Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มหน่วย+แผนที่ 2 เรื่อง ฟังก์ชัน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

เล่มหน่วย+แผนที่ 2 เรื่อง ฟังก์ชัน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

Published by pavarisa.1450, 2021-05-10 13:46:03

Description: เล่มหน่วย+แผนที่ 2 เรื่อง ฟังก์ชัน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

Search

Read the Text Version

 3. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ 1 (ต้องปรบั ปรงุ ) ครูไดอ้ ธบิ ายและชแี้ จงเกณฑ์ ใหน้ กั เรียนทราบเปน็ รายบุคคลวา่ นักเรยี นจะต้องแกไ้ ขและทาอย่างไรบา้ งตามเกณฑ์ท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านทักษะการเช่อื มโยงทางคณิตศาสตร์ และการคดิ วเิ คราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรุง) ครไู ด้อธบิ ายและชแี้ จงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเปน็ รายบคุ คลวา่ นกั เรียนจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นการทางานเปน็ ระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ชัน้ ม.5/4 1. นกั เรียนท่ไี ดค้ ะแนนอยูใ่ นระดับท่ี 2, 3 และ 4 ได้จากกิจกรรมสอนเสริมโดย  ให้ทาแบบฝึกหัดเพ่ิมเติม เป็นการบา้ น  2. นกั เรียนทไ่ี ดค้ ะแนนอยู่ในระดับที่ 1 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนซ่อม โดย  ใหท้ าแบบฝึกหดั เพ่มิ เตมิ เปน็ การบ้าน  3. ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ครไู ด้อธบิ ายและชแี้ จงเกณฑ์ ใหน้ ักเรียนทราบเปน็ รายบคุ คลวา่ นักเรยี นจะตอ้ งแก้ไขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นทักษะการเชอ่ื มโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคิดวิเคราะห์ 4. ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรุง) ครูได้อธบิ ายและชแี้ จงเกณฑ์ ให้นกั เรียนทราบเป็นรายบคุ คลว่า นักเรยี นจะต้องแกไ้ ขและทาอยา่ งไรบา้ งตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในดา้ นการทางานเปน็ ระบบ ความรบั ผิดชอบในการทางาน ชน้ั ม.5/5 1. นักเรียนที่ไดค้ ะแนนอยู่ในระดบั ที่ 2, 3 และ 4 ไดจ้ ากกจิ กรรมสอนเสรมิ โดย  ให้ทาแบบฝกึ หัดเพม่ิ เติม เปน็ การบ้าน  2. นกั เรยี นที่ได้คะแนนอยใู่ นระดับท่ี 1 ไดจ้ ากกจิ กรรมสอนซ่อม โดย  ใหท้ าแบบฝึกหดั เพิ่มเติม เป็นการบ้าน  3. ด้านทกั ษะกระบวนการ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรุง) ครูไดอ้ ธบิ ายและชแี้ จงเกณฑ์ ใหน้ กั เรยี นทราบเปน็ รายบุคคลวา่ นกั เรยี นจะต้องแกไ้ ขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑท์ ้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านทกั ษะการเช่อื มโยงทางคณิตศาสตร์ และการคิดวเิ คราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นักเรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรงุ ) ครูได้อธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ให้นักเรยี นทราบเป็นรายบุคคลว่า นักเรียนจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑ์ท้ายแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นการทางานเป็นระบบ ความรบั ผิดชอบในการทางาน

ผลการพัฒนา พบว่านักเรียนทไ่ี ดร้ ะดบั 1 จานวน คน จาก คน สามารถบอก ความหมายของฟังก์ชันเชิงเสน้ และฟังก์ชนั คงตวั ได้และไดผ้ ลการเรียนรอู้ ย่ใู นระดบั 2 ส่วนอีก ค น ยั ง ต้องปรบั ปรุงแก้ไขต่อไปซึ่งผู้สอนไดแ้ นะนาให้ และปรับปรงุ งานอีกครัง้ พบว่านกั เรียนท่ไี ด้ระดับ 2 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของฟังก์ชันเชิงเสน้ และฟังกช์ ันคงตัวได้ซึ่งผสู้ อนได้แนะนาให้ พบว่านกั เรยี นที่ได้ระดับ 3 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของฟงั ก์ชันเชิงเสน้ และฟงั ก์ชันคงตัวได้อย่างถูกต้อง ซง่ึ ผ้สู อนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นักเรยี นทีไ่ ด้ระดบั 4 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของฟังกช์ ันเชงิ เสน้ และฟังก์ชนั คงตวั ได้อย่างถกู ต้อง ซึง่ ผูส้ อนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นกั เรียนที่ไดร้ ะดบั 1 จานวน คน จาก คน สามารถนาความร้เู รื่อง ฟงั ก์ชันเชงิ เส้นมาประยกุ ตใ์ ชก้ บั โจทย์ปญั หาได้และไดผ้ ลการเรยี นรู้อยู่ในระดับ 2 สว่ นอีก ค น ยั ง ตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ขตอ่ ไปซ่งึ ผสู้ อนได้แนะนาให้ และปรบั ปรุงงานอีกคร้ัง พบว่านักเรียนท่ไี ด้ระดบั 2 จานวน คน จาก คน สามารถนาความรู้เรื่อง ฟังก์ชันเชงิ เส้นมาประยุกตใ์ ชก้ ับโจทยป์ ัญหาได้ซ่ึงผสู้ อนได้แนะนาให้ พบวา่ นักเรียนทีไ่ ดร้ ะดบั 3 จานวน คน จาก คน สามารถนาความรู้เร่ือง ฟังก์ชนั เชงิ เสน้ มาประยุกตใ์ ชก้ ับโจทยป์ ญั หาได้ซึ่งผู้สอนได้แนะนาให้ พบวา่ นักเรียนทไี่ ด้ระดับ 4 จานวน คน จาก คน สามารถนาความรู้เร่ือง ฟังกช์ ันเชงิ เสน้ มาประยุกตใ์ ช้กับโจทย์ปัญหาได้ซ่งึ ผสู้ อนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นกั เรยี นที่ไดร้ ะดับ 1 จานวน คน จาก คน สามารถเขยี นกราฟ ของฟงั กช์ ันเชิงเส้นจากความสมั พนั ธ์ท่ีกาหนดใหไ้ ด้และได้ผลการเรียนรู้อย่ใู นระดบั 2 สว่ นอีก คน ยัง ตอ้ งปรับปรุงแก้ไขตอ่ ไปซ่งึ ผู้สอนได้แนะนาให้ และปรับปรงุ งานอีกครัง้ พบวา่ นกั เรยี นทไ่ี ด้ระดับ 2 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟของ ฟังก์ชันเชิงเส้นจากความสมั พันธ์ท่ีกาหนดให้ได้ซึ่งผู้สอนได้แนะนาให้ พบว่านกั เรยี นทไ่ี ด้ระดบั 3 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟของ ฟังก์ชนั เชิงเส้นจากความสัมพันธท์ กี่ าหนดใหไ้ ด้ซง่ึ ผู้สอนได้แนะนาให้ พบว่านักเรียนที่ได้ระดับ 4 จานวน คน จาก คน สามารถเขยี นกราฟของ ฟังก์ชันเชงิ เสน้ จากความสัมพันธ์ทกี่ าหนดใหไ้ ด้ซึ่งผ้สู อนได้แนะนาให้ ลงช่ือ (นางสาวปวรศิ า ก๋าวงควนิ ) ผู้สอน

ช่ัวโมง/คาบที่ 11-12 เรื่อง ฟังก์ชันเชิงเส้น จัดการเรยี นรู้แบบร่วมมือ เทคนคิ (Team Assisted Individualization : TAI) 1. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ ละ 2 – 3 คน โดยจัดใหค้ ละความสามารถ คนท่ี 1 ทาหนา้ ท่ตี รวจคาตอบของคนท่ี 2 คนท่ี 2 ทาหน้าทีต่ รวจคาตอบของคนที่ 1 2. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นักเรยี นรวู้ ่า เม่ือจบชว่ั โมงนี้แล้วนกั เรียนต้องสามารถ (ใช้เวลา 5 นาท)ี 1) บอกความหมายของฟงั กช์ นั เชิงเส้นและฟงั กช์ ันคงตวั ได้ 2) นาความรู้เรอ่ื งฟังก์ชันเชงิ เสน้ มาประยกุ ต์ใช้กับโจทยป์ ญั หาได้ 3) เขียนกราฟของฟังก์ชนั เชิงเสน้ จากความสัมพนั ธ์ทก่ี าหนดใหไ้ ด้ 4) มคี วามรอบคอบในการทางาน 5) มคี วามรับผิดชอบต่องานที่ได้รบั มอบหมาย 6) มีความสามารถในการแก้ปัญหา 7) สามารถเช่อื มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตร์กับศาสตรอ์ ่ืน และนาใช้ในชวี ติ จริงได้ 3. ทบทวนความรเู้ ร่อื ง บทนิยามและเน้อื หาของชั่วโมงที่ผ่านมา โดยถาม-ตอบระหว่างครกู ับนักเรยี น (ใช้เวลา 5 นาที) วิธกี ารเขยี นกราฟของความสมั พนั ธ์ - กราฟของฟังก์ชนั เชิงเส้นจะเป็นเสน้ ตรงเสมอ - จากฟังกช์ นั y  ax  b ถ้า a = 0 จะไดฟ้ ังกช์ ันอยู่ในรปู y  b ซง่ึ เรยี กฟงั ก์ชันแบบนว้ี ่า ฟังกช์ ันคงตวั และกราฟของฟงั ก์ชันคงตวั จะเปน็ เสน้ ตรงขนานกับแกน X เช่น Y y = 3 จะไดก้ ราฟ (0, 3) (0, 0) X ครูใหน้ ักเรียนออกมาเขยี นกราฟ y = –1, y = 5, y = 11 บนกระดาน 4. ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ฟงั ก์ชนั เชงิ เส้น ว่า ฟงั ก์ชนั เชิงเส้น คือ ฟงั กช์ นั ท่มี สี มการอยใู่ นรูป เม่อื a, b เปน็ จานวนจรงิ และ จากฟังก์ชัน y = ax + b ถ้า จะได้ฟงั กช์ นั ท่ีอยูใ่ นรูป ซ่งึ มี กราฟเป็นเส้นตรงทข่ี นานกับแกน x จะเรียกฟงั ก์ชนั แบบนว้ี ่า ฟงั ก์ชันคงตัว (Constant Function) และกราฟที่ ไดจ้ ะเปน็ เส้นตรง (ใชเ้ วลา 5 นาที)

5. ครอู ธิบายพร้อมยกตวั อย่าง (ใชเ้ วลา 30 นาที) ครยู กตัวอย่างท่ี 13 ในหนังสือเรียนหน้าท่ี 64 บนกระดานแสดงวธิ ที าอย่างละเอยี ด พรอ้ มท้ังมีการถาม - ตอบคาถามกบั นักเรียน ครยู กตวั อยา่ งที่ 14 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ ท่ี 65 บนกระดานอย่างละเอียด เพือ่ ความเขา้ ใจของนกั เรยี นให้ มากย่ิงขนึ้ ครูยกตวั อยา่ งท่ี 15 ในหนังสอื เรยี นหน้าที่ 65 บนกระดานแสดงวธิ ที าอยา่ งละเอยี ด พรอ้ มท้งั มีการถาม – ตอบคาถามกับนกั เรยี น ครยู กตวั อยา่ งท่ี 16 ในหนังสือเรียนหนา้ ท่ี 66 บนกระดานแสดงวิธที าอย่างละเอยี ด พร้อมทั้งมกี ารถาม - ตอบคาถามกับนักเรยี น 6. ให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ทาแบบฝกึ ทกั ษะ 2.4 เรื่อง ฟงั กช์ ันเชงิ เส้น กาหนดเวลา ให้ 30 นาทีแล้วแลกกบั เพ่อื นใน กล่มุ ตรวจคาตอบ (ใชเ้ วลา 40 นาท)ี 7. ครถู ามนกั เรยี นเก่ยี วกับความรูท้ ี่ได้รับในวันนี้ พร้อมทัง้ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมให้สมบูรณ์ (ใชเ้ วลา 15 นาที) ฟังกช์ นั เชิงเสน้ คอื ฟังกช์ ันทม่ี ีสมการอยู่ในรปู เม่อื a, b เป็นจานวนจรงิ และ จากฟังกช์ ัน y = ax + b ถ้า จะได้ฟงั กช์ นั ที่อยู่ในรูป ซึ่งมกี ราฟเปน็ เส้นตรงที่ขนานกบั แกน x จะเรยี กฟงั กช์ นั แบบนว้ี า่ ฟังกช์ ันคงตัว (Constant Function 8. ให้นกั เรียนแต่ละคนทาแบบฝกึ ทักษะ 2.2 เรอื่ ง ฟงั ก์ชันเชงิ เสน้ ขอ้ 5-8 เปน็ รายบุคคล สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 2. แบบฝึกทกั ษะท่ี 2.4 เรอ่ื ง ฟงั กช์ ันเชิงเส้น การวดั ผลและประเมินผล วิธกี ารวัด เครือ่ งมือ การวดั ผล ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด/ - แบบฝึกหดั /ฝึก จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ฝกึ ทักษะ ทักษะ 1. บอกความหมายของฟังกช์ นั เชงิ เสน้ - ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด/ - แบบฝึกหดั /ฝกึ และฟังกช์ นั คงตัวได้ ฝกึ ทักษะ ทักษะ 2. นาความร้เู รื่องฟังก์ชันเชงิ เสน้ มา - ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด/ - แบบฝกึ หัด/ฝึก ประยุกต์ใชก้ บั โจทย์ปญั หาได้ ฝึกทักษะ ทักษะ 3. เขียนกราฟของฟงั ก์ชันเชิงเส้นจาก - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ ทักษะ - แบบฝึกทกั ษะ ความสมั พนั ธ์ทกี่ าหนดใหไ้ ด้ - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ ทักษะ - แบบฝึกทักษะ 4. มีความรอบคอบในการทางาน 5. มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานทไี่ ด้รบั - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกต มอบหมาย พฤติกรรม 6. มีความรับผดิ ชอบตอ่ งานทไ่ี ด้รับ มอบหมาย

จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เครอื่ งมือ 7. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ ทกั ษะ - แบบฝกึ ทักษะ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต 8. สามารถเช่อื มโยงความรู้ทาง พฤติกรรม คณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อื่น และนาใช้ใน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต ชีวติ จริงได้ พฤตกิ รรม เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส์) ประเดน็ การ (4) ระดบั คุณภาพ (1) ประเมิน ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี กาลังพัฒนา แบบฝกึ หัด / ทาไดอ้ ยา่ ง ทาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ทาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทาไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง กิจกรรม ถกู ตอ้ งร้อยละ ร้อยละ 70-79 รอ้ ยละ 40-69 ตา่ กว่าร้อยละ 40 80 ขนึ้ ไป มีความรบั ผิดชอบ ทางานเสร็จและ ทางานเสร็จและสง่ ทางานเสร็จแต่สง่ ชา้ ทางานไม่เสร็จ ต่องานท่ไี ด้รับ ส่งตรงเวลา ตรงเวลา ทาไม่ถูกตอ้ ง ส่งไมต่ รงเวลา มอบหมายใหไ้ ด้ ทาถูกตอ้ ง ทาถูกตอ้ ง และไมม่ ีความ ทาไมถ่ ูกต้อง และ ละเอียด ละเอยี ด ละเอยี ดในการ ไมม่ ีความละเอยี ด ทางาน ในการทางาน มคี วามรอบคอบ มกี ารวางแผน มกี ารวางแผน มกี ารวางแผน ไม่มกี ารวางแผน ในการทางาน การดาเนินการ การดาเนนิ การ การดาเนนิ การอยา่ ง การดาเนินการอย่าง อยา่ งครบทุก อยา่ งถกู ต้อง ไม่ครบทุกขน้ั ตอน ไมม่ ีขัน้ ตอน มีความ ขัน้ ตอน และ แต่ไม่ครบถ้วน ผดิ พลาดต้องแก้ไข ถกู ต้อง เกณฑ์การตดั สนิ - รายบุคคล นักเรียนมีผลการเรยี นร้ไู มต่ ่ากว่าระดบั 2 จงึ ถอื วา่ ผ่าน - รายกลุ่ม รอ้ ยละ....75....ของจานวนนักเรยี นทัง้ หมดมผี ลการเรียนรไู้ ม่ต่ากว่าระดบั 2

ข้อเสนอแนะ ใช้สอนได้ ควรปรบั ปรงุ ลงช่ือ ( นางสาวปวริศา กา๋ วงค์วนิ ) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ วนั ท.่ี .......เดือน..............พ.ศ............ การบรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ครูผู้สอนใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงในข้นั เตรียมการสอน/จัดการเรียนรู้ ดังนี้ หลกั พอเพยี ง ความพอประมาณ เหตุผล มภี มู คิ ุ้มกนั ในตวั ทีด่ ี ประเด็น เวลา เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม เวลาท่ีใชใ้ นการจัดกิจกรรมการ ข้ันนาเข้าส่บู ทเรยี น 15 การเรียนร้ทู ัง้ หมดในแผนการ เรียนรู้ ดงั น้ี ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน ใช้ นาที นกั เรยี นจะได้ นี้ 2 ชั่วโมง ความเหมาะสม เวลา 15 นาที ชี้แจ้งจดุ ประสงค์ ทบทวนความรู้พน้ื ฐาน คอื ลายละเอยี ดในการเรยี น 5 นาที และเปน็ การเตรยี ม ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 15 นาที ทบทวนความรเู้ ดมิ เพือ่ เช่ือมโยงกบั ความรใู้ นการเรียน ขนั้ สอน 70 นาที เรียนท่จี ะเรยี น 10 นาที ขั้นสอน ข้นั สอน 70 นาที ขั้นสรปุ 15 นาที 70 นาที เรมิ่ ด้วยการสนทนากับ นักเรียนสามารถ นักเรยี นเกย่ี วกับเร่อื งทีจ่ ะเรียนและ วิเคราะห์ แกป้ ญั หาอนื่ เรื่องท่ีตอ้ งนามาเชื่อมโยงในการหา ๆ ได้ ข้นั สรุป 15 นาที คาตอบ 10 นาที อธิบายตวั อยา่ งให้ นักเรยี นจะได้รบั ความรู้ นักเรยี นอยา่ งละเอียดชัดเจน 20 ท่คี งทนและถกู หลักของ นาที แล้วให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัด คณติ ศาสตร์ โดยมคี รูควบคมุ ดูแลให้คาปรกึ ษา 40 นาที ข้ันสรปุ 15 นาทีให้นกั เรียนรว่ มกนั สรุปโดยมีครเู สรมิ ความรูท้ ี่ขาดหา และใหช้ ัดเจนมาข้นึ

หลักพอเพยี ง ความพอประมาณ เหตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กันในตัวที่ดี ประเด็น เนอ้ื หา 1.มีความเหมาะสมกบั เพราะหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา การเรียนเร่อื งฟงั ก์ชนั ให้ นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ขนั้ พ้ืนฐานกาหนดไว้ในสาระที่ 1 ถกู ต้องตามหลกั ทาให้ 2.มีความเหมาะสมกบั ความรู้ จานวนและพีชคณิต นกั เรียนสามารถ พืน้ ฐานของนักเรยี น ตวั ชว้ี ดั ค 1.2 ม.5/1 นาไปใช้ในการดาเนนิ 3.มคี วามเหมาะสมกบั เวลา ชีวิตประจาวัน ส่ือ/อปุ กรณ์ มีความเหมาะสมกับช่วงวัย การให้นักเรยี นไดเ้ รียนรูจ้ าก - นกั เรียนสามารถ - กจิ กรรม ความตอ้ งการความสามารถ ตวั อยา่ งทาใหน้ ักเรยี นได้เห็นภาพ วเิ คราะห์โจทย์ปัญหา - แบบฝกึ หัด และเรอื่ งทเี่ รียนของนกั เรยี น ชัดเจน เข้าใจมากขนึ้ ไดท้ าดว้ ย จากการเรียนและปัญหา ในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ตนเอง อื่นได้ ความรู้ที่ครู ครูมคี วามรเู้ กย่ี วกบั หลกั สูตร เนอ้ื หาสาระและกจิ กรรมการเรียนการสอน จาเปน็ ต้องมี ครูมีความรใู้ นการวเิ คราะห์นักเรียน และรศู้ กั ยภาพของนักเรียน ครมู ีความร้ใู นเรอ่ื งฟังกช์ ัน ครูมีความรใู้ นเร่ืองการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครมู คี วามรูใ้ นเร่ืองการวดั และประเมนิ ผล คุณธรรมของครู มีความขยนั รบั ผดิ ชอบในการสอน มคี วามเสยี สละ ไมป่ ิดบังความรู้ มีความเมตตาและปรารถนาดีตอ่ ศษิ ย์ มคี วามตง้ั ใจในการผลิตส่อื การเรียนร้ใู หน้ า่ สนใจ มีความเพียงพยายามทีจ่ ะมุง่ มั่นใหน้ กั เรยี นมคี วามรู้ มคี วามอดทนในสอน แนะนา ตรวจแกไ้ ขผลงานของนักเรยี น - นกั เรียนจะได้เรยี นรทู้ ี่จะอย่อู ยา่ งพอเพยี งจากกจิ กรรมการเรยี นรู้ ดังตอ่ ไปน้ี ผู้เรยี นได้เรียนรูห้ ลกั คดิ และฝึกปฏบิ ัติตาม 3 หว่ ง 2 เง่อื นไข ดงั น้ี ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี 1.นกั เรียนรู้จกั บรหิ ารเวลาในการศกึ ษา 1.นกั เรียนมเี หตผุ ลในการ 1.นกั เรียนนาความรเู้ รอ่ื งฟังก์ชันไป ความรู้ ทากิจกรรมจากใบงาน หาคาตอบของฟงั ก์ชนั ได้ ช่วยในการโจทย์ปัญหาอน่ื ได้ แบบฝกึ หดั การทากิจกรรมกล่มุ 2. นกั เรยี นวเิ คราะหแ์ ละ 2. นักเรยี นนาความรู้ทไี่ ด้รบั จาก 2.นักเรียนทากิจกรรมได้เต็มศักยภาพ หาคาตอบไดอ้ ยา่ งสมเหตุ การเรยี นเรอ่ื งฟงั ก์ชันพน้ื ฐาน ของตนเอง สมผล เพ่ือประกอบการตัดสนิ ใจในการทา 3.นักเรียนใช้วัสดุ อุปกรณ์ ในการทา กจิ กรรม ได้โดยไม่เกดิ ปัจจัยเส่ียง กจิ กรรมอยา่ งประหยัด

ความพอประมาณ มีเหตผุ ล มีภูมิคมุ้ กันในตวั ทด่ี ี ความรทู้ ี่ต้องมีก่อนเรยี น 1.ต้องมีสมาธิ มคี วามตง้ั ใจ ในการเรียน คณุ ธรรม 2.ตอ้ งมคี วามรอบคอบในการทางาน 3.ต้องมีมารยาทในการทางาน ไมส่ ่งเสียงดงั ไมเ่ ล่นหรอื ไม่ลุกจากท่ี นงั่ โดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าต 4. ต้องมีความรบั ผดิ ชอบในงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย ส่งตรงต่อเวลา 1.นักเรียนมคี วามซอื่ สัตย์ สุจริตและตรงต่อเวลา 2. นักเรียนมวี นิ ยั ในตนเอง - ผลลัพธ์ทค่ี าดวา่ จะเกิดขนึ้ กับนักเรยี น (อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง – สมดุลและพรอ้ มรับการเปลย่ี นแปลงดา้ นตา่ ง ๆ) ด้านความรู้ (K) ด้านทกั ษะ กระบวนการ (P) ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 1. บอกความหมายของฟังก์ชนั เชงิ 1. สามารถเชอ่ื มโยงความรู้ทาง 1. มีความรบั ผิดชอบตอ่ งานที่ เส้นและฟงั กช์ ันคงตัวได้ คณติ ศาสตร์กบั ศาสตร์อืน่ และนา ไดร้ ับมอบหมาย 2. นาความรูเ้ รอื่ งฟังกช์ นั เชิงเสน้ ใชใ้ นชีวติ จริงได้ มาประยกุ ต์ใช้กับโจทย์ปัญหาได้ 2. ใชค้ วามรู้ ทักษะ และ 3. เขยี นกราฟของฟังกช์ นั เชงิ เสน้ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ใน จากความสมั พันธท์ ก่ี าหนดใหไ้ ด้ การแก้ปญั หาได้อย่างเหมาะสม บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ช้ัน ม. 5/1 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาที่ใชใ้ นการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของสอ่ื การเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเกณฑก์ ารประเมนิ  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ อ่นื ๆ สรปุ ผลการประเมินผู้เรยี น นักเรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 1 มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 2 นักเรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นักเรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ

นกั เรียนจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 สรุปโดยภาพรวมมีนักเรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ท่ีผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขึน้ ไป ซึ่งสงู (ตา่ ) กวา่ เกณฑ์ทก่ี าหนดไวร้ อ้ ยละ มีนกั เรยี นจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ทกี่ าหนด ชนั้ ม. 5/2 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาทใี่ ชใ้ นการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของสื่อการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของเกณฑก์ ารประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ อืน่ ๆ สรุปผลการประเมนิ ผูเ้ รียน นักเรียนจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรยี นร้ฯู อยู่ในระดับ 2 นกั เรยี นจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 3 นกั เรียนจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มผี ลการเรียนร้ฯู อยู่ในระดบั 4 สรปุ โดยภาพรวมมีนกั เรยี นจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ทผี่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป ซ่งึ สงู (ตา่ ) กวา่ เกณฑ์ที่กาหนดไว้ร้อยละ มนี ักเรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ท่ไี ม่ผ่านเกณฑท์ ก่ี าหนด ชั้น ม. 5/3 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของเวลาท่ีใช้ในการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของสื่อการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง อ่ืน ๆ

สรปุ ผลการประเมินผเู้ รยี น นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรยี นจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มผี ลการเรยี นรูฯ้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ มีผลการเรียนรู้ฯ อยูใ่ นระดับ 3 นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 4 สรุปโดยภาพรวมมีนกั เรียนจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ ท่ีผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ข้นึ ไป ซึง่ สูง (ตา่ ) กว่าเกณฑ์ท่กี าหนดไวร้ อ้ ยละ มีนักเรยี นจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ ท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์ที่กาหนด ชนั้ ม. 5/4 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาที่ใช้ในการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของสอ่ื การเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ อ่นื ๆ สรปุ ผลการประเมินผ้เู รียน นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นกั เรียนจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 3 นกั เรยี นจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 4 สรุปโดยภาพรวมมนี กั เรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ทผ่ี ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขึ้นไป ซึง่ สงู (ต่า) กวา่ เกณฑ์ทีก่ าหนดไว้ร้อยละ มีนักเรยี นจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ท่ีไมผ่ ่านเกณฑท์ กี่ าหนด ชั้น ม. 5/5 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเวลาท่ใี ชใ้ นการทากจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของส่อื การเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ

ความเหมาะสมของเกณฑก์ ารประเมิน  ดี  พอใช้  ปรับปรุง อื่น ๆ สรปุ ผลการประเมนิ ผูเ้ รยี น นกั เรยี นจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ มผี ลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 1 นกั เรียนจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดบั 2 นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มีผลการเรียนรู้ฯ อย่ใู นระดบั 3 นกั เรยี นจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 สรปุ โดยภาพรวมมีนักเรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ทผี่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 ข้ึนไป ซง่ึ สูง (ต่า) กว่าเกณฑ์ทก่ี าหนดไวร้ ้อยละ มีนกั เรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑท์ ี่กาหนด ข้อสังเกต/ค้นพบ จาการตรวจผลงานของนกั เรียนพบวา่ ชั้น ม.5/1 นักเรยี น คน บอกความหมายของฟังกช์ ันเชงิ เส้นและฟงั กช์ ันคงตวั ได้ - นักเรียนผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ขึ้นไป จานวน คน - นักเรียนไม่ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/2 นักเรยี น คน บอกความหมายของฟังกช์ ันเชิงเส้นและฟังก์ชันคงตวั ได้ - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป จานวน คน - นกั เรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/3 นักเรยี น คน บอกความหมายของฟังกช์ นั เชงิ เส้นและฟงั กช์ ันคงตวั ได้ - นกั เรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชัน้ ม.5/4 นกั เรียน คน บอกความหมายของฟังก์ชนั เชงิ เส้นและฟงั กช์ นั คงตัวได้ - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 ขึน้ ไป จานวน คน - นักเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชัน้ ม.5/5 นักเรยี น คน บอกความหมายของฟงั ก์ชนั เชงิ เส้นและฟงั กช์ นั คงตวั ได้ - นกั เรยี นผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ข้ึนไป จานวน คน - นักเรียนไม่ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/1 นักเรียน คน นาความรู้เรอ่ื งฟังก์ชนั เชิงเสน้ มาประยุกต์ใชก้ ับโจทย์ปญั หาได้ - นักเรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน - นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/2 นกั เรยี น คน นาความรูเ้ ร่ืองฟังก์ชันเชิงเส้นมาประยกุ ตใ์ ชก้ ับโจทยป์ ัญหาได้ - นักเรยี นผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน

ช้นั ม.5/3 นักเรยี น คน นาความรเู้ ร่อื งฟงั ก์ชันเชิงเส้นมาประยกุ ตใ์ ชก้ ับโจทย์ปญั หาได้ - นักเรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ข้ึนไป จานวน คน - นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน ชั้น ม.5/4 นักเรยี น คน นาความร้เู รอ่ื งฟงั กช์ ันเชิงเส้นมาประยกุ ต์ใชก้ ับโจทยป์ ัญหาได้ - นกั เรยี นผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ข้ึนไป จานวน คน - นกั เรียนไม่ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/5 นักเรยี น คน นาความรเู้ รือ่ งฟงั กช์ ันเชิงเสน้ มาประยกุ ตใ์ ช้กับโจทย์ปญั หาได้ - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน ชั้น ม.5/1 นกั เรียน คน เขยี นกราฟของฟงั ก์ชันเชงิ เสน้ จากความสัมพันธ์ทก่ี าหนดให้ได้ - นกั เรยี นผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ข้นึ ไป จานวน คน - นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/2 นกั เรียน คน เขยี นกราฟของฟังกช์ นั เชิงเสน้ จากความสมั พันธ์ทก่ี าหนดใหไ้ ด้ - นักเรียนผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป จานวน คน - นักเรียนไมผ่ ่านเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน ช้นั ม.5/3 นักเรยี น คน เขยี นกราฟของฟังก์ชนั เชงิ เสน้ จากความสัมพันธท์ ก่ี าหนดให้ได้ - นักเรียนผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ขึ้นไป จานวน คน - นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/4 นักเรยี น คน เขียนกราฟของฟงั ก์ชันเชงิ เสน้ จากความสมั พันธ์ท่กี าหนดใหไ้ ด้ - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน - นักเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/5 นักเรียน คน เขยี นกราฟของฟงั ก์ชนั เชงิ เสน้ จากความสมั พันธ์ที่กาหนดใหไ้ ด้ - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน - นักเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในแตล่ ะด้าน ดังนี้ ชนั้ ม.5/1 ทกั ษะการแกไ้ ขปญั หา - นกั เรียนผ่านเกณฑ์ดมี าก (ระดับ 4) จานวน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑด์ ี (ระดับ 3) จานวน คน - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นักเรยี นต้องปรับปรุง (ระดบั 1) จานวน คน ทกั ษะการเชื่อมโยงทางคณติ ศาสตร์ - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ดมี าก (ระดบั 4) จานวน คน - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน คน - นักเรยี นผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน คน

- นกั เรียนตอ้ งปรับปรุง (ระดับ 1) จานวน คน ชั้น ม.5/2 จานวน คน จานวน คน ทักษะการแก้ไขปญั หา จานวน คน จานวน คน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน คน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน จานวน คน - นักเรียนผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน คน - นักเรยี นต้องปรับปรุง (ระดับ 1) จานวน คน จานวน คน ทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ จานวน คน จานวน คน - นกั เรียนผา่ นเกณฑด์ มี าก (ระดับ 4) จานวน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน จานวน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน คน - นกั เรยี นต้องปรับปรุง (ระดับ 1) จานวน คน จานวน คน ช้นั ม.5/3 จานวน คน จานวน คน ทกั ษะการแกไ้ ขปญั หา จานวน คน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ดมี าก (ระดับ 4) จานวน คน จานวน คน - นักเรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน คน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์พอใช้ (ระดบั 2) - นกั เรยี นตอ้ งปรบั ปรงุ (ระดบั 1) ทักษะการเช่อื มโยงทางคณติ ศาสตร์ - นักเรียนผา่ นเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) - นกั เรียนผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) - นกั เรียนต้องปรับปรงุ (ระดบั 1) ช้นั ม.5/4 ทักษะการแก้ไขปญั หา - นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) - นักเรียนผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) - นกั เรียนต้องปรบั ปรงุ (ระดบั 1) ทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ - นักเรียนผ่านเกณฑ์ดมี าก (ระดับ 4) - นักเรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดบั 3) - นกั เรยี นผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) - นกั เรยี นตอ้ งปรบั ปรุง (ระดบั 1)

ช้นั ม.5/5 ทักษะการแก้ไขปญั หา - นักเรยี นผา่ นเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) จานวน คน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑด์ ี (ระดบั 3) จานวน คน คน - นกั เรียนผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน คน - นักเรียนตอ้ งปรับปรุง (ระดับ 1) จานวน คน คน ทักษะการเช่ือมโยงทางคณิตศาสตร์ คน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ดมี าก (ระดับ 4) จานวน คน คน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นักเรยี นต้องปรับปรุง (ระดับ 1) จานวน คน คน ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ในแต่ละดา้ น ดังน้ี คน ชน้ั ม.5/1 คน คน ความรับผิดชอบในการทางาน คน คน - นักเรียนผา่ นเกณฑด์ ีมาก (ระดับ 4) จานวน คน - นักเรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑ์พอใช้ (ระดบั 2) จานวน - นักเรียนตอ้ งปรับปรงุ (ระดบั 1) จานวน ชั้น ม.5/2 ความรบั ผิดชอบในการทางาน - นักเรยี นผา่ นเกณฑด์ มี าก (ระดับ 4) จานวน - นกั เรียนผ่านเกณฑด์ ี (ระดับ 3) จานวน - นักเรยี นผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน - นักเรียนต้องปรับปรงุ (ระดบั 1) จานวน ช้ัน ม.5/3 ความรับผิดชอบในการทางาน - นกั เรยี นผ่านเกณฑด์ มี าก (ระดับ 4) จานวน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน - นักเรียนตอ้ งปรบั ปรุง (ระดับ 1) จานวน ชนั้ ม.5/4 ความรบั ผดิ ชอบในการทางาน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน - นักเรยี นผ่านเกณฑด์ ี (ระดับ 3) จานวน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) จานวน

- นักเรียนต้องปรับปรุง (ระดบั 1) จานวน คน ช้นั ม.5/5 ความรับผดิ ชอบในการทางาน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน คน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นกั เรยี นต้องปรับปรงุ (ระดับ 1) จานวน คน แนวทางการแก้ไขปญั หาเพือ่ ปรับปรงุ ช้ัน ม.5/1 1. นกั เรียนทไี่ ด้คะแนนอยใู่ นระดบั ท่ี 2, 3 และ 4 ได้จากกจิ กรรมสอนเสริมโดย  ใหท้ าแบบฝึกหดั เพมิ่ เตมิ เป็นการบา้ น  2. นกั เรยี นทไ่ี ด้คะแนนอยใู่ นระดับที่ 1 ไดจ้ ากกจิ กรรมสอนซ่อม โดย  ให้ทาแบบฝกึ หดั เพม่ิ เตมิ เปน็ การบา้ น  3. ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ครไู ดอ้ ธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ให้นักเรยี นทราบเป็นรายบุคคลว่า นักเรยี นจะต้องแก้ไขและทาอย่างไรบา้ งตามเกณฑ์ทา้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในดา้ นทกั ษะการเชอ่ื มโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคดิ วเิ คราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรุง) ครไู ด้อธบิ ายและช้แี จงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเป็นรายบคุ คลว่า นักเรยี นจะตอ้ งแก้ไขและทาอยา่ งไรบา้ งตามเกณฑ์ทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นการทางานเป็นระบบ ความรบั ผิดชอบในการทางาน ชั้น ม.5/2 1. นกั เรียนทไ่ี ดค้ ะแนนอยู่ในระดบั ที่ 2, 3 และ 4 ได้จากกิจกรรมสอนเสรมิ โดย  ใหท้ าแบบฝกึ หดั เพม่ิ เติม เป็นการบา้ น  2. นกั เรียนท่ีไดค้ ะแนนอยใู่ นระดับที่ 1 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนซอ่ ม โดย  ให้ทาแบบฝกึ หดั เพม่ิ เติม เปน็ การบ้าน  3. ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ครไู ด้อธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ให้นักเรยี นทราบเป็นรายบุคคลว่า นักเรียนจะต้องแก้ไขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑท์ ้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ และการคดิ วเิ คราะห์ 4. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ครูไดอ้ ธบิ ายและช้ีแจงเกณฑ์ ให้นักเรยี นทราบเป็นรายบุคคลว่า นักเรียนจะต้องแก้ไขและทาอย่างไรบา้ งตามเกณฑท์ ้ายแผนการจัดการเรียนรู้ ในด้านการทางานเป็นระบบ ความรบั ผิดชอบในการทางาน

ช้นั ม.5/3 1. นักเรียนท่ไี ดค้ ะแนนอยู่ในระดับที่ 2, 3 และ 4 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนเสรมิ โดย  ให้ทาแบบฝึกหัดเพ่มิ เติม เป็นการบ้าน  2. นกั เรยี นทีไ่ ดค้ ะแนนอยู่ในระดบั ที่ 1 ได้จากกจิ กรรมสอนซ่อม โดย  ให้ทาแบบฝึกหดั เพิ่มเตมิ เป็นการบ้าน  3. ด้านทกั ษะกระบวนการ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ครไู ดอ้ ธบิ ายและชี้แจงเกณฑ์ ให้นกั เรยี นทราบเป็นรายบคุ คลวา่ นักเรยี นจะตอ้ งแก้ไขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑ์ท้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านทักษะการเชื่อมโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคิดวเิ คราะห์ 4. ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ 1 (ต้องปรบั ปรุง) ครไู ดอ้ ธิบายและชีแ้ จงเกณฑ์ ให้นักเรยี นทราบเปน็ รายบุคคลวา่ นักเรียนจะต้องแกไ้ ขและทาอย่างไรบา้ งตามเกณฑ์ทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในด้านการทางานเป็นระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ชั้น ม.5/4 1. นักเรียนทไ่ี ด้คะแนนอยใู่ นระดบั ที่ 2, 3 และ 4 ไดจ้ ากกจิ กรรมสอนเสรมิ โดย  ให้ทาแบบฝึกหดั เพิ่มเติม เปน็ การบ้าน  2. นกั เรยี นทไ่ี ด้คะแนนอย่ใู นระดบั ที่ 1 ได้จากกจิ กรรมสอนซอ่ ม โดย  ใหท้ าแบบฝึกหัดเพม่ิ เตมิ เป็นการบา้ น  3. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรุง) ครูได้อธิบายและชแี้ จงเกณฑ์ ใหน้ กั เรยี นทราบเปน็ รายบุคคลวา่ นักเรียนจะต้องแก้ไขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑ์ท้ายแผนการจัดการเรียนรู้ ในด้านทกั ษะการเชือ่ มโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคิดวเิ คราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรงุ ) ครูไดอ้ ธิบายและช้ีแจงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเป็นรายบุคคลวา่ นักเรียนจะต้องแก้ไขและทาอยา่ งไรบา้ งตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในด้านการทางานเปน็ ระบบ ความรบั ผิดชอบในการทางาน ช้ัน ม.5/5 1. นกั เรียนท่ีได้คะแนนอยใู่ นระดับที่ 2, 3 และ 4 ได้จากกจิ กรรมสอนเสริมโดย  ใหท้ าแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เป็นการบา้ น  2. นักเรยี นทีไ่ ด้คะแนนอยใู่ นระดับท่ี 1 ได้จากกจิ กรรมสอนซ่อม โดย  ให้ทาแบบฝึกหัดเพ่มิ เติม เป็นการบา้ น 

3. ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ครูไดอ้ ธิบายและช้ีแจงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเป็นรายบคุ คลวา่ นักเรียนจะตอ้ งแก้ไขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑท์ ้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ ในดา้ นทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ และการคิดวิเคราะห์ 4. ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ครไู ดอ้ ธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ใหน้ ักเรียนทราบเปน็ รายบุคคลวา่ นกั เรียนจะตอ้ งแก้ไขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านการทางานเปน็ ระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ผลการพัฒนา พบว่านกั เรียนที่ได้ระดบั 1 จานวน คน จาก คน สามารถบอก ความหมายของฟงั ก์ชนั เชงิ เส้นและฟงั กช์ นั คงตวั ได้และไดผ้ ลการเรียนรู้อยู่ในระดบั 2 ส่วนอีก ค น ยั ง ต้องปรบั ปรุงแกไ้ ขตอ่ ไปซ่งึ ผู้สอนได้แนะนาให้ และปรับปรุงงานอีกครัง้ พบว่านักเรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั 2 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของฟงั ก์ชนั เชิงเส้นและฟังกช์ ันคงตวั ได้ซึ่งผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบว่านกั เรยี นทไ่ี ด้ระดบั 3 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของฟังก์ชนั เชิงเสน้ และฟงั กช์ นั คงตัวได้อย่างถูกต้อง ซ่งึ ผูส้ อนได้แนะนาให้ พบว่านกั เรยี นทไ่ี ดร้ ะดบั 4 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของฟงั ก์ชันเชิงเส้นและฟงั ก์ชนั คงตัวได้อย่างถูกต้อง ซึง่ ผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบว่านักเรยี นที่ไดร้ ะดบั 1 จานวน คน จาก คน สามารถนาความร้เู ร่อื ง ฟังกช์ นั เชิงเส้นมาประยกุ ตใ์ ช้กบั โจทยป์ ัญหาได้และไดผ้ ลการเรียนรอู้ ย่ใู นระดบั 2 สว่ นอีก ค น ยั ง ตอ้ งปรับปรงุ แกไ้ ขตอ่ ไปซ่ึงผูส้ อนไดแ้ นะนาให้ และปรบั ปรุงงานอกี ครั้ง พบวา่ นักเรยี นท่ไี ดร้ ะดับ 2 จานวน คน จาก คน สามารถนาความรู้เร่ือง ฟงั ก์ชนั เชิงเสน้ มาประยุกต์ใช้กบั โจทย์ปัญหาได้ซ่ึงผสู้ อนไดแ้ นะนาให้ พบว่านักเรียนทไี่ ดร้ ะดับ 3 จานวน คน จาก คน สามารถนาความรู้เรื่อง ฟงั ก์ชันเชงิ เสน้ มาประยุกต์ใช้กบั โจทย์ปญั หาได้ซึ่งผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นักเรียนทีไ่ ด้ระดับ 4 จานวน คน จาก คน สามารถนาความรู้เรื่อง ฟงั ก์ชันเชิงเส้นมาประยกุ ต์ใชก้ บั โจทยป์ ัญหาได้ซง่ึ ผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบว่านกั เรยี นที่ได้ระดับ 1 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟ ของฟงั กช์ ันเชงิ เส้นจากความสมั พนั ธ์ท่กี าหนดให้ได้และได้ผลการเรยี นรู้อยใู่ นระดับ 2 สว่ นอีก คน ยงั ต้องปรับปรงุ แก้ไขต่อไปซึ่งผู้สอนไดแ้ นะนาให้ และปรบั ปรงุ งานอกี ครง้ั พบวา่ นกั เรียนท่ีไดร้ ะดบั 2 จานวน คน จาก คน สามารถเขยี นกราฟของ ฟงั กช์ นั เชิงเสน้ จากความสัมพนั ธ์ท่ีกาหนดใหไ้ ด้ซ่งึ ผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบว่านักเรียนทไี่ ด้ระดบั 3 จานวน คน จาก คน สามารถเขยี นกราฟของ ฟงั ก์ชนั เชิงเส้นจากความสัมพันธ์ทกี่ าหนดให้ได้ซงึ่ ผู้สอนได้แนะนาให้

พบวา่ นกั เรียนที่ไดร้ ะดบั 4 จานวน คน จาก คน สามารถเขยี นกราฟของ ฟงั กช์ นั เชิงเสน้ จากความสัมพนั ธ์ทีก่ าหนดให้ได้ซ่งึ ผู้สอนไดแ้ นะนาให้ ลงชือ่ (นางสาวปวริศา กา๋ วงควนิ ) ผู้สอน

ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง ฟงั กช์ ันเชิงเส้น คาช้แี จง :ให้นกั เรยี นหาคาตอบตอ่ ไปน้ี 1. จงหาฟงั ก์ชนั เชิงเสน้ จากค่า x และ y ทีก่ าหนดให้แต่ละขอ้ ตอ่ ไปนี้ 1.1 (2, 5) และ (1, 4) 1.2 (3, 8) และ (2, 10) 1.3 (4, 12) และ (6, 24) 2. จงหาจุดตัดแกน X และแกน Y จากฟงั ก์ชันเชงิ เส้นตอ่ ไปน้ี 2.1 y = 2x + 8 2.2 y = 2x – 10 2.3 y = x + 7 3. จงเขียนกราฟของฟังกช์ นั เชิงเส้น y = 2x + 2 และเตมิ ค่า x และ y ในตาราง x 0 1 2 -1 -2 y

ใบงานที่ 1 เฉลย เรือ่ ง ฟังกช์ นั เชิงเส้น คาชแี้ จง :ใหน้ ักเรยี นหาคาตอบตอ่ ไปน้ี 1. จงหาฟังก์ชันเชิงเส้นจากคา่ x และ y ท่กี าหนดให้แต่ละข้อตอ่ ไปนี้ 1.1 (2, 5) และ (1, 4) x+3 1.2 (3, 8) และ (2, 10) -2x + 14 1.3 (4, 12) และ (6, 24) 6x -12 2. จงหาจุดตัดแกน X และแกน Y จากฟังกช์ ันเชิงเสน้ ต่อไปน้ี 2.1 y = 2x + 8 จุดตัดแกน X,Y คือ (-4,0), (0,8) ตามลาดบั 2.2 y = 2x – 10 จุดตัดแกน X,Y คือ (5,0), (0,-10) ตามลาดับ 2.3 y = x + 7 จุดตดั แกน X,Y คอื (-7,0), (0,7) ตามลาดบั 3. จงเขยี นกราฟของฟังก์ชันเชงิ เส้น y = 2x + 2 และเติมคา่ x และ y ในตาราง x 0 1 2 -1 -2 y 2 4 6 0 -2 Y X 2 1 -1 1 2

ชัว่ โมง/คาบท่ี 13-14 เรอื่ ง กราฟของฟงั กช์ ันกาลังสอง จดั การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ เทคนคิ (Team Assisted Individualization : TAI) 1. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ละ 2 – 3 คน โดยจัดให้คละความสามารถ คนที่ 1 ทาหน้าท่ีตรวจคาตอบของคนที่ 2 คนที่ 2 ทาหน้าทีต่ รวจคาตอบของคนที่ 1 2. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นรูว้ า่ เม่ือจบช่ัวโมงนีแ้ ลว้ นกั เรียนต้องสามารถ (ใช้เวลา 5 นาที) 1) บอกความหมายของกราฟกาลงั สองได้ 2) จาแนกลักษณะของกราฟฟังก์ชันกาลงั สองได้ 3) เขยี นกราฟฟังกช์ นั กาลังสองได้ 4) เขยี นองค์ประกอบของกราฟกาลงั สองได้ 5) มีความรบั ผิดชอบตอ่ งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 6) มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 7) สามารถเชอื่ มโยงความรทู้ างคณติ ศาสตรก์ ับศาสตรอ์ ่ืน และนาใช้ในชวี ิตจริงได้ 3. ทบทวนความรู้เร่อื ง การแยกตัวประกอบของสมการกาลังสอง โดยถาม-ตอบระหวา่ งครูกบั นักเรยี น (ใช้เวลา 5 นาที) - สมการกาลงั สอง คือ ax2  bx  c  0 เม่ือ a,b และ c เป็นจานวนจรงิ ๆ และ a  0 - การแยกตัวประกอบของสมการกาลงั สอง x  d x  e  0 เราสามารถสรปุ ไดว้ ่า x  d   0 และ หรอื x  e  0 โดยท่ี d และ e เปน็ ค่าคงตัว - ax2  bx  c  x  d 2 โดยท่ี d เป็นคา่ คงตัว - ax2  bx  c  x  d 2 โดยท่ี d เป็นค่าคงตวั 4. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ยี วกับฟังก์ชันกาลังสอง (ใชเ้ วลา 5 นาที) ดงั นี้ ฟังก์ชนั กาลังสอง (quadratic function) คอื ฟังก์ชันทอ่ี ย่ใู นรูป f (x)  ax2  bx  c เม่ือ a,b และ c เปน็ จานวนจริง ๆ และ a  0 ลกั ษณะของกราฟของฟังก์ชนั กาลงั สองขึน้ อยู่กับ a,b และ c โดยที่ a เปน็ จานวน จริงบวกหรอื จานวนจริงลบ จะทาให้ไดก้ ราฟเปน็ เสน้ โคง้ หงายขึน้ หรือควา่ ลง ตามลาดบั ดังรปู ท่ี 1 และ 2 f (x)  ax2  bx  c เมอ่ื a  0 f (x)  ax2  bx  c เมอื่ a  0 รูปที่ 1 รูปที่ 2

จากรูปท่ี 1 และ 2 จะเหน็ ว่า ถา้ a  0 กราฟเปน็ เสน้ โค้งหงายขน้ึ ถ้า a  0 กราฟเปน็ เสน้ โค้งควา่ ลง กราฟของฟงั ก์ชนั กาลงั สองมชี อ่ื เรียกว่า พาราโบลา (Parabola) จดุ ยอด (Vertex) ของพาราโบลา คอื จุดสงู สดุ หรือตา่ สดุ ของพาราโบลา ในกรณีทีฟ่ งั ก์ชนั กาลังสองเขียนอยใู่ นรูป f (x)  ax2  bx  c เม่ือ a  0 การหาจุดสูงสดุ หรอื จดุ ต่าสุดของ กราฟทาได้โดยจดั รูปสมการใหอ้ ยใู่ นรูปของ f (x)  ax  h2  k โดยอาศัยการจดั บางส่วนของสมการให้อยใู่ น รูปกาลงั สองสมบรู ณ์ เพ่ือใหห้ าจดุ ยอกของกราฟหรอื จดุ (h,k) ได้ง่ายขนึ้ 5. ครอู ธิบายพรอ้ มยกตัวอยา่ ง (ใช้เวลา 30 นาที) ตวั อยา่ งที่ 1 x2  3x 10  0 วิธีหา จดุ ตัดบนแกน x x2  3x 10  0 x  5x  2  0 จะได้ x  5 0 และหรือ x  2 0 x55 = 0 – 5 x22 = 0+ 2 x =–5 x =2  จุดตดั บนแกน x คอื (-5, 0) และ (2, 0) วธิ หี า จดุ วกกลับ x2  3x 10  0 กาหนดให้ f (x)  x2  3x 10จัดใหอ้ ยู่ในรปู f (x)  ax  h2  k f (x) = x2  3x 10 = (x2  3x) 10 =  x2  2  3 x    3 2   10    3 2   2   2    2     3   2   3  2  2   2  = x   10  =  x    3  2    40  9   2   4  =  x    3  2  31  2  4  จุดวกกลบั (h,k) คือ  3 , 31 และ a = 1 เป็นกราฟหงายข้ึน  2 4

เขยี นกราฟได้ ตัวอย่างท่ี 2 10x2  7x 12  0 วธิ ีหา จุดตัดบนแกน x 10x2  7x 12  0 0  5x  42x  3 และหรอื จะได้ 5x  4  0 2x  3 0 (5x  4  4) 1  = 0  4 1  (2x  3  3) 1  = 0  3 1  5 5 2 2 x = 4 x =3 5 2  จดุ ตัดบนแกน x คือ (  4 , 0) และ ( 3 , 0) 52 วธิ ีหา จดุ วกกลบั 10x2  7x 12  0 กาหนดให้ f (x) 10x2  7x 12 จดั ให้อยู่ในรูป f (x)  ax  h2  k f (x) = 10x2  7x 12 = (10x2  7x) 12 = 1  x2  2 7 x   7  2  12   7  2 10   20   20    20  1   7   2  7 2 10  20   20  = x  12  = 1  x  7 2    240  49  10  20   20 

= 1  x  7 2  191 10  20  20  จดุ วกกลับ (h,k) คอื  7 ,191 และ a = 1 เป็นกราฟหงายขึ้น  20 20  10 เขยี นกราฟได้ ตัวอย่างที่ 3 y  x  22 วิธหี า จดุ ตัดบนแกน x x  22 0 x  2x  2  0 จะได้ x  2 0 และหรอื x  2 0 x  2  2 = 02 x  2  2 = 0  2 =2 x x =2  จดุ ตัดบนแกน x คือ (2, 0) และ (2, 0) วิธีหา จุดวกกลบั x  22  0 กาหนดให้ f (x)  x  22 จัดให้อยู่ในรปู f (x)  ax  h2  k f (x) = x  22  จุดวกกลบั (h,k) คอื 2,0 และ a = 1 เปน็ กราฟหงายข้ึน

เขยี นกราฟได้ ตวั อย่างที่ 4 y  1 x  32  2 2 วธิ ีหา จดุ ตัดบนแกน x 1 x  32  2  0 2 1 x2  3x  5  0 22 x 1 1 x  5  0 2 2 จะได้ x 1 0 และหรือ  1 x  5  0 2 2 x 11 = 0 1 = 0  5 2 x x = -1 x  2  จดุ ตัดบนแกน x คือ (-1, 0) และ (5, 0) วิธีหา จุดวกกลับ =5 1 x  32  2  0 กาหนดให้ f (x)  1 x  32  2 จัดให้อยู่ในรปู f (x)  ax  h2  k 22 f (x) = 1 x  32  2 2  จดุ วกกลับ (h,k) คือ 3,2 และ a = 1 เป็นกราฟหงายข้นึ 2

เขียนกราฟได้ 6. ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มทาแบบฝึกหัด 2.3 เรอื่ ง ฟังกช์ ันกาลงั สอง ขอ้ 1 ใหญ่ ขอ้ คู่ หนา้ 75 ในหนังสอื เรยี น ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 กาหนดเวลา ให้ 30 นาทแี ล้วแลกกับเพือ่ นในกลุม่ ตรวจคาตอบ (ใช้เวลา 40 นาที) 7. ครถู ามนักเรียนเกี่ยวกบั ความรู้ท่ีได้รบั ในวันน้ี พรอ้ มท้งั ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมใหส้ มบรู ณ์ (ใชเ้ วลา 15 นาที) - สมการกาลงั สอง คือ ax2  bx  c  0 เม่อื a,b และ c เป็นจานวนจรงิ ๆ และ a  0 - การแยกตวั ประกอบของสมการกาลงั สอง x  d x  e  0 เราสามารถสรุปได้ว่า x  d   0 และ หรอื x  e  0 โดยที่ d และ e เปน็ ค่าคงตวั - ax2  bx  c  x  d 2 โดยที่ d เป็นคา่ คงตวั - ax2  bx  c  x  d 2 โดยที่ d เปน็ คา่ คงตัว - ฟังก์ชนั กาลังสอง (quadratic function) คอื ฟังก์ชันท่อี ยใู่ นรูป f (x)  ax2  bx  c เม่ือ a,b และ c เปน็ จานวนจริง ๆ และ a  0 ลักษณะของกราฟของฟังก์ชันกาลงั สองขน้ึ อย่กู บั a,b และ c โดยที่ a เปน็ จานวนจริงบวกหรอื จานวนจรงิ ลบ จะทาใหไ้ ด้กราฟเป็นเสน้ โคง้ หงายข้นึ หรือคว่าลง ตามลาดับ ดังรูปท่ี 1 และ 2 f (x)  ax2  bx  c เม่อื a  0 f (x)  ax2  bx  c เมอื่ a  0 รปู ท่ี 1 รปู ท่ี 2

จากรูปที่ 1 และ 2 จะเหน็ วา่ ถา้ a  0 กราฟเป็นเส้นโคง้ หงายข้นึ ถ้า a  0 กราฟเปน็ เส้นโคง้ ควา่ ลง กราฟของฟังก์ชนั กาลงั สองมชี ่อื เรียกวา่ พาราโบลา (Parabola) จุดยอด (Vertex) ของพาราโบลา คือ จุดสงู สดุ หรือต่าสุดของพาราโบลา ในกรณที ฟ่ี งั กช์ นั กาลังสองเขียนอยใู่ นรูป f (x)  ax2  bx  c เมือ่ a  0 การหาจดุ สงู สดุ หรือจุดต่าสุด ของกราฟทาได้โดยจดั รปู สมการให้อย่ใู นรปู ของ f (x)  ax  h2  k โดยอาศยั การจดั บางสว่ นของสมการใหอ้ ยู่ ในรปู กาลงั สองสมบูรณ์ เพอ่ื ให้หาจดุ ยอกของกราฟหรอื จดุ (h,k) ไดง้ ่ายขึ้น 8. ให้นักเรียนแต่ละคนทาแบบฝึกหัด 2.3 เรื่อง ฟังก์ชันกาลังสอง ข้อ 1 ใหญ่ข้อคี่ หน้า 77 ในหนังสือเรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 เป็นรายบคุ คล ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 2. โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad การวัดผลและประเมินผล วิธีการวัด เครอ่ื งมอื การวัดผล ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั จุดประสงค์การเรียนรู้ - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด 1. บอกความหมายของกราฟกาลังสองได้ 2. จาแนกลักษณะของกราฟฟงั ก์ชนั กาลงั - ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด สองได้ - ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั 3. เขียนกราฟฟงั ก์ชันกาลังสองได้ 4. เขยี นองคป์ ระกอบของกราฟกาลังสอง - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด ได้ - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั 4. มคี วามรอบคอบในการทางาน 5. มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ ับ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต มอบหมาย พฤตกิ รรม 6. มคี วามรบั ผิดชอบต่องานท่ีได้รับ - ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด มอบหมาย - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต 7. มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา พฤตกิ รรม - แบบสังเกต 8. สามารถเชอื่ มโยงความร้ทู าง - สงั เกตพฤตกิ รรม พฤติกรรม คณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อืน่ และนาใช้ใน ชีวิตจริงได้

เกณฑ์การประเมินผล (รบู ริกส)์ ประเด็นการ (4) ระดับคณุ ภาพ (1) ประเมนิ ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ ดี กาลังพัฒนา แบบฝกึ หัด ทาได้อย่าง ทาไดอ้ ย่างถกู ต้อง ทาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ทาได้อย่างถกู ต้อง ถกู ตอ้ งร้อยละ รอ้ ยละ 70-79 รอ้ ยละ 40-69 ต่ากว่ารอ้ ยละ 40 80 ขึ้นไป มีความรับผิดชอบ ทางานเสร็จและ ทางานเสร็จและสง่ ทางานเสร็จแต่ส่งชา้ ทางานไมเ่ สร็จ ต่องานทไ่ี ดร้ ับ ส่งตรงเวลา ตรงเวลา ทาไม่ถกู ต้อง ส่งไมต่ รงเวลา มอบหมายให้ได้ ทาถกู ต้อง ทาถกู ต้อง และไม่มีความ ทาไมถ่ กู ต้อง และ ละเอียด ละเอยี ด ละเอยี ดในการ ไมม่ คี วามละเอียด ทางาน ในการทางาน มีความรอบคอบ มกี ารวางแผน มีการวางแผน มีการวางแผน ไมม่ ีการวางแผน ในการทางาน การดาเนินการ การดาเนนิ การ การดาเนนิ การอย่าง การดาเนนิ การอย่าง อยา่ งครบทุก อย่างถกู ตอ้ ง ไมค่ รบทุกขัน้ ตอน ไมม่ ีขน้ั ตอน มคี วาม ขั้นตอน และ แตไ่ มค่ รบถ้วน ผิดพลาดต้องแกไ้ ข ถูกต้อง เกณฑก์ ารตดั สิน - รายบุคคล นักเรียนมีผลการเรยี นร้ไู ม่ต่ากว่าระดับ 2 จงึ ถือว่าผ่าน - รายกลมุ่ ร้อยละ....75....ของจานวนนกั เรียนทั้งหมดมีผลการเรียนรไู้ มต่ ่ากว่าระดับ 2 ข้อเสนอแนะ ใช้สอนได้ ควรปรับปรุง ลงชอื่ ( นางสาวปวรศิ า ก๋าวงคว์ ิน ) หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ วนั ท่.ี .......เดือน..............พ.ศ............

การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ครผู สู้ อนใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในขัน้ เตรยี มการสอน/จัดการเรียนรู้ ดังนี้ หลักพอเพยี ง ความพอประมาณ เหตผุ ล มภี ูมคิ มุ้ กันในตวั ทดี่ ี ประเดน็ เวลา เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรม เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมการ ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน 15 การเรยี นรู้ท้ังหมดในแผนการ เรียนรู้ ดังน้ี ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน ใช้ นาที นกั เรียนจะได้ นี้ 2 ช่ัวโมง ความเหมาะสม เวลา 15 นาที ช้ีแจง้ จดุ ประสงค์ ทบทวนความรพู้ ้ืนฐาน คือ ลายละเอียดในการเรยี น 5 นาที และเปน็ การเตรียม ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 15 นาที ทบทวนความรเู้ ดิมเพือ่ เชือ่ มโยงกับ ความรูใ้ นการเรยี น ขั้นสอน 70 นาที เรียนทีจ่ ะเรยี น 10 นาที ข้นั สอน ขน้ั สอน 70 นาที ข้นั สรุป 15 นาที 70 นาที เร่มิ ดว้ ยการสนทนากับ นักเรียนสามารถ นกั เรียนเกย่ี วกับเร่อื งทจี่ ะเรยี นและ วเิ คราะห์ แก้ปญั หาอืน่ เรือ่ งทตี่ ้องนามาเชอื่ มโยงในการหา ๆ ได้ ขนั้ สรปุ 15 นาที คาตอบ 10 นาที อธิบายตวั อย่างให้ นักเรยี นจะได้รับความรู้ นักเรยี นอย่างละเอยี ดชดั เจน 20 ท่ีคงทนและถูกหลกั ของ นาที แล้วใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัด คณิตศาสตร์ โดยมีครคู วบคุมดแู ลใหค้ าปรกึ ษา 40 นาที ขัน้ สรุป 15 นาทใี ห้นกั เรยี นร่วมกัน สรุปโดยมคี รูเสริมความร้ทู ่ขี าดหา และใหช้ ัดเจนมาขึน้ เน้อื หา 1.มีความเหมาะสมกับ เพราะหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา การเรยี นเรอ่ื งฟงั กช์ นั ให้ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ขั้นพืน้ ฐานกาหนดไว้ในสาระที่ 1 ถกู ต้องตามหลกั ทาให้ 2.มคี วามเหมาะสมกบั ความรู้ จานวนและพีชคณิต นกั เรยี นสามารถ พื้นฐานของนกั เรยี น ตวั ชีว้ ดั ค 1.2 ม.5/1 นาไปใช้ในการดาเนิน 3.มีความเหมาะสมกับเวลา ชีวิตประจาวนั สื่อ/อุปกรณ์ มีความเหมาะสมกบั ชว่ งวัย การให้นกั เรยี นไดเ้ รยี นร้จู าก - นักเรยี นสามารถ - กจิ กรรม ความต้องการความสามารถ ตวั อยา่ งทาใหน้ กั เรยี นได้เหน็ ภาพ วิเคราะห์โจทย์ปญั หา - แบบฝกึ หดั และเรอื่ งทีเ่ รยี นของนกั เรียน ชดั เจน เข้าใจมากขึน้ ได้ทาด้วย จากการเรียนและปัญหา ในระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ตนเอง อ่นื ได้ ความร้ทู คี่ รู ครมู ีความรู้เก่ียวกับหลกั สตู ร เนอื้ หาสาระและกจิ กรรมการเรยี นการสอน จาเป็นต้องมี ครูมคี วามรใู้ นการวิเคราะห์นักเรียน และร้ศู ักยภาพของนกั เรียน ครมู คี วามรใู้ นเร่อื งฟังกช์ ัน ครมู คี วามรู้ในเรื่องการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

หลักพอเพยี ง ความพอประมาณ เหตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กันในตัวท่ีดี ประเด็น ครมู คี วามรู้ในเรื่องการวัดและประเมนิ ผล คุณธรรมของครู มคี วามขยนั รับผิดชอบในการสอน มีความเสียสละ ไม่ปิดบังความรู้ มคี วามเมตตาและปรารถนาดีต่อศษิ ย์ มีความต้ังใจในการผลิตสอ่ื การเรียนรใู้ ห้นา่ สนใจ มีความเพียงพยายามทจี่ ะมงุ่ มน่ั ใหน้ ักเรยี นมีความรู้ มีความอดทนในสอน แนะนา ตรวจแก้ไขผลงานของนักเรยี น - นกั เรยี นจะได้เรียนรทู้ จ่ี ะอยอู่ ย่างพอเพียงจากกจิ กรรมการเรียนรู้ ดังต่อไปน้ี ผเู้ รียนไดเ้ รียนรูห้ ลกั คิด และฝึกปฏิบัตติ าม 3 หว่ ง 2 เงอื่ นไข ดงั น้ี ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมคิ ุ้มกนั ในตัวทีด่ ี 1.นักเรียนรจู้ ักบริหารเวลาในการศึกษา 1.นักเรียนมเี หตผุ ลในการ 1.นกั เรยี นนาความรูเ้ รือ่ งฟังก์ชันไป ความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงาน หาคาตอบของฟงั ก์ชันได้ ช่วยในการโจทยป์ ญั หาอืน่ ได้ แบบฝึกหัด การทากิจกรรมกลมุ่ 2. นกั เรียนวิเคราะห์และ 2. นกั เรยี นนาความรู้ทีไ่ ดร้ บั จาก 2.นักเรียนทากิจกรรมได้เต็มศักยภาพ หาคาตอบไดอ้ ย่างสมเหตุ การเรยี นเรอ่ื งฟงั กช์ นั พ้นื ฐาน ของตนเอง สมผล เพ่อื ประกอบการตัดสนิ ใจในการทา 3.นักเรียนใช้วัสดุ อุปกรณ์ ในการทา กิจกรรม ได้โดยไม่เกดิ ปัจจยั เสย่ี ง กิจกรรมอย่างประหยัด ความรทู้ ่ตี อ้ งมกี อ่ นเรียน 1.ตอ้ งมสี มาธิ มคี วามต้งั ใจ ในการเรยี น 2.ตอ้ งมีความรอบคอบในการทางาน 3.ตอ้ งมีมารยาทในการทางาน ไมส่ ่งเสยี งดงั ไมเ่ ล่นหรือไมล่ กุ จากท่ี น่งั โดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต 4. ต้องมีความรบั ผิดชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย ส่งตรงตอ่ เวลา คณุ ธรรม 1.นักเรยี นมีความซื่อสัตย์ สจุ ริตและตรงต่อเวลา 2. นกั เรียนมวี ินัยในตนเอง

- ผลลพั ธท์ ่ีคาดว่าจะเกดิ ข้นึ กับนกั เรียน (อยู่อย่างพอเพยี ง – สมดลุ และพรอ้ มรบั การเปล่ยี นแปลงด้านตา่ ง ๆ) ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นทักษะ กระบวนการ (P) ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1. บอกความหมายของกราฟกาลัง 1. สามารถเช่ือมโยงความรูท้ าง 1. มีความรบั ผดิ ชอบต่องานที่ สองได้ คณิตศาสตรก์ บั ศาสตร์อ่ืน และนา ได้รับมอบหมาย 2. จาแนกลักษณะของกราฟ ใชใ้ นชีวติ จรงิ ได้ ฟังก์ชันกาลงั สองได้ 2. ใช้ความรู้ ทักษะ และ 3. เขยี นกราฟฟังกช์ ันกาลังสองได้ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ใน 4. เขียนองคป์ ระกอบของกราฟ การแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างเหมาะสม กาลังสองได้ บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ช้ัน ม. 5/1 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาทีใ่ ชใ้ นการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของส่อื การเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง อนื่ ๆ สรปุ ผลการประเมนิ ผเู้ รียน นักเรยี นจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มีผลการเรียนรู้ฯ อย่ใู นระดับ 1 นักเรยี นจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มผี ลการเรยี นรูฯ้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 3 นักเรยี นจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดบั 4 สรปุ โดยภาพรวมมีนักเรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ทผี่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขน้ึ ไป ซึง่ สงู (ตา่ ) กวา่ เกณฑ์ที่กาหนดไวร้ อ้ ยละ มนี กั เรียนจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ ทีไ่ มผ่ ่านเกณฑ์ท่ีกาหนด

ชนั้ ม. 5/2 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาทีใ่ ช้ในการทากจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของส่ือการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ อน่ื ๆ สรุปผลการประเมินผู้เรยี น นักเรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 1 นกั เรียนจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นักเรียนจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มผี ลการเรยี นร้ฯู อยใู่ นระดับ 3 นักเรยี นจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ มผี ลการเรียนร้ฯู อยใู่ นระดับ 4 สรปุ โดยภาพรวมมีนักเรียนจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ ท่ีผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป ซึง่ สูง (ตา่ ) กว่าเกณฑ์ทก่ี าหนดไวร้ อ้ ยละ มีนักเรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ทไี่ มผ่ า่ นเกณฑท์ ่กี าหนด ชั้น ม. 5/3 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาทีใ่ ชใ้ นการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของสื่อการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมนิ  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง อื่น ๆ สรปุ ผลการประเมินผูเ้ รยี น นักเรียนจานวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อย่ใู นระดบั 2 นกั เรียนจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 นักเรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 4

สรุปโดยภาพรวมมนี ักเรยี นจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ท่ีผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ข้นึ ไป ซ่ึงสูง (ต่า) กว่าเกณฑ์ที่กาหนดไวร้ ้อยละ มนี กั เรยี นจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ ท่ไี ม่ผา่ นเกณฑ์ทกี่ าหนด ชัน้ ม. 5/4 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเวลาทใ่ี ชใ้ นการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของส่ือการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมนิ  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ อน่ื ๆ สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียน นักเรยี นจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรู้ฯ อยูใ่ นระดับ 1 นกั เรียนจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นักเรยี นจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 4 สรปุ โดยภาพรวมมีนักเรยี นจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ท่ีผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ขึ้นไป ซ่ึงสูง (ต่า) กวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนดไวร้ อ้ ยละ มีนกั เรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ทีไ่ มผ่ า่ นเกณฑท์ กี่ าหนด ชั้น ม. 5/5 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของเวลาทใ่ี ช้ในการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของสื่อการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของเกณฑก์ ารประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง อน่ื ๆ สรปุ ผลการประเมนิ ผู้เรยี น นักเรียนจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรียนจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 2 นักเรยี นจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3

นกั เรยี นจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 4 สรปุ โดยภาพรวมมนี กั เรียนจานวน คน คดิ เป็นร้อยละ ที่ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 ขน้ึ ไป ซ่ึงสงู (ต่า) กว่าเกณฑ์ที่กาหนดไว้ร้อยละ มีนกั เรียนจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ท่ไี มผ่ ่านเกณฑ์ที่กาหนด ขอ้ สงั เกต/คน้ พบ จาการตรวจผลงานของนักเรียนพบว่า ชั้น ม.5/1 นกั เรียน คน บอกความหมายของกราฟกาลงั สองได้ - นกั เรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชนั้ ม.5/2 นักเรียน คน บอกความหมายของกราฟกาลังสองได้ - นกั เรียนผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขึน้ ไป จานวน คน - นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/3 นักเรียน คน บอกความหมายของกราฟกาลังสองได้ - นกั เรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน - นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชั้น ม.5/4 นกั เรยี น คน บอกความหมายของกราฟกาลงั สองได้ - นักเรียนผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ช้นั ม.5/5 นกั เรียน คน บอกความหมายของกราฟกาลงั สองได้ - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชั้น ม.5/1 นกั เรยี น คน จาแนกลักษณะของกราฟฟังก์ชันกาลงั สองได้ - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 ขึ้นไป จานวน คน - นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/2 นกั เรยี น คน จาแนกลกั ษณะของกราฟฟงั ก์ชันกาลังสองได้ - นกั เรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรยี นไม่ผ่านเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน ชั้น ม.5/3 นกั เรียน คน จาแนกลกั ษณะของกราฟฟงั ก์ชันกาลังสองได้ - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน ชั้น ม.5/4 นักเรยี น คน จาแนกลักษณะของกราฟฟังกช์ ันกาลังสองได้ - นกั เรียนผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน - นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/5 นักเรยี น คน จาแนกลักษณะของกราฟฟงั ก์ชนั กาลงั สองได้

- นักเรยี นผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน คน - นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน ชั้น ม.5/1 นกั เรียน คน เขียนกราฟฟงั กช์ นั กาลังสองได้ - นักเรยี นผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน คน - นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชั้น ม.5/2 นักเรียน คน เขียนกราฟฟังก์ชนั กาลังสองได้ คน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขึ้นไป จานวน คน คน - นกั เรยี นไม่ผ่านเกณฑ์ระดบั 2 จานวน คน ชั้น ม.5/3 นักเรียน คน เขียนกราฟฟงั ก์ชันกาลังสองได้ คน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ระดบั 2 ข้ึนไป จานวน คน คน - นกั เรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์ระดับ 2 จานวน ช้นั ม.5/4 นักเรยี น คน เขียนกราฟฟงั กช์ นั กาลังสองได้ - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขึน้ ไป จานวน - นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑ์ระดบั 2 จานวน ชั้น ม.5/5 นกั เรียน คน เขียนกราฟฟงั กช์ นั กาลังสองได้ - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน - นักเรียนไม่ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน ชั้น ม.5/1 นกั เรยี น คน เขียนองค์ประกอบของกราฟกาลังสองได้ - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ระดบั 2 ข้นึ ไป จานวน คน - นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/2 นกั เรียน คน เขยี นองค์ประกอบของกราฟกาลังสองได้ - นักเรียนผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ข้นึ ไป จานวน คน - นักเรียนไมผ่ ่านเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชั้น ม.5/3 นักเรียน คน เขยี นองคป์ ระกอบของกราฟกาลงั สองได้ - นกั เรียนผา่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชน้ั ม.5/4 นักเรียน คน เขยี นองคป์ ระกอบของกราฟกาลังสองได้ - นักเรียนผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรยี นไม่ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2 จานวน คน ชั้น ม.5/5 นกั เรียน คน เขยี นองค์ประกอบของกราฟกาลังสองได้ - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขน้ึ ไป จานวน คน - นักเรยี นไม่ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2 จานวน คน

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในแตล่ ะดา้ น ดังน้ี ชั้น ม.5/1 ทักษะการแก้ไขปญั หา - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน คน คน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน คน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นักเรียนตอ้ งปรบั ปรุง (ระดบั 1) จานวน คน คน ทกั ษะการเชือ่ มโยงทางคณิตศาสตร์ คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดมี าก (ระดับ 4) จานวน คน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดบั 2) จานวน คน - นกั เรยี นตอ้ งปรับปรงุ (ระดับ 1) จานวน คน คน ช้นั ม.5/2 คน ทกั ษะการแกไ้ ขปญั หา คน คน - นักเรยี นผ่านเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) จานวน คน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน คน - นักเรียนผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน คน คน - นกั เรียนตอ้ งปรับปรงุ (ระดับ 1) จานวน คน ทักษะการเชือ่ มโยงทางคณิตศาสตร์ - นักเรยี นผา่ นเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) จานวน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน - นกั เรียนต้องปรบั ปรุง (ระดบั 1) จานวน ชน้ั ม.5/3 ทักษะการแก้ไขปญั หา - นักเรียนผา่ นเกณฑด์ มี าก (ระดบั 4) จานวน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน - นักเรยี นผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) จานวน - นกั เรียนตอ้ งปรับปรงุ (ระดบั 1) จานวน ทักษะการเช่อื มโยงทางคณิตศาสตร์ - นกั เรยี นผ่านเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) จานวน - นกั เรียนผ่านเกณฑด์ ี (ระดับ 3) จานวน - นักเรียนผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) จานวน - นักเรียนต้องปรบั ปรุง (ระดับ 1) จานวน

ช้นั ม.5/4 ทักษะการแก้ไขปัญหา - นักเรียนผา่ นเกณฑด์ มี าก (ระดับ 4) จานวน คน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑด์ ี (ระดบั 3) จานวน คน คน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นักเรยี นต้องปรับปรงุ (ระดบั 1) จานวน คน คน ทกั ษะการเชอ่ื มโยงทางคณติ ศาสตร์ คน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ดมี าก (ระดบั 4) จานวน คน คน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน คน คน - นักเรยี นผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นกั เรียนต้องปรบั ปรุง (ระดับ 1) จานวน คน คน ช้ัน ม.5/5 คน ทักษะการแก้ไขปญั หา คน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) จานวน คน คน - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน - นักเรียนผ่านเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน คน คน - นกั เรียนตอ้ งปรบั ปรุง (ระดบั 1) จานวน คน ทกั ษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ - นกั เรียนผา่ นเกณฑด์ มี าก (ระดับ 4) จานวน - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน - นักเรยี นตอ้ งปรับปรงุ (ระดับ 1) จานวน ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในแตล่ ะดา้ น ดังน้ี ชนั้ ม.5/1 ความรับผิดชอบในการทางาน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน - นักเรยี นผ่านเกณฑด์ ี (ระดับ 3) จานวน - นกั เรียนผ่านเกณฑ์พอใช้ (ระดบั 2) จานวน - นกั เรียนตอ้ งปรบั ปรุง (ระดับ 1) จานวน ชน้ั ม.5/2 ความรับผิดชอบในการทางาน - นักเรยี นผ่านเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน - นักเรียนผ่านเกณฑ์ดี (ระดบั 3) จานวน - นักเรยี นผา่ นเกณฑพ์ อใช้ (ระดบั 2) จานวน - นกั เรยี นตอ้ งปรับปรุง (ระดบั 1) จานวน

ชั้น ม.5/3 ความรับผดิ ชอบในการทางาน - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ดีมาก (ระดบั 4) จานวน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน - นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นักเรียนต้องปรับปรุง (ระดบั 1) จานวน คน ชั้น ม.5/4 ความรบั ผดิ ชอบในการทางาน - นกั เรยี นผ่านเกณฑด์ มี าก (ระดับ 4) จานวน คน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ดี (ระดับ 3) จานวน คน - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นักเรียนตอ้ งปรบั ปรงุ (ระดบั 1) จานวน คน ช้นั ม.5/5 ความรับผดิ ชอบในการทางาน - นกั เรียนผ่านเกณฑด์ ีมาก (ระดบั 4) จานวน คน - นักเรียนผา่ นเกณฑด์ ี (ระดบั 3) จานวน คน - นกั เรยี นผ่านเกณฑ์พอใช้ (ระดับ 2) จานวน คน - นกั เรยี นตอ้ งปรับปรงุ (ระดับ 1) จานวน คน แนวทางการแกไ้ ขปญั หาเพื่อปรับปรงุ ชน้ั ม.5/1 1. นักเรยี นท่ีได้คะแนนอยู่ในระดบั ท่ี 2, 3 และ 4 ได้จากกิจกรรมสอนเสริมโดย  ใหท้ าแบบฝกึ หดั เพ่ิมเติม เปน็ การบา้ น  2. นักเรยี นท่ีได้คะแนนอย่ใู นระดบั ที่ 1 ได้จากกจิ กรรมสอนซ่อม โดย  ใหท้ าแบบฝกึ หัดเพมิ่ เตมิ เป็นการบา้ น  3. ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ครูไดอ้ ธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ใหน้ ักเรียนทราบเปน็ รายบุคคลว่า นกั เรยี นจะตอ้ งแก้ไขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นทักษะการเชือ่ มโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคิดวเิ คราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรุง) ครูได้อธิบายและช้แี จงเกณฑ์ ใหน้ กั เรยี นทราบเป็นรายบุคคลวา่ นักเรยี นจะตอ้ งแก้ไขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑ์ทา้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในดา้ นการทางานเปน็ ระบบ ความรบั ผิดชอบในการทางาน

ช้นั ม.5/2 1. นกั เรียนทไ่ี ดค้ ะแนนอยู่ในระดับที่ 2, 3 และ 4 ได้จากกจิ กรรมสอนเสริมโดย  ให้ทาแบบฝกึ หัดเพิ่มเติม เปน็ การบา้ น  2. นกั เรยี นท่ไี ดค้ ะแนนอยู่ในระดบั ท่ี 1 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนซ่อม โดย  ใหท้ าแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เป็นการบา้ น  3. ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรงุ ) ครูได้อธบิ ายและชี้แจงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเปน็ รายบคุ คลว่า นกั เรียนจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอย่างไรบา้ งตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านทักษะการเชือ่ มโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคดิ วเิ คราะห์ 4. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรบั ปรุง) ครไู ดอ้ ธิบายและช้ีแจงเกณฑ์ ใหน้ ักเรยี นทราบเปน็ รายบุคคลวา่ นกั เรียนจะตอ้ งแก้ไขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในดา้ นการทางานเปน็ ระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ชั้น ม.5/3 1. นักเรียนทีไ่ ดค้ ะแนนอยู่ในระดับที่ 2, 3 และ 4 ไดจ้ ากกจิ กรรมสอนเสริมโดย  ใหท้ าแบบฝกึ หัดเพ่มิ เตมิ เป็นการบา้ น  2. นกั เรยี นทไ่ี ดค้ ะแนนอย่ใู นระดบั ท่ี 1 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนซอ่ ม โดย  ให้ทาแบบฝกึ หดั เพมิ่ เตมิ เปน็ การบา้ น  3. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นักเรยี นผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรบั ปรงุ ) ครไู ดอ้ ธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเป็นรายบคุ คลวา่ นกั เรียนจะต้องแกไ้ ขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑ์ท้ายแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นทักษะการเช่อื มโยงทางคณติ ศาสตร์ และการคดิ วิเคราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรุง) ครูไดอ้ ธิบายและชี้แจงเกณฑ์ ให้นกั เรยี นทราบเปน็ รายบคุ คลวา่ นกั เรยี นจะต้องแกไ้ ขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑ์ท้ายแผนการจัดการเรียนรู้ ในด้านการทางานเป็นระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ชั้น ม.5/4 1. นกั เรียนที่ไดค้ ะแนนอยใู่ นระดบั ท่ี 2, 3 และ 4 ได้จากกิจกรรมสอนเสรมิ โดย  ให้ทาแบบฝกึ หัดเพ่ิมเติม เปน็ การบ้าน  2. นกั เรียนทไ่ี ด้คะแนนอยใู่ นระดบั ที่ 1 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนซ่อม โดย  ให้ทาแบบฝึกหดั เพ่ิมเตมิ เปน็ การบ้าน 

3. ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ครูได้อธิบายและช้แี จงเกณฑ์ ใหน้ ักเรียนทราบเป็นรายบุคคลว่า นักเรยี นจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอยา่ งไรบา้ งตามเกณฑท์ ้ายแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านทกั ษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ และการคิดวเิ คราะห์ 4. ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1 (ตอ้ งปรับปรงุ ) ครูไดอ้ ธิบายและช้แี จงเกณฑ์ ให้นกั เรยี นทราบเป็นรายบุคคลวา่ นักเรยี นจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอยา่ งไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ ในด้านการทางานเป็นระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ชัน้ ม.5/5 1. นกั เรยี นทไี่ ด้คะแนนอยใู่ นระดับท่ี 2, 3 และ 4 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนเสริมโดย  ให้ทาแบบฝกึ หัดเพม่ิ เตมิ เป็นการบา้ น  2. นกั เรียนทไี่ ดค้ ะแนนอยใู่ นระดับท่ี 1 ไดจ้ ากกิจกรรมสอนซอ่ ม โดย  ให้ทาแบบฝกึ หดั เพ่มิ เตมิ เปน็ การบา้ น  3. ด้านทักษะกระบวนการ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรับปรงุ ) ครูไดอ้ ธิบายและชแ้ี จงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเปน็ รายบคุ คลว่า นักเรียนจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอย่างไรบ้างตามเกณฑท์ า้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในด้านทกั ษะการเช่อื มโยงทางคณิตศาสตร์ และการคดิ วเิ คราะห์ 4. ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนผ่านเกณฑ์ 1 (ต้องปรบั ปรงุ ) ครไู ดอ้ ธบิ ายและชีแ้ จงเกณฑ์ ให้นักเรียนทราบเปน็ รายบคุ คลวา่ นักเรยี นจะตอ้ งแกไ้ ขและทาอยา่ งไรบา้ งตามเกณฑ์ทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้ ในดา้ นการทางานเปน็ ระบบ ความรับผิดชอบในการทางาน ผลการพฒั นา พบวา่ นกั เรยี นที่ไดร้ ะดับ 1 จานวน คน จาก คน สามารถบอก ความหมายของกราฟกาลังสองได้และไดผ้ ลการเรียนรอู้ ยูใ่ นระดับ 2 ส่วนอีก คน ยังต้องปรับปรุงแก้ไข ต่อไปซึง่ ผูส้ อนไดแ้ นะนาให้ และปรับปรุงงานอีกครัง้ พบวา่ นกั เรียนทีไ่ ด้ระดบั 2 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของกราฟกาลังสองได้ซึง่ ผู้สอนได้แนะนาให้ พบวา่ นกั เรียนท่ีได้ระดับ 3 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของกราฟกาลังสองได้อยา่ งถูกตอ้ ง ซง่ึ ผสู้ อนได้แนะนาให้ พบวา่ นักเรียนทไ่ี ด้ระดบั 4 จานวน คน จาก คน สามารถบ อก ความหมายของกราฟกาลังสองได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ซง่ึ ผสู้ อนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นักเรยี นทไ่ี ด้ระดับ 1 จานวน คน จาก คน สามารถจาแนก ลกั ษณะของกราฟฟงั กช์ นั กาลงั สองได้และไดผ้ ลการเรยี นรอู้ ยู่ในระดับ 2 ส่วนอกี ค น ยั ง ต้ อ ง ปรับปรุงแก้ไขต่อไปซ่งึ ผู้สอนได้แนะนาให้ และปรับปรงุ งานอกี คร้งั พบว่านักเรยี นท่ไี ด้ระดบั 2 จานวน คน จาก คน สามารถจาแนก ลักษณะของกราฟฟังกช์ ันกาลงั สองได้ซ่ึงผูส้ อนได้แนะนาให้

พบว่านักเรียนทไ่ี ด้ระดบั 3 จานวน คน จาก คน สามารถจาแนก ลกั ษณะของกราฟฟังก์ชนั กาลงั สองได้ซง่ึ ผู้สอนได้แนะนาให้ พบว่านกั เรยี นที่ได้ระดบั 4 จานวน คน จาก คน สามารถจาแนก ลกั ษณะของกราฟฟงั กช์ นั กาลังสองได้ซง่ึ ผูส้ อนได้แนะนาให้ พบวา่ นกั เรยี นทีไ่ ดร้ ะดับ 1 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟ ฟงั ก์ชนั กาลังสองได้และได้ผลการเรียนรอู้ ยู่ในระดบั 2 ส่วนอีก คน ยังต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไปซ่ึง ผู้สอนไดแ้ นะนาให้ และปรบั ปรุงงานอกี คร้ัง พบวา่ นกั เรยี นที่ไดร้ ะดบั 2 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟ ฟังก์ชนั กาลงั สองได้ซึ่งผสู้ อนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นกั เรียนที่ไดร้ ะดับ 3 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟ ฟังกช์ ันกาลังสองได้ซึ่งผ้สู อนได้แนะนาให้ พบว่านกั เรยี นที่ไดร้ ะดับ 4 จานวน คน จาก คน สามารถเขียนกราฟ ฟังก์ชนั กาลงั สองได้ซึ่งผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบวา่ นกั เรยี นที่ได้ระดบั 1 จานวน คน จาก ค น ส า ม า ร ถ เ ขี ย น องคป์ ระกอบของกราฟกาลังสองได้และได้ผลการเรียนรูอ้ ยใู่ นระดับ 2 ส่วนอีก คน ยังต้องปรับปรุงแก้ไข ต่อไปซงึ่ ผูส้ อนไดแ้ นะนาให้ และปรับปรงุ งานอกี ครง้ั พบว่านักเรยี นที่ไดร้ ะดบั 2 จานวน คน จาก ค น ส า ม า ร ถ เ ขี ย น องคป์ ระกอบของกราฟกาลังสองได้ซึ่งผสู้ อนได้แนะนาให้ พบวา่ นักเรียนที่ไดร้ ะดบั 3 จานวน คน จาก ค น ส า ม า ร ถ เ ขี ย น องค์ประกอบของกราฟกาลงั สองได้ซ่ึงผู้สอนไดแ้ นะนาให้ พบว่านักเรยี นทไ่ี ดร้ ะดับ 4 จานวน คน จาก ค น ส า ม า ร ถ เ ขี ย น องคป์ ระกอบของกราฟกาลังสองได้ซึ่งผสู้ อนได้แนะนาให้ ลงชื่อ (นางสาวปวริศา ก๋าวงควนิ ) ผู้สอน

ช่ัวโมง/คาบที่ 15-16 เร่ือง การนากราฟไปใชก้ ารแกส้ มการและอสมการ จดั การเรยี นรู้แบบรว่ มมอื เทคนคิ (Team Assisted Individualization : TAI) 1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ละ 2 – 3 คน โดยจดั ให้คละความสามารถ คนท่ี 1 ทาหน้าทตี่ รวจคาตอบของคนที่ 2 คนท่ี 2 ทาหนา้ ทีต่ รวจคาตอบของคนที่ 1 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นกั เรยี นร้วู ่า เมื่อจบช่ัวโมงนแี้ ลว้ นกั เรียนตอ้ งสามารถ (ใช้เวลา 5 นาท)ี 1) อธิบายขนั้ ตอนการแก้สมการและอสมการโดยใช้กราฟได้ 2) เขียนแสดงการแกส้ มการและอสมการของฟงั ก์ชนั กาลังสองโดยใชก้ ราฟทก่ี าหนดใหไ้ ด้ 3) มีความรับผิดชอบต่องานที่ไดร้ ับมอบหมาย 4) มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา 5) สามารถเชอื่ มโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น และนาใช้ในชีวติ จรงิ ได้ 3. ทบทวนความรู้ เน้อื หาในช่วั โมงทผ่ี ่านมา โดยถาม-ตอบระหวา่ งครกู บั นกั เรยี น (ใชเ้ วลา 5 นาที) ฟังกช์ ันกาลงั สอง (quadratic function) คือ ฟงั กช์ ันที่อยูใ่ นรปู f (x)  ax2  bx  c เม่ือ a,b และ c เปน็ จานวนจรงิ ๆ และ a  0 ลักษณะของกราฟของฟังกช์ ันกาลังสองขน้ึ อยู่กับ a,b และ c โดยที่ a เปน็ จานวน จริงบวกหรือจานวนจริงลบ จะทาให้ไดก้ ราฟเป็นเส้นโคง้ หงายขนึ้ หรอื คว่าลง ตามลาดบั ดังรปู ท่ี 1 และ 2 f (x)  ax2  bx  c เม่อื a  0 f (x)  ax2  bx  c เมอื่ a  0 รูปท่ี 1 รปู ที่ 2 จากรปู ท่ี 1 และ 2 จะเห็นวา่ ถา้ a  0 กราฟเป็นเส้นโคง้ หงายข้ึน ถา้ a  0 กราฟเป็นเส้นโค้งคว่าลง กราฟของฟงั ก์ชนั กาลงั สองมชี ื่อเรยี กวา่ พาราโบลา (Parabola) จดุ ยอด (Vertex) ของพาราโบลา คอื จุดสงู สดุ หรอื ต่าสุดของพาราโบลา ในกรณที ฟ่ี งั ก์ชันกาลังสองเขียนอยใู่ นรูป f (x)  ax2  bx  c เม่ือ a  0 การหาจุดสูงสุดหรือจดุ ตา่ สุดของ กราฟทาไดโ้ ดยจัดรูปสมการให้อยใู่ นรูปของ f (x)  ax  h2  k โดยอาศัยการจดั บางสว่ นของสมการให้อยใู่ น รูปกาลงั สองสมบูรณ์ เพ่อื ให้หาจดุ ยอกของกราฟหรอื จดุ (h,k) ไดง้ ่ายข้ึน

4. ครูสนทนากับนกั เรียนเกี่ยวกบั ฟงั ก์ชนั กาลงั สอง (ใช้เวลา 5 นาที) ดังน้ี ฟังก์ชันเชิงเส้น คือ ฟังก์ชันท่ีมีสมการอยู่ในรูป y  ax  b เม่ือ a, b เป็นจานวนจริง และ a  0 จาก ฟงั ก์ชัน y  ax  b ถ้า a  0 จะได้ฟังก์ชัน ที่อยู่ในรูป y  b ซึ่งมีกราฟเปน็ เสน้ ตรงท่ีขนานกับแกน X จะ เรียกฟังก์ชันแบบน้ี ว่า “ฟังก์ชันคงตัว” กราฟของเส้นตรง y  ax  b จะขนานกัน เมื่อ a มีค่าเท่ากัน และตัด แกนแกน Y ท่ีจดุ b โดยทจ่ี ุดทกี่ ราฟตัดแกน X จะใหค้ ่า y = 0 และจุดทกี่ ราฟตัดแกน Y จะใหค้ า่ x = 0 5. ครอู ธบิ ายพร้อมยกตวั อยา่ ง (ใช้เวลา 30 นาท)ี ครกู ลา่ วถงึ ฟังก์ชนั กาลังสอง (quadratie function) คอื ฟังกช์ ันทอี่ ยใู่ นรปู f(x) = ax2 + bx + c เม่ือ a, b และ c เปน็ จานวนจริงใด ๆ และ a ≠ 0 ลักษณะของกราฟของฟงั กช์ ันกาลังสองขึ้นอย่กู บั a, b และ c โดยเมอ่ื a เปน็ จานวนจริงบวกหรือจานวนจรงิ ลบ จะทาใหไ้ ดก้ ราฟเป็นเสน้ โคง้ หงายขึน้ หรอื คว่าลง ตามลาดับ ดังรปู ท่ี 1 และ 2 ในหนังสอื เรยี นหนา้ ที่ 72 โดยครไู ดว้ าดภาพบนกระดาน และใหน้ ักเรยี นศึกษาในหนังสอื เรียนหนา้ ท่ี 72 ครูยกตัวอย่างท่ี 17 ในหนังสือเรียนหน้าท่ี 73 บนกระดานแสดงวิธีทาอย่างละเอยี ด พร้อมท้ังมีการถาม - ตอบคาถามกับนกั เรียน 6. ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ทาแบบฝึกหัด 2.3 เร่อื ง ฟงั กช์ ันกาลังสอง ขอ้ 2 ใหญ่ ข้อคู่ หนา้ 77 ในหนังสือเรยี น ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 กาหนดเวลา ให้ 30 นาทแี ลว้ แลกกบั เพอื่ นในกลุ่มตรวจคาตอบ (ใช้เวลา 40 นาที) 7. ครูถามนักเรยี นเกี่ยวกับความรทู้ ไี่ ด้รบั ในวนั นี้ พร้อมทัง้ ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมให้สมบรู ณ์ (ใชเ้ วลา 15 นาที) ฟงั กช์ ันกาลังสอง (quadratic function) คือ ฟงั กช์ นั ทอี่ ยู่ในรูป f (x)  ax2  bx  c เมือ่ a,b และ c เปน็ จานวนจริง ๆ และ a  0 ลกั ษณะของกราฟของฟังกช์ นั กาลงั สองขึ้นอยกู่ บั a,b และ c โดยที่ a เป็นจานวน จรงิ บวกหรอื จานวนจริงลบ จะทาใหไ้ ดก้ ราฟเป็นเส้นโคง้ หงายขึน้ หรอื คว่าลง ตามลาดบั ดงั รปู ท่ี 1 และ 2 f (x)  ax2  bx  c เมื่อ a  0 f (x)  ax2  bx  c เมือ่ a  0 รปู ที่ 1 รปู ท่ี 2 จากรปู ที่ 1 และ 2 จะเหน็ ว่า ถ้า a  0 กราฟเป็นเส้นโค้งหงายข้นึ ถา้ a  0 กราฟเป็นเส้นโคง้ คว่าลง กราฟของฟงั ก์ชนั กาลังสองมชี อ่ื เรียกวา่ พาราโบลา (Parabola) จดุ ยอด (Vertex) ของพาราโบลา คอื จุดสูงสดุ หรือต่าสดุ ของพาราโบลา

ในกรณที ฟ่ี งั กช์ นั กาลังสองเขยี นอยูใ่ นรูป f (x)  ax2  bx  c เม่ือ a  0 การหาจดุ สงู สดุ หรือจดุ ตา่ สุด ของกราฟทาไดโ้ ดยจดั รูปสมการใหอ้ ยูใ่ นรปู ของ f (x)  ax  h2  k โดยอาศัยการจดั บางส่วนของสมการให้อยู่ ในรปู กาลงั สองสมบูรณ์ เพ่ือให้หาจุดยอกของกราฟหรือจดุ (h,k) ไดง้ ่ายข้นึ 8. ให้นักเรียนแต่ละคนทาแบบฝึกหัด 2.3 เรื่อง ฟังก์ชันกาลังสอง ข้อ 2 ใหญ่ ข้อคี่ หน้า 77 ในหนังสือเรียน ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เปน็ รายบุคคล ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 2. โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธีการวัด เครอ่ื งมือ การวดั ผล ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายขั้นตอนการแก้สมการและ - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด อสมการโดยใชก้ ราฟได้ 2. เขยี นแสดงการแก้สมการและอสมการ - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั ของฟังกช์ ันกาลงั สองโดยใช้กราฟท่ี - ตรวจคาตอบของแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั กาหนดให้ได้ 3. มีความรอบคอบในการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต 4. มคี วามรับผดิ ชอบต่องานที่ได้รบั พฤตกิ รรม มอบหมาย - ตรวจคาตอบของแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั 5. มคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานท่ไี ด้รบั - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต มอบหมาย พฤติกรรม 6. มีความสามารถในการแก้ปญั หา - แบบสังเกต พฤติกรรม 7. สามารถเชอ่ื มโยงความรู้ทาง - สงั เกตพฤติกรรม คณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่ืน และนาใช้ใน ชวี ติ จรงิ ได้

เกณฑ์การประเมินผล (รบู ริกส)์ ประเด็นการ (4) ระดบั คณุ ภาพ (1) ประเมนิ ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ ดี กาลงั พฒั นา แบบฝกึ หัด ทาได้อย่าง ทาไดอ้ ย่างถูกต้อง ทาได้อย่างถูกตอ้ ง ทาได้อย่างถกู ต้อง ถกู ตอ้ งร้อยละ รอ้ ยละ 70-79 รอ้ ยละ 40-69 ต่ากว่ารอ้ ยละ 40 80 ขึ้นไป มีความรับผิดชอบ ทางานเสร็จและ ทางานเสร็จและส่ง ทางานเสร็จแต่ส่งชา้ ทางานไมเ่ สร็จ ต่องานทไ่ี ดร้ ับ ส่งตรงเวลา ตรงเวลา ทาไมถ่ ูกต้อง ส่งไมต่ รงเวลา มอบหมายให้ได้ ทาถูกต้อง ทาถกู ต้อง และไม่มคี วาม ทาไมถ่ กู ต้อง และ ละเอียด ละเอยี ด ละเอียดในการ ไมม่ คี วามละเอียด ทางาน ในการทางาน มีความรอบคอบ มกี ารวางแผน มีการวางแผน มกี ารวางแผน ไมม่ ีการวางแผน ในการทางาน การดาเนินการ การดาเนนิ การ การดาเนินการอยา่ ง การดาเนนิ การอย่าง อยา่ งครบทุก อย่างถกู ตอ้ ง ไมค่ รบทกุ ขัน้ ตอน ไมม่ ีขน้ั ตอน มคี วาม ขั้นตอน และ แตไ่ มค่ รบถว้ น ผิดพลาดต้องแกไ้ ข ถูกต้อง เกณฑก์ ารตดั สิน - รายบุคคล นักเรียนมีผลการเรยี นร้ไู ม่ต่ากว่าระดบั 2 จึงถอื ว่าผ่าน - รายกลมุ่ ร้อยละ....75....ของจานวนนกั เรียนทั้งหมดมีผลการเรยี นรู้ไมต่ ่ากวา่ ระดับ 2 ข้อเสนอแนะ ใช้สอนได้ ควรปรับปรุง ลงชอื่ ( นางสาวปวรศิ า ก๋าวงค์วนิ ) หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ วันท่.ี .......เดือน..............พ.ศ............

การบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ครผู สู้ อนใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในขัน้ เตรยี มการสอน/จัดการเรยี นรู้ ดังนี้ หลักพอเพยี ง ความพอประมาณ เหตุผล มภี ูมคิ มุ้ กันในตวั ทดี่ ี ประเดน็ เวลา เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรม เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมการ ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน 15 การเรยี นรู้ท้ังหมดในแผนการ เรียนรู้ ดังน้ี ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน ใช้ นาที นกั เรียนจะได้ นี้ 2 ช่ัวโมง ความเหมาะสม เวลา 15 นาที ช้ีแจ้งจดุ ประสงค์ ทบทวนความรพู้ ้ืนฐาน คือ ลายละเอียดในการเรยี น 5 นาที และเปน็ การเตรียม ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 15 นาที ทบทวนความรเู้ ดิมเพือ่ เชอื่ มโยงกับ ความรูใ้ นการเรยี น ขั้นสอน 70 นาที เรียนทีจ่ ะเรยี น 10 นาที ข้นั สอน ขน้ั สอน 70 นาที ข้นั สรุป 15 นาที 70 นาที เร่มิ ดว้ ยการสนทนากับ นักเรียนสามารถ นกั เรียนเกย่ี วกับเรอื่ งท่ีจะเรยี นและ วเิ คราะห์ แก้ปญั หาอืน่ เรือ่ งทตี่ ้องนามาเชอื่ มโยงในการหา ๆ ได้ ขนั้ สรปุ 15 นาที คาตอบ 10 นาที อธิบายตวั อย่างให้ นักเรยี นจะได้รับความรู้ นักเรยี นอย่างละเอยี ดชัดเจน 20 ท่ีคงทนและถูกหลกั ของ นาที แล้วใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัด คณิตศาสตร์ โดยมีครคู วบคุมดแู ลให้คาปรกึ ษา 40 นาที ขัน้ สรุป 15 นาทใี ห้นักเรยี นร่วมกัน สรุปโดยมคี รูเสริมความร้ทู ่ขี าดหา และใหช้ ัดเจนมาขน้ึ เน้อื หา 1.มีความเหมาะสมกับ เพราะหลักสตู รแกนกลางการศึกษา การเรยี นเรอ่ื งฟงั กช์ นั ให้ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ขั้นพืน้ ฐานกาหนดไวใ้ นสาระท่ี 1 ถกู ต้องตามหลกั ทาให้ 2.มคี วามเหมาะสมกบั ความรู้ จานวนและพีชคณติ นกั เรยี นสามารถ พื้นฐานของนกั เรยี น ตวั ชีว้ ดั ค 1.2 ม.5/1 นาไปใช้ในการดาเนิน 3.มีความเหมาะสมกับเวลา ชีวิตประจาวนั สื่อ/อุปกรณ์ มีความเหมาะสมกบั ชว่ งวัย การให้นกั เรยี นไดเ้ รียนร้จู าก - นักเรยี นสามารถ - กจิ กรรม ความต้องการความสามารถ ตวั อยา่ งทาใหน้ กั เรียนได้เหน็ ภาพ วิเคราะห์โจทย์ปญั หา - แบบฝกึ หดั และเรอื่ งทีเ่ รยี นของนักเรียน ชดั เจน เข้าใจมากขึน้ ได้ทาด้วย จากการเรียนและปญั หา ในระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ตนเอง อ่นื ได้ ความร้ทู คี่ รู ครมู ีความรู้เก่ียวกับหลกั สตู ร เนอื้ หาสาระและกจิ กรรมการเรยี นการสอน จาเป็นต้องมี ครูมคี วามรใู้ นการวิเคราะห์นักเรียน และร้ศู ักยภาพของนกั เรียน ครมู คี วามรใู้ นเร่อื งฟังกช์ ัน ครมู คี วามรู้ในเรื่องการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

หลกั พอเพยี ง ความพอประมาณ เหตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กันในตัวท่ีดี ประเด็น ครมู คี วามร้ใู นเร่อื งการวดั และประเมินผล คุณธรรมของครู มคี วามขยัน รับผิดชอบในการสอน มีความเสยี สละ ไมป่ ดิ บังความรู้ มคี วามเมตตาและปรารถนาดีต่อศิษย์ มีความต้ังใจในการผลิตส่อื การเรียนรู้ให้น่าสนใจ มีความเพียงพยายามท่จี ะมงุ่ มั่นให้นกั เรียนมีความรู้ มีความอดทนในสอน แนะนา ตรวจแก้ไขผลงานของนักเรยี น - นกั เรยี นจะได้เรียนรทู้ จ่ี ะอยอู่ ย่างพอเพียงจากกจิ กรรมการเรียนรู้ ดังต่อไปน้ี ผเู้ รียนไดเ้ รียนร้หู ลักคิด และฝกึ ปฏบิ ัติตาม 3 หว่ ง 2 เงอื่ นไข ดังน้ี ความพอประมาณ มเี หตุผล มีภูมคิ ุ้มกนั ในตัวทีด่ ี 1.นักเรียนรจู้ ักบริหารเวลาในการศกึ ษา 1.นกั เรยี นมเี หตุผลในการ 1.นกั เรยี นนาความรูเ้ รือ่ งฟังก์ชันไป ความรู้ ทากจิ กรรมจากใบงาน หาคาตอบของฟงั กช์ ันได้ ช่วยในการโจทยป์ ญั หาอืน่ ได้ แบบฝึกหัด การทากิจกรรมกลมุ่ 2. นักเรียนวิเคราะห์และ 2. นักเรียนนาความรู้ทีไ่ ดร้ บั จาก 2.นักเรียนทากิจกรรมได้เต็มศักยภาพ หาคาตอบได้อยา่ งสมเหตุ การเรียนเรอ่ื งฟงั กช์ นั พ้นื ฐาน ของตนเอง สมผล เพ่อื ประกอบการตัดสนิ ใจในการทา 3.นักเรียนใช้วัสดุ อุปกรณ์ ในการทา กิจกรรม ได้โดยไม่เกดิ ปัจจยั เสย่ี ง กิจกรรมอย่างประหยัด ความรทู้ ่ตี อ้ งมกี อ่ นเรียน 1.ต้องมสี มาธิ มีความต้งั ใจ ในการเรยี น 2.ตอ้ งมีความรอบคอบในการทางาน 3.ต้องมีมารยาทในการทางาน ไม่ส่งเสียงดงั ไมเ่ ล่นหรือไมล่ กุ จากท่ี นงั่ โดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต 4. ตอ้ งมีความรบั ผดิ ชอบในงานท่ีได้รบั มอบหมาย ส่งตรงตอ่ เวลา คณุ ธรรม 1.นกั เรียนมคี วามซือ่ สตั ย์ สจุ ริตและตรงต่อเวลา 2. นกั เรียนมวี นิ ัยในตนเอง

- ผลลพั ธท์ ่คี าดวา่ จะเกิดข้นึ กบั นกั เรียน (อยู่อย่างพอเพียง – สมดุลและพร้อมรับการเปลีย่ นแปลงดา้ นต่าง ๆ) ด้านความรู้ (K) ดา้ นทักษะ ดา้ น กระบวนการ คุณลักษณะ (P) (A) 1. อธบิ ายขัน้ ตอนการแกส้ มการและอสมการโดยใชก้ ราฟได้ 1. สามารถเช่ือมโยง 1. มคี วาม 2. เขยี นแสดงการแก้สมการและอสมการของฟงั กช์ ันกาลงั สองโดยใช้ ความรูท้ าง รบั ผดิ ชอบตอ่ งาน กราฟทกี่ าหนดให้ได้ คณิตศาสตร์กับ ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ศาสตร์อืน่ และนา ใช้ในชวี ติ จริงได้ 2. ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ใน การแก้ปัญหาได้ อย่างเหมาะสม บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ ช้นั ม. 5/1 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของเวลาทใ่ี ช้ในการทากิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของสอื่ การเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ อน่ื ๆ สรปุ ผลการประเมินผเู้ รยี น นกั เรยี นจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรูฯ้ อยู่ในระดับ 1 นักเรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มีผลการเรียนร้ฯู อย่ใู นระดับ 3 นักเรียนจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 4 สรุปโดยภาพรวมมนี กั เรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ท่ผี ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ขึ้นไป ซงึ่ สงู (ตา่ ) กว่าเกณฑ์ท่กี าหนดไว้ร้อยละ มนี ักเรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ

ท่ีไม่ผ่านเกณฑท์ ก่ี าหนด ชน้ั ม. 5/2 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเวลาทใ่ี ชใ้ นการทากจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของสือ่ การเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ อนื่ ๆ สรปุ ผลการประเมนิ ผู้เรียน นักเรยี นจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยูใ่ นระดับ 1 นกั เรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 3 นกั เรียนจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 4 สรปุ โดยภาพรวมมนี ักเรยี นจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ทผ่ี า่ นเกณฑ์ระดบั 2 ขึน้ ไป ซ่ึงสงู (ตา่ ) กว่าเกณฑ์ทกี่ าหนดไว้รอ้ ยละ มนี ักเรยี นจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ที่ไมผ่ า่ นเกณฑท์ ีก่ าหนด ชัน้ ม. 5/3 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเวลาทใ่ี ชใ้ นการทากจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง ความเหมาะสมของสื่อการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ อ่นื ๆ สรุปผลการประเมินผ้เู รียน

นักเรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 1 นกั เรยี นจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นักเรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 3 นกั เรียนจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 4 สรุปโดยภาพรวมมนี ักเรียนจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ทผี่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขึน้ ไป ซงึ่ สงู (ต่า) กวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนดไว้รอ้ ยละ มีนักเรียนจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ที่ไมผ่ ่านเกณฑ์ท่กี าหนด ชัน้ ม. 5/4 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเวลาทใี่ ชใ้ นการทากจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของส่อื การเรียนรู้  ดี  พอใช้  ปรับปรุง ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมนิ  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ อ่นื ๆ สรปุ ผลการประเมนิ ผ้เู รียน นกั เรยี นจานวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นกั เรียนจานวน คน คิดเป็นร้อยละ มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 2 นักเรยี นจานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 นกั เรยี นจานวน คน คิดเปน็ ร้อยละ มีผลการเรียนร้ฯู อยู่ในระดบั 4 สรปุ โดยภาพรวมมีนกั เรียนจานวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ ทผี่ ่านเกณฑร์ ะดบั 2 ข้นึ ไป ซึง่ สูง (ตา่ ) กว่าเกณฑ์ทกี่ าหนดไว้รอ้ ยละ มนี กั เรียนจานวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ท่ไี ม่ผา่ นเกณฑท์ ี่กาหนด ชน้ั ม. 5/5 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเวลาที่ใช้ในการทากจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ความเหมาะสมของสอื่ การเรยี นรู้  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ความเหมาะสมของเกณฑ์การประเมิน