คาสัง่ ใหเลอื กคาํ ตอบทถ่ี ูกตอ งท่ีสดุ เพียงคาํ ตอบเดียว 1. ขอใดไมใชองคป์ ระกอบสาํ คญั ของการพูด ก. ผูพดู ข. ผฟู ัง ค. สาระที่พูด ง. อปุ กรณ์ 2. ขอใดเปน็ การพดู แบบเปน็ ทางการ ก. พูดกบั พน่ี อ ง ข. พดู กบั เพ่อื รวมงาน ค. พูดบรรยายใหความรู ง. พูดในงานสรางสรรค์ 3. สง่ิ ทีส่ าํ คัญทีส่ ดุ ท่ีผพู ดู ควรเตรียมลวงหนา ตรงตามขอ ใด ก. การแตง กาย ข. การฝึกซอม ค. การเตรียมตนฉบับพูด ง. การใชเสียงและทา ทาง 4. การพูดแสดงความคิดเห็นเป็นการพูดตรงตามขอใด ก. พดู ทักทาย ข. พูดอวยพร ค. การเตรียมตนฉบบั พูด ง. การใชเสียงและทาทาง 5. ขอ ใดเปน็ องค์ประกอบสําคญั ของการพดู ก. อุปกรณ์ประกอบการพูด ข. สาระทีพ่ ูด ค. ผูฟ ัง ง. ถูกทกุ ขอ
126 6. การพดู ในโอกาสใดเป็นลักษณะการพูดชแ้ี จง ก. การพดู ในโอกาสเปิดการอบรมอาสาสมัครหมูบ าน ข. การพูดอภิปรายของผูแทนราษฎรใ์ นสภา ค. ครใู หญออกมาอธิบายถึงเหตผุ ลท่ีทางโรงเรียนไมอนุญาตใหจัดงานวนั ปีใหม ง. นายกรฐั มนตรกี ลาวคาํ ปราศรยั เนือ่ งในวนั เดก็ 7. \"การพดู เป็น\" มหี มายความตรงตามขอใด ก. กลาที่จะพดู ข. ออกเสียงไดช ัดเจน ค. พดู ไดอยางไพเราะเสนาะหู ง. พดู โนม นาวใจผูฟงั ใหคลอยตามได 8. สิ่งทจ่ี ําเปน็ ตองคาํ นงึ ถงึ อันดับแรกในการพดู และการฟงั คอื อะไร ก. สาระ ข. มารยาท ค. กาลเทศะ ง. สภาพแวดลอ ม 9. ลกั ษณะการพูดตามขอใดเป็นการพูดจงู ใจใหผฟู งั ยอมรับไดด ที สี่ ุด ก. พดู นอบนอมถอมตน ข. พูดวจิ ารณ์ใหข อ คิดเห็น ค. พดู แสดงเหตุผลและขอเทจ็ จริง ง. พดู ดวยนาํ เสยี งและลีลาท่ีนาฟัง 10. สํานวนในขอใดเนน ความสําคญั ของการพดู ก. ปลาหมอตายเพราะปาก ข. ปากเป็นเอก เลขเป็นโท ค. ละเลงขนมเบือ้ งดวยปาก ง. พดู ไปสองไพเบ้ยี น่งิ เสยี ตําลึงทอง
127 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น บทเรยี นออนไลน์ท่ี 2 เรื่อง การพูด 1. ง 2. ก 3. ค 4. ง 5. ค 6. ค 7. ง 8. ก 9. ค 10. ข
128 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 เร่ือง การอา่ น คาสั่ง ใหเลอื กคําตอบท่ถี ูกตอ งทส่ี ุดเพยี งคาํ ตอบเดียว 1. การอา นจบั ใจความและเขา ใจเรอื่ งทอี่ านอยางมปี ระสทิ ธภิ าพข้นึ อยกู ับคุณสมบัติสาํ คญั ขอใด ก. รศู พั ทม์ าก ข. มีสิทธิในการอาน ค. มีความมุงหมายใครร ูเรอื่ ง ง. อา นในใจโดยไมตอ งเคล่อื นไหวรมิ ฝปี าก 2. เวลานานมาก กลวยปลูกงา ยดูแลงาย ใบใชหอ ของผลใชก ิน ลําตน ใชเ ลย้ี งสัตว์ ดังนนั้ เรามาปลูกกลว ยกนั ดกี วา จะไดมีกลว ยกินกันทกุ โรงเรียนใจความสําคัญของขอ ความนี้ ตรงตามขอ ใด ก. กลว ยเปน็ พืชทีป่ ลูกงาย ข. กลว ยเปน็ พชื ท่มี ีประโยชนม์ าก ค. กลว ยสามารถกินไดท ุกโรงเรยี น ง. กลวยเปน็ พชื ทีใ่ ชเลี้ยงสัตว์ได 3. โดยทั่วไปประโยคใจความสาํ คัญจะอยูสว นใดของยอหนา ก. ตน ยอ หนา ข. กลางยอ หนา ค. สว นทา ยยอหนา ง. ตนหรือทา ยยอหนา 4. ยีราฟเปน็ สตั วป์ ุา มีขายาวจึงวิ่งเร็ว มันมคี อยาวเหมอื นเสาไฟฟูาจงึ มองเห็นไดไ กลๆ ยีราฟกินใบไมเ ปน็ อาหาร เรานาํ ยรี าฟจากเมืองอนื่ มาเลีย้ งไวในสวนสัตว์ เดก็ ๆชอบ ดูยรี าฟในสวนสตั วเ์ พราะมหี นาตาตลก ใจความสําคญั ของขอความนี้ตรงตามขอใด ก. ยีราฟเปน็ สตั ว์ปาุ ข. ยรี าฟเป็นสตั ว์ท่มี ีขายาว ค. ยรี าฟเป็นสัตว์ทมี่ ีหนาตาตลก ง. ยีราฟเปน็ สตั ว์ทก่ี นิ ใบไมเป็นอาหาร
129 5. คนขยันชอบทํางานและหม่ันหาความรู เพื่อจะไดทํางานดวยความฉลาด และรอบคอบ ดังตัวอยาง ปูาแชมปูาแชมเป็นคนขยันจึงตื่นนอนแตเชาทําขนมกลวย ขนมตาล และ ขาวเหนียว สังขยา ไปขายที่ตลาด ปูาแชมบอกกับใครๆเสมอวา ถาคนเราขยันทํางาน มีระเบยี บ รูว ธิ ที าํ มาหากิน ก็จะไมอ ดตายใจความสาํ คัญของขอความนี้ตรงตามขอ ใด ก. ปูาแชม ทําขนมไปขายที่ตลาด ข. ปาู แชม เป็นคนขยนั จึงต่นื นอนแตเชา ค. คนขยันทํางานดว ยความฉลาดและ รอบคอบ ง. คนเราขยนั ทํางานมรี ะเบียบ รูวธิ ที ํามาหากนิ ก็จะไมอ ดตาย อา่ นบทรอ้ ยกรองต่อไปน้ี แลว ตอบคาํ ถามขอท่ี 6-10 ยิ้มใหก นั วนั ละนิดจิตแจม ใส ยมิ้ ใหก นั ใจสขุ สนั ต์วันละไมล์ ยม้ิ ใหก ันวันละชนื่ อกตนื้ ตนั ยิม้ ทัง้ วันย้ิมกนั ในศรีธัญญา 6. ผูเขยี นขอความนเ้ี ป็นคนประเภทใด ก. ชา งฝนั หวาน ข. มีอารมณ์ชัน ค. ตลกโปกฮา ง. ไมเ ต็มเตง็ 7. ขอความน้ีจัดเปน็ ขอเขียนชนดิ ใด ก. กลอนส่ี ข. กลอนหก ค. กลอนแปด ง. กลอนเปลา 8. เมื่ออา นบทรอ ยกรองนี้แลว ผอู านจะมปี ฏิกริ ยิ าอยางไร ก. เฉย ๆ ข. ขมวดค้ิว ค. อมย้มิ นดิ ๆ ง. หัวเราะกา฿ ก
130 9. คนประเภทใดที่เหมาะสมกับขอความ ก. คนตกงาน ข. คนท่ีโกรธกนั ค. คนท่ีเป็นคูรักกนั ง. คนทก่ี ําลังผดิ หวัง 10. “ยม้ิ ทงั้ วันย้มิ กันในศรีธัญญา” ควรเป็นบคุ คลประเภทใด ก. คนบา ข. คนตาบอด ค. คนท่มี คี วามรกั ง. คนท่มี คี วามสุข
131 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 เรื่องการอา่ น 1. ก 2. ค 3. ก 4. ข 5. ง 6. ก 7. ค 8. ค 9. ก 10. ก
132 ใบความรทู้ ี่ 3 บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 เร่อื ง การอา่ น การอา่ น ความหมาย ความสาคัญ และประโยชน์ที่ไดจ้ ากการอ่าน 1. ความหมายของการอ่าน นพดล จันทร์เพ็ญ กลาววา การอานคือ การแปลความหมาย ของตัวอักษร เครื่องหมายสัญลักษณ์ เครื่องส่ือความหมายตาง ๆ ท่ีปรากฏแกสายตาออกมาเป็น ความคิดความเขาใจเชิงสื่อสาร แลวผูอานสามารถนําความคิดความเขาใจนั้นไปใชใหเกิดประโยชน์ได ตอไป ความสาคัญของการอา่ น การอานมคี วามสําคญั ดังนี้ เป็นเครื่องมือท่ีสําคัญในการแสวงหาความรูเพื่อพัฒนาตนเองใหทันโลกทันเหตุการณ์ ทําใหเกิดความ เพลิดเพลินพอใจ และคลายทุกข์ได ผอู านสามารถฝึกการคดิ และสรา งจินตนาการไดเองในขณะท่ีอาน ประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากการอ่าน ผทู ี่ฝกึ ฝนการอานจนชํานาญแลว จะไดรับประโยชน์ดังตอไปนี้ จะเขา ใจเรอื่ งท่ีอา นในเวลาอันรวดเร็ว สามารถนําสงิ่ ท่ไี ดจากการอา นไปใชใ หเ กิดประโยชน์ได สามารถเรียนรวู ชิ าตาง ๆ ไดอยางมปี ระสทิ ธิภาพมากขึ้น ทําใหเปน็ ผทู ่ีมีโลกทศั น์กวา งขน้ึ 2. จดุ มุ่งหมายของการอ่าน อาจแบง จุดประสงคใ์ นการอานอยางกวา ง ๆ ไดดงั นี้ 1) อานเพ่ือศึกษาหาความรู เป็นการอานเพ่ือมุงใหเกิดความรู ความเขาใจในเรื่องท่ีตองการ ศึกษา ซึ่งมกั ใชในการอา นตาราวิชาการตา ง ๆ หรอื อา นงานเขยี นเฉพาะเรอ่ื งท่ีตองการศึกษาใหเ ขาใจ 2) อานเพื่อความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นการอานที่มุงใหเกิดความผอนคลายอารมณ์ เกิด ความเพลิดเพลินจากการอาน ไดแก การอานหนังสือประเภทบันเทิงคดี สารคดี ท่ีมีเน้ือหามุงความ เพลิดเพลนิ เชน นวนิยาย สารคดีทอ งเท่ยี ว นิตยสาร วารสารตา ง ๆ 3) อานเพ่ือความจรรโลงใจ เป็นการอานเพ่ือยกระดับจิตใจใหสูงขึ้น มักเป็นสารที่ใหขอคิด คติเตอื นใจ ไดแ ก ปรชั ญา ศาสนา สภุ าษิต คาํ พงั เพย 4) อานเพ่อื หาคาํ ตอบในสง่ิ ทตี่ องการ ซึ่งหมายถงึ การคิดคน ในเรอื่ งที่ตนสนใจเป็นพเิ ศษ การอานแบงไดเปน็ 4 ประเภท คือ 1. การอ่านในใจ เป็นการอานที่มุงหมายใหอานไดรวดเร็ว และสามารถจับใจความสําคัญ ไดด ี ซง่ึ ผูอา นอาจใชว ิธีฝึกฝนใหอานไดเรว็ โดยอาศัยหลกั ดังตอ ไปนี้ 1) กําหนดเวลาในการอานหนังสือใหแนนอน และพยายามอานใหไดจํานวนคํา หรือจํานวน หนา เพิ่มขนึ้ 2) ฝึกการเคลือ่ นไหวสายตา ใหม ีการเคลือ่ นไหวทีถ่ กู ตอง โดยการจับสายตาอยูท่ีขอความเป็น ชวงระยะ และควรฝึกใหสามารถเคลื่อนไหวสายตาไดในชวงที่กวาง ไมควรยอนกลับไปอานขอความที่ อา นผานมาแลว เนอ่ื งจากจะทําใหเสียเวลา และเสียสมาธิในการทําความเขาใจเนื้อเร่ือง และเม่ือจะขึ้น บรรทดั ใหมใ หก วาดสายตากลบั มาทางซา ยอยางรวดเร็วแมน ยํา
133 3) ทดสอบความเขาเร่ืองเมื่ออานจบ ไดแกการจับใจความสําคัญของขอความที่อานหลังจาก อา นจบแตล ะยอหนา หรือหลังจากท่อี านจบทั้งเรอื่ งไปแลว เพือ่ ชวยใหเ ขาใจเรอื่ งที่อา นไดด ขี ึ้น 4) ศึกษาหาความหมายของคําศัพท์ตาง ๆ อยูเสมอ หากพบคําศัพท์แปลกใหมในขณะท่ีอาน อยาหยุดเพ่ือคนหาความหมายในขณะนนั้ แตใหอานจนจบ และพยายามทําความเขาใจความหมายของ ศัพทใ์ หม โดยพิจารณาจากขอความแวดลอม(บริบท)กอน หากยังไมเขาใจจึงคอยคนควาหาความหมาย ของคาํ ศพั ท์น้นั 5) หลีกเลี่ยงลักษณะนิสัยการอานท่ีไมดี ซึ่งจะทําใหอานหนังสือชา เชนการทําปากขมุบขมิบ หรือออกเสียงพึมพําตามตัวหนังสือ ใชมือช้ีไปตามตัวหนังสือ หรือยอนกลับไปอานทบทวนขอความ ที่อาน เมอื่ เกดิ ความสงสยั 6) ควรฝกึ ฝนการอานบอย ๆ และสมํ่าเสมอ เนื่องจากการอานเป็นทักษะ ดังนั้นความชํานาญ จะเกิดขึน้ ไดกต็ อเม่ือมีการฝึกฝนอยางสมํ่าเสมอ 2. การอ่านออกเสียง เป็นการเปลงเสียงตามตัวอักษร ถอยคํา และเคร่ืองหมายตาง ๆท่ีเขียน ไวใหถูกตองชัดถอยชัดคํา โดยผูอานตองคํานึงวากําลังอานใหผูอื่นฟัง และการอานของเราจะสามารถ สื่อสารแกผูฟังไดตรงตามท่ีผูเขียนตองการหรือไม ส่ิงสําคัญท่ีผูอานตองคํานึงถึงคือขอความท่ีอาน ซึ่ง ประกอบดวย ถอ ยคํา เรอื่ งราว และบรรยากาศ โดยมหี ลักทั่วไปในการอานออกเสียงดังนี้ 1) ความชัดเจน หมายถึงออกเสียงไดชัดถอยชัดคําทั้งเสียงสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ และเสียง ควบกล้ํา 2) ความถูกตอง คืออานออกเสียงไดถูกตองตามอักขระวิธีของไทย หรือของภาษาอ่ืนท่ีไทย นาํ มาใช 3. การอ่านเพ่ือจับใจความ หรือการอ่านเก็บใจความ เป็นการอานเพื่อเก็บสาระความรู ขอคิด ทัศนคติของผูเขียน จากเน้ือหาที่อาน การอานเพ่ือจับใจความมี แนวทางคือการอานจับใจความ สว นรวม และการอานจับใจความสําคัญ 1) การอานจับใจความสวนรวม คือการทําความเขาใจเนื้อหาสวนรวมของงานเขียน อาจใช วิธีการต้ังคําถามอยางกวาง ๆ วาใคร ทําอะไร ที่ไหน เม่ือไร อยางไร แลวพยายามตอบคําถามเหลานั้น ส้ัน ๆ ใหไดใ จความชัดเจน หรอื สามารถดาํ เนินการตามขน้ั ตอนไดดงั น้ี 2) สงั เกตสวนประกอบของงานเขยี น เชน ชอ่ื เร่ือง คํานํา สารบญั วตั ถุประสงค์ของผูเขียน เพ่ือ จะไดมองเหน็ จดุ มุงหมายของงานเขยี น วา เป็นงานเขียนเกี่ยวกบั อะไรและผูเขยี นตองการอะไร 3) สงั เกตหัวขอ ใหญ และหัวขอ ยอยของงานเขยี น เพือ่ หาเน้ือหาสําคัญของงานเขียน 4) จัดลําดับเนือ้ หาของหัวขอ เพอ่ื จัดลาํ ดับความสําคัญของเนือ้ หา 5) สงั เกตความสมั พนั ธ์ของการดําเนนิ เร่ือง การเชื่อมโยงเนื้อหา เพือ่ ดู
134 4. การอา่ นประเมินคณุ คา่ เป็นการอานเพื่อพจิ ารณา และประเมินคุณคาของงานเขียน ซ่ึงโดย ปกตเิ มื่อเราอา นงานเขียนเราก็จะประเมนิ คณุ คางานเขียนไปโดยอตั โนมัติอยูแลว แตจะเป็นการประเมิน โดยใชความรูสึกสวนตัวเราเป็นเกณฑ์ตัดสิน โดยมักใชคําพูดวา ดี สนุก นาสนใจ นาเบื่อ ซึ่งเป็นการ ประเมินคุณคาที่ไมมีหลักเกณฑ์ ไมเป็นท่ียอมรับ ดังน้ันในการประเมินคุณคางานเขียน จึงตองประเมิน อยางมหี ลกั เกณฑ์ เพ่ือใหความเปน็ ธรรมกับผูเขียนจึงควรดําเนินการดังน้ี 1) หนังสือตํารา และเอกสารทางวิชาการ การประเมินคุณคาของงานเขียนประเภทนี้ ตอง คํานึงถึงดานเน้ือหา ประโยชน์ในดานความรูทางวิชาการ รวมท้ังพิจารณาการใชภาษา และการลําดับ ความรู 2) หนังสือสารคดีและบทความ การประเมินคุณคาของงานเขียนประเภทนี้ตองคํานึงถึงดาน เน้อื หาความรู วาเปน็ เรื่องทนี่ าสนใจหรือไม ความคิดเห็นของผเู ขยี นนาเชื่อถือไดมากนอยเพียงใด ขอคิด ของผูเ ขยี นมเี หตผุ ลหนกั แนน หรือไม 3) หนงั สอื พมิ พ์ การอานหนงั สือพิมพ์ตอ งรูจกั คิดพิจารณา ไมควรเชือ่ ทันที ควรวิเคราะห์ขาวใน แงมุมตาง ๆ เชนแหลงท่ีมาของขาว อคติของผูเขียน และตองตรวจสอบขาวเดียวกันจากหนังสือพิมพ์ ฉบับอน่ื ๆ หรอื จากส่อื มวลชนแขนงอ่นื ๆ เชน วทิ ยุ โทรทัศน์ แลว คอ ยสรปุ ขอเท็จจรงิ ของขาว 4) หนังสือบันเทิงคดี ไดแกนิทาน นวนิยาย เรื่องส้ัน เนื่องจากเป็นงานเขียนท่ีไมใชเร่ืองจริง ดังน้ันในการประเมินคุณคาจะพิจารณาในดาน โครงเร่ือง ฉาก บรรยากาศ ตัวละคร ความสมจริง แนวคดิ กลวธิ กี ารแตง ฯลฯ 5) กวีนิพนธ์ หรือบทรอยกรอง การประเมินคุณคาจะพิจารณาจากศิลปะในการใชคํา ความหมาย เนอื้ หา และโวหารท่ไี พเราะสละสลวย อยา งไรก็ตาม การอานทุกวิธีการดังกลาวมาแลวตอง อาศัยประสบการณ์ในการอาน อานมาก และอานอยางละเอียดลึกซึ้ง นอกจากน้ันตองอาศัยพื้นฐานใน การอา น และตองอานอยา งมวี ิจารณญาณดวย
การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง 135 ความหมายของ “การอา่ นทานองเสนาะ” การอานทาํ นองเสนาะคอื วธิ ีการอานออกเสยี งอยา งไพเราะตามลลี าของบทรอยกรองแตละ ประเภทหรอื หมายถึง การอา นตามทาํ นอง (ทํานอง = ระบบเสียงสงู ต่ํา ซ่ึงมจี งั หวะสัน้ ยาว) เพื่อให เกดิ ความเสนาะ (เสนาะ, นา ฟงั , เพราะ, วงั เวงใจ) วัตถุประสงคใ์ นการอ่านทานองเสนาะ การอานทํานองเสนาะเป็นการอานใหคนอื่นฟัง ฉะนั้นทํานองเสนาะตองอานออกเสียง ทําใหเกิดความรูสึก-ทําใหเห็นความงาม-เห็นความไพเราะ-เห็นภาพพจน์ ผูฟังสัมผัสดวยเสียง จึงจะเขาถึงรสและความงามของบทรอยกรองท่เี รยี กวาอา นแลวฟังพร้ิงเพราะเสนาะโสต การอาน ทาํ นองเสนาะจงึ มงุ ใหผ ูฟังเขา ถงึ รสและเหน็ ความงามของบทรอ ยกรอง รสท่ใี ช้ในการอ่านทานองเสนาะ รสถ้อย (คาํ พูด) แตละคาํ มีรสในคําของตัวเอง ผอู า นจะตอ งอานใหเ กิดรสถอ ย ตัวอย่าง สักวาหวานอ่นื มีหม่นื แสน ไมเหมือนแมนพจมานที่หวานหอม กล่นิ ประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะนอมจิตโนมดว ยโลมลม แมนลอ ลามหยามหยาบไมป ลาบปลมื้ ดังดูดดืม่ บอระเพด็ ตองเขด็ ขม ผูด ไี พรไมป ระกอบชอบอารมณ์ .ใครฟังลมเมนิ หนาระอาเอย (พระเจ้าวรวงศเ์ ธอกรมหลวงบดนิ ทร์ไพศาลโสภณ) 5. ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการอา่ นทานองเสนาะ 1) ชวยใหผูฟังเขาถงึ รสและเหน็ ความงามของบทรอ ยกรองทอี่ า น 2) ชวยใหผฟู ังไดร บั ความไพเราะและเกิดความซาบซึ้ง (อาการรูสึกจบั ใจอยางลกึ ซึง้ ) 3) ชว ยใหเกดิ ความสนกุ สนาน ความเพลิดเพลิน 4) ชวยใหจดจาํ บทรอ ยกรองไดร วดเร็วและแมน ยํา 5) ชว ยกลอมเกลาจิตใจใหเปน็ คนออนโยนและเยือกเย็น (ประโยชนโ์ ดยออม) 6) ชว ยสบื ทอดวฒั นธรรม ในการอา นทาํ นองเสนาะไวเป็นมรดกตอไป
136 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 3 เรื่อง การอ่าน ใหผูเรียนศกึ ษาคลิปวดี ีโอ เรอื่ งการอา น และเรื่องมารยาทในการอา น โดยสแกนควิ อาโคดและ มอบหมายใหผูเรยี นศึกษาใบความรูเ ร่อื งการอาน วิชาภาษาไทย เร่ือง การอา น วชิ าภาษาไทย เรอื่ ง มารยาทในการอาน คําชี้แจง เม่อื ผเู รียนศึกษาวีดโี อดงั กลา วแลว ตอบคาํ ถามตอไปน้ี 1. การอานในใจมจี ุดมงุ หมายอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. บอกหลักการอานในใจ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ใหผเู รียนบอกหลกั การอา นออกเสยี ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ผเู รียนตอ งการเปน็ คนอา นเร็ว ควรเริ่มตนฝกึ ฝนอยางไรตอบมาเปน็ ขอ ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ใหผเู รียนตอบคาํ ถามตอไปน้ีส่ืออิเล็กทรอนิกส์ชว ยใหเ กิดการเรียนรูตลอดชีวิตไดแกอะไรบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
137 6. อานอยางไรจึงจะเรียกวาเป็นการอานวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ผเู รยี นตองการเป็นคนทมี่ ีนิสัยรกั การอานควรจะฝกึ ฝนตนเองอยางไร ใหบ อกมาเปน็ ขอๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ : ปฏิบัตติ นเปน็ ผ้มู มี ารยาทในการอ่านและมีนสิ ัยรักการอ่าน คาสง่ั : ใหผ เู รียนตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี 1. ในการอา นท่ีดี ควรมมี ารยาทอยา งไร ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ................................ 2. ผูเ รยี นตอ งการเปน็ คนท่ีมีนสิ ยั รกั การอา นควรจะฝกึ ฝนตนเองอยา งไร ใหบอกมาเป็นขอ ๆ ............................................................................................................................. ...................................... ....................................................................................................................................... ............................ ....................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................. ...................................... .............................................................................................................................................................. ..... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ......................................
138 แบบทดสอบหลังเรยี น บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 เรือ่ ง การอา่ น คาสัง่ ใหเลือกคําตอบท่ถี ูกตอ งท่สี ุดเพียงคาํ ตอบเดียว 1. การอานจบั ใจความและเขาใจเรือ่ งท่ีอา นอยางมปี ระสิทธภิ าพขน้ึ อยูกับคุณสมบัติสําคัญ ขอใด ก. รูศ ัพท์มาก ข. มสี ิทธิในการอาน ค. มคี วามมุงหมายใครรูเรือ่ ง ง. อา นในใจโดยไมต อ งเคลอื่ นไหวริมฝปี าก 2. เวลานานมาก กลวยปลูกงายดแู ลงาย ใบใชห อของผลใชก นิ ลําตน ใชเ ลย้ี งสัตว์ ดังนน้ั เรามาปลูกกลวยกันดีกวา จะไดม ีกลวยกินกันทุกโรงเรยี นใจความสําคัญของขอ ความนี้ ตรงตามขอ ใด ก. กลวยเป็นพืชท่ีปลูกงาย ข. กลว ยเป็นพชื ท่ีมีประโยชน์มาก ค. กลว ยสามารถกินไดทุกโรงเรยี น ง. กลว ยเปน็ พชื ทีใ่ ชเลยี้ งสตั วไ์ ด 3. โดยทัว่ ไปประโยคใจความสําคญั จะอยสู วนใดของยอหนา ก. ตนยอ หนา ข. กลางยอ หนา ค. สวนทา ยยอหนา ง. ตน หรอื ทา ยยอหนา 4. ยีราฟเปน็ สตั วป์ ุา มีขายาวจงึ วง่ิ เร็ว มนั มคี อยาวเหมือนเสาไฟฟูาจงึ มองเห็นไดไกลๆ ยีราฟกินใบไมเป็นอาหาร เรานํายรี าฟจากเมืองอนื่ มาเล้ยี งไวในสวนสตั ว์ เด็กๆชอบ ดูยรี าฟในสวนสตั ว์เพราะมหี นาตาตลก ใจความสําคัญของขอ ความนตี้ รงตามขอใด ก. ยรี าฟเป็นสัตว์ปาุ ข. ยรี าฟเป็นสัตว์ทีม่ ขี ายาว ค. ยรี าฟเปน็ สัตวท์ ี่มีหนาตาตลก ง. ยีราฟเปน็ สตั ว์ทก่ี นิ ใบไมเป็นอาหาร
139 5. คนขยนั ชอบทาํ งานและหมัน่ หาความรู เพอื่ จะไดทาํ งานดวยความฉลาด และรอบคอบ ดังตวั อยาง ปาู แชม ปูาแชม เป็นคนขยนั จงึ ตน่ื นอนแตเ ชาทาํ ขนมกลวย ขนมตาล และ ขาวเหนียว สงั ขยา ไปขายทีต่ ลาด ปูาแชม บอกกบั ใครๆเสมอวา ถาคนเราขยนั ทาํ งาน มรี ะเบียบ รวู ธิ ีทาํ มาหากนิ ก็จะไมอ ดตายใจความสําคัญของขอความนี้ตรงตามขอใด ก. ปูาแชม ทําขนมไปขายทีต่ ลาด ข. ปาู แชมเปน็ คนขยันจึงตนื่ นอนแตเ ชา ค. คนขยันทํางานดว ยความฉลาดและ รอบคอบ ง. คนเราขยันทาํ งานมรี ะเบียบ รูวิธที ํามาหากนิ ก็จะไมอ ดตาย อ่านบทรอ้ ยกรองต่อไปนี้ แลวตอบคาํ ถามขอ ที่ 6-10 ยมิ้ ใหก ันวันละนดิ จิตแจม ใส ย้มิ ใหก ันใจสขุ สันตว์ ันละไมล์ ยิ้มใหกนั วนั ละช่ืนอกตืน้ ตัน ยิ้มทัง้ วันย้มิ กันในศรีธญั ญา 6. ผูเขยี นขอความนเี้ ปน็ คนประเภทใด ก. ชา งฝนั หวาน ข. มอี ารมณ์ชนั ค. ตลกโปกฮา ง. ไมเตม็ เตง็ 7. ขอความนีจ้ ดั เป็นขอ เขียนชนิดใด ก. กลอนส่ี ข. กลอนหก ค. กลอนแปด ง. กลอนเปลา 8. เมื่ออานบทรอ ยกรองนี้แลว ผูอานจะมีปฏกิ ิริยาอยางไร ก. เฉย ๆ ข. ขมวดคิว้ ค. อมยิ้มนิดๆ ง. หวั เราะกา฿ ก 9. คนประเภทใดท่ีเหมาะสมกบั ขอ ความ ก. คนตกงาน ข. คนทโี่ กรธกัน ค. คนท่ีเป็นคูร กั กัน ง. คนทกี่ ําลังผิดหวงั
140 10. “ย้ิมท้ังวันยมิ้ กนั ในศรีธญั ญา” ควรเปน็ บคุ คลประเภทใด ก. คนบา ข. คนตาบอด ค. คนทีม่ ีความรัก ง. คนที่มคี วามสุข
141 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 เรื่อง การอ่าน 1. ก 2. ค 3. ก 4. ข 5. ง 6. ก 7. ค 8. ค 9. ก 10. ก
142 แบบทดสอบกอ่ นเรียน บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 4 เรื่อง การเขยี น จงทาเครอื่ งหมายกากบาท เลือกขอ้ ท่ีถูกตอ้ งลงในกระดาษคาตอบดา้ นล่าง 1. คําใดสะกดผิด ก. อุทธรณ์ ข. อาถรรพณ์ ค. เพฌชฆาต ง. ลูกนิมิต 2. ขอ ใดสะกดถกู ตองทกุ คาํ ก. ตํารวจลอมชอมคกู รณอี ยา งขะมกั เขมน ข. อยามัวทําชมดชะมอ ยฉนั ขยักขยอนเต็มที ค. อยามวั ทําชมดชะมอยฉนั ขยักขยอ นเตม็ ที ง. ตาสีวิพากษ์วจิ ารณเ์ รื่องท่ชี าวบานโจษจันกนั ทวั่ 3. ขอใดมคี ําท่สี ะกดผดิ ก. ชบา ชโย ยโส ข. ชอุม ชะตา ชโลม ค. คะนึง ทะนุบาํ รุง ฉะนั้น ง. ขะมกุ ขะมอม ขะมกั เขมน ขมกุ ขะมวั 4. ขอ ใดมคี าํ ทสี่ ะกดผิด ก. สะกด สะกัด สะกิด ข. สะดุง สะดดุ สะดึง ค. สะบัก สะบดั สะบัน้ ง. สะอาด สะอกึ สะอ้นื 5. ขอ ใดเขยี นถูกทุกคาํ ก. ต้วั โผ เตาหู เก้ยี มไฉ ข. เกียร์ ฟิล์ม ฟตุ บอลล์ ค. อทุ จั อฏั จารส อชั ญาสยั ง. รนื่ รมย์ ประสบการณ์ สถาณการณ์
143 6. ขอ ใดมีคําเขยี นสะกดคาํ ถกู ทั้งหมด ก. ตะไคร สาบาน ไหหลํา ปฏสิ ันฐาน ข. อะไหล บุณฑริก ยมบาล เอิกกะเหริก ค. เปรียญ สรภญั ญะ เวนคนื จนั ทรเกษม ง. สไบ กระษาปณ์ เช๊ิต ผรสุ วาท 7. ขอ ความใดไมไ่ ด้กลา วถึงวิธีการยอความ ก. เขียนคํานําตามแบบ ข. คงราชาศพั ท์ไว ค. คงสรรพนามเดมิ ไว ง. ใชส าํ นวนภาษาของผูยอ 8. ขอ ควรทําในการเรียบเรยี งยอ ความคือขอ ใด ก. เรยี งลําดบั เรื่องตามแบบเรือ่ งเดิมเสมอ ข. เรยี งใหกลบั กันกับเร่อื งเดิม ค. เรยี งลาํ ดบั ตามความพอใจขอผูยอ ง. เรียงใหสัมพนั ธ์ตอ เน่ืองกัน 9. ยอความควรมกี ่ียอหนา ก. ยอหนา เดยี ว ข. เทาจาํ นวนยอ หนาของเนื้อเรอื่ งเดิม ค. สามยอหนา คอื คาํ นํา เนือ้ เรือ่ ง สรุป ง. สองยอหนา คอื ยอหนา คํานาํ และยอหนา เนื้อความซ่ึงมกั ยอ เหลือเพียงยอหนาเดยี ว 10. ขอ ใดเปน็ หัวขอเรียงความเกยี่ วกบั เรื่องในโลกของจนิ ตนาการที่เก่ยี วกับอนาคต ก. ใตรม อนิ ทนลิ ข. เดก็ ขายพวงมาลยั ค. สถานการณ์โรคเอดส์ ง. เก็บหอมรอมรบิ ไวเถิด
144 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 เรื่อง การเขียน 1. ข 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ก 7. ข 8. ก 9. ค 10. ง
145 ใบความรู้ บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 เรื่อง การเขียน 1. หลักการเขยี นและการใชภ้ าษาเขียน หลักการเขียน การเขียน คือ การแสดงความรู ความคิด อารมณ์ความรูสึกและความตองการของผูสงสาร ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพ่ือใหผูรับสารอานเขาใจ ไดรับความรู ความคิด อารมณ์ ความรูสึกและ ความตอ งการตา ง ๆ การเขียนเพอื่ สอ่ื ความหมาย ใหผูอืน่ เขาใจน้นั ควรใชถอยคําที่คนอานอานแลวเขาใจทันทีเขียน ดวยลายมือท่ีชัดเจน อานงาย ใชภาษาใหถูกตองตามหลักการเขียนใชคําเหมาะสมกับกาลเทศะและ บคุ คล หลกั การเขยี นทด่ี คี วรปฏิบัตดิ ังนี้ 1. เขียนชัดเจน อานงายเป็นระเบียบ 2. เขียนใหถ ูกตอ ง ตรงตามตวั สะกด การันต์ วรรณยกุ ต์ 3. ใชถ อยคาํ สุภาพ เหมาะสมกบั กาลเทศะ และบุคคล 4. ใชภาษาทีง่ า ย ๆ สนั้ ๆ กะทดั รัด ส่อื ความหมายเขา ใจไดดี 5. ใชภ าษาเขยี นท่ีดี ไมค วรใชภาษาพูด 6. ใชเ ครื่องหมายวรรคตอนใหถกู ตอ ง 7. ตองเขียนใหส ะอาด การใช้ภาษาในการเขยี น 1. เขยี นใหอ านงาย เขา ใจงาย 2. เขยี นตรงตามตวั สะกด การันต์ วรรณยกุ ต์ใหถูกตอ ง 3. เขียนใหไดใจความชัดเจน 4. ใชภาษางา ย ๆ สนั้ กะทัดรัด 5. ใชภาษาใหถกู ตองตามแบบแผน ไมควรใชคําหรือสาํ นวนมาปะปนกบั ภาษาตางประเทศ 6. ใชถอ ยคาํ ทีส่ ุภาพไพเราะเหมาะสม ความสาคัญของการเขียน 1. เป็นการสอ่ื สารทจ่ี ะแจง ใหผอู ่นื ไดท ํางานหรอื ปฏบิ ัตติ าม 2. เป็นการเผยแพรค วามรใู หผอู ื่นไดทราบ และนาํ ไปใชป ระโยชน์ 3. เปน็ การบันทกึ สาระสาํ คัญเพือ่ เป็นหลักฐานและนําไปใชประโยชน์ 4. เปน็ การเขียนที่สามารถนําไปประกอบอาชพี ได เชน การเขียนขาว การเขยี นนวนิยาย หรือเขยี นบทละคร เป็นตน 2. หลักการเขียนแผนภาพความคิด แผนภาพความคดิ เปน็ การแสดงความรู ความคิดโดยใชแผนภาพในการนําความรหู รอื ขอเทจ็ จริงมาจดั เป็นระบบ สรา งเป็นภาพหรือจัดความคดิ รวบยอด นําหัวขอเรือ่ งใดเรอื่ งหนง่ึ มาแยกเป็นหัวขอ ยอ ยและนํามาจัดลําดับเปน็ แผนภาพ
146 แนวคดิ เก่ยี วกบั แผนภาพความคดิ 1. ใชแผนภาพความคิด เมื่อพบวาขอมูลขาวสารตาง ๆ อยูกระจัดกระจายนําขอมูลนั้นมา เชอ่ื มโยงเป็นแผนภาพความคดิ ทําใหเกดิ ความเขา ใจเป็นความคดิ รวบยอด 2. แผนภาพความคิด จะจัดความคิดใหเป็นระบบรวบรวมและจัดลําดับขอเท็จจริง นํามาจัดให เป็นหมวดหมู เปน็ แผนภาพความคิดรวบยอดทีช่ ดั เจนจนเกดิ ความรใู หม 3. นาํ ความคิดหรอื ขอเทจ็ จริงมาเขียนเปน็ แผนภาพ จะทาํ ใหจ ําเรอ่ื งราวตา ง ๆ ไดงายขน้ึ 4. แผนภาพความคิดจะใชภาษาผังท่ีเป็นสัญลักษณ์และคําพูดมาสรางแผนภาพทําใหเกิด การเรียนรดู วยตนเอง รูปแบบของแผนภาพความคิดมี 4 รูปแบบ คอื 1. รปู แบบการจัดกลุม รูปแบบนี้จะยึดความคิดเป็นสําคัญ และจัดกลุมตามลําดับความคิดรวบ ยอดยอยเป็นแผนภาพ 2. รูปแบบความคิดรวบยอด รูปแบบนี้จะมีความคิดหลักและมีขอเท็จจริงที่จัดแบงเป็น ระดับชนั้ มาสนับสนนุ ความคิดหลัก 3. รูปแบบการจัดลําดับ จัดลําดับตามเหตุการณ์ การจัดลําดับตามกาลเวลา การจัดลําดับ การกระทํากอ นหลังหรือการจดั ลาํ ดบั ตามกระบวนการมีการเร่มิ ตนและการสนิ้ สดุ 4. รูปแบบวงกลม รูปแบบนี้เป็นชุดเหตุการณ์ภายใตกระบวนการไมมีจุดเริ่มตน และจุดส้ินสุด แตเ ปน็ เหตกุ ารณท์ ่เี ปน็ ลาํ ดับตอ เนือ่ งกัน ดังตัวอยาง แผนภาพวงกลม ประโยชน์ของแผนภาพความคดิ 1. ชว ยบรู ณาการความรเู ดมิ กับความรใู หม 2. ชวยพฒั นาความคดิ รวบยอดใหชดั เจนขนึ้ 3. ชวยเนน องค์ประกอบลาํ ดบั ของเรอื่ ง 4. ชวยพฒั นาการอาน การเขียนและการคิด 5. ชว ยวางแผนในการเขียน และการปรับปรงุ การเขยี น 6. ชวยวางแผนการสอนของครู โดยการสอนแบบบรู ณาการเนอ้ื หา 7. ชวยในการอภิปราย 8. เปน็ เคร่ืองมือประเมินผล วิธกี ารสรา้ งแผนภาพความคดิ การสรางแผนภาพความคิด หรือการออกแบบแผนภาพความคิดเป็นการสรางสรรค์อยางหน่ึง ผูสรางแผนภาพความคดิ อาจใชง านศลิ ปะเขา มาชวย โดยวาดภาพประกอบใหแ ผนภาพความคิดนาสนใจ และทําใหเห็นภาพของแผนภาพชัดเจนขึ้น การสรางแผนภาพความคิดจะนํามาใชในการทํางานรวมกัน รวมคิดรวมทํา รวมกันแลกเปล่ียนความรูและประสบการณ์ทําใหผูเรียนรูจักการวางแผนงาน การ กําหนดงานที่จะตอ งปฏบิ ัติ และเรียนรกู ารทาํ งานรว มกับผอู ่ืน
147 ข้ันตอนการสรา้ งแผนภาพความคดิ มีดงั น้ี 1. กําหนดช่ือเร่ือง หรอื ความคดิ รวบยอดสาํ คัญ 2. ระดมสมองที่เก่ียวของกับช่ือเรื่อง หรือ ความคิดรวบยอดสําคัญเป็นคําหรือวลีนั้น ๆแลวจด บันทกึ ไว 3. นําคําหรือวลีท่ีจดบันทึกที่เก่ียวเนื่องสัมพันธ์กันมาจัดกลุม แลวตั้งช่ือกลุมคําเป็นหัวขอยอย และเรยี งลาํ ดับกลุมคํา 4. ออกแบบแผนภาพความคิด โดยเขยี นชอ่ื เร่ืองไวกลางหนากระดาษ แลววางชื่อกลุมคําหัวขอ ยอย รอบช่ือเรื่อง นําคําท่ีสนับสนุนวางรอบช่ือกลุมคํา แลวใชเสนโยงกลุมคําใหเห็นความสัมพันธ์ เสนโยงอาจเขียนคําอธบิ ายได กลมุ คาํ อาจแสดงดวยภาพประกอบ 3. การแต่งร้อยกรอง คําประพนั ธ์ หรือรอยกรอง คือ การเรียงถอ ยรอยคําตามระเบียบขอบังคับตามฉันทลกั ษณ์มี หลายประเภท เชน กาพย์ กลอน โคลง ฉนั ท์ การแตง กลอน คาํ ประพนั ธร์ อยกรองประเภทกลอน มหี ลายแบบเรยี กช่ือตา ง ๆ ตามลักษณะ ฉนั ทลักษณท์ ่แี ตกตางกนั นน้ั ๆ เชน กลอนส่ี กลอนหา กลอนหก กลอนแปด กลอน สี่ กลอน ส่ี มี 2 แบบ คือ กลอนสี่ เปน็ คาํ ประเภทกลอนใน 1 บท มี 2 บาท 1 บาท มี 2 วรรค วรรคละ 4 คํา ตามหลักฐานทาง วรรณคดไี ทย กลอน ส่ี ที่เกา ที่สุดพบในมหาชาติคําหลวงกัณฑม์ หาพน (สมยั อยธุ ยา) ตวั อยา่ งกลอนสี่ มี 2 แบบคือ กลอน สี่ แบบ 1 ประกอบดวย 2 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 4 คํา การสัมผัสของกลอนสี่ จะสมั ผัสแบบกลอนท่ัวไป คือ คําสุดทา ย วรรคหนาสัมผัสกบั คําทสี่ องของวรรคหลงั และคําสุดทายวรรค ท่ีสองสัมผัสกับคําสุดทายวรรคท่ีสาม สวนสัมผัสระหวางบทก็เชนเดียวกัน คือ คําสุดทายวรรคของบท แรก สัมผสั กับคําสุดทา ยของวรรคท่สี องของบทถดั ไป กลอน ส่ี แบบ 2 บทหนึง่ ประกอบดวย 4 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 4 คํา ตามผังตัวอยาง สัมผัสนอกในทุกบาท คําสุดทายของวรรคหนา สัมผัสกับคําท่ีสองของวรรคหลัง มีสัมผัสระหวางบาทที่ สองกบั สาม คอื คําสุดทายวรรคท่ีสี่สัมผัสกับคําสุดทายวรรคที่หก สวนสัมผัสระหวางบทน้ันจะแตกตาง จากแบบแรกเน่ืองจากใหคําสดุ ทา ยของบทแรกสัมผสั กับคําสดุ ทายของวรรคท่สี ่ขี องบทถดั ไป ตวั อย่างกลอนส่ี ดวงจนั ทร์วันเพ็ญ ลอยเดนบนฟูา แสงนวลเย็นตา พาใจหฤหรรษ์ ชักชวนเพือ่ นยา มาเลน รว มกัน เดก็ นอ ยสุขสนั ต์ บนั เทงิ เรงิ ใจ กลอนแปด (กลอนสภุ าพ) กลอนแปด เปน็ คาํ ประพันธ์ที่ไดรับความนิยมกันท่ัวไป เพราะเป็นรอยกรองชนิดที่มีความเรียบ งา ยตอ การสอื่ ความหมาย และสามารถสือ่ ไดอยางไพเราะ ซึง่ กลอนแปดมีการกาํ หนดพยางค์และสัมผสั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304